Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

Description: มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

Search

Read the Text Version

-๔87- ๓.2) ข้นั ตอน/วิธีการ/ด้าเนินการเกีย่ วกับขอ้ มูล วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละอปุ กรณ์ ๑) ผา้ พ้ืนสีด้า ๔) ดน้ิ ทอง ๒) เครอ่ื งเงิน ๕) ผ้ากุ้น ๓) ด้นิ เงนิ ๖) ผแู้ ดง ขัน้ ตอนการผลิตผา้ และผลิตภณั ฑจ์ ากผา้ ส้าหรับเส้ือประกอบดว้ ย 1) วัดตัว 5) ตดั ตามแบบ 2) สรา้ งแบบ/กดรอย 6) ประดับตกแต่งดว้ ยเครอื่ งเงนิ 3) สร้างลายปัก/กดรอย ๗) ประดบั ด้นิ เงนิ ดิน้ ทอง ผ้ากนุ้ 4) ปกั ลาย ๘) ประดับผู้แดง 4. ชอ่ื ผู้ท่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผูส้ บื ทอด 4.๑ ผทู้ ีถ่ อื ปฏิบัติ ชอ่ื นายณฐภทั ร จันทาพนู วัน เดือน ปีเกิด - ที่อยู่ 183 หมู่ 1 ตา้ บลห้วยไคร้ อา้ เภอแม่สาย จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 096 860 7187 4.๒ ผูส้ ืบทอด ชื่อ - วัน เดอื น ปเี กิด - ที่อยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - 5. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัติอยา่ งแพร่หลาย  เส่ยี งตอ่ การสูญหาย  ไมม่ ีปฏิบตั ิแล้ว 6. รูปภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม ตวั อยา่ งผา้ ปักชดุ ชาตติ พิ ันธไ์ ตหย่าผหู้ ญิง ตวั อย่างผ้าปกั ชดุ ชาติ

-๔88- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอเวยี งเชยี งรงุ้ จังหวดั เชยี งรำย 1. ช่ือข้อมลู ผ้าปกั ดว้ ยมอื : กลมุ่ วสิ าหกจิ ชมุ ชนกลุ่มงานฝมี ือปักผ้าด้วยมอื ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบัตเิ กย่ี วกับธรรมชาติและจักรวาล  งานชา่ งฝมี อื ด้งั เดมิ  การละเลน่ พื้นบ้าน กีฬาพ้นื บา้ น และศิลปะการต่อสูป่ ้องกันตัว ๓. รำยละเอยี ดข้อมลู 3.1 ประวตั ิความเปน็ มา กลุ่มงานฝีมือปักผ้าด้วยมือ หมู่ 3 บ้านป่าซาง ต้าบลป่าซาง อ้าเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เปน็ กลุม่ ท่พี ัฒนาต่อยอด เร่ิมแรกจากกลมุ่ ทอผา้ ผู้สูงอายบุ า้ นปา่ ซางซึ่งทอผา้ มานาน ต้งั แต่ พ.ศ.2548 แต่ไม่มี ผู้สืบทอดมากนัก ผู้เฒ่าผู้แก่เดิมเสียชีวิตไปบ้าง ท้าให้กลุ่มมีสมาชิกลดน้อยลง ต่อมา พ.ศ.2552 คนรุ่นต่อมา จึงมารวมกันเป็นกลุ่มเย็บแปรรูป น้าโดยนางอ้าพร ใจน่าน และได้ด้าเนินกิจกรรมร่วมกันมา และพัฒนาต่อยอด ในปี พ.ศ.2563 ได้ก่อต้ังกลุ่มวิสาหกิจชมุ ชน “กลุ่มงานฝีมือปักผ้าด้วยมือ” น้าโดยนางสิริยากร ก๋าพรม และ นางสาวพรพิมล จ๋าจุ๋มป๋า และได้เรียนรู้ การสร้างสรรค์งานฝีมือปักผ้า บนเสื้อ หมวก กระเป๋าใส่เหรียญ และ พัฒนามาทา้ เป็นกระเป๋าชนดิ ตา่ ง ๆ หลากหลายชนิด เป็นภูมิปัญญาสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ท่ีใช้ฝีมือ ทักษะการเรียนรู้ และพัฒนาต่อยอด ใช้ความคิด สร้างสรรค์ในการผลิตงานแต่ละช้ิน และผสมผสานจากผ้าทอ เศษผ้า ในการผลิตช้ินงาน และประยุกต์กับการ ออกแบบเพ่ือให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ และน้าไปใช้ประโยชน์ โดยลวดลายปักบนผ้า เช่น รูปสัตว์ ต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ โดยสังเกตุจากธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และมีแรงบันดาลใจในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เพ่ิม อาชีพ เพิ่มรายได้แก่ครัวเรือน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ท้าให้ผู้คนอยู่บ้านมากขึ้น แกนน้ากลุ่มจึงคิดหาวิธีการส่งเสริมอาชีพแก่กลุ่มสตรี และ หารายได้เพม่ิ ซึง่ ถอื วา่ เป็นมรดกภมู ิปญั ญาท่ีพัฒนาต่อยอดมาจากการทอผา้ ดั้งเดมิ และใชว้ ิกฤตใหเ้ ปน็ โอกาส 3.2 ขนั้ ตอน/วิธกี าร/ด้าเนนิ การเก่ยี วกบั ข้อมลู วสั ดุอุปกรณแ์ ละอุปกรณ์ 1) ผา้ ชนิดต่าง ๆ ท้ังผ้าทอ และผ้าผนื ส้าเรจ็ รูป 2) ด้ายสีต่าง ๆ 3) เข็ม 4) จกั รเยบ็ ผา้ ขนั้ ตอนกำรผลิต 1) น้าผ้ามาตดั เยบ็ เป็นของใช้ต่าง ๆ ตามต้องการ เชน่ เสื้อ หมวก กระเป๋าแบบตา่ ง ๆ พวงกญุ แจ ถุงผา้ ฯลฯ 2) ปกั ลวดลายตา่ ง ๆ ด้วยมือ โดยใชด้ า้ ยสีต่าง ๆ ปักลงบนของใชต้ ามข้อ 1) โดยออกแบบ สร้างสรรค์ ผลงานดว้ ยความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งไมซ่ ้าลาย ซง่ึ จะทา้ ใหผ้ ลิตภัณฑ์เกิดความสวยงาม ความน่าสนใจ 3) น้าไปวางจา้ หนา่ ยในงานตา่ ง ๆ / เพจ Handmade by แมโ่ พธิท์ อง /และจากการส่ังซอื้ ของลกู คา้ ที่สง่ั จอง

-๔89- ๔. ชือ่ ผู้ที่ถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ บื ทอด ๔.๑ ผทู้ ถี่ อื ปฏิบตั ิ ชอื่ นางพรทิพย์ จา๋ จมุ๋ ป๋า วัน เดือน ปีเกดิ - ที่อยู่ หมู่ 3 ตา้ บลป่าซาง อ้าเภอเวยี งเชยี งรงุ้ จงั หวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 093 245 6700 Facebook เพจ Handmade by แม่โพธิท์ อง ๔.๒ ผสู้ บื ทอด ชื่อ - วัน เดอื น ปเี กดิ - ท่ีอยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๖. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอยา่ งแพรห่ ลาย  เส่ียงต่อการสูญหาย  ไม่มปี ฏบิ ตั แิ ลว้ ๗. รปู ภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม ด้ายปักสตี ่าง ๆ เขม็ เย็บผา้ สะดึง จักรเยบ็ ผ้า การปกั ผา้ ดว้ ยมือ การจา้ หนา่ ยผลิตภัณฑ์ เพจ Handmade by แมโ่ พธิ์ทอง

-490- ผลติ ภณั ฑจ์ ำกผำ้ ของกลุ่มวิสำหกิจชุมชนงำนฝมี ือปกั ผำ้ ด้วยมอื หม่ทู ่ี 3 บ้ำนปำ่ ซำง ตำบลป่ำซำง อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวดั เชยี งรำย

-491- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอแม่จนั จังหวัดเชียงรำย ๑. ชื่อข้อมูล ผา้ ปักมือ ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัติเก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝีมอื ดงั้ เดิม  การละเล่นพนื้ บ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตวั ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล ๓.๑) ประวัติความเป็นมาของขอ้ มลู กลมุ่ พัฒนาสตรีตา้ บลป่าตึง อ้าเภอแมจ่ นั จงั หวดั เชยี งราย สว่ นใหญ่มีอาชพี เกษตรกร และเป็นแม่บ้าน หลังจากฤดูการท้าไร่ ทา้ นาแล้วเสรจ็ จะไมค่ ่อยมีงานทา้ จึงรวมกลุม่ กันท้างานฝมี ือโดยได้รบั การถ่ายทอดวิธีการ ปักผ้าแบบผ้าปักมือกองหลวงจากอาจารย์สิริวัฑน์ เธียรปัญญา ซ่ึงอาจารย์ได้ถ่ายทอดเทคนิค แนวคิด การท้า ผ้าปักมือให้ชาวบ้าน เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน ผ้าปักมือที่มีเพียงผืนเดียวในโลก ผสมผสานความงดงามประณีตของผ้า ซึ่งเป็นผ้าทอมือพ้ืนเมืองทั้งผ้าฝ้ายและผ้าไหมรวมถึงเส้นใยธรรมชาติ น้ามาปักโดยใช้เทคนิคการปักแบบลายลูกโซ่ท่ีมีความละเอียดประณีต เกิดจากการแต่งแต้มจินตนาการและ ความคิดสร้างสรรค์ลงบนผืนผ้า ผ่านลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลายทองในโบสถ์ และลายปูนปั้น จากวัดวาอารามในแถบภาคเหนือ ซ่ึงล้วนเป็นลายล้านนา โดยน้ามาประยุกต์ออกแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของผ้าปักมือ โดยจะวาดลายลงในผ้าทุกผืน ไม่มีการลอกลายจึงท้าให้ลายแต่ละผืนไม่เหมือนกันซึ่งเป็นเสน่ห์ ส้าคัญของผ้าปักมือแบบกองหลวงท่ีอาจารย์สิริวัฒน์ เธียรปัญญา ครูช่างศิลปหัตถกรรม ปี 2554 ได้ ออกแบบและถ่ายทอดใหแ้ ก่กลมุ่ พฒั นาสตรตี า้ บลปา่ ตงึ ๓.๒) ข้ันตอน/วธิ ีการ/ด้าเนินการเกีย่ วกบั ขอ้ มลู วสั ดุอุปกรณแ์ ละอุปกรณ์ - ผ้าฝา้ ยทอมอื - ผา้ ไหมทอมือ - ดา้ ย - เข็ม - ปากกาเขียนกระจก ขัน้ ตอนกำรผลติ ผ้ำและผลติ ภณั ฑ์จำกผำ้ 1. น้าผ้าฝ้ายทอมอื หรือผา้ ไหมทอมือ วาดแบบลวดลายต่างๆ ด้วยปากกาเขียนกระจก 2. เลอื กสีด้ายท่ตี ้องการ ปกั ลายโซ่ตามลวดลายท่ีวาดไว้

-๔92- ๔. ชื่อผูท้ ี่ถือปฏิบตั ิและผ้สู บื ทอด ๔.๑ ผูท้ ่ถี ือปฏบิ ตั ิ ชอื่ นางพิมใจ กนั แก้ว วนั เดือน ปีเกิด - ที่อยู่ 1๑๗ หมู่ ๗ ตา้ บลป่าตงึ อ้าเภอแม่จนั จงั หวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 089 855 2494 ๔.๒ ผู้สืบทอด ชือ่ นางศรีพนู จันทาพูน วัน เดอื น ปเี กดิ - ทอ่ี ยู่ นางศรพี ูน จันทาพูน หมายเลขโทรศัพท์ 089 855 2494 ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั อิ ย่างแพร่หลาย  เสย่ี งต่อการสูญหาย  ไมม่ ปี ฏบิ ตั แิ ล้ว ๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม วัสดุอุปกรณ์ การวาดลวดลายลงบนผา้ การปักมือแบบลูกโซ่

-๔93- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอแม่จัน จังหวัดเชยี งรำย ๑. ชอื่ ข้อมลู ผา้ ปกั มอื ชาติพันธุอ์ าข่า ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝมี ือดง้ั เดิม  การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพ้นื บ้าน และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตัว ๓. รายละเอียดขอ้ มูล ๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มลู ชนเผ่าอาข่า มีถิ่นฐานเดิมอยู่ท่ีบริเวณภูเขาสูงทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ของ ประเทศจีน ปัจจุบันชาวอ่าข่ามีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นท่ีบริเวณมณฑลยูนนานของประเทศจีน โดยเฉพาะ แคว้นสิบสองปันนา นอกจากน้ียังมีประชากรชาวอาข่ากระจายอยู่ในประเทศต่าง ๆ บริเวณเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศลาว พม่า เวียดนามและไทย ชาวอาข่าในประเทศไทยกระจายอยู่ในพื้นท่ี ๗ จังหวัด ทางภาคเหนือของไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ล้าปาง แพร่ ตากและเพชรบูรณ์ อาศัยอยู่มากท่ีสุด ในจังหวัดเชียงราย และหมู่บ้านจอป่าคา หมู่ท่ี 14 ต้าบลแม่จัน อ้าเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ชาวอาข่ายังคง ใช้วิถีชีวิตแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูด วัฒนธรรมการแต่งกาย อาหาร ที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ผู้หญิงชาวอาข่ายังคงปักผ้าเพ่ือสวมใส่ให้กับตนเองและบุคคลในครอบครัว เหลือก็ปักเพื่อจ้าหน่ายให้กับบุคคล ที่สนใจและนักท่องเท่ียว ปัจจุบันวัฒนธรรมการแต่งกายชุดชาติพันธุ์จะใช้สวมใส่ในงานหรือพิธีกรรมต่าง ๆ หรอื การเดินทางที่เป็นทางการ หากอย่แู ต่ในหม่บู ้านมกั แตง่ กายแบบทว่ั ไป กลุม่ ผา้ ปกั มอื บ้านจอป่าคา หมู่ท่ี 14 ต้าบลแมจ่ นั อ้าเภอแม่จนั จังหวดั เชยี งราย ยงั คงอนุรักษ์สืบสาน วิธีการปักผ้าแบบเดิมจากบรรพบุรุษ ลายผ้าปักชาติพันธ์ุอาข่ามีความประณีต สวยงาม เน้นการใช้สีสันท่ีสดใส ในการปัก ผ้าพื้นที่ใช้ปักเป็นผ้าสีด้า หรือสีกรมท่า เป็นผ้าฝ้าย หรือผ้าใยกัญชง เวลาที่ปักลวดลายแล้วเห็น เด่นชัด ลายต่าง ๆ ท่ีปักลงไปน้ันส่วนใหญ่มาจากจิตนาการของผู้ปักที่ได้เห็นจากสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ลายถอ่ ง ลายขออูโละ๊ ลายโลมิ และลายลนิ้ ผีเส้อื ๓.๒) ขนั้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเกย่ี วกบั ขอ้ มูล วัสดอุ ุปกรณแ์ ละอุปกรณ์ 1. เข็ม 2. ลกู ปดั 3. ไหมพรม 4. ดา้ ย 5. ขนไก่ 6. เครื่องเงิน 7. กระด่ิง 8. ผ้าพืน้ ผา้ ฝ้าย หรือผ้าใยกญั ชง ขนั้ ตอนกำรผลติ ผำ้ และผลติ ภณั ฑจ์ ำกผ้ำ 1. ตัดผา้ พนื้ ใหไ้ ดต้ ามขนาดท่ีตอ้ งการ 2. วาดแบบลวดลายบนผา้ 3. เลือกดา้ ยตามสีท่ตี ้องการ และปักดว้ ยลายท่ีวาดไว้ (บางคนทมี่ ีความช้านาญไม่ตอ้ งวาดลาย) 4. ประดับตกแตง่ ผ้าด้วย เครื่องเงิน กระดง่ิ ลกู ปัด ไหมพรม ขนไก่ ลกู เดอื ย 5. น้าผา้ ปักมอื ทปี่ ักและตกแตง่ เรียบรอ้ ยแลว้ ไปประกอบตัดเย็บเปน็ เส้อื ผา้ กระเปา๋ ถุงน่อง หรอื ประยุกต์ เปน็ ผา้ คลมุ ไหล่ เส้ือคลมุ หรอื ผา้ ปูโต๊ะ

-๔94- ๔. ช่อื ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั ิและผู้สบื ทอด ๔.๑ ผู้ท่ถี ือปฏบิ ัติ ชอ่ื นางตูลู ยอแจะ วัน เดือน ปีเกดิ - ท่อี ยู่ 206 หมู่ 14 ต้าบลแมจ่ นั อา้ เภอแม่จัน จงั หวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 097 276 6249 ๔.๒ ผูส้ บื ทอด ชอ่ื นางสาวรวมิ ล เบียเซ วนั เดอื น ปเี กิด - ทอ่ี ยู่ 95 หมู่ 14 ตา้ บลแมจ่ ัน อา้ เภอแม่จัน จังหวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 080 859 8565 ๕. สถานะ การคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย  เสย่ี งตอ่ การสญู หาย  ไม่มปี ฏิบตั แิ ลว้ ๖. รูปภาพภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม วสั ดอุ ปุ กรณ์สา้ หรับผา้ ปกั มือชาตพิ ันธอ์ุ าข่า นางตลู ู ยอแจ๊ะ สาธติ การปกั ผา้ ชาตพิ ันธุอ์ าขา่ กระเปา๋ ปักผา้ ชาติพันธุ์อาขา่ เมือ่ ท้าเสร็จแล้ว

-495- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖4 สำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย อำเภอแมจ่ ัน จงั หวัดเชยี งรำย ๑. ช่ือข้อมลู ผ้าปักมอื บ้านสนั ทางหลวง ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบตั ิทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ธรรมชาติและจักรวาล  งานชา่ งฝมี อื ดัง้ เดิม  การละเลน่ พ้ืนบ้าน กีฬาพ้ืนบ้าน และศิลปะการต่อส่ปู ้องกนั ตวั ๓. รายละเอยี ดข้อมูล ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มลู กลุ่มผ้าปักสันทางหลวง ต่อยอดมาจากการทอผ้า เมื่อวันเวลาผ่านไปลายผ้าทอเริ่มมีการซ้ากันมากข้ึน แต่ความคิดสร้างสรรค์ยังไม่สิ้นสุด และชาวบ้านเร่ิมมีการปักชื่อใส่เส้ือผ้าของตน เพ่ือแสดงความเป็นเจ้าของ ต่อมามีการปักเป็นสัญลักษณ์ แทนการปักชื่อ โดยจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละคนก่อเกิดเป็น ลวดลายสวยงาม มีผู้คนช่ืนชอบและได้รับค้าชื่นชม อีกท้ังชาวบ้านยังมีความสุขท่ีได้ปักตามความพึงพอใจ ได้ถ่ายทอดจินตนาการของตนลงบนผืนผ้าได้อย่างไม่ส้ินสุด จะปักยังไงก็ได้ไม่มีผิด ไม่มีถูก จึงต่อยอดมาเป็น การสร้างมูลค่าของผ้าทอโดยการน้าผ้าทอมาปักเป็นลายที่ประกอบมาจากเอกลักษณ์ในแต่ละบุคคลบวกกับ ความงามของธรรมชาติมาเป็นลวดลายต่าง ๆ ทุกอย่างสามารถสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ ท้าให้ผ้าแต่ละผืนจึงมี ลวดลายท่ีแตกต่างกนั ไม่เคยซา้ กัน ซงึ่ กลายเปน็ ผา้ ทีม่ ีเพียงชิน้ เดียวในโลก ผ้าปักด้วยมือ มีเป็นงานฝีมือเพ่ือใช้แต่งเส้ือผ้าในงานเทศกาลส้าคัญต่าง ๆ วิถีชีวิตของชุมชนจะมี การปักผ้าด้วยมือ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญางานฝีมือไว้ และก่อให้เกิดรายได้ จึงมีการรวมตัวกัน ตั้งเป็นกลมุ่ ผา้ ปักด้วยมือขึ้น ๓.๒) ขัน้ ตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเกย่ี วกับขอ้ มลู ผ้าปักมือของกลุ่มผ้าปักบ้านสันทางหลวง มีลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์คือการปักตามจินตนาการ ของผู้ปักที่พบเห็นได้จากธรรมชาติ และส่ิงที่อยู่รอบตัว ปักออกมาเป็นลวดลายต่างๆ เช่น ลายทุ่งนา ลายเม็ดข้าว ลายหอยเชอร่ี ลายภูเขา ลายต้นไม้ใบหญ้า ลายดอกไม้ ลายใบไม้ ผ้าปักมือแต่ละช้ินส่วนใหญ่เน้นสีสันท่ีสดใส เช่น สีชมพู สีฟ้า สีแดง สีม่วง สีเหลือง สีเขียว สีน้าเงิน สีน้าตาล การปักไม่มีรูปแบบหรือมาตรฐานตายตัวถือ เป็นเอกลักษณ์และอตั ลกั ษณข์ องงานผ้าปักมือ วัสดุอุปกรณก์ ารทาผ้าปกั มือ 1. ผา้ ปักคอสตสิ ตาละเอียด (สดี ้าหรือสีขาว) 2. เขม็ 3. ดา้ ย 4. ปากกาเขียนกระจก 5. กรรไกร วธิ กี ำรทำผ้ำปักมือ 1. ตัดผ้าครอสตสิ ตาละเอียดใหไ้ ด้ขนาดตามท่ตี อ้ งการ 2. ใชป้ ากกาเขียนกระจกวาดแบบลงบนผา้ ครอสติส 3. เลือกด้ายตามสีทีต่ ้องการ 4. ปักตามรอยท่ีวาดไวบ้ นผ้าครอสติส ตามจินตนาการ 5. น้าผ้าท่ปี กั ไดไ้ ปตัดเย็บลงบน กระเปา๋ เสื้อ กางเกง เป็นต้น

-496- ๔. ช่ือผู้ท่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผ้สู บื ทอด ๔.๑ ผทู้ ี่ถอื ปฏิบัติ ชื่อ นางสงั เวยี น ปรารมภ์ วนั เดือน ปีเกิด - ทีอ่ ยู่ ๑๑๓ หมู่ ๑๒ ตา้ บลจันจว้าใต้ อ้าเภอแม่จัน จงั หวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 086 922 5679 ๔.๒ ผู้สบื ทอด ชือ่ นางสาวสุนนั ต์ มหันต์ วนั เดือน ปเี กิด - ทอ่ี ยู่ 113 หมู่ 12 ต้าบลแมจ่ นั จวา้ ใต้ อา้ เภอแมจ่ ัน จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 061 791 1077 ๕. สถานะ การคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ย่างแพรห่ ลาย  เสี่ยงตอ่ การสูญหาย  ไม่มปี ฏิบัติแล้ว ๖. รูปภาพภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม

-497- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอแมจ่ นั จงั หวัดเชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล ผา้ ปกั มอื ลายเชียงแสนหงสด์ ้า ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏิบัติเกยี่ วกับธรรมชาติและจักรวาล  งานช่างฝีมือดงั้ เดิม  การละเลน่ พ้นื บา้ น กีฬาพื้นบา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตัว ๓. รำยละเอียดขอ้ มลู ๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มลู กลุม่ ผ้าปักดว้ ยมือ จัดตง้ั ขึ้นเม่ือปี พ.ศ. 2543 โดยนางนธิ ี สธุ รรมรักษ์ ซ่งึ เป็นผู้หนึ่งที่มีความสนใจการ ปักผ้า และได้เรียนรูก้ ารปักผา้ จากมารดามาตง้ั แต่เด็ก เดมิ การปักผ้าเพ่ือใช้เองและจ้าหน่ายบ้างบางส่วน แต่ยัง ไม่มีการพัฒนารูปแบบ และลวดลายที่เป็นท่ีต้องการของตลาดมากนัก ประกอบกับมีผู้สนใจผ้าปักมากขึ้น ลวดลายและสีสันไม่หลากหลาย ไม่มีการวางแผนการตลาด ต่างคนต่างท้าต่างคนต่างขาย จึงจ้าหน่ายได้ใน ราคาถูก ต่อมาจึงได้มีแนวคิดที่จะรวมกลุ่มกันข้ึน น้าโดยนางนิธี สุธรรมรักษ์ มีการสอนกลุ่มที่สนใจในการ ปักผ้าด้วยมือ การลงสีสัน และการผสมผสานลายปัก ท้าให้เป็นที่ต้องการของผู้ซ้ือมากยิ่งข้ึน การประยุกต์ ลายปักด้วยมือ มีวัตถุประสงค์เพ่ือเป็นการอนุรักษ์งานฝีมือ และมรดกภูมิปัญญาท้องถ่ิน เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มพัฒนาสตรี และกลุ่มเด็กและเยาวชนท่ีอยากมีอาชีพเสริม ปัจจุบันผ้าปักด้วยมือยังเป็นท่ีนิยมของชาวไทยและชาวต่างประเทศ และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม ไดอ้ ย่างหลากหลาย จังหวัดเชียงรายได้มีประกาศการใช้ลายผ้า “เชียงแสนหงส์ด้า” เป็นลายผ้าอัตลักษณ์ประจ้าจังหวัด เชียงราย นางนิธี สุธรรมรักษ์ จงึ ไดร้ เิ ร่มิ ปักลวดลายเชียงแสนหงส์ดา้ เป็นตน้ แบบให้กบั ชาวบ้าน ๓.๒) ขั้นตอน/วิธีการ/ดา้ เนนิ การเก่ียวกบั ขอ้ มลู วสั ดุอุปกรณก์ ำรทำผ้ำปักมือ 1. ผ้าปกั คอสตสิ ตาละเอยี ด (สีด้าหรอื สขี าว) 2. เข็ม 3. ด้าย ๔. กรรไกร วิธกี ำรทำผ้ำปกั มือ 1. ตัดผ้าครอสตสิ ตาละเอียดใหไ้ ดข้ นาดตามท่ีต้องการ ๒. เลอื กดา้ ยตามสที ตี่ ้องการ ๓. ปกั ตามรอยที่วาดไวบ้ นผ้าครอสติส (ตามผ้าต้นแบบ)

-498- ๔. ช่ือผ้ทู ่ีถือปฏิบัตแิ ละผู้สบื ทอด ๔.๑ ผทู้ ถี่ ือปฏิบัติ ชือ่ นางนธิ ี สุธรรมรักษ์ วนั เดือน ปเี กดิ - ท่อี ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ ๐๖๓ ๒๖๕ ๒๙๖๖ ๔.๒ ผู้สืบทอด ช่ือ กลมุ่ พฒั นาสตรตี ้าบลแมไ่ ร่ วัน เดอื น ปีเกิด - ทอี่ ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ย่างแพร่หลาย  เสยี่ งตอ่ การสูญหาย  ไมม่ ีปฏบิ ัติแลว้ ๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม

-499- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี 2565 สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอดอยหลวง จงั หวดั เชียงรำย 1. ช่ือข้อมลู ผา้ พ้นื เมือง บ้านปงน้อยใต้ ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพืน้ บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั เิ กี่ยวกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานช่างฝมี ือดั้งเดมิ  การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพ้ืนบ้าน และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกันตัว ๓. รำยละเอยี ดข้อมูล 3.1) ประวตั คิ วามเปน็ มาของขอ้ มูล กลุ่มทอผ้าพ้ืนเมือง บ้านปงน้อยใต้ หมู่ 10 ต้าบลปงน้อย อ้าเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ก่อต้ังข้ึนเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยเป็นการจัดตั้งกลุ่มเพื่อส่งเสริมอาชีพให้กับกลุ่มสตรี ได้รับการสนับสุนนจาก ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ต้าบลปงน้อย และได้ใช้เวลาว่างหลังการเก็บเกี่ยวหรือหลังเสร็จสิ้นฤดูกาลท้านา และองค์การบริหารส่วนต้าบลปงน้อย อ้าเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ได้ต้ังงบประมาณ ประจ้าปี 2565 เพ่ือส่งเสริมกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในต้าบลปงน้อย เนื่องจากกลุ่มอาชีพต่าง ๆ มีบทบาทส้าคัญในการส่งเสริมและ สนบั สนนุ การดา้ เนนิ กิจกรรมพฒั นากลุ่มอาชพี ให้มรี ายไดเ้ พ่มิ ขนึ้ มีความเข้มแขง็ เปน็ ก้าลังส้าคัญในการพฒั นา ทอ้ งถน่ิ 3.2) ขั้นตอน/วิธีการ/ดา้ เนนิ การเก่ียวกบั ข้อมลู 1. สบื เส้นดา้ ยยนื เข้ากบั แกนม้วนด้ายยืน และร้อยปลายดา้ ยแตล่ ะเส้นเข้าในตะกอแตล่ ะชุดและ ฟันหวี ดงึ ปลายเส้นด้ายยนื ทง้ั หมดม้วนเข้ากบั แกนมว้ นผ้าอีกดา้ นหนึ่ง ปรบั ความตงึ หย่อนให้พอเหมาะกรอด้าย เข้ากระสวยเพอื่ ใช้เป็นดา้ ยพงุ่ 2. เริ่มการทอโดยกดเครื่องแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ายยืนชุดท่ี 1 จะถูกแยก ออกและเกิดช่องว่าง สอดกระสวยดา้ ยพุ่งผ่าน สลบั ตะกอชุดท่ี 1 ยกตะกอชดุ ที่ 2 สอดกระสวยด้ายพงุ่ กลบั ท้าสลับกนั ไปเร่ือย ๆ 3. การกระทบฟันหวี (ฟืม) เมื่อสอดกระสวยด้ายพุ่งกลับก็จะกระทบฟันหวี เพ่ือให้ด้ายพุ่งแนบ ตดิ กัน ไดเ้ นือ้ ผ้าที่แน่นหนา 4. การเก็บหรือม้วนผ้า เมื่อทอผ้าได้พอประมาณแล้วก็จะม้วนเก็บในแกนม้วนผ้า โดยผ่อนแกน ดา้ ยยืนให้คลายออกและปรบั ความตึงหยอ่ นใหํมใ่ ห้พอเหมาะ 4. ช่ือผู้ที่ถอื ปฏิบัตแิ ละผู้สืบทอด นางลา้ ยอง รกั บ้าน 4.1 ผถู้ ือปฏิบัติ 21 กรกฎาคม 2501 ชอื่ 118/2 หมู่ 10 ต้าบลปงน้อย อ้าเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย วนั เดอื น ปีเกิด 080 828 1934 ทอ่ี ยู่ หมายเลขโทรศพั ท์

-500- 4.2 ผู้สืบทอด นางกานดา ปงลงั กา ช่ือ 2 มถิ ุนายน 2502 วัน เดือน ปเี กิด 116 หมู่ 10 ตา้ บลปงนอ้ ย อา้ เภอดอยหลวง จังหวดั เชยี งราย ที่อยู่ 085 052 1627 หมายเลขโทรศพั ท์ ๖. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั ิอย่างแพรห่ ลาย  เสีย่ งต่อการสูญหาย  ไม่มปี ฏิบัติแล้ว ๗. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม

-501- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอเวยี งเชียงรุ้ง จงั หวดั เชียงรำย 1. ชื่อข้อมลู ผา้ ไหมทอมือ บ้านหว้ ยเคียน ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพืน้ บ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบตั เิ กยี่ วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล  งานชา่ งฝีมือด้งั เดิม  การละเลน่ พื้นบา้ น กีฬาพ้นื บา้ น และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกนั ตวั 3. รำยละเอียดข้อมลู ผลติ ภณั ฑ์ของกลุ่มทอผ้าไหมทอมือ มีลกั ษณะเดน่ เป็นงานหตั ถกรรม ผ้าไหมแท้ทอมอื ท่มี ีรปู แบบ สวยงาม เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งมีการปลูกหม่อน เล้ียงไหม จนเกิดเป็นผ้าทอที่ได้รับ ความนิยมจากลูกคา้ ซง่ึ ไดพ้ ฒั นามาเรื่อย ๆ เปน็ ผลิตภัณฑ์ทหี่ ลากหลาย ได้แก่ ผ้าสามตะกรอ สีต่ ะกรอ ผ้าสาย ฝน และผ้าขดิ เปน็ ต้น เป็นผลติ ภัณฑ์ผา้ ไหมแทท้ อมือ มที ั้งผ้าไหมท่เี ปน็ ผืนเพ่ือใช้สา้ หรับตัดเยบ็ เสื้อผ้า รวมท้ัง ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าไหมทอมืออีกมากมาย ท้ังผ้าเมตร ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ มีท้ังลายสมัยใหม่ และลาย ดั้งเดิม มีการประยุกต์ลายขนานเพ่ือสนองต่อคู่แข่ง มีแหล่งจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์ โดยการส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง และกลุ่มเครือข่ายสินค้า OTOP ทั้งนอก-ใน ท้องถิ่น ตลอดจนมีการสร้างสรรค์ในการท้าผ้าไหมมัดหมี่ซ่ึงเป็น ศิลปะการทอผ้า ท่ีใช้กรรมวิธีในการย้อมสีที่เรียกว่าการมัดย้อม (tie dye) เพื่อท้าให้ผ้าท่ีทอเกิดเป็นลวดลาย สีสันต่าง ๆ มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นอยู่ตรงท่ีรอยซึมของสีที่วิ่งไปตามบริเวณของลวดลายท่ีผูกมัด และการ เหล่ือมล้าในตา้ แหนง่ ตา่ ง ๆ ของเส้นดา้ ยเมื่อถูกน้าไปขึน้ ก่ที อผา้ ๓.๑) ประวัติความเป็นมาของข้อมูล การจดั ตงั้ กลุ่มทอผ้าไหมบ้านห้วยเคยี น หมู่ ๕ ตา้ บลทงุ่ กอ่ อ.เวยี งเชยี งร้งุ เร่มิ จาก นางสมัย มูลสานต์ เป็นประธานกลุ่ม ประกอบอาชีพการเกษตร ท้าไร่ ท้านา ต่อมาประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๕ มีการส่งเสริมให้มี การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อเป็นอาชีพเสริม หลังจากการท้าไร่ ท้านา จึงได้ชักชวนให้แม่บ้านท่ีท้าการทอผ้า มาร่วมกันจัดตั้งกลุ่ม โดยน้าผ้าทอในแต่ละคนทอมารวมกันจ้าหน่าย ผลจากการรวมตัวกันเป็นกลุ่มท้าให้มี อ้านาจในการต้ังราคา สามารถขายในราคาท่ีสูงขึ้นจากนั้นกลุ่มรวมตัวกันมีสมาชิก ๒๔ คน จึงได้จัดต้ัง กลุ่มขึ้นมาอย่างเป็นทางการ และ มีการจดทะเบียนกลุ่ม โดยส้านักพัฒนาชุมชน อ้าเภอเวียงเชียงรุ้ง ได้เข้ามา แนะน้าให้ไปออกร้านจ้าหน่ายสินค้าตามงานต่าง ๆ และเมื่อมีการออกร้านจ้าหน่ายสินค้าท้าให้กลุ่มขายสินค้า ได้ราคาดี มีก้าไรมากขนึ้ รวมถงึ การไดร้ ับลูกคา้ รายใหม่เพิ่มขึ้นอีกด้วย หลังจากน้ัน ส้านักพัฒนาชุมชน ได้เข้ามาแนะน้าให้กลุ่มน้าผลิตภัณฑ์ส่งเข้าประกวดคัดสรรสุดยอด ผลิตภณั ฑ์ หนึง่ ต้าบลหนง่ึ ผลิตภัณฑ์ (OTOP) โดยในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ผา้ ทอของกลุ่มไดร้ ับรางวัลหน่ึงต้าบลหน่ึง ผลิตภัณฑ์ (OTOP) สองดาวระดับประเทศ และในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ผ้าทอของกลุ่มได้รับรางวัลหน่ึงต้าบล หนง่ึ ผลิตภณั ฑ์ (OTOP) สด่ี าวระดับประเทศและนับจากนั้นกลุ่มก็เปน็ ท่ีร้จู ักของบุคคลภายนอกมาย่งิ ขึ้น กลมุ่ มี การพัฒนาการผลิตและคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่องท้าให้เป็นที่สนใจแก่คนในชุมชนและมีสมาชิกเพิ่มขึ้น ประกอบไปด้วยผู้ท่ีมีความช้านาญในด้านการทอผ้าผู้ท่ีปลูกหม่อนเล้ียงไหม เน่ืองจากหมู่บ้านห้วยเคียน สว่ นใหญเ่ ปน็ ชุมชนชาวอสี าน โดยคนอสี านถือว่าการทอผ้าเป็นกิจกรรมยามว่าง หลงั จากฤดูการทา้ นา หรือว่าง จากงานประจา้ อ่นื ๆ โดยใต้ถุนบ้านแตล่ ะหลงั จะกางหกู ทอผ้ากนั แทบทุกครัวเรอื น

-502- โดยผู้หญิงในวัยต่าง ๆ จะสืบทอดกันมา ผ่านการจดจ้าและปฏิบัติ จากวัยเด็กทั้งลวดลายสีสันการ ย้อม และการทอผ้า ท่ีทอดว้ ยมอื จะน้าไปใช้ตัดเย็บ ทา้ เปน็ เครื่องนุ่งห่ม หมอน ทน่ี อน ผ้าห่ม และการทอผ้ายัง เป็นการเตรียมผ้าส้าหรับการออกเรือนส้าหรับหญิงวัยสาว ทั้งการเตรียมส้าหรับตนเองและเจ้าบ่าว อีกทั้งยัง เป็นการแสดงถึงความเปน็ กุลสตรี เป็นแมเ่ หย้า แมเ่ รอื นของหญงิ ชาวอีสานอกี ด้วย ๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ด้าเนนิ การเก่ียวกบั ข้อมูล วสั ดุอุปกรณแ์ ละอุปกรณ์ ๑) ใบหม่อนเลี้ยงใหม่ เป็นอาหารของหนอนไหมที่เลี้ยง เพราะหนอนไหมกินอาหารเพียงอย่างเดียว คือใบหม่อนเทา่ นัน้ ๒) ตัวหนอนไหม เส้นใยท่ีน้าออกมาทอเป็นผ้าไหมน้ันได้มาจากใยที่ห่อหุ้มดักแด้ที่เรียกว่า “รังไหม” ซึ่งไดม้ าจากหนอนไหม 3) จอ่ : เมื่อตวั หนอนไหมทีส่ กุ เต็มทจ่ี ะถูกเกบ็ รักษาเข้า “จ่อ” เพอ่ื ชักใยทา้ รังเป็น ”รังไหม” 4) หูกทอผ้า : หรือ ก่ี เป็นเครื่องมือส้าหรบั ทอผ้า มีหลายขนาดและชนิด แต่มีหลักการพ้ืนฐานอย่าง เดยี วกนั คือ การขดั ประสานระหว่างดา้ ยเสน้ พุ่ง และ ด้ายเส้นยนื 5) สี : เป็นวตั ถดุ ิบที่ใช้ในกระบวนการย้อมสีเสน้ ไหมใหเ้ ป็นสตี า่ ง ๆ ตามความตอ้ งการ 6) ด่างลอกกาวไหม : เป็นวัตถดุ บิ ทใี่ ช้ในกระบวนการลอกกาวไหมออกจากเน้ือไหมและท้าใหเ้ ส้นไหมนมุ่ 7) สีเคลอื บ : ใช้ในการเคลือบสีเส้นไหมที่ผ่านการย้อมสแี ลว้ ซ่ึงทา้ ใหส้ ีติดทนทานและมคี วามวาว สวยงาม 8) เหล่ง : ใช้ส้าหรับจดั เรียงเสน้ ไหมออกจากกระบุง หรอื ตะกรา้ 9) กง และอัก้ : ท้าหน้าท่ใี ช้ส้าหรับใสใ่ จเสน้ ไหม ส่วนอก้ั ใช้สา้ หรบั กวักเสน้ หมีอ่ อกจากกง 10) ท่ีสาวไหมเส้นยนื : ใช้ส้าหรบั สาวไหมเส้นยืน 11) ทเี่ ขน็ ไหม : ใช้โดยการเอาปลายม้วนไหมจ่อไวท้ ่ีไน ส่วนมอื อกี ขา้ งจบั ท่ีหมนุ ให้วงล้อหมนุ ส่วนไนก็ จะหมุนตาม 12) หลักเฝอื : ใช้ในการค้นดา้ ยเส้นยืน หลกั เฝอื ทา้ จากไม้ หรอื เหล็ก 13) ฟันหวี และตะกรอ : ฟันหวี มีลักษณะคล้ายหวี ยาวเท่ากับความกว้างของหน้าผ้า ท้าด้วยโลหะ มีลักษณะเป็นซี่เล็ก ๆ มีกรอบท้าด้วยไม้หรือโลหะ ส่วนตะกอ คือเชือกท้าด้วยด้ายไนลอนท่ีร้อยคล้องไหมยืน เพ่อื แยกเสน้ ไหมเปน็ หมวดหมู่ตามทต่ี ้องการ ใชส้ ้าหรบั แยกเส้นดา้ ยใหข้ ึ้นเพื่อเปิด ให้จงั หวะของเส้นด้ายพงุ่ สอดขัดกัน 14) หลอดด้าย และกระสวย : หลอดด้ายมีลักษณะรูปร่างเป็นกลม เรียวยาว มีรูกลวงตรงกลาง ส้าหรับสอดไม้ขอหลอด เพื่อสอดรูหลอดด้ายให้อยู่ในรางกระสวย ส่วน กระสวย ท้าด้วยไม้ ปลายสองด้านมน ตรงกลางกลวง สา้ หรับบรรจหุ ลอดดา้ ยพงุ่ มีนา้ หนักและขนาดเหมาะมือ ใช้พุง่ ไปมาระหว่างการยกเส้นด้ายยืน ขึ้นลง ๑5) ฮงโวน้ หมี่ : มลี ักษณะเป็นกรอบไม้รูปสี่เหล่ียมผืนผ้า เปน็ อุปกรณ์ส้าหรับ จดั เรียงเส้นไหมหลบไป หลบมาให้เปน็ ลา้ ตามลา้ ดับ 16) ฮงมัดหมี่ : เป็นอุปกรณ์ส้าหรับน้าเส้นไหมท่ีเว้นเตรียมไว้มาใส่เพื่อเตรียมจะท้าการมัดหมี่ให้ เป็นไปตามลวดหลายท่จี ะท้า 17) ก่ที อผา้ หรอื หกู ทอผา้ : เป็นอปุ กรณ์ใช้สา้ หรบั ทอผ้า ขัน้ ตอนกำรผลติ ผ้ำและผลติ ภัณฑ์จำกผำ้ ๑) กำรเล้ียงไหม เส้นใยที่น้าออกมาทอเป็นผ้าไหมนนั้ ได้มาจากใยท่ีห่อหุ้มดักแด้ทเ่ี รยี กวา่ “รังไหม” ซ่ึงรังไหมน้ีก็คือช่วงชีวิตหนึ่งของผีเส้ือ ผีเสื้อไหมตัวผีเส้ือจะมีปี ๒ ปี สีขาวปนเทาไม่มีปากแต่มีรอยเหมือน ปากผีเส้อื ตวั เมยี มขี นาดใหญก่ ว่าตวั ผู้ บนิ ไกลไม่ได้ ลักษณะการบนิ เหมอื นการกระโดดไกล ๆ อายขุ องผีเส้อื ไหม มีช่วงเวลาท่ีสน้ั มากภายหลงั การผสมพนั ธุ์และออกไขแ่ ลว้ ผีเสอ้ื ไหมจะตาย

-503- 2) ตัวหนอนไหม ตวั หนอนระยะที่หนงึ่ ไข่ไหมจะฟักออกมาเป็นตวั หนอนเล็กๆ กนิ ใบหมอนห่ันฝอย ละเอียดอยู่ประมาณ ๓ – ๔ วัน จากน้ันจะลอกคราบเพ่ือให้ล้าตัวยาวโตขึ้น หลังจากการลอกคราบแล้วตัว หนอนไหมจะนอนเหยียดตรง น่ิง ไม่กินอาหารเป็นเวลา ๑ วัน ๑ คืน เรียกว่า “ไหมนอน” เม่ือครบก้าหนดจึง กินอาหารต่อเปน็ หนอนระยะที่สอง ประมาณ ๒ – ๓ วนั แลว้ ลอกคราบอกี คร้ัง จากน้ันจะนอนต่อ ๑ วนั ๑ คืน เมื่อต่ืนมาก็จะเป็นหนอนระยะที่สาม ตัวหนอนระยะท่ี ๓ จะสามารถกินใบหม่อนท้ังใบ ไม่ต้องหั่นฝอยระยะน้ีใช้ เวลา ๓ – ๔ วันหลังจากนนั้ จะลอกคราบนอน ๑ วนั ๑ คนื แล้วจะเข้าสู่ระยะที่ส่ี ตัวหนอนระยะที่สี่ จะกินอาหารจ้านวนมาก โตเร็วใช้เวลาประมาณ ๓ – ๔ แล้วจะลอกคราบคร้ัง สุดท้ายเพือ่ เขา้ สรู่ ะยะท่หี า้ ซ่งึ เป็นระยะสดุ ท้ายใช้เวลาประมาณ ๗ – ๘ วัน เปน็ ระยะท่หี นอนไหมกินใบหม่อน มากเมอื่ โตเตม็ ที่แลว้ จะมีตอ่ มไหมเกดิ ข้นึ ภายในตวั ไหม ท้าให้ตวั หนอนไหมมสี ีเหลืองเรียกว่า “ไหมสุก” ตัวไหมสุก จะมีล้าตัวสั้นและเล็กลงเล็กน้อย ตัวโตใสและหยุดกินใบหมอนเร่ิมชูหัวส่ายหาท่ีท้ารัง ตัวหนอนไหมท่ีสุกเต็มที่ จะถูกเก็บรักษาเขา้ “จอ่ ” เพือ่ ชกั ใยทา้ รังเปน็ ”รงั ไหม” ทเ่ี รานา้ มาสาวเสน้ ใย นา้ ไปทอเป็นผา้ ไหมนั่นเอง 3) การสาวเส้นไหม 3.๑) ต้มน้าให้ร้อนประมาณ ๗๐ – ๘๐ องศาเซลเซียน แล้วใส่ รังไหมลงไปประมาณ ๔๐ – ๕๐ รังเพ่ือใหค้ วามร้อนจากนา้ ช่วยละลาย Serricin (โปรตีน) ทีย่ ดึ เสน้ ไหม 3.2) ใช้ไม่พายเล็กแกว่งตรงกลางเปน็ แฉกคนรงั ไหมกดรังไหมให้จมน้าเสียก่อน 3.3) เมือ่ รงั ไหมลอยขึ้นจึงค่อย ๆตะลอ่ มให้รวมกันแล้วต่อยๆดึงเส้นใยไหมออกมา จะได้เส้นใยไหม ซึง่ มีขนาดเล็กมากรวมเส้นใยไหมหลายๆ เส้นรวมกนั 3.4) ดึงเส้นไหม โดยให้เส้นไหมลอดออกมาตามแฉกไม้ ซ่ึงจะท้าให้ได้เส้นไหมท่ีสม้่าเสมอและรัง ไหมไม่ไต่ตามมากับเส้นไหม เส้นไหมที่สาวได้ จะผ่านไม้หีบขึ้นไปร้อยกันรอกท่ีแขวนหรือ พวงสาวท่ียึดติดกับ ปากหมอ้ แลว้ ดึงเส้นไหมใส่กระบงุ 3.5) คอยเตมิ รงั ไหมใหม่ลงไปในหมอ้ ต้มเปน็ ระยะ ๆ 3.6) รงั ไหมจะถกู สาวจนหมดรงั เหลอื ดกั แด้จมลงกน้ หมอ้ แลว้ จงึ ตักดักแด้ออก 4) การทอผา้ ขัน้ ตอนในการทอผา้ มีดงั น้ี 4.๑) สบื เส้นด้ายยืนเข้ากับแกนมว้ นด้ายยนื และรอ้ ยปลายดา้ ยแตล่ ะเส้นเข้าในตะกอแตล่ ะชุดและ ฟันหวี ดึงปลายเส้นด้ายยืนทั้งหมดม้วนเข้ากับแกนม้วนผ้าอีกด้านหนึ่ง ปรับความตึงหย่อนให้พอเหมาะ กรอ ด้ายเขา้ กระสวยเพอ่ื ใช้เปน็ ดา้ ยพงุ่ 4.๒) เร่ิมการทอโดยกดเคร่ืองแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ายยืนชุดที่ ๑ จะถูกแยก ออกและเกิดช่องว่าง สอดกระสวยด้ายพงุ่ ผา่ น สลับตะกอชดุ ท่ี 1 ยกตะกอชุดที่ 2 สอดกระสวยดา้ ยพุ่งกลบั ท้าสลับกนั ไปเร่อื ย ๆ 4.3) การกระทบฟันหวี (ฟืม) เม่ือสอดกระสวยด้ายพุ่งกลับก็จะกระทบ ฟันหวี เพื่อให้ด้ายพุ่งแนบ ตดิ กัน ไดเ้ น้ือผา้ ทแ่ี น่นหนา 4.4) การเก็บหรือม้วนผ้า เมื่อทอผ้าได้พอประมาณแล้วก็จะม้วนเก็บใน แกนม้วนผ้า โดยผ่อนแกน ดา้ ยยืนให้คลายออกและปรบั ความตงึ หยอ่ นใหมใ่ ห้พอเหมาะ เทคนคิ พเิ ศษทใ่ี ชใ้ นการทอผา้ การขิด ขิด หมายถึง กรรมวิธีในการทอผ้าเพื่อให้เกิดลวดลายต่าง ๆ ข้ึนมา โดยวิธีการเพ่ิมเส้นด้ายพุ่ง พิเศษในระหว่างการ ทอ เพ่ือให้เกิดลวดลายที่โดดเด่นกว่าสีพ้ืน วิธีการท้าคือ ใช้ไม้เข่ียหรือสะกิด เพ่ือช้อน เส้นด้ายยืนข้ึน แล้วสอดเส้นด้ายพุ่ง ไปตามแนวท่ีถูกจัดช้อน จังหวะการสอดเส้นด้ายพุ่งน่ีเอง ที่ท้าให้เกิดเป็น ลวดลายตา่ ง ๆ การจก เป็นเทคนิคการทอผ้าเพื่อใหเ้ กิดลวดลายต่าง ๆ โดยเพมิ่ เส้นด้ายพุ่งพิเศษสอดขึน้ ลง วิธกี ารคือ ใช้ขนเม่น ไม้ หรือน้ิว สอดเส้นด้ายยืนข้ึน แล้วสอดเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไป ซึ่งจะท้าให้เกิดเป็นลวดลายเป็นช่วง ๆ สามารถท้าสลับสีลวดลายได้หลากสี ซ่ึงจะแตกต่างจากการขิดตรงที่ขิดที่เป็นการใช้เส้นด้ายพุ่งพิเศษเพียง สเี ดียว การทอผา้ วิธจี กใช้เวลานานมากมักท้า เปน็ ผนื ผา้ หนา้ แคบใช้ตอ่ กบั ตวั ซ่นิ เรียกว่า “ซิ่นตีนจก”

-504- การทอมัดหม่ี ผ้ามัดหม่ีมีกรรมวิธีการทอผ้าท่ีใช้เทคนิคการมัดและการย้อม เริ่มจากน้าเส้นด้ายหรือ ไหมมาย้อมสีแล้วมัดบริเวณที่ ต้องการเก็บไว้ เม่ือน้าไปย้อมสีอ่ืนจะได้ไม่ติดสี เพียงซึมเข้ามาบางส่วน โดยย้อม เรียงล้าดับจากสีอ่อนไปหาสีเข้มจนครบ ตามลวดลายที่ก้าหนด หลังจากนั้นจึงน้าด้ายกรอเข้าหลอดตามล้าดับ แล้วน้าไปทอจะเกิดลวดลายบนผืนผ้าที่มีลักษณะคลาดเคลื่อนเหล่ือมล้า อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมัดหม่ี การทอผ้าชนิดนี้จึงต้องอาศัยความช้านาญในการมัดย้อมและทอเป็นอย่างมาก ผ้ามัดหม่ีมีอยู่หลายชนิด ได้แก่ มดั หม่เี ส้นพุ่ง มัดหมเ่ี ส้นยนื มดั หม่ีเส้นพุง่ และเส้นยืน 4. ผทู้ ถ่ี อื ปฏิบัตแิ ละผูส้ ืบทอด นางสาวหทัยรตั น์ มลู สานต์ ๔.๑ ผูท้ ่ีถอื ปฏบิ ตั ิ - ชอ่ื วนั เดือน ปเี กดิ 216 หมู่ 5 ตา้ บลทุ่งก่อ อ้าเภอเวียงเชียงรุ้ง จงั หวัดเชยี งราย ทอ่ี ยู่ ๐๘๙ ๘๕๑ ๖๖๗๘ หมายเลขโทรศัพท์ ชนม์ชญาณ์ มูลสานต์ Facebook Hathairat moonsan Line กลุ่มทอผา้ ไหมบ้านหว้ ยเคียน ๔.๒ ผ้สู ืบทอด ช่อื - วนั เดือน ปีเกิด 216 หมู่ 5 ตา้ บลทงุ่ ก่อ อา้ เภอเวยี งเชยี งรุ้ง จงั หวดั เชียงราย ท่อี ยู่ ๐๘๙ ๘๕๑ ๖๖๗๘ หมายเลขโทรศัพท์ ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย  เส่ียงต่อการสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้ ๖. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม ภำพของ ตน้ หมอ่ น ส่วนประกอบ หนอนไหม เส้นไหมที่ไดจ้ ากกรรมวธิ ีการสาวไหม

ภำพของ -505- สว่ นประกอบ หกู ทอผา้ หรือก่ที อผา้ ฟันหวแี ละตะกรอ ฮงโวน้ หม่ี ฮงมดั หม่ี การสบื ทอดทอผา้ จากร่นุ ส่รู ุ่น ผ้ำคลุมไหล่ , ผำ้ ทอเป็นผืน สำหรบั ตดั เยบ็ เส้ือผำ้ ผำ้ คลุมไหล่ได้รับเคร่อื งหมำยรับรองมำตรฐำนผลติ ภณั ฑผ์ ำ้ ไหมไทยชนดิ Royal Thai Silk นกยงู สีทอง ผ้ำถุง หรอื ผ้ำซ่นิ ไหมลวดลำย โบรำณ

-506- ลำยหมำกจบั เลก็ ลำยฟันปลำ ลำยโบรำณ (ไมม่ ชี ่ือลำย) ลำยขิตชำ้ ง ผำ้ ไหมทอ ลำยโบรำณ (ไมม่ ีชื่อลำย) ลำยหมำกจบั เล็ก เป็นลายโบราณดงั้ เดิมทเี่ กิดขน้ึ จากต้นพชื (หญ้า) ท่เี กดิ ในธรรมชาติ เวลาเดินผ่านดอกหมากจบั จะเกาะติดแนน่ ตามเสื้อผา้ จากการสังเกตรูปลกั ษณะทีม่ ีความสวยงามในตัวของมันเอง จงึ ไดน้ ้ามาท้า เปน็ ลายบนผืนผ้า เกดิ เปน็ ลายเลก็ ๆ สวยงาม ผ้ำไหมมัดหม่ีลำยฟันปลำ เป็นหน่ึงในผ้าไหมลายไทยโบราณ ใช้กรรมวิธี การทอผ้าไหมมัดหม่ี ออกมาในลวดลายพ้ืนบ้านท่ีเรียกว่าฟันปลา มีคุณค่า ความหรูหราในตัว เหมาะสา้ หรับเปน็ ของขวญั ผู้ใหญ่ในโอกาสต่าง ๆ ผ้ำไหมลำยขิดช้ำง การขิดเป็นภาษาพื้นบ้านของภาคอีสาน หมายถึง สะกดิ หรืองัดช้อนขึ้น ดงั นัน้ การทอ ผา้ ขิดจึงหมายถึงกรรมวิธีการทอทีผ่ ู้ทอใช้ ไม้ เรียกว่า “ไม้เก็บขิด” สะกิดหรือช้อนเส้นยืนยกข้ึนเป็นช่วงระยะตาม ลวดลายตลอดหน้าผ้า แล้วพุ่งกระสวยสอดเส้นพุ่งพิเศษและเส้นพุ่งเข้าไป ตลอดแนว ท้าให้เกิดเป็นลวดลายยกตัวนูนบนผืนผ้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ลวดลายซ้า ๆ ตลอดแนวผ้า โดยสีของลวดลายที่เกิดขึ้นเป็นสีของด้ายพุ่ง พิเศษ โดยลวดลายส่วนใหญ่จะเป็นลายจากธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ลายสัตว์ และความเช่ือ เช่น ลายช้าง ลายหอปราสาทหรือธรรมาสน์ ลายพญานาค ลายมา้ ลายดอกแกว้ เปน็ ตน้

-507- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี 2565 สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเชยี งแสน จังหวัดเชยี งรำย 1. ช่ือข้อมูล มีด (เผา่ ม้ง) ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ัติเกี่ยวกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝีมอื ดั้งเดมิ  การละเล่นพื้นบา้ น กีฬาพ้ืนบ้าน และศลิ ปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตวั ๓. รำยละเอียดข้อมูล ๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของขอ้ มลู มีด คือ เคร่ืองมือชนิดแรก ๆ ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ในชีวิตประจ้าวันมาอย่างยาวนาน เก่ียวข้อง สัมพันธ์กับแทบจะทุกกิจกรรมในการด้าเนินชีวิตไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธ์ุ หรือกลุ่มสังคมใด ๆ ก็ตาม มีดเป็น เคร่ืองมือตัดเฉือน ชนิดมีคมส้าหรับใช้ สับ ห่ัน เฉือน ปาด บางชนิดอาจมีปลายแหลมส้าหรับกรีด หรือแทง มกั มีขนาดเหมาะสมสา้ หรบั จบั ถอื ด้วยมือเดียว ชาวม้งยึดถือระบบครอบครัว บุรุษท่ีมีอาวุโสสูงสุดจะมีศักด์ิเป็นหัวหน้าหรือประมุขของตระกูล มีสิทธิ ขาดในการตัดสินใจ ขณะเดียวกันผู้อาวุโสจะต้องรับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ของคนในตระกูล มีครอบครัว ชาวม้งครอบครัวหนึ่งและมีเพียงครอบครัวเดียว ที่ยังรักษาการตีมีดแบบโบราณ ไว้ได้เป็นอย่างดี และสืบทอด มาหลายชั่วอายุคน ตีมดี ตั้งแต่อย่เู มืองจีน จนกระท่งั อพยพมาอยู่ที่ขนุ เขาคลองลาน และอพยพมาอยู่พ้ืนล่างใน ท่ีสุดกว่า ๒๐ ปี ท่านผู้น้ันคือ นายยูเล่ง แซ่ม้า อายุ ๖๔ ปี เรียนรู้การตีมีดจากพ่อ พ่อเรียนรู้มาจากปู่ ปู่เรียนรู้ มาจากทวด สืบทอดมาแสนนาน เขาเริ่มตีมีดมา ต้ังแต่อายุ ๑๖ ปี โดยการใช้เหล็กแท่งหรือเหล็กแหนบเป็น วัตถุดิบส้าหรับตี เตาท่ีใช้ตีมีดของนายยูเลง่ แซ่ม้า เป็นเตาแบบโบราณ ที่ใช้ ปู้ หรือ ไฟส้าหรับเป่าให้เหล็กแดง ท้าด้วยไม้เน้ืออ่อนเจาะเข้าไปให้เป็นโพรงเป็นกระบอกสูบและใช้ขนไก่ส้าหรับเป็นลูกสูบ การสูบเบาแรงมาก แทบไม่ต้องออกแรง เพียงดึงเบา ๆ ก็ท้าให้เกิดลมอัดอย่างแรงท้าให้ไฟลุกอย่างคุโชนท้าให้เหล็กแดงเม่ือได้ที่ แลว้ จงึ นา้ มาใชต้ ี มีเทคนิคการตที ี่ไม่เคยเหน็ มาก่อน คือ การทา้ ให้เหล็กอ่อนตัว โดยเมือ่ เผาเหล็กให้ร้อนจนแดง แล้วนา้ มากลบด้วยแกลบสักครู่ แลว้ จึงไปตีใหมห่ รือไปตะไบจะทา้ ใหเ้ หล็กอ่อนมากข้ึนและน้าไปเข้าเล่มท้าให้ได้ มีดที่ถาวรและคมเด่นกว่ามีดทั้งหลาย นายยูเล่ง แซ่ม้า เป็นห่วงมากในอาชีพการตีมีดแบบโบราณท่ีไม่มีผู้สืบ ทอด อาจท้าให้การตีมีดที่สืบทอดมาหลายร้อยปีต้องสาบสูญไปพร้อมภูมิปัญญาของชาวเขาเผ่าม้งที่จะต้องไร้ ทายาทสบื ทอดอยา่ งน่าเสยี ดายเป็นอยา่ งย่งิ 3.2 ขัน้ ตอน วธิ ีการด้าเนนิ การเกยี่ วกบั ขอ้ มลู ในการเตรียมการตีมีด หรือท้ามีดนั้น มีปัจจัยที่ส้าคัญ ๓ ประการคือ เตรียมคน : ต้องใช้คน ๓-๔ คน ขนึ้ ไป โดยเฉพาะการตีมดี ในข้ันตอนท่ี ๑ (การหลาบ) ต้องใช้คนท่ีมีพละก้าลังร่างกายแข็งแกร่ง ตลอดจนต้องมี ความสามัคคีและประสบการณ์เป็นอย่างมากเตรยี มอุปกรณ์ : เป็นอปุ กรณ์ และเคร่ืองมือเคร่ืองใช้สา้ หรบั ช่างตี เหล็ก หรือช่างตีมีดโดยเฉพาะ เช่น ท่ัง ค้อน พะเนิน คีม สูบลม เตาเผาเหล็ก ตะไบ เหล็กขูด เหล็กไช รางน้า ชุบมีด เข่ือนตัดเหล็ก ขอไฟ หินหยาบ-ละเอียด ทั่งขอ เถาวัลย์เปรียง หลักส่ี (ปากกา) กบ และเล่ือย เป็นต้น เตรียมวัตถุดิบ : วัสดุที่ส้าคัญในการตีมีดเป็นอันดับแรก ได้แก่ เหล็กกล้า ท่ีต้องใช้ความช้านาญในการดูสีของ เหล็กขณะชุบ ซ่ึงเป็นภูมิปัญญาอย่างหน่ึงส้าหรับช่างตีมีด อันดับต่อไป คือ ถ่านไม้ไผ่ซ่ึงจะเป็นถ่านท่ีมี ประสิทธภิ าพสูงในการเผาเหล็กต่างจากถ่านจากไม้ทั่ว ๆ ไป และอนั ดบั สดุ ทา้ ยคอื ไมท้ ี่ใช้ท้าด้ามมีด

-508- ๔. ชื่อผูท้ ่ีถอื ปฏิบัตแิ ละผู้สบื ทอด ๔.๑ ผทู้ ี่ถอื ปฏิบตั ิ ช่ือ นายสรวชิ ญ์ สว่างธนานันท์ วนั เดือน ปเี กิด - ทอ่ี ยู่ 337 หมู่ 11 ตา้ บลแมเ่ งิน อ้าเภอเชยี งแสน จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศพั ท์ - ๔.๒ ผู้สบื ทอด ช่ือ - วัน เดอื น ปเี กิด - ท่อี ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย  เสยี่ งต่อการสญู หาย  ไม่มีปฏิบัติแล้ว ๖. รูปภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-509- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอพญำเม็งรำย จงั หวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล ไมก้ วาดดอกหญ้า บ้านปา่ ม่วง ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพืน้ บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั ธรรมชาติและจกั รวาล  งานชา่ งฝมี อื ด้ังเดมิ  การละเล่นพน้ื บ้าน กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกันตวั ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มลู ไม้กวาด เป็นอุปกรณ์ท่ียังจ้าเป็นต้องใช้ภายในครอบครัว แม้ปัจจุบัน บางบ้านได้น้าเคร่ืองดูดฝุ่น เข้ามาใช้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบ้านและสถานท่ีต่าง ๆ อีกจ้านวนไม่น้อย ท่ีต้องการใช้ไม้กวาด ดังนั้น การท้าไม้ กวาดเพอ่ื จ้าหนา่ ย จงึ เปน็ การเสรมิ รายได้อกี ทางหนึง่ ให้กบั ครอบครัวได้ ไม้กวาดดอกหญ้า ท้ามาจากดอกหญ้าที่ข้ึนอยู่ตามเชิงเขาหรือพ้ืนที่สูงซ่ึงการท้าไม้กวาดดอกหญ้า เป็นการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ หลังจากการเก็บเก่ียวข้าวไร่เสร็จแล้วคนส่วนใหญ่ก็จะหันมาท้าไม้กวาด เป็นอาชีพเสริมแทนเพราะต้นดอกหญ้าส่วนใหญจ่ ะเก็บไดใ้ นชว่ งเดือนธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ แต่ในช่วง ที่ดอกออกมากท่ีสุด จะอยู่ในช่วงต้นเดือนมกราคม ปัจจุบันกลุ่มสมาชิกไม้กวาดดอกหญ้า บ้านป่าม่วง ได้รวมกลุ่มกันสานไม้กวาดเพ่ือจ้าหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับชมุ ชน ได้เปน็ อยา่ งดี การสานไม้กวาดดอกหญ้า เป็นภูมิปัญญาของคนไทยท่ีได้รู้จักและเรียนรู้การน้าวัชพืชและภูมิปัญญา มาใช้ประโยชน์ในวถิ ีชีวติ ประจ้าวันของคนในท้องถ่ิน สร้างจิตส้านึกและความตระหนักในคุณค่าของทรัพยากร ชีวภาพและกายภาพในท้องถ่ิน อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาและการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชต่าง ๆ ให้เกิด ประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่ท้องถ่ิน ปัจจุบันไม่นิยมท้าไม้กวาดด้วยมือ ส่วนใหญ่จะท้าด้วยเครื่องจักร อาจท้าให้ คุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมมีโอกาสเสี่ยงต่อการสูญหายได้ หากไม่มีการอนุรักษ์และส่งเสริมต่อยอด ผลติ ภัณฑท์ ท่ี า้ ดว้ ยมอื ๓.๒) ข้นั ตอน/วิธกี าร/ดา้ เนนิ การเกี่ยวกับขอ้ มูล อปุ กรณ์ในการท้าไมก้ วาดดอกหญ้า 1. เขม็ เยบ็ กระสอบ 2. เชอื กฟาง 3. ไมไ้ ผ่ ความยาวประมาณ 80 ซม. 4. ดอกหญ้า 5. ตะปูขนาด 1 นวิ้ จา้ นวน 2 ตวั วิธกี ารทา้ ไม้กวาดดอกหญ้า 1. นา้ ดอกหญ้ามาตากแดดให้แห้ง 2.น้าดอกหญ้ามาตหี รอื ฟาดกับพน้ื เพ่ือให้ดอกหญา้ ดอกเล็ก ๆหลดุ ออกให้ เหลือแตก่ า้ นเลก็ ๆ แกะก้านดอกหญ้าออกจากต้นนา้ มามัดรวมกันประมาณ 1 ก้ามอื

-510- 3. ใช้เชือกฟางหรือเชือกในล่อนสอยเข้ากับเข็มเย็บกระสอบแล้วแทงเข้าตรง กลางมัดดอกหญ้า แล้วถักไปถักมาประมาณ 3-4 ช้ันพร้อมทั้งจัดมัดดอกหญ้าให้แบนราบ ใช้มีดตัดโคนรัดดอกหญ้าท่ีถักแล้ว ให้เสมอเปน็ ระเบยี บสวยงาม 4. ใช้ด้ามไม้ไผ่รวกเสียบตรงกลางหรืออาจจะใช้ต้นดอกหญ้า 8-10 ต้น มัดรวมกันแทนไม้ไผ่รวกก็ได้ แลว้ ตอกตะปูขนาด 1 นวิ้ 2 ตวั เพอื่ ให้มัดดอกหญ้ากบั ด้ามให้แนน่ 5. ใช้น้ามันยางหรอื ชนั ผสมนา้ มันก๊าดทาโดยใชแ้ ปรงจุม่ และทาบริเวณที่ตัว ๔. ชอ่ื ผ้ทู ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผูส้ บื ทอด ๔.๑ ผู้ที่ถือปฏบิ ตั ิ ชื่อ กลมุ่ สมาชิกไม้กวาดดอกหญ้า บา้ นป่ามว่ ง จงั หวัดเชียงราย วัน เดือน ปเี กิด - ที่อยู่ หมู่ 4 ต้าบลแม่ตา้ อา้ เภอพญาเม็งราย จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผสู้ บื ทอด ชอ่ื กลุ่มสมาชิกไมก้ วาดดอกหญา้ บ้านปา่ มว่ ง จังหวัดเชียงราย วนั เดอื น ปีเกิด - ที่อยู่ หมู่ 4 ต้าบลแมต่ ้า อ้าเภอพญาเม็งราย จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอยา่ งแพรห่ ลาย  เสี่ยงตอ่ การสูญหาย  ไม่มปี ฏบิ ัตแิ ลว้ ๖. รูปภำพภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-511- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอแมล่ ำว จังหวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมลู ไมก้ วาดดอกหญา้ ปา่ ก่อด้า ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บา้ นและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั ิเกย่ี วกับธรรมชาติและจักรวาล  งานชา่ งฝีมือดงั้ เดิม  การละเล่นพ้ืนบ้าน กีฬาพ้นื บา้ น และศิลปะการต่อสปู่ ้องกนั ตัว ๓. รำยละเอียดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัติความเป็นมาของขอ้ มลู การทา้ ไมก้ วาดดอกหญ้าเกดิ จากการน้าเอาความคิด ผสมผสานกบั จนิ ตนาการ บวกกับได้ประยุกต์วัสดุ ท่ีมีอยู่ในท้องถิ่นมาท้าเป็นไม้กวาดจากดอกหญ้า เป็นการดัดแปลงวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถ่ินให้เกิดประโยชน์และ สร้างรายได้โดยให้เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งเป็นการน้าวัตถุดิบท่ีอยู่ใกล้ตัว น้ามาดัดแปลงเป็นส่ิงของเคร่ืองใช้ ในครัวเรือนจากข้ันตอนการผลิตที่ง่ายๆ และค่อยพัฒนา ประยุกต์ใช้ตามวัสดุท่ีมีอยู่ พร้อมค้านึงถึงประโยชน์ของ การใช้สอย และท้าสืบทอดจากบรรพบุรุษ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งกรรมวิธีต่าง ๆ ที่มาจากกระบวนการและข้ันตอน การผลติ ลว้ นมาจากสตปิ ญั ญา และการใช้ภูมปิ ญั ญา ของบรรพบุรุษ ผลติ ภณั ฑ์ทไี่ ด้ และน้ามาใช้สอยกับชีวติ ประจา้ วนั ดอกหญ้าไม้กวาด หรือเรียกว่า“ดอกหญ้าก๋ง” จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้า มีล้าต้นตั้งตรง ล้าต้นแตกกอ คล้ายกอไผ่ ล้าต้นมีลักษณะทรงกลม แบ่งเป็นข้อปล้องชัดเจน ดอกหญ้าไม้กวาดเป็นพืชท่ีเกิดข้ึนเองตาม ธรรมชาติ อยู่ตามเชิงเขาหรือพื้นที่สูง ส่วนใหญ่จะเก็บได้ในช่วงเดือนธันวาคม–เมษายน ซึ่งช่วงท่ีดอกออกมาก ที่สุดจะอยู่ในช่วงต้นเดือนมกราคม และสามารถ เก็บเก่ียวเอาดอก กิ่งก้าน มาท้าเป็นไม้กวาด ท้าความสะอาด ภายในครัวเรอื น แม่บุญรอด ปิดทะเหล็ก ได้น้าวัตถุดิบท่ีใช้ท้าไม้กวาด จึงได้น้าความรู้ วิธีการท้าไม้กวาดดอกหญ้า มาเผยแพร่ให้กับคนในครอบครัว ญาติพ่ีน้องได้ท้าใช้ในครวั เรือน และขายให้กับคนในหมู่บ้าน และเม่ือมีผู้ผลิต มากขึ้น เหลือใช้ในครัวเรือนจึงน้าออกขายให้กับเพื่อนบ้าน ต่างหมู่บ้าน ต่างต้าบลและออกเป็นวงกว้าง นอกจากนั้นยังมีพ่อค้าต่างจังหวัดมารับซื้อเพื่อไปจ้าหน่าย ท้าให้เร่ืองการท้าไม้กวาดกลายเป็นอาชีพหลัก และเป็นอาชพี เสรมิ ของหลายครอบครวั สรา้ งรายได้ให้กบั ตนเอง เป็นอาชีพทที่ ้ารายได้ตลอดทัง้ ปี ลกั ษณะเดน่ ทีเ่ ปน็ อัตลักษณ์ของไม้กวาด - ไม้กวาดของทนี่ ่ี เม่ือไดร้ บั ดอกหญ้ามาแล้ว จะทา้ การคดั ดอกหญ้าอย่างพิถพี ิถัน จะไม่ใชด้ อกหญ้าที่แก่ เน่อื งจากหญ้าแกจ่ ะมีความแห้งและกรอบ จะทา้ ใหเ้ วลาใช้กวาดพน้ื ดอกหญา้ จะร่วงตกได้ - แต่ละข้ันตอนการมัดประกอบ ตอ้ งใช้ความชา้ นาญ - มีการสรา้ งลวดลายแบบดัง้ เดิมและแบบสมัยใหม่ ๓.2) ขัน้ ตอน/วิธีการ/ดา้ เนินการเกย่ี วกับข้อมูล อุปกรณ์การทา้ ไม้กวาดดอกหญา้ ๑. เขม็ เย็บกระสอบ ๒. เชือกฟาง ๓. ไมไ้ ผ่ ความยาวประมาณ ๘๐ ซม. ๔. ดอกหญา้ ๕. ตะปขู นาด ๑ นิ้ว จ้านวน ๒ ตัว

-512- ข้ันตอนการทา้ ไม้กวาด ๑.นา้ ดอกหญ้ามาทา้ ความสะอาดและตากแดดให้แห้งคดั เลือกเฉพาะดอกหญ้าท่ีมคี ุณภาพดี ไมแ่ ก่ ๒. น้าดอกหญ้าปรมิ าณ ๑ ก้ามือ มัดให้เป็นวงกลม ๓. นา้ เขม็ เย็บกระสอบ ซึ่งรอ้ ยเชือกฟางไว้แลว้ แทงเข้าตรงกลางมัดดอกหญ้า แล้วถกั ขึ้นลงแบบหางปลา ให้ได้ ๓ ชนั้ พร้อมจดั ดอกหญา้ ใหม้ ลี กั ษณะแบน ๔. ตัดโคนดอกหญ้าให้เสมอกัน ๕. นา้ ด้ามไม้ไผ่เจาะรูทหี่ ัวไว้สา้ หรบั ห้อยเชือก และเจาะรูตรงปลายน้ามาเสียบเข้าตรงกลางมัดดอกหญ้า ๖. นา้ เชือก หรือฟางมดั ดอกหญ้าไวด้ ว้ ยกัน โดยน้าเชือกมาสอดตรงรูที่เจาะ เพือ่ ปอ้ งกันไม่ใหด้ อกหญ้า หลุดออกจากกัน 7. ตอกตะปทู ีเ่ ตรยี มไว้ เพ่ือใหด้ อกหญา้ ติดกับดา้ มไม้ไผ่ และมีความแขง็ แรงขึ้น ** เคลด็ ลับท้าให้ไม้กวาดแข็งแรง ควรน้าดอกหญา้ ตากแดดให้แห้งสนทิ ก่อนมดั จะไดไ้ ม้กวาดที่มีความ แขง็ แรง ไม่หลุดง่าย เมือ่ ถงึ เวลาใชง้ าน ๔. ช่ือผู้ทถี่ ือปฏบิ ตั ิและผูส้ บื ทอด ๔.๑ ผ้ทู ่ถี ือปฏิบตั ิ ช่ือ นางบญุ รอด ปดิ ทะเหล็ก วนั เดอื น ปเี กดิ - ทีอ่ ยู่ หมู่ ๕ ตา้ บลปา่ กอ่ ดา้ อ้าเภอแม่ลาว จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๔ ๑๗๐ ๓๗๓๐ ๔.๒ ผู้สืบทอด ชอ่ื นักเรยี น กศน.ตา้ บลป่าก่อด้า วัน เดือน ปีเกดิ - ที่อยู่ อาคารเอนกประสงค์ หมู่ ๒ ต้าบลป่าก่อด้า อา้ เภอแม่ลาว จังหวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๘ ๒๒๕ ๒๕๓๓ 5. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ย่างแพร่หลาย  เส่ียงต่อการสูญหาย  ไม่มีปฏิบัตแิ ล้ว 6. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม คัดแยกดอกหญ้าก๋งท่แี ก่ออก แล้วน้าไปตากแดด ขึน้ โครงเพื่อต่อสว่ นหวั และดา้ มไม้กวดเขา้ ด้วยกนั สาธิตการทา้ ไมก้ วาดดอกหญ้า

-513- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕65 สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอเวยี งชยั จังหวัดเชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล ไม้กวาดดอกหญา้ เมืองชมุ ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบตั เิ ก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานชา่ งฝีมอื ดัง้ เดิม  การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพนื้ บ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตวั ๓. รำยละเอียดข้อมูล ๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของข้อมูล ดอกหญ้าไม้กวาด หรือเรียกว่า“ดอกหญ้าก๋ง” จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้า มีล้าต้นตั้งตรง ล้าต้นแตก กอคล้ายกอไผ่ ล้าต้นมีลักษณะทรงกลม แบ่งเป็นข้อปล้องชัดเจน ดอกหญ้าไม้กวาดเป็นพืชท่ีเกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติ อยู่ตามเชิงเขาหรือพ้ืนท่ีสูง ส่วนใหญ่จะเก็บได้ในช่วงเดือนธันวาคม–เมษายน ซึ่งช่วงท่ีดอกออกมาก ท่ีสุดจะอยู่ในช่วงต้นเดือนมกราคม และสามารถ เก็บเกี่ยวเอาดอก กิ่งก้าน มาท้าเป็นไม้กวาด ท้าความสะอาด ภายในครัวเรอื น ในชุมชนต้าบลเมืองชุม โดยกลุ่มอาชีพท่ีต้ังขึ้นเอง ในหมู่ ๑๑ ต้าบลเมืองชุม มีการรวมกลุ่มจัดท้าไม้ กวาดดอกหญ้าเพื่อเป็นการหารายได้เสริมอีกทางหน่ึงของชุมชน และเป็นการฝึกฝีมือและท้าอาชีพ ของกลุ่ม โดยใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีในท้องถิ่นของตัวเอง ปัจจุบันภูมิปัญญาชาวบ้านได้ก่อเกิดและสืบทอดกันมา ในชุมชนหมู่บ้าน เม่ือหมู่บ้านเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับสังคมสมัยใหม่ ภูมิปัญญาชาวบ้านก็มีการปรับตัว เช่นเดียวกัน ท้าให้วัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้มีการปรับเปล่ียนด้วยเช่นกันบางพ้ืนท่ี จากวัสดุด้ามที่เป็นไม้ไผ่เร่ิมมีการใช้ เป็นดา้ มพลาสตกิ ๓.๒) ข้นั ตอนวธิ กี าร/ดา้ เนนิ การเก่ยี วกบั ข้อมูล 1. ตัดกา้ นดอกหญา้ ทีย่ ังมีความเขียวอยู่ ด้วยการตดั ยาวประมาณ 80 เซนตเิ มตร จากนั้น น้ามาตาก แดดให้แห้งประมาณ 2-5 วนั ๒. น้ากา้ นดอกหญ้ามาฟาดหรือเข้าเคร่ืองเพื่อแยกปุยดอกออกให้หมด กอ่ นน้าไปตาก ๓. คดั เลอื กดอกหญา้ คดั ขนาดให้เท่ากนั แลว้ แตต่ ้องการความหนามาก หรือน้อย ๔. แบ่งดอกหญ้าเปน็ 3 ก้า มัดดว้ ยลวดให้แนน่ ๕. ทุบด้วยคอ้ นตรงรอยมดั ให้แบน ๖. ตดั ตรงโคนใหเ้ ปน็ รปู สามเหลยี่ ม ๗. นา้ ดอกหญ้าก้าท่ี 1 ใสใ่ นบล็อกพลาสตกิ จดั ใหแ้ ผ่ออก จากน้นั ใส่กา้ ที่ 2 และ 3 ๘. เย็บแบบเนาจนสดุ กา้ แลว้ เย็บยอ้ นกลับมาทจี่ ดุ เร่มิ ต้น ลนไฟปลายเชือกป้องกันเชือกหลดุ และ นา้ มาประกอบกบั ดา้ มจับ และหแู ขวน ตอกด้วยตะปเู ข็ม ตัดตกแตง่ ปลายดอกหญ้าให้สวยงาม ๙. ใชด้ า้ มพลาสตกิ ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร ตอกใสก่ ับตัวบล็อกแล้วตอกตะปู ขนาด 1 นว้ิ 2 ตวั เพื่อยดึ ดอกหญ้าที่ใส่บลอ็ ก กับดา้ มใหแ้ นน่ แลว้ ใสจ่ ุกทา้ ยสาหรับเป็นที่แขวนเป็นอันเสรจ็ ข้นั ตอน

-514- ๔. ชื่อผ้ทู ี่ถือปฏิบตั ิและผู้สืบทอด ๔.๑ ผทู้ ถี่ ือปฏบิ ัติ ชื่อ นางค้าเอย้ ยาชมุ ภู วนั เดอื น ปเี กิด 13 กันยายน 2495 ท่ีอยู่ 126 หมู่ 11 ตา้ บลเมอื งชมุ อา้ เภอเวยี งชัย จงั หวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผ้สู บื ทอด ชอ่ื - วนั เดือน ปเี กดิ - ท่ีอยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย  เสยี่ งตอ่ การสูญหาย  ไม่มปี ฏิบตั แิ ลว้ ๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-515- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี 2565 สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมลู ไม้กวาดดอกหญ้าและไม้กวาดทางมะพรา้ ว ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล  งานชา่ งฝีมอื ดงั้ เดมิ  การละเล่นพนื้ บา้ น กีฬาพ้ืนบ้าน และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตวั ๓. รำยละเอียดขอ้ มูล ๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มลู นางบัว เข่ือนค้าป้อ เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2498 ปัจจุบัน อายุ 67 ปี เป็นบุตร นายแสง – นางผง เขื่อนค้าป้อ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 6 บ้านดอยงาม ต้าบลดอนศิลา อ้าเภอเวียงชัย จังหวัด เชยี งราย ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ภาคเหนือมีวัสดุในการท้าไม้กวาดดอกหญ้าซ่ึงทางเหนือเรียกว่า “ก๋ง” หรือ “ดอกอ้อ” ท่ีทางภาคกลาง เรียกกัน การท้าไม้กวาดดอกหญ้าและไม้กวาดทางมะพร้าวเป็นอาชีพเสริมที่ นางบัว เข่ือนค้าป้อ สามารถท้า รายได้ให้แก่ตนเอง เพราะวัสดุในการท้านั้นเป็นวัสดุท้องถิ่นที่สามารถหาได้ง่าย แต่สามารถน้ามาเพิ่มมูลค่า ให้กลายเป็นสินค้าท่ีสร้างรายได้ในพื้นท่ีต้าบลดอนศิลา มีผู้ที่มีภูมิปัญญาในการท้าไม้กวาดดอกหญ้าและ ไม้กวาดทางมะพร้าวหลายท่าน และนางบัว เขื่อนค้าป้อ ก็เป็นหน่ึงในนั้นและได้เข้าร่วมกิจกรรม การถ่ายทอด ภูมิปัญญาให้แก่ลูกหลานเพราะเห็นว่าตนควรถ่ายทอดความรู้ที่มีอยู่ให้กับเด็กในพื้นที่ สร้างจิตส้านึก ในการรกั ษาภูมปิ ัญญาทีม่ ีอยใู่ นทอ้ งถิ่นแกเ่ ด็ก ๓.๒) ขั้นตอน/วธิ ีการ/ด้าเนินการเกีย่ วกบั ขอ้ มูล กำรทำไม้กวำดดอกหญ้ำและไมก้ วำดทำงมะพร้ำว วธิ กี ารถ่ายทอดโดยสังเขป ไม้กวาดเป็นอุปกรณ์ท่ียังจ้าเป็นต้องใช้ภายในครอบครัว ปัจจุบันบางบ้านได้น้าเคร่ืองดูดฝุ่นเข้ามา ใช้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบ้านและสถานที่ต่าง ๆ อีกจ้านวนไม่น้อยที่ต้องการใช้ไม้กวาด ดังนั้นการท้าไม้กวาด เพ่ือจ้าหน่ายจึงเป็นการเสริมรายไดอ้ ีกทางหนึ่งให้กับครอบครัวได้ อปุ กรณ์ 1. เขม็ เยบ็ กระสอบ 2. เชือกฟาง 3. ไม้ไผ่ ความยาวประมาณ 80 ซม. 4. ดอกหญา้ 5. ตะปู ชนาด 1 น้วิ จ้านวน 2 ตวั ขั้นตอนกำรทำไม้กวำด 1. น้าดอกหญา้ มาตากแดดใหแ้ หง้ 2. น้าดอกหญ้ามาตีหรือฟาดกับพื้น เพื่อให้ดอกหญ้าดอกเล็ก ๆ หลุดออกให้เหลือแต่ก้านเล็กๆ แกะ กา้ นดอกหญา้ ออกจากต้น นา้ มามัดรวมกนั ประมาณ 1 กา้ มือ

-516- 3. ใช้เชือกฟางหรือเชือกไนลอนสอยเข้ากับเข็มเย็บกระสอบ แล้วแทงเข้าตรงกลางมัดดอกหญ้า แล้วถักไปถักมาประมาณ 3-4 ช้ัน พร้อมทั้งจัดมัดดอกหญ้าให้แบนราบ ใช้มีดตัดโคน รัดดอกหญ้าท่ีถักแล้ว ให้เสมอเปน็ ระเบียบสวยงาม 4. ใช้ด้ามไม้ไผ่รวก เสียบตรงกลางหรืออาจจะใช้ต้นดอกหญ้า 8 - 10 ต้น มัดรวมกันแทนไม้ไผ่รวก กไ็ ด้ แลว้ ตอกตะปขู นาด 1 น้ิว 2 ตวั เพอ่ื ใหม้ ัดดอกหญ้ากับดา้ นใหแ้ นน่ 5. ใช้นา้ มนั ยางหรือชนั ผสมน้ามนั ก๊าดทา โดยใชแ้ ปลงจมุ่ และทาบรเิ วณทต่ี ัว ๔. ชอ่ื ผูท้ ี่ถือปฏิบตั ิและผู้สบื ทอด ๔.๑ ผู้ทถี่ อื ปฏบิ ัติ ชื่อ นางบัว เข่อื นคา้ ป้อ วัน เดอื น ปีเกิด 6 กมุ ภาพันธ์ 2498 ทีอ่ ยู่ 22 หมู่ 6 ต้าบลดอนศลิ า อา้ เภอเวียงชยั จงั หวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผสู้ บื ทอด ชอ่ื - วัน เดือน ปีเกิด - ท่อี ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เส่ียงต่อการสญู หาย  ไมม่ ีปฏบิ ตั แิ ล้ว ๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม

-517- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอพญำเมง็ รำย จงั หวดั เชียงรำย ๑. ช่ือข้อมลู สานสุม่ ไก่ ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏบิ ตั ิทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบตั ิเก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝมี ือด้ังเดมิ  การละเล่นพน้ื บ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกันตวั ๓. รำยละเอียดข้อมลู ๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมูล เดิมทีบ้านบ้านแม่ต้าน้อย คนส่วนใหญ่มีอาชีพเล้ียงไก่พ้ืนเมืองและปล่อยให้ไก่หากินเองยังไม่มีที่กักขัง ไมส่ ามารถควบคุมไก่ได้ ต้องปลอ่ ยใหไ้ ก่เดนิ หากินเพ่นพ่านไปยงั บ้านหรอื อาณาเขตของคนอืน่ ต่อมาเม่อื จา้ นวน ไก่มากขึ้นชาวบ้านจึงคิดหาวิธีการว่าจะท้าอย่างไรให้มีท่ีกักขังไก่เพ่ือควบคุมไม่ให้ไก่เพ่นพ่านไปยังบริเวณบ้าน ของคนอ่ืน จึงมีความคิดว่าต้องหาไม้เพ่ือน้ามาสานท้าเป็นรูปลักษณะกรง สานไขว้ให้คงทนถาวรเพื่อให้กักขัง ไก่ เมื่อท้าแล้วได้ใช้ประโยชน์ คนส่วนใหญ่จึงนิยมน้าไม้มาจักสานเพ่ือท้าเป็นกรงขังไก่ และมีชื่อเรียกว่า “สุ่ม ไก่” โดยเห็นว่าเป็นวิธีการท่ีประหยัดค่าใช้จ่ายและเป็นงานที่ท้าด้วยมือทุกขั้นตอน ท่ีควรต้องอนุรักษ์ ส่งเสริม แ ล ะ สื บ ท อ ด ม ร ด ก ภู มิ ปั ญ ญ า ง า น ช่ า ง ฝี มื อ ด้ั ง เ ดิ ม นี้ ไ ว้ ใ ห้ ค น รุ่ น ห ลั ง ไ ด้ สื บ ท อ ด วิ ธี ก า ร ท้ า แ ล ะ ตอ่ ยอดสรา้ งรายไดใ้ หก้ บั ครอบครัวและชมุ ชนได้อย่างพอเพยี ง ๓.๒) ข้ันตอน/วิธกี าร/ด้าเนินการเก่ยี วกบั ขอ้ มลู ข้นั ตอนการสานสุ่มไกม่ วี ิธีการ ดงั นี้ 1. คัดเลอื กไม้ไผ่ที่มลี ักษณะล้าตรงและมีเน้ือไม้ท่ีแกแ่ ขง็ แรง 2. ตัดไม้ไผน่ า้ มาผา่ และเหลาเปน็ เส้นๆ ใหม้ ขี นาดเทา่ น้วิ มือ 3. น้าไม้ไผท่ ผี่ า่ และเหลา มาสานแบบขดั กันให้มขี นาดและดัดเปน็ รปู ทรงกลม 4. นา้ ส่มุ ไกท่ ส่ี านแลว้ มาใช้ประโยชน์ขังไก่ หากสานไดจ้ ้านวนมาก กน็ า้ มาจ้าหนา่ ยให้กับผทู้ ี่สนใจ เปน็ การสร้างรายได้ใหก้ ับครอบครวั และชุมชนไดเ้ ป็นอยา่ งดี ๔. ช่อื ผูท้ ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผู้สืบทอด ๔.๑ ผทู้ ่ีถือปฏบิ ัติ ช่ือ นายศรี มินทะขัติ วนั เดอื น ปีเกดิ 5 เมษายน 2482 ทอ่ี ยู่ บา้ นแมต่ ้าน้อย หมู่ 1 ต้าบลแม่ตา้ อ้าเภอพญาเมง็ ราย จังหวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผู้สบื ทอด ชื่อ นายสรวชิ ญ์ มินทะขตั ิ วัน เดอื น ปีเกดิ 27 มกราคม 2514 ที่อยู่ บ้านแม่ตา้ น้อย หมู่ 1 ต้าบลแมต่ า้ อา้ เภอพญาเม็งราย จังหวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ -

-518- ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัตอิ ย่างแพร่หลาย  เสย่ี งต่อการสญู หาย  ไม่มีปฏบิ ตั ิแลว้ ๖. รูปภำพภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-519- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอแมส่ ำย จงั หวัดเชยี งรำย ๑. ช่ือข้อมลู เสื่อกก ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัติเก่ยี วกบั ธรรมชาติและจักรวาล  งานช่างฝีมือดง้ั เดมิ  การละเล่นพ้ืนบ้าน กีฬาพืน้ บา้ น และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกันตัว ๓. รำยละเอียดขอ้ มลู ๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของข้อมูล นับต้ังแต่พี่น้องไตหย่าได้เดินทางจากประเทศจีนเข้ามาอาศัยอยู่ ณ หมู่บ้านป่าสักขวาง ต้าบลแม่ไร่ อ้าเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยเริ่มต้ังแต่ 6 ครอบครัว ต่อมาระยะหลังได้มีอีกหลายครอบครัวเดินทาง มาเพ่ือจะเข้ามาอยู่ท่ีป่าสักขวาง แต่ก็ถูกปล้นกลางทางหลายครอบครัว ต้องกระจัดกระจายกันไป หนีกลับถิ่น เดิมเสียก็มี 4 ครอบครัวทีเ่ ขา้ มาอยู่ในประเทศไทย คอื 1. ครอบครวั ลุงใส่ อา่ นแตน่ 2. ครอบครัวลุงหลวง นางไอ 3. ครอบครวั ลุงจาย นางไอ 4. ครอบครวั ลงุ แกว้ นางอ่า ทั้ง 4 ครอบครัวนี้ได้หลบหนีไปพักอยู่ท่ีบ้านปุ่นซาน ประเทศจีนต้องพักท่ีนั่นถึง 4 คืน ในระหว่าง ที่พักอยู่ท่ีบ้านปุ่นซานน้ัน เขาได้เที่ยวไปมาในแถบน้ัน ไปพบต้นกก คิดว่าคงจะเป็นประโยชน์แน่ ลุงจาย จึงขุด ใส่กระบอกไม้ติดตวั มา 3 ต้น ก็เดนิ ทางเขา้ มาเมืองไทยทีบ่ ้านป่าสักขวางในปี พ.ศ. 2478 นา้ ต้นกกไปเพาะช้า ไว้ประมาณ 3 ปี ก็ตัด คัด ตากและน้ามาทอเป็นผืนเส่ือเพื่อใช้เองและน้าไปขายบ้าง เส่ือกกได้แพร่ขยายพันธ์ ออกไปตามหมู่บ้านใกล้เคียงและทั่วไปจนถึงทุกวนั น้ี (คดั จากหนังสือ 60 ปี คริสตจกั รไทยสมัครบ้านป่าสักขวาง 26 ธนั วาคม 1992) ในปจั จุบนั การท่อเส่ือกก ยงั คงท้าเป็นอาชีพเสริมภายในหมูบ่ ้าน และหมู่บ้านใกล้เคยี ง ยงั คงทอ่ เสื่อกก เป็นผืน ใช้ปูนั่ง หรือนอนเล่น และมีการเพิ่มมูลค่าโดยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อ่ืน ๆ เช่น ที่รองจานข้าว รองแกว้ น้า และประดิษฐ์ดอกไม้ หรืออ่ืน ๆ อกี มากมาย ๓.๒) ขัน้ ตอน/วิธกี าร/ดา้ เนินการเก่ียวกับข้อมูล -

-520- ๔. ชื่อผูถ้ ือปฏบิ ัติและผู้สืบทอด 4.1 ผู้ที่ถอื ปฏบิ ัติ ชอ่ื ประชาชนในหมบู่ า้ น ปราชญ์ชมุ ชน วัน เดือน ปเี กดิ - ทอ่ี ยู่ บา้ นฮอ่ งแฮ่ หมู่ 4 ต้าบลห้วยไคร้ อา้ เภอแมส่ าย จงั หวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 091 072 1688 ๔.๒ ผูส้ ืบทอด ชือ่ เดก็ นกั เรยี น และเยาวชน บคุ คลทั่วไป วนั เดือน ปีเกิด - ท่ีอยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัตอิ ย่างแพรห่ ลาย  เสย่ี งตอ่ การสูญหาย  ไมป่ ฏบิ ัติแล้ว ๖. รปู ภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม รูปแบบดัง้ เดิม ท่ีรองจาน ตงุ ดอกไม้จากเส่อื กก

-521- แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี 2565 สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย อำเภอดอยหลวง จังหวดั เชยี งรำย 1. ช่ือข้อมูล เส่ือกกบ้านป่าลัน ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบตั ิทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏิบัติเก่ยี วกับธรรมชาติและจักรวาล  งานชา่ งฝีมือด้งั เดมิ  การละเลน่ พนื้ บา้ น กีฬาพน้ื บา้ น และศลิ ปะการต่อส่ปู ้องกันตวั 3. รำยละเอียดข้อมูล 3.1) ประวตั คิ วามเป็นมาของข้อมูล กลุ่มแม่บ้านทอเส่ือกกบ้านป่าลัน เป็นกลุ่มทอเสื่อกกที่สืบทอดภูมิปัญญาจากรุ่นพ่อแม่ ซ่ึงอพยพมา จากแถบจังหวัดกาฬสินธ์ุ และจังหวัดมหาสารคาม เมื่อปี พ.ศ. 2555 นางรุ่งอรุณ ไชยสีหา ได้เล็งเห็น ความสา้ คัญของภูมปิ ัญญา และเห็นวา่ ต้นกกซึ่งเป็นวตั ถุดบิ ท่ีมใี นชุมชนอยู่แล้ว นางรงุ่ อรุณจึงได้คิดผลิตทอเสื่อกก ขายให้แก่คนในชุมชน และชุมชนใกล้เคียง เพ่ือท้าให้มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ก่อให้เกิดรายได้ และส่งเสริมให้เกิดงานในชมุ ชน เพื่อขอค้าแนะน้าในการจดทะเบยี นผลติ ภณั ฑ์ OTOP และได้ ผ่านการอบรม KBO ทา้ ใหร้ ู้จักวธิ ีการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ให้ไดม้ าตรฐาน การวางแผนบริหารจดั การในกลุ่ม รวมถงึ ได้รับการส่งเสริมสนบั สนนุ จากศนู ยพ์ ฒั นาฝมี ือแรงงาน และศูนย์การศึกษานอกโรงเรยี นอ้าเภอดอยหลวง ซึ่งได้ พาไปอบรม ศึกษาดูงานกลุ่มทอเสื่อในชุมชนอื่น เพื่อฝึกทักษะ เรียนรู้กระบวนการผลิตให้เกิดความเช่ียวชาญ พัฒนาฝีมือในการผลิต ปจั จุบันทางกลุ่มได้คิดหาวิธพี ัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ไดร้ ูปแบบที่หลากหลายตรงกับความต้องการ ของตลาด รวมถงึ รสนยิ มของผบู้ ริโภค 3.2) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ด้าเนินการเกย่ี วกับขอ้ มลู 1. ตัดตน้ กก ในระยะท่ยี ังไม่แก่ สงั เกตจากดอกตน้ กกจะมสี เี ขยี ว 2. ผ่าต้นกกออกเป็นเสน้ ประมาณ 4-6 เสน้ ตามจ้านวนทีต่ อ้ งการผลิต 3. นา้ ไปตากแดดใหแ้ ห้ง สงั เกตเม่อื ตน้ กกแหง้ แลว้ จะเปลย่ี นสเี ป็นสีขาว 4กา้ หนดความกว้างของเส่ือทต่ี อ้ งการทอ แลว้ นา้ เส้นกกไปตัดใหไ้ ด้ขนาดที่ต้องการ 5. น้าต้นกกไปย้อมสีเคมี โดยเติมน้า 5 ลิตร ต่ออัตราส่วนสีย้อม 1 ซอง ต้มน้าให้เดือด น้าเส้นกกจุ่ม ลงในน้าสีย้อมกกเปน็ เวลา 1-2 นาที จากนั้นน้ามาผ่ึงในท่รี ม่ ให้แหง้ 6.ใช้เชือกในลอ่ นขนาดเลก็ ทา้ เป็นโครงขนาดความกวา้ งของเส่อื เพ่ือเตรียมจะทอเป็นผืนเสอ่ื ซง่ึ ขนาด ความกว้างและความยาวของเส่อื ขึ้นอยกู่ บั ความกว้างของเส้นกก และขึงไหมด้งั บนก่ที อให้ตงึ 7. น้าเส้นกกท่ีแห้งแลว้ มาทอเป็นผืนเสือ่ โดยวิธีการสอดเส้นกกสลับบนลา่ ง และใช้ฟืมควบคุมการทอ ใหไ้ ด้ตามขนาดความยาวที่ตอ้ งการ 8. เม่ือได้ขนาดความยาวที่ต้องการแล้ว ให้ตัดเชือกในล่อนท่ีขึงไว้เป็นโครงทอเสื่อออกแล้วผูกปลาย เชอื กตรงเสอื่ ท่ีทอ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ สน้ กกหลุดออกจากกนั 9. ตัดปลายขอบของเส้นกกและเชอื กท่ีเหลอื จากการทอท้ิง

-522- 4. ชื่อผทู้ ถ่ี อื ปฏิบัตแิ ละผู้สืบทอด 4.1 ผ้ถู อื ปฏิบตั ิ ชื่อ นางถนอม สบื พลาย วัน เดือน ปเี กิด 16 เมษายน 2521 ที่อยู่ 173 หมู่ 5 ตา้ บลปงน้อย อ้าเภอดอยหลวง จงั หวดั เชียงราย หมายเลขโทรศพั ท์ 087 711 1893 4.2 ผูส้ ืบทอด ชือ่ นางรุ่งอรุณ ไชยสหี า วัน เดอื น ปเี กิด 19 ธนั วาคม 2523 ที่อยู่ 34 หมู่ 5 ต้าบลปงน้อย อา้ เภอดอยหลวง จังหวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศพั ท์ 085 710 6762 ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอยา่ งแพรห่ ลาย  เสย่ี งตอ่ การสญู หาย  ไม่ปฏิบัตแิ ลว้ ๖. รูปภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม

-523- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอพญำเม็งรำย จงั หวัดเชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมลู เยบ็ หมวกสาน บา้ นศรีชุม ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏบิ ัติทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏิบัตเิ กยี่ วกับธรรมชาติและจกั รวาล  งานชา่ งฝีมือดัง้ เดมิ  การละเล่นพน้ื บ้าน กีฬาพืน้ บ้าน และศิลปะการตอ่ สู่ป้องกันตัว ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มลู การท้าเคร่ืองจักสานในชนบท สมัยก่อนชาวบ้านมีการท้าสืบต่อกันมามนุษย์น้าวัตถุดิบจากธรรมชาติ เท่าที่จะหาได้ใกล้ตัวมาท้าให้เกิดประโยชน์ต้นไม้บางชนิดสามารถน้ามาใช้ประโยชน์ได้อย่างมาก เช่น ต้นไผ่ หรือไม้ไผ่ มนุษย์สามารถนา้ มาจักสานท้าใหเ้ ปน็ เส้นเปน็ ริ้วเพ่ือความสะดวกของการเอามาสานเอามาถัก น้ามา เย็บเป็นหมวกสาน ใช้ส้าหรับสวมใส่กันแดด กันฝนในการไปประกอบอาชีพ ซึ่งถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาของคน สมยั ก่อนท่ีถา่ ยทอดให้คนรุ่นหลังได้เรยี นรู้กันมาก กลุม่ แม่บ้านบ้านศรชี ุม หมู่ 10 ไดเ้ ลง็ เห็นถึงความสา้ คัญของ ภูมิปัญญาที่มีมาแต่โบราณและเพื่อสืบทอดมรดกภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนไม่ให้สูญหายไป จึงได้รวมกลุ่มกัน จัดต้ังกลุ่มพัฒนาสัมมาชีพชุมชนระดับหมู่บ้าน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ชื่อว่า “กลุ่มเย็บหมวก สาน” และได้รวมตัวกันออกแบบลวดลายของหมวกขึ้นมาใหม่ใหม้ ีความสวยงามและหลากหลาย ทันสมัยต่อผู้ พบเห็นตอบสนองความต้องการให้กลุ่มลูกค้าให้มีทางเลือกว่าต้องการรูปแบบไหน ลวดลายแบบใด อีกท้ัง สามารถผลิตเพื่อวางจ้าหน่าย เป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์ประจ้าหมู่บ้านเพื่อต่อ ยอดเศรษฐกิจฐานรากให้กับคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี และเป็นการรักษาวัฒนธรรมศิลปะงานช่างฝีมือไว้ไม่ให้ สูญหาย ๓.๒) ข้นั ตอน/วิธกี าร/ดา้ เนินการเกีย่ วกับขอ้ มลู 1. เตรยี มไมไ้ ผ่ (ไม้บงเหนียว) น้ามาผ่าแลว้ จักสอยเปน็ เส้นตอกขนาดเทา่ ๆ กันประมาณ 1-2 มลิ ลิเมตร 2. น้าเสน้ ตอก 7 หรอื 9 เสน้ มาถักสานไขว้กนั เหมอื นลกั ษณะถักเปีย ตามความยาวทต่ี ้องการ ส่วนน้ี เรียกว่า “โค้งหมวก” 3. น้าเส้นโค้งหมวก มาเย็บเป็นหมวกขนาดต่าง ๆ แล้วตกแต่งโดยกุ๊นขอบหรือประดับด้วยไม้ไผ่ท่ีถัก เป็นเสน้ ชบุ สีหรือใช้ผา้ สตี ่าง ๆ มาตกแตใ่ ห้สวยงาม การสานหมวกดว้ ยวัสดธุ รรมชาติ (ไม้ไผ่) เปน็ การสบื ทอดมรดกภูมิปัญญามาจากบรรพบุรุษ ไมท้ ่ีน้ามา จักสานยาว 1 วา ถงึ 10 วา ในการเย็บ ถา้ จา้ นวนไม่มากกลุ่มก็จะเย็บด้วยมอื เป็นสว่ นใหญ่ ๔. ชื่อผ้ทู ี่ถือปฏิบตั แิ ละผูส้ ืบทอด ๔.๑ ผทู้ ่ีถือปฏบิ ตั ิ ชือ่ กลมุ่ เยบ็ หมวกสาน บ้านศรชี มุ หมู่ 10 วัน เดอื น ปเี กดิ จดั ต้งั เม่ือวนั ท่ี 31 มนี าคม 2557 ทอี่ ยู่ 46 หมู่ 10 ตา้ บลไม้ยา อ้าเภอพญาเมง็ ราย จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 063 109 3228

๔.๒ ผสู้ ืบทอด -524- ชือ่ วนั เดือน ปเี กิด กลมุ่ เยบ็ หมวกสาน บา้ นศรชี ุม หมู่ 10 ที่อยู่ จดั ต้งั เมอ่ื วนั ท่ี 31 มีนาคม 2557 หมายเลขโทรศัพท์ 46 หมู่ 10 ต้าบลไม้ยา อ้าเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย 063 109 3228 ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอยา่ งแพร่หลาย  เสี่ยงต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏิบตั แิ ลว้ ๖. รูปภำพภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม

-525- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี 2565 สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอเชยี งแสน จังหวัดเชียงรำย 1. ชื่อข้อมูล ซ้าหวด 2. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บา้ นและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝีมือด้ังเดิม  การละเลน่ พ้นื บา้ น กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการต่อสูป่ ้องกนั ตัว 3. รำยละเอยี ดขอ้ มูล 3.1 ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมลู ซ้าหวด หมายถึง เครื่องจักสานพื้นบ้านล้านนา ใช้ใส่เข้าหม่า หรือข้าวเหนียวที่แช่น้าไว้เพื่อล้างให้หมด กลิ่นก่อนจะน้าไปนึ่ง ทก่ี น้ ของซา้ หวดจะมีไม้กลม 2 อนั วางขัดเปน็ กากบาททมี่ ุมท้ังส่เี พ่ือช่วยรับน้าหนัก และเสริม ความแข็งแรงอีกข้ันหน่ึง รูปทรงของซ้าหวดนี้อาจจะต่างกันไปบ้าง คือบางคนอาจสานเป็นทรงป้อม หรือบางคน อาจสานเป็นทรงกระบอกปากผายตี่เหมือนกันก็คือ ตอกที่ใช้มีขนาดความกว้างประมาณ 4 มิลลิเมตร ตอกที่ใช้สารจะใช้ทีละ 2 เส้น ขึ้นรูปก้นเป็นลายสอง ลายสานจะให้มีช่องว่างเล็กน้อยเพ่ือจะให้น้าไหลผ่าน ไดส้ ะดวก ในสว่ นตวั ซ้าหวด จะใช้ตอกท่ีน้ามาข้ึนลายโดยตอกสานใชส้ านเรียงทีละ 1 เส้น สว่ นตอกซังจะใช้ทบกัน 2 เส้น และลายตัวของซ้าหวดจะสานให้ชิดติดกันเพ่ือไม่ใช้ข้าวสานที่ล้างหลุดออกมาได้ พอสานถึงระดับของแล้ว จะใชต้ อกกลมเส้นเล็ก ๆ สานประมาณ 6-7 เสน้ สานให้ลายชิดตดิ กนั เพ่ือเป็นการเสรมิ ขอบปากใหม้ ีความแข็งแรง จากนั้นจึงเก็บปลายตอก โดยบิดตอกซังใหเ้ ป็นเกลียวแล้วพับสอดปลายลงไปในบรเิ วณลายทสี่ านเป็นขอบปากซา้ หวด หรือ ซ้า มีใช้กันท่ัวไปในภาคเหนือตอนบน คือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ล้าพูน ล้าปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ตาก สานด้วยตอกไม้ไผ่ โดยทั่วไปใช้ไผ่เรี้ย หรือ ไผ่บง การใช้ตอกเรี้ยและตอกบง มีข้อดีข้อเสียต่างกัน หวดท่ีสานด้วยไผ่เรี้ยจะมีความเหนียว ยืดหยุ่นอ่อนตัวได้ดี เวลาบีบปากหวดจะอ่อนตัว ตามไม่หัก ส่วนหวดท่ีสานด้วยไผ่บงมีความแข็งแรงกว่า ข้อเสียคือหักง่าย ส่วนใหญ่นิยมใช้หวดที่ท้าด้วยไผ่บง มากกว่า ลักษณะของหวดส่วนที่เป็นก้นจะสานให้ตาห่างกันพอเมล็ดข้าวสารไม่หลุดลอดออกได้ มีมุม 4 มุม ส่วนล้าตัวของหวดจะเป็นทรงกลม ปากผายออกกว้างกว่าส่วนก้น ขนาดของหวดมีตั้งแต่ 20 เซนติ เมตรไป จนถึง 40-50 เซนติเมตร 3.2 ขนั้ ตอน วธิ กี ารด้าเนินการเกยี่ วกับข้อมลู 1) น้าไม้ไผ่มาจักเป็นตอก 3 ขนาดตามยนื ประมาณ 6 มิลลิเมตร 2) ตอกสานตามขวาง 3-4 มลิ ลิเมตร และตอกไพ 2 มลิ ลิเมตร 3) ใช้ตอกใหญ่ ก่อกน้ ด้วยตอกสองเส้นคกู่ นั ท้าลายสอง 4) ใชไ้ มเ้ สียบแยงมุม สานกันเกย้ี วขน้ึ ดว้ ยลายทาน สานสูงตามความตอ้ งการ 5) ใชต้ อกไพ สองเสน้ ทา้ หน่งึ รอบขัดกนั ไปมาสงู ประมาณ 5 เซนติเมตร แลว้ เก็ยรายละเอยี ด

-526- ๔. ช่ือผูท้ ่ีถือปฏิบัติและผ้สู บื ทอด ๔.๑ ผ้ทู ่ถี ือปฏิบตั ิ ช่ือ นายยืน ยั่งยืน วนั เดือน ปเี กดิ - ท่ีอยู่ 411 หมู่ 13 ตา้ บลศรีดอนมูล อ้าเภอเชียงแสน จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ - ๔.๒ ผู้สืบทอด ชื่อ - วนั เดือน ปีเกดิ - ทอี่ ยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั อิ ย่างแพรห่ ลาย  เสยี่ งต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏบิ ตั แิ ล้ว 6. รูปภำพปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม

-527- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชียงรำย ประจำปี 2565 สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอดอยหลวง จงั หวดั เชียงรำย 1. ช่ือข้อมูล ผ้าอิว้ เม่ียน ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏิบัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบตั เิ ก่ยี วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝีมือดง้ั เดิม  การละเลน่ พ้ืนบ้าน กีฬาพนื้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกันตัว ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของขอ้ มูล สมัยก่อนชาวอิ้วเมี่ยน หรือชนเผ่าเย้า จะตัดเย็บเคร่ืองแต่งกายไว้ใช้เองในครัวเรือนและในชีวิตประจ้าวัน หญิงชาวอ้ิวเมี่ยนจะทอผ้าใช้เอง โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการปลูกฝ้าย ปั่นด้าย ทอผ้า และน้ามาตัดเย็บ และ ปักลวดลาย ผู้หญิงอิ้วเมี่ยนทุกคนจะต้องหัดปักผ้าต้ังแต่อายุ 8 ขวบ พอเริ่มเป็นสาวรุ่นอายุ 13 - 14 ปี ก็จะ ปักลวดลายส้าหรับตัวเองเพ่ือให้มีเครื่องนุ่งห่มใช้ในชีวิตประจ้าวันและมีชุดส้าหรับสวมใส่ไปร่วมในงานต่าง ๆ ชุมชนอิ้วเม่ียนมีค่านิยมและความเชื่อกันว่าผู้หญิงเมี่ยนทุกคนต้องปักผ้าได้ หากปักไม่ได้บุคคลอื่นจะดูถูก การปักผ้าแสดงถงึ ความขยันและความเอางานเอาการของสตรเี มยี่ น ซึง่ จะทา้ ให้บรุ ุษเย้าให้ความสนใจตน การสืบทอดการปกั ผ้าของชาวเม่ียน ทา้ โดยมารดาสอนให้แกบ่ ุตรสาวตามความพร้อมของ แต่ละบุคคล โดยการสังเกตและไต่ถามผู้รู้ แล้วฝึกด้วยตนเอง มีการแลกเปล่ียนลวดลายกับผู้อื่น ท้าให้เกิดลวดลายใหม่ ๆ การปักผ้าทอของชาวเมี่ยนจึงนับได้ว่าเป็นกระบวนการสืบทอดศิลปะที่ผู้สอนใช้วิธีสอนแบบปากเปล่า และ การสาธิต ผู้เรียนใช้วิธีการสังเกต และลงมือปฏิบัติโดยฝึกประสบการณ์ด้วยตนเอง จนเกิดความช้านาญ ในสมัยอดีตที่ยังมีการปลูกฝ้าย ปั่นด้ายด้วยตนเองอยู่จะต้องน้าฝ้ายที่ได้ มาท้าการย้ อมสี แต่ปัจจุบัน ชาวอิ้วเมี่ยนจะนิยมใช้ผ้าฝ้ายส้าเร็จรูปท่ีย้อมด้วยสีธรรมชาติ เน่ืองจากสะดวก ประหยัดเวลา และมีราคา ไม่แพง ซึ่งผ้าฝ้ายท่ีกลุ่มปักลายอิ้วเม่ียนน้ามาใช้ส้าหรับตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะเป็นผ้าฝ้ายย้อมสี ธรรมชาตทิ ีม่ าจากประเทศจนี และสามารถหาซ้ือไดจ้ ากรา้ นขายผา้ ทว่ั ไป ๓.๒) ขน้ั ตอน/วธิ ีการ/ดา้ เนินการเกี่ยวกบั ขอ้ มูล การปักผ้าของชาวอิ้วเมี่ยนท่ีมีความเปน็ อัตลกั ษณ์ และเอกลักษณ์แตกตา่ งจากการปักผ้าของชาติพันธุอ์ ่ืน ๆ คือ การปกั ผา้ จากด้านหลงั ผ้าข้ึนมายังด้านหน้าของผา้ เม่ียน จงึ ต้องจบั ผา้ ใหด้ ้านหน้าคว่้าลง ลวดลายของผ้าจะ ปรากฏอยู่ด้านหลัง การปักผ้าจะปักคล้ายแบบครอสติส เป็นกากบาทไขว้โดย ๑ กากบาท จะเรียกว่า ๑ ดอก ส่วนทิศทางการปักจะเริ่มจากการปักหลังขึ้นมาข้างหน้า (ด้านที่แสดงลายผ้า) พันกัน และมีการเก็บปมและ ซ่อนรอยต่อของเส้นด้ายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ท้าให้เกิดเป็นลักษณะพิเศษของผ้าปักเมี่ยน คือ มีความ งามท้ังสองด้าน ไม่เหมือนกับการปักผ้าแบบอ่ืน ๆท่ีด้านหลังเส้นด้ายจะพันกันและมีความสวยงามเพียง ด้านหน้าด้านเดียวสีท่ีใช้ในการปักผ้าของชาวอิ้วเม่ียน แต่เดิมจะมีอยู่ ๕ สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีน้าเงิน สีเขียว และสขี าว แต่ในปัจจุบนั ชาวเมี่ยนมีการใชส้ ี ในการปกั ผา้ เพิ่มมากขึ้น แล้วแต่ลวดลายที่ปกั

-528- ๔. ชอื่ ผทู้ ี่ถือปฏิบตั ิและผูส้ บื ทอด ๔.๑ ผู้ที่ถือปฏบิ ตั ิ ชือ่ นางสาวมานิตา กนั ทะวงศ์ วัน เดือน ปเี กดิ 27 มกราคม 2526 ท่อี ยู่ 91 หมู่ 10 ต้าบลโชคชยั อา้ เภอดอยหลวง จงั หวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 086 118 7206 ๔.๒ ผู้สืบทอด ชื่อ - วัน เดือน ปเี กดิ - ที่อยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถานะการคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย  เสีย่ งต่อการสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบัตแิ ล้ว ๖. รูปภาพภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม/กิจกรรมทางภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม

-529- แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕ สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย อำเภอปำ่ แดด เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล ผ้าไหมทอมือบ้านวงั ศลิ า ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ัติเกยี่ วกับธรรมชาติและจักรวาล  งานช่างฝมี ือดัง้ เดิม  การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพ้ืนบา้ น และศลิ ปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของข้อมูล กลุ่มทอผ้าไหมบ้านวังศิลา ต้าบลสันมะค่า อ้าเภอป่าแดด จังหวัดเชียงรายได้มีการเพาะเล้ียงไหม พันธ์ุผสมระหว่างพันธ์ุทับทิมสยาม และพันธุ์ไทยวนาสวรรค์ ซ่ึงได้รับการสนับสนุนจากศูนย์หม่อนไหมเฉลิม พระเกียรติจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นพันธ์ุท่ีเลี้ยงง่าย ให้ผลผลิตสูง มีความต้านทานต่อโรคสูง และกลุ่มทอผ้าไหมได้มี การพัฒนาลวดลายอย่างหลากหลาย ผ้าไหมมัดหมี่ทอมือบ้านวังศิลา ได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ใช้วตั ถุดิบหลักจากธรรมชาติ และการทอด้วยมือ ทีใ่ ชค้ วามประณีต ใหไ้ ด้มาซ่งึ ผืนผ้าและลวดลายอันสวยงาม ซึ่งเป็นทชี่ ่ืนชอบของบคุ คลทั่วไปอยเู่ สมอ ลวดลายที่มาจากวิถีชีวิตประจาวัน บ้านวังศิลา ตาบลสันมะค่า อาเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย ส่วนใหญ่จะมีวิถีชีวิตท่ีใกล้ชิดกับธรรมชาติ และมีความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค ดังนั้น ลวดลายในการทอผ้าไหม มัดหมี่ของชาวบ้านวังศิลา จึงสร้างสรรค์จากส่ิงใกล้ตัวท่ีพบเห็น เช่น สามารถนามาสร้างสรรค์ให้เป็นผ้าไหม มัดหม่ี ภายหลงั จากน้ันไดค้ ิดลวดลายตา่ ง ๆ เพื่อเพม่ิ ความสวยงามใหแ้ ก่ผ้า โดยรูปแบบของลวดลายไดม้ าจาก สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ เช่น ลายดอกแกว้ ลายไทย ลายนาคตน้ สน ลายก้างปลา ๓.๒) ขน้ั ตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเกยี่ วกับข้อมลู วัสดอุ ุปกรณแ์ ละอุปกรณ์ 1. กง เป็นเคร่อื งมือส้าหรับใส่ไหมทีเ่ ป็นปอย (ไน) แล้วน้าไปกรอใส่ใน 2. อัก ใช้คู่กบั กงจะรบั เสน้ ไหมจากกงมาใส่ไวใ้ น 3. หลา, ไน หรือเครื่องกรอหลอด 4. หลอดกรอไหม ใช้ส้าหรับใส่เส้นไหม 5. ฮัง (ท่เี สยี บหลอด) เป็นท่เี ก็บหลอดกรอไหม 6. กา้ นสวย (กระสวย) ใชค้ ูก่ ับหลอด 7. กีท่ อผา้ หรอื กี่กระตุก เป็นเครอื่ งมอื ท่ีใช้ส้าหรบั ทอผ้าให้เป็นผนื สา้ เรจ็ ออกมา 8. ฟมื (ฟันหว)ี เปน็ เครื่องมือท่ใี ชส้ ้าหรับแยกเส้นไหมยืนให้ออกจากกัน 9. ตะกอ ท้าจากเส้นด้ายปา่ น ท่ีมีความแข็งแรง เหนียวแน่น ทา้ หน้าทย่ี กเสน้ ไหมใหข้ ึ้นลง 10. กรรไกร ใช้สา้ หรับตดั ตกแต่งผ้าไหม 11. ผงั ใชส้ ้าหรบั ตงึ ริมผา้ ใหเ้ สมอกัน มีลักษณะเป็นไม้ยาวเทา่ กับความกว้างของผา้

-530- ขั้นตอนกำรผลติ ผำ้ และผลติ ภณั ฑ์จำกผ้ำ เมื่อทา้ การฟอกไหมเพ่ือลอกกาวโปรตีนที่เกาะเส้นใยตามธรรมชาติออก แล้วจะคลอ้ งเส้นไหมใส่กงแล้ว ถ่ายเส้นไหมไปพันรอบอัก ตั้งอักถ่ายเส้นไหมพันรอบหลัก ค้นหมี่ หรือเคร่ืองโยกหมี่ซ่ึงมีความกว้างสัมพันธ์กับ ความกว้างของฟืมที่ใช้ทอผ้า นับ จ้านวนเส้นไหมให้เป็นชุด แต่ละชุดมีจ้านวนเส้นไหมสัมพันธ์กับลาย (จ้านวนล้า) ขนาด ของลายจ้านวน 1 ล้า เมื่อปรากฏบนผืนผ้าท่ีทอแล้วเสร็จจะเท่ากับ ความยาว 2.8-3.3 มิลลิเมตร โดยเฉลี่ย 3 มิลลเิ มตร การออกแบบลายมดั หมี่ให้มีทศิ ทางของลายและ ขนาดของลาย สามารถท้าได้ 2 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ ขั้นตอนท่ี 1 การค้นหม่ี เป็นการเตรียมเส้นพุ่งโดยการค้นหมี่ท่ีเครื่องโยก หม่ี (บางท้องถิ่น เรียกว่า โฮงค้นหมี่ โฮงโยกหมี่) ซ่ึงเส้นไหมในหน่ึงรอบจะมีความ ยาวเท่ากับหน้ากว้างของเครื่องโฮงมัดหมี่และฟืม ซ่ึงเกิดจากการค้านวณผ้าที่ได้หน้า กว้าง 102 เซนติเมตร และมีความยาวตามท่ีก้าหนด โดยต้องมัดหม่ีให้เกิด ลวดลาย ตามขนาดของลาย (จา้ นวนล้า) ต้องคน้ หมี่ก่ีรอบในหนึ่งล้าเพ่ือให้ได้จ้านวนเสน้ ไหม ตอ่ ลา้ ท่คี งสดั ส่วน ของาย และต้องค้นจ้านวนกี่รอบ (ไพ, ขึน) เพื่อทบเส้นไหมตาม การซ้า (Repeat) ขนาดของลายเพื่อให้ได้ความยาว ของผืนผ้าตามที่ต้องการ เช่น ลายขนาด 25 ล้า ต้องค้นหมี่จ้านวน 34 รอบ เป็นต้น ซ่ึงการค้นหมี่จะมีผลต่อ รูป แบบลวดลายที่จะเกิดข้ึนบนผืนผ้ากระท้าได้ 2 เทคนิควิธี คือ การค้นหมี่แบบหมี่ ร่าย (ลวดลายเรียงเยื้อง กันเป็นแถบเฉียงที่มีลักษณะเรียงกันร่ายซ่าย หรอื มีทิศทาง ของลายเป็นทางเดยี วกัน) และการค้นหม่ีแบบหมร่ี วด ข้ันตอนที่ 2 การมัดหมี่ เป็นการจ้าลวดลายให้กับเสน้ ไหมก่อนทอเป็นผืนผ้าโดยการใช้เชือกฟางมัดเสน้ ไหมทม่ี กี ารแยกเปน็ ชุด ๆ ให้เป็นลวดลายตามต้องการ โดยมดั เป็นเปลาะ ๆ กอ่ นน้าเสน้ ไหมไปย้อมนา้ สี ส่วนที่ ถูกมัดโอบจะไม่ติดสี ส่วนท่ี ไม่ถูกมัดโอบก็จะติดสีย้อมนั้น เมื่อแก้เชือกออกจึงเกิดสีแตกต่างกัน หากต้องการ หลาย สี ในการผลติ จะมีการแก้และมัดโอบดว้ ยเชือก หรอื มดั โอบ ย้อมสที ่ี 1 มัดโอบ ลา้ งสี ยอ้ มสที ี่ 2 กระทา ดังน้ีหลายครั้ง ย่ิงเพิ่มความซับซ้อนของการผลิต การมัดหมี่เพื่อให้ ได้รูปแบบลวดลายและทิศทางของลาย ตามที่ไดว้ างแผนและคา้ นวณเส้นไหมไวต้ งั้ แต่ ขัน้ ตอนการค้นหมี่ การมดั หมีเ่ ส้นพ่งุ ท่ีเครอื่ งโฮงมดั หม่ีต้องมีการ ปรับแต่งให้ความ ยาวของเครื่องโฮงมัดหมี่เท่ากับขนาดหลักของโฮงค้นหมี่ และเท่ากับหน้าฟืมที่ใช้ใน การทอผา้ เพ่อื มิใหต้ า้ แหน่งของลายมดั หมีเ่ คลอ่ื นออกจากตา้ แหนง่ ทที่ า้ การย้อมสีไว้ ๔. ช่ือผ้ทู ่ีถอื ปฏิบตั ิและผสู้ ืบทอด ๔.๑ ผูท้ ี่ถือปฏบิ ัติ ชอื่ นางราไพ จินโจ วัน เดือน ปเี กดิ - ทอ่ี ยู่ ๑๖๙ หมู่ ๘ ตาบลสันมะค่า อาเภอป่าแดด จงั หวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ ๐๖๒ ๑๒๓ ๑๗๓๗ ๔.๒ ผู้สืบทอด ชื่อ - วัน เดือน ปีเกิด - ที่อยู่ - หมายเลขโทรศัพท์ - ๕. สถานะ การคงอยู่  ปฏิบตั ิอย่างแพร่หลาย  เสี่ยงต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏิบตั ิแลว้

-531- ๖. รปู ภาพภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม/กิจกรรมทางภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม กลุ่มศูนยเ์ รียนรู้ม่อนไหม กลุ่มปลกู ม่อนเล้ยี งไหมบา้ นวงั ศิลา ตง้ั อย่ทู ี่ บ้านวงั ศิลา เลขที่ 169 หมู่ 8 ต้าบลสันมะคา่ อ้าเภอป่าแดด จังหวัดเชยี งราย ภาพแสดง การคน้ หมีเ่ พอื่ ทบเสน้ ด้าย และแยกเส้นดา้ ย เป็นกลมุ่ ๆ

-532- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี 2565 สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย อำเภอเวียงปำ่ เป้ำ จังหวดั เชียงรำย ๑. ช่ือข้อมูล เคร่อื งปนั้ ดนิ เผาเวยี งกาหลง - เวียงปา่ เป้า ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัตเิ กย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝมี อื ดง้ั เดิม  การละเลน่ พืน้ บ้าน กีฬาพนื้ บา้ น และศิลปะการตอ่ สู่ป้องกนั ตวั ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของข้อมูล “เครื่องปั้นดินเผำเวียงกำหลง” กลุ่มหัตถกรรมด้านฝีมือท่ีทรงคุณค่ามีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่น มีลวดลายใต้เคลือบท่ีสวยงามที่บ่งบอกถึงรากฐานของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน มีแหล่งวัตถุดิบคือดิน คุณภาพดีเหมาะแก่การป้ันและแข็งแกร่ง เป็นเครื่องช้ีวัดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีเตาเผา ที่มีรูปลักษณ์เฉพาะเครื่องป้ันเวียงกาหลงต่างจากเครื่องปั้นในที่อื่น ๆ เพราะมีการเขียนลวดลายและเคลือบ ด้วยน้าเคลือบท่ีสวยงาม คงทน มีลวดลายเฉพาะตน กล่าวได้ว่า “ลวดลำยเวียงกำหลง” เครื่องปั้นดินเผา เวียงกาหลงถูกคน้ พบและมีการแลกเปล่ียนในบรเิ วณกว้าง แสดงถงึ ความเจริญรงุ่ เรืองด้านหัตถศลิ ป์ ซงึ่ ถือเป็น ศิลปวัตถุโบราณปรากฏในพิพิธภัณฑ์สถานของกรมศิลปากรหลายแห่ง พื้นท่ีเวียงกาหลงกรอปกับเป็นท่ีต้ังของ โบราณสถานเวียงกาหลง หรือเมืองโบราณด้วย เคร่ืองป้ันดินเผาเวียงกาหลง – เวียงป่าเป้า ปรากฏงานปั้นอยู่หลายพ้ืนที่เป็นศิลปะการป้ันดินแดง ธรรมดา เช่น กลุ่มปั้นหม้อบ้านโป่ง กลุ่มสันทราย กลุ่มบ้านลังกา เป็นต้น ซ่ึงถือได้ว่าเป็นเครื่องป้ันเวียงกาหลง และกลุ่มเครื่องป้นั เวียงปา่ เป้า 3.2) ข้ันตอน/วิธกี าร/ดา้ เนินการเกย่ี วกับขอ้ มลู - ใช้วตั ถุดินคุณภาพดี คือ ดินขาวทม่ี ีในพื้นท่ี - ใช้น้าเคลอื บจากวัสดุธรรมชาติ เพ่อื สดคล้องกบั ความงดงาม สวยงาม - ใช้ลวดลายเวียงกาหลง เขยี นลวดลายลงบนภาชนะทข่ี นึ้ ทรงแลว้ - ใช้การควบคมุ อณุ ภมู ิความร้อนท่ีได้มาตรฐาน - ใช้องคค์ วามรูร้ ักษารูปลักษณะเดิมท่ีปรากฏในเตาโบราณ และพฒั นาสูผ่ ลิตภัณฑต์ ่อยอด ๔. ช่ือผทู้ ่ีถือปฏบิ ตั ิตำมและสืบทอด 4.1 ผู้ทถ่ี ือปฏิบัติ ชอ่ื กล่มุ วสิ าหกิจชมุ ชนวดั แม่ห่าง/กลุ่มเตานายทนั ธจิ ติ ตัง วนั เดือน ปเี กดิ - ทอ่ี ยู่ ตา้ บลเวียงกาหลง อ้าเภอเวียงป่าเปา้ จงั หวดั เชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ -

4.2 ผูส้ ืบทอด -533- ชื่อ กลมุ่ เครื่องป้นั ดินเผาบา้ นโปง่ เทวี – บา้ นลังกา ตา้ บลบา้ นโปง่ วนั เดอื น ปเี กิด กลุม่ เครื่องปน้ั ดินเผาบา้ นศรีทรายมูล-ปา่ งิ้ว ต้าบลปา่ งิ้ว ท่อี ยู่ หมายเลขโทรศัพท์ - ตา้ บลเวียงกาหลง อา้ เภอเวียงปา่ เป้า จังหวัดเชยี งราย 097 968 9109 (สภาวัฒนธรรมอ้าเภอเวยี งปา่ เปา้ ) ๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เสย่ี งตอ่ การสูญหาย ไมป่ ฏบิ ัตแิ ลว้ ๖. รปู ถ่ำยภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม/กจิ กรรมทำงภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-534- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี 2565 สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอพำน จงั หวัดเชียงรำย ๑. ชื่อข้อมลู ภมู ปิ ัญญาชาวบ้านดา้ นผลติ ภัณฑ์เครื่องจกั สาน ๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏบิ ตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล  ความรู้และการปฏิบัตเิ ก่ียวกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล  งานชา่ งฝีมอื ดั้งเดมิ  การละเลน่ พืน้ บา้ น กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สูป่ ้องกนั ตวั ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมลู พ่อค้าอ้าย ทะรินทร์ ผู้ซ่ึงสืบทอดภูมิปัญญาในการท้าไม้กวาด ดอกหญ้าจากปู่ย่าตายาย เร่ิมต้นจาก อดีตได้ท้าขึ้นมาส้าหรับไว้ใช้ในครัวเรือน ยังไม่ได้ท้าขาย เพราะสมัยก่อนแต่ละบ้านก็จะท้าส่ิงของไว้ใช้กันเอง จนมายุคปัจจุบันชนรุ่นหลังไม่ค่อยมีใครสืบทอดภูมิปัญญาการจักสาน รวมถึงการท้าไม้กวาดจากบรรพบุรุษ พ่อค้าอ้าย ทะรินทร์ จึงได้เร่ิมท้าเป็นอาชีพเสริมโดยการท้าไม้กวาดดอกหญ้า ไม้กวาดทางมะพร้าว ตะกร้า หวาย พานขด ซ่ึงผลิตภัณฑ์ของท่านแต่ละชิ้นนั้นมีเอกลักษณ์ คือ ความแข็งแรง ทนทาน แต่แฝงไปด้วยความ ประณตี สวยงาม และการประยุกตเ์ อาส่ิงของเหลอื ใชม้ าเป็นวตั ถดุ ิบประกอบ ส้าหรับไม้กวาดดอกหญา้ มดั เชือก ซ่ึงเป็นผลิตภัณฑ์เด่นน้ัน มีแนวคิดจากการน้ายอดของดอกหญ้า ที่เหลือจากการคัดเลือกส่วนที่แข็งแรงไปท้า ไมก้ วาดแลว้ 3.2) ขน้ั ตอน/วธิ ีการ/ดา้ เนินการเกีย่ วกับข้อมูล - ๔. ชื่อผทู้ ่ีถือปฏิบตั ิตำมและสบื ทอด 4.1 ผูท้ ่ีถอื ปฏิบตั ิ ชอื่ นายคา้ อ้าย ทะรินทร์ วัน เดอื น ปเี กดิ 13 ตุลาคม 2489 ที่อยู่ 254 หมู่ 3 ตา้ บลแม่อ้อ อ้าเภอพาน จังหวดั เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 085 715 2563 4.2 ผสู้ ืบทอด ชื่อ นางจนั ทร์เป็ง ทะรนิ ทร์ วนั เดือน ปีเกิด 7 มีนาคม 2499 ทีอ่ ยู่ 254 หมู่ 3 ต้าบลแม่ออ้ อ้าเภอพาน จังหวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 080 068 5817 ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั ิอยา่ งแพรห่ ลาย เส่ียงต่อการสูญหาย ไมป่ ฏบิ ัติแล้ว

-535- ๖. รูปถำ่ ยภูมปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-536- แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี 2565 สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย อำเภอพำน จงั หวดั เชยี งรำย ๑. ชื่อข้อมูล สานตะกร้าทางมะพร้าว ๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพนื้ บา้ นและภาษา  ศลิ ปะการแสดง  แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล  ความรู้และการปฏบิ ตั เิ กี่ยวกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล  งานช่างฝีมอื ด้งั เดิม  การละเล่นพ้นื บ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกนั ตัว ๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู ๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของขอ้ มูล นางบวั ผดั อนิ สอน คร้ังแรก ไดศ้ กึ ษาเรยี นรู้โดยฝึกปฏิบัติกบั ผูส้ ูงอายุในหมู่บ้านซง่ึ ได้ด้าเนินการเพื่อใช้ ในครัวเรือน และต่อมาได้มีการรวมกลุ่มสมาชิกในหมู่บ้าน จ้านวน 30 ราย และการฝึกอบรมเพิ่มเติมจาก หนว่ ยงานราชการ เชน่ กรมการพฒั นาชุมชน ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จากน้ันได้มีการน้าผลิตภัณฑ์ไปแสดงและจ้าหน่ายสถานท่ีต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์เป็นท่ีน่าสนใจของ บคุ คลทวั่ ไป และมีการส่งั จองจ้านวนมาก ต่อมามีผู้ประกอบการโรงแรมมาส่ังจองให้ผลิตตะกร้าส้าหรับใส่ผ้า หรือขยะในห้องพักโรงแรม โดยมี ยอดสั่งจองเดือนละ 300 ชิ้น สมาชิกกลุม่ สามารถผลติ และส่งมอบได้ครบตามจ้านวนเปน็ ระยะเวลา จา้ นวน 3 เดือน นางบัวผัด อินสอน ได้รับการติดต่อให้ไปเป็นวิทยากรในการถ่ายทอดความรู้ และฝึกปฏิบัติให้กับ บุคคลทั่วไปในเขตพ้ืนที่จังหวัดเชียงรายทุกอ้าเภอ และได้รับเกียรติบัตรหลักสูตร “วิทยากรผู้น้าสัมมาชีพ” เมื่อปี พ.ศ. 2559 3.2) ขัน้ ตอน/วธิ ีการ/ดา้ เนินการเกี่ยวกับขอ้ มูล - ๔. ชื่อผทู้ ถี่ ือปฏบิ ัติตำมและสืบทอด 4.1 ผทู้ ถี่ อื ปฏบิ ตั ิ ช่อื นางบัวผัด อินสอน วัน เดอื น ปีเกิด 25 สิงหาคม 2502 ที่อยู่ 81 หมู่ 5 ตา้ บลสันตสิ ุข อา้ เภอพาน จังหวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 089 950 9190 4.2 ผู้สบื ทอด ชอ่ื นางสุภาพร ทพิ ย์ทอง วัน เดือน ปีเกิด ๑7 กมุ ภาพนั ธ์ 2๕๐๘ ท่อี ยู่ ๑๓1 หมู่ 5 ตา้ บลสันตสิ ขุ อ้าเภอพาน จงั หวัดเชยี งราย หมายเลขโทรศัพท์ 061 794 3695 ๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ยา่ งแพรห่ ลาย เสี่ยงต่อการสญู หาย ไมป่ ฏิบัตแิ ลว้