Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน ม.2 เทอม 2

แผน ม.2 เทอม 2

Published by adsadawut somboonchai, 2021-02-28 00:53:23

Description: แผน ม.2 เทอม 2

Search

Read the Text Version

แผนการสอน รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ตามหลกั สูตรปรบั ปรงุ 2560 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 โรงเรยี นวดั ปา่ ตงึ หว้ ยยาบ อาเภอบา้ นธิ จงั หวดั ลาพนู สานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาพนู เขต 1 สานกั งานการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร



แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พืน้ ฐาน รหสั วิชา ค 22102 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สถติ ิ (2) เรื่อง แผนภาพจดุ (1) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ที่............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติและใช้ความรู้ทางสถิติในการแกป้ ัญหา 2. ตวั ชว้ี ัดชัน้ ปี เขา้ ใจและใช้ความรู้ทางสถติ ใิ นการนาเสนอขอ้ มูลและวิเคราะห์ข้อมลู จากแผนภาพจุด แผนภาพตน้ – ใบ ฮิสโทแกรม และ ค่ากลางของข้อมลู และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมท้งั นาสถติ ิไปใชใ้ นชีวติ จริงโดยใช้ เทคโนโลยที ี่เหมาะสม ( ค 3.1 ม.2/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. วิเคราะห์ข้อมลู และนาเสนอขอ้ มลู ด้วยแผนภาพจดุ (K) 2. อา่ นและแปลความหมายของข้อมลู ทีน่ าเสนอด้วยแผนภาพจดุ (K) 3. ตัดสนิ ใจ คาดคะเน และสรปุ ผล ได้อย่างเหมาะสม (K) 4. มคี วามสามารถในการสอื่ สาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มีความสามารถในเชอ่ื มโยงความร้ทู างคณิตศาสตร์ (P) 6. มคี วามสามารถในการให้เหตุผล (P) 7. มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มีความมุ่งม่ันในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา

5. สาระสาคัญ แผนภาพจุด เปน็ รูปแบบหนง่ึ ของการนาเสนอขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณท่ที าไดไ้ ม่ยาก โดยจะเขยี นจดุ แทน ขอ้ มลู แต่ละตัวไว้เหนอื เสน้ ในแนวนอนท่ีมีสเกล ใหต้ รงกบั ตาแหน่งที่แสดงคา่ ของข้อมูลน้นั แผนภาพจุดช่วยให้ เห็นภาพรวมของขอ้ มูลไดอ้ ย่างรวดเร็วกวา่ การพจิ ารณาจากขอ้ มูลโดยตรงโดยเฉพาะอยา่ งย่งิ เมอ่ื สนใจจะ พจิ ารณาลักษณะของข้อมูลว่ามีการกระจายมากน้อยเพยี งใด 6. สาระการเรียนรู้ แผนภาพจุด 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนการนาเสนอขอ้ มูลท่ีนักเรยี นเคยเรยี นมา แล้วแนะนาความหมายและประโยชนข์ อง แผนภาพจดุ 2. ครูยกตวั อย่างขอ้ มูลเชิงปริมาณ เช่น คะแนนสอบระหวา่ งภาคเรยี นวชิ าคณิตศาสตร์ของนักเรียน เพื่อนาเสนอ ดว้ ยแผนภาพจดุ 3. ครแู นะนาข้นั ตอนเพือ่ ให้นกั เรียนนาเสนอขอ้ มูลโดยใช้แผนภาพจดุ จากน้ันต้งั คาถามเกี่ยวกบั แผนภาพจุดนัน้ 4. เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนในเรอ่ื งการอ่าน วเิ คราะหแ์ ละแปลความหมายของข้อมลู และช้ใี ห้นกั เรียน เห็นว่าการนาเสนอข้อมูลดว้ ยแผนภาพจุดนั้นช่วยใหเ้ ห็นลกั ษณะสาคัญของขอ้ มลู ได้ง่ายกวา่ การพจิ ารณา ขอ้ มูลโดยตรง 5. ครูใชม้ ุมเทคโนโลยีในหนังสือเรยี น หนา้ 14 เพื่อแนะนาใหน้ กั เรียนรู้จักการใช้เทคโนโลยชี ว่ ยในการ นาเสนอขอ้ มลู เกยี่ วกับอุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน พ.ศ. 2560 6. ให้นักเรียนฝึกนาเสนอขอ้ มลู เก่ียวกับอณุ หภมู ิต่าสุด ด้วยเทคโนโลยี 7. ครแู ละนักเรยี นอภิปรายร่วมกนั เพ่อื เปรยี บเทียบลักษณะของข้อมลู ทัง้ สองแบบทีเ่ กดิ ขนึ้ 8. ครูและนักเรียนชว่ ยกนั สรุปเก่ียวกบั ความร้ขู องแผนภาพจดุ ดังน้ี แผนภาพจดุ เป็นรปู แบบหนง่ึ ของการนาเสนอข้อมูลเชงิ ปรมิ าณทที่ าไดไ้ มย่ าก โดย จะเขียน จดุ แทนข้อมูลแต่ละตัวไวเ้ หนือเสน้ ในแนวนอนท่มี สี เกล ใหต้ รงกบั ตาแหนง่ ทแ่ี สดงค่าของ ขอ้ มลู น้ัน แผนภาพจุดช่วยให้เห็นภาพรวมของขอ้ มลู ได้อย่างรวดเร็วกว่าการพจิ ารณาจากขอ้ มูล โดยตรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเม่ือสนใจจะพจิ ารณาลักษณะของขอ้ มูลวา่ มีการกระจายมากนอ้ ยเพียงใด 9. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบฝึกหดั ท่ี 1.1 ขอ้ 1 และ 2

8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ เครือ่ งมือ เกณฑ์ 1. หนังสอื เรยี น แบบฝกึ หัด รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2. แบบฝึกหัด รายบุคคล 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธีการ ตรวจแบบฝึกหัด สังเกตพฤติกรรมการทางาน รายบุคคล 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดมี าก) (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ประเมนิ การทา ทาแบบฝกึ หัดได้ (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝกึ หดั ได้ แบบฝึกหดั อยา่ งถูกต้องร้อย อย่างถูกตอ้ งตา่ กว่า 2. เกณฑ์การ ละ 90 ข้นึ ไป ทาแบบฝึกหดั ได้ ทาแบบฝึกหดั ได้ รอ้ ยละ 60 ประเมินความ ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สามารถในการ สญั ลกั ษณท์ าง อย่างถูกตอ้ งรอ้ ยละ อยา่ งถูกตอ้ งร้อยละ สญั ลกั ษณท์ าง สื่อสาร สอื่ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ ความหมายทาง สอ่ื สาร 80 - 89 60 - 79 สื่อสาร คณิตศาสตร์ ส่อื ความหมาย ส่อื ความหมาย สรุปผล และ ใช้รปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สรุปผล และ 3. เกณฑ์การ นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอไม่ได้ ประเมนิ ความ ถกู ตอ้ ง ชัดเจน สญั ลักษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง สามารถในการ ใช้ความรูท้ าง เชือ่ มโยง ใช้ความรู้ทาง คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์เป็น คณิตศาสตรเ์ ปน็ เครอ่ื งมือในการ เคร่อื งมือในการ ส่อื สาร ส่อื สาร เรียนรู้คณติ ศาสตร์ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ สอ่ื ความหมาย สอื่ ความหมาย สรุปผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง นาเสนอได้ถกู ต้อง แต่ขาดรายละเอียด บางสว่ น ท่ีสมบรู ณ์ ใช้ความรทู้ าง ใชค้ วามรทู้ าง คณิตศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตรเ์ ป็น เครื่องมือในการ เคร่อื งมอื ในการ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์

ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 4. เกณฑ์การ (ต้องปรบั ปรุง) ประเมินความ (ดมี าก) (ดี) (กาลงั พฒั นา) เนื้อหาต่าง ๆ หรอื สามารถในการ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ให้เหตุผล เนอ้ื หาต่าง ๆ หรือ เน้ือหาต่าง ๆ หรือ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง 5. เกณฑก์ าร ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ รับฟังและให้เหตุผล ประเมนิ ความมุ สนับสนนุ หรือ มานะในการทา นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ นาไปใช้ในชีวิตจริง โตแ้ ย้งไมไ่ ด้ ความเข้าใจ ปญั หาและ ไดอ้ ยา่ งสอดคล้อง ไดบ้ างสว่ น ไมม่ คี วามต้งั ใจและ แก้ปญั หาทาง พยายามในการทา คณิตศาสตร์ เหมาะสม ความเข้าใจปัญหา และแก้ปัญหาทาง รบั ฟงั และให้ รบั ฟังและใหเ้ หตผุ ล รับฟังและใหเ้ หตุผล คณิตศาสตร์ ไม่มี ความอดทนและ เหตุผลสนบั สนุน สนับสนนุ หรือ สนับสนุน หรอื ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปญั หา หรอื โต้แยง้ เพือ่ โต้แยง้ เพือ่ นาไปสู่ โต้แยง้ แตไ่ ม่ ทางคณิตศาสตร์ได้ ไม่สาเรจ็ นาไปสู่ การสรุป การสรปุ โดยมี นาไปสู่การสรุปที่มี โดยมขี ้อเทจ็ จริง ข้อเทจ็ จรงิ ทาง ขอ้ เท็จจรงิ ทาง ทางคณติ ศาสตร์ คณิตศาสตร์รองรับ คณิตศาสตร์รองรบั รองรบั ไดอ้ ย่าง ได้บางส่วน สมบรู ณ์ มีความตัง้ ใจและ มคี วามต้ังใจและ มคี วามตงั้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา และแกป้ ญั หาทาง และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาให้แก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สาเร็จ ไม่สาเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สาเร็จเป็นสว่ น ใหญ่ 6. เกณฑ์การ มีความมงุ่ ม่ันใน มีความมงุ่ มน่ั ในการ มคี วามมุ่งมัน่ ในการ มีความมงุ่ มั่นในการ ประเมินความ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ มม่ ีความ มงุ่ มัน่ ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ

ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) (ดมี าก) (ดี) (กาลังพฒั นา) ผลสาเร็จอยา่ งท่ี ควร เรียบรอ้ ย ครบถว้ น ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ สมบูรณ์ เรียบร้อยสว่ นใหญ่ เรยี บร้อยสว่ นนอ้ ย 10. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .....................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนร้.ู .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรยี นนีไ่ มผ่ ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรยี นเกิดทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรียนมีคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................

10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................

5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................

แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 2 สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตรพ์ ้ืนฐาน รหสั วิชา ค 22102 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สถิติ (2) เรื่อง แผนภาพจดุ (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ที่............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติและใช้ความรทู้ างสถติ ใิ นการแก้ปัญหา 2. ตวั ชว้ี ัดชั้นปี เขา้ ใจและใช้ความรู้ทางสถติ ใิ นการนาเสนอขอ้ มูลและวเิ คราะหข์ ้อมลู จากแผนภาพจุด แผนภาพตน้ – ใบ ฮิสโทแกรม และ ค่ากลางของข้อมลู และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมทั้งนาสถิตไิ ปใชใ้ นชีวติ จริงโดยใช้ เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม ( ค 3.1 ม.2/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. วิเคราะหข์ อ้ มูลและนาเสนอขอ้ มลู ด้วยแผนภาพจดุ (K) 2. อา่ นและแปลความหมายของข้อมลู ทีน่ าเสนอด้วยแผนภาพจุด (K) 3. ตดั สนิ ใจ คาดคะเน และสรปุ ผล ได้อย่างเหมาะสม (K) 4. มคี วามสามารถในการสอื่ สาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มีความสามารถในเชื่อมโยงความร้ทู างคณิตศาสตร์ (P) 6. มคี วามสามารถในการให้เหตุผล (P) 7. มีความมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มคี วามมุ่งมน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 1. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา

5. สาระสาคญั แผนภาพจุด เปน็ รปู แบบหนง่ึ ของการนาเสนอข้อมูลเชิงปรมิ าณท่ีทาได้ไมย่ าก โดยจะเขยี นจุดแทน ข้อมลู แต่ละตวั ไวเ้ หนือเส้นในแนวนอนที่มีสเกล ใหต้ รงกบั ตาแหนง่ ทแ่ี สดงค่าของข้อมูลนั้น แผนภาพจุดช่วยให้ เห็นภาพรวมของข้อมูลได้อยา่ งรวดเร็วกวา่ การพิจารณาจากขอ้ มลู โดยตรงโดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อสนใจจะ พิจารณาลักษณะของขอ้ มูลวา่ มีการกระจายมากน้อยเพยี งใด 6. สาระการเรยี นรู้ แผนภาพจุด 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนการนาเสนอข้อมูลโดยแผนภาพจุด ดังนี้ แผนภาพจดุ เป็นรูปแบบหนง่ึ ของการนาเสนอข้อมูลเชิงปริมาณท่ที าไดไ้ มย่ าก โดย จะเขยี น จดุ แทนข้อมลู แต่ละตัวไว้เหนอื เสน้ ในแนวนอนทีม่ ีสเกล ใหต้ รงกับตาแหน่งที่แสดงคา่ ของ ข้อมูลนั้น แผนภาพจุดช่วยให้เหน็ ภาพรวมของข้อมูลได้อย่างรวดเรว็ กวา่ การพิจารณาจากข้อมูล โดยตรงโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เมอ่ื สนใจจะพิจารณาลักษณะของขอ้ มูลว่ามีการกระจายมากน้อยเพียงใด 2. ครูทบทวนข้ันตอนเพอ่ื ให้นกั เรียนนาเสนอขอ้ มูลโดยใช้แผนภาพจดุ จากน้ันต้ังคาถามเกย่ี วกับ แผนภาพจดุ นน้ั 3. ครใู หน้ ักเรียนจับกลมุ่ เพ่ือศึกษาการนาเสนอขอ้ มูลโดยแผนภาพจุดในหนงั สอื เรยี นหนา้ 13 – 16 โดยครคู อยอธบิ ายเพมิ่ เติมในสว่ นท่ีนกั เรยี นไมเ่ ขา้ ใจ 4. ครูและนกั เรยี นอภิปรายร่วมกนั เพือ่ เปรยี บเทียบลกั ษณะของขอ้ มูลท้งั สองแบบทเ่ี กดิ ขน้ึ 5. ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกันสรุปเก่ยี วกับความรู้ของแผนภาพจดุ ดงั นี้ แผนภาพจดุ เป็นรูปแบบหนึง่ ของการนาเสนอขอ้ มูลเชิงปริมาณที่ทาไดไ้ มย่ าก โดย จะเขียน จุดแทนขอ้ มูลแต่ละตวั ไว้เหนือเส้นในแนวนอนท่มี สี เกล ให้ตรงกับตาแหน่งทแ่ี สดงค่าของ ข้อมูลนั้น แผนภาพจุดช่วยใหเ้ ห็นภาพรวมของขอ้ มูลไดอ้ ย่างรวดเร็วกว่าการพิจารณาจากขอ้ มูล โดยตรงโดยเฉพาะอย่างยง่ิ เม่อื สนใจจะพจิ ารณาลักษณะของข้อมูลว่ามีการกระจายมากน้อยเพยี งใด 6. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบฝกึ หัดท่ี 1.1 ขอ้ 3 และ 4 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบฝกึ หัด

9. การวัดและประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์ แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.1 การวัดผล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล วธิ กี าร แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัด กลุ่ม สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบุคคล สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 1. เกณฑก์ าร (ต้องปรบั ปรุง) ประเมนิ การทา (ดมี าก) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ทาแบบฝึกหดั ได้ แบบฝึกหัด อย่างถกู ต้องตา่ กว่า 2. เกณฑก์ าร ทาแบบฝึกหดั ได้ ทาแบบฝกึ หดั ได้ ทาแบบฝกึ หัดได้ ร้อยละ 60 ประเมนิ ความ ใชร้ ปู ภาษา และ สามารถในการ อย่างถกู ต้องรอ้ ย อยา่ งถกู ต้องร้อยละ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ สญั ลกั ษณ์ทาง สื่อสาร สอ่ื คณิตศาสตร์ในการ ความหมายทาง ละ 90 ขึน้ ไป 80 - 89 60 - 79 สือ่ สาร คณติ ศาสตร์ สื่อความหมาย ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ สรปุ ผล และ 3. เกณฑก์ าร นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมินความ สญั ลกั ษณท์ าง สญั ลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณท์ าง สามารถในการ ใช้ความร้ทู าง เช่อื มโยง คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรเ์ ป็น เคร่ืองมอื ในการ สื่อสาร ส่ือสาร ส่อื สาร เรียนรู้คณติ ศาสตร์ เนอื้ หาต่าง ๆ หรือ สอ่ื ความหมาย ส่ือความหมาย ส่ือความหมาย สรุปผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอได้อย่าง นาเสนอได้ถูกต้อง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง ถูกต้อง ชัดเจน แต่ขาดรายละเอียด บางสว่ น ที่สมบรู ณ์ ใชค้ วามร้ทู าง ใช้ความร้ทู าง ใช้ความรูท้ าง คณิตศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตรเ์ ป็น เครอ่ื งมอื ในการ เคร่อื งมอื ในการ เครอื่ งมอื ในการ เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ เนอื้ หาต่าง ๆ หรอื เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เนอื้ หาต่าง ๆ หรือ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ศาสตร์อนื่ ๆ และ

ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 4. เกณฑ์การ (ดมี าก) (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมินความ นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ (ดี) (กาลังพฒั นา) ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ สามารถในการ ได้อยา่ งสอดคล้อง นาไปใช้ในชีวติ จรงิ ใหเ้ หตุผล เหมาะสม นาไปใชใ้ นชีวติ จริง ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ รับฟังและให้ รบั ฟงั และใหเ้ หตุผล 5. เกณฑก์ าร ไดบ้ างส่วน นาไปใช้ในชีวิตจรงิ สนับสนุน หรือ ประเมนิ ความมุ เหตุผลสนับสนนุ โต้แยง้ ไมไ่ ด้ มานะในการทา รบั ฟังและให้เหตุผล รับฟงั และให้เหตุผล ความเข้าใจ หรือโต้แยง้ เพือ่ สนับสนุน หรือ สนับสนุน หรอื ไม่มีความตั้งใจและ ปัญหาและ โตแ้ ย้ง เพื่อนาไปสู่ โต้แย้ง แตไ่ ม่ พยายามในการทา แก้ปญั หาทาง นาไปสู่ การสรปุ การสรปุ โดยมี นาไปสกู่ ารสรปุ ทม่ี ี ความเขา้ ใจปญั หา คณติ ศาสตร์ ข้อเทจ็ จริงทาง ขอ้ เทจ็ จรงิ ทาง และแกป้ ญั หาทาง โดยมขี ้อเท็จจริง คณิตศาสตรร์ องรบั คณิตศาสตรร์ องรับ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี ได้บางสว่ น ความอดทนและ ทางคณติ ศาสตร์ ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค มีความต้ังใจและ มคี วามต้งั ใจและ จนทาให้แก้ปัญหา รองรบั ไดอ้ ยา่ ง พยายามในการทา พยายามในการทา ทางคณติ ศาสตร์ได้ ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา ไม่สาเรจ็ สมบรู ณ์ และแก้ปัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ มคี วามตง้ั ใจและ มีความอดทนและ มีความอดทนและ พยายามในการทา ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค ความเขา้ ใจปญั หา จนทาให้แก้ปญั หา จนทาให้แก้ปญั หา และแกป้ ัญหาทาง ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ คณิตศาสตร์ มี ไมส่ าเรจ็ เลก็ นอ้ ย ไมส่ าเร็จเป็นสว่ น ความอดทนและไม่ ใหญ่ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค จนทาให้แก้ปญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สาเรจ็ 6. เกณฑก์ าร มคี วามมุ่งมนั่ ใน มคี วามมุ่งมนั่ ในการ มีความมงุ่ มนั่ ในการ มีความมงุ่ มั่นในการ ประเมนิ ความ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไมม่ ีความ มุ่งมนั่ ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไม่ประสบ เรียบรอ้ ย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรียบรอ้ ยส่วนนอ้ ย ผลสาเรจ็ อยา่ งท่ี สมบูรณ์ ควร

10. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรยี นน่ีไม่ผา่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไ่ี ม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกดิ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรียนมคี ณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3 สาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน รหสั วิชา ค 22102 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 สถติ ิ (2) เร่ือง แผนภาพตน้ – ใบ (1) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท.ี่ ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติและใช้ความรู้ทางสถติ ิในการแก้ปัญหา 2. ตวั ชว้ี ัดชัน้ ปี เขา้ ใจและใช้ความร้ทู างสถติ ใิ นการนาเสนอขอ้ มูลและวเิ คราะหข์ อ้ มูลจากแผนภาพจุด แผนภาพต้น – ใบ ฮสิ โทแกรม และ คา่ กลางของขอ้ มลู และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมทัง้ นาสถติ ิไปใช้ในชีวติ จรงิ โดยใช้ เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม ( ค 3.1 ม.2/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. วเิ คราะห์ขอ้ มูลและนาเสนอขอ้ มลู ด้วยแผนภาพต้น–ใบ (K) 2. อา่ นและแปลความหมายของขอ้ มูลทนี่ าเสนอด้วยแผนภาพต้น–ใบ (K) 3. ตดั สนิ ใจคาดคะเน และสรปุ ผล ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (K) 4. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามสามารถในเชอื่ มโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ (P) 6. มีความสามารถในการให้เหตุผล (P) 7. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มีความมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา

5. สาระสาคัญ แผนภาพตน้ – ใบ เปน็ อีกรูปแบบหน่งึ ของการนาเสนอข้อมูลเชงิ ปริมาณทมี่ ีการเรยี งลาดบั ข้อมูลและ ช่วยใหเ้ หน็ ภาพรวมของข้อมูลได้รวดเร็วย่งิ ขึน้ หลกั การงา่ ย ๆ ในการนาเสนอขอ้ มูลดว้ ยแผนภาพต้น – ใบ คือ การแบ่งตัวเลขที่แสดงข้อมูลเชงิ ปรมิ าณออกเป็นส่วนที่เรียกวา่ ส่วนลาต้น และ ส่วนใบ โดยในที่น้ีส่วนใบจะ เป็นตวั เลขท่อี ยขู่ วามือสุดส่วนตัวเลขท่เี หลอื จะเป็นสว่ นลาตน้ เชน่ 159 จะมี 9 เปน็ สว่ นใบ และ 15 เปน็ สว่ น ลาต้น 6. สาระการเรยี นรู้ แผนภาพต้น – ใบ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนการนาเสนอข้อมูลทีน่ ักเรยี นเคยเรียนมา 2. ครูแนะนาความหมายและประโยชน์ของแผนภาพต้น–ใบ ดังน้ี แผนภาพตน้ – ใบ เปน็ อกี รปู แบบหนึ่งของการนาเสนอข้อมลู เชงิ ปรมิ าณทม่ี กี ารเรียงลาดับ ขอ้ มลู และช่วยให้เหน็ ภาพรวมของข้อมลู ได้รวดเร็วยง่ิ ขึน้ หลกั การงา่ ย ๆ ในการนาเสนอขอ้ มลู ด้วยแผนภาพ ต้น – ใบ คือการแบ่งตวั เลขที่แสดงขอ้ มูลเชิงปริมาณออกเป็นสว่ นท่ีเรียกว่า สว่ นลาต้น และ สว่ นใบ โดยในทนี่ ้ี ส่วนใบจะเป็นตวั เลขทีอ่ ยขู่ วามือสดุ ส่วนตัวเลขทีเ่ หลือจะเปน็ ส่วนลาตน้ เชน่ 159 จะมี 9 เป็นสว่ นใบ และ 15 เปน็ ส่วนลาต้น 3. ครูยกตัวอย่างข้อมลู เชิงปรมิ าณ เช่น นา้ หนกั ของนกั เรยี น เพอ่ื นาเสนอดว้ ยแผนภาพตน้ –ใบ 4. ครแู นะนาขนั้ ตอนเพ่ือให้นกั เรยี นนาเสนอข้อมูลโดยใช้แผนภาพตน้ –ใบ แลว้ อภปิ รายร่วมกบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั ข้อสงั เกตในหนังสือเรียน หน้า 21 5. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบฝึกทักษะท่ี 1.1 เรื่องแผนภาพต้น – ใบ หลังจากน้ันครสู ุ่มนักเรียนออกมา นาเสนอแผนภาพต้น – ใบ โดยมคี รูคอยช้แี นะและตรวจสอบความถกู ต้อง 6. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกนั สรุปความหมายและประโยชนข์ องแผนภาพตน้ –ใบ ดังนี้ แผนภาพตน้ – ใบ เปน็ อีกรปู แบบหนึ่งของการนาเสนอข้อมลู เชิงปริมาณท่ีมีการเรยี งลาดับ ข้อมลู และชว่ ยใหเ้ ห็นภาพรวมของข้อมลู ไดร้ วดเร็วยิง่ ขน้ึ หลักการง่าย ๆ ในการนาเสนอข้อมลู ดว้ ยแผนภาพ ต้น – ใบ คือการแบง่ ตวั เลขที่แสดงขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณออกเป็นสว่ นท่ีเรียกวา่ ส่วนลาต้น และ ส่วนใบ โดยในทีน่ ี้ ส่วนใบจะเปน็ ตวั เลขท่ีอยู่ขวามือสุดส่วนตวั เลขทีเ่ หลือจะเป็นสว่ นลาต้น เชน่ 159 จะมี 9 เป็นส่วนใบ และ 15 เป็นสว่ นลาตน้ 7. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หัดท่ี 1.2 ข้อ 1 – 2

8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบฝกึ หัด 3. แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.1 เรื่องแผนภาพต้น – ใบ 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบคุ คล 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดมี าก) (ต้องปรบั ปรงุ ) ประเมินการทา ทาแบบฝึกหดั ได้ (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝึกหัดได้ แบบฝึกทกั ษะ อย่างถกู ต้องรอ้ ย อยา่ งถกู ตอ้ งตา่ กวา่ และแบบฝึกหัด ละ 90 ข้นึ ไป ทาแบบฝกึ หัดได้ ทาแบบฝึกหัดได้ ร้อยละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมินความ ใชร้ ูป ภาษา และ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ยละ อยา่ งถูกต้องรอ้ ยละ ใช้รปู ภาษา และ สามารถในการ สญั ลักษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง ส่อื สาร สื่อ คณติ ศาสตรใ์ นการ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง ส่อื สาร สื่อสาร คณติ ศาสตร์ สื่อความหมาย ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ สือ่ ความหมาย สรปุ ผล และ สญั ลักษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง สรุปผล และ 3. เกณฑก์ าร นาเสนอไดอ้ ยา่ ง คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ นาเสนอไม่ได้ ประเมินความ ถูกตอ้ ง ชดั เจน ส่ือสาร สือ่ สาร สื่อความหมาย สื่อความหมาย ใช้ความรทู้ าง ใช้ความรูท้ าง สรปุ ผล และ สรุปผล และ คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตรเ์ ป็น นาเสนอได้ถูกตอ้ ง นาเสนอได้ถกู ต้อง แตข่ าดรายละเอยี ด บางส่วน ท่สี มบรู ณ์ ใช้ความรทู้ าง ใช้ความรู้ทาง คณติ ศาสตร์เป็น คณิตศาสตร์เปน็

ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 สามารถในการ (ต้องปรับปรุง) เชอ่ื มโยง (ดีมาก) (ดี) (กาลงั พฒั นา) เครอื่ งมือในการ เรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ 4. เกณฑ์การ เคร่อื งมือในการ เครอื่ งมือในการ เครื่องมอื ในการ เนอื้ หาต่าง ๆ หรอื ประเมนิ ความ ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ สามารถในการ เรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นร้คู ณิตศาสตร์ นาไปใช้ในชีวติ จรงิ ให้เหตุผล เนอื้ หาต่าง ๆ หรอื เนอื้ หาต่าง ๆ หรือ เน้ือหาต่าง ๆ หรือ รบั ฟงั และใหเ้ หตุผล 5. เกณฑ์การ ศาสตรอ์ ่ืน ๆ และ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ สนับสนนุ หรือ ประเมินความมุ โต้แย้งไมไ่ ด้ มานะในการทา นาไปใชใ้ นชีวติ จริง นาไปใชใ้ นชีวิตจริง นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ความเขา้ ใจ ไมม่ ีความตั้งใจและ ปัญหาและ ไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ ง ได้บางสว่ น พยายามในการทา แก้ปัญหาทาง ความเขา้ ใจปญั หา คณติ ศาสตร์ เหมาะสม และแก้ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ ไม่มี รับฟงั และให้ รับฟงั และให้เหตผุ ล รบั ฟังและให้เหตุผล ความอดทนและ ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค เหตผุ ลสนบั สนนุ สนับสนุน หรอื สนบั สนุน หรอื จนทาให้แก้ปญั หา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ หรือโต้แย้ง เพ่อื โต้แยง้ เพอื่ นาไปสู่ โตแ้ ยง้ แต่ไม่ ไมส่ าเร็จ นาไปสู่ การสรปุ การสรุปโดยมี นาไปส่กู ารสรุปท่ีมี โดยมีขอ้ เท็จจริง ขอ้ เทจ็ จรงิ ทาง ข้อเทจ็ จริงทาง ทางคณติ ศาสตร์ คณิตศาสตรร์ องรบั คณิตศาสตร์รองรับ รองรับไดอ้ ยา่ ง ได้บางส่วน สมบรู ณ์ มคี วามตงั้ ใจและ มีความตงั้ ใจและ มีความตงั้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง และแกป้ ัญหาทาง คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มคี วามอดทนและ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค จนทาใหแ้ กป้ ญั หา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สาเร็จ ไม่สาเร็จเลก็ น้อย ไมส่ าเร็จเปน็ สว่ น ใหญ่ 6. เกณฑ์การ มีความมงุ่ มั่นใน มคี วามม่งุ ม่ันในการ มคี วามม่งุ มัน่ ในการ มีความมงุ่ ม่นั ในการ ประเมนิ ความ การทางานอยา่ ง รอบคอบ จนงาน ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไม่มีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้

ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 มงุ่ มน่ั ในการ (ตอ้ งปรบั ปรุง) ทางาน (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) งานไมป่ ระสบ ผลสาเรจ็ อยา่ งท่ี ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ ควร เรียบรอ้ ย ครบถว้ น เรยี บรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรยี บร้อยสว่ นนอ้ ย สมบูรณ์ 10. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนไี่ มผ่ ่าน มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนกั เรยี นทไ่ี ม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกดิ ทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมีคณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................

10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................

5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน รหสั วิชา ค 22102 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 สถติ ิ (2) เรือ่ ง แผนภาพตน้ – ใบ (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วันที่............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติและใช้ความรู้ทางสถติ ิในการแก้ปัญหา 2. ตวั ชี้วัดชั้นปี เข้าใจและใช้ความร้ทู างสถิตใิ นการนาเสนอขอ้ มูลและวเิ คราะหข์ อ้ มูลจากแผนภาพจุด แผนภาพต้น – ใบ ฮิสโทแกรม และ คา่ กลางของขอ้ มลู และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมทัง้ นาสถติ ิไปใช้ในชีวติ จรงิ โดยใช้ เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม ( ค 3.1 ม.2/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. วิเคราะห์ข้อมูลและนาเสนอขอ้ มลู ด้วยแผนภาพต้น–ใบ (K) 2. อ่านและแปลความหมายของขอ้ มูลทนี่ าเสนอด้วยแผนภาพต้น–ใบ (K) 3. ตัดสินใจคาดคะเน และสรปุ ผล ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (K) 4. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามสามารถในเชอ่ื มโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ (P) 6. มคี วามสามารถในการให้เหตุผล (P) 7. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มคี วามมุง่ ม่นั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. มีความสามารถในการสอื่ สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา

5. สาระสาคญั แผนภาพต้น – ใบ เปน็ อกี รปู แบบหน่ึงของการนาเสนอขอ้ มลู เชิงปริมาณทีม่ ีการเรยี งลาดบั ขอ้ มูลและ ชว่ ยใหเ้ ห็นภาพรวมของขอ้ มลู ได้รวดเรว็ ยง่ิ ขน้ึ หลักการง่าย ๆ ในการนาเสนอขอ้ มลู ด้วยแผนภาพตน้ – ใบ คือ การแบ่งตัวเลขท่ีแสดงข้อมูลเชงิ ปริมาณออกเป็นส่วนทเี่ รียกวา่ สว่ นลาตน้ และ ส่วนใบ โดยในทน่ี ส้ี ่วนใบจะ เปน็ ตวั เลขทอ่ี ย่ขู วามือสุดส่วนตวั เลขที่เหลือจะเป็นส่วนลาต้น เชน่ 159 จะมี 9 เป็นสว่ นใบ และ 15 เป็นส่วน ลาตน้ 6. สาระการเรียนรู้ แผนภาพตน้ – ใบ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูทบทวนความหมายและประโยชน์ของแผนภาพตน้ –ใบ ดงั นี้ แผนภาพตน้ – ใบ เป็นอีกรูปแบบหนงึ่ ของการนาเสนอข้อมลู เชิงปริมาณท่มี กี ารเรยี งลาดับ ขอ้ มลู และช่วยให้เห็นภาพรวมของขอ้ มลู ไดร้ วดเร็วยิ่งขนึ้ หลกั การงา่ ย ๆ ในการนาเสนอขอ้ มูลดว้ ยแผนภาพ ต้น – ใบ คอื การแบ่งตัวเลขที่แสดงข้อมูลเชิงปริมาณออกเป็นสว่ นที่เรียกวา่ ส่วนลาตน้ และ ส่วนใบ โดยในท่นี ้ี สว่ นใบจะเป็นตวั เลขท่อี ย่ขู วามือสดุ ส่วนตัวเลขท่ีเหลือจะเปน็ สว่ นลาตน้ เชน่ 159 จะมี 9 เป็นสว่ นใบ และ 15 เป็นส่วนลาตน้ 2. ครูยกตวั อย่างขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ ทศนิยมแลว้ อภิปรายรว่ มกนั กบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั การนาเสนอขอ้ มลู นี้ดว้ ย แผนภาพ ตน้–ใบ 3. จากตัวอย่างในข้อที่ 2 ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเกี่ยวกับการเขียนตัวเลขในส่วนลาตน้ และ ส่วนใบเมือ่ ไม่ปรากฏขอ้ มลู ในส่วนใบ จากขอ้ สงั เกต ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 22 แล้วช้ปี ระเดด็ ให้นกั เรยี นเหน็ ว่า แผนภาพตน้ - ใบ นิยมใช้นาเสนอขอ้ มูลทเ่ี ปน็ จานวนเตม็ บวกและศูนย์ 4. ครยู กตัวอยา่ งการนาเสนอแผนภาพต้น – ใบ แล้วตัง้ คาถามเก่ยี วกบั แผนภาพตน้ – ใบ นนั้ เพ่ือ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนในเรือ่ งการอา่ น วเิ คราะห์ละแปลความหมายของขอ้ มลู 5. ครูชใ้ี ห้นกั เรียนเห็นวา่ การนาเสนอข้อมูลด้วยแผนภาพ ต้น–ใบ นน้ั ชว่ ยใหส้ ามารถเห็นลกั ษณะ สาคัญของขอ้ มูลไดง้ ่ายกว่าการพจิ ารณาขอ้ มูลโดยตรง 6. ครูและนกั เรียนช่วยกันสรุปความหมายและประโยชน์ของแผนภาพต้น–ใบ ดังนี้ แผนภาพตน้ – ใบ เป็นอกี รูปแบบหนึ่งของการนาเสนอข้อมลู เชงิ ปรมิ าณที่มกี ารเรยี งลาดบั ขอ้ มูลและช่วยใหเ้ หน็ ภาพรวมของข้อมลู ได้รวดเรว็ ยง่ิ ข้ึน หลักการงา่ ย ๆ ในการนาเสนอข้อมูลด้วยแผนภาพ ต้น – ใบ คือการแบ่งตวั เลขทีแ่ สดงข้อมูลเชงิ ปริมาณออกเป็นสว่ นทีเ่ รยี กว่า สว่ นลาตน้ และ ส่วนใบ โดยในทนี่ ี้

สว่ นใบจะเปน็ ตัวเลขทอ่ี ยขู่ วามือสดุ สว่ นตวั เลขที่เหลอื จะเปน็ สว่ นลาตน้ เช่น 159 จะมี 9 เป็นสว่ นใบ และ 15 เป็นสว่ นลาตน้ 7. ครูให้นักเรยี นทาแบบฝึกหัดที่ 1.2 ขอ้ 3 – 4 8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียน 2. แบบฝึกหัด 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบุคคล 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดมี าก) (ต้องปรับปรงุ ) ประเมินการทา ทาแบบฝกึ หัดได้ (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ทาแบบฝกึ หัดได้ แบบฝกึ หดั อยา่ งถูกตอ้ งรอ้ ย อย่างถูกตอ้ งต่ากวา่ 2. เกณฑก์ าร ละ 90 ขน้ึ ไป ทาแบบฝกึ หดั ได้ ทาแบบฝึกหดั ได้ รอ้ ยละ 60 ประเมนิ ความ ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สามารถในการ สัญลักษณท์ าง อย่างถกู ต้องรอ้ ยละ อย่างถกู ต้องรอ้ ยละ สญั ลักษณ์ทาง สอ่ื สาร สอื่ คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง สอื่ สาร 80 - 89 60 - 79 สื่อสาร คณิตศาสตร์ ส่อื ความหมาย ส่อื ความหมาย สรุปผล และ ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สรุปผล และ นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอไม่ได้ ถกู ตอ้ ง ชดั เจน สญั ลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ สื่อสาร สอื่ สาร สื่อความหมาย สื่อความหมาย สรุปผล และ สรุปผล และ นาเสนอได้ถกู ต้อง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง แต่ขาดรายละเอยี ด บางส่วน ทส่ี มบรู ณ์

ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 3. เกณฑ์การ (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมินความ (ดมี าก) (ดี) (กาลงั พฒั นา) ใชค้ วามรู้ทาง สามารถในการ คณิตศาสตร์เปน็ เชื่อมโยง ใชค้ วามรูท้ าง ใชค้ วามร้ทู าง ใช้ความรู้ทาง เคร่ืองมือในการ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ 4. เกณฑก์ าร คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณิตศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตรเ์ ปน็ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ ประเมินความ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ สามารถในการ เครอื่ งมือในการ เครื่องมอื ในการ เครอื่ งมอื ในการ นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ให้เหตุผล เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ รบั ฟังและให้เหตุผล 5. เกณฑก์ าร สนบั สนุน หรือ ประเมนิ ความมุ เน้ือหาต่าง ๆ หรือ เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เนื้อหาต่าง ๆ หรือ โต้แย้งไมไ่ ด้ มานะในการทา ความเข้าใจ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ ไม่มีความต้ังใจและ ปัญหาและ พยายามในการทา แก้ปัญหาทาง นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ นาไปใชใ้ นชวี ิตจริง นาไปใช้ในชวี ติ จริง ความเข้าใจปญั หา คณิตศาสตร์ และแกป้ ญั หาทาง ไดอ้ ย่างสอดคล้อง ไดบ้ างส่วน คณติ ศาสตร์ ไม่มี ความอดทนและ เหมาะสม ท้อแท้ต่ออปุ สรรค จนทาให้แก้ปญั หา รบั ฟังและให้ รับฟงั และให้เหตุผล รับฟงั และให้เหตุผล ทางคณิตศาสตร์ได้ ไม่สาเรจ็ เหตุผลสนับสนุน สนบั สนนุ หรอื สนับสนุน หรือ หรอื โตแ้ ยง้ เพือ่ โต้แยง้ เพอ่ื นาไปสู่ โตแ้ ยง้ แตไ่ ม่ นาไปสู่ การสรุป การสรุปโดยมี นาไปสกู่ ารสรุปทมี่ ี โดยมีขอ้ เท็จจรงิ ข้อเท็จจริงทาง ข้อเทจ็ จริงทาง ทางคณติ ศาสตร์ คณติ ศาสตร์รองรบั คณิตศาสตร์รองรบั รองรับไดอ้ ย่าง ได้บางส่วน สมบูรณ์ มีความต้ังใจและ มีความตงั้ ใจและ มีความตัง้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา และแกป้ ัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาให้แก้ปัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไมส่ าเรจ็ เลก็ นอ้ ย ไมส่ าเร็จเป็นส่วน ใหญ่

ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 6. เกณฑ์การ ประเมินความ (ดมี าก) (ด)ี (กาลงั พฒั นา) (ตอ้ งปรบั ปรุง) ม่งุ มั่นในการ ทางาน มีความมุง่ มนั่ ใน มีความมงุ่ มน่ั ในการ มคี วามมุ่งม่นั ในการ มคี วามมุ่งมนั่ ในการ การทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไมม่ ีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรียบรอ้ ย ครบถ้วน เรียบร้อยส่วนใหญ่ เรียบรอ้ ยสว่ นนอ้ ย ผลสาเร็จอยา่ งที่ สมบูรณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนท่ีไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกิดทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมีคุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................

10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหวั หนา้ สถานศึกษา/ ผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่ือ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................

5. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5 สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน รหสั วิชา ค 22102 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 สถิติ (2) เร่ือง แผนภาพต้น – ใบ (3) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท.ี่ ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติและใช้ความรู้ทางสถติ ิในการแก้ปัญหา 2. ตัวชวี้ ัดชัน้ ปี เขา้ ใจและใช้ความรูท้ างสถติ ิในการนาเสนอขอ้ มูลและวเิ คราะหข์ อ้ มูลจากแผนภาพจุด แผนภาพต้น – ใบ ฮสิ โทแกรม และ ค่ากลางของข้อมูล และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมทัง้ นาสถติ ิไปใช้ในชีวติ จรงิ โดยใช้ เทคโนโลยีที่เหมาะสม ( ค 3.1 ม.2/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. วิเคราะห์ข้อมลู และนาเสนอขอ้ มลู ด้วยแผนภาพต้น–ใบ (K) 2. อา่ นและแปลความหมายของขอ้ มูลทนี่ าเสนอด้วยแผนภาพต้น–ใบ (K) 3. ตดั สนิ ใจคาดคะเน และสรุปผล ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (K) 4. มคี วามสามารถในการส่อื สาร สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามสามารถในเช่ือมโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ (P) 6. มีความสามารถในการให้เหตุผล (P) 7. มีความมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มีความมงุ่ ม่นั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา

5. สาระสาคัญ แผนภาพต้น – ใบ เป็นอีกรูปแบบหนง่ึ ของการนาเสนอข้อมลู เชิงปรมิ าณท่มี กี ารเรยี งลาดบั ขอ้ มูลและ ช่วยให้เหน็ ภาพรวมของข้อมลู ได้รวดเร็วย่งิ ขน้ึ หลักการง่าย ๆ ในการนาเสนอขอ้ มลู ด้วยแผนภาพตน้ – ใบ คือ การแบง่ ตวั เลขทแี่ สดงข้อมูลเชงิ ปรมิ าณออกเป็นส่วนทเ่ี รียกว่า สว่ นลาตน้ และ สว่ นใบ โดยในท่ีน้สี ว่ นใบจะ เปน็ ตวั เลขทอี่ ยู่ขวามือสุดส่วนตวั เลขท่ีเหลือจะเป็นส่วนลาต้น เชน่ 159 จะมี 9 เป็นส่วนใบ และ 15 เป็นสว่ น ลาต้น 6. สาระการเรยี นรู้ แผนภาพต้น – ใบ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนความหมายและประโยชน์ของแผนภาพตน้ –ใบ ดังน้ี แผนภาพต้น – ใบ เป็นอกี รปู แบบหน่งึ ของการนาเสนอข้อมูลเชงิ ปริมาณที่มกี ารเรียงลาดบั ข้อมูลและชว่ ยใหเ้ หน็ ภาพรวมของข้อมลู ไดร้ วดเร็วย่งิ ขน้ึ หลกั การงา่ ย ๆ ในการนาเสนอขอ้ มูลด้วยแผนภาพ ต้น – ใบ คือการแบ่งตัวเลขท่ีแสดงข้อมลู เชิงปรมิ าณออกเปน็ ส่วนทเ่ี รยี กว่า สว่ นลาต้น และ สว่ นใบ โดยในที่นี้ ส่วนใบจะเป็นตัวเลขที่อยขู่ วามอื สุดส่วนตัวเลขท่เี หลอื จะเป็นสว่ นลาตน้ เช่น 159 จะมี 9 เปน็ สว่ นใบ และ 15 เปน็ สว่ นลาต้น 2. ครใู หน้ ักเรียนจับกลุ่ม กลมุ่ ละ 3 – 4 เพอ่ื ใหน้ กั เรียนศกึ ษาตวั อย่างในหนังสอื เรยี นหนา้ 23 – 24 โดยมีครคู อยให้คาแนะนา และอธิบายเพ่ิมเติมในสง่ นที่นกั เรียนไมเ่ ข้าใจ 3. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ทากิจกรรม อวบอว้ น ผอมเพรยี ว โฉบเฉ่ียวหนุ่ ดี ในหนงั สือเรียนหนา้ 25 4.ครสู ุม่ ตัวแทนแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอผลของการดาเนนิ กิจกรรมในหนงั สอื เรียน โดยทกุ กลุม่ จะได้ นาเสนอผลงานของตนเอง 5. ครแู ละนักเรียนช่วยกนั สรปุ ความหมายและประโยชน์ของแผนภาพตน้ –ใบ ดังนี้ แผนภาพตน้ – ใบ เปน็ อกี รูปแบบหน่งึ ของการนาเสนอขอ้ มูลเชงิ ปรมิ าณทม่ี ีการเรียงลาดบั ข้อมูลและชว่ ยใหเ้ ห็นภาพรวมของขอ้ มลู ไดร้ วดเรว็ ยิง่ ข้ึน หลกั การง่าย ๆ ในการนาเสนอข้อมูลดว้ ยแผนภาพ ต้น – ใบ คือการแบ่งตวั เลขทีแ่ สดงข้อมูลเชงิ ปรมิ าณออกเป็นสว่ นทเี่ รยี กวา่ สว่ นลาตน้ และ สว่ นใบ โดยในท่ีน้ี สว่ นใบจะเป็นตวั เลขทีอ่ ยู่ขวามือสุดส่วนตวั เลขท่เี หลือจะเปน็ ส่วนลาตน้ เชน่ 159 จะมี 9 เป็นส่วนใบ และ 15 เป็นส่วนลาต้น 6. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัดท่ี 1.2 ข้อ 5 – 6

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบฝกึ หัด 3. กิจกรรมอวบอว้ น ผอมเพรยี ว โฉบเฉย่ี วห่นุ ดี 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัด รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม รายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน กลมุ่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดมี าก) (ตอ้ งปรบั ปรุง) ประเมินการทา ทาแบบฝึกหดั ได้ (ดี) (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝึกหัดได้ แบบฝกึ หดั อย่างถกู ตอ้ งร้อย อย่างถกู ต้องต่ากวา่ 2. เกณฑ์การ ละ 90 ข้นึ ไป ทาแบบฝึกหัดได้ ทาแบบฝกึ หัดได้ รอ้ ยละ 60 ประเมินความ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ สามารถในการ สญั ลกั ษณท์ าง อย่างถูกต้องรอ้ ยละ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ สัญลกั ษณท์ าง สือ่ สาร สือ่ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ ความหมายทาง ส่ือสาร 80 - 89 60 - 79 สอื่ สาร คณิตศาสตร์ สอื่ ความหมาย สือ่ ความหมาย สรปุ ผล และ ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สรุปผล และ นาเสนอไดอ้ ย่าง นาเสนอไมไ่ ด้ ถกู ตอ้ ง ชดั เจน สญั ลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณท์ าง คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตรใ์ นการ สือ่ สาร สอ่ื สาร ส่ือความหมาย ส่อื ความหมาย สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอไดถ้ ูกต้อง แตข่ าดรายละเอียด บางส่วน ทีส่ มบูรณ์

ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 3. เกณฑ์การ (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมินความ (ดมี าก) (ดี) (กาลงั พฒั นา) ใชค้ วามรู้ทาง สามารถในการ คณิตศาสตร์เปน็ เชื่อมโยง ใชค้ วามรูท้ าง ใชค้ วามร้ทู าง ใช้ความรู้ทาง เคร่ืองมือในการ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ 4. เกณฑก์ าร คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณิตศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตร์เปน็ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ ประเมินความ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ สามารถในการ เครอื่ งมือในการ เครื่องมอื ในการ เครอื่ งมอื ในการ นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ให้เหตุผล เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รบั ฟังและให้เหตุผล 5. เกณฑก์ าร สนบั สนุน หรือ ประเมนิ ความมุ เน้ือหาต่าง ๆ หรือ เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เนื้อหาต่าง ๆ หรือ โต้แย้งไมไ่ ด้ มานะในการทา ความเข้าใจ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ ไม่มีความต้ังใจและ ปัญหาและ พยายามในการทา แก้ปัญหาทาง นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ นาไปใชใ้ นชวี ิตจริง นาไปใช้ในชวี ติ จริง ความเข้าใจปญั หา คณิตศาสตร์ และแกป้ ญั หาทาง ไดอ้ ย่างสอดคล้อง ไดบ้ างส่วน คณติ ศาสตร์ ไม่มี ความอดทนและ เหมาะสม ท้อแท้ต่ออปุ สรรค จนทาให้แก้ปญั หา รบั ฟังและให้ รับฟงั และให้เหตุผล รับฟงั และใหเ้ หตุผล ทางคณิตศาสตร์ได้ ไม่สาเรจ็ เหตุผลสนับสนุน สนบั สนนุ หรอื สนับสนุน หรอื หรอื โตแ้ ยง้ เพือ่ โตแ้ ยง้ เพอ่ื นาไปสู่ โตแ้ ยง้ แต่ไม่ นาไปสู่ การสรุป การสรุปโดยมี นาไปสกู่ ารสรปุ ทมี่ ี โดยมีขอ้ เท็จจรงิ ข้อเท็จจริงทาง ข้อเทจ็ จริงทาง ทางคณติ ศาสตร์ คณติ ศาสตร์รองรบั คณิตศาสตรร์ องรบั รองรับไดอ้ ย่าง ได้บางส่วน สมบูรณ์ มีความต้ังใจและ มีความตงั้ ใจและ มีความตัง้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา และแกป้ ัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาให้แก้ปัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไมส่ าเรจ็ เลก็ นอ้ ย ไมส่ าเร็จเปน็ ส่วน ใหญ่

ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 6. เกณฑก์ าร ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ดี) (กาลังพัฒนา) (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ม่งุ ม่นั ในการ ทางาน มีความมุง่ มั่นใน มคี วามมงุ่ มัน่ ในการ มคี วามมงุ่ มั่นในการ มคี วามม่งุ มนั่ ในการ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ มม่ ีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรียบรอ้ ย ครบถว้ น เรยี บรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรียบรอ้ ยส่วนน้อย ผลสาเรจ็ อยา่ งที่ สมบูรณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้..................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรยี นน่ีไมผ่ า่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นที่ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกดิ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมีคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................

10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ ผูท้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่ือ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................

5. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 6 สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน รหสั วิชา ค 22102 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 สถติ ิ (2) เรือ่ ง ฮสิ โทแกรม (1) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ที่............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติและใช้ความรู้ทางสถติ ิในการแก้ปัญหา 2. ตัวชี้วัดช้นั ปี เขา้ ใจและใช้ความรูท้ างสถติ ิในการนาเสนอขอ้ มูลและวิเคราะห์ขอ้ มลู จากแผนภาพจุด แผนภาพตน้ – ใบ ฮสิ โทแกรม และ ค่ากลางของข้อมลู และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมทั้งนาสถิตไิ ปใชใ้ นชีวติ จริงโดยใช้ เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม ( ค 3.1 ม.2/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. วิเคราะห์ขอ้ มลู และนาเสนอข้อมลู ด้วยฮิสโทแกรม (K) 2. อ่านและแปลความหมายของข้อมูลทน่ี าเสนอด้วยฮิสโทแกรม (K) 3. ตัดสนิ ใจ คาดคะเน และสรุปผล ได้อย่างเหมาะสม (K) 4. มคี วามสามารถในการส่ือสาร สือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 5. มคี วามสามารถในเช่ือมโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์ (P) 6. มคี วามสามารถในการให้เหตุผล (P) 7. มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มีความมุ่งมั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการสื่อสาร 2. มีความสามารถในการแก้ปญั หา

5. สาระสาคัญ 1. ฮสิ โทแกรม เป็นอีกรปู แบบหนง่ึ ทีน่ ิยมใช้ และช่วยใหเ้ ห็นลักษณะการกระจายของขอ้ มลู เชน่ กนั 2. ฮสิ โทแกรม มีลกั ษณะคล้ายแผนภูมแิ ทง่ แตใ่ ช้แทง่ สี่เหลย่ี มมุมฉากแสดงความถ่ีหรอื ความถี่ สมั พัทธข์ องข้อมูลเชงิ ปรมิ าณในแต่ละช่วง ในขณะทีแ่ ผนภมู ิแท่งใช้สาหรับข้อมูลเชงิ คุณภาพและใช้แท่ง ส่เี หลี่ยมมมุ ฉากแสดงปริมาณของข้อมูลซงึ่ มีเพยี งคา่ เดยี ว 3. การสรา้ งฮิสโทแกรม ทาได้ดงั น้ี 1) แบ่งขอ้ มูลออกเป็นชว่ ง ๆ ชว่ งละเท่า ๆ กนั ในกรณีของขอ้ มูลเชงิ ปริมาณแบบไมต่ ่อเนอื่ ง ท่มี ีจานวนไม่มากใชข้ ้อมลู แตล่ ะตวั ในการสร้างได้เลย โดยไม่จาเปน็ ต้องแบง่ เป็นชว่ งกไ็ ด้ 2) นับจานวนข้อมูลแต่ละตัวในแต่ละชว่ ง จานวนดังกล่าวจะเปน็ ความถ่ีของข้อมูลในชว่ งนัน้ แลว้ สรา้ งตารางระบุความถขี่ องขอ้ มลู ในช่วงนัน้ ๆ ซึ่งเรียกวา่ ตารางแจกแจงความถ่ี 3) เขียนแสดงค่าของข้อมูลหรือจุดปลายของช่วงบนแกนนอน แล้วเขยี นแทง่ สเ่ี หล่ยี มมุมฉาก บนตาแหน่งทแี่ สดงคา่ กลางของขอ้ มลู โดยใหค้ วามสงู ของแทง่ เท่ากบั ความถ่ีหรือเปอรเ์ ซ็นตข์ อง ความถี่ 6. สาระการเรยี นรู้ ฮสิ โทแกรม 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูทบทวนการนาเสนอขอ้ มูลเชงิ ปริมาณทีน่ ักเรยี นไดเ้ รียนมา แลว้ ชี้ใหเ้ หน็ ข้อจากัดทีเ่ กิดข้ึนเมื่อ ขอ้ มลู มจี านวน มาก ๆ 2. ครูแนะนาใหน้ ักเรยี นไดร้ จู้ ักการนาเสนอขอ้ มลู ดว้ ยฮิสโทแกรม และเปรียบเทียบให้เห็นความ แตกต่าง กับแผนภูมแิ ท่ง ดงั น้ี ฮีสโทแกรม มีลกั ษณะคล้ายแผนภมู ิแท่ง แต่ใชแ้ ท่งสีเ่ หล่ียมมุมฉากแสดงความถ่ีหรือความถี่ สมั พทั ธข์ องข้อมูลเชงิ ปริมาณในแต่ละชว่ ง ในขณะท่ีแผนภมู แิ ท่งใช้สาหรับขอ้ มูลเชงิ คุณภาพและใช้ แท่งส่เี หลยี่ มมุมฉากแสดงปริมาณของขอ้ มลู ซง่ึ มีเพียงคา่ เดยี ว 3. ครแู นะนาหลักการสร้างฮสิ โทแกรมและใช้ตัวอย่างข้อมลู ในหนังสือเรียน หน้า 31 เพ่อื ให้นกั เรยี น ฝกึ สร้างฮสิ โทแกรม รวมทั้งอา่ นวิเคราะห์และแปลความหมายของข้อมลู 4. ครูใชม้ มุ คณิตในหนงั สอื เรียน หน้า 33 อภปิ รายร่วมกบั นักเรียนเก่ียวกบั การเขียนฮสิ โทแกรมของ ขอ้ มูลเชิงปริมาณท่ไี ม่ตอ่ เนอื่ ง

5. ครใู ช้ขอ้ มูลทน่ี าเสนอในรูปตารางแจกแจงความถี่ อภิปรายรว่ มกบั นกั เรียนถงึ การนาเสนอข้อมลู ดังกลา่ ว ด้วยฮิสโทแกรม แลว้ ให้นักเรียนอา่ นวิเคราะห์ แปลความหมาย รวมถึงสังเกตลกั ษณะการกระจาย ของข้อมูล 6. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ ทักษะที่ 1.2 เร่ืองฮิลโทแกรม แล้วครูสุ่มนักเรยี นออกมานาเสนอการสรา้ ง ฮลิ โทแกรมทต่ี นเองคิดได้ โดยมีครูคอยใหค้ าแนะนาและตรวจสอบความถกู ต้อง 7. ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั สรุปข้ันตอนการสร้างฮลิ โทแกรม ดงั น้ี การสรา้ งฮิสโทแกรม ทาได้ดังน้ี 1) แบง่ ข้อมลู ออกเปน็ ชว่ ง ๆ ชว่ งละเทา่ ๆ กัน ในกรณขี องข้อมูลเชิงปริมาณแบบไม่ต่อเนือ่ ง ทีม่ ีจานวนไมม่ ากใช้ข้อมลู แต่ละตัวในการสรา้ งไดเ้ ลย โดยไมจ่ าเปน็ ตอ้ งแบง่ เปน็ ช่วงกไ็ ด้ 2) นับจานวนขอ้ มลู แต่ละตัวในแตล่ ะช่วง จานวนดงั กลา่ วจะเป็นความถีข่ องข้อมลู ในชว่ งนน้ั แลว้ สรา้ งตารางระบคุ วามถ่ขี องขอ้ มลู ในชว่ งนั้น ๆ ซง่ึ เรยี กวา่ ตารางแจกแจงความถี่ 3) เขยี นแสดงค่าของข้อมูลหรอื จุดปลายของช่วงบนแกนนอน แลว้ เขยี นแทง่ สเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก บนตาแหนง่ ท่ีแสดงค่ากลางของข้อมูล โดยใหค้ วามสงู ของแทง่ เท่ากบั ความถี่หรือเปอรเ์ ซ็นต์ของ ความถี่ 8. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หัดท่ี 1.3 ข้อ 1 – 2 8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น 2. แบบฝกึ หัด 3. แบบฝกึ ทักษะที่ 1.2 เรอื่ งฮลิ โทแกรม 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัดและแบบฝกึ ทกั ษะ แบบฝกึ หดั และแบบฝกึ ทักษะ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คล รายบคุ คล

9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดมี าก) (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ประเมนิ การทา ทาแบบฝึกหดั ได้ (ดี) (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝกึ หัดได้ แบบฝึกทักษะ อยา่ งถูกตอ้ งร้อย อย่างถูกต้องต่ากว่า และแบบฝึกหัด ละ 90 ขึ้นไป ทาแบบฝึกหดั ได้ ทาแบบฝกึ หัดได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมินความ อย่างถกู ตอ้ งร้อยละ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ยละ ใชร้ ูป ภาษา และ สามารถในการ สัญลกั ษณ์ทาง ส่ือสาร ส่ือ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตร์ในการ ความหมายทาง สอื่ สาร คณติ ศาสตร์ ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ สื่อความหมาย สญั ลกั ษณ์ทาง สญั ลักษณ์ทาง สญั ลกั ษณท์ าง สรปุ ผล และ 3. เกณฑก์ าร คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตรใ์ นการ นาเสนอไม่ได้ ประเมนิ ความ สอื่ สาร ส่อื สาร สอ่ื สาร สามารถในการ สอื่ ความหมาย ส่อื ความหมาย สื่อความหมาย ใชค้ วามรทู้ าง เช่อื มโยง สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ คณิตศาสตรเ์ ปน็ นาเสนอได้อย่าง นาเสนอได้ถกู ต้อง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง เคร่อื งมือในการ 4. เกณฑ์การ ถกู ตอ้ ง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอียด บางส่วน เรียนรู้คณิตศาสตร์ ประเมินความ เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ สามารถในการ ที่สมบรู ณ์ ใชค้ วามรทู้ าง ศาสตร์อนื่ ๆ และ ใหเ้ หตุผล ใช้ความรูท้ าง ใชค้ วามร้ทู าง คณิตศาสตร์เปน็ นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตรเ์ ปน็ เครือ่ งมือในการ เคร่อื งมอื ในการ เครอื่ งมือในการ เรียนรู้คณิตศาสตร์ รับฟังและให้เหตุผล เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เน้อื หาต่าง ๆ หรือ สนบั สนนุ หรือ เน้ือหาต่าง ๆ หรือ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ ศาสตร์อื่น ๆ และ โตแ้ ยง้ ไมไ่ ด้ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ นาไปใช้ในชวี ติ จริง นาไปใช้ในชวี ติ จริง ได้อย่างสอดคลอ้ ง ได้บางสว่ น รับฟังและใหเ้ หตุผล เหมาะสม สนับสนนุ หรอื รับฟังและให้ รับฟงั และใหเ้ หตผุ ล โต้แยง้ แต่ไม่ นาไปสกู่ ารสรุปทีม่ ี เหตผุ ลสนับสนนุ สนับสนุน หรอื ข้อเท็จจริงทาง คณติ ศาสตร์รองรับ หรอื โตแ้ ย้ง เพือ่ โตแ้ ยง้ เพอ่ื นาไปสู่ นาไปสู่ การสรปุ การสรุปโดยมี โดยมขี อ้ เทจ็ จรงิ ข้อเทจ็ จริงทาง ทางคณติ ศาสตร์

ประเดน็ การ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรุง) รองรบั ได้อยา่ ง (ดี) (กาลังพัฒนา) 5. เกณฑ์การ คณติ ศาสตรร์ องรับ ไมม่ คี วามตัง้ ใจและ ประเมนิ ความมุ สมบรู ณ์ พยายามในการทา มานะในการทา ได้บางสว่ น ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจ มคี วามต้ังใจและ และแก้ปัญหาทาง ปญั หาและ พยายามในการทา มคี วามตง้ั ใจและ มคี วามตงั้ ใจและ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี แกป้ ญั หาทาง ความเข้าใจปญั หา พยายามในการทา พยายามในการทา ความอดทนและ คณิตศาสตร์ และแก้ปญั หาทาง ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค คณติ ศาสตร์ มี และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง จนทาใหแ้ กป้ ัญหา ความอดทนและไม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ไมส่ าเรจ็ จนทาให้แก้ปัญหา ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ จนทาใหแ้ ก้ปัญหา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา สาเร็จ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ไม่สาเร็จเล็กนอ้ ย ไมส่ าเรจ็ เป็นส่วน ใหญ่ 6. เกณฑก์ าร มคี วามมงุ่ ม่นั ใน มคี วามม่งุ ม่ันในการ มคี วามมุง่ มั่นในการ มีความม่งุ มั่นในการ ประเมินความ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแต่ไมม่ ีความ มุ่งมัน่ ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ งานไมป่ ระสบ เรยี บรอ้ ย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บรอ้ ยสว่ นนอ้ ย ผลสาเร็จอย่างที่ สมบูรณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นกั เรยี นน่ีไมผ่ า่ น มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................

แนวทางแก้ไขนักเรยี นทไ่ี ม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรยี นเกดิ ทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมคี ณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 7 สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน รหสั วิชา ค 22102 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 สถติ ิ (2) เรือ่ ง ฮสิ โทแกรม (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ที่............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติและใช้ความรู้ทางสถติ ิในการแก้ปัญหา 2. ตัวชี้วัดช้นั ปี เขา้ ใจและใช้ความรู้ทางสถติ ิในการนาเสนอขอ้ มูลและวิเคราะห์ขอ้ มลู จากแผนภาพจุด แผนภาพตน้ – ใบ ฮสิ โทแกรม และ ค่ากลางของข้อมลู และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมทั้งนาสถิตไิ ปใชใ้ นชีวติ จริงโดยใช้ เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม ( ค 3.1 ม.2/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. วิเคราะห์ขอ้ มูลและนาเสนอข้อมลู ด้วยฮิสโทแกรม (K) 2. อ่านและแปลความหมายของข้อมูลทน่ี าเสนอด้วยฮิสโทแกรม (K) 3. ตัดสนิ ใจ คาดคะเน และสรุปผล ได้อย่างเหมาะสม (K) 4. มคี วามสามารถในการส่ือสาร สือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 5. มคี วามสามารถในเช่ือมโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์ (P) 6. มีความสามารถในการให้เหตุผล (P) 7. มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มีความมุ่งมั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. มคี วามสามารถในการสื่อสาร 2. มีความสามารถในการแก้ปญั หา

5. สาระสาคญั 1. ฮิสโทแกรม เป็นอีกรูปแบบหน่งึ ท่นี ยิ มใช้ และชว่ ยใหเ้ หน็ ลักษณะการกระจายของขอ้ มลู เช่นกัน 2. ฮสิ โทแกรม มีลักษณะคล้ายแผนภมู ิแท่ง แตใ่ ช้แทง่ สเ่ี หลยี่ มมุมฉากแสดงความถห่ี รือความถี่ สัมพัทธ์ของขอ้ มูลเชงิ ปริมาณในแต่ละช่วง ในขณะทแ่ี ผนภูมแิ ทง่ ใช้สาหรับข้อมูลเชิงคุณภาพและใช้แทง่ สี่เหล่ยี มมมุ ฉากแสดงปรมิ าณของขอ้ มูลซง่ึ มีเพยี งค่าเดียว 3. การสร้างฮสิ โทแกรม ทาไดด้ ังน้ี 1) แบง่ ข้อมลู ออกเปน็ ช่วง ๆ ชว่ งละเท่า ๆ กนั ในกรณขี องข้อมูลเชงิ ปรมิ าณแบบไมต่ ่อเนอ่ื ง ทม่ี จี านวนไมม่ ากใช้ขอ้ มูลแตล่ ะตวั ในการสร้างได้เลย โดยไมจ่ าเปน็ ตอ้ งแบ่งเปน็ ช่วงก็ได้ 2) นับจานวนขอ้ มลู แต่ละตัวในแต่ละชว่ ง จานวนดังกล่าวจะเปน็ ความถขี่ องข้อมลู ในชว่ งนนั้ แล้วสรา้ งตารางระบุความถี่ของข้อมลู ในชว่ งนน้ั ๆ ซ่ึงเรียกวา่ ตารางแจกแจงความถี่ 3) เขียนแสดงค่าของข้อมลู หรอื จุดปลายของชว่ งบนแกนนอน แลว้ เขยี นแท่งส่ีเหลย่ี มมุมฉาก บนตาแหน่งที่แสดงคา่ กลางของขอ้ มูล โดยใหค้ วามสงู ของแท่งเท่ากับความถีห่ รอื เปอร์เซน็ ตข์ อง ความถี่ 6. สาระการเรียนรู้ ฮสิ โทแกรม 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนการการสร้างฮสิ โทแกรม ทาไดด้ งั นี้ 1) แบง่ ขอ้ มลู ออกเป็นชว่ ง ๆ ช่วงละเทา่ ๆ กัน ในกรณีของข้อมลู เชิงปรมิ าณแบบไมต่ ่อเนือ่ ง ที่มจี านวนไมม่ ากใชข้ อ้ มลู แต่ละตวั ในการสรา้ งได้เลย โดยไม่จาเป็นตอ้ งแบง่ เปน็ ชว่ งก็ได้ 2) นบั จานวนข้อมูลแต่ละตวั ในแตล่ ะชว่ ง จานวนดังกลา่ วจะเปน็ ความถ่ีของข้อมลู ในชว่ งน้ัน แลว้ สร้างตารางระบคุ วามถี่ของข้อมลู ในชว่ งน้ัน ๆ ซึ่งเรียกวา่ ตารางแจกแจงความถ่ี 3) เขยี นแสดงค่าของขอ้ มูลหรอื จุดปลายของช่วงบนแกนนอน แลว้ เขยี นแท่งส่เี หล่ียมมมุ ฉาก บนตาแหน่งที่แสดงคา่ กลางของขอ้ มูล โดยให้ความสูงของแทง่ เท่ากบั ความถห่ี รอื เปอร์เซ็นตข์ อง ความถ่ี 2. ครใู ห้นักเรียนแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 3 – 4 คน เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นศึกษาตวั อย่างในหนงั สือเรียนหน้า 31 – 34 โดยมคี รคู อยให้คาแนะนาและอธิบายเพ่มิ เตมิ ในใส่ทน่ี กั เรียนไม่เขา้ ใจ

3. ครูให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ทาแบบฝึกหดั ที่ 1.3 ข้อ 3 แลว้ ให้แต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอฮิสโทแกรมท่ี กลุ่มตนเองสรา้ ง โดยมคี รคู อยตรวจสอบความถูกต้องของฮสิ โทแกรมดงั กล่าว 4. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั การการสร้างฮิสโทแกรม ทาไดด้ ังน้ี 1) แบ่งข้อมูลออกเป็นช่วง ๆ ชว่ งละเทา่ ๆ กนั ในกรณขี องขอ้ มูลเชิงปรมิ าณแบบไมต่ อ่ เน่อื ง ทมี่ ีจานวนไม่มากใชข้ ้อมูลแตล่ ะตัวในการสร้างไดเ้ ลย โดยไมจ่ าเป็นตอ้ งแบง่ เป็นช่วงก็ได้ 2) นับจานวนข้อมูลแต่ละตัวในแตล่ ะช่วง จานวนดังกล่าวจะเปน็ ความถขี่ องขอ้ มูลในชว่ งนนั้ แล้วสร้างตารางระบคุ วามถี่ของข้อมูลในช่วงน้ัน ๆ ซง่ึ เรียกวา่ ตารางแจกแจงความถี่ 3) เขยี นแสดงค่าของข้อมูลหรือจุดปลายของช่วงบนแกนนอน แลว้ เขียนแท่งสเี่ หล่ียมมุมฉาก บนตาแหน่งทีแ่ สดงค่ากลางของข้อมูล โดยใหค้ วามสงู ของแทง่ เทา่ กบั ความถหี่ รือเปอร์เซ็นต์ของ ความถ่ี 5. ครูให้นกั เรียนทาแบบฝึกหัดท่ี 1.3 ขอ้ 4 8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. แบบฝกึ หัด 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล รายบคุ คล สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ กล่มุ

9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 1. เกณฑก์ าร (ต้องปรับปรงุ ) ประเมนิ การทา (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝกึ หดั ได้ แบบฝึกหัด อย่างถกู ต้องตา่ กวา่ 2. เกณฑก์ าร ทาแบบฝึกหัดได้ ทาแบบฝกึ หดั ได้ ทาแบบฝึกหัดได้ รอ้ ยละ 60 ประเมินความ ใช้รปู ภาษา และ สามารถในการ อยา่ งถูกต้องร้อย อย่างถูกต้องร้อยละ อยา่ งถูกต้องรอ้ ยละ สัญลกั ษณท์ าง สื่อสาร ส่อื คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง ละ 90 ขึน้ ไป 80 - 89 60 - 79 สื่อสาร คณติ ศาสตร์ ส่ือความหมาย ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ สรุปผล และ 3. เกณฑ์การ นาเสนอไม่ได้ ประเมินความ สญั ลกั ษณท์ าง สัญลักษณ์ทาง สัญลกั ษณท์ าง สามารถในการ ใช้ความรู้ทาง เชือ่ มโยง คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตรเ์ ป็น เคร่ืองมือในการ 4. เกณฑก์ าร สอื่ สาร สอ่ื สาร สอื่ สาร เรียนรู้คณิตศาสตร์ ประเมินความ เน้อื หาต่าง ๆ หรือ สามารถในการ สอ่ื ความหมาย ส่ือความหมาย ส่อื ความหมาย ศาสตรอ์ ่ืน ๆ และ ใหเ้ หตุผล นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง สรุปผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ รบั ฟังและใหเ้ หตผุ ล นาเสนอไดอ้ ย่าง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอได้ถูกตอ้ ง สนบั สนนุ หรือ โตแ้ ยง้ ไมไ่ ด้ ถกู ตอ้ ง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอียด บางสว่ น ทสี่ มบรู ณ์ ใช้ความรูท้ าง ใช้ความรู้ทาง ใชค้ วามร้ทู าง คณิตศาสตรเ์ ป็น คณิตศาสตร์เปน็ คณิตศาสตร์เป็น เครื่องมอื ในการ เคร่อื งมอื ในการ เคร่ืองมือในการ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เน้ือหาตา่ ง ๆ หรอื เนอื้ หาต่าง ๆ หรือ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรือ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศาสตร์อนื่ ๆ และ ศาสตร์อ่นื ๆ และ นาไปใชใ้ นชวี ิตจริง นาไปใช้ในชวี ิตจรงิ นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ได้อยา่ งสอดคล้อง ไดบ้ างส่วน เหมาะสม รับฟังและให้ รับฟังและใหเ้ หตุผล รบั ฟังและใหเ้ หตผุ ล เหตุผลสนับสนนุ สนบั สนนุ หรอื สนบั สนุน หรอื หรือโต้แย้ง เพื่อ โตแ้ ยง้ เพือ่ นาไปสู่ โตแ้ ย้ง แตไ่ ม่ นาไปสู่ การสรปุ การสรปุ โดยมี นาไปสกู่ ารสรุปทม่ี ี โดยมขี ้อเท็จจรงิ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทาง ข้อเทจ็ จรงิ ทาง ทางคณิตศาสตร์ คณติ ศาสตรร์ องรบั คณิตศาสตร์รองรบั ได้บางสว่ น

ประเดน็ การ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมนิ (ดมี าก) 32 (ต้องปรบั ปรุง) รองรบั ได้อยา่ ง (ดี) (กาลงั พัฒนา) 5. เกณฑ์การ ไมม่ คี วามตั้งใจและ ประเมินความมุ สมบูรณ์ มคี วามตั้งใจและ มีความตัง้ ใจและ พยายามในการทา มานะในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจ มีความตั้งใจและ ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา และแกป้ ญั หาทาง ปญั หาและ พยายามในการทา และแก้ปญั หาทาง และแกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ ไมม่ ี แกป้ ญั หาทาง ความเข้าใจปัญหา คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและ คณิตศาสตร์ และแกป้ ญั หาทาง มีความอดทนและ มีความอดทนและ ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค คณติ ศาสตร์ มี ท้อแท้ต่ออุปสรรค ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค จนทาให้แกป้ ญั หา ความอดทนและไม่ จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ท้อแทต้ ่ออุปสรรค ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ไมส่ าเรจ็ จนทาให้แกป้ ัญหา ไม่สาเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สาเร็จเปน็ ส่วน ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ใหญ่ สาเร็จ 6. เกณฑ์การ มคี วามมงุ่ มั่นใน มีความมุ่งมนั่ ในการ มคี วามมุ่งมน่ั ในการ มคี วามมุง่ ม่ันในการ ประเมินความ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแตไ่ มม่ ีความ มุง่ ม่ันในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรียบรอ้ ย ครบถว้ น เรียบร้อยส่วนใหญ่ เรยี บรอ้ ยสว่ นน้อย ผลสาเร็จอยา่ งที่ สมบูรณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นร้.ู .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนี่ไมผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................

แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทไี่ มผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกดิ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมีคุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................

11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผ้ทู ี่ไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสอื่ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook