Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 21223 หน่วยที่ 9-15

21223 หน่วยที่ 9-15

Published by กฤษฎา ศรีสุวรรณ์, 2021-08-31 07:29:05

Description: 21223 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาและหลักสูตรสำหรับเด็กปฐมวัย หน่วยที่ 9-15

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 12 มสธการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด อาจารย์ ดร.กันตวรรณ มีสมสาร มมมสสสธธธ มมสสธธ มมมสสสธธธช่ือ อาจารย์ดร.กนั ตวรรณมสีมสาร วุฒิ ค.บ. (เกียรตนิ ิยมอนั ดบั 1) (การศึกษาปฐมวยั ) จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ศศ.ม. (จติ วิทยาพฒั นาการ) จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั ค.ด. (การศกึ ษาปฐมวยั ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ต�ำแหน่ง อาจารยป์ ระจ�ำสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช มสธหน่วยท่ีเขียน หน่วยที่ 12

12-2 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำหรบั เดก็ ปฐมวยั มสธแผนการสอนประจ�ำหน่วย ชุดวิชา การจัดการศึกษาและหลกั สูตรส�ำหรับเด็กปฐมวัย มสธ มสธหน่วยที่ 12 การจดั ประสบการณเ์ พ่ือพัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านการคิด ตอนที่ 12.1 แนวคดิ เก่ยี วกับการจดั ประสบการณ์เพือ่ พฒั นาเดก็ ปฐมวัยด้านการคดิ 12.2 การจดั ประสบการณแ์ ละสอื่ ที่ใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านการคิด 12.3 การประเมินพฒั นาการเดก็ ปฐมวัยด้านการคดิ มสธแนวคิด 1. การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด เป็นการจัดกิจกรรม สภาพแวดล้อม และส่ือวัสดุอุปกรณ์ เพ่ือให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรงท่ีส่งเสริมพัฒนาการด้านการคิดอย่าง มสธ มสธเหมาะสมกับพัฒนาการ โดยมจี ุดมงุ่ หมาย หลกั การทถ่ี ูกต้อง มีแนวทางการจดั ประสบการณ์ ทเี่ หมาะสม และมขี อบข่ายการจัดประสบการณท์ ีช่ ดั เจน 2. ก ารจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ เปน็ การจดั กจิ กรรมทช่ี ว่ ยสง่ เสรมิ การ คดิ เชงิ เหตผุ ล การคดิ แกป้ ญั หาและการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ซง่ึ ในการจดั กจิ กรรมดงั กลา่ ว จ�ำเป็นต้องมีส่ือประกอบการท�ำกิจกรรมเพ่ือช่วยส่งเสริมการพัฒนาการคิดได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ มสธ3. ก ารประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิด เป็นการประเมินความสามารถในการคิดเชิง เหตผุ ล การคดิ แกป้ ญั หาและการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ซง่ึ สามารถประเมนิ ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย โดยใช้การสังเกตและบันทึก การสนทนาและการทดสอบ เพื่อให้สามารถประเมินพัฒนาการ ไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง มสธ มสธวัตถุประสงค์ เมอ่ื ศึกษาหนว่ ยท่ี 12 จบแล้ว นกั ศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายแนวคดิ เก่ียวกับการจดั ประสบการณ์เพือ่ พฒั นาเดก็ ปฐมวัยด้านการคิดได้ 2. อธบิ ายการจดั ประสบการณแ์ ละส่ือที่ใช้ในการพฒั นาเด็กปฐมวยั ด้านการคดิ ได้ มสธ3. อธิบายการประเมนิ พฒั นาการเด็กปฐมวยั ด้านการคิดได้

การจัดประสบการณเ์ พ่อื พฒั นาเด็กปฐมวัยด้านการคิด 12-3 กิจกรรมระหว่างเรียน มสธ1. ท�ำแบบประเมินผลตนเองก่อนเรยี นหนว่ ยที่ 12 2. ศึกษาเอกสารการสอนตอนที่ 12.1–12.3 3. ปฏบิ ัติกิจกรรมตามทไี่ ด้รับมอบหมายในเอกสารการสอน 4. ฟงั ซีดีเสียงประจำ� ชดุ วชิ า มสธ มสธ5. ชมดีวดี ีประกอบชดุ วิชา (ถา้ มี) 6. ท�ำแบบประเมินผลตนเองหลังเรยี นหนว่ ยท่ี 12 ส่ือการสอน 1. เอกสารการสอน 2. แบบฝกึ ปฏิบัติ มสธ3. ซีดีเสียงประจ�ำชุดวชิ า 4. ดีวีดีประกอบชดุ วชิ า (ถ้าม)ี การประเมินผล มสธ มสธ1. ประเมินผลจากแบบประเมนิ ผลตนเองกอ่ นและหลังเรยี น 2. ประเมนิ ผลจากกจิ กรรมและแนวตอบทา้ ยเรื่อง 3. ประเมนิ ผลจากการสอบไลป่ ระจำ� ภาคการศึกษา เม่ืออ่านแผนการสอนแล้ว ขอให้ท�ำแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน มสธ มมสสธธ มสธหน่วยท่ี12ในแบบฝึกปฏิบัติแล้วจึงศึกษาเอกสารการสอนต่อไป

12-4 การจัดการศึกษาและหลักสตู รสำ� หรับเด็กปฐมวยั มสธตอนที่ 12.1 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด โปรดอา่ นหวั เรื่อง แนวคดิ และวตั ถุประสงคข์ องตอนท่ี 12.1 แล้วจงึ ศกึ ษารายละเอียดต่อไป มสธ มสธหัวเร่ือง 12.1.1 ความหมาย ความส�ำคัญและจุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็ก ปฐมวัยดา้ นการคดิ 12.1.2 หลักการและแนวทางการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านการคิด 12.1.3 ขอบข่ายการจดั ประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านการคิด มสธแนวคิด 1. การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด เป็นการจัดกิจกรรม ส่ือ วัสดุ อปุ กรณแ์ ละสภาพแวดลอ้ ม เพอ่ื ชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดร้ บั ประสบการณต์ รงทสี่ ง่ เสรมิ พฒั นาการ ด้านการคิดอย่างเหมาะสมกบั วยั การจัดประสบการณด์ ้านการคดิ มคี วามสำ� คัญในการ มสธ มสธช่วยพัฒนาสติปัญญา ช่วยให้เซลล์ประสาทของเด็กเกิดการเช่ือมโยงเรียนรู้ได้ดีข้ึน ปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวันได้ราบร่ืนข้ึน และพัฒนาการทางภาษาดีขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมาย เพ่ือให้เด็กคิดได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล สามารถคิดแก้ปัญหาได้ และคิดได้อย่างมี วจิ ารณญาณ 2. การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดมีหลักการท่ีส�ำคัญ คือ หลัก พัฒนาการ หลักการเรียนรู้ หลักการมีปฎสิ ัมพันธ์ หลกั ความปลอดภยั โดยมแี นวทาง มสธการจดั ประสบการณ์ คือ การจดั ประสบการณ์ท่เี หมาะสมกบั พฒั นาการและการเรยี นรู้ ของเดก็ ใหเ้ ดก็ ไดม้ ปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื และเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดค้ ดิ และทำ� สงิ่ ตา่ งๆ ดว้ ย ตนเอง 3. ขอบข่ายการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ด้านการคดิ ครอบคลมุ 1) การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาดา้ นการคดิ เชงิ เหตผุ ล ซงึ่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ สามารถคดิ หาคำ� ตอบ มสธ มสธทเี่ ปน็ เหตแุ ละเปน็ ผล 2) การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาดา้ นการคดิ แกป้ ญั หา ซง่ึ สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั สามารถคดิ แกป้ ญั หาได้ และ 3) การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาดา้ นการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ ซ่ึงส่งเสริมให้เด็กคิดพิจารณาไตร่ตรองข้อมูลอย่างรอบด้านก่อน มสธตดั สินใจ

การจัดประสบการณเ์ พ่ือพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ด้านการคดิ 12-5 มสธวัตถุประสงค์ เมือ่ ศึกษาตอนที่ 12.1 จบแลว้ นักศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายความหมาย ความส�ำคัญ และจุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนา เด็กปฐมวยั ดา้ นการคิดตามทก่ี �ำหนดได้ มสธ มสธ2. อธิบายหลักการและแนวทางการจัดประสบการณเ์ พ่ือพฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นการคิดได้ มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธ3. อธิบายขอบข่ายการจดั ประสบการณเ์พื่อพฒั นาเด็กปฐมวัยด้านการคิดได้

12-6 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำหรบั เดก็ ปฐมวยั มสธเรื่องที่ 12.1.1 ความหมาย ความส�ำคัญ และจุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์ เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด มสธ มสธการคิดเป็นกระบวนการทางสมองของมนุษย์ซ่ึงมีศักยภาพสูงมาก เป็นความสามารถที่มีในตัว มนษุ ยท์ กุ คน แตจ่ ะมคี วามแตกตา่ งกนั ในแงข่ องคณุ ภาพในการคดิ มนษุ ยท์ กุ คนสามารถพฒั นาการคดิ ได้ หากไดร้ บั การจดั ประสบการณท์ เ่ี หมาะสม (ทศิ นา แขมมณี และคณะ, 2544) โดยเฉพาะการปลกู ฝงั ตง้ั แต่ เยาว์วัยซึ่งจะช่วยให้เด็กคิดเป็น แก้ปัญหาเป็น และเติบโตขึ้นเป็นประชากรที่มีคุณภาพของสังคมต่อไป หากผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยมีความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด มสธและจัดประสบการณ์ได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้การพัฒนาเด็กเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงในเรื่องนี้ จะกล่าวถึงความหมาย ความส�ำคัญ และจุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้าน การคิด โดยมีรายละเอียดดงั นี้ ความหมายของการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด มสธ มสธการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ นนั้ ประกอบดว้ ยคำ� สำ� คญั 3 คำ� คอื คำ� วา่ “การจดั ประสบการณ”์ “เดก็ ปฐมวยั ” และ “การคดิ ” ในเบอื้ งตน้ ผเู้ ขยี นขอกลา่ วถงึ ความหมายของแตล่ ะคำ� โดยจะกล่าวถึงความหมายของการคิดก่อน แล้วจึงจะกล่าวถึงความหมายของการจัดประสบการณ์ และ ความหมายของเดก็ ปฐมวัย ตามลำ� ดับดงั ตอ่ ไปนี้ ความหมายของ “การคิด” ได้มีนักจิตวิทยาและนักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของ การคิดไวด้ งั น้ี มสธกุลยา ตันตผิ ลาชีวะ (2548, น. 28) กลา่ ววา่ การคิดเป็นกระบวนการของสมองในการประมวล ขอ้ มลู จากการรบั รู้ ไดแ้ ก่ การสมั ผสั ประสบการณ์ หรอื ความรทู้ ไี่ ดท้ างใดทางหนง่ึ หรอื ทกุ ทางประกอบกนั แล้วสมองจะน�ำลักษณะที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาเป็นแนวคิด มโนทัศน์ หรือความเช่ือให้เกิดข้ึนเป็น องค์ความรู้ พร้อมที่จะน�ำไปใช้เป็นฐานยืนยันการแสดงออกของตนในการตัดสินใจ หรือแก้ปัญหาใน เชิงเหตุผล มสธ มสธปัทมาวดี เล่ห์มงคล (2558, น. 5) กล่าวว่า การคิดเป็นกระบวนการท�ำงานของสมองโดยใช้ ประสบการณม์ าสัมพันธก์ บั สิ่งเรา้ เชื่อมโยงกับสิ่งแวดลอ้ ม เพ่ือให้เกดิ ความเข้าใจและแก้ปัญหาได้ อารมณ์ สวุ รรณปาล (2556, น. 8-5) กลา่ ววา่ การคดิ เปน็ การทำ� งานของสมองอยา่ งมกี ระบวนการ และเป็นระบบ มนษุ ยท์ ุกคนมีความสามารถทางการคิดและผลของการคิดจะอย่ใู นรูปพฤติกรรมตา่ งๆ สรุปได้ว่า การคิด หมายถึง การท�ำงานของสมองที่น�ำข้อมูลจากการรับรู้มาสัมพันธ์กับ ประสบการณ์ เพ่ือให้เกิดความเข้าใจ ตัดสินใจหรือแก้ปัญหาได้ ซ่ึงการคิดและผลของการคิดจะอยู่ในรูป มสธพฤตกิ รรมตา่ งๆ

การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านการคดิ 12-7 สำ� หรับ “การจัดประสบการณ์” นัน้ ภรณี คุรรุ ัตนะ (2540, น. 49) ไดใ้ ห้ความหมายว่า เป็นการ มสธจัดระบบประสบการณ์ที่เด็กปฐมวัยควรได้รับ มีการก�ำหนดจุดประสงค์ แนวทางการด�ำเนินกิจกรรมโดย เน้นท่ีเด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ สร้างปฏิสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างครูกับเด็ก เด็กกับเด็ก ผ่านการใช้ส่ือ อปุ กรณเ์ พอ่ื ใหเ้ ดก็ เรยี นรอู้ ยา่ งเหมาะสมกบั วยั และมกี ารประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ องเดก็ จากกจิ กรรม โดยให้ ครอบคลมุ พัฒนาการทุกดา้ น นอกจากน้ี ชิตาพร เอยี่ มสะอาด (2548, น. 91) ไดใ้ ห้ความหมายของการ มสธ มสธจัดประสบการณ์ว่าเป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนให้แก่เด็กปฐมวัย ในรูปของกิจกรรมและการจัด สภาพแวดล้อมท้ังภายในและภายนอกห้องเรียน ให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรงโดยผ่านประสาทสัมผัสท้ัง 5 เพอ่ื ส่งเสรมิ พัฒนาการดา้ นร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปญั ญาให้พรอ้ มตามศักยภาพของเด็ก สรปุ ได้ว่า การจดั ประสบการณ์ หมายถงึ การจัดกิจกรรม ส่อื วสั ดอุ ุปกรณ์ สภาพแวดล้อมท้ังใน และนอกห้องเรยี น โดยคำ� นงึ ถงึ วยั และความสามารถของเดก็ เพอ่ื ให้เดก็ ได้รบั ประสบการณต์ รงที่ส่งเสรมิ พฒั นาการทั้งดา้ นรา่ งกาย อารมณ์-จิตใจ สงั คม และสติปัญญา มสธสว่ นความหมายของ “เด็กปฐมวัย” ในเอกสารการสอนชุดวชิ านี้ หมายถงึ เด็กอายุ 3–6 ปี ดงั นนั้ การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ จงึ หมายถงึ การจดั กจิ กรรม สอื่ วสั ดุ อปุ กรณ์ สภาพแวดลอ้ มทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น โดยคำ� นงึ ถงึ วยั และความสามารถของเดก็ เพอื่ ใหเ้ ดก็ อายุ 3–6 ปีได้รับประสบการณ์ตรงท่ีส่งเสริมพัฒนาการด้านการคิด สามารถประมวลข้อมูลจากการรับรู้หรือ ความรู้ เขา้ ใจส่งิ ต่างๆ และแกป้ ญั หาได้อยา่ งเหมาะสมกับวัย มสธ มสธความส�ำคัญของการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด การพฒั นาการคดิ เปน็ สง่ิ ทมี่ คี วามสำ� คญั เปน็ อยา่ งมาก ในการพฒั นาดา้ นการคดิ นน้ั ควรเรมิ่ ตงั้ แต่ ในช่วงปฐมวัยเพราะเป็นช่วงวัยท่ีสมองมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและเป็นจุดเร่ิมต้นของการเรียนรู้ทักษะ สำ� คญั ตา่ งๆ ดงั นน้ั การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ ทมี่ คี ณุ ภาพ จงึ มคี วามสำ� คญั ตอ่ เด็กปฐมวยั หลายประการ ดังน้ี มสธ1. ชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดพ้ ฒั นาสตปิ ญั ญา ในอดตี ทผ่ี า่ นมานกั การศกึ ษาและนกั จติ วทิ ยาประเมนิ คา่ ความ สามารถทางด้านสติปัญญาและการคิดของเด็กตํ่ากว่าความเป็นจริงโดยมองว่าเด็กมีข้อจ�ำกัดทางด้าน สติปัญญา ไม่สามารถคิดสงิ่ ท่ซี ับซ้อนได้ ทำ� ให้เดก็ ถูกละเลยการพัฒนาความสามารถเหล่านนั้ (Flavell, et al., 1995; Miller, 2009; Stipek, 2013) แตง่ านวจิ ยั ในระยะตอ่ มาไดแ้ สดงใหเ้ หน็ วา่ เดก็ มคี วามสามารถ มสธ มสธในการคดิ เชงิ ตรรกะและเปน็ เหตเุ ปน็ ผลตง้ั แตช่ ว่ งปฐมวยั และพฒั นาเพม่ิ ขน้ึ ในวยั ตอ่ มา (Amsterlaw, and Wellman, 2006; Woodward, 2009; Whittaker, 2014) การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ น การคดิ จงึ ชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดพ้ ฒั นาสตปิ ญั ญาตามความสามารถทแี่ ทจ้ รงิ ทงั้ นใ้ี นการจดั ประสบการณค์ วรจดั ให้ เหมาะสมกบั วยั ความสนใจและวฒุ ิภาวะของเด็ก ไม่ควรเรง่ หรือขา้ มข้นั ตอน 2. ช่วยให้เซลล์ประสาทของเด็กเกิดการเชื่อมโยง ในการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านการคิด เด็กจะไดใ้ ช้ประสาทสมั ผัสท้งั 5 ในการมองเห็น การได้ยนิ การรับรส การไดก้ ล่ิน และการ สมั ผสั ไดส้ งั เกต สำ� รวจ ทดลอง ลงมอื กระทำ� ตลอดจนถกู ตงั้ คำ� ถามเพอื่ ใหเ้ ดก็ คดิ หาคำ� ตอบ ซง่ึ ลว้ นสง่ ผล มสธให้เกิดการส่งกระแสไฟฟ้าผ่านเส้นใยเซลล์ประสาท และเกิดการเชื่อมโยงกันของเซลล์ประสาทท้ังสิ้น

12-8 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั (ส�ำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้, 2558; Caine & Caine, 1998; National Research Council, มสธand the Institute of Medicine, 2004) ยงิ่ เดก็ ไดใ้ ชป้ ระสาทสมั ผสั ไดล้ งมอื กระทำ� และไดร้ บั การกระตนุ้ ให้คดิ กจ็ ะสง่ ผลใหก้ ารเชอ่ื มโยงของเซลลป์ ระสาทมากยิ่งข้นึ ทำ� ให้เดก็ สามารถรับรู้และเข้าใจสงิ่ ตา่ งๆ ได้ ดยี งิ่ ขึน้ ตามไปด้วย 3. ชว่ ยใหเ้ ดก็ เรยี นรไู้ ดด้ ขี นึ้ ในการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ เดก็ จะไดใ้ ช้ มสธ มสธประสาทสัมผัสในการรับรู้ส่ิงต่างๆ ได้รู้จักคุณลักษณะของสิ่งต่างๆ อย่างรอบด้าน ได้เปรียบเทียบ ได้ จำ� แนกความแตกตา่ ง ไดจ้ ดั กลมุ่ ตามความสมั พนั ธข์ องสงิ่ ตา่ งๆ ไดส้ ำ� รวจ ไดท้ ดลอง ไดเ้ หน็ ความสมั พนั ธ์ ของเหตุและผล ซ่ึงประสบการณ์ดังกล่าวเป็นการขยายความหมายและพัฒนาข้ึนเป็นความคิดรวบยอด ทำ� ใหเ้ ดก็ เขา้ ใจและเรยี นรสู้ ง่ิ ตา่ งๆ ไดด้ ยี งิ่ ขน้ึ นอกจากนก้ี ารจดั ประสบการณ์ ยงั ชว่ ยใหเ้ ดก็ มที กั ษะในการ แสวงหาความรูแ้ ละเกดิ ความกระตือรือรน้ ในการเรียนร้อู ีกด้วย 4. ช่วยให้ปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวันได้ราบรื่นขึ้น ในการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัย มสธด้านการคิด เด็กจะได้รับการฝึกให้หยุดท่ีจะคิดและหาค�ำตอบท่ีเหมาะสมท่ีสุดก่อนจะตอบ (Whittaker, 2014) คดิ วางแผนกอ่ นลงมอื กระทำ� (Hudson, Shapiro, and Sosa, 1995; Epstein, 2003) และพจิ ารณา ส่ิงต่างๆ อย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจ ดังนั้นเด็กท่ีได้รับจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาการคิดจะสามารถ ไตรต่ รองและวางแผนกอ่ นลงมอื กระทำ� มวี จิ ารณญาณในการเลอื กรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารไดต้ ามวยั จงึ ทำ� ใหก้ าร ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมในชวี ิตประจำ� วันเปน็ ไปอย่างราบร่นื ยง่ิ ขึ้น มสธ มสธ5. ช่วยให้เด็กสามารถพ่ึงพาตนเองได้ ในการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ เด็กจะได้เล่น ท�ำกิจกรรม และส�ำรวจส่ิงต่างๆ อย่างอิสระ ท�ำให้เด็กมีโอกาสได้เลือก ตัดสินใจ และแก้ ปญั หาดว้ ยตนเอง (Whitebread et al., 2005; Taggart et al., 2005) เดก็ ทไ่ี ดร้ บั การพฒั นาดา้ นการคดิ จึงสามารถทำ� สงิ่ ตา่ งๆ ด้วยตนเองใหส้ �ำเร็จลุล่วงได้ตามวัย สามารถปรับตวั ต่อการเปล่ยี นแปลงและเผชญิ กับสิ่งท่ีเป็นปญั หาโดยไม่ร้องขอความชว่ ยเหลือจากผู้อืน่ หากไมจ่ �ำเป็น 6. ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางภาษาดีข้ึน ภาษามีความสัมพันธ์กับการคิด และเป็นเคร่ืองมือ มสธสำ� คญั ในการคดิ (Piaget, 1926; Vygotsky, 1978) ดงั นน้ั เดก็ ทไี่ ดร้ บั การพฒั นาดา้ นการคดิ จงึ มพี ฒั นาการ ทางภาษาที่ดีข้ึนตามไปด้วย ทั้งน้ีเนื่องจากในการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาการคิดให้กับเด็กนั้น ครูได้ สอดแทรกค�ำศัพท์ที่จ�ำเป็น เพื่อให้เด็กมีค�ำศัพท์ท่ีเพียงพอในการคิดและสามารถคิดเชื่อมโยงเหตุผลได้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ (Mercer, 2000, McWilliam and Howe, 2004; Whittaker, 2014) เชน่ คำ� ศพั ท์ เกี่ยวกับคุณลักษณะของสิ่งต่างๆ เช่น สี รูปร่าง ลักษณะ รส กล่ิน ฯลฯ ค�ำกริยาเกี่ยวกับการคิด เช่น มสธ มสธสงั เกต เปรยี บเทียบ จดั กลมุ่ เรียงล�ำดบั ฯลฯ ครใู ชค้ �ำถามทห่ี ลากหลายเพ่อื กระตุ้นให้เดก็ ไดค้ ดิ และพูด ส่อื สารความคดิ (Devereux, 2002; Chappell, et al., 2008) นอกจากนีก้ ารคิดยงั ช่วยใหม้ นุษยส์ ามารถ รบั สารและสง่ สารอยา่ งเปน็ ระบบและมปี ระสทิ ธภิ าพ จงึ สง่ ผลใหเ้ ดก็ ใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ สรปุ ไดว้ า่ ความสำ� คญั ของการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ คอื ชว่ ยใหเ้ ดก็ ได้พัฒนาการคิดที่เหมาะสมกับวัย ช่วยให้เซลล์ประสาทของเด็กเกิดการเชื่อมโยง ทำ� ให้เด็กสามารถรับรู้ และเขา้ ใจสงิ่ ตา่ งๆ ไดด้ ีย่ิงขึน้ ชว่ ยให้เด็กเรยี นรไู้ ด้ดีขึ้น ช่วยใหป้ ฏิบตั ิกจิ วัตรประจำ� วนั ไดร้ าบรน่ื ขนึ้ ช่วย มสธให้เด็กสามารถพึ่งพาตนเองได้ สามารถปรับตัวต่อการเปล่ียนแปลงและเผชิญกับสิ่งที่เป็นปัญหาโดยไม่

การจดั ประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านการคดิ 12-9 รอ้ งขอความชว่ ยเหลอื จากผอู้ นื่ หากไมจ่ ำ� เปน็ และชว่ ยใหเ้ ดก็ มพี ฒั นาการทางภาษาดขี น้ึ เนอ่ื งจากภาษามี มสธความสมั พนั ธก์ บั การคดิ และเป็นเคร่อื งมอื ส�ำคญั ในการคดิ จุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ ชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดร้ บั การสง่ เสรมิ ความสามารถ มสธ มสธในการประมวลขอ้ มลู เขา้ ใจสง่ิ ตา่ งๆ และแกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั วยั โดยมจี ดุ มงุ่ หมายทสี่ ำ� คญั ดงั นี้ 1. เพ่ือให้เด็กคิดได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ซ่ึงมรี ายละเอยี ดดังนี้ 1.1 เพื่อให้เด็กได้พฒั นาทักษะการคดิ ทเี่ ปน็ พน้ื ฐานการคิดเชิงเหตุผล 1.2 เพอื่ ให้เด็กสามารถคดิ หาค�ำตอบที่เป็นเหตุและเป็นผล 1.3 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถบอกเหตผุ ลในการเลอื กหรอื ท�ำสง่ิ ตา่ งๆ 2. เพ่ือให้เด็กสามารถคิดแก้ปัญหาได้ ซึง่ มีรายละเอยี ดดังนี้ มสธ2.1 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ สามารถรบั รูแ้ ละระบุปัญหาทีพ่ บ 2.2 เพื่อให้เดก็ สามารถเสนอวิธีการแกป้ ัญหาท่สี อดคล้องกับปัญหาได้หลายๆ แนวทาง 2.3 เพอื่ ให้เด็กสามารถเลือกวิธีการแกป้ ัญหาและสามารถบอกเหตุผลในการเลือกได้ 2.4 เพื่อใหเ้ ด็กลงมือปฏิบัติตามวิธีการท่ีเลอื กไว้ มสธ มสธ3. เพื่อให้เด็กคิดอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งมรี ายละเอียดดงั นี้ 3.1 เพ่อื ให้เดก็ สามารถรับร้แู ละระบปุ ระเด็นที่ต้องตัดสินใจ 3.2 เพื่อพัฒนาความสามารถในการรวบรวมขอ้ มลู 3.3 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ พจิ ารณาไตรต่ รองขอ้ มลู กอ่ นตดั สนิ ใจ โดยนำ� ขอ้ มลู ไปใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจ และบอกผลทจ่ี ะตามมาจากการตัดสินใจ 3.4 เพ่อื ใหเ้ ด็กสามารถตดั สนิ ใจและบอกเหตุผลในการตัดสินใจ สรุปไดว้ า่ จดุ มุ่งหมายของการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านการคดิ คือ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ มสธคิดไดอ้ ย่างเป็นเหตเุ ปน็ ผล สามารถคิดแก้ปัญหาได้ และคิดอย่างมวี ิจารณญาณ กิจกรรม 12.1.1 มสธ มสธจงอธบิ ายความส�ำคัญของการจัดประสบการณเ์ พอื่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านการคิดมาพอสงั เขป แนวการตอบกิจกรรม 12.1.1 ความสำ� คญั ของการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ คอื พฒั นาสตปิ ญั ญา เซลล์ ประสาทของเดก็ เกดิ การเชอื่ มโยง เรยี นรไู้ ดด้ ขี น้ึ ปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำ� วนั ไดร้ าบรน่ื ขนึ้ สามารถพง่ึ พาตนเอง มสธได้ และพฒั นาการทางภาษาดีข้นึ

12-10 การจัดการศึกษาและหลกั สตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย มสธเรื่องที่ 12.1.2 หลักการและแนวทางการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านการคิด มสธ มสธการพฒั นาเดก็ ใหค้ ดิ เปน็ สงิ่ ทสี่ ำ� คญั และจำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ เพราะการคดิ เปน็ พนื้ ฐานในการเรยี นรแู้ ละ การดำ� รงชวี ติ การคดิ สามารถทจ่ี ะพฒั นาและฝกึ ฝนไดต้ งั้ แตป่ ฐมวยั โดยเรมิ่ ปลกู ฝงั ตง้ั แตท่ บี่ า้ น ซง่ึ พอ่ แม่ ผู้ปกครองต้องเป็นผู้ส่งเสริมการคิดให้แก่เด็ก และเม่ือเด็กเข้าสู่โรงเรียน ครูจะมีหน้าที่ส่งเสริมพัฒนาการ ใหเ้ ดก็ ตอ่ ไป ในเรอ่ื งนจ้ี ะกลา่ วถงึ หลกั การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ และแนวทาง การจัดประสบการณเ์ พื่อพฒั นาเด็กปฐมวัยดา้ นการคดิ ซ่ึงมีรายละเอียดดังน้ี มสธหลักการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด 1. หลักพัฒนาการ ในการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด จะต้องค�ำนึงถึง พฒั นาการของเดก็ เปน็ ส�ำคัญ ซงึ่ Piaget (1930) ไดก้ ล่าวถงึ พฒั นาการดา้ นการคิดของเดก็ ในวัยนี้ว่าเด็ก มสธ มสธจะสามารถแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งมจี ดุ มงุ่ หมายและสามารถแกป้ ญั หาโดยการเปลยี่ นวธิ กี ารตา่ งๆ เพอื่ ใหไ้ ด้ สง่ิ ทตี่ อ้ งการ แมว้ า่ เดก็ จะมคี วามคดิ รวบยอดเกยี่ วกบั สง่ิ ตา่ งๆ รอบตวั รจู้ กั แยกประเภท มเี หตผุ ลเบอื้ งตน้ สามารถเชอื่ มโยงเหตกุ ารณไ์ ด้ แตเ่ ดก็ ยงั ยดึ ตนเองเปน็ ศนู ยก์ ลางจงึ ถอื ความคดิ ของตนเองเปน็ ใหญ่ ยงั ไม่ เหน็ มมุ มองของคนอนื่ และยงั ไมถ่ กู ตอ้ งตามหลกั ความเปน็ จรงิ นกั การคดิ ของเดก็ ในวยั นจี้ งึ คงอยเู่ ฉพาะสง่ิ ที่เด็กรับรู้หรือสัมผัสภายนอกได้เท่านั้น ดังนั้นการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดจะ ต้องเหมาะสมกับพัฒนาการ ความสนใจและวุฒิภาวะของเด็ก โดยให้เด็กเรียนรู้สิ่งที่เป็นรูปธรรม จาก มสธประสบการณ์ตรง และมีความหมายกับเด็ก ควรหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่ซับซ้อน เป็นนามธรรม หรือ คิดย้อนกลับไปกลับมา นอกจากนี้ในการจัดประสบการณ์จะต้องค�ำนึงถึงพัฒนาการในเรื่องอ่ืน เช่น ช่วง ระยะความสนใจของเดก็ ความพรอ้ มของกล้ามเน้ือ ความสามารถในการท�ำตามกฎกตกิ า ฯลฯ 2. หลักการเรียนรู้ ในการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดจะต้องค�ำนึงถึง ลกั ษณะการเรยี นรขู้ องเดก็ ซง่ึ เดก็ เรยี นรจู้ ากประสาทสมั ผสั ทง้ั หา้ ทเี่ ปน็ รากฐานเบอ้ื งตน้ ของการเรยี นรแู้ ละ มสธ มสธชว่ ยใหเ้ ดก็ พฒั นาการคดิ เรยี นรจู้ ากการเลยี นแบบโดยการสงั เกตจากผใู้ กลช้ ดิ เรยี นรจู้ ากการลงมอื ปฏบิ ตั ิ ได้ส�ำรวจและทดลองท�ำส่ิงต่างๆ ด้วยตนเอง และเรียนรู้จากการเล่นซึ่งในขณะท่ีเด็กเล่นเด็กจะได้เรียนรู้ เก่ียวกับคุณสมบัติของส่ิงท่ีเล่นผ่านประสาทสัมผัส เช่น นํ้าเป็นของเหลวใส สามารถเปล่ียนแปลงรูปร่าง ไดต้ ามภาชนะทใ่ี ส่ ฯลฯ ไดส้ ำ� รวจ ตง้ั สมมตฐิ าน ทดสอบสมมตฐิ าน คน้ หาคำ� ตอบ วางแผน แกป้ ญั หา ได้ ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้จะต้องจัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับหลักการเรียนรู้ โดยค�ำนึงถึงความสนใจของเด็ก ให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่ชอบและอยากรู้ เหมาะสมกับวัย ความสามารถ มสธและประสบการณ์เดิมของเด็ก ยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก ให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับ

การจัดประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวยั ดา้ นการคิด 12-11 สงิ่ แวดลอ้ ม ไดส้ ำ� รวจ คน้ หา ทดลองและสรา้ งองคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเอง ไดเ้ รยี นรสู้ ง่ิ ทอี่ ยใู่ กลต้ วั มคี วามหมาย มสธกบั ตวั เดก็ สอดคลอ้ งกบั การดำ� เนนิ ชวี ติ ประจำ� วนั ของเดก็ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ ในบรรยากาศท่ี เปน็ มติ ร อบอนุ่ มนั่ คง ยอมรบั ในตวั เดก็ และจดั หาสอื่ วสั ดอุ ปุ กรณท์ ชี่ ว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ ดก็ มคี วามอยากรอู้ ยาก เห็น อยากแกป้ ัญหา อยากแสวงหาค�ำตอบ (Bredekamp et al., 1997; พชั รี ผลโยธนิ และอรณุ ี หรดาล, 2558) มสธ มสธ3. หลักการมีปฏิสัมพันธ์ ขณะท่ีเด็กมีปฏิสัมพันธ์ สนทนา พูดคยุ หรือทำ� งานร่วมกับผอู้ น่ื เดก็ จะได้คิด ไดใ้ ชภ้ าษาแสดงความคดิ เหน็ ไดแ้ ลกเปลย่ี นเรียนรู้ ได้ขยายประสบการณ์ทางความคดิ หากมี ขอ้ ขดั แยง้ เดก็ จะไดท้ บทวนความคดิ ของตนเอง หาเหตผุ ลมาสนบั สนนุ ความคดิ ของตน และพฒั นาความรู้ มากขนึ้ (Wood, 1998) นอกจากนกี้ ารแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ จะชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดร้ บั รคู้ วามคดิ เหน็ ของผอู้ นื่ ไดเ้ หน็ มุมมองของคนอืน่ ชว่ ยใหเ้ ด็กคลายการยึดตนเองเป็นศูนยก์ ลาง 4. หลักการช่วยเหลือ เด็กจะสามารถเรียนรู้และพัฒนาการคิดได้ดีขึ้นเม่ือได้รับการช้ีแนะหรือ มสธความช่วยเหลือจากผู้อ่ืนท้ังจากผู้ท่ีมีความช�ำนาญมากกว่าและเพื่อนท่ีได้เรียนรู้ร่วมกัน ซ่ึง Vygotsky (1978) ไดใ้ หค้ วามสำ� คญั กับการเสริมตอ่ การเรยี นรู้ หรอื Scaffolding เป็นอยา่ งมาก เพราะชว่ ยให้เดก็ สามารถพฒั นาศกั ยภาพทอี่ ยเู่ หนอื ระดบั ทเี่ ดก็ สามารถทำ� ไดด้ ว้ ยตนเอง ซง่ึ พอ่ แม่ ผปู้ กครองและครสู ามารถ ช่วยเหลือเด็กได้โดยการถามค�ำถามกระตุ้นให้เด็กคิด ชี้แนะประเด็นในการสังเกตคุณสมบัติของสิ่งของ ชวนให้เด็กเปรียบเทียบความเหมือนและความต่างของส่ิงต่างๆ เช่น หนูคิดว่าผ้าสามารถลอยนํ้าได้ไหม มสธ มสธท�ำไมก้อนหินถึงจมนํ้า หนูคิดว่าขวดพลาสติกและลูกปิงปองลอยน้ําได้เพราะอะไร ขวดพลาสติกและ ลกู ปงิ ปองมอี ะไรทเ่ี หมอื นกนั ฯลฯ การสาธติ ใหเ้ ดก็ ดหู รอื ทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั ยงั ชว่ ยขยายประสบการณท์ าง ความคิดใหก้ ับเดก็ เช่น ผกู เชอื กรองเทา้ ให้เดก็ ดู ชวนเด็กตอ่ บล็อกในลักษณะทแี่ ตกตา่ งไปจากเดิม พดู ใหเ้ ดก็ ไดย้ นิ วา่ มวี ธิ กี ารคดิ อยา่ งไร ฯลฯ นอกจากนคี้ วรใหเ้ ดก็ ไดม้ โี อกาสทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั และรบั ผดิ ชอบ ส่ิงที่ได้รับมอบหมายร่วมกัน เพ่ือให้เด็กได้เรียนรู้การท�ำงานด้วยกัน ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และ ช่วยเหลอื ซึ่งกันและกัน มสธ5. หลักการเสริมแรง การเสริมแรงทางบวก เช่น ชมเชย ยิ้ม หรือสัมผัสเด็ก ฯลฯ เป็นสิ่งที่มี ความส�ำคัญต่อการส่งเสริมการคิดให้กับเด็กเป็นอย่างมาก เพราะเด็กจะเกิดความพึงพอใจและมีความ กระตือรือร้นในการท�ำกิจกรรมมากขึ้น ดังน้ันเม่ือเด็กตอบค�ำถามหรือท�ำสิ่งที่ได้รับมอบหมายได้ส�ำเร็จ พอ่ แม่ ผปู้ กครองและครจู งึ ควรเสรมิ แรงในทนั ทเี พอื่ ใหเ้ ดก็ ทราบวา่ พฤตกิ รรมดงั กลา่ วเปน็ สงิ่ ทด่ี ี ควรจะทำ� ตอ่ ไปหรอื พฒั นาใหด้ ยี ง่ิ ขน้ึ เชน่ ชมเชยเมอ่ื เดก็ บอกทางเลอื กในการแกป้ ญั หาไดม้ ากขนึ้ ชมเชยและแตะไหล่ มสธ มสธเมื่อเดก็ ใชข้ อ้ มูลประกอบการตัดสินใจ ชมเชยและยิ้มเม่อื เดก็ บอกผลทต่ี ามมาจากการตดั สนิ ใจได้ ฯลฯ 6. หลักความปลอดภัย ในการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านการคดิ น้นั เดก็ จะไดม้ ี ปฏสิ มั พนั ธก์ บั สงิ่ แวดลอ้ ม ไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ ไดส้ ำ� รวจ คน้ หา ทดลองและสรา้ งองคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเอง ดงั นนั้ การจัดกิจกรรมจะต้องค�ำนึงถึงความปลอดภัยทั้งทางด้านกายภาพคือความปลอดภัยของวัสดุอุปกรณ์ อาคารสถานท่ตี ่างๆ เชน่ มคี วามแขง็ แรงทนทาน ไมท่ ำ� ให้เด็กเกิดอนั ตราย ฯลฯ และทางดา้ นจติ ภาพท่ี สร้างบรรยากาศให้เด็กเกิดความรู้สึกสบายใจ อบอุ่น ม่ันคง กล้าท่ีจะคิด พูดแสดงความคิดและลงมือท�ำ มสธสง่ิ ตา่ งๆ อยา่ งอิสระ

12-12 การจดั การศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั สรปุ ไดว้ า่ หลกั การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ ไดแ้ ก่ หลกั พฒั นาการ หลกั มสธการเรียนรู้ หลักการมปี ฏิสมั พันธ์ หลกั การช่วยเหลือ หลกั การเสรมิ แรง และหลักความปลอดภยั แนวทางการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด 1. การจัดประสบการณ์ที่เหมาะสมกับพัฒนาการเด็ก ในการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็ก มสธ มสธปฐมวยั ดา้ นการคดิ ทเี่ หมาะสมกบั พฒั นาการนน้ั พอ่ แม่ ผปู้ กครองและครจู ะตอ้ งคำ� นงึ ถงึ พฒั นาการ ความ สามารถและวุฒิภาวะของเด็กเป็นส�ำคัญ ไม่ควรข้ามขั้นหรือเร่งให้เด็กเรียนรู้มากเกินไป การคิดเป็นส่ิงที่ เปน็ นามธรรมและยากตอ่ การเขา้ ใจ ดงั นนั้ จงึ ควรจดั ประสบการณใ์ หเ้ ดก็ เรยี นรจู้ ากสงิ่ ทเี่ ปน็ รปู ธรรม ใชส้ อื่ ที่เป็นของจริง สถานการณ์จริง สถานที่จริง โดยใช้ภาษาง่ายๆ ไม่ใช้ค�ำศัพท์ท่ียากเกินไป การจัด ประสบการณจ์ ะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ระยะความสนใจของเดก็ ไมค่ วรใชเ้ วลานานเกนิ ไป และไมม่ กี ตกิ าทซ่ี บั ซอ้ น นอกจากนี้การจัดเตรียมสื่อจะต้องเหมาะสมกับวัย เช่น วัสดุอุปกรณ์ต้องเหมาะสมกับขนาดและส่วนสูง มสธเดก็ ความสามารถในการควบคมุ กลา้ มเนอ้ื และเอ้ือให้เดก็ สามารถใช้งานไดด้ ว้ ยตนเอง ฯลฯ 2. การจัดประสบการณ์ท่ีเหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็ก ในการจัดประสบการณ์ พ่อแม่ ผปู้ กครองและครจู ะตอ้ งจดั ประสบการณใ์ หเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรใู้ นสง่ิ ทส่ี นใจ เหมาะสมกบั ความสามารถ ประสบ- การณ์เดมิ ของเดก็ เปน็ เรื่องทม่ี ีความหมายและใกลต้ วั เด็ก เช่น สิง่ ที่เกี่ยวขอ้ งกับตัวเดก็ สิ่งที่เดก็ พบเห็น มสธ มสธในชีวิตประจำ� วนั เร่อื งราวจากหนังสือนทิ านที่เดก็ คนุ้ เคย ฯลฯ และมปี ระโยชน์ตอ่ ตวั เอง เชน่ ใช้ปัญหาที่ พบบ่อยในชวี ติ ประจำ� วันซึง่ เด็กสามารถนำ� วิธีการคิดไปปรบั ใช้เมือ่ พบปัญหาอ่ืนได้ ฯลฯ จัดประสบการณ์ ทใี่ หเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรจู้ ากประสบการณต์ รง ไดเ้ ลน่ ไดล้ งมอื กระทำ� สงิ่ ตา่ งๆ ผา่ นประสาททง้ั หา้ ทง้ั การมองเหน็ การไดย้ นิ การชมิ รส การดมกลน่ิ และการสมั ผสั โดยใหเ้ ดก็ ไดส้ งั เกต สำ� รวจ ทดลอง คน้ ควา้ คน้ หาคำ� ตอบ ดว้ ยตนเอง ในบรรยากาศทมี่ คี วามอบอนุ่ มนั่ คง ปลอดภยั ผอ่ นคลาย เปน็ กนั เอง ใหก้ ารยอมรบั หลกี เลย่ี ง ปัจจัยท่ีเป็นอุปสรรคต่อการคิด เช่น บังคับ ต�ำหนิ กดดัน ตัดสิน ฯลฯ นอกจากน้ีเด็กยังเรียนรู้จากการ เลียนแบบ ดงั นั้นพ่อแม่ ผู้ปกครองและครูจะตอ้ งเปน็ ต้นแบบท่ดี ีใหก้ ับเด็กในการพจิ ารณาขอ้ มลู ประกอบ มสธการตดั สินใจและค�ำนงึ ถึงสิง่ ทจ่ี ะตามมากอ่ นท่จี ะตัดสินใจ 3. การจัดประสบการณ์ท่ีให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืน ในการจัดประสบการณ์ควรให้เด็กได้ มโี อกาสทำ� งานรว่ มกนั ทงั้ กลมุ่ ใหญแ่ ละกลมุ่ ยอ่ ย ขณะทที่ ำ� กจิ กรรมกลมุ่ ใหญเ่ ดก็ จะมโี อกาสไดร้ บั ฟงั ความ คดิ เหน็ ของผอู้ น่ื และไดแ้ ลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ขณะทท่ี ำ� กจิ กรรมกลมุ่ ยอ่ ย เดก็ จะไดช้ ว่ ยกนั วางแผน รว่ มตดั สนิ ใจ มสธ มสธแสดงความคิดเห็นและใช้เหตุผลมาสนับสนุนความคิดเห็นของตนเอง และท�ำงานตามที่ได้รับมอบหมาย เชน่ แบง่ กลมุ่ เดก็ 5-6 คน ใหช้ ว่ ยกนั หาทางแก้ปญั หาตามสถานการณ์ทก่ี ำ� หนด โดยชว่ ยกันคดิ หาทาง เลือกในการแก้ปญั หาหลายๆ ทาง พจิ ารณาข้อดขี อ้ เสียของทางเลือกแต่ละทางเลอื ก หาทางเลอื กที่คดิ วา่ เหมาะสมท่สี ดุ แลว้ จงึ ลงมือแก้ปัญหาตามวธิ ที ีเ่ ลอื ก 4. การจัดประสบการณ์ท่ีเปิดโอกาสให้เด็กได้คิดและท�ำส่ิงต่างๆ ด้วยตนเอง ในการจดั ประสบ- การณพ์ อ่ แม่ ผปู้ กครอง และครคู วรเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ คดิ ไดต้ ดั สนิ ใจ และแกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง โดยเปลย่ี น บทบาทตนเองจากการเป็นผสู้ อนหรอื ให้ความรู้ กลายเป็นผู้ที่ชี้แนะและคอยอำ� นวยความสะดวก โดยการ มสธใชค้ �ำถามท่กี ระต้นุ และท้าทายใหเ้ ดก็ ได้คดิ เช่น ค�ำถามปลายเปิด ไม่มีคำ� ตอบทถี่ กู ตอ้ งเพยี งคำ� ตอบเดียว

การจัดประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ 12-13 (Devereux, 2002; Taggart, et al., 2005; Chappell, et al., 2008) คำ� ถามทใ่ี หเ้ ดก็ อธบิ ายรายละเอยี ด มสธเพ่ิมเติม ค�ำถามที่กระตุ้นให้เกิดความเข้าใจ ค�ำถามที่พัฒนาการคิดในระดับท่ีสูงขึ้น (Ruddell, 2002) ค�ำถามท่ีให้เด็กสังเกตคาดคะเนและหาค�ำตอบ ฯลฯ (Whittaker, 2014) อีกทั้งในการสนทนาพูดคุยกับ เด็กควรสอดแทรกค�ำศัพท์ที่เด็กควรรู้ เพ่ือให้เด็กมีค�ำศัพท์ที่เพียงพอในการคิดและเชื่อมโยงเหตุผล และ ควรพดู สง่ิ ทค่ี รกู ำ� ลงั คดิ ใหเ้ ดก็ ไดย้ นิ (Mercer, 2000, McWilliam and Howe, 2004; Whittaker, 2014) มสธ มสธควรใหเ้ วลาเดก็ อยา่ งเพยี งพอในการคดิ และทำ� สง่ิ ตา่ งๆ โดยใชว้ ธิ กี ารนบั 1-10 ในใจเพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดเ้ ตรยี มตวั ตอบ และตอ้ งใจเยน็ ปลอ่ ยใหเ้ ดก็ ไดล้ องผดิ ลองถกู ดว้ ยตนเองโดยไมเ่ ขา้ ไปแทรกแซงโดยไมจ่ ำ� เปน็ นอกจากนี้ ควรจดั เตรยี มวสั ดุ อปุ กรณ์ หนงั สอื ขอ้ มลู ตา่ งๆ เพอ่ื ชว่ ยสนบั สนนุ การคดิ และการเรยี นรขู้ องเดก็ สรปุ ไดว้ า่ แนวทางการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ คอื การจดั ประสบการณ์ ทเ่ี หมาะสมกบั พฒั นาการเดก็ และวยั ของเดก็ เหมาะสมกบั การเรยี นรขู้ องเดก็ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรจู้ ากสง่ิ ทส่ี นใจ เหมาะสมกับความสามารถ ประสบการณ์เดิม ไดเ้ ลน่ ได้ลงมือกระท�ำ ใหเ้ ด็กไดม้ ีปฏสิ ัมพนั ธ์กับผ้อู นื่ เพ่อื มสธได้แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ และเปดิ โอกาสให้เดก็ ได้คิดและท�ำส่งิ ตา่ งๆ ด้วยตนเอง กิจกรรม 12.1.2 จงบอกแนวทางการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเด็กปฐมวยั ด้านการคิดมาพอสังเขป มสธ มสธแนวตอบกิจกรรม12.1.2 แนวทางการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด ได้แก่ การจัดประสบการณ์ที่ เหมาะสมกบั พฒั นาการเดก็ เหมาะสมกบั การเรยี นรขู้ องเดก็ ใหเ้ ดก็ ไดม้ ปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื และเปดิ โอกาส มสธ มมสสธธ มสธใหเ้ด็กได้คดิ และท�ำส่ิงต่างๆ ด้วยตนเอง

12-14 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรบั เด็กปฐมวยั มสธเรื่องที่ 12.1.3 ขอบข่ายการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด มสธ มสธการคิดเป็นสงิ่ ทีม่ ีความสำ� คัญและจำ� เป็นอยา่ งยิง่ ต่อมนษุ ย์ เพราะการคดิ เป็นพน้ื ฐานในการด�ำรง ชวี ติ อยา่ งปกตสิ ขุ และเรยี นรสู้ งิ่ ตา่ งๆ จงึ มแี นวคดิ ทฤษฎที เี่ กย่ี วขอ้ งกบั การคดิ ไวอ้ ยา่ งหลากหลาย เชน่ การ คิดเชิงเหตุผล การคิดแก้ปัญหา การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดรวบยอด การคิดวางแผน การคิด สรา้ งสรรค์ ฯลฯ แต่ในเรอ่ื งน้จี ะกลา่ วถงึ การคิด 3 ประเภท คือ การคดิ เชิงเหตุผล การคดิ แกป้ ญั หา และ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เพราะเป็นพ้ืนฐานส�ำคัญในการเรียนรู้ เป็นพื้นฐานการคิดขั้นสูง และมีความ ส�ำคัญต่อการด�ำเนินชีวิตของเด็กปฐมวัย จึงจ�ำเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องจัดประสบการณ์เพื่อส่งเสริมการคิด ดงั กลา่ วใหแ้ กเ่ ดก็ ปฐมวยั เพอื่ ใหเ้ ปน็ พน้ื ฐานทด่ี ใี นการคดิ ตอ่ ไป การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั มสธดา้ นการคิดมรี ายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้ 1. ขอบข่ายการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาการคิดเชิงเหตุผล การคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัย เป็นความสามารถในการท�ำความเข้าใจความสัมพันธ์ของ มสธ มสธสง่ิ ตา่ งๆ สามารถเชอื่ มโยงความสมั พนั ธจ์ ากเหตไุ ปหาผล และสามารถคดิ หาคำ� ตอบทเ่ี ปน็ เหตแุ ละเปน็ ผล โดยใชห้ ลกั การหรอื ขอ้ มลู ทมี่ าจากประสบการณเ์ ดมิ และประสบการณใ์ หมม่ าเปน็ ฐานขอ้ มลู ในการคดิ (สจุ ติ รา ศุกรฤทัย และยุพาวดี ตรีทิพย์ธกิ ลุ , 2548; อาภรณ์ ศรีสุขใส, 2555; อารมณ์ สุวรรณปาล, 2557) การจัด ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ เชงิ เหตผุ ลมคี วามสำ� คญั เปน็ อยา่ งมากเพราะจะชว่ ยใหเ้ ดก็ มพี ้นื ฐานการคดิ ท่ดี ี สามารถเรยี นร้สู ่ิงตา่ งๆ ได้ดีและสามารถด�ำรงชวี ติ ได้อยา่ งราบรืน่ ในการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยดา้ นการคิดเชิงเหตุผลนัน้ พ่อแม่ ผปู้ กครองและครู มสธจะต้องมีความเข้าใจเก่ียวกับลักษณะการคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัย ซึ่งนิตยา คชภักดี (2543 อ้างถึง ใน พัชรี ผลโยธิน, 2557) ได้กล่าวถึงการคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยตามแนวคิดพัฒนาการทางด้าน สตปิ ญั ญาของ Piaget วา่ เดก็ อยใู่ นระยะการคดิ กอ่ นปฏบิ ตั กิ ารหรอื ระยะการคดิ อยา่ งไมใ่ ชเ้ หตผุ ลทสี่ มบรู ณ์ เดก็ อายุ 2-4 ปี ตดั สนิ ใจทกุ อย่างตามการรับรทู้ างสายตาและประสาทสัมผสั เมอื่ มีประสบการณม์ ากข้ึน เดก็ จะมคี วามคดิ ความเขา้ ใจสงิ่ ตา่ งๆ ไดด้ ขี น้ึ ความคดิ รวบยอดพฒั นามากขนึ้ เดก็ อายุ 4-5 ปี เรม่ิ มคี วาม มสธ มสธคิดฝัน มีความจ�ำท่ีแม่นย�ำมากขึ้น แต่ลักษณะความคิดความจ�ำยังอยู่ในขอบเขตที่จ�ำกัดและมีลักษณะที่ จำ� กัด เชน่ เช่อื ว่าทกุ อยา่ งมีชวี ิต ทกุ สิง่ ในโลกนม้ี จี ดุ มงุ่ หมาย ฯลฯ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคดิ ของอารมณ์ สวุ รรณปาล (2557) ทวี่ า่ การคดิ เชงิ เหตผุ ลของเดก็ ยงั มขี อ้ จำ� กดั และแตกตา่ งจากความคดิ เชงิ เหตผุ ลของ ผู้ใหญ่ การให้เหตุผลของเด็กจะมาจากสิ่งที่พบเห็นหรือมีประสบการณ์ท่ีเกี่ยวโยงกับการรับรู้ การสังเกต การเปรียบเทียบและความคิดรวบยอดตามระดับของเด็ก ซึ่งการใช้เหตุผลดังกล่าวอาจจะไม่ถูกต้องก็ได้ ด้วยเหตุน้ีจึงต้องมีการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาการคิดเชิงเหตุผลให้กับเด็ก โดยพัฒนาทักษะการคิดท่ี มสธเปน็ พน้ื ฐานการคดิ เชงิ เหตผุ ล เพอ่ื ใหเ้ ดก็ สามารถคดิ เชอื่ มโยงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเหตแุ ละผลได้ สามารถ

การจดั ประสบการณเ์ พื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคดิ 12-15 คิดหาค�ำตอบท่ีเป็นเหตุเป็นผล และสามารถบอกเหตุผลในการเลือกและท�ำสิ่งต่างๆ ได้ ทักษะการคิดที่ มสธเป็นพน้ื ฐานการคิดเชิงเหตุผล ได้แก่ (ลอื ชยั ชน่ื อ่ิม, 2525; พัชรี กลั ยา, 2551; ประภานิช เพียรไพฑูรย์, 2553) 1.1 การสังเกต โดยจดั ประสบการณใ์ หเ้ ดก็ ไดใ้ ชป้ ระสาทสมั ผสั อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรอื หลายอยา่ ง ไดแ้ ก่ การมองเหน็ การไดย้ ิน การได้กลน่ิ การรบั รส และการสัมผสั เข้าสัมผัสกบั วัตถหุ รอื เหตกุ ารณเ์ พอื่ มสธ มสธให้ทราบและรบั ร้ขู อ้ มูล รายละเอียดของสง่ิ เหล่านัน้ โดยปราศจากความคดิ เหน็ สว่ นตัว เพ่อื ประกอบการ ตัดสินใจและใหเ้ หตผุ ลได้ 1.2 การเปรียบเทียบ โดยจัดประสบการณ์ให้เด็กได้ใช้เหตุผลเปรียบเทียบระหว่างสองส่ิงหรือ หลายสงิ่ 1.3 การตีความ โดยจดั ประสบการณใ์ หเ้ ดก็ ไดพ้ จิ ารณา ทำ� ความรจู้ กั และอธบิ ายความหมายของ สิ่งนัน้ ๆ มสธ1.4 การสรุปความ โดยจัดประสบการณใ์ ห้เด็กไดน้ �ำขอ้ มลู ทไี่ ด้จากการพิจารณาส่งิ ตา่ งๆ มาคดิ หาขอ้ สรปุ 1.5 การจำ� แนกหมวดหมู่ โดยจดั ประสบการณใ์ หเ้ ดก็ นำ� ประสบการณจ์ ากการสงั เกต เปรยี บเทยี บ สรุป แลว้ น�ำมาจัดเป็นหมวดหมูด่ ้วยเกณฑค์ วามแตกต่างหรือความสัมพันธอ์ ยา่ งใดอย่างหนึ่ง 1.6 การอุปมาอุปไมย โดยจัดประสบการณ์ให้เด็กวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงของและ มสธ มสธเร่ืองราวแลว้ ขยายหลกั การนนั้ ออกไปสู่สง่ิ อน่ื ๆ ท่ีมีความสัมพันธ์ในลกั ษณะเดียวกนั 1.7 การเรียงล�ำดับ โดยจัดประสบการณ์ใหเ้ ด็กไดก้ �ำหนดมติ ิและทศิ ทางในการจัดเรียงส่ิงตา่ งๆ 1.8 การคาดคะเน โดยจัดประสบการณ์ให้เด็กพิจารณาข้อมูลหรือเหตุการณ์ที่เกิดแล้วระบุ เหตกุ ารณท์ ม่ี คี วามเปน็ ไปไดท้ ี่จะเกดิ ข้ึนต่อไป 2. ขอบข่ายการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาการคิดแก้ปัญหา มสธการคดิ แกป้ ญั หาของเดก็ ปฐมวยั เปน็ การนำ� ความรแู้ ละประสบการณเ์ ดมิ มาใชใ้ นการคดิ หาวธิ กี าร ทีท่ �ำให้ปญั หาหมดไป (ชาติชาย ปลิ วาสน์ 2544; Santrock, 2003) การจัดประสบการณ์เพือ่ พัฒนาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หาเปน็ สงิ่ ทมี่ คี วามสำ� คญั เปน็ อยา่ งมาก เพราะจะชว่ ยใหเ้ ดก็ สามารถแกป้ ญั หาที่ เผชิญในชีวิตประจ�ำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล้าเผชิญกับปัญหา สามารถด�ำรงชีวิตและปรับตัวอยู่ใน มสธ มสธสังคมท่มี กี ารเปลยี่ นแปลงไดอ้ ย่างสงบสุข ในการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดแก้ปัญหาน้ัน พ่อแม่ ผู้ปกครองและครู จะตอ้ งมคี วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ลกั ษณะการคดิ แกป้ ญั หาของเดก็ ปฐมวยั กอ่ น ซง่ึ เดก็ ในระยะการคดิ กอ่ นปฏบิ ตั กิ าร จะแก้ปัญหาแบบลองถูกลองผิดโดยเปล่ียนวิธีแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ต่อมาเม่ือเด็กมีประสบการณ์ จะน�ำ ประสบการณ์เดิมมาใช้ในการแก้ปัญหา แต่การแก้ปัญหาเป็นไปตามการรับรู้ และมีความจ�ำกัดในการ วางแผนเพอ่ื แกป้ ญั หา (ประไพพรรณ ภมู วิ ฒุ สิ าร, 2555; อารมณ์ สวุ รรณปาล, 2557) ดงั นน้ั จงึ เปน็ หนา้ ท่ี ของพอ่ แม่ ผปู้ กครองและครทู จ่ี ะตอ้ งชว่ ยใหเ้ ดก็ สามารถคดิ แกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยจดั ประสบการณ์ มสธท่ชี ่วยใหเ้ ดก็ สามารถคดิ แกป้ ัญหาได้ โดยมุ่งพัฒนาในเร่ืองต่อไปน้ี

12-16 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรส�ำหรับเดก็ ปฐมวยั 2.1 การรับรู้และระบุปัญหาท่ีพบ โดยจัดประสบการณ์ให้เด็กรับรู้ปัญหาที่พบได้และบอกได้ว่า มสธอะไรคอื ปญั หา 2.2 การคิดหาวิธีการแก้ปัญหา โดยจัดประสบการณ์ให้เด็กได้คิดและเสนอวิธีการแก้ปัญหาที่ สอดคล้องกบั ปัญหาได้หลายๆ แนวทาง 2.3 การเลือกวิธีการแก้ปัญหา โดยจัดประสบการณ์ให้เด็กสามารถเลือกวิธีการแก้ปัญหาและ มสธ มสธสามารถบอกเหตผุ ลในการเลอื กได้ 2.4 การลงมือแก้ปัญหาตามวิธีการท่ีเลือก โดยจดั ประสบการณใ์ หเ้ ดก็ ไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ติ ามวธิ กี าร ท่เี ลอื กไว้ ทงั้ นก้ี ารแกป้ ญั หาของเดก็ ปฐมวยั ในบางสถานการณอ์ าจไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งเกดิ ครบทง้ั 4 ขอ้ เนอื่ งจาก เปน็ สถานการณ์ในการดำ� เนินชวี ติ ประจ�ำวนั ท่ีไม่จ�ำเป็นตอ้ งคดิ หาทางเลอื กทหี่ ลากหลายแลว้ จงึ ตดั สินใจ มสธ3. ขอบข่ายการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ค�ำว่าการคิดอย่างมีวิจารณญาณน้ันตรงค�ำศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “critical thinking” ซ่ึงมี ผแู้ ปลเปน็ ภาษาไทยไวแ้ ตกตา่ งกนั เชน่ การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ การคดิ วจิ ารณญาณ การคดิ เชงิ วพิ ากษ์ วิธีคิดเชิงวิพากษ์ ฯลฯ ในเร่ืองน้ีจะใช้ค�ำว่า “การคิดอย่างมีวิจารณญาณ” หมายถึง การคิดพิจารณา มสธ มสธไตรต่ รองขอ้ มลู อยา่ งรอบดา้ นกอ่ นตดั สนิ ใจวา่ สง่ิ ใดควรเชอ่ื สง่ิ ใดควรทำ� โดยไมด่ ว่ นสรปุ ตดั สนิ ใจ (Ennis, 1991; อุษณีย์ โพธิสุข, 2542) นอกจากนี้ Glalinsky (2010) ยังได้ให้ความหมายเพ่ิมเติมว่าการคิด อยา่ งมวี จิ ารณญาณ เปน็ ความรคู้ ดิ เกยี่ วกบั การคดิ ซงึ่ รวู้ า่ ตนเองรอู้ ะไร ไมร่ อู้ ะไร สามารถสะทอ้ น วเิ คราะห์ ให้เหตุผล วางแผนและประเมินความคิดของตนเองได้ การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้าน การคิดอย่างมีวิจารณญาณจะช่วยให้เด็กสามารถเลือกรับข้อมูลท่ีมีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ ในการดำ� เนินชวี ติ ประจ�ำวัน การคิดอย่างมีวิจารณญาณเป็นสิ่งที่เด็กปฐมวัยสามารถท�ำได้และจ�ำเป็นต้องพัฒนาให้เกิดต้ังแต่ มสธชว่ งปฐมวยั เพราะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณจำ� เปน็ จะตอ้ งมกี ารสะสมประสบการณท์ ลี ะเลก็ ทลี ะนอ้ ยไมใ่ ช่ เกดิ ในระยะเวลาอันสน้ั (ศนั ศนยี ์ ฉัตรคปุ ต์และอษุ า ชชู าต,ิ 2544; Galinsky, 2010) ดังนน้ั จึงเป็นหนา้ ท่ี ของพ่อแม่ ผู้ปกครองและครูที่จะต้องช่วยส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณให้กับเด็กปฐมวัย โดยจัด ประสบการณ์ทมี่ ุง่ พัฒนา ดังนี้ มสธ มสธ3.1 การรับรู้และระบุประเด็นท่ีต้องตัดสินใจ โดยจัดประสบการณ์ให้เด็กสามารถรับรู้และระบุ ประเดน็ หรอื ส่ิงท่จี ะต้องตัดสนิ ใจ 3.2 ความสามารถในการรวบรวมข้อมูล โดยจัดประสบการณ์ให้เด็กรวบรวมข้อมูลท่ีเกี่ยวข้อง กับประเด็นที่ต้องตัดสินใจ ซึ่งในเด็กโตและผู้ใหญ่จะต้องรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อประกอบการ ตดั สนิ ใจ แตใ่ นเดก็ ปฐมวยั ทม่ี ขี อ้ จำ� กดั ทางดา้ นพฒั นาการและวฒุ ภิ าวะ เดก็ มกั จะใชค้ วามรแู้ ละประสบการณเ์ ดมิ มาประกอบการตดั สนิ ใจ แตถ่ า้ หากมโี อกาสกค็ วรใหเ้ ดก็ ไดร้ วบรวมขอ้ มลู เพอ่ื นำ� มาประกอบการตดั สนิ ใจ 3.3 การพิจารณาไตร่ตรองข้อมูลก่อนตัดสินใจ โดยจัดประสบการณ์ให้เด็กได้ไตร่ตรองข้อมูล มสธอย่างรอบด้าน และพจิ ารณาผลทจ่ี ะตามมาประกอบการตดั สนิ ใจ

การจัดประสบการณ์เพ่ือพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านการคิด 12-17 3.4 การตัดสินใจและบอกเหตุผลในการตัดสินใจ เปน็ การใหเ้ ดก็ อธบิ ายขอ้ มลู หรอื เหตผุ ลทใ่ี ชใ้ น มสธการตัดสนิ ใจ สรปุ ได้วา่ ขอบขา่ ยการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านการคิดครอบคลมุ 1) การจัด ประสบการณ์เพ่ือพัฒนาด้านการคิดเชิงเหตุผล ซึ่งเป็นการจัดประสบการณ์เพ่ือส่งเสริมให้เด็กปฐมวัย สามารถคิดหาค�ำตอบท่ีเป็นเหตุและเป็นผล โดยพัฒนาเด็กให้ครอบคลุมการพัฒนาทักษะการคิดที่เป็น มสธ มสธพนื้ ฐานการคดิ เชิงเหตุผล การคิดหาค�ำตอบทเ่ี ปน็ เหตแุ ละเปน็ ผล และการบอกเหตผุ ลในการเลือกหรอื ทำ� ส่ิงต่างๆ ได้ 2) การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาด้านการคิดแก้ปัญหา ซ่ึงเป็นการจัดประสบการณ์เพื่อ สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั สามารถคดิ แกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยพฒั นาการรบั รแู้ ละระบปุ ญั หาทพี่ บ การ เสนอวิธีการแก้ปัญหาท่ีสอดคล้องกับปัญหาได้หลายๆ แนวทาง การเลือกวิธีการแก้ปัญหาและสามารถ บอกเหตุผลในการเลอื กได้ การลงมือปฏบิ ัติตามวิธกี ารที่เลอื กไว้ 3) การจัดประสบการณเ์ พ่ือพฒั นาดา้ น การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ซงึ่ เปน็ การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ คดิ พจิ ารณาไตรต่ รองขอ้ มลู อยา่ ง มสธรอบด้านก่อนตัดสินใจ โดยพัฒนาการรับรู้และระบุประเด็นท่ีต้องตัดสินใจ ความสามารถในการรวบรวม ขอ้ มูล การพิจารณาไตร่ตรองขอ้ มูลก่อนตดั สนิ ใจ การตัดสนิ ใจและบอกเหตุผลในการตัดสินใจ กิจกรรม 12.1.3 มสธ มสธจงบอกขอบขา่ ยของการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หามาพอสงั เขป แนวตอบกิจกรรม 12.1.3 ขอบขา่ ยการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หา เปน็ การจดั ประสบการณ์ เพือ่ สง่ เสริมใหเ้ ด็กปฐมวัยสามารถคิดแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยพัฒนาการรบั รูแ้ ละระบปุ ญั หาท่พี บ เสนอวิธีการแก้ปัญหาที่สอดคล้องกับปัญหาได้หลายๆ แนวทาง เลือกวิธีการแก้ปัญหาและสามารถบอก มสธ มมสสธธ มสธเหตผุ ลในการเลอื กได้ และลงมือปฏบิ ัติตามวธิ ีการท่ีเลอื กไว้

12-18 การจัดการศึกษาและหลกั สตู รส�ำหรบั เด็กปฐมวัย มสธตอนที่ 12.2 การจัดประสบการณ์และส่ือท่ีใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด โปรดอา่ นหวั เรือ่ ง แนวคดิ และวัตถุประสงค์ของตอนท่ี 12.2 แล้วจงึ ศกึ ษารายละเอียดตอ่ ไป มสธ มสธหัวเร่ือง 12.2.1 การจัดประสบการณ์และสื่อที่ใช้ในการพฒั นาเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชงิ เหตผุ ล 12.2.2 การจดั ประสบการณแ์ ละสอ่ื ท่ใี ช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ัญหา 12.2.3 ก ารจัดประสบการณ์และสื่อท่ีใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดอย่างมี วิจารณญาณ มสธแนวคิด 1. การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล เป็นการจัดกิจกรรม ท่ีช่วยฝึกฝนทักษะการคิดท่ีเป็นพื้นฐานการคิดเชิงเหตุผล คิดหาค�ำตอบที่เป็นเหตุและ เปน็ ผลและบอกเหตผุ ลในการเลอื กหรอื ทำ� สง่ิ ตา่ งๆ สามารถทำ� ไดโ้ ดยการปฏบิ ตั กิ จิ วตั ร มสธ มสธประจ�ำวัน การบูรณาการเข้าไปในกิจกรรมหลัก และการจัดกิจกรรมพัฒนาการคิด เชิงเหตุผลโดยเฉพาะ โดยใช้สื่อประกอบการท�ำกิจกรรมท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับ ลกั ษณะกจิ กรรมและวัยของเด็ก 2. ก ารจัดประสบการณเ์ พ่อื พฒั นาเด็กปฐมวัยด้านการคดิ แก้ปญั หา เป็นการจัดกิจกรรมที่ ช่วยฝึกฝนการรับรู้และระบุปัญหาท่ีพบ ความสามารถในการเสนอวิธีการแก้ปัญหาที่ สอดคล้องกับปัญหาได้หลายแนวทาง การเลือกวิธีการแก้ปัญหาและบอกเหตุผลใน มสธการเลอื ก การลงมอื ปฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารทเี่ ลอื กไว้ สามารถทำ� ไดโ้ ดยใชป้ ญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ ใน กจิ วตั รประจำ� วนั การบรู ณาการเขา้ ไปในกจิ กรรมหลกั และการจดั กจิ กรรมพฒั นาการคดิ แก้ปัญหาโดยเฉพาะ โดยใช้สื่อประกอบการท�ำกิจกรรมท่ีหลากหลายเหมาะสมกับ ลักษณะกจิ กรรม 3. ก ารจดั ประสบการณ์เพ่อื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ เปน็ การจัด มสธ มสธกิจกรรมท่ีช่วยฝึกฝนการรับรู้และระบุประเด็นที่ต้องตัดสินใจ การรวบรวมข้อมูล การ พิจารณาไตร่ตรองข้อมูลก่อนตัดสินใจ การตัดสินใจและบอกเหตุผลในการตัดสินใจ สามารถทำ� ไดโ้ ดยการปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำ� วนั การบรู ณาการเขา้ ไปในกจิ กรรมหลกั และ การจดั กจิ กรรมพฒั นาการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณโดยเฉพาะ โดยใชส้ ือ่ ประกอบการทำ� มสธกจิ กรรมทีม่ ีความหลากหลายและเหมาะสมกบั ลักษณะกจิ กรรม

การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเดก็ ปฐมวัยดา้ นการคดิ 12-19 มสธวัตถุประสงค์ เมอ่ื ศกึ ษาตอนที่ 12.2 จบแล้ว นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธบิ ายการจดั ประสบการณเ์ พื่อพฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นการคดิ เชิงเหตผุ ลได้ 2. ยกตวั อย่างสือ่ ทใ่ี ชใ้ นการพัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านการคดิ เชิงเหตุผลได้ มสธ มสธ3. อธิบายการจดั ประสบการณ์เพอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวัยดา้ นการคิดแกป้ ัญหาได้ 4. ยกตัวอยา่ งสอ่ื ท่ใี ชใ้ นการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดแก้ปญั หาได้ 5. อธบิ ายการจดั ประสบการณเ์ พื่อพฒั นาเดก็ ปฐมวัยด้านการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณได้ มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธ6. ยกตวั อยา่ งสือ่ ทีใ่ ชใ้ นการพฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณได้

12-20 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรบั เด็กปฐมวยั มสธความน�ำ การคดิ เปน็ สง่ิ ทคี่ วามสำ� คญั ตอ่ การดำ� รงชวี ติ ของมนษุ ยเ์ ปน็ อยา่ งมาก ถา้ หากเดก็ ไดร้ บั การพฒั นา ใหเ้ ป็นคนคดิ เปน็ เดก็ จะสามารถคดิ ไดอ้ ย่างเปน็ เหตเุ ปน็ ผล สามารถเรียนรู้สง่ิ ต่างๆ ได้ดี สามารถปฏิบัติ มสธ มสธกิจกรรมในชีวิตประจ�ำวันได้อย่างราบร่ืน สามารถใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม สามารถ ตัดสินใจเลือกส่ิงที่ดีที่สุดได้ ดังนั้นพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูจึงควรพัฒนาการคิดให้กับเด็กต้ังแต่ปฐมวัย เพ่ือเปน็ พนื้ ฐานของการคดิ ในวยั ตอ่ ไป การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาด้านการคิดนั้นแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะใหญ่ๆ คือ การจัด ประสบการณ์ผ่านการปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาการคิดควบคู่ไปกับเนื้อหา ในหลักสูตรโดยบูรณาการในการทำ� กิจกรรมหลัก เชน่ กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมเกมการศกึ ษา มสธกจิ กรรมสรา้ งสรรค์ ฯลฯ และการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื มงุ่ พฒั นาการคดิ ซงึ่ เปน็ กจิ กรรมทมี่ จี ดุ มงุ่ หมายเฉพาะ ด้าน ในการจัดประสบการณ์และสื่อท่ีใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดที่จะกล่าวต่อไปน้ี จะเน้น บทบาทหน้าที่ของครูเป็นส�ำคัญ แต่เป็นกิจกรรมท่ีพ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถน�ำไปปรับใช้ในการพัฒนา มสธ มสธการคิดให้กับเด็กได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามพ่อแม่ ผู้ปกครอง เป็นผู้ที่มีบทบาทสำ� คัญในการพัฒนาการคิด ใหแ้ กเ่ ดก็ ผา่ นการอบรมเลย้ี งดู ซงึ่ รปู แบบการอบรมเลย้ี งดทู เี่ หมาะสม คอื การอบรมเลยี้ งดแู บบดแู ลเอาใจใส่ (Authoritative Parenting Style) ท่ีพ่อแม่ ผู้ปกครอง เล้ียงดูเด็กโดยใช้เหตุผล ให้ความรักและ ความอบอุ่นแก่เด็ก มีความยืดหยุ่น ให้อิสระแก่เด็กอย่างเหมาะสมกับวัย เปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วม มสธ มมสสธธ มสธในการแสดงความคดิ เหน็ และตดั สนิ ใจในเรอื่ งตา่ งๆ และเคารพตอ่ การตดั สนิ ใจของเดก็ (Baumrind, 1971)

การจัดประสบการณเ์ พื่อพฒั นาเด็กปฐมวัยดา้ นการคิด 12-21 มสธเรื่องที่ 12.2.1 การจัดประสบการณ์และส่ือท่ีใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านการคิดเชิงเหตุผล มสธ มสธการคิดเชิงเหตุผล เป็นการคิดท่ีมีความจ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิตประจ�ำวัน ช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึง ความรู้และเรยี นรู้สงิ่ ตา่ งๆ และเป็นพ้ืนฐานในการคดิ ขัน้ สงู ในการจัดประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเดก็ ปฐมวัย ดา้ นการคิดเชงิ เหตผุ ล มีจุดมุ่งหมายทส่ี ำ� คญั ดังน้ี 1. เพื่อใหเ้ ดก็ ไดพ้ ัฒนาทกั ษะการคิดทเี่ ปน็ พ้นื ฐานการคิดเชิงเหตุผล 2. เพ่ือใหเ้ ด็กสามารถคิดหาค�ำตอบท่เี ปน็ เหตุและเป็นผล มสธ3. เพือ่ ใหเ้ ดก็ สามารถบอกเหตุผลในการเลอื กหรอื ท�ำส่งิ ตา่ งๆ ในการจัดประสบการณเ์ พ่ือพฒั นาการคิดเชิงเหตผุ ล ครูเปน็ ผ้ทู ม่ี บี ทบาทส�ำคัญในการพฒั นาการ คิดเชิงเหตุผลให้กับเด็ก โดยจัดประสบการณ์และการใช้ส่ือเพ่ือส่งเสริมเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล ใหบ้ รรลจุ ดุ มงุ่ หมายดงั กลา่ ว สามารถกระทำ� ได้ 3 ลกั ษณะ คอื การปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำ� วนั การบรู ณาการ มสธ มสธเขา้ ไปในกจิ กรรมหลัก และการจดั กิจกรรมเพื่อพฒั นาการคดิ เชงิ เหตุผลโดยเฉพาะ ซง่ึ มีรายละเอยี ดดังนี้ 1. การปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน ครูสามารถสอดแทรกการพัฒนาการคิดเชิงเหตุผลให้กับเด็กปฐมวัยโดยสนทนาพูดคุยและต้ัง ค�ำถามเพ่ือกระตุ้นให้เด็กคิดถึงความเป็นเหตุเป็นผลในขณะที่เด็กปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน เช่น ในขณะ รบั ประทานอาหาร ครสู นทนากบั เดก็ ถงึ เหตผุ ลทตี่ อ้ งลา้ งมอื กอ่ นรบั ประทานอาหาร และผลทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ หาก มสธไม่ล้างมือกอ่ นรบั ประทานอาหาร หรอื ในการเก็บของใช้เข้าท่ี ครูสนทนากบั เดก็ ถึงเหตผุ ลท่ีต้องน�ำของใช้ เกบ็ เขา้ ที่ และผลทจี่ ะเกดิ ขน้ึ หากไมเ่ กบ็ รองเทา้ เขา้ ที่ ฯลฯ ในขณะทสี่ นทนาครตู อ้ งรบั ฟงั สงิ่ ทเี่ ดก็ พดู อยา่ ง ตง้ั ใจ ไมต่ ัดสนิ หรอื ต�ำหนิความคิดของเด็ก เพื่อใหเ้ ดก็ รสู้ กึ สบายใจ กล้าทีจ่ ะคดิ และแสดงความคดิ เห็น สอื่ ทใี่ ชใ้ นการสง่ เสรมิ เดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ เชงิ เหตผุ ล คอื เหตกุ ารณแ์ ละสงิ่ ของเครอื่ งใชท้ อี่ ยใู่ น ชวี ติ ประจำ� วนั เชน่ อา่ งลา้ งมอื สบ/ู่ เจลลา้ งมอื ผา้ เชด็ มอื รองเทา้ ปา้ ยสญั ลกั ษณป์ ระจำ� ตวั ชนั้ วางรองเทา้ มสธ มสธฯลฯ 2. การบูรณาการเข้าไปในกิจกรรมหลัก ครูสามารถบูรณาการการคดิ เชงิ เหตุผลเขา้ ไปในกิจกรรมหลกั ทัง้ 6 กิจกรรม ซง่ึ ได้แก่ กิจกรรม เคลอื่ นไหวและจงั หวะ กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ กจิ กรรมเสรี กจิ กรรมกลางแจง้ และ มสธกิจกรรมเกมการศึกษา ในท่ีน้ีขอยกตวั อยา่ ง 2 กิจกรรมหลกั ดงั นี้

12-22 การจดั การศึกษาและหลักสตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวยั 2.1 การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ ครูสามารถจัดประสบการณ์ไดด้ ังนี้ มสธ2.1.1 การลงมือปฏิบัติ ครจู ดั กจิ กรรมใหเ้ ดก็ ไดส้ ำ� รวจ ทดลอง และหาคำ� ตอบผา่ นประสบ- การณ์ตรง โดยใชส้ ่อื ที่เป็นของจริงและส่ิงท่อี ยู่รอบตัวเด็ก เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ได้ฝึกการรับรู้ผา่ นประสาทสมั ผสั ทงั้ 5 ได้สังเกต เปรียบเทียบ จ�ำแนก คาดคะเน เช่น การสอนหน่วยผลไม้ โดยน�ำผลไม้จริงมาให้เด็กดู สัมผัสผิว ดมกล่ิน ชิมรสชาติ และบันทึกข้อมูลจากการสังเกต ซ่ึงจะช่วยให้เด็กเข้าใจคุณลักษณะของ มสธ มสธสิ่งต่างๆ ได้ดีและมปี ระเด็นในการคดิ อธบิ ายเหตผุ ลไดม้ ากขึน้ 2.1.2 การสนทนากับเด็ก ครูสนทนาพูดคุยและแลกเปลยี่ นความคิดเหน็ กับเด็ก ใชค้ �ำถาม กระตนุ้ ใหเ้ ดก็ หาคำ� ตอบพรอ้ มทง้ั ใหเ้ หตผุ ลประกอบ เชน่ ในหนว่ ยอาหารดมี ปี ระโยชน์ ใหเ้ ดก็ เปรยี บเทยี บ ประโยชน์และโทษของผลไมส้ ดกับผลไม้ดอง แล้วให้เด็กเลือกวา่ ควรรบั ประทานอะไร เพราะเหตุใด ฯลฯ ทั้งน้ีในการสนทนากับเด็ก ครูควรรับฟังอย่างตั้งใจและให้ความส�ำคัญกับการให้เหตุผลของเด็กมากกว่า การมุ่งที่ค�ำตอบ นอกจากน้ีครูจะต้องสอดแทรกค�ำศัพท์ที่เด็กควรรู้ เพ่ือให้เด็กมีค�ำศัพท์ท่ีเพียงพอใน มสธการคิดและเชอื่ มโยงเหตผุ ล เช่น ถนอมอาหาร เครื่องปรุง อาหารสำ� เร็จรูป ผงชรู ส สารกนั บดู ฯลฯ 2.1.3 การเลา่ นทิ าน ครสู ามารถใชห้ นงั สอื นทิ านเพอื่ สรา้ งทกั ษะทนี่ ำ� ไปสกู่ ารคดิ เหตผุ ล โดย ให้เด็กคาดเดาเรื่องราวในนิทานจากการดูหน้าปกและให้เด็กบอกเหตุผลที่คาดเดาเช่นน้ัน ให้เด็กคาดเดา นสิ ยั ของตวั ละครในนทิ านจากรปู รา่ งลกั ษณะพรอ้ มทง้ั บอกเหตผุ ล สนทนากบั เดก็ เกย่ี วกบั เนอ้ื หาในนทิ าน พร้อมทัง้ ใหเ้ หตผุ ลประกอบ เช่น ท�ำไมกระตา่ ยจึงแพเ้ ต่า ทำ� ไมหนจู งึ กัดบว่ งใหร้ าชสหี ์ ฯลฯ มสธ มสธ2.1.4 การท�ำกิจกรรมกลุ่ม ครูจัดกิจกรรมให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพ่ือน ให้เด็กได้ท�ำ กจิ กรรมรว่ มกนั ไดร้ บั ผดิ ชอบงานทม่ี อบหมายดว้ ยกนั เดก็ จะไดม้ โี อกาสพดู คยุ และแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ซง่ึ กนั และกนั ไดร้ บั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื ไดท้ บทวนความคดิ ของตนเองและไดข้ ยายประสบการณด์ า้ น การคิดทำ� ใหเ้ ด็กคดิ ได้อย่างเป็นเหตเุ ปน็ ผลมากข้ึน ส่ือที่ใชใ้ นการสง่ เสริมเดก็ ปฐมวัยดา้ นการคิดเชิงเหตผุ ล คือ สอ่ื ท่ใี ชใ้ นการจดั กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ ซงึ่ ควรเปน็ ของจรงิ สถานทีจ่ รงิ บุคคลจรงิ หนงั สอื นิทาน มสธ2.2 เกมการศึกษา เป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมการคิดเชิงเหตุผลให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี เพราะ เปน็ กจิ กรรมทชี่ ว่ ยใหเ้ ดก็ รจู้ กั การสงั เกตลกั ษณะของสงิ่ ตา่ งๆ ไดพ้ ฒั นาทกั ษะการเปรยี บเทยี บ การจำ� แนก หมวดหมู่ การอปุ มาอุปไมย การเรียงลำ� ดับ การคาดคะเน ซึ่งเปน็ พืน้ ฐานที่สำ� คัญของการคิดเชิงเหตุผล ซงึ่ ครสู ามารถจดั ประสบการณไ์ ดโ้ ดยใหเ้ ดก็ เลน่ เกมการศกึ ษาทหี่ ลากหลาย เชน่ เกมจบั คู่ เกมแยกประเภท โดมโิ น ภาพตดั ตอ่ เกมจบั คแู่ บบตารางสมั พนั ธ์ ฯลฯ เพอื่ พฒั นาทกั ษะทเ่ี ปน็ พน้ื ฐานของการคดิ เชงิ เหตผุ ล มสธ มสธและซกั ถามเหตผุ ลทเ่ี ดก็ ใชใ้ นการเลน่ เชน่ ทำ� ไมหนเู อาภาพตดั ตอ่ ชนิ้ นไ้ี วต้ รงนี้ ทำ� ไมหนจู งึ เรยี งลำ� ดบั เชน่ นี้ ทำ� ไมหนจู ึงจับคู่ภาพ 2 ภาพนี้ ทำ� ไมหนูจงึ จดั กลมุ่ แบบนี้ ฯลฯ นอกจากนีค้ รคู วรพูดสิ่งที่กำ� ลังคดิ ใหเ้ ด็ก ไดย้ ิน เช่น ครูเลอื กภาพตัดตอ่ ชน้ิ นีไ้ วท้ ีม่ มุ เพราะว่ามีดา้ นเรียบ 2 ด้าน ครจู ับคู่ 2 ภาพนเ้ี พราะเปน็ ของที่ ใช้ค่กู ัน ครเู ลอื กภาพนีม้ าต่อเพราะเป็นผลไมเ้ หมือนกนั ฯลฯ ส่ือท่ีใช้ในการส่งเสริมเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล คือ เกมการศึกษาที่ช่วยส่งเสริมการคิด เชงิ เหตุผล (Kolumbus, 1979 อ้างถึงในเยาวพา เดชะคุปต,์ 2542; สำ� นักงานคณะกรรมการการประถม มสธศึกษาแห่งชาต,ิ 2540; ส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน, 2547) ดงั นี้

การจัดประสบการณ์เพ่ือพฒั นาเดก็ ปฐมวัยดา้ นการคดิ 12-23 2.2.1 เกมจับคู่ เชน่ เกมจบั คู่ภาพทม่ี ีความสัมพันธ์กนั เกมจบั คู่ภาพสัมพนั ธแ์ บบตรงข้าม มสธเกมจับค่ภู าพท่มี คี วามสมั พนั ธ์กนั แบบอุปมาอปุ มยั เกมจับค่สู ง่ิ ท่ใี ชค้ ่กู ัน ฯลฯ มสธ มสธ มสธภาพที่12.1 ตัวอย่างเกมจับคู่ภาพ 2.2.2 เกมภาพตัดต่อ เช่น ภาพตดั ต่อทีส่ ัมพันธ์กบั หนว่ ยการเรยี นรู้ ฯลฯ มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธภาพที่12.2ตัวอย่างเกมภาพตัดต่อ

12-24 การจดั การศกึ ษาและหลกั สตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย 2.2.3 เกมวางภาพต่อปลายหรือโดมิโน เชน่ เกมโดมโิ นภาพสัมพันธ์ ฯลฯ มสธ มมสสธธ มสธภาพที่12.3ตัวอย่างเกมโดมิโน มสธ มสธ2.2.4 เกมการเรียงล�ำดับ เช่น เกมเรียงล�ำดบั ขนาด เกมเรียงล�ำดบั ภาพเหตุการณ์ ฯลฯ มสธ มมสสธธ มสธภาพที่12.4ตัวอย่างเกมเรียงลำ�ดับ

การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พัฒนาเดก็ ปฐมวยั ด้านการคิด 12-25 2.2.5 เกมจัดหมวดหมู่ เชน่ เกมจดั หมวดหม่ตู ามรปู รา่ ง สี ขนาด ประเภท ฯลฯ มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธภาพที่12.5ตัวอย่างเกมการจัดหมวดหมู่ 2.2.6 เกมจับคู่แบบตารางสัมพันธ์ มสธ มมสสธธ มสธภาพที่12.6ตัวอย่างเกมจับคู่แบบตารางสัมพันธ์

12-26 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รส�ำหรบั เดก็ ปฐมวยั 3. การจัดกิจกรรมพัฒนาการคิดเชิงเหตุผลโดยเฉพาะ มสธการจดั กจิ กรรมทม่ี งุ่ พฒั นาการคดิ เชงิ เหตผุ ลโดยเฉพาะจะชว่ ยใหค้ รสู ามารถจดั ประสบการณต์ าม วตั ถปุ ระสงค์ทก่ี ำ� หนดไวไ้ ดอ้ ย่างครอบคลมุ ในที่น้ขี อยกตัวอยา่ ง 2 กจิ กรรม ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดังน้ี 3.1 กจิ กรรม “เหมอื นอยา่ งไร ตา่ งตรงไหน” เปน็ กจิ กรรมทมี่ งุ่ ใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ และบอกเหตผุ ลในการทำ� สง่ิ นน้ั ได้ โดยครกู ระตนุ้ ใหเ้ ดก็ สงั เกตลกั ษณะสง่ิ ของทเ่ี ลอื กมาจากในกลอ่ ง 2 ชน้ิ มสธ มสธแลว้ ใหเ้ ดก็ เปรียบเทยี บความเหมือนและความแตกตา่ งของสง่ิ ของน้นั จุดประสงค์ เดก็ สามารถ 1) บอกความเหมือนของสิง่ ของได้ 2) บอกความแตกตา่ งของสิง่ ของได้ 3) บอกเหตผุ ลในการเลอื กสง่ิ ของได้ การด�ำเนินกิจกรรม มสธ1) สนทนากบั เดก็ เกย่ี วกบั ลกั ษณะของสงิ่ ของทอ่ี ยใู่ นกลอ่ ง (เสอ้ื ผา้ พนั คอ ไมบ้ ลอ็ ก ตวั ตอ่ พลาสติก ตกุ๊ ตาท�ำจากผา้ ลูกบอล ยางลบ ปากกา ดนิ สอ ไมบ้ รรทัดพลาสตกิ กลอ่ งนม ส้ม) 2) อธบิ ายวิธีการเล่น ซ่งึ ให้เดก็ ผลดั กนั ออกมาหยบิ สิง่ ของในกล่องข้นึ มา 2 ชิน้ แลว้ บอก ความเหมือนและความแตกต่างส่ิงของ 2 ชนิ้ นัน้ และบอกเหตผุ ลทเ่ี ลือกสิ่งของน้ัน 3) ใหเ้ ดก็ ออกมาหยบิ สงิ่ ของในกลอ่ งทลี ะคน เมอื่ ทำ� กจิ กรรมเสรจ็ แลว้ ใหห้ ยบิ สง่ิ ของทเี่ ลอื ก มสธ มสธคืนใส่กล่อง หากเด็กเลือกส่ิงของและตอบค�ำถามซ้ําๆ กัน ให้ครูถามเพื่อกระตุ้นให้เด็กใช้เกณฑ์ในการ เปรยี บเทียบที่หลากหลายข้นึ เช่น นอกจากของ 2 ชิน้ นี้ จะมรี ูปร่างเหมอื นกนั แล้ว ยงั มอี ะไรทเ่ี หมอื นกัน อีก ฯลฯ 4) ใหเ้ ด็กช่วยกันสรปุ เหตุผลท่ีเลือกส่ิงของ และความเหมอื นและต่างของสง่ิ ของ ส่ือ กลอ่ ง เสอ้ื ผา้ พันคอ ไมบ้ ล็อก ตัวตอ่ พลาสตกิ ตกุ๊ ตาทำ� จากผา้ ลูกบอล ยางลบ ปากกา มสธดินสอ ไม้บรรทดั พลาสตกิ กล่องนม สม้ การประเมิน 1) การสังเกต 2) การตอบค�ำถาม 3.2 กิจกรรม “มาจัดกระดุมกันเถอะ” เปน็ กจิ กรรมทมี่ งุ่ ใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ ทกั ษะการจำ� แนกหมวดหมู่ มสธ มสธโดยครูกระตุ้นให้เด็กสังเกตลักษณะของกระดุมที่อยู่ในกล่อง แล้วให้จ�ำแนกหมวดหมู่กระดุมตามเกณฑ์ท่ี คดิ ข้นึ จุดประสงค์ เดก็ สามารถ 1) แบง่ กลุ่มกระดุมตามเกณฑท์ ่คี ดิ ได้ มสธ2) บอกเหตผุ ลในการแบ่งกลมุ่ ได้

การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยดา้ นการคดิ 12-27 การด�ำเนินกิจกรรม มสธ1) สนทนากบั เดก็ เกย่ี วกบั ลกั ษณะของกระดมุ ทอ่ี ยใู่ นกลอ่ ง (กระดมุ หลายสี หลายลกั ษณะ หลายขนาด และทำ� จากวัสดทุ แี่ ตกต่างกนั ) 2) อธบิ ายวธิ กี ารเล่น ซึ่งใหเ้ ด็กจ�ำแนกหมวดหม่กู ระดมุ ตามเกณฑ์ท่ีเด็กกำ� หนดขึ้นเอง 3) แบง่ กลมุ่ เด็ก กลมุ่ ละ 5 คน นง่ั ล้อมรอบโต๊ะญปี่ นุ่ แล้วให้เดก็ ชว่ ยกันจำ� แนกหมวดหมู่ มสธ มสธกระดุมตามเกณฑท์ ่สี มาชิกในกลุ่มชว่ ยกนั คดิ 4) ให้เดก็ บอกเหตุผลท่ใี ชใ้ นการจ�ำแนกหมวดหม่กู ระดมุ ใหฟ้ ัง จนครบทุกกลุม่ 5) ใหเ้ ด็กช่วยกนั สรปุ เหตุผลทใ่ี ชใ้ นการจ�ำแนกหมวดหมู่กระดุม สื่อ กลอ่ ง กระดุมหลายสี หลายขนาด ท�ำจากวัสดุท่แี ตกตา่ งกนั การประเมิน มสธ1) การสงั เกต 2) การตอบค�ำถาม สรุปได้ว่าการจัดประสบการณ์ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล เป็นสิ่งท่ีต้องให้ ความส�ำคัญเน่ืองจากส่งผลต่อการเรยี นร้แู ละเป็นพืน้ ฐานของการคิดในระดับสงู ตอ่ ไป การจดั กจิ กรรมและ ประสบการณส์ ามารถทำ� ไดห้ ลายวธิ ี คอื 1) การสอดแทรกผา่ นการปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำ� วนั เชน่ การลา้ งมอื มสธ มสธการเกบ็ ของใชส้ ว่ นตวั ฯลฯ 2) การบรู ณาการเขา้ ไปในการทำ� กจิ กรรมหลกั เชน่ กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ เกมการศกึ ษา ฯลฯ 3) การจดั กจิ กรรมพฒั นาการคดิ เชงิ เหตผุ ลโดยเฉพาะ เชน่ กจิ กรรม “เหมอื นอยา่ งไร ต่างกันตรงไหน” กิจกรรม “มาจัดกระดุมกันเถอะ” ฯลฯ ส่ือท่ีใช้ในการจัดประสบการณ์ เช่น ส่ือท่ีเป็น ของจรงิ สถานทจ่ี รงิ สง่ิ ทพ่ี บเหน็ ในชวี ติ ประจำ� วนั หนงั สอื นทิ าน เกมการศกึ ษา สอ่ื ทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรม โดยเฉพาะ (เชน่ กลอ่ ง เสื้อ ผา้ พันคอ ไมบ้ ลอ็ ก ลกู บอล) ฯลฯ มสธกิจกรรม 12.2.1 จงยกตัวอยา่ งการจดั ประสบการณเ์ พ่ือพัฒนาเดก็ ปฐมวัยดา้ นคดิ เชงิ เหตุผล แนวตอบกิจกรรม 12.2.1 มสธ มสธการจัดประสบการณ์ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล โดยสอดแทรกการคิด เชิงเหตุผลผ่านการปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน เช่น การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร การเก็บของใช้เข้าที่ ฯลฯ การจดั ประสบการณโ์ ดยการบรู ณาการเขา้ ไปในกจิ กรรมหลกั เชน่ การจดั กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ กิจกรรมสร้างสรรค์ ฯลฯ และการจัดกิจกรรมพัฒนาการคิดเชิงเหตุผลโดยเฉพาะ เช่น “เหมือนอย่างไร มสธตา่ งกนั ตรงไหน” กจิ กรรม “มาจดั กระดุมกันเถอะ” ฯลฯ

12-28 การจัดการศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำหรับเดก็ ปฐมวัย มสธเรื่องที่ 12.2.2 การจัดประสบการณ์และส่ือท่ีใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านการคิดแก้ปัญหา มสธ มสธการคดิ แก้ปัญหา เปน็ การน�ำความร้แู ละประสบการณ์เดิมมาใช้ในการคดิ หาวิธกี ารท่ีทำ� ให้ปัญหา หมดไป ในการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดแก้ปัญหานั้น นอกจากจะช่วยให้เด็ก แกป้ ัญหาไดแ้ ลว้ ยังช่วยลดความกลวั ในการเผชิญปัญหา สามารถน�ำสิ่งทีไ่ ดเ้ รยี นรไู้ ปใช้ในการแก้ปัญหา อย่างมปี ระสิทธิภาพ และด�ำรงชีวิตได้อยา่ งมีความสุข ในการจดั ประสบการณเ์ พ่ือพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ดา้ น การคิดแก้ปญั หา มจี ุดมุ่งหมายทสี่ �ำคญั ดงั นี้ มสธ1. เพื่อใหเ้ ดก็ รับรแู้ ละระบปุ ญั หาทพี่ บได้ 2. เพื่อใหเ้ ด็กสามารถเสนอวธิ กี ารแก้ปัญหาไดห้ ลายแนวทาง 3. เพือ่ ให้เด็กสามารถเลอื กวธิ กี ารแก้ปญั หาและสามารถบอกเหตุผลในการเลอื กได้ 4. เพอ่ื ให้เดก็ ได้ลงมือปฏบิ ัตติ ามวิธกี ารที่เลอื กไว้ การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อ่ื เพอ่ื สง่ เสรมิ เดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หา ใหบ้ รรลจุ ดุ มงุ่ หมาย มสธ มสธนั้น ครูสามารถจัดประสบการณ์และใช้ส่ือเพ่ือส่งเสริมเด็กปฐมวัยได้ 3 ลักษณะ คือ ปัญหาท่ีเกิดขึ้นใน กิจวัตรประจ�ำวัน การบูรณาการเข้าไปในกิจกรรมหลัก และการจัดกิจกรรมพัฒนาการคิดแก้ปัญหาโดย เฉพาะ ท้ังน้ีในการพัฒนาการคิดแก้ปัญหาที่พบในกิจวัตรประจ�ำวัน และการบูรณาการในกิจกรรมหลัก น้ันจะพัฒนาเด็กตามจุดมุ่งหมายได้เพียงบางข้อ แต่ในการจัดกิจกรรมพัฒนาการคิดแก้ปัญหาโดยเฉพาะ จะพัฒนาครบทกุ จดุ ประสงค์ โดยมีรายละเอยี ดดังน้ี มสธ1. ปัญหาท่ีเกิดขึ้นในกิจวัตรประจ�ำวัน การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาการคิดแก้ปัญหาในชีวิตประจ�ำวันมีความแตกต่างจากการจัด ประสบการณ์เพ่ือพัฒนาการคิดเชิงเหตุผล เน่ืองจากปัญหาในชีวิตประจ�ำวันเป็นส่ิงท่ีไม่สามารถก�ำหนด ล่วงหน้าได้ แต่เม่ือเกิดเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาข้ึน ครูจะต้องมีบทบาทส�ำคัญในการพัฒนาให้เด็กมีความ สามารถในการคิดแก้ปัญหาดงั กล่าว ซึ่งครสู ามารถกระท�ำได้ 2 ลักษณะ คือ มสธ มสธ1.1 ครูเป็นผู้สังเกต ปล่อยให้เด็กแก้ไขปัญหาด้วยตนเองโดยไม่เข้าไปแทรกแซงโดยไม่จ�ำเป็น ยกเว้นในกรณีที่เด็กอาจจะเกิดอันตราย เช่น แก้วแตก พื้นลื่น ฯลฯ ครูจึงเข้าไปช่วยเหลือ ถ้าหากเด็ก ขอความช่วยเหลือ ให้ครูตั้งค�ำถามเพื่อกระตุ้นให้เด็กคิดหาทางแก้ปัญหาด้วยตนเองก่อน เช่น หนูคิดว่า ควรจะท�ำอยา่ งไร เพื่อไม่ใหน้ ้ําท่ีหกไหลไปไกล หนคู ดิ ว่าวัสดอุ ะไรจะชว่ ยดูดซับนา้ํ ได้ดี ฯลฯ 1.2 ครูน�ำปัญหาท่ีพบเจอในชีวิตประจ�ำวันมาสนทนาพูดคุยกับเด็กและฝึกคิดหาทางแก้ปัญหา พร้อมท้ังบอกเหตุผลที่เลือกใช้ในการแก้ปัญหา เช่น ถ้าหนูท�ำช้อนตกพ้ืน หนูจะท�ำอย่างไร ถ้าหนูฟังครู มสธเลา่ นทิ านแลว้ มเี พอื่ นมานง่ั บงั หนจู ะทำ� อยา่ งไร ฯลฯ ทงั้ นใ้ี นการสนทนากบั เดก็ นน้ั ครตู อ้ งสรา้ งบรรยากาศ

การจดั ประสบการณ์เพ่อื พัฒนาเด็กปฐมวยั ดา้ นการคดิ 12-29 ทด่ี ี มคี วามอบอนุ่ มนั่ คง ปลอดภยั เปน็ กนั เอง ใหก้ ารยอมรบั เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดแ้ สดงความคดิ เหน็ และ มสธรบั ฟัง หลกี เลยี่ งปจั จัยท่ีเป็นอปุ สรรคต่อการคิด เช่น การบังคบั การตำ� หนิ การตัดสินเด็ก ฯลฯ สอื่ ทใ่ี ชใ้ นการสง่ เสรมิ เดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หา คอื เหตกุ ารณห์ รอื เรอ่ื งราวทเี่ กดิ ขน้ึ ในชวี ติ ประจำ� วัน มสธ มสธ2. การบูรณาการเข้าไปในกิจกรรมหลัก ครูสามารถบูรณาการการคิดแก้ปัญหาเข้าไปในการจัดกิจกรรมหลักได้ทุกกิจกรรม ในท่ีน้ีขอยก ตวั อยา่ ง 2 กจิ กรรมหลกั ดังนี้ 2.1 การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ ครสู ามารถจัดกจิ กรรมที่ช่วยพฒั นาการคดิ แกป้ ญั หาให้ กบั เดก็ ไดห้ ลากหลายกจิ กรรม ในทนี่ จ้ี ะยกตวั อยา่ งกจิ กรรมประกอบอาหารซง่ึ เดก็ จะไดฝ้ กึ การคดิ แกป้ ญั หา ในสถานการณจ์ รงิ ไดล้ งมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ และใชว้ สั ดอุ ปุ กรณท์ เ่ี ปน็ ของจรงิ ครจู ดั กจิ กรรมใหเ้ ดก็ คดิ แกป้ ญั หา มสธในขณะลงมือประกอบอาหารโดยก�ำหนดสถานการณ์ เช่น ถ้าอุปกรณ์ในการท�ำอาหารไม่ครบ หนูจะท�ำ อยา่ งไร ถา้ สว่ นผสมในการทำ� ขนมไมพ่ อ หนจู ะทำ� อยา่ งไร ถา้ ขนมแขง็ หรอื นมิ่ เกนิ ไป หนจู ะทำ� อยา่ งไร ถา้ ขนม มจี ำ� นวนชน้ิ นอ้ ยกวา่ จำ� นวนเดก็ ๆ หนจู ะแบง่ ขนมอยา่ งไรใหท้ กุ คนไดร้ บั ประทานในปรมิ าณเทา่ ๆ กนั ฯลฯ ส่ือที่ใช้ในการส่งเสริมเด็กปฐมวัยด้านการคิดแก้ปัญหา เช่น วัสดุอุปกรณ์และส่วนผสมในการ มสธ มสธประกอบอาหาร ขนม สอ่ื ประเภทต่างๆ ฯลฯ 2.2 กิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ ครูสามารถจัดประสบการณ์เคล่ือนไหวและจังหวะเพ่ือ พัฒนาการคดิ แกป้ ัญหาให้กับเด็กได้ โดยจัดกจิ กรรมเคลอ่ื นไหวประกอบอปุ กรณโ์ ดยกำ� หนดเงอ่ื นไข เชน่ ใหเ้ ด็กถือเชือก 1 เส้นแล้วเคลอ่ื นไหวไปรอบห้องอย่างอสิ ระโดยไม่ใหเ้ ชือกแตะพืน้ ท้งั ขณะทวี่ ิง่ และขณะที่ หยดุ เมอื่ ไดย้ นิ สญั ญาณ ใหเ้ ดก็ เคลอื่ นไหวโดยถอื รบิ บนิ้ ดว้ ยมอื ขา้ งใดขา้ งหนง่ึ โดยไมใ่ หร้ บิ บนิ้ สมั ผสั อวยั วะ สว่ นอ่ืนๆ ของรา่ งกาย นอกจากมอื ให้เด็กเคลอื่ นไหวไปรอบหอ้ งพร้อมกบั ลกู บอลโดยไมใ่ ช้มอื จับลกู บอล และเปลย่ี นอวยั วะทกุ ครงั้ หลงั จากหยดุ เมอื่ ไดย้ นิ สญั ญาณ ฯลฯ ในขณะทเ่ี ดก็ ทำ� กจิ กรรม ครคู วรใชค้ ำ� ถาม มสธกระตนุ้ ใหเ้ ดก็ คดิ หาวธิ กี ารเคลอ่ื นไหวไดต้ ามเงอื่ นไขทก่ี ำ� หนดไดห้ ลากหลายขน้ึ เชน่ หนคู ดิ วา่ จะสามารถใช้ อวยั วะสว่ นใดในการพาลกู บอลใหเ้ คลอ่ื นทไ่ี ดน้ อกจากมอื ฯลฯ นอกจากนคี้ รอู าจสาธติ ใหเ้ ดก็ ดู หรอื พดู สง่ิ ท่ี ครกู ำ� ลงั คดิ ให้เด็กได้ยิน เช่น ครูจะคิดท่าที่ท�ำให้ริบบ้ินห่างจากตัวมากที่สุด ริบบ้ินจะได้ไปไม่ถูกอวัยวะ ส่วนอน่ื ฯลฯ มสธ มสธส่อื ที่ใชใ้ นการส่งเสรมิ เด็กปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ัญหา เชน่ เครอื่ งเลน่ ซีดี ซีดเี พลง เคร่อื งเคาะ จงั หวะ เชน่ ฉง่ิ แทมโพลนี ฯลฯ อปุ กรณต์ า่ งๆ ทใ่ี ชป้ ระกอบการเคลอ่ื นไหว เชน่ เชอื ก ไม้ รบิ บน้ิ ลกู บอล กระดาษ หว่ งพลาสตกิ ฯลฯ 3. การจัดกิจกรรมพัฒนาการคิดแก้ปัญหาโดยเฉพาะ ครูสามารถส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยคิดแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม โดยพัฒนาให้เด็กรับรู้และระบุ มสธปัญหาที่พบได้ สามารถเสนอวิธีการแก้ปัญหาได้หลายๆ แนวทาง สามารถเลือกวิธีการแก้ปัญหาและ สามารถบอกเหตผุ ลในการเลือกได้ และสามารถลงมอื ปฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารทีเ่ ลือกไว้ ในท่นี ีข้ อยกตวั อย่าง 2

12-30 การจัดการศึกษาและหลักสูตรส�ำหรับเด็กปฐมวยั กจิ กรรม คอื การใชส้ ถานการณ์ และนทิ าน ซง่ึ ดดั แปลงจากงานวจิ ยั ของนาํ้ ฝน ปยิ ะ (2543) ดงั รายละเอยี ด มสธตอ่ ไปนี้ 3.1 สถานการณ์: หยิบพวงกุญแจท่ีหล่นอยู่ข้างหลังตู้ เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งให้เด็กได้ฝึกการแก้ ปญั หาผา่ นการลงมือปฏบิ ตั ติ ามสถานการณ์ที่กำ� หนด จุดประสงค์ มสธ มสธ1) เพ่อื ให้เด็กรับรูแ้ ละระบปุ ญั หาทพี่ บได้ 2) เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถเสนอวธิ ีการแก้ปัญหาไดห้ ลายๆ แนวทาง 3) เพอ่ื ให้เด็กสามารถเลอื กวธิ ีการแกป้ ญั หาและสามารถบอกเหตผุ ลในการเลอื กได้ 4) เพอ่ื ให้เดก็ ไดล้ งมือปฏิบตั ิตามวิธกี ารทเ่ี ลือกไว้ การด�ำเนินกิจกรรม 1) สนทนากับเด็กเกี่ยวกับสถานการณ์ท่ีให้เด็กท่ีท�ำพวงกุญแจหล่นไปอยู่ข้างหลังตู้ และ มสธเด็กจะต้องหาทางหยิบพวงกญุ แจท่ีหล่นอยขู่ า้ งหลงั ตอู้ อกมาใหไ้ ด้ 2) สนทนากบั เดก็ เกย่ี วกบั ปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ โดยใชค้ ำ� ถาม เชน่ หนคู ดิ วา่ ปญั หาคอื อะไร ฯลฯ 3) ให้เด็กคิดหาวธิ ีการหยบิ พวงกญุ แจท่ีหลน่ อย่ขู ้างหลังตู้หลายๆ วธิ ี 4) ให้เด็กช่วยกนั คิดถึงขอ้ ดีข้อเสยี ของแตล่ ะวิธี 5) ใหเ้ ดก็ เลอื กวธิ ีการแก้ปญั หา พร้อมทั้งบอกเหตผุ ลในการเลอื ก มสธ มสธ6) ให้เดก็ ลงมอื ปฏบิ ตั ิตามวิธที ี่เลอื ก 7) ใหเ้ ดก็ ชว่ ยกนั สรปุ เกยี่ วกบั ปญั หา วธิ กี ารแกป้ ญั หา การเลอื กวธิ กี ารแกป้ ญั หาและเหตผุ ล ท่เี ลือกวธิ ดี งั กล่าว และผลการลงมอื ปฏิบตั ิ ส่ือ พวงกุญแจ การประเมิน มสธ1) การสงั เกต 2) การตอบคำ� ถาม 3.2 นิทาน: นักวาดน้อย เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งให้เด็กได้ฝึกการแก้ปัญหาผ่านการลงมือปฏิบัติตาม เน้อื หาจากนิทานปลายเปดิ จุดประสงค์ มสธ มสธ1) เพอ่ื ใหเ้ ดก็ รบั รแู้ ละระบปุ ัญหาทพ่ี บได้ 2) เพื่อให้เด็กสามารถเสนอวธิ กี ารแก้ปญั หาได้หลายๆ วธิ ี 3) เพ่ือใหเ้ ดก็ สามารถเลอื กวธิ ีการแกป้ ญั หาและสามารถบอกเหตุผลในการเลือกได้ 4) เพื่อใหเ้ ดก็ ไดล้ งมอื ปฏิบัตติ ามวิธกี ารท่เี ลือกไว้ การด�ำเนินกิจกรรม 1) ครูเลา่ นิทานปลายเปิดเร่อื ง “นักวาดน้อย” ใหเ้ ด็กฟัง มสธ“หนูเป๋าเป็นเด็กน่ารัก ชอบไปโรงเรียนและชอบระบายสีน้ํา วันหน่ึงคุณครูน�ำสีน้ํามาวางบนโต๊ะ แตค่ ณุ ครลู ืมเอาพกู่ นั มา จงึ ใหห้ นูเปา๋ ลองคิดหาวธิ วี าดภาพโดยไมต่ ้องใช้พกู่ นั ”

การจัดประสบการณเ์ พอื่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านการคดิ 12-31 2) สนทนากบั เดก็ เกย่ี วกบั สถานการณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ โดยใชค้ ำ� ถาม เชน่ หนคู ดิ วา่ หนเู ปา๋ มปี ญั หา มสธอะไร ฯลฯ 3) ใหเ้ ดก็ คิดหาวิธีการวาดภาพด้วยสนี ํ้าหลายๆ วธิ ี โดยใชค้ ำ� ถาม เช่น นอกจากวิธีนีแ้ ล้ว มีวธิ ีไหนได้อกี เราสามารถใช้อะไรระบายสีนํ้าไดอ้ กี บา้ ง มีอะไรทีเ่ ราจะใช้จุม่ สนี ํ้าแลว้ เขียนได้บา้ ง ฯลฯ 4) ให้เดก็ ช่วยกนั คดิ ถึงขอ้ ดขี อ้ เสยี ของแตล่ ะวิธี มสธ มสธ5) ใหเ้ ดก็ เลือกวธิ กี ารแกป้ ัญหา พร้อมท้ังบอกเหตผุ ลในการเลอื ก 6) ให้เดก็ ลงมอื ปฏิบตั ิตามวิธที เ่ี ลอื กไว้ 7) ใหเ้ ดก็ ชว่ ยกนั สรปุ เกยี่ วกบั ปญั หา วธิ กี ารแกป้ ญั หา การเลอื กวธิ กี ารแกป้ ญั หาและเหตผุ ล ทีเ่ ลือกวธิ ีดังกลา่ ว และผลการลงมอื ปฎบิ ัติ สื่อ นิทาน สนี ํา้ จานสี กระดาษวาดเขยี นแผน่ ใหญ่ มสธการประเมิน 1) การสังเกต 2) การตอบคำ� ถาม สรปุ ไดว้ า่ การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาการคดิ แกป้ ญั หา สามารถทำ� ไดห้ ลายวธิ ี คอื 1) ปญั หา ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในกจิ วตั รประจำ� วนั เปน็ สงิ่ ทไี่ มส่ ามารถกำ� หนดลว่ งหนา้ ได้ แตเ่ มอ่ื เกดิ เหตกุ ารณท์ เ่ี ปน็ ปญั หาขนึ้ มสธ มสธครูควรให้เด็กแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง และครูอาจน�ำปัญหาที่พบเจอในชีวิตประจ�ำวันมาสนทนาพูดคุยกับ เด็กและฝึกคดิ หาทางแก้ปัญหา และ 2) การบูรณาการเขา้ ไปในการทำ� กจิ กรรมหลัก เชน่ กิจกรรมเสริม ประสบการณ์ กจิ กรรมเคลือ่ นไหวและจงั หวะ ฯลฯ 3) การจดั กิจกรรมพัฒนาการคดิ แก้ปญั หาโดยเฉพาะ เช่น สถานการณ์: หยิบพวงกุญแจท่ีหล่นอยู่ข้างหลังตู้ นิทาน: นักวาดน้อย ฯลฯ ส่ือที่ใช้ในการจัด ประสบการณ์ เช่น สอ่ื ท่เี ป็นของจริง สถานทจี่ ริง วัสดุอุปกรณ์ในกจิ กรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เชน่ วสั ดุ อุปกรณ์และส่วนผสมในการประกอบอาหาร เครื่องเคาะจังหวะ ริบบิ้น เชือก พวงกุญแจ สีนํ้า จานสี มสธกระดาษวาดเขยี นแผ่นใหญ่ ฯลฯ กิจกรรม 12.2.2 จงยกตัวอย่างการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดแก้ปัญหา โดยบูรณาการ เข้าไปในกจิ กรรมหลกั มสธ มสธแนวตอบกิจกรรม12.2.2 การจดั กจิ กรรมและประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หาโดยบรู ณาการเขา้ ไป ในกิจกรรมหลัก สามารถท�ำได้โดยจัดกิจกรรมประกอบอาหาร โดยก�ำหนดสถานการณ์ในเด็กได้คิดแก้ ปัญหา เช่น ถ้ามีพิมพ์ท�ำขนมไม่พอ หนูจะท�ำอย่างไร ถ้าน้ําเชื่อมหมดหนูจะท�ำอย่างไร ฯลฯ กิจกรรม เคลื่อนไหวและจังหวะ โดยก�ำหนดเง่ือนไข เช่น ให้เด็กถือเชือก 1 เส้นแล้วเคลื่อนไหวไปรอบห้องอย่าง มสธอิสระโดยไม่ใหเ้ ชือกแตะพนื้ ให้เดก็ เคลื่อนไหวไปรอบหอ้ งพร้อมกับลูกบอลโดยไมใ่ ช้มอื จบั ลูกบอล ฯลฯ

12-32 การจดั การศกึ ษาและหลักสูตรส�ำหรับเดก็ ปฐมวยั มสธเรื่องที่ 12.2.3 การจัดประสบการณ์และสื่อท่ีใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ มสธ มสธการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณในความหมายทเี่ หมาะสมกบั เดก็ ปฐมวยั คอื การคดิ พจิ ารณาไตรต่ รอง ข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อตัดสินใจอย่างเหมาะสมกับวัยว่าส่ิงใดควรเช่ือหรือสิ่งใดควรท�ำ การคิดอย่างมี วิจารณญาณ เป็นการคิดที่ช่วยให้เด็กสามารถเลือกรับข้อมูลที่มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ ในการดำ� เนนิ ชวี ติ ประจำ� วนั ทง้ั นก้ี ารจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ มจี ุดมุ่งหมายทส่ี ำ� คญั ดังนี้ มสธ1. เพอื่ ใหเ้ ดก็ สามารถรบั ร้แู ละระบปุ ระเดน็ ทีต่ ้องตัดสนิ ใจ 2. เพอื่ พฒั นาความสามารถในการรวบรวมขอ้ มลู ซง่ึ ระดบั ปฐมวยั อาจเปน็ การนำ� ความรเู้ ดมิ และ ประสบการณ์เดมิ มาใช้ประกอบการตัดสนิ ใจ 3. เพอื่ ใหเ้ ดก็ พจิ ารณาไตรต่ รองขอ้ มลู กอ่ นตดั สนิ ใจ นำ� ขอ้ มลู ไปใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจ และบอก มสธ มสธผลที่จะตามมาจากการตดั สนิ ใจได้ 4. เพ่อื ให้เด็กสามารถตัดสนิ ใจและบอกเหตผุ ลในการตดั สนิ ใจ การจัดประสบการณ์และการใช้สื่อเพ่ือส่งเสริมเด็กปฐมวัยด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณน้ัน ครู สามารถจัดประสบการณ์และใช้สอื่ เพอื่ สง่ เสริมเดก็ ปฐมวัยได้ 3 ลกั ษณะ คอื การปฏิบตั กิ ิจวัตรประจ�ำวนั การบรู ณาการเขา้ ไปในกจิ กรรมหลกั และการจดั กจิ กรรมพฒั นาการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณโดยเฉพาะ ทง้ั น้ี ในการพฒั นาการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณในการปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำ� วนั และการบรู ณาการเขา้ ไปในกจิ กรรม มสธหลกั จะพฒั นาจดุ มงุ่ หมายไดเ้ พยี งบางขอ้ แตใ่ นการจดั กจิ กรรมเพอ่ื พฒั นาการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณโดย เฉพาะ จะสามารถพฒั นาไดค้ รบทุกขอ้ ซึง่ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ 1. การปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน ครูสามารถสอดแทรกการพัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณให้กับเด็กปฐมวัยผ่านการด�ำเนิน มสธ มสธกจิ วตั รประจำ� วนั ไดห้ ลากหลายกจิ กรรม ในทน่ี ข้ี อยกตวั อยา่ งการสนทนาขา่ ว โดยนำ� เหตกุ ารณห์ รอื ขา่ วสาร ที่เกิดขน้ึ ในชุมชนมาสนทนากับเดก็ แล้วใหเ้ ดก็ พิจารณาวา่ สิ่งนัน้ เหมาะสมหรอื ไม่ ควรจะตดั สนิ ใจหรอื ท�ำ อยา่ งไร เชน่ เมอื่ มเี ดก็ ตกบนั ไดเพราะรบี วง่ิ ไปหาคณุ แม่ ครนู ำ� เหตกุ ารณด์ งั กลา่ วมาสนทนากบั เดก็ วา่ การ ว่งิ ไปหาคุณแม่เป็นส่งิ ทีเ่ หมาะสมหรือไม่ ถ้าเป็นหนู จะรบี ไปหาคณุ แม่ หนูจะท�ำอย่างไรทจ่ี ะไปหาคณุ แม่ โดยไม่ตกบนั ได เมอ่ื มขี ่าวเดก็ เสียชีวิตเพราะจมนาํ้ ครูสนทนากับเด็กวา่ ถ้าหนอู ยากจะเล่นน้ํา หนจู ะท�ำ อยา่ งไรทจี่ ะเล่นนํา้ โดยไม่เกดิ อนั ตราย ฯลฯ มสธสื่อท่ีใช้ในการส่งเสริมเด็กปฐมวัยด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ คือ เหตุการณ์หรือเรื่องราวที่ เกดิ ข้ึนในชวี ิตประจ�ำวัน ฯลฯ

การจดั ประสบการณ์เพอ่ื พฒั นาเด็กปฐมวัยดา้ นการคิด 12-33 2. การบูรณาการเข้าไปในกิจกรรมหลัก มสธการพัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณนั้นเป็นทักษะท่ีต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูล และ ไตร่ตรองข้อมูล จึงควรสอนในกิจกรรมเสริมประสบการณ์มากกว่ากิจกรรมหลักอื่น ซ่ึงครูสามารถจัด กจิ กรรมทชี่ ว่ ยพฒั นาการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณไดโ้ ดยใชก้ ารเลา่ นทิ านแลว้ ชวนเดก็ คดิ พจิ ารณาวา่ ตวั ละคร ในนิทานปฏิบัติตนได้เหมาะสมหรือไม่ และควรปฏิบัติตนอย่างไร เช่น การที่กวางกินพวงองุ่นท่ีช่วยให้ มสธ มสธตนเองหลบซอ่ นตัวจากการลา่ ของนายพราน เป็นสงิ่ ท่เี หมาะสมหรอื ไม่ ถา้ หนูเปน็ กวาง หนูจะทำ� อยา่ งไร การท่ปี ลายอมใหน้ กกระสาพาไปอย่ใู นสระน้าํ แหง่ ใหมแ่ ทนสระน้าํ ทีก่ �ำลงั จะแห้งเป็นสงิ่ ท่เี หมาะสมหรอื ไม่ ถ้าหนูเปน็ ปลา หนจู ะทำ� อย่างไร หนูควรไว้ใจนกกระสาหรอื ไม่ ฯลฯ สอ่ื ที่ใชใ้ นการสง่ เสริมเดก็ ปฐมวัยดา้ นการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ คอื หนงั สือนทิ าน 3. การจัดกิจกรรมพัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยเฉพาะ มสธครูสามารถพัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณให้แก่เด็กด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะ โดยเฉพาะ ฝึกให้รู้จักใช้การตัดสินใจจากข้อมูลท่ีได้ศึกษาอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจ โดยพัฒนาให้เด็ก สามารถรบั รแู้ ละระบปุ ระเดน็ ทตี่ อ้ งตดั สนิ ใจ สามารถรวบรวมขอ้ มลู พจิ ารณาไตรต่ รองขอ้ มลู กอ่ นตดั สนิ ใจ โดยนำ� ขอ้ มลู ไปใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจ และบอกผลทจ่ี ะตามมาจากการตดั สนิ ใจ สามารถตดั สนิ ใจและบอก มสธ มสธเหตผุ ลในการตดั สนิ ใจ ในทนี่ ขี้ อยกตวั อยา่ ง 2 กจิ กรรม คอื การใชส้ ถานการณ์ และนทิ าน ซงึ่ มรี ายละเอยี ด ดงั นี้ 3.1 การโฆษณา: ซอื้ รองเทา้ แถมของเลน่ เปน็ กจิ กรรมทม่ี งุ่ ใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ โดยใชก้ ารโฆษณาขายสินคา้ จุดประสงค์ 1) เพอื่ ให้เด็กสามารถรับรู้และระบปุ ระเดน็ ท่ีตอ้ งตดั สนิ ใจ มสธ2) เพื่อพฒั นาความสามารถในการรวบรวมขอ้ มูล 3) เพ่ือให้เด็กพิจารณาไตร่ตรองข้อมูลก่อนตัดสินใจ น�ำข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจ และบอกผลที่จะตามมาจากการตดั สนิ ใจ 4) เพือ่ ให้เด็กสามารถตัดสินใจและบอกเหตุผลในการตดั สนิ ใจ การด�ำเนินกิจกรรม มสธ มสธ1) สนทนากบั เดก็ เกยี่ วกบั โฆษณาขายรองเทา้ แถมของเลน่ แลว้ ถามเดก็ วา่ หนคู วรซอ้ื หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด 2) ใหเ้ ดก็ คดิ หาวธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ตา่ งๆ จากความรเู้ ดมิ หรอื จากประสบการณ์ เดิมของเด็ก เช่น สง่ิ ท่พี อ่ แมเ่ คยบอก ฯลฯ 3) ให้เด็กไตร่ตรองข้อมูลที่รวบรวมมาก่อนการตัดสินใจว่าจะซ้ือรองเท้าหรือไม่ จะซ้ือ รองเทา้ ใหม่ เพราะรองเท้าขาดหรอื คับใส่ไม่ได้ หรอื อยากไดข้ องเล่น ฯลฯ พร้อมท้ังบอกผลทีจ่ ะตามมา มสธ4) ใหเ้ ด็กตดั สินใจและบอกผลทีจ่ ะตามมา

12-34 การจดั การศึกษาและหลักสูตรส�ำหรบั เด็กปฐมวยั 5) ให้เด็กช่วยกนั สรปุ ประเด็นท่ีต้องตดั สินใจ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู แหล่งท่คี วรเก็บข้อมลู มสธผลที่เกิดข้นึ จากการตัดสินใจแตล่ ะวิธี สิง่ ทเ่ี ดก็ ตัดสินใจและเหตุผลท่ตี ัดสินใจเชน่ น้นั ส่ือ โฆษณาซ้อื รองเทา้ แถมของเลน่ การประเมิน มสธ มสธ1. การสงั เกต 2. การตอบคำ� ถาม 3.2 นิทาน: แม่ไก่สีแดง เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งให้เด็กได้ฝึกการคิดอย่างมีวิจารณญาณผ่านเนื้อหา จากนิทาน จุดประสงค์ 1. เพอ่ื ให้เด็กสามารถรบั รูแ้ ละระบปุ ระเด็นทต่ี อ้ งตดั สินใจ มสธ2. เพื่อพัฒนาความสามารถในการรวบรวมข้อมลู 3. เพอ่ื ใหเ้ ดก็ พจิ ารณาไตรต่ รองขอ้ มลู กอ่ นตดั สนิ ใจ โดยนำ� ขอ้ มลู ไปใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจ และบอกผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจ 4. เพื่อให้เด็กสามารถตดั สินใจและบอกเหตุผลในการตดั สินใจ การด�ำเนินกิจกรรม มสธ มสธ1. เลา่ นิทานเรือ่ ง “แมไ่ ก่สีแดง” ใหเ้ ดก็ ฟัง “แมไ่ กส่ แี ดงชวนหมู เปด็ และแมวทำ� ขนม แตไ่ มว่ า่ จะชวนอยา่ งไรหมู เปด็ และแมวกพ็ รอ้ มใจกนั ปฏิเสธ แม่ไก่จึงท�ำขนมด้วยตนเองจนเสร็จ กลิ่นขนมหอมจนหมู เป็ด และแมวอยากจะช่วยแม่ไก่กินขนม แต่ แมไ่ ก่ปฏเิ สธ แล้วน�ำขนมไปกินโดยไมแ่ บง่ ให้เพอื่ น” มสธ2. สนทนากบั เดก็ เกย่ี วกบั เนอื้ เรอื่ งในนทิ าน แลว้ ถามเดก็ วา่ การทแ่ี มไ่ กส่ แี ดงไมแ่ บง่ ขนม ให้หมู เปด็ และแมวน้นั เหมาะสมหรอื ไม่ ถา้ หนูเป็นแม่ไก่สแี ดงหนจู ะทำ� อยา่ งไร 3. ใหเ้ ดก็ คดิ หาวธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ตา่ งๆ จากความรเู้ ดมิ หรอื จากประสบการณ์ เดิมของเด็ก 4. ถามกระตุ้นให้เด็กได้ไตร่ตรองข้อมูลที่รวบรวมและพิจารณาผลดีผลเสีย เช่น ถ้าแม่ไก่ มสธ มสธสแี ดงแบ่งขนมใหห้ มู เป็ด และแมวจะมผี ลอยา่ งไร ถา้ แมไ่ ก่สแี ดงไมแ่ บง่ ขนมให้หมู เป็ด และแมวจะมผี ล อย่างไร หนคู ดิ วา่ อยา่ งไหนดกี ว่ากันเพราะอะไร ฯลฯ 5. ให้เด็กตดั สนิ ใจว่าถา้ เปน็ แม่ไกส่ แี ดงจะทำ� อยา่ งไรพรอ้ มทัง้ บอกเหตผุ ลประกอบ 6. ใหเ้ ด็กชว่ ยกนั สรุปประเด็นทต่ี อ้ งตดั สินใจ การเก็บรวบรวมข้อมลู ผลท่เี กดิ ขนึ้ จากการ ตัดสนิ ใจแต่ละวธิ ี สง่ิ ทเี่ ด็กตัดสินใจและเหตผุ ลทีต่ ดั สินใจเช่นนน้ั สื่อ มสธนิทานเรื่องแมไ่ ก่สีแดง

การจดั ประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวยั ดา้ นการคดิ 12-35 การประเมิน มสธ1. การสงั เกต 2. การตอบค�ำถาม สรุปได้ว่าการจัดประสบการณ์ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สามารถ ท�ำได้หลายวิธี คือ 1) การสอดแทรกผ่านการปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน เช่น กิจกรรมสนทนาข่าว ฯลฯ มสธ มสธ2) การบูรณาการเขา้ ไปในกิจกรรมเสริมประสบการณ์ เชน่ การเลา่ นทิ าน ฯลฯ และ 3) การจัดกจิ กรรม พฒั นาการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณโดยเฉพาะ เชน่ การโฆษณาขายสนิ คา้ : ซอื้ รองเทา้ แถมของเลน่ นทิ าน: แม่ไก่สีแดง ฯลฯ ส่ือที่ใช้ในการจัดประสบการณ์ เช่น เหตุการณ์หรือเร่ืองราวที่เกิดข้ึนในชีวิตประจ�ำวัน หนงั สือนิทาน การโฆษณาขายสินคา้ ฯลฯ มสธกิจกรรม 12.2.3 จงยกตัวอย่างการจัดประสบการณ์ท่ีใช้ในการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด อย่างมวี ิจารณญาณ แนวตอบกิจกรรม 12.2.3 มสธ มสธการจดั กจิ กรรมและประสบการณส์ ามารถทำ� ไดโ้ ดยการสอดแทรกผา่ นการปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำ� วนั เชน่ กจิ กรรมสนทนาขา่ ว ฯลฯ การบรู ณาการเข้าไปในกจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์โดยการเลา่ นิทาน และ การจดั กิจกรรมพฒั นาการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณโดยเฉพาะ เช่น การโฆษณาขายสนิ ค้า: ซอื้ รองเทา้ แถม มสธ มมสสธธ มสธของเลน่ นิทาน: แมไ่ กส่ ีแดง ฯลฯ

12-36 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั มสธตอนที่ 12.3 การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิด โปรดอา่ นหวั เรื่อง แนวคิดและวตั ถุประสงคข์ องตอนที่ 12.3 แล้วจงึ ศึกษารายละเอยี ดตอ่ ไป มสธ มสธหัวเรื่อง 12.3.1 การประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวัยดา้ นการคดิ เชิงเหตผุ ล 12.3.2 การประเมนิ พัฒนาการเดก็ ปฐมวัยด้านการคิดแก้ปญั หา 12.3.3 การประเมนิ พัฒนาการเดก็ ปฐมวยั ด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ มสธแนวคิด 1. การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล ต้องให้ครอบคลุมการตอบ คำ� ถามทเ่ี ปน็ เหตแุ ละเปน็ ผล และการบอกเหตผุ ลไดอ้ ยา่ งเหมาะสม วธิ กี ารประเมนิ คอื การสงั เกต การสนทนา และการทดสอบ เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ คอื แบบบนั ทกึ การสงั เกต แบบ บันทกึ การสนทนา แบบทดสอบที่ให้เด็กลงมือปฏบิ ตั ิและแบบบันทกึ การใหเ้ หตผุ ล มสธ มสธ2. ก ารประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดแก้ปัญหา ให้พิจารณาการแก้ปัญหาได้ เหมาะสมกบั วยั วธิ กี ารประเมนิ คอื ใชก้ ารสงั เกตและบนั ทกึ พฤตกิ รรม และการทดสอบ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ คอื แบบบนั ทกึ พฤตกิ รรม แบบทดสอบโดยใชส้ ถานการณ์ และแบบบนั ทกึ คำ� ตอบ 3. ก ารประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ต้องให้ครอบคลุม การใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ การตัดสินใจเลือก บอกผลท่ีจะเกิดตามมาจาก มสธการตดั สนิ ใจเลอื ก และบอกเหตผุ ลทตี่ ดั สนิ ใจเลอื ก วธิ กี ารประเมนิ คอื การสนทนา และ การทดสอบโดยใชส้ ถานการณแ์ ละนทิ าน เครอื่ งมอื ทใี่ ชค้ อื แบบบนั ทกึ การสนทนา แบบ ทดสอบ และแบบบันทกึ ค�ำตอบ มสธ มสธวัตถุประสงค์ เม่อื ศึกษาตอนที่ 12.3 จบแล้ว นักศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายวธิ ีการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผลได้ 2. อธบิ ายวิธกี ารประเมนิ พฒั นาการเด็กปฐมวัยดา้ นการคดิ แก้ปัญหาได้ มสธ3. อธิบายวิธกี ารประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ด้านการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณได้

การจัดประสบการณ์เพ่อื พฒั นาเด็กปฐมวยั ด้านการคิด 12-37 มสธเรื่องที่ 12.3.1 การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล มสธ มสธการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ เชงิ เหตผุ ล เปน็ สงิ่ ทจี่ ะชว่ ยใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองและ ครูทราบถึงความคิดของเด็กเพ่ือน�ำไปสู่การส่งเสริมได้อย่างเหมาะสม ในเร่ืองน้ีจะขอกล่าวถึงขอบข่าย วิธกี ารประเมินและเคร่ืองมือท่ใี ช้ในการประเมินเด็กปฐมวัยด้านการคดิ เชิงเหตผุ ล ดงั รายละเอยี ดต่อไปนี้ 1. ขอบข่ายของการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล พิจารณาจากความ สามารถในการคดิ เช่ือมโยงจากเหตุไปหาผล ซง่ึ ครอบคลมุ การตอบค�ำถามทเี่ ป็นเหตแุ ละเปน็ ผล และการ บอกเหตผุ ลได้อย่างเหมาะสม 2. วิธีการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล การประเมนิ พฒั นาการของเดก็ มสธปฐมวยั นนั้ ควรประเมนิ โดยใชว้ ธิ กี ารและเครอื่ งมอื ทหี่ ลากหลายเพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทค่ี รอบคลมุ และสอดคลอ้ ง กับความเป็นจรงิ ซ่งึ วธิ ีการประเมินพฒั นาการทางด้านการคดิ เชิงเหตผุ ล สามารถท�ำไดห้ ลายวิธี เชน่ 2.1 การสังเกตและบันทึกพฤติกรรม เป็นวิธีการประเมินที่ใช้มากที่สุดเพราะเป็นวิธีการท่ี ไมย่ ่งุ ยาก สามารถเก็บขอ้ มลู ในสถานการณจ์ ริงซ่งึ เด็กจะแสดงออกอยา่ งเปน็ ธรรมชาติ สามารถท�ำไดท้ ุก มสธ มสธสถานการณ์ ทุกสถานท่ี โดยสังเกตการสนทนาพูดคุยและพฤติกรรมของเด็กในการท�ำกิจวัตรประจ�ำวัน หรือการท�ำกิจกรรมหลัก เช่น กิจกรรมสนทนายามเช้า การรับประทานอาหาร กิจกรรมเสรี กิจกรรม สร้างสรรค์ ฯลฯ จดบันทึกสิ่งที่สังเกตได้ลงในแบบฟอร์ม เพ่ือน�ำข้อมูลที่ได้มาบันทึกความคิดเห็นและ แปลความเพอื่ พจิ ารณาความกา้ วหนา้ ดา้ นการคดิ เชงิ เหตผุ ลตอ่ ไป ทงั้ นใี้ นการสงั เกตและบนั ทกึ พฤตกิ รรมนน้ั ควรสงั เกตหลายครงั้ และหลายสถานการณ์ เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ มลู ที่ครอบคลมุ และสอดคลอ้ งกบั ความเปน็ จริง 2.2 การสนทนากับเด็ก การสนทนา พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเด็กจะช่วยท�ำให้ มสธครไู ดท้ ราบถงึ ความคดิ ของเดก็ และเข้าใจคำ� พูดหรอื พฤติกรรมที่เดก็ แสดงออก ท�ำใหท้ ราบถึงเหตผุ ลทแ่ี ท้ จริงที่อยู่ในใจเด็ก ครูสามารถสนทนากับเด็กได้ทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคลผ่านการท�ำกิจกรรมต่างๆ เช่น ครูเล่านิทานให้เด็กฟังแล้วต้ังค�ำถามให้เด็กแสดงความคิดจากเร่ืองท่ีฟัง ครูถามถึงเหตุผลที่เด็กเลือกหรือ แสดงพฤติกรรม ฯลฯ แล้วจดบันทึกค�ำพูดของเด็กลงในแบบบันทึกการสนทนาเพ่ือน�ำข้อมูลไปวิเคราะห์ ตอ่ ไป ท้งั นี้ในการสนทนากบั เด็กนั้นควรท�ำในบรรยากาศทเ่ี ป็นกนั เอง อสิ ระ ผ่อนคลายและเป็นมติ ร เพ่อื มสธ มสธใหเ้ ดก็ รสู้ กึ วางใจทจ่ี ะพดู คยุ และกลา้ แสดงความคดิ ออกมา (สริ มิ า ภญิ โญอนนั ตพงษ,์ 2553; นฤมล เนยี มหอม, 2560) 2.3 การทดสอบ ถึงแม้ว่าการวัดและประเมินพัฒนาการในระดับปฐมวัยจะไม่นิยมการ ทดสอบ แต่การคดิ เปน็ สง่ิ ท่ีเป็นนามธรรมและยากตอ่ การสงั เกต การวัดและประเมนิ ดา้ นการคดิ จงึ จ�ำเปน็ ต้องใช้การทดสอบเพ่ือให้ทราบว่าเด็กคิดอย่างไร ซ่ึงการทดสอบที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยนั้นอาจใช้ แบบทดสอบให้เด็กปฏิบัติการใช้สถานการณ์จริงหรือสถานการณ์จ�ำลอง กิจกรรมหรือเกมให้เด็กลงมือ มสธกระทำ� หรอื ตอบค�ำถาม พร้อมทง้ั สอบถามถงึ เหตุผลทีเ่ ดก็ ทำ� หรอื ตอบเชน่ นั้น

12-38 การจดั การศกึ ษาและหลกั สตู รสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั 3. เคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล ในการประเมิน มสธพัฒนาการด้านการคดิ เชิงเหตุผล สามารถใช้เครอื่ งมือไดห้ ลายชนดิ เชน่ 3.1 แบบบันทึกการสังเกตแบบระเบียนพฤติการณ์ เปน็ เครอ่ื งมอื ทใี่ ชบ้ นั ทกึ ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ าก การสงั เกตพฤตกิ รรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การคดิ เชงิ เหตุผลของเดก็ ในสถานการณต์ า่ งๆ เชน่ การตอบคำ� ถามท่ี แสดงถึงความเป็นเหตุเป็นผลของเด็กขณะท�ำกิจกรรม การพูดคุยโดยใช้เหตุผลกับเพื่อนขณะที่เล่น การ มสธ มสธเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมหลงั จากทสี่ นทนาถงึ เหตผุ ลทค่ี วรปฏบิ ตั ิ ฯลฯ โดยเขยี นบรรยายพฤตกิ รรมของเดก็ ในขณะทส่ี งั เกตโดยไมส่ อดแทรกความคดิ เหน็ และความรสู้ กึ ของผสู้ งั เกตลงไปในการบนั ทกึ พฤตกิ รรม แต่ แยกมาเขยี นในชอ่ งทเ่ี ป็นการแสดงความคดิ เหน็ และแปลความข้อมูลในสว่ นต่อไป ดังตัวอย่างตอ่ ไปนี้ ตัวอย่างแบบบันทึกการสังเกตแบบระเบียนพฤติการณ์ มสธชอ่ื .................................................................... วนั เดอื น ปีเกิด........................................................................ ชอ่ื ผสู้ งั เกต........................................................ วนั เดอื น ปีทีส่ งั เกต.................................. เวลา...................... พฤตกิ รรมทตี่ อ้ งการสงั เกต.................................................................................................................................. สถานท.่ี ............................................................................................................................................................... พฤตกิ รรม............................................................................................................................................................ มสธ มสธ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... มสธข้อคิดเห็น ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... มสธ มสธ........................................................................................................................................................................... การแปลความ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... มสธ...........................................................................................................................................................................

3.2 แบบบันทึกการสนทนา เป็นเคร่ืองมือที่ใช้บันทึกสิ่งที่ได้สนทนาพูดคุยกับเด็ก โดยการจดั ประสบการณเ์ พือ่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ 12-39 มสธบนั ทกึ คำ� พดู ของเดก็ เกย่ี วกบั เหตผุ ลทเี่ ดก็ ใชใ้ นการเลอื กหรอื ทำ� กจิ กรรมตา่ งๆ เชน่ เพราะอะไรหนจู งึ จบั คู่ ภาพช้อนกับส้อม ท�ำไมถึงต้องแปรงฟัน ท�ำไมไม่ควรว่ิงในห้องเรียน ฯลฯ โดยบันทึกค�ำพูดของเด็กใน สถานการณ์ต่างๆ ซึ่งผู้บันทึกจะต้องบันทึกวันเดือนปี กิจกรรมและสถานการณ์ที่สนทนาพูดคุยกับเด็ก ในแตล่ ะครงั้ ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี มสธ มสธตัวอย่างแบบบันทึกการสนทนา ชื่อ...................................................................................................... ชัน้ ............................... อายุ................... วัน เดือน ปี กิจกรรมมมสสธธ มมสสธธ มมสสธธสรุปการสนทนาหมายเหตุ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... มสธ...........................................................................................................................................................................

12-40 การจดั การศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำหรับเดก็ ปฐมวยั 3.3 แบบทดสอบเชิงปฏิบัติ เปน็ เครอื่ งมอื ทใ่ี ชป้ ระเมนิ ความสามารถในการคดิ เชงิ เหตผุ ลท่ี มสธเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กปฐมวัยมากกว่าแบบทดสอบชนิดอ่ืน ในการใช้แบบทดสอบเชิงปฏิบัติ ครูจะกำ� หนดสถานการณ์ให้เด็กปฏบิ ตั หิ รือท�ำตามที่บอกในเวลาทก่ี ำ� หนด และใชอ้ ปุ กรณห์ รอื จัดกจิ กรรม คล้ายกจิ กรรมการเลน่ ในบรรยากาศทีผ่ ่อนคลาย (อรณุ ี หรดาล และชนพิ รรณ จาติเสถยี ร, 2560) เม่อื เดก็ ปฏบิ ัติเสร็จจึงถามเหตผุ ลท่เี ดก็ ปฏบิ ตั ิเช่นน้ัน ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปนี้ มสธ มสธตัวอย่างแบบทดสอบการคิดเชิงเหตุผล ค�ำสั่ง: ใหเ้ ด็กปฏบิ ตั ิตามค�ำสั่ง ครแู จกไม้บลอ็ กทมี่ ีหลายสี หลายรูปแบบ และหลายขนาดใหเ้ ดก็ มสธ มมสสธธ มสธพูด: ครูจะให้หนูช่วยจัดกลมุ่ ไมบ้ ลอ็ กให้ครูหน่อยนะคะ (ให้เดก็ ปฏิบัต)ิ ถาม: 1. หนแู บง่ ไม้บล็อกออกเปน็ ก่กี ลุ่ม 2. ทำ� ไมหนจู งึ จัดกลมุ่ แบบนี้ มสธ มสธ 3. ไมบ้ ล็อกแต่ละกลมุ่ มลี ักษณะอย่างไร 4. ไมบ้ ล็อกแตล่ ะกลมุ่ แตกต่างกนั อย่างไร มสธ (ใหเ้ วลาเดก็ ลงมอื ปฏิบัตแิ ละตอบคำ� ถาม 5 นาที)

ในการทดสอบการคดิ เชงิ เหตผุ ลนนั้ จะตอ้ งใชแ้ บบบนั ทกึ การใหเ้ หตผุ ลของเดก็ รว่ มดว้ ย เพอื่ บนั ทกึการจดั ประสบการณ์เพอื่ พฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นการคิด 12-41 มสธค�ำตอบของเด็กแลว้ นำ� มาประเมินให้คะแนน ดังตัวอย่างต่อไปน้ี ตัวอย่างแบบบันทึกการให้เหตุผล มสธ มสธชอ่ื ................................................................... วัน เดือน ปีเกิด......................................................................... วนั เดือน ปที ส่ี ังเกต.................................. เวลา.............. มสธ2. ไม้บล็อกแต่ละกลุ่มมีรายการท่ี ช่ือกิจกรรมค�ำถามค�ำตอบของเด็กหมายเหตุคะแนน มสธ มสธลักษณะอย่างไร ❏ ต อบด้วย 1 จัดไม้บลอ็ ก 1. ท�ำไมจงึ จดั กลมุ่ แบบน้ี ฯลฯ ตนเอง ❏ ครูช้ีแนะ ❏ ไม่สมเหตุ สมผล ❏ ต อบด้วย ตนเอง ❏ ครชู แ้ี นะ ❏ ไม่สมเหตุ สมผล มสธเกณฑ์การประเมินค�ำตอบ คะแนนรวม 2 คะแนน หมายถึง ตอบค�ำถามได้สมเหตุสมผลดว้ ยตนเอง 1 คะแนน หมายถึง ตอบคำ� ถามไดส้ มเหตุสมผลโดยมคี รชู ้แี นะ 0 คะแนน หมายถึง ไมใ่ หเ้ หตุผล/ตอบค�ำถามไม่สมเหตสุ มผล มสธ มสธสรุปได้ว่าการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิงเหตุผล ต้องให้ครอบคลุมการตอบ คำ� ถามทีเ่ ปน็ เหตแุ ละเปน็ ผล และการบอกเหตผุ ลไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ซึ่งการประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวยั ดา้ นการคดิ เชงิ เหตผุ ลใชก้ ารสงั เกต การสนทนาและการทดสอบ โดยใชเ้ ครอื่ งมอื คอื แบบบนั ทกึ การสงั เกต แบบระเบียนพฤติการณ์ แบบบันทึกการสนทนา แบบทดสอบท่ีให้เด็กลงมือปฏิบัติ แบบทดสอบ มสธเชิงสถานการณ์และแบบบันทกึ การใหเ้ หตผุ ล

12-42 การจดั การศึกษาและหลกั สตู รส�ำหรับเด็กปฐมวัย มสธกิจกรรม 12.3.1 จงบอกวิธีการและยกตัวอย่างเครื่องมือท่ีใช้ในการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดเชิง เหตุผลมาพอสังเขป แนวตอบกิจกรรม 12.3.1 มสธ มสธการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยดา้ นการคิดเชงิ เหตผุ ล ใช้วธิ กี ารสังเกต การสนทนา และการ ทดสอบ โดยใช้เครื่องมือ คอื แบบบนั ทึกการสังเกตแบบระเบียนพฤตกิ ารณ์ แบบบนั ทกึ การสนทนา แบบ ทดสอบท่ใี หเ้ ด็กลงมอื ปฏบิ ตั ิและแบบบันทึกการใหเ้ หตผุ ล มสธเรื่องที่ 12.3.2 การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดแก้ปัญหา มสธ มสธการประเมนิ พฒั นาการเด็กปฐมวัยดา้ นการคดิ แกป้ ญั หา ในเรื่องนจี้ ะขอกล่าวถงึ ขอบขา่ ย วธิ ีการ ประเมนิ และเครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการประเมินเดก็ ปฐมวัยดา้ นการคดิ แกป้ ัญหา ดังรายละเอียดดังตอ่ ไปนี้ 1. ขอบขา่ ยของการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หา พจิ ารณาจากการทเ่ี ดก็ สามารถคิดแก้ปญั หาไดเ้ หมาะสม 2. วิธีการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดแก้ปัญหา ในการประเมินการคิดแก้ปัญหา มสธควรใช้วิธีการและเครื่องมือท่ีหลากหลายเพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีครอบคลุมและสอดคล้องกับความเป็นจริงมาก ที่สดุ ซึง่ สามารถท�ำได้ ดงั นี้ (นภเนตร ธรรมบวร, 2549; สริ มิ า ภิญโญอนนั ตพงษ,์ 2553; Formosinho & Pascal, 2016) 2.1 การสังเกตและบันทึกพฤติกรรม เป็นการสังเกตและบันทึกพฤติกรรมการแก้ปัญหา ของเดก็ ขณะที่เดก็ เลน่ หรอื ทำ� กิจกรรมต่างๆ เชน่ กิจกรรมเสรี การเล่นกลางแจง้ ฯลฯ ซึง่ ครจู ะตอ้ งสงั เกต มสธ มสธเด็กอย่างต่อเน่ืองยาวนานพอสมควรเพื่อให้พฤติกรรมการแก้ปัญหาปรากฏ แล้วจึงจดบันทึกพฤติกรรม ดงั กลา่ ว หลงั จากจดบนั ทกึ แลว้ ครนู ำ� ขอ้ มลู ทไี่ ดม้ าแสดงความคดิ เหน็ และแปลความอกี ครง้ั หนงึ่ นอกจากน้ี ครูอาจน�ำรายการพฤติกรรมทางด้านการคิดแก้ปัญหาท่ีต้องการศึกษามาเป็นรายการในการสังเกตได้อีก ทางหนึง่ 2.2 การทดสอบ เป็นวธิ ีการหน่ึงท่ีสามารถใชใ้ นการประเมนิ การคดิ แกป้ ัญหาของเดก็ โดย ใช้สถานการณ์มาถามเด็ก แล้วให้เด็กตอบค�ำถาม เพ่ือประเมินว่าเด็กสามารถคิดแก้ปัญหาได้เหมาะสม มสธหรอื ไม่ ทั้งนีใ้ นการประเมนิ การคิดแก้ปญั หาของเดก็ ครูควรใช้สถานการณ์ที่ใกลต้ วั เด็กมาเป็นขอ้ ค�ำถาม และควรมภี าพประกอบให้เด็กดู

การจดั ประสบการณเ์ พือ่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านการคดิ 12-433. เคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดแก้ปัญหา ในการประเมิน มสธพฒั นาการด้านการคิดแก้ปญั หา สามารถใช้เครอ่ื งมือได้หลายชนิด เชน่ 3.1 แบบบันทกึ การสงั เกต เปน็ เครอื่ งมอื ทใี่ ชป้ ระกอบการสงั เกตพฤตกิ รรมการคดิ แกป้ ญั หา ของเดก็ ขณะทเี่ ดก็ ทำ� กจิ กรรมตา่ งๆ ใชบ้ นั ทกึ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสงั เกตพฤตกิ รรมทเ่ี ดก็ พยายามหรอื หาวธิ ี ในการแก้ปัญหา แบบบันทึกที่ใช้ในการสังเกตพฤติกรรมการคิดแก้ปัญหามีหลายรูปแบบ ในที่นี้ขอเสนอ มสธ มสธตัวอย่างแบบบนั ทึก 3 รูปแบบ ไดแ้ ก่ 1) แบบบันทกึ พฤตกิ รรมแบบระเบียนพฤตกิ ารณ์ 2) แบบบันทกึ แบบสั้น และ 3) แบบบันทกึ แบบสำ� รวจรายการ ดงั น้ี 3.1.1 แบบบันทึกพฤติกรรมแบบระเบียนพฤติการณ์ ใช้บันทึกข้อมูลที่ได้จากการ สังเกตพฤติกรรมเด็กในขณะท่ีเผชิญกับปัญหา พยายามหรือหาวิธีในการแก้ปัญหาในสถานการณ์หรือ กิจกรรมท่ีแตกต่างกัน เช่น ต่อบล็อกให้สูงเมื่อล้มก็ต่อด้วยวิธีใหม่ พยายามหยิบของท่ีตกอยู่ใต้ตู้ด้วย วธิ กี ารตา่ งๆ ฯลฯ ครบู นั ทกึ พฤตกิ รรมของเดก็ ทส่ี งั เกตเหน็ โดยไมใ่ สค่ วามคดิ เหน็ หลงั จากบนั ทกึ พฤตกิ รรม มสธแลว้ จึงแปลความส่ิงท่ีได้บันทึกไว้ ดงั ตัวอยา่ งต่อไปนี้ ตัวอย่างแบบบันทึกพฤติกรรมการแก้ปัญหา ชือ่ ..................................................................... วนั เดอื น ปเี กิด....................................................................... มสธ มสธชือ่ ผ้สู ังเกต........................................................ วัน เดือน ปีทส่ี งั เกต..................... เวลา.............. ครง้ั ท.่ี .......... พฤตกิ รรมทต่ี อ้ งการสงั เกต.................................................................................................................................... มสธ มมสสธธ มสธสถานที่พฤติกรรมหรือเหตุการณ์ที่สังเกตการแปลความ

12-44 การจัดการศึกษาและหลักสูตรสำ� หรับเด็กปฐมวยั 3.1.2 แบบบันทึกแบบส้ัน เปน็ เครือ่ งมือทใี่ ชบ้ นั ทึกพฤตกิ รรมการแกป้ ัญหาของเด็ก มสธตามรายการพฤตกิ รรมทตี่ อ้ งการจะสงั เกต โดยใชว้ ลหี รอื ประโยคสนั้ ๆ และใชก้ ารเขยี นยอ่ ในรปู แบบตา่ งๆ เพอื่ ใหส้ ามารถจดบนั ทกึ พฤตกิ รรมทเ่ี กดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ แบบบนั ทกึ นส้ี ามารถใชบ้ นั ทกึ พฤตกิ รรมของ เด็กเป็นกลุ่มย่อยหรือจะปรับให้เป็นรายบคุ คลกไ็ ด้ ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี มสธ มสธตัวอย่างแบบบันทึกพฤติกรรมการคิดแก้ปัญหาแบบสั้น แบบที่ 1 วนั ท่สี ังเกต .................................................................................. ครั้งที่ .......................................................... ชือ่ ผ้สู งั เกต.......................................................................................................................................................... ชื่อเด็กอายุระบุปัญหาหาทางเลือกในพยายามแก้ปัญหา การแก้ปัญหา ด้วยตนเอง มสธ1. มสธ มสธ2. มสธ3. มสธ มสธ มสธ4.

มสธชอ่ื ..................................................................... วัน เดอื น ปเี กิด....................................................................... ชื่อผ้สู ังเกต.......................................................................................................................................................... การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด 12-45 ตัวอย่างแบบบันทึกพฤติกรรมการคิดแก้ปัญหาแบบสั้น แบบที่ 2 มสธ มสธระบุปัญหา หาทางเลือกในการแก้ปัญหา พยายามแก้ปัญหาด้วยตนเอง วัน เดอื น ปีทส่ี งั เกต.................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ................................................... ................................................... มสธ....................................................................................................................................................... ................................................... .................................................. วนั เดือน ปที ี่สังเกต.................................................................................................... .................................................. .................................................. มสธ มสธ...................................................................................................................................................... .................................................. .................................................. ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................... ................................................... ................................................... มสธ.................................................. วนั เดือน ปีที่สังเกต.................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ................................................... ................................................... มสธ มสธ........................................................................................................................................................ .................................................. .................................................. ....................................................................................................................................................... ................................................... .................................................. มสธ..................................................

3.1.3 แบบบนั ทกึ พฤตกิ รรมแบบสำ� รวจรายการ เปน็ แบบบนั ทกึ ทใี่ ชบ้ นั ทกึ พฤตกิ รรม มสธซึง่ มรี ายการพฤตกิ รรมการคดิ แกป้ ญั หาในลกั ษณะต่างๆ ของเดก็ ใหค้ รสู งั เกตวา่ มีพฤติกรรมเกดิ ขน้ึ หรือ ไม่ หากพบวา่ เด็กมพี ฤตกิ รรมตามรายการทีก่ ำ� หนดไว้ ใหบ้ ันทึกพฤติกรรมดงั กล่าวลงในแบบบนั ทกึ ดัง ตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้ 12-46 การจดั การศกึ ษาและหลักสูตรสำ� หรับเด็กปฐมวัย มสธ มสธตัวอย่างแบบบันทึกพฤติกรรมการแก้ปัญหาแบบสำ�รวจรายการ พฤติกรรมท่ีต้องการสังเกต: ความสามารถด้านการคิดแก้ปัญหา ค�ำช้ีแจง ใ ห้สังเกตพฤติกรรมตามรายการในแบบบันทึก แล้วใส่เคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องพฤติกรรมตามท่ี มสธสงั เกตเหน็ ชื่อ.........................................................................................................................อาย.ุ ...................................... ชือ่ ผูส้ งั เกต......................................................... วนั เดอื น ปีท่สี ังเกต...................คร้งั ที.่ ................................... รายการพฤติกรรม พฤติกรรมที่สังเกต ปรากฏ ไม่ปรากฏ หมายเหตุ มสธ มสธ1. พยายามหาวธิ กี ารแก้ปัญหา 2. ขอใหผ้ อู้ ืน่ ช่วยแก้ปญั หา 3. พยายามแกป้ ญั หาดว้ ยตนเองจนกว่าจะทำ� ได้ส�ำเร็จ มสธ มมสสธธ มสธฯลฯ

การจัดประสบการณเ์ พือ่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านการคดิ 12-47 3.2 แบบทดสอบความสามารถในการคิดแก้ปัญหา เปน็ แบบทดสอบทสี่ รา้ งขน้ึ เพอ่ื ประเมนิ ความ มสธสามารถในการคดิ แกป้ ญั หาของเดก็ โดยครจู ะเปน็ คนอา่ นคำ� ถามทเ่ี ปน็ สถานการณป์ ญั หาใหเ้ ดก็ ฟงั จากนน้ั ใหเ้ ดก็ ตอบค�ำถาม ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี ตัวอย่างแบบทดสอบความสามารถในการคิดแก้ปัญหา มสธ มสธค�ำส่ัง: ให้เดก็ ตอบค�ำถามจากภาพต่อไปน้ี สถานการณท์ ่ี 1 ถาม: ถ้าหนรู ู้สึกหวิ น้าํ มาก แตไ่ ม่มแี ก้วน้ํา หนูจะทำ� อยา่ งไร และทำ� ไมถึงตดั สนิ ใจเชน่ นั้น (ให้เวลาเดก็ ตอบคำ� ถาม 3 นาที) มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธในการทดสอบการคดิ แกป้ ญั หานน้ั จะตอ้ งใชแ้ บบบนั ทกึ คำ� ตอบของเดก็ รว่ มดว้ ย เพอ่ื บนั ทกึ คำ� ตอบ มสธของเดก็ แลว้ นำ� มาประเมนิ ให้คะแนน ดงั ตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้

มสธชื่อ..................................................................... วัน เดือน ปีเกิด....................................................................... วนั เดอื น ปที สี่ งั เกต..............................................เวลา...................................................................................... 12-48 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั ตัวอย่างแบบบันทึกคำ�ตอบ มสธ มสธรายการที่ 1ชื่อกิจกรรม คำ�ตอบของเด็ก ผลการประเมิน คะแนน ถ้าหนูรู้สึกหิวน้ํามาก ❏ ตอบไดเ้ หมาะสม แต่ไมม่ แี กว้ น้าํ หนจู ะ ❏ ต อบได้ไม่เหมาะสม/ ทำ� อยา่ งไร ไมต่ อบ มสธฯลฯ คะแนนรวม เกณฑ์การให้คะแนน 1 หมายถึง เดก็ ตอบได้เหมาะสม มสธ มสธ 0 หมายถึง เด็กตอบไม่เหมาะสม หรอื ไม่ตอบ สรปุ ไดว้ า่ การประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หา ตอ้ งใหค้ รอบคลมุ การแกป้ ญั หา ไดเ้ หมาะสม ซง่ึ การประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หา ใชก้ ารสงั เกตและบนั ทกึ พฤตกิ รรม และการทดสอบ โดยใช้เครื่องมือ คือ แบบบันทึกพฤติกรรมการแก้ปัญหาแบบระเบียนพฤติการณ์ แบบ บันทึกพฤติกรรมการคิดแก้ปัญหาแบบส้ัน แบบบันทึกพฤติกรรมการแก้ปัญหาแบบส�ำรวจรายการ และ มสธแบบทดสอบความสามารถในการคิดแก้ปญั หาโดยใช้สถานการณ์ และแบบบันทกึ คำ� ตอบ กิจกรรม 12.3.2 จงยกตวั อยา่ งเครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หามาพอสงั เขป มสธ มสธแนวตอบกิจกรรม12.3.2 เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หา คอื แบบบนั ทกึ พฤตกิ รรม การแกป้ ญั หาแบบระเบยี นพฤตกิ ารณ์ แบบบนั ทกึ พฤตกิ รรมการคดิ แกป้ ญั หาแบบสน้ั แบบบนั ทกึ พฤตกิ รรม การแกป้ ญั หาแบบสำ� รวจรายการ แบบทดสอบความสามารถในการคดิ แกป้ ญั หาโดยใหเ้ ดก็ พดู ตอบคำ� ถาม มสธและแบบบนั ทกึ คำ� ตอบ

การจดั ประสบการณ์เพ่อื พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด 12-49 มสธเรื่องที่ 12.3.3 การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ มสธ มสธการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยส่วนใหญ่เป็นการประเมินตามสภาพจริง โดยการสังเกต การ สนทนา และประเมนิ ผลงานของเดก็ แตก่ ารคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณนน้ั มลี กั ษณะซบั ซอ้ นและเปน็ นามธรรม จงึ อาจตอ้ งประเมนิ จากสถานการณท์ ก่ี ำ� หนดขนึ้ ซงึ่ ในการประเมนิ นจี้ ะขอกลา่ วถงึ ขอบขา่ ย วธิ กี ารประเมนิ และเคร่อื งมือท่ีใช้ในการประเมนิ เด็กปฐมวยั ด้านการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ ดังมรี ายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี 1. ขอบข่ายของการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ พิจารณา จากลักษณะส�ำคัญของการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งครอบคลุมการรับรู้และระบุประเด็นท่ีต้องตัดสินใจ การรวบรวมข้อมูล การใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ บอกผลที่จะเกิดข้ึนตามมาจากการตัดสินใจเลือก มสธและบอกเหตุผลท่ตี ัดสินใจเลอื ก 2. วิธีการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยดา้ นการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ การประเมนิ พฒั นาการ ทางด้านการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ สามารถท�ำได้หลายวธิ ี เชน่ 2.1 การสนทนา การสนทนา พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเด็กจะช่วยท�ำให้ครูได้ มสธ มสธทราบถงึ ความคดิ ของเดก็ ซงึ่ ในบางครงั้ การแสดงพฤตกิ รรมอาจถกู ตคี วามไปไดห้ ลายทาง เมอื่ ครสู นทนา ซักถามก็จะท�ำให้เข้าใจเด็กตามความเป็นจริงและสามารถประเมินเด็กได้สอดคล้องกับความเป็นจริง ใน การประเมินพัฒนาการทางด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ครูอาจสนทนาพูดคุยกับเด็กในช่วงกิจกรรม ยามเชา้ โดยยกสถานการณ์ทเี่ กิดข้ึนจรงิ ในสถานศึกษา หรอื ในชุมชน หรือเรื่องราวในนทิ านมาสนทนากับ เด็ก 2.2 การทดสอบ เป็นการประเมินพัฒนาการด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยใช้แบบ มสธทดสอบที่สร้างข้นึ อย่างมวี ตั ถุประสงคเ์ ฉพาะ เพ่อื ประเมนิ การใชข้ ้อมูลประกอบการตัดสนิ ใจ บอกผลทจี่ ะ เกดิ ขน้ึ ตามมาจากการตดั สนิ ใจเลอื ก และบอกเหตผุ ลทต่ี ดั สนิ ใจเลอื ก ซงึ่ ครอู าจใชส้ ถานการณท์ ใี่ กลต้ วั เดก็ หรอื เนอ้ื หาจากนทิ านมาเล่าใหเ้ ดก็ ฟังแลว้ ใหต้ อบคำ� ถาม 3. เคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ในการ ประเมนิ พัฒนาการดา้ นการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ สามารถใชเ้ ครอื่ งมอื ไดห้ ลายชนิด เช่น มสธ มสธ3.1 แบบบันทึกการสนทนา เปน็ เครอื่ งมอื ทใ่ี ชป้ ระเมนิ การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณผา่ นการ สนทนา พูดคุยกับเด็กโดยใช้สถานการณ์หรือเรื่องราวในนิทานมาเป็นหัวข้อในการสนทนา แล้วบันทึก ลกั ษณะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณทส่ี ะทอ้ นผา่ นบทสนทนา เชน่ บอกวา่ ใชข้ อ้ มลู อะไรประกอบการตดั สนิ ใจ บอกทางเลอื กในการตดั สนิ ใจไดห้ ลายๆ ทาง ใชเ้ หตผุ ลอะไรในการตดั สนิ ใจเลอื ก ฯลฯ ในทน่ี ใ้ี ชแ้ บบบนั ทกึ การสนทนาแบบสำ� รวจรายการ ซงึ่ จะมรี ายการใหค้ รสู งั เกตวา่ คำ� พดู ของเดก็ สะทอ้ นลกั ษณะดงั กลา่ วหรอื ไม่ มสธดังตวั อยา่ งต่อไปนี้

12-50 การจดั การศกึ ษาและหลักสูตรสำ� หรบั เด็กปฐมวยั มสธตัวอย่างแบบบันทึกการสนทนาแบบสำ�รวจรายการ ช่ือ........................................................ วัน เดือน ปีเกิด.......................................................................... มสธ มสธวันเดือนปี ท่ีท�ำการสังเกต............................ คร้ังที่ ............................ช่ือผู้สังเกต.................................... ค�ำช้ีแจง สนทนากบั เดก็ และทำ� เครอื่ งหมาย ✓ หนา้ ข้อความที่สอดคล้องกบั ค�ำพูดของเดก็ ❏ บอกประเด็นทต่ี อ้ งตดั สินใจ ❏ บอกข้อมลู ท่ีใชป้ ระกอบการตดั สินใจ มสธ❏ บอกวธิ ีการรวบรวมข้อมูลเพือ่ ใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจ ❏ บอกทางเลือกในการตดั สนิ ใจไดห้ ลายทางเลอื ก ❏ บอกผลท่จี ะตามมาของแต่ละทางเลือก ❏ เปรียบเทียบและบอกข้อดีและขอ้ เสียของแตล่ ะทางเลอื ก ❏ บอกเหตผุ ลในการตดั สินใจเลอื ก มสธ มสธฯลฯ 3.2 แบบทดสอบ เป็นแบบทดสอบที่สร้างขึ้นเพื่อประเมินการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล และ คำ� นงึ ถงึ ผลทจ่ี ะตามมาจากการตดั สนิ ใจ โดยครจู ะเปน็ คนอา่ นคำ� ถามใหเ้ ดก็ ฟงั จากนน้ั ใหเ้ ดก็ เลอื กคำ� ตอบ มสธจากรูปภาพที่ครูก�ำหนดให้ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบ ในที่นี้ขอยกตัวอย่างแบบทดสอบ 2 แบบคือ แบบทดสอบการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยใช้สถานการณ์ และแบบทดสอบการคิดอย่างมีวิจารณญาณ มสธ มสธ มสธโดยใชน้ ิทาน ดังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook