Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

Description: มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

Search

Read the Text Version

-๔๐- การแสดงกลองยาวประยุกต์ ในงานวัฒนธรรม ประเพณีต่าง ๆ การแสดงกลองยาวประยุกต์ ในงานวฒั นธรรม ประเพณตี ่าง ๆ

-๔๑- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอเวยี งชยั จงั หวัดเชยี งรำย ๑. ชอ่ื ข้อมูล ข่วงเฮยี นฮู้เฮือนป้อครมู านติ ย์ ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบัตเิ ก่ยี วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานชา่ งฝีมือดง้ั เดิม  การละเลน่ พน้ื บ้าน กีฬาพน้ื บา้ น และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตัว ๓. รายละเอยี ดข้อมลู ๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของข้อมูล แรกเร่ิมเดิมทีพ่อครูมานิตย์ เจริญเกษมทรัพย์ ได้รับการถ่ายทอดวิชาฟ้อนดาบจากพ่อหลวงธา ธรรมกาศ ซ่ึงเป็นคุณทวดของพ่อครูมานิตย์ เริ่มฟ้อนดาบจากจานวนเรม่ิ ต้น ๒ เล่ม จนปัจจุบันนี้สามารถฟ้อนดาบโดยใช้ ดาบจานวนทั้งส้นิ ๑๔ เล่ม ซ่ึงนับว่าเป็นจานวนดาบที่สูงท่ีสุด นับได้ว่าเป็นการฟ้อนดาบระดับชั้นครูเลยกว็ ่าได้ ชีวิตในวัยเด็กของพ่อครูมานิตย์ มักติดตามพ่อหลวงธาไปท่ีศาสนสถาน จึงได้ซึมซับและเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม ล้านนาหลากหลายแขนงจากพ่อหลวงธา ต้ังแต่ตอนอายุ ๖ ขวบ ไม่ว่าจะเป็น การตีกลองสะบัดชัย การฟ้อนดาบ ฟ้อนเจงิ การตดั ตุงล้านนา การทาบายศรสี ู่ขวญั ดนตรพี น้ื เมือง ฯลฯ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๗ ได้สร้างข่วงเฮียนฮู้เฮือนป้อครูมานิตย์เพ่ือเป็นสถานที่ในการถ่ายทอดความรู้ ด้านศิลปวัฒนธรรมล้านนา เช่น ศิลปะการแสดงทางล้านนา การทาตุงล้านนา (ตุงใย ตุงเข็ม ) ให้กับประชาชน ที่มีความสนใจได้เข้ามาเรียนรู้กันจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้พ่อครูมานิตย์ยังทาหน้าที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ถ่ายทอดความรู้ ทักษะ ด้านศิลปวัฒนธรรมล้านนาให้กับสถานศึกษาในเขตพ้ืนที่จังหวัดเชียงรายและ จังหวัดอ่ืน ๆ รวมถึงบุคคลทัว่ ไปทวั่ ราชอาณาจักร ๓.๒) ขัน้ ตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเกีย่ วกับข้อมูล ผู้ปกครองพาบุตรหลานเข้ามาศึกษาเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาที่ข่วงเฮียนฮู้เฮือนป้อครูมานิตย์ พ่อครูมานิตย์จะเร่ิมถ่ายทอดความรู้ด้านการตีกลองสะบัดชัย ดนตรีพื้นเมือง และสอนท่าฟ้อนต่าง ๆ ให้กับ ลูกศิษย์ เช่น ฟ้อนดาบ ฟ้อนสาวไหม เร่ิมเรียนรู้ท่าฟ้อนโดยไม่ใช้เสียงเพลงหรือเสียงดนตรี หรือท่ีเรียกกันว่า ฟ้อนดิบ หลังจากลูกศิษย์ได้เรียนรู้และจดจาท่าฟ้อนได้ จะเริ่มเข้าฟ้อนกับเสยี งเพลงหรือเสียงดนตรี และเข้าวง เป็นชุดการแสดง

-๔๒- ๔. ชื่อผู้ท่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผ้สู ืบทอด ๔.๑ ผทู้ ่ีถือปฏบิ ัติ ชอ่ื นายมานิตย์ เจรญิ เกษมทรัพย์ วนั เดือน ปีเกดิ ๖ สงิ หาคม ๒๕๐๐ ทอ่ี ยู่ ๑๗๓ หมู่ ๑๓ ตาบลเวียงชยั อาเภอเวียงชัย จงั หวัดเชยี งราย ๕๗๒๑๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๑ ๕๓๐ ๕๗๐๔ ๔.๒ ผู้สืบทอด ช่อื นายธีรวฒั น์ พิมมสาร วัน เดอื น ปีเกิด ๗ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ที่อยู่ ๑๖๒ หมู่ ๓ ตาบลทา่ สาย อาเภอเมอื งเชยี งราย จงั หวดั เชยี งราย ๕๗๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐๙๕ ๔๔๖ ๘๙๗๙ ชอ่ื นางสาวชน่ื ฤทัย พิมมสาร วนั เดอื น ปีเกดิ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ท่อี ยู่ ๑๖๒ หมู่ ๓ ตาบลท่าสาย อาเภอเมอื งเชยี งราย จังหวดั เชียงราย ๕๗๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐๙๐ ๓๑๘ ๙๖๒๘ ๕. สถานะ การคงอยู่  ปฏบิ ตั อิ ยา่ งแพรห่ ลาย  เสยี่ งตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ปี ฏบิ ตั แิ ลว้ ๖. รปู ภาพภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรม/กิจกรรมทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

-๔๓- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอแม่ฟ้ำหลวง จงั หวดั เชียงรำย ๑. ชื่อข้อมูล เต้นรากระทุ้งไม้ไผ่ (บ่อ ฉ่อง ตุ)๊ ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานช่างฝีมอื ด้งั เดมิ  การละเลน่ พื้นบ้าน กีฬาพ้นื บา้ น และศลิ ปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตัว ๓. รำยละเอยี ดข้อมลู ๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของข้อมูล ชนเผ่าอาขา่ เปน็ ชนกลุ่มหนึ่ง ซึง่ มีบรรพบรุ ุษพืน้ เพเดิม อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน ในประเทศ จีนเรียกว่า “ฮานี หรือ โวน” โดยมีเส้นทาง 2 เส้นทาง คือ เส้นทางแรก อพยพจากประเทศพม่าแคว้นเชียงตุง เข้าสู่ประเทศไทยเน่ืองจากเกิดปัญหาทางการเมือง ด้านฝัง่ เขตอาเภอแม่จัน ทางหมบู่ ้านพญาไพร (ปัจจบุ นั เป็น อาเภอแม่ฟ้าหลวง) และเส้นทางที่สอง อพยพโดยตรงจากประเทศจีนโดยเดินทางผ่านบริเวณตะเข็บชายแดน พม่า และแมน่ ้าโขงประเทศลาว และเขา้ สู่ประเทศไทยโดยตรงท่อี าเภอแม่สาย ปัจจุบันชนเผ่าอาข่าได้กระจ่ายอยู่ในเขตจังหวัดภาคเหนือ 5 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลาปาง ตาก แพร่ และคาดได้มีอาข่าบางส่วนได้อพยพไปอยู่จังหวัดน่าน พิษณุโลก และหลายจังหวัดของ ประเทศไทย เพราะไปใช้แรงงานในจังหวัดดังกลา่ ว ในประเทศไทยสามารถแบ่งชนเผ่าอาข่าไดเ้ ปน็ 8 กลมุ่ ดังน้ี กลุ่มอู่โล้อำข่ำ กลุ่มลอมี้อำข่ำ กลุ่มลอม้ีอำข่ำ กลุ่มหน่ำค๊ำอำข่ำ กลุ่มเป๊ียะอำข่ำ กลุ่มอ้ำเค้ออำข่ำกลุ่มอ้ำ จ้ออำขำ่ กลุ่มอำ้ จ้ออำขำ่ ๓.๒) ขัน้ ตอน/วิธกี าร/ดาเนินการเกย่ี วกับข้อมลู วิถีชีวิตด้านครอบครัว อาข่าเป็นชาวเขาท่ีมีการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย หาเช้ากินค่า เวลาไปทาไร่ หลังจากทพ่ี ้นจากประตูหม่บู า้ น ก็จะมีการรอ้ งเพลงไปด้วยผชู้ ายจะรอ้ งว่า โอเ้ รา เวลาไปไร่ หรือไปทาอะไร ก็ รู้สึกเหงาเหลือเกิน เราอยากได้คนๆหน่ึง มาอยู่กับเรา จะได้หายเหงา และเม่ือไปถึงไร่ของตนเองก็จะร้องเพลง โต้ตอบกับฝ่ายผู้หญิง โดยฝ่ายหญิงอาจทาไร่อยู่คนละฝั่งกับฝ่ายชาย เวลาจะกลับก็ล่าลากันด้วยเสียงเพลง แล้วจะนัดกันตอนกลางคืน ท่ีลานวัฒนธรรม ซึ่งเป็นชีวิตที่มีสีสันมากแต่สมัยน้ีการใช้ชีวติ แบบน้ีเร่ิมหาดูได้ยาก เนื่องจากการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขา สิ่งเหล่านี้ก็เลยถูกกลืนไป เหลอื เพียงแตค่ าบอกเลา่ ของคนเฒา่ คนแกใ่ นชมุ ชน การละเลน่ ของเผ่าอาข่าแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ๔. ชือ่ ผู้ท่ีถือปฏิบตั แิ ละผสู้ ืบทอด - ไม่มี - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั ิอยา่ งแพรห่ ลาย  เส่ยี งต่อการสูญหาย  ไม่มปี ฏิบตั ิแล้ว

-๔๔- ๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-๔๕- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเวียงแกน่ จังหวัดเชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล แคนม้ง ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ัตเิ กย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานชา่ งฝีมอื ด้งั เดิม  การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพน้ื บา้ น และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกันตวั ๓. รำยละเอียดขอ้ มูล ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มลู ผอู้ าวุโสทเี่ ลา่ ว่า มบี ้านหน่งึ ท่ีมีพน่ี ้อง 7 คน พ่อแมเ่ สยี ชวี ิตตั้งแตล่ ูกๆยังเด็ก บ้านกไ็ ม่มีอยู่ คนที่เป็นพี่ จึงคิดว่าต้องร่วมกันสร้างบ้านหลังหน่ึงเพื่ออยู่ร่วมกัน ต่อจากน้ันก็คิดค้นผลิตเคร่ืองดนตรีท่ีประกอบจากปล้อง ไม้ไผ่ 6 ปล้องท่ีเรียกว่าไม้ซางเพ่ือทาเป็นลูกแคน โดยปล้องที่ใหญ่และส้ันท่ีสุดหมายถึงพี่คนโตและน้องคน สุดท้อง ส่วนปล้องไผ่อื่น ๆ หมายถึงพี่น้องอีก5คนในครอบครัว การประกอบลูกแคนเข้าด้วยกันเป็นการส่ือ ความหมายว่าพ่ีน้องทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างสรรค์ครอบครัวและหากมีคนเสียชีวิตไปก็เอาแคนมาเป่า เพอื่ เป็นการอาลา” เรื่องราวเก่ียวกับพ่ีน้องชาวม้ง 7 คนได้สื่อถึงส่วนประกอบของแคนและปล้องไผ่ท่ีส้ันที่สุดทาหน้าที่ ควบคุมจังหวะและโทนเสียง ชาวม้งเป็นคนท่ีรักดนตรีดังน้ันแคนคือเคร่ืองดนตรีที่มักจะใช้ในงานชุมชนต่าง ๆ แต่อันทีจ่ ริงแลว้ ในตอนแรกเเคนถกู ใชใ้ นงานศพเทา่ นน้ั เพอ่ื เป็นการบอกความอาลยั อาวอนของคนท่ยี ังมชี ีวิตอยู่ ตอ่ ผตู้ าย นอกจากนเี้ สียงแคนยังเปน็ เสียงนาทางส่งดวงวิญญาณผตู้ ายไปส่สู รวงสวรรค์ ปัจจบุ นั น้กี ารแสดงแคนไดป้ รากฏในงานเทศกาลรื่นเรงิ ตา่ ง ๆ และประกอบกับท่าราที่มีความอ่อนช้อย สวยงามโดยเรียกว่า ราแคน ซึ่งการราแคนนั้นก็มีหลายท่าและแต่ละท่าจะสื่อความหมายท่ีแตกต่างกัน เสียงแคนสามารถสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ท้ังความรักระหว่างมนุษย์ ความรักธรรมชาติ ความรักของ คนในครอบครัว สะท้อนคาอวยพรปีใหม่หรอื คาเชือ้ เชญิ เพือ่ นฝงู ไปเท่ยี วงานเทศกาลวสันต์ฤดู ๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเก่ียวกับขอ้ มลู สอบถาม จัดเก็บข้อมูลจากปราชญ์ขาวบา้ น ๔. ช่ือผู้ที่ถอื ปฏิบัติและผู้สืบทอด ๔.๑ ผทู้ ถ่ี ือปฏบิ ตั ิ ชื่อ นายสุพจน์ เลา่ พงศ์สวัสด์ิ วัน เดือน ปีเกิด - ทอ่ี ยู่ หมู่ 16 ตาบลปอ อาเภอเวียงแก่น จงั หวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 086 189 6033

-๔๖- ๔.๒ ผู้สบื ทอด - ชอ่ื - วัน เดือน ปีเกดิ - ที่อยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เสย่ี งตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ีปฏิบตั แิ ลว้ ๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม แคนมง้

-๔๗- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย สำนักงำนวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอแม่สำย จังหวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมลู การแสดงฟ้อนเล็บกลมุ่ พฒั นาสตรีอาเภอแมส่ าย ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบตั เิ ก่ียวกับธรรมชาติและจกั รวาล  งานชา่ งฝีมอื ดั้งเดมิ  การละเลน่ พ้นื บ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกนั ตัว ๓. รำยละเอียดขอ้ มลู ๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของขอ้ มูล ฟ้อนเล็บ เป็นการฟ้อนชนิดหน่ึงของชาวไทยในภาคเหนือ ผู้ฟ้อนจะสวมเล็บยาว ลีลาท่าราของฟ้อน เล็บคล้ายกับฟ้อนเทียน ต่างกันที่ฟ้อนเทียนมือทั้งสองถือเทียน ตามแบบฉบับของการฟ้อน ได้นาลีลาท่าฟ้อน อันเป็นแบบแผนมาจากคุ้มเจ้าหลวงมาฝึกสอน จัดเป็นชุดการแสดงที่น่าชมอีกชุดหนึ่ง แต่เดิมเรียก \"ฟ้อนเล็บ\" ด้วยเห็นว่าเป็นการฟ้อนท่ีเป็นเอกลักษณ์ของ \"คนเมือง\" ซ่ึงหมายถึงคนในถิ่นล้านนาที่มีเชื้อสายไทยวน และ เน่ืองจากการเป็นการแสดงท่ีมักปรากฏ ในขบวนแห่ครัวทานของวัดจึงมีช่ือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า \"ฟ้อนแห่ครัว ทาน\" ตอ่ มามกี ารสวมเลบ็ ท่ที าด้วยทองเหลอื งท้ัง 8 นว้ิ (ยกเว้นนวิ้ หัวแมม่ อื ) จึงไดช้ ่อื วา่ \"ฟอ้ นเล็บ\" ฟ้อนเล็บเป็นการฟ้อนของชาวไทยภาคเหนือการแสดงจะมีดนตรีบรรเลงประกอบ โอกาสท่ีแสดง ใน งานเทศกาลหรืองานนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ ฟ้อนเล็บเป็นศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ทางภาคเหนือโดยเฉพาะ รูปแบบการฟ้อนมีอยู่ ๒ แบบ คือแบบพื้นเมืองหรือฟ้อนเมือง และแบบคุ้มเจ้าหลวง นิยมฟ้อนในเวลากลางวัน สาหรับชื่อชุดการแสดงจะมีความหมายตามลักษณะของผู้แสดงที่จะสวมเล็บยาวสีทองทุกนิ้ว ยกเว้น นวิ้ หัวแม่มือ ๓.2) ขัน้ ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกี่ยวกบั ขอ้ มูล เครื่องแต่งกำย การแต่งกายแต่เดิมจะนุ่งผ้าซิ่น สวมเส้ือแขนยาวทรงกระบอกคอกลม หรือคอจีน ผา่ อก เกล้าผมมวยโดยขมวดมวยด้านทา้ ยทอย ทดั ดอกไม้ประเภทดอกเอ้ือง จาปา กระดงั งา หางหงส์ หรือลลี า วดี สวมเลบ็ ท้ังแปดนิว้ ตอ่ มามกี าร ดัดแปลงให้สวยงามโดยประดับลูกไม้ หรือระบายที่คอเสื้อ หม่ สไบเฉียงจาก บ่าซ้ายไปเอวขวาทับด้วยสังวาล ติดเข็มกลัด สวมกาไลข้อมือ กาไลเท้า เกล้าผมแบบญ่ีปุ่น ทัดดอกไม้หรืออาจ เพมิ่ อบุ ะห้อยเพือ่ ความสวยงาม ทา่ รา มกี ารแบ่งท่าราออกเปน็ ๔ ชดุ คอื ชดุ ที่ ๑ ประกอบด้วยทา่ จีบหลัง (ยงู ฟ้อนหาง) บังพระสุรยิ า วันทา บัวบาน กังหนั รอ่ น ชดุ ที่ ๒ ประกอบดว้ ยทา่ จีบหลงั ตระเวนเวหา รากระบสี่ ่ีท่า พระรถโยนสาร ผาลาเพยี งไหล่ บัวชูฝกั กังหนั ร่อน ชดุ ท่ี ๓ ประกอบด้วยท่า จบี หลัง พรหมสหี่ นา้ พิสมยั เรยี งหมอน กงั หนั ร่อน ชดุ ท่ี ๔ ประกอบดว้ ยท่า จบี หลงั พรหมสห่ี นา้ พิสมยั เรียงหมอนแปลง ตากปีก

-๔๘- เคร่ืองดนตรี ที่ใช้ในการฟ้อนเป็นขบวนกลองยาว ซ่ึงเป็นดนตรีของชาวภาคเหนือ ได้แก่ กลองแอร์ กลองตะโลด้ โป๊ด ฉาบ ฆ้องโหมง่ ใหญ่ ฆ้องโหม่งเล็ก ฉงิ่ ปี่ เวลาดนตรบี รรเลง 1.เสียงปีด่ งั ไพเราะเยือกเย็นมาก ท่วงทานองเช่ืองช้า เสยี งกลองจะตีดงั ตะ ตง่ึ นง ตึ่ง ตก๊ ถ่ง อย่างนี้เร่ือยไป สว่ นช่างฟ้อนก็จะฟ้อนชา้ ๆ ไปตาม ลีลาของเพลง เพลงที่ใช้บรรเลง สาหรับเพลงที่ใช้บรรเลง ก็แล้วแต่ผู้เป่าแนจะกาหนดอาจใช้เพลงแหย่ง เพลงเชียงแสน เพลงหริภุญชยั หรอื ลาวเส่ยี งเทยี น แตส่ ว่ นใหญจ่ ะใชเ้ พลงแหยง่ เพราะช่างฟ้อนคุน้ กบั เพลงนี้มากกว่าเพลงอนื่ โอกำสทใ่ี ช้ ใช้แสดงในวันสาคญั เช่น ตอ้ นรบั แขกเมืองต่างชาติ หรือในงานประเพณี 4. ชอื่ ผทู้ ่ีถอื ปฏิบัตแิ ละผูส้ บื ทอด 4.๑ ผทู้ ่ถี อื ปฏิบตั ิ ชอ่ื กลุ่มพัฒนาสตรีอาเภอแม่สาย วนั เดือน ปเี กิด - ท่อี ยู่ ตาบลเวยี งพางคา อาเภอแม่สาย จังหวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - 4.๒ ผ้สู บื ทอด ช่ือ กลุม่ พัฒนาสตรีอาเภอแมส่ าย วนั เดือน ปเี กดิ - ทอ่ี ยู่ ตาบลเวียงพางคา อาเภอแมส่ าย จงั หวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - 5. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ย่างแพร่หลาย  เส่ียงตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบัตแิ ลว้ 6. รปู ภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม ตวั อยา่ งการแตง่ กายฟ้อนเล็บ

-๔๙- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖5 สำนกั งำนวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย อำเภอแม่ลำว จังหวัดเชยี งรำย ๑. ช่ือข้อมูล การขับซอ ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏบิ ตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝมี ือดง้ั เดมิ  การละเลน่ พ้ืนบา้ น กีฬาพน้ื บ้าน และศิลปะการตอ่ สู่ป้องกันตวั ๓. รำยละเอยี ดข้อมลู ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มูล ซอ เป็นการขับขานหรือการร้องร้อยกรองที่เป็นภาษาคาเมืองหรือภาษาถิ่นเหนือมีเอกลักษณ์เฉพาะ จัดเป็นศิลปะการแสดงพ้ืนบ้านของล้านนาท่ีเป็นภูมิปัญญาทางภาษา ที่ได้สร้างสรรค์ไว้อย่างงดงามและ ทรงคณุ คา่ แฝงดว้ ยคตธิ รรมคาสอน แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสัมพันธ์ของมนุษย์กบั มนษุ ย์ มนุษย์กับธรรมชาติ และ มนุษย์กับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ สะท้อนให้เห็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมท่ีสาคัญ มีความสัมพันธ์กับวิถี ความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในด้านต่าง ๆ เช่น ความเช่ือ ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี สถาบันศาสนา สถาบันครอบครวั การประกอบอาชพี อาหารและโภชนาการ การแตง่ กาย การสาธารณะสุขมลู ฐาน การซอของแต่ละท้องถิ่นมีเครื่องดนตรีประกอบและท่วงทานองที่แตกต่างกันไป เคร่ืองดนตรีที่ใช้ ประกอบการซอของจังหวัดเชียงใหม่ใช้ป่ีจุม ส่วนการซอของจังหวัดน่านใช้ซึงและสะล้อ มีท้ังซอเดี่ยว และซอ โต้ตอบระหวา่ งชา่ งซอชายและช่างซอหญิง ภาษาถนิ่ เรียกวา่ “ค่ถู ้อง” มที ้งั การซอตามบทและปฏภิ าณไหวพริบ ของช่างซอ โดยนาเอาข้อมูล เหตุการณ์ต่าง ๆ มาพรรณนาโวหารซ่ึงแฝงดว้ ยคติธรรมและคติโลก ตามลักษณะ ของฉันทะลักษณ์ของแต่ละทานองซอซ่ึงมีประมาณ ๑๐ ทานอง ช่างซอที่มีความสามารถและประสบการณ์สูง จะสามารถร้อยเรียงคาร้อง (คาซอ) ได้อย่างสละสลวย มีความไพเราะด้วยปฏิภาณไหวพริบของตนเอง โดยไม่ ต้องแตง่ เนือ้ รอ้ งมากอ่ นแตข่ อใหท้ ราบเน้ือหาในเร่ืองนนั้ ช่างซอกส็ ามารถนามาร้องบทซอในแตล่ ะทานองได้ ซอจึงเป็นเพลงพ้ืนบ้านที่เป็นภูมิปัญญาสืบทอดมาจากบรรพบุรุษถึงช่ัวลูกช่ัวหลานจนถึงทุกวันน้ี เป็น ศิลปะท่ีให้ความบันเทิง เพ่ิมความมีชีวิตชีวาให้กับงานกุศลหรืองานร่ืนเริงทั่วไป ถ้างานใดมีการซอนับได้ว่างาน น้ันครึกครื้นมีรสชาติ มีความหมายมาก แต่ถ้าหากงานใดไม่มีการซอแล้วงานน้ันจะดูเงียบเหงา ไม่มีกิจกรรมที่ สนุกสนานและสร้างความประทับใจ ซอจึงเป็นศิลปะพื้นบ้านคู่กับลา้ นนา เช่นเดียวกับหมอลาที่เป็นศิลปะคู่กับ ภาคอสี าน หรอื เพลงฉ่อย เพลงอแี ซวของภาคกลาง และเพลงบอกของภาคใต้ ไม่วา่ จะเป็นหมอลา ลาตัด เพลง อีแซว เพลงฉ่อย เพลงบอก หรือซอ ต่างก็เป็นการขับร้องท่ีใช้ภาษาถ่ินท่ีสะท้อนถึงศิลปะการแสดงพื้นบ้านของ แต่ละภาคท่ีมีความโดดเด่นในการร้องดน้ กลอนสด โดยไม่มีการเตรียมหรือแต่งเนื้อร้องไว้ล่วงหน้า ศิลปินต้องมี ความชานาญ ความเชย่ี วชาญจงึ สามารถดน้ กลอนสดๆ ได้และตอ้ งมกี ารฝกึ ฝนด้วยความวริ ยิ ะอุตสาหะ

-๕๐- ๓.๒) ข้นั ตอน/วธิ กี าร/ดาเนินการเก่ียวกบั ขอ้ มูล คาว่า “ ซอ ” ในท่ีน้ีเป็นภาษาคาเมือง ภาษาถิ่นเหนือ มีความหมายว่าขับ ขับร้อง ร้องเพลง หรือ เพลงพื้นบ้านล้านนาชนิดหนงึ่ มีผู้ให้ความหมายไว้หลายท่านด้วยกัน ( ทรงศักดิ์ ปรางวัฒนากุล ๒๕๒๓, สิงฆะ วรรณลัย ๒๕๒๔, มณี พนมยงค์ ๒๕๒๙ เรืองเดช ปันเขื่อนขัติย์ ๒๕๒๙, ยงยุทธ ธีรศิลป์และทวีศักดิ์ ปิ่นทอง ๒๕๓๕ ) สรุปได้ว่า ซอ หมายถึง การร้องเพลงพื้นบ้านของล้านนาหรือเมืองเหนือ ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ซอ พื้นเมือง เป็นการละเล่นพื้นเมืองล้านนาอย่างหนึ่งของชาวล้านนามีท้ังการซอโต้ตอบกันในลักษณะเพลง ปฏิพากย์ระหว่าง หญิง หรือซอเด่ียว เพ่ือเล่าเรื่องพรรณนาเหตุการณ์ต่างๆ โดยมีเคร่ืองดนตรีพ้ืนเมือง เช่น ป่ีจุม ซึง สะล้อ ขลุ่ย บรรเลงประกอบ ได้รับความนิยมในเขต ๘ จังหวัด ภาคเหนือ และบางส่วนของจังหวัด สโุ ขทัย อตุ รดติ ถแ์ ละตาก ๑. ชา่ ง หมายถงึ ทาได้ ทาเปน็ ๒. ช่างซอ หมายถึง ผู้ขับร้องเพลงซอได้ ซอเป็น หรือพ่อเพลง แม่เพลงซอ ช่างซอมีท้ังช่างซอชาย และชา่ งซอหญิง ขับซอโต้ตอบหรอื ร้องเสริมความกนั แก้ความกัน บางครัง้ ซอเดย่ี วในเร่อื งใดเรอ่ื งหนึง่ ๓.ช่างซงึ เป็นคาท่ีใช้เรยี กนักดนตรีท่ที าหน้าทีท่ าท่ดี ีดซึงบรรเลงประกอบการซอเปน็ ๔. ช่างปี่ เป็นคาที่ใช้เรียกนักดนตรีท่ีทาหน้าที่เป่าป่ีจุม บรรเลงเพลงประกอบการซอ เท่าท่ีพบเห็น เปน็ ผู้ชายลว้ น มจี านวนเท่าปี่จุมที่นามาเป่า ๕. เซ้ย เป็นคาอุทานที่ผู้ฟังเปล่งออกมารับการขับบทซอท่ีตนพึงพอใจ ประทับใจแล้วอุทานคาว่า “เซ้ย” พร้อมลากเสียงยาว ๆ เป็นขานรับบทซอนั้น ๆ ไปในตัวด้วย การอุทานเปล่งเสียงลักษณะนี้ช่วยสร้าง บรรยากาศในการขับซอได้อย่างครื้นเครง มีผู้กล่าวว่าถ้ามีการเซ้ยแสดงว่า ผู้ฟัง ผู้ชม เกิดอารมณ์ร่วม หรือ อารมณส์ ะเทอื นใจเป็นอย่างมากถึงขนั้ ให้เงนิ เป็นรางวัลแก่ชา่ งซออกี ดว้ ย ๖. ผาม เป็นสถานที่สร้างขึ้นช่ัวคราว เพื่อใช้เป็นสถานที่ให้ช่างซอได้ต้ังวงซอ โดยยกพื้นข้ึนสูง ประมาณ ๑-๒ เมตร มุงหลังคาแบบง่าย ๆ ด้วยคาหรือตองตึง ถ้าอาศัยร่มเงาจากต้นไม้ หรืออื่น ๆ ก็ไม่ต้องมี หลังคา ผามมีความแข็งแรงพอท่ีจะรับน้าหนกั ของผู้คนได้ประมาณ ๑๐ คน บนผามปูดว้ ยเสอื่ มีเครื่องอานวย ความสะดวก เช่น คนโทน้า หมาก จานใส่ของว่าง เช่น เมี่ยง เป็นต้น แต่ถ้าสถานท่ีมีพอที่จะจัดเป็นสัดส่วน ใหช้ ่างซอได้แสดงแลว้ ไมต่ อ้ งสร้างผามก็ได้ ๔. ชอื่ ผูท้ ี่ถือปฏิบัตแิ ละผสู้ ืบทอด 4.๑ ผทู้ ถ่ี อื ปฏิบตั ิ ชือ่ นางสร้อยสดุ า ภิราษร วัน เดือน ปีเกิด 8 ตุลาคม 2508 ทีอ่ ยู่ ๑๑ หมู่ ๑๖ ตาบลดงมะดะ อาเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๖๑ ๓๕๙ ๙๔๙๔ 4.๒ ผสู้ ืบทอด ชื่อ นายสมปราชญ์ ภิราษร วัน เดือน ปีเกิด - ท่ีอยู่ ๑๑ หมู่ ๑๖ ตาบลดงมะดะ อาเภอแมล่ าว จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๙๓ ๑๙๗ ๘๒๕๖ 5. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั อิ ยา่ งแพรห่ ลาย  เส่ียงต่อการสูญหาย  ไม่มปี ฏบิ ัติแลว้

-๕๑- 6. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-๕๒- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอพญำเมง็ รำย จงั หวัดเชียงรำย ๑. ชื่อข้อมลู การดีดซึง ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบัตทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบตั เิ กย่ี วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานช่างฝีมอื ดัง้ เดิม  การละเลน่ พ้นื บ้าน กีฬาพน้ื บ้าน และศลิ ปะการต่อสูป่ ้องกันตวั ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมูล เครื่องดนตรีพ้ืนเมือง แต่เดิมชาวบ้านหมู่บ้านไม้ยาคูเวียง จะมีวงดนตรีพ้ืนเมือง อันประกอบไปด้วย เครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น พาด (ระนาด) ฆ้องเล็กเด่ียว ฆ้องกลางเดียว ฆ้องวง ปี่ แน ขลุ่ย กลองใหญ่ กลองป่งป้ง กลองหลดปด ฉว่า (ฉาบ) ปัจจุบันวงดนตรีพ้ืนเมืองไม่มีคนสืบทอดต่อ มรดกภูมิปัญญา ศิลปะการแสดงจึงสูญหายไปอย่างน่าเสียดาย จนกระท่ังปี พ.ศ.2554 ทางโรงเรียนมัธยมไม้ยาวิทยาคม ได้ส่งเสริมและพยายามจะร้ือฟื้นต้ังวงดนตรีพื้นเมืองข้ึนมาอีกคร้ัง แต่ก็ไม่สามารถรับสถานภาพของวงได้ วงดนตรีพน้ื เมืองจึงถูกปล่อยปะละเลยไปจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าปจั จุบันจะยงั คงมีคนรัก และสนใจจะเลน่ ดนตรี พื้นเมืองอยู่ แต่ก็ไม่ครบวง จะมีเล่นเฉพาะแต่บางรายการเท่าน้ัน ทาให้ผู้ที่ชานาญการเล่นดนตรีพื้นเมืองหลง เหลืออยู่ไม่มากนัก หากไม่มีการถ่ายทอดและสบื ทอด ส่งเสริมสนับสนุนศิลปะการแสดงซ่ึงเป็นมรดกภูมิปัญญา ทางวัฒนธรรมของคนรุ่นก่อน เกรงว่ารุ่นลูกรุ่นหลาน อาจจะไม่รู้จักเคร่ืองดนตรีไทย และไม่มีการแสดงดนตรี ไทยซง่ึ เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยทคี่ วรสบื สาน รกั ษา ตอ่ ยอด มิให้สญู หายไป ซึง เป็นเคร่ืองดนตรีประเภทเครื่องดีดอีกชนิดหนึ่งที่มี 4 สาย นิยมนามาร่วมบรรเลงเล่น ในวงกันอย่างแพร่หลายในภาคเหนือล้านนา ซ่ึงเดิมใช้เป็นเครื่องดนตรีประจาตัวของผู้ชาย สาหรับไปแอ่วสาว (ไปเท่ียวหาสาว) เช่นเดียวกับพิณเพี๊ยะ ต่อมาได้นาเครื่องดนตรีซึ่งมาผสมวงบรรเลงร่วมกันกับสะล้อ ซอ และ ปี่จุม เรียกวงน้ีว่า “ดนตรีพ้ืนเมืองเหนือ หรือวงล้านนา” สามารถบรรเลงเพลงของชาวล้านนาได้อย่างไพเราะ ซึง มีรปู รา่ งบางอย่างคล้ายคลึงกบั กระจบั ป่ี แตม่ ีขนาดเล็กกวา่ นายเทพ สารศรี เป็นอีกท่านหน่ึงที่มีใจรักในการดีดซึงและสนใจที่จะเรียนรู้ก ารดีดซึง โดยได้ไปเรียนและได้รับการฝึกสอนดีดซึงจาก นายสวน เล่ือมใส ครูผู้สอนในขณะนั้น ซ่ึงท่านมีความสามารถ และเก่งในการดีดซึง เคยได้แสดงดีดซึงบนเวทีในงานอนุรักษ์มรดกไทยประจาปี พ.ศ.2544 เล่นได้ไพเราะ จับใจ นายเทพ สารศรี มีความสนใจที่จะดีดซึง จึงได้หาความรู้เพ่ิมเติมด้วยการเข้าอบรมโครงการร้ือฟื้น อนุรักษ์วงดนตรีพ้ืนเมืองจนได้เป็นสมาชิกของวงดนตรีพื้นเมืองของบ้านไม้ยาคูเวียง ต้ังแต่ พ.ศ.2544 – 2559 ปัจจุบันวงดนตรีพื้นเมืองดังกล่าวไม่มีผู้สืบทอดจึงถูกปล่อยทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย จะมีเฉพาะแต่ นายเทพ สารศรี ทย่ี งั คงดีดซงึ ให้ลูกหลานฟงั ในเวลาวา่ ง เพือ่ เปน็ การผอ่ นคลายและสร้างความสขุ ในครอบครัว

-๕๓- ๓.๒) ข้นั ตอน/วธิ กี าร/ดาเนินการเกยี่ วกบั ข้อมูล หลักกำรดดี ซงึ ผู้ดีดนั่งท่าขัดสมาธิ ให้กะโหลกต้ังอยู่บนหน้าขาขวาและให้ปลายคันทวนช้ีไปทางซ้ายของ ผดู้ ีด ใช้มอื ขวาจับไม้ดีดซึ่งทาดว้ ยเขาควายเหลาใหบ้ างเรยี วแหลม โดยผาดตามแนวของนิ้วชี้โผล่ปลายเล็กน้อย มีน้ิวหัวแม่มือคีบประกบกับน้ิวช้ีดีดบริเวณใกล้กับนมตัวสุดท้าย เสียงจะทุ้มไพเราะดี แต่ถ้าดีดใกล้รูระบาย เสียงจะแหลม ขณะเดียวกันใช้นิ้ว ชี้ นาง กลาง ก้อย ของมือซ้าย กดสายลงตามช่องของนม เพื่อให้เกิดเสียงสูง-ต่า ตามทต่ี อ้ งการ กำรดีดซงึ ขั้นที่ 1 ให้น่ังพับเพียบหรือน่ังขัดสมาธิตามความถนัดเพื่อความสบาย ถือซึงแนบอกโดยให้ปลายคัน ทวนอยู่ทางซ้ายมือรางของซึง (ภาคเหนือ เรียกว่า “กะโหล้ง หรือ โก้ง”) แนบติดลาตัวและอยู่ในตาแหนง่ ที่จะ ใช้มอื ขวาดีดได้ถนัด มอื ซ้ายประคองคนั ทวนของซึงทจ่ี ะบรรเลงไปตามเสยี งเพลง ขั้นที่ 2 เม่ือฝึกข้ันท่ี 1 เสร็จ ก็มารู้จักการฝึกดีดไปตามตัวโน๊ตของเสียงซึง โดยใช้นิ้วมือซ้ายกดลงบน นมซึง เพื่อเปลี่ยนเสียงซึงเป็นเสียงสูง – ต่า ตามทานองเพลง การฝึกดีดซึงมีการเทียบตัวโน๊ตเป็น 2 ชนิด คือ 1. ซึงลูกสาม 2. ซึงลูกส่ี จะแตกต่างกันทีเ่ สยี งลกู สาม เสียงซอจะอยู่ด้านลา่ ง ส่วนซงึ ลูกส่ี เสยี งซอจะอยู่ด้านบน คาว่า “ลูก” หมายถึง คู่เสียงระหว่างสายเอกกับสายทุ้ม คาว่า “ลูกสาม” หมายถึง มีสายทุ้มกับ สายเอกท่ีต่างกัน 3 สาย คาว่าลูก 4 สายทุ้ม กับ สายเอกต่างกัน 4 สาย สายเอก คือ สายที่มีเสียงแหลมคม สายทุ้มคอื สายท่ีมีเสียงทุ้มนุ่ม (สายคู่บน) สายท้มุ คือ เสยี งซอล (สายค่ลู ่าง) วธิ กี ำรดดี ซึง วิธกี ารดีดซงึ มี 2 วิธี ได้แก่ 1. การดีดท่ใี ช้ไม้ดีดปดั ลงขา้ งลา่ งอย่างเดียว ซึง่ เป็นการดีดแบบด้ังเดิม 2. การดีดท่ีใชไ้ มต้ ีดดี ปัดขนึ้ ลงสลบั กัน ซึง่ จะไดท้ ่วงทานองท่ไี พเราะไปอีกแบบหนงึ่ ๔. ชอ่ื ผทู้ ี่ถือปฏิบตั ิและผสู้ บื ทอด ๔.๑ ผ้ทู ถ่ี ือปฏบิ ตั ิ ช่ือ นายเทพ สารศรี วนั เดอื น ปเี กิด 29 พฤศจิกายน 2501 ที่อยู่ 30 หมู่ 9 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเม็งราย จงั หวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 094 971 8597 4.๒ ผู้สืบทอด ชื่อ นายสมปราชญ์ ภิราษร วนั เดอื น ปเี กิด - ที่อยู่ ๑๑ หมู่ ๑๖ ตาบลดงมะดะ อาเภอแมล่ าว จังหวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๙๓ ๑๙๗ ๘๒๕๖ ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั ิอยา่ งแพร่หลาย  เสยี่ งตอ่ การสูญหาย  ไมม่ ปี ฏบิ ัตแิ ล้ว

-๕๔- ๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-๕๕- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอพญำเม็งรำย จงั หวดั เชียงรำย ๑. ช่ือข้อมูล การฟ้อนเลบ็ ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบตั ิเกย่ี วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล  งานช่างฝมี อื ดัง้ เดิม  การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพนื้ บา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั ๓. รำยละเอียดข้อมูล ๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของข้อมูล หม่บู ้านแม่ตากลาง แตเ่ ดิมมีศิลปะการแสดงอยู่หลายอย่าง เช่น วงป่พี าทย์พ้นื เมือง การฟ้อนสาวไหม การฟ้อนเล็บ ตอ่ มาศลิ ปะการแสดงดังกลา่ วไม่ได้มกี ารถา่ ยทอดและสบื ทอดรุน่ ตอ่ รุน่ และเป็นไปค่อนขา้ งน้อย ประกอบกบั เครื่องดนตรีบางอย่างมจี านวนลดลง มโี อกาสเส่ียงตอ่ การสญู หายไป หากไม่มีการส่งเสรมิ สืบสาน และต่อยอดมรดกภมู ิปญั ญา ศลิ ปะการแสดงฟ้อนเลบ็ ที่มมี าดัง้ เดิมโดยกลมุ่ ผูส้ งู อายใุ นหมู่บ้าน ๓.๒) ขนั้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเก่ียวกบั ข้อมูล ขนั้ ตอนการจัดเตรียม 1. ประชาสมั พนั ธ์เชิญชวนผูท้ ่ีสนใจเข้าร่วมฝึกซ้อมการฟ้อนเล็บของหม่บู า้ น 2. คดั คนเพอื่ ทาการฝึกสอนท่าราให้มคี วามสวยงาม และพร้อมเพรยี งกนั 3. ฝึกสอนท่าราสม่าเสมอใหก้ บั คณะชา่ งฟ้อนทุกวัน 4. หากมีการติดตอ่ ว่าจ้างให้ไปฟ้อนออกงานตา่ ง ๆ ก็ไปฟ้อนใหก้ บั ทางเจ้าภาพท่ีติดต่อมา 5. เป็นการสร้างรายได้ สรา้ งความสามัคคีในหมูค่ ณะ เกิดประโยชนแ์ ละภาพลักษณท์ ดี่ ีต่อหมู่บา้ น ๔. ช่ือผูท้ ่ีถือปฏิบัติและผู้สืบทอด ๔.๑ ผทู้ ี่ถือปฏบิ ัติ ชื่อ นางชลิดา กา๋ สมทุ ร์ วนั เดือน ปเี กิด 10 กนั ยายน 2505 ทอี่ ยู่ 12 หมู่ 5 ตาบลแมต่ า อาเภอพญาเม็งราย จังหวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 085 719 5416 ๔.๒ ผู้สืบทอด ชื่อ นางนงคราญ ทิศพรม, นางมัญชรี สุทา, นางดารนุ แก้วภริ มย์ , นางอาไพ ทิศพรม, นางเบญจมาส คณุ บรุ าน, นางอรัญญา จนั ทร์แก้ว, นางสาวหนึง่ ฤทยั กา๋ แปง วนั เดอื น ปีเกดิ - ที่อยู่ หมู่ 5 ตาบลแมต่ า อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ -

-๕๖- ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เสี่ยงตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้ ๖. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-๕๗- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สำนกั งำนวัฒนธรรมจงั หวดั เชียงรำย อำเภอแม่จนั จงั หวดั เชียงรำย ๑. ช่ือข้อมลู การฟ้อนดาบ การฟ้อนเจิง ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานช่างฝีมือด้ังเดมิ  การละเล่นพน้ื บา้ น กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สปู่ ้องกันตัว ๓. รำยละเอียดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของข้อมลู การฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิง นับเป็นการราอาวุธชนดิ หนึ่ง คือการร่ายราด้วยเชิงดาบและมือเปล่าในท่าทาง ต่าง ๆ ซ่ึงมักจะแสดงออกในลีลาของนักรบ ซึ่งท่าในการฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิงน้ีมีหลายสิบท่า รวมทั้งใช้ดาบและ มอื เปล่า สาหรับการใชด้ าบนน้ั กใ็ ช้ตงั้ แต่ดาบเดย่ี ว ดาบคู่ และใช้ดาบ ๔ เลม่ ๘ เล่ม ๑๒ เล่ม ซึง่ ผฟู้ ้อนจะต้องมี ความสามารถเป็นพิเศษ และก่อนที่จะมีการฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิง ก็ต้องมีการฟ้อนตบมะผาบเสียก่อน การฟ้อน ตบมะผาบ เป็นการฟ้อนด้วยมือเปล่าที่ใช้ลีลาท่าทางย่ัวเย้าให้คู่ปรปักษ์บันดาลโทสะ ในสมัยก่อนการรบกันใช้ อาวุธสั้น เช่น ดาบ หอก แหลน เข้าโหมรันกัน โดยเหล่าทหารหาญจะราดาบเข้าประชันกันเป็นคู่ ๆ หรือเป็น พวกๆ ใครมชี ้นั เชิงดีกช็ นะ ดว้ ยการราตบมะผาบในทา่ ทางตา่ ง ๆ โดยถือหลักว่าคนทมี่ โี ทสะจะขาดความย้ังคิด และเมื่อน้ันย่อมจะเสียเปรียบคนท่ีใจเย็นว่า เมื่อมีการราตบมะผาบแล้ว ก็จะมีการฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิงประกอบ อกี ด้วย เม่ือเห็นวา่ มีความกลา้ หาญพอแลว้ กเ็ ขา้ ปะทะกนั ได้ และการฟ้อนดาบฟ้อนเจิงนัน้ อาจจะใช้มอื เปล่าได้ ในท่าทางต่าง ๆ ท่ตี อ้ งใชค้ วามรวดเร็วว่องไว การเกรง็ กล้ามเนอ้ื ทกุ สว่ นเปน็ การปลุกตวั เองไปก่อนทจ่ี ะเร่ิมต่อสู้จริง ๆ ฟอ้ นดาบ ฟ้อนเจงิ เป็นนาฏกรรมท่สี ะท้อนรูปแบบศลิ ปวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนไทยทางภาคเหนือ ทน่ี าเอาเรื่องราวของศิลปะป้องกนั ตวั ซึ่งเมอ่ื ครงั้ อดีตผู้ชายชาวลา้ นนามกั จะมีการแสวงหาเรยี นรู้ “เจิง” เพื่อใช้ เป็นเครื่องมือในการป้องกันภัยให้กับตัวเอง ด้วยรูปแบบและลีลาท่าทางในการแสดงออกที่มีทั้งความเข้มแข็ง สง่างาม ที่ซ่อนเร้นชั้นเชงิ อันเป็นแม่ไม้เฉพาะตน ซ่ึงสลับท่าทาง ไปมา ยากในการท่ีจะทาความเข้าใจ การฟ้อน ดาบฟอ้ นเจงิ เป็นศิลปะการฟ้อนที่แสดงให้เหน็ ถงึ ช้ันเชงิ ลลี าการตอ่ สู้ อันเป็นภมู ปิ ัญญาของบรรพชนไทย มกี าร ต่อสู้ทงั้ รุกและรับ หลอกลอ้ กันอย่างสนุกสนาน ประลองไหวพริบปฏิภาณกนั เอาชนะกันอย่างมชี ้นั เชงิ ใหเ้ กียรติ ซ่งึ กนั และกัน ไม่ข่มเหงเอาเปรยี บกนั สาหรบั การเรียนฟอ้ นดาบ ฟ้อนเจงิ นั้น ผู้เรยี นต้องหาม้ือจนั วนั ดี เป็นวันอดุ มฤกษ์ ไปขอเรยี นกับครูท่ีมี ความสามารถ โดยต้องมีการข้ึนขันหรือ การจัดเครื่องคารวะ คือกรวยดอกไม้ธูปเทียน พลู หมาก ข้าวเปลือก ข้าวสาร สุรา ผ้าขาว ผ้าแดง กล้วย อ้อย มะพร้าว และค่าครูตามกาหนด ครูบางท่านอาจเส่ียงทายโดยให้ผู้จะ สมัครเป็นศิษย์นาไก่ไปคนละตัว ครูเจิงคือผู้สอนฟ้อนเจิงจะขีดวงกลมท่ีลานบ้านแล้วเชอื ดคอไก่ และโยนลงใน วงน้ัน หากไกข่ องผ้ใู ดดิ้นออกไปตายนอกเขตวงกลม ก็คือวา่ ผคี รไู มอ่ นุญาตให้เรียน และหากเรยี นจนสาเร็จแล้ว ครูเจิง อนุญาตให้นาวิชาไปใช้ได้เรียกว่าปลดขันต้ัง โดยทาพิธียกขันตั้งคือพานเคร่ืองสักการะจากหิ้งผีครู แจก ธูปเทยี นดอกไม้จากในพานให้แก่ศษิ ย์ เปน็ เสรจ็ พิธี

-๕๘- กล่าวโดยสรุปวัฒนธรรมการฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิง คือ ท่าทางที่ใช้ในการแสดงอย่างมีช้ันเชิง มีทั้งท่าทาง ทเี่ ป็น การร่ายราตามกระบวนท่าต่าง ๆ ตามแบบแผนท่ีแสดงออกถึงศลิ ปะในการต่อสู้ หรอื เพอื่ ใช้ในการแสดง โดยท่ารามีทั้งที่เป็นหลักสากล หรือท่าราของแต่ละคนใช้ความสามารถในการแสดงเฉพาะตัว พลิกแพลง ดัดแปลง ประยุกต์ให้ดูสวยงาม ทั้งน้ีสามารถฟ้อนโดยปราศจากอาวุธ หรือประกอบอาวุธ เช่น หอก ดาบ และ ไม้ค้อน เป็นต้น ทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะของชาวล้านนาไม่ว่าจะใช้แสดงในงานบวช หรือประเพณีสาคัญต่าง ๆ จงึ ควรค่แู กก่ ารอนรุ กั ษ์ไว้ใหก้ ับลกู หลานไดเ้ รยี นรูแ้ ละสบื ทอดตอ่ ไปอยา่ งยัง่ ยืน ๓.๒) ข้นั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเก่ียวกับข้อมลู สอบถามผู้มีความรู้ ปราชญ์ชาวบ้าน และการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม เป็นการนาเอาเรื่องราวของ ศิลปะปอ้ งกันตัว ซงึ่ เมอื่ ครงั้ อดีตผู้ชายชาวล้านนามักจะมีการแสวงหาเรยี นรู้ “เจิง” เพอ่ื ใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการ ป้องกันภัยให้กับตัวเอง ด้วยรูปแบบและลีลาท่าทางในการแสดงออกที่มีท้ังความเข้มแข็ง ผสมผสานกับศิลปะ การฟ้อนราอย่างลงตัว และการจัดการเรียนการสอนทางด้านนาฏศิลป์ให้กับเด็กและเยาวชน การแสดง ศลิ ปวัฒนธรรมตลอดจนการบันทกึ วดี ิทัศนเ์ ผยแพรก่ ารฟ้อนดาบ ฟอ้ นเจิง ๔. ช่อื ผทู้ ่ีถอื ปฏิบัติและผู้สบื ทอด ๔.๑ ผูท้ ี่ถอื ปฏบิ ัติ ชอ่ื นายนครนิ ทร์ ใจธรรม วัน เดอื น ปเี กดิ - ทอ่ี ยู่ 11 หมทู่ ี่ 6 ตาบลศรีคา้ อาเภอแม่จัน จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 087 193 4357 ๔.๒ ผู้สบื ทอด ชือ่ นางสาวอ่อนศรี ใจธรรม วนั เดือน ปีเกดิ - ท่ีอยู่ 151 หม่ทู ่ี 6 ตาบลศรคี า้ อาเภอแม่จัน จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 086 915 3753 ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั อิ ยา่ งแพร่หลาย  เส่ียงต่อการสูญหาย  ไม่มปี ฏบิ ตั แิ ล้ว ๖. รูปภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-๕๙- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำยประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอเวยี งชยั จงั หวัดเชยี งรำย ๑. ช่ือข้อมูล การฟ้อนสาวไหม ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บา้ นและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัติเกี่ยวกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝีมอื ดงั้ เดมิ  การละเลน่ พ้นื บา้ น กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตวั ๓. รายละเอียดข้อมูล ๓.๑ ประวัตคิ วามเป็นมาของขอ้ มูล ฟ้อนสาวไหมเป็นการแสดงพื้นเมืองเหนือท่ีมีความสวยงาม มีลักษณะพิเศษท่ีแตกต่างไปจากการฟ้อน แบบอ่ืน ๆ คอื ฟอ้ นสาวไหมเปน็ แบบการฟ้อนทเี่ ลียนมาจากการทางานในชวี ติ ประจาวันของคนพ้ืนเมือง ในการ ปลูกฝ้าย ทอผ้า ตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ซ่ึงเป็นงานหัตถกรรม ท่ีในท้องถิ่นท่ีทากันโดยท่ัวไป ด้วยเหตุ ทกี่ ารทางานในการปลูกฝ้าย ปน่ั ฝา้ ย ทอผ้า ฯลฯ เป็นลักษณะการทางานท่ีมีข้ันตอน และมีกระบวนการทางาน ท่ีต่อเน่ืองกัน ท้ังการทางานน้ันก็มีลีลาท่าทางอันอ่อนช้อยละเอียดอ่อนละมุนละไม ดูแล้วเกิดความสวยงาม ดังน้ัน จึงน่าจะมีผู้ที่มองเห็นกระบวนการทางานท่ีมีขั้นตอนต่อเนื่องและลีลาอันสวยงามของการป่ันฝ้าย การทอผ้า ฯลฯ นามาประสมประสานความคิดในการทางานกับท่าฟ้อนราเข้าด้วยกัน เป็นการฟ้อนสาวไหม ที่น่าชมได้ การฟ้อนสาวไหมเป็นการฟ้อนที่มีมานาน และเป็นลักษณะของการฟ้อนของพ้ืนเมืองเหนืออย่างแท้จริง แต่เดิมการฟ้อนสาวไหมเป็นท่าการฟ้อนท่ีรวมอยู่กับการฟ้อนเจิง ต่อมาภายหลังจึงได้แยกการฟ้อนสาวไหม ออกมาเป็นท่าการฟ้อนเฉพาะเรียกว่า ฟ้อนสาวไหม แต่เดิมนั้นใช้ผู้ชายเป็นผู้ฟ้อนและใช้ฟ้อนในงานปอย แห่ครัวทาน ฯลฯ ต่อมาภายหลังจึงมีผู้หญิงเป็นผู้ฟ้อน ลักษณะท่าการฟ้อนใช้ท่าเดียวกับที่ผู้ชายใช้ฟ้อน เป็นลักษณะการฟ้อนเดี่ยว จากการศึกษาพบว่าการฟ้อนสาวไหม ปรากฏอยู่สองแบบ คือ ฟ้อนสาวไหมในการ ฟ้อนเชิงหรือร่ายราท่าต่อสู่ด้วยมือเปล่า ซ่ึงมีลีลากระบวนท่าที่แน่นอน และการฟ้อนสาวไหม ท่ีเป็นการฟ้อน ของหญิงท่ีแสดงความเคลื่อนไหวในลีลาร่ายราท่ีนุ่มนวล มิได้ร้อนแรงเหมือนอย่างที่ปรากฏในเชิงต่อสู้ ฟ้อนสาวไหมเป็นการฟ้อนที่ประดิษฐ์ข้ึน โดยนายกุย สุภาวสิทธ์ิ ชาวอาเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเรียนเชิงมาจากพ่อครูปวน ซึ่ง นายกุย สุภาวสิทธ์ิ ได้เป็นครูเชิง หรือผู้สอนฟ้อนเชิง คือการฟ้อนด้วยมือ เปล่าของผู้ชายในลีลาร่ายลาในเชิงต่อสู้ ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๕ “พ่อครูกุย” ได้ย้ายไปต้ังถ่านฐานท่ีอยู่ ละแวกวัดศรีทรายมูล ตาบลเวียง อาเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และนายกุย สุภาวสิทธ์ิ หรือ “พ่อครูกุย” ไดถ้ า่ ยทอดการฟ้อนใหแ้ ก่ธดิ า คือ แมค่ รบู วั เรยี ว (สุภาวสทิ ธิ์) รตั นมณภี รณ์ ท้ังน้ี นางเรืองมูล จันทร์คา ได้เรียนรู้การฟ้อนสาวไหมจากแม่ครูบัวเรียว รัตนมณีภรณ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพืน้ บ้าน – ช่างฟ้อน) พทุ ธศักราช ๒๕๕๙

-๖๐- ๓.๒ ขัน้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเกี่ยวกับข้อมูล การแสดงการฟ้อนสาวไหมสืบต่อมา จึงยังคงใช้ผู้ชายออกมาแสดงร่วมกันกับฝ่ายหญิงอยู่ บางโอกาสก็ใช้ แสดงเปน็ หญงิ เพียง ๑ คน และชายอีก ๑ คน บางคร้งั กใ็ ช้ผชู้ าย ๒ คน หญิง ๒ คน แลว้ แต่โอกาสความเหมาะสมกัน กับการใชผ้ ู้แสดงเป็นหญงิ แค่เพียงคนเดยี วเหมือนของเก่าท่มี ีมา แตใ่ นระยะหลงั เม่ือการฟ้อนสาวไหมแพร่หลาย มีผู้รู้จักมากข้ึน การแสดงทุกครั้งจะนิยมใช้ผู้แสดงเดี่ยวเป็นหญิงตลอดมา เนื่องด้วยสตรีมีความสวยงามและ นมุ่ นวลกวา่ บุรุษ ส่วนชื่อนน้ั ใชช้ อื่ การฟอ้ นสาวไหมสืบตอ่ มา ๔. ชอ่ื ผ้ทู ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ ืบทอด ๔.๑ ผทู้ ่ีถอื ปฏบิ ตั ิ ช่ือ นางเรอื งมลู จันทร์คา วัน เดือน ปเี กดิ ๙ กนั ยายน ๒๔๙๒ ที่อยู่ ๘๔ หมู่ ๑๐ ตาบลผางาม อาเภอเวยี งชยั จังหวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผู้สืบทอด ช่ือ - วัน เดือน ปีเกิด - ทอ่ี ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถานะการคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ยา่ งแพรห่ ลาย  เส่ยี งต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏบิ ัติแล้ว ๖. รูปภาพภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม

-๖๑- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชียงรำยประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเวยี งชยั จงั หวดั เชียงรำย ๑. ช่ือข้อมูล ดนตรีพนื้ เมือง ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบัติทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบัตเิ กย่ี วกบั ธรรมชาติและจักรวาล  งานชา่ งฝีมือด้ังเดิม  การละเล่นพ้นื บ้าน กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกันตวั ๓. รายละเอยี ดข้อมูล ๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมูล วงดนตรีพื้นเมืองภาคเหนือ คือวงดนตรีท่ีคนในท้องถิ่นภาคเหนือได้คิดค้นจัดวงข้ึน ซึ่งประกอบด้วย เครื่องดนตรีในท้องถ่ินภาคเหนือเอง ได้แก่ กลองขนาดใหญ่ (กลองแอว) ฉาบ ฆ้องหุ่ย ปี่จุม เป็นต้น นามาผสมวง เพื่อใชบ้ รรเลงประกอบการขับรอ้ งและประกอบการแสดงการฟอ้ นตา่ ง ๆ ของภาคเหนอื เช่น วงสะล้อซอซงึ เป็นตน้ ๓.๒) ขนั้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเก่ยี วกบั ขอ้ มูล ลักษณะเด่นของดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือคือมีการนาเคร่ืองดนตรีประเภทดีด สี ตี และเป่า มาผสม วงกัน สาเนียงและทานองเพลงมีความพล้ิวไหว อ่อนหวาน นุ่มนวลผสมผสานวัฒนธรรม จนกลายเป็นดนตรี พ้ืนบ้านท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะถ่ิน เช่น วงสะลือ ซอซ้ึง วงสะลือ ซึงขลุ่ย วงกลองสะบัดชัย เป็นต้น เครื่องดนตรี มีอยหู่ ลายชนิด เช่น พิณ สะลือ ซงึ กลองปเู จ่กลองสะบัดชัย ตะโลด้ โปด๊ เปน็ ตน้ ๔. ชอื่ ผทู้ ่ีถือปฏิบตั แิ ละผู้สบื ทอด ๔.๑ ผู้ทีถ่ ือปฏบิ ัติ ช่ือ นายขอ้ น ต่อมใจ วนั เดอื น ปเี กดิ 8 ตลุ าคม 2493 ท่ีอยู่ 107 หมู่ 8 ตาบลผางาม อาเภอเวียงชยั จังหวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 096 482 4906 ๔.๒ ผู้สืบทอด ชอ่ื นายคาปนั พทุ ธจันทร์ วนั เดือน ปเี กิด 15 เมษายน 2495 ท่ีอยู่ 107 หมู่ 8 ตาบลผางาม อาเภอเวยี งชยั จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถานะการคงอยู่  ปฏิบตั อิ ย่างแพร่หลาย  เสี่ยงตอ่ การสูญหาย  ไมม่ ปี ฏิบัตแิ ล้ว ๖. รูปภาพภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม

-๖๒- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอเวยี งชัย จงั หวดั เชียงรำย ๑. ชื่อข้อมูล ฟอ้ นเล็บ การแสดงพน้ื บา้ น ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานชา่ งฝีมอื ดั้งเดมิ  การละเล่นพนื้ บ้าน กีฬาพ้นื บ้าน และศิลปะการต่อสปู่ ้องกนั ตวั ๓. รำยละเอียดขอ้ มูล ๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มูล ฟอ้ นเล็บเป็นศิลปะการแสดงที่เปน็ เอกลักษณ์ทางภาคเหนือโดยเฉพาะ กระบวนท่าราเป็นลลี าท่าฟ้อน ท่ีมีความงดงามเช่นเดียวกับฟ้อนเทียน แต่ไม่ถือเทียน นิยมฟ้อนในเวลากลางวัน สาหรับช่ือชุดการแสดงจะมี ความหมายตามลักษณะของผแู้ สดงท่จี ะสวมเล็บยาวสที องทุกนิ้ว ยกเว้นนิ้วหัวแม่มอื นางศรปี ว้ น วงค์จักร เป็นอกี ผหู้ น่ึงท่ีมีความรู้และสืบสานการแสดงฟ้อนเลบ็ ซึง่ ได้เรยี นรู้มาจากพ่อครู แมค่ รูต้งั แตส่ มยั วัยเยาว์ และไดส้ บื สานเรื่อยมาจนถึงปจั จุบนั การฟ้อนชนดิ นีม้ ีมาแตด่ ัง้ เดิม ซงึ่ นิยมแสดงในงาน มงคล เชน่ งานวดั การฟอ้ นนาขบวนแห่ของชาวบ้านท่ีจัดขึน้ เรยี กว่า ครัวทาน” ซึ่งประกอบดว้ ยเครื่องอฐั บริขาร (ต้ังแต่ไม้กวาด หม้อน้ายา และเงินทอง) เพราะประเพณีทางเหนือนั้นเมื่อพ้นการทานาแล้วชาว บ้านก็จะมุ่ง ทาบญุ มีการบรู ณะวัด เป็นตน้ ๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกี่ยวกับขอ้ มลู กำรแต่งกำย จะแต่งกายแบบไทยชาวภาค เหนอื สมยั โบราณ น่งุ ผ้าซิ่นมีเชิงลายขวาง เสอ้ื คอกลมแขน ยาว และห่มผ้าสไบเฉียงทับ เกล้าผมมวยสูงทัดดอกไม้และห้อยอุบะ และสวมเล็บยาวทั้ง 8 น้ิว เว้นแต่ นวิ้ หวั แมม่ อื การแตง่ กายสมัยก่อน ถ้าเป็นฟ้อนธรรมดาของแต่ละหมู่บา้ น การแต่งกายจะเปน็ 2 ลกั ษณะคอื 1. ใส่เสื้อคอกลมแขนกระบอก เอวรูด ไม่ห่มผ้า ผ้าซิ่นจะเป็นแบบลายขวาง ต่อเอวดาตีนดา (ตีน คือ เชงิ ผ้าของผ้าซิน่ ) 2. ใส่เสื้อคอกลมแขนกระบอก เอวปล่อย ห่มผ้า ใส่สร้อย ผ้าซิ่นให้ใช้ผ้าตีนจกหรือผ้าทอ(การแต่งกาย ในข้อน้ีจะใช้แต่งในงานใหญ่และในคุ้มเจ้านาย)การแต่งกายจะเหมือนกันท้ังหมดหรือเหมือนกันเฉพาะคู่ก็ได้ ฟ้อนเล็บ แต่เดิมเรียก “ฟ้อนเล็บ” ด้วยเห็นว่าเป็นการฟ้อนท่ีเป็นเอกลักษณ์ของ “คนเมือง” ซึ่งหมายถึงคนใน ถ่ินล้านนาที่มีเชื้อสายไทยวน และเน่ืองจากการเป็นการแสดงที่มักปรากฏ ในขบวนแห่ครัวทานของวัดจึงมีชื่อ เรียกอีกชื่อหน่ึงว่า “ฟ้อนแห่ครัวทาน” ต่อมามีการสวมเล็บท่ีทาด้วยทองเหลอื งท้ัง 8 น้ิว (ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือ) จึงได้ชอ่ื วา่ “ฟอ้ นเล็บ” ท่ำฟ้อน การฟ้อนชนิดนม้ี มี าแต่ดง้ั เดิม คณะศรัทธาของแต่ละวดั มักมีครฝู กึ สบื ทอดต่อกันมา เมอื่ ถึง ฤดูกาลทีจ่ ะมีงานปอยหลวง ซ่ึงเปน็ งานฉลองศาสนสถาน มักมีการฝึกซอ้ ม เดก็ สาวในหมู่บา้ นเพ่อื แสดงในงาน ดงั กล่าวเสมอ โดยทีร่ ูปแบบกระบวนและลลี าทา่ ฟอ้ นไม่ได้กาหนดตายตัว แต่ละครูหรือแต่ละวดั อาจแตกตา่ ง กันไป ในสมยั พระราชชายาเจา้ ดารารศั มี ได้มีการปรบั ปรงุ และประดิษฐ์ท่าฟ้อนใหด้ ูอ่อนช้อยงดงามยิ่งข้นึ และ บคุ คล ผหู้ น่ึงซึ่งเคยไดร้ บั การถ่ายทอดจากคมุ้ เจา้ หลวงได้แก่ ครสู ัมพนั ธ์ โชตนา ในโอกาสทีค่ รสู มั พันธ์ได้เข้าไป ถา่ ยทอดศิลปะการฟอ้ นชนดิ น้แี กว่ ิทยาลัย นาฏศิลป์เชยี งใหม่ ท่านได้กาหนดทา่ ฟ้อนไว้ 17 ท่าดงั นี้

-๖๓- 1. จีบส่งหลงั 7. กราย 13. กระต่ายต้องแร้ว 2. กลางอัมพร 8. ผาลาเพียงไหล่ 14. หยอ่ นมอื 3. บดิ บัวบาน 9. สอดสรอ้ ย 15. จีบคู่งอแขน 4. จบี สงู ส่งหลัง 10. ยอดตอง 16. ตากปกี 5. บัวชฝู ัก 11. กินนรรา 17. วนั ทาบัวบาน 6. สะบดั จีบ 12. พรหมสีห่ นา้ ทา่ ราตา่ ง ๆ ดังกลา่ ว อาจมีการเพ่ิมท่า ตดั ตอน หรือลาดบั ทา่ ก่อนหลงั ตามท่ีครูจะกาหนด เครื่องแต่งกำย การแต่งกายแต่เดิมจะนุ่งผ้าซ่ิน สวมเส้ือแขนยาวทรงกระบอกคอกลม หรือคอจีนผ่า อก เกล้าผมมวยโดยขมวดมวยด้านท้ายทอย ทัดดอกไม้ประเภทดอกเอื้อง จาปา กระดังงา หางหงส์ หรือลีลา วดี สวมเลบ็ ทง้ั แปดนิว้ ต่อมามีการ ดดั แปลงใหส้ วยงามโดยประดบั ลูกไม้ หรอื ระบายท่ีคอเสื้อ ห่มสไบเฉียงจาก บ่าซ้ายไปเอวขวาทับด้วยสังวาล ติดเข็มกลัด สวมกาไลข้อมือ กาไลเท้า เกล้าผมแบบญ่ีปุ่น ทัดดอกไม้หรืออาจ เพ่มิ อบุ ะหอ้ ยเพ่ือความสวยงาม ๔. ช่ือผทู้ ่ีถือปฏิบัติและผ้สู ืบทอด ๔.๑ ผู้ท่ถี ือปฏิบตั ิ ชอ่ื นางศรปี ้วน วงค์จักร วนั เดือน ปเี กดิ 17 กรกฎาคม 2497 ที่อยู่ 48 หม่ทู ี่ 7 ตาบลเวยี งเหนือ อาเภอเวียงชยั จังหวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 090 750 8763 ๔.๒ ผู้สืบทอด ชื่อ - วัน เดือน ปีเกดิ - ท่ีอยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เสี่ยงต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏิบัตแิ ล้ว ๖. รปู ภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม

-๖๔- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอแม่ลำว จังหวัดเชยี งรำย ๑. ช่ือข้อมูล ฟ้อนเล็บ ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั ิเก่ยี วกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานช่างฝมี อื ดัง้ เดมิ  การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพนื้ บา้ น และศิลปะการต่อสปู่ ้องกนั ตัว ๓. รำยละเอียดข้อมลู ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มูล ฟ้อนเล็บ เป็นศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ทางภาคเหนือโดยเฉพาะ รูปแบบการฟ้อนมีอยู่ ๒ แบบ คือแบบพื้นเมืองหรือฟ้อนเมือง และแบบคุ้มเจ้าหลวง กระบวนท่าราเป็นลีลาท่าฟ้อนที่มีความงดงา ม เช่นเดียวกับฟ้อนเทียน เพลงแต่ไม่ถือเทียน นิยมฟ้อนในเวลากลางวัน สาหรับชื่อชุดการแสดงจะมีความหมาย ตามลกั ษณะของผ้แู สดงที่จะสวมเล็บยาวสีทองทุกนว้ิ ยกเวน้ น้ิวหวั แม่มือ ๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกยี่ วกับขอ้ มลู กำรแสดงฟ้อนเล็บ ผแู้ สดงจะร่ายราตามทานองเพลงท่ีเช่ืองช้า ส่วนการใช้ทา่ ฟ้อนเล็บนั้น ช่างฟ้อนมกั จะจาต่อ ๆ กันมา เป็น ท่าฟ้อนดั้งเดิมของชาวเหนือ คอื ท่าพายเรือ ทา่ บวั บานบดิ และท่าหยอ่ น ต่อมาเมื่อนาฏศลิ ป์ทางภาคกลางแพร่มาสู่ ภาคเหนอื การฟอ้ นเลบ็ กม็ ีการปรับวธิ กี ารฟ้อนให้เข้ากับทา่ ราแม่บท เพ่มิ ทา่ ราให้มากขึ้นและแตกตา่ งกนั ไป ดนตรฟี อ้ นเล็บ เคร่ืองดนตรีที่ใช้ในการฟ้อนเป็นวงกลองต่ึงนง วงต๊กเส้ง หรือวงปี่พาทย์ล้านนา (นิยิมใช้กับฟ้อนเล็บ แมค่ รบู วั เรยี ว) ซง่ึ เปน็ ดนตรีของชาวภาคเหนือ ไดแ้ ก่ กลองแอว กลองตะโล้ดโป๊ด ฉาบ ฆอ้ งโหมง่ ใหญ่ ฆอ้ งโหม่งเล็ก ฉิ่ง ป่ีแนหน้อย ป่ีแนหลวง แต่ถ้าเป็นวงต๊กเส้ง จะเพิ่ม ส้ิง มาด้วย เวลาดนตรีบรรเลงเสยี งปีด่ ังไพเราะเยือกเย็น มาก ท่วงทานองเชอ่ื งชา้ เสียงกลองจะตีดัง ต๊ก สวา่ ต่งึ นง อย่างนเ้ี ร่อื ยไป ส่วนช่างฟอ้ นกจ็ ะฟอ้ นชา้ ๆ ไปตาม ลีลาของเพลง เพลงท่ใี ช้บรรเลงฟ้อนเล็บจะแบง่ ตามท้องถ่นิ หลกั ของแตล่ ะท่จี ะใช้เพลงฟอ้ นเล็บต่างกัน ดังนี้ ๑. เพลงมอญเชียงแสน(เชียงแสนหลวง) เป็นเพลงทานองฟ้อนเล็บของท้องถิ่นจังหวดั เชยี งรายและพะเยา ๒. เพลงแม่ดาโปน เปน็ เพลงทานองฟอ้ นเล็บของท้องถ่นิ จงั หวดั ลาปาง ๓.เพลงแหยง่ เปน็ เพลงทานองฟ้อนเลบ็ ของท้องถิ่นจังหวดั เชยี งใหม่และลาพนู ผแู้ สดง ฟอ้ นแตล่ ะชดุ จะใช้จานวนคนแตกต่างกันไป นยิ มกันมี ๔ คู่ ๖ คู่ ๘ คู่ หรือ ๑๐ คู่ กำรแตง่ กำย แต่งกายแบบไทยชาวภาคเหนือสมัยโบราณ คือ เกล้าผมทัดดอกไม้และอุบะ นุ่งผ้าตามแบบชาวเหนือ สวมเสื้อทรงกระบอกแขนยาว คอกลมห่มสไบเฉียง นุ่งผ้าซ่ินลายขวาง และ สวมเล็บมือยาว ๘ นิ้ว เว้นแต่ นวิ้ หัวแม่มือ

-๖๕- ๔. ชอ่ื ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผ้สู บื ทอด ๔.๑ ผทู้ ่ถี ือปฏบิ ัติ ช่ือ นางมาลัย ทะรยิ ะ วนั เดอื น ปีเกดิ - ทีอ่ ยู่ ๒๑๘ หมู่ ๑๐ ซอย ๖ ตาบลป่าก่อดา อาเภอแม่ลาว จังหวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๖ ๐๔๕ ๕๑๕๗ ๔.๒ ผู้สืบทอด ชอื่ ชมรมอนุรักษ์และสืบสานการแสดงนาฏศลิ ป์ อาเภอแมล่ าว วัน เดอื น ปเี กิด - ที่อยู่ ๒๑๘ หมู่ ๑๐ ซอย ๖ ตาบลป่าก่อดา อาเภอแมล่ าว จังหวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๖ ๐๔๕ ๕๑๕๗ ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอยา่ งแพรห่ ลาย  เสี่ยงต่อการสญู หาย  ไมม่ ีปฏบิ ตั ิแล้ว ๖. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม การแสดงฟอ้ นเล็บ ในงานมรดกภูมิปญั ญาทางวฒั นธรรม การแสดงฟ้อนเล็บในงานทอดผา้ ปา่ ชมรมอนรุ กั ษ์และสบื สานการแสดงนาฏศิลป์ อาเภอแม่ลาว

-๖๖- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอขุนตำล จังหวัดเชียงรำย ๑. ช่ือข้อมลู ฟ้อนมงิ่ ขวญั คีรีศรีขุนตาล ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบตั ิเกีย่ วกับธรรมชาติและจักรวาล  งานช่างฝมี อื ดัง้ เดมิ  การละเลน่ พื้นบ้าน กีฬาพืน้ บา้ น และศิลปะการต่อสปู่ ้องกนั ตัว 3. รำยละเอยี ดข้อมลู ๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของข้อมลู เม่ือปี พ.ศ. 2561 ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย จะจัดงานมหกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุ คร้ังที่ 1 ขึ้น ณ สวนริมน้ากก อาเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย และมีการประกวดฟ้อนพ้ืนถิ่น ทางโฮงเฮียนผู้สูงอายุเทศบาลตาบลป่าตาล และทีมงานจึงได้คิดว่า อาเภอขุนตาล ควรจะมีการฟ้อนพื้นถิ่น ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จึงได้ปรึกษาอาจารย์รัชนีกรณ์ เหล่าภักดี อาจารย์ประจาวิชานาฏศิลป์ โรงเรียน ขุนตาลวิทยาคม มาฝึกสอนให้แก่คณะช่างฟ้อนนักเรียนโฮงเฮียนสูงวัยเทศบาลตาบลป่าตาล และนาส่งเข้า ประกวดในงานดังกล่าว สามารถชนะใจคณะกรรมการและได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทฟ้อนพื้นถิ่น ต้ังแต่ บัดน้ันเป็นต้นมา การฟ้อนม่ิงขวัญคีรีศรีขุนตาล จึงเป็นลิขสิทธิ์ของคณะช่างฟ้อนโฮงเฮียนสูงวัยเทศบาลตาบล ป่าตาลและเป็นการฟอ้ นท่ีถอื วา่ เป็นเอกลักษณป์ ระจาอาเภอขนุ ตาล ตง้ั แตบ่ ดั น้ันเปน็ ต้นมา การฟอ้ นมิ่งขวัญครี ีศรขี นุ ตาลเปน็ การฟ้อนทเี่ ปน็ เอกลกั ษณข์ องอาเภอขนุ ตาล ซ่งึ เปน็ การเลา่ ถงึ ประวัติ อาเภอขุนตาลตามคาขวัญคือ “พระแสนแซ่คู่บ้าน พระธาตุขุนตาลคู่เมือง รอยพระบาทลือเลื่อง ขุนตาลเมือง คนด”ี ในรูปแบบค่าวและลีลาฟ้อนแบบทางเหนือประกอบเพลงซึ่งเป็นลลี าการฟ้อนทีส่ วยงามแบบลา้ นนาและ การอนุรักษ์วัฒนธรรมการแต่งกายตามวัฒนธรรมพื้นบ้านของอาเภอขุนตาล และข้าพเจ้าเป็นครูจิตอาสาของ โรงเรียนผู้สูงวัยเทศบาลตาบลป่าตาลจึงใช้เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนผู้สูงวัยเทศบาลตาบลป่าตาลและอาเภอ ขุนตาล และเปน็ ต้นแบบ สืบสาน สืบทอด แก่อนชุ นรุน่ ตอ่ รุ่นคือ เดก็ นกั เรียน กล่มุ พัฒนาสตรแี มบ่ า้ น ๓.๒) ขั้นตอน/วธิ กี าร/ดาเนินการเก่ียวกับขอ้ มลู เทคนคิ และวิธีกำรท่ใี ชใ้ นกำรสรำ้ งสรรคผ์ ลงำน การสร้างจติ สานกึ ให้กลุม่ ต่าง ๆ ให้มตี อ่ วัฒนธรรมทอ้ งถิน่ โดยสอดแทรกการแสดงแบบล้านนาท้องถิ่น ในงานต่าง ๆ ของชุมชนที่มี เช่น งานทาบุญตามวัดต่าง ๆ งานประเพณีงานเทศกาลต่าง ๆ และให้กลุ่มพลังต่าง ๆ มีโอกาสสมั ผัส ฝกึ ซอ้ ม ลอง อีกทง้ั จดั เวทใี หท้ ุกกลุ่มมโี อกาสแสดงออกระดับอาเภอถงึ วฒั นธรรมท้องถิ่นท่ีมีอยู่ เช่น การจัดมหกรรมรวมพลคนรักสุขภาพ การออกกาลังกายด้วยการฟ้อนเล็บ ราวงมาตรฐาน และจัดให้มีการ ฟ้อนท้องถ่ินประจาตาบล การจัดงานสมโภชเฉลิมฉลองการข้ึนครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และประสานเทศบาลตาบลป่าตาล ส่งเสริมเป็นนวัตกรรมการออกกาลังกายเพ่ือสุขภาพประจา ตาบลโดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านส่ือทางวิทยุกระจายเสียงที่ข้าพเจ้าทาหน้าที่นักจัดการายวิทยุชุมชนเพ่ือคน ท้องถิ่นตาบลป่าตาล ผ่านสื่อ Application Line ผ่านกลุ่ม ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการซมึ ซับอยา่ งต่อเนอ่ื งและสืบ ทอดต่อไป

-๖๗- ข้ันตอนและกำรผลิตงำน การฝึกซ้อมเป็นประจานามาเป็นนวัตกรรมในการออกกาลังกายเพ่ือสุขภาพ สมาชิกกลุ่มทุกคน เพ่ือการผลิตผลงานทางวฒั นธรรมท้องถิ่นใหเ้ ป็นเอกลักษณ์ เป็นท่ีรู้จักและสืบสานตลอดไป และจากนั้นมีการ ประสานกลุม่ สมาชกิ ปรึกษาหารือเทศบาลตาบลปา่ ตาลและหน่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้องในการสร้างเครือข่ายเพื่อให้มี เวทีในการแสดงออกถึงวัฒนธรรมท้องถ่ิน เช่น การจัดงานต่าง ๆ ในชุมชน หน่วยงานต่าง ๆจัดข้ึนเพื่อเป็น ช่องทางในการสรา้ งผลงาน เชน่ การจดั งาน OTOP นวตั วถิ ี การจัดงานมหกรรมของดีเมืองขนุ ตาล การจัดเวที ถนนคนเดินเพลิดเพลินวัฒนธรรม การจัดงานประกาศพระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาหลกั ประจาจังหวัดเชยี งราย คณุ คำ่ ประโยชน์และควำมสำคัญของงำน คุณค่าของผลงานฟ้อนม่ิงขวัญคีรีศรีขุนตาล สามารถเชิดหน้าชูตาด้านวัฒนธรรมท้องถิ่นและเป็นท่ี ยอมรับของทุกองค์กร จนเป็นเอกลักษณ์ประจาอาเภอขุนตาลและโรงเรียนผู้สูงวัยเทศบาลตาบลป่าตาล ซ่ึงสามารถสร้างคุณค่าทางวัฒนธรรมเป็นอย่างมากและสรา้ งคุณค่าทางด้านจิตใจท่ีทาให้ประชาชนชาวขุนตาล ต้องจารึก และเป็นการกระตุ้นจิตสานึกในการหวงแหนคุณค่าวฒั นธรรมท่ีมีอยู่ กลุ่มสมาชิกทุกคนต้องอนุรักษ์ สานตอ่ สบื ทอด แกอ่ นชุ นรนุ่ ต่อไป ๔. ช่ือผู้ที่ถอื ปฏิบตั ิและผู้สืบทอด ๔.๑ ผ้ทู ี่ถือปฏบิ ตั ิ ชอ่ื โรงเรยี นผู้สูงอายุเทศบาลตาบลปา่ ตาล วนั เดือน ปเี กิด - ทอ่ี ยู่ โรงเรียนผสู้ งู อายุเทศบาลตาบลปา่ ตาล อาเภอขนุ ตาล จงั หวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผูส้ ืบทอด ช่อื โรงเรียนผูส้ งู อายเุ ทศบาลตาบลป่าตาล วนั เดือน ปเี กิด - ทีอ่ ยู่ โรงเรยี นผสู้ งู อายเุ ทศบาลตาบลปา่ ตาล อาเภอขุนตาล จังหวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัติอย่างแพร่หลาย  เส่ยี งตอ่ การสูญหาย  ไม่มีปฏบิ ตั แิ ล้ว ๖. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-๖๘-

-๖๙- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอแม่สำย จงั หวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล ฟ้อนลา้ นนา ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบตั ทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ตั ิเกย่ี วกบั ธรรมชาติและจักรวาล  งานชา่ งฝมี อื ดั้งเดิม  การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตวั 3. รำยละเอยี ดขอ้ มูล ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมูล การฟ้อนและงานบุญของคนเมืองถือเป็นของคู่กัน ทุกครั้งที่มีงานบุญหรืองานปอยก็มักจะต้องมี การฟ้อน การฟ้อนเล็บถือกันว่าเป็นการฟ้อนเพ่ือทาบุญอย่างหนึ่ง ช่างฟ้อนส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านน้ัน หรอื เปน็ ศรัทธาของวัด เวลามีงานปอยท่วี ัดก็จะมีการฟ้อนเล็บต้อนรับหวั วดั ต่าง ๆ ทม่ี าเข้ารว่ มขบวนแห่ครัวทาน การฟ้อนราของคนในอดีตถือเป็นแม่แบบของการฟ้อนในปัจจุบัน ไม่ว่าเราจะเยื้องกายไปทางไหนท่ีมี งานบุญก็มักจะพบเห็นว่ามีการฟ้อนราอยู่เสมอ จนเดียวน้ีไม่ว่าจะเป็นโรงแรมต่าง ๆ หรือแม้แต่ตามศู นย์ วัฒนธรรมก็มักจะมีการฟ้อนราให้นักท่องเที่ยวได้ชมพร้อม ๆ กับการรับประทานอาหารแบบพื้นเมือง จนเรียก ได้วา่ การฟ้อนราพ้นื เมอื งถอื เปน็ หน้าเปน็ ตาของบ้านเมืองไปแลว้ การรฟ้อนตามแบบฉบับของชาวลา้ นนามเี อกลกั ษณ์ อัตลกั ษณ์ ประจาถิ่น กล่าวคือ ถงึ แม้การแสดงจะ มีช่ือเดียว แต่ ลีลา ท่ารา การย่างก้าว ก็ไม่เหมือนกัน แม้แต่ดนตรี บรรเลง จังหวะ ท่างท่าการร่ายราก็ไม่ เหมอื นกนั เชน่ การฟ้อนเลบ็ ฟ้อนเทยี น ฟอ้ นขนั ดอก แตล่ ะทกี ็จะไม่เหมอื นกัน แตจ่ ะมีตน้ แบบที่ไปในทิศทางเดียวกนั การแสดงล้านนามีมากมายหลายแบบทั้งแบบประยุกต์และแบบดั้งเดิม เช่น การฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟอ้ นผางประทีป ฟอ้ นแปน(ขนนกยงู ) เปน็ ตน้ ๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธกี ำร/ดำเนินกำรเกีย่ วกบั ข้อมูล สอบถามจากปฏิบัตแิ ละผสู้ ืบทอด และค้นควา้ จากแหลง่ ข้อมูลอนื่ ๆ ๔. ชือ่ ผู้ที่ถอื ปฏิบตั ิและผ้สู บื ทอด ๔.๑ ผูท้ ่ถี ือปฏิบตั ิ ชอื่ นายณฐั พงศ์ คาบุญชู วนั เดอื น ปีเกดิ 23 ม.ิ ย. 2537 ทอี่ ยู่ 74 หมู่ 9 ตาบลแมส่ าย อาเภอแม่สาย จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ ๔.๒ ผ้สู ืบทอด ช่อื - วนั เดอื น ปีเกดิ - ทอ่ี ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ -

-๗๐- ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัตอิ ยา่ งแพร่หลาย  เส่ยี งตอ่ การสญู หาย  ไม่มปี ฏิบตั แิ ลว้ ๖. รูปภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-๗๑- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอพญำเมง็ รำย จังหวดั เชียงรำย ๑. ช่ือข้อมลู ฟอ้ นศิลามณี ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบัตเิ กยี่ วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานชา่ งฝมี ือด้งั เดมิ  การละเล่นพน้ื บา้ น กีฬาพ้นื บ้าน และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกนั ตวั ๓. รำยละเอียดขอ้ มลู ๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของขอ้ มูล “กำรฟ้อนศิลำมณี” เป็นศิลปะการฟ้อนแบบประยุกต์ (ฟ้อนท่ีประดิษฐ์ข้ึนในระยะหลัง) เม่ือศิลปะวัฒนธรรมท้องถ่ินเริ่มเป็นท่ีสนใจของคนท่ัวไปแล้ว ก็ได้มีผู้ประดิษฐ์ท่าฟ้อนราข้ึนมาอีกหลายท่า หลายแบบ โดยมักนาเอาการฟ้อนประยุกต์นี้มาฟ้อนในงานมงคล เช่น แห่ครัวตานเข้าวัด คาดว่าอาจจะรับ อิทธิพลมาจากภาคอีสาน ภาคกลางบ้าง หรือภาคใต้ก็ดี บ้างก็คิดเอง ขอเพียงดนตรีท่ีมีจังหวะ ก็สามารถได้ท่า ฟ้อนในขบวนแห่ครัวตาน เช่น การฟ้อนภูไท ฟ้อนชาวเขา เซิ้ง ฟ้อนประยุกต์ เป็นต้น การฟ้อนประยุกต์ได้รับ ความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และพบว่ามีหลายกระบวนท่าฟ้อนมาก เช่น ฟ้อนหริภุญชัย ฟ้อนร่ม ฟ้อน เก็บใบชาสูบ ฟ้อนยอง ฟ้อนศิลามณี ฟ้อนผางประทีป ฟ้อนล่องแม่ปิง ฟ้อนเชียงแสน ฟ้อนล่องน่าน ฟ้อนน่าน นันทบุรี ฟ้อนวี (ฟ้อนพัด) ฟ้อนขันดอก ฟ้อนร่มฟ้าไทย-ยวน (ฟ้อนร่มฟ้าล้านนา หรือฟ้อนยวนสาวไหม) ฟ้อน ขันส้มป่อย เป็นต้น “กำรฟ้อนศิลำมณี” เป็นศิลปะที่งดงามอันบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของ “คนเมือง” อันหมายถึง ผู้คน ในถ่นิ ล้านนาและการแสดงนน้ั มกั จะปรากฏในขวบนแห่ครัวตานเข้าวัด จงึ มชี ่ือเรยี กอกี ช่อื หนง่ึ วา่ “ฟ้อนแห่ครัว ตาน” ต่อมามีการสวมเล็บที่ทาด้วยทองเหลืองท้ัง 8 นิ้ว (ยกเว้นน้ิวหัวแม่มือ 2 ข้าง) จึงได้ชื่อว่า “ฟ้อนเล็บ” ท่าฟ้อนการฟ้อนชนิดนี้มีมาตั้งแต่เดิม คณะศรัทธาของแต่ละวัดมักมีครูฝึกสอนสืบทอดต่อกันมา เม่ือถึงฤดูกาล ที่จะมีงานปอยหลวง (งานทาบุญใหญ่) ซ่ึงเป็นงานเฉลิมฉลองศาสนสถาน มักจะมีการฝึกซ้อมท่าฟ้อน เด็กและ เยาวชนในหมู่บ้าน เพ่ือจะฟ้อนแสดงในงานปอยหลวงประจาปี โดยรูปแบบกระบวนและลีลาท่าฟ้อนไม่ได้ กาหนดตายตัว ได้มีการปรับปรงุ และประดิษฐ์ทา่ ฟ้อนให้ดูอ่อนชอ้ ย งดงามยิ่งขึ้น การแต่งกายในการฟ้อนแต่เดิมจะนุ่งผ้าซิ่น สวมเส้ือแขนยาวทรงกระบอก คอกลม หรือคอจีนผ่าอก เกล้าผมมวย โดยขมวดมวยด้านท้ายทอย ทัดดอกไม้ประเภทดอกเอื้อง จาปา กระดังงา หางหงส์ หรือลีลาวดี สวมเล็บท้ัง 8 นิ้ว ต่อมามีการดัดแปลงให้สวยงามโดยประดับลูกไม้ หรือระบายท่ีคอเสื้อ ห่มสไบเฉียงจากบ่า ซา้ ยไปเอวขวาทบั ด้วยสายสรอ้ ยสังวาล ตดิ เข็มกลัด สวมกาไลขอ้ มอื กาไลเทา้ เกลา้ ผมแบบญ่ีป่นุ ทดั ดอกไม้ เอกลักษณ์และจุดเด่นของการฟ้อนศิลามณี คือ ท่าฟ้อนและการแต่งกาย เคร่ืองดนตรีและเพลง ประกอบการฟ้อน ท่ีมีความไพเราะ อ่อนหวาน โอกาสท่ีจะแสดงในงานเทศกาลหรืองานประเพณี ซึ่งเป็นการ แสดงท่ีอ่อนช้อยงดงามตามแบบฉบับของคนไทยภาคเหนือโดยแท้ ควรที่จะต้องอนุรักษ์ ส่งเสริม รักษาและ ต่อยอดใหม้ กี ารถ่ายทอดศลิ ปะการแสดงท่ีมาจากภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมของคนไทยมใิ ห้เสื่อมหายไป กลุ่มแม่บ้านพัฒนาสตรีบ้านไม้ยา หมู่ 2 ได้เริ่มฝึกการสอนท่าฟ้อนศิลามณีให้กับผู้ท่ีสนใจ ในปี พ.ศ.2540 เปน็ ต้นมา จนถงึ ปัจจบุ ัน

-๗๒- ๓.๒) ข้ันตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเกี่ยวกับข้อมลู - ศึกษาข้อมลู - สารวจข้อมลู - ลงพืน้ ท่ี สมั ภาษณ์ - บันทกึ ขอ้ มลู จัดทารายงานสรุป ๔. ชอ่ื ผทู้ ่ีถือปฏิบัตแิ ละผ้สู บื ทอด ๔.๑ ผทู้ ี่ถอื ปฏบิ ตั ิ ช่ือ นางลาพงึ มณีสวุ รรณ วนั เดอื น ปีเกดิ 5 เมษายน 2520 ทีอ่ ยู่ 24 หมู่ 2 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จงั หวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 082 181 0967 ๔.๒ ผสู้ ืบทอด (๑) ชือ่ นางนงลกั ษณ์ ลักคณะ วัน เดอื น ปีเกดิ 7 สิงหาคม 2513 ที่อยู่ 246 หมู่ 2 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 082 257 1815 (๒) ชือ่ นางเรณุกา กองเงิน วนั เดือน ปเี กดิ 29 พฤศจิกายน 2510 ทีอ่ ยู่ 132 หมู่ 2 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 086 911 6142 (๓) ชอื่ กลุม่ พฒั นาสตรีบ้านไม้ยา หมู่ 2 วัน เดอื น ปีเกดิ - ที่อยู่ หมู่ 2 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัตอิ ยา่ งแพรห่ ลาย  เสยี่ งตอ่ การสูญหาย  ไม่มปี ฏบิ ตั ิแลว้ ๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรม

-๗๓- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอพญำเมง็ รำย จังหวดั เชียงรำย ๑. ชื่อข้อมูล ฟ้อนสาวไหม ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบัตเิ กยี่ วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล  งานชา่ งฝีมือดัง้ เดิม  การละเล่นพื้นบ้าน กีฬาพน้ื บ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตัว ๓. รำยละเอียดข้อมลู ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มูล ศิลปะการแสดงพื้นเมืองของภาคเหนือ เป็นศิลปะการรา และการละเล่น หรือที่นิยมเรียกกันทั่วไปว่า “ฟ้อน” การฟอ้ นจัดเปน็ วัฒนธรรมท่ีบง่ บอกถึงพฤติกรรม การกระทาทีเ่ กดิ จากความคิด ความเชื่อ ซ่ึงการฟ้อน ราจะเป็นการแสดงออกดว้ ยทา่ ทางต่าง ๆ ทเ่ี กิดข้นึ โดยธรรมชาติ หรือไดร้ ับการปรงุ แตง่ สาหรับศิลปะการฟ้อน ราของล้านนาเป็นวัฒนธรรมพ้ืนบ้านที่มีมาแต่ในอดีต โดยสืบทอดมาจากบรรพบุรุษในยุคต้นๆ และลักษณะ ทา่ ทางทฟ่ี อ้ นออกมาจะแตกต่างกนั ออกไปตามเผา่ พันธุแ์ ละความเช่ือในกลุ่มชนตา่ ง ๆ “ฟ้อนสาวไหม” เป็นศิลปะการฟ้อนราประเภทหน่ึงของชาวล้านนา จัดเป็นหนึ่งในห้าภูมิปัญญา ที่สาคัญในด้านศิลปะการแสดงของจังหวัดเชียงราย เป็นการแสดงพื้นเมืองท่ีมีความงดงาม อ่อนช้อย โดยมี ลักษณะที่แตกต่างจากการฟ้อนประเภทอ่ืน ๆ และมพี ฒั นาการทาง รปู แบบมาจากการมาจากฟ้อนเจิง โดยพ่อ ครูกุย สุภาวสิทธิ์ และแม่ครูบัวเรียว ได้ฝึกและพัฒนาการฟ้อนมาอย่างต่อเนื่อง ซ่ึงลักษณะเด่นที่แตกต่างจาก การฟ้อนรูปแบบอ่ืน ๆ คือ เป็นการฟ้อนที่เลียนแบบจากการทางานในชีวิตประจาวันของคนพื้นเมืองในการ ปลูกฝ้าย ทอผ้า ท่าฟ้อนสาวไหม แสดงถึงความอ่อนช้อย สวยงาม ละเมียดละไม จนสามารถจิตนาการเห็น เคร่อื งปนั่ ฝ้าย การดงึ ฝา้ ยแตล่ ะเสน้ ๆ เหน็ เปน็ ข้นั ตอนตั้งแต่การเก็บฝ้าย ป่ันฝ้าย จนกระทั่งถักทอฝา้ ยเปน็ ผืน การฟ้อนสาวไหม เป็นการฟ้อนที่มีมานาน และเป็นลักษณะของการฟ้อนของพื้นเมืองเหนืออย่าง แท้จริง แต่เดิมการฟ้อนสาวไหมเป็นท่าการฟ้อนท่ีรวมอยู่กับการฟ้อนเจิง ซ่ึงอยู่ในชุดเดียวกับการฟ้อนดาบ ต่อมาจึงได้แยกการฟ้อนสาวไหมออกมาเป็นท่าการฟ้อนเฉพาะเรียกว่า ฟ้อนสาวไหม และแต่เดิมน้ันใช้ผู้ชาย เป็นผู้ฟ้อน ภายหลังจึงมีผู้หญิงเป็นผู้ฟ้อน โดยลักษณะการฟ้อนสาวไหม ปรากฏอยู่สองแบบ คือ ฟ้อนสาวไหมในการฟ้อนเชิงหรือร่ายรา ท่าต่อสู้ด้วยมือเปล่า ซึ่งมีลีลากระบวนท่าที่แน่นอนและการฟ้อนสาว ไหม ท่ีเป็นการฟ้อนของหญิงท่ีแสดงความเคล่ือนไหวในลีลาร่ายราที่นุ่มนวล และการฟ้อนสาวไหมท่ีนิยมกัน ทุกวันนี้ ได้ต้นแบบมาจากนางบัวเรียว รัตนมณีกรณ์ (สุภาวสิทธิ์) ท่ีได้รับการถ่ายทอดการฟ้อนสาวไหมมาจาก นายกยุ สุภาวสิทธ์ิ ผู้เป็นบดิ า ทเี่ รียกฟ้อนเชงิ วา่ ฟอ้ นสาวไหม ประกอบด้วยเหตผุ ล 3 ประการ ดังน้ี ประการท่ี 1 คนเมือง หรือคนภาคเหนือ เรียกด้ายเย็บผา้ ว่า “ไหมเย็บผา้ ” ประการท่ี 2 คาวา่ “สาวไหม” เป็นกระบวนท่าหนง่ึ ในการฟอ้ นเชิงของชาวล้านนา ประการท่ี 3 เพ่อื ความสวยงามตามรปู ภาษา โดยคาว่าฟ้อนสาวไหม มคี วามสวยงามมากกวา่ คาว่า ฟอ้ นสาวฝ้าย หรือฟ้อนปน่ั ฝา้ ย

-๗๔- ปัจจุบันการฟ้อนสาวไหมเป็นศิลปะการแสดงท่ีมีลีลางดงาม จึงมีผู้ท่ีเริ่มให้ความสนใจมากข้ึน แม่เกียง สาริวงค์ เป็นบคุ คลทถ่ี ือไดว้ า่ เป็นแบบอยา่ งท่ีนาการฟ้อนสาวไหมมาจากต้นแบบของแม่ครูบวั เรียว มาเผยแพร่ และถ่ายทอดให้กับบุคคลที่สนใจจะฝึกสอน โดยแม่เกียง สาริวงค์ เป็นคนท่ีย้ายมาจากบ้านป่าบง ตาบลยางฮอม อาเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันย้ายมาอยู่ท่ีบ้านห้วยก้าง เม่ือปีพ.ศ. 2514 ในขณะน้ันแม่เกียง สาริวงค์ มีพ่อครูที่คอยฝึกสอนท่าฟ้อน ชื่อ พ่อหน้อยยืน (ไม่ทราบนามสกุล) โดยแม่เกียงได้ต้ังใจฝึกซ้อมท่าฟ้อนราจาก พอ่ ครูมาตั้งแต่อายุ 15 ปี จนถึงปจั จบุ นั เพื่อตอ้ งการถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาศิลปะการแสดงให้กับคนรุ่นใหม่ ไดเ้ รียนรู้ สืบทอดและตอ่ ยอดให้คงอย่เู ป็นวัฒนธรรมประจาชาติตลอดไป ไมใ่ หส้ ูญหาย ๓.๒) ขัน้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเก่ยี วกบั ข้อมูล 1. ศกึ ษาข้อมลู 2. สารวจพ้นื ท่ี 3. ลงพ้นื ที่ สงั เกตการณแ์ ละสมั ภาษณ์ 4. บนั ทึกขอ้ มลู และจดั ทารายงาน ๔. ช่อื ผู้ที่ถือปฏิบตั แิ ละผ้สู ืบทอด ๔.๑ ผ้ทู ่ีถือปฏบิ ตั ิ ช่อื นางเกียงคา สาริวงค์ วนั เดือน ปเี กิด 24 สงิ หาคม 2510 ทีอ่ ยู่ 59 หมู่ 5 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 087 749 1619 ๔.๒ ผสู้ บื ทอด ช่ือ นางสาวณัฐชา สารวิ งค์ วนั เดือน ปีเกิด 25 มนี าคม 2547 ที่อยู่ 24 หมู่ 17 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 081 638 5721 ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ย่างแพรห่ ลาย  เสี่ยงต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏิบตั ิแล้ว ๖. รปู ภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-๗๕- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอเวยี งชัย จงั หวดั เชยี งรำย ๑. ช่ือข้อมูล ภมู ิปญั ญาด้านนาฎศิลป์ การตรี ะนาด ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั เิ กีย่ วกับธรรมชาติและจกั รวาล  งานช่างฝมี อื ดงั้ เดิม  การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพืน้ บ้าน และศิลปะการต่อสู่ป้องกนั ตัว ๓. รำยละเอียดข้อมลู ๓.๑) ประวัติความเป็นมาของขอ้ มูล นายอ้าย ธรรมใจ เกิดเมื่อวันท่ี 30 พฤศจิกายน 2486 ปัจจุบัน อายุ 78 ปี เป็นบุตร นายเงิน – นางนา ธรรมใจ อาศยั อยูบ่ า้ นเลขที่ 67 หมูท่ ่ี 7 บา้ นสันมว่ งคา ตาบลดอนศิลา อาเภอเวยี งชัย จงั หวัดเชยี งราย ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เปน็ ผูม้ คี วามรู้ความสามารถในการเลน่ ดนตรีไทย โดยเฉพาะการตีระนาดเอก นายอ้าย ธรรมใจ เป็นผู้สูงอายุท่ีมีความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีไทยและดนตรีพื้นเมืองหลาย ประเภท และยังมีความสามารถในการประดิษฐ์เครื่องดนตรีต่าง ๆ แต่ท่ีมีความชานาญเป็นพิเศษคือ การตี ระนาดเอก และระนาดท่ีใช้อยู่ในปจั จบุ นั นายอ้าย ธรรมใจ ก็เป็นผู้ประดิษฐเ์ อง อกี ทั้งยังเปน็ ผู้รเิ ริม่ ในการตั้งวง ดนตรีในหมู่บ้าน มีการซ้อมอย่างต่อเน่ืองจนสามารถไปแสดงในงานต่าง ๆ ท้ังในตาบลและ นอกสถานท่ี การ ถ่ายทอดภูมิปัญญาด้านการตีระนาดของ นายอ้าย ธรรมใจ ให้แก่เด็กในพ้ืนที่ เป็นการถ่ายทอดด้วยจิตของครู ระนาดทไี่ ม่หวงวิชา เพราะตอ้ งการให้เดก็ รนุ่ หลงั สามารถตรี ะนาด และเลน่ เครอ่ื งดนตรชี นดิ ต่างๆ ได้ ๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกยี่ วกับขอ้ มูล กำรตรี ะนำด วธิ กี ำรถำ่ ยทอดโดยสงั เขป 1. ทำควำมร้จู ักระนำด ระนาด เป็นเคร่ืองดนตรีไทยชนิดหนึ่ง จัดเป็นเครื่องดนตรีชนิดเครื่องตี ประกอบด้วยลูกระนาด ร้อยด้วยเชือก เรียกว่า “ผืน” แขวนไว้กับ ราง ซึ่งทาหน้าท่ีรองรับลูกระนาด (แขวนลอยไม่ได้วางรายกับราง) และทาหน้าท่เี ป็นกลอ่ งเสยี งดว้ ย ผู้เลน่ จะใช้ไม้ตรจี านวน 2 อนั สาหรบั ตีลกู ระนาดใหเ้ กดิ เป็นทว่ งทานอง ลูกระนาด ทาด้วยไม้ไผ่บงหรือไหมแก่น ไม้ชิงชัน ไม้มะหาด ไม้พยุงก็ได้ โดยนามาเหลาให้ได้ ตามขนาดที่ต้องการ แล้วทารางเพื่ออุ้มเสียงเป็นรูปคล้ายนาเรือ ให้หัวและท้ายโค้งขึ้นเรียกว่า รางระนาด แผ่นไม้ทปี่ ดิ หวั ท้ายรางระนาด เราเรยี กว่า “โขน” ระนาดเอกในปัจจุบันมีจานวน 21 ลูก ลูกต้นมีขนาด 39 เซนติเมตร กว้างราว 5 เซนติเมตร และหนา 1.5 เซนติเมตร มีขนาดลดหลั่นลงไปจนถึงลกู ที่ 21 หรอื ลูกยอดทม่ี ขี นาด 29 เซนติเมตร เมื่อนา ผนื ระนาดมาแขวนบนรางแลว้ หากวัดจากโขนหัวรางข้างหน่ึงไปยงั โขนหวั รางอีกข้างหนึ่ง จะมีความยาวประมาณ 120 เซนตเิ มตร มีเท้ารอง รางเปน็ เทา้ เด่ียว รูปคลา้ ยกบั พานแวน่ ฟา้

-๗๖- 2. สว่ นประกอบของระนำด สงู 2.1. รางระนาด 2.2. ผืนระนาด 2.3. ไม้ตีระนาด 3. ระดับเสยี งระนำด ตา่ 4. วธิ กี ำรตีระนำด 4.1 ตสี องมอื พร้อมกันเป็นคู่ต่าง ๆ 4.2 ตีฉาก คือ วิธกี ารตีให้มือทัง้ สองข้างพร้อมกนั และได้น้าหนกั ประมาณกนั 4.3 ตเี กบ็ คู่แปด คือ การตี 2 มือ พร้อมกนั เปน็ คู่ 8 อาจเปน็ หรือไม่เป็นทานองก็ได้ 4.4 ตีกรอ คือ การตคี ู่ตา่ ง ๆ สองมอื สลับกัน ดว้ ยนา้ หนักสองมือประมาณกนั 4.5 ตสี ะเดาะ คือ การตีคู่ 8 สามครง้ั หา่ งกันโดยเร็ว ไหเ้ สยี งเคล่อื นท่ีเปน็ ค่เู สยี งตา่ ง ๆ 4.6 ตีสะบดั คอื การตีคู่ 8 สามครั้ง ห่างกนั โดยเร็ว ใหเ้ สยี งเคล่อื นท่ีเปน็ ค่เู สยี งตา่ ง ๆ 4.7 ตีขยี้ คือ การตีเสียงให้ถี่กว่าตเี ก็บเป็นสองเทา่ ๔. ชือ่ ผ้ทู ี่ถือปฏิบัตแิ ละผู้สืบทอด ๔.๑ ผทู้ ีถ่ ือปฏบิ ตั ิ ช่อื นายอ้าย ธรรมใจ วนั เดอื น ปเี กดิ 30 พฤศจิกายน 2486 ท่ีอยู่ 67 หมทู่ ี่ 7 บา้ นสันม่วงคา ตาบลดอนศิลา อาเภอเวยี งชยั จงั หวัดเชียงราย ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เส่ียงตอ่ การสญู หาย  ไม่มปี ฏบิ ัตแิ ลว้ ๖. รูปภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-๗๗- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอเวียงชยั จังหวัดเชียงรำย ๑. ช่ือข้อมลู ภมู ปิ ญั ญาด้านนาฎศลิ ป์ การฟอ้ นสาวไหม ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบัติทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั ิเก่ียวกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานชา่ งฝมี อื ดัง้ เดมิ  การละเลน่ พื้นบา้ น กีฬาพนื้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สูป่ ้องกนั ตัว ๓. รำยละเอียดข้อมูล ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมลู นายเล็ก แสงคา เกิดเม่ือวันที่ 17 กันยายน 2498 ปัจจุบัน อายุ 66 ปี เป็นบุตรขแงนายตุ่น - นางเป็ง แสงคา อาศัยอย่บู ้านเลขที่ 59 หมู่ท่ี 6 บา้ นดอยงาม ตาบลดอนศิลา อาเภอเวยี งชัย จังหวัดเชียงราย นายเล็ก แสงคา เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านศิลปะการฟ้อนสาวไหม ซึ่งจะพบเห็นได้น้อยที่ผู้ชาย จะสามารถฟ้อนสาวไหม ซ่ึงเป็นศิลปะการแสดงของทางภาคเหนือ ท่วงท่าแต่ละท่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน การสืบทอดศิลปะการฟ้อนสาวไหมน้ี นายเล็ก แสงคาได้เรียนรู้มาจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ตนรู้จัก และได้นาไปแสดง ในหลายๆ งาน โดยผู้ท่ีพบเห็นจะรู้สึกประทับใจในการแสดงทุกครั้ง ด้วยท่วงท่า ท่าทางที่อ่อนช้อยและมีความ แขง็ แรงอยใู่ นตัว ผชู้ ายสว่ นนอ้ ยจะมีพรสวรรคเ์ ช่นนี้ การถ่ายทอดภูมปิ ัญญาด้านการฟ้อนสาวไหมสู่เด็กรุ่นหลัง จึงถือเป็นส่ิงสาคัญสาหรับนายเล็ก แสงคา เพราะศิลปะด้านน้ีนับวันจะเลือนราง และจางหายไปทีละน้อย เน่ืองจากวัฒนธรรมตะวันตกได้เข้ามามีบทบาทในการดาเนินชีวิตของเด็กในปัจจุบัน ดังนั้นเป็นโอกาสดีที่ได้มี โอกาสถ่ายทอดภูมิปญั ญาของตนใหแ้ ก่เด็กที่สนใจ ๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกย่ี วกับขอ้ มลู ฟ้อนสาวไหม เป็นการแสดงพ้ืนเมืองท่ีมีความสวยงาม มีลักษณะพิเศษท่ีแตกต่างไปจากการฟ้อน แบบอื่น ๆ คือ ฟ้อนสาวไหมเป็นแบบการฟ้อนท่ีเลียนแบบมาจากการทางานในชีวิตประจาวันของคนพ้ืนเมือง ในการปลกู ฝ้าย ทอผ้า ตัดเยบ็ เป็นเส้ือผ้า เครอ่ื งนุง่ ห่ม ซ่ึงเปน็ งานหตั ถกรรมท่ใี นทอ้ งถิ่นท่ีทากนั โดยทว่ั ไป ดว้ ยเหตทุ กี่ ารทางานในการปลูกฝ้าย ปั่นฝา้ ย ทอผา้ ฯลฯ เป็นเอกลักษณะการทางานท่มี ีขั้นตอน และ มีกระบวนการทางานท่ีต่อเน่ืองกัน ท้ังการทางานนั้น ก็มีลีลาท่าทางอันอ่อนช้อย ละเอียดอ่อนละมุนละไม ดูแล้วเกิดความสวยงาม ดังน้ัน จึงน่าจะมีผู้ท่ีมองเห็นกระบวนการทางานท่ีมีข้ันตอนต่อเน่ือง และลีลาอันสวยงาม ของการปน่ั ฝ้าย การทอผา้ ฯลฯ นามาประสม ประสานความคิดในการทางานกับทา่ ฟ้อนสาวไหมทนี่ า่ ชมได้ การฟอ้ นสาวไหมเปน็ การฟ้อนท่ีมีมานาน และเป็นลกั ษณะของการฟอ้ นของพน้ื เมืองเหนืออยา่ งแท้จริง แต่เดิมการฟ้อนสาวไหมเป็นท่าการฟ้อนท่ีรวมอยู่กับการฟ้อนจริง ต่อมาภายหลังจึงได้แยกการฟ้อนสาวไหม ออกมาเป็นท่าการฟ้อนเฉพาะ เรียกว่า ฟ้อนสาวไหม แต่เดิมน้ันใช้ผู้ชายเป็นผู้ฟ้อน และใช้ฟ้อนในงานปอย แห่ครัวตาน ฯลฯ ต่อมาภายหลังจึงมีผู้หญิงเป็นผู้ฟ้อน ลักษระท่าการฟ้อนก็ใช้ท่าเดียวกับที่ผู้ชายใช้ฟ้อน เป็นลกั ษณะการฟ้อนเดย่ี ว

-๗๘- รูปแบบ และลักษณะกำรแสดง ฟ้อนสาวไหม เป็นการฟ้อนด้วยท่าราตามทานองเพลงในจังหวะช้า ความงดงามของการราฟ้อนสาวไหม จะอยู่ท่ีกระบวนท่าราในลักษณะต่าง ๆ ท่ีมีความหมายถึงกรรมวิธีการทอผ้าไหม รวมท้ังความสวยงามของ การใช้อวยั วะทกุ ส่วนของร่างกายใหม้ คี วามกลมกลืนกบั ท่ารา อาทิ การตีไหล่ การโยต้ วั ทำ่ ฟ้อนสำวไหมต้นแบบมีลำดับทำ่ ต่ำง ๆ ดังต่อไปน้ี เรมิ่ จากน่ังคุกเข่า 1. ทา่ ไหว้ เป็นทา่ ท่ีใหค้ วามหมายถงึ การไหว้บูชาครู - อาจารย์ รวมถึงเปน็ การขอขมาทง้ั ครู-อาจารย์ แขกผมู้ เี กียรตทิ ี่กาลงั ชมการสดงอยู่ เพ่ือที่จะได้แสดงอิรยิ าบถตา่ ง ๆ ตามทา่ ฟ้อน 2. ท่าบิดบวั บาน เป็นท่าเสรมิ ตอ่ จากการไหว้ ก่อนท่จี ะฟ้อนสาวไหมต่อไป 3. ทา่ พญาครุฑบิน เปน็ ท่าท่ีตัง้ วงกอ่ นที่จะฟอ้ นสาวไหม ท่าสาวไหม ชว่ งยาว 4. ทา่ สาวไหมชว่ งยาว เปน็ ท่าฟ้อนท่ีใหค้ วามหมายวา่ กาลังเกบ็ ดอกฝ้ายท่ีบานแล้วจากตน้ ฝ้าย เพอ่ื เอามาแกะเมล็ดออกแล้วนาไปตาก ซ่งึ ทา่ น้ีเปน็ ทา่ หลกั ในการฟ้อนสาวไหม 5. ทา่ มว้ นไหมซา้ ย-ขวา และทา่ ตากฝา้ ย เปน็ ท่าท่ีให้ความหมายวา่ กาลังเกบ็ ดอกฝา้ ยไว้ในกระด้ง 6. ท่าตากฝ้าย 7. ท่าม้วนไหมใตเ้ ข่า เป็นท่าท่ใี ห้ความหมายวา่ กาลงั ก้มเก็บดอกฝ้ายท่ตี ากแหง้ แล้วใส่ภาชนะเพื่อ เอาไปตใี ห้แตกฟู หรือพองตวั แล้วนามาพนั เปน็ แท่งเพื่อเอาไปใสใ่ นกวง แลว้ ปั่นเปน็ เสน้ ฝ้าย ตอ่ จากน้ันลุกขน้ึ เดนิ ตามจังหวะเพลงประกอบด้วย 8. ถา้ ม้วนไหมใตศ้ อก เปน็ ท่าท่ใี ห้ความหมายว่า เม่ือปน่ั ฝา้ ยเปน็ เส้นแล้ว ดึงฝ้ายเปน็ เสน้ น้นั มาพนั ท่ี ศอกให้เปน็ ระเบยี บ กันเสน้ ใต้พนั กนั ยงุ่ เหยิง กอ่ นทจ่ี ะเอาไปใส่บนกท่ี อผา้ เพ่ือทอเปน็ ผืนผา้ ตอ่ ไป 9. ทา่ พ่งุ หลอดไหม เป็นท่าท่ใี หค้ วามหมายถึง กาลงั ทอผ้าเป็นผนื 10. ทา่ สาวไหมรอบตวั เป็นทา่ ทใี่ ห้ความหมายว่า กาลังสาละวนอยกู่ บั การเอาเสน้ ฝา้ ยใสบ่ นกี่ หรือ จัดเส้นฝา้ ยใหเ้ ขา้ ในฟมื ขณะที่มีการทอเป็นผนื ผ้า 11. ท่าคล่ีปมไหม เป็นท่าท่ีให้ความหมายวา่ เม่ือทอเปน็ ผนื ผา้ แลว้ ก็นามาคลเี่ พื่อเกบ็ ปม หรือเศษ ฝ้ายทต่ี ิดมากับผืนผ้า สะบัดส่วนเกนิ ออกใหห้ มด 12. ทา่ ปูเปน็ ผนื ผ้า เป็นท่าทีใ่ ห้ความหมายวา่ กาลงั ช่ืนชมผ้า เมอ่ื ทอเป็นผา้ เสร็จแลว้ และนามาปู กบั พน้ื สารวจดูวา่ เรยี บร้อยดีหรือไม่ 13. ทา่ พับผ้า เป็นทา่ ทีใ่ ห้ความหมายวา่ เม่อื ตรวจดคู วามเรยี บรอ้ ยเสรจ็ แลว้ ก็พับเกบ็ ไว้ * ดนตรี และเพลงทใี่ ชป้ ระกอบกำรแสดง ใชว้ งดนตรพี ้ืนเมืองภาคเหนือ วงชะล้อ ซอ ซงึ เพลงทใี่ ช้ประกอบการแสดง ได้แก่ เพลงสาวไหม เพลงล่องแมป่ ิง ๔. ช่อื ผู้ท่ีถือปฏิบัตแิ ละผ้สู บื ทอด ๔.๑ ผทู้ ี่ถือปฏบิ ัติ ชอ่ื นายเลก็ แสงคา วัน เดือน ปีเกิด 17 กนั ยายน 2498 ทอ่ี ยู่ 59 หมทู่ ี่ 6 บ้านดอยงาม ตาบลดอนศลิ า อาเภอเวยี งชยั จังหวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผ้สู ืบทอด ช่อื - วัน เดือน ปเี กดิ - ทอี่ ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ -

-๗๙- ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เสี่ยงตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้ ๖. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-๘๐- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอแมฟ่ ำ้ หลวง จังหวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมลู รานก ราโต ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบ้านและภาษา ศลิ ปะการแสดง แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพธิ กี รรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั ิเกี่ยวกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานช่างฝีมอื ดัง้ เดิม  การละเล่นพ้นื บ้าน กีฬาพนื้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกันตวั ๓. รำยละเอยี ดข้อมูล ๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของขอ้ มูล รานกราโต เป็นศิลปะการแสดงฟ้อนราของชนเผ่าไทยใหญ่ท่ีมีตานานเล่าขานสืบต่อกันมานานว่า รานก ราโต เกิดขึ้นคร้ังแรกเม่ือสมัยพุทธกาล ในวันท่ีพระพุทธเจ้าได้เสด็จลงมาจากสวรรค์หลังจากเสด็จไป โปรดพระพทุ ธมารดา ณ สวรรคช์ ้ันดาวดึงส์ ในวนั นน้ั สัตว์ทงั้ สามโลกจะสามารถมองเหน็ กนั ได้ท้ังหมด มีเทวดา มนุษย์ และสัตว์ในป่าหิมพานต์ พากันมาเฝ้ารับเสด็จ เพ่ือทาบุญใส่บาตร พระพุทธเจ้า เป็นจานวนมาก ในกาลคร้ังนั้นมีนกกินรี (นางนก) หรือก่ิงกะหร่า เป็นสัตว์ท่ีอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์จาพวกหนึ่ง ที่มีรูปร่าง ลักษณะแปลกคือ ลักษณะคร่ึงมนุษย์ ครึ่งสัตว์ปีก ได้ออกมาราแพนหรือฟ้อนรา เพ่ือถวายพระพุทธเจ้าโต เป็นสตั ว์อกี ชนดิ ท่ีอยใู่ นป่าหิมพานต์ โตมรี ูปรา่ งลักษณะแปลกคือ มีลักษณะสตั ว์หลายๆชนิดร่วมอยู่ในร่างเดียว มีตัวเหมือนสิงโต มีหัวเหมือนกวาง มีหางเหมือนเยือง (เลียงผา) ได้ออกมาฟ้อน (ก้าโต) รับเสด็จเพื่อถวาย พระพทุ ธเจ้าเชน่ กัน ๓.๒) ขนั้ ตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเกยี่ วกับข้อมลู - ๔. ชอื่ ผทู้ ่ีถือปฏบิ ตั แิ ละผ้สู บื ทอด - ๔.๑ ผทู้ ีถ่ ือปฏบิ ัติ - ชอ่ื - วัน เดอื น ปีเกดิ - ท่อี ยู่ - หมายเลขโทรศพั ท์ - ๔.๒ ผสู้ ืบทอด - ช่ือ - วัน เดือน ปีเกดิ ทีอ่ ยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ย่างแพร่หลาย  เสย่ี งต่อการสูญหาย  ไม่มปี ฏบิ ัตแิ ลว้

-๘๑- ๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-๘๒- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอแม่ฟ้ำหลวง จังหวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล ราพัดจีน ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบตั ิทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ัติเกยี่ วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานชา่ งฝีมอื ดงั้ เดิม  การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพ้ืนบ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตัว ๓. รำยละเอียดขอ้ มูล ๓.๑) ประวัตคิ วามเปน็ มาของขอ้ มลู บ้านห้วยผ้ึง ต้ังขึ้นประมาณ ปี พ.ศ.2506 โดยมีนายยางพงษ์ แซ่ย่าง เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก ชาวบ้านส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีน ย้ายมาจากบ้านหัวแม่คา ต.แม่สลองใน และบ้านปางหนุน ต.เทอดไทย มาต้ัง เปน็ หมบู่ ้านหว้ ยผ้ึง เหตทุ ่ีต้ังชอื่ บ้านห้วยผึง้ เน่อื งจากแต่ก่อนมตี ้นไม้ใหญใ่ นหมู่บ้านและมผี ึง้ มาทารังนับร้อยรัง จงึ นามาต้งั ช่ือเป็นช่อื หมูบ่ า้ นหว้ ยผึ้ง มีประเพณีท่ีสาคญั เชน่ ประเพณีวันตรุษจีน วันท่ี 1 เดือน 1 ของปฏทิ ินจนี ประเพณไี หว้ศาลเจ้า วนท่ี 8 เดือน 2 ของปฏิทนิ จนี ประเพณีไหว้ผบี รรพบุรุษ (เชงเม้ง) เดือน 3 ของปฏิทนิ จีน ประเพณีสารทจนี เดือน 7 ของปฏทิ ินจนี ประเพณีไหวพ้ ระจันทร์ วันที่ 15 เดือน 8 ของปฏิทินจนี ๓.๒) ข้นั ตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเก่ียวกบั ขอ้ มูล จากการที่ประชากรส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีน ศิลปะการแสดงต่าง ๆจึงเป็นการถอดแบบมาจาก เช้ือสายดั่งเดิมหรือบรรพบุรุษ และมีการปรับเปลี่ยน ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยและการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ ของชุมชนเชือ้ สายจีนหม่บู ้านห้วยผงึ้ คอื ราพัดจีน มีนักแสดงจานวน ๑๐ คน เสอื้ ผา้ เครอ่ื งแตง่ กายตดั เยบ็ เป็นแบบจนี ๔. ชอื่ ผ้ทู ี่ถอื ปฏิบตั แิ ละผู้สบื ทอด - ๔.๑ ผทู้ ถี่ อื ปฏบิ ตั ิ - ชอื่ - วนั เดอื น ปเี กิด - ที่อยู่ - หมายเลขโทรศพั ท์ - ๔.๒ ผ้สู บื ทอด - ชือ่ - วนั เดือน ปเี กดิ ท่อี ยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ยา่ งแพร่หลาย  เสย่ี งตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ีปฏบิ ตั แิ ล้ว

-๘๓- ๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-๘๔- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕65 สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอเวียงชยั จงั หวัดเชยี งรำย ๑. ช่ือข้อมูล วงป่ีพาทย์ (สุบรรณศิลป์) ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพืน้ บ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏบิ ตั ทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั เิ ก่ียวกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝีมือดงั้ เดิม  การละเล่นพืน้ บา้ น กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตวั ๓. รำยละเอียดข้อมูล ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมูล วงป่พี าทย์ (สุบรรณศลิ ป)์ เป็นวงดนตรพี ืน้ เมืองท่รี บั งานแสดงทว่ั ไปท้งั ในพ้นื ทอี่ าเภอเวยี งชยั และพื้นท่ี ใกลเ้ คียง โดยมีสมาชิก จานวน ๙ คน ซง่ึ มกั จะหาเวลาวา่ งมารวมตัวกันเพื่อฝึกซ้อมอยู่เสมอ ๓.๒) ข้ันตอน/วธิ กี าร/ดาเนินการเก่ียวกบั ข้อมูล วงป่ีพำทย์ เปน็ วงทีป่ ระกอบไปดว้ ยเครื่องดนตรปี ระเภทตี เป่า และเครื่องประกอบจังหวะ ใช้บรรเลง ในงานพระราชพิธีและพิธตี า่ ง ๆ แบง่ ได้ 3 ขนาด คือ ๑. วงปีพ่ าทย์เคร่ืองหา้ แบง่ ออกเปน็ 2 ชนิดไดแ้ ก่ (๑) ปีพ่ าทย์เครื่องห้าอย่างหนัก จะใช้สาหรับการบรรเลงในการแสดงมหรสพหรอื งานในพิธีตา่ ง ๆ ซึง่ จะประกอบไปดว้ ยเครอื่ งดนตรีตา่ ง ๆ ดงั น้คี ือ ฆ้องวงใหญ่ ปใี่ น กลองทัด ตะโพน และฉิ่ง (๒) ปีพาทย์เครื่องห้าอย่างเบา ประกอบไปด้วยเคร่ืองดนตรีต่าง ๆ ดังนี้ คือ กลองชาตรี ฆ้อง คู่ ฉิง่ ปี่ และทบั หรอื โทน ๒. วงปี่พาทย์เครื่องคู่ เหมอื นวงปี่พาทยเ์ ครอ่ื งห้า เพียงแต่เพ่ิมระนาดทมุ้ และฆ้องวงเล็กเข้าไป ๓. วงปี่พาทย์เคร่ืองใหญ่ เหมือนวงปี่พาทย์เคร่ืองคู่ เพียงแต่เพ่ิมระนาดเอกเหล็กและระนาดทุ้มเหล็ก เขา้ ไป นอกจากนว้ี งป่ีพาทยย์ ังมีอีก 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ๑. วงป่ีพาทย์นางหงส์ ๒. วงปีพ่ าทยม์ อญ ๓. วงปี่พาทย์ดกึ ดาบรรพ์ ๔. ชอ่ื ผู้ท่ถี ือปฏิบัติและผู้สบื ทอด ๔.๑ ผทู้ ่ถี อื ปฏิบัติ ช่อื นายสุบรรณ ปงชุ่มใจ วนั เดือน ปเี กดิ - ทอี่ ยู่ 65 หมู่ 11 ตาบลเมอื งชุม อาเภอเวยี งชยั จงั หวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 086 117 1055

๔.๒ ผู้สบื ทอด -๘๕- ช่ือ วนั เดือน ปีเกิด นายณรงค์ ปงชมุ่ ใจ ทีอ่ ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ 65 หมู่ 11 ตาบลเมอื งชุม อาเภอเวียงชัย จงั หวดั เชยี งราย - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัติอยา่ งแพร่หลาย  เส่ียงต่อการสญู หาย  ไมม่ ีปฏิบตั แิ ลว้ ๖. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-๘๖- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเวียงเชยี งรุ้ง จงั หวดั เชียงรำย ๑. ชื่อข้อมลู วงสะลอ้ ซงึ กลุ่มผ้สู ูงอายุ หมู่ 11 ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏบิ ตั ทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบัตเิ กยี่ วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานชา่ งฝมี อื ด้ังเดมิ  การละเลน่ พ้นื บา้ น กีฬาพ้ืนบ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตวั ๓. รำยละเอยี ดข้อมูล ๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมลู วงสะล้อ ซอ ซึง หมายถึง วงดนตรี ท่ีนาเอาเครื่องดนตรี ประเภทเคร่ืองสายของภาคเหนือ คือ ซึง สะล้อ และเครื่องประกอบจังหวะมาบรรเลงรวมกันเป็นวง ซ่ึงเป็นที่นิยมกันมากในภาคเหนือ มาตั้งแต่อดีตจนถึง ปจั จุบัน และมีอยเู่ ฉพาะในภาคเหนือตอนบนเทา่ นัน้ ถอื ว่าเปน็ วงดนตรพี น้ื บา้ นของท้องถ่นิ ลา้ นนา สะลอ้ เป็นเคร่ืองดนตรี ประเภทเครือ่ งสาย ที่ใช้วธิ กี ารเล่นโดยการสี ซอ เปน็ ภาษาพ้นื บ้านลา้ นนา หมายถงึ การขบั ร้องเพลง ซึง เปน็ เครือ่ งดนตรี ประเภทเครอื่ งสาย ทใี่ ช้วิธีการเลน่ โดยการดีด สะล้อ เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองล้านนาชนิดหน่ึง เป็นประเภทเคร่ืองสีซ่ึงมีท้ัง ๒ สาย และ ๓ สาย คันชักสาหรับสีจะอยู่ข้างนอกเหมือนคันชักซอสามสาย สะล้อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทร้อ หรือ ซะล้อ มีรูปร่าง คล้ายซออู้ของภาคกลาง ใช้ไม้แผ่นบาง ๆ ปิดปากกะลาทาหลักท่ีหัวสาหรับพาดทองเหลือง ด้านหลังกะโหลก เจาะเป็นรูปลวดลายต่าง ๆ เช่น รูปหนุมาน รูปหัวใจ ส่วนด้านล่างของกะโหลก เจาะทะลุลง ข้างล่าง เพื่อสอด คันทวนท่ีทาด้วยไม้ชิงชัน ยาวประมาณ ๖๔ ซม. ตรงกลางคันทวนมีรัดอกทาด้วยหวาย ปลายคันทวนด้านบน เจาะรูสาหรับสอดลกู บิด ซึ่งมี ๒ หรือ ๓ อัน สาหรับขึงสายซอ จากปลายลูกบิดลงมาถึงด้านกลางของกะโหลก มีหย่องสาหรับ หนุนสายสะล้อเพ่ือให้เกิดเสียงเวลาสี คันชักสะล้อทาด้วยไม้ดัดเป็นรูปโค้ง ขึงด้วยหางม้า หรอื พลาสติก เวลาสีใช้ยางสนถูทาใหเ้ กิดเสยี งได้ สะล้อใชบ้ รรเลงประกอบการแสดงหรือบรรเลงร่วมกับบทร้อง และทานองเพลงไดท้ ุกชนิดเชน่ เข้ากบั ป่ีในวงชา่ งซอ เขา้ กบั ซงึ ในวงพืน้ เมืองก็ได้ ซอ เป็นการขับร้องทานองของคาซอ โดยทั่วไปมักเข้าใจว่าซอเป็นเครื่องดนตรีแต่ไม่ใช่ซอเป็น องคป์ ระกอบส่วนหนึ่งวงสะล้อ ซอ ซึง การขับซอ เปน็ รปู แบบการรอ้ งเพลงที่ชาวพืน้ เมืองล้านนาใช้ขบั กล่อมให้ คลายทุกข์ โดยจะมีคาเรียกผู้รอ้ งเพลงซอว่า ชา่ งซอ ซงึ เป็นประเภท ดดี มี ๔ สาย แตแ่ บง่ ออกเป็น ๒ เส้น เส้นละ ๒ สาย มลี กั ษณะคล้าย กระจบั ปี่ แต่มี ขนาดเล็กกว่า ความยาวท้ังคันทวนและกะโหลกรวมกันประมาณ ๘๑ ซม. กะโหลกมีรูปร่างกลม วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ ๒๑ ซม. ทั้งกะโหลกและคันทวน ใช้ไม้เน้ือแข็งชิ้นเดียวคว้านตอนท่ีเป็น กะโหลกให้เป็นโพรง ตัดแผ่นไม้ให้กลม แล้วเจาะรูตรงกลางทาเป็นฝาปิดด้านหน้า เพื่ออุ้มเสียงให้กังวาน คันทวนเป็นเหลยี่ มแบนตอนหน้า เพ่ือติดตะพานหรือนมรับนิ้ว จานวน ๙ อัน ตอนปลายคันทวนทาเปน็ รปู โคง้ และขุดให้เป็นร่อง เจาะรูสอดลูกบิดข้างละ ๒ อัน รวมเป็น ๔ อันสอดเข้าไปในร่อง สาหรับขึ้นสาย ๔ สาย สายของซึงใช้สายลวดขนาดเล็ก ๒ สาย และ สายใหญ่ ๒ สาย ซึงเป็นเคร่ืองดีดท่ีชาวไทยทางภาคเหนือนิยม นามาเล่นร่วมกบั ปี่ซอ หรอื ปีจ่ ุม่ และ สะลอ้

-๘๗- ๓.๒) ขนั้ ตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกยี่ วกับขอ้ มลู กลุ่มสะล้อ ซึง หมู่ ๑๑ ตาบลทุ่งก่อ นาโดยนายแดง มั่นกุง เป็นหัวหน้ากลุ่ม และเป็นภูมิปัญญา ด้านศิลปะการแสดงดนตรีพ้ืนเมือง ซึ่งได้รวมกลุ่มกันในการเล่นสะล้อ ซึง สาหรับ ประกอบพิธีกรรมและ ความเช่อื และความรื่นเรงิ คอื บรรเลงประกอบประเพณี หรอื กิจกรรมอ่ืน ๆ ในงานร่ืนเรงิ วงสะล้อ ซงึ สามารถ แสดงในงานมงคล และงานอวมงคลก็ได้ ดังนนั้ กลมุ่ สะล้อ ซอ ซงึ จงึ เป็นวงดนตรีที่มีคุณค่าโดยตรง ตอ่ ชาวล้านนา ซึ่งมีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ควรแก่ความ ภาคภูมิใจ เพราะบรรพบุรุษ ได้สร้างสรรค์ ปรุงแต่ง พัฒนา และสืบทอด ติดต่อกันมา ซึ่งเป็นการนาเอาดนตรีล้านนามาสอดแทรกในประเพณีหลายอย่าง จนเป็นส่วนหน่ึงของกิจกรรม ประเพณีท่ีได้รับการยอมรับ และถือปฏิบัติต่อเน่ืองกันมาจนปัจจุบัน มีการสืบสาน บ่มเพาะ ถ่ายทอดศิลปะการแสดง จากร่นุ สูร่ ุ่นจนถงึ ปัจจุบนั ชาวบ้านล้านนาในอดีต มักนิยมใช้เวลาว่างในตอนกลางคืนให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะผู้หญิงสาว ภารกิจท่ีเป็นประโยชน์มักจะได้แก่ การคัดเลือกเมล็ดพันธ์ุพืชเพ่ือเตรียมไปเพาะปลูกในวันรุ่งขึ้น บางทีก็ “ ไซ้ (เลือก)” พืชผลทางการเกษตรท่ีผลิตออกมาเพื่อจาหน่าย จึงกลายเป็นจุดศูนย์กลางและการดึงดูดความสนใจ ของหนมุ่ และกลายเปน็ ศูนยร์ วม “นกั แอ่วสาว” ท้ังหลายและดนตรีคู่กายชายหนุ่มย่อมนามาใช้ตามความถนัด สันนิษฐานว่าคงมีการนัดหมายเพ่ือให้มาบรรเลง แนวเดียวกัน จึงเป็นการพัฒนาการขั้นแรกของการผสมวง ดนตรี กลุ่มนักแอ่วสาวตามลานบ้านประกอบด้วยเคร่ืองดนตรี เปี๊ยะ สะล้อ ซึง ขลุ่ย ปี่ กลองพ้ืนเมือง (กลอง โป่งป้ง) จงึ กลายเป็นดนตรีพน้ื บ้านภาคเหนือโดยปริยาย นยิ มเรยี กตามชนิดของเครื่องดนตรที ี่นามาผสมเป็นวง วา่ “วงสะล้อซอซึง” รูปแบบ วิธีการแสดงเป็นการนาเอาเคร่ืองดนตรี ประเภทเคร่ืองสายของภาคเหนือ คือ ซึง สะล้อ และ เครื่องประกอบจังหวะมาบรรเลงรวมกันเป็นวง โดยการบรรเลงเป็นทานองไม่มีคาร้อง ปัจจุบัน การบรรเลงวง สะล้อ ซอ ซึง มักจะใช้บรรเลงในงานประเพณีและวัฒนธรรม เช่น ประเพณีสงกรานต์รดน้าดาหัว(ปีใหม่เมือง) เป็นตน้ ตลอดจนใช้บรรเลงในงานมงคลและงานอวมงคลทางภาคเหนือ เช่นงานบญุ ทว่ี ัด งานขึน้ บ้านใหม่ และ งานบวช เปน็ ตน้ เครื่องดนตรี มี ๖ ชน้ิ ประกอบดว้ ย สะล้อ ซงึ ขลุ่ย ฉิ่ง ฉาบ และกลองสองหนา้ ๔. ชื่อผทู้ ี่ถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ ืบทอด ๔.๑ ผทู้ ่ถี ือปฏบิ ตั ิ ชื่อ นายแดง มั่นกงุ วัน เดือน ปีเกดิ - ที่อยู่ ๒๘๒ หมู่ ๑๑ ตาบลท่งุ ก่อ อาเภอเวียงเชียงรุ้ง จงั หวดั เชียงราย โทรศัพท์ ๐๘๑ ๓๖๑ ๖๕๙๐ ๔.๒ ผสู้ บื ทอด ช่ือ กลุ่มผสู้ งู อายุ / เยาวชนในพ้นื ที่ วนั เดอื น ปเี กิด - ท่ีอยู่ หมู่ ๑๑ ตาบลทุ่งกอ่ อาเภอเวียงเชยี งรงุ้ จงั หวดั เชยี งราย โทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัติอยา่ งแพร่หลาย  เสีย่ งต่อการสูญหาย  ไม่มปี ฏิบัติแล้ว

-๘๘- ๖. รูปภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม วงสะลอ้ ซงึ กลมุ่ ผุส้ ูงอายุ หมู่ 11 ตาบลท่งุ กอ่ อุปกรณ์ประกอบการแสดง สะลอ้ ซงึ ขลุ่ย กลอง ฉาบ ฉ่งิ การแสดงสะล้อ ซึง ในงานต่าง ๆ

-๘๙- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอเวียงเชยี งรงุ้ จังหวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมลู ศลิ ปะการแสดงวงปี่พาทย์ โรงเรยี นผสู้ ูงอายตุ าบลป่าซาง ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบตั ิทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัติเกี่ยวกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานช่างฝีมอื ดงั้ เดมิ  การละเลน่ พืน้ บ้าน กีฬาพื้นบา้ น และศิลปะการต่อส่ปู ้องกนั ตัว ๓. รายละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของข้อมูล ในอดีตผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน ได้ไปร่วมงานบุญต่าง ๆ กับหมู่บ้านอ่ืน ได้เห็นการเล่นดนตรีพ้ืนเมือง ปี่พาทย์ จึงมีความสนใจที่จะนาศิลปะพ้ืนบ้าน วงป่ีพาทย์มาจัดต้ังเป็นคณะของตนเองใช้ในหมู่บ้าน หลังจากที่ ได้มแี นวคิดแลว้ จงึ สรรหาผทู้ ่ีมีความสนใจอยากจะเรยี นรกู้ ารเล่นเคร่ืองดนตรีแตล่ ะชนิด จึงได้มีกาปรึกษาหารือ กัน หาชอ่ งทางท่ีจะจัดต้ังวงดนตรี โดยเริ่มตน้ จากการทาเครื่องดนตรีบางชนิดขึ้นเองเช่นระนาดเอก ระนาดทุ้ม ตะโพน และเครือ่ งดนตรที ่ีตอ้ งจัดหาโดยการซอื้ เชน่ ฆ้องวงใหญ่ ระนาดเหลก็ ปีใ่ น ฉาบและฉ่ิง หลังจากที่มีเคร่ืองดนตรีครบแล้วจึงนามารวบรวมไว้ท่ีวัดในหมู่บ้าน แต่ยังขาดนักดนตรี ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้านจึงได้มีการประชาสัมพันธ์ ให้ประชากรในหมู่บ้านท่ีสนใจอยากจะเล่นหรือเรียนรู้ ดนตรีปี่พาทย์ท่ียังว่างอยู่ สวนใหญ่ผู้ท่ีให้ความสนใจมาฝึกเล่นจะเป็นผู้ท่ีผา่ นการบวชพระหรือบวชเณรมาก่อน หรือที่เรียกกันเป็นภาษาพ้ืนเมืองว่า “น้อยหรือหนาน” การฝึกนั้นเป็นการฝึกเล่นด้วยตนเอง โดยการจดจา เสียงดนตรีจากประสบการณ์ท่ีได้ยินมาจากท่ีอ่ืน หรือจดจาจากการได้ฟังจากสื่อวิทยุ เรียนโดยการไม่มีโน้ต หลังจากทีไ่ ด้ฝึกฝนการเล่นดนตรีแต่ละชนิดจนชานาญ จึงมีแนวคดิ ที่จะให้มชี ่างฟ้อนมาประกอบการเล่นเคร่ือง ดนตรี เพ่ือจะได้ใช้แสดงในงานบุญต่าง ๆ ในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง เช่น งานบุญทอดผ้าป่า งานบุญ สลากภัตต์ งานปอยหลวงงานบุญกฐิน งานศพและงานอน่ื ๆ ที่มีความต้องการใหว้ งป่พี าทยไ์ ปแสดง วงปี่พาทย์ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมท่ีงดงามที่ได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษ จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน การแสดงดนตรีปี่พาทย์ประกอบการฟ้อนราที่มีท่วงท่าอ่อนช้อยสวยงามตามแบบทางภาคเหนือ เช่น การฟ้อนเล็บ การฟ้อนสาวไหม การราอวยพร เป็นการแสดงที่สร้างความประทับใจ แก่ผู้ที่ได้มาพบเห็น เป็นมนต์เสน่ห์ของ วัฒนธรรมภาคเหนือ และเป็นสิ่งที่สามารถใช้เป็นสื่อจุดรวมใจของคนในหมู่บ้านและชุมชน ในอดีตนักดนตรี และช่างฟ้อนจะเป็นผู้ใหญ่ เวลาฝึกซ้อมหรือไปแสดงในงานต่าง ๆ จะมีบุตรหลานติดสอยห้อยตาม ไปในงาน ดังกล่าว จึงทาให้เด็กเกิดการซึมซับ เอาสิ่งที่ดีงามของวัฒนธรรมแล้วจึงมีการถ่ายทอดการแสดงดนตรีปี่พาทย์ และการฟอ้ นราใหแ้ กเ่ ด็กและเยาวชนมาจวบจนทกุ วันนี้