2562 (พมิ พ์ครังที 2)
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ก การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ชือหนงั สือ: การสือสารสุขภาพเพอื ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตระหวา่ ง ผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัวดว้ ยสือใหม่ Health Communication for taking care of Physical and Mental Health between Elderly and Family ผู้นิพนธ์: Members with New Media ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ณฐั นนั ท์ ศิริเจริญ บรรณาธกิ าร: ผทู้ รงคุณวฒุ ิทีกรุณาตรวจสอบความถูกตอ้ งดา้ นวชิ าการและอกั ขระ รองศาสตราจารย์ ดร.กมลรัฐ อินทรทศั น์ ผอู้ าํ นวยการ ศนู ยว์ ิจยั การจดั การความรู้การสือสารและการพฒั นา (CCDKM) มสธ. ผู้สนับสนุนทางวชิ าการและเผยแพร่: ศนู ยว์ จิ ยั การจดั การความรู้การสือสารและการพฒั นา มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช: The Research Center of Communication and Development Knowledge Management (CCDKM) Sukhothai Thammathirat Open University ศูนยว์ ิจยั เฉพาะทางทีอยภู่ ายใตก้ ารกาํ กบั ดูแลของสถาบนั วิจยั และพฒั นา มสธ. ทีอย่:ู มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช อาคารสมั มนา 1 ชนั 4 ตาํ บลบางพดู อาํ เภอปากเกร็ด จงั หวดั นนทบุรี 11120 โทรศพั ท:์ 02-984-0025 โทรสาร: 02-984-0026 พมิ พ์ครังที 1 : จาํ นวน 100 เล่ม ปี ทีพมิ พ์: กรกฎาคม พ.ศ. 2559 จาํ นวนหนา้ 342 หนา้ พมิ พ์ครังที 2 : จาํ นวน 100 เล่ม ปี ทีพมิ พ์: เมษายน พ.ศ. 2562 จาํ นวนหนา้ 408 หนา้ ISBN: 978-616-16-1103-3 (หมายเลขมาตรฐานสากลของหนงั สือ: International Standard Book Number-ISBN) CIP ขอ้ มูลทางบรรณานุกรมของสาํ นกั หอสมุดแห่งชาติ : National Library of Thailand Cataloging in Publication Data ณฐั นนั ท์ ศิริเจริญ. การสือสารสุขภาพเพอื ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัวดว้ ยสือใหม่.-- นนทบุรี: ศูนยว์ จิ ยั การจดั การความรู้การสือสารและการพฒั นา มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช, 2559 1. ผสู้ ูงอาย-ุ -การดูแลและสุขวทิ ยา สงวนลขิ สิทธ:ิ ลิขสิทธิของผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ณฐั นนั ท์ ศิริเจริญ การสงวนลขิ สิทธิ: ถือเป็นทรัพยส์ ินทางปัญญาของผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ณฐั นนั ท์ ศิริเจริญ โดยสามารถคดั ลอกและนาํ ไปเผยแพร่ตอ่ ได้ ในกรณีเพอื การศึกษา การคน้ ควา้ การทาํ งานทีเกียวขอ้ งกบั การ สือสารสุขภาพหรือเพอื ประโยชน์ตอ่ สาธารณะ ทงั นีขอให้อา้ งอิงแหล่งทีมาของขอ้ มูลทีนาํ ไปใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ตามหลกั สากลต่อเจา้ ของลิขสิทธิหนงั สือเล่มนีดว้ ย จกั ขอบคุณยงิ วธิ ีเผยแพร่: - เผยแพร่เป็นรูปเล่ม ดว้ ยวธิ ีการพมิ พโ์ ดยโรงพมิ พแ์ ละจดั ส่งใหห้ ้องสมุดของมหาวทิ ยาลยั ต่างๆ ทงั ของรัฐและเอกชน องคก์ รสือสารมวลชน รวมทงั หน่วยงาน/สาํ นกั งานสาธารณสุขทีมีภารกิจเกียวขอ้ ง กบั เนือหาในหนงั สือเล่มนี - เผยแพร่โดยสือออนไลน์ ไดแ้ ก่ ResearchGate, Blog, Website และ Facebook ของผเู้ ขียน พมิ พ์ที: ห้างหุน้ ส่วนจาํ กดั โรจนพรินทต์ ิง 25/90 ถ.กาญจนาภิเษก แขวง/เขตคนั นายาว กรุงเทพฯ 10230
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ข การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ (พมิ พ์ครังที 2) ตอ้ งขอขอบพระคุณผทู้ รงคุณวฒุ ิทีไดใ้ หข้ อ้ เสนอแนะเพอื ปรับปรุงแกไ้ ขเพมิ เติม จดั สรรขอ้ มลู ในทกุ บท ใหม้ ีความเป็ นระบบ สอดคลอ้ ง ตรงประเดน็ ทนั สมยั มากยงิ ขึนและสร้างสรรคป์ ระโยชน์ใหก้ บั ผอู้ ่านไดอ้ ยา่ งเป็ น รูปธรรมมากทีสุด ผูเ้ ขียนจึงไดท้ าํ การศึกษาคน้ ควา้ เพิมเติมและเรียบเรียงเขียนหนงั สือเล่มนีแกไ้ ขในครังล่าสุด ก่อนนาํ ไปใหผ้ ทู้ รงคุณวฒุ ิจากหลากหลายสถาบนั ทีเกียวขอ้ งไดป้ ระเมินคุณภาพหนงั สือ ไดแ้ ก่ 1. รองศาสตราจารย์ ดร.กมลรัฐ อนิ ทรทศั น์ อาจารยป์ ระจาํ สาขานิเทศศาสตร์ และ ผอู้ าํ นวยการศูนยว์ จิ ยั การจดั การความรู้การสือสารและการพฒั นา [CCDKM] มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช 2. รองศาสตราจารย์ปัญญา ดเี จริญโชติ อดีตรองคณบดี คณะมณั ฑนศิลป์ มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร 3. รองศาสตราจารย์ ดร.สุธรรม นนั ทมงคลชัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล 4. รองศาสตราจารย์ ดร.สุพณิ เกชาคปุ ต์ ผูอ้ ํานวยการโครงการหลักสูตรปริญญาโท สาขาวิชาบริ หารรัฐกิจและกิจการสาธารณะ สาํ หรับนกั บริหาร คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ 5. พ.ต.ท.อาํ นาจ กลาํ เอม นกั เทคนิคการแพทย์ (สบ.3) งานจลุ ชีววทิ ยา กลุม่ งานชีวเคมี โรงพยาบาลตาํ รวจ 6. นางสาวโชตมิ า สุทนั ตกิ ร พยาบาลวชิ าชีพชาํ นาญการพเิ ศษ/หวั หนา้ หอ้ งตรวจคลืนเสียงความถีสูง (สูติ-นารีเวชกรรม) โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ กรุงเทพฯ 7. นายศิโรจน์ มิงขวญั ประธานมูลนิธิคนดี (ประเทศไทย) และนายกสมาคมนกั ข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย 8. นายไชยวฒั น์ รัตนประสิทธิ อดีตผอู้ าํ นวยการสถานีวทิ ยกุ ระจายเสียงแห่งประเทศไทยเพอื การศึกษา กรมประชาสมั พนั ธ์ 9. นางสาวฐิตริ ัตน์ พูนศิริชัยกจิ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ คณะเทคโนโลยีสือสารมวลชน มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี/ผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายคลืนวิทยุ อสมท. FM.96.5 MHz./ Like Station1494/ผจู้ ดั รายการวทิ ยุ FM.99.0 MHz. รายการ Healthy time และรายการบอกเล่า 96.5
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ค การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ โดยผทู้ รงคุณวฒุ ิไดก้ รุณาประเมินคุณภาพและตรวจทานความถูกตอ้ งเหมาะสมในดา้ นวชิ าการและ การนาํ ไปใชไ้ ดจ้ ริง รวมทงั ให้ขอ้ เสนอแนะเพือการปรับแกไ้ ขอีกครัง ก่อนทีจะทาํ การเผยแพร่ในช่องทางการ สือสารตา่ งๆ ไดแ้ ก่ สือออนไลน์ผา่ นทางเวบ็ ไซต์ (Website) บลอ็ ก (Blog) รีเสิร์ซเกท (ResearchGate) และเฟซบุก๊ (facebook) ของผเู้ ขียน รวมทงั จัดพิมพ์เป็ นเล่มและจัดส่งให้ห้องสมุดของมหาวทิ ยาลัย หน่วยงานสาธารณสุขที เกยี วข้อง องค์กรสือสารมวลชน รวมทงั การนาํ เสนอข้อมูลจากหนงั สือเล่มนีในรายการวทิ ยุ ทางสถานีวทิ ยุ อสมท. FM 96.5 MHz. ทีผ้เู ขียนเป็ นผ้ดู าํ เนินรายการ เพือให้สาธารณชนทังกลุ่มนิสิตนักศึกษา คณาจารย์ บุคลากรด้าน การสือสาร ด้านสาธารณสุขและประชาชนผ้สู นใจทวั ไปได้เข้าถงึ ข้อมูลและนาํ ส่วนทเี กยี วข้องจากหนังสือเล่มนไี ป ใช้ให้เกดิ ประโยชน์ทงั ในด้านวชิ าการ ด้านการเรียนการสอน การทาํ งาน การวจิ ยั รวมทังการนําไปปฏิบัติจริงใน ชีวิตประจาํ วนั กับสมาชิกในครอบครัวด้วยตนเอง อนั จะก่อเกิดเป็ นประโยชน์อย่างทีผูเ้ ขียนไดต้ งั เป้าหมายและ ตงั ใจใหเ้ กิดประโยชนอ์ ยา่ งเป็ นรูปธรรมสืบต่อไป ณฐั นนั ท์ ศิริเจริญ เมษายน 2562
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ง การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ (พมิ พ์ครังที 1) หนงั สือเล่มนีเขียนขึนมาจากแรงบนั ดาลใจซึงเป็ นประสบการณ์จริงของผูเ้ ขียนในเรืองเกียวกบั การ สือสารสุขภาพกบั สมาชิกในครอบครัว ซึงเป็นวถิ ีชีวติ ของคนในยคุ สือใหม่ ทีผเู้ ขียนพจิ ารณาแลว้ ว่าควรให้ขอ้ มูล จากองคค์ วามรู้ต่างๆ แนวคิดและข้อเสนอทีสามารถนําไปประยุกต์ใชไ้ ดจ้ ริงจากหนังสือเล่มนีเผยแพร่ไปยงั กลุม่ เป้าหมายหลกั คือ กล่มุ วยั รุ่น คือ ลูก หลาน กลุม่ ผปู้ กครอง คือ คุณพอ่ คุณแม่ กลมุ่ ผสู้ ูงอายุ คือ คุณป่ ูคุณยา่ คุณ ตาคุณยาย รวมทงั ญาติกาทงั หลายทีถือเป็ นสมาชิกของครอบครัวนนั ๆ และสุดทา้ ย คือ กลุ่มประชาชนคนไทยทุก หมู่เหล่าทีสามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลนีไดจ้ ากการเผยแพร่หนงั สือเล่มนีให้ไดม้ ากทีสุด โดยผ่านหน่วยงานต่างๆ ทีมี ภารกิจเกียวขอ้ ง ผา่ นสือมวลชนและสือสารมวลชน ดว้ ยรูปแบบการเผยแพร่ทีเป็ นรูปเลม่ จากวธิ ีการพิมพโ์ ดยโรง พิมพ์ รวมทงั เผยแพร่โดยสืออิเล็กทรอนิกส์ผา่ นสือใหม่ต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย (Social Media) อาทิ เฟซบุ๊ก (Facebook) บลอ็ ก (Blog) รีเสิร์ชเกท (ResearchGate) และเวบ็ ไซต์ (Website) เป็ นตน้ ซึงผูเ้ ขียนมีความตงั ใจและ ความตอ้ งการเผยแพร่องคค์ วามรู้ในเรืองนีออกไปใหก้ วา้ งขวางมากยงิ ขึน นอกจากสามารถนาํ ไปใชป้ ระกอบการ เรียนการสอนในสาขาวชิ าทีเกียวขอ้ งในหลกั สูตรระดบั อดุ มศึกษาไดแ้ ลว้ ยงั สามารถนาํ ไปใชใ้ นหน่วยงานองคก์ ร ตา่ งๆ ทีมีภาระหนา้ ทีเกียวขอ้ งกบั การใหค้ วามรู้ความเขา้ ใจในเรืองการสือสารสุขภาพดว้ ยสือใหม่อกี ดว้ ย โดยมีวตั ถุประสงคส์ าํ คญั คือ การสร้างความรู้ ความเขา้ ใจเกียวกบั ศกั ยภาพของการสือสารสุขภาพโดยมี ครอบครัวเป็ นศูนยก์ ลาง เพือการดูแลสุขภาพและพฒั นาคุณภาพชีวติ ของผสู้ ูงอายแุ ละสมาชิกในครอบครัวดว้ ย การใช้ “สือใหม่” ซึงเหมาะสาํ หรับการนาํ ไปใชท้ งั เป็นเอกสารหลกั และเอกสารประกอบในการเรียนการสอนของ นกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี รวมทงั ผอู้ ่านทีมีความสนใจในการสือสารสุขภาพเพือพฒั นาคุณภาพชีวิตของสมาชิก ทุกคนในครอบครัว เพราะความตงั ใจในการเขียนหนงั สือเล่มนีของผูเ้ ขียนนนั เนืองจากตวั ผูเ้ ขียนเองไดส้ ัมผสั ขอ้ มูลและบริบทแวดลอ้ มต่างๆ ทีเกียวขอ้ งกับสถานการณ์ความเป็ นจริงในการสือสารสุขภาพมาเป็ นระยะ เวลานานหลายปี ตงั แต่ตน้ จนจบเหตุการณ์ จึงทาํ ให้เกิดแรงบนั ดาลใจทีจะเขียนรวบรวมเนือหาสาระทีเป็ น ประโยชน์ต่อผูอ้ ่านทุกเพศทุกวยั ซึงใชช้ ีวิตอยู่ในครอบครัวเดียวกนั อย่ใู นสังคมเดียวกนั เกียวกับการสือสาร สุขภาพทีเหมาะสมกบั วิถีชีวิตของผูค้ นในยคุ นี และสามารถทีจะนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดจ้ ริงในทุกครอบครัวใน แง่มมุ ใดแงม่ มุ หนึง ปัจจยั สาํ คญั ในการสือสารสุขภาพจากหนงั สือเล่มนี คือ 1) วธิ ีการสือสารสุขภาพทีเหมาะสม 2) ผสู้ ูงอายทุ ีอยใู่ นฐานะของการเป็นคุณป่ ูคุณยา่ คุณตาคุณยาย 3) ผทู้ ีเป็ นสมาชิกในครอบครวั ในฐานะคุณพอ่ คุณแม่ และเป็นบุตร หลาน 4) สือใหม่ทีถือเป็ นนวตั กรรมการสือสารทีสามารถนาํ มาใชเ้ พือให้เกิดความสะดวก รวดเร็วและได้ เนือหาสาระครบถว้ นตามทีตงั ใจไวข้ องผสู้ ่งสาร
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. จ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ โดยหนงั สือเล่มนีผเู้ ขียนใชว้ ธิ ีการแบ่งบท แบ่งเนือหาเชือมโยงในรูปแบบคลา้ ยกบั การนาํ เสนอขอ้ มลู ใน การเขียนรายงานผลวจิ ยั เล่มสมบูรณ์ ทีประกอบไปดว้ ยเนือหา 5 บท แต่ละบทมีความต่อเนืองของเนือหา อาทิ การชีใหเ้ ห็นถึงประวตั คิ วามเป็ นมาของการสือสารสุขภาพ ความสาํ คญั ของการสือสารสุขภาพระหวา่ ง ผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัวดว้ ยการใชส้ ือใหม่ รูปแบบการสือสารในครอบครัว การนาํ เสนอเนือหาในเชิงลึก ของบทบาทและความสาํ คญั ของการสือสารสุขภาพระหวา่ งผูส้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัวโดยการใชส้ ือใหม่ ซึงถือเป็ นนวตั กรรมการสือสารในศตวรรษที 21 อนั จะส่งผลให้เกิดการปรับเปลียนทศั นคติ พฤติกรรมและ วิธีการสือสารของทังผูส้ ูงอายุและสมาชิกในครอบครัว มุ่งเน้นการสร้างความรู้และเสริมทักษะในการใช้ นวตั กรรมการสือสารดว้ ยเทคโนโลยสี มยั ใหม่ทีเหมาะสมเพอื การสือสารสุขภาพ เป็นการบูรณาการเทคนิควิธีการ สือสารระหวา่ งบุคคลในรูปแบบต่างๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมในการใชช้ ีวติ ประจาํ วนั เพือนาํ ไปสู่การพฒั นาคุณภาพ ชีวติ ทีดีของทุกคนในครอบครวั ขอ้ มลู เหล่านีผเู้ ขียนมีความประสงคใ์ หเ้ ป็นองคค์ วามรู้ทีทนั ยคุ สมยั และนาํ สมยั ใน บางความคิดทีไดน้ ําเสนอเนือหาไวใ้ นหนังสือเล่มนี โดยเทคนิควิธีการสือสารสุขภาพต่างๆ ทีผูเ้ ขียนนาํ เสนอ ความคิดเอาไวน้ นั สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดจ้ ริงกบั ทุกครอบครัว ซึงผา่ นการทดลอง ทดสอบจากผูเ้ ขียนและ สมาชิกในครอบครัวตนเอง รวมทงั กบั ครอบครัวของกลมุ่ เพอื นมาแลว้ และเห็นผลลพั ธ์ทีมีประสิทธิภาพอยา่ งเป็ น รูปธรรม จากขอ้ มูลสาํ คญั ทีมีการคาดการณ์โดย United Nations Population Fund หรือ UNPF ประเทศไทย ระบุ วา่ ในปี พ.ศ. 2563 เป็ นปี ทีประเทศไทยจะเขา้ สู่การเป็น “สังคมผสู้ ูงอาย”ุ (Aging Society) หรือจะเรียกวา่ “สังคม สูงอาย”ุ กไ็ ดเ้ ช่นกนั คือ จะมีการเพมิ จาํ นวนของประชากรผสู้ ูงอายทุ ีเกิดขึนอยา่ งต่อเนือง จนปริมาณของผูส้ ูงอายุ หรื อผูท้ ีมีอายุตังแต่ 60 ปี ขึนไป จะมีจํานวนมากกว่าหรือเท่ากับปริมาณของเด็กในสังคมไทยโดยรวม ปรากฏการณ์นีส่งผลให้แผนดาํ เนินการเกียวกบั การสนบั สนุนการใช้ชีวิตและใหค้ วามช่วยเหลือผูส้ ูงอายุของ สังคม เป็ นสิงทีตอ้ งนาํ มาดาํ เนินการอยา่ งเร่งด่วนและเป็ นรูปธรรมแบบยงั ยืน เพราะสภาพความเป็ นอย่แู ละวิถี ชีวติ ของการเป็ นสงั คมผสู้ ูงอายใุ นอนาคตอนั ใกลอ้ าจจะส่งผลกระทบต่อสภาพสงั คมโดยรวมและอาจเกิดปัญหา คุณภาพชีวติ ของผสู้ ูงอายอุ ยา่ งหลีกเลียงไดย้ าก ดงั นนั การนาํ ศิลปะการสือสารสุขภาพกบั ผสู้ ูงอายุภายใตบ้ ริบท นวตั กรรมการสือสารจากการพฒั นาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสารสมยั ใหม่เขา้ มาเป็ นตวั ช่วยเพือ ตอบสนองความตอ้ งการในการใชง้ านเทคโนโลยีทีสามารถสร้างเสริมและเพิมพูนคุณภาพชีวิตทีดีของผสู้ ูงอายุ ไทยจึงเป็ นสิงจาํ เป็ น รวมทงั การส่งเสริมใหเ้ กิดความตระหนกั และเห็นความสาํ คญั ของการเป็ นสังคมผูส้ ูงอายุ ของคนในสังคมไทย ดงั นันหนงั สือเล่มนีจึงไดน้ ําเสนอมุมมองและผลจากการศึกษาวิจยั เพือนาํ วิธีการสือสาร สุขภาพดว้ ยสือใหมซ่ ึงเขา้ มามีบทบาทในการช่วยเหลือผสู้ ูงอายใุ นดา้ นต่างๆ ทีสามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ต่อยอด ไดอ้ ยา่ งเป็ นรูปธรรมและเกิดผลดีอยา่ งจริงจังยงั ยืน รวมทงั ขอ้ เสนอทีสาํ คญั อีกประการ คือ ศิลปะหรือเทคนิค วธิ ีการสือสารของสมาชิกในครอบครัวของผสู้ ูงอายเุ องทีตอ้ งมีความเขา้ ใจอยา่ งลึกซึงถึงสภาพร่างกาย สภาพจิตใจ ของผูส้ ูงอายุในบา้ นว่ามีความต้องการต่างๆ ในชีวิตประจาํ วนั อะไรบ้างทีละเลยมิได้ อาทิ ความตอ้ งการให้ ลูกหลานมาดูแลเอาใจใส่ ถามไถ่สารทุกขส์ ุกดิบ ความตอ้ งการใหล้ ูกหลานสือสารกบั ตนเองเพือรับทราบข่าว คราวเรืองราวต่างๆ ทีเกิดขึนในสังคมในแต่ละวนั เป็ นต้น ดังนันเนือหาสาระในหนังสือเล่มนีจึงสามารถ ตอบสนองสิงต่างๆ เหล่านีไดเ้ ป็ นอยา่ งดี
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ฉ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ โดยประโยชน์ทีจะเกิดขึนต่อผอู้ า่ น ชุมชน สังคม ประเทศชาติ คือ การไดร้ ับความรูเรืองการใชว้ ธิ ีการ สือสารสุขภาพระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัวดว้ ยสือใหม่เพือการสือสารสุขภาพทีถูกตอ้ ง เหมาะสม มี ความสมั พนั ธ์ต่อการปรับเปลียนทศั นคติและพฤติกรรมระหว่างผูส้ ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัวสําหรับการใช้ ชีวติ ประจาํ วนั พฒั นาความสามารถในการแสดงความคิดเห็นตอ่ กรณีศึกษาต่างๆ ดา้ นการสือสารสุขภาพ พฒั นา ทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์เพือนาํ แนวคิดทฤษฎีต่างๆ ไปประยุกต์ใชใ้ นการสือสารสุขภาพระหว่าง ผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว โดยนกั ศึกษา นกั วชิ าการดา้ นการใชส้ ือเพือการสือสารสุขภาพ อาสาสมคั รดา้ น สาธารณสุขและประชาชนทวั ไปสามารถนาํ หลกั การและวธิ ีการจากหนงั สือเล่มนีไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดจ้ ริง นกั ศึกษา ในสาขาวชิ านิเทศศาสตร์ สาขาการสือสารสุขภาพ สาขานวตั กรรมการสือสารสังคม สาขาเทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสือสาร สาขาพยาบาลศาสตร์ สาขาสาธารณสุขศาสตร์ เป็ นตน้ สามารถนาํ หลกั การและวิธีการจาก หนงั สือเล่มนีไปใชเ้ ป็ นพืนฐานเพือต่อยอดขยายผลในการทาํ งานและการศึกษาวิจยั สามารถนาํ หลกั การแนวคิด ทฤษฎีจากเนือหาสาระในหนงั สือเล่มนีใชเ้ ป็ นแนวทางในการผลิตนกั สือสารสุขภาพทีมีความเขา้ ใจในการสือสาร ระหว่างผูส้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว มีความสามารถในการใชส้ ือใหม่ในรูปแบบต่างๆ สามารถสร้างสรรค์ เนือหาในการสือสารสุขภาพไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สามารถนาํ เนือหาสาระในหนงั สือเล่มนีไปใชป้ ระกอบอาชีพได้ หลากหลายหน่วยงานทงั ภาครัฐและเอกชน โดยใชห้ ลกั การและแนวคิดไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทาํ งานดา้ นสือสาร สุขภาพทงั ในฐานะนกั บริหารจดั การการสือสารสุขภาพ นกั วางแผนการสือสารสุขภาพ นกั วชิ าการสือสารสุขภาพ ตลอดจนนักปฏิบตั ิการเชิงวิชาชีพทางการสือสารสุขภาพ เพือขบั เคลือนวิธีการสือสารสุขภาพให้เหมาะสมกบั นวตั กรรมการสือสารในศตวรรษที 21 คือ การใชส้ ือใหม่ ทีจะส่งผลดีในทุกระดบั ชนั ของสังคม คือ เริมตน้ ตงั แต่ ระดบั ปัจเจกบุคคล ไดแ้ ก่ ผูส้ ูงอายุ ลูกหลาน ระดบั ต่อมาคือ ระดบั สถาบนั ครอบครัว ไดแ้ ก่ ผูส้ ูงอายกุ บั สมาชิก ในทุกครอบครัวทุกคน ระดบั ต่อมา คือ ภายในชุมชน ทอ้ งถินทีจะไดร้ ับประโยชน์จากการทีผูส้ ูงอายุมีสุขภาพ ร่างกายและสภาพจิตใจทีมีคุณภาพทีดี ระดบั สุดทา้ ย คือ สงั คมและประเทศชาติ ทีจะขบั เคลือนทุกองคาพยพไป ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เพราะประชากรของสังคมไทยในทุกครอบครัวมีความผาสุกและมีคุณภาพชีวิตทีดีอยา่ ง เป็ นรูปธรรมทีชดั เจนและยงั ยนื ผเู้ ขียนไดน้ าํ ประสบการณ์จากการทาํ งานทีเกียวขอ้ งกบั การสือสารและใช้ “สือใหม่” ในฐานะของการ เป็ นสือมวลชน เป็ นนกั จดั รายการวทิ ยแุ ละรายการโทรทศั น์ มาตงั แต่ ปี พ.ศ. 2531 จนถึงปัจจุบนั รวมทงั การเป็นผู้ ส่งสารและผรู้ ับสารในครอบครัวทีมีลูก หลานและผสู้ ูงอายอุ ยใู่ นครอบครัวเดียวกนั นอกจากนนั ผเู้ ขียนยงั ไดน้ าํ ประสบการณ์จากการทาํ งานดา้ นการสือสารสุขภาพกบั เครือข่ายกลุ่มคนทาํ งานดา้ นสาธารณสุข ทงั งานประจาํ และงานอาสาสมคั ร มาตงั แต่ปี พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบันกบั หน่วยงานองค์กรต่างๆ อาทิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สถาบนั การศึกษาในระดบั มธั ยมศึกษาและมหาวิทยาลยั ละหน่วยงานอืนๆ ทีเกียวขอ้ ง ที สาํ คญั คือ ผเู้ ขียนไดผ้ า่ นประสบการณ์จริงจากการะบวนการสือสารสุขภาพภายในครอบครัว การไดร้ ับรู้ถึงความ เจ็บป่ วยของผูส้ ูงอายใุ นบา้ น คือ คุณพ่อทวี ศิริเจริญและคุณแม่ทิพวรรณ ศิริเจริญ การช่วยกนั กบั พีชายเพือดูแล สุขภาพคุณพ่อและคุณแม่ ตงั แต่ทงั สองคนเริมสูงอายุ จนเกิดอาการเจ็บป่ วยต่างๆ และจนถึงวาระสุดทา้ ยของทงั สองคน
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ช การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ หลงั จากเหตุการณ์เหล่านี ทาํ ให้ผูเ้ ขียนตระหนักไดว้ า่ การสือสารเพือมุ่งเน้นประโยชน์เกียวกบั การ สือสารดา้ นสุขภาพ ในการใหข้ อ้ มูลเชิงการป้องกนั และเชิงการแกไ้ ขดูแลรักษาสุขภาพกบั คุณพอ่ คุณแม่คุณป่ ูคุณ ยา่ คุณตาคุณยายในฐานะผูส้ ูงอายใุ นบา้ นเป็ นสิงสําคญั มากสําหรับทุกครอบครัว อีกทงั วิธีการสือสารระหว่าง บุคคลทงั ในรูปแบบเห็นหนา้ กนั และผา่ นอปุ กรณ์สือสารหรือสือใหม่ทีเป็ นนวตั กรรมการสือสารซึงพฒั นาขึนเป็ น อยา่ งมากเพอื การดูแลสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของผสู้ ูงอายใุ นบา้ นกส็ าํ คญั มากเช่นกนั เนืองดว้ ยวิถีชีวติ ของ คนในยคุ ปัจจุบนั นีทีตอ้ งทาํ งานแข่งกับสภาพแวดลอ้ มรอบตวั ทีไม่ค่อยเอือต่อคุณภาพชีวิตทีดีมากนัก สภาพ การจราจรทีติดขดั ความร้อนจากสภาพอากาศความร้อนจากรถยนตแ์ ละควนั พิษจากท่อไอเสียบนทอ้ งถนน มลพษิ จากฝ่ นุ ละออง กลินเหมน็ นาํ เน่าเสีย ขยะมูลฝอยทีกระจายอยตู่ ามพืนทีต่างๆ การใชช้ ีวติ อยา่ งนีอยทู่ ุกวนั ตงั แต่เชา้ จนคาํ การพบปะพูดคุยในเรืองสาเหตุทีมาของอาการเจ็บป่ วยยงั นอ้ ยเกินไป การสือสารระหว่างสมาชิก ในบา้ นกบั มิติดา้ นการดูแลสภาพจิตใจยงั ไม่เพยี งพอเท่าทีควรเป็ น ปัญหาส่วนหนึงเกิดจากช่วงเวลาทีผา่ นมายงั ไม่ มีอุปกรณ์เทคโนโลยดี า้ นการสือสารหรือนวตั กรรมการสือสารทีช่วยใหก้ ารสือสารกบั ผสู้ ูงอายใุ นบา้ นสะดวกและ งา่ ยดายมากขึนแมต้ อ้ งทาํ งานประจาํ ตงั แต่เชา้ จรดเยน็ อยา่ งเช่นทุกวนั นี เมือผูเ้ ขียนได้พบกบั ประสบการณ์ดงั กล่าวมา จึงเป็ นแรงบนั ดาลใจสําคัญให้ผูเ้ ขียนรวบรวมขอ้ มูล รวมทงั งานวจิ ยั ต่างๆ ทีเกียวขอ้ ง เพือใชเ้ ป็ นรากฐานในการเขียนหนังสือเล่มนีขึนมาโดยมุ่งเนน้ นาํ เสนอขอ้ มูล เจาะลึกในแง่มุมทีจะก่อให้เกิดการนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ต่อยอดได้อยา่ งเป็ นจริงและเขา้ กบั วิถีชีวิตความเป็ นอยู่ ภายใตว้ ฒั นธรรมของสงั คมไทยทีมีลกั ษณะเฉพาะของเราเอง รวมทงั การนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ดา้ นการศึกษาของนกั ศึกษาทีเรียนดา้ นนิเทศศาสตร์ ดา้ นการใชศ้ ิลปะการ สือสารสุขภาพ นวตั กรรมการสือสารเพอื การพฒั นาคุณภาพชีวติ ทีดีขึนกวา่ เดิม และมุ่งเนน้ ไปทีกลุ่มผูส้ ูงอายแุ ละ สมาชิกในครอบครวั เป็ นสาํ คญั โดยหวงั วา่ จะก่อใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ ผอู้ ่านทงั วยั รุ่น วยั ผูใ้ หญ่และวยั ผูส้ ูงอายุ ให้ ทุกคนอยกู่ นั อยา่ งผาสุกและมีความสุขกายสุขใจในทุกๆ วนั ณัฐนนั ท์ ศิริเจริญ มถิ ุนายน 2559
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ซ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ หนงั สือเลม่ นีเสร็จสมบูรณ์ขึนมาไดอ้ ยา่ งทีผเู้ ขียนวางแผนงานไว้ เพราะปัจจยั แวดลอ้ มหลายประการ ซึงผเู้ ขียนตอ้ งขอกราบขอบพระคณุ และขอบคุณ ไว้ ณ ทีนี ไดแ้ ก่ 1) รองศาสตราจารย์ ดร.กมลรฐั อนิ ทรทศั น์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.ปิ ยฉตั ร ลอ้ มชวการ จากศูนยว์ จิ ยั การจดั การความรู้การสือสารและการพฒั นา มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช ซึงเป็ นศูนยว์ ิจยั เฉพาะ ทางทีอยภู่ ายใตก้ ารกาํ กบั ดูแลของสถาบนั วิจยั และพฒั นา มสธ. เป็ นผูใ้ ห้การสนับสนุนในดา้ นการให้คาํ ปรึกษา ทางดา้ นวชิ าการและการใหข้ อ้ ชีแนะทางดา้ นวชิ าการ 2) ผบู้ ริหารและผูเ้ กียวขอ้ งทุกฝ่ ายจากมหาวทิ ยาลยั หวั เฉียวเฉลมิ พระเกียรติ ไดแ้ ก่ รองศาสตราจารย์ ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดี ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วุฒิพงษ์ ทองก้อน ผูอ้ าํ นวยการสํานักพฒั นาวิชาการ รวมทงั คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ เพือนคณาจารยแ์ ละทีมเลขานุการ ทีม สนบั สนุนจากสาํ นกั พฒั นาวชิ าการ มฉก. และผทู้ ีมีส่วนเกียวขอ้ งอืนๆ ทกุ หน่วยงาน 3) แหล่งขอ้ มลู ต่างๆ ของครู อาจารย์ ผูร้ ู้ นกั ปราชญจ์ าํ นวนมาก ทีเขียน บนั ทึก แสดงความคิดเห็น วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ขอ้ มูลทีเกียวขอ้ งเอาไวใ้ นรูปแบบของวรรณกรรมต่างๆ ทีผเู้ ขียนไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ อยา่ งละเอียด เพือนาํ มาใชป้ ระกอบเป็ นเนือหาส่วนสาํ คญั สาํ หรบั การเขียนหนงั สือเล่มนี 4) ผทู้ รงคุณวฒุ ิ นกั วชิ าการ นกั วชิ าชีพ ทีเมตตาต่อผเู้ ขียนและช่วยกรุณาชีแนะ บอกสอน ให้ขอ้ สงั เกต วพิ ากษว์ จิ ารณ์เนือหารายละเอยี ดต่างๆ เพอื นาํ ไปปรับปรุงแกไ้ ขจนสรุปออกมาเป็นหนงั สือเล่มนี 5) นกั ศึกษา สือมวลชน นกั วชิ าชีพ นกั สาธารณสุขและกล่มุ ตวั อยา่ งทุกกล่มุ ในงานวจิ ยั ประกอบการ เขียนหนงั สือเล่มนี ทีกรุณาให้ขอ้ มูลทีเป็ นประโยชน์และผูเ้ ขียนไดน้ าํ มาศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์ สกดั ออกมา เป็ นองคค์ วามรู้ใหม่ทีบรรจุอยใู่ นหนงั สือเล่มนี 6) พระคุณของคุณพอ่ ทวี ศิริเจริญ คุณแม่ทิพวรรณ ศิริเจริญ และบุตร-หลาน รวมทงั ญาติกาของ ผเู้ ขียนทุกผทู้ ุกนาม เพอื นคริสเตียน คู่ชีวิตผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วรลกั ษณ์ วงศ์โดยหวงั ศิริเจริญและครอบครัว ทีทุกคนเป็ นกาํ ลงั ใจสาํ คญั ทีช่วยเป็ นแรงผลกั ดนั ใหผ้ เู้ ขียนมีความม่งุ มนั ทาํ งานเขียนหนงั สือเล่มนีจนเสร็จสมบรู ณ์ ในทีสุด 7) ขอบคุณพระเกียรติคุณของพระเจา้ ทีอวยพระพรเสริมสติปัญญาและเสริมกาํ ลงั ใหผ้ เู้ ขียนมาโดย ตลอด ตามแผนการของพระเจา้ เอเมน ณัฐนนั ท์ ศิริเจริญ กรกฎาคม 2559
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ฌ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ญ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบญั หน้า คํานํา ครังที 2 ข ง คํานํา ครังที 1 ซ กติ ตกิ รรมประกาศ ญ ฑ สารบัญ ณ 1 สารบญั ตาราง 2 สารบัญภาพ 3 บทที 1 สถานการณ์ขององค์ความรู้ด้านการสือสารสุขภาพ 5 1.1 สถานการณ์ขององคค์ วามรู้ดา้ นการสือสารสุขภาพ 1.2 จดุ เริมตน้ ทีทาํ ใหค้ นสนใจศึกษาเรืองการสือสารสุขภาพ 10 1.3 ความสาํ คญั ของการสือสารสุขภาพ 21 1.4 ความหมายของคาํ สําคญั ทีเกียวขอ้ ง 1.5 การสือสารสุขภาพและประเดน็ ความสนใจในการศึกษาวจิ ยั 24 เกียวกบั การสือสารสุขภาพในตา่ งประเทศ 32 1.6 การสือสารสุขภาพและการใหบ้ ริการสุขภาพในประเทศไทย 1.7 ปัจจยั ทีแสดงใหเ้ ห็นถึงความสาํ คญั ของการสือสารสุขภาพ ระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครวั 1) ปัจจยั ทีสืบเนืองมาจากการเปลียนแปลงโครงสร้างประชากรทีเขา้ สู่สังคมผสู้ ูงอายุ 2) ปัจจยั ดา้ นการเปลียนแปลงของรูปแบบครอบครัวทีส่งผลกระทบ ตอ่ ผสู้ ูงอายุ 3) ปัจจัยทีสภาวะความเปลียนแปลงด้านร่างกายและจิตใจของ ผสู้ ูงอายุ 4) ปัจจยั ดา้ นเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข หรือ (Health Economics) ทีมีความจาํ เป็นตอ้ งเปลียนกระบวนทศั น์มาสู่ “การสร้างนาํ ซ่อม”
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ฎ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบญั (ต่อ) หน้า 66 บทที 2 งานศึกษาวิจัยและสํารวจข้อมูลเกยี วกบั การสือสารสุขภาพ 67 2.1 ปัจจยั แวดลอ้ มทีเกียวขอ้ งกบั การศึกษาวจิ ยั ดา้ นการสือสารสุขภาพ 78 2.2 งานศึกษาเชิงสาํ รวจในกลุ่มนกั ศึกษาพยาบาล ซึงตอ้ งเรียนจบออกไปปฏิบตั ิ หนา้ ทีอนั เกียวขอ้ งกบั การสือสารสุขภาพกบั ประชาชนโดยทวั ไปและกบั กลุ่ม 89 ผสู้ ูงอายดุ ว้ ย เป็ นการทาํ งานในฐานะเป็น “นกั สือสารสุขภาพ” หรือใน 98 กระบวนการสือสาร คือ การทาํ หนา้ ทีบทบาทของ “ผสู้ ่งสาร” (Sender) 112 2.3 ผลการศึกษาวจิ ยั หลกั สูตรตน้ แบบการพฒั นานกั สือสารสุขภาพ 2.4 งานวจิ ยั การสือสารสุขภาพในประเทศไทยโดยผเู้ ขยี นและนกั วจิ ยั อืนๆ 132 ประเด็นทีเกียวขอ้ งกบั กระบวนการสือสาร ดา้ น “ผสู้ ่งสาร” (Sender) 2.5 งานวจิ ยั การสือสารสุขภาพในตา่ งประเทศโดยผเู้ ขียนและนกั วิจยั คนอนื ๆ 144 ประเดน็ ทีเกียวขอ้ งกบั กระบวนการสือสาร ดา้ น“ผสู้ ่งสาร”(Sender) และ 145 “ช่องทางการสือสาร” (Channel) ดว้ ยการใชส้ ือใหมเ่ พอื ส่งเสริมคุณภาพ 149 ชีวิตของผสู้ ูงอายุ 162 2.6 งานวจิ ยั การสือสารสุขภาพประเดน็ ทีเกียวขอ้ งกบั กระบวนการสือสาร 170 ดา้ น “เนือหาสาร” (Message) “ช่องทางการสือสาร” (Channel) และ “ผรู้ ับสาร” (Receiver) บทที 3 การใช้ศิลปะการสือสารสุขภาพระหว่างผู้สูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว 3.1 ความรู้พนื ฐานเกียวกบั ผูส้ ูงอายเุ พือใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพในการดูแล สุขภาพกายและสุขภาพจิตในชีวติ ประจาํ วนั อยา่ งมีประสิทธิภาพ 3.2 การใชศ้ ิลปะการสือสารเขา้ มาช่วยในการสือสารสุขภาพระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว 3.3 การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพตามแนวคิดทฤษฎีการดูแลของ จีน วตั สนั (Jean Watson’s Caring Theory) 3.4 การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพ “สุนทรียสนทนา” (Dialogue) ตามแนวทาง ของเดวดิ โบม (David Bohm) จาก Bohm Dialogue or Bohmian Dialogue or Dialogue in the Spirit of David Bohm (Bohm, D. 1997)
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ฏ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบญั (ต่อ) หน้า 3.5 การเปลียนแปลงดา้ นสุขภาพกายของผสู้ ูงอายุ 173 3.6 การเปลียนแปลงดา้ นสุขภาพจติ ของผสู้ ูงอายุ 175 3.7 ประโยชน์ของการทาํ ความเขา้ ใจกบั สุขภาพกายและสุขภาพจิต 185 3.8 ขอ้ เสนอแนวคิดและวธิ ีการใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพโดยผเู้ ขียน 194 195 1) แบบจาํ ลององคป์ ระกอบสาํ หรับการใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพเพือ ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว 200 ใหม้ ีประสิทธิภาพ 204 205 2) การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพดว้ ย “การพูด” เพอื โนม้ นา้ วใจผรู้ ับสาร 205 3) การใชข้ อ้ ดีของศิลปะ “การพูด” เพือทาํ ใหเ้ กิดผลสมั ฤทธิ 205 4) การใชศ้ ิลปะการพูดในรูปแบบบรรยายโวหาร 205 5) การใชศ้ ิลปะการพดู ในรูปแบบอธิบายโวหาร 205 6) การใชศ้ ิลปะการพดู ในรูปแบบวจิ ารณ์โวหาร 207 7) การใชศ้ ิลปะการพดู ในรูปแบบพรรณนาโวหาร 8) การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพดว้ ยเทคนิค “การฟัง”ทีมีประสิทธิภาพ 209 9) การพฒั นาทกั ษะศิลปะการสือสารสุขภาพในรูปแบบอนื ๆ ทีดีควบคู่ 218 ไปดว้ ย 10) การใชแ้ นวคิดจากทฤษฎีรูปแบบการสือสารในครอบครัว 219 224 (Family Communication Patterns) 226 บทที 4 การใช้สือใหม่เพอื การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผู้สูงอายกุ บั สมาชิก 238 ในครอบครัว 4.1 ทีมาของสือใหม่ 4.2 ความหมายของ “สือใหม”่ 4.3 ตวั อยา่ งของ “สือใหม่”ทีสาํ คญั และผใู้ ชส้ ่วนใหญ่มกั ใชง้ านเป็ นประจาํ 4.4 การศึกษานาํ ร่องของผเู้ ขียนเพอื ทดสอบแนวคดิ การนาํ “สือใหม”่ มาใชเ้ พอื การสือสารสุขภาพสาํ หรับการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต ของสมาชิกในครอบครัว
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ฐ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบญั (ต่อ) หน้า 4.5 ประเดน็ ความตอ้ งการของผสู้ ูงอายเุ กียวกบั ขอ้ มูลดา้ นสุขภาพตา่ งๆ 249 4.6 แนวคิดจากปรากฏการณ์ทางสงั คมและผลการวจิ ยั เกียวกบั การใชส้ ือใหม่ 261 4.7 การนาํ สือใหม่มาใชป้ ระโยชนส์ าํ หรับการสือสารสุขภาพระหวา่ ง 272 ผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว 276 บทที 5 ข้อเสนอแนวคดิ และวิธกี ารสือสารสุขภาพในสือใหม่ผ่านโทรศัพท์มือถือ 277 ประเภทสมาร์ทโฟนเพือดแู ลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้สูงอายุกบั สมาชิก 282 ในครอบครัว 286 5.1 รูปแบบการสือสารพืนฐานทีสาํ คญั 2 รูปแบบ 287 5.2 ประโยชนข์ องการใชส้ ือออนไลนห์ รือสือสงั คมเพอื การสือสารสุขภาพ 288 5.3 หลกั การและเหตุผลในการจดั ทาํ แอปพลิเคชนั เพอื การสือสารสุขภาพ 5.4 วตั ถุประสงคใ์ นการจดั ทาํ แอปพลิเคชนั เพอื การสือสารสุขภาพ 300 5.5 แนวคิดในการจดั ทาํ แอปพลิเคชนั (Application) 306 315 เพอื การสือสารสุขภาพ “สุขภาพดี….เมือมีอาจารยโ์ ด่ง” 324 5.6 แนวคิดในการจดั ทาํ บล็อก (Blog) เพอื การสือสารสุขภาพ 329 5.7 แนวคิดในการจดั ทาํ เฟซบุก๊ (Facebook) เพอื การสือสารสุขภาพ 5.8 แนวคิดในการจดั ทาํ ไลน์ (Line) เพอื การสือสารสุขภาพ 339 5.9 แนวคิดในการจดั ทาํ ยทู ูบ (Youtube) เพือการสือสารสุขภาพ 356 5.10 การสร้างกลุ่มและเครือข่ายทางสังคมออนไลน์ระหว่างผสู้ ูงอายดุ ว้ ยกนั 380 394 เพอื การแบง่ ปันขอ้ มูลสุขภาพ บรรณานุกรม ดชั นี ภาคผนวก สรุปรวมข้อมูลศิลปะในการสือสารสุขภาพกบั ผ้สู ูงอายใุ นครอบครัว ประวตั ิผู้เขียน
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ฑ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบัญตาราง หน้า ตารางที 1.1 แสดง “จตั ุรัสสุขภาวะ” หรือ “สุขภาวะ 4 มติ ิ” 4 ตารางที 1.2 แสดงสุขภาวะทีสมบูรณ์ สุขภาวะ 4 x 4 = 16 8 ตารางที 1.3 แสดงขอ้ มูลประเด็นหวั ขอ้ เรืองสือสารสุขภาพทีมีการศึกษาไล่เรียงตามลาํ ดบั 22 ตารางที 1.4 แสดงประเดน็ ความสนใจในการศึกษาวจิ ยั เกียวกบั การสือสารสุขภาพใน 23 ต่างประเทศ 25 ตารางที 1.5 รูปแบบการสือสารสุขภาพเพอื การใหบ้ ริการสุขภาพดา้ นการรกั ษาพยาบาล 35 ในประเทศไทยดว้ ยการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยแ์ ผนปัจจุบนั 38 ตารางที 1.6 แสดงอนั ดบั ปัญหาสุขภาพจิตในผสู้ ูงอายุ 44 ตารางที 1.7 แสดงสดั ส่วนครอบครัวประเภทตา่ งๆ ในปี 2556 51 ตารางที 1.8 แสดงรูปแบบของครอบครัวไทย 79 ตารางที 1.9 แสดงการแบง่ ระดบั ความรุนแรงของการเสียการไดย้ นิ ตารางที 2.1 แสดงขอ้ มูลเกียวกบั สิงใดทีนกั ศึกษาพยาบาลเครียดและวติ กกงั วลมากทีสุด 83 84 ถา้ ตอ้ งออกไปปฏิบตั ิหนา้ ทีในการดูแลผูป้ ่ วย 89 ตารางที 2.2 แสดงความเป็ น “พยาบาล 3 ผ”ู้ เรียงลาํ ดบั จากมากไปหานอ้ ย 91 ตารางที 2.3 แสดงขอ้ สรุปคุณสมบตั ิของ “พยาบาลในดวงใจ” ทีกลุ่มผใู้ หข้ อ้ มูลชืนชอบ 93 ตารางที 2.4 แสดงรายวชิ าในหลกั สูตรตน้ แบบการพฒั นานกั สือสารสุขภาพ 99 ตารางที 2.5 แสดงลกั ษณะกระบวนการสือสารทีจะก่อให้เกิดผลสมั ฤทธิ 3 ระยะ 101 ตารางที 2.6 รายละเอยี ดกลยทุ ธ์ในการสนบั สนุนการจดั การตนเอง 103 ตารางที 2.7 แสดงปัญหาพฤติกรรมของคนในทอ้ งถินทีส่งผลกระทบตอ่ สุขภาพ ตารางที 2.8 ขอ้ เสนอแนะดา้ นการดาํ เนินงานสือสารสุขภาพกบั ชุมชน 112 ตารางที 2.9 แสดงองคป์ ระกอบทางการสือสาร 5 ประการ ตามทฤษฎี “ปัญจางค”์ (Pentad) โดย Kenneth Burke (1972) ตารางที 2.10 แสดงการใชโ้ ซเชียลมีเดียผา่ นอปุ กรณ์โทรศพั ทม์ ือถือเพอื เป็นช่องทางการ สือสารโดยเลือกใชส้ ือใหมใ่ นรูปแบบตา่ งๆ เรียงตามลาํ ดบั จากมากไป หานอ้ ย
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ฒ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบญั ตาราง (ต่อ) หน้า 117 ตารางที 2.11 แสดงเหตุผลทีกลุ่มผใู้ ห้ขอ้ มูลยงั ไม่คอ่ ยสือสารสุขภาพกบั ผูส้ ูงอายแุ ละ 117 สมาชิกในครอบครัว 176 210 ตารางที 2.12 แสดงขอ้ เสนอแนะของกลุ่มผใู้ หข้ อ้ มูลเกียวกบั วธิ ีการสือสารสุขภาพกบั 240 ผสู้ ูงอายุ 241 ตารางที 3.1 แสดงถึงปัญหาสุขภาพจิตทีพบบอ่ ยในผสู้ ูงอายุ 244 ตารางที 3.2 แสดงรูปแบบการสือสารในครอบครัว ตารางที 4.1 แสดงค่าระดบั ความพึงพอใจหรือประโยชน์ทีไดร้ บั 265 ตารางที 4.2 แสดงการใชส้ ือใหม่ของผใู้ หข้ อ้ มูล เช่น ไลน์ เฟซบุก๊ ยทู ูบ อินสตาแกรม ผา่ นอุปกรณ์โทรศพั ทม์ อื ถือประเภทสมาร์ทโฟนเพอื การดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพจิตระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัวนนั ผใู้ ชไ้ ดร้ ับ ความพงึ พอใจและไดร้ ับประโยชน์ รวมทงั ความรู้สึกใกลช้ ิดกนั ในระดบั ใด ตารางที 4.3 แสดงการใชส้ ือใหม่ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก ยทู ูบ อนิ สตาแกรม ผา่ นอุปกรณ์ โทรศพั ทม์ อื ถือประเภทสมาร์ทโฟนเพอื การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต ระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัวนนั ในประเด็นเรืองของความ สะดวก ในการใชง้ าน ความง่ายในการเรียนรู้การใชง้ าน ความรวดเร็วในการ สือสารถึงกนั ความประหยดั งบประมาณค่าใชจ้ ่ายและอืนๆ (ถา้ มี) ผสู้ ูงอายุ รู้สึกพงึ พอใจอยใู่ นระดบั ใด ตารางที 4.4 แสดงระยะเวลาของผใู้ ชอ้ ินเทอร์เน็ตตอ่ วนั ในประเทศไทย
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ณ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบัญภาพ หน้า 44 ภาพที 1.1 แสดงรูปแบบของครอบครัวไทย 79 ภาพที 2.1 แสดงขอ้ มูลเกียวกบั สิงทีนกั ศึกษาพยาบาลเครียดและวติ กกงั วล 83 86 ถา้ ตอ้ งออกไปปฏิบตั ิหนา้ ทีในการดูแลผปู้ ่ วย 87 ภาพที 2.2 แสดงขอ้ มูลความเป็นอะไรมากทีสุดในหวั ขอ้ “พยาบาล 3 ผ”ู้ 88 คือ 2.1 ผนู้ าํ 2.2 ผูต้ าม 2.3 ผูใ้ ห้ 120 ภาพที 2.3 บรรยากาศการฝึกอบรมและเกบ็ ขอ้ มูลเชิงสาํ รวจกบั กลุ่มนกั ศึกษาพยาบาลของ 121 122 ผูเ้ ขียน 123 ภาพที 2.4 บรรยากาศการฝึกอบรมและเกบ็ ขอ้ มูลเชิงสาํ รวจโดยแบ่งนกั ศึกษาออกเป็นกลุ่ม 124 125 และใหโ้ จทยป์ ัญหาดา้ นการสือสารสุขภาพเพอื แต่ละกลุ่มช่วยกนั คิดแกไ้ ข 126 โดยแสดงออกมาเป็ นคาํ ตอบทางออกของปัญหาจากบทบาทสมมตุ ิ 135 ภาพที 2.5 บรรยากาศการฝึ กอบรมและนกั ศึกษาจาํ ลองเหตุการณ์ทีเกิดขึน โดยใชว้ ธิ ีการสือสารสุขภาพในการแกป้ ัญหา ภาพที 2.6 แสดงบรรยากาศของการเขา้ ปรึกษาผทู้ รงคุณวฒุ ิเพอื ดาํ เนินงานวจิ ยั ในต่างประเทศ ภาพที 2.7 แสดงบรรยากาศของการลงสนามวจิ ยั เพอื เก็บขอ้ มูลกบั กลุ่มผใู้ หข้ อ้ มูล ในตา่ งประเทศ ภาพที 2.8 แสดงบรรยากาศของการเกบ็ ขอ้ มูลวจิ ยั กบั กลุ่มผใู้ ห้ขอ้ มูลทีมี ความแตกตา่ งหลากหลายของคุณลกั ษณะประชากรในต่างประเทศ ภาพที 2.9 แสดงบรรยากาศของการเกบ็ ขอ้ มูลวจิ ยั กบั กลุ่มผใู้ ห้ขอ้ มูลซึงอยใู่ นพนื ที ศึกษาและอยใู่ นวยั ทีแตกตา่ งกนั ในตา่ งประเทศ ภาพที 2.10 แสดงบรรยากาศของการเก็บขอ้ มูลวจิ ยั ในรูปแบบสมั ภาษณ์พดู คุย แบบเจาะลึกกบั ผใู้ หข้ อ้ มูลทีเป็นผสู้ ูงอายใุ นตา่ งประเทศ ภาพที 2.11 แสดงบรรยากาศของการเกบ็ ขอ้ มูลวิจยั กบั ผูท้ รงคุณวฒุ ิในตา่ งประเทศ ภาพที 2.12 แสดงบรรยากาศของการเก็บขอ้ มูลวจิ ยั กบั กลุ่มผูท้ รงคุณวฒุ ิและนกั ศึกษา ในตา่ งประเทศ ภาพที 2.13 Maslow's hierarchy of human needs
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ด การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบัญภาพ (ต่อ) หน้า 156 ภาพที 3.1 ผเู้ ขียนกาํ ลงั บรรยายขอ้ มูลเกียวกบั การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพ 157 เพอื การสือสารความเสียงและภยั สุขภาพ 158 ภาพที 3.2 ผเู้ ขียนกาํ ลงั รวบรวมขอ้ มูลจากแต่ละจงั หวดั วา่ มีภยั จากโรคอะไรเกิดขึน 159 ในพนื ทีมากทีสุดเพอื นาํ ไปสู่การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพเขา้ ไปช่วยแกไ้ ข 160 ภาพที 3.3 ผเู้ ขยี นกาํ หนดโจทยใ์ ห้ผเู้ ขา้ ร่วมประชุมแบง่ กลุ่มเพือแลกเปลียนความรู้ 161 และประสบการณ์ของกนั และกนั เพอื นาํ ไปสู่การใชศ้ ิลปะการสือสาร 161 สุขภาพเขา้ ไปช่วยแกไ้ ข 195 ภาพที 3.4 ผเู้ ขา้ ร่วมประชุมแตล่ ะกลุ่มไดท้ าํ การแลกเปลียนความรู้และประสบการณ์ 221 ของกนั และกนั เพอื นาํ ไปสู่การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพเขา้ ไปช่วยแกไ้ ข 222 ภาพที 3.5 ผเู้ ขา้ ร่วมประชุมเป็นผทู้ ีมีความรู้และประสบการณ์ดา้ นการใชศ้ ิลปะ การสือสารสุขภาพเขา้ ไปช่วยแกไ้ ขใหป้ ระชาชนมานานหลายปี จงึ มีมุมมองในการแกไ้ ขปัญหาทีหลากหลาย ภาพที 3.6 ผเู้ ขียนรับมอบของทีระลึกจากคุณสุภาพร พุทธรัตน์ รองผูอ้ าํ นวยการ สคร.3 ชลบุรี ภาพที 3.7 ผเู้ ขียนกบั ผเู้ ขา้ ร่วมประชุมเพอื แลกเปลียนความรู้และประสบการณ์ ของกนั และกนั เพอื นาํ ไปสู่การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพเขา้ ไป ช่วยแกไ้ ขปัญหาทีเกิดขึนในแตล่ ะจงั หวดั ภาพที 3.8 แบบจาํ ลององคป์ ระกอบสาํ หรับการใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพ เพอื ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ภาพที 4.1 เครืองถอดรหสั อีนิกม่า (Enigma) ภาพที 4.2 สิงประดิษฐซ์ ึงถือไดว้ า่ เป็น “คอมพวิ เตอร์เครืองแรก” ของโลก “โคลอสซสั ” (Colossus)
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ต การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบัญภาพ (ต่อ) หน้า 253 ภาพที 4.3 แสดงตวั อยา่ งเนือหาสาระสาํ หรับการสือสารสุขภาพทีเป็นการใหข้ อ้ มลู ในมิติ 254 ต่างๆ สําหรับการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั ลูกสาว และผเู้ ขียนซึงเป็ นสมาชิกในครอบครัวเดียวกนั และส่งขอ้ มูลสุขภาพใหก้ นั ผา่ น 255 ทางกลุ่มไลน์ โดยสามารถส่งสารไดท้ งั การพมิ พข์ อ้ ความและ Link ไปยงั สือ 256 Multimedia เรือง ทาํ ไมผสู้ ูงอายเุ ป็นโรคไตทงั ๆ ทีไมก่ ินเคม็ และ เรือง ผสู้ ูงวยั อยบู่ า้ นคนเดียวตอ้ งระวงั มากๆ ภาพที 4.4 แสดงตวั อยา่ งเนือหาสาระสาํ หรับการสือสารสุขภาพทีเป็นการใหข้ อ้ มูลในมิติ ตา่ งๆ สาํ หรับการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั ลูกสาว และผเู้ ขยี นซึงเป็ นสมาชิกในครอบครัวเดียวกนั และส่งขอ้ มูลสุขภาพใหก้ นั ผา่ น ทางกลุ่มไลน์ โดยสามารถส่งสารไดท้ งั การ Share ขอ้ มลู สุขภาพและสติกเกอร์ แสดงค่าแทนความหมายของอารมณ์ตา่ งๆ เช่น เด็กยมิ มีรูปหวั ใจ 3 ดวงลอย อยดู่ า้ นบน แสดงออกถึงอารมณ์กาํ ลงั ส่งรอยยมิ แห่งความดีใจไปใหผ้ รู้ ับ หรือ ตวั การ์ตูนกาํ ลงั ยกนิวโป้ง แสดงออกถึง คาํ ชมวา่ ขอ้ มูลสาระทีส่งมาใหย้ อด เยยี มมาก เป็ นตน้ ภาพที 4.5 แสดงตวั อยา่ งเนือหาสาระสาํ หรับการสือสารสุขภาพทีเป็นการใหข้ อ้ มูลดา้ น เวชศาสตร์ชะลอวยั จากนายแพทยจ์ ริงทีนาํ เสนอผา่ นสือโซเชียลมีเดียและ ขอ้ มูลการกินผลไมใ้ นตอนทอ้ งวา่ ง สาํ หรับการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต ระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัวเดียวกนั และส่งขอ้ มูลสุขภาพใหก้ นั ผา่ นทางกลุ่มไลน์ โดยสามารถส่งสารไดท้ งั การ Share และสติกเกอร์แสดง ค่าแทนอารมณ์ต่างๆ ภาพที 4.6 แสดงตวั อยา่ งเนือหาสาระเพอื การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตระหวา่ ง ผสู้ ูงอายแุ ละสมาชิกในครอบครัว โดยใชร้ ูปแบบการนาํ เสนอขอ้ มลู ดว้ ย ขอ้ ความพร้อม Link ไปยงั Youtube เป็นตน้ ซึงทงั สองฝ่ ายสามารถ นาํ ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ ริง เช่นในภาพ คือ เรือง 6 อาการทีอนั ตรายถึงชีวติ ที คุณไมค่ วรมองขา้ ม
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ถ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบัญภาพ (ต่อ) หน้า 257 ภาพที 4.7 แสดงหนา้ จอของโทรศพั ทม์ อื ถือประเภทสมาร์ทโฟน ซึงมีโปรแกรมประยุกต์ ตา่ งๆ ใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถเลือกใชป้ ระโยชนไ์ ดต้ ามความตอ้ งการ โดยผูส้ ูงอายุ 289 สามารถเรียนรู้การใชง้ านไดง้ ่าย ไม่ยงุ่ ยาก นบั เป็นนวตั กรรมการสือสารใน 289 โลกยคุ ดิจทิ ลั ทีมีสือใหม่พร้อมทงั อุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์เป็นเครืองมือสือสาร 290 ทีเหมาะสม 291 292 ภาพที 5.1 แสดงตวั อยา่ งการสร้างแอปพลิเคชนั “สุขภาพดี….เมือมีอาจารยโ์ ด่ง” 293 ในรูปแบบ Free App Maker 295 ภาพที 5.2 แสดงตวั อยา่ งรายละเอียดเพอื การสร้างแอปพลิเคชนั “สุขภาพดี….เมือมี 296 อาจารยโ์ ด่ง” ในรูปแบบ Free App Maker 297 ภาพที 5.3 แสดงตวั อยา่ งขนั ตอนเพอื การสร้างแอปพลิเคชนั “สุขภาพดี….เมือมีอาจารย์ โด่ง” ในรูปแบบ Free App Maker ภาพที 5.4 แสดงตวั อยา่ งขนั ตอนเพอื การสร้างแอปพลิเคชนั “สุขภาพดี….เมือมีอาจารย์ โดง่ ” ในรูปแบบ Free App Maker ภาพที 5.5 แสดงตวั อยา่ งขนั ตอนเพอื การสร้างแอปพลิเคชนั “สุขภาพดี….เมือมีอาจารย์ โดง่ ” ในรูปแบบ Free App Maker ภาพที 5.6 โลโกแ้ อปพลิเคชนั “สุขภาพดี….เมือมีอาจารยโ์ ดง่ ” ภาพที 5.7 แสดงหนา้ จอและหวั ขอ้ เรืองสาระขอ้ มูลการส่งเสริมสุขภาพกาย ทีจะนาํ เสนอ ในโทรศพั ทม์ ือถือโดยมีวธิ ีการใชท้ ีสะดวก งา่ ย ไม่ซบั ซ้อนสาํ หรับผสู้ ูงอายุ และลูกหลาน ภาพที 5.8 แสดงหนา้ จอและหวั ขอ้ เรืองสาระขอ้ มูลการส่งเสริมสุขภาพจิตทีจะนาํ เสนอใน โทรศพั ทม์ ือถือโดยมีวธิ ีการใชท้ ีสะดวก งา่ ย ไมซ่ บั ซอ้ นสาํ หรับผสู้ ูงอายแุ ละ ลูกหลาน ภาพที 5.9 แสดงหนา้ จอและหวั ขอ้ เรืองสาระโรคทีเป็นหรือคาดวา่ อาจจะเป็นทีจะนาํ เสนอ ในโทรศพั ทม์ ือถือ โดยมีวธิ ีการใชท้ ีสะดวก ง่าย ไมซ่ บั ซอ้ นสําหรับผสู้ ูงอายุ และลูกหลาน
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ท การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบญั ภาพ (ต่อ) หน้า 298 ภาพที 5.10 แสดงหนา้ จอและหวั ขอ้ เรืองสาระดา้ นอาหาร ทีจะนาํ เสนอในโทรศพั ทม์ ือถือ 299 โดยมีวธิ ีการใชท้ ีสะดวก ง่าย ไม่ซบั ซอ้ นสาํ หรับผสู้ ูงอายแุ ละลูกหลาน 301 302 ภาพที 5.11 แสดงหนา้ จอและหวั ขอ้ เรืองสาระดา้ นการออกกาํ ลงั กายทีจะนาํ เสนอใน โทรศพั ทม์ ือถือโดยมีวธิ ีการใชท้ ีสะดวก ง่าย ไม่ซบั ซอ้ นสาํ หรับผสู้ ูงอายแุ ละ 303 ลูกหลาน 304 ภาพที 5.12 แสดงหนา้ จอการจดั ทาํ บล็อก (Blog) เพอื การสือสารสุขภาพ โดยยงั คงใชช้ ือ ในการสร้างความจดจาํ ไดง้ า่ ย คือ“สุขภาพดี...เมือมีอาจารยโ์ ดง่ ” 305 ภาพที 5.13 แสดงหนา้ จอการจดั ทาํ บล็อก (Blog) เพอื การสือสารสุขภาพ 307 บลอ็ กที 1 healthcommnewmedia.blogspot.com โดยสามารถนาํ เสนอขอ้ มูลต่างๆ ทีน่าสนใจเกียวกบั การดูแลสุขภาพ ไดอ้ ยา่ งจาํ เพาะเจาะจงถึงผสู้ ูงอายแุ ละสมาชิกในครอบครัว ภาพที 5.14 แสดงหนา้ จอการจดั ทาํ บล็อก (Blog) เพอื การสือสารสุขภาพ มีพนื ทีใหแ้ สดง ความคิดเห็นและสามารถเขียนปฏิกิริยาสะทอ้ นกลบั (feedback) ได้ เป็ นการสือสารสองทางทีจะทาํ ให้เกิดประโยชน์มากยงิ ขึนสาํ หรับการดูแล ซึงกนั และกนั ภาพที 5.15 แสดงหนา้ จอการจดั ทาํ บล็อก (Blog) เพอื การสือสารสุขภาพ บลอ็ กที 2 nattanunsiricharoen2013.blogspot.com มีพนื ทีใหแ้ สดงความคิดเห็นและสามารถเขียนปฏิกิริยาสะทอ้ นกลบั (feedback) ได้ เป็ นการสือสารสองทางทีจะทาํ ใหเ้ กิดประโยชนม์ ากยงิ ขึน สาํ หรับการดูแลซึงกนั และกนั ภาพที 5.16 แสดงการเขา้ ถึงขอ้ มูลในบล็อก (Blog) เพอื การสือสารสุขภาพ คือ healthcommnewmedia.blogspot.com สามารถทาํ ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย สะดวก รวดเร็วทางโทรศพั ทม์ ือถือประเภท สมาร์ทโฟน ภาพที 5.17 แสดงการสร้างกลุ่มเฉพาะทางเฟซบุก๊ เพอื การสือสารสุขภาพ โดยเลือกที Create Group และ ตงั ชือกลุ่ม คือ “บา้ นเรา….อบอุ่นไอรัก”
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ธ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบญั ภาพ (ต่อ) หน้า 308 ภาพที 5.18 แสดงการสร้างกลุ่มเฉพาะทางเฟซบกุ๊ เลือก Select Privacy และ คลิกเลือก 309 Closed เพอื การสือสารสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว โดยผูเ้ ขียนไดต้ งั ชือ 310 กลุ่มนีวา่ “บา้ นเรา….อบอุ่นไอรัก” 311 312 ภาพที 5.19 แสดงการสร้างกลุ่มเฉพาะทางเฟซบุก๊ เพือการสือสารสุขภาพ โดยทาํ การเชิญสมาชิกในครอบครัวเขา้ มาในกลุ่มเฉพาะนี คือ 313 และผเู้ ขยี นไดต้ งั ชือกลุ่มนีวา่ “บา้ นเรา….อบอุ่นไอรัก” 314 ภาพที 5.20 แสดงการสร้างกลุ่มเฉพาะทางเฟซบุก๊ เพือการสือสารสุขภาพ อีกหนึง ตวั อยา่ ง โดยแสดงหนา้ จอเมือเสร็จกระบวนการสร้างกลุ่มเฉพาะและผูเ้ ขียน ไดต้ งั ชือกลุ่มนีวา่ “สุขกายสุขใจในครอบครวั เรา” ภาพที 5.21 แสดงการเขา้ ไปเปิ ดดูขอ้ มูลกลุ่มเฉพาะทางเฟซบุก๊ เพอื การสือสารสุขภาพ โดยสามารถแสดงความคิดเห็นเพมิ เติมสร้างการมีส่วนร่วมไดท้ าง Comment หรือตอ้ งการใหก้ าํ ลงั ใจสมาชิกในครอบครัวดว้ ยการกด Like กไ็ ดเ้ ช่นกนั ภาพที 5.22 แสดงการเขา้ ไปเปิ ดดูขอ้ มูลกลุม่ เฉพาะทางเฟซบุก๊ เพอื การสือสารสุขภาพ โดยขอ้ มูลทางดา้ นการดูแลสุขภาพนนั สามารถ Share มาจากทีอืนๆ ได้ สมาชิกในครอบครัวตอ้ งพจิ ารณาวา่ เป็นประโยชน์ตรงกบั ความตอ้ งการ ของผสู้ ูงอายแุ ละลูกหลานในบา้ นทุกๆ คนทีอยใู่ นกลุ่มนีดว้ ย ภาพที 5.23 แสดงการเขา้ ไปเปิ ดดูขอ้ มูลกลุ่มเฉพาะทางเฟซบุก๊ เพอื การสือสารสุขภาพ โดยขอ้ มูลทางดา้ นการดูแลสุขภาพนนั สามารถ Share มาจากทีอืนๆ ได้ ขอ้ ดี คือ มที งั ภาพนิง ขอ้ มความและทีเป็นคลิปวีดิโอ หรือ มลั ติมีเดีย ทีทาํ ให้น่าดูน่าติดตามมากยงิ ขึน เพราะจะดูเขา้ ใจง่าย และมีการสาธิตเป็นตวั อยา่ งใหด้ ูดว้ ย โดยสามารถเปิ ดดูขอ้ มูลไดท้ างโทรศพั ทม์ ือถือประเภทสมาร์ทโฟนดว้ ย ภาพที 5.24 แสดงการเขา้ ไปเปิ ดดูขอ้ มูลกลุ่มเฉพาะทางเฟซบุก๊ เพอื การสือสารสุขภาพ โดยสามารถเปิ ดดูขอ้ มูลไดท้ างโทรศพั ทม์ ือถือประเภทสมาร์ทโฟนดว้ ย ซึงจะปรากฏชือกลุ่มเฉพาะทีตงั ไวใ้ นหมวด Favorites ทีหนา้ จอ คือ “สุขกายสุขใจในครอบครัวเรา”
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. น การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบัญภาพ (ต่อ) หน้า 318 ภาพที 5.25 แสดงการจดั ตงั กลุ่มเฉพาะของสมาชิกในครอบครัวทางไลน์ เพอื การสือสาร สุขภาพ โดยใชช้ ือวา่ “สุขกายสุขใจ: ครอบครวั ”ซึงแต่ละกลุ่มสามารถตงั ชือ 319 ไดต้ ามความพึงพอใจหลงั จากนนั จึงทาํ การเชิญให้ผสู้ ูงอายแุ ละลูกหลานเขา้ 320 มาในกลุ่มไลน์นีทีเป็ นกลุ่มปิ ดเฉพาะเพอื การสือสารสุขภาพของสมาชิกใน 321 ครอบครวั เทา่ นนั เนืองจากอาจมีบางเรืองบางประเด็นทีสมาชิกตอ้ งการให้ 322 รับทราบกนั เพยี งในกลุ่มของลูกหลานคุณพอ่ คุณแมค่ ุณป่ ูคุณยา่ คุณตาคุณยาย เท่านนั ถือเป็ นทางเลือกทีดีให้กบั ผใู้ ชใ้ นการตอ้ งการพนื ทีสือสารทีเป็นของ กลุ่มเฉพาะเท่านนั โดยมีช่องทางการสือสารหลากหลาย เช่น ขอ้ ความ รูปภาพ คลิป สติกเกอร์ Voice call Video call Live ภาพที 5.26 แสดงให้เห็นถึงรายชือกลุ่มเฉพาะปรากฏอยบู่ นหนา้ จอ คือ สุขกายสุขใจ: ครอบครัว เวลาผใู้ ชเ้ ขา้ มาดูทีไลน์ รวมทงั มีวงเล็บจาํ นวน สมาชิกทงั หมดในกลุ่มมีจาํ นวนเทา่ ไร ผสู้ ูงอายแุ ละสมาชิกในครอบครัว จึง สามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลและรับส่งขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งสะดวกและรวดเร็ว ภาพที 5.27 แสดงการส่ง Link Youtube เพอื การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต ของสมาชิกในครอบครัวทีสามารถรับทราบขอ้ มูลไดพ้ ร้อมๆ กนั ทุกคน ภาพที 5.28 แสดงการส่งสติกเกอร์ทีตวั การ์ตนู แสดงอารมณ์ตา่ งๆ และการส่งขอ้ มูลดา้ น สุขอนามยั ใหส้ มาชิกในครอบครวั ไดร้ ับทราบ เพือระวงั ภยั ดา้ นสุขภาพของ ตนเอง ภาพที 5.29 แสดงการส่งรูปภาพเหตุการณ์ตา่ งๆ ของสมาชิกในครอบครวั เพือเป็นการส่ง ข่าวสารตา่ งๆ ให้สมาชิกในครอบครัวไดร้ บั ทราบ จะไดไ้ มต่ อ้ งเป็นห่วงหรือ กงั วลใจ ถือเป็นการดูแลสุขภาพจิตอีกทางหนึงดว้ ย
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. บ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบญั ภาพ (ต่อ) หน้า 323 ภาพที 5.30 แสดงการส่งคลิปวดี ิโอสนั พร้อมรูปภาพการทาํ กิจกรรมต่างๆ ของสมาชิกใน ครอบครัว เพือเป็ นการส่งขา่ วสาร ใหส้ มาชิกคนอืนๆ ในครอบครัวไดร้ ับ 325 ทราบดว้ ย จะไดไ้ ม่ตอ้ งเป็นห่วงหรือกงั วลใจ ถือเป็นการดูแลสุขภาพจิตอีก 326 ทางหนึงดว้ ย รวมทงั การไดท้ ราบวา่ มีจาํ นวนผอู้ า่ นแลว้ กีคน และทราบเวลาที 327 อ่านขอ้ มลู จากการปรากฏขอ้ มูล Read ตวั อยา่ งในภาพ เช่น Read 4 20:09 คือ อ่าน/ดูขอ้ ความนีไปแลว้ จาํ นวน 4 คน ในช่วงเวลา 20 นาฬิกา 9 นาที คือ ทราบวา่ มีผตู้ อบรับเป็ นจาํ นวนเท่าไร เพราะขอ้ มูลจะปรากฏบนหนา้ จอให้ ไดร้ ับทราบของกนั และกนั ดว้ ย ภาพที 5.31 แสดงการสร้างเนือหาสาระสือสารสุขภาพในยทู ูบ เพอื ใชใ้ นกลุ่มเฉพาะของ ครอบครวั และบุคคลอืนๆ ไดน้ าํ ไปใชป้ ระโยชน์ไดด้ ว้ ย เป็นการนาํ เสนอเพอื โนม้ นา้ วใจใหผ้ สู้ ูงอายแุ ละลูกหลานไดต้ ระหนกั ถึงสิงทีเกิดขึนกบั ตนเองและ สมาชิกในครอบครัวดว้ ยวา่ จะช่วยเหลือกนั ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง ทาํ อยา่ งไรดีถึงจะ ถูกตอ้ งเหมาะสม เป็ นตน้ ภาพที 5.32 แสดงการสร้างเนือหาสาระสือสารสุขภาพในยทู ูบ เพอื ใชใ้ นกลุ่มเฉพาะของ ครอบครวั และบุคคลอืนๆ ไดน้ าํ ไปใชป้ ระโยชน์ไดด้ ว้ ย โดยใชว้ ธิ ีการสือสาร ดว้ ยการเล่าเรืองอธิบายความแบบสบายๆ จากขอ้ มูลดา้ นสุขภาพกายและ สุขภาพจิตจากแหล่งขอ้ มูลอา้ งอิงทีเชือถือได้ ภาพที 5.33 แสดงการเขา้ ถึงยทู ูบ “สุขภาพดี……เมือมีอาจารยโ์ ด่ง” จากโทรศพั ทม์ ือถือ ประเภทสมาร์ทโฟน เพือนาํ ขอ้ มูลไปใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งจาํ เพาะเจา้ จงของ ผสู้ ูงอายแุ ละสมาชิกในครอบครัว โดยเป็นประโยชนท์ ีสามารถใชไ้ ดท้ วั ไป ดว้ ย ซึงสามารถออกแบบเนือหาสาระไดต้ ามความเหมาะสมเฉพาะของ ผสู้ ูงอายแุ ละสมาชิกในครอบครัวของตนเองและสามารถพกพาติดตวั ไปได้ ทุกทีทุกเวลา ถือเป็ นความสะดวกและง่ายดาย ในการใชส้ ือใหม่ประเภทนีเพอื การสือสารสุขภาพกนั ของสมาชิกในครอบครัว
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ป การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สารบญั ภาพ (ต่อ) หน้า 328 ภาพที 5.34 แสดงการเขา้ ถึงยทู ูบ “สุขภาพดี……เมือมีอาจารยโ์ ด่ง” จากโทรศพั ทม์ ือถือ ประเภทสมาร์ทโฟน โดยสมาชิกในครอบครัวสามารถนาํ ขอ้ มูลทีบนั ทึกไว้ 331 มาแลกเปลียนเรียนรู้และวพิ ากษว์ จิ ารณ์แสดงความคิดเห็นของกนั และกนั ได้ 332 วา่ เป็ นเช่นไร ควรผลิตขอ้ มลู ใดตอ่ ไปเพอื ให้ครอบคลุมมากยงิ ขึน 333 ภาพที 5.35 แสดงถึงการใชส้ ือใหมป่ ระเภทเฟซบุก๊ เพอื สร้างกลุ่มและเครือข่ายทางสังคม ออนไลนร์ ะหวา่ งผสู้ ูงอายดุ ว้ ยกนั สาํ หรบั การรบั รู้ข่าวสารเรืองสุขภาพและ 334 กิจกรรมทางสงั คมอืนๆ 335 ภาพที 5.36 แสดงถึงการใชส้ ือใหมป่ ระเภทเฟซบุก๊ เพอื สร้างกลุ่มและเครือขา่ ยทางสังคม ออนไลน์ระหวา่ งผสู้ ูงอายดุ ว้ ยกนั สําหรับการรับรู้ขา่ วสารเรืองสุขภาพกาย 336 และสุขภาพจิต เช่น อยอู่ ยา่ งเขม้ แขง็ หลงั อายุ 50 และ การนอนหลบั กบั โรค ตบั เกียวกนั ตรงไหน ภาพที 5.37 แสดงถึงการใชส้ ือใหม่ประเภทเฟซบกุ๊ เพอื สร้างกลุ่มและเครือข่ายทางสังคม ออนไลนร์ ะหวา่ งผสู้ ูงอายดุ ว้ ยกนั สําหรับการรับรู้ขา่ วสารเรืองสุขภาพกาย และสุขภาพจิต เช่น วธิ ีการสร้างความสุขทา่ มกลางทุกขป์ ระเดประดงั และ 15 ท่าออกกาํ ลงั แบบงา่ ยสาํ หรับคนอายมุ าก เขา่ ไมด่ ี นาํ หนกั เยอะ ภาพที 5.38 แสดงถึงการใชส้ ือใหมป่ ระเภทเฟซบกุ๊ เพอื สร้างกลุ่มและเครือขา่ ยทางสังคม ออนไลน์ระหวา่ งผสู้ ูงอายดุ ว้ ยกนั สําหรับการรับรู้ขา่ วสารเรืองสุขภาพกาย และสุขภาพจิต เช่น เป็นคนดีความดี..ไม่มีวนั จาง และเชา้ ….ตืนมา มีทรัพยร์ ับ เงินลา้ น ภาพที 5.39 แสดงถึงการใชส้ ือใหมป่ ระเภทกลุ่มไลน์ เพอื สร้างกลุ่มและเครือข่ายทาง สงั คมออนไลน์ระหวา่ งผสู้ ูงอายดุ ว้ ยกนั สาํ หรับการรบั รู้ข่าวสารเรืองความ เป็ นไปของการดาํ เนินชีวติ ในแตล่ ะวนั รวมทงั ขอ้ มูลทีเป็นประโยชน์ในการ ดูแลสุขภาพระหวา่ งเพอื นกบั เพอื นวยั เดียวกนั ภาพที 5.40 แสดงถึงการใชส้ ือใหมป่ ระเภทกลุ่มไลน์ เพอื สร้างกลุ่มและเครือข่ายทาง สงั คมออนไลน์ระหวา่ งผสู้ ูงอายดุ ว้ ยกนั สาํ หรับการรับรู้ข่าวสารเรืองการ ทกั ทายกนั ทุกๆ วนั และขอ้ มูลเพือเสริมสร้างกาํ ลงั ใจใหก้ นั และกนั เช่น เมือทอ้ งฟ้าเริมสวา่ ง และ คนทีควบคุมอารมณ์ได้ คือ ผชู้ นะ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. ผ การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 1 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ จุดมุ่งหมายของเนือหาสาระในบทนี เมือไดอ้ า่ นหนงั สือในบทนีแลว้ จะทาํ ใหผ้ อู้ า่ นไดร้ ับรู้ถึงขอ้ มูลตา่ งๆ ดงั นีคือ 1.1 สถานการณ์ขององคค์ วามรู้ดา้ นการสือสารสุขภาพ 1.2 จุดเริมตน้ ทีทาํ ให้คนสนใจศึกษาเรืองการสือสารสุขภาพ 1.3 ความสาํ คญั ของการสือสารสุขภาพ 1.4 ความหมายของคาํ สาํ คญั ทีเกียวขอ้ ง 1.5 การสือสารสุขภาพและประเด็นความสนใจในการศึกษาวิจัยเกียวกบั การสือสาร สุขภาพในต่างประเทศ 1.6 การสือสารสุขภาพและการใหบ้ ริการสุขภาพในประเทศไทย 1.7 ปัจจยั ทีแสดงใหเ้ ห็นถึงความสาํ คญั ของการสือสารสุขภาพ ระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 2 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ปรากฏการณ์ของผู้คนในยุคปัจจุบันทีให้ความใส่ ใจกับเรืองสุขภาพมากขึน จึงส่งผลทาํ ให้องคค์ วามรู้ดา้ นการสือสารสุขภาพไดร้ ับความสนใจสาํ หรับการศึกษาคน้ ควา้ วิจยั ใน ดา้ นตา่ งๆ เช่น ศึกษาถึงวธิ ีการสร้างเนือหาสาระอยา่ งไรให้กลุ่มเป้าหมายสนใจใคร่รับรู้ หรือควร ใชช้ ่องทางการส่งสารประเภทใดทีจะส่งผลใหข้ อ้ มูลข่าวสารดา้ นสุขภาพตา่ งๆ ไปถึงหรือกลุ่มผูร้ ับ สารสามารถเขา้ ถึงได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็ นคนปกติหรือคนพิการทางด้านสายตา หรือคนตาบอด รวมทงั คนพิการทางด้านการไดย้ ินและอืนๆ ให้สอดคลอ้ งกบั ความพึงพอใจของ กลุ่มผรู้ ับสารทีมีความแตกต่างหลากหลายทางดา้ นลกั ษณะทางประชากร เช่น วยั ทีแตกต่างกนั ของ กลุ่มเด็ก กลุ่มวยั รุ่น กลุ่มผูใ้ หญ่วยั ทาํ งานและกลุ่มผูส้ ูงอายุ ความแตกต่างในดา้ นระดบั การศึกษา ฐานะทางเศรษฐกิจ รายได้ วถิ ีชีวติ ประจาํ วนั ความเชือความศรัทธาและค่านิยมตา่ งๆ เป็ นตน้ เพราะ เมือมีความแตกต่างกนั หลายดา้ นดงั ทีกล่าวมา กระบวนการและวิธีการสือสารสุขภาพ จึงตอ้ งคิด วเิ คราะห์เพือการออกแบบสาระให้ถูกใจถูกตอ้ งตรงประเด็นกบั กลุ่มต่างๆ ทงั นีเพือให้เกิดการรับรู้ เขา้ ใจขอ้ มูลข่าวสารดา้ นสุขภาพทีเหมาะสมกบั กลุ่มผรู้ ับสาร ก่อนนาํ ไปปฏิบตั ิใชจ้ ริงกบั ตนเองหรือ สมาชิกในครอบครัวและบอกต่อไปยงั ผคู้ นทีรู้จกั กนั เช่น ญาติกา เพือน รุ่นพี รุ่นนอ้ ง เป็นตน้ ด้วยเหตุดังทีกล่าวมา สถานการณ์ขององค์ความรู้ด้านการสือสารสุขภาพในปัจจุบัน จึง ต้องปรับตัวไปตามปรากฏการณ์ต่างๆ ทเี ปลยี นแปลงอยู่ตลอดเวลา ตวั อยา่ งเช่น คนในยุคศตวรรษที 21 จะใชช้ ีวติ ประจาํ วนั อยกู่ บั อุปกรณ์และเครืองมือทางดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือสาร เป็ นช่องทางสําคญั ในการรับ-ส่งขอ้ มูลข่าวสาร ชอบความสะดวกรวดเร็ว ชอบรับขอ้ มูลต่างๆ ที เป็ นเนือหาสาระในรูปแบบทีหลากหลายเป็ นมลั ติมีเดีย (Multimedia) หรือใช้ช่องทางการสือสาร ผ่านโซเชียลมีเดีย (Social media) กันมากขึน สิงเหล่านีส่งผลให้กระบวนการสือสารสุขภาพตอ้ ง สนองตอบต่อพฤติกรรมการใช้สือ การเปิ ดรับสือของผูค้ นทีเปลียนแปลงไปจากยุคก่อนๆ โดย ปัจจุบนั นีการสือสารสุขภาพไดก้ ลายเป็นปัจจยั ทีสาํ คญั มากในการกระตุน้ ความตระหนกั ถึงปัญหา ด้านสุขภาพและการปรับเปลียนพฤติกรรมสุขภาพของผูค้ น การได้รับขอ้ มูลสุขภาพจากแหล่ง อา้ งอิงทีเชือถือไดจ้ ึงจะส่งผลต่อพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพทีถูกตอ้ งเหมาะสมของประชาชนดว้ ย ดงั นันจึงมีความจาํ เป็ นตอ้ งอาศยั เรืองการสือสารซึงเป็ น “เครืองมือสําคัญ” ของการสร้างสังคม สมยั ใหม่ โดยเฉพาะอยา่ งยิงในเรืองแนวคิดด้านการสือสารสุขภาพดว้ ยสือใหม่ซึงเขา้ มามีบทบาท ในชีวิตประจาํ วนั ของทงั เด็ก วยั รุ่น ผูใ้ หญ่วยั ทาํ งานและผูส้ ูงอายุอยา่ งรวดเร็ว ส่งผลให้การศึกษา
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 3 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ เรียนรู้เพอื ใหส้ ามารถใชง้ านและใชช้ ีวติ ประจาํ วนั อยรู่ ่วมกบั ความเจริญกา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยี สารเทศและการสือสารใหไ้ ดอ้ ยา่ งมีความสุขกายสบายใจจึงมีความจาํ เป็นมากขึน โดยประเด็นคาํ ถามทีจะทบทวนวรรณกรรมในเรืองการสือสารสุขภาพ จึงตอ้ งไปยงั จุดเริมตน้ ทีว่า “เหตุใดนักวิชาการ นักวิจัยและประชาชนทัวไปจึงควรต้องสนใจศึกษาเรืองการ สือสารสุขภาพ” มีหลากหลายเหตุผล ไดแ้ ก่ 1) การสือสารสุขภาพเป็ นเรืองใกล้ตัวทีพบเห็นได้ในชีวติ ประจําวนั ทัวๆ ไปของ ผู้คน โดยคนทีประสบปัญหาสุขภาพนัน อาจเป็ นคนใกล้ตัวหรือคนในครอบครัวก็ได้ เช่น ผสู้ ูงอายใุ นบา้ นเกิดอาการซึมเศร้า เพราะอยูแ่ ต่บา้ นไมต่ อ้ งออกไปทาํ งานเหมือนสมยั เป็นหนุ่มสาว ทาํ ใหก้ ิจวตั รประจาํ วนั เปลียนไปและอาจไม่มีอะไรให้ทาํ ในบา้ น ลูกหลานก็ตอ้ งออกจากบา้ นไป เรียนหนงั สือ ไปทาํ งาน จึงอาจส่งผลให้ผูส้ ูงอายุเกิดความเหงาหรือเกิดความเบือหน่ายในการใช้ ชีวติ ในแต่ละวนั นานๆ ไปสภาวะจติ ใจกจ็ ะเริมยาํ แยจ่ นส่งผลกระทบไปยงั สภาวะร่างกายทีอาจเกิด อาการเจบ็ ป่ วยตามไปดว้ ย เมือลูกหลานในบา้ นสังเกตเห็นเช่นนี จึงตอ้ งการขอ้ มูลสุขภาพเกียวกบั การดูแลผสู้ ูงอายไุ ม่ใหล้ ุกลามไปกวา่ ทีเป็นอยหู่ รือคน้ หาวธิ ีการมาเยยี วยาให้สภาพจิตใจและร่างกาย ดีขึนมาหรือทุเลาอาการลงใหไ้ ดใ้ นระดบั ทีไมเ่ ป็นปัญหากบั การใชช้ ีวติ ประจาํ วนั ของผสู้ ูงอายุ 2) การสือสารสุขภาพเป็ นความสนใจเฉพาะส่วนบุคคล อาจเพราะเป็ นปัญหาของ ตนเองทีกาํ ลงั เดือดร้อนอยู่กบั สุขภาพทีเปลียนแปลงไป เช่น รู้สึกวา่ ตนเองอ่อนแอลงหรือเกิดโรค เรือรังทีสร้างความเจบ็ ปวดไม่สบายเนือไม่สบายตวั ติดต่อกนั มาเป็ นระยะยเวลาเนินนานพอสมควร ไมห่ ายสักที จงึ ตอ้ งการไดข้ อ้ มูลเกียวกบั การดูแลและรักษาสุขภาพใหก้ บั ตนเอง 3) การสือสารสุขภาพเป็ นเรืองของกระแสสังคม เพราะปัจจุบนั คนหนั มาสนใจเรือง การดูแลสุขภาพมากขึนไม่วา่ จะเป็ นการกาํ หนดวาระของรัฐบาล สือมวลชนและองคก์ รต่าง ๆ เช่น สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ไดป้ ระชาสมั พนั ธ์ปลุกกระแสสังคม จน ทาํ ใหเ้ กิดจิตสาํ นึกถึงคาํ ขวญั “สร้างนําซ่อม” (ธิดารัตน์ เลิศวิทยากุล 2555) และกลายเป็ นกระแสที ปลุกเร้าให้ผคู้ นหนั มาใส่ใจการสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงก่อนทีจะเกิดการเจ็บป่ วยจนตอ้ งเขา้ สถานรักษาพยาบาลเพอื ซ่อมแซมสุขภาพ เป็นการสร้างกระแสเรืองคุณภาพชีวติ และการจดั การกบั ความเสียงทีก่อใหเ้ กิดคุณภาพชีวิตทีไม่ดีใหล้ ดนอ้ ยลงได้ เป็นตน้ ซึงการสร้างกระแสสังคมดงั กล่าว จาํ เป็ นตอ้ งอาศยั เรืองการสือสารเขา้ มาเกียวขอ้ ง อาทิ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 4 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 3.1) การสือสารสุขภาพในมุมมองของ “สามเหลยี มสุขภาพ” ทีมองวา่ การมี สุขภาพดีไม่ไดเ้ กียวขอ้ งเฉพาะระดบั “การดูแลสุขภาพในระดบั ของปัจเจกบุคคล” เท่านนั แต่ยงั เกียวขอ้ งไปถึงระดบั “การรักษาสิงแวดลอ้ ม” และระดบั “การใหบ้ ริการของระบบบริการสุขภาพ” อีกดว้ ย 3.2) การสือสารสุขภาพในมมุ มองของ “จัตุรัสสุขภาวะ” หรือ “สุขภาวะ 4 มติ ิ” ทีใชเ้ กณฑ์ขององค์การอนามยั โลก (World Health Organization – WHO) ซึงได้นาํ เสนอไวว้ า่ สุขภาพเป็ นองคร์ วมของมิติต่างๆ ไดแ้ ก่ ตารางที 1.1 แสดง “จัตุรัสสุขภาวะ” หรือ “สุขภาวะ 4 มิติ” มติ ทิ ี สุขภาวะในมติ ิด้านต่างๆ 1. มิติด้านกาย 2. มิติด้านจิตใจ 3. มิติด้านสังคม 4. มิติด้านจิตวญิ ญาณ โดยสุขภาวะของทัง 4 มติ ิจะต้องประกอบอยู่ด้วยกนั ไม่ใช่เพยี งแต่การปราศจากโรคภยั ไข้เจ็บหรือความพกิ ารเท่านัน 3.3) การสือสารสุขภาพในรูปแบบสองทางระหว่างผู้รับสารและผ้สู ่งสาร โดยตอ้ ง มีการจดั องค์ความรู้แบบมีส่วนร่วมและแลกเปลียนเรียนรู้ในหมูป่ ระชาชน และเชือมนั วา่ ทุกคน เป็ นไดท้ งั ผูส้ ่งสารและผรู้ บั สาร คือ พร้อมทีจะรับความคิดเห็นของผูอ้ ืนและยินดีแลกเปลียนความรู้ และประสบการณ์ของตนเองร่วมกบั ผูอ้ ืนได้ โดยตอ้ งใชก้ ระบวนการสือสารในรูปแบบสองทาง (Two-way Communication) อนั เป็ นปัจจยั สําคญั ทีจะทาํ ใหก้ ารสือสารสุขภาพสัมฤทธิผล เช่น ผสู้ ่ง สารจะตอ้ งทราบว่าจะสือสารกบั กลุ่มเป้าหมายใด ตอ้ งการไห้เกิดการตอบสนองอยา่ งไร จะใช้ ช่องทางการสือสารประเภทใด ผา่ นสือประเภทใด เพือส่งข่าวสารไปยงั ผูร้ ับสารจึงจะเกิด ประสิทธิภาพกบั กลุ่มเป้าหมาย และจะสร้างช่องทางให้ผรู้ ับสารตอบสนองไดอ้ ยา่ งไร ทงั นีการส่ง ขอ้ มูลขา่ วสารจะมีประสิทธิภาพมากยงิ ขึน ถา้ ผสู้ ่งสารคาํ นึงถึงผรู้ ับสารในประเด็นตา่ งๆ เหล่านีคือ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 5 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 3.3.1) การเลือกรับข่าวสาร (Selective attention) ของผู้รับสาร ถา้ ผูส้ ่ง สารทาํ การส่งขอ้ มูลมากเกินไปในแต่ละวนั จะทาํ ให้ผูร้ ับสารเลือกรับเฉพาะทีตนเองสนใจและใส่ ใจมากๆ เท่านนั ขอ้ มูลอืนๆ จะถูกลดความสนใจหรือไม่ใส่ใจเลย ซึงอาจทาํ ให้เสียโอกาสในการ รับรู้ขอ้ มูลทีเป็ นประโยชน์มากต่อผูร้ ับสารเองก็ได้ ดงั นนั จึงควรคิดพิจารณาประมาณการความ เหมาะสมของจาํ นวนเนือหาสาระในการส่งข่าวสารให้กบั ผูร้ ับสารดว้ ยความพอดีดว้ ย คือ ไม่มาก เกินไปหรือนอ้ ยจนจบั ใจความสาระสาํ คญั ไมไ่ ด้ 3.3.2) การเลอื กเบยี งเบนข่าวสาร (Selective distortion) ของผู้รับสาร เพราะโดยธรรมชาติทวั ไปมนุษยเ์ ราจะรับฟังสิงทีสอดคลอ้ งกบั ความเชือของตวั เองเป็ นส่วนใหญ่ และมกั จะเบียงเบนข่าวสารโดยใส่ความเชือของตวั เองเขา้ ไปหรือละเลยการรบั สาระสาํ คญั บางอยา่ ง ทีมีอยใู่ นข่าวสารนนั ๆ ผสู้ ่งสารจึงตอ้ งพยายามทีจะออกแบบขอ้ มูลข่าวสารให้ง่าย ชดั เจน น่าสนใจ และมุ่งเนน้ ในประเดน็ สาํ คญั ทีตอ้ งตรงกบั ความเชือของผรู้ ับสารใหไ้ ดเ้ ปิ ดใจเปิ ดรับขอ้ มูลเสียก่อน 3.3.3) การเลือกจดจํา (Selective retention) ของผู้รับสาร เพราะส่วนใหญ่ ผรู้ ับสารจะเลือกจดจาํ ส่วนสาํ คญั ของขา่ วสารทีไดร้ ับมาเพยี งเล็กนอ้ ยเท่านนั ถา้ ผูร้ ับสารมที ศั นคติ ตอ่ ข่าวสารทีไดร้ บั มาเป็นเชิงบวก กจ็ ะมีท่าทีสนบั สนุนตอ่ สาระสาํ คญั ของขา่ วสารทีไดร้ ับมาดว้ ย การสือสารสุขภาพเป็ นเครืองมือทีสามารถนํามาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อนื ได้อย่างมากมาย หากรู้จักวธิ กี ารใช้ทถี ูกต้องเหมาะสม โดยใชก้ ลยุทธ์ของศาสตร์ดา้ นการสือสารในงานสุขภาพ เพือให้ประชาชนทวั ไปหรือ กลุ่มเป้าหมายไดร้ ับรู้สนใจ ตระหนกั เกิดการเรียนรู้ มีความรู้ มีค่านิยมดา้ นสุขภาพและจิตสาํ นึกใน การปฏิบตั ิตนด้านสุขภาพ (วาสนา จนั ทร์สว่างและคณะ 2550) มุ่งให้สาธารณชนเกิดการ เปลียนแปลงความรู้ การรับรู้ ทศั นคติและพฤติกรรมต่างๆ ไปในทางทีพึงประสงค์ โดยเฉพาะ พฤติกรรมดา้ นสุขภาพ (กองสุขศึกษา กรมสนบั สนุนบริการสุขภาพ 2552) และ นอกจากนนั ยงั สามารถพิจารณาความสําคญั ของการสือสารสุขภาพได้อีกหลายประการ ดงั นีคือ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 6 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 1) การสือสารสุขภาพเป็ นกระบวนการสือสารทีส่งผลต่อสุขภาพในด้านการป้องกันโรค และการสร้างเสริมสุขภาพได้ ซึงใชก้ ารสือสารหลากหลายรูปแบบ โดยมีองคป์ ระกอบดา้ นผสู้ ่งสาร ซึงเป็ นผนู้ าํ ดา้ นสุขภาพหรือเป็ นผปู้ ฏิบตั ิการดา้ นสุขภาพ องคป์ ระกอบดา้ นเนือหาสาระของสาร ซึง เป็ นความรู้ ความเขา้ ใจ การสร้างจิตสาํ นึกเพือการสร้างเสริมปรับเปลียนและคงไวซ้ ึงพฤติกรรม สุขภาพทีถูกตอ้ งและเหมาะสม เพือพฒั นาสุขภาพและคุณภาพชีวิต องคป์ ระกอบดา้ นสือหรือช่อง ทางการสือสาร ไดแ้ ก่ การใชส้ ือประเภทต่างๆ การใช้กิจกรรมรณรงค์ เป็ นตน้ องค์ประกอบดา้ น ผูร้ ับสารหรือกลุ่มเป้าหมายในการรณรงคท์ งั กลุ่มเป้าหมายหลกั กลุ่มเป้าหมายรองและประชาชน ทวั ไป องคป์ ระกอบดา้ นผลลพั ธ์ของการสือสาร อาจเกิดขึนในรูปของการรับรู้ ความสนใจ ความ ตระหนักและการปฏิบตั ิตนดา้ นสุขภาพ องค์ประกอบดา้ นผลกระทบทีเกิดขึน ส่งผลให้กระแส สุขภาพปรับเปลียนจากเรือง “เชือโรคและการจดั การเชือโรค” มาสู่เรือง “คุณภาพชีวิตและการ จดั การกบั ความเสียงทีก่อให้เกิดคุณภาพชีวิตทีไม่ดี” (จิณณ์นภสั แสงมา 2547) นีคือ ประโยชน์ หรือสิงทีเปลียนแปลงไปซึงเกิดขึนตามมาจากการดาํ เนินงานของกระบวนการสือสารสุขภาพ 2) การสือสารสุขภาพช่วยป้องกันการระบาดของโรคได้ เช่น การระบาดของโรคทีเป็ นภยั ร้ายใหมๆ่ ทียงั ไม่ค่อยมีใครรู้จกั ตรงประเด็นนีการสือสารสุขภาพจะเขา้ มาทาํ หนา้ ทีในการใหข้ อ้ มูล ทีเป็ นความรู้และทกั ษะในการป้องกนั ตนเองและสมาชิกในครอบครัวไดก้ ่อน เพราะการสือสารจะ ช่วยกระจายความรู้ใหแ้ ก่ประชาชนในเวลาอนั รวดเร็ว เพือช่วยใหป้ ระชาชนรู้วิธีหลีกเลียง ป้องกนั ตนเอง ลดความเสียง ลดความตืนตระหนกของประชาชน เมือประชาชนมีความรู้และทกั ษะในการ ป้องกนั ตนเองจากโรคระบาดทีมาใหม่แลว้ การระบาดของโรคกอ็ าจชะลอลงหรือถึงขนั ยตุ ิลงได้ 3) การสือสารสุขภาพสามารถช่วยชีวติ ผู้คนได้ เพราะการสือสารสุขภาพทีดีเหมาะสมตาม บริบทต่างๆ จะเป็ นเครืองมือช่วยใหป้ ระชาชนทุกเพศทุกวยั รู้จกั วิธีการรักษาสุขภาพของตนเองและ ของคนใกลต้ วั คนในครอบครัวเดียวกนั และในหลายกรณีสามารถช่วยชีวิตคนได้ เช่น ช่วยให้ สมาชิกในครอบครัวลูกหลานเลือกวิธีการรักษาอาการเจ็บป่ วยทีเหมาะสมสาํ หรับผสู้ ูงอายทุ ีเป็นป่ ูยา่ ตายายของตนเองได้ ช่วยให้สามารถปฏิบตั ิตวั ตามคาํ แนะนาํ ของแพทย์ได้อย่างถูกต้อง ช่วยให้ แพทยว์ ินิจฉยั อาการเจ็บป่ วยไดแ้ ม่นตรง ลดความเสียงจากการใช้ยาผิดหรือใช้ยามากเกินไปหรือ น้อยเกินไป หรื อช่วยให้ประชาชนโดยทัวไปไม่ต้องเสียงภัยจากโรคภัยไข้เจ็บจากการใช้ ชีวติ ประจาํ วนั โดยไมร่ ู้ตวั
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 7 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 4) การสือสารสุขภาพสามารถช่วยให้เกิดการปรับปรุงระบบการให้บริการด้านสุขภาพ เช่น การมีบุคลากรทีเป็ นนกั สือสารสุขภาพซึงพร้อมจะรับฟังหรือมีความเขา้ ใจในความตอ้ งการของ ผเู้ จบ็ ป่ วย จะช่วยใหห้ น่วยงานสามารถปรับรูปแบบการใหบ้ ริการหรือแกไ้ ขป้ ัญหาขอ้ บกพร่องของ การให้บริการไดด้ ีมากขึนและในระดบั นโยบายของภาครัฐ จะช่วยให้เกิดการปรับปรุงนโยบาย สาธารณะดา้ นสุขภาพไดท้ นั สถานการณ์ทีเปลียนแปลงไปมากยงิ ขึน 5) การสือสารสุขภาพสามารถช่วยเปิ ดโอกาสให้ประชาชนหรือสาธารณชนได้เข้ามามีส่วน ร่วมในการสร้างและพฒั นาระบบสุขภาพของสังคม โดยการแลกเปลียนเรียนรู้ทางดา้ นสุขภาพและ ทา้ ยทีสุดประชาชนจะสามารถเขา้ มามีส่วนร่วมในการกาํ หนดนโยบายและตรวจสอบการให้บริการ จนนาํ ไปสู่มาตรฐานการบริการทีมีคุณภาพมากขึนหรือมีประสิทธิภาพยงิ ขึน 6) การสือสารสุขภาพสามารถช่วยลดต้นทุนของการบริการด้านสุขภาพ เพราะการให้ ความรู้และให้วิธีการแก่ประชาชนในการป้องกนั รักษาสุขภาพของตนเอง ในทางงบประมาณ การ ป้องกันหรือการหลีกเลียงภาวะเสียงภยั ทางสุขภาพ มีต้นทุนถูกกว่าการรักษาเยียวยา ช่วยลด ผลกระทบจากความยากจน จึงตอ้ งใชก้ ารสือสารสุขภาพทีดีดว้ ยการสร้างความรู้ความเขา้ ใจด้าน การดูแลรักษาสุขภาพของตนเองก่อนเป็ นอนั ดบั แรกก่อนจะเจ็บป่ วย ซึงจะช่วยชีให้ประชาชนเห็น ถึงคุณคา่ ของการดูแลสุขภาพตนเอง สิงเหล่านีจะเป็นตวั ช่วยลดภาระค่าใชจ้ ่ายในการรักษาพยาบาล อาการเจบ็ ป่ วยทีจะเกิดขึนไดอ้ ีกทางหนึง ถือเป็นเครืองมือในการช่วยลดผลกระทบจากภาวะความ ยากจนเพราะตอ้ งนาํ เงินทีมีอยู่หรือถา้ ไม่มีก็ตอ้ งไปกู้หนียืมสินคนอืนมาใช้เพือการรักษาอาการ เจบ็ ป่ วย ทาํ ใหเ้ กิดวงั วนของความยากจนไมร่ ู้จบสินรุ่นตอ่ รุ่นของสมาชิกในครอบครัว แต่ประเด็นปัญหาสําคัญทมี ักเกดิ ขนึ กบั การสือสารสุขภาพ คือ ไม่สามารถทาํ ใหค้ น ทวั ไปเห็นถึงความสําคญั ในเรืองการดูแลป้องกนั และรักษาสุขภาพได้ ปัญหาสําคญั อีกประการ หนึง คือ การไม่สามารถทาํ ใหค้ นเขา้ ใจไดว้ า่ “ระบบสุขภาพคืออะไร” และระบบสุขภาพจะส่งผล ต่อสุขภาพในระดบั ปัจเจกบุคคลไดอ้ ย่างไร เป็ นตน้ (กมลรัฐ อินทรทศั น์ และ จิณณ์นภสั แสงมา 2547) ดงั นนั คาํ ถามสําคญั ทีตามมา คือ เราจะแก้ไขปัญหานีอยา่ งไร เพือให้กระบวนการสือสาร สุขภาพเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลใหไ้ ดม้ ากทีสุด เมือทบทวนสถานการณ์ของการศึกษาด้านการสือสารสุขภาพ พบวา่ ผูอ้ าํ นวยการองคก์ าร อนามยั โลก ประกาศในการประชุมนานาชาติเรือง “การวจิ ัยเพือการพัฒนาทางสุขภาพ” ทีจดั ขึนที กรุงเทพฯ เมือปี พ.ศ. 2543 วา่ “ประเทศกาํ ลงั พฒั นาควรจะลงทุนในการวจิ ยั ประมาณร้อยละสอง ของงบประมาณดา้ นสาธารณสุขทงั หมด” และชีใหเ้ ห็นว่า “หากมีการจดั การงานวิจยั สุขภาพทีดี ประเทศจะไดร้ ับประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุนวิจยั ไดถ้ ึงยีสิบเท่า” ดงั นนั ประเทศไทยซึงเป็ น หนึงในประเทศกาํ ลงั พฒั นาจึงไดก้ าํ หนดให้มีการส่งเสริมการทาํ วจิ ยั เพือใชเ้ ป็ นฐานความรู้และ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 8 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ เทคโนโลยสี าํ คญั ในการปรับตวั ใหท้ นั กบั ววิ ฒั นาการของโลกในปัจจุบนั เพราะนโยบายการวิจยั ใน ระดับชาติและระดับนานาชาติดังกล่าว ย่อมส่งผลกระทบต่อนโยบายการวิจัยในระดับ สถาบนั การศึกษา การใหน้ ิสิตนกั ศึกษาไดร้ ับทราบทิศทางและนโยบายการวิจยั ในแต่ละระดบั จะ ทาํ ให้เกิดการรับรู้สภาพปัญหาเพือดาํ เนินงานงานวจิ ยั ไดถ้ ูกทางมากขึน รวมทงั การเลือกประเด็น ศึกษาวจิ ยั ทีจะสอดคลอ้ งกบั ทิศทางและนโยบายของการสนบั สนุนงานวจิ ยั มากยงิ ขึน ในส่วนประเด็นการศึกษาวิจยั ทีน่าสนใจและมีความสําคญั มากอีกประการหนึง คือ การศึกษาวิถีชีวิตจากพืนฐานของสังคมไทย เช่น การสือสารสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว เดียวกนั ทงั วยั รุ่น วยั ผใู้ หญ่และวยั ผูส้ ูงอายุควรเป็ นเช่นไรท่ามกลางวิถีชีวิตทีทุกอยา่ งตอ้ งรวดเร็ว และรองรับกบั สภาพเศรษฐกิจและสงั คมทีเปลียนไป การศึกษาวิจยั เพือใชน้ วตั กรรมสือใหม่ในการ สือสารสุขภาพสาํ หรับครอบครัวไทย เป็นตน้ ดว้ ยเหตุนีนกั วิจยั จึงจาํ เป็ นตอ้ งลงไปศึกษาชาวบา้ นในชุมชน (Community Study) เพือทาํ ความเขา้ ใจในพฤติกรรมการใชว้ ิถีชีวติ ประจาํ วนั นนั ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพดา้ นต่างๆ ได้ อยา่ งไร เพือหาแนวทางแกไ้ ขและพฒั นาต่อไป การศึกษาวิจยั การสือสารสุขภาพในยุคปัจจุบนั นี สิงสาํ คญั ทีตอ้ งพิจารณาคือ “คาํ ถามนาํ วจิ ยั ” ทีเกิดขึน (กาญจนา แกว้ เทพ 2551) เพราะควรมีทีมา จากปัญหาเรืองสุขภาพทีเกิดขึนจริง เพือใหเ้ กิดการศึกษาคน้ ควา้ และหาแนวทางปฏิบตั ิให้แก้ไข ปัญหานนั ให้สาํ เร็จลุล่วงไปได้ มิใช่การวจิ ยั ตามกระแสสังคมทีเกิดขึนเพยี งชวั ครู่ชวั ยาม ซึงย่อมไม่ สามารถนาํ มาใชแ้ กป้ ัญหาสุขภาพทีเกิดขึนไดอ้ ยา่ งจริงจงั และยงั ยนื เมือพูดถึงคาํ วา่ สุขภาพ ตอ้ งพงึ ระลึกไวว้ า่ ไม่ใช่เฉพาะสุขภาพทีเกียวขอ้ งกบั เรืองโรคภยั ไข้ เจบ็ เท่านนั แต่ตอ้ งมองสุขภาพในภาพกวา้ งหรือทีเรียกกนั วา่ “สุขภาวะ” (DiClemente, R.J, Crosby, R.A and Kegler, M.A., 2002) โดยสุขภาวะแตล่ ะดา้ นอาจมีองคป์ ระกอบดา้ นละ 4 รวมเป็นสุข ภาวะ 4 x 4 = 16 ดงั นี (ประเวศ วะสี 2551) ตารางที 1.2 แสดงสุขภาวะทสี มบูรณ์ สุขภาวะ 4 x 4 = 16 สุขภาวะแต่ละด้าน ประกอบด้วยด้านละ 4 คณุ ลกั ษณะ 1) สุขภาวะทางกาย ร่างกายแขง็ แรง ปลอดสารพิษ ปลอดภยั มีสมั มาชีพ 2) สุขภาวะทางจิต 3) สุขภาวะทางสงั คม ความดี ความงาม ความสวย ความมีสติ 4) สุขภาวะทางปัญญา สังคมสุสัมพนั ธ์ สังคมเขม้ แขง็ สงั คมยุติธรรม สงั คมสนั ติ ปั ญ ญ า รู้ ร อ บ ปัญญาทาํ เป็ น ปั ญ ญ า อ ยู่ ปั ญ ญ า บ ร ร ลุ รู้เท่าทัน ร่วมกนั เป็ น อสิ รภาพ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 9 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สําหรับการสือสารสุขภาพในยุคปัจจุบันนี มีแนวคิดด้านการส่งเสริมสุขภาวะอย่างรอบ ด้านเช่นกัน ดงั นนั การสือสารสุขภาพจึงตอ้ งมีการวิเคราะห์และการวางแผนอยา่ งเป็นระบบ เพราะ การสือสารสุขภาพไม่ใช่การสอนสุขศึกษาในมุมมองเดิมทีเป็ นเพียงการถ่ายทอดสิงทีนกั สุขศึกษา คิดวา่ จาํ เป็ นลงไปยงั ผรู้ ับการสอน แต่เป็นการสอนสุขศึกษาทีใหค้ วามสาํ คญั กบั การวเิ คราะห์ผรู้ ับ สารเพือประเมินความสอดคลอ้ งเหมาะสมของสารทีตอ้ งการสือออกไป (สุรีย์ ธรรมิกบวร 2551) เพราะการสือสารเป็ นองคป์ ระกอบสําคญั ของการพฒั นาในทุกแง่มุมและทุกระดบั ในการส่งเสริม สุขภาพหรือสุขภาวะ การสือสารเป็ นกลไกในการเชือมร้อยใหเ้ กิดการเปลียนแปลงโดยเฉพาะใน ระดบั บุคคล ชุมชนและทีสําคญั คือ การสือสารทาํ หนา้ ทีในการสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกใน ชุมชนต่างๆ เช่น ในครอบครัว ในท้องถิน ในจงั หวดั เป็ นตน้ โดยการสือสารแบบมีส่วนร่วมมี คุณลกั ษณะสําคญั คือ มีเป้าหมายเพือสร้างความรู้ความเขา้ ใจและความรู้สึกร่วมกนั สร้างความ ผูกพนั ผูม้ ีส่วนไดเ้ สียทุกคนมีสิทธิเขา้ ร่วมในหลายบทบาทในแต่ละขนั ตอน มีการไหลของขอ้ มูล ข่าวสารเป็ นแบบรอบทิศทาง ผูส้ ่งสารและผูร้ ับสารผลดั เปลียนบทบาทกนั เป็นกระบวนการสร้าง ความเป็ นหนึงเดียว สร้างประสบการณ์ร่วมกนั ระหวา่ งคู่การสือสาร เครืองมือสือสารทีดี คือ การ สือสารดว้ ยสือบุคคลและสือใหม่ เพือใหเ้ ขา้ กบั ยคุ สมยั ปัจจุบนั โดยตอ้ งมีแนวทางหรือกลยุทธ์ใน การนําสือใหม่มาใช้ในการสร้างเสริมสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีมากยิงๆ ขึนไป ประกอบด้วยการสือความหมายโดยใช้ถอ้ ยคาํ หรือแบบ “วจั นภาษา” (Verbal Communication) และการสือสารแบบ “อวจั นภาษา” (Non-Verbal Communication) ซึงหมายถึงเป็ นการแสดงออก ทางสีหน้า ท่าทาง การสัมผสั การเคลือนไหวร่างกาย การวางท่า นาํ เสียง เป็ นตน้ เพือนาํ เสนอ ขอ้ มูลข่าวสาร ไปกระตุน้ และโน้มนา้ วบุคคล ชุมชนหรือสังคม ในการตดั สินใจและเลือกสิงต่างๆ เพอื สร้างเสริมสุขภาวะพฒั นาทกั ษะสร้างความเขม้ แขง็ และการพงึ พาตนเองใหด้ ียงิ ขึน จากขอ้ มูลทีกล่าวมา สามารถพิจารณาไดว้ ่าการสือสารสุขภาพมีความสําคญั อย่างยิงต่อ กระบวนการสร้างเสริมสุขภาพทุกระดบั ดังคําประกาศโตรอนโตเรืองความสัมพนั ธ์ระหว่างการ สือสารและผลลัพธ์ด้านสุขภาพ (Toronto Consensus Statement on the relationship between communication practices and health outcomes, 1991) ซึงประกอบดว้ ยสาระสําคญั 8 ขอ้ (Dianne C. Berry, 2004) ไดแ้ ก่ 1) ปัญหาการสือสารในการใหบ้ ริการสุขภาพมีความสาํ คญั และพบเจอไดเ้ สมอ 2) ปัจจยั เอือให้เกิดความวติ กกงั วลหรือความพึงพอใจของผรู้ ับบริการสุขภาพ คือ การขาด ความมนั ใจของผูร้ ับบริการสุขภาพอนั เนืองมาจากการขาดขอ้ มูล จากการอธิบายทีไมพ่ อเพียงและ การตอบคาํ ถามทีไม่ครบถว้ นของผใู้ หบ้ ริการสุขภาพ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 10 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 3) ผูใ้ หบ้ ริการสุขภาพ มกั คาดเดาทงั ปริมาณและประเภทของขอ้ มูลไม่ตรงกบั ความตอ้ งการ ของผรู้ ับบริการสุขภาพ 4) การเพมิ คุณภาพของการสือสารระหวา่ งผรู้ ับและผูใ้ หบ้ ริการสุขภาพ จะสัมพนั ธก์ บั ผลลพั ธ์ดา้ นบวกของบริการสุขภาพ 5) การแสดงออกซึงความเขา้ ใจและการอธิบายของผใู้ หบ้ ริการสุขภาพ จะช่วยลดความวติ ก กงั วลของผรู้ ับบริการสุขภาพลงไดเ้ สมอ แมว้ า่ จะไมส่ ามารถช่วยเหลือไดท้ งั หมดแต่ก็แบง่ เบาลงได้ 6) การเพมิ การมีส่วนร่วมของผรู้ ับบริการสุขภาพ จะช่วยเพมิ ระดบั ความพึงพอใจและ ระดบั ความยนิ ยอมในการปฏิบตั คิ ลอ้ ยตามคาํ แนะนาํ รวมทงั เพมิ ผลลพั ธ์ดา้ นบวกของบริการ สุขภาพ 7) ระดบั ความทุกขใ์ จโศกเศร้าของผปู้ ่ วยหนกั จะลดลงเมือผปู้ ่ วยมนั ใจวา่ ไดร้ ับขอ้ มูล ทงั หมดทีเกียวขอ้ งแลว้ 8) เมือผใู้ หบ้ ริการสุขภาพ ไดเ้ รียนรู้เทคนิคของการสือสารทีดีแลว้ จะสามารถสือสารเชิง บวกไดอ้ ยา่ งเป็ นธรรมชาติ โดยไมต่ อ้ งเพมิ ระยะเวลาการใหบ้ ริการ 1.4.1 การสือสารสุขภาพ “การสือสารสุขภาพ” (Health Communication) เป็นการนาํ เอาศาสตร์ทางดา้ นการสือสาร มาใชเ้ ป็ นเครืองมือในการเผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารดา้ นสุขภาพเพือประโยชน์ในการป้องกนั สุขภาพ แก่ประชาชน โดยมีพนื ฐานสาํ คญั จาก 2 ศาสตร์ คือ 1) ศาสตร์ด้านการสือสาร (Communication Science) ทีเกียวขอ้ งกบั การเปลียนแปลง ทศั นคติและพฤติกรรมของมนุษย์ เป็ นกระบวนการสือสารทีพยายามเขา้ ใจการปฏิสัมพนั ธ์ของ มนุษยโ์ ดยมีผลต่อชีวติ ของมนุษยท์ งั ในระดบั บุคคล ระดบั กลุ่มบุคคลและระดบั สังคม นอกจากนนั บทบาทของการสือสารยงั สามารถสร้างการมีส่วนร่วมต่างๆ ของผูค้ นในสังคมได้ เช่น การระดม ความคิดวา่ อะไรคือผลกระทบของการสือสารสุขภาพ และการสือสารเรืองสุขภาพควรใชว้ ธิ ีการใด ถึงจะมีประสิทธิภาพมากทีสุด เป็ นตน้ (University of Wisconsin-Madison, 2016, University of Amsterdam, 2016)
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 11 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 2) ศาสตร์ด้านสาธารณสุข (Public Health Sciences) ซึงเป็นเครืองมือพืนฐานสาํ หรับการ พฒั นาสุขภาพของประชากรบุคคลและคุณภาพของการดูแลสุขภาพ (University of Rochester Medical Center Rochester, 2016, Penn State University, 2016) เป็ นองคค์ วามรู้ ทีวา่ ดว้ ยการจดั การ เกียวกบั สุขภาพและเป็ นสุขภาพแบบองคร์ วม ผสมผสานร่วมกนั 4 ประการ คือ (1) สุขภาพกาย (2) จิต (3) สงั คม และ (4) จิตวญิ ญาณ เมือกล่าวถึงสุขภาพ จึงตอ้ งวิเคราะห์วินิจฉยั สุขภาพทงั 4 ประการนีพร้อมกัน และการจดั การเกียวกบั ความเป็ นอยู่ของประชาชนเป็ นกระบวนการจดั การ แกไ้ ขปัญหาสุขภาพของประชาชนดว้ ยวิธีทางสาธารณสุขศาสตร์ มุ่งเน้นการป้องกนั และส่งเสริม สุขภาพของสาธารณชน โดยประชาชนและเพือประชาชนเอง นกั สือสารสุขภาพตอ้ งรับผดิ ชอบใน การใหค้ าํ แนะนาํ ถ่ายทอดความรู้ การจดั การควบคุม รักษาและปรับปรุงสภาพแวดลอ้ ม เพือให้ ประชาชนมีสุขภาพดีปลอดภยั สุขสบาย มีสุขภาวะและคุณภาพชีวิตทีสมบูรณ์ไม่เป็ นภาระของ สังคม (บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธ 2560) โดยปัจจุบนั ศาสตร์สาธารณสุขแนวใหม่ มุ่งเนน้ เรืองการ สือสารสุขภาพทงั แนวคิดเดิมและแนวคิดใหมท่ ีเชือวา่ “ป้องกนั ไว้ก่อนดีกว่าแก้” สาเหตุทีเป็นเช่นนี เพราะสาํ รวจขอ้ มูลแลว้ พบวา่ 1) การเจ็บป่ วยในอดีต ส่วนมากเจบ็ ป่ วยดว้ ยโรคติดเชือ สาธารณสุขเก่าจึงเป็ นเรืองของการ ป้องกนั ควบคุมเชือโรค ซึงสาธารณสุขเก่าประสบความสําเร็จอย่างดีเยียม สามารถป้องกนั หรือ ควบคุมโรคติดเชือไดเ้ กือบทงั หมด หรือทีเคยระบาดรุนแรงก็ไม่รุนแรง คนสมยั นีจึงอย่กู บั โรคติด เชือเหล่านนั ได้ 2) การเจ็บป่ วยยุคใหม่และในอนาคต ต่อไปนีคนเจ็บป่ วยด้วยโรคไม่ติดเชือ ซึงเกิดจาก ความเสือมของเซลล์และโรคทีเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจาํ วนั มีภาวะจิตเครียด-จิตวติ ก และความบกพร่องในสมั พนั ธภาพกบั ผูอ้ ืน ซึงมีแนวโนม้ เพิมจาํ นวนมากขึนเรือยๆ แมจ้ ะรักษาได้ แต่ไดผ้ ลไม่ดีแพทยใ์ ชย้ ารักษา มีสารเคมีเป็ นส่วนประกอบหลกั ทาํ ให้มีผลขา้ งเคียงตกคา้ งตามมา มากในภายหลงั ยงิ กวา่ นนั การรักษาก็มีราคาแพง คนเขา้ ถึงไดน้ อ้ ย 3) การป้องกนั ดีกว่าแก้ไข แมแ้ พทยแ์ ผนปัจจุบนั จะเก่งทงั การวินิจฉัยโรค การรักษาและ ผา่ ตดั มียาทีมีสรรพคุณจาํ นวนมาก แตก่ ารรักษาก็เป็ นเพียงการซ่อมแซมเท่านนั แต่การจะทาํ ใหฟ้ ื น หายกลับไปเหมือนสภาพเดิมคงยาก โดยเฉพาะโรคในยุคใหม่และในอนาคต ไม่ว่าจะเป็ น โรคเบาหวาน โรคหวั ใจและหลอดเลือดหรือโรคมะเร็ง การรักษาตอ้ งเสียค่าใชจ้ ่ายมาก คนเขา้ ถึง บริการไดจ้ ึงมีเพียงจาํ นวนไมม่ าก
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 12 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ดังนันศาสตร์ด้านการสือสาร (Communication Science) และศาสตร์ด้านสาธารณสุข (Public Health Sciences) จะตอ้ งปฏิบตั ิการควบคู่กนั ไปเสมอ โดยตอ้ งมีการวิเคราะห์และการ วางแผนอยา่ งเป็ นระบบเพือประเมินความสอดคลอ้ งและเหมาะสมของเนือหาสารทีตอ้ งสือออกไป ยงั กลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง (มลินี สมภพเจริญ 2556) เพราะการสือสารเป็ นกลไกในการ เชือมโยงให้เกิดการเปลียนแปลง ในทุกๆ ระดบั ของสังคม สาํ หรับปัญหาสุขภาพทีซบั ซอ้ นตอ้ งใชก้ ารสือสารสองทาง ซึงเป็นตน้ แบบของการสือสาร แบบมีส่วนร่วมเป็ นกระบวนการ อนั มีคุณลกั ษณะทีหลากหลาย ได้แก่ การมีเป้าหมายเพือสร้าง ความรู้ความเขา้ ใจความผกู พนั และความรู้สึกร่วมกนั เป็ นการสร้างประสบการณ์ร่วมกนั ระหวา่ งคู่ การสือสาร มีการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารเป็ นแบบรอบทิศทาง ผู้ส่งสารและผูร้ ับสาร ผลดั เปลียนบทบาทกนั (กาญจนา แกว้ เทพ 2551) เป็นตน้ สุกัญญา ประจุศิลป์ อนุชัย ธีระเรืองไชยศรี อารีย์วรรณ อ่วมตานี และอนิรุทธ์ สติมัน (2549) ใหค้ วามหมายไวว้ า่ “การสือสารสุขภาพ หมายถึง การดาํ เนินงานเพือการสือสารสองทาง ระหวา่ งผสู้ ่งสารกบั ผรู้ ับสาร ทีเปิ ดโอกาสใหป้ ระชาชนสามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลข่าวสารดา้ นสุขภาพได้ ง่ายและทวั ถึง มีการจดั องคค์ วามรู้แบบมีส่วนร่วมและแลกเปลียนเรียนรู้ในกลุ่มประชาชน เป็นการ แลกเปลียนสือสารระหว่างกันทีเชือมนั ว่าคนเราเป็ นได้ทงั ผูส้ ่งสารและผูร้ ับสาร พร้อมทีจะรับ ความคิดเห็นของผูอ้ ืนและยนิ ดีแลกเปลียนความรู้และประสบการณ์ของตนเองร่วมกบั ผอู้ ืนได”้ โคทม อารียา (2552) ไดแ้ สดงความคิดเห็นไวว้ า่ “การสือสารเรืองสุขภาพในอดีตมกั จะเน้น การเผยแพร่ขอ้ มูลใหท้ วั ถึง เพือให้ประชาชนไดร้ ู้วา่ อะไรเป็ นเชือโรค อะไรเป็ นปัญหาดา้ นสุขภาพ โดยเผยแพร่จากฝ่ ายสาธารณสุข แต่การเผยแพร่จากฝ่ ายสาธารณสุขอย่างเดียวไม่เพียงพอ จึงควร เน้นการสือสารสองทางและเน้นความร่วมมือของทุกฝ่ ายทงั สายสุขภาพ นกั การศึกษา สือมวลชน ไปจนถึงประชาคมในระดบั ทอ้ งถิน” พนา ทองมีอาคม และเพ็ญพักตร์ เตียวสมบูรณ์กจิ (2552) ไดน้ าํ เสนอแนวความคิดไวว้ า่ “สถานการณ์ปัจจุบนั ผูค้ นหันมาใส่ใจการสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงแทนการดูแลเฉพาะเมือ เจบ็ ป่ วย ในลกั ษณะของการสร้างนาํ ซ่อม ดงั นนั การรับรู้ขอ้ มูลข่าวสารสุขภาพทีถูกตอ้ งจากแหล่งที เชือถือไดจ้ ึงเป็ นปัจจยั สาํ คญั สําหรับกระตุน้ ให้เกิดความตืนตวั ความตระหนกั ในการสร้างค่านิยม และการปรับเปลียนพฤตกิ รรมสุขภาพ จึงอาจกล่าวไดว้ า่ การสือสารเป็นเครืองมือสาํ คญั สาํ หรับการ สือสารสุขภาพในลกั ษณะของการสร้างเสริมสุขภาพแนวใหม่”
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 13 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ชิตชยางค์ ยมาภัย (2553) นาํ เสนอแนวคิดไวว้ า่ “การสือสารสุขภาพ หมายถึง การสือสาร สองทางผา่ นสือและช่องทางต่างๆ โดยอาศยั ความร่วมมือกนั ระหวา่ งนกั สุขภาพ นกั สือสาร สมาชิก ประชาคมสุขภาพและนกั วิชาการ เพอื เสริมสร้างสุขภาพ ป้องกนั โรคและฟื นฟูสุขภาพหลงั เจบ็ ป่ วย ตามแนวคิดการพึงตนเองและพึงกนั เองของประชาชน โดยมีหน่วยงานรัฐและองค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถินเป็นกลไกสนบั สนุน” DiClemente, R.J et al., (2002) ใหค้ วามหมายไวว้ า่ “การสือสารสุขภาพเป็นแนวคิดการ ส่งเสริมสุขภาพในยุคทีการสือสารมีความกา้ วหน้ามาก จากความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยแี ละจาก ความต้องการทีหลากหลายของประชาชนและพฤติกรรมสุขภาพได้รับอิทธิพลจากสิงทีเป็ น ความคิด ความรู้สึกมากโดยการส่งผา่ นในหลายระดบั ทงั ในระดบั บุคคล ชุมชนและผา่ นวฒั นธรรม” Encyclopedia of Communication and Information (2002) ไดน้ าํ เสนอความหมายของ การสือสารสุขภาพไวว้ า่ “เป็ นการสือสารดา้ นสุขภาพ เป็นพนื ทีการศึกษาทีอุดมไปดว้ ยความตืนเตน้ และมีความเกียวขอ้ งกบั การตรวจสอบและชีแจงถึงวิธีการสือสารของมนุษยแ์ ละสือมีอิทธิพลอยา่ ง มากตอ่ ผลลพั ธ์ของการดูแลสุขภาพและความพยายามในการส่งเสริมสุขภาพ ในขณะทีการสือสาร ดา้ นสุขภาพเป็ นเรืองทีค่อนขา้ งจาํ กดั ในแวดวงการศึกษา จนกระทงั ตน้ ทศวรรษ 1980 การวจิ ยั และ การเขียนถึงหวั ขอ้ นีจงึ ไดเ้ ริมเติบโตขึนอยา่ งมาก ทาํ ใหเ้ กิดการคน้ พบงานวิจยั และสิงพิมพท์ ีสําคญั จาํ นวนมากขึน เหตุผลสําคญั สําหรับการเติบโตขึนเป็ นอยา่ งมากสําหรับงานวจิ ยั ดา้ นการสือสาร สุขภาพนนั เป็ นไปเพอื ตอบสนองความตอ้ งการดา้ นการดูแลสุขภาพทีซบั ซ้อนมากขึนและเป็นเรือง ทา้ ทายในสงั คมและเป็ นแนวทางในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน” สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Institute) ได้ให้คาํ จาํ กดั ความไวว้ ่า “การ สือสารสุขภาพ หมายถึง ความสามารถในการเพมิ ระดบั ความรู้และความตระหนกั ในปัญหาสุขภาพ แนวทางการแกไ้ ขปัญหาสุขภาพและการมีอิทธิพลต่อการปรับความเชือและทศั นคติ ซึงสามารถ เปลียนบรรทดั ฐานทางสังคมได้ ก่อใหเ้ กิดการเปลียนแปลงพฤติกรรมอยา่ งทนั ทีทนั ใด โดยอาศยั ทกั ษะในการอธิบายบอกต่อถึงเรืองการดูแลสุขภาพ ใหค้ วามร่วมมือกบั นโยบายสุขภาพและความ ตอ้ งการเขา้ รับการบริการทางดา้ นสุขภาพ (Centers for Disease Control and Prevention, 2011) นอกจากนันการสือสารสุขภาพยงั สามารถดาํ เนินการไดห้ ลากหลายรูปแบบทงั ทางวาจาและลาย ลกั ษณ์อกั ษรทีจาํ เป็ น เพือการวางแผนเชิงกลยทุ ธ์สาํ หรับการสือสารสุขภาพทีมีประสิทธิภาพ ดว้ ย การดาํ เนินการเกียวกบั ขนั ตอนต่างๆ เหล่านีคือ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 14 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 1) ตรวจสอบข้อมูลทมี อี ยู่เดมิ ในการกาํ หนดปัญหา (อะไรคือสิงทมี ีอยู่แล้ว) 2) กาํ หนดวัตถุประสงค์การสือสาร (อะไรคือสิงทเี ราต้องการจะประสบความสําเร็จ) 3) การวเิ คราะห์และจัดกลุ่มเป้าหมาย (ใครคือผู้ทเี ราต้องการจะให้ข้อมูล) 4) พฒั นาและทดสอบแนวคิดของข้อมลู ข่าวสารก่อนนําไปใช้ (เราต้องการพดู หรือสือสารเรืองอะไร) 5) เลือกช่องทางในการสือสาร (เราต้องการพูดหรือสือสารเรืองนีทไี หน) 6) สร้างสรรค์และทดสอบข้อความรวมทงั เครืองมือหรือผลติ ภณั ฑ์ (เราต้องการพูดหรือสือสารเรืองนีอย่างไร) 7) พัฒนาแผนประชาสัมพนั ธ์และเครืองมือหรือผลติ ภัณฑ์ (เราจะใช้อย่างไร) 8) ใช้กลยุทธ์การสือสารและกาํ หนดขนั ตอนการประเมินผล (สิงทปี รากฏออกมาเป็ นเช่นไร) 9) ดาํ เนินการผลลพั ธ์และประเมนิ ผลกระทบ (สิงทเี ราทาํ ไปเป็ นอย่างไร)” Ontario Agency for Health Protection and Promotion (2012) ใหค้ วามหมายวา่ “การ สือสารสุขภาพ คือ กระบวนการส่งเสริมสุขภาพโดยเผยแพร่ขอ้ ความผ่านสือมวลชน ช่องทาง ระหวา่ งบุคคลกบั บคุ คล โดยดาํ เนินการสือสารผา่ นกิจกรรมต่างๆ ทีหลากหลาย เช่น -การมีปฏิสัมพนั ธ์เกียวกบั การถาม-ตอบระหวา่ งแพทยก์ บั ผปู้ ่ วย -การสือสารภายในกลุ่มชนั เรียน -การจดั ตงั กลุ่มเฉพาะเพอื ช่วยเหลือดูแลสุขภาพซึงกนั และกนั เอง -การส่งขอ้ มูลสุขภาพดว้ ยสิงพิมพ์ -การเขา้ ถึงขอ้ มูลสุขภาพโดยใชส้ ายดว่ น -การรณรงค์ส่งเสริมสุขภาพผ่านแคมเปญในสือสารมวลชน เป็ นตน้ โดยกิจกรรม เหล่านีสามารถมุ่งไปยงั ปัจเจกบุคคล จนถึงเครือข่ายขนาดเล็กไปถึงกลุ่มองคก์ ร ชุมชนหรือทวั ทงั ประเทศกไ็ ดเ้ ช่นกนั โดยประเภทของการสือสารดา้ นสุขภาพ ไดแ้ ก่
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 15 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 1) การสือสารโน้มน้าวใจหรือพฤติกรรม ซึงอาจใช้กลยทุ ธ์การตลาดเพอื สังคม (Persuasive or behavioural communications…which may employ social marketing strategies) 2) การสือสารความเสียง (Risk communication) 3) การเรียกร้องผ่านสือ (Media Advocacy) โดยเครืองมือทางกระบวนการ สือสารต่างๆ เช่น การรณรงค์ (Campaign) การโฆษณา (Advertising) การประชาสัมพนั ธ์ (Public Relations) เป็ นต้น 4) การศึกษาดา้ นความบนั เทิง (Entertainment education) 5) การสือสารสุขภาพแบบมีปฏิสัมพนั ธ์โต้ตอบ (Interactive health communication) 6) การสือสารเพอื การเปลียนแปลงทางสังคม (Communication for social change)” U.S. National Library of Medicine (2018) ให้นิยามความหมายของการสือสารสุขภาพ ไวว้ า่ “เป็ นการถ่ายโอนขอ้ มูลจากผูเ้ ชียวชาญในสาขาการแพทยแ์ ละสาธารณสุขไปยงั ผูป้ ่ วยและ ประชาชน เป็ นการศึกษาและการใชก้ ลยุทธ์การสือสารเพือแจง้ และมีอิทธิพลตอ่ การตดั สินใจของ แต่ละบคุ คลและชุมชนทีตอ้ งการเพมิ เติมขอ้ มูลเพอื นาํ ไปดูแลรกั ษาสุขภาพ” Wikipedia (2019) ได้รวบรวมนําเสนอความหมายของการสือสารสุขภาพไวว้ ่า “เป็ น การศึกษาและการปฏิบัติของการสือสารข้อมูลเพือส่งเสริมสุขภาพ เช่น ในการรณรงค์ด้าน สาธารณสุข การให้ความรู้ดา้ นสุขภาพและระหวา่ งแพทยแ์ ละผูป้ ่ วย (U.S. Department of Health and Human Services, 2010) วตั ถุประสงคข์ องการเผยแพร่ขอ้ มูลดา้ นสุขภาพ คือ การโน้มนา้ วใจ เพือการปรับปรุงความรู้ดา้ นสุขภาพของบุคคล เนืองจากการสือสารดา้ นสุขภาพทีมีประสิทธิภาพ จะตอ้ งปรับให้เหมาะกบั ประชาชนและสถานการณ์ (Cline R., 2003) การวจิ ยั การสือสารดา้ น สุขภาพพยายามทีจะปรับแต่งกลยุทธ์การสือสารเพือแจง้ ให้ผูค้ นทราบถึงวธิ ีการปรับปรุงสุขภาพ หรือเพือหลีกเลียงความเสียงตอ่ สุขภาพ (Schiavo, R., 2007) โดยการสือสารสุขภาพ จะศึกษาเพือ คน้ หาขอ้ มูลต่างๆ เช่น เพิมความรู้และความตระหนกั ของผูค้ นเกียวกบั ปัญหาสุขภาพ (Thompson, Teresa; Roxanne Parrott; Jon Nussbaum, 2011) ชกั จูงใจตอ่ พฤติกรรมสุขภาพและทศั นคติทีมีตอ่ ปัญหาสุขภาพ แสดงให้เห็นถึงการปฏิบตั ิทีดีต่อสุขภาพ แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการ เปลียนแปลงพฤติกรรมต่อผลลพั ธ์ดา้ นสุขภาพ สนับสนุนนโยบายสําหรับบริการด้านสุขภาพ ชีแจงขอ้ มูลทีถูกตอ้ งสาํ หรับความเขา้ ใจผดิ เกียวกบั สุขภาพ” (Kreps, G. L.; et al., 1998)
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 16 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ จากแนวความคิดของหลากหลายนกั วิชาการและองค์กรทีเกียวขอ้ งกบั ภารกิจดา้ นสุขภาพ รวมทงั จากประสบการณ์การทาํ งานดา้ นการสือสารสุขภาพของตวั ผูเ้ ขียนเองมาร่วม 20 ปี จึงขอ สรุปไวเ้ ป็ นแนวทาง ดงั นีคือ “การสือสารสุขภาพ” เป็ นการบูรณาการด้านการใช้สือต่างๆ ผสมผสานกนั เพอื ใหข้ อ้ มูลดา้ นสุขภาวะสุขอนามยั กบั ประชาชนทุกเพศทุกวยั สร้างความตระหนกั ในปัญหาสุขภาพทีอาจจะเกิดขึนกบั ปัจเจกบุคคล จนนาํ ไปสู่ความตงั ใจทีจะดูแลป้องกนั สุขภาพ ของตนเองไม่ให้เกิดโรคภยั หรือเกิดความเสียงต่อการเจ็บป่ วยในอนาคต และสร้างการรู้เทา่ ทนั ต่อ วธิ ีการรักษาสุขภาพใหก้ ลบั มาดีดงั เดิมไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากทีสุด ภารกิจของ การสือสารสุขภาพดงั ทีกล่าวมามีความจาํ เป็นตอ้ งใชส้ ือตา่ งๆ ทงั สือเก่า สือใหม่ เขา้ มาเป็นเครืองมือ ช่วยในการดาํ เนินงานใหป้ ระสบความสาํ เร็จ ไดแ้ ก่ 1. สือบุคคล (Personal media) หรือการสือสารดว้ ยบุคคลผา่ นคาํ พูด แบ่งเป็ น 2 แบบ คือ 1.1 แบบทีเป็ นทางการ (Formal oral communication) เช่น การบรรยาย การให้สัมภาษณ์ การ อภิปราย การประชุม การสัมมนา เป็นตน้ โดยการพูดทีเป็นแบบทางการนนั ผูพ้ ูดจะตอ้ งพดู ให้ผฟู้ ัง สนใจ เขา้ ใจ ประทบั ใจ เกิดศรัทธาและมีวตั ถุประสงค์ในการพูดดว้ ย เช่น เพือให้ขอ้ มูลข่าวสาร ความรู้ เพือชกั จูงใจ เพือกระตุน้ เร้าอารมณ์ เพือก่อให้เกิดการปฏิบตั ิการหรือทาํ ให้รู้สึกซาบซึงเขา้ ไปในจิตใจ 1.2 แบบทีไม่เป็ นทางการ (Informal oral communication) คือ การพูดจาสนทนาตาม โอกาสตา่ งๆ ทีไดพ้ บเจอกนั ระหว่างผูส้ ่งสารกบั ผรู้ ับสาร ขอ้ ดีของสือบุคคล คือ (1) เป็ นสือทีทุก คนมีอยแู่ ลว้ (2) ทาํ ให้ผูพ้ ูดและผฟู้ ังเห็นหนา้ ตา บุคลิก ลีลา ท่าทาง นาํ เสียงประกอบการพูดซึงมี อิทธิพลในการชกั จูงและเร้าความสนใจไดม้ ากกว่า (3) เป็ นการสือสารสองทาง ทงั ผูพ้ ูดและผูฟ้ ัง สามารถโตต้ อบกนั ไดท้ นั ที (4) ผูพ้ ูดสามารถปรับเนือหาใหเ้ หมาะกบั ผูฟ้ ังไดท้ นั ท่วงที (5) เหมาะ กบั การเผยแพร่ขอ้ มูลเรืองราวทีไม่ยงุ่ ยากหรือสลบั ซบั ซ้อนมากนกั (6) สามารถติดตอ่ สัมพนั ธ์กนั เป็นการส่วนตวั ได้ หากตอ้ งชีแจงทาํ ความเขา้ ใจใหช้ ดั เจนยงิ ขึน 2. สือมวลชน (Mass media) ซึงมีขอ้ ดีตามบทบาทหนา้ ทีต่อประชาชนในประเด็นสําคญั ตา่ งๆ ดงั นีคือ 2.1 แจง้ ขา่ วสาร ความรู้ ความเคลือนไหวของกิจการหรือหน่วยงานตา่ งๆ ทีเกียวขอ้ ง ดา้ นสุขภาพ 2.2 เผยแพร่ไปยงั ประชาชนส่วนใหญอ่ ยา่ งกวา้ งขวาง 2.3 สิงทีเผยแพร่มีการจดั เตรียม อย่างดีไวก้ ่อนล่วงหนา้ 2.4 สือมวลชนสามารถส่งขอ้ มูลข่าวสารทีสนองความสนใจของกลุ่ม ประชาชนจาํ นวนมากได้ 2.5 คุณภาพการทาํ งานของสือมวลชนตอ้ งรักษาภาพพจน์ทีดีงามและทาํ ใหป้ ระชาชนเกิดความเชือมนั ใหไ้ ด้ จึงตอ้ งพยายามนาํ เสนอขอ้ มูลทีถูกตอ้ งและทนั สถานการณ์
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 17 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 3. สือสารมวลชน (Mass communication) มีวถั ุประสงค์เพือเสนอขอ้ มูลข่าวสารความ เคลือนไหวตา่ งๆ ทีเกิดขึนและอาจเกิดผลกระทบตอ่ ประชาชนในสังคมให้ไดร้ ับรู้ โดยมีสือมวลชน เป็นเครืองมือสาํ คญั ในกระบวนการสือสารดว้ ยรูปแบบนี 4. สือประสม (Multimedia) ประเภทต่างๆ เป็นการใชส้ ือในหลากหลายรูปแบบไมว่ ่าจะ เป็ นขอ้ ความ เสียง รูปภาพนิงและภาพเคลือนไหว สาํ หรับให้ขอ้ มูลความรู้หรือให้ความบนั เทิงต่อ ผรู้ ับสาร สือประสมจะใช้เพือก่อให้เกิดความเขา้ ใจทีลึกซึงและป้องกนั การเขา้ ใจความหมายของ สาระทีแทจ้ ริงผิดพลาดไป โดยนาํ มาใชเ้ พือการเผยแพร่ขอ้ มูลขา่ วสารและเนือหาสาระทีเกียวขอ้ ง กบั การดูแลป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาดา้ นสุขภาพทงั ในระดบั ปัจเจกบคุ คลและสาธารณชน โดยสร้าง ใหเ้ กิดความตระหนกั ในปัญหาทีเกิดขึนทงั ตนเองและคนทีตนเองรักห่วงใย สนบั สนุนให้เกิดการ คน้ หาความรู้ทกั ษะทีจะนาํ มาใชเ้ พือใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อตนเองและผูอ้ ืนทงั ในระดบั ครอบครัวและ สังคมโดยรวม ใหม้ ีคุณภาพชีวิตทีดีมากขึน มีความผาสุกในการใชช้ ีวติ ประจาํ วนั มากยงิ ขึน 1.4.2 สุขภาพกายและสุขภาพจติ สุขภาพกาย หมายถึง สภาวะของร่างกายทีมีความสมบรู ณ์ แขง็ แรง เจริญเติบโตอยา่ งปกติ ระบบต่างๆ ของร่างกายสามารถทาํ งานไดเ้ ป็นปกตแิ ละมีประสิทธิภาพ ร่างกายมีความตา้ นทานโรค ไดด้ ี ปราศจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ และความทุพพลภาพ โดยลกั ษณะของผมู้ ีภาวะสุขภาพกายทีดี โดยสงั เขป มีดงั นี 1) สภาพร่างกายมคี วามสมบูรณ์แข็งแรง 2) สภาพร่างกายไมไ่ ดร้ ับความบาดเจบ็ หรือไม่ทุพพลภาพ 3) อวยั วะต่างๆ ทงั ภายในและภายนอกร่างกายสามารถทาํ งานได้ตามปกติ 4) ร่างกายมีความเจริญเติบโตทีเป็นไปตามปกติ 5) ร่างกายได้รับการทะนุบาํ รุงอย่างเหมาะสม 6) ร่างกายไดร้ บั อาหารอยา่ งถูกสุขลกั ษณะและสุขอนามยั ครบถว้ นตามสมควร 7) ร่างกายได้พกั ผ่อนอย่างเพยี งพอ สุขภาพจิต หมายถึง สภาวะของจิตใจทีมีความสดชืน แจม่ ใส สามารถควบคุมอารมณ์ให้ มนั คงเป็ นปกติ สามารถปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั การเปลียนแปลงของสังคมและสิงแวดลอ้ มต่างๆไดด้ ี สามารถเผชิญกบั ปัญหาตา่ งๆไดเ้ ป็ นอยา่ งดี และปราศจากความขดั แยง้ หรือความสับสน ภายใน จติ ใจ โดยลกั ษณะของผูม้ ีภาวะสุขภาพจติ ทีดี โดยสังเขป มีดงั นี
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 18 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 1) มีอารมณ์มันคงและควบคมุ อารมณ์ได้ดี แสดงออกอย่างเหมาะสม เมือมคี วาม สะเทือนใจ 2) มีความตงั ใจและกระตือรือร้นในการทาํ งาน ไม่ยอ่ ทอ้ เหนือยหน่ายหรือ หมดหวงั ในชีวิต 3) มคี วามสดชืน เบกิ บาน แจ่มใส ไม่มคี วามวติ กกงั วลใจจนเกนิ ไปมีอารมณ์ขัน 4) มีความรู้สึกตอ่ ผอู้ ืนในแงด่ ี มองโลกในแง่ดี ปรับตวั เขา้ กบั สงั คมและ สิงแวดลอ้ มไดด้ ี 5) รู้จักตนเองดแี ละมคี วามเข้าใจผู้อนื ดเี สมอ สามารถแสดงความยนิ ดีต่อผู้อืน ได้อย่างจริงใจ 5) มีความเป็ นตัวของตัวเองและมีความเชือมันในตนเองอย่างมีเหตุผล 6) กล้าเผชิญกบั ปัญหาและสามารถตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง สุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็ นสิงสําคญั และจาํ เป็ นสําหรับทุกชีวติ การทีจะดาํ รงชีวิตอยู่ อยา่ งปกติ คือ การทาํ ให้สุขภาพร่างกายแขง็ แรง สมบูรณ์ จิตใจมีความสุข มีความพงึ พอใจ มีความ สมหวงั ทงั ตนเองและผอู้ ืน ผูท้ ีมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตทีดี จะปฏิบตั ิหนา้ ทีประจาํ วนั ไม่วา่ เป็ น การศึกษาเล่าเรียนหรือการทาํ งานให้เป็ นไปดว้ ยดี มีประสิทธิภาพ (พูนศกั ดิ สักกทตั ติยกุล 2558) การทีมนุษยเ์ ราทุกคนมีความรู้สึกว่าทงั สุขภาพกายและสุขภาพจิตของตนเองมีความปกติและ สมบูรณ์ดี บุคคลนนั ๆ ก็จะมีความสุข แต่ในทางตรงกันขา้ ม ถา้ สุขภาพกายและสุขภาพจิตของ ตนเองผิดปกติหรื อไม่สมบูรณ์ คนๆ นันก็จะมีความทุกข์ ด้วยเหตุผลดังกล่าวการรู้จกั ดูแล บาํ รุงรักษาและส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตจึงเป็ นสิงทีจาํ เป็ นสาํ หรับชีวิตของทุกคนเพราะ จะช่วยใหช้ ีวติ อยไู่ ดด้ ว้ ยความผาสุกและมีคุณภาพชีวติ ทีดี 1.4.3 ผ้สู ูงอายุ คาํ จาํ กดั ความหรือขอ้ ตกลงเกียวกบั คาํ วา่ “ผูส้ ูงอายุ” นนั องคก์ ารสหประชาชาติ ไม่ไดม้ ี การกาํ หนดเกณฑ์อายุเริมตน้ ทีเป็ นมาตรฐาน เพียงยอมรับโดยทวั ไปว่า หมายถึง บุคคลหรือกลุ่ม ประชากรทีมีอายุตามปี ปฏิทิน (Chronological age) ตงั แต่ 60 ปี ขึนไป ซึงเป็ นเกณฑ์อายุเริมตน้ เดียวกบั ขององคก์ ารอนามยั โลก ทีใชใ้ นการกาํ หนดช่วงอายุของผสู้ ูงอายุ สําหรับในกลุ่มประเทศ พฒั นาแลว้ มกั ถูกอา้ งอิงหรือตกลงไวท้ ีเกณฑ์ อายุตงั แต่ 65 ปี ขึนไป ส่วนใหญ่ไม่ไดก้ าํ หนดอยา่ ง เป็ นทางการหรือระบุชดั เจนทางกฎหมาย แต่ในประเทศกาํ ลงั พฒั นาหลายประเทศ รวมถึงประเทศ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 19 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ไทย กาํ หนดไวห้ รือตกลงไวท้ ีอายุตงั แต่ 60 ปี ขึนไป (WHO, n.a) การกาํ หนดนิยามผูส้ ูงอายุทงั ในประเทศไทยและต่างประเทศ อยูภ่ ายใตแ้ นวคิดทีวา่ วยั สูงอายเุ ป็ นวยั ทีเปราะบาง ประสิทธิภาพ การทาํ งานลดลง ควรไดร้ ับสวสั ดิการการดูแลจากภาครัฐ จึงมกั เป็ นอายุเดียวกนั กบั อายุเกษียณ (สาํ นกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน 2542; Mujahid, G., 2006) สําหรับประเทศไทยมี ผสู้ ูงอายเุ พมิ มากขึนอยา่ งสงั เกตเห็นไดช้ ดั ไมว่ า่ จะในครอบครัว ชุมชน หรือตาม สถานทีสาธารณะ เราจะเห็นและรู้สึกไดว้ า่ มีผสู้ ูงอายอุ ยมู่ ากจริง ๆ ปรากฏการณ์ทีมีผูส้ ูงอายุเพิมมากขึนเช่นนี ยืนยนั ด้วยสถิติขอ้ มูลประชากร ซึงแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้ก้าวเขา้ สู่ “สังคมสูงวยั ” มาตงั แต่ ประมาณปี พ.ศ. 2548 แลว้ เมือประชากรอายุ 60 ปี ขึนไปมีสัดส่วนสูงขึนถึงร้อยละ 10 ของ ประชากรทงั หมด ยิงไปกว่านนั การฉายภาพประชากรไทยต่อไปในอนาคตยงั แสดงให้เห็นว่า สดั ส่วนของประชากรสูงอายจุ ะเพมิ สูงขึนอยา่ งต่อเนือง ในอีกไม่เกิน 10 ปี ขา้ งหนา้ ประเทศไทยจะ กลายเป็ น “สังคมสูงวยั อยา่ งสมบูรณ์” เมือประชากรอายุ 60 ปี ขึนไปมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 20 ของ ประชากรทงั หมด (รศรินทร์ เกรย์ และคนอืนๆ 2556) 1.4.4 สมาชิกในครอบครัว สมาชิกในครอบครัว คือ บุคคลทีพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันหรื อบุคคลทีมี ความสัมพนั ธ์เป็ นญาติกากนั แต่อาจไม่ไดอ้ ยู่ในบ้านหลงั เดียวกนั ก็ได้ ซึงถือไดว้ า่ เป็ นสมาชิกใน ครอบครัวเดียวกนั เพราะครอบครัวเป็ นสถานทีหล่อหลอมทางบุคลิกภาพและคุณลกั ษณะของ สมาชิกในครอบครัวเดียวกนั การมีปฏิสัมพนั ธ์ (Interaction) ระหวา่ งสมาชิกในครอบครัวเดียวกนั มีการถ่ายโยงค่านิยม ความรู้สึกนึกคิด ทศั นคติ ความเชือ ความศรัทธาและวฒั นธรรมการดาํ เนิน ชีวิตจากสมาชิกรุ่นหนึงไปยงั อีกรุ่นหนึง ตลอดจนมีวิธีการอบรมเลียงดู การอบรมสังสอน การ พกั ผอ่ น สันทนาการและการทาํ กิจกรรมต่างๆ ร่วมกนั โดยมีผใู้ หญ่ในบา้ นเป็ นพอ่ แบบ-แม่แบบ ทงั อยา่ งเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ ทงั โดยที รู้ตวั หรือไม่รู้ตวั สิงแวดลอ้ มภายในครอบครัวไม่ว่าจะในทางบวกหรือในทางลบ จะค่อยๆ หล่อ หลอมพนื ฐานทางบุคลิกภาพและคุณลกั ษณะทางดา้ นร่างกาย สังคม อารมณ์ และจิตใจของสมาชิก ในครอบครัวในรูปแบบต่างๆ ได้ และส่งผลต่อโดยตรงกบั การแสดงบทบาทในครอบครัวและ บทบาททางสังคมต่อไป สมาชิกในครอบครัวจะถูกถ่ายทอดองคค์ วามรู้ ฝึ กฝนและอบรมให้ได้ เรียนรู้ระเบียบสังคมหรือการขดั เกลาทางสังคม (Socialization) ทงั อย่างเป็ นทางการ (Formal) และ ไม่เป็นทางการ (Informal) เพอื สร้างคุณภาพชีวิตหรือคุณลกั ษณะต่างๆ ทีบ่งชีถึงลกั ษณะของชีวติ ที มีคุณภาพให้เกิดขึนกบั ชีวิตของสมาชิกในครอบครัวได้ โดยทุกคนตอ้ งพบกบั วฏั จกั รของการเกิด การเติบโต เขา้ สู่วยั เรียน วยั ทาํ งาน วยั แต่งงาน วยั เลียงดูลูกของตนเอง วยั ดูแลพอ่ แม่เมือแก่ชราลง
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 20 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สมาชิกในครอบครัวจะถูกอบรมบ่มสอนและฝึ กฝนให้ทุกคนตอ้ งมีบทบาทหนา้ ทีในฐานะต่างๆใน ครอบครัว หรืออีกนยั หนึงคือ การเขา้ ไปมีบทบาท ภาระ หน้าทีและมีความรับผิดชอบในฐานะ สมาชิกของชุมชนหรือสังคมนันๆ ด้วย (ภิญโญ ทองดี 2561) ขอ้ สําคญั คือ เด็กๆ ทีเกิดและ เจริญเติบโตมาจากสมาชิกในครอบครัวมีลกั ษณะบุคลิกภาพ อุปนิสัยใจคอเป็นแบบใด ยอ่ มไดร้ ับ การถ่ายทอดแนวความคิด เจตคติและพฤติกรรมต่าง ๆ ติดมาจากครอบครัวเดิมไม่มากก็น้อย และ นาํ ไปใชป้ ฏิบตั ิในชุมชน สงั คมทีเขาพกั อาศยั อยดู่ ว้ ย 1.4.5 สือใหม่ สื อใหม่ เป็ นช่องทางการสื อสารรู ปแบบหนึง คือ รู ปแบบของการติดต่อสื อสาร (Communication) ทังของบุคคลและสื อทีถูกแปลง (transform) โดยการใช้เทคโนโลยีอย่าง สร้างสรรค์ เพอื ให้เกิดระบบการโตต้ อบ (interactive) หรือการทาํ ธุรกรรม (transact) และหวั ใจหลกั ของสือใหมจ่ ะมุ่งเนน้ ใน 2 ส่วน คือ 1) การแพร่กระจายของขอ้ มูลข่าวสาร เพราะสือใหม่มีจุดเด่นอยู่ทีความสามารถในการ แพร่กระจายขอ้ มูลขา่ วสารไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว เช่น จากผสู้ ่งสารเพียง 1 คน จะขยายวงกวา้ งไปถึงผูร้ ับ สารทงั สมาชิกในครอบครัวหรือคนอืนๆ ทวั ประเทศจนถึงทวั โลกได้ ทาํ ใหโ้ ลกของเราเปรียบคลา้ ย กบั เป็ น Global Village ทีใครทาํ อะไรก็สามารถรู้กนั ไดห้ มดทวั ทงั หมบู่ า้ น 2) ลกั ษณะของข่าวสารขอ้ มูล (information, content) ทีสามารถใชง้ านร่วมกนั (share) กนั ได้ ระหวา่ งผเู้ ผยแพร่ (publisher, broadcaster) และผใู้ ชข้ อ้ มูล เช่น การส่งคลิปวีดิโอไปบนเวบ็ ไซต์ ทีใหบ้ ริการและอพั โหลด (upload) และดาวน์โหลด (download) เช่น ยูทูบ (youtube.com) ผทู้ ีเขา้ ไปชมสามารถ download คลิปวีดิโอหรือวีดิทศั น์เพือนาํ ไปตดั ต่อเพิมเติมได้อีก ทาํ ให้ผูใ้ ช้งาน สามารถเป็ นผูผ้ ลิตได้ (producer) สําหรับสือใหม่ทีสามารถนาํ มาใชใ้ นการสือสารสุขภาพ ไดแ้ ก่ Multimedia, Mobile Devices, Blogs, Podcasting, Vidio Games, CD-ROMS, DVD, Software, Web Sites, Email, Interactive Tv เป็ นตน้ (ธีรภทั ร วรรณฤมล 2556)
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 21 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า ศาสตร์ทางด้านการสือสารสุขภาพนีได้รับความสนใจใน ตา่ งประเทศมาเป็นเวลานานแลว้ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสมาคมการสื อสารระหว่างประเทศ (International Communication Association) ไดก้ ่อตงั สาขาวิชาการสือสารสุขภาพขึนในปี ค.ศ. 1955 (หนึงหทยั ขอผลกลาง และกิตติ กันภัย 2553) จากนันอีก 11 ปี ต่อมา สมาคมวาทวิทยา (Speech Communication Association) ไดก้ ่อตงั คณะกรรมการการสือสารสุขภาพ (Commission on Health Communication) จนกระทงั สาขาดงั กล่าวกลายเป็ นสาขาเฉพาะด้านสือสารมวลชนสาขาหนึง (Donohew, L. and Ray, E. B, 1990) และในช่วงทศวรรษที 1970 ไดม้ ีการผนวกรวมการศึกษาเรือง สุขภาพเขา้ กบั การศึกษาเรืองการสือสารในลักษณะสหสาขาวิชา (Multidisciplinary) ในดา้ น หลกั สูตรการเรียนการสอนเรืองการสือสารสุขภาพนนั ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการเปิ ดสอนทงั ในระดบั ปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอกมานานพอสมควรแลว้ สาํ หรับขอ้ มูลจากการรวบรวมผลงานวิจยั ทีเกียวขอ้ งกบั การสือสารสุขภาพเป็ นกลุ่มหัวขอ้ ในประเดน็ ตา่ งๆ พบวา่ (Finnegan, J.R. & Viswanath, K. (1990) ในช่วงระหวา่ งปี ค.ศ. 1983-1987 ประเทศสหรัฐอเมริกามีงานวิจยั ด้านการสือสารสุขภาพถึง 322 เรือง โดยประเด็น “การสือสาร ระหว่างบุคคล” เป็ นหวั ขอ้ ซึงมีการวิจยั มากทีสุด สาํ หรับประเด็นหวั ขอ้ เรืองซึงมีการศึกษาไล่เรียง ตามลาํ ดบั ไดด้ งั นี
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 22 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ตารางที 1.3 แสดงข้อมูลประเด็นหวั ข้อเรืองสือสารสุขภาพทมี กี ารศึกษาไล่เรียงตามลําดับ ลาํ ดับที หวั ข้อเรืองทที ําการศึกษา 1. การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคนไข้กบั บุคลากรทางการแพทย์ 2. การศึกษาความสัมพันธ์ภายในแวดวงวิชาชีพ 3. การศึกษาปฏสิ ัมพนั ธ์ภายในผู้ประกอบวชิ าชีพทางการแพทย์ 4. การศึกษาการฝึ กอบรมของผู้ประกอบวชิ าชีพ 5. การศึกษาแนวทางการจัดอบรมและฝึ กสอนทกั ษะการสือสาร ให้แก่ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการแพทย์ 6. การศึกษาวธิ กี ารรณรงค์เพือสุขภาพ เป็ นต้น เมือพจิ ารณาในดา้ นงานวจิ ยั พบขอ้ มูลวา่ งานวจิ ยั ดา้ นการสือสารสุขภาพในสหรัฐอเมริกา มีทงั ระดบั จุลภาค (Micro Level) ไปจนถึงระดบั มหภาค (Macro Level) เช่น การสือสารระหวา่ ง บุคคล การสือสารกลุ่มยอ่ ย รวมทงั การสือสารภายใตบ้ ริบทการดูแลสุขภาพในองคก์ ร นอกจากนนั ยงั มกี ารศึกษาปัจจยั ทีเกียวขอ้ งกบั การใหค้ วามรู้ดา้ นสุขภาพแก่ปัจเจกบุคคลโดยผา่ นสือมวลชนและ สืออืนๆ การศึกษาในประเด็นการรณรงค์ดา้ นการสือสารสุขภาพสาธารณะ ความตระหนกั และ ความรู้ในประเด็นดา้ นสุขภาพ เป็ นตน้ สิงทีคน้ พบไดจ้ ากกระแสการศึกษาวิจยั ในช่วงเวลานนั คือ ปรากฏการณ์ความตืนตวั ในเรืองการใชส้ ือและกลไกการสือสารสุขภาพทีไดก้ ลายเป็นองคป์ ระกอบ สําคญั ซึงส่งผลต่อการพฒั นาสุขภาพ ส่งผลให้การศึกษาประเด็นทีเกียวขอ้ งกบั การสือสารสุขภาพ กลายเป็นวาระทีสาธารณชนใหค้ วามสนใจมากขึนดว้ ย ประเทศสวีเดน มีการจดั ประชุมนานาชาติเรืองการสร้างเสริมสุขภาพครังที 3 ณ เมือง ซันด์สวาลล์ (Sundsvall) ระหวา่ งวนั ที 9-15 มิถุนายน พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) เกียวขอ้ งกบั การ สือสารสุขภาพในประเด็นสิงแวดลอ้ มทีสนบั สนุนสุขภาพ การประชุมซนั ดส์ วาลลน์ ีสอดคลอ้ งกบั ลาํ ดบั เหตุการณ์ทีเกิดขึน โดยเริมจากพนั ธะขององคก์ ารอนามยั โลกเพอื การบรรลุเป้าหมายสุขภาพดี ถว้ นหนา้ (พ.ศ. 2520/ค.ศ. 1977) ตามดว้ ยการประชุมนานาชาติเรืองการสาธารณสุขมูลฐาน จดั โดย องค์การทุนเพือเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ร่วมกบั องค์การอนามยั โลกทีอลั มา-อะตา (Alma-Ata) ประเทศรัสเซีย ในปี พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) และการประชุมนานาชาติเรืองการสร้าง เสริมสุขภาพในกลุม่ ประเทศอุตสาหกรรม ครังที 1 ทีกรุงออตตาวา (Ottawa) ซึงเป็นเมืองหลวงของ ประเทศแคนาดา ในปี พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) การประชุมครังต่อมาเป็ นการประชุมในประเด็น
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 23 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ นโยบายสาธารณะเพือสุขภาพทีเมืองแอดิเลด (Adelaide) เมืองหลวงของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย (South Australia) ในปี พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) และขอ้ เรียกร้องเพือการดาํ เนินการเรืองการสร้าง เสริมสุขภาพในประเทศกาํ ลงั พฒั นาทีเจนีวา (Geneva) เมืองทีมีประชากรมากเป็นอนั ดบั สองของ ประเทศสวติ เซอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) ซึงจะเห็นไดว้ า่ การประชุมทีเกียวขอ้ งกบั การสือสารสุขภาพในระดบั นานาชาติดงั ทีกล่าวมา มีส่วนช่วยใหค้ วามหมายและประเด็นทีเกียวขอ้ ง กบั การสร้างเสริมสุขภาพมีความชดั เจนมากยงิ ขึน (สินศกั ดิชนม์ อุน่ พรมมี 2556) จากข้อมูลในต่างประเทศ สามารถนาํ มาพิจารณาได้ถึงการให้ความสาํ คญั กบั การสือสาร สุขภาพในหลากหลายมิติทีมีมาแต่เนินนานแล้ว โดยประเด็นความสนใจในการศึกษาคน้ ควา้ หา องคค์ วามรู้นนั มีขอบขา่ ยทีปัจจบุ นั ก็คงยงั ตอ้ งศึกษากนั ต่อไป ไดแ้ ก่ ตารางที 1.4 แสดงประเด็นความสนใจในการศึกษาวจิ ยั เกยี วกบั การสือสารสุขภาพในต่างประเทศ เรืองที ประเดน็ ความสนใจในการศึกษาวจิ ยั 1. แนวทางการจดั อบรมและฝึ กสอนทกั ษะการสือสารใหแ้ ก่ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการแพทย์ 2. การฝึ กอบรมดา้ นการสือสารสุขภาพของผปู้ ระกอบวชิ าชีพและวธิ ีการรณรงคเ์ พอื สุขภาพ 3. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคนไขก้ บั บุคลากรทางการแพทย์ 4. ปฏิสัมพนั ธ์ภายในผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการแพทย์ 5. ความสมั พนั ธ์ภายในแวดวงวชิ าชีพสาธารณสุข เป็ นตน้ เพราะองค์ความรู้เดิมทีมีอยู่อาจเหมาะสมกับผูค้ นในยุคอดีต แต่พอมาถึงสถานการณ์ ปัจจุบนั ทีทุกอยา่ งเปลียนแปลงพฒั นาเจริญกา้ วหนา้ ไปอยา่ งมากมาย ทงั วถิ ีการดาํ เนินชีวิตในแต่ละ วนั ของคน รูปแบบการติดต่อสือสาร อุปกรณ์ทีใช้ เทคโนโลยีทีพฒั นาแบบกา้ วกระโดดอย่าง รวดเร็ว ฯลฯ สิงเหล่านีลว้ นส่งผลต่อ “การสือสารสุขภาพ” ในทุกๆ มิติอยา่ งหลีกเลียงมิได้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436