แผนการจัดการเรียนรมู้ งุ่ เนน้ สมรรถนะ บูรณาการคุณธรรม จรยิ ธรรม และหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง หลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง พทุ ธศกั ราช 2563 จดั ทาโดย นายพรพทิ ักษ์ ศรีแก้ว วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาสรุ นิ ทร์ สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
ก หลกั สตู รรายวชิ า รายวิชาคณติ ศาสตรค์ อมพิวเตอร์ รหสั วิชา 30900 - 0010 ทฤษฎี 2 ปฎบิ ตั ิ 0 หน่วยกิต 2 จุดประสงค์รายวชิ า 1. เขา้ ใจเกีย่ วกบั คณิตศาศตร์สาหรับการทางานของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 2. สามารถคานวณทางคณิตศาสตรค์ อมพิวเตอร์ 3. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และเจคคติท่ดี ีในการใช้คณิตศาสตร์คอมพวิ เตอร์ สมรรถนะรายวิชา แสดงความรู้เก่ียวกบั คณิตศาสตรส์ าหรับการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ คาอธบิ ายรายวชิ า ศกึ ษาวิวัฒนาการของระบบจานวนและความสมั พนั ธร์ ะหว่างคณิตศาสตรก์ ับการทางานของเครอื่ ง คอมพวิ เตอร์ ระบบเลขฐาน ตรรกศาสตร์เบอ้ื งต้น พีชคณิตบูลนี ทฤษฎีเมตรกิ ซ์ คาอธบิ ายรายวชิ า (ปรบั ปรงุ ) ศกึ ษาววิ ัฒนาการของระบบจานวนและความสมั พันธร์ ะหว่างคณิตศาสตร์กับการทางานของเคร่อื ง คอมพิวเตอร์ ระบบเลขฐาน ตรรกศาสตร์เบื้องตน้ พชี คณติ บูลนี ทฤษฎเี มตรกิ ซ์ ปฏิบัติงานแปลงเลขฐานสอง เลขฐานแปด เลขฐานสิบหกเป็นเลขฐานสิบ งานแปลงเลขฐานสิบเป็น เลขฐานสอง เลขฐานแปดและเลขฐานสิบหก งานแปลงระหว่างเลขฐานสองและเลขฐานแปด งานแปลง ระหว่างเลขฐานสองและเลขฐานสิบหก งานบวกเลขฐานสอง เลขฐานแปด และเลขฐานสิบหก งานลบ เลขฐานสอง เลขฐานแปด และเลขฐานสิบหก งานคูณเลขฐานสอง เลขฐานแปด และเลขฐานสิบหก งานหาร เลขฐานสอง เลขฐานแปด และเลขฐานสิบหก งานหาค่าความจริงของประพจน์ งานเขียนประพจน์บูลีนจาก วงจรลอจิก งานเขียนวงจรลอจิกจากประพจน์บูลีน งานหาค่าผลลัพธ์ (Output) ของประพจน์บูลีน งานท รานสโพสของเมทริกซ์ งานบวกและการลบเมทริกซ์ งานคูณเมทรกิ ซ์ งานแก้ระบบสมการเชิงเส้นด้วยเมทริกซ์ งานแก้สมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดียว งานแก้สมการเชงิ เส้นสองตัวแปร
ข ตารางวเิ คราะหห์ น่วยการเรยี น วิชาคณติ ศาสตร์คอมพวิ เตอร์ รหสั วิชา 30900 - 0010 ท-ป-น 2-0-2 จานวนชว่ั โมงสอน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ ระดับช้นั ปวส. คาอธบิ ายรายวชิ า ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ ศึกษาวิวัฒนาการของระบบจานวนและ 1. ระบบจานวน ความสัมพันธ์ระหว่างคณิตศาสตร์กับการทางานของ 2. ระบบเลขฐาน เครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบเลขฐาน ตรรกศาสตร์เบ้ืองต้น 3. การแปลงเลขฐานในระบบคอมพวิ เตอร์ พีชคณิตบูลนี ทฤษฎีเมตริกซ์ 4. หลกั การคานวณเลขในระบบคอมพิวเตอร์ ปฏิบัติงานแปลงเลขฐานสอง เลขฐานแปด 5. ตรรกศาสตร์ เลขฐานสิบหกเป็นเลขฐานสิบ งานแปลงเลขฐานสิบเป็น 6. พีชคณติ แบบบูลีนเบื้องต้น เลขฐานสอง เลขฐานแปดและเลขฐานสิบหก งานแปลง 7. เมตริกซ์ ระหว่างเลขฐานสองและเลขฐานแปด งานแปลงระหว่าง 8. พีชคณิตเชิงเส้น เลขฐานสองและเลขฐานสิบหก งานบวกเลขฐานสอง เลข ฐานแปด และเลขฐานสบิ หก งานลบเลขฐานสอง เลขฐาน แปด และเลขฐานสิบหก งานคูณเลขฐานสอง เลขฐาน แปด และเลขฐานสิบหก งานหารเลขฐานสอง เลขฐาน แปด และเลขฐานสิบหก งานหาคา่ ความจริงของประพจน์ งานเขียนประพจน์บูลีนจากวงจรลอจิก งานเขียน วงจรลอจกิ จากประพจนบ์ ลู ีน งานหาคา่ ผลลัพธ์ (Output) ของประพจน์บูลีน งานทรานสโพสของเมทริกซ์ งานบวก และการลบเมทรกิ ซ์ งานคณู เมทรกิ ซ์ งานแกร้ ะบบสมการ เชิงเส้นด้วยเมทริกซ์ งานแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว งานแกส้ มการเชิงเส้นสองตวั แปร
ค ตารางวิเคราะหห์ ลักสตู รรายวิชา รายวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ รหสั วิชา 30900 - 0010 ความสอดคล้องระหว่างเนื้อหากับคาอธิบายรายวิชา จุดประสงค์รายวิชา และสมรรถนะรายวิชา หน่วยการ ความสอดคล้องกับหลักสตู รรายวชิ า เรยี นรูท้ ี่ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ คาอธิบายรายวิชา จุดประสงคร์ ายวชิ า สมรรถนะ 123 รายวชิ า 1 ระบบจานวน วิวฒั นาการของระบบจานวนและ ความสมั พันธ์ระหวา่ งคณติ ศาสตร์ กับการทางานของเครือ่ ง คอมพวิ เตอร์ 2 ระบบเลขฐาน ระบบเลขฐาน 3 การแปลงเลขฐานในระบบ ระบบเลขฐาน คอมพวิ เตอร์ 4 หลกั การคานวณเลขในระบบ ระบบเลขฐาน คอมพิวเตอร์ ตรรกศาสตร์เบ้ืองต้น 5 ตรรกศาสตร์ พชี คณิตบูลีน 6 พชี คณติ แบบบลู ีนเบือ้ งตน้ ทฤษฎีเมตริกซ์ 7 เมตรกิ ซ์ พชี คณิตบลู นี 8 พีชคณติ เชงิ เส้น
ง ตารางวิเคราะหห์ นว่ ยการเรยี น รายวิชาคณติ ศาสตร์คอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 30900 - 0010 ท-ป-น 2-2-3 จานวนชั่วโมงสอน 4 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ระดบั ช้นั ปวส. หนว่ ยท่ี ช่อื หน่วย จานวน ทีม่ า ชัว่ โมง A B C D E 1 2 ระบบจานวน 2 3 4 ระบบเลขฐาน 2 5 6 การแปลงเลขฐานในระบบคอมพวิ เตอร์ 10 7 8 หลกั การคานวณเลขในระบบคอมพวิ เตอร์ 4 ตรรกศาสตร์ 4 พชี คณติ แบบบลู ีนเบ้ืองต้น 4 เมตรกิ ซ์ 6 พชี คณติ เชิงเสน้ 4 รวม 36 หมายเหตุ A = คาอธบิ ายรายวชิ า B = ตารา/เอกสาร C = ผูเ้ ช่ียวชาญ D = ประสบการณ์ E = สถานประกอบการ/ผชู้ านาญการ
จ กาหนดการสอน/หนว่ ยการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ จานวนช่วั โมง สปั ดาห์ที่ 1 ระบบจานวน 2 1 2 ระบบเลขฐาน 2 2 3 การแปลงเลขฐานในระบบคอมพิวเตอร์ 10 4 หลักการคานวณเลขในระบบคอมพิวเตอร์ 4 3-7 5 ตรรกศาสตร์ 4 8-9 6 พชี คณติ แบบบลู ีนเบอ้ื งตน้ 4 10 - 11 7 เมตรกิ ซ์ 6 12 - 13 8 พชี คณิตเชิงเสน้ 4 14 - 16 17 - 18
ฉ หนว่ ยการเรียนรู้ สมรรถนะประจาหน่วย กจิ กรรมการเรียนรู้ และแนวทางการประเมิน แนวทางการประเมิน หนว่ ย รายการสอน สมรรถนะ กิจกรรมการเรียนรู้ ทดสอบความรู้ ท่ี ประจาหน่วย ประเ ิมนการปฏิบั ิตงาน ประเ ิมนผลงาน ประเ ิมนพฤติกรม ่ือน ๆ (ระบุ) พฤ ิตกรรม 1 ระบบจานวน แสดงความรู้เกี่ยวกบั บรรยาย,แบบฝึกหัด, ระบบจานวน มอบหมายงาน,ใบงาน 2 ระบบเลขฐาน แสดงความรเู้ ก่ยี วกบั บรรยาย,แบบฝึกหดั , ระบบเลขฐาน มอบหมายงาน,ใบงาน 3 การแปลงเลขฐานใน แสดงความรู้การแปลง บรรยาย,แบบฝกึ หัด, ระบบคอมพวิ เตอร์ เลขฐานในระบบ มอบหมายงาน,ใบงาน คอมพิวเตอร์ 4 หลักการคานวณเลขใน แสดงความรเู้ กย่ี วกับ บรรยาย,แบบฝกึ หัด, ระบบคอมพวิ เตอร์ หลักการคานวณเลขใน มอบหมายงาน,ใบงาน ระบบคอมพิวเตอร์ 5 ตรรกศาสตร์ แสดงความรเู้ กย่ี วกบั บรรยาย,แบบฝกึ หัด, ตรรกศาสตร์ มอบหมายงาน,ใบงาน 6 พีชคณติ แบบบลู นี แสดงความรู้เกย่ี วกบั บรรยาย,แบบฝึกหดั , เบ้อื งต้น พชี คณติ แบบบลู ีน มอบหมายงาน,ใบงาน เบอื้ งตน้ 7 เมตรกิ ซ์ แสดงความรเู้ ก่ยี วกับ บรรยาย,แบบฝึกหัด, เมตริกซ์ มอบหมายงาน,ใบงาน 8 พีชคณติ เชงิ เสน้ แสดงความรูเ้ ก่ยี วกับ บรรยาย,แบบฝกึ หัด, พีชคณติ เชงิ เสน้ มอบหมายงาน,ใบงาน
ช ตารางวิเคราะหห์ ลักสตู รเชิงพฤตกิ รรม รายวิชาคณติ ศาสตร์คอมพิวเตอร์ รหัสวชิ า 30900 - 0010 ท-ป-น 2-2-3 จานวนชัว่ โมงสอน 4 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ระดับชัน้ ปวส. พทุ ธพิ สิ ัย ความรู้ พฤตกิ รรม ความเ ้ขาใจ นาไปใ ้ช ช่ือหนว่ ย ิวเคราะ ์ห 1.ระบบจานวน ประเ ิมนค่า 2.ระบบเลขฐาน ทักษะพิ ัสย 3.การแปลงเลขฐานในระบบ ิจต ิพ ัสย คอมพิวเตอร์ รวม 4.หลักการคานวณเลขในระบบ ร้อยละ คอมพวิ เตอร์ ลาดับความสาคัญ 5.ตรรกศาสตร์ จานวน ั่ชวโมง 6.พีชคณิตแบบบลู นี เบื้องต้น จานวน ้ขอสอบ 7.เมตริกซ์ 8.พีชคณิตเชิงเส้น 888 8 10 42 12.46 3 2 4 999 9 10 46 13.65 1 2 4 รวม 999 9 10 46 13.65 1 10 10 ลาดับความสาคัญ 778 9 10 41 12.17 4 4 5 777 7 10 38 11.28 5 4 5 777 889 8 10 39 11.57 5 4 4 888 63 63 65 8 10 43 12.76 2 8 4 443 8 10 42 12.46 3 6 4 66 80 337 100 36 40 21 หมายเหตุ น้าหนกั คะแนนความสาคญั มากทส่ี ดุ 9 - 10 มาก 7-8 ปานกลาง 4-6 น้อย 2 - 3 นอ้ ยทสี่ ดุ 0 - 1 จานวนชวั่ โมงสอน = นา้ หนกั หนว่ ย X นา้ หนักหนว่ ย จานวนชว่ั โมงรวม จานวนชัว่ โมงสอน = นา้ หนักชัว่ โมงสอนนXา้ หจานนกั วรนวมขอ้ สอบรวม จานวนชว่ั โมงสอนรวม
ซ การวดั ผลและการประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวดั ผลประเมินผล 20 คะแนน 1. สดั ส่วนการใหค้ ะแนน (คะแนนเตม็ 100 คะแนน) 60 คะแนน 1.1 คะแนนระหวา่ งภาค 80 คะแนน ประกอบดว้ ย 20 คะแนน 1.1.1 คะแนนคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1.1.2 คะแนนการประเมินผลตามสภาพจริง 1.2 คะแนนปลายภาค 2. การตดั สนิ ผลการเรียน ใชแ้ บบองิ เกณฑ์ 80 - 100 คะแนน เกรด 4 คะแนนระหวา่ ง 75 - 79 คะแนน เกรด 3.5 คะแนนระหวา่ ง 70 - 74 คะแนน เกรด 3 คะแนนระหวา่ ง 65 - 69 คะแนน เกรด 2.5 คะแนนระหว่าง 60 - 64 คะแนน เกรด 2 คะแนนระหวา่ ง 55 - 54 คะแนน เกรด 1.5 คะแนนระหว่าง 50 - 54 คะแนน เกรด 1 คะแนนระหว่าง 0 - 49 คะแนน เกรด 0 คะแนนระหวา่ ง
ฒ แผนจดั การเรยี นการสอนเพ่ือประเมนิ พฤติกรรมผเู้ รียนอาชีวศกึ ษา ตามค่านยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสรุ ินทร์ รายวชิ าคณติ ศาสตรค์ อมพวิ เตอร์ รหัสวชิ า 30900 - 0010 ทฤษฎี 2 ปฎบิ ัติ 2 หน่วยกิต 3 รายการประเมนิ พฤตกิ รรมท่แี สดงออก พฤตกิ รรม ประจาหนว่ ยที่ ทจ่ี ะวดั 1. มคี วามรักชาติ 1.1 ร่วมกิจกรรมเข้าแถว ยนื ตรงเคารพธงชาติ รอ้ ง 1-8 ศาสนา เพลงชาติ พระมหากษัตริย์ 1.2 ร่วมกิจกรรมวนั สาคัญทางศาสนาที่ตนนับถอื 1-8 1.3 ร่วมกิจกรรมวันสาคัญที่เกย่ี วกบั การเทิดทนู สถาบนั 1-8 พระมหากษัตริย์ 2. ซ่อื สัตย์ เสยี สละ 2.1 ประพฤติ ปฏบิ ตั ติ นตามความเป็นจริง ทแ่ี สดงถงึ อดทน การยึดมน่ั ในความถูกตอ้ ง ยอมรบั ผลการกระทาของ 1-8 ตนเองและผอู้ ่ืน 2.2 เสียสละกาลังกาย ทรัพย์ สตปิ ัญญา ในการ 1-8 ชว่ ยเหลอื ผ้อู ื่นและสังคม 2.3 ควบคมุ ตนเองเมื่อประสบความยากลาบากและไม่ 1-8 กอ่ ให้เกดิ ความเสียหาย 3. กตัญญูตอ่ พอ่ แม่ 3.1 รจู้ กั บุญคณุ พ่อแมผ่ ู้ปกครองครูบาอาจารยแ์ ละผมู้ ี 1-8 ผปู้ กครอง ครบู าอาจารย์ พระคณุ 3.2 เอาใจใส่ ดูแลชว่ ยเหลือภารกจิ การงาน ปฏิบัตติ น 1-8 ตามคาสงั่ สอนทีถ่ ูกต้องและเหมาะสม 3.3 ตอบแทนบญุ คณุ ของพ่อแม่ ผปู้ กครอง ครูบา 1-8 อาจารย์และผู้มพี ระคุณ 4. ใฝห่ าความรู้ หมั่น 4.1 แสวงหาความรู้ทง้ั ทางตรงและทางอ้อม 1-8 ศึกษา เลา่ เรียน ท้ัง 4.2 มุ่งม่นั ต้งั ใจเพยี รพยายามในการศึกษาและ 1-8 ทางตรงและทางอ้อม ปฏบิ ัติงาน 4.3 แกป้ ญั หาและพัฒนาสง่ิ ใหม่ ๆ จนบรรลุผลสาเรจ็ 1-8 5. รกั ษาวฒั นธรรม 5.1 เขา้ ร่วมโครงการหรือกิจกรรมทีเ่ ป็นไทย 1-8 ประเพณไี ทย อนั งดงาม 5.2 ภาคภมู ิใจในความเปน็ ไทย 1-8 5.3 อนรุ ักษส์ บื ทอดวัฒนธรรมและประเพณไี ทยอัน 1-8 งดงาม
ญ รายการประเมิน พฤติกรรมทแี่ สดงออก พฤตกิ รรม ประจาหนว่ ยท่ี ทจ่ี ะวัด 6. มีศลี ธรรม รักษา 6.1 ประพฤติตนตามหลักศีลธรรมอนั ดงี าม 1-8 ความสตั ย์ หวังดตี ่อผู้อนื่ 6.2 ปฏิบตั ิโดยยดึ ตามกติกาขอ้ ตกลง/กฎ/ระเบยี บของ 1-8 เผื่อแผแ่ ละแบง่ ปนั สถานศกึ ษา 6.3 หวังดี โอบออ้ มอารชี ่วยเหลือผ้อู ่ืนตามโอกาส 1 - 8 6.4 ให้ แบง่ ปัน เออ้ื เฟ้อื และช่วยเหลอื ผู้อน่ื 1-8 7. เข้าใจเรยี นรูก้ ารเปน็ 7.1 เข้ารว่ มกจิ กรรมเกีย่ วกบั ประชาธปิ ไตย อนั มี 1-8 ประชาธปิ ไตย อนั มี พระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข พระมหากษัตริยท์ รงเป็น 7.2 เคารพสิทธิของผู้อนื่ 1-8 ประมขุ ทถ่ี ูกตอ้ ง 7.3 ปฏิบัตติ นตามระบอบประชาธิปไตยอนั มี 1-8 พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 8. มรี ะเบยี บ วินัย 8.1 ตรงต่อเวลา 1-8 เคารพกฎหมาย ผู้น้อย 8.2 ประพฤติตรงตามคาส่งั หรือข้อบงั คับของ 1-8 รู้จกั เคารพผู้ใหญ่ สถานศึกษา 8.3 เคารพและนอบน้อมต่อผูใ้ หญ่ 1-8 9. มีสติ รู้ตัว รูค้ ิด รู้ทา 9.1 คดิ ดี พูดดี ทาดี 1-8 รปู้ ฏิบัติ ตามพระราช 9.2 สภุ าพ เรยี บรอ้ ย อ่อนนอ้ มถ่อมตน ตาม 1-8 ดารัสของพระบาทสมเดจ็ สถานภาพและกาลเทศะ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ 9.3 รอบคอบเหมาะสมกับวยั สถานการณ์และบทบาท 1-8 ของตนเองตามแนวพระราชดารสั ฯ 10. รจู้ ักดารงตนอยโู่ ดย 10.1 ใชว้ สั ดถุ กู ตอ้ งพอเพยี งและเหมาะสม กับงาน 1 - 8 ใช้หลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพียงตามพระ 10.2 เกบ็ ออมถนอมใช้ทรัพย์สนิ สง่ิ ของใหเ้ กิด 1-8 ราชดารสั ของ ประโยชน์ค้มุ คา่ พระบาทสมเด็จพระ 10.3 ปฏบิ ตั ติ ามทีไ่ ดร้ บั มอบหมายสาเร็จตามกาหนด เจา้ อย่หู ัวฯ รจู้ ักอดออมไว้ โดยคานงึ ถงึ ความปลอดภยั ของตนเองและผู้อืน่ ใช้เมอ่ื ยามจาเป็น มีไวพ้ อ กินพอใช้ ถา้ เหลอื ก็ 1-8 แจกจ่ายจาหนา่ ยและ พรอ้ มท่ีจะขยายกิจการ เมอ่ื มีความพร้อมเม่อื มี ภูมคิ มุ้ กนั ทดี่ ี
ฎ รายการประเมนิ พฤติกรรมที่แสดงออก พฤติกรรม ประจาหน่วยท่ี ท่ีจะวัด 1-8 11. มคี วามเขม็ แข็งทัง้ 11.1 ดแู ล รกั ษาสขุ ภาพรา่ งกายตามสุขอนามัย 1-8 รา่ ยกาย และจติ ใจไมย่ อม 11.2 ไมเ่ ก่ยี วข้องกบั อบายมุข 1-8 แพ้ต่ออานาจฝา่ ยตา่ หรอื 11.3 ไมน่ าทรัพย์สนิ ของผู้อน่ื เป็นของตนเอง กิเลส มคี วามละอายเกรง 11.4 หลกี เล่ยี งแหลง่ ม่ัวสมุ 1-8 กลัวตอ่ บาปตามหลักของ ศาสนา 1-8 12. คานึงถึงผลประโยชน์ 12.1 มีจิตอาสา อุทศิ ตนเพื่อประโยชน์ตอ่ สงั คมและ 1-8 ของส่วนรวมและของชาติ ส่วนรวม มากกวา่ ผลประโยชน์ของ 12.2 เสียสละความสขุ สว่ นตน เพ่ือทาประโยชน์แก่ ตนเอง ผูอ้ ืน่
แผนการจดั การเรยี นรู้มุ่งเนน้ สมรรถนะ หน่วยท่ี 1 ชือ่ หน่วย ระบบจำนวน สอนครั้งท่ี 1 ชั่วโมงรวม 2 ชือ่ เรอื่ ง ระบบจำนวน จำนวนช่วั โมง 2 1. สาระสาคัญ ชวี ิตประจำวนั มนษุ ย์ จำนวนและตัวเลขไดเ้ ข้ำมำเกีย่ วข้องในกำรตดิ ต่อส่อื สำร กำรแลกเปลี่ยนชอ้ื ขำย กำรคิดคำนวณ และเกบ็ ข้อมูลสถติ ิเพื่อมำทำวจิ ัย โอยอำศัยเคร่อื งคำนวณและคอมพิวเตอร์เม่ือมจี ำนวน ตวั เลขมำก หรือเม่อื ต้องกำรควำมสะดวก ตวั เลขมีหลำยชนิดคุณสมบตั ิแตง่ ต่ำงกนั และสอดคล้องกันอยำ่ งเป็น ระบบ ประกอบด้วย จำนวนนับ จำนวนเต็ม จำนวนตรรกยะ และอตรรกยะ ซงึ่ รวมทงั่ หมดเรยี กว่ำ ระบบ จำนวนจริง 2. สมรรถนะประจาหน่วย แสดงควำมรู้เกี่ยวกับระบบจำนวน 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 ดำ้ นควำมรู้ 3.1.1 จำแนกประเภทของระบบจำนวนจรงิ ได้ 3.1.2 อธบิ ำยสมบตั ิตำ่ งๆ ของจำนวนจริงได้ 3.2 ด้ำนทักษะ นักเรยี นมคี วำมรู้ ทักษะ จำนวนจรงิ และคุณสมบตั ิต่ำง ๆ ของจำนวนจริงและมที ัศนคติท่ดี ี 3.3 คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ (อำ้ งอิง จำกคำ่ นิยมหลักของคนไทย 12 ประกำร) 3.3.1 เขำ้ เรยี นตรงเวลำ 3.3.2 แตง่ กำยตำมระเบยี บกำรปฏิบตั งิ ำน 3.3.3 ผลงำนประณตี เรยี บร้อย 3.3.4 ปดิ เครอื่ งคอมพิวเตอร์เมอ่ื เลิกใชง้ ำน 3.3.5 มีน้ำใจช่วยเหลอื ผ้อู ่ืนและกำรปฏิบตั ิงำนรว่ มกับผูอ้ ่ืน 4. เน้ือหาสาระการเรียนรู้ 4.1 จำนวนจริง 4.1.1 จำนวนเต็ม 4.1.2 เศษส่วน 4.2 กำรบวกจำนวนจริง
4.3 กำรคณู จำนวนจรงิ 4.4 กำรเท่ำกันในระบบจำนวนจริง 5. กจิ กรรมการเรยี นการสอน ครูแจง้ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ กำรวดั ผลประเมินผล ขอ้ ตกลงขณะเรียน และใหน้ ักเรียนทำ แบบทดสอบก่อนเรียน 5.1 ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรียน 5.1.1 จัดเตรยี มส่อื กำรเรียนกำรสอน เอกสำรกำรสอน ตัวอยำ่ งโครงกำรสอน หนงั สอื ประกอบ อืน่ ๆ 5.1.2 ทดสอบก่อนกำรเรยี น เรื่องระบบจำนวนจริง ผู้สอนตรวจแลว้ ให้ผ้เู รียนบนั ทกึ คะแนนท่ี ไดไ้ ว้เพ่ือเปรยี บเทียบกับกำรทดสอบหลงั กำรเรียนจบแล้ว 5.1.3 แจง้ จุดประสงค์กำรเรยี นกำรสอนหนว่ ยท่ี 1 สนทนำเข้ำส่บู ทเรยี น โดยกำรพูดคุยถงึ จำนวนตำ่ ง ทมี่ นุษย์เรมิ่ รูจ้ ักใชเ้ ปน็ ครงั้ แรก ซึ่งเก่ยี วขอ้ งกับควำมเป็นอยู่ คือจำนวนนับ แลว้ โยงเข้ำสู่ระบบ จำนวนจริง 5.2 ข้ันสอน 5.2.1 ผสู้ อนแจง้ รำยกำรที่จะสอน ตำมเนอื้ หำสำระ เรอ่ื งระบบจำนวนจริง 5.2.2 ผ้สู อนใหค้ วำมรู้ โดยกำรบรรยำย อธบิ ำย และ ยกตัวอย่ำงประกอบเกย่ี วกับจำนวนจริง 5.2.3 ผูส้ อนสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม คำ่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.3 ข้นั ประกอบกิจกรรมการเรยี น 5.3.1 แบ่งผู้เรียนเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 3 - 5 คน ช่วยกนั คดิ และทำใบมอบงำนที่ 1 เกยี่ วกับกำร พิจำรณำว่ำ จำนวนใดเป็นตรรกยะ จำนวนใดเป็นอตรรกยะ และคุณสมบัติต่ำง ๆ ผ้สู อนสังเกต พฤตกิ รรม ของผู้เรียน 5.3.2 ใหผ้ ูเ้ รยี น แสดงผลกำรตอบของกลุ่มตนเอง ผสู้ อนเฉลยคำตอบ แตล่ ะกลุ่มแก้ไข ให้ถูกต้อง 5.3.3 ผูส้ อนนำข้อทเี่ ปน็ ปญั หำมำก อธิบำยบนกระดำนดำ โดยระดมควำมคิดเหน็ และสุ่มผู้เรยี น ถำมตำมกำรชี้แนะของผสู้ อน 5.4 กลยุทธ์ในการจัดการเรยี นรู้ 5.4.1 ผู้สอนให้เพ่ือนชว่ ยเพอื่ น ใหน้ กั เรยี นกล่มุ เกง่ และปำนกลำง อยูก่ ับกลุ่มนักเรียนทีเ่ รยี นอ่อน ชว่ ยกนั ทำควำมเข้ำใจในเน้ือหำ 5.4.2 สอนแบบ Active Learning โดยใช้เคร่ืองมือบนอนิ เทอรเ์ น็ต http://www.linoit.com สอบถำมนักเรยี นวำ่ นักเรยี นอยำกไดห้ ้องเรยี นอยำ่ งไรเรยี นแลว้ มคี วำมสขุ แสดงควำมคิดเหน็ แตล่ ะคน เพือ่ เป็นกำรกระต้นุ เตรียมควำมพรอ้ มในกำรเรยี น 5.5 ข้นั สรุป 5.5.1 ผสู้ อนและผูเ้ รยี นร่วมกันสรปุ เนื้อหำควำมรู้
5.5.2 ทดสอบหลังกำรเรยี และเปรียบเทยี บผลกบั กำรทดสอบก่อนกำรเรียน และต้องได้คะแนน เพม่ิ ขึน้ จำกเดมิ ต้ังแต่ 20% 5.5.3 ผลจำกกำรทำใบมอบงำน เกณฑ์กำรผำ่ น 60% 5.5.4 ใหผ้ ้เู รยี นทำแบบทดสอบประจำหนว่ ยที่ 1 เพอื่ วัดผลสัมฤทธข์ิ องกำรเรียน 5.6 ขน้ั ทดสอบหลังเรียน ผเู้ รยี นทำใบกิจกรรมที่ 1 และแบบทดสอบหลังเรยี น 6. สอื่ การเรยี นรู้/แหล่งการเรียนรู้ 6.1 สือ่ สง่ิ พมิ พ์ 6.1.1 หนงั สอื คณิตศำสตรค์ อมพวิ เตอร์ สำนักพิมพ์ศนู ย์หนังสอื เมืองไทย หน้ำท่ี 1 - 21 6.1.2 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอ่ื ง ระบบจำนวน 6.1.3 ใบกิจกรรมที่ 1 เรอื่ ง ควำมรู้คคู่ ุณธรรม 6.1.4 ใบมอบงำนที่ 1 เร่ือง ระบบจำนวนและสมบัตขิ องจำนวนจริง 6.1.5 แบบทดสอบหลงั เรยี น เรอ่ื ง ระบบจำนวน 6.2 ส่อื โสตทัศน์ 6.2.1 Powerpoint เรือ่ ง ระบบจำนวนจรงิ 6.2.2 เคร่อื งฉำยโปรเจคเตอร์ 6.2.3 เครอื่ งคอมพวิ เตอร์แบบพกพำ (Notebook) 6.3 อน่ื ๆ (โปรดระบ)ุ
7. การบรู ณาการ/ความสัมพันธก์ บั วิชาอ่นื 7.1 กำรบูรณำกำรสะเต็มศกึ ษำ S: Science T: Technology E: Engineering M: Mathematics • กำรค้นหำขอ้ มลู • ใช้อินเทอร์เนต็ สืบค้น วธิ ีกำรค้นหำขอ้ มูลใน 6 • คำนวณเวลำในกำร คดั เลอื กหรือคดั ข้อมลู ขน้ั ตอน สืบคน้ ข้อมูล แยกข้อมลู ในสิ่ง • ใช้เทคโนโลยี • กำรกำหนดหัวขอ้ ต่ำงๆ ท่อี ยู่รอบตวั ออกแบบสอ่ื โฆษณำ • กำรเลือกแหลง่ ขอ้ มูล เรำ ผลิตภัณฑอ์ ำหำร • กำรเตรยี มอุปกรณ์ • ใช้เทคโนโลยีในกำร • กำรค้นหำและรวบรวม นำเสนอผลงำน ข้อมลู • กำรพิจำรณำ • กำรสรุปผล
8. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจดั การเรียนรู้ 8.1 ผสู้ อน ใชห้ ลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียงในกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนกำรสอน ต่อไปน้ี 3 ห่วง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสรา้ งภมู ิคุ้มกันในตวั ประเดน็ - ต้องกำรใหผ้ ู้เรยี นรู้เร่ือง - เนือ้ หำสอดคล้องกบั ควำมรู้ระบบจำนวน - สรุปเนอ้ื หำให้อำ่ นเขำ้ ใจ เนอ้ื หา สมรรถนะ ตัวชีว้ ัด เหมำะสม ง่ำยมีภำพประกอบเน้ือหำ - ระบบจำนวน กบั เวลำทกี่ ำหนดและวยั - จัดกำรเรยี นรู้ไดค้ รบถว้ น - เรียงเน้อื หำตำมลำดบั กำร และสมบัตจิ ำนวน ของผู้เรียน ตำมที่ออกแบบไว้ เรยี นรู้ จริง - กำหนดเวลำในแตล่ ะ - จดั กำรเรียนรู้ได้ครบถว้ น กิจกรรมเหมำะสมกบั กจิ กรรม - ตอ้ งกำรให้ผู้เรียนปฏิบตั ิ ตำมที่ออกแบบไว้ เวลา และวยั ของผู้เรียน กจิ กรรมอยำ่ งทวั่ ถึงตำม - กำหนดเวลำในแต่ละ 4 ชว่ั โมง ควำมสำมำรถ กิจกรรมไว้เกินจรงิ เล็กน้อย - แบง่ กลุ่มผเู้ รยี นใหพ้ อดีกับ - เพอื่ ต้องกำรใหผ้ ้เู รียนเกดิ กำร เพือ่ รองรบั กำรเปล่ยี นแปลง การจัดกจิ กรรม จำนวนนักเรียน เรยี นรตู้ ำมเปำ้ หมำยทก่ี ำหนด ทอ่ี ำจเกิดระหวำ่ งจดั - กำหนดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ - ผูเ้ รียนนำควำมร้ไู ป กจิ กรรม เหมำะสมกบั เวลำที่กำหนด ประยุกต์ใช้กับภำระงำนได้ - แบ่งกลมุ่ คละ - มอบหมำยภำระงำนและ - รบั ฟังควำมคดิ เหน็ และ ควำมสำมำรถของนกั เรียน ชน้ิ งำนเหมำะสมกบั วิเครำะห์ วิจำรณอ์ ยำ่ งมเี หตุผล - เตรยี มชุดคำถำมให้พร้อม ควำมสำมำรถผู้เรียนและ ตำมลำดับกิจกรรมกำรเรียน สอดคลอ้ งกับเปำ้ หมำยกำร - สังเกตพฤติกรรมและให้ เรียนรู้ ควำมชว่ ยเหลือเม่ือนักเรยี น มีปญั หำ - ฝกึ กำรคน้ ควำ้ หำควำมรู้ จำกเพ่ือน และระบบ อินเทอร์เน็ต เพอื่ แก้ปญั หำในแบบฝกึ ปฏิบัติ และใบงำน
3 ห่วง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภมู คิ ้มุ กนั ในตวั ประเดน็ - ต้องกำรใหผ้ ู้เรียนปฏิบัติ การจัดกิจกรรม - แบง่ กลมุ่ ผเู้ รยี นใหพ้ อดีกับ กิจกรรมอย่ำงทว่ั ถึงตำม - แบง่ กลมุ่ คละ จำนวนนักเรยี น ควำมสำมำรถ ควำมสำมำรถของนักเรียน สอ่ื /อปุ กรณ์ - กำหนดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ - เพ่อื ต้องกำรให้ผเู้ รียนเกดิ กำร - เตรยี มชดุ คำถำมใหพ้ ร้อม เหมำะสมกบั เวลำท่กี ำหนด เรียนรตู้ ำมเป้ำหมำยที่กำหนด ตำมลำดบั กิจกรรมกำรเรยี น แหลง่ เรียนรู้/ - มอบหมำยภำระงำนและ - ผู้เรียนนำควำมรไู้ ป - สงั เกตพฤติกรรมและให้ ฐานการเรียนรู้ ช้นิ งำนเหมำะสมกบั ประยกุ ต์ใช้กับภำระงำนได้ ควำมช่วยเหลือเมื่อนักเรยี น ควำมสำมำรถผ้เู รียนและ - รบั ฟังควำมคิดเห็น และ มปี ัญหำ สอดคล้องกบั เป้ำหมำยกำร วเิ ครำะห์ วจิ ำรณ์อยำ่ งมีเหตผุ ล - ฝกึ กำรค้นคว้ำหำควำมรู้ เรียนรู้ จำกเพ่ือน และระบบ - ตอ้ งกำรใหน้ ักเรียนได้ปฏิบตั ิ อินเทอรเ์ น็ต - จำนวนใบควำมรู้ ใบงำน กจิ กรรมไดจ้ รงิ ตำมจุดประสงค์ เพื่อแกป้ ญั หำในแบบฝกึ และวสั ดอุ ปุ กรณ์ เหมำะสม กำรเรียนร้ทู ีก่ ำหนดไว้ ปฏบิ ตั ิ และใบงำน กบั กจิ กรรม และปรมิ ำณ - เตรยี มสื่ออปุ กรณ์ให้พร้อม เพยี งพอกับจำนวนนกั เรียน - ตอ้ งกำรให้นักเรยี นใช้วสั ดุ ก่อนกำรจัดกิจกรรม -ตรวจควำมพร้อมของเครื่อง อปุ กรณ์ทม่ี ีควำมพร้อมใน - มลี ำดับขน้ั ตอนกำรใช้สื่อ คอมพวิ เตอร์กอ่ นเรียน และ หอ้ งปฏบิ ัติกำร มำปฏิบัตกิ ำร และจัดเกบ็ อยำ่ งเป็นระบบ ปิดเครือ่ ง ทดลองตำมตวั ช้วี ัด - มคี วำมชำนำญในกำรใช้ -เกบ็ เกำ้ อ้นี งั่ ให้เรยี บร้อยหลัง ส่อื อุปกรณ์ เลกิ เรียน เพอื่ ควำมเรยี บร้อย และประหยัด - เตรยี มหอ้ งปฏบิ ตั ิกำร - หอ้ งปฏบิ ตั กิ ำรคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์ให้พร้อมกอ่ น เหมำะสมกบั กิจกรรมที่ กำรทดลอง กำหนด
3 ห่วง ความพอประมาณ ความมเี หตุผล การสร้างภูมิค้มุ กนั ในตวั ประเดน็ การประเมนิ ผล - จดั ทำแบบประเมนิ ผลงำน - ตอ้ งกำรประเมินผลกำรเรียนรู้ - วำงแผนกำรวดั / และประเมนิ พฤติกรรมได้ เหมำะสมกบั เปำ้ หมำยกำร ตำมเป้ำหมำยท่กี ำหนด ประเมนิ ผลตำมข้นั ตอนของ เรียนรู้ กจิ กรรม - แบบประเมินผลมีกำร ตรวจสอบควำมเทีย่ งตรงใน กำรวดั ตำมตวั ชว้ี ัด เงอ่ื นไขความรู้ทค่ี รูตอ้ งมีก่อนสอน 3. มคี วำมยุติธรรม 1. ระบบจำนวน 4. ตรงตอ่ เวลำ 2. สมบัติของจำนวนจริง เงอื่ นไขคุณธรรมของครู 1. มีควำมรกั เมตตำศิษย์ 2. มคี วำมรับผิดชอบ 8.2 คุณลักษณะอยู่อย่ำงพอเพียงทเ่ี กิดกับผเู้ รียน พอประมาณ มีเหตุผล มภี ูมิคุ้มกันในตวั ท่ีดี 1. นกั เรียนกำหนดหน้ำท่ีของสมำชกิ 1. นักเรียนนำขอ้ มลู กำรหำ 1. วำงแผนกำรทำงำนกลุ่มอย่ำง ภำยในกลุ่มไดเ้ หมำะสมกบั ศกั ยภำพของ คำตอบมำวเิ ครำะหไ์ ด้อยำ่ ง ละเอยี ดเปน็ ขนั้ ตอน แต่ละคน เป็นเหตุเปน็ ผลเพอื่ อธิบำย 2. เตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณ์กำรทดลองได้ 2. นกั เรยี นใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์ในกำรทดลอง สรปุ เนือ้ หำสำระ ครบถว้ น และตรงตำมกิจกรรมกำร ได้เหมำะสมกบั กิจกรรมกำรทดของ 2. นักเรียนสำมำรถนำข้อมูล ทดลอง 3. นักเรียนสำมำรถหำคำตอบได้ มำตอบคำถำมได้อยำ่ งถูกต้อง 3. ศกึ ษำวิธกี ำรทำใบงำนอยำ่ ง สอดคล้องกับอุปกรณท์ ีม่ ี รอบคอบ เงื่อนไขความรู้ 1. จำนวนจริง 2. กำรบวกจำนวนจรงิ 3. กำรคูณจำนวนจริง 4. กำรเท่ำกันในระบบจำนวนจริง เงอื่ นไขคณุ ธรรม 1. ควำมสำมคั คีในกลุม่ 2. ควำมรับผิดชอบ 3. แบ่งปนั และเอ้อื เฟื้อเผื่อแผ่
สง่ ผลต่อความสมดุล ม่นั คง ยงั่ ยนื ใน 4 มิติ ดังนี้ ด้าน สมดลุ และพร้อมรับการเปลย่ี นแปลงในด้านตา่ งๆ องคป์ ระกอบ วัตถุ สงั คม ส่ิงแวดล้อม วฒั นธรรม - มคี วำมรู้เกีย่ วกับ ความรู้ - ควำมรใู้ นกำรสบื ค้น - มคี วำมรูใ้ นกำรจดั แบง่ - มีควำมรใู้ นกำรดูแล คอมพวิ เตอร์ในกำร ประยุกตใ์ ชใ้ น ขอ้ มลู จำกคอมพวิ เตอร์ หนำ้ ทภี่ ำยในกลุ่มไดอ้ ย่ำง รกั ษำควำมสะอำดกำร กิจกรรมในท้องถิ่น อย่ำงถูกต้อง เหมำะสม จัดกำรขยะอยำ่ ง ใช้เทคโนโลยใี น ชีวิตประจำวนั ได้ - มคี วำมรู้ในกำรปฏบิ ตั ิตน ถกู ต้องของ - ตระหนกั ถึงคณุ ค่ำ ทจี่ ะทำงำนรว่ มกับผู้อื่น หอ้ งปฏิบตั ิกำร ของเทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์ ทกั ษะ - มีทกั ษะในกำรใชว้ สั ดุ - ทำงำนรว่ มกนั ภำยใน - รักษำควำมสะอำด อุปกรณ์อย่ำงปลอดภยั กลุม่ ตำมทีไ่ ดร้ บั มอบหมำย ของห้องปฏิบัตกิ ำร และประหยดั จนสำเรจ็ และมีควำมสุข คอมพิวเตอร์ในกำร สืบค้นข้อมูล ค่านิยม - เหน็ ควำมสำคัญของกำร - มีควำมรับผดิ ชอบต่อกำร - มจี ติ สำนึกในกำร ใช้วัสดุอปุ กรณใ์ นกำร ทำงำนของกลุ่ม รกั ษำสภำพแวดล้อม สืบค้นข้อมูลอย่ำงประหยัด - ยอมรับควำมคิดเหน็ ซ่งึ ของห้องปฏบิ ตั กิ ำร คุม้ ค่ำ กันและกนั มคี วำมเสยี สละ คอมพวิ เตอร๋ใหส้ ะอำด อดทน เปน็ ระเบียบ 9. การวัดและประเมินผล รายการประเมิน วธิ กี าร เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์การประเมินผ่าน แบบทดสอบกอ่ นเรียน - กำรทดสอบก่อนเรยี น กำรทดสอบ จำนวน 10 ขอ้ แบบประเมินพฤติกรรม ได้ระดบั 2 ขึ้นไป กำรประเมินระหว่ำงเรียน กำรสังเกต กำรเรยี น ต้ังคำถำมใหค้ รอบคลุม ตอบคำถำมทุกข้อ กำรซักถำม จดุ ประสงค์ แบบฝกึ หัด ได้ระดบั 2 ขึน้ ไป กำรทำแบบฝึกปฏบิ ตั ิ ใบมอบงำนและใบ ได้ 60 % กจิ กรรมที่ 1 กำรประเมินหลังเรยี น กำรทดสอบ แบบทดสอบหลังเรยี น ตอบถูก 8 ข้อขึ้นไป จำนวน 10 ข้อ
10. บันทกึ หลังสอน 10.1 ผลกำรใชแ้ ผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 10.1.1 เนอ้ื หำสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 10.1.2 สำมำรถนำไปใชป้ ฏิบัตกิ ำรสอนได้ครบตำมกระบวนกำรเรยี นกำรสอน 10.1.3 เวลำทีก่ ำหนดไว้ในแผนกำรสอนมีควำมเหมำะสม 10.2 ผลกำรเรียนรขู้ องนักเรยี น นกั ศกึ ษำ 10.2.1 นักศึกษำส่วนใหญ่มีควำมสนใจใฝ่รู้ เขำ้ ใจในบทเรยี น อภปิ รำยตอบคำถำมในกลุ่ม และ ร่วมกนั ปฏิบัตใิ บงำนท่ีไดร้ ับมอบหมำย 10.2.2 นักศึกษำกระตือรอื ร้นและรบั ผิดชอบในกำรทำงำนกลุ่มเพื่อให้งำนสำเร็จทันเวลำท่ี กำหนด 10.2.3 นกั ศกึ ษำเลอื กสำมำรถนำควำมรู้ไปใช้ได้จริงในชวี ิตประจำวัน 10.3 แนวทำงกำรพฒั นำคุณภำพกำรเรยี นรู้ นักเรยี นสำมำรถนำควำมรู้ท่ีไดจ้ ำกกำรเรียนรใู้ นหน่วยนี้ไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั และ เช่ือมโยงกบั วิชำชพี ได้อยำ่ งเหมำะสม
กระดาษคาตอบ ช่อื วิชา คณติ ศาสตรค์ อมพิวเตอร์ รหสั วิชา 30900 - 0010 ระดบั ชนั้ ปวส. หน่วยที่ 1 เร่ือง ระบบจานวน กระดาษคาตอบ แบบทดสอบก่อนเรยี น กระดาษคาตอบ แบบทดสอบหลังเรียน ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 1 1 2 2 3 3 4 4 5 5 6 6 7 7 8 8 9 9 10 10 สรุปคะแนนสอบก่อนการเรยี น สรุปคะแนนสอบหลังการเรียน 10 10
แบบทดสอบกอ่ นเรียน ชอื่ วิชา คณติ ศาสตร์คอมพิวเตอร์ รหสั วชิ า 30900 - 0010 ระดบั ชัน้ ปวส. หนว่ ยท่ี 1 เร่ือง ระบบจานวน คาช้ีแจง 1. ให้นกั เรยี นเลอื กคำตอบท่ถี ูกต้องทสี่ ุดเพยี งขอ้ เดียวทำเครอื่ งหมำย (X) ลงในกระดำษคำตอบ 2. แบบทดสอบมีลักษณะแบบปรนัย จำนวน 10 ขอ้ คะแนนเตม็ 10 คะแนน 1. จำนวนตรรกยะคือจำนวนในข้อใด ก. 0.1573… ข. 4 ค. 8 ง. 2. ขอ้ ใดคือควำมหมำยของจำนวนตรรกยะ ก. จำนวนทีเ่ ขียนในรูป a + b และหำคำ่ ได้ ข. จำนวนเต็มใด ๆ ทไ่ี มใ่ ช่ 0 ค. จำนวนทอี่ ยใู่ นรปู a b โดยที่ a, b เปน็ จำนวนเต็ม a ง. จำนวนที่เขยี นในรปู b โดยท่ี a, b เปน็ จำนวนเต็ม และ b 0 3. ข้อใดเปน็ จำนวนเต็มทกุ จำนวน ก. 0, 4 , –2 ข. 1, 0.11, –5 ค. 3 , 5, –1 ง. 6, 16 , 32 4. ขอ้ ใดเป็นจำนวนอตรรกยะ ก. 144 – 3 ข. 0.1536... ค. 1.3232... ง. 25 + 64 5. ข้อใดถกู ต้อง ก. –2, 0, 1 เป็นจำนวนนบั ข. (3)2 เป็นจำนวนเตม็ ลบ ค. 6 – 16 เปน็ จำนวนเต็มบวก ง. เศษสว่ นไมส่ ำมำรถเขียนเปน็ จำนวนทศนยิ มได้
6. ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง 2 4 ก. 5 = 5 ข. 3 = 0.375 8 6 ค. 7 = 0.857 ง. 0 = 1 4 7. ขอ้ ใดถกู ต้อง ก. จำนวนเต็มบวกทนี่ ้อยท่สี ุดคอื 0 ข. 5.364... เป็นจำนวนตรรกยะ ค. จำนวนเต็มลบท่ีมำกที่สดุ คือ –1 ง. จำนวนนบั คือจำนวนเต็มลบ 8. ขอ้ ใดใช้คณุ สมบตั ิกำรเปล่ียนกลุ่มของจำนวนจรงิ ถูกต้อง ก. (2 + 4) + 3 = 6 + 3 ข. (7 + 1) + 4 = 4 + (7 + 1) ค. 2 (5 + 6) = (2 5) + (2 6) ง. (8 + 2) + 4 = 8 + (2 + 4) 9. ข้อใดใช้คณุ สมบตั กิ ำรถำ่ ยทอดของจำนวนจรงิ ถูกต้อง ก. ถำ้ x + 3 = y และ y = 2 – x แล้ว x + 3 = 2 – x ข. ถ้ำ x = 3 แล้ว x + 5 = 3 + 5 ค. ถ้ำ x + y = y + x แล้ว x = y ง. ถำ้ x – 3 = 5 แลว้ (x – 3) 2 = 5 2 10. ข้อใดใช้คณุ สมบัติกำรสลบั ทขี่ องจำนวนจรงิ ถูกต้อง ก. 2 3 = 3 2 ข. 5 (2 1) = (5 2) 1 ค. 4 (3 + 5) = (4 3) + (4 5) ง. 5 1 = 5
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ชอื่ วิชา คณติ ศาสตร์คอมพิวเตอร์ รหัสวชิ า 30900 - 0010 ระดบั ช้นั ปวส. หน่วยท่ี 1 เรอ่ื ง ระบบจานวน ขอ้ ที่ คาตอบ 1. ก 2. ค 3. ค 4. ง 5. ข 6. ค 7. ง 8. ก 9. ข 10. ค
ใบเนอื้ หา สัปดาห์ที่ 1 ชื่อวิชา คณติ ศาสตร์คอมพิวเตอร์ จานวน 2 ชว่ั โมง รหสั วิชา 30900 - 0010 ระดบั ชน้ั ปวส. หนว่ ยท่ี 1 เรือ่ ง ระบบจานวน บทนา โดยทัว่ ไปเรำมกั ใชค้ ำวำ่ “จำนวน” กบั “ตวั เลข” ปะปนกันอยเู่ สมอ ซ่ึงควำมจรงิ แล้วคำท้งั สองนี้มี ควำมหมำยตำ่ งกัน คำว่ำ จำนวน เปน็ คำทแ่ี สดงถงึ ปรมิ ำณ ทำให้เรำมีควำมรสู้ ึกว่ำมีมำกน้อยเทำ่ ใด เช่น มำก, มำกกว่ำ, น้อย, นอ้ ยกวำ่ , เท่ำกัน ฯลฯ คำวำ่ ตวั เลข เปน็ สญั ลักษณท์ ีเ่ รำใชแ้ ทนจำนวนซ่ึงบำงทีจำนวนเดียวกนั ก็อำจเขยี นแทน สญั ลกั ษณ์ดว้ ยตัวเลขต่ำงๆ กันออกไป แล้วแต่ลักษณะระบบแต่ละภำษำและวธิ เี ขยี น แนวคิดเก่ยี วกับจำนวนและระบบกำรนับ มมี ำตง้ั แต่สมยั โบรำณ เพยี งแต่ไม่ทรำบแน่ชดั วำ่ เกดิ ขึ้น ได้อยำ่ งไรและในสมัยใด แตอ่ ำจกล่ำวไดว้ ่ำ แม้แต่มนุษยใ์ นโลกดกึ ดำบรรพ์ก็ยังมีควำมรสู้ ึกนึกคดิ เก่ียวกบั จำนวน ดังจะเห็นไดจ้ ำกหลกั ฐำนทเ่ี ป็นเคร่อื งหมำย (Mark) หรือรอยบำก (Notch) แทนจำนวน และถำ้ ลอง นึกยอ้ นหลังถึงตัวเรำเองตอนเป็นเด็ก และเริ่มเรยี นรูเ้ กยี่ วกับจำนวนนั้น เรำคงจะเร่ิมตน้ นบั จำนวนแรกทเี่ รำ รู้จักคือ 1 จำกนั้นก็คงจะนบั ไปทลี ะ 1, 2, 3,… ตำมลำดบั จำกประวัตคิ วำมเปน็ มำของระบบจำนวน มนุษย์เรำเริ่มรู้จักจำนวนนับเปน็ พวกแรกในกำรศกึ ษำ เกี่ยวกับจำนวนนบั มีอยหู่ ลำยวธิ ี วธิ แี รกคือ ให้จำนวนนบั (Counting number) เปน็ จำนวนท่ีไมน่ ยิ ำม ควำมหมำยและใหส้ อดคล้องตำมสัจพจน์ (Axioms) และอีกวิธหี นงึ่ กค็ ือ นิยำมจำนวนนบั ในลกั ษณะของเซต ดังนั้นคณุ สมบัตแิ ละทฤษฎตี ำ่ งๆ ของเซตจะนำมำใชก้ บั เซตของจำนวนนับได้ทันที 1. วิวฒั นาการของจานวนและตัวเลข กำรผลิตหรอื สร้ำงเคร่ืองคำนวณได้แนวคดิ มำจำก 1. กำรจดและนบั ตวั เลขแบบง่ำยๆ ไม่มีกำรใช้ตัวเลข ชำวกรกี ใช้กำรนบั น้วิ หรือลูกหินแทน 2. กำรใชร้ ปู ภำพแทนตัวเลขในสมยั อยิ ิปต์ (egypt) เชน่ | =1 = 10 3. ชำวบำบโิ ลเนีย ใชล้ ่มิ เปน็ สญั ลักษณ์ของตวั เลข โดยระบบของจำนวนเลขมีสัญลกั ษณ์ 2 ตวั คอื = 1 = 10 4. สมยั โรมันเร่มิ มกี ำรใชเ้ ลขโรมัน ปัจจบุ นั ก็ยงั มีใชอ้ ยู่ เชน่ I = 1 I = 1,000 V = 5 V = 5,000 X = 10 X = 10,000 L = 50 L = 50,000
C = 100 C = 100,000 D = 500 D = 500,000 ตวั อยา่ งการแทนคา่ ด้วยเลขโรมัน เลขอำรบิก เลขโรมัน เลขอำรบิก เลขโรมัน เลขอำรบกิ เลขโรมนั 1 I 20 XX 400 CD 2 II 30 XXX 500 D 3 III 40 XL 600 DC 4 IV 50 L 700 DCC 5 V 60 LX 800 DCCC 6 VI 70 LXX 900 CM 7 VII 80 LXXX 1000 M 8 VIII 90 XC 4000 IV 9 IX 100 C 5000 V 10 X 200 CC 10000 X 5. ระบบเลขอำรบิก ระบบเลขฐำนปจั จุบันพัฒนำมำจำก Hindui – Arabic 6. ลกู คิดเปน็ เครื่องมือทชี่ ว่ ยในกำรคำนวณ ซง่ึ คิดค้นโดยชำวจนี เมอ่ื ประมำณ 3,000 ปมี ำแล้ว ซึ่งคือ พื้นฐำนของคอมพวิ เตอรร์ ะบบดจิ ิตอลนั่นเอง 7. ค.ศ. 1614 John Napier นกั คณติ ศำสตรช์ ำวสกอต ได้สร้ำงตำรำง Logarithms ฐำน e 8. ค.ศ. 1622 William Ougthred นักคณิตศำสตรช์ ำวอังกฤษ ใช้แนวควำมคิด John คิดค้นทำ Slide Rule ขึ้นช่วยในกำรคูณ 9. ค.ศ. 1642 Blaise Pascal นกั ปรัชญำและวิทยำศำสตรช์ ำวฝรง่ั เศสไดส้ รำ้ งเคร่ืองมือในกำรบวกเลข เคร่อื งแรกโดยใชฟ้ ันเฟืองเขำ้ ช่วยในกำรทด 2. ระบบจานวน กำรศกึ ษำระบบจำนวน จะเริ่มจำกกำรศึกษำจำนวนนับซงึ่ เป็นพน้ื ฐำนของจำนวนอ่ืนๆที่จะสร้ำงขึ้น เพ่มิ เติมจำกจำนวนนบั ดังนั้นถ้ำได้เขำ้ ใจจำนวนนับและคณุ สมบัตติ ำ่ งๆ ของจำนวนนบั แล้ว ในกำรศึกษำ เกี่ยวกับจำนวนอ่ืนๆ ที่เพ่มิ ขน้ึ มำ จะศึกษำได้ในลักษณะเดียวกันน้ันคอื กำรศึกษำจำนวนเป็นส่ิงสำคญั 3. โครงสรา้ งของระบบจานวน (Number System Structure) ระบบจำนวนจรงิ สำมำรถจำแนกไดต้ ำมโครงสรำ้ งดังน้ี
ระบบจานวน (Number System) จานวนจรงิ (Real Numbers ) จานวนเตม็ จานวนตรรกยะ จานวนอตรรกยะ (Integer Numbers ) (Rational Numbers ) (Irrational Numbers ) ทศนิยม จานวนเศษสว่ น (Decimal Numbers ) (Faction Numbers ) จำนวนเตม็ ลบ ศูนย์ จำนวนเตม็ บวก ทศนยิ มรู้ ทศนยิ มไมร่ ู้ เศษสว่ น เศษส่วนธรรมดำ จบ จบ เกิน 4. จานวนจรงิ (Real Numbers) ในขณะนี้มีจำนวนเพยี ง 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เซตของจำนวนตรรกยะ และเซตของจำนวนอตรรกยะ ผลรวมหรอื ผลผนวกของเซตท้ังสองนี้เรียกวำ่ เซตของจำนวนจรงิ เขยี นแทนดว้ ย R และคุณสมบัตติ ่ำงๆ ดังนี้ 1. คุณสมบตั ิปดิ (Closure properties) ถำ้ a, b ∊ R 1.1 กำรบวก a+b ∊ R 1.2 กำรคณู a.b ∊ R 2. คณุ สมบัติกำรสลบั ท่ี (Commutative properties) ถำ้ a, b ∊ R 2.1 กำรบวก a+b = b+a 2.2 กำรคณู a.b = b.a 3. คณุ สมบัติกำรเปล่ียนกลุ่ม (Associative properties) ถ้ำ a, b, c ∊ R 3.1 กำรบวก a+(b+c) = (a+ b)+c 3.2 กำรคณู a. (b .c ) = (a . b) . c 4. คณุ สมบตั ิกำรแจกแจง (Distributive properties) ถ้ำ a, b, c ∊ R 4.1 กำรบวก a+(b . c) = (a+ b) . (a+c)
4.2 กำรคณู a. (b + c ) = (a . b) + (a . c) 5. คณุ สมบัติกำรมีเอกลักษณ์ (Identity properties) ถำ้ a ∊ R 5.1 เอกลกั ษณข์ องกำรบวก คอื 0 เนอ่ื งจำก a + 0 = a 5.2 เอกลกั ษณ์ของกำรคูณ คือ 1 เน่อื งจำก a . 1 = a 6. คณุ สมบตั ิกำรมีจำนวนผกผนั (Inverse) 6.1 กำรบวก ถำ้ ให้ a ∊ R จะมี -a ∊ R จะทำให้ a + (-a) = (-a) + a = 0 และเรยี ก -a ว่ำ เปน็ จำนวนผกผัน 6.2 กำรคณู ถ้ำให้ a ∊ R ท่ี a ≠ 0 จะมี 1 ซงึ่ ทำให้ ������ a . 1 = 1 . a = 1 และเรยี ก 1 ว่ำเป็นจำนวนผกผนั ของกำรคณู ของ a ������ ������ ������ 5. จานวนตรรกยะ (Relation Numbers) จำนวนตรรกยะ คือ จำนวนที่สำมำรถเขยี นไดใ้ นรปู ������ โดยท่ี a, b เปน็ จำนวนเต็ม และ b ≠ 0 และ ������ เรียก ������ วำ่ เศษสว่ น (Fraction) เรียก a และเรยี ก b ว่ำ ตวั สว่ น (Denominator) ������ ว่ำ ตวั เศษ (Numerator) น่นั คือจำนวนตรรกยะ จะประกอบด้วยดว้ ยจำนวนเตม็ และจำนวนเศษสว่ น เชน่ -7 , − 5 , 1 , 20 เป็น 33 ตน้ เซตของจำนวนตรรกยะ จะมีคณุ สมบตั ภิ ำยใต้กำรบวก และกำรคูณ เชน่ เดยี วกับเซตของจำนวนเตม็ กลำ่ วคอื มีคุณสมบตั ิปิด สลับท่ี จดั หมู่ แจกแจง กำรมีเอกลักษณ์ จำนวนผกผันของกำรบวก จำนวนผกผัน ของกำรคูณ ตวั อยา่ ง 1.1 จำนวนผกผันของกำรคณู 1 คอื 2 21 เพรำะวำ่ 1 . 2 = 1 ซง่ึ เป็นเอกลกั ษณ์ของกำรคูณ 21 เนอื่ งจำกจำนวนตรรกยะอำจเป็นท้ังจำนวนเตม็ และเศษส่วน ดงั น้ันจำนวนตรรกยะอำจเขียนได้ใน เทอมของทศนยิ ม และอำจอยู่ในรปู ทศนิยมรู้จบ หรือทศนยิ มไม่รู้จบแบบซ้ำกนั เป็นชุดกไ็ ด้ เชน่ 3 = 0.6 5 (ทศนิยมรจู้ บ), 5 = 1.66.. (ทศนิยมไม่รู้จบ) 3
6. จานวนอตรรกยะ (Irrational Numbers) จำนวนอตรรกยะ คือ จำนวนทไ่ี มส่ ำมำรถเขียนให้อยู่ในรปู ของเศษส่วนได้ เชน่ ������ ; b ≠ 0 เมอ่ื a, ������ b เป็นจำนวนเตม็ รวมถึงทศนยิ มไม่รู้จบแบบไม่ซ้ำ รำกที่ถอดได้ไม่ลงตัว หรอื เปน็ จำนวนทไ่ี มใ่ ช่จำนวนตรรก ยะ จำนวนอตรรกยะจำแนกได้ดงั น้ี 1. จำนวนทศนยิ มไมซ่ ้ำกันไมร่ จู้ บ เช่น 1.1707168… 0.4455235… 2. จำนวนทอี่ ยู่ในรูปกรณฑ์ และไมส่ ำมำรถหำคำ่ ให้เปน็ จำนวนตรรกยะได้ เช่น √2 = 1.41421… √6 = 2.71828… 3. จำนวน e = 2.71828… ������ = 3.14159… 7. จานวนเต็ม (Integer Numbers) จำนวนเตม็ คอื จำนวนทีเ่ ป็นเลขไม่มีเศษ เชน่ -5 , 0 , 3 เปน็ ตน้ สัญลักษณ์ I แทนจำนวนเตม็ เช่น … , -2 , -1 , 0 , 1 , 2 , … I- แทนจำนวนเตม็ ลบ เชน่ -1 , -2 , -3 , -4 , … I+ แทนจำนวนเตม็ บวก เชน่ 1, 2 , 3 , 4 ,… N แทนจำนวนธรรมชำติ หรอื จำนวนนบั เชน่ 1, 2 , 3 , 4 ,… 8. จานวนเตม็ บวก และศูนย์ (Whole Numbers) ให้ w แทนเซตของจำนวนเต็มบวก และศนู ย์ ดงั นั้น w = { 0, 1, 2, 3, …} สำหรับคณุ สมบตั ิกำรบวกและกำรคณู จะเปน็ เชน่ เดียวกับจำนวนนบั แต่มีจำนวนศนู ย์ โดยมี คุณสมบัติดงั นี้ 1. ให้ a ∊ w a+0 = 0+a = a 2. ให้ a ∊ w a–0 = a 3. ให้ a ∊ w 0 =0 ������
0 ไม่สำมำรถหำคำตอบได้ ซึ่งนนั่ ใหน้ ิยำมไมไ่ ด้ เพรำะโดยธรรมชำตไิ ม่มีกำรหำรจำนวนใดๆด้วย ������ ศูนย์ ซึง่ เป็นจำนวน จำนวนหน่ึง ให้ 0 = r จะได้ r .0 = 0 ดงั น้นั r จะเป็นจำนวนใดๆ ก็ไดท้ ั้งนนั้ 0 หมำยควำมว่ำ 0 ไม่คำ่ ไมแ่ น่นอน ผลหำรในกรณีน้ี ไมเ่ ป็นท่ยี อมรบั ในคณิตศำสตร์ จงึ ไม่มีกำรหำร 0 ด้วย 0 0 และ w ก็มีคุณสมบัติเชน่ เดียวกบั เซตจำนวนนบั 9. จานวนนับ หรอื จานวนธรรมชาติ หรือจานวนเต็มบวก (Counting or Natural or Positive Integers) จำนวนนับ เรยี กอกี อย่ำงวำ่ จำนวนธรรมชำติ หรอื จำนวนเตม็ บวก มนุษย์จำนวนนับ หรือจำนวน ธรรมชำติไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั มำกท่ีสุด ในกำรแลกเปล่ียน ซอ้ื – ขำย หรอื กำรนับ และมนุษยจ์ ะนบั เลข เร่ิมจำก 1, 2, 3, 4, 5, … ไปเร่อื ยๆ เสมอไมน่ ยิ มนับเลข -1, -2, -3, -4 นอกจำก นำมำใช้ในบำงกรณีเท่ำน้ัน ดังนั้น เรำจึงละไวใ้ นฐำนทีเ่ ขำ้ ใจว่ำ จำนวนนบั คือ จำนวนธรรมชำติ และจำนวนเตม็ บวก ให้ N แทนเซตของจำนวนนับ สมำชิกของ N คือ 1, 2, 3, 4, … นัน่ คอื N = {1, 2, 3, 4, …} 10. เสน้ จานวน (Number Line) ลำกเส้นตรงเสน้ หนึง่ เกดิ จำกจุดหลำยๆ จุดมำเรยี งต่อกนั ไปตำมแนวต้งั หรือแนวนอนกไ็ ด้ โดยเร่มิ จำกจุดกำเนิด (Origin) ซง่ึ ถอื วำ่ เปน็ จุดเดยี วกบั จำนวนจริง 0 ดงั นนั้ บนเส้นตรงใหม้ จี ุดนี้แทนจำนวนศนู ยจ์ ดุ บนเสน้ ตรงขวำมอื ของ 0 เปน็ จำนวนเตม็ บวกแทนดว้ ย 1, 2, 3, 4, … โดยมีระยะห่ำงจำก 0 เป็น 1 หนว่ ย , 2 หนว่ ย , 3 หน่วย , ... ตำมลำดบั และเลือกจุดบนเสน้ จำนวนทำงซ้ำยมือของ 0 เป็นจำนวนเต็มลบแทนดว้ ย -1, -2 , -3 ,… โดยมีระยะห่ำงจำก 0 เป็น 1 หนว่ ย , 2 หน่วย , 3 หนว่ ย , ... ตำมลำดบั ดังรูป -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 ถ้ำกำหนดจำนวนจริงจำนวนหนึ่งมำให้ จะมจี ุดบนเสน้ ตรงน้เี พยี งจุดเดียวเทำ่ นนั้ ทีแ่ ทนจำนวนนนั้ ได้ เช่น 1 จะแทนที่ดว้ ยจุดที่อย่ทู ำงขวำมือของ 0 ห่ำงจำก 0 เปน็ ระยะทำง 1 หนว่ ย -√2 แทนได้ด้วย 2 2 จุดทีอ่ ยทู่ ำงซ้ำยมือของ 0 และห่ำงจำก 0 เป็นระยะทำง √2 หนว่ ย ในทำงตรงกนั ข้ำมเมื่อกำหนดจดุ ๆหน่ึง บนเสน้ ตรงมำให้ ก็จะมจี ำนวนจริงจำนวนเดียวเทำ่ นัน้ แทนที่ ดว้ ยจดุ ที่กำหนดให้ กล่ำวคือ สำมำรถจบั คหู่ น่ึงต่อหนึง่ ระหวำ่ งสมำชิกในเซตของจุดบนเสน้ ตรง และเรยี ก เส้นตรงนี้ว่ำเส้นจำนวน จำกเส้นจำนวนเรำสำมำรถเห็นภำพของจำนวนตำ่ งๆ เหลำ่ นั้นโดยชัดเจนว่ำจำนวนใดมำกหรือน้อยก ว่ำกนั โดยให้ถือหลกั ว่ำจำนวนท่อี ยูท่ ำงขวำมือ ยอ่ มมคี ำ่ มำกกวำ่ จำนวนท่ีอยู่ทำงซำ้ ยมือ เช่น -2 มคี ่ำน้อยกวำ่ -1 เพรำะวำ่ -1 อยทู่ ำงขวำมือของ -2
a กบั –a อยหู่ ำ่ งจำก 0 เปน็ ระยะทำงเท่ำกัน แต่อยคู่ นละข้ำงของ 0 ดังนน้ั มีเพียงจำนวนเดยี ว เทำ่ นั้นเปน็ จำนวนตรงข้ำมของจำนวนจรงิ a ถ้ำ a เป็นจำนวนบวก –a จะเป็นจำนวนลบ และถ้ำ a เป็น จำนวนลบ –a จะเปน็ จำนวนบวก ตัวอย่ำง 1.2 ถ้ำ a = 3 แล้ว -a = -3 ถ้ำ a = -5 แล้ว -a = -(-5) แต่จำนวนตรงขำ้ มของ -5 คอื 5 ดงั นั้นจะไดว้ ่ำ -(-5) = 5
ใบมอบงาน หน่วยท่ี 1 ชอื่ วิชา คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ รหัสวชิ า 30900 - 0010 ระดบั ชน้ั ปวส. สอนครั้งที่ 1 ชือ่ หน่วย ระบบจานวน ชอ่ื เร่อื ง อภปิ รายระบบจานวนและสมบตั ิของจานวนจริง จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม อภปิ รำยระบบจำนวนและสมบตั ขิ องจำนวนจรงิ ได้อย่ำงถูกต้อง ข้อตกลงเบอ้ื งต้น ให้นกั เรียนแบ่งกล่มุ ๆ ละ 3 - 5 คน อภปิ รำยเก่ียวกับระบบจำนวนและสมบัติของจำนวนจริง พรอ้ มทั้งนำเสนอสรปุ จำกแนวคดิ ของกลุม่ สอ่ื การเรียนการสอน 1. สือ่ สิ่งพิมพ์ 1.1 หนงั สือแบบเรยี นรำยวชิ ำคณติ ศำสตร์คอมพวิ เตอร์ 1.2 ใบมอบงำน ใบงำน 1.3 แบบประเมินผล 2. สือ่ โสตทศั น์ 2.1 สื่อ Power Point ประกอบกำรสอน เร่ือง ระบบจำนวน 2.2 เครอื่ งโปรเจคเตอร์ 2.3 เครอ่ื งคอมพิวเตอร์แบบพกพำ (Notebook) ลาดับขั้นตอนการดาเนินงาน 1. แบง่ กลมุ่ นักเรยี นอัตรำส่วน 1: 3 : 1 โดยคละคนเกง่ ปำนกลำงและอ่อน ให้นกั เรยี นเลอื กประธำน เลขำนกุ ำร 2. แตล่ ะกลุม่ อภปิ รำยแนวคิดเก่ยี วกบั ระบบจำนวนและสมบตั ขิ องจำนวนจรงิ 3. ให้แต่ละกลุ่มนำเสนอผลกำรอภิปรำยแนวคิดเกี่ยวกับระบบจำนวนและสมบัติของจำนวน จรงิ หนำ้ ชน้ั เรยี นตำมแบบประเมนิ ผลใบมอบงำน เกณฑ์การประเมิน คะแนนรวมตำมแบบประเมนิ ผลใบมอบงำน ไม่ต่ำกวำ่ รอ้ ยละ 60
แบบประเมนิ ผลใบมอบงาน หนว่ ยท่ี 1 ชือ่ วิชา คณิตศาสตรค์ อมพิวเตอร์ สอนครง้ั ท่ี 1 รหสั วชิ า 30900 - 0010 ระดับชนั้ ปวส. ชือ่ หน่วย ระบบจานวน ชื่อเรื่อง อภิปรายระบบจานวนและสมบัตขิ องจานวนจริง หวั ข้ออภปิ ราย เร่ืองระบบจานวนและสมบตั ิของจานวนจรงิ ชอ่ื กลุ่ม …………………………………………………………………………………………………………………..……. สมาชกิ กลุ่ม 1. ……………………………………………. 2. ……………………………………………………… 3. …………………………………………… 4. …………………………………..…………………… 5. …………………………………………… รายการประเมนิ คะแนนเต็ม ผลคะแนน หมายเหตุ 1. กำรแบง่ หนำ้ ที่ 10 …………. 2. กำรทำงำนเปน็ ทีม 10 …………. 3. ควำมรบั ผดิ ชอบ 10 …………. 4. กำรอภิปรำยกลุ่ม 10 …………. 5. กำรแสดงควำมคิดเหน็ 10 …………. 6. ควำมพร้อมในกำรนำเสนอ 10 …………. 7. บคุ ลิกในกำรนำเสนอ 10 …………. 8. ควำมชดั เจนของกำรนำเสนอ 10 …………. 9. กำรตอบข้อซกั ถำม 10 …………. 10. กำรสรุปประเดน็ สำคัญ 10 …………. รวมคะแนนที่ได้ ลงชอ่ื ..............................................ครผู ูป้ ระเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ (นำยพรพทิ ักษ์ ศรแี ก้ว) ได้ร้อยละ 80 – 100 ดีมำก ไดร้ อ้ ยละ 70 – 79 ดี ไดร้ ้อยละ 60 – 69 พอใช้ ไดร้ อ้ ยละ 50 – 59 ตอ้ งปรบั ปรุง น้อยกว่ำ 50 ตำ่ กวำ่ เกณฑ์
ใบกิจกรรมที่ 1 เรอ่ื งความรคู่ ู่คณุ ธรรม รหสั นศ……………………ชอ่ื ........................................นามสกุล.................................ห้อง................... จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธิบำยควำมสำคัญของคุณธรรม จรยิ ธรรมกับกำรดำเนนิ ชีวติ ได้ ( สำนักงำน ป.ป.ช.) 2. ประยกุ ต์ใช้คุณธรรม จรยิ ธรรมในกำรดำเนินชีวิตได้ (จำก สำนักงำน ป.ป.ช.) คาช้แี จง ผเู้ รยี นศึกษำบทกลอน “ควำมร้คู ู่คุณธรรม” แล้วตอบคำถำมต่อไปน้ี เม่ือควำมรู้ ยอดเย่ยี ม สงู เทยี มเมฆ แตค่ ณุ ธรรม ตำ่ เฉก ยอดหญ้ำนัน่ อำจเสกสร้ำง มจิ ฉำ สำรพัน ดว้ ยจติ อนั ไร้อำย ในโลกำ แม้คณุ ธรรม สูงเยีย่ ม ถงึ เทียมเมฆ แตค่ วำมรู้ ตำ่ เฉก เช่นยอดหญำ้ ยอ่ มเป็นเหย่ือ ทรชน จนอรุ ำ ดว้ ยปัญญำ ออ่ นด้อย นำ่ น้อยใจ หำกควำมรู้ สงู ล้ำ คุณธรรมเลิศ แสนประเสรฐิ กอปรกิจ วนิ ิจฉัย จะพัฒนำ ประชำรำษฎร์ ท้ังชำติไทย ต้องฝึกให้ ควำมรู้ คูค่ ุณธรรม” ผูป้ ระพันธ์ : ศำสตรำจำรย์อำไพ สจุ ริตกุล
คำถำมผู้เรียนตอบคำถำมต่อไปนี้ให้สมบรู ณท์ ่สี ดุ 1.ผเู้ รียนคิดวำ่ คุณธรรม จรยิ ธรรม มีควำมจำเป็นหรือไมท่ จ่ี ะนำมำใช้ในกำรดำเนนิ ชวี ิต ............................................................................................................................. ................................................ .................................................................................. ........................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ 2.ผเู้ รียนคดิ วำ่ ถ้ำทุกคนแสวงหำแต่ควำมรูเ้ พียงอย่ำงเดยี วจะเกิดอะไรข้ึนในสังคม ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ 3.ถำ้ คนสว่ นมำกแสวงหำแตท่ ำงธรรมเพียงอย่ำงเดยี วผู้เรยี นคดิ วำ่ จะเกิดอะไรขึน้ ในสังคม ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ .................................................................................. ........................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ 4.สิง่ ท่ีดีทีส่ ุดในกำรดำเนนิ ชีวิตทุกคนต้องแสวงหำสงิ่ ใดจงึ จะมีชีวติ ทป่ี ระเสริฐสดุ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................................................................. 5.ให้ผู้เรยี นคิดหำแนวทำงในกำรปลกู ฝงั คณุ ธรรม จริยธรรม โดยเตมิ ข้อควำมในตำรำงที่กำหนด ไว้ใหส้ มบรู ณท์ ่สี ดุ บ้าน สถานศึกษา 1............................................................... 1............................................................... 2............................................................... 2............................................................... 3................................................................ 3................................................................ แนวทางการปลูกฝังคุณธรรม จรยิ ธรรม สถานที่ทางาน ชุมชน/สงั คม 1....................................................... 1.............................................................. 2....................................................... 2.............................................................. 3....................................................... 3...............................................................
แบบทดสอบหลังเรียน ชอ่ื วิชา คณิตศาสตรค์ อมพิวเตอร์ รหัสวชิ า 30900 - 0010 ระดบั ชัน้ ปวส. หนว่ ยที่ 1 เรือ่ ง ระบบจานวน คาช้แี จง 1. ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบทถี่ กู ต้องทีส่ ุดเพยี งขอ้ เดียวทำเคร่อื งหมำย (X) ลงในกระดำษคำตอบ 2. แบบทดสอบมลี ักษณะแบบปรนัย จำนวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน 1. จำนวนตรรกยะคอื จำนวนในข้อใด ก. 0.1573… ข. 4 ค. 8 ง. 2. ข้อใดคือควำมหมำยของจำนวนตรรกยะ ก. จำนวนทีเ่ ขียนในรูป a + b และหำค่ำได้ ข. จำนวนเต็มใด ๆ ท่ไี มใ่ ช่ 0 ค. จำนวนทีอ่ ยูใ่ นรปู a b โดยท่ี a, b เปน็ จำนวนเต็ม a ง. จำนวนท่เี ขยี นในรปู b โดยท่ี a, b เปน็ จำนวนเต็ม และ b 0 3. ข้อใดเป็นจำนวนเตม็ ทกุ จำนวน ก. 0, 4 , –2 ข. 1, 0.11, –5 ค. 3 , 5, –1 ง. 6, 16 , 32 4. ขอ้ ใดเปน็ จำนวนอตรรกยะ ก. 144 – 3 ข. 0.1536... ค. 1.3232... ง. 25 + 64 5. ขอ้ ใดถกู ต้อง ก. –2, 0, 1 เป็นจำนวนนบั ข. (3)2 เป็นจำนวนเตม็ ลบ ค. 6 – 16 เปน็ จำนวนเต็มบวก ง. เศษสว่ นไมส่ ำมำรถเขยี นเปน็ จำนวนทศนิยมได้
6. ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง 2 4 ก. 5 = 5 ข. 3 = 0.375 8 6 ค. 7 = 0.857 ง. 0 = 1 4 7. ขอ้ ใดถกู ต้อง ก. จำนวนเต็มบวกทนี่ ้อยท่สี ุดคอื 0 ข. 5.364... เป็นจำนวนตรรกยะ ค. จำนวนเต็มลบท่ีมำกที่สดุ คือ –1 ง. จำนวนนบั คือจำนวนเต็มลบ 8. ขอ้ ใดใช้คณุ สมบตั ิกำรเปล่ียนกลุ่มของจำนวนจรงิ ถูกต้อง ก. (2 + 4) + 3 = 6 + 3 ข. (7 + 1) + 4 = 4 + (7 + 1) ค. 2 (5 + 6) = (2 5) + (2 6) ง. (8 + 2) + 4 = 8 + (2 + 4) 9. ข้อใดใช้คณุ สมบตั กิ ำรถำ่ ยทอดของจำนวนจรงิ ถูกต้อง ก. ถำ้ x + 3 = y และ y = 2 – x แล้ว x + 3 = 2 – x ข. ถ้ำ x = 3 แล้ว x + 5 = 3 + 5 ค. ถ้ำ x + y = y + x แล้ว x = y ง. ถำ้ x – 3 = 5 แลว้ (x – 3) 2 = 5 2 10. ข้อใดใช้คณุ สมบัติกำรสลบั ทขี่ องจำนวนจรงิ ถูกต้อง ก. 2 3 = 3 2 ข. 5 (2 1) = (5 2) 1 ค. 4 (3 + 5) = (4 3) + (4 5) ง. 5 1 = 5
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน ชือ่ วิชา คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ รหสั วชิ า 30900 - 0010 ระดบั ช้นั ปวส. หนว่ ยท่ี 1 เรือ่ ง ระบบจานวน ขอ้ ที่ คาตอบ 1. ก 2. ค 3. ค 4. ง 5. ข 6. ค 7. ง 8. ก 9. ข 10. ค
แผนการจดั การเรยี นร้มู ่งุ เน้นสมรรถนะ หน่วยที่ 2 ชื่อหน่วย ระบบเลขฐาน สอนคร้งั ท่ี 2 ชัว่ โมงรวม 2 ช่อื เรอ่ื ง ระบบเลขฐาน จานวนช่วั โมง 2 1. สาระสาคัญ มนุษย์ตดิ ต่อสอื่ สารทางคณติ ศาสตร์ดว้ ยระบบเลขฐานสิบ ซึง่ เป็นทีร่ จู้ ักกันและใช้กนั อย่างแพร่หลาย ทั่วโลก แต่ระบบคอมพิวเตอร์การทางานภายในเครื่องคอมพิวเตอร์จะใช้ระบบเลขฐานสอง เพราะอุปกรณ์ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ใช้สัญญาณไฟฟ้าในการทางาน และมีการทางาน 2 สภาวะ คือ กระแสไฟเปิด (ON) และกระแสไฟปิด (OFF) มีการเชื่อมโยงเลขฐานสองซึ่งมีตัวเลขสองตัว คือ 1 และ0 เข้ากบั สภาวะดงั กล่าวโดยการกาหนดให้กระแสไฟฟ้าเปดิ แทนดว้ ย 1 และกระแสไฟฟ้าปิด แทนดว้ ย 0 เพือ่ ให้ เข้าใจการทางานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ สาหรับการทางานคาส่ังหรือโปรแกรมต่างๆ ซ่ึงจะใช้เลขฐานสอง ทางานจึงไม่สะดวก จึงนาเลขฐานอ่ืนมาใชร้ ่วมด้วย เช่น เลขฐานแปด เลขฐานหก เป็นต้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์ ทางานได้อยา่ งรวดเรว็ และมปี ระสทิ ธภิ าพมากทสี่ ุด 2. สมรรถนะประจาหน่วย กกกกกกแสดงความรเู้ กยี่ วกบั ระบบเลขฐาน 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ 3.1.1 อธบิ ายเลขฐานท่ีเหมาะสมกับคอมพิวเตอร์ได้ 3.1.2 บอกตวั เลขทีป่ ระกอบอยใู่ นระบบเลขฐานสอง เลขฐานแปด และเลขฐานสบิ หกได้ 3.1.3 เขยี นและอา่ นเลขฐานสอง เลขฐานแปด และเลขฐานสบิ หกได้ 3.2 ด้านทกั ษะ นักเรียน นักศึกษามคี วามรู้ ทักษะ ระบบเลขฐานตา่ ง ๆ 3.3 คุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ (อ้างอิง จากคา่ นยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ) 3.3.1 เข้าเรียนตรงเวลา 3.3.2 แต่งกายตามระเบยี บการปฏิบัติงาน 3.3.3 ผลงานประณตี เรียบร้อย 3.3.4 ปิดเคร่อื งคอมพวิ เตอร์เม่อื เลิกใช้งาน 3.3.5 มีนา้ ใจช่วยเหลอื ผู้อืน่ และการปฏบิ ัติงานรว่ มกบั ผู้อ่ืน
4. เน้ือหาสาระการเรียนรู้ 4.1 ระบบเลขฐานที่ใชใ้ นคอมพิวเตอร์ 4.2 ระบบเลขฐานสิบ 4.3 ระบบเลขฐานสอง 4.4 ระบบเลขฐานแปด 4.5 ระบบเลขฐานสิบหก 5. กิจกรรมการเรยี นการสอน ครแู จง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ การวัดผลประเมนิ ผล ขอ้ ตกลงขณะเรยี น และใหน้ ักเรียนทา แบบทดสอบก่อนเรยี น 5.1 ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรียน 5.1.1 ทดสอบก่อนการเรยี น เรอื่ งระบบเลขฐาน ผู้สอนตรวจแล้วใหผ้ ูเ้ รยี นบันทึกคะแนนท่ีได้ไว้ เพือ่ เปรยี บเทียบกบั การทดสอบหลังเรยี นจบแล้ว 5.1.2 แจง้ จุดประสงค์การเรยี นการสอนหนว่ ยที่ 2 สนทนาเขา้ สบู่ ทเรียน โดยเรม่ิ จากระบบตัว เลขฐานสิบ ซงึ่ เปน็ ระบบตัวเลขท่ีใชใ้ นปจั จุบัน แล้วโยงไปสู่ระบบตวั เลขฐานอนื่ ๆ ซึ่งได้แก่ เลขฐานสอง เลข ฐานสาม เลขฐานแปด เลขฐานสิบหก 5.2 ขน้ั สอน 5.2.1 แจ้งรายการทจี่ ะสอนตามเนื้อหาสาระ เรอื่ งระบบเลขฐาน 5.2.2 ให้ความรู้โดยการบรรยาย อธบิ าย และยกตวั อย่างประกอบ พรอ้ มเปรยี บเทยี บระบบเลข ฐานต่าง ๆ 5.2.3 สอดแทรก คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 5.3 ขัน้ ประกอบกิจกรรมการเรยี น 5.3.1 ผู้สอนแบง่ กลมุ่ ผเู้ รยี นกลมุ่ ละ 3 - 5 คน ใหช้ ่วยกนั ทางานในใบงานท่ี 2 เกี่ยวกบั เลขฐาน ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของผูเ้ รยี น 5.3.2 ให้ผ้เู รยี นแสดงคาตอบของกลมุ่ ของตนเอง ผูส้ อนเฉลยคาตอบให้แตล่ ะกลมุ่ แก้ไขใหถ้ กู ต้อง 5.3.3 ผู้สอนนาข้อท่ีเป็นปญั หาอธิบาย โดยระดมความคิดเห็น และสุ่มผูเ้ รยี นถามโดยการช้ีแนะ ของผ้สู อน 5.4 กลยทุ ธ์ในการจัดการเรียนรู้ 5.4.1 ครูใหเ้ พื่อนช่วยเพื่อน ให้นกั เรียนกล่มุ เกง่ และปานกลาง อย่กู บั กลมุ่ นักเรยี นที่เรียนออ่ น ชว่ ยกันทาความเข้าใจในเนื้อหา 5.4.2 สอนแบบ Active Learning โดยใช้เคร่ืองมอื บนอนิ เทอร์เน็ต http://www.linoit.com สอบถามนักเรียนว่า นักเรียนอยากไดห้ อ้ งเรียนอย่างไรเรียนแล้วมีความสุข แสดงความคิดเหน็ แตล่ ะคน เพ่ือ เป็นการกระตุ้นเตรียมความพรอ้ มในการเรยี น 5.5 ขน้ั สรุป
5.5.1 ผู้สอนและผู้เรยี นร่วมกันสรปุ ความรู้ 5.5.2 ทดสอบหลงั การเรยี นและเปรียบเทยี บผลกับการทดสอบก่อนการเรยี น จะตอ้ งขึน้ จากเดมิ ต้งั แต่ 20% 5.5.3 ผลจากการทาใบมอบงาน เกณฑผ์ ่าน 60% 5.5.4 ใหผ้ ้เู รียนทาแบบทดสอบประจาหนว่ ยที่ 2 เพอ่ื วดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น 5.6 ขัน้ ทดสอบหลงั เรียน ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรียน 6. สือ่ การเรยี นรู้/แหล่งการเรียนรู้ 6.1 สื่อส่ิงพิมพ์ 6.1.1 หนงั สอื คณิตศาสตรค์ อมพวิ เตอร์ สานักพิมพ์ศนู ยห์ นงั สือ เมอื งไทย หน้าท่ี 31 - 46 6.1.2 แบบทดสอบก่อนเรียน เรอื่ ง ระบบเลขฐาน 6.1.3 แบบทดสอบหลงั เรียน เรอื่ ง ระบบเลขฐาน 6.2 ส่ือโสตทศั น์ 6.2.1 Powerpoint เร่ือง ระบบเลขฐานจริง 6.2.2 เครอื่ งฉายโปรเจคเตอร์ 6.2.3 เครอื่ งคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) 6.3 อื่นๆ (โปรดระบุ)
7. การบรู ณาการ/ความสัมพันธก์ บั วิชาอ่นื 7.1 การบูรณาการสะเต็มศกึ ษา S: Science T: Technology E: Engineering M: Mathematics • การค้นหาขอ้ มลู • ใช้อินเทอร์เนต็ สืบค้น วธิ ีการค้นหาขอ้ มูลใน 6 • คานวณเวลาในการ คดั เลอื กหรือคดั ข้อมลู ขน้ั ตอน สืบคน้ ข้อมูล แยกข้อมลู ในสิ่ง • ใช้เทคโนโลยี • การกาหนดหัวขอ้ ต่างๆ ท่อี ยู่รอบตวั ออกแบบสอ่ื โฆษณา • การเลือกแหลง่ ขอ้ มูล เรา ผลิตภัณฑอ์ าหาร • การเตรยี มอุปกรณ์ • ใช้เทคโนโลยีในการ • การค้นหาและรวบรวม นาเสนอผลงาน ข้อมลู • การพิจารณา • การสรุปผล
8. การบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ 8.1 ผู้สอน ใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน ต่อไปนี้ 3 ห่วง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสรา้ งภมู ิคุ้มกนั ในตัว ประเด็น - เนอ้ื หาสอดคล้องกับ - ต้องการให้ผเู้ รียนรเู้ ร่ือง - สรปุ เนอ้ื หาใหอ้ ่านเข้าใจ เน้อื หา สมรรถนะ ตัวช้ีวดั เหมาะสม ความรู้การสรา้ งเวบ็ ไซต์ ดว้ ย ง่ายมีภาพประกอบเน้ือหา - กระบวนการ กบั เวลาท่ีกาหนดและวยั ภาษา HTML - เรียงเนือ้ หาตามลาดับการ และโครงสรา้ ง ของผเู้ รียน เรยี นรู้ การทางานของ เว็บไซต์ - กาหนดเวลาในแตล่ ะ - จัดการเรียนรู้ไดค้ รบถว้ น - จดั การเรียนรไู้ ด้ครบถ้วน ตามท่ีออกแบบไว้ เวลา กิจกรรมเหมาะสมกับกจิ กรรม ตามที่ออกแบบไว้ - กาหนดเวลาในแต่ละ 4 ชว่ั โมง กจิ กรรมไวเ้ กินจรงิ เล็กน้อย และวัยของผู้เรยี น เพ่อื รองรบั การเปล่ียนแปลง การจดั กิจกรรม ทีอ่ าจเกดิ ระหว่างจดั - แบ่งกลมุ่ ผู้เรยี นใหพ้ อดีกับ - ต้องการให้ผูเ้ รยี นปฏบิ ตั ิ กจิ กรรม จานวนนกั เรยี น กิจกรรมอย่างทวั่ ถึงตาม - แบง่ กลุ่มคละ - กาหนดกิจกรรมการเรียนรู้ ความสามารถ ความสามารถของนกั เรยี น เหมาะสมกบั เวลาทีก่ าหนด - เพื่อต้องการให้ผู้เรยี นเกิดการ - เตรยี มชุดคาถามใหพ้ ร้อม - มอบหมายภาระงานและ เรยี นร้ตู ามเป้าหมายท่กี าหนด ตามลาดับกจิ กรรมการเรียน ชิน้ งานเหมาะสมกับ - ผ้เู รยี นนาความรไู้ ป - สงั เกตพฤติกรรมและให้ ความสามารถผเู้ รยี นและ ประยกุ ต์ใช้กบั ภาระงานได้ ความชว่ ยเหลอื เมอ่ื นักเรียน สอดคล้องกับเป้าหมายการ - รับฟงั ความคิดเหน็ และ มีปัญหา เรียนรู้ วเิ คราะห์ วิจารณ์อย่างมเี หตผุ ล - ฝกึ การคน้ คว้าหาความรู้ จากเพื่อน และระบบ อินเทอร์เนต็ เพื่อแกป้ ญั หาในแบบฝกึ ปฏบิ ัติ และใบงาน
3 ห่วง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภมู คิ ้มุ กนั ในตวั ประเดน็ - ต้องการใหผ้ ู้เรียนปฏิบัติ การจัดกิจกรรม - แบง่ กลมุ่ ผเู้ รยี นใหพ้ อดีกับ กิจกรรมอย่างทว่ั ถึงตาม - แบง่ กลมุ่ คละ จานวนนักเรยี น ความสามารถ ความสามารถของนักเรียน สอ่ื /อปุ กรณ์ - กาหนดกจิ กรรมการเรียนรู้ - เพ่อื ต้องการให้ผเู้ รียนเกดิ การ - เตรยี มชดุ คาถามใหพ้ ร้อม เหมาะสมกบั เวลาท่กี าหนด เรียนรตู้ ามเป้าหมายที่กาหนด ตามลาดบั กิจกรรมการเรยี น แหลง่ เรียนรู้/ - มอบหมายภาระงานและ - ผู้เรียนนาความรไู้ ป - สงั เกตพฤติกรรมและให้ ฐานการเรียนรู้ ช้นิ งานเหมาะสมกบั ประยกุ ต์ใช้กับภาระงานได้ ความช่วยเหลือเมื่อนักเรยี น ความสามารถผ้เู รียนและ - รบั ฟังความคิดเห็น และ มปี ัญหา สอดคล้องกบั เป้าหมายการ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์อยา่ งมีเหตผุ ล - ฝกึ การค้นคว้าหาความรู้ เรียนรู้ จากเพ่ือน และระบบ - ตอ้ งการใหน้ ักเรียนได้ปฏิบตั ิ อินเทอรเ์ น็ต - จานวนใบความรู้ ใบงาน กจิ กรรมไดจ้ รงิ ตามจุดประสงค์ เพื่อแกป้ ญั หาในแบบฝกึ และวสั ดอุ ปุ กรณ์ เหมาะสม การเรียนร้ทู ีก่ าหนดไว้ ปฏบิ ตั ิ และใบงาน กบั กจิ กรรม และปรมิ าณ - เตรยี มสื่ออปุ กรณ์ให้พร้อม เพยี งพอกับจานวนนกั เรียน - ตอ้ งการให้นักเรยี นใช้วสั ดุ ก่อนการจัดกิจกรรม -ตรวจความพร้อมของเครื่อง อปุ กรณ์ทม่ี ีความพร้อมใน - มลี าดับขน้ั ตอนการใช้สื่อ คอมพวิ เตอร์กอ่ นเรียน และ หอ้ งปฏบิ ัติการ มาปฏิบัตกิ าร และจัดเกบ็ อยา่ งเป็นระบบ ปิดเครือ่ ง ทดลองตามตวั ช้วี ัด - มคี วามชานาญในการใช้ -เกบ็ เกา้ อ้นี งั่ ให้เรยี บร้อยหลัง ส่อื อุปกรณ์ เลกิ เรียน เพอื่ ความเรยี บร้อย และประหยัด - เตรยี มหอ้ งปฏบิ ตั ิการ - หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์ให้พร้อมกอ่ น เหมาะสมกบั กิจกรรมที่ การทดลอง กาหนด
3 ห่วง ความพอประมาณ ความมเี หตุผล การสร้างภมู คิ ุม้ กนั ในตวั ประเด็น การประเมินผล - จดั ทาแบบประเมินผลงาน - ตอ้ งการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ - วางแผนการวัด/ และประเมินพฤตกิ รรมได้ เหมาะสมกับเปา้ หมายการ ตามเป้าหมายทีก่ าหนด ประเมนิ ผลตามข้นั ตอนของ เรียนรู้ กิจกรรม - แบบประเมนิ ผลมีการ ตรวจสอบความเท่ยี งตรงใน การวัดตามตัวช้ีวดั เงอ่ื นไขความรทู้ ่ีครตู ้องมีก่อนสอน 3. หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. การสร้างเว็บไซต์ดว้ ยภาษา HTML 4. จิตวทิ ยาในการสอน 2. การใชค้ อมพิวเตอร์ เงอ่ื นไขคณุ ธรรมของครู 3. มีความยตุ ิธรรม 1. มคี วามรักเมตตาศิษย์ 4. ตรงต่อเวลา 2. มีความรับผิดชอบ 8.2 คณุ ลักษณะอยู่อยา่ งพอเพียงทเ่ี กิดกับผเู้ รยี น พอประมาณ มีเหตผุ ล มีภูมคิ ุม้ กันในตวั ทด่ี ี 1. นักเรียนกาหนดหนา้ ท่ีของสมาชิก 1. นักเรียนนาข้อมลู การหา 1. วางแผนการทางานกลุม่ อย่าง ภายในกลุ่มไดเ้ หมาะสมกบั ศกั ยภาพของ คาตอบมาวเิ คราะห์ได้อยา่ ง ละเอียดเป็นข้นั ตอน แตล่ ะคน เปน็ เหตเุ ปน็ ผลเพ่อื อธิบาย 2. เตรยี มวัสดุอุปกรณ์การทดลองได้ 2. นกั เรยี นใชว้ ัสดอุ ปุ กรณ์ในการทดลอง สรปุ เนือ้ หาสาระ ครบถว้ น และตรงตามกิจกรรมการ ได้เหมาะสมกับกิจกรรมการทดของ 2. นกั เรียนสามารถนาข้อมูล ทดลอง 3. นักเรียนสามารถหาคาตอบได้ มาตอบคาถามได้อยา่ งถกู ต้อง 3. ศกึ ษาวธิ กี ารทาใบงานอยา่ ง สอดคลอ้ งกับอุปกรณท์ ีม่ ี รอบคอบ เงอ่ื นไขความรู้ 1. จานวนจรงิ 2. การบวกจานวนจริง 3. การคูณจานวนจรงิ 4. การเท่ากนั ในระบบเลขฐานจรงิ เงอื่ นไขคุณธรรม 1. ความสามัคคีในกลุ่ม 2. ความรับผดิ ชอบ 3. แบง่ ปันและเอือ้ เฟ้ือเผ่ือแผ่
สง่ ผลต่อความสมดลุ ม่นั คง ยง่ั ยืนใน 4 มติ ิ ดังนี้ ดา้ น สมดลุ และพร้อมรบั การเปลยี่ นแปลงในด้านตา่ งๆ องคป์ ระกอบ วตั ถุ สังคม สง่ิ แวดล้อม วฒั นธรรม - มคี วามรูเ้ ก่ยี วกับ ความรู้ - ความรใู้ นการสบื ค้น - มีความรูใ้ นการจดั แบ่ง - มคี วามร้ใู นการดูแล คอมพวิ เตอร์ในการ ประยุกตใ์ ชใ้ น ขอ้ มลู จากคอมพวิ เตอร์ หนา้ ทภ่ี ายในกลมุ่ ไดอ้ ย่าง รักษาความสะอาดการ กิจกรรมในทอ้ งถิน่ อย่างถูกต้อง เหมาะสม จัดการขยะอยา่ ง ใช้เทคโนโลยใี น ชวี ติ ประจาวนั ได้ - มีความรูใ้ นการปฏบิ ัติตน ถูกต้องของ - ตระหนักถงึ คณุ คา่ ทีจ่ ะทางานร่วมกับผู้อืน่ ห้องปฏิบตั กิ าร ของเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ ทกั ษะ - มีทกั ษะในการใชว้ ัสดุ - ทางานร่วมกนั ภายใน - รักษาความสะอาด อปุ กรณ์อย่างปลอดภยั กลุ่มตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย ของห้องปฏิบตั ิการ และประหยดั จนสาเร็จและมคี วามสุข คอมพวิ เตอร์ในการ สืบคน้ ขอ้ มลุ ค่านยิ ม - เห็นความสาคัญของการ - มคี วามรับผิดชอบต่อการ - มจี ติ สานึกในการ ใช้วัสดุอปุ กรณ์ในการ ทางานของกลุ่ม รักษาสภาพแวดล้อม สบื ค้นข้อมลู อยา่ งประหยดั - ยอมรับความคิดเห็นซ่งึ ของห้องปฏิบัตกิ าร คุ้มคา่ กันและกนั มคี วามเสยี สละ คอมพิวเตอร๋ให้สะอาด อดทน เป็นระเบยี บ 9. การวัดและประเมินผล รายการประเมนิ วิธกี าร เคร่ืองมือทใ่ี ช้ เกณฑ์การประเมนิ ผา่ น แบบทดสอบกอ่ นเรียน - การทดสอบก่อนเรียน การทดสอบ จานวน 10 ขอ้ แบบประเมนิ พฤติกรรม ได้ระดับ 2 ข้นึ ไป การประเมินระหวา่ งเรียน การสังเกต การเรยี น ตั้งคาถามให้ครอบคลุม ตอบคาถามทกุ ข้อ การซกั ถาม จุดประสงค์ แบบฝกึ หดั ไดร้ ะดบั 2 ขน้ึ ไป การประเมินหลังเรียน การทาแบบฝึกปฏิบัติ แบบทดสอบหลงั เรียน ตอบถูก 8 ข้อข้ึนไป การทดสอบ จานวน 10 ขอ้
10. บันทกึ หลงั สอน 10.1 ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ 10.1.1 เนอื้ หาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 10.1.2 สามารถนาไปใชป้ ฏบิ ัติการสอนได้ครบตามกระบวนการเรยี นการสอน 10.1.3 เวลาที่กาหนดไว้ในแผนการสอนมีความเหมาะสม 10.2 ผลการเรียนรขู้ องนกั เรียน นักศึกษา 10.2.1 นักศกึ ษาสว่ นใหญม่ ีความสนใจใฝร่ ู้ เขา้ ใจในบทเรยี น อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และ ร่วมกนั ปฏิบตั ิใบงานที่ไดร้ บั มอบหมาย 10.2.2 นักศึกษากระตือรือร้นและรับผิดชอบในการทางานกลมุ่ เพื่อให้งานสาเรจ็ ทนั เวลาท่ี กาหนด 10.2.3 นกั ศกึ ษาเลอื กสามารถนาความรู้ไปใชไ้ ด้จริงในชวี ิตประจาวนั 10.3 แนวทางการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถนาความร้ทู ี่ไดจ้ ากการเรยี นรูใ้ นหนว่ ยน้ีไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั และ เชือ่ มโยงกบั วิชาชพี ได้อย่างเหมาะสม
กระดาษคาตอบ ชอ่ื วิชา คณติ ศาสตรค์ อมพิวเตอร์ รหสั วิชา 30900 - 0010 ระดับช้ัน ปวส. หน่วยท่ี 1 เรื่อง ระบบเลขฐานจรงิ กระดาษคาตอบ แบบทดสอบก่อนเรยี น กระดาษคาตอบ แบบทดสอบหลังเรยี น ขอ้ ก ข ค ง ขอ้ ก ข ค ง 1 1 2 2 3 3 4 4 5 5 6 6 7 7 8 8 9 9 10 10 สรปุ คะแนนสอบก่อนการเรยี น สรุปคะแนนสอบหลังการเรยี น 10 10
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433