-๑๓๙- ๔. ช่อื ผู้ท่ีถอื ปฏบิ ัตแิ ละผ้สู ืบทอด ๔.๑ ผ้ทู ีถ่ ือปฏบิ ัติ ชอื่ นายโสภณ กันทะศรี ( หนานนอง ) วนั เดอื น ปเี กดิ 9 กนั ยายน 2514 ทอ่ี ยู่ 45/4 หม1ู่ 4 ตาบลเวียง อาเภอเทงิ จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 082 894 7637 4.2 ผู้สบื ทอด ช่ือ - วนั เดือน ปเี กดิ - ทอ่ี ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - 5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบตั ิอยา่ งแพร่หลาย เส่ียงตอ่ การสญู หาย ไม่มีปฏบิ ัตแิ ล้ว 6. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม สะตวง ท่ชี าวบ้านนาของมารวมกนั ขันตัง้ ปั้นชา้ ง มา้ ววั ควาย หมู เป็ด ไก่ อย่าง 100 ชอ่ ตงุ สเี หลอื ง ดา ขาว แดง อยา่ งละ 100 ถังน้าขมิน้ สม้ ปอ่ ยทีช่ าวบ้าน เตรยี มลอ้ มด้ายสายสิญจนผ์ ู้เข้าร่วมพิธี ขณะทาพิธี นามารวมกัน
-๑๔๐- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเทิง จังหวดั เชียงรำย ๑. ช่ือข้อมูล พิธีบวงสรวงเจา้ หลวงเทงิ ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพ้ืนบ้านและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบัติเกีย่ วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล งานช่างฝีมือดัง้ เดิม การละเล่นพ้นื บ้าน กีฬาพนื้ บา้ น และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกนั ตัว ๓. รำยละเอียดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัตคิ วามเปน็ มาของข้อมูล ในพ้ืนที่หมู่ ๒๐ ตาบลเวียง อาเภอเทิง จังหวัดเชียงราย มีสถานท่ีศักด์ิสิทธ์ิประจาอาเภอเทิง คือ หอเทพยดาเจ้าหลวง ซ่ึงถึอว่าเป็นเสื้อบ้านเส้ือเมืองของเมืองเทิง เทพยดาเจ้าหลวง หมายถึง ผู้ปกครอง เมืองเทิงทุองค์จากอดีตกาลนับต้ังแต่การต้ังเมืองเทิง ซึ่งเป็นชุมชนเมืองเก่าแก่ อย่างน้อยก่อนปี พ.ศ ๑๖๓๙ หรือราวกลางพุทธศตวรรษท่ี๑๗ ตามบันทึกพงศาวดารโยนก ในทุกปีชาวเมืองเทิงจะทาพิธีบวงสรวงเข้าทรง เทพยาดาเจ้าหลวง ในวันข้ึน ๑๓ ค่า เดือน ๖ (เดือนพฤษภาคม) ก่อนวันวิสาขบูชา จุดมุ่งหมายเพ่ือสอบถาม ภาวะบ้านเมืองว่า จะอยู่ร่มเย็นเป็นสุขหรือไม่ จะได้รับเคราะห์เกิดความทุกข์ยากหรือไม่ และขอเทพยดาเจ้า หลวงค้มุ ครองปกปักษร์ กั ษาเมอื งเทิงใหอ้ ยูร่ ่วมเย็นเปน็ สุข พธิ ีน้ที ากนั มานานแลว้ มีการสบื ทอดตอ่ กนั มาเกอื บรอ้ ยปี เดมิ เรียกว่า งานเทปดาหลวง (เทพ -ปะ-ดา-หลวง) หรือเทพยดาหลวง จะเริ่มก่อนถึงวันวิสาขบูชา ๑ วัน จะมีการเตรียมล่วงหน้า แต่ก่อนมีผู้เข้าทรงเป็นผู้หญิง อยู่บ้านสัก บ้านสว่าน เป็นท่ีน่ังของเจ้าหลวง (ร่างทรง) บางแห่งเรียก ข้าวจ้าจะว่ิงมาจากบ้านของตนมายัง สถานที่ทาพิธีคือหอเทพยาดาเจ้าหลวง สมัยก่อนเครื่องบวงสรวงจะใช้กระบือดา กระบือเผือก ๑ คู่ ทาพิธีฟ้อนดาบ และมีเพชฌฆาต ฆ่ากระบือทั้งคู่ ที่หลักหน้าศาล และปรุงอาหารเล้ียง เครื่องสังเวยบูชาด้วยดอกไม้ ธูปเทียน น้ามะพร้าวอ่อน ต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ได้เปล่ียนเครื่องสังเวยเป็นไก่ และต่อมาประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ไดเ้ ปล่ียนมาเป็นขนมหวาน (ชาวบา้ นเลอื ก กวนข้าวเหนียวแดงเพราะเป็นสิ่งท่ีถนัด) และ ผลไมต้ ่าง ๆ แทน ๓.๒) ขัน้ ตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเกยี่ วกับข้อมลู ก่อนกำรทำพธิ ี เทพยดาหลวงจะเข้ารา่ งทรงก่อนหน้าพิธี ๑ อาทติ ย์ รา่ งทรงจะไปซอ่ นตัว นอนห้อง ตวั เอง ปูผา้ ขาว ถือศีล ไม่กนิ เนอ้ื สตั ว์ จะกินน้าตาล ของหวานเทา่ น้ัน ไม่ยุ่งเกีย่ วกับใครเหมือนถูกเข้าสิงรา่ ง รตู้ ัวบ้างไม่ร้บู า้ ง ถึงวันพิธี ร่างทรงเทพยดาเจ้าหลวงเทิงจะอาบน้าทาความสะอาดร่างกายและว่งิ (เวลาว่ิง จะมีคนถือ ธงสีแดงนาหน้า ท่านจะวิ่งตามธงมา) มายังสถานที่ทาพิธีท่ีหอเจ้าหลวงเทิง พอมาถึงจะมีชาวบ้านทาขันศลี รบั เชิญกนิ หมาก กินพลู เครือ่ งถวาย จะเปน็ ของหวาน (ขา้ วเหนยี วแดง ชาวบา้ นกวนเอง ณ สถานทท่ี าพิธี ) และ ผลไม้ต่าง ๆ รวมถึงน้าท่ีชาวบ้านนามาเข้าพิธี เพ่ือให้ร่างทรงของเทพยดาปลุกเสก ร่างทรงจะไหว้ครู ทาพิธี แล้วพูดคุยกับชาวบ้านที่มาเฝ้าอยู่ในหอเทพยดา ว่ามีอะไรจะถาม ชาวบ้านจะถามเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ พืชพรรณธัญหาร ตลอดไปถึงโรคภัยไข้เจ็บ เช่น ปีนี้ ข้าว ๙๙ เปอร์เซ็นต์ดี จะเสียเปอร์เซ็นต์เดียว ให้ระวัง ลูกเห็บตกหนัก แต่จะช่วยขจัดปัดเป่า แต่คงไม่ได้ทั้งหมดเพราะเป็นธรรมชาติ หลังจากนั้นชาวบ้านจะขอพร ส่วนโรคโควิดก็จะเร่ิมเจือจาง และจะหายไป ถามเสร็จร่างทรงก็จะขอกลับ ชาวบ้านจะสู่ขวัญให้และร่างทรง จะปลกุ เสกน้ามนต์ให้ใส่ถังไว้ เสร็จแลว้ ก็ว่ิงกลับบ้านที่ร่างทรงพักอาศยั เป็นอันเสร็จพธิ ี ชาวบา้ นจะมาเอาน้ามนต์
-๑๔๑- ไปพรมบา้ นเรอื น เพอื่ ให้อยู่เยน็ เปน็ สขุ เชื่อว่ามีเทพยดา (เจา้ หลวง) คมุ้ ครอง ตลอดจนอาหารทเ่ี ข้าพธิ ี ชาวบา้ น จะแบ่งกนั ไปรบั ประทานเพอ่ื เปน็ สิรมิ งคล และยังเอาด้ายสายสญิ จนท์ ่เี อามาเขา้ พิธี ไปลอ้ มบ้านเรือนตนเองเพ่ือ ปอ้ งกนั ภยั อันตรายท่มี องไม่เหน็ ๔. ชอ่ื ผู้ที่ถือปฏิบตั ิและผู้สบื ทอด ๔.๑ ผ้ทู ่ีถือปฏบิ ตั ิ ช่ือ นายพยอม โนราช (ร่างทรงคนปจั จุบนั ) ชาวบ้านเรียกวา่ เป็นทน่ี ัง่ วนั เดือน ปีเกิด 2492 ทีอ่ ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - 4.2 ผู้สืบทอด ชื่อ - วนั เดอื น ปเี กดิ - ท่ีอยู่ - หมายเลขโทรศพั ท์ - 5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ย่างแพร่หลาย เสี่ยงตอ่ การสญู หาย ไมม่ ปี ฏบิ ตั แิ ล้ว 6. รูปภำพภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม หอเจา้ หลวงเทิงสถานท่ีทาพิธี ขณะร่างทรงเทพยดา พดู คุยกับชาวบ้าน ถามเร่ืองดินฟ้าอากาศ พชื พรรณธญั ญาหาร และให้ศีลให้พร
-๑๔๒- ของหวาน ผลไม้ท่ีชาวบ้านนามาถวาย ชาวบ้านช่วยกนั กวนข้าวเหนยี วแดง ถวาย ปัจจยั ที่ชาวบ้านทาเป็นผ้าปา่ ถวายเพ่ือนาไป ชาวบา้ นทาพิธีส่ขู วัญใหร้ า่ งทรง ก่อนกลบั ดแู ลหอเจ้า หลวง เวลากลบั ก็จะมธี งแดงนาทาง
-1๔๓- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอเทงิ จังหวดั เชียงรำย ๑. ชื่อข้อมูล ประเพณีสรงน้าพระธาตจุ อมจ้อ ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏิบตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั เิ ก่ียวกับธรรมชาติและจักรวาล งานชา่ งฝีมอื ดง้ั เดิม การละเล่นพ้ืนบ้าน กีฬาพ้นื บา้ น และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกันตัว ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมูล วัดพระธาตุจอมจ้อ ตั้งอยู่ท่ีหมู่ ๒๐ ตาบลเวียง อาเภอเทิง จังหวัดเชียงราย สันนิษฐานว่าน่าจะสร้าง ในชว่ งทเี่ มอื งเทิงอยู่ในความปกครองของราชวงคม์ ังราย พจิ ารณาจากแผนทแี่ หล่งโบราณคดเี วยี งเทงิ แสดงเขต ท่ีดินกาแพงเมือง และคูเมืองเทิงโบราณของกรมธนารักษ์ จังหวัดเชียงราย ซ่ึงปรากฏหลักฐานภาพคูเมืองโอบล้อม ดอยท่ีต้ังวัดพระธาตุจอมจ้อ และมีแนวคูเมืองเชื่อมต่อไปโอบวัดพระธาตุศรีมหาโพธ์ิ และยังพบพระพิมพ์ปรกโพธิ์ เชียงแสน ปางมารวิชัย บริเวณทางทิศตะวันตกของพระธาตุจอมจ้อ ซึ่งเป็นพระพิมพ์เดียวกับพระกรุวัดประตูโขง จังหวัดพะเยา สันนิษฐานได้ว่า พระธาตุจอมจ้อคงจะเป็นโบราณสถานเก่าแก่ และมีหลักฐานเอกสารการสร้าง พระเจดีย์ไว้เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๐๐ ดังปรากฏใน “ประชุมพงศาวดาร ภาค ๑๐” จึงนับได้ว่าเป็นพระธาตุ คู่บ้านคู่เมืองเทิง มาตั้งแต่อดีต ด้วยประชาชนชาวอาเภอเทิงและอาเภอใกล้เคียงตลอดจนส่วนราชการต่าง ๆ และคณะสงฆ์ในอาเภอเทิง มคี วามเห็นโดยพร้อมเพรียงกนั ว่าวัดพระธาตจุ อมจ้อ เปน็ โบราณสถานทส่ี าคัญที่สุด ของอาเภอเทิง ทางอาเภอเทิงจึงได้จัดงานประจาปี ได้แก่งานสรงน้าพระธาตุจอมจ้อ ในวันวิสาขบูชา และ ประเพณีขึ้นธาตุ เพ่ือเป็นการราลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันเพ็ญเดือน ๖ วนั วิสาขบูชา เป็นประจาทุกปี ๓.๒) ขั้นตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเกยี่ วกับข้อมูล ก่อนถึงวันงาน ๒ วันจะมีพิธีบวงสรวงเจ้าหลวงเทิง ในวันข้ึน ๑๓ ค่าของทุกปี และวันถัดมาก็เป็น วันขึ้น ๑๔ ค่า ประชาชน พุทธศาสนิกชนก็จะจัดเตรียมสถานที่ และอาหาร เพ่ือจะนาขึ้นไปถวายพระสงฆ์ ช่วงกลางคืนก็จะมีการสวดมนต์ทาวัตรเย็น สวดมนต์เต็มพระสูตร จนใกล้สว่าง สวดเบิกแล้วทาพิธีเบิกเนตร พระพุทธรูป จากน้ันก็กระทาการประทักษิณเวียนเทียน ๓ รอบ แล้วก็เข้าถือศีลในวิหาร เช้าวันข้ึน ๑๕ ค่า วันวิสาขบูชา ประชาชนก็จะแห่เครื่องสักการะ ซึ่งประกอบด้วย พุ่มดอกไม้ พุ่มหมาก พุ่มเทียน น้าขม้ิน ส้มป่อยและผ้าห่มพระธาตุขึ้นมาบนพระธาตุจอมจ้อ โดยพร้อมเพรียงกัน ส่วนมากจะแต่งกายด้วยชุดขาว หรือชดุ พ้นื เมอื ง เร่มิ พธิ ที างศาสนา - หนว่ ยงานราชการ ประชาชน ตัวแทนแตล่ ะตาบลนาเคร่ืองสกั การะถวายองค์พระธาตุจอมจอ้ - ประกอบพธิ ีทางศาสนา/พธิ สี บื ชะตา /ถวายจตุปัจจยั ไทยทาน - ประกอบพธิ ีสรงนา้ พระธาตจุ อมจอ้ และแห่ผ้าคลุมพระธาตโุ ดยเวยี นรอบพระธาตุสามรอบ แลว้ จึงนา ขนึ้ ห่มพระธาตุ
-1๔๔- - ถวายภตั ตาหารเพลแด่พระสงฆ์ - ผู้ร่วมงานรับประทานอาหาร จะมีโรงทานจากผู้ใจบุญ มาตั้งหลายแห่ง ชมนิทรรศการ ประวัติ ความสาคัญของพุทธศาสนา และพิธสี รงนา้ ศกั ดสิ์ ิทธ์ิ ฯลฯ ช่วงบ่าย จะเป็นกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาวัด และบาเพ็ญสาธารณะประโยชน์ (ในอดีตจะมีการแข่งขัน จดุ บั้งไฟ) ช่วงเย็น กจิ กรรมปฏิบตั ธิ รรมพุทธศาสนกิ ชน รว่ มกันสวดมนต์เจรญิ สมาธภิ าวนาในวหิ าร -พธิ เี วยี นเทียน ๔. ชอ่ื ผู้ท่ีถอื ปฏิบตั ิและผู้สืบทอด ๔.๑ ผูท้ ี่ถอื ปฏิบัติ ชอ่ื ประชาชนชาวอาเภอเทิง วัน เดือน ปีเกดิ - ท่ีอยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - 4.2 ผู้สบื ทอด ชื่อ ประชาชนชาวอาเภอเทิง วัน เดอื น ปเี กิด - ท่อี ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - 5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั ิอยา่ งแพรห่ ลาย เสีย่ งตอ่ การสญู หาย ไมม่ ีปฏบิ ัติแล้ว ๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม ทำพธิ สี ืบชะตำหลวง
-1๔๕- ประธานถวายพุ่มดอกไม้ พ่มุ เทียน พ่มุ หมากพลู
-1๔๖- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเทิง จังหวดั เชยี งรำย ๑. ช่ือข้อมูล ประเพณีบุญผะเหวด ๒. ลักษณะ วรรณกรรมพืน้ บ้านและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัตเิ กี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล งานชา่ งฝมี ือดง้ั เดมิ การละเล่นพื้นบ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตวั ๓. รำยละเอียดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัตคิ วามเปน็ มาของข้อมลู “บญุ เดือน ๔ ประเพณีบุญผะเหวด” เปน็ ๑ ในฮตี ๑๒ ตามวิถีชวี ติ วัฒนธรรมของชาวอิสาน “บญุ ผะเหวด” ถือเป็น ฮีตที่ ๔ หรือเพ็ญเดือน ๔ คาว่าผะเหวด เป็นภาษาอิสานที่มาจากงานประเพณีพระเวสสนั ดรชาดกของ ภาคกลาง หรืองานบุญมหาชาติ ท่ีจัดขึ้นเพ่ือเป็นการแสดงออกในการระลึกถึงพระเวสสันดร อันเป็นพระนาม ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย ก่อนที่พระองค์จะประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และตรัสรู้ด้วย พระองค์เองเป็นศาสดาของศาสนาพุทธ พระเวสสันดรถือเป็นชาติที่สาคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นชาติท่ีพระองค์ บาเพ็ญทานบารมีอย่างใหญ่หลวง บุญผะเหวดเร่ิมมาจากในวัง หลังจากน้ันเผยความเช่อื ท่ีว่าใครได้ฟังเทศน์ ครบ ๑๓ กณั ท์ จะได้ไปเกดิ ในยคุ ของพระศรีอาริยเมตไตรย เป็นความเชื่อของคนโบราณ เน่ืองด้วยประชาชนบ้านร่องริว ส่วนใหญ่เป็นพวกท่ีย้ายถ่ินฐานมาจากภาคอิสาน มาอยู่อาเภอเทิง เป็นเวลานานพอสมควร ได้ตระหนักถึงความสาคัญในการทานุบารุงพุทธศาสนา และรักษาประเพณีวัฒนธรรม ของท้องถิ่น จึงได้จัดงานบุญเดือน ๔ ประเพณีบุญผะเหวด ข้ึนทุกปี ซึ่งได้ทากันมาตั้งแต่มาต้ังถิ่นฐานอยู่ใน อาเภอเทิง แรก ๆ ก็เป็นชาวบ้านอิสานจัดกันเอง ต่อมาก็มาการขยายงานให้มีส่วนร่วมกันมากขึ้น จนกระทั่ง องค์การปกครองส่วนท้องถนิ่ ในอาเภอเทงิ ไดจ้ ดั สรรงบประมาณในการจัดงานตง้ั แต่ปีพ.ศ ๒๕๕๓ ๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเก่ยี วกบั ข้อมูล ชาวอีสาน จะจัดทาพิธีบุญผะเหวด ปีละ ๑ ครั้ง ระหว่างเดือน ๓ เดือน ๔ ไปจนถึงกลางเดือน ๕ (เดอื น มีนาคม ต่อเมษายน)ชาวบ้านจะประชุมปรึกษาหารอื กัน ในวันที่พรอ้ ม การเตรียม ชาวบ้านจะเตรียมกันเป็นเดือนๆ สิ่งแรกคือ มาดูสถานที่ เร่ิมพัฒนาตกแต่ง ทาเคร่ืองจักสาน เอาไม้ไผ่มาสาน เป็นที่ใส่ดอกไม้ ใส่ข้าวพันก้อน ทาตุงอิสานยาวทอด้วยผ้ายาวๆทอเป็นรูปช้าง ม้า พญานาค เป็นรูปสัตว์มงคลต่าง ๆ สองสามวันก่อนวันงาน จะมีจัดสถานที่ ปักตุง จัดหาเครื่องคุรุภัณฑ์ เป็นพวก ดอกไม้ ประเพณีอิสานดอกไม้จะบานช่วงเดือน มีนา เช่นดอกจิก ดอกรัง ดอกมันปลา(ต้นกันเกลา) ไม้มงคล ดอกผักตบ ให้ได้สักพันดอก พัน ชนิด ชาวบ้านจะเอาดอกไม้ มาตากให้แห้งใส่ในเคร่ืองครุภัณฑ์ เอาไว้เป็น เคร่ืองบูชากัณฑ์เทศน์ วันงานจะมีอยู่ ๒ วัน คือ วันรวม ชาวบ้านจะมาดูสถานท่ีให้เรียบร้อย สมัยก่อนจะ นมิ นตพ์ ระต่างบ้าน มาเทศนเ์ พราะพระจะแบ่งกันเทศนเ์ ปน็ กณั ฑ์ ๆ ไปรบั มานอนคา้ งคนื รอไวเ้ ลย วนั แรกเรียก วันรวม ก็จะเป็นการแห่ดอกไม้ แห่มาจากทางป่า ทางทุ่ง เหมือนเป็นการเชิญพระเวสสันดรมาจากป่า เหตุที่ ต้องไปเชญิ ในป่าจะได้เกบ็ ดอกไม้ มาด้วย มกี ารละเล่นมาด้วย เช่นเล่นหวั ล้านชนกัน จะเอาพ่อบ้านพ่อเมืองมา แต่งเป็นพระเวสสันดร มีขบวนต่าง ๆ มาที่วัด เปิดงาน เสร็จ ช่วงบ่ายก็จะมีการเทศน์ ถ้านิมนต์พระมาเทศน์ เป็นกัณฑ์ จะเทศน์มาลัยหม่ืน มาลัยแสน สวดพระพุทธมนต์ แต่ถ้ามีการเทศน์สามธรรมมาศ จะต้องเทศน์ คาถาพัน บทน้ีต้องเทศน์ตอนเช้าก่อนไปแห่ขบวน เพราะจะไม่มีใครอยู่ไปเตรียมแห่ขบวน เมื่อแห่เข้ามาแล้ว เปดิ งานเสร็จ มีพระเจรญิ พระพุทธมนต์ เทศนม์ าลัยหมืน่ มาลยั แสน ต่อ
-1๔๗- วันท่ีสองจะเริ่ม เทศน์ตลอดทั้งวัน เริ่มจากตีสามจะมีการตฆี ้องร้องป่าว แห่ข้าวพันก้อนป้ันใส่ในขัน มาถึงกล่าวคาถวายบูชาใส่บาตรพระพุทธเจ้า เอามาใส่เครื่องจักรสานที่ทาไว้รอรับ สานเป็นลาไม้ไผ่สานเป็นกรวย มาถึงวัดก็ประมาณตี ๕ เริ่มแสดงพระธรรมเทศนา ต้องเทศน์ครบท้ัง ๑๓ กัณฑ์ ชาวบ้านจะต้องอยู่ฟังจนจบ สมัยนี้จะนิยมใช้เทศน์สามธรรมมาศ เหมือนการแสดงเทศน์โต้ตอบกัน เทศน์แหล่อิสาน ทานองสรภัญญะ จะใช้เวลาไม่นานเริ่มเทศน์หลังเที่ยง ประมาณส่ีห้าโมงก็จบ หลังจากเทศน์เสร็จจะมีการแห่กัณฑ์หลอน เข้ามา เป็นต้นเงิน เพื่อจะมาถวายพระท่ีแสดงธรรมอยู่โดยเฉพาะองค์ท่ีเทศน์ได้ไพเราะถูกใจชาวบ้าน เป็นการหลอนถวาย พระจะไมร่ ู้ตวั จะได้กันทุกรูป สมยั ก่อนกจ็ ะมีการจับฉลากใหน้ ิมนต์พระวัดไหนมาเทศน์ ดูแลทา่ นตงั้ แตว่ ันแรก จนจบ ถวายกัณฑ์หลอนถ้าจับฉลากไม่ได้ที่เทศน์พึงพอใจก็จะเอากัณฑ์หลอนมาถวายอีก สมัยน้ีพระจะไม่รอ กณั ฑ์หลอน เทศนเ์ สร็จรบั ปจั จยั กก็ ลับ กณั ฑ์หลอนก็จะเอามาบรู ณะวดั มหำเวสสันดรชำดก มีท้ังหมด ๑๓ กณั ฑ์ ประกอบดว้ ย ๑๐๐๐ พระคำถำ โดยสรปุ ยอ่ ไวด้ ังนี้ ๑. กัณฑ์ทศพร พระนางผุสดีซ่ึงจะทรงเป็นพระมารดาของพระเวสสันดร ทรงอธิษฐานขอเป็นมารดา ของผู้มีใจบุญ จบลงตอนพระนางได้รับพร ๑๐ ประการ จากพระอินทร์ อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ ผู้นั้นจะ ได้รับทรัพย์สมบัติดังปรารถนา ถ้าเป็นสตรีจะได้สามีที่เป็นที่ชอบเนื้อเจริญใจ บุรุษจะได้ภรรยาเป็นที่ต้อง ประสงคอ์ กี เชน่ เดยี วกัน จะไดบ้ ุตรหญงิ ชายเป็นคนวา่ นอนสอนง่าย มีรปู รา่ งท่งี ดงาม มีความประพฤตเิ รียบรอ้ ย ๒. กัณฑ์หิมพำนต์ พระเวสสันดรทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสัญชัย กับนางผสดี แห่งแคว้น สีวิราษฏร์ เมื่อพระเวสสันดรได้รับเวนราชสมบัติจากพระบิดา ได้พระราชทานช้างปัจจัยนาเคนทร์แก่กษัตริย์ แควน้ กลงิ คราช ประชาชนไมพ่ อใจ พระเวสสันดรจงึ ถกู เนรเทศไปอยู่ป่าหิมพานต์ อานิสงส์ของผบู้ ูชากณั ฑ์น้ีคือ ย่อมได้ส่ิงที่ปรารถนาทุกประการ คร้ันตายแล้วได้บังเกิดในสุคติโลกสวรรค์เสวยสมบัติอันมโหฬาร มีบริวาร แวดลอ้ มบารงุ จะลงมาเกิดในตระกลู ขัติยะมหาศาล อนั บรบิ รู รด์ ว้ ยทรัพย์ศฤงคารบรวิ ารมากมายนานปั การ ๓. กัณฑ์ทำนกัณฑ์ ก่อนจะเสด็จไปอยู่ป่า พระเวสสันดรได้พระราชทานสัตดกมหาทาน คือ ช้าง ม้า รถ ทาสชาย ทาสหญิง โคนม และนางสนมอย่างละ ๗๐๐ อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะบริบูรณ์ด้วยแก้วแหวน เงนิ ทอง ทาว ทาสี และสัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า คร้นั ตายแล้วจะได้ไปเกิดในสวรรคช์ ้ันฉกามาพจร มนี างเทพอัปสร แวดลอ้ มมากมายเสวยสุขในปราสาทแกว้ ๔. กัณฑ์วนปเวสน์ พระเวสสันดรทรงพาพระนางมัทรีและ พระชาลี(โอรส) พระกัณหา(ธิดา) เสด็จ จากเมอื งผ่านแคว้นเจตราษฎร์ จนถงึ เขาวงกตในป่าหิมพานต์ อานสิ งส์ของผบู้ ูชากัณฑ์นี้คือ จะไดร้ ับความสุข ทงั้ ในโลกนี้ และโลกหนา้ จะไดเ้ ปน็ กษัตริยใ์ นชมพูทวีป เปน็ ผ้ทู รงปรชี าเฉล่ียวฉลาด สามารถปราบอรริ าช ศัตรู ใหย้ อ่ ยยบั ๕. กณั ฑช์ ูชก ชชู กพราหมณ์ ขอทานไดน้ างอมิตตาบุตรสาวของเพื่อนเป็นภรรยา นางได้ขอให้ชูชกไป ขอสองกุมาร ชูชกเดินทางไปสืบข่าวในแคว้นสีวีราษฎร์ สามารถหลบหลีกการทาร้ายของชาวเมือง พบพราน บุตรบอกทางไปเขาวงกต อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ จะได้บังเกิดในตระกูลกษัตริย์ ประกอบด้วยสมบัติ งดงามกว่าคนท้ังหลาย จะเจรจาปราศรัยไพเราะเสนาะโสต แม้จะได้สามี ภรรยา และบุตรธิดาก็ล้วนแต่มีรูป งดงาม สอนงา่ ย ๖. กัณฑ์จุลพน ชูชกเดินทางไปจนถึงท่ีอยู่ของอัจจุตฤาษี อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ แม้จะเกิด ในปรภพใด ๆ จะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติบริวาร จะมีอุทธยานอันดารดาษด้วยไม้หอม แล้วจะมีสระโบกขรณี อันเตม็ ไปดว้ ยประทมุ ชาติ คร้นั ตายไปแลว้ กไ็ ด้เสวยทิพยส์ มบัตใิ นโลกหนา้ สบื ไป ๗. กัณฑ์มหำพน ชูชกลวงอัจจุตฤาษี ให้บอกทางไปยังที่ประทับของพระเวสสันดร อานิสงส์ของ ผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ จะเสวยสมบัติในดาวดึงส์ เทวโลก แล้วจะได้ลงมาเกิดเป็นกษัตริย์มหาศาล มีทรัพย์ศฤงคาร บริวารมากมี อุทยานและสระโบกขรณีเป็นท่ีประพาส เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยศักดานุภาพ เฟื่องฟุ้งไปท่ัวชมพูทวีป อีกจักได้เสวยอาหารทิพยเ์ ป็นนิตยน์ ิรันดร
-1๔๘- ๘. กัณฑ์กุมำร ชชู กทลู ขอสองกุมาร ทุบตสี องกุมาร เฉพาะพระพักตร์ของพระเวสสนั ดร แลว้ พาออก เดินทาง อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑน์ ้ีคือ ย่อมประสบผลสาเร็จในสงิ่ ท่ปี รารถนา ครน้ั ตายไปจะได้ไปเกิดในสวรรค์ ชนั้ ฉกามาพจรในสมัยท่ีพระศรอี ารยเมตไตรมาอุบตั ิกจ็ ะได้พบศาสนาของพระองค์ ตลอดจนได้สดบั ตรับฟัง พระธรรมเทศนาแล้วบรรลุพระอรหนั ตผลพร้อมด้วยปฏสิ มั ภทิ าทงั้ ๔ ด้วยบุญราศีท่ีได้อบรมไว้ ๙. กัณฑ์มัทรี พระนางมัทรีเสด็จกลับจากหาผลไม้ในป่า ออกติดตามสองกุมารตลอดคืน จนถึงทรง วิสัญญี (สลบ) เฉพาะพระพัตรของพระเวสสันดร เมื่อฟื้นแล้วพระเวสสันดรตรัสเล่าความจริงเก่ียวกับส อง พระกุมาร พระนางทรงอนุโมทนาด้วย อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ เกิดโลกหน้าจะเป็นผู้มีความมั่งค่ัง สมบูรณ์ด้วยทรัพยส์ มบัตเิ ปน็ ผมู้ อี ายยุ นื ยาว ประกอบดว้ ยรปู โฉมงดงามกวา่ คนท้ังหลาย จะไปในทใ่ี ดกจ็ ะมแี ตค่ วามสขุ ๑๐. กัณฑ์สักกบรรพ พระอินทร์เกรงว่าจะมีผู้มาขอนางมัทรี จึงแปลงเป็นพราหณ์ชรามาทูลขอ นางมทั รแี ลว้ ฝากไว้กับพระเวสสนั ดร อานิสงส์ของผบู้ ูชากัณฑ์นี้คือ จะเป็นผูเ้ จรญิ ดว้ ยลาภยศตลอดจนจตุรพิธพร ท้งั ๔ คอื อายุ วรรณะ สขุ ะ พละ ๑๑. กัณฑ์มหำรำช ชูชกเดินทางไปถึงแคว้นสีวีราษฏร์ พระเจ้ากรุงสญชัย ทรงไถ่สองกุมาร ชูชก ได้รับพระราชทานเลี้ยง กินจนท้องแตกตาย อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ จะได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ เม่ือเกิดเป็นมนุษย์จได้เป็นพระราช เม่ือจากโลกนี้ไปก็จะไปเสวยทิพยสมบัติ ครั้นบารมีแก่กล้า ก็จะไดน้ ิพพานสมบตั อิ ันตัดเสียซึ่งชาติ ชรา พยาธิ มรณะ ๑๒. กัณฑ์ฉกษัตริย์ กษัตริย์แคว้นกลิงคราช คืนช้างปัจจัยนาเคนทร์ พระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดีร พระชาลี พระกัณหา เสด็จทูลเชิญพระเวสสันดร พระนางมัทรี กลับคืนพระนคร เม่ือกษัตริย์ท้ังหกพระองค์ พบกันทรงวิสัญญี (สลบ) ต่อมาฝนโบกขรพรรษตก จึงทรงฟ้ืนข้ึน อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้เป็น ผ้ทู เ่ี จรญิ ด้วยพร ๔ ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทกุ ๆชาติ ๑๓. นครกัณฑ์ กษัตริย์ท้ังหกพระองค์เสด็จกลับพระนคร พระเวสสันดรได้ครองราชย์ด่ังเดิม บ้านเมืองสมบูรณ์พูนสุข จนพระชนมายุได้ ๑๒๐ พรรษา จึงเสด็จสวรรคาลัย อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ จะเป็นผู้บริบูรร์ด้วยวงศาคณาญาติ ข้าทาสชาย-หญิง ธิดา สามีหรือบิดา มากดา อยู่พร้อมหน้ากันด้วยความผาสุก ปราศจากโรคาพยาธิ ทง้ั ปวง จะทาการใดกพ็ รอ้ มเพรียงกนั ยังการงานนัน้ ๆ ให้สาเร็จลลุ ว่ งไปดว้ ยดี ๔. ชอื่ ผทู้ ่ีถือปฏิบตั แิ ละผู้สืบทอด ๔.๑ ผู้ทถ่ี อื ปฏิบัติ ช่อื ประชาชนชาวบา้ นรอ่ งรวิ วัน เดอื น ปเี กดิ - ทีอ่ ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผู้สืบทอด ช่อื พระครปู ญั ญากิตตโิ ชติ เจ้าอาวาสวดั ร่องริว รองเจา้ คณะตาบลเวียง เขต 2 วนั เดือนปีเกิด 2520 (22 พรรษา) ทอี่ ยู่ วดั ร่องริว ตาบลเวียง อาเภอเทิง จงั หวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ - 5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย เส่ียงต่อการสญู หาย ไม่มปี ฏิบตั ิแล้ว
-1๔๙- ๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม บรรยายกาศการเตรยี มงาน วนั งาน ขบวนแห่ พระเวสสสันดร
-1๕๐- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอแม่จนั จังหวัดเชียงรำย ๑. ชื่อข้อมลู แพทย์พ้นื บ้านล้านนา พิธีกรรมบาบดั (จิตบาบดั ) ๒. ลักษณะ วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏิบตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ตั ิเกยี่ วกับธรรมชาติและจกั รวาล งานช่างฝีมือดัง้ เดิม การละเลน่ พน้ื บ้าน กีฬาพืน้ บ้าน และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตวั ๓. รำยละเอยี ดข้อมูล ๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมลู เร่ิมเรียนรู้จากตารา จากพระธุดงค์ และจากชมรมหมอเมืองโดยการถ่ายทอดและศึกษาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการประกอบพิธีตามวิถชี วี ติ ที่สืบทอดกนั มาแต่บรรพชน โดยมที งั้ สว่ นทกี่ ระทาเพื่อตรวจสอบ เหตปุ จั จัย แห่งปัจจัยแห่งความไม่สบายและทาการบาบัดบรรเทา กระทาเพ่ือการขจัดปัดเป่าและบาบัดรกั ษา กระทาเพ่ือ สร้างขวัญและกาลังใจกระทาเพ่ือการเจรญิ สติและทาใจให้พร้อมรับสภาพความจริง และส่วนท่ีกระทาเพื่อเป็น สริ ิมงคลและบนั ดาลให้เกดิ ความสงบรม่ เยน็ ซง่ึ จะแยกกลา่ วที่ละกลมุ่ ดงั นี้ กำรดเู มอ่ื และกำรทำนำยฤกษย์ ำม การรักษาโรคด้วยพิธีกรรมบาบัดด้านการทานาย–ฤกษ์ยาม เป็นพิธีกรรมสืบทอดมาเป็นเวลาช้านาน เพื่อดูแลสุขภาพของคนล้านนา เป็นการค้นหาหรือทานายทายทักหาปัญหาของคนท่ีเจ็บป่วยและเพื่อหาฤกษ์ ยามในการทาพิธีกรรมต่าง ๆ ให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติในวิถีชีวิตหรือประกอบพิธีกรรมอ่ืน ๆ ให้อยู่เย็น เป็นสุข พ้นจากภยันตรายจากโรคภัยไข้เจ็บอันตรายต่าง ๆ พิธีกรรมทานาย-ฤกษ์ยามนี้เป็นการรวมองค์ความรู้ จากหมดพนื้ บา้ นลา้ นนา ซ่ึงสามารถใชเ้ ป็นแนวทางในการศึกษาเรียนรู้และนาไปใช้ประโยชน์ได้ กลุ่มขจัดปัดเปำ่ การแก้ไขปัญหาสุขภาพด้วยพิธีกรรมบาบัดในด้านการขจัดปัดเป่า ซ่ึงมักจะทาหลังจากการดูหมอ ดู เมื่อ ทานายทายทัก และตรวจวินิจฉัยจนรู้เหตุแห่งโรคแล้ว หากมีเหตุและอาการตรงตามตาราก็จะต้อง ประกอบพิธีกรรมเพือ่ บาบัดบรรเทา ๓.๒) ขั้นตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกย่ี วกบั ขอ้ มลู - ตดิ ตอ่ ประสานงานกับสภาวัฒนธรรมตาบลปา่ ซาง เพื่อรวบรวมขอ้ มูลเบื้องต้น - ลงพื้นท่จี ดั เก็บขอ้ มลู ประวัติความเป็นมาของข้อมลู ช่ือผู้ท่ถี ือปฏบิ ัติและผ้สู ืบทอด สถานการณ์คงอยู่ และรปู ภาพต่าง ๆ
-1๕๑- ๔. ช่ือผ้ทู ่ีถอื ปฏิบัติและผสู้ บื ทอด 4.๑ ผทู้ ่ีถือปฏิบตั ิ ช่ือ นายสงิ หค์ า ยอดมูลดี วนั เดอื น ปเี กิด 15 กรกฎาคม 2490 ทอ่ี ยู่ 167 หม่ทู ี่ 11 ตาบลปา่ ซาง อาเภอแมจ่ ัน จังหวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศพั ท์ 081 366 5577 4.2 ผู้สืบทอด ช่ือ - วนั เดือน ปเี กดิ - ทอี่ ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอยา่ งแพร่หลาย เสยี่ งต่อการสูญหาย ไมม่ ปี ฏิบัตแิ ล้ว ๖. รูปภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม
-1๕๒- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอพญำเมง็ รำย จงั หวดั เชียงรำย ๑. ชื่อข้อมลู แหน่ างแมวขอฝน ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรู้และการปฏิบัตเิ กย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล งานชา่ งฝมี ือด้งั เดิม การละเลน่ พน้ื บ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตวั ๓. รำยละเอยี ดข้อมลู ๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของขอ้ มูล การประกอบอาชีพทางเกษตรกรรมในสมัยก่อน ต้องพ่ึงพาสภาพดิน ฟ้า อากาศ ซ่ึงเป็นไปตาม ธรรมชาติ ถ้าปีไหนฝนดีข้าวกล้าในนาก็เจริญงอกงาม หากปีใดฝนแล้ง หรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าในนาก็จะเสียหาย ไม่มีน้าจะทานา ชาวบ้านไม่มีวิธีอื่นใดท่ีจะช่วยได้ จึงพ่ึงพาสิ่งเหนือธรรมชาติต่าง ๆ เป็นตน้ ว่าทาพธิ ขี อฝนโดยการแห่นางแมว เปน็ กุศโลบายเช่อื ว่าหากกระทาเชน่ นัน้ แลว้ จะชว่ ยให้ฝนตกมาได้ ๓.๒) ขนั้ ตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเกยี่ วกบั ข้อมลู การแห่นางแมวขอฝนของชาวบ้านหว้ ยก้างนาล้อม จะทาในปีท่ีมฝี นตกล่าชา้ พิธเี ริม่ ตง้ั แตเ่ วลาบา่ ยโมง จนมืดค่า ชาวบ้านจะนาชะลอมเข่ง หรือตะกร้ามาตกแต่งให้สวยงาม แล้วจับแมวตัวเมีย ใส่ไว้ในชะลอมเข่ง หรือตะกร้า เอาฝาปิดให้แน่น เอาไม้คานสอดเข้าสองข้างแล้วหาบไป มีคนแห่แวดล้อม มีนางแมวคนหนึ่งถือ พานนาหน้าร้องราเชิญให้ทุกคนมาร่วมพิธีขอฝน นอกนั้นก็มีเครื่องดนตรีประกอบเพลงไปด้วยเป็นคณะ เช่น กลอง กรับ ฉ่งิ เมื่อเคล่ือนขบวนออกเดนิ ตา่ งก็ร้องบทแห่นางแมว ซง่ึ มีขอ้ ความคล้ายกนั หรือเพีย้ นแตกต่าง กันบ้าง แห่ไปตามละแวกบ้านจนท่ัวแล้วก็กลับ หากขบวนแห่เคลื่อนผ่านหน้าบ้านใคร เจ้าของบ้าน ก็จะเอาภาชนะตักน้ามาสาดรดแมวในชะลอมเข่งหรือตะกร้าท่ีใส่แมวขังไว้ และชาวบ้านก็จะให้ส่ิงของเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นรางวัลแก่คณะแห่ เช่น ข้าวปลาอาหาร ไข่ ขนมคบเค้ียว น้าด่ืมต่าง ๆ หรืออาจเป็นเงินสดใส่พาน ใหก้ บั คณะแห่ จากนัน้ กเ็ คลือ่ นขบวนแห่ไปเรื่อย ๆ บางคนนึกสนุกกม็ าร่วมร้องราตามขบวนไปจนกว่าจะเย็นค่า และเลกิ ขบวนไปในทีส่ ุด เนอื่ งจากทาพิธีชว่ งอากาศรอ้ นสดุ ฝนจึงตกลงมาในวันน้นั ทาให้พิธีดูขลงั มากขึน้ เพลงแห่นางแมว มเี น้ือรอ้ ง ดังน้ี “นางแมวเอ๋ย ขอฟ้าขอฝน ขอนา้ มนั ตร์ ดแมวข้าบา้ ง คา่ เบี้ยคา่ จา้ ง ค่าหาแมวมา ถา้ ไม่ให้กินปลา ขอใหป้ ูกัดขา้ ว ถา้ ไมใ่ ห้กินข้าว ขอให้ขา้ วตาฝอย ถา้ ไม่ใหก้ นิ อ้อย ขอใหอ้ ้อยเป็นแมง ถ้าไมใ่ ห้กินแตง ขอให้แตงคอขอด ถา้ ไม่ให้นอนกอด ขอให้มอดเจาะเรอื น ถ้าไมใ่ หน้ อนเพือ่ น ขอให้เรือนทลาย แมย่ ายหอยเอย กะพึ่งไขล่ ูก ลกู ไมจ้ ะถกู ลูกไมจ้ ะแพง ฝนตกพรา ๆ มาลากระแชง ฝนตกเข้านอ้ ย มาย้อยชายคา ฝนตกเขาหลวง เปน็ พวงระยา้ ไอเ้ ล่ เหล เล่ ฝนก็เทลงมา เอา้ ฝนกเ็ ทลงมา เอา้ ฝนก็เทลงมา ๆๆๆๆๆ” การทาพิธีกรรมแห่นางแมว เพราะมีความเช่อื ว่าแมวเป็นสัตว์ท่ีกลัวน้า จึงเป็นตัวที่ทาให้เกิดความแห้ง แล้ง ฝนไม่ตก จงึ ต้องจับแมวมาตระเวนแห่และให้ผู้คนตกั น้ารด สาดราดแมวจนแมวเปยี กหนาวส่ัน เพ่ือทาลาย ความเป็นตวั แล้งให้หมดไป
-1๕๓- ๔. ชื่อผู้ท่ีถอื ปฏิบตั ิและผู้สบื ทอด ๔.๑ ผู้ทีถ่ อื ปฏิบตั ิ ชอ่ื นายสงค์ อ่ินคา วัน เดือน ปเี กดิ 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2489 ที่อยู่ 50 หมู่ 5 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเม็งราย จังหวดั เชียงราย ๔.๒ ผู้สืบทอด ชื่อ นายประเสรฐิ มะโนตบิ๊ วัน เดือน ปเี กิด 16 เมษายน 2497 ทอี่ ยู่ 44 หมู่ 5 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเม็งราย จงั หวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 096 - 8940385 ๕. สถำนะกำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ยา่ งแพร่หลาย เส่ยี งต่อการสญู หาย ไมม่ ีปฏบิ ตั ิแลว้ ๖. รปู ภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม
-1๕๔- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอพญำเม็งรำย จงั หวัดเชียงรำย ๑. ชื่อข้อมูล การเลีย้ งผเี จ้าท่ี ๒. ลักษณะ วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัติเกีย่ วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล งานชา่ งฝมี อื ดัง้ เดิม การละเล่นพืน้ บา้ น กีฬาพน้ื บา้ น และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตัว ๓. รำยละเอียดข้อมลู ๓.๑) ประวัติความเป็นมาของข้อมลู ในอดีต มนษุ ยม์ คี วามเชอ่ื ว่า ความสุขหรอื ความทุกขท์ ่ีไดร้ ับเกดิ จาก การกระทาของวญิ ญาณ วญิ ญาณ หรือผีที่นบั ถือของคนในแต่ละทอ้ งที่น้ัน อาจแตกตา่ งกันออกไปตามชาติพนั ธแ์ุ ละความเชอ่ื เชน่ การนบั ถือ ผเี จา้ ท่ี ผีเจ้านาย ผีป่า ผีบ้าน หรือผีบรรพบุรุษ ซึ่งผู้ท่ีนับถือผีเชื่อว่า ดวงวิญญาณบรรพบุรุษสามารถให้ คุณหรือให้ โทษแก่ลูกหลานได้ จึงก่อให้เกิดพิธีกรรมหรือธรรมเนียมในการแสดงออกต่อผีหรือ วิธีการบวงสรวงเซ่นไหว้ เพือ่ ให้ผพี อใจและช่วยปกปักรักษาลูกหลานให้มีความสุข หลายคนอาจเคยเข้าใจผิดว่า ศาลเจ้าที่และศาลพระภูมิเป็นศาลเดียวกันมาตลอด แต่จริง ๆ แล้วศาล ทั้ง 2 ประเภทมคี วามแตกตา่ งกนั ดังนี้ 1. ศำลเจ้ำที่ คือ การสร้างสถานที่และอัญเชิญวิญญาณเจ้าท่ีเจ้าทาง ซ่ึงเคยเป็นเจ้าของที่ด้ังเดิมท่ีมี ความผูกพนั กบั พ้นื ทน่ี น้ั ใหม้ าช่วยดูแลและปกปักรกั ษาบา้ นเรือน เจา้ ทแี่ บง่ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ - เจา้ ทแี่ ท้ : เจ้าของที่เดิมท่ไี มย่ อมไปเกิดใหม่ ซ่ึงจะคอยปกปกั รกั ษาทข่ี องตนเองอยอู่ ย่างนั้น - เจ้าท่ีจร : คือวิญญาณเร่ร่อนที่อยู่โดยรอบบริเวณพื้นที่น้ัน ๆ ดังนั้นก่อนการตั้งศาลเจ้าที่จึง จาเป็นต้องมีอาจารย์ตั้งศาลมาตรวจดูว่า มีวิญญาณเจ้าที่อยู่ในบริเวณนั้นหรือไม่ มิเช่นนั้นศาลเจ้าท่ีต้ังไว้จะ กลายเปน็ ศาลว่างเปลา่ ไม่มีวญิ ญาณคอยดแู ล ลักษณะของศาลเจ้าที่มักจะเป็นเรือนที่มีฐานใหญ่กว่าศาลพระภูมิ อยู่ในระดับความสูงเพียง ครง่ึ หน่ึงของศาลพระภมู ิ ภายในจะมรี ปู ปน้ั ตา-ยาย หรือท่คี นท่วั ไปเรยี กกนั ว่า ศาลตา-ยาย นั่นเอง 2. ศำลพระภูมิ คอื สถานทส่ี าหรับพระชัยมงคลหรือเทพที่คอยปกปกั รักษาบา้ นเรือน ซ่งึ เชอ่ื กันวา่ การ กราบไหว้บูชาพระชยั มงคลจะทาให้บา้ นหลงั นั้นอยู่เย็นเป็นสุข คลาดแคลว้ จากอันตราย มีความเป็นสิริมงคล และสามารถขอพรใหเ้ รื่องต่าง ๆ ดาเนินไปได้ด้วยดี ศำลเจ้ำท่ี ต้องต้งั ใหถ้ ูกตาแหนง่ มิเชน่ น้นั อาจจะเกิดผลไม่ดีตามมา หรอื หากไมม่ ีพน้ื ที่ที่เหมาะใน การตง้ั ศาลกไ็ มค่ วรต้ังก็ได้ ให้แกด้ ว้ ยการไหวเ้ จา้ ทีก่ ลางแจ้ง ส่วนหลกั การตั้งศาลเจา้ ที่มีข้อกาหนดดังต่อไปนี้ - พืน้ ท่นี ัน้ จะต้องสะอาด ไม่มีสิง่ กีดขวางด้านหนา้ ศาล - ไม่ตง้ั หลบมุมจนมองไมเ่ หน็ - ตง้ั ให้ตรงกับประตทู างเขา้ บ้าน - ห้ามหนั หนา้ หรอื ตงั้ ใกลบ้ ริเวณหอ้ งน้า - ห้ามต้งั ไวใ้ ต้บันได เพราะเป็นพน้ื ที่สัญจรทาให้ไม่สงบ - ต้องไม่ตง้ั ให้อยูใ่ ตค้ านบ้าน มิเชน่ นน้ั ความศักดขิ์ องเจา้ ทจ่ี ะลดลง
-1๕๕- พิธีกรรมการเลยี้ งผีเจ้าที่ เป็นพิธีกรรมท่ียดึ ถือปฏิบัติกันมาของคนภาคเหนือ แม้ว่าการดาเนนิ ชวี ิตของ คนในหม่บู ้านจะราบร่ืนไม่ประสบปัญหาใด ๆ แต่ก็ยงั ไม่ลมื บรรพบรุ ุษที่เคยชว่ ยเหลือให้มีชวี ิตท่ปี กตสิ ุขมาต้ังแต่ รุ่นปู่ย่าตายาย ยังคงพบเรือนเล็ก ๆ หลังเก่าตั้งอยู่กลางหมู่บ้านเสมอ เรียกว่า “หอเจ้าท่ีประจาหมู่บ้าน” หรือ “ศาลเจ้าท่ี” เมื่อเวลาเดินทางไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ในชนบท ความเชื่อดังกล่าวส่งผลให้ขนบธรรมเนียม ประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พ่ออุ๊ย-แม่อุ๊ย เม่ือไปวัดฟังธรรมก็จะประกอบพิธีเลี้ยงผี คือ จัดหาอาหาร คาว-หวาน เซ่นไหว้ สังเวยผีปู่ย่าด้วย แม้ปัจจุบันการนับถือผีท่ีอาจเปลี่ยนแปลงและเหลือน้อยลง แต่อย่างไร ก็ตามชาวบา้ นในชุมชนยงั คงมีการปฏิบตั ิพิธีกรรมการเล้ียงผีกันอยู่ ชาวบ้านไม้ยาสันโค้ง หมู่ 7 มีความคิดและเช่ือว่าการต้ังศาลเจ้าท่ีประจาหมู่บ้าน เกิดจากที่ชาวบ้าน มคี วามคดิ เหน็ ไมต่ รงกนั มกั มีความขัดแย้งกันอยู่เสมอ ผู้นาชุมชนในตอนนัน้ คอื ผู้ใหญ่จรัล อารนิ ทร์เปง็ ร่วมกนั ปรึกษาหารือกับชาวบ้าน ให้มีการจัดตั้งศาลเจ้าที่ประจาหมู่บ้านขึ้น เพื่อเป็นสิ่งยึดเหน่ียวจิตใจของชาวบ้านใน ชมุ ชนและหมูบ่ า้ นใกลเ้ คยี ง เปน็ ตน้ มา ๓.๒) ขนั้ ตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเก่ยี วกบั ข้อมูล วิธีกำรไหว้เจำ้ ที่ การไหว้ศาลเจ้าท่ีจะต้องทาความสะอาดสถานท่ีบริเวณในทุก ๆ เช้า ส่วนของไหว้เจ้าที่ ได้แก่ พวงมาลัยดอกไม้สด น้าเปล่า ผลไม้ และอาหารคาว-หวาน และจุดธูปไหว้เจ้าที่ 5 ดอก พร้อมกับกล่าวคาไหว้ เจ้าที่หรือคาถาไหว้เจ้าที่ ถ้าจะให้ดีควรเปล่ียนของไหว้เจ้าที่ทุกวันด้วย และอย่าลืมทาความบริเวณศาลเจ้าท่ี ด้วยถึงจะได้ผลดี โดยปกติแล้วการไหว้เจ้าท่ีท้ังศาลพระภูมิและศาลเจ้าท่ีจะไหว้พร้อม ๆ กัน การสักการะ กราบไหว้ศาลพระภูมินั้นจะต้องทาทุกเช้าก่อนออกจากท่ีพักอาศัย ให้เตรียมจุดธูปบูชา 5 ดอก เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัยสด ถวายน้าเปล่า และอาหารคาว-หวาน ซ่ึงอาหารคาว-หวานและผลไม้น้ันจะต้องผลัดเปลี่ยน หมนุ เวียนภายในอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรอื ไม่เดือนละ 2 ครัง้ มาสวดมนตแ์ ละขอพรเพื่อความเป็นมงคล หลงั จาก ไหวเ้ สร็จกส็ มควรทาความสะอาดบรเิ วณศาลด้วยก็จะยง่ิ ดี สาหรับบ้านท่ีไม่มีศาลเจา้ ที่ แต่เจ้าของบ้านต้องการไหว้เจ้าท่ี เพื่อให้เกิดความสบายใจก็สามารถทาได้ ด้วยการนาโต๊ะขนาดพอดีมาต้ังไว้หน้าบา้ น โดยหันหน้าเข้าหาบ้าน หรือบางคนอาจจะวางไว้กลางบ้านเลยกไ็ ด้ จากน้ันนากระถางธูปพร้อมของไหวเ้ จา้ ท่ีมาวางไว้ เพ่ือสกั การะกราบไหว้ใหท้ ่านดูแลรักษาพ้ืนทแี่ ห่งนี้ ๔. ช่ือผูท้ ่ีถอื ปฏิบตั ิและผูส้ ืบทอด ๔.๑ ผ้ทู ่ถี อื ปฏบิ ตั ิ ช่ือ ชาวบ้านไม้ยาสันโคง้ หมู่ 7 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชยี งราย วนั เดือน ปีเกดิ - ท่อี ยู่ หมู่ 7 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผูส้ ืบทอด ชอื่ ชาวบ้านไม้ยาสันโค้ง หมู่ 7 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จังหวดั เชียงราย วัน เดือน ปีเกิด - ที่อยู่ หมู่ 7 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั อิ ยา่ งแพร่หลาย เสีย่ งตอ่ การสูญหาย ไมม่ ปี ฏิบัติแลว้ ๖. รูปภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม
-1๕๖- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเวียงแกน่ จังหวัดเชียงรำย ๑. ช่ือข้อมูล การแต่งกายชาตพิ นั ธุ์ขมุ ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏบิ ตั ทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล งานช่างฝมี ือด้ังเดมิ การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพืน้ บา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตวั ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมูล เครอ่ื งแต่งกายของชาวขมนุ ั้นส่วนใหญ่แล้วยังคงมีความเชื่อที่เช่ือมโยงกับถน่ิ ฐานบ้านเกดิ เดิมอยู่นั่นคือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ชาวขมุไม่มีวัฒนธรรมในการทอผ้าเอง ผ้าของเครื่องแต่งกายไม่ว่าจะ เป็นชายหรือหญิง ผู้ใหญ่หรือเด็ก จะเป็นพื้นสีดา นิยมเสื้อผ้าสีดาหรือสีกลมเข้ม ผู้หญิงมักจะใช้ซิ่นลายขวาง แบบไทลื้อ สวมเสื้อผ้าหนา สีน้าเงินเข้มตัวสั้นสาบเสื้อมักนิยมใช้ผ้าแถบสีแดงประดับโดยเหรียญเงิน โดยเหรียญเงนิ เป็นเหรยี ญทตี่ ีข้ึนเองหรือเหรยี ญที่มีตราของฝรงั่ เศสโดยนามาจากสปป.ลาวซง่ึ เปน็ ถิ่นฐานด้ังเดิม กอ่ นอพยพมายงั บา้ นห้วยเอยี น ส่วนเครอ่ื งประดับอ่ืน ๆ ก็จะเปน็ ใสก่ าไลเงินที่คอ และกาไลข้อมือ โพกผา้ สีขาว หรอื สแี ดง ชาวขมุผ้ชู ายปัจจบุ ันมกี ารแต่งกายท่ไี ม่ต่างจากคนพนื้ เมือง มักใส่ชดุ เคร่อื งแตง่ กายเฉพาะงานประเพณี ท่ีสาคัญเท่าน้ัน เป็นสัญลักษณ์ของชาวขมุท่ีมาจากแถบห้วยทราย หลวงพระบาง ในแง่ความหมายของ สญั ลักษณส์ แี ดงนน้ั หมายถงึ การรวมเลือดเน้ือหรอื ความสามคั คีกันนน่ั เอง แม้ว่าปัจจุบันการแต่งกายทั้งชายและหญิงของชาวขมุจะเปล่ียนแปลงไป โดยหญิงชาวขมุร้อยละ 95 มีการแต่งกายตามแบบสมัยนิยม ส่วนชายชาวขมุมีการเปล่ียนแปลงไปแต่งกายตามสมัยนิยมแบบชาวพ้ืนเมือง ภาคเหนือแบบสมบูรณ์หรือร้อยละ 100 เพราะชาวขมุในประเทศไทยถือว่าเป็นคนไทยสัญชาติไทยแต่มี เชื้อสายขมุ การไปติดต่อสัมพนั ธ์กับชนพืน้ ราบหรือทางการมกั ดาเนินไปบนฐานของการเปน็ ชนชาตเิ ดียวกนั แต่ “อัตลักษณ์” ของชาวขมุจะแสดงออกผ่านเคร่ืองแต่งกายที่ยังปรากฏใหเ้ ห็นกันอยู่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปี ใหม่ ท่ีจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคมของทุกปีพ้ืนท่ีการแสดงออกอย่างเด่นชัดในช่วงเทศกาลนั้น กลายเป็น พ้ืนท่ีทางสังคมของชาวขมุที่สามารถขนเอาวัฒนธรรมด้ังเดิมที่เป็นอยู่และเลือกที่จะแสดงออกมาบาง สถานการณ์ เพ่อื เปน็ การส่งเสรมิ ให้เกดิ ความสามัคคแี ละการไมล่ ืมรากเหง้าตัวตนของตวั เอง ๓.๒) ขนั้ ตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเก่ียวกับข้อมูล การสอบถามจากผู้มีความรู้และประสบการณ์
-1๕๗- ๔. ชอ่ื ผทู้ ี่ถอื ปฏิบัตแิ ละผ้สู บื ทอด ๔.๑ ผูท้ ่ีถอื ปฏิบัติ ช่ือ นายนพพล เชือ้ น้อย วนั เดอื น ปีเกดิ - ท่ีอยู่ หมู่ ๖ ตาบลหล่ายงาว อาเภอเวียงแกน่ จังหวดั หมายเลขโทรศัพท์ ๐๖๒ ๒๔๘ ๖๘๕๙ ๔.๒ ผู้สบื ทอด ช่อื - วนั เดือน ปีเกดิ - ท่อี ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั ิอยา่ งแพรห่ ลาย เส่ยี งตอ่ การสูญหาย ไม่มีปฏิบัติแลว้ ๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม ชดุ แต่งกายชาติพนั ธุ์ขมุ จะเปน็ พื้นสดี าหรือสกี ลม เขม้ ผู้หญิงมักจะใช้ซ่ินลายขวางแบบไทลือ้ สวมเส้อื ผา้ หนา สีนา้ เงินเข้มตัวสนั้ สาบเสื้อมกั นิยมใช้ผ้าแถบสีแดง โพกผ้าสีขาว หรือสีแดง ชาวขมผุ ูช้ ายปจั จบุ นั มกี ารแต่งกายทไี่ ม่ต่างจากคน พื้นเมือง มักใส่ชดุ เครอ่ื งแตง่ กายเฉพาะงานประเพณีท่ี สาคญั เทา่ นน้ั ลกั ษณะเสอื้ พืน้ สีดา แทบสแี ดง ลักษณะผา้ ถงุ ของชาติพันธุข์ มุ ลักษณะการโพกหัวด้วยผ้าสแี ดง
-1๕๘- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอเวียงชยั จงั หวัดเชียงรำย ๑. ช่ือข้อมูล การทาบายศรี ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏิบัตทิ างสังคมพธิ กี รรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ตั ิเก่ยี วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล งานช่างฝีมือดัง้ เดมิ การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการตอ่ สู่ป้องกันตัว ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล ๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมูล บายศรีภาคเหนือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นท่สี ืบทอดกันมาแต่โบราณนิยมใช้ในพธิ ีสู่ขา้ วเอาขวัญ ฮอ้ งขวัญ หรือสู่ขวัญ ใช้กับบุคคลธรรมดาท่ัวไป เรียกว่า การฮ้องขวัญ หรือ สู่ขวัญ ประเพณีบายศรีสู่ข้าวเอาขวัญ หรือ การฮ้องขวัญของภาคเหนือเป็นประเพณีมงคลท่ีต้องการให้ผู้ได้รับการทาบายศรีมีความสุขสวัสดี เพราะขวัญ ได้รับการผูกไว้ไม่ให้หนีไปไหน คนที่มีขวัญอยู่กับตัวย่อมเป็นคนมีกาลงั ใจดี มีสภาพจิตใจม่ันคงเข้มแข็ง ในสมัย โบราณ จึงให้ทาการสู่ข้าวเอาขวัญหรือฮ้องขวัญ พิธีกรรมในการสู่ข้าวเอาขวัญหรือฮ้องขวัญน้ัน ปู่อาจารย์จะ เป็นเจ้าพิธีหรือผู้ทาพิธี โดยนาบายศรีมาวางตรงหน้าผู้รับการเรียกขวัญ เพ่ือปัดเคราะห์ไล่เสนียดจัญไร แล้ว กล่าวประวัตผิ ู้ได้รับการทาบายศรีเรียกขวัญ ๓๒ ขวัญ มัดมือให้โอวาทแก่ผรู้ ับบายศรี แล้วอวยพร จากนั้นผู้รบั บายศรีมอบของแกป่ ่อู าจารย์ นางละเอียด ปันแปง เป็นผู้มีความช่ืนชอบในศิลปะพื้นบ้านหลายแขนงมาตั้งแต่เด็ก ฝักไฝ่ในการ สืบสานศิลปะพื้นบ้านล้านนาหลายสาขา ช่วยเหลืองานกิจกรรมในชุมชน มาโดยตลอด มีความเชี่ยวชาญด้าน การประดษิ ฐ์บายศรที ุกชนิด โดยได้ศึกษาเรียนร้สู ืบทอดมาต้ังแต่เป็นเด็กและ ปฏบิ ัติสืบต่อเร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน ๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกี่ยวกับขอ้ มูล ข้ันตอน/วิธที ำ 1. เอาใบตองท่ีมีลกั ษณะแก่หรืออ่อนท่ีสุด เพราะจะทาใหเ้ วลาขดั น้ามันมะกอกมสี ที ่เี งางาม 2. นาใบตองแลว้ ไปเช็ดทาความสะอาด แล้วนาตองไปแช่ในน้า 3. เอาใบตองมาฉีกให้เทา่ ๆ กัน เพ่ือจะทาเปน็ รปู ร่างต่าง ๆ ของบายศรี 4. หมนุ นิ้วแล้วใช้ทีเ่ ยบ็ ลวดกระดาษเยบ็ และหมุนน้ิวตามขนาดท่ีต้องการ 5. ใชล้ วดแนบกับใบตอง พบั ตามขนาดที่ต้องการ แล้วนาไปแชน่ ้า โดยใชย้ าทนั ใจผสมกับนา้ มัน มะกอก ยาทันใจ 1 - 2 ซอง นา้ มนั 1 ขวดเลก็ เทใส่รวมกนั 6. ตัดโฟมตามขนาดของพานแล้วก็เอาใบตองทีท่ ามาประกอบเขา้ ดว้ ยกนั 7. เริ่มประกอบจากกลางขึน้ บน แล้วนาพานอีกอนั มาวางข้างบนนาโฟมทีต่ ัดมาใส่พาน จากน้ันเอา ใบตองมาประกอบเขา้ ดว้ ยกัน 8. พับใบตองไปในตัวเฉพาะ ไม่ต้องแยกทา 9. พับใบตองในรูปลักษณะตา่ ง ๆ กอ่ นแลว้ ค่อยมาประกอบเข้าด้วยกัน ลักษณะของบายศรีแต่ละงาน งานบวช จะเป็นดอกไม้สีขาว ดอกพุด งานแต่ง ดอกรักเป็นหลกั และดอกดาวเรือง งานบวงสรวง ดอกไมส้ ีขาว และดอกดาวเรือง ใช้เวลาการทา 2 วัน
-1๕๙- วัสด/ุ อปุ กรณ์ - พานบายศรี - โฟม - ลวดเย็บกระดาษ - ใบตอง - ดอกไม้ตา่ ง ๆ ๔. ชื่อผทู้ ่ีถือปฏิบตั แิ ละผสู้ บื ทอด ๔.๑ ผู้ท่ีถอื ปฏบิ ัติ ชอ่ื นางละเอยี ด ปันแปง วัน เดือน ปีเกดิ 1 เมษายน 2478 ท่ีอยู่ 65 หมู่ 6 ตาบลเวยี งเหนือ อาเภอเวียงชยั จังหวัดเชยี งราย ๔.๒ ผู้สบื ทอด ชอื่ นางวันเพ็ญ อุดมยศ วนั เดือน ปีเกิด 3 มนี าคม 2496 ที่อยู่ 67 หมู่ 6 ตาบลเวียงเหนือ อาเภอเวยี งชยั จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 081 884 5509 ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบตั อิ ย่างแพร่หลาย เสีย่ งตอ่ การสญู หาย ไม่มปี ฏิบตั แิ ลว้ ๖. รปู ภำพภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
-1๖๐- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเวียงชยั จังหวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมลู ดา้ นประเพณแี ละวฒั นธรรม (บุญบง้ั ไฟ) ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัตเิ ก่ียวกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล งานช่างฝีมอื ดั้งเดิม การละเลน่ พน้ื บ้าน กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั ๓. รำยละเอียดข้อมูล ๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของข้อมูล นายทองใบ ตรธี วัช เกิดเมื่อวันที่ 22 ตลุ าคม 2505 ปัจจุบัน อายุ 59 ปี เป็นบตุ รนายบญุ เรียน - นางไว ตรธี วชั อาศัยอยบู่ า้ นเลขที่ 23 หมู่ที่ 1 บา้ นสมานมิตร ตาบลดอนศิลา อาเภอเวียงชยั จงั หวัดเชียงราย ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เปน็ คนเชอื้ สายอีสาน นายทองใบ ตรีธวัช เกิดในชุมชนคนฮักอีสานที่มีวัฒนธรรมท่ีเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นโปงลาง หรือ จุดบั้งไฟ จึงได้เรียนรู้วิธีการทาบั้งไฟจากผู้ใหญ่บ้าน และได้หัดทาบ้ังไฟมาเร่ือย ๆ ได้นามาจุดในงานบุญบ้ังไฟ ของหมู่บ้านเป็นประจาทุกปี และยังมีการสืบทอดภูมิปัญญาที่ตนได้เรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์รุ่นก่อนให้แก่ เด็กในชุมชน นายทองใบซ่ึงได้รับการยอมรับจากคนในชุมชนว่าเป็นผู้มีภูมิปัญญาด้านการทาบ้ังไฟ ถึงแม้จะมี อายุไม่มากนัก แต่มีความต้องการที่จะอนุรักษ์ภูมิปัญญาที่เป็นของชาวอีสานเอาไว้ คิดว่าบ้ังไฟเป็นสิ่งที่ใช้ สักการะเทวดาในการขอพรให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดกู าล สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พืชพันธุ์ธัญญาหารให้แก่ คนในพืน้ ที่ ซึง่ การจุดบ้งั ไฟเป็นประเพณที ี่ปฏิบัตติ ่อกันมาหลายชัว่ อายุคนจึงควรสืบทอดไว้ ๓.๒) ขัน้ ตอน/วิธกี าร/ดาเนินการเกย่ี วกับข้อมูล กำรทำบัง้ ไฟ วิธกี ำรถำ่ ยทอดโดยสังเขป 1. ประวตั ิบ้ังไฟ บญุ บัง้ ไฟ หรือบญุ เดอื นหก ทาเพ่ือเป็นการบชู าเทพยดาอารักษห์ ลักบ้าน หลักเมอื ง เพอ่ื ให้ทาไร่ทานา ได้อุดมสมบูรณ์ และบูชาพญาแถนผู้ให้ฝนด้วยบั้งไฟ ความหมายบั้งหรือกระบอกท่ีตอกด้วย หมื่อ หมายถึง เอากามะถันประกอบดว้ ยดนิ ประสิวค่ัวผสมกบั ถ่านตาใหล้ ะเอียดกอ่ นนาไปอดั แนน่ สาเหตุที่ทา เพ่ือเป็นการสักการะบูชาพญาแถนซึ่งคนลาวหรือคนไทยอีสานเช่ือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งฝน จุดบงั้ ไฟขน้ึ ไปบูชาเทพเจา้ องค์น้ีแล้วจะบันดาลใหฝ้ นตกลงมาตามฤดแู ละมีปริมาณเพียงพอแก่การปลูกพืชพันธุ์ ธัญญาหารมีเรื่องเล่าว่าและบนสวรรค์ชน้ั ฟ้ามีเทพบุตรนามวา่ วัสสกาลเทพบุตร เทพเจ้าองค์นี้เป็นผู้ดูแลน้าฟ้า น้าฝนจะตกหรือไม่ก็อย่ทู ่ีเทพเจ้าองค์น้ี ใครทาถูกทาชอบท่านก็จะประทานน้าฝนให้ ถูกไม่ชอบ ท่านก็ไม่ให้ สิ่ง ทท่ี ่านเทพเจา้ องค์น้ีชอบคือการบูชาไฟ ใครบชู าไฟถือวา่ บูชาทา่ นจะทาให้ฟา้ ฝนตกลงมาตามฤดูกาลอาศัยเหตุนี้ จึงพากนั ทาการบชู าไฟด้วยการทาบงั้ ไฟคือเป็นประเพณีทาบญุ บ้ังไฟมาจนทุกวันน้ี
-1๖๑- บั้ง แปลว่า ไมก้ ระบอก บัง้ ไฟเปน็ ดอกไม้เพลิงทาจากกระบอกไม้ไผท่ ่ีอัดดนิ ปืนเพื่อการจดุ ระเบดิ ให้พุ่ง ข้นึ ไปในอากาศเปน็ การบวงสรวงพระยาแถนโดยมีขนาดท่นี ยิ มอยู่ 3 ขนาดคือ 1 บั้งไฟธรรมดา บรรจุดนิ ปนื ไม่เกิน 12 กโิ ลกรมั 2 บั้งไฟหมน่ื บรรจุดินปนื เกิน 12 กิโลกรัม 3 บงั้ ไฟแสนบรรจุดนิ ปนื ถงึ ขนาด 120 กโิ ลกรัม 2. สตู รกำรทำบง้ั ไฟ 2.1 บ้งั ไฟหำง เป็นบ้งั ไฟธรรมดาที่มเี ห็นกันอยู่ทัว่ ไป วสั ดุ-อุปกรณ์ 1. ดินประสวิ 2. ถ่าน 3. ท่อ PVC 4. ไม้ไผ่ 5. ลวด 6. กาว 7. เชอื กฟาง 8. เครอ่ื งบด วิธีทำ 1. จดั เตรยี มทอ่ PVC ตามขนาดที่เราต้องการ (2 นวิ้ ) ยาว 90 ซม. 2. ตัดไม้ไผ่นามาทาเป็นหางขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 cm ยาว 280 cm นามาใส่รางต้มจนสุก เพ่อื ใหค้ วามเหนยี วและทนหลังจากน้ันกน็ าไปตากแดดใหแ้ หง้ ๆ 3. จัดเตรียมถ่านและดินประสวิ ในอัตราสว่ น ก็คือดินประสิว 4 กิโลกรัม ถ่าน 0.9 กิโลกรัม นามา ผสมใหเ้ ข้ากันโดยถ่านต้องบดใหล้ ะเอยี ด ดนิ ประสิวเราจะใช้สวิงกรอง แล้วนาส่วนผสมท่ไี ดม้ าผสมให้เขา้ กัน 4.นาสว่ นผสมทีไ่ ดไ้ ปอดั เขา้ ในท่อ PVC ทเี่ ตรยี มไว้ 5. นาบัง้ ไฟที่อดั เสร็จแล้วมาเจาะรู 6. นาลวดมาติดหางทเี่ ตรยี มไว้กับบงั้ ไฟเป็นอนั เสร็จพรอ้ มจดุ 2.2 บั้งไฟปอกเปลือก เป็นบั้งไฟที่ไม่มีบั้ง มีแต่ส่วนผสมที่อัดเรียบร้อยแล้วผูกติดกับหางเม่ือจุด ขึ้นไปแลว้ จะเหลือเพยี งหางทจี่ ะหลน่ ลงมาสพู่ ื้น วัสดุ-อุปกรณ์ 1. ดนิ ประสิว 2. ถ่าน 3. ทอ่ PVC ขนาด 3 นวิ้ 4. ลวด 5. กาว 6. เชือก 7. ตดั ไมไ้ ผ่นามาทาเป็นหาง ขนาดเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 4 ซ.ม. ยาว 350 ซ.ม. 8. กระทะ 9. เคร่อื งบด
-1๖๒- วิธที ำ 1. จดั เตรยี มทอ่ PVC ตามขนาดที่เราตอ้ งการ (3 นิ้ว) ยาว 100 ซม. 2. ตัดไม้ไผ่นามาทาเป็นหางขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 cm ยาว 350 cm นามาใส่ รางต้มจนสุก เพอ่ื ใหค้ วามเหนยี วและทนหลงั จากน้ันก็นาไปตากแดดใหแ้ หง้ ๆ 3. ตวงสว่ นผสมของดินประสวิ และถ่าน คอื 1 ตอ่ 3 ตามลาดบั แต่อย่าผงึ่ นามาผสมกัน จดั เตรยี ม ถา่ นและดนิ ประสวิ ในอตั ราส่วน ก็คอื ดินประสิว 4 กิโลกรัมถา่ น 0.9 กิโลกรมั นามา ผสมใหเ้ ขา้ กันโดยถ่านตอ้ ง บดให้ละเอยี ด ดนิ ประสวิ เราจะใช้สวิงกรอง แลว้ นาส่วนผสมที่ ไดม้ าผสมให้เข้ากนั 4. นากระทะมาใสน่ า้ มาต้ังไฟจนเดอื ดแล้วนาดนิ ประสิวลงไป 5. เมื่อดนิ ประสิวละลายหมดแลว้ เรากน็ าถ่านที่เตรยี มไวล้ งไปพร้อมลดไฟลง 6. ทาให้สว่ นผสมนน้ั เขา้ กนั จนนา้ เกือบแห้งแล้วปดิ ไฟ นาส่วนผสมนั้นไปตากใหแ้ ห้ง 7. นาส่วนผสมนนั้ มาบดให้ละเอยี ด ภาคอีสานเรยี กว่า “ขีเ้ กยี สุก” 8. นาส่วนผสมน้นั มาอดั เขา้ ในท่อ PVC ที่เตรียมเอาไว้ 9. นาบ้งั ไฟมาเจาะรู หลงั จากนัน้ กใ็ ช้มีดผา่ ท่อ PVC ออก 10. นามาตดิ หางเป็นอันเสรจ็ พร้อมจุด ๔. ชอ่ื ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั ิและผูส้ บื ทอด ๔.๑ ผูท้ ถ่ี ือปฏิบตั ิ ชอ่ื นายทองใบ ตรีธวัช วัน เดอื น ปีเกดิ 22 ตลุ าคม 2505 ท่อี ยู่ 23 หมูท่ ี่ 1 บา้ นสมานมิตร ตาบลดอนศลิ า อาเภอเวยี งชยั จงั หวดั เชียงราย ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัติอยา่ งแพร่หลาย เสย่ี งตอ่ การสญู หาย ไมม่ ีปฏบิ ตั ิแลว้ ๖. รปู ภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม
-1๖๓- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอพญำเม็งรำย จังหวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล ตานก๋วยสลากบา้ นหว้ ยกา้ งรัฐ ๒. ลักษณะ วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบัตเิ กยี่ วกับธรรมชาติและจกั รวาล งานช่างฝมี ือดงั้ เดิม การละเล่นพนื้ บา้ น กีฬาพ้ืนบา้ น และศลิ ปะการต่อสู่ป้องกันตัว ๓. รำยละเอยี ดข้อมูล ๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มูล ประเพณีตานก๋วยสลาก เป็นประเพณีที่มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลได้มีการปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน เร่ืองเลา่ มีอยู่ว่า มนี างยักษิณตี นหนึง่ มกั จะเบยี นเบยี นผู้คนอยูเ่ สมอ ครัน้ ได้ฟงั พระธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้า แล้วนางก็บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธา นิสัยใจคอท่ีโหดร้ายก็กลับเป็นผู้เอื้อารีแก่คนทั่วไปจนผู้คนต่างพากัน ซาบซ้งึ ในไมตรีของนางยกั ษิณีตนนัน้ ถึงกบั นาสง่ิ ของมาแบ่งปันให้ แตเ่ นอ่ื งจากสง่ิ ของท่ไี ด้รบั มีจานวนมาก นาง ยักษิณีจึงนาสิ่งของเหล่าน้ันมาทาเป็นสลากภัต แล้วให้พระสงฆ์/สามเณร จับสลากด้วยหลักอุปโลกนกรรม คือ สงิ่ ของทถี่ วายมีทั้งของมรี าคามากและมีราคาน้อยแตกต่างกันไปตามแต่โชคของผู้ได้รบั การถวายแบบจบั สลาก ของนางยกั ษิณี จึงนับเป็นครัง้ แรกของประเพณที าบญุ สลากภัตในพระพุทธศาสนา ประเพณีตานก๋วยสลาก เป็นการถวายทานโดยไม่เจาะจงผรู้ ับ จะทากันตั้งแต่วันเพ็ญเดือน 12 เหนือ (ข้นึ 15 ค่า เดือน 10 ใต้) จนถึงเดอื นเก๋ียงดบั (แรม 15 คา่ เดอื น 11 ใต้) ประเพณีตานก๋วยสลากภัต เป็นประเพณีในพระพุทธศาสนาที่สาคัญอย่างหนึ่งในล้านนาไทย ซ่งึ สบื เนื่องมาจากค่านยิ มท่ีสืบทอดมาช้านาน คอื 1. ประชาชนว่างจากภารกจิ การทานา 2. ประชาชนหยดุ พักไม่เดนิ ทางไกลเพราะเป็นฤดฝุ น 3. พระสงฆ์จาพรรษาอยอู่ ยา่ งพรกั พร้อม 4. ผลไมม้ ากและกาลังสกุ เช่น สม้ โอ ส้มเกลีย้ ง กล้วย ออ้ น ฯลฯ 5. ไดโ้ อกาสสงเคราะหค์ นยากจน เปน็ สังฆทาน 6. ถอื วา่ มอี านสิ งสแ์ รง คนทาบญุ จะมีโชคลาภ 7. มโี อกาสหาเงนิ และวัสดุบารุงวดั กว๋ ยสลาก แบง่ เป็น 2 ประเภท คอื - สลากน้อย หรือ กว๋ ยเลก็ ใชอ้ ุทิศแด่ผูต้ าย หรือเป็นกุศลมากขึน้ - สลากก๋วยใหญ่ หรือ สลากโชค หรือเป็นสลากที่บรรจุในก๋วยใหญ่ใช้เป็นมหากุศลสาหรับบุคคล ทม่ี กี าลังศรทั ธา และมเี งนิ ทองมาก ทาถวายเพ่ือเปน็ ปจั จยั ภายหนา้ ใหม้ ีบุญกศุ ลมากขนึ้
-1๖๔- ๓.๒) ขั้นตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเกี่ยวกบั ข้อมูล พิธกี รรมทจ่ี ดั ทาในประเพณีตานก๋วยสลาก มี 2 วนั คือ 1. วันกอ่ นทาพิธีตานก๋วยสลาก 1 วัน เรยี กว่า วันดา เป็นที่ชาวบา้ นต่างกจ็ ดั เตรยี มส่งิ ของเพ่ือนามาใส่ ในก๋วยสลาก (ชะลอม) โดยผู้ชายจะตัดไม้มาจักตอกเพื่อสานก๋วยสลาก (ชะลอม) ไว้หลายๆ ใบตามศรัทธากาลงั ทรัพย์ ส่วนผู้หญิงจะจัดเตรียมสิ่งของท่ีจะนามาใส่ในก๋วยสลาก เช่น ข้าวสาร พริกแห้ง หอม กระเทียม เกลือ กะปิ น้าปลา ขนม เม้ียงบุหรี่ ไม้ขีดไฟ เทียนไข สีย้อมผ้า ผลไม้ รวมท้ังเคร่ืองใช้ต่างๆ แล้วบรรจุใส่ลงในก๋วยสลาก ท่ีกรุด้วยใบตอง ใบหมากผู้ หมากเมีย ใส่ยอดเงิน คือ ธนบัตรผู้ติดไม้เสียบไวใ้ นก๋วยให้สว่ นยอดหรือธนบตั รโผล่ ออกมาพ้นก๋วย แล้วรวบปากก๋วยสลาก ตกแต่งด้วยดอกไม้ “ยอด” หมายถึงธนบัตรท่ีใส่นั้นไม่จากัดว่าจะเป็น จานวนเท่าใด ส่วนสลากโชคหรือสลากก๋วยใหญ่ ส่ิงของท่ีจะนาบรรจุใส่ในก๋วยเช่นเดียวกับสลากน้อย แต่ปริมาณมากกว่าหรือพิเศษกว่า สมัยก่อนจะทาเป็นรูปเรือหลังเล็กมีข้าวของเคร่ืองใช้ต่าง ๆ เช่น หม้อข้าว หม้อแกง ถ้วยแกง ถ้วยชาม เครื่องนอน เคร่ืองนุ่งห่ม อาหารสาเร็จรูป มีต้นกล้วย ต้นอ้อย ผูกติดไว้ “ยอด” หรอื ธนบัตรจะใส่มากกว่า สลากนอ้ ย กว๋ ยสลากทุกอันต้องมี “เส้นสลาก” ซึง่ ทาจากใบลาน ปัจจุบนั ใช้กระดาษ มาตัดเป็นแผ่นยาวๆ เขียนชื่อเจา้ ของก๋วยไว้ และยงั บอกอีกว่าจะอุทศิ ไปให้ใคร เชน่ สลากข้างซองนี้ หมายถึงผู้ ข้า นาย/นาง...ขอตานไปถึงกับตนภายหน้า (ถวายสิ่งของเพื่อเป็นกุศลแก่ตนเองเม่ือล่วงลับไปแล้ว” และอีก แบบหนึ่ง คือ สลากข้างซองน้ี หมายถึง ผู้ข้า นาย/นาง...ขอตานไปถึงนาย/นาง...(ช่ือผู้ตาย) ผู้เป็น...(ความ เกี่ยวข้องกับผู้ให้ตาน) ท่ีล่วงลับไปแล้ว ในวันตานสลาก จะมีญาติพ่ีน้องเพ่ือนฝูงจากต่างหมู่บ้านท่ีรู้จักกัน มาร่วมทาบญุ ด้วย โดยนาเงินหรอื ผลไม้ มารว่ มทาบญุ กบั เจา้ ของบ้านท่ตี านกว๋ ยสลากดว้ ย 2. วันตานสลาก ชาวบ้านนาก๋วยสลากท่ีจัดทาแล้วไปวัด และเอา “เส้นสลาก” ทั้งหมดไปรวมกัน ท่ีหน้าพระประธานในวิหาร จะมีการฟังเทศน์อย่างน้อย 1 กันณฑ์ โดยมีผู้รวบรวมสลากมักจะเป็นมัคทายก (แก่วัด) นาเส้นสลากทั้งหมดมารวมกันแล้วแบ่งเส้นสลากท้ังหมด เป็น 3 ส่วน (กอง) ส่วนหนึ่งเป็นของพระเจ้า (ของวดั ) อกี 2 ส่วน เฉลย่ี ไปตามจานวนพระภิกษสุ ามเณรท่นี ิมนต์มาร่วมในงานทาบุญ หากมีเศษเหลือมักเป็น ของพระเจ้า (วัด) ท้ังหมด พระภิกษุสามเณรเมื่อได้ส่วนแบ่งแล้ว จะยึดเอาชัยภูมิแห่งหน่ึงในวัดและออกสลาก คือ อ่านช่ือเส้นสลากดังๆ หรือให้ลูกศิษย์ (ขะโยม) ที่ได้ตะโกนตามข้อความที่เขียนไว้ในเส้นสลากหรือ เปลี่ยนเป็นคาส้ันๆ เช่น ศรัทธา นายแก้ว นามวงศ์ มีนี่เน้อ บางรายจะห้ิว “ก๋วย” ไปตามหาเส้นสลากของตน ตามลานวัด เมื่อพบสลากของตนแล้วก็จะนาไปถวายพระสงฆ์ พระสงฆ์จะอ่านข้อความในเส้นสลากและ อนุโมทนาให้พรแล้วคืนเส้นสลากน้ันให้เจ้าของสลากไป เจ้าของสลากจะนาไปรวมกันในวิหาร เมื่อเสร็จแล้ว มคั ทายกวัด (แก่วัด) จะนาเอาเสน้ สลากนน้ั ไปเผาท้งิ เสีย ถอื เปน็ อันเสร็จพิธีกรรม ตานกว๋ ยสลาก ประจาปี ๔. ชอ่ื ผูท้ ่ีถอื ปฏิบัตแิ ละผู้สบื ทอด ๔.๑ ผทู้ ถี่ อื ปฏบิ ตั ิ ชือ่ คนในชมุ ชนบ้านหว้ ยกา้ งรัฐ หมู่ 6 วนั เดือน ปีเกดิ - ท่ีอยู่ หมู่ 6 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเมง็ ราย จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผู้สืบทอด ช่ือ คนในชุมชนบ้านหว้ ยก้างรัฐ หมู่ 6 วัน เดือน ปเี กดิ - ทอ่ี ยู่ หมู่ 6 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จงั หวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัตอิ ย่างแพรห่ ลาย เส่ียงต่อการสูญหาย ไม่มีปฏบิ ตั แิ ล้ว
-1๖๕- ๖. รูปภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม
-1๖๖- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอแม่ลำว จังหวดั เชยี งรำย ๑. ช่ือข้อมูล ตาพย่านาเจ่อ นาบทือ ยา่ ง (ความเชื่อในเรื่องการนับถือหอเสื้อบ้าน) ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏิบัติทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล งานช่างฝีมอื ดั้งเดมิ การละเล่นพ้นื บา้ น กีฬาพ้ืนบา้ น และศลิ ปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตัว ๓. รำยละเอียดข้อมลู ๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของขอ้ มลู ชนเผ่าพ้ืนเมืองบีซูในอดีตน้ัน เป็นชนเผ่าท่ีนับถือผีบรรพบุรุษ โดยมีความเชื่อเก่ียวกับพิธีไหว้ผีบรรพบุรุษ สืบทอดมา แม้ปัจจุบันเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หน่ึงท่ีนับถือพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดแต่ก็ยังมีพิธีกรรมเกี่ยวกับการไหว้ ผีบรรพบุรุษอยูเ่ ชน่ เดิม ความเชื่อในเรื่องการนับถือหอเสื้อบ้าน ชาวบีซูมีการนับถือหอเส้ือบ้านโดยมีความเช่ือว่ามีความศักด์ิสิทธ์ิ สามารถช่วยดูแลรักษาให้คนเราอยู่รอดปลอดภัย เช่น บ่าวสาวท่ีแต่งงานได้ลูกคนแรกก่อน ต้องถวายหมู ๑ ตัว ท่ีหอเสื้อบ้านเพ่ือขอพรให้ลูกท่ีเกิดออกมาให้มีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง มีสติปัญญาท่ีดีและมีร่างกายครบท้ัง ๓๒ ประการ ให้ดูแลเล้ียงดูง่ายหรือเวลาทีลูกหลานไปเรียนหนังสือต่างจังหวัดต้องไปไหว้หอเสื้อบ้านท่ีบ้านปู่ตั้ง ซ่ึง เปน็ ผูด้ ูแลหอเสื้อบ้าน เพ่อื ใหเ้ ดินทางมีความปลอดภัย และโชคดีเวลาออกไปทางานต่างจังหวัดต้องขอพรเหมือนกัน เพ่ือให้เดินทางโดยมีความปลอดภัยไปทางานให้ประสบความสาเร็จมีความเจริญรุ่งเรืองนอกจากน้ันในปีหนึ่ง ชาวบ้านก็ต้องมีการถวาย ๓ คร้ัง คือ เดือน ๔ หน่ึงครั้ง เดือน ๘ หน่ึงคร้ัง เดือน ๑๒ หน่ึงคร้ังโดยจะมีการถวายไก่ สรุ าขาว ขา้ วต้มมดั ผลไม้ และของหวาน ๓.2) ข้นั ตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเก่ียวกับขอ้ มูล กำรจดั ต้ังหอเสื้อบ้ำน ๑) การเสย่ี งทายเพอื่ เลือกสถานทส่ี รา้ งหอ - การเสีย่ งทายเพ่อื คัดเลอื กสถานทีจ่ ัดตงั้ หอเสื้อบา้ นน้นั ผทู้ จี่ ะเสย่ี งทายต้องเป็นผเู้ ฒ่าผูแ้ กใ่ นหมู่บ้าน - ก่อนทจ่ี ะทาการเส่ยี งทายต้องจดั เตรียมขา้ วเปลือกเมล็ดท่สี มบรู ณใ์ ส่ภาชนะ - จากน้นั ยกขึ้นเหนือหวั เพื่อตัง้ สจั จะอธษิ ฐานถามปู่พญาแตล่ ะทศิ ว่าปู่พญาชอบอยทู่ ิศไหน - เอาขนั ที่ใส่เมล็ดพนั ธุ์ข้าวยกขึ้นเหนอื หัว ถ้าชอบทิศใดให้เก็บเมล็ดพันธ์ุขา้ วไดเ้ ป็นคู่ เก็บได้ ๔ คู่ ก็ถือว่าตามน้ัน ๒) ลกั ษณะของหอเสื้อบ้าน ๒.๑ หอเสื้อบ้านหอใหญ่ - การสร้างหอเสื้อบา้ นหอใหญ่ ในสมัยกอ่ นทาดว้ ยเสาไม้เนือ้ แขง็ นอกนั้นก็เป็นไม้ไผ่ เสาทใี่ ช้ใน การสรา้ วหอเสอ้ื บ้านหอใหญจ่ ะใช้เสา ๖ ต้น หลงั คามุงดว้ ยหญา้ คา แต่ในสมยั ปจั จบุ ันเปล่ยี นเปน็ เสาปูน ๘ ตน้ หลงั คามุงด้วยกระเบ้อื ง สว่ นพนื้ เทปนู ทงั้ หมด - ห้งิ คือ ทว่ี างของใชส้ อยของปู่พญาโดยยกพน้ื ขึ้นสูง ถัดต่าลงมาคอื ทนี่ ัง่ ของปตู่ ้ัง และถดั ลงมา อีกชนั้ เป็นพื้นทนี่ ่ังของชาวบา้ น
-1๖๗- - ของใชท้ ีว่ างบนห้งิ ของปูพ่ ญา มีหมอน เสือ่ ขนั ใส่หมากพลู แจกนั ดอกไม้ และน้าตน้ (ภาชนะ ใสน่ ้าคล้ายคนโท) - ของกินที่ถวายหอเส้อื บ้านมี หมาก เมี่ยง บหุ รี่ นา้ ขา้ ว อาหาร ผลไม้ ข้าวตม้ และขนม ๒.๒ หอเสอ้ื บ้านหอเล็ก - การสร้างหอเส้ือบ้านหอเล็กสมัยก่อน ทาด้วยเสาไม้เน้ือแข็ง นอกน้ันจะเป็นไม้ไผ่ เสาท่ีใช้ใน การสร้างหอเสื้อบ้านหอเล็กจะใช้เสา ๔ ต้น ยกพ้ืน หลังคามุงด้วยหญ้าคา แต่ปัจจุบันเปล่ียนเป็นเสาปูน ๔ ต้น หลงั คามงุ ด้วยกระเบื้อง - ของทเี่ ป็นบรวิ ารอยใู่ นหอเสื้อหอเล็กมี รูปปน้ั ตา ยาย นางรา และมา้ สขี าว ๒ ตวั - ของกนิ ท่ถี วายหอเสอ้ื บ้านหอเล็กมี ข้าว ไก่ตม้ ๑ ตวั ขนม ของหวาน และผลไม้ เทพทสี่ ถิตในหอเส้อื บำ้ น 1. อางจาว คอื ปู่พญา ทาหน้าทปี่ กป้องรักษาดแู ลชาวบ้านไม่ให้มอี นั ตรายเกดิ ข้นึ กบั ชาวบา้ น 2. ปู่ล่าม คือ เสนาขาวของหอเสื้อบ้าน ทาหน้าท่ีเป็นคนเล้ียงม้าของปู่พญาของหอเสื้อบ้านใหญ่ (หอเล็ก) 3. อ่มู คือ เสนาซ้ายของปพู่ ญา ทาหน้าที่ดูแลรกั ษาเขอื่ นบ้านทางทิศตะวันตกเฉยี งใต้ 4. แดนแก้ว คือ เข่ือนบ้านอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทาหน้าท่ีปกป้องดูแลรักษาไม่ให้ส่ิงชั่วร้ายเขา้ มาในหมู่บ้าน ป่ตู ้งั (ผู้ประกอบพธิ ีกรรม) - ปู่ต้ัง คือ ผู้นาการทาพธิ ีไหว้เจา้ - ลกั ษณะของปู่ตง้ั จะตอ้ งเปน็ คนที่น่าเชือ่ ถอื และเป็นคนชนเผ่าบีซเู ทา่ นั้น - วธิ กี ารจดั หาเส่ยี งทาย คอื ให้ชาวบ้านเสนอชอ่ื คนในหมู่บ้านบีซูมาประมาณ ๓ – ๔ คน โดยการ เสี่ยงทายเกบ็ เมล็ดข้าว ให้ปูต่ ั้งเป็นคนเสีย่ งทาง ถามอังจาววา่ ชอบอย่กู ับคนไหน ถ้าชอบ ต้องเกบ็ เมล็ดขา้ วให้ ได้ ๔ คเู่ ท่านัน้ ถ้าไดช้ ื่อใคร คนน้ันจะต้องยอมรับเปน็ ป่ตู ั้งคนใหม่ - หนา้ ที่ของปู่ตัง้ ปพู่ ญา คอื เปน็ ผ้ดู แู ลสถานทหี่ อเสื้อบา้ น เปล่ยี นนา้ ทกุ วันพระ เปลย่ี นแจกันดอกไม้ และถวายผลไม้ทุกวนั พระ - ชว่ งเขา้ พรรษาทุก ๆ วันพระ จะต้องอนั เชญิ อังจาวไปวัด โดยในตอนเชา้ ชาวบา้ นจะเอาขา้ ว อาหาร ขนม ผลไม้ และกรวยดอกไม้ เอาไปใสใ่ นตะกร้าของปู่พญา และปตู่ ้ังจะเอาของท่ีชาวบ้านใส่ในตะกรา้ ไว้เอาไป ถวายให้ปพู่ ญา ตลอดระยะเวลา ๓ เดือนช่วงเขา้ พรรษา ปู่ต้ัง เป็นบุคคลสาคัญในการประกอบพิธีไหว้อังจาวไว หรืออางจาวไว และเป็นผู้นาทางจิตวิญญาณท่ีสืบ ทอดทางสายตระกูล ปัจจุบันชาวบีซูมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนภายนอก และยอมรับวัฒนธรรมภายนอก จึง เกิดการเปล่ียนแปลงและผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรม การปฏิบัติตามพิธีกรรมด้ังเดิมเริ่มเลือนหาย ระบบ ความสัมพันธ์ทางเครือญาติ-สายตระกูลเร่ิมเลือนราง การผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมท่ีเกิดขึ้น จึงไม่ใช่เรื่อง การสูญเสียความเป็นตวั ตนและอัตลักษณ์ทางชาติพันธ์ขุ องบีซู แต่การยอมรับตัวตนวา่ เราคือบีซู ของคนรุ่นใหม่ จะเปน็ ส่ิงบ่งช้คี วามเปราะบางว่าความเปน็ บีซูจะยังคงอยู่หรือไม่อยา่ งไร ชาวบีซูจะมีการประกอบพิธปี ีละ ๓ คร้ัง คือ เดือน ๔ (กุมภาพันธ์) เดือน ๘ (มิถุนายน) และเดือน ๑๒ (ตุลาคม) นอกจากการไหว้อังจาวปีละ ๓ ครั้งแล้ว เมื่อผู้หญิงบีซูตั้งท้องลูกคนแรก จะต้องถวายหอเสื้อบ้าน ก่อนวันถวายหอเสื้อบ้าน ๑ วัน คนในบ้านต้องไปตัดไม้อ้อ นามาตัดเป็นท่อนๆ ตามปล้อง ตามจานวนครัวเรือน ท่ีมีอยู่ในหมู่บ้าน จานวนครัวเรือนละ ๒ ปล้อง ปล้องแรกบรรจุทรายจนเต็ม และปล้องท่ี ๒ ใส่น้าให้เต็ม พอถึง ตอนกลางคืนเวลาประมาณ ๒๐.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. ก็จะนาปล้องท่ีใส่ทรายออกมาโปรยลงท่ีหน้าบ้านและนา ปล้องท่ีใส่น้าไปเทท่ีหน้าบ้านทุกครัวเรือน เม่ือโปรยทรายและเทน้าเสร็จก็จะบีบปล้องไม้อ้อจนแตกแล้วท้ิงไว้ หน้าบ้านของทุกครัวเรือน วันรุ่งขึ้นท่ีถวายหอเสื้อบ้าน เตรียมหมู ๑ ตัว พร้อมเคร่ืองปรุงและผลไม้ ขนม ของหวาน ข้าวต้มมัดนาไปที่หอเสื้อบ้านใหญ่ ปู่ตั้งก็จะบอกกล่าวกับอังจาวว่า วันน้ีเป็นวันดีมีหมูมาถวายให้คนท่ีต้ังท้อง มีความสุข มีลูกก็ขอให้ลูกคลอดออกมาครบ ๓๒ ประการ ขอให้ได้เล้ียงเด็กง่ายๆ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ตอนคลอดก็ขอให้คลอดลูกออกมาปลอดภัย จากนั้นก็ฆ่าหมู ช่วยกันชาแหละ แล้วนาเน้ือหมูไปลาบและแกง ก่อนที่จะถวายแกงหมูและลาบหมูจะต้องนาผลไม้ ข้าวต้มมัด ของหวานถวายก่อน แกงหมูสุกและลาบหมูเสรจ็ แลว้ จึงนาไปถวาย และยกผลไม้ ข้าวตม้ มดั และของหวานออกนามาใหช้ าวบ้านรบั ประทาน
-168- ๔. ชื่อผทู้ ่ีถือปฏิบัตแิ ละผู้สบื ทอด ๔.๑ ผู้ท่ีถอื ปฏิบัติ นายคามา วงค์ลวั ะ ช่อื - วนั เดือน ปีเกิด ทอ่ี ยู่ หมู่ ๗ ตาบลโปง่ แพร่ อาเภอแมล่ าว จงั หวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๖๕ ๖๔๗ ๑๐๘๔ ๔.๒ ผสู้ ืบทอด คนในชนเผ่าบซี ู สว่ นปู่ตง้ั หรอื ผปู้ ระกอบพธิ กี รรมตอ้ งสืบทอดทางสายตระกูล ชื่อ - วัน เดือน ปเี กิด ทีอ่ ยู่ หมู่ ๗ ตาบลโป่งแพร่ อาเภอแมล่ าว จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ - 5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ย่างแพรห่ ลาย เส่ยี งต่อการสูญหาย ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้ 6. รปู ภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม พิธไี หว้อังจาวไว หรืออางจาวไว (การนบั ถือหอเสื้อบ้าน) การจัดเตรยี มของไหว้ ชาวบา้ นจัดเตรียมไกเ่ พ่ือนามาถวาย ลักษณะของหอเสอื้ บา้ นเล็ก
-1๖๙- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอขนุ ตำล จังหวัดเชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล บายศรสี ู่ขวัญ สง่ เคราะห์ ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏิบตั ทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ตั ิเกี่ยวกบั ธรรมชาติและจกั รวาล งานช่างฝีมอื ดั้งเดิม การละเล่นพ้ืนบ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตัว ๓. รำยละเอียดขอ้ มูล ๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมลู พิธีกรรม คือวัฒนธรรม ประเพณีคนเมืองเหนือที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาต้ังแต่บรรพบุรุษ เป็นความเชื่อ ความศรัทธา ในพิธีกรรมน้ัน ๆ อันจะทาให้เกิดขวัญ กาลังใจ ที่ดีกับตนเองและครอบครัว ชุมชน เช่น การสืบชะะตา การบายศรีสูข่ วัญ การสะเดาะเคราะห์ การบชู าเทยี น การหาฤกษ์หายามดขี ้ึนบา้ นใหม่ งานแตง่ งาน เป็นต้น ๓.2) ข้ันตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเกี่ยวกบั ข้อมูล ๔. ชอ่ื ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ ืบทอด - ๔.๑ ผ้ทู ีถ่ อื ปฏิบัติ - ชอ่ื - วัน เดอื น ปเี กิด - ท่ีอยู่ หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผสู้ ืบทอด - ชือ่ - วนั เดือน ปเี กดิ - ท่ีอยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ๕. สถานะการคงอยู่ ปฏิบตั อิ ยา่ งแพรห่ ลาย เสี่ยงตอ่ การสญู หาย ไมม่ ีปฏิบัตแิ ล้ว ๖. รปู ภาพภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม - ไมม่ ี -
-1๗๐- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖5 สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอเวียงเชยี งร้งุ จังหวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมลู บายศรสี ขู่ วญั งานแต่งงาน ๒. ลักษณะ วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏิบัติทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบตั ิเกี่ยวกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล งานช่างฝีมอื ดัง้ เดิม การละเล่นพน้ื บ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการตอ่ สู่ป้องกันตัว ๓. รำยละเอียดข้อมูล ๓.๑) ประวัติความเป็นมาของข้อมูล พิธีบายศรีสู่ขวัญงานแต่งงาน ของชาวอีสาน เป็นพิธีปฏิบัติทางสงั คม พิธีกรรม ของชาวอีสาน โดยการ สู่ขวญั เมอ่ื จบพธิ ญี าติๆ จะโยนขา้ วสารโรยดอกดาวเรอื งใส่บา่ วสาวทนี่ ัง่ คุกเขา่ จบั พาขวญั (พานบายศร)ี ไขว้กัน อยู่เพ่ือความเป็นสิริมงคลและเจริญงอกงาม สุดท้ายหมอสูตรจะปอกเปลือกไข่ต้มในพานขวัญแล้วผ่ากลางเพื่อ ทานายคู่บ่าวสาว เช่น อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ร่ารวย มีลูกชายหรือลูกสาว ฯลฯ แล้วจึงให้บ่าวสาวกินไข่คนละครึ่ง ลาดับต่อมา พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่จะนาฝ้ายจากพาขวัญมาผูกเงินแล้วไปผูกข้อมือบ่าวสาวอีกทีพร้อมกับอวย พรเพื่อรับขวัญ ส่วนทางบ่าวสาวก็ต้องเตรียมของมอบกลับให้ด้วย ซ่ึงนิยมมอบเสื่อผูกติดกับหมอน หากญาติ เยอะก็เตรียมไว้ให้เฉพาะญาติอาวุโส ส่วนญาติที่เหลือก็ไหว้ขอบคุณตามปกติ เม่ือเสร็จส้ินแล้วจึงเป็นพิธีส่งตัว เข้าหอ และเลี้ยงอาหารรับรอง พิธีสู่ขวัญนั้นเปน็ พธิ ที ี่จะต้องกระทาโดยหมอสตู รหรือหมอพราหมณ์ ซง่ึ จะทาการสวดอวยพรใหแ้ ก่บ่าว สาว บ่าวสาวจะต้องนัง่ เคียงค่กู ัน โดยเจา้ สาวจะน่ังทางฝ่ังซ้ายของเจ้าบ่าว เมอื่ สวดเรยี บร้อยหมอสูตรหรือหมอ พราหมณ์จะนาไข่ต้มบนยอดพาขวัญ (บายศรี) มาแบ่งคร่ึงเพื่อให้บ่าวสาวกินกันคนละคร่ึงฟอง เรียกว่า ‘ไข่ ทา้ ว’ กับ ‘ไข่นาง’ จากน้ันก็ผูกขอ้ ไมข้ อ้ มอื กัน ซึ่งผูใ้ หญท่ มี่ ารว่ มงานทกุ คนจะตอ้ งผกู ข้อมือให้บา่ วสาวพร้อมกับ กล่าวคาอวยพรไปดว้ ยจึงจะถอื ว่าเสร็จสน้ิ ๓.2) ข้นั ตอน/วธิ กี าร/ดาเนินการเก่ยี วกับขอ้ มูล ประเพณีการแต่งงานของชาวไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ซึ่งชาวอีสานเรียกขาน ประเพณีแต่งงานนี้ว่า ‘ประเพณีกินดอง’ แต่ไม่ใช่การกินของหมักของดองหรืออะไรนะคะ เพราะคาว่ากินดองนั้น หมายถงึ การนับเป็นญาตเิ ปน็ ครอบครัวเดียวกนั ดว้ ยพิธีมงคลสมรส มีขน้ั ตอน 7 ขั้นตอน 1) การโอม หรือการสูข่ อ 2) ตกลงเรือ่ ง คา่ ดอง หรือค่าสนิ สอด 3) วันม้อื เต้า วนั มื้อโฮม เปน็ การจดั งานเล้ียงใหแ้ กญ่ าติพ่นี อ้ ง ทีม่ ารว่ มเตรียมงาน 4) การแห่ขันหมาก 5) พธิ สี ู่ขวัญ 6) การสมา หรือขอขมาญาติผู้ใหญ่ 7) พิธีสง่ ตวั เข้าหอ
-1๗๑- 4. ช่ือผู้ที่ถือปฏิบตั ิและผู้สืบทอด 4.๑ ผทู้ ีถ่ อื ปฏิบตั ิ ชอ่ื นายสมัคร ไชยปัญหา วัน เดอื น ปีเกดิ 12 กนั ยายน 2494 ท่ีอยู่ 70 หมู่ 10 ตาบลดงมหาวนั อาเภอเวยี งเชยี งรุ้ง จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 089 503 4161 ๔.๒ ผู้สืบทอด ชื่อ - วัน เดือน ปเี กดิ - ทีอ่ ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - 5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ยา่ งแพร่หลาย เสยี่ งตอ่ การสูญหาย ไมม่ ีปฏิบัตแิ ลว้ 6. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม (พรอ้ มบรรยำยใตภ้ ำพ) นายสมคั ร ไชยปัญหา สาธิตการแหข่ ันหมาก ภูมปิ ญั ญาพธิ ีกรรมบายศรีสู่ขวญั แตง่ งาน ตามประเพณีของชาวอีสาน นายสมคั ร ไชยปัญหา และคณะสาธิตการกลา่ วคาและการทาพธิ ีบายศรีสขู่ วญั งานแตง่ งานตามประเพณอี สี าน
-1๗๒- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอแม่จนั จังหวดั เชียงรำย ๑. ชื่อข้อมูล ประเพณเี กย่ี วกับวงจรชีวิต การข้ึนท้าวท้ังสี่ ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพนื้ บา้ นและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั เิ กย่ี วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล งานชา่ งฝมี ือด้ังเดมิ การละเลน่ พ้นื บ้าน กีฬาพืน้ บา้ น และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกันตวั ๓. รำยละเอียดขอ้ มูล ๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของข้อมูล การขึ้นท้าวทั้งส่ีได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นพิธีท่ีทาสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ตามความเชื่อของคนลา้ นนา แต่ละพนื้ ทจี่ ะมีเทพ 4 องค์คอยดูแลรักษาพนื้ ที่นั้นไว้ ก่อนท่จี ะลงมือทาอะไรจะมี การบูชาด้วยเคร่ืองสักการะ เพ่ือให้เทพารักษ์ช่วยปกปักรักษาให้รอดปลอดภัยจากเภทภัยอันตรายท้ังปวง การบูชาเทพท้ัง 4 คนล้านนาเรียกกว่า การขึ้นต๊าวตังส่ี ดังน้ัน เม่ือจะทาการบูชา จึงต้องทาเครื่องสักการะ เปน็ 6 ส่วน โดย 4 ส่วนใชบ้ ชู าทิศทง้ั 4 อีก 2 สว่ นใชบ้ ชู าพระอินทรแ์ ละพระแม่ธรณี การบูชาทา้ วท้งั สีจ่ ะต้อง มีการจดั เตรียมสิง่ ของตา่ ง ๆ ประกอบด้วย 1. เสาไม้ทต่ี ีไมไ้ ขว้เป็นกากบาทหนั ไปยงั 4 ทศิ มีความสูงประมาณ 2 ฟตุ ดา้ นบนและปลายไม้ตดิ ด้วย แผ่นไม้ขนาดเท่าหรอื ใหญก่ วา่ สะตวง หรอื เรยี กอกี อย่างวา่ หอประสาทเสาเดียว 2. สะตวงทาด้วยกาบกล้วย นามาหักพับเสียบด้วยไม้ไผ่ ให้เป็นรูปส่ีเหล่ียม รองด้วยกระดาษ เพ่ือใช้ สาหรับบรรจเุ ครอ่ื งสักการะ 3. เครื่องสักการะในสะตวง มี หมาก เมี่ยง บุหรี่ ของกินอย่างละ 4 พร้อมด้วยกรวยดอกไม้ ที่สาคัญมี ตุงจ้อ (ตุงช่อ) ท่ีใช้เป็นสัญลักษณ์ในการบูชา ทาด้วยกระดาษตัดเป็นรูปคล้ายธงปักไว้ท่ีสะตวงทั้งส่ีแจ่ง โดยตุง จ้อสีเขียวจะปักไว้ท่ีสะตวงเพ่ือบูชาพระอินทร์ นาไปวางไว้บนสุดของเสาไม้ ตุงจ้อสีแดงจะปักไว้ท่ีสะตวงเพ่ือ บูชาท้าววิรุฬหก นาไปวางทางทิศใต้ ตุงจ้อสีฟ้าจะปักไว้ที่สะตวงเพื่อบูชาท้าวธตรฐ นาไปวางทางทิศ ตะวันออก ตุงจ้อสีดาจะปักไว้ที่สะตวงเพ่ือบูชาท้าววิรูปักษ์ นาไปวางทางทิศตะวันตก ตุงจ้อสีหม่นหรือเทาจะ ปกั ไวท้ ส่ี ะตวงเพอื่ บชู าท้าวกเุ วร นาไปวางทางทิศเหนือ และตงุ จอ้ สีขาวจะปกั ไว้ทสี่ ะตวงบูชาพระแม่ธรณี นาไป วางด้านล่างสุดบนพื้นดินชิดโคนเสา หรืออาจใช้ตุงกระดาษสีขาวล้วนก็ได้ จากนั้น ปู่จ๋านหรือผู้ประกอบพิธีจะ เรม่ิ ทาพธิ ี โดยนาสะตวงท่เี ตรยี มไว้ไปวางตามทิศตา่ ง ๆ ปจู่ ๋านจะทาพธิ ี กล่าวคาตา่ ง ๆ เปน็ อันเสรจ็ พิธี ๓.๒) ข้ันตอน/วิธีการ/ดาเนินการเก่ียวกับข้อมลู - ตดิ ตอ่ ประสานงานกบั สภาวฒั นธรรมตาบลป่าซาง เพื่อรวบรวมข้อมลู เบื้องต้น - ลงพนื้ ทีจ่ ัดเก็บข้อมลู ประวัติความเป็นมาของข้อมูล ช่ือผู้ทีถ่ ือปฏิบตั ิและผู้สบื ทอด สถานการณ์คงอยู่ และรูปภาพตา่ ง ๆ
-1๗๓- ๔. ชื่อผ้ทู ี่ถอื ปฏิบตั แิ ละผ้สู บื ทอด ๔.๑ ผ้ทู ถ่ี ือปฏิบตั ิ ชือ่ นายแสวง ซางสุภาพ วัน เดือน ปีเกิด 1 สงิ หาคม 2488 ท่อี ยู่ 82 หมู่ท่ี 2 ตาบลป่าซาง อาเภอแม่จนั จังหวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 088 432 4497 ๔.๒ ผสู้ ืบทอด ชื่อ - วนั เดือน ปเี กดิ - ที่อยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอยา่ งแพร่หลาย เส่ยี งต่อการสญู หาย ไม่มปี ฏิบัติแลว้ ๖. รูปภำพภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม
-1๗๔- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี 2565 สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอเชียงของ จังเหวดั เชยี งรำย 1. ช่ือข้อมูล ประเพณีและเทศกาลปีใหม่ลาหู่ (ตรษุ จีน) 2. ลักษณะ วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั ิเกย่ี วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล งานช่างฝมี ือด้ังเดมิ การละเล่นพื้นบ้าน กีฬาพ้นื บา้ น และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตวั ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัติความเป็นมาของข้อมูล ประเพณีตรุษจีนปีใหม่ จะมีการเต้นและตีกลอง เป่าขลุ่ย ร้องเพลง เป็นภาษาลาหู่ (ในเน้ือเพลงบุคคล ท่ีจะร้องได้ต้องเป็นผู้ใหญ่) งานตรุษจีนจะมีงานทั้งหมด 7 วัน 7 คืน งานเต้นจะมีการทดลองตั้งงานช่วง 6 โมงเย็น ทาร่วมมือ โดยจะมีผู้ใหญ่บ้านจะประกาศให้หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ มาเต้นใต้ต้นปีใหม่ โดนจะเต้นถึงเช้า โดยเวลาประมาณ 06.00 น. การแต่งกายจะแตง่ เป็นชดุ ลาหู่เตม็ ทง้ั ชายและหญิง ๓.๒) ข้นั ตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเกย่ี วกับข้อมูล ชาวบ้านจัดกลุ่มกันไปตั้งแต่ปีใหม่จานวน 40 คน เพ่ือหาต้นปีใหม่ตามประเพณีปีใหม่ลาหู่ (ตรุษจีน) ตน้ ปใี หมม่ าทาไหว้บรรพบุรษุ และเต้นจะมรการสรา้ งความสนกุ สนานใหห้ มู่บ้าน 4. ชอื่ ผู้ถือปฏบิ ตั ิ ชาวบา้ นทุกคนถือปฏบิ ตั ิเป็นประเพณีประจาปี (มารว่ มงาน) 4.1 ผทู้ ีถ่ อื ปฏบิ ตั ิ - ชอ่ื - วัน เดือน ปีเกิด - ทีอ่ ยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ชาวบ้านทกุ คนถือปฏิบัตเิ ปน็ ประเพณีประจาปี (มารว่ มงาน) 4.2 ผสู้ บื ทอด - ช่ือ - วัน เดอื น ปเี กิด - ท่อี ยู่ หมายเลขโทรศัพท์ 5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั อิ ย่างแพร่หลาย เสยี่ งตอ่ การสูญหาย ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ล้ว ๖. รปู ภาพภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม/กิจกรรมทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม - ไม่มี -
-1๗๕- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี 2565 สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเชยี งของ จงั เหวดั เชียงรำย 1. ชื่อข้อมลู ประเพณีโยนลูกชว่ ง 2. ลกั ษณะ วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏิบตั ทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ัติเกย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล งานชา่ งฝมี อื ดั้งเดมิ การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพน้ื บา้ น และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกนั ตัว ๓ รำยละเอียดข้อมลู ๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาข้อมูล ปีใหม่จะมีประเพณีโยนกลูกช่วง ซ่งึ มีลกั ษณะกลมเหมือนลกู บอลทท่ี าด้วยเศษผ้า มีขนาดเลก็ เหมาะมือ ท่ีจะถือข้างเดียวได้ การเล่นลูกช่วงละแปงกลุ่มผู้เล่นเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย โดยก่อนที่จะมี การละเล่น ฝ่ายหญิงหรือญาติของฝ่ายหญิงจะนาลูกช่วงไปให้ฝ่ายชายและเริ่มโยนลูกช่วงให้ฝ่ายหญิง ท้ังน้ีทั้ง สองฝ่ายจะยืนเป็นเเถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งหันหน้าเข้าหากันมีระยะห่างกันพอสมควร แล้วโยนลูกช่วงให้กนั ไปมาและสามารถทาการสนทนากบั ค่ทู โ่ี ยนได้ ๓.๒) ข้นั ตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเกี่ยวกบั ข้อมลู ในสมัยกอ่ นเปน็ การหาคู่ใหก้ ับหน่มุ สาว และเพื่อมิตรภาพทดี่ ีต่อกัน 4. ชื่อผูถ้ ือปฏบิ ัติ ประชาชนทกุ คนในหมบู่ ้าน 4.1 ผู้ท่ถี ือปฏิบตั ิ - ชอื่ - วนั เดอื น ปีเกิด - ท่อี ยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ประชาชนทกุ คนในหมู่บ้าน 4.2 ผู้สบื ทอด - ชื่อ - วัน เดือน ปเี กิด - ทีอ่ ยู่ หมายเลขโทรศัพท์ 5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั ิอยา่ งแพร่หลาย เสย่ี งตอ่ การสญู หาย ไม่มปี ฏิบตั แิ ล้ว ๖. รูปภาพภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม/กิจกรรมทางภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม - ไม่มี -
-1๗๖- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมตำบลทำ่ ข้ำวเปลือก อำเภอแม่จนั จังหวัดเชียงรำย ๑. ชอ่ื ข้อมูล ประเพณีถวายสลากภตั ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏิบตั ิทางสังคมพธิ กี รรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรู้และการปฏิบัตเิ กี่ยวกบั ธรรมชาติและจกั รวาล งานช่างฝีมือดง้ั เดิม การละเล่นพื้นบ้าน กฬี าพ้นื บา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั ๓. รำยละเอียดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัตคิ วามเปน็ มาของข้อมูล ประเพณี“สลำกภัต” เป็นการถวายทานโดยไม่เจาะจงผู้รับ เชื่อว่ามีมาต้ังแต่สมัยพุทธกาลและ ยังปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ กาเนิดของประเพณีสลากภัตมีตานานเล่าขานว่า ในสมัยพุทธกาล มีนางยักษิณีตนหน่ึง มีนิสัยชอบเบียดเบียนผู้คนอยู่เสมอ แต่ครั้นหลังจากได้ฟังธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้า แล้ว ยักษ์ตนน้ีบังเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงเปลี่ยนนิสัยมาเป็นยักษ์ผู้โอบอ้อมอารีคอยช่วยเอื้อเฟื้อแบ่งปัน ผู้อ่ืน เป็นที่ซาบซึ้งใจแก่ผู้คนท่ัวไป พวกเขาจึงนาส่ิงของมาแบ่งปันให้กับนางยักษ์ตนนี้อย่างมากมาย จนนางยักษ์ต้องนาสิ่งของเหล่าน้ันมาถวายให้แก่พระภิกษุ-สามเณรอีกทีหน่ึง ด้วยการทาเป็นสลากให้จับ ท้ังน้ี เพ่ือให้เกิดความยุติธรรม เนื่องจากข้าวของท่ีนางยักษ์ได้มาที่มูลค่าสูง-ต่า แตกต่างหลากหลายกันออกไปจน กลายเป็นความเชือ่ ทีท่ าเกิดประเพณสี ลากภตั ในกาลต่อมา ประเพณีสลากภตั หรือที่ชาวล้านนาเรยี กวา่ “ตำนกว๋ ยสลำก” หรอื มีชอื่ เรยี กในภาษาท้องถิ่นแตกต่าง กันไป อาทิ กิ๋นก๋วยสลาก กิ๋นสลาก ตานสลาก ตานข้าวสลาก ประเพณีน้ีนิยมปฏิบัติกันในชว่ งเดือน 12 เหนือ ถงึ เดอื นย่ีเหนอื หรอื ในชว่ งเดอื นกนั ยายนถึงเดอื นตลุ าคมตามเดือนสากลของทุกปี โดย 1 วนั กอ่ นงานพธิ สี ลากภัตจะเป็น“วนั ดา” หรือ “วันสุกดบิ ” ชาวบา้ นจะจดั เตรยี มข้าวของต่าง ๆ ท้ังของกินของใช้มาสาหรับจัดใส่ในก๋วยสลากส่วนมากถวายทานในระหว่างพรรษาภายในเดือนกันยายน– ตุลาคม ในสมยั โบราณกลางพรรษาพระสงฆ์สามเณรจะไม่เดนิ ทางไปไหนเป็นเวลาสามเดือน เมอ่ื ออกพรรษาแลว้ จะเดิน ออกไปธุระ ไปเดินธุดงค์ คณะศรัทธาและประชาชนจึงอยากถวายปัจจัยให้พระสงฆ์ เพื่อเอาไปเป็นค่ายา หรือ ค่าพาหนะ เดินทางไปท่ีต่าง ๆ อีกอย่างศรัทธาของชาวพุทธเมืองเหนือถือว่ากลางภาษา เป็นเวลาท่ีข้าวไม่ค่อย เหลือเงนิ ทองไมค่ อ่ ยจะมี ถ้าถวายทานตอนน้ถี อื ว่ามีบญุ กุศลมากมายมหาศาล ตามความเชื่อถอื ของบรรพชนมาชา้ นาน ๓.๒) ขั้นตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกี่ยวกบั ขอ้ มูล สาหรับพิธีทานสลากภัต จะรวมเอาสลาก (พนวน) ที่สังฆทานทั้งหมดท่ีนามาถวายพระสงฆ์ มีจานวนเท่าไร พระสงฆ์เท่าไร ส่วนท่ีเหลือถวายวัด เพื่อสร้างศาสนสถานต่อไป ขั้นตอนเร่ิมจากคาถวายทานสาหรับอุทิศไปให้ ใคร เรียกว่า ๑ สารับ หรือฝ่ายสงฆ์เท่ากับ ๑ เส้น มารวมกันแล้วนิมนต์พระสงฆ์สามเณรจับสลาก ได้สารับ ไทยทานของใครก็ไปรับสังฆทานจากคนนั้นเป็นอันเสร็จพิธี อีกประเพณีหนึ่งยึดถือกันแต่โบราณ ที่สาคัญมาก คือ ประเพณกี ารเข้าพรรษาและออกพรรษา โดยเตรยี มหอ่ ขา้ วตม้ ขนม ห่อนงึ่ เตรยี มไวว้ นั ร่งุ ข้ึนกจ็ ะนาดอกไม้ ธูปเทียน ข้าวตอก ดอกไม้ อาหารคาวหวานใส่ในสารับไทยทานถวายพระ เพ่ืออุทิศ ส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้ วายชนม์ เรยี กวา่ ตานกว๊ั ะขา้ ว พระสงฆ์ ใหพ้ รเสรจ็ แล้วไปรว่ มพิธีทาบุญตกั บาตรในวหิ าร พรอ้ มกบั ศรทั ธา
-1๗๗- ชาวบา้ นและทกุ วนั พระ ในระหว่างพรรษาจะมีการทาบญุ ตักบาตรตอนเข้าพรรษา ซึง่ ส่วนมากจะเปน็ คนหนุ่ม สาว ตอนบ่ายจะเป็นเร่ืองของผู้สูงอายุ หรือไม่ก็คนที่ชอบฟังธรรม มีการสวดมนต์กรรมฐานและเจริญภาวนา พระสงฆ์ให้พรเสร็จแล้วกลับบ้าน ส่วนผู้สูงอายุบางคนไปนอนวัดในวันพระระหว่างจาพรรษา โดยถือศีล ๘ (อุโบสถศีล) เริ่มนอนก่อนวันพระ ๑ วัน เม่ือรับศีลแล้วก็จะสวดมนต์ภาวนาใช้เวลานอนแต่ละวันพระ ๒ คืน ประเพณีน้ยี ังยึดถือตัง้ แต่อดีตจนถงึ ปัจจบุ นั ๔. ชื่อผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ บื ทอด ๔.๑ ผู้ทถี่ ือปฏบิ ตั ิ ช่ือ พระครูอุปถัมภว์ รการ เจา้ คณะอาเภอแม่จนั วนั เดือน ปเี กิด - ท่อี ยู่ วดั ป่าซาง ตาบลป่าซาง อาเภอแม่จนั จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๙ ๘๓๘ ๗๘๓๖ ๔.๒ ผสู้ ืบทอด ชอื่ พระครูอภวิ ัฒนว์ าที เลขาเจา้ คณะอาเภอแมจ่ นั วัน เดือน ปีเกิด - ทอ่ี ยู่ วัดปา่ ซาง ตาบลป่าซาง อาเภอแม่จนั จังหวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๙๓ ๓๐๘ ๑๕๑๕ ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั อิ ยา่ งแพร่หลาย เสยี่ งตอ่ การสูญหาย ไมม่ ีปฏิบัตแิ ล้ว ๖. รูปภำพภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
-1๗๘- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชียงรำย ประจำปี 2565 สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอเชยี งแสน จังหวดั เชียงรำย 1. ชื่อข้อมูล ประเพณีทาบญุ เมือง สะเดาะเคราะหแ์ ละถวายทานสลาก 25 2. ลกั ษณะ วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบตั เิ กยี่ วกบั ธรรมชาติและจักรวาล งานชา่ งฝีมอื ดั้งเดมิ การละเลน่ พนื้ บา้ น กีฬาพน้ื บา้ น และศลิ ปะการต่อสู่ป้องกันตัว 3. รำยละเอียดข้อมูล 3.1 ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มูล เมืองเชียงแสนเป็นเมืองประวัติศาสตร์มีอายุเก่าแก่ร่วม 2,000 ปี มีมหากษัตริย์ปกครองรวม 150 พระองค์ แต่เดิมไม่มีผุ้ใดคิดจะทาบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่พระมหากษัตริย์แม้แต่คร้ังเดียว ในปี พ.ศ. 2550 ประชาชน ในเขตเทศบาลตาบลเวียงเชียงแสนจังได้ปรึกษาหารือกันโดยมี สภาวัฒนธรรมอาเภอเชียงแสนเป็นแกนนา ประกอบกับเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทุกหนทุกแห่ง และภูมิอากาศแห้งแล้ง ในที่ประชุมมีความเป็นว่าควรจะมีการทาบุญเมือง สะเดาะเคราะห์เมืองและประชาชน รวมถึงทาบุญอุทิศส่วน กุศลไปให้แก่บูรพมหากษัตริย์ท่ีปกครองเมืองเชียงแสนทุกพระองค์ตลอดอริราชศัตรูและพญานาคท้ังหลาย ดังนั้น ร.ต.ต.สุดใจ เชื้อเจ็ดตน จึงได้เสนอให้นาประเพณีถวายทานสลาก 25 ซ่ึงเป็นฮีตฮอยของชาวไต ทั้งไตใหญ่ และไตลื้อ มาทาพิธีทาบุญให้บูรพมหากษัตริย์ โดยกาหนดและทามาแล้วเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน แต่เม่ือครบ 3 ปแี ล้ว ชาวบ้านเห็นวา่ ประเพณีนี้เป็นสง่ิ ท่ดี จี งึ ขอใหท้ าตลอดไป สืบเนื่องมาจากเม่ือปี พ.ศ. 2550 ชาวบ้านได้จัดงานประเพณีเลี้ยงเจ้าพ่อประตูป่าสักและเจ้าแม่นาง เซ้งิ ขนึ้ ในเดอื น 9 ขึน้ 9 ค่า ซงึ่ ขณะกาลังทาพิธีอยู่ไดเ้ กิดเหตุการณ์ขึ้นกบั ผู้หญิงท่านหน่ึงท่ีเขา้ ร่วมพิธีในคร้ังนี้ ได้มีร่างทรงประทับร่างผู้หญิงดังกล่าวที่หน้าศาลเจ้าแม่นางเซ้ิง แล้วขอน้ากินและนามารดตัวเองจนเปียก ชาวบ้านท่ีมาร่วมพิธีได้ถามว่า เป็นใคร ร่างทรงได้บอกว่าเขาคือ พญานาค และยังกล่าวว่า เจ้าบ้าน เจ้าเมือง และบรรพบรุ ุษทีไ่ ด้ล้มตายจากไปหลายช่วั อายคุ น ไมม่ ใี ครคิดจะทาบุญ ทาทาน อุทศิ ส่วนบุญส่วนกศุ ลไปให้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีนายวีระพล กัลป์ที (กานันตาบลเวียงในขณะน้ัน) อาจารย์บุญส่ง เชื้อเจ็ดตน ลุงหนานสุดใจ เช้ือเจ็ดตน และคณะกรรมการวัด ท้ัง 4 วัด ประมาณ 20 คน มาร่วมประชุมกันที่ วัดผา้ ขาวป้าน ในท่ีประชมุ มีมติลงความเห็นว่า ควรทาสลากซาวห้า เพ่อื ทาบุญให้แก่บรรพบุรุษท่ลี ว่ งลบั ไปแล้ว สลากซาวห้า ก๋วยนั้นต้องเขียนชื่อของกษัตริย์หรือบรรพบุรุษที่สร้างบ้าน สร้างเมือง ทาคุณประโยชน์ให้แก่ บ้านเมืองเชียงแสน จานวน 25 ทา่ น ดงั น้ี กว๋ ยที่ 1 ตานหา เจ้าสุวรรณโคมคา กษัตริย์แห่งแคว้นสุวรรณโคมคา พญาสัตนาคผู้ดูแลแม่น้าโขง ตลอดจนข้าทาสบรพิ าร แหง่ แควน้ สวุ รรณโคมคา ก๋วยท่ี 2 ตานหา พระเจ้าสิงหนวัติ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรโยนกนาคนคร พญานพันธุนาค ผ้กู าหนดเขตแคว้นโยนกนาคนคร ตลอดจนข้าทาสบรพิ าร ก๋วยท่ี 3 ตานหา พระเจ้าอชตุ ราชราชโอรสของพระเจา้ สิงหนวัติ ผู้สรา้ งพระธาตดุ อยตงุ ก๋วยที่ 4 ตานหา พระยามังรายนรราช พระองค์พิง พระองค์พัง เรื่อยมาจนถึงพระองค์เพียงตลอดจน ขา้ ทาสบริพาร
-1๗๙- ก๋วยท่ี 5 ตานหา พระเจ้าพังคราช ผู้สร้างพระธาตุจอมกิตติ ร่วมกับพระเจ้าพรหมมหาราช ราชโอรส ตลอดจนพระองคท์ ุกขติ กมุ าร พระองคไ์ ชยศิริ พระองค์มหาวันต๋น ลูกของพระองค์ทุกขิตกมุ ารตลอดจนข้าทาส บรพิ าร ก๋วยที่ 6 ตานหา พระเจ้าพรหมมหาราช ราชโอรสพระเจ้าพังคราช ผู้ร่วมกันสร้างพระธาตุจอมกิตติ และผู้ทรงขบั ไลข่ อมดาออกจากโยนกนาคนครตลอดจนข้าทาสบรพิ าร ก๋วยที่ 7 ตานหา พระเจ้ามหาไชยชนะ ขุนนาง เสนาอามาตย์ ตลอดจนอาณาประชาราษฎร์และ ข้าราชบริพารท่ีสญู หายไปพร้อมกับเมืองนครโยนกนาคนครทล่ี ม่ สลายกลายเป็นเวียงหนองหลม่ กว๋ ยที่ 8 ตานหา ขนุ ลงั ตลอดจนขุนท้ังหลายท่ปี กครองเวยี งปรกึ ษาพร้อมข้าทาสบริพาร ก๋วยท่ี 9 ตานหา พญาวะจักราช ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรหิรัญนครเงินยาง พร้อมด้วยพญาลาวเกอ้ื ลาวก่อตน๋ ลูกทงั้ สองตลอดจนข้าทาสบริพาร ก๋วยที่ 10 ตานหา พญาลาวเก้าแก้วมาเมือง ราชโอรสของพญาลวะจักราช ผู้สร้างพระธาตุปูเข้า และ วดั ผ้าขาวป้านตลอดจนขา้ ทาสบริพาร ก๋วยท่ี 11 ตานหา พญาลาวเส้า ลาวซิน เร่ือยมาจนถึงลาวจอมธรรม แห่งอาณาจักรหิรัญนครเงินยาง ตลอดจนข้าทาสบริพาร ก๋วยที่ 12 ตานหา พญาลาวเจ้ืองหรือขุนเจืองธรรมิกราช ผู้ท่ีสามารถป้องกันเมืองเงินยางจากการ รกุ รานของบา้ นเมืองแมนต๋าออก ขอบฟ้าต๋ายืนได้ ตลอดจนขา้ ทาสบรพิ าร ก๋วยที่ 13 ตานหา พญาลาวเงินเรือง ลาวเชียง ลาวเม็ง ผู้เป็นพระราชบิหาของพญามังราย ตลอดจน ข้าทาสบริพาร ก๋วยที่ 14 ตานหา พญามังรายมหาราช ผู้รวบรวมหวั เมืองน้อยใหญ่ท้ังหลายท่ัวสารทิศเป็นอาณาจกั ร อนั ย่ิงใหญ่คือ อาณาจักรลา้ นนา ตลอดจนข้าทาสบรพิ าร ก๋วยท่ี 15 ตานหา พญามังเครื่อง พญามังคม และพญามังเครือ ราชโอรสของพญามังรายมหาราช ตลอดจนข้าทาสบริพาร ก๋วยท่ี 16 ตานหา พญาแสนพู ราชโอรสของพระยามังคาม ซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองเงินยางที่ทา ให้อาณาประชาราษฎร์อยู่เย็นเป็นสุข บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ท่ีสุดและเป็นผู้สร้างวัดป่าสัก วัดเจดีย์หลวง และ กาแพงเมอื งเชยี งแสน ตลอดจนขา้ ทาสบรพิ าร ก๋วยท่ี 17 ตานหา พญาแสนคาฟู ราชโอรสองค์สุดท้ายของพญาแสนพู ผู้สร้างวัดแสนคาฟูเรื่อยมา จนถงึ หม่ืนเชียงสง ผสู้ รา้ งวดั หมืน่ เชยี ง ตลอดจนขา้ ทาสบรพิ าร ก๋วยท่ี 18 ตานหา หม่ืนงั้วหรือพญาตรีรัชฎเงินกอง ผู้สร้างวัดล้านทอง เร่ือยมาจนถึงพญารัตนกาพล กษัตริย์องค์สุดท้ายของเมืองเงินยาง ก่อนที่เมืองเงินยางหรือเมืองเชียงแสนจะตกอยู่ใต้อานาจการปกครองของ พม่าในปี พ.ศ. 2101 ตลอดจนข้าทาสบรพิ าร ก๋วยท่ี 19 ตานหา พระเจ้ากาวิละ เจ้าครองนครเชียงใหม่ท่ียกกองทัพมาขับไล่พม่าในปี พ.ศ. 2120 พรอ้ มด้วยเหล่าทหารกล้าที่ตายในสนามรบ ตลอดจนชาวเมอื งเชยี งแสนทถ่ี ูกพมา่ เข่นฆ่า ก๋วยที่ 20 ตานหา อุราชธรรมลังกา แม่ทัพแห่งกองทัพล้านนา อันประกอบด้วยกองทัพจากเชียงใหม่ ลาพูน ลาปาง แพร่ น่าน หลวงพระบาง เมืองเทิงและเมืองเชียงของ ยกทัพสมทบกับกองทัพแห่งกรุงสยาม ซ่ึง นาโดยกรมหลวงเทพหรริ ักษ์ และพญายมราช เพอ่ื ขับไลพ่ ม่าออกจากเมืองเชียงแสนใน พ.ศ. 2347 พร้อมดว้ ย แมท่ ัพนายทองและอาณาประชาราษฎรที่ลม้ ตายในสงครามครง้ั นั้น ก๋วยที่ 21 ตานหา ผู้เฒ่า ผู้แก่ คนป่วย คนพิการที่ถูกบังคับให้ลงเรือ แล้วปล่อยให้เรืองไหลไปตามน้า ของ และลูกเล็กเด็กแดงที่ถูกนาไปปล่อยท้ิงไว้หนองกลางเวียงแล้วถูกน้าท่วมตายในคราวที่ขับไล่พม่าออกจาก เมอื ง แลว้ เผาเมือง แลว้ นาคนออจากเมอื งให้หมดในปี พ.ศ. 2347
-1๘๐- ก๋วยที่ 22 ตานหา เจ้าหนานอินต๊ะ หรือพระยาราชเดชดารง ผู้กลับมาสร้างบ้านแปงเมืองใน พ.ศ. 2421 สมัยราชกาลที่ 5 ตลอดจนข้าทาสบริพาร ก๋วยที่ 23 ตานหา นายอาเภอเชียงแสนทุกท่านท่เี สียชวี ิตไปแล้ว ก๋วยที่ 24 ตานหา ขอมดาและชาวขอมดาที่ยดึ เมืองโยนกนาคนครจากพระเจ้าพังคราชแล้วถูกพระเจ้า พรหมมหาราชขับไล่และเข่นฆ่า ตลอดจนแม่ทับนายกองของพม่าทุกคนท่ีเข่นฆ่าในคราวขับไล่พม่าออกจาก เมืองเชยี งแสน ในปี พ.ศ.2374 กว๋ ยท่ี 25 ตานหาพญานาคน้าทุกตน๋ ทุกตัว ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ท้ังหลาย ครั้งแรกไดท้ าพธิ ีที่ลานหอพระหน้าอาเภอเชยี งแสน ปีทส่ี อง ทาพธิ ที วี่ ดั กาเผอื ก ในปที ี่ 3 – 7 ทาพิธีท่ี วัดเจดีย์หลวง ต่อมาเกิดปัญหาข้ึนในหลายๆ ด้าน คณะกรรมการได้ประชุมและเสนอว่า ให้เปล่ียนกันเป็น เจ้าภาพวัดละปเี วยี นแตล่ ะวัด ทัง้ 4 วัด ไดแ้ ก่ วดั เจดียห์ ลวง วดั ลา้ นทอง วดั ผ้าขาวปา้ น และวัดปงสนุก 3.2 ขัน้ ตอน/วธิ ีกำร/ดำเนนิ กำรเก่ยี วกับขอ้ มูล ในการทาพิธีแต่ละปี จะทาขึ้นในวัน 9 เป็ง (ขึ้น 15 ค่า เดือน 9) ของทุกปี ประกอบด้วยก๋วย 25 ก๋วย รวมท้ังเรือสะเปาคาอีก 1 ลา ภายในเรือจะมีอาหาร ขนม ผลไม้หลากหลายชนิด เพื่อให้เป็นอาหารของ สรรพสัตวท์ ่ีอาศัยอยใู่ นนา้ และพญานาค การทาพธิ ีน้ีจะมพี ธิ ีกรรมอยู่ 3 พธิ ี ดังน้ี 1. การทาบญุ เมอื ง หรอื การสบื ชะตาเมอื ง 2. การสะเดาะเคราะห์นพเคราะหท์ งั้ 9 3. สลากซาวห้า (ทานใหบ้ รรพบุรษุ ) ๔. ชอ่ื ผทู้ ี่ถอื ปฏิบตั แิ ละผู้สบื ทอด ๔.๑ ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั ิ ชอ่ื นายบุญสง่ เชื้อเจ็ดตน วนั เดอื น ปเี กิด 16 มถิ นุ ายน 2492 ท่อี ยู่ 119/1 หมู่ 2 ตาบลเวยี ง อาเภอเชียงแสน จงั หวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 082 758 0882 ๔.๒ ผูส้ ืบทอด ช่ือ สภาวัฒนธรรมเทศบาลเวยี งเชียงแสน และสภาวฒั นธรรมอาเภอเชียงแสน วนั เดอื น ปีเกิด - ทอ่ี ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบตั ิอยา่ งแพร่หลาย เสีย่ งตอ่ การสญู หาย ไม่มปี ฏิบัติแลว้
-1๘๑- ๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม พิธสี บื ชะตา เครื่องสืบชะตา สะเดาะเคราะหน์ พเคราะห์ (สะเดาะเคราะห์เมือง) เรอื สะเปาคา ตน้ สลาก ต้นสลากซาวห้า (25 ตน้ )
-1๘๒- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอพญำเม็งรำย จังหวัดเชียงรำย ๑. ชื่อข้อมูล ประเพณีทาบญุ ตานข้าวใหม่ ๒. ลักษณะ วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏิบัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั เิ กยี่ วกับธรรมชาติและจักรวาล งานช่างฝีมือดั้งเดิม การละเลน่ พ้นื บ้าน กีฬาพน้ื บ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตัว ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัติความเป็นมาของขอ้ มูล ชาวพ้ืนเมืองลา้ นนา มีความเช่ือว่าวันข้ึน 15 ค่า เดือน 4 เป็ง เป็นวันพระใหญ่ และเป็นประเพณีของ ชาวบ้านทางภาคเหนือมาแต่โบราณ หลังจากท่ีชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวแล้วก็จะนาข้าวท่ีเก็บเกี่ยวมาสีเป็น ข้าวสาร นามานึ่งเป็นข้าวสุก หรือทาเป็นข้าวหลาม หรือนาข้าวสารมาถวายแด่พระสงฆ์ เพ่ืออุทิศส่วนกุศล ให้กับบรรพบุรุษท่ีล่วงลับไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูบิดา-มารดาท่ีได้เลี้ยงดูมา การที่เก็บเกี่ยวข้าวใหม่ พ่อ-แม่จะต้องได้รับประทานก่อน หรือท่ีชาวไทยล้านนาเรียกวา่ “ประเพณีทาบุญตานข้าวใหม่” หรือ “ทาบุญ เดือน 4 เป็ง” ท่ีสืบทอดกันมายาวนาน ถือเป็นประเพณีท่ียึดถือกันมาแต่โบราณ ที่สืบทอดกันมายาวนาน แต่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยจะใส่ใจ เกรงว่าจะสูญหาย ยิ่งเป็นชุมชนเมืองยิ่งต้องมีการอนุรักษ์และสืบสานประเพณี เอาไว้ เพือ่ ใหอ้ นุชนรุ่นหลังได้รจู้ กั เรียนรู้ประเพณวี ัฒนธรรมหรอื รากเหงา้ ของตนเอง ๓.๒) ขั้นตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกี่ยวกับขอ้ มลู หลังจากฤดูกาลเก็บเก่ียวชาวบ้านท่ีเป็นชาวนา ต่างร่วมกันนาผลผลิตข้าวสารใหม่ ข้าวเปลือก ซึ่งเพ่ิง เก็บเกี่ยวได้ รวมถึงอาหารท่ีทาจากข้าวใหม่ ท้ังข้าวหลาม ข้าวจี่ ข้าวต้ม ข้าวเหนียว ขนมเทียน อาหาร น้าตาล และน้าอ้อย ถวายหน้าพระประธานของวัดแต่ละหมู่บ้าน และร่วมทาบุ ญใส่บาตรถวายแด่พระภิกษุ เพ่ืออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษ หรือญาติผู้ใหญ่-พ่ีน้องท่ีล่วงลับไปแล้ว ส่วนใหญ่จะทากันในวันข้ึน 15 ค่า เดือน 4 เป็ง ยังคงร่วมรักษาสืบสานวัฒนธรรมประเพณีทาบุญวันเดือน 4 เป็ง หรือท่ีชาวไทยล้านนาเรียกว่า “ประเพณีทาบุญตานข้าวใหม่” ท่ีสืบทอดกันมายาวนาน นอกจากน้ียังมีการนา ฟืน มาสุมกองรวมกันที่หน้า พระวิหาร เพื่อรอทาพธิ สี ุมไฟคลายหนาวให้พระพุทธเจ้า ตามความเชอ่ื ของชาวบา้ นดว้ ย ๔. ช่ือผู้ที่ถอื ปฏิบัตแิ ละผู้สบื ทอด ๔.๑ ผูท้ ีถ่ ือปฏบิ ัติ ชื่อ นายอทิ ธพิ ล จาปา วนั เดอื น ปเี กดิ 9 กมุ ภาพนั ธ์ 2509 ท่อี ยู่ 106 หมู่ 10 ตาบลแม่ตา๋ อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 081 030 3606
4.2 ผสู้ บื ทอด -๑๘๓- - ช่ือ วนั เดอื น ปีเกิด - ทอี่ ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอย่างแพรห่ ลาย เสย่ี งต่อการสญู หาย ไม่มปี ฏิบตั แิ ล้ว ๖. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
-๑๘๔- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย สำนกั งำนวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย อำเภอแมส่ ำย จังหวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล ประเพณบี วงสรวงพระเจ้าพรหมมหาราช ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบตั ิเกีย่ วกับธรรมชาติและจักรวาล งานชา่ งฝมี ือด้งั เดิม การละเลน่ พนื้ บา้ น กีฬาพื้นบา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตัว ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของข้อมลู พระเจ้าพรหมมหาราช พระองค์พรหมราช หรือ พรหมกุมาร เป็นราชบุตรของ พระองค์พังคราช กษตั ริย์เมอื งโยนกนครไชยบรุ รี าชธานศี รีช้างแส่น ประสูติราว พ.ศ. 1555 ถงึ พ.ศ. 1632 ซึง่ เป็นเมืองในที่ลุ่ม แม่น้ากก แต่มีหลักฐานท้องถิ่นระบุว่าพระองค์ประสูติใน พ.ศ. 1655 ที่เวียงสี่ทวง (ตาบลเวียงพางคา อาเภอ แม่สาย จังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน) และส้ินพระชนม์ใน พ.ศ. 1732 พระองค์มีพระปรีชาสามารถด้านการรบ สามารถตีเอาเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น คืนได้จากพระยาขอม (ขอมดา จากเมืองอุโมงคเสลานคร) ซึ่งยกทัพมาชิงเมืองโยนกในสมัยพระองค์พังคราช พระองค์เป็นมหาราชผู้ประเสริฐ ได้ทานุบารุงบ้านเมือง ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น กว่าแต่ก่อนทุก ๆ ด้านเป็นอันมากในการปกปักษ์รักษาบ้านเมืองให้อยู่รอด มีความม่ันคง แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับอริราชศัตรู พระองค์ทรงเสริมสร้างป้อมคูประตูหอรบ ขยายอาณาเขตให้กว้างขวาง ยิ่งขึ้น คุณธรรมความดีอันเป็นพื้นฐานแห่งมหาบารมีบุญญาธิการของพระองค์ จ้าบรรเจิดซาบซึ้งสิงอยู่ในจิตใจ ชาวไทยลานนา และไทยในทุกแว่นแคว้นแห่งดินแดนสุวรรณภูมิ พระองค์จึงทรงได้รับสมัญญานามจากดวงใจ อนั เบิกบานผ่องใส เต็มไปด้วยความจงรกั ภักดขี องชาวไทยในยุคน้นั และยคุ ตอ่ มาวา่ “องคป์ ฐมมหาราชไทย” ดงั นน้ั จงั หวดั เชยี งราย โดยอาเภอแมส่ ายกาหนดจัดประเพณบี วงสรวงพระเจ้าพรหมมหาราช ระหว่าง วันท่ี ๒๓ - ๒๔ กุมภาพันธ์ เป็นประจาทุกปี บริเวณหน้าพระบรมราชานุเสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช ณ ท่ีว่าการอาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน พ่อค้า นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวแม่สาย ได้ร่วมกันประกอบพิธีถวายเคร่ืองสักการะแบบล้านนา และ บวงสรวงพระเจ้าพรหมหาราช สาหรับในพิธีมีการตกแต่งนาเอาเครื่องสักการะ ประกอบด้วยเคร่ืองบวงสรวง บายศรีเทพบานศรพี รหม บายศรีหลัก บายศรีตอ บายศรีปากชาม เคร่ืองสักการะพานพุ่มดอกไม้สดเครื่องบูชา อญั เชิญ หมากเบ็ง สมุ่ ปู ต้นเทยี น ตน้ อ้อย เครอื่ งเซ่นไหว้ อาหารคาวหวานหลากหลายชนิดมาถวายสักการะแด่ พระองค์ท่านอันเป็นเครื่องหมายแห่งความกตัญญูอยู่รู้คุณเพ่ือเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมราลึกถึง พระมหากรณุ าท่ีคณุ ของพระองคท์ ่านอีกดว้ ย การฟ้อนเพ่ือถวายแด่พระเจ้าพรหมมหาราชเป็นการเทิดพระเกียรติ และน้อมราลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระเจ้าพรหมมหาราชที่พระองค์ทรงกอบกู้เอกราชให้รอดพ้นจากการปกครองของขอมดา และได้รวบรวม หัวเมืองน้อยใหญ่สร้างบ้านแปลงเมืองเป็นอาณาจักรล้านนา พระองค์ทรงทานุบารุงพระพุทธศาสนาให้ เจริญรุ่งเรืองทรงส่งเสริมการชลประทาน การเกษตร การอาชีพการทหาร และการป้องกันเมือง ทรงขุดคูเมือง ลอ้ มรอบ เปน็ แบบอยา่ งของการสรา้ งบ้านแปลงเมืองในยุคต่อมาคุณปู การนานปั การ พระองค์ทม่ี ีตอ่ ชาวลา้ นนา จนไดร้ ับสมัญญานามพระเจ้าพรหมมหาราชอันเป็นกษัตรยิ ์ท่ีได้รับสมัญญานามมหาราชพระองค์แรกของชาติไทย
-1๘๕- ๓.๒) ข้นั ตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเก่ยี วกับข้อมูล อาเภอแม่สายกาหนดจัดประเพณีบวงสรวงพระเจ้าพรหมมหาราช ระหว่างวันท่ี ๒๓ - ๒๔ กุมภาพันธ์ เป็นประจาทุกปี บริเวณหน้าพระบรมราชานุเสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช ณ ที่ว่าการอาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ่อค้า นักเรียน นักศึกษา และ ประชาชนชาวแมส่ าย ได้รว่ มกนั ประกอบพธิ ถี วายเครื่องสักการะแบบล้านนา และบวงสรวงพระเจ้าพรหมมหาราช สาหรับในพิธีมีการตกแต่งนาเอาเครื่องสักการะ ประกอบด้วยเครื่องบวงสรวง บายศรีเทพบานศรี พรหม บายศรีหลัก บายศรีตอ บายศรีปากชาม เคร่ืองสักการะพานพุ่มดอกไม้สดเครื่องบูชาอัญเชิญ หมากเบ็ง สุ่มปู ต้นเทียน ต้นอ้อย เครื่องเซ่นไหว้ อาหารคาวหวานหลากหลายชนิดมาถวายสักการะแด่พระองค์ท่านอัน เป็นเครอ่ื งหมายแห่งความกตัญญูอยรู่ ู้คุณเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมราลึกถึงพระมหากรุณาท่ีคุณของ พระองค์ท่านอีกด้วย พร้อมท้ังมีกลุ่มสตรีในอาเภอแม่สาย กว่า 1,000 คน ฟ้อนเพื่อถวายแด่พระเจ้าพรหม มหาราช เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และน้อมราลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าพรหมมหาราชท่ี พระองค์ทรงกอบกู้เอกราชให้รอดพ้นจากการปกครองของขอมดา และได้รวบรวมหัวเมืองน้อยใหญ่สร้างบ้าน แปลงเมอื งเปน็ อาณาจักรลา้ นนา 4. ชอื่ ผู้ท่ีถือปฏิบตั ิและผ้สู ืบทอด 4.๑ ผูท้ ่ีถอื ปฏบิ ตั ิ ช่ือ นางสาวกฤตพร สขุ สกั วัน เดือน ปีเกิด - ทอี่ ยู่ ๖๘ หมู่ ๘ ตาบลแม่สาย อาเภอแมส่ าย จังหวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๕๓ ๗๓๑ ๒๘๘ 4.2 ผสู้ ืบทอด ชือ่ - - วนั เดือน ปีเกดิ - ทอี่ ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - 5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย เส่ยี งตอ่ การสูญหาย ไม่มปี ฏิบัตแิ ล้ว 6. รูปภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม
-1๘๖- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเวยี งเชียงร้งุ จังหวดั เชียงรำย ๑. ชอ่ื ข้อมลู ประเพณบี ญุ บ้งั ไฟตาบลดงมหาวัน ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับธรรมชาติและจักรวาล งานชา่ งฝมี ือดัง้ เดิม การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพ้นื บ้าน และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกนั ตวั ๓. รายละเอียดขอ้ มูล ๓.๑) ประวัติความเป็นมาของขอ้ มูล ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นวัฒนธรรมประเพณีชาวอีสาน ท่ีสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เป็นความเชื่อใน ด้านความเปน็ อยู่ และวิถชี ีวติ ของชุมชน ตาบลดงมหาวัน เดิมเป็นหมู่บ้านชาวพื้นเมืองล้านนาเป็น ส่วนใหญ่ และมีชาวอีสานท่ีอพยพมาจาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทาให้มีวัฒนธรรมของชาวอีสานในตาบลดงมหาวัน คือ ประเพณีบุญบั้งไฟ เพื่อให้ เป็นการอนุรักษ์ ประเพณีให้ย่ังยืน และสร้างความสามัคคีในชุมชนให้อย่างยืน ตาบลดงมหาวัน ได้ร่วมกันจัด ประเพณีบุญบั้งไฟตาบลดงมหาวัน โดยการมีส่วนร่วมของหมู่บ้านท่ีเป็นคนพ้ืนเมืองล้านนา และคนอีสาน ตลอดจนเปน็ การส่งเสริมการท่องเทีย่ วทางวฒั นธรรม โดยมีการจดั งานขึ้นทกุ ปี ในเดอื นพฤษภาคมของทกุ ปี ซ่งึ จัดเป็นงานบุญเดือนหก ตามฮีตสิบสองครองสิบสี่ ซ่ึงจัดในพื้นที่ตาบลดงมหาวัน ซ่ึงเป็นสถานท่ีที่มีความ เหมาะสมในการจัดงานในแต่ละปี ประชาชนในตาบลดงมหาวนั ของแตล่ ะหมู่บ้านจะจัดเตรียมขบวนแห่ ตกแตง่ เอ้หรือบัง้ ไฟ โดยการจัด งานเปน็ เวลา ๒ วนั วันแรกมพี ิธีกรรมทางศาสนา และพธิ บี ชู าพญาแถน, การแหข่ บวนบงั้ ไฟ ของ ๑๑ หมบู่ ้าน, การประกวดการตกแต่งบ้ังไฟ, การประกวดท้าวผาแดง-นางไอ่คา, การประกวดลาบและส้มตาลีลา, การราเซิ้ง การละเลน่ ต่าง ๆ และการแข่งขันจุดบั้งไฟ ชาวอีสานทาบุญบ้ังไฟตามความเชื่อว่าบนฟ้ามีส่ิงศักดิ์สิทธ์ิหรือท่ีชาวอีสานเรียกว่า “พญาแถน” ซ่ึงก็ คือเทวดาน้ันเองคอยประทานฟ้าฝน ความอุดมสมบูรณ์แห่งฤดูกาล ข้าวปลาอาหารธัญญาหารให้ บั้งไฟคือ เครื่องบูชาหรืออุปกรณ์ท่ีจะไปบอกกล่าวให้พญาแถนทราบว่าชาวโลกยังให้ความเคารพ นับถือบูชาไม่เคยขาด ขอจงดลบันดาลหรือประทานฟา้ ฝนใหต้ ามต้องการด้วย ๔. ชอื่ ผทู้ ่ีถอื ปฏิบัติและผู้สบื ทอด ๔.๑ ผ้ทู ถ่ี อื ปฏิบัติ ช่ือ องค์การบริหารสว่ นตาบลดงมหาวนั อาเภอเวยี งเชยี งรุ้ง จังหวดั เชียงราย วัน เดือน ปีเกิด - ทอ่ี ยู่ องค์การบริหารส่วนตาบลดงมหาวัน อาเภอเวยี งเชียงรุ้ง จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๕๓ ๑๗๒ ๑๓๐
๔.๒ ผู้สืบทอด -๑๘๗- ชอ่ื ประชาชน และเครือข่ายศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรม ในพนื้ ทตี่ าบลดงมหาวนั วัน เดือน ปเี กดิ ที่อยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - - ๕. สถานะ การคงอยู่ ปฏบิ ัตอิ ย่างแพรห่ ลาย เสย่ี งตอ่ การสญู หาย ไมม่ ีปฏบิ ัติแล้ว ๖. รปู ภาพภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม งานบุญบงั้ ไฟตาบลดงมหาวัน และพิธีเปิดงานในแตล่ ะปี การแสดงศิลปวัฒนธรรม พิธีทางศาสนา และพธิ ีบชู าพญา ขบวนบ้ังไฟ แถน ขบวนแห่ การประกวดทา้ วผาแดง - นางไอ่
-1๘๘- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอแม่จัน จังหวดั เชียงรำย ๑. ช่ือข้อมลู ประเพณีปใี หม่เขาะจาเว ๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏบิ ตั ทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั ธรรมชาติและจักรวาล งานช่างฝีมือด้ังเดมิ การละเลน่ พนื้ บ้าน กีฬาพน้ื บา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตวั ๓. รำยละเอียดข้อมลู ๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของข้อมลู พื้นท่ีตาบลป่าตึงเป็นพ้ืนที่ท่ีมีความหลากลายทางชาติพันธุ์สูง ประกอบด้วย กลุ่มคนพื้นเมืองร้อยละ 50 ของประชากรและกลุ่มชาติพันธ์ุ รอ้ ยละ 50 ของประชากรซึ่งประกอบด้วย อาขา่ (อกี อ้ ) ลาหู่ (มเู ซอ) อิ้วเม่ียน (เย้า) ลซี ู (ลซี อ) ไทยใหญ่ (เงย้ี ว) ปะหล่อง ลัว๊ ะ ว้า และจนี ฮอ่ อสิ ระ ประชากรตาบลป่าตึง สามารถอยู่และดาเนินวิถีชีวิตร่วมกันเร่ือยมาได้ด้วย การใช้ประโยชน์และเห็น ความสาคัญของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การจัดประเพณี ปีใหม่ เขาะ จา เว จึงเป็นการสร้างความเข้าใจอันดี งามระหว่างกลุม่ ชาตพิ ันธ์ตา่ งๆในพนื้ ท่ตี าบลป่าตึงและเป็นการสง่ เสรมิ การท่องเท่ยี วอีกด้วย ๓.๒) ข้ันตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเกีย่ วกบั ขอ้ มูล ประเพณี“เขาะจาเว”คือ พิธีฉลองปีใหม่ของชาวไทยภูเขา (พื้นที่สูง) ซึ่งเป็นประเพณีหรือ ขนบธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาของชนเผ่าต่างๆ 9 ชนเผ่า ประกอบด้วย ชนเผ่าอาข่า ชนเผ่าลาหู่(มูเซอ) ชนเผา่ ลีซ(ู ลซี อ) ชนเผา่ ลว๊ั ะ และชนเผ่าจนี โดยแต่ละชนเผา่ จะประกอบ พิธกี รรมประเพณีหรือขนบธรรมเนียม ท่ีบรรพบุรุษไดส้ ืบทอดกนั มาของชนเผ่านั้น ๆ โดยจดั ขนึ้ ในวนั ข้ึน 1 ค่า เดอื น 3 (กมุ ภาพันธ์) ตามความเชื่อว่า การได้ทาพิธี“เขาะจาเว”หรือการไหว้เทพพระเจ้าท่ีแต่ละชนเผ่านับถือ (ไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา) ให้ปกปักรักษา คุ้มครองตนเอง ครอบครัว ให้อยู่อย่างเป็นสุขอย่าได้มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนและรวมถึงการขอบคุณ ในการให้ความอุดมสมบูรณ์แก่พืชพันธ์ุธัญญาหารของชนเผ่าท่ีมีผลผลิตที่เจริญงอกงามของปีที่ผ่าน พิธีกรรม พิธีการจะทาหลังตรุตจีนประมาณ ๗ วัน และจะใช้เวลาอีก ๑๕ วันของแต่ละชนเผ่ารวมถึงการเชิญแขก ต่างบ้านต่างถ่ินมาร่วมงาน มีงานเล้ียงในหมู่บ้านท่ีเรียกว่า“กินวอ”มีการละเล่นร่ืนเริงหรือการแสดงชนเผ่า ท่ีนิยมกันเรียกว่าเต้น“จะคึ”มีกิจกรรมในครอบครัว เช่นการจัดหิ้งบูชาพระเจ้าที่ตนเคารพนับถือภายในบ้าน การตาข้าวปุก การตักน้าศักด์ิสิทธ์ิ การดาหัวผู้สูงอายุหรือผู้อาวุโสการปลกู ต้นปีใหม่(มีการเต้นรารอบต้นปีใหม่ ทุกคืน การทาพิธีขอพรจากเทพเจ้า (หง่ือชา) สรุปความเป็นมาประเพณี“เขาะจาเว” คือการรวมเอากิจกรรม ของชนเผ่าทั้ง 9 ชนเผ่า ท่ีมีพิธีกรรมการไหว้เทพพระเจ้าเช่นเดียวกันเข้ามาจัดรว่ มกันเป็นงานประเพณีประจา ตาบลหรือท้องถ่ิน ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นมา โดยมีองค์การบริหารส่วนตาบลปา่ ตึงสนับสนุนงบประมาณ ในการจดั งาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 589
Pages: