Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนภาษาไทย ม.4 (1)

แผนการสอนภาษาไทย ม.4 (1)

Published by saowanee021238, 2021-03-15 16:32:48

Description: แผนการสอนภาษาไทย ม.4 (1)

Search

Read the Text Version

๙๖ แบบทดสอบทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๒ เรอ่ื ง อเิ หนา ตอนศกึ กะหมังกหุ นงิ สาระการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ แบบทดสอบชนดิ ปรนยั ชนดิ ๔ ตวั เลอื ก ๓๐ ขอ้ ๓๐ คะแนน ๑. “ล้นิ คนนั้นตัดคอคนมาเสียมากต่อมากแลว้ ” ในขอ้ ความนีห้ มายความวา่ อย่างไร ก. การพดู มักทำใหค้ นเสยี ประโยชน์ ข. คำพดู ท่ีไม่ระมัดระวังจะสร้างอันตรายให้เกิดแกต่ นเอง ค. การไมร่ ักษาคำพดู ย่อมมีผลเสยี หายทำให้บุคคลผู้นน้ั จะไมไ่ ด้รบั ความเชอ่ื ถือจากผู้อน่ื ตลอดไป ง.คนทพ่ี ูดโดยไมไ่ ตรต่ รองให้รอบคอบเสียก่อนคำพดู นั้นจะสรา้ งความลำบากให้เกิดขน้ึ ในภายหลงั ๒. “วรรณคดที งั้ ร้อยแกว้ และรอ้ ยกรองล้วนเกดิ จากประสบการณ์และจินตนาการของมนุษยท์ ่ีแสดงออกทาง ภาษาในรปู แบบต่างๆและมีพัฒนาการมาโดยลำดับตามความเจริญของมนุษยชาติ การเรียนวรรณคดสี ่งเสรมิ พฒั นาทางความคดิ อารมณ์ และคุณธรรมได้อยา่ งดยี งิ่ ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นมโี ลกทศั น์กว้างขน้ึ เขา้ ใจตนเอง เพื่อน มนุษยแ์ ละสงั คมโดยสว่ นรวมดีข้นึ ” ข้อความข้างต้นไม่กล่าวถึงคุณค่าดา้ นใดของวรรณคดี ก. คณุ ค่าดา้ นสงั คม ข. คุณค่าดา้ นจริยธรรม ค. คุณค่าสตปิ ญั ญา ง. คณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลป์ ๓. “ลูกทุกคนท่ีมสี ตปิ ัญญาเฉลียวฉลาดก็ดหี รอื ไม่มีสตปิ ญั ญาเฉลียวฉลาดก็ดี ก็จะต้องส่งออกไปเรียนวิชา ทุกคนตามแต่โอกาสจะเปน็ ไปได้ เสมือนได้แบ่งมรดกใหแ้ ก่ลูกเสมอๆ กนั ทกุ คน” ข้อความนี้แสดงค่านยิ มตามข้อใด ก. สติปัญญาเป็นสมบัตทิ ่ีสำคัญท่ีสดุ ข. พ่อแม่ย่อมรักลกู ทกุ คนเท่าเทียมกนั ค. การศึกษาเป็นมรดกสำคญั ท่ีพ่อแมม่ อบให้แก่ลกู ง. บคุ คลไมว่ า่ จะมีสตปิ ญั ญาดีหรอื ไมด่ ยี ่อมมีโอกาสทางการศึกษาเท่าเทียมกนั

๙๗ ๔. “หน้านนี้ ้ำนอ้ ยมันแหง้ เหือดหดแคบ ขอดแนบพ้ืนล่าง มีหาดทรายขาวสะอาดโผล่เปน็ แนวยาวอยู่ตรงกลาง” จากข้อความข้างตน้ ผูเ้ ขียนต้องการสื่อความใดเป็นสำคัญ ก. ลำคลองมีแตท่ ราย ไม่มีนำ้ ข. ลำคลองดูแคบลงเพราะน้ำมีนอ้ ย ค. หาดทรายเปน็ แนวยาวดูสวยงามมาก ง. หาดทรายโผลแ่ ทนทส่ี ายนำ้ อันชุ่มฉำ่ ๕. ขอ้ ใดคือหลกั การอา่ นจับใจความสำคญั ก. คน้ หาสาระ ข. ค้นหาข้อคิดเห็น ค. คน้ หาขอ้ เท็จจรงิ ง. คน้ หาความสำคัญ ๖. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับใจความสำคญั ก. ครอบคลมุ ขอ้ ความอ่ืน ๆ ข. ทำให้เกดิ เรื่อง ค. เดน่ เฉพาะตวั ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๗. ใจความสำคญั มีลกั ษณะอย่างไร ก. เปน็ คำ ข. เป็นวลี ค. เป็นอนเุ ฉท ง. เป็นประโยค ๘. ข้อใดกลา่ วไมถ่ ูกต้องเก่ยี วกบั ใจความสำคัญ ก. เขา้ ใจประเภท ข. ตง้ั จดุ มุง่ หมาย ค. ใชพ้ จนานุกรม ง. สำรวจส่วนประกอบ

๙๘ ๙. ขอ้ ใดไม่ใชข่ ้ันตอนอ่านจบั ใจความ ก. อา่ นผา่ น ๆ ข. อ่านให้ละเอยี ด ค. อา่ นซำ้ ง. คัดลอก ๑๐. ขอ้ ใดไม่ใชก่ ารพจิ ารณาความหมายคำ ก. บรบิ ท ข. สำนวน ค. น้ำเสยี ง ง. การเปล่ียนแปลง ๑๑. คำในข้อใดมีความหมายโดยนยั ก. นำ้ มาปลากินมด นำ้ ลดมดกินปลา ข. อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสน้ิ ซาก แตล่ มปากหวานหไู ม่รู้หาย ค. โบราณวา่ ถ้าเหลอื กำลังลาก ให้ออกปากบอกแขกชว่ ยแบกหาม ง. ถงึ เถาวลั ย์พนั เกย่ี วที่เลยี้ วลด กไ็ ม่คดเหมือนหน่งึ ในนำ้ ใจคน ๑๒. คำวา่ “ฆอ้ ง” ในข้อใดมีความหมายอ้อม ก. ถงึ ยามคำ่ ย่ำฆ้องจะร้องไห้ ข. ในสมยั โบราณใช้ฆ้องตีบอกเวลา ค. วาทีหนีจากบ้านมีฆ้องกระแตไปด้วย ง. นางสายชอบทำตวั เปน็ ฆ้องปากแตก ๑๓. การอ่านจบั ใจความ ผอู้ ่านต้องปฏิบตั อิ ย่างไร ก. แยกเรื่องออกเปน็ ตอน ๆ ข. อา่ นอยา่ งรวดเรว็ สม่ำเสมอ ค. แยกใจความสำคัญออกจากสว่ นขยาย ง. แบกประเด็นของเรือ่ งว่าส่วนใดเป็นข้อมูลประกอบ

๙๙ ๑๔. ข้อใดเป็นขนั้ ตอนสุดท้ายของการอ่านจับใจความ ก. อ่านซ้ำจดุ ที่ไม่เขา้ ใจ ข. เรยี บเรยี งใจความสำคญั ของเรอื่ ง ค. อา่ นให้ละเอียดเพอ่ื ทำความเขา้ ใจ ง. อา่ นผา่ น ๆ โดยตลอดเพื่อให้ร้เู รื่อง ๑๕. ขอ้ ใดเป็นวิธีการอา่ นจบั ใจความอยา่ งง่าย ก. ตงั้ คำถามและคำตอบจากเรอื่ งท่ีอ่าน ข. พยายามแยกยอ่ หนา้ แต่ละยอ่ หน้าออกจากกนั ค. พจิ ารณาองคป์ ระกอบของเรื่องในคราวเดยี วกนั ง. พยายามหาวา่ สว่ นใดเปน็ ส่วนขยายใจความสำคัญ ๑๖. ข้อใดกลา่ วถงึ การอ่านเพ่ือวเิ คราะหว์ ิจารณ์ได้ถกู ต้อง ก. เป็นการอา่ นเพ่ือจบั ประเด็นสำคญั ของเรือ่ งท่ีอา่ น ข. เป็นการอ่านเพ่ือพฒั นาจติ ใจและก่อใหเ้ กดิ ความจรรโลงใจ ค. เป็นการอา่ นเพื่อวิเคราะห์วจิ ารณแ์ ละประเมนิ คา่ อย่างมีเหตุผล ง. เปน็ การอา่ นเพอ่ื ขยายความจากเร่ืองที่อา่ นให้ครอบคลุมมากขึ้น ๑๗. สารใดควรใช้หลกั การอ่านเพื่อวเิ คราะหว์ จิ ารณม์ ากท่สี ุด ก. แผน่ พับหน่วยงานราชการ ข. ข่าวประชาสมั พันธ์ ค. หนังสอื เรียน ง. กวีนิพนธ์ ๑๘. ข้อใดไม่ใช่ขนั้ ตอนการวเิ คราะห์วิจารณ์ ก. ดึงเฉพาะจุดเด่นของเรื่องเพอื่ วิจารณ์ ข. อา่ นเรอื่ งทีต่ อ้ งวิเคราะห์อยา่ งละเอียด ค. มปี ระเดน็ เพ่ือตั้งคำถามกับเรื่องที่อ่าน ง. เรียงลำดบั ประเด็นสำคัญใหเ้ หมาะสม

๑๐๐ ๑๙. ทักษะการอ่านใด ไม่ใชท่ ักษะสำคญั สำหรับการอ่านเพื่อวิเคราะหว์ ิจารณ์ ก. การอ่านจบั ใจความ ข. การอ่านขยายความ ค. การอา่ นถอดความ ง. การอ่านตคี วาม ๒๐. การประเมนิ ค่าวรรณคดีและวรรณกรรม ไม่ควรใชห้ ลักการใด ก. พจิ ารณาองคป์ ระกอบของเร่ือง ข. พจิ ารณาแนวคดิ ที่ผู้เขียนนำเสนอ ค. พจิ ารณาเนื้อหาและวิธีการนำเสนอ ง. พจิ ารณาสภาพสังคมท่ปี รากฏในเรอื่ ง ๒๑. เพราะเหตใุ ดการศกึ ษาประวัตผิ ู้แตง่ จงึ เป็นหลักในการประเมินค่าวรรณคดแี ละวรรณกรรมได้ ก. เพราะทำให้เรือ่ งสนุกสนานเพลิดเพลิน ข. เพราะชว่ ยใหเ้ ข้าใจเรื่องที่แต่งชัดเจนยงิ่ ข้นึ ค. เพราะช่วยให้เกดิ ความจรรโลงใจขณะอา่ น ง. เพราะจะทำให้รแู้ นวการเขียนและคาดเดาเหตุการณล์ ว่ งหนา้ ได้ ๒๒. ขอ้ ใด ไม่ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ ว่าเป็นการอ่านเพ่ือวิเคราะหว์ จิ ารณท์ ดี่ ี ก. สุดาหาแก่นเรอ่ื งท่ีผเู้ ขยี นต้องการนำเสนอจากการตง้ั ช่ือตวั ละคร ข. ทิวาพิจารณาจดุ เดน่ และจุดดอ้ ยของวรรณกรรมอย่างเป็นกลาง ค. จรยิ าประเมินคา่ งานเขยี นยึดประสบการณข์ องตนเองเป็นหลัก ง. ธาราศกึ ษาสภาพสังคมที่ปรากฏเปน็ ฉากหนึ่งในวรรณกรรม ๒๓. “ดอกไม้มหี นามแหลม มิใชแ่ ย้มคอยคนชม บานไวเ้ พ่ือสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน” “ดอกไม้” ในบทร้อยกรองดงั กล่าวหมายถึงส่ิงใด ก. สตรี ข. ความรัก ค. ความสงบสขุ ง. ความสวยงาม

๑๐๑ ๒๔. ลางลิงลงิ ลอดไม้ ลางลงิ แลลูกลิงลงชิง ลูกไม้ ลงิ ลมไลล่ มติง ลงิ โลด หนนี า แลลกู ลงิ ลางไหล้ ลอดเลยี้ วลางลงิ บทร้อยกรองดังกลา่ วมคี ุณคา่ ด้านใด ก. การใหค้ วามรู้เรื่องธรรมชาติ ข. การใช้โวหารบรรยายเพื่อเล่าเร่ือง ค. การเลน่ เสียง สัมผสั ในและสมั ผัสนอก ง. การใชภ้ าพพจนเ์ พ่ือทำใหเ้ กดิ จนิ ตภาพ ๒๕. สบู บหุ รีม่ ีแต่จะคอยบน่ั ทอนอายุให้สน้ั นน้ั แน่ ๆ กำลังจิตถูกตัดรอนใหอ้ ่อนแอ เพราะต้องแพ้แก่ความเง่ยี นราบเตียนไป จากวาทะของทา่ นพทุ ธทาสภิกขนุ ้ีให้ข้อคิดอย่างไร ก. คนเราควรตัดความอยากเพื่อเลิกบุหร่ี ข. การสบู บุหร่ีเปน็ สิง่ ที่ไมด่ ี จึงควรเลิก ค. บุหรที่ ำใหจ้ ติ ใจอ่อนแอและไร้พลัง ง. การสูบบหุ ร่ีทำให้สขุ ภาพไม่แยล่ ง ๒๖. คำถามเชิงวิเคราะหย์ ดึ หลกั คำถามในลกั ษณะใด ก. ใคร ทำอะไร ทไี่ หน เมื่อไร อยา่ งไร ทำไมหรือเพราะเหตุใด ข. ใคร ทำอะไร ท่ีไหน อย่างไร ทำไม ค. เหน็ ดว้ ยหรือไมเ่ หน็ ดว้ ยอย่างไร ง. เพราะเหตใุ ด ใชห่ รอื ไม่

๑๐๒ ๒๗. ข้อใดไม่ใชค่ ำถามการคิดวิเคราะห์ ก. วงจรชวี ติ ของกบ กับผเี สือ้ เหมอื นกนั หรือไมอ่ ย่างไร ข. ๑๒ เมืองตอ้ งห้ามพลาด ในด้านการท่องเทย่ี วท่ีไดร้ บั ประกาศจาก ททท. ประกอบด้วย จังหวัดอะไรบ้าง ค. เพราะเหตุใดประเพณีการลงแขกจงึ จางหายไปจากสังคมเมือง ง. หนึง่ ตำบลหนึ่งผลิตภัณฑส์ ร้างรายได้ให้กบั ประชาชนในชมุ ชนไดอ้ ยา่ งย่ังยืนหรอื ไม่ ๒๘. ขอ้ ใดเปน็ คำถามคดิ วจิ ารณ์ ก. การทำขนมเค้กมขี น้ั ตอนการทำอย่างไรบา้ ง ข. ประเทศไทยมีการคมนาคมกีประเภท อะไรบ้าง ค. ท่านมคี วามคิดเหน็ อย่างไรกับการเรียนรู้อย่างไม่จำกัดกับการท่องโลกอนิ เทอร์เนต็ ง. จงบอกวธิ กี ารประหยัดไฟฟ้าทไ่ี ด้ผลมาอยา่ งน้อย ๕ วธิ ี ๒๙. การคดิ วเิ คราะหม์ ปี ระโยชน์อยา่ งไร ก. มคี วามสามารถในการสรุปประเดน็ สำคัญ ข. มคี วามสามารถในการศกึ ษา การเรยี นรู้ และการแสวงหาความรู้ ค. มีทกั ษะในการสอ่ื สารท่ีดี ง. มคี วามคดิ ขั้นสงู ๓๐. การคดิ วิเคราะห์ และวจิ ารณ์มีความแตกต่างกันในดา้ นใด ก. การให้เหตุผล ข. การพิจารณา ค. การใชค้ วามรู้ ง. การใช้ความรูส้ กึ

๑๐๓ เฉลยแบบทดสอบทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรอื่ ง อเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ สาระการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ ขอ้ ตวั เลอื ก ขอ้ ตวั เลอื ก ๑ ข. คำพดู ที่ไมร่ ะมดั ระวงั จะสร้างอันตรายใหเ้ กิด ๑๖ ค. เป็นการอา่ นเพ่ือวิเคราะห์วจิ ารณแ์ ละ แกต่ นเอง ประเมนิ ค่าอย่างมเี หตผุ ล ๒ ง. คุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์ ๑๗ ง. กวีนิพนธ์ ๓ ก. สตปิ ญั ญาเป็นสมบตั ิท่ีสำคัญทส่ี ดุ ๑๘ ก. ดงึ เฉพาะจุดเดน่ ของเร่ืองเพอื่ วิจารณ์ ๔ ข. ลำคลองดแู คบลงเพราะน้ำมีน้อย ๑๙ ข. การอ่านขยายความ ๕ ก. คน้ หาสาระ ๒๐ ง. พิจารณาสภาพสังคมท่ปี รากฏในเร่ือง ๖ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๒๑ ข. เพราะชว่ ยใหเ้ ข้าใจเร่ืองที่แต่งชัดเจนยงิ่ ขน้ึ ๗ ง. เปน็ ประโยค ๒๒ ข. ทิวาพิจารณาจดุ เดน่ และจุดด้อยของ ๘ ค. ใช้พจนานกุ รม วรรณกรรมอย่างเป็นกลาง ๙ ง. คดั ลอก ๒๓ ก. สตรี ๑๐ ง. การเปล่ียนแปลง ๒๔ ข. การสูบบุหรเ่ี ป็นสง่ิ ท่ีไมด่ ี จงึ ควรเลิก ๑๑ ก. น้ำมาปลากินมด นำ้ ลดมดกนิ ปลา ๒๕ ข. การสูบบุหรเ่ี ปน็ ส่งิ ท่ีไมด่ ี จงึ ควรเลิก ๒๖ ก. ใคร ทำอะไร ทีไ่ หน เม่ือไร อยา่ งไร ทำไม ๑๒ ง. นางสายชอบทำตวั เป็นฆ้องปากแตก หรอื เพราะเหตุใด ๑๓ ค. แยกใจความสำคญั ออกจากส่วนขยาย ๒๗ ง. หนงึ่ ตำบลหนง่ึ ผลติ ภณั ฑส์ รา้ งรายไดใ้ ห้กบั ๑๔ ข. เรยี บเรยี งใจความสำคญั ของเรื่อง ประชาชนในชมุ ชนได้อย่างยง่ั ยืนหรอื ไม่ ๒๘ ค. ทา่ นมคี วามคิดเห็นอยา่ งไรกบั การเรียนรู้ ๑๕ ก. ตั้งคำถามและคำตอบจากเรื่องที่อ่าน อยา่ งไมจ่ ำกัดกับการท่องโลกอนิ เทอร์เน็ต ๒๘ ข. มคี วามสามารถในการศึกษา การเรียนรู้ และ การแสวงหาความรู้ ๓๐ ง. การใชค้ วามรสู้ ึก

๑๐๔ กำหนดการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๓ นิทานเวตาลเรื่องท่ี ๑๐ หน่วยที่ มาตรฐาน สาระสำคญั / ความคิดรวบ ชนิ้ งาน / เวลา นำ้ หนกั / ชื่อ การเรยี นรู้ / ยอด ภาระงาน (ชว่ั โมง) คะแนน หนว่ ย ตวั ช้ีวดั การพดู สรปุ แนวคดิ และ ๑. ใบงานเรอื่ ง การพดู แสดง ๓๕ นิทาน แสดงความคิดเหน็ จากการ ความคิดเห็น เวตาล ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ ฟัง และการดูนิทานเวตาล ๒. กิจกรรมการอภปิ รายเรื่อง เรือ่ งที่ ท ๓.๑ ม.๔-๖/๖ เร่ืองท่ี ๑๐ เพื่อจับใจความ นิทานเวตาลเร่ืองที่ ๑๐ 10 สำคัญแล้วนำไปเรียบเรยี ง ๑. ใบงานเรื่อง มารยาท ใหม่ พรอ้ มนำไปใช้ใน ในการฟัง การดู และการพดู ชีวติ ประจำวนั และมี ๒. กจิ กรรมการนำเสนอ มารยาทในการฟัง การดู สถานการณ์จำลองทเี่ ปน็ และการพดู มารยาทในการฟัง การดู และการพูด

๑๐๕ ผงั วิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ นทิ านเวตาลเรือ่ งท่ี ๑๐ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑ หนว่ ย นทิ านเวตาลเรอ่ื งท่ี ๑๐ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 2๒ เรื่อง การพดู แสดงความคิดเห็น เรอ่ื ง มารยาทในการฟงั การดู และ ท ๓.๑ ม ๔-๖/๑ การพดู สรปุ แนวคิด และ การพดู แสดงความคดิ เหน็ จากการฟัง และ ท ๓.๑ ม.๔-๖/๖ การพดู สรุปแนวคิดและ การดนู ทิ านเวตาลเรื่องที่ 10 เพ่ือจบั แสดงความเหน็ จากการฟัง และการ ใจความสำคญั แล้วนำไปเรยี บเรียง การมีมารยาทในการฟัง ดนู ทิ านเวตาลเรอ่ื งท่ี 10 สามารถ ใหม่ พร้อมนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน การดู และการพูด ในการเรยี น อธบิ ายประเด็นสำคัญพร้อมข้อคิด และมมี ารยาทในการฟัง การดู และ การทำงาน และการทำกจิ กรรม แล้วนำความรูแ้ ละข้อคิดไปใช้ใน การพูด ร่วมกบั เพื่อนในชั้นเรียน พร้อมทำ ชีวิตประจำวัน ใบงาน เรอื่ ง การฟงั การดู และการ พูด ชิน้ งาน / ภาระงาน สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. ใบงานเร่ือง การพูดแสดงความ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๑. ใฝ่เรียนรู้ คิดเห็น ๒. ความสามารถในการคิด ๒. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน ๒. กจิ กรรมการอภปิ รายเรื่อง ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๓. มคี วามรับผิดชอบ นทิ านเวตาลเรอ่ื งที่ ๑๐ ๑. ใบงานเรือ่ ง มารยาทในการฟัง การดู และการพดู ๒. กิจกรรมการนำเสนอ สถานการณจ์ ำลองที่เปน็ มารยาท ในการฟัง การดู และการพดู

๑๐๖ แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาภาษาไทย มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย แผนท่ี ๑/๒ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรื่อง นิทานเวตาลเรอ่ื งที่ ๑๐ ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ เรื่อง การพดู แสดงความคิดเห็น เวลา ๒ ชวั่ โมง สอนวนั ที.่ .......เดอื น...............พ.ศ........ ครูผู้สอน..................................................... ๑. สาระสำคัญ การพดู แสดงความคิดเห็น เป็นการพดู ในเชงิ อธิบายเหตผุ ล ข้อเทจ็ จริง หลกั การหรือแนวความคิด เห็นของผู้พดู เพ่ือให้ผฟู้ ังคล้อยตาม เช่ือถือ ยอมรับ หรอื เห็นดว้ ย หรือเหน็ ด้วยกับผู้พูด และสามารถนำ แนวคดิ เหลา่ นนั้ ไปวเิ คราะหเ์ พอื่ ใช้ประโยชนต์ อ่ ไปได้ ๒. มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชวี้ ดั มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ ความรู้สึกในโอกาส ตา่ ง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณ และสร้างสรรค์ ตวั ชว้ี ัด ม.๔-๖/๑ สรุปแนวคดิ และแสดงความคดิ เห็นจากเร่ืองที่ฟังและดู ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถบอกความหมาย ความสำคัญ และหลักการของการพูดแสดงความคิดเหน็ ได้ (K) ๒. นกั เรยี นสามารถพูดแสดงความคดิ เห็นไดถ้ ูกต้อง (P) ๓. นักเรียนมีมารยาทในการพูด (A) ๔. สมรรถนะที่ต้องการ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๕. ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๓. มงุ่ มั่นในการทำงาน ๖. สาระการเรยี นรู/้ เน้อื หา ๑. ความหมาย ความสำคญั และหลักการของการพูดแสดงความคิดเหน็ ๒. การพดู แสดงความคดิ เห็น

๑๐๗ ๒. วรรณคดี เรอื่ ง นิทานเวตาล เรอ่ื งท่ี ๑๐ ๗. ผลงาน/การปฏิบัติ ๑. ใบงานเรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็น ๒. อภิปรายเรื่อง นทิ านเวตาลเรือ่ งท่ี ๑๐ ๘. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้/กระบวนการเรียนรู้ กิจกรรมที่ ๑ ขั้นนำ (๓๐ นาที) วธิ ีการดำเนนิ กจิ กรรม ๑. ครผู ู้สอนทักทายนักเรยี นด้วยบรรยากาศทเ่ี ปน็ กันเอง เชน่ สวัสดีนกั เรยี นทุกคน วนั น้ีกินข้าวเช้ากัน มาหรอื ยังคะ เป็นตน้ แลว้ แนะนำตัวเองพร้อมให้นักเรยี นแตล่ ะคนแนะนำตนเองเช่นเดยี วกนั ๒. ครชู ีแ้ จงข้อตกลงในการเรียนและการทำกจิ กรรม เพื่อเปน็ ข้อปฏิบัตริ ว่ มกนั ในชั้นเรียน ดงั นี้ ๒.๑ ห้ามเสียงดงั หรอื หยอกล้อกันในชน้ั เรยี น ๒.๒ หา้ มรบกวนสมาธเิ พ่ือนในช้นั เรียน ๒.๓ ห้ามรบั ประทานอาหารในชน้ั เรียน ๒.๔ หากมีขอ้ สงสยั ให้ยกมอื ขึ้นถาม ๓. ครผู ูส้ อนแบ่งกล่มุ นักเรยี นโดยคละความสามารถ กำหนดสดั สว่ นผู้เรียนท่ีมผี ลการเรยี นดี ปานกลาง และอ่อน ซึ่งจะได้ผ้เู รียน ในอตั ราส่วน ๑ : ๒ : ๑ ใน ๑ กลุ่ม จะไดจ้ ำนวนสมาชิก ๔ คน เมอื่ จดั เสร็จจะได้จำนวน ๓ กลุ่ม แล้วให้ผูเ้ รยี นที่อยูก่ ลุ่มดว้ ยกันมานั่งโต๊ะทีจ่ ัดเป็นกลุม่ ไวแ้ ล้ว กิจกรรมท่ี ๒ ขัน้ สอน (๖๐ นาที) วธิ ีการดำเนินกิจกรรม ๑. ครผู ู้สอนนำเข้าสู่การเรยี นการสอน โดยการสนทนากบั นักเรยี นเกยี่ วกบั เรื่องนิทานเวตาลเรื่องที่ ๑๐ เชน่ สอบถามนักเรียนวา่ นักเรียนเคยอา่ นนิทานเตาลมาบา้ งหรอื เปลา่ เพ่ือกระตุ้นให้นักเรียนทุกคน เตรยี มพร้อมในการเรยี นเน้ือหานนั้ ๆ ๒. ครูผ้สู อนเล่าเรือ่ งนิทานเวตาลเรือ่ งที่ ๑๐ ให้นักเรยี นฟงั ๑ รอบ พรอ้ มให้นักเรียนเปดิ หนังสือ วรรณคดีวจิ ักษณ์ เรื่องนทิ านเวตาลเร่ืองที่ ๑๐ ๓. เริม่ เล่นเกม “เปิดป้าย ทายเวตาล” ซึง่ จะให้ผเู้ รยี นเล่นเปน็ กลุ่มตามทแี่ บ่งไปในขนั้ นำ จำนวน กลุ่มละ ๔-๕ คน โดยมีวธิ ีการเล่นดังนี้ ๓.๑ กลมุ่ แรกจะไดเ้ ลือกเปิดแผน่ ปา้ ยในหมวดหมูต่ า่ ง ๆ ตามจำนวนเงนิ ท่ีตอ้ งการ และต้อง ตอบคำถามให้ไดภ้ ายใน ๑๐ วินาที ๓.๒ หากตอบไม่ได้ภายใน ๑๐ วินาที กล่มุ อื่น ๆ ทีร่ ูค้ ำตอบสามารถยกมอื ตอบได้ โดยจะ เลือกให้กลุ่มทยี่ กมือเปน็ กลุม่ แรกเปน็ ผตู้ อบ หากตอบถูก กลุ่มนั้นจะได้รบั คะแนนหรือจำนวนเงนิ ในขอ้ นน้ั ๆ ไป ๓.๓ ทกุ กลุ่มจะไดเ้ ปิดแผน่ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบทกุ แผ่นปา้ ย ๓.๔ กลมุ่ ใดท่ไี ดร้ ับเงินมากท่ีสดุ ถือว่าเปน็ ผชู้ นะ

๑๐๘ ๔. ครผู ู้สอนแจกใบความรเู้ ร่ือง การพูดแสดงความคิดเหน็ ชดุ โดยภายในใบความรู้ เรื่อง การพดู แสดงความคิดเห็น จะมเี นื้อหาเก่ียวกบั ความหมาย ความสำคญั และหลกั การพดู แสดงความคดิ เหน็ โดยให้ นักเรยี นภายในกล่มุ รว่ มกนั ศึกษาเน้ือหาภายในสอ่ื ประกอบการเรยี นเรื่อง การพูดแสดงความคิดเหน็ เพ่อื ให้ นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นผ่านคำถามทีค่ รูผสู้ อนกำหนดให้ แลว้ ใหน้ กั เรยี นภายในกลมุ่ ชว่ ยกนั ตอบ และแสดงความคิดเหน็ ๖. ในระหว่างทำกจิ กรรม ครูผู้สอนคอยสังเกตการณท์ ำกิจกรรม และคอยชีแ้ นะหากนักเรยี นมีขอ้ สงสยั ๗. กลมุ่ ใดทำเสร็จก่อน จะได้รบั คะแนนกลุ่มเพมิ่ ๘. ครผู สู้ อนแจกใบความรู้เรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็น ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มอย่างละ 1 ชดุ โดย ภายในใบงาน เรื่อง การพูดแสดงความคิดเหน็ จะมีเน้ือหาเกย่ี วกับ ความหมาย ความสำคญั และหลักการพูด แสดงความคิดเหน็ โดยให้นกั เรียนภายในกลมุ่ ร่วมกันศึกษาเน้ือหาภายในสอื่ ประกอบการเรยี นเรอ่ื ง การพูด แสดงความคดิ เห็น ๙. ครผู ู้สอนถามคำถามในเรื่องของนิทานเวตาล เร่ืองท่ี ๑๐ แล้วใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันพูด แสดงความคดิ เหน็ พร้อมเขียนลงบนใบงานเรอ่ื ง การพดู แสดงความคดิ เหน็ ให้เรียบร้อย เม่ือทุกกลุ่มทำใบงาน เสร็จเรยี บรอ้ ยแลว้ ครูและนกั เรียนในชั้นเรยี นร่วมกันเฉลยใบงานเร่ือง การพูดแสดงความคิดเหน็ กิจกรรมท่ี ๓ ข้ันสรปุ (๓๐ นาที) วิธดี ำเนนิ กจิ กรรม ๑. ครผู สู้ อนและนกั เรียนทุกคนช่วยกันอภิปรายว่า บทอา่ นเรื่องนิทานเวตาลเรื่องท่ี ๑๐ มีใจความ สำคญั วา่ อยา่ งไร ครูมีหน้าทีค่ อยชีแ้ นะหรือคอยเสรมิ เพ่ิมเติมในส่วนทน่ี ักเรยี นไม่ได้กล่าวถึง ๒. ครผู สู้ อนแจกแบบทดสอบใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียนชนิดปรนยั จำนวน ๑๐ ข้อ ๔ ตวั เลือก ๑๐ คะแนน เร่ือง การพดู แสดงความคิดเหน็ ๓. ครูผู้สอนเก็บแบบทดสอบและกระดาษคำตอบเมื่อนักเรียนทำเสรจ็ ครบทกุ คนแลว้ ๔. ครูผู้สอนรวบรวมกลุ่มที่ได้คะแนนประจำกลุ่มมากทส่ี ดุ และมอบรางวัลใหก้ ับนักเรยี นกลุ่มนน้ั ๆ ๙. สอ่ื /นวัตกรรม/แหล่งการเรียนรู้ สอ่ื และนวัตกรรม ๑. ใบความรู้ เร่อื ง การพดู แสดงความคดิ เห็น ๒. ใบความรู้ เรือ่ ง นิทานเวตาล เรอื่ งท่ี ๑๐ ๓. ใบงาน เรื่อง การพดู แสดงความคิดเหน็ แหล่งการเรียนรู้ ๑. ครูผ้สู อน ๒. หอ้ งสมุด ๓. อนิ เทอร์เน็ต

๑๐๙ ๑๐. การวัดและประเมนิ ผล สิง่ ทีต่ อ้ งการวดั วิธีการวัดและ เครอ่ื งมอื วัด เกณฑ์การประเมิน ประเมินผล ๑.บอกความหมาย การทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบปรนัย ๔ คะแนนผ่านเกณฑ์ รอ้ ย ตวั เลอื ก จำนวน ๑๕ ข้อ ละ ๘๐ ข้ึนไป ความสำคญั และ และหลังเรียน หลกั การพดู แสดงความ คดิ เหน็ ได้อยา่ งถกู ต้อง (K) ๒. การพูดแสดงความ ประเมินการพดู แสดง แบบประเมินการพูด ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ แสดงความคดิ เหน็ ข้นึ ไป คดิ เหน็ (P) ความคดิ เห็น ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ แบบสังเกตพฤติกรรม ขน้ึ ไป ๓. มมี ารยาทในการพดู การประเมินพฤติกรรม ผูเ้ รยี น Scoring Rubrics ๔ รายการ ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ (A) ผู้เรยี น ประเมิน ๓ ระดับ ขึ้นไป คุณภาพ ๔. การมสี ว่ นรว่ มในการ แบบประเมิน แบบประเมนิ ทำกจิ กรรม คณุ ลักษณะอนั พึง คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๓ คุณลักษณะ ประสงค์ ๓ ระดบั คุณภาพ ๑๑. บนั ทึกเพ่มิ เตมิ สำหรบั ผู้บริหาร …………………………………………………................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ .................................................ผปู้ ระเมิน (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วันที.่ ..........เดือน.........................พ.ศ..............

๑๑๐ ๑๒. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ ผลการจัดการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………....................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สภาพปญั หา ………………………………………………………………………………………......................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแกไ้ ขปญั หา …………………………………………………………………………………………....................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะในการจัดการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื .................................................ผ้ปู ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วันท.ี่ ..........เดอื น.........................พ.ศ..............

๑๑๙ นทิ านเวตาลเรือ่ งที่ ๑๐ นทิ านเวตาล ฉบับนพิ นธ์ พระราชวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื พทิ ยาลงกรณ มที ี่มาจากวรรณกรรมสนั สกฤตของอินเดยี โดยมชี ื่อเดิมวา่ “เวตาลปญั จวงิ ศติ” ศิวทาสได้แต่งไว้ในสมยั โบราณ กรมหมนื่ พิทยาลงกรณ ได้ทรงแปลนิทานเวตาลจากฉบบั ของเบอร์ ตัน จำนวน ๙ เรอ่ื ง และจากฉบับแปลสำนวนของ ซ.ี เอช. ทอว์นีย์ อีก ๑ เรอ่ื ง รวมเป็นฉบบั ภาษาไทยของกรมหม่นื พิทยาลงกรณ ๑๐ เรอื่ ง เม่อื พ.ศ. ๒๔๖๑ นิทานเวตาลเปน็ นิทานที่มีลกั ษณะเปน็ นทิ านซบั ซอ้ นนทิ าน คอื มีนทิ านเร่อื งยอ่ ยซอ้ นอยใู่ นนิทานเรอ่ื งใหญ่ ประวตั ผิ แู้ ตง่ พระราชวงศ์เธอ กรมหมนื่ พิทยาลงกรณ ทรงชำนาญด้านภาษาและวรรณคดี เปน็ พเิ ศษ ได้ทรงนิพนธ์หนังสอื ไวม้ ากมายโดยใชน้ ามแฝงว่า “น.ม.ส.” ซ่งึ ทรงเลือกจากตวั อกั ษรตัวหลงั พยางค์ของพระนาม (พระองคเ์ จ้า) “รชั นีแจม่ จรสั ” ลกั ษณะคำประพนั ธ์ นิทานเวตาล แต่งเปน็ รอ้ ยแกว้ โดยนำทำนองเขียนรอ้ ยแกว้ ของฝร่งั มา ปรับเข้ากบั สำนวนไทยได้อยา่ งกลมกลืน และไม่ทำให้เสยี อรรถรส แตก่ ลบั ทำให้ ภาษาไทยมชี ีวิตชีวา จึงไดร้ ับยกย่องเปน็ สำนวนรอ้ ยแก้วที่ใหม่ที่สดุ ในยคุ นั้น เรียกว่า “สำนวน น.ม.ส.”

๑๒๐ เร่อื งยอ่ ในโบราณกาล มีเมอื งทีใ่ หญ่เมืองหน่งึ ชื่อ กรุงธรรมปรุ ะ พระราชา ทรงพระนามว่า ทา้ วมหาพล มพี ระมเหสที ีท่ รงสริ โิ ฉมงดงามแมม้ พี ระราชธดิ าทีท่ รง เจรญิ วยั แลว้ ต่อมาได้เกดิ ศึกสงครามทหารของทา้ วเอาใจออกหา่ ง ทำให้ทรงพา่ ยแพ้ พระองค์จึงทรงพาพระมเหสีและพระราชธดิ าหลบหนอี อกจากเมืองเพื่อไปเมืองเดมิ ของพระมเหสี ในระหว่างทางทา้ วมหาพลได้ถกู โจรรุมทำรา้ ยเพือ่ ชิงทรพั ยแ์ ละส่ิงของ มีค่า จนพระองค์สนิ้ พระชนม์ จนพระราชธดิ าและพระมเหสเี สดจ็ หนเี ข้าไปในป่าลกึ ในเวลานนั้ มีพระราชาทรงพระนามวา่ ท้าวจนั ทรเสน กับพระราชบุตร ได้เสด็จ มาประพาสป่าและพบรอยเทา้ ของสตรีซง่ึ เม่ือพบสตรีทั้งสองจะให้รอยเทา้ ทใี่ หญ่เป็น พระมเหสขี องท้าวจนั ทรเสน และรอยเท้าท่เี ลก็ เปน็ พระชายาของพระราชบตุ ร แต่เมอื่ พบนางท้ังก็ปรากฏวา่ รอยเท้าที่ใหญ่คือพระราชธดิ า และรอยเทา้ ทเ่ี ลก็ น่ันคือ พระราชมารดา ดังนัน้ พระราชธิดาจึงเป็นพระมเหสขี องทา้ วจันทรเสน และพระมารดา ได้เปน็ พระชายาของพระราชบตุ ร ขอ้ คดิ ทไ่ี ดจ้ ากเรอื่ ง หากมนษุ ยร์ ้จู กั ใชป้ ญั ญาคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถว้ นและรอบดา้ น แมป้ ญั หาจะยากเยน็ ซบั ซอ้ น เพียงใดกส็ ามารถแกไ้ ขหรอื ทำความเขา้ ใจได้เสมอ แต่การใช้ปญั ญาเพยี งอยา่ งเดียวมอิ าจแก้ปญั หาทกุ สิ่งได้เสมอไป มนุษย์ตอ้ งมสี ติ กำกบั ปญั ญาของตนดว้ ยการใช้สตปิ ญั ญาควบคกู่ ันไป คือหลักสำคญั ในการนำ มนุษย์ไปสู่ความสำเรจ็ อกี ทั้งคำพดู ของมนษุ ย์มคี วามสำคัญย่งิ เพราะคำพูด เปน็ สง่ิ ที่ต้องรกั ษาดงั นนั้ หาพดู ออกมาโดยมิไดใ้ ช้สติปญั ญาไตร่ตรองให้รอบด้าน เสียก่อน ก็จะนำหายนะหรอื ปญั หาซ่งึ ยากจะแกไ้ ขมาสู่ตนได้ ความกลา้ หาญมุ่งมนั่ และความเพียรเปน็ คุณลกั ษณะทนี่ ่าชน่ื ชม ทมี่ า : https://sites.google.com/

๑๒๑

๑๒๒ คำช้ีแจง ให้นักเรียนเขียนแสดงความคดิ เห็นตามประเดน็ ต่อไปนี้ ๑. หากนักเรียนเปน็ พระวกิ รณ์มาทิตย์ นกั เรียนจะใหค้ วามช่วยเหลือฤาษใี นการนำตวั เวตาลมา หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... ................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................................................................ .......... ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... ๒. “ลูกทา้ วจนั ทรเสนที่เกิดจากธิดาท้าวมหาพลและลุกมเหสที ้าวมหาพลทเ่ี กดิ กับพระราชบตุ รท้าว จันทรเสน” หากนกั เรยี นเป็นพระวิกรมาทติ ย์ นักเรียนจะลำดับญาติอยา่ งไร ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ........ ........................................................................................................................... ........................... .......................................................................................................... ............................................ ๓. จากนทิ านเวตาลเรือ่ งที่ ๑๐ นกั เรียนคิดวา่ คุณธรรมด้านใดเด่นชดั ที่สุด .................................................................................................................................... .................. ................................................................................................................. ..................................... ................................................................................................ ...................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... . .................................................................................................................................. .................... ................................................................................................................. .....................................

แบบประเมนิ การพดู แสดงความคดิ เหน็ ๑๑๕ โรงเรยี นกันทรวิชยั ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ รวม กลมุ่ ........................ คะแนน ที่ ชื่อ – สกลุ ๑. การแสดง รวม ผ/มผ ความ ิคดเห็น (๓) (๑๕) ๒. ยอมรับฟังความ ิคดเห็น ของ ้ผู ื่อน (๓) ๓. ตรงประเด็น (๓) ๔. สมเหตุสมผล (๓) ๕. ีมความเ ่ืชอ ่ัมน ในการแสดงออก (๓) ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. คะแนนรวม บันทกึ เพิ่มเติม ........................................................................................................................................................... ................... .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วนั ท.่ี ..........เดอื น.........................พ.ศ..............

๑๑๖ เกณฑ์การประเมินการพูดแสดงความคิดเห็น เรอื่ ง นิทานเวตาล เร่อื งท่ี ๑๐ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๑ ๓๒ ๑. การแสดงความคดิ เหน็ แสดงความคิดเห็นใน แสดงความ แสดงความ สง่ิ ท่เี ปน็ ประโยชน์ คิดเห็นในส่งิ ท่ี คิดเห็นในส่ิงท่ีไม่ ตรงประเดน็ และมี เปน็ ประโยชน์ เป็นประโยชน์ คุณคา่ แต่ไมต่ รง และไมต่ รง ประเดน็ ประเดน็ ๒. ยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อนื่ รับฟงั ความคดิ เห็น รบั ฟังความ ไมม่ ีการรับฟัง ของผู้อน่ื มีการพัฒนา คิดเห็นของผูอ้ ื่น ความคดิ เห็นของ และปรบั ปรุง แตไ่ ม่มกี าร ผู้อน่ื และไม่ พฒั นาและ พฒั นาปรับปรงุ ปรับปรงุ ๓. ตรงประเดน็ แสดงความคิดเหน็ ได้ แสดงความคิดเหน็ แสดงความ ตรงประเดน็ ครบถว้ น ไดต้ รงประเด็น คดิ เห็นได้ไม่ตรง เพยี งบางสว่ น ประเด็น ๔. สมเหตุสมผล แสดงความคิดเหน็ ได้ แสดงความ แสดงความ อยา่ งสมเหตุสมผล คดิ เหน็ ได้ คิดเหน็ ได้ไม่ สมเหตุสมผล สมเหตุสมผล เพยี งบางสว่ น ๕. มคี วามเชื่อมน่ั ในการแสดงออก แสดงความ แสดงความ แสดงความคิดเห็น คิดเห็นด้วยไม่ คิดเหน็ ดว้ ย ดว้ ยความม่นั ใจและมี มนั่ ใจ หรอื ลงั เล ไมม่ ่ันใจ ความเชอื่ มัน่ ในตนเอง ในการแสดง ความคดิ เหน็ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน การประเมนิ การพูดแสดงความคิดเห็นกำหนดไวด้ ังน้ี ๓ หมายถึง ดมี าก ๒ หมายถงึ ดี ๑ หมายถงึ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารประเมิน กำหนดไว้ดงั นี้ ร้อยละ 60 ขน้ึ ไป (9 คะแนนขน้ึ ไป) 0 – ๕ คะแนน ระดบั ปรับปรุง ๖ – ๑๐ คะแนน ระดบั พอใช้ ๑๑ – ๑๕ คะแนน ระดับ ดี หมายเหตุ ผูผ้ า่ นเกณฑ์ประเมินตอ้ งได้คะแนน ๑๐ คะแนนขึ้นไป คดิ เป็นร้อยละ ๘๐

แบบประเมนิ พฤติกรรม เรือ่ งมารยาทในการพูด ๑๑๗ โรงเรยี นกันทรวชิ ยั ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖ สรุป พฤตกิ รรม กลมุ่ ๑. เป็นผู้ ัฟงท่ีดี (๓) รวม ผ/มผ ท่ี ชอ่ื ๒. ูพดจา ุสภาพ (๓) (๑๒) ๓. ใ ้ช ้นำเ ีสยง ท่ีดังพอเหมาะ (๓) ๔. เปิดโอกาสให้ ู้ผ ัฟง ซักถาม (๓) 1 2 3 บันทกึ เพม่ิ เติม ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ................................................................................................................................................................... ........... ลงชอ่ื .................................................ผปู้ ระเมิน (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท่ี...........เดือน.........................พ.ศ..............

๑๑๘ เกณฑก์ ารสงั เกตพฤตกิ รรมผู้เรียน เร่อื งมารยาทในการพูด รายการประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน 1. เป็นผู้ฟงั ท่ดี ี ดมี าก (3) ดี (2) ปรบั ปรงุ (1) 2. พูดจาสภุ าพ 3. ใช้นำ้ เสียงทดี่ งั พอเหมาะ ตัง้ ใจ มสี มาธิในการฟงั ตัง้ ใจ มีสมาธิในการ ไมม่ ีสมาธใิ นการฟงั 4. เปดิ โอกาสให้ผ้ฟู งั ซักถาม และขณะฟงั ควรบันทึก ฟัง เพียงเล็กนอ้ ย ลุกเดินเข้าออก ทำ สง่ิ สำคัญ และขณะฟังไม่มีการ เสียงเอะอะ และไม่มี บันทกึ สง่ิ สำคญั การบนั ทึกส่งิ สำคญั ใช้คำสุภาพ และ ใช้คำสภุ าพ และคำที่ ใช้คำไมส่ ุภาพ และไม่ เหมาะสมกบั โอกาส ไม่สุภาพไม่เกนิ ๕ คำ เหมาะสมกบั โอกาส เกนิ ๑๐ คำ ใช้น้ำเสียงที่มีความดงั ใชน้ ำ้ เสยี งทม่ี คี วาม ใชน้ ้ำเสยี งทีม่ คี วาม พอเหมาะกบั สถานที่ ดงั พอเหมาะกับ ดงั ไม่เหมาะกับ และใชน้ ้ำเสยี งท่นี ่าฟัง สถานที่ และใช้ สถานที่ และใช้ นำ้ เสยี งทน่ี ่าฟังใน น้ำเสยี งท่ไี มน่ ่าฟงั บางคร้ัง เปดิ โอกาสใหผ้ ู้ฟังได้ เปิดโอกาสใหผ้ ู้ฟังได้ ไม่เปดิ โอกาสให้ผ้ฟู ัง ซกั ถาม และตอบ ซกั ถามในบางครั้ง ซักถาม และลเยงการ คำถามได้ตรงตามที่ หรอื เล่ยี งท่ีจะไม่ตอบ ตอบคำถามทผ่ี ฟู้ ัง สงสัย ผฟู้ ังสงสยั คำถาม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน กำหนดไว้ดงั น้ี 3 หมายถึง ดมี าก 2 หมายถงึ ดี 1 หมายถึง ปรบั ปรุง เกณฑ์การแปลความหมายคะแนน กำหนดไว้ดงั น้ี ร้อยละ 60 ขนึ้ ไป (9 คะแนนข้นึ ไป) คะแนน 9-12 คะแนน หมายถึง ดีมาก คะแนน 5-8 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 1-4 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง หมายเหตุ ผผู้ า่ นเกณฑป์ ระเมินต้องได้คะแนน ๑๐ คะแนนขนึ้ ไป คิดเป็นร้อยละ ๘๐

๑๑๙ แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ โรงเรียนกันทรวชิ ยั อำเภอกันทรวชิ ัย จังหวดั มหาสารคาม สำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษา เขต ๒๖ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ช่ือ-สกุลนกั เรียน...........................................................................หอ้ ง..............................เลขที่....................... คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี / ลงในช่องท่ีตรง กับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พึงประสงค์ ๓ ๒ ๑๐ ๑.ซ่ือสตั ย์สจุ ริต ๑.๑ ปฏิบตั ติ ามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบ้าน ๑.๒ ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเป็นจริงต่อตนเอง ๑.๓ ประพฤติ ปฏบิ ัตติ รงต่อความเปน็ จรงิ ต่อผู้อน่ื ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๒.๑ แสวงหาข้อมลู จากแหลง่ เรียนรู้ตา่ ง ๆ ๒.๒ มกี ารจดบนั ทกึ ความรู้อย่างเป็นระบบ ๒.๓ สรปุ ความรูไ้ ด้อย่างมเี หตุผล ๓. มุง่ ม่ันในการ ๓.๑ มคี วามต้งั ใจ และพยายามในการทำงานท่ีได้รบั มอบหมาย ทำงาน ๓.๒ มคี วามอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพอื่ ให้งานสำเร็จ บันทึกเพม่ิ เติม .............................................................................................................................................................................. .................................................................................. ............................................................... ............................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื .................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท.ี่ ..........เดอื น.........................พ.ศ..............

๑๒๐ เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ รายการประเมนิ ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ซ่ือสัตยส์ ุจริต นักเรยี นใหข้ ้อมลู ท่ีถกู ต้องและ นกั เรยี นใหข้ ้อมูลที่ นกั เรียนให้ข้อมลู ที่ ถูกต้องและเป็นจริง เปน็ จรงิ ปฏบิ ตั ิในส่งิ ท่ีถูกต้อง ถูกต้องและเป็นจริง ปฏบิ ตั ิในสิ่งทีถ่ ูกต้อง ทำตามสัญญาท่ตี นให้ไว้ ทำตามสัญญาทตี่ นให้ไวก้ บั เพ่ือน ปฏิบตั ใิ นส่งิ ทีถ่ กู ตอ้ ง กับเพ่ือน พ่อแม่ หรือ ผปู้ กครอง และครู พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู ทำตามสัญญาท่ตี นให้ไว้ ละอายและเกรงกลวั ที่ จะทำความผิด ละอายและเกรงกลวั ท่จี ะทำ กับเพ่ือน พ่อแม่ หรือ ความผดิ เปน็ ผปู้ กครอง และครู แบบอยา่ งท่ีดีด้านความซอ่ื สัตย์ ละอายและเกรงกลวั ท่ี จะทำความผิด ใฝเ่ รยี นรู้ นกั เรียนเข้าเรียน ตรงเวลา ต้ังใจ นกั เรยี นเข้าเรยี นตรง นักเรียนเข้าเรยี น ตรง ม่งุ ม่นั ในการ เรยี น เอาใจใสใ่ นการเรยี น และ เวลา ตัง้ ใจเรยี น เอาใจ เวลา ตั้งใจเรยี น เอาใจ ทำงาน มีสว่ นร่วมในการเรียนรู้ และเข้า ใส่ ในการเรยี น และมี ใส่ในการเรียน และมี รว่ มกิจกรรม การเรยี นรูต้ ่าง ๆ สว่ นรว่ ม ในการเรียนรู้ สว่ นรว่ มในการเรยี นรู้ ทั้งภายใน และภายนอกโรงเรียน และเขา้ รว่ มกจิ กรรม และเข้าร่วมกิจกรรม เปน็ ประจำ การเรียนรู้ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ เปน็ ต่าง ๆ บอ่ ยครง้ั บางครงั้ นกั เรยี นต้งั ใจ และรับผิดชอบใน นกั เรยี นตัง้ ใจ และ นักเรียนตงั้ ใจ และ การปฏิบตั ิ หนา้ ที่ที่ไดร้ บั รบั ผิดชอบ ในการปฏิบัติ รบั ผิดชอบ ในการปฏิบตั ิ มอบหมาย ให้สำเร็จ มีการ หนา้ ทท่ี ่ไี ดร้ บั มอบหมาย หน้าทที่ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย ปรบั ปรงุ และพฒั นาการทำงาน ให้สำเร็จ มีการปรับปรงุ ใหส้ ำเรจ็ ใหด้ ีขึน้ ภายในเวลา และพฒั นาการทำงาน ที่กำหนด ใหด้ ขี ึ้น เกณฑ์การให้คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ชิ ดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติชดั เจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน - พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางคร้ัง ให้ ๑ คะแนน - พฤตกิ รรมท่ไี ม่ได้ปฏิบัติ ให้ ๐ คะแนน เกณฑ์การแปลความหมายคะแนน กำหนดไว้ดังน้ี คะแนน ๗ - ๙ คะแนน หมายถงึ ดมี าก คะแนน ๔ - ๖ คะแนน หมายถึง ดี คะแนน ๐ - ๓ คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง หมายเหตุ ผผู้ า่ นเกณฑ์ประเมินตอ้ งได้คะแนน ๗ คะแนนขนึ้ ไป คดิ เปน็ ร้อยละ ๘๐

๑๒๑ แผนการจดั การเรยี นรู้วิชาภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย แผนท่ี ๒/๒ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง นิทานเวตาลเร่อื งที่ ๑๐ ภาคเรยี นที่ ๑/๒๕๖๓ แผนการจดั การเรียนรู้ เรื่อง มารยาทในการฟงั การดู และการพูด เวลา ๑ ชวั่ โมง สอนวนั ท่.ี .......เดอื น....................พ.ศ........... ครูผูส้ อน.......................................................... ๑. สาระสำคัญ มารยาทเป็นส่งิ สำคญั สำหรบั การอยู่ร่วมกนั ในสังคม กิจกรรมทุกกิจกรรมที่ต้องทำรว่ มกับผอู้ ืน่ จะ ดำเนนิ ไปดว้ ยความราบรื่น จำเปน็ ตอ้ งมีมารยาทในการกระทำ การฟงั การพดู และการดูกเ็ ชน่ เดยี วกัน ถ้า ฟังและดคู นเดยี วในสถานทสี่ ่วนตวั กไ็ มจ่ ำเป็นต้องรกั ษามารยาทเทา่ ใดนัก แต่ถ้าเปน็ การฟังและการดรู ว่ มกับ ผู้อนื่ ควรมแี ละรกั ษามารยาทเพื่อเปน็ การใหเ้ กียรติผู้อน่ื ท้งั ผูพ้ ดู ผูแ้ สดง และผู้ฟังหรือผู้ดดู ้วยกัน ๒. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ดั มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดูอย่างมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกในโอกาส ตา่ ง ๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และสรา้ งสรรค์ ตวั ชี้วดั ม.๔-๖/๖ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู ๓. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นสามารถบอกความหมาย ความสำคัญ และหลักการฟัง การดู และการพูดได้ (K) ๒. นักเรียนมมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู (P) ๓. นกั เรียนมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน (A) ๔. สมรรถนะที่ต้องการ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๕. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. ม่งุ ม่ันในการทำงาน

๑๒๒ ๖. สาระการเรียนร/ู้ เน้ือหา ๑. มารยาทการฟัง การดู และการพดู ๗. ผลงาน/การปฏบิ ัติ ๑. ใบงานเรอ่ื ง มารยาทในการฟัง การดู และการพดู ๒. กจิ กรรมการนำเสนอสถานการณจ์ ำลองทเี่ ป็นมารยาทในการฟงั การดู และการพูด ๘. การจดั กจิ กรรมการเรียนร้/ู กระบวนการเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ี ๑ ขนั้ นำ (๑๐นาที) วิธกี ารดำเนินกิจกรรม ๑. ครูผูส้ อนทักทายนักเรียนด้วยบรรยากาศทเ่ี ป็นกันเอง เช่น สวสั ดนี ักเรยี นทกุ คน วันน้ีกินข้าวเช้ากัน มาหรอื ยงั คะ เป็นตน้ แล้วแนะนำตัวเองพร้อมให้นักเรยี นแต่ละคนแนะนำตนเองเชน่ เดียวกัน ๒. ครชู ้ีแจงขอ้ ตกลงในการเรียนและการทำกจิ กรรม เพ่ือเปน็ ขอ้ ปฏบิ ัติร่วมกนั ในช้ันเรยี น ดังน้ี ๒.๑ หา้ มเสียงดัง หรือหยอกล้อกันในช้ันเรียน ๒.๒ หา้ มรบกวนสมาธิเพ่ือนในชน้ั เรยี น ๒.๓ หา้ มรบั ประทานอาหารในช้ันเรยี น ๒.๔ หากมีขอ้ สงสยั ให้ยกมอื ขึ้นถาม ๓. ครูผู้สอนแบง่ กลมุ่ นักเรยี นโดยคละความสามารถ กำหนดสัดส่วนผูเ้ รียนทมี่ ีผลการเรียนดี ปานกลาง และอ่อน ซ่ึงจะได้ผเู้ รียน ในอัตราส่วน ๑ : ๒ : ๑ ใน ๑ กลุม่ จะได้จำนวนสมาชิก ๔ คน เมอ่ื จดั เสร็จจะไดจ้ ำนวน ๓ กล่มุ แล้วให้ผู้เรยี นทอี่ ยู่กล่มุ ดว้ ยกนั มานั่งโตะ๊ ที่จัดเป็นกลมุ่ ไว้แล้ว กิจกรรมที่ ๒ ขัน้ สอน (๒๐ นาที) วธิ ีการดำเนินกจิ กรรม ๑. ครผู ูส้ อนแจกส่ือประกอบการเรยี นเรื่อง มารยาทการฟัง การดู และการพดู ให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ อย่างละ 1 ชุด โดยภายในสื่อประกอบการเรียน เร่ือง มารยาทการฟัง การดู และการพูด จะมีเนื้อหาเกีย่ วกบั ความหมาย ความสำคญั และหลกั การพดู แสดงความคิดเห็น โดยให้นักเรยี นภายในกล่มุ ร่วมกนั ศึกษาเนื้อหา ภายในสอ่ื ประกอบการเรียนเร่อื ง การพูดแสดงความคิดเห็น ๒. ครูแจกใบงานเร่ือง มารยาทการฟัง การดู และการพูด โดยใหน้ กั เรียนภายในกลุ่มชว่ ยกันทำเพ่ือ ทบทวนความรู้จากการศึกษาใบงาน กลุม่ สีใดท่ที ำใบงานเสรจ็ เป็นอันดบั ที่ ๑ และอนั ดบั ท่ี ๒ กลุ่มสีนน้ั จะ ไดร้ บั คะแนนเพอื่ สะสมคะแนนของกลุ่มสีต่อไป เมื่อทุกกล่มุ ทำใบงานเสรจ็ เรียบร้อยแล้ว ครูและนกั เรียนในชนั้ เรียนรว่ มกนั เฉลยใบงานเร่ือง มารยาทในการฟัง การดู และการพดู พรอ้ มกัน ๓. ครูผู้สอนให้นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ส่งตัวแทนเพือ่ มาจบั สลากเลอื กอนั ดับในการทำกิจกรรมหนา้ ชั้น เรียน ๔. ครผู ู้สอนแบ่งให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ทำกจิ กรรมการนำเสนอสถานการณจ์ ำลองท่ีเป็นมารยาทในการ ฟัง การดู และการพดู โดยครูผ้สู อนเป็นผู้เลือกให้แต่ละกลุ่มวา่ จะนำเสนอมารยาทด้านใด โดยครูผู้สอนให้เวลา ในการเตรยี มตัวจำนวน ๑๐ นาที

๑๒๓ ๕. เมอ่ื หมดเวลาแลว้ ให้นักเรียนแต่ละคนออกมานำเสนอสถานการณ์จำลองทเ่ี ปน็ มารยาททีต่ นเอง ไดร้ บั จนครบทุกกลมุ่ ๖. ในระหวา่ งทำกิจกรรม ครูผสู้ อนคอยสงั เกตการณท์ ำกิจกรรม และคอยชีแ้ นะหากนักเรยี นมขี ้อ สงสยั กจิ กรรมที่ ๓ ขน้ั สรุป (๕ นาที) วธิ ดี ำเนินกิจกรรม ๑. เม่ือนำเสนอครบทุกคนแล้ว ครผู สู้ อนแจกสือ่ กระดานอา่ นได้ โดยให้นกั เรียนทุกคนช่วยกันอภิปราย วา่ สถานการณจ์ ำลองทเ่ี ปน็ มารยาทในการฟัง การดู และการพดู มคี วามสำคัญอยา่ งไรในการดำเนนิ ชวี ติ ประจำวนั ๒. นกั เรียนแต่ละกล่มุ ช่วยกนั เขียน และร่วมกนั แสดงความคิดเห็น ครคู อยชีแ้ นะหรือคอยเสริม เพ่ิมเติมในสว่ นท่ีนักเรียนไม่ได้กลา่ วถงึ ๓. นักเรยี นนั่งเปน็ กลมุ่ แลว้ ครูผู้สอนแจกแบบทดสอบให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนชนดิ ปรนยั จำนวน ๑๐ ขอ้ ๔ ตัวเลือก ๑๐ คะแนน เรอื่ ง มารยาทในการฟงั การดู และการพูด ๔. ครผู ้สู อนเกบ็ แบบทดสอบและกระดาษคำตอบเม่ือนกั เรียนทำเสรจ็ ครบทกุ คนแลว้ ๙. สอ่ื /นวตั กรรม/แหล่งการเรยี นรู้ สอ่ื ๑. ส่อื กระดานอา่ นได้ ๒. ใบความรู้เร่ือง มารยาทในการฟัง การดู และการพูด ๓. ใบงานเรื่อง มารยาทในการฟงั การดู และการพดู แหลง่ การเรียนรู้ ๑. ครูผสู้ อน ๒. ห้องสมดุ ๓. อินเทอรเ์ น็ต ๑๐. การวัดและประเมินผล สิ่งท่ีต้องการวดั วิธกี ารวดั และ เครื่องมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ประเมินผล ๑.บอกความหมาย แบบทดสอบปรนัย ๔ คะแนนผา่ นเกณฑ์ รอ้ ย ความสำคัญ และ การทดสอบก่อนเรยี น ตวั เลอื ก จำนวน ๑๕ ข้อ ละ ๘๐ ขน้ึ ไป หลกั การพูด การดู และ และหลังเรียน การฟังได้ (K)

๑๒๔ ๒. มารยาทในการฟงั ประเมินมารยาทในการ แบบประเมินมารยาทใน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ การดู และการพดู (P) ฟัง การดู และการพูด การฟัง การดู และการ ข้นึ ไป พูด ๓. การมสี ว่ นร่วมใน การประเมินพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ กจิ กรรมการเรยี นการ ผเู้ รยี น แบบสงั เกตพฤติกรรม ข้นึ ไป สอน (A) ผ้เู รียน Scoring แบบประเมิน Rubrics ๔ รายการ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ๔. การมีสว่ นรว่ มในการ คณุ ลกั ษณะอนั พึง ประเมิน ๓ ระดบั ขึ้นไป ทำกจิ กรรม ประสงค์ คณุ ภาพ แบบประเมิน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๓ คณุ ลักษณะ ๓ ระดับ คณุ ภาพ ๑๑. บันทึกเพิ่มเติมสำหรับผู้บรหิ าร …………………………………………………................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมิน (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท.ี่ ..........เดอื น.........................พ.ศ..............

๑๒๕ ๑๒. บันทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ ผลการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………....................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สภาพปญั หา ………………………………………………………………………………………......................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแกไ้ ขปัญหา …………………………………………………………………………………………....................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื .................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท่ี...........เดอื น.........................พ.ศ..............

- ๑๓๔ - - - - - - - - - - ทมี่ า : http://www.trueplookpanya.com/ -

๑๓๕

แบบสรุปคะแนนทดสอบย่อยระหว่างกอ่ นและหลงั เรียน ๑๒๘ เรอื่ ง มารยาทในการฟงั การดู และการพูด ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ สรปุ สรุปคะแนน ที่ ชือ่ -สกุล ผลการทดสอบ ่ยอย ่กอนเรียน ผลการทดสอบ ่ยอยห ัลงเรียน คะแนนการทดสอบ ่ยอย ที่เ ิพ่ม ึ้ขน ่ผาน ไ ่ม ่ผาน คะแนน คะแนน คะแนน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ บนั ทกึ เพ่ิมเติม ........................................................................................... ................................................................................... .................................................................................. ........................................................................................... . ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วนั ท่ี...........เดอื น.........................พ.ศ..............

๑๒๙ แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ๘ ประการ โรงเรยี นกันทรวชิ ยั อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต ๒๖ ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๒ ช่อื -สกุลนกั เรยี น...........................................................................ห้อง..............................เลขท่ี....................... คำชแ้ี จง : ให้ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี / ลงในช่องที่ตรง กับระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ ๓ ๒ ๑๐ ๑.ซ่อื สัตย์สุจริต ๑.๑ ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บการสอน และไม่ลอกการบ้าน ๑.๒ ประพฤติ ปฏิบัติ ตรงต่อความเปน็ จริงต่อตนเอง ๑.๓ ประพฤติ ปฏบิ ัตติ รงต่อความเป็นจริงต่อผู้อน่ื ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๒.๑ แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ๒.๒ มกี ารจดบนั ทึกความรอู้ ย่างเป็นระบบ ๒.๓ สรปุ ความร้ไู ดอ้ ย่างมีเหตุผล ๓. มงุ่ มน่ั ในการ ๓.๑ มคี วามต้งั ใจ และพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย ทำงาน ๓.๒ มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ตอ่ อปุ สรรคเพ่ือให้งานสำเรจ็ บนั ทกึ เพมิ่ เติม ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................... ..................................................................... .......... ลงชือ่ .................................................ผูป้ ระเมิน (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วันท.่ี ..........เดือน.........................พ.ศ..............

๑๓๐ เกณฑ์การให้คะแนน - พฤติกรรมท่ปี ฏิบัตชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัตชิ ดั เจนและบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั บิ างครง้ั ให้ ๑ คะแนน - พฤตกิ รรมทไี่ มไ่ ด้ปฏบิ ัติ ให้ ๐ คะแนน เกณฑ์การแปลความหมายคะแนน กำหนดไว้ดังน้ี คะแนน ๗ - ๙ คะแนน หมายถงึ ดมี าก คะแนน ๔ - ๖ คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน ๐ - ๓ คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง หมายเหตุ ผผู้ า่ นเกณฑ์ประเมินต้องไดค้ ะแนน ๗ คะแนนขึ้นไป คดิ เป็นร้อยละ ๘๐

๑๓๑ เกณฑ์การประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ รายการ ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ประเมนิ นกั เรียนให้ข้อมูลที่ถูกต้องและ นกั เรียนใหข้ ้อมลู ที่ นกั เรียนให้ข้อมูลท่ี ซื่อสัตยส์ ุจริต ถูกต้องและเป็นจรงิ ถูกต้องและเป็นจรงิ ปฏิบัตใิ นสง่ิ ท่ถี ูกตอ้ ง ปฏิบัตใิ นส่ิงทถี่ ูกต้อง เปน็ จรงิ ปฏิบตั ิในสงิ่ ท่ถี กู ต้อง ทำตามสัญญาท่ีตนให้ไว้ ทำตามสัญญาท่ตี นให้ไว้ กับเพ่ือน พ่อแม่ หรือ กบั เพื่อน พ่อแม่ หรือ ทำตามสญั ญาทต่ี นให้ไวก้ ับเพื่อน ผปู้ กครอง และครู ผู้ปกครอง และครู ละอายและเกรงกลัวที่ ละอายและเกรงกลัวที่ พ่อแม่ หรอื ผูป้ กครอง และครู จะทำความผิด จะทำความผดิ ละอายและเกรงกลัวท่ีจะทำ ความผดิ เปน็ แบบอยา่ งที่ดีดา้ นความซอื่ สัตย์ ใฝเ่ รยี นรู้ นกั เรียนเขา้ เรยี น ตรงเวลา ต้ังใจ นักเรยี นเขา้ เรยี นตรง นกั เรยี นเข้าเรียน ตรง เรยี น เอาใจใสใ่ นการเรียน และมี มุ่งมั่นในการ สว่ นร่วมในการเรยี นรู้ และเข้า เวลา ตั้งใจเรียน เอาใจ เวลา ตง้ั ใจเรยี น เอาใจ ทำงาน ร่วมกิจกรรม การเรยี นร้ตู ่าง ๆ ทง้ั ภายใน และภายนอกโรงเรียน ใส่ ในการเรียน และมี ใส่ในการเรยี น และมี เปน็ ประจำ ส่วนรว่ ม ในการเรยี นรู้ สว่ นรว่ มในการเรยี นรู้ นกั เรยี นตั้งใจ และรบั ผิดชอบใน การปฏบิ ัติ หนา้ ทีท่ ี่ไดร้ ับ และเข้าร่วมกิจกรรม และเขา้ รว่ มกจิ กรรม มอบหมาย ให้สำเร็จ มีการ ปรบั ปรุง และพัฒนาการทำงาน การเรยี นรู้ การเรยี นรูต้ ่าง ๆ เป็น ให้ดีข้นึ ภายในเวลา ทีก่ ำหนด ต่าง ๆ บ่อยครง้ั บางครง้ั นกั เรยี นต้ังใจ และ นักเรียนต้ังใจ และ รับผิดชอบ ในการปฏบิ ตั ิ รบั ผดิ ชอบ ในการปฏบิ ัติ หน้าทท่ี ่ีไดร้ ับ มอบหมาย หน้าทที่ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ใหส้ ำเรจ็ มกี ารปรับปรุง ใหส้ ำเร็จ และพัฒนาการทำงาน ให้ดีขนึ้

แบบประเมินมารยาทในการฟงั การดู และการพูด ๑๓๒ โรงเรียนกันทรวชิ ยั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ พฤติกรรม สรุป กลมุ่ ๑. การนำเสนอ (๓) รวม ผ/มผ ท่ี ชอ่ื ๒. ความถูกต้องใน (๑๒) การใ ้ชภาษา (๓) ๓. ตรงประเด็น (๓) ๔. น้ำเ ีสยง และ ่ทาทาง (๓) 1 2 3 บันทึกเพม่ิ เติม .............................................................................................................................................................................. .................................................................................. ............................................................................ ................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท่ี...........เดอื น.........................พ.ศ..............

๑๓๓ เกณฑ์การประเมนิ มารยาทในการฟงั การดู และการพูด รายการประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน 1. การนำเสนอ ดีมาก (3) ดี (2) ปรับปรงุ (1) 2. ความถกู ตอ้ งในการใช้ภาษา 3. ตรงประเดน็ มีขน้ั ตอนการนำเสนอที่ มีขน้ั ตอนการนำเสนอ ขั้นตอนการนำเสนอไม่ 4. นำ้ เสียงและทา่ ทาง นา่ สนใจ ส่อื สารได้ตรง ทีไ่ ม่นา่ สนใจเทา่ ที่ควร สอดคล้องกับประเดน็ ที่ ประเด็นในสิง่ ที่ต้องการ สื่อสารในบางเร่ืองยงั ตอ้ งการ ไม่สามารถ พดู โดยไม่ลงั เล ไม่ดนี กั มีความลังเลที่ ส่อื สารไดด้อย่าง จะพูดนำเสนอ คลอ่ งแคลว่ ไม่มีขอ้ ผิดพลาดในการ มีขอ้ ผิดพลาดในการใช้ มขี อ้ ผิดพลาดในการใช้ ใชภ้ าษา สามารถพูด ภาษาบางสว่ น ภาษา ทำให้ผฟู้ ังไม่ สื่อสารให้ผ้อู ่ืนเข้าใจได้ สามารถพดู ส่ือสารให้ เขา้ ใจ ผูอ้ ่ืนเข้าใจได้บา้ ง มกี ารเลอื กสถานการณท์ ี่ มีการเลอื กสถานการณ์ มกี ารเลอื กสถานการณ์ ตรงประเดน็ และทำการ ทีต่ รงประเดน็ เปน็ ทีไ่ มต่ รงประเด็น และ แสดงได้เหมาะสม บางสว่ น และทำการ ทำการแสดงได้ไม่ แสดงได้เหมาะสม เหมาะสม ออกเสียงได้ถูกต้องตาม ออกเสยี งได้ถกู ต้อง ออกเสยี งไม่ถกู ตอ้ งและ หลกั การออกเสียงและ และแสดงท่าทางได้ แสดงท่าทางได้ไม่ เหมาะสมกับ แสดงทา่ ทางไดเ้ หมาะสม เหมาะสมกับ สถานการณ์ กบั สถานการณ์ สถานการณเ์ ป็น บางส่วน เกณฑก์ ารให้คะแนน กำหนดไวด้ งั นี้ 3 หมายถงึ ดีมาก 2 หมายถึง ดี 1 หมายถึง ปรับปรงุ เกณฑ์การแปลความหมายคะแนน กำหนดไว้ดังนี้ ร้อยละ 60 ข้นึ ไป (9 คะแนนข้นึ ไป) คะแนน 9-12 คะแนน หมายถงึ ดีมาก คะแนน 5-8 คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน 1-4 คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง หมายเหตุ ผผู้ า่ นเกณฑ์ประเมินต้องได้คะแนน ๑๐ คะแนนข้ึนไป คดิ เป็นร้อยละ ๘๐

แบบสังเกตพฤตกิ รรมผู้เรยี น ๑๓๔ ด้านการมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรยี นการสอน โรงเรียนกันทรวชิ ัย ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๔ สรปุ พฤตกิ รรม กลมุ่ ๑. ความ ้ัตงใจ รวม ผ/มผ ท่ี ชื่อ ในการเรียน (๓) (๑๒) ๒. ความสนใจและ การซักถาม (๓) ๓. การทำงานทันตาม กำหนดเวลา (๓) ๔. การ ีม ่สวนร่วม ใน ิกจกรรม (๓) 1 2 3 บันทกึ เพิ่มเติม ..................................................................................................................... ......................................................... .................................................................................. ............................................................................................ ...................................................................................................................................................... ........................ ลงชื่อ.................................................ผ้ปู ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วันท่.ี ..........เดือน.........................พ.ศ..............

๑๓๕ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมผเู้ รยี น ด้านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรยี นการสอน รายการประเมนิ ดีมาก (3) เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปรบั ปรงุ (1) ต้งั ใจเรยี นตามเกณฑ์ 1. ความต้ังใจในการเรยี น 3 ข้อ ดี (2) ต้งั ใจเรียนตามเกณฑ์ - มสี มาธิจดจอ่ ในการเรียน 1 ขอ้ - ไม่คุยกันระหวา่ งเรยี น สนใจและซักถามตาม ตง้ั ใจเรียนตามเกณฑ์ - เตรยี มหนงั สือและอุปกรณ์ เกณฑ์ 3 ข้อ 2 ข้อ การเรียนพร้อมทจ่ี ะเรียน 2. ความสนใจและการซักถาม ทำงานทันตาม สนใจและซักถามตาม สนใจและซกั ถามตาม - สอบถามในหวั ข้อท่ีไมเ่ ข้าใจ กำหนดเวลา - บันทกึ คำถามและคำตอบ ตามเกณฑ์ 3 ขอ้ เกณฑ์ 2 ข้อ เกณฑ์ 1 ข้อ - กลา้ แสดงออก มสี ่วนรว่ มในกิจกรรม ทำงานทนั ตาม ทำงานทันตาม ตามเกณฑ์ 3 ขอ้ กำหนดเวลา กำหนดเวลา 3. การทำงานทันตามกำหนดเวลา ตามเกณฑ์ 2 ขอ้ ตามเกณฑ์ 1 ข้อ - ทำงานเสรจ็ ทนั เวลา - ทำงานถกู ต้องและชัดเจน มสี ่วนรว่ มในกิจกรรม มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรม - ทำงานเปน็ ระเบียบเรียบร้อย ตามเกณฑ์ 2 ขอ้ ตามเกณฑ์ 1 ขอ้ 4. การมีส่วนร่วมในกจิ กรรม - ใหค้ วามร่วมมอื ในการทำ กจิ กรรม - มคี วามเสยี สละ - มีความกระตือรือรน้ ในการร่วม กิจกรรม

๑๓๖ เกณฑ์การให้คะแนน กำหนดไวด้ งั นี้ 3 หมายถงึ ดีมาก 2 หมายถงึ ดี 1 หมายถึง ปรับปรุง เกณฑก์ ารแปลความหมายคะแนน กำหนดไว้ดงั น้ี ร้อยละ 60 ขน้ึ ไป (9 คะแนนขน้ึ ไป) คะแนน 9-12 คะแนน หมายถงึ ดีมาก คะแนน 5-8 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 1-4 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ หมายเหตุ ผู้ผ่านเกณฑ์ประเมินตอ้ งได้คะแนน ๑๐ คะแนนขึน้ ไป คดิ เปน็ ร้อยละ ๘๐

๑๓๗ แบบทดสอบกอ่ น - หลังเรยี น หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เรอื่ ง นิทานเวตาลเร่ืองท่ี ๑๐ ระดั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๔ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ คำชแี้ จง ๑. แบบทดสอบเป็นแบบปรนยั ๔ ตัวเลอื ก จำนวน ๓๐ ข้อ ๒. ใหเ้ ลือกคำตอบทถ่ี ูกต้องท่สี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว ๑. ข้อใดคือจุดมุ่งหมายสำคัญของการพูดแสดงความคิดเหน็ ก. การพูดเพอ่ื ใหผ้ ู้ฟงั ทราบข้อเทจ็ จรงิ ข. การพดู เพอ่ื ใหผ้ ูฟ้ ังเกิดความเขา้ ใจในปัญหาตา่ ง ๆ ที่เกดิ ขนึ้ ค. การพูดเพ่อื ใหท้ ราบถึงประวตั คิ วามเปน็ มาของเรื่องราวต่าง ๆ ง. การพดู เพอื่ วิจารณผ์ ู้อน่ื คนใดคนหนึง่ ในท่ปี ระชมุ ๒. ข้อใดคือความสำคญั ทสี่ ุดของการพูด ก. การแสดงความรู้ของตนเองทมี่ ีอยู่ ข. กอ่ ให้เกิดความสำเรจ็ ในด้านศาสนา ค. เปน็ เครอ่ื งมือของการสมาคม ง. ทำใหเ้ กิดความเข้าใจไดง้ า่ ย ๓. ข้อใดไมใ่ ช่องค์ประกอบของการพูด ก. การใชอ้ วัจนภาษา ข. การแตง่ กายทเ่ี นน้ ความอลังการเพื่อการดงึ ดดู ความสนใจ ค. ความมุ่งหมาย ง. สาระและเนอ้ื เรื่องทพ่ี ูด ๔. หลักการปฏบิ ัติให้ผฟุ้ งั และผดู้ ูคลอ้ ยตามความเห็นของตน ข้อใดเปน็ ไปไดด้ ที สี่ ดุ ก. ยกตวั อยา่ ง เหตผุ ล ขอ้ อ้างอิง ข้อโตแ้ ย้งต่าง ๆ เพื่อสนบั สนนุ ข้อคิดเหน็ ของตน ข. สรา้ งความเช่ือมั่นศรทั ธาใหแ้ ก่ตน โดยแสดงให้เหน็ ถึงความรคู้ วามสามารถอยา่ งเตม็ ท่ี ค. การมีมารยาทในการพดู ง. ใช้ศิลปะในการพดู อย่างมชี ีวิตชีวา จรงิ ใจ มเี หตผุ ล ๕. ขอ้ ใดเป็นจุดม่งุ หมายในการพูดเพ่ือแสดงความคดิ เห็น ก. การพูดอภิปราย การรายงาน ข. การพูดแสดงความยินดี ค. การพูดเพ่ือสรา้ งจนิ ตนาการ ง. การพูดเพ่ือโน้มนา้ วจิตใจ ๖. การพูดแสดงความคิดเห็น คอื การพูดในลักษณะใด ก. พูดทักทาย ข. พูดแนะนำตวั ค. พูดอภปิ ราย ง. พูดอวยพร

๑๓๘ ๗. มารยาทในข้อใดทีส่ ำคัญเก่ียวกบั การพูดแสดงความคิดเหน็ ก. มารยาทการดู ข. มารยาทการฟงั ค. มารยาทการพดู ง. ถูกทกุ ข้อ ๘. ควรใชน้ ้ำเสียงอย่างไรในการพูดแสดงความคิดเห็น ก. ใชน้ ำ้ เสียงดุดัน น่าเชือ่ ถือ ข. ใช้นำ้ เสียงท่ีเสียงดัง ค. ใชน้ ำ้ เสียงใส่อารมณ์ตามเรื่องท่ีพูด ง. ใช้นำ้ เสยี งธรรมดาทีส่ ภุ าพ ๙. ขอ้ ใดไมค่ วรกระทำในการพดู แสดงความคดิ เห็น ก. มีอคติในการพูด ข. มีมารยาทในการพูด ค. พดู ใหต้ รงประเด็น ง. ไม่พดู กำกวม ๑๐. ข้อใดถือเป็นมารยาทในการพดู แสดงความคดิ เหน็ ท่ีไม่ถูกต้อง ก. นำเร่ืองส่วนตัวมาพดู ข. พดู แบบมเี หตุและผล ค. ใชถ้ ้อยคำทีส่ ุภาพ ง. มีบคุ ลิกในการพดู ทด่ี ี ๑๑. ขอ้ ใดท่ที ำให้การพูดแสดงความคดิ เห็นน่าเชื่อถือมากข้ึน ก. การพูดด้วยเหตผุ ล ข. สามารถยกตัวอย่างอธบิ ายได้ ค. ไมม่ ีอคตใิ นการแสดงความคิดเหน็ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๑๒. การพดู แสดงความคดิ เห็นควรพูดแสดงความคิดเหน็ ในดา้ นใด ก. ดา้ นสรา้ งสรรค์ ข. ยกขอ้ เสยี ท้ังหมดมาพดู ค. ดา้ นท่ีให้ประโยชน์ ง. ถกู ทง้ั ข้อ ก. และข้อ ค. ๑๓. การพดู รายงานควรใชบ้ ุคลกิ อย่างไร ก. ต้องอ่านข้อความท่ีเตรยี มมาตลอด ข. ตอ้ งสบตาผู้ฟงั เสมอ ค. ต้องดดั เสียงเอียงคอ ง. สอดแทรกเรื่องตลก ๑๔. มารยาทในการพูดแสดงความคดิ เหน็ ท่ีสำคัญทีส่ ดุ คืออะไร

๑๓๙ ก. พูดเสยี งดังฟังชัด ข. พูดแต่ส่ิงทรี่ ู้ข้อมูลชดั เจน ค. พูดในสิง่ ที่ผู้ฟังส่วนมากสนใจ ง. ไม่พดู ในสิ่งที่ทำใหค้ นอ่นื เสียหาย ๑๕. การพูดที่น่าสนใจควรทำอยา่ งไร ก. ใช้ระดับเสียงสงู - ต่ำ สอดคลอ้ งกับเนอื้ หา ข. ยนื นงิ่ ไมเ่ คล่ือนไหว ค. พดู เสยี งดังฟงั ชัด ง. พูดโดยการบังคบั ใหผ้ ้อู ่นื ฟัง ๑๖. ขณะทเี่ รากำลังฟงั ผู้อนื่ พูด ข้อใดเปน็ ส่งิ ท่คี วรทำ ก. ทำงานที่ค้างอยู่ ข. พูดคุยกับคนข้าง ๆ ค. จดบันทกึ ประเด็นที่สำคญั ง. นง่ั หลบั ๑๗. หากเรารู้สึกชอบใจในสง่ิ ท่ผี พู้ ูดพูด ควรทำอยา่ งไร ก. ปรบมอื ให้ ข. หัวเราะดงั ๆ ค. ตะโกนบอกดงั ๆ ง. ทำได้ทุกข้อ ๑๘. เมอ่ื เราต้องการลุกออกไปเขา้ ห้องน้ำควรทำอยา่ งไร ก. ยนื ข้นึ และเดนิ ไปเขา้ ห้องน้ำ ข. บอกผู้พดู ก่อนแล้วเดนิ ไปเขา้ ห้องนำ้ ค. ยนื ทำความเคารพผู้พูดก่อนแล้วจงึ เดนิ ไปเข้าห้องน้ำ ง. ค่อย ๆ คลานออกไป ๑๙. เมื่อเราต้องการซกั ถามข้อสงสัยต่าง ๆ ควรทำอย่างไร ก. รอใหผ้ พู้ ูดพูดจบก่อนจึงยกมือขออนุญาตถาม ข. ยนื ข้ึนแลว้ ถามทนั ที ค. ปรบมอื ให้สัญญาณแล้วถาม ง. น่งั อยู่กับที่แลว้ ถามดงั ๆ ๒๐. เม่ือเราฟังข่าว หรอื เพลวจากวิทยุ เราควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. เปิดดัง ๆ จะได้ไม่มเี สียงผู้อื่นรบกวน ข. เปล่ยี นคลน่ื ไปมา เพื่อจะไดฟ้ งั หลายคลนื่ ค. ไม่ควรเปดิ เสียงดงั เกินไป ง. ถูกทั้งข้อ ก. และขอ้ ข.

๑๔๐ ๒๑. ข้อใดคือมารยาทในการดทู ่ีเราควรปฏบิ ัติ ก. ตง้ั ใจดอู ย่างสงบ ข. ไม่พูดคยุ กนั ค. ไมล่ ุกจากท่ีเดินไปมา ง. ถูกทุกข้อ ๒๒. ขณะท่ีเรากำลังดูการแสดงอยูห่ ากเรามองไม่เห็นควรทำอยา่ งไร ก. ยืนขึ้นดู ข. ลกุ เดนิ ไปมา ค. โยกตัวไปมา ง. ไม่มีข้อใดถกู ๒๓. หากเรากำลงั ดหู นังท่ีเคยดมู าแลว้ สิ่งใดที่ไมค่ วรทำ ก. น่ังดูอย่างสงบ ข. ตง้ั ใจดจู นจบ ค. เลา่ เร่อื งใหค้ นข้าง ๆ ฟัง ง. ไม่ลุกจากท่แี ลว้ เดินไปมา ๒๔. คำพูดในข้อใดท่ีเราควรหลีกเลยี่ ง ก. คำพดู หยาบคาย ข. คำพดู โอ้อวด ค. คำพดู เสียดสี ดหู ม่นิ ง. ถูกทกุ ขอ้ ๒๕. ขอ้ ใดที่ไม่ควรทำในขณะทกี่ ำลังพูด ก. เกาศีรษะ ข. น่ังหรอื ยืนพูดอย่างเรยี บร้อย ค. สบตาผู้ฟัง ง. ใชถ้ ้อยคำที่สภุ าพ ๒๖. มารยาททีด่ ขี องผู้พดู ตรงกับข้อใด ก. เปดิ โอกาสให้คูส่ นทนาได้พูดดว้ ย ข. ไมค่ วรพดู เพยี งคนเดยี ว ค. ไมพ่ ดู แทรกผู้อ่ืน ง. ถูกทุกขอ้ ๒๗. ขอ้ ดขี องการเตรียมตัวก่อนการพูดคือข้อใด ก. สามารถพูดไดต้ รงประเด็น ข. รักษาเวลาในการพูดได้ ค. พูดได้ครอบคลุมเนือ้ หาที่เราตอ้ งการพูด

๑๔๑ ง. ถกู ทุกขอ้ ๒๘. ทา่ ทางทด่ี ขี องผ้พู ูดตรงกับขอ้ ใด ก. ยิ้มแยม้ แจ่มใส ข. สบตาผ้ฟู ัง ค. ยืนหรอื นั่งในทา่ ที่เรยี บรอ้ ยและสภุ าพ ง. ถูกทกุ ขอ้ ๒๙. หากเราต้องพูดในงานศพ ไม่ควรพูดจาอย่างไร ก. พูดคำสุภาพ ข. พดู ตลกขบขนั ค. พูดไดต้ รงประเดน็ ง. ไม่พูดหยาบคาย ๓๐. หากเราตอ้ งพูดนำเสนอหน้าชั้นเรียนไมค่ วรพูดจาอย่างไร ก. พดู คำสุภาพ ข. พดู คำหยาบคาย ค. พดู ตรงประเด็น ง. พูดดว้ ยท่าทางแจม่ ใส

๑๔๒ เฉลยแบบทดสอบก่อน - หลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๓ เร่อื ง นิทานเวตาลเรื่องท่ี ๑๐ ระดน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ ขอ้ ท่ี คำตอบ ข้อท่ี คำตอบ ๑. ก. การพูดเพ่อื ให้ผู้ฟังทราบข้อเทจ็ จรงิ ๑๖. ค. จดบันทกึ ประเด็นทสี่ ำคญั ๒. ง. ทำใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจได้งา่ ย ๑๗. ก. ปรบมอื ให้ ๓. ข. การแตง่ กายทเ่ี นน้ ความอลังการเพ่ือการ ๑๘. ค. ยืนทำความเคารพผ้พู ูดก่อนแล้วจงึ เดนิ ไป ดึงดดู ความสนใจ เข้าห้องน้ำ ๔. ง. ใช้ศิลปะในการพดู อย่างมีชีวติ ชวี า จริงใจ ๑๙. ก. รอให้ผู้พูดพดู จบก่อนจึงยกมือขออนุญาต มีเหตุผล ถาม ๕. ก. การพดู อภิปราย การรายงาน ๒๐ ค. ไม่ควรเปดิ เสียงดงั เกินไป ๖. ค. พดู อภิปราย ๒๑. ง. ถกู ทกุ ข้อ ๗. ง. ถกู ทุกข้อ ๒๒. ง. ไมม่ ีข้อใดถูก ๘. ง. ใช้นำ้ เสยี งธรรมดาท่สี ุภาพ ๒๓. ก. น่ังดอู ย่างสงบ ๙. ก. มีอคติในการพูด ๒๔. ง. ถูกทุกข้อ ๑๐. ก. นำเรอื่ งสว่ นตัวมาพดู ๒๕. ก. เกาศรี ษะ ๑๑. ง. ถูกทกุ ข้อ ๒๖. ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๑๒. ง. ถกู ท้ังข้อ ก. และข้อ ค. ๒๗. ง. ถูกทุกข้อ ๑๓. ข. ตอ้ งสบตาผฟู้ ังเสมอ ๒๘. ง. ถูกทุกขอ้ ๑๔. ง. ไมพ่ ูดในส่งิ ทีท่ ำใหค้ นอ่ืนเสยี หาย ๒๙. ข. พดู ตลกขบขัน ๑๕. ก. ใชร้ ะดับเสยี งสูง - ต่ำ สอดคลอ้ งกับ ๓๐ ข. พดู คำหยาบคาย เนื้อหา

๑๔๓ กาหนดการจัดการเรยี นรู้ ช่อื หนว่ ย มาตรฐาน เวลา น้าหนัก การเรยี นร/ู้ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ชิ้นงาน/ภาระงาน หวั ใจชาย หนมุ่ ตัวชว้ี ดั (ชวั่ โมง) คะแนน ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว - ชน้ิ งานสมุด ๓ ๕ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๒ และจับประเด็น วิเคราะห์วิจารณ์ วิเศษณบ์ ันทึก ท ๑.๑ ม.๔-๖/๙ ประเมินค่าวรรณคดี และแสดง คาตอบ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๔ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๕ ความคิดเห็นเร่ือง หัวใจชายหนุ่ม - ใบงาน เร่อื ง ท ๒.๑ ม.๔-๖/๘ ท ๕.๑ ม.๔-๖/๓ ด้านสงั คมและวัฒนธรรม พร้อมท้ัง การเขียนประเมิน เสนอความคิดใหม่อย่างมีเหตุผล คณุ ค่า เรื่อง ตามหลักการประเมินงานเขียน หัวใจชายหนมุ่ และฝึกเขียนประเมิน สามารถ - ชิ้นงานการ พัฒนางานเขยี นของตนเองได้อย่าง วเิ คราะหแ์ ละ สร้างสรรค์ โดยเลือกใช้ระดับภาษา ประเมนิ คา่ ให้เหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ วรรณคดี และบคุ คล * หมายเหตุ ครผู ู้สอนจดั ทาหนว่ ยการเรยี นรูเ้ พ่มิ ให้ครอบคลมุ ทุกตวั ชว้ี ัดในคาอธบิ ายรายวิชา

๑๔๔ ผังวิเคราะห์หนว่ ยการเรยี นรู้ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ “หวั ใจชายหน่มุ ” หน่วยการเรียนรู้เรอื่ ง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง การอา่ นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ ค่า “หัวใจชายหนุ่ม” ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๒ อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว และจับประเด็น ท ๑.๑ ม.๔-๖/๙ วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่าวรรณคดี และแสดง ท ๕.๑ ม.๔-๖/๓ ความคิดเห็นเรื่อง หัวใจชายหนุ่มด้านสังคมและ วัฒนธรรม พร้อมทั้งเสนอความคิดใหม่อย่างมี อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและจับประเด็น เหตุผล ตามหลักการประเมนิ งานเขยี นและฝึกเขียน ตีความ แปลความจากการอ่าน และแสดงความคิดเหน็ ประเมิน สามารถพัฒนางานเขียนของตนเอง ได้อย่างสร้างสรรค์ โดยเลือกใช้ระดับภาษาให้ เหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะและบคุ คล แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ เร่ือง ผลติ งานเขยี นอย่างสร้างสรรค์ เรื่อง หลกั การประเมนิ งานเขียน ท ๒.๑ ม.๔-๖/๔ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๔ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๕ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๕ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๘ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๘ ผ ลิ ต แ ล ะ พั ฒ น า ง า น เ ขี ย น ข อ ง ต น เ อ ง เรียนรู้หลักการประเมินงานเขียน เพื่อสามารถ อย่างสร้างสรรค์ โดยเลือกใช้ระดับภาษาให้ นาไปเขียนประเมินคุณค่า และพัฒนางานเขียน เหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะและบุคคล ของตนเองได้อย่างสร้างสรรค์ โดยใช้ระดับภาษาให้ เหมาะสมแกโ่ อกาส กาลเทศะและบุคคล

๑๔๕ ชน้ิ งาน/ภาระงาน สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คุณลักษะอันพึงประสงค์ - ชิ้นงานสมุดวิเศษณ์บนั ทึก ๑. ความสามารถในการคดิ ๑. ซ่ือสัตยส์ จุ ริต คาตอบ ๒. ความสามารถในการส่ือสาร ๒. มีวินยั - ใบงาน เรอ่ื ง การเขยี นประเมิน คณุ ค่าเร่อื ง หัวใจชายหนุ่ม ๓. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ ๓. ใฝ่เรยี นรู้ - ชิน้ งานการวเิ คราะห์และ ๔. รักความเปน็ ไทย ประเมนิ คา่ วรรณคดี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook