Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรโรงเรียนเทศบาล ๑ใช้ปี2564

หลักสูตรโรงเรียนเทศบาล ๑ใช้ปี2564

Published by kootor_2010, 2021-10-16 08:10:39

Description: หลักสูตรโรงเรียนเทศบาล ๑ใช้ปี2564

Search

Read the Text Version

๔๕๔ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียนเปน็ กจิ กรรมทมี่ ุ่งใหผ้ เู้ รียนพฒั นาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาการเรยี นรอู้ ยา่ ง รอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มี ศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังให้สร้างจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคม สามรถจัดการ ตนเองไดแ้ ละอย่รู ว่ มกับผู้อ่ืนอยา่ งมคี วามสขุ โรงเรียนเทศบาล ๑ (บรู พาวทิ ยากร) ไดจ้ ัดกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน โดยแบ่งออกเปน็ ๓ ลักษณะ ดังนี้ ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถตัดสนิ ใจ คดิ แกป้ ญั หา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวติ ทัง้ ดา้ นการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้ อยา่ งเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครรู ้จู ักและเข้าใจผู้เรียน ท้งั ยงั เป็นกิจกรรมทช่ี ว่ ยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ ผู้ปกครองในการมีส่วนร่วมพัฒนาผู้เรียน โดยนักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนว ๔๐ ชั่วโมงต่อปี การศกึ ษา ๒. กิจกรรมนักเรียน เปน็ กิจกรรมทมี่ ุ่งพัฒนาระเบียบวนิ ัย ความเป็นผนู้ ำ ผู้ตามทด่ี ี ความรบั ผิดชอบ การทำงานร่วมกนั รู้จักแก้ปัญหา การตดั สนิ ใจท่ีเหมาะสม ความมเี หตุผล การชว่ ยเหลอื แบ่งปันเอื้ออาทร และสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติ ด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการ ทำงานเนน้ การทำงานรวมกันเป็นกลมุ่ ตามความเหมาะสมและสอดคลอ้ งกับวฒุ ิภาวะของผู้เรยี นและบริบทของ สถานศึกษาและทอ้ งถิ่น กิจกรรมนักเรียน ประกอบด้วย กิจกรรมลูกเสือ ยวุ กาชาดหรือเนตรนารี นักเรียน ทกุ คนตอ้ งเขา้ ร่วม ๔๐ ชั่งโมงต่อปกี ารศกึ ษา กิจกรรมชุมนุม นกั เรียนประถมศึกษาถึงมธั ยมศึกษาตอนต้น ทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรม ๓๐ ชั่งโมงต่อปีการศึกษา กิจกรรมชุมนุมและ/หรือรักษาดินแดน (น.ศ.ท.) นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ต้องเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๔๐ ช่ังโมงตอ่ ปีการศึกษา ๓. กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ เปน็ กิจกรรมท่สี ง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียนบำเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อสังคม ชุมชนและท้องถิ่นตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละการมีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่างๆ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม นักเรียนประถมถึงมัธยมศึกษาตอนต้นทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ชวั่ โมงตอ่ ปีการศกึ ษา นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาตอนปลายทุกคน ต้องเข้าร่วมกิจกรรม ๔๐ ชงั่ โมงตอ่ ปีการศึกษา ๔. กิจกรรมมุง่ สูค่ วามเปน็ เลศิ เปน็ กจิ กรรมทส่ี ง่ เสริมใหผ้ เู้ รยี นมีความรู้เท่าทันโลกในศตวรรษท่ี ๒๑ และยุคไทยแลนด์ ๔.๐ ผ่านการเรียนร้ใู นกิจกรรมการเรยี นรสู้ ูท่ กั ษะชีวิต โดยใช้ ๓R ๘C * 3 R ได้แก่ Reading (การอ่าน), การเขียน(Writing) และ คณิตศาสตร์ (Arithmetic) และ 8 C (Critical Thinking and Problem Solving : มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแก้ไขปัญหาได้ ,Creativity and Innovation : คดิ อยา่ งสร้างสรรค์คื คิดเชงิ นวตั กรรม ,Collaboration Teamwork and Leadership : ความรว่ มมอื การทำงานเป็นทมี และภาวะผู้นำ, Communication Information and Media Literacy :

๔๕๕ ทักษะในการสื่อสาร และการรู้เท่าทันสื่อ, Cross-cultural Understanding : ความเข้าใจความแตกต่างทาง วัฒนธรรม กระบวนการคดิ ข้ามวฒั นธรรม, Computing and ICT Literacy : ทกั ษะการใช้คอมพิวเตอร์ และ การรูเ้ ท่าทันเทคโนโลยี ซึ่งเยาวชนในยคุ ปัจจบุ ันมีความสามารถด้านคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีอย่างมากหรือ เปน็ Native Digital สว่ นคนร่นุ เกา่ หรือผู้สูงอายุเปรียบเสมือนเปน็ Immigrant Digital แต่เราต้องไม่อายที่จะ เรียนรู้แม้ว่าจะสูงอายุแล้วก็ตาม, Career and Learning Skills : ทักษะทางอาชีพ และการเรียนรู้, Compassion : มคี ณุ ธรรม มเี มตตา กรุณา มรี ะเบยี บวินยั ซึ่งเป็นคุณลักษณะพืน้ ฐานสำคัญของทักษะขั้นต้น ทั้งหมด และเป็นคุณลักษณะที่เด็กไทยจำเป็นต้องมี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๓ต้องเข้าร่วมกิจกรรม ๔๐ ชั่งโมงต่อปีการศึกษา และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ ต้องเข้าร่วมกิจกรรม ๘๐ ชั่งโมงต่อปี การศกึ ษา โครงสร้างและอตั ราเวลาการจดั กิจกรรม กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ป.๑ ระดบั ประถมศึกษา ป.๖ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒. กจิ กรรมนกั เรียน ๒.๑ ลกู เสือ-ยุวกาชาด ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒.๒ กิจกรรมชมุ นุม ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓. กจิ กรรมเพ่อื สังคม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ และสาธารณประโยชน์ เวลาเรียนรวม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ โครงสรา้ งและอัตราเวลาการจดั กจิ กรรม กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น ม.๑ ระดับมธั ยมศึกษา ม.๖ ม.๒ ม.๓ ม.๔ ม.๕ ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒. กิจกรรมนักเรียน ๒.๑ ลกู เสือ-ยวุ กาชาด ๔๐ ๔๐ ๔๐ - - - ๒.๒ กิจกรรมชมุ นุม ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ และ/หรือรักษาดินแดน (น.ศ.ท.) ๓. กจิ กรรมเพือ่ สงั คม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ และสาธารณประโยชน์ เวลาเรียนรวม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐

๔๕๖ กจิ กรรมแนะแนว วัตถุประสงค์ ๑. เพ่อื ผู้เรียนคน้ พบความถนดั ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รักละเหน็ คุณคา่ ในตนเองและ ผู้อ่นื ๒. เพื่อให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้จากข้อมูล ข่าวสาร แหล่งเรียนรู้ ทั้งด้านการศึกษา อาชีพส่วนตัว สังคม เพ่อื นำไปใชใ้ นการวางแผน เลอื กแนวทางการศกึ ษาอาชีพไดอ้ ย่างเหมาะสมสอดคล้องกับ ศักยภาพของตนเอง ๓. เพอื่ ใหผ้ ้เู รยี นไดพ้ ัฒนาบุคลกิ ภาพ และรับตวั อยูใ่ นสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ ๔. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมีความรู้ มที ักษะ มคี วามคดิ สร้างสรรค์ ในงานอาชีพและมีเจตคตทิ ีด่ ีต่ออาชพี สจุ ริต ๕. เพื่อให้ผู้เรียนมีค่านิยมที่ดีงามในการดำเนินชีวิต สร้างเสริมวินัย คุณธรรมและจริยธรรมแก่ นกั เรียน ๖. เพ่ือให้ผูเ้ รียนมจี ติ สำนกึ ในการรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ แนวการจดั กิจกรรม ๑. จดั กจิ กรรมเพื่อให้ครูได้รู้จกั และช่วยเหลือผู้เรยี นมากข้นึ โดยใช้กระบวนการทางจิตวิทยา การ จัดบริการสนเทศ โดยให้มีเอกสารเพือ่ ใช้ในการสำรวจข้อมลู เกี่ยวกับตัวผูเ้ รยี น ด้วยการสังเกต สัมภาษณ์ การใชแ้ บบสอบถาม การเขยี นประวตั ิ การพบผปู้ กครองก่อนและระหว่างเรียน การ เยี่ยมบ้านนกั เรียน การให้ความชว่ ยเหลือผู้เรียนเร่ืองสุขภาพจติ เศรษฐกิจ การจัดทำระเบยี น สะสม สมดุ รายงานประจำตวั นักเรียน และบัตรสุขภาพ ๒. การจัดกิจกรรมพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ โดยทำแบบทดสอบเพื่อรู้จักและเข้าใจตนเอง มี ทักษะในการตัดสินใจ การปรบั ตวั การวางแผนเพอื่ เลือกศกึ ษาตอ่ เลือกอาชพี ๓. การจัดบริการให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียนรายบุคคล และรายกลุ่ม ในด้านการศึกษา อาชีพ และ ส่วนตัว โดยมผี ู้ให้คำปรกึ ษาที่มคี ุณวุฒิ และมีความเช่ยี วชาญในเร่อื งการใหค้ ำปรึกษา ตลอดจน มหี อ้ งให้คำปรึกษาท่เี หมาะสม ๓.๑ ชว่ ยเหลอื ผู้เรยี นท่ปี ระสบปัญหาด้านการเงิน โดยการใหท้ นุ การศึกษาแก่ผเู้ รยี น ๓.๒ ตดิ ตามเกบ็ ข้อมลู ของนักเรยี นท่สี ำเร็จการศกึ ษา กิจกรรมนกั เรียน กิจกรรมลูกเสือ - เนตรนารี ผ้เู รียนในระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑-๖ และมัธยมศึกษาปที ี่ ๑-๓ ทกุ คน ไดฝ้ กึ อบรมวชิ าลกู เสอื - เนตรนารี เพอ่ื สง่ เสริมหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมขุ ส่งเสริมความ

๔๕๗ สามคั คี มวี นิ ัย และบำเพ็ญประโยชน์ต่อสงั คม โดยดำเนนิ การจัดกิจกรรมตามข้อกำหนดของคณะกรรมการ ลกู เสอื แห่งชาติ วัตถปุ ระสงค์ พระราชบัญญตั ิลูกเสือ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๘ ไดก้ ำหนดวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม เพ่ือพฒั นา ลกู เสอื ทัง้ ทางกาย สตปิ ญั ญา จิตใจ และศีลธรรมให้เป็นพลเมอื งดี มีความรบั ผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์ สังคม เพื่อให้เกิดความสามัคคี และความเจริญก้าวหน้า ทั้งนี้เพื่อความสงบสุข และความมั่งคงของ ประเทศชาตติ ามแนวทางดังต่อไปน้ี ๑. ให้มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เช่อื ฟัง และพ่งึ ตนเอง ๒. ให้มคี วามซ่อื สัตยส์ จุ รติ มรี ะเบียบวินัย และเหน็ อกเหน็ ใจผู้อื่น ๓. ให้รจู้ ักบำเพ็ญตนเพอ่ื สาธารณประโยชน์ ๔. ให้ร้จู กั ทำการฝีมือและฝึกฝนการทำกจิ กรรมต่างๆตามความเหมาะสม ๕. ใหร้ ูจ้ กั รักษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรม และความมัง่ คงชองชาติ แนวการจดั กิจกรรม กิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑-๓ เปิดประชุมกอง ดำเนนิ การตามกระบานการของลกู เสือ และจัดกจิ กรรมใหศ้ ึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง โดยให้ผู้เรยี น ศึกษาและฝึกปฏบิ ัติดังนี้ ๑. เตรียมลูกเสือสำรอง นิยายเรือ่ เมาคลี ประวัติการเริ่มกิจกรรมลูกเสือสำรอง การทำ ความเคารพเป็นหมู่ (แกรนด์ฮาวล์) การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบยี บแถวเบอ้ื งต้น คำปฏญิ าณ กฎ และคติพจนข์ องลกู เสือสำรอง ๒. ลูกเสอื สำรองดาวดวงท่ี ๑ , ๒ และ ๓ อนามยั ความสามารถเชิงทักษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาติ ความปลอดภัย บริการ ธง และประเทศต่างๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิง การผูกเงื่อน คำปฏิญาณ และกฎของลูกเสือสำรอง โดยใช้กระบานการทำงาน กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการ จัดการ กระบวนการคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏิบัติ ทางลูกเสือ กระบวนการทางเทคโนโลยี และภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ได้อย่างเหมาะสม เพ่ือให้มคี วามรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏิบัตติ ามคำปฏญิ าณ กฎ และคตพิ จนข์ อง ลกู เสอื สำรอง มนี ิสัยในการสังเกต จดจำ เช่ือฟงั และพ่ึงตนเอง ซ่อื สตั ย์ สจุ ริต มรี ะเบยี บวินัย และเห็น อกเหน็ ใจผ้อู ่นื บำเพญ็ ตนเพ่ือสาธารณประโยชน์ รู้จกั ทำการฝีมือ พัฒนากาย จติ ใจ และศลี ธรรม ท้ังนโี้ ดย

๔๕๘ ไม่เกีย่ วข้องกบั ลทั ธทิ างการเมืองใดๆ สนใจและอนรุ ักษธ์ รรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม นำไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ กิจกรรมลกู เสือ - เนตรนารี ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔-๖ เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชมุ กอง โดยให้ ผ้เู รียนศึกษาและปฏิบัตใิ นเรอ่ื ง ๑. ลูกเสือตรี ความรู้เกี่ยวกับขบวนการลูกเสือ คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญ กิจกรรม กลางแจ้ง ระเบียบแถว ๒. ลูกเสอื โท การร้จู ักดแู ลตนเอง การชว่ ยเหลือผ้อู น่ื การเดนิ ทางไปยังสถานท่ีต่างๆ ทักษะทาง วิชาลูกเสอื งานอดิเรกและเรอื่ ท่นี ่าสนใจ คำปฏญิ าณ และกฎของลูกเสือ ระเบียบแถว ๓. ลกู เสือเอก การพึ่งพาตนเอง การบริการ การผจญภยั วชิ าการของลูกเสอื ระเบียบแถว โดย ใช้กระบวนการทำงาน กระบวนการแก้ปัญหา ระบวนการกลุ่ม กระบวนการจัดการ กระบวนการคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏิบัติทางลูกเสือ กระบวนการทาง เทคโนโลยี และภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ินไดอ้ ย่างเหมาะสม กิจกรรมลกู เสือ - เนตรนารี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑-๓ เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปการปฏบิ ัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง โดยให้ ผเู้ รียนศึกษาและปฏิบตั ใิ นเร่ือง ๑. เพอ่ื ให้ลูกเสอื มีความรู้ความสามารถ ในทางวชิ าการลูกเสือเพ่มิ ขน้ึ จากท่เี รยี นมา ในระดับต้น คือ ลูกเสอื ตรี โท เอก ๒. เพอ่ื ใหล้ กู เสือไดม้ ีความเขา้ ใจ และฝกึ ฝนทกั ษะตนเองในแต่ละวชิ าท่ีเรียนมาไดด้ ยี งิ่ ขน้ึ ๓. เพื่อส่งเสริมใหล้ กู เสือได้เรียนในวิชาท่ีตนเองถนดั และสนใจเปน็ พิเศษ ๔. เพื่อให้ความซาบซ้ึงในกจิ การลกู เสือมากย่ิงขึน้ ๕. เพอ่ื ให้ลกู เสือได้นำความรทู้ ีไ่ ด้รบั ไปปฏบิ ัติ และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่สงั คม เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏบิ ัติตามคำปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ของ ลูกเสอื สามัญ มีนิสยั ในการสงั เกต จดจำ เชอ่ื ฟงั และพึ่งตนเอง ซอื่ สตั ย์ สุจริต มรี ะเบยี บวินัย และเห็น อกเห็นใจผู้อน่ื บำเพ็ญตนเพื่อสารธารณประโยชน์ ร้จู กั ทำการฝมี ือ พัฒนากาย จิตใจ และศีลธรรม ทั้งน้ี โดยไม่เกี่ยวข้องกับลัทธิทางการเมืองใดๆ สนใจและอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนำไปใช้ใน ชวี ติ ประจำวันไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ

๔๕๙ หมายเหตุ ผูเ้ รยี นไดป้ ฏบิ ัติกจิ กรรม และผา่ นการทดสอบแล้ว จะไดร้ บั เคร่ืองหมายลูกเสือตรี ลูกเสือ โท และลกู เสอื เอก กจิ กรรมชุมนมุ นกั ศึกษาวิชาทหาร (น.ศ.ท.) วตั ถุประสงค์ กจิ กรรมชมุ นุมนกั ศึกษาวชิ าทหารจัดตงั้ ขึน้ เพอ่ื ให้นกั เรยี นได้ศึกษาวิชาทหารและปฏบิ ัตติ น ใหอ้ ยู่ในระเบยี บวนิ ยั และ ปฏิบตั ิตามกฎหมายอย่างเคร่งครดั เทิดทนู และรกั ษาไว้ ซ่งึ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร้รู ักสามคั คี มุ่งบำเพญ็ ประโยชน์เพื่อสังคมสว่ นรวม เป็นสำคญั เป็นกำลังพลสำรอง ทีพ่ รอ้ มรบั ใช้ชาติ และปกปอ้ งแผน่ ดินไทย ไว้ดว้ ยชวี ิต แนวการจดั กจิ กรรม การสมคั รเขา้ รว่ มกจิ กรรมนกั ศกึ ษาวชิ าทหาร ตอ้ งมีคุณสมบตั ิ ดังน้ี ๑. เปน็ ชายหรือหญิงท่มี สี ัญชาตไิ ทย ๒. ไม่พิการ ทุพพลภาพ หรือมีโรคซึ่งไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ ตามกฎหมายว่าด้วย การรับราชการทหาร ๓. มีขนาดรอบตัว นำ้ หนกั และความสงู ตามสว่ นสมั พนั ธ์ ๔. มีความประพฤติเรยี บร้อย ๕. กำลังศกึ ษาอยูใ่ นสถานศกึ ษาทห่ี นว่ ยบัญชาการกำลังสำรองเปดิ ทำการฝึกวชิ าทหาร ๖. สำเรจ็ การศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ หรือเทียบเทา่ ข้ึนไป และมผี ลการศกึ ษาของช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ หรอื เทียบเทา่ ตัง้ แต่ ๑.๐๐ ขน้ึ ไป หรือนักเรียนทเี่ คยเป็นลูกเสือสามัญ รนุ่ ใหญ่ และสอบได้วิชาพิเศษไมน่ อ้ ยกว่า ๘ วิชา จะต้องมผี ลการศกึ ษาของชั้นมัธยมศึกษา ปที ี่ ๓ หรือเทียบเทา่ ไมต่ ำ่ กวา่ ๑.๕ ๗. นักศึกษาวิชาทหารจะต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายตามทีก่ ำหนด ดังน้ี ๗.๑ ลุก-น่ัง ๓๔ ครงั้ ภายใน ๒ นาที ๗.๒ ดันพนื้ ที่ ๒๒ คร้งั ไม่จำกัดเวลา ๗.๓ ว่งิ ระยะทาง ๘๐๐ เมตร ใช้เวลาไม่เกิน ๓ นาที ๑๕ วินาที ๘. นกั ศกึ ษาหญิง จะตอ้ งผา่ นการทดสอบสมรรถภาพทางรา่ งกายตามทก่ี ำหนด ดังน้ี ๘.๑ ลกุ -น่ัง ๒๕ ครง้ั ภายใน ๒ นาที ๘.๒ ดันพื้นท่ี ๑๕ คร้งั ภายในเวลา ๒ นาที (เดมิ ไมจ่ ำกดั เวลา) ๘.๓ วงิ่ ระยะทาง ๘๐๐ เมตร ใช้เวลาไมเ่ กนิ ๔ นาที (เดิม ๕ นาที)

๔๖๐ กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ วัตถุประสงค์ ๑. เพ่ือให้ผูเ้ รยี นบำเพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชนต์ อ่ ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และประเทศชาติ ๒. เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี นออกแบบกจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารประโยชนอ์ ย่างสร้างสรรค์ตามความถนัด และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร ๓. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ ๔. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนปฏิบัตกิ ิจกรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์จนเกดิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมตาม คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๕. เพ่ือให้ผูเ้ รียนมีจิตสาธารณะและใชเ้ วลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ แนวการจัดกิจกรรม การจดั กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผเู้ รยี นไดท้ ำประโยชน์ ตามความสามารถ ความถนัดและความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร เพอื่ แสดงถึงความรบั ผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มีจิตใจมุ่งทำประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชนและสังคมกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ กิจกรรม บำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม กิจกรรมดำรงรักษา สืบสาน ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม กิจกรรมพฒั นานวตั กรรมและเทคโนโลยี เวลาเรียนสำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ในส่วนกิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ จดั สรรเวลาใหผ้ เู้ รยี นระดบั ประถมศึกษาปที ี่ ๑-๖ รวม ๖ ปี จำนวน ๖๐ ชั่วโมง (เฉลย่ี ปีละ ๑๐ ชว่ั โมง) มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑-๓ รวม ๓ ปี จำนวน จำนวน ๓๐ ชวั่ โมง (เฉล่ียปีละ ๑๐ ชัว่ โมง) และ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔-๖ รวม ๓ ปี จำนวน จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง (เฉลย่ี ปลี ะ ๒๐ ช่วั โมง) การจดั กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ในระดบั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑-๖ และมธั ยมศึกษา ปีท่ี ๑-๖ เป็นการจดั กิจกรรมร่วมอยูใ่ นวิชาชมุ นมุ โดยใหผ้ ู้เรยี นรายงานแสดงการเข้าร่วมกิจกรรมลงในสมุด บนั ทกึ และมผี ้รู ับรองผลการเข้ารว่ มกจิ กรรมทกุ ครง้ั แนวทางการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บูรพาวทิ ยากร) กำหนดแนวทางในการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นดังน้ี ๑. การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นรายกจิ กรรม มีแนวทางปฏบิ ตั ิดงั นี้ ๑.๑ การตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียน ตลอดปกี ารศึกษา

๔๖๑ ๑.๒ ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจากการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียน ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมินทุกผลการเรียนรู้ และผา่ นทกุ ผลการเรยี นรู้ โดยแต่ละผลการเรียนรู้ผ่านไม่น้อย กว่ารอ้ ยละ ๕๐ หรือมคี ณุ ภาพในระดับ ๑ ขึน้ ไป ๑.๓ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียนตาม เกณฑ์ ข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ถือว่าผู้เรียนมีผลการเรียน “ผ” ผ่านการประเมินกิจกรรมและนำผลการ ประเมินไปบันทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรยี น ๑.๔ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานไม่เป็นไปตาม เกณฑ์ ข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ถือว่าผู้เรียนมีผลการเรียน “มผ” โรงเรียนต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำ กิจกรรมในส่วนที่ผู้เรยี นไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” และนำผลการประเมนิ ไปบนั ทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรยี น ๒. การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียนเพอ่ื การตัดสนิ มแี นวปฏิบตั ิดังน้ี ๒.๑ กำหนดให้ผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของ ผเู้ รยี นทกุ คนตลอดระดับการศกึ ษา ๒.๒ ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคลตาม เกณฑท์ ีโ่ รงเรยี นกำหนด ผู้เรยี นจะตอ้ งผ่านกจิ กรรม ๓ กจิ กรรมสำคัญดังน้ี ๒.๒.๑ กจิ กรรมแนะแนว ๒.๒.๒ กิจกรรมนกั เรียน ได้แก่ ๑. กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ๒. กิจกรรมชุมนมุ ๓. กิจกรรมนกั ศึกษาวิชาทหาร (น.ศ.ท.) ๒.๒.๓ กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๒.๓ การนำเสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน ๒.๔ เสนอผู้บรหิ ารโรงเรียนพิจารณาอนมุ ัติผลการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นผ่านเกณฑ์การ จบแต่ละระดับการศกึ ษา

๔๖๒ คำอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น คำอธบิ ายรายวชิ า กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/ปี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี ๑ – มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ รู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผูอ้ ่ืน มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีเจตคติที่ดีตอ่ การมชี วี ิตทด่ี มี ีคุณภาพ มีทักษะในการดำเนนิ ชีวิต สามารถปรับตวั ให้ดำรงชวี ติ อยใู่ นสังคมได้อย่างมีความสุข รู้จักตนเองในทุกด้าน รู้ความถนัด ความสนใจ และบุคลิกภาพของตนเอง รู้และเข้าใจโลกของงานอาชีพ อย่างหลากหลาย มีเจตคติที่ดตี ่ออาชีพสจุ รติ รู้ข้อมูลอาชพี สามารถเลือกตนแนวทางในการประกอบอาชพี ไดอ้ ย่างเหมาะสม มีการเตรียมตัวสู่อาชพี สามารถวางแผนเพอ่ื ประกอบอาชีพตามท่ีตนเองมีความถนัดและ สนใจ มีคุณลักษณะพน้ื ฐานทีจ่ ำเป็นในการประกอบอาชพี และพฒั นางานใหป้ ระสบความสำเร็จเพือ่ สรา้ งฐานะ ทางเศรษฐกจิ ให้กับตนเอง ครอบครวั ชมุ ชนและประเทศชาติ พฒั นาตนเองในดา้ นการเรยี นอยา่ งเต็มศักยภาพ รูจ้ ักแสวงหาความรู้ใฝร่ ู้ใฝ่เรียนให้เปน็ คนดีมีความรู้ และทักษะทางวิชาการ รู้จักแสวงหาและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนการเรียนหรอื การศึกษาต่อได้อย่างมี ประสิทธิภาพ มีวิธีการเรียนรู้ มีทักษะการคิด แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ คิดเป็น ทำเป็น มีคุณธรรม จริยธรรม เอื้ออาทรและสมานฉนั ท์ เพอื่ ดำรงชีวิตอยูร่ วมกันอยา่ งสงบสุขตามวิถีชวี ติ เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ รู้จัก เข้าใจ รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น เกิดการเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรียนรู้ อาชีพ รวมทั้งการดำเนินชีวิตและมีทักษะทางสังคม เกิดการเรียนรู้สามารถ ปรับตัวได้อย่างเหมาะสม อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข พึ่งตนเองได้มีทักษะในการเลือกแนวทาง การศึกษา การงานและอาชีพ ชวี ิตและสงั คม มสี ขุ ภาพจิตทด่ี ีและจติ สำนึกในการทำประโยชน์ต่อครอบครัว สงั คมและประเทศชาตติ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรยี นรู้ ๑. เพอ่ื ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ รู้จกั เขา้ ใจ รัก และเหน็ คุณค่าในตนเองและผู้อน่ื ๒. เพ่อื ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรียน การศกึ ษาตอ่ อาชีพ รวมท้งั การ ดำเนินชีวิต และมที กั ษะทางสงั คม ๓. เพ่ือให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ สามารถปรบั ตัวได้อย่างเหมาะสม และอยู่รว่ มกับผอู้ ื่นได้อย่าง เหมาะสม ๔. สามารถประยุกตใ์ ช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้ รวม ๔ ผลการเรยี นรู้

๔๖๓ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น คำอธบิ ายรายวชิ า ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ กิจกรรมลูกเสือหลักสตู รเตรียมลกู เสอื สำรอง ดาวดวงท่ี 1 เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/ปี มคี วามร้คู วามเข้าใจและสามารถปฏิบตั ิในเรอื่ งของประวตั ิการเรม่ิ กิจการลูกเสอื สำรอง ประโยชน์การเป็นลกู เสือสำรอง เครอ่ื งแบบและเครือ่ งหมายลูกเสอื สำรอง นิทานเรอื่ งเมาคลี ระเบียบแถวท่าพกั รูปแถวต่าง ๆ การทำความเคารพรายบุคคลและเปน็ หมู่ ประวัติการจบั มอื ซา้ ย คำปฏิญาณ กฎ คตพิ จน์ ของ ลกู เสือสำรอง การรกั ษาความสะอาดฟัน มือ เท้า และเลบ็ การหายใจอย่างถูกวธิ ี การปฐมพยาบาลแผลขนาด เล็ก การขวา้ งและรับลูกบอล การม้วนหน้า การกระโดดกบ การปนี ตน้ ไม้ การไต่เชอื ก การสำรวจและการเยอื น สถานท่ใี กลเ้ คียง การขอความช่วยเหลอื การเรยี นร้ธู รรมชาตขิ องชีวติ สตั ว์ สาเหตุของการเกดิ อบุ ตั ิเหตุ อนั ตราย ทเี่ กดิ จากไฟ และวธิ ีปอ้ งกนั ความปลอดภัยในการเดนิ ถนน และขา้ มถนน การเกบ็ รกั ษาเสื้อผา้ รองเท้า การจดั และเกบ็ ท่ีนอน การตม้ น้ำร้อน การทำความสะอาดเครื่องใช้พระราชประวัติพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั พระ ราชกรณยี กิจ พระราชกรณียกจิ ทเ่ี กี่ยวกับกจิ การลกู เสอื เพลงชาติ เพลงสรรเสรญิ พระบารมี ธงชาตไิ ทย ธง ลกู เสือโลก ธงชาตอิ ังกฤษ ธงชาตฟิ ิลิปปนิ ส์ การประดิษฐส์ งิ่ ของจากเศษวสั ดุ การเดินสะกดรอย การแสดงเงยี บ การผูกเงื่อนพิรอด เงือ่ นขัดสมาธิและประโยชนข์ องเง่อื น การเกบ็ เชอื ก การปฏบิ ัตติ นตามคำปฏิญาณและกฎ ของลูกเสอื สำรอง มที ักษะในการสังเกต จดจำ การใชม้ อื เคร่อื งมือการแกป้ ญั หาและทกั ษะในการทำงานร่วมกบั ผอู้ ืน่ มคี วามซอ่ื สัตย์ สจุ ริต มีระเบยี บวนิ ัย มคี วามสามัคคี เห็นอกเห็นใจผอู้ น่ื มีความเสียสละ บำเพญ็ ตนเพอ่ื สาธารณประโยชน์ มกี ารพฒั นาตนเองอยู่เสมอ สร้างสรรคง์ านฝมี อื สนใจและพัฒนาเรอ่ื งของธรรมชาติ เพ่ือให้ผเู้ รยี นมีพฒั นาทางกาย สตปิ ญั ญา จติ ใจและศลี ธรรมใหเ้ ปน็ พลเมอื งดี มีความรับผิดชอบ ช่วย สรา้ งสรรค์สงั คม ใหม้ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ ความสงบสขุ และความมัน่ คงของประเทศชาติ จงึ ตอ้ งปลูกฝงั ให้มี คณุ ลักษณะดงั ที่กลา่ วมาแลว้ ผลการเรียนรู้ ลกู เสือสำรอง ดาวดวงที่ 1 หนว่ ยที่ 1 อนามัย 1.1 บอกเหตผุ ล และบอกวิธีการรักษาความสะอาด ฟนั มือ เท้า เล็บได้ 1.2 แสดงวิธกี ารหายใจ แสดงวธิ ีป้องกนั โรคหวัดไม่ให้แพรอ่ อกไปได้ 1.3 แสดงวธิ ปี ฏิบัติเม่ือมบี าดแผลเลก็ นอ้ ย และขอความชว่ ยจากผู้ใหญ่เมอื่ เกิดอุบตั ิเหตุเกดิ ข้นึ ได้ หน่วยท่ี 2 ความสามารถในเชงิ ทักษะ 2.1 ขว้าง รับลูกบอล ม้วนหน้า กระโดดข้ามสิง่ กดี ขวาง ปนี ตน้ ไมไ้ ด้ หน่วยท่ี 3 การสำรวจ 3.1 บอกสถานที่ทีใ่ หบ้ ริการในทอ้ งถ่ิน และขอความชว่ ยเหลือจากผู้ใหญ่ ตำรวจหรอื หนว่ ยดบั เพลงิ ได้ หนว่ ยที่ 4 การคน้ หาธรรมชาติ

๔๖๔ 4.1 บอกชือ่ พชื สัตว์ที่พบเห็น และบอกลกั ษณะ ประโยชน์ โทษของพชื หรือสตั ว์ที่พบเห็นได้ หนว่ ยท่ี 5 ความปลอดภยั 5.1 บอกสาเหตทุ ี่ทำใหเ้ กิดอบุ ตั ิเหตุในบา้ น และอันตรายท่ีเกดิ จากไฟไหม้ได้ 5.2 แสดงตนในการเดินถนน ข้ามถนนอย่างปลอดภยั ได้ หนว่ ยท่ี 6 การบรกิ าร 6.1 แสดงวิธเี กบ็ เส้อื ผา้ รองเท้า จดั ที่นอนให้เกิดความเรยี บร้อยได้ 6.2 แสดงวธิ ตี ม้ น้าํ ร้อน และการทำความสะอาดเครอื่ งใชห้ ลงั จากใช้เสรจ็ แล้วได้ หน่วยท่ี 7 ธงและประเทศต่างๆ 7.1 บอกพระราชประวตั ิและพระราชกรณียก์ ิจที่สำคัญของรชั กาลปัจจบุ นั ได้ 7.2 ร้องเพลงชาติ เพลงสรรเสรญิ พระบารมี และปฏบิ ัติได้ เม่ือมีการบรรเลงเพลงชาตแิ ละเพลง สรรเสรญิ พระบารมี 7.3 บอกประวตั ิธงชาติไทย บอกสิง่ ประกอบ ความหมายของธงชาติไทยได้ 7.4 บอกลักษณะของธงคณะลกู เสอื แห่งชาตไิ ด้ 7.5 บอกลักษณะของธงชาตอิ ังกฤษ และธงชาตฟิ ิลปิ ปินส์ได้ หน่วยที่ 8 การฝมี ือ 8.1 นำเศษวัสดมุ าประดษิ ฐ์เป็นหนุ่ จำลองได้ หนว่ ยท่ี 9 กิจกรรมกลางแจ้ง 9.1 บอกเครอื่ งหมายทีใ่ ช้ในการเดนิ ทางสะกดรอยและเดนิ สะกดรอยได้ หนว่ ยที่ 10 การบนั เทงิ 10.1 แสดงเงยี บตามลำพัง หรือรว่ มกับเพ่อื นได้ หนว่ ยท่ี 11 การผกู เงือ่ น 11.1 ผกู เงื่อนพริ อด เงื่อนขัดสมาธิ และบอกประโยชนแ์ ละการเกบ็ เชือกได้ หน่วยที่ 12 คำปฏญิ าณ กฎ คติพจน์ของลูกเสอื สารอง 12.1 บอกและปฏิบัติตามคำปฏิญาณของลูกเสือสำรองได้ 12.2 บอกและปฏบิ ัตติ ามกฎของลกู เสือสำรองได้ 12.3 บอกและปฏิบัติตามคตพิ จน์ของลูกเสือสำรองได้

กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ๔๖๕ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ คำอธบิ ายรายวชิ า กจิ กรรมลูกเสือหลกั สูตรเตรยี มลกู เสอื สำรอง ดาวดวงท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ปี มคี วามรู้ ความเข้าใจและสามารถปฏบิ ัติในเรอ่ื งของ ความสำคญั ของการนอนหลบั การปฐมพยาบาล เมื่อมีเลอื ดกำเดาออก การวา่ ยน้ำ การกระโดดเชือก การเดินทรงตวั การมว้ นตวั การข้นึ บันได การเล้ยี งลกู บอล การสำรวจและการเยอื นสถานทีก่ ารเพาะเมลด็ พันธ์พุ ืช การเรียนรูพ้ ชื ท่ีเป็นอาหารของสัตว์ สาเหตุท่ที ำใหเ้ กิด อุบตั ิเหตุ ทางนำ้ การปฏิบตั ิตนในการเดนิ ทางทางน้ำ การบริการเกี่ยวกบั เหตฉุ ุกเฉิน การชักธงชาติ การเกบ็ รักษาธงชาติ ธงคณะลูกเสอื โลก ธงชาตญิ ่ปี ุ่น มาเลเซยี สงิ คโปร์ และอนิ โดนเี ซยี การทำวา่ ว การพับกระดาษ การทำไม้สงู สำหรบั เดนิ การทำนาฬกิ าแดด การทำเขม็ ทิศจำลอง การกอ่ ไฟ การปรงุ อาหาร การดบั ไฟและการ ทำความสะอาดสถานที่ การแสดงกล การเล่านทิ าน การรอ้ งเพลง การเลน่ ดนตรี การม้วนตัวทา่ ต่าง ๆ การผูก เงือ่ นบว่ งสายธนแู ละเง่อื นกระหวัดไม้และประโยชน์ของเง่อื น การเก็บเชอื ก การปฏิบัติตน ตามคำปฏิญาณและ กฎของลูกเสอื สำรอง มีทักษะในการสงั เกต จดจำ การใช้มือ เคร่อื งมือ การแกป้ ัญหา และทักษะในการทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่ืน มีความซอื่ สัตย์ สุจริต มีระเบียบ วนิ ัย มคี วามสามัคคี เหน็ อกเห็นใจผ้อู นื่ มีความเสียสละ บำเพญ็ ตน เพื่อสาธารณประโยชน์ มกี ารพัฒนาตนเองอยเู่ สมอ สรา้ งสรรคง์ านฝมี ือ สนใจและพัฒนาเรื่องของธรรมชาติ เพ่อื พฒั นาลูกเสือทงั้ ทางกาย สตปิ ัญญา จิตใจและศลี ธรรมใหเ้ ปน็ พลเมอื งดี มีความ รับผดิ ชอบ ช่วย สรา้ งสรรคส์ งั คมให้มีความเจรญิ กา้ วหน้า เพ่อื ความสงบสขุ และความมัน่ คงของประเทศชาติ จึงต้องปลกู ฝงั ใหม้ ี คุณลักษณะดงั ท่ีกลา่ วมาแลว้ ผลการเรยี นรู้ ลูกเสือสำรอง ดาวดวงท่ี 2 หน่วยท่ี 1 อนามัย 1.1 บอกความสำคัญของการหลับสนทิ ในเวลากลางคนื ได้ 1.2 แสดงวธิ ปี ฐมพยาบาลเมอ่ื มเี ลือดกําเดาออก 1.3 บอกความสำคัญของการขอความชว่ ยเหลอื จากผู้ใหญ่เมอ่ื เกดิ อบุ ตั เิ หตไุ ด้ หน่วยท่ี 2 ความสามารถในเชิงทักษะ 2.1 กระโดดเชอื กเท้าติดกัน โดยแกว่งเชือกด้วยตนเองได้ 2.2 เดนิ ทรงตวั บนราวไม้ และบนกําแพงได้ 2.3 เลี้ยงลกู บอลด้วยปลายเท้าอย่างรวดเร็วอ้อมสงิ่ กีดขวางได้ หนว่ ยท่ี 3 การสำรวจ 3.1 เขียนรายงานการสำรวจ และเยอื นสถานท่ใี นทอ้ งถน่ิ ได้

๔๖๖ หน่วยท่ี 4 การค้นหาธรรมชาติ 4.1 เพาะถวั่ งอกหรือเมลด็ พันธพ์ ืชอ่นื ที่งอกง่ายได้ 4.2 บอกชนิดของอาหารท่ีให้แกส่ ัตว์เล้ียงได้ หนว่ ยที่ 5 ความปลอดภยั 5.1 บอกวิธกี ารปฏิบัติตนให้ปลอดภยั ในการเดนิ ทาง ทางนํ้าได้ หนว่ ยที่ 6 การบริการ 6.1 จำ บอก หรือส่งข่าวด้วยตัวเลข ข้อความ ชื่อ วิธีส่งข่างให้ผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ทราบเมื่อเกิด อบุ ตั เิ หตุได้ 6.2 ใชโ้ ทรศัพท์สาธารณะ และสมุดโทรศัพท์ได้ หน่วยท่ี 7 ธงและประเทศต่างๆ 7.1 ปฏบิ ตั วิ ิธชี กั ธงข้นึ ชักธงลง และบอกวธิ เี ก็บรกั ษาธงชาตใิ ห้เรยี บร้อยได้ 7.2 เขียนภาพธงคณะลกู เสือโลก และเขียนภาพธงประเทศอ่นื ๆ ได้ 4 ประเทศ 7.3 บอกช่ือ และทีต่ ง้ั ของประเทศใกล้เคียงได้ หนว่ ยท่ี 8 การฝีมอื 8.1 สามารถนำเศษวสั ดมุ าประดิษฐ์เป็นอปุ กรณ์หรอื ของเลน่ ได้ หนว่ ยท่ี 9 กจิ กรรมกลางแจ้ง 1.1สามารถกอ่ ไฟ ปรงุ อาหาร และดบั ไฟ ทำความสะอาดสถานทไ่ี ด้ หน่วยท่ี 10 การบนั เทงิ 10.1 ทำกิจกรรม เล่านทิ าน ร้องเพลง ได้ 10.2 ม้วนตัวท่าต่างๆ ตามลำพังและกบั เพือ่ นลกู เสอื สำรองได้ หนว่ ยที่ 11 การผูกเงื่อน 11.1 ผูกเงื่อนบ่วงสายธนู และเงื่อนกระหวัดไม้ พร้อมบอกประโยชน์ของการนำเงื่อนบ่วงสายธนู และเงอื่ นกระหวดั ไม้ได้ หน่วยที่ 12 คำปฏญิ าณ กฎ คตพิ จน์ ลูกเสอื สำรอง 12.1 ปฏิบัติตามคำปฏิญาณของลูกเสือสำรองได้ 12.2 ปฏิบัติตามกฎ ของลกู เสอื สำรองได้ 12.3 ปฏบิ ัตติ ามคติพจนข์ องลกู เสือสำรองได้

๔๖๗ คำอธบิ ายรายวชิ า กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน กิจกรรมลูกเสอื หลักสูตรเตรียมลกู เสือสำรอง ดาวดวงที่ ๓ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ปี เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การทำงาน ร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน การ ประนีประนอม เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสตปิ ัญญา ดำเนินการตามกระบวนการลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยใช้การศึกษา วิเคราะห์ วางแผนการจัด กจิ กรรมตามมาตรฐาน เนน้ ระบบหมู่ สรุปผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม ปดิ ประชุมกอง ตามหลกั สตู รลูกเสือ/เนตร นารีสามัญรุ่นใหญ่ ปฏิบัติกิจกรรมที่ก่อให้เกิดคุณธรรม คุณลักษณะ ตามคติพจน์ คำปฏิญาณและกฎของ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ กิจกรรมเดินทางสำรวจ การเดินสวนสนาม มีทักษะทางลูกเสือในการช่วยเหลือผูอ้ น่ื และการทำงานเป็นหมู่คณะ มีทักษะในการพัฒนาสมรรถภาพทางกาย นำหลักธรรมทางศาสนาไปปฏิบัตแิ ละ เผยแพร่ ตระหนักในพระคุณของบิดา มารดา และผู้มีพระคุณ รู้จักและเข้าใจเพื่อช่วยเหลือและชักจูงให้ ปฏิบัติตนเป็นคนดี สร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อน และสิ่งแวดล้อมของชุมชน เรียนรู้มรดก ภูมิปัญญาไทย ของท้องถ่ินในคุณคา่ ละคุณประโยชน์ หมายเหตุ เมื่อผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้แล้ว และผ่านการทดสอบ จะได้รับเครื่องหมาย ลูกเสือหลวง และเวลาที่เหลือสามารถทดสอบเครื่องหมายวิชาพิเศษที่เกี่ยวข้องได้ตามความถนดั ของผู้เรียน และเมอ่ื สอบผา่ นแล้วกจ็ ะประดับเครอ่ื งหมายวชิ าพิเศษน้ันๆ จุดประสงคก์ ารเรยี นรกู้ จิ กรรมลูกเสือ-เนตรนารีสามญั รุ่นใหญ่ช้ัน ป.3 1. อธบิ ายความหมาย จดุ มุ่งหมาย ประโยชน์ วธิ กี ารดำเนนิ การ และเทคนิคของการโต้วาที ได้ 2. อธิบายประวัตคิ วามเปน็ มา หลักสตู รของลกู เสอื สำรอง และอธิบายหลกั การของขบวนการของลูกเสือได้ 3. ทอ่ งคำปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื และอธิบายได้ 4. เลือกกิจกรรมกลางแจง้ ทเ่ี หมาะสม และปฏิบตั ติ ามหลักการและระเบียบแถวในระดบั ลูกเสอื ตรไี ด้ได้ 5. อธิบายหลักธรรมของศาสนา บอกความสอดคล้องของคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือกับหลักธรรมของ ศาสนา ๖. สามารถบอกแนวทางการนำคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือไปใชแ้ กป้ ัญหาสงั คมได้ ๗. ชว่ ยเหลือผู้อ่นื ชมุ ชน ชาติบ้านเมือง และสังคมโลก ๘. มีเวลาเรยี นและรว่ มกิจกรรมไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของเวลาทัง้ หมด ๙. เข้ารว่ มกจิ กรรมคา่ ยพกั แรมเพอ่ื ทดสอบวิชาพเิ ศษภาคปฏิบตั ิ

๔๖๘ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น คำอธบิ ายรายวชิ า ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ กิจกรรมลูกเสือหลักสตู รเตรยี มลูกเสือสามญั เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ปี เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกจิ กรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญที่มคี วามเป็น เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้และมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ลดภาวะโลกร้อนและประยุกต์ใช้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ความรเู้ กย่ี วกบั กระบวนการลกู เสอื ประวัติของ Load Baden Powell พระราชประวัติ สังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัว ววิ ฒั นาการของกระบวนการ ลูกเสอื ไทยและลูกเสือโลก การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจับมือซ้าย กิจกรรมกลางแจ้ง ระเบียบแถวท่ามือเปล่า ท่ามือไม้ พลวง การใชส้ ัญญามือและนกหวดี การตั้งแถวและการเรยี นแถว เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติ พจนข์ องลูกเสือสามญั มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เช่ือฟัง และพึ่งตนเอง มีความซอ่ื สัตย์ สุจริต มีระเบียบ วินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและฝึกฝนการทำ กิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม และความมน่ั คง ประโยชนแ์ ละสามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรียนรู้ กจิ กรรมลูกเสอื สามัญ ตรี หน่วยท่ี 1 ประวตั ลิ อรด์ เบเดน โพเอลล์ 1.1เลา่ ประวตั ขิ อง ลอรด์ เบเดน โพเอลล์ โดยย่อๆ ได้ หนว่ ยท่ี 2 พระราชประวัติของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอย่หู ัว 2.1 เลา่ พระราชประวตั ิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โดยย่อๆ ได้ 2.2 บอกพระราชกรณยี กิจของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หวั อย่างน้อย 2 ขอ้ ได้ 2.3 อธบิ ายการกาํ เนดิ ของลกู เสือไทยโดยสังเขป ได้ หนว่ ยที่ 3 ววิ ัฒนาการของลูกเสือโลกและลูกเสือไทย 3.1 บอกววิ ฒั นาการของการลูกเสือโลกและลูกเสือไทยได้ หนว่ ยท่ี 4 การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจบั มือ คตพิ จนข์ องลกู เสอื สามัญ 4.1 แสดงความเคารพทา่ มอื เปล่า และท่าถือพลองได้ 4.2 บอกความหมายของรหัสลกู เสอื ได้ถกู ตอ้ ง 4.3 บอกความเปน็ มาของการจบั มอื แบบลกู เสอื และปฏบิ ัติได้ 4.4 อธิบายความหมายของคติพจนข์ องลกู เสือสามญั ได้

๔๖๙ หนว่ ยที่ 5 คำปฏิญาณ กฎ ของลกู เสือสามญั 5.1 บอกความหมาย และปฏิบัตติ ามคำปฏญิ าณลกู เสอื สามญั ได้ 5.2 กลา่ วคำปฏญิ าณ และทอ่ งกฎของลกู เสอื สามญั ได้ หนว่ ยท่ี 6 กจิ กรรมกลางแจง้ 6.1 ปฏิบัตกิ ิจกรรมรว่ มกบั หมู่ลกู เสือและกองลกู เสอื นอกสถานที่ได้ หน่วยที่ 7 ระเบยี บแถว 7.1 ปฏิบตั ิตามระเบียบแถวท่ามอื เปลา่ ได้ 7.2 ปฏิบัตติ ามระเบียบแถวทา่ ถือไมพ้ ลองได้ 7.3 ปฏิบัตติ ามสัญญาณมอื สัญญาณนกหวีดได้ 7.4 เข้าแถวรูปแบบต่างๆ ได้

๔๗๐ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น คำอธิบายรายวชิ า ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๕ กจิ กรรมลกู เสือหลักสตู รเตรียมลูกเสอื สามัญ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี เปิดประชุมกองดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญที่มีความเป็น เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ลดภาวะโลกร้อนและการประยุกต์ใช้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง โดยใช้ทักษะในทางวชิ าลกู เสือ การรูจ้ ักดูแลตนเอง การช่วยเหลอื ผ้อู นื่ การเดนิ ทางไปยัง สถานท่ตี า่ ง ๆ ทำงานอดเิ รก และเร่อื งทีส่ นใจ เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติ พจนข์ องลูกเสือสามญั มนี ิสัยในการสังเกต จดจำ เชอื่ ฟงั และพงึ่ ตนเอง มีความซอ่ื สตั ย์ สุจรติ มีระเบียบ วินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและฝึกฝนการทำ กิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนดั และความสนใจ รักษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม และความมน่ั คง ประโยชนแ์ ละสามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ กิจกรรมลกู เสอื สามัญ – เนตรนารี โท หนว่ ยที่ 1 การรู้จกั พ่งึ ตนเอง 1.1 แสดงวธิ ีบรรจสุ ิง่ ของลงเครือ่ งหลังได้ 1.2 เตรียมเครือ่ งปจั จุบันพยาบาล เป็นส่วนตัวสำหรับการเดนิ ทางไกลได้ 1.3 ก่อไฟ ปรุงอาหาร เคร่อื งดื่ม และปรุงอาหารอยา่ งงา่ ยนอกสถานทไี่ ด้ 1.4 กางเตน็ ท์ และเกบ็ เต็นท์ได้ หน่วยที่ 2 การชว่ ยเหลอื ผู้อื่น 2.1 แสดงวิธีการปฐมพยาบาลบาดแผลท่ีเกดิ จาก แมลง หรอื สัตวม์ ีพษิ ตอ่ ย ได้ 2.2 แสดงวธิ ปี ฐมพยาบาลเมอ่ื ถูกแดดเผา ไฟลวก น้าํ รอ้ นลวกได้ 2.3 บอกชือ่ สถานทีส่ ำคัญในท้องถนิ่ และชแี้ นะนำไปยังสถานท่ีสำคญั ในทอ้ งถิน่ ได้ หน่วยท่ี 3 การเดนิ ทางไปยังสถานท่ตี ่างๆ 3.1 บอกชอื่ ทศิ ท้งั 8 ได้ถูกตอ้ ง 3.2 บอกเครือ่ งหมายต่างๆ ในแผนที่ และหาทิศโดยใชแ้ ผนท่ี เขม็ ทิศได้ 3.3 เดินทางไป – กลับ ระยะทาง 5 กิโลเมตร และบอก กฎ เครื่องหมายจราจรได้ หนว่ ยที่ 4 ทักษะในวิชาการลูกเสอื 4.1 บอกวธิ ีการใช้มีด ขวาน อย่างเหมาะสมกับงาน และบอกวธิ กี ารเกบ็ รักษามีด ขวานได้ 4.2 ผกู เงือ่ นประมง เงอื่ นผกู ร่น เงื่อนคนลากได้อยา่ งน้อย 1 เงือ่ น

๔๗๑ 4.3 ผกู เงือ่ นขัดสมาธิ และเงือ่ นขดั สมาธิ 2 ชั้น ได้ 4.4 ผูกเงื่อนผูกซุง เงื่อนตะกรดุ เบ็ด เง่อื นผกู ร้ัง ได้อย่างน้อย 1 เง่อื น 4.5 ผูกแนน่ แบบตา่ งๆ และบอกประโยชนข์ องการผกู แนน่ แบบต่างๆ ได้ หนว่ ยท่ี 5 งานอดเิ รกและเรอื่ งทนี่ ่าสนใจ 5.1 เลอื กทำงานอดเิ รกทีต่ นเองถนดั และสนใจ อย่างน้อย 2 อย่าง หน่วยที่ 6 คำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ ลูกเสอื สามญั 6.1 บอกและปฏบิ ัตติ ามคำปฏิญาณ กฎ คติพจน์ของลูกเสอื สามญั ได้ หนว่ ยที่ 7 ระเบยี บแถว 7.1 ปฏบิ ตั ติ ามระเบียบแถวได้

๔๗๒ กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ช้ันประถมศกึ ษาปที ี ๖ กจิ กรรมนกั เรยี น ( กิจกรรมลกู เสอื สามัญ (ลูกเสอื เอก) ) เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ปี เปดิ ประชุมกองดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยใหศ้ กึ ษา วเิ คราะห์ วางแผน ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเนน้ ระบบหมู่ และปฏบิ ตั ติ ามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือ สามญั วชิ าการของลกู เสือ ระเบยี บแถว การพง่ึ ตนเอง การผจญภยั การใช้สัญลักษณ์ สมาชิกลูกเสือสามัญ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ศึกษาธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิ ปัญญาท้องถิ่นด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ และประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการปฏิบตั ิกิจกรรม เพ่ือการอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละลดภาวะโลกรอ้ น เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลกู เสอื สามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ ของลูกเสือสามญั มีนิสยั ในการสังเกต จดจำ เชอ่ื ฟัง และพ่งึ ตนเอง มีความซ่ือสตั ย์ สจุ ริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและฝึกฝนการทำกิจกรรม ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและ ความมนั่ คง ประโยชน์และสามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรยี นรู้ 1. มนี สิ ยั ในการสงั เกต จดจำ เช่อื ฟงั และพึง่ ตนเองได้ 2. มคี วามซอื่ สตั ย์สุจริต มรี ะเบยี บ วนิ ัยและเห็นอกเห็นใจผู้อืน่ 3. บำเพญ็ ตนเพ่ือสง่ เสริมและสาธารณะประโยชน์ 4. ทำการฝมี ือและฝกึ ฝนทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ 5. รกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น และความมนั่ คงของชาติ 6. อนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน 7. สามารถประยุกตใ์ ช้ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวม ๗ ผลการเรยี นรู้

๔๗๓ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน คำอธิบายรายวชิ า ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 กิจกรรมลกู เสอื หลักสูตรเตรียมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การทำงาน ร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน การ ประนีประนอม เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญาดำเนินการตามกระบวนการลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยใช้การศึกษา วิเคราะห์ วางแผนการจัดกิจกรรมตามมาตรฐาน เน้นระบบหมู่ สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง ตาม หลักสูตรลูกเสือ/เนตรนารีสามัญรุ่นใหญ่ ปฏิบัติกิจกรรมที่ก่อให้เกิดคุณธรรม คุณลักษณะ ตามคติพจน์ คำ ปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ระเบียบวินัยทางลูกเสือ ทักษะทางลูกเสือ เกี่ยวกับการช่วยเหลือ ตนเองและการช่วยเหลือผู้อ่ืน การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ตระหนักในความสำคัญของกิจการลูกเสือแห่งชาติ ปฏบิ ตั ิกรรมเพอ่ื ตอบแทนพระคุณบิดา มารดาและผู้มพี ระคณุ รู้จักและเข้าใจเพื่อชว่ ยเหลือและชกั จงู ให้ปฏิบัติ ตนเป็นคนดี สร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อน ตระหนักในปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของ ชุมชน เรยี นร้มู รดก ภมู ิปญั ญาไทยของทอ้ งถน่ิ ในคุณคา่ ละคณุ ประโยชน์ หมายเหตุ เมื่อผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้แล้ว และผ่านการทดสอบ จะได้รับเครื่องหมาย ลูกเสอื โลก และเวลาท่เี หลอื สามารถทดสอบเครอื่ งหมายวิชาพิเศษท่ีเกี่ยวขอ้ งได้ตามความถนัดของผู้เรยี น และ เมื่อสอบผา่ นแลว้ ก็จะประดับเครอ่ื งหมายวชิ าพิเศษน้นั ๆ จุดประสงค์การเรยี นรู้กิจกรรมลกู เสือ-เนตรนารีสามัญร่นุ ใหญ่ชนั้ ม.1 1. บอกความหมาย ความสำคญั และชนิดของแผนท่ี สามารถอา่ นแผนท่ี และบอกประโยชนข์ องแผนที่ได้ 2. บอกความหมาย สว่ นประกอบของเขม็ ทศิ สามารถใชเ้ ข็มทิศแบบซลิ วาทำแผนทโี่ ดยสังเขป และใช้สังเกต ทิศจากส่ิงแวดล้อมได้ 3. บอกประโยชน์ของเชอื กท่มี ตี ่อกิจกรรมลูกเสอื และสามารถ ผกู เงอ่ื นประเภทตา่ งๆ ได้ 4. บอกความหมาย ความสำคัญ หลักทวั่ ไปของการปฐมพยาบาล ความรูท้ ี่จำเปน็ บางประการสำหรับการ ปฐมพยาบาล และประโยชนข์ องการปฐมพยาบาลได้ 5. บอกความหมาย ความสำคัญ และ ลกั ษณะของกจิ กรรมการบุกเบิกและการผจญภยั สามารถใช้อปุ กรณ์ใน การบกุ เบิกและการผจญภยั ได้ สรปุ สาเหตุของความไม่ปลอดภัย และบอกแนวทางการรกั ษาความปลอดภัยท่ี เกดิ จากการบกุ เบิกและการผจญภยั ได้ 6. บอกความสำคญั วัตถุประสงค์ หลักการ และข้นั ตอนของการเดนิ ทางไกลและการอยูค่ ่ายพกั แรม บอก ลกั ษณะของการจัดตงั้ ค่ายพักแรม และอธบิ ายถงึ การรักษาความปลอดภัยในการเดินทางไกลและการอยู่ค่าย พกั แรมได้

๔๗๔ 7. มีเวลาเรียนและร่วมกิจกรรมไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลาท้งั หมด 8. ผ่านการทดสอบวชิ าพิเศษภาคปฏบิ ัตติ ามท่โี รงเรียนกำหนด 9. ชว่ ยเหลอื ผูอ้ ื่น ชมุ ชน ชาติบ้านเมือง และสงั คมโลก

๔๗๕ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน คำอธิบายรายวชิ า ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ กจิ กรรมลูกเสอื หลักสูตรเตรียมลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี เปน็ กจิ กรรมทมี่ งุ่ พัฒนาความมรี ะเบยี บวนิ ยั ความเปน็ ผ้นู ำผู้ตามท่ีดี ความรบั ผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การ รู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน การประนีประนอม เพื่อ ส่งเสริมให้ผู้เรียนเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและ สตปิ ญั ญา ดำเนินการตามกระบวนการลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยใช้การศึกษา วิเคราะห์ วางแผนการจัด กจิ กรรมตามมาตรฐาน เนน้ ระบบหมู่ สรุปผลการปฏิบัติกจิ กรรม ปิดประชุมกอง ตามหลกั สูตรลกู เสือ/เนตร นารีสามัญรุ่นใหญ่ ปฏิบัติกิจกรรมที่ก่อให้เกิดคุณธรรม คุณลักษณะ ตามคติพจน์ คำปฏิญาณและกฎของ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ หลกั การทางศาสนา ระเบียบแถว สวนสนาม มีทักษะในการเดนิ ทางไกล การอยู่ค่ายพัก แรม การเดินทางสำรวจและการบุกเบิก ทักษะการพัฒนาสมรรถภาพทางกาย ปฏิบัติศาสนากิจ พิธีกรรม ทางศาสนา กจิ กรรมในครอบครวั รจู้ กั และเข้าใจ ชว่ ยเหลือและชกั จูงใหป้ ฏบิ ัติตนเปน็ คนดี สร้างความสัมพันธ์ อนั ดีกับเพ่ือน และสง่ิ แวดล้อมของชุมชน เรยี นรมู้ รดก ภูมิปญั ญาไทยของท้องถ่ินในคุณคา่ ละคุณประโยชน์ หมายเหตุ เมื่อผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้แล้ว และผ่านการทดสอบ จะได้รับเครื่องหมาย ลูกเสอื ช้ันพเิ ศษ และเวลาทีเ่ หลอื สามารถทดสอบเคร่อื งหมายวิชาพิเศษทเ่ี ก่ยี วข้องไดต้ ามความถนดั ของผู้เรียน และเม่อื สอบผา่ นแลว้ กจ็ ะประดับเครอื่ งหมายวชิ าพเิ ศษนน้ั ๆ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรกู้ จิ กรรมลกู เสอื -เนตรนารีสามญั รนุ่ ใหญช่ ้ัน ม.2 1. อธิบายความหมาย และประเภทของยาเสพตดิ และบอกชนดิ ของยาเสพตดิ อาการเมอ่ื เสพ และโทษของ ยาเสพติดชนดิ ต่างๆได้ 2. อธิบาย หลักสำคัญในพระพทุ ธศาสนา สามารถกล่าว ศีล 5 ศีล 8 อาราธนาธรรมอาราธนาพระปรติ ร ได้ 3. อธิบาย ความหมาย ความสำคญั หลักการของการบรกิ าร และระบุกจิ กรรมเก่ียวกับการพัฒนาชุมชน และ อธิบายวิธกี ารบรกิ ารชุมชนตามกฎของลกู เสือได้ 4. บอกความหมาย และความสำคัญของการปฐมพยาบาล อธิบายหลักในการปฐมพยาบาล และปฏบิ ตั ิวธิ ีการ ปฐมพยาบาลอาการป่วยประเภทตา่ งๆในบทเรยี นได้ ๕. มเี วลาเรยี นและร่วมกจิ กรรมไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาทั้งหมด ๖. เข้ารว่ มกจิ กรรมค่ายพักแรมเพ่อื ทดสอบวิชาพิเศษภาคปฏิบัติ ๗. ช่วยเหลือผู้อนื่ ชุมชน ชาติบา้ นเมอื ง และสังคมโลก

๔๗๖ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน คำอธบิ ายรายวชิ า ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ กจิ กรรมลูกเสอื หลักสูตรเตรียมลูกเสอื สามญั รุ่นใหญ่ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/ปี เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การทำงาน ร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน การ ประนีประนอม เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสตปิ ัญญา ดำเนินการตามกระบวนการลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยใช้การศึกษา วิเคราะห์ วางแผนการจัด กจิ กรรมตามมาตรฐาน เนน้ ระบบหมู่ สรปุ ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม ปิดประชมุ กอง ตามหลักสูตรลกู เสือ/เนตร นารีสามัญรุ่นใหญ่ ปฏิบัติกิจกรรมที่ก่อให้เกิดคุณธรรม คุณลักษณะ ตามคติพจน์ คำปฏิญาณและกฎของ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ กิจกรรมเดินทางสำรวจ การเดินสวนสนาม มีทักษะทางลูกเสือในการช่วยเหลือผูอ้ ืน่ และการทำงานเป็นหมู่คณะ มีทักษะในการพัฒนาสมรรถภาพทางกาย นำหลักธรรมทางศาสนาไปปฏิบัติและ เผยแพร่ ตระหนักในพระคุณของบิดา มารดา และผู้มีพระคุณ รู้จักและเข้าใจเพื่อช่วยเหลือและชักจูงให้ ปฏิบัติตนเป็นคนดี สร้างความสัมพันธอ์ ันดีกับเพือ่ น และสิ่งแวดล้อมของชมุ ชน เรียนรู้มรดก ภูมิปัญญาไทย ของท้องถ่นิ ในคุณค่าละคณุ ประโยชน์ หมายเหตุ เมื่อผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้แล้ว และผ่านการทดสอบ จะได้รับเครื่องหมาย ลูกเสือหลวง และเวลาที่เหลือสามารถทดสอบเครื่องหมายวิชาพิเศษที่เกี่ยวข้องได้ตามความถนัดของผู้เรียน และเมื่อสอบผ่านแลว้ กจ็ ะประดบั เครอื่ งหมายวิชาพิเศษนั้นๆ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้กิจกรรมลกู เสือ-เนตรนารีสามญั รุน่ ใหญช่ น้ั ม.3 1. อธบิ ายความหมาย จดุ มุ่งหมาย ประโยชน์ วธิ กี ารดำเนินการ และเทคนคิ ของการโตว้ าที ได้ 2. อธิบายประวัตคิ วามเป็นมา หลักสูตรของลกู เสอื สำรอง และอธบิ ายหลกั การของขบวนการของลูกเสอื ได้ 3. ท่องคำปฏิญาณและกฎของลูกเสอื และอธิบายได้ 4. เลือกกจิ กรรมกลางแจ้งท่ีเหมาะสม และปฏบิ ัติตามหลกั การและระเบยี บแถวในระดับลกู เสอื ตรีไดไ้ ด้ 5. อธิบายหลักธรรมของศาสนา บอกความสอดคล้องของคำปฏญิ าณและกฎของลูกเสือกับหลักธรรมของ ศาสนา สามารถบอกแนวทางการนำคำปฏญิ าณและกฎของลกู เสือไปใช้แก้ปัญหาสังคมได้ 6. ชว่ ยเหลอื ผูอ้ น่ื ชมุ ชน ชาติบา้ นเมอื ง และสังคมโลก 7. มเี วลาเรียนและร่วมกจิ กรรมไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลาท้งั หมด 8. เขา้ ร่วมกจิ กรรมค่ายพักแรมเพ่ือทดสอบวชิ าพิเศษภาคปฏิบ

๔๗๗ คำอธิบายรายวิชากิจกรรมชมุ นมุ กจิ กรรมชมุ นุมภาษาไทย กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ปี ระดบั ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๑-มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ ประเทศไทยมีภาษาไทยเปน็ ภาษาประจำชาติ อันเป็นเอกลักษณ์ทีส่ ำคญั อยา่ งหนงึ่ ของชาติ สมควรจะ ไดร้ บั การทำนุบำรงุ ส่งเสรมิ และอนุรกั ษไ์ ว้ให้ยั่งยืนตลอดไป ท้งั นใี้ นยคุ ปัจจุบนั วิชาการและเทคโนโลยีต่าง ๆ ไดก้ า้ วหนา้ ไปอย่างรวดเร็วเกดิ เทคนิคใหม่ ๆ ในการ ติดตอ่ สอ่ื สาร ท่ีมงุ่ เนน้ ความสะดวกรวดเรว็ ส่งผลใหภ้ าษาไทยซ่ึงเปน็ สอ่ื กลางสำคญั ในการติดตอ่ และผูกพันต่อ การดำรงชีวิตประจำวันของคนไทยได้รับผลกระทบ ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน ทำให้ภาษาไทยเกิดการ เปล่ยี นแปลงไปจากเดมิ อย่างน่าวิตกเป็นอยา่ งยง่ิ สภาพการณ์เช่นน้ีหากไมเ่ ร่งรีบหาทางแก้ไขและป้องกันเสีย แต่เน่ินๆ การใช้ภาษาไทยของเราก็จะยิง่ เสื่อมลง จะส่งผลเสียหายต่อเอกลักษณ์และคุณค่าของภาษาไทยเป็น ทวีคูณ อ่านและเขา้ ใจความหมายของคำ ประโยค ข้อความและจัดทำแบบฝึกเป็นรูปเล่ม จัดทำพจนานุกรม ฉบบั จว๋ิ ศกึ ษา ค้นควา้ เก่ียวกบั ข่าว บทความจากสง่ิ ตพี ิมพป์ ระเภทตา่ งๆ และประดษิ ฐท์ ี่ค่ันหนังสือประเภท ตา่ งๆ เพื่อให้สมาชิกมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักค้นคว้า และแก้ปัญหาในการทำงานอย่างมีระบบ เพื่อให้สมาชิกเป็นผู้มีระเบียบวนิ ัยเพื่อให้สมาชกิ มีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพื่อให้สมาชกิ มีความรับผดิ ชอบตอ่ การปฏิบัติหน้าท่ีและสิทธิภายในขอบเขต ของกฎหมายเพ่อื ใหส้ มาชิกมคี วามสงบซาบซ้ึงในคุณค่า ดำรงไว้และสง่ เสริมเอกลักษณ์วฒั นธรรมอันดงี ามของ ชาติไทยเพื่อให้สมาชิกเกิดความรักและสามัคคีในหมู่คณะเพื่อให้สมาชิกได้รับการส่งเสริมก ารพัฒนาทาง ร่างกาย จิตใจ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน์เพื่อให้สมาชกิ รู้จักบำเพ็ญประโยชน์ต่อสงั คม และสร้าง เสรมิ ความมน่ั คงของชาติเพอื่ ให้สมาชิกมีคุณธรรมและจริยธรรม เพอ่ื ให้สมาชกิ พัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์ ของการจัดการศึกษา สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ สามารถนำไปประยุกต์ใชก้ ับชวี ติ ประจำวันไดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนัดและความตอ้ งการของตน ๒. อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ ร้อยกรองได้อยา่ งถกู ตอ้ งตามอกั ขระวธิ ี ๓. เขยี น ได้ถกู ตอ้ งตามหลักภาษาไทย ๔. ใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม ๕. นกั เรียนมีความตระหนักและเหน็ คณุ คา่ ของภาษาไทย ในฐานะภาษาประจำชาติ ๖.นกั เรยี นสามารถเปน็ ตวั แทนเขา้ ร่วมแขง่ ขันกจิ กรรมทางคณติ ศาสตร์ รวม ๕ ผลการเรียนรู้

๔๗๘ คำอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมชมุ นุม ชุมนุมคณิตศาสตร์ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ปี ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑-มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ คณิตศาสตร์เปน็ วชิ าท่มี ีความเกี่ยวขอ้ งกบั ส่ิงที่อยู่รอบตัวและชีวิตของเรา คณติ ศาสตร์สามารถอธิบาย สิ่งต่างๆ นานาที่อยู่รอบตัวเราได้ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองคณิตศาสตร์นั้น ยาก ซับซ้อน น่าเวียนหัว ทำใหเ้ กิดความเครียด และความวิตกกงั วลในการเรียน ชุมนุมนี้จึงจดั ข้ึนมาเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นในชุมนมุ ได้มองเห็นมุมมองอีกด้านหนึง่ ของคณติ ศาสตร์ โดยการ รวบรวมด้านสนุกสนานของคณิตศาสตร์ ตลอดจนเกร็ดน่ารู้ต่างๆ มากมาย รวมถึงเกร็ดแปลกๆ เกี่ยวกับตัว เลขท่อี าจจะทำให้นกั เรยี นเกิดหลงรักตัวเลขขึน้ มาก็ได้ และนำความรูไ้ ปใชใ้ ห้เกิดประโยชนโ์ ดยในหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยกุ ตใ์ นกับชวี ิตประจำวันได้อย่างถูกตอ้ งเหมาะสม ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวัง ๑. เพื่อให้นกั เรียนมองเหน็ ความสำคัญของคณิตศาสตร์ในชวี ิตประจำวนั ๒. เพ่อื ให้นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ มีความสขุ และความสนกุ สนานในการเขา้ รว่ ม กิจกรรม ในวิชา คณติ ศาสตร์ ๓. เพ่ือให้นกั เรยี นได้ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามทีต่ นเองถนัดและสนใจ ๔. เพอ่ื ส่งเสริมนกั เรียนใหม้ ีทัศนคติทด่ี ตี อ่ วิชาคณิตศาสตร์ ๕. เพื่อใหน้ ักเรยี นสามารถนำความรูไ้ ปปรับใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้เป็น และได้ใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ ๖. นกั เรยี นสามารถเป็นตวั แทนเขา้ รว่ มแขง่ ขนั กิจกรรมทางคณติ ศาสตร์ รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรียนรู้

๔๗๙ คำอธิบายรายวชิ ากิจกรรมชมุ นมุ ชุมนมุ คอมพวิ เตอร์ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ปี ระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑-มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ ในปัจจุบัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในหลากหลายสาขาวิชาโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งการพัฒนาด้านการสื่อสารและด้านข้อมูล ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่สถานศึกษาให้ความสำคัญต่อการ เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ เกิดความตระหนักและเท่าทันเทคโนโลยีในปัจจุบันเพ่ือ สนับสนุนใหผ้ เู้ รียนมีคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในยุคศตวรรษท่ี 21 ได้แก่ เป็นนักคิดวิเคราะห์ เป็น นักแก้ปัญหา เป็นนักสร้างสรรค์ เป็นนักประสานความร่วมมือ รู้จักใช้ข้อมูลและข่าวสาร เป็นผู้เรียนรู้ด้วย ตนเอง เป็นนักสื่อสาร และตระหนักรับรู้สภาวการณ์ของโลกปัจจุบันและอนาคตกิจกรรมชุมนุมคอมพิวเตอร์ จึงเป็นกิจกรรมกลุ่มเสริมทักษะด้านวิชาการ ในกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยีเพือ่ พัฒนานักเรียนให้ เต็มศักยภาพ เพื่อตอบสนองศักยภาพของนักเรียนได้หลากหลายวิชาสามารถตอบสนองความต้องการของ สังคมสร้างองค์ความรู้และเพิ่มพูนทักษะคอมพิวเตอร์ให้แก่นักเรียนเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มี ประสบการณ์ตรงกับสภาพแวดล้อม และเทคโนโลยใี หม่ๆ และนำมาปรับใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม ผลการเรยี นร้ทู ี่คาดหวัง ๑. นักเรียนเกิดทกั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยใี นชวี ิตประจำวนั ๒. นกั เรยี นมีความร้ทู างดา้ นคอมพิวเตอร์ นำมาใชใ้ นงานตา่ งๆ ๓. นกั เรียนพฒั นาความร้คู วามสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ สงั เคราะห์ ๔. นักเรียนมีคณุ ธรรม จริยธรรมและค่านิยมทพี่ งึ ประสงค์ ๕. นักเรียนมีมนษุ ยสัมพันธ์ในการทำกิจกรรมร่วมกนั กบั ผู้อน่ื รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรยี นรู้

๔๘๐ คำอธบิ ายรายวิชากิจกรรมชุมนมุ ชุมนมุ รักการอ่าน กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ปี ระดบั ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑-มัธยมศึกษาปที ี่ ๖ อา่ นและเข้าใจความหมายของคำ ประโยค ขอ้ ความและจดั ทำแบบฝกึ เป็นรปู เล่ม จดั ทำพจนานุกรม ฉบับจ๋วิ ศึกษา ค้นควา้ เก่ยี วกบั ขา่ ว บทความจากส่งิ ตพี ิมพป์ ระเภทต่างๆ และประดษิ ฐท์ ่ีคั่นหนังสือประเภท ตา่ งๆ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจและเห็นคุณค่าเกี่ยวกับการจัดทำแบบฝึกเป็นรูปเล่ม จัดทำพจนานุกรม ฉบับจิ๋ว และประดษิ ฐท์ ่คี น่ั หนงั สอื ประเภทต่างๆ สามารถนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ เพื่อให้สมาชิกมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักค้นคว้า และแก้ปัญหาในการทำงานอย่างมีระบบ เพื่อให้สมาชิกเปน็ ผู้มรี ะเบียบวินัยเพื่อให้สมาชกิ มีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั รยิ ์เป็นประมุขเพ่ือให้สมาชกิ มีความรับผิดชอบต่อการปฏิบตั ิหน้าทีแ่ ละสิทธิภายในขอบเขต ของกฎหมายเพือ่ ใหส้ มาชิกมีความสงบซาบซึ้งในคุณค่า ดำรงไวแ้ ละสง่ เสริมเอกลักษณว์ ฒั นธรรมอนั ดีงามของ ชาติไทยเพื่อให้สมาชิกเกิดความรักและสามัคคีในหมู่คณะเพื่อให้สมาชิกได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทาง ร่างกาย จิตใจ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพ่ือให้สมาชกิ รู้จักบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสร้าง เสรมิ ความมั่นคงของชาติเพอ่ื ให้สมาชิกมีคุณธรรมและจรยิ ธรรม เพอ่ื ใหส้ มาชิกพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์ ของการจัดการศึกษา สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ สามารถนำไปประยุกตใ์ ช้กับชีวิตประจำวันไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ ๑. ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนดั และความตอ้ งการของตน ๒. มคี วามรู้ ความสามารถดา้ นการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ ทงั้ ทางวิชาการ และวชิ าชีพตามศักยภาพ ๓. ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชนต์ ่อตนเองและสว่ นรวม ๔. มุ่งมน่ั ในการทำงานและทำงานรว่ มกับผ้อู ื่นได้ตามวิถีประชาธิปไตย ๕. ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไดอ้ ยา่ งเหมาะสม รวม ๕ ผลการเรียนรู้

๔๘๑ เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา

๔๘๒ เกณฑ์การจบการศึกษา เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา (1) ผเู้ รยี นเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน จำนวน ๘๔๐ ชั่วโมง และรายวิชาเพมิ่ เติม จำนวน ๔๐ ช่วั โมง และมผี ลการประเมินรายวิชาพน้ื ฐานผา่ นทุกรายวิชา (๒) ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน ระดับ “ผา่ น” ขน้ึ ไป (๓) ผ้เู รยี นมีผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั “ผา่ น” ขนึ้ ไป (4) ผเู้ รยี นต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นและได้รบั การตดั สินผลการเรียน “ผ่าน” ทกุ กิจกรรม เกณฑก์ ารจบระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น (1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติม โดยเป็นรายวิชาพืน้ ฐาน 66 หน่วยกิต และ รายวชิ าเพิม่ เตมิ จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง และมีผลการประเมินรายวิชาพนื้ ฐานผ่านทุกรายวชิ า (๒) ผู้ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พืน้ ฐาน 66 หน่วยกิต และรายวิชาเพิม่ เติมไม่น้อยกวา่ 11 หนว่ ยกติ (๓) ผูเ้ รยี นมผี ลการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ระดบั “ผ่าน” ขึ้นไป (๔) ผู้เรยี นมผี ลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ข้นึ ไป (๕) ผูเ้ รยี นต้องเขา้ ร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและได้รบั การตดั สินผลการเรียน “ผา่ น” ทกุ กจิ กรรม เกณฑก์ ารจบระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย (1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพ่ิมเติม โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หน่วยกิต และ รายวิชาเพ่มิ เตมิ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง และมผี ลการประเมินรายวิชาพนื้ ฐานผ่านทกุ รายวิชา (๒) ผู้ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พืน้ ฐาน ๔๑ หน่วยกิต และรายวิชาเพ่ิมเติมไมน่ อ้ ยกวา่ ๓๖ หน่วยกติ (๓) ผเู้ รียนมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ระดับ “ผา่ น” ขนึ้ ไป (๔) ผ้เู รยี นมีผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ขน้ึ ไป (๕) ผเู้ รยี นตอ้ งเขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นและได้รบั การตัดสนิ ผลการเรยี น “ผา่ น” ทุกกิจกรรม

๔๘๓ การจดั การเรียนรู้ การจัดการเรียนรเู้ ป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลกั สูตรสกู่ ารปฏิบตั ิ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสตู รท่ีมีมาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ของเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนต้องพยายามคัดสรรกระบวนการ เรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสรมิ สรา้ งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญที่ต้องการให้ ผ้เู รยี นบรรลุตามเปา้ หมาย หลกั การจดั การเรียนรู้ การจดั การเรยี นร้เู พื่อให้ผเู้ รียนมคี วามรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคต์ ามท่ีกำหนดไวใ้ นหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน โดยยึดหลักวา่ ผเู้ รียนมีความสำคัญที่สุด เชื่อวา่ ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยดึ ประโยชน์ที่เกดิ กับ ผเู้ รียน กระบวนการจดั การเรยี นรู้ตอ้ งส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเตม็ ตามศักยภาพ คำนงึ ถึงความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เนน้ ให้ความสำคญั ท้ังความรู้ และคุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณแ์ ละแก้ปัญหา กระบวนการเรยี นรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏบิ ตั ิ ลง มอื ทำจริง กระบวนการจดั การ กระบวนการวิจยั กระบวนการเรยี นร้กู ารเรยี นรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนา ลกั ษณะนิสัย กระบวนการเหล่านีเ้ ป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ทีผ่ ู้เรยี นควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะ จะสามารถชว่ ยใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรยี นรไู้ ดด้ ี บรรลุเปา้ หมายของหลกั สูตร ดงั นนั้ ผ้สู อนจงึ จำเป็นต้องศึกษาทำ ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ผสู้ อนตอ้ งศกึ ษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วดั สมรรถนะสำคัญ ของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและ เทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ผู้เรยี นไดพ้ ัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรลุ ตามมาตรฐานการเรยี นรซู้ ่งึ เป็นเปา้ หมายท่กี ำหนด

๔๘๔ บทบาทของผู้สอนและผู้เรียน บทบาทของผ้สู อน 1) ศกึ ษาวเิ คราะหผ์ เู้ รยี นเป็นรายบุคคล แลว้ นำขอ้ มลู มาใช้ในการวางแผน การจดั การเรยี นรทู้ ่ีทา้ ทายความสามารถของผู้เรียน 2) กำหนดเปา้ หมายทตี่ อ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกับผเู้ รียน ดา้ นความรแู้ ละทกั ษะ กระบวนการ ที่เปน็ ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสัมพันธ์ รวมทงั้ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 3) ออกแบบการเรียนรูแ้ ละจดั การเรยี นรทู้ ่ีตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล และพัฒนาการทางสมอง เพ่อื นำผู้เรยี นไปสู่เป้าหมาย 4) จดั บรรยากาศทีเ่ อื้อต่อการเรยี นรู้ และดูแลชว่ ยเหลือผเู้ รียนใหเ้ กิดการเรยี นรู้ 5) จดั เตรยี มและเลือกใช้สอื่ ให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ เทคโนโลยี ท่เี หมาะสมมาประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน 6) ประเมินความกา้ วหนา้ ของผู้เรียนด้วยวิธกี ารทห่ี ลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ ของวชิ าและระดับพฒั นาการของผูเ้ รียน 7) วิเคราะหผ์ ลการประเมนิ มาใช้ในการซ่อมเสรมิ และพฒั นาผเู้ รยี น รวมท้งั ปรับปรงุ การจัดการเรียนการสอนของตนเอง บทบาทของผูเ้ รียน 1) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผิดชอบการเรียนร้ขู องตนเอง 2) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหลง่ การเรยี นรู้ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ขอ้ ความรู้ ตัง้ คำถาม คดิ หาคำตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ัญหาดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ 3) ลงมือปฏิบัตจิ ริง สรปุ ส่งิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรูด้ ้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยกุ ต์ใช้ ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ 4) มีปฏิสัมพนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมรว่ มกบั กลุ่มและครู 5) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรียนรขู้ องตนเองอยา่ งต่อเนอื่ ง สือ่ การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครือ่ งมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ท้ังสอ่ื ธรรมชาติ สือ่ สิง่ พมิ พ์ ส่อื เทคโนโลยี และเครอื ข่ายการเรยี นรู้ต่างๆ ทม่ี ใี นท้องถิ่น การเลอื กใชส้ อื่ ควรเลือกให้มคี วามเหมาะสมกับระดับพฒั นาการ และลีลาการเรยี นรทู้ หี่ ลากหลายของผเู้ รยี น การจัดหาส่ือการเรยี นรู้ ผเู้ รียนและผูส้ อนสามารถจดั ทำและพัฒนาขึ้นเอง หรอื ปรับปรุงเลอื กใช้อย่าง มคี ุณภาพจากสอื่ ตา่ งๆ ทม่ี อี ยู่รอบตวั เพ่อื นำมาใชป้ ระกอบในการจัดการเรยี นรู้ทสี่ ามารถส่งเสรมิ และส่ือสารให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่าง แท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควร ดำเนินการดังนี้

๔๘๕ 1. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์การเรียนรู้ ระหว่างสถานศึกษา ทอ้ งถน่ิ ชมุ ชน สงั คมโลก 2. จัดทำและจดั หาสอ่ื การเรยี นรูส้ ำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสรมิ ความร้ใู ห้ผูส้ อน รวมทั้ง จดั หาสิ่งท่ีมอี ยู่ในท้องถิ่นมาประยกุ ต์ใช้เป็นสอ่ื การเรยี นรู้ 3. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กบั วิธกี ารเรยี นรู้ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรู้ และความแตกต่างระหว่างบุคคลของผเู้ รยี น 4. ประเมินคณุ ภาพของส่อื การเรยี นรูท้ ่ีเลือกใช้อยา่ งเป็นระบบ 5. ศกึ ษาคน้ ควา้ วิจยั เพอ่ื พฒั นาส่ือการเรยี นร้ใู หส้ อดคลอ้ งกับกระบวนการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น 6. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อ การเรยี นร้เู ปน็ ระยะๆ และสมำ่ เสมอ ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนงึ ถงึ หลักการสำคัญของส่ือการเรียนรู้ เชน่ ความสอดคล้องกับหลักสตู ร วตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ การ ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอที่เข้าใจง่าย และน่าสนใจ การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ก า ร ว ั ด แ ล ะ ป ร ะ เ ม ิ น ผ ล ก า ร เ ร ี ย น ร ู ้ ข อ ง ผ ู ้ เ ร ี ย น ต ้ อ ง อ ย ู ่ บ น ห ล ั ก ก า ร พ ื ้ น ฐ า น ส อ ง ป ร ะ ก า ร คื อ การประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ใหป้ ระสบผลสำเร็จนนั้ ผ้เู รียนจะต้องไดร้ ับการพัฒนาและประเมินตามตวั ช้วี ดั เพือ่ ให้บรรลุตามมาตรฐานการ เรยี นรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคญั และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผู้เรียนซ่งึ เป็นเป้าหมายหลักในการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยใช้ผลการ ประเมนิ เป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความกา้ วหนา้ และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมลู ที่เป็นประโยชนต์ อ่ การส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเกิดการพฒั นาและเรยี นรู้อย่างเตม็ ตามศกั ยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอียด ดังน้ี 1. การประเมินระดบั ช้นั เรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนดำเนินการเป็นปกติและ สม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผูส้ อนเป็นผู้ประเมินเองหรอื เปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมนิ ตนเอง เพ่ือนประเมนิ เพ่อื น ผู้ปกครองร่วม ประเมนิ การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าใน การเรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้อง

๔๘๖ ได้รับการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุง การเรียนการสอนของตนดว้ ย ทัง้ นีโ้ ดยสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ดั 2. การประเมนิ ระดับสถานศกึ ษา เป็นการตรวจสอบผลการเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิด วเิ คราะห์และเขียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน และเป็นการประเมินเก่ียวกับการจัด การศึกษาของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีสิ่งที่ต้องการ พัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ และระดับเขตพื้นที่การศึกษา ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศ เพื่อการ ปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทำแผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษา และการรายงานผลการจัด การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษา สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ผู้ปกครองและชุมชน 3. การประเมนิ ระดบั เขตพนื้ ท่กี ารศึกษา เปน็ การประเมนิ คณุ ภาพผเู้ รยี นในระดับเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาตามมาตรฐานการเรยี นรู้ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่ การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วย วิธีการและเครื่องมือที่เป็นมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วยความร่วมมือกับ หน่วยงานตน้ สงั กัด และหรือหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง นอกจากนย้ี ังไดจ้ ากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจากการ ประเมนิ ระดบั สถานศึกษาในเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา 4. การประเมนิ ระดบั ชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผ้เู รียนทุกคนที่เรยี นในช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็น ขอ้ มลู ในการเทียบเคยี งคุณภาพการศกึ ษาในระดับต่าง ๆ เพ่ือนำไปใชใ้ นการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัด การศกึ ษา ตลอดจนเป็นขอ้ มูลสนับสนุนการตดั สินใจในระดับนโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน พัฒนาคุณภาพผเู้ รียน ถือเป็นภาระความรับผดิ ชอบของสถานศกึ ษาท่ีจะต้องจดั ระบบดแู ลชว่ ยเหลือ ปรบั ปรุง แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ี จำแนกตามสภาพปญั หาและความต้องการ ไดแ้ ก่ กลุ่มผูเ้ รยี นทัว่ ไป กลุ่มผ้เู รียนท่ีมคี วามสามารถพเิ ศษ กลุ่ม ผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธ โรงเรียน กลุ่มผู้เรยี นที่มีปญั หาทางเศรษฐกจิ และสังคม กลุ่มพิการทางรา่ งกายและสติปญั ญา เป็นต้น ข้อมูล จากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที เปิดโอกาสให้ ผ้เู รยี นไดร้ ับการพัฒนาและประสบความสำเรจ็ ในการเรียน สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศกึ ษา จะตอ้ งจัดทำระเบยี บวา่ ด้วยการวดั และประเมินผลการ เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้อง และเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบตั ิที่เป็นขอ้ กำหนดของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน เพื่อให้บคุ ลากรท่ีเกีย่ วขอ้ งทุกฝ่ายถอื ปฏบิ ตั ิร่วมกัน

๔๘๗ เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรยี น 1. การตดั สิน การให้ระดบั และการรายงานผลการเรยี น 1.1 การตัดสนิ ผลการเรียน ในการตัดสนิ ผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนนนั้ ผสู้ อนต้องคำนงึ ถงึ การพัฒนาผูเ้ รียนแตล่ ะคนเปน็ หลกั และตอ้ งเก็บข้อมูลของผ้เู รียนทกุ ดา้ นอยา่ งสม่ำเสมอ และตอ่ เนื่องในแตล่ ะภาคเรยี น รวมท้งั สอนซ่อมเสรมิ ผู้เรยี นให้พฒั นาจนเต็มตามศักยภาพ ระดับประถมศกึ ษา (1) ผู้เรียนตอ้ งมีเวลาเรียนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลาเรียนทงั้ หมด (2) ผู้เรียนต้องได้รบั การประเมนิ ทุกตัวชวี้ ัด และผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษา กำหนด (3) ผู้เรียนต้องได้รบั การตดั สนิ ผลการเรียนทกุ รายวชิ า (4) ผู้เรยี นต้องได้รับการประเมิน และมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษา กำหนด ในการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น การพจิ ารณาเล่ือนช้ันทง้ั ระดับประถมศึกษาและมธั ยมศึกษา ถา้ ผเู้ รยี นมขี ้อบกพร่องเพียง เลก็ น้อย และสถานศกึ ษาพจิ ารณาเห็นวา่ สามารถพฒั นาและสอนซอ่ มเสรมิ ได้ ใหอ้ ยใู่ นดุลพินิจของสถานศึกษา ที่จะผอ่ นผันใหเ้ ลือ่ นชั้นได้ แตห่ ากผเู้ รยี นไม่ผา่ นรายวิชาจำนวนมาก และมีแนวโนม้ ว่าจะเปน็ ปัญหาต่อการ เรยี นในระดบั ชั้นทีส่ งู ขึน้ สถานศึกษาอาจตง้ั คณะกรรมการพจิ ารณาใหเ้ รียนซ้ำชัน้ ได้ ท้งั น้ใี หค้ ำนงึ ถงึ วฒุ ิภาวะ และความรคู้ วามสามารถของผู้เรียนเปน็ สำคัญ 1.2 การใหร้ ะดบั ผลการเรยี น ระดับประถมศึกษา ในการตัดสินเพอ่ื ใหร้ ะดบั ผลการเรียนรายวิชา สถานศกึ ษาสามารถให้ระดับผลการเรียน หรอื ระดบั คณุ ภาพการปฏิบตั ิของผูเ้ รียน เป็นระบบตวั เลข ระบบตวั อักษร ระบบรอ้ ยละ และระบบทีใ่ ชค้ ำ สำคญั สะท้อนมาตรฐาน การประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์นน้ั ให้ระดบั ผลการประเมนิ เปน็ ดเี ยย่ี ม ดี ผ่าน และไม่ผ่าน การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน จะตอ้ งพจิ ารณาทัง้ เวลาการเข้าร่วมกจิ กรรม การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากำหนด และให้ผลการเข้ารว่ มกจิ กรรมเปน็ ผา่ น และไม่ผ่าน ระดบั มัธยมศกึ ษา ในการตัดสนิ เพ่ือใหร้ ะดับผลการเรียนรายวิชา ให้ใชต้ วั เลขแสดงระดับผลการเรียน เปน็ 8 ระดบั การประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียน และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์นนั้ ให้ ระดับผลการประเมนิ เป็นดเี ย่ยี ม ดี ผา่ น และไม่ผ่าน

๔๘๘ การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน จะต้องพิจารณาท้งั เวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม การ ปฏิบตั ิกจิ กรรมและผลงานของผเู้ รยี น ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด และใหผ้ ลการเขา้ รว่ มกิจกรรมเปน็ ผา่ น และไม่ผ่าน 1.3 การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรยี นเปน็ การส่อื สารใหผ้ ู้ปกครอง และผเู้ รียนทราบความก้าวหน้า ในการเรียนรู้ของผเู้ รยี น ซ่งึ สถานศึกษาต้องสรปุ ผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบ เป็นระยะ ๆ หรืออย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเปน็ ระดบั คณุ ภาพการปฏิบัติของผเู้ รยี นท่ีสะท้อน มาตรฐานการเรียนรูก้ ลมุ่ สาระการเรียนรู้ เอกสารหลักฐานการศกึ ษา เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั พฒั นาการของผูเ้ รยี นในดา้ นตา่ ง ๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังน้ี 1. เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศกึ ษาธิการกำหนด 1.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการ ประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น ผลการประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศกึ ษา และผลการ ประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน สถานศกึ ษาจะตอ้ งบันทกึ ขอ้ มูลและออกเอกสารนใี้ ห้ผู้เรยี นเปน็ รายบุคคล เมื่อ ผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6) จบการศึกษาภาคบังคับ(ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3) จบการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน(ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6) หรอื เมอ่ื ลาออกจากสถานศึกษาในทกุ กรณี 1.2 ประกาศนียบตั ร เปน็ เอกสารแสดงวุฒิการศึกษาเพอื่ รับรองศักด์แิ ละสิทธิข์ องผู้จบการศึกษา ทีส่ ถานศึกษา ใหไ้ ว้แกผ่ ู้จบการศึกษาภาคบังคบั และผ้จู บการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐานตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน 1.3 แบบรายงานผสู้ ำเรจ็ การศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชื่อและข้อมูลของผู้จบการศึกษาระดับ ประถมศกึ ษา (ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6) ผ้จู บการศึกษาภาคบงั คับ (ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3) และผู้จบการศกึ ษาขั้น พ้ืนฐาน (ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6) 2. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทสี่ ถานศกึ ษากำหนด เปน็ เอกสารท่ีสถานศึกษาจัดทำขึ้นเพ่ือบันทกึ พัฒนาการ ผลการเรยี นรู้ และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ ผเู้ รยี น เช่น แบบรายงานประจำตวั นกั เรยี น แบบบนั ทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบยี นสะสม ใบรับรอง ผลการเรียน และ เอกสารอน่ื ๆ ตามวตั ถุประสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้ การเทียบโอนผลการเรยี น สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรยี นของผู้เรียนในกรณีต่างๆ ได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก ต่างประเทศและขอเข้าศกึ ษาตอ่ ในประเทศ นอกจากน้ี ยังสามารถเทยี บโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก

๔๘๙ แหล่งการเรียนรู้อน่ื ๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบนั ศาสนา สถาบันการฝกึ อบรมอาชพี การจดั การศกึ ษาโดย ครอบครัว การเทียบโอนผลการเรยี น ควรดำเนินการในช่วงกอ่ นเปิดภาคเรียน หรือต้นภาคเรียนท่ีสถานศึกษา รับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทงั้ น้ีผู้เรยี นท่ไี ด้รับการเทียบโอนผลการเรยี นต้องศกึ ษาตอ่ เนอื่ งในสถานศึกษาที่ รบั เทยี บโอนอยา่ งน้อย 1 ภาคเรยี น โดยสถานศึกษาทร่ี ับผู้เรยี นจากการเทียบโอนควรกำหนดรายวิชา/จำนวน หน่วยกติ ท่จี ะรบั เทยี บโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนินการได้ ดงั น้ี 1. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่น ๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของ ผ้เู รยี น 2. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งภาคความรู้ และภาคปฏบิ ัติ 3. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัติในสภาพจรงิ การเทียบโอนผลการเรยี นให้เปน็ ไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏิบัติ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ การบรหิ ารจัดการหลักสตู ร ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนา หลักสตู รนั้น หนว่ ยงานตา่ งๆ ท่เี กย่ี วขอ้ งในแตล่ ะระดบั ตัง้ แต่ระดับชาติ ระดับทอ้ งถนิ่ จนถงึ ระดับสถานศึกษา มบี ทบาทหน้าท่ี และความรบั ผดิ ชอบในการพัฒนา สนับสนุน สง่ เสริม การใช้และพฒั นาหลักสตู รให้เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของ สถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ท่ี กำหนดไว้ในระดบั ชาติ ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ เป็นหน่วยงานที่มี บทบาทในการขบั เคลอ่ื นคุณภาพการจดั การศึกษา เปน็ ตัวกลางทจ่ี ะเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐานที่กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำ หลกั สตู รของสถานศกึ ษา ส่งเสริมการใชแ้ ละพัฒนาหลกั สูตรในระดบั สถานศกึ ษาให้ประสบความสำเรจ็ โดยมี ภารกิจสำคัญ คือ กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในระดับท้องถิ่น โดยพิจารณาให้ สอดคลอ้ งกบั สงิ่ ที่เปน็ ความตอ้ งการในระดบั ชาติ พฒั นาสาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ ประเมินคุณภาพการศึกษา ในระดับท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนบั สนุน สง่ เสริม ติดตามผล ประเมนิ ผล วิเคราะห์ และรายงานผลคณุ ภาพของผเู้ รียน สถานศึกษามีหน้าที่สำคญั ในการพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนนิ การใช้หลักสูตร การเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตร จัดทำ ระเบียบการวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพ้ืนท่ีการศึกษา หรือหน่วยงานตน้ สังกัดอื่นๆ ในระดบั ท้องถิน่ ไดจ้ ดั ทำเพิ่มเติม รวมทัง้ สถานศึกษาสามารถเพม่ิ เติมในส่วนท่ีเก่ียวกับสภาพปญั หาในชุมชนและสังคม

๔๙๐ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความต้องการของผู้เรียน โดยทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร สถานศกึ ษา

๔๙๑ คำสัง่ โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บรู พาวทิ ยากร) ท่ี /2564


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook