Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ Close up 2

แผนการจัดการเรียนรู้ Close up 2

Published by Teacher Ya Channel, 2021-03-26 14:44:13

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ Close up 2
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ชั้นม.2

Search

Read the Text Version

231 แผนจดั การเรียนรู หนวยการเรียนรทู ี่ 5 เร่อื ง Who Am I? แผนการจัดการเรียนรทู ี่ 4 เร่ือง Family รหัสวิชา ................... รายวิชาพนื้ ฐานภาษาอังกฤษ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 1 กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ ปก ารศึกษา 25...... ภาคเรยี นท.ี่ ...... เวลา 1 ชัว่ โมง ผูส อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู/ตัวช้ีวัด ต.1.1 ม.2/3 ระบุ/เขียนประโยค และขอ ความ ใหส ัมพันธกบั สื่อทไ่ี มใชค วามเรียง รปู แบบ ตางๆ ทีอ่ าน 2. จุดประสงคการเรียนรู เขยี นคาํ และขอ ความใหส ัมพันธก บั ใจความสําคัญของส่ือแบบแผนภูมติ ามท่ีกาํ หนดใหไดถูกตอ ง 3. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) การระบเุ ขียนคํา ขอ ความ ใหสัมพนั ธกับใจความสําคัญของสื่อแบบแผนภูมิ ทําใหผูเขียนเกิดทักษะในการฟง พูด อาน และเขยี นจนสามารถสอื่ ความไดบรรลุตามเปา หมาย 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) Pronunciation: defi'nition, alto'gether, 'letter, 'cousin Vocabulary: surname, twin, definition, grandparents, grandchildren Grammar: Present Simple Tense Function: Family Tree Description Culture: Thai family relationship 4.2 ดานทักษะกระบวนการ (Process/Skill) 1) เขยี นคําท่ีเห็นจากการดูคลปิ วดี โี อ 2) เขียน Family Tree ของ Emmy ตอบคําถามทีค่ รู elicit 3) ทาํ แบบฝกหัดใน Student’s book และ Workbook 4.3 ดานเจตคติ (Attitude/Desired Character) มีประสิทธภิ าพในการส่ือความ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูเปดคลิปวีดีโอ จาก www.youtube.com/https://www.youtube.com/watch?v=0yF5cZvgAbk เรื่อง KIDS VOCABULARY | MY FAMILY | ENGLISH WORDS FOR FAMILY MEMBERS + FAMILY TREE | MONKEY MANU - EP.5: eLearning elementary (6.45 นาท)ี โดยกดหยุดท่ีนาทีท่ี 0.35 เพื่อแนะนําวา This monkey’s name is Manu. He is going to meet Emmy’s family. และกดเลนตอ 2. เม่ือจบแลวครูใหน กั เรยี นออกมาเขียนคําทีน่ ักเรียนเหน็ และจําไดบ นกระดานคนละคาํ  Presentation 1. ครูเขยี น Family Tree ของ Emmy (เหมอื นที่ Emmy เขียน) บนกระดาน โดยใหนักเรียนมีสวนรวมในการเขียน ดวย แลว อธบิ ายเพิม่

232 2. ครูแจกใบความรูที่มีภาพ Family Tree 3 ภาพ แลวถามนักเรียนวา Which picture do you like? Why? Do you like a big/small family? 3. ครูเตรียมภาพ Family Tree ซึง่ เปน ครอบครวั ของครูมาติดบนกระดาน แลวบอกนักเรียนวา This is my family tree. 4. นักเรยี นดภู าพของครอบครวั ครแู ละตอบคําถาม  Where am I? Come and point. ครชู ้ีไปที่บคุ คลในภาพแลว ถาม เพ่อื ใหไ ดค าํ ศัพท  Guess! He is my .................... .  Guess! She is my .................... . 5. ครูใหน กั เรียนดูแบบฝกหัด Vocabulary F ใน Student’s Book หนา 61 แลวบอกนกั เรียนวา  We can call our father as ...................., .................... .  We can call our mother as ...................., .................... .  We can call our grandmother as ...................., .................... .  We can call our grandfather as ...................., .................... . 6. ครใู หนกั เรยี นชวยกันทาํ ขอ 5, 6 พรอมกัน เฉลยคาํ ตอบ Vocabulary F ใน Student’s Book หนา 61 1. grandma, granny 4. dad, daddy 2. grandpa, granddad 5. grandparents 3. mum, mummy 6. parents 7. ครูอธิบายเพิม่ เติมเกีย่ วกับความสมั พนั ธในครอบครัวไทยกับคําวา cousin, sibling, niece และ nephew  Practice 1. ครอู ธิบายคาํ สงั่ แบบฝก หดั Vocabulary D ใน Workbook หนา 34 2. ครูใหนักเรียนอานชื่อบุคคลใน Family Tree พรอมๆ กันแลว elicit คําถามวา Can you guess what nationality they are? Why? นักเรียนตอบไดห ลากหลาย 3. ครูสรุปวา May be นกั เรียนทาํ แบบฝก หัด เขยี นคําตอบบนกระดานแลวชว ยกนั ตรวจ เฉลยคาํ ตอบ Vocabulary D ใน Workbook หนา 34 Roberto: grandpa Maria: mother Helena: grandma Stephano: brother Giorgio; father Lisa: sister 4. ครูอธบิ ายคําสง่ั แบบฝกหัด Vocabulary E ใน Workbook หนา 34 นักเรียนทาํ แบบฝกหดั เขยี นคาํ ตอบบน กระดานโดยอาสาสมัคร เฉลยคาํ ตอบ Vocabulary E ใน Workbook หนา 34 1. grandparents 5. son 2. wife 6. grandchildren 3. husband 7. married 4. daughter 8. family 6. เพือ่ นๆชวยกันตรวจความถกู ตอง (ครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ ) 7. ครูอธิบายคําส่งั แบบฝก หดั Vocabulary F ใน Workbook หนา 34 นักเรยี นทาํ แบบฝกหัด เฉลยคําตอบ Vocabulary F ใน Workbook หนา 34 1. aunt 3. cousins 5. twins 7. mummy 2. uncle 4. surname 6. daddy

233 9. ครูใหอาสาสมัครคนที่ 1 ออกมาเขียนคําตอบบนกระดาน เสร็จแลวเรียกเพ่ือนคนตอไปมาเขียนคําตอบจนครบ 7 ขอ 10. เพื่อนๆ ชว ยกันตรวจความถูกตอง (ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ )  Production 1. ครูอธิบายคําส่งั แบบฝกหดั Vocabulary G ใน Student’s book หนา 61 นักเรียนทาํ แบบฝกหดั 2. ครสู มุ นักเรียนมาเขียนคําตอบบนกระดาน เม่ือนักเรียนเขียนเสร็จใหบอกดวยวา Context Clues ท่ีชวยนักเรียน ตอบไดคืออะไร (What’s your context clue?) 3. เพ่อื นๆ ชวยกันตรวจความถกู ตอ ง (ครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ) เฉลยคาํ ตอบ Vocabulary G ใน Student’s Book หนา 61 1. family 3. brother 5. twins 7.married 2. sister 4. grandchildren 6. surname 8. granddaughter 4. ครอู ธบิ ายคาํ สัง่ แบบฝก หดั Vocabulary I ใน Student’s book หนา 9 นกั เรียนทําแบบฝกหดั 5. ครสู มุ เรียกนกั เรียนเขยี นคําตอบบนกระดาน เพือ่ นๆ ชว ยกันตรวจความถูกตอ ง (ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ ) เฉลยคําตอบ Vocabulary I ใน Student’s Book หนา 61 1. son 4. husband 6. aunt 2. daughter 5. uncle 7. cousin 3.wife 6. ครูใหนักเรียบจับคูถามเกี่ยวกับครอบครัวของกันและกันเกี่ยวกับ big family และ small family แลวแสดง ความคดิ เหน็ 6. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เคร่ืองมอื เกณฑก ารวัด - แบบฝก หดั 80% - ตรวจแบบฝกหดั การระบคุ าํ ศพั ทของ บุคคลในครอบครวั - ตรวจแบบฝกหดั การลําดับบุคคลใน - แบบฝกหัด 80% ครอบครัว 7. ส่อื /แหลง การเรยี นรู 7.1 คลิปวดี โี อจาก www.youtube.com เรื่อง English Words For Family Members + Family Tree 7.2 หนงั สอื เรียน Close-up 2, Unit 5 หนา 61 7.3 แบบฝก หัด Close-up 2, Unit 5 หนา 34 7.4 ใบความรู 8. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. กิจกรรมเสนอแนะ ครใู หน ักเรยี นทาํ family tree ของครอบครัวนกั เรียนเอง

234 ใบความรู Family A Family B Family C

235 แผนจดั การเรยี นรู หนว ยการเรียนรทู ี่ 5 เร่อื ง Who Am I? แผนการจัดการเรยี นรูที่ 5-6 เร่อื ง Present Simple Tense รหสั วิชา ................... รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 1 กลุม สาระการเรียนรภู าษาตางประเทศ ปการศกึ ษา 25...... ภาคเรียนท่ี....... เวลา 1 ช่ัวโมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู/ ตัวช้วี ดั ต.1.2 ม.2/4 พูดและเขียนเพื่อขอและใหขอมูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเร่ืองที่ฟงหรืออาน อยา งเหมาะสม 2. จุดประสงคก ารเรียนรู สนทนาประโยคท่ีมีโครงสราง Present Simple Tense ท้ังท่ีเปน Statement Question, Negative ที่กําหนดใหได ถกู ตอ ง 3. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) การสนทนาดวยประโยค Present Simple Tense ท้ังท่ีเปน Statement Question, Negative โดยมี Adverb of frequency ดว ยน้ัน ตอ งอาศยั ทักษะการเรียนรูทงั้ การอาน ฟง เขียน จึงจะทาํ ใหผ เู รียนสามารถสนทนาสื่อความหมายจนไดบรรลุ ตามเปาหมาย 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) Pronunciation: 'library, p'iano, to'gether, Ca'nadian Vocabulary: specific, general, prefer Grammar: Present Simple Tense, Adverbs of Frequency Function: Talk about fact, routines or habits and permanent states Culture: Thai family relationship 4.2 ดานทักษะกระบวนการ (Process/Skill) 1) เขยี นประโยคทีเ่ ปน Statement, Wh-question, Negative (Present Simple Tense) 2) เขยี นประโยคที่มี Adverbs of frequency ไดถกู ตองตามความหมายและตาํ แหนง 4.3 ดา นทักษะเจตคติ (Attitude/Desired Character) มปี ระสทิ ธิภาพในการสอ่ื ความ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูใหน ักเรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ 5 คน จากน้ันเขยี นประโยคบนกระดาน  How does your mum get to work? (question, How, does...get)  She often takes the bus. (sentence, often, takes) แลวถามใหนักเรียนระบุวาเปนประโยคธรรมดาหรือประโยคคําถาม Question word, verb และ adverb of frequency ของประโยคคือคําไหน

236 2. ครูและนกั เรยี นชวยกันเขียนประโยคดงั กลา วใหมใ หเปน ประโยคปฏเิ สธ (Negative Sentence form) 3. ครขู อกลมุ อาสาสมัครชวยใหความหมายของประโยคท้งั 3 ประโ  Presentation 1. นักเรียนทกุ กลุมพลิกไปที่ Grammar Reference ใน Student’s Book หนา 111 ครูใหเวลานกั เรยี น 5 นาที อาน และทําความเขาใจโครงสรางและการนําไปใชของ 1) Present Simple และ 2) Adverbs of frequency 2. ครูถามแตละกลุมใหบอกโครงสรางและการนําไปใชของ Present Simple และ Adverbs of frequency ตาม ความเขาใจของตนเอง ครยู อมรบั ทุกคาํ ตอบของนกั เรยี น 3. เขยี นคาํ ตอบของแตละกลุมบนกระดาน เมอื่ นกั เรยี นตอบครบทุกกลุม ครแู ละนักเรียนชวยกันพิจารณาตัดคําตอบท่ี ผดิ ออก เม่อื เหลือคําตอบท่ถี ูกตองนกั เรียนจดบนั ทึกผล 4. ครูใหนักเรียนดูแบบฝกหัด Grammar A ใน Student’s book หนา 62 แลวใหชวยกันขีดเสนใตคํากริยาใน ประโยค เพอื่ ใหเ ห็นโครงสรา งของ Present Simple Tense เฉลยคําตอบ Grammar A ใน Student’s Book หนา 62 1. lives 2. drives 3. freezes 4. go 5. ครถู ามนกั เรยี นวา :- Which sentence in A talk about fact? :- Which sentence in B talk about everyday activities? 6. ครูใหน กั เรียนขีดเสน ใต Verb ทเ่ี ปน Present Simple ในแบบฝกหัด Grammar C ใน Student’s Book หนา 62 ทีละขอ 7. ครูสรุปโดยถามนักเรยี นวา Which verb is used in Present Simple question and negative, between “to be” and “to do”? 6. นกั เรยี นตอบพรอมกนั (ครสู รปุ เพม่ิ เตมิ ) 7. ครูแจกใบความรู อธิบายใบความรู ยกตัวอยางประโยค เขียนขึ้นบนกระดาน แยกใหนักเรียนเห็นสวน Subject และ Predicate 8. ครอู ธิบายคําส่ังแบบฝกหัด Grammar D ใน Student’s book หนา 62 เฉลยคาํ ตอบ Grammar D ใน Student’s Book หนา 62 1. often 4. sometimes 2. never 5. always 3. usually 6. hardly ever 9. นกั เรยี นทําแบบฝกหดั เขียนคําตอบบนกระดานโดยอาสาสมัคร เพ่ือนๆ ชวยกันตรวจความถูกตอง (ครูเพิ่มเตมิ ) 10. ครใู หน ักเรยี นดแู บบฝกหัด E ใน Student’s book หนา 62 อธบิ ายถงึ ความถ่ีของคํากริยา ใหนักเรียนดู adverbs of frequency ในแบบฝก หดั D อกี ครัง้ แลว นํามาเรียงความถี่ลงในแบบฝกหดั Grammar E ใน Student’s book หนา 62 11. นักเรียนผลัดกนั เขียนคาํ ตอบความถี่บนกระดาน (ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ ) เฉลยคาํ ตอบ Grammar E ใน Student’s Book หนา 62 before, after never (0%), hardly ever, sometimes, often, usually, 12. ครูใหนกั เรยี นขีดเสนใตคําทเี่ ปน Wh-question ในแบบฝกหัด Grammar F ใน Student’s book หนา 62 แลว นําคาํ น้ันไปเตมิ ลงในแบบฝกหดั Grammar G ใน Student’s book หนาเดียวกนั

237 Question Words Function What time asking about time When asking about time Where asking in or at what place or position Which asking about choice What asking for information about something Who asking what or which person or people (subject) Why asking for reason, asking what...for 13. นักเรียนเขยี นคําตอบบนกระดานเพอื่ นๆ ชว ยกนั ตรวจความถูกตอ ง (ครเู พม่ิ เตมิ ) เฉลยคาํ ตอบ Grammar F ใน Student’s Book หนา 62 a. What time b. When c. Where d. Who e. What f. Why a. Who เฉลยคําตอบ Grammar G ใน Student’s Book หนา 62 f. Where b. What c. What time d. Why e. When  Practice 1. ใหนักเรียนทําแบบฝกหัด Grammar H ใน Student’s book หนา 62 ขออาสาสมัคร 6 คน เขียนคําตอบบน กระดาน เพอ่ื นๆ ชว ยกันตรวจความถูกตอง เฉลยคําตอบ Grammar H ใน Student’s Book หนา 62 1. b 2. a 3. b 4. a 5. b 6. b 2. ครูใหนักเรยี นอานประโยคท่ถี ูกตอ งทัง้ ประโยคอยางถูกตอ ง (ครชู ้แี นะ) 3. ครูอธบิ ายคาํ สัง่ แบบฝก หัด Grammar A ใน Workbook หนา 35 นกั เรยี นทาํ แบบฝกหดั 4. ครูขออาสาสมัคร 13 คน ออกมาเขียนคําตอบท่ีขีดเสนใตไวบนกระดาน เพ่ือนๆ ชวยกันตรวจความถูกตอง (ครู เพิม่ เตมิ ) เฉลยคาํ ตอบ Grammar A ใน Workbook หนา 35 My name is Alexis Blezos. I live in Greece. I am 12 years old and I go to Thessaloniki High School. I have two close friends there, Yiannis and Nikos, and we play football together during the lunch break. We sometimes go to the beach at the weekend or we watch TV at my house. Yiannis has a really cool bike. He rides it to school every day. Nikos doesn’t have a bike, but he is really funny, so our other schoolmates like him a lot.  Production 1. ครูอธบิ ายคาํ สง่ั แบบฝกหัด Grammar B ใน Workbook หนา 35 ใหน ักเรียนทาํ แบบฝก หัด 2. ครูสุม เรียกนกั เรยี น 6 คน ออกมาเขยี นคาํ ตอบบนกระดาน 3. เพื่อนๆ ชว ยกันตรวจความถูกตอ ง (ครูเพ่ิมเตมิ ) เฉลยคาํ ตอบ Grammar B ใน Workbook หนา 35 1. Do you study 3. don’t/do not drink 5. never talk 2. Does Jason play 4. doesn’t/does not have 6. are always 4. ครอู ธิบายคาํ ส่งั แบบฝกหดั Grammar C ใน Workbook หนา 35 ใหน ักเรยี นทาํ แบบฝก หัด 5. ครูสุมนกั เรยี นกลมุ ใหมอ ีก 6 คน มาเขียนคําตอบบนกระดาน เพือ่ นๆ ชว ยกนั ตรวจความถูกตอ ง เฉลยคําตอบ Grammar C ใน Workbook หนา 35 1. what 2. Where 3. Who 4. When 5. Why 6. What time

238 7. ครอู ธิบายเพ่ิมเติมใหน กั เรยี นเห็นโครงสรางประโยคคําถามที่มี Question Word เปนตัวประธาน ไมจําเปนตองใส กรยิ าชวย เชน Who is your father? / What is your age? / Who comes with you? 8. ครูอธิบายคาํ สั่งแบบฝก หัด Grammar I ใน Student’s book หนา 62 นักเรียนทําแบบฝก หัด 9. ครูสุมนักเรียนกลุมใหม มาเขียนคําตอบบนกระดาน 5 คน เพื่อนชวยกันตรวจความถูกตองของคําตอบ (ครูเสริม แนะ) โดยแบงนักเรยี นออกเปน 2 กลมุ กลุม ท่ี 1 อานคําถามที่ตรวจแลว กลมุ ที่ 2 อานคําตอบ เฉลยคําตอบ Grammar I ใน Student’s Book หนา 62 1. Where do you usually go on holiday? 4. How do you get to school? 2. What food do you like best? 5. Who do you hang out with at break times? 3. What time do you go to bed? 10. ครูใหน กั เรยี นจบั คูสรางบทสนทนาถามตอบ โดยใชแ บบฝก หดั Grammar I เปน แนวคดิ พรอมอธบิ ายใบประเมนิ 11. นกั เรียนสงบทละครทีจ่ ะแสดง ครูตรวจแลว สง กลบั คนื ใหนักเรยี นแกไ ข 12. นักเรียนแสดงบทบาทสมมุติ เพอ่ื นๆ ประเมินผลบทบาท (ท้ังกลุม ) 13. นักเรยี นผแู สดงประเมินผลตนเอง 14. ครูประเมนิ ผลผแู สดง (ท้งั กลมุ ) 15. ครูสุม นักเรยี นชว ยครูคํานวณผลการประเมิน 6. การวดั และประเมินผล วธิ กี ารวัด เครือ่ งมือ เกณฑก ารวดั 1. สังเกตจากการจับใจความประโยค - Clip Youtube - ถูกตองทกุ ประโยค จาก Youtube - แบบฝกหดั - ถูกตองทุกขอ 2. สังเกตจากการทําแบบฝกหดั 3. สงั เกตจากการสนทนาบทบาทสมมุติ - บทบาทสมมตุ ิ - ถกู ตอ ง 90% 7. สื่อ/แหลงการเรยี นรู 7.1 คลปิ วดี โี อ จาก www.youtube.com เรื่อง English An Introduction about my family 7.2 หนังสือเรยี น Close-up 2, Unit 5 หนา 62 7.3 แบบฝก หดั Close-up 2, unit 5 หนา 35 7.4 ใบความรู 8. บันทึกหลังการจดั การเรยี นรู …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. กิจกรรมเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

First Person ใบความรู 239 Second Person Third Person Present Simple Tense Predicate V1 Statement V1 Subject I, We V-s / V-es V1 You He, She, It They First Person Negative Predicate Second Person Don’t + V1 Third Person Subject Don’t + V1 Doesn’t + V-s / V-es I, We Don’t + V1 You He, She, It They Question word Question Subject Predicate ? V1 ? What Auxiliary Verb I, We V1 ? Where You V1 ? When Do He, She, It V1 ...etc. Do They Do Do

240 แบบฟอรมการประเมิน กลมุ ที่ รายชอ่ื ผูแสดง 2 คะแนนการประเมนิ 10 ช่อื 46 8

241 แผนจดั การเรียนรู หนวยการเรยี นรทู ี่ 5 เรอื่ ง Who Am I? แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ 7 เรอ่ื ง Email Message รหัสวชิ า ................... รายวชิ าพ้ืนฐานภาษาอังกฤษ ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 1 กลมุ สาระการเรียนรูภ าษาตา งประเทศ ปการศกึ ษา 25...... ภาคเรยี นท.่ี ...... เวลา 1 ชวั่ โมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชีว้ ดั ต.1.3 ม.2/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกับตนเอง กิจวัตรประจําวัน ประสบการณ และขาว/เหตุการณท่ีอยูใน ความสนใจของสังคม 2. จุดประสงคก ารเรียนรู เลอื กเขียนคาํ และขอ ความดวยโครงสราง Present Continuous Tense ท่ีกําหนดใหไดถ ูกตอ ง 3. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) การเขียนประโยคท่ีมีโครงสราง Present Continuous Tense นั้น ผูเรียนจะตองมีทักษะในการอาน ฟง แลวจดจํา นําไปเขยี น ไปพูด จงึ จะทําใหบรรลไุ ดตามเปาประสงค 4. สาระการเรยี นรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) Pronunciation: 'consonant, 'vowel, situ'ation, 'meeting, 'brilliant Vocabulary: vowel, consonant, temporary, brilliant, imagine, alphabet Grammar: Present Continuous Tense Function: - Culture: Working for extra money 4.2 ดา นทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) 1) ฟง และอานออกเสียงตามวีดีทัศน What are you doing? 2) ศึกษาใบความรู จับใจความสําคญั ของโครงสราง Present Continuous Tense 3) ฝกเขียนคํากรยิ าท่เี ติม -ing ทง้ั ท่เี ปลี่ยนรูปและไมเ ปลี่ยนรูป 4) เลือกคาํ และเขียนโครงสรา งประโยค Present Continuous Tense ในแบบฝกหดั 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude/Desired Character) มีประสิทธภิ าพในการสื่อความ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูเปดคลิปวีดีโอ จาก www.youtube.com เร่ือง “What are you doing? I’m cleaning my room - English song for Kid……………./English Singsing (1.21 นาท)ี และใหนักเรยี นอา นตามเน้อื รอ ง นักเรียนรองเพลงตามในนาที ท่ี 1.21 เปน ตน ไป ครอู าจเปดใหน กั เรียนฟง ซํ้า 2. ครเู ขยี นประโยคตามทีน่ กั เรยี นไดด ไู ปแลวบนกระดาน โดยใหนักเรยี นมีสว นรว ม 1-2 ประโยค 3. ใหนักเรียนออกมาขดี เสนใตกริยาของประโยค 4. ครูเขียนคาํ วา ‘Present Continuous Tense’ บนกระดาน Give me the other name of this tense. 5. ครูเขียน P_ _ g _ _ _ _ s _ _ _ ใหนกั เรียนชว ยกันเตมิ ตวั อักษร

242  Presentation 1. ครูใหน ักเรียนอาน Paragraph แรกของแบบฝกหัด Grammar J ใน Student’s book หนา 63 แลวขีดเสนใตกริยา ในประโยค “I am studying English. My teacher is helping me. My friend is sitting next to me. My classmates are listening to me. They aren’t writing. We use the Pre sent Continuous to describe actions that are happening soon/now. We form the Present Continuous with the verb be/do and the infinitive/-ing form. 2. ครอู า นกริยาทข่ี ดี เสนใตพรอ มๆ กับนักเรียน 3. ครูอาน Paragraph ตอมาแลวใหนักเรียนเลือกคําที่ถูกตองเพ่ือใหไดใจความที่ถูกตองสมบูรณกับความหมายของ Present Continuous Tense เฉลยคําตอบ Grammar J ใน Student’s Book หนา 63 now, be, -ing 4. ครอู ธิบายแบบฝก หัด Grammar K และ Grammar L ใน Student’s book หนา 63 5. ครอู านขอ a / b / c ในแบบฝก หดั Grammar L ทีละขอ เพ่ือใหน ักเรียนเลอื กขอ 1-5 ในแบบฝกหัด Grammar K ที่ สถานการณต รงกับขอ กําหนด a-c ทีค่ รูอาน เฉลยคาํ ตอบ Grammar K ใน Student’s Book หนา 63 1. we’re living 3. is working 2. We’re lying; We’re 4. We’re studying reading; listening 5. are making เฉลยคาํ ตอบ Grammar L ใน Student’s Book หนา 63 a2, 5 b4 c1, 3 6. ครแู จกใบความรทู ี1่ และ 2 พรอ มท้ังอธิบายใบความรู  Practice 1. ครอู ธิบายคําส่งั แบบฝก หดั Grammar D ใน Workbook หนา 35 นกั เรยี นทาํ แบบฝก หดั เขยี นคํากรยิ าท่ีขีดเสนใตบน กระดานโดยอาสาสมัคร 3. เพอ่ื นๆ ชว ยกันตรวจความถูกตอ ง เนน ใหเ ห็นคาํ บอกเวลาของ Tense นี้ 4. นักเรยี นอาสาสมคั รท่อี อกมาเขียนคําตอบ นําอา นประโยคใหเ พือ่ นอานตามจนครบท้ัง 6 ประโยค เฉลยคําตอบ Grammar D ใน Workbook หนา 35 1. Jack is a brilliant musician. He is playing the guitar right now. 2. Francesca like the Chinese language. She is learning the alphabet at the moment. 3. George is riding his bike to school. His Spanish lesson starts at 8.20 am. 4. Yuri is running for the bus to the city centre. The bus is leaving straight away. 5. I am looking for some new shoes for school. My other shoes are quite old. 6. When are we going to the theatre? The show begin at 2 pm. 5. ครูอธบิ ายคาํ ส่ังแบบฝก หดั Grammar O ใน Student’s book หนา 63 นกั เรียนทาํ แบบฝกหัด Grammar O แลวให นักเรียนอาสาสมคั รมาเขียนคําตอบบนกระดาน เพอ่ื นๆ ชวยกันตรวจความถูกตอ ง

243 เฉลยคาํ ตอบ Grammar O ใน Student’s Book หนา 63 1. C 2. A 3. B 4. A 5. A 6. C 7. B 8. C 6. ครูแจกใบงาน ใหน ักเรยี นทําใบงาน 7. ครูสมุ เรยี กนกั เรียนตอบทลี ะคนวา True or False เพื่อนๆ ชว ยกันตรวจความถูกตอ ง โดยตอบวา Right/Wrong  Production 1. ครูอธบิ ายคําส่งั แบบฝกหัด Grammar E ใน Workbook หนา 35 ใหน กั เรยี นทําแบบฝกหดั เฉลยคาํ ตอบ Grammar E ใน Workbook หนา 35 1. is shopping 3. are you hitting 5. is Claire sitting 2. am writing 4. is making 6. are chatting 2. ครสู ุมเรียกนักเรียน มาเขยี นคําตอบบนกระดาน เพื่อนๆ ชวยกนั ตรวจความถูกตอง 3. ครูใหนักเรยี นจบั คปู รกึ ษากันออกมาแสดงบทบาทสมมุติพรอ ม Gesture แลวใหเพื่อนๆ ทายกันวา คูสาธิตกําลังแสดง บทบาทสมมุติขอ ใด โดยอานประโยคขอนนั้ ๆพรอ มกัน 6. ครอู ธิบายคําสง่ั แบบฝก หดั M ใน Student’s book หนา 63 นกั เรียนทําแบบฝกหดั ทง้ั 8 ขอ 7. ครสู ุมนกั เรยี นมาเขียนคาํ ตอบบนกระดาน เฉลยคําตอบ Grammar M ใน Student’s Book หนา 63 1. are, studying 3. am having 5. am taking 7. are chatting 2. are, speaking 4. am sitting 6. is flying 8. are not/ aren’t feeling 8. ครูใหนักเรียนจับคูมาสนทนาตามแบบฝกหัดทัง้ 8 ขอ หนาช้นั เรยี น 9. ครูสมุ นกั เรียนออกมาแสดงบทบาทสมมุติ 10. ครูอธิบายคาํ ส่ังแบบฝก หัด F และ Exam Reminder ใน Workbook หนา 36 นกั เรยี นทําแบบฝกหัด F 11. ครสู ุมนกั เรียนเขียนคําตอบบนกระดาน เพ่ือนๆ ชว ยกนั ตรวจความถกู ตอง (ครเู พมิ่ เตมิ ) เฉลยคาํ ตอบ Grammar F ใน Workbook หนา 1. b 2. c 3. c 4. a 5. b 6. a 7. c 8. a 12. ครูใหน กั เรียนทําแบบฝก หดั True / False ในใบงาน 13. ครูสุม นักเรียนตอบทีละคน เพือ่ นๆ ชวยกันตรวจความถูกตองดวยการตอบ Right / Wrong 14. ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ เรือ่ ง extra money ของ Jenny 6. การวดั และประเมนิ ผล วิธีการวดั เครอ่ื งมอื เกณฑการวัด 1. สงั เกตจากการอานออกเสียงตาม - คลปิ วีดโี อ - ถูกตอ ง 90 % 2. สังเกตจากการจบั คาํ กรยิ าท่เี ปน - ประโยคจากในคลปิ วดี โี อ - ถูกตอง 90 % Present Continuous - แบบฝกหัด - ถูกตอ งทุกขอ 3. สงั เกตจากการทําแบบฝกหดั 4. สังเกตจากการเติม -ing - แบบฝก หดั - ถูกตองทุกขอ

244 7. สอ่ื /แหลง การเรียนรู 7.1 คลปิ วีดโี อ จาก www.youtube.com/watch?v=kL7mbSnsdhg เร่ือง What are you doing? ของ English Singsing 7.2 หนังสือเรยี น Close-up 2, Unit 5 หนา 63 7.3 แบบฝก หดั Close-up 2, Unit 5 หนา 35-36 7.4 ใบความรู 7.5 ใบงาน 8. บันทึกหลงั การจดั การเรยี นรู ……………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………….. ……………………………………………..………………………………………………………………..…………………………………………………….……………… 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ใหนักเรยี นแขงกนั เขียนคํากรยิ าเตมิ –ing

245 ใบความรทู ่ี 1 Statement Negative Question Subject Predicate Subject Predicate Subject Predicate To be Am I Ving I am + Ving I am not + Ving are Is We Ving We are + Ving We are not + Ving Is Is He Ving He Is + Ving He is not + Ving Are She Ving She Is + Ving She is not + Ving It Ving It Is + Ving It is not + Ving They Ving They are + Ving They are not + Ving - I am writing an email. Example - Am I writing an email? - We are studying now. - Are we studying now? - He is crying. I’m not writing an email. - Is he crying? - She is cooking. We are not studying now. - Is she cooking? - It is licking itself. He isn’t crying. - Is it licking itself? - They are camping. She isn’t cooking. - Are they camping? It’ isn’t licking itself. They aren’t camping.

246 ใบความรทู ี่ 2 Present Continuous Spelling Rules (Verbs end with -ing) Rules Examples 1. words that end with -e, drop -e then add -ing write - writ - writing bake - bak - baking 2. words that end with double -e add -ing see - seeing flee - fleeing 3. words that end with a vowel + a consonant; -p, -g, stop - stopp - -stopping t,... etc. These consonants are doubled before adding get - gett - getting -ing. swim - swimm - swimming dig - digg - digging 4. The letters are not doubled: 1) If the word ends in two consonant letters build - building (consonant + consonant) drink - drinking find - finding 2) if the word ends in two vowel letters + a eat - eating consonant letters wait - waiting hear - hearing 3) in longer words (two syllables or more) if the last happen - happening part of the word is not stressed remember - remembering 4) in longer words (two syllables or more) if the last be'gin - beginning part of the word is stressed re'fer - referring 5) if the word ends in -y or -w (At the end of words, enjoy - enjoying y and w are not consonants.) play - playing blow - blowing 5. words end with -ie, change -ie to -y then add -ing snow - snowing die - dying lie - lying

247 ใบงาน A. Put ‘T’ for a true sentences or ‘F’ for a false sentence in front No.1-6 according to Jenny’s email story in the Exam Close-up O of Student’s Book 63. ……F…… 1. Jenny is sick. ……T…… 2. Jenny writes this email on her birthday. ……T…… 3. Granny sent Jenny a birthday gift. ……T…… 4. Jenny is wearing the T-shirt while she’s writing the email. ……T…… 5. Jenny’s brother is good at dancing. ……F…… 6. Jenny is sending her birthday party photos to Granny on email. B. Put ‘T’ for a true sentence or ‘F’ for a false sentence in front of No.1-6 according to Jill’s email story in the Exam Task F of Workbook on page 36. . ……T…… 1. Wendy’s email is about the fun art lesson. ……F…… 2. Jill often likes painting. ……T…… 3. Jill’s piano lesson is on Saturday afternoon. ……F…… 4. Jill needs to bring brushes to the piano class. ……F…… 5. Wendy gets money from doing house work. ……T…… 6. Jill waits for five answers from Wendy.

248 แผนจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรทู ่ี 5 เรอ่ื ง Who Am I? แผนการจัดการเรยี นรูท่ี 8-9 เร่อื ง Listening รหัสวชิ า ................... รายวิชาพ้ืนฐานภาษาอังกฤษ ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 1 กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ ปการศึกษา 25...... ภาคเรยี นที.่ ......เวลา 1 ชวั่ โมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู/ ตัวชว้ี ัด ต.1.1 ม.2/2 อานออกเสียงขอ ความ ขา ว ประกาศ และบทรอ ยกรองสน้ั ๆ ถูกตองตามหลักการอาน 2. จุดประสงคก ารเรยี นรู ฟง คาํ ขอ ความ และบทสนทนาทก่ี าํ หนดใหแลว จบั ใจความสําคญั ได 3. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept) การฝก ฟงเสียงสระตางๆชว ยใหผูเรียนเกิดทกั ษะในการฟงบทความบทสนทนา แลวสามารถจับใจความสําคัญตลอดจน อา นออกเสยี งและอา นขอ ความ นําไปเขยี นตอบจนไดบ รรลุตามเปาหมาย 4. สาระการเรยี นรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) Pronunciation: Conversation, vowel (a, e, i, o, u) Vocabulary: Instruction, audio, cost task, find out, phonetic Grammar: Present + Future Simple Tense, Present Continuous Tense Function: Asking + Answering Culture: Formal Conversation 4.2 ดา นทักษะกระบวนการ (Process/skill) 1) การออกเสยี งสระ 2) การตอบคําถาม 3) เขยี นคาํ ที่มเี สยี งพองสระตาง 4) อานจับใจความสําคัญจาก Exam Close-up, Exam Reminder 5) การจบั ใจความสาํ คัญและตอบคาํ ถามจากการฟง 4.3 ดานเจตคติ (Attitude/Desired Character) มปี ระสิทธิภาพในการส่ือความ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครเู ปดคลปิ วดี โี อจาก www.youtube.com เรอ่ื ง “The Vowels Phonetics Song for Children, Tune of BINGO- AEIOU/Super English kid (2.18 นาท)ี 2. Pause ที่นาทีท่ี 1.09 แลวเขียน a, e, i, o, u บนกระดาน บอกนักเรียนวา These are the vowels of English language. 3. ครูเขียน ‘Vowels’ บนกระดาน บอกใหนักเรียนสังเกตการออกเสียงสระเหลาน้ี พรอมเปดใหนักเรียนฟงตอและ ออกเสยี งตาม  Presentation

249 1. ครูแจกใบความรูและอธิบายใบความรู 2. ครเู นน การออกเสยี งคําวา ‘can’t และ ‘fast’ วา เปนการออกเสียงแบบ British English และ American English 3. ครูเปด เสยี งคําศัพทในใบความรูท ลี ะคาํ แลว ใหน กั เรยี นออกเสยี งตาม (ครูออกเสียงสระนั้นๆ ใหนักเรียนดูปากครู) อาจ ใชก ารบันทกึ เสยี งคาํ ศัพทจากในพจนานุกรม แลวนํามาเปดเพื่อไมใ หเ สียเวลาคนหา  Practice 1. ครอู ธิบายคาํ สงั่ แบบฝกหดั Listening A ใน Student’s book หนา 64 เพื่อใหน ักเรียนเตรียมตวั ฟง เพ่ือเตมิ ชื่อ ‘สถานที่’ และ ‘ชอ่ื บุคคล’ จาก Audio CD Track 5.1 ทค่ี รูจะเปด 2. นักเรยี นเตรียมจดคาํ ท่คี รูกําหนดใหฟ ง ครเู ปดเทป นักเรยี นฟงและบนั ทกึ คาํ 3. นักเรียนนําคําท่ีบันทึกไดเขียนบนกระดาน เพ่ือนๆ ชวยกันตรวจความถูกตอง โดยครูเปดเทปใหฟงอีกครั้ง (ครู เพิม่ เตมิ ) เฉลยคําตอบ Listening A ใน Student’s Book หนา 64 1. Leicester 4. Faversham 2. Jack Gough 5. Zayn Wood 3. Vanessa Baxter 6. Quentin Pimm 5. ครูอธิบายคําสั่งแบบฝกหัด Listening B ใน Student’s book หนา 64 เพ่ือเปนแนวทางในการฟงเสียงสระของคํา จาก Audio CD Track 5.2 ท่คี รูจะเปด นักเรยี นเตรยี มจดคาํ ท่ไี ดยิน เฉลยคาํ ตอบ Listening B ใน Student’s Book หนา 64 1. a 2. a 3. b 4. a 5. a 6. b 7. ครูเปด Audio CD Track 5.2 ครั้งท่ี 1 ใหนักเรียนฟงและเขียนคําตอบ a หรือ b ลงในบันทึก คร้ังที่ 2 นักเรียน ทบทวนคําตอบของตนเอง 8. ครูขออาสาสมัครออกมาเขยี นคําตอบบนกระดาน เพ่ือนๆ ชวยกันตรวจคําตอบจากการฟง Audio CD Track 5.2 อีก ครั้ง (ครเู พิม่ เตมิ ) 9. ครเู ปด Audio CD Track 5.2 อดี ครัง้ ครั้งนี้ใหนักเรยี นฟง และออกเสียงตามชื่อท่ีไดยินทีละคํา โดยครูหยุดเปนชวงๆ ใหนกั เรยี นออกเสยี งตาม 10. ครูใหนักเรียนจับคูกันคิดคําท่ีสะกดดวยสระตางกัน แตออกเสียงเหมือนกัน คูละ 1 คู แลวนํามาเขียนบนกระดาน พรอมออกเสียงใหเ พอ่ื นฟง 11. เพอื่ นๆ ชวยกนั ตรวจความถูกตอง (ครเู พม่ิ เติม) 12. ครอู านออกเสียงคําทถี่ ูกตอ งเหลานั้น และใหนกั เรยี นอา นตาม  Production 1. ครูอธิบายคําสัง่ แบบฝกหัด Listening C ใน Student’s Book หนา 64 ใหนักเรียนขีดเสนใต Question Word แลว เขยี นคาํ ตอบบนกระดานเพื่อนชว ยกันตรวจความถกู ตอ ง 2. ครูใหนักเรียนชวยกันพิจารณาวา Question Word ตัวใดถามเกี่ยวกับเร่ืองอะไร ตามหัวขอที่ใหมาในแบบฝกหัด Listening C 3. นักเรยี นอาสาสมัครมาเขียนคาํ ตอบขอ 1-4 และแปลคําถามใหเพื่อนๆ เขาใจ เพ่ือนๆ ชวยกันตรวจความถูกตอง (ครู เพม่ิ เติม) เฉลยคําตอบ Listening C ใน Student’s Book หนา 64 1. a date 3. a price 2. a time 4. a name 4. ครูใหนกั เรียนอาน Exam Close-up แลวจบั ใจความสําคญั

250 5. ครูอธิบายคําสัง่ แบบฝกหดั Listening D ใน Student’s book หนา 64 แลวใหน กั เรียนอานขอความในแบบฝกหัด 1- 4 วาขอ ความใดถกู ตอ งตรงตามใจความสาํ คัญใน Exam Close-up จากนั้นเปด Audio CD Track 5.3 6. นกั เรยี นฟงและใส T หนา ขอ ความ ถา ไมต รงใหใส F หนา ขอความ 7. ครูสมุ เรยี กนักเรียนมาเขยี นคําตอบหนา หมายเลขขอ บนกระดาน เพือ่ นๆ ชวยกันตรวจความถูกตอ ง (ครูเพิ่มเตมิ ) เฉลยคาํ ตอบ Listening D ใน Student’s Book หนา 64 1. F 2. T 3. F 4. T 8. ครใู หนกั เรียนดูภาพผูหญิงใน Student’s book หนา 64 แลวถามเพอ่ื ใหน ักเรียนคดิ หาคําตอบ Guess! What is she doing? What is she? Where is she now? ครบู อกนกั เรยี นวา : Now, you’re going to listen to a conversation between a man and a woman. 9. กอนท่ีครูจะใหนักเรียนฟง Audio CD Track 5.4 นักเรียนดูแบบฝกหัด Listening E ใน Student’s book หนา 64 ครูบอกนกั เรียนวา นกั เรยี นจะตอ งฟงแลวจบั ใจความสําคญั ในบทสนทนา นาํ มาเติมลงในแบบฝกหดั ใหส มบรู ณ 10. ครูถามเพ่ือใหนักเรียนคิดหาคําตอบ ดวยคําถามวา What kind of word do you have to catch up to help you to do the exercise? 11. นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ครเู ขียนคาํ ตอบทุกคําตอบบนกระดาน 12. นักเรียนชว ยกนั เลอื กคําตอบท่ถี กู ตองและเหมาะสมทีจ่ ะใชกบั แบบฝกหดั 13. ครูบอกนักเรียนวาจะเปด Audio CD Track 5.4 ใหฟง 2 รอบ ใหนักเรียนชวยกันบันทึกคําท่ีไดยิน เพ่ือนํามาเลือก เปนคาํ ตอบท่ถี กู ตอง 14. ครูสุมนักเรียนมาเขียนคําตอบบนกระดาน เพอ่ื นๆ ชว ยกันตรวจคําตอบ 15. ครเู ปด Audio CD Track 5.4 คร้ังท่ี 3 กดหยุดในตําแหนง ทเ่ี ปน คําตอบ เพอื่ ตรวจความถูกตอ งเปนครงั้ สุดทา ย 16. ครใู หน ักเรียนดภู าพใน Work book หนา 8 แลว elicit คําถาม :- What’s kind of activity she playing? :- Is she a trainer of student? :- Where is she now? 17. ครใู หน กั เรียนอา น Exam Reminder แลวจบั ใจความสําคัญ 18. ครูใหนักเรียนสรุปสิ่งท่ีอานเปนขอๆ แลวมาเขียนลําดับท่ีควรทําบนกระดาน โดยครูเลือกสุมเรียก (ครูชวยชี้แนะ เพมิ่ เตมิ ) นกั เรยี นออกมาเติมเตม็ บนกระดาน  First ……………………………………..  Second ……………………………………..  Third …………………………………….. 19. ครใู หน กั เรียนดู Exam Task แลวชว ยกนั พิจารณาวาควรจะตองฟง คําท่เี ก่ียวกับเรื่องอะไร เพ่ือนํามาเติมลงในชองวาง ของแบบฝก หดั แตละชอ ง (ขอ ที่ 1-5) 20. เมอ่ื ครพู บวา นักเรยี นเขาใจดแี ลว ครูเปด Audio CD Track 5.5 ใหน กั เรียนฟง 21. นกั เรียนจดบันทกึ ในกระดาษโนต 22. เมื่อจบรอบท่ี 1 แลว ครูใหอาสาสมัครไปเขียนคําตอบบนกระดาน ถาคําตอบยังไมครบ หรือ ครูเห็นวายังมีที่ผิดอยู ครูเปด เทปใหน ักเรียนฟงรอบท่ี 2 เมอ่ื จบแลว ครูใหเ พื่อนๆชว ยกันตรวจคําตอบบนกระดาน และออกมาแกไข 27. ครูเปดครูเปด Audio CD Track 5.5 รอบที่ 3 หากคําตอบยังมีที่ผิดอยู ใหนักเรียนชวยกันตั้งใจฟง เพื่อตรวจความ ถูกตอ งครัง้ สุดทาย

251 6. การวัดและประเมินผล วธิ กี ารวดั เครอื่ งมือ เกณฑก ารวัด - เสียงจากเทป - ถูกตอ ง 80% 1. สังเกตจากการอานออกเสยี งของ นักเรียน - ถูกตอง 80% 2. สังเกตจากการเลอื กหาคําที่ตัวสะกด - ตวั อยางจากแบบฝกหัดใน - ถูกตอ งทุกขอ ตางกัน แตเสยี งพอ งกัน Student’s book 3. สงั เกตจากการทาํ แบบฝกหัด - แบบฝก หดั ใน Student’s book Work book 7. สอื่ /แหลง การเรียนรู 7.1 คลปิ วีดโี อจาก www.youtube.com: https://www.youtube.com/watch?v=r-kfBpm6qPo เรื่อง The Vowels Phonetics Song for Children 7.2 หนังสือเรยี น Close-up 2, Unit 5 หนา 64 7.3 Class Audio CD Track 5.1-5.4 7.4 ใบความรู 8. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................................................................

252 ใบความรู Phonetics: Signs (symbols) for showing the different sounds made by the voice /æ/ /ɑː/ /e/ /ɪ/ /ɒ/ /ʌ/ WORD SYMBOL WORD SYMBOL WORD SYMBOL WORD SYMBOL WORD SYMBOL apple /ˈæp.əl/ egg /eɡ/ iguana /ˈæp.əl/ octopus /ˈɒk.tə.pəs/ umbrella /ʌmˈbrel.ə/ can’t /kænt/ fresh /freʃ/ city /ˈsɪt.i/ golf /ɡɒlf/ sun /sʌn/ lemon /ˈlem.ən/ distance /ˈdɪs.təns/ holiday /ˈhɒl.ə.deɪ/ must /mʌst/ /kɑːnt/ pepper /ˈpep.ə/ milk /mɪlk/ hot /hɒt/ love /lʌv/ sentence /ˈsen.təns/ lipstick /ˈlɪp.stɪk/ follow /ˈfɒl.əʊ/ fun /fʌn/ fast /fɑːst/ /fæst/ WORD SYMBOL WORD SYMBOL Taylor Tailor Cygnet /ˈteɪlə/ Signet /ˈteɪ.lə/ Lauren /ˈsɪɡ.nɪt/ Lorraine /ˈsɪɡ.nət/ Curry /ˈlɑːrən/ Carey /ˈlɑːren/ Bristol /ˈkʌri/ Bristle /ˈkeəri / Anna / ˈbrɪstəl / Anne /ˈbrɪsl/ /ˈænə/ /æn/

253 แผนจัดการเรียนรู หนวยการเรยี นรทู ่ี 5 เรื่อง Who Am I? แผนการจดั การเรียนรูที่ 10 เรือ่ ง Talking About Oneself รหสั วิชา ................... รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 1 กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปการศึกษา 25...... ภาคเรียนที.่ ......เวลา 1 ชั่วโมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู/ ตัวชว้ี ดั ต.1.1 ม.2/1 สนทนา แลกเปลีย่ นขอมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องตางๆ ใกลตัว และสถานการณตางๆ ในชีวิตประจําวัน อยา งเหมาะสม 2. จุดประสงคการเรยี นรู นักเรียนสามารถพูดสนทนาแลกเปลยี่ นในเรอ่ื งที่กําหนดใหไ ดถูกตอง 3. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) การพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนเร่ืองเกี่ยวกับครอบครัวของตนเองตองใชทักษะจากการฟง อาน เขียน จึงทําใหผูเรียน สามารถนาํ ภาษาองั กฤษมาใชส นทนาส่ือสารไดอยา งมีประสิทธภิ าพจนไดบ รรลุตามเปา หมาย 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) Pronunciation: 'favourite, a'partment, 'interest Vocabulary: subject, share, each other, spend time Grammar: Wh-question, Yes-no question Function: Asking + Answering Culture: Thai Family 4.2 ดานทักษะกระบวนการ (Process/Skill) 1) จบั ใจความสําคัญจากเนือ้ เรื่องท่ฟี ง และอานจาก Exam Close-up, Useful Express 2) เขียนประโยคคําถาม คําตอบตามแบบฝก หดั ท่กี ําหนด 3) พูดสนทนาและถาม-ตอบ 4.3 ดานเจตคติ (Attitude/Desired Character) มปี ระสิทธิภาพในการสือ่ ความ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครบู อกนกั เรยี นวา Today you’re going to watch a story called ‘Love Your Family.’ Please pay attention to the story because when it comes to the end, I want you to tell me about the story. 2. ครเู ปด คลปิ วดี โี อ จาก www.youtube.com เรือ่ ง Love Your family | Short Moral Stories for Kids | English by Quixot Kids - Story ความยาว 3.20 นาที 3. เมื่อจบแลว ครถู ามนักเรียนวา Would you like to watch it one more time?

254 4. เมือ่ จบแลว ครถู ามเพอื่ ใหนักเรยี นคดิ หาคาํ ตอบ (elicit) เน้ือเร่ืองจากนักเรียน This time I want you to give me one sentences (for each person) about the story. Who will be the first person? 5. นักเรียนอาสาสมคั รลกุ ขนึ้ ตอบคนละประโยค ครูพูดย้ําหรือแกไขประโยคใหถูกตอง แลวเขียนข้ึนบนกระดานทีละ ประโยค จนเหน็ วาไดเคา โครงใจความสาํ คญั ของเรอื่ งแลว ครูสรุปให 1 ประโยค เพื่อใหเ รอื่ งราวเขาใจชัดเจนข้นึ  Presentation 1. ครูถามเพอ่ื ใหน ักเรยี นคิดหาคําตอบ (elicit) คําตอบดวยคาํ ถามตอ ไปนี้ :- Do you love your family? :- Why? / Why not? :- Have you ever thought that living in a big family was a huge headache? :- Why? / Why not? 2. ครใู หน ักเรยี นดูภาพ A, B ใน Student’s book หนา 65 แลว elicit คาํ ตอบจากนกั เรยี นดวยคําถาม What’s the different between these two families? จนกวาจะไดคําตอบวา Picture A is a small family but picture B is a big family 3. ครูใหนกั เรยี นดูภาพ A แลว ถามตอ :- Is this kid a boy or a girl? (ครูขอเหตุผลจากนักเรยี นแลวสรปุ ตามเสยี งขางมาก) :- How old is he (she) ? Is he (she) a European? :- What school level is he (she) in? 4. ครใู หนักเรียนดภู าพ B แลว ถามตอ :- Who is the oldest in this family? :- Are they Europeans? Why do you think so?  Practice 1. ครูใหนักเรียนอานแบบฝกหัด Speaking A ใน Student’s book หนา 65 ขอ 1-6 แลวพิจารณาวาขอใดเปน ประโยคที่อธิบายภาพใด และขอใดเปนประโยคที่ใชอธบิ ายไดท้ัง 2 ภาพ 2. นักเรียนอานจับใจความแลวเขียนคําตอบบนกระดานโดยการอาสา เพ่ือนๆ ชวยกันตรวจคําตอบที่ถูกตอง (ครู อธบิ ายเพม่ิ เติม) เฉลยคําตอบ Speaking A ใน Student’s Book หนา 65 Photo A: 2, 4 Photo B: 1, 3, 5 Sentence 6 could match both photos. 3. ครูอธิบายคําส่ังแบบฝกหัด Speaking B ใน Student’s book หนา 65 นักเรียนทําแบบฝกหัดโดยเลือกประโยค สนทนาทถี่ ูกตอง (a/b) เขียนหวั ขอ คําตอบบนกระดานโดยการอาสา 4. เพ่ือนๆ ชวยกันตรวจความถูกตองพรอ มใหเหตผุ ล (ครูเพมิ่ เติม) เฉลยคาํ ตอบ Speaking B ใน Student’s Book หนา 65 1. b 2. a 3. b 4. b 5. a 6. ครูอธิบายคําส่ังแบบฝกหัด Speaking C ใน Student’s book หนา 65 ใหนักเรียนจับคูกัน ชวยกันตั้งคําถามกับ ประโยคคาํ ตอบท่ีนักเรยี นเลอื กไวในแบบฝกหดั B เฉลยคาํ ตอบ Speaking C ใน Student’s Book หนา 65 1. how many people are (there) in your family 2. How often do you go to your English school? 3. Which year are you in at school? 4. Do you watch TV every evening? 5. How often/ When do you meet you friends?

255 7. ครขู ออาสาสมัคร 5 คู ออกมาสนทนาถามตอบหนาช้ันเรียน แลวเขยี นคําถาม คําตอบแตล ะคบู นกระดาน 8. เพื่อนๆ ชว ยกันตรวจความถูกตอง (ครูเพ่มิ เตมิ )  Production 1. ครูอธิบายคําส่ังใน Exam Task ของ Student’s book หนา 65 วานักเรียนจะตองสรางคําถามคําตอบในการ สนทนากันเกี่ยวกับเร่ืองครอบครัวของตนเอง แตกอนที่นักเรียนจะชวยกันคิดคําถาม คําตอบใหนักเรียนอาน Exam Close-up แลวจับใจความสาํ คัญ เพือ่ เปน แนวทางในการเขยี น dialogue เพื่อใชใ นสนทนาตอไป 2. นักเรียนอา น Exam Close-up and try to remember the rule 3. ครอู ธบิ าย Useful Expression เพือ่ ใหนักเรียนนําไปใชเขยี น dialogue เพือ่ สนทนา 4. ครแู บง นกั เรยี นออกเปน 2 กลมุ กลุม A และ กลุม B ใหนกั เรยี นแตละกลมุ สรา งประโยคคําถามจากคําที่กําหนดให ใน Exam Tasks และแตล ะกลุมก็ตอ งเตรียมสรา งประโยคคาํ ตอบกบั คาํ ถามท่ีตนสรางข้ึนดวย 5. นกั เรียนแตละกลุมเลอื กตัวแทนมาสนทนาโตตอบหนาชั้นเรียนคนละ 1 คําถาม 1 คําตอบ เปนบทบาทสมมติ เม่ือ สนทนาจบ ใหตวั แทนกลุม แตล ะกลุม (คนใหม) ไปเขียนบทสนทนาบนกระดาน 6. เพือ่ นๆ ชวยกันตรวจความถกู ตอง 7. นกั เรยี นแตละกลมุ อานบทสนทนาท่ถี ูกตอ งแลวบนกระดานของกลมุ ตนเอง (ครูเพิม่ เติม) 6. การวัดและประเมินผล วิธีการวัด เคร่อื งมือ เกณฑการวัด - ประโยคที่ใชในการสนทนา 70-80 % - ตรวจความถกู ตองประโยคและ การเลือกใช Expression ไดอยาง - บทสนทนา 70-80 % เหมาะสม - ทา ทางในการแสดงบทบาท - สังเกตทา ทางและการมีสวนรวม ในการสนทนา 7. สื่อ/แหลง การเรยี นรู 7.1 คลิปวดี โี อจาก www.youtube.com: https://www.youtube.com/watch?v=rjnxA2QvWbI เรือ่ ง Love Your Family | Short Moral Stories For Kids | English: Quixot Kids - Story 7.2 หนังสือเรียน Close-up 2, Unit 5 หนา 65 8. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................................................................

256 แผนจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ี่ 5 เรือ่ ง Who Am I? แผนการจดั การเรียนรทู ี่ 11 เรื่อง Application Form รหสั วชิ า ................... รายวิชาพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ ชั้นมธั ยมศึกษาปท ี่ 1 กลุมสาระการเรียนรภู าษาตางประเทศ ปการศกึ ษา 25...... ภาคเรยี นท.ี่ ...... เวลา 1 ช่ัวโมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชีว้ ัด ต.1.1 ม.2/3 ระบุ/เขยี นประโยค และขอความ ใหสัมพนั ธกับสือ่ ที่ไมใ ชความเรียง รปู แบบ ตา งๆ ทีอ่ า น 2. จุดประสงคก ารเรยี นรู เขยี นขอความในรปู แบบทก่ี ําหนดใหไดถ กู ตอ ง 3. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) การเขียนกรอกแบบฟอรมใบสมัครตองอาศัยทักษะการอานตัวอยางแบบฟอรมใบสมัครตางๆที่เปนตัวอยางฝกทักษะ การฟงการใชคํานําหนา ช่อื ของผเู รียน แลวนาํ ไปใชใ นการพดู การเขยี นจนสาํ เร็จไดต ามเปาหมาย 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) Pronunciation: appli'cation, 'membership Vocabulary: surname, personal details, place of birth, unmarried Grammar: Wh-question Function: Asking + Answering Culture: คํานําหนาช่ือ 4.2 ดา นทักษะกระบวนการ (Process/Skill) 1) ฟง และฝกออกเสียงคาํ ท่ีใชในการนําหนาชอื่ 2) อานแบบฟอรม ใบสมคั ร แลวสังเกตสวนประกอบสําคัญท่ีตอ งกรอกในแบบฟอรม 3) ตอบคําถามที่แบบฝกหดั กําหนดให 4) สรา งเขยี นแบบฟอรม ใบสมคั รของตนเอง 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude/Desired Character) มคี วามคดิ รเิ ริ่มสรางสรรค 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูบอกใหนักเรียนต้ังใจดู-ฟง และทําตาม คลิปวีดีโอ www.youtube ท่ีครูจะเปด เรื่อง Title: Mr. Mrs. Miss Ms/The Accent Channel (3.20 นาท)ี 2. ครสู รุปและอธิบายเพมิ่ เตมิ อกี ครัง้ แลว ใหนกั เรียนฝก ออกเสียงตาม 3. ครลู องใหน ักเรียนออกเสียงทลี ะคน (สุม นักเรยี นที่ไมไดส นใจดสู กั 5-6 คน)  Presentation 1. ครูแจกใบความรูท่ีเปนแบบฟอรมตางๆ แลวใหนักเรียนจับใจความดูวา เปนแบบฟอรมเกี่ยวกับอะไร ใหนักเรียน ตอบพรอมๆ กนั

257 2. ครใู หนกั เรยี นชวยกนั พิจารณา แบบฟอรมทั้งหมดวาประกอบไปดวยหวั ขอหลกั สําคญั ที่จะตองกรอกวามีอะไรบางให นักเรียนตอบพรอมๆ กัน 3. ครเู ขยี นหัวขอ เหลานัน้ บนกระดาน  Title  Name  Date of birth  Home address  Email address 4. ครูใหนักเรียนดูหัวขอในแบบฝกหัด Writing: completing a form A ใน Workbook หนา37 แลวใหชวยกัน พิจารณาวา ขอ ใด (a-f) เปนหัวขอ ใด (1-6) เฉลยคาํ ตอบ Writing A ใน Workbook หนา 37 1. d 2. c 3. c 4. a 5. b 6. c 5. ครูอธิบาย Learning Reminder ใน Workbook หนา 37 ย้ําเตือนใหนักเรียนเขียนกรอกขอมูลเปนภาษาอังกฤษ ท่ถี ูกตอ ง 6. ครใู หนักเรยี นอาน Learning Focus ใน Student’s book หนา 66 แลวครอู ธิบายเพ่มิ เตมิ 7. ครูใหนักเรียนชวยกันดูแบบฝกหัด B ใน Student’s book หนา 66 ทีละขอพรอมกันวา ขอใดเขียนถูกตอง a. หรอื b. พรอ มอธบิ ายวา ขอ ผดิ ผิดอยา งไร เฉลยคําตอบ Writing B ใน Student’s Book หนา 66 1. b 2. b 3. a 4. a 5. b  Practice 1. ครูอธิบายคําสัง่ แบบฝก หดั Writing A ใน Student’s book หนา 66 ขอ นักเรียนทาํ แบบฝก หัด 2. ครสู ุม นักเรยี นมาเขียนคําตอบบนกระดาน เพอ่ื นๆ ชว ยกนั ตรวจความถูกตอ ง เฉลยคําตอบ Writing A ใน Student’s Book หนา 66 1. all of them 2. an application for a passport; a membership for a club: an online profile 3. an application for a passport; an online profile 4. an application for a passport; a membership for a club; to enter a competition; to buy something online 5. could be on all of them, but maybe not on an online profile for security reasons 6. could be on all of them, but maybe not on an online profile for security reasons 3. ครูอธิบายคําสง่ั แบบฝกหดั Writing C ใน Student’s book หนา 66 4. ใหนกั เรียนจบั คูแสดงความคิดเห็นกบั การตอบคาํ ถามในแบบฝกหดั C ทงั้ 4 ขอ 5. ครสู มุ นกั เรยี นเขยี นคาํ ตอบบนกระดาน เพื่อนๆ ชว ยกันตรวจความถูกตอ ง เฉลยคําตอบ Writing C ใน Student’s Book หนา 66 1. Mrs; Miss 3. Reynolds 2. Ms 4. House number 6. ครูอธิบายคําสั่งแบบฝกหัด D ใน Student’s book หนา 66 ใหนักเรียนอานและจับใจความคําถามท้ัง 3 ขอ (นกั เรยี นจับใจความคําถาม)

258 เฉลยคําตอบ Writing D ใน Student’s Book หนา 66 1. my personal information 2. to order a monthly magazine 3. information about the price 7. ครใู หน ักเรยี นอา นรายละเอียดในกรอบส่เี หลยี่ ม เพื่อเปนแนวในการตอบคาํ ถามทง้ั 3 นน้ั 8. ครขู ออาสาสมคั ร เขยี นคาํ ตอบบนกระดาน เพ่ือนๆ ชวยกนั ตรวจความถกู ตอ ง (ครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ )  Production ครูใหน ักเรยี นสรา งแบบฟอรม สมัครเรยี นกิจกรรมทนี่ ักเรยี นสนใจ เชน :- กฬี า เชน เทนนสิ วายนํ้า กอลฟ ฯลฯ :- ศลิ ปะ เชน วาดรูป ระบายสี ถักไหมพรม ฯลฯ โดยมขี อมลู ดังน้ี  Title  Name  Date of birth  Home address  Email address นกั เรียนใชแบบฟอรมท่คี รแู จกเปน ตวั อยาง ไมต องทาํ ใหเ หมือนทงั้ หมด แตตอ งมลี กั ษณะใกลเ คียงกบั ตวั อยาง 6. การวดั และประเมินผล วิธกี ารวดั เครอ่ื งมอื เกณฑการวัด 1. สงั เกตจากการอานจับใจความของ - Learning Focus, - ถูกตอ งทั้งหมด Learning Reminder นักเรียน - ถกู ตองทั้งหมด - แบบฝก หัด 2. สังเกตจากการทาํ แบบฝกหดั 3. สังเกตจากการออกแบบ Application - Application Form - ถูกตอ งสมบรู ณ Form และกรอกขอมูลได 7. ส่ือ/แหลงการเรียนรู 7.1 คลิปวีดีโอจาก www.youtube.com เร่อื ง Titles : Mrs, Mr, Miss, Ms. https://www.youtube.com/watch?v=E0y9W6mRD2Y 7.2 หนังสือเรยี น Close-up 2, Unit 5 หนา 66 7.3 แบบฝก หดั Close-up 2, Unit 5 หนา 37 7.4 ใบความรู 8. บันทึกหลังการจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ใหน ักเรียนชวยกันหา Titles นําหนา ชื่อเพิ่มขึ้นอีกมานําเสนอใหเ ปน ความรูกบั เพ่ือนๆ

259 ใบความรู

260 แผนจดั การเรียนรู หนว ยการเรียนรทู ่ี 5 เรอ่ื ง Who Am I? แผนการจดั การเรียนรูท่ี 12 เรื่อง Writing Interests Into a Form รหัสวิชา ................... รายวิชาพ้ืนฐานภาษาอังกฤษ ช้นั มธั ยมศึกษาปท ่ี 1 กลุมสาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปก ารศึกษา 25...... ภาคเรยี นท่.ี ...... เวลา 1 ชัว่ โมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชีว้ ดั ต.1.1 ม.2/3 ระบุ/เขียนประโยค และขอ ความ ใหส ัมพนั ธก ับสอ่ื ท่ีไมใ ชค วามเรยี ง รปู แบบตางๆ ที่อา น 2. จดุ ประสงคก ารเรียนรู เขยี นขอความที่กาํ หนดใหไ ด 3. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) การเขียนกรอกแบบฟอรมนอกจากเขียนชื่อ ท่ีอยู วัน เดือน ปเกิดแลว ในบางแบบฟอรมยังตองบอกความสนใจและ ตอบคําถามบางอยา งดว ย ดังน้ันการอานจับใจความตัวอยางใหม ากๆ หดั เขียนตอบประโยคโครงสรา งตามตามรูปแบบท่ีฟงหรือชม จากวดี ีทศั น ยอมทําใหผ ูเรียนไดน ําทักษะทกุ ดานในการเรียนรูภาษาอังกฤษมาใชจ นไดน ําไปสคู วามสาํ เรจ็ ตามเปา หมาย 4. สาระการเรยี นรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) Pronunciation: 'discount, 'perfume, 'handwriting, Vocabulary: phrase, discount, perfume, interest, social networking site, Grammar: like, love, enjoy-gerund Function: Describing about interests Culture: Thai children’s interest 4.2 ดา นทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) 1) นักเรยี น ฟง - ชมคลปิ วดี ีโอ จาก www.youtube.com แลวจับใจความสาํ คญั เพ่อื ตอบคําถาม 2) เรยี นรเู รือ่ งคาํ ศพั ทจากใบความรู 3) อานแบบฟอรมและแกไขได 4) เขียนแบบฟอรม และใสขอ มูลเก่ียวกบั เกยี่ วกบั ความชอบของตน ดวยโครงสรา งทถี่ ูกตอ ง 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude) มีความคดิ รเิ ริม่ สรา งสรรค 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครบู อกวา วนั น้ี นักเรยี นจะได คลปิ วดี โี อจาก youtube เรื่อง Gerund + Infinite ของ Gerunds and Infinitives (Verbs): Fun & humorous ESL video to peak your students’ engagement! ในขณะทีฟ่ ง ขอใหน กั เรยี นจับใจความสาํ คัญ ใหไ ดวา What is a gerund? What is an infinitive? 2. ครเู ปด Youtube ใหนักเรียนดู 3. เมอ่ื จบ ครถู ามคาํ ถามท้งั 2 อกี ครั้ง โดยเขียนขึน้ บนกระดาน 4. ใหน ักเรียนชว ยกนั ตอบ ครูสงั เกตนกั เรยี นทไี่ มต อบ แลวถามคาํ ถามกบั นกั เรียนเหลานั้น พรอมใหยกตวั อยางคาํ ดวย

261  Presentation 1. ครู elicit คําถามตอไป :- Do you remember verbs that can be followed by an infinitive or a gerund? :- Please give me some. 2. ครนู าํ คําท่ีนกั เรียนบอก (พยายามใหไดค ําทตี่ อ งการ) เขียนบนกระดาษ (like, love) 3. ครถู ามคาํ ถามตอไป :- Do you remember verbs that can be followed only by a gerund? :- Please show me some. 4. ครูนาํ คําทนี่ กั เรยี นบอกเขียนบนกระดาน (พยายามใหคาํ วา enjoy มาดวย) 5. ครใู หน กั เรยี นชวยกันสรางประโยคที่มี infinitive และ Gerund ในประโยคท่ีมี Verb 3 ตัวนี้ คือ like, love, enjoy โดยครูอาจจะนําข้นึ ตน ประโยคให แลวใหนักเรยี นชวยกนั ตอ เชน I like to …………………………… (Guess, what I like?) I like ……….ing………. ชอื่ นักเรยี นในหอ ง loves to ………………….. (Guess, what he/she love?) ชอ่ื นักเรยี นในหอ ง loves to ……….ing………. ช่อื นกั เรียนในหอง enjoys ………..ing………. 6. ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ สาํ หรบั คาํ กรยิ าทส่ี ามารถตามหลังไดท งั้ infinitive และ gerund อยางคาํ วา like กบั love Like + gerund (V-ing) means ‘in habit’ Love Like + infinitive (to + V1) means ‘at that time Love 7. ครูเขยี นท้งั หมดบนกระดาน แลว ยอ นไปอธบิ ายประโยคที่นักเรยี นและครูชว ยกันยกตวั อยางอีกครั้ง 8. ครแู จกใบความรูใ หนกั เรียนชวยทําพรอมๆกัน โดยมีครูคอยชี้แนะเพิ่มเติม สําหรับคําวา interest ที่เปน Verb และ Non-verb 9. ครูอธบิ ายคาํ สั่งแบบฝก หดั Writing E ใน Student’s book หนา 67 แลวใหนักเรียนอานรายละเอียดของแบบฟอรม แลว ถามนกั เรียนวา What kind of an application form is this? 10. ครูเขียนคําตอบทถี่ ูกตองบนกระดาน It’s a membership application form.  Practice 1. ครใู หน ักเรยี นอานใบสมัครในแบบฝกหัด Writing E ใน Student’s book หนา 67 อีกครง้ั แลว ใหนักเรียนเลือก นิตยสารท่ีคดิ วา Christina ตองการสมคั รเปนสมาชิก 2. นักเรยี นเขียนคาํ ตอบบนกระดาน โดยอาสาสมัคร พรอ มใหเหตุผล เพ่อื นๆ ชวยกนั ตรวจความถกู ตอ ง (ครูเพม่ิ เตมิ ) เฉลยคาํ ตอบ Writing F ใน Student’s Book หนา 67 Based on her interests, she might choose Sporty, Your Pet and Video Games Now. 3. ครูใหนักเรียนทุกคนอาน Exam Close-up แลวชวยกันเขียนรายการความสนใจของตน โดยใช like, love, enjoy ตามดวย Gerund บนกระดานคนละ 1 ประโยค 4. เพ่ือนๆ ชวยกนั ตรวจความถูกตอ งของคาํ ตอบบนกระดาน (ครูเพม่ิ เติม) 5. ครูอธิบายคําสงั่ แบบฝกหัด Writing C ใน Workbook หนา 37 ใหน ักเรียนแกไขขอผดิ พลาดในใบสมัครในแบบฝกหดั

262 6. ครสู มุ เรียนนกั เรยี นเขยี นคําตอบที่แกไ ขแลวบนกระดาน เพอ่ื นๆ ชว ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ ง เฉลยคําตอบ Writing C ใน Workbook หนา 37 Brighton Sports Club Title (please click) Miss  Mr  Ms  Mrs  First name John Surname Hendricks Date of Birth 7th May, 2000 Street address 18 Montpelier Road City, Postcode, Country Brighton, M27 2AB, UK Interests I like playing all sports, but I especially enjoy playing tennis, so I want to have tennis lessons. I’m also interested on basketball. Questions Where can I buy good sports clothes?  Production 1. ครูอธิบายคําสั่งแบบฝกหัด Writing H ใน Student’s book หนา 67 โดยใหนักเรียนอานวลีใน Useful Expression และทาํ ความเขาใจความหมายกอ น เพอื่ นาํ แนวความคดิ และโครงสรางประโยคไปใชในการเขียนเติมแบบฝกหัดใบสมัครของขอ F ได หากนกั เรยี นยงั ไมเ ขาใจใหถ ามครู 2. นักเรยี นทําแบบฝก หดั H 3. ครูสุมนักเรียนทลี ะคนมาเติมแบบฝก หดั ใหส มบูรณบนกระดาน เพ่อื นๆ ชว ยกนั ตรวจความถกู ตอ ง 4. ครูอธิบายคาํ สง่ั แบบฝกหดั Writing D ใน Workbook หนา 37 นักเรียนทาํ แบบฝกหัด สง ใหค รเู ปนผวู ัดผล Sugested answer for Writing H ใน Student’s Book หนา้ 37 Title Ms Name Julie (First); Smith (Surname) Age 16 Address 21 Henley Road (Street Address) oxford (City/Town) OX10 HD (Postcode) UK (Country) Choose your prize Epic headphones [] Tell us about your interests. I enjoy reading. I like books about history because it’s my favourite subject at

263 Sugested answer for Writing H ใน Student’s Book หนา้ 37 school. I also love swimming because it’s fun and it helps me to stay fit and healthy. Question: Why do like Sporty magazine? I like Sporty magazine because it gives me information about how to be better at swimming. It also has lots of good ideas on healthy food to eat. 5. ครูสุมผลงานของนกั เรยี นท่ที ําผิด เขยี นข้นึ บนกระดานใหนักเรยี นทั้งหองชวยกนั แกไข 6. การวดั และประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑการวดั - คาํ ถาม 80% วิธีการวัด - ตอบคําถาม - ตรวจความถกู ตอง - แบบฟอมในแบบฝกหดั 80% 7. สื่อ/แหลง การเรียนรู https://www.youtube.com/watch?v=PaXNVF7W2Aw 7.1 คลิปวดี โี อจาก www.youtube.com เร่ือง Gerund + Infinite https://www.youtube.com/watch?v=PaXNVF7W2Aw 7.2 หนังสอื เรียน Close-up 2, Unit 5 หนา 67 7.3 แบบฝกหัด Close-up 2, Unit 5 หนา 37 7.4 ใบความรู 8. บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................................................................

264 ใบความรู Match the above picture (1-5) with a definition word given (a-E) a. perfume b. handwriting c. interest d. social networkinh siite e. discount e. phrase

265 แผนจดั การเรียนรู หนวยการเรียนรทู ่ี 5 เรอ่ื ง Who Am I? แผนการจัดการเรยี นรูที่ 13-14 เรอื่ ง Animal Families รหสั วชิ า ................... รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 1 กลุมสาระการเรียนรภู าษาตา งประเทศ ปการศกึ ษา 25...... ภาคเรียนท.่ี ...... เวลา 1 ช่วั โมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู/ ตัวชว้ี ัด ต.3.1 ม.2/1 คนควา รวบรวม และสรุปขอ มูล/ ขอเท็จจรงิ ทเ่ี ก่ียวของกบั กลุมสาระการเรียนรอู น่ื จากแหลง เรียนรู และ นาํ เสนอดว ยการพูด/การเขียน 2. จดุ ประสงคการเรยี นรู เขยี นเพ่มิ เตมิ คําศพั ทในเน้ือเร่ืองทีก่ าํ หนดใหได 3. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) เขียนคาํ ศพั ทภาษาองั กฤษโดยใชท กั ษะในการฟง การอานออกเสียงและจับใจความ ตลอดจนการคนควาหาขอมูลจาก พจนานกุ รม เพ่ือใหผเู รยี นสามารถเตมิ เต็มเน้อื หาดวยภาษาทถี่ กู ตองและนําไปสคู วามสาํ เร็จจนไดบ รรลตุ ามเปา หมาย 4. สาระการเรยี นรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) Pronunciation: 'meerkats, im'portant, 'alpha, 'female Vocabulary: meerkats, alpha, handsome, important Grammar: Present Simple Tense Function: Asking + Answering Culture: Thai family 4.2 ดานทักษะกระบวนการ (Process/Skill) 1) ชมภาพจากคลปิ Youtube แลวเรยี นรูเร่ืองการดาํ รงชีวติ อยูอยา งระบบครอบครัว 2) เรยี นรูค ําศัพทเ รือ่ งเพศจากใบความรู 3) คน ควาหาคาํ ศัพท คําอา นจากพจนานุกรม พรอ มฝก การออกเสียง 4) ฟงและจับใจความจากวดี ที ัศน แลวทาํ แบบฝก หัด 5) ทาํ แบบฝก หัด ทบทวนคาํ ศัพทเก่ียวกบั ครอบครวั 4.3 ดานเจตคติ (Attitude/Desired Character) มีนิสยั รกั การอาน 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in ครูเปด คลปิ วีดีโอ จาก www.youtube.com เรอ่ื ง Animal Families/boszi777 ใหน ักเรียนดูจนจบ เปน เวลา 2.31 นาที เมอื่ จบแลว elicit คาํ ถาม :- What is this story about? :- Give me the title of this story? :- Have you ever seen these animals? :- What are they? Give me their name? :- How about their baby what are they called?

266 :- Do they live in family groups?  Presentation 1. ครูแจกใบความรแู ละอธิบายใบความรู 2. ครูอา นออกเสยี งคาํ ศัพทใ นใบความรู ใหนักเรียนอานตาม 3. ครอู ธบิ ายคาํ สั่งแบบฝกหัด Video A ใน Student’s book หนา 68 กอนเปด Class Video ใหนักเรียนดู นักเรียน ตอ งพยายามจาํ วา สตั วป ระเภทใดที่อยกู ันเปน ครอบครัว 4. นักเรยี นอาสาเขยี นคําตอบบนกระดานคนละขอ 5. เพอ่ื นๆ แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั คําตอบ 6. ครูเปด วีดที ศั น (Class Video) ของบทเรียนใหนักเรียนชวยกนั ตรวจคําตอบอีกครง้ั (ครเู พ่ิมเตมิ แลวสรปุ ความ ถูกตอ ง)  Practice 1. ครูอธิบายคําส่ังแบบฝกหัด Video C ใน Student’s book หนา 68 ใหนักเรียนดูวาขอใดกลาวถึงภาพใด ใน แบบฝก หดั A เฉลยคาํ ตอบ Video C ใน Student’s Book หนา 68 8. e 1. c, e and f 2. c 3. c 4. c 5. f 6. f 7. e 2. นักเรยี นอาสามาเขียนคาํ ตอบบนกระดานคนละขอ เพอ่ื นๆ แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับคําตอบ 3. ครเู ปดวีดีทัศนใ หนักเรียน ชวยกนั ตรวจความถูกตองอกี ครั้ง 4. ครอู ธบิ ายคาํ สั่งแบบฝก หัด Video D ใน Student’s book หนา 68 นักเรยี นทําแบบฝกหัด 5. ครสู มุ เรยี กนกั เรียนมาเขียนคาํ ตอบบนกระดาน เพอ่ื นๆ แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับคาํ ตอบ 6. ครูเปด วีดที ัศนใ หนักเรียนชว ยกันตรวจคาํ ตอบอีกครง้ั (ครเู พม่ิ เติมและสรุป) เฉลยคาํ ตอบ Video D ใน Student’s Book หนา 68 1. groups 5. family 2. females 6. pair 3. male 7. back 4. neck 8. father 7. ครใู หนักเรียนแบงกลุม ละ 3 คน หาคําเรียกช่อื สัตวแ ตละเพศ พรอมท้งั ลูกของสตั วเ หลาน้ัน 8. นักเรยี นสง ชอ่ื สตั วที่ตนจะตอ งไปหาขอมลู ใหค รูดกู อ น กลมุ ใดสงกอน ไดหาขอ มลู สัตวต ัวนั้น กลุมใดสงหลังตองเลือก สัตวต วั ใหม (เพือ่ ไมใ หซํา้ กนั )  Production 1. นักเรยี นแตละกลุมนําเสนอคาํ ศัพทแตล ะเพศของสตั ว ท่หี าขอมูลมารวมท้ังลูกของสัตวน้ันดวย พรอมอานออกเสียง ใหเ พ่ือนๆ อา นออกเสยี งตาม 2. ครูคอยสังเกตและแกไ ขใหถกู ตอ ง 3. ครอู ธิบายคําส่ังแบบฝกหัด Video E ใน Student’s book หนา 68 เฉลยคาํ ตอบ Video E ใน Student’s Book หนา 68 1. alone 5. leader 2. handsome 6. hair 3. daughters 7. young 4. mother 8. important 4. กอนใหนกั เรียนทาํ ครถู ามนักเรยี นวายังจาํ วีดที ศั นข องบทเรียนที่ดูไปไดห รือไม ตองการดูซ้ําอีกทีหรือไม ถานักเรียน ตอ งการดอู ีก ครจู ะเปด วดี ที ัศนใ หดู แตตอ งปด แบบเรยี นกอน

267 5. นักเรียนดูวีดีทัศน เม่ือจบแลวจึงเปด แบบฝกหดั แลวทาํ แบบฝกหัดน้นั 6. ครสู มุ เรียกนกั เรียนเติมแบบฝก หดั แตละชองแลวอา นออกเสยี งคนละ 1 ประโยค รวมท้งั สุมเรียกนักเรียนใหอานออก เสียงประโยคที่ไมม ีคําตอบดวย 7. ทุกครง้ั ทน่ี ักเรยี นออกมาเติมคําในชองวางของแบบฝกหัด ใหบอกคําที่เปน Context Clues ที่ชวยในการตัดสินใจ เลือกคําตอบดว ย 8. เพ่อื นๆ ชว ยกันตรวจความถกู ตอ ง (ครูเพ่ิมเติม) 9. ครูอธบิ ายคําสงั่ แบบฝกหัด A ใน Review 3 Unit 5 & 6 Workbook หนา 44 เพอื่ ทบทวนคําศัพท 10. นกั เรยี นทําแบบฝก หัด 11. ครูสมุ เรยี กนกั เรียนตอบทีละคน เพ่อื นๆ ชว ยกันตรวจคําตอบที่ถูกตอง เฉลยคําตอบ Review 3A ใน Student’s Book หนา 44 1. c 2. a 3. b 4. c 5. b 6. a 7. c 8. d 9. d 10. a 11. d 12. a 13. d 14. d 15. c 16. c 17. d 18. c 19. c 20. c 12. ครอู ธิบายคาํ ส่งั แบบฝกหัด C ใน Student’s book หนา 44 ใหนักเรียนเลือก Question Word เติมลงในชองวาง ใหถ ูกตองเหมาะสมกบั ประโยคท่กี ําหนดให 13. ครูสุมนกั เรยี นตอบคนละขอ เพ่อื นๆ ชว ยกนั ตรวจคาํ ตอบใหถ กู ตอง (ครูเพ่มิ เตมิ ) เฉลยคาํ ตอบ Review 3A ใน Student’s Book หนา 44 1. Who, Where 4. When, What time 2. What 5. Who, Where 3. Why, When, Where 6. Why 6. การวัดและประเมินผล เครือ่ งมอื เกณฑก ารวัด - พจนานุกรม - ถูกตอ งทงั้ หมด วิธีการวดั 1. สงั เกตจากการชว ยกนั หา - แบบฝก หดั - ถูกตอ งทัง้ หมด คําศัพทเพศของสตั ว - ถกู ตอ งท้งั หมด 2. สังเกตจากการทําแบบฝกหัด 3. สังเกตจากการทําแบบฝกหดั - แบบฝกหดั ทบทวน ทบทวน 7. สือ่ /แหลง การเรียนรู 7.1 คลปิ วดี ีโอ จาก www.youtube.com เร่ือง Animal Families https://www.youtube.com/watch?v=E84UVMU6MY4 7.2 หนังสือเรยี น Close-up 2, Unit 5 หนา 68 7.3 แบบฝกหดั Close-up 2, Unit 5 หนา 44 7.4 Close-up 2 Class DVD 7.5 พจนานกุ รม 7.6 ใบความรู

268 8. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................................................................

Animals ใบความรู 269 Babies Animal Families Males Females Dog ‘dog’ ‘bitch’ ‘puppy’ Cat ‘tomcat’ ‘cat’ ‘kitten’ ‘chick’ Chicken ‘cockerel’ ‘hen’ ‘cock, rooster’ Sheep ‘ram’ ‘ewe’ ‘lamp’ Horse ‘stallion’ ‘mare’ ‘foal’ Duck ‘drake’ ‘duck’ ‘duckling’

270 หนว ยการเรยี นรู Look at Me! ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 2 เวลา 14 ชั่วโมง 6 รหสั วชิ า………………. รายวชิ า ภาษาอังกฤษพื้นฐาน กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ ปการศึกษา 2560 ภาคเรยี นท่ี 2 ผสู อน……………………………. 1. มาตรฐานการเรียนรู/ตวั ช้วี ัด ต 1.1 ม.2/4 เลือกหัวขอเร่ือง ใจความสําคัญ บอกรายละเอียดสนับสนุน (supporting detail) และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรอ่ื งทีฟ่ งและอาน พรอ มท้ังใหเ หตผุ ลและยกตวั อยา งงายๆ ประกอบ ต 1.2 ม.2/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องตางๆ ใกลตัว และสถานการณตางๆ ในชีวิตประจําวันอยาง เหมาะสม ต 1.2 ม.2/4 พดู และเขียนเพ่ือขอและใหขอ มูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกบั เร่อื งท่ีฟงหรอื อานอยางเหมาะสม ต 1.3 ม.2/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกับตนเอง กิจวัตรประจําวัน ประสบการณและขาว/เหตุการณที่อยูในความสนใจ ของสงั คม 2. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) การอาน การเขียน การพูด และการฟง ประโยค ขอความ การแลกเปล่ียนขอมูล จับใจความสําคัญ แสดงความคิดเห็น ขอและใหขอมูล ทําใหนักเรียนไดรับความรูดานเนื้อหาภาษา โครงสรางประโยค และไวยากรณ ไดฝกทักษะภาษาทั้ง 4 เสริมสราง เจตคติในการเรียนภาษา ทําใหก ารส่ือสารในชีวิตประจําวนั บรรลวุ ตั ถุประสงค 3. สาระการเรยี นรู (Learning Contents) 3.1 ดา นความรู (Knowledge) คาํ ศัพท สาํ นวนภาษา ประโยค ขอความท่ีใชในการขอและให ขอมูล การบรรยายรูปราง ลักษณะภาษาท่ีใชแสดงความ ตอ งการ การตอบคําถาม การบรรยายประสบการณ ส่งิ แวดลอมใกลต วั และการจบั ใจความสาํ คัญ 3.2 ดา นทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) 1) ทกั ษะการอาน 2) ทกั ษะการเขยี น 3) ทักษะการฟง 4) ทกั ษะการพดู 5) กระบวนการเรยี นภาษาเพื่อการส่ือสาร 3.3 ดา นเจตคติ (Attitude/Desired Character) 1) มีความมนั่ ใจในการใชภาษาองั กฤษในการสอ่ื สาร คูมอื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 2 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 2

271 2) รกั การเรียนรภู าษาองั กฤษและฝกฝนอยางจรงิ จังและเพียงพอ 3) มปี ระสิทธิภาพในการส่ือความ 4. สมรรถนะสาํ คัญของผเู รียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแกป ญหา  ความสามารถในการใชท ักษะชีวิต  ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551  รักชาติ ศาสน กษตั ริย  ซ่ือสัตย สุจรติ  มีวินยั  ใฝเ รียนรู  อยอู ยา งพอเพยี ง  มุง มั่นในการทํางาน  รักความเปนไทย  มีจิตสาธารณะ 6. ภาระงาน/ช้ินงาน Describe your best friend’s personality 7. การวัดและประเมนิ ผล (ภาระงาน/ชนิ้ งาน) วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑก ารประเมนิ 1. ประเมินความรูคําศพั ท สํานวนภาษา - แบบสงั เกต - นกั เรียนผานเกณฑโดยปฏิบตั กิ ิจกรรมไดถ กู ตอง ประโยค - แบบบนั ทกึ ผล รอยละ 70 2. ประเมนิ การอาน การเขยี น การปฏบิ ตั ิงาน - นกั เรยี นผานเกณฑโ ดยปฏิบัตกิ ิจกรรมไดถูกตอง 3. ประเมนิ การพูด การฟง - แบบสงั เกต รอยละ 70 - นกั เรียนผา นเกณฑโดยปฏิบตั ิกิจกรรมไดถกู ตอง 4. สังเกตพฤตกิ รรมการเขารวมกิจกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม การเขา รวมกิจกรรม รอ ยละ 70 - นกั เรียนผานเกณฑโ ดยมีสวนรวมในกิจกรรมและ มีความสขุ ในการเรียนอยา งนอยรอ ยละ 80 8. กจิ กรรมการเรยี นรู 8.1 ระดมสมอง 8.2 จับคพู ูดโตต อบฟง อาน เขยี น แสดงความคดิ เหน็ 8.3 ถามตอบเกย่ี วกบั เร่ืองทฟ่ี ง อาน 8.4 อภปิ รายท้งั ชั้นเรยี น คมู อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 2 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ 2

272 9. ส่ือ/แหลงเรียนรู 9.1 หนงั สือเรียน Close-up 2, Unit 6 หนา 69-80 9.2 แบบฝกหัด Close-up 2, Unit 6 หนา 38-43 9.3 Student’s Book Class Audio CD 9.4 Workbook Class Audio CD 9.5 Class DVD: Video “Happy Elephant” คูมือครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 2 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2

273 แผนจดั การเรียนรู หนวยการเรยี นรทู ่ี 6 เรอ่ื ง Look At Me! แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี 1 เร่ือง My Job รหสั วชิ า ................... รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 2 กลมุ สาระการเรียนรภู าษาตา งประเทศ ปก ารศึกษา 25............ ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 1 ชั่วโมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชวี้ ดั ต 1.1 ม.2/4 เลือกหัวขอเร่ือง ใจความสําคัญ บอกรายละเอียดสนับสนุน (supporting detail) และแสดงความคิดเห็น เก่ียวกับเรอ่ื งที่ฟงและอา น พรอ มทง้ั ใหเหตุผล และยกตวั อยางงา ยๆ ประกอบ 2. จุดประสงคก ารเรียนรู อา นเร่ือง My Job แลว จับใจความสําคัญโดยใชคําศพั ท สํานวนภาษาทถ่ี ูกตอ งได 3. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) การอานเร่ือง My Job แลวจับใจความสําคัญทําใหนักเรียนมีความรูดานคําศัพท สํานวนภาษาไดฝกทักษะการอานทําใหมี ความมั่นใจในการใชภ าษาองั กฤษในการสอ่ื สารไดอยางมปี ระสิทธภิ าพ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) Vocabulary: Aboriginal Australian, fringe, didgeridoo, professional, culture, snacks 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) 1) ทกั ษะการฟง พูด อาน และเขียน 2) กระบวนการเรยี นภาษาเพ่ือการสอื่ สาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude/Desired Character) มีความมั่นใจในการใชภาษาองั กฤษในการสื่อสาร และมีประสิทธิภาพในการสื่อความ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูใหน ักเรียนอานชื่อ Unit “Look At Me!” 2. ครูถามนักเรียนวา Is it a statement or a command? (Command) 3. ครูใหน ักเรียนชวยกันเฉลยคําตอบ ครูเขียนคําตอบบนกระดานและอธิบายเพ่ิมเติม 4. ครใู หน ักเรียนตอบคาํ ถามพรอมทงั้ ใหเหตผุ ลวา Why would someone say something like that? 5. ครใู หน ักเรยี นชว ยกันเฉลยคําตอบ ครเู ขียนคําตอบบนกระดานและอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เฉลยคาํ ตอบ (Suggested answers) - Because they have an interesting look. - Because they are wearing something interesting or amazing. - Because they want to make a person laugh. คมู อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 2 ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 2

274 6. ครูเขยี นคาํ ศัพท hair, eyes, skin, clothes บนกระดานใหน ักเรยี นอาน 7. ครูชไี้ ปที่ hair, eyes, skin และ clothes ของตนเอง ใหนักเรยี นชว ยกนั บอกคําศัพทตามท่คี รชู ี้ 8. ครูเขียนคําศัพท ‘good’ และ ‘not good’ เปน 2 columns บนกระดาน ใหนักเรียนชวยกันบอกคําศัพทท่ีแสดง ความรูสึกวา good หรือ not good จากนั้นครูเขียนคําศัพทที่แสดงความรูสึกบนกระดาน ดังนี้ happy, sad, angry, upset, cheerful, excited, friendly, mean 9. ครูใหน ักเรยี นชว ยกันแยกคําศพั ทใหอยูใ น column ‘good’ หรอื ‘not good’ 10. ครูใหนกั เรยี นดภู าพใน Close-up 2 Student’s Book หนา 69 แลว ถามคําถามเก่ยี วกับ Person's appearance วา 1) Does this person look happy or sad? Is it hard to say? 2) What do you think about this person's clothes? 3) Where do you think this person is going? 4) Do you like this person's hair? 5) Do you see hair like this very often? 6) What colour are this person's eyes? (Brown) 7) Would you like to meet this person? Why? / Why not? 11. ครูเปด โอกาสใหน กั เรียนไดตอบคําถามแตล ะขอตามความคิดเห็นของตนเอง จากน้ันครูอาน Background information เกี่ยวกบั ภาพใหนกั เรยี นฟง Background Information The woman in the photo is getting married by Way of a Japanese Shinto wedding ceremony. In this type of ceremony, the woman is painted all White, to declare her maiden status to the highest spiritual being of the Shinto religion. A Shinto priest performs the wedding ritual, which involves the priest saying a few words to the bride and groom, and the marital couple sharing sips of sake, or rice wine, from ceremonial cups. Gifts are left at the wedding altar, where the rings are held. The ceremony lasts 20 to 30 minutes. It is a small affair with family and close friends only, and is followed by a larger reception.  Presentation ครูใหนักเรียนดูภาพในแบบฝกหัด Reading A ใน Student’s Book หนา 70 ในภาพ A - F แลวครูถามวา Do these people look happy or sad? เฉลยคาํ ตอบ Reading A ใน Student’s Book หนา 70 A - sad B - sad C - sad D - sad E - happy F - happy  Practice 1. ครูอธบิ ายคําส่งั แบบฝกหดั Reading A ใน Student’s Book หนา 70 2. ครใู หนักเรยี นจบั คูกนั ดูภาพ อานประโยคขอ 1 - 6 แลวจับคปู ระโยคกบั ภาพ 3. ครูใหนักเรียนชว ยกันเฉลยคําตอบ โดยเขยี นคําตอบบนกระดานและอธิบายเพม่ิ เติม เฉลยคําตอบ Reading A ใน Student’s Book หนา 70 1. F 2. B 3. C 4. A 5. D 6. E  Production 1. ครูอธบิ ายคาํ สัง่ แบบฝก หัด Reading B ใน Student’s Book หนา 70 คมู อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 2 ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2

275 2. ครูใหนักเรียนอาน adjectives แลวชวยกันบอกความหมาย ครูและนักเรียนชวยกันสรุปความหมาย adjectives ทีถ่ ูกตอ ง 3. ครใู หนักเรียนจบั คู adjectives กบั situations ในขอ A 4. ครูใหน กั เรยี นชว ยกนั เฉลยคําตอบ ครูเขยี นคาํ ตอบบนกระดานและอธิบายเพม่ิ เติม เฉลยคาํ ตอบ Reading B ใน Student’s Book หนา 70 1. d 2. a 3.f 4. b 5. c 6.e 5. ครใู หนกั เรียนอานคําศพั ทท เี่ ปน สแี ดงในกรอบ Word Focus กอนเร่ิมทําแบบฝกหดั ขอ C 6. ครูใหนักเรียนจับคูกันอานประโยค แลวชวยกันบอกความหมายคําศัพทเหลานั้น หากนักเรียนไมสามารถบอก ความหมายคําศพั ทเหลานน้ั ได ใหนักเรยี นชว ยกันเดาความหมายคําศพั ทโดยอาศัยคาํ หรอื ขอความขา งเคยี ง 7. ครูใหนักเรียนอา นคําศพั ทและคาํ จาํ กดั ความใน Word Focus แลว เปรยี บเทียบกบั ความหมายที่นักเรียนเขาใจและเดา ความหมายไวก อ นหนา น้ี 8. ครูอธิบายคําส่ังแบบฝก หัด Reading C ใน Student’s Book หนา 70 9. ครูบอกใหน กั เรยี นอานอาชพี ของคน 3 คน และใหน กั เรยี นดภู าพวาคนเหลานน้ั กําลงั happy หรอื sad 10. ครใู หน ักเรียนอา น Texts ทง้ั หมด และใหน กั เรียนขีดเสนใต Adjectives ทเี่ คยเรียนมาแลวในขอ B 11. ครูใหน ักเรียนชวยกันเฉลยคําตอบ ครเู ขียนคาํ ตอบบนกระดานและอธิบายเพมิ่ เติม เฉลยคาํ ตอบ Reading C ใน Student’s Book หนา 70 Cathy works for her parent’s business, designing and making didgeridoos. Alika is a professional surfer. Harry is a police dog trainer. Adjectives from B in the first text = surprised, happy Adjectives from B in the second text = scared Adjective from B in the third text = angry, sad, bored 6. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑการประเมิน 1. ประเมนิ ความรคู ําศพั ท - แบบสังเกต - นกั เรยี นผา นเกณฑโ ดยปฏบิ ตั กิ ิจกรรมไดถูกตอง สํานวนภาษา ประโยค - แบบบนั ทึกผลการ รอ ยละ 70 2. ประเมนิ การอาน การเขยี น ปฏบิ ตั งิ าน - นกั เรยี นผา นเกณฑโ ดยปฏิบัติกจิ กรรมไดถูกตอง - แบบสงั เกต รอ ยละ 70 3. ประเมนิ การพูด การฟง - นกั เรยี นผา นเกณฑโ ดยปฏิบัติกิจกรรมไดถ ูกตอง - สังเกตพฤตกิ รรมการ รอยละ 70 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการ เขา รวมกิจกรรม - นักเรียนผา นเกณฑโ ดยมีสวนรวมในกิจกรรมและ เขารว มกิจกรรม มคี วามสขุ ในการเรยี นอยา งนอ ยรอ ยละ 80 7. สอ่ื /แหลง การเรยี นรู หนังสอื เรียน Close-up 2, Unit 6 หนา 70 คมู อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 2 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 2

276 8. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 2 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 2

277 แผนจัดการเรยี นรู หนวยการเรยี นรูท่ี 6 เรือ่ ง Look At Me! แผนการจดั การเรียนรูท่ี 2 เรอื่ ง Didgeridoos รหสั วิชา ................... รายวิชาพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปการศกึ ษา 25...... ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 1 ชวั่ โมง ผูส อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชวี้ ัด ต 1.1 ม.2/4 เลือกหัวขอเร่ือง ใจความสําคัญ บอกรายละเอียดสนับสนุน (supporting detail) และแสดงความคิดเห็น เก่ยี วกับเรื่องทีฟ่ งและอาน พรอ มทงั้ ใหเ หตผุ ล และยกตวั อยา งงา ย ๆ ประกอบ 2. จุดประสงคก ารเรียนรู อา นขอ ความท่ีกาํ หนดให แลว จับใจความสําคัญโดยใชค ําศพั ท สาํ นวนภาษาท่ีถกู ตองได 3. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) การอานขอความท่กี ําหนดใหแ ลวจบั ใจความสาํ คัญทําใหน กั เรยี นมคี วามรดู า นคําศัพท สํานวนภาษา ไดฝกทักษะการอาน ทํา ใหมีความมนั่ ใจในการใชภาษาองั กฤษในการสื่อสารไดอยา งมีประสทิ ธภิ าพ 4. สาระการเรยี นรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) Finding the information 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) 1) ทกั ษะการอาน การเขียน การฟง การพดู 2) กระบวนการเรียนภาษาเพ่ือการส่อื สาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) มคี วามมัน่ ใจในการใชภาษาองั กฤษในการส่ือสาร และมีประสทิ ธิภาพในการสื่อความ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in ครูใหนักเรียนดูภาพในบทอานเร่ือง My Job หนา 70 - 71 แลวตอบคําถามตอไปนี้ Which job do you like most? Why? นกั เรียนตอบไดหลากหลายตามความคดิ เหน็ ของตนเอง  Presentation 1. ครูอธบิ ายคาํ สงั่ แบบฝก หัด Reading D ใน Student’s Book หนา 71 2. ครูใหนักเรียนดูขอมูลใน Exam Close-up เร่ือง Finding the information you need ครูและนักเรียนทั้งชั้นอาน ขอมลู เพื่อทําความเขา ใจไปพรอ มๆ กัน หากนักเรยี นยังไมเขา ใจ ใหครอู ธบิ ายเพิ่มเติมเพือ่ ใหเขา ใจการหาขอมูลทต่ี อ งการดงั นี้ 1) ใหน ักเรียนอานคําถามและขดี เสนใต Key words ในแตละคาํ ถาม 2) ใหนกั เรียนยอ นกลบั ไปอา น Text และหา Key words และคาํ ทเี่ หมอื นกัน คูมือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 2 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 2

278 3) ใหน กั เรยี นอา นตวั เลือกของคําตอบอีกคร้งั และเลือกคําตอบท่ีดีทสี่ ดุ 3. ครใู หน กั เรยี นตอบคําถามตอไปนี้กอ นทีจ่ ะทําแบบฝก หดั Reading D 1) How many questions are in the task? (7 questions) 2) How many answer choices are there for each question? (3 choices) 3) Which questions go with which texts, and how do you know that? (1 and 2 go with the first text, 3 and 4 go with the second text, 5 - 7 go with the third text. The names of the writers are in the questions.) 4. ครูใหนกั เรยี นอานคําถามแบบฝกหดั Reading D แลวขีดเสนใต Key words โดยยังไมต อบคาํ ถาม 5. ครูใหนกั เรียนชวยกันเฉลยคําตอบ ครูเขยี นคําตอบบนกระดานและอธบิ ายเพ่ิมเติม เฉลยคําตอบ Reading D ใน Student’s Book หนา 71 1.do, now 2. why, tourists, buy, didgeridoos 3. where, win, competitions 4. true, grandfather 5. what, job 6. why, dogs, like people 7. who, Harry, angry 6. ครูใหนกั เรยี นตรวจสอบวานักเรยี นขดี เสน ใต Key words ถกู ตองกอนจะทาํ แบบฝกหดั Reading E ตอไป  Practice 1. ครูอธบิ ายคําสั่งแบบฝกหดั Reading E ใน Student’s Book หนา 71 2. ครใู หนักเรยี นตอบคําถามใน Exam Task โดยหาคําตอบจากใน Text และใช Key words ทข่ี ดี เสน ใตไ วแลว เพื่อชวย หาคําตอบไดร วดเร็วยง่ิ ข้ึน หากขอใดตอบไมไดใ หน ักเรยี นเดาคําตอบ ไมใหนกั เรียนปลอยวางไว 3. ครูใหนกั เรยี นชว ยกันเฉลยคําตอบ ครูเขียนคาํ ตอบบนกระดานและอธบิ ายเพ่ิมเติม เฉลยคาํ ตอบ Reading E ใน Student’s Book หนา 71 1. c 2. b 3. c 4. a 5. a 6. b 7. a 4. ครอู ธบิ ายคําส่ังแบบฝกหดั Reading B ใน Workbook หนา 38 ใหน กั เรยี นเขา ใจกอน จากนน้ั ใหนกั เรยี นอา น Exam Reminder และกลบั ไปดูคาํ ถามและตัวเลือกในขอ 1 5. ครูและนักเรยี นชวยกันตอบคําถาม ขอ 1 โดยทาํ ตามข้ันตอนใน Exam Reminder ครูเขียนคําถามขอ ที่ 1 บนกระดาน ขีดเสนใต Key word ทีต่ อบคําถาม who, what, where, when และ how Question: What does Benjamin talk about on his show? 6. ครใู หนักเรียนสังเกตคําทข่ี ีดเสนใต บอกใหนักเรยี นดตู วั เลือกและมองหาคําทค่ี รูขดี เสนใตและคาํ ทเ่ี ปนตวั เลือกใน Text โดยกวาดสายตามองหา Key word ใน Text อยา งรวดเร็ว เม่ือนักเรียนตอบได ครูขออาสาสมัครบอกคําในบทอานท่ีทําใหต นเองเดา คาํ ตอบได ครูอธบิ ายเสรมิ วา การอานคําถามใหเขาใจกอ นหาคําตอบจะทําใหเ ราไดข อมูลท่ีตอ งการภายในเวลารวดเร็วและไมหลง ประเดน็ แตอยางไรก็ตาม Key word ในคาํ ถามและคาํ ตอบกไมตรงกันเสมอไป นักเรยี นตอ งรูจักเดาความหมายหรือหาความหมาย ของคํานน้ั จากคําทเ่ี ปน บริบทโดยรอบ (ครูอาจทาํ ขอ 2 รว มกบั นักเรยี นเพ่มิ อีก เพอื่ ใหนักเรยี นเขาใจกลยทุ ธในการทํากิจกรรมนี้มาก ขึน้ 7. ครูใหเวลานักเรียนจบั คทู ําสว นทเ่ี หลือภายในเวลา 5 นาที เม่อื ทําเสร็จแลวครเู ฉลยคําตอบไปพรอมกบั นักเรียน เฉลยคําตอบ Reading B ใน Workbook หนา 38-39 1. a 2. a 3. b 4. b 5. c 6. b 7. c  Production 1. ครูอธิบายคาํ สั่งแบบฝก หัด Reading F ใน Student’s Book หนา 71 คูม อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 2 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2

279 2. ครูใหน ักเรยี นอา นออกเสยี งคาํ ทีอ่ ยใู นกรอบสีเหลือง ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ 3. ครูสอบถามนักเรียนวามีคาํ ใดบา งทนี่ กั เรียนไมเขาใจ แลวครอู ธิบายความหมายของคาํ ท่ีนกั เรียนยังไมเขาใจ 4. ครใู หนักเรยี นขีดเสน ใต adjectives เหลานที้ ี่อยูใ น Text เร่ือง My Job หนา 70-71 5. ครใู หน กั เรยี นอาน definitions ขอ 1 - 6 6. ครูใหน กั เรียนเลอื ก adjective เตมิ ลงในแตล ะขอ จนเสร็จ 7. ครูใหน ักเรยี นชว ยกันเฉลยคําตอบ ครูเขยี นคําตอบบนกระดานและอธิบายเพมิ่ เตมิ เฉลยคําตอบ Reading F ใน Student’s Book หนา 71 1. unkind 2. weird 3. beautiful 4. great 5. traditional 6. smart 8. ครูใหนักเรียนเดาความหมายคํา หากนักเรียนไมรูความหมายของคํา ครูอธิบายเพิ่มเติม หากนักเรียนยังคงไมเขาใจ ความหมายคําน้นั ๆ Extra class activity 1. หากมีเวลาครูเขียนอาชพี ตา งๆ บนกระดาน ครูใหนกั เรียนใช Adjectives ในแบบฝกหัด Reading B อธิบายความรูสึก ของคนที่ประกอบอาชีพเหลา นี้ดังนี้ bus driver, game show host, firefighter, travel writer, night watchman/watchwoman, fitness trainer, video game programmer, pilot, delivery driver, animal trainer 2. หากนักเรียนไมเขาใจอาชีพตางๆ ใหครูอธิบายอาชีพที่นักเรียนไมรูจัก เชน A night watchman/watchwoman is someone who works at night in a building to make sure the building is safe. 3. ครูใหน ักเรยี นอา นคาํ ถามใน Ideas Focus ทอ่ี ยดู านลางของหนา 71 4. ครูใหน กั เรยี นจับคูกันตอบคาํ ถาม โดยครูกระตนุ ใหน ักเรียนใชขอมูลตา งๆ เพื่อสนับสนุนความคดิ เหน็ ของนกั เรยี น 5. ครูเดินสงั เกตและตรวจสอบนักเรียนพูดสนทนากัน และจดบันทึกขอผิดพลาดของนักเรียนในระหวางการใชภาษาพูด ถามและตอบเมื่อสนิ้ สดุ การสนทนา ใหค รเู ขียนขอผิดพลาดบนกระดาน แลวใหนักเรียนทั้งช้ันแกไขใหถ กู ตอง 6. การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑการประเมนิ - แบบสังเกต 1. ประเมนิ ความรูคําศัพท - นกั เรียนผานเกณฑโดยปฏบิ ัติกจิ กรรม สํานวนภาษา ประโยค - แบบบันทกึ ผลการปฏิบัตงิ าน ไดถกู ตองรอ ยละ 70 2. ประเมนิ การอา น การเขยี น - นกั เรยี นผานเกณฑโ ดยปฏิบัติกิจกรรม ไดถ กู ตอ งรอยละ 70 3. ประเมินการพูด การฟง - แบบสงั เกต - นักเรียนผานเกณฑโ ดยปฏิบัตกิ จิ กรรม ไดถ กู ตองรอยละ 70 4. สังเกตพฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรมการเขา เขา รว มกิจกรรม รว มกิจกรรม - นักเรยี นผานเกณฑโ ดยมสี วนรว ม ในกิจกรรมและมีความสขุ ในการเรียน อยา งนอยรอยละ 80 คมู อื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 2 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 2

280 7. สือ่ /แหลง การเรียนรู 7.1 หนงั สือเรียน Close-up 2, Unit 6 หนา 71 7.2 แบบฝก หัด Close-up 2, Unit 6 หนา 38-39 8. บันทึกหลังการจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คูมอื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 2 ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 2


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook