๔๖ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๘ ประการ โรงเรียน............................... อำเภอ................... จังหวดั ............................. ช่อื -สกุลนกั เรียน...........................................................................หอ้ ง..............................เลขที่....................... คำช้แี จง : ใหผ้ สู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี / ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พึงประสงค์ ๓ ๒ ๑๐ ๑.ซื่อสัตย์สจุ รติ ๑.๑ ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บการสอบ และไมล่ อกกนั ๑.๒ ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเปน็ จริงต่อตนเอง ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๑.๓ ประพฤติ ปฏบิ ัตติ รงต่อความเป็นจรงิ ตอ่ ผอู้ นื่ ๒.๑ แสวงหาข้อมลู จากแหล่งเรียนรูต้ า่ ง ๆ ๓. มงุ่ มน่ั ในการ ๒.๒ มกี ารจดบนั ทกึ ความรอู้ ยา่ งเป็นระบบ ทำงาน ๒.๓ สรปุ ความรู้ไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล ๓.๑ มคี วามตัง้ ใจ และพยายามในการทำงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ๓.๒ มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ อ่ อปุ สรรคเพือ่ ให้งานสำเรจ็ ลงช่ือ......................................................................ผปู้ ระเมิน (.....................................................................) ........... /................................/...................... เกณฑ์การให้คะแนน - พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ัติชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตชิ ดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ ๒ คะแนน - พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบตั บิ างครงั้ ให้ ๑ คะแนน - พฤติกรรมท่ไี ม่ได้ปฏบิ ัติ ให้ ๐ คะแนน สรุปผลการประเมนิ ร้อยละ ๕๐ - ๖๖ ระดบั คุณภาพดเี ยย่ี ม (๓) ผ่านระดับ ดเี ยยี่ ม ดี พอใช้ รอ้ ยละ ๔๐ - ๔๙ ระดับคุณภาพดี (๒) ไมผ่ ่านระดับ ปรบั ปรงุ ร้อยละ ๒๐ - ๓๙ ระดับคุณภาพพอใช้ (๑) รอ้ ยละ ๐ - ๑๙ ระดับคุณภาพปรับปรงุ (๐)
๔๗ เกณฑก์ ารประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รายการประเมิน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ซ่ือสัตยส์ จุ รติ นกั เรยี นให้ข้อมลู ท่ถี ูกตอ้ ง นักเรียนให้ขอ้ มลู ทถี่ กู ต้อง นกั เรยี นใหข้ ้อมลู ทีถ่ กู ต้อง ใฝเ่ รียนรู้ และเป็นจรงิ ปฏิบตั ิในสงิ่ และเป็นจริง ปฏิบัติในสงิ่ และเป็นจรงิ ปฏิบัตใิ นสง่ิ ม่งุ ม่นั ในการทำงาน ท่ีถูกต้อง ทำตามสญั ญา ทถี่ กู ต้อง ทำตามสญั ญา ทถ่ี กู ตอ้ ง ทำตามสญั ญา ทตี่ นให้ไวก้ ับเพือ่ น พ่อ ที่ตนให้ไว้กบั เพอื่ น พอ่ ท่ีตนให้ไว้กับเพ่อื น พอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครอง และ แม่ หรือผปู้ กครอง และ แม่ หรือผปู้ กครอง และ ครู ละอายและเกรงกลัวที่ ครู ละอายและเกรงกลวั ครู ละอายและเกรงกลวั จะทำความผิด ที่จะทำความผิด ที่จะทำความผิด เป็นแบบอยา่ งที่ดีด้าน ความซือ่ สตั ย์ นักเรียนเข้าเรียน ตรง นักเรยี นเข้าเรยี นตรงเวลา นกั เรียนเขา้ เรยี น ตรง เวลา ตงั้ ใจเรียน เอาใจใส่ ต้ังใจเรยี น เอาใจใส่ ใน เวลา ต้ังใจเรียน เอาใจใส่ ในการเรียน และมสี ว่ น การเรยี น และมสี ว่ นร่วม ในการเรยี น และมสี ่วน รว่ มในการเรยี นรู้ และเข้า ในการเรยี นรู้ และเข้ารว่ ม ร่วมในการเรียนรู้ และเขา้ รว่ มกิจกรรม การเรียนรู้ กิจกรรม การเรียนรู้ ร่วมกิจกรรม การเรยี นรู้ ต่าง ๆ ทัง้ ภายใน และ ต่าง ๆ บ่อยครง้ั ตา่ ง ๆ เปน็ บางครัง้ ภายนอกโรงเรยี น เป็นประจำ นักเรียนตงั้ ใจ และ นกั เรียนตงั้ ใจ และ นักเรยี นตง้ั ใจ และ รบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิ รบั ผิดชอบ ในการปฏบิ ัติ รับผดิ ชอบ ในการปฏิบตั ิ หนา้ ท่ีทไี่ ด้รบั มอบหมาย หนา้ ท่ที ไี่ ดร้ บั มอบหมาย หน้าทที่ ไี่ ด้รบั มอบหมาย ใหส้ ำเรจ็ มกี ารปรบั ปรงุ ใหส้ ำเร็จ มกี ารปรบั ปรุง ให้สำเร็จ และพฒั นาการทำงาน และพัฒนาการทำงาน ให้ ให้ดขี ้นึ ภายในเวลา ดขี น้ึ ท่กี ำหนด เกณฑ์การใหค้ ะแนนการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคก์ ำหนดไว้ดงั นี้ ๓ หมายถงึ ดีมาก ๒ หมายถึง ดี ๑ หมายถึง ปรบั ปรงุ
๔๘ แบบประเมนิ สมรรถนะผเู้ รยี น เร่ือง การเขยี นเรยี งความ ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๔ โรงเรยี น........................ ชื่อ.....................................................................ชน้ั .........................เลขที่............... คำชแ้ี จง : ให้สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน สมรรถนะทปี่ ระเมิน ระดับคะแนน ๓๒๑ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๑.๑ มีความสามารถในการรบั – สง่ สาร ๑.๒ มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความเข้าใจของตนเอง โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม ๑.๓ ใชว้ ิธกี ารสอ่ื สารทเ่ี หมาะสม ๒. ความสามารถในการคิด ๒.๑ มคี วามสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เพอื่ การสรา้ งองค์ความรู้ ๒.๒ มคี วามสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพอื่ การสร้างองค์ความรู้ ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๓.๑ แก้ปัญหาโดยใช้เหตผุ ล ๓.๒ แสวงหาความรมู้ าใช้ในการแกป้ ญั หา ๓.๓ ตัดสนิ ใจโดยคำนงึ ถึงผลกระทบตอ่ ตนเองและผ้อู ื่น ลงชือ่ ................................................................................. ผปู้ ระเมนิ / /........................ ......................... ............................. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : - พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ดั เจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน - พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติบางครัง้ ให้ ๑ คะแนน
๔๙ แบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ นมสั การมาตาปิตคุ ุณ อาจาริยคณุ รายวชิ า ภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔ จำนวน ๓๐ ขอ้ คะแนนเตม็ ๓๐ คะแนน คำชี้แจง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบท่ถี กู ต้อง แลว้ ทำเครอื่ งหมาย x ลงในกระดาษคำตอบ ๑. ใครคอื ผู้แต่งบทนมสั การมาตาปติ คุ ุณ อาจรยิ คณุ ก. พระยาศรสี ุนทรโวหาร ข. พระยาสนุ ทรภู่ ค. พอ่ ขนุ รามคำแหง ง. เจ้าพระยาพระคลงั (หน) ๒. บทนมสั การมาตาปติ ุคณุ แตง่ ด้วยคำประพนั ธ์ชนิดใด ก. อินทรวิเชยี รฉันท์ ๑๑ ข. กาพย์ฉบงั ๑๖ ค. กาพย์ยานี ๑๑ ง. กลอนสุภาพ ๓. โดยสว่ นมากบทนมสั การมาตาปติ ุคณุ และอาจาริยคณุ มกั จะท่องทำนองใด ก. ทำนองหลวง ข. ทำนองสวด ค. ทำนองชา้ ง. ทำนองเรว็ ๔. \"บทนมสั การมาตาปติ คุ ณุ \" เปน็ บทท่ีใหผ้ อู้ ่านรำลกึ ถึงบุญคุณของใคร ก. พอ่ ข. แม่ ค. ครู ง. พ่อ-แม่
๕๐ ๕. \"ยัง บ ทราบกไ็ ด้ทราบ ท้ังบุญบาปทกุ สิง่ อัน ชี้แจงและแบง่ ปนั ขยายอัตถ์ใหช้ ดั เจน\" จากคำประพนั ธข์ า้ งต้นอยูใ่ นบทนมสั การใด ก. นมัสการคุณานุคณ ข. นมัสการมาตาปิตุคุณ ค. นมัสการอาจริยคณุ ง. นมสั การพทุ ธคุณ ๖. ข้อใดไม่ได้มคี วามหมายว่า \"พอ่ \" ก. ชนนี ข. ชนก ค. ชนกา ง. พระบดิ า ๗. วรรณคดีเร่ือง \"นมสั การมาตาปิตุคณุ และอาจารยิ คุณ ให้คุณคา่ ในด้านตา่ งตา่ ง ๆ ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. ด้านวรรณศิลป์ ข. การเล่นเสียง ค. ด้านสงั คม ง. ด้านวัฒนธรรม ๘. “ถอื วา่ เลิศ ณ แดนไตร” ข้อใดไมไ่ ด้หมายถึง แดนไตร ก. โลกสวรรค์ ข. โลกใตท้ อ้ งภภิ พ ค. โลกบาดาล ง. โลกนรก ๙. การพดู สรุปแนวคดิ จากเรอื่ งท่ีฟงั หรอื ดู ควรใชส้ ำนวนภาษาในลักษณะใด ก. ตามเร่ืองราวท่ไี ดฟ้ งั หรืออา่ น ข. สำนวนของตนเอง ค. สำนวนเปน็ ทางการ ง. สำนวนใดใดกไ็ ด้
๕๑ ๑๐. เพราะเหตุใดจงึ ต้องทบทวนความรคู้ วามเข้าใจเร่ืองที่ฟังหรอื ดู ก่อนทจี่ ะพดู สรปุ แนวคดิ ก. เพ่ือใหม้ คี วามถูกตอ้ ง ครบถ้วน ข. เพอ่ื ให้ไดร้ ายละเอียดเพิ่มมากข้นึ ค. เพอื่ ให้เล่าเร่ืองได้ตง้ั แตต่ น้ จนจบ ง. เพอ่ื ใหช้ แ้ี จงรายละเอียดของเรอ่ื งได้ ๑๑. การรูจ้ ักวิเคราะหผ์ ูฟ้ งั มผี ลดตี อ่ ผู้พูดอยา่ งไร ก. ทำให้ทราบพน้ื ฐานความสนใจของผูฟ้ งั ข. ทำให้สามารถผกู มติ รกบั ผฟู้ ังได้ดี ค. ทำให้สามารถชนะใจผฟู้ ังได้ ง. ทำให้เกดิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ๑๒. การเขียนเรยี งความ มอี งค์ประกอบตามขอ้ ใด ก. ความนำ เนอื้ เร่ือง สรปุ ข. ชือ่ เรอื่ ง ความนำ ใจความของเรือ่ ง สรุป ค. ความนำ เน้ือเร่อื ง ใจความของเรอื่ ง สรปุ ง. ความนำ เนือ้ เรื่อง ใจความของเรื่อง การใชภ้ าษา สรปุ ๑๓. ส่ิงใดทไี่ ม่ควรนำมาใชป้ ระกอบในการเขียนคำนำ ก. คำคม ข. บทกวี ค. รูปภาพ ง. สุภาษิต ๑๔. ก่อนทีจ่ ะลงมอื เรียบเรียงเนอื้ หาในการเขียนเรยี งความ ควรทำสิ่งใดก่อน ก. รา่ งบทสรุป ข. หาขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ ค. วางโครงเรือ่ ง ง.หาตัวอยา่ งประกอบ ๑๕. ข้อใดไม่ใช่หลกั ปฏบิ ัติการเขยี นเรียงความทด่ี ี ก. เขียนจากความร้ขู องตน ข. เขยี นจากทรรศนะของตน ค. เขียนจากประสบการณข์ องตน ง. เขียนตามความนกึ คดิ ของบุคคลอ่ืน
๕๒ ๑๖. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะของการเขียนคำนำท่ีดี ก. เขียนประมาณ ๕ บรรทดั ข. เขยี นเนื้อหาเดยี วกับตอนสรปุ ค. นำมาจากเน้ือเรอ่ื งบางตอนมาเขียน ง. เขียนในสงิ่ ท่ไี มเ่ กีย่ วขอ้ งกับเนอ้ื เรือ่ ง ๑๗. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระโยชนข์ องการวางโครงเร่อื ง ก. ทำให้ผอู้ า่ นสนใจ ข. กันลมื เรอื่ งที่จะเขียน ค. เขยี นไม่ออกนอกเรอื่ ง ง. ทำให้มน่ั ใจในการเขยี น ๑๘. การเขียนเรยี งความ ควรเลือกเรอ่ื งที่จะเขยี นอยา่ งไร ก. เลอื กเร่ืองที่คนในสงั คมกำลงั สนใจ ข. เลือกเร่ืองทส่ี นใจ และหาข้อมลู ไดง้ ่าย ค. เลือกเรอื่ งทลี่ ีล้ บั และไมม่ ีใครพสิ ูจนไ์ ด้ ง. เลือกเรอื่ งไกลตัว และมคี วามแปลกใหม่ ๑๙. การเขียนเรยี งความท่ีดี จะตอ้ งมีลักษณะอยา่ งไร ก. เขียนด้วยภาษาระดบั ทางการ ข. เขียนให้เกดิ เอกภาพและจนิ ตนาการ ค. เขียนเนือ้ เร่ืองท่แี บ่งได้เป็นสดั ส่วนชัดเจน ง. เขียนอยา่ งมเี อกภาพ สมั พนั ธภาพ และสารตั ถภาพ ๒๐. การเขียนเรยี งความ ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง ก. สว่ นท่เี ป็นเนอ้ื เรอ่ื งต้องมเี พียงยอ่ หน้าเดียว ข. การเลา่ เรอ่ื งไมจ่ ำเป็นตอ้ งลำดบั เหตุการณท์ ีเ่ กิดข้ึน ค. การเปล่ียนเรอื่ งใหมถ่ า้ มกี ารส่งทอดเนอ้ื ความกเ็ ขยี นตอ่ กนั ไป โดยไมต่ อ้ งขน้ึ ย่อหน้าใหม่ ง. ควรยกตวั อยา่ งประกอบเพอื่ ใหผ้ ูอ้ ่านเข้าใจเรอ่ื งได้ดีข้นึ ตวั อย่างต้องมเี หตผุ ล มหี ลกั ฐาน น่าสนใจ ๒๑. ข้อใดจะช่วยส่งเสรมิ การเขียนเรยี งความให้มีประสิทธิภาพ ก. อ่านมาก ฟงั มาก และฝกึ หดั เขยี นอย่เู สมอ ข. ฝกึ เขียนโดยลอกเลียนแบบนกั เขียนทมี่ ีชอื่ เสยี ง ค. หารปู แบบการเขียนเดน่ ๆ แลว้ ฝึกหัดเขยี น ง. รวบรวมสภุ าษิต คำพงั เพย คำคมไว้อา้ งอิง
๕๓ ๒๒. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ศลิ ปะของการเขยี นเรยี งความ ก. การเลือกใช้คำทส่ี อ่ื ความหมายชัดเจน ข. การใชส้ ำนวนและลลี าการเขยี นทเี่ ปน็ ของตนเอง ค. การเขยี นข้อความในแต่ละยอ่ หนา้ ใหส้ มั พนั ธ์สอดคล้องกนั ง. การสำรวจโครงเรือ่ ง สรปุ และคำนำให้เสนอเพียงความคดิ เดยี ว ๒๓. องคป์ ระกอบใดของเรียงความทส่ี ามารถดึงดดู ความสนใจ ของผู้อา่ นไดม้ ากทสี่ ดุ ก. คำนำ ข. เนอื้ เรอ่ื ง ค. สรปุ ง. คำนำ และสรปุ ๒๔. การเขียนเรยี งความในสว่ นสรุป ไม่ควรมีลกั ษณะใด ก. ใชภ้ าษากระชบั ข สรปุ ความคิดและความต้องการ ค. เสนอข้อคิดเหน็ หรอื แนวทางการปฏบิ ัติ ง. นำเสนอประเด็นใหม่ๆ ทนี่ า่ สนใจเพ่มิ เติม ๒๕. คำวา่ \"บูชไนย\" หมายถึงขอ้ ใด ก. ควรเคารพ ข. ควรบชู า ค. ควรนบั ถือ ง. ควรกราบไหว้ ๒๖. \"ฟมู ฟกั ทะนถุ นอม บ บำราศนริ าไกล แสนยากเทา่ ไร ๆ บค่ ดิ ยากลำบากกาย\" คำประพันธ์ขา้ งตน้ หมายถึงใคร ก. ครู อาจารย์ ข. พ่อ แม่ ค. แม่ผูใ้ ห้กำเนดิ ง. พอ่
๕๔ ๒๗. ข้อใดกลา่ วผิดเก่ียวกับบทนมสั การมาตาปติ คุ ุณ ก. มกี ารเรียงลำดบั ความสำคญั ของพระคุณ ข. มีการเรียงลำดับเหตกุ ารณต์ ั้งแตเ่ ป็นเดก็ ค. สะทอ้ นค่านยิ มท่ตี อ้ งตอบแทนผมู้ พี ระคณุ ง. สะทอ้ นความรักความผกู พนั ของพอ่ แม่ ๒๘. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องทส่ี ดุ เก่ยี วกับบทนมัสการอาจรยิ คณุ ก. ครคู อื ผสู้ ะสมความรู้ทพ่ี ร้อมถา่ ยทอดใหล้ ูกศิษย์ ข. ครเู ป็นผู้มีพระคณุ ที่ควรกราบไหวท้ กุ วัน ค. ครูเป็นผู้แนะแนวทางที่ถูกตอ้ งเหมาะสม ง. ครเู ป็นผ้ทู ำให้เราเขา้ ใจในเรือ่ งทย่ี าก ๒๙. สุภาษติ ใดเปน็ ขอ้ สรุปของบทนมสั การมตาปิตุคณุ และบทนมสั การอาจรยิ คณุ ก. ความกตญั ญูกตเวทีเป็นเครือ่ งหมายของคนดี ข. ธรรมยอ่ มรกั ษาผปู้ ระพฤติธรรม ค. รักดหี ามจ่วั รักช่ัวหามเสา ง. ทำดไี ดด้ ี ทำชัว่ ไดช่ ่ัว ๓๐. การเขยี นเรยี งความควรคำนงึ ถงึ เร่อื งใดกอ่ น ก. ภาษาที่ใช้ ข. เค้าโครงเรื่อง ค. ความจรงิ ของเร่อื ง ง. ความสนกุ ของเร่ือง
๕๕ เฉลยแบบทดสอบทา้ ยหนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๑ นมัสการมตาปิตุคณุ และบทนมัสการอาจริยคณุ ข้อ เฉลย ๑. ก. พระยาศรสี นุ ทรโวหาร ๒. ก. อนิ ทรวเิ ชียรฉันท์ ๑๑ ๓. ข. ทำนองสวด ๔. ง. พ่อ-แม่ ๕. ค. นมสั การอาจริยคุณ ๖. ก. ชนนี ๗. ง. ดา้ นวฒั นธรรม ๘. ข. โลกใตท้ ้องภิภพ ๙. ข. สำนวนของตนเอง ๑๐. ก. เพือ่ ใหม้ ีความถกู ต้อง ครบถ้วน ๑๑. ก. ทำให้ทราบพน้ื ฐานความสนใจของผ้ฟู งั ๑๒. ก. ความนำ เนื้อเรอื่ ง สรปุ ๑๓. ค. รูปภาพ ๑๔. ค. วางโครงเรือ่ ง ๑๕. ง. เขียนตามความนกึ คิดของบุคคลอื่น
๕๖ เฉลยแบบทดสอบทา้ ยหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ (ตอ่ ) นมัสการมตาปติ ุคณุ และบทนมัสการอาจรยิ คุณ ข้อ เฉลย ๑๖. ก. เขยี นประมาณ ๕ บรรทัด ๑๗. ก. ทำใหผ้ อู้ า่ นสนใจ ๑๘. ข. เลอื กเรื่องทสี่ นใจ และหาข้อมลู ได้ง่าย ๑๙. ง. เขียนอย่างมเี อกภาพ สมั พนั ธภาพ และสารตั ถภาพ ๒๐. ง. ควรยกตัวอยา่ งประกอบเพอื่ ใหผ้ ู้อ่านเขา้ ใจเรอ่ื งได้ดขี ึ้น ตวั อย่างตอ้ งมเี หตผุ ล มหี ลกั ฐาน น่าสนใจ ๒๑. ก. อา่ นมาก ฟังมาก และฝกึ หัดเขยี นอยเู่ สมอ ๒๒. ก. การเลือกใช้คำทส่ี อ่ื ความหมายชัดเจน ๒๓. ก. คำนำ ๒๔. ง. นำเสนอประเด็นใหมๆ่ ทน่ี ่าสนใจเพ่มิ เติม ๒๕. ข. ควรบชู า ๒๖. ข. พอ่ แม่ ๒๗. ก. มกี ารเรยี งลำดบั ความสำคัญของพระคณุ ๒๘. ค. ครูเปน็ ผ้แู นะแนวทางที่ถูกตอ้ งเหมาะสม ๒๙. ก. ความกตัญญูกตเวทเี ปน็ เครอ่ื งหมายของคนดี ๓๐. ข. เคา้ โครงเรอื่ ง
๕๗ กำหนดการจดั การเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา นำ้ หนัก (ชวั่ โมง) คะแนน ชอ่ื หน่วย การเรียนรู้/ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด ชิ้นงาน/ภาระงาน ตวั ช้วี ดั อิเหนา ตอน ท ๑.๑ ม.๔-๖/๓ การวเิ คราะห์ วิจารณเ์ รื่อง - ผลงานจากการอ่าน ๓ ๕ ที่อ่าน พร้อมแสดงความคดิ เห็น จบั ใจความ ศกึ กะหมังกุหนิง ท ๑.๑ ม.๔-๖/๕ โต้แยง้ พรอ้ มทั้งเสนอความคิดใหม่ - บทวเิ คราะห์ อย่างมีเหตุผล การย่อความจากส่อื วรรณคดี เร่อื ง ท ๑.๑ ม.๔-๖/๙ ทม่ี รี ูปแบบร้อยกรอง เพ่ือสรุป อิเหนา ตอน ขอ้ ความสำคญั อยา่ งมีมารยาท ศึกกะหมงั กหุ นิง * หมายเหตุ ครผู ู้สอนจัดทำหนว่ ยการเรียนร้เู พ่มิ ให้ครอบคลมุ ทกุ ตัวช้วี ดั ในคำอธบิ ายรายวชิ า
๕๘ ผังวเิ คราะหห์ นว่ ยการเรยี นรู้ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ “อเิ หนา ตอน ศกึ กะหมงั กหุ นงิ ” แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๓ เรอื่ ง การอา่ นจบั ใจความ เรอ่ื ง การวเิ คราะห์ วจิ ารณว์ รรณคดี ท ๑.๑ ม.๔-๔/๓, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๙ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๙ การอ่านกลอนบทละคร เรื่องอเิ หนา อา่ นกลอนบทละคร เรอ่ื งอิหนา ตอน ศกึ กะหมงั ตอน ศกึ กะหมงั กหุ นิง หลงั จากอา่ นแล้วสามารถ กหุ นิง แล้วนำประเด็นตา่ ง ๆ ทป่ี รากฏมาวิเคราะห์ จับใจความ แล้วสามารถอธิบายประเด็นสำคัญ วจิ ารณใ์ นแงม่ ุมต่าง ๆ พร้อมเสนอแนวคดิ แก้ปญั หา ได้อย่างชดั เจน จากนัน้ บนั ทึกลงในแบบบันทึกการ อยา่ งมเี หตผุ ล แล้วโต้แยง้ ภายในกล่มุ อย่างมเี หตุผล อา่ นจบั ใจความ หนว่ ยการเรยี นรู้ เรอื่ ง อเิ หนา ตอน ศกึ กะหมงั กหุ นิง การวิเคราะห์ วิจารณว์ รรณคดี เร่ืองอิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง พร้อมแสดงความคิดเห็นโตแ้ ย้ง รวมถึงเสนอ ความคิดใหมอ่ ยา่ งมีเหตุผล การยอ่ ความจากสอ่ื ที่มรี ปู แบบท่ี เป็นบทร้อยกรอง เพ่อื สรปุ ข้อความสำคญั อย่างมีมารยาท ชนิ้ งาน/ภาระงาน สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คุณลักษะอนั พึงประสงค์ - แบบบนั ทกึ การอา่ นจับใจความ ๑. ความสามารถในการคิด ๑. มีวนิ ยั - บทวเิ คราะห์กลอนบทละคร ๒. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ เรอ่ื งอิเหนา ตอน ศึกกะหมัง ๓. มุ่งมั่นในการทำงาน กุหนงิ
๕๙ แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย แผนท่ี ๑/๒ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๒ เรื่อง อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง ภาคเรียนท่ี ๑/๒๕๖๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ เร่ือง การอ่านจับใจความ เวลา ๒ ชวั่ โมง สอนวนั ท่ี........เดอื น...............พ.ศ........ ครูผ้สู อน..................................................... ๑. สาระสำคัญ การอ่านเพื่อจับใจความ เป็นการอ่านเพื่อหาความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านเป็น ขอ้ ความท่ีคลมุ ข้อความอน่ื ๆ ในย่อหน้าหนงึ่ ๆ ไวท้ ้งั หมด ซง่ึ ใจความสำคญั คอื ใจความท่สี ำคญั และเด่นที่สุดในย่อหน้า ถ้าตัดเนื้อความของประโยคอืน่ ออกหมด สามารถเป็นใจความหรือประโยคเดี่ยว ๆ ได้ โดยไม่ต้องมีประโยคอ่ืนประกอบ ซึ่งใน แต่ละยอ่ หน้าจะมปี ระโยคในความสำคัญเพียงประโยคเดยี ว หรืออย่างมากไมเ่ กิน ๒ ประโยค ๒. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดำเนินชีวิต และมีนิสัยรกั การอา่ น ตวั ชวี้ ัด ม ๔-๖/๓ วเิ คราะห์และวจิ ารณเ์ ร่ืองท่ีอ่านในทุก ๆ ดา้ นอยา่ งมีเหตผุ ล ม ๔-๖/๕ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความคิดเหน็ โต้แยง้ กบั เร่ืองท่ีอ่าน และเสนอความคิดใหม่ อยา่ งมเี หตุผล ม ๔-๖/๙ มมี ารยาทในการอา่ น ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. นักเรยี นสามารถอธบิ ายหลักการอา่ นจับใจความได้ (K) ๒. นักเรียนสามารถอา่ นจับใจความจากเรื่องท่อี า่ นได้ (P) ๓. นักเรยี นเห็นความสำคญั ของการอา่ นจบั ใจความ (A)
๖๐ ๔. สมรรถนะที่ตอ้ งการ ๑. ความสามารถในการสือ่ สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๕. ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. มีวนิ ัย ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๓. มุ่งม่นั ในการทำงาน ๖. สาระการเรยี นร้/ู เนือ้ หา ๑. ความหมายของการอา่ นจบั ใจความ ๒. หลกั การอา่ นจบั ใจความ ๓. การจบั ใจความจากเรอ่ื งทีอ่ า่ น ๗. ผลงาน/การปฏบิ ตั ิ ๑. ใบงานการอา่ นจับใจความ ๘. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้/กระบวนการเรยี นรู้ กจิ กรรมที่ ๑ ขนั้ นำ ( ๓๐ นาที) วธิ กี ารดำเนนิ กจิ กรรม ๑. ครทู กั ทายนกั เรียน แล้วทบทวนความรูท้ ่ไี ด้จากการเรยี นคร้งั ท่แี ล้ว ๒. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมบริหารสมอง เพื่อเป็นการบริหารสมองให้ทำงานไดอ้ ย่างสมดุลทั้งซกี ซา้ ย และซีกขวา ทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของนักเรียนดีขึ้น ๓. ครูชแ้ี จงนกั เรียนถึงกติกาในชั้นเรยี นดงั น้ี - ไม่อนุญาตให้รับประทานอาหาร ขนมในหอ้ งเรยี น เวน้ เฉพาะน้ำดืม่ - เมอ่ื คยุ กันเสยี งดังครจู ะทำการเตอื นนักเรยี น ๑ คร้งั หากกระทำซำ้ อกี จะถกู ลบคะแนน ๑ คะแนน - หากขออนุญาตไปทำธุระต้องยกมือ และไปไดค้ รั้งไมเ่ กิน ๒ คน ๔. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนแบบปรนยั ๔ ตวั เลอื ก จำนวน ๓๐ ขอ้ โดยครูช้ีแจงวิธีการ ทำแบบทดสอบ และใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบตามเวลาทีก่ ำหนด เพอ่ื นำคะแนนก่อนเรยี น มาจัดกลุ่มในการทำกจิ กรรมของผ้เู รียน
๖๑ กิจกรรมท่ี ๒ ขน้ั สอน ( ๕๐นาที) วิธีการดำเนินกิจกรรม ๑. ครนู ำผลคะแนนท่ไี ดจ้ ากการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นมาจัดเรียงตามลำดบั แลว้ นำมาจัดกลุ่ม เปน็ ๔ กลุ่ม โดยนักเรียนทไ่ี ด้คะแนนลำดับท่ี ๑-๔ จะเปน็ หวั หน้าของกลมุ่ แตล่ ะกลมุ่ จากน้ันจัดนกั เรยี นลำดบั ที่ ๕-๘ เข้าในกลุ่ม ๑-๔ ตามลำดับ จัดนักเรียนในลักษณะดังกล่าวจนถึงคนสุดท้าย จะได้กลุ่มนักเรียนที่คละ ระหวา่ งเด็กเกง่ กลาง ออ่ น อย่างเท่าเทยี มกนั ๒. ครูซักถามนกั เรยี นวา่ นกั เรยี นคดิ วา่ ใจความสำคัญคืออะไร และการอา่ นจบั ใจความสำคญั เปน็ อยา่ งไร ๓. ครใู หค้ วามรเู้ ก่ียวกบั การอ่านจับใจความ ดงั นี้ การอ่านจับใจความสำคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความ หรือเร่ืองทอ่ี า่ นเปน็ ข้อความทค่ี ลมุ ข้อความอืน่ ๆ ในยอ่ หน้าหนง่ึ ๆ ไวท้ ัง้ หมด ใจความสำคัญ หมายถึง ใจความที่สำคัญ และเด่นที่สุดในย่อหน้า เป็นแก่นของย่อหน้าที่สามารถ ครอบคลมุ เนือ้ ความในประโยคอน่ื ๆ ในยอ่ หน้าน้ันหรือประโยคท่สี ามารถเป็นหวั เรื่องของย่อหนา้ นนั้ ได้ ถา้ ตัดเน้ือความของประโยคอ่ืนออกหมด หรอื สามารถเป็นใจความหรือประโยคเดี่ยว ๆ ได้ โดยไมต่ ้องมีประโยค อน่ื ประกอบ ซง่ึ ใน แต่ละยอ่ หน้าจะมปี ระโยคในความสำคัญเพยี งประโยคเดียว หรืออย่างมากไมเ่ กิน ๒ ประโยค ใจความรอง หรือ พลความ (พน-ละ-ความ) หมายถึง ใจความ หรือประโยคที่ขยายความประโยค ใจความสำคญั เปน็ ใจความสนับสนนุ ใจความสำคัญให้ชดั เจนขน้ึ อาจเปน็ การอธิบายใหร้ ายละเอียด ให้คำจำกัดความ ยกตัวอย่าง เปรียบเทียบ หรือแสดงเหตุผลอย่างถี่ถ้วน เพื่อสนับสนุนความคิดส่วนที่มิใช่ ใจความสำคัญ และมิใช่ใจความรอง แตช่ ว่ ยขยายความให้มากขน้ึ คอื รายละเอยี ด หลกั การจับใจความสำคัญ ๑. ต้ังจดุ มุ่งหมายในการอ่านให้ชดั เจน ๒. อา่ นเรอ่ื งราวอยา่ งครา่ ว ๆ พอเขา้ ใจ และเกบ็ ใจความสำคญั ของแตล่ ะยอ่ หน้า ๓. เม่อื อา่ นจบให้ตง้ั คำถามตนเองว่า เรอ่ื งท่อี า่ น มใี คร ทำอะไร ท่ีไหน เมอ่ื ไหร่ อยา่ งไร ๔. นำสง่ิ ทีส่ รุปไดม้ าเรยี บเรยี งใจความสำคญั ใหมด่ ้วยสำนวนของตนเองเพื่อใหเ้ กดิ ความ สละสลวย วิธกี ารจบั ใจความสำคัญ วิธีการจับใจความมีหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความชอบว่าอย่างไร เช่น การขีดเส้นใต้ การใช้สีต่างกัน แสดงความสำคญั มากน้อยของข้อความ การบันทกึ ย่อเป็นส่วนหนง่ึ ของการอ่านจบั ใจความสำคัญทีด่ ี แต่ผู้ที่ย่อความควรย่อด้วยสำนวนภาษาและสำนวนของตนเองไม่ควรย่อด้วยการตัดเอาข้อค วามสำคัญมาเรียง ตอ่ กัน เพราะอาจทำให้ผ้อู า่ นพลาดสาระสำคัญบางตอนไปอันเปน็ เหตุให้การตีความผดิ พลาดคลาดเคลื่อนได้
๖๒ วธิ ีจับใจความสำคัญมหี ลักดังน้ี ๑. พิจารณาทลี ะยอ่ หน้า หาประโยคใจความสำคัญของแตล่ ะยอ่ หนา้ ๒. ตดั สว่ นทีเ่ ป็นรายละเอียดออกได้ เชน่ ตวั อย่าง สำนวนโวหาร อุปมาอปุ ไมย (การเปรียบเทียบ) ตัวเลข สถิติ ตลอดจนคำถามหรอื คำพูดของผูเ้ ขียนซึ่งเปน็ สว่ นขยายใจความสำคัญ ๓. สรปุ ใจความสำคญั ดว้ ยสำนวนภาษาของตนเอง การพิจารณาตำแหน่งใจความสำคญั ใจความสำคญั ของข้อความในแตล่ ะยอ่ หน้าจะปรากฏดังนี้ ๑. ประโยคใจความสำคญั อยตู่ อนต้นของยอ่ หนา้ ๒. ประโยคใจความสำคญั อยตู่ อนกลางของยอ่ หน้า ๓. ประโยคใจความสำคญั อยตู่ อนท้ายของยอ่ หน้า ๔. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนต้นและตอนท้ายของย่อหน้า ๕. ผู้อา่ นสรุปขึ้นเอง จากการอา่ นทง้ั ย่อหนา้ (ในกรณีใจความสำคญั หรือความคดิ สำคัญ อาจอย่รู วมในความคิดยอ่ ย ๆ โดยไม่มคี วามคดิ ท่ีเปน็ ประโยคหลกั ) การอา่ นจบั ใจความสำคญั ใหเ้ ข้าใจง่าย ผ้อู ่านควรมีแนวทางและพื้นฐานดงั นี้ ๑. สำรวจส่วนประกอบของหนังสือ เชน่ ช่ือเรอื่ ง คำนำ สารบญั ฯลฯ เพราะส่วนประกอบ ของหนังสอื จะทำให้เกดิ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั เรอ่ื งหรือหนังสอื ทีอ่ ่านได้กว้างขวางและรวดเรว็ ๒. ตง้ั จุดมงุ่ หมายในการอา่ น เพ่อื เปน็ แนวทางใช้กำหนดวิธีอ่านใหเ้ หมาะสมและจบั ใจความ หรือหาคำตอบได้รวดเร็วขึ้น โดยจับใจความได้ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร แล้วนำม าสรุปเป็น ใจความสำคญั ๓. มที ักษะในการใช้ภาษา สามารถเขา้ ใจความหมายของคำศัพทต์ า่ ง ๆ มปี ระสบการณ์ หรอื ภูมิหลงั เกี่ยวกับเรือ่ งที่อ่าน มคี วามเขา้ ใจลักษณะของหนงั สือเพราะหนงั สือแต่ละประเภทมรี ูปแบบการแต่ง และเป้าหมายของเร่อื งแตกตา่ งกัน ๔. ใช้ความสามารถในการแปลความหมายของคำ ประโยค และข้อความต่าง ๆ อยา่ งถกู ต้อง และรวดเร็ว ๕. ใชป้ ระสบการณ์เก่ยี วกับเร่อื งที่อา่ นมาประกอบจะช่วยใหเ้ ขา้ ใจและจบั ใจความได้ง่ายขึ้น สรุปการอ่านจบั ใจความ คือ การอ่านทต่ี ้องการแยกแยะเร่ืองท่ีอ่านให้ได้วา่ สว่ นใดเป็นใจความ หรือข้อความที่สำคัญที่สุด และส่วนใดเป็นข้อความประกอบ การจับใจความจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าผู้เขียน ตอ้ งการสือ่ อะไรอย่างถูกตอ้ ง โดยผู้อ่านตอ้ งใช้ความสามารถทางภาษา ประสบการณห์ รอื ภมู หิ ลงั ในดา้ น การแปลความหมายของคำ ข้อความ เพื่อจบั ใจความใหร้ วดเร็ว ๔. ครูให้นักเรียนแต่ละคนอ่านเนื้อเรื่องวรรณคดเี รือ่ งอิเหนาตอนศึกกะหมังกุหนิง ในหนังสือ วรรณคดีวิจักษ์ แล้วจับใจความ หรือประเด็นสำคัญ จากนั้นนำมาพูดคุยกันในกลุ่มแล้วสรุปเป็นความคิดรวบ ยอดของกลุ่ม แล้วตอบคำถามในใบงานการอ่านจบั ใจความ ๕. ครใู ห้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานของแตล่ ะกลุ่ม
๖๓ กจิ กรรมท่ี ๓ ขนั้ สรปุ (๒๐ นาท)ี วธิ ีดำเนินกจิ กรรม ๑. เม่ือนักเรียนทกุ กล่มุ ออกมานำเสนอครบทกุ กลุ่ม ครสู รปุ ความรอู้ ีกครง้ั เกีย่ วกบั การอา่ นจบั ใจความ ๒. ครใู ห้คำชมเชยกับทกุ กลมุ่ ในการออกมานำเสนอ ๓. ครูใหน้ ักเรยี นกลบั ไปทบทวนเรื่องทีไ่ ดเ้ รยี นในวนั น้ี พรอ้ มกับเตรยี มตวั เพอ่ื เรียนเรื่องตอ่ ไปใน การเรยี นครงั้ ตอ่ ไป ๙. ส่ือ/นวตั กรรม/แหลง่ การเรยี นรู้ สื่อและนวัตกรรม ๑. ใบความรู้ เรือ่ ง การอ่านจับใจความ ๒. ใบงาน เรอ่ื ง การอ่านจับใจความ แหล่งการเรียนรู้ ๑. ครผู สู้ อน ๒. ห้องสมดุ ๓. อนิ เทอร์เนต็
๖๔ ๑๐. การวดั และประเมนิ ผล ส่งิ ที่ตอ้ งการวดั วธิ กี ารวัดและ เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การประเมิน ประเมินผล ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ แบบทดสอบหลังเรียน ๑. นักเรียนสามารถ การทดสอบหลงั เรียน แบบปรนยั ๔ ตวั เลอื ก ขึ้นไป อธบิ ายหลักการอ่านจบั จำนวน ๓๐ ข้อ ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ แบบประเมนิ การอ่านจับ ขึ้นไป ใจความได้ (K) ใจความ ๓ คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ๒. นักเรียนสามารถอ่าน ประเมนิ การอ่านจับ ๓ ระดบั คุณภาพ ขน้ึ ไป แบบประเมนิ ตนเอง จบั ใจความจากเรื่องท่ี ใจความ ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ ดา้ นเจตพสิ ยั ขึ้นไป อา่ นได้ (P) แบบประเมิน ๓. นกั เรยี นเห็น การประเมนิ ตนเอง คณุ ลักษณะอนั พึง ประสงค์ ๓ คุณลักษณะ ความสำคญั ของการอ่าน ๓ ระดับ คุณภาพ จบั ใจความ (A) ๔. คุณลักษณอนั พึง แบบประเมนิ ประสงค์ คณุ ลักษณะอนั พึง ประสงค์
๖๕ ๑๑. บันทึกเพิ่มเตมิ สำหรับผบู้ รหิ าร …………………………………………………................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ.................................................ผ้ปู ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วันที่...........เดือน.........................พ.ศ..............
๖๖ ๑๒. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ ผลการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สภาพปญั หา ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแก้ไขปญั หา ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะในการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ .................................................ผ้ปู ระเมิน (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วันท่.ี ..........เดือน.........................พ.ศ..............
๖๘
๖๙
๗๐
แบบสรปุ คะแนนแบบประเมนิ ทกั ษะการเรยี นรู้ ๗๐ เรอ่ื ง การอา่ นจบั ใจความ สรปุ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรอื่ ง อเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กหุ นงิ พฤตกิ รรม เลขที่ ขอื่ -สกลุ เน้ือหา กระบวนการอ่าน ัจบใจความ กระบวนการทำงาน เ ็ปนกลุ่ม ผ่าน ไม่ผ่าน ๓๓๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ บนั ทกึ เพิม่ เตมิ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วนั ที่...........เดอื น.........................พ.ศ..............
๗๑ เกณฑแ์ บบประเมนิ ทกั ษะการเรยี นรู้ เรอ่ื ง การอา่ นจบั ใจความ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง อเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กหุ นงิ รายการประเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๑. เนอ้ื หา ดีมาก (๓) ปานกลาง (๒) พอใช้ (๑) ๒. กระบวนการอ่านจับ ใจความ นักเรียนจับใจความที่ นกั เรียนจับใจความท่ี นักเรยี นไม่สามารถจับ ๓. กระบวนการทำงานเปน็ สำคญั ของเนอ้ื ความได้ สำคัญของเนือ้ ความได้ ใจความสำคญั ของเรือ่ ง กลุ่ม ครบถว้ นทุกประเดน็ แต่ขาดไป ๑ประเด็น ได้ถูกตอ้ ง และไม่ สามารถบอกข้อคิดของ และสามารถบอกข้อคิด สามารถบอกข้อคดิ ของ เรื่องได้ ของเร่ืองได้ เรื่องได้ นักเรยี นสามารถบอก นักเรยี นสามารถบอก นกั เรียนไม่สามารถบอก จดุ มงุ่ หมายก่อนการ จดุ มงุ่ หมายก่อนการ จดุ มุ่งหมายก่อนการ อา่ นทุกคร้งั และสรุป อา่ นทุกครง้ั แต่ไมส่ รุป อา่ นจับใจความ และไม่ เรอื่ งทุกครงั้ หลงั อ่านจบ เรือ่ งหลงั อา่ นจบ สรปุ เร่อื งหลงั อ่านจบ นกั เรียนใหค้ วามรว่ มมอื นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื นักเรยี นไม่ให้ความ กับสมาชกิ เปน็ อยา่ งดี กับสมาชิก และแสดง รว่ มมือกบั สมาชกิ แสดงความคดิ เหน็ ความคิดเหน็ เพยี ง อยา่ งมีเหตุผล เล็กนอ้ ย เกณฑ์การประเมนิ คณุ ภาพ ๗ - ๙ คะแนน ดีมาก ๕ - ๖ คะแนน ดี ๓ - ๔ คะแนน พอใช้ ต่ำกวา่ ๓ คะแนน ปรับปรุง หมายเหตุ นักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๕ ข้นึ ไป
๗๒ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมนกั เรยี นดา้ นเจตพสิ ยั ในการเรยี น เรอื่ ง การอา่ นจับใจความ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรอ่ื ง อเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ คำชแี้ จง ให้เขียนเครือ่ งหมาย ลงในชอ่ งทน่ี ักเรียนแสดงพฤติกรรมตามรายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน เห็นดว้ ยอยา่ งยิ่ง ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องหมายเลข ๕ เหน็ ด้วย ให้ทำเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ๔ ไม่แน่ใจ ใหท้ ำเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ๓ ไมเ่ หน็ ดว้ ย ใหท้ ำเครื่องหมาย ลงในช่องหมายเลข ๒ ไม่เห็นดว้ ยอยา่ งย่ิง ใหท้ ำเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ๑ ช่อื .................................................................................................... ชัน้ ...................... เลขท.่ี ............... ระดับความคิดเหน็ ขอ้ ความ เห็นดว้ ย เห็นดว้ ย ไมแ่ น่ใจ ไม่เหน็ ดว้ ย ไมเ่ หน็ ด้วย อย่างยง่ิ อย่างยงิ่ ๑. ฉนั คดิ วา่ การอ่านจบั ใจความจะทำใหฉ้ นั เขา้ ใจสง่ิ ท่ีอา่ นมากขนึ้ ๒. หากฉันไม่สามารภจับใจความได้ ฉนั ก็สามารถเขา้ ใจส่ิงทีอ่ า่ นได้ แตใ่ ชเ้ วลามากข้นึ ๓. การอ่านจบั ใจความทำให้การรับสารของฉัน มีประสทิ ธิภาพมากขน้ึ ๔. ฉนั มักจะนำหลักการอ่านจับใจความไปใช้ เมอื่ ฉนั ต้องเตรียมสอบ ๕. การอา่ นหนงั สอื เปน็ เรื่องง่ายเมื่อฉันขา้ ใจ วธิ กี ารจบั ใจความ ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. .................................................
๗๓ เกณฑ์การแปลความหมายประเมนิ พฤตกิ รรมนกั เรยี นดา้ นเจตพสิ ยั ในการเรยี น เรอื่ ง การอา่ นจับใจความ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอื่ ง อเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กหุ นงิ เกณฑ์การแปลความหมายเพื่อจัดระดบั ของคะแนนเฉลย่ี ในชว่ งคะแนนดงั ต่อไปน้ี คะแนนเฉลย่ี ๔.๒๑ – ๕.๐๐ แปลความได้วา่ เหน็ ความสำคญั ของการอ่านจับใจความมากท่ีสดุ คะแนนเฉล่ีย ๓.๔๑ – ๔.๒๐ แปลความไดว้ า่ เหน็ ความสำคัญของการอา่ นจบั ใจความมาก คะแนนเฉลย่ี ๒.๖๑ – ๓.๔๐ แปลความไดว้ า่ เห็นความสำคญั ของการอ่านจับใจความปานกลาง คะแนนเฉลยี่ ๑.๘๑ – ๒.๖๐ แปลความไดว้ ่า เห็นความสำคญั ของการอา่ นจับใจความน้อย คะแนนเฉลี่ย ๑.๐๐ – ๑.๘๐ แปลความไดว้ ่า เหน็ ความสำคัญของการอา่ นจับใจความน้อยทีส่ ดุ
แบบสรปุ คะแนนแบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๗๔ เรอ่ื ง การอา่ นจบั ใจความ สรปุ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรอ่ื ง อเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กหุ นงิ พฤตกิ รรม เลขที่ ขอื่ -สกลุ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ ่มุง ่ัมนในการทำงาน ผ่าน ไม่ผ่าน ๓ ๓๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ บนั ทกึ เพิม่ เติม ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วันท่.ี ..........เดือน.........................พ.ศ..............
๗๕ เกณฑแ์ บบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เรอื่ ง การอา่ นจับใจความ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง อเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ รายการประเมนิ ดีมาก (๓) เกณฑก์ ารให้คะแนน พอใช้ (๑) ๑. มวี ินยั นกั เรียนปฏิบตั ิการ ปานกลาง (๒) นักเรียนปฏบิ ตั ิการ ทำงานเป็นกลุ่มอยา่ ง ทำงานเปน็ กลุ่มอยา่ ง ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ เป็นระเบียบ ส่งงาน นกั เรียนปฏิบัตกิ าร ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ ๓. มงุ่ มั่นในการทำงาน ตามเวลาท่ีกำหนด ทำงานเปน็ กลุ่มอยา่ ง ส่งงานล่าช้ากว่าท่ี เปน็ ระเบยี บ ส่งงาน กำหนดมากกวา่ ๑๐ นักเรยี นตง้ั ใจฟงั ขณะท่ี ล่าช้ากว่าท่กี ำหนด นาที ครูสอน มกี ารสบื ค้นหา ๑ -๑๐ นาที นักเรยี นตั้งใจฟังขณะท่ี ขอ้ มูลเพิ่มเติม ครสู อน ไม่มีการสืบ นักเรยี นต้งั ใจขณะ นกั เรียนตัง้ ใจฟงั ขณะท่ี คน้ หาข้อมูลเพ่ิมเติม ปฏิบตั กิ จิ กรรม และ ครูสอน แต่ไมม่ ีการสบื นกั เรยี นไมต่ ั้งใจขณะ นำเสนอได้อย่างเต็มท่ี ค้นหาขอ้ มลู เพิ่มเตมิ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม และ นกั เรยี นตั้งใจขณะ นำเสนอได้ไม่ดี ปฏบิ ตั ิกิจกรรม และ เทา่ ทค่ี วร นำเสนอได้คอ่ นขา้ งดี เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ ๗ - ๙ คะแนน ดมี าก ๕ - ๖ คะแนน ดี ๓ - ๔ คะแนน พอใช้ ตำ่ กวา่ ๓ คะแนน ปรับปรุง หมายเหตุ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย ๗๖ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ เร่อื ง อเิ หนา ตอน ศกึ กะหมังกุหนงิ มัธยมศึกษาปีที่ ๔ แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง การวิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณคดี แผนท่ี ๒/๒ สอนวันท่.ี .......เดอื น...............พ.ศ........ ภาคเรียนท่ี ๑/๒๕๖๓ ครูผ้สู อน..................................................... เวลา ๒ ชว่ั โมง ๑. สาระสำคัญ การวิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณคดี คือการแยกแยะวรรณคดีเพือ่ ไตร่ตรอง เพ่ือหาข้อดี - ข้อเสยี จุดเด่น หรือจุดด้อย หาเหตุผลนำไปสู่การวินิจฉัย ตัดสินใจ เพื่อประเมินคุณค่าของหนังสือในด้านต่าง ๆ เพ่ือ จุดประสงค์ใดจดุ ประสงคห์ น่ึง เชน่ เพ่ือความซาบซงึ้ เพอื่ นำไปประยกุ ต์ใช้ เพอ่ื แนะนำหนงั สอื เป็นตน้ ๒. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชว้ี ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และมีนิสัยรกั การอา่ น ตวั ชวี้ ดั ม ๔-๖/๓ วเิ คราะห์และวจิ ารณ์เรอ่ื งทอ่ี ่านในทกุ ๆ ดา้ นอยา่ งมีเหตผุ ล ม ๔-๖/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ย้งกบั เรอ่ื งทอ่ี ่าน และเสนอความคิดใหม่ อยา่ งมเี หตผุ ล ม ๔-๖/๙ มีมารยาทในการอา่ น ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายหลักการวเิ คราะห์วจิ ารณว์ รรณคดี (K) ๒. นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีได้ (P) ๓. นักเรียนเหน็ ความสำคญั ของการวเิ คราะหว์ รรณคดี (A)
๗๗ ๔. สมรรถนะทต่ี อ้ งการ ๑. ความสามารถในการส่อื สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๕. ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ซ่ือสตั ยส์ ุจรติ ๒. อยู่อยา่ งพอเพยี ง ๓. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน ๖. สาระการเรยี นร/ู้ เน้อื หา ๑. หลักการวิเคราะหว์ ิจารณ์วรรณคดี ๗. ผลงาน/การปฏบิ ตั ิ ๑. การวเิ คราะหว์ ิจารณ์วรรณคดี ๘. การจัดกิจกรรมการเรยี นร้/ู กระบวนการเรยี นรู้ กิจกรรมที่ ๑ ขนั้ นำ ( ๒๐ นาที) วิธีการดำเนินกิจกรรม ๑. ครูทักทายนกั เรยี นด้วยการใช้คำถามทัว่ ไป เช่น สวสั ดีครบั วันนี้อากาศค่อนขา้ งแปรปรวน นกั เรยี นสบายดีไหมครบ อย่าลมื ดแู ลสุขภาพดว้ ยนะครับ เป็นตน้ ๒. แลว้ ทบทวนความร้ทู ี่ได้จากการเรยี นครั้งทีแ่ ลว้ ครพู ูดถึงประเดน็ ตา่ ง ๆ ในเรื่องอิเหนาเพือ่ ให้ นกั เรยี นไดแ้ สดงความคิดเหน็ เช่น มีตัวละครใดบ้าง เน้ือเร่ืองในตอนศึกกะหมังกุหนิงเป็นอย่างไร มีขอ้ คดิ ว่าอยา่ งไร เปน็ ตน้ กิจกรรมที่ ๒ ขนั้ สอน (๕๐ นาท)ี วิธกี ารดำเนินกจิ กรรม ๑. ครไู ดพ้ ูดถึงประเด็นที่นกั เรียนตอบจากข้ันนำเข้าสบู่ ทเรียน จากน้นั ครูอธิบายการวเิ คราะห์วรรณคดี ดงั นี้ ความหมายของการวเิ คราะหว์ รรณกรรม การวเิ คราะหว์ รรณกรรมหมายถึง การพิจารณาตรวจตราแยกแยะและประเมนิ ค่า ซ่งึ จะเกิด ประโยชนต์ ่อผ้วู ิเคราะหใ์ นการนาํ ไปแสดงความคิดเหน็ อภิปรายข้อเทจ็ จรงิ ใหผ้ ู้อื่นทราบ ด้วยวา่ ใครเปน็ ผ้แู ตง่ เปน็ เรอ่ื งเกีย่ วกับอะไร มีประโยชน์ อย่างไร ต่อใครบา้ ง ผู้วเิ คราะห์ มีความเหน็ อยา่ งไร เร่ืองท่ีอา่ นมีคณุ ค่า
๗๘ ดา้ นใดบ้างและแต่ละด้านสามารถนําไปประยกุ ต์ ให้เกิดประโยชน์ตอ่ ชีวิตประจาํ วนั อย่างไรบา้ ง แนวในการวเิ คราะหว์ รรณกรรม การวเิ คราะห์วรรณกรรมมหี ลักเกณฑก์ ารปฏิบตั ิอย่างกว้าง ทั้งนเ้ี พื่อให้ครอบคลุมงานเขยี น ทุกประเภท แต่ละประเภท ผวู้ เิ คราะหต์ อ้ งนาํ แนวการวิเคราะหไ์ ปปรับใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั งานเขียนแต่ละช้นิ งาน ซงึ่ มลี ักษณะแตกต่างกนั ไป หลกั เกณฑอ์ ยา่ งกวา้ งในการวเิ คราะหว์ รรณกรรม มีดงั น้ี ๑. ความเปน็ มาหรอื ประวตั ิของหนงั สือและผ้แู ตง่ เพื่อช่วยใหว้ เิ คราะห์ในสว่ นอื่น ๆ ๒. ลักษณะคําประพนั ธ์ ๓. เร่อื งยอ่ ๔. เนื้อเรื่อง ให้วิเคราะหเ์ รอื งในหวั ขอ้ ต่อไปนต้ี ามลาํ ดับ โดยบางหัวขอ้ อาจจะมี หรือไมม่ ีก็ได้ ตามความ วา่ เปน็ เชน่ โครงเรื่อง ตวั ละคร ฉาก วิธกี ารแต่ง ลักกษณะการเดินเรื่อง การใช้ถ้อยคำสาํ นวนใน เรอ่ื ง ทำนองการแต่ง วิธีคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น ๕. แนวคดิ เจตนามุ่งหมายของผูเ้ ขยี น ๖. คุณคา่ ของวรรณกรรม โดยปกตแิ บง่ ออกเปน็ ๕ ด้านใหญ่ ๆ และกว้าง ๆ เพ่อื ความ ครอบคลุมในทุกประเด็น ซ่ึงผวู้ ิเคราะหต์ อ้ งไปแยกหวั ข้อยอ่ ยใหส้ อดคล้องกบั ลักษณะของหนังสอื ที่จะวิเคราะห์ นน้ั ๆ ตามความเหมาะสม การวเิ คราะหค์ ุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรม การวิเคราะห์ หมายถงึ การพิจารณาองค์ประกอบทกุ ส่วน โดยวิธีแยกแยะรายละเอียดตา่ ง ๆ ตั้งแต่ถ้อยคำสำนวน การใช้คำ ใช้ประโยค ตลอดจนเน้ือเร่ืองและแนวคดิ ทุกอย่างท่ปี รากฏอยู่ในข้อเขียนนัน้ เมอื่ วิเคราะห์ส่วนประกอบได้แลว้ จงึ วิจารณต์ อ่ ไป การวิจารณ์ หมายถงึ การพิจารณาเทคนิคหรือกลวธิ ีที่แสดงออกมาน้นั ใหเ้ ห็นวา่ น่าคดิ นา่ สนใจ นา่ ตดิ ตาม มชี น้ั เชงิ ยอกย้อนหรือตรงไปตรงมา องคป์ ระกอบใดมคี ุณคา่ น่าชมเชย องค์ประกอบใด นา่ ท้วงติงหรอื บกพร่องอย่างไร การวิจารณ์สิ่งใดจึงต้องใชค้ วามรู้ มีเหตุผล มหี ลกั เกณฑ์และมคี วามรอบคอบ ประกอบด้วย ดังนัน้ การวิจารณ์งานประพนั ธ์จึงหมายถึง การพจิ ารณากลวิธีตา่ ง ๆ ทุกอยา่ งทป่ี รากฏ ในงานเขียน ซ่ึงผู้เขยี นแสดงออกมาอย่างมีชัน้ เชงิ โดยผวู้ ิจารณ์จะต้องแสดงเหตุผลที่จะชมเชย หรือชีข้ ้อบกพร่องใด ๆ ลงไป วธิ วี เิ คราะห์และวจิ ารณง์ านประพนั ธ์ ตามปกติแล้วเมอ่ื จะวิจารณ์สงิ่ ใด จำเป็นต้องเร่ิมวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบต่าง ๆ ใหเ้ ข้าใจ ชดั เจนเสยี ก่อนแลว้ จึงวจิ ารณ์แสดงความเหน็ ออกมาอยา่ งมีเหตผุ ล ให้น่าคดิ นา่ ฟังและเป็นคำวิจารณ์ ทน่ี า่ เช่ือถือได้ การวจิ ารณง์ านประพนั ธ์สำหรับผู้เรยี นทเี่ ร่ิมต้นฝึกหดั ใหม่ ๆ น้ัน
๗๙ อาจต้องใชเ้ วลาฝกึ หัดมากสักหน่อย อา่ นตวั อย่างงานวิจารณ์ของผู้อ่นื มาก ๆ และบ่อย ๆ จะช่วยได้มากทเี ดียว เมอ่ื เร่มิ ฝึกวจิ ารณง์ านเขียนใด ๆ อาจจะวเิ คราะห์ไม่ดมี ีเหตุผลนอ้ ยเกินไป กค็ วรยอ้ นกลับมาอ่านเขยี นน้นั ๆ อกี ครั้งแล้วพจิ ารณาเพ่ิมเติม การวเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์งานประพนั ธเ์ ทา่ ที่พบเหน็ ทว่ั ไป นักวิจารณ์นิยมพิจารณา ๔ ประเด็น ดงั นี้ ๑. คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์คอื ความไพเราะของบทประพันธ์ซงึ่ อาจทำให้ผอู้ า่ นเกดิ อารมณ์ ความรูส้ กึ และจนิ ตนาการตามรส ความหมายของถ้อยคำและภาษาทผ่ี แู้ ต่งเลือกใชเ้ พื่อใหม้ ีความหมายกระทบ ใจผอู้ า่ น ๒. คุณคา่ ด้านเนื้อหาสาระ แนวความคดิ และกลวิธนี ำเสนอทงั้ ๒ ประเด็นนีจ้ ะอธิบาย และยกตัวอย่างประกอบพอเขา้ ใจ โดยจะกล่าวควบกนั ไปทง้ั การวิเคราะหแ์ ละการวิจารณ์ ๓. คุณค่าดา้ นสงั คม วรรณคดีและวรรณกรรมจะสะทอ้ นใหเ้ ห็นสภาพของสังคมและวรรณคดี ท่ีดสี ามารถจรรโลงสงั คมได้อีกด้วย ๔. การนำไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ผู้อ่านสามารถนำแนวคิดและประสบการณจ์ ากเรือ่ ง ทีอ่ ่านไปประยุกตใ์ ช้หรอื แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ การพจิ ารณาคณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ วรรณศิลปเ์ ป็นองค์ประกอบที่สำคัญซึง่ ช่วยสง่ เสรมิ ให้วรรณกรรมมคี ุณคา่ น่าสนใจ คำวา่ “วรรณศิลป”์ หมายถึงลักษณะดเี ดน่ ทางด้านวธิ แี ตง่ การเลอื กใชถ้ ้อยคำ สำนวน ลลี า ประโยค และความเรยี งต่าง ๆ ท่ีประณีต งดงาม หรือมรี สชาตเิ หมาะสมกับเนื้อเรื่องเป็นอยา่ งดี วรรณกรรมท่ีใช้ วรรณศลิ ป์ช้ันสงู นน้ั จะทำให้คนอ่านได้รบั ผลในทางอารมณ์ความรูส้ กึ เช่น เกดิ ความสดชื่น เบกิ บาน ขบขนั เพลดิ เพลิน ขบคดิ เศร้าโศก ปลกุ ใจ หรืออารมณ์อะไร กต็ ามทผี่ ้เู ขยี นต้องการสรา้ งให้เกิดขึ้น ในตัวผอู้ ่าน นนั่ คอื วรรณศลิ ป์ในงานเขียน ทำให้ผู้อ่าน เกิดความรู้สึกในจิตใจและเกดิ จนิ ตนาการสร้างภาพคิด ในสมองไดด้ ี การวเิ คราะห์งานประพนั ธจ์ งึ ควรพจิ ารณาวรรณศิลป์เปน็ อนั ดบั แรกแล้วจงึ วจิ ารณ์วา่ มคี ุณค่า หรือน่าสนใจเพียงใดหากงานประพันธ์นั้นเป็นประเภทบทร้อยกรอง ผูอ้ า่ นทจี่ ะวเิ คราะห์วิจารณ์ ควรมีความรู้ บางอยา่ ง เชน่ รบู้ ังคับการแต่งบทร้อยกรองรวู้ ิธใี ช้ภาษาของกวรี ู้วธิ ีสรา้ งภาพฝนั หรอื ความคิดของกวเี ปน็ ตน้ ความรดู้ งั กล่าวนีจ้ ะช่วยใหเ้ ข้าใจบทร้อยกรองได้มากขนึ้ ๒. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ อ่านเรอ่ื งอิเหนา ตอนศกึ กะหมังกุหนงิ โดยเม่ืออ่านจบแล้วให้นักเรยี นใน กล่มุ วิเคราะห์วรรณคดีโดยให้วิเคราะห์ในประเด็นต่อไปนลี้ งในช้ินงาน ๑. โครงเร่ือง ๒. ความเปน็ มาหรอื ประวัติของหนังสือและผู้แต่ง ๓. ลกั ษณะคาํ ประพนั ธ์ ๔. เรือ่ งย่อ
๘๐ ๕. เนอ้ื เรอื่ ง ๖. ตัวละคร ๗. ฉาก ๘. วธิ กี ารแตง่ ๙. ประเด็นอนื่ ๆ โดยที่แต่ละกลุ่มจะต้องเลอื กประเด็นท่จี ะศึกษา กลุ่มละ ๒ ประเด็น และแต่ละกลุ่มห้ามนำเสนอประเดน็ ซำ้ กัน ๓. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลงานของแต่ละกลมุ่ กจิ กรรมท่ี ๓ ขน้ั สรปุ (๓๐ นาท)ี วิธดี ำเนนิ กจิ กรรม ๑. เมอื่ นักเรยี นทุกกลมุ่ ออกมานำเสนอครบทุกกลุ่ม ครูสรุปความรอู้ ีกครั้งเกย่ี วกบั การวเิ คราะห์วิจารณ์ วรรณคดี ๒. ครใู หค้ ำชมเชยกบั ทุกกลุ่มในการออกมานำเสนอ ๓. ครุให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง จำนวน ๓๐ ข้อ ๓๐ คะแนน ๓. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นซกั ถาม แล้วมอบหมายการบ้านใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนวิเคราะห์และวจิ ารณ์ วรรณคดี วรรณกรรมเรอ่ื งทีต่ นเองสนใจมาคนละ ๑ เรอ่ื ง ๙. ส่ือ/นวัตกรรม/แหล่งการเรียนรู้ ส่อื และนวตั กรรม ๑. ใบความรู้ เรื่อง การวเิ คราะห์วิจารณ์วรรณคดี ๒. ใบกจิ กรรม เรือ่ ง การวิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณคดี แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. ครูผ้สู อน ๒. หอ้ งสมุด ๓. อินเทอร์เน็ต
๘๑ ๑๐. การวัดและประเมินผล ส่ิงท่ีตอ้ งการวัด วธิ กี ารวดั และ เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมิน ประเมนิ ผล ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ แบบทดสอบหลงั เรียน ๑. นกั เรียนสามารถ การทดสอบหลงั เรียน แบบปรนัย ๔ ตวั เลือก ขนึ้ ไป อธบิ ายหลักการ จำนวน ๓๐ ข้อ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป วเิ คราะห์วจิ ารณ์ แบบประเมินการอ่านจบั ใจความ ๓ คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ วรรณคดี (K) ขน้ึ ไป ๓ ระดบั คณุ ภาพ ๒. นกั เรยี นสามารถ ประเมินการวเิ คราะห์ แบบประเมินตนเอง ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป วิเคราะห์วิจารณ์ วิจารณ์วรรณคดี ดา้ นเจตพิสัย วรรณคดีได้ (P) แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึง ๓. นักเรียนเห็น การประเมนิ ตนเอง ประสงค์ ๓ คณุ ลักษณะ ๓ ระดับ คุณภาพ ความสำคัญของการ วิเคราะหว์ รรณคดี (A) ๔. คุณลกั ษณอนั พึง แบบประเมิน ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๘๒ ๑๑. บนั ทึกเพิ่มเตมิ สำหรับผ้บู ริหาร …………………………………………………................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื .................................................ผูป้ ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหน่ง.......................................................... วันท่.ี ..........เดอื น.........................พ.ศ..............
๘๓ ๑๒. บันทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ วนั ที.่ ..........เดือน.........................พ.ศ.............. ผลการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สภาพปญั หา ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแก้ไขปญั หา ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะในการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………….......................................................................… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื .................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วันที่...........เดือน.........................พ.ศ..............
๘๗
๘๘
๘๙
๙๐
๙๑
แบบสรปุ คะแนนแบบประเมนิ ทกั ษะการเรยี นรู้ ๘๙ เรอื่ ง การวเิ คราะหว์ จิ ารณว์ รรณคดี สรปุ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง อเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ พฤตกิ รรม เลขที่ ขอ่ื -สกลุ เน้ือหา กระบวนการทำงาน เ ็ปนกลุ่ม ความ ิคดสร้างสรรค์ ผ่าน ไ ่มผ่าน ๓๓๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ บนั ทกึ เพม่ิ เติม ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วนั ท.่ี ..........เดือน.........................พ.ศ.............
๙๐ เกณฑแ์ บบประเมินทกั ษะการเรยี นรู้ เรอ่ื ง การวเิ คราะหว์ จิ ารณว์ รรณคดี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง อเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กหุ นงิ รายการประเมนิ ดีมาก (๓) เกณฑก์ ารให้คะแนน พอใช้ (๑) ๑. เนื้อหา วเิ คราะหเ์ น้อื หาได้ ปานกลาง (๒) วเิ คราะห์เน้อื หาไดด้ ี ละเอียด มปี ระเด็น แตไ่ ม่มปี ระเด็นน่าสนใจ ๒. กระบวนการทำงาน แปลกใหม่ นา่ สนใจ วเิ คราะห์เน้อื หาไดด้ ี และไมม่ กี ารเรยี บเรียง เป็นกลุม่ เรยี บเรียงได้เข้าใจงา่ ย นา่ สนใจ เรียบเรยี งได้ ภาษาให้เข้าใจงา่ ย สมาชิกในกลมุ่ ให้ความ เขา้ ใจงา่ ย สมาชกิ ในกลมุ่ ให้ความ ๓. ความคิดสร้างสรรค์ รว่ มมือในการค้นหา ร่วมมือในการคน้ หา ข้อมลู และเสนอ สมาชกิ ในกลุ่มใหค้ วาม ขอ้ มูลเล็กน้อย ไม่มีการ ความคิดเป็นอย่างดี มี ร่วมมือในการคน้ หา แบง่ หนาท่ที ช่ี ัดเจน การแบง่ หน้าท่ชี ัดเจน ข้อมูล และเสนอ นกั เรยี นมกี ารเสนอ ความคดิ มีการแบ่ง นกั เรยี นไม่มีการ ความคดิ ในมมุ มองที่ หน้าท่แี ต่ยงั ไมช่ ดั เจน นำเสนอความคดิ ใน แตกตา่ ง มีการนำเสนอ นักเรียนมกี ารนำเสนอ มมุ มองท่แี ตกตา่ ง แปลกใหม่ และชนิ้ งาน แปลกใหม่ และชิ้นงาน และช้ินงานมคี วาม สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ สรา้ งสรรคน์ ้อย เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ ๗ - ๙ คะแนน ดมี าก ๕ - ๖ คะแนน ดี ๓ - ๔ คะแนน พอใช้ ตำ่ กว่า ๓ คะแนน ปรับปรงุ หมายเหตุ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๗๕ ขน้ึ ไป
๙๑ แบบประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี นดา้ นเจตพสิ ยั ในการเรยี น เรอ่ื ง การวเิ คราะหว์ จิ ารณว์ รรณคดี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอื่ ง อเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ คำชแ้ี จง ให้เขยี นเคร่อื งหมาย ลงในช่องทน่ี ักเรียนแสดงพฤติกรรมตามรายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ เห็นด้วยอย่างย่งิ ให้ทำเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ๕ เห็นดว้ ย ใหท้ ำเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ๔ ไม่แนใ่ จ ให้ทำเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ๓ ไมเ่ หน็ ดว้ ย ใหท้ ำเครื่องหมาย ลงในช่องหมายเลข ๒ ไม่เหน็ ดว้ ยอยา่ งย่งิ ให้ทำเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ๑ ชอื่ .................................................................................................... ชนั้ ...................... เลขท่.ี ............... ระดบั ความคิดเหน็ ข้อความ เหน็ ดว้ ย เหน็ ด้วย ไมแ่ นใ่ จ ไมเ่ หน็ ดว้ ย ไม่เหน็ ด้วย อย่างยง่ิ อย่างยงิ่ ๑. ฉนั รูส้ ึกว่าวรรณคดจี ะน่าสนใจหากมีการ วิเคราะหว์ ิจารณว์ รรณคดี ๒. ฉันสามารถเขา้ ใจนัยแฝงของวรรณคดีเร่ือง ต่าง ๆ ได้ ๓. ฉันคดิ ว่าการอ่านบทวิจารณว์ รรณคดีทำใหฉ้ นั นำมาพฒั นางานเขยี นของตนเอง ๔. ฉนั เห็นแนวคิด ค่านยิ มสังคมไทยในอดีตผ่าน การพิจารณาวรรณคดี ๕. การวิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณคดที ำใหฉ้ นั เห็น ความสวยงามทางภาษาของวรรณคดี ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. .................................................
๙๒ เกณฑ์การแปลความหมายประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี นดา้ นเจตพสิ ยั ในการเรยี น เรอื่ ง การวเิ คราะหว์ จิ ารณว์ รรณคดี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง อเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ เกณฑ์การแปลความหมายเพื่อจดั ระดับของคะแนนเฉล่ีย ในช่วงคะแนนดังต่อไปนี้ คะแนนเฉลี่ย ๔.๒๑ – ๕.๐๐ แปลความได้วา่ เหน็ ความสำคญั ของการวิเคราะห์วจิ ารณ์ วรรณคดีมากที่สดุ คะแนนเฉลย่ี ๓.๔๑ – ๔.๒๐ แปลความไดว้ า่ เห็นความสำคัญของการวิเคราะหว์ จิ ารณ์ วรรณคดีมาก คะแนนเฉลี่ย ๒.๖๑ – ๓.๔๐ แปลความไดว้ ่า เหน็ ความสำคญั ของการวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ วรรณคดีปานกลาง คะแนนเฉล่ยี ๑.๘๑ – ๒.๖๐ แปลความไดว้ า่ เห็นความสำคัญของการวิเคราะห์วจิ ารณ์ วรรณคดีน้อย คะแนนเฉลีย่ ๑.๐๐ – ๑.๘๐ แปลความได้วา่ เห็นความสำคญั ของการวิเคราะหว์ จิ ารณ์ วรรณคดีนอ้ ยท่สี ดุ
แบบสรปุ คะแนนแบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๙๓ เรอ่ื ง การวเิ คราะหว์ จิ ารณว์ รรณคดี สรปุ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรอื่ ง อเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ พฤตกิ รรม เลขที่ ขอื่ -สกลุ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ ่มุง ่ัมนในการทำงาน ผ่าน ไม่ผ่าน ๓ ๓๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ บนั ทกึ เพิ่มเติม ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................ผ้ปู ระเมนิ (.....................................................................) ตำแหนง่ .......................................................... วนั ท่.ี ..........เดอื น.........................พ.ศ..............
๙๔ เกณฑแ์ บบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เรอ่ื ง การวเิ คราะหว์ จิ ารณว์ รรณคดี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง อเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กหุ นงิ รายการประเมนิ ดีมาก (๓) เกณฑก์ ารให้คะแนน พอใช้ (๑) ๑. ซอ่ื สตั ย์สุจรติ ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี ูกต้อง ปานกลาง (๒) ใหข้ อ้ มูลทีถ่ ูกต้อง ๒. อยอู่ ยา่ งพอเพียง และเป็นจรงิ ไม่นำ และเปน็ จรงิ ไม่นำ สิง่ ของและผลงานของ ใหข้ ้อมลู ท่ถี ูกตอ้ ง สิง่ ของและผลงาน ๓. มงุ่ มั่นในการทำงาน ผู้อืน่ มาเปน็ ของตนเอง และเปน็ จริงไมน่ ำ ของผู้อืน่ มาเป็นของ ปฏิบตั ิตนต่อผ้อู ืน่ ส่ิงของและผลงานของ ตนเอง ด้วยความซือ่ ตรง ผอู้ น่ื มาเปน็ ของตนเอง เปน็ แบบอยา่ งทีด่ ี ปฏิบตั ิตนต่อผูอ้ น่ื ใช้ทรพั ยส์ ินของตนเอง ดา้ นความซื่อสตั ย์ ดว้ ยความซ่ือตรง และทรัพยากรของ ใช้ทรัพย์สนิ ของตนเอง สว่ นรวมอยา่ งประหยัด และทรัพยากรของ ใช้ทรัพย์สินของตนเอง ค้มุ ค่า เกบ็ รักษาดูแล สว่ นรวมอย่างประหยัด และทรัพยากรของ อย่างดี คุ้มค่าเกบ็ รกั ษาดแู ล สว่ นรวมอย่างประหยดั อยา่ งดี ไม่เอาเปรียบ คุม้ ค่า เกบ็ รกั ษาดแู ล ตง้ั ใจและรบั ผิดชอบ ผู้อืน่ และไม่ทำให้ผู้อื่น อย่างดี ไมเ่ อาเปรยี บ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ เดอื ดร้อน ใชค้ วามรู้ ผู้อน่ื ใช้ความรู้ข้อมูล ทไ่ี ด้รับมอบหมายให้ ขอ้ มลู ข่าวสารใน ขา่ วสารในการวาง สำเรจ็ การวางแผนการเรยี น แผนการเรยี น การทำงาน และใชใ้ น และการทำงาน ชีวิตประจำวัน ต้งั ใจและรับผิดชอบ ต้งั ใจและรับผิดชอบ ในการปฏบิ ัตหิ น้าท่ี ในการปฏิบัติหนา้ ที ที่ได้รบั มอบหมาย ที่ไดร้ บั มอบหมายให้ ให้สำเรจ็ มีการ สำเรจ็ มีการ ปรับปรุงและพัฒนา ปรับปรุงและพฒั นา
รายการประเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๙๕ ปานกลาง (๒) พอใช้ (๑) ดมี าก (๓) การทำงาน การทำงาน ใหด้ ขี น้ึ ภายในเวลา ใหด้ ขี ้ึน ทก่ี ำหนด เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ ๗ - ๙ คะแนน ดมี าก ๕ - ๖ คะแนน ดี ๓ - ๔ คะแนน พอใช้ ต่ำกว่า ๓ คะแนน ปรับปรุง หมายเหตุ นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381