๓๕๖ เร่ืองส้ัน ขาซา้ ยของแม่ ศลิ า โคมฉาย “เป็นอยา่ งไรบา้ งลกู สบายดหี รอื ” จดหมายของแม่เริ่มตน้ ง่าย ๆ ไม่มีแบบแผนเหมือนเป็นการผลักบานประตเู ขา้ มาถามไถแ่ ทนที่จะเป็น ตวั หนังสอื โยเ้ ยค้ ล้ายร้ัวไม้ไผ่ผุ ๆ กันววั ควาย หมึกลูกล่นื ซมึ แข็งเปน็ กอ้ นตรงหวั ตัว “ง.ง”ู และเป้อื นเป็น คราบสีน้าํ เงินหลายแหง่ บางทีผมร้สู ึกเหมอื นได้ยินเสยี งนํ้าจรงิ ๆ แผ่วเบาน่ิมนวลกับการทกั ทายของหยาดฝน เริ่มโปรยปราย จากเบ้อื งบน สัมผสั ใบไม้ ออ่ นโยนและเยน็ ชื่น ปลายปากกากดทับเสน้ หนักจนด้านหลังกระดาษปรุเป็นรอยนูน ตัวสะกดผดิ ๆ ถูกๆ บอกให้รถู้ ึง ความพยายาม ปากกาในนิ้วคงขยับแลว้ ขยบั อกี ผ่อนคลายอาการเม่อื ยเกรง็ เสียเวลากับหนงั สือตวั โต ๆ เพียงแค่หน้ากระดาษคร่ึงค่อนวัน... กว่าสบิ ปีกับการจากบ้านเขา้ กรุงเทพฯ ผมจาํ ได้ว่าแม่เขยี นจดหมายถงึ ไม่เกนิ 3 ฉบับ ทงั้ หมดเปน็ หนา้ ทข่ี องพ่อหรือพ่สี าว ผมบอกความรสู้ ึกไม่ถกู ควรเรยี กว่าอะไร เมอ่ื ความดใี จเจอื กระสายอยใู่ นความสะเทอื นใจ “เกอื บหน่ึงปีแลว้ ท่ีแม่ไมร่ ้ขู ่าวของลูกเลย” ชายหนึง่ เม่อื 28 ปีก่อน ผ่านมาทางหญงิ ชระวัย 54 ปี ในเวลานีก้ าลเวลาเนิ่นนานนกั นานจนบางที ภาพแหง่ ชวี ิต ความหวานชื่น สนุกสนาน ความเศร้า ว้าเหว่ เหงา ซ่ึงสะสมไว้ซับซ้อนเปน็ มา่ นหนาบดบงั เย่ือใย ใหเ้ ลยเลอื น เป็นคล้ายธารนาํ้ จากพรากแหล่งกําเนดิ รนิ ไหลมอิ าจหวนคนื จวบจนถกู แปรเปลย่ี นเป็นละอองไอ .... นัน่ ช่างน่าหว่ันไหวจนใจหวิว บรรทัดต่อ ๆ ไปเตม็ ไปด้วยความรู้สกึ บอกเล่าหว่ งใยยืดยาวและวกวนไปมาประสาแมอ่ ย่างเคย เหมอื นกับที่เคยฝากข้อความในจดหมายของพี่สาว หรือคําฝากกบั ญาตพิ ่ีนอ้ งซง่ึ เข้ากรงุ เทพฯ สภาพทางบ้านไม่ มีอะไร เปลี่ยนแปลงมากนกั เร่อื งของน้องสาวทก่ี าํ ลังจะแตง่ งานประวตั ิคร่าว ๆ ของว่าทล่ี ูกเขยแลว้ ลงทา้ ยดว้ ย เรือ่ งของตวั แมเ่ องเก่ยี วกบั สุขภาพห้วน ๆ และคลุมเครอื ภาพคาํ นงึ เบ้ืองหน้ากระดาษขาวซดี ออกเหลือง เผยใหเ้ หน็ หญิงร่างท้วมเจา้ เนื้อ ค่อนขา้ งเต้ยี มือหยาบ หนา นิ้วอวบสัน้ รอยแผลเปน็ แนวนนู พาดอยหู่ ลายแนว ขอ้ นิ้วแตกแยกเป็นร่องลกึ ดงั รอยจารึกประวตั ิ อันยาวนาน แผ้วทางให้ลูก 6 คน กา้ วไปข้างหนา้ บนใบหน้า ริว้ รอยของกาลเวลาลาดผ่านเกิดรอ่ งหลุม ซอ่ นเร้นความทรหดและทุกข์ท้อเอาไว้มดิ ชิด ไม่เคยเผยออกมาแม้ทางนาํ้ เสียง ความชรากดั กรอ่ นบ่ันทอนรา่ งกายให้อ่อนล้าลงเสน้ ผมเปลี่ยนสไี ปจนเหน็ ชดั ในครั้งสุดทา้ ยท่ีผมไดพ้ บแม่ “ทําไมมาหนา้ น้ี ?” แมไ่ มอ่ าจซอ่ นความปติ ิ เมอื่ ผมพาว่าทลี่ กู สะใภ้ไปกราบเปน็ ครั้งแรก ขณะผมงงงนั กบั ขาซา้ ยของแม่ “ฝนชกุ ส้มสกู ลูกไม้ไม่ม”ี แม่พยายาม หดขาเหยียดตรงตามสบายสู่ท่านั่งสภุ าพ เมอ่ื คนรักของผม ขยับเข้าใกล้ วา่ แลว้ ตอ้ งเผลอร้องครองออกมาก 2-3 คร้ัง และใชม้ ือช่วยดงึ ขนึ้ “ขาแม่เป็นอะไร ? ” ผมมคี วามกังวลขนึ้ ในใจ “ไม่ร.ู้ ... บางทมี นั ชาจนแข็งเป็นท่อนไม้ บางทหี ัวเข่าล้าออ่ นเหมอื นจะพบั ” แมเ่ อามอื บบี นวดเบา ๆ
๓๕๗ “เปน็ มาเกือบปแี ล้ว แรก ๆ ก็เปน็ เหนบ็ นาน ๆ เขา้ คอ่ นข้างชาจนแทบไม่รสู้ ึก” แมต่ อบดว้ ยเสียง เรียบ ๆ กอ่ นจะตัดบทชะลา้ งความวิตกเสีย “แต่ไม่เปน็ ไรหรอกไมห่ นักหนาอะไร แม่ยงั ไปไหนมาไหนได้” ตอนทา้ ยของคาํ พดู บอกให้รู้ถึง งานคา้ ขายผา้ สําเร็จรูปในตลาดนัด รบั จา้ งตัดเย็บ หรืองานในนาตามฤดูกาลอยา่ งไมเ่ คยเปล่ียนมายาวนาน “เฮอ้ ! ดูเหมอื นจะส้มโอหลงตาเด็ก ๆ อยู่ม้งั เดีย๋ วแมจ่ ะไปดูให้” แลว้ เรอ่ื งก็ถกู เปลย่ี นไป “ไมต่ อ้ งหรอกเด๋ียวผมจัดการเอง” “เฮ้อ ! แกไม่ร้หู รอกวา่ มันอยตู่ รงไหน ?” แม่โบกไม้โบกมอื ปราม เอามือเหน่ียวจักรเยบ็ ผา้ พยุงตัวลกุ ไป ผมมองเหน็ ชดั ในวินาทีนัน้ ... ขาซา้ ยของแม่แข็งทื่อเหมือนต้นไมต้ ายซาก ปลายเท้าแบนออกจากตวั ดงั ถูกบดิ อาการก้าวเดินจงึ ตอ้ งใช้ความพยายามและดูเทา้ ข้างนั้นหนักหน่วง การใชข้ า ข้างขวารบั น้ําหนักตวั เปน็ ส่วนใหญ่ ทําให้เหน็ ลักษณะของแม่ เหมอื นคนขาสนั้ ข้างยาวข้าง โขยกเขยกจนเป็นการลากเสียมากกวา่ เพราะเม่อื ก้าวเท้าขวาแมต่ ้องลากเท้าซา้ ย ตามชดิ ทาํ อย่างน้ันจนผ่านประตูรว้ั บา้ น พอถงึ รอ่ งน้ําเลก็ ๆ ระบายนา้ํ ฝนกอ่ นถงึ ถนนหยุดคิดเหมือนจะหาวิธี ข้ามเหลยี วซ้ายแลขวา ควา้ ทอ่ นไมท้ อ่ นหนง่ึ ยงั ชว่ ยขาซา้ ยจงึ โน้มตัวขา้ มไป ถนนฟากโนน้ คือสวนสารพัดนกึ พอ่ ครใู หญ่โรงเรียนประชาบาล ทยอยปลกู สน้ เขยี วหวาน ส้มโอ ลางสาด มังคุด เงาะ และอื่น ๆ อย่างละนิดละหน่อยเกบ็ ผลพวงกินในบ้านและแจกจา่ ยตามประสา คนบา้ นนอก แม่ผ่านไปถงึ ประตรู ัว้ สวน เลื่อนท่อนไมไ้ ผ่ที่สอดไวก้ ั้นวัวควายช้นั บนเปดิ ออก แตช่ ัน้ ล่างสุดสูงจากพื้น ขนาดเข่า เปน็ ไม้ท่อนยาวมัดตายกบั หลัก ต้องข้ามไป .... เปน็ ตอนทีผ่ มจําติดตา แม่ใชม้ ือสองข้างจบั เสาหลกั ประตไู ว้แน่น ออกแรงเกรง็ แขนกอ้ นเน้อื ปดู เส้ือสีทมึ ๆ ตรงแผน่ หลังตงึ แน่น เอาเท้าขวาปนี ปาุ ยเหนอื ไม้ก่ันประตูช้ันล่างสดุ ค่อย ๆ โหน ยกร่างทว้ ม ๆ ทม่ี ีนาํ้ หนกั ไมต่ ํา่ กว่า 60 กก. ขึ้นไป แล้วหย่อนตัวลงชา้ ๆ อกี ด้านหน่งึ แม่หายไปพักเดียวกก็ ลบั มา ส้มโอ 5-6 ลกู อย่ใู นวงแขน พอถึงร้วั วางสม้ โอลงกับพนื้ เตรียมโหนตวั กลบั ผมผุดลกุ พุง่ ไปหา สุดท่ีจะทนทาน “แม่ไปหาหมอบ้างหรอื ยัง ? ” ความร้อนรมุ่ ไมอ่ าจระงับ ทาํ ใหผ้ มหลุดคาํ ถามเร็วปรอ๋ื “โอ๊ย ! จะไปทาํ ไมใหเ้ ปลืองเงิน คนเฒ่าคนแกแ่ ถวนี้เขาชว่ ยจับเส้นสายนวดใหก้ ็ดีเอง น่ไี มไ่ ด้นวดมา หลายวนั เลยดูแย่หนอ่ ย” แมบ่ า่ ยเบ่ียงด้วยสีหนา้ และนํ้าเสยี งปกติ ไมม่ อี ะไรสลกั สาํ คญั “นา่ จะไปเสยี หนอ่ ยนงึ ” “แก...อย่าหว่ งเลย” สมองผมพล่านไปกบั ภาพท่ปี ระตสู วนและขาซ้ายถูกลากไปจนดกึ ดน่ื พอหลับตาลงมนั ช่างแจม่ ชดั และบางครั้ง ขยายใหญ่จนน่าเกลียด ลากผา่ นไป-มา อยู่ในห้วงคํานึงเหมือนจะเหยียบยํ่าสาํ นกึ ส่วนด้านหนา้ ให้เละเหลว แลว้ จู่ ๆ ความอ้างวา้ งว้าเหว่อย่างเดียวกับความรู้สกึ ตอ้ งจากบ้านมาครั้งแรก กรูเขา้ มาในหวั ใจ หอบเอาความ หดหู่เขา้ หอ่ หุ้ม ลุกข้นึ อา่ นจดหมายซํ้าสอง ซ้ําสาม “....แฟนไอแ้ มว้ คนสงขลา ตอนนี้เปน็ ทหารยศสิบเอกคา่ ย กะปง ทงุ่ สง ทางบ้านเขาเปน็ อย่างไร แม่ไมร่ ูเ้ มอ่ื เลอื กแลว้ วา่ ดีแมก่ ็ว่าดีและยอมรับ แม่เล้ียงลูกได้แค่ตอนเป็น เด็ก โตแลว้ แมไ่ มม่ สี ิทธ์ิ แม่หมายถงึ นอ้ งสาวคนที่ 4 ของผม รบั ราชการเป็นครูในจงั หวดั ใกลเ้ คยี ง ด้วยสาํ นึกคล้ายจะนอ้ ยใจ บางทีอาจเปน็ เชน่ นนั้ สาํ หรบั หญงิ ชราบ้านนอก ไมม่ คี วามรสู้ กึ ใด ๆ นอกจากตัดเย็บเสอ้ื ผา้ ใหค้ นรุ่นเกา่ ค้าขาย และทาํ งานสารพัด กราํ ชีวิตเนิน่ นาน โถมรุนแรงเหนอื่ ยหนกั จนขาลาก สู้ทนเก็บหอมรอมริบ ...
๓๕๘ ลูก 4 คน เรยี นจบมีงานทําเปน็ หลกั เป็นฐานกระจดั กระจายไป เหลือยงั ไมพ่ น้ อ้อมอกอกี 2 คน นานนบั ปีกวา่ จะกลับมาให้เห็นหน้า หลายปีเต็มท่ีไม่ไดพ้ บเจอกนั พร้อมหนา้ ....เดก็ ๆ ที่เคยเล่นซุกซนดกั ปลาตามร่องนํา้ ยาม แม่ดํานาจนหลังขดหลังแขง็ ยืนก้มคู้จนขาตงึ ชาให้แดดแผดเผาวันแลว้ วันเล่าเล่ากันบ้าน ทะเลาะกันบา้ ง หรอื เมอ่ื มีแม่ปัน่ จกั รยานกลบั จากตลาดในยามสาย ถงั เสอื้ ผา้ ชอ้ นตะแกรงซ้ายสงู เกอื บท่วมตวั เหงื่อโทรมไป ท้งั ใบหน้าและเส้ือผา้ เปียกโชก ลูกจอมทะโมนกระโจนเข้าแยง่ ตะกรา้ กับขา้ วค้นหาขนมจนกระจองอแง ... ใครคิดถึงขาข้างนนั้ ของแมบ่ า้ ง... ดวงตาผมพร่ามวั ไปด้วยมา่ นนํ้าตา คิดถึงวันกลับมาทาํ งาน สาํ นึกพกเอาความตง้ั ใจว่าจะพาแม่ไปหา หมอ เมอ่ื เก็บเงินได้สักกอ้ นหน่ึงก่อนขนึ้ รถแวะไปเยยี่ มพีส่ าวในตา่ งจงั หวัด ไถถ่ ามทกุ ข.์ .สขุ หลาน ๆ สองคน กําลังน่ารัก คนโตเพงิ่ เข้าโรงเรียน คนรองกาํ ลังซน คนเล็กรอคดิ จะออกมาดโู ลกในอีก 2-3 เดือนขา้ งหนา้ .. แลว้ เรากไ็ ม่ได้เอย่ ถึงขาของแม่สักคําเดียว ผมแตร่อยู่บนบาทวิถอี ย่างเล่อื นลอย ขา้ งหน้าเป็นตลาด กล่ินอบั ๆ คละคลุ้งไปท่ัวบริเวณกว้าง ทางเดินถูกรุกล้าํ ดว้ ยเขง่ กระจาดผกั สดผลไม้ ปลาสด ปลาแห้ง และฝูงแมลงวนั บิน เกาะกล่มุ อยรู่ มิ แอ่งนาํ้ คาวปลาแตกฮอื บินวิน่ ว่อนเมอื่ คนกา้ วผ่าน ...เชา้ เกนิ กว่าท่ีจะเข้าไปนัง่ แกร่วกบั โตะ๊ ทํางาน ไมม่ อี ารมณ์สรวจเสเฮฮากับใคร “วนั นร้ี วย วันน้รี วย...” หผู มประหลาด สามารถกลั่นกรองเสียงประสมประสานตะโกนโหวกเหวก ออกไปเหลือไวเ้ พยี งเสยี งผู้หญิงคนหนง่ึ ผมอาจจะคิดเพ่ิมรายไดด้ ว้ ยวธิ ีตา่ ง ๆ ท้งั ที่เป็นไปได้ยากและพอจะมีทาง แตไ่ ม่เคยคดิ ถงึ สง่ิ ทห่ี ยุดยง้ั ผมจนยืน ตวั แขง็ ในขณะนี้ แม้สกั เพียงเสีย้ วธุลี “ผมนา่ จะมีเงนิ สกั ก้อน...” ความคดิ นถี้ กู กระตนุ้ ขึ้นมาอยา่ งฉบั พลนั เหมือนหิ่งห้อยท่ีเปลง่ แสง กระพริบวาวในคนื มดื มิด การเปน็ พนกั งานของบริษัทการเงินตาํ แหนง่ ใหญ่โต ผมมีเงินเดอื นกว่าแปดพันบาทเจียดเก็บสกั ระยะ หน่ึงน่าจะพอสาํ หรบั รกั ษาขาของแม่ได้ ถา้ จะต้องแกต้ วั มีข้ออ้างสารพัด แต่ความจรงิ แลว้ ต้องยอมรบั อยา่ ง จาํ นน คอื ผมแทบไม่ได้คดิ ถงึ เร่ืองนอ้ี ีก และเม่ือคิด มันก็มักอยหู่ ลงั ความจําเป็นอื่น ๆ ท่ีผ่านเขา้ มา ตราบเมือ่ ได้รบั จดหมาย... รายจ่ายประจาํ ในแต่ละเดือนไม่มากนัก แตข่ ้อเรยี กรอ้ ยของคนรักทาํ ให้ผมอ่อนยวบเหมือนดินเหนียว กลางฝน การตกลงใจจะใช้ชีวติ ร่วมกนั อกี ปหี รือสองปขี ้างหนา้ เราจําเปน็ ตอ้ งมหี ลักฐาน ข้าราชการคนสวย ซี 4 อย่างเธอ ไมค่ วรน้อยหนา้ ใคร ทุกอยา่ งจงึ จาํ เปน็ ไปแล้ว และไมอ่ าจเปลี่ยนแปลงได้ในชว่ งน้ี แชรม์ ือละสองพันบาทของผมและของเธอสองมือตอ่ เดือน เตรยี มไวด้ าวนบ์ ้านเล็ก ๆ สักหลงั หมอ้ หงุ ข้าว กระทะไฟฟูา ชุดหมอ้ เคลือบลายงามบ่งถงึ รสนยิ ม ต้องผอ่ นสง่ เธอเขา้ มาร่วมจดั การเงินเดอื นจน ผมถูกพันธนาการแนน่ หนา เพียงแคเ่ ห็นดวงหน้าและแววตาอันสกุ ใสดว้ ยประกายแห่งความรักในดวงตา ใจทเี่ ปย่ี มดว้ ยรสหวานชื่นมี ความหวังเจดิ จรสั ทผ่ี มยนิ ยอมพร้อมใจ เดอื นตอ่ เดือนชีวติ ถูกขงั ไว้ในกรอบ มรี ูพอหายใจ ไม่กวา้ งพอกระโดด โลดเต้นไปสู่ส่ิงจาํ เป็นอน่ื ๆ อนั ดบั รองลงไป “ผมนา่ จะได้เงนิ สักกอ้ น ....แมม้ นั จะเป็นส่งิ ท่ีไมอ่ าจหวงั ได้” ผมเร่ิมคดิ อยา่ งส้นิ คิดและเพอ้ ฝนั ก่อนจะ เดนิ คอตกเขา้ ทที่ ํางานคล่ีกระดาษบรรจุตัวอักษร
๓๕๙ โย้เยอ้ ่านทบทวนอีกครัง้ ก่อนจะตอบจดหมายความตน้ื ตันเคลอ่ื นออกมาอุดแน่นท่ลี าํ คอจนต้องกลา้ํ กลนื ความ หว่ งหาชา่ งเปน็ สายใยแนน่ หนาในดวงใจของแม่ยงั คงถกั ทอส่ิงเหล่านี้ไปถงึ ลกู ไมร่ ู้สน้ิ สดุ แม้กบั ผมซึ่งไม่ใช่ เดก็ ชายเลก็ ๆ ที่แม่ตอ้ งพะเนา้ พะนออีกแลว้ “สําหรบั แมส่ บายดี พกั นี้เพียงแตป่ วดขาบ่อย ๆ ข้ึน แต่ไมเ่ ป็นไรหรอก แมใ่ หเ้ ขามานวดบอ่ ย ๆ แกไมต่ ้องเป็นห่วง” ดวงตาของผมพร่าเลอื นไป วนิ าทนี ้ี ความยาวของแถวอักษรในบรรทดั ได้แปรเปน็ แสโ้ บยตีจนสาหัสวาง กระดาษและจับปากกาขึน้ มา สะบัดหวั ไล่ความสับสน กลบั เขียนอะไรไมไ่ ด้เลย นอกจากคาํ ขึน้ ต้น “กราบเท้าคุณแมท่ ีเ่ คารพ...” ผมจะเร่มิ ตน้ อยา่ งไรดี มือจับปากกาสั่นดกิ ในชอ่ งกะโหลกปรากฏตัวอักษรมากมายเหลอื เกนิ ลว้ นแต่ เสยี ดแทงเย้ยหยนั “กราบเท้าคุณแม่...ใชซ่ ิ กราบเทา้ คุณแม่แตเ่ ป็นข้างซ้ายนะ โปรดเถดิ ...อยา่ เปน็ อะไรให้มากกว่านี้ ถ้าโชคช่วยจะรบี มารกั ษา” ผมใหส้ ญั ญา ! ศิลา โคมฉาย. (ม.ป.ป.). เรอ่ื งสน้ั ขาซ้ายของแม่. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก : https://sites.google.com/a/skburana.ac.th /baeb-fuk-kar-kheiyn-phrrnna/kha-say-khxng-mae, (วนั ท่คี น้ ข้อมูล : ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓).
๓๕๐ แบบประเมินการนาเสนอหนา้ ช้ันเรียน กลมุ่ ที.่ ................................. ลาดับ รายละเอยี ดการประเมิน คุณภาพการปฏิบตั ิ ท่ี ๔๓๒๑ ๑ เนื้อหาในการนาํ เสนอมคี วามถกู ตอ้ ง ๒ การลาํ ดับขัน้ ตอนของเนือ้ หา ๓ การนาํ เสนอมคี วามนา่ สนใจ ๔ การมีส่วนร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม ๕ การตรงต่อเวลา บันทึกเพิม่ เตมิ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื .................................................ผูป้ ระเมนิ (.....................................................................) ตําแหนง่ .......................................................... วันท.ี่ ..........เดอื น.........................พ.ศ.............. เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๔ คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ ๓ คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมค่อนข้างสมบรู ณ์ ให้ ๒ คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ้ บกพร่องในบางส่วน ให้ ๑ คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมีขอ้ บกพร่องมาก เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ๑๘-๒๐ ดีมาก ๑๔-๑๗ ดี ๑๐-๑๓ พอใช้ ตา่ํ กว่า ๑๐ ปรับปรุง
แบบบนั ทกึ พฤติกรรม ๓๕๑ การตอบคาถามแสดงความคิดเหน็ ของนักเรียน รวม คะแนน ท่ี ชอื่ – สกลุ ๑. การแสดง รวม ผ/มผ ความ ิคดเห็น (๓) (๑๕) ๒. ยอม ัรบฟังความ ิคดเห็น ของผู้อื่น (๓) ๓. ตรงประเด็น (๓) ๔. สมเห ุตสมผล (๓) ๕. ีมความเ ่ืชอ ่ัมน ในการแสดงออก (๓) ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. คะแนนรวม บันทึกเพิ่มเติม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................ผ้ปู ระเมิน (.....................................................................) ตาํ แหน่ง.......................................................... วนั ที่...........เดอื น.........................พ.ศ..............
๓๕๒ เกณฑ์การประเมนิ พฤติกรรม การตอบคาถามแสดงความคดิ เหน็ ของนกั เรียน รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ๑. การแสดงความคิดเหน็ ๓ ๒๑ ๒. ยอมรับฟงั ความคิดเห็นของผอู้ ื่น แสดงความคิดเหน็ ใน แสดงความ แสดงความ ๓. ตรงประเด็น ๔. สมเหตสุ มผล สิง่ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ ตรง คิดเห็นในส่งิ ที่ คดิ เหน็ ในสง่ิ ท่ีไม่ ๕. มคี วามเชือ่ มั่นในการแสดงออก ประเด็นและมีคุณค่า เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ แตไ่ มต่ รง และไมต่ รง ประเด็น ประเดน็ รบั ฟงั ความคดิ เห็นของ รับฟังความ ไมม่ กี ารรบั ฟัง ผอู้ ่ืน มกี ารพัฒนาและ คดิ เห็นของผูอ้ ื่น ความคิดเหน็ ของ ปรบั ปรุง แตไ่ มม่ ีการ ผู้อืน่ และไม่ พฒั นาและ พัฒนาปรบั ปรงุ ปรบั ปรงุ แสดงความคิดเหน็ ได้ แสดงความคิดเหน็ แสดงความคิดเหน็ ตรงประเด็นครบถ้วน ไดต้ รงประเด็นเพยี ง ได้ไม่ตรงประเด็น บางสว่ น แสดงความคิดเห็นได้ แสดงความ แสดงความ อยา่ งสมเหตสุ มผล คดิ เหน็ ได้ คดิ เห็นได้ไม่ สมเหตุสมผล สมเหตุสมผล เพียงบางสว่ น แสดงความคิดเห็นด้วย แสดงความ แสดงความ ความมัน่ ใจและมีความ คดิ เห็นดว้ ยไม่ คดิ เห็นด้วยไม่ เชื่อม่ันในตนเอง มั่นใจ หรอื ลังเล ม่ันใจ ในการแสดง ความคดิ เหน็ เกณฑ์การใหค้ ะแนน การประเมินการพดู แสดงความคิดเหน็ กําหนดไวด้ ังนี้ ๓ หมายถึง ดมี าก ๒ หมายถงึ ดี ๑ หมายถึง ปรับปรงุ เกณฑก์ ารประเมนิ กาหนดไวด้ ังน้ี ร้อยละ 60 ขึ้นไป (9 คะแนนขนึ้ ไป) 0 – ๕ คะแนน ระดบั ปรับปรุง ๖ – ๑๐ คะแนน ระดับ พอใช้ ๑๑ – ๑๕ คะแนน ระดับ ดี
๓๕๓ แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมผ้เู รยี น การมีสว่ นร่วมในการทากจิ กรรม การประเมิน ผลการประเมิน ผ่าน ไม่ผ่าน ช่อื -สกุล การตอบ ความสนใจ การมสี ่วน รวม คาถาม และการ ร่วมใน (๙) ซกั ถาม กิจกรรม (๓) (๓) (๓) ลงช่ือ.................................................ผูป้ ระเมิน (.....................................................................) ตําแหนง่ .......................................................... วันท่.ี ..........เดือน.........................พ.ศ..............
๓๕๔ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมผู้เรยี น การมีสว่ นรว่ มในการทากิจกรรม รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๑.การตอบคาถาม ดีมาก (๓) ปานกลาง (๒) พอใช้ (๑) ๑.๑ ตอบคําถามได้ถูกตอ้ ง ตอบคาํ ถามได้ ๑.๒ ตอบคําถามไดร้ วดเร็ว ตามเกณฑ์ ๓ ขอ้ ตอบคําถามได้ ตอบคาํ ถามได้ กว่ากล่มุ อื่น ตามเกณฑ์ ๒ ข้อ ตามเกณฑ์ ๑ ข้อ ๑.๓ ตอบคาํ ถามได้ภายในเวลา สนใจและซักถาม สนใจและซักถาม สนใจและซกั ถาม ท่ีกําหนด ตามเกณฑ์ ๓ ขอ้ ตามเกณฑ์ ๒ ข้อ ตามเกณฑ์ ๑ ขอ้ ๒. ความสนใจและการซกั ถาม มีส่วนรว่ มในกิจกรรม มีสว่ นร่วมในกิจกรรม มีส่วนร่วมในกิจกรรม ๒.๑ ถามในหวั ขอ้ ทีไ่ ม่เข้าใจ ตามเกณฑ์ ๓ ข้อ ตามเกณฑ์ ๒ ขอ้ ตามเกณฑ์ ๑ ขอ้ ๒.๒ บันทกึ คําถามและคําตอบ ๒.๓ กลา้ แสดงออก ๓. การมสี ่วนร่วมในกิจกรรม ๓.๑ ใหค้ วามรว่ มมอื ๓.๒ ให้การช่วยเหลือ ๓.๓ มคี วามกระตอื รอื รน้ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถงึ ปานกลาง ๑ หมายถึง พอใช้ การแปลความหมาย คะแนน ๗ – ๙ คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน ๔ – ๖ คะแนน หมายถงึ ปานกลาง คะแนน ๑ – ๓ คะแนน หมายถึง พอใช้
ชอ่ื -สกุลนกั เรยี น : ๓๕๕ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ ___________________________หอ้ ง ป. ๑______ เลขท่ี_______ คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี / ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน คุณลักษณะทพ่ี ึง รายการประเมิน ระดบั คะแนน ประสงคป์ ระสงค์ ๓ ๒ ๑๐ ๑. ซ่ือสัตยส์ ุจรติ ๑.๑ ปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบในชน้ั เรยี น และไมล่ อก ๒. มวี นิ ัย เพือ่ นขณะทาํ แบบทดสอบทง้ั ก่อนเรยี นและหลงั เรยี น ๓. ใฝ่หาความรู้ ๑.๒ ประพฤตติ นตรงตอ่ ความเป็นจรงิ ต่อตนเอง ๑.๓ ประพฤตติ นตรงต่อความเป็นจรงิ ต่อผอู้ ืน่ ๒.๑ ปฏิบตั ิตนตามข้อตกลงในหอ้ งเรยี น ๒.๒ ส่งงานตรงตามเวลา ๓.๑ แสวงหาขอ้ มูลจากแหล่งเรยี นรูต้ ่าง ๆ ทคี่ รูชีแ้ นะ ๓.๒ มีการจดบนั ทึกความร้ทู ่ีได้จากการเรียนอยา่ งเป็นระบบ ๓.๓ สรปุ ความรู้ทีไ่ ด้จากการเรยี นอยา่ งมีเหตผุ ลและถกู ต้อง สรปุ ผลการประเมิน ผ่าน ลงช่อื .................................................ผู้ประเมนิ ระดบั ดีเยี่ยม ดี (.....................................................................) ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน ตาํ แหน่ง.......................................................... วันที.่ ..........เดอื น.........................พ.ศ.............. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน ร้อยละ ๕๐-๖๐ ระดับคณุ ภาพ ดเี ย่ียม (๓) - พฤติกรรมปฏบิ ัติชัดเจนและสมาํ่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ร้อยละ ๔๐-๔๙ ระดับคณุ ภาพ ดี (๒) ให้ ๑ คะแนน ร้อยละ ๒๐-๓๙ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ (๑) - พฤติกรรมปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ ๐ คะแนน ร้อยละ ๐-๑๙ ระดับคุณภาพ ปรับปรงุ (๐) - พฤติกรรมปฏบิ ัติบางครง้ั - พฤติกรรมท่ีไม่ไดป้ ฏิบัติ
แผนการจดั การเรยี นรูว้ ิชาภาษาไทย ๓๕๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง การอ่านเพือ่ พัฒนาตน ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ เรอื่ ง การเขยี นแสดงความคิดเห็น จากการอา่ นวรรณกรรม แผนที่ ๒/๒ สอนวันท่ี......................เดอื น........................พ.ศ.............. ครูผสู้ อน........................................................................... ภาคเรียน ๒/๒๕๖๒ เวลา ๑ ชั่วโมง ๑. สาระสาคัญ การเขียนแสดงความคิดเห็นจากการอา่ น ผู้อา่ นจะตอ้ งมคี วามรู้ ความเข้าใจในเร่ืองทอี่ ่านเปน็ อยา่ งดี โดยทาํ ความเข้าใจในเรือ่ งท่อี า่ น พิจารณาอยา่ งมีเหตุผลและสามารถถ่ายทอดให้ผู้อืน่ ไดร้ ับรูด้ ว้ ยภาษาท่ีถูกตอ้ ง และเหมาะสม แลว้ เขียนลงในช้นิ งาน การเขียนแสดงความคิดเห็นจากการอา่ นวรรณกรรมตามความสนใจ ๒. มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพื่อนาํ ไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการ ดาํ เนนิ ชีวิตและมนี ิสัยรักการอ่าน ตวั ชว้ี ัด ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้อย่างถกู ตอ้ งไพเราะ และเหมาะสมกับเรอ่ื งที่อา่ น ท ๑.๑ ม.๔-๖/๘ สงั เคราะห์ความรจู้ ากการอา่ นสื่อสงิ่ พมิ พ์ ส่ืออเิ ล็กทรอนิกส์ และแหลง่ เรยี นรตู้ ่าง ๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรยี น และพฒั นาความรทู้ างอาชีพ ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นกั เรียนสามารถบอกหลกั การวเิ คราะหว์ ิจารณ์วรรณกรรมได้ (K) ๒. นักเรยี นสามารถเขยี นแสดงความคดิ เห็นจากการอ่านวรรณกรรมได้ (P) ๓. นักเรียนเหน็ ความสําคญั ของการอ่านวรรณกรรม (A) ๔. สมรรถนะท่ตี ้องการ ๑. ความสามารถในการส่อื สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๕. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ซื่อสัตย์สุจริต ๒. มวี นิ ัย ๓. ใฝุเรียนรู้
๓๕๗ ๖. สาระการเรยี นรู้/เนื้อหา ๑. หลักการวิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณกรรม ๒. หลักการเขียนแสดงความคดิ เห็นจากการอา่ นวรรณกรรม ๓. ความสาํ คัญของการอา่ นวรรณกรรม ๗. ผลงาน/การปฏบิ ัติ ๑. ชิ้นงานการเขียนแสดงความคิดเห็นจากการอา่ นวรรณกรรมตามความสนใจ ๘. การจัดกิจกรรมการเรียนร/ู้ กระบวนการเรียนรู้ กจิ กรรมที่ ๑ ข้นั นา ( ๑๐ นาที) วิธีการดาเนินกจิ กรรม ๑. ครูให้นักเรยี นทบทวนบทเรยี น ความรูเ้ รื่อง “หลกั การวิเคราะหแ์ ละวจิ ารณว์ รรณกรรม” กิจกรรมที่ ๒ ข้ันสอน (๒๐ นาที) วิธีการดาเนนิ กิจกรรม ๑. ครแู บ่งกลมุ่ นกั เรยี นออกเปน็ ๕ กลมุ่ มจี ํานวนสมาชกิ กลุม่ ละเท่า ๆ กนั ๒. ใหน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ ส่งตัวแทนออกมาจับสลากวรรณคดยี อดเยี่ยมแต่ละประเภทพร้อมทั้ง รบั หนงั สือวรรณคดี เพอ่ื ร่วมกันวิเคราะห์ในแงม่ ุมตา่ ง ๆ แลว้ เขยี นลงในชิ้นงาน การเขยี นแสดงความคดิ เห็น จากการอ่านวรรณกรรม ๓. จากน้นั ใหน้ ักเรยี นออกมาวิจารณ์หน้าช้นั เรียนทีละกลุม่ โดยเนอ้ื หาทีจ่ บั สลากเพือ่ ใหน้ กั เรียนนาํ ไป วิเคราะห์ มีดงั น้ี กลมุ่ ที่ ๑ ขนุ ช้างขุนแผน กลุ่มท่ี ๒ อิเหนา กลุ่มที่ ๓ รามเกยี รต์ิ กลมุ่ ท่ี ๔ สามกก๊ กลมุ่ ท่ี ๕ พระอภัยมณี ๔. ให้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกันวเิ คราะห์ในแง่มมุ ตา่ ง ๆ แลว้ เขยี นลงในชิ้นงาน การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากการอา่ นวรรณกรรม กจิ กรรมที่ ๓ ขั้นสรุป (๒๐นาที) วิธีดาเนินกจิ กรรม ๑. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ออกมานาํ เสนอผลงานการเขยี นแสดงความคิดเห็นจากการอ่าน วรรณกรรมในเรอ่ื งทตี่ นเองจับสลากได้ ๒. เพ่ือนกลมุ่ อนื่ ฟังการวจิ ารณแ์ ล้วช่วยกนั แสดงความคดิ เห็นเพ่มิ เตมิ ๓. ครูสรปุ การวจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตอ้ งวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบ ตคี วาม สาระสําคญั ขอ้ คิด พิจารณาความดีเดน่ ของเนอื้ หาและกลวธิ ีในการนําเสนอ เพ่ือประเมนิ ค่าวรรณคดแี ละวรรณกรรมนั้น ๆ อยา่ งมีเหตุผล การพิจารณาในแง่ความงามของวรรณคดแี ละวรรณกรรมว่ามคี วามดีเดน่ หรอื ความไพเราะ อยา่ งไร เพอื่ ทาํ ให้เกิดความเข้าใจ ความซาบซึ้ง ตระหนักในคุณค่า ๔. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความเข้าใจและความถกู ตอ้ งของชิน้ งาน
๓๕๘ ๙. ส่ือ/นวตั กรรม/แหลง่ การเรียนรู้ สอ่ื และนวัตกรรม ๑. เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ เรอื่ ง “การวเิ คราะหว์ จิ ารณว์ รรณกรรม” ๒. บทอ่านท่ใี ช้ในการวิเคราะห์และวจิ ารณ์วรรณกรรม ไดแ้ ก่ ขนุ ชา้ งขนุ แผน อเิ หนา รามเกียรติ์ สามก๊ก และพระอภัยมณี แหล่งการเรยี นรู้ ๑. ครูผ้สู อน ๒. หอ้ งสมุด สําหรบั ใชใ้ นการสืบคน้ ความร้เู พม่ิ เติม ๓. อินเทอรเ์ นต็ ในการสบื คน้ ข้อมลู รปู ภาพ และความรเู้ พิม่ เติม ๑๐. การวดั และประเมนิ ผล วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล เคร่อื งมือทใี่ ช้ เกณฑก์ ารประเมนิ การวดั และประเมนิ ผล ผ่านเกณฑร์ ้อยละ นักเรยี นสามารถบอก ทาํ แบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลงั เรยี น ๘๐ ข้นึ ไป หลกั การวิเคราะหว์ ิจารณ์ ชนิดปรนยั วรรณกรรมได้ (K) ชนิดปรนยั ผ่านเกณฑร์ ้อยละ นักเรยี นสามารถเขยี น ๘๐ ข้นึ ไป แสดงความคิดเห็นจากการ จํานวน ๓๐ ขอ้ จํานวน ๓๐ ขอ้ อ่านวรรณกรรมได้ (P) ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ประเมนิ ช้ินงาน แบบประเมนิ ชนิ้ งาน ๘๐ ข้นึ ไป นกั เรยี นเห็นความสําคญั ของการอ่านวรรณกรรม(A) สังเกตพฤตกิ รรม แบบบนั ทึกการสงั เกต ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ผเู้ รยี นการมสี ว่ นร่วม พฤติกรรมผู้เรยี น ๕๐ ขนึ้ ไป คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ในการทํากจิ กรรม แบบประเมนิ สังเกตพฤตกิ รรม คุณลกั ษณะอันพงึ นกั เรยี น ประสงค์ ๑๑. บันทกึ เพิ่มเตมิ สาหรับผู้บรหิ าร …………………………………………………................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ.................................................ผูป้ ระเมนิ (.....................................................................) ตาํ แหน่ง.......................................................... วนั ท.่ี ..........เดอื น.........................พ.ศ..............
๓๕๙ ๑๒. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ ผลการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………....................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สภาพปัญหา ………………………………………………………………………………………......................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแกไ้ ขปัญหา …………………………………………………………………………………………....................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื .................................................ผูป้ ระเมนิ (.....................................................................) ตําแหน่ง.......................................................... วนั ท่ี...........เดอื น.........................พ.ศ..............
๓๗๐ ใบความรู้ เรื่อง “การวเิ คราะหว์ จิ ารณว์ รรณกรรม” วรรณกรรม คือ เรื่องแต่ง หรืองานประพันธ์หนังสือท่ีมีวรรณศิลป์หรือมีศิลปะการประพันธ์ อย่างท่ีเราคุ้นเคยกันดี อาทิ นวนิยาย เร่ืองสั้น บทกวี บทละครฯลฯ เป็น Fiction (เรื่องแต่งหรือบันเทิงคดี) ไม่ใช่ Non-fiction (เร่ืองของข้อเท็จจริง หรือสารัตถคดี) อย่างบทความ สารคดี ข่าวฯลฯ ที่เป็นวรรณกรรม ในความหมายอย่างกวา้ ง ๑. ความหมายของการวเิ คราะหว์ รรณกรรม การวิเคราะห์ หมายถึง การพจิ ารณาตรวจตรา แยกแยะและประเมนิ คา่ ซง่ึ จะเกิดประโยชน์ ต่อผู้วิเคราะห์ในการนําไปแสดงความคิดเห็น อภิปรายข้อเท็จจริงให้ผู้อื่นทราบ ด้วยว่าใครเป็นผู้แต่ง เป็นเรื่องเก่ียวกับอะไร มีประโยชน์อย่างไร ต่อใครบ้าง ผู้วิเคราะห์ มีความเห็นอย่างไร เร่ืองที่อ่านมีคุณค่า ด้านใดบา้ งและแต่ละด้านสามารถนําไปประยุกตใ์ หเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ ชีวิตประจาํ วันอย่างไรบา้ ง ๒. แนวในการวิเคราะห์วรรณกรรม การวิเคราะห์วรรณกรรมมหี ลักเกณฑ์การปฏิบัติอย่างกว้าง ทัง้ น้ีเพือ่ ใหค้ รอบคลุมงานเขียน ทุกประเภท แต่ละประเภท ผู้วิเคราะห์ต้องนําแนวการวิเคราะห์ไปปรับใช้ ให้เหมาะสมกับงานเขียน แตล่ ะชิ้นงานซงึ่ มลี ักษณะแตกต่างกันไป ซ่ึงประพนธ์ เรืองณรงค์ และคณะ (๒๕๔๕ : ๑๒๘) ได้ให้หลักเกณฑ์ กวา้ ง ๆ ในการวิเคราะห์วรรณกรรม ดงั นี้ ๒.๑ ความเปน็ มาหรอื ประวตั ขิ องหนังสือและผู้แตง่ เพอ่ื ช่วยใหว้ เิ คราะห์ในสว่ นอ่ืน ๆ ๒.๒ ลักษณะคําประพนั ธ์ ๒.๓ เร่อื งย่อ ๒.๔ เนือ้ เร่อื ง ใหว้ ิเคราะห์เรือ่ งในหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้ตามลาํ ดบั โดยบางหัวข้ออาจจะมี หรือไม่มีก็ได้ ตามความจาํ เปน็ เช่น โครงเรอ่ื ง ตัวละคร ฉาก วธิ กี ารแต่ง ลักษณะการเดินเรื่อง การใช้ถ้อยคํา สํานวนในเรื่อง ท่วงทาํ นองการแตง่ วิธคี ิดสร้างสรรค์ ทัศนะหรอื มมุ มองของผเู้ ขยี น เป็นตน้ ๒.๕ แนวคดิ จดุ มุ่งหมาย เจตนาของผู้เขียนทีฝ่ ากไวใ้ นเรื่อง ซึง่ ตอ้ งวิเคราะห์ออกมาก ๒.๖ คุณค่าของวรรณกรรม โดยปกติแบ่งออกเป็น ๕ ด้านใหญ่ ๆ และกว้าง ๆ เพื่อความ ครอบคลุมในทุกประเด็น ซึ่งผู้วิเคราะห์ต้องไปแยกหัวข้อย่อยให้สอดคล้องกับลักษณะ ของหนังสือที่จะ วิเคราะหน์ ้ัน ๆ ตามความเหมาะสม ๓. การวเิ คราะห์คณุ ค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรม ความหมายของการวิเคราะห์วรรณคดแี ละวรรณกรรมการวเิ คราะห์ หมายถึง การพิจารณา องค์ประกอบทกุ ส่วน โดยวิธแี ยกแยะรายละเอียดต่าง ๆ ตั้งแต่ถ้อยคําสํานวน การใช้คํา ใช้ประโยค ตลอดจน เน้ือเรื่องและแนวคดิ ทุกอย่างท่ปี รากฏอยใู่ นข้อเขยี นน้นั เม่อื วเิ คราะห์สว่ นประกอบไดแ้ ลว้ จึงวจิ ารณต์ อ่ ไป การวิจารณ์ หมายถงึ การพิจารณาเทคนคิ หรือกลวธิ ีที่แสดงออกมานนั้ ให้เหน็ ว่านา่ คิด น่าสนใจ น่าติดตาม มีช้ันเชิงยอกย้อนหรือตรงไปตรงมา องค์ประกอบใดมีคุณค่า น่าชมเชย องค์ประกอบใดน่าท้วงติงหรือบกพร่องอย่างไร การวิจารณ์สิ่งใดจึงต้องใช้ความรู้ มีเหตุผล มีหลักเกณฑ์ และมคี วามรอบคอบดว้ ย
๓๗๑ การวจิ ารณง์ านประพันธ์ หมายถงึ การพิจารณากลวิธีต่าง ๆ ทกุ อย่างท่ปี รากฏในงานเขยี น ซ่งึ ผ้เู ขยี นแสดงออกมาอยา่ งมีช้ันเชิง โดยผู้วิจารณจ์ ะตอ้ งแสดงเหตผุ ลท่จี ะชมเชย หรอื ชข้ี ้อบกพรอ่ งใด ๆ ลงไป วิธวี ิเคราะห์และวิจารณง์ านประพนั ธ์ ตามปกตแิ ลว้ เมื่อจะวจิ ารณส์ ิ่งใด จาํ เปน็ ตอ้ งเรมิ่ วิเคราะห์องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ใหเ้ ขา้ ใจ ชดั เจนเสียก่อนแลว้ จงึ วจิ ารณ์แสดงความเห็นออกมาอยา่ งมีเหตผุ ล ให้น่าคดิ น่าฟังและเป็นคําวิจารณ์ ทีน่ า่ เชอ่ื ถอื ได้ การวิจารณ์งานประพันธ์สําหรับผู้เรียนท่ีเริ่มต้นฝึกหัดใหม่ ๆ น้ัน อาจต้องใช้เวลาฝึกหัด มากสักหน่อย อ่านตัวอย่างงานวิจารณ์ของผู้อ่ืนมาก ๆ และบ่อย ๆ จะช่วยได้มากทีเดียว เมื่อตัวเราเริ่มฝึก วิจารณ์งานเขียนใด ๆ อาจจะวิเคราะห์ไม่ดี มีเหตุผลน้อยเกินไป คนอ่ืนเขาไม่เห็นด้วย เราก็ควรย้อนกลับมา อ่านเขยี นนน้ั ๆ อีกครง้ั แล้วพิจารณาเพม่ิ เตมิ วธิ วี ิเคราะห์ วจิ ารณง์ านประพันธ์จึงมลี ักษณะดงั นี้ การวิเคราะห์และวิจารณง์ านประพันธ์เท่าท่พี บเหน็ ทว่ั ๆ ไป นักวจิ ารณ์นยิ มพจิ ารณากวา้ ง ๆ ๔ ประเดน็ ๑) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ คือ ความไพเราะของบทประพันธ์ ซ่ึงอาจทําให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ ความรู้สกึ และจินตนาการตามรส ความหมายของถ้อยคาํ และภาษาท่ีผู้แต่งเลอื กใช้ เพ่อื ใหม้ คี วามหมายกระทบใจผอู้ ่าน ๒) คณุ คา่ ด้านเนื้อหาสาระ แนวความคิดและกลวิธีนําเสนอท้ัง ๒ ประเด็นน้ี จะอธิบาย และ ยกตัวอย่างประกอบพอเขา้ ใจ โดยจะกลา่ วควบกนั ไปทง้ั การวิเคราะหแ์ ละการวิจารณ์ ๓) คณุ ค่าด้านสงั คม วรรณคดีและวรรณกรรมจะสะทอ้ นใหเ้ ห็นสภาพของสังคมและวรรณคดี ท่ดี สี ามารถจรรโลงสังคมได้อกี ดว้ ย ๔) การนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน ผู้อ่านสามารถนําแนวคิดและประสบการณ์จาก เรือ่ งทอ่ี ่านไปประยุกต์ใชห้ รอื แก้ปัญหาในชวี ิตประจําวันได้ ๓.๑ การพิจารณาคณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์ วร ร ณศิล ป์เป็น องค์ประ ก อบท่ีสําคัญ ซึ่งช่ว ยส่ง เสริมให้ว ร ร ณก ร ร มมีคุณค่าน่าสน ใจ คาํ ว่า “วรรณศลิ ป”์ หมายถึง ลกั ษณะดีเดน่ ทางดา้ นวิธแี ตง่ การเลอื กใชถ้ ้อยคาํ สาํ นวน ลีลา ประโยค และความเรียงต่าง ๆ ท่ีประณีต งดงาม หรือมีรสชาติเหมาะสมกับเนื้อเรื่องเป็นอย่างดี วรรณกรรมที่ใช้วรรณศิลป์ช้ันสูงน้ันจะทําให้คนอ่านได้รับผลในทางอารมณ์ความรู้สึก เช่น เกิดความสดช่ืน เบิกบาน ขบขัน เพลิดเพลิน ขบคิด เศรา้ โศก ปลุกใจ หรืออารมณ์อะไร ก็ตามท่ีผู้เขียนต้องการสร้างให้เกิดขึ้น ในตวั ผู้อา่ น นัน่ คอื วรรณศิลป์ในงานเขียน ทาํ ให้ผ้อู ่าน เกดิ ความรู้สึกในจิตใจและเกิดจินตนาการสร้างภาพคิด ในสมองไดด้ ี การวิเคราะห์งานประพันธ์จึงควรพิจารณาวรรณศิลป์เป็นอันดับแรกแล้วจึงวิจารณ์ว่ามีคุณค่าหรือ น่าสนใจเพียงใดหากงานประพันธ์นั้นเป็นประเภทบทร้อยกรอง ผู้อ่านที่จะวิเคราะห์วิจารณ์ ควรมีคว ามรู้ บางอย่าง เชน่ รูบ้ ังคับการแตง่ บทร้อยกรองรวู้ ิธใี ช้ภาษาของกวี รู้วิธีสร้างภาพฝันหรือความคิดของกวี เป็นต้น ความรูด้ งั กล่าวนี้จะชว่ ยให้เข้าใจบทรอ้ ยกรองได้มากขึน้ arisa45193. (๒๕๕๙). การวเิ คราะหว์ ิจารณว์ รรณกรรม [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/arisa45193/. (วันทค่ี ้นขอ้ มลู : ๒๐ มนี าคม ๒๕๖๓).
๓๖๒ แบบสรุปคะแนนทดสอบหลังเรียน ท่ี ชือ่ -สกุล สรปุ คะแนน สรปุ ผลการทดสอบหลังเรยี น ผ่าน ไ ่มผ่าน คะแนน บันทกึ เพ่มิ เตมิ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ .................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ตาํ แหนง่ .......................................................... วันที.่ ..........เดอื น.........................พ.ศ..............
๓๖๓ แบบบันทึกการประเมินช้นิ งาน เขียนแสดงความคิดเห็นจากการอา่ นวรรณกรรม ผลงาน สรุป ผ่าน ลาดบั ชื่อ คุณภาพ การใช้ภาษา ความคดิ รวม (๓) (๙) /ไม่ผา่ น ผลงาน สรา้ งสรรค์ (๔) (๒) ลงช่อื .................................................ผู้ประเมิน (.....................................................................) ตําแหนง่ .......................................................... วันท่.ี ..........เดือน.........................พ.ศ..............
๓๖๔ เกณฑก์ ารประเมินชิ้นงาน เขียนแสดงความคดิ เห็นจากการอา่ นวรรณกรรม รายการประเมิน (๔ คะแนน) เกณฑ์การใหค้ ะแนน (๐ คะแนน) ผลงานไมต่ าม ๑. คุณภาพผลงาน คณุ ภาพผลงาน (๓ คะแนน) (๒ คะแนน) (๑ คะแนน) รายการ ๑.๑ เขียนแสดงความ ตามรายการ ประเมินยอ่ ย ประเมินยอ่ ย คณุ ภาพผลงาน คณุ ภาพผลงาน คุณภาพผลงาน คิดเห็นจากการอ่าน ครบทกุ ข้อ ตามรายการ ตามรายการ ตามรายการ การใช้ภาษาไม่ วรรณกรรมได้ถกู ต้อง ประเมินย่อย ประเมนิ ย่อย ประเมินย่อย ตามรายการ อย่างนอ้ ย อย่างน้อย อย่างนอ้ ย ประเมินย่อย ๑.๒ สะอาดเรยี บร้อย ๓ ขอ้ ๒ ข้อ ๒ ขอ้ ๑.๓ จัดรปู แบบได้ ความคิด เหมาะสมกับเน้อื หา การใช้ภาษา การใช้ภาษา การใชภ้ าษา สรา้ งสรรคไ์ ม่ ๑.๔ ผลงานไมม่ รี อยขาด ตามรายการ ตามรายการ ตามรายการ ตามรายการ ๒. การใช้ภาษา ประเมนิ ยอ่ ย ๒.๑ ตวั สะกดถกู ต้อง ประเมินย่อย ประเมนิ ย่อย ประเมนิ ยอ่ ย ๒.๒ ระดับภาษา ครบทกุ ขอ้ อยา่ งน้อย อยา่ งน้อย เหมาะสม ๒ ขอ้ ๑ ข้อ ๒.๓ เขยี นหนงั สอื ตาม หลักตวั อกั ษรไทย ความคดิ ความคิด วางเครอื่ งหมาย สระและ สรา้ งสรรคต์ าม สรา้ งสรรคต์ าม วรรณยุกตไ์ ด้ถูกที่ รายการ รายการ ๓. ความคิดสรา้ งสรรค์ ๓.๑ สีสันดงึ ดูดความ ประเมินย่อย ประเมินยอ่ ย สนใจ ครบทุกข้อ ๑ ขอ้ ๓.๒ รปู แบบสวยงาม และแปลกใหม่
แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมผ้เู รยี น ๓๖๕ การมีสว่ นร่วมในการทากจิ กรรม ผลการประเมิน การประเมิน ผ่าน ไม่ผ่าน ช่อื -สกุล การตอบ ความสนใจ การมสี ่วน รวม คาถาม และการ ร่วมใน (๙) ซกั ถาม กิจกรรม (๓) (๓) (๓) ลงช่ือ.................................................ผูป้ ระเมิน (.....................................................................) ตําแหนง่ .......................................................... วันท่.ี ..........เดือน.........................พ.ศ..............
๓๖๖ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมผู้เรยี น การมีสว่ นรว่ มในการทากิจกรรม รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๑.การตอบคาถาม ดีมาก (๓) ปานกลาง (๒) พอใช้ (๑) ๑.๑ ตอบคําถามได้ถูกตอ้ ง ตอบคาํ ถามได้ ๑.๒ ตอบคําถามไดร้ วดเร็ว ตามเกณฑ์ ๓ ขอ้ ตอบคําถามได้ ตอบคาํ ถามได้ กว่ากล่มุ อื่น ตามเกณฑ์ ๒ ข้อ ตามเกณฑ์ ๑ ข้อ ๑.๓ ตอบคาํ ถามได้ภายในเวลา สนใจและซักถาม สนใจและซักถาม สนใจและซกั ถาม ท่ีกําหนด ตามเกณฑ์ ๓ ขอ้ ตามเกณฑ์ ๒ ข้อ ตามเกณฑ์ ๑ ขอ้ ๒. ความสนใจและการซกั ถาม มีส่วนรว่ มในกิจกรรม มีสว่ นร่วมในกิจกรรม มีส่วนร่วมในกิจกรรม ๒.๑ ถามในหวั ขอ้ ทีไ่ ม่เข้าใจ ตามเกณฑ์ ๓ ข้อ ตามเกณฑ์ ๒ ขอ้ ตามเกณฑ์ ๑ ขอ้ ๒.๒ บันทกึ คําถามและคําตอบ ๒.๓ กลา้ แสดงออก ๓. การมสี ่วนร่วมในกิจกรรม ๓.๑ ใหค้ วามรว่ มมอื ๓.๒ ให้การช่วยเหลือ ๓.๓ มคี วามกระตอื รอื รน้ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถงึ ปานกลาง ๑ หมายถึง พอใช้ การแปลความหมาย คะแนน ๗ – ๙ คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน ๔ – ๖ คะแนน หมายถงึ ปานกลาง คะแนน ๑ – ๓ คะแนน หมายถึง พอใช้
๓๖๗ แบบประเมินคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ ชือ่ -สกุลนักเรยี น : ___________________________หอ้ ง ป. ๑______ เลขท่ี_______ คำชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด / ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน คุณลักษณะที่พงึ รายการประเมิน ระดับคะแนน ประสงค์ประสงค์ ๓ ๒ ๑๐ ๑. ซ่อื สัตยส์ จุ ริต ๑.๑ ปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บในชัน้ เรยี น และไมล่ อก ๒. มวี นิ ัย เพอ่ื นขณะทําแบบทดสอบทงั้ ก่อนเรยี นและหลงั เรยี น ๓. ใฝห่ าความรู้ ๑.๒ ประพฤตติ นตรงต่อความเปน็ จรงิ ต่อตนเอง ๑.๓ ประพฤตติ นตรงต่อความเปน็ จรงิ ต่อผอู้ นื่ ๒.๑ ปฏบิ ตั ติ นตามขอ้ ตกลงในห้องเรยี น ๒.๒ ส่งงานตรงตามเวลา ๓.๑ แสวงหาข้อมลู จากแหลง่ เรยี นรู้ต่าง ๆ ทีค่ รูชแ้ี นะ ๓.๒ มีการจดบนั ทกึ ความรทู้ ่ีได้จากการเรียนอย่างเป็นระบบ ๓.๓ สรปุ ความรู้ท่ไี ด้จากการเรียนอย่างมเี หตุผลและถูกตอ้ ง สรปุ ผลการประเมนิ ผ่าน ลงชอ่ื .................................................ผู้ประเมนิ ระดบั ดีเยย่ี ม ดี (.....................................................................) ตาํ แหน่ง.......................................................... ผ่านเกณฑ์การประเมนิ วนั ท่.ี ..........เดือน.........................พ.ศ.............. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน ร้อยละ ๕๐-๖๐ ระดับคณุ ภาพ ดเี ย่ียม (๓) - พฤตกิ รรมปฏิบัตชิ ดั เจนและสม่ําเสมอ ให้ ๒ คะแนน รอ้ ยละ ๔๐-๔๙ ระดับคณุ ภาพ ดี (๒) - พฤติกรรมปฏบิ ัติชดั เจนและบอ่ ยคร้งั ร้อยละ ๒๐-๓๙ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ (๑) ให้ ๑ คะแนน ร้อยละ ๐-๑๙ ระดับคุณภาพ ปรับปรงุ (๐) - พฤตกิ รรมปฏบิ ตั ิบางครงั้ ให้ ๐ คะแนน - พฤติกรรมทไี่ ม่ได้ปฏิบัติ
๓๖๘ แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรยี นรูเ้ รอ่ื ง “การอา่ นเพอื่ พัฒนาตน” คาชี้แจง : แบบทดสอบ ชนิดปรนยั ๔ ตัวเลือก มี ๓๐ ข้อ คาสง่ั : ให้นักเรยี นเลือกคาํ ตอบ ทถี่ ูกท่สี ุดเพยี งคําตอบเดยี ว แล้วกากบาท (x) ทบั ตัวเลือก ในกระดาษคําตอบใหถ้ ูกตอ้ ง ๑. การคิดวิเคราะหม์ ปี ระโยชน์อย่างไร ก. ช่วยในการแสวงหาความรู้ ข. ช่วยในการสรุปประเดน็ สาํ คญั ค. ชว่ ยในการสือ่ สารทเ่ี ป็นกระบวนการ ง. ช่วยในการสอื่ ความหมายและแก้ปญั หาได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒. ขอ้ ใดใหค้ ําจํากดั ความของการวจิ ารณ์ได้ถกู ตอ้ ง ก. การแสดงความคิดเห็น ข. การพิจารณาว่าส่ิงใดดหี รอื ไมด่ ดี ว้ ยเหตแุ ละผล ค. การพิจารณาตดั สนิ จากความคดิ เห็น สว่ นตัว ง. การไมเ่ ห็นดว้ ยกับข้อเทจ็ จรงิ อย่างมีเหตุผล ๓. ขอ้ ใดให้ความหมายของการอ่านเพอื่ การวเิ คราะหไ์ ดถ้ ูกตอ้ งที่สุด ก. การอ่านอย่างมวี จิ ารณญาณไตรต่ รอง ข. การอ่านทม่ี งุ่ ค้นหาเน้ือหาสาระหรอื แกน่ สาํ คญั ของเรื่อง ค. การอา่ นเพื่อจําแนกประเภทสง่ิ ที่อ่านในชีวติ ประจําวัน ง. การอา่ นเพอ่ื แยกแยะองคป์ ระกอบของส่ิงทอ่ี ่าน ๔. การอ่านเพ่อื วิเคราะห์วจิ ารณ์มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใดมากท่ีสดุ ก. การอ่านเพอื่ แสดงความคิดเหน็ ตอ่ เรื่องทอี่ า่ นอยา่ งมเี หตุผล ข. การอา่ นเพอ่ื ตดั สนิ เรือ่ งท่อี ่านวา่ มีขอ้ บกพรอ่ งอยา่ งไร ค. การอา่ นเพอ่ื แยกแยะเรือ่ งท่ีอา่ นแล้วพจิ ารณาตัดสินว่ามีข้อดีขอ้ เสยี อยา่ งไร ง. การอ่านเพ่อื แสดงความคิดเหน็ เร่ืองทีอ่ ่านจากความคิดเหน็ ส่วนตวั ๕. การวจิ ารณ์ท่ีดี ไม่ควรปฏบิ ัตติ ามข้อใด ก. วิจารณอ์ ย่างสรา้ งสรรค์ ข. วิจารณต์ ามอารมณ์ความรสู้ กึ ค. วิจารณ์อย่างไม่มอี คติ ง. วจิ ารณอ์ ยา่ งเปน็ ธรรมและเป็นกลาง
๓๖๙ ๖. ขอ้ ใดเป็นการตั้งคําถามเชิงคาดคะเนเหตุการณ์โดยมีเหตุผลประกอบ ก. ถ้าท่านวางแผนการเดนิ ทางไปเทย่ี วกับเพ่ือน แตม่ ปี ัญหาเร่ืองเส้ือผ้าเครือ่ งแต่งตัวทไ่ี ม่ ทันสมัย ทา่ นจะทําอย่างไร ข. ถ้าทา่ นเป็นขา้ ราชการท่ีเกี่ยวข้องกบั การปูองกนั ประเทศไดร้ ับคาํ สงั่ ให้ไปปฏบิ ตั ิการลบั ในขณะทม่ี ารดากาํ ลังปวุ ยหนัก ท่านจะทําอยา่ งไร ค. ถา้ ท่านกําลังลงทุนท ากิจการท่ไี มต่ ้องการให้ใครทราบเพราะไม่ไวว้ างใจผู้อนื่ ทา่ นจะทําอยา่ งไร ง. ถา้ น้าํ ทว่ มประเทศไทยจะเปน็ อยา่ งไร ๗. ข้อใดตอ่ ไปนี้ไม่ใช่ขน้ั ตอนการอ่านเพ่อื วิเคราะห์ วิจารณ์ ทถ่ี กู ต้อง ก. เมื่ออา่ นจบเร่ืองหนึ่ง ๆ ควรฝึกการต้ังคําถามเชงิ คาดคะเน ข. เรยี งลําดบั ความสําคัญของประเด็นท่ีต้องการจะวจิ ารณ์ ค. หาความรู้ทีแ่ วดล้อมเรอ่ื งทอ่ี า่ นอยา่ งรอบด้าน ง. ฝกึ อา่ นออกเสยี งเพอื่ ให้เข้าใจอารมณ์ ความรสู้ กึ ของตัวละคร ๘. ข้อใดเปน็ ความเหมาะสมในการสรุปความคดิ เหน็ ในการวิจารณว์ รรณคดหี รือวรรณกรรม ก. ยกข้อเสียให้เหน็ ก่อนตามด้วยขอ้ ดพี รอ้ มเหตุผลและตวั อยา่ ง ข. ยกตวั อย่างใหเ้ ห็นข้อเสยี กอ่ นข้อดพี รอ้ มเหตุผล ค. ยกข้อดีให้เห็นก่อนตามดว้ ยขอ้ บกพรอ่ งพรอ้ มเหตผุ ลและตวั อย่าง ง. แสดงความคิดเห็นได้ตามความพอใจของผู้วิจารณ์ ๙. “การอา่ นและพิจารณาหนังสอื ” หมายความว่าอย่างไร ก. การอา่ นหนงั สอื มากๆ ข. การอา่ นหนังสืออยา่ งพิจารณา ค. การอา่ นอยา่ งไตรต่ รอง ง. การอา่ นอยา่ งมีวจิ ารณญาณ อา่ นบทรอ้ ยกรองต่อไปนี้ แลว้ ตอบคาถาม ข้อ ๑๐ – ๑๔ ขดั เอ๋ยขดั ขอ้ ง ท่ีหมายปองก็ไมเ่ ป็นเช่นท่คี ดิ อยา่ ทอ้ จิตย่อหย่อนออ่ นกําลัง ควรติดต้ังหน้าใหมใ่ จเยน็ เย็น หาลู่ทางแก้ไขใหม้ น่ั เหมาะ คงจาํ เพาะพบวิธชี ีใ้ หเ้ หน็ เหมอื นเมฆน้อยคล้อยเคล่อื นผา่ นเดือนเพญ็ เดือนจะเด่นเวหาน่าชมเอย ๑๐. บทประพันธ์น้มี ใี จความสําคญั อย่างไร ก. ความผดิ หวังนาํ มาสูก่ ารต่อสู้ ข. ชวี ติ คือการต่อสู้ ศตั รูคือยากาํ ลัง ค. อปุ สรรคเป็นทางนาํ สคู่ วามสําเรจ็ ง. ความพยายามนาํ มาซงึ่ ความสาํ เรจ็
๓๗๐ ๑๑. คําว่า เมฆนอ้ ย หมายถึงอะไร ก. อปุ สรรค ข. ความคิด ค. ความผดิ หวัง ง. ความพยายาม ๑๒. คําใดมีความหมายตรงกบั คําว่า เวหา ก. พนา ข. คงคา ค. นภา ง. พสธุ า ๑๓. เมอื่ อา่ นขอ้ ความน้แี ลว้ เกิดความรู้สกึ อยา่ งไร ก. มกี าํ ลงั ใจต่อสู้ ข. ทอ้ แท้หมดหวัง ค. สนกุ สนานต่นื เต้น ง. สลดใจในชะตาตนเอง ๑๔. จากบทประพันธ์นแ้ี สดงวา่ ผเู้ ขียนเป็นคนอยา่ งไร ก. ชวี ติ พบแต่ความสําเร็จ ข. เคยพบอปุ สรรคแต่แกไ้ ขได้ ค. ส้นิ หวังทุกอยา่ งในชีวิต ง. เคยพบอปุ สรรคแตแ่ ก้ไขไม่ได้ ๑๕. นายายหอม เป็นทอ้ งถนิ่ ที่อยไู่ กลถนนหนทางไปมากแ็ สนจะลําบาก ประสบฝนแล้ง มาเปน็ เวลานานติดต่อกนั เป็นเวลา ๓ ปี “ นายายหอม ” เปน็ ชอื่ ของอะไร ก. ไรน่ าแหง่ หน่ึง ข. ชาวนาคนหนง่ึ ค. หญงิ ชราคนหนง่ึ ง. หมู่บ้านแหง่ หนึง่ ๑๖. “ก็จันทรอ์ งั คารไมเ่ ห็นเรอะ ฉนั จะมาดูวา่ กนิ หยูกกินยากนั หรอื ยัง นก่ี ็อาศัยใหพ้ อ่ หนขู บั มาส่ง” พ่อหนขู องคุณย่าคือพี่ของนดิ กับหน่อย สาํ นวนภาษาทยี่ กมาจะพบในงานเขียนประเภทใด ก. บทความ ข. เรอื่ งส้ัน, นิยาย ค. นิทาน ง. สารคดที ่องเทยี่ ว
๓๗๑ ๑๗. ขอ้ ใดใชส้ าํ นวนภาษาไดถ้ ูกต้อง ก. ผมเป็นครูมานานใครๆ กเ็ รียกผมว่าพอ่ พิมพ์ของชาติ ข. ขณะทล่ี ูกอยู่ในหอ้ งผ่าตัด แม่กระวนกระวาย จนนัง่ ไมต่ ิดเก้าอ้ี ค. สอบเสร็จแล้ว เรายงั เป็นลูกผีลกู คนอยเู่ ลยไมท่ ราบวา่ จะได้หรอื ตก ง. ถ้าเราทกุ คนร่วมมือรว่ มใจเป็นชายข้าวเปลือก หญงิ ขา้ วสารโบราณว่างานน้คี งสาํ เรจ็ ลงด้วยดี ใชค้ าประพนั ธต์ ่อไปน้ตี อบคาถาม ข้อ ๑๘ กว่าเจา้ จะสงู ใหญ่เกนิ ไหล่แม่ ลาํ บากแท้เพียงไหนดวงใจเอย๋ สกั หายใจหา่ งเจ้าแมไ่ มเ่ คย เฝูาชมเชยลูกน้อยผ้กู ลอยใจ ความชรามาเยือนเตือนใหร้ ู้ แมจ่ ะอยกู่ ับเราอกี เท่าไร ไม้ใกล้ฝง่ั ทรุดพงั ลงวนั ใด เยน็ รม่ ไทรจกั ลบั ไปกับกาล ๑๘. ข้อใดเป็นวตั ถุประสงค์ของผเู้ ขยี นคําประพันธ์ข้างต้น ก. พรรณนาความรักทมี่ ตี ่อแม่ ข. ระบายความโศกเศร้าทแ่ี ม่จะจากไป ค. แสดงความร้สู ึกระลกึ ถึงพระคณุ ของแม่ ง. เตือนให้ลูกดูแลแมเ่ พอื่ ทดแทนคณุ ๑๙. คําประพนั ธใ์ นบทใดทม่ี ีความหมายว่า แม่รักลกู ยิ่งชีวติ ก. ลูกร้องหรอื ปวุ ยไข้ รกั ษาให้ได้สขุ สม ข. เยือกเย็นดจุ แสงเดอื น สอ่ งสว่างกลางกมล ค. หากลูกตอ้ งวายชนม์ แมแ่ ทบสนิ้ ชวี ีตาม ง. ดว้ ยความรักจากมารดา ละมนุ ออ่ นใดจกั เหมอื น ๒๐. “ด้วยไทยลว้ นหมายรกั สามัคคี” ประโยคนี้หมายถงึ บุคคลใด ก. นักเรียนไทย ข. คนท่อี าศัยแผ่นดนิ ไทย ค. คนไทยทุกคน ง. ข้าราชการไทย ๒๑. “ชีวิตจะดงี าม มีความสขุ ประเทศจะรุ่งเรอื งมัน่ คง และสังคมจะร่มเย็นเกษมศานต์ ด้วยปจั จัยทสี่ ําคัญทสี่ ุดคือ การพัฒนาคน ซ่ึงจะทําใหค้ นเปน็ คนดี มคี วามสขุ และเปน็ ทรพั ยากร มนุษยท์ ่ีมีคุณภาพ การพัฒนาคนกค็ ือ การศึกษา” บทความนก้ี ล่าวถงึ เรอ่ื งใด ก. ชีวิตทดี่ ี ข. สงั คมทร่ี ่มเยน็ ค. การพฒั นาคน ง. การศกึ ษา
๓๗๒ ๒๒. จากบทความในข้อ ๓๐ สงิ่ ทจ่ี ะชว่ ยพฒั นาคนคืออะไร ก. สังคม ข. การศกึ ษา ค. ประเทศชาติ ง. ทรัพยากร อา่ นข้อความนีแ้ ลว้ ตอบคาถามข้อ ๒๓ - ๒๔ “ไทยนีร้ กั สงบ แต่ถงึ รบไมข่ ลาด เอกราชจะไมใ่ ห้ใครข่มขี่ สละเลอื ดทกุ หยาดเป็นชาตพิ ลี เถลงิ ประเทศชาติไทย ทวีมีชยั ไชโย” ๒๓. ข้อใดเป็นประเดน็ สําคญั ของบทเพลงนี้ ก. ความรักชาติ ข. ความสละเลือดเพอื่ ชาติ ค. ความรักสงบ ง. ความมีเกียรตทิ ี่เป็นคนไทย ๒๔. ข้อใดทไ่ี ม่ได้กลา่ วถึงในบทเพลงน้ี ก. ความรักสงบของชาติไทย ข. ความเป็นเอกราชของชาตไิ ทย ค. ความเสียสละเพือ่ ชาติไทย ง. ความข้ีขลาดของคนไทย อ่านข้อความน้แี ล้วตอบคาถามขอ้ ๒๕ - ๒๖ ความโกรธนน้ั มันเหมือนทะเลบ้า คลนื่ ซดั ซ่าสาดโครมโหมถลา ลมกระหน่าํ ซ้าํ คลื่นครนื ครืนมา เหมือนอรุ าพลุ่งโชติเพราะโกรธครัน ๒๕. คําประพนั ธน์ ีต้ ้องการกล่าวถึงสงิ่ ใดเป็นสาํ คัญ ก. ทะเล ข. ลมพายุ ค. ความโกรธ ง. เกลียวคล่นื ๒๖. คําประพันธก์ ลา่ วถึงความโกรธเหมอื นส่ิงใด ก. พายุ ข. คล่นื ซัดฝง่ั ค. ทะเลท่กี าํ ลงั มีพายุ ง. ถูกทกุ ขอ้
๓๗๓ ๒๗. “วนั นเี้ อง็ ไหว้ครูก่อนเรียนหนงั สอื หรอื เปลา่ ” ข้อความนเี้ ป็นคําพดู ชนดิ ใด ก. คําถาม ข. คําส่ัง ค. คําสอน ง. คําเตือน ๒๘. “เป็นสามที ซี่ ่ือสัตยข์ องเธอ เป็นพ่อทดี่ ขี องลูกและเปน็ ผนู้ ําทีข่ นั แขง็ แห่งครอบครวั เขาเป็นผทู้ ่อี ดทนต่อความเลวเปน็ อยา่ งยิง่ ...”ขอ้ ความนมี้ ีนํ้าเสียงแสดงความรูส้ กึ อย่างไร ก. ช่ืนชม – ยกย่อง ข. ชน่ื ชม - เยาะเย้ย ค. ชืน่ ชม – อาลัย ง. ช่ืนชม – ยินดี ๒๙. “โบราณท่านเคยสั่งสอน เปน็ อทุ าหรณ์สอนใจ ตวั เองยงั ไม่เทา่ ไหร่ อยา่ เที่ยวไป ติติงใครเขา เหมือนแมป่ ูพรํา่ สอนลูกปู เดินอยา่ เซเฉไปไม่เอา แม่เธออับอายใครเขาว่าไม่สั่งสอนพวกเจ้าให้ดี” นักเรยี นได้แนวคดิ จากเพลงนีอ้ ย่างไร ก. การปฏบิ ตั ติ น ข. ความรกั ของแม่ ค. การเดิน ง. การพดู ๓๐. การฝึกนิสัยให้รักการอา่ นน้นั ควรเรมิ่ ต้นจากการอ่านประเภทใด ก. อา่ นเพื่อความรู้ ข. อา่ นเพือ่ ฆา่ เวลา ค. อา่ นเพ่ือสนองความสนใจของตน ง. อ่านเพ่อื ประโยชน์ในการเขา้ สมาคม
๓๗๔ เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรเู้ รอื่ ง “การอ่านเพอื่ พัฒนาตน” ๑. ก ๑๑. ก ๒๑. ค ๒. ข ๑๒. ค ๒๒. ข ๓. ง ๑๓. ก ๒๓. ข ๔. ค ๑๔. ข ๒๔. ง ๕. ข ๑๕. ก ๒๕. ค ๖. ข ๑๖. ข ๒๖. ค ๗. ง ๑๗. ก ๒๗. ก ๘. ค ๑๘. ง ๒๘. ข ๙. ค ๑๙. ค ๒๙. ก ๑๐. ง ๒๐. ก ๓๐. ค
บรรณานุกรม ชัชวาลย์ ชยั วงค์. (ม.ป.ป.). หลักการวิเคราะห์วจิ ารณว์ รรณคดเี บอ้ื งตน้ . [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/chatahawan001/hlak-kar-wikheraah-wicarn-wrrnkhdi- beuxng- tn?fbclid=IwAR2LGnNE2bX8C9nbQucWaN4dsCJAtXadxn4o_ g8T_aP0JTDdTOzvp-8Ze3s. (วนั ทค่ี น้ ข้อมลู : ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๓). บาสกิ า สมรกั ษ์. (ม.ป.ป.). การพูดสรปุ แนวคดิ จากเรื่องทฟ่ี งั และดู. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://sites.google.com/site/rtech51152. (วันท่ีค้นข้อมูล : ๒๒ มนี าคม ๒๕๖๓). ศิลา โคมฉาย. (ม.ป.ป.). เร่อื งสั้น ขาซา้ ยของแม่. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://sites.google.com/a/skburana.ac.th/baeb-fuk-kar-kheiyn-phrrnna/kha-say-khxng- mae. (วนั ทค่ี น้ ข้อมลู : ๒๐ มนี าคม ๒๕๖๓). สริ ิพกั ตร์ แจ้งไพร. (ม.ป.ป.). การใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/phasathiykhrupik/wicha-phasa-thiy-11/--kar-chi-phasa- saedngthrrsna?fbclid=IwAR1RK6pEwgEH18GeOx6N1zPRPCyYMUci0 DstrXUxReFBdjl5he6VKENvhFg. (วนั ทค่ี น้ ขอ้ มลู : ๒๒ มนี าคม ๒๕๖๓). Arisa45193. (๒๕๕๙). การวเิ คราะหว์ จิ ารณ์วรรณกรรม. [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/arisa45193/. (วนั ท่ีค้นขอ้ มลู : ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓). KWANNIE. (๒๕๕๙). การเขยี นเรยี งความ. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/22625?fbclid= IwAR0HQh5QR8ZN_fkMTpQdoV2c3VPKASbN42Q7iRUTvLfjY9yWThvkXkAwxI8. (วนั ทคี่ ้นข้อมูล : ๒๒ มนี าคม ๒๕๖๓).
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381