ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า จงรบั เครอื่ งสกั การะ อันเปน็ บรรณาการ ของคนยากท้ังหลายเหลา่ นี้ อมั หากัง ทีฆะรตั ตงั หติ ายะ สขุ ายะ เพ่ือประโยชนแ์ ละความสขุ แก่ขา้ พเจ้าทั้งหลาย, ตลอดกาลนานเทอญ อะระหงั สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พระผมู้ พี ระภาคเจ้า, เปน็ พระอรหันต,์ ดบั เพลงิ กิเลสเพลิงทุกข์ ส้นิ เชิง, ตรสั รู้ชอบได้โดยพระองค์เอง พุทธงั ภะคะวันตงั อะภวิ าเทมิ ข้าพเจา้ อภิวาทพระผู้มพี ระภาคเจ้า, ผรู้ ู้ ผู้ตืน่ ผูเ้ บกิ บาน (กราบ) สว๎ ากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม พระธรรมเป็นธรรมทพ่ี ระผู้มพี ระภาคเจา้ , ตรัสไวด้ ีแล้ว ธัมมัง นะมัสสามิ ขา้ พเจ้านมสั การพระธรรม (กราบ) สปุ ะฏิปนั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ พระสงฆส์ าวกของพระผู้มพี ระภาคเจา้ , ปฏิบัติดแี ล้ว สังฆัง นะมามิ ข้าพเจา้ นอบน้อมพระสงฆ์ (กราบ)
ปุพพะภาคะนะมะการะ (หนั ทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปพุ พะภาคะนะมะการงั กะโรมะ เส) นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต ขอนอบน้อมแดพ่ ระผู้มีพระภาคเจา้ , พระองคน์ ัน้ อะระหะโต ซ่งึ เปน็ ผูไ้ กลจากกเิ ลส สัมมาสัมพทุ ธสั สะ ตรสั รชู้ อบไดโ้ ดยพระองค์เอง (๓ ครง้ั ) 301
ค�ำ ทำ�วตั ร
พุทธาภถิ ตุ ิ (หนั ทะ มะยงั พุทธาภถิ ตุ งิ กะโรมะ เส) โย โส ตะถาคะโต พระตถาคตเจ้านน้ั , พระองคใ์ ด อะระหงั เปน็ ผู้ไกลจากกเิ ลส สัมมาสัมพุทโธ เปน็ ผตู้ รัสรชู้ อบไดโ้ ดยพระองคเ์ อง วิชชาจะระณะสัมปันโน เปน็ ผู้ถงึ พร้อมดว้ ยวิชชาและจรณะ สุคะโต เปน็ ผเู้ สดจ็ ไปแล้วด้วยดี โลกะวทิ ู เปน็ ผรู้ ้โู ลกอยา่ งแจ่มแจง้ อะนตุ ตะโร ปรุ ิสะทมั มะสาระถ ิ เป็นผู้สามารถฝกึ บุรุษทีส่ มควรฝึกได้ อย่างไมม่ ใี ครย่งิ กวา่ สตั ถา เทวะมะนุสสานัง เปน็ ครูผ้สู อนของเทวดาและมนษุ ย์ทัง้ หลาย พทุ โธ 305
เปน็ ผู้รู้ ผู้ต่ืน ผูเ้ บกิ บานดว้ ยธรรม ภะคะวา เป็นผมู้ คี วามจ�ำ เรญิ จำ�แนกธรรมส่งั สอนสัตว์ โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพ๎รัห๎มะกงั , สสั สะ มะณะพ๎ราห๎มะณงิ ปะชัง สะเทวะมะนสุ สงั สะยัง อะภิญญา สัจฉกิ ตั ว๎ า ปะเวเทสิ พระผูม้ พี ระภาคเจ้าพระองคใ์ ด, ได้ทรงทำ�ความดับทกุ ขใ์ ห้แจ้ง ดว้ ยพระปญั ญาอนั ยงิ่ เองแล้ว, ทรงสอนโลกนีพ้ รอ้ มท้งั เทวดา มาร พรหมและหมสู่ ตั ว์ พรอ้ มทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทงั้ เทวดาและมนษุ ย์ให้รตู้ าม โย ธมั มัง เทเสสิ พระผู้มีพระภาคเจา้ พระองค์ใด, ทรงแสดงธรรมแล้ว อาทกิ ลั ๎ยาณัง ไพเราะในเบื้องต้น มัชเฌกัลย๎ าณัง ไพเราะในทา่ มกลาง ปะรโิ ยสานะกลั ย๎ าณงั ไพเราะในทีส่ ดุ สาตถัง สะพย๎ ัญชะนัง เกวะละปะรปิ ณุ ณงั ปะริสุทธัง พร๎ หั ม๎ ะ จะริยัง ปะกาเสสิ ทรงประกาศพรหมจรรย์, คือแบบแหง่ การปฏบิ ัติอันประเสรฐิ บริสุทธ์ิ บริบรู ณ์สน้ิ เชิง, พร้อมทงั้ อรรถะ พร้อมท้ังพยญั ชนะ ตะมะหงั ภะคะวันตงั อะภิปชู ะยามิ
ข้าพเจา้ บชู าอย่างยิ่ง เฉพาะพระผมู้ ีพระภาคเจ้าพระองคน์ ัน้ ตะมะหงั ภะคะวนั ตงั สริ ะสา นะมามิ ขา้ พเจ้านอบน้อมพระผมู้ ีพระภาคเจา้ พระองค์น้นั , ด้วยเศียรเกลา้ (กราบ) ธมั มาภถิ ตุ ิ (หนั ทะ มะยงั ธัมมาภิถุตงิ กะโรมะ เส) โย โส สว๎ ากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม พระธรรมนนั้ ใด, เปน็ ธรรมที่พระผู้มพี ระภาคเจ้าตรสั ไว้ดีแล้ว สนั ทฏิ ฐโิ ก เป็นธรรมที่ผูศ้ กึ ษาและปฏิบตั พิ ึงเหน็ ไดด้ ว้ ยตนเอง อะกาลิโก เป็นธรรมทีป่ ฏบิ ัตไิ ดแ้ ละให้ผลได้ไมจ่ �ำ กัดกาล เอหิปัสสโิ ก เป็นธรรมท่ีควรกลา่ วกะผอู้ ื่นว่า ท่านจงมาดูเถดิ โอปะนะยิโก เป็นธรรมทค่ี วรนอ้ มเขา้ มาใสต่ วั ปัจจตั ตงั เวทิตัพโพ วญิ ญูหิ 307
เป็นธรรมทผี่ รู้ ้กู ร็ ู้ได้เฉพาะตน ตะมะหงั ธมั มงั อะภิปชู ะยามิ ข้าพเจ้าบชู าอย่างยิ่งเฉพาะพระธรรมนนั้ ตะมะหงั ธมั มัง สริ ะสา นะมามิ ขา้ พเจา้ นอบน้อมพระธรรมนัน้ ด้วยเศียรเกล้า (กราบ) สงั ฆาภถิ ุติ (หนั ทะ มะยัง สงั ฆาภิถตุ ิง กะโรมะ เส) โย โส สุปะฏปิ ันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆส์ าวกของพระผู้มพี ระภาคเจา้ นน้ั หมใู่ ด, ปฏิบัตดิ ีแล้ว อุชุปะฏิปนั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ พระสงฆส์ าวกของพระผู้มีพระภาคเจา้ หมใู่ ด, ปฏบิ ตั ติ รงแล้ว ญายะปะฏปิ ันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆ์สาวกของพระผมู้ ีพระภาคเจา้ หมู่ใด, ปฏิบัตเิ พอ่ื รู้ธรรมเปน็ เครอื่ งออกจากทกุ ข์แล้ว สามีจปิ ะฏปิ ันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆส์ าวกของพระผูม้ พี ระภาคเจ้าหมูใ่ ด,
ปฏบิ ัติสมควรแล้ว ยะทิทงั ได้แกบ่ ุคคลเหล่านีค้ ือ จัตตาริ ปุรสิ ะยุคานิ อัฏฐะ ปรุ ิสะปุคคะลา คู่แหง่ บรุ ุษ ๔ คู,่ นบั เรยี งตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ น่นั แหละสงฆส์ าวกของพระผ้มู พี ระภาคเจา้ อาหเุ นยโย เปน็ สงฆ์ควรแก่สกั การะทเ่ี ขานำ�มาบชู า ปาหุเนยโย เป็นสงฆค์ วรแก่สกั การะที่เขาจดั ไว้ต้อนรับ ทกั ขิเณยโย เปน็ ผู้ควรรบั ทักษิณาทาน อญั ชะลิกะระณีโย เป็นผู้ทบี่ คุ คลทั่วไปควรท�ำ อัญชลี อะนตุ ตะรัง ปญุ ญกั เขตตงั โลกัสสะ เปน็ เน้ือนาบุญของโลก, ไมม่ ีนาบุญอ่ืนย่งิ กวา่ ตะมะหงั สังฆัง อะภปิ ูชะยามิ ขา้ พเจ้าบูชาอย่างยิง่ เฉพาะพระสงฆ์หมู่น้นั ตะมะหงั สงั ฆัง สิระสา นะมามิ ขา้ พเจ้านอบน้อมพระสงฆห์ มูน่ ้ัน, ดว้ ยเศยี รเกลา้ (กราบ) 309
ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา (หนั ทะ มะยงั ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะ สงั เวคะปะรกิ ติ ตะนะ ปาฐัญจะ ภะณามะ เส) พทุ โธ สสุ ุทโธ กะรณุ ามะหณั ณะโว พระพุทธเจา้ ผูบ้ รสิ ุทธ์ิมพี ระกรณุ าดุจห้วงมหรรณพ โยจจนั ตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน พระองค์ใดมตี าคอื ญาณอนั ประเสริฐหมดจดถงึ ที่สุด โลกัสสะ ปาปปู ะกิเลสะฆาตะโก เปน็ ผู้ฆา่ เสยี ซ่งึ บาปและอุปกิเลสของโลก วันทามิ พทุ ธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ขา้ พเจา้ ไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นน้ั โดยใจเคารพเออ้ื เฟอื้ ธัมโม ปะทโี ป วยิ ะ ตสั สะ สัตถโุ น พระธรรมของพระศาสดาสว่างรงุ่ เรอื งดุจดวงประทปี โย มัคคะ ปากามะตะ เภทะภนิ นะโก จำ�แนกประเภท คือ มรรค ผล นพิ พาน, ส่วนใด โลกตุ ตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน ซ่งึ เป็นตัวโลกุตตระ, และสว่ นใดทชี่ ี้แนวแห่งโลกตุ ตระน้นั วันทามิ ธัมมงั อะหะมาทะเรนะ ตงั ขา้ พเจา้ ไหว้พระธรรมนนั้ , โดยใจเคารพเอือ้ เฟ้ือ
สังโฆ สเุ ขตตาภ๎ยะติเขตตะสัญญิโต พระสงฆเ์ ป็นนาบุญอันยงิ่ ใหญก่ ว่านาบุญอันดีทัง้ หลาย โย ทฏิ ฐะสันโต สคุ ะตานโุ พธะโก เปน็ ผูเ้ ห็นพระนพิ พาน, ตรัสรู้ตาม พระสคุ ต หม่ใู ด โลลปั ปะหีโน อะรโิ ย สเุ มธะโส เปน็ ผูล้ ะกิเลสเครื่องโลเล เป็นพระอรยิ เจา้ มีปัญญาดี วันทามิ สงั ฆัง อะหะมาทะเรนะ ตงั ข้าพเจา้ ไหวพ้ ระสงฆห์ มู่นนั้ โดยใจเคารพเอ้อื เฟอื้ อิจเจวะเมกันตะภิปชู ะเนยยะกงั , วัตถตุ ตะยัง วนั ทะยะตาภิ สังขะตงั , ปุญญัง มะยา ยงั มะมะ สัพพุปทั ทะวา, มา โหนตุ เว ตสั สะ ปะภาวะสทิ ธยิ า บุญใดท่ีขา้ พเจ้าผูไ้ หวอ้ ยู่ซึ่งวัตถุสาม, คือพระรัตนตรัยอันควร บชู ายิ่งโดยสว่ นเดียว, ได้กระท�ำ แล้วเปน็ อย่างยงิ่ เช่นนน้ี ี้, ขอ อปุ ัทวะทงั้ หลาย, จงอย่ามีแก่ขา้ พเจา้ เลย, ด้วยอำ�นาจความ ส�ำ เร็จอนั เกิดจากบญุ น้นั สังเวคะปะริกติ ตะนะปาฐะ อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปนั โน พระตถาคตเจา้ เกิดขนึ้ แล้วในโลกนี้ 311
อะระหงั สัมมาสัมพทุ โธ เปน็ ผไู้ กลจากกิเลส, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองคเ์ อง ธมั โม จะ เทสิโต นยิ ยานโิ ก และพระธรรมทที่ รงแสดง เปน็ ธรรมเครอื่ งออกจากทุกข์ อุปะสะมโิ ก ปะรนิ พิ พานโิ ก เปน็ เคร่ืองสงบกเิ ลส, เป็นไปเพื่อปรินิพพาน สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทโิ ต เป็นไปเพอื่ ความรู้พรอ้ ม, เปน็ ธรรมท่พี ระสคุ ตประกาศ มะยนั ตงั ธมั มัง สตุ ๎วา เอวัง ชานามะ พวกเราเมือ่ ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว, จึงได้รู้อยา่ งน้วี ่า ชาติปิ ทุกขา แม้ความเกดิ กเ็ ป็นทุกข์ ชะราปิ ทกุ ขา แมค้ วามแกก่ ็เปน็ ทุกข์ มะระณมั ปิ ทุกขงั แมค้ วามตายก็เปน็ ทกุ ข์ โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทกุ ขา แม้ความโศก ความร�่ำ ไรรำ�พนั ความไม่สบายกาย ความไม่ สบายใจ ความคบั แคน้ ใจ ก็เปน็ ทุกข์ อปั ปิเยหิ สมั ปะโยโค ทกุ โข ความประสบกับสงิ่ ไมเ่ ปน็ ทรี่ กั ท่ีพอใจ กเ็ ปน็ ทกุ ข์ ปิเยหิ วิปปะโยโค ทกุ โข ความพลดั พรากจากสิง่ เปน็ ทรี่ ัก ท่ีพอใจ กเ็ ปน็ ทกุ ข์
ยมั ปิจฉงั นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง มีความปรารถนาสิง่ ใด ไมไ่ ดส้ ิง่ นนั้ , น่นั ก็เป็นทุกข์ สังขิตเตนะ ปญั จุปาทานักขันธา ทุกขา ว่าโดยยอ่ อปุ าทานขันธท์ ง้ั ๕ เป็นตวั ทกุ ข์ เสยยะถที งั ไดแ้ ก่สง่ิ เหล่านี้ คอื รปู ปู าทานกั ขันโธ ขันธ์ อนั เปน็ ทต่ี ้งั แหง่ ความยดึ มนั่ คอื รูป เวทะนูปาทานกั ขนั โธ ขันธ์ อนั เป็นที่ตัง้ แห่งความยดึ มัน่ คือ เวทนา สัญญปู าทานกั ขนั โธ ขันธ์ อันเปน็ ท่ตี ง้ั แหง่ ความยดึ มน่ั คือ สัญญา สังขารูปาทานกั ขนั โธ ขันธ์ อันเปน็ ท่ตี ง้ั แหง่ ความยึดมัน่ คอื สังขาร วญิ ญาณูปาทานกั ขันโธ ขันธ์ อันเป็นทต่ี ้งั แหง่ ความยึดมน่ั คือ วิญญาณ เยสัง ปะรญิ ญายะ เพ่อื ใหส้ าวกก�ำ หนดรอบรู้ อปุ าทานขันธ์เหล่าน้ีเอง ธะระมาโน โส ภะคะวา พระผูม้ ีพระภาคเจา้ นน้ั , เมือ่ ยังทรงพระชนมอ์ ยู่ เอวัง พะหลุ ัง สาวะเก วเิ นติ ยอ่ มทรงแนะนำ�สาวกทง้ั หลาย เช่นนเี้ ป็นสว่ นมาก เอวัง ภาคา จะ ปะนสั สะ ภะคะวะโต, สาวะเกสุ 313
อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวตั ตะติ อนึ่ง ค�ำ ส่ังสอนของพระผูม้ ีพระภาคเจ้านัน้ , ย่อมเปน็ ไปใน สาวกทงั้ หลาย สว่ นมาก, มสี ว่ นคือการจำ�แนกอย่างนีว้ า่ รูปงั อะนจิ จงั รูปไม่เที่ยง เวทะนา อะนจิ จา เวทนาไม่เที่ยง สัญญา อะนิจจา สญั ญาไมเ่ ที่ยง สงั ขารา อะนจิ จา สงั ขารไมเ่ ท่ียง วญิ ญาณัง อะนิจจัง วิญญาณไมเ่ ท่ียง รปู ัง อะนัตตา รูปไม่ใช่ตัวตน เวทะนา อะนัตตา เวทนาไมใ่ ช่ตวั ตน สญั ญา อะนัตตา สัญญาไม่ใชต่ วั ตน สังขารา อะนัตตา สงั ขารไม่ใช่ตัวตน วญิ ญาณัง อะนัตตา วิญญาณไม่ใชต่ ัวตน
สพั เพ สังขารา อะนิจจา สงั ขารท้งั หลายท้ังปวงไม่เทีย่ ง สพั เพ ธมั มา อะนัตตาติ ธรรมท้งั หลายทัง้ ปวงไม่ใช่ตวั ตน ดงั น้ี เต ตา ((หชญายิง)) มะยงั โอติณณาม๎หะ พวกเราท้ังหลายเป็นผูถ้ กู ครอบง�ำ แล้ว ชาตยิ า โดยความเกดิ ชะรามะระเณนะ โดยความแก่และความตาย โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทกุ เขหิ, โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ โดยความโศก ความรำ่�ไรร�ำ พนั , ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ, ความคบั แค้นใจทงั้ หลาย ทุกโขติณณา เป็นผูถ้ กู ความทกุ ข์หยง่ั เอาแลว้ ทกุ ขะปะเรตา เปน็ ผมู้ คี วามทุกขเ์ ปน็ เบ้ืองหน้าแล้ว อัปเปวะนามมิ ัสสะ เกวะลัสสะ ทกุ ขักขันธสั สะ อนั ตะกริ ิยา ปัญญาเยถาติ ทำ�ไฉนการท�ำ ทส่ี ุดแหง่ กองทกุ ข์ทง้ั สนิ้ น้ี จะพึงปรากฏชดั แกเ่ ราได้ 315
สำ�หรบั พระภกิ ษุ – สามเณร จิระปะรินิพพุตมั ปิ ตัง ภะคะวนั ตงั อทุ ทิสสะ อะระหนั ตัง สมั มาสมั พทุ ธงั เราท้งั หลายอุทิศเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผไู้ กลจากกเิ ลส, ตรสั รชู้ อบไดโ้ ดยพระองค์เอง, แม้ปรินพิ พานนานแล้ว พระองคน์ น้ั สัทธา อะคารัสม๎ า อะนะคาริยัง ปัพพะชติ า เปน็ ผมู้ ีศรทั ธาออกบวชจากเรือน, ไม่เก่ยี วข้องดว้ ยเรือนแลว้ ตัสม๎ งิ ภะคะวะติ พ๎รัหม๎ ะจะรยิ งั จะรามะ ประพฤตอิ ยู่ซึง่ พรหมจรรย,์ ในพระผมู้ พี ระภาคเจ้าพระองค์นน้ั สภ าิกมขะูน เณัง ราน งั ((สพ ารมะเภณิกรษ))ุ สกิ ขาสาชีวะสะมาปันนา ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรมเป็นเครื่องเล้ียงชีวิตของภิกษุ สามเณร ทัง้ หลาย ตงั โน พร๎ หั ๎มะจะรยิ งั อิมัสสะ เกวะลสั สะ ทุกขกั ขันธัสสะ อนั ตะกิริยายะ สงั วัตตะตูติ ขอใหพ้ รหมจรรยข์ องเราท้งั หลายน้นั , จงเปน็ ไปเพอื่ การท�ำ ทส่ี ุดแหง่ กองทกุ ขท์ ง้ั สน้ิ นี้ เทอญ สำ�หรับอบุ าสก – อุบาสิกาสวด คคะะโตตา ((ชหาญย)งิ ) จิระปะรนิ พิ พุตมั ปิ ตงั ภะคะวนั ตงั สะระณงั เราทง้ั หลายผถู้ ึงแลว้ ซ่งึ พระผู้มีพระภาคเจ้า, แม้ปรนิ ิพพาน นานแล้วพระองคน์ ้ัน เป็นสรณะ
ธัมมัญจะ สังฆญั จะ ถงึ พระธรรมดว้ ย ถึงพระสงฆด์ ้วย ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนงั , ยะถาสะติ ยะถาพะลัง, มะนะสิ กะโรมะ อะนุปะฏปิ ัชชามะ จกั ท�ำ ในใจอยู่ ปฏบิ ตั ติ ามอยู่ ซ่ึงค�ำ สงั่ สอนของพระผมู้ พี ระ ภาคเจ้าน้ันตามสติกำ�ลงั สา สา โน ปะฏิปัตติ ขอให้การปฏบิ ตั นิ ัน้ ๆ ของเราทง้ั หลาย อิมัสสะ เกวะลสั สะ ทุกขกั ขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัต ตะตุ จงเปน็ ไปเพอื่ การทำ�ที่สดุ แหง่ กองทุกข์ท้งั ส้นิ นี้ เทอญ ปตั ตทิ านะคาถา (หนั ทะ มะยัง ปัตติทานะคาถาโย ภะณามะ เส) ยา เทวะตา สันติ วหิ าระวาสินี เทพยดาเหลา่ ใด, ท่ีมปี กติอยปู่ ระจำ�วหิ าร ถูเป ฆะเร โพธฆิ ะเร ตะหิง ตะหงิ สิงสถติ อยู่ท่ีเรอื นพระสถูป ท่ีเรอื นโพธ์ิ ณ ทนี่ ัน้ ๆ ตา ธัมมะทาเนนะ ภะวนั ตุ ปชู ติ า 317
เทพยดาเหลา่ นน้ั , เปน็ ผ้อู นั เราท้งั หลายบชู าแล้วดว้ ยธรรมทาน โสตถิง กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล จงชว่ ยกระทำ�ความสวัสดี ในบริเวณรอบวหิ ารน้ี เถรา จะ มัชฌา นะวะกา จะ ภกิ ขะโว ขอภกิ ษุท้งั หลาย ทั้งชัน้ เถระ, ชั้นมัชฌิมะ, และชั้นนวกะ สารามกิ า ทานะปะตี อุปาสะกา ขออบุ าสกอุบาสิกาทั้งหลาย, ผู้เปน็ ทานบดพี ร้อมท้งั อารามกิ ชน คามา จะ เทสา นิคะมา จะ อิสสะรา ขอชนท้ังหลายทั้งท่ีเปน็ ชาวบ้าน, ชาวเมอื ง ชาวนิคมและอิสรชน สัปปาณะภูตา สขุ ติ า ภะวนั ตุ เต ขอชนผยู้ งั มชี ีวติ ทงั้ หลายเหลา่ นน้ั , จงเป็นผ้ถู ึงซงึ่ ความสขุ เถิด ชะลาพชุ า เยปิ จะ อัณฑะสมั ภะวา อนึง่ สตั ว์ท้งั หลายเหล่าใด, ที่เกดิ ในครรภก์ ็ดี ท่เี กิดในฟองไข่กด็ ี สงั เสทะชาตา อะถะ โวปะปาติกา ท่เี กิดในเถ้าไคลก็ด,ี ที่เกดิ ผุดข้นึ ก็ดี นยิ ยานกิ ัง ธัมมะวะรัง ปะฏจิ จะ เต สตั ว์เหล่านัน้ อาศยั พระธรรมอันประเสรฐิ , อนั เป็นเครอ่ื งนำ�ออกจากทกุ ข์ สพั เพปิ ทกุ ขสั สะ กะโรนตุ สงั ขะยงั แมส้ ตั วท์ ้ังหลายทั้งปวง, จงกระทำ�ซึง่ ความสิ้นไปแห่งทุกขเ์ ถิด ฐาตุ จริ ัง สะตงั ธมั โม ธมั มัทธะรา จะ ปุคคะลา ขอธรรมของสตั บรุ ษุ ทั้งหลาย, จงด�ำ รงอยู่ตลอดกาลนาน, และขอบุคคลผู้ทรงธรรมทัง้ หลาย ก็จงดำ�รงอย่ตู ลอดกาลนาน
สงั โฆ โหตุ สะมัคโค วะ อัตถายะ จะ หติ ายะ จะ ขอพระสงฆ์จงเป็นผู้มีความสามคั คีพร้อมเพรยี งกนั เถดิ , เพอื่ ประโยชน์ และประโยชน์เก้อื กูล อมั เห รักขะตุ สทั ธมั โม สัพเพปิ ธมั มะจาริโน ขอพระสทั ธรรม จงรกั ษาคุม้ ครองเราทั้งหลาย, ผ้มู ปี กติประพฤติธรรมทุกๆ คนเถิด วฑุ ฒิง สมั ปาปุเณยยามะ ธมั เม อะรยิ ัปปะเวทเิ ต ขอเราทงั้ หลายจงถงึ ความเจริญในพระธรรม, อันพระอริยเจา้ ทรงประกาศไว้ดีแล้ว ปะสนั นา โหนตุ สัพเพปิ ปาณโิ น พทุ ธะสาสะเน ขอสตั ว์ทั้งหลายแม้ทั้งปวง, จงเป็นผู้มีความเล่อื มใสในพระพทุ ธศาสนา สมั มา ธารงั ปะเวจฉันโต กาเล เทโว ปะวสั สะตุ ขอฝนจงยังทอ่ ธารใหไ้ หลไปโดยชอบ ตกตอ้ งตามฤดกู าล วฑุ ฒิภาวายะ สตั ตานัง สะมทิ ธงั เนตุ เมทะนิง จงนำ�ไปซงึ่ พืน้ เมทนดี ลใหส้ �ำ เรจ็ ประโยชน์, เพื่อความเจริญแก่สัตวท์ ้งั หลาย มาตา ปิตา จะ อตั ร๎ ะชงั นจิ จัง รกั ขนั ติ ปุตตะกงั มารดาและบดิ ายอ่ มถนอมรกั ษาบุตรนอ้ ย ผ้เู กิดในตนเป็นนิจฉันใด เอวงั ธมั เมนะ ราชาโน, ปะชงั รกั ขนั ตุ สัพพะทา ขอพระราชาทง้ั หลาย จงทรงรักษาประชาราษฎรโ์ ดยธรรม ในกาลทกุ เมอื่ ฉนั น้ัน เทอญ 319
สพั พะปัตตทิ านะคาถา (หนั ทะ มะยงั สัพพะปตั ติทานะคาถาโย ภะณามะ เส) ปุญญัสสิทานิ กะตสั สะ ยานัญญานิ กะตานิ เม, เตสญั จะ ภาคิโน โหนตุ สัตตานันตาปปะมาณะกา สัตว์ทั้งหลายไม่มีที่สุด ไมม่ ปี ระมาณ จงมีส่วนแห่งบญุ ท่ี ข้าพเจา้ ได้ท�ำ ในบดั น้ี และแห่งบญุ อ่นื ทีไ่ ด้ทำ�ไว้ก่อนแลว้ เย ปยิ า คณุ ะวนั ตา จะ มยั หัง มาตาปิตาทะโย, ทฏิ ฐา เม จา ปะยะทฏิ ฐา วา อญั เญ มัชฌัตตะเวริโน คอื จะเปน็ สัตวเ์ หล่าใด ซง่ึ เป็นที่รกั ใคร่และมีบญุ คุณเช่น มารดาบดิ าของขา้ พเจา้ เปน็ ต้นกด็ ี ที่ขา้ พเจา้ เห็นแล้วหรอื ไมไ่ ด้ เห็นก็ดี สัตว์เหลา่ อนื่ ทเ่ี ปน็ กลางหรือเป็นคเู่ วรกันกด็ ี สัตตา ติฏฐนั ติ โลกสั ๎มิง เต ภมุ มา จะตุโยนิกา, ปญั เจกะ จะตุโวการา สังสะรันตา ภะวาภะเว สตั วท์ งั้ หลายตั้งอยูใ่ นโลกอย่ใู นภูมิทง้ั สาม อยู่ในก�ำ เนดิ ทง้ั สี่ มีขนั ธห์ า้ ขนั ธ์ มีขันธข์ ันธเ์ ดยี ว มีขนั ธส์ ข่ี ันธ์ ก�ำ ลังท่องเที่ยว อยใู่ นภพน้อยภพใหญ่ก็ดี ญาตัง เย ปัตตทิ านัมเม อะนุโมทันตุ เต สะยัง, เย จิมัง นปั ปะชานนั ติ เทวาเตสงั นเิ วทะยุง สตั ว์เหล่าใดรสู้ ่วนบุญทข่ี า้ พเจ้าแผ่ใหแ้ ล้ว สัตว์เหล่าน้นั จง
อนุโมทนาเองเถดิ ส่วนสัตวเ์ หล่าใดยงั ไม่รูส้ ว่ นบญุ นี้ ขอ เทวดาทงั้ หลายจงบอกสตั ว์เหล่าน้นั ใหร้ ู้ มะยา ทนิ นานะ ปญุ ญานัง อะนุโมทะนะเหตุนา, สพั เพ สตั ตา สะทา โหนตุ อะเวรา สขุ ะชีวิโน, เขมัปปะทญั จะ ปัปโปนตุ เตสาสา สิชฌะตัง สุภา เพราะเหตุท่ไี ด้อนุโมทนาส่วนบุญทขี่ ้าพเจา้ แผใ่ หแ้ ล้ว สตั วท์ ้งั หลายทั้งปวง จงเป็นผไู้ มม่ เี วรอยูเ่ ป็นสุขทุกเม่อื จงถึงบทอนั เกษม กล่าวคือ พระนพิ พาน ความปรารถนาทีด่ ีงามของสัตว์ เหลา่ นน้ั จงส�ำ เรจ็ เถดิ 321
ค�ำ ทำ�วตั ร
พุทธานุสสะติ (หนั ทะ มะยัง พุทธานุสสะตินะยงั กะโรมะ เส) ตัง โข ปะนะ ภะคะวันตัง เอวงั กลั ย๎ าโณ กติ ตสิ ทั โท อพั ภุคคะโต ก็กติ ตศิ ัพทอ์ ันงามของพระผมู้ ีพระภาคเจ้านั้น, ได้ฟุ้งไปแลว้ อย่างน้ีว่า อติ ปิ ิ โส ภะคะวา เพราะเหตุอย่างนี้ๆ, พระผมู้ พี ระภาคเจา้ น้นั อะระหัง เป็นผูไ้ กลจากกิเลส สมั มาสมั พทุ โธ เปน็ ผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองคเ์ อง วิชชาจะระณะสัมปันโน เปน็ ผ้ถู งึ พรอ้ มด้วยวิชชาและจรณะ สคุ ะโต เปน็ ผ้เู สดจ็ ไปแล้วดว้ ยดี โลกะวทิ ู เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจง้ อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ 325
เปน็ ผสู้ ามารถฝกึ บุรษุ ที่สมควรฝกึ ไดอ้ ยา่ งไมม่ ใี ครยงิ่ กว่า สตั ถา เทวะมะนสุ สานงั เปน็ ครูผสู้ อน ของเทวดาและมนุษย์ทง้ั หลาย พุทโธ เป็นผู้รู้ ผู้ตนื่ ผเู้ บกิ บานดว้ ยธรรม ภะคะวาติ เปน็ ผู้มีความจ�ำ เรญิ จ�ำ แนกธรรมสงั่ สอนสัตว์ ดังน้ี พุทธาภิคตี ิ (หนั ทะ มะยัง พทุ ธาภิคตี งิ กะโรมะ เส) พุทธวาระหันตะ วะระตาทิคุณาภยิ ตุ โต พระพุทธเจ้าประกอบด้วยคณุ , มีความประเสริฐแหง่ อรหันตคณุ เปน็ ต้น สุทธาภิญาณะกะรณุ าหิ สะมาคะตตั โต มพี ระองค์อนั ประกอบด้วยพระญาณ, และพระกรุณาอันบรสิ ุทธ์ิ โพเธสิ โย สุชะนะตงั กะมะลังวะ สูโร พระองค์ใด ทรงกระท�ำ ชนทีด่ ีใหเ้ บกิ บาน, ดุจอาทติ ย์ท�ำ บัวให้บาน
วนั ทามะหงั ตะมะระณงั สริ ะสา ชเิ นนทงั ขา้ พเจา้ ไหวพ้ ระชนิ สหี ,์ ผไู้ มม่ กี ิเลสพระองค์นัน้ , ด้วยเศียรเกล้า พุทโธ โย สพั พะปาณนี ัง สะระณงั เขมะมตุ ตะมงั พระพทุ ธเจ้าพระองคใ์ ด, เป็นสรณะอนั เกษมสูงสดุ ของสตั ว์ท้ังหลาย ปะฐะมานุสสะติฏฐานัง วนั ทามิ ตงั สิเรนะหงั ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจา้ พระองค์นนั้ , อนั เปน็ ทตี่ ้ังแห่งความระลึกองคท์ ่หี น่งึ , ด้วยเศยี รเกลา้ พทุ ธัสสาหัสม๎ ิ ททาา โสสี ววะะ (ห(ชญายิง)) พทุ โธ เม สามิกสิ สะโร ข้าพเจา้ เปน็ ทาสของพระพุทธเจา้ , พระพุทธเจ้าเปน็ นาย มอี ิสระเหนอื ขา้ พเจา้ พุทโธ ทุกขสั สะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หติ ัสสะ เม พระพทุ ธเจา้ เปน็ เคร่อื งก�ำ จัดทกุ ข์, และทรงไวซ้ ่ึงประโยชน์แกข่ ้าพเจ้า พุทธัสสาหงั นยิ ยาเทมิ สะรรี ัญชีวติ ัญจทิ ัง ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตน้ี, แดพ่ ระพทุ ธเจ้า วนั ทนั โตตีหหงั ัง (ห(ชญายงิ )) จะริสสามิ พทุ ธสั เสวะ สุโพธิตงั ข้าพเจ้าผูไ้ หวอ้ ยจู่ กั ประพฤตติ าม, ซ่ึงความตรสั ร้ดู ขี องพระพทุ ธเจา้ 327
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พทุ โธ เม สะระณงั วะรงั สรณะอน่ื ของขา้ พเจ้าไมม่ ,ี พระพุทธเจ้าเป็นสรณะอันประเสรฐิ ของขา้ พเจา้ เอเตนะ สจั จะวชั เชนะ วัฑเฒยยัง สตั ถุ สาสะเน ดว้ ยการกล่าวค�ำ สจั จน์ ,้ี ข้าพเจ้าพงึ เจริญในพระศาสนาของพระศาสดา พทุ ธัง เม วันทะ มมาานเนานยะะ ((ชหาญย)ิง) ยัง ปญุ ญงั ปะสุตัง อธิ ะ ข้าพเจา้ ผู้ไหวอ้ ย่ซู ง่ึ พระพุทธเจา้ , ได้ขวนขวายบญุ ใดในบดั นี้ สพั เพปิ อันตะรายา เม มาเหสงุ ตัสสะ เตชะสา อนั ตรายทัง้ ปวงอยา่ ไดม้ ีแกข่ ้าพเจา้ , ด้วยเดชแหง่ บญุ นนั้ (กราบลงหมอบวา่ ) กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา ด้วยกายกด็ ี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี พุทเธ กุกมั มัง ปะกะตัง มะยา ยัง กรรมน่าติเตยี นอนั ใด,ทีข่ า้ พเจา้ กระทำ�แลว้ ในพระพุทธเจา้ พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยนั ตงั ขอพระพทุ ธเจ้า จงงดซ่งึ โทษล่วงเกินอันนั้น กาลนั ตะเร สังวะรติ งุ วะ พทุ เธ เพอื่ การสำ�รวมระวงั ในพระพุทธเจ้า ในกาลต่อไป
ธมั มานุสสะติ (หันทะ มะยงั ธมั มานุสสะตินะยงั กะโรมะ เส) ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม พระธรรมเป็นธรรมทพ่ี ระผมู้ พี ระภาคเจ้า, ตรัสไว้ดแี ล้ว สนั ทฏิ ฐิโก เป็นธรรมทผ่ี ศู้ ึกษาและปฏบิ ัตพิ ึงเหน็ ไดด้ ว้ ยตนเอง อะกาลโิ ก เปน็ ธรรมทปี่ ฏบิ ตั ไิ ด้และให้ผลไดไ้ ม่จำ�กัดกาล เอหปิ สั สิโก เปน็ ธรรมที่ควรกลา่ วกะผู้อ่นื วา่ , ท่านจงมาดเู ถดิ โอปะนะยิโก เปน็ ธรรมท่ีควรน้อมเข้ามาใส่ตวั ปจั จตั ตัง เวทติ ัพโพ วญิ ญหู ีติ เปน็ ธรรมท่ผี รู้ ู้ก็รู้ไดเ้ ฉพาะตน, ดังน้ี 329
ธัมมาภคิ ตี ิ (หนั ทะ มะยงั ธัมมาภคิ ีตงิ กะโรมะ เส) ส๎วากขาตะตาทคิ ุณะโยคะวะเสนะ เสยโย พระธรรมเป็นธรรมท่ปี ระเสรฐิ , เพราะประกอบดว้ ยคณุ , คอื ความทพี่ ระผมู้ ีพระภาคเจา้ , ตรสั ไว้ดแี ลว้ เป็นต้น โย มัคคะปากะปะริยัตติวโิ มกขะเภโท เปน็ ธรรมอนั จ�ำ แนกเปน็ มรรค ผล ปรยิ ัติและนิพพาน ธัมโม กุโลกะปะตะนา ตะทะธารธิ ารี เปน็ ธรรมทรงไวซ้ ง่ึ ผ้ทู รงธรรม, จากการตกไปสู่โลกท่ีช่ัว วันทามะหัง ตะมะหะรัง วะระธัมมะเมตงั ขา้ พเจ้าไหวพ้ ระธรรมอนั ประเสริฐนั้น, อันเปน็ เคร่อื งขจัดเสยี ซึง่ ความมดื ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมงั พระธรรมใด, เป็นสรณะอันเกษมสูงสุดของสัตว์ทั้งหลาย ทตุ ิยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหงั ขา้ พเจา้ ไหวพ้ ระธรรมน้ัน, อนั เปน็ ที่ตั้งแห่งความระลกึ องคท์ ่สี องด้วยเศียรเกลา้ ธมั มสั สาหสั ม๎ ิ ททาาโสสี ววะะ (ห(ชญายงิ )) ธมั โม เม สามิกสิ สะโร
ขา้ พเจา้ เป็นทาสของพระธรรม, พระธรรมเป็นนาย มีอสิ ระเหนอื ข้าพเจา้ ธัมโม ทุกขสั สะ ฆาตา จะ วธิ าตา จะ หิตัสสะ เม พระธรรมเป็นเครอื่ งก�ำ จัดทกุ ข,์ และทรงไว้ซง่ึ ประโยชน์แกข่ ้าพเจา้ ธัมมสั สาหงั นยิ ยาเทมิ สะรีรัญชีวิตญั จิทัง ข้าพเจา้ มอบกายถวายชีวติ นี้แด่พระธรรม วนั ทนั ตโตหี หังัง (ห(ชญายิง)) จะรสิ สามิ ธมั มสั เสวะ สธุ ัมมะตงั ขา้ พเจ้าผ้ไู หวอ้ ยจู่ ักประพฤติตาม, ซง่ึ ความเปน็ ธรรมดีของพระธรรม นตั ถิ เม สะระณงั อัญญัง ธมั โม เม สะระณัง วะรัง สรณะอน่ื ของข้าพเจ้าไมม่ ,ี พระธรรมเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจา้ เอเตนะ สจั จะวชั เชนะ วฑั เฒยยงั สตั ถุสาสะเน ดว้ ยการกล่าวค�ำ สัจจ์น,ี้ ข้าพเจา้ พึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา ธมั มงั เม วนั ทะ มมาาเนนานยะะ ((ชหาญย)งิ ) ยงั ปุญญัง ปะสุตัง อธิ ะ ข้าพเจา้ ผไู้ หวอ้ ยู่ซ่ึงพระธรรม, ไดข้ วนขวายบุญใดในบดั น้ี สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา อันตรายทง้ั ปวงอยา่ ไดม้ แี ก่ขา้ พเจา้ , ด้วยเดชแหง่ บญุ น้ัน 331
(กราบหมอบลงวา่ ) กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ดว้ ยใจก็ดี ธัมเม กกุ ัมมงั ปะกะตงั มะยา ยัง กรรมน่าตเิ ตียนอนั ใด,ที่ขา้ พเจา้ กระท�ำ แลว้ ในพระธรรม ธมั โม ปะฏิคคัณหะตุ อจั จะยันตงั ขอพระธรรม จงงดซงึ่ โทษล่วงเกินอนั นนั้ กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม เพ่ือการสำ�รวมระวังในพระธรรม ในกาลตอ่ ไป สังฆานสุ สะติ (หนั ทะ มะยงั สงั ฆานุสสะตนิ ะยงั กะโรมะ เส) สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ พระสงฆ์สาวกของพระผ้มู ีพระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏบิ ตั ิดแี ล้ว อุชุปะฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆส์ าวกของพระผู้มพี ระภาคเจา้ หมใู่ ด, ปฏบิ ตั ติ รงแลว้ ญายะปะฏปิ ันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มพี ระภาคเจา้ หมใู่ ด, ปฏิบตั ิเพื่อรู้ธรรมเป็นเครอ่ื งออกจากทกุ ขแ์ ลว้ สามจี ปิ ะฏปิ ันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆส์ าวกของพระผ้มู พี ระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏบิ ตั สิ มควรแล้ว ยะทิทัง ได้แกบ่ คุ คลเหลา่ น้ีคือ จัตตาริ ปรุ ิสะยคุ านิ อฏั ฐะ ปุริสะปคุ คะลา ค่แู หง่ บุรุษ ๔ ค่,ู นบั เรยี งตวั บรุ ุษได้ ๘ บุรษุ เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ นน่ั แหละ สงฆส์ าวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า อาหุเนยโย เปน็ สงฆ์ควรแกส่ ักการะที่เขานำ�มาบชู า ปาหเุ นยโย เปน็ สงฆค์ วรแก่สักการะทเ่ี ขาจดั ไว้ตอ้ นรบั ทักขิเณยโย เป็นผู้ควรรบั ทกั ษิณาทาน อญั ชะลิกะระณโี ย เป็นผทู้ ่บี ุคคลทัว่ ไปควรท�ำ อัญชลี อะนตุ ตะรงั ปุญญกั เขตตัง โลกัสสาติ เป็นเนื้อนาบญุ ของโลก, ไม่มีนาบุญอ่นื ย่ิงกวา่ , ดงั นี้ 333
สังฆาภคิ ีติ (หันทะ มะยงั สังฆาภิคีติง กะโรมะ เส) สทั ธมั มะโช สปุ ะฏิปัตติคุณาทิยตุ โต พระสงฆ์ทเ่ี กดิ โดยพระสัทธรรม, ประกอบดว้ ยคณุ มคี วามปฏบิ ตั ิดเี ปน็ ต้น โยฏฐัพพิโธ อะริยะปคุ คะละสังฆะเสฏโฐ เป็นหมแู่ ห่งพระอริยบคุ คลอนั ประเสริฐแปดจ�ำ พวก สลี าทธิ ัมมะ ปะวะราสะยะกายะจิตโต มกี ายและจิตอนั อาศยั ธรรมมศี ีลเปน็ ตน้ อันบวร วนั ทามะหงั ตะมะริยานะคะณงั สสุ ทุ ธงั ขา้ พเจ้าไหว้หม่แู หง่ พระอริยเจา้ เหลา่ น้ัน อันบริสุทธด์ิ ้วยดี สงั โฆ โย สัพพะปาณีนงั สะระณัง เขมะมตุ ตะมัง พระสงฆห์ มใู่ ด, เป็นสรณะอันเกษมสงู สดุ ของสัตวท์ ั้งหลาย ตะติยานสุ สะตฏิ ฐานัง วนั ทามิ ตัง สเิ รนะหงั ขา้ พเจา้ ไหว้พระสงฆห์ มู่นัน้ , อนั เป็นท่ตี ้ังแห่งความระลกึ องคท์ ส่ี ามดว้ ยเศียรเกล้า สงั ฆัสสาหสั ม๎ ิ ททาาโสสี ววะะ (ห(ชญายิง)) สงั โฆ เม สามิกสิ สะโร ขา้ พเจ้าเปน็ ทาสของพระสงฆ์,
พระสงฆ์เป็นนาย มีอสิ ระเหนอื ข้าพเจา้ สงั โฆ ทกุ ขสั สะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตสั สะ เม พระสงฆเ์ ปน็ เคร่อื งกำ�จัดทุกข,์ และทรงไว้ซ่งึ ประโยชนแ์ ก่ข้าพเจา้ สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรรี ัญชวี ิตญั จิทัง ข้าพเจา้ มอบกายถวายชวี ติ นแี้ ด่พระสงฆ์ วนั ทนั ตโตีหหังงั (ห(ชญายงิ )) จะริสสามิ สังฆัสโสปะฏปิ นั นะตัง ขา้ พเจ้าผไู้ หวอ้ ย่จู กั ประพฤติตาม, ซง่ึ ความปฏิบตั ดิ ขี องพระสงฆ์ นัตถิ เม สะระณงั อญั ญงั สังโฆ เม สะระณัง วะรัง สรณะอ่ืนของข้าพเจา้ ไมม่ ี, พระสงฆ์เป็นสรณะอนั ประเสรฐิ ของข้าพเจา้ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วฑั เฒยยงั สตั ถุ สาสะเน ด้วยการกลา่ วค�ำ สัจจน์ ,้ี ขา้ พเจ้าพึงเจรญิ ในพระศาสนาของพระศาสดา สงั ฆงั เม วันทะ มมาาเนนานยะะ ((ชหาญย)ิง) ยงั ปุญญัง ปะสุตงั อธิ ะ ขา้ พเจา้ ผ้ไู หวอ้ ยูซ่ ึง่ พระสงฆ์,ไดข้ วนขวายบุญใด ในบัดน้ี สพั เพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตสั สะ เตชะสา อนั ตรายท้งั ปวงอยา่ ไดม้ แี ก่ขา้ พเจา้ , ดว้ ยเดชแหง่ บญุ นั้น (กราบหมอบลงว่า) 335
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา ดว้ ยกายก็ดี ดว้ ยวาจาก็ดี ดว้ ยใจกด็ ี สงั เฆ กกุ มั มงั ปะกะตงั มะยา ยงั กรรมน่าตเิ ตียนอันใด, ที่ขา้ พเจ้ากระทำ�แล้วในพระสงฆ์ สังโฆ ปะฏคิ คัณหะตุ อจั จะยันตัง ขอพระสงฆ์ จงงดซง่ึ โทษลว่ งเกินอันน้ัน กาลันตะเร สงั วะริตงุ วะ สังเฆ เพอ่ื การสำ�รวมระวงั ในพระสงฆ์ ในกาลตอ่ ไป อทุ ทิสสะนาธฏิ ฐานะคาถา (หันทะ มะยงั อทุ ทิสสะนาธฏิ ฐานะ คาถาโย ภะณามะ เส) อิมนิ า ปุญญะกมั เมนะ ด้วยบุญน้ี อทุ ิศให้ อปุ ัชฌายา คณุ ุตตะรา อุปชั ฌาย์ ผูเ้ ลศิ คณุ อาจะริยปู ะการา จะ และอาจารย์ ผู้เก้อื หนนุ มาตาปติ า จะ ญาตะกา ทงั้ พ่อแม่ แลปวงญาติ
สุริโย จนั ทมิ า ราชา สรู ย์จนั ทรแ์ ลราชา คณุ ะวนั ตา นะราปิ จะ ผทู้ รงคณุ หรอื สงู ชาติ พร๎ ัหม๎ ะมารา จะ อนิ ทา จะ พรหมมารและอนิ ทราช โลกะปาลา จะ เทวะตา ท้ังทวยเทพและโลกบาล ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ ยมราช มนุษย์มติ ร มัชฌตั ตา เวรกิ าปิ จะ ผเู้ ป็นกลาง ผู้จองผลาญ สพั เพ สัตตา สขุ ี โหนตุ ขอให้เป็นสุขศานต์ิทุกทัว่ หนา้ อย่าทกุ ขท์ น ปญุ ญานิ ปะกะตานิ เม บุญผองทขี่ า้ ท�ำ จงชว่ ยอ�ำ นวยศุภผล สุขัง จะ ติวิธงั เทนตุ ให้สขุ สามอยา่ งล้น ขปิ ปงั ปาเปถะ โว มะตงั ให้ลุถึงนิพพานพลัน อิมนิ า ปญุ ญะกมั เมนะ ด้วยบุญน้ที ่เี ราทำ� อมิ นิ า อุททิเสนะ จะ 337
แลอุทศิ ใหป้ วงสัตว์ ขิปปาหัง สลุ ะเภ เจวะ เราพลันไดซ้ ่งึ การตัด ตณั หุปาทานะเฉทะนงั ตัวตณั หา อุปาทาน เย สันตาเน หนิ า ธัมมา สงิ่ ชวั่ ในดวงใจ ยาวะ นพิ พานะโต มะมงั กวา่ เราจะถงึ นพิ พาน นสั สันตุ สพั พะทา เยวะ มลายส้นิ จากสันดาน ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว ทกุ ๆ ภพทเ่ี ราเกดิ อุชุจิตตัง สะตปิ ญั ญา มจี ติ ตรงและสติท้งั ปญั ญาอันประเสริฐ สัลเลโข วริ ิยัมหินา พรอ้ มทั้งความเพียรเลศิ เปน็ เครือ่ งขดู กเิ ลสหาย มารา ละภันตุ โนกาสัง โอกาสอยา่ พงึ มีแก่หม่มู ารส้ินท้ังหลาย กาตุญจะ วริ เิ ยสุ เม เปน็ ช่องประทษุ รา้ ย, ทำ�ลายลา้ งความเพยี รจม พทุ ธาธปิ ะวะโร นาโถ พระพุทธผูบ้ วรนาถ
ธมั โม นาโถ วะรตุ ตะโม พระธรรมทีพ่ งึ่ อุดม นาโถ ปจั เจกะพุทโธ จะ พระปจั เจกะพทุ ธสม- สงั โฆ นาโถตตะโร มะมงั ทบพระสงฆ์ทพี่ ง่ึ ทงั้ ผอง เตโสตตะมานุภาเวนะ ดว้ ยอานภุ าพน้นั มาโรกาสัง ละภนั ตุ มา ขอหม่มู ารอยา่ ได้ช่อง ทะสะปญุ ญานภุ าเวนะ ดว้ ยเดชบญุ ทงั้ สบิ ปอ้ ง มาโรกาสงั ละภนั ตุ มา อยา่ เปดิ โอกาสแก่มาร เทอญ 339
บทสวดมนต์
นมสั การพระอรหันต์ ๘ ทิศ (หนั ทะ มะยงั สะระภญั เญนะ พุทธะมงั คะละ คาถาโย ภะณามะ เส) สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ นิสนิ โน เจวะ มชั ฌิเม โกณฑญั โญ ปุพพะภาเค จะ อาคะเณยเยจะกสั สะโป สารีปตุ โต จะ ทักขิเณ หะระตเิ ย อปุ าลี จะ ปัจฉเิ มปิ จะ อานันโท พายัพเพ จะ คะวมั ปะติ โมคคลั ลาโน จะ อุตตะเร อสิ าเณปิ จะ ราหโุ ล อเิ ม โข มงั คะลา พุทธา สพั เพ อิธะ ปะตฏิ ฐิตา วันทิตา เต จะ อัมเหห ิ สักกาเรหิ จะ ปูชติ า เอเตสงั อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวนั ตุ โน อจิ เจวะมัจจนั ตะนะมสั สะเนยยงั นะมสั สะมาโน ระตะนตั ตะยงั ยงั ปุญญาภิสันทงั วปิ ลุ ัง อะลตั ถัง ตัสสานภุ าเวนะ หะตนั ตะราโย 343
คาถาบูชาพระพุทธสิหงิ ค์ (หนั ทะ มะยัง พทุ ธะปะสังสคาถาโย พุทธะสหิ งิ โค นามะ ภะณามะ เส) อิติ ปะวะระสหิ งิ โค อตุ ตะมะยะโสปิ เตโช ยตั ถะ กัตถะ จติ โตโส สกั กาโร อปุ าโท สะกาละพุทธะสาสะนงั โชตะยนั โตวะ ทีโป สรุ ะนะเรหิ มะหโิ ต ธะระมาโนวะ พุทโธติ พุทธสหิ ิงคา อบุ ัตมิ า ณ แดนใด ประเสรฐิ ธ เกรกิ ไกร ดุจกายพระศาสดา เป็นทเ่ี คารพน้อม มนุษยพ์ รอ้ มทั้งเทวา เปรียบเช่นชวาลา ศาสนาที่ยืนยง เหมือนหน่ึงพระสัมพุทธ สุวสิ ทุ ธิ์พระชนมค์ ง แดนใดพระดำ�รง พระศาสน์คงกจ็ �ำ รูญ ด้วยเดชสิทธิศักดิ์ ธ พทิ ักษอ์ นุกูล พระศาสนบ์ ม่ ีสญู พระเพ่ิมพูนมหิทธา ข้าฯ ขอเคารพน้อม วจคี ้อมขน้ึ บูชา พทิ ักษ์ ธ รักษา พระศาสน์มาตลอดกาล ปวงขา้ ฯ จะประกาศ พทุ ธศาสน์ให้ไพศาล ขอพระอภิบาล ชนิ มารนริ ันดร์ เทอญ
อะภณิ หะปัจจะเวกขะณะปาฐะ (หนั ทะ มะยัง อะภิณหะปจั จะเวก ขะณะปาฐงั ภะณามะ เส) ชะราธัมโมมหิ เรามีความแก่เป็นธรรมดา ชะรงั อะนะ ตต ีตโี ตา ((ชหาญยงิ)) จะล่วงพ้นความแกไ่ ปไม่ได้ พะยาธิธัมโมมหิ เรามคี วามเจ็บไขเ้ ป็นธรรมดา พะยาธงิ อะนะ ตตีีโตตา ((ชหาญยงิ)) จะล่วงพน้ ความเจบ็ ไขไ้ ปไม่ได้ มะระณะธมั โมมหิ เรามีความตายเปน็ ธรรมดา มะระณัง อะนะ ตตีโตี ตา ((ชหาญยิง)) จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้ สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วนิ าภาโว เราจะเปน็ ไปต่างๆ คอื จะพลัดพรากจากของรกั ของเจริญใจทัง้ สิน้ ไป 345
กมั มัสสะโกมหิ เรามีกรรมเปน็ ของๆ ตน กัมมะทายาโท เราเปน็ ทายาทผู้รับผลแหง่ กรรม กัมมะโยนิ เราเป็นผู้เกิดมาแต่กรรม กัมมะพนั ธุ เราเปน็ เผ่าพันธแ์ุ หง่ กรรม กัมมะปะฏสิ ะระโณ เรามีกรรมเปน็ ทีพ่ ่ึงอาศยั ยงั กมั มงั กะรสิ สามิ เราท�ำ กรรมอันใดไว้ กลั ๎ยาณงั วา ปาปะกงั วา เป็นบญุ หรือเปน็ บาป ตสั สะ ทายาโท ภะวิสสามิ เราจะไดร้ บั ผลของกรรมนั้นไป อติ ถยิ า วา หญงิ กด็ ี ปุรเิ สนะ วา ชายกด็ ี คะหฏั เฐนะ วา คฤหัสถ์กด็ ี ปพั พะชิเตนะ วา
บรรพชิตก็ดี เอวงั อมั เหหิ อะภณิ หังปจั จะเวกขิตัพพัง เราทงั้ หลายพึงพิจารณาอยา่ งน้เี นอื งๆ ทกุ วนั คืนแล อะนิจจา วะตะ สงั ขารา สงั ขารท้งั หลายไม่เที่ยงหนอ อปุ ปาทะวะยะธมั มิโน เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมส้นิ ไปเป็นธรรมดา อปุ ปัชชิตว๎ า นิรชุ ฌันติ ครน้ั เกิดข้นึ แลว้ ย่อมดับไป เตสงั วูปะสะโม สโุ ข ความเข้าไปดบั ซงึ่ สังขารทงั้ หลายเหลา่ นัน้ เปน็ สขุ สพั เพ สัตตา สตั ว์ทั้งหลายทั้งปวง มะรันติ จะ ย่อมตายด้วย มะริงสุ จะ ตายแลว้ ด้วย มะริสสะเร จักตายดว้ ย ตะเถวาหัง มะรสิ สามิ เราจักตายอยา่ งน้นั ด้วย นตั ถิ เม เอตถะ สังสะโย ความสงสัยในเรื่องตายนน้ั ไมม่ ีแกเ่ ราเลย 347
โอวาทะปาฏิโมกขะคาถา (หนั ทะ มะยงั โอวาทะปาฏิโมกขะ คาถาโย ภะณามะ เส) สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง การไมท่ �ำ บาปทั้งปวง กสุ ะลสั สปู ะสมั ปะทา การทำ�กุศลให้ถึงพร้อม สะจิตตะปะรโิ ยทะปะนัง การชำ�ระจิตของตนให้ผ่องใส เอตงั พทุ ธานะสาสะนงั ธรรม ๓ อยา่ งน้ี, เปน็ คำ�ส่ังสอน ของพระพุทธเจ้าทัง้ หลาย ขันตี ปะระมัง ตะโป ตตี ิกขา ขนั ติ คือความอดกลนั้ , เป็นธรรมเคร่ืองเผากเิ ลสอยา่ งย่งิ นพิ พานัง ปะระมงั วะทันติ พุทธา ผูร้ ู้ทัง้ หลายกลา่ วพระนพิ พานวา่ เป็นธรรมอันยงิ่ นะ หิ ปพั พะชโิ ต ปะรปู ะฆาตี ผู้ก�ำ จดั สัตวอ์ ืน่ อย,ู่ ไม่ชือ่ ว่าเปน็ บรรพชิตเลย สะมะโณ โหติ ปะรัง วเิ หฐะยนั โต ผทู้ �ำ สตั วอ์ น่ื ให้ล�ำ บากอยู,่ ไม่ชื่อวา่ เปน็ สมณะเลย อะนปู ะวาโท อะนูปะฆาโต
การไมพ่ ูดรา้ ย, การไมท่ �ำ รา้ ย ปาฏิโมกเข จะ สงั วะโร การส�ำ รวมในปาฏิโมกข์ มตั ตญั ญุตา จะ ภัตตัสม๎ ิง ความเปน็ ผรู้ ้จู ักประมาณในการบริโภค ปนั ตัญจะ สะยะนาสะนัง การนอน การนัง่ ในทีอ่ นั สงดั อะธิจิตเต จะ อาโยโค ความหมั่นประกอบในการท�ำ จิตให้ยง่ิ เอตัง พทุ ธานะสาสะนงั ธรรม ๖ อย่างน้ี, เปน็ ค�ำ ส่งั สอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ปะฐะมะพุทธะภาสติ ะคาถา (หันทะ มะยัง ปะฐะมะพทุ ธะ ภาสติ ะคาถาโย ภะณามะ เส) อะเนกะชาติสงั สารงั สนั ธาวิสสัง อะนพิ พสิ ัง เมอ่ื เรายงั ไมพ่ บญาณ, ได้แลน่ ทอ่ งเทยี่ วไปในสงสารเป็นอเนกชาติ คะหะการงั คะเวสนั โต แสวงหาอยซู่ งึ่ นายช่างปลูกเรอื น, คือ ตัณหาผสู้ ร้างภพ 349
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441