๒๙๖ หลักการเขยี นผงั ความคิด ๑. เขยี น / วาดมโนทศั น์หลักตรงกง่ึ กลางหนา้ กระดาษ ๒. เขยี น / วาดมโนทัศน์รองทสี่ ัมพนั ธก์ ับมโนทัศนห์ ลกั ไปรอบ ๆ ๓. เขียน / วาดมโนทัศนย์ อ่ ยท่ีสมั พันธก์ ับมโนทัศน์รองแตกออกไปเรื่อย ๆ ๔. ใชภ้ าพหรือสัญลกั ษณ์ส่ือความหมายเปน็ ตัวแทนความคิดใหม้ ากที่สุด ๕. เขียนคำสำคญั (Key word) บนเสน้ และเสน้ ตอ้ งเช่ือมโยงกนั ๖. กรณใี ชส้ ี ท้ังมโนทศั นร์ องและย่อยควรเป็นสีเดียวกัน ๗. คดิ อยา่ งอสิ ระมากท่สี ดุ ขณะทำ ๓. ครูเชื่อมโยงไปยังการเรียนในคาบเรียนก่อนหนา้ นี้ ที่ได้เรียนเรื่องของพระเวสสันดรชาดก แตล่ ะกณั ฑ์ ซง่ึ ครูใหน้ กั เรยี นได้ทบทวนมาแลว้ ๔. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบผังความคิดจากเรื่องพระเวสสันดรชาดก ในกัณฑ์ที่ ตนเองศกึ ษา เพอ่ื เขยี นประเด็นตา่ ง ๆ ทีก่ ลมุ่ ของตนไดพ้ บแลว้ ออกมานำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น กิจกรรมที่ ๓ ขนั้ สรปุ (๑๐ นาท)ี วธิ ดี ำเนินกจิ กรรม ๑. เม่ือนกั เรียนทกุ กลมุ่ ออกมานำเสนอครบทุกกลมุ่ ครูใหค้ ำแนะนำกบั นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ เพ่ือให้นำไป ปรับปรงุ แกไ้ ขในอนาคต ๒. ครูใหน้ ักเรยี นกลบั ไปทบทวนเรื่องที่ไดเ้ รยี นในวันน้ี พรอ้ มกบั เตรยี มตวั เพ่อื เรยี นเรอ่ื งต่อไปใน การเรยี นครัง้ ตอ่ ไป ๙. สื่อ/นวตั กรรม/แหล่งการเรยี นรู้ สอ่ื และนวตั กรรม ๑. ใบความรู้ เรื่อง การเขยี นผงั ความคดิ ๒. ใบงานการเขยี นผังความคิด เรอ่ื ง พระเวสสนั ดรชาดก แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. ครผู ้สู อน ๒. ห้องสมุด ๓. หนงั สือวรรณคดีวิจักษ์ ชนั มัธยมศึกษาปที ่ี ๔
๒๙๗ ๑๐. การวดั และประเมินผล สิ่งท่ตี ้องการวดั วธิ ีการวัดและ เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การประเมิน ประเมนิ ผล ๑. นักเรียนสามารถ การทดสอบหลังเรยี น แบบทดสอบหลงั เรยี น ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ แบบปรนยั ๔ ตวั เลือก ขนึ้ ไป อธบิ ายหลักการเขยี นผัง จำนวน ๓๐ ขอ้ ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ ความคดิ ไดถ้ ูกตอ้ ง (K) แบบประเมนิ การเขยี น ขึ้นไป ๒. นกั เรยี นสามารถ ประเมนิ การเขียนผงั ผงั ความคดิ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ๓ คณุ ลักษณะ ๓ ระดบั ขน้ึ ไป เขียนผังความคิดได้ (P) ความคดิ คณุ ภาพ ๓. นักเรยี นเห็น การประเมนิ ตนเอง แบบประเมินตนเอง ความสำคัญของ การเขียนผงั ความคดิ (A) แบบประเมนิ ดา้ นเจตพสิ ัย ๔. คุณลกั ษณอันพึง คุณลกั ษณะอันพึง ประสงค์ แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ข้ึนไป ประสงค์ ๓ คณุ ลักษณะ ๓ ระดบั คณุ ภาพ
๒๙๘ ๑๑. บนั ทึกเพิ่มเตมิ สำหรบั ผู้บรหิ าร …………………………………………………................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ.................................................ผู้ประเมิน (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท.่ี ..........เดือน.........................พ.ศ..............
๒๙๙ ๑๒. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ วนั ที่...........เดือน.........................พ.ศ.............. ผลการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สภาพปญั หา ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแกไ้ ขปญั หา ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะในการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ.................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วนั ท่ี...........เดือน.........................พ.ศ..............
๓๐๘
๓๐๙
แบบสรปุ คะแนนแบบประเมนิ ทกั ษะการเรยี นรู้ ๓๐๒ เรอ่ื ง การเขยี นผงั ความคดิ สรปุ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๗ เรอ่ื ง พระเวสสนั ดรชาดก พฤตกิ รรม เลขที่ ขอ่ื -สกลุ เน้ือหา กระบวนการทำงาน เ ็ปนกลุ่ม การนำเสนอ ผ่าน ไม่ผ่าน ๓๓๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ บนั ทกึ เพิม่ เตมิ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท่ี...........เดอื น.........................พ.ศ..............
๓๐๓ เกณฑแ์ บบประเมินทกั ษะการเรยี นรู้ เรอื่ ง การเขยี นผังความคดิ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอ่ื ง พระเวสสนั ดรชาดก รายการประเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๑. เน้ือหา ดีมาก (๓) ปานกลาง (๒) พอใช้ (๑) ๒. กระบวนการทำงาน เปน็ กลมุ่ นกั เรียนมีการวางแผน นักเรียนมีการวางแผน นกั เรียนมีการวางแผน ๓. การนำเสนอ กอ่ นการทำงานทกุ ครง้ั ก่อนการทำงาน กอ่ นการทำงานบางครัง้ มีการลำดับขั้นตอนได้ บอ่ ยครั้ง มีการลำดับ มกี ารลำดบั ข้ันตอนได้ ถกู ต้อง ขน้ั ตอนได้ถูกตอ้ ง ถกู ต้องเป็นบางขันตอน และเน้อื หาถูกต้อง และเนอ้ื หาถกู ต้อง แต่ ครบถว้ น ไมค่ รบถ้วน นกั เรียนให้ความร่วมมือ นักเรียนใหค้ วามร่วมมือ นักเรียนไม่ใหค้ วาม กับสมาชกิ เปน็ อยา่ งดี กบั สมาชกิ และแสดง ร่วมมอื กบั สมาชิก แสดงความคิดเหน็ ความคิดเห็นเพยี ง อยา่ งมีเหตผุ ล เลก็ นอ้ ย นักเรยี นนนำเสนอไดม้ ี นกั เรยี นนำเสนอได้ นกั เรยี นนำเสนอได้ ประสิทธภิ าพ นา่ สนใจ นา่ สนใจนำ้ เสียงชดั เจน คอ่ นข้างดี น้ำเสยี ง นำ้ เสียงนา่ ฟงั ชดั เจน มกี ารใชท้ ่าทาง ราบเรยี บ ไมม่ ีการใช้ มกี ารใช้ท่าทาง ประกอบ ท่าทางประกอบ ประกอบ เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ ๗ - ๙ คะแนน ดีมาก ๕ - ๖ คะแนน ดี ๓ - ๔ คะแนน พอใช้ ต่ำกว่า ๓ คะแนน ปรับปรงุ หมายเหตุ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๗๕ ขนึ้ ไป
๓๐๔ แบบประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี นดา้ นเจตพสิ ยั ในการเรยี น เรอื่ ง การเขยี นผังความคดิ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอื่ ง พระเวสสนั ดรชาดก คำชแี้ จง ใหเ้ ขียนเคร่อื งหมาย ลงในชอ่ งทน่ี ักเรยี นแสดงพฤติกรรมตามรายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ เหน็ ดว้ ยอยา่ งยิ่ง ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องหมายเลข ๕ เห็นด้วย ใหท้ ำเครื่องหมาย ลงในช่องหมายเลข ๔ ไมแ่ น่ใจ ให้ทำเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ๓ ไม่เห็นดว้ ย ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องหมายเลข ๒ ไม่เหน็ ด้วยอยา่ งย่งิ ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องหมายเลข ๑ ชือ่ .................................................................................................... ช้ัน...................... เลขท่ี................ ระดับความคิดเห็น ขอ้ ความ เห็นด้วย เหน็ ด้วย ไมแ่ น่ใจ ไมเ่ หน็ ด้วย ไม่เห็นดว้ ย อยา่ งยงิ่ อยา่ งยง่ิ ๑. การเขียนผงั ความคดิ ช่วยเร่อื งการจดั ระเบียบ ความคดิ ของฉนั ๒. การเขยี นผงั ความคิดช่วยให้ฉันจดจำได้ดีขึน้ ๓. การเขยี นผงั ความคิดช่วยให้ฉันวางแผนการ เรียนไดด้ ียิ่งขึ้น ๔. การเขยี นผงั ความคดิ ช่วยใหฉ้ ันเหน็ ภาพรวม ของเนื้อหา ๕. ฉันสามารถรวบรวมข้อมูลอยา่ งเปน็ ระบบได้ โดยการเขยี นผงั ความคดิ ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. .................................................
๓๐๕ เกณฑ์การแปลความหมายประเมนิ พฤติกรรมนักเรยี นดา้ นเจตพสิ ยั ในการเรยี น เรอื่ ง การเขยี นผังความคดิ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๗ เรอื่ ง พระเวสสนั ดรชาดก เกณฑ์การแปลความหมายเพื่อจดั ระดับของคะแนนเฉลีย่ ในช่วงคะแนนดงั ต่อไปนี้ คะแนนเฉลย่ี ๔.๒๑ – ๕.๐๐ แปลความไดว้ า่ เหน็ ความสำคัญของการเขียนผังความคิดมากท่ีสุด คะแนนเฉล่ยี ๓.๔๑ – ๔.๒๐ แปลความได้ว่า เห็นความสำคญั ของการเขยี นผังความคดิ มาก คะแนนเฉลี่ย ๒.๖๑ – ๓.๔๐ แปลความได้วา่ เห็นความสำคัญของการเขียนผงั ความคดิ ปานกลาง คะแนนเฉล่ยี ๑.๘๑ – ๒.๖๐ แปลความได้วา่ เห็นความสำคญั ของการเขยี นผงั ความคิดน้อย คะแนนเฉล่ีย ๑.๐๐ – ๑.๘๐ แปลความได้วา่ เหน็ ความสำคัญของการเขยี นผงั ความคิดน้อยท่ีสุด
แบบสรปุ คะแนนแบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๓๐๖ เรอื่ ง การเขยี นผงั ความคดิ สรปุ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๗ เรอื่ ง พระเวสสนั ดรชาดก พฤตกิ รรม เลขท่ี ขอ่ื -สกลุ ื่ซอสัตย์สุจริต ใฝ่เรียนรู้ รักความเ ็ปนไทย ผ่าน ไ ่มผ่าน ๓ ๓๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ บนั ทกึ เพิม่ เตมิ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................ผูป้ ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วนั ท.่ี ..........เดือน.........................พ.ศ..............
๓๐๗ เกณฑแ์ บบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เรอื่ ง การเขยี นผงั ความคดิ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอ่ื ง พระเวสสนั ดรชาดก รายการประเมนิ ดมี าก (๓) เกณฑ์การให้คะแนน พอใช้ (๑) ๑. ซอ่ื สตั ย์สจุ รติ ให้ขอ้ มูลท่ถี ูกต้อง ปานกลาง (๒) ใหข้ อ้ มูลท่ถี ูกต้อง และเปน็ จริงไม่นำ และเปน็ จรงิ ไมน่ ำ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ สงิ่ ของและผลงานของ ให้ขอ้ มูลทถี่ ูกตอ้ ง สิ่งของและผลงาน ผูอ้ น่ื มาเปน็ ของตนเอง และเปน็ จรงิ ไม่นำ ของผู้อืน่ มาเป็นของ ๓. รักความเป็นไทย ปฏิบัตติ นตอ่ ผู้อื่น ส่งิ ของและผลงานของ ตนเอง ด้วยความซอื่ ตรง ผู้อ่นื มาเป็นของตนเอง เป็นแบบอยา่ งทดี่ ี ปฏบิ ัติตนตอ่ ผอู้ ่นื เขา้ เรียนตรงเวลา ดา้ นความซื่อสัตย์ ดว้ ยความซ่ือตรง ต้ังใจเรยี น เขา้ เรียนตรงเวลา เอาใจใส่ในการเรียน ตง้ั ใจเรยี น เขา้ เรียนตรงเวลา และมีส่วนร่วมใน เอาใจใส่ในการเรยี น ตงั้ ใจเรยี น การเรียนรู้ และเข้า และมีส่วนร่วม เอาใจใส่ในการเรยี น ร่วมกจิ กรรมการ ในการเรยี นรู้ และมสี ่วนรว่ ม เรยี นรตู้ ่าง ๆ และเขา้ รว่ มกิจกรรม ในการเรียนรู้ และเขา้ เปน็ บางคร้ัง การเรยี นรตู้ า่ ง ๆ รว่ มกิจกรรมการ ทง้ั ภายในและ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ บอ่ ยครง้ั มีสัมมาคารวะต่อครู ภายนอกโรงเรยี น อาจารย์ ใชภ้ าษาไทย เป็นประจำ มสี มั มาคารวะต่อครู เลขไทยในการสอื่ สาร สัมมาคารวะต่อครู อาจารย์ ปฏิบตั ติ นเป็น ไดถ้ ูกต้อง อาจารย์ ปฏิบตั ิตนเป็น ผู้มี มารยาทแบบไทย ผู้มีมารยาทแบบไทย ใชภ้ าษาไทย เลขไทย ใชภ้ าษาไทย เลขไทย ในการส่ือสารได้ถูกต้อง ในการสื่อสารไดถ้ ูกต้อง เข้ารว่ มกจิ กรรมที่ เข้าร่วมกจิ กรรม
รายการประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน ๓๐๘ ปานกลาง (๒) พอใช้ (๑) ดมี าก (๓) ทเี่ ก่ยี วข้องกับ เกย่ี วข้องกบั ภมู ปิ ญั ญา ภูมปิ ญั ญาไทย ไทย และมีส่วนร่วม ในการสืบทอดภูมิ ปัญญาไทย เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ๗ - ๙ คะแนน ดมี าก ๕ - ๖ คะแนน ดี ๓ - ๔ คะแนน พอใช้ ต่ำกวา่ ๓ คะแนน ปรับปรงุ หมายเหตุ นักเรยี นผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป
แผนการจดั การเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย ๓๐๙ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๗ เร่ือง พระเวสสนั ดรชาดก มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ แผนการจดั การเรียนรู้ เรื่อง การเขยี นเรยี งความ แผนที่ ๓/๓ สอนวนั ท่ี........เดือน...............พ.ศ........ ภาคเรยี นที่ ๑/๒๕๖๓ ครูผสู้ อน..................................................... เวลา ๑ ชว่ั โมง ๑. สาระสำคัญ การเขยี นเรยี งความ เป็นงานเขยี น ร้อยแก้ว ชนดิ หนง่ึ ท่ีผู้เขียนม่งุ ถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้ ความคิด และทัศนคติในเรอ่ื งใดเรอ่ื งหนง่ึ ด้วยถ้อยคำสำนวนที่เรยี บเรียงอย่างมีลำดับขน้ั และสละสลวย การเขียนเรียงความ เป็นทักษะการเขียนที่แสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิด ความเห็น ความเข้าใจ ตลอดจนความรู้ให้ผู้อ่านได้รับทราบ เป็นการเขียนที่มีรูปแบบและวิธีการเขียนที่มีแบบแผนเป็นการถ่ายทอด ความคิด ความรู้สึกของตนออกมาเป็นตัวอักษร เพื่อให้ผู้อ่านเกิดการรับรู้ ความเข้าใจ เป็นผลรวมของการฟัง การอา่ น การพดู และการเขียน ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตดั สินใจ แกป้ ัญหาในการดำเนินชีวิต และมนี สิ ัยรักการอ่าน ตวั ช้วี ัด ม ๔-๖/๓ วเิ คราะห์และวจิ ารณเ์ รอ่ื งทอี่ า่ นในทุก ๆ ดา้ นอย่างมเี หตผุ ล มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสอื่ สาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่ืองราวในรปู แบบ ตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ตัวชวี้ ดั ม ๔-๖/๒ เขียนเรยี งความ ๓. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นสามารถอธิบายหลักการเขียนเรยี งความไดถ้ ูกต้อง (K) ๒. นักเรียนสามารถเขียนเรียงความได้ถกู ตอ้ ง (P) ๓. นกั เรียนเห็นคณุ ค่าของการเขียนเรยี งความ (A)
๓๑๐ ๔. สมรรถนะทตี่ ้องการ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๕. ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. ซ่ือสัตยส์ ุจริต ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. รกั ความเปน็ ไทย ๖. สาระการเรียนรู้/เนื้อหา ๑. ความหมายของการเขียนเรียงความ ๒. หลักการเขียนเรียงความ ๓. การเขยี นเรียงความจากเร่ืองทีก่ ำหนด ๗. ผลงาน/การปฏิบตั ิ ๑. เรียงความ เร่อื ง พระเวสสนั ดรชาดก ๘. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้/กระบวนการเรียนรู้ กิจกรรมท่ี ๑ ข้ันนำ ( ๑๐ นาที) วิธกี ารดำเนินกิจกรรม ๑. ครูทกั ทายนักเรียน แลว้ สอบถามนกั เรยี นว่าในการเรยี นการสอนก่อนหนา้ นีไ้ ดเ้ รียนรู้ เร่ืองใด เปน็ อย่างไร โดยครูสุ่มถามนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล แล้วครทู บทวนให้อีกครั้ง ๒. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมบริหารสมอง โดยใช้กิจกรรมพับกระดาษแบบญี่ปุ่น Origami โดยครู เตรยี มกระดาษที่มีลวดลายต่าง ๆ ให้กบั นักเรียน แลว้ ครูแจกกระดาษวธิ ีพับกระดาษแก่นักเรยี น โดยให้ใช้เวลา คนละ ๗ นาที กิจกรรมท่ี ๒ ข้ันสอน (๓๐ นาที) วธิ กี ารดำเนนิ กิจกรรม ๑. ครสู อบถามนักเรยี นว่าในทอ้ งถน่ิ ของนกั เรยี นมีพิธกี รรม ความเชือ่ ใดบ้างทเ่ี ก่ยี วข้องกบั พระเวสสันดรชาดก ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนยกตวั อย่างมา ๒. ครแู จง้ ว่าครูจะใหน้ กั เรียนแต่ละคนเขยี นเรียงความเกย่ี วกบั พระเวสสันดรชาดกในแง่มุมใดก็ได้ เชน่ งานบุญประเพณีต่าง ๆ ประเด็นในเรอ่ื งทต่ี นเองพบ หรืออื่น ๆ
๓๑๑ ๓. ครูอธิบายถงึ ความหมาย ความสำคญั และหลักการเขียนเรยี งความ ดังน้ี การเขยี นเรียงความ เปน็ ทกั ษะการเขียนที่แสดงออกถึงความร้สู กึ นกึ คดิ ความเหน็ ความเขา้ ใจตลอดจนความรู้ให้ผูอ้ า่ นได้รับทราบ เปน็ การเขียนที่มรี ปู แบบและวิธกี ารเขียนท่ีมีแบบแผน เปน็ การถา่ ยทอดความคิด ความร้สู กึ ของตนออกมาเปน็ ตัวอกั ษร เพอื่ ให้ผูอ้ ่านเกิดการรับรู้ ความเข้าใจ เป็นผลรวมของการฟงั การอา่ น การพูด การเขียน อีกทั้งยังเปน็ พนื้ ฐานของการเขียนท้ังมวลไมว่ า่ จะเป็น บทความ นวนิยาย หรืองานเขียนอน่ื ๆ ลกั ษณะของการเขยี นเรียงความท่ีดนี ้นั ตอ้ งประกอบไปดว้ ย ๑. มจี ดุ หมายทแี่ นน่ อน และประมวลขอ้ คดิ ท่ีสำคัญ ๆ เข้าส่จู ุดหมายนนั้ อย่างมรี ะเบยี บ ๒. มเี อกภาพ คือ ความเป็นอันหน่ึงอนั เดยี วกันของเรื่อง หมายถึง ความคดิ รวบยอดของเรื่อง เดน่ ชดั และมีสัมพนั ธภาพ คือ มคี วามสมั พันธก์ ลมกลนื กับความคิด ท้งั ยังตอ้ งมสี ารตั ถภาพ คอื การเนน้ ข้อคิด ท่ีสำคญั ๓. มีสัดส่วนทีเ่ หมาะสม คือ มีข้อความเปดิ เร่อื ง ปดิ เร่อื ง และดำเนินเรื่องตามสดั สว่ นท่ี พอเหมาะ ๔. มกี ารจัดลำดับเร่อื งที่เหมาะสม โดยเขียนความคิดรวบยอดเกย่ี วกับเรอื่ งนั้นเป็นหวั ข้อสนั้ ๆ แล้วนำมาเรยี งลำดบั ให้เป็นระเบยี บ ๕. มีรปู แบบดี คอื หวั เรอื่ ง การย่อหน้าข้อความ การเว้นวรรคตอน การใช้เคร่อื งหมายตา่ ง ๆ รวมถึงความสะอาดเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ยของการเขยี น ๖. มีโครงเร่อื งดี คือ ความยาวของเรื่องพอเหมาะกับเวลาท่ีให้เขียนเหมาะกับหัวเรื่อง และระดับของผู้เขยี น ๗. มกี ารใช้ถ้อยคำภาษาดี การเขยี นเรียงความ คือ การส่ือด้วยภาษา การใชถ้ ้อยคำจงึ จำเป็น มากต้องใช้คำให้ถกู ตอ้ งตรงความหมาย เหมาะสมกบั บุคคล และผกู ประโยคไดถ้ ูกตอ้ ง สละสลวยกะทัดรดั และมที ว่ งทำนองการเขียนดี ๘. มีเน้ือหาดี คือ เน้ือหาสอดคล้องกับหวั เร่ือง เนอ้ื ความสัมพนั ธ์กันและมเี น้ือหาพอที่จะทำ ให้ ผู้อ่านเกิดความรู้ ความเข้าใจตามหัวเรือ่ งที่กำหนดไว้ ๙. มีความคดิ ดี ความคดิ ดตี ่างกบั เน้อื หาดี เพราะเนือ้ หาเป็นสาระท่เี ก่ียวกับความรหู้ ลกั วิชา ขอ้ เทจ็ จรงิ แต่ความคิดเป็นเรื่องของความเข้าใจ ขอ้ เสนอแนะ ความคดิ เหน็ การคดิ หาเหตุผลซงึ่ เปน็ เรอ่ื งภูมิ ปัญญาของผเู้ ขยี น ๑๐. คำนงึ ถึงองคป์ ระกอบของการเขยี นเรยี งความ เชน่ จุดประสงค์ของการเขยี น กลมุ่ ผู้อ่าน รูปแบบของการเขยี น วิธีการนำเสนอ กลไกการเขียนและอ่ืน ๆ ๑๑. มกี ารวางแผนการเขียน เชน่ จะเลอื กเขียนเร่ืองอะไร ต้องการส่ือความหมายใน
๓๑๒ ประเดน็ ใด จะเลอื กวิธีการเขียนแบบใด จะตีกรอบการเขียนใหก้ ว้างขนาดไหน เป็นตน้ ๑๒. ดำเนนิ การเขยี นตามขน้ั ตอนของกระบวนการเขียน เชน่ การรวบรวมแนวความคดิ การ สงั เคราะหเ์ นื้อหาหรอื วัตถุดิบที่จะเขียน การวางโครงรา่ ง การเขยี นรา่ ง การทบทวน ตรวจทานแก้ไข ๑๓. คำนงึ ถงึ หลกั การใชภ้ าษา เชน่ การใช้ถ้อยคำท่ีสละสลวยถกู ต้องตามหลักภาษาเขียนการ ใช้คำพังเพย สภุ าษติ เปรียบเทียบ การใชค้ ติพจน์หรือคำกลา่ วอ้างท่ีสมเหตสุ มผล การเนน้ จุดทส่ี นใจการ ให้สาระความรู้ท่ีเพียงพอ การรกั ษาความเป็นเอกภาพ ความกลมกลนื ตลอดจนอักขรวิธที ี่ถกู ต้อง ๑๔. การปรุงแตง่ เม่อื เขียนเสรจ็ อย่าเบื่อทจ่ี ะทบทวน เพราะน่นั คือ การเพมิ่ คุณภาพ ของผลงานท่ีเขยี นไปแลว้ บางครงั้ เกดิ ความเบื่อหน่ายท่ีจะอ่านซ้ำ จึงทำใหง้ านเขยี นเตม็ ไปด้วยขอ้ ผิดพลาด ต่าง ๆ ฉะนั้นควรเสียเวลาสกั นิดเพื่อตรวจทานแก้ไขและขัดเกลาสำนวนภาษาหรอื ใจความสำคญั ของเรียงความ ใหด้ ีข้ึน อาจจะเปน็ การตัดข้อความท่ที ำใหส้ ับสนหรอื การเขียนทีว่ กวนออกอาจจะเพิ่มจดุ สำคัญที่จะต้องเนน้ เขา้ ไปอีก หรือบางทีอาจจะเรียงลำดบั เหตกุ ารณ์ใหม่ เป็นต้น ๑๕. การคำนงึ ถงึ ความสะอาด ลายมือประณีตหรือคุณภาพของการพิมพ์ภาษาที่อ่านง่าย ส่ือความหมายลึกซ้ึงกนิ ใจ การรักษาเอกลักษณเ์ ฉพาะตวั ลลี าการเขียน การสรา้ งผลงานที่ดเี ดน่ ออกสสู่ ายตา ผอู้ ่านอยา่ งสมำ่ เสมอ ส่ิงเหลา่ นีจ้ ะชว่ ยสร้างเกียรตคิ ุณและช่ือเสยี งแก่ผู้เขียนทัง้ ส้นิ ในด้านรปู แบบของการเขยี นเรียงความนน้ั เรยี งความจะประกอบไปดว้ ย ๓ สว่ นสำคญั คือ คำนำ เนอ้ื เร่ือง และสรปุ การเขยี นคำนำ คำนำ เปน็ บทเริ่มต้นของเรียงความที่จะแนะนำให้ผ้อู ่านทราบว่าเรียงความนี้จะกลา่ วถงึ เร่ืองอะไร คำนำจะนำความสนใจของผู้อ่านไปสเู่ รอื่ งนั้น ๆ ดว้ ยวธิ กี ารเขียนแบบต่าง ๆ การเขยี นคำนำตอ้ งเขยี นให้เร้า ความสนใจของผู้อา่ น และทำให้ผูอ้ า่ นสนเทห่ ์ ตื่นเต้น อยากอ่านเร่ืองทเี่ ขยี น การเขยี นคำนำอาจต้งั เปน็ คำถาม หรือปรัชญาชวนคดิ อาจยกคำคม สภุ าษิตมากลา่ วหรืออาจใช้คำจำกดั ความหรอื ยกเรอ่ื งแปลก ๆ ท่ตี ื่นเตน้ มา กล่าวนำก็ได้ ข้อสำคัญคำนำตอ้ งเขยี นให้มนี ้ำหนักน่าอา่ น อยา่ เขียนยาวเกินไป หรือออกนอกเรื่อง หรอื เอา เรื่องท่ีคนทราบอยู่แลว้ มากล่าวจะทำใหค้ ำนำจดื ไม่ชวนให้อา่ น การเขยี นเนื้อเรื่อง การเขียนเน้ือเร่ืองตอ้ งไมเ่ ขยี นวกวน การจดั ระเบียบความคิดจะต้องไม่สับสน อาจแบ่งเป็นหลายตอน อาจมีหลายย่อหน้า ทส่ี ำคญั แตล่ ะยอ่ หนา้ ต้องมีความคิดสำคญั เพยี งอย่างเดยี วและทุกย่อหนา้ ตอ้ งมี ความสมั พนั ธเ์ กี่ยวเนื่องกนั การเขียนสรุป การสรุปคอื การเขยี นเพือ่ บอกใหผ้ ู้อา่ นทราบว่าเรื่องทีเ่ ขากำลังอ่านอยูน่ ั้นกำลงั จบบริบูรณ์แลว้ ข้อความในตอนนีม้ ักจะประกอบด้วยการกล่าวถงึ ใจความหรอื สิ่งทก่ี ล่าวมาแลว้ แต่เป็นการกล่าวถงึ ในลกั ษณะ รวบรดั และยน่ ย่อ การกล่าวถึงสงิ่ ทก่ี ลา่ วมาแลว้ อาจจะทำได้หลายลกั ษณะ เช่น การระบุใจความสำคัญ ๆ ซ้ำอีกครง้ั หนึ่งหรือการเขยี นย้ำสง่ิ ทกี่ ลา่ วมาแล้วอีก การกลา่ วจึงอาจจะยำ้ เฉพาะจดุ เดน่ ๆ เท่าน้ัน
๓๑๓ ๔. ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคนเลอื กหัวข้อท่ีตนเองสนใจเก่ียวกับเรอื่ งพระเวสสนั ดรชาดกในด้านใดก็ได้ แลว้ ลงมือเขียนเรียงความตามหลกั การ ๕. เนอ่ื งจากเวลาจำกดั ครูจึงใหน้ กั เรยี นเขียนเฉพาะสว่ นคำนำ แลว้ เนือ้ เรอื่ งและสรุปเขียนเป็น การบ้านสง่ ท่ีกลมุ่ รายวิชาในสปั ดาห์ถัดไป กจิ กรรมท่ี ๓ ขนั้ สรปุ (๑๐ นาท)ี วิธีดำเนนิ กิจกรรม ๑. . ครใู ห้แต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมาเลา่ ถึงหวั ขอ้ การเขียนเรียงความทต่ี นเองเขยี น ๒. ครสู รุปหลกั การเขียนเรียงความอีกคร้งั หนึง่ ๓. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี นแบบปรนัย เลอื กตอบ ๔ ตวั เลอื ก ๓๐ ขอ้ ๓๐ คะแนน ๔. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนได้ซกั ถามก่อนที่จะหมดคาบเรียน ๙. สอื่ /นวตั กรรม/แหลง่ การเรยี นรู้ สือ่ และนวตั กรรม ๑. ใบความรู้ เรื่อง การเขียนเรียงความ ๒. ใบงานการเขยี นเรียงความ เร่ือง พระเวสสันดรชาดก แหลง่ การเรียนรู้ ๑. ครผู ู้สอน ๒. ห้องสมุด ๓. หนงั สือวรรณคดวี จิ กั ษ์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๔ ๑๐. การวดั และประเมนิ ผล สิ่งท่ีต้องการวัด วธิ กี ารวดั และ เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ประเมินผล ๑. นกั เรยี นสามารถ การทดสอบหลงั เรียน แบบทดสอบหลงั เรียน ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ แบบปรนัย ๔ ตวั เลือก ขนึ้ ไป อธบิ ายหลักการเขียน จำนวน ๓๐ ข้อ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ เรียงความได้ถูกต้อง (K) แบบประเมินการเขียน ขนึ้ ไป ๒. นกั เรียนสามารถ ประเมนิ การเขียน เรียงความ ๓ คณุ ลกั ษณะ ๓ ระดับ เขยี นเรยี งความได้ เรยี งความ คุณภาพ ถกู ต้อง (P)
๓๑๔ ๓. นักเรยี นเห็นคุณค่า การประเมนิ ตนเอง แบบประเมนิ ตนเอง ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ ของการเขียนเรยี งความ (A) แบบประเมิน ด้านเจตพสิ ยั ข้ึนไป ๔. คุณลกั ษณอันพึง คุณลกั ษณะอนั พึง ประสงค์ แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ประสงค์ คุณลักษณะอันพึง ขน้ึ ไป ประสงค์ ๓ คณุ ลักษณะ ๓ ระดับ คณุ ภาพ ๑๑. บนั ทึกเพมิ่ เตมิ สำหรบั ผบู้ รหิ าร …………………………………………………................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ.................................................ผู้ประเมิน (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วนั ที.่ ..........เดอื น.........................พ.ศ..............
๓๑๕ ๑๒. บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ ผลการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สภาพปญั หา ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแกไ้ ขปญั หา ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะในการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ.................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วนั ท.่ี ..........เดือน.........................พ.ศ..............
๓๒๕
๓๒๖
๓๒๗
แบบสรปุ คะแนนแบบประเมนิ ทกั ษะการเรยี นรู้ ๓๑๙ เรอ่ื ง การเขยี นผงั ความคดิ สรปุ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอื่ ง พระเวสสนั ดรชาดก พฤตกิ รรม เลขที่ ขอื่ -สกลุ เนื้อหา การลำ ัดบใจความ หลักเกณฑ์ทางภาษา ผ่าน ไม่ผ่าน ๓๓๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ บนั ทกึ เพิม่ เตมิ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื .................................................ผ้ปู ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันท.่ี ..........เดอื น.........................พ.ศ..............
๓๒๐ เกณฑแ์ บบประเมนิ ทกั ษะการเรยี นรู้ เรอ่ื ง การเขยี นผังความคดิ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอ่ื ง พระเวสสนั ดรชาดก รายการประเมนิ ดีมาก (๓) เกณฑ์การใหค้ ะแนน พอใช้ (๑) ๑. เนือ้ หา ขอ้ มลู สมบูรณ์ ถกู ตอ้ ง ปานกลาง (๒) มขี ้อมูลทีไ่ มถ่ ูกต้องและ ๒. การลำดบั ใจความ ตรงประเด็น ไมส่ มบรู ณ์ ขอ้ มูลถกู ต้องตรง ๓. หลกั เกณฑ์ทางภาษา ใจความชัดเจน ลำดับ ประเดน็ แตข่ าด ไม่ต่อเนื่อง ขาดความ เหตุการณ์สมเหตุสมผล รายละเอยี ด สมเหตสุ มผล ใจความสับสนบา้ ง ประโยคสมบรู ณ์ แตย่ ังสามารถเขา้ ใจได้ เขียนประโยคผดิ ถกู ต้องตามหลักเกณฑ์ และขาดความ หลักเกณฑ์ทางภาษา ทางภาษา ส่อื ความได้ สมเหตสุ มผลเล็กนอ้ ย และสื่อความไม่ได้ ชดั เจน เขยี นประโยคได้ สมบรู ณ์ แตผ่ ดิ หลกั เกณฑท์ างภาษา แต่กย็ ังสามารถส่ือ ความได้ เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ ๗ - ๙ คะแนน ดีมาก ๕ - ๖ คะแนน ดี ๓ - ๔ คะแนน พอใช้ ตำ่ กวา่ ๓ คะแนน ปรบั ปรุง หมายเหตุ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๗๕ ขึ้นไป
๓๒๑ แบบประเมนิ พฤติกรรมนกั เรยี นดา้ นเจตพสิ ยั ในการเรยี น เรอ่ื ง การเขยี นผงั ความคดิ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอ่ื ง พระเวสสนั ดรชาดก คำชแ้ี จง ให้เขยี นเครื่องหมาย ลงในช่องทีน่ ักเรยี นแสดงพฤติกรรมตามรายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน เหน็ ด้วยอย่างยงิ่ ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องหมายเลข ๕ เหน็ ด้วย ใหท้ ำเครื่องหมาย ลงในช่องหมายเลข ๔ ไม่แนใ่ จ ให้ทำเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ๓ ไม่เหน็ ด้วย ใหท้ ำเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ๒ ไม่เหน็ ดว้ ยอยา่ งย่ิง ใหท้ ำเครื่องหมาย ลงในช่องหมายเลข ๑ ช่ือ.................................................................................................... ชั้น...................... เลขท่.ี ............... ระดบั ความคดิ เหน็ ขอ้ ความ เหน็ ดว้ ย เห็นด้วย ไม่แน่ใจ ไม่เหน็ ด้วย ไม่เหน็ ดว้ ย อย่างยิ่ง อยา่ งยง่ิ ๑. การเขยี นเรยี งความทำใหฉ้ ันรักการอ่าน และ การเขยี นมากข้ึน ๒. การเขียนเรยี งความทำให้ฉันมีความรู้ กว้างขวางมากขน้ึ ๓. ฉันเรียงรูเ้ รอ่ื งความเปน็ เหตแุ ละผลจากการ เขียนเรียงความ ๔. ฉันไดฝ้ กึ ฝนการเขียนโดยใชภ้ าษาเขยี นที่เป็น ทางการ ๕. ฉันได้ทบทวนเรือ่ งราวต่าง ๆ ผ่าน กระบวนการเขยี นเรยี งความ ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. .................................................
๓๒๒ เกณฑ์การแปลความหมายประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี นดา้ นเจตพสิ ยั ในการเรยี น เรอื่ ง การเขยี นเรยี งความ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอื่ ง พระเวสสนั ดรชาดก เกณฑ์การแปลความหมายเพื่อจัดระดบั ของคะแนนเฉลี่ย ในช่วงคะแนนดังต่อไปนี้ คะแนนเฉลีย่ ๔.๒๑ – ๕.๐๐ แปลความได้วา่ เห็นคุณคา่ ของการเขยี นเรยี งความมากทีส่ ดุ คะแนนเฉลย่ี ๓.๔๑ – ๔.๒๐ แปลความไดว้ า่ เห็นคุณคา่ ของการเขียนเรยี งความมาก คะแนนเฉลย่ี ๒.๖๑ – ๓.๔๐ แปลความไดว้ า่ เหน็ คุณคา่ ของการเขยี นเรียงความปานกลาง คะแนนเฉล่ยี ๑.๘๑ – ๒.๖๐ แปลความไดว้ า่ เห็นคุณคา่ ของการเขียนเรียงความน้อย คะแนนเฉลี่ย ๑.๐๐ – ๑.๘๐ แปลความได้วา่ เห็นคุณค่าของการเขียนเรียงความน้อยท่สี ุด
แบบสรปุ คะแนนแบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๓๒๓ เรอ่ื ง การเขยี นเรยี งความ สรปุ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอื่ ง พระเวสสนั ดรชาดก พฤตกิ รรม เลขที่ ขอื่ -สกลุ ื่ซอสัตย์สุจริต ใฝ่เรียนรู้ รักความเ ็ปนไทย ผ่าน ไ ่มผ่าน ๓ ๓๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ บนั ทกึ เพ่ิมเตมิ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................ผูป้ ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วันที่...........เดือน.........................พ.ศ..............
๓๒๔ เกณฑแ์ บบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เรอื่ ง การเขยี นเรยี งความ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอื่ ง พระเวสสนั ดรชาดก รายการประเมนิ ดีมาก (๓) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พอใช้ (๑) ๑. ซือ่ สตั ย์สุจริต ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี ูกต้อง ปานกลาง (๒) ให้ขอ้ มูลท่ถี ูกต้อง และเป็นจรงิ ไมน่ ำ และเป็นจรงิ ไมน่ ำ ๒. ใฝ่เรยี นรู้ สงิ่ ของและผลงานของ ให้ข้อมลู ที่ถูกตอ้ ง สิ่งของและผลงาน ผอู้ น่ื มาเป็นของตนเอง และเปน็ จริงไมน่ ำ ของผู้อนื่ มาเป็นของ ๓. รักความเปน็ ไทย ปฏิบัติตนตอ่ ผอู้ ื่น สิ่งของและผลงานของ ตนเอง ดว้ ยความซือ่ ตรง ผอู้ ่ืนมาเป็นของตนเอง เป็นแบบอยา่ งที่ดี ปฏบิ ตั ติ นตอ่ ผอู้ ื่น เข้าเรยี นตรงเวลา ด้านความซื่อสตั ย์ ด้วยความซอ่ื ตรง ต้งั ใจเรยี น เขา้ เรียนตรงเวลา เอาใจใส่ในการเรียน ตง้ั ใจเรยี น เขา้ เรยี นตรงเวลา และมีส่วนร่วมใน เอาใจใส่ในการเรียน ตง้ั ใจเรียน การเรียนรู้ และเข้า และมสี ว่ นร่วม เอาใจใสใ่ นการเรยี น ร่วมกจิ กรรมการ ในการเรยี นรู้ และมสี ่วนร่วม เรียนรู้ต่าง ๆ และเข้าร่วมกจิ กรรม ในการเรียนรู้ และเขา้ เป็นบางคร้ัง การเรยี นรู้ต่าง ๆ รว่ มกจิ กรรมการ ท้งั ภายในและ เรียนรตู้ ่าง ๆ บ่อยครั้ง มสี ัมมาคารวะต่อครู ภายนอกโรงเรียน อาจารย์ ใชภ้ าษาไทย เป็นประจำ มสี ัมมาคารวะตอ่ ครู เลขไทยในการสอื่ สาร สมั มาคารวะต่อครู อาจารย์ ปฏิบตั ติ นเปน็ ได้ถูกตอ้ ง อาจารย์ ปฏิบตั ติ นเป็น ผมู้ ี มารยาทแบบไทย ผู้มมี ารยาทแบบไทย ใช้ภาษาไทย เลขไทย ใชภ้ าษาไทย เลขไทย ในการสื่อสารได้ถูกตอ้ ง ในการสอ่ื สารไดถ้ ูกต้อง เข้ารว่ มกจิ กรรมท่ี เข้ารว่ มกิจกรรม
รายการประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน ๓๒๕ ปานกลาง (๒) พอใช้ (๑) ดมี าก (๓) ทเี่ ก่ยี วข้องกับ เกย่ี วข้องกบั ภมู ปิ ญั ญา ภูมปิ ญั ญาไทย ไทย และมีส่วนร่วม ในการสืบทอดภูมิ ปัญญาไทย เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ๗ - ๙ คะแนน ดมี าก ๕ - ๖ คะแนน ดี ๓ - ๔ คะแนน พอใช้ ต่ำกวา่ ๓ คะแนน ปรับปรงุ หมายเหตุ นักเรยี นผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป
๓๒๖ แบบทดสอบทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๗ เรอื่ ง พระเวสสนั ดรชาดก สาระการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ แบบทดสอบชนดิ ปรนยั ชนดิ ๔ ตวั เลอื ก ๓๐ ขอ้ ๓๐ คะแนน ๑. ข้อใดให้ความหมายของการอา่ นวเิ คราะห์ถกู ต้องท่ีสุด ก. การอ่านที่มุ่งคน้ หาเนื้อหาสาระหรือแก่นสำคญั ของเรือ่ ง ข. การอ่านเรื่องโดยทำความเขา้ ใจสาระสำคญั ของเรื่องแยกแยะรายละเอียดได้อย่างถกู ต้องชดั เจน ค. การอ่านเพือ่ แยกแยะข้อความทอี่ ่านอย่างถถี่ ้วน เพื่อให้ทราบถงึ โครงสรา้ ง องค์ประกอบ หลกั การและเหตุผลของเร่ือง ง. การอา่ นทผี่ ู้อา่ นต้องอาศยั วิธคี ิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณมาใช้ในการอ่าน และสามารถประเมนิ ตดั สนิ ใจวา่ มเี หตุผลน่าเชื่อถือหรอื ไม่เพยี งใด ๒. การคิดวเิ คราะหม์ ีประโยชน์อย่างไร ก. ช่วยในการแสวงหาความรู้ ข. ช่วยในการสรุปประเดน็ สำคญั ค. ช่วยในการสือ่ สารทเ่ี ปน็ กระบวนการ ง. ชว่ ยในการสือ่ ความหมายและแกป้ ญั หาได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ๓. ข้อใดเป็นสาระสำคญั ของข้อความนี้ “ความไมพ่ อใจจนเปน็ คนเข็ญ พอแล้วเปน็ เศรษฐมี หาศาล จนท้งั นอกทัง้ ในไม่ได้การ จงคิดอา่ นแก้จนเป็นคนมี” ก. ต้องรูจ้ กั หาวิธแี กจ้ น ข. จะไมจ่ นถ้าเป็นคนรู้จักพอ ค. ไมม่ ีใครปรารถนาความจน ง. จนทรัพย์แล้วอยา่ จนความคดิ
๓๒๗ อา่ นข้อความต่อไปน้ี แล้วตอบคำถามข้อ ๔และ๕ “เห็นเสือหมอบ อยา่ เชื่อ ว่าเสือไหว้ เผลอเม่ือไหร่ เสือกนิ ส้ินท้ังขน เป็นคนต้อง เกรงเยงยำ นำ้ ใจคน เขาถ่อมตน อย่าเหมา วา่ เขากลวั ” เจ้าคุณนรรตั นราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภกิ ขฺ ุ) วดั เทพศิรนิ ทราวาส กรุงเทพฯ ๔. ขอ้ ความนี้ใหข้ ้อคิดอะไรเป็นสำคัญ ก. อยา่ ไว้ใจคน ข. ใหร้ ูจ้ ักเจียมตัว ค. ควรมีน้ำใจต่อผู้อนื่ ง. ควรเกรงกลัวตอ่ บาป ๕. “เกรงเยงยำ” ในท่ีนี้มีความหมายว่าอย่างไร ก. ความตืน่ เต้น ข. ความยำเกรง ค. ความหวาดกลวั ง. ความระมดั ระวังตวั อา่ นข้อความต่อไปนี้ แลว้ ตอบคำถามขอ้ ๖และ๗ การสร้างสรรค์ มวลมนุษยย์ งิ่ พยายามสรา้ งสรรค์ดูเหมอื นโลกย่ิงวนุ่ วายไมร่ ู้จบการสรา้ งสรรคท์ ่แี ท้คือ การนำความปกตสิ ขุ มาสู่สรรพชวี ติ ถา้ ไม่เข้าใจความจรงิ ของชวี ิตกอ็ ยา่ คดิ สรา้ งสรรค์อะไรเลย เรื่องราว ภายในของชวี ิตไมต่ ้องสร้างสรรคเ์ พยี งแต่รเู้ ท่าทนั การสรรค์ สรา้ งปลอ่ ยให้ธรรมชาติเดมิ แท้ในตนกระทำ กจิ ท้งั หลายไปตามกระแสแห่งธรรมชาติ แตโ่ บราณกาลมาแลว้ พระอรยิ บุคคลท้ังหลายก็กระทำโดยมิได้ กระทำดงั นีค้ วามดีย่อมปิดฉากลงด้วยการบงั คับใหก้ ระทำ ๖. บทความเรื่อง “การสร้างสรรค์” ผเู้ ขยี นตอ้ งการส่ืออะไรกับผ้อู า่ น ก. ชีวติ เราไมต่ ้องการปรุงแต่ง ข. การดำเนนิ ชวี ิตแบบสายกลาง ค. ปลอ่ ยให้โลกเป็นไปตามธรรมชาติ
๓๒๘ ง. การสรา้ งสรรค์สิง่ ใหม่ ๆ เป็นการทำร้ายธรรมชาติ ๗. ขอ้ คดิ ท่ีไดจ้ ากบทความนี้คืออะไร ก. ชวี ติ ต้องการความสงบ ข. การสรา้ งสรรคท์ ำใหโ้ ลกสงบสขุ ค. การรเู้ ทา่ ทนั ธรรมชาตทิ ำใหเ้ รามีความสขุ ง. การสร้างสรรค์ท่แี ท้ต้องนำความสุขมาสู่สรรพชวี ติ “อธบิ ดกี รมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ส่งหนงั สอื ถึงผูว้ ่าราชการจงั หวัด ๘ จังหวดั ภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวดั ชุมพร สรุ าษฎร์ธานี นครศรธี รรมราช พัทลงุ สงขลา ปตั ตานี ยะลา และนราธิวาส ใหเ้ ตรียมพร้อมในการป้องกนั และแกป้ ัญหา ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนท่ีอาศัยอยูบ่ ริเวณชายฝงั่ ทะเล และพนื้ ท่เี ส่ยี งใหร้ ะวังอันตรายจากวาตภยั ในช่วงวนั ที่ ๑๗-๒๐ ธ.ค.นี้” ๘. จากขา่ วข้างตน้ ควรพาดหัวข่าววา่ อย่างไรจงึ จะครอบคลุมเน้อื หาของข่าว ก. ภาคใต้เตรียมเจอพายุหนัก! ข. ภาคใตเ้ ตรียมเจอวาตภัยในเร็ว ๆ นี้ ค. จงั หวัดภาคใตน้ า่ สงสาร เตรียมเจอวาตภัยเรว็ ๆ น้ี ง. ๘ จงั หวดั ภาคใต้ตอนล่างเฝา้ ระวงั วาตภัย ๑๗ - ๒๐ ธ.ค.นี้ กว่าเจา้ จะสงู ใหญ่เกนิ ไหล่แม่ ลำบากแท้เพียงไหนดวงใจเอ๋ย สักหายใจห่างเจา้ แมไ่ ม่เคย เฝ้าชมเชยลูกน้อยผกู้ ลอยใจ ความชรามาเยอื นเตือนให้รู้ แม่จะอยกู่ ับเราอีกเท่าไร ไมใ้ กล้ฝ่ังทรุดพังลงวันใด เยน็ ร่มไทรจักกลบั ไปกบั กาล ๙. ขอ้ ใดเป็นวตั ถุประสงค์ของผ้เู ขยี นคำประพนั ธ์ขา้ งตน้ ก. พรรณนาความรักที่มีต่อแม่ ข. เตือนให้ลูกดูแลแม่เพอ่ื ทดแทนคณุ ค. ระบายความโศกเศรา้ ท่ีแม่จะจากไป ง. แสดงความรูส้ กึ ระลึกถึงพระคุณของแม่
แขนเธอหกั ฉนั รกั ไดเ้ พราะใจรัก ขาเธอหักฉันรักได้ไมเ่ คยสน ๓๒๙ (พรชยั แสนยะมลู ) อกเธอหักฉันรกั ได้ไม่กังวล แตส่ ุดทนดัง้ เธอหักรกั ไมล่ ง ๑๐. คำประพนั ธท์ ่กี ำหนดให้อยู่ในรสวรรณคดีใด ก. หาสยรส ข. ภยานกรส ค. พภี ัตสรส ง. อัพภตู รส ๑๑. ขอ้ ใดคือข้อดขี องการใชแ้ ผนผังความคดิ ก. ทำใหจ้ ำไดง้ ่ายข้ึน ข. ทำใหน้ กั เรยี นทุกคนมสี ว่ นร่วม ค. ทำใหไ้ ด้ความคดิ เห็นของสมาชิกทุกคน ง. ถูกทกุ ข้อ ๑๒. ขอ้ ใดต่อไปน้ีเปน็ วธิ ีการเขียนผงั ความคิด ก. วาดภาพสีหรอื เขยี นคำ ข้อความทีส่ อื่ หรือแสดงเร่ืองท่จี ะทำผังความคิดกลางหน้ากระดาษ ใชส้ อี ยา่ งนอ้ ย ๓ สี และต้องไมต่ กี รอบด้วยรูปทรงเรขาคณิต ข. คดิ หวั เร่ืองสำคญั ทีเ่ ป็นสว่ นประกอบของเร่ืองทีท่ ำผงั ความคดิ ค. แตกความคดิ ของหัวเรือ่ งสำคัญแตล่ ะเร่อื งในข้อ ออกเป็นกิง่ หลายก่ิง ง. ถูกทกุ ขอ้ ๑๓. ขอ้ ใดเป็นการนำแผนผงั ความคดิ ไปใช้ได้ถกู ต้อง ก. นำไปใชใ้ นกจิ กรรมกลุ่มได้ ข. ใช้นำเสนอข้อมลู ในรูปแบบกราฟ ค. ใช้จดั ระบบความคิดและช่วยจำ ง. ใช้ทำวิจัย
๓๓๐ ๑๔. ข้อใดเป็นข้อดขี องการใช้แผนผังความคดิ ชว่ ยสอน ก. ช่วยใหน้ กั เรยี นสนใจมากขึ้น ข. รสู้ กึ ว่าทำใหก้ ารเรียนยงุ่ ยากซบั ซ้อน ค. ยืดหยนุ่ และปรับเปล่ยี นได้ยาก ง. นักเรยี นรสู้ ึกรับร้แู ละเรยี นรู้ได้นอ้ ยมาก ๑๕. การเลือกเรือ่ งเขยี นเรียงความควรใชห้ ลกั ข้อใด ก. เลือกเร่อื งเกี่ยวกบั ประสบการณของผูเ้ ขียน ข. เลอื กเรอื่ งที่ใช้โวหารได้หลากหลาย ค. เลอื กเรื่องทีม่ ีความรมู้ ากท่ีสดุ ง. เลอื กเร่อื งทีเ่ คยเขียนมากอ่ น ๑๖. ข้อใดไม่ใช่หลักการเขียนเรยี งความ ก. เขยี นด้วยลายมอื ที่ชัดเจนและอา่ นง่าย ข. ชอื่ เรอ่ื งและเนื้อเรื่องต้องสัมพันธ์กนั ค. วางโครงเรอ่ื งก่อนเขียน ง. เขยี นชดิ รมิ กระดาษ ๑๗. ข้อใดเป็นการลงวันที่ในจดหมายได้ถูกต้อง ก. วนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ข. ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ค. ๑ ม.ค. ๒๕๕๕ ง. ๑ ม.ค. ๕๕ ๑๘. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกต้อง ก. เรียงความประกอบดว้ ยบทนำ เน้ือเร่อื ง และบทสรปุ ข. การเรยี บเรียงเน้อื ความต้องเปน็ ไปตามลำดับของโครงเร่ือง ค. เรยี งความต้องมีความเป็นเอกภาพ สมั พนั ธภาพ และสารตั ภาพ ง. จำกัดจำนวนยอ่ หน้าเพียง ๓ ยอ่ หน้าเทา่ น้นั
๓๓๑ ๑๙. บคุ คลในข้อใดเขยี นย่อความไม่ถูกต้อง ก. วนุ้ ถอดบทร้อยกรองเป็นร้อยแก้วก่อนย่อความ ข. ฟ้าเปล่ยี นจากคำราชาศัพท์เปน็ คำที่ใช้ทวั่ ไป ค. น้ำศกึ ษาคำศัพท์และตคี วามเรอ่ื งที่ต้องการย่อ อย่างละเอียด ง. ร้งุ จับใจความสำคัญของแต่ละยอ่ หนา้ แลว้ สรุป ดว้ ยสำนวนของตนเอง ๒๐. ข้อใดมใิ ชล่ กั ษณะของการย่อความ ก. จบั ใจความสำคัญของเร่ืองให้ครบถว้ น ข. ตดั ประโยคหรือขอ้ ความสำคัญของย่อหน้าออก ค. ใช้สรรพนามบุรษุ ที่ ๓ หรือใช้ชือ่ โดยตรง ง. เรยี บเรียงและจดั ลำดบั เหตุการณด์ ว้ ยภาษาของตนเอง ๒๑. ขอ้ ใดไม่ใชแ่ นวทางการเขียนย่อความ ก. อา่ นเน้อื เรื่องให้จบอย่างน้อย ๑ ครั้ง ข. พยายามจบั ใจความสำคัญทีละย่อหนา้ ค. คัดลอกใหมโ่ ดยคงภาษาเดิมของผู้เขียนไว้ ง. เปลี่ยนสรรพนามบุรุษที่ ๑ และ ๒ ใหเ้ ป็นบรุ ษุ ที่ ๓ ๒๒. ส่วนที่เขียนแสดงความรสู้ กึ ของการเขยี นเรียงความคอื ขอ้ ใด ก. คำนำ ข. เน้อื เร่อื ง ค. สรปุ ง. ช่อื เร่ือง ๒๓. ถ้านกั เรียนเขยี นจดหมายถึงคุณครู ควรใช้คำข้ึนตอ้ และลงท้ายอย่างไร ก. กราบเรียน-ดว้ ยความเคารพอยา่ งสูง ข. กราบเทา้ -ด้วยความเคารพอยา่ งสงู ค. เรยี น-ขอแสดงความนบั ถือ ง. สวสั ดคี รับ-สวัสดีครบั
๓๓๒ ๒๔. ขอ้ ใดมใิ ช่ลกั ษณะการสอ่ื สารทางอนิ เทอรเ์ นต็ ก. มคี วามรู้เร่อื งการใช้คอมพิวเตอร์ ข. มีความร้ภู าษาองั กฤษในระดับท่ีใช้อินเทอรเ์ นต็ ได้ ค. คำทใ่ี ช้ในอนิ เทอร์เน็ตจะเขียนตามเสยี งพดู ง. วิเคราะห์และตรวจสอบขอ้ มูลกอ่ นนำไปใช้ ๒๕. ข้อใดคือส่วนประกอบของการเขียนเรยี งความเรยี งตามลำดับ ก. คำนำ เนื้อเรอ่ื ง สรุป ข. เน้อื เรือ่ ง คำนำ สรุป ค. หัวขอ้ โครงเรื่อง เนือ้ เรื่อง ง. หัวข้อ เนื้อเร่อื ง สรุป ๒๖. ข้อใดไม่ใชล่ ักษณะสำคัญของคำนำ ก. ช้แี จงจุดประสงค์ในการเขียนเรยี งความ ข. กระต้นุ ใหผ้ ู้อ่านสนใจและเหน็ ความสำคญั ของเร่ือง ค. นำสว่ นท่สี ำคัญของตัวเรอ่ื งมากล่าวย้ำสรา้ งความสนใจ ง. สร้างความเข้าใจขอบเขตของเรียงความและอธิบายความสำคญั ตา่ ง ๆ ๒๗. ขอ้ ใดไม่ใช่ศิลปะของการเขยี นเรียงความ ก. การเลือกใช้คำท่สี ื่อความหมายชัดเจน ข. การใช้สำนวนและลลี าการเขียนทเี่ ปน็ ของตนเอง ค. การเขยี นข้อความในแตล่ ะย่อหน้าใหส้ ัมพันธส์ อดคล้องกัน ง. การสำรวจโครงเรื่อง สรปุ และคำนำใหเ้ สนอเพียงความคดิ เดียว ๒๘. การวางโครงเรอื่ งก่อนเขียนเรยี งความมีประโยชน์อย่างไร ก. ช่วยกำหนดจดุ ประสงค์ของเร่ือง ข. ชว่ ยสร้างความเข้าใจในแต่ละยอ่ หนา้ ค. ชว่ ยกำหนดขอบเขตในการเขยี นแตล่ ะครัง้ ง. ช่วยใหเ้ น้ือหามเี อกภาพและเสนอความคิดได้ตามลำดับ
๓๓๓ ๒๙. ขอ้ ใดเปน็ หวั ขอ้ เรียงความเกย่ี วกบั เร่ืองในโลกของจนิ ตนาการท่ีเกี่ยวกับอนาคต ก. ใตร้ ม่ อนิ ทนลิ ข. เดก็ ขายพวงมาลยั ค. สถานการณ์โรคเอดส์ ง. เกบ็ หอมรอมริบไวเ้ ถดิ ๓๐. “ภพน้มี ใิ ช่หล้า หงสท์ อง เดยี วนา กาก็เจา้ ของครอง ชีพดว้ ย เมาสมมติจองหอง หนิ ชาติ นำ้ มติ รแล้งโลกมว้ ย หมดส้ินสุขสนั ต”์ ผแู้ ตง่ ร้อยกรองนี้มีจนิ ตนาการอยา่ งไร ก. สงั คมมีการเอารดั เอาเปรยี บกนั ข. สังคมแบง่ เปน็ ชนชนั้ นา่ รงั เกียจ ค. ตอ้ งการความเสมอภาคทางสังคม ง. คนรำ่ รวยควรเสยี สละใหก้ บั คนจน
๓๓๔ เฉลยแบบทดสอบทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๗ เรอ่ื ง พระเวสสนั ดรชาดก สาระการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ขอ้ ตวั เลอื ก ขอ้ ตวั เลอื ก ๑ ค. การอ่านเพอ่ื แยกแยะข้อความทอ่ี ่านอยา่ งถถี่ ้วน ๑๖ ง. เขยี นชิดรมิ กระดาษ เพ่อื ให้ทราบถึงโครงสร้าง องค์ประกอบ หลกั การ ๑๗ ข. ๑ มกราคม ๒๕๕๕ และเหตุผลของเร่อื ง ๑๘ ง. จำกัดจำนวนย่อหน้าเพียง ๓ ยอ่ หน้าเท่านัน้ ๒ ข. ช่วยในการสรุปประเด็นสำคัญ ๑๙ ข. ฟ้าเปลี่ยนจากคำราชาศพั ทเ์ ปน็ คำที่ใชท้ ่ัวไป ๓ ข. จะไมจ่ นถา้ เป็นคนรู้จักพอ ๒๐ ข. ตัดประโยคหรอื ขอ้ ความสำคัญของย่อหนา้ ออก ๔ ค. ควรมีน้ำใจตอ่ ผู้อืน่ ๒๑ ค. คดั ลอกใหม่โดยคงภาษาเดิมของผู้เขยี นไว้ ๕ ข. ความยำเกรง ๒๒ ก. คำนำ ๖ ค. ปลอ่ ยใหโ้ ลกเป็นไปตามธรรมชาติ ๒๓ ค. เรยี น-ขอแสดงความนับถือ ๗ ง. การสร้างสรรคท์ ี่แทต้ ้องนำความสุขมาสู่สรรพชีวติ ๘ ง. ๘ จังหวดั ภาคใต้ตอนลา่ งเฝ้าระวัง วาตภัย ๒๔ ค. คำทใี่ ช้ในอินเทอร์เน็ตจะเขียนตามเสยี งพูด ๑๗ - ๒๐ ธ.ค.นี้ ๒๕ ก. คำนำ เน้ือเรอ่ื ง สรปุ ๙ ข. เตอื นใหล้ ูกดแู ลแม่เพอ่ื ทดแทนคณุ ๒๖ ง. สรา้ งความเขา้ ใจขอบเขตของเรยี งความ ๑๐ ก. หาสยรส ๑๑ ง. ถูกทุกข้อ และอธิบายความสำคญั ต่าง ๆ ๒๗ ก. การเลอื กใช้คำทสี่ ื่อความหมายชดั เจน ๑๒ ง. ถูกทกุ ขอ้ ๒๘ ค. ช่วยกำหนดขอบเขตในการเขยี นแตล่ ะครง้ั ๑๓ ค. ใช้จดั ระบบความคิดและช่วยจำ ๒๙ ง. เก็บหอมรอมริบไว้เถดิ ๑๔ ก. ช่วยให้นกั เรยี นสนใจมากข้ึน ๓๐ ค. ตอ้ งการความเสมอภาคทางสังคม ๑๕ ค. เลือกเรื่องทม่ี ีความรมู้ ากท่ีสุด
๓๓๕ กาหนดการจัดการเรยี นรู้ มาตรฐาน สาระสาํ คญั /ความคิดรวบยอด ชนิ้ งาน/ภาระงาน เวลา นาํ้ หนัก ชือ่ หนว่ ย การเรยี นร/ู้ (ช่วั โมง) คะแนน ตวั ชวี้ ดั การเขียนแสดงความคิดเห็นจาก - นาํ เสนอหนา้ ช้นั ๒ ๕ การอา่ น ท ๑.๑ ม.๔-๖/๕ การอ่าน ผู้อ่านจะต้องมีความรู้ เรียนการ เพอื่ พัฒนาตน ท ๑.๑ ม.๔-๖/๙ ความเข้าใจในเรื่องที่อ่านเป็นอย่างดี วเิ คราะหว์ ิจารณ์ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๘ และสามารถฝึกฝนได้ด้วยการเป็น เรอ่ื งสั้น นัก อ่ า น ท่ี ดี ทํ า คว า ม เ ข้ า ใ จ ใ น “ขาซ้ายของแม่” เร่ืองที่อ่าน พิจารณาอย่างมีเหตุผล - ช้นิ งาน และสามารถถ่ายทอดให้ผู้อ่ืนได้รับรู้ การเขยี นแสดง ด้วยภาษาทีถ่ กู ต้องเหมาะสม ความคิดเหน็ จาก การอ่าน วรรณกรรม * หมายเหตุ ครูผู้สอนจดั ทําหนว่ ยการเรยี นรู้เพ่ิมให้ครอบคลมุ ทกุ ตวั ช้วี ดั ในคาํ อธิบายรายวิชา
๓๓๖ ผงั วเิ คราะห์หนว่ ยการเรียนรู้ ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ “การอา่ นเพือ่ พฒั นาตน” หน่วยการเรียนรูเ้ รอ่ื ง “การอา่ นเพอ่ื พฒั นาตน” การเขียนแสดงความคิดเห็นจากการอ่าน ผอู้ ่านจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องท่ีอ่านเป็น อย่างดี และสามารถฝึกฝนได้ด้วยการเป็นนักอ่าน ที่ดี ทําความเข้าใจในเร่ืองท่ีอ่าน พิจารณาอย่าง มีเหตุผลและสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วย ภาษาทีถ่ ูกต้องเหมาะสม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ เรอื่ ง การเขยี นแสดงความคิดเห็น เรอ่ื ง อ่านวิจารณ์ วรรณกรรม ท ๑.๑ ม.๔-๖/๕ จากการอ่านวรรณกรรม ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๙ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๘ ก า ร อ่ า น วิ จ า ร ณ์ ว ร ร ณ ก ร ร ม ห รื อ พิ จ า ร ณ า ก า ร เ ขี ย น แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น จ า ก ก า ร อ่ า น คุณภาพของวรรณกรรม คุณค่าท่ีได้รับ ความน่าสนใจ ผู้อ่านจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองที่อ่าน ข้อท่ีเป็นจุดเด่น หรือจุดบกพร่อง โดยอยู่ บนพ้ืน ฐานความรู้ เหตุผล หลักเกณฑ์ และความรอบคอบ เป็ น อ ย่า ง ดี โ ดย ทํา คว าม เข้ าใ จใ น เ ร่ื อ ง ที่ อ่า น เพื่อใหแ้ สดงความคิดเห็นได้อย่างถูกต้องและสร้างสรรค์ พิ จ าร ณา อย่ าง มีเ หตุ ผ ลแ ละ สา มา ร ถ ถ่า ยท อ ด เพ่อื ทจี่ ะสามารถนาํ ความรไู้ ปใช้ได้ในการดาํ รงชีวิต ให้ผ้อู น่ื ได้รบั รูด้ ว้ ยภาษาทีถ่ กู ต้องและเหมาะสม แล้ ว เ ขีย น ลง ใน ช้ิน ง าน ก า ร เ ขี ยน แส ด ง ความคิดเหน็ จากการอา่ นวรรณกรรม ตามความสนใจ
๓๓๗ ช้ินงาน/ภาระงาน สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น คณุ ลักษะอนั พงึ ประสงค์ - นาํ เสนอหน้าชั้นเรยี นการ ๑. ความสามารถในการคิด ๑. ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ วิเคราะห์วิจารณเ์ รอ่ื งสั้น “ขาซ้ายของแม่” ๒. ความสามารถในการสอื่ สาร ๒. มีวนิ ยั - ช้นิ งานการเขียนแสดงความ คิดเห็นจากการอา่ นวรรณกรรม ๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ ๓. ใฝุเรยี นรู้ ตามความสนใจ ๔. รักความเป็นไทย
แผนการจดั การเรียนรู้วชิ าภาษาไทย ๓๓๘ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ เร่ือง การอา่ นเพ่อื พัฒนาตน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๔ แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอ่ื ง อ่านวิจารณ์ วรรณกรรม แผนท่ี ๑/๒ สอนวนั ที.่ .....................เดือน........................พ.ศ.............. ครผู สู้ อน........................................................................... ภาคเรียน ๒/๒๕๖๒ เวลา ๑ ชว่ั โมง ๑. สาระสาคัญ การอ่านวเิ คราะห์ วจิ ารณว์ รรณกรรมหรือพจิ ารณาคุณภาพของวรรณกรรม คณุ คา่ ทไี่ ด้รบั ความนา่ สนใจ ข้อท่ีเปน็ จดุ เด่น หรือจุดบกพร่อง โดยอยูบ่ นพื้น ฐานความรู้ เหตผุ ล หลกั เกณฑ์ และความ รอบคอบ เพ่ือให้แสดงความคิดเหน็ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและสรา้ งสรรค์เพ่อื ทีจ่ ะสามารถนาํ ความรู้ไปใชไ้ ด้ในการ ดาํ รงชีวิต ๒. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนําไปใชต้ ดั สินใจ แก้ปัญหาในการ ดําเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน ตวั ชวี้ ัด ม.๔-๖/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเหน็ โตแ้ ย้งกับเร่ืองท่อี า่ น และเสนอความคิดใหม่ อยา่ งมีเหตผุ ล ม.๔-๖/๙ มีมารยาทในการอา่ น ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นสามารถอธิบายหลกั การวเิ คราะหว์ จิ ารณว์ รรณกรรมได้ (K) ๒. นกั เรียนสามารถแสดงความคิดเหน็ จากการอ่านวรรณกรรมได้ (P) ๓. นกั เรียนเห็นความสําคญั ของการอ่านวรรณกรรม (A) ๔. สมรรถนะที่ต้องการ ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต ๕. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. ซ่ือสัตย์สุจรติ ๒. มีวินัย ๓. ใฝเุ รยี นรู้
๓๓๙ ๖. สาระการเรียนรู้/เนอื้ หา ๑. หลกั การวเิ คราะห์วิจารณ์วรรณกรรม ๒. หลกั การการแสดงความคิดเห็นจากการอา่ นวรรณกรรม ๓. ความสําคัญของการอ่านวรรณกรรม ๗. ผลงาน/การปฏิบตั ิ ๑. นําเสนอหนา้ ชัน้ เรยี นการวิเคราะหว์ จิ ารณ์เร่ืองส้นั “ขาซา้ ยของแม่” ๘. การจัดกิจกรรมการเรียนร้/ู กระบวนการเรยี นรู้ กิจกรรมท่ี ๑ ขั้นนา (๑๐ นาที) วธิ ีการดาเนนิ กิจกรรม ๑. ครูแจกกรดาษใหน้ ักเรยี นเขียนรายละเอยี ดของเพอื่ นท่นี กั เรียนคดิ วา่ นกั เรียนรู้จักดที ่สี ดุ ๑ คน โดยต้องพยายามเขียนข้อมลู ของเพ่ือนให้ไดม้ ากท่ีสุด ครูให้เวลา ๓ นาที ๒. จากนนั้ ครูใหน้ ักเรยี นเสนอช่อื เพือ่ นทีน่ ักเรียนอยากฟงั ผลงานการเขียน จาํ นวน ๓ คน ออกมาอา่ นให้เพ่ือนฟังหนา้ ช้นั เรยี น ๓. จากนน้ั ครเู ปิดโปรแกรมนําเสนอ Microsoft PowerPoint ยกตวั อย่างสง่ิ ทนี่ ักเรียนอาจจะเขยี น เมือ่ ต้องการเลา่ เรือ่ งราวของใครสกั คน แลว้ ให้นักเรยี นพิจารณาตอบคาํ ถามต่อไปนี้ - ก่อนที่จะเขยี นคําตอบลงในกระดาษนั้น นกั เรียนตอ้ งทําอะไรกอ่ น - นกั เรยี นสะท้อนข้อมูลของเพอ่ื นไดเ้ พราะเหตุใด - คนท่ีสามารถบอกรายละเอยี ดของเพื่อนไดม้ าก แสดงให้เหน็ วา่ เพ่อื นคนน้ันเป็นอย่างไร ๔. ครูสรุปคําตอบของนักเรียนแล้วเช่ือมโยงเข้าสู่บทเรยี นว่า ในชวี ติ ประจําวนั การที่นักเรยี นจะ ถ่ายทอดความคิดทม่ี ตี ่อเรอื่ งใดเรอ่ื งหนึ่งหรือคนใดคนหนงึ่ นัน้ จะตอ้ งผา่ นกระบวนการคิดเสมอ ดงั จะเห็นได้วา่ ข้อมลู ทเี่ ราถา่ ยทอดนั้นประกอบไปดว้ ยข้อเท็จจรงิ และขอ้ คิดเหน็ ๕. จากน้ันครชู วนนักเรียนสนทนาเปรยี บเทยี บเรอ่ื งการอ่านหนังสอื กับการคบคนว่ามคี วาม เหมือนกนั อยา่ งไร เพ่อื ชีใ้ หน้ ักเรียนเห็นความสําคัญของการอา่ นเพอ่ื พฒั นาตนเอง ดว้ ยการฝึกวิเคราะหแ์ ละ วิจารณ์วรรณกรรม ซ่ึงนอกจากจะชว่ ยให้ได้รับความเพลดิ เพลินจากการอ่านแลว้ ยงั ฝกึ ให้เราเป็นคนทม่ี ีเหตผุ ล มคี วามละเอยี ดรอบคอบ มองรอบดา้ น และได้รับความรู้ที่กวา้ งขวางขนึ้ อีกด้วย กจิ กรรมท่ี ๒ ขน้ั สอน (๓๐นาที) วิธกี ารดาเนนิ กจิ กรรม ๑. ครูให้นกั เรยี นรับเอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ เร่ือง “การวิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณกรรม” จากน้นั ใหน้ ักเรียนพิจารณาคําสําคัญทีเ่ ก่ียวข้องกับความหมายของคําว่า “วเิ คราะห”์ และ “วจิ ารณ”์ ๒. ครูเปิดสือ่ Microsoft PowerPoint เรอ่ื ง “การวเิ คราะหว์ จิ ารณ์วรรณกรรม” ประกอบการอธบิ าย โดยนาํ วรรณกรรมตา่ ง ๆ ทน่ี า่ สนใจมายกตวั อยา่ งประกอบตามประเด็น การเรยี นรู้ตอ่ ไปน้ี - ประโยชน์ของการวเิ คราะห์วิจารณว์ รรณกรรม - แนวทางการพิจารณารปู แบบวรรณกรรม - แนวทางการพิจารณาด้านเน้อื หา - แนวทางการพจิ ารณาด้านกลวธิ ีการแต่ง
๓๔๐ ๓. ครูให้นักเรียนอ่านเรอื่ งส้ันเรอื่ ง “ขาซ้ายของแม”่ แล้วเขียนวเิ คราะหว์ ิจารณ์ โดยใช้รปู แบบ การเขียนทคี่ รูกาํ หนดให้ ๔. หลังจากนนั้ ให้นกั เรียนวเิ คราะหว์ ิจารณ์แลกเปล่ยี นความคิดร่วม แล้วหาขอ้ สรปุ เพื่อเขยี น ลงในใบบนั ทึก ๕. ให้นักเรยี นสง่ ตัวแทนออกมาอา่ น ผลการวเิ คราะห์วิจารณ์ ๖. เมื่อจบกจิ กรรมแลว้ ครูให้นกั เรียนพิจารณาตอบคําถามตอ่ ไปนี้ - นักเรียนเขียนวเิ คราะห์วิจารณแ์ บบตัวอย่างท่ไี ด้เรยี นรไู้ ปได้หรอื ไม่ อุปสรรคที่อาจจะเกิดขึน้ นา่ จะเกิดจากอะไรบา้ ง แลว้ จะแกไ้ ขมนั ไดอ้ ย่างไร - หลกั การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์วรรณกรรม มีขนั้ ตอนอยา่ งไรบา้ ง - การแลกเปลีย่ นความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การวจิ ารณ์วรรณกรรมควรคาํ นึงถงึ สิง่ ใดบา้ ง กิจกรรมที่ ๓ ข้นั สรปุ (๑๐ นาท)ี วธิ ีดาเนนิ กิจกรรม ครูสรปุ คาํ ตอบของนักเรยี น แล้วร่วมกันสรปุ กิจกรรมวา่ การแลกเปลยี่ นผลการวิจารณม์ ีขอ้ ดี คือ ชว่ ยเปิดโลกทัศน์และมมุ มองใหม่ ๆ ท่นี า่ สนใจ แตก่ ารจะได้รบั ประโยชน์ดังกลา่ วนนั้ ตอ้ งอาศยั ความรว่ มมือ จากคนในชั้นเรียนทตี่ ้องเคารพความคิดเห็นซง่ึ กนั และกนั ใช้เหตุผลเป็นหลักและเปดิ ใจกว้างพร้อมแลกเปล่ยี น เรยี นรู้ ซงึ่ ส่งิ เหล่านีเ้ ปน็ สง่ิ สําคัญอย่างยิ่งในการอยรู่ ่วมกันในสังคม ๙. ส่ือ/นวัตกรรม/แหลง่ การเรยี นรู้ ส่อื และนวตั กรรม ๑. เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ เรอื่ ง “การวิเคราะห์วจิ ารณว์ รรณกรรม” ๒. Microsoft PowerPoint เร่อื ง “การวเิ คราะห์วิจารณว์ รรณกรรม” ๓. เรือ่ งสัน้ “ขาซา้ ยของแม่” แหล่งการเรยี นรู้ ๑. ครูผูส้ อน ๒. หอ้ งสมุด สําหรบั ใช้ในการสืบคน้ ความรู้เพม่ิ เติม ๓. อนิ เทอรเ์ น็ต ในการสบื ค้นขอ้ มูล รูปภาพ และความรูเ้ พิ่มเติม
๓๔๑ ๑๐. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์การประเมิน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ การวดั และประเมินผล ประเมนิ การนําเสนอ แบบประเมินการ ๘๐ ขนึ้ ไป นักเรียนสามารถอธิบาย หลกั การวเิ คราะห์วิจารณ์ หน้าช้นั เรียน นาํ เสนอหนา้ ชนั้ เรยี น วรรณกรรมได้ (K) นักเรยี นสามารถแสดง ประเมนิ พฤติกรรม แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ความคดิ เหน็ จากการอ่าน การตอบคําถามแสดง ๘๐ ข้นึ ไป วรรณกรรมได้ (P) ความคดิ เห็น นักเรียนเหน็ ความสําคญั สังเกตพฤตกิ รรม แบบบันทึกการสังเกต ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ของการอา่ นวรรณกรรม ผเู้ รียนการมีสว่ นร่วม พฤติกรรมผู้เรยี น ๘๐ ขนึ้ ไป (A) ในการทาํ กจิ กรรม คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ นักเรียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ๕๐ ขน้ึ ไป ๑๑. บนั ทกึ เพม่ิ เติมสาหรับผ้บู ริหาร ประสงค์ …………………………………………………................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ.................................................ผู้ประเมิน (.....................................................................) ตําแหนง่ .......................................................... วนั ท.่ี ..........เดอื น.........................พ.ศ..............
๓๔๒ ๑๒. บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ ผลการจัดการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………....................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สภาพปัญหา ………………………………………………………………………………………......................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแกไ้ ขปญั หา …………………………………………………………………………………………....................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะในการจัดการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื .................................................ผูป้ ระเมนิ (.....................................................................) ตาํ แหน่ง.......................................................... วนั ท่.ี ..........เดอื น.........................พ.ศ..............
๓๕๓ เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื ง “การวิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณกรรม” ช่อื ....................................................... ช้นั .................เลขท.่ี .........
๓๕๔ เรอ่ื ง “การวิเคราะหว์ ิจารณ์วรรณกรรม” วรรณกรรม คือ เรื่องแต่ง หรืองานประพันธ์หนังสือที่มีวรรณศิลป์หรือมีศิลปะการประพันธ์ อย่างท่ีเราคุ้นเคยกันดี อาทิ นวนิยาย เรื่องสั้น บทกวี บทละครฯลฯ เป็น Fiction (เรื่องแต่งหรือบันเทิงคดี) ไม่ใช่ Non-fiction (เรื่องของข้อเท็จจริง หรือสารัตถคดี) อย่างบทความ สารคดี ข่าวฯลฯ ที่เป็นวรรณกรรม ในความหมายอย่างกว้าง ๑. ความหมายของการวเิ คราะหว์ รรณกรรม การวเิ คราะห์ หมายถึง การพจิ ารณาตรวจตรา แยกแยะและประเมินค่า ซ่ึงจะเกิดประโยชน์ ต่อผู้วิเคราะห์ในการนําไปแสดงความคิดเห็น อภิปรายข้อเท็จจริงให้ผู้อื่นทราบ ด้วยว่าใครเป็นผู้แต่ง เป็นเรื่องเก่ียวกับอะไร มีประโยชน์อย่างไร ต่อใครบ้าง ผู้วิเคราะห์ มีความเห็นอย่างไร เรื่องท่ีอ่านมีคุณค่า ดา้ นใดบา้ งและแต่ละดา้ นสามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ห้เกิดประโยชนต์ ่อชวี ติ ประจาํ วนั อยา่ งไรบ้าง ๒. แนวในการวิเคราะห์วรรณกรรม การวเิ คราะห์วรรณกรรมมีหลกั เกณฑก์ ารปฏิบตั อิ ย่างกว้าง ทง้ั นเ้ี พอ่ื ใหค้ รอบคลมุ งานเขยี น ทุกประเภท แต่ละประเภท ผู้วิเคราะห์ต้องนําแนวการวิเคราะห์ไปปรับใช้ ให้เหมาะสมกับงานเขียน แตล่ ะชิ้นงานซงึ่ มีลักษณะแตกต่างกันไป ซ่ึงประพนธ์ เรืองณรงค์ และคณะ (๒๕๔๕ : ๑๒๘) ได้ให้หลักเกณฑ์ กวา้ ง ๆ ในการวิเคราะห์วรรณกรรม ดงั น้ี ๒.๑ ความเป็นมาหรอื ประวัตขิ องหนงั สอื และผู้แตง่ เพื่อช่วยให้วิเคราะห์ในส่วนอื่น ๆ ๒.๒ ลักษณะคําประพันธ์ ๒.๓ เรื่องย่อ ๒.๔ เนอื้ เรอ่ื ง ให้วเิ คราะห์เร่ืองในหวั ขอ้ ต่อไปนต้ี ามลาํ ดบั โดยบางหัวข้ออาจจะมี หรือไม่มีก็ได้ ตามความจําเป็น เชน่ โครงเรื่อง ตวั ละคร ฉาก วิธกี ารแตง่ ลักษณะการเดินเร่ือง การใช้ถ้อยคํา สํานวนในเร่ือง ท่วงทาํ นองการแตง่ วธิ คี ดิ สร้างสรรค์ ทศั นะหรอื มมุ มองของผู้เขียน เปน็ ตน้ ๒.๕ แนวคดิ จุดมุ่งหมาย เจตนาของผูเ้ ขียนท่ีฝากไว้ในเร่อื ง ซ่ึงต้องวิเคราะหอ์ อกมาก ๒.๖ คุณค่าของวรรณกรรม โดยปกติแบ่งออกเป็น ๕ ด้านใหญ่ ๆ และกว้าง ๆ เพื่อความ ครอบคลุมในทุกประเด็น ซึ่งผู้วิเคราะห์ต้องไปแยกหัวข้อย่อยให้สอดคล้องกับลักษณะ ของหนังสือท่ีจะ วเิ คราะห์นัน้ ๆ ตามความเหมาะสม ๓. การวเิ คราะหค์ ณุ คา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรม ความหมายของการวิเคราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรมการวเิ คราะห์ หมายถงึ การพจิ ารณา องค์ประกอบทุกสว่ น โดยวธิ ีแยกแยะรายละเอียดต่าง ๆ ตั้งแต่ถ้อยคําสํานวน การใช้คํา ใช้ประโยค ตลอดจน เนื้อเรือ่ งและแนวคดิ ทุกอย่างท่ีปรากฏอยใู่ นข้อเขียนน้ัน เมอื่ วเิ คราะหส์ ่วนประกอบได้แลว้ จงึ วจิ ารณต์ อ่ ไป
๓๕๕ การวิจารณ์ หมายถึง การพจิ ารณาเทคนิคหรือกลวิธที ่ีแสดงออกมาน้ันให้เห็นวา่ น่าคดิ น่าสนใจ น่าติดตาม มีช้ันเชิงยอกย้อนหรือตรงไปตรงมา องค์ประกอบใดมีคุณค่า น่าชมเชย องค์ประกอบใดน่าท้วงติงหรือบกพร่องอย่างไร การวิจารณ์ส่ิงใดจึงต้องใช้ความรู้ มีเหตุผล มีหลักเกณฑ์ และมคี วามรอบคอบดว้ ย วิธีวิเคราะหแ์ ละวิจารณง์ านประพันธ์ ตามปกติแล้วเมอ่ื จะวิจารณ์ส่งิ ใด จําเปน็ ต้องเริ่มวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบต่าง ๆ ให้เข้าใจ ชดั เจนเสียก่อนแล้วจึงวิจารณ์แสดงความเหน็ ออกมาอย่างมีเหตุผล ให้น่าคดิ น่าฟังและเป็นคําวิจารณ์ ท่นี า่ เช่อื ถอื ได้ การวิจารณ์งานประพันธ์สําหรับผู้เรียนที่เร่ิมต้นฝึกหัดใหม่ ๆ น้ัน อาจต้องใช้เวลาฝึกหัด มากสักหน่อย อ่านตัวอย่างงานวิจารณ์ของผู้อื่นมาก ๆ และบ่อย ๆ จะช่วยได้มากทีเดียว เมื่อตัวเราเริ่มฝึก วิจารณ์งานเขียนใด ๆ อาจจะวิเคราะห์ไม่ดี มีเหตุผลน้อยเกินไป คนอ่ืนเขาไม่เห็นด้วย เราก็ควรย้อนกลับมา อ่านเขียนนนั้ ๆ อีกครั้งแลว้ พจิ ารณาเพิม่ เติม วธิ วี ิเคราะห์ วจิ ารณ์งานประพนั ธ์จงึ มลี กั ษณะดงั นี้ การวเิ คราะห์และวิจารณง์ านประพนั ธเ์ ทา่ ทพ่ี บเห็นท่ัว ๆ ไป นักวจิ ารณ์นยิ มพิจารณากวา้ ง ๆ ๔ ประเดน็ ๑) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ คือ ความไพเราะของบทประพันธ์ ซ่ึงอาจทําให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ ความรู้สกึ และจนิ ตนาการตามรส ความหมายของถอ้ ยคําและภาษาทีผ่ แู้ ต่งเลือกใช้ เพ่ือใหม้ คี วามหมายกระทบใจผ้อู า่ น ๒) คุณค่าด้านเนื้อหาสาระ แนวความคิดและกลวิธีนําเสนอทั้ง ๒ ประเด็นน้ี จะอธิบาย และยกตัวอยา่ งประกอบพอเข้าใจ โดยจะกลา่ วควบกนั ไปท้งั การวเิ คราะหแ์ ละการวิจารณ์ ๓) คุณคา่ ดา้ นสังคม วรรณคดีและวรรณกรรมจะสะท้อนให้เห็นสภาพของสังคมและวรรณคดี ทีด่ ีสามารถจรรโลงสงั คมได้อีกด้วย ๔) การนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน ผู้อ่านสามารถนําแนวคิดและประสบการณ์ จากเรอ่ื งทอี่ า่ นไปประยกุ ตใ์ ช้หรือแก้ปัญหาในชวี ติ ประจําวนั ได้ ๓.๑ การพจิ ารณาคณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลป์ วร ร ณศิลป์เป็น องค์ประ ก อบที่สําคัญ ซ่ึงช่ ว ยส่ง เสริมให้ว ร ร ณก ร ร มมีคุณค่าน่าสน ใจ คําว่า “วรรณศลิ ป”์ หมายถงึ ลักษณะดเี ด่นทางดา้ นวิธแี ตง่ การเลอื กใช้ถ้อยคาํ สํานวน ลลี า ประโยค และความเรียงต่าง ๆ ที่ประณีต งดงาม หรือมีรสชาติเหมาะสมกับเน้ือเรื่องเป็นอย่างดี วรรณกรรมที่ใช้วรรณศิลป์ชั้นสูงนั้นจะทําให้คนอ่านได้รับผลในทางอารมณ์ความรู้สึก เช่น เกิดความสดชื่น เบิกบาน ขบขัน เพลิดเพลนิ ขบคิด เศร้าโศก ปลุกใจ หรืออารมณ์อะไร ก็ตามท่ีผู้เขียนต้องการสร้างให้เกิดขึ้น ในตวั ผอู้ า่ น นนั่ คือ วรรณศิลป์ในงานเขียน ทําให้ผู้อ่าน เกิดความรู้สึกในจิตใจและเกิดจินตนาการสร้างภาพคิด ในสมองได้ดี การวิเคราะห์งานประพันธ์จึงควรพิจารณาวรรณศิลป์เป็นอันดับแรกแล้วจึงวิจารณ์ว่ามีคุณค่าหรือ น่าสนใจเพียงใดหากงานประพันธ์น้ันเป็นประเภทบทร้อยกรอง ผู้อ่านที่จะวิเคราะห์วิจารณ์ ควรมีความรู้ บางอย่าง เช่น รูบ้ ังคับการแตง่ บทรอ้ ยกรองรวู้ ิธีใช้ภาษาของกวี รู้วิธีสร้างภาพฝันหรือความคิดของกวี เป็นต้น ความรดู้ ังกล่าวนีจ้ ะชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจบทรอ้ ยกรองได้มากข้นึ arisa45193. (๒๕๕๙). การวิเคราะห์วิจารณ์วรรณกรรม. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก : https://sites.google.com/site/arisa45193/. (วันท่ีคน้ ข้อมูล : ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓).
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381