ฅฅ๗ 0 m!ซsuunm \"^7^- โรอง รรรน บำโjaศัตรู ทำ อร;ไรก็่ใม่เป็น พงแต่กนอนฅ้องอาffyกนอํ่นราไป กนเกย'ไเกร้านมักกลัว เซ่น กลัวเหนอย กลัวแคค กลัวร้อน กลัวหนาว เมอกลัวแล้วก็่หลบหลกไม่อยาก ทำ งานอร:ไร กนเกย'จกร้าน'จร:มนิลัยเหม่อลอย นํ่งเฉย ค็้อค้าน ไร้กวามรู้ล้ก รับผิคซอบอร:ไร ทั้งไมใฝ่คค้วยปรร:การทั้งปวง ผู้มลักษณร:เซ่นน ไม่อา'จล่วงพนทั้งลัฅรูภายนอกแลร:ลัฅรูภายในไค้อย่าง แน่นอน ชวิฅเบ็้องค้นยาก'จนอยู่อย่างไรก็่ยัง'จร:ยาภ'จนต่อไปอย่างทั้น ซ่วิฅ ลำ บาภมาอย่างไรกื่ยัง'จะ:ลำบากต่อไปอย่างนั้น ไม่อา'จเปลยนแปลงชวิฅให้อยู่ เป็นสุข ให้พัฒนา ให้ก้าวหน้าอร:ไรต่อไปไค้ ซ่วิฅของผู้เกึย'จกร้านท่านกล่าวว่า เป็น โมฆซวิต เป็นชวิฅทเกิคมาขาคทุน ในเรองนั้ มพรร:บาลทท่านแลคงไว[นฃุททกปิภาย พุทธาปทาน เพอกรร:ค้น ใ'จกนเราว่า โกสชุชํ ภยโต ทิสฺวา วิริยฌจาปิ เขมโต อารทธวิริยา โทถ เอสา พุทธานุสาสน ฯ ชุ.อปา'ทาน. snWo \"ท่านทั้งหลายจงเห็่นความเกยจคร้านโดยความเป็น ภย เห็่นความเพัยรโดยเป็นความเกษมปลอดภย แล้วพงปรารภความเพยรเถิด นเป็นคำพราสอนของ พรร;พุทธเจ้า\" คุณธรรมปรร:การทสองคือ สูริยร! ชงแปลเป็นกวามไทยว่า ความแกล้วกล้า ความไม่กล้ว ความไม่คท4คร้าม กวามแกล้วกล้านั้เป็นเหตุให้กนเรามจิฅใ'จ คืกเหิมไม่กลัวภัยอันตราย ไม่กรั่นกร้ามต่อลัฅรู ต่อกวามยากลำบาก ทำ ให้กล้าไค้ กล้าเคืย แลร:ภล้าเร่ยง หากกวามแภล้วภล้าปรร:กอบค้วยปิญญาก็่'จร:เอาซนร: ลัฅรูไค้ หากขาคปิญญากำภับ ก็่'จร:ไม่รอบกอบ กลายเป็นกวามบุ่มบ่าม บ้ามุทร:ลุ กล้าไค้กล้าเคืย ซงมผลร้ายมากกว่าผลคื ความทั้คนเรามความแกล้วกล้า www.kalyanamitra.org
i ๓๓๘ 0 sssuaisinfiui lau ๓ พระบMใโพริวงศาใใรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) ไม่กร'วภยนแหลร; ทำ ให้คนเราลงมือทำการงานได้ โดยไม่พร;วกพร{วน ห่วงโน่นพร;วงนึ๋มากนก กนทแกล้วกล้าจร:มืลักษณร;เข้มแฃ็่ง เอาจริงเอาจัง ไม่ย่นย่อท้อแท้ ไม่ถอยหน้าถอยหลัง เมอทำการงานไปเกิคมืปิญหาอปสรรกอันไค ก็่ใซปิญญา กวามจถาคพินิจหาทางแกใฃไปจนสุคกวามสามารถ ไม่ทอคทงกลางลันค้วย กวามท้อแท้ กนแกล้วกล้าจร:มืใจฅ่อล้ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เคินหน้าเรอยไป ยึคถอ แนวทว่า \"เกิดเมืนชายพ้งพยายามราไป จนกว่าปรร;โยชน่จร!ส์าเร็่จ\" เมอ ไม่ท^งงานกลางลัน ท้ายทสุคก็่จร;ส์าเร็่จผลคามปรารถนาตั้งใจ ปรารถนาจร: ตั้งเนอตั้งลัวก็่จะตั้งเนอตั้งลัวไค้ ปรารถนาจะมืหลักฐานทมั่นกงก็่จะตั้งหลักฐาน ไ นกง ปรารถนาจะไค้สิงใคก็่จะไคล้งนั้น ปรารถนาจะมืจะเป็นอะไรก็่จะม จะเป็นไค้อย่างทปรารถนา โคยทสุคแน้ลัฅรูกู่เวรและกวามกลัวทมือย่ก็่จะ ล่วงพ้นไปไค้[คยไม่ยาก กนทไม่แกล้วกล้า คือกนทํ่มืกวามกลัวนั้นไม่อาจแก้ปิญหาต่างๆทั้ง ของคนและของล่วนรวมไค้[คยประการทั้งปวง เพราะกวามกลัวก็่ทำไห[ม่กล้า ทจะเรํ่มค้น เมํ่อไมไค้เรั๋มค้นก็่ไม่ประสบผลล่าเร็่จโคๆ ขนมา กวามกลัวมืมาก อย่าง เซ่น กลัวภัย กลัวล่าบาก กลัวผิคหวัง กลัวไม่ล่าเร็่จ กวามกลัวเหล่านั้ แม้จะมือยู่แต่ก็่ไม่ทำใท้เคือคร้อนและยังไม่ร้ายกาจนัก มืกวามกลัวอย่างหนงทน่ากลัวกว่ามือันตรายมากกว่าคือ ความกลัว ตวเอง กวามกลัวคัวเองในทนั้ก็่คือกวามกลัวว่าคัวเองจะเหงา กลัวว่าจะว้าเหว่ กลัวว่าจะถูกทอคทั้ง ไม่มืกนดูแลเอาใจใล่ กวามกลัวเซ่นนั้จะทำใท้หคหู่ท้อแท้ สินหวัง วิฅกภังวล นอนไม่หลับ กิคมาก มืกวามเกริยค นับว่าเป็นเชอโรก ล่าลัญทิ่ทำใท้เล้ยสุขภาพโคยเฉาะสุขภาพทางจิต เมอเกิคกวามกลัวเซ่นนั้ ก็่ไม่กล้าทั้จะทำอะไร ค้วยมองไม่เห็่นทางว่าจะทำไปทำไม ทำ แล้วเหนอยยาก เปล่า กนอนก็่รับผลไป อะไรทำนองนั้ เมอกลัวอย่างนั้มากก็่กิคมากเกริยคมาก www.kalyanamitra.org
๓๓๙ ฿) ตโซรบบทท! เรื่อง sssu บำบัดศัตรู เมอแกปิญหาไมไคกเศร้าซึม ว้าเหว่ และเกรยคมากขน'จนทำให!ม่อยากมซึวิฅ อยู่ฅ่อไปก็่ม หรือไม่ก็่ยอมพ่ายแพซวิฅ ยอมพ่ายแพ?fฅรูทํ่วนเวยนอยู่รอบข้าง ท่านแนะนำไว้ว่า ความกลัวฅัวเองเช่นนิ้จำฅ้องกำจัศปีดเป้าลงใ^ด้ ด้วยการอยู่ลับฅัวเองใ^ด้ การอยู่ลับตัวเองทคทสุศก็่คือทางานให้ศวเองทำ ไห้กายมงานทำ ให้ใจมงานทำ อย่าให้อยู่ว่าง งานทางกาย คือทำงานออกกำลัง งานอคิเรกต่างๆ งานอ่านหนังคือ งานนำเพ็่ญประโยซนํอ่วนรวม งานลังกมเรนค้น งานทางใจ คือการทำวัฅร ลวคมนฅ การนำเพ็่ญลมาธิทำกรรมฐาน การพิ'จารณาไตรลักษณ เป็นค้น เมอทำงานทางกายและงานทางใ'จกวบกู่กันไป แม้'จะอยู่กนเคืยว ก็่ใม่เหงาไม่ว้าเหว่ นอกจากไม่เหงาแล้วยัง'จะมกวามสุขกวามลงบค้วย ไครับ ประโยซนํจากกันเวลาทผ่านไปอย่างเฅ็่มทค้วย คุณธรรมประการทลามคือ ปีญญา นั้นแปลว่า ความฉลาด ในทนั้ หมายถึงกวามฉลาค^นอุบายวิธดำเนินการในการแก!ขปิญหาต่างๆ อันเป็น คุณธรรมทใข้กูไปกับกักฃิยะกวามขยัน และกู่กับลูริยะกวามแกล้วกล้า อันกวามฉลาคนั้เป็นธาฅร้ ทตามปกฅิก็่มอยู่ในตัวกนทุกกน มากบ้าง น้อยบ้างตามลถานะของแต่ละกน ความฉลาดอันเป็นธาตุรู้นแม้จะมอยูในตัว ของแต่ละคน แตกถูกความโง่เขลาทเรืยกว่า' หะปีดบงไว้จึงไม่ปรากฏ เมอ กำ จดความโง่เขลาออกได้ ความฉลาดธาตุรูนนก็่จะปรากฏออกมา เปรยบ เลมือนกวามลว่างมอยู่ทุกแห่งหน แต่ถูกกวามมืคปิคบังไว้จึงไม่ปรากฏ เมอ กำ จัคกวามมืคออกไค้ เซ่น'จุคไฟหรือเปิคไฟขน กวามลว่างก็่ปรากฏ อันกวามฉลาคทเรืยกตามภาษาธรรมว่าปิญญานั้น เป็นสิงทมืพลัง เรืยกว่า พลงปีญญา พลังบัญญานั้นลามารถแก!ขเหตุการณแกํไขบัญหา ต่างๆไค้ ซ่วยให้กวามขยันและกวามแกล้วกล้าดำเนินไปในทิศทางทถูกค้อง www.kalyanamitra.org
i ฅ๔๐ i; sssuaisinnm lau ๓ พระชผไโพริวงศาใารย์(ทองดี บ.ร.๙) แล้วไm^บกวามส์าเรจไค้ ทำ ให้ล่วงพนค้ฅรทั้งภายนอกภายในไค้[คยไม่ยาก ข้อนก็่ฅรงกับพรร:บาลในเฅสทุณชาคกว่า ตํ พลานํ พลํ เลฏ^ อคคํ ปฌฺฌาพลํ วรํ ปฌฌาพเลนุปตถทฺโร อตฺถํ วินฺทติ ปณฺฑิโต ฯ ชุ.ซา. ๒๗/๒๔๔๔ พล้งปีญญาจัดว่าปรรแล่?ฐกว่าพล้งทั้งหลาย พลงปีญญา ยอดเยยมล่งล่ค บณฑิดผูมพลังปีญญาล่นบล่นุนจังได้ร้บ ความลัาเร็่จ. หนทางททำให้เกิคกวามฉลาครู้อันเป็นพลังปิญญานั้น ท่านแนร!นำไว้ หลายวิธ เซ่น เข้าหาผู้รู้ ผู้กงแก่เรยน ผู้ฉลาคในเรองด่างๆ ทำ ตัวเป็นนักเรยน กอยล่ตับหัเง กอยปฏิบัติตามกำลังสอนแนร:นำ เมอท่านแนร:นำลังสอนอย่างไร ตนบังไม่เข้าใ'จชัคเวนก็่สอบถามเพํ่มเติม แล้วตั้งใจฟิงทั้งใ'จกำหนควค'จำไว้ ทำ ไค้เซ่นนตนเองก็่จร:ฉลาครู!ค้เซ่นเคยวกัน ล่วนกนทํ่ปฏิบัติตรงกันข้าม เป็นกนทมนิลัยกรร:ค้างไม่ยอมกน ไม่ลุกขน ในเวลาทกวรลุก ทั้งทบังหนุ่มแน่น บังมกำลัง แด่กลับเฉํ่อยซา จมอยู่แก่กวามกิค มัวแด่เกยจกร้าน อืคอาคอยู่ ย่อมไม่พบทางแห่งบัญญา ทำ ให้ขาคปีญญา คนทั้ ขาดปีญญๆย่อมไม่ฉลาด^นการคำเนินขวิดในทางทั้ถูกต้องได้'ขวิดจร;ดกอบ ลำ บากแลร;ปรร;ล่บความทุกฃราไป ดกเป็นเบยล่างพ่ายแพ้ลัดรูทั้งปวง ดลอดไป ข้อนเห็่นไคซคเจนในทุกแห่งหน เพราร:ฉร:นั้น ท่านจังใหลังสมอบรม ปิญญากวามฉลาคร้นั้[ว่ให้มากทสคเท่าทจร:มากไค้ เมอกนเราฉลาครูคยมบัญญาเกิคฃนแล้ว ย่อมล่วงพ้นตัตรูกือกวามไม่รู้ กวามโง่เขลาเบาบัญญา หากไค้!ซ!ปในทางทำมาหากิน ย่อมล่วงพ้นตัตรูกือ กวามยากจนไค้ หากไซ!ปในการทำงาน ย่อมล่วงพ้นตัตรูกือกวามผิคหวังหรือ กวามล้มเหลวในการงานไค้ หากเผชิญหน้ากับตัตรูกู่เวร กี่สามารถหาทาง www.kalyanamitra.org
ฅ๔๑ ทโยรบบทท! . ISOO SSSU ขำนัดศัตรู ไ^* เอาชนะหรอหาทางล่วงพ้นไม่ต้องเผชิญหน้าก่อเวรก่อกรรมกันต่อไปไค้ เพราะ ผู้ฉลาดรู้มปิญญาแท้'จริงย่อมรู้ทางรู้วธท'จะแกปิญหาต่างๆ ไคโคยซัคเ'จนเป็น ปกติวิกัย ย่อมไม่ปล่อยไท้คนเอง'จมปลักอยู่กับการผูกเวร'จองกรรมกับใครๆ รวมความแล้วคุณธรรม ๓ ประการคือ ท้กขิยะ ความขยัน สูริยะ ความแกล้วกล้า และ ปีญญา ความฉลาด ย่อมมผลทำไท้คนเราล่วงพ้น ทำ ไท้คนเราเอาชนะลัฅรูทั้งทเป็นกนทั้งทเป็นความรู้สิก เซ่นความเกย'จคร้าน ความกลัว ความโง่เขลา เป็นต้นไต้ ฉะนั้นโบราณชนคนรุ่นเก่าทั้งหลายจึงไต้ ชวนชวายสร้างสรรคืคุณธรรม ๓ ประการนไท้มไนคนและชวนขวายไท้เพิมพูน มากยั๋งฃน จึงไคริบความสำเร็่'จไนเรองต่างๆ สมปรารถนา เป็นแบบอย่างไท้ คนรุ่นหลังไต้เริยนรู้ ไต้คูเป็นต้นแบบเ'จริญรอยคาม ซงก็่'จะทำไห[คริบความ สำ เร็่'จ ล่วงพ้นกัครูทั้งปวงไต้เซ่นเคืยวกัน แม้เราผู้อยู่สุดท้ายภายหลังเมอ ทราบซัดคังนั้แล้วก็่พึงคระหนักไท้ความสำคัญและทำความเช้าไ'จไนคุณธรรม ๓ ประการไท้ประคักษ แล้วปฏิบัติคามไท้เด่นซัด ก็่'จะไคริบอานิสงส์ความ สำ เร็่'จเฉกเซ่นโบราณชนคนรุ่นเก่าเหล่านั้นทุกประการ สมเค็่'จพระพุทธยอดฟ้า'จุพ้าโลกมหาราช ทรงเป็นพระมหากบัฅริย่ยูยงไหญ่ พระองคหนงชองประเทศไทยและชองโลก ทรงสถาปนาพระมหานครอันเป็น เมืองหลวงชองประเทศไต้สำเร็่จและยั่งยนมาสองร้อยกว่าป็แล้ว ทรงวาง รากฐานต้านการพระศาสนาไท้เป็นหลักไว้ และทรงมืพระราชคุณูปการต่างๆ แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างหาทสุดมิไต้ ทั้งนั้ก็่ต้วยทรงมั่นคงอยู่ไน คุณธรรม ๓ ประการดังพระบาลช้างต้นไม่บกพร่อง จึงทรงล่วงพ้นทั้งคัครู หมู่ปี'จ'จามิครทั้งปวง ทั้งคัครูคือความเกย'จคร้าน ความกลัว และความโง่เขลา ไต้อย่างเบ็่ดเสร็่'จ จึงทรงคำเนินพระราชกิ'จต่างๆ สำ เร็่'จลุล่วง งดงาม ยั่งยืน เป็นหลัก1านมั่นคงมาคราบเท่าทกวันนั้ นับเป็นแบบอย่างทคืทพสกนิกร www.kalyanamitra.org
i ๓๔๒ sssuaismflui lau ๓ พระนHTโพรวงศใใใรบ์(ทอง ดี น,ร.๙) ซาวไทยจะพึงกำหนคจค'จำแล้วปฏิบัติตามพTร;^าซ'จริยาเหล่าน เพอรักษา และพัฒนาคุณธรรม ๓ ประการนให้สถิตสถาพรบังเกิคผลร'มคุท^ปฅลอต __ I ^ กาลนาน ด้วยประการฉะน อิมินา กตปุฌฺเฌน ด้วยอำนาจบุญคุศลทักษิณา'นปร::ทานท กณ2สงฆ วัคพระเซตุพนวิมลบังกลาราม ซงมท่านเ'จ้าคุณพร:;เทพวิรากรณ เจ้าอาวาส วัคพระเซตุพนเป็นประธาน ฅลอคถึงอุบาสก•อุบาถิกาซองวัคแล:;เหล่ๆท่าน ผู้มศรัทธามั่นกงในพระรัตนตรัย ได้บำเพ็่ญใ'ห้เป็นไปเพออุทิศถวายเป็นพร^ ราซคุศลแค่พระบาทสมเค็่จพระ'พุทธยอคพัา'อุพัาไลกมหาราช รัชกาลท ๑ แท่งพระบรมราชจักริวงค่ ณ โอกาสน ซอจงเป็นบุญญนิธรมบุทธิล่าเร็่จผล เป็นสุซวิบากและอิฏฐมนุญสมบัติ แค่สมเค็่จพระบรมมหากบัตริยาธิราซเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐพร:;องกํนัน สมมโนปณิธานอุทิศทุกปร:;การ รับประทานแสคงพระธรรมเทศนาใน ตโยธ้ฆมกถา สมกวรแก่เวลา ยุติลงกงไว้ แค่เพึยงเท่าน ฯ เอวํ ก็่มด้วยประการฉะน www.kalyanamitra.org
อุทานธัมมกถา เรื่อง ดับเย็นได้ด้ายธรรม ททโต ปุฌฺฌํ ปวฑฺฒติ สํยมโต เวรํ น จยติ กุฟ้ล ว ซหาติ ปาปฑํ ราตโทสโมหก.ฃยา นิพฺทุโตติ ฯ ที.มหา. 0๐/0๒๗ บคน จักรบประ:ทานแสคงพระธรรมเทศนาใน อุทานธมมกถา อนุโมทนา ในปิฅฅิทานมัยกศลทักษิณานุประทานกิ'ๆ ชงคณะสงฆจัคอนงคาราม วรวิหาร ซงมัท'านเ'จ้ากุณพระเทพรฅนโมล เจ้าอาวาสเป็นค้นเป็นประธาน และคณะกิษยานุกิษย สมาคมกิษยอนงคารามในพระบรมราชชูปทัมก พร้อม ท่านสาธุซนคนวัคทั้งทลายไค้มสมานจันทัร่วมทันจัคบำเพ็่ญให้เป็นไป เพอ อทิศถวายแค่อคั๋ฅเจ้าอาวาสวัคอนงคารามทั้ผ่านมา'จำนวน ๑0 รูป โคยปรารภ พระมหาโพธิๆงศาจารย (ทองค) วัคราชโอรฟ้าราม กรุงเทพมหานคร แฟ้คง ในการบำเพึ่ญกุคออุทิฟ้ถวายอคคเจ้าอาๆาฟ้วัคอนงทาราม ณ วัคอนงการาม เฃฅกลองฟ้าน กรุงเทพฯ วันจันทร์ ทํ่ ๒๘ กนยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๐๗.๓๐ น. www.kalyanamitra.org
i ฅ๔๔ {^' sssuaisiimui lau ๓ พระนHใโพธวงศใาไรย์(ทองดี ช.ธ.๙) วันมรณภาพของเจ้าประคุณสมเค็่จพระทุฒา'จารย พุทธสรมหาเถร เป็นปทัฏฐาน และไค้คำ เนินการมาเป็นนิพัทธกุศล'จนถึงปิ'จ'รุบัน เป็นป็ท ๕๙ ทั้งน็้ค้วยจิฅใจ ทั้มั่นกงอยูในกฅัญฌูกตเวทิตาธรรมเป็นททั้ง อันว่าวัดอนงคารามนิ้ เป็นพระอารามหลวงส์ากัญมาแต่อคํต เจริญรุ่งเรือง มาโดยลำกับ นับแต่สร้างวัคมาในสมัยรัชกาลทั้ ๓ อคตเจ้าอาวาสแต่ละรูป ไค้ปกกรองวัตมาเป็นเวลามากบ้างน้อยบ้างตามอายุขัย เป็นพระอารามหลวง ระกับแนวหน้าแห่งหนงในนังธนบุรื มกิจกรรมของวัคทั้เป็นหลักฐานหลายอย่าง สิงปลูกสร้างกาวรวัตกุ เซ่นพระ'อุโบสก พระวิหาร ศาลา กุฏิ ก็่ใคํรับการบูรณะ ซ่อมแซมเสริมแต่งให้สวยงามกงอยู่มาโคยตลอค อันเหมาะแก่การเป็นอยู่ การ ทำ กิจของสงฆและการทำกิจกรรมทางศาสนา เซ่นการสืกษาเล่าเรืยนพระ- ปริยัติธรรม การกิกษาพระพุทธศาสนาของเยาวชน ตลอดกงการสาธารณ- สงเกราะห่ เป็นทั้เหมาะแก่การบำเพ็่ญกุศลของพุทธศาสนิกซนทั่วไป ทั้งน ก็่เพราะอากัยอคฅเจ้าอาวาสทุกรูปไค้บริหารจัดการให้เป็นไปค้วยกวามเสิยสละ อดทน ค้วยกวามฉลาด และค้วยกวามม่งมั่นเพอธำรงพระศาสนา กิจการต่างๆ จึงคำ เนินมาต่อเนองไม่ขาดสาย แสดงว่าอคตเจ้าอาวาสแต่ละรูปนั้นไค้ปฏิบัติ หน้าทั้ไค้เหมาะสม งดงาม กวรแก่การยกย่องสรรเสริญ และทั้ลำกัญแสดงให้เห็่นว่าท่านเหล่านั้นไค้ปฏิบัติตามหลักกำสอนของ สมเค็่จพระลัมมาลัมพุทธเจ้า กิอมั่นกงอยู่ในการเสิยสละ ในการลำรวมระวัง รักษาตนให้บริสุทธิอยู่ในพระธรรมวินัย และปฏิบัติกรรมฐาน ทำ วัตรสวดมนฅ เป็นเหคุให้จิตใจสงบเย็่น มบัญญาฉลาด สามารกบริหารจัดการวัดไค้อย่าง ถูกค้องงดงาม ชงการปฏิบัติอย่างนั้ซอว่าปฏิบัติตามหลักพุทธธรรม อันเป็น พระอุทานธรรมของพระพุทธองก่ทั้ปรากฏอยูในมหาปรินิพพานสูตร ทิฆนิกาย มหาวรรก อันไคอัญเชิญมาเป็นนิกเขปบเทศนาเบองค้นว่า ททโต ปุฌฌํ ปวฑุฒติ เป็นอาทิ ชงแปลเป็นกวามกาษาไทยไค้ว่า www.kalyanamitra.org
ฅ๔๕ ฿ ชุ!ฑนรบนทm ร่^ เรื่อง ดั บเย็นได้ด้วยธรรน \"บุญย่อมเจริญแก่ผูให้ เวรย่อมไม่ก่อเกิดแก่ผู้ส์ารวม อยู่ คนฉลาดย่อมลร{บาปกรรมได้ คนเราด้บเย็่นได้ เพราร;ราคร; โทสร; โมหร; สินไป\" พรร:อุทานธรรมนิ้ สมเค็่จพรร:สิมมาร'มพุทธเจ้าทรงเปล่งขนก่อนทจะ เสค็่จคับขันธปรินิพพาน ณ ทํ่ปรร:ทับพักสวนป้าอัมพวัน ใกล้แม่นํ้ากกุธานท มพรร:อานนทัพุทธอุปิฏฐากเล้าไกสซิคอยู่ ทรงเปล่งพรร:อุทานนฃน โคยทรงบุ่ง เพอบรรเทากวามร้อนใจอันอาจเกิคขนแก่นายจุนทกัมมารบุฅรทถวายภัคดาหาร สูกรมัททวร:แก่พระองก่เรนกรั้งสุดท้าย ชงบิณฑบาฅทถวายนั้นไมมโทษ แค่เป็น ประโยซนั้มหาศาล ฅามข้อเท็่จจ?งมว่า ป็ณฑบาฅทถวายแค่พระพุทธอง^นสองคราว คือ ถวายแต้วพระพุทธองค!ศ้ฅรัสรู้พระอนุดรร'มมาร'มโพธิญาณ กับทถวายแต้ว พระพุทธองคเสค็่จปรินิพพาน ทัง้สองคราวนิ้ศรัสว่ามผถเสมอกัน มวิบากเสมอกัน มผถใหญ่กว่ามอานิสงต้มากกว่าป็ณทบาดอึ๋นๆ บญทนายจุนทะป้าเพ็่ญแต้ว นเปีนไปเพออายุ เปีนไปเพอวรรณะ เปีนไปเพอสุฃะ เปีนไปเพอยส เปีนไปเพึ๋อ สวรรค เปีนไปเพอความเปีนใหญ่ยั๋ง จากทั้นกื่ทรงแสดงหกักปฏิบัติรากัญเพอ เปีนทางปฏิบัติใหมความสุข มกันติทั้งในขณะทยังมขวิดอยู่และหกังจากละโถกน ไปแต้ว โดยปฏิบัติดนให้ปราสจากเวร ไม่ก่อเวรใดๆ ไม่ทำบาปกรรมใหช็วิด เสร้าหมอง พยายามละราคะ โทสะ โมหะ เพอใหขวิดดับเย็่น ไม่ร้อนรนหม่นไหม้ เมอละได้เด็่ดขาดก็่จะบรรลุถงพระนิพพานอันสงบเย็่น ไม่ด้องมาเวิยนว่าย ดายเกิดเสวยทุกข้อกค่อไป พระอทานธรรมนถือว่าเปีนหกักปฏิบัติราหรับ ขาวพุทธทพระพุทธองคทรงแสดงไว้ก่อนทจะเสด็่จดับขันธปรินิพพาน เนั้อหาพระอุทานธรรมนั้พอสรุปประเค็่นไท้ว่า พระพุทธองกทรงโน้มน้าว ไห้ซาวพุทธปฏิบัติคนไน m ทาง เพอไหซวิคอยู่คมสุข สงบเย็่น ปราศจาก บาปกรรมอันเป็นเวรภัยก่อกวามเคือคร้อนไห้ ๓ ทางนั้นคือ เป็นผูให้ ๑ เป็น www.kalyanamitra.org
i 0 sssuaisinfiui lau ๓ พระนHTโพรวง ศใใใรย์(ทอง ดี if . ร.๙) ผู้ส์ารวม ๑ เป็นผู้ฉลาด ๑ เมอคนเราปฏิบัติฅามหลักนั้1ค้แม้เพยงหลักเคยว ซวิฅก็่จร;สุขสงบไคในรร;คับหนง หากปฏิบัติคามไค้ครบถ้วน ชวิฅก็่จร:สมบูรณ ไม่บกพร่อง เฅ็่มไปค้วยความสุขสงบ ความคับเย็่น ไม่อยู่ร้อนนอนทุกฃค้วย ปรร;การทั้งปวง คำ ว่า บุญ ในพรร;อุทานธรรมบทแรกทว่า บุญปอมเจริญแก่ผูไห้ นั้น คือ สิงทชำรร{สินดานให้ผ่องใสบริสุทธิ ปราศจากความเศร้าหมอง เมื๋อ ทำ ให้เกิคความผ่องใส เกิคความบริสุทธิ เกิคความสบายใจ สงบเย็่น สิงนั้น จัคเป็นบุญแห้ คำ ว่า สินดาน ในทนั้ก็่คือจิฅนั่นเอง สิงทั้จร{มาชำรร;สินดานคือจิตของ บุคคลให้บริสุทธิผ่องใส ให้ทายขุ่นมวได้เหมือนอย่างบุญเป็นไมม เดรอง ชำ รร{อย่างคืน เช่นสบู่ ผงซักฟอก ทจร{ชำรฟ้,ด้ทงภายในภายนอกเหมือน อย่างบุญเป็นไม่มื บุญนนชำรร{ได้กงภายในคือชำรร{ใจของคนเราได้ เมึ๋อใจ ได้รบชำรร!แล้วก็่จร{บริสุทธิ เมือใจบริสุทธิ อาการภายนอกคือกิริยาแลร; วาจาหรือสิงททำแลร!คำทั้พูดก็่บริสุทธื้โปตามกน ถ้าใจยงไม่บริสุทธิ อาการ ภายนอกก็่จร{ไม่บริสุทธิ้ด้วย หากถามว่า บุญจร!เกิดขึนแลร{เจริญขนได้อย่างไร พรร;พุทธองคํทรงแสคง ไว้ว่า บุญย่อมเจริญแก่ผูให้ หมายถึงว่า ยู[ห้ย่อมทำให้บุญเกิคขนแลร;เจริญขน ไค้ นั่นแสคงว่า การให้นั้นเป็นเบ็้องค้นททำให้เกิคบุญ แลร;เมอให้เรอยๆ บุญก็่ เจริญฃนเรอยๆ คังนั้นจึงทรงยืนยันว่าบุญย่อมเจริญแก่ยูให้ คำ ว่า ผู้1ห้ นั้นก็่คือ ผู้!ห้ทาน ผู้เสิยสลร; ผู้บริจาค อย่างทเราทำกัน อยู่นั่นเอง แค่การใหอ'นจร;ทำให้บุญเจริญขนแก่ยูให้นั้นใช่ว่าจร;ทำไค้ง่าย หรือ เมํ่อให้แล้วจร;ทำให้บุญเจริญขนทุกครั้งไปก็่หาไม่ บางครั้งการให้ทำให้เร่อม www.kalyanamitra.org
ฅ๔๗ omusuunm 1รอง m บIย็นใด้ด้วยรรรน ทำ ให้เรยหายก็่ม การให้ทํ่ถูกห้องนั้นห้องอยูในกรอบ กือ ให้เ!เน ให้ถูกต้อง ให้ต้วยความรอบคอบ กำ นงถึงร่งทให้ว่าเหมาะกวรแก่ยูรับหรือไม่ กำ นงถึง ผูรับว่าเหมาะควรท'จะรับร่งนั้นหรือไม่ กำ นงถึงผลกระทบเป็นความเคือคร้อน แก่คนเองหรือคนอนหรือไม่ แม้มเ'จตนาทค มจิฅใ'จทเถึยฟ้ละ มุ่งประโยชนเป็น หลัก แต่หากเมอให้แล้วทำให้คนอนเคือคร้อน ก็่อา'จทำให้คัวเองเคือคร้อนไป ห้วย เช่นการให้ช้างคู่ม้านคู่เมืองชองพระเวสลันคร โคยไม่ปรืกษาไมไดรับความ ยินยอมชองชาวเมือง ก็่ทำ ให้ชาวเมืองไม่พอใ'จ ขับไล่ออกนอกแคว้น ห้องไป บำ เพ็่ญพรฅในป้าเป็นเวลาหลายเคือน คังนั้เป็นห้น เมอเป็นผู้ฉลาคในการให้ มืเ'จฅนาทคื มืความรอบคอบ ให้!นร่งทเป็น ประโยชน ไห้แก่ - ให้อามิสทาน คือใท้ร่งของ ให้อาหาร ให้เคือน้า ให้ทอย่อาห้ย ให้ยารักษาโรค ชงช่วยเหคือบรรเทาทุกฃทางกายไห้ <5) - ให้ธรรมทาน คือให้คุณธรรม ให้ความรู้ ให้ความรู้คืกแช่มชน เบิกบาน ให้หายทกฃหายโf1ก ให้ไห้สติ เป็นห้น (ร) - ให้อภยทาน คือให้ความไมมภัยไมมเวรท่อกัน ยกโทษให้ ไม่ติดใจ ไมกอโทษโกรธเคืองท่อไป (5) ผูให้เช่นนั้ประ'จำ บุญก็่'จะเ'จริญขนประจำ หากลามารถให้ห้วยจิฅท แน่วแน่เป็นทานเ'จฅนาบริสุทธิ้ และสิงท!ห้กเหมาะควรแก่บุคคลผูรับ เหมาะควร แก่เวลาท'จะให้ บุญก็่ย่อมเ'จริญมากยั๋งฃนไป อนงเล่า ผู้ทมืจิตมั่นคงอยู่ในการให้ ยินคืเถึยสละยินคืบริ'จาคประจำ จิต ก็่'จะผละห่าง'จาการทำบาปทุ'จริต เป็นอันรักษากายวา'จาให้สงบไห้ตามลำคับ เมอรักษากายวา'จาให้สงบไห้ ก็่แสคงว่าไคืรักษาคืลแล้ว เมอรักษาคืลแล้วก็่ ซอว่าเป็นคนมืคืลอยู่ในคัว คนมืคืลอยู่ในต้วก็่จะสามารถเจริญพระกรรมฐาน ทั้งสมถะและวิปีสสนาได้โดยไม่ยาก จิงกล่าวไห้ว่าบุญทั้ง ๓ ประการ คือ www.kalyanamitra.org
i ฅ๔๘ <^๙ รรรบ31ร1ทศ1ท lau ๓ พระมHาโพรวง ศไใารย์(ทอง ดี ช.ร.๙) ทาน สืล ภาวนา ย่อมเจริญขนแก่ยูใหโดยปริยาย ข้อส์าคัญต้องทำเรมดัน ให!ต้เสิยก่อน ดือเป็น^หใหไต้ เมอใหไค้แล้ว จร:รักษาดืล จร;เจริญภาวนา ย่อมไม่ยากแลร:เป็นไปไต้ แด่หากเรมต้นก็่ยังทำไมไต้ ดือยังให!มไต้ใหไม่เป็น ยังดรร:หน ยังเดืยคาย ยังเห็่นแก่ฅัว ยังมเงอนไขด่างๆมายึดถือเพอไม่ต้อง ให้อร:ไรแก่ยูอน ก็่ไม่ต้องวาดหวังว่าจร:ลามารถรักษาดืล สามารถจร:เจริญ ภาวนาโหดไต้ คำ ว่า เวรในพรร:อุทานธรรมบททสองว่า เวรย่อมไม่ก่อเกิดแก่ผู้ล้ารวม นั้น หมายถึง ความพยาบาท ความปองร้าย อันทำใหฅวเองเดือดร้อนคนรน หากฅนเองไปทำให้กนอนเดือดร้อนไม่พอใจก็่ทำให้กนอนพยาบาทปองร้าย ด่อฅนเอง หริอฅนเองกับกนอนด่างก็่พยาบาทปองร้ายด่อกันซงเริยกว่าแสดง ความยินร้ายด่อกัน อันนั้แหลร:เริยกว่าเวร อันว่าเวรนั้นย่อมเกิดมาจากการกรร:ทำของคนเราเอง การกระทำททำให้ เกิฅเปีนเวรไห้ง่ายทสุศก็่ทอการถะเมิศ^ล ๕ ไห้แก' การทำร้าย การฆ่าห้ฅว 6) การถักขโมยร่งของของทนอนทเขามิไห้ให้มิไห้อนุญาตให้ ๑ การถ่วงถะเมิศ กรรมถ่ทธิในกามต่อภรรยาหรือสามของผูอน <5) การพูฅโกหกหถอกถวง ทำ ให้ เขาเถ่ยประโยชน ๑ การคมกินสุราเมรัย ของมนเมา ส่งเสพศิต อันเปีนเหฅ ให้เกิยสศิเถ่ยสุขภาพ (5) การล่วงลร{เมิดส์ล ๕ หริอการผิดดืล ๕ ฃ้อนั้ แม้เพยงข้อใดข้อหนั้ง ก็่จัดว่าไค้สร้างเวรแก่ตนเองไว้ เมอละ!เมิดมากข้อ เวรก็่ย่อมเกิดพอกพูน ขั้นเป็นเงาตามตว เมึ๋อม่เวรมากก็่ย่อมไค้รบผลมความทุกข้มาก มความ เดือดร้อนมาก ชวิตก็่อยู่สุขสงบไค้ยาก หากไม่ต้องการใหชวิดอยู่ร้อนนอนทุกฃก็่จำต้องกำจัดเวรให้หมดไป ดือ ต้องมดืลต้องรักษาดืล ๕ให้เคร่งครัด เพราร!ดืล ๕ นั้นจัดเป็น เวรมณ ดือ เป็นเครองกำจัดเวร ในการสมาทานดืล ๕ จํงมคำว่า เวรมณ กำ กับไว้ www.kalyanamitra.org
ฅ๔๙ ii: อุ!ทนรับบทm ''^ ^ปี 1รองดับ1บ็11ใด้ด้วยรรรบ ค้วยเสมอในสืลทุกฃ้อ เพราะส์ลทุกข้อเป็นเวรมณทั้งหมค เมอรักษาไค้มากข้อ ก็่กำ จัคเวรไค้มาก ทำ ให้มเวรน้อยลง เมํ่อรักษาไค้สมบูรณทุกข้อก็่กำจัดเวร ไค้หมดร้น ถือว่าเป็นยู้มสืลบริสุทธิ เมอมถืลบริสุทธิก็่สามารถปฏิบัติกรรมฐาน ทั้งสองอย่างไค้อย่างสบาย และ:ย่อมไครับผลจากการปฏิบัติไค้รวดเร็่วโดย ไม่ยากนัก เพราะ:มพนฐานคคือมถืลบริสุทธิ ไม่ขาดไม่ด่างพร้อยประ:การได อันทจริง ผู้กำ รวมนั้นย่อมจะ:สามารถบัองกันตัวเองมิไห้[ปก่อเวรอะ:ไร เมอถืลเป็นเวรมณ เป็นเครองกำจัดเวร กนมถืลก็่คือกนทกำจัดเวรไค้แล้ว ตังนั้น เวรย่อมไม่ก่อเกิดแก่กนมคืล เมํ่อตรัสว่าเวรย่อมไม่ก่อเกิดแก่ผู้กำรวมอยู่ ก็่หมายความว่า เวรย่อมไม่ก่อเกิดแก่ผู้มคืลนั่นเอง เพราะ:โดยข้อเท็่จจริง กนทกำรวมอยู่จะ:สามารถรักษาคืลไค้ค คืลจะ:ไม่ขาดไม่ด่างไม่พร้อยโดยง่าย เพราะ:ผู้กำรวมนั้นจะ:มสติระ:วังตัวอยู่เสมอไนเวลาทำเวลาพูด เมอทำเมอพูด ค้วยมสติก็่ทำผิดพูดผิดไค้ยาก ตังนั้นอาจกล่าวไค้ว่า ความกำรวมจัดเป็นคืล หรือ คืดก็่คือความกำรวม กนมคืลย่อมห่างเว้นจากเวรไค้แน่แห้ เพราะ:มกวามกำรวมระ:วังมิไห้ พลาดผิด มิไห้[ปล่วงละ:เมิดข้อห้ามด่างๆ โดยปฏิบัติไปดามทางแห่งธรรม เช่น กำ รวมระ;วัง รักษาระ;เบยบวินัยททรงบัญญัติไว้ กำ รวมระ;วังด้วยสติ ม่ให้บาปอกุศลต่างๆ เข้ามากลํ้ากรายดนได้ กำ รวมระ;วังด้วยญาณ โดย ไช้บัญญาพิจารณาให้เห็่นข้อคืข้อเกํยของการกระ;ทำของคำทั้พูด กำ รวม ด้วยความอดทนอดกลั้น ไม่ทำไม่พูดให้ผิดเพยนไป กำ รวมด้วยความเพิยร พยายาม มุ่งละ:สิงทั้เป็นบาปอกุศลเป็นทุจริต ทำ แต่สิงทั้เป็นสุจริต เมอ กำ รวมไค้เช่นนั้ เวรก็่จะ:ไม่ก่อเกิดขนมาไค้ เวรทมอยู่แล้วถืจะ:ก่อยหมดไป พระ:อุทานธรรมก่อไปทว่า คนฉลาดย่อมละ;บาปได้ นั้นมอธิบายว่า เมอ พระ:พุทธองกทรงยกย่องผู้ทฉลาดว่าสามารถละ:บาปไค้ ก็่อาจดกวามเป็นนัย ฅรงกันข้ามไค้ว่ากนไม่ฉลาดไม่อาจละ:บาปไค้ www.kalyanamitra.org
i ๓๕๐ 0 sssuaisinjpiuiiau๓ พระฆHาโพริวงศาใใรย์(ทอง ดี ซ.8.๙) ออันนวว่าา คคนนฉฉลลาาดด นนั้นนกก็่กกืออ คคนนททสลมมบบููรณรดณ้ดววยยญญาาณคณืคออปบีญญญญา' มกวามรม กวามเข้าใจถ่องแท้ว่าอร;ไรถูกอะไรผิค อะไรคือะไรชั่ว อะไรกวรทำอะไรไม่กวรทำ เป็นท้น ผู้ฉลาดม!(ญญาเช่นนย่อมรูชดว่าบาปเป็นความชั่ว ย่อมรูซดว่าทุจริต เป็นสิงทผิด ไม่ควรทำไม่ควรประพฤติ เมึ๋อทำเมึ๋อประพฤติเข้าก็่จะทำให้ตน เคือดร้อน ไม่มความสงบสุข ไม่มความเย็่นกายเย็่นใจได้ แน้สินชวิตแล้ว ก็่ยงสิงผลให้!ปบงเกิดในทุคติ เมอกล้บมาเกิดเป็นมนุษย่อกก็่ยงสิงผลให้ขวิด บกพร่อง ไม่สมบูรณ เช่นทำให้ยากจนบ้าง ทำ ให้โง่เขลาบ้าง ทำ ให้พิกลพิการ มาแต่เกิดบ้าง เมอรู้ซัคอย่างนั้ย่อมเกรงกลัวบาปกรรม หลกเว้นทจะทำชั่ว ทำ ผิค เมือหลงทำชั่วทำมิคไปบ้างเพราะไม่รู้ว่าคืชั่วเป็นอย่างไร แค่เมํ่อรู้ซัคขน ก็่ย่อมจะละชั่วละมิคทเกยทำมาไท้ งคไท้เว้นไท้ท้วยจิฅใจทํ่แน่วแน่ แค่หากไม่รู้ซัคกื่อาจหลงมิคเข้าใจมิค ฅิคใจในการทำชั่วทำมิคอยู่ เพราะ การทำชั่วทำมิคบางอย่าง ทำ ให!ท้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อย่างทท้องการ คราบเท่าทํ่กวามชั่วกวามมิคนั้นยังไมให้ผล จงทำให้หลงมิคกิคไปว่าทำเซ่นนั้น เป็นกวามคื ทำ ให้เกิคสุขไท้ จงทำเรอยไป เมอถึงกราวกวามชั่วกวามมิคให้ผล ก็่หันไปโทษกนอํ่นร่งอํ่นว่ามาทำให้คนท้องไตรับทุกขโทษ หาไคืโทษคัวเองว่า ๘! 9^ V| I หากผู้ฉลาคนั้น เป็นผูฅงมั่นอยู่ในคืล แล้วปฏิบัติพระกรรมฐานไปคาม สมควรแท่งคน ยังฌานระคับอุปจารและอัปปนาให้เกิคขนไท้ ก็่จะสามารถ ละบาปอกุศลทเป็นเกรองผูกบัคคนไว่ในกองทุกฃใท้เป็นเบองท้น จากนั้นหาก ปฏิบัติเรอยไป ทำ ฌานนั้นให้เป็นบาทฐานรองรับ พิจารณาเห็่นกวามสิ'นไป เถึอมไปในลังขารทั้งหลาย บำ เพ็่ญวิปีสสนากรรมฐานไปจนกระมั่งเห็่นแจ้ง แทงคลอคอริยมรรกอริยผลสูงสุค ก็่จะละบาปอกุศลไท้ทั้งหมค ข้อนั้เป็นปริยาย อย่างสูงในพระอุทานธรรมทว่ายู้ฉลาคย่อมละบาปไท้ www.kalyanamitra.org
๓๕๐ omusuunai ISOO ดั บ!ย็นใด้ด้วยรรรช dauพระอุทานธรรมสุคท้ายทํ่ว่า คนเราตบเย็่นได้เพราะราคะ โทสะ นเหะ สินไป นั้นมอธิบายว่า เนอบุกกอนั้นไค้บำเพ็่ญวิปิสสนากรรมฐานจนกระทั่ง เห็่นแจ้งจนบรรลุกงอริยมรรกอริยผลแล้ว จิฅก็่จะหลุคพ้นจากกองกิเลสใหญ่ กือรากะ โทสะ โมหะ เป็นอันว่ากิเลสเหล่านั้หมคสินไปอย่างรันเซิง ผู้ทไค้บรรลุ นั้นก็่จะอับเย็่น ไม่มกิเลสไคๆมารบกวนไท้วุ่นวายยุ่งเหยิงอกฅลอกไป ยูไค้ บรรลุและไคริบผลเซ่นนั้เริยกว่าไค้บรรลุนิพพาน ผู้บรรลุถึงนิพพานนั้นย่อมอับ เย็่นไค้อย่างสนิท ก็่เพราะรากะ โทสะ โมหะรันไปนั่นเอง โคยปริยายอย่างคา ผูใคทำไท้รากะ โทสะ โมหะ ๓ อย่างนั้แม้เพยง อย่างเคยวไท้ลคระอับลงหรือไท้เบาบางลง ก็่ทำ ไท้ผู้นั้นไคริบกวามอับเย็่น ไค้ ริบกวามเย็่นกายเย็่นไจไค้มากแล้ว ยั๋งลคไค้มากละไค้มาก ก็่อับเย็่นไค้มาก เป็นเงาคามอัว เพราะโคยปกติท่านว่า รากะ โทสะ โมหะ ๓ อย่างนเป็นอักกิ กือเป็นไฟทกอยเผาลนจิคไท้เร่าร้อนอยู่คลอคเวลา กือ ราคะทำให้เร่าร้อนและ พลุ่งพล่าน ทำ ไท้กระเถึอกกระสนไปแสวงหาสิงทจะมาบำรุงบำเรอรากะของคน โทสะทำให้เร่าร้อนและคนรน ทำ ไหจคสงบไมไค้ กิคหาทางทำร้ายหรือทำไท้ เกิคกวามวิบัติแก่กนทคนโกรธหรือสิงททำไท้คนเคือคร้อน โมหะทำให้เร่าร้อน และมืดบอด ทำ ไท้เร่าร้อนนอนเนํ่องอยู่ภายไนไม่พลุ่งพล่านคนรนไท้เห็่น กายนอก แคมคมนหมกไหม้อยู่ภายไน ค้วยสติปิญญาถูกปิคบังมืคกลุ้ม มอง ไม่เห็่นกวามจริง เหมือนคกอยู่ในทํ่มืค กิเลสทั้งสามประเภทนั้จึงเป็นไฟทมือยู่ในอัวบุกกลทุกกน เมอละไคืไฟนั้ ก็่อับ เมอไฟอับ กวามเร่าร้อน กวามพลุ่งพล่าน กวามคนรน กวามมืคบอค ก็่หมคไป เมอหมคไป กวามอับเย็่นก็่เข้ามาแทนท เหมือนเมอกวามมืคหมคไป กวามสว่างก็่เข้ามาแทนทฉะนั้น ค้วยเหตุนั้ สมเค็่จพระผู้มืพระกากเจ้าจงทรง เปล่งพระอุทานว่า กนเราคับเย็่นไค้เพราะราคะ โทสะ โมหะ ส้นไป อังอธิบาย มาค้วยประการฉะนั้ www.kalyanamitra.org
A ฅ๕๒ 0 sssuaisiimm lau ๓ พระนHาโพรวง ศใใารย์(ทอง ดี น.ร.๙) ฌอแสคงโคยศรุปแล้ว พรร;อุทานธรรมนสมเค็่'จพระผู้มพระภากเล้า ทรงม่งหมายให้กนเราละราคะโทสะโมหะให้หมคไปจะไคคับเย็่น จะไค้อยู่สุขสบาย คำ เนินซวิฅไปคามปกติ ไม่ค้องวิฅกกังวลห่วงใยอะไร โคยทรงแสคงว่า จะบรรลุ ถึงจุคนั้1คํกจำค้องปฏิบัติในทางธรรม ๓ เรองกอ ทาน ติล และ ภาวนา นั่นเอง ความจริงพรร;บาลอุทานธรรมข้างต้นน ทรงมุ่งให้ปฏิบัติตาม ทาน ติล ภาวนา เป็นหลก กล่าวคือ พระบาลทํ่ว่า ททโต ปุฌฌํ ปวฑฒติ - บุญ ย่อมเจริญแก่ผูไห้นั้น ทรงมุ่งให้กนเฑปฏิบัติในเรองทานในการให้[นการเถึยสละ เป็นหลัก พระบาลทว่า ส์ยมโต เวรํ น จยติ - เวรย่อมไม่ก่อเกิดแก่ผู้ส์ารวมอยู่ นั้น ทรงมุ่งให้กนเราปฏิบัติในเรองคืลเป็นหลัก เพราะผู้ล่ารวมไคกย่อมรักษา คืลไค้ พระบาลทว่า กุสโล ว ชหาติ ปาปกํ - คนฉลาดย่อมลร;ความชั่วไต้ นั้นทรงมุ่งให้กนเราปฏิบัติในเรํ่องกาวนาเป็นหลัก เพราะกนฉลาคทํ่ถึงพร้อม ค้วยญาณคือกวาม^นเรองคื ในเรองชั่ว ในอุบายวิธทจะทำคืละชั่ว เมอลงมือ ปฏิบัติคามอุบายวิธทร้แล้ว ย่อมละย่อมกำจัครากะ โทสะ โมหะให้ล่นไปแล้ว เข้าถึงกวามคับเย็่นไค้ คงนั้น เมึ๋อต้องการใหซวิดตบเย็่นเป็นสุข ไม่เดือดร้อน ไม่พลุ่งพล่าน ดํ้นรนหรือมืดบอดไปตามราคร; โทสร; โมหร; ก็่จำ ต้องกำจดบัดเป่ากิเลส ๓ อย่างนั้!ห้เบาบางแลร;ให้หมดไปในทสุด ค้วยการให้ทาน ค้วยการรักษาคืล และค้วยการเจริญกาวนา เมอทำไค้อย่างนั้นอกจากจะไครับผลคังแสคงมาแล้ว ยังไคซอว่าไค้ปฏิบัติคามกำลังสอนขององกสมเค็่จพระลัมมาลัมพุทธเล้าค้วย พระเคซพระคุณอคืคเล้าอาวาสวัคอนงการามทุกรูป เป็นผู้คืกษาเรืยนรู้ และเข้าใจหลักอันเป็นพระอุทานพจนั่ของสมเค็่จพระสุกคพุทธเล้านั้เป็นอย่างคื จงคำ เนินชวิคคำรงอยู่ในสมณเพศอย่างคับเย็่น คำ รงคนอยู่ในสมณเพศ จนมรณภาพ โคยรักษาคุณธรรมกายในให้บริสุทธิ้บริบูรณอยู่ไค้[ม'หม่นบัว เศร้าหมอง และใข้กวามรู้กวามสามารถสร้างสรรกคุณูปการแก'พระอาราม www.kalyanamitra.org
๓๕ฅ อุ!ทนsuufiai ปี: 1รอง ดั บi5uใด้ด้วยธรรน แก่พระ:ภิกษุสามเณรในวัคในปกครอง แก่อุบาสกอุบาสิกา และ:ญาติโยมกนวัค คามกำลัง เป็นเหตุให้พระอารามคำรงมั่นคง มซอเสิยงเกยรติคุณปรากฏซัคมา ตราบเท่าถงปีจตุบัน เป็นแบบอย่างให้อนุซนรุ่นหลังไค้ประพฤติปฏิบัติคาม และ เป็นผู้กู่ควรแก่เครองลักการะวรามิสทคณะสงฆคณะติษย่และสาธุซนทั้งหลาย ไค้มสมานฉันท่ร่วมใจลันจัคทำบำเพ็่ญให้เป็นไปเป็นประจำป็ทุกประการ อิมินา กตปุฌฺเฌน ค้วยอำนาจบุญกุศลทักษิณานุประทานกิจ ทั้กณะสงฆ คณะติษยานุติษย่ และสมาคมติษย่อนงคาราม ในพระบรมราซูปลัมก พร้อมค้วย ท่านทั้เคารพนับถือ ซงมท่านเจ้าคุณพระเทพรัฅนโมล เจ้าอาวาสวัคอนงคาราม เป็นค้นเป็นประธาน มสมานฉันท่ร่วมใจลันจัคซน เพออุทิศถวายอคคเจ้าอาวาส วัคอนงคาราม ค้วยความเคารพและกฅัญฌูกฅเวทิ เป็นป็ท ๕๗ณ โอกาสน ซอจงเป็นบุญนิธมผลลัมฤทธิ้ เป็นไปเพออิฏฐมนุญผลทั้น่าปรารถนาพอใจแค่ เจ้าประคุณสมเค็่จพระพุฒาจารย่ พุทธสรมหาเถร และอคํคเจ้าอาวาสวัคอนงคาฑม ทุกรูปโคยฐานะนิยมทุกประการ ฒัประทานแสคงพระธรรมเทศนาในอุทานธัมมกถา ยุติลงค้วยเวลาค้วยประการฉะน ฯ เอวํ ก็่มค้วยประการฉะน www.kalyanamitra.org
หนปุตฺโต ราชมจฺโจ พารปุตฺโตปิ ปณฺฑิโต อรนสฺส์ ปุตฺโต เส!)# ปุริเส นาวมฌฺฌเร ฯ ธรรมนฅิ. ลูกไพร่กี่อาจเป็นชุนนางไค้ ลูกกนโงกอาจเป็นนักปราชก^ค้ ลูกกนเข็่ญใจกี่อาจเป็นเศรษ#ไค้ จ?นั้น กนเราจึงไม่กวรกูหมํ่นกัน. www.kalyanamitra.org
Cl ปีญญาจักฃกถา เรื่อง ตาปีญญา ตโยเม ภิกุฃเว ปุคฺคลา สนุโต ส์วิซฺชมานา โลกสฺมื้ ฯ กตเม ตโย ฯ อนุโธ เอกจกฃ ทฺวิจกขติ ฯ องฺ.ติก. ๒อ/©๖๘ ^ I บัคน จักไค้แฟ้คงพระธรรมเทfiนาใน ปีญญๆจักขุกถา เพอเพํ่มพูน ๐ 14 บุญราสืกุศลศรัทธาอนุโมทนาทักษิณานประทานกิจ ทกณะศงฆ วัคอรุณราชวราราม ซงมพระเคชพระกุณพระธรรมมงคลเจคย เจ้าอาวาส เป็นค้นเปีนประธาน พร้อมค้วยอุบาสกอุบาสิกาชองวัคไค้มสมานฉันทัร่วมทัน จัคบำเพ็่ญให้เป็นไป เพํ่ออุทิศถวายแค่อคคเจ้าอาวาสแห่งพระอารามนั้ซงค้วน เป็นพระมหาเถระ^หญ' ค้วยนํ้าใจกอปรค้วยกทัญฌูกฅเวทิคาธรรม น้อมรำลก ว่าอคฅเจ้าอาวาสทุกรูปน้มคุณูปการแก่พระอารามมาคามลำทับค้วยค เป็น บุพการทควรแก่การบูชาทักการะคลอคไป ชงเป็นเหฅุปิจจัยใหจัคงานบำเพ็่ญ กุศลเซ่นนเป็นนิทัทธกิจประจำปี จนเป็นทรับรู้ทันถ้วนหน้า พrะมหาโพธิวงflาจารย (ทองค) วัคราซโอรสๆราม กรุงเทพมหานกร แสคง ในการบำเพ็่ญฑุกถอุทิกถวายอคคเจ้าอาวาส ณ วัคอรุณราชวราราม บางกอกน้อย กรุงเทพฯ วันวันทร์ ทํ่ ร)๙ ฅุลาคม พ.ก. ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.๐๐ น. www.kalyanamitra.org
i ฅ(^ sssuaisinfiuiiau๓ พระชMาโพรวง ศาาใรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) วดอรุณราชวราราม ฟ้นพระอารามหลวงชั้นเอกอุ ซนิคราชวรมหา- วิหาร เป็นอารามประรำรัชกาลท ๒ เป็นวัคโบราณมาแต่ครั้งกรุงเก่า เรัยกกัน โคยทั่วไปว่า วัดแจ้ง มเจ้าอาวาสปกครองวัคมาโคยลำคับ เฉพาะในยุค รัฅนโกรนทรนมเจ้าอาวาสปกครองวัคมาแล้ว ๑๓ รูป ปี'ไเอุบันเป็นรูปทํ่ ๑<1 แต่ละรูปแต่ละสมัยนั้นกใค้เรยสละกำลังกายกำลังใจบำรุงรักษาพระอาราม เฅ็่มคามสติกำลัง แต่เนั้อง'จากเป็นพระอารามใหญ่ มพุทธสถานและถาวรวัตถุ ทํ่ลำ กัญรำนวนมาก ยากแก่การทั่'จะบูรณะปฏิลังฃรถ41ห้เสร็่'จสินในคราวหนั้ง หรอยุคหนั้งไค้ ทำ ให้ค้องบูรณะปฏิลังฃรโนกันไม่สินสุค และค้องบัองกันดูแล รักษาอย่างไม่ว่างเว้นเป็นภาระหนัก แต่อคฅเจ้าอาวาสทั้งนั้นก็่เสิยสละทุ่มเท บริหารจัคการให้คงสภาพความเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกอุ ให้สง่างามอวคคา ชาวโลกไค้คลอคมา แม้ทุกวันนั้ก็่มการบูรณะพระปรางก่และองคประกอบเป็น งานใหญ่ ใช้งบประมาณมาก แตกสามารถจัคไค้ทำไค้ ชงก็่ทำ เซ่นนั้มาโคยคลอค นับร้อยป็ทผ่านมา ถือว่าอคคเจ้าอาวาสพระอารามแห่งนั้ในอคคก็่ค ในปี'จ'จุบัน ก็่ค เป็นผู้มบุญวาสนา ไค้มโอกาสสร้างเสริมและบูรณะถาวรวัตถุลำกัญชอง ประเทศและชองพระศาสนาไว้คามกำลังสามารถ 'จนรักษาทุกสิงทเกิคขนใน ยุคโบราณเช้าไว้!ค้ เมอมรณภาพไปก็่สมควรไครับการปฏิการะคอบสนอง รำ ลกนื้กถืงคุโนูปการนั้นๆ แล้วทำบุญอุทิศถวายกันเป็นประรำทุกป็มา ต่อแต่นั้จ้กไค้พรรณนาความคามหัวช้อธรรมทั่ใค้ยกชั้นมาเป็นนิกเชปบท เบองค้น ชงสมเค็่'จพระทศพลตรัสไว้[นอันธสูตร คิกนิบาต อังคุตครนิกาย ความว่า ฅโยเม ภิกฺขเว ปุคฺคลา สนฺโต ส์วิชฺชมานา โลกสฺมึ เป็นอาทิ ชง แปลเป็นความไทยไค้ว่า \"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ ประเภทนั้มปรากฏ อยูในโลกนั้ ๓ ประเภทคืออะไรบ้าง คือ คนตาบอด ๑ คนตาเคืยว ๑ คนสองตา ๑'' www.kalyanamitra.org
ฅ๕๗ # ฮญญฬทซุทท! ใ รอง 0ทบญ ญ ใ พระบาถึอันธปีฅTข้างต้นนิ้ สมเศ็่จพระผ้มพระภาทเข้าทรงเฬดงจัศแบ่ง บุคคลไว้อกรูปแบบหนงเปีน ถา ประเภท คือ อนธบุคคล คนคาบอค เอกจกฃุ- บุคคล คนฅาเคืยว และ ทวิจกฃุบุคคล คนสองคา โดยทรงยัภเยองเทสนา คำ สอนเปรยบกับบุคคลทมคาเนอธรรมคา คือคนคาบอดทมคาเนอทบอดสนิท ทัง้ สองข้าง คนคาเดยวทมคาบอดข้างหนงเหลออกข้างหนง และคนสองคา ทํ่มคามองเห็่นได้ทั้งสองข้างคามปกติ แคในพระบาลนทรงบุ่งหมายถงคน ทํ่มปีญญาจักบุ คือคนทมคาในอันได้แก่บ่ญญา ความรู้ความฉลาด คลอดถง ความรู้คืกนึกคิด ทรงแสดงให้เห็่นว่าคนเราทั้นมคาอยู่ 1๓ ชนิดในคัว คือคาเนอ กับคาใน คนมคาเนอนั้นเราสามารถรู้เห็่นกันไดทั้วไป แค'คนมคาในคือบ่ญญา- จักบุทั้นอาจรู้เห็่นได้ยาก จึงทรงแสดงไว้ว่าม ถา ประเภทเหมือนกัน ททรง แสดงข้อธรรมน!ว้กเพอเปีนเครองเคือนใจให้คนเรามองดูคัวเองว่าเปีนคน ประเภทใดใน ๓ ประเภทน เมอมองเห็่นแล้วจะไดรักษาให้หาย หรือปรับปรุง แก!ขใหดฃน หรือรักษาสภาพทํ่เปีนอยู่!ว้!หมนคง มิให้ถดถอยเคือมคินไป ในพระ;สูฅรนิ้ สมเค็่จพระ;ผู้มพระ:ภากเจ้าทรงอธิบายกวามไว้ว่า อ้นธบุคคล คนตาบอด นั้น คือคนทํ่ไม่มืนัยนคาคือบ่ญญาจักบุ อัน เปีนเหตุให้!ดโภคทรัพยทกังไมได้ หรือทำให้โภคทรัพยทได้แล้วให้ทว้มากขน และไม่มืกัยนคาอันเปีนเครองใหรู้ธรรมmปีนตุสลและอกสล ใหรู้ธรรมทํ่มืโทษ และไม่มืโทษ ใหรู้ธรรมทเลวและประฌค ใหรู้ธรรมทมืก่วนเปรยบด้วยธรรม ก่ายคำและก่ายขาว ตามพระ;พุทธาธิบายนก็่จับประ;เค็่นไค้ว่า คนตาบอด นั้นก็่คือคนทไม่ม ความรู้ทงทางโลกและ;ทางธรรม มืดบอดทั้งสองด้าน เหมือนคนทตาเนั้อ บอดสองข้าง มองไม่เห็่นแสงสั!ดๆทั้งสิน กนทไม่มืกวาม^มมปิญญาทางโลก ก็่ทำ ไห้หาทรัพย!มไค้ ทำ ไหอ'บจน ลำ บาก ไ^^บกวามเคือคร้อน ไม่อาจเลยงฅัวและ;กนรอบข้างคือบฅรกรรยา www.kalyanamitra.org
i ฅ๕๘ sssuaisinfluiiau๓ พระน!ทโพรวง ศไาใรย์(ทอง ดี ช.ธ.๙) รวมทังบิคามารคาให้อยู่คมสุขไค้ แม้แผ่นคินน็้'จร:มทรัพยศมบัฅิอยู่ทุกถนท เมอ ขาคปิญญาแล้วก็่มองไม่เห็่นและไม่รู้ว}ท'จะ:หามาใช้ศอย จึงมกำศอนบอกไว้ว่า \"ท?พยนมิไกล คนปีญญๆไว หาได้บ่นาน ทั่วแคว้นแดนดิน มสินทุกสถาน ผูใคใจคร้าน บ่พานพบนา\" คังน นอก'จากนั้น แม้'จะ:มทรัพยศมบัฅิเป็นค้นทุน แล้ว'จากมรคกทฅกทอคกันมา หากขาคปิญญาความ^นการบริหารจัคการ ก็่ใม่อา'จพัฒนาให้งอกงามเพํ่มพูนขนไค้ หรือไม่อา'จปกม้องค้มครอง ไม่อา'จ รักษาทรัพยศมบัคิเหล่านั้นไว้!ค้ กินใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายฟ่มเห้อย ร่อยหรอลงไป คามลำคับ ในไม่ช้าก็่'จะ:หมคสินไป ในทางเคยวกัน หากขาคปิญญาทางธรรมค้วยก็่ซํ้าร้าย เมอไม่รู้!ม'ยอมรับ เรองบาปบุญคุณโทษ ไม่รู้ครู้ชั่วอะไร กื่ทำ อะไรคามใ'จชอบ ศร้างเวรศร้างกรรม ไว้โคยไม่รู้คัว เหมือนกวายป้าคาบอคเดินเพ่นพ่านชนค้นไม้ซนหลักคอไปเรอย ลำ หรับ เอกจกขุบุคคล คนตาเคยว นั้นทรงพรรณนาไว้ว่า ไค้แก่ บุฅศถทมนัยนศาคือป็ญญาจักษุ อันเปีนเหๆไหไ^ภคทรัพยทยังไมไค้ หรือ ทำ ไห[ภกทรพยทไค้แค้วให้ทวมากขน แศไมมนัยนัศาอันเปีนเศรองไหรูธทมท เปีนกุศลแถะอกfla ไหรู้ธรรมทมโทษแถ:^ไมมโทษ ไหรูธรรมทเลวและประณต ไหรูธรรมทมย่วนเปรืยบค้วยธรรมปีายคำและปีายขาว คามพระพุทธาธิบายนั้ย่อมไค้['จกวามว่า คนตาเคยว ก็่กือกนทมืปีญญา- จักษุ มืกวามรู้ทางโลกอย่างเคยว แค'ขาคกวามรู้ทางธรรม ไม'เชอเรึ๋องบุญเรํ่อง บาป ไม'เซํ่อเรองเวรเรองกรรม ไม'ศนใ'จเรองกวามคกวามชั่ว บุ่งแค'เพยงให้มื กวามรู้ทางโลกมากๆ ก็่ทำ ไหชวิคอยู่สุขศบายแล้ว อันท'จริง กนทมืกวามรู้ทางโลกอย่างเคยวนั้ศามารถเอาคัวรอคไค้ อยู่เย็่นเป็นสุขไค้ เ'จริญรุ่งเรืองค้วยลาภ ค้วยยศ ค้วยศรรเศริญไค้ เพราะ กวามรู้นั้นศามารถให้ลำเร็่'จประโยชนทเป็นบิ'จ'รุบันไค้ แต่เมอขาตความรูทาง www.kalyanamitra.org
๓๕๙ ซญญฬทซุทm 1รอง เทาชญญ'ไ ธรรมณส์ยงอยู่ ถือว่าอยู่ในเขตอนตราย ไม่ปลอดภยนก หากประมาทมัวเมา ในความรู้ใพ้วามรู1ปก่อกรรมทำเฃ็่ญ ไปเปียศเปียนกนอนให้เศือดร้อน หรือ ไปทำบาปทุจริตอันเปีนความชั่วร้าย ก็่จะไดรับทุกขไศ้รับโทษ ^นเนอประดาฅัว บ้าง ถูกจำดกจำขังบ้าง แบ้หากจะใช้ปัญญาใช้ทรัพยเอาคัวรอดได้ไม่ด้องถูก ลงโทษถงทัณฑอะไร หรืออาจยังไดรับการยกย่องนับถือจากคนทั่วไปอยู่ แด่ กรรมททำไวกึ่จะดามสนองให้มลในลำคับชาฅิด่อไปแน่นอน ดังนั้น กนมฅาเคยว กื่ยังเสิยงภัยอยู่ เว้นไว้แฅไม่ปรร:มาท ระ:วังดัว ไม่ทำชั่วทำผิคเลวร้ายอะไร คำ รง ซวิฅอยู่เป็นปกติประ:จำวัน กื่อยู่เย็่นเป็นสุขไคํในซาตินั้ แค่เมอสินลมไปแล้ว ก็่ฅ้องละ;ค้องทงสิงทั้งหมคไว้[นโลกนั้ไม่ว่า'จะ:เป็นทรัพยสิน กวามรู้ กนรอบข้าง และ:สิงอำนวยสุขค่างๆทหาไค้ค้วยปิญญๆทางโลกทมอยู่ อำ หรับ ทวิจักขุบุคคล คนฟ้องตา นั้นทรงอธิบายไว้ว่า ไค้แก่ บุคคลทม นัยน่ดาคือปัญญาจักษุอันเปีนเหทุให้ได้โภคทรัพย่ทยังไมได้หรือทำให้โภคทรัพย่ ทํ่ได้แล้วให้ทวมากขน ทัง้มนัยน่ฅาอันเปีนเครองให้รู้ธรรมmปีนกุสลและอกุสล ให้รู้ธรรมทมโทษและไม่มโทษ ให้รู้ธรรมmลวและประณฅ ให้รู้ธรรมทมก่วนเปรยบ ด้วยธรรมน่ายทำและน่ายขาว คามพระ:พุทธาธิบายนั้ย่อมไค้ประ:เค็่นซัคเ'จนว่า กนฟ้องคาก็่กือกนทม ปิญญาจักษุ มกวามรู้ทั้งทางโลกและ:ทางธรรม มองเห็่นโลกและ:เห็่นธรรมขัคเจน เหมอนกนมคาเนั้อคทั้งฟ้องข้าง ย่อมมองเห็่นไค้ทะ:ธุปรุโปร่ง ไม่มืคมัวให้หลงผิค ประ:การไค กนฟ้องคานั้จัคว่าเป็นกนทประ:เฟ้ริฐสุค ในช่วงซวิคเบองค้น แม้จะ:เกิคมา เป็นกนอนาถายากจน เกิคในถนทุรภันคาร แค่มธรรมคือกวามขยัน กวามอคทน และ:กวามพากเพยรพยายามเป็นทุนเติมฟ้นับฟ้นุนส่งเฟ้ริม ให้เรมค้นแฟ้วงหา กวามรู้เพมพูนฃนเรอยๆ ก็่มกวามรู้ทางโลกไค้มากขนคามอำดับ ในขณะ:เคืยวภัน จิคใจก็่โน้มไปในทางธรรม แฟ้วงหากวามรู้'ทางธรรม ปฏิบัติคามหลักธรรมท www.kalyanamitra.org
i ๓๖อ 0 sssuaisinflin ฟบ ๓ พระชแาโพธิวงศไใใรย์(ทองดี ช.ร.๙) เรยนรู้ หักห้ามใจมิให้ฝืกใฟ้ในทางผิคในทางทุ'จริฅ ซวิฅก็่เจริญขนไห้เรอยๆ พันจากฐานะอันเป็นพนเพเดิมไค้ ซวิฅสว่างไสวโซดิช่วงไค้ เหมือนเมอก่อน อยูในทมืค แต่พยายามหาควงไฟมาดิคในทอยู่ กวามมืคก็่หมคไป กลายเป็น ทสว่าง การเป็นอยู่ก็่สว่างและสะควกสบายคามฉะนั้น ในพระสูฅรนั้ สมเค็่จผู้มืพระกากเจ้าทรงสรุปประเค็่นไว้ว่า น เจว โภคๆ ตถารูปา น จ ปุฌฌานิ กุพฺพติ อุกยตถ กรค.คโห อนฺธสฺส หตจฦฃุโน ฯ อง..ติก. ๒๐/๔๖๘ เป็นอาทิ ชงแปลไคใจกวามว่า ภคทรัพยเห็่นปานนั้น ย่อมไมมแก'คนศวบอศเถย และคนคาบอด ย่อมไม่ทำบุญอกด้วย กาพอนิดใน ประโยชนทั้งองย่อมม่แก่คนคาบอดผู้เ^ยจักษุ ต่อมา เราได้กล่าวถึงคนตาเดยวนั้Iวอกคนหนง คนคาเคยวนั้น เปีนผู้ระคนอยู่กับธรรมและอธรรม แสวงหาโภคลมบัศิ โดยสองวิธ คือการคดโกงและการพูดเท็่จอันเปีนล่วน แห่งความเป็นขโมย อนง คนสองคาเรากล่าวว่าเป็น บุคคลทประเสริฐสุด คนสองคานั้นเป็นผู้มความดำริ ประเสริฐสุด มใจัไม่สงกัย ย่อมสละทรัพย่ทคนได้มา ด้วยความหมั่นจากโภคทรัพย่ทํ่คนหาได้โดยจอบธรรม ไห้เป็นทาน ย่อมเข้าถึงฐานะอันเจริญ ชงบุคคลไปถึง แล้วไม่เสร้าโสก'* ทแสคงมานั้เป็นนัยทปรากฏคามพระบาลพระไฅรปิฎก หยิบยกมาเพํ่อ เพั๋มพูนปิญญาและทางปฏิบัติคามพระพุทธคำรัสทฅรัสไว้ แต่หากนำบุกกลใน www.kalyanamitra.org
๓๖© #' ซญญฬทชุทท! fKJK] โรอง ตใซญโนไ >*-0^ พรร;ศูฅรนมายักเยองขยายประเค็่นในกวามหมายอนย่อมไm]ญญาเพั๋มเติมฃ็้น กล่าวกือประเค็่นในการมองโลก มองบุคคล มองเหตุการณ เป็นต้น เพราะไม่ว่าโลถ ไม่ว่าบุคคล ไม่ว่าเหตุการณ ย่อมมมุมความจริง ให้มองได้'ส์องมุม คือด้านบวกกบด้านลบหรือด้านดกบด้านเสิย เมอมชวิฅอยู่ ก็่'จำต้องพบกับความจริงลองต้านนิ้อยู่คลอคเวลา การมองจำต้องมองเป็น ลองมุม มองไม่เห็่นหรือมองเพยงมุมเคืยวก็่โม่อาจรู้จักโลก ไม่รู้จักบุคคล และ ไม่รู้จักเหตุการณคามเป็นจริงไต้ เมอไม่รู้'คามเป็นจริง ณห็่นผิคเห็่นเพยนไป ก็่ทำ ให้เข้าใจผิคเข้าใจไม่ถูกต้องไป อันเป็นปอเกิคให้ทำผิค พูคผิค ประพฤติผิค คามไปต้วย นั่นเป็นผลเสิยหายทำให้เกิคทุกข เกิคความบาคหมาง เกิคการ ทะเลาะวิวาท เกิคความแคกแยกไม่ลามัคกกันไต้ อย่างทปรากฏอยู่ในโลก คลอคมา เมอกล่าวในแง่ของการมองเซ่นนั่ ย่อมจำแนกบุคคลไต้เป็น ๓ ประเภท โคยนำคำเรืยกบุคคลคามพระพทธคำรัลมาเป็นหลัก คือ อันธบุคคล คือคน มองไม่เป็น เอกจักขุบุคคล คือคนมองด้านเคยว และ ทวิจักขุบุคคล คนมอง เป็นทั้งสองด้าน อันธบุคคล คนมองไม่เป็น นั้นคือคนทํ่ขาคปิญญา ขาคลติ คิคไม่เป็น ไม่รู้โม่เห็่นความเป็นจริงของโลก ของบุคคล ของเหตุการณทั้งต้านบวกและ ต้านลบ ก็่ทำ ให้ประมาทเส์ยหายไต้ เซ่นในเรองของโลก ถ้าไคํลัมผัลในต้านคื ก็่หลงละเมอ มัวเมา ยึคติค หากเป็นในต้านเคืย ณ็่ป็นทุกฃกังวล คนรนเพอให้ หธุคพ้น หรือเก็่บคัวหนํหน้า ไม่กล้าเข้าลังคม หรือในเรองมองบุคคล ถ้ามอง ไม่เป็น มองผิคไปหรือมองข้ามไป ก็่ทำ ให้เส์ยหาย ทำ ให้เคืยใจ ทำ ให้เคืยเงิน เคืยทอง เป็นต้น คนเซ่นนั้จัคไต้ว่าเป็นอันธบุคคลคือมองไม่เป็น เมอมองไม่เป็น ก็่ทำ ให้โม่เห็่นจริง ทำ ให้ปล่อยไมใต้ วางไมไต้ มแฅ่จะยคติคเหนยวแม่น หรือ ไม่ก็่ปล่อยวางเฉยเมย ทั้งขว้างไม่ลนใจใยคือะไรทั้งร้น ซวิคก็่เป็นลุขบ้างเป็น ทุกขบ้าง เปลยนไปคามแค่จะไต้ประลบอย่างไร www.kalyanamitra.org
A ฅ๖๒ t ธรรบส!ร!ทฝ็นแส่บ ๓ พระบMใโพรวง ศไใใรย์(ทอง ดี ช.ธ.๙) เอกจกฃุบุคคล คนมองด้านเคยว คือมองโลกในค้านบวกหรอใน ค้านลบเพยงค้านเคืยว มองในแง่คือย่างเคืยวทรอมองในแง่ร้ายอย่างเคืยว เมอมองในแง่คืก็่ๆ::พบแต่กวามคื มองข้ามกวามเคืยไป เมอมองในแง่เคืย กื่จะพบแต่กวามเสิย แม้ๆะมคือยูกมองไม่เห็่น มองอย่างนิ้เร้ยกว่ามองสุกโต่ง ไปข้างหนง กนมองสุกโต่งเช่นนย่อมประศบปิญหามากมาย ทำ ใหวิกกกังวล ม้าง ทำ ไหกับสนม้าง ทำ ให้งุนงงสงกัยม้าง ชวิฅกวามเป็นอย่ก็่เลยไม่สุขสบาย เมอมองในแง่บวกหรึอค้านคือย่างเคืยว ก็่ๆะมองว่าทุกอย่างคืไปหมก แม้พบเห็่นส่วนไม่คืม้างก็่เห็่นว่าไม่เป็นไร เมอมองว่าไม่เป็นไรก็่ปล่อยวาง ไม่สนใๆทจะปรับปรุงแกไขอะไร จนล่วนไม่คืนั้นลามปามไปมาก จนกระทั่งเกิค เป็นกวามเคือกร้อนขน หรือเมอมองในแง่ลบ ก็่จะมองว่าไม่คืไปทั้งหมก แม้ จะมล่วนคือย่ม้างกใม่ยอมรับ ปฏิเสธไปเคืยทุกอย่าง ทำ ให้เข้ากับกนอนไมไค้ ทำ ให้ค้องอยู่โกกเคยว ถูกทั้งขว้าง ไมม้คฺนดูแลเอาใจไล่ นั่นเป็นเพราะมอง สุกโต่งอยู่ค้านเคืยวและยึกฅิกอยู่กับกวามกิกเช่นนั้นเหนยวแน่น ล่วน ทวิจักขุบุคคล คนมองเป็นทั้งสองด้าน คือมองทั้งแง่บวกและ แง่ลบ ยอมรับทั้งสองค้าน กนทํ่มองเป็นจักเป็นกนมปีญญา มกวามกิก มจุกยืน ทั้ถูกค้องนั่นกง รู้จักโลก รู้จักบุกกล รู้จักเหตุการณกามเป็นจริง ยอมรับไค้ เมึ๋อประสบในด้านดก็่บงคบใจควบคุมใจได้ไม่หลงละเมอ ไม่ประมาทม้วเมา ไมยดหลง เมอประสบในด้านเสิย ก็่บงจับควบคุมใจได้ไม่วิตกกังวล ไม่ท้อแท้ ผิดหวง ปล่อยได้วางได้ กนมองเป็นทั้งสองค้านเช่นนั้ ย่อมอยู่กับกวามจริงของโลก ของบุกกล ของเหตุการณ[ค้อย่างสุขสงบ ไม่ว่าจะอยู่ในท่ามกลางวิกฤติ อยู่ในท่ามกลาง กวามโกลาหลวุ่นวาย อยูในหมู่กนทั้แฅกต่างกันแกไหนอย่างไร ก็่อยู่ไค้อย่างสงบ ทำ ไจไค้ ระงับกวามรู้รกไค้ และอยู่กับภาวะเช่นนั้นไค้ จนกระทั่งเกิคกวามเกยชิน www.kalyanamitra.org
ฅ๖ฅ ซญfUllfWjnai ใรอง ฅไซญญา เหมือนกนเราอยู่กับเหงอไกล อยู่กับร่งสกปรกในปาก ใน'จมูกของตนไค้ 'จนเกยชิน 'จนไม่พกเหม็่นหรือรังเกย'จอย่างไร บุกกล ๓ ปร:;เภทในสองประเค็่นกวามหมายนมืปรากฏอยู่ในโลก แม้ เราเองณ?เนหนงใน ๓ ประเภทนเช่นเคยวกัน เมํ่อทราบขัคกังนแล้ว ถ้าเ?]น กนฉลาค มืจิคใ'จโน้มเ&งไปในทางเ'จริญ ก็่'จะปรับกัวเอง ซงก็่สมกวรเ?เนเช่นนั้น เพราะชิวิคสามารถปรับเปลํ่บนไค้คลอค เช่น เมึ๋อเ!เนคนประเภทอนธบุคคล กี่'จำต้องแสวงหาปิญญากวามรู้ เพอเ?เนเกรองมือในการทำมาหากินประกอบ หน้าทการงาน ให้เกิคโภกทรัพย่ส์าหรับเลยงกัวและกนรอบข้างให้อยู่เ?)นสุข ในขณะเคยวกันกี่แสวงหาทางธรรม เรืยนรู้ทางธรรม เพํ่อนำมาประพฤติปฏิบัติ กวบกู่กันไปกับกวามรู้ทางโลก 'จะทำให้การประกอบอาซพเ?เนไปโคยสุ'จริค ซวิค เป็นอยู่โคยสุ'จริค หรือเมอมองโลก มองบุกกล มองเหตุการณใม่เป็น มองไม่ถูก กี่tเกมองให้เป็น ใหร้ภาวะกวามเป็น'จริงของโลกของบกกลและเหคการณ กี่'จะ ๘! ฉลากชินและมองเบน เมอเป็นคนประเภทเอกจกฃุบุคคล มืคาข้างเคยว กี่'จำต้องแสวงหา ทางธรรมเพํ่มเติม เพอชิวิคและหน้าทการงาน'จะไค้เทยงครง คำ เนินไปถูกทาง ทั้งทางโลกและทางธรรม และเมอมองโลกมองบุกกลอยู่ค้านเคยว กี่หันกลับ มามองอกค้านหนั้ง ให้เห็่นทั้งสองค้าน แล้วกัครนว่าคว่าชั่วไปคามเป็น'จริง เมึ๋อเป็นคนประ๓ททวิจกขุบุคคลอยู่แล้ว กี่ใม่ประมาท ระวังรักษากวามรู้ และคุณธรรมทั้มือยูไว่ใหมั่นกงเหนยวแน่น ไม่ปล่อยปละละเลยเผลอเรอไหชวิค แปรผัน โคยทั้สุค เมออยูในโลกกี่'จำต้องมองโลก มองบุกกล มองเหตุการโน!ห้เป็น ทั้งค้านบวกและค้านลบ ให้เห็่นกวาม'จริงและยอมรับกวาม'จริงของโลก กี่'จะอยู่ กับกวาม'จริงนั้นไค้อย่างองอาจผงผาย ไม่สะทกสะห้าน และจะไคํรับการยกย่อง สรรเสริญทั่วไปว่าเป็นผู้กล้าหาญ กวรแก่การเอาอย่างและกวรแก่การยกย่อง VI ^ คัวยประการฉะนิ www.kalyanamitra.org
i ๓๖๔ # sssuaisiiuiuiiau๓ พระบHใโพรวง ศไาารย์(ทอง ดี ช.ร.๙) ในเรองบุกกล ๓ ประเภทนิ้ สมเค็่'จพระผู้มพระกากเจ้าทรงแสคงไว้ โคยทรงมเป้'าประสงคเพอเสือนสฅิกนเราให้ปรับคัวเป็นทวิจ้กฃุบุกกล และ เพํ่อเป็นทางเลือกส์าหรับกบหาสมากม โคยทรงให้กบหาแค่ทวิจักชุบุกกล คามพระบาลืในอันธสูครคอนท้ายว่า อนฺธฌจ เอกจกขญจ อารกา ปริวชุซเย ทวิจกข ปน เสเวถ เสฎรํ ปุริสปุคคลํ ฯ อง..ดิก. ๒๐/๔๖๘ บุคคลควรเว้นคนตาบอดกบคนตาเดยวเลืยให้ห่างไกล แต่ควรคบทาคนสองตาชงเป็นบุคคลผู้ประเสริฐสุด. อคคเจ้าอาวาสวัคอรณราชวราราม ชงเป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ เป็น ผู้นำ สงฆ ปกกรองพระอาราม บริหารกิจการพระศาสนาในตำแหน่งค่างๆ มา โคยลำคับ ล้วนเป็นทวิจักชุบุกกล เป็นผู้มปิญญาจักชุอันฉลาคสมภูมิ มกวามรู้ ทั้งทางโลกและทางธรรม มองเห็่นโลกและต่วนประกอบทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ถถ้วน จึงไครับการยกย่องสรรเสริญให้เจริญถ้าวหน้า ให้เป็นเจ้าอาวาส พระอารามลำกัญและไว้วางใจให้ตำรงตำแหน่งทางการปกกรองชั้นค่างๆ ชง ทุกท่านก็่สามารถบริหารจัคการหน้าทค่างๆ ทํ่ไครับมอบหมายให้ลำเร็่จค้วยค คามลำคับจนถึงมรณกาพ ทั้งยังกวรไครับการถึอเป็นแบบอย่างลำหรับปฏิบัติ คาม เพอกวามเจริญรุ่งเรืองของผู้ปฏิบัติห้วยอกต่วนหนง ชงเป็นไปคาม พระพุทธนิพนธททรงแสคงไว้ คังไห้พรรณนามา ห้วยประการฉะน อิมินา กตปุฌฺเฌน ห้วยอำนาจกุศลบุญราสืทักษิณาบุประทานกิจท กณะสงฆและอุบาสกอุบาสิกาของวัคอรุณราชวราราม ซงมพระเคชพระคุณ พระธรรมมงกลเจคย่ เจ้าอาวาสเป็นประธาน ไคมสมานฉันท่บำเพ็่ญอุทิศถวาย แค่อคคเจ้าอาวาสพระอารามทุกรูป ณ โอกาสน ขอจงเป็นบุญนิธมฆลล้มฤทธิ้ www.kalyanamitra.org
๓๖๕ $ ซญญฬทซุทai ^ 1รอง ดไปืญญา เป็นไปเพออิฏฐมนุญผลทน่าปรารถนาพอใจแค่อคฅเจ้าอาวาสทั้งนั้นโคยฐานะ นิยมทุกประ:การ รับประ;ทานแสคงพระ;ธรรมเทศนาในปิญญาจักขุกถา สมสมัย ไค้เวลา ขอยุติลงคงไว้แค่เพยงเท่านั้ ฯ เอวํ ก็่มค้วยประ;การฉะ;นั้ ฟ เทหติ วจนทวารา เทหฎ■^า ปฌฺจ เทวตา สชฺช นิยฺยนฺติ ธ กิตติ มติ ทิริ รรปี จ ฯ ธทมนฅิ. พอเปิคปากขอเขาเท่านั้น เทวคาประ;จำตัวทั้ง ๕ คือ ปิญญา เกิยรติ กวามรู้ กวามอะ:อาย เพเะ;คืริมงกล จะทนทายMนทันท. Ifn www.kalyanamitra.org
ยตฺถ เปล น ชานนฺติ ชาติยา วินเยน วา น ตตฺถ มานํ กยิราถ วลมฌฺฌาตเก ชเน ฯ ธทมนติ. เมึ๋ออยู่ในทํ่ซํ่งไม่มใกรรู้จัก กึ๋!ม่พงถือเนั้อถือตัว ว่าฅนมชาติกำเนิค ลงกว่าเขา หรอมการถืกษาสงกว่าเขา. www.kalyanamitra.org
๕ 'ปีณฑิตวิสยกถา เรื่อง วิสัยบัณฑิต น ปณฑิตา อตุตสุขสฺส เหตุ ปาปานิ กมมานิ สมาจรนุติ ทุกฺเขน ผุฏุ^า ฃลิตาปี สนฺตา ฉนฺทา จ โทสา น ซหนฺติ ธมมนฺติ ฯ ฃฺ.ซา. ๒๗/อ๔๖๗ ณบัคน จักไค้แส์คงพระ:ธรรมเทศนาใน ปีณฑิตวิฟ้ยกถา เพอเพํ่มพูน กุศลศรัทธาอนุโมทนาทักษิณานประ:ทานกิจ ทกณะ:ศงฆกณะกิษย วัคปทุมกงคา ซงมท่านเจ้าคุณพระพรหมเลนาบค เจ้าอาวาลเป็นค้นเป็นประธาน พร้อมค้วยคณะสงมภายในวัค คณะกรรมการของวัต และท่านทเคารพทับถึอ ไค้มลมานฉันท่พร้อมกันบำ เพ็่ญใค้เป็นไปเพออุทิศถวายเจ้าประคุณลมเคื่จ พระธรญาณนุน (ลนิธ เฃมจารมหาเถระ) และอคฅเจ้าอาวาลทุกรูป ทั้งน็้ก็่ค้วย มกุศลจิฅกอปรค้วยกกัญฌูกฅเวทิคาธรรม นำ ให้เกิคกุศลฉันทะค้องการทจะ พระมหาโพธิวงศาจารย (ทองค} วัคราฟ้อรฟ้าราม ทรุงเทพมหานกร แฟ้คง ในการบำเพื่ญกุศฟ้อทิศถวายอคคเจ้ากาวาฟ้ โน วัคปทุมกงกา เขศป้'อมปราบวัครพ่าย กรุงเทพฯ วันจันทร ท ๒๓ คุดากม พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๐๙.๓0 น. www.kalyanamitra.org
k ฅ๖๘ y ธรรบส!ร!ทศน!ฟบ ๓ WSrUMใโพธิวง ศใาารย์(ทอง ดี น.ร,๙) ฅอบแทนพระคุณเจ้าปรร;คุณสมเค็่จฯ และอคฅเจ้าอาวาสทุกรูปเป็นส์าคัญ จึงไค้ร่วมกันบำเพ็่ญให้เป็นนิพัทธกิ'จประจำมิไค้ฃาคสาย เป็นอันไค้กวามอาลัย ระลึกถึงพระบูรพา'จารยผู้มพระคุณ ทั้งไค้เพั๋มพูนการบูชาพิเศษอันเป็นเหตุ แห่ง'อุคมมงกลฅามพระพุทธนิพนธทว่า ปูชา จ ปูซนยานํ เอตมมงคลมุต.ตมํ การบูชาท่านทั้กวรบูซานเป็นมงกลอย่างสูงสุคประการทนง คังน เจ้าประคุณสมเด็่จพระธรญาณมุน เฃมจารมหาเถระ และอคฅเจ้าอาวาส พระอารามนทุกรูปไค้ซอว่าเป็นผูมบุญยั๋งใหญ่ จึงไค้รับสถาปนาให้คำรงตำแหน่ง เป็นเจ้าอาวาสวัคปทุมกงกา ชงเป็นพระอารามหลวงส์ากัญอยู่กลางเมืองและ กลางเซฅเศรษฐกิ'จชองประเทศมาแค่โบราณ ไค้รักษาพัฒนาการพระอาราม ให้คำรงมั่นกงเ'จริญรุ่งเรืองตามสติกำลังมาโคยลำกับ กับแค่ค้น'จนถึงเจ้าประคุณ- สมเค็่'จฯ ลึบสายค่อเนองมา'จนถึงเจ้าอาวาสรูปปิ'จ'รุบัน ชงไค้นำซอเลึยงของวัค ให้ช'จรชยาย'จนเป็นทั้รู้จักโคยทั่วไป เพราะเจ้าประคุณสมเค็่จฯเป็นพระกักเทศน่ ทมืซอเลึยงเลองลึอกว้างชวาง และคำรงตำแหน่งในทางปกกรองกณะสงฆ ระกับสูง กือเป็นเจ้ากณะกาก ๑ และเป็นกรรมการมหาเถรสมากม เป็นค้น ทั้งอัธยากัยไมฅรืก็่เป็นทยอมรับกันไค้ว่าเป็นพระมหาเถระทโอบอ้อมอารื มื นํ้าใจ ยมแอ้มแจ่มใส เช้าหาง่ายไม่ค้องลำบากใจเมอค้องมาติคค่อหรือค้อนรับ เมั่อท่านไปเยือนทํ่วัค ในลํวนชองการพัฒนารักษาพระอาราม เจ้าประคุณสมเค็่จฯไค้ซอว่า มาพลิกทั้นลึนซพพระอารามให้สง่างาม พ้นจากกวามชำรุดทรุคโทรมตามกาล เวลา ให้เป็นทเหมาะแก่การอยู่อากัยทำกิจสงฆและลึกษาเล่าเรืยน แม้อคต เจ้าอาวาสรูปก่อนๆ ก็่ใค้ดูแลรักษาวัคให้ตำรงกงอยู่ ให้สถาพรมั่นกงมาเป็น ลำ กับๆ ไค้บำเพ็่ญประโยชน่ สร้างคุณูปการไว้แก่พระอาราม แก่พระภิกษุ สามเณรมาตามลำกับยุกสมัย จึงสมกวรไค้รับยกย่องบูชาจากพระสงฆและ อบาสกอบาลิกา เพราะถึอว่าเป็นบพการืบกกล และกณะสงฆชองวัคเล่าก็่มื www.kalyanamitra.org
๓๖๙ บณฑิฅวิสซททไ ร โรอง วิ สั ยบณฑิต ใ^^' นํ้าใ'จระ;ลี้กถึงคุณูปการนั้นๆ ถึงไค้บำเพ็่ญคุศลอทิศให้ฟ้นประจำฅลอคมา ถึอ ไค้ว่าทุกรูปเป็นบัณฑิตบุกกล เป็นพระมหาเถระผูมปรซาศามารถ ตังอยู่ในธรรม ไม่ทอคทงธรรมอันเป็นหลักส์าตัญในพระศาศนา ไม่เห็่นแก่กวามศุฃส่'วนตัว ไม่บุ่งกวามสะดวกศบายในชวิฅเป็นหลัก แต่มกวามเถึยสละ บำ รุงรักษาและ พัฒนาพระอารามให้คำรงกงอยู่ ให้พัฒนาก้าวหน้ามาไค้เรือยๆ แม้'จะประสบ กับทุกฃยากบ้าง ไครับกวามสมหวังผิคหวังบ้างก็่สงบไค้นิงไค้ รักษากวาม เป็นสมณะไ'วใค้'จนกระทั่งมรณภาพในน้าเหลืองทุกรูป มพฤติกรรมตรงกับ วิลัยบัณฑิตในพระพุทธศาสนา ชงสมเค็่จพระบรมศาสคาตรัสไว้ ตังปรากฏใน ภูริปิญหาซาตก ฃุททกนิกาย ทั่ยกมาเป็นนิกเฃปบทเทศนาว่า น ปณฺฑิตา อตตสุฃสฺส เหตุ เป็นอาทิ ซงถอคกวามเป็นภาษาไทยไค้ว่า \"บัณฑิตทั้งหลายปอมไม่ประกอบบาปกรรมเพราะเห็่น แก่ความสุขส่วนตัว แม้จะกระทบกบความทุกฃเฃ็่ญ แม้จะพลาดไป ก็่สงบนิงอยู่ ไม่ยอมละทิงธรรมเพราะ ความชอบความชง\" ตามพระบาลชาศกน สมเศ็่จพระผู้มพระภาศเจ้าทรง ศงวิร^ยของ บัณฑิตไว้ m ประการ คือ ไม'ทำบาปกรรมเพราะเห็่นแก่ความสุขdวนตัว <5) แม้วะไศรับความทุกขเข็่ญและพลาศไปวากคืงทควรไค้ ก็่สงบนงอยูไค้ (ร? ไม่ยอมทอศทงธรรมเพราะความชอบความชังเปีนค้นเทตุ (5) วิบัย ภา ประการ นเปีนวิบัยทบัณฑิตชนยศคือมั่นคง เพอรักษาเกยรติและค้กศิf^รของความเปีน บัณฑิตของตน อันผู้คนยกย่องเชิศชูและให้เกยรติเปีนผู้นำเปีนยู้ควรแก่การเปีน ตัวอย่างคืาหรับบุคคลทั่วไปไว้ บ่งบอกว่าผู้เปีนบัณฑิตบันมความรับมิศชอบ ในตัวเอง ไม่เห็่นแก'ตัว มวิตใวมั่นคง แน่วแน่ สงบไค้ นงไค้ ไม่แสตงอาการ ขนลงเมอกระทบกับภาวะต่างๆ ในชวิศ ไม'ห้อแห้ไม'เลอนไหลไปตามอารมณ คงรักษาธรรม รักษาความศงาม เข้าไว้ไค้เหนยวแน่น เปีนเหตฺใหรักษาคุณค่า www.kalyanamitra.org
k ๓๗0 # sssuaisinfluiiau๓ พระช!ทโพรวง ศใใใรย์(ทอง ดี น.ร.๙) ของรทม ให้มองเห็่นว่ารทมเปีนรงท^ากัญ เมอปทพฤติปฏิร'ฅิศๆมแล้ว ย่อมไฅ¥บผถไดรบอานิสงล้ เปีนไปดามสมควรแก'การปฏิบัติ แถะเพรา::เปีนผู้ ไม'ทอดทงรรรม จึงเปีนเหฅุให้รรรมบังดำรงอยู่ไนโลกน็้ได้ดคอดมา วิกัยบัณm เปีนเช่นน สมเด็่จพร::ผู้มพร:;ภาคเล้าจึงดรัสพร:;บาลนไว้เปีนหลักปีน อันว่า 15ณฑิต นั้น โคยทั่วไป เป็นทรู้แล:;ยอมรับกันว่าหมายถึง คนฉลาด คนมปีญญา เป็นผู้คงแก่เรยน โคยนัยนั้ ท่านไค้แบ่งบัณฑิตไว้ ๒ ประเภท คือ บัณฑิตทางโลก กับ บัณฑิตทางธรรม ชงมกวามหมายแฅกค่างกันไป คือ บัณฑิตทางโลก หมายถึงผู้กงแก่เรยน ไค้คืกษาเล่าเรยนจนจบระกับ ปริญญาไครับปริญญาแล้ว หรือเป็นผู้ฉลาครอบ^นวิชาการแขนงค่างๆ ศามารถจัคไค้ทำไค้ ม&มือมสืลปะในการประกอบอาซพ จนฅั้งเนั้อฅั้งกัว มื ชือเถึยงเกยรติคุณรับรู้กันทั่วไป แม้จะมิไค้จบการคืกษามาจากถาบันใคๆ ก็่ยอมรับกันว่าเป็นบัณฑิตคือเป็นผู้ฉลาครู้เช่นกัน บัณฑิตทางธรรม นั้นหมายถึงผู้คำ เนินซวิฅค้วยบัญญา ค้วยกวาม ฉลาค คำ เนินซวิฅและประกอบหน้าทการงานโคยใซ้หลักธรรมเป็นแกนนำ ฉลาครู้ฉลาคทำในทางทคืงามเป็นสุจริต คำ รงชวิตโคยปราศจากบาปกรรม ละเว้นกวามซั่วร้ายอันเป็นทุจริตและอบายมุขทุกประเกท เรืยกไค้ว่าเป็น ผู้ฉลาค^นการคำรงตน ในการประกอบอาซพเป็นสุจริต จัคว่าเป็นบัณฑิต ทางธรรม คำ ว่าบัณฑิตตามปรรแด็่นหวฃ้อธรรมข้างต้น หมายถึงผู้เป็นบัณฑิต ทางธรรมเป็นหลัก หากผู้เป็นบัณฑิตทางโลกมืความเป็นบัณฑิตทางธรรม รวมอปูต้วย ปอมสมควรได้รนการยกย่องว่าเป็นบัณฑิตแท้อย่างภาคภูมิ บัณฑิตผู้ฉลาครู้อันเป็นทยอมรับกันนั้นย่อมมืวิลัยทํ่น่ายกย่องชมเชย ประพฤติตนปฏิบัติกัวเป็นสุจริตชน โคยไม่ยอมทำบาปกรรมเพราะเห็่นแก่ กวามสุขล่วนกัวเป็นประการค้น คือไม่ย่อมทำชั่วทำนิคประกอบทุจริตเพราะ www.kalyanamitra.org
๓๗๑ # ซณฑิฅวิสฮทท! โรอง วิ สั ยโ}ณฑิต เห็่นแก่ฅัวม่งให้?fวเองอยู่เป็นสุข ทั้งทการทำเซ่นนั้นก่อทุกขก่อโทษให้กนอน ก็่ฅาม ย่อมมสติ มกวามรู้สิกรับผิคชอบชั่วค เห็่นว่าแม้กนเอง'จร!ไค้รับ ผลประ!โยชน[ครับกวามสุฃ แก่ก็่ฟ้ร้างกวามเคือคร้อนให้แก่กนอนสิงอํ่น ทำ ลาย ประ!เพณกวามคืงามและ!กุณธรรมในสิ'งกมให้เสือมทรามลงไป ก็่กิคไค้แล้ว ละ!เว้นเสืย ทั้งนั้ค้วยมสติ มกวามรู้สืกรับผิคชอบ อันกวามรู้สืกรับผิคชอบ ก่อตัวเอง ก่อกนอน ก่อสิ'งกมซ่นนั้ย่อมมอยู่ในตัวของบัณฑิตแห้ จัคเป็นวิสิ'ย อย่างหนั้งของผู้เป็นบัณฑิต อันท'จริง ผู้เป็นบัณฑิตผู้ฉลาครู้เซ่นนั้น ทสามารถละเว้นบาปกรรม ไม่ ยอมทำชั่วไม่ทำผิคอะไรลงไปเพํ่ป็ประโยชนส่วนตัวนั้น ณพราะมสติมปีญญา รู้อยู่ว่า การกระทำเพอประโยชนส่วนตัวของตนนั้นเป็นการก่อทุกฃก่อกวาม เคือคร้อนไห้แก่ยูอนบ้าง ก่อกวามเสืยหายไห้แก่สิ'งกมบ้าง นอก'จากนั้นยังเป็น การก่อเวรก่อกรรมไห้แก่ตนเอง ทำ ไห้ตนเองกลุกกลอยู่กับเวรภัย ชง'จะทำ ไห้ตนเองเคือคร้อนเป็นทุก'ขหรือติคตามไห้ผลแก่ตนไปทุกภพทุกชาติ ตามทั้ สมเค็่จพระอัมมาสิ'มพทธเว้าตรัสไว้ไนพระบาลธรรมบท ฃุททกนิกาย ว่า ปรทุกฺฃูปธาเนน โย อตุตโน สุขมิจฺฉติ เวรสืสคคสืสฎโ^ เวรๆ โส น ปริมุจฺจติ ฯ ชุ.ร. ๒๕/๒๐ ผู[้ ดปรารถนาความสฃเพึ๋อตน ด้วยการเข้าไปตั้งความ ทุกฃ1ว้1นผู้อน ผู'้ นนระคนแล้วด้วยความเกยวข้อง ด้วยภัยเวร ย่อมไม่พ้นไปจากเวร เพราะเ'ห็่นและเชอตามพระพุทธโอวาทนั้ ผู้เป็นบัณฑิตจี้งไม่ประกอบ กรรมอันเป็นบาป ไม่ทำสิงท'จะเป็นเวรเป็นภัยติคตามตนไป กวามเป็นผู้ ไม่ประกอบบาปกรรมเพราะเห็่นแก่กวามสุขส่วนตัว จงไคืรับการยอมรับว่า เป็นวิอัยของผู้เป็นบัณฑิตอย่างหนง www.kalyanamitra.org
i ฅ๗๒ sssuaisinfluiiau๓ พระชเทโพรวงศไใารย์(ทองดี น.ร.๙) วิร'ยบัณฑิฅปTiการทํ่สองทว่า แม้จร;ได้njความทุกฃเฃ็่ญแลร{พลาด ไปจากสิงทควรได้' ก็่สงบนํ่งอยูได้' นั้นคือ ชวิฅของผู้เป็นบัณฑิตนั้นใช่ว่า จร;คำ เนินไปอย่างสร;ควกสบายโคยฅลอคไป บางกรงก็่พลาคหวัง บางกราว ก็่ปรร;สบกวามวิบัติเคืยหาย กล่าวคือแม้จร;มกวามรู้มกวามสามารถ หวังว่า จร;ไคํรับโอกาสหรือไคํรับกวามล่าเร็่จอย่างทกนอํ่นเซาไค้บ้าง แตกพลาค หรือ บางกราวชวิตมาประ;สบกับกวามเคืยหายกวามหายนร;ต่างๆ หรือกนอันเป็น ทรักร่งอันเป็นทชอบใจมาพรากจากไป เมอประ;สบอย่างนั้เข้า กนทั่วไปอาจ ผิคหวัง เคืยใจ คนรน หรืออาจถงกินไมไค้นอนไม่หลับ เป็นม้าเป็นหลังไป แต่ ผู้เป็นบัณฑิตสามารถสะ;กคใจ อคทนอคกลั้นไค้ รักษากิริยาอาการให้สงบนั้ง อยูไค้ กวามสงบนั้งเช่นนั้ย่อมทำไค้ยากล่าหรับกนทั่วไป แต่ล่าหรับบัณฑิตผู้ฉลาคนั้นสามารถอคทนอคกลั้นต่ออารมณต่างๆ ทมากระ:ทบไค้ ไม่ว่าจะ;พลาคหวังในร่งทั่หวัง ไม่ว่าจะ;สูญร้นบุกกลหรือของ รักของชอบใจของตนไป และไม่ว่าจะ;ถูกกล่าวหา ถูกกลั่นแกล้งอย่างไร กื่นั้ง ไค้!มโค้ตอบ เพราะมใจมั่นกงเป็นพ็้นฐาน ยํ่งผู้เป็นบัณฑิตทางธรรมค้วยแล้ว ย่อมกำนงข้อธรรมอันเป็นลัจจะว่า ทุกสิงทุกอย่างเมึ๋อเกิดข็้นได้ ณสิอมได้ เปลั่ยนแปลงได้ จะไปยดมั่นถือมั่นในสิงนั้น หรือยดติดว่าต้องมด้องเป็น อย่างนั้นอย่างนั้หาได้!ม่ ทุกสิงทุกอย่างก็่ด้องเป็นไปดามปกติธรรมดา มเกิด มเถือม มได้มเถืย เมอเห็่นอย่างนั้ พอประสบกับภาวะไมไค้!นลั่งทกวรไค้ หรือ เสิยลั่งทไม่กวรเถืยไป ก็่เฉยไค้ ปล่อยวางไค้ อคทนอคกลั้นไค้ ทำ ให้น่าเกรงขาม น่าบับถือ และน่ายกย่อง สมเค็่จพระลัมมาลัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่าข้อนั้นจัคเป็น วิลัยบัณฑิตอกประการหนง วิลัยบัณฑิตประการทั่สามทั่ว่า ไม่ยอมทอดทงธรรมเพราะความชอบ ความชงเป็นด้นเหตุ นั้นคือ ตามปกติธรรมคาผู้เป็นบัณฑิตแม้จะชอบหรือ ซังอย่างไร ก็่เก็่บไว!นใจ มใจหนักแน่น ไม่แสคงออกให้เห็่น ในขณะเคืยวกัน www.kalyanamitra.org
ฅ๗ฅฺ บณทิฅวิสยทท! 1ร0ง วิ สั ย บณฑิ ต ก็่ไม่ยอมทอคทงธรรม คงรักษาธรรมไว้มันกง อันว่า ธรรม ในทนม่งเอา ปเวณิยธรรม กบ จริตธรรม ฟ้นหอัก ฌือกล่าวว่าไม่ทอคทอคทิงธรรม ก็่หมายถึงไม่ทอคทง ปเวณิยธรรมแลร:สุจริตธรรมนั่นเอง ปเวณิยธรรม ก็่กือธรรมเนยมประเพณของอังคม ของหมู่คณะทถึอ ปฏิบัติกันมาแต่เก่าก่อน ชงเป็นเหตุให้คนเราอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข ต้วย ความรักความสามัคก มสมานฉันทต่อกัน ช่วยเหถึอเถึอกูลกัน สุจริตธรรม ก็่คือความสุจริต ความประพฤติชอบทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจทงคงาม ถูกต้อง ไม่ก่อทุกฃก่อความเดือคร้อนให้คนอน ทำ สิงไค า{เตสิงไค กิคสิงโต ก็่ ถูกต้อง ไว้!จไต้ เป็นเหตุให้คนเราอยู่ร่วมกันไต้อย่างอันติ ไม่เบยคเบยนกัน ไม่ก่อเวรก่อกรรมอะไรให้แก่กัน ผู้เป็นบัณฑิตเป็นผู้นั่นคงอยู่ในปเวณิยธรรม และสุจริตธรรมเช่นนเป็นวิอัยประจำตน ตรงกันข้าม ทั้งปเวณิยธรรมและสุจริตธรรมทังปวงมัน มักจะถูกทอตทิง ถูกละเลย หริอไมไครับความสนใจ เมํ่อคนเราประสบกับสิงทชอบ เช่นผลประโยชน ยศกักคิ คำ สรรเสริญ และเมอประสบกับสิงทชัง เช่น การถูกลงโทษ การไครับ คำ ตำ หนิ ความผิคหวังในเรองต่างๆ ดงนน เพือให้!ด!งทัชอบหริอเพือให้ พ้นจากสิงทั้ชง คนเราก็่มักจะละทิงธรรมเนยมประเพณทเคยปฏิบติกันมา หริอดะทั้งสุจริตธรรมความสุจริตซอกัดยต่อกัน สร้างประเพณขึนมาใหม่ สร้างแบบแผนข็้นมาใหม่ ทังทเป็นประเพณเป็นแบบแผนทไม่งดงาม ไม่ ถูกต้อง สร้างความเดึอดร้อนให้ในภายหกังก็่ตาม ก็่ถึคถึอเป็นแบบอย่างกัน ต่อๆมา ภาวะเช่นนเกิคฃนในอังคมในหมู่คณะไค ก็่ทำ ไหอังคมมันหมู่คณะมัน เสือคร้อน วุ่นวาย จับหอักล่าหรับถึคเป็นทางปฏิบัติทถูกต้องงคงามไต้ยาก เมือ ขยายวงกว้างมากขน ก็่ทำ ให้เกิคความไม่สงบ วุ่นวาย เกิคความแตกสามัคก เกิคความไม่สมานฉันทํขนทุกทัวระแหง www.kalyanamitra.org
i ฅ๗๔ # sssuaisinflin lau ๓ พระบMไโพรวง ศใใใรย์(ทองดี น.ร.๙) วิสย ๓ ประการดังแสคงมา คือไม่ทำบาปกรรมเพราะเห็่นแก่กวามสุฃ ส่วนดัว ๑ แม้จะไคืรับกวามทุกฃเฃ็่ญและพลาคไป'จากร่งทกวรไค้ ก็่สงบนํ่ง อยูไค้ ๑ ไม่ยอมทอคทงธรรมเพราะกวามซอบกวามซังเร็!นค้นเหตุ ๑ นิ้ ท่านว่าเปีนวิร'ยของผู้เป็นปี'ณฑิฅ ท่เปีนคนฉอาด รู้ปีกฅิศรูวิ'กอดทนอดกลั้น ไม่ยอมฟายแพ้ท่อรงท่มากระทบ ไม่ว่าจะชอบหรือชังอย่างไร วางตัวนงได้ สงบได้ จึงไดรับยกย่องว่าเป็นปีณฑิฅแท้จริง หรืออาจกอ่าวได้อย่างเด็่มทว่า อันผู้เป็นปีณฑิฅปีนย่อมฉลาดรูไนเรืองอย่างนเป็นหตักปร:!จำตัว แล้วหลกเว้น จากการทำบาปทำชั่วในชวิดประจำวัน โดยไม่เห็่นแก'ตัวจนเกินไป ไม่เปียดเปียน คนอืนเพึอไหตัวเองมสขสบาย แม้จะไดรับทุกขหรือประสบตับความนิดพลาด เปียหายบ้างก็่ทำใจ รักษากิริยาอาการหนักแน่น ไม่แสดงออกจนคนอึ๋น เดือดร้อนหรือเกิดความรังเกยจ ในขณะเคยวตันก็่ประพฤติธรรม ปฏิปีติดาม หตักธรรม ไม่ทอดทงธรรม ไม่ว่าจะอยูในภาวะอย่างไร มใจหนักแน่นมั่นคง เป็นหตักชัยประจำตัวประจำจึวิศ ผูป้ฏิปีติอย่างนแหละเรืยกได้ว่าเป็นปีณฑิด แท้จริงดามหตักพระสาสนา นัยฅรงกันข้าม ^แม้จะมการคืกษามาก มกวามรู้มาก เรยนจบปริญญา ระดับสูง มฐานะหรือมหน้ามกาไคืริบการยกย่องทั่วไป แก่เมํ่อประสบกับภาวะ ก่างๆเหส่านเข้าก็่ทำชั่วทำผิคไค้ เซ่นเมอเห็่นแก่สูซส่วนดัว ค้องการไห?โว โคคเก่นเป็นทํยอมริบ ก็่สามารถทำชั่วทำมิค สร้างเวรสร้างกรรมก่างๆไค้อย่าง ไม่รู้คืกดัวว่ามิค หรือเมอไค้ริบทุกฃ พลาคหกังจากร่งทค้องการ ก็่กลัคกลุ้ม คินรน ฅโพยกพาย วํ่งเค้นเพอให[ค้มา หรือเมอไคืริบกวามหายนะกวามวิบัติ อย่างไค ก็่หคทู่ท้อแท้ม้าง เศร้าซื้มไปม้าง หลบหน้าร'งกมไปม้าง หรือยอมทอคทั่ง ธรรมเนยมนิยมทั่คืงาม ทอคทั่งสุจริกธรรมทั่เกยปฏิบัติอยู่ เพอใหไค้!นร่งท กนชอบ หรือเพอใท้พ้นจากร่งทั่กนซัง โคยไม่กำนงว่าจะเกิคกวามเคืยหายแก่ กนอึ๋นอย่างไร จะเกิคกวามเสือมเคืยก่อธรรมเนิยมปฏิบัติและ;สูจริกธรรม ในรงกมอย่างไร ยู้ทั่ปฏิบัติจัคการอย่างนมไท้เห็่นอยู่โกยทั่วไป www.kalyanamitra.org
๓๗๕ # Omniaวิสยทท! /!< โรอง วิ สั ยบัณฑิต อันทํ่'จริง กนเราใช่ว่า'จะไครบการสืกษาถื้งระอับสูง ไค้เป็นบัณฑิตทาง โลกทุกกนไปก็่หาไม่ และเมอเป็นบัณฑิตเช่นบันแล้ว 'จะสามารถคำเนินซวิต คำ รงตนตั้งอยูในวิอัยบัณฑิต ๓ ประการข้างค้นไค้ทุกกนไปก็่หาไม่ แต่ทุกคน สามารถปฏิบัติตนเป็นบัณฑิตแทโต้ทุกคนไป โดยสร้างความรู้สิกรับผิดชอบ ในซั่วดึให้เกิตชนในตน พยายามtเกฝนมองข้อเท็่จจริงว่าคนเรารักสุขเกล้ยด ทุกฃทุกคนไป และทุกกนมกวามเห็่นแก่อัวค้วยกัน แต่กวามเห็่นแก่อัวนั้นทำให้ ก่อเวรภัยไค้ง่าย เพราะเมอเกิคฃนแล้วก็่จะทำให้กนเราทำซัวทำผิค ก่อกรรม ทำ เวรใส่ตัว ทำ กวามเคือคร้อนแก่กนอน เบยคเบยนกนอน เอารัตเอาเปรยบ กนอน ฃาคเมตตากรุณา ขาคนั้าใจไมตริต่อกัน เมอเห็่นเช่นนั้แล้วก็่ย่อมรูรกว่า กวามเห็่นแก่ตัวทมอยูในตนนั้นไม่คื เป็นเหฅให้ทำบาปกรรม ก็่พยายามไม่ทำชั่ว ทำ ผิคเพอไห?โวอยู่คืมสุขฝ่ายเคืยว ทำ ไคื?โงนั้ก็่ซอว่ามวิอัยบัณฑิตอยูในตน ก็่ สามารถเป็นบัณฑิตแห้[ค้ อกประการหนง กนเราเมอคำรงซวิตอยู่ ย่อมประสบกับภาวะพลาคหวัง ภาวะวิบัติเสือมเส่ยค้วยกัน ไม่มใกรสมหวังไค้ทุกอย่างทปรารถนา และไม่มไกร ทจะวิบัติเสือมเสืยไปทุกเรํ่อง ย่อมสมหวังบ้าง ผิคหวังบ้าง ย่อมไค้บ้าง ย่อม เสืยบ้าง เป็นธรรมคา เมอประสบภาวะสมหวังและไคืสืงทซอบ ก็่พยายาม สะกคใจไม่แสคงอาการคืใจจนน่าเกลยค ไม่ค้องถงกระโคคโลคเค้น หริอเมอ ประสบกับภาวะผิคหวัง ภาวะเสือมเสืยของรัก หริอประสบกับเรํ่องทไม่ขอบ ไม่พอใจ ก็่สะกคใจทำใจ ไม่แสคงอาการผิคหวัง เศร้าโศกเสิยใจ ท้อแท้เฉอยซา จนน่าเกลยค ไม่แสคงอาการโมโหโกรธาไปตามอารมณอันเป็นลักษณะทไม่งาม พยายามtกฝนทำตนให้สงบนํ่งไคืในภาวะต่างๆ ไค้เช่นนั้ก็่จัคว่ามวิลัยบัณฑิต อยูในตน ก็่สามารถเป็นบัณฑิตแห้!ค้เช่นเคืยวกัน อกประการหนั้ง ในซวิตของกนเรานั้นมสิงทยึคเหนยวส่าหรับให้อยู่เย็่น เป็นสุข ส่าหรับให้อยู่กันค้วยกวามรักสาบักก มกวามไว้เนั้อเชั่อใจกันไค้ และ www.kalyanamitra.org
A ๓๗๖ '฿ sssuaismflui lau ๓ พระฆผไโพรวงศใใใรย์(ทองM น.ร.๙) สามารถทำงานร่วมกันไค้อย่างสนิทใ'จ สิงนั้นกื้อปเวณิยธรรม ธรรมเนิยม ประเพณปรร:'จำถิน และสุ'จริฅธรรม ความสุ'จริฅ กวาม'จริงใ'จซอกัฅย่ การทำค พูคค คิคค ปเวณิยธรรมและสุ'จริตธรรมสองประการนั้แหละทํ่ค้องtเกฝนให้ เกิคมในตน tinฝนทำตามปฏิบัติตามอย่างเคร่งกรัค ไม่ละทงเฉยเมย ไม่ว่า 'จะนิภาวะอนใคมาแทรกแซงก!ม่ละทง เพราะปกติคนเราเมอเกิคความซอบ ในอะไร ก็่บัก'จะไมใค้คิคถึงธรรมเนิยมประเพณและสุ'จริตธรรม พยายามทำ พยายามไขว่คว้าทามาเป็นของตน แม้ว่าการทำเซ่นนั้น'จะรคธรรมเนิยมผิค ประเพณ หรือผิคถึลผิคธรรมอะไร ทำ นองเคยวกัน เมอเกิคความซังในอะไร ก็่บัก'จะละทงธรรมเนิยมประเพณ ละทิ้งสุ'จริตธรรม ไปกำจัคหรือทำลายสิงท ไม่ขอบออกไป'จากตน แม้'จะสร้างความเคือคร้อนให้คนอน สร้างความเถึยหาย แก่ส่วนรวมอย่างไรก็่ตาม เมื๋อประสบภาวะชอบและซังอย่างนั้ กื่พยายามป็กฝนตนให้เหนิยวแน่น อยูในหลักประเพณวัฒนธรรมทคงามแตโบราณและสุจริตธรรมทิ้ปฏิบัติร่วมกัน ไม่ละทิ้งหรือส่วงละเมิคไปตามอารมณรักและอารมณซังเป็นทิ้ฅั้ง ทำ ไค้กังนั้ ก็่จัคว่านิวิลัยบัณฑิตอยู่ในตน ก็่สามารถเป็นบัณฑิตแ'ห!ค้เซ่นเคยวกัน คนเราแม้มิได้เป็นบัณฑิตทางโลก แต่มความเป็นบัณฑิตทางธรรม โดยtiกฝนปฏิบัติตามวิร'ยบัณฑิต ๓ ปรร;การด้งแสดงมา ก็่สามารถเป็น บัณฑิตได้ แลร;เป็นบัณฑิตแทควย โบราณเรืยกคนทิ้ปฏิบัติตามวิด้ยบัณฑิต ด้งแสดงมานั้ว่าเป็นบัณฑิตทางธรรม ชงอยู่ในฐานร;สูงส่ง นำ ซวิตให้สูงส่งได้ ด้งขยายความมา เจ้าประคุณสมเค็่จพระธรญาณมุนิ เขมจารืมหาเถระ และอคตเจ้าอาวาส วัคปทุมคงคาทุกรูป นับไค้ว่าเป็นบัณฑิตบุคคลทิ้ควรแก่การยกย่องนับถึอ เพราะสามารถละเว้นการทำบาปกรรมอันเป็นส่วนให้เถึยหายไม่บริสุทธิ้ในฐานะ เป็นสมณะเป็นพระเถระ^หญ่ ทิ้งนิใจหนักแน่น ไมโลเลเหลวไหล จนไคริบ www.kalyanamitra.org
๓๗๗ ซณฑิmวิสeinai ใ รอง วิ สั ย บั ณฑิต ยกย่องใหมสมณffกคิ้ระคับสูง ไม่ทอคทิ้งธรรมอันเป็นหลักทั้งปเวณิยธรรมและ สูจริฅธรรมฅามหลักพระทุทธศาสนา สามารถนำปฏิปทาเหล่านมาเป็นต้นแบบ ปฏิบัติฅามไค!นทิ้ทุกสถานในกาลทุกเมอ ของเหล่าพระสงฆและอบุซนรุ่นหลัง ไต้อย่างกรบถ้วนทุกประการ ต้วยประการฉะน อิมินา กตปุฌฺเฌน ขออำนาจกุศลทักษิณานุประทานบุญกิริยาทิ้กณะสงฆ วัคปทุมคงคา ซงมท่านเจ้าคุณพระพรหมเสนาบค เจ้าอาวาสเป็นต้น และ คณะกรรมการวัค พร้อมต้วยอุบาสกอุบาสิกาของวัคไต้บำเพ็่ญให้เป็นแล้วน จงส์าเร็่จลัมฤทธิ้ผสิควิบากสมบัติอันเป็นทิพย่บังเกิคแก่เจ้าประคุณสมเค็่จ พระธรญาณบุน เขมจาริมหาเถระ และอคฅเจ้าอาวาสของพระอารามนทุกรูป ในลัมปรายภพคามคตินิยม สมคังมโนปณิธานเจฅนาของท่านทั้งหลายคลอค กาลนาน รับประทานแสคงพระธรรมเทศนาในปีณฑิฅวิสยกถา สมควรแก่เวลา นิยมสมประสงคั ยุติลงต้วยประการฉะน ฯ เอวํ ก็่มต้วยประการฉะน www.kalyanamitra.org
มาตาเสฏฺจfสุส สุภาสา ปิตาเสอุจfสฺส สุๆริยา อุโภ มาตา ปิตา เสอุจ^า สุภาสา จ สุฦกิริยา ฯ ธรรมนฅิ. หากมารคาเป็นคนค ลูกก็่จะพูคจาสุภาพ หากบิคาเป็นคนค ลูกก็่จะทำร่งทคงาม หากทั้งมารคาและบิคาเป็นคนคทั้งถู่ ลูกก็่จะพูคจาสุภาพและทำร่งทํ่คงาม. www.kalyanamitra.org
นิธิกดา เรื่อง ฃมสมบัติ อสาธารณมฌฺเฌสํ อโจรหรโณ นิธิ กยิราถ ธิโร ปุฌฺฌานิ โย นิธิ อนคามิโกติ ฯ ขฺ.ธ. ๒๕/๙ q I คน็้ จักไค้แสคงพระธรรมเทศนาใน นิธิกถา ฉลองศรัทธาเพมพูนปีญญา- U บารม อนุโมทนาในกุศลปุพพเปฅพลั๋ทมูลนิธิมหา'รุฟ้'าลงกรณราชวิทยาลัย ลันประกอบค้วยกณะกรรมการมูลนิธิ ฅลอคทงมหาวิทยาลัยมหา'ๆฟ้าลงกรณ- ราชวิทยาลัย และกณะกรรมการจัตงานวันมูลนิธิมหาๅฟัาลงกรณราชวิทยาลัย ประจำfi ๒๕๕๙ ซงมท่านเค้ากุณพระธรรมสุธ นายกสภามหาวิทยาลัย มหา'รุฬ'าลงกรณราชวิทยาลัย ท่านเค้ากุณพระพรหมบัณฑิต อธิการบค มหาวิทยาลัยมหา'รุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ศาตรา'จารยพิเศษจำนงค ทองประเ?^ ราชบัณฑิต รองประธานกณะกรรมการคำเนินการมลนิธิมหา'จุฬ'าลงกรโนราช- พระมหาโพธิวงศาจารย (ทองค) วัคราชโอรสาราม กรุงเทพมหานกร แสคง ในงานวันมูลนิธิมหา'รุฟ้าสงกรณราชวิทยาลัย ปีท ๕๒ ณ มหาวิทยาลัยมหา'รุฟ้าลงกรณราชวิทยาลัย อำ เภอวังนัอย จังหวัคพรรนกรศรอยุธยา วันทํ่ ๑๓) มกรากม ๒๕๕๙ www.kalyanamitra.org
k ๓๘อ sssuaisinfiuiiau๓ พระม MTโพริวงศาจใรย์(ทอง ดี น.ร.๙) วิทยาลัย เป็นต้นไค้บำเพ็่ญให้'เป็นไปเพํ่ออุทิศแค่เต้าของทุนแลร;ยู้มอุปการคุณ ทิวายซนม!ปแล้ว คังทํ่เกยปฏิบัติมาประจำทุกป็ ทั้งน็้ก็่ต้วยกุศลจิฅกอปรต้วย กฅัญฌูกฅเวทิตาธรรมอันมั่นกงเสมอมา นับเป็นบุญกิริยาทน่ายกย่องและเป็น แบบอย่างในทางปฏิบัติเพอต้คเพอทำขนโคยทั่วไป มูลนิธิมหาจุฬ'าลงกรณราขวิทยาลัยนมประวัติกวามเป็นมาทน่าสนใจ กล่าวคือกว่าจะมาเป็นมูลนิธิทํ่ถูกต้อง ไครับอนุญาตจัคทั้งตามกฎหมายนั้น ต้องไซ้กวามพยายามมานานนับสิบป็ นับแค่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช- วิทยาลัยไต้คำเนินการมาแค่ป็ พ.ศ.๒d๙0ในช่วงแรก มหาวิทยาลัยมปีญหา เรํ่องการเงินมาก เพราะยังไคํรับกวามสนใจจากวงการสงฆและประซาชนไม่มาก จวบถึงป็ พ.ศ. ๒๕00 เต้าประคุณสมเค็่จพระพุฒาจารย่ อาสกมหาเถระ สมัยคำรงสมณอักคิทพระพิมลธรรม องกทุติยสภานายก อธิบคืสงฆวัคมหาธาตุฯ และลังฆมนตริว่าการองกการปกกรองสมัยนั้น ไค้รับถวายกำแนะนำจาก ท่านผู้หญิงละเอยค พิบูลสงกราม ว่าในชั้นแรกกวรทั้งกองทุนเพํ่อสนับสนุน การบริหารการคืกษาของมหาวิทยาลัยไปก่อน เมอมกวามพร้อมจงขออนุญาต จคทะเบยนทั้งเป็นมูลนิธิค่อไป เต้าประคุณสมเค็่จฯ จึงมบัญขาให้คำ เนินการ จัคทั้งกองทุนขน ในระยะเรํ่มแรกเริยกว่า \"เงินอุปถมภการคืกษา\" ค่อมาถึงป็ พ.ศ. ๒๕0๗ จึงไค้รับอนุญาตจัคทั้งเป็น \"มูลนิธิมหาจุฬาลงกรถรราซ- วิทยาลัย\" และคำเนินการค่อเนองเรอยมาจนถึงป็ท ๕๒ ในป็นั้ อันธรรมคามูลนิธิทั่วไปนั้นย่อมมวัตกุประสงกเฉพาะมูลนิธิ แค่ทเหมือนกัน โคยทั่วไปคือเพอบำเพ็่ญประโยซน่สาธารณะในต้านไคค้านหนงหรือในหลายๆ ต้าน และล่วนใหญ่จะไซ้เฉพาะคอกผลทเกิคฃนมาคำเนินการตามวัตกุประสงก คังมืคำทั้นิยมใซ้กันว่า \"ฝากเงินไว้ ใช้ดอกผล ต้นยังอยู่ คู่อาราม\" หรือ \"คู่โรงเรืยน\" \"ล่มหาวิทยาลัย\" เป็นต้นแล้วแค่กรณ www.kalyanamitra.org
ฅ๘๑ usntn iSRSj ใรอง ฃฺ บสบบฅิ ฃ้อนิ้ทำให้มองไค้ว่ามูลนิธินั้นฟ้นการระคมทุนและการเก็่บออมทุนทม หลักประกันมั่นคงทลุค ฟ้นทน่าเชอถือทสุด เป็นเหตุให้มูลนิธินั้นๆ มั่นกง ไปค้วย และลมกับไคซึ๋อว่าเป็น \"นิธิ\" ทแปลว่า ขุมทรพย คือเป็นหลุมใหญ่ ทเก็่บรวมทรัพยโว้หรอเป็นท'ฝืงเก็่บลมบัฅิมค่าค่างๆ ไว้คามกฅินิยมชองคน โบราณ ลมัยทยังไม่มธนาคารและระบบการบริหารจัคการทรัพยลมบัฅิอย่าง ลมัยชจรุมัน เมอกล่าวโคยภาพรวมแล้ว นิธิหรอฃุมทรัพย่นั้นจำแนกไค้เป็น ๒ ประการคือ โภคนิธิ อย่างหนง บุญนิธิ อย่างหนง โภคนิธิ นั้นหมายถืงขุมทรัพย่คือโภคะ อันไค้แก่ทรัพย่ลมมัฅิทั้งทเป็น เครองอุปโภคและเครองบริโภคหริอชองกินชองใช้ค่างๆ ชงเป็นเครองอุคหบุน ช้วิฅให้คำรงอยูไค้ ในลมัยโบราณโภคะบางอย่างเซ่นเงินทองเคริองประคับ เป็นค้นอยู่ในลภาพเป็นนิธิคือถูก'ฝืงหริอถูกเก็่บซ่อนไว้มิคชิคจนกลายฟ้น ขุมทรัพย่มหาศาล ช้อนั้มพระบาลแลคงอ้างไว่ในนิธิกัณฑลูฅร ความว่า นิธิ นิเธติ ปุริโส คม.ภเร อุทกน.ติเก เป็นอาทิ ซงมเนั้อความว่า \"บุคคลฝืงขุมทร้พยใว้ในทั้ถืกถืงระคบนำด้วยตงใจว่า เมั่อมความจำเป็น ทรพยนจกเป็นประโยซนํแก่เรา ธรรมดาขุมทรัพยทั้เขาฝ็งไว้!นโลกก็่เพอ!!องกันการ ถูกริบเป็นของหลวงบ้าง บ้องกันโจรปล้นบ้าง เอาไว้ ใช้หนั้บ้าง เอาไว้!ซ!นเวลาข้าวยากหมากแพงบ้าง เอาไว้!ช้!นคราวเกิดภยอนตรายบ้าง\" นิธิอกอย่างหนงคือ บุญนิธิ นั้น ไค้แก่ขุมทรัพย่ทั้เกิคจากธรรมลมมัฅิ หริอคุณธรรมทเก็่บรวบรวมปลูก'ฝ็งไว้!นฅนอันธรรมลมมัฅิคังกล่าวมันไค้แก่ ทาน คืล ลัญญมะ และทมะ ช้อนั้ก็่ค้องคามพระบาลในนิธิกัณฑลูฅรนั้นเซ่นกัน ว่า ยลุส ทาเนน ธิเลน ลฌุฌเมน ทเมน จ เป็นอาทิความว่า www.kalyanamitra.org
i ๓๘๒ # sssuaisiimuiiau๓ พระบ!ทใพรวง ศไใไรย์(ทอง ดี iJ.S.๙) \"ขุมท?พย์คือบุญอน^ดจร;ฟ้นหญิงก็่ตามชายก็่ตาม ฝืงไ^แล้ว ด้วยทาน ด้วยคืล ด้วยล้ญญมร; แลร;ด้วย ทมร;ในเจคืย ในสงฆ ในบุคคล ในแขก ในบิดามารดา หรือในพชายก็่ตามท\" ด้งนเป็นด้น และ:ในนิธิกัณฑสูตรนั้น ศมเค็่จพระ!ยู้มพระ;ภากเจ้าไค้ตรัสถื้งกวาม แตกต่างกันแห่งโภกนิธิกับบุญนิธิไวซ้'คเจน ซงมประ;เต็่นใจกวามโคยสรุปว่า โภคนิธิหรอทพย่มบัฅิทโ!งไว้อย่างฅในกินหรอในmกถื้ บนํ้าเพอ ประโยชนต่างๆ เซ่นเกึ่บไว้เพอไชไนยามจำเป็นนั้น จะอำนวยประโยชนคาม ทฅ้องการไค้ทุกคราวไปก็่หาไม' เพราะว่าขุมทรัพย่นั้นเคถอนย้ายทไปไม่อยูใน ทิ่เกิมย้าง เว้าของลืมสถานทนิงไว้เ^ยบ้าง ถูกพวกนาคพวกยักษถักไปเลืยบ้าง พวกทายาททไม่ถูกกันถักขุฅเอาไปเลืยบ้าง แถะเมอบญชองเว้าของร้นไปแค้ว ขุมทรัพย่นั้งหมศก็่พถอยพินาคไปค้วย แต่บุญนิธิหาเป็นเซ่นนั้นไม่ คือเมอปถูกกังถังสมไว้ไนคนมากขนค้วยการ ให้ทานบ้าง รักษาคืถบ้าง ปาเพ็่ญสมาธิอบรมจิคบ้าง เจริญกัญญาบ้าง จนไฅทื่ มพถังเป็นบุญนิธิแค้ว ณป็นสมบักิประจำตัวของย้นั้นคถอดไป กิคคามผู้ทำ ปาเพ็่ญไปในทุกภพทุกชากิ บุญนิธินั้ไม่เป็นสมยักิทิ่สารารฌะทั่วไปแก'คนอน มิใซ่เป็นสมยักิทํ่ ผถัฅกันชม ใครทำใครไค้เสมอกัน นัง้ ใครๆ ก็่ถักเอาไปไมไค้ ฉ้อโกงเปียคยัง เอาไปก็่ไมไค้ สามารถให้สชสมยักิทน่าปรารถนาไค้ทุกอย่างทั้งมนุษย้สมยักิ เซ่นความมรูปร่างผิวพรรณคื ความเป็นใหญ่ ความเป็นพระเว้าแม่นกิน รวมถง ความเป็นพระเว้าจักรพรรดิ ให้ทั้งสวรรค้สมยักิคือความสขอันเป็นทิพย่คถอศลืง ให้นิพพานสมยักิ คือปฏิถัมภิทา วิโมกข สาวกบารมญาณ กัจเจกโพธิญาณ แถะพทรภูมิ บุญนิธิปีนถมากมอานิสงค้มาก เป็นไปเพอประโยชนเกอถูถแถะ ความสขมากเซ่นนั้แถ www.kalyanamitra.org
รท๘ฅ 0 usfiai ใรอง ซุ นสชบติ เพรา2เหตุนั้น สมเคี่จพรร:บรมศาคาจื้งทรงซักซวนใ'Mรซนผูมปิญญา ทั้งหลาย'คำบุญนิธิชงไม่มไกรลักขโมยไปไค้และ:ฅิคฅามฅนไปไค้ใ/เกหนแห่ง คามพระ:บาลในนิธิกัณฑ ฃุททกปาฐะ: ทั้ยกมาเป็นนิกเฃปบทเบืองค้นว่า อสาธารณมฌฺเฌส์ อโจรหรโณ นิธิ เป็นค้น อันมใจกวามคามภาษาไทยว่า \"ขุมทรัพยคือบุญไม่สาธารณร:แก่ชนเหล่าอน โจร ลักไปไมใต้ บุญนิธิลันใดติดตามตนไปไต้ ยู้ม่ปีญญา พงทำบุญนิธิลันนั้น\" สมเคื่จพระ:บรมสาสคากว่า'จะ:ไค้ครัสรู้เป็นพรร:ใชุทธเค้า กว่า'จร:ทรงม พระ:ปิญญารู้เรองบุญนิธิเซ่นนั้ และ:กว่า'จะ:ทรงแนะ:นำใหลัฅวโลกทั้งหลายรู้คาม และ:ลังสมบุญนิธิไค้เซ่นนั้ มิใซ่'จะ:ล่าเร็่'จฃนไค้[คยง่าย ทรงบำเพ็่ญเพยรค้วย พระ:วิริยะ:อุคสาหะ:สมัยเป็นพระ:โพธิลัคว่มาหลายร้อยหลายพันชาติ 'จนพรร:บารม แก่กล้าจึงไค้ครัสรู้ เมอครัสรู้แล้วก็่ทรงพรร:วิริยร:เทศนาแนร:นำลังสอนเวไนยนิกร ใใพู'คามและปฏิบัติคามเพอเกิคปรร:โยช'นสูงสุคแก่คน ชงนักปราชญกำหนค พระบารมธรรมทั้ทรงบำเพื่ญมานั้นว่าเป็นพระ'พุทธคุณอันล่ากัญทั้โคคเค่น เห็่นประจักษ เป็นทั้ยอมรับกันมายาวนานหลายพันป็ทั้ผ่านมา อันพร:!พุทธๆณทึ่^าคัญโคศเค่นนั้น ฟานจำแนกไว้เปีน ๒ ประการก็่ม ๓ ประการก็่ม ประการก็่ม แคในทนั้อักแสคงเฉพาะพระพุทธคุณ ภา ประการ เปีนประเค็่นหอัก พระพุทธคุณ ภา ประการนั้นคือ พระบ?สุทริคุณ พระ!}ญญาคุณ แสะ พระมหากรุณาคุณ พรร:บริสุทธิคุณ กือกวามบริสุทธิสะอาค ปราศ'จากโทษคือกิเลส ไมม I <1^ ข้อตำหนิน่ารงเกีย'จ พรร:ปีญญๆคุณ คือพระปรชารอบรู้!นลั'จ'จะกวาม'จริง ปริชารอบรู้!นล่วน ทิ่เ'จริญ ปริชารอบรู้!นล่วนทั้เคือม ปริชารอบรู้!นวิธการสร้างกวามเ'จริญและ ละกวามเคือม www.kalyanamitra.org
i ๓๘๔ ะ?: sssuaisinfiui lau ๓ พระฆHาโพรวง ศไใใรย์(ทอง สิ ช.ร.๙) พรร;มหากรุณาคุณ กือกวามมพรร:หฤทัยเพยบพร้อมค้วยพรร:กรุณา ต่อชาวโลกอย่างหาทสุคมิไค้ ทรงเสิยสลร:เสค็่'จพรร:คำเนินไปยังทต่างๆ ปรร:กาศ เผยแผ่พรร:ศาสนา นำ พาซาวโลกให้พ้นจากทุกฃ ไคํรับทันฅิสุขพร้อมมูล ถึง <1๕ l1 พระพุทธคุณเหล่าน็้ปรร:จักษซัคแจ้งโคยทั่วไป ในการน้อมระถึกถึงพระพุทธคุณ ๓ ประการน นักปราชโ^บราณท่าน กำ หนคให้สวคหรือบริกรรมบทพระบาถึ ๓ บทเป็นเกรองหมาย ลือบทว่า อรหํ สมมาสมพทฺโธ ภควา เซ่นบทไหว้พระทว่า อรหํ สมมาสมพทฺโธ ภควา, พุทธํ ภควนฺตํ อภิวาเทมิ เป็นค้น เมอสวคบทนก็่เท่ากับไค้น้อมใจระถึกถึง พระพุทธคุณ ๓ ประการนั้นแล้ว หากถามว่า บทว่า อรหํ สมมาสมพทฺโธ ภควา นั้นบ่งถึงพระพุทธคุณ ถก ประการอย่างไร ท่านแสคงคำคอบไว้ว่า บทว่า อรหํ นั้นปงถึงพระบริสุทธิคุณ บทว่า สมมาสมพทฺโธ นันบ่งถึงพระนัญญาคุณ บทว่า ภควา นั้นบ่งถึงพระมหา- กรุณาคุณ ในเบองค้นสมเค็่จพระบรมศาสคาเมอทรงไคํรับพยากรณว่าจะไค้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าในอนากฅแล้วก็่ทรงบำเพ็่ญพระบารมมาต่อเนอง ในสมัยนั้นๆ เรืยกว่าทรงเป็น พระโพธิล้ตต ลือ ผู้ทั่ติดแน่นอยู่กับโพธิคือความตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้า ทรงประกอบค้วยพระบารมทั้งอย่างค้น อย่างกลาง และอย่างสูง หรือปรนัคลบารม โคยทรงแลกไค้ค้วยชวิต หรือยอมสละซวิฅเพอรักษา คุณธรรม ไมให้เถึยร'จจะในการรักษาคุณธรรมข้อนั้นๆ จนกระทั่งพระบารม กลั่นคัวออกมาใสสะอาคบริสุทธิ้ เพราะพระบารมเหล่านั้นสมบูรณสุครอบแล้ว ในพระชาคิสุคท้ายเมอทรงเป็นพระรทธัฅถะแห่งกรุงกบิลพัสคุ ไค้เสค็่จออก ทรงผนวช ทรงบำเพ็่ญเพยรเป็นทางสายกลาง จนไค้ฅรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า หมคกิเลสสินเชิง ทรงบริสุทธิสะอาคหาทสคมิไค้ ค้วยภาวะเซ่นนั้ทรงไคํรับ www.kalyanamitra.org
ฅฺ๘๕ 0 usnai 1รอง ฃุ ชสมบัติ ยกย่องว่า อรหํ ชงแปลว่า ^กถ'Vากกิเถf^ ผู้กำ พัข้า^กกือกิเลสไค้แล้ว เปีน ผูบ้?สทธิบริบูรณกินเชิง เพราะ;ภาวะเซ่นนจึงทำให้พระองกทรงไครบร'กถาระ: บูชาจากมหาซนเนืองแน่น แม้เสคื่จคับขันธแล้วมากว่าสองพัน!! ยังเทลือเพยง องกพระปฏิมาเป็นรูปธรรมปรากฏ เหลือแค่กำสอนทเป็นนามธรรมนำลืบต่อ กันมา แค่เกรองรกการะทมหาชนม้อมนำมาบูชานั้นมิไค้ลคน้อยลง กลับเพํ่มพูน มากฃนเรอยๆ ฃ้อนั้ปงให้เห็่นว่า ความเ!เนอรหํ ชองพระองกํนั้นมอานภาพยั่งยืน ไพศาล ค้วยเหฅนั้ บทว่า อรหํ จึงเป็นเกรองปงซว่าหมายลืงพระบริสทธิกณ ของพระพทธองกํ นอกจากนั้น กวามเป็นอรทํชองพระองกํยังเปงบานเพมพูนค้นทุนรากัญ ขนอกประการหนั้งลือ แสงสว่างแห่งปีญญา เพราะทรงไว่ซงแสงสว่างแห่ง ปีญญาเซ่นนั้ จึงทรงไคร้บยกย่องว่า สมมาสมพทฺโธ ชงแปลว่า ผูฅ้รัสรู[ศยชอบ ค้วยพระองค้เอง ลือทรงไครับแสงสว่างแห่งปิญญาค้วยการฅร้สรู้โคยชอบ ค้วยพระบารมททรงลังสมมาค้วยพระองกํเอง กล่าวลือทรงประกอบพร้อมค้วย พระปิญญาเจิคจ้าหาประมาณมิไค้ บทว่า สมฺมาสมฺพุทฺโธ นั้จึงเป็นเกรองปงซ กงพระปีญญากุณของพระพุทธองกํ แลเมอพระพุทธองกํทรงเป็น อรหํ บริสุทธิบริบูรณร้นเซิงแล้ว ทรงเป็น พระ สมมาสมฺพุทฺโธ ประกอบค้วยแสงสว่างแห่งปิญญาหาประมาณมิไค้แล้ว ก็่ มิไค้ทรงนั้งเฉย มิไค้ทรงปล่อยวางค้วยเห็่นว่าเหนึ๋อยมามากแล้ว ทลายชาติ มาแล้ว เมอหมดกิเลสแล้วเกิดปีญญารู้แจ้งแล้วก็่หยุดพักไค้แล้ว อะไร ทำ นองนั้ กลับทรงมพระหฤทัยแน่วแน่เค็่คเคยว ทรงเลืยสละกวามสุขล่วน- พระองกทพื้งมพึงไค้ เสค็่จไปยังสถานทค่างๆ ประกาศพระศาสนา เปีคเผย แสงสว่างแห่งปีญญาทไค้ฅรัสรู้'มาให้เจิคจ้าโชติซ่วงไปในทค่างๆ ทรงแนะนำ มหาชนทุกระคับชั้นให้มองเห็่นแก่นแห้ของซวิฅ ให้เห็่นทางหธุคพ้นจากกองทุกข ทประสบอยู่ ให้คำเนินซิวิฅอย่างสงบสุข ให้ละเว้นการเบยคเบยนกันและกัน www.kalyanamitra.org
i ๓๘๖ ฿ sssuaismflui lau ๓ พระนผไโพธิวงศไาใรย์(ทองดี ป.ร.๙) ให้มองเห็่นโทษของการทำชั่วทำผิคแล้วเลิกละไค้ ค้วยเหตุนพระองกจึงทรง โ^บยกย่องว่าเร็เน ภควา ชึ่งหมายถึง ผู้จำ แนกแจกธรรม ผูมโชกวาสนา ทํ่เสศ็่จร่'งสอนไปในทใฅก็่สามารถแน^นำผู้กนใน^นให้สรัทธาเถอมใสไค้ สมปรารถนา แม้จ^มผู้กิศร้ายอย่างไรก็่ไม'อาจเอาชนะพร:;องกไค้ ค้วย พระปฏิปทาของพระพุทธองคทรงเถึยศละเพอซาวโลกอย่างล้นเทลือเช่นนิ้ บทว่า ภควา ลืงเปีนเครองปงซถึงพระมหากรุณาคุณของพระพุทธองก รวมประเค็่นความแล้ว ศมเฬ็่พระบรมศาสคานั้นทรงเป็นยูมพิเป็นจริง ทลืาคัญ ๓ ประการกอ ทรงบริสุทธิ้จริง ทรงรู้จริง และ ทรงเลืยสละจริง กล่าวคึอการททรงบำเพ็่ญพระบารมต่างๆ เช่น เมฅฅาบาม ขันติบารม ทานบารม เปงบานแก่กล้ามาหลายร้อยหลายพันชาติจนกระทั่งไค้ครัสรู้เป็น พระพุทธเจ้า กำ จัคกิเลศไค้หมคลิน การทรงเป็นพระอรหํนั้น แสดงว่าทรงม พระบริสุทธิคุณ คึอบริสุทธิ้จริง อันเป็นค้นทุนให้เกิคแศงศว่างคือปิญญา อันเอกอุคม ไค้เป็น ศมฺมาศมฺพุทฺโธ รู้แจ้งธรรมโคยชอบค้วยพระองกํเอง แสดงว่าทรงมพระปีญญๆคุณคือทรงรู้จริง จากนั้นก็่ทรงบำเพ็่ญพระองคเป็น ภควา ทรงเลืยศละเปิคเผยแศงศว่างนั้นให้ปรากฏแก่ซาวโลก ทำ ให้ชาวโลก ไครับผลแห่งแศงศว่างนั้นจะนับจะประมาณมิไค้ ยั่งยืนมั่นคงมาจนถึงทุกวันนั้ แสดงว่าทรงมพระมหากรุณาคุณ คือทรงมความเลืยสละจริง อังนั้น เมอเปล่งวาจาหรือน้อมใจระลืกว่า อรหํ สมมาสมพทฺโธ ภควา ก็่เท่ากับว่าไค้น้อมระลืกถึงพระพุทธคุณ ๓ ประการ คือ พระบริสุทธิคุณ พระปีญญาคุณ และ พระมหากรุณาคุณ แล้ว ค้วยอธิบายอังแศคงมานั้ มิใช่เพยงเพอให้คนพุทธทั้งทเป็นพุทธบุตรคือ ภิกษุศามเณรผู้เป็นธรรมทายาท และพุทธศาศนิกชนทั้งหลาย ไค้คระหนักรู้!น พระพุทธคุณ ๓ ประการนั้ แล้วน้อมระลืกนกถึงพระพุทธองคค้วยการศวค พระพุทธคุณนั้ฅามโอกาศอันควร เพํ่อไครับอานิศงส์ เจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 512
Pages: