Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมสารเทศนา

Description: ธรรมสารเทศนา

Search

Read the Text Version

A ๘๖ # ธรรบส!รโทฟึนใ lau ๓ พระฆMใโพรวง ศไใใรย์(ทอง ดี น.ธ.๙) แก่ฐานะ:ในร'มปรายภพทุกปT5การ ค้วยนํ้าพร::ราชหฤทัยฟ้ยมล้นด้วย พร2กฅัญฌูกตเวทิตาธรรมและอปจายนธรรมมั่นกง อันการพระราชกุศลทั้งปวงทสมเค็่'จบรมบพิตรพรร:ราชลมภารเจ้า ทังศองพระองคทรงบำเพ็่ญพระราชอุทิศถวาย แค่พระราชบุรพการและพระ ราชบุรพการินเป็นนิพัทธกาลตลอคมานั้น จ้คเป็นทักษิณาบุญอัน'จะเนองหนุน ให้ส์าเร็่'จเป็นหิตศุฃยํ่งขนไปในอัมปรายภพ แค่ศมเค็่'จพระราชบุรพการิและ พระราชบุรพการินทุกพระองกททรงพระราชอนุศรณถึง ศมตามนัยพระบาลว่า ทฆรตตํ หิตายสฺส ^านโส อุปกปฺปติ ความว่า ทักษิณานั้ย่อมศำเร็่จเพึ๋อ เกอกูลแก่ผู้ล่วงรบแล้วนั้นโดยควร ดงนั้ แท้'จริง ศมเค็่'จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าและศมเค็่'จพระอักรมเหสิ ในพระบรมราชจ้กริวงกทุกพระองกนั้นทรงเป็นปูชนารหบุกกลผู้ทรงกวรแก่ เกรองราชทักษิณาอักการะททรงบำเพ็่ญพระราชอุทิศแล้วนั้ทุกประการ ด้วยว่า เมอยังทรงพระชนมั่อยู่นั้นได้ทรงบำเพ็่ญพระราชกรณยกิ'จน้อยใหญ่อันเป็น ไปเพํ่อประโยชนัเกอกูลแก่ประเทศชาติบ้านเมือง แก่พระศาศนา แก่พศกนิกร ชาวไทย และพระบรมราชจ้กริวงก่อย่างหาทศคมิได้ เป็นเหคุให้ประเทศชาติ บ้านเมือง พระศาศนา พศกนิกร และพระราชวงก่คำรงศถาพรเ'จริญรุ่งเรือง ค่อเนองมาได้ตราบเท่าทุกวันนั้ และทั้ทรงปฐนัติพระราชภารกิ'จเป็นประโยชน ค่างๆ ตลอคมาได้นั้นก็่ด้วยทุกพระองก่ทรงธำรงมั่นอยูในพระคุณธรรมเป็น แนวปฏิบัติ อันพระคุณธรรมททรงถือปฏิบัติมั่นอยู่นั้นมืหลายประการ แค่จัก ขอรับพระราชทานนำมาแศคงพอเป็นนิทัศนนัยประการหนงเท่านั้นถือ พระ ล้จจวาจา กล่าวถือศมเค็่'จพระบุรพมหากบัตริยาธิราชเจ้าและศมเค็่'จพระบุรพ- อักรมเหสิผู้ทรงพระคุณอันประเศริฐทุกพระองก่นั้นค่างทรงมั่นกงอยู่ในพระ อั'จจวา'จา โคยเฉพาะศมเค็่'จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกรัชกาลและแบ้ศมเค็่'จ บรมบพิตรพระราชศมภารเจ้านั้น เมอเศค็่จเถลิงถวัลยราชศมบัติ'จะทรงทั้ง www.kalyanamitra.org

๘๗ p mDTTlfim ,, 1 รอง คำ ใริง ร?? ร'ฅยาธิษฐานเป็นพรร:ร'จจวาจาว่าจะทรงปกกรองพรร:ราชอาณาจักรอย่างไร แลร:หลังจากนั้นก็่ทรงปฏิบัติพรร:องก!ห้เป็นไปฅามพรร:ร'จจวาจานั้น อันเป็น เหตุให้พรร:ลัจจวาจานั้นกลายเป็นพรร:อมฅวาจาทมการจกจำจารกไว้เป็น หลักฐานแลร:เป็นเกรองสอนใจราหรับน้อมนำไปปฏิบัติกามรอยพรร:ยุกลบาท กลอกมา สามารถปรร:กากไค้ว่าพรร:มหากบัฅริย่ใทยทุกพรร:องกทรงเป็น ลักบุรุษผู้ทรงคำรงมั่นอยู่ในพรร:ลัจจวาจา กามนัยแห่งเถรการกในสุภารกสูกร วังกสลังยุก ทไคํอัญเชิญมาเป็นนิกเฃปบทเทกนาข้างค้นว่า สจฺจํ เว อมตา วาจา เป็นอาทิ ชงแปลไค้!จกวามว่า \"คำลัตยแลเป็นวาจาไม่ตาย ธรรมข้อนั้เป็นของเก่า ร'ตบุรุษทั้งหลาย เป็นผูมั่นคงอยู่ในคำรตยทเป็นประโยชน และถูกธรรม\" ชงจักขอรับพระราชทานขยายกวามสืบไป กำ ว่า ร'จจะ นั้น แปลกันว่า ความลัตย บ้าง คำ ร'ตย บ้าง ในพระบาลนั้ บุ่งหมายถง ร'จจวาจา คำ จริง คำ ทกล่าวถื้งiงทมอยู่เปีนอยู่จริง สามารถมองเห็่นหรือพิสูจน!ค้ไมมกวามเท็่จเข้ามาปนให้เข้าใจผิก ชงกรงกันข้าม กับบุสาวาจาชงแปลว่ากำเท็่จกำโกหก อันว่ารจจวาจาหรือคำลัตยคำจริงนั้น เป็นคุณสมบติราอัญของบุคคลประการหนง หากผู้โดรักษาไว้ใต้ย่อมจะเป็น ไว้[ค้ ย่อมไม่อาจกล่าวไค้ว่าเป็นบุกกลทสมบูรโน และจักว่าเป็นผู้เจริญแล้ว หาไค้[ม' เพราะฉะนั้นพระจอมไกรลัมมาลัมพุทธเจ้าจื้งกรัสเฅือนใจไว้ว่า สจฺจมนุรฦเขยฺย ฯ (ม.อุปริ. ๐๔/๖๘ฅ) บุคคลพงตามรักษารจจะ www.kalyanamitra.org

k ๘๘ sssuaismflin lau ๓ พระบHใโพรวง ศาใไรย์(ทอง ดี ช.ธ.๙) บุคกถผู!ค้ซอว่ารักษาร'จ'จร;นั้นกือผู้ทพูคจริงทำจริง เป็นบุกกลปรร:เภท ยถาวาทํ ตถาการิ คือพูคอย่างไรทำไค้อย่างนั้น เมอพูคไพญญาหรอกล่าว กำ ปฏิญาณอย่างโคอย่างหนั้งไปแล้วกี่รักษาร'จจร'ญญาหริอร'จจปฏิญาณนั้น เซ่นโหร'ญญากับ^คไว้ว่าจร;ทำอย่างนั้ใหกี่ทำอย่างนั้นจริง หริอรญญาว่าจะไห้ ร่งนั้กี่ให้จริง ไม่บิคพรวโห้เคืยกำพูค แม้จร;ยากลำบาก แม้จร:มปิญหาอุปสรรก โคๆ มาขัคขวาง หริอแม้จร;ค้องเคืยทรัพย่จนถงเคืยชวิฅกี่'จำยอม เพอมิโห้เส์ย รจจรญญาทโห้[ว้ เข้าทำนองทว่า \"เสิยซพคืกว่าเล้ยรตย์\" หริออย่างเซ่นโห้ ปฏิญาณว่าจร:ปรร;พฤติคนอย่างนั้นอย่างนั้กี่ฅั้งโจปรร;พฤติโห้[ค้จริงอย่างทโห้ รจจปฏิญาณไว้ แม้จร;ค้องทุ่มเทแรงกายแรงโจมากมายเพยงโคเพอมิโห้เคืย รจจปฏิญาณนั้นกี่ยอม บุกกลผูรักษากำมั่นรญญา ปฏิบัติคามวาจาทเปล่ง ออกไป ไมให้เคืยวาจารฅย่เซ่นนั้แลทํ่เริยกว่ายูรักษารจจร; คำ รตยคำจริงนั้นเป็นทยอมรับกนทั่วไปว่าเป็นอมตวาจาคือเป็นคำ ไม่ตาย เพราร;เป็นคำทั่นมเสนาร;จบโสตปรร!สาท มรสหอมหวานทสามารถ ซมซาบเข้าไปถงจิตใจ นำ ให้เกิดความปลาบปลมดมดาไมจดจาง ยงกว่ารส หวานทเกิดจากนํ้าอ้อยนํ้าตาลเป็นต้น คังทสมเค็่จพรร;ทศพลทรงแสคงไว้ว่า สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ ฯ (สํ.ส. ๑๕/๒อ๓) คำ รตยแลคืกว่ารสทั้งหลาย แค่กำรฅย่กำจริงทกวรรักษาให้มั่นนั้นกวรปรร;กอบค้วยรกษณร; ๒ ปรร;การคือ เป็นปรร!โยซนํ แลร; ถูกธรรม กล่าวคือเป็นกำพูคทอำนวยปรร!โยซนํ ปราศจากโทษโคๆ ทั้งเป็นกำพูคทถูกค้องคามทำนองกลองธรรม ไม่เป็นกำทุจริต บิคเบือนจากกวามจริง เป็นกำทปรร:กอบค้วยเหตุผล นำ โห้เกิคกวามยุติธรรม ยู้เป็นรคบุรุษคือเหล่าบัณฑิตชนกนคืทั้งหลายจร:ฅั้งมั่นอยูโนกำรคย่กำจริง ทั้เป็นปรร;โยชนํแลร:ถูกธรรมเซ่นนั้ คือเมั่อพูคกี่พูคเฉพาร;กำทั้เป็นปรร;โยซนํ www.kalyanamitra.org

๘๙ p สัพornnm £ร^ I รอง ทำ าริง และถูกทำนองกลองธรรม มผลลัพธเป็นคุณ เป็นกำทสมานลามักค กำ ท ให้เกิคสติและปีญญา เป็นก้น และเมอทำก็่ทำไก้จริงฅามทพูคตามทร'ญญา หริอทปฏิญาณไว้ เป็นผู้มั่นกงอยู่ในร'จจะ ยึครจจะเป็นรากัญ ปฏิบัติตาม กำ แนะนำของบรรพชนทั้งหลายทว่าให้รารวมระวังวาจา กิคก่อนพูค ไตร่ตรอง ก่อนเจรจา พิจารณาให้รอบกอบก่อนรับปากผู้[ค จะไค[ม่เคือคร้อนในภายหลัง ก้วยเหตุกังนบัณฑิตซนกนคืทั้งหลายทั้งในอคืตและปีจจุบันจึงพากันรักษา ลัจจวาจา อันพาให้เป็นบุกกลทน่ายกย่องนับถือและน่าเชอถือ พูดกำใดเจรจา กำ ใดออกไป ผู้กนก็่จดจำกันไว้[ก้และนำไปอบรมแนะนำกันต่อๆ ไปไม่ชาดสาย จนกลายเป็นอมฅวาจาไปในทํ่สุดก็่มอยู่ แท้จริง แมท้จจวาจาจะเป็นเพยงลมปากทเปล่งออกมาแศ่ก็่ยากทจะรักษา ให้มั่นทงไปตามนั้นไท้ ผู้ทสามารถรักษาล่จจวาจาไท้เทร่งครัตปฏิบัติตามไห้โดย ตลอศบับว่าเป็นผู้ประเสริฐแท้ทเตยว เพราะทนล่วนใหญ่จะไม'อาจรักษาบัจจ- ร'ญญาหรือบัจจปฏิญาณทํ่ให้ไว้แก'กันไห้โตยตถอต ท้วยเหตผลนานาประการ แล้วแต่จะนำมาอ้าง ทัง้นั้เพราะในการปฏิบัติตนเพอรักษากัจจะรักษาทำพูตนั้น ย่อมจะไห้รับความลำบากใจ ไห้รับความเหน็่ตเหนอยตรากตรำ และประสบกับ ภาวะปีบคั้นตลอตถงเหตุการณทไม่คาตกันต่างๆ มากมาย ยํ่งเป็นกัจจะทให้ไว้ เพอมุ่งทำประโยชใว้ไท้แก'พหุชนคนหมู'มากและแก'ประเทสชาติบ้านเมืองท้วย แล้วก็่ยํ่งจะประสบกับความยากลำบากความตรากตรำมากขนและปอยเช้า เป็นทวตรืคูณ หากไม่มืร่งคั้นองหนนประคับประคองจิตใจอย่เสมอแล้วก็่จะ ไม'อาจรักษาคัจจะนั้นไว้ไท้ตลอดเลย อันร่งทเป็นเหตุปีจจัยทเป็นเกรองสนับสบุนประกับประกองจิตใจไหรักษา ลัจจะไว้[ก้นั้นมหลายประการ เฉพาะทรากัญอันกวรนำมาแสดงให้ปรากฏคือ คืล ขนติ และ เมตตา ทั้งสามประการนเป็นคุณธรรมเป็นพลังหนุนกระตุ้นให้ กนเรานกถืงลัจจะและรักษาลัจจะไว้[ก้ฅลอดไป www.kalyanamitra.org

i ๙๐ A ธรรบส!ร!ทศน!ฟบ ๓ พระชผาโพรวงศใาารย์(ทองดี ช.ร.๙) กล่าวกือยู้ทรักษาสืลมั่นคง ปฏิบัติฅรงแน่วแน่อยูในสืลข้องคเว้น'จาก มุสาวาทอย่างเคร่งฅรัต ย่อมฅร^หนักซัคกึงโทษแม้เพยงเล็่กน้อยแห่งการล^เมิค ติลทรักษา จี้งเ'จร'จาเฉพาะกำทเป็นคำร'ฅย่คำ'จริง ละเว้นคำโกหกมคเท็่'จด้วย ประการทั้งปวง เมอกึลบริสุทธ[ปค่างพร้อยเพราะไม่มการล่วงละเมิค คำ รฅย่ คำ 'จริงทกล่าวไว้กพลอยบริสุทธ!ม่ค่างพร้อยไปด้วย ซํ่อว่าสามารถรักษาคำรฅย่ คำ จริงไว้ได้ กึลจึงเป็นเหตุปิจจัยราคัญประการหนงทจะสนับสมุนไหรักษา คำ ร'คย่คำจริงไว้ได้อย่างมั่นคงไม่ผันแปรคังน อนง ฃนติ คือความอคทนค่อความลำบากครากครำ ความอคกลั้นต่อ อารมโน!ม่คืทมารมผัส ต่อกระแสกิเลสและผลประโยชน่ทเข้ามามั่วเย้าให้ทั้ง รจจวาจาหรือรจจปฏิญาณก็่เป็นคุณธรรมลำคัญทเป็นเหตุปี'จว้ยไหรักษา คำ ร'ฅย่คำจริงไว้ได้ คามปกติคนทั่วไปแมคงใจว่าจะรักษารจจร'ญญาหรือร'จจปฏิญาณท ให้!ว้ ทั้งใจจะจริงใจและซอรคย่ต่อคำพูคฃองคน แต่พอมากระทบกับความ ลำ บากครากครำ ความเหน็่คเหนอยทด้องมารักษาคำพูครักษารญญาบ้าง ไค้รับ ความผิคหวัง ได้ผลเป็นลบ ไม่สมปรารถนา ไม่มอะไรคืขนทั้งททั้งใจรักษาร'จจ- วาจาบ้าง ถูกเย้ายวนด้วยลาภยศ ด้วยผลประโยชน่ หรือด้วยกิเลสอารมโน ต่างๆ ทปรากฏอยู่ครงหน้าบ้าง ติคใจหลงใหลอยู่กับลาภยศ ผลประโยซน่ และกิเลสอารมโนทได้เสพเสวยบ้าง ความทั้งใจทจะรักษารจจรญญาหรือรจจ- ปฏิญาณก็่ถูกเกึยคทานบบทั้น ความอคทนอคกลั้นก็่เรั๋มอ่อนแรง จิคใจก็่เรม ร่นคลอนอ่อนไหวไม่อาจด้านกำลังของลาภยศ ผลประโยซน่ และกิเลสอารมโน ทั่มากระทบได้นาน เมอด้แรงเกึยคทานบบทั้นเหล่านั้นไมได้ ความอคทนอคกลั้น ก็่หมคกำลังลง ในทสุคก็่จะยอมทั้งรจจะเกึย หันไปเสพเสวยลาภยศ ผลประโยซน่ และกิเลสอารมโนต่างๆ เหล่านั้นแทน ผู้ปราศจากขันติจะไม่อาจรักษาคำลัฅย่ คำ จริงไว้ได้เซ่นนั้ www.kalyanamitra.org

๙๐ gmoninm yf I รอง คำใริง ส่วนผู้มขนติทมกำลงเหนือกว่ากำลังแห่งเหยอล่อทั้งหลายเช่น ลาภผลเ!เนต้นเห่านั้นจึงจร;สามารถพยุงใจให้อดทนอดกลั้นต่อความลำบาก ตรากดรำ ต่อลาภยศ ผลปรร;โยชนื แลร;กิเลสอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้นไต้ แลร; จร;สามารถปรร;คบปรร;คองลัจจร;ให้ดำรงคงมั่นอยูในตนไต้ตลอดรอดฮ่ง อกประ:การหนง เมตตา กือกวามหวังดกวามปรารถนาคม่งให้ยูอน อยู่เย็่นเป็นสุข ปราศจากกวามเสือคร้อนนอนทุกขค้วยจิฅใจทบริสุทธิ้ เหมือน จิฅใจของบิดามารคาทมืต่อบุตรธิดาของตนนั้นณป็นเหตุปิจจัยสนับสนุนให้ รักษาร'จจร'ญญาแลiลัจจปฏิญาณทให่ก'นไว[ค้ กล่าวกอยู้มืเมตตาธรรมประ:จำมั่นอยู่ในจิตย่อมกิดผูกพันทจะ:ช่วยบำบัด ทุกฃบำรุงสุขให้แก่^นแม้มิใซ่ญาติหริอพน้องของตนด้วยกวามบริสุทธิใจ โดย ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ จากการกระ:ทำของตน เมั่อให้กำมั่นลัญญาหริอพูดจา ว่าจะ:ช่วยเหลือเกอกูลเขาอย่างนั้นอย่างนั้ ก็่จะ:ไม่ละ;ทั้งกำมั่นนั้น จะ;พยายาม ช่วยเหลือเกอกูลเขาทุกวิถทาง ทุ่มเทกายใจและ;ทรัพย่สินเท่าทมือยู่เพอให้ ล่าเร็่จประ;โยขนัแก่ยูอน บำ เพ็่ญตนให้เป็นประ;โยซนัอย่างมิรู้เหน็่คเหนอย ไม่ คิดย่อท้อแม้จะมือุปสรรก เพราะมืเมตตากอยกระตุ้นเสือนใจอยู่ตลอดเวลา ตราบใดทั้นั้าเมตตาในใจยงไม่เหือดแห้ง ก็่ยงจะมแรงบำเพ็่ญปรร;โยชนื ต่อไป ลัจจะทั้ให้!วัก็่จะยงไม่สลายลบเลือนไป เมตตาเป็นเหตุสนับสบุนไหรักษา ร'จจะเข้าไวั!ด้ด้วยประการฉะนั้ จับความไค้ว่าผูทรักษาร'จาร!ไ^^นก็่เพรา::มๆณธทมคือh ขันติ แล:; เมฅศาคอยปร:!คับปร::ศองกร:!ค้นเตือนสติมิให้เ^ยรจจ:;อยู่เบองหลัง แล:! แปลความไค้ว่าผู้มิลัจจ:!นั้นเปีนผู้ปร:!กอบพร้อมมั่นคงอยู่ค้วย ตืล ขันติ แล:! ฒตตา อยู่ในจิฅใจ หาไม่แล้วจ:!ไม่อาจรักษาลัจจ:!ไค้ศลอดเลย คังนั้นผู้ม่งมั่น จะรักษาลัจจะจำค้องเพา:!บ่มศณตือตืล ขันติ และเมฅตาให้เจริญงอกงาม ในตนเพอเปีนฐานแห'งลัจจะจึงจะตืาเร็่จประโยชนตามทํ่ปรารถนา หาไม่แล้ว จะไม่อาจรักษาลัจจะนั้งmปีนลัจจลัญญาและลัจจปฏิญาณไค้ตลอดไปเลย www.kalyanamitra.org

i ๙๒ sssฆส!ร!ทศน!lau ๓ พระฆHไโพริวงศใ!ารย์(ทองดี น.ร.๙) บุกกลผู้มร''จ'จะแลร:รักษาร'จจร:ไ^ค้ย่อมไครบการยกย่องนับถือ'จาก บุกกลทั่วไป เพราะร'จจะนั้นฌํ่อมมั่นกงแล้วจะส่งผลให้บุกกลเป็นกนซอสิ'ฅย่ มกวามจริงใจ เป็นกนทวางใจและไว[จไค้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง โดยเฉพาร; ^กษาลัจจวาจาหรือผู้มวาจาลัตย์ย่อมจร;เป็นผู้มวาจารทธิ คือมคำพูด ร'กคิ้สิทธิ้ พูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น พูคอะไรออกไป บัณฑิตชนกนคทั้งหลาย ย่อมตระหนักกำนงและส่ากัญว่าค้องปฏิบัติตาม เพราะวาจาลัตย่ทํ่ลังสมอบรม จนไค้ทแล้วจะกลั่นกลายตัวเองมาเป็นวาจารทธิฃ็้นเรอยๆ วาจารทธิ้ฃองผู้ม วาจาลัตย่นั้นเป็นอาวุธลันส่ากัญทสามารถปราบและปรามเหส่าพาลซน กวาม ชั่วร้าย กวามทุกฃยากเคือคร้อน ตลอคถืงกวามวุ่นวายทเกิคซนไค้ตกว่าไซ้ กัสตราอาวุธต่างๆ แต่วาจาทั่จร;มดนฟ้ง มคนเชอ มคนปฏิบัติตาม แลร;จร;เป็นอาวุธท ร'กคิ้สิทธิ้สามารถกำจดบัดเป้าความทุกขยากเดือดร้อนแลร;ความเลวร้าย ทั้งปวงไค้นั้นต้องเป็นวาจาลัดย่ทั่เปล่งออกมาจากปากของผู้มสิ'จจร;รักษา ลัจจร;มั่นคงเท่านั้น ส่วนวาจาซองผู้ปราศจากลัจจะ ไม่รักษาลัจจะ แม้จะเสกสรรปีนแต่ง ให้สละสลวย ฟิงคูเพราะพรง ประกอบค้วยลลา หากแต่ปราศจากกวามจริง ปราศจากซ้อเท็่จจริง และปราศจากกวามบริสุทธิใจ บุ่งแต่จะใหร้ายผูอนหรือ บุ่งแต่ผลประโยซนัส่วนตนเป็นส่ากัญ ซงแม้จะมกนฟิงเพราะถูกกับจริตของ ตน หรือแม้จะมกนเซอเพราะมเหตุผลน่าเซอ วาจาเซ่นนั้นก็่ใม่อาจกลายเป็น กำ ลัตย่กำจริงหรือเป็นลัจจวาจาไปไค้เลย ผูรู้เท่าทันย่อมมองเห็่นไค้ว่าวาจา เซ่นนั้นไมม้ประโยซนและไม่ประกอบค้วยธรรม ย่อมไม่ต่างอะไรกับวาจาซองเค็่ก เลยงแกะตามนิทานทเส่าซานกันมา อนง ลันวาจาซองผู้มลัจจะรักษาลัจจะมั่นกงนอกจากจะกลายเป็นวาจา รทธิ้ทมอานภาพในทางปราบปรามแล้ว บังมกวามกักคิ้สิทธิ้ทสามารถ'อำนวย www.kalyanamitra.org

๙๓ p ส์ๆเใวพ!ทai I รอง คำ ใริง ปร2โยชน!ห้เกิคฃนแก่ผู้ปฏิบัติตามไค้ ยูใคให้กวามส์ากัญแก่วา'จาเซ่นนั้น ยินค น้อมรับไปปฏิบัติตามค้วยศรัทธาและความเฅ็่มใ'จ ก็่'จะเกิคเธ็เนกวามเ'จริญ รุ่งเรือง เป็นกวามส์าเร็่'จลมปรารถนา ลามารถแก่ปีญหาอุปศรรกและกวาม ทุกชยากเคือคร้อนทเกิคฃนแกซวิฅไคโคยไม่ยาก ลามารถนำตัวให้รอคปลอคภัย จากกวามเลวร้ายต่างๆ คำ เนินฃนส่ทางแห่งสิริมงกลไค้อย่างไม่กาคกิค ตรง กันข้าม ผู้!คไม่เห็่นกวามส์ากัญชองวาจาเซ่นนั้น เมินเฉยเลยละเสิยค้วยกิคว่า ไม่มประโยชนํทจะไก่ใจ ผู้นั้นย่อมไม่อาจนำตนให้พ้นจากภัยพิบัติหรือปิญหา ผู้นั้นไมใครับอานิลงก่แห่งวาจาสิทธินั้นเท่านั้นเอง ลมเคืจพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าในพระบรมราชจักรืวงก่ทุกรัชกาล ทผ่านมาต่างทรงมพระราชปณิธานอย่างโคอย่างหนิ่งและทรงตั้งไว้เป็นพระ ราชกัตยาธิษฐาน เซ่นพระบาทลมเค็่จพระพุทธยอคพ้า'จุพ้าโลกมหาราชองค พระปฐมบรมราชจักรืวงก่ทรงตั้งพระราชปณิธานไว้ว่า \"ตั้งใจจะอุปถมภก ยอยกพระพุทธศาสนา จะ!เองกนขอบฃณฑสิมา รักษาประชาชนแลมนตรื\" กังนั้ ก็่ทรงปฏิบัติตามพระราชปณิธานกันเป็นเลมือนกัจจกัญญานั้นค้วย พระวิริยะอุตลาหะลูงยง เพราะเป็นเวลาทบ้านเมืองกำกังตั้งกัวค้วยมืการลร้าง เมืองหลวงใหม่และค้องบัองกันภัยจากอริราชกัตรูชงยังไม่หมคเสิยทเคืยว จน บ้านเมืองเข้าก่กวามลงบ การพระศาลนา ติลปวิทยาการต่างๆ ตลอคถงการ บริหารจัคการภายในพระนกรไคืรับการกอบกูพ้นฟูให้อยู่ในลภาพเหมือนกรั้ง กรุงเก่า จนลร้างเมืองหลวงใหม่และตั้งพระราชวงกั!หม่กัาเร็่จมั่นกงมาตราบ เท่าทกวันนั้ และแบ้ลมเค็่จบรมบพิตรพระราชลมภารเจ้าผู้ทรงพระคุณกันประเลริฐ เล่าก็่ทรงปฏิบัติเซ่นเคืยวกัน กล่าวคือเมอกรั้งเลค็่จเถลิงถวัลยราชลมบัติ www.kalyanamitra.org

i ๙๔ t sssuaismnui lau ๓ พระม!ทโพรวง ศใใใรช์(ทอง ดี น.ร.๙) สืบพรร:ราชร'นฅฅิวง!^เมอเคือนมิถุนายน พุทธรกราช ๒<1๘๙ แล้วไค้ม การพรร:ราชพิธบรมราชาภิเษกฅามโบราณฃัฅฅิยราชปรร:เพณในวันศุกรท ๕ พฤษภากม พุทธรกราช ๒<1๙๓ ในวันนั้นก็่ใค้พรร:ราชทานพรร:ปฐมบรม- ราชโองการฅามโบราณขัฅฅิยราชปรร:เพณค้วยการตั้งพรร;ราชรฅยาธิษฐานว่า \"เราจร;ครองแผ่นดินโดยธรรม เพึ๋อปรร;โยซนสุขแห่งมหาซนชาวสยาม\" คังนั้ พรร:ราชรฅยาธิษฐานนั้นไค้กลายเป็นพรร:รจจวาจาอันสืารญยั๋งทนำ ความผาสุก ความร่มเย็่น ความเจริญรุ่งเรืองมาให้แก่พสกนิกรชาวสยาม แลร:ปรร:เทศชาติบ้านเมืองมาตราบเท่าทุกวันนั้ ฅลอครร:ยร:เวลา >0๐ ป็เศษ ทผ่านมานั้นทรงคำรงมั่นอยูในพรร:ราชอัจจร:ทพรร:ราชทานไว้อย่างเคร่งครัค มิไค้บกพร่องฃาคหายไปแบ้แต่น้อย ทรงทุ่มเทพรร:วรกายแลร:พรร:ราชหฤทัย เพอต่อสืกบความยากจนชองพสกนิกร เพอบำบัคทุกฃบำรุงสุขให้แก่มหาชน ทุกหมู่เหล่ามาโคยฅลอค โคยทรงแกปิญหา ทรงหาแนวทาง ทรงค้นคว้าทคลอง แลร:ทรงปฏิบัติการต่างๆ เพอให้!ค้ปรร:โยชนั้สุฃแห่งมหาชนชาวสยามอย่างมิรู้ เหน็่คเหนํ่อย คราใคปรร:เทศชาติบ้านเมืองเกิคความคับขัน เกิคความขัคแย้ง รุนแรง ก็่จร:พรร:ราชทานพรร:ราชกรร:แสพรร;ราชคำรัสทเป็นเหมือนนั้าทิพย่ ชโลมใจให้ชุ่มเย็่น เป็นเหมือนแสงสว่างให้แก่ผู้มืคมิคมองไม่เห็่นทาง เป็น เหมือนโอสถวิเศษทเยยวยาให้ผู้คนไค้คลายความเครืยคค้วยความวิฅกกังวล แลร:ความสินหวังเพราร:หาทางออกไมไค้ พรร:ราชกรร:แส พรร:ราชคำริ แลร:พรร:ราชคำรัสทพรร;ราชทานในโอกาส ต่างๆ นั้นกลายเป็นพระวาจาทํ่ส์าคัญคักคิ้สิทธิ ทพสกนิกรและบัณฑิตชน คนคืทุกหมู่เหล่าต่างให้กวามสิาคัญ มืใจจคจ่อใคร่ทจะไค้สคับเพอเป็นสิริมงคล และเพอน้อมรับใล่เกล้าไปปฏิบัติตามโคยไม่มืเงอนไชทุกประการ ทเป็นคังนั้ เพราะทรงคำรงมั่นอยูในพระราชอัจจวาจาทเป็นประโยชนและถูกธรรม เป็นไป www.kalyanamitra.org

๙๕ anoinneii rSA I รอง ทำ าริง ฅามครรลองแห่งธรรมมาโคยฅลอค พระราชจริยาทั้งปวงททรงปฏิบัติคาม พระราชปณิธานอันเป็นพระบัจจวาจาทํ่ฅรัสไว้ครั้งก่อนนั้นนอกจากจะเกิคผล เป็นประโยชนั้สุชแห่งมหาชนชาวสยามแล้วบังเป็นแบบอย่างแก่เหล่าบัณฑิต ชนคนคให้คำ เนินคามรอยพระยุคลบาทคัวยการคระหนักและรักษาคำอัฅย่ คำ จริงกันทุกล้วนหน้าเพํ่อรับประโยชนัอานิสงส์ต่างๆ คังทรับพระราชทาน ถวายวิกัชนามา อิมินา กตปุฌฺเฌน คัวยอำนาจพระราชกุคลทักษิณานุประทานกิจทํ่ สมเค็่จบรมบพิฅรพระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองคทรงบำเพ็่ญพระราชอุทิศ ในครั้งนั้ ชอจงเป็นผลล่าเร็่จอำนวยให้เกิคเป็นทิพยสุฃทิพยสมบัติแต่สมเค็่จ พระบุรพมหากษัฅริยาธิราชเจ้าและสมเค็่จพระบุรพอัครมเหล่ผู้ทรงพระคุณ อันประเสริฐในพระบรมราชจักริวงส์ทุกๆ พระองค และแต่สมเคื่จพระบรม- ราชชนก พระบรมราชชนนั คามควรแก่คตินิยมในอัมปรายภพจงทุกประการ รับพระราชทานถวายวิอัชนาพระธรรมเทศนา ฉลองพระเคชพระคุณประคับ พระบัญญาบารม ยุติลงคัวยเวลาคัวยประการฉะนั้ ฯ ขอถวายพระพร www.kalyanamitra.org

นตฺถิ วิซฺซาสมํ มิตตํ นตฺถิ พฺยาเสโม ริปุ นตฺถิ อตฺตส์มํ เปมํ นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ฯ ธรรมนติ. ไม่มมิฅรใคเสมอคัวยวิชากวามรู้ ไม่มคัฅรูใคเสมอคัวยกวามป่วยใช้ ไม่มกวามรักไคเสมอคัวยกวามรักคัวเอง ไม่มกำสังไคเสมอคัวยกำถังกทม. www.kalyanamitra.org

oo จิคตทมกถา เรื่อง การพฒนาจิต จิตุฅสฺส ทมโถ สาธุ จิตฺตํ ทนุตํ สุขาวหนฺติ ฯ ฃุ.ธ. ๒๕/0๓ บm จักรับพระราชทานถวายวิสิ'ชนาพระธรรนเทศนาใน จิตตกถา ฉลอง พระเตชพระคุณประคับพระปิญญาบารมั๋ ในการทราชสกุลกิตติยากร บำ เพ็่ญพระราชกุศลถวายพระศพ สมเค็่จพระเจ้าพนางเธอ เจ้าv}าก'ลยาณิ- วฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร ด้วยมาระลกว่าสมเค็่จเจ้าฟ้าฯ พระองคนนทรงเ!!นพระโสทรเชษฐกกินในพระบาทสมเค็่ฯพระเจ้าอยู่คั0 มพระ ราชสมภพในราชสกุลมหิคล นับได้ว่าเกยวเนองสิมพันธกับราชสกุลกิตติยๆกร ใกลชค และได้ทรงบำ เพ็่ญพระกรณยกิ'จอันเป็นประโยชนัแก่ประเทศชาติ บ้านเมืองยํ่งใทญไพศาล เป็นการเผยแพร่พระเกิยรติคุณและเป็นคักคิ้ศรแห่ง ทุกราชสกุลให้อยูในหัวใฯและความทรง■จำของพสกนิถรชาวไทยอย่างทั่าถ้ๆฉ พรรธทมกิคฅิวง!^ (ทองฅ) วัคทขโอรสาราม กรุงเทพมหานกร ถวาย ในการบำเพี่ญพระราขกุศลพระกพ สมเคี่จพระเ'จ้าพนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ณ พระทนั่งคสิคมหาปราสาท ในพระบรมมหาราขวัง วันพฤกัสบคท ๒๗ กุมภาพันธ พุทธกักราช ๒๕๕ร) เวลา ๑0.0๐ น. www.kalyanamitra.org

i ๙๘ ^ sssuaisinflm lau ๓ พระบHใโพรวง ศใใใรย์(ทอง ดี ช.ธ.๙) จึงเหมาะ:mรท'จะ:ทรงไครบพรร;ราชกุศลทบำเพ็่ญอุทิศถวายแล้วนด้วยประการ ทั้งปวง สมเด็่จพรร;เจ้าพนางเธอ เจ้าฟ้ากลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร ทรงเร่ยมล้นสมบูรถ4ด้วยพระ:อัฅฅสมบัฅิกือพระ:กุณสมบัฅิส่วน พระ:องก เซ่นทรงมพระ:อัธยาด้ยและ:พระ:'จริยาวัตรอ่อนโยน อ่อนน้อมละ:มน ละ:ไม พอพระ:หฤทัยท'จะ:เสค็่จอยู่แบบเริยบง่าย ทรงมพนฐานพระ:หฤทัยอยู่ ในเมตตากรุณาธรรมและ:ร''จธรรมกวามชอล้ฅยสุจริตเทยงตรง เร็)นด้น และ: ทรงเป็นนักวิชาการ ทรงมกวามรู้ลึกชงในศาสตรต่างๆ โคยเฉพาะ:ด้านภาษา ทั้งทรงมพระ:อัจฉริยภาพด้านการประ:พันธได้ทรงนิพนธและ:รวบรวมเริยบเริยง หนังลึอทมฃ้อมูลทางวิชาการอันทรงคุณกำไว้เป็นอันมาก ชงสามารถใช้อ้างอิง และ:ประ:กอบการลึกษาด้นกว้าเซิงวิชาการต่างๆ ได้เป็นอย่างค น็้ลึอ พระ; อัตตสมบติ และ:ทรงเพยบพร้อมสมบูรณด้วย พระ;ปรหิตสมบติ ลึอพระ:คุณ สมบัติทมต่อบุกกลอํ่น สมเค็่จเจ้าฟ้าฯพระ:องกํนั้นทรงบำเพ็่ญพระ:กรณยกิจ น้อยใหญ่อันเป็นประ:โยชนต่อพระ:ราชวงกํและ:พสกนิกรชาวไทยโคยทั่วหน้า เมอกรั้งสมเค็่จพระ:ศรนกรินทราบรมราชชนนิยังทรงพระ:ชนมอยู่ ได้Iคยเสค็่จ ติดตามเกยงกูใปทรงเยยมเยยนและ:สงเกราะ:หราษฎร พระ:ราชทานร่งของท ขาคแกลนและ:กำลังใจให้กลายทุกฃทั่วสารทิศ โคยเฉพาะ:ทรงสนพระ:หฤทัย เป็นพิเศษในด้านสุขภาพอนามัย เมอร้นสมเค็่จพระ:บรมราชชนนิแล้วก็่ทรงรับ พระ:ภาระ:ทั้งนั้นไว้และ:ลึบสานให้ดำรงมั่นกงอยู่ตราบเท่าบัจๅบัน เป็นการแปง เบาพระ:ราชภาระ:ชองพระ:บาทสมเค็่จพระ:เจ้าอยู่หัวและ:สมเค็่จพระ:นางเจ้าฯ พระ:บรมราซินินาถได้[ม่น้อย พระ:คุณสมบัติส่วนนั้จัคเป็นพระ:ปรหิตสมบัติชง ทรงมพร้อมมูลเซ่นกัน การทั่สมเค็่จเจ้าฟ้าฯ พระ:องกํนั้นทรงบำเพ็่ญพระ:อัตตสมบัติและ:พระ: ปรหิตสมบัติด้วยพระ:วิริยะ:อุตสาหะ:มั่นกงต่อเนองยาวนานโดยไม่ทรงกำนิงลึง กวามตรากตรำลำบากแห่งพระ:วรกาย ทรงทุ่มเทใหิกับการทรงงานอย่างไม่ทรง www.kalyanamitra.org

๙๙ 0 ฑิ?1ฅทบทฉ1 r£5ii โรองกใรพฒนไใต ^V เหน็่คเหนอยท้อแท้ เพอแกปีญหากวามทุกขยากฃาคแกลนของพสกนิกร ซาวไทย ทั้งนกี่ท้วยทรงมพระหฤทัยทเข้มแข็่งมั่นกงไม่ถอยกลับ แสคงถึง พระคุณธรรมทประเสริฐอย่างหนงทพระพุทธศาสนาเรยกว่า การtเกฝนจิต ชงคุณธรรมข้อนเป็นเหตุไท้บุกกลมจิฅใจทํ่เข้มแฃ็่งเค็่คเคํ่ยว แค่แฝงไว้ค้วย กวามอ่อนโยน อคกลั้น สงบ และเยือกเย็่น มพลังใจค่อรูกบปิญหาอุปสรรก ค่างๆไค่โคยไม่ย่นย่อท้อแท้ เพราะจิฅทั้ถึกฝนคแล้วย่อมเป็นจิฅทเข้มแฃ็่ง ม คุณภาพ ไม่เปราะบาง มภูมิค้านทานอำนาจกิเลสสูง ไม่ถูกกระแสกิเลสพัคพา ไปไค้ง่าย เป็นเหตุไท้บุกกล^กฝนจิคคแล้วไ^บกวามสุขและกวามอำเร็่จในร่ง ทปรารถนาทุกประการ เพราะการ'ถึกฝนจิฅนั้นเป็นกวามคทั้มผลเป็นกวามสุข สมคามพระบาลพุทธพจนทสมเค็่จพระบรมสุกฅเจ้าตรัสไว่ในธรรมบท ชุททก- นิกาย ทอัญเชิญมาเป็นนิกเขปบทเทศนาว่า จิตตสฺส ทมโถ สาธุ จิตตํ ทนฺตํ สุขาวหํ ชงแปลไค่ใจกวามว่า \"การtเกฝนจิตเป็นความด จิตทั้ถึกฝนดแล้วนำความ สุขมาให้\" แท้จริง จิตของกนเราจำค้อง'ถึกฝนอยู่เป็นประจำและ'ถึกฝนให้มากจึง จะค เพราะจิตมสภาวะปกติทละเอยคอ่อน ข่มไค้ยากกวบคุมไค้ยาก ซัคอำย ไปหาอารมณค่างๆ อยู่เสมอ มักตกไปตามกระแสกิเลสทน่ารักน่าใกร่พอใจ ในทางพระศาสนาแสคงไว้ขัคเจนว่าจิตของแค่ละกนนั้นมักตกอยู่ในกระแสแห่ง นิวรณ ทเป็นเกรองนั้น กือนั้นจิตไมให้บรรลุถึงกวามค และนั้นกวามคมิให้เข้ามา ถึงจิต ม ๕ ประการกือ - กามฉนทะเ ความพอใจศิศใจในปีารมณ ในรูป เ^ยง กลน รส รมนัส ทน่าชอบใจ กล่าวคือคิศอยู่ในความสุข <5) - พยาบาท ความคิดร้าย ความมูกใจเจ็่บในผูอนด้วยอำนาจความโกรธ ฃ่นเคืองอาฆาฅ <5? www.kalyanamitra.org

i ๐๐๐ $ sssuaismfluiiau๓ พระชหไโพธวงศาาใรย์(ทองดี ช.ร.๙) ถนมิทธร; ความหศหู่ท้อแท้ ความเศถิบเคลิ้มif!ร้ๆซึมไม่แจ่มใส <ริ) - อุทร๚จร;กุกกุจจร; ความท้งซ่าน อึศอัคกถัคกลุ้ม ความวิฅกกังวล แล:fรำคาญไค <5) - วิจิกิจฉา ความลังเลใจ ความสงลัยกังวล ฅัฅสนใจไมไท้(ร) นิวรณ ๕ ประ:การนิ้ฟ้นทท่องเทยวไปของจิต เป็นททจิตเสพเสวยอยู่ เนืองนิจ และ:จิตนมพร'งมอำนาจบังกับบัญชาบุกกลผู้เป็นเจ้าของจิตให้ทำ ให้ พูค ไหกคไปตามชอบใจแห่งตน ร'ตวโลกทั้งหลายจึงถูกจิตนำไป ถูกจิตชักไป และ:เป็นไปในอำนาจแห่งธรรมอย่างเคยวกือจิต แสคงว่าจิตมอิทธิพลยงใหญ่ กังน จึงมกำโบราณกล่าวไว้ว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ก็่เพราะ:เหตน สมเค็่จพระ:ชินรห่รมมารมพุทธเจ้าจึงทรงแนะ:นำใหป็กฝน จิต และทรงแสคงวิธการtlกฝนจิตไว้มากประ:การตามจริตกือพนเพจิตใจและ: อุปนิรยของแต่ละบุกกล อย่างเซ่นทรงแสคงสมถกรรมฐานวิธิไว้มากอย่าง หรือททรงแสคงไว้ว่า \"พงยกจิตในสมยทั้ควรยก พงข่มจิตในสมยทั้ควรข่ม พงทำจิตให้ร่าเริงในสมยทควรให้ร่าเริง พงเพ่งจิตโดย วางเฉยในสมัยทั้ควรเพ่งเฉย\" กังนเป็นต้น ชงพอสรุปประเค็่นใจกวามไต้ว่า เวลาใดจิตถูกถนมิทธนิวรณครอบงำ เปีนจิศทย่อหย่อนอ่อนแอท้อแท้ เวลานั้นจำท้องยกจิฅฃนท้วยลัมโพชฌงค ๓ ข้อคือธัมมวิจย:! วิริยะ และปีติ คือใชปิญญาพิจารณาข้อธรรมในใจของตน ใหรู้ว่าธรรมนั้นเปีนกุคลหรืออๆสล มโทษหรือไม่มโทษ เปีนท้น เพมความเพิยรเพมความอตสาหะแก่จิต โศยนึกถึง จิศทประกอบท้วยกุคลของตน และพยายามนึกถึงกุคลธรรมในจิตทไดลังสม ป้าเพ็่ญมาเพอใท้เกิดความปลาบปลิ้มเอมอํ่มใจ นั้คือสมัยเวลาทควรยกจิต www.kalyanamitra.org

ooo ^mnunm 1รอง กไรพฒนใใต ในเวลาใดจิฅถูกครอบงำค้วยอุทรัจจกุกกจจนิวรฌ เปีนจิตMงซ่าน หงุศหงิศ กลัดกลุ้มรำคาญ เวลานั้นจำต้องซ่มจิศด้วยลัมโพชฌงค m ข้อ คือ!}สลัทริ สมาริ แล::อุเบกขา คือการปฏิบัดิเพอใหจิตสงบ ซ่มจิศด้วยปีก ให้มสมาริ หรอให้มอุเบกขาวางเฉยในอารมณ ในเวลาใดจิตหมดความสุข ชนบาน ไม่กระคือfอร้นทว:;พัฒนา!]ญญาความรู้ เวลานั้นจำต้องทำจิตให้ ร่าเริงด้วยการพิจารณาสภาวะททำให้เกิดความสลดใจ คือพิจารณาความเกิด ความแก'ความเจ็่บ ความตาย หรือน้อมจิตไปเจริญพทรานสสติ รัมมานุสสติ ลังฆานุสสติ และในเวลาใดจิตสงบนั๋งอยู่ในอารมณของสมาริสมาเสมอ ไม่หดหู่ ไม่'ลุ้งซ่าน และไม่ขาดความสุขชนบาน เวลานั้นก็่ไม่ม่กิจทจะต้องบังคับควบคม จิต เพิยงวางเฉยใหจิตดำเนินไปตามปกติอย่างนั้น ไม่ต้องยก ไม่ต้องซ่ม และ ไม่ต้องทำให้ร่าเริง นั้คือวิรการปีกฝนจิตให้พ้นจากการครอบงำของนิวรณ วิธการtเกฝนจิฅในรูปแบบต่างๆทแสคงมานเป็นไปฅามอาการซองจิฅ เป็นวิธการหยุคการท่องเทยวไปในนิวรณซองวิฅ กือหยุคกวามกิค ไม่ปล่อยให้ จิฅฟ้'งซ่านไปในอารมณต่างๆ ค้วยการควบกุมค้วยสติแล^ปิญญา แลร;อาติ'ย กวามอคทน กวามพากเพยรพยายามเป็นเกรองสนับสนุนล่ากัญ ข้อทว่า จิตmเกฝนดแล้วนำความสุขมาให้ นเป็นการแสคงอานิสงล่ แห่งการtเกฝนจิฅ กวามสุขทผูป็กฝนจิฅจร;พึงไครับกือกวามสุขกายสุซใ'จ - รูทหมกมุ่นอยู่คับกามารมณต่างๆ เกิดความว้าวุ่นหาความสงบใจมิไต้ เมอปีกฝนจิตฅจนคลายกามฉันทไต้แล้วก็่จะสงบเย็่น ไม่ว้าวุ่นต่อไป - รูทร้อนร่มขุ่นเคืองใจด้วยไฟอาฆาตพยาบาทอยู่ก็่จะให้อภัยคนอนไต้ ทำ ให้เยอกเย็่นลงและระงับเวรภัยลงไต้ - รูทหดหู่ห้อแห้ เสร้าขึมหมดกำลังใจ ก็่จะเกิดความมมานะ คืดลุ้งาน และรูจ็วิตด้วยความกล้าหาญแล้วประสบผลกำเร็่จไต้ www.kalyanamitra.org

A 00๒ $ sssuaismfluiiau๓ พระบHไโพรัวงศไใไรย์(ทอง สิ ช.ธ.๙) - ผู้ท^งซ่านอื้ศอัศกลัศกลุ้ม กังวลh กี่จร:ตั้ง€{ศิสงบTะงับ คลายทกข คลายกังวลได้ - ยู้ทฅกอยูในอาการลังเล กัศรนใจไม'แน่นอน ชอบสงลัยราไป กี่จร! สามารถกัศรนใจได้แน่วแน่แลร!รวคเร็่ว เหล่านกือผลทไครับจากการไ^กฝนจิฅคแล้ว ผลทสูงฃนไปอกคือ ศามารถใพฅทสงบรผับจากนิวรณแล้วนั้นเป็นฐานล่าหรับปฏิบัคิกรรมฐาน ทสูงขนไปคือวิปิสสนากรรมฐานไค้ ชงจะ:สามารถไคิรับกวามสุฃทสูงขนไปอก จนถึงสุขอันเกิคจากการรผับคับกิเลส แต่การtเกฝนจิตดงแสคงมานั้เป็นการtเกฝนเพึ๋อปรร;โยซนคือความสุข ล่าหรับตวเองเป็นทตั้ง กล่าวคือเมอ!เกฝนจิตคืแล้วตัวเองเท่านั้นเป็นผ1ด้รับ ความสุขโดยตรง ผู้อนแม้อาจจฟ้.ด้รับผดบ้างณป็นเพยงโดยอ้อมเท่านัน ยังมการป็กฝนจิฅอกแบบหนั้งซงเมอป็กฝนคืแล้วย่อมอำนวยสุขให้แก่ คนเองค้วย แก่ล่วนรวมคือคนรอบข้าง อังคม และ:ประ:เทศชาคิบ้านเมือง คลอคถึง สิงแวคล้อมและ:โลกชงเป็นทอยู่อาคัยนั้ค้วย การ!เกฝนจิคแบบนั้นคือการ!เกฝน จิคให้มืภาวะ:ทคื ๓ อย่างคือ กาวร;จิตล่านก ๑ กาวร;จิตสาธารณร: ร) กาวร;จิตบริการ ร) ภาวะ: ๓ ประ:ภารนเป็นสิงจำเป็นทค้องป็ภฝนไหมให้เป็นขน ในจิค เพราะ:เป็นไปเพอประ:โยขนั้เกอกูลและ:ความสุขแก่ทุกฝาย กล่าวโคยสรุป ก็่คือจิค ๓ อย่างคือ จิตล่านก จิตสาธารณร; และ: จิตบริการ เป็นภาวะ:จิคทควร !เกควรอังสมอบรมให้เกิคมืในคนค้วยในเมอคนเราค้องอยู่ร่วมกันในอังคมโลก จิตล่านก ภาวะ:จิคทควรอังสมอบรมประ:การค้นนั้น ไค้แก่ มโนธรรม หรอ มโนล่านก ทํ่เกิคฃ็้นจากการไคิรู!ค้เห็่นประ:สบการณต่างๆ ทเกิคฃนแก่ คัวเองหรือแก่คนอน เซ่นความรู้ถึกเมคคากรุณา ความรู้ถึกอายชั่วกอัวบาป ความรู้'ถึกรักคืเกลยคชั่ว รักความซออัคย่ เกลยคความคคโกงไม่ซออัคย่ รักความยุติธรรม เกลยคความอยุฅิธรรมความมือคติ เป็นค้น www.kalyanamitra.org

00ฅ # ^^imiunai ใรอง ทารพฒนไจิต จิตส์านกนฟ้นเหตุให้คนเรามความรบผิดชอบต่อตนเอง ต่อคนอึ๋น ต่อต่วนรวม แลรเต่อหน้าท เน้นเหตุให้ห้งคมอปูกนด้วยความสงบสุข ไม่เบยดเบยน ไม่เอารัดเอาเปรยบ ไม่กดขฃ่มเหงกน เพราะผู้มจิตต่านกทค ย่อมทำพูคฅิคแฅ่เรองทคๆ กิคแต่จะ:ทำปรฟ้ยชนต่อยูอึ๋น มนํ้าใจเอออาทร ชอบ ช่วยเหส์อกนทลำบากเสือคร้อน ไม่กำนงถงกวามสุขต่วนตัว มุ่งให้กวามสุชแก่ ผูอนเป็นหลัก ต่วนผู้ทขาดจิตต่าน้กทดย่อมเน้นคนท!ม่อายชั่วกลัวบาป ขาด ความรับผิดชอบ เน้นคนทแล้งนํ้าไจ ไม่คิดทจรแอออาทรใคร มุ่งปรรเโยชน้ ดนเน้นใหญ่ ไม่คำน้งถึงความเส์ยหายอนจรแกิดแก่ต่วนรวมหรือลังคม รอบข้าง เน้นอนดรายต่อความสงบสุขของลังคมเน้นอย่างยง ตังนั้น การtเกฝนจิตให้มจิฅลำนึกทสืจิงเป็นเรํ่องลำตัญและ:จำเป็นก่อน เรองอน เพราะ:เมอผูกนมจิตลำนึกทสืมกวามรับรคชอบกันถ้วนหน้าแล้ว สิงท ตงามและ:สิงทปรารถนากัน เช่นกวามสงบ กวามสุช กวามปลอคกัย่ในซวิต และ:ทรัพย่สิน และ:กวามไว้วางใจกันไคกจะ:มตามมาโคยไม่ต้องเพรืยกหาให้ เหนอยแรง ภาวะ:จิตทกวรลังสมอบรมประ:การต่อมาสือ จิดสาธารณร! นั้นไต้แก่ ความรู้สิกทดต่อสมบติสาธารณรเอนเน้นของต่วนรวม เช่นสมบัติราชการ สมบัติชองลังกม สมบัติชองชาติ รวมถึงร่งแวคล้อมทํ่อำนวยประ:โยชน้ให้แก่ ทุกกน เช่น อาการสถานท สวนสาธารณะ: ต้นไม้ ป้าไม้ ภูเชา แม่นั้า ลำ กลอง ถนนหนทาง เป็นต้น โคยรู้ถึกรักหวงแหน ต้องการสร้างสรรกํ บำ รุงรักษา คูแลให้กงอยู่ ไมให้แตกหักเถึยหายหรือถูกทำลายโคยไม่สมกวร จิตสาธารณะ:นั้เป็นจิฅบัองกันสมบัติสาธารณะ: บัองกันสิงแวคล้อม บัองกัน ธรรมชาติ และ:บัองกันติลปวัฒนธรรมชองมนุษยชาติไต้เป็นอย่างค เพราร:ยู้ม จิตสาธารณะ:นอกจากจะ:ไม่ทำลายสาธารณสมบัติแล้วยังจร:รักหวงแหนไม่ให้ กนรนมาทำลายโคยไร้เหตุผล แลร:กิคแต่จร:สร้างสรรกํคูแลรักษาให้คำรงกงอยู่ www.kalyanamitra.org

i 00๔ 0 sssuaisinflin lau ๓ พระนพใโพรวงศใ'^ใรย์(ทองดี ช.ร.๙) เพอเป็นปรร;โยชนแก่dวนรวมตราบนานเท่านานด้วย ตรงกันข้ามกับยู้ท ปราศ'จากจิตสาธารณะ:ย่อมไม่มกวามรักความหวงแหนสมบัติสาธารณร;สิง แวคล้อมแลร;ธรรมชาติทเป็นปรร;โยซนร่วมกัน ย่อมไม่คิคทบัองกันหรือดูแล รักษาแต่ปรร;การโค มแต่'จร;ทำลายสิงแวคล้อม สร้างมลภาวะให้แก่ธรรมชาติ เพอผลปรร;โยชนก่วนตนปรร;การเคยว ก่วน จิตบริการ นั้นได้แก่ ความรู้ส์กเอ็้ออาทรเ'หนอกเห็่นใจผู้อน เห็่นเชาไครับกวามลำบากหรือเคือคร้อนก็่หวั่นไหวอคทนไมใด้ทจร;ปล่อยไป อย่างนั้น จิตบริการเช่นนั้เป็นเหตุให้เสิยสลร;เข้าไปช่วยเหลือเกอกูลกนอน เข้าไปรับไข้บริการสิ'งกม เป็นอาสาสมักรเป็นจิตอาสาบำเพ็่ญปรร;โยชนั้ต่างๆ แก่ล่วนรวม ผูมจิตบริการย่อมมอัธยาสิยไม่นั้งดูคาย เป็นกนมนั้าใจ ยินครับใข้ บริการกนอนด้วยกวามเฅ็่มใจ ทำ ใหสิงกมเป็นสิงกมแห่งกวามเอออาทรพงพา กันไคทวไป จิต ๓ แบบนั้เป็นจิตทค เป็นจิตทเป็อปรร;โยชนต่อกนรอบข้าง สิงกม แลร;สิงแวคล้อม คังนั้นย่อมเป็นการสมกวรทจร;tเกฝนจิตให้มกาวร;เช่นนั้กัน แต่ปอมเป็นการยากไม่น้อยทจร;'!เกฝนกันได้ เพราร;จำด้อง!เนธรรมชาติของ จิตทมกท้อถอยไม่จริงจงในการทำความด เซ่นจร;ด้องเว้นการทควรเว้น จร: ด้องทำการทควรทำ การทถายอย่างทอยากจร;ทำแตใม่ควรทำ ก็่ด้องเว้น เลืยไม่ทำ การทลายอย่างทั่1ม่อยากจร;ทำแต่ควรทำ ก็่จำ ด้องทำ จร;ด้อง เตินไปตามทางแห่งความลำเร็่จ!เนจิต!!นความรู้ลืกด้วยความอดทนอดกลั้น แลร;ความพยายาม เมอทำได้อย่างนั้ย่อม!เกฝนจิตให้มกาวร:เช่นนั้!ด้แน่แห้ สมเค็่จพรร;เจ้าพนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราช- นกรินทร่ ทรงป็กฝนจิตให้มกาวร;ต่างๆ มาคกรบถ้วนสมบูรณแล้ว จิงทรงงาน บำ เพ็่ญปรร;โยชนต่างๆได้มากมายเหลือทจร;กณานับ เป็นทปรร;จักษซัคแลร;เป็น แบบอย่างได้เป็นอย่างค ทั้งทรงเป็นสิกฃพยานแท่งข้อธรรมทว่า การ!!กฝน www.kalyanamitra.org

00<ะ Iflmnunai i 1รอง กใรพฒนไใต จิตเป็นความด จิตท!เกฝนดแล้วนำความสุขมาให้ ฉะนิ้ เมํ่อทรงพรร;ซนมอยู่ จึงทรงไคร้บกวามสบายพรร:หฤทัยเพราะทรงเห็่นผลงานเป็นปรร;จักษ เมอเสค็่จ ยู่สวรรกาลัยแล้วก็่ทรงไคร้บพระเกยรติยศ เกรองราชลักการะ เกรองลักการะ และการเการพบูชาเป็นอเนกอนันฅน่าอัศจรรยลัาหร้บซาวโลก และจะทรงคำรง อยู่ในห้วงแห่งกวามทรงจำชองราชสกุลและพสกนิกรชาวไทยไปคลอคกาลนาน คังร้บพระราชทานแสคงมา ห้วยประการฉะน ซออำนาจพระราชกุศลทํ่ราชสกุลกิฅติยากร ทรงบำเพ็่ญให้เป็นไปในวาระ นิ้ จงอำเร็่จผลเป็นทิพยสุชทิพยสมบัติใหญ่หลวงพร้อมมูลสมํ่าเสมอ แค่สมเค็่จ พระเจ้าพนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนกรินทร ใน ลัมปรายภพสมคามอุทิสสนเจฅนาปรารภทุกประการ ร้บพระราชทานแสคงพระ ธรรมเทศนาฉลองพระเคชพระกุณประคับพระปีญญาบารม ยุติลงเพยงเท่าน ฯ เอวํ ก็่มห้วยประการฉะน ฯ ขอถวายพระพร www.kalyanamitra.org

อลส์สฺส์ กุโต รป.{เ อสิปฺปสฺส กุโต ธนํ อรนสฺส์ กุโต มิต.ตํ อมิตฺตสิส์ กุโต กุขํ อสุซสฺส กุโต ปุฌฺฌํ อปุฌฺฌสฺส กุโต นิพฺพานํ ฯ ธทมนติ. กนเกยจกร้านจรหาสิลปวิทยาไค้ราถทํ่ไหน กนไม่มิสิลปวิทยาจรหาทร้พย!ค้จากทไหน กนไม่มิทรัพย์จรหาเพํ่อนไค้จากทํ่ไหน กนไม่มิเพึ๋อนจรกวามสุขไค้จากทํ่ไหน กนไมมกวามสุขจรหาบุญกุศลไค้จากทไหน กนไม่มิบุญกุศลจรพบนิพพานไค้จากทไหน. www.kalyanamitra.org

๐๒ กตัญญกทา เรื่อง ผู้กฅัญญผู้รูดุณ กตฌุฌุมุหิ จ โปสมุหิ สีลวนุเต อริยวุตฺติเน สุเขต.เต วิย พชานิ กตํ ตมฺหิ น นสฺสตติ ฯ ขุ.ซา. ๒๗/©๓๙๖ บคน จักริบพระราซทานLLtlคงพระธรรมเทศนาใน กตัญฌูกถา ฉลอง พระเคซพระกุณประจับพระปีญญาบารม ในการบำ เพ็่ญกุศลจักษิณา- นุประทานกิจอุทิศถวาย สมเด็่จพระร'งฆราชเจ้า กรมหลวงวซิรญาณวงส์ ในวาระครบ ๕0 ปีแค่วันสันพระซนม ชงคณะศงฆวัคบวรนิเวศวิหาร คณะ กิษยานุกิษย และท่านทเคารพนับถือในศมเค็่จพระจังฆราชเจ้าพระองคนั้น ไคจัคฃ'นเพอเชิคซูพระเกยรติให้ปรากฏแยไพศาล เปีนการแสคงความกจัญฌู กฅเวทิในพระองค่ท่านในกราวเคยวกันน็้คัวย การนความทราบถืงฟ้าละอองธล- พระธรรมกิ?)ฑิวง (ทองค) ว้'(ๆราชโอรฟ้าราม กรุงเทพมหานกร แฟ้คง ในการบำเพ็่ญถุฟ้ฟ้ทักษิณานุประทาน ในวาระกรบ ๕๐ i วันสินพระขนม ฟ้มเค็่าพระทังร]ราชเร้า กรมหฟ้วงวซิรญาณวง!^ ณ พระอโบถวัคบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานกร วันท ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. 1£อ๕๕๑ เวฟ้า ๑๕.๐๐ น. www.kalyanamitra.org

i 00๘ if sssuaisiiifiui lau ๓ WStUMไโพรวง ศใใารย์(ทอง สื ช.ร.๙) พร:;บาท พระบาทสมเค็่'จพร:;เจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ จึงทรง พระกรุณาโปรครับการบำเพ็่ญกุศลทักษิณาบุประทานไว[นพระบรมราซูปถัมภ อกทั้งทรงพระกรุณาโปรคฯให้ สมเค็่จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ อัครราชกุมาร เสค็่จพระราชคำเนินแทนพระองคค้วย ทั้งนก็่ค้วยทรงพระอบุสรณ ถึงสมเค็่จพระลังฆราชเจ้าพระองกนั้นในฐานะทรงเป็นพระราชอุปิธยาจารย และมพระกรณยกิจทส์ากัญเกยวข้องกับพระราชวงมากมาย นับทั้งแค่การ พระราชพิธบรมราชาภิเษก การทรงผนวช การถวายพระนามพระราชโอรส พระราชธิคา เป็นค้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นแก่คณะสงฆวัคบวร- นิเวศวิหาร คณะกิษยาบุกิษย และท่านทั้เคารพนับถึอในสมเค็่จพระลังฆราชเจ้า พระองคํนั้นอย่างหาทั้สุคมิไค้ สมเด็่จพระสิงฆราชเจ้า กรมหลวงวซิรญาณวงส์ มพระนามเคิมว่า หม่อมราชวงก่ชน นกวงค่ ทรงเป็นพระโอรสในหม่อมเจ้าถนอมและหม่อมเอม นกวงก่ ประสูฅิเมอวันทั้ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธกักราช ๒<£๑๕ ทรงบรรพชา เป็นสามเณร ทั้งแค่พระชนมายุ ๑๓ พรรษา ณ วัคบวรนิเวศวิหาร เมํ่อป็ พุทธกักราช ๒<£๒๘ ทรงถึกษาพระปริยัติธรรมไค้เป็นเปรยญ ๕ ประโยค ทั้งแค่เป็นสามเณร ในป็พุทธกักราช ๒<£๓๕ ไค้ทรงอุปสมบท ณ วัคบวร- นิเวศวิหาร โคยมพระพรหมบุน (แฟง กิฅฺติสาโร) วัคมกุฏกษัฅริยาราม เป็น พระอุปิชณาย่ และสมเค็่จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้ง คำ รงพระยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมนวซิรญาณวโรรส ทรงเป็นพระ กรรมวาจาจารย่ ไค้พระนามฉายาว่า สุจิตฺโต เมอทรงอุปสมบทแล้วไค้ทรง สอบพระปริยัติธรรมค่อจนไค้เป็นเปรยญ ๗ ประโยค ไค้ทรงรับภารกิจค้าน การสอนภิกษุสามเณรในวัคบวรนิเวศวิหาร ทรงเป็นกำลังคำกัญของสมเค็่จ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวซิรญาณวโรรส ในการบริหารงานคณะสงฆ ชงเป็นยุคทกำลังปรับปรุงเปลยนแปลงครั้งคำกัญ ทั้งในค้านการถึกษาและ www.kalyanamitra.org

00๙ fmeymnai โรอง ผู้ กฅัญญฆูรู้ทุณ ค้านการปกกรองกณะสงฆ ทรงรับสนองงานและแปงเบาพระภาร2ของสมเค็่'จ พระมหาสมณเค้าฯ พระองกนั้นอย่างส์าฅัญยั๋งในสมัยนั้น สมเค็่จพระร'งฆราชเค้า กรมหลวงวซิรญาณวงf( ไค้ทรงบำเพ็่ญพระ กรณยะเกํ่ยวแก่พระศาสนา กณะสงฆ และประชาซนเป็นอันมากตั้งแฅ่กรั้ง ยังทรงเป็นเปรยญ เป็นค้นว่า ในด้านการส์กษๆคณะสงฆ์ สมัยทสมเค็่จ พระมหาสมณเค้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงปรับปรุงการสืกษาคณะสงฆ์ ให้เจริญก้าวหน้า โคยอัคตั้งมหามกุฎราชวิทยาลัยชนเป็นสถานสืกษาส์าหรับ พระสงฆ์ธรรมยุคและประชาชนทั่วไป สมเค็่จพระลังฆราชเค้าฯ ก็่ใค้ทรงเป็น กำ ลังส์ากัญกือทรงเป็นกรูรุ่นแรกในโรงเริยนวัคบวรนิเวศชงเป็นโรงเริยน สาขาท (ร) ของมหามกุฎราชวิทยาลัย ค่อมาไค้ทรงรับเป็นกรรมการ ทรงเป็น อุปนายกกรรมการ และสุคห้ายทรงเป็นนายกกรรมการคลอคพระชนฆ์ เป็น เหตุให้มหามกุฎราชวิทยาลัยเจริญก้าวหน้ามาค้วยค นอกจากนั้นยังทรงไครับ แค่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการการสืกษามณฑลจันทบุริและไค้ออกไปครวจจัคการ กณะ การพระศาสนา และการสืกษาในมณฑลนั้นค้วยพระองกํเอง และค่อมา เมอมการประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะปกกรองสงฆ์ ร.ศ.๑๒(ร) กื่ทรง ไครับแค่งตั้งให้คำรงตำแหน่งเค้ากณะมณฑลจันทบุริเป็นพระองกํแรก ในด้านการปกครองคณะสงฆ์ นั้นก็่ทรงรับภาระและหน้าทส์ากัญๆ มา คลอคพระชนมายุ เรั้มแค่ทรงเป็นเค้ากณะมณฑลจันทบุริ ทรงเป็นเค้ากณะ มณฑลอยุธยา ทรงบัญชาการกณะสงฆ์และทรงปฏิบัติหน้าทเค้ากณะใหญ่ ธรรมยุค จนในทสคทรงไค้รับสถาปนาเป็นสมเค็่จพระลังฆราช สกลมหา- ลังฆปริณายก และทรงไค้รับสถาปนาขนทรงกรมเป็นสมเค็่จพระลังฆราชเค้า กรมหลวงวซิรญาณวงกั ในค้านการปกกรองกณะสงฆ์นั้ก็่ทรงปกกรองโคย ธรรม ทรงวางช้อกำหนคกฎเกณฑโว้ส์าหรับปฏิบัติ และทรงปฏิบัติพระองกั เป็นแบบอย่างทค้งามเพอให้พระสงฆ์ทั่วลังฆมณฑลไค้คระหมักลังวรประพฤติ เออเฟ้อใน่พระธรรมวิมัยอย่างเกร่งกรัค www.kalyanamitra.org

k ooo sssuaisuiflui lau ๓ พระ ชHไโพธวงศาใใรย์(ทอง ดี ช.ธ.๙) dQUการทรงปฏิบัติพร::กรณยะ:พิเศษในพระ:บาทสมเค็่จเจ้าอยู่หัว รัชกาลปีจ'รุบันและ:พระ:ราชวงdนั้นก็่มเป็นอันมาก เป็นต้นว่าถวายศาศโนวาท และ:เบญจติลแค่พระ:บาทสมเค็่จพระ:เจ้าอยู่หัวในกราวทรงแสคงพระ:องกเป็น พุทธมามกะ:ณ พระ:อุโบสถวัคพระ;ศรรัฅนศาสคาราม ในป็พุทธหักราช ๒<1๘๙ ทรงเป็นประ:ธานสงร็ในพระ:ราชพิธบรมราชาภิเษก ในป็พุทธหักราช ๒<1๙๓ และ:ทรงเป็นพระ:ราชอุปีธยาจารย ในป็พุทธหักราช ๒<1๙๙ สมเค็่จพระหังฆราชเจ้าฯ พระองกนั้นร้นพระชนมเมอวันท ๑๑ พฤศจิกายน พุทธหักราช ๒<1:๐๑ มพระชนมายุไต้ ๘๕ พรรษา ๑๑ เคือน ๑๙ วัน ทรงคำรงตำแหน่งสมเค็่จพระหังฆราช ๑๓ ป็ ๙ เสือน ๑๑ วัน นับแค่ป็ร้นพระชนมมาถึงปีจ'รุบันนกรบ ๕๐ ป็พอค แค่แม้จะร้นพระชนม ไปนานแล้ว หากพระคุณสมบัติและพระคุณูปการอเนกอนันค่ชองพระองก ยังคำรงมั่นกงอยู่เหมอนผ่านไปแล้วไม่นาน เพราะยังมประจักษพยานทั้งบุกกล และระเบยบแบบแผนคลอคถึงอาการสถานทํ่ค่างๆปรากฏเป็นหลักฐานส์าหัญอยู่ แค่ทั้พระคุณูปการอเนกอนันตชองสมเค็่จพระลังฆราชเจ้าพระองกนั้น ปรากฏซัคเจนและแพร่ขยายปรากฏประจักษมาคราบเท่าทุกวันนั้!ต้นั้นก็่เพราะ อาหัยกวามกฅัญณูกฅเวทชองกณะสงฆวัคบวรนิเวศวิหาร กณะติษยาบุติษยั และท่านทั้เการพนับถึอไนพระองกเป็นลัาหัญส่วนหนง หากชาคกฅัญฌู กคเวทิคาธรรมช้อนหันแล้วไชร้ พระคุณสมบัติค่างๆ ของพระองกก็่จะปรากฏ เฉพาะขณะทั้ยังทรงพระชนมั่อยู่และหลังจากทั้ร้นพระชนมั่แล้วไม่นานเท่านั้น จะมิอาจคำรงมั่นกงอยู่ใต้นานและปรากฏซัคเหมือนเกิคมอยู่ไนยุกปีจ'รุบันนั้ ไต้เลย การทั้บุกกลผู้ใคยู้หนงเมอไต้บำเพ็่ญกวามคไต้ประกอบกรณยอันเป็น ประโยชน่เป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติม้านเมือง แก่พระศาสนา แก่ลังกม หรึอ แม้แก่กรอบกรัวคระกูลวงค่ใว้เป็นอันมาก อยู่ในภาวะทั้เรยกไต้ว่าเป็นบุพการชน www.kalyanamitra.org

ooo •?> ทฅัfuojfifn [รอง พู้ ฉตัญญฆูรู้ทุณ แล้ว จฟ้.ค้รับผลกือการยกย่องเซิคชู การเการพนับถึอ หรือการรำลื้กถื้ง เรนปฏิการะฅอบแทนจากผู1ครับปรร!โยชนทุกผู้ทุกบุกคลไปก็่หาไม่ มบุพการืซน ไม่น้อยทั้งทเป็นบิคามารคา เป็นกรูอาจารย่ เป็นผู้นำร'งกมประเทศชาติ ทั้ไค้ทำ คุณประโยชน้โว้เป็นอันมากแก่ลูกหลาน แก่เหล่าติษย่ แก่ร'งกม หรือแก่ชาติ บ้านเมือง แคใมใครับผลคอบแทนเซ่นนั้น กลับถูกลูกหลานหรือร'งกมผู้เกย ไครับผลประโยชน้มาลบหลู่หรือละเลยทอคทั้งไม่แยแส ทำ ไหลืมเลือนกันไป ไม่เอ่ยถึง นำ มาชงกวามหคหู่สลคใจแก่ผูรู้เห็่น ราหรับสมเค็่จพระลังฆราชเจ้าพระองก่นั้นหาไค้เป็นเซ่นนั้นไม่ หากแค่ ทรงไครับยกย่องเซิคชูพระเกยรติคุณให้แผไพศาลเป็นทั้ประจักษ ให้อนุชนไค้ คระหนักกำมืงและชาบซั้งในพระคุณูปการค่างๆ ช้อนั้เป็นเพราะกณะสงฆวัคบวร- นิเวศวิหารเป็นค้นคำรงไพกวามกตัญณูกคเวทในสมเค็่จพระลังฆราชเจ้า พระองกํนั้นอย่างหนักแน่นมั่นกง จึงเป็นเหตุให้พระคุณูปการค่างๆของพระองกํ ยังคำรงอยู่ ไม่ถูกละเลยลืมเลือน แคใคํรับการลืบสานกันค่อมามิไค้สูญหาย ละลายไปพร้อมกับกาลเวลา ฃ้อนั้ก็่สมค้วยประพันธกาถาทั้สมเค็่จพระ ลัมมาลัมพทธเจ้าครัสไว!นนิโกรธชาคก แห่งฃุททกนิกายชาคก ทไค้ยกมาเป็น นิกเฃปบทเทศนาว่า กตฌฌมหิ จ โปสมหิ เป็นอาทิ ซั้งแปลไค้!จกวามว่า \"ความดทั้บุคคลทำไ^นบุคคลผูกตญฌู ยู้มืติล มื ความประพฤติประเสริฐ ปอมไม่สูญหายไป เหมือนพึซ ทั้บุคคลหว่านไว!นนาดฉะนั้น\" คังนั้ คามพระบาลืชาคกนั้ สมเค็่จพระจอมบุนพุทธเจ้าทรงเปรยบกวามคทั้ บุกกลทำไว้ว่าเหมือนกับพืชคือพันธุช้าวทั้หว่านและปีกคำไว!นนาคว่าย่อมไม่ สูญหาย แค่จะมืผลงอกงาม ให้ประโยชน่แก่เกษครกรผูปีกคำ กล่าวคือเกษครกร ผู้ฉลาคในการกสิกรรมนอกจากจะกัคเลือกพันธุช้าวทั้คืเครืยมไว้ล่วงหน้าแล้ว ยังเลือกหานาคืไว้เพาะปลูกค้วย อนว่านาทั้อปูในเกณฑเป็นนาดนั้นคือนา www.kalyanamitra.org

i 00๒ $ sssuaisinfiuiiau๓ พระบผใโพธิวงศใจไรย์(ทองดี ช,ร.๙) ทมคุณสมบัติ ๓ ปรร;การ คือ ฟ้นนาทมปัยคื สมบูรถรด้วยแร่ธาตุสาร อินทรยทเ!เนปรร;โยซนแก่ข้าวกล้า ๑ เ!เนนาทมตินคื สมบูรณ์ด้วยเน็้อดิน ล้วน ไม่มกรวคทรายปร:ปนอยู่มากเกินไป ๑ เป็นนาทมนํ้าด เป็นทลุ่มซุ่ม ด้วยนำทข้งอยู่เสมอไม่แห้งขอด ร) เมอหว่านพันธุข้าวและ:ปีกคำข้าวกล้าลง ไปในนาคืเซ่นนั้น ข้าวกล้าย่อมงอกงามเติบโตไปตามลำคับ ไม่เหยวเฉาหรือ แกระ:แกรนในระ;หว่าง สุคท้ายก็่ออกรวงสมบูรณ์เฅ็่มท นำ มาซงกวามปีติยินคื แก่เกษตรกรเข้าของนา แม้หลังจากเก็่บเกยวแล้ว หากเกษตรกรยู้นั้นมกวาม ลำ นกในบุญกุณของนาแล้วขยันหมั่นปรับปรุงบำรุงนาของตนให้กงสภาพเป็น นาคือย่เสมอ นาคืนั้นก็่จะ:อำนวยประ;โยขนทต้องประ:สงก่อย่างคุ้มก่าไค้ตลอดไป ข้ออุปมานั้ฉันใด กวามคืทบุกกลทำไว้ในกนผู้กคัญฌู ผู้มคืล มกวาม ประ:พฤติประ:เสริฐ ก็่มอุปไมยฉันนั้นแล อนความคืทบุคคลทำแล้วจร;ไม่สูญหายไปเหมือนพืซทหว่านลง ในนาคืนั้นได้แก่การบำเพ็่ญปรร;โยชนํแก่ผู้อนทเรืยกว่าปรหิตล้มปทาหรือ ปรหิตปรร;โยชนํ กล่าวคือกวามคทเกิดจากการให้การเลํยสละ: การบำเพ็่ญประ:โยชนํซ่วย เหลอยูอนต้วยนั้าใจลันประ:เสริฐ ลันทำให้เขาพ้นจากกวามทุกฃเคือดร้อนบ้าง ทำ ให้เขาไคืรับกวามสุขกวามสะ:ดวกสบายบ้าง คังเซ่นกวามคืทบิดามารดาทำให้ แก่บุตรธิดาเป็นต้น กวามคืเซ่นนั้หากไต้ทำแก่กนคื กวามคืนั้นย่อมไม่สูญหาย ไม่ถูกลืมเลือนหรือถูกละ:เลยเลํย แต่จะ:อยู่ในห้วงกำนงในฐานะ:เป็นอนุสรณ์ยะ: เนืองๆ ของกนคืทํ่ไคืรับประ:โยขนืนั้น กนคืทในพระ:บาลืซาดกนั้เปรืยบไว้เหนือนกับนาคืนั้นไต้แก่บุกกลยู้ สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ ๓ ประ:การคือ เป็นคนกตญฌู (ร) เป็นคนมืคืล ร) เป็นคนปรร;พฤติปรร:เสริฐ ร) www.kalyanamitra.org

ooฅ 0 ฉฅั{บถุJflQl f^ 1รอง นู้ กตัญญฆูรู้ทณ คนกตญญ ก็่กือกนทํ่มกวามรูรกส์านกในกวามดในบุญคุณของบุกกล และสถานทสิงของทมคุณูปการกือมอุปการร:เกอกูลอำนวยประ;โยชน่และกวาม สุขแก่กน เซ่น อาffยบิดามารคาให้กำเนิดแล้วถนอมเลยงคูมา'จนเติบใหญ่และ อบรมบ่มเพาะนิร'ย'จนเป็นกนเฅ็่มกนเป็นก้น ก็่ส์านึกในบุญคุณของบิดามารคา นั้น อาร'ยกรูอา'จารย!คแนะนำร่'งสอนวิชากวามร[ห้'จนสามารถใช้เป็นเกรํ่องนึอ หาเลยงซ่พโก้ ก็่รานึกในบุญคุณของกรูอา'จารยนั้น อาร'ยแผ่นตินใคเกิด อาร'ย แผ่นกินใดพักพิง อาร'ยแผ่นใดทำมาหาเลยงซ่พ ก็่รานึกในบุญคุณของแผ่นกิน นั้น อาร'ยสถานทใคหน่วยงานใดประกอบอาซ่พ มรายโก้เลิ้ยงฅัวเลยงกรอบกรัว ก็่ส์านึกในบุญคุณของสถานทํ่นั้นหน่วยงานนั้น โดยทสุคอารยร่งแวดล้อม เซ่น แม่นาลำกลองและฟ้าโม้สายธารใดอุปโกกบริโภกบ้าง ร'ญ'จรโปมาบ้าง พักผ่อน โก้ร่มเงาบ้าง ก็่ส์านึกในบุญคุณของแม่นั้าลำกลองและฟ้าโม้สายธารนั้น กวาม รู้นึกรานึกและดระหนักในอุปการคุณของบุกกลและสถานทร่งของเซ่นนั้ เรยกว่ากวามกฅัญณู กวามกฅัญณูนั้เป็นคุณสมบัติของกนคและเป็นนิมิด เกรองหมายใหรู้ว่าเป็นกนคประการหนั้ง ดังธรรมภาษิตทแสดงโว้ว่า นิมิตตํ สาธุรูปานํ กฅฌุฌูกตเวทิตา ฯ (นัย.ส.ส. 0/๒0๗) ความกตญฌูกตเวทิเป็นเครองหมายของคนด คุณสมบัติของกนคประการทสองทว่า เป็นคนมนึล นั้นกอเป็นผู้มปกติ ประพฤติเว้น'จากบาปอคุศลทางกายและวาจาทเรยกว่ากายทุ'จริดและวนึทุ'จริด มกวามรังเกิยจกวามชั่วเนึยหาย เซ่นรังเกิยจการฆ่ากันเบยดเบยนกัน รังเกิยจ การลักขโมย การฉ้อโกง รังเกิยจกวามมักมากในกามารมณ รังเกิยจการพูดปด มดเท็่จพูดหยาบกายโดยโม่ละอายใจ เป็นก้น บุกกลผู้มปกติวิลัยเซ่นนั้เรยกว่า เป็นกนมนึล ราหรับคุณสมบัติของกนคประการทสามทว่า เป็นคนประพฤติประเสริฐ นั้นกือเป็นยู้ประพฤติคดามแบบอย่างอารยซน ประพฤติร่งทอารยชนทั้งหลาย www.kalyanamitra.org

i ๑๑๔ sssuaisinfluiiau๓ พระบHใโพรวง ศใจารย์(ทอง ดี ช.ร.๙) ปฏิบัติกัน ในทน็้หมายถึงคนทมนํ้าใ'จงคงาม มเมฅฅากรุณา ม'นาใ'จเออเ^อ เผอแผ่ ชอบให้ ซอบเถึยศละ: ชอบช่วยเหลือเกอกูล ชอบบำเพื่ญประโยชน ไม่ นงดูคายเมอเห็่นยูอึ๋นลำบากเคือคร้อน คนทมลักษณะนิกัยและม'นํ้าใ'จงคงาม เช่นนลัคว่าเป็นคนประพฤติประเศริฐ บุคคลผู้มความกฅัญฌู มถึล และประพฤติประเลัริฐ'นั้น หากผูใคไค้ หว่านพืชคอความคลงไป ความคนั้นย่อมไม่สูญหายไม่ถูกลืม ผู'้ คำความค ย่อมไครับปฏิการะคอบแทนแน่นอน เช่นความคทบิคามารคาทำไว้แก่บุฅรธิคา บุตรธิคาผู้เป็นคนคมความกฅัญณูก็่'จะทำ 'อุปการะคอบแทน เป็นค้นว่าเลยง ดูยามบิคามารคาชราภาพ ปรนนิบัติดูแลยามเจ็่บป้วย เป็นค้น ทั้งนั้เพราะ ผู้มจิคลำนึกในบุญคุณชองผู้ทเกยอุปการะคนมา ทั้งยังเป็นผู้มถึล และมจิค เออเฟ้อเผอแผ่ ชอบให้ชอบเลืยสละเป็นทุนเติมอยู่แล้ว ย่อมจะไม่ลืมเลือน ละเลยหรือทำให้ความคชองผู้มอุปการะสูญหายไปเหมอนนาคย่อมไม่ทำให้ ข้าวกล้าทบักคำลงไม่เลืยหายฉะนั้น ครงกันข้าม ความคทบุคคลทำไว้[นกนไม่ค ย่อมจะสูญหายไม่งอกเงย ไม่มผลคอบแทนใคๆ เหมือนคังพืชทหว่านลงในกองไฟชงไม่อาจงอกงามไค้ มืแฅ่จะมอคไหม้หมคสินไปในพริบคา สมคังพระ'ทุทธประ'พันธคาถาทปรากฏ ในพระบาลืนิโครธชาคกนั้นเองว่า ยถาปี วชํ อคฺคิสฺมื ฑยฺหติ น วิรูหติ เอวํ กตํ อสป.ปุริเส นสฺสติ น วิรูหติ ฯ (ชุ.ซา. ๒๗/©๓๙๕) ความดทั้บุคคลทำในอลัตบุรุษคือคนไม่คย่อมสูญหาย ไม่งอกเงยได้ เหมือนพืชทั้บคคลหว่านไปในกองไฟ ย่อมมอดไหม้ใม่งอกขั้นได้ฉะนน www.kalyanamitra.org

๑๑๕ ฿ ททญณูทm เรื่อง บู้ กฟ้ญญบูรู้ฦณ พระบาลซาคกทั้งสองบทนซให้เห็่นว่า การทำกวามคนั้นจำฟ้นฅ้อง เลือกเฟ้นเน้นพิจารณา หากประสงกทำกวามคเพอรักษากวามกโกยเห็่นว่าเร็เน กรณยทั้กวรทำไม่กวรเพิกเฉยละเลยเลืยคังนั้[ซร้ แม้จะมองไม่เห็่นผลกอบแทน ณป็นสิงทกวรทำกวรประพฤติ อย่างเซ่นพระมหาชนกโพธิสิ'ฅว่แหวกว่าย สายธารอยู่กลางทะเลลืกแม้จะมองไม่เห็่นทางรอก แก่ก็่เพิยรพยายามว่ายไป ไม่หยุกหย่อนด้วยเห็่นว่า กวามเพิยรพยายามเป็นปุริสการิยะกอเป็นหน้าทซอง ลูกผู้ชาย เป็นกวามคทไม่พิงละเลยเลืย ทั้งเมอทำแล้วก็่จะไม่ถูกตราหน้าว่า เป็นผู้ชากกวามเพิยร บุกกลผู้ทำกวามคเพอกวามคย่อมกิกเซ่นนั้จี้งไม่ท้อแท้ ผิกหวังเมํ่อไมไครับผลผลกอบแทนไกๆ แต่หากประสงคทำความดเพอให้เกิดผลทั้งแก่ตนผู้ทำและแก่ผูรัมผล ก็่พิงเลือกพิจารณาทำแก่คนทั้อยูในข่ายเป็นคนดจงจะสมปรารถนา ลือเมอ ทำ แล้วก็่จะไม่ผิดหวัง ตนเองกึ๋!ด้ความปลาบปลมว่าได้ทำความดแล้ว ผูรับก็่ ปลาบปเมว่าตนได้ประโยชนจากผูนนผู้นํ้ ทำ ให้ตระหน้กลืานกในบุญคุณแล้ว หาทางตอบแทน เป็นเหตุให้ผู้ทำความดนั้นเกิตความรูลืกว่าทำลืได้คจริงๆ กรงกันช้ามหากทำกวามกโกยไม่เลือกไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ ทั้งใจทำ กวามกแก'ไม่ได้พิจารณาให้ล้วนกรอบกอบ เกิกไปทำให้แก'กนไม่คลือกน อกฅัญฌู ไม'มลืล มกวามประพฤติเลืยหายเช้าก็่จะกลายเป็นหว่านพิชลงใน กองไฟไป จะใท้เชากฅัญฌูรู้สิานึกในกวามกและคิกกอบแทนนั้นย่อมเป็นไป ได้ยาก กังมกำกล่าวไว้ว่า ถงจะยกแผ่นดินนั้ทั้งหมดให้แก่คนอกตญฌู ก็่ใม่ อาจทำให้เขายินลืพอใจหรือลืานึกในบุญคุณไค้ ผู้ทำ กวามกชงแม้จะทำด้วย ใจรัก ทำ ด้วยกวามมนั้าใจเลืยสละ แก่ยังหวังผลกอบแทนจากรูรับอยู่ในใจลืกๆ เมอไมใครับผลกอบสนองกังหวังทั้งใจก็่จะเกิกกวามรู้ลืกผิกหวังเลืยกำลังใจ และเกิกกวามท้อแท้[ม'อยากทำก่อไป ด้วยรู้ลืกว่า ทำ ดไมใด้ค ขนมา หากพิจารณาเรองนั้ใท้ถ่องแท้กามพระบาลืช้างด้นแล้วก็่จะประจักษถึง เหตุผลว่า เหตุไกทำคิจํงไกค และเหตุไกทำคิจึงไมได้ก www.kalyanamitra.org

k ๑0๖ sssuaisinflin lau ๓ พระนHาโพธิวง ศใใารย์(ทอง ส ช.ร.๙) พระ:บาลชาดกทั้งสองบทข้างฅ้นฌอมองอกมุมหนงย่อมจับปร5เค็่น ไค้ว่า คนทั้มความกตญฌู มส์ล แลร;มความประ;พฤติปรร;เสริฐทั้เรยกว่าคนด เท่านั้นปอมจร;มองเห็่นและ;ยอมรับความคอันเป็นคุณูปการของบุคคลอึ๋นทั้ ได้ทำไว้และ;เป็นปรร;โยซนแก่ตน และ;จ^ไม่ทำให้ความดนั้นสูญหายไปเปล่า จรไม่ปล่อยปละ;ละ;เลยหรือลึมเลือนไมคานงถง หากแต่จะ;อังระ;ลืกลืงด้วย ความซึ๋นชมยินด กระ;ตือรือร้นทั้จะ;ปฏิการะ;ตอบแทนเมอมโอกาส และ;เกิด ป็ติปลมเปรมทุกครั้งทั้ได้ตอบแทน วิอัยคนด้เป็นเช่นนั้ ค้วยเหตุนั้ กวามดต่างๆทมุพการืชนทั้งหลายไค้ทุ่มเทสรรพกำลัง สร้างสรรก1ว้ค้วยกวามเลืยสละ:เพํ่อประ:เทสชาติ เพํ่อพระ:ศาสนา เพอลังกม และ:เพํ่อลูกหลานตระ:กูลวงต่จึงยังดำรงกงอยู่และ:เรืยนรู้เล่าชานกันไค้ดลอดมา เพราะ:อาลัยกนดํไค้พยายามพยุงรักษาลืบสานเล่าชานกันไว้มิให้สูญหายไปค้วย ประ:การฉะ:นั้ เพราะ:ฉะ:นั้น ยูมปรชาทั้งหลายเมอมิจิฅประ:กอบค้วยเมตตากรุณา มนั้าใจ ใกร่จะ:บำเพ็่ญประ:โยชน ปรารถนาทำสิงทมก่ากวรแก่การเป็นอนุสรณยะ:ลืบไป ก็่พื้งสนใจพิจารณาเลือกเฟ้นเน้นกิจทจะ:พึงทำและ:บุกกลหรือกลุ่มบุกกลทจะ: ไครับประ:โยชนนั้น เหมือนเกษตรกรผู้ฉลาดเลือกเฟ้นพันธุข้าวทั้คและ:เลือกเฟ้น นาทั้คเพอเพาะ:ปลูกฉะ:นั้น ทั้งนั้เพอป้'องกันกวามรูลืกว่าทำคไมไคด แล้วเกิด กวามเลืยใจห้อแห้ผิดหวังอันจะ:พึงมืในภายหลัง และ:เพอยืนยันหลักการใหญ่ ทว่าทำคไค้คจริง แล้วเกิดกวามรู้ลืกปรารถนาจะ:ทำกวามดใหยงๆฃ็้นไป พระ:คุณูปการอันเป็นกวามดทั้งปวงทสมเค็่จพระ:ลังฆราชเจ้า กรมหลวง วชิรญาณวงก่ ไค้ทรงทุ่มเทบำเพ็่ญให้เป็นไปแล้วนั้น ล้วนเป็นพึชพันธุทดและ: ไค้ทรงหว่านไว้ดแล้วในนาทํ่คกืป็ในวัดบวรนิเวศวิหาร ในกณะ:สงฆ ในคณะ: ติษย่ผู้มืกวามกฅัญณูมั่นกง มืกิล มืกวามประ:พฤติประเสริฐ จงมืผลเป็น กวามดสมบูรณ อำ นวยอัตถะ หิฅะ สุฃะ และความเจริญทยั่งยืนมั่นกงแก่ www.kalyanamitra.org

๑๐๗ '?! finojAJflfli 1รอง ผู้ กตัญณูรูรู้คุณ พรร:อาราม แก่คณะtiงฆ รวมถึงสิงฆมณฑลไทยมาฅราบเท่าทุกวันน และเป็น เหตุให้คณะศงฆวัคบวรนิเวศวิหารเป็นฅ้นอนุฟ้รณรำถึกถึงอยู่เฟ้มอ จื้งบำเพ็่ญ กุศลอทิศถวายเป็นนิพัทธกิจประจำคลอคมา ห้วยความส์านึกในพระกณูปการ ค่างๆ คามเซิงชั้นแห่งสิฅบุรุษคนคผู้มปรซา ดังรับพระราชทานแศคงมา ห้วย ประการฉะน อิมินา กตปุญเฌน ขออำนาจพระราชกุศลทักษิณาบุประทานกิจท ลมเค็่จบรมบพิครพระราชสมภารพระองค่ผู้ทรงพระคุณดันประเศริฐทรงบำเพ็่ญ ให้เป็นใป พร้อมห้วยคณะสงฆวัคบวรนิเวศวิหารและคณะกิษยาบุกิษย เพออุทิศ ถวายแค่สมเค็่จพระสิงฆราชเจ้า กรมหลวงวซิรญาณวงก่ จงเป็นผลสิมฤทธิ เป็นใปเพออิฏฐมบุญญผลทน่าปรารถนาพอใจ แค่สมเค็่จพระสิงฆราชเจ้า พระองก่นั้นโคยฐานะนิยม ถวายพระธรรมเทศนาในกดัญฌูกถา ยุติลงห้วยเวลา เอวํ กื่ม ห้วยประการฉะน ฯ ขอถวายพระพร www.kalyanamitra.org

ส์เน สิปฺป้ สเน รนํ ffเน ปพฺพตมารุหํ ป็เน กาโม จ ใกโธ จ อิเม ปฌ.จ ส์เน ฟ้เน ฯ ธรรมนคิ, สืลปวิทยาต้องเรยนทลรน้อยๆ ทรัพย์ต้องฟ้รสมทลรน้อยๆ การขนเขากี่ต้องค่อยๆ ขน การเสพกามกี่ต้องค่อยๆ เสพ กวามโกรธกี่ต้องแสดงออกแค่น้อยๆ ทั้ง ๕ ประการนต้องให้เป็นไปทลรน้อยๆ. www.kalyanamitra.org

สารกัมมกถา เรื่อง การทำความดี ส์กรํ สาธุนา สาธุ สาธุ ปาเปน ทุก.กรนฺติ ฯ ข.สุ. ๒๕/๐๒๔ บคน จักรบพระราชทานแสคงพระธรรมเทศนาใน สาธุกัมมกถา ฉลอง พระเคชพระคุณประคับพระปิญญาบารม ในการททรงพระกรุณาโปรคฯ ให้มการบำเพ็่ญพระราชคุศลพระอัฐ สมเค็่จพระเจ้าพนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิ- วัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนกรินทร สมเค็่จพระโสทรเชษฐภกินผู้ทรงเป็น ทรักยง ค้วยพระราชประสงกสืบสานพระราชประเพณการพระศพพระราชวงคั ให้เป็นหลักไจ้รบไปภายหน้า และสนองพระคุณให้กรบถ้วนสมบูรณคามหลักธรรม และโบราณราชประเพณ การพระราชพิธิค่างๆ อันเกยวด้วยการพระราชทาน เพลิงพระศพสมเค็่'จพระเจ้าพนางเธอฯ นั้นจึงส์าเร็่จลงกรบถ้วนเหมาะสม เป็น ทํ่ชนชมประทับใจชองชาวไทยผู้จงรักกักคในพระราชวงค่ทุกถ้วนหน้า และเป็น พระธรTมกิฅคิวงเรื่ (ทองฅ) วัคราชโอรสาราม กรุงเทพมหานคร แสคง ในการพระราชพิธพระราชเพลิงพระ:ศพ สมเค็่จพระเจ้าพนางเธอ เจ้าฟ้'ากัถยาณิวัฒนาฯ ณ พระทํ่นุงคุลิฅมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันอังการท ๑๘ พฤศ^กายน พ.ศ. ๒๕๕๑ เวลา ๑๒.00 น. www.kalyanamitra.org

i 0๒0 $ sssuaisinfiuiiau0) พระน!ทโพรวง ศใใใรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) ทฅนฅาฅนใจของชาวต่างชาติทไค้มาพบเห็่นการพระราซพิธทํ่ยํ่งใหญ่ส์ากัญ เซ่นน สมเด็่จพรร;เจ้าพนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวฒนา กรมหลวงนราธิวาส- ราชนครินทร นั้นเป็นทประจักษกันแล้วว่าทรงอุทิศพระองกัเพํ่อปวงชนชาวไทย ทรงปฏิบัติพระกรณยะนานัปประการชงล้วนเป็นไปเพอประโยชนั้ เพอเกอกูล และเพอความอุชแก่พสกนิกรชาวไทยถ้วนหน้า ทรงเป็นศรสง่าแห่งพระราชวงก่ ทรงเป็นอัจฉริยนารรัฅนพระองก่หนั้ง ถ้วยทรงเชํ่ยวชาญชำนาญในศาสฅร หลายสาขาจนเป็นทประจักษและยอมรับกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทรง ใช้ความอัจฉริยะนั้นสร้างสรรกัคุณประโยชนั้แก่บ้านเมองเป็นอเนกปริยาย ทรง แปงเบาพระราชภาระของพระบาทสมเค็่จพระเจ้าอยู่หัวอย่างมิรู้จักเหน็่คเหนํ่อย มาคลอคพระชนมายุ ถ้วยเหตุกังนั้สมเค็่จพระเจ้าพนางเธอฯ พระองคนั้น จึงสมควรไครับพระเกยรติยศยํ่งใหญโคยอนุโลมคามโบราณราชประเพณ พระ ราชพิธพระราชทานเพลิงพระศพจึงยํ่งใหญ่เหมาะสม โคยมงานกง \\ว วันเฅ็่ม นับแค'วันท ๑<1 ถึงวันท ๑๙พฤศจิกายน พุทธกักราช ๒๕๕๑ และทรงไครัม พระราชทานพระอิสริยยศพระศพอย่างสูงสุค เป็นถ้นว่าทรงไครับโปรคเกล้าฯ ให้ประติษฐานพระศพ ณ พระทนั้งตุลิคมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เซ่นเคยวกับสมเค็่จพระศรนครินทราบรมราชชนน ทรงไครับพระราชทานพระ โกศทองใหญ่ ชงเป็นพระโกศทอยู่ในลำกับชั้นสูงสุค ใช้ลำหรับพระมหากษัฅริย่ และพระราชวงกัชั้นสูงเท่านั้นเป็นเครองประกอบพระอิสริยยศพระศพ และทรง ไครับพระราชทานเศวคฉัคร ๗ ชั้นกางทั้นพระโกศเป็นเครํ่องเฉลิมพระเกยรติ ยศปรากฏถึบไป พระเกยรติยศยํ่งใหญ่ททรงไครับพระราชทานก็่ค ความเคารพนับถึอ ความรักอาลัยถ้วยความจงรักกักค และความพร้อมใจกันมลํวนร่วมในการ พระราชพิธพระราชทานเพลิงพระศพของพสกนิกรชาวไทยทุกแห่งหนทั่วพระ ราชอาณาจักรก็่ค ล้วนเป็นเครองบูชาลักการะแต่สมเค็่จพระเจ้าพนางเธอฯ www.kalyanamitra.org

0๒0 0 ส!ธุทฆบทm 1รอง การทรทวในดี พระองกนั้น เพราะทรงบำเพื่ญพระคุณูปการอันเป็นประโยซนแก่บ้านเมอง ฅ่อเนองมิขาคสายฅลอคเวลายาวนาน ชงล้วนทำบำเพ็่ญไค้ยากทั้งร้น จึงทรง เป็นผู้ควรแก่เกรองอักการบูชาและพระเก่ยรติยศสูงสุคททรงไค้รบมาน ชง สมค้วยพระบาลในมหาอัสสาโรหชาคกว่า โย ปุพ.เพ กตกลุยาโณ อกๆ โลเก สุทุก.กรํ ปจฺฉา โส กยิรา น วา กยิรา อจ.จนฺตํ ปูชนารโห ฯ ชุ .ซา. ๒๗/๕๐๙ ผู้ใคได้ทำความดไว้ก่อนแล้ว ซอว่าได้ทำสิงทั้ทำได้ยากไว้ แล้ว ต่อมาผู้นั้นจะได้ทำหรือไมได้ทำอกก็่ตาม ก็่เป็นผู้ควร แก่การบูชา แลร;เครองบูชาโดยต่วนเตยว ด้งน พรร;คุณูปการต่างๆ ททรงบำเพ็ญให้เป็นไปแล้วเพึ๋อปรร;เทศชาติ พรร; ศาสนา แลร;พระราชวงส์ตลอดพรร;ชนมนั้นสามารถกล่าวได้ว่าเป็นความด ทั้ทำ ได้ยากคือยากทั้จะทำกนได้ เพราะด้องอาด้ยความเคืยสละ ความอดทน อดกลั้น และความพากเพ็ยรพยายามอย่างสูงยง มิเช่นนั้นจะมิอาจ บำ เพ็ญต่อเนึ๋องยาวนานได้ หากไม่เคืยสละ ไม่อดทนอดกลั้น ไม่เพ็ยร พยามอย่างสูงแล้วไชร้ เมึ๋อพบกบอุปสรรคหรือความยากลำบากต่างๆ เข้าก็่จะเหนอยหน่ายห้อแห้แล้วทอดทั้งเคืยกลางด้น เหมือนคนทั้ไม่ล้งาน หรือคนไม่เชวิตเพราะจิตอ่อนแอไม่เข้มแข็่ง แต่สมเด็่จพระเจ้าพ็นางเธอฯ พระองคืนั้นทรงสละความสุขต่วนพระองคืเพ็อคนอึ๋น เพ็องาน เพ็อพระ ราชวงคืเป็นลำด้ญอย่างไม่ทรงเหนึ๋อยหน่ายห้อแห้ ททรงบำเพ็ญความด มืประการต่างๆด้งทั้ประจ้กษ์กนล้วนหน้าได้นั้นก็่เพราะพระองคทรงเป็น คนคืนารรตน อันกนคืนั้นย่อมทำแต่สิงทั้คืและทำคืไค้ง่าย ไม่กิคกังวลอะไรมาก ไม่มเงอนไขอะไรมาก เมอเห็่นว่าสิงนั้เป็นกวามคืก็่ทำ เมอเห็่นว่าสิงนั้ทำแล้ว จะเป็นประโยชนแก่ฅนและผู้อนก็่ทำ ผิคกับกนชั่วนั้นย่อมทำกวามคืต่างๆ www.kalyanamitra.org

i ๑๒๒ ฿ ธรรบส!ร!ทศน!lau ๓ พระน!ทโพธิวงศไ!ไรย์(ทองM น.ร.๙) ไค้ยาก จะทำสิงทคๆ ร'กอย่างเพํ่อคนอนและเพอสิ'งกมประเทศซาฅิก็่ กิคมาก มเงอนไซมาก เลยทำไมไค้หรือไมไค้ทำ สมคามพระบาลพุทธพจน ในอานันทสูฅร ฃุททกนิกาย ฟ้.คอัญเชิญมาเป็นบทเทศนาเบองค้นว่า สุกรํ สาธุนา สาธุ สาธุ ปาเปน ทุกกรํ กวามว่า \"ความด คนดทำได้ง่าย ความด คนชั่วทำได้ยาก\" คังน กำ ว่า ความด ในพระบาลนทรงไซสิพทํว่า สาธุ เรืยกเฅ็่มกำว่า สาธุ กรรม อันกรรมทจัคว่าเป็นสาธุในพระบาลนกืออย่างไร เมอกล่าวโดยสามัญ สาธุกรรมก็่คือการกรร;ทำใดๆ ททำไปแล้วเป็นเหตุให้ผูรู้เห็่นเกิดความนิยม ชมชน เกิดความประทบใจแล้วยกมือข็้นเหมือห้วพร้อมเปล่งวาจาสาธุการ ว่าสาธุๆ อย่างททำกนอยูโดยทั่วไปในหมู่คนไทย เซ่นเมํ่อเห็่นพระบาทสมเค็่จ พระเจ้าอยู่หัว สมเค็่จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนาถ และพระราซวง!^ชั้นสูง ทุกพระองกํ ทรงบำเพ็่ญพระราซกรณยกิจหรือพระกรณยกิจทํ่เป็นประโยซน แก่พสกนิกรซาวไทยทนั่นทน แม้คนจะไม่ไครับประโยซนนั้นโดยครง แดก ซึ๋นซมในนั้าพระราซหฤทัยพร้อมยกมือซนเหมือเกล้าเปล่งวาจาว่าสาธุคังนั้ เป็นค้น การกระทำททำให้กนอนอนุโมทนาสาธุไค้เซ่นนั้จัดเป็นสาธุกรรมกือ กวามดในทนั้ แต่เมึ๋อกล่าวในรายละเอยดแล้ว การกระทำทั่จ้ดเป็นสาธุกรรมนั้นคือ การกระทำทั่ดงาม ไม่มืโทษ ก่อแต่ประโยชนให้แก่ตนเองและคนอน โดย เฉพาะการกระทำทั่เป็นไปเพอดวามสุข เพึ๋อความเจริญ และเพอสินติแก่ผู้อน อนนั้นจ้ดเป็นสาธุกรรมความคืแห้ อนง กวามคทเป็นสาธุกรรมนั้นอาจแย่งเป็นล่วนย่อยไค้ ๓ ระดับ กอ ความดระด้บด้น ความคืระดับกลาง และ ความดระดับสูง ความคืระดับด้น นั้นคือ ความดขั้นฬ็้นฐาน เป็นความคืสามัญททำกนได้ โดยทั่วไป ทำ โดยปรารภคนคือเพอประโยซนเกอกูลแก่คนเป็นหสิก เซ่นกวาม www.kalyanamitra.org

๑๒๓ aisnuunm I รอง กใ s nS F1 วใฆดี ขยันหมั่นในการสืกษาหากวามรู้ ในการประกอบอาซพ กวามอคทนในการ ทำ งาน กวามซํ่อยัฅยศุจริฅ กวามรับรกชอบในการปฏิบัติหน้าท กลอกถึง กวามมสมบัติผูกอันเป็นมารยาททางร'งกม การปฏิบัติกามฃนบธรรมเนยมท คงามของร'งกม และการปฏิบัติคุณธรรมอนๆ ทเป็นเรองจำก้องปฏิบัติในการ คำ เนินชวิก กวามครกษณะเหล่านจักเป็นกวามดระกับก้น ซงล่งผลใหไคํรับ กวามเจริญรุ่งเรืองในซวิก ในหน้าทการงาน อยู่สุขสบายก้วยโภกสมบัติเป็นก้น อันเป็นปิจจัยหลักแห่งการคำรงซพ และสามารถเลยงกัวเอง เลยงกรอบกรัว กลอกถึงลัมพันธซนให้อยู่เย็่นเป็นสุขโก้ ความดระดับกลาง นั้นกือ การกระทำทปรารภยู้อึ๋นคือเพอประโยซน เกอกูลแก่ผูอึ๋นและล่วนรวม เป็นไปเพอให้ผู'อนพ้นจากความทุกฃเคือดร้อน เป็นหลก เป็นก้นว่าบำเพ็่ญประโยซนแก่ล่วนรวมก้วยกวามเถึยสละ ก้วยจิก อาสาหรือจิกบริการ ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจกลอกถึงกำลังทรัพยัเพอใหลั'งกม คูคื เพํ่อให้ผู้กนพ้นจากกวามยากแก้นลำเก็่ญ ให้อยู่คืมสุขกามกวรแก่อักภาพ กวามคืระกับนั้เกิกจากจิกเมกกากรุณาและกวามเถึยสละ เป็นแรงผลักกันให้ บำ เพ็่ญประโยซนสร้างคุณูปการต่างๆเพอรงกม เพอประเทศขาติ และพระศาสนา แม้ความกดัญฌูกฅเวท ความร้สิกในบุญคุณของผู้มพระคณแล้วทำ ตอบแทนด้วยนํ้าใจเคืยสละ และการสร้างสนติความสงบให้เกิดฃี้นในล้งคม ในหมู่คณะ ในประเทศชาติบ้านเมือง ตลอดถึงการสร้างความสาม้คคืรักใคร่ กลมเกลยวกนของผู้คนในดังคม ในหมู่คณะ และในประเทศชาติบ้านเมือง ก็่จดเป็นความดระดับกลางเช่นกน การบำเพญประโยชน้แก'ล่วนรวมกก กวามมืเมกกากรุณากคื กวาม กกัญฌูกกเวทํก็่คื การสฑ้งลันติและกวามสามักกในหมู่กณะเป็นก้นก็่คื เหล่านั้ จักเป็นกวามกระกับกลางเพราะทำโก้ยากกว่ากวามคืระกับก้น โม่อาจทำโก้ ทุกกนโป ผู้มืจิกใจกว้างขวาง มือัธยากัยเถึยสละ โม่กระหนเถึยกาย และโม่เห็่น แก่กวามลำบากล่วนกนเท่านั้นจึงจะสามารถทำโก้ ลำ หรับกนพอกพอร้าย www.kalyanamitra.org

i ๑๒๔ # sssuaisinfiin lau ๓ พระบHใโพรวง ศใใใรย์(ทองดี ช.ร.๙) กนฅระหนฟ้ยคาย กนเห็่นแก่คัว กนใจกอคับแกบ กนอกคัญฌู กนแล้ง นํ้าใจ คลอคถงกนทเฅ็่มไปด้วยกวามอิจฉาริษยา กวามอาฆาตมาคร้าย มุ่งแต่ ทำ ลาย^น กนเซ่นนั้[ม'อาจทำกวามดระคับนใด้ แม้ทากด้องทำก็่ทำอย่างtเน ใจไม่ศรัทธา ทำ ด้วยกวามไม่เฅ็่มใจ หรือทำเพราะมกวามจำเป็นด้องทำด้วย ถูกบังคับไห้ทำเป็นด้น ต่วน ความดรร;คับสูง นั้นได้แก่ การกรร;ทำทเป็นไปเพึ๋อรนติภายในคือ เพอความสงบกาย สงบวาจา และสงบใจ ชงได้แก่การร้รัเษาคืล การบำเพ็ญ กรรมฐานทั้งสมถกรรมฐานและวิปีสสนากรรมฐาน กวามคืระคับนั้เป็นกวาม คืระคับสูงเพราะทำได้ยากกว่ากวามคืสองระคับช้างด้น ด้องอาคัยกวามเช้มแฃ็่ง ทางจิฅไจ อาคัยกวามอคทนอคกลั้น อาคัยกวามพากเพ็ยรพยายามอย่างสูง จึงจะสามารถทำได้ และไม่อาจทำได้ทุกกนไป ไนกวามคื ๓ ระคับนั้ กวามคืระคับกลางกือการกระทำทเป็นไปเพ็อ ประโยซนเกอถูลแก่ผู้อน กวามมเมฅคากรุณา กวามกคัญฌูกคเวทํเป็นด้น จัดเป็นสาธุกรรมคามพระบาลนั้ และสาธุกรรมเซ่นนั้แหละทสมเค็่จพระคัมมา ร'มพุทธเจ้าครัสว่ากนคืทำได้ง่าย ต่วนกนชั่วทำได้ยาก อันว่ากนคืทํ่ครัสเรืยกว่า สาธุซน นั้นได้แก่ บุคคลผู้ชอบทำ พูด คิด แต่ร่งทึ๋ดเป็นสุจริต มจิคทงดงาม มนั้าไจ มอัธยาคัยโน้มไปไนทางเส์ยสละ เออเฟ้อเผอแผ่ มุ่งทำกวามคืต่างๆด้วยเหตผล ๒ ประการกอ ประการแรก ทำ โดยมุ่งหวงผลตอบแทน เซ่นด้องการลาภบ้าง ยศบ้าง สรรเสริญบ้าง สุขบ้าง เพราะมุ่งผลคอบแทนเซ่นนั้จึงซ่วยเหลือเกอถูลกนอน บำ เพ็ญประโยซนแก่รงกมหรือแก่ประเทศซาฅิบ้านเมือง การทำกวามดลักษณะนั้ อาจได้ผลคอบแทนบ้างไมได้บ้าง เมอไมได้คามปรารถนาก็่มักจะห้อแห้เลืยไจ ผิดหวัง www.kalyanamitra.org

๑๒๕ ไ aisnuunai ใรอง การทรควานดี อกปรร:การหนึ่ง ทำ ความดเพอความคคือทำเพราร;เห็่นแก่ความด โคยเห็่นว่ากวามคเป็นสิงทกวรทำกวรบำเพ็่ญ แล้วทำกวามคโคยไม่หวังผล คอบแทน คังเช่นพระมหาชนกโพธิสิฅว่ผูยงคัวยวิริยบารม เมอเรอแคกกลาง ทะเลลึก ก็่เพยรพยายามแหวกว่ายลายธารสิคแรงกำลัง แม้'จะมองไม่เห็่นอ่ง แม้'จะไม่เห็่นทางรอค แต่ก[ม'ทอคท^งกวามเพยรเลึย คัวยเห็่นว่ากวามเพยร พยายามเป็นปุริลการิยะกอเป็นหน้าทซองลูกผู้ชาย เป็นกวามคทไม่พึงละเลย เลึย ทั้งเมอทำแล้วจะไม่ถูกคราหน้าว่าเป็นผู้ฃาคกวามเพึยรคังนึ่' บุกกลผู้ทำ กวามคเพํ่อกวามคลักษณะนึ่จึงไม่ท้อแทผิคหวังเนึ่อไมไครับผลคอบแทนโคๆ กวามคทั้งลองลักษณะกือททำคัวยหวังผลคอบ แทนหรือททำเพราะเห็่นแก' กวามคก็่คาม สิาหรับกนคแล้วทำไคัง่าย ไม'มเงอนไขมาก เฅ็่มใจทำและตั้งใจ ทำ เฅ็่มท และมิใช่จะชอบทำกวามคคัวยฅนเองเท่านั้น คนดยงชอบสนับสมุน ก่งเสริมแลร;ซกชวนให้บุคคลอึ๋นทำความดเหมือนตน แลร;ชอบอมุโมทนา ซึ๋นชมยินดเมอเห็่นคนอึ๋นทำความคด้วย คังเช่นชุณห'อำมาคยแห่งพระนกร ลาวัคถกรั้งพุทธกาล เมอเห็่นพระเ'จ้าปเลนทิโกกลถวายอลทิลทานทยํ่งใหญ่ แล้วก็่ซนชมยินค ยอกรซนลาธุการในกุศลทานของพระเจ้าอยู่หัวแห่งคน แค'กวามคต่างๆ นั้นสิาหรับกนชั่วทฅรัลเรืยกว่าปาปชนกนบาปแล้วทำไคั ยาก กล่าวกอปาปชนกนบาปนั้นย่อมทำพูคกิคแค'สิงทเป็นทุจริต มจิคทกับแกบ ไม่ยินคในการเลึยลละ จะทำพูคกิคอะไรก็่เพอคนและพวกพ้องซองคน แม้ว่าสิง ททำพูคกิคนั้นจะเป็นบาปเป็นทุจริค แม้จะก'อกวามเคือคร้อนกวามเลึยหายให้ แก'กนอํ่น แก'ลังกม หรือแม้แก่ม้านเมืองก็่ใม่นำพา ปาปชนเช่นนั้นจงบำเพ็่ญ ประโยชนํแก่^น คัวยกวามมืเมคคากรุณา คัวยกวามกฅัญฌูกคเวทํ คัวยการ ลร้างกวามลมานลามักกและลันฅิไมไคัคัวยประการทั้งปวง และนอกจากจะ ไม่ทำกวามคคัวยคนเองแล้ว ยังชอบขัคขวางขัคฃืนมิให้กนอนทำกวามคแลร: ไม่ชนชมยินคต่อกวามคทกนอนทำอกคัวย คังเช่นกาพ้'อำมาคย่ซองพระเจ้า ปเลนทิโกกล หาไค้ยินคพอใจในอลทิลทานฺอันยํ่งใหญ่ซองพระเจ้าอยู่หัวซองคนไม่ www.kalyanamitra.org

k ©๒๖ ^ sssuaisinfiin lau ๓ พระชผไโพริวงศาใารย์(ทองดี ช.ธ.๙) ทั้งทํ่ยู้กนทั้งปวงแซ่ซร้องสรรเสริญสาธุการกึกก้อง ตัวเองกลับขัคข้องหมองใจ กิคอกุศลว่าสินเปลืองมากมายไร้ประโยซน อันปาปชนกนบาปนั้นชอบทำพูคกิค เป็นทุจริตฉะนั้ พระพุทธองกึจึงตรัสว่ากวามคกนชั่วทำไค้ยากตังนั้ แต่การบำเพ็่ญสาธุกรรมกวามคนั้นหากมุ่งไห้ส์าเร็่จประโยชนั้แก่รอน และมุ่งผลตอบแทนค้วยก็่จำค้องพิจารณาไห้รอบกอบก้วนถ ต้องเลือกทำ เฉพาะแก่สาธุซนคนดเ!เนลืาคญ กล่าวกึอค้องเลือกวิธการทั้จะทำบำเพ็่ญ และเลือกบุกกลรูรับ ทำ ไค้ตังนั้กวามคก็่จะผลิตผลสมบูรณโม่เลืยหาย ไดรับ กวามยกย่องนับกึอและลาภลักการะเป็นค้นตอบสนอง เหมือนชาวนาเลือก พันธุข้าวทํ่คเหมาะจะเพาะปลูกปีกคำและเลือกนาทคเหมาะจะหว่านพันธุข้าว นั้น เมอเลือกเพันคแล้วเพาะปลูกปีกคำข้าวกล้าลงไปก็่ย่อมไค้ผลสมบูรณ ไม่เลืยหาย ข้อนั้ค้องค้วยนัยพระพุทธพจนัทตรัสไว่ในนิโกรธชาคกว่า กตฌฌมหิ จ โปสมหิ ลืลวนฺเต อริยวุตฺติเน สุเขต.เต วิย พิชานิ กตํ ตมหิ น นสุสติ ฯ ขุ.ซา. ๒๗/๑๓๙๖ ความดทั้บุคคลทำไว้ในบุคคลผูกต้ญฌู ผู้มืลืล มืความ ประพฤติประเสริฐ ปอมไม่สูญหายไป เหมือนพืซทบุคคล หว่านไว้ในนาดฉะนั้น ตามพระบาลืชาคกนั้ทรง!ขัคเจนว่ากนกตัญฌู กนมืกึล และกนประพฤติ ประเสริฐกึอประพฤติตามอย่างอารยชน เป็นกนทํ่เปรยบไค้กบนาค เมอทำกวามค แก่กนทกตัญฌูเป็นค้น กวามค้นั้นย่อมไม่สูญหาย ย่อมไม่ถูกลบหลู่ลืมเลือน แน่นอน หากแต่ย่อมงอกงามไห้ผลสมบูรณเหมือนพิชกึอพันธุข้าวทหว่านลง ไนนาคฉะนั้น แต่ล้าทำกวามดโคยไม่เลือกหรือไปทำกวามคแก่กนไม่คกึอ กนอกตัญฌู ไม่มืกึล ไม่ประพฤติตามอย่างอารยชนเข้า กวามคนั้นย่อมเปล่า www.kalyanamitra.org

๐๒๗ #> aisnuunai ISOง msn^ ทวใ นดึ ปรร!โยซนเหมือนพซทหว่านไ!!!นกองไฟ มืแฅ่จร!มอคไหม้เป็นเถ้าถ่านปรร!การifeว ย่อมไม่งอกเงยให้ผลอร:ไรแก'เจ้าซอง ซ้อนห้องห้วยพรร!พุทธปรร!พันธกาถา ในนิโกรธซากกนั้นเองว่า ยถาปี วชํ อคคิสฺมื ฑยหติ น วิรูหติ เอวํ กตํ อสปฺปุริ๗ นสฺสติ น วิรูหติ ฯ ชุ.ซา. ๒๗/©๓๙๕ ความดทบุคคลทำในอสิ'ตบุรุษคือคนไม่ดย่อมสูญหาย ไม่งอกเงยได้ เหมือนพืชทบุคคลหว่านไปในกองไฟ ย่อม ถูกไฟไหม้ใม่งอกขนได้ฉร;นั้น กามพรร!บาลซ้างห้นนั้นย่อมพิเกราะห้!ห้ว่า แม้ว่าสาธุกรรมกวามดต่างๆ นั้นอันสาธุซนกนคืทำไห้ง่าย แต่ปาปซนกนชั่วทำไห้ยาก สาธุซนกนคืจึงนิยม ทำ กวามคืกันอย่างไม่ห้อแทกจริง ถึงกระนั้นเมอจร;ทำความดก็่จำด้องเลือก เพันทำ เพราร;เมึ๋อทำไปแล้วคนดด้วยกนเท่านนจงจะซํ่นชมยินคือนุโมทนา และมืความรู้ลืกสิามืกไนความคืนั้นแล้วหาทางตอบแทน เหมือนเซ่นชุณห อามาฅย่ผู้มืใจเป็นกุสล ส์าหรับปาปซนแล้วย่อมไม่ซนซอบพอใจ ย่อมไม่เกิก กวามรู้ถึกสิานกไห้เซ่นนั้น อย่างเซ่นกาพัอำมากย่ผูมืใจทุจริต หริออย่างเซ่น พระเทวทัก®กเป็นใหญ่แทนพระพุทธเจ้า เมอไมไห้กามททูลซอ ก็่หาเหตุทำลาย พระพุทธเจ้าห้วยประการต่างๆ เป็นห้น ซ้อนั้เป็นผลให้มืพระพุทธดำรัสว่า \"ถึงจะยกแผ่นตินนั้งหมดนั้ไห้แก่คนอกตญฌูผู้คอยหา ช่องทางกล่าวโทษอยู่ตลอดเวลา ก็่ใม่อาจทำไห้เขายินคื พอไจและสิานกไนบุญคุณได้\" ทั้งหมกนั้เป็นกกิสอนใจผู้ทำกวามคืไห้เป็นอย่างคืว่าเมอทำกวามคืแล้ว จะให้ผู้กนยินคืและแซ่ซร้องสรรเสริญกันถ้วนหม้าย'อมเป็นไปไห้ยาก กนคืท www.kalyanamitra.org

k ๑๒๘ : sssuaismHin lau ๓ พระชMาโพธิวง ศใจไรย์(ทอง ดี ช.ธ.๙) ทำ กวามดไค้ง่ายเท่านั้นจึงยกย่องสรTidริญ ส์าหรับกนชั่วททำกวามดไค้ยาก ย่อมฅิเฅยนนินทา กอยอิจฉาริษยา หรอกอยฃัดฃวางมิให้ทำไค้[ดยสร;ดวก สมปรารถนา ซ้อนเร็เนธรรมดาของโลกทมปรากฎมาดลอดกาล สมเค็่จพระเจ้าพนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราช- นกรินทร สมเค็่จพระปียโสทรเชษฐภกนิพระองกันั้นทรงเป็นสาธุนาริรัฅน ทรง ปฏิบัติพระองกเป็นกนคมนั้าพระทัยทงดงามโอฟัาร จึงทรงบำเพ็่ญประโยซน อันเป็นคุณูปการแก่ส่วนรวมไค้เป็นอเนกอบันฅแลร;ทรงบำเพื่ญไค้ง่ายไม่tlน พระทัย หากแด่ทรงปฏิบัติบำเพ็่ญค้วยพระพักฅรทยมแย้มแจ่มใส นำ มาชง กวามเจริญดาเจริญใจแก่ผู้พบเห็่น ทำ ให้เกิดกวามรู้สิกใกร่จะทำบำเพ็่ญกวามค เช่นพระองก่บ้าง เพือคำเนินดามแบบอย่างททรงทำให้เห็่นอยู่ดลอดกาลยาวนาน หากเป็นไค้ดังนั้ก็่กงสมพระประสงก่เพราะทรงเป็นกรูยู้ปรร;เสริฐ อันวิสัยครู นนย่อมหวงให้ผูอึ๋นได้สืกษาเริยนรู้จากแบบอย่างของตนเป็นหสัก ดังนั้น จึงทรงดระหบักในพระทัยแล้วทรงปฏิบัติบำเพ็่ญสาธุกรรมให้เห็่นปรร;จักษเป็น แบบอย่างโดยไม่ทรงท้อแห้ถดถอยจนดลอดพระชนมายุ ค้วยประการฉะนั้ อิมินา กตปุฌฺเฌน ค้วยอำนาจพระราชกุศลทักษิณานประทานกิจ ท สมเค็่จบรมบพิดรพระราชสมภารเจ้าทรงบำเพ็่ญอุทิศให้เป็นไปแด่ค้นแล้วทั้งปวง นั้ จงเป็นบุญนิธมผลสัมฤทธิผลิดวิปากมนุญผลอันเป็นทิพยสุฃทิพยสมบัติ โอฟ้ารยิงขนไปพร้อมเสร็่จ แค่สมเค็่จพระเจ้าพนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนกรินทร สมเค็่จพระปียโสทรเชษฐภกินพระองกนั้น ดลอดจิร้^ติกาล สมดามพระราชปณิธานอุทิศโดยฐานะนิยมทุกประการ รับพระ ราชทานถวายวิสัชนาพระธรรมเทศนาในสาธุกัมมกถา ฉลองพระเดชพระคุณ ประดับพระปีญญาบารม ยุติลงค้วยประการฉะนั้ ฯ ขอถวายพระพร www.kalyanamitra.org

๑๔ จิดตกถา พื่อา าต สมมาปณิหิตํ โข มหาสิ จิตตํ เหตุ สมมาปณิหิตํ จิตฺตํ ปจฺจโย กลฺยาณสฺส กมฺมสฺส กิริยาย กลฺยาณสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยาติ ฯ องฺ.ทสก. ๒๔/๔๗ ณ บ'คน จักรับพระราชทานแสคงพระธรรมเทศนาในจิฅฅกถาในการท สมาชิกราชสกุลทุกมหาสาซา กณะสงฟ้วัคพระเซฅพนวิมลมังกลาราม และมูลนิธิ \"ทุนพระพุทธยอดฟ้า\"ในพระบรมราซูปถัมก จัคงานบำเพึ่ญกุศล อุทิศถ'วายพระบาทสมเค็่'จพระพุทธยอคฟ้าชุฬ'าโลกมหาราช เนองในโอกาส กรบ kooo นิ วันสวรรกฅ วันจันทรท ๓! กันยายน พุทธกักราช ๒๕๕๒ว น ชงในการน็้ พระบาทสมเค็่ชพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานมหากรุณาให้อยู่ ในพระบรมราซูปกัมภ นับเนินพระมหากรุณาธิคุณอย่างเลิศลํ้าแก่สมาชิก พระffmiกิศคิวง (ทองค็่ )วัเๆราชโอรฟ้าราม กรุงเทพมหานคร แฟ้ทง ในการบำเพ็่ญพระราชกุคลอุทิฟ้ถวาย พระบาทฟ้มเคี่ๆพระพุทธยอคฟ้'า'รุฬาโลกฯ ณ วัฅพระเซกุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ วันท ๗ กันยายน พ.ค. 1๓๕๕๒ เวลา 0๙.00 น. www.kalyanamitra.org

k 0ฅ0 f; sssuaisinfim lau ๓ พระบ!ทโพธวง ศใจใรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) ราชสกุลทุกมหาสาขา กณร:สงฆวัคพระ:เซทุพนฯ และ:มูลนิธิ \"ทุนพระ: พุทธยอคฟัา\" ในพระ:บรมรารูปถัมภ ทมสมานฉันทพร้อมใ'จกันจัคงานนซ็้น เพอเฉลิมพระ:เกยรติพระบาทสมเค็่'จพระ:พุทธยอคฟ้า'รุฬ'าโลถมหาราช ผู้ทรง พระทุณอันประเสริฐพระองกนั้น ค้วยว่าพระองกผู้ทรงเป็นพระปฐมบรมกษัฅริย แห่งกรุงรัฅนโกลินทร ผู้ทรงสถาปนาพระบรมราชอักริวงห่ ทรงมพระราช- กณูปการอย่างใหญ่หลวงแก่ปางชาวไทยและแผ่นดินไทย ทรงอทิศพระองก่ ประกอบพระราชกรณยกิ'จนาฉัประการอันเป็นรากฐานและแนวทางในการ พัฒนาบ้านเมืองไห่ยั่งยืนสืบเนองมาฅราบเท่าทุกวันน ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ อย่างยํ่ง ทรงเป็นพระมหากษัฅริยาธิราชเ'จ้าผู้กวรแก่การ'จค'จำ 'จาริกไว!นควงจิต และกวรแก่เกรึ๋องอักการะวรามิสอัมมานบูชาตลอคนิรันตรกาล พรร;บาทสมเด็่จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มืพระนามเดิมว่า ด้วง หริอ ทองด้วง พระราชบิคากอสมเค็่'จพระปฐมบรมราชชนก พระนาม เดิมว่า ทองด มืบรรคาอักดิเป็นพระพินิจอักษร เสมืยนตรากรมมหาคไทย สมัยกรุงศริอยุธยา พระราชมารคามืพระนามเดิมว่า หยก หริอ ดาวเรือง เสค็่จพระบรมราชสมภพเมอวันพุธท ๒0 มืนากม พุทธอักราช ๒๒๗(ะ^ ในรัชกาลสมเค็่จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศริอยุธยา เมอทรงเจริญวัย ได้ทรงถวายตัวเช้ารับราชการเป็นมหาคเล็่กในสมเค็่จเจ้าฟ้าอุทุมพร กรม ชุนพรพินิต กรั้นพระชนมายุได้ ๒๑ พรรษา ทรงผนวชทวัคมหาทลายเป็น เวลา ๑ พรรษา กรั้นลาลิกขาแล้วได้กลับเช้ารับราชการเป็นมหาคเล็่กหลวง อกกรั้งหนงและเจริญก้าวหน้าในหน้าทราชการตามลำตับ เช่นคำรงตำแหน่ง หลวงยกกระมัตรเมืองราชบุริเป็นด้น จนกระทั่งกรุงศริอยุธยาเสืยแก่พม่าเมอป็ พ.ศ.๒๓๑0 ในสมัยกรุงธนบุริเป็นราชธานได้เสค็่จเช้ามารับราชการในเมืองหลวงเมอ พ.ศ.๒๓๑๑ ไครับกวามไว้วางพระราชหฤทัยให่โคยเสค็่จในราชการสงกราม เพํ่อรวบรวมบ้านเมืองให้เป็นป็กแผ่นหลายกรั้ง ในการนไครับพระราชทาน www.kalyanamitra.org

0ฅ0 ^ Tmnm I รอง า ต บำ เหน็่จกวามชอบเลอนบรรคาffกคิสูงซนโคยลำคับ คือเป็นพรร;ยาอภัย- รณฤทธิ เป็นพระยายมราช เป็นเจ้าพระยาจักร และเป็นสมเค็่จเจ้าพระยา มหากษัฅริยคืก คามลำคับ ค่อมาเมอ พ.ศ. ๒๓๒<1 เกิคเหตุจลาจลขนในกรุงธนบุร เป็นเหตุ ให้ต้องเปลยนแผ่นคินใหม่ บุฃอำมาฅยราชมนครและราษฎรทั้งปวงพร้อมกัน อัญเชิญให้เสค็่จชนเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัฅริยคืบไป เมอ วันทั้ ๖» เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็่จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หลังจากเสค็่จฃนกรองลิริราชสมบัติแล้ว มพระ ราชคำริทจะทั้นฟูพระราชอาณาจักรในทุกต้านให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนเมอกรั้ง บ้านเมืองด คือเหมือนกับกรุงศรือยุธยา ในการนมืพระราชคำริว่า'ฮ่งฅะวันออก ชองแม่นํ้าเจ้าพระยามืลักษณะภูมิประเทศเป็นชัยภูมิคืกว่า'ปิงฅะวันฅก ทั้งยัง บัองกันข้าคืกและขยายพระนกรไต้สะควกกว่า จงโปรคเกล้าฯ ให้ย้ายพระนกร มาทาง'ฝืงฅะวันออกของแม่'นาเจ้าพระยาเยองกับกรุงธนบุรพระนกรเติม ทรง ประกอบพิธยกเสาหลักเมืองเมอวันอาทิฅยั ทั้ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ จากนั้นจึงโปรกให้คำเนินการสร้างพระบรมมหาราชวัง ปราสาทราชมณเฑยร กำ แพงพระนกร ย้อม ประคู และวัคพระศรืรัคนศาสคารามเ'พอเป็นทั้ประติษฐาน พระพุทธมหามณรัคนปฏิมากร พระแก้วมรกคดู่บ้านกู่เมือง การก่อสร้าง พระนกรแห่งใหมใต้แล้วเสร็่จในป็ พ.ศ.๒๓๒๘ เมอสร้างพระนกรเสร็่จสมบูรณจึงโปรคให้มืการพระราชพิธิสมโภชเฉลิม ฉลองพระนกร พร้อมกับโปรคให้มืการพระราชพิธิบรมราชาภิเษกกรั้งทั้ ๒ ให้สมบูรโนคามโบราณราชประเพณแล้ว จากนั้นก็่ทรงปฏิบัติพระราชกรโนยภิจ ในการทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองและคำรงอยู่มั่นกงในทุกๆ ต้าน เช่น ในด้านความมั่นคง ทรงทำคืกสงกรามบ้องกันรักษาพระราชอาณาจักรและ ชยายพระราชอาณาเฃฅหลายกรั้ง ในด้านการจัดระเบยบการปกครองภายใน www.kalyanamitra.org

i ๐๓๒ ท^ ธรรบส!ร!ทศนแau ๓ พระชHไโพธิวง ศไ!ไรย์(ทองดี น.ร.๙) พระราชอาณาจักร ทรงยื้คหลักฅามแบบอย่างแฅ่ฅรั้งกรุงflรอยุธยาเป็นส์ากัญ ด้านขนมธรรมเนยมปรร;เพณ ทรงแนฟูฃนบธรรมเนยมและราชประเพณ ต่างๆ แต่กรั้งกรุงศรอยุธยา เช่นพระราชพิธบรมราชาภิเษก พระราชพิธถือ นํ้าพิพัฒนลัฅยา รวมทั้งทำนุบำรุงงานภิลปกรรมแขนงต่างๆ กังปรากฏเป็น รูปธรรมกวามงคงามทปราสาทราชมณเฑยรศถานและพระอารามต่างๆ ฅลอค ถืงทรงริเรั้มสร้างสรรกังานวรรณกรรม ทรงdงเสริมนักปราชญราชบัณฑิตให้ สร้างสรรกัวรรณภิล!] แปล ชำ ระ เริยบเริยงพระราชพงศาวดารและวรรณกค ต่างๆ ตลอดรัชกาล จนมงานวรรณกรรมเภิคชนมากมายในยุกนั้น เช่น พระ ราชพงศาวคารฉบับพระพนรัฅน อิเหนากำนันท สามกก ใช่กัน ราชาธิราช ไตรโลกวินิจนัยกถา เป็นอาทิ ในด้านการพรร;ศาสนา โปรคให้เสาะหารวบรวมพระกัมภิรพระทุทธ- ศาสนาทบังหลงเหถือมิไค้ถูกทำลายเมอกรั้งสงกรามกรุงเก่าและกระจัคกระจาย อยู่ตามหัวเถืองต่างๆ เข้ามาไวในกรุง และโปรดไหมการลังกายนาพระไตรปิฎก ฃนทํ่วัคนิพพานารามหริอวัคมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ้ จากนั้นก็่พระราชทาน พระไตรปิฎกแก่พระอารามหลวงต่างๆ เป็นเหตุไห้กำสอนของพระพุทธเจ้าทํ่ เริยกว่าพระไตรปิฎกถืกวามสมบูรณกรบถ้วนและเป็นหลักฐานไนการถืบค้น และการถืกษามาตราบเท่าทุกวันนั้ นอกจากนั้นยังทรงมพระราชศรัทธาสร้าง พระอารามขนใหม่ตลอดจนบูรณะปฏิลังซรณพระอารามต่างๆ ทั้งไนเขต พระนกรและหัวเถืองหลายแห่ง กล่าวโคยเฉพาะวัคพระเชตุพนวิมลบังกลาราม ซงถืนามเดิมว่าวัคโพธาราม ชงเป็นพระอารามประจำรัชกาลนั้น ทรงบูรณะ ปฏิลังขรโนใหม่ทั้งพระอาราม ไข้เวลารวม V? ป็ ๕ เดือน ๒๘ วันจํงแล้ว เสร็่จ โปรคไห้ถืการสมโภชพระอารามเมอวันท ๑0 เมษายน พ.ศ.๒๓ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดพรร;เชตุพนวิมลมงคลๆวาส ชงต่อมาไนสบัย รัชกาลทํ่ <i ทรงแปลงนามสร้อยใหม่เป็น วัดพรร;เชตุพนวิมลมงคลๆราม และไข้เป็นทางการมาตราบเท่าทกวันนั้ www.kalyanamitra.org

0ฅฅ 0 'พบ)Iflflใ Iรอง ใต พระบาทศมเค็่จพร::พุทธยอคฟัา'รุฬ'าโลกมหาราช เสค็่จลรรกฅเมอวัน พฤหัสบก ท ๗ หันยายน พ.ส. ๒๓๕๒ พระซนมายุไค้ ๓)๓ พรรษา ทรง คำ รงอยู่ในสิริราชสมบัติ ๒๘ ปี กลอกระยะเวลา ๒๘ ปีททรงกรองราชย ไค้ทรงจักสร้างสรรกสิงฅ่างๆ ให้แก'ประเทศชาติเป็นอเนกประการ ประเทศไทยมกรุงเทพมหานกรและวัก พระศรรักนศาสการามทงคงามสูงสิง มพระบรมราชจักริวง^ทเป็นมํ่งขวัญ มั่นกงชองชนชาติไทยทุกถั๋นแกว้น มระเบยบแบบแผนในการปกกรองประเทศ ทเป็นค้นแบบสมัยก่อมา มกฎหมายทั้งทางโลกทางธรรมทฃจักกวามวุ่นวาย ให้กลับสิภาวะปกติ มรากฐานทางวรรณกรรมและติลปกรรมชงเป็นปอเกิก แห่งกวามเจริญรุ่งเรืองในสมัยปีจจุบัน งานสร้างสรรก่ฃองพระองก่จื้งสถิกย อยู่กู่บ้านเมืองมายาวนาน ทรงปฏิบัติส์าเร็่จทุกประการกามพระราชปณิธาน ททรงทั้งไว้ว่า \"ตั้งใจจะอุปถมภก ยอยกพระพุทธศาสนา จะชองกนขอบขณฑสิมา รักษาประชาซนแลมนตริ\" แบ้จะเสค็่สวรรกกมากรบ ๒๐0 ปีแล้ว แก่พระราชคุณูปการททรง บำ เพ็่ญไว่ยงปรากฏสืบเนองให้ผู้กนพลเมืองทั้งชาวไทยและชาวก่างชาติไค้รู้ เห็่นประจักษอยู่ มิไค้ลบเสือนหรือสูญสินไปเลย บังเป็นศูนยรวมจิกใจชอง พลเมือง บังเป็นมรกกทเป็นรูปธรรมฟูเฟ้องเก่นกระหง่านงกงาม นำ ให้เกิค กวามกากภูมิใจแก่กนไทย และเป็นจุกคึงคูกใจนักท่องเทั้ยวทั่วโลกให้มาทัศนา นำ มาชงรายไค้หสิอเลยงประเทศและผู้กนมาถึงสองศกวรรษอย่างน่าอัศจรรย ข้อส์ากัญทเป็นจุกเรั๋มค้นให้เกิกพระนกรใหม่และยํ่งใหญ่ยืนยงมาสอง ศกวรรษนั้นกือการตักสินพระหัยในการย้ายเมืองหลวงมาอยู่ทางมั่งกะวันออก การตักสินพระหัยในกรั้งนั้นถึอว่าเป็นกวามเฉยบขากเค็่กเคยวและประกอบ ค้วยพระปริชาและพระวิลัยทัศน่ทลํ้ายุก ทั้งมืทางเป็นไปไค้ยาก เพราะการบ้าย www.kalyanamitra.org

i 0ฅ๔ sssuaisinnm lau ๓ พระชพไโพรวงศใใใรย์(ทองM น.ร.๙) เมืองหลวงนั้นมิใช่ง่ายเหมือนย้ายเมืองเล็่ก และบ้านเมืองก็่ยังไม่ลงบยังมืสืก ลงกรามอยู่ ทั้งทุนรอนในการลร้างเมืองนั้นก็่มืไม่มากเพราะเพํ่งผ่านภาวะบ้าน แตกลาแหรกฃาคมาไค[ม่นาน หากย้ายไปแล้วไม่เป็นไปตามพระราชประลงก ก็่'จะทรงถูกต่อต้านแฃ็่งข้อก่อเหตุ'จลาจล จะเป็นผลให้ทรงลำบากเคือคร้อน พระทัย แต่การณก็่เป็นไปต้วยค ทรงลามารกลร้างบ้านแปลงเมืองไหมให้ลำเร็่จ ลมบูรโน[ต้อย่างรวคเร็่วต้วยพระปรซาและพระทัยทั้บุ่งมั่น ข้อนั้ยืนยันให้เห็่นว่าการฅัครนพระทัยฃองพระองคถูกต้องไม่ผิคพลาค เพราะตั้งอยู่บนฐานกอกวามฉลาครอบกอบ ทั้งทรงมืพระทัยทตั้งไว้ชอบ ประกอบต้วยธรรมตามวิถแห่งพุทธะททรงสืกษามาเมอกรั้งอุปลมบทเป็นพระ ภิกษุในพระศาลนา จื้งนำพาให้ทรงปฏิบัติบำเพ็่ญร่งทเป็นกัลยาณกรรมกวามค อันประเลริฐ อำ นวยผลลํ้าเลิศต่อมาถึงอนุชนไม่สินลุค ต้องตามพระพุทธคำรัล ทตรัลแก่กษัตริย่ลิจฉวพระนามว่ามหาล อันมืมาในมหาลิลูตร ทลกนิบาต อังคุตตรนิกายทั้อัญเชิญมาเป็นนิกเชปบทเทศนาว่า ลมมาปณิหิตํ โฃมหาลิ จิตตํ เป็นอาทิ กวามว่า \"ดูก่อนมหาลิ จิตทั้ตั้งไว้ชอบแลเป็นเหตุเป็นปีจจย แห่งการทำกัลยาณกรรมความด แห่งความเป็นไป แห่งกัลยาณกรรมความด\" ตามพระบาลินั้มืใจกวามโคยย่อว่า จิตทศั้งไว้ชอบเท่านั้นย่อมผลักดัน สนับสนุนให้เกิศการทำความศ แถะทำให้ความศดำเนินไปไตไม่ส:!ฅุศหยุศถง นัยตรงกันข้าม จิตทตั้งไว้ผิฅย่อมไม่อาจทำกิจแท่งความศให้เกิศขนไต้ แล:! ไม่อาจทำให้ความตดำเนินไปไต้ต้วยประการนั้งปวง แสคงว่าการทำความค ทกอย่างเรมต้นทจิฅทตั้งไว้ชอบ และจะดำเนินไปไคกต้วยอาดัยจิตททั้งไว้ชอบ เป็นเหตเป็นปีจจัยเช่นกัน www.kalyanamitra.org

๑๓๕ ^ inanm Iรอง จิ ต อันว่า จิต นั้นคือ ความรู้ความนกคิด ทมอยู่โคยธรรมชาติในตัว มนุษย ฟ้นธรรมชาติททำหน้าท d อย่างคือ เวทนา ส'ิ ญญา สิงฃาร และ วิญญาณ หรือ ทำ หน้าททJ จำ คิด รู้อารมณ ทมากระทบสิมผัลทางคา หู จมูก ลน กาย ใจ คามปกติแล้วจิฅนั้เป็นธรรมชาติประภัสสรคือละอาคยุคผ่องเหมือน นั้าสะอาค และมืกวามสามารถส์าตัญผลักตันให้กนเราไปทำคืฅ่างๆไค้ แค่แม้ว่า จิคจะสะอาคยุคผ่องและส์าตัญอย่างไร จิฅก็่ยังมืปกติอ่อนแอ ถูกครอบงำ ถูก ซักนำไปคามกระแสค่างๆ ไค้ง่าย สิงทมือำนาจเหมือจิฅปกติก็่คือโลภะความโลภ โทสะความโกรธ และโมหะความหลง ชงท่านเรืยกรวมโคยฅรงว่ากิเลส กิเลส เหล่านั้ย่อมมือิทธิพลเหมือจิดอยู่ดลอดเวลา ซักพาให้จิดฃุ่นมวเศร้าหมอง ให้คิดเห็่นไปในทางท!มถูกต้องในทางทไม่ชอบราไป เป็นเหตุให้จดไม่ดำรง อยู่ในฐานทตั้งแห่งดน ชอบไประคนเกลือกกลั้วอยู่กบกิเลสแล้วถูกกิเลส ครอบงำ ท่านเปรยบกิเลสเหมือนภับสิทผสมลงไปนั้าสะอาคหรือเหมือน จอกแหนทลอยอยู่เหมือนั้า ย่อมทำให้นั้าฃุ่นมัวและปกปิคนั้าไว้ฉะนั้น เมอ จิฅถูกครอบงำแล้วก็่ซักนำเจ้าชองจิตคือคนเราให้ไปทำความชั่วความผิคทำ ทุจริตค่างๆ เซ่นซักนำให้ฆ่าภันบ้าง ลักขโมยชองภันบ้าง ผิคลูกผิคเมืยกันบ้าง โกหกหลอกลวงกันบ้าง มัวเมาสุรายาเสพติคบ้าง เล่นการพมันบ้าง ฉ้อโกงกัน บ้าง ตังนั้เป็นค้น ล่าหรับ จิดทตั้งไว้ชอบ คามข้อธรรมนั้คือ จิดทตั้งอยู่ห่างไกลจากกิเลส คือห่างจากโลภะ โทสะ โมหะ เป็นจิคทอำนาจกิเลสเหล่านั้ครอบคลุมไมกง แบ้จะถูกอำนาจกิเลสครอบงำบ้างในบางครั้งก็่สามารถชุคคืงถอนตัวชนมาไค้ กลับเป็นจิตประภัสสรสะอาคยุคผ่องเป็นปกติ เป็นจิฅทมือิสระ โปร่งโล่ง ไม่ถูก ครอบงำ เมึ๋อเป็นจิคยุคผ่องก็่เป็นจิฅทเข้มแฃ็่ง มือำ นาจ มืพลังซับไล่ความ อ่อนแอ ความห้อแห้ ความผิคหกัง มืพลังค่อค้านความคิคทไม่ถูกต้องคาม www.kalyanamitra.org