Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรวิทยาศาตร์เเละเทคโนโลยี-64

หลักสูตรวิทยาศาตร์เเละเทคโนโลยี-64

Published by Aornanong Cks, 2021-08-10 03:24:35

Description: หลักสูตรวิทยาศาตร์เเละเทคโนโลยี-64

Keywords: หลักสูตรวิทยาศาตร์เเละเทคโนโลยี-64

Search

Read the Text Version

7. สืบค้นข้อมูล และวิเคราะห์เกณฑ์การประเมินโครงงานวิทยาศาสตร์ และแลกเปล่ียน การประเมนิ ซ่ึงกันและกนั ตลอดจนยอมรบั ผลการประเมนิ ด้วยความภาคภูมใิ จ 8. มเี จตคติทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเจตคตทิ ีด่ ตี ่อวิชาวทิ ยาศาสตร์ 9. วเิ คราะหข์ อ้ มูล จดุ มุ่งหมาย ความสาคัญ แผนการปฏิบัติงาน และผลท่ีคาดหวัง เพ่ือ เขยี นเค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์ 10. อธิบาย และกาหนดมอบหมายงานหน้าที่ ความรับผิดชอบภายในกลุ่มในการจัดทา โครงงานวิทยาศาสตร์ไดอ้ ย่างเหมาะสมและปลอดภัย 11. วิเคราะห์ และรวบรวมข้อมูลจากการทดลอง เขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ตาม รปู แบบ 12. วิเคราะห์ ออกแบบ วางแผนวิธีการเสนอผลงาน และจัดแสดงโครงงานวิทยาศาสตร์ เพอ่ื ดงึ ดดู ความสนใจของผเู้ ข้าชม จดั ให้มีความชดั เจนเข้าใจงา่ ย มคี วามถกู ต้องตามเนอื้ หา 13. สืบค้นข้อมูล จัดทา และอธิบายเก่ียวกับโครงงานวิทยาศาสตร์กับภูมิปัญญาไทย และ ทอ้ งถน่ิ ตลอดจนเผยแพรผ่ ลงานสสู่ าธารณชน 14. มีเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์และเจตคตทิ ีด่ ีตอ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 1. อธิบายการกาเนดิ และการเปลยี่ นแปลงพลังงาน สสาร ขนาดอุณหภูมิของเอกภพหลังเกิด บกิ แบง ในชว่ งเวลาต่าง ๆ ตามววิ ัฒนาการของเอกภพ 2. อธิบายหลักฐานท่ีสนับสนุนทฤษฎีบิกแบง จากความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วกับ ระยะทางของกาแล็กซี รวมทง้ั ขอ้ มลู การค้นพบไมโครเวฟพ้นื หลังจากอวกาศ 3. อธิบายโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก และระบุตาแหน่งของ ระบบสรุ ิยะพร้อมอธิบายเชอื่ มโยงกบั การสังเกตเห็นทางช้างเผอื กของคนบนโลก 4. อธิบายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปล่ียนแปลงความดัน อุณหภูมิ ขนาด จากดาวฤกษก์ อ่ นเกดิ จนเป็นดาวฤกษ์ 5. อธิบายกระบวนการสร้างพลังงานของดาวฤกษ์และผลท่ีเกิดขึ้น โดยวิเคราะห์ปฏิกิริยา ลกู โซ่โปรตอน-โปรตอน และวฏั จกั รคาร์บอน ไนโตรเจน ออกซิเจน 6. อธิบายความสมั พันธ์ระหว่างสี อณุ หภูมผิ ิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ 7. อธิบายกระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์และลักษณะของ ดาวเคราะหท์ ี่เอือ้ ต่อการดารงชวี ิต 8. อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยกฎเคพเลอร์ และกฎความโน้มถ่วง ของนวิ ตัน พร้อมคานวณคาบการโคจรของดาวเคราะห์ 9. อธิบายโครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะ และวิเคราะห์ นาเสนอ ปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับผลของลมสุริยะ และพายุสุริยะที่มีต่อโลก รวมทั้ง ประเทศไทย หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 98

10. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ ายการสารวจอวกาศ โดยใช้กลอ้ งโทรทรรศนใ์ นชว่ งความยาวคลื่น ต่าง ๆ ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานีอวกาศ และนาเสนอแนวคิดการนาความรู้ทางด้านเทคโนโลยี อวกาศ มาประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั หรอื ในอนาคต 11. สืบค้นข้อมูล ออกแบบ และนาเสนอกิจกรรมการสังเกตดาวบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่า และ/หรือกล้องโทรทรรศน์ 12. สืบค้นข้อมูล คิดวิเคราะห์ อภิปรายและเขียนบรรยายความสาคัญของพลังงาน และ พลังงานทดแทนและการนาพลงั งานทดแทนมาใชป้ ระโยชน์ 13. อธบิ ายหลกั การทางวิทยาศาสตร์ ในการนาพลงั งานแสงอาทิตย์ไปใชป้ ระโยชน์ 14. อธิบายข้อดีและข้อจากัดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ และแนวทางการพัฒนาพลังงาน แสงอาทติ ย์ 15. อธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ ในการนาพลงั งานลมไปใช้ประโยชน์ 16. อธิบายข้อดแี ละข้อจากดั เกย่ี วกับการใช้ประโยชน์ และแนวทางการพัฒนาพลงั งานลม 17. อธบิ ายหลักการทางวทิ ยาศาสตร์ ในการนาพลังงานน้าไปใชป้ ระโยชน์ 18. อธบิ ายขอ้ ดแี ละข้อจากัดเกีย่ วกบั การใช้ประโยชน์ และแนวทางการพัฒนาพลงั งานน้า 19. อธบิ ายหลกั การทางวิทยาศาสตร์ ในการนาพลงั งานชวี มวลไปใช้ประโยชน์ 20. อธิบายข้อดแี ละข้อจากดั เก่ียวกับการใช้ประโยชน์ และแนวทางการพัฒนาพลงั งาน ชวี มวล 21. อธบิ ายหลกั การทางวิทยาศาสตร์ ในการนาพลังงานนวิ เคลยี ร์ไปใชป้ ระโยชน์ 22. อธิบายข้อดีและข้อจากัดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ และแนวทางการพัฒนาพลังงาน นิวเคลียร์ ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 สาระชวี วิทยา 1. เข้าใจธรรมชาติของส่ิงมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์สารท่ี เปน็ องค์ประกอบของสงิ่ มีชวี ิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของส่ิงมีชีวิตกล้องจุลทรรศน์ โครงสร้างและ หน้าทขี่ องเซลล์ การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลลก์ ารแบ่งเซลล์ และการหายใจระดบั เซลล์ 1. อธิบาย และสรุปสมบัติท่ีสาคัญของส่ิงมีชีวิตและความสัมพันธ์ของการจัดระบบใน สง่ิ มีชีวิตทีท่ าใหส้ ่งิ มีชวี ติ ดารงชวี ิตอยู่ได้ 2. อภิปราย และบอกความสาคัญของการระบุปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา สมมติฐานและวิธีการตรวจสอบสมมติฐาน รวมทง้ั ออกแบบการทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมตฐิ าน 3. สืบค้นข้อมูล อธิบายเกี่ยวกับสมบัติของน้าและบอกความสาคัญของน้าที่มีต่อสิ่งมีชีวิต และยกตัวอย่างธาตุชนดิ ต่าง ๆ ท่ีมีความสาคัญตอ่ ร่างกายสิ่งมชี วี ติ 4. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรตระบุกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต รวมท้ัง ความสาคญั ของคาร์โบไฮเดรตท่มี ตี ่อส่งิ มีชีวิต 5. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบายโครงสรา้ งของโปรตีนและความสาคญั ของโปรตีนทมี่ ีต่อสง่ิ มชี ีวติ หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 99

6. สืบค้นข้อมลู อธบิ ายโครงสร้างของลิพดิ และความสาคญั ของลิพดิ ที่มตี ่อสง่ิ มีชวี ติ 7. อธิบายโครงสร้างของกรดนิวคลิอิก และระบุชนิดของกรดนิวคลิอิก และความสาคัญของ กรดนิวคลิอกิ ทม่ี ตี ่อสิง่ มชี ีวติ 8. สบื ค้นข้อมูล และอธบิ ายปฏิกิริยาเคมีทเ่ี กดิ ขน้ึ ในส่ิงมชี ีวิต 9. อธบิ ายการทางานของเอนไซมใ์ นการเรง่ ปฏิกริ ิยาเคมีในส่งิ มีชีวิต และระบปุ ัจจยั ที่มีผลต่อ การทางานของเอนไซม 10. บอกวิธีการ และเตรียมตัวอย่างส่ิงมีชีวิตเพื่อศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงวัด ขนาดโดยประมาณ และวาดภาพท่ีปรากฏภายใต้กล้อง บอกวิธีการใช้ และการดูแลรักษากล้อง จุลทรรศนใ์ ช้แสงท่ถี ูกตอ้ ง 11. อธบิ ายโครงสรา้ งและหน้าทีข่ องสว่ นท่ีห่อหมุ้ เซลล์ของเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ตั ว์ 12. สบื คน้ ขอ้ มูล อธิบาย และระบุชนิดและหน้าทีข่ องออร์แกเนลล์ 13. อธบิ ายโครงสร้างและหน้าท่ขี องนิวเคลยี ส 14. อธิบาย และเปรยี บเทียบการแพร่ ออสโมซิสการแพร่แบบฟาซลิ เิ ทต และ แอกทีฟทรานสปอร์ต 15. สบื คน้ ข้อมูล อธิบาย และเขยี นแผนภาพการลาเลียงสารโมเลกุลใหญ่ออกจากเซลล์ด้วย กระบวนการเอกโซไซโทซสิ และการลาเลยี งสารโมเลกุลใหญเ่ ข้าสเู่ ซลลด์ ้วยกระบวนการ เอนโดไซโทซสิ 16. สังเกตการแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิสและแบบไมโอซิสจากตัวอย่างภายใต้กล้อง จลุ ทรรศนพ์ รอ้ มทั้งอธบิ ายและเปรยี บเทียบการแบง่ นิวเคลยี สแบบไมโทซิส และแบบไมโอซิส 17. อธิบาย เปรียบเทียบ และสรุปขั้นตอนการหายใจระดับเซลล์ในภาวะที่มีออกซิเจน เพยี งพอ และภาวะท่มี ีออกซิเจนไม่เพียงพอ 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและ หน้าท่ีของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐานข้อมูลและแนวคิด เก่ียวกับวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กการเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ หลากหลายทางชีวภาพ กาเนิดของส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต และอนุกรมวิธาน รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1. สบื ค้นข้อมูล อธบิ าย และสรุปผลการทดลองของเมนเดล 2. อธบิ าย และสรปุ กฎแห่งการแยก และกฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ และนากฎของเมน เดลน้ี ไปอธิบายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและใช้ในการคานวณโอกาสในการเกิดฟีโนไทป์ และจโี นไทป์แบบต่าง ๆ ของรุ่น F1 และ F2 3. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ อธิบาย และสรุปเก่ียวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ เป็นส่วนขยายของพันธศุ าสตรเ์ มนเดล 4. สบื ค้นข้อมลู วเิ คราะห์ และเปรยี บเทียบลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันไม่ต่อเนื่อง และลักษณะทางพันธกุ รรมทีม่ กี ารแปรผนั ต่อเน่ือง หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 100

5. อธิบายการถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม และยกตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุม ดว้ ยยีนบนออโตโซมและยนี บนโครโมโซมเพศ 6. สืบค้นขอ้ มลู อธบิ ายสมบตั แิ ละหนา้ ทีข่ องสารพันธุกรรม โครงสร้างและองค์ประกอบทาง เคมขี อง DNA และสรปุ การจาลอง DNA 7. อธิบาย และระบุข้ันตอนในกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตนี และหน้าท่ีของ DNA และ RNA แตล่ ะชนิดในกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตีน 8. สรุปความสัมพันธ์ระหว่างสารพันธุกรรม แอลลีลโปรตีน ลักษณะทางพันธุกรรม และ เช่ือมโยงกบั ความรู้เร่อื งพันธุศาสตรเ์ มนเดล 9. สบื ค้นขอ้ มลู และอธบิ ายการเกดิ มิวเทชนั ระดับยนี และระดับโครโมโซม สาเหตกุ ารเกดิ มวิ เทชนั รวมทงั้ ยกตัวอยา่ งโรคและกล่มุ อาการท่ีเปน็ ผลของการเกิดมวิ เทชัน 10. อธบิ ายหลกั การสรา้ งส่งิ มชี วี ติ ดัดแปรพนั ธกุ รรมโดยใช้ดเี อน็ เอรคี อมบแิ นนท์ 11. สบื ค้นขอ้ มลู ยกตวั อยา่ ง และอภปิ รายการนาเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอไปประยุกต์ใช้ทั้งใน ด้านส่ิงแวดล้อม นิติวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตรและอุตสาหกรรม และข้อควรคานึงถึงด้าน ชวี จรยิ ธรรม 12. สืบค้นข้อมูล และอธิบายเก่ียวกับหลักฐานท่ีสนับสนุนและข้อมูลท่ีใช้อธิบายการเกิด ววิ ฒั นาการของสิ่งมชี ีวิต 13. อธบิ าย และเปรียบเทยี บแนวคิดเกย่ี วกับววิ ัฒนาการของสิ่งมชี วี ิตของฌอง ลามาร์กและ ทฤษฎเี กีย่ วกบั วิวฒั นาการของสิง่ มชี ีวิตของชาลส์ ดาร์วิน 14. ระบุสาระสาคัญ และอธิบายเง่ือนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปัจจัยท่ีทาให้ เกดิ การเปลยี่ นแปลงความถี่ของแอลลีลในประชากร พร้อมทั้งคานวณหาความถี่ของแอลลีลและจีโน ไทปข์ องประชากร โดยใช้หลกั ของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก 15. สบื คน้ ข้อมลู อภิปราย และอธิบายกระบวนการเกิดสปีชสี ใ์ หม่ของสง่ิ มีชีวติ สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุพันธะเคมีและ สมบัติของสาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และ พอลเิ มอร์ รวมทั้งการนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 1. สบื ค้นข้อมูลสมมติฐาน การทดลอง หรือผลการทดลองที่เป็นประจักษ์พยานในการเสนอ แบบจาลองอะตอมของนักวทิ ยาศาสตรแ์ ละอธิบายวิวฒั นาการของแบบจาลองอะตอม 2. เขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ และระบุจานวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน ของอะตอมจากสญั ลกั ษณ์นวิ เคลียร์ รวมทัง้ บอกความหมายของไอโซโทป 3. อธิบาย และเขียนการจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักและระดับพลังงานย่อย เมือ่ ทราบเลขอะตอมของธาตุ 4. ระบุหมู่ คาบ ความเปน็ โลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะ ของธาตเุ รพรีเซนเททฟี และธาตุ แทรนซิชนั ในตารางธาตุ 5. วเิ คราะห์ และบอกแนวโนม้ สมบตั ขิ องธาตเุ รพรีเซนเททฟี ตามหมู่และตามคาบ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 101

6. บอกสมบตั ขิ องธาตุโลหะแทรนซิชนั และเปรยี บเทยี บสมบตั ิกับธาตุโลหะในกลุ่มธาตุ เรพรเี ซนเททฟี 7. อธบิ ายสมบตั ิ และคานวณคร่งึ ชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี 8. สืบค้นข้อมูล และยกตัวอย่างการนาธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต และส่ิงแวดล้อม 9. อธบิ ายการเกดิ ไอออนและการเกิดพนั ธะไอออนกิ โดยใชแ้ ผนภาพหรอื สัญลักษณแ์ บบ จดุ ของลิวอสิ 10. เขยี นสตู ร และเรยี กชือ่ สารประกอบไอออนิก 11. คานวณพลังงานท่ีเก่ียวข้องกับปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบไอออนิกจากวัฏจักร บอร์น-ฮาเบอร์ 12. อธิบายสมบัตขิ องสารประกอบไอออนิก 13. เขยี นสมการไอออนกิ และสมการไอออนิกสทุ ธขิ องปฏิกริ ิยาของสารประกอบไอออนิก 14. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเด่ียวพันธะคู่ และพันธะสาม ด้วย โครงสรา้ งลิวอิส 15. เขียนสตู ร และเรยี กชือ่ สารโคเวเลนต์ 16. วิเคราะห์ และเปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมทั้ง คานวณพลงั งานทเี่ กยี่ วข้องกบั ปฏกิ ริ ิยาของสารโคเวเลนต์จากพลงั งานพันธะ 17. คาดคะเนรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ โดยใช้ทฤษฎีการผลักระหว่างคู่อิเล็กตรอนใน วงเวเลนซ์ และระบสุ ภาพขว้ั ของโมเลกุลโคเวเลนต์ 18. ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว จดุ เดอื ด และการละลายน้าของสารโคเวเลนต์ 19. สืบคน้ ขอ้ มลู และอธบิ ายสมบัตขิ องสารโคเวเลนตโ์ ครงร่างตาข่ายชนิดตา่ ง ๆ 20. อธิบายการเกิดพนั ธะโลหะและสมบตั ขิ องโลหะ 21. เปรียบเทียบสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ สืบค้นข้อมูลและนาเสนอตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และ โลหะ ไดอ้ ย่างเหมาะสม 2. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิริยาเคมี อัตราการ เกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลในปฏิกิริยาเคมี สมบัติและปฏิกิริยาของกรด-เบส ปฏิกิริยารีดอกซ์และ เซลล์เคมีไฟฟา้ รวมท้งั การนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ 1. แปลความหมายสญั ลกั ษณใ์ นสมการเคมเี ขียนและดุลสมการเคมีของปฏิกริ ยิ าเคมี บางชนดิ 2. คานวณปริมาณของสารในปฏิกิรยิ าเคมที ี่เกย่ี วขอ้ งกบั มวลสาร 3. คานวณปริมาณของสารในปฏิกริ ยิ าเคมที ี่เกย่ี วข้องกบั ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย 4. คานวณปรมิ าณของสารในปฏกิ ริ ยิ าเคมที เ่ี ก่ยี วข้องกบั ปรมิ าตรแกส๊ 5. คานวณปรมิ าณของสารในปฏกิ ริ ิยาเคมหี ลายข้ันตอน หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 102

6. ระบุสารกาหนดปรมิ าณ และคานวณปรมิ าณสารตา่ ง ๆ ในปฏกิ ิริยาเคมี 7. คานวณผลได้ร้อยละของผลิตภัณฑใ์ นปฏกิ ิรยิ าเคมี 3. เข้าใจหลักการทาปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปล่ียนหน่วย การคานวณปรมิ าณของสาร ความเข้มขน้ ของสารละลาย รวมทัง้ การบรู ณาการความรู้และทักษะ ในการอธิบายปรากฏการณ์ในชีวิตประจาวนั และการแกป้ ญั หาทางเคมี 1. บอก และอธิบายข้อปฏิบัติเบื้องต้น และปฏิบัติตนท่ีแสดงถึงความตระหนักในการทา ปฏิบัตกิ ารเคมเี พ่ือให้มีความปลอดภัยท้งั ต่อตนเอง ผู้อื่นและส่ิงแวดล้อม และเสนอแนวทางแก้ไขเมื่อ เกิดอบุ ัติเหตุ 2. เลือก และใช้อุปกรณ์หรือเคร่ืองมือในการทาปฏิบัติการ และวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อย่าง เหมาะสม 3. นาเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขยี นรายงานการทดลอง 4. ระบุหน่วยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร และเปล่ียนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอ ด้วยการใช้แฟกเตอร์เปลีย่ นหน่วย 5. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคานวณมวลอะตอมเฉล่ียของธาตุ มวล โมเลกุล และมวลสตู ร 6. อธิบาย และคานวณปริมาณใดปริมาณหน่ึงจากความสัมพันธ์ของโมล จานวนอนุภาค มวล และปรมิ าตรของแกส๊ ท่ี STP 7. คานวณอตั ราส่วนโดยมวลของธาตอุ งคป์ ระกอบของสารประกอบตามกฎสัดสว่ นคงที่ 8. คานวณสูตรอย่างง่ายและสตู รโมเลกุลของสาร 9. คานวณความเข้มข้นของสารละลายในหน่วยต่าง ๆ 10. อธิบายวิธีการ และเตรียมสารละลายให้มีความเข้มข้นในหน่วยโมลาริตี และปริมาตร สารละลายตามท่ีกาหนด 11. เปรียบเทียบจุดเดือดและจุดเยือกแข็งของสารละลายกับสารบริสุทธิ์ รวมทั้งคานวณจุด เดอื ดและจุดเยือกแข็งของสารละลาย สาระฟิสิกส์ 1. เข้าใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ ส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนท่ีแนวตรงแรงและ กฎการเคล่ือนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งานและกฎ การอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนท่ีแนวโค้ง รวมทั้งนา ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 1. สบื คน้ และอธบิ ายการคน้ หาความรู้ทางฟสิ กิ สป์ ระวัตคิ วามเป็นมา รวมท้ังพัฒนาการของ หลักการและแนวคิดทางฟสิ กิ สท์ ีม่ ีผลต่อการแสวงหาความรู้ใหมแ่ ละการพัฒนาเทคโนโลยี 2. วัด และรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนาความ คลาดเคลื่อนในการวัดมาพิจารณาในการนาเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วเิ คราะหแ์ ละแปลความหมายจากกราฟเส้นตรง หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 103

3. ทดลอง และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตาแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคล่ือนท่ีของวัตถุในแนวตรงท่ีมีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมท้ังทดลองหาค่า ความเร่งโนม้ ถ่วงของโลก และคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง 4. ทดลอง และอธบิ ายการหาแรงลัพธข์ องแรงสองแรงทที่ ามุมต่อกนั 5. เขียนแผนภาพของแรงทีก่ ระทาต่อวตั ถุอิสระทดลอง และอธบิ ายกฎการเคล่อื นทขี่ อง นิวตันและการใช้กฎการเคลื่อนท่ีของนิวตันกับสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ รวมท้ังคานวณปริมาณ ต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง 6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงท่ีทาให้วัตถุมีน้าหนัก รวมทั้ง คานวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง 7. วเิ คราะห์ อธบิ าย และคานวณแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณีที่ วัตถุหยดุ นงิ่ และวตั ถเุ คลือ่ นที่ รวมทั้งทดลองหาสมั ประสิทธ์ิความเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ คูห่ นงึ่ ๆ และนาความร้เู รอ่ื งแรงเสยี ดทานไปใช้ในชีวติ ประจาวัน 8. สังเกต และอธิบายสภาพการเคลื่อนทขี่ องวตั ถุเมอื่ แรงที่กระทาต่อวัตถุผ่านศูนย์กลางมวล ของวัตถุ และผลของศนู ยถ์ ่วงที่มีต่อเสถียรภาพของวตั ถุ 9. วิเคราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ ระหวา่ งแรงกับตาแหนง่ รวมทงั้ อธิบาย และคานวณกาลังเฉลี่ย 10. อธิบาย และคานวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ ระหวา่ งงานกับพลังงานจลน์ ความสมั พันธ์ระหวา่ งงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วงความสัมพันธ์ระหว่าง ขนาดของแรงท่ีใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออกและความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ ยืดหยุ่น รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์และพลังงานจลน์ และคานวณงานที่ เกดิ ข้ึนจากแรงลัพธ์ 11. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล รวมทั้งวิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่ เกย่ี วขอ้ งกบั การเคล่อื นทขี่ องวัตถใุ นสถานการณต์ า่ ง ๆ โดยใชก้ ฎการอนุรักษพ์ ลงั งานกล 12. อธิบายการทางาน ประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกลของเคร่ืองกลอย่างง่ายบาง ชนิดโดยใชค้ วามรูเ้ ร่ืองงานและสมดลุ กล รวมท้ังคานวณประสทิ ธภิ าพและการไดเ้ ปรยี บเชงิ กล 13. อธิบาย และคานวณโมเมนตัมของวัตถุ และการดลจากสมการและพื้นที่ใต้กราฟ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งแรงลัพธ์กบั เวลา รวมทง้ั อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างแรงดลกับโมเมนตมั 14. ทดลอง อธิบาย และคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการชนของวัตถุในหน่ึงมิติ ท้ัง แบบยืดหยุ่น ไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยกจากกันในหน่ึงมิติซ่ึงเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม 15. อธิบาย วเิ คราะห์ และคานวณปรมิ าณต่าง ๆท่เี กยี่ วข้องกับการเคลอ่ื นท่แี บบ โพรเจกไทล์ และทดลองการเคล่อื นทแ่ี บบโพรเจกไทล์ 16. ทดลอง และอธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งแรงสศู่ ูนย์กลาง รศั มีของการเคล่อื นท่ีอัตราเร็ว เชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุ ในการเคล่ือนที่แบบวงกลมในระนาบระดับ รวมทั้ง คานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องและประยุกต์ใช้ความรู้การเคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบายการ โคจรของดาวเทียม หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 104

สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 1. เข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ธรณีพิบัติภัยและผลต่อสิ่งมีชีวิต และส่งิ แวดล้อม รวมทัง้ การศกึ ษาลาดับชน้ั หิน ทรพั ยากรธรณี แผนท่ี และการนาไปใชป้ ระโยชน์ 1. อธบิ ายการแบ่งชัน้ และสมบตั ิของโครงสร้างโลกพรอ้ มยกตัวอย่างข้อมลู ทส่ี นับสนนุ 2. อธิบายหลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาท่ีสนบั สนนุ การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี 3. ระบุสาเหตุและอธิบายแนวรอยต่อของแผ่นธรณีที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณี พรอ้ มยกตัวอย่างหลักฐานทางธรณีวิทยาท่ีพบ 4. วิเคราะห์หลักฐานทางธรณีวิทยาที่พบในปัจจุบันและอธิบายลาดับเหตุการณ์ ทาง ธรณวี ทิ ยาในอดตี 5. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกดิ ภูเขาไฟระเบิดและปัจจยั ทีท่ าใหค้ วามรุนแรงของการปะทุ และรูปร่างของภูเขาไฟแตกต่างกัน รวมท้ังสืบค้นข้อมูลพื้นที่เส่ียงภัย ออกแบบและนาเสนอแนว ทางการเฝ้าระวังและการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย 6. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรุนแรง และผลจากแผ่นดินไหว รวมท้ัง สบื คน้ ขอ้ มลู พืน้ ทเ่ี ส่ยี งภัย ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝา้ ระวังและการปฏิบัตติ นให้ปลอดภัย 7. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสึนามิ รวมทั้งสืบค้นข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝ้าระวังและการปฏบิ ตั ิตนให้ปลอดภยั 8. ตรวจสอบ และระบุชนิดแร่ รวมทั้งวิเคราะห์สมบัติและนาเสนอการใช้ประโยชน์จาก ทรพั ยากรแรท่ ี่เหมาะสม 9. ตรวจสอบ จาแนกประเภท และระบุช่ือหินรวมทั้งวิเคราะห์สมบัติและนาเสนอการใช้ ประโยชนข์ องทรพั ยากรหนิ ท่ีเหมาะสม 10. อธิบายกระบวนการเกิด และการสารวจแหล่งปิโตรเลียมและถ่านหิน โดยใช้ข้อมูล ทางธรณีวทิ ยา 11. อธิบายสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียม และถ่านหิน พร้อมนาเสนอการใช้ ประโยชนอ์ ยา่ งเหมาะสม 12. อา่ นและแปลความหมายจากแผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแผนท่ธี รณวี ทิ ยาของพื้นที่ที่กาหนด พร้อมท้ังอธบิ ายและยกตวั อยา่ ง การนาไปใชป้ ระโยชน์ สาระเทคโนโลยี การพฒั นา Web Application 1 1. บอกความหมายของอินเทอรเ์ น็ตและสว่ นประกอบท่มี ีอยูใ่ นอนิ เทอรเ์ น็ตได้ 2. อธบิ ายถึงหลักการและขน้ั ตอนในการออกแบบเวบ็ ไซต์ได้ 3. เข้าใจหลกั การเขยี นคาสง่ั ภาษา HTML 4. เขา้ ใจหลักการทางาน โครงสร้าง ภาษา PHP 5. อธิบายถงึ ข้ันตอนวิธกี ารสร้างเอกสารภาษา HTML ได้ 6. อธิบายถึงคาสั่งในการจัดรูปแบบตัวอักษร การใช้แท็ก การใส่รูปภาพลงในเว็บเพจและ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 105

สามารถจดั รปู แบบตัวอกั ษรให้กับเวบ็ เพจได้ การพัฒนา Web Application 2 1. เพอื่ ให้นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับโปรแกรมภาษา PHP 2. เพ่ือให้นักเรียนมคี วามรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับคาส่ังพ้ืนฐานในการเขียนโปรแกรมภาษา PHP 3. เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และความเข้าใจเก่ียวกับคาสั่งในการเขียนโปรแกรมภาษา PHP เพื่อจดั การข้อมูล และทาการติดตอ่ กบั ฐานขอ้ มลู ได้ 4. เพ่ือให้นักเรียนมีทักษะในการใช้โปรแกรมและสามารถประยุกต์คาส่ังต่าง ๆ ของ โปรแกรมภาษา PHP ในการใชเ้ คร่อื งมอื ในโปรแกรมให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานของตนเองได้ 5. เพ่ือให้นักเรียนสามารถค้นคว้า ฝึกปฏิบัติงานการพัฒนาโปรแกรมบนเว็บด้วยโปรแกรม ภาษา PHP ได้จากสถานการณ์จริง 6. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมีความตระหนักรู้ในการใช้งานคอมพิวเตอร์และสามารถนาไปประยุกต์ใช้ งานและแกไ้ ขปญั หาท่ีพบในชวี ิตประจาวนั ได้ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปล่ียนแก๊สและคายน้าของพืช การลาเลียงของ พืช การสงั เคราะหด์ ้วยแสง การสบื พันธ์ขุ องพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของ พืช รวมท้งั นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 1. อธิบายเกี่ยวกับชนิดและลักษณะของเน้ือเย่ือพืชและเขียนแผนผังเพื่อสรุปชนิดของ เนอื้ เยือ่ พืช 2. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสรา้ งภายในของรากพืชใบเล้ียงเด่ียวและรากพืช ใบ เล้ียงคูจ่ ากการตดั ตามขวาง 3. สงั เกต อธบิ าย และเปรียบเทียบโครงสรา้ งภายในของลาต้นพืชใบเล้ียงเด่ียวและลาต้นพืช ใบเลย้ี งคู่จากการตดั ตามขวาง 4. สังเกต และอธบิ ายโครงสร้างภายในของใบพชื จากการตดั ตามขวาง 5. สบื คน้ ข้อมูล สงั เกต และอธิบายการแลกเปล่ียนแก๊สและการคายนา้ ของพชื 6. สบื ค้นขอ้ มลู และอธบิ ายกลไกการลาเลยี งน้าและธาตุอาหารของพืช 7. สืบค้นขอ้ มูล อธิบายความสาคัญของธาตุอาหารและยกตัวอย่างธาตุอาหารท่ีสาคัญที่มีผล ตอ่ การเจรญิ เติบโตของพชื 8. อธบิ ายกลไกการลาเลยี งอาหารในพืช 9. สืบค้นข้อมูล และสรุปการศึกษาท่ีได้จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเก่ียวกับ กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 10. อธิบายขนั้ ตอนท่ีเกิดขึน้ ในกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช C3 11. เปรยี บเทยี บกลไกการตรงึ คาร์บอนไดออกไซด์ในพืช C3 พชื C4 และ พชื CAM 12. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และสรุปปัจจัยความเข้มของแสง ความเข้มข้นของ หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 106

คาร์บอนไดออกไซด์และอุณหภูมิ ทมี่ ผี ลตอ่ การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช 13. อธบิ ายวัฏจักรชีวติ แบบสลับของพชื ดอก 14. อธิบาย และเปรียบเทียบกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมียของพืชดอก และอธิบายการปฏสิ นธิของพชื ดอก 15. อธิบายการเกิดเมล็ดและการเกิดผลของพืชดอกโครงสร้างของเมล็ดและผล และ ยกตวั อยา่ งการใช้ประโยชน์จากโครงสรา้ งตา่ ง ๆ ของเมลด็ และผล 16. ทดลอง และอธิบายเก่ียวกับปัจจัยต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อการงอกของเมล็ด สภาพพักตัวของ เมล็ดและบอกแนวทางในการแกส้ ภาพพักตัวของเมลด็ 17. สืบค้นข้อมูล อธิบายบทบาทและหน้าที่ของออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน เอทิลีน และกรดแอบไซซิก และอภปิ รายเกย่ี วกบั การนาไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร 18. สบื คน้ ขอ้ มลู ทดลอง และอภิปรายเกี่ยวกับสิ่งเร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจรญิ เติบโต ของพืช 4. เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปล่ียนแก๊สการ ลาเลียงสารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และกา ร ตอบสนอง การเคลื่อนท่ี การสืบพันธ์ุและการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และ พฤติกรรมของสตั ว์ รวมทง้ั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 1. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ท่ี ไมม่ ที างเดนิ อาหาร สัตว์ทมี่ ที างเดินอาหารแบบไม่สมบรู ณ์ และสตั ว์ทม่ี ีทางเดินอาหารแบบสมบรู ณ์ 2. สงั เกต อธิบาย การกนิ อาหารของไฮดราและพลานาเรยี 3. อธบิ ายเกย่ี วกับโครงสรา้ ง หนา้ ท่ี และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหาร ภายในระบบย่อยอาหารของมนษุ ย์ 4. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างที่ทาหน้าที่แลกเปล่ียนแก๊สของฟองน้า ไฮดรา พลานาเรยี ไส้เดอื นดนิ แมลง ปลา กบ และนก 5. สงั เกต และอธบิ ายโครงสร้างของปอดในสตั วเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนา้ นม 6. สืบค้นขอ้ มลู อธิบายโครงสร้างที่ใช้ในการแลกเปล่ียนแก๊ส และกระบวนการแลกเปลี่ยน แก๊สของมนษุ ย์ 7. อธิบายการทางานของปอด และทดลองวัดปริมาตรของอากาศในการหายใจออกของ มนษุ ย์ 8. สบื ค้นขอ้ มลู อธบิ าย และเปรยี บเทยี บระบบหมนุ เวยี นเลอื ดแบบเปิดและระบบหมุนเวียน เลอื ดแบบปดิ 9. สังเกต และอธิบายทิศทางการไหลของเลือดและการเคล่ือนที่ของเซลล์เม็ดเลือดในหาง ปลาและสรุปความสัมพนั ธ์ระหว่างขนาดของหลอดเลือดกบั ความเร็วในการไหลของเลอื ด 10. อธบิ ายโครงสรา้ งและการทางานของหัวใจและหลอดเลือดในมนุษย์ 11. สงั เกต และอธบิ ายโครงสรา้ งหวั ใจของสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านม ทิศทางการไหลของเลือด ผ่านหวั ใจของมนุษย์ และเขียนแผนผงั สรปุ การหมนุ เวียนเลอื ดของมนษุ ย์ หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 107

12. สืบค้นข้อมูล ระบุความแตกต่างของเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาวเพลตเลต และพลาสมา 13. อธิบายหมู่เลอื ดและหลักการให้และรับเลอื ดในระบบ ABO และระบบ Rh 14. อธิบาย และสรุปเกี่ยวกับส่วนประกอบและหน้าที่ของน้าเหลือง รวมทั้งโครงสร้างและ หน้าทข่ี องหลอดน้าเหลือง และตอ่ มน้าเหลือง 15. สบื ค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบกลไกการต่อต้านหรือทาลายส่ิงแปลกปลอมแบบ ไม่จาเพาะและแบบจาเพาะ 16. สบื ค้นข้อมลู อธิบาย และเปรียบเทยี บการสร้างภูมคิ มุ้ กนั กอ่ เองและภูมคิ ุ้มกันรับมา 17. สืบค้นข้อมูล และอธิบายเก่ียวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ทาให้เกิดเอดส์ ภูมแิ พ้ การสร้างภมู ติ ้านทานต่อเน้อื เยือ่ ตนเอง 18. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าที่ในการกาจัดของเสียออก จากรา่ งกายของฟองนา้ ไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดอื นดิน แมลง และสตั ว์มีกระดกู สนั หลงั 19. อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ขี องไต และโครงสรา้ งท่ีใชล้ าเลียงปสั สาวะออกจากร่างกาย 20. อธิบายกลไกการทางานของหน่วยไต ในการกาจัดของเสียออกจากร่างกาย และเขียน แผนผังสรุปขั้นตอนการกาจัดของเสยี ออกจากร่างกายโดยหนว่ ยไต 21. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างเกี่ยวกับความผิดปกติของไตอันเน่ืองมาจาก โรคตา่ ง ๆ สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุพันธะเคมีและ สมบัติของสาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิ เมอร์ รวมทง้ั การนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 1. อธิบายความสัมพันธ์และคานวณปริมาตรความดัน หรืออุณหภูมิของแก๊สที่ภาวะต่าง ๆ ตามกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์-ลูสแซก 2. คานวณปริมาตร ความดนั หรอื อณุ หภมู ขิ องแก๊สท่ีภาวะต่าง ๆ ตามกฎรวมแกส๊ 3. คานวณปรมิ าตร ความดัน อุณหภูมิ จานวนโมลหรือมวลของแก๊ส จากความสัมพันธ์ตาม กฎของ อาโวกาโดร และกฎแก๊สอดุ มคติ 4. คานวณความดันยอ่ ยหรอื จานวนโมลของแกส๊ ในแกส๊ ผสม โดยใชก้ ฎความดันยอ่ ย ของดอลตนั 5. อธิบายการแพร่ของแก๊สโดยใช้ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส คานวณและเปรียบเทียบอัตราการ แพรข่ องแกส๊ โดยใชก้ ฎการแพร่ผา่ นของเกรแฮม 6. สืบค้นข้อมูล นาเสนอตัวอย่าง และอธิบายการประยุกต์ใช้ความรู้เก่ียวกับสมบัติและกฎ ต่าง ๆ ของแกส๊ ในการอธิบายปรากฏการณ์ หรอื แกป้ ญั หาในชวี ิตประจาวนั และในอตุ สาหกรรม หลักสูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 108

2. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกิด ปฏิกิริยาเคมี สมดุลในปฏิกิริยาเคมี สมบัติและปฏิกิริยาของกรด-เบส ปฏิกิริยารีดอกซ์และเซลล์ เคมไี ฟฟ้า รวมทงั้ การนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 1. ทดลอง และเขยี นกราฟการเพมิ่ ข้ึนหรอื ลดลงของสารท่ีทาการวัดในปฏกิ ริ ยิ า 2. คานวณอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี และเขียนกราฟการลดลงหรือเพิ่มขึ้นของสารที่ไม่ได้ วัดในปฏิกริ ิยา 3. เขียนแผนภาพ และอธิบายทิศทางการชนกันของอนุภาคและพลังงานท่ีส่งผลต่ออัตรา การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี 4. ทดลอง และอธิบายผลของความเข้มข้น พ้ืนท่ีผิว ของสารตั้งต้น อุณหภูมิ และตัวเร่ง ปฏิกริ ยิ าท่ีมี ตอ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 5. เปรียบเทียบอัตราการเกิดปฏิกิริยาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้น พ้ืนท่ีผิวของสาร ตง้ั ตน้ อณุ หภมู ิ และตัวเร่งปฏิกิรยิ า 6. ยกตัวอย่าง และอธิบายปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจาวันหรือ อุตสาหกรรม 7. ทดสอบ และอธิบายความหมายของปฏิกริ ิยาผันกลับได้และภาวะสมดุล 8. อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงความเข้มขน้ ของสารอตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าไปข้างหน้า และอัตรา การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าย้อนกลบั เม่ือเรมิ่ ปฏกิ ริ ิยาจนกระท่ังระบบอยใู่ นภาวะสมดลุ 9. คานวณค่าคงทส่ี มดุลของปฏกิ ริ ิยา 10. คานวณความเข้มข้นของสารท่ภี าวะสมดุล 11. คานวณค่าคงท่สี มดลุ หรอื ความเขม้ ข้นของปฏิกริ ิยาหลายข้ันตอน 12. ระบุปัจจัยท่ีมีผลต่อภาวะสมดุลและค่าคงที่สมดุลของระบบ รวมท้ังคาดคะเน การเปลยี่ นแปลงทีเ่ กดิ ขึน้ เม่ือภาวะสมดุลของระบบถูกรบกวน โดยใชห้ ลักของเลอชาเตอลเิ อ 13. ยกตัวอย่าง และอธิบายสมดุลเคมีของกระบวนการท่ีเกิดข้ึนในส่ิงมีชีวิต ปรากฏการณ์ ในธรรมชาติและกระบวนการในอตุ สาหกรรม 14. ระบุ และอธิบายว่าสารเป็นกรดหรือเบสโดยใช้ทฤษฎีกรด-เบส ของอาร์เรเนียสเบริน สเตด-ลาวรี และลิวอิส 15. ระบคุ กู่ รด-เบสของสารตามทฤษฎกี รด-เบส ของเบรนิ สเตด-ลาวรี 16. คานวณ และเปรยี บเทยี บความสามารถในการแตกตัวหรือความแรงของกรดและเบส 17. คานวณค่า pH ความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนหรือไฮดรอกไซด์ไอออนของ สารละลายกรดและเบส 18. เขียนสมการเคมีแสดงปฏิกิริยาสะเทิน และระบุความเป็นกรด-เบสของสารละลายหลัง การสะเทิน 19. เขียนปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซิสของเกลือ และระบคุ วามเป็นกรด-เบสของสารละลายเกลอื 20. ทดลอง และอธิบายหลกั การการไทเทรตและเลอื กใช้อินดิเคเตอร์ท่ีเหมาะสมสาหรับการ ไทเทรตกรด-เบส หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 109

21. คานวณปรมิ าณสารหรือความเข้มข้นของสารละลายกรดหรือเบสจากการไทเทรต 22. อธิบายสมบัติ องค์ประกอบ และประโยชน์ของสารละลายบัฟเฟอร์ 23. สืบค้นข้อมูล และนาเสนอตัวอย่างการใช้ประโยชน์และการแก้ปัญหาโดยใช้ความรู้ เกยี่ วกบั กรด-เบส 24. คานวณเลขออกซเิ ดชัน และระบปุ ฏกิ ริ ิยาทีเ่ ป็นปฏกิ ริ ิยารดี อกซ์ 25. วิเคราะห์การเปล่ียนแปลงเลขออกซิเดชันและระบุตัวรีดิวซ์และตัวออกซิไดส์ รวมทั้ง เขียนครึ่งปฏกิ ิรยิ าออกซิเดชนั และคร่ึงปฏกิ ิรยิ ารดี กั ชันของปฏิกิรยิ ารีดอกซ์ 26. ทดลอง และเปรียบเทียบความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์หรือตัวออกซิไดส์ และเขียน แสดงปฏิกิริยารดี อกซ์ 27. ดลุ สมการรดี อกซด์ ว้ ยการใช้เลขออกซิเดชันและวิธีครงึ่ ปฏกิ ิริยา 28.ระบุองค์ประกอบของเซลล์เคมีไฟฟ้า และเขียนสมการเคมีของปฏิกิริยาท่ีแอโนดและ แคโทด ปฏิกริ ิยารวม และแผนภาพเซลล์ 29. คานวณค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์และระบุประเภทของเซลล์เคมีไฟฟ้า ขั้วไฟฟ้า และปฏกิ ริ ยิ าเคมีทเ่ี กิดขนึ้ 30. อธิบายหลักการทางาน และเขียนสมการแสดงปฏิกิริยาของเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ ทุติยภูมิ 31. ทดลองชุบโลหะและแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า และอธิบายหลักการทางเคมีไฟฟ้าท่ี ใช้ในการชุบโลหะ การแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า การทาโลหะให้บริสุทธ์ิ และการป้องกันการ กดั กรอ่ นของโลหะ 32. สืบค้นข้อมูล และนาเสนอตัวอย่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เก่ียวข้องกับเซลล์ เคมีไฟฟ้าในชีวิตประจาวนั สาระฟสิ ิกส์ 2. เข้าใจการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ธรรมชาติของคล่ืน เสียงและการได้ยิน ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกับเสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับแสง รวมท้ังนา ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 1. ทดลองและอธิบายการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถุติดปลายสปริงและ ลกู ตมุ้ อยา่ งง่าย รวมทงั้ คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง 2. อธบิ ายความถธ่ี รรมชาติของวัตถุและการเกดิ การส่นั พ้อง 3. อธิบายปรากฏการณ์คลื่นชนิดของคลื่นส่วนประกอบของคลื่นการแผ่ของหน้าคล่ืนด้วย หลักการของฮอยเกนส์ และการรวมกันของคลื่นตามหลักการซ้อนทับ พร้อมทั้งคานวณอัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลน่ื 4. สงั เกตและอธิบายการสะท้อนการหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบนของคลื่นผิวน้า รวมท้ังคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่เี กีย่ วขอ้ ง หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 110

5. อธิบายการเกิดเสียงการเคล่ือนที่ของเสียงความสัมพันธ์ระหว่างคล่ืนการกระจัดของ อนุภาคกับคล่ืนความดันความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วของเสียงในอากาศที่ขึ้นกับอุณหภูมิในหน่วย องศาเซลเซียสสมบัตขิ องคลืน่ เสยี งไดแ้ ก่การสะทอ้ น การหักเหการแทรกสอดการเลี้ยวเบนรวมท้ัง คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง 6. อธิบายความเข้มเสียงระดับเสียงองค์ประกอบของการได้ยินคุณภาพเสียงและมลพิษทาง เสยี งรวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้อง 7. ทดลองและอธิบายการเกิดการส่ันพ้องของอากาศในท่อปลายเปิดหน่ึงด้านรวมท้ังสังเกต และอธิบายการเกิดบีต คลื่นน่ิง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คล่ืนกระแทกของเสียง คานวณปริมาณ ตา่ งๆ ทเ่ี กยี่ วข้องและนาความรเู้ รื่องเสียงไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั 8. ทดลองและอธิบายการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่และเกรตติงการเล้ียวเบนและ การแทรกสอดของแสงผ่านสลติ เด่ยี วรวมทงั้ คานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง 9. ทดลองและอธิบายการสะทอ้ นของแสงทีผ่ ิววัตถุตามกฎการสะท้อน เขียนรังสีของแสง และคานวณตาแหนง่ และขนาดภาพของวตั ถเุ ม่อื แสงตกกระทบกระจกเงาราบและกระจกเงาทรงกลม รวมทงั้ อธิบายการนาความร้เู ร่ืองการสะท้อนของแสงจากกระจกเงาราบและกระจกเงาทรงกลมไปใช้ ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน 10. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างดรรชนีหักเห มุมตกกระทบ และมุมหักเห รวมทัง้ อธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งความลกึ จริงและความลึกปรากฏ มุมวิกฤต และการสะท้อนกลับ หมดของแสงและคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้อง 11. ทดลองและเขียนรังสีของแสงเพื่อแสดงภาพท่ีเกิดจากเลนส์บางหาตาแหนง่ ขนาด ชนิด ของภาพและความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งระยะวตั ถุ ระยะภาพและความยาวโฟกสั รวมทง้ั คานวณปรมิ าณ ต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องและอธิบายการนาความรู้เรื่องการหกั เหของแสงผา่ นเลนสบ์ าง ไปใชป้ ระโยชน์ใน ชวี ิตประจาวนั 12. อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติทเ่ี กีย่ วกับแสง เช่น รุ้ง การทรงกลด มริ าจ และการเห็น ท้องฟ้าเปน็ สีต่าง ๆในช่วงเวลาต่างกนั 13. สังเกต และอธิบายการมองเห็นแสงสี สีของ วตั ถุ การผสมสารสี และการผสมแสงสี รวมท้งั อธิบายสาเหตขุ องการบอดสี หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 111

3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกาลังไฟฟ้าการเปล่ียน พลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กที่กระทากับประจุไฟฟ้าและ กระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนาแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลับ คลื่น แมเ่ หล็กไฟฟา้ และการสื่อสาร รวมทัง้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1. ทดลองและอธิบายการทาวัตถุที่เป็นกลางทางไฟฟ้าให้มีประจุไฟฟ้าโดยการขัดสีกันและ การเหนยี่ วนาไฟฟ้าสถิต 2. อธิบายและคานวณแรงไฟฟ้าตามกฎของคลู อมบ์ 3. อธิบายและคานวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟ้าท่ีกระทากับอนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้าท่ีอยู่ใน สนามไฟฟา้ รวมทงั้ หาสนามไฟฟา้ ลัพธ์เน่ืองจากระบบจุดประจุโดยรวมกันแบบเวกเตอร์ 4. อธบิ ายและคานวณพลังงานศักยไ์ ฟฟ้า ศกั ยไ์ ฟฟ้า แล ะ ค ว า ม ต่า ง ศั ก ย์ ร ะห ว่ า ง ส อ ง ตาแหน่งใด ๆ 5. อธิบายส่วนประกอบของตัวเก็บประจุ ความสัมพันธ์ระหวา่ งประจไุ ฟฟ้า ความต่างศักย์ และความจุของตัวเก็บประจุ และอธบิ ายพลังงานสะสมในตวั เกบ็ ประจุและความจุสมมลู รวมท้งั คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง 6. นาความรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตไปอธิบายหลักการทางานของเคร่ืองใช้ไฟฟ้าบางชนิดและ ปรากฏการณใ์ นชีวติ ประจาวนั 7. อธิบายการเคลื่อนท่ีของอิเล็กตรอนอิสระและกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนา ความสัมพันธ์ ระหว่างกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนากับความเร็วลอยเล่ือนของอิเล็กตรอนอิสระ ความหนาแน่นของ อิเลก็ ตรอนในลวดตวั นาและพนื้ ทห่ี น้าตัดของลวดตวั นา และคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง 8. ทดลอง และอธบิ ายกฎของโอห์ม อธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างความต้านทานกบั ความ ยาวพนื้ ท่ีหนา้ ตัด และสภาพต้านทานของตวั นาโลหะที่อณุ หภมู ิคงตัว และคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่ เกย่ี วขอ้ ง รวมทั้งอธบิ ายและคานวณความตา้ นทานสมมลู เม่อื นาตัวต้านทานมาต่อกันแบบอนกุ รม และแบบขนาน 9. ทดลอง อธิบาย และคานวณอเี อ็มเอฟของแหล่งกาเนิดไฟฟา้ กระแสตรง รวมทัง้ อธบิ าย และคานวณพลงั งานไฟฟา้ และกาลงั ไฟฟา้ 10. ทดลองและคานวณอีเอ็มเอฟสมมูลจากการต่อแบตเตอรีแ่ บบอนกุ รมและแบบขนาน รวมทั้งคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วข้องในวงจรไฟฟา้ กระแสตรงซึง่ ประกอบดว้ ยแบตเตอรแี่ ละ ตวั ตา้ นทาน 11. อธบิ ายการเปลยี่ นพลงั งานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้ารวมท้ังสืบค้นและอภปิ ราย เก่ยี วกบั เทคโนโลยที ่นี ามาแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการทางดา้ นพลังงานไฟฟ้าโดยเน้นด้าน ประสิทธภิ าพและความคุ้มค่าด้านค่าใช้จ่าย หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 112

สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 2. เข้าใจสมดลุ พลงั งานของโลก การหมุนเวียนของอากาศบนโลก การหมุนเวียนของน้า ในมหาสมุทร การเกิดเมฆ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกและผลต่อสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม รวมทงั้ การพยากรณอ์ ากาศ 1. อธบิ ายปัจจัยสาคัญที่มีผลต่อการรับและคายพลังงานจากดวงอาทิตย์แตกต่างกัน และผล ทีม่ ีตอ่ อุณหภูมอิ ากาศในแต่ละบริเวณของโลก 2. อธิบายกระบวนการทท่ี าให้เกดิ สมดุลพลังงานของโลก 3. อธิบายผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส แรงสศู่ ูนย์กลางและแรงเสียดทานทีม่ ตี อ่ การหมนุ เวยี นของอากาศ 4. อธบิ ายการหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจดู และผลที่มีต่อภมู ิอากาศ 5. อธบิ ายปัจจัยที่ทาใหเ้ กดิ การแบ่งชั้นนา้ ในมหาสมทุ ร 6. อธบิ ายปจั จัยที่ทาให้เกดิ การหมนุ เวยี นของนา้ ในมหาสมุทรและรูปแบบการหมุนเวียนของ นา้ ในมหาสมทุ ร 7. อธิบายผลของการหมุนเวียนของน้าในมหาสมุทรที่มีต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ ส่ิงมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม 8. อธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งเสถียรภาพอากาศและการเกดิ เมฆ 9. อธิบายการเกดิ แนวปะทะอากาศแบบตา่ ง ๆ และลักษณะลมฟา้ อากาศที่เกี่ยวข้อง 10. อธิบายปัจจัยต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศของโลก พร้อมยกตัวอย่าง ขอ้ มูลสนบั สนนุ 11. วิเคราะห์ และอภิปรายเหตุการณ์ท่ีเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และ นาเสนอแนวปฏิบัติของมนษุ ย์ท่มี ีสว่ นชว่ ยในการชะลอการเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศโลก 12. แปลความหมายสญั ลักษณ์ลมฟ้าอากาศบนแผนท่ีอากาศ 13. วิเคราะห์ และคาดการณ์ลักษณะลมฟ้าอากาศเบ้ืองต้นจากแผนที่อากาศและข้อมูล สารสนเทศอื่น ๆ เพ่ือวางแผนในการประกอบอาชีพและการดาเนินชีวิตให้สอดคล้องกับสภาพลมฟ้า อากาศ สาระเทคโนโลยี 1. มคี วามรูพ้ ื้นฐานและมีความเขา้ ใจในงานจติ รกรรมดจิ ทิ ลั และกราฟิก 2. มีความรู้พ้ืนฐาน และมีความเข้าใจในการทางานเบื้องตน้ ของโปรแกรมกราฟิก 3. สามารถใช้งานโปรแกรมทางด้านกราฟกิ ได้อย่างถกู ต้อง 4. สามารถใช้งานโปรแกรมทางด้านกราฟิกรว่ มกับอุปกรณด์ ิจทิ ลั อน่ื ๆ ได้ 5. สามารถใช้ฟิลเตอร์ในการปรับแต่งภาพด้วยโปรแกรมทางด้านกราฟิกได้อย่างเหมาะสม 6. สามารถสร้างและปรับแต่งช้ินงานในลักษณะของการออกแบบโดยใช้โปรแกรมด้าน กราฟิกได้อย่างเหมาะสม ถกู ต้องตามขั้นตอน 7. สามารถสร้างและปรับแต่งช้ินงานในลักษณะของการตัดต่อ โดยใช้โปรแกรมด้านกราฟิก ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมถูกต้องตามขน้ั ตอน หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 113

8. สามารถสร้างและปรับแต่งชิ้นงานในลักษณะของการรีทัชภาพโดยใช้โปรแกรมด้าน กราฟกิ ได้อย่างเหมาะสมถูกต้องตามขน้ั ตอน 9. สามารถสร้างภาพแนวจติ รกรรมได้อยา่ งเหมาะสม ถูกต้องตามขนั้ ตอน 10. สามารถสร้างภาพแนวกราฟิกในรูปแบบ และเทคนิค ท่ีแตกต่างกันได้อย่างเหมาะสม ถกู ตอ้ งตามขนั้ ตอน 11. สามารถประยุกต์ใช้งานโดยการสร้างภาพจิตรกรรมอิเล็กทรอนิกส์สาหรับใช้ในงาน ตา่ ง ๆ ได้ 12. อธิบายความหมายและลักษณะองคป์ ระกอบของสอื่ มลั ติมีเดยี ได้ 13. สามารถจาแนกประเภทและการใช้งานของสื่อมัลติมีเดียเบ้ืองต้นในการผลิตส่ือภาพ เสียงภาพเคลอ่ื นไหว และวีดิโอ ในระบบดิจทิ ลั ได้ 14. สามารถปฏบิ ตั งิ านจากโปรแกรมสาเร็จรูปดา้ นสือ่ มลั ตมิ ีเดียได้ 15. อธิบายเกย่ี วกับวดี ิโอและการตดั ตอ่ ได้ 16. อธิบายหลักการใชง้ านโปรแกรมท่ใี ช้สาหรับตัดต่อวีดิโอได้ 17. ประยกุ ต์ใชโ้ ปรแกรมแบบมลั ตมิ เี ดยี ในดา้ นการศึกษาได้ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 สาระชีววทิ ยา 1. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและ หน้าท่ีของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐานข้อมูลและแนวคิด เก่ียวกับวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กการเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ หลากหลายทางชีวภาพ กาเนิดของส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต และอนุกรมวิธาน รวมทงั้ นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 1. อภิปรายความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และความเชื่อมโยงระหว่างความ หลากหลายทางพนั ธุกรรม ความหลากหลายของสปชี สี ์ และความหลากหลายของระบบนิเวศ 2. อธบิ ายการเกิดเซลล์เรมิ่ แรกของสิ่งมชี วี ติ และวิวัฒนาการของสิง่ มีชวี ิตเซลล์เดียว 3. อธิบายลักษณะสาคัญ และยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตกลุ่มแบคทีเรีย สิ่งมีชีวิตกลุ่มโพรทิสต์ สง่ิ มชี วี ติ กลุม่ พืช สงิ่ มีชีวติ กลุ่ม ฟงั ไจ และสง่ิ มชี วี ิตกลมุ่ สตั ว์ 4. อธิบาย และยกตัวอย่างการจาแนกสิ่งมีชีวิตจากหมวดหมู่ใหญ่จนถึงหมวดหมู่ย่อย และ วธิ ีการเขียนช่อื วิทยาศาสตรใ์ นลาดับข้ันสปีชีส์ 5. สร้างไดโคโทมัสคยี ์ในการระบุสิ่งมชี ีวติ หรือตวั อย่างท่กี าหนดออกเป็นหมวดหมู่ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 114

2. เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปล่ียนแก๊ส การ ลาเลียงสารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการ ตอบสนอง การเคล่ือนที่ การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และ พฤตกิ รรมของสัตว์ รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1. สืบค้นข้อมลู อธบิ าย และเปรียบเทยี บโครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาทของไฮดรา พลานาเรีย ไสเ้ ดือนดิน ก้งุ หอย แมลงและสัตวม์ ีกระดกู สนั หลัง 2. อธบิ ายเกีย่ วกับโครงสรา้ งและหน้าทข่ี องเซลลป์ ระสาท 3. อธิบายเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงของศักย์ไฟฟ้าท่ีเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาท และ กลไกการถ่ายทอดกระแสประสาท 4. อธิบาย และสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างของระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาท รอบนอก 5. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ีของส่วนต่าง ๆ ในสมองส่วนหน้า สมอง ส่วนกลางสมองส่วนหลงั และไขสนั หลงั 6. สบื คน้ ขอ้ มูล อธิบาย เปรียบเทยี บ และยกตวั อย่างการทางานของระบบประสาทโซมาติก และระบบประสาทอัตโนวตั ิ 7. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ีของตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนังของมนุษย์ ยกตวั อย่างโรคต่าง ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง และบอกแนวทางในการดแู ลป้องกนั และรักษา 8. สังเกต และอธิบายการหาตาแหน่งของจุดบอดโฟเวีย และความไวในการรับสัมผัสของ ผิวหนัง 9. สบื ค้นขอ้ มลู อธบิ าย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะท่ีเกี่ยวข้องกับการ เคล่อื นท่ขี องแมงกะพรนุ หมกึ ดาวทะเล ไส้เดือนดิน แมลง ปลา และนก 10. สืบค้นข้อมูล และอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของกระดูกและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับ การเคลือ่ นไหวและการเคลอ่ื นทขี่ องมนุษย์ 11. สังเกต และอธิบายการทางานของข้อต่อชนิดต่าง ๆ และการทางานของกล้ามเนื้อโครง รา่ งทเ่ี กย่ี วข้องกบั การเคล่ือนไหวและการเคลื่อนที่ของมนษุ ย์ 12. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และยกตัวอย่างการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศและการสืบพันธุ์แบบ อาศัยเพศในสตั ว์ 13. สบื คน้ ข้อมูล อธิบายโครงสรา้ งและหน้าทขี่ องอวัยวะในระบบสืบพันธ์ุเพศชายและระบบ สืบพันธ์เุ พศหญงิ 14. อธิบายกระบวนการสรา้ งสเปิรม์ กระบวนการสร้างเซลล์ไข่ และการปฏิสนธิใน มนุษย์ 15. อธบิ ายการเจรญิ เติบโตระยะเอม็ บรโิ อและระยะหลังเอม็ บรโิ อของกบ ไก่ และมนุษย์ 16. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเขียนแผนผังสรุปหน้าที่ของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและ เน้ือเย่อื ทีส่ รา้ งฮอร์โมน 17. สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตัวอย่างพฤติกรรมที่เป็นมาแต่กาเนิดและ พฤตกิ รรมท่เี กดิ จากการเรียนรู้ของสัตว์ หลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 115

18. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และยกตัวอย่างความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพฤติกรรมกับวิวฒั นาการของ ระบบประสาท 19. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างการส่ือสารระหว่างสัตว์ที่ทาให้สัตว์แสดง พฤติกรรม 3. เขา้ ใจแนวคดิ เก่ยี วกบั ระบบนเิ วศ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสาร ในระบบนิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบการเพิ่มของประชากรทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ปัญหาและ ผลกระทบทีเ่ กิดจากการใช้ประโยชน์และแนวทางการแกไ้ ขปัญหา 1. วเิ คราะห์ อธบิ าย และยกตัวอยา่ งกระบวนการถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ 2. อธิบาย ยกตัวอย่างการเกิดไบโอแมกนิฟิเคชันและบอกแนวทางในการลดการเกิด ไบโอแมกนิฟเิ คชัน 3. สืบค้นข้อมูล และเขียนแผนภาพ เพื่ออธิบายวัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักรกามะถัน และ วัฏจกั รฟอสฟอรัส 4. สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง และอธิบายลักษณะของไบโอมที่กระจายอยู่ตามเขตภูมิศาสตร์ ตา่ ง ๆบนโลก 5. สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง อธิบาย และเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีแบบปฐมภูมิ และการเปล่ยี นแปลงแทนท่แี บบทตุ ิยภมู ิ 6. สืบค้นข้อมูล อธิบาย ยกตัวอย่าง และสรุปเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของประชากรของ สง่ิ มีชีวติ บางชนิด 7. สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตัวอย่างการเพิ่มของประชากรแบบ เอ็กโพเนนเชยี ลและการเพมิ่ ของประชากรแบบลอจิสตกิ 8. อธิบาย และยกตวั อยา่ งปัจจยั ท่ีควบคมุ การเตบิ โตของประชากร 9. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหาการขาดแคลนน้า การเกิดมลพิษทางน้า และ ผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อม รวมท้ังเสนอแนวทางการวางแผนการจัดการน้าและการ แกไ้ ขปญั หา 10. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหามลพิษทางอากาศ และผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และ สง่ิ แวดล้อม รวมทง้ั เสนอแนวทางการแกไ้ ขปัญหา 11. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหาที่เกิดกับทรัพยากรดิน และผลกระทบท่ีมีต่อมนุษย์ และส่งิ แวดลอ้ ม รวมท้งั เสนอแนวทางการแก้ไขปญั หา 12. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหา ผลกระทบท่ีเกิดจากการทาลายป่าไม้ รวมท้ังเสนอ แนวทางในการปอ้ งกันการทาลายปา่ ไม้และการอนรุ กั ษ์ปา่ ไม้ 13. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหา ผลกระทบท่ีทาให้สัตว์ป่ามีจานวนลดลง และ แนวทางในการอนรุ กั ษส์ ัตว์ป่า หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 116

สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมี และสมบัติของสาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และ พอลเิ มอร์ รวมท้งั การนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 1. สืบค้นข้อมูลและนาเสนอตัวอย่างสารประกอบอินทรีย์ท่ีมีพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือ พันธะสามทพี่ บในชีวิตประจาวนั 2. เขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อและสูตรโครงสร้างแบบเส้นของ สารประกอบอนิ ทรยี ์ 3. วิเคราะหโ์ ครงสร้าง และระบปุ ระเภทของสารประกอบอินทรยี ์จากหมฟู่ ังกช์ ัน 4. เขยี นสูตรโครงสร้างและเรียกชอื่ สารประกอบอนิ ทรีย์ประเภทตา่ ง ๆ ท่ีมีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน 1 หมู่ ตามระบบ IUPAC 5. เขียนไอโซเมอร์โครงสร้างของสารประกอบอนิ ทรีย์ประเภทตา่ ง ๆ 6. วิเคราะห์ และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้าของสารประกอบอินทรีย์ท่ีมี หม่ฟู งั กช์ ัน ขนาดโมเลกุล หรือโครงสรา้ งตา่ งกนั 7. ระบุประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนและเขียนผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยาการ เผาไหมป้ ฏกิ ิริยากบั โบรมนี หรอื ปฏกิ ริ ยิ ากับโพแทสเซียมเปอรแ์ มงกาเนต 8. เขียนสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาการสังเคราะห์ เอไมด์ ปฏิกิรยิ าไฮโดรลซิ ิส และปฏิกริ ิยาสะปอนนิฟเิ คชัน 9. ทดสอบปฏกิ ิรยิ าเอสเทอริฟเิ คชัน ปฏิกิรยิ าไฮโดรลิซิส และปฏิกริ ยิ าสะปอนนิฟเิ คชนั 10. สืบค้นข้อมูล และนาเสนอตัวอย่างการนาสารประกอบอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ใน ชีวติ ประจาวนั และอตุ สาหกรรม 11. ระบปุ ระเภทของปฏกิ ริ ิยาการเกิดพอลเิ มอรจ์ ากโครงสรา้ งของมอนอเมอร์หรือพอลเิ มอร์ 12. วิเคราะห์ และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ รวมทั้ง การนาไปใช้ประโยชน์ 13. ทดสอบ และระบุประเภทของพลาสตกิ และผลิตภณั ฑย์ าง รวมทง้ั การนาไปใชป้ ระโยชน์ 14. อธิบายผลของการปรับเปล่ียนโครงสร้าง และการสังเคราะห์พอลิเมอร์ท่ีมีต่อสมบัติของ พอลิเมอร์ 15. สืบค้นข้อมูล และนาเสนอตัวอย่างผลกระทบจากการใช้และการกาจัดผลิตภัณฑ์ พอลิเมอรแ์ ละแนวทางแกไ้ ข หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 117

2. เขา้ ใจหลักการทาปฏิบัตกิ ารเคมี การวดั ปริมาณสาร หน่วยวดั และการเปลยี่ นหนว่ ย การคานวณปริมาณของสาร ความเขม้ ข้นของสารละลาย รวมทง้ั การบูรณาการความรู้และทักษะ ในการอธิบายปรากฏการณ์ในชวี ติ ประจาวนั และการแก้ปญั หาทางเคมี 1. กาหนดปญั หา และนาเสนอแนวทางการแกป้ ญั หาโดยใช้ความรู้ทางเคมจี ากสถานการณ์ท่ี เกดิ ขึ้นในชวี ิตประจาวัน การประกอบอาชีพ หรอื อุตสาหกรรม 2. แสดงหลกั ฐานถงึ การบูรณาการความรทู้ างเคมีรว่ มกับสาขาวิชาอนื่ รวมท้งั ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรอื กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยเน้นการคิดวเิ คราะห์ การแก้ปัญหาและความคดิ สร้างสรรค์ เพ่อื แกป้ ัญหาในสถานการณ์หรอื ประเด็นท่ีสนใจ 3. นาเสนอผลงานหรือชน้ิ งานท่ีได้จากการแกป้ ญั หาในสถานการณ์หรอื ประเดน็ ที่สนใจโดย ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ 4. แสดงหลักฐานการเขา้ ร่วมการสมั มนา การเขา้ รว่ มประชุมวิชาการ หรือการแสดงผลงาน ส่งิ ประดษิ ฐใ์ นงานนิทรรศการ สาระฟิสกิ ส์ 3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกาลังไฟฟ้าการเปล่ียน พลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กท่ีกระทากับประจุไฟฟ้าและ กระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนาแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลับ คล่ืน แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าและการส่อื สาร รวมทงั้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 1. สังเกต และอธิบายเส้นสนามแม่เหล็ก อธิบายและคานวณฟลักซ์แม่เหล็กในบริเวณที่ กาหนดรวมทั้งสังเกต และอธิบายสนามแม่เหล็กท่ีเกิดจากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนาเส้นตรงและ โซเลนอยด์ 2. อธิบาย และคานวณแรงแม่เหล็กท่ีกระทาต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคล่ือนท่ีใน สนามแม่เหล็กแรงแม่เหล็กที่กระทาต่อเส้นลวดที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางในสนามแม่เหล็ก รัศมี ความโค้งของการเคลื่อนที่เมื่อประจุเคล่ือนที่ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก รวมท้ังอธิบายแรงระหว่าง เส้นลวดตัวนาคู่ขนานท่มี กี ระแสไฟฟ้าผ่าน 3. อธิบายหลักการทางานของแกลแวนอมิเตอร์และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง รวมท้ัง คานวณปรมิ าณต่างๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง 4. สังเกต และอธิบายการเกิดอีเอ็มเอฟเหน่ียวนากฎการเหน่ียวนาของฟาราเดย์ และ คานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง รวมท้ังนาความรู้เร่ืองอเี อ็มเอฟเหน่ียวนาไปอธิบายการทางานของ เคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ 5. อธิบาย และคานวณความต่างศักยอ์ าร์เอ็มเอสและกระแสไฟฟ้าอาร์เอ็มเอส 6. อธิบายหลักการทางานและประโยชน์ของเครื่องกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส การ แปลงอีเอ็มเอฟของหม้อแปลง และคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 118

7. อธบิ ายการเกิดและลกั ษณะเฉพาะของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชิงเส้น และแผ่นโพลารอยด์รวมท้ังอธิบายการนาคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า ในช่วงความถ่ีต่าง ๆ ไป ประยุกตใ์ ชแ้ ละหลกั การทางานของอุปกรณ์ท่เี กย่ี วขอ้ ง 8. สบื ค้น และอธิบายการสื่อสารโดยอาศัยคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งผ่านสารสนเทศและ เปรยี บเทียบการสือ่ สารด้วยสญั ญาณแอนะลอ็ กกบั สญั ญาณดจิ ทิ ลั 4. เขา้ ใจความสัมพันธ์ของความร้อนกับการเปล่ียนอุณหภูมิและสถานะของสสารสภาพ ยดื หยุ่นของวสั ดแุ ละมอดุลสั ของยัง ความดันในของไหล แรงพยุง และหลักของอาร์คิมีดิส ความ ตึงผิวและแรงหนืดของของเหลว ของไหลอุดมคติ และสมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ ของแก๊สอุดมคติและพลังงานในระบบทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิ ภาวะของคล่นื และอนุภาค กมั มนั ตภาพรังสี แรงนิวเคลียร์ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ ฟสิ กิ ส์อนภุ าค รวมทง้ั นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 1. อธิบาย และคานวณความร้อนท่ีทาให้สสารเปล่ียนอุณหภูมิ ความร้อนท่ีทาให้สสาร เปล่ียนสถานะ และความร้อนที่เกดิ จากการถ่ายโอนตามกฎการอนุรักษ์พลงั งาน 2. อธิบายสภาพยดื หยนุ่ และลกั ษณะการยืดและหดตวั ของวัสดทุ เ่ี ป็นแทง่ เม่ือถูกกระทาด้วย แรงค่าต่าง ๆ รวมทั้งทดลอง อธิบายและคานวณความเค้นตามยาว ความเครียดตามยาวและ มอดลุ ัสของยัง และนาความรูเ้ ร่อื งสภาพยดื หยนุ่ ไปใช้ในชีวติ ประจาวัน 3. อธิบาย และคานวณความดันเกจ ความดันสัมบูรณ์ และความดันบรรยากาศ รวมทั้ง อธิบายหลักการทางานของแมนอมเิ ตอร์บารอมิเตอร์ และเครอื่ งอัดไฮดรอลกิ 4. ทดลอง อธบิ าย และคานวณขนาดแรงพยงุ จากของไหล 5. ทดลอง อธิบาย และคานวณความตึงผิวของของเหลว รวมทั้งสังเกตและอธิบายแรงหนืด ของของเหลว 6. อธิบายสมบัติของของไหลอุดมคติ สมการความต่อเน่ือง และสมการแบร์นูลลี รวมท้ัง คานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง และนาความรู้เก่ียวกับสมการความต่อเนื่องและสมการแบร์นูลลี ไปอธิบายหลกั การทางานของอุปกรณต์ ่าง ๆ 7. อธิบายกฎของแกส๊ อุดมคติและคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง 8. อธิบายแบบจาลองของแก๊สอุดมคติ ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส และอัตราเร็วอาร์เอ็มเอสของ โมเลกุลของแก๊ส รวมทัง้ คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง 9. อธิบาย และคานวณงานที่ทาโดยแก๊สในภาชนะปิดโดยความดันคงตัว และอธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่างความร้อน พลังงานภายในระบบ และงานรวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี เก่ียวข้องและนาความรู้เร่ืองพลังงานภายในระบบไปอธิบายหลักการทางานของเครื่องใช้ใน ชีวติ ประจาวัน 10. อธิบายสมมตฐิ านของพลังค์ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ และการเกดิ เส้นสเปกตรัมของ อะตอมไฮโดรเจน รวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่เี กย่ี วข้อง 11. อธิบายปรากฏการณโ์ ฟโตอิเลก็ ทริกและคานวณพลงั งานโฟตอน พลงั งานจลนข์ อง โฟโตอเิ ล็กตรอนและฟังก์ชนั งานของโลหะ หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 119

12. อธิบายทวภิ าวะของคลืน่ และอนภุ าค รวมทงั้ อธิบาย และคานวณความยาวคล่ืน เดอบรอยล์ 13. อธิบายกัมมนั ตภาพรงั สีและความแตกตา่ งของรงั สีแอลฟา บีตา และแกมมา 14. อธิบาย และคานวณกัมมันตภาพของนิวเคลยี สกมั มันตรงั สี รวมทัง้ ทดลอง อธิบายและ คานวณจานวนนวิ เคลียสกมั มันตภาพรงั สีทเ่ี หลือจากการสลาย และคร่งึ ชวี ิต 15.อธบิ ายแรงนวิ เคลียร์ เสถยี รภาพของนวิ เคลียสและพลงั งานยดึ เหนีย่ ว รวมทง้ั คานวณ ปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กย่ี วข้อง 16. อธิบายปฏกิ ิรยิ านวิ เคลยี ร์ ฟิชชนั และฟวิ ชนั รวมทัง้ คานวณพลังงานนิวเคลียร์ 17. อธบิ ายประโยชน์ของพลังงานนวิ เคลยี ร์ และรังสี รวมท้ังอนั ตรายและการป้องกันรงั สีใน ดา้ นตา่ ง ๆ 18. อธบิ ายการคน้ ควา้ วจิ ัยด้านฟสิ กิ สอ์ นุภาคแบบจาลองมาตรฐาน และการใชป้ ระโยชน์ จากการค้นคว้าวิจัยดา้ นฟสิ กิ สอ์ นุภาคในดา้ นตา่ ง ๆ สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 3. เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ ความสัมพันธ์ของดาราศาสตร์กับมนุษย์ จากการศึกษาตาแหน่งดาว บนทรงกลมฟ้าและปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ รวมท้ังการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศใน การดารงชีวิต 1. อธิบายการกาเนิดและการเปลย่ี นแปลงพลงั งานสสาร ขนาดอณุ หภมู ขิ องเอกภพหลงั เกดิ บิกแบงในชว่ งเวลาต่าง ๆ ตามวิวัฒนาการของเอกภพ 2. อธิบายหลักฐานท่ีสนับสนุนทฤษฎีบิกแบงจากความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วกับระยะทาง ของกาแลก็ ซี รวมทง้ั ขอ้ มลู การค้นพบไมโครเวฟพ้ืนหลังจากอวกาศ 3. อธิบายโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก และระบุตาแหน่งของ ระบบสรุ ิยะพร้อมอธิบายเช่ือมโยงกับการสงั เกตเห็นทางชา้ งเผอื กของคนบนโลก 4. อธิบายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลี่ยนแปลงความดัน อุณหภูมิ ขนาด จาก ดาวฤกษ์กอ่ นเกดิ จนเป็นดาวฤกษ์ 5. อธิบายกระบวนการสรา้ งพลังงานของดาวฤกษ์ และผลที่เกิดข้นึ โดยวิเคราะหป์ ฏิกริ ิยา ลูกโซโ่ ปรตอน-โปรตอน และวัฏจกั รคาร์บอน ไนโตรเจน ออกซิเจน 6. ระบุปจั จยั ทสี่ ่งผลต่อความสอ่ งสวา่ งของดาวฤกษ์และอธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ งความ ส่องสว่างกบั โชติมาตรของดาวฤกษ์ 7. อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสี อุณหภูมิผวิ และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ 8. อธบิ ายวธิ กี ารหาระยะทางของดาวฤกษ์ดว้ ยหลกั การแพรัลแลกซ์ พร้อมคานวณหา ระยะทางของดาวฤกษ์ 9. อธบิ ายลาดับววิ ฒั นาการท่ีสัมพนั ธก์ ับมวลตั้งต้นและวเิ คราะหก์ ารเปลี่ยนแปลงสมบตั ิบาง ประการของดาวฤกษใ์ นลาดับววิ ัฒนาการ จากแผนภาพเฮิร์ซปรุง-รสั เซลล์ หลักสูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 120

10. อธบิ ายกระบวนการเกิดระบบสุรยิ ะ การแบ่งเขตบรวิ ารของดวงอาทติ ย์และลักษณะของ ดาวเคราะหท์ เ่ี อ้ือตอ่ การดารงชีวิต 11. อธบิ ายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทติ ยด์ ้วยกฎเคพเลอร์ และกฎความโนม้ ถ่วง ของนิวตัน พร้อมคานวณคาบการโคจรของดาวเคราะห์ 12. อธิบายโครงสรา้ งของดวงอาทติ ย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสรุ ยิ ะ และวิเคราะห์ นาเสนอ ปรากฏการณห์ รือเหตกุ ารณ์ท่ีเก่ยี วข้องกบั ผลของลมสรุ ิยะ และพายสุ รุ ยิ ะที่มีต่อโลกรวมทงั้ ประเทศ ไทย 13. สร้างแบบจาลองทรงกลมฟา้ สังเกต และเชือ่ มโยงจดุ และเสน้ สาคญั ของแบบจาลองทรง กลมฟา้ กับท้องฟา้ จริง และอธิบายการระบุพกิ ัดของดาวในระบบขอบฟ้า และระบบศูนย์สูตร 14. สังเกตท้องฟ้า และอธิบายเส้นทางการข้ึนการตกของดวงอาทติ ยแ์ ละดาวฤกษ์ 15. อธบิ ายเวลาสรุ ิยคตปิ รากฏ โดยรวบรวมข้อมูลและเปรียบเทียบเวลาขณะทีด่ วงอาทิตย์ ผ่านเมริเดียนของผู้สงั เกตในแตล่ ะวัน 16. อธบิ ายเวลาสรุ ิยคตปิ านกลาง และการเปรียบเทียบเวลาของแต่ละเขตเวลาบนโลก 17. อธิบายมุมห่างท่ีสัมพันธ์กับตาแหน่งในวงโคจร และอธิบายเช่ือมโยงกับตาแหนง่ ปรากฏ ของดาวเคราะห์ที่สงั เกตไดจ้ ากโลก 18. สืบค้นข้อมูล อธิบายการสารวจอวกาศ โดยใชก้ ล้องโทรทรรศนใ์ นช่วงความยาวคล่ืนตา่ ง ๆดาวเทยี ม ยานอวกาศ สถานอี วกาศ และนาเสนอแนวคิดการนาความรู้ทางดา้ นเทคโนโลยีอวกาศ มาประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวันหรือในอนาคต 19. สบื คน้ ขอ้ มูล ออกแบบ และนาเสนอกจิ กรรมการสงั เกตดาวบนท้องฟา้ ด้วยตาเปล่า และ/ หรอื กลอ้ งโทรทรรศน์ สาระเทคโนโลยี โปรแกรมเบอื้ งตน้ 1. นักเรยี นมีความร้คู วามเข้าใจเก่ียวกบั ประวัติความเปน็ มาของภาษา Visual Basic 2. นักเรียนอธบิ ายขน้ั ตอนการเขา้ สโู่ ปรแกรม Visual Basic และ สามารถเข้าสโู่ ปรแกรม Visual Basic ได้ 3. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับส่วนประกอบของโปรแกรมและมคี วามรคู้ วามเข้าใจ เกยี่ วกับ Tool bar และ Tool box 4. อธบิ ายส่วนประกอบของโปรแกรม Visual Basic และ สามารถใช้งาน Control ตา่ ง ๆ ได้ 5. นักเรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั การจดั การฟอร์มและโปรเจก็ ต์ 6. นกั เรยี นอธบิ ายขน้ั ตอนการสร้างฟอร์มและนักเรยี นสามารถฝึกปฏิบตั ิการสรา้ งฟอรม์ เขา้ สู่ ระบบ ได้ 7. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การใช้คอนโทรลต่างๆและมีความรู้ความเขา้ ใจ เก่ยี วกับ Properties ของแต่ละ Object 8. นักเรยี นอธิบายขนั้ ตอนการใชค้ อนโทรลต่างๆและสามารถใช้งานคอนโทรลตา่ ง ๆ และ กาหนด Properties ได้ หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 121

9. นักเรียนสามารถฝกึ ปฏบิ ตั ิการสร้างออกแบบฟอร์มตัวแปรและค่าคงที่ได้ 10. นกั เรยี นอธบิ ายขั้นตอนการประกาศใชต้ วั แปรและสามารถประกาศตวั แปรสาหรบั เขียน โปรแกรมได้ 11. นกั เรียนสามารถฝึกปฏบิ ตั แิ ละเขียนโปรแกรมคานวณหาพ้ืนทข่ี องรูปเรขาคณติ ได้ 12. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั ขัน้ ตอนการพัฒนาโปรแกรม 13. นักเรยี นมีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกับการเขยี นโปรแกรมและอธิบายขั้นตอนการเขียน โปรแกรมได้ 14. นกั เรยี นสามารถกาหนดคุณสมบตั ใิ หก้ ับคอนโทรลและสามารถฝึกปฏบิ ตั ิและเขยี น โปรแกรมได้ 15. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจเกีย่ วกบั การใชฟ้ ังกช์ นั ฟังก์ชันประเภทต่างๆและอธบิ าย ข้ันตอนการใช้ฟงั ก์ชนั ได้ 16. นักเรียนสามารถนาฟังกช์ นั มาประยุกตใ์ ชใ้ นการเขยี นโปรแกรมได้ 17. นักเรียนสามารถฝึกปฏบิ ตั ิการเขียนโปรแกรมคานวณและมีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับ การสรา้ งเมนู 18. นักเรียนอธิบายข้ันตอนการสร้างเมนูและนักเรียนสามารถสรา้ งเมนูโปรแกรมได้ 19. นักเรยี นสามารถฝึกปฏิบตั ิการเขียนโปรแกรมให้กับเมนูคาสงั่ ได้ 20. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับการทาโครงงานคอมพวิ เตอร์ โครงงานคอมพิวเตอร์ 1. อธบิ ายความหมายของโครงงานคอมพิวเตอรไ์ ด้ 2. นักเรยี นสามารถพัฒนาโครงงานได้อย่างถูกต้องตามหลกั การทาโครงงานได้ 3. นกั เรียนใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศนาเสนองานในรปู แบบทเ่ี หมาะสมได้ 4. นักเรียนสามารถใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสร้างช้ินงานหรอื โครงงานตามหลกั การทาโครงงาน ได้ 5. นักเรยี นศกึ ษาผลกระทบด้านสังคมและส่ิงแวดล้อมท่ีเกดิ จากงานทส่ี ร้างข้นึ เพื่อหา แนวทางปรับปรงุ และพฒั นางานได้ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 122

รายวชิ าทเ่ี ปดิ สอน รายวิชาทีเ่ ปิดสอน ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาตอนต้น รายวชิ าพืน้ ฐาน รหัสวิชา รายวชิ า หน่วย จานวน ช้นั ภาค ห้องเรยี นท่ีเรยี น กติ ชัว่ โมง เรียน (หอ้ ง) ว21101 วิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน 1 1.5 60 ม.1 1 ทกุ หอ้ ง (9) ทุกหอ้ ง (9) ว21102 วิทยาศาสตร์พ้นื ฐาน 2 1.5 60 ม.1 2 ทกุ ห้อง (9) ทุกห้อง (9) ว21103 วทิ ยาการคานวณ 1 0.5 20 ม.1 1 ทกุ หอ้ ง (9) ทกุ ห้อง (9) ว21104 ออกแบบและเทคโนโลยี 1 0.5 20 ม.1 2 ทกุ ห้อง (9) ทกุ ห้อง (9) ว22101 วิทยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน 3 1.5 60 ม.2 1 ทกุ หอ้ ง (9) ทกุ ห้อง (9) ว22102 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน 4 1.5 60 ม.2 2 ทุกหอ้ ง (9) ทุกห้อง (9) ว22103 วทิ ยาการคานวณ 2 0.5 20 ม.2 1 ว22104 ออกแบบและเทคโนโลยี 2 0.5 20 ม.2 2 ว23101 วทิ ยาศาสตร์พ้ืนฐาน 5 1.5 60 ม.3 1 ว23102 วิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน 6 1.5 60 ม.3 2 ว23103 วิทยาการคานวณ 3 0.5 20 ม.3 1 ว23104 ออกแบบและเทคโนโลยี 3 0.5 20 ม.3 2 รายวชิ าเพม่ิ เติม รหสั วิชา รายวิชา หนว่ ย จานวน ชั้น ภาค หอ้ งเรยี นทเี่ รยี น กติ ชัว่ โมง เรียน (ห้อง) ม.1 ว21201 วทิ ยาศาสตรก์ ับการแกป้ ัญหา 1.0 40 ม.1 1 เน้นวทิ ย์-คณิต (2) 2 เนน้ วทิ ย์-คณติ (2) ว21202 ทกั ษะกระบวนการ 1.0 40 ม.2 ม.2 1 เน้นวิทย์-คณติ (2) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 2 เน้นวทิ ย์-คณติ (2) ม.3 1 เนน้ วทิ ย์-คณติ (2) ว22201 เรม่ิ ต้นโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1.0 40 ม.1 2 เน้นวิทย์-คณิต (2) ม.1 1 เน้นอาชพี (2) ว22202 โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1.0 40 ม.2 2 เนน้ อาชีพ (2) ม.2 1 เน้นอาชพี (2) ว23201 ดาราศาสตร์เบอื้ งตน้ 1.0 40 ม.3 2 เนน้ อาชีพ (2) ม.3 1 เน้นอาชพี (2) ว23202 พลงั งานทดแทน 1.0 40 2 เนน้ อาชีพ (2) ว20281 การสรา้ งภาพเคล่ือนไหว 1.0 40 ว20282 นาเสนองานด้วยเทคโนโลยี 1.0 40 ว20283 คอมพวิ เตอร์กราฟกิ 1.0 40 ว20284 การพฒั นา Webpage 1.0 40 ว20285 การออกแบบด้วยเทคโนโลยี 1.0 40 ว20286 โครงงานเทคโนโลยี 1.0 40 หลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 123

รายวชิ าที่เปดิ สอน ระดับชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย รายวชิ าพ้ืนฐาน รหัสวิชา รายวชิ า หนว่ ย จานวน ชน้ั ภาค แผนการเรียนท่ี กติ ชัว่ โมง เรียน เรียน (หอ้ ง) ทุกหอ้ ง (6) ว31181 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ 1.0 40 ม.4 1 ทุกหอ้ ง (6) ทกุ ห้อง (6) ว31182 วทิ ยาการคานวณ 1.0 40 ม.4 2 ทุกหอ้ ง (6) ทุกห้อง (6) ว32181 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 1 1.0 40 ม.5 1 ทกุ หอ้ ง (6) ว32182 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 1.0 40 ม.5 2 ว33182 ออกแบบและเทคโนโลยี 1.0 40 ม.6 1 ว33181 วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ 1.0 40 ม.6 2 รายวิชาเพมิ่ เติม รหัสวชิ า รายวิชา หน่วย จานวน ชน้ั ภาค แผนการเรียนที่ กติ ชวั่ โมง เรยี น เรียน (ห้อง) ม.4 ว31201 ฟสิ กิ ส์ 1 1.5 60 ม.4 1 แผนวทิ ย์-คณติ (2) ม.4 1 แผนวิทย์-คณติ (2) ว31221 เคมี 1 1.5 60 ม.4 1 แผนวทิ ย์-คณิต (2) ม.4 1 แผนวทิ ย์-คณติ (2) ว31241 ชวี วทิ ยา 1 1.5 60 ม.4 2 แผนวิทย์-คณติ (2) ม.4 2 แผนวิทย์-คณติ (2) ว31261 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ1 1.0 40 ม.4 2 แผนวิทย์-คณติ (2) ม.5 2 แผนวิทย์-คณิต (2) ว31202 ฟิสกิ ส์ 2 1.5 60 ม.5 1 แผนวิทย์-คณติ (2) ม.5 1 แผนวทิ ย์-คณิต (2) ว31222 เคมี 2 1.5 60 ม.5 1 แผนวทิ ย์-คณิต (2) ม.5 1 แผนวิทย์-คณิต (2) ว31242 ชวี วิทยา 2 1.5 60 ม.5 2 แผนวทิ ย์-คณิต (2) ม.5 2 แผนวิทย์-คณิต (2) ว31262 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ2 1.0 40 ม.5 2 แผนวทิ ย์-คณติ (2) ม.6 2 แผนวทิ ย์-คณติ (2) ว32203 ฟิสกิ ส์ 3 1.5 60 ม.6 1 แผนวทิ ย์-คณิต (2) ม.6 1 แผนวิทย์-คณิต (2) ว32223 เคมี 3 1.5 60 ม.6 1 แผนวทิ ย์-คณิต (2) ม.4 1 แผนวทิ ย์-คณติ (2) ว32243 ชวี วทิ ยา 3 1.5 60 2 แผนวทิ ย์-คณติ (2) ว32263 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ3 1.0 40 ว32204 ฟิสิกส์ 4 1.5 60 ว32224 เคมี 4 1.5 60 ว32244 ชีววทิ ยา 4 1.5 60 ว32264 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ4 1.0 40 ว33205 ฟิสกิ ส์ 5 1.5 60 ว33225 เคมี 5 1.5 60 ว33245 ชีววิทยา 5 1.5 60 ว33265 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ5 1.0 40 ว33206 ฟิสกิ ส์ 6 1.5 60 หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 124

รหสั วิชา รายวิชา หน่วย จานวน ช้ัน ภาค แผนการเรียนท่ี กติ ชว่ั โมง ม.4 เรยี น เรยี น (ห้อง) ม.4 ว33226 เคมี 6 1.5 60 ม.4 2 แผนวทิ ย์-คณิต (2) ม.4 ว33246 ชวี วิทยา 6 1.5 60 2 แผนวิทย์-คณติ (2) ม.4 2 แผนวทิ ย์-คณิต (2) ว33266 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ6 1.0 40 ม.5 1 ภาษา/อาชีพ/ ว30284 การพฒั นา Web ด้วยภาษา 1.0 40 ความสามารถฯ (4) HTML 2 ภาษา/อาชพี / ความสามารถฯ (4) ว30285 การพฒั นา Web 1.0 40 1 ภาษา/อาชีพ/ Application ความสามารถฯ (4) ว30286 สือ่ มัลติมีเดียเพื่อการศึกษา 1 1.0 40 2 ภาษา/อาชีพ/ ความสามารถฯ (4) ว30287 สือ่ มลั ตมิ ีเดียเพ่ือการศึกษา 2 1.0 40 ม.5 1 ภาษา/อาชีพ/ ว30288 โปรแกรมเบอื้ งต้น 1.0 40 ม.6 ความสามารถฯ (4) ว30289 โครงงานคอมพิวเตอร์ 1.0 40 ม.6 2 ภาษา/อาชพี / ความสามารถฯ (4) หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 125

คาอธบิ ายรายวชิ า โครงสร้างรายวชิ าพืน้ ฐาน ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาตอนตน้ วชิ า วทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน 1 คาอธิบายรายวิชา จานวน 3 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ รหสั วชิ า ว21101 จานวน 1.5 หนว่ ยกติ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จานวนเวลาเรยี นทงั้ สน้ิ 60 ชว่ั โมง : ภาคเรียน ศึกษาเก่ียวกับสารรอบตัว สมบัติของสาร การจาแนกสารด้วยสถานะ เน้ือสาร และขนาด อนุภาคของสาร การเปล่ียนแปลงของสาร สารบริสุทธิ์และสารเน้ือผสม สมบัติของสารบริสุทธิ์และ สารผสม การใช้ความรู้ทางเคมีให้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกใช้สารเคมีในชีวิตประจาวันได้อย่าง เหมาะสมและปลอดภัย การศึกษาชีววิทยาโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ศึกษาประเภท โครงสรา้ ง และหน้าท่ีของสว่ นประกอบภายในเซลล์ส่ิงมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ ศึกษากระบวนการ ลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ด้วยวิธีการแพร่และออสโมซิส ศึกษาการดารงชีวิตของพืช กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง การลาเลียงสารในพืช การเจริญเติบโตของพืช การสืบพันธุ์ของพืช และเทคโนโลยชี วี ภาพของพชื โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธบิ าย และสรปุ เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ และนาความรไู้ ปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม และจรยิ ธรรม รหสั ตวั ช้ีวดั ว 1.2 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7, 1/8, ม.1/9, ม.1/10, ม.1/11, ม.1/12, ม.1/13, ม.1/14, ม.1/15, ม.1/16, ม.1/17, ม.1/18 ว 2.1 ม.1/1, ม.1/2, 1/3, ม.1/4, 1/5, ม.1/6, ม.1/7, ม.1/8, ม.1/9, ม.1/10 รวมท้ังหมด 28 ตัวช้ีวัด หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 126

โครงสร้างรายวชิ า วชิ า วิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน 1 รหัสวชิ า ว21101 จานวน 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 จานวน 1.5 หนว่ ยกิต จานวนเวลาเรียนทัง้ ส้ิน 60 ช่ัวโมง : ภาคเรยี น สดั ส่วนคะแนน ระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ท่ี ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั การเรยี นรู้ เรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด (ชัว่ โมง) คะแนน (100) 1 หนว่ ย ว 1.2 สง่ิ มีชีวิตทกุ ชนดิ มีเซลลเ์ ปน็ 12 15 พ้นื ฐานของ ม.1/1-ม.1/4 สว่ นประกอบบางชนดิ ประกอบ ด้วย ส่งิ มชี วี ิต เซลล์ 1 เซลล์บางชนดิ ประกอบดว้ ย เซลลห์ ลายเซลล์ เซลลข์ องส่ิงมีชีวติ จะมี ขนาดเล็กมากจนไมส่ ามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่าจงึ ตอ้ งใช้กลอ้ งจุลทรรศน์ ใชแ้ สงเปน็ เครือ่ งมือช่วยในการศึกษา เซลล์พืชและเซลล์สตั ว์มโี ครงสร้าง พื้นฐานเหมือนกนั คือ มเี ยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนวิ เคลียสซึ่ง โครงสร้างพนื้ ฐานนจ้ี ะทาหน้าทแ่ี ตกตา่ ง กนั ไป แต่เซลลพ์ ืชมโี ครงสร้างบางอยา่ ง ทีไ่ ม่พบใน เซลล์สตั ว์ ไดแ้ ก่ผนงั เซลล์ และคลอโรพลาสต์ เซลลม์ รี ูปร่าง ลกั ษณะทห่ี ลากหลายเพ่ือใหเ้ หมาะสม กบั หน้าที่ของเซลล์ นัน้ ๆ โดยเซลล์ ชนดิ เดยี วกันหรือหลายชนิดจะทางาน ร่วมกันเปน็ เนื้อเยื่อ เนอื้ เยื่อหลายชนิด รวมกนั เป็นอวยั วะ อวยั วะทางาน ร่วมกันจดั เป็นระบบอวัยวะ และระบบ อวัยวะทกุ ระบบทางานร่วมกันจนเป็น สง่ิ มชี วี ติ 2 การ ว 1.2 พชื ดารงชวี ิตอยไู่ ด้ด้วยกระบวนการ 22 15 ดารงชีวติ ม.1/5-ม.1/18 สงั เคราะหด์ ้วยแสง การลาเลียงสารโดย ของพืช อาศัยกระบวน การแพร่และออสโมซิส และมดี อกเปน็ อวยั วะสบื พันธุ์ของพืช พืชสามารถขยายพันธ์ุ โดยใช้สว่ น หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 127

ที่ ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ เรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ดั (ช่ัวโมง) คะแนน (100) โครงสร้างพิเศษตา่ งๆ เช่น ราก ลาตน้ ใบ และมนุษยส์ ามารถนาส่วนตา่ ง ๆ ของพชื มา ขยายพนั ธ์ไุ ด้ เช่น การปักชา การติดตา การตอนก่งิ เปน็ พืชตน้ ใหม่ ท่ีมลี ักษณะไมแ่ ตกต่างไปจากต้นพ่อแม่ และมนษุ ยน์ าความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ มาประยุกต์ใช้กับพชื เช่นการเพาะเล้ียง เน้อื เยอ่ื พืช การดดั แปรพันธุกรรมพชื เป็นต้น เพือ่ เพยี งพอแก่ความต้องการ ของมนุษย์ 3 สารบรสิ ุทธิ์ ว 2.1 สารบริสุทธิป์ ระกอบดว้ ยสารเพยี งชนดิ 26 20 ม.1/1–ม.1/10 เดยี ว มีสมบตั ิบางประการทเ่ี ปน็ ค่า เฉพาะตัว มีค่าคงที่ เช่น จุดเดือด จุด หลอมเหลว และความหนาแน่น สาร บริสุทธส์ิ ามารถแบง่ ออกเปน็ ธาตุและ สารประกอบ ธาตุมอี งคป์ ระกอบเพียง ชนดิ เดยี วและไมส่ ามารถแยกสลายเป็น สารอนื่ ได้ด้วยวิธีทางเคมี สว่ น สารประกอบธาตอุ งค์ประกอบต้ังแต่ 2 ชนิดขึน้ ไปรวมตวั กันทางเคมใี น อตั ราส่วนคงท่ีมีสมบตั แิ ตกต่างจากธาตุ ท่ีเปน็ องค์ประกอบ สามารถแยก องคป์ ระกอบของสารประกอบออกจาก กนั ไดด้ ว้ ยวธิ ีทางเคมี โดยธาตุแตล่ ะ ชนดิ ประกอบด้วยอนุภาคท่ีเลก็ ที่สุด เรียกว่าอะตอม ซ่ึงอะตอมประกอบดว้ ย โปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ลก็ ตรอน รวมคะแนนระหว่างเรยี น - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาคภาค - 30 รวม 60 100 หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 128

วชิ า วิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน 2 คาอธบิ ายรายวิชา จานวน 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ รหสั วชิ า ว21102 จานวน 1.5 หน่วยกติ ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 จานวนเวลาเรยี นท้ังส้ิน 60 ชว่ั โมง : ภาคเรยี น ศกึ ษาเกี่ยวกับอณุ หภูมแิ ละการวดั ผลของความร้อนทม่ี ีต่อการเปล่ียนแปลงของสาร สมดุล ความร้อน การถ่ายโอความร้อน องค์ประกอบของบรรยากาศ การแบ่งชั้นบรรยากาศ ผลของรังสี จากดวงอาทิตย์ ต่อบรรยากาศ องค์ประกอบของบรรยากาศ ได้แก่อุณหภูมิอากาศ ความดันอากาศ ความชื้นอากาศ ลม เมฆและฝน พายุฟ้าคะนอง พายุหมุนเขตร้อนมรสุม การพยากรณ์อากาศ และ การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศของโลก โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธบิ าย และสรปุ เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ และนาความรไู้ ปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจาวัน มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ มคี ุณธรรม และจริยธรรม รหัสตวั ช้ีวัด ว 2.2 ม.1/1 ว 2.3 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7 ว 3.2 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7 รวมท้ังหมด 15 ตวั ชว้ี ดั หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 129

โครงสร้างรายวิชา วิชา วิทยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน 2 รหสั วชิ า ว21102 จานวน 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 จานวน 1.5 หนว่ ยกติ จานวนเวลาเรียนทั้งส้นิ 60 ช่วั โมง : ภาคเรยี น สัดสว่ นคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ที่ ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ เรียนรู้/ตัวชว้ี ัด (ช่วั โมง) คะแนน (100) 1 พลังงาน ว 2.3 การเคล่อื นท่ขี องอนภุ าคมีผลต่อรปู รา่ ง 12 10 ความรอ้ น ม.1/1-ม.1/7 และปรมิ าตรของสสาร โดยทั่วไปเม่ือ สสารได้รับความรอ้ น สสารจะขยายตวั เนือ่ งจากความร้อนทาให้อนภุ าค เคลื่อนทีเ่ ร็วข้นึ และระยะห่างระหว่าง อนุภาคมากขึ้นแต่เม่ือสสารสญู เสีย ความร้อน สสารจะหดตวั เน่ืองจาก ความรอ้ นทาให้อนุภาคเคลอ่ื นท่ีช้าลง และระยะห่างระหว่างอนุภาคลดลง ความรอ้ นอาจทาใหส้ สารเปลีย่ นสถานะ ขณะที่สสารเปลี่ยนสถานะความรอ้ น ทง้ั หมดจะถูกใช้ในการเปลยี่ นสถานะ โดยไม่มี การเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิ การถา่ ยโอน ความรอ้ นโดย การนาความร้อน การพาความร้อนและ การแผ่รังสคี วามร้อน สามารถนาไปใช้ ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั หรือใชใ้ น การอธบิ ายปรากฏการณ์ที่เกิดขึน้ ตาม ธรรมชาติได้ 2 บรรยากาศ ว 2.2 ม.1/1 บรรยากาศทหี่ ่อห้มุ โลกเรานั้นมีการ 22 20 1 ว 3.2 ม.1/1 - เปลีย่ นแปลงและพัฒนาต้ังแต่เรมิ่ ม.1/2 กาเนดิ โลกจนกระทั่งปจั จุบัน บรรยากาศส่งผลต่อการดารงชวี ิตของ มนษุ ย์และ สิง่ แวดลอ้ ม บรรยากาศมีสมบัตแิ ละ องคป์ ระกอบแตกต่างกันไปตามระดับ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 130

ท่ี ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ เรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัด (ช่ัวโมง) คะแนน (100) ความสงู จากผิวโลกนัก วิทยาศาสตรใ์ ชเ้ กณฑก์ ารเปลี่ยนแปลง อณุ หภมู ติ ามความสูง แบง่ บรรยากาศ เป็น 5 ชั้น ไดแ้ ก่ ช้นั โทรโพสเฟยี ร์ ชนั้ สตราโตสเฟยี ร์ ชั้นมีโซสเฟียร์ ชน้ั ช้นั เทอร์โมสเฟียร์ และชนั้ เอกโซสเฟยี ร์ ด้วยสมบตั ิ และองค์ประกอบ ทาให้ บรรยากาศแตล่ ะชั้นเกดิ ปรากฏการณ์ และส่งผลตอ่ มนุษย์และสิง่ แวดลอ้ ม 3 บรรยากาศ ว 3.2 มนุษยด์ ารงชีวติ อยู่ภายใต้บรรยากาศ 16 20 2 ม.1/3-ม.1/7 ชนั้ โทรโพสเฟยี ร์ซึง่ เกดิ สภาพลมฟา้ อากาศตา่ งๆ เช่น ลม เมฆ ฝน ฟา้ แลบ ฟ้าร้อง การเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ ได้แก่ พายฝุ นฟ้าคะนองและพายุหมุน เขตร้อน มีผลกระทบต่อปัจจัยท่ีทาให้ เกิดการเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศ มีท้ัง ปจั จัยทางธรรมชาติและกิจกรรมของ มนุษย์ การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศแม้ ไม่ไดเ้ กดิ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ เหมือนการ เปลย่ี นแปลงลมฟา้ อากาศ แต่ส่งผล กระทบต่อสิง่ มชี ีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม อยา่ งมาก มนุษยจ์ าเป็นตอ้ งเรียนรู้ สถานการณ์ ผลกระทบ แนวทางในการ ปฏบิ ตั ติ นภายใตก้ ารเปล่ยี นแปลง ลมฟ้าอากาศและการเปล่ียนแปลง ภูมิอากาศ เพื่อให้มนุษยแ์ ละ ส่งิ แวดลอ้ มดารงอย่ไู ดอ้ ยา่ งปลอดภัย และยัง่ ยืน รวมคะแนนระหว่างเรยี น - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาคภาค - 30 รวม 60 100 หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 131

วชิ า วทิ ยาการคานวณ 1 คาอธบิ ายรายวิชา จานวน 1 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ รหสั วชิ า ว21103 จานวน 0.5 หน่วยกิต ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 จานวนเวลาเรยี นท้ังสิ้น 20 ชว่ั โมง : ภาคเรียน ศกึ ษาการออกแบบอลั กอรทิ ึมท่ีใช้แนวคิดเชิงนามธรรมเพ่ือแก้ปัญหาหรืออธิบายการทางาน ที่พบในชีวิตจริง การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมีการใช้ตัวแปร เงื่อนไข วนซ้า การออกแบบ อัลกอริทึม เพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์อย่างง่าย การเขียนโปรแกรมโดยใช้ ซอฟต์แวร์ Scratch, python, java และ c เป็นต้น ศึกษาการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐม ภูมิ ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล ตลอดจนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย การ จัดการอัตลักษณ์ การพิจารณาความเหมาะสมของเนื้อหา ใช้สื่อและแหล่งข้อมูลตามข้อกาหนดและ ขอ้ ตกลงไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้การคิดเชิงคานวณและปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) เพ่ือเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การ แก้ปญั หาวางแผนการเรยี นรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และนาเสนอผ่านการทากิจกรรมโครงงาน เพ่ือให้ เกดิ ทกั ษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการวิเคราะห์โจทย์ปัญหา จนสามารถนาเอาแนวคิดเชิง คานวณมาประยกุ ต์ใช้ในการสรา้ งโครงงานได้ เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ การนาข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศ ได้ตามวัตถุประสงค์ ใช้ทักษะการคิดเชิงคานวณในการ แก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพื่อช่วยในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารอย่างรู้เท่าทันและรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนนาความรู้ความเข้าใจใน วิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชนต์ ่อสงั คม และการดารงชีวิต จนสามารถพัฒนา กระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการส่ือสาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ และเปน็ ผ้ทู ีม่ ีจิตวิทยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมใน การใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์ รหสั ตัวชี้วัด ว. 4.2 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4 รวมทั้งหมด 4 ตวั ชว้ี ัด หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 132

โครงสรา้ งรายวิชา วิชา วทิ ยาการคานวณ 1 รหสั วชิ า ว21103 จานวน 1 ชวั่ โมง/สัปดาห์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 จานวน 0.5 หน่วยกิต จานวนเวลาเรียนท้งั สนิ้ 20 ช่ัวโมง : ภาคเรยี น สัดสว่ นคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ที่ ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั การเรียนรู้ เรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด (ช่วั โมง) คะแนน (100) 1 การ ว 4.2 ม.1/1 แนวคดิ เชิงนามธรรม เป็นการ 5 15 ออกแบบ ม.1/2 ประเมนิ ความสาคญั ของรายละเอียด และการ ของปญั หา แยกแยะส่วนที่เป็นสาระ เขยี น สาคญั ออกจากสว่ นทีไ่ ม่ใชส่ าระสาคญั อลั กอริทึม คอมพิวเตอร์อัลกอริทึม เป็นแก่นของ วทิ ยาการคอมพิวเตอร์ เปน็ ศาสตรท์ ท่ี า ให้สามารถประมวลผลแบบทีละขัน้ ตอน ซ่ึงทาใหค้ อมพวิ เตอรส์ ามารถ ประมวลผลเพอื่ แก้ไขปัญหาด้วยเครื่อง คอมพิวเตอร์ การออกแบบอลั กอริทมึ เพื่อแก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตรอ์ ย่างงา่ ย อาจใชแ้ นวคดิ เชิงนามธรรมในการ ออกแบบเพ่อื ใหก้ ารแกป้ ญั หามี ประสทิ ธภิ าพ 2 การ ว 4.1 ม.1/2 การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมี 5 15 ออกแบบ การใชต้ วั แปร เงอื่ นไข วนซ้า และการ การออกแบบอลั กอริทมึ เพื่อ เขียน แกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ โปรแกรม อย่างงา่ ย อาจใชแ้ นวคดิ เชงิ นามธรรมใน เบ้อื งต้น การออกแบบเพ่ือให้การแกป้ ัญหามี ประสทิ ธภิ าพ การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนจะ ชว่ ยใหแ้ กป้ ัญหาได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ซอฟตแ์ วรท์ ใี่ ชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch, python, java, c หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 133

ท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั การเรยี นรู้ เรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั (ช่วั โมง) คะแนน (100) 3 การจดั การ ว 4.1 ม.1/3 ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ โปรแกรม 5 ข้อมูล ว 4.1 ม.1/4 สมการการเคลื่อนที่ โปรแกรม 10 สารสนเทศ คานวณหาพ้นื ท่ี โปรแกรมคานวณดัชนี 5 มวลกาย 10 4 การใช้ เทคโนโลยี การรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ ปฐมภมู ิ ประมวลผล สร้างทางเลือก อยา่ ง ประเมนิ ผล จะทาให้ไดส้ ารสนเทศเพ่ือ ปลอดภยั ใช้ในการแก้ปัญหาหรือการตัดสินใจ ได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ การประมวลผลเป็นการกระทากบั ข้อมูลเพอ่ื ให้ไดผ้ ลลพั ธ์ท่ีมีความหมาย และมปี ระโยชนต์ อ่ การนาไปใชง้ าน สามารถทาได้หลายวิธี เช่น คานวณ อัตราสว่ น คานวณค่าเฉลีย่ การใช้ซอฟต์แวรห์ รือบริการบน อนิ เทอร์เนต็ ทหี่ ลากหลายในการ รวบรวม ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมนิ ผล นาเสนอ จะชว่ ยให้ แก้ปัญหาได้อยา่ งรวดเรว็ ถูกตอ้ ง และ แมน่ ยา ความปลอดภยั ของเทคโนโลยี สารสนเทศ คอื นโยบาย ขนั้ ตอนการ ปฏิบตั ิ และมาตรการทางเทคนิคที่ นามาใช้ป้องกนั การใช้งานจาก บคุ คลภายนอก การเปลี่ยนแปลง การ ขโมย หรอื การทาความเสียหายตอ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ วิธีการป้องกนั และการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศจากภัยคุกคามต่าง ๆ มี หลายวิธี เชน่ หมัน่ ตรวจสอบและ อัพเดตระบบปฏิบัติการใหเ้ ป็นเวอรช์ ัน ปจั จุบนั และควรใช้ระบบ ปฏิบตั กิ าร และซอฟตแ์ วร์ที่มีลิขสทิ ธ์ิ ไม่เปิดเผย หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 134

ท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั การเรยี นรู้ เรียนรู/้ ตวั ชีว้ ัด (ชว่ั โมง) คะแนน (100) ข้อมูลส่วนตวั ผ่านส่อื สังคมออนไลน์ เช่น เลขท่ีบตั รประชาชน ประวตั ิการทางาน เบอรโ์ ทรศัพท์ หมายเลขบัตรเครดติ จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ คือ หลักศลี ธรรมจรรยาท่ีกาหนดขึน้ เพ่ือ ใชเ้ ปน็ แนวทางปฏิบัติ หรือควบคมุ การ ใช้ระบบคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ รวมคะแนนระหวา่ งเรียน - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาคภาค - 30 รวม 20 100 หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 135

วชิ า ออกแบบเทคโนโลยี 1 คาอธิบายรายวชิ า จานวน 1 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ รหสั วชิ า ว21104 จานวน 0.5 หน่วยกิต ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 จานวนเวลาเรยี นทั้งส้ิน 20 ช่ัวโมง : ภาคเรยี น ศกึ ษาแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยใี นชวี ติ ประจาวัน วเิ คราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการ เปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี ระบปุ ัญหาหรือความต้องการในชีวิตประจาวัน รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล แนวคิดท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหา การออกแบบวิธีการแก้ปัญหา ตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จาเป็น นาเสนอ แนวทางการแกป้ ญั หาใหผ้ ้อู น่ื เขา้ ใจ วางแผน ดาเนนิ การแกป้ ญั หา ด้วยการทดสอบ ประเมินผล ระบุ ข้อบกพร่องท่ีเกิดขึ้น พร้อมท้ังหาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข และนาเสนอผลการแก้ปัญหา เลือกใช้ วัสดุ อปุ กรณ์ เครื่องมอื กลไก ไฟฟ้า หรืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและ ปลอดภยั โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และ การเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project – based Learning) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึก ทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ และนาเสนอผ่านการทากิจกรรม โครงงาน เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการ พัฒนาเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต สังคม และส่ิงแวดล้อม ตลอดจนนาความรู้ความ เข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดารงชีวิต จน สามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะ ในการส่ือสาร ความสามารถในการตัดสินใจ เป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม ในการใช้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์ รหสั ตวั ช้ีวดั ว. 4.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5 รวมทั้งหมด 5 ตัวชี้วัด หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 136

โครงสรา้ งรายวชิ า วิชา ออกแบบเทคโนโลย1ี รหสั วชิ า ว21104 จานวน 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 จานวน 0.5 หน่วยกิต จานวนเวลาเรยี นท้ังสน้ิ 20 ชว่ั โมง : ภาคเรยี น สัดสว่ นคะแนน ระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ที่ ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรยี นรู้ เรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั (ชั่วโมง) คะแนน (100) 1 เทคโนโลยี ว 4.1 ม.1/1 เทคโนโลยี เปน็ สงิ่ ที่มนษุ ยส์ ร้าง หรือ 5 15 กับมนษุ ย์ ว 4.1 ม.1/2 พัฒนาขึน้ ซงึ่ อาจเปน็ ได้ท้ังชิ้นงาน หรอื วธิ ีการ เพอ่ื ใชแ้ กป้ ัญหา สนองความ ต้องการ หรือเพิ่มความสามารถ ในการ ทางานของมนุษย์ เทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลง ตลอดเวลาตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจบุ ัน ซงึ่ มสี าเหตุหรอื ปจั จัยมาจากหลายด้าน เชน่ ปญั หา ความต้องการ ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ า่ ง ๆ เศรษฐกิจ สงั คม ระบบทางเทคโนโลยี เป็นระบบที่ ประกอบด้วยการทางานร่วมกันของ องคป์ ระกอบทางเทคโนโลยี ซึ่ง องค์ประกอบทางเทคโนโลยที ี่ทาให้เกิด ระบบทางเทคโนโลยีมี 4 องค์ประกอบ หลกั ประกอบไปด้วยตวั ปอ้ น (input) กระบวนการ (process) และผลผลติ (output) ที่สัมพันธ์กัน นอกจากน้ี ระบบทางเทคโนโลยีอาจมีข้อมลู ยอ้ นกลบั (feedback) ผลกระทบของการพฒั นาเทคโนโลยี เชน่ ด้านสง่ิ แวดลอ้ ม เทคโนโลยที าให้ การคมนาคมมีความสะดวกสบายและ ใช้เช้อื เพลงิ มากขึน้ ทาใหเ้ กิดแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์มากข้ึน จน กลายเป็นภาวะโลกรอ้ น หลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 137

ที่ ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั การเรยี นรู้ เรียนรู/้ ตวั ชวี้ ดั (ชั่วโมง) คะแนน (100) 2 กระบวนกา ว 4.1 ม.1/2 กระบวนการเทคโนโลยี เปน็ ขั้นตอน 5 15 รเทคโนโลยี ว 4.1 ม.1/3 การทางานเพื่อสรา้ งสิง่ ของเครอ่ื งใช้ ว 4.1 ม.1/4 หรอื วิธีการอย่างใดอยา่ งหนึ่งขน้ึ มาเพ่อื แกป้ ญั หาหรือสนองความตอ้ งการของ มนุษย์ กระบวนการเทคโนโลยี ประกอบดว้ ย 7 ข้นั ตอน คอื ระบุ ปัญหา หรือความต้องการ รวบรวม ข้อมูล เลอื กวธิ กี ารแก้ปัญหา ออกแบบ วิธกี ารแกป้ ญั หา ทดสอบ ปรับปรุง แก้ไข ประเมนิ ผล และนาเสนอผลงาน กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม มี 2 ส่วน คอื สว่ นทีน่ าวทิ ยาศาสตร์และ คณติ ศาสตร์มาใช้ให้เปน็ ประโยชนก์ บั ส่วนท่ีออกแบบให้ได้ผลงานท่ีตอ้ งการ 3 ผลงาน ว 4.1 ม.1/5 การเลือกใชว้ สั ดุ เครือ่ งมอื และ 3 10 ออกแบบ อปุ กรณ์ ในการสรา้ งสรรคเ์ ทคโนโลยี และ โดยวัสดุแตล่ ะประเภทมีสมบัติข้อจากดั เทคโนโลยี ในการใชท้ ี่แตกตา่ งกัน เชน่ ไม้ โลหะ พลาสติก จึงต้องมีการวเิ คราะห์สมบัติ ของวัสดุ เพื่อเลือกใช้ใหเ้ หมาะสมกับ ลักษณะของงานและเกิดประโยชนก์ บั ผ้ใู ช้งานอย่างแท้จริง การสร้างชิน้ งานอาจใช้ความรู้ เรอื่ ง กลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนกิ ส์ เชน่ LED บซั เซอร์ มอเตอร์ วงจรไฟฟ้า การสรา้ งช้นิ งาน หรอื พฒั นาวธิ ีการมี หลายประเภท ตอ้ งเลือกใช้ใหถ้ ูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทง้ั ร้จู ัก เก็บรักษา หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 138

ท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั การเรยี นรู้ เรยี นรู/้ ตัวชีว้ ดั (ช่วั โมง) คะแนน (100) 3 ผลงาน ว 4.1 ม.1/5 การเลอื กใช้วสั ดุ เครือ่ งมอื และ 3 10 ออกแบบ อุปกรณ์ ในการสรา้ งสรรคเ์ ทคโนโลยี และ โดยวสั ดุแต่ละประเภทมีสมบัตขิ อ้ จากัด เทคโนโลยี ในการใช้ท่แี ตกตา่ งกัน เชน่ ไม้ โลหะ พลาสตกิ จึงต้องมีการวเิ คราะหส์ มบตั ิ ของวสั ดุ เพ่ือเลือกใช้ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงานและเกิดประโยชนก์ บั ผูใ้ ช้งานอย่างแท้จริง การสร้างชน้ิ งานอาจใชค้ วามรู้ เร่อื ง กลไก ไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนกิ ส์ เช่น LED บซั เซอร์ มอเตอร์ วงจรไฟฟา้ การสร้างช้ินงาน หรือพฒั นาวิธีการมี หลายประเภท ตอ้ งเลือกใช้ใหถ้ ูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย รวมทง้ั ร้จู กั เก็บรักษา รวมคะแนนระหว่างเรียน - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาคภาค - 30 รวม 20 100 หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 139

วิชา วิทยาศาสตร์พืน้ ฐาน 3 คาอธิบายรายวิชา จานวน 3 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ รหัสวชิ า ว22101 จานวน 1.5 หนว่ ยกิต ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 จานวนเวลาเรยี นทง้ั ส้นิ 60 ช่วั โมง : ภาคเรยี น ศึกษา วิเคราะห์ ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ที่เก่ียวข้องกับระบบหายใจ ระบบขับถ่าย ระบบไหยเวียนเลอื ด ระบบประสาท และระบบสืบพันธุ์ของของมนุษย์ ศึกษาวิธีการแยกสารโดยการ ระเหยแหง้ การตกผลกึ การกลัน่ อยา่ งง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกดั ด้วยตัวตัวทาละลาย แล้วนาไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ศึกษาชนิดของสารละลาย ระบุปริมาณตัวละลายใน สารละลายในความเขม้ ขน้ เป็นรอ้ ยละ ปรมิ าตรตอ่ ปริมาตร มวลตอ่ มวลและมวลต่อปริมาตรตระหนัก ถงึ ความสาคัญของความเขม้ ข้นของสารไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบการสืบค้น ขอ้ มลู และการอภปิ ราย เพื่อให้สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นาความรู้ไปใช้ใน ชีวิตประจาวัน มจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคา่ นยิ มทเ่ี หมาะสม รหสั ตัวช้ีวดั ว 1.2 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6, ม.2/7, ม.2/8, ม.2/9, ม.2/10, ม.2/11, ม.2/12, ม.2/13, ม.2/14, ม.2/15, ม.2/16, ม.2/17, ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/5 ว 2.1 ม.2/5, ม.2/6 รวมทั้งหมด 23 ตัวช้วี ัด หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 140

โครงสร้างรายวชิ า วิชา วทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน 3 รหสั วชิ า ว22101 จานวน 3 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1.5 หน่วยกติ จานวนเวลาเรียนทง้ั สิ้น 60 ชัว่ โมง : ภาคเรยี น สดั ส่วนคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ที่ ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั การเรยี นรู้ เรียนรู้/ตัวชวี้ ดั (ชัว่ โมง) คะแนน (100) 1 ระบบตา่ งๆ ว 1.2 ม.2/1- - ระบบหายใจ 25 25 ในร่างกาย ว 1.2 ม.2/17 – การกาจัดของเสยี ทางไต มนษุ ย์ – ระบบหมนุ เวยี นเลอื ด – ระบบประสาท - ระบบสืบพนั ธุ์ 2 การแยกสาร ว 2.1 ม.2/1,ม. - ความรดู้ า้ นวิทยาศาสตรเ์ ก่ียวกบั การ 15 10 2/2 , ม.2/3 แยกสาร บูรณาการกับคณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี โดยใช้กระบวนการทาง วิศวกรรม สามารถนาไปใชแ้ ก้ปญั หาใน ชวี ติ ประจาวนั หรือปญั หาท่ีพบในชุมชน หรอื สร้างนวตั กรรม โดยมขี ้นั ตอน ดังนี้ - ระบปุ ัญหาในชีวติ ประจาวนั ทีเ่ กย่ี วกบั การแยกสารโดยใชส้ มบัติทางกายภาพ หรือนวัตกรรมท่ตี ้องการพฒั นา โดยใช้ หลกั การดงั กล่าว - รวบรวมข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกบั การ แยกสาร โดยใชส้ มบตั ิทางกายภาพที่ สอดคล้องกบั ปัญหาทรี่ ะบุ หรอื นาไปสู่ การพัฒนานวัตกรรมนั้น - ออกแบบวธิ ีการแก้ปัญหา หรอื พฒั นา นวัตกรรมท่เี ก่ียวกับการแยกสารในสาร ผสม โดยใช้สมบตั ทิ างกายภาพ โดย เชอื่ มโยงความรดู้ ้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และ กระบวนการทางวิศวกรรม รวมทง้ั กาหนด หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 141

ที่ ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ เรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน (100) - วางแผนและดาเนนิ การแก้ปัญหา หรือ พัฒนานวัตกรรม รวบรวมขอ้ มูล จัด กระทาข้อมลู และเลือกวิธีการสื่อ ความหมายทีเ่ หมาะสมในการนาเสนอ - ทดสอบ ประเมนิ ผล ปรับปรุงวธิ กี าร แกป้ ญั หา หรือนวตั กรรมที่พัฒนาข้ึน โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจักษท์ ่ีรวบรวม - นาเสนอวิธกี ารแก้ปัญหา หรือผลของ นวตั กรรมทีพ่ ัฒนาขน้ึ และผลทไี่ ด้ โดย ใชว้ ธิ ีการสอ่ื สารทเี่ หมาะสม 3 สารละลาย ว 2.1 ม.2/4 - - สารละลายอาจมสี ถานะเป็นของแขง็ 20 15 ม.2/6 ของเหลว และแก๊ส สารละลาย ประกอบด้วยตัวทาละลาย และตัว ละลาย กรณสี ารละลายเกดิ จากสารทีม่ ี สถานะเดียวกัน สารทมี่ ปี ริมาณมาก ทสี่ ุดจดั เป็นตวั ทาละลาย กรณี สารละลายเกิดจากสารท่มี สี ถานะ ต่างกนั สารที่มสี ถานะเดียวกันกบั สารละลายจัดเป็นตัวทาละลาย - สารละลายทตี่ ัวละลายไมส่ ามารถ ละลายในตวั ทาละลายได้อกี ที่อณุ หภมู ิ หน่ึง ๆ เรยี กวา่ สารละลายอิ่มตัว - สภาพละลายได้ของสารในตัวทา ละลาย เป็นค่าที่บอกปริมาณของสารที่ ละลายไดใ้ นตัวทาละลาย 100 กรัม จน ได้สารละลายอ่ิมตัว ณ อณุ หภูมแิ ละ ความดันหน่งึ ๆ สภาพละลายไดข้ อง สารบ่งบอกความสามารถในการละลาย ไดข้ องตัวละลาย ในตัวทาละลาย ซง่ึ ความสามารถในการละลายของสาร ขึน้ อยู่กับชนิดของตวั ทาละลายและตวั ละลาย อุณหภูมิ และความดัน - สารชนิดหน่ึง ๆ มีสภาพละลายได้ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 142

ท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก การเรียนรู้ เรียนร้/ู ตวั ช้วี ัด (ช่วั โมง) คะแนน (100) แตกต่างกนั ในตัวทาละลายท่ีแตกตา่ ง กัน และสารตา่ งชนิดกัน มีสภาพละลาย ไดใ้ นตัวทาละลายหน่งึ ๆ ไมเ่ ท่ากนั - เม่ืออุณหภูมสิ งู ขึ้น สารส่วนมาก สภาพละลายได้ของสารจะเพ่ิมข้นึ ยกเว้นแก๊สเม่ืออุณหภมู สิ ูงขน้ึ สภาพการ ละลายไดจ้ ะลดลง ส่วนความดันมผี ล ต่อแกส๊ โดยเมอ่ื ความดนั เพ่ิมขึ้น สภาพ ละลายได้จะสูงข้ึน - ความรูเ้ กย่ี วกบั สภาพละลายไดข้ อง สาร เมอื่ เปลี่ยนแปลงชนดิ ตัวละลาย ตวั ทาละลาย และอณุ หภมู ิ สามารถ นาไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวนั เชน่ การทาน้าเชือ่ มเข้มขน้ การสกัดสาร ออกจากสมุนไพรใหไ้ ด้ปริมาณมากทส่ี ุด รวมคะแนนระหวา่ งเรียน - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาคภาค - 30 รวม 60 100 หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 143

วิชา วทิ ยาศาสตร์พ้ืนฐาน 4 คาอธบิ ายรายวชิ า จานวน 3 ชว่ั โมง/สัปดาห์ รหัสวชิ า ว22102 จานวน 1.5 หน่วยกติ ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 จานวนเวลาเรียนทง้ั สิ้น 60 ชั่วโมง : ภาคเรยี น ศึกษาพยากรณ์การเคลื่อนท่ีของวัตถุท่ีเป็นผลของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระทา ต่อวตั ถุในแนวเดียวกันเขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระทาต่อวัตถุ ในแนวเดียวกันแรงที่กระทาต่อวัตถุในของเหลว แรงเสียดทานและแรงอ่ืนๆ ที่กระทาต่อวัตถุ แรง เสียดทานและแรงอ่ืนๆทกี่ ระทาต่อวตั ถุ ออกแบบการทดลองและทดลองปัจจัยท่ีมีผลต่อความดันของ ของเหลวปัจจยั ท่มี ีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน โมเมนต์ของแรง เมื่อวัตถุอยู่ในสภาพสมดุลต่อการ หมุนและคานวณโดยใช้สมการ วิเคราะห์แรงพยุงและการจม การลอยของวัตถุในของเหลวอธิบาย แรงเสียดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์ประโยชน์ของความรู้เร่ืองแรงเสียดทานโดยวิเคราะห์ สถานการณป์ ัญหาและเสนอแนะวิธกี ารลดหรือเพมิ่ แรงเสียดทานท่ีเป็นระโยชน์ต่อการทากิจกรรมใน ชวี ิตประจาวนั เปรยี บเทยี บแหล่งของสนามแม่เหล็ก สนามไฟฟ้าและสนามโน้มถ่วง และทิศทางของ แรงท่ีกระทาต่อวตั ถุท่ีอยู่ในแต่ละสนามจากข้อมูลที่รวบรวมได้เขียนแผนภาพแสดงแรงแม่เหล็ก แรง ไฟฟ้า และแรงโน้มถ่วงที่กระทาต่อวัตถุวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงแม่เหล็ก แรง ไฟฟ้า และแรงโน้มถ่วงท่ีกระทาต่อวัตถุที่อยู่ในสนามนั้นๆกับระยะห่างจากแหล่งของสนามถึงวัตถุ จากข้อมูลที่รวบรวมได้อธิบายและคานวณอัตราเร็วและความเร็วของการเคล่ือนท่ีของวัตถุ เขียน แผนภาพแสดงการกระจัดและความเร็ววิเคราะห์สถานการณแ์ ละคานวณเก่ียวกับงานและกาลังที่เกิด จากแรงที่กระทาต่อวัตถุจากข้อมูลท่ีรวบรวมได้หลักการทางานของเครื่องกลอย่างง่ายจากข้อมูลที่ รวบรวมได้ ความรู้ของเคร่ืองกลอย่างง่ายออกแบบและทดลองปัจจัยที่มีผลต่อพลังงานจลน์ และ พลงั งานศกั ยโ์ น้มถ่วงแปลความหมายข้อมูลและอธิบายการเปลี่ยนพลังงานระหว่างพลังงานศักย์โน้ม ถว่ งและพลังงานจลนข์ องวตั ถุโดยพลงั งานกลของวัตถมุ คี ่าคงตวั วิเคราะห์สถานการณ์และอธิบายการ เปล่ียนและการถ่ายโอนพลังงานโดยใช้กฎการอนุรักษ์พลังงานเปรียบเทียบกระบวนการเกิด สมบัติ และการใช้ประโยชน์รวมท้ังอธิบายผลกระทบจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดาบรรพ์ ผลจากการใช้ เช้ือเพลิงซากดึกดาบรรพ์โดยนาเสนอแนวทางการใช้เช้ือเพลิงซากดึกดาบรรพ์เปรียบเทียบข้อดีและ ข้อจากัดของพลังงานทดแทนแต่ละประเภทจากการรวบรวมข้อมูลและนาเสนอแนวทางการใช้ เปรยี บเทยี บขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั ของพลังงานทดแทนแต่ละประเภทจากการรวบรวมข้อมูลและนาเสนอ แนวทางการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดาบรรพ์พลังงานทดแทนที่เหมาะสมในท้องถ่ิน สร้างแบบจาลองท่ี อธิบายโครงสร้างภายในโลกตามองค์ประกอบทางเคมีอธิบายกระบวนการผุพังอยู่กับท่ี การกร่อน และการสะสมตัวของตะกอนจากแบบจาลองรวมทั้งยกตัวอย่างผลของกระบวนการดังกล่าวที่ทาให้ ผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ลักษณะของช้ันหน้าตัดดินและกระบวนการเกิดดิน จากแบบจาลอง รวมทั้งระบุปัจจัยที่ทาให้ดินมีลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน ตรวจวัดสมบัติบางประการของดินโดย ใช้เคร่ืองมือท่ีเหมาะสมและนาเสนอแนวทางการใช้ประโยชน์ดินจากข้อมูลสมบัติของดินอธิบาย ปัจจัยและกระบวนการเกิดแหล่งน้าผิวดินและแหล่งน้าใต้ดิน จากแบบจาลองสร้างแบบจาลองท่ี อธิบายการใช้น้า และนาเสนอแนวทางการใช้อย่างยั่งยืนในท้องถิ่นของตนเองสร้างแบบจาลองที่ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 144

อธิบายกระบวนการเกิดและผลกระทบของน้าท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม หลุมยุบแผ่นดินทรุด โดยใชก้ ารสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทักษะการเรยี นร้ใู นศตวรรษที่ 21 การสืบค้นขอ้ มลู และการอภปิ ราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ การแก้ปัญหาการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ มท่เี หมาะสม รหัสตวั ชี้วัด ว 2.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 ม.2/11 ม.2/12 ม.2/13 ม.2/14 ม.2/15 ว 2.3 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ว 3.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 รวมท้ังหมด 31 ตัวชวี้ ดั หลักสูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 145

โครงสร้างรายวิชา วิชา วทิ ยาศาสตร์พืน้ ฐาน 4 รหัสวชิ า ว22102 จานวน 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 1.5 หนว่ ยกติ จานวนเวลาเรียนทั้งสิ้น 60 ชว่ั โมง : ภาคเรียน สัดสว่ นคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ที่ ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ เรียนรู้/ตัวช้ีวดั (ชั่วโมง) คะแนน - การเคล่อื นท่ีของวตั ถุ (100) 1 แรงและการ ว 2.2 ม.2/14 - แรงและแรงลัพธ์ 25 เคลื่อนที่ ว 2.2 ม.2/15 - ความดนั ของของเหลว 15 ว 2.2 ม.2/1 - แรงพยุง การจม การลอย ว 2.2 ม.2/2 - แรงเสียดทาน ว 2.2 ม.2/6 - โมเมนต์ของแรง ว 2.2 ม.2/7 - แรงแมเ่ หล็ก แรงไฟฟ้าและพลังงาน ว 2.2 ม.2/8 โน้มถว่ ง ว 2.2 ม.2/9 - อัตราเรว็ ความเรว็ และการกระจดั ว 2.2 ม.2/3 ว 2.2 ม.2/4 ว 2.2 ม.2/5 ว 2.2 ม.2/10 ว 2.2 ม.2/11 2 งานและ ว 2.3 ม 2/1 - งานและกาลงั 15 15 พลงั งาน ว 2.3 ม 2/2 - เครือ่ งกลอยา่ งง่าย ว 2.3 ม 2/3 - พลังงานจลน์และพลงั งานศักย์ ว 2.3 ม 2/4 โนม้ ถ่วง - กฎการอนรุ กั ษ์พลงั งาน หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 146

ที่ ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั การเรยี นรู้ เรียนร้/ู ตวั ชวี้ ดั (ช่ัวโมง) คะแนน (100) 3 โลกและการ ว 3.2 ม 2/1 - - พลงั งานเช้อื เพลงิ จากซากดึกดาบรรพ์ 20 20 เปล่ยี น ว 3.2 ม 2/10 - พลงั งานทดแทน แปลง - โครงสร้างของโลก - การเปลยี่ นแปลงของผิวโลก - ดนิ - นา้ รวมคะแนนระหว่างเรียน - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาคภาค - 30 รวม 60 100 หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 147


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook