แบบประเมินการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีเรอื่ ง นิราศนรินทรค์ ำโคลง ๑๙๖ โรงเรยี นกนั ทรวิชัย ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๔ คะแนน สรุป ที่ ชอ่ื – สกลุ ๑. การ ิวเคราะ ์ห ิวจารณ์ รวม ผ/มผ ตามห ัลกการเบื้อง ้ตน (๓) (๑๕) ๒. ตั้งคำถามเกี่ยว ักบ องค์ประกอบและ ้ขอเท็จจริง (๓) ๓. การใ ้ชภาษา (๓) ๔. การเรียงลำ ัดบ ความสำคัญ (๓) ๕. แยกแยะ ้ขอดีและ ้ขอบกพร่อง (๓) ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. ๑๑. ๑๒. คะแนนรวม บนั ทึกเพม่ิ เติม ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงช่อื .................................................ผปู้ ระเมิน (.....................................................................) ตำแหนง่ ..........................................................
๑๙๗ วนั ท.ี่ ..........เดือน.........................พ.ศ.............. เกณฑก์ ารประเมิน กำหนดไว้ดังนี้ รอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป (9 คะแนนขนึ้ ไป) 0 – ๕ คะแนน ระดบั ปรับปรงุ ๖ – ๑๐ คะแนน ระดบั พอใช้ ๑๑ – ๑๕ คะแนน ระดบั ดี หมายเหตุ ผ้ผู ่านเกณฑ์ประเมินตอ้ งได้คะแนน ๑๐ คะแนนข้นึ ไป คดิ เป็นร้อยละ ๘๐
๑๙๘ เกณฑก์ ารประเมินการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี เรื่อง นริ าศนรนิ ทร์คำโคลง รายการประเมิน ระดับคะแนน ๑ ๓๒ ๑. การวิเคราะหว์ จิ ารณ์ตามหลกั การเบื้องต้น วิเคราะหว์ จิ ารณ์ตาม วเิ คราะห์วิจารณ์ ไมไ่ ดว้ เิ คราะห์ หลักการเบ้ืองต้นครบ ตามหลกั การ วจิ ารณ์ตาม ทุกประเด็น เบือ้ งตน้ เพียงบาง หลักการเบ้ืองต้น ประเดน็ ๒. ตั้งคำถามเกยี่ วกับองค์ประกอบและ ตั้งคำถามเกี่ยวกับ ต้ังคำถาม ต้งั คำถาม ข้อเท็จจริง องคป์ ระกอบและ เกี่ยวกบั เกยี่ วกับ ข้อเทจ็ จรงิ ได้อยา่ ง องคป์ ระกอบและ องคป์ ระกอบและ ครอบคลุม ขอ้ เท็จจริงได้ ข้อเท็จจรงิ ได้ ครอบคลุมเพียง อยา่ งไม่ บางสว่ น ครอบคลุม ๓. การใชภ้ าษา ใชภ้ าษาได้ตามเกณฑ์ ใช้ภาษาได้ตาม ใช้ภาษา ๓.๑ เลอื กใชค้ ำไดถ้ ูกต้อง ครบ ๕ ข้อ เกณฑน์ ้อยกว่า ไมไ่ ดต้ ามเกณฑ์ ๓.๒ เขียนเว้นวรรคตอนไดถ้ ูกตอ้ ง ๕ ข้อ ๓.๓ ใชค้ ำสภุ าพ ๓.๔ ใช้ประโยคสื่อความหมายได้ ๓.๕ ใชค้ ำได้สละสลวย ๔. การเรียงลำดับความสำคัญ เรยี งลำดับ เรยี งลำดับ เรยี งลำดบั ความสำคัญไดอ้ ย่าง ความสำคญั ไดไ้ ม่ ความสำคญั ไม่ ถูกต้อง ถูกต้องใน ถูกต้อง บางสว่ น ๕. แยกแยะขอ้ ดแี ละข้อบกพร่อง แยกแยะข้อดีและ แยกแยะข้อดไี ด้ แยกแยะข้อดแี ละ ขอ้ บกพร่องได้อย่าง ไม่ถูกตอ้ งใน ขอ้ บกพร่องไม่ ถกู ต้อง บางสว่ น ถกู ต้อง เกณฑ์การให้คะแนนการประเมนิ การเขยี นเรื่องตามจนิ ตนาการกำหนดไวด้ ังนี้ ๓ หมายถึง ดมี าก ๒ หมายถึง ดี ๑ หมายถึง ปรับปรุง
แบบประเมนิ พฤติกรรม เรือ่ งมารยาทในการอา่ น ๑๙๙ โรงเรียนกันทรวชิ ยั ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ สรุป พฤตกิ รรม กลมุ่ ๑. ่อานอย่าง ้ัตงใจ (๓) รวม ผ/มผ ที่ ชอ่ื ๒. ่อานในท่าทางสบาย (๑๒) ัตวตรง ุสภาพ (๓) ๓. ไ ่มเ ่ลนกันขณะ ่อาน ห ันง ืสอ (๓) ๔. ใ ้ช ้นำเ ีสยงพอเหมาะ ในการ ่อาน (๓) ๑ ๒ ๓ บนั ทกึ เพิม่ เติม ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... ลงชอื่ .................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วนั ที.่ ..........เดอื น.........................พ.ศ............
๒๐๐ เกณฑ์การสังเกตพฤตกิ รรมผู้เรยี น เรือ่ งมารยาทในการพูด รายการประเมนิ ดมี าก (3) เกณฑก์ ารให้คะแนน ปรับปรงุ (1) 1. อ่านอย่างต้ังใจ อา่ นหนงั สอื อยา่ งต้ังใจ ดี (2) และมสี มาธิในการอ่าน อา่ นหนงั สือดว้ ยความ 2. อา่ นในท่าทางสบาย ตัวตรง ไมว่ อกแวก อา่ นหนงั สอื อย่างตั้งใจ ไม่ตัง้ ใจ ไม่มสี มาธิใน สภุ าพ อ่านหนังสอื ในท่าทาง และเกิดอาการ การอา่ นและวอกแวก 3. ไม่เล่นกันขณะอา่ นหนงั สือ สบาย นัง่ ดว้ ยท่าทางท่ี วอกแวกในบางครงั้ สภุ าพ และตวั ตรง อา่ นหนังสอื ในทา่ ทาง อา่ นหนงั สอื ในทา่ ทาง 4. ใช้นำ้ เสียงพอเหมาะในการ ในขณะท่ีอา่ นหนงั สือ ทม่ี ีความเกรง็ บ้าง ที่มีความเกรง็ และไม่ อ่าน ไม่มีการเลน่ หยอกล้อ เลก็ นอ้ ย สุภาพ กนั หรือแกลง้ ผู้อ่ืน ในขณะท่ีอา่ นหนงั สือ ใชน้ ้ำเสยี งในการอ่านท่ี มีการเลน่ หยอกล้อ ในขณะท่ีอา่ นหนงั สอื มีความดงั พอเหมาะ ไม่ กนั ในบางคร้งั มกี ารเล่นและหยอก เสียงดงั รบกวนผอู้ น่ื ใช้นำ้ เสียงในการอา่ น ลอ้ กัน ที่มีความดังพอเหมาะ แต่ยังส่งเสียงรบกวนผุ้ ใช้น้ำเสียงในการอ่าน อน่ื ในบางครงั้ ทมี่ ีความดังรบกวน ผอู้ ื่น เกณฑ์การให้คะแนน กำหนดไวด้ ังน้ี 3 หมายถงึ ดีมาก 2 หมายถึง ดี 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารแปลความหมายคะแนน กำหนดไว้ดังน้ี รอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป (9 คะแนนข้นึ ไป) คะแนน 9-12 คะแนน หมายถึง ดมี าก คะแนน 5-8 คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน 1-4 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง หมายเหตุ ผูผ้ า่ นเกณฑป์ ระเมินตอ้ งไดค้ ะแนน ๑๐ คะแนนขนึ้ ไป คดิ เป็นร้อยละ ๘๐
๒๐๑ แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาภาษาไทย มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย แผนท่ี ๒/๒ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๕ เรอ่ื ง นิราศนรินทร์คำโคลง ภาคเรียนท่ี ๑ / ๒๕๖๓ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการวเิ คราะหแ์ ละสังเคราะห์วรรณคดี เวลา ๑ ชว่ั โมง สอนวนั ที่............เดอื น....................พ.ศ............. ครผู สู้ อน............................................................ ๑. สาระสำคัญ การวเิ คราะห์ เป็นการแยกแยะสงิ่ ท่จี ะพิจารณาออกเปน็ ส่วนยอ่ ยท่มี ีความสมั พันธก์ นั เพ่ือทำความเข้าใจ แตล่ ะสว่ นใหแ้ จม่ แจง้ รวมทงั้ การสืบค้นความสัมพนั ธข์ องส่วนต่าง ๆเพอื่ ดูวา่ สว่ นประกอบปลกี ย่อยน้ันสามารถเขา้ กนั ไดห้ รือไมส่ ัมพันธเ์ กี่ยวเน่ืองกันอย่างไร ซ่ึงจะช่วยใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจต่อสิ่งหนงึ่ ส่ิงใดอย่างแทจ้ ริง และการสงั เคราะห์ เป็นกระบวนการหรือผลของการนำเอาปัจจยั สองอยา่ งหรือมากกวา่ ท่แี ยกกันโดยเฉพาะ ความคิด นำมารวมกนั เข้าเป็นหนึ่ง ก่อให้เกิดสิง่ ใหม่ขึน้ เป็นความรใู้ หมเ่ คร่ืองมอื ใหมท่ างความคดิ ๒. มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคุณค่าและนำมา ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง ตัวชว้ี ัด ม.๔-๖/๒ วเิ คราะหล์ กั ษณะเด่นของวรรณคดีเช่ือมโยงกบั การเรียนรูท้ างประววตั ศิ าสตร์และวถิ ีชีวิตของ สงั คมในอดตี ม.๔-๖/๔ สังเคราะห์ขอ้ คดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตจรงิ ๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถบอกความหมาย และหลักการวเิ คราะห์และสงั เคราะห์เรื่องท่ีอ่านได้ (K) ๒. นกั เรยี นสามารถวเิ คราะห์และสงั ดคคระห์เร่ืองที่อา่ นได้ถูกต้อง (P) ๓. นักเรียนมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน (A) ๔. สมรรถนะท่ตี ้องการ ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา
๒๐๒ ๕. ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ซื่อสัตย์ สุจริต ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. มุ่งมัน่ ในการทำงาน ๔. มีจติ สาธารณะ ๖. สาระการเรยี นร/ู้ เนอ้ื หา ๑. นิราศนรนิ ทร์คำโคลง ๒. ความหมาย หลักการของการวเิ คราะห์และสังเคราะห์ ๗. ผลงาน/การปฏบิ ัติ ๑. วเิ คราะห์ลกั ษณะเดน่ และสังเคราะหข์ ้อคิดจากวรรณคดีจากเร่ืองนริ าศนรนิ ทร์คำโคลงลงบนกระดาษ โฟรช์ าร์ต ๘. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้/กระบวนการเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ี ๑ ข้ันนำ (๑๐ นาที) วธิ ีการดำเนินกิจกรรม ๑. ครูผสู้ อนทกั ทายนักเรยี นด้วยบรรยากาศที่เปน็ กันเอง เช่น สวัสดีค่ะนกั เรียนทุกคน วนั น้ีกนิ ข้าวเชา้ กันมาหรือยงั คะ เปน็ ต้น แล้วแนะนำตวั เองพรอ้ มให้นกั เรยี นแตล่ ะคนแนะนำตนเองเชน่ เดยี วกนั ๒. ครูชแี้ จงขอ้ ตกลงในการเรียนและการทำกจิ กรรม เพ่ือเปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั ิร่วมกนั ในชั้นเรียน ๒.๑ หา้ มเสยี งดัง หรือหยอกล้อกนั ในช้ันเรยี น ๒.๒ ห้ามรบกวนสมาธิเพ่อื นในช้ันเรียน ๒.๓ หา้ มรับประทานอาหารในช้ันเรียน ๒.๔ หากมีขอ้ สงสัยใหย้ กมอื ข้ึนถาม ๓. ครผู ู้สอนแบง่ กล่มุ นักเรียนโดยคละความสามารถ กำหนดสดั สว่ นผู้เรยี นทม่ี ีผลการเรียนดี ปาน กลาง และออ่ น ซึ่งจะได้ผเู้ รยี น ในอตั ราสว่ น ๑ : ๒ : ๑ ใน ๑ กลมุ่ จะได้จำนวนสมาชิก ๔ คน เม่ือจัดเสร็จแล้วจงึ ให้ผู้เรยี นท่ีอยู่กลุ่มดว้ ยกันมานง่ั โต๊ะทีจ่ ดั เป็นกลุม่ ไว้แล้ว ๔. หลงั จากให้นกั เรยี นนงั่ เปน็ กลุ่มแล้วครูผสู้ อนแจกแบบทดสอบใหน้ กั เรียนทำแบบทดสอบ กอ่ นเรียนชนดิ ปรนัย จำนวน ๑๐ ขอ้ ๔ ตัวเลือก ๑๐ คะแนน เรื่อง การวิเคราะห์และสงั เคราะห์เรื่อง เพ่ือเปน็ การ วดั ระดับความร้เู ดิมของนกั เรียนในเรื่องการวเิ คราะห์และสังเคราะหจ์ ากเรือ่ งทีอ่านก่อนทีจ่ ะเรมิ่ เรยี น ๕. ครผู สู้ อนเก็บแบบทดสอบและกระดาษคำตอบเมื่อนักเรียนทำเสร็จครบทกุ คนแล้ว
๒๐๓ กจิ กรรมที่ ๒ ขัน้ สอน : (๓๐ นาท)ี วธิ กี ารดำเนินกิจกรรม ๑. ครผู ู้สอนนำเขา้ สู่บทเรียน โดยการสนทนากับนักเรยี นเก่ียวกับเรื่องนิราศนรินทร์คำโคลง เชน่ สอบถามนักเรียนวา่ นกั เรียนเคยอ่านนิราศนรนิ ทรค์ ำโคลงมาบ้างหรือเปลา่ เพื่อกระตนุ้ ให้นกั เรยี นทุกคน เตรยี มพร้อมในการเรียนเนือ้ หานั้น ๆ ๒. ครผู ้สู อนใหน้ กั เรียนอา่ นเรื่องนริ าศนรนิ ทรใ์ นใจ เม่ืออ่านจบแลว้ ครูผู้สอนจงึ เลา่ เร่อื งนิราศ นรินทร์คำโคลง ให้นกั เรยี นฟัง ๑ รอบ พรอ้ มให้นักเรยี นเปิดหนงั สือวรรณคดวี ิจกั ษณ์ เร่ืองนริ าศนรินทรค์ ำโคลง ๓. หลังจากการเรียนเนอ้ื หาเรื่องนิราศนรินทร์คำโคลงแล้ว ครูผสู้ อนนำเสนอความรู้เกี่ยวกับ ความหมาย หลกั การของการวิเคราะห์และสงั เคราะหจ์ ากเรือ่ งทีอ่าน โดยแจกเอกสารประกอบการเรียนเพ่ือให้ นักเรยี นเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง ประกอบกับฟงั ครูผสู้ อนดว้ ย ๔. ครผู ู้สอนแจกกระดาษโฟร์ชารต์ เพอ่ื ให้นักเรยี นภายในกลมุ่ วเิ คราะหล์ ักษณะเดน่ และ สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีจากเรอ่ื งนริ าศนรนิ ทร์คำโคลง ตามประเดน็ ท่ีตนเองได้รับผิดชอบ ๕. นกั เรียนภายในกลุม่ ชว่ ยกนั ศึกษาและการวเิ คราะห์ลักษณะเดน่ และสงั เคราะห์ข้อคิดจาก วรรณคดีเรื่องนริ าศนรนิ ทรค์ ำโคลง แล้วเขยี นลงบนกระดาษโฟรช์ ารต์ พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม ๖. ในระหวา่ งทำกจิ กรรม ครูผู้สอนคอยสงั เกตการณ์ทำกิจกรรม และคอยช้แี นะหากนักเรยี นมขี ้อ สงสัย ๗. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอการวิเคราะห์ลักษณะเด่นและสังเคราะห์ข้อคิดจาก วรรณคดีเร่ือง นิราศนรินทร์คำโคลง ในส่วนท่ตี นเองไดร้ ับผิดชอบ จนครบทุกกลุ่ม ๘. เมื่อนำเสนอเสรจ็ ให้นักเรียนทกุ คนร่วมกันประเมินผลงานเพื่อนและเลือกกลุ่มทน่ี ำเสนอไดด้ ี ทส่ี ุด ๑ กลุม่ กิจกรรมท่ี ๔ ขัน้ สรุป (๑๐ นาที) วธิ กี ารดำเนนิ กิจกรรม ๑. จากการทำกิจกรรมกลุ่ม ครผู สู้ อนประกาศผล โดยมอบรางวัลใหก้ ับกลมุ่ ท่ีวเิ คราะหล์ ักษณะ เด่นและสังเคราะหข์ ้อคิดจากวรรณคดีเรอื่ งนิราศนรินทร์คำโคลงไดถ้ ูกตอ้ งที่สุด และได้คะแนนการประเมินจาก เพื่อนมากเป็นอันดบั ๑ ซึ่งกลุ่มทไี่ มไ่ ด้รางวัล ครผู ู้สอนก็ให้กำลังใจในการพัฒนาตนเองต่อไป ๒. ครูผสู้ อนให้นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ชนดิ ปรนัย จำนวน ๑๐ ข้อ ๔ ตัวเลอื ก ๑๐ คะแนน เรื่อง การอ่านบทร้อยกรอง เพ่ือวดั ความรูท้ ีไ่ ด้รับจากการเรียนเรื่อง การวเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะห์ขอ้ คิด จากเรอ่ื งทีอ่ ่าน ๓. ครผู ู้สอนเก็บแบบทดสอบและกระดาษคำตอบหลงั จากนกั เรียนทำเสร็จหมดทุกคนแลว้ พร้อม ตรวจคะแนนแบบทดสอบและบันทึกผลคะแนนของสมาชิกในหอ้ งเรียน ๙. ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ ๑. หนงั สอื เรียน รายวิชาพน้ื ฐาน ภาษาไทย ชุดภาษาเพอื่ ชีวิต วรรณคดวี จิ กั ษณ์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ ๒. ใบความรู้เร่ือง การวิเคราะหแ์ ละสังเคราะหข์ ้อคิดเร่ืองท่ีอา่ น
๒๐๔ ๓. กระดาษโฟร์ชาร์ต แหล่งการเรยี นรู้ ๑. ครู ๒. ห้องสมดุ ๓. อินเทอรเ์ น็ต ๑๐. การวัดและประเมนิ ผล ส่ิงท่ีต้องการวดั วธิ ีการวัดและ เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ ประเมนิ ผล ๑. บอกความหมาย และ การทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบปรนยั ๔ คะแนนผ่านเกณฑ์ รอ้ ย ตวั เลอื ก จำนวน ๑๕ ข้อ ละ ๘๐ ข้ึนไป หลักการวเิ คราะหแ์ ละ และหลงั เรียน สังเคราะหเ์ ร่ืองที่อา่ นได้ อย่างถูกต้อง (K) ๒. การวิเคราะห์และ ประเมนิ การวิเคราะห์ แบบประเมินการ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ วเิ คราะห์และสังเคราะห์ ขึ้นไป สังเคราะหข์ ้อคิดจาก และสังเคราะหข์ ้อคดิ ข้อคิดจากเรื่องท่ีอา่ น ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ เรอ่ื งท่ีอ่าน (P) จากเรอื่ งทีอ่ ่าน แบบสังเกตพฤติกรรม ขึ้นไป ผ้เู รียน Scoring ๓. การมสี ่วนร่วมใน การประเมินพฤตกิ รรม Rubrics ๔ รายการ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ประเมิน ๓ ระดับ ขึ้นไป กจิ กรรมการเรยี นการ ผู้เรียน คณุ ภาพ สอน (A) แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึง ๔. การมีส่วนรว่ มในการ แบบประเมิน ประสงค์ ๓ คณุ ลักษณะ ๓ ระดบั คณุ ภาพ ทำกจิ กรรม คุณลักษณะอันพึง ประสงค์
๒๐๕ ๑๑. บนั ทึกเพม่ิ เตมิ สำหรบั ผู้บริหาร …………………………………………………............................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………................................... ลงช่ือ.................................................ผ้ปู ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท่ี...........เดอื น.........................พ.ศ...............
๒๐๖ ๑๒. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ ผลการจัดการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………................................... สภาพปัญหา ……………………………………………………………………………………….................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………................................... แนวทางแก้ไขปัญหา …………………………………………………………………………………………................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………................................... ขอ้ เสนอแนะในการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………….......................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….......................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………......... ลงชอื่ .................................................ผปู้ ระเมิน (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วนั ท.ี่ ..........เดือน.........................พ.ศ.............
๒๑๕ ท่มี า : https://sites.google.com/
แบบสรปุ คะแนนทดสอบย่อยระหวา่ งกอ่ นและหลงั เรียน ๒๐๘ เรอื่ ง การวิเคราะหแ์ ละสังเคราะห์เรือ่ งท่ีอ่าน ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๔ สรุป สรุปคะแนน ที่ ช่ือ-สกุล ผลการทดสอบ ่ยอย ่กอนเรียน ผลการทดสอบ ่ยอยห ัลงเรียน คะแนนการทดสอบ ่ยอย ที่เ ิพ่ม ึ้ขน ่ผาน ไ ่ม ่ผาน คะแนน คะแนน คะแนน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ บนั ทึกเพ่ิมเติม ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชือ่ .................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วนั ท่.ี ..........เดอื น.........................พ.ศ..............
๒๐๙ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๘ ประการ โรงเรียนกันทรวชิ ยั อำเภอกันทรวิชัย จังหวดั มหาสารคาม สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต ๒๖ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ ชอื่ -สกุลนกั เรยี น...........................................................................ห้อง..............................เลขท่ี....................... คำช้ีแจง : ให้ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี / ลงในชอ่ งที่ตรงกับ ระดับคะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพึงประสงค์ ๓ ๒ ๑๐ ๑.ซื่อสตั ยส์ ุจริต ๑.๑ ปฏิบัตติ ามระเบียบการสอน และไมล่ อกการบ้าน ๑.๒ ประพฤติ ปฏบิ ัติ ตรงต่อความเป็นจริงตอ่ ตนเอง ๑.๓ ประพฤติ ปฏิบตั ิตรงต่อความเป็นจรงิ ต่อผู้อนื่ ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๒.๑ แสวงหาข้อมูลจากแหล่งเรยี นรู้ต่าง ๆ ๒.๒ มกี ารจดบนั ทกึ ความรอู้ ย่างเป็นระบบ ๒.๓ สรุปความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตุผล ๓. มงุ่ ม่ันในการทำงาน ๓.๑ มคี วามตง้ั ใจ และพยายามในการทำงานที่ได้รบั มอบหมาย ๓.๒ มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพอื่ ใหง้ านสำเรจ็ ๔. มีจติ สาธารณะ ๔.๑ ชว่ ยเหลือผ้อู ื่นด้วยความเตม็ ใจโดยไมห่ วังผลตอบแทน ๔.๒ อาสาทำงานดว้ ยความสมัครใจ บันทึกเพิ่มเติม ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอ่ื .................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท่ี...........เดือน.........................พ.ศ..............
๒๑๐ เกณฑ์การให้คะแนน - พฤติกรรมท่ปี ฏิบัตชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัตชิ ดั เจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั บิ างครงั้ ให้ ๑ คะแนน - พฤตกิ รรมทไี่ มไ่ ด้ปฏบิ ัติ ให้ ๐ คะแนน เกณฑ์การแปลความหมายคะแนน กำหนดไว้ดงั นี้ คะแนน ๗ - ๙ คะแนน หมายถงึ ดมี าก คะแนน ๔ - ๖ คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน ๐ - ๓ คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง หมายเหตุ ผผู้ า่ นเกณฑ์ประเมินตอ้ งไดค้ ะแนน ๗ คะแนนขึ้นไป คดิ เป็นร้อยละ ๘๐
๒๑๑ เกณฑก์ ารประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รายการประเมิน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ซือ่ สตั ยส์ จุ ริต นกั เรยี นให้ข้อมูลที่ถกู ต้อง นกั เรยี นให้ข้อมูลที่ถูกต้อง นกั เรียนใหข้ ้อมูลท่ีถูกต้อง ใฝ่เรียนรู้ และเปน็ จรงิ ปฏิบัติในสง่ิ และเป็นจรงิ ปฏบิ ัติในส่งิ และเปน็ จริง ปฏบิ ัติในส่ิง มุ่งมัน่ ในการทำงาน ที่ถูกต้อง ทำตามสัญญา ที่ถกู ต้อง ทำตามสัญญา ที่ถกู ต้อง ทำตามสัญญา ท่ตี นใหไ้ วก้ บั เพ่ือน พ่อ ทตี่ นใหไ้ ว้กบั เพ่ือน พ่อ ทีต่ นใหไ้ วก้ บั เพื่อน พ่อ แม่ หรือผู้ปกครอง และ แม่ หรือผ้ปู กครอง และ แม่ หรือผู้ปกครอง และ ครู ละอายและเกรงกลวั ท่ี ครู ละอายและเกรงกลัว ครู ละอายและเกรงกลวั จะทำความผิด ทจ่ี ะทำความผิด ท่จี ะทำความผิด เป็นแบบอย่างทีด่ ีดา้ น ความซอ่ื สัตย์ นักเรยี นเขา้ เรยี น ตรง นักเรยี นเขา้ เรียนตรงเวลา นกั เรยี นเขา้ เรียน ตรง เวลา ตงั้ ใจเรยี น เอาใจใส่ ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ ใน เวลา ต้ังใจเรยี น เอาใจใส่ ในการเรียน และมีสว่ น การเรยี น และมสี ่วนร่วม ในการเรียน และมีส่วน รว่ มในการเรยี นรู้ และเขา้ ในการเรยี นรู้ และเข้ารว่ ม ร่วมในการเรียนรู้ และเขา้ รว่ มกจิ กรรม การเรียนรู้ กจิ กรรม การเรยี นรู้ ร่วมกจิ กรรม การเรยี นรู้ ต่าง ๆ ทง้ั ภายใน และ ต่าง ๆ บอ่ ยครัง้ ต่าง ๆ เปน็ บางคร้ัง ภายนอกโรงเรยี น เป็นประจำ นักเรยี นตงั้ ใจ และ นักเรียนตงั้ ใจ และ นกั เรียนตง้ั ใจ และ รบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิ รับผิดชอบ ในการปฏิบัติ รับผดิ ชอบ ในการปฏบิ ตั ิ หนา้ ท่ที ี่ไดร้ ับมอบหมาย หนา้ ทีท่ ่ไี ด้รับ มอบหมาย หนา้ ที่ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ให้สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ ใหส้ ำเรจ็ มกี ารปรับปรุง ใหส้ ำเรจ็ และพัฒนาการทำงาน และพฒั นาการทำงาน ให้ ใหด้ ขี ้นึ ภายในเวลา ดขี ้ึน ทีก่ ำหนด เกณฑ์การให้คะแนนการประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์กำหนดไวด้ งั นี้ ๓ หมายถึง ดมี าก ๒ หมายถึง ดี ๑ หมายถึง ปรับปรงุ
๒๑๒ แบบประเมินการวิเคราะห์และสงั เคราะห์วรรณคดีเร่อื ง นิราศนรนิ ทรค์ ำโคลง โรงเรียนกันทรวิชัย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔ ที่ ชอื่ – สกลุ ๑. การ ๒. การ คะแนน ๔. การ ๕. การ รวม วิเคราะห์ วิเคราะห์ วิเคราะห์ วเิ คราะห์ คะแนน* ๑. เนือ้ หา รูปแบบ ๓. การ คุณค่า (คะแนน ๒. (คะแนน (คะแนน วเิ คราะห์ การ ทางสังคม ๓. เต็ม ๓ แสดงออก (คะแนน เต็ม ๔. เต็ม ๓ คะแนน) ด้าน อยา่ งมี เตม็ ๓ ๑๕ ๕. คะแนน) วรรณศิลป์ คะแนน) คะแนน) ๖. (คะแนน ศิลปะ ๗. (คะแนน ๘. เตม็ ๓ เตม็ ๓ ๙. คะแนน) คะแนน) ๑๐. คะแนนรวม บันทกึ เพมิ่ เติม ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอ่ื .................................................ผปู้ ระเมิน (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท่.ี ..........เดอื น.........................พ.ศ..............
๒๑๓ เกณฑ์การประเมิน กำหนดไว้ดังน้ี รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป (9 คะแนนขึ้นไป) 0 – ๕ คะแนน ระดับ ปรับปรงุ ๖ – ๑๐ คะแนน ระดบั พอใช้ ๑๑ – ๑๕ คะแนน ระดับ ดี หมายเหตุ ผผู้ า่ นเกณฑ์ประเมินต้องได้คะแนน ๑๐ คะแนนข้ึนไป คิดเปน็ ร้อยละ ๘๐
๒๑๔ เกณฑก์ ารประเมินการวิเคราะห์สังเคราะห์วรรณคดี เรอ่ื ง นริ าศนรนิ ทร์คำโคลง รายการประเมิน ระดบั คะแนน ๓๒๑ ๑. การวิเคราะหเ์ นอ้ื หา วิเคราะห์เน้อื หา วเิ คราะห์เนื้อหา ไมม่ ีการวเิ คราะห์ ว่ามลี ักษณะ ว่ามีลกั ษณะ เน้อื หาวา่ มี องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ ลกั ษณะ หรือตรง หรือตรง องค์ประกอบ ขอ้ เทจ็ จริงหรือไม่ ข้อเทจ็ จรงิ หรือไม่ หรอื ตรง ได้อย่างครบถ้วน ไดไ้ มค่ รบถว้ น ขอ้ เทจ็ จริงหรือไม่ ๒. การวเิ คราะห์รูปแบบ วเิ คราะห์รูปแบบ วเิ คราะหร์ ูปแบบ ไม่มีการวิเคราะห์ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งว่า ไดถ้ ูกตอ้ งเพยี ง รปู แบบของ เป็นคำประพันธ์ บางสว่ นว่าเปน้ คำ วรรณคดี แบบใด เหมาะสม ประพันธ์แบบใด กบั เน้อื หาหรือไม่ เหมาะสมกบั เน้ือหาหรอื ไม่ ๓. การวเิ คราะห์วรรณศิลป์ วิเคราะหส์ ำนวน วิเคราะห์สำนวน ไม่มีการวิเคราะห์ โวหาร ลักษณะ โวหาร ลักษณะเด่น สำนวนโวหาร และ เดน่ ของคำ ของคำประพันธไ์ ด้ ลกั ษณะเดน่ ของคำ ประพนั ธไ์ ดอ้ ยา่ ง ถกู ต้องเพียงบางส่วน ประพนั ธ์ ถกู ต้อง ๔. การวิเคราะหก์ ารแสดงออกอยา่ งมีศิลปะ วเิ คราะห์การ วิเคราะห์การ ไม่มีการวิเคราะห์ แสดงออกอย่างมี แสดงออกอยา่ งมี การแสดงออก ศิลปะ ได้ถกู ต้อง ศิลปะ ได้ถกู ต้อง อย่างมีศลิ ปะ เพยี งบางส่วน ๕. การวิเคราะหค์ ณุ ค่าทางสังคม วิเคราะห์คุณค่า วิเคราะห์คุณค่า ไมม่ ีการวิเคราะห์ ทางสังคมวา่ มี ทางสงั คมว่ามี คุณคา่ ทางสังคม ลักษณะวิถีชวี ิต ลกั ษณะวิถชี ีวติ อยา่ งไรได้อยา่ ง อยา่ งไรได้อย่าง ถกู ต้อง ถกู ต้อง เกณฑ์การให้คะแนนการประเมนิ การเขยี นเรื่องตามจนิ ตนาการกำหนดไวด้ ังนี้ ๓ หมายถงึ ดีมาก ๒ หมายถึง ดี ๑ หมายถงึ ปรบั ปรงุ
๒๑๕ แบบสังเกตพฤตกิ รรมผเู้ รยี น โรงเรียนกันทรวชิ ยั ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๔ พฤติกรรม สรุป กลมุ่ ชื่อ ความ ความ การทำงาน การมี รวม ผ/มผ ที่ ต้ังใจใน สนใจและ ทนั ตาม สว่ นรว่ ม (12) การเรียน กำหนด ใน การ เวลา กจิ กรรม (3) ซกั ถาม (3) (3) (3) 1 2 3 บันทึกเพ่มิ เติม ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชือ่ .................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วนั ที่...........เดือน.........................พ.ศ..............
๒๑๖ เกณฑ์การสังเกตพฤตกิ รรมผู้เรียน รายการประเมิน ดีมาก (3) เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปรับปรงุ (1) ดี (2) ตง้ั ใจเรยี นตามเกณฑ์ 1 ขอ้ 1. ความต้ังใจในการเรยี น ต้งั ใจเรยี นตามเกณฑ์ ตัง้ ใจเรยี นตามเกณฑ์ สนใจและซกั ถามตาม - มีสมาธิจดจอ่ ในการเรียน 3 ข้อ 2 ข้อ เกณฑ์ 1 ข้อ - ไม่คุยกันระหวา่ งเรียน ทำงานทันตาม กำหนดเวลา - เตรยี มหนังสือและอปุ กรณ์ ตามเกณฑ์ 1 ข้อ การเรยี นพร้อมท่ีจะเรยี น มสี ว่ นรว่ มในกิจกรรม ตามเกณฑ์ 1 ข้อ 2. ความสนใจและการซักถาม สนใจและซักถามตาม สนใจและซกั ถามตาม - สอบถามในหวั ข้อท่ีไม่เขา้ ใจ เกณฑ์ 3 ขอ้ เกณฑ์ 2 ข้อ - บันทึกคำถามและคำตอบ - กลา้ แสดงออก 3. การทำงานทันตามกำหนดเวลา ทำงานทนั ตาม ทำงานทนั ตาม - ทำงานเสรจ็ ทนั เวลา กำหนดเวลา กำหนดเวลา - ทำงานถูกต้องและชัดเจน ตามเกณฑ์ 3 ข้อ ตามเกณฑ์ 2 ข้อ - ทำงานเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย 4. การมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรม มสี ว่ นร่วมในกิจกรรม มีสว่ นร่วมในกจิ กรรม - ให้ความรว่ มมือในการทำ ตามเกณฑ์ 3 ข้อ ตามเกณฑ์ 2 ข้อ กิจกรรม - มคี วามเสยี สละ - มีความกระตือรือรน้ ในการร่วม กิจกรรม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน กำหนดไว้ดงั น้ี 3 หมายถงึ ดมี าก 2 หมายถึง ดี 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารแปลความหมายคะแนน กำหนดไว้ดังนี้ รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป (9 คะแนนขึน้ ไป) คะแนน 9-12 คะแนน หมายถงึ ดีมาก คะแนน 5-8 คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน 1-4 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง หมายเหตุ ผู้ผา่ นเกณฑ์ประเมินตอ้ งได้คะแนน ๑๐ คะแนนขึ้นไป คิดเปน็ ร้อยละ ๘๐
๒๑๗ แบบทดสอบก่อน - หลังเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เรอื่ ง นิราศนรนิ ทร์คำโคลง ระด้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ คำชี้แจง ๑. แบบทดสอบเปน็ แบบปรนยั ๔ ตวั เลือก จำนวน ๓๐ ขอ้ ๒. ใหเ้ ลอื กคำตอบท่ถี ูกต้องทีส่ ุดเพยี งขอ้ เดียว ๑. การคิดวเิ คราะหม์ ีประโยชน์อยา่ งไร ก. มีความสามารถในการสรุปประเด็นสำคัญ ข. มคี วามสามารถในการศกึ ษา การเรยี นรู้ และการแสวงหาความรู้ ค. มีทักษะในการส่อื สารท่ีดี ง. มคี วามคดิ ขัน้ สงู ๒. การคดิ วิเคราะห์ และวิจารณ์มีความแตกต่างกนั ในด้านใด ก. การใหเ้ หตผุ ล ข. การพจิ ารณา ค. การใช้ความรู้ ง. การใช้ความร้สู กึ ๓. การคิดวิเคราะห์หมายความว่าอยา่ งไร ก. การคดิ จำแนก เปรียบเทยี บ ข. กระบวนการคิดระดับสงู ค. การคิดเก่ียวกับข้อเท็จจริง ง. การคดิ อย่างมีเหตผุ ลโดยใชป้ ญั ญา ๔. การคิดวจิ ารณห์ มายความวา่ อยา่ งไร ก. การแสดงความคิดเหน็ ข. การพิจารณาตดั สินโดยใชเ้ หตุผล ค. การพจิ ารณาตัดสนิ จากความคิดเหน็ สว่ นตัว ง. การไมเ่ หน็ ด้วยกับขอ้ เท็จจรงิ อยา่ งมเี หตผุ ล ๕. คำถามเชงิ วเิ คราะหย์ ึดหลักคำถามในลักษณะใด ก. ใคร ทำอะไร ท่ีไหน เม่ือไร อยา่ งไร ทำไมหรือเพราะเหตุใด ข. ใคร ทำอะไร ท่ีไหน อย่างไร ทำใม ค. เห็นดว้ ยหรอื ไม่ เหน็ ดว้ ยอย่างไร ง. เพราะเหตใุ ด ใช่หรอื ไม่ ๖. ขอ้ ใดไม่ใช่คำถามการคิดวิเคราะห์ ก. วงจรชวี ิตของกบ กับผเี สื้อ เหมอื นกนั หรือไม่อย่างไร ข. ๑๒ เมืองตอ้ งห้ามพลาด ในดา้ นการท่องเทย่ี วท่ีไดร้ ับประกาศจาก ททท. ประกอบด้วยจงั หวัดอะไรบา้ ง ค. เพราะเหตุใดประเพณีการลงแขกจงึ จางหายไปจากสังคมเมือง ง. หนงึ่ ตำบลหนง่ึ ผลติ ภณั ฑ์สร้างรายไดใ้ ห้กับประชาชนในชุมชนไดอ้ ยา่ งย่ังยนื หรอื ไม่
๒๑๘ ๗. ข้อใดเปน็ คำถามคดิ วิจารณ์ ก. การทำขนมเค้กมขี ั้นตอนการทำอย่างไรบา้ ง ข. ประเทศไทยมีการคมนาคมก่ปี ระเภท อะไรบา้ ง ค. ทา่ นมคี วามคดิ เห็นอย่างไรบ้างกบั การเรยี นรูอ้ ย่างไม่จำกัดกบั การทอ่ งโลกอินเทอรเ์ นต็ ง. จงบอกวิธกี ารประหยัดไฟฟ้าที่ไดผ้ บมาอย่างน้อย ๕ วธิ ี ๘. การคดิ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ มคี วามแตกตา่ งกันดา้ นใด ก. การใหเ้ หตุผล ข. การพิจารณา ค. การใช้ความรู้ ง. การใชค้ วามร้สู กึ ๙. “ล้านนาอยทู่ างภาคใดของประเทศไทย และมีจงั หวัดบ้าง” คำถามนีเ้ ป็นคำถามประเภทใด ก. คำถามคดิ สงั เคราะห์ ข. คำถามคดิ วเิ คราะห์ ค. คำถามคดิ วิจารณ์ ง. คำถามคิดสรา้ งสรรค์ ๑๐. ข้อใดกลา่ วถงึ การอ่านเพื่อวเิ คราะหว์ ิจารณ์ได้ถกู ต้อง ก. เป็นการอา่ นเพื่อจับประเด็นสำคัญของเรอ่ื งที่อ่าน ข. เปน็ การอ่านเพื่อพฒั นาจิตใจและก่อใหเ้ กิดความจรรโลงใจ ค. เป็นการอ่านเพ่ือวเิ คราะห์วิจารณ์และประเมนิ ค่าอย่างมีเหตุผล ง. เปน็ การอ่านเพอ่ื ขยายความจากเรือ่ งที่อ่านใหค้ รอบคลุมมากขึน้ ๑๑. สารควรใช้หลักการอา่ นเพอื่ วิเคราะหว์ จิ ารณ์มากทส่ี ดุ ก. แผน่ พบั หน่วยราชการ ข. ข่าวประชาสมั พนั ธ์ ค. หนังสอื เรยี น ง. กวีนิพนธ์ ๑๒. ทกั ษะการอา่ นใดไมใ่ ช่ทักษะสำคัญสำหรบั การอ่านเพ่ือวิเคราะห์วิจารณ์ ก. การอา่ นจับใจความ ข. การอ่านขยายความ ค. การอ่านถอดความ ง. การอา่ นตคี วาม ๑๓. การประเมินค่าวรรณคดีและวรรณกรรม ไม่ควรใชห้ ลักการใด ก. พจิ ารณาองคป์ ระกอบของเร่ือง ข. พจิ ารณาแนวคิดท่ีผู้เขยี นนำเสนอ ค. พิจารณาเนื้อหาและวิธกี ารนำเสนอ ง. พจิ ารณาสภาพสงั คมทป่ี รากฏในเรือ่ ง
๒๑๙ ๑๔. ข้อใดไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นการอ่านเพ่ือวเิ คราะหว์ ิจารณท์ ่ดี ี ก. หนงุ หนิงหาแกน่ เรื่องที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอจากการต้ังชื่อตวั ละคร ข. บพ้ี จิ ารณาจุดเดน่ และจดุ ด้อยของวรรณกรรมอย่างเป็นกลาง ค. จเู นียร์ประเมินค่างานเขียนยึดเปน็ ประสบการณ์ของตนเองเป็นหลกั ง. เสอื ศกึ ษาสภาพสังคมทป่ี รากฏเปน็ ฉากหนง่ึ ในวรรณกรรม ๑๕. “ดอกไม้มหี นามแหลม มิใชแ่ ย้มคอยคนชม บานไวเ้ พื่อสะสม ความอดุ มแห่งผืนดนิ ” “ดอกไม้” ในบทร้อยกรองดังกลา่ วหมายถึงส่งิ ใด ก. สตรี ข. ความรัก ค. ความสงบสขุ ง. ความสวยงาม ๑๖. ข้อใดทำให้ผู้อา่ นเข้าใจมูลเหตขุ องการแต่งและแรงบันดาลใจในการแต่งวรรณคดี ก. ชือ่ เร่อื ง เนอื้ เรื่องย่อ ข. ประวตั ิผแู้ ต่ง ค. คำนำ คำนิยม สารบัญ บรรณานุกรม ง. ถกู ทกุ ข้อ ๑๗. ข้อใดคือส่ิงท่คี วรทำอันดับแรกในการอา่ นพินจิ สาร ก. อา่ นเพื่อหากลวธิ ใี นการแต่ง ข. อา่ นเพื่อหาอารมณ์ของบทกวี ค. อา่ นเพื่อหาความงามของภาษา ง. อา่ นเพื่อค้นหาความหมายตรงและความหมายแฝงของศัพท์ ๑๘. การวิเคราะหอ์ ารมณ์ของการอ่านวรรณคดีพิจารณาจากองค์ประกอบตา่ ง ๆ ของวรรณกรรม ยกเวน้ ข้อใด ก. บทสนทนาของตวั ละคร ข. ข้อคิดท่ปี รากฏ ค. พฤตกิ รรมท่ตี วั ละครทำ ง. ฉาก เวลา สถานท่ี ๑๙. ข้อใดไม่ใช่ลลี าของการนำเสนอวรรณกรรม ก. นารปี ราโมทย์ เสารจนี ข. สัลปังคพิสัย ค. พิโรธวาทัง ง. ถกู ทุกข้อ
๒๒๐ ๒๐. คุณคา่ ดา้ นสงั คมสอดแทรกอยใู่ นองค์ประกอบใดของวรรณกรรม ก. บทสนทนา ข. พฤตกิ รรมตวั ละคร ค. สถานที่ ฉาก เวลา ง. บทละคร ฉาก เวลา พฤติกรรมตัวละคร ๒๑. บคุ คลในข้อใดตอ่ ไปนท้ี ่ีไม่มกี ารอ่านวิเคราะหค์ ุณค่าดา้ นเนื้อหา ก. น่นุ อ่านแล้วบอกไดว้ า่ เร่ืองน้ีแตง่ ด้วยคำประพนั ธป์ ระเภทใด มีฉนั ทลักษณอ์ ยา่ งไร ข. เนยอา่ นวรรณกรรมแล้วได้ข้อคิดไปเปน็ คตพิ จน์ ค. แนนอ่านวรรณกรรมแลว้ สรุปโครงเรอื่ งทง้ั หมดให้เพ่ือนฟังได้ ง. บิว๋ อ่านวรรณกรรม แลว้ บอกไดว้ า่ ผแู้ ต่งต้องการจะส่ืออะไรมาถึงผู้อา่ น ๒๒. ผลจากการอ่านเพ่ือวเิ คราะหแ์ ละสังเคราะห์ความรูด้ า้ นสังคม ยกเว้นข้อใด ก. จอยอ่านขุนช้างขุนแผนแล้วบอกไดว้ ่าการขบั เสภานยิ มใชก้ รับขยับให้จังหวะ ข. จนู อา่ นขนุ ชา้ งขุนแผนแลว้ บอกไดว้ า่ ผ้คู นสมัยรชั กาลท่ี ๓ มกี ารขบั เสภาเป็นมหรสพ ค. แจนและจนิ อา่ นขนุ ช้างขนุ แผนแลว้ บอกได้วา่ สมยั รชั กาลท่ี ๓ นยิ มแตง่ กลอนเสภา ง. จอมอา่ นขนุ ช้างขนุ แผนแล้วบอกได้วา่ กลอนเสภามีลักษณะคลา้ ยกลอนสุภาพ ๒๓. “วรรณคดี คอื กระจกเงาสะทอ้ นภาพสงั คมในยคุ สมยั น้ัน ๆ ” จะทราบได้อยา่ งไรวา่ สมัยนนั้ ในวรรณกรรมคือ สมัยใด ก. อ่านประวัติผู้แต่ง ข. อา่ นคำนำ/เร่ืองย่อ ค. อ่านจากชอ่ื เรื่อง ง. อา่ นทงั้ เร่อื ง ๒๔. ข้อใดไม่ใชค่ วามสำคญั ของการอา่ นวรรณคดี ก. วรรณคดีคอื มรดกของคนรุ่นกอ่ นถ่ายทอดมาสูค่ นรุ่นใหม่ ข. วรรณคดีคือกระจกเงาสะท้อนภาพผูค้ นในอดีตสู่คนรนุ่ ปัจจบุ นั ค. วรรณคดมี แี นวคิดที่เปน็ ประโยชนส์ ามารถนำมาปรบั ใชก้ ับผูอ้ ่านได้ ง. ถูกทุกข้อ ๒๕. ขอ้ ใดไม่ใช่การอ่านพนิ ิจวรรณคดี ก. น้ำจบั ใจความสำคญั ของเร่ืองท่ีอ่านได้ ข. น้อยอ่านแล้วบอกได้วา่ ข้อความทีอ่ ่านถ้อนคำไพเราะลกึ ซง้ึ กินใจหรือมีความงามอย่างไร ค. นิดอา่ นแลว้ บอกได้ว่าเร่ืองท่อี า่ นให้ความรู้ ข้อคิด คติสอนใจอยา่ งไร ง. น่มุ อ่านแล้วชใี้ หเ้ หน็ สภาพชีวิต ความคิด ความเช่อื ของคนในสังคมได้ ๒๖. ขอ้ ใดคือขั้นตอนแรกของการพินิจวรรณคดี ก. วิจารณ์ ข. วิเคราะห์ ค. ประเมินค่า
๒๒๑ ง. ทำความเขา้ ใจเรื่อง ๒๗. ข้อใดคือการประเมนิ คา่ วรรณกรรม ก. แสดงความคิดเห็นว่าวรรณคดที ี่อ่านมีจดุ เด่นทก่ี ารดำเนินเรอื่ ง ข. เขา้ ใจวา่ บทกวีบทใดมนี ้ำเสยี งย่ัวล้อหรอื นำ้ เสยี งประชดประชนั ค. บอกไดว้ า่ ตัวละครเอกในเร่ืองมีลกั ษณะนสิ ยั และพฤติกรรมเป็นอยา่ งไร ง. บอกได้วา่ วรรณกรรมท่ีอ่านเปน็ วรรณกรรมทีด่ ีมีคุณคา่ ด้านสติปัญญาภาษาและอารมณ์ ๒๘. การกำหนดแกน่ เร่ืองก่อนเขยี นงานเขยี นมีข้อดอี ย่างไร ก. ทำให้เรื่องที่จะเขียนมชี วี ติ ชีวา ข. ทำให้เร่อื งท่จี ะเขียนมีความจรงิ ค. ทำให้เรยี งลำดับเร่ืองได้อย่างน่าสนใจ ง. ทำให้ไมเ่ ขยี นออกนอกกรอบทก่ี ำหนดไว้ ๒๙. การพจิ ารณาคุณค่าวรรณคดี ควรพิจารณาท่สี งิ่ ใด ก. ภาพ ข. ช่ือเรือ่ ง ค. ถอ้ ยคำ สำนวน ง. ชื่อเร่อื ง เนอ้ื เร่ือง ๓๐. การพิจารณาคุณค่าวรรณคดีมีด้านใดบา้ ง ก. ดา้ นสังคม ข. ด้านวรรณศลิ ป์, ด้านเนือ้ หา ค. ดา้ นวรรณศลิ ป์, ดา้ นเนอื้ หา, ดา้ นสงั คม ง. ด้านวรรณศิลป์, ดา้ นเนือ้ หา, ดา้ นสังคม, ด้านชือ่ เรือ่ ง
๒๒๒ เฉลยแบบทดสอบก่อน - หลังเรยี น หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๕ เร่ือง นิราศนรินทรค์ ำโคลง ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๔ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ขอ้ ท่ี คำตอบ ข้อที่ คำตอบ ๑. ข. มคี วามสามารถในการศึกษา การเรยี นรู้ ๑๖. ง. ถกู ทกุ ข้อ และการแสวงหาความรู้ ๒. ง. การใชค้ วามรู้สึก ๑๗. ง. อา่ นเพ่ือค้นหาความหมายตรงและ ความหมายแฝงของศัพท์ ๓. ก. การคดิ จำแนก เปรียบเทยี บ ๑๘. ข. ขอ้ คดิ ทีป่ รากฏ ๔. ข. การพจิ ารณาตดั สินโดยใชเ้ หตผุ ล ๑๙. ง. ถกู ทุกข้อ ๕. ก. ใคร ทำอะไร ทไ่ี หน เมื่อไร อย่างไร ทำไม ๒๐ ง. บทละคร ฉาก เวลา พฤตกิ รรมตัวละคร หรือเพราะเหตุใด ๖. ก. วงจรชีวติ ของกบ กับผีเสือ้ เหมอื นกนั ๒๑. ง. บ๋ิวอา่ นวรรณกรรม แลว้ บอกไดว้ ่าผู้แตง่ หรอื ไม่อยา่ งไร ต้องการจะสอ่ื อะไรมาถึงผู้อา่ น ๗. ง. จงบอกวิธกี ารประหยัดไฟฟ้าทไี่ ดผ้ บมาอย่าง ๒๒. ง. จอมอา่ นขนุ ชา้ งขนุ แผนแล้วบอกได้วา่ นอ้ ย ๕ วธิ ี กลอนเสภามีลักษณะคลา้ ยกลอนสุภาพ ๘. ค. การใช้ความรู้ ๒๓. ก. อา่ นประวตั ิผู้แตง่ ๙. ข. คำถามคดิ วิเคราะห์ ๒๔. ง. ถูกทกุ ข้อ ๑๐. ค. เปน็ การอ่านเพ่ือวิเคราะห์วิจารณ์และ ๒๕. ก. น้ำจบั ใจความสำคญั ของเร่ืองท่ีอา่ นได้ ประเมนิ ค่าอย่างมเี หตผุ ล ๑๑. ง. กวีนพิ นธ์ ๒๖. ง. ทำความเขา้ ใจเร่ือง ๑๒. ค. การอ่านถอดความ ๒๗. ง. บอกไดว้ ่าวรรณกรรมที่อา่ นเปน็ วรรณกรรม ทดี่ ีมีคุณคา่ ดา้ นสตปิ ัญญาภาษาและอารมณ์ ๑๓. ง. พจิ ารณาสภาพสงั คมท่ปี รากฏในเร่ือง ๒๘. ง. ทำให้ไมเ่ ขียนออกนอกกรอบที่กำหนดไว้ ๑๔. ค. จเู นียร์ประเมินค่างานเขยี นยดึ เปน็ ๒๙. ค. ถอ้ ยคำ สำนวน ประสบการณ์ของตนเองเป็นหลัก ๑๕. ก. สตรี ๓๐ ค. ดา้ นวรรณศิลป์, ดา้ นเน้อื หา, ดา้ นสงั คม
๒๒๓ กำหนดการจัดการหนว่ ยการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๖ มงคลสตู รคำฉันท์ ชื่อหน่วย มาตรฐานการ สาระสำคญั /ความคิดรวบ ช้นิ งาน/ภาระงาน เวลา น้ำหนกั การเรียนรู้ เรียนรู้/ตัวชวี้ ดั ยอด (ชวั่ โมง) คะแนน - ใบงานการ มงคลสตู ร ท ๒.๑ ม.๔-๖/ เร่ือง การเขยี นแสดง เขยี นแสดง ๒๒ คำฉนั ท์ ๑ ทรรศนะและประเมนิ ค่า ทรรศนะ ท ๕.๑ ม.๔-๖/ เพือ่ นำไปใชต้ ัดสินใจ ๓ แก้ปัญหาในชวี ติ ประจำวัน - ใบงานเรือ่ ง ๑ ๓ ท ๕.๑ ม.๔-๖/ ๔ การใช้คำและกลมุ่ คำได้ สำนวนสุภาษิต ถกู ตอ้ งตามวัตถุประสงค์ และคำพงั เพย ท๔.๑ ม.๔-๖/๒ การใช้สำนวน สุภาษติ และ - ผลงานการแตง่ ท๔.๑ ม.๔-๖/๕ คำพังเพย การแตง่ คำ ประพันธป์ ระเภทโคลงสี่ โคลงสส่ี ุภาพ สภุ าพและสามารถนำ แนวคิดที่ไดไ้ ปเป็นแนวทาง ในการดำเนินชวี ิต
๒๒๔ ผงั วิเคราะหห์ นว่ ยการเรยี นรู้ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ “มงคลสตู รคำฉันท์” แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๓, ท๔.๑ ม.๔-๖/๒ ,ม.๔-๖/๕ ม.๔-๖/๔ การใชค้ ำและกลมุ่ คำได้ เรื่อง การเขยี นแสดงทรรศนะและ ประเมนิ ค่าเพอื่ นำไปใชต้ ัดสินใจ ถูกตอ้ งตามวัตถปุ ระสงค์ การใช้ แก้ปญั หาในชวี ติ ประจำวัน สำนวน สุภาษิตและคำพงั เพย การแตง่ คำประพนั ธป์ ระเภทโคลง ส่สี ภุ าพและสามารถนำแนวคดิ ที่ ได้ไปเปน็ แนวทางในการดำเนิน ชวี ิต หน่วย มงคลสตู รคำฉันท์ การเขียนแสดงทรรศนะ และ ประเมนิ ค่าเพอื่ นำไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ญั หาในชีวติ ประจำวัน รวมถึงการ ใชค้ ำและกลมุ่ คำไดถ้ กู ต้องตาม วตั ถปุ ระสงค์ การใชส้ ำนวน สภุ าษติ และคำพังเพย การแตง่ คำประพันธ์ ประเภทโคลงสสี่ ภุ าพและสามารถนำ แนวคิดที่ได้ไปเป็นแนวทางในการ ดำเนินชีวิต ชน้ิ งาน/ภาระงาน สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - ใบงานการเขียนแสดง - ความสามารถในการ - มวี ินัย สื่อสาร - ใฝ่เรียนรู้ ทรรศนะเรอ่ื ง มงคลสตู รคำฉนั ท์ - ความสามารถในการคิด - มุ่งม่นั ในการทำงาน - ความสามารถในการ - ใบงานเรอื่ ง สำนวน แกป้ ัญหา สภุ าษติ และคำพงั เพย
๒๒๕ แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย โดยใช้การจดั กิจกรรมรูปแบบการแสดงบทบาทสมมติ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๖ เร่อื ง มงคลสตู รคำฉนั ท์ แผนที่ ๑/๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่อื ง มงคลสูตรคำฉนั ท์ ภาคเรยี นท่ี ๒/๒๕๖๒ สอนวนั ท่ี ............................................... เวลา ๒ ชัว่ โมง ๑. สาระสำคญั มงคลสตู รคำฉันท์ เปน็ วรรณคดีคำสอนผลงานพระราชนพิ นธข์ องพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ทที่ รงนำหลักธรรมทเ่ี ป็นพระคาถาบาลจี ากพระไตรปิฎกตง้ั แล้วทรงพระราชนิพนธ์เปน็ บทรอ้ ยกรอง ประเภทคำฉันท์ที่มีความไพเราะไพเราะ งดงามทง้ั ดา้ นเสยี งและความหมาย มงคลสูตรคำฉนั ทย์ งั เปน็ แนวทางใน การประพฤติปฏบิ ัติตนอนั จะนำมาซ่งึ ความเปน็ มงคลแก่ชวี ติ ทำให้สังคมโดยรวมสงบสขุ และเจรญิ กา้ วหน้า ตามไปด้วย ๒. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ ค่าและ นำมาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจรงิ ม.๔-๖/๓ วเิ คราะห์และประเมินคณุ ค่าด้านวรรณศลิ ปข์ องวรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะทเ่ี ป็น มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ม.๔-๖/๔ สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพือ่ นำไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ มาตรฐาน ท๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ม.๔-๖/๑ เขียนส่อื สารในรูปแบบต่าง ๆ ไดต้ รงตามวัตถปุ ระสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรียงถกู ตอ้ ง มี ขอ้ มลู และสาระสำคญั ชดั เจน ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ เม่ือนักเรยี นเรยี นเรอื่ งมงคลสตู รคำฉันท์แลว้ นักเรียนสามารถ ๑. อธบิ ายประวตั คิ วามเป็นมาของมงคลสตู รคำฉันท์ได้ (K) ๒. เขียนแสดงทรรศนะเกี่ยวกบั เร่ืองมงคลสตู รคำฉันท์ได้ (P) ๓. เหน็ คณุ ค่าของวรรณคดเี รือ่ ง มงคลสตู รคำฉนั ท์ (A) ๔. สาระการเรยี นรู้ ๑. ความเปน็ มาของมงคลสูตรคำฉันท์ ๒. หลกั การเขียนแสดงทรรศนะ ๓. คุณค่าของมงคลสูตรคำฉนั ท์
๒๒๖ ๕. สมรรถนะที่ตอ้ งการ ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๖. คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ ๑. มวี นิ ยั ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน ๗. กระบวนการจดั การเรียนรู้ กจิ กรรมท่ี ๑ ขัน้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (๕ นาที) ๑. ครกู ล่าวคำทกั ทายนกั เรยี นและพดู คยุ เพ่อื สรา้ งบรรยากาศทีเ่ ป็นกันเอง เช่น - ช่ัวโมงทผี่ า่ นเรียนวิชาอะไร สนกุ ไหม - สัปดาห์ทีแ่ ลว้ เรยี นเร่อื งอะไร มีใครจำไดบ้ ้าง ๒. ครชู ี้แจงขอ้ ตกลงในช้นั เรยี น ดังนี้ - ไม่พดู คยุ เสียงดังในขณะท่คี รทู ำการสอน หรือในขณะทำกจิ กรรม - ไม่รบั ประทานอาหารหรือขนมในห้องเรียน - อนญุ าตให้ใชเ้ คร่ืองมอื ส่อื สารในหอ้ งเรียนไดใ้ นกรณีทที่ ำการสบื ค้นข้อมูลในการเรียน เท่านัน้ ๓. ครเู ตรยี มความพรอ้ มใหน้ กั เรียนก่อนเรม่ิ เรียนดว้ ยการทำกิจกรรม Brain Gym โดยใช้เกม Q๒๐ โดยมีวิธีการเลน่ ดงั น้ี - ครูกำหนดหวั ขอ้ ท่จี ะถกู นำมาเป็นคำตอบของคำถาม เชน่ สิง่ ทเี่ ป็นมงคล - ครูเขียนคำตอบลงในกระดานไวท์บอร์ด แลว้ ให้นกั เรียนถามคำถามทีละคน โดยที่ครู จะมสี ิทธิ์ตอบแคว่ ่าใช่หรอื ไม่ใช่เทา่ นัน้ - ในระหวา่ งท่ีนักเรยี นคนอื่นถามคำถาม หากมีนักเรียนทท่ี ราบคำตอบให้ยกมือข้ึนเพอ่ื ตอบคำถาม กจิ กรรมที่ ๒ ขัน้ สอน (๓๐ นาท)ี ๑. ครแู จกเอกสารประกอบการเรียนเรอ่ื ง “มงคลสตู รคำฉนั ท์” และ “การเขยี นแสดงทรรศนะ” จากน้ันให้นักเรยี นอ่านทำความเข้าใจ พร้อมทงั้ ศกึ ษาตวั บทมงคลสูตรคำฉันท์ในหนงั สือเรียนวรรณคดีวจิ ักษ์ ประกอบกัน ๒. ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกบั ประวัติความเปน็ มาของเรื่อง ผูแ้ ตง่ ลกั ษณะ คำประพนั ธ์ จดุ มงุ่ หมายในการแตง่ และคุณคา่ ของมงคลสตู รคำฉนั ท์
๒๒๗ ๓. ครูแบ่งนกั เรียนออกเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ ๓-๔ คนเพ่อื ทำกิจกรรมกลุม่ โดยครทู ำสลากจำนวน ๓๘ ใบท่ีประกอบไปด้วยมงคลสตู รทั้ง ๓๘ ขอ้ จากน้นั ให้ตวั แทนกลุ่มออกมาจับสลากซง่ึ แต่ละกลมุ่ จะไดร้ ับโจทย์ ใหแ้ สดงบทบาทสมมติทส่ี อื่ ถึงมงคลสูตรขอ้ ทีก่ ลุม่ ของตนไดไ้ ปซง่ึ แตล่ ะกลุ่มจะได้ไปกล่มุ ละ ๑ ขอ้ ๔. ครูใหน้ ักเรยี นเข้ากลุ่มเพ่ือประชมุ ปรกึ ษาหารอื เพอื่ เตรียมการแสดงบทบาทสมมติหนา้ ชนั้ เรยี น โดยใหเ้ วลาในการเตรยี มการแสดง ๕ นาที ๕. ครใู หแ้ ต่ละกลุ่มออกมาแสดงบทบาทสมมติ โดยใหเ้ พอ่ื นในชั้นเรียนร่วมกนั ทายว่ากลมุ่ ทแ่ี สดง อยนู่ ้ันกำลงั แสดงมงคลสูตรข้อใด โดยกำหนดเวลาใหก้ ลุ่มละไมเ่ กนิ ๕ นาที ๖. ครแู จกใบงานการเขยี นแสดงทรรศนะ โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนเขยี นแสดงทรรศนะเกย่ี วกับ มงคลสูตรทก่ี ลมุ่ ของตนได้แสดงบทบาทสมมติไป กจิ กรรมที่ ๓ ข้ันสรปุ (๑๕ นาที) ๑. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายสรปุ ความรู้เรอื่ งมงคลสตู รคำฉนั ท์ และการเขยี นแสดง ทรรศนะ และสรุปองคค์ วามรจู้ ากการทำกจิ กรรมกลุ่ม ๒. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น โดยครูอธบิ ายคำช้แี จงการทำแบบทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง การเขียนแสดงทรรศนะ แบบปรนัย ๔ ตวั เลือก มี ๑๕ ขอ้ (๑๕ คะแนน) ใช้เวลา ๑๕ นาที ใหน้ ักเรียน เลือกคำตอบท่ีถกู ที่สุดเพียงคำตอบเดียว แล้วกากบาท (x) ตวั เลอื กลงใบแบบทดสอบ ๘. ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ ๑. เอกสารประกอบการเรยี นเรือ่ ง มงคลสูตรคำฉนั ท์ ๒. เอกสารประกอบการเรยี นเรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ ๓. กระดานไวทบ์ อรด์ ๔. ปากกาเขยี นกระดาน แหลง่ เรียนรู้ ๑. ครู ๒. อนิ เตอรเ์ น็ต ๓. หนงั สอื วรรณคดีรวจิ ักษ์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔
๒๒๘ ๙. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวดั และประเมินผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การประเมิน สิ่งทต่ี อ้ งการวดั - การทดสอบหลงั เรียน - แบบทดสอบหลงั เรยี น คะแนนจากการทำ ๑. การอธิบายประวตั ิ ชนิดปรนัย ๔ ตวั เลอื ก แบบทดสอบ ความเปน็ มาของมงคล สูตรคำฉนั ท์(K) จำนวน ๑๕ ขอ้ ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ๒. การเขียนแสดง ทรรศนะเกี่ยงกบั มงคล - การเขยี นแสดงทรรศนะ - แบบประเมนิ การเขยี น คะแนนจากการทำ สตู รคำฉันท์ (P) เกยี่ วกบั มงคลูตรคำฉนั ท์ แสดงทรรศนะ ชนิด แบบฝกึ หัด Scoring Rubrics ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๗๐ ๓. การเห็นคณุ คา่ ของ - การประเมนิ การเห็น ข้ึนไป มงคลสูตรคำฉนั ท์ (A) คุณคา่ ของมงคลสูตรคำ รายการประเมิน ๓ ฉันท์ รายการ - คะแนนพฤติกรรม ๔. การประเมนิ ๓ ระดับคุณภาพ ผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ ๘๐ คุณลักษณะอนั พงึ ขึน้ ไป ประสงค์ - แบบประเมนิ การเห็น คุณค่าของมงคลสูตรคำ ฉนั ท์ ชนดิ Scoring Rubrics รายการ ประเมนิ ๕ รายการ ๓ ระดบั คณุ ภาพ แบบประเมินคุณลักษณะ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ อันพงึ ประสงค์ อนั พึงประสงค์ ๓ ขน้ึ ไป คณุ ลกั ษณะ ๔ ระดับ คุณภาพ ๑๐. ผลการจดั การเรยี นรู้ พฤติกรรมการเรยี นรู้ของผ้เู รยี น ................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... สมรรถนะทีต่ อ้ งการใหเ้ กดิ กบั ผเู้ รียน............................................................................................................ .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
๒๒๙ คุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผเู้ รียน .......................................................................................................... ................................................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ....................................................... จดุ เด่น-จดุ ด้อยที่ควรพฒั นาของการจดั กจิ กรรม .......................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................................ ........................ ขอ้ เสนอแนะในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ................................................................................................... ...................................................................................................................... .............................................................. .................................................................................................................................................................... ............... ลงชื่อ..................................................... (.........................................................) ผู้สอน วนั ท.ี่ ....... เดือน....................... พ.ศ.................. ลงชอ่ื ..................................................... (.........................................................) หัวหนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ วนั ท่.ี ....... เดอื น....................... พ.ศ.................. ลงช่อื ..................................................... (.........................................................) หวั หน้ากลุ่มบริหารงานวิชาการ วนั ท.่ี ....... เดือน....................... พ.ศ.................. ลงช่อื ..................................................... (.........................................................) ผู้อำนวยการ วันที.่ ....... เดือน....................... พ.ศ..................
๒๓๐ แบบสรุปคะแนนทดสอบยอ่ ยหลังเรยี น เรือ่ ง มงคลสตู รคำฉนั ท์ ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ โรงเรียน............................................ ผลการทดสอบ ่ยอยหลังเ ีรยน ผ่าน ไม่ผ่าน ที่ ชอื่ -สกุล คะแนน ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. ๑๑. ๑๒. ๑๓. ๑๔. ๑๕. บนั ทกึ เพ่ิมเติม .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................ .......................................... ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน (.......................................................) วันที่................เดอื น.........................พ.ศ.............
แบบประเมินการเขียนแสดงทรรศนะ ๒๓๑ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๖ เรอ่ื ง มงคลสูตรคำฉันท์ สรุป แผนท่ี ๑ เรื่อง มงคลสตู รคำฉนั ท์ รวม ผ/ (๑๕ มผ พฤตกิ รรม ) ที่ ช่อื -สกุล การ ้ัตง ่ืชอเ ื่รอง (๓) การเปิดเ ่ืรอง (๓) การลำ ัดบเ ่ืรอง (๓) การปิดเ ่ืรอง (๓) การใ ้ชภาษา (๓) ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. ๑๑. ๑๒. ๑๓. ๑๔. บนั ทกึ เพ่ิมเตมิ ........................................................................................................... .................................................... ..................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .....................................................................ผู้ประเมนิ (..................................................................) วันท.่ี ....... เดือน ....................... พ.ศ........................
๒๓๒ เกณฑก์ ารประเมินการเขยี นแสดงทรรศนะ รายการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน ๑. การต้งั ชอื่ เรอ่ื ง ๒. การเปิดเรือ่ ง ดีมาก (๓) ปานกลาง (๒) พอใช้ (๑) ๓. การลำดบั เรอ่ื ง นา่ สนใจ ทนั สมัย มี นา่ สนใจ แต่ไม่ทนั สมยั ทว่ั ๆ ไป ไม่นา่ สนใจ ๔. การปดิ เร่ือง ความเหมาะสมกบั เนือ้ เรอ่ื ง สอดคล้องกบั เนือ้ หา และไมส่ อดคล้องกบั ๕. การใช้ภาษา เปิดเรื่องไดต้ รง เนอื้ หา ประเด็น ดึงดูดความ สนใจของผู้อ่าน เปิดเรือ่ งไดต้ รง เปิดเรอื่ งไมต่ รง การลำดบั เรือ่ งมี ประเดน็ แต่ไม่ดงึ ดูด ประเด็นและไมด่ งึ ดดู ความตอ่ เนื่อง สอดคล้องกันตงั้ แต่ ความสนใจของผอู้ ่าน ความสนใจของผู้อา่ น ตน้ จนจบ ไมเ่ ขียน วกวน การลำดบั เร่อื งมคี วาม การลำดบั เรือ่ งไมม่ ี มีความกระชบั ต่อเน่ืองสอดคลอ้ งกนั ความตอ่ เนื่อง ครอบคลมุ เน้ือเรอ่ื ง ทง้ั หมดและมกี ารใช้ มีการเขยี นวกวนใน สอดคลอ้ งกนั และ ศิลปะในการปดิ เร่ือง บางประเดน็ มกี ารเขียนวกวน ภาษาที่ใช้เหมาะสม กับเร่ืองท่เี ขยี น มีความกระชับ ปดิ เรอ่ื งแบบเย่นิ เย้อ เรยี งความ ครอบคลมุ เน้อื เรอ่ื ง ไมน่ า่ สนใจและไม่ชวน ทงั้ หมด ใหค้ ิดตาม ภาษาทีใ่ ชโ้ ดยสว่ นมาก ภาษาทีใ่ ชไ้ ม่เหมาะสม เหมาะสมกบั เรือ่ งท่ี กับเรอ่ื งทที่ ำการเขยี น เขียนเรียงความโดยมี เรียงความ บางคำที่ไมเ่ หมาะสม เกณฑ์การให้คะแนนการประเมินพฤติกรรมการเรียนรขู้ องนกั เรยี น กำหนดไว้ดงั นี้ ๓ หมายถงึ ดมี าก ๒ หมายถึง ดี ๑ หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนน ๑๓-๑๕ คะแนน หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๑๐-๑๒ คะแนน หมายถึง ดี ตำ่ กวา่ ๙ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง หมายเหตุ นกั เรยี นผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ๘๐ ท่ี ๑๒ คะแนนขน้ึ ไป
๒๓๓ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมนักเรยี นดา้ นเจตพสิ ัยในการเรยี น เร่อื ง มงคลสูตรคำฉนั ท์ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๖ มงคลสูตรคำฉนั ท์ คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเขยี นเคร่อื งหมาย ✓ ลงในชอ่ งที่นักเรยี นแสดงพฤติกรรมตามรายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ เหน็ ด้วยอย่างยงิ่ ให้ทำเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในชอ่ งหมายเลข ๕ ให้ทำเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในช่องหมายเลข ๔ เหน็ ดว้ ย ไมแ่ น่ใจ ใหท้ ำเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในช่องหมายเลข ๓ ใหท้ ำเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในช่องหมายเลข ๒ ไมเ่ หน็ ด้วย ไม่เหน็ ดว้ ยอย่างยงิ่ ใหท้ ำเครอื่ งหมาย ✓ ลงในชอ่ งหมายเลข ๑ ชื่อ..........................................................................................................................ชั้ น.............เลขที่.............. ขอ้ ความ เห็นด้วย ระดบั ความคิดเห็น ไมเ่ ห็น อย่างยิ่ง เห็นด้วย ไมแ่ นใ่ จ ไมเ่ ห็น ๑. อ่านหนังสือเพม่ิ เตมิ เกีย่ วกบั เร่ือง ดว้ ย มงคลสตู รคำฉันท์ ดว้ ย อยา่ งย่ิง ๒. ทำความเข้าใจเนื้อหาก่อนเรียน ๓. ทบทวนเนอื้ หาทเ่ี รยี น ๔. รสู้ ึกว่ามงคลสูตรคำฉนั ทเ์ ป็นเรื่องทีม่ ี ประโยชน์ ๕. มงคลสตู รคำฉันท์ สามารถใชเ้ ปน็ แนวทาง ในการดำเนินชีวิตได้อยา่ งดีเย่ียม บนั ทึกเพิ่มเติม ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................................................ ........ ....................................................................................................................................................................................
๒๓๔ เกณฑ์การแปลความหมายการประเมินพฤติกรรมนกั เรยี นดา้ นเจตพิสยั ในการเรยี น เรอ่ื ง มงคลสตู รคำฉนั ท์ หน่วยการเรยี นที่ ๖ มงคลสูตรคำฉันท์ เกณฑก์ ารแปลความหมายเพื่อจัดระดบั ของคะแนนเฉล่ีย ในชว่ งคะแนนดังต่อไปน้ี คะแนนเฉล่ีย ๔.๒๑ - ๕.๐๐ แปลความได้ว่า เห็นคณุ คา่ ของการเรยี นเรือ่ งมงคลสูตรคำฉนั ทม์ ากทสี่ ดุ คะแนนเฉลยี่ ๓.๔๑ - ๔.๒๐ แปลความไดว้ ่า เหน็ คุณคา่ ของการเรียนเร่อื งมงคลสูตรคำฉันทม์ าก คะแนนเฉลยี่ ๒.๖๑ - ๓.๔๐ แปลความไดว้ ่า เหน็ คุณค่าของการเรียนเรือ่ งมงคลสตู รคำฉนั ทป์ านกลาง คะแนนเฉลย่ี ๑.๘๑ - ๒.๖๐ แปลความไดว้ ่า เห็นคุณคา่ ของการเรียนเร่อื งมงคลสตู รคำฉนั ท์นอ้ ย คะแนนเฉลย่ี ๑.๐๐ - ๑.๘๐ แปลความได้วา่ เห็นคุณคา่ ของการเรยี นเรอ่ื งมงคลสูตรคำฉนั ท์นอ้ ยทสี่ ดุ
๒๓๕ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๘ ประการ โรงเรียน............................... อำเภอ................... จงั หวัด............................. ชือ่ -สกลุ นักเรียน...........................................................................ห้อง..............................เลขที่....................... คำชแ้ี จง : ให้ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี / ลงในช่องทต่ี รงกับระดับคะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ ๓ ๒ ๑๐ ๑.ซ่ือสตั ยส์ ุจริต ๑.๑ ปฏบิ ตั ติ ามระเบียบการสอบ และไมล่ อกกัน ๑.๒ ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงตอ่ ความเปน็ จริงต่อตนเอง ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๑.๓ ประพฤติ ปฏบิ ตั ติ รงต่อความเป็นจริงตอ่ ผ้อู ืน่ ๒.๑ แสวงหาข้อมลู จากแหล่งเรียนรูต้ ่าง ๆ ๓. มุ่งมัน่ ในการ ๒.๒ มกี ารจดบนั ทกึ ความรูอ้ ย่างเป็นระบบ ทำงาน ๒.๓ สรปุ ความรู้ได้อยา่ งมเี หตผุ ล ๓.๑ มีความตั้งใจ และพยายามในการทำงานท่ไี ด้รบั มอบหมาย ๓.๒ มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออปุ สรรคเพ่อื ใหง้ านสำเรจ็ ลงชื่อ......................................................................ผ้ปู ระเมนิ (.....................................................................) ........... /................................/...................... เกณฑก์ ารให้คะแนน - พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติชดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน - พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติบางคร้งั ให้ ๑ คะแนน - พฤตกิ รรมท่ีไม่ไดป้ ฏบิ ัติ ให้ ๐ คะแนน สรุปผลการประเมิน รอ้ ยละ ๕๐ - ๖๖ ระดบั คุณภาพดเี ย่ียม (๓) ผา่ นระดับ ดเี ยี่ยม ดี พอใช้ ร้อยละ ๔๐ - ๔๙ ระดับคุณภาพดี (๒) ไมผ่ า่ นระดบั ปรับปรงุ รอ้ ยละ ๒๐ - ๓๙ ระดบั คณุ ภาพพอใช้ (๑) รอ้ ยละ ๐ - ๑๙ ระดบั คุณภาพปรบั ปรงุ (๐)
๒๓๖ เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ รายการประเมิน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ซือ่ สตั ยส์ จุ ริต นกั เรียนใหข้ ้อมลู ที่ถูกต้อง นักเรียนให้ขอ้ มลู ท่ถี ูกต้อง นักเรียนให้ข้อมลู ที่ถกู ตอ้ ง ใฝ่เรียนรู้ และเปน็ จรงิ ปฏบิ ัตใิ นสง่ิ และเปน็ จริง ปฏิบัตใิ นสง่ิ และเปน็ จรงิ ปฏิบัตใิ นสง่ิ มุ่งมัน่ ในการทำงาน ที่ถกู ต้อง ทำตามสญั ญา ที่ถูกต้อง ทำตามสัญญา ทีถ่ กู ต้อง ทำตามสญั ญา ที่ตนใหไ้ วก้ บั เพ่ือน พ่อ ที่ตนให้ไวก้ ับเพือ่ น พ่อ ทตี่ นใหไ้ ว้กับเพือ่ น พ่อ แม่ หรือผปู้ กครอง และ แม่ หรือผปู้ กครอง และ แม่ หรือผปู้ กครอง และ ครู ละอายและเกรงกลวั ท่ี ครู ละอายและเกรงกลัว ครู ละอายและเกรงกลัว จะทำความผดิ ทจ่ี ะทำความผดิ ทจ่ี ะทำความผิด เปน็ แบบอยา่ งทีด่ ีด้าน ความซ่ือสัตย์ นักเรียนเขา้ เรยี น ตรง นักเรยี นเขา้ เรียนตรงเวลา นักเรียนเข้าเรียน ตรง เวลา ตั้งใจเรยี น เอาใจใส่ ตัง้ ใจเรียน เอาใจใส่ ใน เวลา ตั้งใจเรยี น เอาใจใส่ ในการเรียน และมสี ่วน การเรยี น และมสี ่วนรว่ ม ในการเรยี น และมสี ่วน รว่ มในการเรยี นรู้ และเข้า ในการเรียนรู้ และเข้ารว่ ม รว่ มในการเรียนรู้ และเข้า รว่ มกจิ กรรม การเรยี นรู้ กจิ กรรม การเรียนรู้ รว่ มกจิ กรรม การเรยี นรู้ ต่าง ๆ ทั้งภายใน และ ต่าง ๆ บอ่ ยครัง้ ตา่ ง ๆ เปน็ บางครง้ั ภายนอกโรงเรียน เปน็ ประจำ นกั เรียนตงั้ ใจ และ นักเรียนตงั้ ใจ และ นกั เรยี นตงั้ ใจ และ รบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิ รบั ผดิ ชอบ ในการปฏบิ ตั ิ รบั ผิดชอบ ในการปฏิบัติ หน้าท่ที ่ไี ดร้ บั มอบหมาย หนา้ ทที่ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย หน้าทท่ี ี่ไดร้ บั มอบหมาย ให้สำเรจ็ มกี ารปรบั ปรงุ ใหส้ ำเรจ็ มกี ารปรบั ปรุง ให้สำเร็จ และพัฒนาการทำงาน และพัฒนาการทำงาน ให้ ใหด้ ีขนึ้ ภายในเวลา ดขี ้ึน ทก่ี ำหนด เกณฑก์ ารให้คะแนนการประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคก์ ำหนดไวด้ งั นี้ ๓ หมายถึง ดีมาก ๒ หมายถึง ดี ๑ หมายถึง ปรบั ปรงุ
๒๓๗ แบบประเมนิ สมรรถนะผเู้ รยี น เร่อื ง มงคลสตู รคำฉนั ท์ ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ โรงเรียน........................ ชอ่ื .....................................................................ชน้ั .........................เลขท่ี............... คำช้ีแจง : ใหส้ ังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทีต่ รงกบั ระดับคะแนน สมรรถนะทป่ี ระเมนิ ระดบั คะแนน ๓๒๑ ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร ๑.๑ มีความสามารถในการรบั – สง่ สาร ๑.๒ มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม ๑.๓ ใชว้ ธิ ีการสอื่ สารที่เหมาะสม ๒. ความสามารถในการคดิ ๒.๑ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพอื่ การสร้างองค์ความรู้ ๒.๒ มีความสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพอื่ การสร้างองคค์ วามรู้ ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๓.๑ แกป้ ญั หาโดยใช้เหตผุ ล ๓.๒ แสวงหาความรมู้ าใชใ้ นการแกป้ ญั หา ๓.๓ ตัดสนิ ใจโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ตนเองและผูอ้ ่ืน ลงช่ือ ................................................................................. ผปู้ ระเมนิ / /........................ ......................... ............................. เกณฑ์การให้คะแนน : - พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน - พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติบางครงั้ ให้ ๑ คะแนน
246
247
248
249
แบบทดสอบหลังเรียน ๒๔๒ เรือ่ ง มงคลสูตรคำฉันท์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ รายวิชา ภาษาไทย คะแนนเต็ม ๑๕ คะแนน จำนวน ๑๕ ข้อ คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบที่ถกู ต้อง แล้วทำเคร่ืองหมาย x ลงในกระดาษคำตอบ ๑. มงคลสูตร ๓๘ ประการปรากฏอยู่ในสว่ นใดของพระไตรปิฎก ก. พระวินัยปิฎก ข. พระสตุ ตันตปฎิ ก ค. พระอภิธรรมปฎิ ก ง. พระธรรมปิฎก ๒. ขอ้ ใดคือมงคลขอ้ แรก ก. ไมค่ บคนพาล ข. คบบัณฑติ ค. เว้นจากการทำบาป ง. บูชาผคู้ วรบชู า ๓. ข้อใดคอื มงคลข้อสุดทา้ ย ก. มีจติ ไมห่ วน่ั ไหว ข. มีจิตไมโ่ ศกเศร้า ค. มจี ติ ปราศจากธุลี ง. มจี ติ เกษม ๔. ขอ้ ใดไม่ได้มีความหมายเป็นพระพทุ ธเจา้ ก. องค์พระภัควันทน์ ัน้ ไซร้ ข. องคพ์ ระอานนทท์ า่ นเลา่ ค. ถวายอภวิ ันท์ แด่องค์สมเดจ็ ทศพล ง. พระภาคชนิ สหี ์ ผู้โลกนาถจอมธรรม์
๒๔๓ ๕. กลวิธใี นการถา่ ยทอดสารเรือ่ งมงคลสูตรคำฉันทค์ ือข้อใด ก. เลา่ นิทานประกอบ ข. เลา่ มลู เหตกุ ่อนมมี งคลสูตร ค. แต่งด้วยคำประพันธ์ ๒ ประเภท ง. ตง้ั กระทู้ความเป็นภาษาบาลแี ปลเป็นรอ้ ย ๖. “โลกธรรมทง้ั ๘” มคี วามหมายตรงกับขอ้ ใด ก. ความมลี าภ ไม่มีลาภ มียศ ไมม่ ยี ศ มนี ินทา มีสรรเสริญ มสี ขุ มีทุกข์ ข. องค์ประกอบของครอบครวั ๘ ประการ คือ มปี ู่ ย่า ตา ยาย พอ่ แม่ ลูกชาย ลูกสาว ค. หมายถงึ กิเลส ๘ ประการ รูป รส กลนิ่ เสยี ง สมั ผสั โทษะ โมหะ ราคะ ง. จิตทปี่ ราศจาก ราคะ โลภะ โมหะ โทษะ ทฐิ ิ ไม่ลมุ่ หลง จติ ปลอดโปรง่ มีจิตเกษม ๗. ข้อใดกล่าวถูกตอ้ งเกี่ยวกับลกั ษณะคำประพนั ธท์ ี่ใช้แตง่ มงคลสตู รคำฉนั ท์ ก. มงคลสตู รคำฉันทแ์ ต่งโดยใชก้ าพยฉ์ บัง ๑๖ และวสนั ตดิลกฉนั ท์ ข. วสนั ตดลิ กฉนั ท์ ใชบ้ รรยายเรอ่ื งและเมอ่ื กลา่ วถึงมงคลสตู รท้ัง ๓๘ ขอ้ จนจบเรอ่ื ง ค. กาพย์ฉบัง ๑๖ ใช้ดำเนินเร่อื งเม่อื กลา่ วถงึ พระอานนท์เล่าว่ามเี ทวดามาขอใหพ้ ระพทุ ธเจา้ ตรัสเลา่ มงคลสูตร ง. อินทรวิเชียรฉนั ท์ใช้ดำเนินเรอ่ื งเม่ือกล่าวถงึ พระอานนท์เล่าว่ามเี ทวดามาขอใหพ้ ระพทุ ธเจ้าตรสั เล่า มงคลสูตร ๘. ผู้แต่ง มงคลสตู รคำฉนั ท์ คอื บคุ คลใด ข. รัชกาลที่ ๕ ง. สนุ ทรภู่ ก. รชั กาลที่ ๒ ค. รัชกาลที่ ๖ ๙. ผเู้ ลา่ เรือ่ งมงคลสตู รตงั้ แต่เบ้ืองตน้ คือใคร ข. พระโมคคัลลานะ ก. พระสารบี ุตร ง. พระอญั ญาโกณฑัญญะ ค. พระอานนท์ ๑๐. ข้อใดกลา่ ว \"ไม่ถกู ต้อง\" เกยี่ วกับมงคล ๓๘ ประการ ก. เป็นความเจรญิ ตัง้ แต่ขั้นพืน้ ฐานจนถึงข้นั สงู สุด ข. เรียงจากข้อทป่ี ฏิบตั ิยากไปสขู่ อ้ ทปี่ ฏบิ ัติงา่ ย ค. มงคลต้นๆเป็นข้อปฏิบัตทิ ่วั ไปในการดำเนินชีวิต ง. มงคลข้อหลงั ๆ เปน็ การปฏบิ ัตเิ พอื่ ยกระดับจิตใจใหส้ งู ขนึ้
๒๔๔ ๑๑. แนวคดิ สำคัญทส่ี ดุ ของมงคลสูตรคอื ข้อใด ก. ผู้ปฏบิ ัติธรรมยอ่ มนำสันตสิ ุขมาสตู่ นเองและสังคม ข. การทำจิตใจให้บรสิ ุทธิส์ ะอาดปราศจากกเิ ลสเปน็ มงคล ค. ความเจริญรุ่งเรืองในชีวติ เกดิ จากการประพฤติปฏบิ ัติของตน ง. ธรรมะยอ่ มนำไปสู่หนทางแหง่ ความสงบสุขอย่างแทจ้ รงิ ๑๒. คำประพันธ์ในขอ้ ใดมีความเหมาะสมกบั ผเู้ ปน็ นักเรยี นมากทส่ี ดุ ก. ไรโ้ ศกธลุ สี ุญ และสบาย บ่ มวั มล ข. ความไดส้ ดับมาก และกำหนดสวุ าที ค. หน่งึ เห็นคณาเลศิ สมณาวราจารย์ ง. เหน็ แจ้ง ณ ส่ีองค์ พระอรยี สจั อัน ๑๓. มงคล ๓๘ ประการ เกดิ ขน้ึ ได้อยา่ งไร ก. เทวดาทูลถามพระพุทธเจ้าถงึ สง่ิ ทเ่ี ปน็ มงคล ข. พระพทุ ธเจ้าทรงตรสั ส่ังสอนแกเ่ หลา่ สาวก ค. พุทธสาวกตอ้ งการหลักในการดำเนินชวี ิต ง. พระพทุ ธเจ้าทรงค้นพบความจริงในการดำเนินชวี ิต ๑๔. การกระทำของสันติ ตรงกบั หลักมงคลสตู ร ๓๘ ประการ ในขอ้ ใด \"ทุกๆวัน สันตจิ ะนำอาหารท่ีเหลอื จากโรงอาหารของโรงเรียน มาให้แก่สนุ ขั และแมวจรจัดท่อี าศัย อย่บู ริเวณนอกโรงเรยี น เพราะเขาเหน็ วา่ สุนขั และแมวเหล่านี้ไม่ได้รับการดูแลจากผูใ้ ดเลย\" ก. อกี หนงึ่ วนิ ัยอนั นรเรยี นและเชีย่ วชาญ ข. กอบกรรมะอันไร้ ทษุ ะกลั้วและมัวมล ค. ความงดประพฤตบิ าป ง. ใหท้ าน ณ กาลควร ๑๕. ขอ้ ความนใี้ หแ้ นวคดิ สอดคล้องกับมงคลสูตรขอ้ ใด “ปลาร้าพนั หอ่ ด้วย ใบคา” ใบกเ็ หมน็ คาวปลา คละคลงุ้ ” ก. หนึง่ คอื บ่คบพาล เพราะจะพาประพฤตผิ ิด ข. ฟงั ธรรมะโดยกา- ละเจรญิ คุณานนท์ ค. ความไมป่ ระมาทใน พหธุ รรมะโกศล ง. ความงดประพฤตบิ าป อกุศลบใ่ ห้มี
๒๔๕ เฉลยแบบทดหลังเรยี น เร่ือง มงคลสูตรคำฉนั ท์ ขอ้ เฉลย ๑. ข. พระสุตตันตปิฎก ๒. ก. ไม่คบคนพาล ๓. ง. มีจิตเกษม ๔. ๕. ข. เลา่ มลู เหตกุ ่อนมมี งคลสูตร ๖. ๗. ค. กาพย์ฉบงั ๑๖ ใชด้ ำเนินเรื่องเมอ่ื กลา่ วถึงพระอานนท์ เลา่ วา่ มเี ทวดามาขอให้พระพุทธเจา้ ตรสั เล่ามงคลสตู ร ๘. ค. รัชกาลท่ี ๖ ๙. ค. พระอานนท์ ๑๐. ข. เรยี งจากขอ้ ทป่ี ฏบิ ัติยากไปสู่ข้อทปี่ ฏบิ ัตงิ า่ ย ๑๑. ง. ธรรมะยอ่ มนำไปสหู่ นทางแหง่ ความสงบสขุ อย่างแทจ้ รงิ ๑๒. ข. ความได้สดบั มาก และกำหนดสุวาที ๑๓. ก. เทวดาทลู ถามพระพทุ ธเจา้ ถึงสง่ิ ทเ่ี ป็นมงคล ๑๔. ง. ใหท้ าน ณ กาลควร ๑๕. ก. หนงึ่ คอื บค่ บพาล เพราะจะพาประพฤตผิ ิด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381