290 สาเหตุทกี่ ํอให๎เกดิ ความคดิ ชาตนิ ยิ มในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต๎ สรุปได๎ ดงั น้ี 1. ความร๎สู ึกไมํพอใจระบบการปกครองของประเทศตะวันตกในดนิ แดนอาณานิคม ซึ่งใช๎ กฎหมายบังคบั ชาวพืน้ เมอื งให๎ปฏบิ ัตติ าม โดยมีจดุ มํุงหมายใหเ๎ กดิ ความสงบและความมั่นคงใน ดินแดนอาณานคิ ม ซึ่งเป็นผลให๎ชาตติ ะวันตกไดร๎ บั อภสิ ทิ ธ์ิและผลประโยชน๑ตํางๆ เหนือกวําชาว พ้นื เมอื ง 2. ชาวพื้นเมอื งรู๎สกึ หวงแหนทรัพยากรของชาติ ท่ีถูกชาวตะวันตกกอบโกยไปสร๎างความ ม่ันคงให๎แกํตนเอง 3. ชาวพนื้ เมืองร๎ูสกึ โกรธเคอื งเม่ือชาวตะวนั ตกใชว๎ ธิ ีกดขี่ ขํมเหง ดูหม่นิ เหยียดหยาม และ ทาํ ลายวฒั นธรรมของชาวพ้ืนเมอื ง 4. การท่ชี าวตะวันตกนาํ ความร๎ทู างดา๎ นวิทยาศาสตร๑ การศกึ ษาแบบสมัยใหมํมาเผยแพรใํ น ดนิ แดนอาณานิคม ทาํ ให๎ประชาชนเรม่ิ ตื่นตัวในความคิดแบบสมัยใหมํ โดยเฉพาะความคิดในระบบ เสรนี ิยม 5. ในสมยั ทช่ี าวตะวนั ตกปกครองอาณานคิ ม บา๎ นเมอื งเกิดความสงบมัน่ คง ชาวพ้ืนเมืองมิได๎ รบพงุํ กนั เองเหมอื นแตกํ อํ น ประกอบกับชาวตะวนั ตกนํารปู แบบการคมนาคมขนสงํ สมยั ใหมํ เชํน รถไฟ เรือกลไฟ โทรเลข โทรศพั ท๑ มาใช๎ในอาณานิคม อกี ทัง้ ชาวตะวนั ตกใช๎ภาษาของตนในการ ปกครองอาณานคิ ม เชนํ สหรฐั อเมริกาใชภ๎ าษาองั กฤษเปน็ ภาษาราชการปกครองชาวฟิลปิ ปินส๑ เปน็ ตน๎ ปัจจยั ดงั กลําวทําใหช๎ าวพ้นื เมืองสามารถตดิ ตํอไปมาหาสํู หรือสอ่ื สารไดส๎ ะดวกรวดเรว็ ขน้ึ 6. ชาวพืน้ เมืองไดร๎ ับแนวความคดิ และตัวอยาํ งการแสดงออกถงึ ความเปน็ ชาตินยิ มจาก ประเทศที่อยํูนอกดนิ แดนเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต๎ จนรส๎ู กึ ช่นื ชมและต๎องการแสดงออกซง่ึ ความเป็น ชาตนิ ยิ มดว๎ ย ดังเชนํ กรณีญ่ีปุนซ่ึงมคี วามคดิ ชาตนิ ยิ มอยํางแรงกลา๎ พัฒนาประเทศจนกา๎ วไปสูคํ วาม ทันสมยั และมคี วามเข๎มแขง็ ทุกด๎านสามารถทําสงครามชนะรสั เซยี ซึ่งเปน็ มหาอาํ นาจได๎ อกี กรณีหนึ่ง คอื นกั ชาตินยิ มจีนภายใตก๎ ารนําของ ดร. ซนุ ยตั เซน็ สามารถกํอการปฏวิ ัติเมอ่ื พ.ศ. 2454 เพ่อื ตอํ ตา๎ นราชวงศแ๑ มนจู ซึง่ เปน็ ราชวงศต๑ ํางชาติท่ีเขา๎ มาปกครองประเทศจนี ในขณะนั้น ไดส๎ ําเร็จ
291 แบบทดสอบหลงั เรยี น เรอ่ื ง เหตกุ ารณ๑สาํ คัญทางประวัติศาสตรใ๑ นประเทศไทยและประเทศในทวปี เอเชยี คาํ ชแ้ี จง แบบทดสอบกอํ นเรียน มจี ํานวนท้งั หมด 10 ข๎อ แบงํ ออกเป็น 2 ตอน ประกอบด๎วย ตอนท่ี 1 แบบปรนัย จํานวน 5 ขอ๎ ตอนท่ี 2 แบบเลือกตอบถกู ผดิ จํานวน 5 ข๎อ ตอนท่ี 1 แบบปรนยั จํานวน 5 ขอ๎ คาํ ส่ัง จงทาํ เคร่อื งหมายกากบาท (X) หนา๎ ขอ๎ ที่ถกู ตอ๎ งทสี่ ุด เพยี งขอ๎ เดยี ว 1. ประเทศพมํา เมอ่ื ปี พ.ศ. 2429 ไดต๎ กเป็นเมืองข้นึ ของประเทศใด ก. ประเทศญป่ี นุ ข. ประเทศอังกฤษ ค. ประเทศอนิ โดนีเซยี ง. ประเทศสหรัฐอเมริกา 2 ในยคุ ลาํ อาณานคิ ม ประเทศสวํ นมากตกเปน็ เมืองขน้ึ ของประเทศมหาอาํ นาจ มอี ยเูํ พียงประเทศ เดยี วในเอเชียทีไ่ มตํ อ๎ งตกเป็นเมอื งขึ้น คอื ประเทศใด ก. ไทย ข. ญ่ีปุน ค. มาเลเซยี ง. ฟลิ ปิ ปนิ ส๑ 3. เหตุการณ๑สาํ คญั ทางประวตั ศิ าสตรท๑ ีเ่ กดิ ข้ึนในประเทศทวปี เอเชยี คอื ข๎อใด ก. สงครามคูเสด ข. สงครามโซเวยี ต ค. สงครามมหาเอเชยี บูรพา ง. ยคุ ลาํ อาณานิคม และยุคสงครามเย็น 4. สงครามเยน็ มีผลตํอเนือ่ งมาจากอะไร ก. สงครามเกาหลี ข. สงครามเวยี ดนาม ค. สงครามโลกครัง้ ท่ี 1 ง. สงครามโลกครั้งที่ 2 5. ภมู ภิ าคตะวันออกเฉยี งใตป๎ ระกอบดว๎ ยประเทศสมาชิกท้ังหมดกี่ประเทศ ก. 10 ประเทศ ข. 11 ประเทศ ค. 12 ประเทศ ง. 13 ประเทศ เฉลยแบบทดสอบกอํ นเรียน (ตอนท่ี 1) 1. ข 2. ก 3. ง 4. ง 5.
292 ตอนท่ี 2 แบบเลอื กตอบถูกผดิ จํานวน 5 ข๎อ คําส่งั จงทําเครอื่ งหมายถูก () หน๎าข๎อทีถ่ ูก และทาํ เคร่อื งหมายผดิ (X) หนา๎ ข๎อทีผ่ ิด ........1. ประเทศฟิลปิ ปินสถ๑ กู ยดึ ครองโยชาวสเปน ในปี พ.ศ.2112 ........2. พ.ศ.2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟูาจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงเทพฯเปน็ ราช ธานี ........3. ไทยทําสนธสิ ัญญาเบาว๑รงิ กบั จนี ใน พ.ศ. 2398 ........4. สงครามเยน็ เกดิ ขึ้นหลังสงครามโลกครง้ั ที่ 1 เปน็ การทะเละกันของ 2 คํายมหาอาํ นาจ คือ คํายเสรี นาํ โดยสหรฐั อเมรกิ า และคาํ ยโลกคอมมิวนิสต๑ นําโดยประเทศสหภาพโซเวยี ด ........5. สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอสิ รภาพ ใน พ.ศ.2127 เฉลยแบบทดสอบกอํ นเรยี น (ตอนท่ี 2) 1. 2. 3. X 4. X 5.
293 วิธกี ารวัดผลประเมนิ ผล/เคร่ืองมอื /เกณฑก๑ ารประเมิน วธิ กี าร เครื่องมือ เกณฑ๑การประเมิน สงั เกตพฤตกิ รรมรายกลํุม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผาํ นการประเมนิ ระดบั ดีข้นึ ไป รายกลํมุ ทดสอบหลงั เรยี น แบบทดสอบหลังเรยี น ผํานการประเมินรอ๎ ยละ 70 ขึน้ ไป ประเมินผลงาน/ชิ้นงาน แบบประเมินผลงาน/ ผํานการประเมนิ ร๎อยละ 70 ขึน้ ไป ชิน้ งาน สอบถามความพึงพอใจ แบบสอบถามความ ผาํ นการประเมนิ ระดับดีขน้ึ ไป พึงพอใจ เกณฑ๑การประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน ระดบั คะแนน รายการ 4 32 1 ประเมนิ 1. ความถูกตอ๎ ง มีความถูกต๎อง ผลงานสํวนใหญํ ผลงาน ผลงาน ชัดเจนสมบูรณ๑ ถูกตอ๎ งครบถ๎วน มีความถกู ต๎องเปน็ มคี วามถูกตอ๎ ง 2. ความสะอาด ครบถ๎วน บางสวํ น เป็นสํวนใหญํ เรียบร๎อย ผลงานสะอาด ผลงานสะอาด ผลงาน ผลงาน สวยงาม เรียบรอ๎ ย สวยงาม เรียบรอ๎ ย บางสํวน สํวนใหญํ ไมํมรี อยขดี ลบ มีรอยขดี ลบนอ๎ ย ไมํสะอาด ไมํสะอาด 3.ตรงตํอเวลา ไมํเรียบร๎อย ไมํเรียบร๎อย สํงงานตรงเวลา สํงงานชา๎ กอํ น สงํ งานชา๎ กํอน สงํ งานช๎า 4.การเชอ่ื มโยง ท่กี าํ หนด หมดเวลา 10 หมดเวลา 5 นาที ต๎องมกี าร และความคดิ นาที เรํงและทวง สร๎างสรรค๑ คิดแปลกใหมํ คิดแปลกใหมํ คดิ แปลกใหมํ คดิ แปลกใหมํ เชื่อมโยงสมั พนั ธ๑ เชื่อมโยงสัมพันธ๑ เชือ่ มโยงสัมพนั ธ๑ เชือ่ มโยงสัมพนั ธ๑ ส่งิ ตาํ ง ๆ ได๎ สิง่ ตาํ ง ๆ ได๎ สิ่งตาํ ง ๆ ได๎ สิง่ ตาํ ง ๆ ได๎ อยาํ งถกู ตอ๎ ง อยาํ งถกู ต๎อง อยาํ งถูกตอ๎ ง อยาํ งถกู ตอ๎ ง เป็นสํวนใหญํ เป็นบางสํวน เป็นสํวนนอ๎ ย
294 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรข๎ู องผเ๎ู รียน ชอ่ื โครงการ/กจิ กรรม........................................................................................................................ ช่ือโรงเรยี น/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. ชื่อหวั หน๎าโครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คาํ ช้แี จง ใหผ๎ ป๎ู ระเมินทําเครอ่ื งหมาย ถูก () ลงในชํองระดับ พฤตกิ รรม ของผู๎เรียน โดยมีเกณฑ๑ ระดับคุณภาพการประเมินดังนี้ 5 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู๎ มากที่สุด 4 มีพฤตกิ รรมการเรียนร๎ู มาก 3 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู๎ ปานกลาง 2 มีพฤตกิ รรมการเรียนรู๎ นอ๎ ย 1 มีพฤตกิ รรมการเรียนร๎ู นอ๎ ยทสี่ ดุ เกณฑ๑การพิจารณาระดบั คุณภาพ คะแนนเฉล่ียรอ๎ ยละ 0 - 50 ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ คะแนนเฉล่ียรอ๎ ยละ 50 - 69 ระดับคุณภาพ พอใช๎ คะแนนเฉลีย่ รอ๎ ยละ 70 – 79 ระดบั คณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลยี่ รอ๎ ยละ 80 – 89 ระดบั คุณภาพ ดีมาก คะแนนเฉลี่ยรอ๎ ยละ 90 - 100 ระดบั คณุ ภาพ ดเี ย่ยี ม พฤติกรรมการเรยี นร๎ู ระดบั พฤติกรรม 54321 1. ความตง้ั ใจในการทาํ งาน 2. ความรับผดิ ชอบ 3. ความกระตอื รอื ร๎น 4. การตรงตอํ เวลา 5. ผลสาํ เรจ็ ของงาน 6. การทํางานรวํ มกับผ๎ูอืน่ 7. มคี วามคิดริเร่ิมสร๎างสรรค๑ 8. มีการวางแผนในการทาํ งาน 9. การมีสํวนรํวมในการแสดงความคดิ เห็นในกลํมุ 10. การมสี ํวนรวํ มในการแกไ๎ ขปัญหาในกลุํม ลงช่อื .....................................................................ผ. ู๎ประเมนิ ............../.............................../.....................
แผนการจัดการเรยี นรทู๎ ี่ 10 295 เรือ่ ง อุทกภัย และดินโคลนถลํม เวลาเรียน 6 ชัว่ โมง แนวคดิ ภัยธรรมชาตทิ ี่เกิดขน้ึ บนโลกน้ี มหี ลายประเภท ทง้ั อทุ กภยั ดินโคลนถลมํ แตํละประเภท ล๎วนมลี กั ษณะการเกดิ และผลกระทบ ท่ีแตกตาํ งกนั ออกไป ภยั ทางธรรมชาตหิ ลายเหตกุ ารณ๑ท่เี กิดขนึ้ ในอดีตได๎สรา๎ งความเสียหายและ สํงผลกระทบตอํ มนษุ ยชาตแิ ละโลกอยํางมากมาย ซ่ึงมนุษยไ๑ มํ สามารถคาดคะเนการเกดิ ภัยธรรมชาตเิ หลาํ น้ลี ํวงหนา๎ ไดอ๎ ยาํ งแมํนยํา ดังนั้น จึงควรตระหนกั ถึงภัย และผลกระทบท่ีอาจจะ เกดิ ขนึ้ ได๎ทุกเม่ือ การศึกษาเรอ่ื งภัยธรรมชาติจึงเป็นการเตรยี มความพร๎อมท่ดี ี เพือ่ การวางแผน รับสถานการณก๑ ารเกดิ ภยั ตําง ๆ และปอู งกนั ผลกระทบทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ อกี ทงั้ ยงั เป็น การเสรมิ สรา๎ ง ความรู๎ และทักษะในการปฏิบัติเมือ่ ต๎องเผชิญกบั เหตภุ ยั พิบัตเิ พื่อลดความเสี่ยงที่อาจ เกิดข้ึนกบั ท้ัง ชวี ิตและทรพั ย๑สิน ตวั ชีว้ ัด 1. อธบิ ายความหมายของ อทุ กภยั ดินโคลนถลํม 2. บอกสาเหตุ และปัจจยั การเกดิ อุทกภยั ดนิ โคลนถลมํ 3. บอกผลกระทบทเี่ กดิ จากอุทกภยั ดินโคลนถลมํ 4. ตระหนกั ถงึ ภยั และผลกระทบท่ีเกดิ จากอุทกภยั ดินโคลนถลํม 5. บอกพ้ืนทเี่ ส่ยี งภยั ตอํ การเกิดอุทกภัย ดนิ โคลนถลํม 6. บอกสัญญาณบอกเหตกุ ํอนเกดิ อทุ กภัย ดินโคลนถลมํ 7. บอกสถานการณ๑อุทกภยั ดินโคลนถลมํ 8. บอกวิธกี ารเตรียมความพร๎อมรับสถานการณ๑การเกดิ อุทกภยั ดินโคลนถลมํ 9. บอกวิธกี ารปฏิบตั ขิ ณะเกิดอทุ กภัย ดินโคลนถลํม 10. บอกวิธกี ารปฏิบตั หิ ลงั เกิดอทุ กภัย ดินโคลนถลํม เนอ้ื หา เรือ่ งท่ี 1 อทุ กภัย และ ดินโคลนถลมํ - ความหมายของอุทกภัย และ ดินโคลนถลํม - การเกดิ อุทกภัย และ ดินโคลนถลํม - สถานการณอ๑ ทุ กภยั ในประเทศไทย
296 - แนวทางการปอู งกันและการแกไ๎ ขปัญหาผลกระทบที่เกดิ จากอทุ กภยั และ ดนิ โคลนถลมํ ข้นั ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู๎ ขัน้ ตอนที่ 1 การสรา๎ งแรงบนั ดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทักทายผ๎เู รียน พร๎อมท้ังแนะนําตนเอง และแผนการจดั การเรยี นรู๎ ซง่ึ การจัดการเรยี นร๎ู ท่ีผ๎ูเรียนจะต๎องเรียนรูร๎ ํวมกันในคร้ังน้ี คอื เร่ือง อทุ กภัย ดินโคลนถลมํ และชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกบั เรื่องทีจ่ ะเรยี นร๎ูเพอ่ื กระตนุ๎ ให๎ผ๎ูเรยี นเกดิ ความสนใจและมคี วามกระตอื รือรน๎ ในการเชอ่ื มโยงและสรา๎ ง ความพรอ๎ มที่จะเรียนรูห๎ รือทาํ กิจกรรมการเรยี นรต๎ู ามแผนการจดั การเรยี นร๎ูคร้งั น้ี 2. ครชู ีแ้ จงวัตถปุ ระสงค๑ เนือ้ หา กจิ กรรม การวดั และประเมนิ ผลของการเรียนรู๎ในครั้งนี้ ท่ี สอดคล๎องกับตวั ช้ีวัดตามแผนการจดั การเรียนร๎คู รง้ั นี้ เพือ่ ใหผ๎ เู๎ รยี นเขา๎ ใจอยํางชดั เจนวาํ ผ๎ูเรียนจะตอ๎ ง เรียนร๎ใู ห๎บรรลุตัวชว้ี ัด ทก่ี าํ หนดตามแผนการจัดการเรียนร๎ทู ่ี 1 เร่ือง อทุ กภัย ดนิ โคลนถลมํ ในคร้งั น้ี ซง่ึ มีจํานวน 4 ข๎อ ดังนี้ - ความหมายของอุทกภัย ดนิ โคลนถลํม - การเกดิ อุทกภยั ดินโคลนถลมํ - สถานการณ๑ อทุ กภัย ดินโคลนถลมํ ในประเทศไทย - แนวทางการปอู งกันและการแก๎ไขปัญหาผลกระทบทเ่ี กดิ จา อทุ กภัย ดนิ โคลน 3. ให๎ผเู๎ รียนทาํ แบบทดสอบกอํ นเรียน เรอื่ ง อุทกภัย ดินโคลนถลํม จาํ นวน 10 ขอ๎ โดยใชเ๎ วลา 10 นาที 3. ครูให๎ผู๎เรียนศกึ ษา หนงั สื อเรียนรายวิชา การเรียนร๎สู ๎ูภยั ธรรมชาติ สค 22019 ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน๎ (ฉบับปรบั ปรงุ พ .ศ. 2554) เรอื่ ง อุทกภัย และ ดินโคลนถลํม หนา๎ 32-66 พรอ๎ มทง้ั แนะนําแหลงํ ศึกษาค๎นควา๎ เพ่มิ เติมจากอินเทอร๑เนต็ ซ่ึงผ๎เู รยี นสามารถไปเรยี นรไ๎ู ด๎ด๎วยตนเอง และทํากิจกรรมตามที่ได๎รับมอบหมายดว๎ ย ท้งั นี้ ครคู วรจะชี้แจงให๎ผเู๎ รยี นทราบวาํ ในการพบกลมุํ ตาม แผนการจัดการเรียนรู๎ ครงั้ นี้ ผู๎เรียนจะต๎อง เรียนร๎ูและ ทาํ กจิ กรรม ทสี่ อดคล๎องกับเนื้อหาท่ีเรียน โดย ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตาํ ง ๆ ได๎แกํ การศกึ ษาคลปิ วิดีโอ และการแลกเปล่ียนเรียนรโู๎ ดยการอภปิ รายรวํ มกับ เพอ่ื นในกลมํุ รวมทัง้ มกี ารทดสอบหลังเรยี นด๎วย นอกจากนี้ ในการพบกลุํม แตลํ ะครง้ั นน้ั ครูจะ มอบหมายงานใหผ๎ เ๎ู รยี นไปเรยี นรดู๎ ว๎ ยวิธี การ เรียนร๎ดู ๎วยตนเอง ซง่ึ วธิ ีการเรยี นร๎ดู ว๎ ยตนเองจะต๎องเกดิ ข้ึนในทกุ ๆ ตัวชี้วดั และเนื้อหาทก่ี ําหนด โดย ผเู๎ รยี นจะตอ๎ งปฏบิ ตั กิ ิ จกรรมที่กําหนดใหด๎ ๎วยวธิ ีเรียนรอ๎ู อนไลน๑ และศึกษาจากเอกสารประกอบการ เรียน ดงั นน้ั ครูจะตอ๎ งเช่อื มโยงรายละเอียดดังกลําวขา๎ งต๎นใหผ๎ ๎ูเรียนไดเ๎ กิดความเขา๎ ใจและเกิดแรง บนั ดาลใจในการเรยี นรูท๎ ่ีจะเกดิ ขนึ้ เพราะ การมอบหมายงานให๎ผูเ๎ รยี นไปเรยี นรดู๎ ว๎ ยวธิ เี รียนรู๎ด๎วย ตนเองนั้น ผ๎ูเรียนจะต๎องเรยี นร๎อู อนไลนผ๑ าํ นอนิ เทอรเ๑ น็ต และศึกษาเอกสารประกอบการเรียน 4. ครูอภปิ ราย ให๎ความรู๎ ซักถามความเขา๎ ใจ เกีย่ วกบั เนอื้ หา ดังตอํ ไปนี้ ความหมายของ อุทกภยั และดนิ โคลนถลํม
297 อุทกภยั หรือน้าํ ทํวม คือ ภัยหรืออนั ตรายที่เกดิ จาก น้ําทํวม หรืออันตรายอันเกดิ จาก ภาวะทนี่ าํ้ ไหลเออํ ล๎นฝ่ัง แมนํ ํ้า ลําธารหรอื ทางน้าํ เข๎าทวํ มพืน้ ที่ ซ่งึ โดยปกติแลว๎ ไมํได๎ อยใูํ ตร๎ ะดบั นํา้ หรือเกิดจากการสะสมน้าํ บนพืน้ ท่ี ซง่ึ ระบาย ออกไมํทัน ทําใหพ๎ น้ื ทีน่ น้ั ปกคลุมไปดว๎ ยน้ํา ดินโคลนถลมํ คือ ปรากฏการณ๑ท่สี วํ นของพืน้ ดนิ ไมวํ ําจะเป็นก๎อนหิน ดิน ทราย โคลน หรือเศษดิน เศษต๎นไม๎ เกดิ การไหล เลอ่ื น เคลอ่ื น ถลมํ พังทลาย หรือหลนํ ลงมาตามท่ีลาด เอียง อัน เน่ืองมาจากแรงดงึ ดดู ของโลก ในขณะท่สี วํ นประกอบของชนั้ ดิน ความชน้ื และความชมํุ นํา้ ในดินทาํ ให๎ เกดิ การเสียสมดุล 5. ครเู ปดิ คลิปวิดีโอให๎ผเู๎ รียนชม เรอ่ื ง ภัยพิบตั ิและวิกฤตทรพั ยากรธรรมชาติ จากยธู ูป https://youtu.be/jFwOsilqxAc และให๎ผ๎ูเรียนสรปุ ความร๎ูทไี่ ด๎รบั และรํวมกนั วพิ ากษ๑ ในชนั้ เรยี น ขั้นตอนท่ี 2 การนําไปใช๎ประโยชน๑ (Utilization : U) 1. ครูให๎ผเ๎ู รียนแลกเปล่ยี นเรียนรู๎ ลกั ษณะการเกดิ อทุ กภัย และ ดินโคลนถลมํ ลกั ษณะการเกิดอทุ กภยั ดนิ โคลนถลํม สาเหตแุ ละปจั จัยสํา คญั ท่ีทําให๎เกิดอุทกภัยมี 2 ประการ คอื การเกิดภัยธรรมชาติ และการกระทาํ ของมนุษย๑ 1. การเกดิ ภยั ธรรมชาตไิ ดแ๎ กํ 1) ฝนตกหนกั จากพายุหรอื พายฝุ นฟาู คะนอง เปน็ พายทุ เี่ กดิ ขนึ้ ติดตํอกัน เป็น เวลานานหลายชว่ั โมง มีปริมาณฝนตกหนักมากจนไมํอาจไหลลงสํูแมํน้ํา ลาํ ธารได๎ทนั จึงทวํ ม พ้นื ทที่ ี่อยูใํ นทตี่ ่ํา ซง่ึ มักเกดิ ในชวํ งฤดูฝนหรือฤดูรอ๎ น 2) ฝนตกหนกั จากพายหุ มุนเขตรอ๎ น เม่อื พายนุ ีเ้ กิดทแี่ หงํ ใดแ หํงหนึ่ง เป็น เวลานานหรือแทบไมํเคลอื่ นที่ จะทาํ ใหบ๎ รเิ วณน้นั มีฝนตกหนกั ตดิ ตอํ กนั ตลอดเวลา ยิง่ พายุ มี ความรนุ แรงมาก เชนํ มีความรุนแรงขนาดพายโุ ซนรอ๎ นหรือไต๎ฝนุ เม่อื เคล่อื นตวั ไปถงึ ท่ีใดก็ ทําให๎ ทนี่ นั้ เกิดพายลุ มแรง ฝนตกหนกั เป็นบรเิ วณกวา๎ งและมนี ํา้ ทวํ มขัง นอกจากน้ีถา๎ ความถี่ ของพายุ ที่เคลือ่ นท่หี รือผํานเข๎ามาเกิดข้นึ ตํอเนอื่ งกัน ถงึ แม๎จะในชํวงสัน้ แตกํ ท็ าํ ให๎นํ้าทํวม เสมอ 3) ฝนตกหนกั ในปาุ บนภูเขา ทํา ให๎ปรมิ าณน้าํ บนภเู ขาหรอื แหลํงต๎นน้าํ มมี าก มี การไหลเช่ียวอยํางรนุ แรงลงสํูที่ราบเชิงเขา เกดิ นา้ํ ทํวมขน้ึ อยาํ งกะทันหนั เรีย กวํานํ้าทํวม ฉับพลัน เกดิ ขึ้นหลังจากทม่ี ีฝนตกหนกั ในชวํ งระยะเวลาสนั้ ๆ หรือเกิดกอํ นท่ฝี นจะหยดุ ตก มักเกดิ ข้ึนในลาํ ธารเลก็ ๆ โดยเฉพาะตอนทีอ่ ยใูํ กล๎ตน๎ นํา้ ของบรเิ วณลมํุ น้ํา ระดับน้ําจะสงู ขึ้น อยําง รวดเรว็ จงั หวดั ทอี่ ยูํใกล๎เคียงกบั เทอื กเขาสูง เชนํ จงั หวัดเชียงใหมํ เชยี งราย แมํฮํองสอน เปน็ ต๎น 4) ผลจากน้ําทะเลหนนุ ในระยะทด่ี วงอาทติ ย๑และดวงจนั ทรอ๑ ยใูํ นแนว ทที่ ําให๎ ระดับนํา้ ทะเลข้นึ สูงสดุ นํ้า ทะเลจะหนนุ ให๎ระดับนํ้า ในแมนํ ํ้า สงู ขึ้นอกี มาก ประกอบกับ
298 ระยะเวลาท่ีน้าํ ปาุ และนํา้ จากภูเขาไหลลงสแํู มนํ ้าํ น้ําในแมํนา้ํ จึงไมอํ าจไหลลงสํูทะเลได๎ ทําให๎ เกิด น้ําเอํอลน๎ ตลิง่ และทวํ มเป็นบริเวณกวา๎ ง ย่งิ ถา๎ มีฝนตกหนักหรือมพี ายเุ กิดขึ้นในชํวงนี้ ความเสยี หาย ก็ย่ิงจะมีมากขึ้น 5) ผลจากลมมรสุมมีกําลังแรง มรสุมตะวนั ตกเฉยี งใตเ๎ ป็นมรสมุ ทพี่ ัดพา ความช้ืน จากมหาสมุทรอนิ เดียเข๎าสปํู ระเทศไทย ต้ังแตเํ ดอื นพฤษ ภาคมถึงเดือนตลุ าคม เมื่อมีกํา ลงั แรงเปน็ ระยะเวลาหลายวนั ทําให๎เกดิ คลนื่ ลมแรง ระดับนา้ํ ในทะเลตามขอบฝัง่ จะสงู ข้ึน กับมี ฝนตกหนกั ทาํ ให๎เกดิ นํ้าทํวมได๎ ยิ่งถ๎ามีพายเุ กดิ ขึ้นในทะเลจนี ใต๎กจ็ ะย่ิงเสรมิ ให๎มรสุมดงั กลาํ ว มกี ําลังแรงขนึ้ อกี สวํ นมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนอื พัดจากประเทศจีนเข๎าสปํู ระเทศไทย ปะทะ ขอบ ฝัง่ ตะวันออกของภาคใต๎ มรสุมนม้ี กี าํ ลังแรงเป็นครง้ั คราว เมอื่ บรเิ วณความกดอากาศสงู ในประเทศ จีนมีกลงั แรงขึ้นจะทําใหม๎ คี ลื่นคํอนข๎างใหญํในอําวไทย และระดบั นํ้า ทะเลสูงกวํา ปกติ บางคร้ัง ทําใหม๎ ีฝนตกหนกั ในภาคใต๎ ตั้งแตํจงั หวดั ชมุ พรลง ไป ทําให๎เกดิ น้ําทวํ มเปน็ บริเวณกวา๎ ง 6) ผลจากแผํนดินไหวหรือภูเขาไฟระเบดิ เมอื่ เกดิ แผนํ ดนิ ไหว หรอื ภเู ขาไฟ บนบก และภเู ขาไฟใต๎นํ้า ระเบดิ เปลอื กของผวิ โลกบางสํวนจะไดร๎ บั ความกระทบกระเทือน ตํอเนื่องกนั บางสํวนของผิวโลกจะสงู ขึ้น บางสํวนจะยบุ ลง ทาํ ให๎เกิดคล่ืนใหญใํ นม หาสมทุ ร ซดั ขึน้ ฝั่ง เกดิ นา้ํ ทํวมตามหมเูํ กาะและเมืองตามชายฝงั่ ทะเลไดเ๎ กดิ ข้นึ บอํ ยครงั้ ในมหาสมุทร แปซฟิ กิ 2. การกระทาํ ของมนุษย๑ ได๎แกํ 1) การตดั ไมท๎ ําลายปุาในพนื้ ทีเ่ สี่ยงภัย เมอ่ื เกิดฝนตกหนกั จะทาํ ให๎อัตรา การไหล สงู สดุ เพิ่มมากขนึ้ และไหลมาเร็วข้ึ น เปน็ การเพมิ่ ความรุนแรงของนา้ํ ในการทาํ ลาย และยัง เป็นสาเหตุของดินถลํมด๎วย นอกจากนี้ยังทาํ ใหด๎ ินและรากไม๎ขนาดใหญํถกู ชะลา๎ งใหไ๎ หลลง มา ในท๎องนาํ้ ทาํ ให๎ทอ๎ งนํา้ ตื้นเขินไมํสามารถระบายน้ํา ไดท๎ นั ที ทั้งกํอให๎เกดิ ความสญู เสยี ชวี ติ และ บาดเจ็บของประชาชนทางดา๎ นท๎ายน้ํา 2) การขยายเขตเมืองลุกลํ้าเขา๎ ไปในพนื้ ทล่ี มํุ ตาํ่ ซึ่งเป็นแหลํงเก็บน้าํ ธรรมชาติทาํ ให๎ ไมมํ ีทร่ี บั น้ํา เม่อื น้าํ ล๎นตลิง่ กจ็ ะเขา๎ ไปทวํ มบริเวณท่เี ป็นพื้นทลี่ ํมุ ต่ํา ซึ่งเปน็ เขตเมือง ท่ีขยาย ใหมํกอํ น 3) การกํอสร๎างโครงสรา๎ งขวางทางน้าํ ธรรมชาติ ทําใหม๎ ผี ลกระทบตํอการ ระบายน้าํ และกอํ ใหเ๎ กดิ ปญั หาน้าํ ทวํ ม 4) การออกแบบทางระบายน้ําของถนนไมํเพยี งพอ ทําใหน๎ ํา้ ลน๎ เอํอ ในเมือง ทําความ เสยี หายใหแ๎ กํชุมชนเมอื งใหญํ เน่อื งจากการระบายน้ําได๎ช๎ามาก 5) การบรหิ ารจัดการนาํ้ ทไี่ มดํ ี เปน็ สาเหตหุ นง่ึ ทที่ ํา ให๎เกิดนํ้าทํวม โดยเฉพาะบรเิ วณ ด๎านทา๎ ยเขอ่ื นหรอื อํางเกบ็ นํ้า
299 ครูและผ๎เู รียนสรุปผลการเรียนร๎รู วํ มกนั และให๎ผู๎เรยี นสรปุ สง่ิ ทีไ่ ด๎เรียนร๎ูลงในสมดุ บันทกึ ผลการเรียนรพ๎ู บกลุํม 2. ครดู ําเนินการทาํ หนา๎ ท่ีนําการอภปิ ราย โดยใหผ๎ ๎ูเรยี นกลุมํ ใหญรํ วํ มกนั แสดงความคิดเห็น คดิ วิเคราะห๑ อภปิ ราย และวิเคราะห๑ให๎ข๎อมูลเพิ่มเตมิ ในเนอ้ื หาหรอื ประเดน็ ทีย่ ังไมชํ ดั เจน ตาม รายละเอยี ดท่ผี ๎ูเรยี นได๎แลกเปล่ียนเรยี นรูร๎ ํวมกนั หากผู๎เรยี นกลมุํ ใหญหํ รอื ครูเหน็ วาํ ยังไมสํ มบรู ณ๑ มี ความต๎องการในการเรียนร๎ูเพม่ิ เตมิ ครูจะชวํ ยเตมิ เต็มความรู๎ให๎กบั ผ๎เู รีย น หลงั จากนน้ั ครแู ละผเ๎ู รียน สรปุ สิ่งทีไ่ ดเ๎ รียนรู๎ในภาพรวมท้งั หมดแลว๎ ให๎ผ๎เู รียน สรปุ ส่ิงทไี่ ด๎เรยี นรล๎ู งในสมดุ บันทึกการเรียนรู๎ของ ตนเอง 3. ครมู อบหมายงาน ให๎ผเ๎ู รียนเรียนรู๎ด๎วยตนเอง ตามใบกจิ กรรม (จากสมดุ กิจกรรมการเรียนรู๎ รายวชิ า การเรยี นรูส๎ ู๎ภัยธรรมชาติ ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน๎ ) และบนั ทึกผลการเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเอง ลง ในสมดุ บันทึกผลการเรยี นรู๎ หมายเหตุ : ในการดําเนินกิจกรรมกลํมุ ครชู ี้แจงบทบาทหนา๎ ทใ่ี นการทาํ งานให๎ผเ๎ู รียนไดม๎ คี วาม รบั ผิดชอบรวํ มกนั ในการทาํ งาน ซ่งึ มอบหมายให๎ผ๎ูเรยี นดาํ เนินการแตงํ ตง้ั ประธานหรอื ผู๎นาํ ในการ อภปิ รายแลกเปลี่ยนเรียนร๎ู และการมอบหมายให๎มผี ๎ูรบั ผดิ ชอบในภารกิจตําง ๆ รวมถึงการแตํงตง้ั เลขานุการของกลุมํ เป็น ผจ๎ู ดบนั ทกึ และผรู๎ ักษาเวลา เพ่ือปฏิบัติงานของกลํุมใหญํให๎บรรลุตาม วัตถุประสงคท๑ ่ีตัง้ ไว๎ และพิจารณาวาํ สมาชิกลํุมทุกคนควรมีความเข๎าใจตรงกันวาํ ตนมบี ทบาทหนา๎ ทท่ี ่ี จะต๎องชํวยใหก๎ ลมํุ ทํางานไดส๎ ําเร็จ ครูควรใหค๎ าํ แนะนาํ ถงึ ความสาํ คัญของการใหส๎ มาชกิ ทกุ คนในกลํมุ มีสวํ นรวํ มในการอภปิ รายอยํางท่ัวถงึ ไมใํ หม๎ กี ารผูกขาดการอภปิ รายโดยผ๎ใู ดผูห๎ นง่ึ และควรมีการ จาํ กัดเวลาของการอภิปรายแตํละประเด็น ในระหวํางการทํากจิ กรรมขอ งผ๎ูเรียน ครูมบี ทบาทในการสังเกต พฤติกรรมการเรียนรข๎ู อง ผู๎เรียน คอยกระต๎ุนผู๎เรียนให๎เกิดความกระตอื รือรน๎ ในการเรียน ร๎ู โดยบันทกึ ลงในแบบบนั ทกึ พฤตกิ รรมการเรยี นร๎ขู องผเ๎ู รียน และเครอ่ื งมือประเมนิ การสังเกตแบบประมาณคํา 4. ครูเปิดโอกาส ใหผ๎ เ๎ู รยี นทง้ั กลุํม รํวมกันสนทนา เพ่ือใหผ๎ ๎เู รียนมที ักษะในการ ฟงั พูด คิด วิเคราะห๑ การทํางานรวํ มกับผูอ๎ น่ื การคิดสรา๎ งสรรค๑ ความรับผิดชอบ และการนําความรใู๎ นเน้อื หามา ใช๎ โดยครูบรู ณาการ เน้ือหาการเรียน รู๎ มกี าร ใช๎สื่อเทคโนโลยี ที่เป็นคลปิ วดิ ีโอ จาก youtube และ TikTok ทส่ี มั พนั ธ๑กับเน้ือหา ทงั้ นี้ครเู ช่ือมโยงสิง่ ทไ่ี ด๎เรียนรู๎ ตามขัน้ ตอนที่ 1 ในการนําความร๎ูไปสํกู าร ปฏิบตั ิ และประยุกตใ๑ ช๎ ผํานคลปิ วิดโี อ โดยครเู ปดิ คลปิ วิ ดโี อ เรอื่ ง สาเหตุการเกิดพบิ ัติภัยทาง ธรรมชาติ จาก https://youtu.be/fP1nuFI6Isg
300 ขน้ั ตอนท่ี 3 การสะท๎อนความคิดจากการเรียนร๎ู (Reflection : R) 1. แบํงผูเ๎ รียนออกเปน็ กลุํม ๆ ละ 4 - 6 คน ใหผ๎ ู๎เรียนแตํละกลมํุ ลงมือปฏิบัตจิ รงิ โดยผเ๎ู รียน แตํละกลมํุ รวํ มกนั แสดงความคิดเห็น แนวทางการปูองกนั พบิ ัติภยั เรื่อง อทุ กภยั และดนิ โคลนถลมํ วางแผนตามใบกิจกรรมของผ๎ูเรียน ตามเนือ้ หาตํอไปนี้ เรอื่ งที่ 1 การเกดิ อุทกภยั สถานการณ๑อทุ กภัยในประเทศไทย อทุ กภัยรา๎ ยแรงท่ีเกิดขน้ึ ในประเทศไทย ในอดีต มีอทุ กภยั หลายเหตุการณ๑ 1. อุทกภัยจากพายุอีรา เข๎าสปํู ระเทศไทยที่ จังหวัดอุบลราชธานี เม่ือวันท่ี 4 ตลุ าคม 2533 2. อทุ กภยั จากพายดุ เี ปรสชน่ั เข๎าประเทศไทย ที่ จงั หวดั นครศรีธรรมราช เมื่อ วนั ที่ 29 พฤศจิกายน 2536 3. อุทกภยั จากพายซุ ตี า เคลอื่ นผาํ นประเทศเวยี ดนามตอนบน และประเทศลาว เข๎าสํู ประเทศพมํา ใกล๎กับภาคเหนอื ของประเทศไทย ชํวงวันท่ี 23 - 24 สงิ หาคม 2540 4. อุทกภยั จากพายลุ ินดา เข๎าประเทศไทยที่ จ .นครศรธี รรมราช เมือ่ วนั ที่ 4 พฤศจิกายน 2540 5. อทุ กภัยท่จี งั หวัดสงขลา เนื่องจากฝนตกหนกั ในชวํ ง 20 - 22 พฤศจกิ ายน 2543 6. ในปี พ.ศ. 2554 ประเทศไทยเกดิ อทุ กภยั ที่รนุ แรงทีส่ ดุ หรือที่เรยี กกนั วาํ “มหาอทุ กภัย” ซงึ่ เกดิ จากพายโุ ซนร๎อน “นกเตน” ท่ีข้ึนฝงั่ ทางตอนเหนอื ของเวยี ดนาม สํงผลให๎ เกดิ ฝนตกหนกั ทาง ภาคเหนอื และภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย และทาํ ให๎เกดิ นาํ้ ทวํ ม ในหลายจังหวัด ทวั่ ทุกภาคของประเทศไทย ในสํวนของภาคเหนือ เมือ่ เกดิ ฝนตกหนกั อยาํ ง ตอํ เนอ่ื งประกอบกับมนี ้ํา ปุา ไหลหลาก ทําให๎เกิดนํา้ ทํวมอยํางฉับพลนั เมอื่ น้าํ ไหลลงสทํู ีร่ าบภาคกลาง จงึ ทําให๎เกดิ ผลกระทบอยําง รนุ แรงบรเิ วณลํุมแมนํ ้ําเจ๎าพระยา เพราะได๎รับนํ้าปริมาณมาก จากแมนํ ํา้ สาขา เขือ่ นจึงมีระดับน้ําใกล๎ ความจทุ ่เี ข่อื นจะสามารถรับได๎ ฝนทตี่ กลงมาอยํางหนกั และตอํ เน่ือง จงึ ต๎องปลํอยนํา้ ออกจากเข่ือน ภายในเวลาไมํนาน อุทกภยั กล็ กุ ลามขยายออกไป กํอให๎เกิดความเสียหายทุกภมู ิภาคของประเทศ การ เกิดอุทกภัยทร่ี นุ แรงคร้งั น้ี ทาํ ใหพ๎ ื้นทดี่ า๎ นเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมกวํา 150 ลา๎ นไรํ ซงึ่ เปน็ พ้นื ท่ี ทั้ง ใน 65 จงั หวัด 684 อาํ เภอ เกิดความเสยี หายประชาชนไดร๎ ับความ เดอื ดร๎อน 4,086,138 ครัวเรือน ประชาชนได๎รับผลกระทบกวํา 12.8 ล๎านคน ความสญู เสยี ทม่ี ีตอํ ชวี ติ และทรพั ยส๑ นิ ของ ประชาชนในชาติมมี ากมายมหาศาล ธนาคารโลกประเมินมลู คําความ เสียหายสงู ถึง 1.44 ลา๎ นล๎าน บาท และภยั พิบัติครง้ั นมี้ มี ูลคาํ ความเสียหายมากทสี่ ุดเป็นอนั ดับส่ี ของโลก
301 เร่ืองท่ี 2 ลกั ษณะการเกดิ ดินโคลนถลมํ ผลกระทบท่ีเกดิ จากดินโคลนถลมํ การเกิดเหตุการณด๑ นิ โคลนถลํม สามารถสรา๎ ง ความเสยี หายได๎อยํางมาก โดยเฉพาะ ถ๎าเกดิ ขน้ึ บริเวณใกล๎กบั ชุมชนทีม่ ผี ๎ูคนอาศยั อยํจู ํานวนมาก ซง่ึ ผลกระทบตามมาจากการเกิด ดนิ โคลนถลํม ทาํ ให๎เกิดความเ สียหายในด๎านหลกั ๆ 3 ด๎าน ไดแ๎ กํ ผลกระทบทางดา๎ นส่งิ แวดลอ๎ ม ดา๎ นเศรษฐกิจและสังคม และดา๎ นสขุ ภาพอนามัยและจติ ใจของ ผูป๎ ระสบภยั ผลกระทบดา๎ นสงิ่ แวดลอ๎ ม 1) เปน็ การเรํงใหห๎ นา๎ ดนิ ถูกชะลา๎ ง พงั ทลายเพิ่มขนึ้ ทาํ ใหป๎ ุาขาดความ อุดมสมบูรณ๑ ตน๎ นาํ้ จะถูกทาํ ลายตามมา เกิดภาวะแห๎งแล๎งเพ่มิ ข้นึ 2) ปาุ ลดลง สตั ว๑ปุากล็ ดลง ระบบนเิ วศน๑กจ็ ะเสียสมดลุ 3) เกิดการเปลยี่ นแปลงของภูมิประเทศ จากการพังทลาย การถกู ทับถม ดว๎ ยกอ๎ นหิน กรวด ทราย 4) สายนา้ํ เปลย่ี นทิศทาง เนอื่ งจากถกู กีดขวางจากตะกอนมหึมาท่ที บั ถม ปดิ เส๎นทางการ ไหลของนาํ้ เปน็ ต๎น ผลกระทบด๎านเศรษฐกิจและสงั คม 1) ทอี่ ยอํู าศัย ส่งิ ปลกู สรา๎ งเสยี หาย ทําใหเ๎ ปน็ ผไู๎ ร๎ท่อี ยํอู าศัย 2) สัตวเ๑ ลี้ยงล๎มตาย และสญู หาย 3) พน้ื ท่ีทํากินและพชื ผลทางการเกษตรเสยี หาย 4) เส๎นทางคมนาคมถูกตัดขาด สาธารณปู โภคตําง ๆ ไมวํ าํ ไฟฟาู ประปา ใช๎การ ไมํได๎ 5) เสยี งบประมาณในการรกั ษาการเจ็บปวุ ย 6) เสยี งบประมาณในการฟื้นฟูความเป็นอยํู หรืออพยพโยกยา๎ ยทีอ่ ยอูํ าศยั เพอ่ื ให๎ กลบั มาดาํ เนินชีวิตตํอไปได๎ ผลกระทบดา๎ นสขุ ภาพอนามัย 1) ระบบสาธารณปู โภคเสยี หาย อาจเกดิ การระบาดของโรคตําง ๆ 2) ผูป๎ ระสบภัยได๎รับบาดเจ็บ ปุวยไข๎ ทุพพลภาพและเสียชีวติ 3) ผู๎ประสบภยั มปี ัญหาสุขภาพจิต หวาดวิตก เครียด ซมึ เศรา๎ สํงผลตอํ สขุ ภาพกายตามมา สญั ญาณบอกเหตกุ อํ นเกิดดนิ โคลนถลมํ 1) มีฝนตกหนักถึงหนกั มากตลอดทงั้ วัน 2) มนี ํา้ ไหลซมึ หรอื น้ําพุพุํงขน้ึ มาจากใต๎ดิน นอกจากน้ีอาจจะสั งเกตจาก ลกั ษณะการอุม๎ นาํ้ ของชน้ั ดนิ เนอ่ื งจากเกดิ ดินโคลนถลมํ ดนิ จะอ่ิมตัวดว๎ ยนา้ํ หรือชุมํ นํ้ามากกวําปกติ 3) ระดับน้ําในแมนํ ํ้า ลาํ หว๎ ยเพม่ิ สูงข้นึ อยาํ งรวดเร็วผิดปกติ 4) นํ้ามสี ีขุํนมากกวําปกติ เปลีย่ นเป็นเหมอื นสีดนิ ภูเขา
302 5) มกี ง่ิ ไมห๎ รอื ทอํ นไม๎ไหลมากบั กระแสน้ํา 6) เกิดชอํ งทางเดินน้ําแยกข้นึ ใหมํ หรือหายไปจากเดมิ อยํางรวดเร็ว 7) เกดิ รอยแตกบนถนนหรือพื้นดนิ อยาํ งรวดเร็ว 8) ดนิ บริเวณฐานรากของตกึ หรือส่งิ กํอสรา๎ งเกดิ การเคล่ือนตัวอยาํ งกะทนั หัน 9) โครงสร๎างตําง ๆ เกดิ การเคลอ่ื นหรือดันตัวข้ึน เชํน ถนน กําแพง 1. ให๎ผเ๎ู รยี นแตํละกลมํุ ตามข๎อ 2 ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามใบกิจกรรม เรอ่ื ง อทุ กภยั และดนิ โคลนถลํม (จากสมุดบนั ทกึ กิจกรรมการเรยี นร๎ู รายวิชาการเรยี นร๎สู ู๎ภัยธรรมชาติ2 ) ทง้ั น้ี ครจู ะต๎องกาํ กบั การปฏิบัติกิจกรรมของผเ๎ู รียนจนกจิ กรรมแล๎วเสร็จ ตามใบกจิ กรรม สาํ หรบั ครู เร่อื ง อทุ กภยั และดนิ โคลนถลมํ (จากสมดุ กิจกรรมการเรยี นรู๎ รายวชิ าการเรียนรูส๎ ภ๎ู ัย ธรรมชาติ) 2. ให๎ผ๎ูเรยี นแตลํ ะกลมุํ นําเสนอผลการเรียนร๎ู เรอื่ ง อุทกภัยและดินโคลนถลมํ ตามใบ กจิ กรรมของผู๎เรยี น เรื่อง อุทกภัยและดินโคลนถลมํ 3. ครูใหผ๎ ู๎เรียนสะทอ๎ นความคิดในการเรีย นรทู๎ ี่ได๎จากการเรียนร๎ู และนาํ เสนอ แลกเปล่ยี น ขอ๎ คิดเห็น รวํ มวพิ ากย๑ หนา๎ ชัน้ เรียน 4. ครแู ละผเู๎ รยี นอภปิ รายและสรุปผลการเรียนรูร๎ ํวมกัน ขนั้ ตอนที่ 4 การตดิ ตามประเมนิ และแก๎ไข (Action : A) 1. ครูสนทนากบั ผ๎เู รียน เก่ียวกบั เรือ่ งที่ได๎เรียนรตู๎ าม แผนการจดั การเ รยี นร๎ูนี้ โดยครสู ํมุ ผ๎ูเรียนตามความสมคั รใจจํานวน 4 - 5 คน ให๎ตอบคําถามในประเดน็ ตอํ ไปนี้ ประเดน็ “ทาํ นจะนาํ ความร๎เู รอ่ื ง อุทกภัยและดนิ โคลนถลมํ ไปประยกุ ต๑ใชใ๎ นการแก๎ปญั หา หรือไปใชป๎ ระโยชนใ๑ นชวี ติ จริงได๎อยาํ งไร” แนวคาํ ตอบ ผ๎เู รยี น สามารถนาํ ความรท๎ู ไ่ี ดร๎ ับจ ากการเรยี นรูเ๎ รือ่ ง เมอ่ื สารเปล่ียนแปลง สถานะจงึ เปลยี่ นไป ไปประยุกตใ๑ ชใ๎ นชวี ิตจรงิ ได๎ ดงั น้ี เร่อื งท่ี 1 แนวทางการปอู งกนั และการแก๎ไขปัญหาผลกระทบทเี่ กดิ จากอทุ กภยั อุทกภัยหรือภัยจากนา้ํ ทวํ ม นบั เปน็ ภยั ใกล๎ตวั ทอี่ าจเกดิ ขึ้นได๎ในทุกพน้ื ท่ี ทุกเวลา โดยเฉพาะอยํางยงิ่ ชวํ งฤดฝู น เม่ือเกิดอทุ กภยั คร้งั ใดยํอมสํงผลตํอความเสียหาย ทั้งทรัพย๑สิน อาคาร บ๎านเรือน รวมท้งั ชีวติ ของประชาชน ดงั นั้นการเรยี นร๎ูเพอื่ เตรียมรบั มือกับอุทกภยั ทั้งการ เตรียม ความพรอ๎ มกํอนเกิดอุทกภยั การปฏิบัติขณะเกดิ อุทกภัยและหลังการเกดิ อทุ กภยั เพ่อื ควบคุมหรอื ลด อันตรายและความเสียหายทอี่ าจเกดิ ข้นึ ซ่ึงจะทํา ใหเ๎ กดิ ความเสยี หายน๎อยทสี่ ดุ จงึ มคี วามสาํ คญั และ จาํ เปน็ อยาํ งย่งิ โดยมแี นวทางปอู งกัน
303 การปฏิบตั ขิ ณะเกิดอุทกภยั 1. ตัดสะพานไฟ และปดิ แกส๏ หงุ ต๎มให๎เรยี บรอ๎ ย 2. อยูํในอาคารทแ่ี ข็งแรง และอยูํในที่สูงพ๎นระดบั นํ้าท่ีเคยทํวมมากอํ น 3. สวมเสอ้ื ผ๎าใหร๎ ํางกายอบอุํนอยเํู สมอ 4. ไมํควรขับขีย่ านพาหนะฝุาลงไปในกระแสนํา้ หลาก 5. ไมํควรเลนํ นํ้าหรอื วาํ ยนํา้ ในขณะนา้ํ ทวํ ม 6. ระวังสัตว๑มีพษิ ทหี่ นนี า้ํ ทํวมกดั ตอํ ย 7. ติดตามสถานการณอ๑ ยาํ งใกลช๎ ิด เชนํ สงั เกตลมฟาู อากาศและตดิ ตาม รายงานอากาศของ กรมอุตนุ ิยมวทิ ยา 8. เตรยี มอพยพไปในทป่ี ลอดภยั เมือ่ สถานการณจ๑ วนตวั หรือปฏิบตั ิตาม คําแนะนําของ ทางการ 9. เมอ่ื ถงึ คราวคบั ขัน ให๎คาํ นงึ ถงึ ความปลอดภัยของชีวิตมากกวาํ หวํ งทรพั ยส๑ นิ การปฏิบตั หิ ลงั เกดิ อุทกภัย ภายหลังจากการเกิดอทุ กภยั หรอื นํ้า ทวํ มแลว๎ ค วรร้อื และเกบ็ กวาดสง่ิ ปรักหักพัง และทํา ความสะอาด ซอํ มแซมบ๎านเรอื นให๎เร็วทสี่ ุด และดแู ลรกั ษาสุภาพของตนเองและครอบครัว ดมื่ นํ้า สะอาด แตถํ ๎าได๎รบั ความเสยี หายมาก ผ๎ปู ระสบภัยสามารถตดิ ตํอขอความชํวยเหลอื จาก หนวํ ยงานท่ี เกยี่ วขอ๎ งในเรือ่ งตําง ๆ ดงั ตํอนี้ 1. การขอรบั อาหารเคร่อื งนุงํ หํม ยารกั ษาโรค 2. การซํอมแซมบา๎ นเรือนท่พี ักอาศยั หรือการจัดหาแหลํงเงนิ กส๎ู ํา หรบั ซอํ ม บา๎ น หรือสร๎าง บา๎ นใหมํ หรือการจดั หาทอี่ ยํอู าศัยชวั่ คราวให๎ 3. การซํอมแซมระบบไฟฟูา ระบบประปาในบ๎าน 4. การชํวยเหลือฟน้ื ฟใู นเรือ่ งสุขภาพทางกายและจติ ใจ 5. การประกอบอาชีพ เชํน การแนะนาํ ทางดา๎ นวชิ าการเพอ่ื ปลกู พืชทดแทน การจัดหาพนั ธ๑ุ พชื ผลไม๎ และการหาแหลงํ เงินกฉู๎ ุกเฉิน แนวทางการปอู งกันและการแก๎ไขปัญหาผลกระทบทเ่ี กิดจากดนิ โคลนถลมํ ในการปอู งกันภยั ธรรมชาติจากการเกิดดินโคลนถลํมน้ัน นอกเหนือจากเป็นหน๎าที่ ของผ๎ูรับผิดชอบโดยตรง คอื หนํวยงานของรฐั แลว๎ ยงั มสี ํวนของภาคประชาชน ท่ีไดเ๎ ขา๎ มามสี ํวน รํวม ในการหาแนวทางปอู งกันภยั แผํนดนิ ถลมํ หรือดนิ โคลนถลมํ แนวทางการปอู งกันทีด่ ําเนินการโดยหนวํ ยงานของรฐั บาล การปอู งกันดนิ โคลนถลมํ ที่ดาํ เนินการโดยหนวํ ยงานของรัฐบาลในประเทศไทย สํวน ใหญํจะเป็นการดํา เนินการปอู งกนั ดินโคลนถลํมที่เกดิ ขึ้นในพนื้ ที่ทมี่ นุษยเ๑ ปน็ ผสู๎ รา๎ งขึน้ เชนํ การตดั ภเู ขาเพอ่ื สร๎างถนน ท าให๎เกิดแนวดินขา๎ งถนนทต่ี ดั ผาํ นเปน็ ลกั ษณะลาดชัน การสร๎างแนว ปอู งกัน
304 ตอ๎ งใช๎งบประมาณมาก แตํมคี วามจาํ เปน็ เนือ่ งจากเปน็ เส๎นทางทใี่ ชใ๎ นการคมนา คม จึงต๎อง มีแนวทาง ในการปอู งกนั ปญั หาดนิ โคลนถลมํ ครูมอบหมายงานให๎เรียนรด๎ู ว๎ ยตนเอง รายละเอยี ดดังนี้ การมอบหมายงานให๎เรียนร๎ดู ๎วยตนเอง ครชู ีแ้ จงให๎ผ๎เู รยี นทราบวาํ ในการพบกลุํมแตลํ ะครง้ั ผเู๎ รียนจะไดร๎ ับมอบหมายงานใหไ๎ ปเรียนร๎ู ด๎วยวิธเี รยี นร๎ูดว๎ ยตนเองในลักษณะท่คี รจู ะมอบหมายงานให๎ผเู๎ รียนไปศกึ ษา ชดุ กิจกรรมวิชาการ เรียนรสู๎ ู๎ภยั ธรรมชาติ 2 รหัสวชิ า สค222019 เรื่อง อทุ กภัยและดินโคลนถลมํ หน๎า 32-66 ทงั้ ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยใหศ๎ ึกษาเน้ือหาและปฏิบตั ิกิจกรรมท๎ายเรือ่ ง รายละเอยี ดของเนอ้ื หา แบงํ ออกเปน็ 2 สํวน ดงั นี้ สวํ นที่ 1 เนื้อหาการเรยี นรู๎ตามแผนการจดั การเรยี นร๎คู รงั้ นี้ สํวนที่ 2 เน้อื หาการเรยี นรูเ๎ พิ่มเติมใน สมุดบันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู๎ รายวิชาการเรียนร๎สู ๎ูภัย ธรรมชาติ หลงั จากน้นั ครูและผ๎เู รียนมกี ารนดั หมายทบทวน ตรวจสอบ และแลกเปลีย่ นเรยี นรู๎ รํวมกนั ผํานทางส่ืออิเลก็ ทรอนกิ ส๑ ตอํ ไป หมายเหตุ : ใหผ๎ เู๎ รียนลงมอื ปฏิบัตกิ ิจกรรมด๎วยตนเอง ซงึ่ การใหผ๎ ๎ูเรยี นลงมือปฏบิ ัติกจิ กรรม ดว๎ ยตนเองนน้ั อาจมคี วามแตกตาํ งกนั บา๎ งในขน้ั ตอน โดยพิจารณาจากพนื้ ฐานของผู๎เรยี น ในกรณีที่ ผเู๎ รียนมีพืน้ ฐานน๎อยหรอื ไมมํ ีพ้นื ฐานมากอํ นก็ควรจัดการ เรียนร๎พู น้ื ฐานท่ีจําเปน็ และพอเพยี งกบั ผ๎เู รยี น หลงั จากนั้นใหผ๎ ๎เู รียนได๎ปฏิบัติด๎วยตนเองในชํวงระยะหนง่ึ แลว๎ จงึ คํอยให๎ผู๎เรียนคิดหวั ขอ๎ ท่ี อยากจะทาํ หรอื ถ๎าผูเ๎ รยี นมีพื้นความร๎มู ากอํ นแลว๎ ให๎คิดหัวข๎อท่สี นใจจะทําและใหล๎ งมอื ปฏิบตั ิได๎
305 สอื่ วสั ดุ อุปกรณ๑ และแหลงํ การเรียนรู๎ 1. แบบทดสอบกํอนเรยี น เร่ือง อทุ กภัยและดินโคลนถลํม 2. ใบความร๎ูสําหรบั ผเู๎ รยี น เรือ่ ง อทุ กภยั และดินโคลนถลํม 3. คลิปวิดโี อ เร่ือง อุทกภยั และดินโคลนถลมํ https://youtu.be/jFwOsilqxAc และ 4. ใบกิจกรรม เรอ่ื ง อุทกภัย (ชดุ กิจกรรมการเรียนร๎ูวชิ าการเรียนรส๎ู ๎ูภัยธรรมชาติ 2) 5. ใบกิจกรรม เร่ือง ดินโคลนถลมํ (ชดุ กิจกรรมการเรยี นรวู๎ ิชาการเรยี นรู๎สภ๎ู ยั ธรรมชาติ 2) 6. แบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ ง อุทกภยั และดินโคลนถลมํ การวัดและประเมินผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมการมีสํวนรํวม ความตั้งใจ และความสนใจของผ๎ูเรียน 2. ผลการทดสอบกํอนและหลังเรียน 3. ผลการออกแบบและสร๎างสรรค๑นวัตกรรมและส่ิงที่ตอ๎ งการพัฒนา/ชิน้ งาน/ผลงาน 4. ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของผเ๎ู รียน
306 แบบทดสอบกํอนเรียน วชิ า การเรยี นรส๎ู ภู๎ ยั ธรรมชาติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน๎ คําช้ีแจง เลอื กคําตอบทถ่ี กู ตอ๎ งท่ีสุดเพียงคําตอบเดียว 1. ข๎อใด ไมใํ ชํ สาํ เหตสุ าํ คญั ของการเกิดอุทกภัย ก. ผลจากการหนุนของนํ้าทะเล ข. ฝนตกหนกั จากพายุหมุนเขตร๎อน ค. การเกิดแผนํ ดนิ ไหว ภูเขาไฟระเบิด ง. ความแตกตาํ งในระดบั ความสูง-ตํ่าของพืน้ ที่ 2. พืน้ ท่ีในข๎อใดเสีย่ งตอํ การเกดิ อทุ กภัย นอ๎ ยท่ีสุด ก. พื้นท่ีเชิงเขาท่ีมีนํา้ ปุาไหลหลาก ข. ทรี่ าบเชงิ เขาที่ต้งั อยหํู ํางจากแมํน้ํา ค. ทรี่ าบต่ําชุมํ น้ํามนี า้ํ ทวํ มขังชน้ื แฉะตลอดเวลา ง. ท่รี าบลุมํ นํา้ ทป่ี ระสบปัญหาการระบายน้ําลงสํูทะเล 3. ขอ๎ ใด ไมคํ วร ปฏบิ ัติหลังจากน้าํ ทวํ มลด ก. เกบ็ กูส๎ ่ิงของมีคาํ่ หรือเอกสารสาํ คัญ ข. นําเครื่องใชไ๎ ฟฟูาทถ่ี กู นา้ํ ทวํ มไปใช๎งานตํอไป ค. ประเมนิ ความเสยี หาย และทาํ แผนบูรณะ ซํอมแซม ง. เปิดเครอ่ื งรบั วิทยุ โทรทัศนเ๑ พ่อื ฟงั รายงาน สถานการณน๑ า้ํ ทํวม 4. ขอ๎ ใดทภ่ี มู ปิ ญั ญาชาวบ๎านจดั เป็นสัญญาณเตอื นภัยท่ีถูกต๎อง กอํ นเกิดภัยพบิ ตั ทิ างธรรมชาติ ก. ฤดูรอ๎ นปีใด พบรงั ผง้ึ รงั มดแดง ทํารงั บนยอดไม๎ เปน็ สัญญาณเตือนวาํ ในหนา๎ ฝนปนี น้ั ฝน จะมาก ข. ฤดรู อ๎ นปีใด มดที่ขดุ รูอาศัยใต๎ดิน ขนเอาขุยดินขึน้ มาทาํ เป็นแนวกันดนิ กลม ๆ รอบรเู ปน็ สญั ญาณวําฤดูฝนปนี ้ี จะมีฝนน๎อย ค. ฤดรู อ๎ นในตอนบาํ ย ถ้าํ มีลมคอํ นขา๎ งแรงพดั เข๎าสูภํ ูเขาจนถงึ เยน็ เป็นสัญญาณเตือนวําคืนนี้ จะมฝี นตกหนัก ง. ฤดรู ๎อน ปีใด ไมํพบรงั นกบนต๎นไม๎ หรือนกยา๎ ยไปทาํ รังตามถํ้า ตามใตห๎ น๎าผาํ ซอกหินบน ภูเขา เปน็ สญั ญาเตอื นวํา ฤดฝู นปีน้ันจะมพี ํายลุ มแรง ฝนตกนอ๎ ยมาก
307 5. ข๎อใดตํอไปนีเ้ รียงลําดบั ข้ันตอนการปอู งกันภยั ธรรมชาตไิ ดถ๎ ูกตอ๎ ง ก. การเฝาู ระวงั การเตือนภัย การปอู งกันภัยและการแก๎ปัญหาเม่ือเกดิ ภัย ข. การเตือนภยั การเฝาู ระวัง การปูองกนั ภัย และการแก๎ปญั หาเมื่อเกดิ ภัย ค. การปูองกันภัย การเฝาู ระวัง การเตอื นภยั และการแก๎ปัญหาเมือ่ เกิดภัย ง. การแกป๎ ัญหาเม่ือเกดิ ภยั การเฝูาระวัง การเตอื นภัย และกาปอู งกนั ภยั 6. ขอ๎ ใดคือผลกระทบของการเกิดดนิ โคลนถลมํ ดา๎ นผลกระทบดา๎ นเศรษฐกจิ และสังคมมากทสี่ ดุ ก. ทอ่ี ยอูํ าศัย ส่ิงปลกู สรา๎ งเสยี หายทําให๎เป็นผไู๎ รท๎ อ่ี ยูอํ าศัย ข. เกดิ การบาดเจบ็ ปุวยไข๎ ทพุ พลภาพ ค. ปุาและสัตว๑ปุาลดลง ระบบนิเวศนก๑ ็จะเสยี สมดลุ ง. เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมปิ ระเทศจากกรพังทลาย 7. ดินโคลนถลมํ ทําใหเ๎ กิดผลกระทบด๎านส่งิ แวดลอ๎ ม ขอ๎ ใดกลาํ ว ไมถํ กู ตอ๎ ง ก. ปุาและสัตวป๑ ุาลดลง ระบบนเิ วศนก๑ จ็ ะเสียสมดลุ ข. ปุาตน๎ นํา้ จะถกู ทําลายจนเกดิ เกิดภาวะแหง๎ แล๎งตามมา ค. พนื้ ท่ีทาํ กนิ และพชื ผลทางการเกษตรเสยี หาย ง. เกิดการระบาดของโรคตาํ ง ๆ 8. ขอ๎ ใด ไมํใชํ สาเหตสุ ําคญั ของการเกิดดนิ โคลนถลมํ ท่ีเกิดข้นึ เองตามธรรมชาติ ก. การตดั ไม๎ทําลายปาุ เพ่อื ทาํ ไรเํ ลื่อนลอย ข. พ้ืนท่ีทม่ี ีความลาดเอียงมาก ค. การเกดิ เหตกุ ารณฝ๑ นตกหนกั และตกนาน ๆ ง. การหนนุ ของนํา้ ทะเล กดั เซาะบรเิ วณชายฝงั่ 9. ขอ๎ ใดเป็นวิธีทกี่ ารปูองกนั การเกิดดนิ โคลนถลมํ ได๎ดที ่ีสดุ ก. รํวมกันดูแล รกั ษา และปอู งกันไมใํ หม๎ กี ารตัดตน๎ ไม๎ทาํ ลายปาุ ในพน้ื ทป่ี าุ และบรเิ วณลํา ห๎วยให๎มคี วามอุดมสมบรู ณ๑ ข. ไมรํ ะเบิดภูเขาหรอื ระเบิดหนิ ค. รณรงคไ๑ มดํ ูดน้ําใตด๎ ินข้นึ มาใชท๎ ีละมาก ๆ ง. ปลูกหญ๎าแฝกบริเวณปาุ ไม๎
308 10. ข๎อใดคอื ชนิดของไฟปุา ก. ไฟปาุ ไฟใตด๎ นิ ไฟผวิ ดนิ ข. ไฟผิวดนิ ไฟเรือนยอด ภัยแลง๎ ค. ไฟใตด๎ นิ ไฟผวิ ดิน ไฟเรอื นยอด ง. อัคคไี ฟ ไฟใตด๎ นิ ไฟเขยี ว
309 ใบงาน กิจกรรมการเรียนรู๎ อทุ กภัยหมายถงึ …............................................................................................................................ ................................. .................................................................................... .......................................................................... .............................................................................................................................................................. …............................................................................................................................................... .............. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. สาเหตแุ ละปจั จยั ของการเกิดอทุ กภัย …............................................................................................................................................... .............. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. …................................................... .................................................................................................. ........ .................................................................................................................................................... ......... .............................................................................................................................................................. จงบอกผลกระทบทีเ่ กดิ จากอุทกภยั …...................................................... ............................................................................................... ........ ....................................................................................................................................................... ...... .............................................................................................................................................................. …............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .......................... ................................................................................................................................... จงบอกความหมายของดนิ โคลนถลมํ …............................................................................................ ......................................................... ........ .............................................................................................................................................................. ............................... .............................................................................................................................. …............................................................................................................................ ................................. ..............................................................................................................................................................
310 สาเหตแุ ละปจั จัยของการเกดิ ดนิ โคลนถลมํ …..................................................................................................................................................... ........ .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. …......................................................... ............................................................................................ ........ .......................................................................................................................................................... ... .............................................................................................................................................................. จงบอกความหมายของดนิ โคลนถลํม …............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. …............................................................................................... ...................................................... ........ .............................................................................................................................................................. .................................. ........................................................................................................................... .
311 บนั ทึกผลหลังการจดั กระบวนการเรียนร๎ู ผลการใช๎แผนการจัดกระบวนการเรยี นร๎ู 1. จาํ นวนเนื้อหากับจํานวนเวลา เหมาะสม ไมํเหมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรียงลาํ ดบั เน้อื หากบั ความเข๎าใจของผูเ๎ รียน เหมาะสม ไมํเหมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนาํ เข๎าสบูํ ทเรียนกบั เนอื้ หาแตํละหวั ข๎อ เหมาะสม ไมํเหมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธกี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรูก๎ ับเน้ือหาในแตลํ ะขอ๎ เหมาะสม ไมํเหมาะสม ระบเุ หตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
312 5. การประเมินผลกบั ตัวชีว้ ดั ในแตํละเนอ้ื หา เหมาะสม ไมเํ หมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรียนร๎ูของผเ๎ู รียน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจดั กระบวนการเรยี นร๎ูของครู ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข๎อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
313 วิธกี ารวัดผลประเมนิ ผล/เคร่ืองมอื /เกณฑก๑ ารประเมิน วธิ กี าร เครื่องมือ เกณฑก๑ ารประเมิน สงั เกตพฤตกิ รรมรายกลํุม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผาํ นการประเมนิ ระดบั ดีขน้ึ ไป รายกลํมุ ทดสอบหลงั เรยี น แบบทดสอบหลังเรยี น ผํานการประเมินรอ๎ ยละ 70 ขึน้ ไป ประเมินผลงาน/ชิ้นงาน แบบประเมินผลงาน/ ผํานการประเมนิ ร๎อยละ 70 ขึน้ ไป ชิน้ งาน สอบถามความพึงพอใจ แบบสอบถามความ ผาํ นการประเมินระดับดีข้นึ ไป พึงพอใจ เกณฑ๑การประเมินชนิ้ งาน/ภาระงาน ระดบั คะแนน รายการ 4 32 1 ประเมนิ 1. ความถูกตอ๎ ง มีความถูกต๎อง ผลงานสํวนใหญํ ผลงาน ผลงาน ชัดเจนสมบูรณ๑ ถูกตอ๎ งครบถ๎วน มีความถกู ต๎องเปน็ มคี วามถูกตอ๎ ง 2. ความสะอาด ครบถ๎วน บางสวํ น เป็นสํวนใหญํ เรียบร๎อย ผลงานสะอาด ผลงานสะอาด ผลงาน ผลงาน สวยงาม เรียบรอ๎ ย สวยงาม เรียบรอ๎ ย บางสํวน สํวนใหญํ ไมํมีรอยขดี ลบ มีรอยขดี ลบนอ๎ ย ไมํสะอาด ไมํสะอาด 3.ตรงตํอเวลา ไมํเรียบร๎อย ไมํเรียบร๎อย สํงงานตรงเวลา สํงงานชา๎ กอํ น สงํ งานชา๎ กอํ น สงํ งานช๎า 4.การเชอ่ื มโยง ท่กี าํ หนด หมดเวลา 10 หมดเวลา 5 นาที ต๎องมกี าร และความคดิ นาที เรํงและทวง สร๎างสรรค๑ คิดแปลกใหมํ คิดแปลกใหมํ คดิ แปลกใหมํ คดิ แปลกใหมํ เชื่อมโยงสมั พนั ธ๑ เชื่อมโยงสัมพันธ๑ เชือ่ มโยงสัมพนั ธ๑ เชือ่ มโยงสัมพนั ธ๑ ส่งิ ตาํ ง ๆ ได๎ สิง่ ตาํ ง ๆ ได๎ สิ่งตาํ ง ๆ ได๎ สิง่ ตาํ ง ๆ ได๎ อยาํ งถกู ตอ๎ ง อยาํ งถกู ต๎อง อยาํ งถกู ตอ๎ ง อยาํ งถกู ตอ๎ ง เป็นสํวนใหญํ เป็นบางสํวน เป็นสํวนนอ๎ ย
314 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรข๎ู องผเ๎ู รียน ชอ่ื โครงการ/กจิ กรรม........................................................................................................................ ชื่อโรงเรียน/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. ช่ือหวั หน๎าโครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คาํ ชแี้ จง ให๎ผู๎ประเมินทําเครอื่ งหมาย ถกู () ลงในชอํ งระดบั พฤตกิ รรม ของผู๎เรยี น โดยมเี กณฑ๑ ระดับคุณภาพการประเมินดงั น้ี 5 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู๎ มากทส่ี ุด 4 มีพฤติกรรมการเรยี นร๎ู มาก 3 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู๎ ปานกลาง 2 มพี ฤติกรรมการเรียนรู๎ น๎อย 1 มพี ฤติกรรมการเรียนร๎ู นอ๎ ยท่สี ดุ เกณฑก๑ ารพิจารณาระดับคณุ ภาพ คะแนนเฉลยี่ ร๎อยละ 0 - 50 ระดับคุณภาพ ปรับปรุง พอใช๎ คะแนนเฉล่ยี รอ๎ ยละ 50 - 69 ระดบั คณุ ภาพ ดี ดมี าก คะแนนเฉลี่ยรอ๎ ยละ 70 – 79 ระดบั คุณภาพ ดีเยีย่ ม คะแนนเฉล่ยี รอ๎ ยละ 80 – 89 ระดับคุณภาพ คะแนนเฉลี่ยร๎อยละ 90 - 100 ระดบั คณุ ภาพ พฤตกิ รรมการเรียนรู๎ ระดับพฤตกิ รรม 54321 1. ความต้ังใจในการทาํ งาน 2. ความรับผดิ ชอบ 3. ความกระตือรอื รน๎ 4. การตรงตํอเวลา 5. ผลสาํ เรจ็ ของงาน 6. การทํางานรํวมกบั ผอ๎ู น่ื 7. มีความคิดรเิ ร่มิ สรา๎ งสรรค๑ 8. มกี ารวางแผนในการทาํ งาน 9. การมสี วํ นรํวมในการแสดงความคิดเหน็ ในกลมํุ 10. การมีสวํ นรํวมในการแก๎ไขปัญหาในกลมุํ ลงช่ือ.....................................................................ผ. ๎ูประเมิน …………../………………./…………………..
315 แบบทดสอบหลงั เรยี น วิชา การเรียนรูส๎ ภ๎ู ยั ธรรมชาติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต๎น คําชแ้ี จง เลือกคาํ ตอบท่ถี กู ต๎องที่สุดเพียงคาํ ตอบเดยี ว 1. พ้ืนที่ในขอ๎ ใดเส่ียงตอํ การเกิดอทุ กภยั น๎อยทีส่ ุด ก. พื้นท่ีเชิงเขาท่มี นี ํา้ ปาุ ไหลหลาก ข. ทร่ี าบเชิงเขาที่ตั้งอยหํู ํางจากแมนํ ํา้ ค. ทีร่ าบตา่ํ ชุํมน้าํ มีนาํ้ ทวํ มขังช้ืนแฉะตลอดเวลา ง. ที่ราบลุํมนาํ้ ทีป่ ระสบปัญหาการระบายนาํ้ ลงสํทู ะเล 2. ข๎อใด ไมคํ วร ปฏบิ ัติหลงั จากนาํ้ ทํวมลด ก. เกบ็ กู๎ส่งิ ของมคี ําหรอื เอกสารสําคญั ข. นําเครอ่ื งใชไ๎ ฟฟูาทถ่ี ูกน้ําทวํ มไปใช๎งานตอํ ไป ค. ประเมนิ ความเสยี หาย และทําแผนบูรณะ ซอํ มแซม ง. เปดิ เครอ่ื งรับวิทยุ โทรทศั น๑เพื่อฟังรายงาน สถานการณ๑นา้ํ ทวํ ม 3. ขอ๎ ใดท่ีภูมปิ ญั ญาชาวบ๎านจดั เปน็ สัญญาณเตือนภัยท่ถี ูกต๎อง กอํ นเกิดภัยพิบตั ทิ างธรรมชาติ ก. ฤดูรอ๎ นปใี ด พบรงั ผงึ้ รงั มดแดง ทํารงั บนยอดไม๎ เปน็ สัญญาณเตือนวาํ ในหนา๎ ฝนปีนนั้ ฝน จะมาก ข. ฤดูรอ๎ นปใี ด มดท่ีขุดรูอาศยั ใตด๎ ิน ขนเอาขยุ ดินขน้ึ มาทาํ เปน็ แนวกันดินกลม ๆ รอบรเู ปน็ สญั ญาณวาํ ฤดฝู นปีน้ี จะมฝี นน๎อย ค. ฤดรู อ๎ นในตอนบาํ ย ถ้าํ มีลมคอํ นข๎างแรงพัดเข๎าสํูภเู ขาจนถงึ เย็น เปน็ สญั ญาณเตือนวาํ คืนน้ี จะมฝี นตกหนัก ง. ฤดูรอ๎ น ปีใด ไมํพบรงั นกบนต๎นไม๎ หรอื นกยา๎ ยไปทาํ รังตามถ้ํา ตามใต๎หนา๎ ผาํ ซอกหินบน ภูเขา เปน็ สัญญาเตือนวาํ ฤดฝู นปนี ้ันจะมีพํายุลมแรง ฝนตกนอ๎ ยมาก 4. ขอ๎ ใด ไมํใชํ สาเหตสุ าํ คญั ของการเกดิ อทุ กภยั ก. ผลจากการหนุนของนาํ้ ทะเล ข. ฝนตกหนักจากพายหุ มนุ เขตรอ๎ น ค. การเกิดแผํนดินไหว ภเู ขาไฟระเบิด ง. ความแตกตํางในระดับความสงู -ตา่ํ ของพ้นื ท่ี
316 5. ข๎อใดคือผลกระทบของการเกดิ ดนิ โคลนถลํม ด๎านผลกระทบด๎านเศรษฐกจิ และสังคมมากท่ีสุด ก. ท่ีอยอํู าศยั สิง่ ปลูกสรา๎ งเสยี หายทาํ ใหเ๎ ป็นผู๎ไร๎ทอ่ี ยอูํ าศัย ข. เกดิ การบาดเจ็บ ปวุ ยไข๎ ทพุ พลภาพ ค. ปาุ และสัตวป๑ าุ ลดลง ระบบนิเวศน๑กจ็ ะเสียสมดลุ ง. เกดิ การเปลี่ยนแปลงของภูมปิ ระเทศจากกรพังทลาย 6. ดินโคลนถลมํ ทําให๎เกิดผลกระทบด๎านสงิ่ แวดลอ๎ ม ขอ๎ ใดกลําวไมถํ ูกตอ๎ ง ก. ปาุ และสตั ว๑ปาุ ลดลง ระบบนิเวศนก๑ ็จะเสยี สมดุล ข. ปุาต๎นนํ้าจะถกู ทาํ ลายจนเกิดเกดิ ภาวะแหง๎ แล๎งตามมา ค. พ้นื ทีท่ าํ กินและพชื ผลทางการเกษตรเสยี หาย ง. เกิดการระบาดของโรคตาํ ง ๆ 7. ข๎อใด ไมํใชํ สําเหตุสาํ คัญของการเกิดดินโคลนถลํมทีเ่ กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ ก. การตัดไมท๎ าํ ลายปาุ เพ่ือทําไรํเลอ่ื นลอย ข. พ้ืนท่ที ี่มคี วามลาดเอียงมาก ค. การเกดิ เหตกุ ารณ๑ฝนตกหนกั และตกนาน ๆ ง. การหนุนของนํ้าทะเล กดั เซาะบริเวณชายฝง่ั 8. ข๎อใดตํอไปนีเ้ รียงลาํ ดับขน้ั ตอนการปอู งกันภัยธรรมชาตไิ ดถ๎ กู ต๎อง ก. การเฝาู ระวัง การเตอื นภยั การปูองกนั ภัยและการแก๎ปัญหาเมอ่ื เกิดภยั ข. การเตือนภยั การเฝาู ระวงั การปูองกันภยั และการแกป๎ ญั หาเมื่อเกดิ ภัย ค. การปูองกนั ภัย การเฝูาระวัง การเตอื นภัย และการแก๎ปญั หาเมอ่ื เกดิ ภัย ง. การแกป๎ ัญหาเม่อื เกดิ ภัย การเฝูาระวงั การเตอื นภัย และกาปอู งกนั ภัย 9. ขอ๎ ใดคือชนิดของไฟปุา ก. ไฟปุา ไฟใตด๎ นิ ไฟผิวดนิ ข. ไฟผวิ ดนิ ไฟเรือนยอด ภัยแลง๎ ค. ไฟใต๎ดิน ไฟผิวดิน ไฟเรอื นยอด ง. อัคคีไฟ ไฟใต๎ดิน ไฟเขียว
317 10. ข๎อใดเป็นวิธที ีก่ ารปอู งกันการเกิดดนิ โคลนถลํมได๎ดีที่สดุ ก. รวํ มกนั ดูแล รกั ษา และปูองกันไมํให๎มกี ารตดั ตน๎ ไมท๎ ําลายปุาในพ้ืนท่ปี าุ และบรเิ วณลํา หว๎ ยใหม๎ คี วามอดุ มสมบูรณ๑ ข. ไมํระเบิดภูเขาหรอื ระเบิดหนิ ค. รณรงค๑ไมดํ ูดน้าํ ใตด๎ ินขน้ึ มาใช๎ทลี ะมาก ๆ ง. ปลูกหญา๎ แฝกบรเิ วณปุาไม๎
318 แผนการจัดการเรยี นร๎ูที่ 11 เร่ือง สินเชอื่ และสิทธิหนา๎ ทีข่ องผใ๎ู ช๎บรกิ ารทางการเงิน เวลาเรยี น 6 ชวั่ โมง แนวคิด สินเชอ่ื เมอื่ เจอสถานการณ๑ทจ่ี ําเปน็ ต๎องใชเ๎ งิน แตํเงนิ ทเ่ี กบ็ ออมมไี มเํ พียงพออาจทาํ ให๎ต๎องไปใช๎ ทางเลอื กอ่นื ๆ ซ่ึงสวํ นใหญํมักเลอื กกอํ หนี้ ทาํ ให๎เกดิ เปน็ ภาระหน้ี ดงั นัน้ ควรไตรํ ตรองถงึ ความ จาํ เป็นกอํ นกํอหนี้ ซง่ึ หนี้ท่จี ะกํอน้ันควรเป็นหน้ีทีด่ ี คอื เปน็ หนี้ที่ชวํ ยสรา๎ งรายได๎ และประเมิน ความสามารถในการชําระหนี้ของตนเองด๎วยวาํ จะสามารถชาํ ระหนีไ้ ด๎หรือไมํ และเมอ่ื พรอ๎ มที่จะกํอ หนแ้ี ล๎ว กค็ วรมคี วามรู๎เร่ืองสินเชอ่ื เพอื่ ให๎สามารถเลอื กสนิ เชอ่ื ทต่ี รงความต๎องการ เมื่อได๎รับอนมุ ตั สิ นิ เช่อื แลว๎ ก็ควรมีวนิ ัยทางการเงนิ เพอ่ื ให๎จํายคนื ไดต๎ รงเวลา เตม็ จาํ นวน และมีประวตั เิ ครดติ ทด่ี ี หรือหากเกดิ ปญั หาไมํสามารถชาํ ระหน้ีได๎ กค็ วรรว๎ู ธิ ใี นการแกไ๎ ขปญั หาหน้ี ด๎วยตนเอง หรือขอคาํ ปรกึ ษาจากหนํวยงานท่เี กี่ ยวข๎อง เพ่อื ให๎การเปน็ หนีไ้ มสํ รา๎ งปญั หาตํอการ ดาํ รงชวี ติ ประจาํ วนั ตวั ชี้วัด 1. บอกความหมายของ “หนดี้ ี” และ “หนี้พึงระวงั ” 2. บอกลกั ษณะของสินเชื่อรายยํอย เน้อื หา 1. การประเมินความเหมาะสมกํอนตัดสนิ ใจกํอหนี้ 2. ลักษณะของสินเชอื่ รายยอํ ยและการคํานวณดอกเบี้ย แนวคดิ สทิ ธิหน๎าทีข่ องผูใ๎ ชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ผ๎ใู ชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ มสี ิทธิทพ่ี งึ ตระหนกั 4 ประการเพื่อให๎สามารถเลือกใช๎บรกิ ารทาง การเงนิ ไดอ๎ ยาํ งเหมาะสมและตรงกับความตอ๎ งการของตนเอง และยงั มหี น๎าท่ที ี่ควรปฏิบัตดิ ๎วยความ รบั ผิดชอบอกี 5 ประการเพื่อลดความเสี ยหายทอ่ี าจเกดิ จากการใชบ๎ ริการทางการเงิน รวมถงึ รจู๎ ัก บทบาทหนา๎ ทขี่ องศูนยค๑ มุ๎ ครองผู๎ใช๎บรกิ ารทางการเงิน (ศคง.) และหนํวยงานท่รี บั เรอื่ งรอ๎ งเรียนอืน่ ๆ
319 ตัวช้วี ัด 1. บอกสทิ ธขิ องผู๎ใช๎บรกิ ารทางการเงิน เน้ือหา 1. สิทธิของผ๎ูใชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ - ไดร๎ ับข๎อมูลทถี่ กู ตอ๎ ง - เลือกใช๎ผลติ ภัณฑ๑และบริการไดอ๎ ยาํ งอสิ ระ - รอ๎ งเรยี นเพือ่ ความเป็นธรรม - ได๎รับการพิจารณาคาํ ชดเชยหากเกดิ ความเสียหาย ขั้นตอนการจดั กระบวนการเรยี นรู๎ ข้ันตอนที่ 1 การสรา๎ งแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทกั ทายผเ๎ู รยี น พรอ๎ มทงั้ แนะนําตนเอง และแผนการจดั การเรียนรู๎ ซง่ึ การจัดการเรียนร๎ู ทผี่ ู๎เรยี นจะตอ๎ งเรยี นรร๎ู ํวมกนั ในครง้ั น้ี คอื เรอ่ื ง “สินเชอื่ และสิทธหิ น๎าที่ของผใู๎ ช๎บริการทางการเงิน ” และ ชวนคิดชวนคุย เกี่ยวกับเรอ่ื งท่ีจะเรียนร๎ู เพอ่ื กระตุ๎นให๎ผูเ๎ รยี นเกิดความ สนใจและมคี ว าม กระตอื รือรน๎ ในการเชอ่ื มโยงและสร๎างความพรอ๎ มท่จี ะเรยี นรหู๎ รอื ทํากิจกรรมการเรียนรู๎ตามแผนการ จดั การเรียนร๎ูคร้ังน้ี 2. ครูช้ีแจงวัตถปุ ระสงค๑ เน้ือหา กจิ กรรม การวัดและประเมินผล ของการเรยี นร๎ู ในครัง้ น้ี ท่ี สอดคล๎องกบั ตัวชีว้ ัดตามแผนการจัดการเรยี นร๎ูคร้ังน้ี เพ่ือใหผ๎ ๎เู รยี นเขา๎ ใจอยํางชดั เจนวํา ผ๎เู รยี นจะตอ๎ ง เรยี นรใ๎ู ห๎ บรรลตุ วั ชว้ี ดั ท่กี าํ หนดตามแผนการจดั การเรียนรท๎ู ี่ 1 เรอ่ื ง “สนิ เชื่อ และสทิ ธิหนา๎ ทข่ี อง ผู๎ใชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ” ในครัง้ น้ี ซ่งึ มีจาํ นวน 2 ขอ๎ ดงั น้ี 1) บอกความหมายของ “หนดี้ ี” และ “หน้ีพึงระวงั ” 2) สิทธขิ องผ๎ใู ช๎บรกิ ารทางการเงิน 3. ใหผ๎ ๎เู รียนทําแบบทดสอบกํอนเรยี น “เรอื่ ง “สนิ เชอ่ื และสิทธิหน๎าทีข่ องผ๎ูใช๎บริการทาง การเงนิ ” จํานวน 10 ข๎อ โดยใช๎เวลา 10 นาที 4. ครูใหผ๎ ๎ูเรยี นศึกษาหนังสอื เรียนรายวชิ าการเงนิ เพ่ือชวี ิต 2 สค22016 ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตอนตน๎ ห ลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เร่ือง “สินเชือ่ และสิทธิหนา๎ ท่ีของผ๎ใู ชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ” หนา๎ 83 – 113 พรอ๎ มท้งั แนะนําแหลงํ ศกึ ษาคน๎ คว๎าเพิม่ เตมิ จากอนิ เทอร๑เน็ต ซ่ึงผเ๎ู รยี นสามารถไปเรียนร๎ไู ด๎ด๎วยตนเองและทํากจิ กรรมตามที่ ได๎รบั มอบหมายดว๎ ย ทั้งน้ี ครูควรจะชแ้ี จงให๎ผเ๎ู รียนทราบวําในการพบกลมุํ ตามแผนการจดั การเรียนรู๎ ครงั้ น้ี ผูเ๎ รียนจะต๎อง เรียนรแ๎ู ละ ทาํ กิจกรรม ทีส่ อดคลอ๎ งกับเนอ้ื หาทเี่ รียน โดยปฏบิ ัติกิจกรรมตาํ ง ๆ ไดแ๎ กํ การศึกษาคลิปวดิ โี อ และการแลกเปลย่ี นเรียนร๎ูโดยการอภปิ รายรํวม กับเพือ่ นในกลมุํ รวมท้งั มี การทดสอบหลงั เรยี นด๎วย
320 นอกจากน้ี ในการพบกลมุํ แตลํ ะคร้ังนน้ั ครจู ะ มอบหมายงานใหผ๎ ๎เู รยี นไปเรียนรูด๎ ว๎ ยวิธี การ เรยี นร๎ูด๎วยตนเอง ซงึ่ วิธีการเรียนรดู๎ ว๎ ยตนเองจะตอ๎ งเกิดขึ้นในทุก ๆ ตวั ช้ีวดั และเนื้อหาที่กําหนด โดย ผ๎เู รียนจะต๎องปฏบิ ัติกจิ กรรมท่กี าํ หนดใหด๎ ๎วยวธิ เี รยี นร๎อู อนไลน๑ และศึกษาจากเอกสารประกอบการ เรยี น ดังนน้ั ครูจะตอ๎ งเชือ่ มโยงรายละเอยี ดดังกลาํ วข๎างต๎นให๎ผ๎ูเรียนไดเ๎ กดิ ความเข๎าใจและเกิดแรง บนั ดาลใจในการเรยี นร๎ทู จ่ี ะเกดิ ขน้ึ เพราะ การมอบหมายงานใหผ๎ เ๎ู รียนไปเรยี นร๎ดู ว๎ ยวิธเี รยี นรูด๎ ว๎ ย ตนเองน้ัน ผูเ๎ รียนจะต๎องเรียนร๎อู อนไลนผ๑ ํานอนิ เทอร๑เนต็ และศึกษาเอกสารประกอบการเรียน 5. ครชู วนคดิ ชวนคยุ เกย่ี วกับประสบการณ๑เดมิ ของ ครูในเรอื่ งท่ีจะเรยี นรต๎ู าม แผนการจดั การ เรียนร๎ูนี้ โดย ครูสํุมผู๎เรยี นตามความสมคั รใจ จํานวน 4 – 5 คน ให๎ตอบคาํ ถาม จํานวน 2 ประเดน็ ดังนี้ ประเดน็ ที่ 1 “บอกความหมายของ “หนีด้ ี” และ “หน้พี งึ ระวัง” แนวคาํ ตอบ หนีแ้ บงํ ออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1) หนีด้ ี คือหนี้ท่ีชวํ ยสรา๎ งรายได๎และสร๎างความมั่นคงในอนาคต เชนํ หน้ีเพอ่ื การศกึ ษา หน้ีเพ่อื การประกอบอาชพี หนเี้ พื่อทอี่ ยํูอาศัย 2) หน้ีพึงระวงั คือหนีท้ เี่ กิดจากการนาํ เงนิ ไปซ้ือของทไี่ มจํ ําเปน็ หรอื ของฟุมเฟอื ย และไมํสรา๎ งรายไดใ๎ นอนาคต เชนํ หนีท้ เี่ กิดจากการซอื้ ของใชร๎ าคาแพงเกนิ ฐานะหนีท้ ีเ่ กิดจากการ พนนั ประเด็นท่ี 2 “สทิ ธขิ องผใ๎ู ชบ๎ ริการทางการเงนิ มีอะไรบ๎าง” แนวคาํ ตอบ 1. สทิ ธิท่จี ะไดร๎ ับขอ๎ มลู ทถ่ี กู ตอ๎ ง 2. สิทธทิ จี่ ะเลือกใชผ๎ ลิตภณั ฑแ๑ ละบริการได๎อยํางอิสระ 3. สทิ ธิที่จะร๎องเรยี นเพ่ือความเป็นธรรม 4. สทิ ธิที่จะไดร๎ ับการพจิ ารณาคาํ ชดเชยหากเกิดความเสียหาย หลงั จากน้ัน ครู เปดิ คลปิ วิ ดโี อใหผ๎ ๎ู เรียน ชม เรือ่ ง “ทาํ ไมคณุ ถึงไมํมีเงนิ เก็บ ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=1qGqUSj1Clw โดยครสู ํุมผู๎เรยี นตามความสมัครใจ จาํ นวน 4 – 5 คน ใหต๎ อบคาํ ถาม ตอํ ไปน้ี ประเดน็ ท่ี 1 “ทํานไดเ๎ รียนรอู๎ ะไรบ๎าง จากคลปิ วิดีโอนี้” แนวคาํ ตอบ วธิ ีการเกบ็ เงนิ และการรู๎จกั การวางแผนการใชจ๎ าํ ยเงิน การออมการเก็บเงนิ มีความพอเพยี งโดยไมํสรา๎ งหนี้ 7. ครูและผ๎ูเรยี นอภปิ รายและสรุปผลการเรยี นรรู๎ ํวมกัน
321 ข้ันตอนที่ 2 การนําไปใช๎ประโยชน๑ (Utilization : U) 1. ครใู ห๎ผ๎เู รยี นแลกเปลย่ี นเรยี นรู๎ โดย แบงํ ผู๎เรยี นออกเป็นกลมุํ ๆ กลุํมละ 4 – 5 คน ดาํ เนิน กจิ กรรมเป็นรายกลุมํ ศึกษาเนอ้ื หา ในหนงั สอื เรียนรายวิชาการเงินเพอ่ื ชีวติ 2 สค22016 ระดับ มัธยมศึกษาตอนตน๎ หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 เรื่อง “สนิ เชอ่ื และสทิ ธิหนา๎ ท่ขี องผู๎ใชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ” ดงั นี้ 1) สินเชอ่ื หน๎า 83 – 104 2) สทิ ธิและหนา๎ ที่ของผ๎ูใชบ๎ รกิ ารทางการเงิน หน๎า 105 – 112 ให๎แตํละกลํุมแลกเปลี่ยนเรียนรู๎ และสํงผู๎แทนนาํ เสนอตอํ กลมํุ ใหญใํ น 2 ประเด็น ประเด็นท่ี1 บอกความหมายของ “หนีด้ ี” และ “หน้พี ึงระวัง” ประเด็นท่ี2 สทิ ธิของผใู๎ ชบ๎ ริการทางการเงนิ ครูและผ๎เู รยี นสรปุ ผลการเรียนรร๎ู ํวมกันและให๎ผู๎เรียนสรปุ สง่ิ ท่ีไดเ๎ รียนรล๎ู งในสมดุ บันทึกผลการ เรียนรข๎ู องตน 2. ครแู นะนาํ แหลํงเรียนรู๎ให๎กับผเู๎ รียนเพื่อใชเ๎ ป็นเครือ่ งมอื ในการแสวงหาความรูด๎ ๎วยตนเอง อาทิ หอ๎ งสมุด แหลํงเรียนรูใ๎ นชมุ ชน หนวํ ยงาน สถานศกึ ษาตาํ ง ๆ รวมทง้ั การใชอ๎ ินเตอรเ๑ น็ตเพ่อื การ เรยี นรดู๎ ๎วยตนเอง เปน็ ต๎น และให๎ผูเ๎ รียนเป็นรายบุคคล ศกึ ษาเน้อื หา ในหนังสือเรียนรายวชิ าการเงิน เพอื่ ชีวิต 2 สค22016 ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน๎ หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษา ขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 เร่ืองการวางแผนการเงิน หน๎า 83 – 112 3. ครูดาํ เนนิ การทําหน๎าท่ีนาํ การอภปิ ราย โดยใหผ๎ ู๎เรยี นกลํมุ ใหญํรํวมกนั แสดงความคดิ เห็น คดิ วิเคราะห๑ อภปิ ราย และวเิ คราะห๑ให๎ขอ๎ มลู เพ่มิ เติมในเนอ้ื หาหรอื ประเด็นทีย่ งั ไมชํ ดั เจน ตาม รายละเอียดทผี่ เู๎ รยี นไดแ๎ ลกเป ลีย่ นเรียนรรู๎ ํวมกัน หากผูเ๎ รียนกลํุมใหญหํ รอื ครูเห็นวาํ ยงั ไมํสมบรู ณ๑ มี ความตอ๎ งการในการเรียนรเู๎ พ่มิ เติม ครูจะชํวยเตมิ เต็มความร๎ูใหก๎ บั ผ๎ูเรยี น หลังจากน้ันครูและผ๎ูเรยี น สรุปส่งิ ที่ได๎เรียนร๎ูในภาพรวมทัง้ หมดแลว๎ ใหผ๎ ูเ๎ รยี น สรุปส่งิ ท่ไี ดเ๎ รียนร๎ลู งในสมุดบนั ทึ กการเรยี นร๎ขู อง ตน หมายเหตุ : ในการดาํ เนินกจิ กรรมกลมุํ ครูชแ้ี จงบทบาทหนา๎ ทใี่ นการทาํ งานใหผ๎ เู๎ รยี นได๎มคี วาม รับผดิ ชอบรํวมกนั ในการทาํ งาน ซ่งึ มอบหมายให๎ผเ๎ู รยี นดาํ เนินการแตํงต้ัง ประธานหรือผู๎นําในการ อภปิ รายแลกเปลย่ี นเรยี นรู๎ และการมอบหมายให๎มีผร๎ู ับผดิ ชอบในภารกิ จตาํ ง ๆ รวมถึงการแตํงตัง้ เลขานกุ ารของกลํมุ เป็น ผ๎จู ดบนั ทึกและผูร๎ กั ษาเวลา เพอ่ื ปฏบิ ัตงิ านของกลุมํ ใหญใํ หบ๎ รรลตุ าม วัตถปุ ระสงค๑ทต่ี ้งั ไว๎ และพจิ ารณาวาํ สมาชกิ ลมํุ ทุกคนควรมีความเข๎าใจตรงกนั วาํ ตนมบี ทบาทหน๎าทที่ ่ี จะตอ๎ งชวํ ยให๎กลํุมทํางานไดส๎ ําเร็จ ครูควรใหค๎ าํ แนะนาํ ถึงความสําคัญของการให๎สมาชิกทกุ คนในกลํุม มีสํวนรวํ มในการอภิปรายอยาํ งทัว่ ถึง ไมใํ หม๎ กี ารผูกขาดการอภปิ รายโดยผ๎ใู ดผ๎หู น่ึง และควรมีการ จาํ กดั เวลาของการอภปิ รายแตํละประเด็น
322 ในระหวาํ งการทํากจิ กรรมของผ๎ูเรยี น ครมู บี ทบาทในการสังเกต พฤตกิ รรมการเรียนรขู๎ อง ผ๎ูเรียนคอยกระต๎ุนผเ๎ู รยี นใหเ๎ กดิ ความกระตอื รอื ร๎นในการเรยี นร๎ู โดยบันทึกลงในแบบบนั ทกึ พฤติกรรม การเรยี นรขู๎ องผู๎เรยี น และเครอื่ งมอื ประเมนิ การสงั เกตแบบประมาณคาํ 4. ครูเปดิ โอกาส ใหผ๎ ู๎เรียนทง้ั กลุํมรํวมกันสนทนา เพอ่ื ใหผ๎ ๎เู รยี นมที ักษะในการ ฟัง พูด คิด วิเคราะห๑ การทํางานรวํ มกบั ผ๎อู ่นื การคิดสรา๎ งสรรค๑ ความรับผดิ ชอบ และการนาํ ความรใ๎ู นเน้ือหามา ใช๎ โดยครูบรู ณาการ เน้อื หาการเรียน รู๎ มกี าร ใช๎ส่ือเทคโนโลยี ทเ่ี ป็นคลปิ วิดีโอ จาก youtube และ TikTok ท่สี มั พนั ธ๑กับเน้ือหา ท้งั น้ี ครเู ชอ่ื มโยงส่งิ ทไี่ ด๎เรยี นร๎ู ตามขน้ั ตอนที่ 1 ในการนาํ ความรูไ๎ ปสูํ การ ปฏิบตั ิ และประยุกต๑ใช๎ผํานคลิปวดิ ีโอ โดยครเู ปิดคลิปวิดโี อ เรือ่ ง “ร๎รู อบเรอื่ งเงิน ตอนท่ี 7 รูส๎ ิทธิ รู๎ หนา๎ ที่ ปลอดภยั ทางการเงนิ ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=lNl9CuKbARE หลังจากน้นั ครูดําเนนิ การ ดังน้ี (1) ครบู รรยายเนื้อหาตามใบความร๎สู ําหรบั ครู เรื่อง “สนิ เชือ่ และสิทธิหนา๎ ทขี่ องผใ๎ู ชบ๎ ริการ ทางการเงนิ ” เพ่ือใชส๎ าํ หรบั ประกอบกิจกรรมการเรียนรู๎ เร่อื ง “สินเชอื่ และสทิ ธิหน๎าทขี่ องผใู๎ ช๎บริการ ทางการเงิน” ในสวํ นของผูเ๎ รยี นใหศ๎ กึ ษาใบความรสู๎ ําหรบั ผเู๎ รยี น ประกอบการบรรยายของครูตามใบ ความร๎ูสําหรับผเ๎ู รียน เร่อื ง “สนิ เชอ่ื และสิทธหิ น๎าทข่ี องผ๎ใู ชบ๎ ริการทางการเงนิ ” (2) ครูอธบิ าย เรอื่ ง “สนิ เชอ่ื และสทิ ธิหนา๎ ทขี่ องผ๎ูใชบ๎ ริการทางการเงิน ” ตามใบกิจกรรม สําหรบั ครู เรือ่ ง “สินเชื่อ และสิทธหิ น๎าทขี่ องผใ๎ู ชบ๎ รกิ ารทางการเงิน ” พร๎อมทง้ั ให๎ผ๎ูเรยี นรํวมปฏิบตั ิ ในการส าธิตของครดู ๎วย ท้ังนีเ้ ปิดโอกาสใหผ๎ เ๎ู รียนได๎แลกเปลี่ยนเรียนร๎ู โดยใหผ๎ ๎ูเรยี นตง้ั ประเดน็ ข๎อ สงสยั หรือส่งิ ท่ตี อ๎ งการเรยี นรูใ๎ นกระบวนการของการสาธิต และเช่อื มโยงสํกู ารนําไปใช๎ในชวี ิตจรงิ ของ ผ๎ูเรยี นตํอไป 5. ครแู ละผูเ๎ รยี นอภิปรายและสรปุ ผลการเรียนรูร๎ ํวมกนั ขน้ั ตอนที่ 3 การสะท๎อนความคิดจากการเรยี นรู๎ (Reflection : R) 1. แบํงผูเ๎ รยี นออกเปน็ กลมํุ ๆ ละ 4 - 5 คน ใหผ๎ เ๎ู รยี นแตํละกลมุํ แสดงความเรื่อง “สนิ เชื่อ และสทิ ธิหน๎าท่ีของผ๎ใู ช๎บรกิ ารทางการเงนิ ” ตามใบกิจกรร ม เรอ่ื ง “สนิ เชอ่ื และสทิ ธหิ น๎าท่ีของ ผใ๎ู ชบ๎ รกิ ารทางการเงิน” 2. ให๎ผู๎เรยี นแตลํ ะกลมุํ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามใบกิจกรรม เร่อื ง “สินเช่อื และสทิ ธหิ นา๎ ทข่ี อง ผ๎ูใช๎บรกิ ารทางการเงิน” ทงั้ น้ี ครูจะตอ๎ งกํากบั การปฏิบตั กิ ิจกรรมของผ๎ูเรยี นจนกิจกรรมแล๎วเสรจ็ ตามใบกิจกรรม สาํ หรับครู เรื่อง “สินเช่ือ และสิทธิหน๎าท่ขี องผ๎ูใชบ๎ รกิ ารทางการเงิน” 3. ให๎ผ๎ูเรียนแตลํ ะกลํมุ นําเสนอ ความคิดเห็นท่ีไดร๎ ํวมกัน เรอ่ื ง “สนิ เช่ือ และสิทธหิ น๎าทีข่ อง ผใู๎ ช๎บรกิ ารทางการเงนิ ” ตามใบกิจกรรมของผู๎เรยี น เรอ่ื ง “สนิ เช่ือ และสทิ ธิหน๎าที่ของผใู๎ ชบ๎ ริการ ทางการเงิน”
323 4. ครใู ห๎ผู๎เรียนสะทอ๎ นความคดิ ในการเรยี น ร๎ูทไี่ ดจ๎ ากการเรียนรแ๎ู ละการปฏบิ ัตกิ าร จาก ขั้นตอนท่ี 1 ถึง ขน้ั ตอนที่ 3 น้ี 4. ครูและผู๎เรยี นอภิปรายและสรุปผลการเรยี นร๎ูรํวมกัน ขนั้ ตอนท่ี 4 การตดิ ตามประเมนิ และแก๎ไข (Action : A) 1. ครูสนทนากบั ผู๎เรยี น เกย่ี วกบั เรือ่ งท่ไี ดเ๎ รยี นร๎ูตาม แผนการจดั การเรียนร๎ู น้ี โดยครสู ุมํ ผู๎เรยี นตามความสมัครใจจาํ นวน 2 – 3 คน ใหต๎ อบคําถามในประเด็น ตอํ ไปน้ี ประเดน็ “ทาํ นจะนาํ ความร๎ู เร่ือง “สินเชอื่ และสิทธหิ นา๎ ทขี่ องผู๎ใช๎บริการทางการเงนิ ” ไปประยกุ ต๑ใช๎ในการแกป๎ ัญหาหรือไปใช๎ประโยชน๑ในชวี ติ จรงิ ไดอ๎ ยํางไร” แนวคําตอบ ผเ๎ู รยี นสามารถนําความรท๎ู ีไ่ ด๎รบั จาก การเรยี นร๎ูเร่ือง “สินเชือ่ และสทิ ธหิ นา๎ ที่ ของผ๎ูใช๎บรกิ ารทางการเงนิ ” ดังน้ี แนวคําตอบ หนี้แบงํ ออกเปน็ 2 ประเภท ดงั น้ี 1) หน้ดี ี คอื หน้ที ีช่ วํ ยสรา๎ งรายไดแ๎ ละสรา๎ งความมน่ั คงในอนาคต เชํนหนี้เพ่อื การศกึ ษา หน้ีเพอ่ื การประกอบอาชพี หนี้เพื่อท่อี ยูอํ าศัย 2) หน้ีพงึ ระวงั คอื หนที้ เี่ กดิ จากการนําเงินไปซอื้ ของทไี่ มํจําเป็นหรอื ของฟมุ เฟือย และไมสํ ร๎างรายได๎ในอนาคต เชนํ หนีท้ เี่ กดิ จากการซือ้ ของใชร๎ าคาแพงเกินฐานะหนที้ ่เี กิดจากการ พนนั “สทิ ธขิ องผใ๎ู ช๎บริการทางการเงนิ มีดงั นี้ 1. สิทธทิ ี่จะไดร๎ ับข๎อมูลท่ถี กู ต๎อง 2. สิทธทิ จ่ี ะเลอื กใชผ๎ ลติ ภัณฑแ๑ ละบรกิ ารไดอ๎ ยํางอิสระ 3. สทิ ธิทจ่ี ะรอ๎ งเรยี นเพือ่ ความเป็นธรรม 4. สิทธิท่จี ะได๎รบั การพิจารณาคําชดเชยหากเกิดความเสยี หาย นอกจากน้ี ในตอนท๎ายของการพบกลุมํ หลงั จากเสรจ็ สิ้นขน้ั ตอนที่ 3 ครูการมอบหมายงาน ให๎เรียนรด๎ู ว๎ ยตนเอง รายละเอยี ดดังน้ี การมอบหมายงานใหเ๎ รียนรดู๎ ว๎ ยตนเอง 1. ครูช้แี จงให๎ผเู๎ รียนทราบวํา ในการพบกลํุมแตลํ ะครัง้ ผ๎ูเรยี นจะไดร๎ บั มอบหมายงานให๎ไป เรยี นร๎ดู ๎วยวิธีเรียนรดู๎ ว๎ ยตนเองในลกั ษณะทค่ี รจู ะมอบหมายงานให๎ผ๎เู รียนไปศึกษา หนังสอื เรยี น รายวิชาการเงินเพื่อชวี ติ 2 สค22016 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต๎น หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับ การศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 เรอื่ ง “สินเชอื่ และสทิ ธหิ น๎าทีข่ องผใู๎ ช๎บรกิ ารทางการเงนิ ” หนา๎ 83 – 112 ท้งั ภาคทฤษฎแี ละปฏิบตั ิ โดยให๎ศกึ ษาเนอ้ื หาและปฏิ บัติกิจกรรมท๎ายเรื่อง รายละเอียดของเนื้อหา แบงํ ออกเป็น 2 สวํ น ดงั น้ี สํวนท่ี 1 เน้ือหาการเรยี นร๎ตู ามแผนการจัดการเรียนรคู๎ ร้งั นี้ 1. สนิ เชอื่
324 1.1 เครดติ บูโร 1.2 วธิ กี ารปูองกนั ปญั หาหนี้ 1.3 วธิ ีการแก๎ไขปัญหาหนี้ 1.4 หนวํ ยงานท่ใี ห๎คาํ ปรึกษาเกย่ี วกับการแกไ๎ ขปัญหาหนี้ สวํ นท่ี 2 เนือ้ หาการเรียนรเู๎ พมิ่ เติมในหนังสอื เรยี นเรยี นดงั กลําว 2. ครูมอบหมายงานให๎ผ๎ูเรียนเรียนรูด๎ ๎วยตนเอง โดยใหไ๎ ปศึกษา หนงั สือเรยี นรายวชิ าการเงนิ เพอ่ื ชีวิต 2 สค22016 ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน๎ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษ าขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 เรื่อง การวางแผนการเงิน หน๎า 83 - 112 รายละเอียดของกจิ กรรมที่ ผเ๎ู รยี นจะตอ๎ งปฏิบตั ิ แบงํ ออกเป็น 2 สวํ น ดงั นี้ สวํ นที่ 1 เนือ้ หาการเรียนร๎ตู ามแผนการจัดการเรยี นรูค๎ รงั้ น้ี ได๎แกํ 1. สินเชื่อ 1.1 เครดิตบูโร 1.2 วิธกี ารปอู งกันปญั หาหนี้ 1.3 วิธีการแก๎ไขปัญหาหน้ี 1.4 หนํวยงานท่ีให๎คําปรกึ ษาเกีย่ วกับการแกไ๎ ขปญั หาหนี้ สํวนที่ 2 มอบหมายงานใหผ๎ ูเ๎ รยี นเรียนร๎ดู ว๎ ยตนเอง ซึ่งเนือ้ หาการเรียนร๎เู พม่ิ เตมิ ใน “หนงั สือ เรียนรายวชิ าการเงินเพื่อชวี ติ 2 สค22016 ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน๎ หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบ ระดบั การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ได๎แกํ 1. สินเชอื่ 1.1 เครดติ บโู ร 1.2 วิธีการปอู งกันปญั หาหน้ี 1.3 วิธกี ารแก๎ไขปญั หาหน้ี 1.4 หนวํ ยงานทใี่ ห๎คําปรกึ ษาเก่ยี วกบั การแกไ๎ ขปัญหาหนี้ หลงั จากนน้ั ครแู ละผ๎ู เรยี นมี การนดั หมายทบทวน ตรวจสอบ และแลกเปลย่ี นเรยี นรู๎รวํ มกัน ผํานทางสอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ ส๑ ตํอไป หมายเหตุ : ใหผ๎ เู๎ รยี นลงมือปฏิบัตกิ จิ กรรมดว๎ ยตนเอง ซึ่งการใหผ๎ ูเ๎ รียนลงมอื ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ดว๎ ยตนเองนั้น อาจมีความแตกตาํ งกันบา๎ งในขนั้ ตอน โดยพจิ ารณาจากพน้ื ฐานของผู๎ เรยี น ในกรณีท่ี ผู๎เรียนมพี นื้ ฐานน๎อยหรือไมมํ ีพืน้ ฐานมากํอนก็ควรจดั การเรยี นรพู๎ น้ื ฐานทจ่ี ําเปน็ และพอเพียงกับ ผ๎ูเรียน หลงั จากน้ันใหผ๎ ๎เู รยี นได๎ปฏิบัติดว๎ ยตนเองในชวํ งระยะหน่งึ แลว๎ จึงคอํ ยใหผ๎ เ๎ู รียนคิดหวั ข๎อที่ อยากจะทํา หรือถา๎ ผูเ๎ รยี นมีพ้ืนความร๎ูมากอํ นแลว๎ ให๎คิดหวั ข๎อท่ีสนใจจะทําและใหล๎ งมอื ปฏิบัติได๎
325 ส่อื วสั ดุ อปุ กรณ๑ และแหลํงการเรียนรู๎ 1. แบบทดสอบกํอนเรียน เรอ่ื ง “สินเชอ่ื และสทิ ธหิ นา๎ ที่ของผูใ๎ ชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ” 2. ใบความร๎ูสําหรบั ผ๎ูเรยี น เรื่อง “สินเช่อื และสิทธหิ นา๎ ทข่ี องผู๎ใชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ” 3. คลิปวิดโี อ เรอ่ื ง “ทาํ ไมคุณถึงไมมํ เี งนิ เกบ็ ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=1qGqUSj1Clw 4. คลิปวิดโี อ ร๎ูรอบเร่อื งเงนิ ตอนท่ี 7 รสู๎ ทิ ธิ รู๎หนา๎ ที่ ปลอดภัยทางการเงิน” จาก https://www.youtube.com/watch?v=lNl9CuKbARE 6. ใบความรส๎ู ําหรับครู เรือ่ ง “สนิ เช่ือ และสทิ ธหิ น๎าทีข่ องผใ๎ู ชบ๎ ริการทางการเงนิ ” 7. ใบกจิ กรรมสาํ หรับครู เรอ่ื ง “สนิ เชื่อ และสิทธหิ น๎าทข่ี องผใ๎ู ชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ” 8. ใบกจิ กรรมของผ๎ูเรยี น เร่ือง “สินเช่ือ และสทิ ธิหนา๎ ที่ของผใู๎ ช๎บริการทางการเงิน” 9. แบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง เรื่อง “สินเชอ่ื และสทิ ธิหน๎าทขี่ องผู๎ใชบ๎ ริการทางการเงิน” 10. แบบประเมินความพึงพอใจสาํ หรับผูเ๎ รยี นในการเขา๎ รวํ มกจิ กรรมการเรยี นร๎ู เรื่อง “สนิ เชือ่ และสทิ ธหิ น๎าทีข่ องผูใ๎ ชบ๎ ริการทางการเงนิ ” การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมการมสี วํ นรํวม ความต้ังใจ และความสนใจของผเู๎ รยี น 2. ผลการทดสอบกํอนและหลงั เรียน 3. ผลการออกแบบและสรา๎ งสรรค๑นวตั กรรมและสง่ิ ท่ีต๎องการพัฒนา/ชนิ้ งาน/ผลงาน 4. ผลการประเมินความพึงพอใจของผเู๎ รียน
326 บนั ทึกผลหลังการจัดกระบวนการเรียนร๎ู ผลการใช๎แผนการจดั กระบวนการเรยี นร๎ู 1. จํานวนเน้ือหากบั จํานวนเวลา เหมาะสม ไมเํ หมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลําดบั เนื้อหากับความเขา๎ ใจของผู๎เรียน เหมาะสม ไมเํ หมาะสม ระบุเหตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนําเข๎าสบํู ทเรียนกบั เนือ้ หาแตํละหวั ข๎อ เหมาะสม ไมํเหมาะสม ระบเุ หตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วธิ กี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นรก๎ู บั เนอ้ื หาในแตํละขอ๎ เหมาะสม ไมํเหมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
327 5. การประเมินผลกับตวั ช้ีวัดในแตลํ ะเนอ้ื หา เหมาะสม ไมํเหมาะสม ระบเุ หตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรยี นรข๎ู องผ๎ูเรียน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจัดกระบวนการเรยี นรู๎ของครู ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ๎ เสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
328 รายละเอียดสือ่ วัสดุ อุปกรณ๑ และแหลํงการเรยี นร๎ู 1. แบบทดสอบกอํ นเรียน เรอื่ ง “สนิ เช่อื และสทิ ธิหนา๎ ทีข่ องผูใ๎ ช๎บรกิ ารทางการเงนิ ” 2. ใบความรสู๎ ําหรับผ๎เู รยี น เรื่อง “สนิ เชอื่ และสทิ ธิหนา๎ ท่ีของผูใ๎ ช๎บรกิ ารทางการเงนิ ” 3. คลปิ วิดโี อ เรือ่ ง “ทาํ ไมคณุ ถงึ ไมมํ ีเงินเก็บ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=1qGqUSj1Clw 4. คลิปวิดโี อ รร๎ู อบเรอ่ื งเงิน ตอนท่ี 7 ร๎สู ิทธิ ร๎หู น๎าที่ ปลอดภัยทางการเงนิ ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=lNl9CuKbARE 6. ใบความร๎สู าํ หรับครู เรือ่ ง “สินเช่อื และสิทธิหนา๎ ทข่ี องผ๎ูใชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ” 7. ใบกิจกรรมสาํ หรบั ครู เร่ือง “สนิ เช่อื และสทิ ธิหน๎าที่ของผใ๎ู ชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ” 8. ใบกิจกรรมของผ๎เู รียน เร่อื ง “สินเช่ือ และสิทธหิ นา๎ ทข่ี องผ๎ูใช๎บรกิ ารทางการเงนิ ” 9. แบบทดสอบหลงั เรยี น เรอ่ื ง เรือ่ ง “สนิ เช่อื และสทิ ธิหนา๎ ที่ของผูใ๎ ชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ” 10. แบบประเมินความพึงพอใจสาํ หรบั ผ๎ูเรยี นในการเขา๎ รวํ มกิจกรรมการเรยี นรู๎ เรอื่ ง “สินเช่อื และสิทธหิ น๎าท่ีของผใู๎ ช๎บรกิ ารทางการเงนิ ”
329 แบบทดสอบกอํ นเรยี น เรอ่ื ง “สนิ เช่อื และสทิ ธหิ นา๎ ท่ขี องผ๎ใู ชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ” คําชี้แจง แบบทดสอบกอํ นเรียน มีจาํ นวนทัง้ หมด 10 ขอ๎ คําสั่ง จงทาํ เครื่องหมายกากบาท (X) หน๎าข๎อที่ถูกต๎องทสี่ ดุ เพียงขอ๎ เดียว 1. ขอ๎ ใดคือความหมายของ “หนี้ดี” ก. หนท้ี ช่ี ํวยสร๎างรายได๎และสร๎างความม่ันคงในอนาคต ข. หนี้ท่ีเกิดจากการนาํ เงนิ ไปซอ้ื ของทไี่ มจํ าํ เป็น ค. หนที้ ่เี กดิ จากการนําเงนิ ไปซอ้ื ของที่จาํ เป็น ง. หนที้ ่ีชํวยสร๎างความสบายในชวี ิต 2. หน้ีทเี่ กิดจากการนําเงนิ ไปซ้อื ของทไี่ มจํ ําเปน็ หรือของฟุมเฟือย และไมสํ ามารถสร๎างอนาคตได๎ คอื หนปี้ ระเภทใด ก. หนด้ี ี ข. หนีส้ ูญ ค. หนี้พึงระวัง ง. หนร้ี ะยะยาว 3. ขอ๎ ใด ไมใํ ชํ สินเช่ือรายยํอย ก. การเชาํ ซ้ือ ข. บตั รเครดิต ค. สนิ เชอ่ื เพอ่ื ที่อยอํู าศยั ง. สินเช่อื เพอ่ื การอปุ โภคบรโิ ภค 4. สนิ เชอื่ ชนดิ ใด ไดว๎ งเงนิ ไมํเกนิ 5 เทําของรายได๎เฉลีย่ ตอํ เดอื น ก. การเชาํ ซอื้ ข. บัตรเครดิต ค. สินเช่ือเพอ่ื ที่อยํอู าศยั ง. สินเช่อื สํวนบุคคลภายใต๎การกํากบั 5. ขอ๎ ใด ไมํใชํ ประเภทดอกเบ้ยี เงนิ ก๎ู ก. อัตราดอกเบย้ี คงที่ ข. อตั ราดอกเบ้ียลอยตัว ค. อตั ราดอกเบ้ียแบบลดตน๎ ลดดอก ง. อัตราดอกเบี้ยแบบก๎าวกระโดด
330 6. ข๎อใดกลาํ วถกู ต๎องเกย่ี วกบั การคิดดอกเบ้ียแบบลดต๎นลดดอก ก. เงนิ ต๎นลด ดอกเบ้ยี กจ็ ะลด ข. เงนิ ตน๎ ลด ดอกเบีย้ กจ็ ะเพม่ิ ค. เงินตน๎ เพิ่ม ดอกเบ้ยี ลด ง. เงนิ ต๎นและดอกเบย้ี ไมํเปลีย่ นแปลง 7. เครดติ บโู ร หมายถึงข๎อใด ก. บรษิ ทั เครดิตบโู ร จาํ กดั ข. บรษิ ทั ขอ๎ มลู เครดิต จาํ กัด ค. บริษัท ขอ๎ มูลเครดิตแหํงชาติ จาํ กัด ง. บริษทั ข๎อมูลเครดิตแหํงประเทศไทย จาํ กัด 8. ข๎อใด ไมใํ ชํ วิธกี ารปอู งกนั ปัญหาหน้ี ก. ชาํ ระทนั ทีเมื่อมีเงินก๎อน ข. เปลย่ี นแปลงทอี่ ยํูไดต๎ ลอดเวลา ค. จํายเงินใหต๎ รงเวลาและตามเงอ่ื นไข ง. ใชเ๎ งนิ ตามวัตถุประสงค๑ทีต่ ั้งใจขอสนิ เชือ่ จรงิ ๆ 9. หากจะกํอหนี้เพม่ิ ตอ๎ งตรวจสอบภาระหนี้สินท่ีต๎องผอํ นตํอเดือนแตํไมํควรเกนิ เทาํ ไร ก. 1 ใน 3 (33%) ข. 1 ใน 4 (44%) ค. 1 ใน 5 (55%) ง. 1 ใน 6 (66%) 10. ขอ๎ ใดไมํใชํการแกไ๎ ขปัญหาหนี้ด๎วยตนเอง ก. ลดรายจาํ ย ข. เพิ่มรายได๎ ค. ขายสินทรัพย๑ทีไ่ มํจําเป็น ง. ขอปรบั ปรุงโครงสร๎างหนกี้ ับเจา๎ หนี้
331 เฉลยแบบทดสอบกอํ นเรยี น 1. ก. หน้ที ่ชี ํวยสร๎างรายได๎และสร๎างความม่ันคงในอนาคต 2. ค. หนีพ้ งึ ระวงั 3. ง. สนิ เชอ่ื เพอ่ื การอปุ โภคบริโภค 4. ข.บัตรเครดิต 5. ง.อัตราดอกเบยี้ แบบก๎าวกระโดด 6. ก. เงินต๎นลด ดอกเบ้ยี ก็จะลด 7. ค. บริษัท ข๎อมูลเครดิตแหํงชาติ จาํ กดั 8. ข. เปลยี่ นแปลงท่ีอยูํไดต๎ ลอดเวลา 9. ก. 1 ใน 3 (33%) 10. ง. ขอปรบั ปรงุ โครงสรา๎ งหน้กี บั เจ๎าหน้ี
332 ใบความรูส๎ ําหรับผเ๎ู รียน เรอ่ื ง การประเมินฐานะการเงนิ ของตนเอง การประเมินฐานะการเงนิ เปน็ ขนั้ ตอนแรกในการวางแผนการเงิน โดยเริ่มจากการพจิ ารณาวาํ เรามฐี านะทางการเงนิ ในปจั จบุ ันเปน็ อยาํ งไร ซึง่ จะชํวยใหเ๎ ข๎าใจสถานการณ๑การเงนิ ของตนเอง และ สามารถวางแผนการเงนิ สาํ หรับอนาคตได๎ การประเมินฐานะการเงิน การประเมินฐานะการเงนิ สามารถทาํ ไดห๎ ลายดา๎ น ซง่ึ แตลํ ะดา๎ นจะมเี ครอ่ื งมอื ที่ชวํ ยประเมนิ แตกตาํ งกันไป การประเมนิ ฐานะทางการเงนิ ทส่ี าํ คัญมดี งั นี้ 1. การประเมนิ ฐานะการเงิน (ภาพรวม) สามารถประเมนิ ฐานะการเงินโดยคาํ นวณหาความ มัง่ คัง่ สทุ ธิ ซึง่ กค็ ือ มูลคําทีเ่ หลอื อยหูํ ลังจากท่นี ําทรัพย๑สินทง้ั หมดลบดว๎ ยหน้ีสนิ ทงั้ หมด ความมั่งคั่งสทุ ธิ จะบอกฐานะทแี่ ทจ๎ รงิ ของเราวํามีสนิ ทรพั ย๑ท่ีเปน็ ของเราจริ ง ๆ เทาํ ไร โดยสามารถ คํานวณความม่งั ค่งั สุทธิไดต๎ ามขัน้ ตอนดงั นี้ 1) คาํ นวณมลู คําสนิ ทรัพยท๑ งั้ หมด ท่มี ีอยโํู ดยจดรายการสนิ ทรพั ยแ๑ ยกออกเป็น 3 ประเภท ได๎แกํ สินทรัพยส๑ ภาพคลอํ ง คือ เงนิ สด และสินทรพั ย๑ทเี่ ปล่ียนเปน็ เงนิ สดได๎งาํ ย เชํน เงิน ฝากธนาคาร สนิ ทรพั ย๑เพ่อื ก ารลงทุน คือ สินทรัพย๑ท่ถี ือครองเพ่อื มุํงหวังผลตอบแทนจากการ ลงทนุ เชํน สลากออมทรพั ย๑ พันธบัตรรฐั บาล หุ๎นกู๎ กองทนุ รวม กองทุนสารองเล้ียงชพี โดยบนั ทกึ ใน ราคาตลาด (ราคาซื้อขายในปจั จบุ ัน) สินทรพั ย๑สวํ นตัว คอื สนิ ทรพั ย๑ท่ีมไี วเ๎ พื่อใชใ๎ นชีวิตประจําวนั หรือเพอ่ื สะสม เชํน ที่ อยูอํ าศยั รถยนตเ๑ สือ้ ผ๎า เครื่องประดับ โดยบันทึกในราคาตลาดแล๎วรวมมลู คาํ ของสนิ ทรพั ยท๑ ั้ง 3 ประเภท
333 2) คํานวณมลู คาํ หน้ีสนิ ทั้งหมดท่มี ีอยูํ โดยแยกหน้ีสนิ ออกเป็น 2 ประเภท ได๎แกํ หนีส้ ินระยะสัน้ ไดแ๎ กํ หนี้ท่ตี อ๎ งจํายคนื ภายในเวลาไมํเกนิ 1 ปี ซ่ึงสวํ นใหญํเปน็ หนที้ ี่ เกิดจากการ อุปโภคบริโภค เชํน หนี้บตั รเครดิต หรือการซื้อสนิ คา๎ เงนิ ผอํ น หน้ีสินระยะยาว ได๎แกํ หนท้ี ม่ี ีเวลาผอํ นชาระนานกวาํ 1 ปี เชนํ หนท้ี ี่เกดิ จากการซอื้ บา๎ นและ รถยนตโ๑ ดยใช๎ตัวเลขของจาํ นวนหนีท้ ่เี หลืออยํู แล๎วรวมมลู คําของหนีส้ นิ ทง้ั 2 ประเภท 3) คาํ นวณความมง่ั คง่ั สทุ ธิ เมื่อได๎มลู คาํ สินทรัพยท๑ งั้ หมดแล๎วใหน๎ าํ ไป หักออกด๎วยมลู คาํ หน้สี นิ ทง้ั หมด สวํ นท่ีเหลอื อยกูํ ็จะเปน็ “ความมัง่ คงั่ สทุ ธิของเรา” กิจกรรมท๎ายเรื่อง การประเมนิ ฐานะการเงินของตนเอง กิจกรรมท่ี ๑ ตอบคาํ ถามตํอไปนี้ 1. เราสามารถประเมนิ ฐานะการเงินของตนเองในด๎านใดไดบ๎ า๎ ง ใหอ๎ ธิบาย
334 ใบความรู๎ เรอื่ ง สทิ ธขิ องผใ๎ู ช๎บริการทางการเงนิ ปจั จบุ นั ผลิตภัณฑแ๑ ละบรกิ ารทางการเงนิ มคี วามหลากหลาย ซับซอ๎ น และเปลี่ยนแปลงอยําง รวดเร็วไปตามพฒั นาการทางเทคโนโลยี ผใ๎ู ชบ๎ ริการทางการเงนิ จึงควรศึกษาหาความ ร๎ูเกยี่ วกับ ผลติ ภณั ฑ๑และบรกิ ารทางการเงินตําง ๆ รวมท้งั สทิ ธแิ ละหนา๎ ทใี่ นการเปน็ ผ๎ูใชบ๎ รกิ ารทางการเงิน เพือ่ ให๎สามารถเลือกใช๎บรกิ ารอยํางมั่นใจ ตรงกับความต๎องการ ไมํเสยี สทิ ธทิ ีพ่ งึ ได๎ และเปน็ ผ๎ูใช๎บริการ ทางการเงินทท่ี าหน๎าท่ไี ดอ๎ ยาํ งเหมาะสมและไดร๎ ับประโยชน๑สูง สดุ โดยผู๎ใช๎บรกิ ารทางการเงินมีสทิ ธิ 4 ประการ ดงั นี้ 1. สทิ ธทิ จี่ ะไดร๎ ับขอ๎ มลู ทถี่ ูกตอ๎ ง (right to be informed) ผ๎ใู ช๎บริการทางการเงนิ มีสิทธิท่ีจะ ไดร๎ บั ข๎อมลู ท่ถี ูกต๎องเกี่ยวกบั บรกิ ารที่สนใจ โดยเจ๎าหน๎าทีส่ ถาบนั การเงนิ ตอ๎ งอธิบายรายละเอียด เกีย่ วกับผลติ ภณั ฑ๑และเง่อื นไขตาํ ง ๆ อยํางถกู ต๎อง ชัดเจน และครบถ๎วนเพยี งพอตอํ การตัดสินใจใน การใช๎บรกิ าร เชนํ ลักษณะสําคญั ของผลติ ภัณฑ๑ ผลประโยชน๑ท่ี คาดวาํ จะไดร๎ บั ความเสี่ยง คาํ ปรบั คาํ ธรรมเนยี ม ตลอดจนคาํ ใช๎จํายท่เี กิดขนึ้ เมอ่ื ไมํทาตามเง่อื นไข และการใชส๎ ่ือทางการตลาดเพอ่ื สํงเสริมการขายต๎องไมชํ วนเชอื่ เกนิ จริง ไมํทําให๎ผ๎ใู ชบ๎ รกิ ารเข๎าใจผดิ เม่ือไดร๎ ับขอ๎ มูลท่ีถกู ตอ๎ งและ ครบถ๎วนแล๎ว ผู๎ใช๎บรกิ ารทางการเงินก็ควรพจิ ารณา ตรวจสอบ และสอบถามรายละเอียดใหแ๎ นใํ จกํอน ตดั สินใจใช๎บริการ เพอื่ ใหไ๎ ดผ๎ ลิตภณั ฑ๑และบริการทเ่ี หมาะสมและตรงความตอ๎ งการของผูใ๎ ชบ๎ ริการ 2. สทิ ธิทจ่ี ะเลือกใชผ๎ ลิตภณั ฑ๑และบริการได๎อยาํ งอสิ ระ (right to choose) เจา๎ หน๎าทีส่ ถาบนั การเงินสามารถนาเสนอผลติ ภณั ฑแ๑ ละบรกิ ารอ่นื ๆ ควบคํกู ับผลติ ภัณฑท๑ ผี่ ใ๎ู ช๎บรกิ ารทางการเงนิ ต๎องการ แตผํ ๎ูใชบ๎ ริการทางการเงินควรเลือกผลิตภัณฑ๑และบริการทางการเงินที่ต๎องการจริง ๆ เทํานั้น โดยคาํ นงึ ถึงความจาํ เป็น ประโยชนท๑ ่ไี ดร๎ ับ ความคุม๎ คาํ รวมถึงความสามารถในการรับภาระคาํ ใช๎จําย ทเ่ี ก่ียวข๎อง หากผใ๎ู ช๎บริการไมตํ ๎องการผลิตภัณฑ๑และบรกิ ารท่เี จ๎าหนา๎ ที่เสนอขาย ก็สามารถปฏเิ สธได๎ 3. สทิ ธทิ ี่จะร๎องเรียนเพอ่ื ความเป็นธรรม (right to be heard) หากผู๎ใช๎บรกิ ารทางการเงิน พบวาํ ตนเองไดร๎ บั การปฏบิ ัตทิ ี่ไมํถูกตอ๎ งหรือถูกเอาเปรยี บ เชนํ ได๎รบั ขอ๎ มลู ท่ไี มถํ กู ต๎อง ไมคํ รบถ๎วน ถกู บังคับใหซ๎ ้ือผลิตภัณฑ๑ทางการเงนิ ท่ีไมตํ ๎องการ ถูกทาํ ให๎ เข๎าใจผิดเกี่ยวกบั ผลิตภณั ฑ๑ คํานวณ ดอกเบยี้ ผิด กส็ ามารถร๎องเรียนไปยังสถาบนั การเงินทใ่ี ชบ๎ รกิ าร และหากยังไมไํ ด๎รับความเปน็ ธรรม ก็ สามารถร๎องเรียนไปยงั หนํวยงานทกี่ ากบั ดูแลได๎ 4. สทิ ธทิ จี่ ะไดร๎ บั การพิจารณาคําชดเชยหากเกดิ ความเสยี หาย (right to redress) ผูใ๎ ชบ๎ ริการทางการเงนิ มสี ิทธไิ ด๎รบั การชดเชยตามความเหมาะสม หากพสิ ูจน๑แลว๎ วําเป็นความผิด พลาดของสถาบันการเงนิ เชํน ไมํไดป๎ ฏิบัติตามแนวนโยบายที่เกย่ี วขอ๎ งกบั การนาํ เสนอข๎อมูลหรอื การ เสนอขายผลิตภัณฑท๑ างการเงนิ หรอื ปฏิบตั ิงานทีเ่ ก่ยี วข๎องกับการใหบ๎ รกิ ารทางการเงนิ อยาํ งไมํ เหมาะสม ไมวํ ําจะจงใจหรือประมาทเลนิ เลํอ เป็นเหตใุ ห๎ผู๎ใชบ๎ ริการไดร๎ บั ความเสียหาย เชํน เจา๎ หนา๎ ท่ี
335 ธนาคารขโมยเงินฝากจากบัญชี ระบบไมํตดั เงนิ จากบญั ชีทาใหม๎ ียอดหนค้ี า๎ งชาระ แตํ ผใ๎ู ช๎บริการทางการเงินจะไมไํ ด๎รบั การชดเชยหากความผิดพลาดน้นั เกดิ จากผใู๎ ชบ๎ รกิ ารเอง เชํน ฝาก สมุดบัญชีไวก๎ บั เจ๎าหน๎าที่ธนาคารเพ่อื ทํารายกา รแทน โอนเงินจากเครือ่ งเอทเี อ็มไปผิดบัญชหี รือใสํ ตวั เลขจาํ นวนเงนิ ผิด กิจกรรมทา๎ ยเรื่อง สิทธขิ องผูใ๎ ช๎บรกิ ารทางการเงนิ กจิ กรรมที่ 2 ตอบคาํ ถามตอํ ไปน้ี 1. สิทธขิ องผใ๎ู ช๎บรกิ ารทางการเงนิ มีอะไรบ๎าง ให๎อธิบาย ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ................………………………………………………………………………………………………………………………………
336 ใบความรูส๎ ําหรับครู เรื่อง การประเมนิ ฐานะการเงินของตนเอง การประเมินฐานะการเงินเปน็ ข้นั ตอนแรกในการวางแผนการเงนิ โดยเรมิ่ จากการพิจารณาวําเรา มฐี านะทางการเงนิ ในปจั จุบันเป็นอยํางไร ซ่งึ จะชวํ ยใหเ๎ ขา๎ ใจสถานการณ๑การเงนิ ของตนเอง และสามารถ วางแผนการเงินสําหรบั อนาคตได๎ การประเมินฐานะการเงนิ การประเมนิ ฐานะการเงินสามารถทาํ ได๎หลายด๎าน ซง่ึ แตลํ ะดา๎ นจะมเี ครอ่ื งมอื ทช่ี วํ ยประเมิน แตกตาํ งกันไป การประเมนิ ฐานะทางการเงินท่สี ําคัญมดี งั นี้ 1. การประเมนิ ฐานะการเงิน (ภาพรวม) สามารถประเมินฐานะการเงนิ โดยคาํ นวณหาความมง่ั คง่ั สุทธิ ซึง่ กค็ อื มลู คาํ ทเี่ หลืออยํหู ลงั จากทน่ี าํ ทรัพย๑สินทง้ั หมดลบดว๎ ยหนี้สนิ ทัง้ หมด ความมั่งค่งั สุทธิ จะบอกฐานะทแ่ี ท๎จรงิ ของเราวาํ มสี นิ ทรพั ย๑ท่เี ปน็ ของเราจริง ๆ เทําไร โดย สามารถคํานวณความมง่ั คั่งสุทธไิ ดต๎ ามข้นั ตอนดงั น้ี 1) คาํ นวณมลู คาํ สนิ ทรัพยท๑ ้ังหมดทีม่ อี ยํโู ดยจดรายการสินทรพั ยแ๑ ยกออกเป็น 3 ประเภท ไดแ๎ กํ สินทรัพย๑สภาพคลอํ ง คือ เงินสด และสนิ ทรพั ย๑ทีเ่ ปลีย่ นเป็นเงินสดได๎งาํ ย เชํน เงินฝาก ธนาคาร สินทรพั ย๑เพือ่ การลงทุน คอื สนิ ทรพั ยท๑ ่ถี ือครองเพ่ือมุํงหวงั ผลตอบแทนจากการลงทนุ เชํน สลากออมทรพั ย๑ พนั ธบัตรรฐั บาล หนุ๎ ก๎ู กองทุนรวม กองทนุ สารองเลี้ยงชพี โดยบนั ทึกในราคาตลาด (ราคาซ้อื ขายในปัจจุบัน) สนิ ทรพั ย๑สํวนตวั คอื สินทรพั ยท๑ ่ีมไี ว๎เพ่อื ใชใ๎ นชีวติ ประจําวนั หรอื เพ่อื สะสม เชนํ ที่อยํูอาศยั รถยนต๑เสือ้ ผ๎า เครอื่ งประดับ โดยบนั ทึกในราคาตลาดแล๎วรวมมูลคาํ ของสินทรัพย๑ทงั้ 3 ประเภท 2) คาํ นวณมลู คําหน้ีสินทัง้ หมดทม่ี อี ยูํ โดยแยกหนสี้ ินออกเปน็ 2 ประเภท ได๎แกํ
337 หนี้สินระยะส้ัน ได๎แกํ หนี้ท่ีตอ๎ งจาํ ยคืนภายในเวลาไมํเกนิ 1 ปี ซึ่งสวํ นใหญเํ ป็นหนที้ ี่เกดิ จาก การอปุ โภคบรโิ ภค เชํน หนบ้ี ตั รเครดิต หรือการซอื้ สนิ ค๎าเงนิ ผํอน หนี้สินระยะยาว ได๎แกํ หนท้ี ่มี ีเวลาผอํ นชาระนานกวาํ 1 ปี เชํน หนี้ทเ่ี กิดจากการซื้อบา๎ นและ รถยนต๑โดยใชต๎ ัวเลขของจํานวนหนที้ เี่ หลืออยํู แลว๎ รวมมูลคําของหนสี้ ินทง้ั 2 ประเภท 3) คาํ นวณความมัง่ ค่ั งสุทธิ เมือ่ ได๎มลู คาํ สนิ ทรพั ย๑ทั้งหมดแล๎วใหน๎ ําไป หักออกดว๎ ยมูลคําหนสี้ ิน ทงั้ หมด สวํ นที่เหลอื อยูกํ ็จะเป็น “ความม่ังคงั่ สุทธิของเรา” กิจกรรมทา๎ ยเร่อื ง การประเมินฐานะการเงนิ ของตนเอง กจิ กรรมที่ ๑ ตอบคําถามตอํ ไปน้ี 1. เราสามารถประเมินฐานะการเงนิ ของตนเองในดา๎ นใดไดบ๎ ๎าง ใหอ๎ ธิบาย
338 ใบความรู๎ เรือ่ ง สทิ ธขิ องผ๎ใู ช๎บรกิ ารทางการเงิน ปจั จุบนั ผลติ ภณั ฑแ๑ ละบรกิ ารทางการเงินมีความหลากหลาย ซับซอ๎ น และเปลีย่ นแปลงอยําง รวดเรว็ ไปตามพัฒนาการทางเทคโนโลยี ผใ๎ู ช๎บริการทางการเงินจงึ ควรศกึ ษาหาความรูเ๎ กีย่ วกับผลิตภั ณฑ๑ และบรกิ ารทางการเงนิ ตําง ๆ รวมทง้ั สทิ ธิและหนา๎ ทใ่ี นการเป็นผ๎ใู ชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ เพ่ือให๎สามารถ เลอื กใช๎บริการอยาํ งมน่ั ใจ ตรงกบั ความต๎องการ ไมํเสียสทิ ธิท่พี งึ ได๎ และเปน็ ผใ๎ู ชบ๎ รกิ ารทางการเงินทที่ า หนา๎ ทไี่ ดอ๎ ยํางเหมาะสมและไดร๎ บั ประโยชน๑สูงสดุ โดยผูใ๎ ชบ๎ ริการทางการเงินมสี ิทธิ 4 ประการ ดังนี้ 1. สิทธิท่จี ะไดร๎ บั ขอ๎ มลู ทีถ่ กู ตอ๎ ง (right to be informed) ผูใ๎ ช๎บริการทางการเงนิ มสี ทิ ธทิ ่จี ะ ไดร๎ ับขอ๎ มลู ที่ถกู ตอ๎ งเกีย่ วกับบริการท่ีสนใจ โดยเจา๎ หน๎าท่ีสถาบนั การเงินต๎องอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ ผลติ ภัณฑแ๑ ละเง่อื นไขตําง ๆ อยาํ งถกู ตอ๎ ง ชัดเจน และครบถว๎ นเพยี งพอตอํ การตดั สนิ ใจในการใชบ๎ รกิ าร เชนํ ลักษณะสําคญั ของผลติ ภัณฑ๑ ผลประโยชนท๑ ี่ คาดวาํ จะไดร๎ บั ความเสยี่ ง คาํ ปรบั คาํ ธรรมเนียม ตลอดจนคาํ ใชจ๎ ํายทเี่ กดิ ขึ้นเม่อื ไมทํ าตามเงอ่ื นไข และการใช๎สือ่ ทางการตลาดเพ่อื สํงเสรมิ การขายต๎องไมํ ชวนเชอ่ื เกนิ จริง ไมํทาํ ให๎ผ๎ูใช๎บริการเขา๎ ใจผิด เมอ่ื ได๎รบั ขอ๎ มูลทถ่ี กู ต๎องและครบถว๎ นแล๎ว ผูใ๎ ช๎บริการทาง การเงนิ กค็ วรพจิ ารณา ตรวจสอบ และสอบถามรายละเอยี ดใหแ๎ นํใจกํอนตดั สนิ ใจใช๎บรกิ าร เพอ่ื ให๎ได๎ ผลิตภัณฑ๑และบรกิ ารที่เหมาะสมและตรงความต๎องการของผู๎ใชบ๎ รกิ าร 2. สิทธิท่จี ะเลือกใช๎ผลิตภัณฑแ๑ ละบรกิ ารไดอ๎ ยํางอสิ ระ (right to choose) เจ๎าหนา๎ ทสี่ ถาบนั การเงินสามารถนาเสนอผลิตภัณฑแ๑ ละบรกิ ารอ่ืน ๆ ควบคูํกบั ผลิตภณั ฑ๑ท่ผี ู๎ใชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ต๎องการ แตผํ ๎ูใชบ๎ รกิ ารทางการเงนิ ควรเลอื กผลติ ภัณฑ๑และบริการทางการเงินท่ีต๎องการจริง ๆ เทาํ นนั้ โดยคํานึงถึง ความจาํ เป็น ประโยชนท๑ ไ่ี ด๎รบั ความค๎ุมคํา รวมถึงความสามารถในการรบั ภาระคาํ ใชจ๎ าํ ยที่เกย่ี วขอ๎ ง หาก ผู๎ใช๎บริการไมตํ ๎องการผลติ ภัณฑ๑และบริการทเ่ี จา๎ หนา๎ ทเี่ สนอขาย กส็ ามารถปฏเิ สธได๎ 3. สิทธิทจ่ี ะรอ๎ งเรยี นเพ่ือความเปน็ ธรรม (right to be heard) หากผใู๎ ชบ๎ รกิ ารทางการเงินพบวาํ ตนเองไดร๎ ับการปฏิบัตทิ ่ีไมํถูกตอ๎ งหรือถูกเอาเปรียบ เชํน ไดร๎ บั ข๎อมูลที่ไมถํ กู ต๎อง ไมํครบถว๎ น ถกู บังคบั ให๎ ซื้อผลติ ภณั ฑ๑ทางการเงินที่ไมํตอ๎ งการ ถกู ทาํ ให๎ เข๎าใจผดิ เกี่ยวกับผลติ ภณั ฑ๑ คํานวณดอกเบยี้ ผดิ กส็ ามารถ ร๎องเรียนไปยงั สถาบนั การเงนิ ทใ่ี ชบ๎ ริการ และหากยงั ไมไํ ดร๎ บั ความเปน็ ธรรม กส็ ามารถร๎องเรียนไปยงั หนวํ ยงานทก่ี ากับดูแลได๎ 4. สิทธิทีจ่ ะได๎รับการพิจารณาคําชดเชยหากเกดิ ความเสียหาย (right to redress) ผ๎ใู ช๎บรกิ าร ทางการเงนิ มสี ิทธไิ ด๎รับการชดเชยตามความเหมาะสม หากพิสูจน๑แลว๎ วาํ เปน็ ความ ผดิ พลาดของสถาบัน การเงนิ เชํน ไมํได๎ปฏบิ ตั ิตามแนวนโยบายทเี่ กย่ี วขอ๎ งกับการนาํ เสนอข๎อมลู หรอื การเสนอขายผลิตภัณฑ๑
339 ทางการเงิน หรือปฏบิ ตั ิงานที่เก่ียวขอ๎ งกบั การให๎บริการทางการเงินอยํางไมํเหมาะสม ไมวํ ําจะจงใจหรือ ประมาทเลินเลํอ เปน็ เหตใุ ห๎ผูใ๎ ช๎บรกิ ารได๎รบั ความเสยี ห าย เชนํ เจา๎ หนา๎ ทธ่ี นาคารขโมยเงินฝากจากบัญชี ระบบไมตํ ัดเงินจากบัญชีทาใหม๎ ียอดหนค้ี า๎ งชาระ แตํผู๎ใช๎บริการทางการเงินจะไมไํ ด๎รบั การชดเชยหาก ความผดิ พลาดนนั้ เกิดจากผ๎ใู ชบ๎ รกิ ารเอง เชํน ฝากสมุดบญั ชีไวก๎ ับเจา๎ หนา๎ ท่ีธนาคารเพอ่ื ทาํ รายการแทน โอนเงนิ จากเคร่อื งเอทีเอ็มไปผดิ บญั ชีหรอื ใสํตวั เลขจํานวนเงนิ ผดิ กิจกรรมท๎ายเรื่อง สทิ ธิของผใ๎ู ช๎บรกิ ารทางการเงนิ กิจกรรมที่ 2 ตอบคาํ ถามตํอไปนี้ 1. สทิ ธิของผ๎ใู ช๎บรกิ ารทางการเงินมอี ะไรบา๎ ง ใหอ๎ ธิบาย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 574
Pages: