หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรียนบ้านเกษตรสมบูรณ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศึกษาบุรรี มั ย์ เขต 2 สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นบ้านเกษตรสมบูรณ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ โรงเรียนบ้านเกษตรสมบูรณ์ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาบรุ รี ัมย์ เขต ๒
ก คานา โรงเรียนบ้านเกษตรสมบูรณ์ สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต ๒ ได้ ดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช 2561 เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน ใน ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑,2,๓ ประถมศึกษาปีท่ี ๔,5,๖และมัธยมศึกษาปีที่ ๑,2,3 โดยการวิเคราะห์สาระ และมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง จัดทาคาอธิบายรายวิชา หน่วยการเรียนรู้ โครงสร้างรายวชิ า โรงเรียนบ้านเกษตรสมบูรณ์ ขอขอบคุณคณะทางาน และผู้เก่ียวข้องท่ีได้ดาเนินการจัดทาหลักสูตร สถานศึกษา พุทธศักราช 256๕ จนสาเร็จ และสามารถนาไปจัดการเรียนการสอน ในแต่ละระดับช้ัน เพื่อ พัฒนาผู้เรียนใหม้ ีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ัดที่กาหนดไว้
สารบญั ขข หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเกษตรสมบูรณ์ หนา้ ประกาศโรงเรยี นบ้านเกษตรสมบรู ณ์ ความนา 3 วิสยั ทัศน์ ๔ หลกั การ ๔ จดุ หมาย ๔ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๕ มาตรฐานการเรยี นรู้ ๖ ตวั ชีว้ ัด ๖ สาระการเรยี นรู้ ๗ โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษา ๙ การจดั การเรียนรู้ ๒๐ ส่ือการเรยี นรู้ 2๒ เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรยี น 2๔ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา 2๗ การเทียบโอนผลการเรียน 2๗ การบรหิ ารจัดการหลักสูตร 2๘ 2๙ กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ 10๔ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ๓๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ภาคผนวก ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ คาส่งั
๓3๓ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นเกษตรสมบูรณ์ ความนา จากการทบทวนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้นาไปสู่การพัฒนา หลักสูตรจากการทบทวนหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 สู่หลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช 256๕ ที่มีความเหมาะสมชัดเจน ทั้งเป้าหมายของหลักสูตรในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและ กระบวนการ นาหลักสูตร ไปสู่การปฏบิ ัติ โดยได้มีการกาหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดที่ชัดเจน เพ่ือใช้เป็นทิศทางในการจัดทาหลักสูตร การเรียนการสอนในแต่ละระดับ นอกจากนั้นได้กาหนดโครงสร้างเวลาเรียนข้ันต่าของแต่ละกลุ่มสาระการ เรียนรู้ ในแต่ละชั้นปีไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช และเปิดโอกาสให้ สถานศึกษาเพิ่มเติมเวลาเรียนได้ตามความพร้อมและจุดเน้นอีกทั้ง ได้ปรับกระบวนการวัดและประเมินผล ผเู้ รยี น เกณฑ์การจบการศึกษาแต่ละระดับ และเอกสารแสดงหลักฐาน ทางการศึกษา ให้มีความสอดคล้อง กับมาตรฐานการเรยี นรู้ และมีความชัดเจน ต่อการไปปฏบิ ัติ โรงเรียนบ้านเกษตรสมบูรณ์ได้นาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และกรอบหลักสูตรท้องถ่ินของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 มาใช้ เป็นกรอบ และทิศทางในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา และจัดการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนานักเรียนของโรงเรียนบ้าน เกษตรสมบูรณ์ ให้มีคุณภาพด้านความรู้และทักษะท่ีจาเป็นสาหรับการดารงชีวิตในสังค มท่ีมี การเปล่ียนแปลงและแสวงหาความรู้เพ่ือพฒั นาตนเองอย่างตอ่ เน่ืองตลอดชีวิต โดยนามาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 มากาหนดผลที่คาดหวงั ที่ต้องการในการพฒั นาการเรียนรู้ ของผู้เรียนท่ีชัดเจน โดยมีผู้ ที่เกี่ยวข้องในระดับท้องถ่ินและสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตร ทาให้ การจัดทาหลักสูตรในระดับ สถานศกึ ษามคี ุณภาพและมีความเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความชัดเจนในเรื่องการวัดและการประเมินผล การเรียนรู้ ดังน้ันในการพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษาได้สะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชี้วัดท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 รวมทั้งมีกรอบทิศทาง ในการจัดการศึกษาเพ่ิมเติมตามความต้องการของท้องถ่ิน ครอบคลุมสมรรถนะและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ของผูเ้ รียนทุกกล่มุ เป้าหมาย การจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาจะประสบความสาเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้ ทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้อง ระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันทางานอย่างเป็นระบบและต่อเน่ือง ในการวางแผน ดาเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนาผู้เรียน ไปสูค่ ณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนรูท้ กี่ าหนดไว้
๔ วิสยั ทัศน์ ในปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนบ้านเกษตรสมบูรณ์ บริหารจัดการโดยใช้ทรัพยากรในองค์กร ท่ีมีอยู่อย่างจากัด ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บุคลากรทางการศึกษาและชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาส่งเสริมให้ ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างหลากหลาย สร้างทางเลือกแก่ผู้เรียน และมีความสามารถพิเศษ เมื่อเรียนจบช้ันสูงสุดของ โรงเรยี น สามารถพฒั นาตนเป็นคนคุณภาพ พง่ึ พาตนเองและครองตนอยูใ่ นสังคมได้อย่างมีความสุข หลกั การ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านเกษตรสมบรู ณ์ ได้ใช้หลักการพัฒนาหลักสูตรตามแบบของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐานซึ่งมหี ลกั การท่สี าคญั ดงั น้ี ๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพ้ืนฐาน ของความเป็นไทย ควบคู่กับความเป็นสากล ๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และมีคณุ ภาพ ๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพและความตอ้ งการของท้องถนิ่ ๔. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นท้ังด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัด การเรียนรู้ ๕. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาท่ีเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั ๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุม ทกุ กลมุ่ เปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ จุดหมาย หลักสูตรสถานศึกษามีความมุ่งหมายในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มี ศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชพี จึงกาหนดเปน็ จุดหมายเพื่อใหเ้ กิดกับผู้เรียน เม่ือจบการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน ดังนี้ ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตน ตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาท่ตี นนบั ถอื ยึดหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๒. มคี วามรู้ ความสามารถในการสอื่ สาร การคิด การแกป้ ัญหา การใช้เทคโนโลยี และมที กั ษะชีวติ ๓. มสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ท่ดี ี มีสุขนิสัย และรักการออกกาลังกาย ๔. มคี วามรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดม่ันในวิถีชีวิตและการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข ๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มจี ติ สาธารณะทมี่ งุ่ ทาประโยชนแ์ ละสร้างสิ่งทด่ี งี ามในสังคม และอย่รู ว่ มกนั ในสังคมอย่างมคี วามสุข
๕ สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านเกษตรสมบูรณ์ มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณภาพ ตามมาตรฐานมีสมรรถนะสาคญั และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ดงั น้ี สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน สมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ คือ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัด และลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสอื่ สาร ทีม่ ีประสทิ ธภิ าพโดยคานึงถงึ ผลกระทบทม่ี ีต่อตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพ่ือนาไปสู่ การสร้างองค์ความรู้ หรือสารสนเทศเพ่อื การตัดสินใจเกย่ี วกบั ตนเองและสงั คมได้อยา่ งเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์ และการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและ แก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจท่ีมีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและ สิง่ แวดลอ้ ม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึง ประสงคท์ ี่สง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อื่น ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน การแก้ปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และมคี ุณธรรม คุณลักษณะของผูเ้ รียนทพ่ี งึ ประสงค์ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านเกษตรสมบูรณ์ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่ือให้สามารถอยู่ร่วมกับผอู้ ่นื ในสงั คมได้อยา่ งมคี วามสขุ ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดังน้ี ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึง การปฏิบัติตนเป็นคนดีในสังคม มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ๒. ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ หมายถงึ ปฏบิ ตั ิตนอย่างตรงไปตรงมา ทั้งกาย วาจา ใจ ๓. มีวินัย หมายถงึ ปฏิบตั ติ ามกฎเกณฑข์ องโรงเรยี น ครอบครัวชุมชน และกิจกรรมในห้องเรียน เช่น สมุดงาน ชน้ิ งาน สะอาดเรียบรอ้ ยปฏบิ ตั ิตนอยใู่ นข้อตกลงที่กาหนดให้ร่วมกัน ทุกคร้งั ๔. ใฝ่เรียนรู้ หมายถึง ลักษณะของบุคคลท่ีมีความกระตือรือร้นในการเรียน รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็น ประโยชน์ แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งเรยี นร้ทู ี่หลากหลาย และสามารถถ่ายทอดเผยแพร่ องค์ความรู้ใหก้ ับผู้อน่ื
๖ ๕. อยู่อย่างพอเพียง หมายถงึ มคี วามเป็นอย่อู ยา่ งพอเพียง รู้จักการดารงชีวติ ใหม้ คี ณุ ค่า ๖. มงุ่ ม่ันในการทางาน หมายถึง มุ่งมน่ั ทางานอยา่ งรอบคอบ จนประสบผลสาเรจ็ ๗. รักความเป็นไทย หมายถึง มีความตระหนักเห็นคุณค่าของความเป็นไทย และมีเจตคติท่ีดี รักษา เอกลักษณ์ ไทย และขนบธรรมเนียมประเพณี ๘. มีจิตสาธารณะ หมายถึงมีความสานึกและมุ่งทาประโยชน์และสร้างส่ิงท่ีดีงามในสังคม และอยู่ ร่วมกนั ในสังคมอยา่ งมีความสขุ 9. สามัคคี หมายถงึ มคี วามรัก สามัคคใี นหม่คู ณะ 10. กตัญญู หมายถงึ น้อมนอ้ มถอ่ มตน สานึกรักกตญั ญูต่อ บิดามารดา ครอู าจารยแ์ ละผู้มีพระคุฯ มาตรฐานการเรียนรู้ การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคานึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา หลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 จึงกาหนดให้ผู้เรียนเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดงั นี้ 1. ภาษาไทย 2. คณิตศาสตร์ 3. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 5. สุขศึกษาและพลศกึ ษา 6. ศลิ ปะ 7. การงานอาชพี 8. ภาษาตา่ งประเทศ ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสาคัญของการพัฒนา คุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ ระบุสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมที่พึง ประสงค์ เม่ือจบการศึกษาข้ันพื้นฐาน นอกจากน้ันมาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไกสาคัญในการขับเคล่ือน พัฒนาการศึกษาท้ังระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่าต้องการอะไร จะสอนอย่างไร และประเมินอย่างไร รวมทั้งเป็นเคร่ืองมือในการตรวจสอบเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษาโดยใช้ระบบการ ประเมินคุณภาพภายใน และการประเมินคุณภาพภายนอก ซึ่งรวมถึงการทดสอบระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา และการทดสอบระดับชาติ ระบบการตรวจสอบเพื่อประกันคุณภาพดังกล่าวเป็นสิ่งสาคัญท่ีช่วยสะท้อนภาพ การจัดการศกึ ษาว่าสามารถพัฒนาผู้เรยี นให้มีคณุ ภาพตามท่ีมาตรฐานการเรียนรกู้ าหนดเพียงใด ตัวชว้ี ัด ตัวช้ีวัดระบุส่ิงท่ีนักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละระดับช้ัน ซ่ึงสะท้อน ถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม นาไปใช้ในการกาหนด เน้ือหา จัดทาหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สาคัญสาหรับการวัดประเมินผลเพ่ือ ตรวจสอบคณุ ภาพผู้เรียน 1. ตัวชี้วัดชั้นปี เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนแต่ละช้ันปีในระดับการศึกษาภาคบังคับ (ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 - มัธยมศึกษาปที ่ี 3) 2. ตวั ชวี้ ดั ชว่ งชน้ั เปน็ เปา้ หมายในการพฒั นาผเู้ รยี นในระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 - 6)
๗ หลกั สูตรได้มีการกาหนดรหสั กากบั มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชีว้ ัด เพ่ือความเข้าใจและใหส้ อื่ สารตรงกัน ดงั นี้ ว 1.1 ป.1/2 ป.1/2 ตวั ชี้วดั ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ขอ้ ท่ี 2 1.1 สาระท่ี 1 มาตรฐานข้อท่ี 1 ว กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ซ่งึ กาหนดให้ผูเ้ รียนทุกคนในระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐานจาเป็นต้องเรียนรู้โดยแบง่ เปน็ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดงั นี้ ภาษาไทย : ความรู้ ทกั ษะ คณติ ศาสตร์ : การนาความรู้ทกั ษะ วทิ ยาศาสตร์ : การนาความรู้ และวฒั นธรรมการใชภ้ าษา และกระบวนการทางคณิตศาสตร์ไปใช้ และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เพอื่ การส่ือสาร ความช่ืนชม ในการแก้ ปัญหา การดาเนินชีวิต ไปใชใ้ นการศึกษา คน้ ควา้ หาความรู้ และ การเห็นคุณค่าภมู ิปัญญาไทย และ และศึกษาต่อ การมีเหตมุ ีผล มี แกป้ ัญหาอยา่ งเป็ นระบบ การคิดอยา่ งเป็ น ภมู ิใจในภาษาประจาชาติ เจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ พฒั นาการคิด เหตเุ ป็ นผล คิดวเิ คราะห์ อยา่ งเป็ นระบบและสร้างสรรค์ คิดสร้างสรรค์ และจิตวทิ ยาศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ : ความรู้ องค์ความรู้ ทกั ษะสาคญั สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม : ทกั ษะ เจตคติ และวฒั นธรรม การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมไทยและสงั คม การใชภ้ าษาต่างประเทศ และคณุ ลกั ษณะ โลกอยา่ งสนั ติสุข การเป็ นพลเมืองดี ในการส่ือสาร การแสวงหา ในหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา ความรู้และการประกอบอาชีพ ศรัทธาในหลกั ธรรมของศาสนา ขนั้ พนื้ ฐาน การเห็นคุณค่าของทรัพยากร และส่ิงแวดลอ้ ม ความรักชาติ และภูมิใจในความเป็ นไทย การงานอาชีพและเทคโนโลยี : ศิลปะ : ความรู้และทกั ษะใน สุขศึกษาและพลศึกษา : ความรู้ ทกั ษะและ ความรู้ ทกั ษะ และเจตคติ การคิดริเริ่ม จินตนาการ เจตคติในการสร้างเสริมสุขภาพพลานามยั ของ ในการทางาน การจดั การ สร้างสรรคง์ านศิลปะ ตนเอง การดารงชีวติ การประกอบอาชีพ สุนทรียภาพและการเห็นคุณค่า และผอู้ ่ืน การป้องกนั และปฏิบตั ิ และการใชเ้ ทคโนโลยี ทางศิลปะ ต่อสิ่งต่างๆ ที่มีผลตอ่ สุขภาพ อยา่ งถูกวธิ ีและทกั ษะในการดาเนินชีวติ
๘ ความสมั พนั ธ์ของการพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รยี นตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน วสิ ัยทศั น์ บริหารจัดการโดยใชท้ รัพยากรในองค์กรที่มอี ย่อู ยา่ งจากัด ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพสูงสดุ บคุ ลากรทางการศึกษา และชมุ ชนมีสว่ นรว่ มในการพัฒนาส่งเสริมให้ผูเ้ รียนไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งหลากหลาย สร้างทางเลือกแก่ผูเ้ รียน และมคี วามสามารถพิเศษ เมอื่ เรยี นจบชนั้ สงู สุดของโรงเรียน สามารถพัฒนาตนเปน็ คนคุณภาพ พ่ึงพาตนเองและ ครองตนอย่ใู นสงั คมได้อย่างมีความสุข จุดหมาย ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ มที่พงึ ประสงค์ เห็นคณุ คา่ ของตนเอง มีวนิ ัยและปฏบิ ัตติ นตาม หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาที่ตนนบั ถือ ยึดหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒. มีความร้อู นั เป็นสากลและมีความสามารถในการสือ่ สาร การคิด การแกป้ ัญหา การใช้เทคโนโลยีและ มที กั ษะชวี ิต ๓. มีสุขภาพกายและสุขภาพจติ ทดี่ ี มสี ุขนสิ ยั และรกั การออกกาลงั กาย ๔. มคี วามรกั ชาติ มีจติ สานกึ ในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ยึดมั่นในวถิ ชี วี ิตและการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ ๕. มจี ติ สานกึ ในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาสิ่งแวดลอ้ ม มจี ิตสาธารณะทีม่ งุ่ ทาประโยชนแ์ ละสร้างสงิ่ ทีด่ ีงามในสงั คม และอยรู่ ว่ มกันในสังคมอย่างมีความสขุ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ความสามารถในการคิด ๒. ซื่อสตั ยส์ ุจริต ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๓. มีวนิ ยั ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ๖. มงุ่ มนั่ ในการทางาน ๗. รักความเป็ นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วดั ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ๑. ภาษาไทย ๒. คณิตศาสตร์ ๓. วทิ ยาศาสตร์ ๑.กิจกรรมแนะแนว ๒.กิจกรรมนกั เรียน ๔. สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๕. สุขศึกษาและพลศึกษา ๓. กิจกรรมเพื่อสงั คมและ ๖. ศิลปะ ๗. การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๘. ภาษาต่างประเทศ สาธารณประโยชน์
๙ โครงสรา้ งเวลาเรียนระดบั ประถมศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้/กจิ กรรม ป.๑ เวลาเรยี น ป.๖ ระดบั ประถมศึกษา กลุม่ สาระการเรียนรู้ ๒๐๐ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ๑๖๐ ภาษาไทย ๒๐๐ ๑๖๐ คณิตศาสตร์ ๘๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๘๐ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ 40 O วทิ ยาการคานวณ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สงั คมศกึ ษา ศาสนา ๘๐ ๔๐ ๔๐ 40 40 ๑๒๐ และวฒั นธรรม ๔๐ ๔๐ ประวัติศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ศาสนาศีลธรรม จริยธรรม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ หน้าทพี่ ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนินชวี ิตในสงั คม ๔0 ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ เศรษฐศาสตร์ 40 ๘๐ ภมู ศิ าสตร์ 40 40 40 ๘๐ ๘๐ 4๐ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 120 ๘๐ ศลิ ปะ 840 40 40 ๘๐ ๘๐ ๘๔๐ การงานอาชีพ ภาษาตา่ งประเทศ ๔๐ ๔๐ 40 4๐ รวมเวลาเรียน (พนื้ ฐาน) 120 120 ๘๐ ๘๐ 840 840 ๘๔๐ ๘๔๐ รายวชิ า/กจิ กรรม ภาษาไทย 40 ภาษาไทย 40 ท่ีสถานศึกษาจดั เพิม่ เตมิ องั กฤษ 80 ภาษาองั กฤษ 40 ตามความพรอ้ มและจุดเนน้ คณิตศาสตร์ 40 วทิ ยาศาสตร์ ๔๐ การปอ้ งกนั การทจุ รติ ๔๐ การป้องกนั การทุจริต ๔๐ กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น หนา้ ที่พลเมือง ๔๐ หน้าทพ่ี ลเมือง 40 กจิ กรรมแนะแนว ( ลดเวลาเรยี นเพม่ิ เวลารู้ ๔๐) กิจกรรมนกั เรยี น ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ - ลกู เสือ เนตรนารี - ชมุ นุม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ 1,200 ชั่วโมง กิจกรรมเพ่ือสังคม 1,200 ชั่วโมง และสาธารณประโยชน์ รวมเวลากจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน รวมเวลาทง้ั หมด หมายเหตุ ๑.รายวิชาเพิ่มเตมิ ไม่นอ้ ยกว่า 40 ชั่วโมง/ปี ๒. ลดเวลาเรยี นเพ่มิ เวลารู้ ๔๐
๑๐ โครงสร้างเวลาเรยี นระดับมธั ยมศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรียนร/ู้ กจิ กรรม เวลาเรียน ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ม.๑ ม.๓ ม.๒ ๑๒๐ (๓ นก.) กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ๑๒๐ (๓ นก.) ๑6๐ (4 นก.) ภาษาไทย ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๖๐ (๔ นก.) คณติ ศาสตร์ ๑6๐ (4 นก.) ๑6๐ (4 นก.) ๔๐ (๑ นก.) วิทยาศาสตร์ ๑๖๐ (๔ นก.) ๑๖๐ (๔ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) ประวตั ศิ าสตร์ ศาสนาศลี ธรรม จรยิ ธรรม เศรษฐศาสตร์ ภมู ิศาสตร์ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๘๐ (๒ นก.) ๘๐ (๒ นก.) ๘๐ (๒ นก.) ศิลปะ ๘๐ (๒ นก.) ๘๐ (๒ นก.) ๘๐ (๒ นก.) การงานอาชพี และเทคโนโลยี 4๐ (1 นก.) 4๐ (1 นก.) 4๐ (1 นก.) ภาษาตา่ งประเทศ ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) รวมเวลาเรยี น (พืน้ ฐาน) ๘๘๐ (๒๒ นก) ๘๘๐ (๒๒ นก) ๘๘๐ (๒๒ นก) รายวชิ าเพิม่ เตมิ ปีละไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ชวั่ โมง กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน กจิ กรรมแนะแนว ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กจิ กรรมนกั เรียน - ลูกเสอื เนตรนารี - ชุมนุม กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและ สาธารณประโยชน์ รวมเวลากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ รวมเวลาเรยี นทั้งหมด ไมน่ อ้ ยกว่า ๑,๒๐๐ ชว่ั โมง โครงสรา้ งหลักสตู รชนั้ ปี เป็นโครงสร้างที่แสดงรายละเอียดเวลาเรียนของรายวิชาพ้ืนฐาน รายวิชา/กิจกรรม เพม่ิ เติม และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนจาแนกแตล่ ะช้นั ปี
๑๑ โครงสร้างหลักสตู รสถานศึกษา ระดบั ช้ันประถมศกึ ษา โรงเรยี นบ้านเกษตรสมบูรณ์ สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาบุรรี มั ย์ เขต 2 ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรียน(ชม./ปี) (ชม./สปั ดาห์) รายวิชาพื้นฐาน ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๒00 5 ค๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๕ ว๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 2 ส๑๑๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ๔๐ ๑ ส๑๑๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๑๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา 80 2 ศ๑๑๑๐๑ ศิลปะ ๔0 ๑ ง๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ ๔0 1 อ๑๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ 120 3 8๔0 2๑ รายวิชาเพม่ิ เติม อ11201 ภาษาองั กฤษเพิ่มเติม ๘0 ๒ ง11201 คณติ ศาสตร์ 40 1 ท11201 ภาษาไทย เขยี น อ่าน 40 1 ส๑๑๒๐๑ การป้องกันการทุจรติ 40 1 ส11231 หน้าทีพ่ ลเมือง 1 ๔๐ ๑ 2๔0 ๖ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ( ๑๒๐ )ชม./ปี ๏ กจิ กรรมแนะแนว 4๐ ๑ ๏ กจิ กรรมนกั เรียน (๘๐) (๒) - ลกู เสือ/เนตรนารี ๔๐ ๑ - ชมรม/ชุมนมุ ๔๐ ๑ 120 3 รวมเวลาเรยี นทัง้ สน้ิ ตามโครงสร้างหลกั สูตร 1,200 ชัว่ โมง 30 หมายเหตุ 1. จัดรายวชิ าเพม่ิ เติมไม่นอ้ ยกวา่ ๔๐ ชว่ั โมง/ปี 2. วิชาภาษาองั กฤษ จัดการเรียนการสอนเปน็ รายวิชาพน้ื ฐาน ๑๒๐ช่วั โมง/ปี และจัดเป็นรายวิชาเพ่มิ เติม ๘๐ ชวั่ โมง/ปี * จัดบูรณาการเรยี นรรู้ ่วมกนั ตามความสอดคล้องของเน้ือหาและการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ท่ีมา: อ้างองิ จากคู่มอื บรหิ ารจดั การเวลาเรยี น ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”หน้าท่ี ๗-๑๒ ของสานกั วิชาการและ มาตรฐานการศกึ ษาสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ทีม่ า: อา้ งองิ จากประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการบรหิ ารจดั การเวลาเรียนภาษาอังกฤษชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑-๓ ลงวันที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙
๑๒ โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศกึ ษา ระดับชัน้ ประถมศึกษา โรงเรยี นบ้านเกษตรสมบูรณ์ สานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2 รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรยี น(ชม./ป)ี (ชม./สปั ดาห)์ รายวิชาพน้ื ฐาน ท๑2๑๐๑ ภาษาไทย ๒00 5 ค๑2๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๕ ว๑2๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 2 ส๑2๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ๔๐ ๑ ส๑2๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ ๑ พ๑2๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา 80 2 ศ๑2๑๐๑ ศิลปะ ๔0 ๑ ง๑2๑๐๑ การงานอาชพี ๔0 1 อ๑2๑๐๑ ภาษาอังกฤษ 120 3 8๔0 2๑ รายวิชาเพิ่มเติม อ12201 ภาษาอังกฤษเพ่มิ เติม 80 2 ค12201 คณติ ศาสตร์ 40 1 ท12201 ภาษาไทย เขยี น อา่ น 40 1 ส๑๒๒๐๑ การป้องกนั การทุจรติ 40 1 ส12232 หนา้ ท่พี ลเมอื ง 2 40 1 2๔0 ๖ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ( ๑๒๐ )ชม./ปี ๏ กจิ กรรมแนะแนว 4๐ ๑ ๏ กจิ กรรมนักเรยี น (๘๐) (๒) - ลกู เสือ/เนตรนารี ๔๐ ๑ - ชมรม/ชุมนมุ ๔๐ ๑ 120 3 รวมเวลาเรยี นทั้งสน้ิ ตามโครงสรา้ งหลักสูตร 1,200 ชวั่ โมง 30 หมายเหตุ 1. จดั รายวิชาเพมิ่ เตมิ ไมน่ ้อยกว่า ๔๐ ชั่วโมง/ปี 2. วชิ าภาษาองั กฤษ จัดการเรยี นการสอนเปน็ รายวิชาพื้นฐาน ๑๒๐ชว่ั โมง/ปี และจัดเป็นรายวชิ า เพิ่มเติม ๘๐ชวั่ โมง/ปี * จัดบูรณาการเรยี นรู้ร่วมกันตามความสอดคล้องของเน้ือหาและการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ทม่ี า: อ้างอิงจากคมู่ ือบรหิ ารจัดการเวลาเรยี น ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”หน้าท่ี ๗-๑๒ ของสานัก วิชาการและมาตรฐานการศึกษาสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ทมี่ า: อา้ งอิงจากประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอื่ งการบริหารจดั การเวลาเรียนภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษา ปที ี่ ๑-๓ ลงวนั ที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙
๑๓ โครงสร้างหลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดับชัน้ ประถมศกึ ษา โรงเรียนบา้ นเกษตรสมบรู ณ์ สานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน(ชม./ปี) (ชม./สปั ดาห์) รายวชิ าพน้ื ฐาน ท๑3๑๐๑ ภาษาไทย ๒00 5 ค๑3๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๕ ว๑3๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 2 ส๑3๑๐๑ สังคมศึกษา 4๐ 1 ส๑3๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ ๑ พ๑3๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 80 2 ศ๑3๑๐๑ ศลิ ปะ ๔0 ๑ ง๑3๑๐๑ การงานอาชพี ๔0 1 อ๑3๑๐๑ ภาษาองั กฤษ 120 3 8๔0 2๑ รายวิชาเพิ่มเติม อ13201 ภาษาอังกฤษ 80 2 ค13201 คณิตศาสตร์ 40 1 ท13201 ภาษาไทย เขยี น อ่าน 40 1 ส๑๓๒๐๑ การป้องกันการทจุ ริต 40 1 ส13233 หนา้ ทพี่ ลเมือง 3 40 1 2๔0 ๖ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ( ๑๒๐ )ชม./ปี ๏ กจิ กรรมแนะแนว 4๐ ๑ ๏ กิจกรรมนักเรียน (๘๐) (๒) - ลกู เสอื /เนตรนารี ๔๐ ๑ - ชมรม/ชุมนุม ๔๐ ๑ 120 3 รวมเวลาเรยี นทง้ั สิ้นตามโครงสรา้ งหลักสูตร 1,200 ช่วั โมง 30 หมายเหตุ 1. จดั รายวิชาเพิม่ เติมไม่น้อยกว่า ๔๐ ช่วั โมง/ปี 2. วชิ าภาษาอังกฤษ จัดการเรียนการสอนเป็นรายวิชาพน้ื ฐาน ๑๒๐ช่ัวโมง/ปี และจัดเป็นรายวิชา เพิ่มเติม ๘๐ช่วั โมง/ปี * จัดบรู ณาการเรยี นรรู้ ว่ มกันตามความสอดคล้องของเน้ือหาและการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ท่มี า: อ้างองิ จากค่มู ือบรหิ ารจัดการเวลาเรียน ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้”หนา้ ท่ี ๗-๑๒ ของสานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษาสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ทม่ี า: อ้างองิ จากประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรื่องการบริหารจดั การเวลาเรยี นภาษาองั กฤษชน้ั ประถมศึกษา ปที ี่ ๑-๓ ลงวนั ที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙
๑๔ โครงสร้างหลักสตู รสถานศกึ ษา ระดบั ช้ันประถมศกึ ษา โรงเรยี นบา้ นเกษตรสมบูรณ์ สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาบุรรี ัมย์ เขต 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน(ชม./ป)ี ชม./สัปดาห)์ รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย 160 4 ท๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑๖๐ ๔ ค๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120 3 ว๑๔๑๐๑ สังคมศึกษา ๘๐ ๒ ส๑๔๑๐๑ ประวตั ิศาสตร์ ๔๐ ๑ ส๑๔๑๐๒ สุขศึกษา 4๐ 1 พ๑๔๑๐๑ พลศกึ ษา 4๐ 1 พ๑๔๑๐๒ ศลิ ปะ ๘๐ ๒ ศ๑๔๑๐๑ การงานอาชพี 40 1 ง๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ 80 2 อ๑๔๑๐๑ 8๔0 2๑ ภาษาไทย ( ไม่นอ้ ยกว่า4๐ )ชม./ปี รายวิชาเพ่มิ เติม คณติ ศาสตร์ 40 1 ท14201 วทิ ยาศาสตร์ 40 1 ค14201 ภาษาอังกฤษ 40 1 ว14201 40 1 อ14201 ส๑๔๒๐๑ การป้องกันการทจุ ริต 40 1 ส14234 หนา้ ท่พี ลเมือง 4 ๔๐ ๑ 2๔0 ๖ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ( 1๒๐ )ชม./ปี 4๐ ๑ ๏ กจิ กรรมแนะแนว (๘๐) (๒) ๔๐ ๑ ๏ กจิ กรรมนักเรยี น ๔๐ ๑ - ลกู เสือ/เนตรนารี 120 3 - ชมรม/ชุมนมุ 30 1,200ชม./ปี รวมเวลาเรียนทง้ั ส้ินตามโครงสรา้ งหลักสูตร * จัดบรู ณาการเรยี นรรู้ ว่ มกันตามความสอดคล้องของเน้ือหาและการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ทีม่ า: อ้างอิงจากคูม่ ือบรหิ ารจัดการเวลาเรียน ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้”หน้าท่ี ๗-๑๒ ของสานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษาสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ท่มี า: อา้ งอิงจากประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอื่ งการบริหารจัดการเวลาเรียนภาษาอังกฤษชน้ั ประถมศึกษา ปีที่ ๑-๓ ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙
๑๕ โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษา ระดับชนั้ ประถมศกึ ษา โรงเรยี นบา้ นเกษตรสมบูรณ์ สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบรุ ีรมั ย์ เขต 2 ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 5 รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรยี น(ชม./ปี) ชม./สัปดาห)์ รายวิชาพ้ืนฐาน ท๑5๑๐๑ ภาษาไทย 160 4 ค๑5๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑๖๐ ๔ ว๑5๑๐๑ วิทยาศาสตร์ 120 3 ส๑5๑๐๑ สังคมศึกษา ๘๐ ๒ ส๑5๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๔๐ ๑ พ๑5๑๐๑ สุขศกึ ษา 4๐ 1 พ๑5๑๐๒ พลศกึ ษา 4๐ 1 ศ๑5๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ ๒ ง๑5๑๐๑ การงานอาชีพ 40 1 อ๑5๑๐๑ ภาษาองั กฤษ 80 2 8๔0 2๑ รายวิชาเพิม่ เติม ( ไม่น้อยกว่า4๐ )ชม./ปี ท15201 ภาษาไทย 40 1 ค15201 คณิตศาสตร์ 40 1 ว15201 วิทยาศาสตร์ 40 1 อ15201 ภาษาอังกฤษ 40 1 ส๑๕๒๐๑ การป้องกนั การทจุ ริต 40 1 ส15235 หนา้ ทพี่ ลเมือง 5 ๔๐ ๑ 2๔0 ๖ กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ( 1๒๐ )ชม./ปี 4๐ ๑ ๏ กจิ กรรมแนะแนว (๘๐) (๒) ๔๐ ๑ ๏ กิจกรรมนักเรียน ๔๐ ๑ - ลูกเสอื /เนตรนารี 120 3 - ชมรม/ชมุ นมุ 30 1,200ชม./ปี รวมเวลาเรียนท้ังส้นิ ตามโครงสรา้ งหลกั สูตร * จดั บูรณาการเรียนรรู้ ่วมกนั ตามความสอดคล้องของเน้ือหาและการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีมา: อา้ งองิ จากคู่มือบริหารจัดการเวลาเรยี น ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”หนา้ ท่ี ๗-๑๒ ของสานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษาสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน ที่มา: อ้างองิ จากประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เร่ืองการบริหารจัดการเวลาเรยี นภาษาองั กฤษชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๑-๓ ลงวนั ท่ี ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙
๑๖ โครงสร้างหลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดบั ช้ันประถมศึกษา โรงเรียนบา้ นเกษตรสมบูรณ์ สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาบุรีรัมย์ เขต 2 ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรยี น(ชม./ปี) ชม./สปั ดาห)์ รายวิชาพ้ืนฐาน ท๑6๑๐๑ ภาษาไทย 160 4 ค๑6๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑๖๐ ๔ ว๑6๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120 3 ส๑6๑๐๑ สังคมศึกษา ๘๐ ๒ ส๑6๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ ๑ พ๑6๑๐๑ สุขศึกษา 4๐ 1 พ๑6๑๐๒ พลศึกษา 4๐ 1 ศ๑6๑๐๑ ศลิ ปะ ๘๐ ๒ ง๑6๑๐๑ การงานอาชพี 40 1 อ๑6๑๐๑ ภาษาอังกฤษ 80 2 8๔0 2๑ รายวิชาเพมิ่ เติม ( ไม่นอ้ ยกวา่ 4๐ )ชม./ปี ท16201 ภาษาไทย 40 1 ค16201 คณติ ศาสตร์ 40 1 ว16201 วทิ ยาศาสตร์ 40 1 อ16201 ภาษาองั กฤษ 40 1 ส๑๖๒๐๑ การป้องกันการทุจริต 40 1 ส16236 หนา้ ทีพ่ ลเมือง 6 ๔๐ ๑ 2๔0 ๖ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ( 1๒๐ )ชม./ปี 4๐ ๑ ๏ กิจกรรมแนะแนว (๘๐) (๒) ๔๐ ๑ ๏ กจิ กรรมนักเรยี น ๔๐ ๑ - ลูกเสือ/เนตรนารี 120 3 - ชมรม/ชุมนุม 30 1,200ชม./ปี รวมเวลาเรียนทง้ั ส้นิ ตามโครงสรา้ งหลักสตู ร * จดั บรู ณาการเรียนรูร้ ว่ มกันตามความสอดคล้องของเน้ือหาและการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ท่ีมา: อา้ งอิงจากคมู่ ือบรหิ ารจัดการเวลาเรียน ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”หน้าที่ ๗-๑๒ ของสานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษาสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน ท่ีมา: อ้างอิงจากประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอื่ งการบริหารจัดการเวลาเรียนภาษาองั กฤษชน้ั ประถมศึกษา ปที ี่ ๑-๓ ลงวันท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙
๑๗ โครงสร้างหลักสูตรโรงเรียน ระดบั มธั ยมศึกษา โรงเรียนบ้านเกษตรสมบูรณ์ สานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ภาคเรียนที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๒ รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรียน รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรยี น (หนว่ ยกิต/ชม.) (หนว่ ยกิต/ชม.) รายวิชาพ้ืนฐาน ๑๑.5(๔6๐) รายวชิ าพน้ื ฐาน ๑๑.5(๔6๐) ท๒๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๕ (๖๐) ท๒๑๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๕ (๖๐) ค๒๑๑๐๒ คณติ ศาสตร์ ๑.๕ (๖๐) ค๒๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑.๕ (๖๐) ว๒๑๑๐๒ วทิ ยาศาสตร์ 2.0 (8๐) ส๒๑๑๐๓ สังคมศกึ ษา ๑.๕ (๖๐) ว๒๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ 2.0 (8๐) ส๒๑๑๐๔ ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕ (๒๐) พ๒๑๑๐3 สุขศึกษา 0.5 (2๐) ส๒๑๑๐๑ สังคมศกึ ษา ๑.๕ (๖๐) พ21104 พลศึกษา 0.5(20) ศ๒๑๑๐๒ ดนตรี-นาฏศลิ ป์ ๑.๐(๔๐) ส๒๑๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕ (๒๐) ง๒๑๑๐๒ การงาน 0.5(2๐) อ๒๑๑๐๒ ภาษาอังกฤษ 2.๐(80) พ๒๑๑๐๑ สขุ ศึกษา 0.5 (2๐) รายวชิ าเพ่ิมเติม ๒.0 (8๐) พ21102 พลศึกษา 0.5(20) อ21202 อังกฤษ ๐.๕ (๒๐) ท21202 ภาษาไทย ๐.๕ (๒๐) ศ๒๑๑๐๑ ดนตรี-นาฏศลิ ป์ ๑.๐(๔๐) ง21202 คอมพวิ เตอร์ ๐.๕ (๒๐) ส2120๒ การป้องกันการทุจริต 0.5(20) ง๒๑๑๐๑ การงาน 0.5(2๐) ส21232 หนา้ ทีพ่ ลเมือง 2 ๐.๕ (๒๐) อ๒๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ 2.๐(80) กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน ๖๐ กิจกรรมแนะแนว ๒๐ รวมรายวิชาพนื้ ฐาน ลกู เสือ – เนตรนารี 20 กิจกรรมเพ่ือสังคม ฯ ๕ รายวิชาเพิ่มเติม ๒.0 (8๐) กจิ กรรมชมุ นุม 15 600 อ21201 องั กฤษ 0.5(20) รวมเวลาเรยี นภาค ๒ ท21201 ภาษาไทย 0.5(20) ง21201 คอมพิวเตอร์ 0.5(20) ส21201 การป้องกนั การทุจรติ 0.5(20) ส21231 หน้าที่พลเมอื ง 1 0.5(20) กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๖๐ กิจกรรมแนะแนว ๒๐ ลกู เสอื – เนตรนารี 20 กิจกรรมเพอ่ื สงั คม ฯ ๕ กิจกรรมชุมนมุ 15 รวมเวลาเรียนภาค ๑ 600
๑๘ โครงสร้างหลักสตู รสถานศึกษา ระดบั มธั ยมศึกษา โรงเรียนบ้านเกษตรสมบรู ณ์ สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาบรุ รี มั ย์ เขต 2 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรียนที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรียน (หนว่ ยกิต/ (หน่วยกติ /ชม.) ชม.) รายวิชาพนื้ ฐาน ๑๑.5(๔6๐) รายวิชาพนื้ ฐาน ๑๑.5(๔6๐) ท๒2๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๕ (๖๐) ท๒2๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๕ (๖๐) ค๒2๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑.๕ (๖๐) ค๒2๑๐๒ คณิตศาสตร์ ๑.๕ (๖๐) ว๒2๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ 2.0 (8๐) ว๒2๑๐๒ วิทยาศาสตร์ 2.0 (8๐) ส๒2๑๐๑ สังคมศกึ ษา ๑.๕ (๖๐) ส๒2๑๐๓ สังคมศึกษา ๑.๕ (๖๐) ส๒2๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๐.๕ (๒๐) ส๒2๑๐๔ ประวัตศิ าสตร์ ๐.๕ (๒๐) พ๒2๑๐๑ สขุ ศึกษา 0.5 (2๐) พ๒2๑๐3 สุขศกึ ษา 0.5 (2๐) พ22102 พลศกึ ษา 0.5(20) พ22104 พลศกึ ษา 0.5(20) ศ๒2๑๐๑ ดนตรี-นาฏศลิ ป์ ๑(๔๐) ศ๒2๑๐๒ ดนตรี-นาฏศลิ ป์ ๑(๔๐) ง๒2๑๐๑ การงาน 0.5(2๐) ง๒2๑๐๒ การงาน 0.5(2๐) อ๒2๑๐๑ ภาษาองั กฤษ 2(80) อ๒2๑๐๒ ภาษาองั กฤษ 2(80) ๒.0 (8๐) ๒.0 (8๐) รายวิชาเพ่ิมเติม 0.5(20) รายวชิ าเพ่ิมเติม ๐.๕ (๒๐) อ22201 อังกฤษ 0.5(20) อ22202 อังกฤษ ๐.๕ (๒๐) ท22201 ภาษาไทย 0.5(20) ท22202 ภาษาไทย ๐.๕ (๒๐) ง22201 คอมพิวเตอร์ 0.5(20) ง22202 คอมพิวเตอร์ 0.5(20) ส2๒201 การป้องกนั การทุจริต 0.5(20) ส2๒20๒ การป้องกนั การทุจรติ ๐.๕ (๒๐) ส22233 หน้าท่พี ลเมือง 3 ส22233 หน้าที่พลเมือง 4 ๖๐ ๖๐ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๒๐ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน ๒๐ กิจกรรมแนะแนว 20 กจิ กรรมแนะแนว 20 ลูกเสือ – เนตรนารี ๕ ลกู เสอื – เนตรนารี ๕ กจิ กรรมเพอ่ื สังคม ฯ 15 กิจกรรมเพอ่ื สังคม ฯ 15 กิจกรรมชุมนมุ 600 กจิ กรรมชุมนมุ 600 รวมเวลาเรียนภาค ๑ รวมเวลาเรยี นภาค ๒
๑๙ โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดบั มัธยมศกึ ษา โรงเรยี นบา้ นเกษตรสมบูรณ์ สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาบุรรี มั ย์ เขต 2 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรียนท่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรยี น รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรยี น (หน่วยกติ / (หน่วยกติ /ชม.) ชม.) รายวชิ าพ้นื ฐาน ๑๑.5(๔6๐) รายวิชาพืน้ ฐาน ๑๑.5(๔6๐) ท๒3๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๕ (๖๐) ท๒3๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๕ (๖๐) ค๒3๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑.๕ (๖๐) ค๒3๑๐๒ คณิตศาสตร์ ๑.๕ (๖๐) ว๒3๑๐๑ วิทยาศาสตร์ 2.0 (8๐) ว๒3๑๐๒ วิทยาศาสตร์ 2.0 (8๐) ส๒3๑๐๑ สังคมศึกษา ๑.๕ (๖๐) ส๒3๑๐๓ สังคมศกึ ษา ๑.๕ (๖๐) ส๒3๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕ (๒๐) ส๒3๑๐๔ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕ (๒๐) พ๒3๑๐๑ สขุ ศึกษา 0.5 (2๐) พ๒3๑๐3 สุขศกึ ษา ๑ (๔๐) พ23102 พลศึกษา 0.5(20 พ23104 พลศกึ ษา 0.5(20 ศ๒3๑๐๑ ดนตรี-นาฏศิลป์ ๑(๔๐) ศ๒3๑๐๒ ดนตรี-นาฏศิลป์ ๑(๔๐) ง๒3๑๐๑ การงาน 0.5(2๐) ง๒3๑๐๒ การงาน 0.5(2๐) อ๒3๑๐๑ ภาษาองั กฤษ 2(80) อ๒3๑๐๒ ภาษาอังกฤษ 2 (8๐) ๒.0 (8๐) ๒.0 (8๐) รายวชิ าเพมิ่ เติม 0.5(20) รายวชิ าเพม่ิ เติม ๐.๕ (๒๐) อ23201 องั กฤษ 0.5(20) อ23202 องั กฤษ ๐.๕ (๒๐) ท23201 ภาษาไทย 0.5(20) ท23202 ภาษาไทย ๐.๕ (๒๐) ง23201 คอมพิวเตอร์ 0.5(20) ง23202 คอมพวิ เตอร์ 0.5(20) ส2๓201 การปอ้ งกนั การทุจริต 0.5(20) ส2๓20๒ การป้องกนั การทุจริต ๐.๕ (๒๐) ส23235 หนา้ ท่ีพลเมือง 3 ส23236 หนา้ ที่พลเมือง 6 ๖๐ ๖๐ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ๒๐ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๒๐ กจิ กรรมแนะแนว 20 กจิ กรรมแนะแนว 20 ลูกเสือ – เนตรนารี ๕ ลูกเสอื – เนตรนารี ๕ กิจกรรมเพือ่ สังคม ฯ 15 กจิ กรรมเพื่อสงั คม ฯ 15 กจิ กรรมชมุ นุม 600 กจิ กรรมชุมนมุ 600 รวมเวลาเรียนภาค ๑ รวมเวลาเรยี นภาค ๒
๒๐ การกาหนดโครงสร้างเวลาเรียนพ้ืนฐาน และเพ่ิมเติม สถานศึกษาสามารถดาเนินการ ดงั นี้ ระดับประถมศึกษา สามารถปรับเวลาเรียนพ้ืนฐานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้ตามความ เหมาะสม ทั้งน้ี ต้องมีเวลาเรียนรวมตามท่ีกาหนดไว้ในโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐาน และผู้เรียนต้องมีคุณภาพ ตามมาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชวี้ ดั ทกี่ าหนด ระดบั มธั ยมศกึ ษา ต้องจัดโครงสรา้ งเวลาเรียนพ้ืนฐานใหเ้ ป็นไปตามที่กาหนดและสอดคล้องกับเกณฑ์ การจบหลกั สตู ร สาหรับเวลาเรียนเพ่ิมเติม ท้ังในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ให้จัดเป็นรายวิชาเพิ่มเติม หรือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับความพร้อม จุดเน้นของสถานศึกษาและเกณฑ์การจบ หลักสูตร เฉพาะระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑-๓ สถานศึกษาอาจจัดให้เป็นเวลาสาหรับสาระการเรียนรู้ พน้ื ฐานในกลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทยและกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนทีก่ าหนดไวใ้ นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถงึ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ ปีละ ๑๒๐ ชั่วโมง เป็นเวลาสาหรับปฏิบัติกิจกรรมแนะแนวกิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ใน ส่วนกจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชนใ์ ห้สถานศึกษาจดั สรรเวลาให้ผู้เรียนได้ปฏิบัตกิ จิ กรรม ดงั น้ี ระดบั ประถมศึกษา (ป.๑-๖) รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชัว่ โมง ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น (ม.๑-๓) รวม ๓ ปี จานวน ๔๕ ช่วั โมง การจดั การศกึ ษาสาหรับกลมุ่ เป้าหมายเฉพาะ การจัดการศึกษาบางประเภทสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษา สาหรับผู้มีความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสาหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย สามารถนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐานไปปรับใชไ้ ดต้ ามความเหมาะสม กับสภาพและบริบทของแต่ ละกลุ่มเป้าหมาย โดยให้มีคุณภาพตามมาตรฐานท่ีกาหนด ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ กระทรวงศกึ ษาธิการกาหนด การจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน เป็นหลักสูตรท่ีมีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็นเปา้ หมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน ในก าร พัฒน าผู้ เรีย นใ ห้มีคุ ณส มบัติ ต า มเป้ าห มาย หลั กสูต ร ผู้ส อน พยา ยา มคัด สร ร กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กาหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการ เรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็นสมรรถนะสาคัญให้ ผเู้ รียนบรรลุตามเป้าหมาย ๑. หลกั การจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยยึดหลักว่า ผ้เู รยี นมีความสาคัญทสี่ ุด เช่อื ว่าทกุ คนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานึงถึง ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลและพฒั นาการทางสมอง เน้นใหค้ วามสาคญั ทัง้ ความรู้ และคณุ ธรรม
๒๑ ๒. กระบวนการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็นเครื่องมือที่จะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จาเป็นสาหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทาจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพฒั นาลักษณะนิสัย กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะ จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังน้ัน ผู้สอนจึงจาเป็นต้องศึกษา ทาความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่ือให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ ๓. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ผู้สอนตอ้ งศกึ ษาหลักสตู รสถานศึกษาให้เขา้ ใจถงึ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสาคัญ ของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบ การจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ ผ้เู รยี นไดพ้ ฒั นาเต็มตามศกั ยภาพและบรรลตุ ามเป้าหมายที่กาหนด ๔. บทบาทของผู้สอนและผู้เรยี น การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียนควรมี บทบาท ดงั น้ี ๔.๑ บทบาทของผสู้ อน ๑) ศึกษาวิเคราะห์ผ้เู รยี นเป็นรายบุคคล แล้วนาขอ้ มูลมาใช้ในการวางแผน การจดั การเรียนรู้ ทท่ี า้ ทายความสามารถของผ้เู รยี น ๒) กาหนดเปา้ หมายที่ต้องการใหเ้ กดิ ขึน้ กบั ผู้เรยี น ด้านความรแู้ ละทักษะกระบวนการ ท่ีเป็นความคิดรวบยอด หลกั การ และความสัมพนั ธ์ รวมทงั้ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล และพัฒนาการทางสมอง เพ่อื นาผู้เรียนไปสเู่ ป้าหมาย ๔) จัดบรรยากาศท่ีเออ้ื ตอ่ การเรียนรู้ และดแู ลช่วยเหลือผู้เรียนให้เกิดการเรยี นรู้ ๕) จดั เตรยี มและเลือกใช้สอ่ื ให้เหมาะสมกบั กจิ กรรม นาภูมิปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยี ท่ีเหมาะสมมาประยุกตใ์ ช้ในการจดั การเรียนการสอน ๖) ประเมนิ ความกา้ วหน้าของผู้เรียนดว้ ยวิธีการท่ีหลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติ ของวชิ าและระดับพฒั นาการของผูเ้ รยี น ๗) วิเคราะหผ์ ลการประเมินมาใชใ้ นการซอ่ มเสริมและพฒั นาผู้เรียน รวมทัง้ ปรบั ปรุง การจดั การเรยี นการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผูเ้ รียน ๑) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผดิ ชอบการเรียนรู้ของตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถงึ แหลง่ การเรียนรู้ วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ ความรู้
๒๒ ต้งั คาถาม คิดหาคาตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ัญหาดว้ ยวธิ ีการตา่ ง ๆ ๒) ลงมือปฏบิ ตั ิจริง สรุปสิ่งท่ีได้เรยี นร้ดู ้วยตนเอง และนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในสถานการณต์ า่ ง ๆ ๓) มีปฏสิ ัมพันธ์ ทางาน ทากิจกรรมรว่ มกับกลมุ่ และครู ๔) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรียนรขู้ องตนเองอย่างต่อเนื่อง สือ่ การเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้ มีหลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ ส่ือเทคโนโลยี และเครือข่ายการเรียนรู้ต่างๆ ท่ีมี ในท้องถ่ิน การเลือกใช้สื่อควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย ของผเู้ รยี น การจดั หาสอ่ื การเรยี นรู้ ผเู้ รียนและผูส้ อนสามารถจัดทาและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่าง มคี ณุ ภาพจากสือ่ ต่างๆ ที่มอี ยรู่ อบตวั เพ่อื นามาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและส่ือสารให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพ่ือพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ อย่างแท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องและผู้มีหน้าท่ีจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรดาเนนิ การดงั น้ี ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์ส่ือการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพท้ังในสถานศึกษาและในชุมชน เพ่ือการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปล่ียน ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ระหวา่ งสถานศกึ ษา ทอ้ งถ่ิน ชุมชน สังคมโลก ๒. จดั ทาและจดั หาสือ่ การเรียนร้สู าหรบั การศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้ง จดั หาสงิ่ ทม่ี อี ยู่ในทอ้ งถนิ่ มาประยุกต์ใชเ้ ป็นสือ่ การเรียนรู้ ๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการเรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหว่างบคุ คลของผูเ้ รยี น ๔. ประเมินคุณภาพของสอ่ื การเรยี นรทู้ ีเ่ ลือกใช้อย่างเปน็ ระบบ ๕. ศกึ ษาค้นคว้า วิจัย เพ่อื พัฒนาสื่อการเรยี นรู้ใหส้ อดคลอ้ งกับกระบวนการเรยี นร้ขู องผเู้ รียน ๖. จัดให้มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเก่ียวกับสื่อและการใช้ส่ือ การเรียนร้เู ป็นระยะๆ และสม่าเสมอ ในการจัดทา การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคานึงถึงหลักการสาคัญของส่ือการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนาเสนอที่เข้าใจง่าย และนา่ สนใจ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ก า ร วั ด แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก า ร เ รี ย น รู้ ข อ ง ผู้ เ รี ย น ต้ อ ง อ ยู่ บ น ห ลั ก ก า ร พื้ น ฐ า น ส อ ง ป ร ะ ก า ร คื อ การประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสาเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการ
๒๓ เรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและ ประเมินผลการเรยี นรใู้ นทกุ ระดับไมว่ ่าจะเป็นระดบั ชนั้ เรยี น ระดับสถานศกึ ษา ระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และ ระดบั ชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็น ข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจน ข้อมลู ทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ การสง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การพัฒนาและเรยี นรู้อยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดบั เขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา และระดับชาติ มรี ายละเอียด ดงั น้ี ๑. การประเมนิ ระดบั ช้นั เรียน เป็นการวดั และประเมินผลท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน ดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพ่ือน ประเมนิ เพื่อน ผูป้ กครองรว่ มประเมนิ ในกรณที ่ไี มผ่ ่านตัวชีว้ ัดให้มีการสอนซ่อมเสรมิ การประเมินระดับช้ันเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าใน การเรียนรู้ อนั เปน็ ผลมาจากการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนหรอื ไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับ ก า ร พั ฒ น า ป รั บ ป รุ ง แ ล ะ ส่ ง เ ส ริ ม ใ น ด้ า น ใ ด น อ ก จ า ก น้ี ยั ง เ ป็ น ข้ อ มู ล ใ ห้ ผู้ ส อ น ใ ช้ ป รั บ ป รุ ง การเรียนการสอนของตนด้วย ทัง้ นีโ้ ดยสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั ๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดาเนินการเพ่ือตัดสินผลการเรียน ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพ่ือให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนาผลการเรียนของ ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ สารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการ จัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ผู้ปกครองและชมุ ชน ๓. การประเมินระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนที่ การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดยประเมิน คุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานท่ีจัดทาและดาเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วย ความร่วมมือกับหนว่ ยงานตน้ สงั กัด ในการดาเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูล จากการประเมนิ ระดับสถานศกึ ษาในเขตพื้นท่ีการศึกษา ๔. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐาน การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียน ในช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เข้ารับ การประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนาไปใช้ ในการวางแผนยกระดับคณุ ภาพการจดั การศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจในระดับนโยบาย ของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน พฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุง
๒๔ แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพ้ืนฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ี จาแนกตามสภาพปญั หาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนท่ัวไป กลุ่มผู้เรียนท่ีมีความสามารถพิเศษ กลุ่ม ผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธ โรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูล จากการประเมินจึงเปน็ หวั ใจของสถานศึกษาในการดาเนินการช่วยเหลอื ผู้เรยี นไดท้ นั ทว่ งที ปิดโอกาสให้ผู้เรียน ไดร้ บั การพัฒนาและประสบความสาเรจ็ ในการเรียน สถานศึกษาในฐานะผ้รู ับผดิ ชอบจดั การศึกษา จะตอ้ งจดั ทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการ เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกาหนดของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน เพื่อใหบ้ คุ ลากรท่เี กี่ยวข้องทกุ ฝ่ายถือปฏบิ ตั ริ ว่ มกัน เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรยี น ๑. การตัดสนิ การให้ระดบั และการรายงานผลการเรียน ๑.๑ การตัดสนิ ผลการเรยี น ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนน้ัน ผู้สอนต้องคานึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคนเป็น หลัก และต้องเก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ืองในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริม ผเู้ รยี นให้พัฒนาจนเตม็ ตามศกั ยภาพ ระดบั ประถมศกึ ษา (๑) ผ้เู รยี นต้องมีเวลาเรยี นไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้งั หมด (๒) ผู้เรียนต้องได้รบั การประเมนิ ทุกตวั ชีว้ ัด และผา่ นตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษา กาหนด (๓) ผู้เรียนตอ้ งได้รับการตัดสนิ ผลการเรยี นทุกรายวิชา (๔) ผเู้ รยี นต้องไดร้ ับการประเมิน และมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ที่ สถานศกึ ษากาหนด ในการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ระดับมธั ยมศึกษา (๑) ตดั สนิ ผลการเรียนเปน็ รายวิชา ผู้เรยี นตอ้ งมีเวลาเรียนตลอดภาคเรยี นไมน่ อ้ ย กว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทัง้ หมดในรายวิชาน้ัน ๆ (๒) ผเู้ รียนต้องไดร้ ับการประเมินทกุ ตวั ชี้วัด และผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด (๓) ผู้เรยี นตอ้ งได้รับการตดั สนิ ผลการเรียนทุกรายวิชา (๔) ผู้เรียนตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ และมผี ลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษา กาหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น การพจิ ารณาเลือ่ นช้นั ท้ังระดบั ประถมศกึ ษาและมัธยมศึกษา ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศกึ ษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของสถานศึกษาที่จะผ่อน ผันให้เล่ือนชั้นได้ แต่หากผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาจานวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนใน ระดับชั้นที่สูงขึ้น สถานศึกษาอาจต้ังคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้าชั้นได้ ท้ังน้ีให้คานึงถึงวุฒิภาวะ และความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็นสาคญั
๒๕ ๑.๒ การให้ระดับผลการเรยี น ระดับประถมศึกษา ในการตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษา สามารถให้ระดับผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบรอ้ ยละ และระบบที่ใชค้ าสาคญั สะท้อนมาตรฐาน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ระดับผล การประเมินเปน็ ดีเยย่ี ม ดี และผา่ น การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ กิจกรรมและผลงานของผูเ้ รียน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด และให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน และไม่ ผ่าน ระดับมธั ยมศกึ ษา ในการตัดสนิ เพ่อื ให้ระดบั ผลการเรยี นรายวชิ า ให้ใช้ตัวเลขแสดงระดับผล การเรยี นเปน็ ๘ ระดบั การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ระดับผล การประเมนิ เป็น ดเี ย่ยี ม ดี และผ่าน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ กิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน และไม่ ผา่ น ๑.๓ การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรยี นเป็นการสื่อสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ ของผู้เรียน ซ่ึงสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะ ๆ หรืออย่างน้อยภาคเรยี นละ ๑ ครงั้ การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนท่ีสะท้อน มาตรฐานการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๒. เกณฑ์การจบการศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน กาหนดเกณฑ์กลางสาหรับการจบการศึกษาเป็น ๓ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น และระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๒.๑ เกณฑ์การจบระดบั ประถมศกึ ษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพ่ิมเติมตามโครงสร้างเวลาเรียน ทีห่ ลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐานกาหนด (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ีสถานศึกษา กาหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมินตามทีส่ ถานศึกษากาหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากาหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศกึ ษากาหนด
๒๖ ๒.๒ เกณฑ์การจบระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ (๑) ผเู้ รียนเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานและเพม่ิ เติมไม่เกิน ๘๑ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน ๖6 หน่วยกิต และรายวิชาเพม่ิ เติมตามทสี่ ถานศึกษากาหนด (๒) ผู้เรยี นต้องได้หน่วยกติ ตลอดหลักสตู รไม่น้อยกว่า ๗๗ หนว่ ยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๖๖ หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพิม่ เตมิ ไม่น้อยกวา่ ๑๑ หนว่ ยกิต (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่าน เกณฑ์ การประเมินตามที่สถานศึกษากาหนด (๔) ผเู้ รยี นมผี ลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากาหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศกึ ษากาหนด สาหรับการจบการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสาหรับผู้มี ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสาหรับผู้ด้อยโอกาส การศึ กษาตามอัธยาศัยให้ คณะกรรมการของสถานศึกษา เขตพ้ืนท่ีการศึกษา และผู้ท่ีเก่ียวข้อง ดาเนินการวัดและประเมินผล การเรียนรตู้ ามหลักเกณฑใ์ นแนวปฏิบตั ิการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐานสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เอกสารหลักฐานการศกึ ษา เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสาคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกับพัฒนาการของผเู้ รียนในด้านตา่ ง ๆ แบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท ดังน้ี ๑. เอกสารหลักฐานการศึกษาทก่ี ระทรวงศึกษาธิการกาหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียน ของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออก เอกสารน้ีให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖) จบ การศึกษาภาคบังคับ(ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓) จบการศึกษาข้ันพื้นฐาน(ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๖) หรือเม่ือลาออก จากสถานศึกษาในทกุ กรณี ๑.๒ ประกาศนียบัตร เป็นเอกสารแสดงวุฒิการศึกษาเพ่ือรับรองศักดิ์และสิทธ์ิของผู้จบ การศึกษา ท่ีสถานศึกษาให้ไว้แก่ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ และผู้จบการศึกษาขั้นพ้ืนฐานตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ๑.๓ แบบรายงานผู้สาเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายช่ือและ ข้อมูลของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖) ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ (ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓) และผ้จู บการศึกษาข้นั พื้นฐาน (ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๖) ๒. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทีส่ ถานศึกษากาหนด เปน็ เอกสารทสี่ ถานศกึ ษาจัดทาข้ึนเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสาคัญ เกี่ยวกับ ผูเ้ รยี น เช่น แบบรายงานประจาตัวนักเรยี น แบบบันทึกผลการเรียนประจารายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรอง ผลการเรยี น และ เอกสารอนื่ ๆ ตามวตั ถุประสงคข์ องการนาเอกสารไปใช้
๒๗ การเทียบโอนผลการเรยี น สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากน้ี ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก แหล่งการเรยี นรูอ้ ่ืนๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัดการศึกษาโดย ครอบครวั การเทียบโอนผลการเรียนควรดาเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ท่ีสถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทั้งน้ี ผู้เรียนท่ีได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่องใน ส ถ า น ศึ ก ษ า ที่ รั บ เ ที ย บ โ อ น อ ย่ า ง น้ อ ย ๑ ภ า ค เ รี ย น โ ด ย ส ถ า น ศึ ก ษ า ท่ี รั บ ผู้ เ รี ย น จ า ก การเทยี บโอนควรกาหนดรายวชิ า/จานวนหนว่ ยกิตท่จี ะรบั เทียบโอนตามความเหมาะสม การพจิ ารณาการเทียบโอน สามารถดาเนินการได้ ดังน้ี ๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอ่ืน ๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถ ของผู้เรียน ๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบด้วยวิธีการต่าง ๆ ท้ังภาคความรู้ และภาคปฏบิ ตั ิ ๓. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏิบตั ิในสภาพจริง การเทยี บโอนผลการเรยี นใหเ้ ป็นไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏิบัติ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร การบรหิ ารจัดการหลักสูตร ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอานาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนา หลักสตู รนนั้ หน่วยงานต่างๆ ทเ่ี ก่ียวข้องในแตล่ ะระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา มบี ทบาทหนา้ ท่ี และความรบั ผดิ ชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้การดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอน ของสถานศกึ ษามีประสทิ ธภิ าพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ ทกี่ าหนดไวใ้ นระดบั ชาติ ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอ่ืน ๆ เป็นหน่วยงานท่ีมี บทบาทในการขบั เคลือ่ นคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางท่ีจะเช่ือมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐานที่กาหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถ่ินเพ่ือนาไปสู่การจัดทา หลักสูตรของสถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้ประสบความสาเร็จ โดยมีภารกิจสาคัญ คือ กาหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในระดับท้องถ่ินโดยพิจารณา ให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพ การศึกษาในระดับทอ้ งถิน่ รวมทงั้ เพิ่มพูนคุณภาพการใชห้ ลักสตู รด้วยการวจิ ัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสรมิ ตดิ ตามผล ประเมินผล วเิ คราะห์ และรายงานผลคณุ ภาพของผ้เู รียน สถานศึกษามีหน้าที่สาคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาการวางแผนและดาเนินการใช้หลักสูตร การเพมิ่ พนู คณุ ภาพการใชห้ ลักสตู รด้วยการวจิ ยั และพัฒนา การปรับปรงุ และพฒั นาหลกั สตู ร จัดทาระเบียบ การวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพ้ืนท่ีการศึกษา หรือหน่วยงานต้นสังกัดอ่ืนๆ ในระดับท้องถิ่นได้ จัดทาเพิ่มเติม รวมท้ัง สถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม
๒๘ ภูมิปัญญาท้องถ่ิน และความต้องการของผู้เรียน โดยทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษา
#๒๙ ๒๙ กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ทาไมตอ้ งเรียนคณติ ศาสตร์ คณิตศาสตร์มีบทบาทสาคญั ยิ่งต่อความสาเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ เน่ืองจากคณิตศาสตร์ช่วย ให้มนุษย์มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือ สถานการณไ์ ด้อยา่ งรอบคอบและถีถ่ ว้ น ชว่ ยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และสามารถนาไปใช้ในชวี ิตจรงิ ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ นอกจากน้ี คณิตศาสตร์ยังเปน็ เครือ่ งมือในการศึกษาด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อ่ืน ๆ อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพ และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์จึงจาเป็นต้องมีการพัฒนา อย่างต่อเนื่อง เพ่ือให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ ทางวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยที ่ีเจริญกา้ วหนา้ อยา่ งรวดเร็วในยคุ โลกาภิวตั น์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ฉบับน้ี จดั ทาข้นึ โดยคานึงถึงการส่งเสริมให้ผู้เรยี นมที กั ษะทจ่ี าเป็นสาหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ เป็นสาคัญ น่ันคือ การเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ การใช้เทคโนโลยี การสื่อสารและการร่วมมือ ซ่ึงจะส่งผลให้ผู้เรียนรู้เท่าทันการเปล่ียนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม สามารถแข่งขันและอยู่ร่วมกับประชาคมโลกได้ ท้ังนี้ การจัดการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ท่ีประสบความสาเร็จน้ัน จะต้องเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ พร้อมท่ีจะ ประกอบอาชีพเม่ือจบการศึกษา หรือสามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงข้ึน ดังนั้นสถานศึกษาควรจัดการเรียนรู้ให้ เหมาะสมตามศักยภาพของผูเ้ รยี น เรยี นรอู้ ะไรในคณติ ศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์จัดเป็น ๔ สาระ ไดแ้ ก่ จานวนและพีชคณิต การวัดและเรขาคณิต สถิติ และความนา่ จะเปน็ แคลคูลสั จานวนและพีชคณิต ระบบจานวนจริง สมบัติเก่ียวกับจานวนจริง อัตราส่วน ร้อยละ การประมาณค่า การแก้ปญั หาเกีย่ วกับจานวน การใช้จานวนในชีวิตจริง แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน เซต ตรรกศาสตร์ นิพจน์ เอกนาม พหุนาม สมการ ระบบสมการ อสมการ กราฟ ดอกเบ้ียและมูลค่าของเงิน เมทริกซ์ จานวนเชงิ ซอ้ น ลาดบั และอนุกรม และการนาความรเู้ กี่ยวกับจานวนและพชี คณิตไปใชใ้ นสถานการณต์ า่ ง ๆ การวัดและเรขาคณิต ความยาว ระยะทาง น้าหนัก พ้ืนที่ ปริมาตรและความจุ เงินและเวลา หน่วยวัดระบบต่าง ๆ การคาดคะเนเกี่ยวกับการวัด อัตราส่วนตรีโกณมิติ รูปเรขาคณิตและสมบัติของ รูปเรขาคณิต การนึกภาพ แบบจาลองทางเรขาคณิต ทฤษฎีบททางเรขาคณิต การแปลงทางเรขาคณิตในเรื่อง
๓๐ การเล่ือนขนาน การสะท้อน การหมุน เรขาคณิตวิเคราะห์ เวกเตอร์ในสามมิติ และการนาความรู้เก่ียวกับ การวดั และเรขาคณิตไปใชใ้ นสถานการณ์ตา่ ง ๆ สถิติและความน่าจะเป็น การตั้งคาถามทางสถิติ การเก็บรวบรวมข้อมูล การคานวณค่าสถิติ การนาเสนอและแปลผลสาหรับข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ หลักการนับเบ้ืองต้น ความน่าจะเป็น การแจกแจงของตวั แปรส่มุ การใช้ความรู้เก่ียวกับสถติ ิและความนา่ จะเปน็ ในการอธิบายเหตุการณต์ า่ ง ๆ และ ช่วยในการตัดสินใจ แคลคูลัส ลิมิตและความต่อเนื่องของฟังก์ชัน อนุพันธ์ของฟังก์ชันพีชคณิต ปริพันธ์ของฟังก์ชันพีชคณิต และการนาความรเู้ กี่ยวกับแคลคูลัสไปใชใ้ นสถานการณ์ตา่ ง ๆ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๑ จานวนและพชี คณติ มาตรฐาน ค. ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่เี กดิ ข้ึนจากการดาเนินการ สมบตั ขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้ มาตรฐาน ค. ๑.๒ เข้าใจและวิเคราะห์แบบรปู ความสัมพันธ์ ฟังกช์ นั ลาดบั และอนุกรม และนาไปใช้ มาตรฐาน ค. ๑.๓ ใช้นพิ จน์ สมการ อสมการ และเมทริกซ์ อธบิ ายความสมั พันธ์หรอื ชว่ ยแกป้ ัญหา ทกี่ าหนดให้ สาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณิต มาตรฐาน ค. ๒.๑ เขา้ ใจพ้นื ฐานเกี่ยวกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาดของสิง่ ทต่ี ้องการวัด และนาไปใช้ มาตรฐาน ค. ๒.๒ เขา้ ใจและวเิ คราะห์รูปเรขาคณิต สมบัตขิ องรูปเรขาคณิต ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรปู เรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณติ และนาไปใช้ มาตรฐาน ค. ๒.๓ เขา้ ใจเรขาคณติ วเิ คราะห์ และนาไปใช้ มาตรฐาน ค. ๒.๔ เข้าใจเวกเตอร์ การดาเนนิ การของเวกเตอร์ และนาไปใช้ (หมายเหตุ : มาตรฐาน ค. ๒.๓ และ มาตรฐาน ค. ๒.๔ สาหรับผู้ที่ต้องการเรียนคณติ ศาสตรเ์ ป็นพืน้ ฐาน ใน การศกึ ษาต่อ) สาระท่ี ๓ สถิติและความนา่ จะเปน็ มาตรฐาน ค. ๓.๑ เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใชค้ วามรทู้ างสถติ ใิ นการแกป้ ญั หา มาตรฐาน ค. ๓.๒ เข้าใจหลกั การนบั เบื้องต้น ความนา่ จะเป็น และนาไปใช้ สาระท่ี ๔ แคลคลู สั มาตรฐาน ค.๔.๑ เข้าใจลมิ ติ และความต่อเนื่องของฟังก์ชัน อนุพนั ธ์ของฟังก์ชนั และปริพันธข์ องฟังกช์ ัน และนาไปใช้ (หมายเหตุ : มาตรฐาน ค.๔.๑ สาหรบั ผู้ท่ตี อ้ งการเรยี นคณติ ศาสตรเ์ ป็นพื้นฐานในการศึกษาตอ่ )
๓๑ ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์เป็นความสามารถท่ีจะนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ ส่ิงต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซ่ึงความรู้ และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะและ กระบวนการทางคณติ ศาสตรใ์ นท่ีนี้ เน้นท่ีทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรท์ ่จี าเป็น และต้องการพัฒนาให้ เกดิ ขน้ึ กบั ผู้เรียน ไดแ้ ก่ความสามารถต่อไปนี้ ๑. การแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการทาความเข้าใจปัญหา คิดวิเคราะห์ วางแผนแก้ปัญหา และเลือกใชว้ ธิ กี ารทเ่ี หมาะสม โดยคานึงถึงความสมเหตุสมผลของคาตอบพร้อมทั้งตรวจสอบความ ถกู ตอ้ ง ๒. การสื่อสารและการส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ เป็นความสามารถในการใช้รูป ภาษา และสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร สื่อความหมาย สรุปผล และนาเสนอได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน ๓. การเชื่อมโยง เป็นความสามารถในการใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ คณิตศาสตรเ์ น้อื หาต่าง ๆ หรอื ศาสตร์อ่นื ๆ และนาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ๔. การให้เหตุผล เปน็ ความสามารถในการให้เหตุผล รบั ฟงั และใหเ้ หตุผลสนับสนนุ หรือโต้แย้ง เพือ่ นาไปส่กู ารสรปุ โดยมีข้อเทจ็ จริงทางคณิตศาสตรร์ องรบั ๕. การคิดสร้างสรรค์ เป็นความสามารถในการขยายแนวคิดท่ีมีอยู่เดิม หรือสร้างแนวคิดใหม่ เพื่อปรับปรุง พัฒนาองค์ความรู้ คณุ ภาพผ้เู รยี น จบช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ - อ่าน เขียนตัวเลข ตัวหนังสือแสดงจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ มีความรู้สึกเชิงจานวน มีทักษะการบวก การลบ การคณู การ หาร และนาไปใช้ในสถานการณต์ ่าง ๆ - มีความรู้สึกเชิงจานวนเก่ียวกับเศษส่วนท่ีไม่เกิน ๑ มีทักษะการบวก การลบ เศษส่วนท่ีตัวส่วน เท่ากัน และนาไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ - คาดคะเนและวัดความยาว น้าหนัก ปริมาตร ความจุ เลือกใช้เคร่ืองมือและหน่วยท่ีเหมาะสม บอก เวลา บอกจานวนเงนิ และนาไปใช้ในสถานการณต์ ่าง ๆ - จาแนกและบอกลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม วงรี ทรงสี่เหล่ียมมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอกและกรวย เขียนรปู หลายเหลยี่ ม วงกลมและวงรีโดยใช้แบบของรูป ระบุรูปเรขาคณิตท่ี มแี กนสมมาตรและจานวนแกนสมมาตร และนาไปใช้ในสถานการณต์ ่าง ๆ - อ่านและเขยี นแผนภูมิรูปภาพ ตารางทางเดยี ว และนาไปใช้ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ
๓๒ จบชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ - อ่าน เขียนตัวเลข ตัวหนังสือแสดงจานวนนับ เศษส่วน ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง อัตราส่วน และ ร้อยละ มีความรู้สึกเชิงจานวน มีทักษะการบวก การลบ การคูณ การหาร ประมาณผลลัพธ์ และ นาไปใช้ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ - อธิบายลักษณะและสมบัติของรูปเรขาคณิต หาความยาวรอบรูปและพ้ืนที่ของรูปเรขาคณิต สร้างรูปสามเหล่ียม รูปสี่เหล่ียมและวงกลม หาปริมาตรและความจุของทรงสี่เหล่ียมมุมฉาก และ นาไปใช้ในสถานการณต์ ่าง ๆ - นาเสนอข้อมูลในรูปแผนภูมิแท่ง ใช้ข้อมูลจากแผนภูมิแท่ง แผนภูมิรูปวงกลม ตารางสองทาง และ กราฟเสน้ ในการอธิบายเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ และตดั สินใจ จบชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ - มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั จานวนจรงิ ความสัมพนั ธ์ของจานวนจรงิ สมบตั ขิ องจานวนจริง และใชค้ วามร้คู วามเขา้ ใจน้ใี นการแก้ปัญหาในชีวิตจรงิ - มีความรูค้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกับอัตราสว่ น สดั สว่ น และร้อยละ และใช้ความรคู้ วามเข้าใจนี้ ในการแกป้ ัญหาในชวี ิตจรงิ - มคี วามรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับเลขยกกาลงั ที่มเี ลขชี้กาลงั เปน็ จานวนเต็ม และใช้ความรู้ความเข้าใจนี้ ใน การแก้ปัญหาในชวี ติ จริง - มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั สมการเชงิ เส้นตวั แปรเดยี ว ระบบสมการเชิงเสน้ สองตวั แปร และอสมการเชงิ เสน้ สองตัวแปรเดียว และใชค้ วามรู้ความเขา้ ใจนใ้ี นการแก้ปัญหาในชวี ิตจริง - มคี วามรู้ความเข้าใจและใช้ความรู้เก่ยี วกบั คูอ่ นั ดับ กราฟของความสัมพนั ธ์ และฟังกช์ ันกาลงั สอง และใชค้ วามรู้ความเขา้ ใจเหล่าน้ีในการแกป้ ญั หาในชีวิตจรงิ - มคี วามรูค้ วามเข้าใจทางเรขาคณติ และใชเ้ ครื่องมือ เช่น วงเวียนและสันตรง รวมท้งั โปรแกรม The Geometer’s Sketchpad หรือโปรแกรมเรขาคณติ พลวตั อ่ืน ๆ เพอ่ื สร้างรปู เรขาคณิต ตลอดจนนา ความรเู้ กีย่ วกับการสร้างน้ีไปประยุกตใ์ ช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง - มคี วามรู้ความเขา้ ใจและใช้ความรคู้ วามเข้าใจนี้ในการหาความสัมพนั ธ์ระหว่างรปู เรขาคณิตสองมิติ และรปู เรขาคณิตสามมิติ - มีความรู้ความเข้าใจในเร่อื งพื้นที่ผิวและปริมาตรของปริซึม ทรงกระบอก พีระมดิ กรวย และ ทรงกลม และใช้ความรู้ความเข้าใจน้ใี นการแก้ปัญหาในชวี ิตจริง - มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั สมบัตขิ องเสน้ ขนาน รปู สามเหล่ียมทเ่ี ทา่ กนั ทกุ ประการ รูปสามเหลี่ยมคลา้ ย ทฤษฎบี ทพที าโกรสั และบทกลับ และนาความร้คู วามเขา้ ใจน้ีไปใช้ ในการแก้ปัญหาในชีวติ จริง - มีความรู้ความเข้าใจในเรือ่ งการแปลงทางเรขาคณิตและนาความรู้ความเข้าใจนไี้ ปใช้ ในการแกป้ ัญหาในชีวติ จรงิ - มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องอัตราส่วนตรีโกณมติ แิ ละนาความรู้ความเข้าใจนีไ้ ปใช้ในการแก้ปัญหาใน ชวี ิตจริง - มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในเรื่องทฤษฎีบทเก่ยี วกบั วงกลมและนาความรู้ความเขา้ ใจน้ีไปใช้
๓๓ ในการแกป้ ัญหาคณิตศาสตร์ - มีความรคู้ วามเขา้ ใจทางสถติ ิในการนาเสนอข้อมลู วิเคราะห์ขอ้ มลู และแปลความหมายขอ้ มูล ทีเ่ กยี่ วข้องกบั แผนภาพจดุ แผนภาพตน้ -ใบ ฮิสโทแกรม ค่ากลางของข้อมลู และแผนภาพกลอ่ ง และใชค้ วามรู้ความเขา้ ใจนี้ รวมทัง้ นาสถิติไปใชใ้ นชีวิตจริงโดยใชเ้ ทคโนโลยีทเี่ หมาะสม - มคี วามรูค้ วามเข้าใจเกยี่ วกบั ความนา่ จะเปน็ และใช้ในชวี ติ จรงิ ตัวชีว้ ดั / ผลการเรยี นรู้และสาระการเรียนรู้ สาระท่ี ๑ จานวนและพีชคณติ มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทเ่ี กิดขึ้นจากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้ ชั้น ตวั ชี้วดั / ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ป.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๑๐๐ และ ๐ ๑. บอกจานวนของสิง่ ต่าง ๆ แสดงสงิ่ ตา่ ง ๆ - การนบั ทลี ะ ๑ และทลี ะ ๑๐ ตามจานวนที่กาหนด อ่านและเขียน - การอ่านและการเขียนตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขฮนิ ดอู ารบิก ตัวเลขไทยแสดงจานวน ตวั เลขไทยแสดงจานวน นบั - การแสดงจานวนนับไมเ่ กิน ๒๐ ในรูป ไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ ความสมั พนั ธข์ องจานวนแบบสว่ นย่อย – ๒. เปรียบเทยี บจานวนนบั ไมเ่ กิน ๑๐๐ และ ๐ สว่ นรวม (Part – Whole Relationship) โดยใช้เครอ่ื งหมาย = > < - การบอกอันดบั ท่ี ๓. เรียงลาดบั จานวนนับไมเ่ กนิ ๑๐๐ และ ๐ - หลัก คา่ ของเลขโดดในแต่ละหลัก และ ตั้งแต่ ๓ ถงึ ๕ จานวน การเขยี นตัวเลขแสดงจานวนในรูปกระจาย - การเปรียบเทียบจานวนและการใช้ เคร่อื งหมาย = > < - การเรยี งลาดบั จานวน การบวก การลบ จานวนนบั ๑ ถงึ ๑๐๐ ๔. หาคา่ ของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณ์ และ ๐ แสดงการบวกและประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการ - ความหมายของการบวก ความหมายของ ลบ การลบ การหาผลบวก การหาผลลบ และ ของจานวนนบั ไมเ่ กิน ๑๐๐ และ ๐ ความสัมพันธ์ ๕. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก ของการบวกและการลบ และ โจทย์ปัญหาการลบของจานวนนบั ไม่ - การแกโ้ จทย์ปัญหาการบวก โจทย์ปัญหา เกิน ๑๐๐ และ ๐ การลบ และการสร้างโจทยป์ ัญหา พร้อมทง้ั หาคาตอบ
๓๔ ชั้น ตัวชวี้ ดั / ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ป.๒ จานวนนับไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ และ ๐ ๑. บอกจานวนของสงิ่ ตา่ ง ๆ แสดงสง่ิ ต่าง ๆ - การนบั ทีละ ๒ ทีละ ๕ ทีละ ๑๐ และทีละ ตามจานวนท่กี าหนด อา่ นและเขยี นตัวเลข ๑๐๐ ฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย ตัวหนังสือแสดง - การอ่านและการเขียนตวั เลขฮินดูอารบิก จานวนนบั ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ และ ๐ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือแสดงจานวน ๒. เปรยี บเทยี บจานวนนบั ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐ และ - จานวนคู่ จานวนคี่ ๐ โดยใชเ้ ครอื่ งหมาย = > < - หลัก คา่ ของเลขโดดในแต่ละหลกั และการ ๓. เรยี งลาดบั จานวนนบั ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ และ ๐ เขยี นตวั เลขแสดงจานวนในรูปกระจาย ตงั้ แต่ ๓ ถึง ๕ จานวนจากสถานการณ์ต่าง - การเปรียบเทียบและเรยี งลาดับจานวน ๆ การบวก การลบ การคณู การหารจานวนนบั ๔. หาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าในประโยค ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐ และ ๐ สัญลักษณ์ แสดงการบวกและประโยค - การบวกและการลบ สญั ลักษณแ์ สดงการลบของจานวนนับไม่ - ความหมายของการคูณ ความหมายของ เกนิ ๑,๐๐๐ และ ๐ การหาร การหาผลคูณ การหาผลหารและ ๕. หาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าในประโยค เศษ และความสัมพนั ธ์ของการคูณและการ สญั ลกั ษณ์ แสดงการคูณของจานวน ๑ หาร หลักกับจานวนไมเ่ กิน ๒ หลัก - การบวก ลบ คูณ หารระคน ๖. หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยค - การแกโ้ จทยป์ ัญหาและการสรา้ งโจทย์ สญั ลักษณ์ แสดงการหารทตี่ ัวตั้งไม่เกิน ๒ ปัญหา หลัก ตัวหาร ๑ หลักโดยทีผ่ ลหารมี ๑ หลัก พรอ้ มท้ังหาคาตอบ ทั้งหารลงตัวและหารไม่ลงตวั ๗. หาผลลพั ธก์ ารบวก ลบ คูณ หารระคนของ จานวนนับไม่เกนิ ๑,๐๐๐ และ ๐ ๘. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา ๒ ขน้ั ตอน ของจานวนนบั ไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ ป.๓ ๑. อ่านและเขียน ตวั เลขฮินดอู ารบกิ ตัวเลข จานวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ไทย และตวั หนังสือแสดงจานวนนบั ไมเ่ กิน - การอ่าน การเขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ตวั เลขไทยและตัวหนังสอื แสดงจานวน ๒. เปรยี บเทียบและเรยี งลาดบั จานวนนบั ไม่ - หลัก ค่าของเลขโดดในแตล่ ะหลกั และการ เกิน ๑๐๐,๐๐๐ จากสถานการณต์ า่ ง ๆ เขยี นตัวเลขแสดงจานวนในรูปกระจาย - การเปรยี บเทียบและเรยี งลาดับจานวน
๓๕ ชั้น ตัวช้ีวดั / ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เศษส่วน ๓. บอก อา่ นและเขียนเศษส่วนแสดงปรมิ าณ - เศษสว่ นที่ตวั เศษน้อยกวา่ หรือเท่ากับตัว สง่ิ ต่าง ๆ และแสดงส่ิงต่าง ๆ ตามเศษส่วน ที่กาหนด ส่วน - การเปรียบเทียบและเรยี งลาดับเศษสว่ น ๔. เปรยี บเทียบเศษสว่ นที่ตวั เศษเทา่ กัน โดยที่ตวั เศษน้อยกวา่ หรอื เทา่ กับตวั ส่วน การบวก การลบ การคูณ การหารจานวนนับ ไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ๕. หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยค - การบวกและการลบ สญั ลักษณ์แสดงการบวกและประโยค - การคูณ การหารยาวและการหารสั้น สญั ลกั ษณแ์ สดงการลบ - การบวก ลบ คณู หารระคน ของจานวนนับไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ - การแกโ้ จทยป์ ญั หาและการสร้างโจทย์ ๖. หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยค ปัญหาพรอ้ มทงั้ หาคาตอบ สญั ลกั ษณ์ แสดงการคูณของจานวน ๑ หลกั กบั จานวนไม่เกิน ๔ หลกั และ จานวน ๒ หลกั กับจานวน ๒ หลัก ป.๓ ๗. หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยค สัญลกั ษณ์ แสดงการหารทีต่ วั ตั้งไม่เกิน ๔ หลกั ตวั หาร ๑ หลัก ๘. หาผลลัพธ์การบวก ลบ คณู หารระคน ของ จานวนนับไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ๙. แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหา ๒ ขัน้ ตอน ของจานวนนับไม่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ การบวก การลบเศษส่วน ป.๓ ๑๐.หาผลบวกของเศษส่วนท่มี ีตัวสว่ นเท่ากนั - การบวกและการลบเศษสว่ น (ต่อ) และผลบวกไมเ่ กิน ๑ และหาผลลบของ - การแกโ้ จทยป์ ญั หาการบวกและโจทยป์ ญั หา เศษสว่ นท่มี ตี วั สว่ นเท่ากัน การลบเศษสว่ น ๑๑.แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก เศษสว่ นท่ีมตี ัวส่วนเทา่ กนั และผลบวกไมเ่ กนิ ๑ และโจทยป์ ัญหาการลบเศษส่วนท่มี ีตวั สว่ นเทา่ กนั
๓๖ ช้นั ตวั ช้วี ัด / ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ป.๔ จานวนนบั ทีม่ ากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ๑. อ่านและเขยี นตัวเลขฮินดอู ารบกิ ตวั เลข - การอา่ น การเขยี นตวั เลขฮินดูอารบิก ไทย และตวั หนงั สือแสดงจานวนนับที่ ตัวเลขไทยและตัวหนังสอื แสดงจานวน มากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ - หลกั คา่ ประจาหลกั และคา่ ของเลขโดด ๒. เปรียบเทียบและเรียงลาดับจานวนนบั ที่ ในแต่ละหลกั และการเขียนตัวเลขแสดง มากกวา่ ๑๐๐,๐๐๐ จากสถานการณ์ จานวนในรปู กระจาย ตา่ ง ๆ - การเปรยี บเทียบและเรยี งลาดับจานวน - คา่ ประมาณของจานวนนับและการใช้ เคร่ืองหมาย เศษสว่ น ๓. บอก อ่านและเขยี นเศษสว่ น จานวนคละ - เศษส่วนแท้ เศษเกนิ แสดงปริมาณส่งิ ต่าง ๆ และแสดงส่งิ ต่าง ๆ - จานวนคละ ตามเศษส่วนจานวนคละท่กี าหนด - ความสมั พนั ธร์ ะหว่างจานวนคละและ ๔. เปรยี บเทียบเรียงลาดับเศษส่วนและจานวน เศษเกิน คละ - เศษสว่ นท่เี ทา่ กนั เศษสว่ นอย่างต่า ทตี่ วั ส่วนตัวหน่งึ เป็นพหคุ ณู ของอีกตัวหนง่ึ และเศษสว่ นที่เทา่ กับจานวนนบั - การเปรียบเทยี บ เรยี งลาดบั เศษสว่ นและ จานวนคละ ๕. อ่านและเขยี นทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง ทศนิยม แสดงปรมิ าณของสงิ่ ต่าง ๆ และแสดงสงิ่ - การอ่านและการเขียนทศนยิ มไม่เกนิ ๓ ตา่ ง ๆ ตามทศนยิ มท่ีกาหนด ตาแหน่งตามปริมาณท่ีกาหนด ๖. เปรยี บเทยี บและเรยี งลาดบั ทศนิยมไม่เกนิ - หลกั คา่ ประจาหลกั ค่าของเลขโดดในแตล่ ะ ป.๔ ๓ ตาแหน่งจากสถานการณ์ต่าง ๆ (ต่อ) หลกั ของทศนิยม และการเขยี นตวั เลขแสดง ทศนิยมในรปู กระจาย ๗. ประมาณผลลัพธข์ องการบวก การลบ - ทศนยิ มท่ีเท่ากนั การคูณ การหารจากสถานการณต์ า่ ง ๆ - การเปรยี บเทียบและเรยี งลาดับทศนยิ ม อย่างสมเหตุสมผล การบวก การลบ การคูณ การหารจานวนนบั ๘. หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยค ท่มี ากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ สัญลกั ษณ์แสดงการบวกและประโยค - การประมาณผลลัพธ์ของการบวก การลบ สญั ลักษณแ์ สดงการลบของจานวนนับที่ มากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ การคณู การหาร - การบวกและการลบ - การคณู และการหาร - การบวก ลบ คณู หารระคน - การแกโ้ จทยป์ ญั หาและการสรา้ งโจทย์ ปญั หา
๓๗ ช้นั ตวั ชีว้ ัด / ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ พรอ้ มทงั้ หาคาตอบ ๙. หาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าในประโยค สญั ลักษณแ์ สดงการคูณของจานวนหลาย หลกั ๒ จานวน ท่ีมผี ลคูณไมเ่ กิน ๖ หลกั และประโยค สญั ลกั ษณแ์ สดงการหารที่ตวั ตง้ั ไมเ่ กิน ๖ หลกั ตัวหารไม่เกิน ๒ หลกั ๑๐.หาผลลัพธก์ ารบวก ลบ คณู หารระคน ของจานวนนับ และ ๐ ๑๑.แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหา ๒ ข้ันตอน ของจานวนนับที่มากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ๑๒.สร้างโจทย์ปญั หา ๒ ข้นั ตอนของจานวนนับ และ ๐ พรอ้ มท้งั หาคาตอบ การบวก การลบเศษส่วน ๑๓.หาผลบวก ผลลบของเศษสว่ นและจานวน - การบวก การลบเศษส่วนและจานวนคละ คละทต่ี วั ส่วนตัวหนงึ่ เปน็ พหคุ ูณของอีกตัว - การแก้โจทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหา หนึ่ง การลบเศษสว่ นและจานวนคละ ๑๔.แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก ป.๔ และโจทยป์ ญั หาการลบเศษส่วนและจานวน (ต่อ) คละ ท่ีตัวสว่ นตัวหนึง่ เป็นพหุคณู ของอีกตวั หน่งึ การบวก การลบทศนยิ ม ๑๕.หาผลบวก ผลลบของทศนยิ มไม่เกนิ ๓ - การบวก การลบทศนยิ ม ตาแหนง่ - การแกโ้ จทย์ปัญหาการบวก การลบ ๑๖.แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก ทศนยิ มไมเ่ กิน ๒ ขั้นตอน การลบ ๒ ขนั้ ตอนของทศนยิ มไม่เกิน ๓ ตาแหนง่ ป.๕ ทศนยิ ม ๑. เขียนเศษส่วนที่มีตวั สว่ นเปน็ ตัวประกอบ - ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเศษสว่ นและทศนยิ ม ของ ๑๐ หรอื ๑๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ ในรปู - ค่าประมาณของทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง ทศนยิ ม ทเ่ี ปน็ จานวนเต็ม ทศนิยม ๑ ตาแหน่ง และ ๒ ตาแหนง่ การใชเ้ ครอื่ งหมาย
๓๘ ช้ัน ตวั ชว้ี ดั / ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ จานวนนับและ ๐ การบวก การลบ การคณู และการหาร ๒. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาโดยใช้ - การแกโ้ จทย์ปัญหาโดยใชบ้ ญั ญัตไิ ตรยางศ์ บญั ญัตไิ ตรยางศ์ เศษส่วน และการบวก การลบ การคณู การ หารเศษสว่ น ๓. หาผลบวก ผลลบของเศษสว่ นและ - การเปรียบเทียบเศษส่วนและจานวนคละ จานวนคละ - การบวก การลบเศษสว่ นและจานวนคละ ๔. หาผลคูณ ผลหารของเศษสว่ นและ - การคณู การหารของเศษส่วนและ ป.๕ จานวนคละ จานวนคละ (ตอ่ ) ๕. แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก - การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษสว่ น การลบ การคูณ การหารเศษส่วน และจานวนคละ ๒ ขั้นตอน - การแกโ้ จทย์ปัญหาเศษส่วนและ จานวนคละ การคูณ การหารทศนยิ ม ๖. หาผลคณู ของทศนยิ มทผ่ี ลคูณเป็นทศนยิ ม - การประมาณผลลพั ธข์ องการบวก การลบ ไมเ่ กนิ ๓ ตาแหน่ง การคูณ การหารทศนิยม ๗. หาผลหารทีต่ วั ตัง้ เปน็ จานวนนับหรอื - การคณู ทศนยิ ม ทศนยิ มไม่เกนิ ๓ ตาแหน่ง และตัวหารเปน็ - การหารทศนิยม จานวนนบั ผลหารเปน็ ทศนยิ มไมเ่ กนิ ๓ - การแกโ้ จทยป์ ัญหาเกย่ี วกบั ทศนยิ ม ตาแหน่ง ๘. แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ๒ ข้ันตอน ๙. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาร้อยละไม่ รอ้ ยละหรอื เปอร์เซน็ ต์ เกนิ ๒ ข้นั ตอน - การอา่ นและการเขยี นรอ้ ยละหรือเปอร์เซ็นต์ - การแกโ้ จทย์ปัญหารอ้ ยละ ป.๖ เศษสว่ น ๑. เปรียบเทียบ เรยี งลาดับเศษส่วนและ - การเปรียบเทยี บและเรียงลาดบั เศษสว่ นและ จานวนคละจากสถานการณ์ต่าง ๆ จานวนคละโดยใชค้ วามร้เู รอ่ื ง ค.ร.น. อัตราส่วน ๒. เขียนอตั ราส่วนแสดงการเปรียบเทียบ - อัตราส่วน อตั ราส่วนท่ีเท่ากนั และมาตรา ปริมาณ ๒ ปริมาณ จากข้อความหรือ สว่ น สถานการณ์ โดยทป่ี ริมาณแต่ละปริมาณเป็น
๓๙ ชัน้ ตัวช้วี ัด / ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ จานวนนับ ๓. หาอัตราส่วนทเ่ี ท่ากับอัตราสว่ นทกี่ าหนดให้ ๔. หา ห.ร.ม. ของจานวนนับไม่เกิน จานวนนบั และ ๐ - ตวั ประกอบ จานวนเฉพาะ ตัวประกอบ ๓ จานวน ป.๖ ๕. หา ค.ร.น. ของจานวนนับไม่เกนิ ๓ จานวน เฉพาะ และการแยกตัวประกอบ (ตอ่ ) ๖. แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาโดยใช้ - ห.ร.ม. และ ค.ร.น. - การแกโ้ จทยป์ ัญหาเกยี่ วกบั ห.ร.ม. และ ความรเู้ กี่ยวกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ค.ร.น. ๗. หาผลลพั ธ์ของการบวก ลบ คูณ หารระคน การบวก การลบ การคูณ การหารเศษสว่ น ของเศษส่วนและจานวนคละ - การบวก การลบเศษส่วนและจานวนคละ ๘. แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาเศษส่วน โดยใชค้ วามรูเ้ ร่ือง ค.ร.น. และ จานวนคละ ๒ - ๓ ขน้ั ตอน - การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษสว่ นและ จานวนคละ - การแกโ้ จทยป์ ัญหาเศษส่วนและ จานวนคละ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู ๙. หาผลหารของทศนิยมท่ีตัวหารและผลหาร การหาร เป็นทศนยิ มไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง - ความสมั พันธ์ระหว่างเศษสว่ นและทศนิยม ๑๐.แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหา - การหารทศนิยม การบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม - การแกโ้ จทย์ปญั หาเกีย่ วกับทศนยิ ม ๓ ข้นั ตอน (รวมการแลกเงินต่างประเทศ) อตั ราสว่ นและร้อยละ ๑๑.แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหา - การแกโ้ จทยป์ ญั หาอตั ราสว่ นและ อัตราสว่ น มาตราสว่ น ๑๒.แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาร้อยละ - การแกโ้ จทยป์ ัญหาร้อยละ ๒ - ๓ ข้ันตอน ม.๑ จานวนตรรกยะ ๑. เข้าใจจานวนตรรกยะและความสัมพนั ธ์ของ - จานวนเต็ม จานวนตรรกยะ และใช้สมบัติของจานวน - สมบัตขิ องจานวนเต็ม
๔๐ ช้ัน ตวั ชวี้ ัด / ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ตรรกยะในการแกป้ ญั หาคณติ ศาสตร์และ - ทศนิยมและเศษสว่ น ปัญหาในชวี ติ จรงิ - จานวนตรรกยะและสมบัตขิ อง ๒. เขา้ ใจและใช้สมบตั ิของเลขยกกาลงั ทมี่ เี ลขช้ี จานวนตรรกยะ กาลงั เปน็ จานวนเตม็ บวกในการแกป้ ญั หา - เลขยกกาลงั ท่มี ีเลขชี้กาลังเป็นจานวน คณติ ศาสตร์และปญั หาในชีวติ จริง เตม็ บวก - การนาความรูเ้ กย่ี วกับจานวนเตม็ จานวน ตรรกยะ และเลขยกกาลังไปใชใ้ นการ แก้ปญั หา - ม.๑ ๓. เขา้ ใจและประยุกต์ใช้อัตราสว่ น สดั ส่วน อตั ราสว่ น (ตอ่ ) และรอ้ ยละ ในการแกป้ ญั หาคณติ ศาสตร์ - อัตราส่วนของจานวนหลาย ๆ จานวน และปัญหาในชวี ิตจริง - สัดสว่ น - การนาความร้เู กี่ยวกบั อตั ราส่วน สัดสว่ น และรอ้ ยละไปใชใ้ นการแกป้ ญั หา ม.๒ จานวนตรรกยะ ๑. เข้าใจและใชส้ มบตั ขิ องเลขยกกาลังท่มี เี ลขชี้ - เลขยกกาลังทม่ี ีเลขชก้ี าลงั เป็นจานวนเตม็ กาลงั เปน็ จานวนเต็มในการแก้ปญั หา - การนาความรูเ้ กี่ยวกับเลขยกกาลังไปใช้ คณิตศาสตร์และปัญหาในชีวติ จริง ในการแก้ปญั หา จานวนจรงิ ๒. เข้าใจจานวนจรงิ และความสัมพันธข์ อง - จานวนอตรรกยะ จานวนจริง และใช้สมบตั ิของจานวนจริงใน - จานวนจรงิ การแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปญั หาในชวี ิต - รากทส่ี องและรากทสี่ ามของจานวน จริง ตรรกยะ - การนาความรู้เกีย่ วกบั จานวนจริงไปใช้ ม.๓ - -
๔๑ สาระที่ ๑ จานวนและพีชคณติ มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา้ ใจและวเิ คราะห์แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟงั กช์ ัน ลาดบั และอนุกรม และนาไปใช้ ชนั้ ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ป.๑ แบบรูป ๑. ระบจุ านวนที่หายไปในแบบรูปของจานวน - แบบรปู ของจานวนทเ่ี พิ่มขนึ้ หรอื ทเ่ี พม่ิ ขึ้นหรือลดลงทีละ ๑ และทีละ ๑๐ ลดลงทลี ะ ๑ และทลี ะ ๑๐ และระบรุ ูปที่หายไปในแบบรูปซา้ ของรูป - แบบรปู ซา้ ของจานวน รปู เรขาคณิต เรขาคณติ และรปู อน่ื ๆ ที่สมาชกิ ในแต่ละชดุ และรูปอ่นื ๆ ท่ีซ้ามี ๒ รูป ป.๒ แบบรปู - - แบบรปู ของจานวนที่เพิ่มข้นึ หรอื ลดลงทลี ะ ๒ ทีละ ๕ และทลี ะ ๑๐๐ ป.๒ - แบบรปู ซา้ (ต่อ) ป.๓ แบบรูป ๑. ระบจุ านวนทีห่ ายไปในแบบรูปของจานวน - แบบรูปของจานวนท่ีเพิ่มข้ึนหรือลดลงทีละ ที่เพม่ิ ขนึ้ หรอื ลดลงทลี ะเทา่ ๆ กัน เทา่ ๆ กัน ป.๔ แบบรปู - - แบบรูปของจานวนทเ่ี กิดจากการคูณ การหาร ด้วยจานวนเดยี วกนั ป.๕ - - ป.๖ แบบรปู ๑. แสดงวิธคี ิดและหาคาตอบของปญั หา - การแกป้ ัญหาเกี่ยวกบั แบบรปู เกี่ยวกับแบบรปู ม.๑ - - ม.๒ พหุนาม ๑. เข้าใจหลกั การการดาเนินการของพหุนาม - พหุนาม และใช้พหุนามในการแก้ปญั หา - การบวก การลบ และการคูณของพหุนาม คณติ ศาสตร์ - การหารพหุนามด้วยเอกนามท่ีมีผลหารเป็น พหุนาม ๒. เข้าใจและใชก้ ารแยกตวั ประกอบของ การแยกตวั ประกอบของพหุนาม พหุนามดีกรีสองในการแก้ปัญหา - การแยกตวั ประกอบของพหุนามดีกรสี อง คณติ ศาสตร์ โดยใช้ o สมบตั ิการแจกแจง o กาลงั สองสมบูรณ์
๔๒ ช้ัน ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ o ผลต่างของกาลงั สอง ม.๓ การแยกตวั ประกอบของพหุนาม ๑. เข้าใจและใชก้ ารแยกตัวประกอบของพหุ - การแยกตัวประกอบของพหนุ ามดีกรสี งู นามทมี่ ีดีกรีสูงกว่าสองในการแก้ปญั หา กว่าสอง คณิตศาสตร์ ฟงั ก์ชันกาลงั สอง ๒. เข้าใจและใชค้ วามร้เู กย่ี วกับฟังก์ชันกาลัง - กราฟของฟงั กช์ นั กาลังสอง สองในการแก้ปญั หาคณิตศาสตร์ - การนาความรเู้ กี่ยวกบั ฟังกช์ ันกาลังสองไป ใช้ในการแก้ปัญหา ม.๓ (ต่อ) สาระที่ ๑ จานวนและพีชคณติ มาตรฐาน ค. ๑.๓ ใชน้ ิพจน์ สมการ อสมการ และเมทริกซ์ อธิบายความสัมพันธ์หรือ ช่วยแก้ปัญหาที่กาหนดให้ ชนั้ ตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ม.๑ สมการเชงิ เส้นตัวแปรเดยี ว ๑. เขา้ ใจและใชส้ มบตั ขิ องการเท่ากนั และ - สมการเชงิ เส้นตัวแปรเดยี ว สมบัติของจานวน เพอ่ื วิเคราะห์และ - การแก้สมการเชงิ เส้นตัวแปรเดยี ว แก้ปญั หาโดยใชส้ มการเชงิ เสน้ ตัวแปร - การนาความรู้เกยี่ วกับการแก้สมการเชิง เดยี ว เส้นตัวแปรเดียวไปใช้ในชีวิตจรงิ สมการเชิงเส้นสองตวั แปร ๒. เข้าใจและใช้ความรู้เกีย่ วกับกราฟในการ - สมการเชิงเสน้ สองตวั แปร แกป้ ญั หาคณิตศาสตรแ์ ละปญั หาในชีวิต - กราฟของสมการเชิงเสน้ สองตัวแปร จรงิ - การนาความรู้เกี่ยวกับสมการเชงิ เส้นสอง ๓. เขา้ ใจและใชค้ วามร้เู กย่ี วกับสมการเชงิ ตัวแปรและกราฟไปใชใ้ นชวี ิตจริง เส้นสองตวั แปรในการแก้ปญั หา คณิตศาสตร์และปัญหาในชวี ิตจรงิ ม.๒ - - ม.๓ อสมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียว ๑. เข้าใจและใช้สมบตั ิของการไม่เท่ากันเพือ่ - อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว วิเคราะหแ์ ละแกป้ ญั หาโดยใช้อสมการเชงิ - การแก้อสมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดียว เสน้ ตัวแปรเดยี ว - การนาความรเู้ กย่ี วกบั การแก้อสมการเชิง
๔๓ ชน้ั ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เสน้ ตัวแปรเดยี วไปใช้ในการแก้ปัญหา สมการกาลงั สองตัวแปรเดียว ๒. ประยุกต์ใชส้ มการกาลงั สองตัวแปรเดยี ว - สมการกาลงั สองตวั แปรเดียว ในการแกป้ ญั หาคณติ ศาสตร์ - การแกส้ มการกาลงั สองตวั แปรเดียว - การนาความรเู้ กย่ี วกบั การแก้สมการกาลัง สองตัวแปรเดยี วไปใช้ในการแก้ปัญหา ม.๓ ระบบสมการ (ต่อ) ๓. ประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบสมการเชิงเสน้ สองตวั - ระบบสมการเชงิ เส้นสองตวั แปร แปรในการแก้ปญั หาคณติ ศาสตร์ - การแก้ระบบสมการเชงิ เส้นสองตัวแปร - การนาความรู้เก่ียวกบั การแก้ระบบ สมการเชงิ เสน้ สองตัวแปรไปใชใ้ นการ แกป้ ัญหา สาระท่ี ๒ การวดั และเรขาคณิต มาตรฐาน ค. ๒.๑ เข้าใจพน้ื ฐานเกย่ี วกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสงิ่ ทตี่ อ้ งการวัด และนาไปใช้ ชั้น ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ป.๑ ความยาว ๑. วัดและเปรยี บเทยี บความยาวเปน็ - การวัดความยาวโดยใชห้ น่วยทีไ่ มใ่ ชห่ นว่ ย เซนติเมตร เปน็ เมตร มาตรฐาน - การวดั ความยาวเป็นเซนตเิ มตร เป็นเมตร - การเปรยี บเทียบความยาวเป็นเซนติเมตร เป็นเมตร - การแกโ้ จทยป์ ญั หาการบวก การลบ เก่ยี วกับความยาวท่ีมหี นว่ ยเป็นเซนติเมตร เปน็ เมตร น้าหนกั ๒. วดั และเปรยี บเทยี บนา้ หนักเปน็ กโิ ลกรัม - การวดั น้าหนักโดยใชห้ นว่ ยทไี่ ม่ใชห่ นว่ ย เป็นขดี มาตรฐาน - การวัดนา้ หนกั เป็นกโิ ลกรมั เปน็ ขดี - การเปรยี บเทียบนา้ หนักเป็นกิโลกรมั เปน็ ขีด - การแกโ้ จทย์ปัญหาการบวก การลบ เกี่ยวกับน้าหนกั ท่มี ีหนว่ ยเป็นกโิ ลกรัม เป็นขีด
๔๔ ช้ัน ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา ๑. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา - การบอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาที เกี่ยวกับเวลาทม่ี หี นว่ ยเดี่ยวและเปน็ หนว่ ย (ช่วง ๕ นาท)ี เดยี วกัน - การบอกระยะเวลาเปน็ ชวั่ โมง เปน็ นาที - การเปรยี บเทยี บระยะเวลาเปน็ ช่วั โมง เป็นนาที - การอา่ นปฏทิ นิ - การแกโ้ จทยป์ ัญหาเก่ียวกบั เวลา ความยาว ป.๒ ๒. วดั และเปรียบเทยี บความยาวเป็นเมตรและ - การวัดความยาวเปน็ เมตรและเซนติเมตร เซนติเมตร - การคาดคะเนความยาวเป็นเมตร ๓. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการ - การเปรียบเทยี บความยาวโดยใช้ บวก การลบเกย่ี วกบั ความยาวที่มีหนว่ ย ความสัมพันธร์ ะหวา่ งเมตรกับเซนตเิ มตร เป็นเมตรและเซนติเมตร - การแกโ้ จทย์ปัญหาเกี่ยวกบั ความยาวทีม่ ี หน่วยเปน็ เมตรและเซนติเมตร นา้ หนกั ๔. วัดและเปรียบเทียบนา้ หนักเปน็ กโิ ลกรัม - การวัดนา้ หนักเป็นกิโลกรมั และกรัม กิโลกรมั และกรมั กิโลกรมั และขดี และขีด ๕. แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการ - การคาดคะเนนา้ หนักเป็นกิโลกรัม บวก การลบเก่ียวกบั น้าหนักที่มหี น่วย - การเปรียบเทียบน้าหนักโดยใช้ ป.๒ เป็นกโิ ลกรมั และกรัม กิโลกรัมและขดี ความสมั พนั ธร์ ะหว่างกโิ ลกรมั กบั กรัม (ต่อ) กโิ ลกรมั กบั ขีด - การแกโ้ จทยป์ ัญหาเกีย่ วกับน้าหนักที่มี หน่วยเป็นกิโลกรัมและกรมั กิโลกรัม และขีด ปริมาตรและความจุ ๖. วัดและเปรียบเทยี บปริมาตรและความจุ - การวดั ปรมิ าตรและความจุโดยใชห้ น่วยที่ เปน็ ลิตร ไมใ่ ช่หน่วยมาตรฐาน - การวัดปริมาตรและความจุเปน็ ชอ้ นชา ชอ้ นโตะ๊ ถ้วยตวง ลิตร - การเปรียบเทียบปริมาตรและความจุเป็น ช้อนชา ช้อนโตะ๊ ถ้วยตวง ลติ ร
๔๕ ชั้น ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ - การแกโ้ จทย์ปัญหาเกยี่ วกับปรมิ าตรและ ความจุ ทีม่ ีหนว่ ยเป็นช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง ลิตร ป.๓ เงิน ๑. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา - การบอกจานวนเงนิ และเขยี นแสดงจานวน เก่ียวกบั เงนิ เงนิ แบบใช้จุด - การเปรยี บเทยี บจานวนเงินและ การแลกเงนิ - การอา่ นและเขียนบันทึกรายรับรายจา่ ย - การแกโ้ จทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั เงิน เวลา ๒. แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา - การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที เก่ียวกบั เวลาและระยะเวลา - การเขียนบอกเวลาโดยใช้มหัพภาค (.) หรอื ทวิภาค (:) และการอ่าน - การบอกระยะเวลาเป็นชัว่ โมงและนาที - การเปรยี บเทียบระยะเวลาโดยใช้ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างชว่ั โมงกับนาที - การอ่านและการเขียนบันทึกกจิ กรรมที่ ระบุเวลา - การแกโ้ จทย์ปัญหาเกย่ี วกบั เวลาและ ระยะเวลา ความยาว ๓. เลอื กใชเ้ คร่ืองวดั ความยาวทเ่ี หมาะสม - การวดั ความยาวเป็นเซนติเมตรและ วดั และบอก ความยาวของสงิ่ ต่าง ๆ เป็น มลิ ลิเมตร เมตรและเซนตเิ มตร กิโลเมตร เซนติเมตรและมิลลิเมตร เมตรและ และเมตร เซนติเมตร - การเลอื กเครอื่ งวัดความยาวที่เหมาะสม ๔. คาดคะเนความยาวเปน็ เมตรและเป็น - การคาดคะเนความยาวเป็นเมตรและเป็น เซนตเิ มตร เซนติเมตร ๕. เปรียบเทียบความยาวระหว่างเซนติเมตร - การเปรยี บเทียบความยาวโดยใช้ กับมิลลิเมตร เมตรกบั เซนตเิ มตร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างหนว่ ยความยาว กโิ ลเมตรกับเมตร จากสถานการณต์ า่ ง ๆ - การแกโ้ จทย์ปัญหาเกย่ี วกบั ความยาว ๖. แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา เกี่ยวกับความยาว ท่ีมหี นว่ ยเปน็ เซนตเิ มตรและมิลลเิ มตร เมตรและ
๔๖ ชนั้ ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เซนติเมตร กิโลเมตรและเมตร น้าหนัก ป.๓ ๗. เลอื กใช้เคร่ืองชั่งทเ่ี หมาะสม วัดและบอก - การเลือกเคร่อื งชง่ั ท่เี หมาะสม (ต่อ) นา้ หนกั เปน็ กโิ ลกรมั และขีด กโิ ลกรัมและ - การคาดคะเนน้าหนักเป็นกิโลกรมั กรัม และเปน็ ขีด ๘. คาดคะเนน้าหนักเป็นกโิ ลกรมั และเปน็ ขดี - การเปรียบเทียบนา้ หนักโดยใช้ ๙. เปรยี บเทียบนา้ หนกั ระหวา่ งกโิ ลกรัมกับ ความสัมพนั ธ์ระหว่างกโิ ลกรมั กบั กรมั กรัม เมตริกตันกับกโิ ลกรัม จาก เมตริกตันกับกโิ ลกรัม สถานการณ์ต่าง ๆ - การแกโ้ จทย์ปญั หาเก่ยี วกับน้าหนัก ๑๐.แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา เกี่ยวกับนา้ หนักทมี่ หี น่วยเป็นกิโลกรัมกบั กรมั เมตรกิ ตนั กับกโิ ลกรมั ปริมาตรและความจุ ๑๑.เลือกใช้เครื่องตวงท่ีเหมาะสม วดั และ - การวดั ปรมิ าตรและความจเุ ปน็ ลิตรและ เปรียบเทยี บปริมาตร ความจเุ ปน็ ลติ ร มลิ ลลิ ติ ร และมิลลลิ ติ ร - การเลอื กเครอื่ งตวงที่เหมาะสม ๑๒.คาดคะเนปริมาตรและความจเุ ปน็ ลิตร - การคาดคะเนปรมิ าตรและความจเุ ปน็ ลติ ร ๑๓. แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหา - การเปรยี บเทียบปริมาตรและความจุโดยใช้ เกีย่ วกบั ปริมาตรและความจุท่ีมีหนว่ ย ความสมั พนั ธ์ระหว่างลติ รกบั มิลลลิ ติ ร ช้อน เปน็ ลติ รและมิลลลิ ิตร ชา ชอ้ นโต๊ะ ถ้วยตวงกบั มิลลิลติ ร - การแกโ้ จทยป์ ญั หาเก่ยี วกบั ปรมิ าตรและ ความจุที่มีหน่วยเป็นลิตรและมลิ ลลิ ติ ร ป.๔ เวลา ๑. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา - การบอกระยะเวลาเป็นวนิ าที นาที ชว่ั โมง เก่ยี วกบั เวลา วัน สัปดาห์ เดอื น ปี - การเปรียบเทียบระยะเวลาโดยใช้ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งหนว่ ยเวลา - การอา่ นตารางเวลา - การแกโ้ จทยป์ ัญหาเกยี่ วกับเวลา การวัดและสร้างมุม ๒. วัดและสร้างมมุ โดยใชโ้ พรแทรกเตอร์ - การวัดขนาดของมมุ โดยใชโ้ พรแทรกเตอร์ - การสรา้ งมมุ เม่ือกาหนดขนาดของมมุ
๔๗ ชน้ั ตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ รปู สเ่ี หล่ียมมุมฉาก ๓. แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหา - ความยาวรอบรปู ของรปู สเี่ หล่ียมมุมฉาก เก่ยี วกับความยาวรอบรูปและพื้นท่ีของ - พ้ืนทขี่ องรูปสเี่ หลยี่ มมุมฉาก รูปส่ีเหลยี่ มมุมฉาก - การแกโ้ จทย์ปัญหาเก่ียวกับความยาวรอบ รูปและพ้นื ทขี่ องรูปส่เี หลีย่ มมุมฉาก ป.๕ ความยาว ๑. แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา - ความสัมพันธ์ระหว่างหนว่ ยความยาว เกย่ี วกบั ความยาวทีม่ ีการเปล่ียนหน่วย เซนตเิ มตรกับมิลลเิ มตร เมตรกบั และเขียนในรปู ทศนยิ ม เซนติเมตร กโิ ลเมตรกับเมตร โดยใช้ ความรู้เรือ่ งทศนยิ ม - การแกโ้ จทยป์ ัญหาเกี่ยวกับความยาวโดย ใชค้ วามรู้ เร่อื งการเปล่ยี นหนว่ ยและ ทศนิยม น้าหนัก ๒. แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา - ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งหนว่ ยนา้ หนกั กิโลกรัม เกี่ยวกับน้าหนักทม่ี ีการเปล่ียนหนว่ ยและ กับกรัม โดยใช้ความรเู้ ร่ืองทศนยิ ม เขียนในรูปทศนิยม - การแกโ้ จทยป์ ญั หาเกย่ี วกับน้าหนกั โดยใช้ ความรู้ เรอ่ื งการเปลีย่ นหนว่ ยและทศนิยม ปรมิ าตรและความจุ ๓. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา - ปรมิ าตรของทรงสี่เหลยี่ มมมุ ฉากและความ ป.๕ เกยี่ วกบั ปริมาตรของทรงสีเ่ หล่ยี มมุมฉาก จขุ องภาชนะทรงสเี่ หลี่ยมมุมฉาก (ต่อ) และความจุของภาชนะ - ความสัมพันธร์ ะหว่าง มลิ ลิลติ ร ลิตร ทรงสีเ่ หลย่ี มมุมฉาก ลูกบาศก์เซนติเมตร และลูกบาศกเ์ มตร - การแกโ้ จทยป์ ัญหาเกย่ี วกบั ปรมิ าตรของ ทรงสี่เหลย่ี มมมุ ฉากและความจุของ ภาชนะทรงสเี่ หล่ียมมุมฉาก รปู เรขาคณติ สองมิติ ๔. แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหา - ความยาวรอบรปู ของรปู ส่เี หลยี่ ม เก่ยี วกับ ความยาวรอบรูปของรูป - พ้นื ที่ของรปู สี่เหลีย่ มดา้ นขนาน สเ่ี หลยี่ มและพืน้ ทีข่ องรปู สี่เหลีย่ มดา้ น และรปู สเี่ หลยี่ มขนมเปียกปนู ขนานและรปู ส่เี หลย่ี มขนมเปียกปนู - การแกโ้ จทยป์ ญั หาเกี่ยวกับความยาวรอบ รปู ของรูปส่ีเหล่ียมและพื้นทีข่ องรูปส่ีเหล่ยี ม ด้านขนานและรปู ส่เี หล่ยี มขนมเปียกปนู -
๔๘ ชัน้ ตัวชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ป.๖ ๑. แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหา ปริมาตรและความจุ ม.๑ เกยี่ วกับปริมาตรของรูปเรขาคณติ สาม - ปริมาตรของรูปเรขาคณติ สามมิตทิ ี่ ม.๒ มติ ทิ ่ีประกอบดว้ ยทรงสี่เหลย่ี มมมุ ฉาก ม.๒ (ตอ่ ) ประกอบดว้ ยทรงสีเ่ หลย่ี มมุมฉาก ๒. แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหา - การแกโ้ จทย์ปญั หาเกี่ยวกบั ปรมิ าตรของรปู ม.๓ เกยี่ วกบั ความยาวรอบรปู และพน้ื ทีข่ อง รูปหลายเหลยี่ ม เรขาคณิตสามมิติท่ปี ระกอบด้วยทรง ส่ีเหล่ียมมมุ ฉาก ๓. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา เก่ียวกบั ความยาวรอบรูปและพื้นท่ขี อง รูปเรขาคณติ สองมิติ วงกลม - ความยาวรอบรปู และพืน้ ทีข่ องรปู สามเหลย่ี ม - มมุ ภายในของรปู หลายเหล่ียม - - ความยาวรอบรปู และพื้นทขี่ องรูปหลายเหลีย่ ม - การแกโ้ จทยป์ ญั หาเกี่ยวกบั ความยาว ๑. ประยกุ ตใ์ ช้ความรเู้ รอื่ งพน้ื ทผี่ ิวของปริซึม และทรงกระบอกในการแกป้ ัญหา รอบรูปและพน้ื ที่ของรปู หลายเหล่ยี ม คณิตศาสตร์และปญั หาในชวี ิตจรงิ - ความยาวรอบรปู และพน้ื ทขี่ องวงกลม - การแกโ้ จทย์ปัญหาเกย่ี วกบั ความยาว ๒. ประยุกตใ์ ช้ความรู้เรื่องปรมิ าตรของ ปรซิ มึ และทรงกระบอกในการแก้ปญั หา รอบรูปและพ้ืนท่ีของวงกลม คณติ ศาสตร์และปญั หาในชวี ิตจรงิ - ๑. ประยุกตใ์ ช้ความรู้เร่อื งพน้ื ทผ่ี ิวของ พรี ะมิด กรวย และทรงกลมในการ พื้นท่ผี ิว แกป้ ญั หาคณติ ศาสตร์และปญั หาใน - การหาพ้นื ท่ีผิวของปริซึมและทรงกระบอก ชีวติ จรงิ - การนาความรู้เกย่ี วกบั พนื้ ทผ่ี วิ ของปรซิ ึม ๒. ประยุกตใ์ ช้ความรู้เรอื่ งปรมิ าตรของ และทรงกระบอกไปใชใ้ นการแก้ปัญหา พีระมิด กรวย และทรงกลมในการ แก้ปัญหาคณติ ศาสตรแ์ ละปญั หาใน ปรมิ าตร ชวี ิตจริง - การหาปริมาตรของปริซึมและ ทรงกระบอก - การนาความรู้เก่ยี วกบั ปริมาตรของปริซึม และทรงกระบอกไปใชใ้ นการแกป้ ญั หา พน้ื ที่ผวิ - การหาพ้ืนทผ่ี ิวของพีระมิด กรวย และทรงกลม - การนาความรูเ้ กยี่ วกบั พ้ืนทผ่ี ิวของพรี ะมิด กรวย และทรงกลมไปใช้ในการแก้ปัญหา ปรมิ าตร - การหาปริมาตรของพรี ะมดิ กรวย และทรงกลม - การนาความรเู้ กยี่ วกบั ปริมาตรของพีระมิด กรวย และทรงกลมไปใชใ้ นการแก้ปัญหา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435