ท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก การเรียนรู้ เรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั (ชว่ั โมง) คะแนน (100) ขึ้นมาบนเปลอื กโลก โดยมหี ลกั ฐาน ทางธรณวี ทิ ยาทสี่ นบั สนนุ แนวคดิ ไดแ้ ก่ ภาวะแม่เหล็กบรรพกาล อายุหนิ บนพน้ื มหาสมทุ ร ทฤษฎธี รณีแปรสัณฐาน อธิบายวา่ ธรณีภาคท่ีมสี ถานะเป็นของแขง็ ประกอบด้วยเปลือกโลกและเน้อื โลก สว่ นบนสุดนน้ั จะแตกออกเป็นแผน่ เรียกว่า แผ่นธรณี (plate) และ เคลื่อนท่ีอยา่ งช้า ๆ อย่บู นฐานธรณภี าค เนอ่ื งจากการพาความร้อนของแมกมา ซง่ึ การเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณีในรูปแบบ ต่าง ๆ ทาใหเ้ กิดธรณีสัณฐานและ ปรากฏการณ์ทางธรณีวทิ ยา เชน่ แนว เทอื กเขา รอ่ งลกึ ก้นสมุทร แผ่นดนิ ไหว ภเู ขาไฟระเบดิ ภเู ขาไฟระเบิด (volcano eruption) เปน็ ปรากฏการณ์ ทางธรณีวทิ ยาทเี่ กิดจากการแทรกดนั ของแมกมา แกส๊ และเถ้าภูเขาไฟจาก ภายในโลกออกมาสู่ผวิ โลกตามแนวรอย แตก รอยแยกของเปลือกโลก ภเู ขาไฟมี รปู ร่างแตกตา่ งกันหลายลกั ษณะข้ึนอยู่ กบั ความรุนแรงในการปะทุ ผลจากการ ระเบดิ ของภเู ขาไฟมีท้ังประโยชนแ์ ละ โทษ จึงต้องศึกษาแนวทาง การเฝา้ ระวังและปฏิบัตติ นให้ปลอดภัย จากภเู ขาไฟระเบิด หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 248
ท่ี ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก การเรยี นรู้ เรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ัด (ชวั่ โมง) คะแนน พ้ืนผวิ โลกในแต่ละบริเวณมคี วาม (100) 3. ลมฟา้ ว 3.2 เขม้ ข้นของรังสจี ากดวงอาทิตยไ์ ม่ 10 อากาศและ ม.6/7 เท่ากัน เนือ่ งจากปัจจัยทสี่ ง่ ผลตอ่ การ 10 ภมู ิอากาศ ม.6/8 รับรงั สดี วงอาทิตย์ของพื้นผวิ โลก เชน่ ม.6/9 สณั ฐานโลกและการเอยี งของแกนโลก ม.6/10 ลกั ษณะของพื้นผิวโลก และปริมาณเมฆ ม.6/11 และละอองลอย ทาให้อุณหภูมิของ ม.6/12 อากาศในแต่ละบรเิ วณแตกตา่ งกนั ม.6/13 สง่ ผลให้เกิดการถ่ายโอนพลงั งาน ม.6/14 ระหวา่ งบริเวณตา่ ง ๆ และทาให้เกิด การหมนุ เวียนของอากาศบนโลก การหมนุ เวยี นของอากาศเกิดจาก ความกดอากาศท่ีแตกต่างกันระหว่าง สองบริเวณ โดยอากาศเคล่อื นทีจ่ าก บริเวณท่มี ีความกดอากาศสูงไปยัง บรเิ วณทม่ี คี วามกดอากาศตา่ ซง่ึ จะเห็น ไดช้ ัดเจนจากการเคล่อื นท่ีของอากาศ ในแนวราบ เม่อื พิจารณาการเคลือ่ นที่ ของอากาศในแนวดิ่ง อากาศบรเิ วณ ความกดอากาศต่าจะลอยตวั สงู ขึ้น การ หมนุ รอบรอบตวั เองของโลกทาใหเ้ กิด แรงคอริออลิส ส่งผลใหท้ ิศทางการ เคล่อื นที่ของอากาศเบยี่ งเบนไป การหมนุ เวียนของอากาศตามเขต ละตจิ ูด แบง่ ออกเป็น 3 แถบ ได้แก่ การหมุนเวยี นอากาศแถบเขตรอ้ น หรอื แฮดลีย์เซลล์ การหมุนเวียนอากาศแถบ ละติจดู กลาง หรือเฟอรเ์ รลเซลล์ และ การหมุนเวยี นอากาศแถบขวั้ โลก หรอื โพลาร์เซลล์ การหมนุ เวียนของน้าผิวหนา้ ใน มหาสมุทรได้รับอทิ ธิพลจากการ หมุนเวียนของอากาศในแตล่ ะแถบ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 249
ท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ เรยี นร้/ู ตวั ช้วี ัด (ชว่ั โมง) คะแนน (100) ละติจูด รวมท้ังแรงคอริออลสิ ซง่ึ ทาให้ กระแสน้าในซีกโลกเหนือหมุนเวยี นตาม เขม็ นาฬิกา และกระแสนา้ ในซีกโลกใต้ หมุนเวยี นทวนเข็มนาฬิกา ซ่งึ กระแสน้า ผิวหนา้ ในมหาสมทุ รมีทั้งกระแสนา้ อนุ่ และกระแสน้าเยน็ ถ้าการหมุนเวยี น ของอากาศและน้าในมหาสมุทรมีการ เปลย่ี นแปลง ทาใหส้ ง่ ผลกระทบต่อ สภาพลมฟ้าอากาศ เช่น ปรากฏการณ์ เอลนีโญ และลานญี า อณุ หภูมิของอากาศทเี่ พิ่มสูงข้ึน นาไปส่กู ารเปล่ียนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ ซงึ่ การเปล่ียนแปลงสภาพ ภูมอิ ากาศเป็นปัญหาด้านสงิ่ แวดลอ้ มใน ปัจจุบนั เช่น เกดิ ภาวะเรอื นกระจก ภยั ธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน ความ หลากหลายทางชีวภาพลดลง ซ่ึง กระบวนการทางธรรมชาติและกิจกรรม ของมนษุ ย์ส่งผลตอ่ การเปลี่ยนแปลง ภูมอิ ากาศโลก ไดแ้ ก่ วฏั จกั รมลิ านโควิช การเคล่ือนทีข่ องแผน่ ธรณี การระเบิด ของภูเขาไฟ การเปลยี่ นแปลง องค์ประกอบของบรรยากาศ การ เปล่ยี นแปลงลกั ษณะของพืน้ ผิวโลก ปริมาณละอองลอยในชน้ั บรรยากาศ และปริมาณแกส๊ เรือนกระจก การพยากรณ์อากาศจะตอ้ งอาศยั ข้อมลู และสารสนเทศทางอุตนุ ิยมวิทยา ซง่ึ ขอ้ มลู สภาพลมฟ้าอากาศ ท่ไี ดจ้ ากการตรวจอากาศจะถูกนามา แปลความหมายและแสดงในรูปของ สารสนเทศทางอตุ ุนยิ มวิทยา เช่น แผน ท่ีอากาศผวิ พน้ื ภาพเรดารต์ รวจอากาศ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 250
ท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก การเรียนรู้ เรยี นรู/้ ตัวช้วี ดั (ชว่ั โมง) คะแนน (100) ภาพถา่ ยดาวเทยี ม ซึ่งแผนท่ีอากาศผวิ พ้ืนแสดงข้อมลู การ ตรวจอากาศในรปู แบบของตวั เลข รหสั หรอื สญั ลกั ษณม์ าตรฐานทาง อุตุนิยมวิทยา เช่น ความกดอากาศ อณุ หภูมิอากาศ ลักษณะอากาศค่า เปลี่ยนแปลงความกดอากาศ รวมคะแนนระหวา่ งเรยี น - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาคภาค - 30 รวม 40 100 หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 251
คาอธิบายรายวิชา โครงสรา้ งรายวชิ าเพม่ิ เติม ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 1 คาอธบิ ายรายวิชา จานวน 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ รหัสวชิ า ว31201 จานวน 1.5 หน่วยกิต ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 จานวนเวลาเรียนทั้งส้นิ 60 ช่วั โมง : ภาคเรยี น ศึกษาธรรมชาติของวิชาฟสิกส ปริมาณกายภาพและหนวย การวัด ความคลาดเคล่ือนใน การวดั และการทดลองในวชิ าฟสิกส การบอกตาแหนงของวตั ถุ ความสัมพันธระหวางปริมาณตางๆ ที่ เกี่ยวของกับการเคล่ือนที่แนวตรงดวยความเรงคงตัว แรงและผลของแรงที่มีตอสภาพการเคลื่อนที่ ของวัตถุ กฎการเคลอ่ื นทข่ี องนิวตนั กฎแรงดึงดูดระหวางมวล และแรงเสยี ดทาน โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 การสบื คน้ ข้อมูลและการอภปิ ราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ มท่เี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สืบค้น และอธิบายการค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทั้งพัฒนาการ ของหลกั การและแนวคดิ ทางฟสิ ิกส์ท่ีมผี ลตอ่ การแสวงหาความรู้ใหมแ่ ละการพัฒนาเทคโนโลยี 2. วัด และรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนาความ คลาดเคลื่อน ในการวัดมาพิจารณาในการนาเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์ และแปลความหมายจากกราฟเส้นตรง 3. ทดลอง และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ตาแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนท่ีของวัตถุในแนวตรงท่ีมีความเร่งคงตัวจากกราฟ และสมการรวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้มถว่ งของโลกและคานวณปรมิ าณ ตา่ ง ๆ ท่ีเกยี่ วข้อง 4. ทดลอง และอธิบายการหาแรงลพั ธ์ของแรงสองแรงท่ีทามุมตอ่ กนั 5. เขียนแผนภาพของแรงทก่ี ระทาต่อวัตถุอิสระ ทดลอง และอธิบายกฎการเคลื่อนท่ีของนิว ตนั และการใช้กฎการเคล่อื นที่ของนวิ ตนั กบั สภาพการเคลือ่ นที่ของวัตถรุ วมท้ังคานวณปริมาณต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง 6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงท่ีทาให้วัตถุมีน้าหนัก รวมทั้ง คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 252
7. วิเคราะห์อธิบาย และคานวณแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณีที่ วัตถุ หยุดน่ิงและวัตถุเคลื่อนที่ รวมทั้งทดลองหา สัมประสิทธ์ิความเสียดทานระหว่างผิวสัมผัส ของ วตั ถคุ ่หู นง่ึ ๆ และนาความรู้เรื่องแรงเสยี ดทานไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั รวมทั้งหมด 7 ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 253
โครงสรา้ งรายวชิ า รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 1 รหัสวชิ า ว31201 จานวน 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 จานวน 1.5 หน่วยกิต จานวนเวลาเรยี นท้งั สิ้น 60 ชว่ั โมง : ภาคเรียน ชว่ั โมง : ภาคเรยี น สดั ส่วนคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ที่ ชือ่ หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก เรยี นรู้ เรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั (ชั่วโมง) คะแนน (100) 1 ธรรมชาติ 1. สื บ ค้ น แ ล ะ ฟสิ ิกส์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหน่งึ 15 15 และ อธิบ ายก ารค้ นห า ท่ศี กึ ษาเก่ียวกบั สสาร พลงั งาน พฒั นาการ คว าม รู้ ทา ง ฟิสิ ก ส์ อนั ตรกริ ิยาระหว่างสสารกบั ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา พลงั งาน และแรงพ้ืนฐานใน รวมท้ังพัฒนาการ ธรรมชาติ หน่วยทใ่ี ชใ้ นการวัด ขอ ง ห ลั กก า ร แ ล ะ ปรมิ าณทางวิทยาศาสตร์คอื ระบบ แนวคิดทางฟิสิกส์ที่มี หนว่ ยระหวา่ งชาติ เรยี กยอ่ วา่ ผลต่อการแสวงหา ระบบเอสไอ การเขยี นโดยใช้ ความรู้ใหม่และการ สญั กรณ์วทิ ยาศาสตร์ การบันทกึ พฒั นาเทคโนโลยี ปรมิ าณที่ไดจ้ ากการวดั ด้วยจานวน 2. วัด และรายงาน เลขนัยสาคัญที่เหมาะสม และคา่ ผลการวัดปริมาณ ความคลาดเคล่ือน การวิเคราะห์ ทางฟิสิกส์ ได้ถูกต้อง และการแปลความหมายจากกราฟ เหมาะสม โดยนา การใชเ้ ครอื่ งมือวัดใหเ้ หมาะสมกับ ความคลาดเคลื่อน ส่งิ ท่ตี อ้ งการวดั เช่นการวัดความ ในการวัดมาพิจารณา ยาวของวตั ถุท่ตี ้องการความ ในการนาเสนอผล ละเอียดสูง อาจใช้เวอรเ์ นียร์ รวมท้ังแสดงผลการ แคลลเิ ปริ ส์ หรอื ไมโครมิเตอร์ ท ด ล อ ง ใ น รู ป ข อ ง กราฟ วิเคราะห์ และ แปลความหมายจาก กราฟเส้นตรง 2 การเคลื่อนที่ 3. ทดลอง และ ปรมิ าณท่เี กีย่ วกับการเคลือ่ นที่ 20 15 หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 254
ท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก เรียนรู้ เรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ดั (ชั่วโมง) คะแนน (100) แนวตรง อธิบายความสัมพันธ์ ได้แก่ ตาแหน่ง การกระจัด ระหว่าง ตาแหน่ง ความเรว็ และความเรง่ อธบิ าย การกระจัด ความเร็ว การเคลื่อนที่ของวตั ถุสามารถ และความเร่ง ของ เขียนอยู่ในรปู กราฟตาแหน่งกับ การเคล่ือนท่ีของวัตถุ เวลา กราฟความเร็วกับเวลา หรือ ใ น แ น ว ต ร ง ท่ี มี กราฟความเร่งกบั เวลา ความชนั ความเร่งคงตัวจาก ของเส้นกราฟตาแหน่งกบั เวลาเป็น กราฟ และสมการ ความเร็วความชนั ของเสน้ กราฟ รวมท้ังทดลองหาค่า ความเร็วกับเวลาเป็น ความเร่งโน้มถ่วงของ ความเรง่ และพื้นทใ่ี ต้เส้นกราฟ โ ล ก แ ล ะ ค า น ว ณ ความเรว็ กับเวลาเปน็ การกระจดั ปริมาณ ต่าง ๆ ที่ ในกรณีที่ผ้สู ังเกตมีความเรว็ เกีย่ วข้อง ความเร็วของวตั ถุทส่ี งั เกตได้เป็น ความเรว็ ทเ่ี ทียบกับผสู้ งั เกต การ ตกแบบเสรเี ป็นตวั อย่างหน่ึงของ การเคลอ่ื นท่ี ในหนง่ึ มติ ทิ ีม่ ี ความเร่งเทา่ กับความเร่งโนม้ ถ่วง ของโลก 3 แรงและกฎ 4. ทดลอง และ แรงเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์จึงมที งั้ 25 20 การเคลอ่ื นที่ อธิบายการหาแรง ขนาดและทิศทางกรณที ่ีมีแรง ลัพธ์ของแรงสองแรง หลาย ๆ แรง กระทาตอ่ วตั ถุ ทีท่ ามุมต่อกัน สามารถหาแรงลัพธท์ ก่ี ระทาต่อ 5. เขียนแผนภาพ วตั ถุ โดยใช้วิธีเขียนเวกเตอร์ของ ของแรงท่กี ระทาตอ่ แรงแบบหางต่อหัว วิธีสร้างรูป วัตถอุ ิสระ ทดลอง สี่เหลยี่ มดา้ นขนานของแรงและวิธี และอธบิ ายกฎการ คานวณ สมบัตขิ องวตั ถุท่ตี ้านการ เคลอื่ นที่ของนวิ ตัน เปล่ยี นสภาพการเคลื่อนที่ เรียกว่า และการใช้กฎการ ความเฉื่อย มวลเปน็ ปรมิ าณที่บอก เคลอ่ื นท่ีของนวิ ตัน ใหท้ ราบว่าวตั ถุใดมีความเฉื่อย กบั สภาพการ การหาแรงลัพธท์ ก่ี ระทาต่อวตั ถุ เคลอ่ื นท่ีของวัตถุ สามารถเขยี นเปน็ แผนภาพของ รวมทง้ั คานวณ แรงทก่ี ระทาต่อวัตถุอิสระได้ ปรมิ าณต่าง ๆ ที่ กฎการเคลื่อนทีข่ องนิวตัน แรง หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 255
ท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก เรยี นรู้ เรียนร/ู้ ตัวชว้ี ดั (ช่วั โมง) คะแนน (100) เกีย่ วขอ้ ง ดงึ ดูดระหวา่ งมวลเปน็ แรงท่ีมวล 6. อธบิ ายกฎความ สองก้อนดึงดูดซึ่งกนั และกัน ด้วย โนม้ ถ่วงสากลและผล แรงขนาดเท่ากนั แตท่ ิศทางตรง ของสนามโน้มถ่วงที่ ขา้ มและเปน็ ไปตามกฎความโนม้ ทาใหว้ ตั ถุมนี ้าหนัก ถว่ งสากล แรงเสยี ดทาน แรงเสยี ด รวมท้งั คานวณ ทานระหวา่ งผิวสมั ผสั ค่หู นึ่ง ๆ ปรมิ าณต่าง ๆ ท่ี ข้นึ กบั สมั ประสิทธค์ิ วามเสยี ดทาน เกี่ยวขอ้ ง และแรงปฏกิ ิริยาตัง้ ฉากระหว่าง 7. วเิ คราะห์อธิบาย ผิวสมั ผสั คนู่ น้ั ๆ แรงเสียดทาน และคานวณแรงเสยี ด สถติ แรงเสยี ดทานจลน์ ทานระหว่างผิวสัมผสั ของวตั ถุคู่หนึ่ง ๆ ใน กรณีทว่ี ัตถุ หยดุ นิ่ง และวัตถเุ คล่ือนท่ี รวมทง้ั ทดลองหา สัมประสิทธคิ์ วาม เสียดทานระหว่าง ผวิ สมั ผัส ของวตั ถุคู่ หน่งึ ๆ และนา ความรเู้ ร่อื งแรงเสยี ด ทานไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั รวมคะแนนระหว่างเรยี น - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาค - 30 รวม 60 100 หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 256
รายวชิ า เคมี 1 คาอธิบายรายวชิ า จานวน 3 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ รหัสวชิ า ว31221 จานวน 1.5 หน่วยกติ ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวนเวลาเรยี นทง้ั สิน้ 60 ชวั่ โมง : ภาคเรยี น ศึกษาข้อปฏิบัติเบ้ืองต้นในการทาปฏิบัติการเคมี การเลือกใช้อุปกรณ์และเคร่ืองมือในทาง ปฏิบัติการการระบุหน่วยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร การเปลี่ยนหน่วยในระบบเอสไอด้วยการใช้ แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย ศึกษาแบบจาลองอะตอม สัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุอนุภาคมูลฐานของ อะตอม การจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ แนวโน้มสมบัติบางประการ ของธาตุในตารางธาตตุ ามหมแู่ ละตามคาบ สมบตั ิของธาตโุ ลหะแทรนซิชัน การเปรียบเทียบสมบัติกับ ธาตุโลหะในกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ ศึกษาและอธิบายสมบัติและคานวณครึ่งชีวิตของไอโซโทป กัมมันตรังสี ยกตัวอย่างการนาธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมท้ังผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ศกึ ษาการเกิดพนั ธะไอออนกิ สตู รและการเรียกช่อื สารประกอบไอออนิก การเปลี่ยนแปลงพลังงานใน การเกิดสารประกอบไอออนิก สมบัติของสารประกอบไอออนิก ปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนิก ศกึ ษาการเกิดพันธะและชนิดของพันธะโคเวเลนต์การเขียนสูตรและเรียกชื่อสารโคเวเลนต์ความยาว พันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์พลังงานท่ีเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของสารโคเวเลนต์รูปร่าง โมเลกุลโคเวเลนต์สภาพข้ัวของโมเลกุลโคเวเลนต์แรงยึดเหน่ียวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์สมบัติของ สารโคเวเลนตโ์ ครงรา่ งตาข่าย ศึกษาการเกิดโลหะและสมบตั ิของโลหะ โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทกั ษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 การสืบคน้ ขอ้ มูลและการอภปิ ราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมที่เหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายขอ้ ปฏบิ ตั ิเบ้ืองต้น และปฏบิ ตั ิตนทีแ่ สดงถงึ ความตระหนักในการทาปฏิบตั ิการเคมี เพือ่ ให้มีความปลอดภยั ท้งั ต่อตนเอง ผอู้ นื่ และสิง่ แวดล้อม และเสนอแนวทางแกไ้ ขเมอื่ เกิดอบุ ตั เิ หตุได้ 2. อธบิ ายการเลือกใช้อปุ กรณ์หรอื เคร่อื งมือในการทาปฏบิ ัติการ และวดั ปริมาณตา่ งๆ ได้ อย่างเหมาะสมได้ 3. นาเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขยี นรายงานการทดลองได้ 4. ระบุหนว่ ยวดั ปรมิ าณตา่ งๆ ของสาร และเปล่ียนหน่วยวัดให้เปน็ หนว่ ยในระบบเอสไอดว้ ย การใชแ้ ฟกเตอร์เปล่ียนหนว่ ยได้ 5. สืบค้นข้อมูลสมมตฐิ าน การทดลอง หรือผลการทดลองที่เป็นประจกั ษพ์ ยานในการเสนอ แบบจาลองอะตอมของนกั วิทยาศาสตร์และอธิบายววิ ัฒนาการของแบบจาลองอะตอมได้ 6. เขยี นสัญลักษณน์ ิวเคลียร์ของธาตุ และระบจุ านวนโปรตอน นิวตรอน และอเิ ลก็ ตรอน ของอะตอมจากสญั ลกั ษณ์นวิ เคลียร์ได้ รวมทง้ั บอกความหมายของไอโซโทปได้ หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 257
7. อธบิ าย และเขยี นการจดั เรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักและระดับพลงั งานย่อย เมื่อทราบเลขอะตอมของธาตุได้ 8. ระบหุ มู่ คาบ ความเปน็ โลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ ของธาตเุ รพรีเซนเททีฟและธาตุ แทรนซิชันในตารางธาตุได้ 9. วิเคราะห์ และบอกแนวโน้มสมบัติของธาตุเรพรเี ซนเททีฟตามหมู่และตามคาบได้ 10. บอกสมบัติของธาตโุ ลหะแทรนซิชนั และเปรียบเทยี บสมบตั ิกบั ธาตโุ ลหะในกลุม่ ธาตุ เรพรีเซนเททฟี 11. อธบิ ายสมติ และคานวณครง่ึ ชีวติ ของไอโซโทปกมั มันตรงั สี 12. สืบค้นขอ้ มลู และยกตัวอย่างการนาธาตมุ าใชป้ ระโยชน์ รวมทง้ั ผลกระทบต่อสิ่งมชี วี ติ และส่งิ แวดล้อมได้ 13. อธิบายการเกิดไอออนและการเกดิ พันธะไอออนิก โดยใช้แผนภาพหรอื สัญลกั ษณ์แบบ จุดของลิวอสิ ได้ 14. เขยี นสูตร และเรียกช่ือสารประกอบไอออนิกได้ 15. คานวณพลงั งานท่เี ก่ยี วข้องกับปฏิกริ ิยาการเกดิ สารประกอบไอออนิกจากวัฏจกั ร บอรน์ -ฮาเบอรไ์ ด้ 16. อธิบายสมบตั ิของสารประกอบไอออนิกได้ 17. เขียนสมการไอออนิกและสมการไอออนกิ สุทธขิ องปฏกิ ิริยาของสารประกอบไอออนิกได้ 18. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพนั ธะเดย่ี ว พันธะคู่ และพนั ธะสาม ดว้ ยโครงสร้าง ลิวอิสได้ 19. เขียนสตู ร และเรยี กชื่อสารโคเวเลนต์ได้ 20. วเิ คราะห์ และเปรยี บเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมทั้ง คานวณพลังงานทเ่ี กี่ยวข้องกับปฏิกริ ยิ าของสารโคเวเลนต์จากพลงั งานพนั ธะได้ 21. คาดคะเนรปู รา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ โดยใช้ทฤษฎีการผลักระหว่างคู่อเิ ลก็ ตรอนใน วงเวเลนซ์และระบสุ ภาพขว้ั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ได้ 22. ระบชุ นดิ ของแรงยึดเหนีย่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจดุ หลอมเหลว จุดเดอื ด และการละลายน้าของสารโคเวเลนตไ์ ด้ 23. สบื คน้ ข้อมลู และอธบิ ายสมบตั ิของสารโคเวเลนต์โครงรา่ งตาขา่ ยชนิดต่างๆได้ 24. อธบิ ายการเกิดพันธะโลหะและสมบัตขิ องโลหะได้ 25. เปรยี บเทยี บสมบตั บิ างประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ สืบค้นขอ้ มลู และนาเสนอตวั อย่างการใช้ประโยชนข์ องสารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์ และ โลหะ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม รวมทั้งหมด 25 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 258
โครงสรา้ งรายวิชา รายวชิ า เคมี 1 รหสั วชิ า ว31221 จานวน 3 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 1.5 หน่วยกติ จานวนเวลาเรียนท้ังสน้ิ 60 ช่ัวโมง : ภาคเรยี น สดั สว่ นคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ที่ ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรียนร้/ู สาระสาคญั เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ ตวั ชี้วัด (ชัว่ โมง) คะแนน (100) 1 ปฏบิ ตั กิ าร 1. อธิบายข้อปฏบิ ัติ การทาปฏบิ ตั ิการเคมตี ้องคานึงถึง 4 10 เคมี เบ้อื งต้น และปฏิบัติ ความปลอดภยั ความถกู ต้อง และ เบอ้ื งตน้ ตนที่แสดงถึงความ ความเป็นมติ รต่อสงิ่ แวดลอ้ มการ ตระหนกั ในการทา ทาปฏิบัตกิ ารเคมีต้องมีการเลอื ก ปฏบิ ัติการเคมีเพื่อให้ และใชอ้ ุปกรณ์ในการทาปฏิบัติ มีความปลอดภยั ท้ังต่อ การอยา่ งเหมาะสม และเพอื่ ให้มี ตนเอง ผอู้ ืน่ และ มาตรฐานเดียวกัน จงึ มีการกาหนด สง่ิ แวดลอ้ ม และเสนอ หนว่ ยในระบบเอสไอให้เป็นหน่วย แนวทางแก้ไขเม่ือเกิด สากล อบุ ตั ิเหตไุ ด้ 2. อธบิ ายการเลือกใช้ อปุ กรณ์หรือเคร่ืองมือ ในการทาปฏบิ ตั ิการ และวัดปริมาณตา่ งๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสมได้ 3. นาเสนอแผนการ ทดลอง ทดลองและ เขยี นรายงานการ ทดลองได้ 4. ระบุหน่วยวัด ปริมาณตา่ งๆ ของสาร และเปล่ยี นหน่วยวัด ให้เปน็ หนว่ ยในระบบ เอสไอด้วยการใช้ แฟกเตอร์เปลีย่ น หน่วยได้ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 259
ที่ ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรียนร/ู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ ตัวชว้ี ดั (ช่วั โมง) คะแนน (100) 2 อะตอมและ 5. สืบค้นข้อมลู นักวิทยาศาสตรศ์ ึกษาโครงสร้าง 36 30 ตารางธาตุ สมมติฐาน การทดลอง ของอะตอม และเสนอแบบจาลอง หรือผลการทดลองที่ อะตอมแบบตา่ ง ๆ จากการศึกษา เปน็ ประจักษพ์ ยานใน ขอ้ มูล การสงั เกต การต้งั การเสนอแบบจาลอง สมมติฐาน และผลการทดลอง อะตอมของ สญั ลกั ษณ์นวิ เคลียร์ ของธาตุ นกั วทิ ยาศาสตรแ์ ละ ประกอบด้วยสัญลักษณ์ธาตุ เลข อธิบายวิวฒั นาการ อะตอม และเลขมวลอิเลก็ ตรอน ของแบบจาลอง จัดเรียงอยู่รอบ ๆ นวิ เคลยี สใน อะตอมได้ ระดับพลังงานหลักต่าง ๆ และแต่ 6. เขียนสญั ลกั ษณ์ ละระดับพลงั งานหลักยังแบ่งเปน็ นวิ เคลียรข์ องธาตุ ระดับพลังงานยอ่ ยตารางธาตุใน และระบุจานวน ปัจจบุ ันจัดเรียงธาตตุ ามเลข โปรตอน นิวตรอน อะตอมและสมบตั ิท่ีคล้ายคลงึ กนั และอิเล็กตรอนของ เป็นหมู่และคาบธาตุเรพรีเซนเท อะตอมจากสัญลักษณ์ ทฟี มีสมบัติทางเคมีคล้ายคลงึ กัน นวิ เคลียรไ์ ด้ รวมทงั้ ตามหม่ธู าตุแทรนซชิ นั เปน็ โลหะ มี บอกความหมายของ ขนาดอะตอมใกล้เคยี งกนั มีจุด ไอโซโทปได้ เดอื ด จุดหลอมเหลว และความ 7. อธิบาย และเขียน หนาแน่นสงู เมอ่ื เกดิ เป็น การจดั เรยี ง สารประกอบสว่ นใหญจ่ ะมีสีธาตุ อิเลก็ ตรอนในระดับ กมั มันตรังสเี ป็นธาตุทท่ี ุกไอโซโทป พลังงานหลักและ สามารถแผร่ ังสไี ด้ โดยคร่ึงชีวติ ระดบั พลงั งานยอ่ ยเมือ่ ของไอโซโทปกมั มนั ตรังสเี ปน็ ทราบเลขอะตอมของ ระยะเวลาท่ีไอโซโทปกัมมนั ตรงั สี ธาตไุ ด้ สลายตัวจนเหลือครงึ่ หน่ึงของ 8. ระบหุ มู่ คาบ ความ ปรมิ าณเดมิ สมบตั บิ างประการของ เป็นโลหะ อโลหะ และ ธาตุแต่ละชนิด ทาให้สามารถนา กึง่ โลหะ ของธาตเุ รพรี ธาตไุ ปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เซนเททีฟและธาตุ ได้หลากหลาย แทรนซชิ ันในตาราง ธาตไุ ด้ หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 260
ที่ ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรียนร/ู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ ตวั ชวี้ ัด (ชัว่ โมง) คะแนน (100) 9. วเิ คราะห์ และบอก แนวโน้มสมบัติของ ธาตุเรพรีเซนเททีฟ ตามหมแู่ ละตามคาบ 10. บอกสมบตั ิของ ธาตุโลหะแทรนซิชนั และเปรียบเทยี บ สมบัติกบั ธาตโุ ลหะใน กลุม่ ธาตุ เรพรเี ซนเททฟี 11. อธิบายสมติ และ คานวณครึง่ ชีวติ ของ ไอโซโทปกัมมนั ตรังสี 12. สืบค้นข้อมลู และ ยกตวั อย่างการนาธาตุ มาใชป้ ระโยชน์ รวมทง้ั ผลกระทบต่อ สิ่งมีชวี ิตและ สง่ิ แวดลอ้ มได้ 3 พันธะเคมี 13. อธบิ ายการเกิด การเกดิ พนั ธะเคมสี ว่ นใหญ่เป็นไป 20 10 ไอออนและการเกิด ตามกฎออกเตตพนั ธะไอออนิกเกดิ พนั ธะไอออนิก โดยใช้ จากการยึดเหนย่ี วระหว่างประจุ แผนภาพหรือ ไฟฟา้ ของไอออนบวกของโลหะกับ สญั ลักษณ์แบบจดุ ของ ไอออนลบของอโลหะสารประกอบ ลวิ อสิ ได้ ไอออนิกเขยี นแสดงสตู รเคมีโดยใช้ 14. เขียนสูตร และ สญั ลักษณ์ธาตุทีเ่ ปน็ ไอออนบวกไว้ เรยี กชอื่ สารประกอบ ดา้ นหนา้ ตามดว้ ยสัญลักษณ์ธาตทุ ่ี ไอออนิกได้ เปน็ ไอออนลบ และมีตัวเลขแสดง 15. คานวณพลังงานที่ อัตราสว่ นอยา่ งต่าของจานวน เกี่ยวขอ้ งกบั ปฏกิ ริ ยิ า ไอออนการเรียกช่ือสารประกอบ การเกดิ สารประกอบ ไอออนิกใหเ้ รยี กช่ือไอออนบวก ไอออนิกจากวัฏจักร ตามด้วยช่ือไอออนลบปฏกิ ิรยิ าการ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 261
ท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นร้/ู สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ ตัวช้วี ดั (ช่ัวโมง) คะแนน (100) บอรน์ -ฮาเบอรไ์ ด้ เกดิ สารประกอบไอออนกิ แสดงได้ 16. อธิบายสมบตั ขิ อง ดว้ ยวัฏจกั รบอร์น-ฮาเบอร์ สารประกอบไอออนกิ สารประกอบไอออนกิ สว่ นใหญ่ 17. เขียนสมการไอ เปน็ ของแข็ง มจี ดุ เดอื ดและจุด ออนิกและสมการไอ หลอมเหลวสูง เมือ่ เป็นของแขง็ ไม่ ออนิกสทุ ธขิ อง นาไฟฟา้ แต่เมื่อหลอมเหลวหรือ ปฏกิ ริ ยิ าของสาร ละลายนา้ จะนาไฟฟ้าได้ และ ประกอบไอออนิกได้ สารละลายของสารประกอบ 18. อธิบายการเกิด ไอออนิกแสดงสมบัตคิ วามเป็น พนั ธะโคเวเลนต์แบบ กรด-เบสต่างกนั พันธะโคเวเลนต์ พนั ธะเดี่ยว พันธะคู่ เกดิ จากใช้เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอน และพนั ธะสาม ด้วย รว่ มกนั ของอโลหะโดยทว่ั ไปสตู ร โครงสร้างลวิ อิสได้ โมเลกุลของสารโคเวเลนตเ์ ขียน 19. เขียนสูตร และ แสดงด้วยสัญลักษณ์ของธาตุ และ เรยี กชื่อสารโคเวเลนต์ มตี ัวเลขแสดงจานวนอะตอมของ 20. วเิ คราะห์ และ ธาตทุ ่ีมมี ากกว่า 1 อะตอม และ เปรยี บเทยี บความยาว การเรยี กชอื่ สารโคเวเลนตท์ าได้ พันธะและพลังงาน โดยเรยี กช่อื ธาตุทอ่ี ยูห่ นา้ ก่อนแลว้ พนั ธะในสาร ตามด้วยชอื่ ธาตทุ ี่อยถู่ ดั มา และมี โคเวเลนต์ รวมท้งั คานาหน้าระบุจานวนอะตอมของ คานวณพลงั งานที่ ธาตุความ ยาวพนั ธะและพลังงาน เก่ยี วข้องกับปฏกิ ิริยา พนั ธะในสารโคเวเลนต์ข้ึนกบั ชนิด ของสารโคเวเลนต์จาก ของอะตอมคู่รว่ มพันธะและชนิด พลังงานพนั ธะได้ ของพันธะรูปรา่ งของโมเลกุล 21. คาดคะเนรปู ร่าง โคเวเลนต์ขน้ึ อยู่กับจานวนพนั ธะ โมเลกุลโคเวเลนต์ โดย และจานวนอิเลก็ ตรอนคโู่ ดดเดีย่ ว ใช้ทฤษฎกี ารผลัก รอบอะตอมกลาง และสภาพขว้ั ระหวา่ งคอู่ ิเลก็ ตรอน ของโมเลกุลโคเวเลนต์เปน็ ผลรวม ในวงเวเลนซแ์ ละระบุ ปริมาณเวกเตอร์สภาพข้ัวของแต่ สภาพขั้วของโมเลกุล ละพันธะตามรปู รา่ งโมเลกลุ แรงยดึ โคเวเลนตไ์ ด้ เหนยี่ ว ระหวา่ งโมเลกลุ มผี ลต่อ 22. ระบุชนดิ ของแรง จุดหลอมเหลว จุดเดอื ด และการ ยดึ เหน่ียวระหว่าง ละลายน้าของสารโดยสาร หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 262
ท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรียนร/ู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก การเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด (ช่ัวโมง) คะแนน (100) โมเลกุลโคเวเลนต์ โคเวเลนตจ์ ะมจี ดุ หลอมเหลวและ และเปรยี บเทยี บจดุ จุดเดอื ดตา่ และไมล่ ะลายนา้ สาร หลอมเหลว จดุ เดือด โคเวเลนตบ์ างชนิดที่มี และการละลายนา้ ของ โครงสร้างโมเลกุลขนาดใหญ่ และ สารโคเวเลนต์ได้ มพี ันธะโคเวเลนตต์ ่อเนื่องเปน็ 23. สืบคน้ ขอ้ มลู และ โครงรา่ งตาข่ายจะมีจดุ หลอมเหลว อธบิ ายสมบตั ิของสาร และจดุ เดือด โคเวเลนตโ์ ครงร่างตา ขา่ ยชนดิ ตา่ งๆได้ 24. อธบิ ายการเกิด พันธะโลหะและสมบตั ิ ของโลหะได้ 25. เปรียบเทยี บ สมบัติบางประการ ของสารประกอบ ไอออนิก สาร โคเวเลนต์ และโลหะ สบื คน้ ข้อมูลและ นาเสนอตวั อยา่ งการ ใช้ประโยชน์ของสาร ประกอบไอออนิก สาร โคเวเลนต์ และโลหะ ได้เหมาะสม รวมคะแนนระหวา่ งเรียน - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาค - 30 รวม 60 100 หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 263
รายวิชา ชีววิทยา 1 คาอธิบายรายวิชา จานวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ รหสั วชิ า ว31241 จานวน 1.5 หน่วยกิต ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 จานวนเวลาเรียนท้ังส้นิ 60 ช่ัวโมง : ภาคเรยี น ศึกษาเกี่ยวธรรมชาติของส่ิงมีชีวิต ลักษณะเฉพาะของส่ิงมีชีวิต แขนงวิชาที่เกี่ยวข้องกับ ชีววิทยาและการใช้ความรู้ทางชีววิทยาที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ชีววิทยากับการ ดารงชีวิต ความตระหนักในเรื่องของชีวจริยธรรม การศึกษาชีววิทยาโดใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ รวมทัง้ การศกึ ษาวิธีการทางานของนกั วิทยาศาสตร์ และการนาความรู้เกี่ยวกบั ชีววิทยามาประยุกต์ใช้ ในชวี ิตประจาวัน การทากิจกรรมสะเต็มศกึ ษาโดยใช้กระบวนการออกบบเชิงวิศวกรรมเพื่อแก้ปัญหา ในชีวิตจริง ศึกษาเคมีที่เป็นพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต โครงสร้างและหน้าท่ีของสารต่างๆท่ีเป็น องค์ประกอบในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต และปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ศึกษาส่วนประกอบของ กล้องจลุ ทรรศน์ใชแ้ สง หลักการทางาน วิธกี ารใช้ รวมทั้งการดูแลและเกบ็ รกั ษา ศึกษาโครงสร้างและ หน้าทข่ี องส่วนทห่ี อ่ หุ้มเซลลไ์ ซโทพลาสซมึ และนิวเคลยี ส การลาเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ การ หายใจระดับเซลล์ซ่ึงเป็นกระบวนการท่ีเซลล์สร้างพลังงานจากการสลายสารอาหาร สาหรับนาไปใช้ ในกิจกรรมต่างๆของเซลล์ และการแบ่งเซลล์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธบิ าย อภิปราย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะปฏิบัติการทาง วิทยาศาสตร์รวมทั้งทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิดและ การแก้ปัญหา ด้านการส่ือสารสามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิต วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมทเี่ หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1.อธบิ ายและสรปุ สมบตั ิทส่ี าคัญของสิ่งมชี วี ติ และความสมั พันธข์ องการจัดระบบในสิ่งมชี วี ติ ทท่ี าใหส้ ่ิงมชี ีวิตดารงชวี ติ อยู่ได้ 2.อภิปรายและบอกความสาคัญของการระบุปญั หา ความสัมพันธร์ ะหวา่ งปญั หาสมมตฐิ าน และ วธิ ีการตรวจสอบสมมตฐิ าน รวมทัง้ ออกแบบการทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมติฐาน 3. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายเก่ียวกับสมบัตขิ องน้าและบอกความสาคญั ของนา้ ท่ีมีต่อส่ิงมีชีวติ และยกตัวอยา่ งธาตตุ า่ ง ๆ ท่ีมีความสาคัญตอ่ ร่างกายสง่ิ มีชีวติ 4. สืบค้นข้อมลู อธิบายโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต ระบุกลมุ่ คาร์โบไฮเดรตรวมท้งั ความสาคญั ของคารโ์ บไฮเดรตที่มตี ่อส่ิงมีชีวติ 5. สืบคน้ ข้อมลู อธิบายโครงสรา้ งของโปรตีน และความสาคัญของโปรตีนที่มีต่อสง่ิ มีชีวิต 6. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบายโครงสรา้ งของลิพิดและความสาคัญของลิพิดท่มี ีตอ่ สิ่งมชี วี ติ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 264
7. อธบิ ายโครงสร้างของกรดนวิ คลีอิกและระบชุ นิดของกรดนิวคลอี ิกและความสาคัญของ กรดนวิ คลอี ิกทม่ี ตี ่อส่ิงมชี ีวิต 8. สืบค้นข้อมลู และอธบิ ายปฏิกริ ยิ าเคมีทีเ่ กดิ ขน้ึ ในส่งิ มีชวี ติ 9. อธิบายการทางานของเอนไซม์ในการเร่งปฏิกริ ิยาเคมีในสง่ิ มชี วี ติ และระบุปจั จยั ที่มผี ลตอ่ การทางานของเอนไซม์ 10. บอกวธิ กี ารและเตรยี มตวั อยา่ งสงิ่ มีชีวิตเพื่อศึกษาภายใต้กลอ้ งจุลทรรศนใ์ ช้แสงวดั ขนาด โดยประมาณและวาดภาพท่ีปรากฏภายใต้กล้อง บอกวธิ ีการใช้ และการดแู ลรักษากลอ้ งจุลทรรศนใ์ ช้ แสงทถ่ี ูกต้อง 11. อธบิ ายโครงสร้างและหน้าท่ีของสว่ นท่ีห่อหุ้มเซลล์ของเซลล์พชื และเซลลส์ ัตว์ 12. สบื คน้ ขอ้ มูล อธิบาย และระบุชนดิ และหนา้ ท่ขี องออร์แกเนลล์ 13. อธิบายโครงสรา้ งและหน้าที่ของนวิ เคลยี ส 14. อธบิ ายและเปรียบเทยี บการแพรอ่ อสโมซิส การแพรแ่ บบฟาซิลิเทต และ แอกทฟี ทรานสปอรต์ 15. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ ายและเขียนแผนภาพการลาเลียงสารโมเลกลุ ใหญอ่ อกจากเซลล์ด้วย กระบวนการ เอกโซไซโทซิสและการลาเลียงสารโมเลกุลใหญเ่ ขา้ สเู่ ซลลด์ ้วยกระบวนการเอนโดไซโทซิส 16. สังเกตการแบ่งนวิ เคลียสแบบไมโทซิสและแบบไมโอซิสจากตัวอย่างภายใต้กล้อง จลุ ทรรศน์ พรอ้ มท้งั อธบิ ายและเปรียบเทียบการแบ่งนวิ เคลียสแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซิส 17. อธิบาย เปรียบเทยี บ และสรุปขนั้ ตอนการหายใจระดับเซลล์ในภาวะทมี่ ีออกซเิ จน เพียงพอและภาวะที่มอี อกซิเจนไม่เพยี งพอ รวมทั้งหมด 17 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 265
โครงสรา้ งรายวิชา วชิ า กลุ่มสาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31241 รายวิชา ชวี วิทยา 1 จานวน 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 1.5 หนว่ ยกิต จานวนเวลาเรยี นทง้ั สิน้ 60 ช่วั โมง : ภาคเรียน สดั ส่วนคะแนน ระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ท่ี ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรยี นร้/ู สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ ตวั ชีว้ ดั (ชว่ั โมง) คะแนน (100) 1 การศึกษา 1.อธบิ ายและสรุป สง่ิ มชี วี ิตทุกชนดิ ตอ้ งการ 10 10 ชวี วทิ ยา สมบัติท่สี าคัญของ สารอาหารและพลังงาน มกี าร สิ่งมชี วี ิต และ เจรญิ เตบิ โต มกี ารตอบสนองต่อสง่ิ ความสัมพันธ์ของการ เร้า มกี ารรักษาดุลยภาพของ จดั ระบบในสง่ิ มชี วี ติ ท่ี ร่างกาย มกี ารสบื พนั ธ์ุ มีการ ทาให้ส่ิงมชี วี ิต ปรบั ตวั ทางววิ ัฒนาการ และมีการ ดารงชวี ติ อยไู่ ด้ ทางานร่วมกันขององคป์ ระกอบ 2.อภปิ รายและบอก ตา่ ง ๆ อยา่ งเป็นระบบ ความสาคญั ของการ วธิ ีการทางวิทยาศาสตรใ์ นการ ระบปุ ญั หา คน้ หาคาตอบเก่ียวกับสง่ิ มชี วี ติ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง เร่มิ จากการ ตั้งปัญหาหรือคาถาม ปญั หาสมมติฐาน และ ต้งั สมมตฐิ าน ตรวจสอบสมมติฐาน วธิ กี ารตรวจสอบ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู วิเคราะห์ข้อมลู สมมติฐาน รวมท้งั และสรุปผล ออกแบบการทดลอง การศกึ ษาเกี่ยวกับสิง่ มีชีวิต เพ่อื ตรวจสอบ ต้องคานึงถงึ ชีวจรยิ ธรรม และ สมมตฐิ าน จรรยาบรรณการใชส้ ตั วท์ ดลอง 2 เคมีท่ีเปน็ 3. สบื คน้ ข้อมูล ร่างกายสิ่งมีชีวิตมนี ้าเปน็ 30 20 พื้นฐานของ อธิบายเกย่ี วกบั สมบัติ องคป์ ระกอบมากทส่ี ดุ ซ่ึงนา้ มี สิง่ มีชีวติ ของน้าและบอก สมบตั ชิ ว่ ยรกั ษาดุลยภาพของ ความสาคัญของนา้ ที่มี เซลลไ์ ด้ ต่อสิง่ มชี ีวิต และ รา่ งกายของสิง่ มีชีวิตประกอบไป ยกตัวอยา่ งธาตตุ ่าง ๆ ดว้ ยสารอนิ ทรยี ์ทงั้ คาร์โบไฮเดรต หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 266
ที่ ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นร/ู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก การเรยี นรู้ ตัวช้ีวัด (ช่วั โมง) คะแนน (100) ทม่ี ีความสาคัญต่อ โปรตีน ลิพดิ และกรดนวิ คลีอิก รา่ งกายส่ิงมชี วี ติ 4. สบื ค้นข้อมลู เมแทบอลิซมึ เป็นปฏิกิริยาเคมี อธิบายโครงสร้างของ ที่เกิดข้ึนในเซลล์สิ่งมีชวี ิต ซง่ึ คารโ์ บไฮเดรต ระบุ ปฏกิ ริ ิยาเหล่าน้ีจะดาเนนิ ไปได้ กลุ่มคาร์โบไฮเดรต อยา่ งรวดเร็ว 3 เซลล์และ 10. บอกวิธกี ารและ กลอ้ งจุลทรรศน์เปน็ เคร่ืองมือท่ีใช้ 20 20 การทางาน ของเซลล์ เตรียมตัวอยา่ ง ศึกษาสงิ่ ต่าง ๆ ขนาดเลก็ ที่ไม่ สิง่ มีชีวติ เพอ่ื ศึกษา สามารถมองเหน็ ได้ดว้ ยตาเปล่า ภายใต้กล้อง เซลล์เป็นหนว่ ยพื้นฐานที่เล็ก จุลทรรศนใ์ ช้แสงวัด ท่สี ดุ ของส่ิงมีชีวิตมีโครงสร้าง ขนาดโดยประมาณ พน้ื ฐาน และวาดภาพท่ปี รากฏ ภายใต้กล้องบอก วิธีการใช้ และการ ดแู ลรกั ษากล้อง จลุ ทรรศนใ์ ช้แสงท่ี ถกู ต้อง 11. อธิบายโครงสร้าง และหน้าท่ขี องสว่ นที่ ห่อห้มุ เซลล์ของเซลล์ พชื และเซลลส์ ัตว์ 12. สืบค้นขอ้ มลู อธบิ าย และระบุชนดิ และหน้าท่ขี องออร์ แกเนลล์ 13. อธบิ ายโครงสร้าง และหน้าทขี่ อง นวิ เคลียส 14. อธิบายและ เปรยี บเทียบการแพร่ ออสโมซิส การแพร่ หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 267
ท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ ตวั ช้วี ดั (ชั่วโมง) คะแนน (100) แบบฟาซลิ เิ ทต และ - 50 แอกทฟี ทรานสปอรต์ - 20 15. สืบค้นข้อมูล - 30 อธิบายและเขียน 60 100 แผนภาพการลาเลยี ง สารโมเลกลุ ใหญอ่ อก จากเซลลด์ ว้ ย กระบวนการเอกโซไซ โทซสิ และการลาเลียง สารโมเลกลุ ใหญเ่ ขา้ สู่ เซลลด์ ้วยกระบวนการ เอนโดไซโทซิส 16. สังเกตการแบ่ง นวิ เคลยี สแบบไมโท ซิสและแบบไมโอซิส จากตวั อยา่ งภายใต้ กลอ้ งจลุ ทรรศน์ พรอ้ มท้ังอธบิ ายและ เปรยี บเทยี บการแบง่ นิวเคลยี สแบบ ไมโทซิสและแบบ ไมโอซสิ 17. อธบิ าย เปรยี บเทยี บ และสรุป ขั้นตอนการหายใจ ระดับเซลล์ในภาวะท่ีมี ออกซเิ จนเพยี งพอ และภาวะท่มี ี ออกซิเจนไม่เพียงพอ รวมคะแนนระหว่างเรยี น สอบกลางภาค สอบปลายภาค รวม หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 268
คาอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ า โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 1 รหสั วชิ า ว31261 จานวน 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 จานวน 1.0 หน่วยกติ จานวนเวลาเรยี นทงั้ สิ้น 40 ชัว่ โมง : ภาคเรยี น ศกึ ษาเกีย่ วกับวทิ ยาศาสตร์โลก กระบวนการเปล่ียนแปลงของโลก การแบง่ ชน้ั โครงสร้างโลก คล่ืนไหวสะเทือน แบบจาลองโครงสร้างโลก การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี ทฤษฎีและหลักฐาน สนบั สนุนการแปรสณั ฐานโลก ทฤษฎีและหลักฐานการแผ่ขยายพ้ืนสมุทร การเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณี การเปลยี่ นลักษณะของชัน้ หนิ ศกึ ษาธรณีพบิ ตั ภิ ัย ความสมั พนั ธข์ องตาแหน่งการเกิดภูเขาไฟบนแผ่น ธรณี ลักษณะและปัจจัยในการปะทุของภูเขา กลไกการเกิดแผ่นดินไหว แบบจาลองการเกิดสึนามิ แนวทางการปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภยั จากธรณีพิบตั ภิ ัย การลาดับเหตุการณท์ างธรณวี ิทยา การลาดับช้ัน หิน การวางตัวของช้ันหิน การเปล่ียนแปลงทางธรณีที่ส่งผลต่อลาดับชั้นหิน อายุทางธรณีวิทยา การ เทียบสมั พนั ธ์ทางลาดับช้นั หนิ การลาดบั เหตุการณท์ างธรณีวิทยา โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 การสืบค้นข้อมลู และการอภิปราย เพ่อื ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสง่ิ ท่ีเรยี นรู้ มคี วามสามารถในการ ตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรูไ้ ปใช้ในชวี ิตประจาวัน มคี วามใจกว้าง ความเชื่อมั่นตอ่ หลักฐาน การใชว้ จิ ารณญาณ การยอมรับความเห็นตา่ ง และความเหน็ คณุ ค่าทางวิทยาศาสตร์ ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการแบ่งชนั้ และสมบตั ิของโครงสร้างโลกพร้อมยกตวั อยา่ งขอ้ มลู ท่ีสนบั สนุน 2. อธบิ ายหลักฐานทางธรณวี ิทยาทสี่ นบั สนุนการเคลือ่ นท่ีของแผน่ ธรณี 3. ระบสุ าเหตแุ ละอธิบายแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณีที่สัมพันธก์ บั การเคลื่อนที่ของแผน่ ธรณี พร้อมยกตวั อยา่ งหลักฐานทางธรณวี ิทยาทพ่ี บ 4. วเิ คราะหห์ ลกั ฐานทางธรณีวิทยาทีพ่ บในปัจจุบันและอธิบายลาดับเหตุการณ์ทาง ธรณีวิทยาในอดตี 5. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิดภูเขาไฟระเบดิ และปัจจยั ท่ที าให้ความรุนแรงของการปะทุ และรูปรา่ งของภูเขาไฟแตกต่างกัน รวมทง้ั สืบคน้ ข้อมูลพื้นทเ่ี สี่ยงภัย ออกแบบและนาเสนอแนว ทางการเฝา้ ระวังและการปฏิบตั ติ นใหป้ ลอดภัย 6. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรุนแรง และผลจากแผ่นดินไหว รวมทัง้ สืบค้นข้อมูลพ้ืนที่เสย่ี งภยั ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝา้ ระวังและการปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภัย 7. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกดิ และผลจากสนึ ามริ วมท้ังสืบค้นขอ้ มลู พื้นท่เี สยี่ งภัย ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏบิ ตั ิตนใหป้ ลอดภัย รวมท้ังหมด 7 ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 269
โครงสรา้ งรายวชิ า วิชา กลุม่ สาระวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว31261 รายวิชา โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 1 จานวน 2 ชัว่ โมง/สัปดาห์ ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 จานวน 1.0 หนว่ ยกติ จานวนเวลาเรยี นทั้งสิ้น 40 ชัว่ โมง : ภาคเรยี น สัดสว่ นคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ที่ ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั การเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั (ช่วั โมง) คะแนน (100) 1 โครงสร้าง 1. อธบิ ายการแบ่งช้นั - การแบง่ ชัน้ โครงสรา้ งของโลก 10 โลก 10 25 และสมบตั ิของ เชิงกล 10 25 โครงสร้างโลกพร้อม - การแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งของโลกเชิง 25 ยกตวั อยา่ งข้อมูลท่ี เคมี สนบั สนุน 2 การแปร 2.อธิบายหลกั ฐานทาง - แนวคิดทฤษฎที วปี เลอ่ื นและ -3 สณั ฐานของ ธรณีวิทยาที่สนบั สนุน หลักฐานสนบั สนนุ แผน่ ธรณี การเคล่อื นทีข่ องแผ่น - แนวคิดทฤษฎีการแผ่ขยายพืน้ ธรณี สมุทรและหลกั ฐานสนับสนุน 3. ระบุสาเหตแุ ละ - การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี อธบิ ายแนวรอยต่อ ธรณสี ัณฐานและโครงสร้างทาง ของแผ่นธรณีท่ี ธรณี สมั พันธก์ ับการ เคลอื่ นที่ของแผน่ ธรณี พร้อมยกตวั อย่าง หลกั ฐานทาง ธรณวี ิทยาทีพ่ บ 4 ธรณีพบิ ตั ิ 4. วเิ คราะหห์ ลกั ฐาน - ภเู ขาไฟ -5 ภยั ทางธรณวี ทิ ยาที่พบใน - แผ่นดินไหว ปัจจบุ นั และอธิบาย - สนิ ามิ ลาดบั เหตุการณ์ทาง ธรณีวทิ ยาในอดตี 5. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกดิ ภูเขา ไฟระเบดิ และปัจจยั ท่ี ทาให้ความรุนแรงของ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 270
ที่ ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นร้/ู สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ ตัวชี้วดั (ชั่วโมง) คะแนน (100) 6 การลาดบั การปะทุและรปู รา่ ง 10 -7 เหตุการณ์ ของภเู ขาไฟแตกตา่ ง 25 กนั รวมท้ังสืบค้น - ทาง ข้อมูลพ้นื ที่เสยี่ งภัย - 50 ธรณวี ทิ ยา ออกแบบและนาเสนอ - 20 แนวทางการเฝา้ ระวงั 40 30 และการปฏิบตั ติ นให้ 100 ปลอดภยั 6. อธิบายสาเหตุ - การลาดบั ชั้นหิน กระบวนการเกิด - อายทุ างธรณีวทิ ยา ขนาดและความ การเทียบสมั พันธท์ างลาดับชั้นหนิ รุนแรง และผลจาก แผ่นดินไหว รวมทง้ั สบื ค้นขอ้ มลู พน้ื ท่ีเสย่ี ง ภัย ออกแบบและ นาเสนอแนวทางการ เฝ้าระวังและการ ปฏิบตั ิตนใหป้ ลอดภัย 7. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกดิ และ ผลจากสึนามิรวมท้งั สืบค้นขอ้ มูลพนื้ ทเ่ี ส่ียง ภยั ออกแบบและ นาเสนอแนวทางการ เฝ้าระวงั และการ ปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภยั รวมคะแนนระหว่างเรยี น สอบกลางภาค สอบปลายภาค รวม หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 271
รายวิชา ฟสิ ิกส์ 2 คาอธิบายรายวชิ า จานวน 3 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ รหัสวชิ า ว31202 จานวน 1.5 หน่วยกิต ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 จานวนเวลาเรยี นทงั้ ส้ิน 60 ชัว่ โมง : ภาคเรียน ศึกษาสมดุลกลของโมเมนต์ทมี่ ตี อ่ การหมุน แรงคู่ควบและผลของแรงคู่ควบท่ีมีต่อสมดุลของ วัตถุ หลักการของกลศาสตรในเร่ือง งาน พลังงาน ความสัมพันธระหวางงานและพลังงานจลน กฎ การอนุรักษพลังงาน กาลัง เคร่ืองกลอยางงายและประสิทธิภาพของเคร่ืองกล โมเมนตัม การชนกัน ของวัตถุและกฎการอนุรักษโมเมนตัม การเคล่ือนท่ีแบบหมุน ทอรกและผลของทอรกท่ีมีตอสภาพ การหมุน การเคลอ่ื นทแ่ี บบโพรเจกไทล์ แบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียม โดยใชก้ ารสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทกั ษะการเรียนร้ใู นศตวรรษที่ 21 การสบื คน้ ขอ้ มูลและการอภปิ ราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ มทีเ่ หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายสมดลุ กลของวตั ถโุ มเมนตแ์ ละผลรวม ของโมเมนต์ที่มีต่อการหมนุ แรงคคู่ วบและ ผลของแรงค่คู วบทีม่ ีต่อสมดุลของวัตถุ เขยี นแผนภาพของแรงท่กี ระทาต่อวัตถุอิสระเมื่อวัตถอุ ยใู่ น สมดุลกล และคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง รวมท้งั ทดลองและอธิบายสมดุลของแรงสามแรง 2. สงั เกตและอธิบายสภาพการเคล่อื นที่ของวัตถุ เมื่อแรงที่กระทาต่อวัตถผุ า่ นศูนยก์ ลางมวล ของวัตถุ และผลของศนู ย์ถ่วงทมี่ ีตอ่ เสถยี รภาพของวตั ถุ 3. วเิ คราะห์ และคานวณงานของแรงคงตวั จากสมการและพ้ืนท่ใี ต้กราฟความสัมพันธ์ ระหวา่ งแรงกบั ตาแหนง่ รวมทง้ั อธบิ ายและคานวณกาลงั เฉลี่ย 4. อธิบายและคานวณพลงั งานจลน์ พลงั งานศกั ย์ พลังงานกล ทดลอง หาความสมั พันธ์ ระหว่างงานกับ พลังงานจลน์ ความสมั พันธ์ ระหวา่ งงานกับพลังงานศักยโ์ นม้ ถว่ ง ความสัมพันธ์ ระหวา่ งขนาดของแรงทีใ่ ช้ดงึ สปริงกับระยะทสี่ ปรงิ ยดื ออก และความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งงานกบั พลงั งาน ศักยย์ ดื หยุ่น รวมท้ังอธิบาย ความสมั พนั ธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์และพลังงานจลน์ และคานวณ งานที่เกิดขน้ึ จากแรงลัพธ์ 5. อธบิ ายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล รวมทง้ั วเิ คราะหแ์ ละคานวณปรมิ าณต่างๆ ท่เี ก่ียวข้อง กบั การเคลือ่ นท่ีของวัตถใุ นสถานการณ์ตา่ ง ๆ โดยใชก้ ฎการอนรุ กั ษ์พลงั งานกล 6. อธบิ ายการทางาน ประสิทธภิ าพและการไดเ้ ปรียบเชงิ กลของเครื่องกลอยา่ งงา่ ยบางชนิด โดยใชค้ วามร้เู รื่องงานและสมดลุ กล รวมทง้ั คานวณประสิทธภิ าพและการได้เปรยี บเชงิ กล 7. อธิบาย และคานวณโมเมนตัมของวตั ถแุ ละการดลจากสมการและพน้ื ท่ีใตก้ ราฟ ความสัมพันธร์ ะหว่างแรงลพั ธ์กับเวลา รวมทั้ง อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตมั หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 272
8. ทดลอง อธบิ าย และคานวณปริมาณต่าง ๆ ทเ่ี กี่ยวกบั การชนของวัตถใุ นหนง่ึ มิติทงั้ แบบ ยดื หยนุ่ ไม่ยดื หยุ่น และการดีดตวั แยกจากกนั ในหนง่ึ มติ ิซ่ึงเป็นไปตามกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตัม 9. อธิบาย วเิ คราะหแ์ ละคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี กีย่ วข้องกับการเคล่อื นที่แบบโพรเจกไทล์ และทดลองการเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์ 10. ทดลอง และอธิบายความสมั พนั ธร์ ะหว่าง แรงส่ศู นู ย์กลาง รัศมขี องการเคลอ่ื นท่ี อัตราเร็วเชงิ เสน้ อตั ราเรว็ เชงิ มุม และมวล ของวัตถใุ นการเคล่อื นที่แบบวงกลมในระนาบ ระดับ รวมท้ังคานวณปริมาณตา่ งๆ ท่ีเกย่ี วข้อง และประยุกต์ใช้ความรกู้ ารเคล่อื นที่ แบบวงกลมในการ อธิบายการโคจรของดาวเทียม รวมทั้งหมด 10 ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 273
โครงสรา้ งรายวิชา รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 รหัสวชิ า ว31202 จานวน 3 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 จานวน 1.5 หน่วยกิต จานวนเวลาเรยี นทงั้ สิ้น 60 ช่วั โมง : ภาคเรียน สัดส่วนคะแนน ระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30 . ท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู/้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั การเรียนรู้ ตวั ชี้วดั (ชัว่ โมง) คะแนน (100) 4 สมดลุ กล 1. อธบิ ายสมดลุ กล สมดลุ กลเปน็ สภาพทีว่ ัตถุรักษา 15 15 ของวตั ถโุ มเมนตแ์ ละ สภาพการเคลื่อนที่ให้คงเดมิ คือ ผลรวม ของโมเมนต์ที่ หยดุ นิ่งหรอื เคล่ือนท่ีด้วยความเรว็ มีตอ่ การหมุน แรงคู่ คงตวั หรอื หมุนดว้ ยความเร็วเชิงมมุ ควบและผลของแรงคู่ คงตัว การเขยี นแผนภาพของแรง ควบทีม่ ีต่อสมดุลของ ทกี่ ระทาต่อวัตถุอสิ ระสามารถ วัตถุ เขยี นแผนภาพ นามาใชใ้ นการพจิ ารณาแรงลัพธ์ ของแรงท่ีกระทาตอ่ และผลรวมของโมเมนตท์ ี่กระทา วตั ถุอิสระเม่ือวัตถุอยู่ ต่อวัตถุเม่ือวตั ถุอยู่ในสมดลุ กล ในสมดุลกล และ วตั ถุท่อี ยใู่ นสนามโน้มถว่ ง คานวณปริมาณตา่ ง ๆ สมา่ เสมอ ศนู ยก์ ลางมวลและศนู ย์ ทเ่ี กยี่ วข้อง รวมท้งั ถว่ งอยูท่ ่ตี าแหนง่ เดยี วกัน ศูนย์ ทดลองและอธบิ าย ถว่ งของวตั ถุมีผลตอ่ เสถยี รภาพ สมดุลของแรงสามแรง ของวัตถุ 2. สงั เกตและอธิบาย สภาพการเคล่ือนที่ ของวตั ถุ เมอ่ื แรงท่ี กระทาตอ่ วัตถผุ ่าน ศนู ย์กลางมวลของ วตั ถุ และผลของศนู ย์ ถ่วงทมี่ ีต่อเสถยี รภาพ ของวตั ถุ 5 งานและ 3. วเิ คราะห์ และ งานของแรงที่กระทาต่อวตั ถหุ าได้ 15 15 พลังงาน คานวณงานของแรงคง จากผลคูณของขนาดของแรงและ ตวั จากสมการและ ขนาดของการกระจัดกบั โคไซน์ พน้ื ท่ใี ต้กราฟ ของมมุ ระหว่างแรงกบั การกระจดั ความสมั พันธร์ ะหวา่ ง หางานไดจ้ ากพ้ืนท่ใี ตก้ ราฟ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 274
ท่ี ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก การเรียนรู้ ตัวชี้วดั (ช่วั โมง) คะแนน (100) แรงกับ ตาแหน่ง ระหวา่ งแรงในแนวการเคล่ือนท่ี รวมทัง้ อธบิ ายและ กับตาแหนง่ โดยแรงท่ีกระทาอาจ คานวณกาลงั เฉล่ยี เป็นแรงคงตวั หรอื ไม่คงตัวก็ได้ 4. อธบิ ายและคานวณ งานท่ีทาได้ในหนึง่ หน่วยเวลา พลงั งานจลน์ พลงั งาน เรียกว่า กาลังเฉลย่ี พลงั งานเปน็ ศักย์ พลังงานกล ทด ความสามารถในการทางาน ลองหาความสัมพนั ธ์ พลงั งานจลนเ์ ปน็ พลงั งานของวตั ถุ ระหวา่ งงานกับ พลัง ท่ีกาลงั เคล่ือนที่ พลงั งานศักย์เป็น งานจลน์ ความ พลังงานทเ่ี ก่ยี วข้องกับตาแหนง่ สัมพันธร์ ะหวา่ งงาน หรือรูปรา่ งของวัตถุ แบ่งออกเปน็ กับพลงั งานศกั ย์โน้ม พลังงานศักย์โน้มถ่วง และพลังงาน ถว่ ง ความสมั พนั ธ์ ศักย์ยดื หยนุ่ พลงั งานกลเปน็ ระหวา่ งขนาดของแรง ผลรวมของพลังงานจลน์และ ทใ่ี ชด้ ึงสปริงกบั ระยะ พลังงานศักย์ตามสมการ ทส่ี ปรงิ ยืดออก และ E = Ek + EP แรงท่ที าใหเ้ กิดงาน ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง โดยงานของแรงนัน้ ไมข่ ึน้ กับ งานกับพลังงานศักย์ เสน้ ทางการเคลอ่ื นท่ี เชน่ แรงโน้ม ยดื หยุ่น รวมทง้ั ถ่วงและแรงสปรงิ เรียกว่า แรง อธบิ าย ความสัมพันธ์ อนรุ กั ษ์ งานและพลงั งานมี ระหว่างงานของแรง ความสมั พนั ธก์ นั โดยงานของ แรง ลพั ธ์และพลงั งานจลน์ ลัพธ์เทา่ กบั พลงั งานจลนข์ องวัตถุที่ และคานวณ งานที่ เปล่ียนไป ตามทฤษฎบี ทงาน- เกดิ ขนึ้ จากแรงลพั ธ์ พลังงานจลน์ ถ้างานที่เกดิ ขึ้นกบั 5. อธิบายกฎการ วตั ถุเปน็ งานเน่อื งจากแรงอนุรักษ์ อนรุ กั ษ์พลังงานกล เท่านน้ั พลังงานกลของวตั ถุจะคง รวมทง้ั วิเคราะห์และ ตวั ซ่ึงเป็นไปตามกฎการอนรุ ักษ์ คานวณปรมิ าณต่างๆ พลงั งานกล เขียนแทนได้ดว้ ย ที่เก่ยี วข้อง กบั การ สมการ Ek + Ep = ค่าคงตัว โดย เคลอ่ื นที่ของวัตถุใน ท่ีพลงั งานศักย์อาจเปล่ียนเปน็ สถานการณ์ต่าง ๆ พลงั งานจลน์ กฎการอนุรกั ษ์ โดยใช้กฎการอนุรกั ษ์ พลงั งานกลใช้วเิ คราะหก์ าร พลงั งานกล เคลอื่ นทต่ี า่ ง ๆ เชน่ การเคล่อื นท่ี 6. อธบิ ายการทางาน ของวตั ถุทีต่ ิดสปริงการเคลอ่ื นท่ี หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 275
ที่ ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรียนรู/้ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ ตวั ชีว้ ดั (ชัว่ โมง) คะแนน (100) ประสทิ ธภิ าพและการ ภายใตส้ นามโนม้ ถว่ งของโลกการ ได้เปรยี บเชงิ กลของ ทางานของเครื่องกลอย่างงา่ ย เคร่อื งกลอยา่ งง่ายบาง ไดแ้ ก่ คาน รอก พ้นื เอียง ล่ิม สกรู ชนิด โดยใชค้ วามรู้ และล้อกบั เพลา ใช้หลกั ของงาน เรอื่ งงานและสมดลุ กล รวมทง้ั คานวณ ประสิทธภิ าพและการ ได้เปรียบเชิงกล 6 โมเมนตมั 7. อธบิ าย และ วัตถุที่เคล่ือนที่จะมีโมเมนตัมซ่ึง 15 10 และการชน คานวณโมเมนตมั ของ เป็นปริมาณเวกเตอร์มีค่าเท่ากับ วัตถแุ ละการดลจาก ผลคูณระหว่างมวลและความเร็ว สมการและพื้นท่ีใต้ ของวัตถุ ดังสมการ p = mv• เมื่อ กราฟ ความสมั พนั ธ์ มีแรงลัพธ์กระทาต่อวัตถุจะทาให้ ระหว่างแรงลพั ธก์ ับ โมเมนตัมของวัตถุเปลี่ยนไป โดย เวลา รวมทงั้ อธบิ าย แรงลัพธ์เท่ากับอัตราการเปล่ียน ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง โมเมนตัมของวัตถุ แรงลัพธ์ที่ แรงดลกับโมเมนตัม กระทาต่อวัตถุในเวลาส้ัน ๆ 8. ทดลอง อธบิ าย เรียกว่า แรงดลโดยผลคูณของแรง และคานวณปริมาณ ดลกับเวลา เรียกว่า การดล • ใน ตา่ ง ๆ ท่เี กย่ี วกับการ การชนกันของวัตถุและการดีดตัว ชนของวตั ถใุ นหนึ่งมิติ ออกจากกันของวัตถุในหน่ึงมิติ ทั้งแบบ ยืดหยุน่ ไม่ เม่ือไม่มีแรงภายนอกมากระทา โม ยดื หยุ่น และการดีด เมนตัมของระบบมีค่าคงตัวซึ่ง ตัวแยกจากกนั ในหนึ่ง เ ป็ น ไ ป ต า ม ก ฎ ก า ร อ นุ รั ก ษ์ มิตซิ ึ่งเป็นไปตามกฎ โมเมนตัม เขียนแทนได้ด้วยสมการ การอนรุ ักษ์ โมเมนตัม pi = pf โดย pi เป็นโมเมนตัมของ ระบบก่อนชนและ pf เป็นโมเม นตัมของระบบหลังชนในการชน กันของวัตถุ พลังงานจลน์ของ ระบบอาจคงตัวหรือไม่คงตัวก็ได้ การชนทีพ่ ลังงานจลนข์ องระบบคง ตัวเป็นการชนแบบยืดหยุ่น ส่วน การชนทพี่ ลงั งานจลน์ของระบบไม่ หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 276
ท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นร้/ู สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั การเรียนรู้ ตัวชวี้ ดั (ชวั่ โมง) คะแนน (100) คงตัวเป็นการชนแบบไมย่ ืดหยุ่น 7 การเคลือ่ นที่ 9. อธบิ าย วิเคราะห์ การเคล่ือนท่ีแนวโค้งพาราโบลา 15 10 แนวโคง้ และคานวณปริมาณ ภายใต้สนามโน้มถ่วง โดยไม่คิด ต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้องกบั แรงต้านของอ ากาศเป็นกา ร การเคลอ่ื นที่แบบ เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ วัตถุมี โพรเจกไทล์ และ การเปลี่ยนตาแหน่งในแนวดิ่งและ ทดลองการเคลอื่ นที่ แนวระดับพร้อมกันและเป็นอิสระ แบบโพรเจกไทล์ ต่อกัน สาหรับการเคล่ือนท่ีใน 10. ทดลอง และ แนวด่ิงเป็นการเคล่ือนท่ีที่มีแรง อธิบายความสัมพนั ธ์ โน้มถ่วงกระทาจึงมีความเร็วไม่คง ระหว่าง แรงสู่ ตัว ปริมาณต่าง ๆ วัตถุท่ีเคลื่อนท่ี ศูนยก์ ลาง รศั มีของ เป็นวงกลมหรือส่วนของวงกลม การเคลอ่ื นท่ี อตั ราเร็ว เรียกว่า วัตถุนั้นมีการเคล่ือนที่ เชงิ เส้น อัตราเรว็ แบบวงกลม ซึ่งมีแรงลัพธ์ท่ีกระทา เชิงมมุ และมวล ของ กับวัตถุในทิศเข้าสู่ศูนย์กลาง วัตถใุ นการเคลื่อนที่ เรียกว่า แรงสู่ศูนย์กลาง ทาให้เกิด แบบวงกลมในระนาบ ความเร่งสู่ศูนย์กลางที่มีขนาด ระดับ รวมทั้งคานวณ สัมพันธ์กับรัศมีของการเคล่ือนที่ ปรมิ าณต่างๆ ทเี่ กี่ยว และอัตราเร็วเชิงเส้นของวัตถุซ่ึง ขอ้ ง และประยุกต์ แรงสู่ศูนย์กลาง ดาวเทียมที่โคจร ใชค้ วามร้กู ารเคล่ือนท่ี ในแนววงกลมรอบโลกมีแรงดึงดูด แบบวงกลมในการ ที่โลกกระทาต่อดาวเทียมเป็นแรง อธบิ ายการโคจรของ สู่ศูนย์กลางดาวเทียมที่มีวงโคจร ดาวเทยี ม ค้างฟ้าในระนาบของเส้นศูนย์สูตร มีคาบการโคจรเท่ากับคาบการ หมนุ รอบตวั เองของโลก รวมคะแนนระหว่างเรยี น - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาค - 30 รวม 60 100 หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 277
รายวิชา เคมี 2 คาอธบิ ายรายวิชา จานวน 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ รหัสวชิ า ว31222 จานวน 1.5 หนว่ ยกติ ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 จานวนเวลาเรียนทงั้ ส้ิน 60 ชวั่ โมง : ภาคเรียน ศึกษาเก่ียวกับมวลอะตอมของธาตุ มวลของธาตุ 1 อะตอม มวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ มวล โมเลกุลของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างจานวนโมล อนุภาค มวลและปริมาตรของแก๊ส ท่ี STP ศึกษา หน่วยและการคานวณความเขม้ ข้นของสารละลาย การทดลองเตรยี มสารละลาย การเปรียบเทียบจุด เดอื ดและจดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสารละลาย ศึกษาความหมายและเขยี นสตู รโมเลกุล สูตร เอมพิริคัล หรือสูตรอย่างง่าย และสูตรโครงสร้าง การคานวณหามวลเป็นร้อยละจากสูตร การ คานวณหาสูตรเอมพิริคัลและสูตรโมเลกุลของสาร ศึกษาการเขียนและดุลสมการเคมี ทดลองและ คานวณหาอัตราส่วนจานวนโมลของสารต้ังต้นท่ีทาปฏิกิริยาพอดีกัน ศึกษาสมบัติของระบบปิด และ ระบบเปดิ ศึกษาและฝกึ คานวณปริมาณสารในปฏิกิริยาเคมีที่เป็นไปตามกฎทรงมวล กฎสัดส่วนคงท่ี ศึกษาทดลองและคานวณปริมาตรของแก๊สในปฏิกิริยาเคมีตามกฎของเกย์-ลูสแซก และกฎของ อาโวกาโดร ศึกษาและฝึกคานวณหาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณของสารในสมการเคมีน้ัน ๆ และ สมการเคมีที่เก่ยี วข้องมากกว่าหนึ่งสมการ สารกาหนดปริมาณ ผลได้ร้อยละ โดยใชก้ ารสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทกั ษะการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 การสบื คน้ ข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมทเ่ี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคานวณมวลอะตอมเฉลีย่ ของธาตุ มวล โมเลกลุ และมวลสตู ร 2. อธบิ ายและคานวณปรมิ าณใดปริมาณหน่ึงจากความสัมพันธข์ องโมล จานวนอนภุ าค มวล และปรมิ าตรของแก๊สที่ STP 3. คานวณอตั ราส่วนโดยมวลของธาตุองคป์ ระกอบของสารประกอบตามกฎสดั ส่วนคงท่ี 4. คานวณสูตรอยา่ งง่ายและสตู รโมเลกลุ ของสาร 5. คานวณความเข้มข้นของสารละลายในหนว่ ยตา่ ง ๆ 6. อธิบายวิธกี ารและเตรียมสารละลายใหม้ ีความเข้มขน้ ในหน่วยโมลาริตี และปริมาตร สารละลายตามที่กาหนด 7. เปรยี บเทยี บจุดเดอื ดและจุดเยอื กแขง็ ของสารละลายกบั สารบรสิ ทุ ธิ์ รวมทง้ั คานวณจุด เดอื ดและจดุ เยอื กแขง็ ของสารละลาย 8. แปลความหมายสัญลกั ษณ์ในสมการเคมี เขยี นและดุลสมการเคมขี องปฏิกริ ิยาเคมี บางชนิด หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 278
9. คานวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมีที่เก่ียวข้องกับมวลสาร 10. คานวณปริมาณของสารในปฏิกริ ยิ าเคมีทเี่ ก่ยี วข้องกับความเขม้ ขน้ ของสารละลาย 11. คานวณปริมาณของสารในปฏิกริ ยิ าเคมีท่ีเก่ียวข้องกับปรมิ าตรแก๊ส 12. คานวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมีหลายข้ันตอนได้ 13. ระบุสารกาหนดปริมาณและคานวณปริมาณสารต่าง ๆ ในปฏิกิริยาเคมี 14. คานวณผลไดร้ ้อยละของผลติ ภัณฑใ์ นปฏิกิรยิ าเคมี รวมท้ังหมด 14 ผลการเรียนรู้ หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 279
โครงสร้างรายวชิ า รายวชิ า เคมี 2 รหัสวชิ า ว31222 จานวน 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 จานวน 1.5 หน่วยกิต จานวนเวลาเรยี นทง้ั ส้ิน 60 ช่วั โมง : ภาคเรียน สดั ส่วนคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ ตัวชี้วัด (ช่วั โมง) คะแนน (100) 1 ปรมิ าณ 1. บอกความหมาย มวลอะตอมของธาตเุ ป็นมวลของ 4 10 สมั พนั ธ์ ของมวลอะตอมของ ธาตุ 1 อะตอมและมวลอะตอม ธาตุ และคานวณมวล เฉลี่ยของธาตุเป็นค่าเฉลี่ยจากค่า อะตอมเฉล่ียของธาตุ มวลอะตอมของแต่ละไอโซโทป มวลโมเลกลุ และมวล ของธาตชุ นดิ นั้นตามปรมิ าณทีม่ ีใน สตู ร ธรรมชาตมิ วลโมเลกลุ เป็นผลรวม 2. อธบิ ายและคานวณ ของมวลอะตอมเฉล่ยี ของธาตุที่ ปรมิ าณใดปริมาณหนึ่ง เปน็ องคป์ ระกอบของสาร จากความสมั พันธ์ของ สาร 1 โมล มี 6.02 × 1023 โมล จานวนอนุภาค อนุภาค มีมวลเท่ากบั มวลอะตอม มวล และปรมิ าตรของ หรอื มวลโมเลกุลของสารนัน้ และ แกส๊ ท่ี STP สารทีม่ สี ถานะเป็นแกส๊ 1 โมล จะ 3. คานวณอตั ราสว่ น มีปริมาตรเทา่ กับ 22.4 ลกู บาศก์ โดยมวลของธาตุ เดซิเมตรที่ STP สารประกอบเกิด องค์ประกอบของ จากธาตตุ ง้ั แต่ 2 ชนิดขึ้นไปมา สารประกอบตามกฎ รวมตัวกัน โดยมอี ตั ราส่วนโดยมวล สดั สว่ นคงท่ี ตามกฎสดั สว่ นคงที่สูตรเคมี 4. คานวณสตู รอย่าง สามารถแสดงได้ด้วยสตู รอยา่ งง่าย งา่ ยและสูตรโมเลกลุ และสูตรโมเลกลุ ของสาร 2 สารละลาย 5. คานวณความ การบอกปริมาณของสารใน 36 60 เข้มขน้ ของสารละลาย สารละลายสามารถบอกเปน็ ความ ในหนว่ ยต่าง ๆ เข้มขน้ การเตรยี มสารละลาย 6. อธบิ ายวิธีการและ สามารถทาไดโ้ ดยการเตรียมจาก เตรยี มสารละลายให้มี สารบริสุทธแ์ิ ละเตรยี มจาก ความเข้มข้นในหนว่ ย สารละลายเข้มข้นสารละลายมีจุด โมลาริตี เดอื ดและจุดเยอื กแขง็ แตกต่างจาก หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 280
ท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั การเรยี นรู้ ตัวชีว้ ัด (ช่ัวโมง) คะแนน (100) และปรมิ าตร สารบรสิ ุทธ์ทิ เ่ี ป็นตัวทาละลาย สารละลายตามท่ี กาหนด 7. เปรยี บเทยี บจดุ เดือดและจุดเยือกแข็ง ของสารละลายกบั สาร บรสิ ทุ ธิ์ รวมทัง้ คานวณจดุ เดือดและ จดุ เยอื กแขง็ ของ สารละลาย 3 ปรมิ าณ 8. แปลความหมาย ปฏกิ ริ ิยาเคมีเป็นการเปลย่ี นแปลง 26 40 สัมพนั ธใ์ น สัญลกั ษณ์ในสมการ ท่ีมสี ารใหม่เกดิ ข้ึน เขยี นแสดงได้ ปฏกิ ริ ยิ า เคมี เขยี นและดลุ ด้วยสมการเคมีเลขสมั ประสทิ ธ์ิใน เคมี สมการเคมีของ สมการเคมีสามารถนามาใชใ้ นการ ปฏกิ ริ ิยาเคมบี างชนิด คานวณปรมิ าณของสารทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 9. คานวณปรมิ าณ กับมวลความเข้มข้นของสาร ของสารในปฏิกริ ยิ า ละลาย และปรมิ าตรของแกส๊ ได้ เคมที ี่เกย่ี วข้องกับมวล ความสมั พันธ์ของโมลสารตั้งต้น สาร และผลิตภัณฑใ์ นปฏกิ ริ ยิ าเคมี 10. คานวณปรมิ าณ หลายขน้ั ตอน พจิ ารณาไดจ้ ากเลข ของสารในปฏิกริ ยิ า สมั ประสทิ ธ์ิของสมการเคมรี วม เคมที ีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั ปฏกิ ิริยาเคมีทสี่ ารต้ังตน้ ทา ความเข้มข้นของ ปฏกิ ริ ิยาไม่พอดีกนั สารตัง้ ต้นท่ที า สารละลาย ปฏิกริ ยิ าหมดก่อน เรียกว่า สาร 11. คานวณปริมาณ กาหนดปรมิ าณค่าเปรียบเทยี บ ของสารในปฏิกริ ยิ า ผลไดจ้ รงิ กบั ผลได้ตามทฤษฎเี ปน็ เคมีทเี่ กีย่ วขอ้ งกับ ร้อยละ เรียกวา่ ผลได้ร้อยละ ปรมิ าตรแก๊ส 12. คานวณปรมิ าณ ของสารในปฏิกิรยิ า เคมหี ลายขั้นตอนได้ 13. ระบสุ ารกาหนด ปริมาณและคานวณ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 281
ท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก การเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน (100) ปริมาณสารต่าง ๆ ใน - 50 ปฏกิ ริ ิยาเคมี - 20 14. คานวณผลได้รอ้ ย - 30 ละของผลติ ภณั ฑ์ใน 60 100 ปฏกิ ิรยิ าเคมี รวมคะแนนระหวา่ งเรียน สอบกลางภาค สอบปลายภาค รวม หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 282
รายวชิ า ชวี วทิ ยา 2 คาอธบิ ายรายวชิ า จานวน 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ รหสั วชิ า ว31242 จานวน 1.5 หนว่ ยกติ ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 จานวนเวลาเรยี นทั้งสน้ิ 60 ชั่วโมง : ภาคเรยี น ศึกษาโครโมโซม และสารพันธุกรรม โครงสร้างของDNA การจาลองDNA การควบคุม ลักษณะทาพันธุกรรมของDNA มิวเทชันและการเกิดมิวเทชัน ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรม การศกึ ษาพนั ธกุ รรมของเมนเดล การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีเป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล การ ถ่ายทอดยนี บนโครโมโซมเพศ ยีนบนโครโมโซมเดียวกัน ยีนบนโครโมโซมเดียวกัน ศึกษาเทคโนโลยี ทางดีเอ็นเอ พันธุวิศวกรรมและการโคลนยีน การหาขนาดของDNA และการหาลาดับนิวคลีโอไทด์ การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ และเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอกับความปลอดภัยทางชีวภาพและ ชีวจริยธรรม ศกึ ษาเกี่ยวกบั ววิ ัฒนาการ หลกั ฐานและข้อมูล ที่ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต แนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต พันธุศาสตร์ ประชากร ปจั จัยทท่ี าให้เกดิ การแปล่ยี นแปลงความถ่ีของแอลลนี และกาเนสิ ปีชีส์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรปุ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะปฏิบัติการทาง วิทยาศาสตร์รวมท้ังทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิดและ การแกป้ ญั หา ดา้ นการส่ือสาร สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบายสมบัติและหน้าท่ีของสารพนั ธุกรรม โครงสร้างและองค์ประกอบทาง เคมขี อง DNA และสรุปการจาลองดีเอ็นเอ 2. อธบิ ายและระบุขัน้ ตอนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและหนา้ ท่ีของ DNAและ RNA แต่ละชนิดในกระบวนการสงั เคราะห์โปรตีน 3. สืบค้นขอ้ มูลและอธิบายการเกิดมิวเทชันระดับยีนและระดบั โครโมโซมสาเหตกุ ารเกิด มวิ เทชนั รวมท้ังยกตัวอย่างโรคและกล่มุ อาการทเ่ี ปน็ ผลของการเกิดมวิ เทชัน 4. สืบค้นข้อมูล อธิบายและสรปุ ผลการทดลองของเมนเดล 5. สรุปความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสารพนั ธกุ รรม แอลลีล โปรตนี ลกั ษณะทางพันธกุ รรม และ เชือ่ มโยงกบั ความรูเ้ ร่อื งพนั ธศุ าสตรเ์ มนเดล 6. อธบิ ายและสรปุ กฎแหง่ การแยกและกฎแห่งการรวมกลุ่มอยา่ งอสิ ระ และนากฎของเมน เดลนไ้ี ปอธบิ ายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม และใช้ในการคานวณโอกาสในการเกิดฟีโนไทป์ และจีโนไทปแ์ บบต่าง ๆ ของรนุ่ F1 และ F2 หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 283
7. สืบคน้ ขอ้ มูล วิเคราะห์ อธิบาย และสรปุ เกยี่ วกับการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมที่ เปน็ ส่วนขยายของพันธศุ าสตร์เมนเด 8. สบื คน้ ข้อมูล วิเคราะห์ และเปรยี บเทียบลักษณะทางพนั ธกุ รรมทม่ี ีการแปรผนั ไม่ต่อเน่ือง และลักษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีมีการแปรผันต่อเนื่อง 9. อธบิ ายการถา่ ยทอดยนี บนโครโมโซม และยกตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุม ด้วยยีนบนออโตโซมและยีนบนโครโมโซมเพศ 10. อธิบายหลักการสร้างสิ่งมีชีวติ ดดั แปรพนั ธกุ รรมโดยใชด้ ีเอ็นเอรีคอมบแิ นนท์ 11. สบื คน้ ข้อมลู ยกตัวอยา่ ง และอภิปรายการนาเทคโนโลยีทางดีเอน็ เอไปประยุกต์ท้ังใน ดา้ นส่งิ แวดล้อม นติ วิ ทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตร และอุตสาหกรรมและข้อควรคานึงถึง ด้านชีวจรยิ ธรรม 12. สืบค้นข้อมูลและอธบิ ายเก่ยี วกับหลักฐานท่ีสนับสนุน และข้อมลู ท่ใี ชอ้ ธบิ ายการเกิด ววิ ัฒนาการของสงิ่ มีชวี ติ 13. อธิบายและเปรยี บเทยี บแนวคิดเก่ียวกบั วิวฒั นาการของส่ิงมีชีวติ ของชอง ลามารก์ และ ทฤษฎเี กย่ี วกับววิ ฒั นาการของสง่ิ มีชีวติ ของชาลส์ ดารว์ นิ 14.ระบุสาระสาคญั และอธิบายเงอ่ื นไขของภาวะสมดลุ ของฮารด์ ี-ไวน์เบริ ก์ ปจั จยั ท่ีทาให้ เกดิ การเปลย่ี นแปลงความถี่ของแอลลลี ในประชากร พรอ้ มท้ังคานวณหาความถ่ีของแอลลลี และ จโี นไทป์ของประชากรโดยใชห้ ลักของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์ก 15. สืบคน้ ขอ้ มูล อภิปราย และอธบิ ายกระบวนการเกดิ สปีชีสใ์ หมข่ องสิ่งมีชีวติ รวมทั้งหมด 15 ผลการเรียนรู้ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 284
โครงสรา้ งรายวิชา รายวชิ า ชีววิทยา 2 รหสั วชิ า ว31242 จานวน 3 ชัว่ โมง/สัปดาห์ ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 จานวน 1.5 หนว่ ยกติ จานวนเวลาเรียนทงั้ สิน้ 60 ช่ัวโมง : ภาคเรยี น สดั สว่ นคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั การเรียนรู้ ตวั ชวี้ ดั (ชว่ั โมง) คะแนน (100) 4 โครโมโซม 1. สบื คน้ ขอ้ มูล โครโมโซมของส่ิงมีชีวิตแต่ละส 20 20 และสาร อธิบายสมบัตแิ ละ ปชี ีส์มจี านวนคงที่ โครโมโซม พันธุกรรม หนา้ ทีข่ องสาร ประกอบดว้ ย DNA และโปรตีน พันธกุ รรม โครงสร้าง นกั วิทยาศาสตร์ใช้วธิ ีการทาง และองค์ประกอบทาง วิทยาศาสตร์คน้ พบวา่ DNAเป็น เคมีของ DNA และ สารพันธุกรรม สว่ นของ DNAท่ี สรุปการจาลอง ควบคุม ลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ดีเอ็นเอ ของสิ่งมชี วี ิตเรียกว่า ยีน และสาร 2. อธิบายและระบุ พันธุกรรมท้งั หมดท่ีอยใู่ นส่ิงมีชีวิต ขน้ั ตอนใน เรยี กว่า จีโนม DNA เปน็ พอลินิ กระบวนการ วคลีโอไทด์2 สายบดิ เปน็ เกลยี ว สงั เคราะห์โปรตนี และ เวียนขวา แต่ละสายเกิดจากนิวคลี หนา้ ท่ขี อง DNAและ โอไทด์ ตอ่ กนั เปน็ สายยาว นวิ คลี RNA แตล่ ะชนิดใน โอไทด์ประกอบดว้ ยนา้ ตาลดีออก กระบวนการ ซีไรโบส หมฟู่ อสเฟต และไนโตร สังเคราะห์โปรตนี จีนัสเบส ซง่ึ DNA แตล่ ะโมเลกุลมี 3. สืบคน้ ขอ้ มลู และ จานวนและลาดบั ของนวิ คลโี อไทด์ อธิบายการเกดิ มวิ เท ทแ่ี ตกตา่ งกัน DNAสามารถจา ชันระดบั ยีนและระดับ ลองตัวเองขน้ึ ได้ใหม่โดยมี โครโมโซมสาเหตุการ โครงสร้างทางเคมแี ละลา ดบั ของ เกิดมวิ เทชนั รวมท้งั นิวคลโี อไทดเ์ หมือน เดิม DNA ยกตัวอย่างโรคและ ควบคุมการสังเคราะหโ์ ปรตนี โดย กลุ่มอาการท่เี ป็นผล ถ่ายทอดรหสั พันธกุ รรมใหแ้ ก่ ของการเกิดมวิ เทชัน mRNA เพอื่ กาหนดลาดบั ของ กรดแอมิโนในโมเลกุลของโปรตนี โปรตนี เกี่ยวขอ้ งกับการแสดง ลกั ษณะทางพันธกุ รรม เช่น หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 285
ท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั (ชวั่ โมง) คะแนน (100) เอนไซม์ ทท่ี างานในกระบวนการ เมแทบอลซิ ึมทีเ่ กี่ยวข้องกบั การ ดารงชีวิต มิวเทชันเปน็ การ เปล่ียนแปลงของลา ดับหรือจา นวนนวิ คลีโอไทด์ใน DNA ซ่ึงอาจ นา ไปสู่การ เปลีย่ นแปลง โครงสร้างและการทา งานของ โปรตนี ซง่ึ เกดิ ได้ทั้งในระดับยีนและ ระดบั โครโมโซม มวิ เทชันสามารถ เกดิ ได้ทัง้ เซลล์รา่ งกายและเซลล์ สืบพันธซ์ุ งึ่ มวิ เทชนั ที่เกิดในเซลล์ สืบพนั ธสุ์ ามารถ ถ่ายทอดไปยังรนุ่ ตอ่ ไปไดจ้ ึงอาจก่อให้เกดิ ลกั ษณะ ใหมใ่ นสิ่งมีชวี ิตรุ่นตอ่ ไป มนุษย์ ประยุกตใ์ ช้การเกดิ มวิ เทชันใน การชกั นา ใหส้ ง่ิ มชี ีวิตมลี กั ษณะท่ี แตกต่างไปจากเดิมโดยการใช้รงั สี และสารเคมี 5 การ 4. สบื คน้ ขอ้ มลู สง่ิ มีชีวิตแต่ละชนิดจะมี 20 10 ถ่ายทอด อธิบายและสรปุ ผล ลกั ษณะเฉพาะซึ่งสามารถถา่ ยทอด ลกั ษณะทาง การทดลองของ จากรนุ่ หนงึ่ ไปยงั อีกรุน่ หนึ่งได้ พันธุกรรม เมนเดล เมนเดลศกึ ษาการถา่ ยทอด 5. สรปุ ความสัมพันธ์ ลักษณะทางพันธกุ รรมโดยการ ระหว่างสารพันธกุ รรม ผสมพนั ธุ์ถั่วลันเตา จนสรปุ เปน็ กฎ แอลลีล โปรตีน การแยก และกฎการรวมกล่มุ ลกั ษณะทางพันธุกรรม อย่างอสิ ระ กฎการแยกมีใจความ และเชือ่ มโยงกบั วา่ แอลลลี ทอ่ี ยู่เป็นค่จู ะแยกออก ความรเู้ รอ่ื งพนั ธุ จากกนั ในระหวา่ งการสร้างเซลล์ ศาสตร์เมนเดล สบื พนั ธ์โุ ดยเซลลส์ ืบพันธุ์แต่ละ 6. อธิบายและสรุปกฎ เซลล์จะมเี พยี งแอลลีลใดแอลลลี แหง่ การแยกและกฎ หน่งึ กฎการรวมกลมุ่ อยา่ งอสิ ระมี แห่งการรวมกล่มุ อยา่ ง ใจความว่า หลงั จากคู่ของ อสิ ระ และนากฎของ แอลลีลแยกออกจากกนั แต่ละ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 286
ท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นร/ู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ ตัวชีว้ ดั (ชั่วโมง) คะแนน (100) เมนเดลนไ้ี ปอธบิ าย แอลลีลจะจัดกลุ่ม อย่างอสิ ระกับ การถ่ายทอดลกั ษณะ แอลลลี อ่นื ๆ ที่แยกออกจากคู่ ทางพนั ธุกรรม และใช้ เช่นกนั ในการเข้าไปอยู่ในเซลล์ ในการคานวณโอกาส สบื พนั ธก์ุ ารถ่ายทอดลักษณะทาง ในการเกดิ ฟีโนไทป์ พนั ธกุ รรมบางลักษณะให้อตั รา และจโี นไทป์แบบต่าง สว่ นท่ีแตกต่างจากผลการศึกษา ๆ ของรนุ่ F1 และ F2 ของ เมนเดล เรียกลักษณะเหลา่ น้ี 7. สบื ค้นขอ้ มลู ว่า ลกั ษณะทางพันธกุ รรมที่เป็น วเิ คราะห์ อธบิ าย และ ส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล สรุปเกย่ี วกบั การ เช่น ความเดน่ ไม่สมบรู ณค์ วามเด่น ถ่ายทอดลกั ษณะทาง รว่ มมัลติเพิลแอลลลี ลักษณะ พันธุกรรมท่ีเป็นส่วน ควบคุมดว้ ยยนี หลายคู่ การ ขยายของพันธศุ าสตร์ ถา่ ยทอดยนี บนโครโมโซมเพศ เมนเดล ลกั ษณะทางพันธุกรรมบาง 8. สืบคน้ ข้อมูล ลกั ษณะมีความแตกต่างกันชัดเจน วเิ คราะห์ และ เช่น การมตี ิ่งหหู รอื ไมม่ ีติ่งหู ซึ่ง เปรยี บเทยี บลักษณะ เปน็ ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมีการ ทางพนั ธกุ รรมทีม่ ีการ แปรผนั ไม่ต่อเน่อื ง แตบ่ างลกั ษณะ แปรผันไมต่ ่อเนือ่ งและ มคี วามแตกต่างกันเลก็ น้อย และ ลกั ษณะทางพันธุกรรม ลดหลั่นกันไป เช่น ความสงู และสี ท่ีมีการแปรผัน ผิวของมนษุ ย์ถูกควบคมุ โดยยีน ตอ่ เนื่อง หลายคู่ ซง่ึ เปน็ ลักษณะทาง 9. อธบิ ายการ พันธุกรรมท่ีมกี ารแปรผันต่อเนอ่ื ง ถา่ ยทอดยีนบน และสง่ิ แวดล้อมอาจมผี ลตอ่ การ โครโมโซม และ แสดงลกั ษณะนั้น โครโมโซม ยกตวั อยา่ งลกั ษณะ ภายในเซลล์รา่ งกายแบ่งเปน็ ออโต ทางพนั ธุกรรมทถี่ ูก โซมและโครโมโซมเพศ ยนี บน ควบคุมดว้ ยยนี บน โครโมโซมจะ ถา่ ยทอดส่รู นุ่ ถัดไป ออโตโซมและยนี บน ผา่ นเซลลส์ บื พนั ธลุ์ ักษณะทาง โครโมโซมเพศ พนั ธุกรรมส่วนใหญ่ถูกควบคุมด้วย ยนี บนออโตโซมซ่ึงยนี ทีค่ วบคุม ลักษณะต่างๆ จะอยู่กนั เป็นคู่บาง ลกั ษณะถูกควบคุมดว้ ยยนี บน หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 287
ที่ ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรียนร/ู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั การเรียนรู้ ตัวช้ีวัด (ชวั่ โมง) คะแนน (100) โครโมโซมเพศซ่งึ ทาให้ โอกาสใน การแสดงลักษณะในเพศชายและ เพศหญิงแตกต่างกันเมอ่ื มกี าร สรา้ งเซลล์สืบพันธุ์ยีนบน โครโมโซมเดียวกันทอ่ี ยู่ใกลก้ ัน มกั จะถกู ถา่ ยทอดไปด้วยกัน แต่ การเกดิ ครอสซิงโอเวอรใ์ นการแบ่ง เซลล์แบบไมโอซสิ อาจทา ให้ยีน บนโครโมโซมเดยี วกนั แยกจาก กนั ไดส้ ง่ ผลใหร้ ูปแบบของเซลล์ สบื พันธท์ุ ่ีไดแ้ ตกต่างไปจากกรณที ี่ ไมเ่ กิดครอสซิงโอเวอร์ 6 เทคโนโลยี 10. อธบิ ายหลักการ ในปจั จุบนั มกี ารใชเ้ ทคโนโลยี 12 10 ทางดเี อ็นเอ สรา้ งสง่ิ มีชวี ติ ดัดแปร ทางดีเอ็นเอในด้านตา่ งๆ เชน่ ใช้ พันธกุ รรมโดยใช้ดเี อน็ เทคนคิ พนั ธวุ ศิ วกรรมตัดต่อและ เอรคี อมบิแนนท์ ถ่ายยีนท่ีต้องการจากสง่ิ มีชีวติ หน่ึง 11. สืบค้นข้อมูล ไปยงั ส่ิงมชี ีวิตอีกชนดิ หน่ึง ได้เปน็ ยกตวั อยา่ ง และ สงิ่ มีชวี ิตดัดแปรพนั ธุกรรม การ อภปิ รายการนา สร้างส่ิงมีชีวติ ดัดแปรพนั ธุกรรม เทคโนโลยีทางดีเอน็ เอ สามารถทา ไดท้ ั้งในจุลินทรยี ์พืช ไปประยุกต์ทง้ั ในด้าน และสตั ว์ การเพิ่มจา นวนของ ส่งิ แวดลอ้ ม DNA ทีเ่ หมือนๆ กนั น้ันเรยี กวา่ นิติวิทยาศาสตร์ การโคลนดีเอ็นเอและถา้ DNA การแพทย์ การเกษตร บริเวณ ดงั กลา่ วเป็นยนี เรียกว่า และอุตสาหกรรม การโคลนยนี การเพ่ิมจานวน DNA อาจทา ได้โดยใชพ้ ลาสมิดของ แบคทเี รีย และเทคนิคพอลิเมอเรส เชนรแี อกชันหรือ PCR การโคลนยีนโดยใช้พลาสมิดของ แบคทเี รียเพ่ือสรา้ งดเี อ็นเอรีคอม บิแนนท์อาจทา ไดโ้ ดยใช้ เอนไซม์ ตดั จา เพาะตัดสาย DNA ทมี่ ียนี ที่ ต้องการและตัดพลาสมดิ ทจ่ี ดุ ตดั หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 288
ที่ ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู/้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั การเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน (100) จาเพาะเมื่อตัดสาย DNA ตา่ ง โมเลกลุ กันด้วยเอนไซมต์ ดั จา เพาะชนิดเดยี วกัน ปลายสาย DNA จะมลี า ดบั เบสทเ่ี ข้าคู่กันได้ และ เชอื่ มต่อกันได้ด้วยเอนไซม์ดี เอ็นเอไลเกสทา ให้ได้เปน็ ดีเอ็นเอรี คอมบิแนนท์จากน้ันถ่ายดีเอน็ เอ รีคอมบิแนนท์เข้าสเู่ ซลล์เจา้ บา้ น เพ่ือเพ่มิ จา นวน การเพิ่มจา นวน DNA ด้วยเทคนิค PCR สามารถ เพมิ่ ปริมาณของ DNA บริเวณที่ ตอ้ งการจากดีเอ็นเอแม่แบบท่ีมี ปรมิ าณนอ้ ยผ่านกระบวนการจา ลอง ดเี อ็นเอซา้ กันหลายๆ รอบ ในหลอดทดลองผลติ ภณั ฑ์DNA ที่ ได้จาก PCR สามารถตรวจสอบผล การเพ่ิมปรมิ าณ DNA และหา ขนาดของ โมเลกลุ DNA ด้วยวิธี เจลอเิ ลก็ โทรฟอรซี สิ ซ่งึ เป็น เทคนคิ การแยกโมเลกลุ DNA ทีม่ ี ขนาดแตกต่างกัน ในสนามไฟฟา้ ผา่ นตวั กลางทเี่ ป็นวนุ้ แล้ว เปรยี บเทยี บกับการเคล่ือนทขี่ อง โมเลกลุ ดีเอน็ เอมาตรฐานท่ี ทราบ ขนาด และสามารถวเิ คราะห์หา ลา ดับนิวคลโี อไทดด์ ว้ ยเคร่ืองหา ลา ดับนิวคลโี อไทดแ์ บบอตั โนมัติ เทคโนโลยที างดีเอน็ เอ สามารถนา ไปประยุกตใ์ ช้ในด้านการแพทยใ์ น การวนิ ัจฉยั โรค และใชใ้ น การ สรา้ งผลิตภณั ฑท์ างเภสัชกรรม การประยุกต์ในดา้ นการเกษตรใน การสร้างพชื หรือสัตวท์ ี่มสี มบัติ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 289
ท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นร/ู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั การเรยี นรู้ ตัวช้วี ดั (ชวั่ โมง) คะแนน (100) ตามตอ้ งการ รวมท้ังประยุกต์ใช้ใน ด้านอุตสาหกรรมและส่ิงแวดลอ้ ม ในดา้ นนติ วิ ทิ ยาศาสตร์สามารถ ใช้ ลายพมิ พ์ดเี อน็ เอในการพิสูจน์ตัว บคุ คลและหาความสัมพนั ธท์ าง สายเลอื ด อยา่ งไรกต็ ามการใช้ เทคโนโลยีทางดเี อน็ เอต้องคา นึกถึงความปลอดภยั ทางชวี ภาพ และชวี จริยธรรม 7 วิวัฒนาการ 12. สืบค้นข้อมลู และ สิ่งมีชีวติ ในปัจจุบันเปน็ ลกู หลานท่ี 8 10 อธิบายเก่ียวกับ มลี กั ษณะท่ีแตกต่างจากบรรพบรุ ษุ หลกั ฐานท่ีสนับสนุน ในอดีต โดยผ่านการ เปลีย่ นแปลง และข้อมูลทใี่ ช้อธบิ าย ทางพันธกุ รรมทลี ะเล็กทลี ะน้อย มี การเกดิ วิวัฒนาการ การสะสมลักษณะทเ่ี หมาะสมกับ ของส่ิงมีชีวติ สภาพแวดลอ้ มใน ขณะน้นั ๆ เปน็ 13. อธบิ ายและ เวลานานหลายชว่ั รุ่น การ เปรยี บเทียบแนวคิด เปลย่ี นแปลงของส่ิงมชี ีวิตจากอดีต เกย่ี วกับวิวฒั นาการ จนถงึ ปัจจบุ นั เรียกว่า ววิ ฒั นาการ ของสง่ิ มชี ีวิตของชอง ของสิ่งมชี ีวติ หลักฐานทีบ่ ง่ บอกว่า ลามาร์กและทฤษฎี สง่ิ มีชวี ิตมีวิวฒั นาการศึกษาไดจ้ าก เกี่ยวกบั วิวัฒนาการ ซากดึกดา บรรพ์กายวิภาค ของส่ิงมชี ีวติ ของชาลส์ เปรยี บเทยี บ วทิ ยาเอ็มบริโอ ดาร์วิน ชีววิทยาโมเลกุล และการ 14. ระบุสาระสาคัญ แพร่กระจายของส่ิงมีชีวิตทาง และอธิบายเง่ือนไข ภูมศิ าสตร์เป็นตน้ แนวคดิ เกย่ี วกบั ของภาวะสมดลุ ของ ววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี ีวิตท่สี าคัญ ฮาร์ดี-ไวน์เบริ ก์ ปัจจยั ได้แก่ แนวคิดของชอง ลามาร์ก ท่ที าใหเ้ กิดการ และ ชาลสด์ าร์วิน โดยลามาร์ก เปลย่ี นแปลงความถี่ เสนอแนวคดิ เก่ียวกับวิวัฒนาการ ของแอลลลี ใน โดยอาศยั กฎการลกั ษณะทีเ่ กิด ประชากร พร้อมทั้ง ข้ึนมาใหม่ ส่วนดาร์วินเสนอ คานวณหาความถ่ขี อง แนวคิดเกยี่ วกับทฤษฎีการคดั เลือก แอลลลี และจีโนไทป์ โดยธรรมชาติปจั จุบันนักวทิ ยา หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศักราช 2564 290
ท่ี ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรยี นร้/ู สาระสาคญั เวลา น้าหนัก การเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั (ชั่วโมง) คะแนน (100) ของของประชากรโดย -ศาสตรไ์ ด้ใช้ความรู้ทางพนั ธุ ใช้หลักของฮาร์ดี-ไวน์ ศาสตร์ประชากรในการอธิบายการ เบิร์ก เกดิ วิวัฒนาการ ของส่งิ มชี วี ิตและ 15. สบื คน้ ข้อมลู ปัจจัยทท่ี า ให้เกดิ การเปลย่ี น อภปิ ราย และอธิบาย แปลงความถ่ีแอลลีลในประชากร กระบวนการเกดิ สปี ได้แก่ เจเนติกดริฟท์ แบบสมุ่ การ ชสี ์ใหม่ของสง่ิ มีชีวติ ถา่ ยเทยนี การผสมแบบไม่สมุ่ มวิ เทชัน และการคัดเลือกโดย ธรรมชาตโิ ดยปัจจัยดงั กลา่ ว ทา ใหย้ ีนพูลในประชากรเปลย่ี นแปลง หรอื เกิดวิวฒั นาการและทา ใหเ้ กิด สิ่งมชี ีวติ สปีชสี ์ใหม่ข้นึ สงิ่ มชี วี ิต ต่างสปชี ีสก์ ันจะมีกลไกในการ ป้องกนั การผสมพันธุ์ตา่ งสปชี ีส์ ส่งิ มีชีวติ สปีชสี ใ์ หมเ่ ป็นผล มาจาก การแยกกันทางการสืบพนั ธซุ์ ึ่งมี 2 แนวทาง คือ กา เนิดสปีชีส์แบบ แอลโลพาทริก และกา เนดิ สปีชสี ์ แบบซมิ พาทรกิ รวมคะแนนระหว่างเรียน - 50 สอบกลางภาค - 20 สอบปลายภาค - 30 รวม 60 100 หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศักราช 2564 291
คาอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ า โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 2 รหัสวชิ า ว31262 จานวน 2 ชัว่ โมง/สัปดาห์ ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 จานวน 1.0 หน่วยกติ จานวนเวลาเรียนท้ังสนิ้ 40 ชัว่ โมง : ภาคเรียน ศึกษาทรัพยากรธรณี สมบัติทางกายภาพบางประการของแร่ การระบุชนิดแร่ การใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ กระบวนการเกิดหินอัคนี การจาแนกหินอัคนี กระบวนการเกิดหิน ตะกอน การจาแนกหินตะกอน กระบวนการเกิดหินแปร การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรหิน กระบวนการเกดิ แหล่งกกั เก็บปโิ ตเลยี ม กระบวนการเกดิ ถ่านหิน การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรณี สมบัติของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียม องค์ประกอบของแผนที่ภูมิประเทศและแผนท่ีธรณีวิทยา แผนท่ีภูมิประเทศและเส้นช้ันความสูง ลักษณะของแผนที่ธรณีวิทยา การใช้ประโยชน์จากแผนท่ี ภมู ิประเทศและแผนทีธ่ รณวี ทิ ยา โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 การสบื คน้ ขอ้ มลู และการอภปิ ราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีความใจกว้าง ความเช่ื อม่ันต่อ หลกั ฐาน การใชว้ จิ ารณญาณ การยอมรบั ความเหน็ ต่าง และความเหน็ คุณคา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ ผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจสอบและระบุชนดิ แร่ รวมทัง้ วเิ คราะห์สมบตั ิและนาเสนอการใชป้ ระโยชน์จาก ทรัพยากรแรท่ ่ีเหมาะสม 2. ตรวจสอบ จาแนกประเภท และระบชุ อื่ หินรวมทัง้ วเิ คราะห์สมบัตแิ ละนาเสนอการใช้ ประโยชน์ของทรัพยากรหินทเี่ หมาะสม 3. อธบิ ายกระบวนการเกิด และการสารวจแหลง่ ปิโตรเลียมและถ่านหนิ โดยใช้ข้อมลู ทาง ธรณีวทิ ยา 4. อธิบายสมบัตขิ องผลิตภัณฑท์ ่ีได้จากปิโตรเลยี มและถา่ นหนิ พรอ้ มนาเสนอการใช้ ประโยชนอ์ ย่างเหมาะสม 5. อา่ นและแปลความหมายจากแผนทภี่ มู ิประเทศและแผนท่ธี รณวี ทิ ยาของพน้ื ท่ที ี่กาหนด พร้อมทั้งอธบิ ายและยกตัวอย่างการนาไปใช้ประโยชน์ รวมท้ังหมด 5 ผลการเรียนรู้ หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 292
โครงสรา้ งรายวชิ า รายวชิ า โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 2 รหสั วชิ า ว31262 จานวน 2 ช่วั โมง/สปั ดาห์ ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 จานวน 1.0 หน่วยกติ จานวนเวลาเรียนทั้งสิ้น 40 ชั่วโมง : ภาคเรียน สดั ส่วนคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ที่ ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นร/ู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก การเรยี นรู้ ตัวชี้วัด (ชั่วโมง) คะแนน (100) 1 ทรพั ยากร 1. ตรวจสอบและระบุ - ทรพั ยากรแร่ 30 -5 ธรณี 30 ชนดิ แร่ รวมท้ัง - ทรัพยากรหนิ วเิ คราะห์สมบตั ิและ ทรัพยากรปโิ ตรเลียมและถ่านหิน นาเสนอการใช้ ประโยชนจ์ าก ทรัพยากรแรเ่ หมาะสม 2. ตรวจสอบ จาแนก ประเภท และระบุช่อื หินรวมทัง้ วิเคราะห์ สมบตั แิ ละนาเสนอ การใชป้ ระโยชนข์ อง ทรัพยากรหิน 3. อธิบายกระบวน การเกิด และการ สารวจแหลป่ ิโตรเลยี ม และถ่านหนิ โดยใช้ ข้อมูลทางธรณวี ทิ ยา 4. อธิบายสมบัติของ ผลิตภณั ฑท์ ่ีได้จาก ปโิ ตรเลยี มและถา่ น หิน พรอ้ มนาเสนอการ ใช้ประโยชน์อยา่ ง เหมาะสม 6 แผนทภี่ มู ิ 5. อา่ นและแปล - องคป์ ระกอบของแผนท่ีภูมิ 10 20 หลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 293
ท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรียนร/ู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก การเรียนรู้ ตวั ชี้วัด (ชวั่ โมง) คะแนน (100) ประเทศและ ความหมายจากแผนที่ ประเทศและแผนทีธ่ รณีวิทยา - 50 แผนท่ี ภมู ิประเทศและแผนที่ - ข้อมลู ของแผนท่ีภมู ปิ ระเทศ - 20 ธรณวี ทิ ยา ธรณวี ทิ ยาของพน้ื ท่ีท่ี - ข้อมลู ของแผนที่ธรณวี ิทยา - 30 40 100 กาหนด พร้อมท้ัง การใช้ประโยชนข์ องแผนทีภ่ ูมิ อธบิ ายและยกตวั ประเทศและแผนท่ธี รณีวทิ ยา อยา่ งการนาไปใช้ ประโยชน์ รวมคะแนนระหวา่ งเรยี น สอบกลางภาค สอบปลายภาค รวม หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 294
รายวิชา ฟสิ ิกส์ 3 คาอธบิ ายรายวิชา จานวน 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ รหัสวชิ า ว32203 จานวน 1.5 หน่วยกิต ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5 จานวนเวลาเรียนทัง้ ส้นิ 60 ชว่ั โมง : ภาคเรียน ศึกษาการเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายความถี่ธรรมชาติของวัตถุและการเกิดการสั่น พอ้ ง หลกั การของคลืน่ ในเรอื่ ง องคประกอบและการเคลอ่ื นท่ขี องคลื่น สมบัติของคล่ืน ธรรมชาติของ แสง แสงเชิงเรขาคณิต กระจกเงาโคง เลนสบางและหลกั การของทศั นอุปกรณบางชนิดการรับรูสีของ นัยนตาคน แสงเชงิ ฟสกิ สและการอธบิ ายปรากฏการณทเ่ี ก่ียวกับคลื่นแสง โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 การสบื คน้ ข้อมลู และการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มท่เี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. ทดลอง และอธิบายการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถุติดปลายสปริงและ ลกู ตมุ้ อย่างงา่ ย รวมทัง้ คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง 2. อธบิ ายความถี่ธรรมชาตขิ องวตั ถุและการเกิดการสั่นพ้อง ๆ 3. อธิบายปรากฏการณ์คล่ืน ชนิดของคลื่น ส่วนประกอบของคล่ืน การแผ่ของหน้าคล่ืน ด้วยหลกั การของฮอยเกนส์ และการรวมกนั ของคลื่นตามหลักการซ้อนทับ พร้อมท้ังคานวณอัตราเร็ว ความถ่ี และความยาวคล่ืน 4. สังเกต และอธิบายการสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และการเล้ียวเบนของคล่ืนผิว นา้ รวมทง้ั คานวณปริมาณต่าง ๆ ท่เี กีย่ วข้อง 5. ทดลอง และอธิบายการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่และเกรตติง การเล้ียวเบนและการ แทรกสอดของแสงผ่านสลิตเด่ียว รวมทัง้ คานวณปริมาณต่าง ๆ ท่เี กย่ี วขอ้ ง 6. ทดลอง และอธิบายการสะท้อนของแสงที่ผิววัตถุ ตามกฎการสะท้อน เขียนรังสีของแสง และคานวณตาแหน่งและขนาดภาพของวัตถุ เม่ือแสงตกกระทบกระจกเงาราบและกระจกเงาทรง กลม รวมท้ังอธิบายการนาความรู้เรื่องการสะท้อนของแสงจากกระจกเงาราบ และกระจกเงาทรง กลมไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน 7. ทดลอง และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างดรรชนีหักเห มุมตกกระทบ และมุมหักเห รวมทงั้ อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความลึกจริงและความลึกปรากฏ มุมวิกฤตและการสะท้อนกลับ หมดของแสง และคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วข้อง 8. ทดลอง และเขยี นรงั สีของแสงเพอ่ื แสดงภาพท่เี กดิ จากเลนส์บาง หาตาแหน่ง ขนาด ชนิด ของภาพ และความสัมพันธ์ระหว่างระยะวัตถุระยะภาพและความยาวโฟกัส รวมทั้งคานวณปริมาณ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 295
ต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง และอธิบายการนาความรู้เร่ืองการหักเหของแสงผ่านเลนส์บางไปใช้ประโยชน์ใน ชวี ติ ประจาวนั 9. อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติท่ีเก่ียวกับแสง เช่น รุ้ง การทรงกลด มิราจ และการเห็น ทอ้ งฟ้าเปน็ สตี ่าง ๆ ในช่วงเวลาตา่ งกนั 10. สงั เกต และอธิบายการมองเห็นแสงสี สขี องวัตถุ การผสมสารสี และการผสมแสงสี รวมทงั้ อธิบายสาเหตุของการบอดสี รวมท้ังหมด 10 ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พทุ ธศกั ราช 2564 296
โครงสร้างรายวชิ า รายวิชา ฟสิ ิกส์ 3 รหัสวชิ า ว32203 จานวน 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 จานวน 1.5 หน่วยกิต จานวนเวลาเรียนท้ังสิน้ 60 ชัว่ โมง : ภาคเรยี น สดั ส่วนคะแนน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 ที่ ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรียนร/ู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั การเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั (ชั่วโมง) คะแนน (100) 8 การเคล่ือนที่ 1 . ท ด ล อ ง แ ล ะ การเคล่ือนทแี่ บบฮาร์มอนิกอยา่ ง 15 10 แบบฮาร์- อธิบายการเคล่ือนท่ี ง่ายเป็นการเคล่ือนท่ีของวัตถุที่ มอนิกอยา่ ง แบบฮาร์มอนิกอย่าง กลบั ไปกลับมาซ้ารอยเดมิ ผ่าน ง่าย ง่ายของวัตถุติดปลาย ตาแหนง่ สมดุล โดยมีคาบและแอม สปริงและลูกตุ้มอย่าง พลิจูดคงตวั และมีการกระจัดจาก ง่าย รวมท้ังคานวณ ตาแหนง่ สมดุลที่เวลาใด ๆเป็น ป ริ ม า ณ ต่ า ง ๆ ที่ ฟงั ก์ชันแบบไซน์ การสัน่ ของวัตถุ เกยี่ วข้อง ตดิ ปลายสปริง และการแกว่งของ 2 . อ ธิ บ า ย ค ว า ม ถ่ี ลูกตุ้มอย่างงา่ ยเป็นการเคล่ือนที่ ธรรมชาติของวัตถุและ แบบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ยที่มีขนาด การเกิดการสน่ั พ้อง ๆ ของความเรง่ แปรผนั ตรงกับขนาด ของการกระจดั จากตาแหน่งสมดุล แต่มที ศิ ทางตรงขา้ ม โดยมคี าบ การสั่นของวัตถทุ ต่ี ดิ อยู่ทป่ี ลาย สปรงิ และคาบการแกว่งของ ลกู ตุม้ เม่อื ดึงวัตถุที่ตดิ ปลายสปรงิ ออกจากตาแหนง่ สมดลุ แล้วปลอ่ ย ใหส้ ่นั วตั ถจุ ะสัน่ ด้วยความถี่ เฉพาะตวั การดึงลูกตมุ้ ออกจาก แนวดงิ่ แล้วปลอ่ ยใหแ้ กว่งลูกตมุ้ จะ แกว่งด้วยความถ่ีเฉพาะตัวเช่นกัน ความถที่ ่ีมีคา่ เฉพาะตัวน้ี เรียกว่า ความถี่ธรรมชาติเมื่อกระตุน้ ให้ วตั ถุส่ันด้วยความถีท่ ีม่ ีคา่ เท่ากบั ความถ่ีธรรมชาตขิ องวัตถุ จะทาให้ วตั ถุส่นั ด้วยแอมพลจิ ดู เพ่ิมขึ้น เรยี กว่า การสัน่ พ้อง หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พุทธศกั ราช 2564 297
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440