Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมสารเทศนา

Description: ธรรมสารเทศนา

Search

Read the Text Version

k อฅ๖ ^ sssuaisinfiin ฟฆ ๓ พระบHTโพธิวง ศไใใรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) ทำ นองกลองธรรมต่างๆ เช่น ทำ ให[มกคอาฆาตมาคร้าย ไม่กิคอกฅิลำเอยง เพราะชอบ เพราะซัง เพราะกลัว เพราะหลง ทำ โห^งอยู่ในเมตตากรุณาธรรม ให้อภัย เสิยสละ เกอกูลกันและภันไค้ ในทางปฏิบัติ จิตทใด้ชึ๋อว่าตั้งไว้ชอบก็่คือจิตทถูกจดถูกวางไว้ในทึ๋ทถูก ต้องเหมาะสม ททกวรฅั้งจิตไว้กกือกุศลกรรมบถชงไค้แก่สุจริตธรรมทั้งปวง อันสุจริตธรรมนั้นก็่กือการทำค พูคค และกิคคนั่นเอง จิตทั้ทั้งนั่นอยูในสุจริตธรรมจึงเริยกไค้ว่าเปีนจิตททั้งไว้ชอบ และจิตทฅั้ง นั่นอยู่ในสุจริตธรรมนั้เองย่อมซักนำให้กนเราทำแต่ร่งทํ่คๆ พูคแต่กำทั้คๆ กิค แต่ร่งทคๆ กือจะทำอะไร จะา{เคอะไร จะกิคอะไรก็่เปีนไปเพอประโยชนั่เกอกูล เพํ่อกวามลันติและกวามสุฃทั้งแก่ตนและกนอํ่น เว้นทำ เว้นพูค เว้นกิคอะไรท ทำ ให้ตนและกนอนเคือคร้อน จิฅททั้งไว้ชอบเปีนเหตุเปีนปีจจัยแห่งการทำกวาม คืและเปีนเหตุเปีนบัจจัยให้การทำกวามคืคำเนินไปไค้อังนั้ อนง จิตทั้ตั้งไว้ชอบหรือทตั้งไว้ถูกตำแหน่งแห่งท ถูกทั้ถูกทาง ปอมเปีน จิตทั้สงบไม่ถูกรบกวน เหมือนร่งฃองรากาแพงทถูกเก็่บถูกทั้งไว้ถูกทั้ถูกทาง ไม่เกะกะกคชวาง ก็่จะไม่ถูกชนไม่ถูกกระทบรบกวนให้กระเทือนหรือล้มแตกหัก เคืยหาย จิตณช่นเคืยวกัน เมํ่อทั้งไว้ถูกค้องก็่เปีนจิตทไม่ถูกรบกวน เปีนจิต ทสงบโลภ สงบโกรธ สงบหลงไค้ เมอสงบไค้เช่นนั้แล้ว จิตทํ่เปีนธาตุรู้ก็่จะเกิค กวามร้กวามเห็่นตามกวามเปีนจริง เช่นเรมเห็่นว่าการฆ่ากน การฆ่าลัตว่ ต'คชวิต การรังแกเบยคเบยนกนอนเปีนกวามไม่คื เปีนบาปอกุศล มิใช่วิลัย อารยชนกนทเจริญแล้วจะพึงทำ หรือเห็่นว่าการลักขโมยไม่คื เปีนบาป ก่อ กวามเคือคร้อนให้เจ้าชองทรัพย่ ทั้งเห็่นว่าทรัพย่ทลักขโมยฉ้อโกงมาไค้มิใช่ ชองคื เปีนชองอัปมงกล เปีนชองร้อน เปีนของไม่สะอาคไม่บริสุทธิ หรือเห็่นว่า การนอกใจสามืภรรยาเปีนกวามเลว เปีนบาปอกุศล นำ พาให้เคือคร้อนทั้ง กรอบกรัวและวงก่ตระกูล หรือเห็่นว่าการพูคโกหกหลอกลวงกันเปีนกวามเลว เปีนสิงไม่กวรทำไม่กวรประพฤติ เพราะทำให้เกิคกวามเสิยหายเคือคร้อนแก่กนอน www.kalyanamitra.org

©๓๗ # จิฅททm .รองร์ทํ หรอเห็่นว่าอบายมุขเป็นสิงเลวร้าย ลุรายาเลพฅิคเป็นรงบั่นทอนสุขภาพแล^ เศรษฐกิจของฅนแลร;ครอบครัว ความรู้ความเห็่นเหล่านั้เ!เนต้นจร;เกิดข็้นได้แก่คนทมจิตตั้งไว้โดยชอบ เท่านั้น ในทางฅรงกันข้าม จิฅทตั้งไว้ผิคชงเป็นจิฅทมความโลภ ความโกรธ ความหลงครอบงำนั้น เมอเห็่นใครทำคก็่จะกิคในทางอกุศล เซ่น เมํ่อเห็่นใคร บริจาคทาน เห็่นใครรักษากิล ก็่เกิคความร้สืกต่อด้าน เข้าใจว่าทานไมคกิลไมค เพราะให้ทานก็่ด้องเสิยทรัพย ไม่เห็่นได้อะไรขนมา รักษากิลก็่ด้องเว้นบั่นเว้นน ไมได้อะไรขนมาเซ่นกัน รู'อยู่เฉยๆ ไมให้ทานไม่รักษากิลไมได้ไม่ด้องเสิยทรัพย และไม่ด้องเสิยเวลาด้วย ทั้งเมอไม่รักษากิล จะไปทุจริฅคคโกงใคร จะไปโกหก มคเท็่จใคร หรือจะไปทำชั่วทำผิดอะไรก็่ใม่ต้องกลวผิดกิด เพราะไมใด้ร้มไมไต้ รักษากิล ความคิดเซ่นนั้ม่อมเกิดฃั้นได้แก่คนทตั้งจิตไว้ผิดคือตั้งจิตไว้ในโมหะ จึงทำให้หลงผิดเข้าใจผิด อันความรู้ความเห็่นเซ่นนั้มิใซ่เป็นความรู้ความเห็่น ตามความเป็นจริง หากเป็นการเห็่นทํ่ทวนกระแสความจริงโคยสินเชิง อันจิตนั้นปอมมอิทธิพลต่อการวินิจฉัยและการต้ดสินใจชองคนเรา อย่างมาก และล่งผลดผลร้ายแก่คนเราอย่างมากเซ่นกัน หากวินิจฉัยถูก กี่จะฅัคสินใจถูกด้วย หากวินิจฉัยผิคกี่จะติคสินใจผิคตาม และเมอตัคสินใจ ถูกแล้ว สิงททำ คำ ทพูค เรองทคิคกี่จะถูกตามไปด้วย หากฅัคสินใจผิค ร่งท ทำ คำ ทพูค เรํ่องทคิคกี่จะผิคตามไปด้วยเซ่นกัน เซ่นเมอวินิจฉัยหรือเห็่นว่า \"ทำดได้ดมทไหน ทำ ชั่วได้ดมถมไป\" กี่จะไม่กิคทำความกิอะไร หรือเมอเห็่นคน ทฉ้อโกงเอารัคเอาเปรืยบคนอนแล้วรารวยและมหน้ามฅาเป็นทเคารพนับถือ ของคนทั่วไป กี่ฅัคสินว่าทำชั่วไมไคชั่วจริง จึงเมอตนลบโอกาสเข้ากี่จะพุ่งเนัา หาทางฉ้อโกงเอารัตเอาเปรยบคนอํ่นเพอให้รารวยเซ่นนั้นบ้าง กลายเป็นคน เห็่นกงจักรเป็นคอกบัวไป www.kalyanamitra.org

A ๑๓๘ ฿ sssuaisinfluiiau๓ พระชMใโพรวง ศไใใรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) การวินิจฉัยและการฅัคสินใ'จถูกหรอผิคนั้นก็่เนองมาจากจิฅทตั้งไว้ชอบ หรอตั้งไว้ผิค จิฅทตั้งไว้ซอบก็่เป็นหตุใหวินิจฉัยและฅัคสินใจถูก จิฅทตั้งไว้ฆิค ณ็่ป็นเหตุไหวินิจฉัยผิคและฅัคสินใจผิคเซ่นน็้ ทั้งนก็่อยู่ทจิฅชงเป็นตัวการให้ วินิจฉัยและตัคสินใจ ถ้าจิฅมอิสิระ ไม่ฅกอยู่ในอำนาจชองกิเลสิ ไปอยู่ในอำนาจ ชองอคติ ไม่อยูในอำนาจชองอารมณ ชงเป็นจิฅทั้ตั้งไว้ชอบ การวินิจฉัยตัคสินใจ ก็่ย่อมเป็นอิสิระไม่ถูกครอบงำ เป็นไปอย่างถูกถ้องเป็นธรรม นำ ตันตินำสิขมาให้ แก่ทุกฝ่าย หากจิตไม่มอิสิระ ถูกครอบงำถ้วยกิเลสิ มอคติเป็นเจ้าเรือน หรือ ตกอยู่ในอำนาจอารมณ ก็่จะวินิจฉัยตัคสินใจไปตามกระแสิกิเลสิ กระแสิอคติ เป็นไปอย่างไม่ถูกถ้อง ไม่เป็นธรรม นำ ความเสิยหายเคือคร้อนมาให้แก่ทุกฝ่าย เพราะฉะนั้น ท่านจิงแนะนำให้ตั้งจิตไว้[คยชอบ ถ้วยการtเกฝนจิต ควบคุมจิต ฉุครั้งจิตมิให้ตกไปตามอำนาจกิเลสิ ของอคติ และของอารมณ สิงทั้เป็นเครั้องมือส์าหรับtเกฝนจิตเบองถ้นก็่คือ ปรโตโฆสะ กับ โยนิโส- มนสิการ ปรโตโฆสะ คือคำพูด คำ แนะนำ คำ โฆษณา กระแสข่าว ตลอดกง ข้อมูลต่างๆ ทไคยนไถ้เห็่นจาก^นและจากแหล่งความรู้ต่างๆ ปรโตโฆสิะเป็น ข้อมูลเบองถ้นทั้โน้มน้าวจิตคนเราให้เชอมือ ให้เกิคศรัทธา ให้ถ้องการประพฤติ ปฏิบัติตาม แต่ปรโตโฆสิะนั้นก็่มืทั้งทั้เป็นจริง มืเหตุผล เป็นประโยชน ประกอบ ถ้วยความหวังคื และทํ่เป็นเท็่จ ไม่มืเหตุผล ไม่เป็นประโยชนํ มุ่งทำลายให้ เคือคร้อน ถ้วยเหตุตังนั้ ปรโตโฆสิะซงเป็นข้อมูลเบองถ้นจำถ้องอาตัยโยนิโสิ มนสิการคอยกำกับถ้วยจึงจะส์าเร็่จประโยชนใถ้อย่างแท้จริง อัน โยนิโสมนสิการ นั้นก็่คือ การใซ้ปีญญาพิจารณาโดยแยบคายถ้วนถ เป็นความฉลาคในการคิค คิคอย่างถูกวิธ ถูกระบบ พิจารณาไตร่ตรองสิาวไป จนมืงสิาเหตุหรือถ้นตอชองเรองหรือกำพูค กำ แนะนำ ตลอคมืงข้อมูลทั้ไครับมา เป็นวิมืแห่งปิญญา เป็นเครั้องมือในการกลั่นกรองแยกแยะเรั้องต่างๆ จนกระทั่ง www.kalyanamitra.org

0ฅ๙ 0 จิomnm fSZi] I รอง ใ m ' ทราบขัคไค้ว่าสิงใคแท้ สิงใคเท็่จ สิงใคเป็นประโยซน สิงใคไม่เป็นประใยซน เป็นค้น เนอกนเรารับรู้ฃ้อมูลอันเป็นปรโฅโฆสิะและกลั่นกรองข้อมูลค้วยปิญญา อันเป็นโยนิโศมนสิการจนรู้เห็่นกวามเป็นพิ กวามถูกค้อง และประโยซนทจะ เกิคขนฉะนแล้ว ป็กจิฅโน้มจิฅลงไปในข้อมูลทผ่านการกัคกรองมาอย่างคแล้ว นั้นค้วยศรัทธาเซอมั่นไม่หวั่นไหว พากเพยรพยายาม!เกฝนจิฅไปให้เข้มแฃ็่ง ให้ มพลังห้องกันและฅ่อสิกบอำนาจกิเลศและกระแสโลกทถาโถมเข้ามาหา จนจิฅ มอิสระปลอคจากกิเลส อกฅิ และอารมณ ซอว่าตั้งจิฅไว้ซอบแล้ว ก็่จะเป็น เหตุเป็นปิจจัยใหวนิจฉัยฅัคสินใจทำเรองต่างๆ ทเป็นกวามคเป็นประโยซนโค้ ถูกค้องไม่ผิคพลาคต่อไป ข้อนั้เ!เนการซ!ห้คนเราใช้โยนิโสมนสิการเป็นเครึ๋องมือในการวินิจฉย ตดสินในกิจต่างๆ กล่าวคือเมั่อได้รู!ด้เห็่นหรือได้รับเรองราวข้อมูลอันเป็นต้น เรองแล้ว ก่อนทจะวินิจฉยและตดสินใจทำหรือพูดหรือลั่งการอันใดลงไป พง ใช้โยนิโสมนสิการไตร่ตรองให้ถล้วนรอบคอบต้วยความมือิสระ ไม่ถูกครอบงำ ต้วยกิเลส อคติ และอารมณ อย่างนั้จงจะชอบและถูกธรรม นำ ความล่าเรืจ มาให้และจกได้njความนิยมนับถือจากบุคคลทั่วไป บุกกลทตั้งจิฅไว้ซอบจึงนิยมประกอบการต่างๆค้วยกวามบริสุทธิใจ จ::ทำ จะพูคอะไรก็่เป็นไปค้วยกวามบริสุทธิจริงใจ ไม่มนัยแอบแฝงค้วยอำนาจกิเลส ค้วยอำนาจอกฅิ หรือค้วยอำนาจอารมณ ทำ พูค กิคค้วยกวามรูถืกทโปร่ง โล่งสบายใจ เพราะไม่มือะไรมาทำให้[ฃว้เขววิตกกังวล เมอทำเมอพูคไปแล้วก็่ เกิคผลในทางบวกมากกว่าทางลบ พบทางสะควกมากกว่าทางฅิคขัค ผูตงจิต ไว้ซอบจึงสามารถปร^กอบกรณยกิจอันเป็นอนุสรณซวิตไว้[ค้มากมาย แมืซพ วายไปแล้วผู้กนก็่ระลกถืงไม่จึคจาง เหมือนยังมั่งอยูในหัวใจของผู้กนตลอคกาล www.kalyanamitra.org

i 0๔0 # sssuaisinflin lau CO พระบHใโพรวง ศใใใรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) พระบาทสมเค็่จพระพุทธยอคฟัๆ'รุฬาโลกมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัฅริย ทมั่นคงอยู่ในหลักกำสอนขององกสมเค็่'จพระสิ'มมาสิ'มพุทธเ'จ้า ทรงมพระทัย มั่นในการทรงบำเพ็่ญพระราซกรณยกิ'จลันเป็นประโยซนเกอกูลนานัปประการ ทั้งนก็่ด้วยทรงตั้งพระทัยไว้ชอบอยู่ในกรอบแห่งกุสลกรรมบถคือสุ'จริตธรรม ทรงน้อมนำมาเป็นเกรองมือในการวินิ'จฉัยและตัดสินพระทัยในการบำเพ็่ญ กัลยาณกรรมกวามคื อย่างเซ่นการททรงตัดสินพระทัยย้ายพระนกร'จากมั่ง ตะวันตกมายังมั่งดะกันออกซองแม่นํ้าเจ้าพระยาก็่คื การททรงตัดสินพระกัย รักษาฃนบธรรมเนยมและกิลปวัฒนธรรมต่างๆทเกยมืในกรุงสรอยุธยาไว้ ด้วย ทรงเห็่นว่าเป็นสิงทบรรพซนได้ซ่วยสร้างสรรกลังสมมาหลายยุกหลายสมัย นำ กวามเ'จริญรุ่งเรืองมาให้แก่กรุงเก่ามายาวนานกว่าสิสฅวรรษเป็นด้นก็่คื นับว่า เป็นการตัดสินพระทัยโดยธรรมประกอบด้วยธรรม ทรงเป็นแบบอย่างแก่ยู้นำหมู่ นำ กณะอิสรซนทั้งหลายได้เป็นอย่างด ทรงประพฤติปฏิบัติตามหลักสาสนาให้ เห็่นเป็นตัวอย่าง นำ ทางให้เ'จริญรอยตาม ด้วยเหตุตังน คืงเหมาะกวรทพสกนิกรซาวไทยผู้'จงรักกักคื'จะพึงยึดถือ เป็นด้นแบบให้แยบยล โดยการป็กฝนอบรมจิตให้ตั้งไว้ซอบ ให้ประกอบด้วย กุสลกรรมบถหรือสุ'จริตธรรม นำ จิตให้ห่าง'จากกิเลสกวามโลภ กวามโกรธ กวามหลง เพอเป็นเหตุปี'จจัยโดยตรงให้ประพฤติบำเพ็่ญกัลยาณกรรมกวาม คืทั้งหลายลันเป็นไปเพอประโยซนํเกอกูล เพอกวามเ'จริญสถาพร และเพอ ลันติสุฃซองหมู่กณะและซองประเทสซาติ ทั้ง'จะเป็นเหตุปี'จจ้ยใหรักษาติลป วัฒนธรรม รักษามรดกต่างๆ ซองน้านเมืองทพระบาทสมเค็่'จพระเจ้าอยู่หัว พระองกํนั้นและรัซกาลต่อๆ มาไครังสรรก!ว้กู่บ้านกู่เมืองให้ดำรงอยู่ตราบนาน เท่านาน ตังรับพระราซทานมาด้วยประการฉะนิ้ อิมินา กตปุฌฺเฌน ด้วยอำนา'จบุญกุสลหักษิณาบุประทานทสมาซิก ราซสกลทกมหาสาขา กณะสงฆวัดพระเซฅุพนวิมลบังกลาราม และมลนิธิ www.kalyanamitra.org

©๔© i' จิฅฅทท! Iรอง จิ ต ทุนพร2พุทธยอคฟ้า ในพระบรมราซูปถัมภ ไค้บำเพื่ญให้ฟ็นไปเพอธุทิศถวายเป็น พระราชกุศลแค่พระบาทศมเค็่'จพระพุทธยอคฟ้า'รุฟ้าโลกมหาราช รัชกาลท ๑ แห่งพระบรมราชจักรวงค่ ชงสมเค็่'จบรมบพิฅร พระบาทสมเค็่จพระเ'จ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเ?ฐ ทรงพระราชทานมหากรุณาให้อยูในพระบรมราชูปถัมภ ณ โอกาสน็้ ชอจงเป็นปุญญนิธอัมฤทธิส์าเร็่'จผลเป็นสุขวิบากและอิฏฐมนุญญ- สมบัติ แค่สมเค็่จพระบรมมหากษัฅริยาธิราชเจ้าพระองกนั้น สมมโนปณิธาน อุทิศทุกประการ รับพระราชทานแสคงพระธรรมเทศนาในจิฅฅกถาสมควรแก่ เวลา ยุติลงคงไว้แค่เพยงเห่านิ้ ฯ ขอถวายพระพร www.kalyanamitra.org

คุโณ เสฎจ(คตํ ยาติ น อุจฺเจ สยเน 0เส ปาสาทสิฃเร วาโส กาโก กึ ครโฟ' สิยา ฯ ธทมนติ. ขู้อยูในตำแหน่งสูง ก็่ใซ่จ?มคุณรทมสูงเสมอไป เปรยบเหมือนกาทํ่จับอยู่บนยอดปราสาท จ?กลายเป็นครุฑไป www.kalyanamitra.org

JaSc ปาปนิวารณกถา เรื่อง กำ แพงปีองกันบาป อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ ปาปา จิตฺตํ นิวารเย ทนฺธํ หิ กรโต ปุฌฺฌํ ปาปสฺมึ รมต มโนติ ฯ ขุ.ร. ๒๕/0๙ บัคน จักรับพระราชทานแสคงพรร;ธรรมเทศนาใน ปาปนิวารณกถา ณ ในการทสมเค็่'จบรมบพิฅรพระราชสมภารพระองค พระบาทสมเค็่'จ พระเ'จ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรคพระราชทานให้การจัคงานบำเพ็่ญกุศลครบ ๒๐๐ tl วันประสูติ สมเค็่'จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ ชงวัคบวรนิเวศวิหารโคยคณะสงฆและคณะติษยจัคฃนอยู่ในพระบรมราชูถัมภ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยํ่งฅ่อวัคบวรนิเวศวิหาร และแสคงถึงนํ้าพระราช- หฤหัยทเปียมค้วยพระกฅัญฌูกฅเวทิคาธรรมในสมเค็่'จพรร;มหาสมณเจ้าฯ พระองคนั้น ในฐานะทํ่ทรงเป็นหน่อเนอพระราชวง^พระองคหนง โคยทรงเป็น พระธรรมกิฅฅิวง (ทองค) วัคราชโอรสาราม กรุงเทพมหานคร แสคง ในการบำเพี่ญกุสลอุทิศถวายเป็นพร2กุสถ ครบ ๒00 ป็ วันประฟ้ฅิ สมเค็่จพระมหาสมณเจา กรมพระยาปวเรศวรยาสงกรณ ณ พระอุโบสถวัคบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ วันท oi กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.^๕ น. www.kalyanamitra.org

i ©๔๔ sssuaismflui lau ๓ พระม!ทโพธวง ศไใไรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) พร๓ชนัคคา ในพระบาทสมเค็่จพระพุทธยอคฟัาจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท ๑ แห่งพระบรมราชจักรวงส์ และทรงปกกรองวัคบวรนิเวศวิหารพระอาราม ทเสค็่'ไ!ประทับเมอกรั้งเสค็่'จทรงผนวช สมเคื่'ไ!พระมหาสมณเ'จ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ มพระนาม เคิมว่า พระองกเจ้าฤกษ ทรงเป็นพระพระราชโอรสในสมเค็่'ไ!พระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ และเจ้า'ไ!อมมารคาน้อยเล็่ก ประสูฅิเมอ วันพฤหัสบคท ๑<1 กันยายน พุทธกักราช ๒๓๕๒ เมอพระชนมายุไค้ ๑๓ พรรษา ทรงผนวชเป็นสามเณร ณ วัคมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ้ เมอพระชนมายุไค้ ๒๑ พรรษา ในป็พุทธกักราช ๒๓๗๒ พระบาทสมเค็่'จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรคเกล้าให้ทรงลาผนวชออกไปสมโภชคามราชประเพณแล้วแหไปเช้ารับการ 'อุปสมบท ณ วัคพระศรรัฅนศาสคาราม โคยมสมเค็่'ไ!พระกังฆราช (ค่อน) เป็น พระอุปิชฌาย และสมเค็่'ไ!พระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุซิฅชิโนรส ขณะ ทรงคำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมนนุชิฅชิโนรส วัคพระเชตุพนฯ และพระวินัย รักชิฅ วัคมหาธาตุฯ เป็นพระกรรมวา'ไ!า'จารย ทรงไคํรับพระนามฉายาว่า \"ปฌฌาอค.โค\" ภายหกังทรงทำหัฬห่กรรมคืออุปสมบทซํ้าอกกรั้งหนงใน โบสถแพหน้าวัคราชาธิวาส โคยมพระสุเมธา'ไ!ารย (ชาย พุทธวํโส) เป็นพระ อุปิชฌาย พระบาทสมเค็่'จพระ'จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวชอยู่ทรงเป็น J พระกรรมวา'จา'จารย ในป็พุทธกักราช ๒๓๗๙ไค้เสคี่'จฅิคคามพระบาทสมเค็่'จพระ'จอมเกล้า เจ้าอยู่หัวทเสคี่'จ'จากวัคราชาธิวาสมากรองวัคบวรนิเวศวิหาร ในสมัยรัชกาลทํ่ ๓ ทรงไคํรับพระกรุณาโปรคให้มสมณกักคิเสมอพรV ราชากณะชั้นสามัญ เมอพระบาทสมเคี่'จพระ'จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงลาผนวช เสคี่'จชนกรองราชยเป็นรัชกาลท ๕ แล้ว ทรงไคํรับพระกรุณาโปรคสถาปนา ขนเป็นพระองกเจ้าค่างกรม มพระนามว่า กรมหมนบวรรังษสุริยพันธุ ทรง www.kalyanamitra.org

©๔๕ $ UiUuDisninm % 1รอง กำ IIพง ของ ทนบไป สมณสื'กคิ้เป็นสมเค็่จพระราซากณร;เจ้ากณะ!ใหญ่ ทรงไครับพระราชทานพัก แฉกงาพิเศษประคับพลอยให้ทรงถือเป็นพัคยศพิเศษส์าหรับตำแหน่งเจ้ากณะ ธรรมยุฅ จงทรงเป็นเจ้ากณะใหญ่ฝ่ายธรรมยุฅิกนิกายเป็นพระองกแรก และ ทรงกรองวัคบวรนิเวศวิหารก่อจากพระบาทสมเค็่จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในสมัยททรงกรองวัคบวรนิเวศวิหารนั้น ไค้ทรงบูรณะปฏิคังฃรณพระ อารามและสร้างเสริมเพํ่มเติมฃนเพอให้เหมาะแก่ประโยซน!ช้สอย เป็นค้นว่า ทรงบูรณะพระอุโบสถโคยมงหลังกาค้วยกระเบองเกลือบลูกฟูก ทรงรอและแก!ข พระเจคยททรุคและยอคเอยงให้ฅรง ทรงสร้างวิหารน้อยฃ็้นหลังหนงเริยกว่า วิหารเก่ง ทรงสร้างศาลาซงภายในประคับค้วยเกรองเบญจรงก่ เกรองถ้วย ลายกราม และเกรองถ้วยเ^นลืสมัยราซวงก่ชิง เริยกว่า ศาลาจาน เป็นค้น ^าหรับพระกรณยกิจท^าคัญททรงไ^บศึธเมอทรงดำรงพTะอิ(^TยยM เป็นพระเจ้าวรวง^เธอ กรมหมํ่นบวรรังษ^ยพันธุ ทรงเป็นพระราชอุ!]ธยาจารย ของพระบาทสมเศ็่จพระจุถจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทั้งฅอนทเสศ็่จทรงผนวชเป็น สามเณรและทํ่เสค็่จทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ลืาหรับพระอิสริยยศนั้น หลังจากพระบาทสมเค็่จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงลาผนวชแล้ว ทรงพระราชปรารภทจะมหาสมณุฅมาภิเษกในตำแหน่งสมเค็่จ พระลังฆราช แก่พระองก!ม'ทรงรับ ทรงถ่อมพระองกอยู่ว่าจักข้ามเจ้านายทม พระอิสริยยศสูงกว่า แก่ก่อมาในปลายป็ พ.ศ. ๒<1๓(1 พระบาทสมเค็่จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไค้ถวายมหาสมณุฅมาภิเษกฃนเป็น พระเจ้าบรมวงก่เธอ กรมสมเค็่จปวเรศวริยาลงกรณ เป็นมหาลังฆปริณายก สมเค็่จพระลังฆราช พระองก่ท ๘ แห่งกรุงรัฅนโกสินทร ขณะทเจริญพระชนมายุไค้ ๘๒ พรรษา แล้ว และก่อมาในป็พุทธคักราช ๒dVxl พระบาทสมเค็่จพระมงกุฎเกล้า- เจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรคสถาปนาเปลยนกำนำพระนามเป็น สมเค็่จพระ www.kalyanamitra.org

i ๑<^ sssuaisinflui lau ๓ พระบผใโพธวงศไจารย์(ทองฅี ช.ร.๙) มหาสมณเจ้า กรมพรร{ยาปวเรศวริยาลงกรณ ในทราวเคยวกันกับททรง สถาปนาสมเค็่จพระ:มหาสมณเจ้า กรมพระ:ยาวซิรญาณวโรรส สมเค็่จพระ:มหาสมณเจ้าฯ พระ:องกนั้น นอกวากจะ:ทรงมพระ:ปรซา สามารถ มพระ:ปิญญารอบ^นการปฏิบัติพระ:กรณยกิจคามหน้าทและ:คาม ททรงไครบมอบหมายให้ส์าเร็่จธุล่วงค้วยค เป็นประ:โยชนต่อการพระ:ศาสนา และ:พระ:อารามโคยตรงแล้ว ยังทรงมพระ:อัจฉริยภาพเป็นทประ:จักษอกหลาย ประ:การห้วย กล่าวคือทรงเป็นปราชญทางภาษาบาลทล่ากัญพระ:องทหนงใน สมัยกรุงรัคนโกรนทร ทรงสามารถนิพนฒทพระ:นิพนธเป็นภาษาบาลไห้ถูกห้อง กล่องแกล่ว เช่นพระ:นิพนธสุกควิทัคถิวิธาน ชงพรรณนาถึงคืบพระ:สุกค เป็นห้น และ:มิใช่เฉพาะ:ทรงเป็นปราชญทางภาษาบาลเท่านั้น หากแต่ยังทรงเป็นปราชญ ทเชยวชาญในศาสครวิชาแขนงอนๆ อกหลายห้าน คือ ห้านศาสนกคื ห้าน พงศาวคาร ตำ รายา ห้านวรรณกคื ห้านสถาปิคยกรรม ห้านโบราณกคื ห้าน คาราศาสคร โหราศาสคร และ:ห้านวิทยาศาสคร เป็นห้น มบทพระ:นิพน^ทรงไว้ อันเป็นเกรองหมายแห่งพระ:ปรชาสามารถและ:พระ:อัจฉริยภาพทํ่ปรากฏเป็น หลักฐานอยู่ถึง ๕๒ เรอง แสคงว่าคลอคพระ:ชนมนั้นทรงใช้เวลาอยู่กับการ คืกษาห้นกว้าอย่างจริงจังจนทรงรอบรู้สรรพวิชาอย่างถึกชงจนถึงทรงถ่ายทอค วิชาเหล่านั้นออกมาเป็นบทพระ:นิพนธททรงกุณก่าไห้มากมายถึงเพยงนั้น อนง ทํ่กวรกำหนคจารกไวิในกวามทรงจำคือ ทรงเป็นห้นตำรับหรือผูให้ กำ เนิคพระ:กรั๋งในประ:เทศไทยเนเมอสมัยรัชกาลท ๕ และใช้เป็นแบบอย่างใน การสร้างพระ:กรํ่งในเวลาต่อมาจนถึงปิจจุบัน พระ:กรั๋งชองพระ:องกัมซอเรืยกท ติคปากกนทั่วไปว่า \"พรร!กรงปวเรศ\" ชงทรงสร้างเพอประ:ทานแก'เชอพระ:วงกั หรือยู้ทเห็่นสมกวรเท่านั้น จึงเป็นมงกลวัคถถึากัญทหาไห้ยากยั๋งในยุกปิจจุบัน สมเค็่จพระ:มหาสมณเจ้า กรมพระ:ยาปวเรศวริยาลงกรณ เนพระ:ชนมั เมอวันท ๒๘ กันยายน พุทธกักราช ๒๕๓๕ สิริพระ:ชนมายุไห้ ๘๓ พรรษา www.kalyanamitra.org

๑๔๗ UiiJuoไรณทท'! ■ร^//' ใรอง กำใใพงซองกันบาป ทรงผนวชเปนพระภิกษุ \\)<i พรรษา ทรงครองวัคบวรนิเวศวิหาร <11๓ นิ ทรงคำรงคำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายธรรมยุค <1๒ นิ และทรงคำรงคำแหน่ง สมเค็่จพระร'งฆราชไค้ ๑0 เดือน 'จากพระประวัติโคยร'งเขปน ย่อมซให้เห็่นว่าสมเค็่'จพระมหาสมณเจ้าฯ พระองคํนั้นทรงไซ้วันเวลาทมอย่รังสรรคํร่งททรงคุณค่าเนินประโยชน่แก'พระ ศาสนาและบ้านเมืองไว้มิใช่น้อยและไม่หยุคหย่อน สะท้อนให้เห็่นว่าพระองค่ มิทรงนํ่งเฉยต่อการปฏิบัติพระกรณยภิ'จ แต่ทรงอุทิศเร่งรัควัคเวลาประกอบ พระกรณย่อันเนินบุญกุศล เนินความค และเนินประโยชน่ มิทรงปล่อยเวลา ให้เนั๋นช้าไปแบ้เล็่กน้อย แสคงว่าทรงกคกันพระองค่ออก'จากโกรชชะความ เกยจคร้านความเหนอยหน่าย ทรงปธุกพระทัยให้เช้มแช้ง มิให้พ่ายแพ้ต่อบาป อกุศลอันอา'จจะเภิคซน เพราะทรงทราบดว่าวันเวลาไม่คอยท่า อายุกี่สิ^นไป ทุกขณะ ถ้าประมาทพลาดเผลอ ปล่อยให้อยู่ว่างหรึอละเลยสิงทเนินบุญเสิย จิตกี่อาจลุ่มหลงเพลิดเพลินไปกบความสุฃทเกิดจากการพูดคุยไร้'สาระบ้าง จากความหลงใหลได้ปล็้มกบอามิสวัตถุและเกิยรติยศชึ๋อเลิยงทึ๋ไ^บ้าง หร้อจากการนั่งนอนอยู่เฉยๆโดยไมทางานอะไรเนินซนเนินอนบ้าง จงทรง บ้องบันพระองค่เลิยค้วยการเร่งบำเพ็่ญบุญบารมืทมืความสุขเนินผลกำไร ชอว่า ทรงปฏิบัติคามนัยพระบาลิพุทธพจน่ทสมเค็่จพระบรมสุคตเจ้าฅรัสแนะนำไว้ ในฃุททกนิกาย ธรรมบท ทอัญเชิญมาเนินนิกเฃปบทเบองค้นเทศนานั่ว่า อภิตฺถเรถ กลยาเณ เนินอาทิ ซงมืใจความว่า \"พงรบทำบุญความค พงห้ามจิตจากบาปความชั่ว เพราะว่าเมึ๋อทำบุญช้าไป ใจย่อมยินดึในบาป\" คังน คามพระบาลินิ้ มืประเค็่นใจความพระพุทธประสงค่ว่า การทำบญความศ นั้นไมพงรอเวถา ไมพงรอโอกาffหรือรอศูฤกษศูยาม แฅพงรืบทำเมอมโอกาส www.kalyanamitra.org

๑๔๘ # sssuaisHifiui ฟบ ๓ พระ บMใโพริวงศาใใรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) แถะมศวามพร้อมมกำถังสามารถทํ่จะทำไค้ ก่อนทจะหมดโอกาสเพราะช้าไป หรือหมดกำถังจนไม่อา'ๆทำไค้แสะพึงห้ามจิฅจากบาปความชั่ว ปกร'องจิฅมิให้ ไปเกลือกกสั้วกับความชั่วด่างๆ เพราะเหตุว่าเมอทำความศช้าไปโดยรอเวสา รอฤกษยามหรือมัวผถัดวันประกันพร่งอยู่ ใจก็่จะโน้มน้อมไปยินศพอโจทจะ ทำ ความชั่วแทน เพราะใจนั้นชอบทจะเถอนไหสไปนิยมร่งทชั่วไค้ง่ายอยู่แส้ว อนว่าบุญความดทพงรบทำนั้นได้แก่บุญความค m ปรร;การคือ ทาน รเมจริยา แลร; เมตตา - ทาน คือการให้ เคืยสละ:แบ่งปินเก็้อกูลกัน บำ เพ็่ญประ;โยซนแก่กัน - สมจริยา คือการประ:พฤติสมาเสมอ ไค้แก่ประ:พฤติเป็นสุจริตทั้งต่อ หน้ากนและ:ลับหลังกน และ:ประ:พฤติตนวางตัวเสมอค้นเสมอปลายต่อบุกคล ตามฐานะ:อันเหมาะ:กวร - ฌตตา คือกวามปรารถนาคืต่อกัน กิริยาทํ่มนํ้าใจหวังคืต่อกัน ปราศจาก กวามอาฆาตจองเวรและ:การเบยคเบยนเอารัตเอาเปริยมกัน บุญกวามคืทพึงบำเพ็่ญนอกจากนั้นคือ การทั้งมั่นอยู่ในคืลในธรรม การอบรมจิตเจริญปิญญาค้วยภาวนา กวามซอลัตยสุจริต กวามขยัน กวาม อคออม การงคเว้นจากบาปทุจริต การงคเว้นจากอบายบุซ เป็นค้น ทท่านแนะนำว่าบญความฅเหส'านั้พึงรืบทำรบประพฤศิ ไม่ควรพสาด เมึ๋อม่โอกาสไค้ทำ ควรทำปาเพ็่ญถังสมไว้เรอยๆ เพราะการถังสมบุญความดนั้น นำ ความสุขมาให้สถานเคยว หากรอเวสารอโอกาสหรือนถัดไปเรอยๆ ซอว่า ชักช้าอยู่ อาจจะไม่ม่โอกาสไค้ทำเสยในชวิดก็่เป็นไค้เพราะขวิดของคนเรานั้น ไม่แน่นอน อุปสรรคทจะเช้ามาขวางทางบุญนั้นมมาก เช่นความเจ็่บป้วย ความดาย รวมไปลืงความดระหนั้ลืยดายแสะบุคคสรอบช้างทมาห้ามมาพูดให้เกิดความ ไขว้เขว เหส่านั้ส้วนเป็นส่งชัดขวางมิให้ทำบุญมิให้ทำศวามศไศทงนั้น www.kalyanamitra.org

๑๔๙ 0 ชฟนิวา[รณทท! 'fy^i [รอง ทาIIพงซองทันบาน ส์าหรับพระพุทธคำรสทว่า พงห้ามจิตจากบาปความชั่ว นั้นก็่คือ พี้ง หาทางห้องกันจิฅมิใหจิฅไปนิยมซมชอบกับกวามชั่วกวามผิค วิ^องกันจิต ก็่ คือต้องสร้างเกรํ่องห้องกันจิฅไว!ห้Iค้ เพอมิใหจิฅโลกแล่นไปยินคืในบาปกวาม ชั่ว และมิให้บาปกวามชั่วเข้ามารบกวนทำร้ายจิก บ้านก็่คื เมืองก็่คื เขาสร้าง รั้วสร้างกำแพงล้อมไว่กื่เพอห้องกันมิใหโจรมิให้กักรูเข้าไปทำอันกรายฅ่อยู้กน และทรัพยรนในบ้านในเมือง ฉันใก จิกก็่เซ่นเคืยวกัน ล้ามืรั้วมืกำแพงห้องกัน ก็่จะปลอกภัยไต้กวามเกษมล่าราญ อันสิงทเร้ยกไต้ว่าเป็นรั้วเป็นกำแพงห้องกัน จิกนั้นไต้แก่ กังวร กังวรก็่คือกวามล่ารวมระวัง โกยกวามหมายก็่คือ วิธห้องกัน บาปทุจริก ห้องกันกิเลส ห้องกันบาปอกุศลมิให้มากรํ้ากรายทำร้ายจิกนั่นเอง กังนั้น ย่อมเป็นอันยุติว่าวิธห้ามจิกห้องกันจิกจากบาปนั้นสามารถทำไต้ ต้วยกังวรธรรม ๕ วิธคือ วิธทหนั่ง ห้องกันบาปโดยใช้ความระมดระวังทางกายวาจา ต้วยการ รักษาคืลให้เกร่งกรัก ไม่ประมาทไปทำผิกพูคผิกให้เสิยคืล รักษากิริยามารยาท ให้ถูกหลักถูกธรรมเนยมเป็นสมบัติผูกและเป็นสมณสารูป สงบเสงยมเจิยมกน ไม่ลุกลนกกกะนองจนเสิยกิริยา วิธนั้เริยกว่า ปาฏิโมกฃกังวร วิธทสอง ห้องกันบาปโดยใช้สติควบคุม คือก่อนทจะทำก่อนทจะพูกและ ก่อนทจะกิคอะไร กี่ฉุกกิกไกร่กรองให้รอบกอบ ห้องกันการทำผิก พูกผิก กิกผิก และระวังมิให้บาปอกุศลเซ่นกวามโลภ กวามโกรธ กวามหลง กวามกระหนั่เสิยคาย เป็นต้นเกิกขนในจิก เมอบาปอกุศลเกิกขนในจิกกี่มืสติรู้เท่ากัน ไม่เกสิบเกลม กล้อยกามจนจิกฟ้งซ่านหลงใหล รบกักใจกักกวามกิกเซ่นนั้นให้หมกสินไปโกย พลัน วิธนั้ว่า สติกังวร วิธทสาม ห้องกันบาปโดยใช้ความรู้ คือพิจารณาให้รู้ถงกวามถูกขิก ต้วยปิญญา ใซ[ยนิโสมนสิการไกร่กรองให้ล้วนถถงสิงทกำลังทำ คำ ทกำลังพูก www.kalyanamitra.org

i 0๕0 sssuaisinHin lau ๓ พระนHไโพรวง ศใใใรย์(ทองดี ช.ร.๙) เรองทกำลังกิคว่าถูกผิคคชั่ว มปรร;โยชนหรอมโทษอย่างไร รู,หทนบาปอกุศล ทเกิคฃนในจิต ให้รูผครู้ถูกในขณะนั้น วิธนั้เรยกว่า ญาณสังวร วิธทลั !1องกนบาปโดยใช้ความอดทนอดกลั้น คืออคทนต่อกวามร้อน กวามหนาว กวามหิวกระหายเป็นต้น อคกลั้นต่ออารมโนปรารถนา อดกลั้นต่อ กิริยาและกำพูดล่วงเกินหรือคหมั๋นดูแกลนของยูอึ่น ไปแศดงอาการโกรธหรือไม่ พอใจออกมาให้เห็่น สะกดกลั้นไว้ภายในและระงับให้ศงบเย็่นลง วิธนั้เรืยกว่า ขนติสังวร วิธทห้า ชองกนบาปโดยใช้ความเช้มแฃ็่ง คือใช้กวามเพยรพยายาม ใช้ กวามกล้าหาญแห่งจิฅบั่นทอนขับไล่บาปอกุศลทเกิดขนในจิตออกไป ในขณะ เคืยวกันณ็่พยรพยายามลังสมอบรมกวามคืให้เกิดขนและรักษากวามคืทมอยู่ แล้วไว้มิให้เสือมหายไป วิธนั้เรืยกว่า วิริยสังวร วิธทั้ง ๕ ประการนั้เป็น กำ แพง ๕ ชั้น ทํ่จะป้'องกันจิตไว้มิให้ตกไปตาม กระแสแห่งบาปอกุศล ห้ามจิตมิให้ยนคืในบาปอกุศล แม้บาปอกุศลทเกิคฃน รบกวนจิตก็่ย่อมถูกพิชิตให้พ่ายแพ้สงบราบกาบลงไต้ เพราะล้ากำแพง ๕ ชั้น นั้ยังแฃ็่งแกร่งแน่นหนาอยู่ตราบใด กัตรูคือบาปอกุศลกึ๋ใม่อาจบุกเช้าไปยึดจิต และเอาขนะจิตไต้ตราบนั้น ในสดห้ายทพระพุทธองกํทรงแสดงว่า ถ้าคนเราทำบุญช้าอยู่ ใจก็่จะ ยินดึในบาป นั้น ก็่เพราะว่าใจของกนเรานั้นมปกติคนรน กวัดแกว่ง รักษายาก ดูแลยาก ห้ามยาก ไม่หนักแน่น ขอบพ้งซ่านแล่ไปตามอารมโนทน่ารักน่าใกร่ ตลอดเวลา เหมือนนั้ามปกติไหลลงไปล่ทล่ม ดังนั้นหากไม่จุดรั้งใจไว้ต้วยการ ทำ บุญกวามคือันเป็นการเพํ่มพลังให้!จ ทำ ให้!จเช้มแข็่ง ทำ ให้มืภูมิต้านทานท แฃ็่งแกร่ง มืกำ แพงม้องกันหลายชั้นแล้ว ใจก็่จะอ่อนแอ ไร้'ภูมิต้านทาน ถูก กรอบงำต้วยบาปอกุศลไต้ง่าย เหมือนร่างกายทั้อ่อนแอ มืภูมิต้านทานโรกฅํ่า ย่อมถูกโรกกรอบงำยายึไต้ง่ายฉะนั้น เมอใจอ่อนแอก็่จะไหลไปตามกระแส www.kalyanamitra.org

๑๕๑ # UnJuDismnoi 1รอง ทใใโพงซองกันนไช บาปอกุศลทเกิคฃน เกิคกวามยินคพอใจท'จะทำบาปอกุศลต่างๆ ทคนเรา ปรร!กอบกรรมทำชั่ว ทำ บาปทุจริต แลร;หมกมุ่นอยู่กับอบายมุข ยาเสพติด กามารมณ์ต่างๆ นั้นก็่เพราะใจของเขาอ่อนแอ ขาดภูมิต้านทานทด ทั้งไม่ม ร'งวรธรรมอันเป็นกำแพงป้'องกันไว้ ไ'จก็่ฅกอยู่ใน'อำนาจของบาปอกุศลนั้นๆ ไค้ง่าย และไมมพลังพอทจะถอนตัวขนจากร่งชั่วร้ายเหล่านั้น แม้จะพอรู้ว่าเป็น ร่งไมคไม่ถูกค้อง แม้จะมยู้ห้ามปราม แม้จะมยูให้กำลังไจไห้เลิกละ หรอแม้จะ ถูกลงโทษลงทัณฑแล้วก็่ฅาม ก็่ใม่อาจเลิกละหรือหลุคออกจากวงจรบาปอกุศล ชงเป็นวงจรธุบาทว่นั้นไค้ ค้วยเหคุตังนั้ สมเค็่จพระผู้มพระกากเจ้าจึงทรงแนะ ไหรบทำบุญกวามคเพอไหใจมพลังต่อค้านมิไห้[ปยินคไนบาปอกุศลเหล่านั้น สมเค็่จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงถือปฏิบัติ กามพระพุทธคำรัสนั้อย่างเกร่งกรัคกรบล้วน ทรงรืบบำ เพ็่ญพระกรณยกิจ นานาประการ ชงล้วนเป็นหิฅาบุหิฅประโยซนแก่พระศาสนา พระอาราม และ ม้านเมือง ทรงสร้างลังวรธรรม ๕ ประการไว้!นพระทัยจนมืพระทัยเข้มแฃ็่ง บริสุทธิ บัองกันอาวุธกือกิเลสและบาปอกุศลต่างๆ มิไห้มาทำอันกรายพระองกํ และงานของพระองก่ ทำ ไห้มืพระทัยไม่ยินคไนบาปอกุศล ปลอกโปร่งโล่งไน ทุกทาง จึงทรงสามารถสะสางปิญหา'อุปสรรกไห้ผ่านพ้นค้วยคไม่ติคขัค มื พระทัยโสมบัสแช่มซนไม่หมองหม่นจนทรงนิพนธบทพระนิพนธทหลากหลาย กวามรู้และวิซาการไค้อย่างแจ่มขัคไม่ติคขัคไนบทพระนิพนธ อันนั้เป็นผลมา จากการททรงถือปฏิบัติกามแนวแห่งพระพุทธฎกา ซงอาจถือไค้ว่าทรงปฏิบัติ บำ เพ็่ญไห้เป็นตัวอย่างแก่กณะสงฆและอนุซนไค้ถือปฏิบัติกาม เพํ่อกวาม งกงามแห่งวงการกณะสงฆและเพอกวามวัฒนาสถาพรแห่งพรรเพุทธศาสนา จะไค้คำรงกงอยู่กู่ม้านคู่เมือง เป็นควงประทปอันรุ่งเรืองสุกสว่าง ซทางคำเนิน ชวิกทถูกค้องไห้แก่ผองประซาถืบไปกราบนานเห่านาน ตังรับพระราซทาน แสคงมา www.kalyanamitra.org

i ๑๕๒ ธรรบส'!ร!ทฟึUliau ๓ พระบHไโพธิวง fl ใจใรย์(ทองดี ช.ร.๙) อิมินา กตปุฌฺเฌน ขออำนาจพระราซกศลทักษิณานุประทานกิจท สมเค็่จบรมบพิฅรพระราชสมภารพระองกผู้ทรงพระคุณทันประเฟ้ริฐทรงบำเพ็่ญ ให้เป็นไป พร้อมห้วยกณะสงฆวัคบวรนิเวศวิหารและทณะกิษยานุกิษย เพอ อุทิศถวายแค่สมเค็่จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปเวเรศวริยาลงกรณ ณ โอกาสนิ้ ขอจงเป็นบุญนิธมผลทัมฤทธิ้ เป็นไปเพออิฏฐมนุญผลทน่าปรารถนา พอใจ แค่สมเค็่จพระมหาสมณเจ้าฯ พระองค่นั้นโคยฐานะนิยมทุกประการ รับ พระราชทานแสคงพระธรรมเทศนาในปาปนิวารณกถา ยุติลงห้วยเวลา เอวํ ก็่ม ห้วยประการฉะนั้ ฯ ชอถวายพระพร www.kalyanamitra.org

9 เมตตาวิหารีกถา เรื่อง มู้มีเมดดารรรม เมตฺตาวิหาริ โย ภิกฺฃุ ปส์บุโน พุทธสาสเน อริคจฺเฉ ปทํ ส์นฺตํ สง.ขารูปสม สุขนฺติ ฯ ข.ธ. ๒๕/๓๕ บคน จักรับพระราชทานแสคงพระธรรมเทศนาใน เมตตาวิหารักถา ฉลอง พระเคซพระกุณประคับพระปีญญาบารม ในการทสมเค็่จบรมบพิฅรพระ ราชสมภารพระองก พระบาทสมเค็่'จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้การจัคงานฉลองพระชันษา ๙^ ป็ สมเค็่จ พระญาณอังวร สมเค็่จพระอังฆราช สกลมหาอังฆปริณายก อยู่ในพระบรม- ราชูปถัมก นำ ความปลาบปลมยินคมาให้แก่คณะวัคบวรนิเวศวิหาร คณะสงฆ คลอคถึงรัฐบาลและประชาชนทมฉันทะอันเป็นกุศลร่วมกันจัคงานน็้ฃนเพอ ถวายเป็นเครองอักการะวรามิสบูชาแค่พระองคผู้ทรงเป็นสกลมหาอังฆปริณายก พระธรรมกิ?เฅิวงส์ (ทองค) วัคราชโอรศาราม กรุงเทพมหานกร แศคง ในการวัคงานฉกองพระชันษา tl กมเค็่จพระญาณชังวร กมเค็่'รพระชังฆราชฯ ณ พุระอุโบกถ วัคบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ วันท ka คุกากม พ.ศ. ๒๕๕๒ เวกา ๑๕.00 น. www.kalyanamitra.org

k ๑๕๔ # sssuaismfiui lau ๓ พระนผใโพริวงศใใไรย์(ทองดี ป.ร.๙) ในโอกาสมหามงคลสมัยเจริญพร::ซนมายุ ชันษา ชงการจัดงานมหายุคล ครั้งนเป็นการธำรงอยู่ในกฅัญญกฅเวทิดาธรรม อันจักนำให้เกิดพลานุภาพ ไพศาล เป็นฐานให้เกิดความเจริญด้วยสิริสวัสดีพิพัฒนมงคล สมบูรณด้วย อิฏฐผลมนุญสมบัดียั๋งฃนไปดลอดกาลนาน เจ้าพร:;คุณสมเด็่จพร:;ญาณสิงวร สมเด็่จพร:;สิงฆราช สกลมหาสิงฆ- ปริณายก ทรงเป็นพระ:มหาเถระรัดฅัญฌูททรงเพิยบพร้อมด้วยพร^คุณสมบัติ นานัปการเป็นทน่าอัคจรรย นับแดได้ทรงเข้ามาส่ร่มเงาผ้ากาสาวพัสดรั1ดยทรง หมู่เหล่ามากมายมหาศาล จนเป็นทรู้และ:ยอมรับกันในวงการศาสนาในประ:เทศ และ:ด่างประ:เทศ ทรงดำรงอยู่ในฐานะ:ปูซนํยะ:และ:ครุฐานํยะ:ของพระ:บาทสมเค็่จ พระ:เจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระ:คุณอันประ:เสริฐ และ:พระ:บรมวงศานุวงด่ทุกพระ:องค ทรงดำรงอยู่ในฐานะ:สกลมหาสิงฆปริณายกผู้ทรงเป็นพระ:ประ:บุฃเป็นอังฆบิดร แห่งคณะ:สงฟ้.ทย และ:ทรงดำรงอยู่ในฐานะ:พระ:พุทธสาวกผู้เลิศแห่งองคสมเค็่จ พระ:อัมมาอัมพุทธเจ้าพระ:องคหนง ถือว่าทรงดำรงอยู่ในฐานะอนเลิศสินเป็น ยอดแห่งฐานะทั้งปวงทพระสงฆจะพงเป็นได้ ทั้งนก็่ด้วยพระ:ปริซาสามารถด้านพระสฅิปิญญา ด้วยความงดงามแห่ง พระถืลาจารวัดร และด้วยความสมบูรณแห่งนาพระหัยทั้มด่อบุคคลทุกหมู่เหล่า พระคุณสมบัติเหล่านจึงล่งพอังสนับสนุนให้พระองกสูงล่งและเป็นทั้ยกย่อง นับถืออักการะในฐานะเป็นอนุดรบุญเซดอัากัญสูงสุคทั้หาได้ยาก นำ มาซงความ ภาคภูมิใจแก่คณะสงฆและพุทธศาสนิกซนไทย นำ มาซงความปีติยินคเมอได้ พบเห็่นหริอได้เข้าเผ้า นำ มาซงยุศลใหญ่เมอได้ถวายปีจจัยถือันควรแก่สมณ- บริโภคและเป็นเหตุให้คิดดำ เนินดามพระจริยาททรงปฏิบัตินำเพ็่ญให้เห็่นเป็น แบบอย่างไว้ www.kalyanamitra.org

๑๕๕ lummoKisnm เรื่อง นู้ บ!บตตใธรรน พระกุณศมบัฅิของเจ้าพระคุณศมเฬ็่ฯ ทนับว่าเป็นยอดและเป็นแบบ อย่างไค้นั้นมมากประการ แด่จักขอรับพระราชทานแสดงเฉพาะ พระเมตตา ธรรม ทํ่มอยู่ประจำพระองก เพราะทรงปฏิบัติให้เห็่นเป็นรูปธรรมมาโดยตลอด กล่าวดือเจ้าพระคุณสมเพ็่ฯ นั้นทรงมพระทัยทเปียมค้วยพระเมตตาคุณ อันหาทสุดมิไค้ไม่ทรงถือพระองค ไม่ทรงเถือกทํ่รักผลักทซัง ทรงมพระทัยเอ็่นคู หวังกวามเจริญกวามก้าวหน้าแก่ทุกกน ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ!นพระอาราม หรือนอกพระอาราม ไม่ว่าจะเป็นผู้มฐานะน้อยค้อยลักติอย่างไร ก็่ทรงมไมตรื ปฏิลันถารกวรแก่ฐานะโดยเฅ็่มพระบัยเสมอหน้า ไม่แสดงพระอาการไม่พอ พระทัยออกมาให้เห็่นเมอมเรองหรือเหตุการณอันนำมาซงกวามระกายเดือง เกิดขน ทรงนั๋งเฉยให้อภัยแก่ทุกกน จนเป็นทรูภันว่าพระองก \"พระทยค\" ทถืาลัญดือทรงปฏิบัติพระกรรมฐานอย่างทกรูอาจารย่สอนไว้เป็นปกติประจำ โดยเฉพาะเมตตากรรมฐาน ทรงปฏิบัติพระองค้เป็นเมตตาวิหารบุคคล ดือ ทรงมเมตตาเป็นวิหารธรรมเป็นธรรมเครึ๋องอยู่เป็นธรรมประจำพระทย จํง ทรงไครับอานิสงส์ทันตา เซ่นทรงมพระฉวิวรรณผุดผ่องงดงาม มเสน่หมรัศม ทเย็่นสนิทอันผู้เข้าไปใกลชิดสามารถลัมผัสไคถืงกวามเย็่นและกวามสงบ ทรง เป็นทรักของผู้กนทั่วไป เหล่าเทวดารักษาคุ้มกรองให้ปลอดภัยจากโรลันตราย จนเจริญพระซนมายุยืนนานเห็่นปานนั้ ชงแสดงให้เห็่นว่าพระองกทรงเป็น เมตตาวิหารบุกกลผู้ทรงบำเพ็่ญเมตตากรรมฐานมาโดยตลอด และทรงไครับผล อานิสงส์ด่างๆ แห่งเมตตาธรรมนั้น ซํ่อว่าทรงปฏิบัติตามพระดำรัสทพระพุทธ องกตรัสสอนไว้ ตามนัยแห่งพระบาลธรรมบท ขุททกนิกาย ทอัญเชิญมาเป็น นิกเขปบทเบองค้นว่า เมตตาวิหาริ โย ภิฦขุ เป็นอาทิ ชงแปลเป็นกวามไทย ไค้ว่า \"ภิกษุโดมฌตตาเป็นวิหารธรรม เลึ๋อมใสในพระพุทธ- ศาสนา ภิกษุนั้น พงได้บรรลุสินตบทดือพระนิพพาน อนเป็นทั่เข้าไประงบสิงฃาร อนนำสุขมาให้\" www.kalyanamitra.org

k ๐๕๖ 0 ธรรบส!ร!ทศนแส่บ ๓ พระบหไโพรวงศใาใรย์(ทองดี ช.ธ.๙) พรiบาลนสมเค็่จพรร:ยู้มพระภากเจ้าทรงยกภิกษุขนเป็นต้นแบบไว้ แต่ ก็่เป็นสาธารณะแก่ษุกกลทั่วไป โคยมนัยแห่งประเค็่นกวามว่า ผู้ใศเลอมh flmธาปถูกปลาทะมั่นคงในพระพุทธf!าสนา คือมความเชอมั่นในคำลอน ขององคลมเศ็่จพระร'มมาร'มพุทธเว้าแล้วปฏิบัฅิศนให้เปีนเมศฅาวิหารบุคคล คำ รงคนอยู่ด้วยเมศศา มเมฅฅาเปีนหลักเปีนธงชัย ป้าเพ็่ญเมศฅากรรมฐาน อยู่เนืองนิจ ยังจิศให้ลงบระงับจากความอาฆาฅพยาบาทข่นมัวได้ ผูนนย่อม ไม'ห่างไกลจากคณวิเลษขั้นเอกอุ พงได้บรรลุลันฅบทคือพระนิพพานลันเปีน รวนแห่งลันศิภายใน ชงเปีนมั่ฃ้าไประงับคับเคืยชงลังฃารทั้งปวงคือไม่ด้อง มาเวิยนว่ายคายเกิคอก นำ มาชงบรมลุขอันไม่มลุขอนทยงไปกว่า โคยนัยน แสคงให้เห็่นว่าสมเค็่จพระยูมพระกากเจ้าทรงแสคงอานิสงส์แห่งเมฅฅาไว้สูงสุค คือเป็นฐานสนับสมุนผลักคันให้ผู้ปฏิบัติบำเพ็่ญเมฅฅากาวนามโอกาสไต้สมบัติ อันไคโคยยากคือนิพพานสมบัติ อันว่า เมตตา นั้นก็่คือ ภาวะของจิตทั่มเยึ๋อใยมไมตรต่อกน มกวามรัก กวามปรารถนาคืทบริสุทธิส์าหรับมอบให้แก่กัน เป็นกวามรู้รกทํ่เป็นมิตร ไม่กิค อาฆาตโกรธเคืองหรือพยาบาทมาคร้าย มแต่กวามหวังคืหวังกวามสุขกวาม เจริญแก่กันเป็นทฅั้ง แสคงออกให้เห็่นทางส์หน้าและห่าทางทสงบแช่มซํ่น มอง ต้วยสายตาทอํ่มเอิบอาบต้วยความสุข คังเช่นสิหน้าท่าทางของบิดามารดาทั่ มองดบุตรน้อยของตนด้วยแววตาทั่อาบไปด้วยความรักระคนความสุข กิริยา เช่นนนแลทั่เรืยกว่าฌตตา จึงอาจให้นิยามกวามหมายไต้ว่า ฌตตา คือความ รักทั่บริสุทธิ้เหมือนความรักของฟ่อแม่ทั่มต่อลูกของตน เมตตานมลักษณะปรารถนาต้องการให้เขามกวามสุข ให้!ครับแฅ่ร่งทค มประโยชนั เป็นคุณธรรมสำคัญทบัองกันมิให้เภิคโทสะ กวามโกรธ กวาม พยาบาทมาคร้ายกันและกัน และกำจัคโทสะเป็นต้นนั้นทเกิคซ็้นแล้วให้หมคไป เป็นคุณธรรมทเย็่นสนิทเทยบไคกับนั้า จึงมสำนวนพูคว่า \"นำคือฌตตา\" และ ท่านแสคงว่าเมตตาเป็นพรหมวิหารธรรมข้อต้นในจำนวน <1 ข้อคือ เมตตา www.kalyanamitra.org

๑๕๗ # lummiomsnai เรเ^เ 1รอง ฆู้ ชโฆตตไรรรช กรุณา มุทิตา อุเบกขา กล่าวกือเป็นธรรมทํ่ประ:Idริฐโคยเป็นร'มมาปฏิปทาท พึงปฏิบัติให้เป็นไปในร'ฅวโลกทั้งปวง และ:เป็นธรรมเกรํ่องอยู่ของพรหมผู้มจิฅ ปราศจากโทสะ:กวามโกรธต่อกนอํ่น เมฅฅาหรือกวามรักทบริสุทธิใจนย่อมเกิคขนเองโกยธรรมคาธรรมชาติไม่ ต้องtเนใจก็่ม ทต้องรืเกบำเพ็่ญให้เป็นไปก็่ม เมตตาทั้เกิคฃนเองโดยธรรมดา ธรรมชาติ อย่างเช่นกวามรักของบิคามารคาทมต่อบุกรธิกาเป็นต้น เพราะ:บิคา มารคามจิฅเมกคาต่อบุตรธิคาคังนท่านจึงยกย่องว่า บิดามารคาเป็นพรร;พรหม ของบุตรธิดา เหตุประ:กอบต้วยเมกกาอันเป็นธรรมของพระ:พรหมอยู่ประ:จำใจ ล่วน เมตตาทั้ต้องtlกบำเพ็่ญให้เป็นไป นั้นกึอเมกกาทแผไปยังบุกกลอนอักว่ อนทั้งโกยเจาะ:จงและ:ไม่เจาะ:จง การแผ่เมกกาหรือการทั้งจิฅปรารถนาคไปถึงบุกกลทกนรักหรือกนทกน รู้จักให้เขาอยู่เย็่นเป็นสุข ให้มแต่กวามเจริญก้าวหน้า หรือให้สมปรารถนาใน ทุกสิงนั้นเป็นเรองทํ่ไม่ต้องรืเนใจมากนัก เพราะใจโน้มเอยงไปในทางรักในทาง ขอบเป็นทุนเติมอยู่แล้ว แต่การแผ่เมกกาไปถึงบุกกลทฅนเกลยคหรือบุกกล ทเป็นอัฅรูกันนั้นเป็นเรํ่องทยากแท้ แม้กระนั้นท่านก็่แนะ:นำให้แผ่เมฅกาไปให้ แก่บุกกลเช่นนั้นต้วย ทั้งนั้เพอยกระคับเมกฅาให้สูงเนกว่าระคับพรหมวิหาร ธรรมธรรมคา คือยกฃนให้อยูในระคับเป็นอัปปมญญา คือเมตตาทั้แผใปโดย หาประมาณมิได้ไม่จำกัคขอบเขก กรอบกสุมไปถึงกักวโลกทุกหมู่เหล่า ไม่ว่า จะเป็นผู้ทกนขอบหรือเป็นผู้ทกนซ'ง ไม่ว่าจะเป็นคักรูหรือเป็นมิกร อย่างทั้นิยม ทั้งจิกแผ่เมกกากันว่า สพฺเพ สตตา อเวรา โหนฺตุ ขอกัตวทั้งหลายทั้เป็น เพึ๋อนทุกขเกิดแก่เจ็่บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิน จงเป็นสุขๆ เถิด อย่าได้ม เวรแก่กันและกันเลย คังนั้เป็นต้น การtเกฝนไหมเมกกาประจำใจนั้น ท่านแนะนำว่า ในเบองต้นต้องบัองกัน จิกมิใหกิคโกรธหรืออาฆากมาคร้ายยู!คก่อน หากมกวามโกรธแต้นหรือไม่ชอบยู!ค www.kalyanamitra.org

i ๑๕๘ # sssuaisiimmiau๓ พระนพใโพธวงศใจารย์(ทองดี บ.ร.๙) ก็่ให้พยายามรฟ้บกวามโกรธนั้นเส์ยด้วยวิธการต่างๆ เช่นอันกับแรก ตั้งสติ ให้สงบปรารภความรู้ส์กของตนก่อนว่า เราเองรกสุขเกลยคทุกฃ ต้องการ แต่ความสุข ไม่ต้องการความทุกฃ ฉ้^นไค เขาก็่รักสุขเกลยคทุกฃ์ฉนนั้น เหมือนกน กิคไคกังนั้กวามโกรธแค้นจะก่อยๆ กลายกวามรุนแรงลง ตั้งสติ กิคอย่างนั้บ่อยเข้ากวามเห็่นอกเห็่นใจในกนทคนโกรธแค้นนั้นก็่จะก่อยๆ เกิค ขนและพัฒนาฃ็้นเร็เนกวามรักความเมฅฅาสมบูรณแบบใด้ หรือปึกถงกวามค กวามรู้กวามสามารถ ปึกถึงกวามประพฤติ ปึกถึง ข้อปฏิบัติทคๆ ของเขา แล้วพยายามหักห้ามกวามโกรธกวามแค้นเกิองใน หนหลังเถึย พยายามซํ่นซมยินคในข้อคทเขามอยู่ เมํ่อซนซมยินคใด้ กวาม ซนซอบก็่จะเข้ามาแทนทกวามโกรธกวามเกลยคซัง หรือหากเขาทำซั่วทำผิค ใวิกกิคเถึยว่าใม่นานเขาก็่จะค้องคายจากโลกนั้[ปและค้องใปคกนรกหมกใหม้ เสวยผลกรรมอยู่ในอบายภูมิคามกฎแห่งกรรม เขาเป็นกนน่าสงสารมากกว่า จะแค้นเคือง เมอกิคใค้เช่นนั้กวามการุญก็่จะเกิคขนแทนทกวามโกรธ กวาม โกรธกวามอาฆาคก็่จะก่อยๆ กลายกัวลงและระงับใปในทสุค วิธระงับกวามโกรธแค้นกวามอาฆาคเหล่านั้จะเป็นเหตุให้สามารถแผ่ เมคคากรอบกลมใบ่!นบุกกลทุกหมู่เหล่าโคยทสุคแมในกนทใม่ขอบกันใค้ เมคคา ก็่จะเป็นเมคคาอัปปกัญญาโกยสมบูรณ บุคคลผู้สามารถระงับความโกรธและtเกเห็่นอกไจคนอึ๋นไต้ก็่จะสามารถ ไห้อภยกนไต้ไม่จองเวรกนต่อไป เวรภยก็่จะหมดไป และจะสามารถอยู่ร่วมกัน ไค้อย่างปกติสุข อยู่อย่างมเมคคาต่อกัน และอย่างมสมานฉันทํกลมเกลยว ไม่เลือกขั้วไม่เลือกข้าง ไม่เลือกเลือไม่เลือกลื มแต่กวามรักกวามปรารถนาคื ต่อกัน มแต่จิคใจทโอบอ้อมอารืทมอบให้แก่กัน ยมแย้มเข้าหาพคจากันด้วย ภาษาท!พเราะ มสาระ ประสานสากักคื ผู้คำ รงซวิคอยู่!นลักษณะนห่านเรืยกว่า เมคคาวิหารบุกกล หมายถึงผู้เป็นอยู่ด้วยเมคคาธรรมหรือผู้มเมฅคาเป็นวิหาร ธรรม www.kalyanamitra.org

๑๕๙ maiifminsnai เรอง นู้ ชเนตตใธรรบ อนง ฌฅตานเป็นคุณธรรมทผลักคันให้เกิคกรุณาซงฟ็นพรหมวิหาร ธรรมอกข้อหนง กรุณา คือ ความสงสารคิดจร;ช่วยให้ผู้อึ๋นพ้นทุกข เป็นกวามรู้คืกทํ่ หวั่นไหว ไม่สบายใจ ทนไมไค้เมอเหื่น^นไค้รับกวามทุกฃลำบาก อันเป็นแรง ผลักคันไห้ยนมือเข้าไปช่วยเหคือ คังนั้น เมตตากับกรุณาจึงมือยู่กู่กันแลร:เกิด ฃนฅ่อเนั้องกันเสมอเหมือนเป็นธรรมกู่แฝด แลร:นิยมเอ่ยอ้างคืงพร้อมกันไปว่า เมตตากรุณา โดยเมฅฅาเปีนภาว:;ของจิศทํ่ปรารถนาฅ้องการให้เขามความสุข เปีนภาว:;ของจิศทปราffจากความโกรรความอาฆาตพยาบาท มแฅ่ความหวังศ ต่อกัน ต่าหรับกรณาเปีนภาวะของจิตทปรารถนาให้เขาพ้นจากความทุกฃเมอ เขามความทุกข เปีนภาวะของจิตทต้องการจะช่วยเหลือเก็้อกูถ เปีนคณรรรม ทผลักกันให้เปีนคนเลืยสถะ ไม่เห็่นแก'กัว ไม่เห็่นแกไต้ จิตใจกว้างขวาง ชอบ บำ เพ็่ญประโยชน ส์าหรับวิธปฏิบัติเมตตาเบ็้องค้นนั้น ไนส่วนของภิกษุสามเณร พระ:พุทธองก ทรงแสดงไว้ ๓ แนวทาง ซงมืประ:เค็่นไจกวามว่า (ร?. เข้าไปตั้งกายกรรมประกอบต้วยเมตตาในเพอนภิกษุสามเณรทั้งต่อ หน้าแถะลับหลัง คือช่วยขวนขวายภิจ^ะของเพึ๋อนกันต้วยกายมพยาบาถ ภิกษุไข้เปีนต้นต้วยจิตเมตตา ๒. เข้าไปทั้งวจิกรรมประกอบต้วยเมตตาในเพอนภิกษุสามเณรทั้งต่อ หน้าแถะลับหลัง คือช่วยขวนขวายกิจรุระของเพอนกันต้วยวาจา เช่นกล่าว ลังสอนเปีนต้น ภา. เข้าไปตั้งมโนกรรมประกอบต้วยเมตตาในเพอนภิกษุสามเณรทั้งต่อ หน้าและลับหลัง คือช่วยขวนขวายกิจรุระของเพอนกันต้วยใจ คือคิดแต่ส่งท เปีนประโยชน้แก'เพึ๋อนกัน www.kalyanamitra.org

i 0๖0 # sssuaisiimul lau ๓ พระช!ทโพธวง ศไจไรย์(ทอง M น.ร.๙) กล่าวโดยย่อก็่คือ ฌตตานั้นสามารถทำได้ ๓ อย่างคือ เมตตากาย- กรรม ทำ อ^ไรก็่ทำด้วยเมตตา ฌตตาวจกรรม พูตอส์ไรก็่พูตด้วยฌตตา แลร เมตตามโนกรรม คีตอรไรก็่คิตด้วยเมตตา วิธปฏิบัติเมตตาข้างต้นนั้นทรงยกภิกษุสามเณรเป็นต้นแบบกจริง แต่ ก็่สามารถนำมาเป็นหลักปฏิบัติล่าหรับพุทธบริบัทคฤหัสถซนต้วย กล่าวคือ กฤหัสถชนผู้กรองเรือนก็่สามารถปฏิบัติเมตตา ๓ แนวทางนั้!ต้ โคยมนัยทํ่ พงปฏิบัติคังนั้ วิ^ฏิบัติเมตตากายกรรม คือเออเทื้เอกันต้วยกาย เอาธุระช่วยเหลือกัน ต้วยกำลัง มอะไรจะช่วยเหลือกันไต้ก็่เข้าไปช่วยเหลือต้วยนั้าใจ เช่นเมอมกัย ร้ายแรงเภิคขน คือนั้าท่วมบ้าง ไฟไหม้บ้าง กึ่ใม่นั้งคูคาย หากมนั้าใจซวนขวาย ช่วยเหลือตามกำลัง เช่นไปช่วยเซาซนซองหนนั้าหนไฟบ้าง ให้อาหารใหัสิงซอง จำ เป็นเพอประทังชวิตซั่วกราวบ้าง โคยไมกานึงว่าเซาจะเป็นญาติเป็นมิตร หรือเป็นกนรู้จักกันหรือไม่ ช่วยเหลือไปโคยเหื่นว่ากนเราต้องช่วยเหลือกันใน ยามยากหรือเมํ่อมอุบัติเหตุเภิคฃนก็่พากนเจ็่บไปล่งโรงพยาบาล พาไปหาหมอ หรือช่วยเหลือพยาบาลเฉพาะหน้า เช่นนั้ซํ่อว่าไต้แสคงเมตตากายกรรมออกมา มิใช่ว่าเหื่นเซาประสบกัยหรือประสบอุบัติเหตุแล้วนั๋งเฉยเลืยทั้งทสามารถ ช่วยเหลือไต้ ต้วยกิคว่าธุระไม่ใช่หรือกิคว่าเขามิไต้เป็นญาติเป็นมิตรซองตน เช่นนั้ซํ่อว่าฃาคเมตตากายกรรม ล่าหรับ เมตตาวจักรรม นั้นสามารถปฏิบัติไคโคยใข้คำพูค ให้กำแนะนำ ให้สติ ให้จุกกิค เป็นต้น เช่นเมอเหื่นเพอนกันปฏิบัติไม่ถูก ทำ งานไม่ถูก หาก เซาทำต่อไปจะเภิคกวามเลืยหายหรืออาจลืงหายนะไต้ ก็่ เข้าไปเคือนเข้าไป แนะนำให้เซาเหื่นข้อผิคพลาคบกพร่องต้วยกวามบริสุทธิใจ เป็นการช่วยเซาให้ พ้นผิคพ้นหายนะ หรือเมอมใกรมาซอคำแนะนำ มาขอคำปรืกษาหาทางออกให้ เมอตนมกวามรู้มประสบการถjIนเรองนั้นๆ อยู่ ก็่ยินคืแนะนำให้ตามเป็นจริง www.kalyanamitra.org

©๖© ฬฺ ium£ii5msflai ร^ 1รอง นู้ ชี 1ชตตใธรรม ช่วยหาทางออกให้ ทำ ให้เซาเหื่นช่องทางแกไขข้อฅิคฃัคฅ่างๆ เช่นนซอว่า ไค้ปฏิบัติเมฅฅาวจกรรม ส์าทรับ ฌตตามโนกรรม นั้นสามารถปฏิบัติไค้[คยกิคแต่แงคๆ ต่อกนอน ไม่กิเๆแต่แง่ร้ายหรือแง่เสียหาย กิคแต่ในทางจ:;ทำปร2โยซน กิคช่วยเหสีอ เกอหนุนเซา ฅิคให้เซามกวามสุซกวามเจริญ กือฅั้งจิฅปรารถนาคต่อกัน ไม่ ผูกพยาบาทจองเวรต่อกัน ให้อกัยกัน กวามกิคเช่นนั้จัคเป็นเมฅฅามโนกรรม อย่างการแผ่เมฅฅาทนิยมปฏิบัติกันทั่วไปว่า สพ.เพ สต.ตา อเวรา โหนฺตุ เป็นค้นนั้นก็่จัคอยู่เมฅฅามโนกรรมนั้ เมฅฅาเป็นธรรมส์ากัญสีาหรับการอยู่ร่วมกันในร'งกมโลก เพรา::เมตตา เป็นธรรมทเย็่นใสส:;อาคแล::สงบนั้งเหมอนนั้า เป็นธรรมทํ่สามารถรผับคับ กวามโกรธกวามอาฆาตมาคร้ายลงไค้ ทำ ให้กนเรารักกัน เลิกท:;เลาะกันไค้ เมตตาจงสามารถทำให้รงคมโลกเย็่น ใสสะอาด และสงบนง กล่าวกือเมอ ผู้กนทอยู่ร่วมกันเป็นรงกมตั้งแต่รงกมกรอบกรัวไปจนถงรงกมระคับประเทศ ระคับโลก ต่างกี่ประพฤติเมตตากายกรรม เมตตาวจกรรม เมตตามโนกรรม ต่อกัน มแต่กวามหวังคไมตรืจิตต่อกัน รักกัน ไม่เป็นคัตรูกัน ยมแย้มเข้าหา กันแล้ว รงกมกี่จะอยู่กันอย่างรนติ ช่วยเหลือเกอกูลกันไค้ กวามสุซกวาม สงบร่มเย็่นอย่างทํ่ปรารถนากี่จะมอยู่ตลอดไป เหมือนป้าไม้ทมนั้าหล่อเลยงอยู่ เสมอกี่จะเขยวซอ่มร่มเกี่นเป็นป้าสมบูรณแบบน่าเข้าไปท่องเทยวหรือพักผ่อน แต่หากผู้กนขาดเมตตาจิตต่อกัน ต่างฝ่ายต่างกี่ซาดนั้ากือเมตตาทหล่อเลิ้ยง หัวใจให้ฉาเกี่น เมอนั้นกวามโกรธแค้นกี่ใค้ช่องโอกาสทํ่จะแสดงพรงเผาผลาญ ผู้กนกี่จะมืจิตใจทแห้งผากหยาบกระค้าง เมํ่อมืการกระทบกระทั่งเสียดสีกันซน กี่จะเกิดไฟโกรธไฟอาฆาตไค้ง่าย และสุกลามทำลายล้างกันกว้างซวางออกไป อย่างรวดเร็่ว ทำ ใหร้อนระอุกันไปทั่ว เหมือนป้าไม้ยามหน้าแล้งนั้าแห้งหาย ค้นไม้ ตั้งหลายต่างกี่ทงใบทั่งดอกผล หากเสียดสีกันค้วยแรงลมกี่จะเกิดประกายไฟ www.kalyanamitra.org

i ๑๖๒ # sssuaismflui lau ๓ พระบ!!าโพรวง ศไใไรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) และเผาไหม้ต้นไม้นั้นก่อนแล้วธุกลามขยายวงกว้างกลายเป็นไฟป่าเผาผลาญ ป้าให้มอคไหมทงหมดไค้ในไม่ช้า รงคมทขาดฌตตาก็่จร;มสภาพเหมือนป้าทขาดนํ้า จร;เป็นสิงคม น รร;อุ มืการแบ่งขั้วแบ่งข้าง แบ่งเร้อแบ่งสิ แบ่งเชอชาติแบ่งสาสนา ต่างก็่ จร;ห้นทสิงให้กน ร้ฑกนไมใต้ สมานไมดรกนไมใต้ ต่างจร;ปรร;พฤติเหยมโหด เข้าหากน ฟ้ายทมืกำสิงมือำนาจมากกว่าก็่จร;ข่มเหงรงแกฟ้ายทต้อยกำสิง กว่า ถ้ากนเราขาดเมฅฅาต่อกันก็่จะไร้กวามปราน ไม่มเห็่นอกเห็่นใจใคร และ ให้อภัยกันไมใต้ มืแต่จะจองเวรกิดประหัดประหารกันเข่นฆ่ากันเหมือนผัก เหมือนปลา มืแต่กิดจะทำลายล้างให้หมดร้นกันไป ทำ ให้หากวามสงบสุข หากวามปลอดภัยไมไต้ อยูในวังวนแห่งกวามหวาดระแวงและไมไว้[จกันและกัน นั้เป็นเพราะขาดเมฅตาเหมือนป้าทขาดนั้า แต่ถ้าผู้กนในกังกมมืจิฅเมดดาต่อกันก็่จะรักกันไต้ให้อภัยกันไต้ และจิต กรุณาก็่จะไต้ข่องโอกาสแสดงพกัง ทำ ให้กิคข่วยเหลือกันแทนการทำลายล้าง กัน ทำ ให้โลกนั้อยู่กันอย่างสงบและพงพาอากัยกันไต้เหมือนป้าทํ่ข่มนั้ายังกง สภาพกวามเป็นป้าทสมบูรโนโว้[ต้ฉะนั้น ต้วยเหตุนั้จิงมืธรรมภารตรับรองไว้ว่า โฟ้กปดถมุภิกา เมตฺตา ฯ (ว.ว. วซิรญาณวโรรส) เมตตาธรรมเป็นเครึ๋องคํ้าจุนโลก นอกจากจะเป็นธรรมกํ้าจุนโลภ เป็นหกักประกันกันฅิสุขให้แกโลก และทำ ให้กังกมอยู่เย็่นเป็นสุขแล้ว เมตตายังให้อานิสงส์ส์ากัญแก'เมตตาวิหารบุกกล ผู้เป็นอยู่ต้วยเมตตาธรรม ชงเป็นอานิสงส์ทไต้เฉพาะตัวอกส์วนหนั้งต้วย อานิสง^ทผู้มเมฅศา'ๆะฬึงไ^บเฉพาะตัวนั้นท่านแสดงไว้&)<ร) ประการ ดือ <5). ย่อมนอนเป็นสุข ดือนอนหตับสนิท 1๓. ฅนเป็นสุข ดือฅนด้วยความ สดขนเพราะหตับสนิท ถา. ไม่ตันร้ายใ'หโทษ <£. เป็นทรักของม'นษย่ทั้งหลาย www.kalyanamitra.org

๑๖๓ t lummiDmsnai ISOO ผู้ uiummisssu ๕. เปีนทรักของอมนษยคือเทวดา ภูฅผ แล:!ร'ฅวทั้งทลาย b. เทวดารักษา คุม้คTองใทัปลอดภัยไม่มเหฅุร้าย ๓}. ไฟก็่ศ ยาพิษก็่ด ภัสฅราอาวุธก็่ด ย่อม ไม่กรากรายทำอันตรายได้๘ จิตย่อมทั้งมั่นเปีนสมาธิได้เร็่ว G^. รทน้าย่อม ผ่องใสมเสน่ทัน่ารัก (ร)๐. เมอไกลร้นชพย่อมไม่ทลงเพ้อร้นลม ๐๐. ร้นชพ แล้วไดไปเกิดในพรทมโลก ฌฅฅามประโยซนมอานิศงส์ทั้งส่วนตัวแลร:แก่มวลมนุษยชาติมหาศาล ตังน จึงกวรท'จร:ให้กวามสำกัญแก่เมฅฅาเพอเป็นเกรองหมายแห่งตันติสุข แลร:เป็นหลักปรร:กันเกรองคํ้า'จุนโลกให้ศงบเย็่น ปลอก'จากไฟกือศงกรามแลร: กวามอาฆาฅบากหมางกันแลร:กัน ศนับสนุนให้เป็นเมฅฅาวิหารบุกกลกันให้ มากๆ โกยการปรร:พฤติเมฅฅากายกรรมก่อกัน ปรร:พฤติเมกกาวจึกรรมก่อกัน แลร:ปรร:พฤติเมกกามโนกรรมก่อกันไม่ซากศาย ด้วยกวามเซอมั่นศรัทธาใน กำ ศอนซององก่พรร:ศาศคาตัมมาตัมพุทธเ'จ้า เมอปฏิบัติไคตังนก็่'จะได้บรรลุถึง ตันกบทกือพระนิพพานหรือกวามศงบเย็่นเป็นสุซกันถ้วนหน้า กวามร้อนระอุ กวามบากหมางและกวามแปงพรรกแปงพวกกี่'จะหมกสินไปโกยปริยายตังรับ พระราซทานแศกงมาด้วยประการฉะน เจ้าพระคุณศมเค็่'จพระญาณตังวร ศมเค็่'จพระตังฆราซ ศกลมหาตังฆ- ปริณายก ทรงปฏิบัติพระองกํเป็นเมกกาวิหารบุกกลอยู่เป็นนิ'จ ทรงปฏิบัติ ให้เป็นกิ'จแบบอย่างกามกฅินิยมซองผู้นำหมูน้ากณะ จึงทรงไครับกวามการวะ นิยมยกย่องและนับถึออย่างศูงสุก'จากบุกกลทุกซาติซั้น แม้ว่าปี'จ'จุบัน'จะทรง อาพาธเศกี่'จกำ เนินไมได้ แกโรกกัยกี่เบยกเบยนได้เฉพาะตังฃารภายนอก หาก แก่พระทัยภายในบังปฏิบัติบำเพ็่ญเมกกากรรมฐานได้เป็นปกติ จึงศามารถคำรง พระซนม่มาได้'จนถึงปี'จ'จุบัน และบังทรงยุกผ่องงกงามและศงบเย็่นเป็นปกติ แศกงว่าทรงกวามเป็นเมกกาวิหารบุกกลไว[ด้แนบแน่นยั่งยืนแม่ในยามอาพาธ จึงทรงไค้รับอานิศงส่เป็นอัศ'จรรย่ตังปรากฏ อันเป็นไปกามพระพุทธพ'จน่ทรับ พระราซทานแศกงมาทกประการ www.kalyanamitra.org

k ๐๖๔ $ sssuaisuuiui โส่ฆ ๓ พระบผไโพริวงศาใไรย์(ทองดี ช.ร.๙) ขออำนา'จพรร;ราชกุศลทพระบาทสมเค็่จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณ อันประเสริฐ พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้การจัคงานฉลองพระชันษา ๙^ lI เจ้าพระคุณสมเค็่'จฯ สกลมหาอังปริณายกอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ และอำนา'จบุญกิริยาทั้งปวงทคณะวัคบวรนิเวศวิหาร คณะสงฆ คณะกิษย คลอคทั้งรัฐบาล และพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าไค้มกุศลสมานฉันทร่วมใ'จกัน ประกอบบำเพ็่ญให้เรนไปในมหามงคลกาลพิเศษน 'จงเป็นอุปิฅกัมภกปิ'จจ้ย คุ้มกรองรักษาพระชนมายุชองเจ้าพระคุณสมเค็่'จฯ ใหยั่งยืนนาน คำ รงอยู่เป็น ทิฏฐานุคติฐาน เป็นมํ่งขวัญและหอักใ'จแก่คณะสงฆและพุทธศาสนิกชนสืบไป คลอคจิรัฐติกาล รับพระราชทานแสคงพระธรรมเทศนาในเมคฅาวิหาริกถา สมควรแก่เวลา ชอยุติลงคงไว้แค่เพิยงเท่าน ฯ ขอถวายพระพร www.kalyanamitra.org

๐๗ อุปายโกสัลลกถา เรื่อง ความฉลาดในนโยบายบริหารจัดการ ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกุโข จ เวรวา เอฅฌุจ อุภยํ ฌตฺวา อนุมซฺฌํ สมาจเรติ ฯ ฃุ.ซา. ๒๗/๐๗อ๓ บ^^ทนํ้ จักรบพระราชทานแสคงพระ:ธรรมเทศนาใน อุปายโกสิ'ลอกถา ฉลองพระเคซพระกุณประคับพระปีญญาบารม อนุโมทนาพระราชกุศล ทักขิณานุปทานกิ'ๆทสมเค็่จบรมบพิฅรพระราชสมภารพระองก ผู้ทรงพระกุณ อันประเสริฐ ทรงบำเพ็่ญพระราชอทิศ เนึ๋องในอภิอักขิฅกาลคล้ายวันเสคื่จ สวรรคตแห่งพระบาทสมเฅ็่จพระปรมินทรมหา'รุฬ'าลงกรณฯ พระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราชเจ้า โคยทรงพระกรุณาโปรคเกล้าฯ ใหัตงการพระ ราชพิธทรงบำ เพ็่ญพระราชกุศลอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐพระบาทสมเตึ่จ พระจลจอมเกล้าเจ้าอย่หัว พระโกศพระบรมอัจัสมเค็่จพระศรพัชรินทราบรม- พรรธรรมกิ?!กิวง(รื่ (ทองค) วัคราชโอรฟ้าราม กรุงเทพมหานกร แฟ้ดง ไนการพระราซพิธทรงบำ;พ็่ญพระราชกุสลวันปีนมหาราช ณ พระทนั่งอมรินทรวินิจฉัน ในพระบรมมหาราชวัง วันทํ่ ๒๓ คฺฟ้าสม พ.ศ. ๒๕๕๒ เวลา ๑๖.๓๐ น. www.kalyanamitra.org

i ©๖๖ sssuaisimiui lau ๓ พระฆHIโพธิวง ศใจใรช์(ทอง ดี น.ธ.๙) ราชินนาถ และพระ:โกศสมเค็่จพระศรสวรินทราบรมราชเทว พระพันวัสสา- อัยยิกาเจ้า ขนประคิษฐานบนพระราชบัลลังกภายใฅ้นพปฎลมหาเศวตฉัฅร แวคล้อมด้วยเกรํ่องฃัฅฅิยราชูปโภค และอัญเชิญพระพุทธรูปประรำพระชนมวาร คู่พระบรมอัฐประติษฐานบนพระทนั่งบุษบกมาลา ณ พระทนั่งอมรินทรวินิจฉัย แล้วทรงบำเพ็่ญพระราชกุศลอุทิศถวายต่อไป ตามกติวิลัยแห่งบัณฑิตยู้คำรง อยู่ในอริยธรรมคือธรรมเนิยมชองอารยชนอันส์าคัญและมั่นอยู่ในกฅัญณู กตเวทิตาธรรมต่อบรรพชน ด้วยตั้งพระราชหฤหทัยให้ส์าเร็่จเป็นปีตฅิทานมัย อนุตริยกุศล ส์าเร็่จผลเป็นหิตสุขตามสมควรแก่ฐานะในลัมปรายิกภพ และเป็น แบบอย่างคืบใป พระบาทสมเด็่จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หว พระปิยมหาราชเจ้าพระองคืนั้น ทรงเป็นทยอมรับโคยทั่วใปแล้วว่า ทรงมพระราชคณูปการแก่ประเทศชาติตลอดถึงพสกนิกรชาวใทยทั่วหน้า อย่างหาทสุคมิใด้ ทรงเป็นพระปิยมหาราชเจ้าผู้ทรงเป็นทรักเป็นทั่ภาคภูมิใจ ชองพสกนิกรทุกหมู่เหล่าอย่างสมพระเกยรติยศและพระราชสมัญญา ด้วย ตลอดเวลา <1๒ ป็ทเสค็่จครองราชย่อยู่นั้นทรงบำเพ็่ญแต่พระหิตานุหิต- ประโยชนโดยตลอด เช่นทรงปฏิวัติระบบการปกครองจากระบบเวิยง วัง คลัง นา มาเป็นแบบกระทรวง ทรงปฏิรูปการคืกษาให้กว้างออกใปถึงประชาชน ทั่วใป ทรงเลิกระบบทาส ทรงสละความสุชล่วนพระองคเสค็่จประพาสด้น และประพาสต่างประเทศเพอเซอมลัมพันธใมตร และเสค็่จคูงานในอารยประเทศ ทั้งหลาย พระราชกรณยกิจททรงปฏิบัติและมผลตกทอดยืนยาวเป็นประโยชน มาตราบเท่าทุกวันนั้นั้นเหคือคณานับ ล้วนประจักษชัดเจนอยู่ในความทรงรำ ซองพสกนิกรชาวใทยมิใด้ลางเคือน เสมือนว่าเกิดชนในยุคสมัยใม่นานมานั้ พระราชกรณ์ยกิจทคืาคัญควรกล่าวถึงประการหนงคือการดำ เนินพระ บรมราโชบายนำประเทศชาติบ้านเมืองให้พ้นจากเงอมมือของนักล่าอาณานิคม www.kalyanamitra.org

๑๖๗ $ oUidnaaanm 1รอง ควาบฉลใด?นนโยบายบริหารใดการ สมัยนั้นไค้อย่างชาญฉลาด ทรงสามารถนำรัฐนาวาฟ้าคลํ่นลมแรงให้ปลอดภัย รักษาอิสรภาพและอธิปโดยของชาติไว!ค้ นำ ให้เกิดกวามกากภูมิใจแก่ชาวไทย มาดราบเท่าทุกวันนั้ ค้วยว่าในยุกสมัยนั้นลัทธิจักรวรรตินิยมไค้สยายมิกมากรอบกอุมประเทศ ค้อยพัฒนาทั้งหลายทั่วโลก ประเทศทขาดการบริหารจัดการทดด่างเสิย อำ นาจอธิปไตยดกเป็นเมองขนเป็นอาณานิกมชองประเทศเหล่านั้นทเข้มแฃ็่ง และฉลาดกว่า และถูกกรอบงำทำลายวัฒนธรรมดลอดถึงมรดกประเทศทั่ บรรพบุรุษไข้ภูมิปิญญาสร้างสรรกลังสมและสละเลอดเนั้อรักษาไว้นับไปถ้วน แด่สยามประเทศยังสามารกรักษาอำนาจอธิปไดยเข้าไว้!ค้ แม้จำค้องเถึยตินแดน บางล่วนไปเพํ่อรักษาแผ่นตินล่วนไหญไว้กึ่ดาม ทัง้นิ้เพฑะทรงคำเนินพระบพ ราโชบายทถื้กซงแถะรอบคอบ แบบผ่อนทั้นผ่อนยาวและแบบihกำไว้กอบ ทรงโอนอ่อนผ่อนตามเมอศ้องเhเปรยบ ในขณะเตยวกันก็่ทรงสร้างๅศแข็่งไว้ ตอบโฅ้เมอถูกรุกคืบ ค้วยทรงเห็่นว่าเมออ่อนเกินไปก็่จะถูกข่มเหงและถูกกรอบงำ แด่หากแฃ็่งเกินไปก็่จะมภัยเวรมาถึงประเทศชาติม้านเมืองทำไห้ดกเป็นเมืองขน เหมือนอย่างสามันดประเทศทํ่อยู่รอบข้างทแฃ็่งฃืนด่อกรภับมหาอำนาจทำไห้ พลาดพลั้งเถึยอธิปไดย ดังนั้นจึงทรงคำเนินพระบรมราโขบายแบบกลางๆ ไม่อ่อนเกินไปและ ไม่แข็่งเกินไป ทำ ไห้อยู่รอดปลอดภัย ไม่เถึยเกยรติภูมิประเทศชาติ ทำ ไห้อาจหาญ ถ้หม้านานาอารยประเทศไค้อย่างมืดักติศริ ทั้งนั้ก็่เป็นไปดามหลักธรรมไน พระพุทธศาสนาทองกสมเค็่จพระบรมศาสดาดรัสแนะนำไว้ ดังพระบาลพุทธ- พจน!นมหาปทุมชาดก ทวาทสกนิบาด ทํ่อัญเชิญมาเป็นนิกเขปบทเบองค้นว่า ปริภูโต มุทุ โหติ เป็นค้น ชงแปลเป็นกวามไทยไค้ว่า \"อ่อนเกินไปก็่จะถูกรังแก แข็่งเกินไปก็่จะมภัยเวร รูฑงสองอย่างนั้แล้ว ควรปฏิบติเ!เนกลางๆ\" www.kalyanamitra.org

i ๑๖๘ # sssuaisinfluiiau๓ พระบผไโพธวงศใใใรย์(ทองดี ช.ธ.๙) พระบาลนซให้เห็่นว่า การทจะดำรงสถาน::ต่างๆ ในโลกโฅยเฉพาะ สถานะองคกรหรือสถานะประเทสไหมนคงและไห้ปลอศภัยฅลอศไปไฅ้นั้นมิไข่ จะทำไห้ง่าย ผูป้กครองหรือผู้นำจำห้องมปรชาสามารถ มวิภัยภัสน และฉลาด รู้รอบห้าน ทัง้ จำห้องดำเนินนโยบายฝอนปรน อนทั้นผ่อนยาว ไม่อ่อน เปียกอยู่ท่าเดํยวหรือแฃ็่งกร้าวอยู่ท่าเคยว เพราะเมออ่อนเกินไปก็่จะถูกผู้ม กำ ลังและฉลาดกว่าข่มเหงรังแกเอารัดเอาเปรยบไห้ง่าย หรือเมอแข็่งเกินไป ก็่จะมภัยเวร ถูกหักถูกโค่นไห้ง่าย ทำ ไห้ม่ปิญหามลัศรูไม่รู้จบส้น ไนเรองน การปฏิบัติเปีนกลางๆ ดำ เนินนโยบายผ่อนส้นผ่อนยาวคือโอนอ่อนผ่อนดาม บ้าง แฃ็่งขืนไม่ยอมบ้างดามสถานการณและโอกาส ก็่ย่อมนำพาองคกรและ บ้านเมืองไห้ผ่านพ้นวิกฤติไปไห้เหม่อนอย่างทสมเศจพระปียมหาราชเจ้าทรง ปฏิบัติไห้เห็่นประจักษอยู่ ความเ!เนผู้ฉลาดรูชงนโยบายบริหารจัดการ รู้วธการผ่อนปรน วิธ ผ่อนร้นผ่อนยาว ไม่อ่อนเกินไปไม่แฃ็่งเกินไปนั้น เริยกตามภาษาศาสนาว่า อุปายโกรลละหรือ อุปายโกศล คึอ ความฟ้นยู้ฉลาดในอุบายส์าหรับปรร;กอบ กิจการนั้นๆ โคยฉลาค^นเหตุทจะทำให้เจริญและเหตุทจะทำให้เสือม ฉลาครู้ ในการบริหารจัคการองกกรและกิจการ ฉลาค^นการประกอบกิจแต่ละอย่างให้ เหมาะสม เป็นค้น คุณฃ้อนั้ทำให้เข้าใจในการประกอบกิจมิให้อากูล ยังประโยซน ทั้งปวงให้บริบูรณโคยสามารถ แมิมภัยบ่าหวาคหวั่นพรั่นพรืงมาปรากฏเฉพาะ หน้ารอบค้าน ก็่ยังอาจคำริวิจารณแก!ซผ่อนปรนให้คนและผู้อนอยู่รอคปลอคภัย โคยสวัสดไค้ค้วยปริชา แต่ว่าอปายโกศลนั้นจำค้องให้เป็นไปโคยชอบธรรม กล่าวคือใข้อุบายวิธทไม่ทำให้เกิคผลกระทบเป็นกวามเคือคร้อนทั้งในระยะร้น และระยะยาว แต่สามารถแก!ชกวามเคือคร้อน น้องภันภัยอันตราย และสร้าง กวามสงบสุชไค้คลอคไป ธุปายโกศลเช่นนั้ย่อมนำมาซงกวามยินคืชนชมและ กวามนิยมนับถอแก่ผู้ปฏิบัฅิ www.kalyanamitra.org

©๖๙ $ อช!ยโทฮัaanai 1รอง ควในฉลใดในนโยบไยบริหารจัดการ แฅ่อุปายโกศลความฉลาค^นการรองกันภัยและแก้ไขปิญหากวาม เสือครอนค้วยวิธเฉพาะหน้าอย่างเคยว โคยไม่คำนงกงผลกระทบทางลบในระยะ ยาว ประเภทแก้ปิญหาเฉพาะหน้าแค่เสือคร้อนในภายหลังนั้น แม้จะแก้ปิญหา ไคกจริง แค่ย่อมไม่พ้นข้อกรหาและไม่เป็นทํ่นิยมยกย่อง เพราะแก้ปิญหาไค้ เฉพาะหน้าแค่ทำให้เสือคร้อนในภายหลัง เหมือนการกู้หนั้มาจัคงาน แม้จะไค้ กวามสุขศนุกและไคชอเสิยง แคกเป็นไปชั่วกราว ในระยะยาวก็่ค้องมาเป็นทุกข เพราะหาใข้หนั้ ธุปายโกศลเซ่นนั้ย่อมไมใช่ทางทชอบ ส่วนอุปายโกศลทเลือกใช้แบบฟ้ายกลาง ลือกงคราวอ่อนก็่อ่อน ลืงคราวแข็่งก็่แฃ็่ง โอนอ่อนผ่อนปรนไปตามเวลาโอกาฟ้และฟ้ถานการณ ดงคำโบราณว่า ถ้าจะคดก็่คคให้เช้าวง ถ้าจะตรงก็่ฅรงให้!ด้เถ้น ถ้าจะงอก็่งอ ให้เป็นฉาก ดงนั้ ย่อมมืผลออกมาดูด เป็นทยอมnjไค้ เพราะอยูในกรอบแห่ง ความถูกค้องและเป็นธรรม ในฟ้ายศาสนจักร แม้สมเค็่จพระลัมมาลัมพุทธเจ้าก็่ทรงอาภัยพระคุณ ข้อนั้เป็นบรรทัคฐานในการบริหารบุกลากรและองกกรสงฆ โคยทรงเลือก บุกกลทเหมาะจะลังสอนก่อน เซ่นทรงเลือกโปรคชฏิลและพระเจ้าพิมพิสาร เพอเป็นฐานกำลังเบองค้น ทรงสร้างบุกลากรทมืคุณภาพแล้วก่งไปประกาศ พระศาสนา เซ่นทรงลังสอนพระสาริบุฅร พระโมกภัลลานะ และพระสาวก อํ่นๆ ให้เป็นพระอริยบุกกลก่อนแล้วก่งไปประกาศพระศาสนายังทิศค่างๆ พระสาวกองกใคมืกวามร้กวามสามารถค้านใค ก็่ทรงยกย่องให้เก้ยรติโคยฅั้ง ให้เป็นเอฅทักกะค้านนั้นๆ แมืในการปกกรองกณะสงฆกี่ทรงอาภัยธุปายโกศลนั้เป็นหลัก เซ่น พระวินัยททรงบัญญัติไว้ ข้อใคสืงเกินไป ทำ ให้เกิคกวามไม่สะควกปฏิบัติคาม ไค้ยาก ก็่ทรงบัญญัติผ่อนปรนลงมา หรือพระวินัยข้อใคหย่อนเกินไป มืซ่องโหว่ ให้ล่วงละเมิคไค้ง่าย ก็่ทรงบัญญัติเพั๋มเพอให้สมบูรณฃน เป็นค้น ทรงบัญญัติ www.kalyanamitra.org

i ๑๗๐ ฿ sssuaisinfluiiau๓ พระบพไโพธวงศาาใรย์(ทองดี ช.ร.๙) พระวินัยและทรงแสคงธรรมผ่อนสันผ่อนยาว ไม่หย่อนเกินไป ไม่ตึงเกินไปใน ทุกเรอง ตึงทรงสามารถสร้างองคกรสงฆ!ห้เฃ้มแฃ็่งและเป็นปีกแผ่นไค้รวคเรี่ว สมเค็่'จพระปิยมหาราชเค้ากื่ทรงอนุวัฅรคามเช่นนั้น ทรงคำ เนินพระ บรมราโซบายทั้งพระรัฐปสาสโนบายตึอนโยบายปกกรองประเทศภายในและ วิเทโสบายตึอนโยบายการค่างประเทศ ค้วยพระวินัยทัศนัและพระปรชาญาณ รอบกอบสุขุมก้มภรภาพ เพอนำพาประเทศให้รอคพ้นจากเง็้อมมือชองค่างชาติ ในยุกนั้น ทํ่ส์าก้ญเห็่นผลประจักษตึอ ทรงสร้างกวามเข้มแฃ็่งในภายใน ทรง ปลคเปลองหนั้ให้แก่ราษฎร ทรงผูกนัมพันธไมคร้ทั้งภายในและภายนอก ในกาTffเๆงความเข้มแฃ็่งภายใน คือทรงปรับปรงบ้านเมืองให้แข็่งแกร่ง แล:!สร้างความเข้มแฃ็่งให้แก่ประชาชนก่อน ห้วยการพัฒนาประชาชนให้มื ความฒการคืกษา มือาวุรคือป็ญญาฅิศคัว ทรงเห็่นว่าการคืกบาเป็นการสร้าง คนให้เป็นคนสมบูรณ ทำ ให้คนมืคักยภาพเข้มแข็่งไม่อ่อนแอ ทำ ให้สามารถ พงพาคัวเองไห้พัฒนาคัวเองเป็น ทำ ให้ฉลาดรู[ถกกว้าง ไม่อยูในอำนาจการ ชนำแบบเก่าทํ่ดกอยูในระบบทาส ทรงดั้งโรงเรยนหลวงขนอำหรับเป็นทคืกบา ของพระราชโอรสและเจ้านายขั้นสูงก่อนแล้วขยายต่อไปถึงโรงเรยนประชาบาล อำ หรับประชาชนโดยเฉพาะ ส์าหรับ การเปลองหนั้!ห้แก่ราษฎร นั้นตึอการเลิกทาสนั่นเอง เพราะ ระบบทาสนั้นส่วนหนงมาจากการทราษฎรมืหนั้ลินทั้งหนั้ทก่อขนเองและหนั้ ทพ่อแม่ก่อไว้และใซ!ม่หมคจนฅกมาถึงลูกทำให้ค้องเป็นทาสชงเรยกว่าทาส ในเรือนเบย ทรงเห็่นว่าระบบทาสทำให้กนมืนินัยอ่อนแอ เกยจกร้าน พงพา คัวเองไมไค้ ค้องให้เค้านายนังก้บตึงจะทำงาน แมัยู้หนักยูใหญกรังเกยจทจะ ใข้แรงทำงานเพราะเห็่นว่าเป็นเรองชองทาสเป็นเรํ่องชองกนระคับฅํ่า คังนั้น ตึงทรงคำเนินพระบรมราโซบายเลิกทาสอย่างถาวร ทรงอคทนอคกสันเพอการน ยาวนานถึง ๓๑ ปีตึงทรงเลิกระบบทาสซงนังรากถึกมานานกว่า ๕00 ปี www.kalyanamitra.org

๐๗๐ 0 อุช!ยโทสัaanm s 1รอง กวาฆQลา01?นนโยบไยบริผใรจัดกไร ไค้ส์าเรจ เป็นการเปลองหนให้แก่ราษฎรครั้งใหญ่และกรงเคยวฃป็งประเทศ เป็นก้าวแรกของการพัฒนาเศรภาพในประเทศ ผลทไค้รับจากพระบรมราโซบาย ๒ ประการนคึอทำให้คนไทยฉลาด ขน เกิดความรู้สิกว่าการสืกษาทำให้หูฅากว้างไกล ไม่ถูกหลอกถูกเอาเปรยบ เหมือนก่อน และเกิดความรู้ส์กว่าความเป็นทาสนั้นทำให้ขาดอิสรภาพ ถูก เอารัดเอาเปรยบ ถูกดูหมนไร้ร'กดิ้ศร ทำ ให้คนไทยสามารถพัฒนาตนเองไค้ เต็่มค้กยภาพและเข้มแข็่ง การปฏิวัติและการปฏิรูปทุกระบบงานของประเทศ คามพระบรมราโซบายนั้นล้วนไค้ยู้มืการสืกษาระคับค่างๆ มารับสนองงาน เฅ็่มท ทำ ให้เตินหน้าไปไค้ราบรั้นไม่ติคซัค สร้างความเข้มแฃ็่งภายในประเทศ ไคโคยไม่ข้านัก เพราะความเข้มแฃ็่งภายในประจักษอยู่ฉะนั้ จึงทำให้เหล่า จักรวรรดินิยมทั้งหลายไม่กล้าดูหมั๋นคูแคลน และไม่กล้ารังแกรุนแรงเหมือน ประเทศอน สำ หรับการผูกล้มพันธไมฅร้ทั้งภายในและภายนอก นั้นคือทรงคำ เนิน พระบรมราโขบายแบบ สร้างมิตรดกว่าสร้างค้ตรู โคยเฉพาะสร้างมิตรกับ ประชาขน ข้าราชบริพาร และกับประเทศใกล้เกยงคลอคถงประเทศมหาอำนาจ ทางคะวันฅก ทรงเห็่นว่าประชาชนและข้าราชบริพารเป็นฃุมกำล้งภายในทจะ เป็นเกราะป้'องกันกัยให้บ้านเมืองและสลานันทุกระคับไค้ และประเทศใกล้เคืยง เมอมืล้มพันธอันคืค่อกันก็่ปลอคกัยไม่ค้องหวาคระแวงกัน ไม่ค้องโค้แย้ง วิวาทกันเรั้องเขฅแคน และประชาชนทอยู่คามชายแคนสามารถไปมาหาล่และ อยู่กันอย่างสงบปลอคกัย และประเทศมหาอำนาจทั้งหลายนั้นเล่า เมอมืล้มพันธ อันคืค่อกันก็่จักเป็นโล่เป็นปราการคานอำนาจมิให้ประเทศไคมาข่มเหงรังแก สยามประเทศไค้สะควกเหมือนกระทำกับประเทศอํ่น เพํ่อให้พระบรมราโชบายนั้ล้มฤทธิ้ผลจึงเสค็่จประพาสคามหัวเมืองค่างๆ ทเริยกว่า เสค็่จประพาสค้น เพอเชอมประสานลคข่องว่างระหว่างฐานันครคักคิ้ www.kalyanamitra.org

i ๐๗๒ รรรบส1ร1ทศ1ท lau ๓ พระ บHใโพริวงศาใใรย์(ทอง ดี น.ร.๙) ทำ ให้เกิคความอบอุ่นคุ้นเกย ความพักภักค และ;ความปรองคองสมานฉันทํ ให้ความร่วมมือในการพัฒนาประ:เทคซาฅิคามพระ;ราชประ;สงก และ;เสค็่จ ประ;พาสค่างประ;เทศในแถบเอเชยหลายประ;เทศ รวมถึงเสค็่จประ;เทศทางทวป ยุโรปถึง ๒ ครั้ง กือเมอมื พ.ศ. ๒<£<£๐ และ; พ.ศ. ๒<1๕๐ ทำ ให้ทรง รู้พักมักคุ้นกับประ;มฃและ;ผู้นำชองประ;เทศมหาอำนาจนั้นๆ ทรงนำสิงททรง ประ;สบมาปรับเปลยนใ^ห้เหมาะ;สมแก่สยามประ;เทศ ทำ ใหสิลปวัฒนธรรมและ; วิชาการคะ;วันฅกจำนวนมากเช้ามาวิวัฒนาการเติบโตในบ้านเมือง กลมกลืน เช้ากับชองเก่าทมือยู่ใค้อย่างสนิทแนบเนยน นำ ให้เห็่นว่าสยามประ;เทศก็่เจริญ รุ่งเรืองไม่ค้อยไปกว่าอารยประ;เทศทั้งหลาย ทลืากัญคอการทเสค็่จไปเจริญทางพระ;ราชไมครืกับประ;เทศมหาอำนาจ ในทวิปยุโรปนั้นเกิคประ;โยชนํแก่สยามประ;เทศมากมายโคยเฉพาะประ;โยชนํ ในทางการเมือง ทำ ให้กษัคริย่และประมฃฃองอารยประเทศเหล่านั้นรู้ลืกชาบชง ในพระราชอัธยากัย เกิคความเสน่หาคารวะในพระองค เป็นผลทำให้เกิค บรรยากาศกันถวไมครื เกิคความเกรงใจและให้เกยรติแก่สยามประเทศกัน ทั่วไป ทั้งเป็นการคานคุลอำนาจชองชาติมหาอำนาจเหล่านั้นไว้ ไหไม่กล้า ผลืผลามหักหาญเช้ายคประเทศไทยโคยครง หากแค่มืการเจรจาคกลงและ ค่อรองผ่อนปรนแก่กันและกัน นำ มาชงสวัสติภาพของประเทศกังปรากฎใน ประวัติศาสคร[ทยแล้วนั้น พระปรืชาในการคำ เนินพระบรมราโชบายแบบสายกลางในพระพุทธ- ศาสนา โคยอ่อนในคราวทควรอ่อน แฃ็่งในคราวทควรแฃ็่ง ทรงโอนอ่อนผ่อน ปรน ผ่อนกันผ่อนยาว ยอมเลืยในคราวทํ่ค้องเลืยเพอรักษาล่วนใหญไว้คาม คำ พังเพยทว่า เลืยกำไว้กอบ และคามหกักพระศาสนาทว่า \"พงสละทรัพย่เพึ๋อรักษาอวัยวะ พังสละอวัยวะเพอ รักษาซวิต พังสละ ทั้งทรัพย์ อวัยวะ และช้วิตเพอรักษา ธรรมรักษาความเป็นธรรม\" www.kalyanamitra.org

๑๗๓ อุชใยโทสัaanm 1รอง fl oiuaaiด?นนโยบใยบริMไรจัดกใร คังนนั้น เป็นเหตุใหรักษาเศรภาพและอธิปไฅยของบ้านเมืองไ^ค้ ทำ ให้ ประซาซนกากภูมิใ'จในความเป็นไทย และมืเกยรฅิมืสกคิflTในร'งกมโลกมา กราบเท่าทุกวันนั้ เพราะฉะนั้น ผู้หวังกวามเ'จริญก้าวหน้า หวังรักษาสถานะและกวามอยู่ รอกปลอกภัยซององกกรหรือซองบ้านเมืองพึงยึคถือพระปฏิปทาซองสมเค็่'จ พระปิยมหาราซเ'จ้าททรงปฏิบัติกามหลักแห่งพระพุทธศาสนากังแสกงมาเป็น แนวทางคำเนิน โกยเกินทางสายกลาง สร้างกวามเข้มแซ็่งภายในให้แก่องกกร ประเทศซาติ ไม่อ่อนแอเกินไป แฅ่ก็่ไม่แฃ็่งกร้าวเกินไป ด้วยการทำให้ผู้กนใน องก่กรหรือประเทศซาติมืการถืกษาทค ให้กวามเป็นไท ให้เสรืภาพอย่างทั่วถืง มิให้เป็นทาสทางกายและทางกวามกิก ติกอาวุธกือปิญญาให้แก่กันและภัน เพอสามารถพัฒนากนและพงพากัวเองได้ ชํ่งห้ายทสุกก็่'จะสามารถช่วยกัน พัฒนาองก่กรและประเทศซาติให้ปลอกภัย ให้สงบเย็่นได้ ทั้ง'จะไม่ถูกช่มเหงรังแก เอารักเอาเปรืยบ'จากกนอํ่นซาติอํ่นเพราะอ่อนแอเกินไป'จนไม่มืภูมิด้านทาน ภัยจากภายนอกประเทศ เหมือนร่างกายทอ่อนแอซากภูมิด้านทานทค ย่อมไม่ อาจด้านทานโรกภัยไข้เจ็่บได้ฉะนั้น ในการเช่นนั้มืกำกวกล่าวไว้อย่างน่าพังว่า ถ้าจะอ่อนก็่ให้อ่อนกังเถ้นไหม เอาไว้ไซ้ผูกเถือโคร่งเพอโยงเฆยน ถ้าจะแข็่งกี่ให้แกร่งกังวิเชยร เอาไว้เจยนกัคกระจกเจยระไน พระบาทสมเค็่จพระปิยมหาราซเจ้าพระองก่นั้นทรงปฏิบัติพระองกกาม หลักแห่ง'อุปายโกศลกรบถ้วนสมบูรณ ทรงปฏิบัติพระบรมราโซบายแบบทาง สายกลาง ไม่อ่อนแอหรือหย่อนเกินไป ไม่แฃ็่งกร้าวหรือกึงเกินไป ทรงปฏิบัติ พระองก่เหมือนกังเด้นไหมไนบางกรั้ง ทรงปฏิบัติพระองกเหมือนกังวิเซยร ไนบางเวลา จึงทรงนำพาประเทศซาติไห้ปลอกภัยได้กวามสวัสก ไห้มืเกิยรติ มืกักคิ้ศรืฅกทอกมาถืงทุกวันนั้ ทั้งนั้ก็่เป็นไปกามพระบาลว่า ปริภูโต มุทุ โหติ เป็นอาทิ กวามว่า อ่อนเกินไปกี่จะถกรังแก แข็่งเกินไปกี่จะมืภัยเวร www.kalyanamitra.org

i ©๗๔ ฿ sssuaisinnui lau ๓ พระบHไโพริวงศาใ'!รย์(ทอง ดี ช.ร.๙) รู้ทั้งสองอย่างนแล้วกวรปฏิบัติเป็นกลางๆ ซงมเนอกวามคังรับพระราชทาน แสคงมา ค้วยประการฉะน ในทสุคแห่งพระธรรมเทสนา ขออำนาจพระราชกุศลทักขิณานุปทานกิจ ทํ่สมเค็่จบรมบพิตรพระราชสมภารพระองฅผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรง บำ เพ็่ญพระราชอุทิศแล้วน จงอำเร็่จเป็นวิบากสมบัติบัฅติทานมัยกุศลแค่ พระบาทสมเค็่จพระปรมินทรมหาจุฬ'าลงกรณฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราชเจ้า สมเคื่จพระศรพัชรินทราบรมราขินนาถ และสมเค็่จพระ ศรสวรินทราบรมราชเทวิ พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมตามพระราชประสงก และพระราชอุทิศทุกประการ รับพระราชทานถวายวิอัชนาพระธรรมเทศนา ในอุปายโกอัลลกถา เป็นปสาทนยาบุโมทนา สมกวรแก่เวลา เอวํ ก็่มค้วย ประการฉะน็้ ฯ ขอถวายพระพร www.kalyanamitra.org

ปูซกกถา เรื่อง ผู้บูซา ปูชโก ลภเต ปูชํ วนฺทโก ปฎิวนฺทนนฺติ ฯ ขุ.ซา. ๒๘/๔00 บัคนจักรับพระราชทานแสคงพร5ธรรมเทศนาใน ปูชกกถา ในการท ณ พระบาทสมเค็่จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรคเกล้าฯ ให้สมเค็่จ พระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสค็่จพระราชคำเนินพร้อมค้วย พระเจ้า วรวงคํเธอ พระองคํเจ้าสรรัศม พระวรชายา ทรงบำเพ็่ญพระราชกุศลกรม(ร)0๐ นิ วันสวรรกฅ พระบาทสมเค็่จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท ๕ ทกณะสงฆ วัคเทพสืรินทราวาสและกณะกรรมการโกรงการบูรณะปฏิล้งฃรโนวัคเทพ- ^นทราวาส ในพระบรมราซูปถัมภจัคฃ็้น และพระราชทานพระมหากรุณา ให้การจัคงานนอยูในพระบรมราชูปถัมก แสคงให้เห็่นถงนํ้าพระราชหฤทัย พระธรรมกิคฅิวงเรื่ (ทองค) วัคราชโอรศาราม กรุงเทพมหานกร แสคง ในการบำเพ็่ญพระราชกุคถน้อมรำสิกกง ๑00 รึ] วันสวรรกค พระบาทสมเค็่จพระ'รุกจอมเกกาเจ้าอยู่หัว รัชกากท ๕ ณ พระอุโบสถวัคเทพสืรินทราวาส กรุงเทพฯ วันอุกรํ ท ๒๒ คุกากม พ.ค. ๒๕๕๓ เวกา ๑๗.00 น. www.kalyanamitra.org

A 0๗๖ ฿ sssuaisinfiuiiau๓ พระ ช!ทโพธวง ศใใไรย์(ทอง ดี ช.ธ.๙) อันกอปรด้วยพระกฅัญฌูกฅเวทิฅาธรรมอย่างลึกซ็้งทมฅ่อสมเค็่จพร5มหา- ราซเจ้ายู้ทรงเป็นพระบรมราชอัยยกา ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระองกนั้น เป็นอย่างค นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาทสุคมิได้แก่วัคเทพสืรินทราวาส และกณะกรรมการฯ เป็นทแจ้งประจักษกันทั่วทั้งแผ่นคินแล้วว่า พรร!บาทสมเด็่จพรร!ปรมินทร- มหาจุฬาลงกรณ์ฯ พรร!จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลทั่ ๕ ผู้ทรงพระคุณ อันประเสริฐนั้น ทรงมพระราชคุณูปการแก่ประเทศชาติ พระศาสนา คลอคลึง พสกนิกรไทยทั่วหน้าอย่างหาทั่สุคมิได้ ทรงเป็นพระปิยมหาราชเจ้าผู้ทรง เป็นทรักเป็นทั่ภากภูมิใจของพสกนิกรทุกหมู่เหล่าอย่างสมพระเกยรติยศและ พระราชสมัญญา คลอคเวลา <£๒ ป็ทั่เสค็่จกรองราชย่อย่นั้นได้ทรงบำเพ็่ญแค่พระ หิฅานุหิฅประโยชนยั๋งใหญไพศาล อันเป็นพัฒนาการนำมาซงกวามเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าแก่สยามประเทศจนเป็นทั่ยอมรับในระคับสากล ทรงนำพาประเทศให้ รอคพ้นจากลัทธิจักรวรรคินิยมด้วยประปรืชา ทรงคำเนินพระวิเทใสบายแบบ ผ่อนลันผ่อนยาวเหมาะแก่สถานการณ์ในสมัยนั้น ทรงจัคระเบยบการปกกรอง ภายในประเทศให้ทันสมัย การอันใคทั่อารยประเทศเขามเขาเป็น เมอเสค็่จ พระราชคำเนินไปทอคพระเนฅรเห็่นก็่ทรงนำมาเป็นแบบอย่างปรับเปลยนแก้!ข ภายในประเทศ เป็นเหตุให้บ้านเมองเปลยนแปลงไปในทางวัฒนา เป็นด้นว่า โปรคฯ ใหคัคถนนหนทาง ชุคกลองชลประทาน สร้างทางรถไฟรถรางให้การ เตินทางระหว่างเมืองหลวงกับหัวเมืองสะควกรวคเร็่วขน ทั้งการโทรเลข โทรคัพท การไปรษณ์ย่ ก็่เกิคมืฃนในรัชสมัยของพระองก ทั้งยังทรงคำเนินพระคุสโลบาย เลิกทาสทั่มืมาแค่เก่าก่อนได้ล่าเร็่จโคยไม่เลึยเลึอคเนั้อและไม่ก่อกวามฃุ่นแก้น ให้เกิคแก่เจ้าของทาส ทั้งพระบรมวงศานุวงย่ก็่ทรงพระราชทานยศคักคิ้ เงินเคือน เงินป็ให้สูงขนกว่าแค่ก่อนคามฐานานุคักคิ เพอเป็นกำลังรักษาพระอิสริยยศ www.kalyanamitra.org

๑๗๗ jjirnnai I รอง นู้ บ ช 1 แลฟวยเหลือราชการแผ่นดิน พรร;ราชคุณูปการทั้งสินนเป็นทประ:จักษซัคมา ตราบเท่าปิจ'รุบัน อนง ควยพร^ราชจริยาวัตรและ;พระ;ราชคุณูปการแห่งพระ:ปิยมหาราชเจ้า พระ:องคนั้น นอกจากจะ;เป็นเหตุให้พระ;องกทรงเป็นทรักยง เป็นทเทิคทูนบูชา สูงสิงไม่จืคจางชองปวงประ;ชาแล้ว บังเป็นเหตุให้ทรงเป็นพระ;รัตนประ:ท่ปแห่ง สถาบันพระ:มหากบัตริยทเก็้อหนุนให้สิถาบันพระ:มหากบัฅริยสูงสิงแกะ: มั่นกงอยูในจิตใจชองอาณาประ:ชาราษฎรมาตลอดกาล และ;จะ:เป็นเช่นน!ปอก ยาวนานทวกูณยั๋งฃ็้นไปเป็นลำคับ ฃ้อทพระ:บาทสิมเค็่จพระ;ปิยมหาราชเจ้าทรงทำอะ:ไรให้แก่ชาติบ้านเมือง ไว้บ้างนั้นเป็นทประ:จักษกันอยู่ถ้วนหน้าแล้ว แฅ่ทน่าวิเกฑะห1ห้ลร^เอยดถึก ถงไปอกก็่คือพร^ปรชาในข้อทว่า พรร;องค์ทรงทำได้อย่างไรหรือทรงมืวิธการ อย่างไรจงทรงทำเซ่นนั้นได้ เพรๆ^รจะปพัเปลยนบ้านเมึองให้vfuสมัย การจะ พัฒนาประเทสให้เจริญก้าวหน้า การจะเถิกทาสโดยไม่เ^ยเลอทเน็้อ และการท จะสร้างดวามรู้ถิกของน้ดนทั่วไปให้ยอมรับและเปีนทรักยงนั้นใช่ว่าจะทำถิาเร็่จ ไคโดยง่าย แด่พระองศก็่ทรงทำไศ้ถิาเร็่จโดยไม่มแรงก้าน เพราะตามปกติการ เปลยนแปลงเรองใดๆทั่คนเคยชินจนไม่รู้ถิกว่าเถิยหายหรืออ่อนด้อยย่อม ม่แรงด้านม่ผู้คดด้านขดขวางเสมอ และ:การเปลยนแปลงนั้นก็่ใช่ว่าจะ:ทรง ทำ ลำ เร็่จไคโดยลำพังพระ;องค์ ต้องไครับกวามร่วมมือจากผู้เกยวข้องทุกผ่าย จิงจะลำเร็่จประโยชน การททรงไคัรับกวามร่วมมือนั้เป็นข้อลำคัญทสิต หากว่า ขาตกวามร่วมมือแล้วการย่อมลำเร็่จไตโคยยาก ในเรองนั้สิอให้เห็่นว่า พระบรมวงศานุวงค์ นุชอำมาดย ข้าราชบริพาร และปวงประชาต่างเห็่นคเห็่นงามให้กวามร่วมมือสิบับสินุนการปรับเปลยน ระบบการปกกรองบ้านเมืองและการพัฒนาประเทศตามททรงพระราชดำริ และ สิอว่าพระองค์ทรงไต้กัลยาณมิตรเป็นบริวารและทรงมืกัลยาณมิตรกือเพอน ร่วมงานทค www.kalyanamitra.org

i ๑๗๘ ฿ sssฆส!ร!ทสน!lau ๓ พระบHาโพรวงศใ!ใรบ์(ทองดี ช.ธ.๙) อันกำว่า กัลยาณมิตร นั้นหมายถึง ผู้มไมตรต่อกัน รกใคร่นบถือกัน ตามฐานร; มิไค้หมายเฉพาะเป็นเพอนกินเพึ๋อนเทยวกันเท่านั้น หากแต่ฌู้ๆนทุก ระคับชั้นสามารถเป็นกัลยาณมิตรของกันและกันไค้ ผู้ใหญ่กับผู้น้อย เจ้านาย กับลูกน้อง เพอนกับเพอน ผู้ใหญ่กับเค็่ก ถ้าหากมไมฅรฅ่อกัน รักนับถึอ ยกย่องไห้เกยรติกัน ช่วยเหลือเกอกูลและมกวามซออัฅย่จริงไจต่อกันเสมอ ก็่ย่อมไคซอว่าเป็นกัลยาณมิตรของกันและกัน ตามกวามหมายนั้ซให้เห็่นว่า พปียมหาราชเจ้าผู้ทรงพรร:คุณอัน ปรร: ฐนั้นทรงเปีนกัลยาณมิตรของผูอนด้วยพรร:องคเอง ทรงสร้างกัลยาณ มิตรไว้รอบพรร:วรกาย แลร:ทรงยกย่องให้เกยรติผู้เปีนกัลยาณมิตรทั้งปวง ค้วย การไซ้หลักธรรมในทางพระพุทธศาสนามาเป็นเกรองมอกล่าวลือทรงมกวาม เการพไนพระรัตนตรัยเช่นเคยวกับผู้กนรอบซ้าง ทรงอ่อนน้อมถ่อมพระองกํ ทรง ยกย่องนับถึอพระบรมวงศานุวงกํตามฐานะ ทรงเลืยสละพระราซทานสิงของ ยูกมัคไจแถ่ปวงซนทุกหมู่เหล่า พระราซจริยาเช่นนั้ตรงกับหลักธรรมว่า การบูชา ซงแสคงว่าพระองกํทรง เป็นกัลยาณมิตร อันเป็นเหตุไห้ทรงไค้กัลยาณมิตร และเมอทรงไคกัลยาณมิตร แล้วก็่ทรงซุบเลิ้ยง สนับสนุน ล่งเสริม ผูกไจไว่ไค้ไม่ประทุษร้ายไม่ทำลายและ ไม่ทำไห้เลืยนั้าไจเลือมกลายกวามเการพนับถือและกวามจงรักกักค เมอทรง เป็นผู้กระทำบูซาเช่นนั้จึงทรงไครับกวามร่วมมือ ทรงไครับเกรํ่องลักการะบูซา ทรงไครับกวามเการพกราบไหว้ และกวามจงรักกักคไม่เลือมถอยมาตลอคกาล ซ้อนั้กึ่สมค้วยพระพุทธบรรหารทตรัสไว้!นเตมิยซาคก สุตตนิบาต ซุททกนิกาย ชงอัญเชิญมาเป็นนิกเขปบทเบองค้นเทศนานั้นว่า ปูชโก ลภเต ปูชํ วนฺทโก ปฏิวนทนํ ซงแปลเป็นกวามไทยไค้ว่า \"ผ้บชา ย่อมได้รับบชาตอบ ผใหว้ ย่อมได้รับไหว้ตอบ\" www.kalyanamitra.org

0๗๙ # \\JtfnnaT ใรอง ฆ้ บซไ พระบาลพุทธพจนนทรงแสคงว่า มู้ทมปกฅิเป็นผู้บูชาแถร^เปีน^หว้นัน ย่อมไ^บผถฅอบแทน คือไ^บการบูชาศอบ ไล้รบการไหว้ฅอบ กล่าวคือ ไศรบความเคารพนับถือกราบไหว้บูชา แค:!ความนิยมยกย่องวากผู้คนทั่วไป นอกจากนั้นคล้ายจ:!คือพร:!พุทรปร:!สงคว่าทรงต้องการจ:!แน:!นำให้คนเรา นัง้ทั่เ^นเพอนร่วมงาน เปีนเพอนร่วมสถาบน หรือเปีนเพอนร่วมชาติร่วมโลก กนนั้น ปร:!พฤติตนเปีนผู้บูชาแล:!เปีนผู้ไหว้ คือมความรู้คืกทดๆ ต่อกน ให้เกยรติ ยกย่องนับคือล้น มล้มมาคารว:!ต่อล้นนั้งผู้ไหญ'แล:!ผู้น้อย คือ ผู้ใหญ่ก็่ทำคัวให้เปีนทน่าเคารพนับถือ ให้เกยรศิแถะยกย่องผู้น้อย ไม่ศูหมน เหยยศหยามให้เกิศความรู้คืกคับแค้นใจ ม่ายผู้น้อยก็่มความรู้คืกทดต่อผู้ใหญ่ มล้มมาคารวะ เคารพนบไหว้ให้เกยรติผู้ใหญ่ ไม่ล่วงถํ้ากาเกินให้เปีนทระคาย เคือง แถะสามารถให้อภัยล้นไล้เมอล้องผิดพ้องหมองใจล้นบ้างในบางคราว ทัง่นั้ก็่เพอจะไล้อยู่ร่วมล้นอย่างสงบสุข อย่างมไมศร รักใคร่ปรองดองล้นฉัน ล้ถยาณมิศร อันกำว่า บูชา คามพระบาลน ถ้าเป็นเรองของจิฅใจก็่หมายถง ความรู้สิก นบถือศรฑธา รู้ถืกยกย่องเทิดทูน หรือรู้ถืกเคารพยำเกรงต่อบุคคลหรือสิงใด สิงหนง ถ้าเป็นเรองของกิริยาก็่หมายถึง การกระทำทแศดงว่ามความนบถือ ศร้ฑธาและยกย่องเทิดทูน ท่านแบ่งวิธการบูชาออกไปเป็น d ประการ คือ สิ'กการบูชา สิ'มมานบูชา ชคคหบูชา และ ทักขิณาบูชา สกการบูชา หมายถึงบูชาค้วยอักการะคือค้วยการให้วัคถุร่งของทสมควร เซ่นอาหาร คอกไม้ธูปเทยน เกรองบัคพล เป็นค้น รวมถึงการสงเกราะห้อบุเกฑะห้ ค้วยปิจจัยทจำเป็นกำหรับกรองซพและการซ่วยเหลอเก็้อถูลให้พ้นจากกวาม ทุกฃกำเก็่ญ สิ'มมานบูชา หมายถึงบูชาค้วยการนับถึอ เชอมั่น จงรักภักคื แสคงอัมมาการวะ เการพนบไหว้ไม่ล่วงเกิน ไม่ล่วงละเมิคถ้วยกายและวาจา ปีคคหบูชา หมายถึงบูชาถ้วยการยกย่อง เทิคทูน เซิคชู ให้เกยรติ ชนชม www.kalyanamitra.org

k ๑๘อ ฿ sssuaismflm lau ๓ พระ บHใโพรวง ศไใใรย์(ทอง ดี ช.ธ.๙) ยินคค้วยนํ้าใสใพิง ทกฃิณาบูชา หมายถึงบูชาค้วยการทำบุญอทิศไปให้ เพํ่อฅอบแทนพระ:คุณ โคยนัยน ผู้บูชาฅามพระ:บาลช้างต้นจึงหมายถึงยู้ทมความรูถึกนับถึอ ศรัทธา ยกย่อง ยำ เกรงยูอน และ:แสคงออกต้วยการนักการะ:ให้ความนับถึอ ทำ ความเคารพกราบไหว้ และ:ยกย่องให้เกยรติยูอนคามควรแก่ฐานะ:ชองผูนน แค่เมอชยายความในทางปฏิบัติให้กว้างออกไป ทั้งรูใหญ่และ:ผู้น้อย ย่อมเป็นผู้บูชาไต้ต้วยบันทั้งสิน มิใซ่จึาเพาะ:ว่าต้องเป็นผู้น้อยเท่านั้นจึงจะ:ควร เป็นผู้บูชาคนอนคือรูใหญ่ฝ่ายเคยว แมผูใหญกปอมควรเป็นผู้บูชาคนอึ๋นคือ ผู้น้อยด้วยเช่นบัน กล่าวคือทั้งผู้!หญ่แลร;ผู้น้อยสมควรเป็นผู้บูชาบันแลร;บัน เพราะ:ผู้[หญไม่อาจจะ:คำเนินซวิฅและ:กิจการค่างๆ ไต้เองคามลำพัง ต้องอานัย จากรูใหญ่แล้วมความรูถึกทคืค่อรูใหญ่ มความซอนัคย่ มความจริงใจ แล; จงรักบักคื เฅ็่มใจให้ความช่วยเหลือกิจการค่างๆ ชองรูใหญให้ลำเร็่จไปต้วย คืคังนั้ ก็่ย่อมทำให้รูใหญ่บับผู้น้อยเช้าบันไต้ อิงอานัยช่วยเหลือเกอกูลบันไต้ กิจค่างๆ ททำก็่ราบรนและ:เริยบร้อยคามความต้องการ นังนั้น การบูชาจึงจำ ต้องมทั้งในรูใหญ่และในผู้น้อย อนง ยังมช้อปฏิบัติลำนัญทเป็นการบูชาอิกประ:การหนั้ง ช้อนั้นคือ การให้ อันการให้ทถึอว่าเป็นการบูชาคัวยนั้ย่อมเป็นทต้องประ:สงกต้วยบันทั้งรูใหญ่ และ:ผู้น้อย โคยเฉพาะ:เป็นสิงทผู้น้อยต้องการจากรูใหญ่เป็นอันนับแรก การให้ ทต้องประ:สงคืนั้นคือ ให้เกยรติ ให้[อกาส ให้ความไว้วางใจ ให้อภย และ: ให้อิสรร;เสร การให้เหล่านั้จะ:เป็นโซ่ทองคล้องใจผู้น้อยและ:เป็นนั้าทิพย่ชโลมใจ ผู้น้อยใหซอนัคย่และ:จงรักบักคืค่อรูใหญ่อย่างไม่เลือมคลาย www.kalyanamitra.org

0๘0 * y»nnm .^1 I รอง นู บู ชา ร# การให้ทถือว่าเป็นการบูชาประการแรกทรูใหญ่พึงมฅ่อผู้น้อยคือ ให้ เกยรติ นั้นคือยกย่องเชิคชูผู้น้อยให้เจริญก้าวหน้า ให้ปรากฏในหมู่ซน ไม่ดูหมน เหยยมหยามใหให้อายต่อหน้าผู้กน ไม่เหยยบยํ่าห้กคิกรในกวามเป็นมนุษย่ ชองผู้น้อย ยู[หญ่ทให้เกยรคิผู้น้อยเซ่นนั้ย่อมจะไคิรบบูชาตอบคือการให้เกยรคิ ยกย่องนับถือ เทิคทูน และกวามจงรักภักคิจากผู้น้อย ให้โอกาส นั้นคือมอบหมายงานให้ผู้น้อยทำตามกวามรู้กวามสามารถ เพอให้เชาไห้แสคงป็มือและกวามสามารถเพอจะไห้เคิบโตต่อไป ไม่กคไม่แกล้ง ผู้น้อยให้ยํ่าอยู่นับทเพอไม่ให้เจริญก้าวหน้าในหน้าทการงาน ทำ ให้เกิดกวาม เบอหน่ายห้อแห้ ทำ งานอย่างกนไร้จตวิญญาณ ยูใหญ่ทให้[อกาสผู้น้อยไห้ ทำ งานตามกวามสามารถเป็นการแสคงถืงกวามมืวินัยทัศน เป็นปุกกนัญฌู บุกกลคือร้จักเลือกใช้กนให้เหมาะนับงาน รูใหญ่เซ่นนั้นอกจากจะไคิรับบูชา ตอบคือกวามยกย่องนับถือจากผู้น้อยแล้ว ยังสามารถปกกรองและยูกมัคใจ ผู้มืกวามรู้มืกวามสามารถให้อยู่ร่วมงาน สร้างสรรกผลงาน เพํ่มพูนชอเลืยง และรายไค!ห้แก่ตนห้วย ให้ความไว้วางใจ นั้นคือเมอให้โอกาสมอบหมายงานให้ผู้น้อยไปทำแล้ว ก็่ปล่อยให้เขาปฏินัคิงานนั้นไป เพึ่อให้เขาไห้แสคงป็มือแตะกวามสามารถเฅ็่มท โคยไม่ก้าวก่ายนังการจนผู้น้อยเกิคกวามรู้ลืกว่าถูกกวบกมไม่วางใจหรือ ไมไว้!จ ทำ ให้เกิคกวามเกรืยดกวามอคอัคระวังตัว ถืงนับทำงานช้าลงเพราะ กนัวผิคพลาค ก่อกวามล่าช้าเลืยหายให้แก่งานไห้ แต่มิใซ่หมายกวามว่าปล่อยไป ตามใจชอบ หากแต่ว่ากอยคิคตามดูแลและตรวจสอบอยู่ห่างๆเพอมิให้เกิค กวามผิคพลาคเลืยหายหากผู้น้อยทำไม่ถูกห้องหรือทำผิคพลาคฃน ให้อภย นั้นคือเมอผู้น้อยทไว้วางใจนั้นทำผิคพลาคห้วยประการไค ก็่ให้อภัย ไม่ตำหนิติโทษรุนแรงจนถืงเลืยนั้าใจ หรือลงโทษจนถืงนับตัครอน ให้พ้นหน้าท แต่ยินคิให้โอกาสแก้ตัวใหม่ ปฏิบัติตังเซ่นทสมเค็่จพระนเรศวร www.kalyanamitra.org

k ©๘๒ ■«> sssuaisinflui lau ๓ พระชHใโพริวงศาใารย์(ทอง ดี ช.ธ.๙) มหาราชทรงปฏิบัติต่อแม่ทัพนายกองนู้ฅามเศค็่จไม่ทันfixาวทรงทำยุทธหัฅถ กับพระมหาอุปราชพม่าฃ้าสืก โคยทรงให้อกัยแต่ไหไปทำสืกแก้ทัว เป็นเหตุ ให้แม่ทพนายกองทังบันสวามิกักติ'จงรักกักคไม่เสือมถอย และทรงไครับยกย่อง เชิคซูในนำพระราชหฤทัยทํสูงส่ง ถือเป็นแบบอย่างปฏิบัติกันมาคราบเท่าทุกกันนิ้ ส์าหรับ ให้อิสระเสร นั้นถือให้ผู้น้อยแสคงกวามกิคเห็่นไค้อย่างอิสระ ไม่ถูกกคคัน ยอมรับทังค้วยอาการนิงสงบ ยูใหญ่ททำเพยงแก่ยอมให้ผู้น้อย ไค้แสคงออกชงกวามกิคเห็่นอย่างเป็นอิสระบ้าง ให้[อกาสโค้แย้งไค้บ้าง ยอมรับ ทังกวามกิคเห็่นชองเฃาบ้าง ทำ เพยงแก่นบางทกี่ทำให้[คทงคัวไคทงทัวใ'จผู้น้อย ทั้งหมค ทำ ให้เขายอมทุ่มเททำงานให้อย่างเฅ็่มกำลังค้วยกวามสมักรใ'จ ยูใหญ่ทมนั้าใ'จให้เกยรติ ให้[อกาส ให้กวามไว้วางใ'จ ให้อกัย และให้ อิสระเสรแก่ผู้น้อยไค้เท่ากับว่าไค้บูชาเขาค้วยลัมมานบูชาและบักกหบูชา ย่อน 'จะไครับการบูชาคอบ'จากผู้น้อย ไค้ผู้น้อยมาเป็นกัลยาณมิครและเป็นบริวาร ไค้ กนทเสืยสละมาช่วยเหลองานให้ส์าเร็่'จสมประสงก่ ทำ ให้เขาชาบซงใ'จยกย่อง สรรเสริญ ให้กวามบับถือและ'จงรักกักคทั้งต่อหน้าและลับหลัง ประเค็่นทว่า ผู้บูชาย่อมไครับบูชาคอบนั้นมอรรถาธิบายคังบรรยายมานั้ ส่าหรับประเค็่นทว่า ผู้!หว้ม่อมไค้รับไหว้ตอบนั้น มอธิบายว่า กำ ว่า ผู!้ หว้ บันหมายถืงผู้มลัมมาการวะ อ่อนน้อมถ่อมคน ให้กวามเการพบับถือ หรือกราบไหว้ยูอนคามกวรแก'ฐานะ บุกกลใคกวรไหว่สัIหว้ ไม่แสคงอาการ เย่อหยิงแฃ็่งกระค้าง ไม่เสแสร้งแกล้งทำพอมิให้เสืยมารยาท หากแค'ทำค้วย กวามคังใ'จและเฅ็่มใ'จ ค้วยใบหน้าทยมแย้มแช่มซน กวามเป็นผู้มลัมมาการวะ รู้คักเการพนบไหว้กนอนเช่นนั้ ในเบองค้นย่อมเป็นมงกลแก'คัว ถือทำให้เป็น กนมเสน่ห น่ากบหา น่าไว้วางใ'จ และทำให้เ'จริญค้วยธรรมะ d ประการถือ อายุ วรรณะ สุขะ และพละ คังพรทพระสงฆให้อยู่ประ'จำว่า www.kalyanamitra.org

๑๘๓ : ijtffinai โรอง นู้ บ ชใ อภิวาทนส์ลิสฺส นิจจํ วุฑฺฒาปจารโน จตตาโร ธมมา วฑฒนฺติ อายุ วณฺโณ ยุฃํ พลํ ฯ ขุ.ธ.๒๙©๘ \"ธรรม d ปรร{การ คือ อายุ วรรณร{ สุขร; พลร; ย่อมเจริญ แก่บุคคล ยู้มปกติไหว้กราบ มปกติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อ ผู้ใหญ่เป็นนิจ\" บุกกลผู้ปฏิบัติฅัวเป็นยู้บูชาคนอนแลร;เป็นผูไหว้กนอนนั้น สมเค็่จพรร; บัมมาบัมพุทธเจ้าตรัสว่าย่อมไครบผลตอบแทน โคยไครับบูชาตอบบ้าง ไครับ ไหว้ตอบบ้าง คือเมอบูชาเขาค้วยร'กการร; เขาก็่จร;รกการร;ตอบ เมํ่อยกย่อง นับถือเขา เขาก็่จะยกย่องนับถือตอบ เมอให้เกยรติเขา เขาก็่จะให้เกยรติตอบ แลร;เมอเการพนบไหว้เขา เขาก็่จร;เการพนบไหว้ตอบ คังนั้ นั้เป็นผลมาจาก ปฏิบัติตนไค้เหมาร;สมตามหลักธรรมในพรร;พุทธศาสนา คังพรรณนามาฉร;นั้ พรร;บาทสมเค็่จพรร;จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท ๕ ผู้ทรงพรร;คุณ อันปรร;เสริฐ ทรงปฏิบัติพรร;องคตามนัยแห่งพรร;บาลนั้โคยสมบูรณ ทรงเป็นทั้ง ผู้บูขาแลร;ผู้ไหว้ กล่าวคือพรร;ราชทานเกรองลักการร;แค่พรร;สงฆแลร;พรร; ปรร;บูรญาติผู้ทรงเป็นวุฑฒบุกกลมิไค้ฃาค พรร;ราชทานพรร;บรมราขาบุเกราะห่ ทั้งแก่พระบรมวงศาบุวงคื มฃอำมาตย่ ข้าราชบริพาร และข้าราชการทั้งฝ่าย เสนาและฝ่ายเสนตามกวรแก่ฐานะและกวามเหมาะสม ทรงให้เกยรติ ทรง ยกย่อง ทรงให้กวามไว้วางพระราชหฤทัย และทรงสนับสบุนล่งเสริมบุกกล เหล่านั้นในทุกทาง ทั้งอาณาประขาราษฎรก็่มิไค้ทรงเหินห่างทอคทั้ง หากแต่ ไค้เสค็่จพระราชคำ เนินทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการไปทรงเยยมเยยน มิขาคสาย การเหล่านั้เป็นทั้ประจักษชัคกันล้วนหน้ามาแค่อคืตจนถืงปิจจุบัน จึงทรงไค้บุกกลทั้งนั้นมาเป็นกัลยาณมิตรช่วยเหลอกิจราชการ ทำ ให้งาน ปฏิรูปแผ่นคินคำ เนินไปโคยราบรนเรยบร้อย ไคํรับกวามร่วมมือจากทุกฝ่าย www.kalyanamitra.org

i ©๘๔ sssuaisinfluiiau๓ พระชMใโพธิวง ศไใไรย์(ทอง ดี ช.ร.๙) ค้วยค และการทอาณาประซาราษฎรยังรำลึกถึง ยังจงรักภักค และบูชา กราบไหว้พระองกค้วยเกรองยักการะวรามิสต่างๆ แม้จะเศค็่จสวรรกฅมา กรบถ้วนศกวรรษแล้วก็่ยังปฏิบัติกันอยู่อย่างมิเลึอมกลายลงไป แสคงว่าทรง ไครับผลจากการปฏิบัติพระองคทํ่ทรงเป็นผู้บูชาและทรงเป็นยู!หว้กามนัยแห่ง พระบาลึช้างต้นกรบถ้วนสมบูรณ ต้วยเหตุฉะน บัณฑิกชนผู้หวังเพํ่มพูนกวามเจริญถ้าวหน้า กวามเการพ นบไหว้ และกวามร่วมมือจากบุกกลอน พี้งไต้ปฏิบัติตัววางกนกังเช่นพระบาท สมเค็่จพระปียมหาราชเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐไต้ทรงปฏิบัติพระองกโว้ เป็นแบบอย่าง กล่าวกือรักทจะเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมกน มืยัมมาการวะ เการพ นับถึอ และให้เกยรติแถ่กนรอบช้างและบุกกลอนกามกวรแถ่ฐานะและกวาม เหมาะสม กี่จะเป็นทนิยมยกย่องนับถึอและไครับบูชากอบและไหว้กอบจาก บุกกลเหล่านั้นเช่นเคยวกัน ตังไต้พรรณนามาต้วยประการฉะนั้ ในอวสานแห่งพระธรรมเทศนาขออำนาจพระราชกุศลปุพพเปกพลึบูชา ทพระบาทสมเค็่จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราซูปกัมก และทรงพระ กรุณาโปรคเกล้าฯ ให้สมเค็่จพระบรมโอรสาธราช สยามมกุฎราชกุมาร เสกี่จ พระราชคำเนินพร้อมต้วย พระเจ้าวรวงกี่เธอ พระองกี่เจ้าศรรัศมิ้ พระวรชายา ทรงบำเพ็่ญในอภิยักขิกสมัยกรบ ๑00 ป็ วันสวรรกก พระบาทสมเค็่จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลท ๕ ทกณะสงฆวัคเทพติรินทราวาสและกณะ กรรมการโกรงการบูรณะปฏิยังชรณวัคเทพติรินทราวาส ในพระบรมราซูปกัมก จักฃ็้นนั้ จงเป็นบุญนิธอำนวยทิพยวิบากสมบัติปิกติทานมัย แต่พระบาทสมเค็่จ พระเจ้าอยู่หัวพระองกี่นั้น สมกามพระราชประสงกี่และพระราชอุทิศทุกประการ รับพระราชทานแสคงพระธรรมเทศนาในปูชกกถา เป็นปสาทนยาบุโมทนา สมควรแก'เวลา ต้วยประการฉะนั้ ฯ ชอกวายพระพร www.kalyanamitra.org

สาราสารกถา เรื่อง สิงที่เป็นสาระและอสาระ ส์ารฌฺจ «1ารโต ฌตฺวา อสารฌฺจ อสารโต เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ สมมาสง.กปฺปโคจราติ ฯ ขุ.ธ. ๒๕/๐๐ บคน จักรับพระ:ราชทานถวายวิร'ชนาพรร:ธรรมเทศนา ในสาราสารกถา ฉลองพระ:เคชพระ:กุณประ:คับพระ:ปิญญาบารม ในการพระ:ราชกุศล ทสมเค็่จบรมบพิตรพระ:ราชสมภารพระ:องก ผู้ทรงพระ:กุณอันประ:เสริฐ ทรง พระ:ราชปรารภวันเสค็่จสวรรกฅชอง พรร;บาทสมเด็่จพรร:ปรเมนทรมหา- อานนทมหิดล สมเด็่จพรร;บรมเชษฐาธิราซ ซงเวิยนมาบรร'จบอักวาระ:หนง ในวันท ๙ มิถุนายนน และ:ทรงพระ:ราชปรารภบำเพ็่ญพระ:ราชกุศลพระ:บรมอัฐ สมเด็่จพรร;มหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พรร;บรมราชชนก และ: สมเด็่จ พระ:ธรรมกิคคิวงที่ (ทองค )วัคราชโอรฟ้าราม กรุงเทพมหานคร แฟ้คง ในการบำเพี่ญพระราชกุฟ้ตกฟ้ายวันฟ้วรรกฅ พระบาทฟ้มเพ็่พระปรเมนทรมหาอานันทมหิคฟ้ แฟ้ะพระราชกุฟ้ฟ้ทักษิณานุประทานพระบรมอัฐ พระบรมราชชนกแฟ้ะพระบรมราชชนน ณ พระทนั่งอมรินทรวินิจฉย ในพระบรมมหาราชวัง วันพฤทัฟ้บค ท ๙ มิถุนายน พ.ฟ้. ๒๕๕<L เวฟ้า ๑^๖.00 น. www.kalyanamitra.org