Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม Dictionary of Buddhism

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม Dictionary of Buddhism

Published by Chalermkiat Deesom, 2016-09-20 09:51:19

Description: dictionary_of_buddhism_pra-muan-dhaama พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม

Keywords: พจนานุกรมพุทธศาสตร์,dictionary_of_buddhism

Search

Read the Text Version

พจนานกุ รมพุทธศาสตร ฉบับประมวลธรรม Dictionary of Buddhismพระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต)Phra Brahmagunabhorn (P. A. Payutto)

พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม© พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต)Dictionary of BuddhismPhra Brahmagunabhorn (P. A. Payutto)ISBN 974-8357-89-9พมิ พร วมเลม 3 ภาคคร้ังที่ 1 พ.ศ. 2515 – 2518ครงั้ ท่ี 4 พ.ศ. 2526 – 2528คร้ังที่ 10 พ.ศ. 2545 (จดั เรยี งพิมพใ หมด ว ยระบบคอมพวิ เตอร) ขนาดอกั ษรธรรมดา (เลมเล็ก) จาํ นวน 6,000 เลม ขนาดอกั ษรใหญ (เลม ใหญ) จาํ นวน 4,000 เลมคร้ังท่ี 13 พ.ศ. 2548 (เปลีย่ นมาใชฟอนต คอื แบบตวั อักษร ที่ดดั แปลงขึน้ ใหม) จาํ นวน 20,000 เลมครงั้ ท่ี 14 พ.ศ. 2549– สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกลา ฯ ใหตีพิมพใ นการถวายผา พระกฐิน ณ วัด ญาณเวศกวัน 4 พฤศจกิ ายน 2549 จาํ นวน 1,000 เลมคร้ังที่ 15 พ.ศ. 2550 (ขนาดเลม ใหญ อักษรโต)– คณุ นลิ ยา มาลากุล ณ อยธุ ยา และคณะผูศ รัทธา พิมพเ ผยแพรเ ปนธรรมทาน จํานวน 6,000 เลมครงั้ ที่ 16 พ.ศ. 2551– ผูศรทั ธาหลายคณะ พมิ พเ ผยแพรเปนธรรมทาน รวมเปน จาํ นวน 4,000 เลมพิมพท่ี บรษิ ทั เอส. อาร. พรน้ิ ตง้ิ แมส โปรดักส จํากัดโทรศพั ท/โทรสาร 0-2584-2241 (อัตโนมตั ิ 10 เลขหมาย)

อนุโมทนา เนื่องจาก พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม ท่พี ิมพแจกเผอื่ แผก ันออกไปในคร้งั กอ นๆ มาถึงบดั น้ี หลายแหง ก็หมดลง บางแหงกเ็ หลือนอย กลายเปนของหายากผูศรัทธามากหลายทา น จึงประสงคจ ะพิมพพจนานุกรมฯ ฉบับนนั้ เพม่ิ ขนึ้ เพือ่ ใชศ ึกษาคนควา เองหรอื ใชศ กึ ษาในกลุมในหมขู องตนบา ง เพื่อแจกเปนธรรมทาน เปนการเผยแพรส งเสริมความรคู วามเขา ใจในพระธรรมวนิ ยั ใหกวา งขวางเพ่ิมทวยี ง่ิ ข้นึ บาง ดังเปนทที่ ราบกันวา ไดมกี ารรวมกลุมบอกแจง บญุ เจตนารวมกนั ไว แมก ระนน้ั ญาติโยมผูศ รัทธากไ็ มอาจดาํ เนินการอะไรคบื หนา เพราะทางดานตัวผูเรยี บเรยี งเองเงยี บอยู ไมร กู นั จนกระทง่ั ถงึ วาระหนงึ่ ผศู รทั ธาไดต กลงวา จะรอพมิ พพ รอ มกบัพจนานกุ รมพทุ ธศาสน ฉบบั ประมวลศพั ท ทม่ี ขี า ววา กาํ ลงั ชาํ ระเพม่ิ เตมิ อยู ในทีส่ ุด เวลาผา นไป ๒-๓ ป บดั นี้ พจนานกุ รมพุทธศาสน ฉบับประมวลศพั ท ผา นการชาํ ระ-เพ่ิมเตมิชวงที่ ๑ เสรจ็ แลว จงึ ถึงโอกาสทีจ่ ะดําเนินการพมิ พเผยแพรพรอมกันตามความตัง้ ใจ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นี้ นบั แตพมิ พคร้งั ท่ี ๑๐ ทีเ่ ปน ครงั้ แรกของการใชร ะบบคอมพิวเตอร ใน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซง่ึ ผูศ รัทธาไดน าํ ขอ มลู ของพจนานุกรมฯ น้ีจากของเดิมในระบบคอมพวิ กราฟค มาบันทกึ ไวใ นระบบคอมพิวเตอร ก็ไดม ีฐานขอ มลู อยูในคอมพิวเตอร อันพรอมทีจ่ ะใหผ ูเ รียบเรยี งปรับแกเ พ่ิมเตมิ ไดต ามตองการ แตจ นถึงบัดนี้เปน เวลา ๖ ปแลว ผเู รยี บเรียงก็ยงั ไมไ ดเ ริ่มงานปรับปรุงท่ตี ง้ั ใจ การพิมพคร้ังท่ี ๑๖ น้ี วา โดยท่ัวไป เปนการพิมพซ ํ้าตรงกบั ครัง้ ที่ ๑๓ ที่ใชแ บบตัวอักษร (ฟอนต) ซงึ่ รศ. ดร.สมศลี ฌานวังศะ ราชบณั ฑิต ไดด ัดแปลงข้นึ ใหม มสี วนที่เพมิ่เตมิ เพยี งเลก็ นอย คือ เพิม่ “สทั ธา 2” ในหัวขอ “สัทธา 4” และปรับเสริมคําอธิบายในหัวขอ“ปญญา 3” และ “สัปปายะ 7” พรอ มท้ังแกไ ขคําทีพ่ ิมพผ ิดตกและจดั ปรับบรรทัด เปน ตนทาํ ใหม คี วามเรยี บรอ ยในสวนรายละเอียดยงิ่ ขึ้น ขออนโุ มทนาฉนั ทะในธรรมและไมตรจี ติ ตอ ประชาชน ของผศู รทั ธาทใ่ี ฝใ นธรรมทานบุญกิริยา อันเปนเคร่ืองเจริญธรรมเจริญปญญาแกประชาชน หวังไดวาธรรมทานของผูศรัทธา จะเปนสวนชวยดาํ รงรักษาสืบตออายุพระพุทธศาสนา และเปนปจจยั เสริมสรางประโยชนส ขุ ใหแ ผข ยายกวา งไกลออกไปในโลก ขอใหผ บู าํ เพญ็ กศุ ลจรยิ านี้ พรอ มญาตมิ ติ รทง้ั ปวง เจรญิ ดว ยจตุรพิธพรชยั รมเยน็ ในธรรม มคี วามสุขเกษมศานตย ่งั ยนื นานทัว่ กนั พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๑

คํานาํ (ในการพมิ พครั้งท่ี ๑๐) พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม มีความเปนมาทย่ี าวนาน ผานการจดั ปรบั หลายข้นั ตอน จนลงตวั มรี ปู เลมและชอื่ ปจ จบุ ัน เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๕ (พิมพเ สรจ็ ครัง้ แรก พ.ศ. ๒๕๑๘) โดยมีเนอ้ื หาแยกเปน ๓ ภาค คือ ภาค ๑ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร หมวดธรรม ภาค ๒ พจนานกุ รมพุทธศาสตร ไทย–องั กฤษ ภาค ๓ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทยก. ความเปนมาเดิม — ชวงที่ ๑– การพิมพระบบโมโนไทป ทง้ั ๓ ภาคของหนังสอื น้ี เปนงาน ๓ ชิ้น ซ่ึงมคี วามเปนมาตา งหากจากกัน ดงั ทีไ่ ดเ ลาไวใ นคาํนําของการพิมพคร้ังท่ี ๑ โดยเฉพาะภาค ๒ “พจนานุกรมพุทธศาสตร ไทย–อังกฤษ” เปนงานเกาสุด เดิมชื่อพจนานกุ รมศพั ทพ ระพทุ ธศาสนา ไทย–บาล–ี องั กฤษ ไดจ ดั ทาํ ขนึ้ เมอ่ื ผรู วบรวมและเรยี บเรยี งสอนวชิ าธรรมภาคภาษาองั กฤษ ในแผนกบาลเี ตรยี มอดุ มศกึ ษา มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั จดั ทาํ เสรจ็ ใน พ.ศ.๒๕๐๖ และไดแ กไ ขเพมิ่ เตมิ เปน ครง้ั คราว จนไดม าจดั รวมเขา เปน ภาค๒ของหนงั สอื นใี้ น พ.ศ.๒๕๑๕ อนง่ึ “พจนานกุ รมพุทธศาสตร ไทย–องั กฤษ” นี้ ไดมีประวตั ิแยกตางหากออกไปอกี สวนหน่งึคือ ไดข ยายเพิ่มเติมเปนฉบับพิสดาร ซง่ึ พมิ พเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๓ แตจ บเพียงอกั ษร ฐ แลวคา งอยูแคน้ันจนบัดน้ี ภาค ๑ คอื “พจนานกุ รมพุทธศาสตร หมวดธรรม” เปนงานใหมท ีจ่ ัดทําขน้ึ ใน พ.ศ. ๒๕๑๕โดยตง้ั ใจใหเ ปน เพยี งคูมอื ศึกษาธรรมขนั้ ตน แตกลายเปนสวนที่มเี นอื้ หามาก เมอื่ เทียบกับภาค ๒แลว ภาค ๑ น้ีไดก ลายเปน สว นหลักของหนงั สือไป สวนภาค ๓ คือ “พจนานุกรมพทุ ธศาสตร อังกฤษ–ไทย” เปนงานแถมและเสริมเทานั้นกลาวคือ เม่ือตกลงวา จะพมิ พภาค ๑ และภาค ๒ รวมเปนเลม เดยี วกนั แลว ก็เหน็ วาควรมีพจนานกุ รมพากยอ ังกฤษ–ไทย ไวค ูกับพากยไ ทย–อังกฤษดว ย แมว าจะเปนเพยี งสวนประกอบ ซ่ึงตามปกติรกู นั วาใชนอย การพมิ พหนังสอื นีเ้ ปน งานที่นับวา ละเอยี ดและซบั ซอน อีกทงั้ ผรู วบรวม–เรยี บเรียงยงั ไดเ พ่มิเติมแทรกเสรมิ ระหวา งดําเนินการพิมพค อ นขางมาก จงึ ใชเวลายาวนาน เขาโรงพมิ พป ลาย พ.ศ.๒๕๑๕กวาจะเสรจ็ ออกมาเปน เลมหนังสอื ก็ถึงกลางป ๒๕๑๘ รวมเวลาพิมพ ประมาณ ๒ ป ๖ เดอื น การพิมพรวมเลมคร้ังแรกน้ี ถือวาไดรับการสนับสนุนจากคาํ อาราธนาของพระมหาสมบูรณ

๕สมปฺ ุณโฺ ณ (ปจจบุ ัน พ.ศ. ๒๕๔๕ คือ พระราชกิตติเวที เจาอาวาสวดั วชริ ธรรมปทปี นครนิวยอรก )ผูชวยเลขาธิการมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย และเผยแพรโ ดยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั สวนกระบวนการพมิ พ ดําเนนิ การโดยโรงพมิ พค ุรุสภา ซ่ึงใชร ะบบเรยี งพมิ พอ ักษรแบบ Monotype ตอ จากนน้ั ใน พ.ศ. ๒๕๒๑ กรมการศาสนาไดข ออนญุ าตพิมพค ร้ังท่ี ๒ และครั้งที่ ๓ ซง่ึเปน การพมิ พซาํ้ ตามเดิมข. ความเปน มาชวงท่ี ๒– การพมิ พครงั้ ท่ี ๔ — ระบบคอมพิวกราฟค พจนานกุ รมพุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม มกี ารเปล่ยี นแปลงครง้ั สําคญั ในการพิมพค รง้ั ท่ี ๔ ท่ีพิมพเสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๒๘ (หลงั พิมพค ร้ังแรก ๑๐ ป) การพิมพค ร้ังที่ ๔ นี้ มจี ุดเริม่ ในปลายป ๒๕๒๔ เมื่อคณุ สาทร และคณุ พสิ มร ศรศรีวชิ ยั ไดซือ้ พจนานกุ รมพุทธศาสตร ฉบับประมวลธรรม น้ันแจกเปน ธรรมทาน จนหนังสอื แทบจะไมม ีเหลอืแตยงั ประสงคจะแจกตอไปอกี จงึ ปรารภท่จี ะพมิ พเพ่มิ เปน ธรรมทาน เวลานั้นมหาจฬุ าลงกรณราช-วทิ ยาลัยประสงคจะพมิ พอ ยูแลว แตไ มม ที นุ ทรพั ยเพยี งพอ จงึ ขอรว มพิมพด ว ย แตเกดิ เหตขุ ดั ของเนอื่ งจากตน แบบหนงั สอื (อารต เวิรค) และฟล ม ทโ่ี รงพิมพเกา สญู หายหมดแลว ตองจดั เตรียมตนแบบท่จี ะพิมพข ้นึ ใหม ระหวางน้ันมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยไดขยายความคิดในการพิมพโดยประสงคจะเพ่ิมจํานวนใหม ากถงึ ๑๐,๐๐๐ เลม แตยังไมมที นุ ทรพั ยท ีจ่ ะจา ยคาพมิ พ ณ จดุ นก้ี ็ไดม ี “ทนุ พมิ พพ จนานกุ รมพุทธศาสตร” เกิดขนึ้ เนอ่ื งจากคุณหญิงกระจา งศรีรกั ตะกนิษฐ ทราบปญหาแลว ไดเชิญชวนญาตมิ ติ รรว มกนั ตั้งถวาย ซง่ึ มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยัไดใ ชพ มิ พท ้ัง พจนานกุ รมพุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม และ พจนานกุ รมพุทธศาสน ฉบับประมวลศพั ท มาจนบดั นี้ ในการพมิ พค รง้ั ที่ ๔ น้ี ตอ งจดั ทาํ ตน แบบใหม จงึ ถอื โอกาสปรบั ปรงุ เพม่ิ เตมิ ตน ฉบบั เชน ในภาค ๑ เพมิ่ หมวดธรรมอกี กวา ๓๐ หมวด สว นกระบวนการตพี มิ พใ ชร ะบบคอมพวิ กราฟค ซงึ่ ผเู รยี งอักษรตองเพียรพยายามในการยักเย้ืองพลิกแพลงและตองตัดแตงตัวอักษรบาลีโรมันดวยมือเปลามากมาย เปนเหตุใหก ารพมิ พใ ชเ วลายาวนานถงึ ปค รง่ึ เศษ จงึ พิมพเสร็จในครงึ่ หลังของ พ.ศ.๒๕๒๘ การพิมพต น ฉบบั ทง้ั หมดของหนงั สอื นสี้ ําเรจ็ ดว ยศรัทธาของคณุ ชลธีร ธรรมวรางกรู สวนการพิมพตนแบบดวยระบบคอมพวิ กราฟค คุณบญุ เลิศ วุฒิกรคณารักษ เปน ผจู ัดทําดวยความเพียรเปน อนั มากค. ชว งตอ สูการพมิ พคร้ังท่ี ๑๐ หลังจากการพิมพค ร้งั ที่ ๔ ทเ่ี สร็จในป ๒๕๒๘ แลว มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดพ มิ พพจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นีใ้ หมเรือ่ ยมา จนถึงครั้งลาสุด ในป ๒๕๔๓ เปน การ

๖พมิ พค รัง้ ที่ ๙ ในการพิมพต ้งั แตค รง้ั ที่ ๔ เปนตนมา ซึ่งมีผูรจู กั พจนานุกรมฯ น้ีกวางออกไปแลว ไดม ที านที่ศรัทธารวมพิมพแจกเปนธรรมทานจํานวนมาก แตในดานเนื้อหาของหนังสือแทบไมมีการเปลี่ยนแปลง เรียกไดว า เปน การพิมพซ ํา้ ไปตามเดมิ คือคงอยเู ทากับการพิมพค ร้ังท่ี ๔ แทจ รงิ นน้ั ระหวา งเวลาทผี่ า นมา ผรู วบรวมและเรยี บเรยี งปรารถนาจะปรบั ปรงุ เพม่ิ เตมิ เนอ้ื หาของหนงั สอื เชน เพิ่มหมวดธรรมบางเร่อื ง แตตดิ ขดั เพราะการพมิ พร ะบบเกา แมแ ตระบบคอมพวิ -กราฟค นั้น ตองอาศัยตนแบบทจ่ี ัดลงตวั เมือ่ ยตุ อิ ยา งไรแลว กต็ อ งพิมพตามเดิมอยา งน้นั เร่ือยไปแกไขเปลี่ยนแปลงไดยาก และเมอื่ กาลเวลาลว งไปนาน ตน แบบนนั้ กเ็ ปอ ยผสุ ลายเสยี ไป พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม น้ี จึงตองพิมพซํา้ อยา งเดมิ เร่ือยมาต้งั แตค รง้ั ท่ี ๔ พ.ศ.๒๕๒๘ นั้น ยิง่ ครัง้ หลงั ๆ เม่อื ตน แบบเปอยผเุ สียไปแลว ก็ตอ งนาํ เอาเลม หนงั สือฉบบั ท่พี มิ พครง้ั กอนๆมาถายแบบ ทําใหค ุณภาพการพิมพลดลง เชนตัวอักษรเลือนลางลงไป การปรับปรงุ เพ่มิ เตมิ เนอ้ื หากด็ ี การแกไขปญ หาการพิมพท่ีจะใหกลบั เรยี บรอ ยชดั เจนข้ึนใหมกด็ ี หมายถงึ การที่จะตอ งเรียงพมิ พขอมลู และจดั ทําตนแบบขน้ึ ใหม ซงึ่ เปนงานทย่ี าก ซบั ซอน ดวยมีตวั อักษรหลายแบบ หลายขนาด โดยเฉพาะตัวบาลี ทงั้ อักษรไทย และอักษรโรมัน จะตองใชความละเอยี ด แมน ยาํ รวมท้งั เวลามากในการตัง้ ใจทาํ อยางจริงจัง ระหวา งนี้ มคี วามกา วหนา ทางเทคโนโลยีทเ่ี กื้อหนนุ คือในดานอตุ สาหกรรมการพิมพหนังสือเมือ่ เขา สยู คุ คอมพิวเตอรแ ลว ไดเ ร่ิมมกี ารใชคอมพิวเตอรใ นงานพิมพห นงั สือ ต้ังแตประมาณ พ.ศ.๒๕๓๐ เปนตน มา ทําใหก ารพมิ พข อมลู สะดวกข้ึน แกไขปรับปรงุ เปลีย่ นแปลงเพ่มิ เตมิ ขอ มลู ไดงายและเก็บขอมูลไวใ ชไ ดในระยะยาว แตสําหรับงานพิมพ พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรมการพมิ พก ย็ งั ตองอาศัยความชาํ นาญ ความละเอยี ดลออและวิริยะอุตสาหะมากทเี ดยี วง. ความเปน มาชว งที่ ๓– การพมิ พค รง้ั ที่ ๑๐ คือ ปจ จุบัน — ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร ความกา วหนาชว งที่ ๓ เกดิ ข้นึ เมื่อ ดร.สมศีล ฌานวงั ศะ รองศาสตราจารยป ระจาํ สถาบันภาษาจฬุ าลงกรณม หาวทิ ยาลัย และราชบัณฑติ สาํ นักศลิ ปกรรม ประเภทวรรณศิลป สาขาวิชาภาษาศาสตร ไดปลกี เวลาบางสว นจากงานประจํามาจบั งานนด้ี วยศรัทธาและฉนั ทะ ทผี่ ูกพนั กับหนงั สอื นี้มายาวนาน ยอ นหลงั ไป เม่ือ ๓๐ กวา ปล วงแลว คือ พ.ศ. ๒๕๑๑ ดร.สมศีล ฌานวงั ศะ สมยั ท่ยี ังเปนนักเรียนมัธยมในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งตอมาเปนผูชนะเลิศพิมพดดี แหง ประเทศไทยทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ของสมาคมชวเลขและพมิ พดดี แหงประเทศไทย ไดม ศี รัทธาและฉันทะชว ยพิมพดีดตน ฉบบั ฉบบั ขยายความแหง ภาค ๒ ของพจนานุกรมฯ ฉบับนี้ ซึ่งไดพ ิมพแ ยกตา งหากอกั ษร ก–ฐ และตอมาใน พ.ศ. ๒๕๒๘ ระหวางทีศ่ กึ ษาอยูใ นสหรัฐอเมริกา และมาเย่ยี มบานชวั่ คราวเพื่อรว มงานบรรจุศพมารดา ก็มารับปรูฟสว นหนึ่งของหนังสอื พจนานกุ รมฯ นี้ ท่ีอยูในระหวางจดั

๗พมิ พคร้งั ท่ี ๔ ไปชวยตรวจ คร้นั กลับจากอเมริกามาทาํ งานในเมอื งไทยแลว ในคราวจัดงานฌาปน-กจิ ศพ นางกงุ แซฉ ัว่ (ฌานวังศะ) ผเู ปน มารดา ณ ฌาปนสถาน วดั เทพศิรินทราวาส ในวนั ที่ ๑๒พฤศจกิ ายน ๒๕๓๐ ก็ไดพ มิ พหนังสอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม นเี้ ปนอนุสรณและเปน ธรรมทาน ดร.สมศีล ฌานวังศะ มีศรทั ธาและฉนั ทะทีจ่ ะชว ยงานพิมพพ จนานุกรมฯ นี้ อยูตลอดมา แตในระยะแรกมภี าระรอบดาน ตอ งระดมแรงทง้ั ในและนอกเวลาราชการใหแ กง านประจาํ จนกระทั่งปพ.ศ.๒๕๔๑ จึงไดพ ยายามปลกี เวลานอกราชการมาเรม่ิ ดาํ เนนิ งานพมิ พข อ มลู พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรฉบบั ประมวลธรรม ลงในคอมพิวเตอร และไดต้งั ใจวาจะจัดพิมพค ร้งั ใหมใหท ันโอกาสทผี่ ูรวบรวม–เรียบเรยี งมีอายุครบ ๖๐ ป ในเดอื นมกราคม ๒๕๔๒ การเรยี งพมิ พด ว ยระบบคอมพวิ เตอรนี้ แมจะกา วหนามาก มีประสิทธภิ าพสงู และมีขอ ดีพเิ ศษอนื่ อกี หลายอยา ง แตเ มอื่ มาเรยี งพมิ พภ าษาบาลอี กั ษรโรมนั (Romanized Pali) กป็ ระสบปญ หาคลา ยกันกบั การพิมพดว ยระบบคอมพิวกราฟค ในครัง้ กอ น เปนเหตุให ดร.สมศลี ตอ งใชเ วลาและความเพียรพยายามอีกสว นหนงึ่ ในการพฒั นาแบบตวั อักษร (fonts) พิเศษตา งๆ ขึ้นมา เพ่อื ใชพ มิ พภาษาบาลีทงั้ อักษรโรมันและอกั ษรไทยในแบบตวั อกั ษรชุดเดียวกนั ซึ่งกป็ ระสบความสําเรจ็ ดวยดี ในการทํางานดว ยศรทั ธาและฉันทะนี้ ด.ญ.ภาวนา ฌานวงั ศะ และ ด.ช.ปญ ญา ฌานวงั ศะซง่ึ เปนผูมคี วามใฝรูใฝศ ึกษา ไดชว ยแบง เบาภาระของคณุ พอ โดยชว ยกนั พิมพขอมลู ท้ังหมดตามตนฉบับเดมิ ลงในคอมพวิ เตอรเ สรจ็ สน้ิ ตั้งแตก ลางป พ.ศ. ๒๕๔๒ อยางไรก็ตาม งานนี้มิใชหนักแรงและตองใชเวลามากเฉพาะในการพิมพขอมูลและพิสูจนอักษรเทานั้น แตมกี ารตรวจสอบและทวนทานทต่ี อ งการความละเอียดแมน ยาํ อกี หลายข้นั ตอน ยกตัวอยา งงายๆ เพยี งตรวจสอบตวั เลขหมวดธรรมหมวดหนง่ึ ๆ ก็ตอ งตรวจสอบท้ังลาํ ดบั ของหมวดธรรมน้นั เอง และการอา งอิงถึงหมวดธรรมนัน้ ณ ทีอ่ ืน่ ๆ ในเลมหนังสอื กับทัง้ ตัวเลขหมวดธรรมน้ันและขอ ธรรมยอ ยของหมวด ในสารบัญหมวดธรรม สารบัญประเภทธรรม และดัชนีคน คาํ ทง้ั หมดนอกจากนนั้ เมือ่ มกี ารเปลี่ยนแปลง เชน สลับลาํ ดบั หมวดธรรม หรือเพิ่มหมวดธรรมใหม ก็ตองตามเลื่อนหรือเติมเลขตลอดทกุ แหง (โดยเฉพาะในระยะหลงั นผ้ี ูเรียบเรียงไดเ พิ่มหมวดธรรมหลายคร้ัง)จึงเปน ธรรมดาวา งานจัดทาํ หนงั สอื จะตองยืดเยือ้ ยาวนาน แมว าการพิมพจ ะไมทนั เดือนมกราคม ๒๕๔๒ ตามทไ่ี ดตั้งใจไวเ ดิม เพราะเปน งานที่มีขอ มูลมาก และละเอยี ดซบั ซอนอยา งทีก่ ลา วแลว อีกทงั้ ผูทาํ งานกป็ ลกี ตัวจากงานประจาํ ไมไดมากเทา ท่หี วงัไว แตการท่ีเวลาเนน่ิ นานมา กท็ าํ ใหมีโอกาสมองเหน็ ขอ ควรแกไขปรบั ปรงุ และวิธกี ารใหมๆ ในการทาํ งานใหไดผลดียิ่งขึ้น พรอมทั้งเปด โอกาสใหผ รู วบรวม–เรียบเรียงเอง มเี วลาทจี่ ะหนั มาปรบั ปรงุเพิม่ เตมิ เนอ้ื หาของหนงั สอื ตามท่ีเคยคิดไวไ ดบางสว น ในการทํางานท่ตี องอยูกบั ขอมลู ของหนังสือตอ เนื่องยาวนาน และไดอ านทวนตลอด ประกอบกบั ความละเอยี ดลออ และความแมน ยาํ ทางวชิ าการ ดร.สมศลี ฌานวังศะ ไดพ บขอ บกพรอ งผดิพลาดตกหลน รวมท้ังปญหาเกี่ยวกับความสอดคลองกลมกลืนกันของขอมูลหลายแหงในตนฉบับ

๘เดิม และบอกแจง–เสนอแนะ ทําใหผ รู วบรวม–เรียบเรียง แกไ ขปรบั ปรุงใหเรยี บรอ ยสมบูรณย ่งิ ขนึ้ นอกจากการแกไ ขปรบั ปรุง และการจดั ปรับใหสอดคลอ งกลมกลืนกนั แลว ในการพมิ พค ราวนี้ ไดเ พมิ่ เติมหมวดธรรมทค่ี วรรอู ีกหลายเร่ือง คอื อัตถะ ๒; ธรรม ๔; วธิ ปี ฏิบตั ิตอทกุ ข–สุข ๔;วปิ ล ลาส, วปิ ลาส ๔; โสตาปต ติยงั คะ ๔ สามหมวด; ธรรมสมาธิ ๕; ภัพพตาธรรม ๖; วัฒนมขุ ๖;เวปลุ ลธรรม ๖; บุพนิมติ แหงมรรค ๗; อานาปานสติ ๑๖; และ ปจจัย ๒๔ สวนหมวดธรรมทจ่ี ดั ปรบัคาํ อธบิ ายไดแกไตรลกั ษณ; ธรรมนิยาม ๓; ปริญญา ๓; อตั ถะ ๓ ทัง้ ๒ หมวด; พรหมวหิ าร ๔;พละ ๕; อินทรีย ๕; โพธปิ กขิยธรรม ๓๗ และ กิเลส ๑๕๐๐ ซึ่งหวังวาจะอาํ นวยประโยชนใ นการศึกษาธรรมเพ่ิมข้ึน แมวาในการพิมพครง้ั ที่ ๑๐ นี้ หนังสอื จะมเี นอื้ ความเพิ่มขึ้นเปนอันมาก ถาเทียบตามอตั ราสวนของฉบบั พมิ พครงั้ กอ นที่มี ๔๗๕ หนา พจนานุกรมฯ ที่พิมพครง้ั น้ี คงจะหนาขนึ้ อีกประมาณ๒๐ หนา แตอาศัยระบบการพมิ พแบบคอมพิวเตอร ที่ชวยใหมคี วามยดื หยุนในการจดั ปรับตนฉบับไดส ะดวก จึงพมิ พไดจุข้ึน ทําใหจ ํานวนหนาหนังสอื กลับลดลงมากมาย เหลือเพยี ง ๔๐๘ หนา ขอสําคญั อีกอยางหนง่ึ คือ การพมิ พค ร้งั น้ีชว ยใหม ฐี านขอมูลท่จี ัดปรับเรยี บรอยแลว ซงึ่สามารถเก็บรักษาไวไดโดยสะดวกและครบถวน เก้ือกูลอยางย่ิงตองานปรับแกและเพ่ิมเติมพจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม น้ใี นกาลขางหนาสบื ไป เนอ่ื งจาก ดร.สมศีล ฌานวังศะ มคี วามต้งั ใจสอดคลอ งกับญาติโยมผูศ รทั ธา วา จะพิมพพจนานุกรมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม ใหทนั ปใหม ๒๕๔๕ แตผ ูรวบรวม–เรยี บเรียงเขียนสว นเพมิ่ เตมิ นี้ในเวลาทีจ่ วนเจียนจะถงึ ปใ หม ดงั นัน้ เมื่อเขียนเสรจ็ จึงตอ งเรงขอใหพระครูปลัดปฎ กวฒั น(อินศร จินฺตาปฺโ) ชวยพมิ พตน ฉบับสวนเพ่ิมเติมน้ี เปนขอมูลดิบ เพอ่ื สงใหแก ดร.สมศลี ฌาน-วังศะ อีกขนั้ หนึง่ ขออนุโมทนาผชู วยงานในยามกระช้ันไว ณ ท่นี ด้ี วย ในการพมิ พเ ผยแพร นอกจาก ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ เองจะบาํ เพญ็ ธรรมทาน โดยชวนญาตมิ ติ รรว มดวยแลว ก็มีญาตโิ ยมผศู รทั ธาหลายทานตง้ั ใจบําเพ็ญธรรมทานสาํ หรบั หนังสือนมี้ านานแลว ซง่ึไดแ จง บญุ เจตนาไวต ง้ั แตก ลางปน ี้ วา จะพมิ พข นาดขยายใหญ เพอ่ื แจกใหเ ปน ประโยชนก วา งออกไป ขออนุโมทนา รศ.ดร.สมศีล ฌานวังศะ ราชบัณฑิต พรอ มทัง้ น.ส.ภาวนา ฌานวงั ศะ และด.ช.ปญญา ฌานวังศะ ท่ไี ดบ าํ เพญ็ กุศลกจิ สาํ คัญครงั้ น้ี ดวยศรทั ธาและอิทธิบาทธรรมอยา งสูง และขออนุโมทนาทานที่ศรัทธา ผูรวมบําเพ็ญธรรมทานเพ่ือประโยชนทางธรรมทางปญญาแกประชาชนและเพอ่ื ความเจรญิ แพรหลายแหงพระสัทธรรม ทจ่ี ะทําใหพ ระพุทธศาสนาสถิตมน่ั เพอ่ื ประโยชนส ขุแกมหาชน ตลอดกาลนาน พระธรรมปฎก (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๒๕ เมษายน ๒๕๔๕

บันทกึ ในการพมิ พค รั้งท่ี ๔ ความเปนมา – เบ็ดเตลด็ – อนุโมทนา วนั หนง่ึ เมอ่ื ตน เดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๔ คณุ สาทร และคณุ พสิ มร ศรศรวี ชิ ยั ไดซ อ้ืพจนานุกรมพุทธศาสตร น้ี ฉบับพิมพคร้ังที่ ๓ จากรานจาํ หนายหนังสือของมหาจุฬาลงกรณราช-วทิ ยาลยั จาํ นวน ๑๐๐ เลม นาํ ไปแจกเปน ธรรมทานเอง ๒๐ เลม และนาํ มาถวายใหผ เู รยี บเรยี งแจก ๘๐เลม เพราะหนงั สอื ทผ่ี เู รยี บเรยี งจดั เตรยี มไวเ ปน ธรรมทาน ไดแ จกไปหมดสน้ิ แลว ตอ มาถงึ ตน เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ คณุ สาทร และคณุ พสิ มร ไดไ ปทร่ี า นจาํ หนา ยหนงั สอื ของมหาจฬุ าลงกรณ-ราชวทิ ยาลยั เพอ่ื ซอ้ื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร มาถวายใหผ เู รยี บเรยี งแจกอกี และไดท ราบวา หนงั สอืจวนจะหมด จงึ ปรกึ ษากนั และไดแ จง แกผ เู รยี บเรยี งวา จะขอพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร แจกเปนธรรมทาน ทางฝา ยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ซงึ่ ขาดแคลนในดา นทนุ ทรพั ย เมอื่ ไดท ราบวา มโี ยมศรทั ธาจะพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร แจก เหน็ เปน โอกาสวา ถา สมทบพมิ พด ว ย จะไดห นงั สอื ราคาถูกลงพอสูราคาได จึงขอพิมพรวมดวย เพ่ือจาํ หนายหาทนุ บาํ รุงการศึกษาของพระภกิ ษสุ ามเณรจาํ นวน ๑,๐๐๐ เลม การพมิ พค รง้ั ท่ี ๔ ของ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร นบั วา ไดเ รมิ่ ตน แตน น้ั มา เมอ่ื ตกลงวา จะพมิ พใ หมแ ลว ผเู รยี บเรยี งกไ็ ดเ ตรยี มการเบอ้ื งตน เรมิ่ ดว ยการตดิ ตอ กบั โรงพมิ พเ ดมิ เพอ่ื สบื หาอารต เวริ ค และฟล ม เกา แตป รากฏวา สญู หายหมดแลว ตอ แตน น้ั จงึ เสาะหาโรงพมิ พท ี่เหมาะใหม และตรวจชําระเพ่ิมเตมิ ตน ฉบบั แทรกซอ นไปถึงงานอน่ื เชนการพิมพ พทุ ธธรรม เปน ตนเวลาลวงไปชา นาน จนถงึ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๒๗ ตนฉบับจงึ นับวาพรอ ม และไดโ รงพมิ พเปนยุติ ถึงตอนนมี้ หาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั เหน็ วา การพมิ พค รัง้ ละจาํ นวนนอ ยเปนเหตุใหเ กิดความยากลําบากบอยๆ จงึ ขอเพม่ิ จาํ นวนพิมพเ ปน ๑๐,๐๐๐ เลม ท้ังทยี่ งั ไมมีทนุ ทรพั ยส ําหรับจา ยคาพมิ พ ครงั้ นัน้ คุณหญิงกระจา งศรี รกั ตะกนษิ ฐ ไดมาอุปถัมภผ เู รียบเรยี งในดานพาหนะท่จี ะตดิ ตอโรงพิมพตา งๆ เปนตน ครน้ั ไดทราบปญ หาการเงนิ ของมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั จึงไดเชิญชวนญาตมิ ิตรรว มกนั ต้งั “ทุนพิมพพ จนานุกรมพุทธศาสน” ขึน้ ชวยใหมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยัพิมพพ จนานุกรมพุทธศาสตร ฉบบั นไ้ี ดสําเร็จตามวตั ถุประสงค และยังมที นุ เหลอื พอสาํ หรับพิมพพจนานกุ รมพทุ ธศาสน อีกเลมหน่งึ ดังท่ไี ดพ มิ พเ ผยแพรเ สร็จออกไปกอนแลวดว ย คณุ ยงยทุ ธ และคุณชุตมิ า ธนะปรุ ะ มีศรทั ธาแรงกลา ท่จี ะสง เสริมการเผยแพรธรรม ไดข อพิมพหนังสือน้ีแจกเปนธรรมทาน ๓,๐๐๐ เลม และตอมาไดมีเพื่อนขอรวมพิมพแจกดวยอีก๑,๐๐๐ เลม รวมเปน ๔,๐๐๐ เลม ผเู รยี บเรียงยังไมเ ห็นดว ยทีจ่ ะพมิ พ พจนานกุ รมพุทธศาสตร นี้ใหม ีจํานวนมากนัก จึงไดพ ดู ชกั ชวนใหลดจาํ นวนลงใหเหลอื นอยทสี่ ดุ คุณยงยทุ ธ และคณุ ชุตมิ ารับไปพจิ ารณาระยะเวลาหนึง่ ในทสี่ ดุ จงึ ตกลงยอมลดลงโดยขอพมิ พแจก ๒,๕๐๐ เลม ซงึ่ ก็ยังเปนจาํ นวนมากอยู ทางดานคณุ สาทร และคณุ พสิ มร ศรศรีวชิ ยั เมอ่ื ไดท ราบวามหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยัเพมิ่ จาํ นวนพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ขน้ึ จาก ๑,๐๐๐ เลม เปน ๑๐,๐๐๐ เลม กเ็ หน็ วา หนงั สอื จะแพรห ลายเพยี งพอแลว ไมจ าํ เปน ตอ งชว ยสนบั สนนุ มากนกั ควรเปลย่ี นไปชว ยเผยแพรห นงั สอื พทุ ธ-ธรรม ทค่ี ณุ สาทร และคณุ พสิ มร เหน็ วา สาํ คญั กวา จงึ ขอลดจาํ นวนพจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ทต่ี นจะ

๑๐พมิ พแ จกลงเหลอื เพยี ง ๔๐๐ เลม แลว นาํ เงนิ ไปใชส นบั สนนุ พทุ ธธรรม แทน ดงั ไดไ ปรว มพมิ พพ ทุ ธ-ธรรม มาถวายใหผ เู รยี บเรยี งแจกไปรนุ หนงึ่ แลว จาํ นวน ๒๐๐ เลม อยา งไรกต็ าม งานพมิ พพจนานุกรมพทุ ธศาสตร ยดื เยอื้ เรอ้ื รงั มาก เวลาลว งไปชา นาน นบั แตค ณุ สาทร และคณุ พสิ มร แจง ขอพมิ พผ า นไป๓ ปเ ศษแลว การพมิ พก ย็ งั ไมเ สรจ็ คณุ สาทรและคณุ พสิ มรนน้ั มศี รทั ธาในการเผยแพรธ รรมมาก เมอื่พอรวบรวมทนุ ทรพั ยไ ด กจ็ ะใชส นบั สนนุ การพมิ พด ว ยความเสยี สละ ประจวบกบั ระยะหลังน้ี คุณพสิ มรปว ยดว ยโรครา ย ถงึ ขน้ั ไมอ าจไวว างใจในชวี ติ ประสงคจ ะเสยี สละเพอ่ื สง เสรมิ ธรรมใหเ ตม็ ความตง้ั ใจ จงึ มาสอบถามเกย่ี วกบั การพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร และ พทุ ธธรรม เหน็ เคา วา การพิมพหนงั สือสองเลม น้จี ะเสรจ็ หา งเวลากันพอควร คํานวณคา ใชจ ายกบั กาํ ลงั ทรพั ยพอจะรบั กันได จงึตกลงกนั วา จะพมิ พแ จกทงั้ สองเลม ตามลาํ ดบั เรมิ่ ดว ยยกจาํ นวนพมิ พธ รรมทาน พจนานกุ รมพทุ ธ-ศาสตร กลบั ขน้ึ จาก ๔๐๐ เลม เปน ๔,๐๐๐ เลม ผเู รยี บเรยี งจงึ แยง และชกั จงู ใหพ มิ พเ พยี ง ๔๐๐ เลมเทา ทเี่ คยลดลงไวค ราวกอ น แตท ง้ั สองทา นยนื ยนั จะพมิ พแ จก ๔,๐๐๐ เลม ผเู รยี บเรยี งจาํ ยอม แตไ ดขออนญุ าตพเิ ศษไวอ ยา งหนง่ึ กลา วคอื ปกตคิ ณุ สาทร และคณุ พสิ มร พมิ พห นงั สอื ธรรมแจกโดยไมยอมใหม ชี อ่ื ตนปรากฏ คราวนผี้ เู รยี บเรยี งขอรอ งใหย อมแกผ เู รยี บเรยี งในอนั ทจ่ี ะตอ งเอย ชอ่ื เมอ่ื เลา ถงึความเปน มาของการจดั พมิ พ เพอื่ ประโยชนใ นดา นขอ มลู ประวตั ิ ตวั เลขสถติ ิ และความรเู กย่ี วกบั ขอเทจ็ จรงิ ทเ่ี ปน กลางๆ นอกจากนน้ั การทาํ สงิ่ ทด่ี งี ามของบคุ คลหนงึ่ เมอ่ื ผอู น่ื มโี อกาสรู กอ็ าจเปน แรงกระตนุ ใหเ กดิ การกระทาํ ทด่ี งี ามเพม่ิ ขนึ้ ใหม กวา งขวางออกไปในสงั คม ทางดานมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมอ่ื หนงั สอื ใกลจ ะข้ึนแทน พมิ พ ไดบอกกลาวขอเพม่ิจํานวนพิมพจ าก ๑๐,๐๐๐ เลม ขน้ึ เปน ๑๕,๐๐๐ เลม ผูเรียบเรียงก็ไดข ดั ไว โดยชักจูงใหระงับการเพมิ่ จาํ นวนเสีย คงพิมพเ พียง ๑๐,๐๐๐ เลม ตามจาํ นวนเดมิ การทีผ่ ูเรยี บเรียงคอยยงั้ ไมใหพิมพมากนั้น ก็ดวยเห็นวา หนังสือเพียงเทาทพ่ี ิมพนก้ี วามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจะระบายออกไปหมดก็อาจตอ งใชเวลานานแสนนาน อกี ประการหนง่ึ กน็ า จะไดม โี อกาสตรวจสอบวา ผลงานพมิ พส มบรู ณแ คไ หนเพยี งไร นอกจากนน้ั ผูเ รียบเรยี งยังมองไมเห็นชดั วา ความตอ งการในวงการศกึ ษาธรรมจะมมี ากมายนกั หากมผี ตู อ งการจํานวนมากจรงิ ก็อาจพมิ พเ พ่มิ ใหมไดไ มเ หลือกาํ ลังในเร่อื งน้ผี เู รยี บเรียงยังระลกึ ไดอีกวา เคยมที านผูแสดงความจํานงพมิ พ พจนานุกรมพทุ ธศาสตรน้รี ายอืน่ อกี เทา ท่ีนึกออกเฉพาะหนา ๒ ราย แตข ณะน้ี เวลากระชน้ั เกนิ ไปเสียแลว และจาํ นวนพิมพกม็ ากอยแู ลว จึงจําปลอยเลยตามเลยไปกอน หากทานทีป่ ระสงคจะพิมพน น้ั ยงั ผูกใจอยู ก็อาจยกไปรวมในการพมิ พเ พม่ิ ใหมน ้นั โดยยอมรับคาํ ขออภยั ไวก อน ณ ที่น้ี การพมิ พค รงั้ นี้ แมว า โดยลาํ ดบั จะเปน การพมิ พค รง้ั ที่ ๔ แตว า โดยงาน ควรจดั เปน ครงั้ ท่ี ๒เพราะในการพมิ พค รง้ั ใหมน เ้ี ทา นน้ั ไดม กี ารทาํ งานใหมอ ยา งแทจ รงิ กลา วคอื มหาจฬุ าลงกรณราช-วทิ ยาลยั เปนสถาบันท่จี ดั พมิ พหนงั สือนค้ี รงั้ แรก ระหวา งพ.ศ. ๒๕๑๕ ถงึ ๒๕๑๘ โดยจดั จาํ หนา ยเกบ็ ผลประโยชนบาํ รงุ การศกึ ษาของพระภกิ ษสุ ามเณร ในมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ตอ มา พ.ศ.๒๕๒๑ กรมการศาสนา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดขอพมิ พซ ้าํ เพ่อื แจกเปนธรรมทาน โดยใชวิธีถา ยแบบจากฉบบั พมิ พค รั้งแรกของมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย นบั เปน การพิมพค รง้ั ที่ ๒ สวนฉบบัพิมพครั้งท่ี ๓ กค็ ือฉบับพมิ พคร้ังที่ ๒ น้ันเอง แตเปน สว นทโี่ รงพมิ พการศาสนาสงวนไวเตรียมจะจัดจาํ หนาย ๑,๐๐๐ เลม มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดข อซอ้ื ไป ๙๐๐ เลม และนาํ ไปจดั จาํ หนา ยหาทนุ บาํ รงุ การศกึ ษาในสถาบนั สว นอกี ๑๐๐ เลม ผูเรยี บเรียงไดมาดวยอาศัยปจ จยั ท่ีมีผูท าํ บญุ

๑๑เกา ๆ ในพิธีตา งๆ เมื่อครงั้ ปฏิบัตศิ าสนกจิ ในสหรฐั อเมริกา ซ่งึ ต้ังไวเ ปน ทนุ ช่อื “ทุนพมิ พพ ทุ ธศาสน-ปกรณ” และไดแจกจายเปนธรรมทานไปจนหมด สว นในการพิมพค รง้ั ใหมท่ีนบั เปน ครง้ั ท่ี ๔ น้ีนอกจากดาํ เนนิ การใหมต ลอดกระบวนการพิมพ เรม่ิ แตเ รียงตวั อักษรใหมท ั้งหมดแลว ยงั ไดแกไ ขปรับปรุงและเพ่ิมเติมเนอ้ื หาอีกเปน อนั มาก เชน ภาค ๑ เพิ่มหมวดธรรมอกี เกินกวา ๓๐ หมวดเขียนคาํ บาลีอักษรโรมันของขอธรรมท้ังหมดทั้งหัวขอใหญแ ละขอยอยแทรกเขาทุกแหง พรอมทั้งทํา Index of Pàli Terms เพ่ิมเขา อกี ภาค ๒ เพิม่ ศัพทใหมอีกมากกวา ๕๐ ศัพท ดงั น้เี ปน ตน การพิมพครงั้ ใหมน้ี เดิมคาดวาจะเสร็จสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว แตครนั้ ทาํ เขาจริง กลบั กินเวลานานถงึ ปค ร่งึ เศษ เทา กบั ประมาณครึ่งหน่ึงของเวลาที่ใชใ นการพมิ พค ร้งั แรก สาเหตุสําคัญของความลา ชานอกจากลกั ษณะของงานที่ตองการความละเอียดประณตี แมน ยาํ อยางพิเศษ ก็คอื ระบบการเรยี งพิมพทไ่ี มส มบูรณ ใชง านไดไ มพ อกับประเภทของงาน การพิมพค ร้ังกอนใชระบบโมโนไทปซ่ึงมีระบบตวั อกั ษรและเครือ่ งหมายคอนขางครบถวน ความลาชา เกิดจากการตองแตง เสรมิ ใหเรียบรอ ยประณตี งดงาม การแกไขแทรกเพิม่ ระหวา งเรียงพิมพ และความไมคลองตวั ในการดาํ เนนิ งานสวนในการพมิ พค รัง้ นีใ้ ชระบบคอมพวิ กราฟค ซง่ึ แมจ ะมตี ัวอกั ษรทงี่ ดงามชดั เจน แตม ีอกั ษรและเครื่องหมายไมครบถวน เฉพาะอยางยิ่งสาํ หรับการพิมพค าํ บาลีดวยอกั ษรโรมัน แมจ ะไดส ั่งซื้ออุปกรณคือจานบันทึกและแถบฟลมตนแบบมาใหมเปนการเฉพาะ ส้ินเปลืองทงั้ เงนิ และเวลาทร่ี อคอย แตก็ใชงานไดไมสมบูรณ ท้ังน้ีเพราะบริษัทตัวแทนจําหนายที่สั่งซื้ออุปกรณใหน้ันยังไมมีประสบการณเกี่ยวกับการพิมพอักษรสําหรับพจนานุกรมน้ี จึงไมสามารถกําหนดเลือกและจัดหาอปุ กรณทต่ี รงกบั งานแทจรงิ ใหไ ด การเรียงพิมพจ งึ ตองอาศัยความสามารถและความอดทนของนกัเรียงพิมพผูฉลาดหาวิธียักเย้ืองพลิกแพลงใหใชไดสาํ เร็จผลสวนหน่ึง ประกอบกับการใชผีมือตัดตอ ตดิ เติมแตงในอารต เวริ ค อีกสว นหนึง่ ซง่ึ อยา งหลงั น้ไี ดทาํ ใหผ เู รยี บเรยี งสิ้นเปลอื งเวลา และแรงงาน ตลอดจนสขุ ภาพไปกบั หนังสือเลม นีม้ าก ตวั อยา งเชนเครอ่ื งหมาย tilde (~) อยางเดยี ว ก็ตอ งนําจากท่อี นื่ มาติดแทรกลงในท่ีตา งๆ เกินกวา ๑๐๐ แหง ไมตองพดู ถึงการตดิ การเปลย่ี น การเลอ่ื นจดุ ใต/ เหนอื พยัญชนะและขดี เหนือสระของอักษรโรมัน ตลอดจนเรือ่ งปลกี ยอยอืน่ ๆ อกี เปนอันมาก ซ่ึงประมวลเขาแลวก็เปนเครื่องชี้แจงใหเขาใจวา เหตุใดงานน้ีจึงใชเวลาพิมพนานกวาหนังสอื อืน่ สวนมากอยา งมากมายหลายเทา ตัว ดังมีตัวอยา งหนงั สอื บางเลม ทผ่ี ูเ รียบเรยี งไดช ว ยจัดทําในระหวา งชว งเวลาของการพมิ พพ จนานกุ รมนี้ มคี วามหนาประมาณกง่ึ หนง่ึ ของ พจนานกุ รมพทุ ธ-ศาสตร ใชเวลาเรยี งพมิ พและจดั ทาํ อารตเวิรค ประมาณ ๑ เดอื นก็เสรจ็ เรยี บรอย ผลเสยี ทีส่ ําคัญอยางหนงึ่ ของความยากลาํ บากชา นานนีก้ ค็ อื งานเขียนและงานพมิ พหนังสอื อ่ืนๆ โดยเฉพาะการพิมพพ ุทธธรรม ครัง้ ใหม ตอ งพลอยถูกผัดผอ นเน่ินนานตอๆ กันออกไป แมวาการจดั พมิ พจ ะยากลาํ บากมาก จนทําใหเวลาเกอื บ ๒ ปท ่ีทาํ งานนี้ กลายเปน ชวงกาลแหงความกรอนโทรมของชวี ิตในอตั ราเรงสงู อกี ตอนหนึ่ง แตเ วลา ๒ ปเ ดยี วกนั นน้ั เอง ก็เปน ระยะท่ีไดมีแรงสนับสนุนคํ้าจุนเกิดข้ึนมาก ดวยไดมีทานผูศรัทธาท่ีจะสงเสริมงานพระศาสนาเขามาอุปถัมภใ นดา นตางๆ โดยการเสริมกําลงั บา ง ผอนแรงบาง อํานวยความสะดวกบาง เปนสวนรวมแรงรว มใจและเปนกําลังหนนุ อยขู างหลังใหง านบรรลคุ วามสาํ เร็จ ทา นผูอ ปุ ถัมภเหลาน้ี บางทานก็เปน เชนเดียวกบั คุณสาทร และคณุ พิสมร ศรศรวี ชิ ยั คอื ตามปกติ จะไมเปด เผยช่ือของตนในการชวยงานบญุ แมจ ะพมิ พหนังสอื เลม ใหญๆ แจกเปน ธรรมทาน ก็ไมย อมใหมีช่ือของตนปรากฏใน

๑๒หนังสือน้ัน แตคราวนี้ผูเรียบเรียงขออภัยที่จะเอยอางช่ือของทานเหลานั้นไว ไมวาจะไดบอกขออนญุ าตไวก อ นแลว หรอื ไมก ต็ าม โดยขอใหเห็นประโยชนว า ผูใชหนังสอื นี้รุน หลังๆ ตอ ไปจะไดร ูจกั พจนานุกรมพทุ ธศาสตร อยางรอบดา น อยางนอ ยกเ็ ปนขอ มลู เชงิ ประวัติ และเปน การบนั ทึกเหตกุ ารณอยา งหนึ่ง ตามขอเท็จจริงที่ไดเกดิ ข้ึนแลว อนั จะกอ ประโยชนท างวชิ าการไมม ากกน็ อ ยทั้งน้ี ขออนุโมทนาความอดุ หนนุ สงเสริมของทา นท่ีจะกลา วถงึ ตอไปน้ี ผศู รัทธาเสยี สละชว ยพมิ พด ีดตน ฉบบั สว นทเ่ี พ่ิมเติมในการพิมพครงั้ ใหมน้ี กค็ อื คุณชลธรี ธรรมวรางกูร บุคคลเดียวกันกบั ทีไ่ ดพ มิ พด ีดตน ฉบับภาค ๑ ทั้งหมดของพจนานกุ รมน้ีเมอ่ื พมิ พครัง้ แรก สวนในขน้ั เรียงพิมพ คุณบุญเลศิ แซต้ัง แหง บรษิ ทั ยนู ติ ี้โพรเกรส ไดร วมมือดว ยความมีนํ้าใจและดว ยความใฝเรียนรู พยายามเรียงพมิ พง านทย่ี ากมากน้ีใหออกมาเปน ผลงานที่ดี ในการพิสจู นอ ักษร ทานผศู รัทธามีน้ําใจเกอ้ื กูลหลายทานไดสละเวลาชว ยเหลอื สายหนึ่งคือ คณุ อัมพร สุขนนิ ทร ซ่งึ เม่อื รบั ไปตรวจ กไ็ ดร ับความอนุเคราะหจากโยม “มสิ โจ” (คณุ เจอืจันทน อัชพรรณ) ชว ยอานซาํ้ ใหดว ย อกี สายหน่ึง คุณชุตมิ า ธนะปรุ ะ รับไป แตเมือ่ คุณเฉียดฉตั รโฉม ปรพิ นธพ จนพสิ ทุ ธิ์ ผเู ปนเพอื่ นไดทราบ ก็รวมศรัทธาชวยตรวจ นอกจากน้นั คณุ สมศีลฌานวังศะ ผูเคยพมิ พตนฉบบั ฉบับขยายความแหง ภาคท่ี ๒ ของพจนานกุ รมนี้ ไดเดินทางจากสหรัฐอเมริกามาเย่ียมบานช่ัวคราว พอไดทราบก็มารับเอาปรูฟสวนหนึ่งเทาที่มีในระยะเวลาสั้นๆนั้นไปชวยตรวจ และบอกแจง ขอเสนอแนะบางอยางทมี่ ปี ระโยชน คณุ วรเดช อมรวรพพิ ฒั น และคณุ พนติ า องั จนั ทรเ พญ็ อาสาเกบ็ ศพั ทส าํ หรบั Index of PàliTerms โดยมคี ณุ องั คาร ดวงตาเวยี ง เปน ผชู ว ย และไดต รวจสอบความสมบรู ณข องสารบญั คน คาํใหด ว ย โดยเฉพาะคณุ พนติ า องั จนั ทรเ พญ็ ไดส ละเวลาเปน อนั มาก พยายามตดิ ตอ และตดิ ตามทางโรงพมิ พเ ปน ตน เพอื่ ใหห นงั สอื นไี้ ดร บั การตพี มิ พอ ยา งดที สี่ ดุ และไดร บั ความรว มมอื ดว ยดจี ากคณุปฐม สทุ ธาธกิ ลุ ชยั กรรมการผจู ดั การดา นสทุ ธาการพมิ พ พรอ มทง้ั คณุ สพุ จน มติ รสมหวงั ซงึ่ เปน ผูชว ยเอาใจใสต ง้ั ใจทจ่ี ะพมิ พใ หป ระณตี งดงาม ในดา นอปุ สรรคตอ งาน และการคา้ํ จนุ ชวี ติ ทเ่ี ปน พน้ื ฐานของงาน ผเู รยี บเรยี งถกู รบั เขา พกั รกั ษาตวั ในโรงพยาบาลพหลโยธนิ นบั แต พ.ศ. ๒๕๒๖ รวม ๓ คราว โดยมนี ายแพทยเ กษม อารยางกรูพ่ีชายของตนเอง เปน ผอู าํ นวยการดแู ลรักษา พรอมทง้ั ไดร บั ความเอื้อเฟอ เอาใจใสจ ากพยาบาลและพนักงานเจาหนาท่ดี ว ยดี คุณประพัฒน และคุณหมอกาญจนา เกษสอาด และคณุ หมอสมุ าลีตนั ติวรี สุต พรอมดว ยเพอื่ นและผใู กลช ดิ นอกจากอปุ ถมั ภด ว ยนติ ยภตั แลว กไ็ ดข วนขวายตดิ ตามชว ยแกป ญ หาสขุ ภาพ พรอ มทง้ั สนบั สนนุ ใหม อี ปุ กรณแ ละสถานทอ่ี าศยั ทเี่ ออื้ ตอ สขุ ภาพและการงานคณุ หญงิ กระจา งศรี รกั ตะกนษิ ฐ รว มดวยคุณหมอจรญู ผลนิวาส กับท้งั ศษิ ยและญาตมิ ิตรไดบาํ เพ็ญความอปุ ถมั ภข ยายออกไปรอบดาน ทง้ั ในทางสนบั สนุนผลงาน ดวยการจดั ต้ัง “ทุนพิมพพจนานุกรมพุทธศาสน ” เปนตน และในดา นค้ําจุนชวี ติ ของผทู าํ งาน ดวยการอปุ ถัมภความเปนอยูประจาํ วนั ขวนขวายใหไ ดฟน ฟูสขุ ภาพ และเสรมิ สรางสปั ปายะตา งๆ ตลอดจนจัดหาอุปกรณท ี่สาํ คัญมาไวเพอื่ ใหทาํ งานไดส ะดวกรวดเรว็ ทวปี รมิ าณ นอกจากต้งั ทนุ พิมพใ หแ ลว เมอ่ื หนงั สอื เสร็จออกมา โยมผศู รัทธายงั บาํ เพ็ญกิจอาสาสมัครชวยจําหนายหนังสือนั้นอีก เพ่ือใหมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยไดผลประโยชนโดยเร็วและเต็มจํานวนไมตองหักคาคนกลาง บรรดาผูศรัทธาที่ชวยสนับสนุนมหาวิทยาลัยสงฆดวยวิธีเปนส่ือนาํ

๑๓ผลประโยชนมาใหแ ละเผยแพรผลงานอยเู งยี บๆ เชน นี้ นอกจากโยมผรู เิ รม่ิ ตงั้ ทุนแลว ควรจะเอยนาม ดร.ทวีรสั มิ์ ธนาคม เปนตวั อยางอกี ทา นหน่ึง ยงั มีทานผศู รทั ธาหรือมีจิตเก้ือกลู อกี หลายทาน ท้ังบรรพชติ และคฤหสั ถ ไดปวารณาท่จี ะชว ยเหลือกิจตางๆ เก่ียวกับหนังสอื น้ี แมจ ะยงั ไมไดขอความรวมมือในคราวน้ี กข็ ออนโุ มทนาความมนี ํ้าใจดีนน้ั ไว และหวังวาคงจะไดข อความอนุเคราะหในงานสําคญั ๆ ลาํ ดับตอๆ ไป ทางดา นมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั เม่อื ไดแจงขอพิมพห นงั สือแลว ถึงคราวมีเรื่องเกยี่ วขอ งพระมหาอารีย เขมจาโร รองเลขาธิการฝา ยธุรการ กแ็ สดงความพรอ มอยูเสมอท่ีจะรวมมอืดาํ เนินกิจนนั้ ใหล ลุ วงไป ใกลเ ขา มาอกี ภายในวัดพระพเิ รนทร พระถวัลย สมจิตโฺ ต และพระฉายปฺ าปทโี ป ยงั คงเปน องคยนื หลกั ท่ีชวยใหค วามเปน อยขู องผูเ รยี บเรยี งภายในวดั คลอ งเบา พอวางภาระกับสภาพแวดลอมรอบตวั ได สามารถทํางานหนงั สือมงุ ไปแตดานเดียว ผเู รยี บเรยี งถอื วา การทท่ี า นผศู รทั ธาและมนี า้ํ ใจ มาใหค วามอปุ ถมั ภต า งๆ ดว ยกศุ ลเจตนาเรม่ิการเอง อนั ลว นเปน อสงั ขารกิ กศุ ลทงั้ สนิ้ นน้ั กด็ ว ยเหน็ แกพ ระธรรม หวงั จะสนบั สนนุ งานพระศาสนาใหเ จรญิ แพรห ลายยง่ิ ขน้ึ โดยมองเหน็ วา ผเู รยี บเรยี งนจ้ี ะเปน กาํ ลงั หรอื องคป ระกอบสว นหนงึ่ ของงานนนั้ ได ในทาํ นองเดยี วกนั กข็ อไดร บั ความมนั่ ใจทสี่ อดคลอ งตอ ไปอกี ดว ยวา การตอบสนองตอ ความอุปถัมภเ กือ้ กูล ในลกั ษณะที่เปน การปฏิเสธหรือหลกี เลย่ี ง ซ่งึ มขี นึ้ เปนคร้งั คราวตามโอกาส หรือแมในกรณสี าํ คญั นน้ั ผเู รยี บเรยี งไดก ระทาํ ไปโดยบรสิ ทุ ธใ์ิ จ ดว ยเหน็ แกก จิ การพระศาสนาหรอื ประโยชนของสวนรวมตามเหตผุ ลอยางใดอยา งหนึ่งอยา งแนน อน โดยทใี่ นใจจรงิ ก็อนโุ มทนาเปน อยางย่ิงตอกศุ ลเจตนาท่หี วงั จะอนุเคราะหเกื้อกลู น้ัน แตย ังยากหรือยังไมเหมาะทจี่ ะอธบิ ายเหตุผลใหท ราบ ในเม่ืองานนี้ก็กําลังจะเสร็จลงอยูตอหนาแลว และท้ังผูเรียงเรียงทั้งผูรวมแรงรวมศรัทธาตางก็มคี วามปรารถนาตรงเปน อนั เดียวกนั ทีจ่ ะประกาศพุทธวจนะเผยแพรพระสัทธรรม จึงขออางอิงพลังแหงบญุ กศุ ล มศี รทั ธา ฉนั ทะ และวริ ยิ ะ เปน ตน จงเปน ปจ จยั อาํ นวยใหผ ลงานอนั อทุ ศิ ตอพระศาสนาบชู าธรรมนี้ เปน เครอ่ื งเผยแผค วามรใู นพระพุทธศาสนา สงเสริมความเขา ใจถกู ตอ งในหลกั คาํ สอน ค้ําชูพทุ ธธรรมใหเ จริญงอกงามแพรหลาย เพ่อื ประโยชนส ขุ แกชาวโลกอยา งกวางขวางตลอดกาลนาน อนงึ่ ผูใ ชห นงั สือน้พี ึงตระหนักวา หลักธรรมตา งๆ ที่ประมวลไวใ นพจนานุกรมนี้ เปน เพียงสวนหน่ึงท่ไี ดคัดเลือกมา มิใชท ง้ั หมดในพระไตรปฎ ก พึงถือพจนานกุ รมนี้เปนเพยี งฐานสาํ คัญในการศึกษาคน ควาธรรมใหล ะเอยี ดลกึ ซงึ้ ยง่ิ ขนึ้ ไป อกี ประการหน่ึง คาํ อธิบายขอธรรมตางๆ ในพจนานุกรมนี้ จัดทําในลักษณะเปนตําราหรอื เปนแบบแผน จงึ ยึดเอาหลกั ฐานในคมั ภีรเปนบรรทัดฐานกอน และใหค วามสําคญั แกค ัมภรี ทั้งหลายตามลําดบั ชั้น เชน พระไตรปฎ กเหนอื อรรถกถาอรรถกถาเหนือมตอิ าจารยรุนหลัง และเหนืออตั โนมตั ิ เปนตน พงึ ใชพจนานกุ รมนี้เปน ทีป่ รึกษาโดยมคี วามเขาใจดงั กลา วนัน้ เปน พนื้ อยใู นใจ จะไดค ิดขยายความตอ ออกไปอกี ไดอ ยางมีหลกั และมีขั้นมตี อน ตลอดจนวจิ ารณไ ดอยางมหี ลกั เกณฑ พระราชวรมนุ ี (ประยุทธ ปยตุ โฺ ต) ๑๒ สงิ หาคม ๒๕๒๘

คาํ นํา (ในการพิมพครง้ั ท่ี ๑) พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร เลม น้ี เปน ทร่ี วมของงาน ๓ ชน้ิ คอื พจนานกุ รมหมวดธรรม พจนานกุ รมพทุ ธ-ศาสตร ไทย–องั กฤษ และ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย งาน ๓ ชนิ้ นเ้ี ดมิ เปน งานตา งหากกนั และเกดิขน้ึ ตา งคราวกนั กลา วคอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ เดมิ ชอ่ื พจนานกุ รมศพั ทพ ระพทุ ธศาสนา ไทย–บาล–ี องั กฤษ ไดจ ดั ทาํ เผยแพรต งั้ แต พ.ศ. ๒๕๐๖ และไดแ กไ ขเพม่ิ เตมิ เปน ครงั้ คราว ครงั้ สดุ ทา ยกอ นหนา น้ี ไดขยายเพมิ่ เตมิ เปน ฉบบั พสิ ดาร เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๓ แตจ ดั ทาํ เชน นน้ั ไดเ พยี งจบอกั ษร ฐ กช็ ะงกั ไมม เี วลาทาํ ตอ มาอกี เลย ในระหวา งนน้ั เจา หนา ทมี่ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดข อใหน าํ เอาฉบบั เลก็ เดมิ มาพมิ พไ ปพลางกอ น ในพ.ศ. ๒๕๑๕ ไดต กลงจะตพี มิ พ โดยขอแกไ ขเพมิ่ เตมิ เลก็ นอ ย แตไ มม เี วลา จงึ ชกั ชา อยู ในระยะเวลาเดยี วกนั นนั้ ผรู วบรวมกาํ ลงั จดั ทาํ หนงั สอื ประเภทอา งองิ ทางพระพทุ ธศาสนาคา งอยหู ลายเลม จงึ คดิ วา ควรรวบรวมหลกั ธรรมเปน หมวดๆ ทใี่ ชเ ลา เรยี น ใชอ า งองิ และทนี่ า สนใจสาํ หรบั คนทวั่ ไป จาํ นวนไมมากนกั มาพมิ พป ระมวลไวเ พอื่ เปน คมู อื ใชป ระกอบการศกึ ษาเบอ้ื งตน เพยี งใหพ อเหมาะสาํ หรบั นกั เรยี นนกั ศกึ ษาและผสู นใจทวั่ ไป ซงึ่ ไมต อ งการรายละเอยี ดพสิ ดารอยา งนกั คน ควา ในขณะเดยี วกนั กจ็ ะใหค วามหมายภาคภาษาองั กฤษทนี่ ยิ มใชท วั่ ๆ ไป กาํ กบั ไวก บั ขอ ธรรมตา งๆ ดว ย พอเปน ประโยชนใ นขน้ั ตน ๆ เมอ่ื นาํ งานชนิ้ นม้ี ารวมเขาดว ยกนั กบั พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ กจ็ ะเปน เครอ่ื งเสรมิ กนั และกนั ชว ยใหเ กดิ ประโยชนแ กผ ใู ชมากยงิ่ ขนึ้ งานชน้ิ ทเี่ พม่ิ นไี้ ดต งั้ ชอ่ื วา พจนานกุ รมหมวดธรรม ดว ยเหตผุ ล ๒ ประการคอื ประการแรก แมหนงั สอื นจ้ี ะถอื จาํ นวนหวั ขอ ธรรมเปน เกณฑแ ละจดั ลาํ ดบั ตามจาํ นวนเลขกต็ าม แตใ นจาํ นวนทเ่ี ทา กนั ไดจ ดั เรยี งหมวดธรรมตามลาํ ดบั อกั ษร นอกจากนน้ั ยงั ไดจ ดั องคป ระกอบอยา งอน่ื ในระบบการคน ตามลาํ ดบั อกั ษร เชนสารบญั คน คาํ เปน ตน เขา เสรมิ อกี ดว ย ชว ยใหส าํ เรจ็ กจิ ของพจนานกุ รมโดยสมบรู ณ ประการทส่ี อง เพอื่ ใหเ ปนงานทเี่ ขา ชดุ กนั ไดเ หมาะสมใชป ระโยชนใ นประเภทเดยี วกนั กบั พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ ทท่ี าํ ไวแ ลว ระหวา งทที่ าํ พจนานกุ รมหมวดธรรม อยนู นั้ ไดต ง้ั ใจวา เมอื่ มโี อกาสขา งหนา จะไดจ ดั ทาํ พจนานกุ รมหมวดธรรม ฉบบั พสิ ดารใหมอ กี เพอ่ื ใหเ ปน ไปตามโครงการทวี่ างไวเ ดมิ ซงึ่ ไดร วบรวมขอ มลู เตรยี มไวก อ นแลวเปน อนั มาก อยา งไรกด็ ี ระหวา งจดั ทาํ พจนานกุ รมหมวดธรรม ฉบบั ปจ จบุ นั อยนู ี้ พจิ ารณาเหน็ วา หมวดธรรมหลายหมวดแมย งั ไมจ าํ เปน สาํ หรบั คนทวั่ ไปทจ่ี ะตอ งรกู จ็ รงิ แตม คี วามสาํ คญั เกอ้ื กลู แกก ารศกึ ษาธรรมวนิ ยั มากไมอ าจตดั หมวดธรรมเหลา นนั้ ทง้ิ ไปได อกี อยา งหนงึ่ ทค่ี ดิ ไวเ ดมิ วา จะแสดงความหมายของหวั ขอ ธรรมแตเ พยี งสนั้ ๆ พออา งองิ ไดเ ทา นน้ั ครนั้ ลงมอื ทาํ กเ็ หน็ ไปวา ไหนๆ มหี นงั สอื นแี้ ลว กค็ วรใหส าํ เรจ็ ประโยชนพ อแกจ ะใชก ารทเี ดยี ว ขอ ธรรมใดใหเ พยี งความหมาย ยงั ไมอ าจเขา ใจชดั ได กไ็ ดท าํ ไขความโดยสรปุ สาระทคี่ วรรเู กยี่ วกบั ขอธรรมนนั้ ไวจ นคลมุ ความ การทเี่ ปน เชน นี้ ไดท าํ ใหพ จนานกุ รมหมวดธรรม มขี นาดหนามาก เมอื่ รวมเขา กบัพจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ เดมิ แทนทจี่ ะเปน สว นประกอบชว ยเสรมิ หรอื เปน สว นรว ม กลบั กลายเปนสว นหลกั ไป แมถ งึ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ นน้ั เอง กไ็ ดข ยายตวั ออกไปมากอยแู ลว เมอ่ื ทง้ั สองสว นทข่ี ยายตวั มารวมกนั เขา จงึ ทาํ ใหห นงั สอื มขี นาดใหญเ กนิ ความตง้ั ใจเดมิ ภาคท่ี ๓ ของหนงั สอื น้ี คอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย เปน สว นทจ่ี ดั ทาํ ขน้ึ ใหมใ นการพมิ พครง้ั นี้ โดยพจิ ารณาเหน็ วา เมอ่ื มภี าคไทย–องั กฤษแลว กค็ วรมภี าคองั กฤษ–ไทยขน้ึ ดว ยเปน คกู นั เพอื่ ใหใ ชประโยชนไ ดค รบถว น แตภ าคองั กฤษ–ไทยทที่ าํ น้ี ถอื เปน เพยี งสว นประกอบเทา นน้ั เพราะปญ หาสาํ คญั ของนกั ศกึ ษาและนกั เผยแพรพ ระพทุ ธศาสนา อยทู ตี่ อ งการทราบวา ศพั ทธ รรมหรอื ศพั ทพ ระพทุ ธศาสนาคาํ นๆ้ี จะใช

๑๕ภาษาองั กฤษวา อยา งไร ซงึ่ พจนานกุ รมภาคที่ ๒ จะเปน ทปี่ รกึ ษาชว ยบอกหรอื หาคาํ ใชท เ่ี หมาะสมเสนอให สว นพจนานกุ รมภาคที่ ๓ ทาํ หนา ทเี่ พยี งรวบรวมศพั ทภ าษาองั กฤษ ทใ่ี ชก บั ศพั ทธ รรมลงตวั อยแู ลว บา ง ทมี่ ผี คู ดิ ขน้ึลองใชแ ลว และดเู หมาะสมดบี า ง นาํ มาแสดงใหท ราบวา ผทู ใ่ี ชค าํ ภาษาองั กฤษคาํ นนั้ มงุ หมายถงึ ขอ ธรรมอะไร สว นมากจงึ เปน คาํ ตอ คาํ ไมก นิ เนอื้ ทมี่ าก พจนานกุ รมภาคท่ี ๓ นี้ สามารถจาํ กดั ขนาดใหอ ยใู นกาํ หนดทต่ี ง้ั ใจไวเ ดมิ ไดไมข ยายตวั เกนิ ไป เพราะเหตทุ มี่ คี วามเปน มาตา งหากกนั เชน นี้ สว นทง้ั ๓ ของพจนานกุ รมจงึ มลี กั ษณะเปน อสิ ระจากกนั ไมจาํ กดั อยใู นขอบเขตเดยี วกนั หรอื ในขอบเขตของกนั และกนั เชน ความหมายภาษาองั กฤษของขอ ธรรมเดยี วกนั ท่ีแสดงใน พจนานกุ รมหมวดธรรม กบั ใน พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ อาจตรงกนั เฉพาะนยั ทน่ี ยิ มใชยตุ แิ ลว แตน ยั อน่ื ๆ ทเ่ี สนอแนะไวอ าจมแี ปลกจากกนั ได ขอ ธรรมบางอยา งไมไ ดเ กบ็ ไวใ น พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ ไมเ ปน ขอ ธรรมทอี่ ยใู นระดบั อนั ควรทราบ แตป รากฏใน พจนานกุ รมหมวดธรรม เพราะเปนขอ ยอ ยของหมวดธรรมบางหมวด จาํ เปน ตอ งตดิ เขา ไปอยเู อง ดงั นเี้ ปน ตน ลกั ษณะทเ่ี ปน อสิ ระจากกนั เชน น้ี นบัไดว า มผี ลดมี ากกวา ผลเสยี เพราะกลบั เปน สว นทม่ี าเสรมิ กนั ชว ยใหส มบรู ณแ ละอาํ นวยประโยชนม ากยง่ิ ขนึ้ เชนเมอื่ คน หาความหมายของขอ ธรรมขอ ใดขอ หนง่ึ ในพจนานกุ รมภาคท่ี ๒ (ไทย–องั กฤษ) ไดแ ลว อาจเปด ดขู อธรรมนนั้ ในสารบญั คน คาํ ของพจนานกุ รมภาคท่ี ๑ (หมวดธรรม) แลว หาความหมายไดเ พม่ิ ขน้ึ อกี ขอ ธรรมใดไมม ีในพจนานกุ รมภาคท่ี ๒ เมอื่ เปด ดสู ารบญั คน คาํ ในภาคท่ี ๑ อาจหาพบกไ็ ด นอกจากนน้ั ยงั ชว ยใหไ มต อ งลงพมิ พความหมายซาํ้ กนั ทง้ั หมด ซงึ่ ทาํ ใหเ ปลอื งเนอื้ ทมี่ ากขน้ึ อกี ดว ย อยา งไรกด็ ี ความเปน อสิ ระจากกนั เชน น้ี แมจ ะมผี ลดบี างประการ แตก ย็ งั ถอื วา เปน ขอ บกพรอ งอยา งหนงึ่ ซงึ่ ในการพมิ พค ราวตอ ๆ ไปถา มเี วลา จะไดใ ชร ะบบอา งองิภายในเขาชวยเพิม่ ขนึ้ อกี เพอ่ื ใหง านทง้ั สามภาคประสานเปน ชดุ เดยี วกนั โดยสมบูรณ และสามารถรักษาลกั ษณะท่ใี หผ ลดีไวได พรอมทัง้ แกไขมิใหม ขี อ บกพรอ งทเี่ กิดจากความซ้าํ ซาก เปนตน ดงั ไดกลาวแลว หนงั สอื นี้เดมิ ต้ังใจทาํ เปนฉบบั เล็ก เพราะหากมเี วลาเพยี งพอ จะไดจดั ทําฉบับพสิ ดารท่ีคางอยูใหเสร็จสิ้นตอไป แตบัดนี้หนังสือฉบับเล็กนี้ไดขยายตัวออกมากจนมีขนาดใหญยากท่ีจะนําติดตัวไปใชเปนประจาํ ตามความต้ังใจเดิม ในการแกปญหานี้ไดใชร ะบบการพิมพเขา ชวย โดยถายยอ ลงจากตน ฉบบั เรยี งพิมพเหลอื เพยี ง ๒ ใน ๓ สวน จะยอ เลก็ กวา นต้ี วั อักษรกจ็ ะเล็กเกินไป จนทําใหเ กดิ ความยากลาํ บากแกผูใชจาํ นวนมาก ทําอยางนถี้ ึงแมจ ะไมไ ดห นังสือขนาดเลก็ เทาที่ตัง้ ใจเดมิ ก็พอชวยใหใ ชไ ดส ะดวกขน้ึ มาก และในเวลาเดียวกนั กท็ าํ ใหไดห นังสอื ขนาดกะทัดรดั ท่ีจุเน้อื ความยิ่งกวาปกตเิ ปนอนั มาก การจดั พมิ พห นงั สอื นี้ นบั แตจ ดั เตรยี มตน ฉบบั เพอื่ สง โรงพมิ พใ นปลายป พ.ศ. ๒๕๑๕ จนถงึ ตพี มิ พเสรจ็ ในบดั นี้ สนิ้ เวลาประมาณ ๒ ป ๖ เดอื น ในการจดั พมิ พไ ดร บั ความรว มมอื รว มใจอยา งดจี ากหลายทา น เจาหนา ทม่ี หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั โดยเฉพาะทา นพระมหาสมบรู ณ สมปฺ ณุ โฺ ณ* ผชู ว ยเลขาธกิ าร ไดช ว ยคอยเรง เรา เทา กบั เปน แรงสนบั สนนุ ใหก ารจดั ทาํ หนงั สอื นค้ี บื หนา มาสคู วามสาํ เรจ็ คณุ ชลธรี  ธรรมวรางกรู ไดช ว ยพมิ พดดี ตน ฉบบั ใหโ ดยตลอดดว ยความเออื้ เฟอ และทางโรงพมิ พค รุ สุ ภาไดช ว ยอาํ นวยความสะดวกในการตพี มิ พ นบัวา ทกุ ทา นไดม สี ว นบาํ เพญ็ กศุ ลรว มกนั ในการทาํ วทิ ยาทานนใ้ี หส าํ เรจ็ จงึ ขออนโุ มทนาในความรว มแรงรว มใจและความสนบั สนนุ ของทกุ ทา นไว ณ โอกาสนเ้ี ปน อยา งยงิ่ พระราชวรมนุ ี ๒๔ เมษายน ๒๕๑๘____________________*ปจจุบนั (พ.ศ. ๒๕๔๕) เปนที่ พระราชกติ ติเวที

สารบญั ทวั่ ไป ๓ ๔อนุโมทนา ๙คํานาํ (ในการพิมพค รง้ั ท่ี ๑๐) ๑๔บนั ทกึ ในการพมิ พค ร้ังที่ ๔คํานาํ (ในการพิมพค รั้งท่ี ๑) 1 3ภาค 1 พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร หมวดธรรม 8 คําชแ้ี จงการใชพจนานุกรมหมวดธรรม 9 อกั ษรยอ ช่อื คัมภรี  10 Abbreviations of Scriptures 17 สารบัญหมวดธรรม 22 สารบญั ประเภทธรรม 57 ดัชนีคนคํา 60 เอกกะ หมวด 1 84 ทุกะ หมวด 2 113 ติกะ หมวด 3 162 จตกุ กะ หมวด 4 189 ปญจกะ หมวด 5 204 ฉกั กะ หมวด 6 215 สตั ตกะ หมวด 7 221 อฏั ฐกะ หมวด 8 229 นวกะ หมวด 9 249 ทสกะ หมวด 10 292 อติเรกทสกะ หมวดเกิน 10 Index of Pàli Terms 311 313ภาค 2 พจนานกุ รมพุทธศาสตร ไทย–อังกฤษ 314 คาํ นาํ (ในการพมิ พค รง้ั ท่ี 1) 316 คําชแ้ี จง 316 อกั ษรยอและเครือ่ งหมาย 317 เทยี บอกั ษรโรมันที่ใชเขยี นบาลี พจนานกุ รม ก–โอ 363 365ภาค 3 พจนานกุ รมพุทธศาสตร อังกฤษ–ไทย พจนานกุ รม A–Z 382Appendix

ภาค 1พจนานกุ รมพุทธศาสตร หมวดธรรม Part I Dictionary of Numerical Dhammas

คาํ ชีแ้ จงการใชพ จนานกุ รมหมวดธรรมก. หลกั การในการรวบรวมธรรม1. หมวดธรรม คอื หลกั ธรรมทแ่ี สดงไวโดยมจี ํานวนหวั ขอเปนชดุ ๆ ชดุ หนง่ึ ๆ เรยี กวาหมวดธรรมหนึง่ ๆ หมวดธรรมเหลานี้เปนคาํ สอนในพระพุทธศาสนาเพียงสว นหน่ึงเทาน้ัน นอกจากคําสอนประเภทหมวด ธรรมแลว ยงั มคี าํ สอนประเภทคาถาภาษิต ธรรมกถา และโอวาทานศุ าสนีตางๆ อีกเปนอนั มาก ผูท่ี ตองการรูจักพระพุทธศาสนาอยางกวา งขวางท่ัวถงึ จึงควรศึกษาคําสอนประเภทอ่นื ๆ นอกจากหมวด ธรรมดวย อยางไรกด็ ี การศกึ ษาหมวดธรรมเหลา น้นี บั วา สําคญั และมีประโยชนอยา งมาก เพราะเปนคํา สอนประเภทประมวลขอ สรุป มอี รรถกวา งขวาง และถกู ยกขึ้นอาง หรือเปนขอ ปรารภในการแสดงคํา สอนประเภทอน่ื ๆ อยูเนอื งๆ2. หมวดธรรมมอี ยมู ากมาย แตเ ฉพาะทแ่ี สดงในหนงั สอื นี้ ไดค ดั เลอื กและรวบรวมไวเ พยี งสว นหนง่ึ โดยถอื หลักเกณฑท่ีสาํ คญั คือ 1) มุงเอาหมวดธรรมท่ีมาในพระไตรปฎกโดยตรงเปนพ้ืน สวนท่ีมาในคัมภีรอ่ืนพยายามจาํ กัดเฉพาะ คัมภีรส าํ คญั ในระดับรองลงมา ทีน่ ยิ มนับถอื ใชศ ึกษาและอางอิงกันอยทู ว่ั ไปในวงการศึกษาพระ พุทธศาสนา 2) มุงเอาหมวดทแ่ี สดงหลกั ธรรมโดยตรง ใหส มกบั ชื่อทเ่ี รยี กวา “หมวดธรรม” หลีกเลี่ยงหมวดที่เปน เพยี งเกรด็ ความรู หรอื คาํ แถลงเรอ่ื งราวอนื่ ๆ เวน แตจ ะเปน เรอื่ งทสี่ มั พนั ธก บั หลกั ธรรมอยา งใกลช ดิ 3) คดั เอาเฉพาะหมวดธรรมทค่ี วรรูหรือที่ตองรู โดยฐานเปนหลักสําคญั ของพระพุทธศาสนาบา ง เปน หลักทเ่ี หน็ วานา รูและมปี ระโยชนมากบาง เปน หลักที่ใชหรืออา งอิงอยเู สมอ หรือรูจกั กันอยูท ั่วไปบาง เปนหลกั ทท่ี า นกาํ หนดใหเรียนในหลักสตู รการศึกษาพระพทุ ธศาสนาระบบตา งๆ ในประเทศไทยบางข. การจดั ลาํ ดบั3. การจดั ลําดบั หมวดธรรม – จัดตามลําดับเลขจํานวนกอน รวมหมวดธรรมที่มีจํานวนหัวขอเทากันเขาไวเปนกลุมเดียวกันเรียง จากกลุมที่มีจํานวนนอยไปหากลุมท่มี จี ํานวนมากตามลําดบั เปน หมวด 1 หมวด 2 หมวด 3 ฯลฯ จนถงึ หมวดเกนิ สิบ – ในหมวดเลขเดยี วกัน เรียงตามลาํ ดับอักษร ตามอกั ขรวธิ ีในภาษาไทย 1) หมวดธรรมท่ีมีลาํ ดับอักษรหางกัน แตเปนเร่ืองที่เกี่ยวพันหรือควบคูกัน เมื่อถึงลาํ ดับอักษรของ หมวดหนง่ึ แลว นาํ อีกหมวดหนง่ึ มาตอ ในลาํ ดับถดั ไปทนั ทโี ดยไมคาํ นงึ ถึงลําดบั อกั ษร เชน [67] กศุ ลมลู 3, [68] อกศุ ลมลู 3; [80] ทจุ รติ 3, [81] สจุ รติ 3 เปน ตน 2) หมวดธรรมทีม่ เี ลขจาํ นวนตางกัน แตเ ปน เร่อื งอยางเดยี วกนั อาจจัดเรียงรวมไวใ นหมวดเลขเดียว กัน ตอกันไป โดยไมค าํ นงึ ถึงลําดับเลขหมวด ในกรณีเชนน้ี จะถอื หมวดธรรมท่ีสาํ คญั หรอื รูจ กั กนั มากเปนหลัก เชน [303] พทุ ธคณุ 9, [304] พทุ ธคณุ 2, [305] พทุ ธคณุ 3, [306] ธรรมคณุ 6, [307] สงั ฆคณุ 9 เปน ตน ในกรณีของขอยกเวน 2 ขอน้ี หมวดธรรมทผ่ี ิดลําดบั ใหถอื เปน หมวดธรรมพว ง ไมกระทบกระเทอื นตอ

4 ลําดับอักษรตามปกติ ซ่ึงจะจัดตอไปจากหมวดธรรมที่อยูขางหนา นอกจากน้ัน หมวดธรรมท่ี ผิดลําดับเหลาน้ี จะมีชื่อเรียงอยูในตําแหนงที่เปนลําดับตามปกติของมันเองอีกสวนหน่ึงดวย แตใน ตําแหนงปกตนิ นั้ จะไมน ับเลขลาํ ดับ (ในวงเลบ็ สาํ หรับใสเลขลาํ ดบั จะใสร ูป , ไวแทนชอ งวา ง) และไมม ี รายละเอยี ด มเี พียงคาํ อา งบอกตําแหนงที่จะพึงคน ตอ ไป ซึง่ ชว ยโยงถงึ กันใหผ ูใชห นังสือคนหาไดโดย สะดวกจากทกุ ดา น ตวั อยา ง: [,,] สจุ รติ 3 ดู [81] สจุ รติ 3 [,,] พทุ ธคณุ 2 ดู [304] พทุ ธคณุ 2 สจุ รติ 3 เปน ชอ่ื ของธรรมหมวดท่ีเปน คปู ฏปิ ก ษกบั ทจุ รติ 3 จึงนาํ ไปเรยี งไวตอ จากหมวด ทจุ รติ 3 เน่ืองจากอกั ษร ท อยกู อนอักษร ส สว น พทุ ธคณุ 2 อยใู นกลุมเดยี วกบั พทุ ธคณุ 9 แตมจี ํานวนตางกนั จงึ นาํ ไปเรียงไวตอจากหมวด พทุ ธคณุ 9 อันเปน หมวดธรรมทีถ่ ือเปน หลกั4. หมวดธรรมทม่ี หี ลายชอื่ ถอื เอาชอื่ ทมี่ าในบาลเี ปน หลกั ใหร ายละเอยี ดไวท เ่ี ดยี ว แตช อ่ื อนื่ ๆ กเ็ รยี งไวใ น ตาํ แหนงท่ีถูกตองตามลาํ ดบั อกั ษรและลาํ ดบั เลขหมวดดว ย โดยไมน บั เลขลาํ ดบั และไมม รี ายละเอยี ด เพยี งใสเ ครอื่ งหมาย , ไวใ นวงเลบ็ ขา งหนา และมคี าํ อา งบอกตาํ แหนง ชอื่ ทม่ี รี ายละเอยี ดอนั พงึ จะคน ตอ ไป เปน การเชอื่ มโยงถงึ กนั ใหค น ไดจ ากทกุ ดา น ตวั อยา ง: [,,,] สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 ดู [260] อบุ าสกธรรม 7 สมบตั ิของอบุ าสก 7 กับ อบุ าสกธรรม 7 เปนชื่อของธรรมหมวดเดยี วกนั แสดงรายละเอียดเฉพาะ ที่ อบุ าสกธรรม 7 แหงเดยี ว สวนช่อื สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 ไดเ รียงไวด ว ย แตใหดูรายละเอียดท่ี อบุ าสกธรรม 75. ตัวเลขท่ีอางองิ ในหนังสอื นีท้ ั้งหมด หมายถงึ เลขลาํ ดับ (คือเลขขอ) ของหมวดธรรม ไมใชเลขหนา เวน แตจะมคี าํ บอกกาํ กับไวเปนอยา งอื่น อนึ่ง ในเน้อื หนงั สือ ใชตวั เลขอารบิกทัง้ หมด เพื่อใหผ ใู ชภ าคภาษาอังกฤษสามารถใชประโยชน รวมดวยโดยสะดวกค. ความหมายและคาํ อธบิ าย6. หนังสือน้ีไมใชหนังสืออธิบายธรรมจําเพาะอยา ง แตเปนหนงั สืออางองิ วา ดวยหลกั ธรรมทั่วไป จําตอง สงวนเนอ้ื ท่ี และแสดงอรรถาธบิ ายท่ีกระชับรัดกุม จึงพยายามหลีกเล่ยี งการอธิบาย แสดงไวแ ตเพยี ง คาํ จาํ กัดความและความหมายเปน สําคญั 1) ภาคภาษาไทย: ความหมายมกั แสดงไวหลายๆ นยั เพ่อื เสริมความเขาใจใหชดั ข้นึ และเพือ่ เลือกใช ไดอ ยางเหมาะสมแกก รณี ขอ ธรรมบางขอมีคาํ แปลโดยพยญั ชนะ ในกรณเี ชนนี้ ความหมายที่เปนคําแปลโดยพยญั ชนะน้ัน จะถูกเรียงไวก อนความหมายอ่ืน ความหมายทีแ่ สดงไวหลายนยั มกั มีทง้ั ความหมายอยางส้นั และความหมายอยา งยาว ท้ังน้ีมงุ เพอ่ื ประโยชนทง้ั ในทางความเขา ใจและในการใชง าน ขอธรรมบางอยา งจาํ เปน ตองอธิบาย เพอ่ื ใหเ ขาใจชดั เจน ในกรณเี ชน นีไ้ ดพยายามอธบิ ายใหส้ัน

5ท่สี ดุ โดยทําเปนไขความออกจากความหมายของขอ ธรรมนัน้ ๆ และใหครอบคลุมเนอื้ หาสมบูรณในตัวเสรจ็ ส้นิ ไปในแตล ะขอ ไมใ ชวธิ ีอธิบายรวมท้งั หมด แตถ ามขี อสังเกตหรือคําช้ีแจงกวา งๆ สําหรบั ทง้ัหมวดก็ไดนําไปเขียนไวในตอนทายของหมวดธรรมน้ัน หมวดธรรมที่ตองอธิบายพึงเห็นตัวอยางเชน[85] ธรรม 3, [107] วโิ มกข 3, [285] วสิ ทุ ธิ 7, [311] วปิ ส สนาญาณ 9 เปน ตน2) ภาคภาษาอังกฤษ: ความหมายในภาษาอังกฤษมุงเพียงใหเปนสวนประกอบสําหรับชวยเหลือนักศกึ ษาในการศกึ ษาคน ควา ใหก วา งขวางออกไป หรอื เปน ส่อื ถายทอดความรเู ทานั้น ไมไ ดมุงใหเปนหลักของหนงั สือน้ี โดยปกติในภาคภาษาอังกฤษจะไมมีคําอธิบายเลย มีเพียงความหมายสนั้ ๆ ซ่งึ โดยมากเปนความหมายในรูปคําแปล ขอธรรมใดมีคําแปลหรือความหมายในภาษาอังกฤษท่ีใชกันลงยุติแลวหรือนิยมใชกันแพรหลายในหมนู กั ศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาแลว ก็ไดนําเอาคาํ แปลหรือความหมายนน้ั มาลงไว โดยถือเปนอิสระจากความหมายในภาคภาษาไทย สว นขอ ธรรมใดความหมายในภาษาองั กฤษยงั มีปญหา ไมเปน ทีย่ ุตหิ รือยงัไมสูเปน ทร่ี ูจักท่ัวไป กไ็ ดพยายามตรวจสอบ เลอื กสรร หรือคนหาคาํ มาใชใ หตรงกบั ความเขาใจในภาคภาษาไทยใหมากทส่ี ุด คําแปลและความหมายขอ ธรรมตางๆ ในภาคภาษาองั กฤษสวนมาก ไมตรงกบั คาํ แปลหรอื ความหมายทีใ่ ชในพระไตรปฎ กแปลฉบับภาษาอังกฤษของสมาคมบาลปี กรณ (The Pali Text Society) ท้งันี้เพราะไดมีการคิดคนสรรหาคําแปลศัพทธรรมตางๆ ในหมูนักปราชญนักศึกษาพระพุทธศาสนากาวหนาตอ มาอกี มากภายหลงั เวลาที่พิมพพระไตรปฎกแปลฉบับภาษาอังกฤษนน้ั แลว อน่งึ คาํ บาลอี ักษรโรมนั ในวงเล็บตอ ทา ยช่อื หมวดธรรม หรือขอ ธรรมนัน้ ๆ ไดแ สดงไว โดยมงุ ใหผใู ชร ูจกั รปู เดิมของศพั ทน้ันๆ ในภาษาบาลี ถา เปนคาํ สมาสคอื มหี ลายคําประกอบกัน กม็ งุ ใหกําหนดแยกไดง ายวา มีคาํ อะไรประกอบอยูบางเทานั้น มไิ ดมงุ แสดงรูปท่ีใชจ รงิ ในประโยคภาษาบาลี ดงั นน้ั ก) ทีใ่ ดตองการใหเ หน็ รูปศพั ทของคําท่มี าประกอบกัน กจ็ ะใสย ัติภังค หรอื hyphen (-) แทรกไวใหดงู า ย ท่ใี ดเห็นวาเปน คาํ ทใ่ี ชร วมกันเปนปกติ กไ็ มแยก ข) เม่ือแยกคาํ โดยใชยตั ภิ ังคแ ลว กไ็ มเ ติมพยัญชนะซอ น (สังโยค) ตามหลักสนธิตวั อยา ง: ขันธ 5 หรือ เบญจขันธ บาลเี ปน ปฺจกขฺ นธฺ ประกอบดวย ปจฺ + ขนธฺ ถาเขียนเปนคาํบาลีอกั ษรโรมัน ตามทใี่ ชจ ริงในประโยค ก็เปน Pa¤cakkhandha คือเขียนตดิ ตอกนั และมีพยญั ชนะซอ น ไดแ ก k แทรกเขา มา แตในพจนานกุ รมฯ นเ้ี ขียนใหผศู กึ ษากําหนดแยกไดง าย เปน Pa¤ca-khandha สงั วรปธาน บาลนี ิยมเขยี นเปน สวํ รปฺปธาน ประกอบดว ย สวํ ร + ปธาน ถา เขียนเปนคําบาลีอกั ษรโรมัน ตามทีใ่ ชในประโยค กเ็ ปน Sa§varappadhàna แตใ นพจนานกุ รมฯ นเ้ี ขียนเปนSa§vara-padhàna นอกจากน้ี ขอ ความหรอื ถอยคํา ที่อยใู นชุดเดยี วกนั หรือเปน เรือ่ งทาํ นองเดยี วกนั และเรยี งอยูตอ เน่อื งกัน ถามีสวนทีซ่ า้ํ ตรงกัน อาจใชเครือ่ งหมาย tilde (~) แทนความหรอื คําสว นหรอื ทอนท่ซี ํ้าตรงกนั นน้ั เพอื่ ประหยดั เน้อื ท่ี และชว ยไมใหด ลู านตา เชน A¤¤asamàna-cetasika; Pakiõõaka-~;Akusala-~ พึงทราบและนําไปใชในรูปท่ีเปนคําเต็มวา A¤¤asamàna-cetasika; Pakiõõaka-cetasika; Akusala-cetasika ดงั นเี้ ปน ตน (หลกั ขอน้ีนํามาใชก ับพากยภาษาไทยดว ยบา ง เชน ความหวัง, ~ใฝหา หมายถงึ คาํ เต็มวา ความหวงั , ความใฝหา)

6ง. ทม่ี าของหมวดธรรม7. หมวดธรรมสวนมากมีท่ีมาหลายแหง ถาเปนหมวดธรรมพนื้ ๆ ไมจาํ เปนตอ งคน หาคอํา ธิบายแปลกๆ ออกไป ไดแ สดงทมี่ าไวแ ตพอเปนตวั อยาง ถา เปน หมวดธรรมที่ชวนใหคนหาคําอธิบายเทียบเคยี งอยาง กวางขวาง ไดแ สดงที่มาไวหลายแหง หมวดธรรมบางหมวดหาที่มายาก ไดพ ยายามนาํ มาแสดงไวเทาที่ จะหาได อยางไรกต็ าม ในการพิมพค รัง้ แรก คงจะบกพรองในเรอ่ื งน้ีบาง เพราะบางหมวดท่ีทาํ ในระยะ แรก ยงั ไมไดคํานงึ ถึงความมุงหมายขอ น้ี คดิ แตเ พยี งจะแสดงท่ีมาพอเปนตวั อยา งเทานน้ั ในกรณมี ที ี่มามากมายหลายแหง ทง้ั ในพระไตรปฎ กและคัมภีรรุนหลงั ถือเอาพระไตรปฎกเปน หลัก สวนทม่ี าในคมั ภรี รนุ หลังมอี รรถกถาเปน ตน ถาไมม เี หตุผลสมควร อาจไมแ สดงไวเลย เพราะถอื เปน การเกนิ จาํ เปน8. ที่มาท้ังหลายไดแสดงไวท้ังฝายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อสะดวกแกน ักศึกษาและนักคนควา โดย ทว่ั ไป ผูใ ชควรสงั เกตดวยวา ทีม่ าใดเปนคมั ภรี ใ นพระไตรปฎ กหรือคัมภรี ส มัยหลงั เพือ่ จะไดร ูจักหวั ขอ ธรรมตา งๆ อยางถูกตอ งชัดเจนยง่ิ ข้นึ เฉพาะทม่ี าในพระไตรปฎ ก ฝา ยภาษาไทยหมายเอาพระไตรปฎ ก บาลอี กั ษรไทย ฉบับสยามรัฐ ชุด 45 เลมจบ การอางใชร ะบบ เลม/ขอ /หนา ตวั อยา ง: ข.ุ อติ .ิ 25/195/237 = ขุททฺ กนิกาย อิตวิ ุตตฺ ก พระไตรปฎกเลม 25 ขอ 195 หนา 237 การอางท่ีมาโดยระบบนี้ชวยอํานวยความสะดวกแกผูมีพระไตรปฎกฉบับแปลภาษาไทย 25 พทุ ธศตวรรษ สามารถใชร วมไดด วย โดยเฉพาะฉบบั ทก่ี รมการศาสนาจดั พิมพใ หม มี 45 เลม จบ เลข เลมและเลขขอตรงกนั ใชรว มกันได แปลกเฉพาะเลขหนาซึ่งใชกนั ไมได (ความจรงิ การอา งแตเ ลมกับขอ เทา นนั้ กเ็ พยี งพออยแู ลว) พระไตรปฎ กฝายภาษาองั กฤษ หมายเอาฉบบั บาลอี ักษรโรมันของสมาคมบาลปี กรณ (The Pali Text Society) ในประเทศองั กฤษ ระบบการอางใชอยา งท่นี ยิ มกนั ท่ัวไป อกั ษรยอบอกชื่อคัมภีรทม่ี าตางๆ และคมั ภรี ใดอยูในพระไตรปฎ กหรือเปนคมั ภรี ส มัยหลงั ไดทาํ บัญชีไวเ ปน สวนหนงึ่ ตางหากแลว ท้ังฝายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ [ดหู นา 7–10]จ. สารบญั และดชั นี9. นอกจากสารบัญทั่วไป แลว ในหนงั สือนี้ยังมีสารบัญละเอียดและดชั นีตา งๆ อกี เพ่อื ชวยใหก ารศึกษา คนควาหลักธรรมสะดวกและไดผลดีย่ิงข้ึน สารบัญและดัชนที ้งั หลายจัดทาํ ไวเ พอ่ื สนองความมุง หมาย ตางๆ ดังนี้ 1) สารบญั หมวดธรรม แสดงหมวดธรรมทั้งหมดครบจาํ นวนและตรงตามลาํ ดับในหนังสือ สารบัญน้ี จะชวยใหคนหาหมวดธรรมที่ประสงคไดสะดวกรวดเร็วยิ่งขึน้ และทําใหสามารถสํารวจเทียบเคยี ง และเชอื่ มโยงหมวดธรรมตางๆ ไดง ายข้ึน 2) สารบญั ประเภทธรรม นาํ เอาหมวดธรรมทั้งหมดมาจดั รวมพวกใหม แยกเปนประเภทๆ ตามเน้ือ หาและคณุ คาในการปฏิบตั ิ สารบัญนจี้ ัดทาํ ไวอยา งเสนอแนะพอเปน แนว แตม ั่นใจวาจะเปน เครอื่ ง ชว ยในการศึกษาคนควา และเลอื กสรรหลกั ธรรมไปใชประโยชนไดเปนอยางมาก 3) ดชั นคี น คาํ คือดัชนีทีจ่ ัดทาํ ไวทายพจนานุกรมภาคท่ี 1 ทั้งหมด นําเอาขอ ธรรมทง้ั หมด ทั้งทเ่ี ปน หมวดธรรมซ่ึงมีเลขจํานวนตางๆ กันก็ดี หัวขอยอยทั้งหลายท่ีเปนสวนประกอบของหมวดธรรม

7 ตางๆ กด็ ี นาํ มาจัดเรยี งใหมต ามลาํ ดบั อกั ษรเปน ชุดเดยี วกนั ท้ังหมด พรอ มดว ยลําดับเลขหมวดทง้ั ปวงทีจ่ ะพงึ คน หาขอ ธรรมน้นั ๆ ได ผทู ี่ทราบเพยี งชอื่ หมวดธรรมแตไ มท ราบจาํ นวนหัวขอ กด็ ี ผูที่ ทราบแตเพยี งขอ ยอยขอ ใดขอหนึง่ แตจ าํ ชอ่ื หมวดธรรมไมไ ดก ็ดี ผูท ่ตี อ งการศกึ ษาขอ ธรรมขอ ใดขอ หน่ึงใหกวางขวางออกไปก็ดี ผูท่ีตองการทราบความหมายของศัพทธรรมคําใดคําหนึ่งโดยเฉพาะ หรือตองการใชหนังสือน้ีอยางพจนานุกรมสามัญก็ดี ยอมใชดัชนีคนคําน้ีสนองความตองการได สําเรจ็ ความประสงคอ ยางรวดเรว็ อนึ่ง คาํ บางคาํ เขยี นไดหลายอยาง แตใ นดชั นีคนคํา เรียงไวอ ยา งเดียว เชน จาตุมหาราชกิ า (เขียน จาตมุ มหาราชกิ า กไ็ ด) ปุพเพนิวาสานสุ สตญิ าณ (เขยี น ปุพเพนิวาสานุสตญิ าณ หรอื บุพเพนวิ าสานุสติญาณ ก็ได) พึงถือวา เปน รปู ท่ีถกู ตอ งดว ยกัน ตามหลักการเขยี นคําทเ่ี ปน ธรรม- บญั ญตั ใิ นพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2493 และ พ.ศ. 2525 เมือ่ พบคําทเ่ี ขียนในรูป อนื่ ซ่งึ หาไมพ บในดชั นีคน คํา พึงเทียบเคยี งตามหลกั ภาษา ใหไ ดร ปู ทีค่ น ไดในดัชนคี น คํานี้ ในการพมิ พค รง้ั ที่ 4 (พ.ศ. 2527–2528) ไดย ายดัชนีคนคํามาไวต นเลม เพอ่ื ใหใ ชงายย่ิงขน้ึ และไดเพมิ่ ดัชนีคาํ บาลีอักษรโรมัน (Index of Pàli Terms) เขามา เพ่อื ประโยชนแกผ ูใ ชภาคภาษาองั กฤษ เมือ่ ใชหนงั สือน้ี พึงใชส ารบญั และดัชนีตา งๆ ใหเ ปนประโยชนเ สมอ โดยเฉพาะควรใชเ ปนท่ปี รกึ ษาอนั ดบั แรกกอ นส่งิ อื่น

อกั ษรยอ ชอ่ื คมั ภรี * เรียงตามอักขรวธิ แี หง มคธภาษา(ทพี่ ิมพต วั เอน คอื คัมภีรใ นพระไตรปฎก)อง.ฺ อ. องคฺ ุตฺตรนิกาย อฏกถา (มโนรถปรู ณ)ี ขทุ ทฺ ก.อ. ขุททฺ กปา อฏ กถา (ปรมตฺถโชตกิ า)อง.ฺ อฏก. องคฺ ตุ ฺตรนิกาย อฏกนปิ าต จริยา.อ. จรยิ าปฏ ก อฏ กถา (ปรมตถฺ ทปี น)ีอง.ฺ เอก. องคฺ ตุ ตฺ รนกิ าย เอกนิปาต ชา.อ. ชาตกฏกถาอง.ฺ เอกาทสก. องคฺ ุตฺตรนกิ าย เอกาทสกนิปาต เถร.อ. เถรคาถา อฏ กถา (ปรมตฺถทีปน)ีอง.ฺ จตุกฺก. องฺคตุ ฺตรนิกาย จตกุ กฺ นปิ าต เถรี.อ. เถรคี าถา อฏ กถา (ปรมตถฺ ทีปน)ีองฺ.ฉกฺก. องฺคุตฺตรนิกาย ฉกกฺ นปิ าต ที.อ. ทีฆนิกาย อฏ กถา (สมุ งฺคลวลิ าสิน)ีอง.ฺ ตกิ . องคฺ ตุ ตฺ รนกิ าย ตกิ นปิ าต ที.ปา. ทีฆนิกาย ปาฏิกวคฺคองฺ.ทสก. องคฺ ตุ ตฺ รนกิ าย ทสกนปิ าต ท.ี ม. ทีฆนกิ าย มหาวคฺคองฺ.ทุก. องฺคุตตฺ รนกิ าย ทุกนิปาต ที.สี. ทีฆนิกาย สีลกฺขนฺธวคคฺอง.ฺ นวก. องฺคุตตฺ รนกิ าย นวกนปิ าต ธ.อ. ธมมฺ ปทฏ กถาอง.ฺ ปจฺ ก. องฺคุตตฺ รนิกาย ปจฺ กนปิ าต นิท.ฺ อ. นิทฺเทส อฏกถา (สทฺธมฺมปชโฺ ชติกา)อง.ฺ สตฺตก. องฺคุตฺตรนกิ าย สตฺตกนิปาต ปจฺ .อ. ปฺจปกรณ อฏกถา (ปรมตถฺ ทีปนี)อป.อ. อปทาน อฏ กถา (วสิ ทุ ฺธชนวลิ าสินี) ปฏสิ .ํ อ. ปฏสิ มภฺ ทิ ามคคฺ อฏ กถา (สทธฺ มมฺ ปกาสนิ )ีอภ.ิ ก. อภธิ มมฺ ปฏ ก กถาวตถฺ ุ เปต.อ. เปตวตฺถุ อฏ กถา (ปรมตถฺ ทีปน)ีอภ.ิ ธา. อภิธมฺมปฏก ธาตกุ ถา พุทธฺ .อ. พทุ ธฺ วํส อฏ กถา (มธุรตถฺ วลิ าสินี)อภ.ิ ป. อภิธมฺมปฏ ก ปฏาน ม.อ. มชฌฺ มิ นกิ าย อฏกถา (ปปจฺ สูทน)ีอภิ.ป.ุ อภิธมมฺ ปฏก ปคุ คฺ ลปฺ ตฺติ ม.อุ. มชฺฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณฺณาสกอภิ.ยมก. อภธิ มมฺ ปฏ ก ยมก ม.ม. มชฌฺ มิ นิกาย มชฌฺ ิมปณฺณาสกอภิ.วิ. อภธิ มฺมปฏ ก วภิ งคฺ ม.ม.ู มชฺฌมิ นกิ าย มูลปณณฺ าสกอภ.ิ ส.ํ อภธิ มมฺ ปฏ ก ธมมฺ สงคฺ ณี มงฺคล. มงคฺ ลตฺถทีปนีอติ ิ.อ. อติ วิ ตุ ฺตก อฏ กถา (ปรมตถฺ ทปี นี) มลิ ินฺท. มลิ นิ ทฺ ปฺหาอุ.อ.,อทุ าน.อ. อทุ าน อฏกถา (ปรมตถฺ ทปี น)ี วนิ ย. วินยปฏ กขุ.อป. ขุททฺ กนิกาย อปทาน วินย.อ. วนิ ย อฏกถา (สมนตฺ ปาสาทิกา)ข.ุ อิต.ิ ขทุ ทฺ กนิกาย อิติวตุ ฺตก วินย.ฏกี า วนิ ยฏกถา ฏกี า (สารตถฺ ทปี นี)ขุ.อุ. ขทุ ฺทกนกิ าย อทุ าน วิภงฺค.อ. วิภงฺค อฏ กถา (สมฺโมหวโิ นทนี)ข.ุ ข.ุ ขุทฺทกนกิ าย ขทุ ทฺ กปา วมิ าน.อ. วิมานวตถฺ ุ อฏกถา (ปรมตฺถทปี น)ีข.ุ จรยิ า. ขุททฺ กนิกาย จริยาปฏก วสิ ุทธฺ .ิ วสิ ุทฺธมิ คฺคขุ.จ.ู ขุทฺทกนกิ าย จฬู นิทฺเทส วสิ ทุ ฺธิ.ฏกี า วิสทุ ฺธมิ คคฺ มหาฏีกา (ปรมตฺถมชฺ ุสา)ข.ุ ชา. ขุทฺทกนิกาย ชาตก สงคฺ ณี อ. สงคฺ ณี อฏกถา (อฏสาลนิ )ีข.ุ เถร. ขุททฺ กนกิ าย เถรคาถา สงคฺ ห. อภิธมฺมตถฺ สงคฺ หขุ.เถร.ี ขุทฺทกนิกาย เถรคี าถา สงคฺ ห.ฏีกา อภธิ มมฺ ตถฺ สงคฺ ห ฏกี า (อภธิ มมฺ ตถฺ วภิ าวนิ )ีข.ุ ธ. ขทุ ทฺ กนกิ าย ธมมฺ ปท ส.ํ อ. สยํ ตุ ตฺ นิกาย อฏ กถา (สารตถฺ ปกาสินี)ขุ.ปฏิ. ขทุ ทฺ กนิกาย ปฏิสมภฺ ทิ ามคฺค ส.ํ ข. สยํ ุตฺตนกิ าย ขนฺธวารวคฺคข.ุ เปต. ขทุ ฺทกนิกาย เปตวตถฺ ุ ส.นิ. สํยุตฺตนิกาย นทิ านวคคฺขุ.พทุ ฺธ. ขุทฺทกนกิ าย พุทฺธวํส ส.ม. สยํ ุตตฺ นกิ าย มหาวารวคฺคขุ.ม.,ข.ุ มหา. ขุทฺทกนิกาย มหานิทฺเทส ส.ส. สํยุตตฺ นกิ าย สคาถวคฺคขุ.วมิ าน. ขุทฺทกนกิ าย วมิ านวตถฺ ุ ส.ํ สฬ. สํยุตตฺ นกิ าย สฬายตนวคฺคขุ.ส.ุ ขุททฺ กนกิ าย สตุ ตฺ นปิ าต สตุ ฺต.อ. สุตตฺ นิปาต อฏกถา (ปรมตฺถโชตกิ า)___________________*คัมภีรช ้ันฎีกาแสดงไวข างตน เฉพาะทีใ่ ชก นั อยูในวงการศึกษาภาษาบาลีในประเทศไทย สว นทนี่ อกจากนี้ไมแสดงไว พึงเขา ใจเอง ตามแนววิธีในการใชอักษรยอ สําหรบั อรรถกถา ท่ีนาํ อ. ไปตอ ทา ยอักษรยอ ของคมั ภรี ใ นพระไตรปฎ ก เชน ที.อ., ม.อ., ส.ํ อ.เปนตน (ในกรณีของฎีกา กน็ ํา ฏ.ี หรือ ฏีกา ไปตอ เปน ท.ี ฏ.ี หรอื ท.ี ฏกี า เปน ตน )

Abbreviations of Scriptures (in italics are canonical works)A. Aïguttaranikàya (5 vols.) Pañ. Paññhàna (Abhidhamma)AA. Aïguttaranikàya Aññhakathà PañA. Paññhàna Aññhakathà (Paramatthadãpanã) (Manorathapåraõã) Ps. PañisambhidàmaggaAp. Apadàna (Khuddakanikàya) (Khuddakanikàya)ApA. Apadàna Aññhakathà PsA. Pañisambhidàmagga Aññhakathà (Saddhammapakàsinã) (Visuddhajanavilàsinã) Ptk. PeñakopadesaBv. Buddhava§sa (Khuddakanikàya) Pug. Puggalapa¤¤atti (Abhidhamma)BvA. Buddhava§sa Aññhakathà PugA. Puggalapa¤¤atti Aññhakathà (Paramatthadãpanã) (Madhuratthavilàsinã) Pv. Petavatthu (Khuddakanikàya)Comp. Compendium of Philosophy PvA. Petavatthu Aññhakathà (Paramatthadãpanã) (Abhidhammatthasaïgaha) S. Sa§yuttanikàya (5 vols.)Cp. Cariyàpiñaka (Khuddakanikàya) SA. Sa§yuttanikàya AññhakathàCpA. Cariyàpiñaka Aññhakathà (Sàratthapakàsinã) Sn. Suttanipàta (Khuddakanikàya) (Paramatthadãpanã) SnA. Suttanipàta AññhakathàD. Dãghanikàya (3 vols.) (Paramatthajotikà)DA. Dãghanikàya Aññhakathà Thag. Theragàthà (Khuddakanikàya) ThagA. Theragàthà Aññhakathà (Sumaïgalavilàsinã) (Paramatthadãpanã)DAò. Dãghanikàya Aññhakathà òãkà Thãg. Therãgàthà (Khuddakanikàya) ThãgA. Therãgàthà Aññhakathà (Lãnatthapakàsinã) (Paramatthadãpanã)Dh. Dhammapada (Khuddakanikàya) Ud. Udàna (Khuddakanikàya)DhA. Dhammapada Aññhakathà UdA. Udàna AññhakathàDhtk. Dhàtukathà (Abhidhamma) (Paramatthadãpanã)DhtkA. Dhàtukathà Aññhakathà Vbh. Vibhaïga (Abhidhamma) VbhA. Vibhaïga Aññhakathà (Paramatthadãpanã) (Sammohavinodanã)Dhs. Dhammasaïgaõã (Abhidhamma) Vin. Vinaya Piñaka (5 vols.)DhsA. Dhammasaïgaõã Aññhakathà VinA. Vinaya Aññhakathà (Samantapàsàdikà) (Aññhasàlinã) Vinò. Vinaya Aññhakathà òãkàIt. Itivuttaka (Khuddakanikàya) (Sàratthadãpanã)ItA. Itivuttaka Aññhakathà Vism. Visuddhimagga Vismò. Visuddhimagga Mahàñãkà (Paramatthadãpanã) (Paramatthama¤jusà)J. Jàtaka (including its Aññhakathà) Vv. Vimànavatthu (Khuddakanikàya)Kh. Khuddakapàñha (Khuddakanikàya) VvA. Vimànavatthu AññhakathàKhA. Khuddakapàñha Aññhakathà (Paramatthadãpanã) Yam. Yamaka (Abhidhamma) (Paramatthajotikà) YamA. Yamaka AññhakathàKvu. Kathàvatthu (Abhidhamma) (Paramatthadãpanã)KvuA. Kathàvatthu Aññhakathà (Paramatthadãpanã)M. Majjhimanikàya (3 vols.)MA. Majjhimanikàya Aññhakathà (Papa¤casådanã)Miln. Milindapa¤hàNd 1 Mahàniddesa (Khuddakanikàya)Nd 2 Cåëaniddesa (Khuddakanikàya)NdA. Niddesa Aññhakathà (Saddhammapajjotikà)Nett. Nettipakaraõa

สารบญั หมวดธรรมเอกกะ – หมวด 1 [30] บูชา 2[1] กลั ยาณมิตตตา [31] ปฏสิ นั ถาร 2[2] โยนโิ สมนสิการ [32] ปธาน 2[3] อปั ปมาทะ [33] ปริเยสนา 2 [34] ปจ จัยใหเ กดิ สัมมาทิฏฐิ 2ทุกะ – หมวด 2 [35] ปาพจน 2[4] กรรม 2 [,,] พุทธคณุ 2 [304][,] กรรมฐาน 2 [36] [,,] พทุ ธคณุ 3 [305][5] กาม 2 [,,] ไพบลู ย 2 [44][6] กามคณุ 5 [36] ภาวนา 2[7] ฌาน 2 [37] ภาวนา 4[8] ฌาน 2 ประเภท [38] รูป 21, 28[9] ฌาน 4, 5 [39] มหาภตู หรอื ภูตรูป 4[10] ฌาน 8 [40] อปุ าทารูป หรอื อปุ าทายรูป 24[11] ทาน 21 [41] รูป 22[12] ทาน 22 [42] ฤทธิ์ 2[13] ทิฏฐิ 2 [,,] โลกบาลธรรม 2 [23][14] ทฏิ ฐิ 3 [43] วิมตุ ติ 2[15] ทสี่ ุด (อนั ตา) 2 [,,] เวทนา 2 [110][16] ทกุ ข 2 [44] เวปุลละ 2[17] เทศนา 21 [45] สมาธิ 2[18] เทศนา 22 [46] สมาธิ 31[19] ธรรม 21 [47] สมาธิ 32[20] ธรรม 22 [48] สงั ขาร 2[21] ธรรม 23 [49] สงั คหะ 2[22] ธรรม 24 [50] สัจจะ 2[23] ธรรมคุมครองโลก 2 [51] สาสน หรือ ศาสนา 2[24] ธรรมทําใหงาม 2 [52] สขุ 21[,,] ธรรมท่ที รงเหน็ คณุ ประจักษ 2 [65] [53] สขุ 22[,,] ธรรมเปน โลกบาล 2 [23] [54] สทุ ธิ 2[25] ธรรมมีอปุ การะมาก 2 [,,] อรหันต 2 [61][26] ธรุ ะ 2 [55] อริยบคุ คล 2[27] นิพพาน 2 [56] อรยิ บคุ คล 4[28] บัญญตั ิ 2, 6 [57] อรยิ บคุ คล 8[29] บุคคลหาไดยาก 2 [58] โสดาบนั 3

[59] สกทาคามี 3, 5 11[60] อนาคามี 5[61] อรหันต 2 [91] ปปญ จะ 3[62] อรหนั ต 4, 5, 60 [92] ปรญิ ญา 3[63] อรยิ บคุ คล 7 [,,] ปหาน 3 [224][64] อัตถะ 2 [93] ปญ ญา 3[65] อุปญ ญาตธรรม 2 [94] ปาฏิหารยิ  3 [95] ปาปณิกธรรม 3ตกิ ะ – หมวด 3 [,,] ปฎ ก 3 [75][66] กรรม 3 [,,] พุทธคุณ 3 [305][67] กศุ ลมลู 3 [96] พุทธจรยิ า 3[68] อกุศลมูล 3 [97] พุทธโอวาท 3[69] กุศลวติ ก 3 [98] ภพ 3[70] อกุศลวติ ก 3 [99] ภาวนา 3[71] โกศล 3 [100] รตั นตรัย[72] ญาณ 31 [101] ลัทธินอกพระพทุ ธศาสนา 3[73] ญาณ 32 [102] โลก 31[74] ตัณหา 3 [103] โลก 32[75] ไตรปฎก [104] โลก 33[,,] ไตรรตั น [100] [105] วัฏฏะ 3 หรือ ไตรวฏั ฏ[76] ไตรลกั ษณ [106] วิชชา 3[,,] ไตรสกิ ขา [124] [,,,] วิปล ลาส 3 ระดบั [178][77] ทวาร 3 [107] วโิ มกข 3[78] ทวาร 6 [108] วิรตั ิ 3[,,] ทิฏฐิ 3 [14] [109] วิเวก 3[79] ทกุ ขตา 3 [110] เวทนา 2[80] ทจุ รติ 3 [111] เวทนา 3[81] สจุ ริต 3 [112] เวทนา 5[82] เทพ 3 [113] เวทนา 6[83] เทวทตู 3 [114] สมบัติ 31[,,] เทวทูต 4 [150] [115] สมบตั ิ 32 หรือ ทานสมบตั ิ 3[84] เทวทูต 5 [,,,] สมาธิ 3 [46], [47][85] ธรรม 3 [116] สรณะ 3 หรือ ไตรสรณะ[86] ธรรมนยิ าม 3 [117] สังขตลักษณะ 3[87] นิมิต หรือ นมิ ิตต 3 [118] อสงั ขตลกั ษณะ 3[88] บุญกริ ิยาวัตถุ 3 [119] สงั ขาร 31[89] บุญกิริยาวัตถุ 10 [120] สงั ขาร 32[90] บตุ ร 3 [121] สัทธรรม 3 [122] สนั โดษ 3, 12 [123] สปั ปุริสบญั ญัติ 3

[,,,] สามัญลกั ษณะ 3 [76] 12[124] สกิ ขา 3 หรอื ไตรสิกขา[,,,] สุจริต 3 [81] [147] ธาตุกัมมฏั ฐาน 4[,,,] โสดาบัน 3 [58] [148] ธาตุ 6[,,,] อกุศลมูล 3 [68] [149] ธาตกุ มั มฏั ฐาน 6[,,,] อกศุ ลวิตก 3 [70] [150] นมิ ติ 4[125] อธปิ ไตย 3 [151] บริษัท 41[126] อนตุ ตรยิ ะ 3 [152] บริษทั 42[127] อนตุ ตริยะ 6 [153] บคุ คล 4[128] อปณณกปฏปิ ทา 3 [154] ปฏิปทา 4[129] อภิสังขาร 3 [155] ปฏสิ มั ภทิ า 4[130] อัคคิ 31 [156] ปธาน 4[131] อคั คิ 32 หรอื อัคคิปารจิ ริยา [157] ปรมตั ถธรรม 4[132] อัตถะ หรอื อรรถ 31 [158] ประมาณ หรอื ปมาณิก 4[133] อตั ถะ หรอื อรรถ 32 [159] ปจจยั 4[134] อาการท่ีพระพุทธเจาทรงส่งั สอน 3 [,,,] ปญญาวฒุ ธิ รรม 4 [179][135] อาสวะ 3 [160] ปาริสทุ ธิศีล 4[136] อาสวะ 4 [,,,] ผล 4 [165][,,,] โอวาทของพระพทุ ธเจา 3 [97] [,,,] พร 4 [227] [161] พรหมวหิ าร 4จตุกกะ – หมวด 4 [,,,] พละ 4 [229][137] กรรมกิเลส 4 [,,,] พทุ ธลีลาในการสอน 4 [172][,,,] กลั ยาณมิตร 4 [169] [,,,] ภาวนา 4 [37][,,,] กิจในอรยิ สจั จ 4 [205] [,,,] ภาวติ 4 [37][138] กุลจิรัฏฐติ ิธรรม 4 [162] ภมู ิ 4[139] ฆราวาสธรรม 4 [163] โภควภิ าค 4[140] จักร 4 [164] มรรค 4[141] เจดีย 4 [165] ผล 4[,,,] ฌาน 4 [9] [166] มหาปเทส 41[142] ถูปารหบคุ คล 4 [167] มหาปเทส 42[143] ทกั ขิณาวิสทุ ธิ 4 [168] มติ รปฏริ ปู ก หรือ มติ รเทียม 4[,,,] ทรัพยจัดสรรเปน 4 สว น [163] [169] สุหทมิตร หรอื มิตรแท 4[144] ทฏิ ฐธมั มิกัตถสงั วตั ตนกิ ธรรม 4 [170] โยคะ 4[,,,] เทวทูต 4 [150] [171] โยนิ 4[,,,] ธรรมมีอปุ การะมาก 4 [140] [,,,] ราชสังคหวัตถุ 4 [187][,,,] ธรรมเปนเหตใุ หสมหมาย 4 [191] [172] ลีลาการสอน 4[145] ธรรมสมาทาน 4 [173] วรรณะ 4[146] ธาตุ 4 [174] วิธีปฏบิ ัติตอทุกข–สุข 4 [175] วิบัติ 41 [176] วบิ ตั ิ 42

13[177] สมบตั ิ 4 [209] อวชิ ชา 8[178] วิปลลาส หรือ วิปลาส 4 [210] อนั ตรายของภิกษสุ ามเณรผบู วชใหม 4[179] วฒุ ิ หรอื วฒุ ิธรรม 4 [,,,] อัปปมญั ญา 4 [161][180] เวสารชั ชะ หรือ เวสารชั ชญาณ 4 [211] อาจารย 4[181] ศรัทธา 4 [,,,] อาสวะ 4 [136][182] สตปิ ฏ ฐาน 4 [212] อาหาร 4[183] สมชวี ธิ รรม 4 [213] อิทธบิ าท 4[184] สมาธภิ าวนา 4 [214] อุปาทาน 4[185] สงั ขาร 4 [215] โอฆะ 4[186] สังคหวตั ถุ 4[187] สงั คหวัตถุของผูครองแผนดิน 4 หรือ ราช- ปญ จกะ – หมวด 5 [,,,] กัลยาณธรรม 5 [239] สังคหวัตถุ 4 [,,,] กามคณุ 5 [6][188] สงั เวชนยี สถาน 4 [,,,] กาํ ลัง 5 ของพระมหากษัตริย [230][189] สัมปชัญญะ 4 [216] ขนั ธ 5 หรือ เบญจขันธ[190] สมั ปทา หรอื สมั ปทาคณุ 4 [,,,] คติ 5 [351][191] สัมปรายกิ ัตถสงั วตั ตนิกธรรม 4 [217] จักขุ 5[,,,] สัมมัปปธาน 4 [156] [,,,] ฌาน 5 [9][192] สขุ ของคฤหัสถ 4 [218] ธรรมขันธ 5[,,,] สุหทมติ ร 4 [169] [219] ธรรมเทสกธรรม 5[193] โสดาปตติยังคะ 41 [220] ธรรมสมาธิ 5[194] โสดาปตตยิ งั คะ 42 [221] ธรรมสวนานิสงส 5[195] โสดาปต ตยิ ังคะ 43 [222] นวกภกิ ขุธรรม 5[,,,] หลกั การแบง ทรพั ย 4 สว น [163] [223] นิยาม 5[196] อคติ 4 [224] นิโรธ 5[197] อธษิ ฐาน หรือ อธิษฐานธรรม 4 [225] นวิ รณ 5[198] อบาย 4, อบายภมู ิ 4; และ [351] [,,,] เบญจธรรม [239][199] อบายมุข 4 [,,,] เบญจศีล [238][200] อบายมุข 6 [,,,] ประโยชนท ี่ควรถอื เอาจากโภคทรัพย 5 [232][201] วัฒนมุข 6 [,,,] ปหาน 5 [224][202] อปส เสนะ หรือ อปส เสนธรรม 4 [,,,] ปญจกชั ฌาน [9][,,,] อรหนั ต 4 [62] [226] ปต ิ 5[,,,] อริยบุคคล 4 [56] [227] พร 5[203] อรยิ วงศ 4 [228] พละ 5[204] อริยสัจจ 4 [229] พละ 4[205] กิจในอริยสจั จ 4 [230] พละ 5 ของพระมหากษัตรยิ [206] ธรรม 4 [231] พหสู ูตมอี งค 5[207] อรูป หรือ อารุปป 4 [232] โภคอาทิยะ หรอื โภคาทิยะ 5[208] อวิชชา 4

[233] มัจฉรยิ ะ 5 14[234] มาร 5[,,,] มจิ ฉาวณชิ ชา 5 [235] [258] อนิ ทรยี  5[235] วณชิ ชา 5 [259] อบุ าสกธรรม 5[,,,] วฑั ฒิ หรอื วฒั ิ หรอื วฒุ ิ 5 [249] [260] อบุ าสกธรรม 7[236] วิมตุ ติ 5[,,,] วิราคะ 5 [224] ฉักกะ – หมวด 6[,,,] วเิ วก 5 [224] [261] คารวะ หรือ คารวตา 6[,,,] เวทนา 5 [112] [262] จริต หรอื จริยา 6[237] เวสารชั ชกรณธรรม 5 [263] เจตนา หรือ สญั เจตนา 6[,,,] โวสสัคคะ 5 [224] [264] ตณั หา 6[238] ศลี 5 หรอื เบญจศีล [,,,] ทวาร 6 [78][239] เบญจธรรม หรอื เบญจกัลยาณธรรม [265] ทิศ 6[240] ศลี 8 หรอื อัฏฐศีล [,,,] ธรรมคุณ 6 [306][241] ศีล 8 ทั้งอาชีวะ หรือ อาชวี ฏั ฐมกศีล [,,,] ธาตุ 6 [148][242] ศลี 10 หรอื ทศศลี [,,,] บญั ญัติ 2, 6 [28][,,,] สกทาคามี 5 [59] [266] ปยรูป สาตรปู 6 × 10[,,,] สมบัติของอุบาสก 5 [259] [267] ภพั พตาธรรม 6[243] สังวร 5 [,,,] วฒั นมขุ 6 [201][244] สทุ ธาวาส 5 [268] วญิ ญาณ 6[,,,] องคแ หง ธรรมกถกึ 5 [219] [,,,] เวทนา 6 [113][,,,] องคแ หงภกิ ษใุ หม 5 [222] [269] เวปุลลธรรม 6[245] อนันตรยิ กรรม 5 [270] สวรรค 6[,,,] อนาคามี 5 [60] [,,,] สญั เจตนา 6 [263][246] อนุปพุ พิกถา 5 [271] สญั ญา 6[247] อภิณหปจ จเวกขณ 5 [272] สัมผสั หรอื ผสั สะ 6[248] ปพ พชิตอภิณหปจเวกขณ 10 [273] สารณียธรรม 6[,,,] อรหันต 5 [62] [,,,] อนุตตริยะ 6 [127][249] อริยวัฑฒิ หรือ อารยวฒั ิ 5 [,,,] อบายมขุ 6 [200][250] อายุสสธรรม หรอื อายวุ ฒั นธรรม 5 [274] อภญิ ญา 6[,,,] อารยวฒั ิ 5 [249] [275] อภิฐาน 6[251] อาวาสิกธรรม 51 [276] อายตนะภายใน 6[252] อาวาสิกธรรม 52 [277] อายตนะภายนอก 6[253] อาวาสกิ ธรรม 53[254] อาวาสกิ ธรรม 54 สัตตกะ – หมวด 7[255] อาวาสกิ ธรรม 55 [278] กลั ยาณมติ รธรรม 7[256] อาวาสิกธรรม 56 [279] ธรรมมีอุปการะมาก 7 [292][257] อาวาสกิ ธรรม 57 [280] บพุ นมิ ิตแหง มรรค 7 [281] โพชฌงค 7 [282] ภรรยา 7

[283] เมถุนสงั โยค 7 15[284] วญิ ญาณฐิติ 7[285] วสิ ทุ ธิ 7 [303] พุทธคุณ 9[286] สปั ปายะ 7 [304] พทุ ธคณุ 2[287] สปั ปรุ ิสธรรม 71 [305] พทุ ธคณุ 3[,,,] สปั ปุรสิ ธรรม 72 [301] [306] ธรรมคุณ 6[,,,] สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 [260] [307] สังฆคุณ 9[,,,] องคค ุณของกัลยาณมิตร 7 [278] [308] มละ 9[288] อนสุ ัย 7 [309] มานะ 9[289] อปรหิ านิยธรรม 71 [310] โลกตุ ตรธรรม 9[290] อปรหิ านยิ ธรรม 72 [311] วปิ ส สนาญาณ 9[291] อปริหานิยธรรม 73 [312] สตั ตาวาส 9[292] อริยทรพั ย 7 [313] อนบุ ุพพวิหาร 9[,,,] อรยิ บุคคล 7 [63][,,,] อุบาสกธรรม 7 [260] ทสกะ – หมวด 10 [314] กถาวตั ถุ 10อัฏฐกะ – หมวด 8 [315] กสิณ 10[,,,] ฌาน 8 [10] [316] กามโภคี 10[293] มรรคมอี งค 8 หรือ อฏั ฐงั คิกมรรค [317] กาลามสตู รกังขานิยฐาน 10[294] ลกั ษณะตัดสนิ ธรรมวินยั 8 [318] กิเลส 10[295] ลักษณะตดั สินธรรมวนิ ัย 7 [319] กุศลกรรมบถ 101[296] โลกธรรม 8 [320] กศุ ลกรรมบถ 102[297] วชิ ชา 8 [321] อกศุ ลกรรมบถ 10[298] วโิ มกข 8 [322] เถรธรรม 10[,,,] ศลี 8 [240] [323] ทศพลญาณ[,,,] ศลี 8 ทงั้ อาชีวะ [241] [,,,] ทศพิธราชธรรม [326][299] สมาบัติ 8 [,,,] ธรรมจรยิ า 10 [320][300] สปั ปุรสิ ทาน 8 [,,,] ธรรมมอี ปุ การะมาก 10 [324][301] สัปปุริสธรรม 8 [324] นาถกรณธรรม 10[,,,] หลกั ตดั สินธรรมวนิ ัย 8 [294] [325] บารมี 10 หรือ ทศบารมี[,,,] อริยบุคคล 8 [57] [,,,] บญุ กริ ิยาวัตถุ 10 [89][,,,] อรยิ อฏั ฐงั คกิ มรรค [293] [,,,] ปพพชติ อภิณหปจ จเวกขณ 10 [248][,,,] อวิชชา 8 [209] [,,,] มจิ ฉตั ตะ 10 [334][,,,] อาชีวัฏฐมกศลี [241] [,,,] มูลเหตกุ ารบัญญัติพระวนิ ยั 10 [327][,,,] อุโบสถศลี [240] [326] ราชธรรม 10 หรอื ทศพิธราชธรรม [327] วัตถปุ ระสงคใ นการบญั ญัตพิ ระวนิ ยั 10นวกะ – หมวด 9 [,,,] วปิ สสนาญาณ 10 [311][302] นวังคสตั ถศุ าสน [328] วิปส สนูปกเิ ลส 10 [,,,] ศีล 10 [242] [329] สงั โยชน 101

[330] สงั โยชน 102 16[331] สญั ญา 10[332] สทั ธรรม 10 [344] จรณะ 15[333] สมั มตั ตะ 10 [345] ญาณ 16 หรอื โสฬสญาณ[334] มจิ ฉัตตะ 10 [,,,] รปู พรหม หรือ พรหมโลก 16 [351][,,,] อกศุ ลกรรมบถ 10 [321] [,,,] โสฬสวตั ถุกอานาปานสติ [346][335] อนสุ ติ 10 [,,,] อานาปานสติ 16 ขนั้ [346][,,,] อภิณหปจ จเวกขณ 10 [248] [346] อานาปานสติ 16 ฐาน[,,,] อเสขธรรม 10 [333] [347] อปุ กเิ ลส หรือ จิตตอุปกิเลส 16[336] อสภุ ะ 10 [348] ธาตุ 18[337] อันตคาหิกทิฏฐิ 10 [349] อินทรยี  22 [350] ปจจยั 24อตเิ รกทสกะ – หมวดเกิน 10 [,,,] รูป 28 [38][338] กรรม 12 [351] ภมู ิ 4 หรอื 31[339] จกั รวรรดวิ ัตร 5, 12 [352] โพธปิ กขยิ ธรรม 37[340] ปฏิจจสมปุ บาท 12 [353] มงคล 38[,,,] ปจจยาการ 12 [340] [354] กรรมฐาน 40[,,,] สนั โดษ 12 [122] [355] เจตสิก 52[341] อายตนะ 12 [356] จิต 89 หรือ 121[342] ธดุ งค 13 [357] ตัณหา 108[343] กจิ หรือ วญิ ญาณกิจ 14 [358] เวทนา 108 [359] กิเลส 1500

สารบญั ประเภทธรรมI. ธรรมทเี่ ปนหลักใหญใ จความ [68] อกุศลมลู 3 เสรมิ ความเปนมนษุ ย) [135] อาสวะ 3 [81] สุจริต 31. ธรรมท่เี ปนหลกั ทั่วไป (หรือมี [136] อาสวะ 4 [125] อธิปไตย 3 ขอบเขตครอบคลมุ ) [340] ปฏิจจสมุปบาท 12 [132] อตั ถะ หรอื อรรถ 31 [350] ปจ จยั 24 [133] อตั ถะ หรือ อรรถ 32[19] ธรรม 21 ค. สจั ฉกิ าตพั พธรรม และธรรมที่ [161] พรหมวิหาร 4[20] ธรรม 22 [197] อธษิ ฐานธรรม 4[21] ธรรม 23 เกยี่ วขอ ง [239] เบญจธรรม[22] ธรรม 24 [27] นิพพาน 2 [229] พละ 4[35] ปาพจน 2 [43] วมิ ุตติ 2 [237] เวสารัชชกรณธรรม 5[50] สจั จะ 2 [52] สุข 21 [238] ศลี 5 หรอื เบญจศลี[51] ศาสนา 2 [53] สุข 22 [241] อาชีวฏั ฐมกศีล[ ],,, ไตรรตั น [100] [132] อัตถะ 31 [287] สัปปุรสิ ธรรม 71[85] ธรรม 3 [133] อตั ถะ 32 [301] สปั ปรุ สิ ธรรม 8[100] รัตนตรัย [164] มรรค 4 [319, 320] กุศลกรรมบถ 10[116] ไตรสรณะ [165] ผล 4 [324] นาถกรณธรรม 10[121] สัทธรรม 3 [310] โลกุตตรธรรม 9 2. ธรรมเพื่อดําเนินชีวิตใหงอก[157] ปรมตั ถธรรม 4 ง. ภาเวตัพพธรรม ธรรมท่ีพึง[204] อริยสัจจ 4 งามบรรลุประโยชนสขุ[206] ธรรม 4 ปฏบิ ตั ิ (ไมจ ดั ตามลาํ ดบั จาํ นวน) [1] กลั ยาณมิตตตา2. ธรรมที่เปน หลักการสาํ คญั * [34] ปจจยั แหง สัมมาทฏิ ฐิ 2 [2] โยนิโสมนสิการ [280] บพุ นมิ ติ แหง มรรค 7 [3] อปั ปมาทะ (จดั โดยสงเคราะหในอรยิ สัจจ 4) [97] พุทธโอวาท 3 [24] ธรรมทาํ ใหงาม 2ก. ปริญไญยธรรม และธรรมที่ [124] ไตรสิกขา, สิกขา 3 [25] ธรรมมอี ุปการะมาก 2 [88] บุญกิริยาวัตถุ 3 [33] ปรเิ ยสนา 2 เก่ยี วของ [89] บุญกริ ยิ าวัตถุ 10 [34] ปจ จัยใหเ กิดสมั มาทฏิ ฐิ 2[76] ไตรลกั ษณ [36] ภาวนา 2 [37] ภาวนา 4[79] ทกุ ขตา 3 [37] ภาวนา 4 [65] อปุ ญ ญาตธรรม 2[86] ธรรมนยิ าม 3 [293] มรรคมอี งค 8 [71] โกศล 3[148] ธาตุ 6 [319, 320] กศุ ลกรรมบถ 10 [93] ปญ ญา 3[216] ขนั ธ 5 [352] โพธิปกขยิ ธรรม 37 [128] อปณณกปฏปิ ทา 3[223] นิยาม 5 [140] จักร 4[341] อายตนะ 12 – [182] สติปฏฐาน 4 [179] วุฒิ หรือ วฒุ ธิ รรม 4ข. ปหาตพั พธรรม และธรรมทเ่ี กย่ี ว – [156] ปธาน 4 [191] สัมปรายิกตั ถฯ 4 – [213] อิทธิบาท 4 [201] วัฒนมุข 6 ขอ ง – [258] อนิ ทรีย 5 [213] อทิ ธบิ าท 4[66] กรรม 3 – [228] พละ 5 [229] พละ 4[74] ตณั หา 3 – [281] โพชฌงค 7 [231] พหูสูตมีองค 5[91] ปปญ จธรรม 3 – [293] มรรคมอี งค 8 [237] เวสารัชชกรณธรรม 5_______________ [249] อรยิ วัฑฒิ 5*การจัดหมวดหมูในท่ีนี้มิใชเปนการจัด II. ธรรมสาํ หรบั ทกุ คน [267] ภพั พตาธรรม 6อยา งละเอียด และไมเครงครัด แตมุงเพ่ือประโยชนในการศึกษาคนควาเปน 1. ธรรมเพ่ือเปนคุณสมบัติของสําคัญ (ธรรมใน I.1 นาํ มาจัดเขาเปน สัปปุริสชน (หรือธรรมเพื่อหมวดตางๆ ของ I.2 ไดดวย แตไ มตองการใหซ ํา้ จึงจดั ไวท ่ีเดยี ว)

18[269] เวปุลลธรรม 6 [289] อปรหิ านยิ ธรรม 71 V. ธรรมสําหรับอุบาสก คือ ผู[280] บุพนมิ ติ แหง มรรค 7 [326] ราชธรรม 10 ใกลช ิดศาสนา[292] อริยทรัพย 7 [327] วัตถุประสงคในการบัญญัติ[325] บารมี 10 1. ธรรมท่พี งึ มี พงึ ปฏบิ ตั ิ[353] มงคล 38 พระวนิ ยั 10 [88] บญุ กริ ยิ าวัตถุ 33. ธรรมเพ่ือพิจารณาเตือนสติมิ [339] จกั รวรรดิวัตร 12 [89] บญุ กิริยาวัตถุ 10 [123] สปั ปุรสิ บัญญัติ 3 ใหป ระมาท IV. ธรรมสําหรับคฤหัสถหรือผู [181] ศรัทธา 4[83] เทวทูต 3 ครองเรอื น [ ],,, สมบตั ขิ องอบุ าสก 5 [259][,,] เทวทตู 4 [150] [240] ศีล 8[84] เทวทตู 5 1. ธรรมเพือ่ ชวี ติ ครอบครัว [241] อาชวี ฏั ฐมกศลี[150] นิมติ 4 [90] บุตร 3 [242] ศลี 10[234] มาร 5 [131] อคั คิ 32 [249] อรยิ วฑั ฒิ 5[247] อภณิ หปจจเวกขณ 5 [138] กุลจริ ฏั ฐิตธิ รรม 4 [259] อบุ าสกธรรม 5[250] อายวุ ฒั นธรรม 5 [139] ฆราวาสธรรม 4 [260] อบุ าสกธรรม 7[296] โลกธรรม 8 [183] สมชีวิธรรม 4 [301] สปั ปุริสธรรม 8 [282] ภรรยา 7 [ ],,, อโุ บสถศีล [240]III. ธรรมเพื่อความดีงามแหง 2. ธรรมเพื่อความสัมพันธใน 2. ธรรมที่พึงหลีกเวน สังคม [235] วณิชชา 5 สงั คม [275] อภฐิ าน 61. ธรรมเพื่อสงเสรมิ ชวี ิตท่ีดีรวม [131] อัคคิ 32 3. ธรรมที่พึงทราบเพ่ือเสรมิ การ กัน [139] ฆราวาสธรรม 4 [158] ประมาณ 4 ปฏิบตั ิ[11] ทาน 21 [168] มติ รเทยี ม 4 [32] ปธาน 2[12] ทาน 22 [169] มติ รแท 4 [33] ปรเิ ยสนา 2[23] ธรรมคมุ ครองโลก 2 [265] ทศิ 6 [114] สมบตั ิ 31[29] บคุ คลหาไดยาก 2 [278] กลั ยาณมติ รธรรม 7 [115] ทานสมบตั ิ 3[30] บชู า 2 3. ธรรมเพ่ือความอยูดีทาง [126] อนุตตรยิ ะ 3[31] ปฏสิ นั ถาร 2 [127] อนตุ ตริยะ 6[42] ฤทธิ์ 2 เศรษฐกิจ [143] ทกั ขณิ าวิสทุ ธิ 4[44] เวปุลละ 2 [95] ปาปณิกธรรม 3 [190] สัมปทาคุณ 4[49] สงั คหะ 2 [ ],,, การจดั สรรทรพั ยใช 4 [163] [221] ธรรมสวนานิสงส 5[123] สัปปรุ ิสบัญญัติ 3 [144] ทฏิ ฐธมั มิกตั ถฯ 4 [300] สัปปรุ สิ ทาน 8[139] ฆราวาสธรรม 4 [159] ปจ จยั 4 [ ],,, อุโบสถศลี [240][186] สงั คหวัตถุ 4 [163] โภควิภาค 4[261] คารวะ 6 [192] สขุ ของคฤหสั ถ 4 VI. ธรรมสาํ หรบั ภกิ ษสุ งฆ[273] สารณยี ธรรม 6 [ ],,, ประโยชนจากทรัพย 5 [232][300] สัปปรุ ิสทาน 8 [232] โภคอาทยิ ะ 5 1. ธรรมเพื่อความดีงามในฐาน2. ธรรมเพอ่ื ปกครอง คอื จดั และ [316] กามโภคี 10 เปน ภกิ ษุ 4. ธรรมทค่ี ฤหสั ถพ งึ หลีกเวน คมุ ครองชีวติ ทด่ี ีรว มกนั [137] กรรมกิเลส 4 [26] ธรุ ะ 2[125] อธิปไตย 3 [168] มติ รเทยี ม 4 [159] ปจ จยั 4[161] พรหมวิหาร 4 [196] อคติ 4 [160] ปารสิ ทุ ธิศีล 4[186] สงั คหวตั ถุ 4 [199] อบายมขุ 4 [175] วิบตั ิ 41[187] ราชสงั คหวัตถุ 4 [200] อบายมขุ 6 [202] อปส เสนธรรม 4[196] อคติ 4 [245] อนนั ตรยิ กรรม 5 [203] อรยิ วงศ 4[230] พละ 5 ของพระมหากษัตรยิ  [210] อันตรายของภกิ ษใุ หม 4

19[222] นวกภกิ ขุธรรม 5 1. ธรรมดา หรอื กฎธรรมชาติ [129] อภสิ ังขาร 3[227] พร 5 [4] กรรม 2 [146] ธาตุ 4[242] ศีล 10 [66] กรรม 3 [148] ธาตุ 6[243] สังวร 5 [76] ไตรลักษณ [157] ปรมตั ถธรรม 4[ ],,, องคแ หง ภิกษุใหม 5 [222] [86] ธรรมนยิ าม 3 [185] สังขาร 4[247] อภณิ หปจจเวกขณ 5 [105] วฏั ฏะ 3 [204] อริยสจั จ 4 (ขอท่ี 1)[248] ปพพชิตอภิณหปจจเวกขณ 10 [117] สงั ขตลกั ษณะ 3 [206] ธรรม 4 (ขอที่ 1)[283] เมถนุ สงั โยค 7 [118] อสังขตลักษณะ 3 [212] อาหาร 4[291] อปริหานยิ ธรรม 73 [145] ธรรมสมาทาน 4 [216] ขันธ 5[342] ธดุ งค 13 [176] วบิ ตั ิ 42 [263] เจตนา 62. ธรรมเพ่ือความดีงามในฐาน [177] สมบัติ 4 [266] ปยรูป สาตรปู 6 × 10 [223] นยิ าม 5 [268] วญิ ญาณ 6 เปน สมาชิกแหง สงฆ [338] กรรม 12 [271] สัญญา 6[211] อาจารย 4 [340] ปฏจิ จสมุปบาท 12 [272] สัมผสั 6[251] อาวาสกิ ธรรม 51 [343] กจิ หรอื วญิ ญาณกจิ 14 [276] อายตนะภายใน 6[252] อาวาสิกธรรม 52 [350] ปจ จยั 24 [277] อายตนะภายนอก 6[253] อาวาสิกธรรม 53 2. สภาวะอนั พงึ รตู ามที่เปน [341] อายตนะ 12[254] อาวาสิกธรรม 54 [6] กามคุณ 5 [348] ธาตุ 18[255] อาวาสกิ ธรรม 55 [16] ทกุ ข 2 [349] อนิ ทรีย 22[256] อาวาสกิ ธรรม 56 [19] ธรรม 21 [355] เจตสกิ 52[257] อาวาสิกธรรม 57 [20] ธรรม 22 [356] จิต 89 หรอื 121[261] คารวะ หรอื คารวตา 6 [21] ธรรม 23 [358] เวทนา 108[273] สารณยี ธรรม 6 [22] ธรรม 24 3. สภาวะเน่อื งดว ยระดับชีวิตจติ[290] อปรหิ านิยธรรม 72 [28] บญั ญตั ิ 2[314] กถาวัตถุ 10 [38] รปู 21, 28 ใจของสัตว[322] เถรธรรม 10 [39] มหาภูต 4 [82] เทพ 3[324] นาถกรณธรรม 10 [40] อปุ าทารูป 24 [98] ภพ 3[327] วัตถุประสงคในการบัญญัติ [41] รูป 22 [103] โลก 32 [48] สังขาร 2 [104] โลก 33 พระวินยั 10 [50] สัจจะ 2 [162] ภูมิ 43. ธรรมเพ่ือความดีงาม ความ [52] สุข 21 [171] โยนิ 4 [53] สขุ 22 [198] อบาย 4 สาํ เร็จในฐานเปน ผูส ัง่ สอน [77] ทวาร 3 [207] อรปู 4[17] เทศนา 21 [78] ทวาร 6 [244] สุทธาวาส 5[18] เทศนา 22 [79] ทุกขตา 3 [270] สวรรค 6[155] ปฏสิ ัมภทิ า 4 [85] ธรรม 3 [284] วิญญาณฐติ ิ 7[158] ประมาณ 4 [102] โลก 31 [312] สตั ตาวาส 9[172] ลลี าการสอน 4 [110] เวทนา 2 [ ],,, พรหมโลก 16 [351][219] ธรรมเทสกธรรม 5 [111] เวทนา 3 [ ],,, รปู พรหม 16 [351][231] พหสู ูตมีองค 5 [112] เวทนา 5 [351] ภูมิ 4 หรือ 31[ ],,, องคแ หง ธรรมกถกึ 5 [219] [113] เวทนา 6 4. สภาวะอันเปนโทษ อกุศล-[246] อนปุ พุ พกิ ถา 5 [119] สังขาร 31[278] กัลยาณมิตรธรรม 7 [120] สงั ขาร 32 ธรรมอนั พึงละ [5] กาม 2 (ขอท่ี 1)VII. สภาวธรรม: ธรรมดาและ [13] ทิฏฐิ 2 ธรรมชาติ

20[14] ทฏิ ฐิ 3 [7] ฌาน 2 [ ],,, อปั ปมญั ญา 4 [161][68] อกุศลมลู 3 [34] ปจ จัยใหเ กิดสัมมาทิฏฐิ 2 [213] อิทธบิ าท 4[70] อกศุ ลวติ ก 3 [36] ภาวนา 2 [220] ธรรมสมาธิ 5[74] ตณั หา 3 [37] ภาวนา 4 [226] ปติ 5[80] ทุจรติ 3 [45] สมาธิ 2 [228] พละ 5[91] ปปญ จะ 3 [46] สมาธิ 31 [243] สังวร 5[130] อัคคิ 31 [65] อุปญญาตธรรม 2 [249] อริยวฑั ฒิ 5[135] อาสวะ 3 [67] กุศลมลู 3 [258] อนิ ทรีย 5[136] อาสวะ 4 [69] กศุ ลวิตก 3 [262] จรติ หรือ จริยา 6[137] กรรมกิเลส 4 [71] โกศล 3 [267] ภพั พตาธรรม 6[170] โยคะ 4 [73] ญาณ 32 [269] เวปลุ ลธรรม 6[178] วิปล ลาส 4 [81] สุจรติ 3 [280] บุพนิมติ แหง มรรค 7[196] อคติ 4 [87] นมิ ติ 3 [281] โพชฌงค 7[204] อริยสจั จ 4 (ขอ ที่ 2) [88] บญุ กริ ยิ าวตั ถุ 3 [285] วิสทุ ธิ 7[206] ธรรม 4 (ขอที่ 2) [89] บุญกริ ยิ าวตั ถุ 10 [286] สปั ปายะ 7[208] อวิชชา 4 [92] ปริญญา 3 [291] อปรหิ านยิ ธรรม 73[209] อวชิ ชา 8 [93] ปญญา 3 [293] มรรคมีองค 8[214] อุปาทาน 4 [99] ภาวนา 3 [303] พุทธคณุ 9[215] โอฆะ 4 [108] วิรตั ิ 3 [304] พุทธคุณ 2[225] นวิ รณ 5 [122] สนั โดษ 3 [305] พทุ ธคณุ 3[233] มจั ฉรยิ ะ 5 [124] สิกขา 3 [306] ธรรมคุณ 6[264] ตัณหา 6 [125] อธิปไตย 3 [307] สงั ฆคณุ 9[288] อนสุ ัย 7 [128] อปณณกปฏิปทา 3 [311] วปิ ส สนาญาณ 9[308] มละ 9 [,,] ไตรสกิ ขา [124] [315] กสณิ 10[309] มานะ 9 [147] ธาตุกมั มัฏฐาน 4 [325] บารมี 10[318] กิเลส 10 [149] ธาตุกัมมฏั ฐาน 6 [331] สญั ญา 10[321] อกุศลกรรมบถ 10 [154] ปฏิปทา 4 [333] สัมมตั ตะ 10[329] สงั โยชน 101 [156] ปธาน 4 [335] อนุสติ 10[330] สงั โยชน 102 [160] ปารสิ ุทธิศีล 4 [336] อสุภะ 10[334] มจิ ฉตั ตะ 10 [161] พรหมวิหาร 4 [342] ธุดงค 13[337] อันตคาหิกทฏิ ฐิ 10 [174] วธิ ปี ฏบิ ตั ิตอ ทกุ ข– สุข 4 [344] จรณะ 15[347] อปุ กเิ ลส 16 [182] สติปฏฐาน 4 [345] ญาณ 16[357] ตัณหา 108 [184] สมาธิภาวนา 4 [346] อานาปานสติ 16 ฐาน[359] กเิ ลส 1500 [189] สมั ปชัญญะ 4 [352] โพธิปก ขยิ ธรรม 37 [193] โสตาปต ตยิ งั คะ 41 [353] มงคล 38VIII. ปฏปิ ต ติธรรม [194] โสตาปต ติยังคะ 42 [354] กรรมฐาน 40 [195] โสตาปต ตยิ ังคะ 43 2. ผลสาํ เร็จของการปฏิบตั ธิ รรม1. หลกั วธิ กี าร ขอ ปฏบิ ตั ิ อปุ กรณ [197] อธิษฐานธรรม 4 และคณุ สมบตั ิ ทเ่ี กอื้ หนนุ การ [202] อปสเสนธรรม 4 และเครื่องกาํ หนดผลในการ ปฏบิ ตั ิ [204] อริยสัจจ 4 (โดยเฉพาะขอ ท่ี 4) ปฏบิ ตั ิ [205] กิจในอรยิ สัจจ 4 [8] ฌาน 2 ประเภท[1] กลั ยาณมติ ตตา [206] ธรรม 4 (ขอที่ 4) [9] ฌาน 4, 5[2] โยนิโสมนสิการ [207] อรูป 4 [10] ฌาน 8[3] อัปปมาทะ [27] นพิ พาน 2[,] กรรมฐาน 2 [36]

21[43] วมิ ุตติ 2 [64] อัตถะ 2 X. พิเศษ: ธรรมเก่ียวกับการ[54] สทุ ธิ 2 [75] ไตรปฎก ศกึ ษา*[72] ญาณ 31 [97] พุทธโอวาท 3[,,] ปหาน 3 [224] [100] รตั นตรยั [26] ธรุ ะ 2[94] ปาฏิหารยิ  3 [116] สรณะ 3 หรอื ไตรสรณะ [34] ปจจัยใหเ กิดสมั มาทิฏฐิ 2[106] วชิ ชา 3 [121] สัทธรรม 3 [37] ภาวนา 4[107] วโิ มกข 3 [134] อาการทพ่ี ระพทุ ธเจา ทรงสงั่ สอน 3 [43] วิมุตติ 2[109] วิเวก 3 [ ],,, โอวาทของพระพทุ ธเจา 3 [97] [50] สจั จะ 2[155] ปฏสิ มั ภิทา 4 [151] บริษัท 41 [51] สาสน หรอื ศาสนา 2[164] มรรค 4 [152] บริษทั 42 [71] โกศล 3[165] ผล 4 [166] มหาปเทส 41 (พระสตู ร) [73] ญาณ 32[204] อริยสจั จ 4 (ขอท่ี 3) [167] มหาปเทส 42 (พระวนิ ัย) [74] ตัณหา 3[206] ธรรม 4 (ขอที่ 3) [218] ธรรมขนั ธ 5 [76] ไตรลักษณ[224] นิโรธ 5 [246] อนปุ พุ พกิ ถา 5 [93] ปญ ญา 3[ ],,, ปหาน 5 [224] [294] หลักกาํ หนดธรรมวนิ ยั 8 [121] สัทธรรม 3[236] วมิ ุตติ 5 [295] หลักกําหนดธรรมวนิ ยั 7 [124] สิกขา 3[274] อภิญญา 6 [302] นวังคสัตถุศาสน [132] อัตถะ 31[297] วชิ ชา 8 [317] กาลามสตู รกงั ขานยิ ฐาน 10 [133] อตั ถะ 32[298] วโิ มกข 8 [332] สทั ธรรม 10 [134] อาการทพี่ ระพทุ ธเจา ทรงสงั่ สอน 3[299] สมาบัติ 8 2. ศาสนคณุ [140] จักร 4[310] โลกตุ ตรธรรม 9 [94] ปาฏหิ าริย 3 [155] ปฏิสมั ภิทา 4[313] อนบุ พุ พวหิ าร 9 [96] พุทธจริยา 3 [172] ลีลาการสอน 4[328] วปิ สสนูปกิเลส 10 [126] อนตุ ตรยิ ะ 3 [179] วุฒิธรรม 43. บุคคลผูบรรลุผลแหงการ [127] อนุตตริยะ 6 [189] สมั ปชัญญะ 4 [134] อาการทพ่ี ระพทุ ธเจา ทรงสงั่ สอน 3 [204] อริยสจั จ 4 ปฏบิ ตั ิ [141] เจดีย 4 [213] อทิ ธิบาท 4[55] อรยิ บคุ คล 2 [142] ถูปารหบคุ คล 4 [216] ขันธ 5[56] อริยบคุ คล 4 [180] เวสารัชชญาณ 4 [228] พละ 5[57] อรยิ บุคคล 8 [188] สงั เวชนียสถาน 4 [231] พหสู ูตมีองค 5[58] โสดาบนั 3 [217] จกั ขุ 5 [278] กัลยาณมิตรธรรม 7[59] สกาทาคามี 3, 5 [303] พทุ ธคุณ 9 [280] บพุ นมิ ิตแหงมรรค 7[60] อนาคามี 5 [304] พทุ ธคณุ 2 [281] โพชฌงค 7[61] อรหันต 2 [305] พทุ ธคณุ 3 [293] มรรคมอี งค 8[62] อรหนั ต 4, 5, 60 [306] ธรรมคณุ 6 [304] พุทธคุณ 2[63] อริยบุคคล 7 [307] สังฆคุณ 9 [317] กาลามสตู รกังขานยิ ฐาน 10 [323] ทศพลญาณ [324] นาถกรณธรรม 10IX. พระพุทธศาสนา 3. ความเช่ือและการปฏิบัตินอก [340] ปฏจิ จสมุปบาท 12 [341] อายตนะ 121. หลักศาสนา หลักพทุ ธศาสนา [352] โพธิปก ขยิ ธรรม 37[17] เทศนา 21 [13] ทฏิ ฐิ 2 ______________[18] เทศนา 22 [14] ทฏิ ฐิ 3 *นอกจากน้ี พงึ ดู [1], [2], [17], [18],[26] ธุระ 2 [15] ท่ีสดุ (อนั ตา) 2 [35], [36], [45], [46], [55], [91],[35] ปาพจน 2 [101] ลทั ธินอกพระพุทธศาสนา 3 [125], [156], [184], [205], [208],[50] สัจจะ 2 [173] วรรณะ 4 [218], [236], [287], [323][51] สาสน หรือ ศาสนา 2

ดชั นคี นคํา ตวั เลขทอี่ า งหมายถงึ เลขลาํ ดับขอ หมวดธรรมใน [ ]กตญาณ 73 กมั มัสสกตาญาณ, กมั มัสสกตาสทั ธา 181กตฺุตา 353กตญั ูกตเวที 29 กมมฺ าน,ิ อนวชชฺ านิ 250กตตั ตากรรม, ~วาปนกรรม 338กถาวตั ถุ 75 กัลยาณธรรม 5 239กถาวตั ถุ 10 314กรรม 181, 212, 259 กลั ยาณพจน 251, 252, 253กรรม 2กรรม 3 4 กัลยาณมติ ร 3, 250กรรม 12 66กรรมการณัปปต ตะ 338 กัลยาณมิตตะ 250กรรมกิเลส 4 84กรรมฐาน 2 137 กลยฺ าณมติ ตฺ ตา 324กรรมฐาน 40 36กรรมฐานกบั จรติ 354 กลั ยาณมิตตตา 1, 34, 144กรรมนิยาม (ดู สมบตั ิ 4 ดวย) 262กรรมปจจัย 176, 223 กลั ยาณมติ ร 4 169กรรมภพ 340กรรมวฏั ฏ 340 กลั ยาณมิตรธรรม 7 278กรรมวปิ ากญาณ 105, 340กรณุ า 323 กัลยาณวาจา 251, 252, 253กรุณาคุณ 161, 355กลนิ่ ดู คันธะ 304, 305 กาม 2 5กวฬิงการาหารกษตั ริย 40, 212 กามคุณ 5 6กสณิ 10 173กงฺขํ วิหนติ กามฉนั ทะ 225, 329กงั ขาวิตรณวิสุทธิ 315, 354กตั ตุกมั ยตาฉนั ทะ 221 กามตณั หา 74, 204, 357กัปปยะ 285กปปฺ ยํ เทติ 161 กามภพ 98กมั มสทั ธา 167กัมมญั ญตา 300 กามโภคี 10 316กมฺมนฺตา, อนากลุ า จ 181กัมมสั สกตา 40 กามโภคีสุข 4 192 353 247 กามโยคะ 170 กามราคะ 288, 329, 330 กามโลก 104 กามวติ ก 70 กามสังวร 239 กามสุขลั ลกิ านุโยค 15, 293 กามสุคตภิ มู ิ 7 351 กามาทนี วกถา 246 กามาวจรจติ 54 356 กามาวจรภูมิ 11 162, 351 กามาวจรสวรรค 6 270, 351 กามาวจรโสภณจติ 24 356 กามาสวะ 135, 136 กามุปาทาน 214 กาเมสุมิจฉาจาร 137, 321 กาเมสุมจิ ฺฉาจารํ ปหาย ฯเปฯ 320 กาเมสมุ ิจฺฉาจารา เวรมณี 238, 319

23กาโมฆะ 215 กาลัญตุ า 287 กาลามสูตรกังขานยิ ฐาน 10 317กาย 37, 40, 276 กาเลน เทติ 300 กาเลน ธมฺมสากจฺฉา 353กายกรรม 66 กาเลน ธมฺมสสฺ วนํ 353 กําลงั 5 ของพระมหากษัตรยิ  230กายกรรม 3 66, 241, 319, 320, 321 กิงฺกรณเี ยสุ ทกฺขตา 324 กจิ 14 (ของวญิ ญาณ) 343กายกัมมัญญตา 355 กิจ (ของกรรม) 338 กจิ ของสงฆ 290กายคตาสติ 335 กิจจญาณ กจิ ในอรยิ สัจจ 4 73กายทวาร 77, 78 กิรยิ าจิต 20 205 กิริยาจติ ตฺ ํ 356กายทจุ รติ 80 กเิ ลส 10 356 กเิ ลส 1500 318กายธาตุ 348 กเิ ลสกาม 359 กิเลสปรนิ ิพพานกายปสสทั ธิ 355 กิเลสมาร 5 กิเลสวฏั ฏ 27กายปาคญุ ญตา 355 กเิ ลสวตั ถุ 10 234 กุกกุจจะ 105, 340กายพละ 230 กมุ ภณั ฑ 318 กมุ ภลี ภยั 225, 355กายภาวนา 37 กุลจริ ฏั ฐติ ิธรรม 4 270 กลุ มจั ฉรยิ ะ 210กายมทุ ตุ า 355 กุลสตรี 138 กุเวร 233, 257กายลหุตา 355 กศุ ล 289 กศุ ลกรรม 270กายวญิ ญัติ 40 กศุ ลกรรมบถ 10 (ยอ) 1, 2, 65, 317 กศุ ลกรรมบถ 10 (สมบรู ณ) 4กายวญิ ญาณ 266, 268, 356 กุศลจิต 21 (37) 319 กศุ ลธรรม 320กายวิญญาณธาตุ 348 กุศลมลู 3 356 กศุ ลวติ ก 3 85กายวิเวก 109 กศุ ลวิบากอเหตุกจิต 8 4, 67 กุสลธัมมานโุ ยค 69กายวูปกาสะ 222 356 2กายสกั ขี 63กายสังขาร 119, 120กายสมั ผัส 266, 272กายสมั ผสั สชาเวทนา 113, 266กายสุจริต 81กายานปุ สสนา, กายานปุ สสนาสตปิ ฏ ฐาน 147, 182, 346กายานุปส สนาจตกุ กะ 346กายิกทกุ ข 16กายกิ เวทนา 110กายกิ สขุ 52กายินทรยี  349กายุชกุ ตา 355กาล 3 340, 356, 357กาลกตะ 150กาลจารี 250กาลวบิ ตั ิ 176กาลสมบัติ 177

24กสุ ลสสฺ ปู สมฺปทา 97 คนปอกลอก 168เกสปุตติยสตู ร 317 คนรบั ใช 265เกียจครานการงาน 200 คนหัวประจบ 168โกธะ 308, 347 คบคนช่ัว 200โกลงั โกละ 58 ครุ 278โกศล 3 71 ครุกกรรม 338 ครุกรณ 273ขณกิ สมาธิ 46 ครูอาจารย 265ขณกิ าปติ 226 คฤหัสถ 265ขลุปจฉาภัตตกิ งั คะ 342 คหบดบี ริษทั 152ขดั เกลา 251 คหปตัคคิ 131ขัตติยะ 173, 339 คันถธรุ ะ 26ขตั ติยบรษิ ทั 152 คันธะ 6, 40, 266, 277ขนั ติ 24, 139, 325, 326, 353 คันธตัณหา 264, 266ขนั ตสิ ังวร 243 คนั ธธาตุ 348ขนตฺ ี จ 353 คันธวจิ าร 266ขันธ 5 216 คนั ธวติ ก 266ขนั ธกะ 75 คนั ธสัญเจตนา 263, 266ขันธปรินพิ พาน 27 คันธสญั ญา 266, 271ขนั ธมาร 234 คมภฺ รี ฺจ กถํ กตฺตา 278ขนั ธวินิมุต 216 คาถา 302ขิปปฺ าภิฺ า 154 คารวะ หรอื คารวตา 6 261ขณี าสวปฏญิ ญา 180 คารโว จ 353ขทุ ทกนกิ าย 75 คลิ านปจจัยเภสัชบริขาร 159, 203ขุททกปาฐะ 75 คิลานสตุปปาทกะ 255ขุททกาปต ิ 226 คิหปิ ธาน 32เขตสมบตั ิ 115 คหิ ิสขุ 4 192เขมํ 353 คุณบทของนพิ พาน 306 คณุ าตเิ รกสมั ปทา 190คณาปเทส 166 เคยยฺ ํ 302คติ 5 351 เคหสิต 358คติวบิ ตั ิ 176 โคจรรูป 5 40คติสมบัติ 177 โคจรสัปปายะ 286คนเจบ็ ไข 255 โคจรสมั ปชญั ญะ 189คนชวนฉิบหาย 168 โคตรภูญาณ 345คนดแี ตพ ดู 168คนธรรพ 270 ฆราวาสธรรม 4 139คนงาน 265 ฆานะ 40, 266, 276

25ฆานทวาร 78 จาคานุสติ 335ฆานธาตุ 348ฆานวญิ ญาณ 266, 268, 356 จาตุมหาราชิกา 270, 351ฆานวิญญาณธาตุ 348ฆานสัมผสั 266, 272 จิต 37, 124, 157, 216ฆานสมั ผัสสชาเวทนา 113, 266ฆานินทรยี  349 จิต 89, 121 356ฆายนะ 343โฆษประมาณ 158 จิตตะ 213โฆสัปปมาณกิ า 158 จิตตกัมมัญญตา 355 จิตตนยิ าม 223 จิตตปส สัทธิ 355 จติ ตปาคุญญตา 355 จติ ตภาวนา 37 จติ ตฺ มสฺส ปสีทติ 221จตุตถฌาน 9 จติ ตมทุ ตุ า 355จตตุ ถฌานภูมิ 3, 7 351 จติ ตลหุตา 355จตตุ ถชฌฺ านกสุ ลจิตฺตํ 356 จิตตวิเวก 109จตุตถฺจ นิธาเปย 163 จิตตวิปลาส 178จตุธาตวุ วฏั ฐาน 147, 354 จิตตวิสทุ ธิ 285จตุรพธิ พร 227 จิตตสมบัติ 115จตโุ ลกบาล 270 จิตตสังขาร 119, 120จรณะ 15 344 จิตตอุปกิเลส 16 347จรติ หรอื จรยิ า 6 262 จิตฺตํ น กมปฺ ติ 353จรยิ า 3 ดู พุทธจริยา 3 จติ ตานุปสสนา, จติ ตานปุ ส สาสตปิ ฏ ฐาน 182, 346จรยิ าปฎก 75 จติ ตานุปสสนาจตุกกะ 346จักกวตั ติสูตร 339 จติ ตุชุกตา 355จกั ขุ 40, 266, 276 จนิ ตามยปญ ญา 93จกั ขุ 5 217 จวี ร 159จักขทุ วาร 78 จีวรปฏสิ ังยุตต 342จกั ขธุ าตุ 348 จวี รสนั โดษ 203จกั ขุนทรยี  349 จตุ ิ 343จกั ขุมา 95 จุตูปปาตญาณ 106, 323จักขุวญิ ญาณ 267, 268, 356 จุลลวรรค 75จกั ขุวิญญาณธาตุ 348 จูฬนทิ เทส 75จกั ขสุ มั ผสั 266, 272 เจดยี  289จกั ขสุ ัมผสั สชาเวทนา 113, 266 เจดยี  4 141จกั ร 4 140 เจตนา 355จกั รพรรดิ 142, 287, 339 เจตนา 6 263จักรวรรดวิ ตั ร 5, 12 339 เจตนากาย 263จาคะ 67, 139, 183, 197, 249, 292 เจตนาสมั ปทา 190จาคสมั ปทา 191, 229 เจตสิก 157, 216

26เจตสกิ 52 355 ชีพ, ชีวะ 337เจตสกิ ทกุ ข 16 ชวี ิตรูป 1 40, 359เจตสกิ เวทนา 110 ชวี ิตนิ ทรยี  40, 349, 355เจตสิกสุข 52เจโตปริยญาณ ฌาน 8เจโตวมิ ตุ ติ 274, 297 ฌาน 2 7โจรภี รยิ า 43, 252 ฌาน 2 ประเภท 8 ฌาน 4 9, 227, 344ฉกามาพจรสวรรค 282 ฌาน 5 (ปญจกนยั ) 9, 356ฉฬภญิ ญะ ฌาน 8 10, 299ฉันทะ 270 ฌานจิต 67 356ฉันทสมั ปทา 62 ฌานปจ จัย 350ฉนั ทาคติ ฌานปญ จกนยั 9ชนกกรรม 37, 213, 355 ฌานลาภี 252, 253, 254, 322ชรตา 2, 280 ฌานาทิสังกเิ ลสาทิญาณ 323ชราธัมมตา 196ชรามรณะ 338 ญาณ 328ชลาพชุ ะ 40 ญาณ 31 72ชวนะ 247 ญาณ 32 73ชาครยิ านโุ ยค 340 ญาณ 33 106ชาดก 171 ญาณ 16 345ชาตกํ 343 ญาณจรติ 262ชาตรปู 128 ญาณทสั สนะ 73, 184ชาตรูปรชตปฏคิ ฺคหณา เวรมณี 75, 302 ญาณทัสสนะมปี รวิ ัฏฏ 3 73ชาตสถาน 302 ญาณทัสสนวสิ ุทธิ 285ชาติ 359 าณวิปปฺ ยตุ ฺตํ 356ชาติประเภท (จติ ) 242 ญาณสังวร 243ชิณณะ 188 าณสมฺปยตุ ตฺ ํ 356ชิณณปฏิสงั ขรณา 340 าตกานฺจ สงฺคโห 353ชนิ สาสน 356 ญาตปริญญา 92ชิวหา ญาตตั ถจรยิ า 96ชวิ หาทวาร 83, 84, 150 ญาติพลี 232ชิวหาธาตุ 138 ายปฏปิ นฺโน 307ชวิ หาวญิ ญาณ 302ชิวหาวิญญาณธาตุ ฐานาฐานญาณ 323ชวิ หาสัมผัส 40, 266, 276 ฐานะ 227ชวิ หาสมั ผัสสชาเวทนา 78 ติ สสฺ อฺถตตฺ ํ ปฺายติ 117ชิวหินทรยี  348 266, 268, 356 348 266, 272 113, 266 349

27ดาวดงึ ส 270, 351 เตวิชชะ 62ดสุ ติ 270, 351ดูการละเลน ไตรตรงึ ส 270 200 ไตรปฎก 75 ไตรลกั ษณ 47, 76, 86, 107, 311ตตยิ ฌาน 9 ไตรวฏั ฏ 105ตตยิ ฌานภมู ิ 3 351 ไตรสรณะ 116ตตยิ ชฌฺ านกสุ ลจิตฺตํ 356 ไตรสรณคมน, ไตรสรณาคมน 116ตถาคต 143, 337 ไตรสกิ ขา 124, 204, 293ตถาคตพล 10 180ตถาคตพลญาณ 10 323 ถัมภะ 347 ถนี ะ 318, 355ตถาคตโพธิสัทธา 181 ถีนมิทธะ ถูปารหบคุ คล 4 225ตถาคตสาวก 142 เถรคาถา 142 เถรธรรม 10 75/2.5ตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจา 142 เถรีคาถา 322 เถโร รตตฺ ฺู 75/2.5ตทงั คนโิ รธ 224 322ตทังคปหาน 224ตทาลมั พนะ 343ตปะ 326ตโป จ 353ตรัสรู 188 ทตวฺ า อตตฺ มโน โหติ 300 ททํ จติ ฺตํ ปสาเทติ 300ตรุณวปิ ส สนา 285, 328 ทมะ 123, 139 ทรัพยจ ัดสรรเปน 4 สวน 163ตกกฺ เหตุ 317 ทวตั ตงิ สาการ 147 ทวาร 3 77ตณั หา 91, 340 ทวาร 6 78 ทวปิ ญ จวญิ ญาณจติ 348ตัณหา 3 74, 204, 357 ทวฺ หี ิ กมมฺ ํ ปโยชเย 163 ทศชาติ 325ตัณหา 6 264, 266, 357 ทศบารมี 325 ทศพล 180ตณั หา 108 357, 359 ทศพลญาณ 323 ทศพธิ ราชธรรม 326ตณั หากาย 264 ทศศลี 242 ทหระ 84ตณั หาปณธิ ิ 107 ทกั ขณิ าวิสทุ ธิ 4 143 ทกขฺ เิ ณยฺโย 307ตณั หาวจิ รติ 357 ทกั ขิไณย 259 ทกั ขไิ ณยบคุ คล 2 55ตตั รมชั ฌัตตตา 355ตําหนิ 252ตดิ การพนนั 200ติดสรุ าและของมนึ เมา 200ติตถายตนะ 101ตริ จั ฉานโยนิ 198, 351ตรี ณปริญญา 92เตจีวริกังคะ 342เตโชกสณิ 315เตโชธาตุ 39, 146, 147, 148

28ทกั ขไิ ณยบุคคล 7 63 ทฏิ ฐิสามญั ญตา 273ทกั ขิไณยบุคคล 8 57 ทฏิ ึ อชุ ุ กโรติ 221ทักขไิ ณยัคคิ 131 ทิฏชุ กุ ัมม 89ทักษิณทศิ 265 ทิฏุปาทาน 214ทนฺธาภิฺา 154 ทฏิ โฐฆะ 215ทตวฺ า อตฺตมโน โหติ 300 ทิพพจกั ขุ 217, 274, 297ทัสสนะ 343 ทิพพจกั ขญุ าณ 106ทัสสนานุตตริยะ 126, 127 ทิพยสมบัติ 114ทาน 123, 186, 229, 239, 325, 326 ทพิ พโสต 274, 297ทาน 21 11ทาน 22 12 ทศิ 6 200, 265 ทีฆนิกาย 75ทานกถา 246 ทสี่ ุด 2 15ทานมยั 88, 89 ทกุ ข 1, 174, 204, 205, 296, 340ทานสมบัติ 3 115 ทกุ ข 2 16ทานฺจ 353 ทุกฺขํ อรยิ สจจฺ ํ ปริ เฺ ยฺยํ 205ทายก 143 ทุกขตา 76, 107ทารสงคฺ ห 353 ทกุ ขตา 3 79ทาสีภรยิ า 282 ทุกขทกุ ขตา 79ทฏิ ฐธรรมเวทนยี กรรม 338 ทุกขนโิ รธ 204ทิฏฐธรรมสุขวิหาร 184 ทกุ ฺขนิโรเธ อฺาณํ 208, 209ทิฏฐธมั มกิ ัตถะ 3, 132, 144 ทุกขฺ นโิ รโธ อรยิ สจจฺ ํ สจฉฺ ิกาตพฺพํ 205ทิฏฐธัมมกิ ตั ถประโยชน 144 ทุกฺขนโิ รธคามินิยา ปฏิปทาย อฺาณํ 208, 209ทิฏฐธมั มกิ ตั ถสงั วตั ตนกิ ธรรม 4 144 ทุกขนโิ รธคามินปี ฏปิ ทา 204ทฏิ ธมมฺ ิกานํ อาสวานํ สํวราย 327 ทุกขฺ นโิ รธคามนิ ี ปฏิปทา อรยิ สจจฺ ํ ภาเวตพพฺ ํ 205ทฏิ ฐาสวะ 137 ทกุ ขลักษณะ 47ทฏิ ฐิ 91, 288, 318, 329, 355 ทุกขเวทนา (ดู เวทนา 5 ดว ย) 111ทิฏฐิ 2 13 ทกุ ขสมุทยั 204ทิฏฐิ 3 14 ทกุ ฺขสมทุ เย อฺาณํ 208, 209ทิฏิคตวิปปฺ ยุตตฺ ํ 356 ทุกฺขสมุทโย อริยสจจฺ ํ ปหาตพพฺ ํ 205ทิฏ ิคตสมปฺ ยุตฺตํ 356 ทกุ ฺขสหคตํ 356ทิฏ นิ ชิ ฺฌานกขฺ นตฺ ิยา 317 ทกุ ขฺ า 86ทฏิ ฐิปปตตะ 63 ทุกขานุปสสนา 107ทฏิ ยิ า สุปฏิวิทธฺ า 231 ทุกขินทรีย 349ทิฏฐโิ ยคะ 170 ทุกฺเข อฺาณํ 208, 209ทิฏฐวิ ิบตั ิ 175 ทกุ ฺขา ปฏปิ ทา ขปิ ฺปาภิ ฺ า 154ทฏิ ฐิวปิ ลาส 178 ทกุ ขฺ า ปฏปิ ทา ทนธฺ าภิฺา 154ทิฏฐิวิสุทธิ 285 ทคุ คติภัย 229ทิฏฐสิ มั ปทา 2, 280 ทุคติ 351

29ทจุ ริต 3 80 ธรรม 22 20 ธรรม 23 21ทุตยิ ฌาน 9 ธรรม 24 22ทตุ ิยฌานภูมิ 3 351ทุตยิ ชฌฺ านกสุ ลจิตฺตํ 356 ธรรม 3 85ทุมมฺ งฺกนู ํ ปุคฺคลานํ นิคคฺ หาย 327 ธรรม 4 206เทพ 284, 312 ธรรม 5 238, 239เทพ 3 82 ธรรมของอุบาสกปทมุ 259เทวดา (ความหมาย) 232 ธรรมของอบุ าสกรตั น 259เทวตานสุ ติ 335 ธรรมขันธ 5 218เทวตาพลี 232 ธรรมคณุ 6 306เทวทูต 3 83 ธรรมคุมครองโลก 2 23เทวทูต 3, 4 150 ธรรมจริยา 10 320เทวทูต 5 84 ธรรมจักร 188, 287เทวปตุ ตมาร 234 ธรรมเจดีย 141เทวโลก 103 ธรรมฐิติญาณ 285เทวสมบัติ 114 ธรรมทศั นะ 255เทศนา 21 17เทศนา 22 18 ธรรมทาน 11, 229 ธรรมทําใหง าม 2 24เทศนา 4 17 ธรรมทีพ่ ระพุทธเจาเหน็ คุณประจกั ษ 2 65เทศนาวธิ ี 4 172 ธรรมเทสกธรรม 5 219เท่ียวกลางคนื 200 ธรรมธาตุ 348โทมนสั 1, 112, 340, 358 ธรรมนิยาม 76, 223, 340โทมนสฺสสหคตํ 356 ธรรมนยิ าม 3 86โทมนัสสนิ ทรยี  349 ธรรมบท 75โทสะ 4, 68, 318, 347, 355 ธรรมบชู า 30โทสจรติ 262 ธรรมปฏสิ ันถาร 31โทสมลู จติ 2 356 ธรรมประมาณ 158โทสคั คิ 130 ธรรมปริเยสนา 33โทสาคติ 196 ธรรมเปน โลกบาล 2 23ไทยธรรมสมบตั ิ 115 ธรรมเปน เหตุใหสมหมาย 4 192 ธรรมไพบูลย 44ธตรฐ 270 ธรรมมอี ุปการะมาก 2 25ธตา 231ธนานปุ ระทาน 339 ธรรมมอี ุปการะมาก 4 140ธรรม* 35, 75, 166, 277, 294, 295, 302ธรรม 21 19 ธรรมมีอุปการะมาก 7 279 ธรรมมอี ุปการะมาก 10 324 ธรรมฤทธิ์ 42 ธรรมสงเคราะห 49*คํานําหนา ดวย ธรรม- ถาไมมี ใหดทู ี่ ธัมม- ธรรมสมาทาน 4 145

30ธรรมสมาธิ 5 220 ธมั มานุปส สนาจตกุ กะ 346 ธมั มานสุ ติ 335ธรรมสวนานสิ งส 5 221 ธัมมานุสารี 63 ธาตุ 4 39, 146ธรรมเสรี 352 ธาตุ 6 148 ธาตุ 18 348ธรรมาจารย 211 ธาตกุ ถา 75 ธาตกุ ัมมฏั ฐาน 4 147ธรรมาธปิ ไตย 125, 339 ธาตุกมั มฏั ฐาน 6 149 ธาตุเจดีย 141ธรรมาธิษฐาน 17 ธาตมุ นสิการ 4 147, 354 ธดุ งค 13 342ธรรมานวุ ตั ิ 201 ธุระ 2 26ธรรมารมณ 266, 277ธรรมกิ พลี 289ธรรมกิ ารกั ขา 339ธมมฺ กามตา 324ธมมฺ กาโม 322ธมั มคารวตา 261ธมฺมจรยิ า จ 353ธัมมจกั กปั ปวตั ตนสถาน 188 น กมฺมารามตา 291 น ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายติ 118ธมั มตัณหา 264, 266 น นทิ ฺทารามตา 291 น ปาปมติ ตฺ ตา 291ธมั มเทสนามัย 89 น ปาปจฉฺ ตา 291 น ภสฺสารามตา 291ธมั มปฏิสมั ภทิ า 155 นยเหตุ 317 นรก 198, 351ธมั มมัจฉรยิ ะ 233 นวกภิกขธุ รรม 5 222 น วโย ปฺ ายติ 118ธัมมวิจยะ 281 นวรหคุณ 303 นวสีวถกิ า 182ธมั มวิจาร 266 นวังคสตั ถศุ าสน 51, 302 นวารหคุณ, นวารหาทิคณุ 303ธมั มวติ ก 266 น สงคฺ ณิการามตา 291 น อนตฺ ราโวสานํ 291ธัมมเวปลุ ละ 44 น อามิสนฺตโร 219 น อปุ ฺปาโท ปฺายติ 118ธมั มสังคณี 75/3 นจจฺ คีตวาทิตวิสูกทสฺสนา เวรมณี 242 นจจฺ คตี ฯเปฯ วภิ ูสนฏ านา เวรมณี 240ธัมมสังคหะ 49 นัฏฐคเวสนา 138 นัตถิกทฏิ ฐิ 14ธัมมสญั เจตนา 263, 266 นัตถิปจ จยั 350 นาค 270ธมั มสญั ญา 266, 271ธมมฺ สากจฉฺ า, กาเลน 353ธมั มัญตุ า 287ธัมมัปปมาณิกา 158ธมฺมสฺสวน,ํ กาเลน 353ธัมมสั สวนมัย 89ธัมมัสสวนสัปปายะ 286ธมฺมา 86ธัมมาธปิ ไตย 125, 339ธมั มานุธมั มปฏปิ ทา 51ธัมมานธุ มั มปฏปิ ตติ 177, 193ธัมมานปุ ส สนา, ธมั มานปุ สสนาสติปฏฐาน 182, 346

31นาถกรณธรรม 10 324 นิวรณ 5 225นานตั ตสญั ญา 298 นวิ าโต จ 353นานาธาตุญาณ 323 นิสสยปจ จัย 350นานาธิมุตตกิ ญาณ 323 นสิ สยสมั ปนโน 95นาม 216 นิสสยาจารย 211นามธรรม 345 นสิ สรณนิโรธ 224นามบัญญตั ิ 28 นิสสัย 4 159นามรูป 340 นสิ สยั สมั บนั 202นามรูปปรจิ เฉทญาณ 92, 345 นีตัตถะ 64นาย 265 นีลกสณิ 315นกิ นั ติ 328 เนกขัมมะ 325นิจศีล 238 เนกขมั มวิตก 69นิทเทส 75/2 เนกขัมมสงั กปั ป 293นินทา 296 เนกขมั มสติ 358นิปปรยิ ายสุทธิ 54 เนกขัมมานสิ งั สกถา 246นพิ พาน 109, 157, 204, 216, เนคมชานบท 339 295, 306, 310, 311, 332 เนยยะ 153นิพพาน 2 27 เนยยตั ถะ 64นิพพานบท 352 เนวสัญญานาสญั ญายตนะ 207, 284, 298, 312นพิ พานสมบัติ 114 เนวสฺานาสฺ ายตนกุสลจิตฺตํ 356นพิ ฺพานสจฉฺ กิ ริ ยิ า 353 เนวสญั ญานาสัญญายตนภมู ิ 351นิพพิทาญาณ, นพิ พิทานุปส สนาญาณ, เนสชั ชกิ ังคะ 342นพิ พทิ านุปส สนาญาณ 311 โน จฏาเน นโิ ยชเย 278นิมมานรดี 270, 351นมิ ิต, นมิ ติ ต 3 87 บณั ฑร 356 บรรพชา ดู บรรพชานิมิต 4 150 บรรพชาจารย 211 บรรพชิต 289นยิ ยานกิ ธรรมเทศนา 180 บรกิ รรมนิมติ 87 บริกรรมภาวนา 99นยิ าม 5 223 บริโภคเจดยี  141 บรษิ ัท 41 151นริ ยะ 198, 351 บริษัท 42 152 บังสุกลุ จวี ร 159นิรัคคฬะ 187 บัญญัติ 2, 6 28 บารมี 10 325นิรามสิ สุข 53 บาว 265 บิณฑบาต 159นริ ตุ ติปฏสิ ัมภทิ า 155นโิ รธ 204, 205, 295นิโรธ 5 224นโิ รธสมาบัติ 119, 313นโิ รธวาร 340นโิ รธสจั จ 204, 340นโิ รธสฺา 331

32บุคคล 4 153 ปฏโิ ลมปฏจิ จสมปุ บาท 340บุคคลหาไดย าก 2 29บุคคลาธิษฐาน 17 ปฏเิ วธสัทธรรม 121บญุ กิรยิ าวตั ถุ 3 88บญุ กิรยิ าวัตถุ 10 89 ปฏิสนธิ 343บุตร 3 90บตุ รธดิ า 265 ปฏสิ งั ขรณ 254บุตรภรรยา 265บุพการี 29 ปฏสิ ังขาญาณ = ปฏิสงั ขานุปสสนาญาณบพุ นมิ ติ แหงมรรค 7 280บุพภาคของการศึกษา 34 ปฏสิ งั ขานปุ สสนาญาณ 311บชู า 2 30เบญจกัลยาณธรรม 239 ปฏสิ ันถาร 2 31เบญจขันธ 216, 357เบญจธรรม 239 ปฏสิ นั ถารคารวตา 261เบญจศีล 238 ปฏิสัมภทิ ัปปตตะ 62 ปฏิสัมภทิ า 4 155 ปฏิสัมภทิ ามคั ค 75 ปฐมฌาน 9, 284, 298 ปฐมฌานภมู ิ 3 351 ปฐมฌานกสุ ลจติ ตฺ ํ 356 ปฐมเทศนา 188 ปฐวีกสิณ 315 ปฐวีธาตุ 39, 146, 147, 148ปกิณณกเจตสกิ 6 355 ปณตี ํ เทติ 300ปกิณณกอกศุ ลเจตสิก 10 355 ปทปรมะ 153ปฏกิ ูลมนสิการ 182 ปธาน 2 32ปฏิคาหก 143 ปธาน 4 156ปฏิฆะ 288, 329, 330 ปธานสมฺ ึ 355ปฏฆิ สัญญา 298 ปปญ จะ, ปปญ จธรรม 3 91ปฏฆิ สัมปยตุ ตจิต 2 356 ปมาณกิ 4 158ปฏิฆสมฺปยตุ ฺตํ 356 ปมาทะ 347ปฏจิ จสมปุ บาท 105, 120, 129, 185, 340 ปโยควิบตั ิ 176ปฏบิ ตั ิบูชา 30 ปโยคสมบัติ 177ปฏบิ ตั ศิ าสนา 51 ปโยคาภสิ ังขาร 185ปฏปิ ทา 4 154 ปรโตโฆสะ 34ปฏปิ ทาญาณทัสสนวสิ ทุ ธิ 285 ปรนิมมิตวสวตั ดี 270, 351ปฏิปทานตุ ตริยะ 126 ปรมัตถะ 132ปฏปิ ตตสิ ัทธรรม 121 ปรมตั ถกถา 18ปฏปิ ส สัทธินิโรธ 224 ปรมัตถเทศนา 18ปฏิภาคนมิ ติ 87 ปรมตั ถธรรม 4 157, 216, 356ปฏิภาณปฏสิ ัมภทิ า 155 ปรมตั ถบารมี 325ปฏริ ปู เทสวาสะ 140 ปรมตั ถสจั จะ 50ปฏิรูปเทสวาโส จ 353 ปรหติ ปฏบิ ตั ิ 304ปฏิโลมเทสนา 340 ประชุมเนืองนติ ย 289, 290

33ประมาณ 4 158 ปหาน 5 224ประโยชนจากโภคทรพั ย 5 232ประสตู ิ 188 ปหานปธาน 156ปรัตถะ 133ปรมฺปราย 317 ปหานปริญญา 92ปราโมทย 220ปริจจาคะ 326 ปหานภาวนารามตา 203ปริจเฉทรูป 1 40, 359ปริญญา 205, 206 ปหานวนิ ยั 243ปริญญา 3 92ปริญไญยธรรม 206 ปหานสฺา 331ปรณิ ตโภชี 250ปรติ ตสุภา 351 ปค คาหะ 328ปรติ ตาภา 351ปริเทวะ 340 ปง สุกลู ิกงั คะ 342ปรินิพพาน 188ปรนิ ิพพุตสถาน 188 ปจ จยปรคิ คหญาณ 92, 345ปรปิ ุจฉา 339ปรมิ ติ ปานโภชนา 138 ปจจยาการ 12 105, 340ปรยิ ัตธิ รรม 306, 332ปริยตั ศิ าสนา ปจจเวกขณญาณ 345ปรยิ ัตสิ ัทธรรม 51ปรยิ ายทสสฺ าวี 121 ปจจฺ ตตฺ ํ เวทติ พโฺ พ วิ ฺูหิ 306ปริยายสทุ ธิ 219ปรเิ ยสนา 2 54 ปจ จยั 4 159, 203ปริวฏั ฏ 3 33ปรวิ าร 73 ปจจยั 24 350ปรสิ สารัชชภัย 75ปรสิ ัญตุ า 229 ปจจัยนิสติ 342ปลาสะ 287ปวเิ วก 347 ปจ จยั ปจจเวกขณ 243ปวิเวกกถา 294ปสังสา 314 ปจ จยั สนั นสิ ติ ศีล 160ปสนฺนานํ ภิยฺโยภาวาย 296ปสาทรูป 5 327 ปจ จยั สมั ปทา 190ปหาตัพพธรรม 40, 359ปหานะ 205 ปจจยั ใหเ กิดสมั มาทฏิ ฐิ 2 34ปหาน 3 205, 206 224 ปจ จุบนั 340 ปจ จุบนั เหตุ 340 ปจ จุปปน นงั สญาณ 72 ปจเจกพุทธเจา 142 ปจฉาชาตปจ จยั 350 ปจ ฉมิ ทศิ 265 ปญ จกชั ฌาน 9, 356 ปญ จกนัย 9 ปญจทวาราวัชชนะ 343, 348, 356 ปญ จมฌาน 9 ปฺจมชฌฺ านกสุ ลจติ ตฺ ํ 356 ปญ จวญิ ญาณฐาน 343 ปฺ า 324 ปญ ญา 37, 67, 124, 183, 197, 204, 228, 237, 249, 251, 292, 301, 325, 346 ปญญา 3 93 ปญ ญากถา 314 ปญ ญาขนั ธ 218 ปญญาคณุ 305, 308

34ปญ ญาจักขุ 217 ปาณาตปิ าตา เวรมณี 238, 240, 319ปญ ญาปนบัญญตั ิ 28 ปาปณกิ ธรรม 3 95ปฺาปนโต ปฺตตฺ ิ 28 ปาปณกิ ังคะ 95ปญญาปย บญั ญตั ิ 28 ปาปมิตตะ 199ปฺาปยตฺตา ปฺตฺติ 28 ปาปา, อารตี วริ ตี 353ปญ ญาพละ 229, 230 ปาปจ ฉา 308ปญญาภาวนา 37 ปาพจน 2 35, 75ปญญาวิมุต 62, 63 ปาราชิก 75ปญญาวิมุตติ 43, 252 ปาริจรยิ านตุ ตรยิ ะ 127ปญญาวุฒิ 179 ปารสิ ุทธิศีล 4 160, 285ปญ ญาวฑุ ฒิธรรม 4 179, 193 ปาสาทโิ ก 322ปญ ญาสมั ปทา 191, 229 ปาหุเนยโฺ ย 307ปญญินทรีย 63, 349, 355 ปฏก 3 75ปญญินทรียเจตสกิ 355 ปฏ กสมปฺ ทาเนน 317ปฏฐาน 75 ปณ ฑปาตปฏสิ งั ยตุ ต 342ปณฑฺ ิตานฺจ เสวนา 353 ปณ ฑปาตสนั โดษ 203ปตตปณฑิกังคะ 342 ปณ ฑปาตกิ ังคะ 342ปต ตานุโมทนามัย 89 ปณ ฑิยาโลปโภชนะ 159ปตติทานมยั 89 ปตติวสิ ยั 198, 351ปพ พชติ ะ 150 ปตฆุ าต 245, 275ปพ พชิตปธาน 32 ปย กรณ 273ปพพชิตอภิณหปจ จเวกขณ 10 248 ปยวินาภาวตา 247 ปยรูป สาตรปู 6 × 10 266ปพ พชั ชา 123ปพ พัชชาจารย 211 ปย วาจา 186, 229ปสสัทธิ 220, 281, 328 ปโย 278ปสสฺ าส 346 ปส ณุ ํ วาจํ ปหาย ฯเปฯ 320ปากกาล 338 ปสณุ าวาจา 321ปากทานปรยิ าย 338 ปส ุณาย วาจาย เวรมณี 319ปาจติ ติยะ 75 ปต กสณิ 315ปาฏบิ ุคลกิ ทาน 12 ปติ 9, 220, 281, 328, 355ปาฏปิ ุคฺคลิกา ทกขฺ ิณา 12 ปต ิ 5 226ปาฏิโมกข (ปาติโมกข) 75, 160, 222, 243, ปตสิ ุเขกคฺคตาสหิตํ 356 252, 254, 322, 344 ปุคคลปโรปรัญุตา 291ปาฏิโมกขสงั วร (ปาตโิ มกขสงั วร) 222, 243 ปุคคลปญญัตติ 75ปาฏโิ มกขสังวรศลี (ปาติโมกขสังวรศีล) 160 ปคุ คลสปั ปายะ 286ปาฏิหาริย 3 94 ปุคคลญั ตุ า 287ปาณาตบิ าต 137, 321 ปคุ คลาปเทส 166ปาณาติปาตํ ปหาย ฯเปฯ 320 ปญุ ญาภิสังขาร 129

35ปุตตฺ ทารสฺส สงฺคโห 353 ผสั สะ 6 272ปุตตฺ สงฺคห 353ปถุ ุชน 345, 351 ผสั สาหาร 212ปถุ ชุ นกบั โลกธรรม 296ปุพพเปตพลี 232 ผุฏสฺส โลกธมฺเมหิ จติ ตฺ ํ น กมปฺ ติ 353ปุพพฺ นฺตาปรนเฺ ต อฺาณํ 209ปพุ ฺพนฺเต อฺาณํ 209 ผุสนะ 343ปพุ เพกตปญุ ญตา 140ปพุ เพกตวาท 101 โผฏฐัพพะ 6, 40, 266, 277ปพุ เพกตเหตวุ าท 101ปุพเฺ พ จ กตปุ ฺตา 353 โผฏฐัพพตณั หา 264, 266ปพุ เพนิวาสานุสสติ 274, 297ปพุ เพนิวาสานุสสติญาณ 106, 323 โผฏฐัพพธาตุ 348ปุรัตถิมทิศ 265ปุริสเมธ 187 โผฏฐพั พวจิ าร 266ปรุ สิ ตั ตะ 40ปรุ สิ นิ ทรยี  40, 349 โผฏฐัพพวิตก 266ปเุ รชาตปจจยั 350ปฬุ ุวกะ 336 โผฏฐัพพสัญเจตนา 263, 266ปชู นียสถาน, ปูชนียวตั ถุ 289ปชู า จ ปูชนียานํ 353 โผฏฐัพพสญั ญา 266, 271ปตู ิมตุ ตเภสชั 159เปตตวิ ิสยั 351 พนัน 200เปตวัตถุ 75เปยยวชั ชะ 186, 229 พยาธติ ะ 83, 84, 150เปรต (ดู สัตตาวาส 7 ดว ย) 198, 284, 351เปสลานํ ภกิ ขฺ นู ํ ผาสุวิหาราย 327 พยาธธิ ัมมตา 247ผรณาปต ิ 226 พยาบาท 225, 321, 329, 347ผรุสวาจา 321ผรุสํ วาจํ ปหาย ฯเปฯ 320 พยาบาทวติ ก 70ผรสุ าย วาจาย เวรมณี 319ผล พร 4, 5 227ผล 4 7ผลจติ 165, 310, 332 พรหม, พรหมโลก 16 284, 298, 351ผลญาณผลสมังคี 356 พรหมจรรย 241ผัสสะ 345 57 พรหมจกั ร 180 340, 355 พรหมจารี 250, 290 พรหมปารสิ ัชชา 351 พรหมปุโรหิตา 351 พรหมโลก 103 พรหมวหิ าร 4 161, 227 พระเจาจกั รพรรดิ 142, 287, 339 พระธรรม* 100, 116 พระพุทธเจา 100, 116, 142, 287, 290, 337 พระพุทธรูป 141 พระสงฆ 100, 116, 265 พรฺ หมฺ จรยิ ฺจ 353 พราหมณ 173 พราหมณคฤหบดี 339 พราหมณบรษิ ัท 152 *คาํ นาํ หนาดวย พระ ถา ไมม ใี นท่ีน้ี ใหต ัดคําวา พระ ออก แลว ดูในตําแหนง ของคําน้ันๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook