Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 21223 หน่วยที่ 9-15

21223 หน่วยที่ 9-15

Published by กฤษฎา ศรีสุวรรณ์, 2021-08-31 07:29:05

Description: 21223 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาและหลักสูตรสำหรับเด็กปฐมวัย หน่วยที่ 9-15

Search

Read the Text Version

ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชุมชน 15-5 มสธวัตถุประสงค์ เมือ่ ศึกษาตอนที่ 15.1 จบแล้ว นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายความหมาย และความส�ำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและ ชุมชนได้ มสธ มสธ2. อธบิ ายหลกั การและกระบวนการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน ได้ มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธ3. อธบิ ายขอบขา่ ยของการสรา้ งความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชมุ ชนได้

15-6 การศกึ ษาและหลกั สตู รสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธเรื่องที่ 15.1.1 ความหมาย และความส�ำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน มสธ มสธความสัมพันธ์ระหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชน เป็นสงิ่ ท่จี ะทำ� ให้การด�ำเนินการจดั การศกึ ษา ปฐมวยั มีคณุ ภาพ และสามารถพฒั นาเดก็ ปฐมวัยใหม้ ีคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงคต์ ามท่ีตอ้ งการ ในเรื่องนีจ้ ะ กลา่ วถงึ ความหมายและความสำ� คญั ของความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน ดงั รายละเอยี ด ต่อไปนี้ มสธความหมายของความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน การท�ำความเข้าใจความหมายของความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน ควรท�ำ ความเขา้ ใจค�ำว่า “ความสมั พันธ์” “สถานศึกษา” และ “บา้ นและชมุ ชน” กอ่ น ดังจะกล่าวถงึ ต่อไปนี้ สัมพันธ์ มคี วามหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 (ราชบณั ฑิตยสถาน, มสธ มสธ2546, น. 1170) วา่ ผกู พนั เกย่ี วขอ้ ง ดงั นน้ั ความสมั พนั ธจ์ งึ เปน็ สภาวะของความผกู พนั และเกยี่ วขอ้ งกนั สถานศึกษา ในทน่ี ห้ี มายถงึ สถานศกึ ษาทเี่ ปดิ ทำ� การสอนระดบั ปฐมวยั ศกึ ษา ตามพระราชบญั ญตั ิ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545) ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2553) (สำ� นักงานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา (องคก์ ารมหาชน), 2558) ระบใุ น มาตรา ๑๘ ว่า การจดั การศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขัน้ พื้นฐานใหจ้ ัดในสถานศกึ ษาตอ่ ไปน้ี (1) สถานพฒั นาเด็กปฐมวัย ไดแ้ ก่ ศนู ย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ ก่อน มสธเกณฑข์ องสถาบนั ศาสนา ศนู ยบ์ รกิ ารชว่ ยเหลอื ระยะแรกเรมิ่ ของเดก็ พกิ ารและเดก็ ซง่ึ มคี วามตอ้ งการพเิ ศษ หรือสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั ท่เี รียกชือ่ อย่างอนื่ (2) โรงเรยี น ไดแ้ ก่ โรงเรยี นของรฐั โรงเรยี นเอกชน และโรงเรยี นทสี่ งั กดั สถาบนั พทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาอนื่ (3) ศูนย์การเรียน ได้แก่ สถานท่ีเรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล มสธ มสธครอบครวั ชมุ ชน องคก์ รชมุ ชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ องคก์ รเอกชน องคก์ รวชิ าชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบนั ทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบนั สังคมอนื่ เปน็ ผู้จดั บ้านและชุมชน ในทีน่ ้ี หมายถงึ พอ่ แม่ ผ้ปู กครองของเดก็ ปฐมวัยที่เรียนอย่ใู นสถานศึกษา รวม ทัง้ บคุ คล องค์กร และหน่วยงานตา่ งๆ ทอี่ ยใู่ นชมุ ชนทีส่ ถานศึกษาตง้ั อยู่ ดงั นน้ั ความหมายของความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน จงึ หมายความถงึ สภาวะ ของความผูกพันและเกี่ยวข้องกันของสถานศึกษาท่ีเปิดท�ำการสอนในระดับปฐมวัยศึกษา กับพ่อแม่ มสธผู้ปกครองของเด็กปฐมวัยท่ีเรียนอยู่ในสถานศึกษา รวมทั้งบุคคล องค์กร และหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ใน ชุมชนท่ีสถานศึกษาต้ังอยู่

ความสมั พนั ธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน 15-7 อยา่ งไรกด็ ี ความหมายทก่ี ลา่ วถงึ นน้ั เปน็ การกลา่ วถงึ ความหมายตามคำ� สำ� คญั ทป่ี ระกอบกนั ขน้ึ มสธเทา่ นน้ั ความหมายของความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชนทางการศกึ ษาโดยทว่ั ไป มคี วามหมาย ทีล่ ึกซ้ึงมากกวา่ น้นั ดังท่ี Kimbrough and Nunnery (1984 อ้างถึงใน สมาน อัศวภมู ,ิ 2551, น. 394) ให้ความหมายของความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชนวา่ เปน็ กจิ กรรมทสี่ ถานศึกษาท�ำรว่ ม กับชุมชน เพ่ือส่ือสารให้เข้าใจกิจการของสถานศึกษาโดยเฉพาะทางด้านหลักสูตรและการจัดการเรียน มสธ มสธการสอน เพอื่ ใหบ้ า้ นและชมุ ชนไดเ้ ขา้ ใจและใหค้ วามรว่ มมอื ในการดำ� เนนิ งานของสถานศกึ ษา อนั จะนำ� ไป สู่ความร่วมมอื ของบ้านและชุมชนในการจัดการศกึ ษาให้มีคุณภาพมากย่งิ ข้นึ ดังน้ัน ความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชนทางการศึกษาในส่วนของการจัดการ ศกึ ษาระดบั ปฐมวยั ศึกษา จึงหมายความถงึ ว่า “การด�ำเนนิ กิจกรรมใดๆ รว่ มกันของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา ปฐมวัย ครูและผู้ทเ่ี กยี่ วขอ้ งในสว่ นของสถานศึกษา พอ่ แม่ ผู้ปกครองของเด็กปฐมวยั ทศี่ กึ ษาอยูใ่ นสถาน ศึกษา รวมทั้งบคุ คล องคก์ ร และหนว่ ยงานตา่ งๆ ทอี่ ยูใ่ นชุมชนทสี่ ถานศึกษาตงั้ อยู่ เพ่อื ก่อให้เกิดความ มสธเข้าใจร่วมกันในการด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ ของสถานศึกษา โดยเฉพาะทางด้านหลักสูตรและการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้ส�ำหรับเด็กปฐมวัย อันจะน�ำไปสู่การร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา เพอื่ พัฒนาเด็กปฐมวยั ให้เป็นผมู้ ีคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค”์ ความส�ำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน มสธ มสธความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน จะส่งผลให้สถานศึกษาจัดการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ ส่งผลให้เด็กปฐมวัยมีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ นอกจากน้ันยังก่อให้เกิดผลดีท้ังต่อพ่อแม่ ผูป้ กครอง และชุมชนอีกด้วย ในเรอื่ งนีจ้ ะกล่าวถึงความส�ำคญั ของความสัมพันธ์ระหว่างบา้ น สถานศึกษา และชุมชนที่มีต่อเด็กปฐมวัย ต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ต่อสถานศึกษา และต่อชุมชน (ชูชาติ พ่วงสมจิตร์, 2555; ธัญญรัศม์ นธิ ิกลุ ธีระภัทร์ และวรนาท รกั สกุลไทย, 2555; Grant and Ray, 2013; Gestwicki, 2004) ดังรายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ มสธ1. ความสำ� คญั ทมี่ ตี อ่ เดก็ ปฐมวยั เมอ่ื สถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน มคี วามสมั พนั ธท์ ด่ี ตี อ่ กนั ยอ่ ม สง่ ผลดตี ่อเด็กปฐมวัย ดงั น้ี 1.1 ช่วยใหเ้ ดก็ มคี วามสุขในการเรียนรู้ สามารถเข้ารว่ มกิจกรรมตา่ งๆ ของสถานศึกษาได้ อย่างกระตือรือร้น ไม่กลัวที่จะแยกจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง ไม่กลัวท่ีจะมาสถานศึกษา รักและชอบท่ีจะมา สถานศกึ ษา ซง่ึ เปน็ ผลจากการทเ่ี ดก็ รบั รวู้ า่ พอ่ แม่ ผปู้ กครองของตนกบั สถานศกึ ษามสี มั พนั ธภาพทดี่ ตี อ่ กนั มสธ มสธ1.2 ชว่ ยใหเ้ ดก็ มคี วามรสู้ กึ ผอ่ นคลาย สบายใจเมอ่ื มาสถานศกึ ษา มคี วามรสู้ กึ เหมอื นไดอ้ ยู่ ในสถานท่ที ีค่ นุ้ เคยไม่แปลกแยก 1.3 ชว่ ยใหเ้ ดก็ มีความรู้สึกม่ันคง ปลอดภยั ในสภาพแวดลอ้ มใหม่ และสามารถปรบั ตวั เข้า กบั สภาพการณแ์ ละส่งิ ตา่ งๆ ในสถานศึกษาไดง้ ่าย เพราะการที่พอ่ แม่ ผู้ปกครอง กบั ครูมคี วามไวว้ างใจ และความเคารพต่อกัน กจ็ ะท�ำให้เด็กรู้สึกปลอดภยั ในสถานท่ใี หมท่ ีเ่ ดก็ เข้ามาอยู่ 1.4 ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านต่างๆ ดีขึ้น เมื่อเด็กอบอุ่นใจ รู้สึกม่ันคงปลอดภัยกับการ มสธมาสถานศึกษา ท�ำให้เด็กสามารถได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของทางสถานศึกษาได้อย่างรวดเร็ว อันจะ ส่งผลใหเ้ ด็กมีพฒั นาการดีข้ึน

15-8 การศกึ ษาและหลักสูตรสำ� หรับเด็กปฐมวัย 1.5 ชว่ ยใหเ้ ดก็ เหน็ วา่ ตนเองมคี ณุ คา่ มที กั ษะทางสงั คมทดี่ ขี น้ึ เพราะเมอ่ื พอ่ แม่ ผปู้ กครอง มสธแสดงใหเ้ หน็ ถงึ การมคี วามสมั พนั ธท์ ด่ี กี บั ครู ผบู้ รหิ าร ตลอดจนบคุ ลากรอนื่ ๆ ของสถานศกึ ษา และเดก็ จะ ร้สู ึกมวี ่าคุณคา่ เม่ือไดเ้ ห็นวา่ พอ่ แม่ ผูป้ กครองของตนไดร้ บั การยอมรบั ความเคารพ และไวว้ างใจ รวมท้งั ท�ำใหเ้ ด็กสามารถสร้างความสมั พนั ธก์ บั ผอู้ นื่ ไดด้ ีอีกด้วย 1.6 ช่วยให้เด็กพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน เพราะการมีความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกันก่อให้เกิด มสธ มสธความรู้ ความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเด็กระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน ท�ำให้ แต่ละส่วนรว่ มกนั พัฒนาเด็กไปในทศิ ทางเดยี วกัน 2. ความส�ำคัญท่ีมีต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง เมือ่ สถานศึกษา บ้านและชมุ ชน มคี วามสัมพันธท์ ่ดี ตี ่อ กัน ยอ่ มส่งผลดีต่อพ่อแม่ ผ้ปู กครอง ดงั นี้ 2.1 ชว่ ยใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองไวว้ างใจ ไมก่ งั วลกบั บตุ รหลานมากเกนิ ไป ปฏบิ ตั หิ นา้ ทภี่ ารกจิ ของตนได้อย่างสบายใจ เมอ่ื พ่อแม่ ผ้ปู กครอง มีความสัมพนั ธอ์ ันดกี บั สถานศกึ ษา มีความรู้ ความเขา้ ใจ มสธถงึ กจิ กรรมตา่ งๆ ของสถานศกึ ษา รวู้ า่ สถานศกึ ษาจดั กจิ กรรมตา่ งๆ อยา่ งไร มวี ตั ถปุ ระสงคอ์ ะไร กจิ กรรม ในแตล่ ะวนั ประกอบไปด้วยอะไรบา้ ง ท�ำใหท้ ราบว่าบตุ รหลานของตนกำ� ลังทำ� อะไรอยู่ที่สถานศึกษา กจ็ ะ คลายความกังวลใจ สามารถปฏบิ ตั ิหน้าทีภ่ ารกจิ ประจ�ำวนั ของตนไดอ้ ย่างดี 2.2 ชว่ ยให้พ่อแม่ ผปู้ กครองสามารถดูแลบุตรหลานได้สอดคล้องกับทางสถานศึกษา เมอ่ื พ่อแม่ ผปู้ กครอง มคี วามสัมพันธ์อันดกี บั สถานศึกษา ก็จะสามารถนำ� แนวทางทีถ่ กู ต้องในการอบรมเลยี้ ง มสธ มสธดบู ตุ รหลานของตนทส่ี ถานศกึ ษาดำ� เนนิ การอยมู่ าใชท้ บ่ี า้ น ซง่ึ จะทำ� ใหเ้ กดิ การอบรมเลย้ี งดทู ส่ี อดคลอ้ งกนั ระหวา่ งบ้าน คอื พ่อแม่ ผู้ปกครองกบั ทางสถานศึกษา อนั จะสง่ ผลดตี ่อเด็กในทีส่ ุด 2.3 ชว่ ยใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองมคี วามรู้ ความเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ ง มคี วามมน่ั ใจในตนเองเกย่ี วกบั การเล้ียงดูบุตรหลานของตน รวมท้ังมีทักษะในการอบรมเล้ียงดูและส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ให้กับ เดก็ ชว่ ยลดความขดั แยง้ ทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ ระหวา่ งพอ่ แม่ ผปู้ กครอง กบั ครู และบคุ ลากรอน่ื ๆ ในสถานศกึ ษา เมื่อพ่อแม่ ผู้ปกครองกบั สถานศกึ ษามคี วามสมั พันธ์ทดี่ ีต่อกัน มสธ2.4 ช่วยให้พ่อแม่ ผู้ปกครองมีทัศนคติที่ดีต่อสถานศึกษา เป็นมิตรกับบุคลากรทุกฝ่ายใน สถานศึกษาเคารพและให้เกียรติซ่ึงกันและกัน และคอยช่วยเหลือเก้ือกูลกันในเรื่องต่างๆ ท่ีนอกเหนือไป จากเร่ืองการอบรมเลี้ยงดู และพฒั นาบุตรหลานของตน 2.5 ชว่ ยให้พ่อแม่ ผปู้ กครองมคี วามสัมพนั ธอ์ นั ดีกบั พอ่ แม่ ผปู้ กครองอ่นื ๆ ท�ำให้สามารถ สื่อสาร แลกเปล่ียนขอ้ มูลความรู้ในการเล้ยี งดบู ตุ รหลานของตน รวมทัง้ มีเครือขา่ ยคอยชว่ ยเหลือดแู ลกนั มสธ มสธในเรื่องการอบรมเลย้ี งดบู ตุ รหลานของตน 3. ความส�ำคัญที่มีต่อสถานศึกษา เม่ือสถานศึกษา บ้านและชุมชน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ยอ่ มส่งผลดตี อ่ สถานศึกษา ดังน้ี 3.1 ท�ำให้สถานศึกษามีข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการและปัญหาของบ้านและชุมชน ท�ำให้ สามารถจดั การศึกษาไดอ้ ย่างเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของบ้านและชุมชน 3.2 ท�ำให้สถานศึกษาได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนนจากบ้านและชุมชนทั้งทางด้าน มสธทรัพยากร ทางด้านภูมิปัญญาของชุมชน และองค์ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น บ้านและชุมชนท่ี สถานศกึ ษาตงั้ อยู่

ความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน 15-9 3.3 ท�ำให้สถานศึกษา บ้านและชุมชนมีความเข้าใจอันดีต่อกัน ซ่ึงรวมถึงทราบความ มสธเคลื่อนไหว หรอื ความเปลย่ี นแปลงตา่ งๆ ทเ่ี กิดขนึ้ ทั้งทางสถานศึกษา ทบ่ี า้ นและชมุ ชน ท�ำใหก้ ารดำ� เนนิ งานต่างๆ เป็นไปในทางเดียวกัน 3.4 ชว่ ยแกป้ ญั หาความขดั แยง้ ทอี่ าจจะเกดิ ขนึ้ ระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน อนั เนอ่ื ง มาจากความแตกตา่ งทางความคดิ คา่ นยิ ม และเจตคตทิ ่ไี ม่ตรงกนั มสธ มสธ3.5 ช่วยให้เกิดการมีส่วนร่วมในการด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมของสถาน ศกึ ษา การมสี ่วนรว่ มดงั กล่าว ควรเป็นไปเพื่อประโยชน์สงู สุดที่เดก็ ควรไดร้ ับ 4. ความส�ำคัญที่มีต่อชุมชน เมื่อสถานศึกษา บา้ นและชุมชน มีความสัมพนั ธท์ ่ีดตี ่อกัน ย่อมสง่ ผลดตี อ่ ชุมชน ดงั นี้ 4.1 ทำ� ใหช้ มุ ชนมคี วามเขา้ ใจอนั ดตี อ่ สถานศกึ ษา และทำ� ใหอ้ งคก์ ร หนว่ ยงาน รวมทงั้ บคุ คล ในชุมชนไดม้ โี อกาสเข้ามามสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมของสถานศึกษา มสธ4.2 ทำ� ใหช้ ุมชนได้ใช้ทรพั ยากรของสถานศึกษาในการดำ� เนนิ กิจกรรมใดๆ ของชุมชน ไม่ ว่าจะเป็นในส่วนของอาคารสถานที่ วัสดุอุปรณ์ เคร่ืองมือทางเทคโนโลยีอื่นๆ หรือแม้กระท่ังทรัพยากร บุคคลของสถานศกึ ษาที่มคี วามรคู้ วามสามารถที่หลากหลาย 4.3 ท�ำให้ชุมชนสามารถฟื้นฟูและรักษาวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมอันดีงามของชุมชน สถานศกึ ษาจะเปน็ กำ� ลงั สำ� คญั ในการถา่ ยทอดสงิ่ ดงี ามเหลา่ นใ้ี หก้ บั เดก็ ๆ และเปน็ กลมุ่ บคุ คลสำ� คญั จำ� นวน มสธ มสธมากทเ่ี ขา้ รว่ มกจิ กรรมทางวฒั นธรรมประเพณขี องชมุ ชน ไมว่ า่ จะเปน็ เดก็ ครู ผบู้ รหิ าร บคุ ลากรทเี่ กย่ี วขอ้ ง รวมท้งั ผ้ปู กครองเดก็ 4.4 ท�ำให้ประชาชนในชุมชนเข้าใจถึงความส�ำคัญของการศึกษาปฐมวัย และเกิดความ ตระหนกั วา่ การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั เปน็ หนา้ ทข่ี องทกุ คน ทจี่ ะตอ้ งใหค้ วามสนใจและเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการ พัฒนาเดก็ ร่วมกับทางสถานศกึ ษา 4.5 ทำ� ใหช้ มุ ชนสรา้ งความรว่ มมอื กบั ทางสถานศกึ ษาในการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของคนใน มสธชมุ ชนนอกเหนือไปจากการร่วมมือกนั พฒั นาคุณภาพของเดก็ ปฐมวัย สรุปได้ว่า การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน มีความส�ำคัญต่อตัวเด็ก ในอนั ทจ่ี ะช่วยใหเ้ ดก็ มคี วามสขุ ในการเรียนรู้ รู้สกึ อบอนุ่ ใจเมอื่ มาสถานศึกษา รู้สึกมีความม่ันคงปลอดภยั มพี ฒั นาการที่ดีขึ้นในทกุ ดา้ น รวมทั้งเห็นว่าตนเองมีคุณคา่ และมีทกั ษะทางสงั คมท่ีดขี นึ้ และช่วยใหเ้ ดก็ ได้พัฒนาไปในทศิ ทางเดยี วกนั มีความส�ำคัญต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง คอื ช่วยใหพ้ ่อแม่ ผปู้ กครองไวว้ างใจ มสธ มสธไม่กังวลกับลูกมากเกินไป สามารถเลี้ยงดูบุตรหลานได้อย่างถูกต้องสอดคล้องกับสถานศึกษา มีความรู้ ความเข้าใจที่ถกู ต้อง มีความม่ันใจ รวมทง้ั ทกั ษะในการอบรมเลี้ยงดแู ละสง่ เสรมิ พฒั นาการดา้ นตา่ งๆ ให้ กับเด็ก ช่วยลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น มีทัศนคติที่ดีต่อสถานศึกษา และมีความสัมพันธ์อันดีกับ ผปู้ กครองอ่นื ๆ มีความส�ำคัญต่อสถานศึกษา คือช่วยใหส้ ถานศกึ ษามีข้อมลู รบั ทราบความต้องการและ ปัญหาของชุมชน ได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากชุมชน มีความเข้าใจอันดีต่อกัน ช่วยแก้ปัญหาความ ขดั แยง้ ทอี่ าจจะเกดิ ขน้ึ และชว่ ยใหเ้ กดิ การมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมตา่ งๆ ของสถานศกึ ษา และมีความส�ำคัญ มสธต่อชุมชน คอื ทำ� ใหช้ มุ ชนมคี วามเขา้ ใจอนั ดตี อ่ สถานศกึ ษา ไดใ้ ชท้ รพั ยากรของทางสถานศกึ ษา สามารถ

15-10 การศึกษาและหลักสูตรส�ำหรบั เด็กปฐมวยั ฟื้นฟูและรักษาวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมอันดีงามของชุมชน ประชาชนตระหนักในหน้าที่ท่ีจะร่วมกัน มสธพฒั นาเดก็ และเกดิ การร่วมมือกันในการพัฒนาคุณภาพชวี ิตของคนในชมุ ชน กิจกรรม 15.1.1 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน มคี วามหมายอยา่ งไร และมคี วามสำ� คญั ตอ่ ใคร มสธ มสธบา้ง แนวตอบกิจกรรม 15.1.1 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน หมายถึง การดำ� เนนิ การร่วมกันของผบู้ ริหาร ครู และผู้เก่ียวข้อง พ่อแม่ ผู้ปกครอง บุคคล องค์กร และหน่วยงานต่างๆ ท่ีอยู่ในชุมชนเพ่ือก่อให้เกิด ความเข้าใจและร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาและพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีคุณลักษณะท่ีพึง มสธประสงคต์ ามทตี่ ้องการ มีความส�ำคัญทง้ั ตอ่ ตัวเด็กปฐมวยั ต่อพ่อแม่ ผปู้ กครอง ต่อสถานศึกษา และตอ่ ชมุ ชน เชน่ ชว่ ยใหเ้ ดก็ มคี วามสุขในการเรียนรู้ ไดพ้ ฒั นาไปในทศิ ทางเดียวกนั ช่วยใหพ้ ่อแม่ ผปู้ กครอง ไว้วางใจ ไม่กังวลกับลกู มากเกนิ ไป ชว่ ยแก้ปัญหาความขัดแยง้ ท่ีอาจจะเกิดข้ึน ช่วยให้สถานศึกษาไดร้ บั การชว่ ยเหลือจากบ้านและชุมชน ชว่ ยให้ชุมชนมคี วามเขา้ ใจอันดตี อ่ สถานศกึ ษา ฯลฯ มสธ มสธเรื่องที่15.1.2 หลักการและกระบวนการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้าน มสธและชุมชน การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน เป็นการด�ำเนินการร่วมกันระหว่าง สถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน เพอ่ื กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ ตอ่ เดก็ ปฐมวยั อนั เปน็ เปา้ หมายของการจดั การ มสธ มสธศกึ ษา ในการสรา้ งความสมั พนั ธด์ งั กลา่ วมหี ลกั การ และกระบวนการในการสรา้ งความสมั พนั ธ์ ดงั จะกลา่ ว ถงึ รายละเอียดตอ่ ไปน้ี หลักการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน “ในการจดั การศกึ ษา ตอ้ งยดึ หลกั การมสี ว่ นรว่ มของบคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน องคก์ รชมุ ชน องคก์ ร ปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันอ่ืนๆ” มสธค�ำกล่าวน้ี มาจากพระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 (ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่ง

ความสมั พันธ์ระหว่างสถานศึกษา บา้ นและชุมชน 15-11 ชาต,ิ 2545) เปน็ การกล่าวถงึ หลักการในการจดั การศกึ ษาโดยทว่ั ไปทจ่ี ะต้องเกดิ จากความร่วมมือของทุก มสธฝา่ ย ในการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน จงึ มหี ลกั การทส่ี ำ� คญั ทใี่ ชเ้ ปน็ หลกั ปฏบิ ตั ิ ในการสร้างความสมั พนั ธร์ ะหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน ซ่ึงในเรอื่ งน้จี ะกลา่ วถงึ หลกั การสรา้ งความ สัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชนทางการศึกษาโดยทั่วไป และหลักการสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างสถานศกึ ษา บ้านและชุมชนทางการศกึ ษาปฐมวัย ดงั ต่อไปน้ี มสธ มสธ1. หลักการสร้างความความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน ทางการศึกษาท่ัวไป ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชนได้มีผู้เสนอหลักการไว้หลากหลาย ในบาง คร้ังก็ใช้ค�ำท่ีแตกต่างกัน เช่น หลักการมีส่วนร่วมระหว่างบ้านกับสถานศึกษา หลักการบริหารงานความ สัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับชุมชน หลักการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน หลักการสร้างความสัมพันธ์ ระหวา่ งครอบครวั และสถานศกึ ษา ฯลฯ ในทน่ี จ้ี ะขอใชค้ ำ� วา่ หลกั การสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชุมชน หลักการทจี่ ะเสนอต่อไปนี้ ผ้ทู น่ี �ำเสนอไว้ คอื พร้อมพไิ ล บวั สวุ รรณ (2554, น. 54-57) มสธดงั มสี าระส�ำคัญสรปุ ได้ดังน้ี 1.1 หลักการหัวใจคือผู้เรียน การท�ำงานรว่ มกันระหว่างสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชน ตอ้ ง เรม่ิ ต้นจากการมเี ป้าหมายร่วมกนั ท่ีชัดเจน ซ่งึ เป้าหมายของการศึกษาคือ การพัฒนาคณุ ภาพของผูเ้ รียน สว่ นเปา้ หมายของพอ่ แม่ ผ้ปู กครองและชุมชน กไ็ ม่แตกตา่ งกนั คอื เพ่อื พฒั นาบตุ รหลานใหม้ ีคณุ ลักษณะ ทพ่ี งึ ประสงค์ แมส้ ถานศกึ ษา พอ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชนอาจมเี ปา้ หมายอยา่ งกวา้ งรว่ มกนั คอื เพอ่ื พฒั นา มสธ มสธคณุ ภาพของผเู้ รยี น แตห่ ากเขา้ ใจความหมายของคณุ ภาพผเู้ รยี นแตกตา่ งกนั อาจนำ� ไปสวู่ ธิ กี ารปฏบิ ตั แิ ละ ผลลพั ธท์ แี่ ตกตา่ งกนั ได้ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากความแตกตา่ งในมมุ มองของพอ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชนเกย่ี วกบั คณุ ภาพของผเู้ รยี นทต่ี อ้ งการใหเ้ ดก็ เกง่ เพยี งอยา่ งเดยี ว ไมค่ ำ� นงึ ถงึ คณุ ลกั ษณะดา้ นอน่ื เชน่ ความดี หรอื การมคี วามสขุ ในการเรยี นรู้ ฯลฯ กจ็ ะสง่ ผลใหเ้ กดิ วธิ กี ารปฏบิ ตั ทิ แ่ี ตกตา่ งกนั การสรา้ งความเขา้ ใจรว่ มกนั ในหลกั การและเปา้ หมายของคณุ ภาพผเู้ รยี นและสรา้ งใหเ้ กดิ การยอมรบั รว่ มกนั ในวงกวา้ ง จงึ เปน็ สงิ่ สำ� คญั ในการทำ� งานรว่ มกนั ระหว่างสถานศกึ ษา พอ่ แม่ ผู้ปกครองและชมุ ชน มสธ1.2 หลักการผสานจุดแข็ง สถานศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชน ต่างมีจุดอ่อนท่ีเป็น ขอ้ จำ� กดั ของตนเองและมจี ดุ แขง็ ทสี่ ามารถเออื้ ประโยชนต์ อ่ กนั เพอ่ื เอาชนะขอ้ จำ� กดั ทแ่ี ตล่ ะฝา่ ยมอี ยไู่ ด้ เชน่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดบุตรหลาน รู้จัก เข้าใจ และสามารถให้การดูแลเอาใจใส่ บตุ รหลาน คอยตดิ ตามผลการเรยี นรขู้ องบตุ รหลานได้ ในขณะทส่ี ถานศกึ ษามคี รทู มี่ คี วามรคู้ วามเชย่ี วชาญ ด้านเน้ือหาวิชาและการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน แต่ด้วยข้อจำ� กัดท่ีมีนักเรียนใน มสธ มสธความรับผดิ ชอบมาก อาจทำ� ให้การดแู ลเอาใจใส่ตดิ ตามผ้เู รยี น โดยเฉพาะดา้ นพฤตกิ รรมและคณุ ลกั ษณะ ไมค่ รอบคลุมเท่ากบั ที่พอ่ แม่ ผปู้ กครองแตล่ ะคนสามารถช่วยดแู ลได้ นอกจากนี้ พ่อแม่ ผ้ปู กครอง และ คนในชมุ ชน แตล่ ะคนกม็ จี ดุ แขง็ ทแ่ี ตกตา่ งกนั บางคนอาจมคี วามพรอ้ มดา้ นการเงนิ เวลา หรอื ความรคู้ วาม สามารถ ทสี่ ามารถใหก้ ารสนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานตา่ งๆ ของสถานศกึ ษาเพอื่ พฒั นาผเู้ รยี นไดแ้ ตกตา่ งกนั ก็สามารถเอื้อประโยชน์ต่อกันได้ ดังน้ันการท�ำงานร่วมกันระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชนจึงเป็น การคน้ หาจดุ แขง็ ท่ีแตล่ ะฝ่ายและแตล่ ะคนมีอย่ใู นการเอ้ือประโยชนต์ อ่ การพฒั นาคุณภาพของผูเ้ รียน และ มสธต้องเปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้น�ำจุดแข็งท่ีมีอยู่ออกมาใช้ รวมท้ังเป็นการผสานจุดแข็งเพ่ือก่อให้เกิด ประโยชน์ในการพฒั นาผเู้ รียน

15-12 การศึกษาและหลักสตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวยั 1.3 หลักการเสริมพลังอ�ำนาจ การให้อ�ำนาจแก่ผู้มีส่วนเก่ียวข้องในการท�ำงานร่วมกัน มสธระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชนเป็นส่ิงส�ำคัญ เพราะความรับผิดชอบมาพร้อมกับอ�ำนาจที่ได้รับ ดงั คำ� กลา่ วทวี่ า่ The great power comes with the great responsibility หรอื อำ� นาจทย่ี งิ่ ใหญม่ าพรอ้ มกบั ความรบั ผดิ ชอบที่ย่ิงใหญ่ด้วยเชน่ กัน ดังนน้ั การสรา้ งความรบั ผดิ ชอบของพ่อแม่ ผู้ปกครองและชมุ ชนต่อ การพฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รยี นจงึ ตอ้ งใหอ้ ำ� นาจพอ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชนในการมสี ว่ นรว่ มตดั สนิ ใจ มกี าร มสธ มสธไว้วางใจ รวมทัง้ มกี ารพฒั นาความรคู้ วามสามารถหรือการเปน็ พ่เี ลย้ี งเพอ่ื ให้ พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชน สามารถด�ำเนนิ การไดต้ ามเปา้ หมาย พอ่ แม่ ผู้ปกครองหรือบคุ คลในชมุ ชนทแี่ ตกตา่ งกันอาจมีแรงจูงใจใน การมีส่วนร่วมกับสถานศึกษาท่ีแตกต่างกัน จึงต้องได้รับการกระตุ้นเสริมแรง การเสริมพลังอ�ำนาจให้กับ พอ่ แม่ ผปู้ กครองและคนในชมุ ชนจงึ มไี ดห้ ลายระดบั ผทู้ ม่ี คี วามพรอ้ มทงั้ รา่ งกาย จติ ใจ สงั คมสามารถเปน็ แกนนำ� ในการกระตนุ้ คนอนื่ ๆ ใหเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มกบั สถานศกึ ษาไดม้ ากขน้ึ โดยปจั จบุ นั พบวา่ มผี ทู้ สี่ ามารถ เป็นผู้ริเริ่มด�ำเนินการกิจกรรมต่างๆ ของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนได้เป็นอย่างดี โดยได้มีการสร้าง มสธเครอื ขา่ ยพอ่ แม่ ผปู้ กครองทงั้ ในระดบั สถานศกึ ษา ระดบั ทอ้ งถนิ่ ภมู ภิ าคและระดบั ประเทศ ทำ� ใหเ้ กดิ เปน็ เครอื ขา่ ยการเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รยี นไดใ้ นวงกวา้ ง โดยไมไ่ ดจ้ ำ� กดั เพยี งในบรบิ ทสถานศกึ ษา ของตนเองเทา่ นั้น 1.4 หลักการตอบสนองความคาดหวัง การท�ำงานร่วมกันระหว่างสถานศึกษา บ้านและ ชุมชน เป็นการท�ำงานร่วมกันเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน ซ่ึงการบรรลุเป้าหมายน้ันไม่อาจเกิดขึ้นได้โดย มสธ มสธการกระท�ำของฝ่ายใดฝ่ายหนึง่ เท่าน้นั ดงั นั้นจงึ ต้องมีการตอบสนองต่อความคาดหวงั ของกนั และกัน การ ตอบสนองต่อความคาดหวังในระดับตํ่าสุดคือการแสดงความรับผิดชอบในบทบาทหน้าที่ของตนเอง แต่ หากการตอบสนองทไ่ี ดร้ บั นน้ั เกนิ กวา่ ความคาดหวงั จะกลายเปน็ ความพงึ พอใจทจ่ี ะทำ� ใหก้ ารมคี วามสมั พนั ธ์ ระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชนนนั้ ยงั่ ยนื ได้ การรบั รคู้ วามตอ้ งการและความคาดหวงั ของแตล่ ะฝา่ ยจงึ เป็นสง่ิ สำ� คัญของการทำ� งานร่วมกัน ซ่งึ ต้องมกี ารประเมนิ ติดตามผลวา่ ความคาดหวงั ท่ีแตล่ ะฝา่ ยมอี ยนู่ ้นั ไดร้ บั การตอบสนองหรอื ไม่ เพราะหากความคาดหวงั ไมไ่ ดร้ บั การตอบสนองจะกลายเปน็ ความผดิ หวงั ทน่ี ำ� มสธไปสูก่ ารหลีกเลย่ี งการเข้ามามีสว่ นรว่ มกบั สถานศกึ ษา หรือกลายเปน็ ความสมั พันธ์ท่ไี มด่ ีระหว่างกัน และ ขยายผลไปสวู่ งกวา้ งหรอื เปน็ ขอ้ ขดั แย้งระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ ผปู้ กครอง และชุมชนได้ 1.5 หลักการรับผิดชอบร่วมกัน เนอ่ื งจากการทำ� งานรว่ มกนั ระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและ ชมุ ชน เป็นการทแ่ี ตล่ ะฝา่ ยมีบทบาทอยา่ งเทา่ เทยี มกันในการมสี ่วนรว่ มตัดสินใจ ด�ำเนนิ การ ดงั นนั้ ความ รับผิดชอบในผลแห่งการกระท�ำจึงต้องเกิดขึ้นร่วมกันด้วยเช่นกัน เพราะการมีความรับผิดชอบร่วมกันจะ มสธ มสธนำ� ไปสกู่ ารแสวงหาบทเรยี นเพอื่ การพฒั นาปรบั ปรงุ ตอ่ ไป การสรา้ งความตระหนกั และการเนน้ ยา้ํ ถงึ ความ รบั ผดิ ชอบตอ่ การกระทำ� ของกนั และรบั ผดิ ชอบตอ่ ผลลพั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ รว่ มกนั จะเปน็ การสรา้ งความเกยี่ วขอ้ ง ผูกพันทางจิตใจที่ยึดโยงการมีส่วนร่วมกับสถานศึกษาของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนในการพัฒนา คณุ ภาพของผเู้ รยี นใหด้ ำ� เนนิ ตอ่ ไปได้ เพราะหากความรบั ผดิ ชอบรว่ มกนั ไมเ่ กดิ ขนึ้ แลว้ การกลา่ วโทษอาจ เกดิ ขน้ึ และกลายเปน็ ความขดั แยง้ ทไี่ มส่ ามารถทำ� ใหก้ ารทำ� งานรว่ มกนั ดำ� เนนิ ตอ่ ไปได้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ มสธการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี นซง่ึ ต้องอาศัยการแสดงความรับผิดชอบรว่ มกัน

ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน 15-13 หลกั การทง้ั 5 ประการทกี่ ลา่ วมาเปน็ หลกั การทใ่ี ชเ้ ปน็ หลกั ปฏบิ ตั ใิ นการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง มสธสถานศึกษา บ้านและชุมชนโดยท่ัวไป ในส่วนของการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและ ชุมชน ทางการศกึ ษาปฐมวัยกม็ หี ลกั การที่ใชเ้ ปน็ หลกั ในการด�ำเนนิ การเช่นกนั 2. หลักการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน ทางการศึกษาปฐมวัย ใน การดำ� เนนิ การเกี่ยวกับการสรา้ งความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชุมชน ทางการศึกษาปฐมวยั มสธ มสธเองกม็ หี ลกั ในการดำ� เนนิ การเชน่ เดยี วกนั กบั การจดั การศกึ ษาทวั่ ไป ดงั ทวี่ รนาท รกั สกลุ ไทย (2555, น. 2 อา้ งถงึ ใน ธญั รศั ม์ นธิ กิ ลุ ธรี ะภทั ร์ และวรนาท รกั สกลุ ไทย, 2555) เสนอหลกั การไว้ 5 ประการ ไดแ้ ก่ หลกั การ พอ่ แม่คือครคู นแรก หลกั การเคารพในคณุ ค่าซึง่ กันและกันระหว่างสถานศึกษากบั พ่อแม่ หลกั การส่อื สาร สองทาง หลักการส่งเสริมทกั ษะการเลยี้ งดู และหลกั การมสี ว่ นรว่ มของพ่อแม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชน ใน การพัฒนาเด็ก ดังมรี ายละเอียดพอสรุปได้ดังตอ่ ไปน้ี 2.1 หลักการพ่อแม่คือครูคนแรก พ่อแม่เป็นบุคคลแรกท่ีมีบทบาทส�ำคัญอย่างสูงในการ มสธอบรมเลี้ยงดูลูกต้ังแต่แรกเกิด และผลจากการเล้ียงดูนั้นยังมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของเด็กไปอีกยาวนาน ตลอดชวี ติ ประสบการณข์ องเดก็ ในวยั เรม่ิ ตน้ ของชวี ติ เปน็ รากฐานสำ� คญั ทส่ี ดุ ตอ่ ความสำ� เรจ็ ของการเรยี นรู้ ในอนาคต และตลอดชีวิตของเด็ก พ่อแม่มีบทบาทที่ส�ำคัญย่ิงในการสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับเด็ก ในฐานะทเ่ี ป็นครูคนแรก และเป็นครทู ่มี ีความสำ� คัญทีส่ ดุ ด้วยเหตุนี้สถานศกึ ษาปฐมวัยจึงควรตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ดังกล่าว และถือเป็นหลกั ในการสรา้ งความสมั พันธ์อันดีกบั พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชมุ ชน ดว้ ย มสธ มสธการสง่ เสริมให้มคี วามรู้ ความเขา้ ใจที่ถูกต้องในการอบรมเลีย้ งดูเดก็ 2.2 หลกั การเคารพในคณุ คา่ ซง่ึ กนั และกนั ระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน สถานศกึ ษา ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ่อพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และบคุ คลอื่นๆ ในชมุ ชนอย่างให้เกียรติ และสง่ เสริมให้พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และคนในชมุ ชนตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ของตนเองทมี่ ตี อ่ การเลย้ี งดแู ละใหก้ ารศกึ ษากบั เดก็ ไปในแนวทาง เดียวกนั กบั สถานศกึ ษา นอกจากนี้ ตอ้ งยินดรี ับฟังความคิดเหน็ ของพอ่ แม่ ผู้ปกครองและคนอ่ืนในชมุ ชน ซงึ่ เสนอใหส้ ถานศกึ ษาพจิ ารณาเพอื่ รว่ มกนั พฒั นาเดก็ ในขณะเดยี วกนั สถานศกึ ษากค็ วรมเี ทคนคิ วธิ กี าร มสธท่ีจะท�ำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคคลในชุมชนตระหนักในความส�ำคัญของการเคารพให้เกียรติและรับฟัง ความคดิ เหน็ ของผูบ้ รหิ าร ครู และบุคคลอนื่ ๆ ในสถานศึกษาดว้ ยเชน่ กัน 2.3 หลักการสื่อสารสองทาง การสือ่ สารระหว่างสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชน ตอ้ งเป็นการ สื่อสารเชิงบวกแบบมีปฏิสัมพันธ์ เพ่ือสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน โดยทุกฝ่ายควรท�ำหน้าที่ท้ังใน ฐานะผู้ให้ข้อมูลข่าวสาร และผู้รับฟังข้อมูลข่าวสาร สถานศึกษาควรให้ความส�ำคัญกับการรับฟังข้อมูล มสธ มสธขา่ วสารและสนองตอบความตอ้ งการของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชน ไมน่ อ้ ยกวา่ การมงุ่ ทจ่ี ะเผยแพรข่ อ้ มลู และขา่ วสารของทางสถานศึกษา 2.4 หลักการส่งเสริมทักษะการเล้ียงดู สถานศึกษาเป็นแหล่งวิทยาการด้านการศึกษา ปฐมวยั สถานศกึ ษาจงึ ควรทำ� หนา้ ทใ่ี หค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ งแกพ่ อ่ แม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชนเกย่ี วกบั การอบรมเลย้ี งดแู ละเสรมิ ทกั ษะตา่ งๆ แกเ่ ดก็ อยา่ งเหมาะสมกบั พฒั นาการ โดยใชว้ ธิ กี ารทห่ี ลากหลาย เชน่ การประชุมผปู้ กครอง เพือ่ แลกเปล่ยี นเรียนรู้ซงึ่ กนั และกนั ในการพัฒนาเด็ก การจัดห้องเรยี นใหญ่ส�ำหรบั มสธผ้ปู กครองเพอื่ เรยี นรู้วธิ กี ารดแู ล จดั การกับพฤตกิ รรมทไี่ ม่พึงประสงคข์ องเด็ก เปน็ ตน้

15-14 การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั 2.5 หลักการมีส่วนร่วมระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชนในการพัฒนา มสธเดก็ การเปดิ โอกาสใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองเขา้ มามสี ว่ นรวม สามารถดำ� เนนิ การไดห้ ลากหลายแนวทาง ภายใต้ หลักการการมีสว่ นรว่ ม ตามตัวอยา่ งต่อไปนี้ 2.5.1 การมีส่วนร่วมตามความสามารถและความสนใจของผู้ปกครอง เช่น กิจกรรม ผู้ปกครองอาสา เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเข้ามาเป็นผู้ช่วยครูในการจัดกิจกรรมในห้องเรียน ช่วยดูแลเด็ก มสธ มสธขณะเดินทางไปทศั นศึกษา หรอื เป็นวิทยากรให้ความรู้กับเด็กในเรอ่ื งทีผ่ ้ปู กครองมคี วามเชีย่ วชาญ 2.5.2 การมีส่วนร่วมในด้านหลักสูตรและการจัดประสบการณ์เรียนรู้ โดยการร่วม วางแผน ร่วมตัดสนิ ใจ ร่วมแก้ปญั หา ร่วมประเมินผล และการรว่ มพฒั นาหลักสตู ร สถานศกึ ษาสามารถ เชิญพ่อแม่ ผู้ปกครอง และคนในชุมชนเข้ามาร่วมเป็นกรรมการสถานศึกษา โดยมีการก�ำหนดบทบาท หน้าทใี่ ห้ชัดเจน และร่วมกันด�ำเนินการอย่างตอ่ เนอื่ ง 2.5.3 การมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมทสี่ ถานศกึ ษาจดั ข้นึ เชน่ กิจกรรมวันปฐมนิเทศ วัน มสธพ่อ วันแม่ วันปีใหม่ วันเปิดบ้าน ร่วมชมการแสดงนิทรรศการ ความสามารถต่างๆ ของเด็ก ในโอกาส พเิ ศษอนื่ ๆ การใชห้ ลกั การมสี ว่ นรว่ มเพอื่ สรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน สถานศกึ ษา ต้องด�ำเนินการด้วยความจริงใจ และควรพัฒนาการมีส่วนร่วมของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และคนในชุมชนให้ ก้าวหน้าข้ึนอย่างต่อเนอื่ ง โดยต้องตระหนักว่าการมสี ว่ นร่วมอย่างแทจ้ รงิ ต้องส่งเสรมิ ใหพ้ อ่ แม่ ผู้ปกครอง มสธ มสธและคนในชมุ ชนได้มโี อกาสในการร่วมคดิ รว่ มวางแผน ร่วมตดั สนิ ใจ และการแก้ปญั หาร่วมกัน จากทกี่ ลา่ วมาจะเหน็ ไดว้ า่ หลกั การในการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน ประกอบดว้ ยหลักการทก่ี ลา่ วถงึ การสรา้ งความสัมพันธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชนทางการศึกษา ทว่ั ไป ซงึ่ ประกอบดว้ ย หลกั การหวั ใจคอื ผเู้ รยี น หลกั การผสานจดุ แขง็ หลกั การเสรมิ พลงั อำ� นาจ หลกั การ ตอบสนองความคาดหวงั หลกั การรบั ผดิ ชอบรว่ มกนั สำ� หรบั หลกั การสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชนทางการศกึ ษาปฐมวยั ประกอบดว้ ย หลกั การพอ่ แมค่ อื ครคู นแรก หลกั การเคารพในคณุ คา่ มสธซงึ่ กนั และกนั ระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน หลกั การสอื่ สารสองทาง หลกั การสง่ เสรมิ ทกั ษะการเลยี้ งดู และหลกั การมสี ่วนร่วมระหว่างสถานศึกษา พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชนในการพฒั นาเดก็ กระบวนการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน มสธ มสธกระบวนการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน เปน็ ขนั้ ตอนในการดำ� เนนิ การ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน เป็นงานท่ีต้องท�ำร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย สถานศึกษาต้องด�ำเนินการอย่างต่อเน่ืองระมัดระวัง เป็นข้ันเป็นตอนที่ชัดเจน จึงมีความจ�ำเป็นต้องน�ำ กระบวนการในการท�ำงานที่ดีมีคุณภาพมาใช้ในการด�ำเนินการ ซึ่งสถานศึกษาสามารถพิจารณาเลือก กระบวนการท่ีดีได้จากกระบวนการในการด�ำเนินงานทางการศึกษาและงานอ่ืนๆ ท่ัวไป ซ่ึงในท่ีน้ีผู้เขียน จะขอน�ำเสนอกระบวนการท่ีมีการน�ำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นกระบวนการที่สามารถควบคุม คุณภาพของการทำ� งาน และยงั เปน็ กระบวนการทสี่ ามารถปรับปรุงการท�ำงานอยา่ งตอ่ เน่ือง กระบวนการ มสธท่กี ล่าวถึงคือ กระบวนการ PDCA หรอื ทเี่ รียกกนั ว่าวงจรคุณภาพ PDCA ของ Deming ในเร่ืองน้จี ะ

ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน 15-15 อธิบายถึงการท�ำงานทางการศึกษาโดยท่ัวไปท่ีใช้กระบวนการ PDCA และจะอธิบายถึงการด�ำเนินงาน มสธสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชนในระดับการศึกษาปฐมวัย ตามขั้นตอนของ กระบวนการ PDCA ดังต่อไปน้ี 1. การทำ� งานทางการศกึ ษาโดยทวั่ ไปทใ่ี ชก้ ระบวนการ PDCA สถาบนั พฒั นาผบู้ รหิ ารการศกึ ษา (2548, น. 77 อ้างถึงใน วัฒนา มัคคสมัน และอมรชัย ตันติเมธ, 2555, น. 1-51 ถึง 1-52) กล่าวว่า มสธ มสธกระบวนการ PDCA ประกอบดว้ ย 4 ขน้ั ตอน คอื การวางแผน การปฏบิ ตั ติ ามแผน การตรวจสอบประเมนิ ผล และการปรบั ปรุง รายละเอยี ดในแตล่ ะขนั้ ตอนเปน็ ดงั นี้ 1.1 การวางแผน (P-Plan) เปน็ การคดิ เตรยี มการไวล้ ว่ งหนา้ เพอื่ จะทำ� งานใหส้ ำ� เรจ็ อยา่ งมี ประสิทธิภาพ ในการวางแผนจะต้องมีการก�ำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย แนวทางการด�ำเนินงาน ผู้รับ ผิดชอบงาน ระยะเวลา และทรัพยากรท่ีต้องใช้เพื่อท�ำงานให้บรรลุ งานในส่วนน้ีของสถานศึกษาซึ่งจะ ประกอบดว้ ยแผนงาน งาน/โครงการต่างๆ ทสี่ ถานศกึ ษาจะด�ำเนินการ เพอื่ ใหป้ ระสบผลสำ� เรจ็ มสธ1.2 การปฏิบัติตามแผน (D-Do) เป็นการด�ำเนินการต่อเนื่องจากการวางแผน กล่าวคือ ผเู้ กยี่ วขอ้ งจะตอ้ งดำ� เนนิ การตามแผนทก่ี ำ� หนดไวใ้ หเ้ ปน็ ไปตามลกั ษณะงาน ชว่ งเวลาและความรบั ผดิ ชอบ ของแตล่ ะสว่ น โดยผู้บริหารอาจจะต้องนิเทศ แนะน�ำ กำ� กบั ตดิ ตาม หากพบปญั หาอปุ สรรคอะไรก็คอย แนะน�ำช่วยเหลือให้งานทั้งปวงเป็นไปตามที่ตงั้ ความหวังไว้ 1.3 การตรวจสอบประเมินผล (C-Check) เปน็ การประมาณคา่ การดำ� เนนิ งานวา่ เดน่ ดอ้ ย มสธ มสธดี ไมด่ ี มากนอ้ ยแคไ่ หน เพียงใด โดยการเปรียบเทียบระหว่างสงิ่ ทค่ี าดหวังไวก้ บั สิ่งทท่ี ำ� ไดจ้ รงิ ถา้ ส่ิงท่ี ทำ� ไดจ้ รงิ มากกว่าท่ีคาดหวงั กแ็ สดงว่าดี ประสบผลส�ำเร็จ แตถ่ า้ ส่ิงท่ีท�ำไดจ้ รงิ น้อยกว่าท่คี าดหวังก็แสดง วา่ ไมด่ ี ตอ้ งปรบั ปรงุ แกไ้ ข การประเมนิ ในขนั้ ตอนน้ี มงุ่ ทจี่ ะไดท้ ราบสภาพการดำ� เนนิ งานจรงิ วา่ เปน็ อยา่ งไร จะต้องปรับปรุงแก้ไขหรอื ไม่ ผลจากการประเมินมงุ่ เพื่อการพัฒนางานมากกว่าการจับผิดผปู้ ฏบิ ตั ิ 1.4 การปรับปรุง (A-Act) เปน็ การนำ� ผลจากการประเมนิ มาปรบั ปรงุ เพอื่ พฒั นางาน กลา่ ว คือ ถ้าผลการปฏิบัติในห้วงเวลาท่ีผ่านมายังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็จะต้องแสวงหาวิธีด�ำเนินการให้ มสธเหมาะสมกวา่ เดมิ แตถ่ า้ ผลการดำ� เนนิ งานเปน็ ไปตามเปา้ หมายแลว้ ในการดำ� เนนิ การตอ่ ไปกจ็ ะไดเ้ ปลยี่ น เป้าหมายให้สูงขึ้น จะได้เป็นการท้าทายการท�ำงานของบุคลากร และเป็นการสร้างหลักประกันว่าการ ดำ� เนนิ งานในสถานศกึ ษามแี ตพ่ ฒั นาขึ้นเร่อื ยๆ ไมม่ หี ยุดอยกู่ ับที่ การด�ำเนินงานตามกระบวนการ PDCA จะเป็นขั้นตอนที่ต่อเน่ือง เม่ือปฏิบัติกิจกรรมใน ขั้นท่ี 1 เสรจ็ กต็ ่อไปข้นั ที่ 2 ข้ันที่ 3 และขน้ั ที่ 4 ตามลำ� ดบั เมื่อครบ 1 รอบในขน้ั ที่ 4 แลว้ ก็จะขึน้ ข้นั ที่ มสธ มสธ1 ในรอบต่อไปอกี วนเวยี นอยูเ่ ช่นน้ี 2. การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชนในระดับการศึกษาปฐมวัย โดย ใช้กระบวนการ PDCA การใช้กระบวนการ PDCA ในการด�ำเนินการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและ ชุมชน ท�ำได้ทั้งการด�ำเนินการในภาพรวม และในงานใดงานหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง สถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน ซง่ึ จะเสนอแนวทางการใช้กระบวนการ PDCA ในการด�ำเนนิ งานอย่างเป็น มสธขั้นเปน็ ตอน ดงั ต่อไปน้ี

15-16 การศึกษาและหลักสูตรส�ำหรบั เดก็ ปฐมวยั 2.1 การวางแผน งานการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน มีการ มสธดำ� เนินการเกย่ี วกับการวางแผนดังต่อไปน้ี 2.1.1 กำ� หนดวตั ถปุ ระสงค์ เปา้ หมาย ของการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน เชน่ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจอนั ดรี ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน เพอื่ รว่ มมอื กนั พฒั นา เดก็ ปฐมวยั เพอื่ รับการสนับสนนุ ทางด้านทรัพยากรจากบ้านและชุมชน เปน็ ต้น มสธ มสธ2.1.2 กำ� หนดขอบขา่ ยและแนวทางการดำ� เนนิ งาน เปน็ การกำ� หนดวา่ จะมกี ารทำ� งาน กงี่ าน ในแตล่ ะงานจะมงี านยอ่ ยๆ อะไรบา้ ง ในงานยอ่ ยๆ จะมกี จิ กรรมอะไรบา้ ง เชน่ กำ� หนดใหม้ ขี อบขา่ ย 3 ประการ ประการแรก คือ การใหบ้ รกิ ารและรับความช่วยเหลอื จากบา้ นและชุมชน ประการท่ี 2 คือ การ มสี ่วนร่วมระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชุมชน ประการที่ 3 คือ การประชาสัมพันธ์สถานศกึ ษา และการ จดั ต้งั กลุ่ม สมาคม มลู นิธิ รว่ มกบั บา้ นและชมุ ชน การใหบ้ รกิ ารบ้านและชมุ ชน ประกอบไปด้วยงานและ กิจกรรมต่างๆ เช่น การปฐมนิเทศผ้ปู กครอง การพบปะครปู ระจำ� ช้นั กจิ กรรมวนั ปดิ ภาคและวันสิน้ ปกี าร ศกึ ษา เปน็ ตน้ และกำ� หนดกจิ กรรมในงานยอ่ ย เชน่ การปฐมนเิ ทศผปู้ กครอง มกี จิ กรรมตา่ งๆ ทต่ี อ้ งปฏบิ ตั ิ มสธประกอบด้วย การเตรียมอาคารสถานที่ การเชิญพ่อแม่ ผู้ปกครอง และคนในชุมชนเข้าร่วม การเชิญ วิทยากร การกำ� หนดพิธีกร การเตรียมเอกสาร การเตรียมอาหารว่าง การจดั ท�ำแบบประเมนิ เปน็ ต้น การประชาสัมพันธ์สถานศึกษาและการจัดตั้งกลุ่ม สมาคม มูลนิธิ ร่วมกับบ้านและ ชุมชน ประกอบไปด้วยงานและกิจกรรมต่างๆ เช่น การประชาสัมพันธ์สถานศึกษาด้วยสื่อส่ิงพิมพ์ทาง มสธ มสธwebsite การจัดต้ังกลุ่มผู้ปกครองตามความสนใจ เป็นต้น และก�ำหนดกิจกรรมในงานย่อย เช่น งาน ประชาสมั พนั ธท์ าง website มกี จิ กรรมตา่ งๆ ทต่ี อ้ งปฏบิ ตั ิ ประกอบดว้ ย การกำ� หนดรปู แบบการนำ� เสนอ ผา่ น website การจดั เตรยี มและกลน่ั กรองขอ้ มลู สำ� หรบั การการจดั ทำ� website การกำ� หนดปฏทิ นิ การนำ� เสนอขอ้ มูลทาง website การเปลี่ยนแปลงปรบั ปรงุ ข้อมูลให้ทนั สมัย การประเมินผล ฯลฯ 2.1.3 กำ� หนดผรู้ บั ผดิ ชอบ หลงั จากกำ� หนดงานหรอื กจิ กรรมไดแ้ ลว้ วา่ จะมกี ารดำ� เนนิ งานหรือกิจกรรมใดบ้าง ก็จะก�ำหนดผู้รับผิดชอบงานนั้นๆ อาจจะเป็นบุคคล หรือ คณะบุคคลตามความ มสธเหมาะสมของงานหรือของกิจกรรมนน้ั ๆ เช่น การใหบ้ รกิ ารบา้ นและชุมชน ผูร้ บั ผิดชอบงาน คือ ครูประจำ� ชั้นอนบุ าล 1/1, 2/1 และ 3/1 และกำ� หนดผ้รู ับผิดชอบงานย่อย/กิจกรรม ดงั ตวั อย่างเช่น (1) การปฐมนเิ ทศผู้ปกครอง ผรู้ บั ผิดชอบ คือ ครูนลินี และครูแก้วกรอง (2) การพบปะครูประจ�ำช้ัน ผู้รับผิดชอบคือ ครูกัญจนา ครูกาญจนา (3) กจิ กรรมวนั ปดิ ภาคเรยี นและวนั สน้ิ ปกี ารศกึ ษา ผรู้ บั ผดิ ชอบคอื ครวู าสนา ครปู ระภาศรี ฯลฯ มสธ มสธการประชาสัมพันธ์สถานศึกษา และการจัดต้ังกลุ่ม สมาคม มูลนิธิร่วมกับบ้านและ ชมุ ชน ผรู้ บั ผดิ ชอบ คอื ครปู ระจำ� ชนั้ อนบุ าล 1/2, 2/2 และ 3/2 และกำ� หนดผรู้ บั ผดิ ชอบงานยอ่ ย/กจิ กรรม ดงั ตวั อยา่ ง เชน่ (1) การประชาสมั พนั ธส์ ถานศกึ ษาทาง website ผรู้ บั ผดิ ชอบคอื ครนู ลนิ ี และครแู กว้ กรอง (2) การประชาสมั พันธส์ ถานศึกษาด้วยสอ่ื สงิ่ พมิ พ์ ผู้รบั ผดิ ชอบคือ ครูกญั จนา ครวู ฒั นา (3) กิจกรรมจัด มสธตัง้ กล่มุ ผู้ปกครอง ผู้รบั ผดิ ชอบคอื ครูวาสนา ครูประภาศรี ฯลฯ

2.1.4 กำ� หนดระยะเวลาการดำ� เนนิ การแตล่ ะงาน แตล่ ะกจิ กรรม ขน้ั ตอนนเี้ ปน็ ขน้ั ตอนความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชุมชน 15-17 มสธท่ีส�ำคัญ เพราะหากจัดวางก�ำหนดวัน เวลา ระยะเวลาในการด�ำเนินงานไม่เหมาะสมจะท�ำให้เกิดปัญหา ตามมากลา่ วคือ อาจมีกิจกรรมหรอื งานทีท่ �ำในระยะเวลาทบั ซ้อนกัน หรอื กระชนั้ ชิดตดิ กนั ไม่มีเวลาทีจ่ ะ เตรยี มทรพั ยากรทง้ั บคุ คลและวสั ดอุ ปุ กรณม์ าทำ� งานใหเ้ กดิ ประสทิ ธภฺ าพได้ เพราะในสถานศกึ ษาจะมกี าร ทำ� งานอยหู่ ลายสว่ นงาน การกำ� หนดระยะเวลาใหพ้ อเหมาะพอดจี งึ เปน็ สง่ิ สำ� คญั ทงั้ นอี้ าจจะทำ� เปน็ แผนการ มสธ มสธปฏิบตั งิ านในรูปของ Gantt Chart ดังตวั อยา่ ง เช่น ปฐมนเิ ทศงาน/ กิจกรรมพ.ค.มิ.ย.ก.ค. ส.ค. ปีการศึกษา 2561 ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. ผู้รับผิดชอบ ผปู้ กครอง ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. มสธพบปะครปู ระจำ� ชน้ั นลินี วนั ปิดภาคเรยี น แก้วกรอง กญั จนา มสธ มสธสิ้นปี กาญจนา วาสนา ประภาศรี ประชาสมั พนั ธ์ นลนิ ี ทาง website แกว้ กรอง ประชาสมั พันธ์ ดว้ ยสิง่ พมิ พ์ กญั จนา จดั ตงั้ กลุม่ วฒั นา วาสนา มสธผูป้ กครอง ประภาศรี 2.2 การปฏิบัติตามแผน เป็นการด�ำเนินงานการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน ตอ่ จากแผนงานทไี่ ดว้ างไวอ้ ยา่ งดแี ลว้ ซงึ่ มที ง้ั การกำ� หนดกจิ กรรมทจี่ ะตอ้ งทำ� กำ� หนดผรู้ บั มสธ มสธผดิ ชอบ รวมทงั้ กำ� หนดปฏทิ นิ การปฏบิ ตั งิ านทกี่ ำ� หนดไว้ ขนั้ ตอนนเ้ี ปน็ ขน้ั ตอนนำ� แผนลงสกู่ ารปฏบิ ตั ติ าม ระยะเวลาทก่ี ำ� หนด เปน็ การดำ� เนนิ การตอ่ เนอ่ื งจากขน้ั การวางแผน กลา่ วคอื ผรู้ บั ผดิ ชอบงานหรอื กจิ กรรม ท่ีได้ก�ำหนดไว้ จะต้องด�ำเนินงานหรือจัดกิจกรรมท่ีตนรับผิดชอบให้เป็นไปตามลักษณะงานหรือกิจกรรม ตามชว่ งระยะเวลาและความรับผดิ ชอบของแต่ละสว่ น และขณะเดียวกนั ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาจะต้องนิเทศ กำ� กบั ตดิ ตามผลการปฏบิ ตั งิ าน หากพบปญั หาอปุ สรรคอะไรกค็ อยแนะนำ� ชว่ ยเหลอื ใหง้ านทงั้ ปวงเปน็ ไป มสธตามวตั ถปุ ระสงค์และเปา้ หมายทกี่ �ำหนดไว้ ดงั ตัวอย่าง เชน่

15-18 การศึกษาและหลกั สูตรส�ำหรับเด็กปฐมวยั การปฐมนเิ ทศผปู้ กครอง ซง่ึ มคี ณุ ครนู ลนิ ี และคณุ ครแู กว้ กรอง ผรู้ บั ผดิ ชอบจะมกี ารดำ� เนนิ มสธงานในชว่ งเดือนพฤษภาคม โดยมีกจิ กรรมท่ตี อ้ งปฏิบตั ิตามแผนทวี่ างไว้ และวนั เวลาเป็นไปตามปฏิทนิ ที่ กำ� หนดไว้ ประกอบดว้ ยกจิ กรรมทต่ี อ้ งปฏบิ ตั กิ อ่ นวนั ปฐมนเิ ทศ กจิ กรรมทต่ี อ้ งปฏบิ ตั ใิ นวนั ปฐมนเิ ทศ และ กจิ กรรมที่ตอ้ งปฏบิ ัติหลังจากวันปฐมนิเทศ กิจกรรมที่ต้องปฏิบัติก่อนวันปฐมนิเทศ คือ ก�ำหนดวันที่จะปฐมนิเทศ การเตรียมอาคาร มสธ มสธสถานท่ี การเชิญพ่อแม่ ผู้ปกครอง และคนในชมุ ชนเขา้ รว่ มการปฐมนเิ ทศ การเชิญวทิ ยากรและผูบ้ ริหาร สถานศึกษา การก�ำหนดล�ำดับขั้นตอนการดำ� เนินงานในวันปฐมนิเทศ การก�ำหนดกิจกรรมท่ีจะปฏิบัติใน วนั ปฐมนเิ ทศอยา่ งละเอยี ด การเตรยี มพธิ กี ร การเตรยี มเอกสารประกอบ การเตรยี มอาหารวา่ ง การจดั ทำ� แบบประเมนิ กิจกรรมที่ต้องปฏบิ ัตใิ นวนั ปฐมนเิ ทศ คือ การดำ� เนินการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามล�ำดบั ขั้นตอน ที่ก�ำหนดไว้ คือ การต้อนรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และคนในชุมชน การลงทะเบียนผู้เข้าร่วมการปฐมนิเทศ มสธพธิ เี ปดิ และกลา่ วตอ้ นรบั โดยผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา การแจง้ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละกำ� หนดการปฐมนเิ ทศ การเชญิ วทิ ยากรใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั การดแู ลบตุ รหลานในชว่ งวยั ทเ่ี ขา้ สรู่ ะบบโรงเรยี น การพกั รบั ประทานอาหารวา่ ง การช้ีแจงระเบียบปฏิบัติของโรงเรียน ระเบียบปฏิบัติของห้องเรียนและกิจวัตรประจ�ำวันของเด็กใน 1 วัน การให้ผูป้ กครองลงมือปฏิบัติกิจกรรมเหมือนกบั ที่เดก็ ทำ� ในหอ้ งเรยี น เพ่อื ร่วมกนั อภปิ รายว่าเด็กจะไดร้ ับ การพัฒนาอะไร และอย่างไร จากการปฏิบัติกิจกรรมดังกล่าว พร้อมทั้งให้ความรู้พ่อแม่ ผู้ปกครองเก่ียว มสธ มสธกับการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย แล้วใหผ้ ปู้ กครองเย่ยี มชั้นเรียนของบตุ รหลาน พบครูประจ�ำชั้น สดุ ทา้ ยให้ ท�ำแบบประเมนิ การปฐมนิเทศ กจิ กรรมทตี่ อ้ งปฏบิ ตั หิ ลงั จากวนั ปฐมนเิ ทศ ประกอบดว้ ยการสรปุ ผลการดำ� เนนิ งานจากการ ตรวจสอบจำ� นวนผเู้ ข้ารว่ มงาน จากการตรวจสอบผลการปฏบิ ตั ิงานว่าเป็นไปตามลำ� ดบั ขัน้ ตอนทก่ี �ำหนด ไว้เพียงใด จากการสงั เกตการให้ความรว่ มมือในการเข้ารว่ มกิจกรรมต่างๆ ในวนั งานปฐมนเิ ทศ จากแบบ ประเมนิ รวมท้ังข้อเสนอแนะอ่ืนๆ มสธผู้บริหารสถานศึกษาในฐานะผู้นิเทศ ก็จะเป็นผู้คอยติดตามว่าการท�ำงานเป็นไปตามท่ี ก�ำหนดไวห้ รือไม่ มีปัญหาท่เี กิดข้นึ หรอื ไม่ ผู้ปฏิบตั งิ านต้องการความชว่ ยเหลอื อะไรบ้าง หากเกดิ ปญั หา ผบู้ รหิ ารกจ็ ะใหค้ ำ� แนะนำ� การชว่ ยเหลอื เพอ่ื ใหง้ านสามารถดำ� เนนิ ไปไดต้ ามทกี่ ำ� หนดแผนการดำ� เนนิ งานไว้ 2.3 การตรวจสอบประเมินผล เป็นการด�ำเนินงานประเมินผลการปฏิบัติงานว่าสามารถ ดำ� เนนิ การใหบ้ รรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายทก่ี ำ� หนดไวห้ รอื ไม่ ผลการดำ� เนนิ มขี อ้ ดี ขอ้ ดอ้ ย ประการ มสธ มสธใดบ้าง การตรวจสอบประเมินผลงานการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน มุ่งที่จะ ได้ทราบสภาพการด�ำเนินงานจริงว่าเป็นอย่างไร เป็นการตรวจสอบประเมินผลการด�ำเนินงานของแต่ละ งาน แต่ละกิจกรรม ที่ก�ำหนดไว้ทุกงาน ทุกกจิ กรรม เพ่ือท่จี ะได้ข้อมลู ทจ่ี ะนำ� ไปสกู่ ารปรบั ปรงุ การดำ� เนิน งานของแต่ละงาน แต่ละกิจกรรม รวมท้ังจะได้น�ำข้อมูลผลการประเมินของแต่ละงานแต่ละกิจกรรม มา รวบรวมเพอื่ วเิ คราะหห์ าขอ้ มลู สำ� คญั ในอนั จะนำ� ไปสกู่ ารปรบั งานการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา มสธบ้านและชุมชนต่อไป ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้

ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสถานศึกษา บ้านและชมุ ชน 15-19 จากการจดั งานวนั ปฐมนเิ ทศผปู้ กครอง ทม่ี กี ารสรปุ ผลการดำ� เนนิ งานทม่ี ขี อ้ มลู ทงั้ จำ� นวนผู้ มสธเข้ารว่ มงาน ขอ้ มูลผลการปฏิบตั ิงานวา่ เป็นไปตามลำ� ดบั ขั้นตอนทว่ี างไวห้ รือไม่ ขอ้ มลู จากการสังเกตการ เขา้ รว่ มกจิ กรรม และขอ้ มลู จากแบบประเมนิ ทผี่ เู้ ขา้ รว่ มงานปฐมนเิ ทศไดจ้ ดั ทำ� ขอ้ มลู เหลา่ นส้ี ามารถทำ� ให้ รวู้ า่ การดำ� เนนิ งานการปฐมนเิ ทศผปู้ กครอง เปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคท์ ตี่ อ้ งการหรอื ไม่ ขอ้ ดขี องการดำ� เนนิ งานประกอบไปดว้ ยอะไรบา้ ง และมขี อ้ จำ� กดั ในเรอื่ งใดบา้ ง ขอ้ มลู ในสว่ นนจี้ ะไดน้ ำ� ไปปรบั ปรงุ การปฐมนเิ ทศ มสธ มสธผูป้ กครองในปกี ารศกึ ษาถัดไปให้มีประสทิ ธิภาพเพม่ิ ขนึ้ ทุกปีการศึกษา นอกจากงานวนั ปฐมนเิ ทศผปู้ กครองแลว้ งานอนื่ ๆ ในการสรา้ งสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชุมชน ไม่ว่าจะเป็นงานห้องเรียนใหญ่ กิจกรรมวันขึ้นปีใหม่ งานประชาสัมพันธ์ทาง website กจิ กรรมเข้ารว่ มประเพณีลอยกระทง กจิ กรรมจดั ต้งั ชมรมผู้ปกครอง รวมทั้งงานและกิจกรรมอ่นื ๆ กจ็ ะมี การดำ� เนนิ การเชน่ เดยี วกนั ทกุ งาน ทกุ กจิ กรรม ซงึ่ จะทำ� ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ผลการดำ� เนนิ งานของแตล่ ะงาน แตล่ ะ กิจกรรม ส�ำหรับการนำ� ไปพจิ ารณาปรับปรงุ งานตอ่ ไป มสธ2.4 การปรับปรุง เนื่องจากการด�ำเนินงานหรือกิจกรรมใดๆ ในสถานศึกษาระดับปฐมวัย ล้วนเป็นงานท่ีต้องท�ำต่อเน่ืองในทุกปีการศึกษา งานหรือกิจกรรมใดก็ตามท่ีได้ท�ำแล้วเมื่อปีการศึกษา ทผ่ี ่านมา เชน่ การปฐมนเิ ทศผปู้ กครอง งานหอ้ งเรยี นใหญ่ กจิ กรรมวันขึ้นปใี หม่ งานประชาสมั พันธท์ าง website กจิ กรรมเขา้ รว่ มประเพณลี อยกระทง กจิ กรรมจดั ตง้ั ชมรมผปู้ กครอง รวมทงั้ งานและกจิ กรรมอนื่ ๆ ก็จะยังคงมีการจัดงานหรือกิจกรรมน้ันในปีการศึกษาถัดไป ดังนั้นข้ันตอนน้ีจึงเป็นขั้นตอนที่ผู้รับผิดชอบ มสธ มสธงานหรอื กจิ กรรมใดๆ นำ� ขอ้ มลู จากการตรวจสอบประเมนิ ผลงานการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชุมชนของแต่ละงาน แต่ละกิจกรรม ในข้ันตอนท่ีแล้วมาปรับปรุงเพื่อพัฒนางานและกิจกรรม ดังกล่าว ท่ีจะมีการจัดให้มีขึ้นอีกให้มีคุณภาพที่ดีย่ิงขึ้นๆ ทุกปี และลดข้อผิดพลาดของการท�ำงานและ กิจกรรมนนั้ ๆ ในปถี ดั ไปให้นอ้ ยท่สี ดุ หรอื ไม่มีเลย กล่าวคือถ้าผลการปฏิบตั ิในปีการศกึ ษาทีผ่ า่ นมายงั ไม่ เป็นไปตามเปา้ หมาย กจ็ ะตอ้ งแสวงหาวิธดี ำ� เนินการให้เหมาะสมกว่าเดมิ แต่ถา้ ผลการด�ำเนนิ งานเปน็ ไป ตามเปา้ หมายแล้ว ในการด�ำเนนิ การครง้ั ต่อไปก็จะไดเ้ ปลี่ยนเปา้ หมายใหส้ งู ขึน้ จะได้เป็นการทา้ ทายการ มสธทำ� งานของบคุ ลากร และเปน็ การสรา้ งหลกั ประกนั วา่ การดำ� เนนิ งานการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชุมชนจะมีการพัฒนาใหด้ ขี น้ึ เรือ่ ยๆ จะเห็นไดว้ า่ กระบวนการ PDCA ซึ่งประกอบด้วย 4 ขนั้ ตอน คอื การวางแผน การปฏิบัตติ าม แผน การตรวจสอบประเมนิ ผล และการปรบั ปรงุ สามารถนำ� มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สถานศกึ ษาบา้ นและชมุ ชนได้ เพราะมลี กั ษณะสำ� คญั ของขนั้ ตอนตามกระบวนการ 2 ประการ คอื เปน็ ขนั้ มสธ มสธตอนทเ่ี ปน็ ระบบตอ่ เนอ่ื ง และเปน็ วงจรทย่ี อ้ นกลบั หมนุ วนไมม่ ที ส่ี น้ิ สดุ ทำ� ใหเ้ กดิ คณุ ภาพในการปฏบิ ตั งิ าน เปน็ การพฒั นาคณุ ภาพของการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษาบา้ นและชมุ ชนใหม้ คี ณุ ภาพยงิ่ ๆ ขนึ้ ไป กิจกรรม 15.1.2 1. อธิบายหลกั การสรา้ งความสมั พันธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน มสธ2. อธบิ ายกระบวนการสรา้ งความสมั พันธร์ ะหว่างสถานศกึ ษา บา้ นและชุมชน

15-20 การศกึ ษาและหลักสูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั มสธแนวตอบกิจกรรม 15.1.2 1. หลกั การสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน ประกอบดว้ ย หลกั การพอ่ แม่ คือครูคนแรก หลักการเคารพในคณุ ค่าซึง่ กันและกนั ระหว่างสถานศกึ ษา บ้านและชุมชน หลกั การสือ่ สาร สองทาง หลกั การสง่ เสรมิ ทกั ษะการเลยี้ งดู และหลกั การมสี ว่ นรว่ มของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชนในการ พัฒนาเดก็ มสธ มสธ2. กระบวนการสร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชน ประกอบดัวย 4 ข้นั ตอน ทห่ี มุนวนรอบกลบั ใหม่ คอื การวางแผน การลงมือปฏบิ ตั ิ การตรวจสอบ และการปรบั ปรงุ มสธเรื่องที่ 15.1.3 ขอบข่ายการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน มสธ มสธการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชุมชน ประกอบดว้ ยงานและกิจกรรมหลาย ประการ และต้องเก่ียวข้องกับบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่างๆ จ�ำนวนมาก เพ่ือท�ำความเข้าใจเกี่ยวกับ ขอบขา่ ยของงานสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน ในเรอ่ื งนจ้ี ะขอเสนอขอบขา่ ยของ งานสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชนโดยทว่ั ไปกอ่ น แลว้ จงึ จะกล่าวถงึ ขอบข่ายของ งานสร้างความสัมพันธร์ ะหวา่ งสถานศึกษา บา้ นและชุมชน ในระดับปฐมวยั ศึกษา ดังต่อไปน้ี มสธขอบข่ายการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชนโดยทั่วไป จากการศึกษาพบว่ามีผู้กล่าวถึงขอบข่ายงานสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและ ชุมชน โดยท่วั ไปไวอ้ ย่างหลากหลาย ซ่งึ จะขอกล่าวถงึ พอสงั เขป เพ่ือท�ำความเขา้ ใจในเบ้ืองตน้ ดังนี้ สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน (2552, น. 94-95) กลา่ ววา่ งานสรา้ งความสมั พนั ธ์ ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชมุ ชน มงี านท่ตี อ้ งปฏบิ ัตปิ ระกอบด้วย มสธ มสธ1. การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับชุมชน และภาคีเครือข่าย ซึ่งประกอบไปด้วย การรวบรวมและวเิ คราะหข์ อ้ มลู ของชมุ ชนและภาคเครอื ขา่ ย และการดำ� เนนิ งานสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สถานศึกษาชุมชน และภาคเี ครอื ขา่ ย 2. การให้บรกิ ารแก่ชมุ ชน 3. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน ประกอบด้วย สถานศึกษาจัดกิจกรรมพัฒนาชุมชน และ มสธสถานศึกษาใหค้ วามร่วมมอื ในการพฒั นาชุมชน

ความสัมพันธร์ ะหว่างสถานศึกษา บ้านและชมุ ชน 15-21 4. การได้รับการสนับสนุนจากชุมชน ประกอบด้วย การจัดต้ังองค์กรเพ่ือสนับสนุนสถานศึกษา มสธและสถานศึกษาได้รับการสนับสนนุ จากชุมชน 5. การประเมนิ ผลการด�ำเนนิ งานชมุ ชน และภาคีเครือข่าย สำ� นกั งานเลขาธิการคุรสุ ภา (2549, น. 38) กำ� หนดขอบขา่ ยของงานสรา้ งความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง สถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน ไวจ้ ำ� นวน 5 ประการ ประกอบดว้ ย มสธ มสธ1. การใหบ้ ริการชุมชน 2. การรับการสนบั สนนุ ชว่ ยเหลือจากชุมชน 3. การสรา้ งความสมั พันธก์ ับชุมชนและหนว่ ยงานอ่ืน 4. การจัดตัง้ กลมุ่ ชมุ ชน สมาคม หรือมูลนิธิ 5. การประชาสมั พนั ธ์ สำ� นักงานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษา (สมศ.) (2554) กำ� หนดเกณฑใ์ นการ มสธพจิ ารณาคณุ ภาพการศกึ ษาในดา้ นทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั งานสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน ซึ่งสามารถสรุปเป็นขอบขา่ ยของงาน ได้ 4 ด้าน ประกอบดว้ ย 1. การรบั การสนบั สนนุ ทรพั ยากรตา่ งๆ จากบา้ นและชมุ ชน เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพของสถานศกึ ษา 2. การประชาสัมพันธ์ขอ้ มูลข่าวสารของสถานศกึ ษา 3. การร่วมมือกันระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน ในการแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ มสธ มสธและส่งเสริมคณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงคข์ องผูเ้ รยี น 4. การเขา้ รว่ มและมบี ทบาทในคณะกรรมการสถานศกึ ษา และการจดั ตงั้ สมาคม ชมรมผปู้ กครอง ขอบข่ายการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชนในระดับปฐมวัยศึกษา ขอบข่ายของงานสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน ในระดับปฐมวัยศึกษา ประกอบไปด้วยงานและกิจกรรมต่างๆ เช่นเดียวกันกับงานสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้าน มสธและชมุ ชน โดยทัว่ ไป ดังท่ี ธัญรศั มิ์ นธิ ิกุลธรี ะภัทร์ และวรนาท รักสกุลไทย (2555, น. 12-11 ถึง 12-14) ได้เสนอขอบข่ายไว้ 6 ประการ ซึง่ สามารถสรปุ สาระสำ� คญั พอสังเขปได้ ดังตอ่ ไปนี้ 1. การให้บริการแก่ชุมชน เป็นการด�ำเนินการของสถานศึกษาปฐมวัยทั้งภาครัฐและเอกชนให้ บรกิ ารแกพ่ อ่ แม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชนในดา้ นตา่ งๆ อาทิ ดา้ นความรทู้ างวชิ าการ วชิ าชพี หรอื การพฒั นา มสธ มสธตนเอง รวมถงึ การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ เชน่ การเปดิ อบรมหลกั สตู รระยะสน้ั เกยี่ วกบั วชิ าชพี การจดั ทำ� แผน่ พับใหค้ วามรเู้ กย่ี วกับการเลี้ยงดเู ด็กปฐมวยั ฯลฯ 2. การรับการสนับสนุนจากชุมชน เป็นการด�ำเนินการที่สถานศึกษาปฐมวัยเข้าร่วมกิจกรรมกับ ชมุ ชน หรอื เปน็ ฝา่ ยจดั กจิ กรรมขน้ึ เพอ่ื ขอความชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ จากบา้ น และชมุ ชนในดา้ นตา่ งๆ เชน่ งบประมาณ บุคลากร สถานท่ี ฯลฯ 3. การสร้างความสัมพันธ์กับครอบครัว ชุมชน และองค์กรสถาบันต่างๆ ในชุมชน เป็นการจัด มสธกิจกรรมที่สถานศึกษาเป็นผู้จัดกิจกรรมต่างๆ ข้ึนเอง หรือจัดร่วมกับชุมชน หน่วยงาน องค์กร สถาบัน

15-22 การศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั อื่นๆ ในชุมชน เพ่ือส่งเสริมให้เกิดคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์แก่เด็ก และสานสัมพันธภาพระหว่าง มสธสถานศึกษากับชมุ ชนให้มีความยงั่ ยืน เช่น การจดั กิจกรรมวันสำ� คัญร่วมกนั เป็นต้น 4. การส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมของสถานศึกษา เพ่ือ ประโยชน์ในการพฒั นาเด็ก เช่น การจดั นทิ รรศการผลงานเด็ก ฯลฯ 5. การจดั ตงั้ กลมุ่ ชมุ ชน สมาคม มลู นธิ ิ เปน็ การดำ� เนนิ การทส่ี ถานศกึ ษาปฐมวยั สง่ เสรมิ สนบั สนนุ มสธ มสธให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชน รวมตัวกันในการท�ำงานร่วมกับสถานศึกษา เพื่อให้เกิดการแลกเปล่ียน เรียนร้ซู ่ึงกนั และกนั 6. การประชาสมั พนั ธ์ เปน็ การดำ� เนนิ งานของสถานศกึ ษาปฐมวยั ในการตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั หนว่ ยงาน องคก์ ร หรอื ประชาชนทเี่ กยี่ วขอ้ ง เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ งและมคี วามชดั เจนในการดำ� เนนิ งานของ สถานศึกษา จะเห็นได้ว่าขอบข่ายงานสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน ทั้งโดยท่ัวไป มสธและในส่วนของสถานศึกษาปฐมวัย มีความสอดคล้องกัน ซ่ึงเมื่อพิจารณาโดยภาพรวมแล้วจะพบว่า การดำ� เนนิ งานสรา้ งความสมั พนั ธด์ งั กลา่ วสามารถจดั กลมุ่ งานไดเ้ ปน็ 3 กลมุ่ กลมุ่ แรก คอื กลมุ่ ทส่ี ถานศกึ ษา ให้บรกิ ารในดา้ นตา่ งๆ แกบ่ า้ นและชุมชน และการรบั ความช่วยเหลือสนับสนุนในดา้ นต่างๆ จากบ้านและ ชุมชน กลุ่มที่ 2 คือกลุม่ ท่ีเปน็ การเขา้ ร่วมกจิ กรรมของสถานศึกษา บ้านและชมุ ชน กลุ่มท่ี 3 เปน็ กลมุ่ ที่ สถานศึกษาด�ำเนินการเก่ียวกับการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษาให้บ้านและชุมชนได้รับ มสธ มสธทราบ และการดำ� เนนิ การเกยี่ วกบั การจดั ตง้ั กลมุ่ สมาคม มลู นธิ ติ า่ งๆ ดงั นน้ั ในหนว่ ยนจี้ งึ กำ� หนดขอบขา่ ย ของงานสรา้ งความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชนออกเปน็ 3 ประการ ประการแรก คือ การ ให้บรกิ ารและรบั ความช่วยเหลือจากบา้ นและชุมชน ประการที่ 2 คอื การเขา้ ร่วมกจิ กรรมของสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน และประการที่ 3 การประชาสมั พนั ธ์ และจัดตั้งกลุ่ม สมาคม มูลนิธิร่วมกับบ้านและชมุ ชน ดงั รายละเอียดต่อไปนี้ 1. การใหบ้ รกิ าร และรบั ความชว่ ยเหลอื จากบา้ นและชมุ ชน การสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถาน มสธศึกษา บ้านและชุมชนทเี่ ปน็ การใหบ้ รกิ ารและรับความช่วยเหลอื จากบา้ นและชมุ ชน เป็นการดำ� เนนิ การท่ี มีเป้าหมายหลักเพอ่ื พฒั นาคุณภาพการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา อันจะนำ� ไปส่กู ารพฒั นาเดก็ ปฐมวยั งานดงั กลา่ วเกดิ จากการทส่ี ถานศกึ ษาวเิ คราะหข์ อ้ มลู สำ� คญั ทเี่ กย่ี วขอ้ งตง้ั แตข่ อ้ มลู เบอ้ื งตน้ ของสถานศกึ ษา หลกั สตู รการจดั การเรยี นการสอนของสถานศกึ ษา ระเบยี บการ แนวปฏบิ ตั ขิ องสถานศกึ ษา และอน่ื ๆ รวม ทั้งข้อมูลส�ำคญั ๆ ของพ่อแม่ ผ้ปู กครอง ชมุ ชน และคนในชุมชน เช่น ลกั ษณะของชมุ ชน สภาพและฐานะ มสธ มสธทางเศรษฐกิจของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และคนในชุมชนชุมชน อาชีพ ระดับการศึกษา ขนบธรรมเนียม ศลิ ปวฒั นธรรม ทศั นคติ ความเชอื่ ฯลฯ แลว้ นำ� มากำ� หนดเปน็ งานหรอื กจิ กรรมทส่ี ถานศกึ ษาจะดำ� เนนิ การ เพอื่ ใหบ้ รกิ าร และรบั การชว่ ยเหลอื จากบา้ นและชมุ ชน งานหรอื กจิ กรรมตา่ งๆ เหลา่ นป้ี ระกอบไปดว้ ย การ ใหบ้ รกิ ารแกบ่ า้ นและชมุ ชน และการรบั การชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ จากบา้ นและชมุ ชน ดงั มรี ายละเอยี ด ตอ่ ไปน้ี 1.1 การให้บริการแก่บ้านและชุมชน หมายถึง งานหรือกิจกรรมที่สถานศึกษาจัดข้ึนเพ่ือ มสธเป็นการปฏบิ ตั ิรบั ใชห้ รอื การให้ความสะดวกให้กบั พ่อแม่ ผู้ปกครอง บุคคล หน่วยงานต่างๆ ในชมุ ชน ซึ่ง

ความสมั พนั ธ์ระหว่างสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน 15-23 ประกอบดว้ ย การใหบ้ รกิ ารดา้ นอาคารสถานท่ี การให้บรกิ ารทางวิชาการ และการให้บรกิ ารด้านสขุ ภาพ มสธอนามยั 1.2 การรับการช่วยเหลือสนับสนุนจากบ้านและชุมชน หมายถงึ งานหรอื กจิ กรรมทส่ี ถาน ศกึ ษาไดร้ บั การชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ จากทางบา้ นและชมุ ชน ทง้ั ทเี่ ปน็ การรเิ รมิ่ ดำ� เนนิ การจากทางบา้ นและ ชมุ ชนเอง สถานศกึ ษาเปน็ ผรู้ เิ รมิ่ หรอื รว่ มกนั รเิ รมิ่ งานหรอื กจิ กรรมดงั กลา่ วประกอบดว้ ย การรบั การชว่ ย มสธ มสธเหลือสนบั สนนุ ดา้ นทรพั ยากร การรับการช่วยเหลอื สนบั สนุนดา้ นวิชาการ การรับการช่วยเหลอื สนบั สนุน จากบคุ คลในชุมชน และการรับการสนบั สนุนด้านบริการ 2. การเข้าร่วมกิจกรรมของสถานศึกษา บ้านและชุมชน ประกอบดว้ ย การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของ บ้านและชุมชนทจ่ี ัดโดยสถานศึกษา และการเขา้ ร่วมกิจกรรมของสถานศึกษาที่จัดโดยบ้านและชุมชน ดงั ต่อไปน้ี 2.1 การเข้าร่วมกิจกรรมของบ้านและชุมชนท่ีจัดโดยสถานศึกษา หมายถึง การทพ่ี ่อ แม่ มสธผปู้ กครอง คนในชมุ ชน องคก์ ร หนว่ ยงาน ในชมุ ชน เขา้ รว่ มกจิ กรรมทสี่ ถานศกึ ษาจดั ขนึ้ ซงึ่ ประกอบดว้ ย การเข้าร่วมในกจิ กรรมทางวิชาการ และกิจกรรมนกั เรียน 2.2 การเข้าร่วมกิจกรรมของสถานศึกษาที่จัดโดยบ้านและชุมชน หมายถึง การที่สถาน ศกึ ษาเขา้ รว่ มในงานหรอื กจิ กรรมทบี่ า้ นและชมุ ชนเปน็ ผจู้ ดั ขนึ้ ทงั้ นสี้ ถานศกึ ษาอาจมสี ว่ นรว่ มในการดำ� เนนิ การอยู่บ้าง แต่โดยภาพรวมแล้วสถานศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมกับกิจกรรมหรืองานน้ันๆ การเข้าร่วมกิจกรรม มสธ มสธของสถานศกึ ษาที่บา้ นและชุมชนจดั ขึ้นประกอบไปดว้ ย การเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมประเพณี และ การเข้ารว่ มกิจกรรมนันทนาการ 3. การประชาสัมพันธ์สถานศึกษา และจัดตั้งกลุ่ม สมาคม มูลนิธิร่วมกับบ้านและชุมชน เป็นการด�ำเนินการเพ่ือประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษา รวมทั้งเป็นการร่วมกันกับบ้านและ ชมุ ชนจดั ต้ังกล่มุ สมาคม มูลนธิ ิตามความสนใจ ดงั นี้ 3.1 การประชาสัมพันธ์สถานศึกษา หมายถึง กิจกรรมที่สถานศึกษาด�ำเนินการให้มีการ มสธสื่อสารถึงเรื่องราว ข้อมูล ข่าวสารต่างๆ ท่ีเป็นทั้งข้อมูลข่าวสารท่ีเก่ียวข้องกับการด�ำเนินงานของสถาน ศกึ ษาทงั้ ในดา้ นหลกั สตู ร กจิ กรรมการเรยี นการสอน ดา้ นการบรกิ าร เกยี่ วกบั กจิ กรรมของนกั เรยี น สถาน ศึกษา และข้อมูลข่าวสารที่เก่ียวข้องอ่ืนๆ รวมทั้งเป็นข้อมูลข่าวสารท่ีเป็นประโยชน์ต่อบ้านและชุมชนใน ดา้ นอน่ื ๆ เช่น แนวทางการเลีย้ งดบู ุตรหลาน แนวทางการด�ำเนนิ ชีวติ ครอบครวั ใหเ้ ปน็ สุข ฯลฯ กจิ กรรม การประชาสมั พนั ธม์ หี ลากหลายกจิ กรรม ในทน่ี จ้ี ะกลา่ วถงึ การประชาสมั พนั ธข์ า่ วสารของสถานศกึ ษาดว้ ย มสธ มสธสอ่ื ส่งิ พมิ พ์ การประชาสัมพนั ธ์ข่าวสารของสถานศึกษาผา่ นเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ 3.2 การจัดต้ังกลุ่ม สมาคม มูลนิธิร่วมกับบ้านและชุมชน หมายถงึ การรว่ มมอื กนั ระหวา่ ง สถานศึกษาบา้ นและชุมชนจดั ตง้ั เป็นสมาคม มูลนธิ ิ หรอื กลุม่ สนใจต่างๆ ซ่งึ สามารถจัดต้ังได้หลากหลาย ตามความเหมาะสม ความพร้อม และความสนใจของสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชนเอง เชน่ การจดั ตัง้ กลมุ่ ชมรมตามความสนใจ และการจดั ต้ังสมาคม และมูลนธิ ิ ฯลฯ สรุปได้ว่าขอบข่ายการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน มี 3 ประการ มสธประการแรก คอื การใหบ้ ริการและรบั ความช่วยเหลอื จากบา้ นและชมุ ชน อนั ประกอบด้วย การให้บริการ

15-24 การศึกษาและหลกั สูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย แก่บ้านและชุมชน และการรับการช่วยเหลือสนับสนุนจากบ้านและชุมชน ประการที่ 2 คือ การเข้าร่วม มสธกิจกรรมของสถานศึกษา บ้านและชุมชน ซึ่งประกอบด้วย การเข้าร่วมกิจกรรมของบ้านและชุมชนที่จัด โดยสถานศึกษา และการเข้าร่วมกิจกรรมของสถานศึกษาที่จัดโดยบ้านและชุมชน และประการที่ 3 คือ การประชาสัมพันธ์สถานศึกษา และจัดตั้งกลุ่ม สมาคม มูลนิธิร่วมกับบ้านและชุมชน ประกอบดว้ ย การ ประชาสัมพนั ธ์สถานศกึ ษา และการจดั ตง้ั กลมุ่ สมาคม มูลนิธริ ่วมกบั บ้านและชุมชน มสธ มสธกิจกรรม15.1.3 จงอธบิ ายขอบขา่ ยของการสรา้ งความสมั พนั ธ์ระหว่างสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชน แนวตอบกิจกรรม 15.1.3 มสธขอบข่ายการสรา้ งความสมั พันธร์ ะหวา่ งสถานศึกษา บ้านและชมุ ชน มี 3 ประการ คอื 1. การให้บริการและรับความช่วยเหลือจากบ้านและชุมชน อันประกอบด้วย การให้บริการแก่ บา้ นและชุมชน และการรบั การชว่ ยเหลือสนบั สนุนจากบ้านและชมุ ชน 2. การเข้าร่วมกิจกรรมของสถานศึกษา บ้านและชุมชน ซึ่งประกอบด้วย การเข้าร่วมกิจกรรม ของบ้านและชมุ ชนทจ่ี ัดโดยสถานศึกษา และการเขา้ รว่ มกจิ กรรมของสถานศกึ ษาท่ีจัดโดยบา้ นและชมุ ชน มสธ มสธ3. การประชาสมั พนั ธส์ ถานศกึ ษา และจดั ตง้ั กลมุ่ สมาคม มลู นธิ ริ ว่ มกบั บา้ นและชมุ ชน ประกอบ มสธ มมสสธธ มสธดว้ ย การประชาสัมพนั ธ์สถานศกึ ษา และการจดั ต้งั กลมุ่ สมาคม มูลนิธริ ่วมกับบา้ นและชุมชน

ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสถานศึกษา บ้านและชุมชน 15-25 มสธตอนที่ 15.2 การให้บริการและรับความช่วยเหลือจากบ้านและชุมชน โปรดอ่านหัวเร่ือง แนวคดิ และวตั ถปุ ระสงคข์ องตอนท่ี 15.2 แล้วจงึ ศึกษารายละเอยี ดตอ่ ไป มสธ มสธหัวเรื่อง 15.2.1 การใหบ้ รกิ ารแก่บ้านและชุมชน 15.2.2 การรับการชว่ ยเหลือสนบั สนนุ จากบ้านและชุมชน แนวคิด มสธ1. การใหบ้ รกิ ารแกบ่ า้ นและชมุ ชน เปน็ การดำ� เนนิ งานของสถานศกึ ษาทใ่ี หบ้ รกิ ารแกบ่ า้ น และชุมชนใน 3 ด้าน คือ 1) การให้บริการด้านอาคารสถานที่ 2) การให้บริการทาง วิชาการ และ 3) การใหบ้ รกิ ารดา้ นสขุ ภาพอนามัย 2. ก ารรบั การชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ จากบา้ นและชมุ ชน ประกอบดว้ ย 1) การรบั การชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ ดา้ นทรพั ยากรทเี่ ปน็ วสั ดุ อปุ กรณ์ ครภุ ณั ฑ์ และทนุ ทรพั ย์ 2) การรบั การชว่ ยเหลอื มสธ มสธสนบั สนนุ ทางวชิ าการในดา้ นการเปน็ วทิ ยากร ดา้ นการเปน็ แหลง่ เรยี นรู้ และ 3) การรบั การชว่ ยเหลอื สนบั สนุนจากบคุ คลในชมุ ชน วัตถุประสงค์ เมื่อศึกษาตอนท่ี 15.2 จบแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายการให้บรกิ ารแก่บ้านและชมุ ชนได้ มสธ มมสสธธ มสธ2. อธบิ ายการรบั การชว่ ยเหลอื สนับสนนุ จากบา้ นและชมุ ชนได้

15-26 การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธเรื่องที่ 15.2.1 การให้บริการแก่บ้านและชุมชน มสธ มสธการให้บริการแก่บ้านและชุมชนเป็นการด�ำเนินการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้าน และชุมชน ที่สถานศึกษาเป็นผู้มีบทบาทหลักในการด�ำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ ซ่ึงจะประกอบไปด้วย กจิ กรรมทห่ี ลากหลาย ไมว่ า่ จะเปน็ การใหบ้ รกิ ารดา้ นขา่ วสาร การใหบ้ รกิ ารดา้ นสขุ ภาพอนามยั การบรกิ าร สง่ เสริมอาชพี การให้บรกิ ารดา้ นนนั ทนาการ การใหบ้ รกิ ารทางวิชาการ การให้บรกิ ารดา้ นอาคารสถานที่ การใหบ้ รกิ ารดา้ นวสั ดุ ครภุ ณั ฑ์ การใหบ้ รกิ ารดา้ นการเปน็ ผนู้ ำ� และการใหค้ วามรว่ มมอื ในการพฒั นาชมุ ชน ฯลฯ ในเรอ่ื งนจี้ ะกลา่ วถงึ กจิ กรรมการใหบ้ รกิ ารแกบ่ า้ นและชมุ ชนทเ่ี หน็ วา่ มคี วามสำ� คญั จำ� นวน 3 กจิ กรรม ประกอบดว้ ย การให้บริการด้านอาคารสถานที่ การให้บรกิ ารทางวิชาการ และการให้บรกิ ารดา้ นสขุ ภาพ มสธอนามยั ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี 1. การให้บริการด้านอาคารสถานที่ กิจกรรมการให้บริการด้านอาคารสถานท่ี หมายถึง การท่ีสถานศึกษาอนุญาตให้บ้านและชุมชน มสธ มสธเขา้ มาใชส้ ถานทร่ี วมทงั้ วสั ดอุ ปุ กรณต์ า่ งๆ ของสถานศกึ ษาในการดำ� เนนิ กจิ กรรมตา่ งๆ ของชมุ ชน รวมทงั้ เปน็ การอำ� นวยความสะดวกแกบ่ า้ นและชมุ ชนในการด�ำเนินกจิ กรรมต่างๆ เพื่อทบ่ี า้ นและชุมชนจะไดเ้ กิด ความรู้สึกที่ดีต่อสถานศึกษา ท�ำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน เกิดข้ึนและเป็นไป ดว้ ยดี เพราะคนในชมุ ชนจะได้มโี อกาสเข้ามาใช้อาคารสถานท่ี หรือเข้ามาสถานศกึ ษาโดยไมถ่ กู หวงห้าม จะทำ� ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ วา่ สถานศกึ ษาเปน็ สว่ นหนง่ึ ของชมุ ชน ถา้ หากเขยี นปา้ ยหนา้ สถานศกึ ษาวา่ หา้ มเขา้ สถานศึกษาก็กลายเป็นเขตหวงห้าม คนในชุมชนก็ไม่กล้าเข้าไป ความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับ มสธบ้านและชมุ ชนก็จะเหนิ หา่ งออกไป กจิ กรรมทจ่ี ดั ในการใหบ้ รกิ ารดา้ นอาคารสถานที่ สามารถดำ� เนนิ การจดั ไดห้ ลายรปู แบบ หลายวธิ ี การ ในทีน่ ้จี ะกล่าวถงึ กจิ กรรมท่ีส�ำคัญๆ 3 กิจกรรม คือ การใหบ้ ริการอาคารสถานทขี่ องสถานศึกษาใน การประชมุ หรอื จดั งานตา่ งๆ การใหบ้ รกิ ารสนามกฬี า การใหบ้ รกิ ารหอ้ งสมดุ และแหลง่ เรยี นรอู้ นื่ ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้ มสธ มสธ1.1 การให้บริการอาคารสถานที่ของสถานศึกษาในการประชุม หรือจัดงานต่าง ๆ เป็นการ ด�ำเนินการของสถานศึกษาที่อนุญาตให้บ้านและชุมชนใช้สถานท่ีของสถานศึกษาในการจัดกิจกรรมต่างๆ ดงั ตวั อยา่ ง การจดั ประชมุ ประชาชนของหนว่ ยงานในชมุ ชน ทต่ี อ้ งใชส้ ถานทที่ กี่ วา้ งขวางจคุ นไดม้ าก ตาม วาระส�ำคญั ตา่ งๆ เชน่ การประชุม ผู้สอื่ ขา่ วสาธารณสขุ อาสามัครสาธารณสุข หรืออาสามคั รปอ้ งกนั ภยั ฝา่ ยพลเรอื น อาสามคั รประจำ� หมบู่ า้ น การประชมุ ชแ้ี จงชาวบา้ นเรอื่ งการลงทะเบยี นผมู้ รี ายไดน้ อ้ ย เปน็ ตน้ ในส่วนของการใช้อาคารสถานที่ในการจัดงานต่างๆ เช่น การจัดงานมหรสพต้อนรับคณะผ้าป่า มสธสามัคคี การจัดงานเทศกาลสงกรานต์ประจ�ำปีของหมู่บ้าน หรือแม้กระท่ังการจัดงานแต่งงานบุตรหลาน

ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน 15-27 ของคนในชุมชนด้วย เพราะสถานศึกษามีสถานท่ีกว้าง มีวัสดุอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ท่ีประชาชนในชุมชนจะ มสธสามารถใชไ้ ด้ ซง่ึ จะทำ� ใหป้ ระชาชนในชมุ ชนไดม้ โี อกาสเขา้ มาในสถานศกึ ษา ไดใ้ ชบ้ รกิ ารของสถานศกึ ษา จะท�ำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อสถานศึกษา อันจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างสถานศึกษา บ้านและ ชมุ ชนให้เกดิ ขน้ึ 1.2 การให้บริการสนามกีฬา สถานศึกษาระดับปฐมวัยศึกษาส่วนใหญ่ จะเป็นสถานศึกษาที่มี มสธ มสธการเปิดสอนระดับชั้นประถมศึกษาควบคู่กันไปด้วย จึงท�ำให้สถานศึกษามีสนามกีฬาที่ใช้ในการจัดการ เรียนการสอน ซ่ึงนอกเหนือจากเวลาในการจัดการเรียนการสอนแล้ว สถานศึกษาสามารถให้บริการแก่ ชมุ ชนในการเขา้ ใชส้ นามกฬี าของสถานศกึ ษา พอ่ แม่ ผปู้ กครองและคนในชมุ ชนสามารถพาบตุ รหลานเขา้ มาออกกำ� ลงั กาย ดว้ ยการเดนิ วง่ิ หรอื เลน่ กฬี างา่ ยๆ กบั เดก็ เชน่ โยนลกู บอล เลน่ หว่ งยาง เปน็ ตน้ หรอื ผ้ใู หญ่จะเล่นกฬี ากันเองโดยมีเดก็ ๆ คอยชมและมสี ว่ นรว่ ม เชน่ การเลน่ แบดมนิ ตนั ปงิ ปอง เปตอง ฯลฯ นอกจากจะชว่ ยสรา้ งเสรมิ ความสมั พันธ์ที่ดีต่อกนั ระหว่างสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชนแลว้ ยังชว่ ยป้องกัน มสธปัญหาอ่ืนๆ ของชุมชนท่ีจะตามมา เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งของคนในชุมชน เพราะเม่ือคนในชุมชนหันมาเล่นกีฬา ก็จะเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ท�ำให้ร่างกายแข็งแรง มี ความสามคั ครี ักใคร่กลมเกลยี วกนั มีความสัมพนั ธท์ ีด่ ีตอ่ กนั 1.3 การใหบ้ รกิ ารหอ้ งสมดุ และแหลง่ เรยี นรอู้ น่ื ๆ สถานศกึ ษาเปน็ แหลง่ เรยี นรทู้ สี่ ำ� คญั ของชมุ ชน มแี หลง่ วทิ ยาการทสี่ ำ� คญั หลายประการ ไมว่ า่ จะเปน็ สนามเดก็ เลน่ สำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั เครอ่ื งเลน่ สนาม สวน มสธ มสธหย่อมธรรมชาติ แปลงเกษตร และแหลง่ เรยี นรทู้ ีส่ �ำคัญอกี อย่างหนึ่งคือหอ้ งสมุด ซง่ึ สถานศึกษาควรเปดิ ใหบ้ รกิ ารและเชญิ ชวนให้ประชาชนในชมุ ชนพรอ้ มกับบุตรหลานเข้ามาใช้บริการ เพอื่ ศกึ ษาหาความรแู้ ละ เพ่ือความเพลิดเพลิน เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เป็นแบบอย่างที่ดีในการเรียนรู้ส่ิงต่างๆ จาก แหล่งเรียนรู้ให้กับเด็กปฐมวัย และยังเป็นการสร้างความรู้สึกท่ีดีของประชาชนต่อสถานศึกษา ท�ำให้รู้สึก ว่าสถานศกึ ษาเปน็ ของคนในชุมชน อนั จะก่อใหเ้ กิดความสมั พันธ์ทีด่ ตี อ่ กันระหว่างสถานศกึ ษา บา้ นและ ชุมชน มสธ2. การให้บริการทางวิชาการ การใหบ้ รกิ ารทางวชิ าการ เปน็ การใหค้ วามรทู้ างวชิ าการแกพ่ อ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน ทง้ั ทเ่ี ปน็ ความรทู้ างวิชาการทว่ั ไป และวิชาการเฉพาะดา้ นโดยเฉพาะองคค์ วามรทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ งกบั พัฒนาการของเด็ก มสธ มสธปฐมวัย การอบรมเลย้ี งดแู ละใหก้ ารศกึ ษาแก่เดก็ ปฐมวัย ซ่งึ นอกเหนอื จากการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ ให้กับเด็กปฐมวัยตามหน้าท่ีหลักของสถานศึกษา เพื่อท�ำให้คนในชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีข้ึน ช่วย พัฒนาคนในชมุ ชนให้มคี วามเจริญกา้ วหน้า ใชช้ วี ิตไดอ้ ยา่ งผาสุกตามอัตภาพ อนั จะสง่ ผลต่อเนือ่ งให้เกิด ความสัมพนั ธท์ ด่ี ีระหวา่ งสถานศึกษา บ้านและชุมชนตอ่ ไป การใหบ้ รกิ ารดา้ นวชิ าการแก่บา้ นและชุมชน สามารถจัดไดใ้ นหลายรปู แบบหลายวิธกี าร ทั้งการ ทสี่ ถานศึกษาใหค้ วามรทู้ างวชิ าการโดยตรงแกบ่ ้านและชุมชน และการที่สถานศกึ ษาเปน็ แหล่งการเรยี นรู้ ของคนในชมุ ชน เชน่ การจัดนทิ รรศการความรดู้ ้านต่างๆ เปน็ ครั้งคราว จัดท่อี า่ นหนังสือพิมพ์ วารสาร มสธทางวิชาการ จัดคอมพิวเตอร์ส�ำหรับการสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต การจัดอบรมสัมมนาทางวิชาการ

15-28 การศึกษาและหลักสตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย เป็นต้น ในทน่ี ีจ้ ะกลา่ วถงึ กจิ กรรมทสี่ ำ� คญั 3 กิจกรรมคอื การให้บรกิ ารอบรมสมั มนาทางวชิ าการ การให้ มสธบรกิ ารมมุ คอมพวิ เตอรส์ ำ� หรบั สบื คน้ ขอ้ มลู ทางวชิ าการ และการจดั นทิ รรศการความรดู้ า้ นตา่ งๆ ดงั รายละเอยี ด ต่อไปนี้ 2.1 การให้บริการอบรมสัมมนาทางวิชาการ สถานศกึ ษาปฐมวยั นอกจากจะมหี นา้ ทหี่ ลกั ในการ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั แลว้ ยงั เปน็ แหลง่ ความรสู้ ำ� หรบั พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และคนในชมุ ชนอกี ดว้ ย การจดั อบรม มสธ มสธสมั มนาทางวชิ าการโดยเฉพาะทางดา้ นความรใู้ นการอบรมเลยี้ งดเู ดก็ ปฐมวยั เปน็ กจิ กรรมสำ� คญั ทจี่ ะชว่ ย ใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครอง โดยเฉพาะครอบครวั ท่ีเพงิ่ มีบตุ รเป็นคนแรก ต้องการความรแู้ ละคำ� แนะนำ� ที่ถูกตอ้ ง ในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานของตน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการจัดการกับปัญหาที่ไม่พึงประสงค์ของเด็กๆ เช่น ไม่ยอมนอน รับประทานอาหารยาก ไม่ยอมทานผัก เอาแต่ใจตนเอง หรือรูปแบบวิธีการเล้ียงดูเด็กแบบ ตา่ งๆ รวมท้ังการใหค้ วามรูเ้ กย่ี วกับการเรียนรู้และการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ของเด็กปฐมวยั อย่างถกู วธิ ี ฯลฯ สถานศึกษาปฐมวัยสามารถจัดการอบรมสัมมนาทางวิชาการให้ความรู้ และทักษะการปฏิบัติท่ีถูกต้องให้ มสธกับพ่อแม่ ผู้ปกครองได้เป็นคร้ังคราวในวันหยุด ตามช่วงเวลาท่ีเหมาะสม ท้ังน้ีควรก�ำหนดแผนงานและ วางแผนไวล้ ว่ งหนา้ ตลอดภาคเรยี นหรอื ตลอดปกี ารศกึ ษา แลว้ แจง้ ประชาสมั พนั ธใ์ หพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครอง และ คนในชุมชนได้รับรู้ล่วงหน้า เพื่อจัดเตรียมวางแผนเรื่องการจัดสรรเวลาในการเข้าร่วมการอบรมสัมมนา การให้บริการอบรมสัมมนาทางวิชาการแก่พ่อแม่ ผู้ปกครองและคนในชุมชน นอกจากจะท�ำให้ผู้เข้าร่วม กิจกรรมมีความรู้ความเข้าใจในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลาน สามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กได้อย่าง มสธ มสธถูกวิธีแล้ว ยังช่วยให้การพัฒนาเด็กปฐมวัยของบ้านและชุมชน กับสถานศึกษาปฐมวัยเป็นไปในทิศทาง เดียวกนั กอ่ ให้เกิดความสมั พันธ์ทด่ี ีตอ่ กนั ระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน 2.2 การใหบ้ รกิ ารมมุ คอมพวิ เตอรส์ บื คน้ ขอ้ มลู ทางวิชาการ สถานศกึ ษาปฐมวยั ในปจั จบุ นั มวี สั ดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยที างการศกึ ษาที่มคี ุณภาพหลายประการ โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอรท์ ี่เช่ือมต่อ ระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต ที่เปน็ โลกไรพ้ รมแดนสามารถเชือ่ มตอ่ กบั ขมุ ความร้ทู างวชิ าการในทุกด้านได้ ทั่วโลก นอกเหนือจากการใช้งานวัสดุอุปกรณ์ และเทคโนโลยีทางการศึกษาในการจัดการเรียนการสอน มสธและการด�ำเนินงานของสถานศึกษาแล้ว สถานศึกษาปฐมวัยยังสามารถจัดให้บริการแก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนด้วยการจัดมุมคอมพิวเตอร์ส�ำหรับสืบค้นข้อมูลทางวิชาการท่ีเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะความรู้ ทางด้านการเล้ียงดูบุตรหลาน การส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก รวมไปถึงข้อมูลอ่ืนๆ ที่เก่ียวข้องกับการ ประกอบอาชพี ของพอ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน ซง่ึ นอกจากจะชว่ ยใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน มคี วาม รู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การเล้ียงดูบตุ รหลานของตน สามารถสง่ เสริมการเรียนรขู้ องเด็กไดอ้ ย่างถกู วธิ แี ล้ว มสธ มสธยงั ชว่ ยในการทำ� ใหก้ ารประกอบอาชพี ของคนในชมุ ชนมคี ณุ ภาพยง่ิ ขนึ้ และจะชว่ ยทำ� ใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครอง และชุมชน มคี วามรสู้ กึ ที่ดตี อ่ สถานศกึ ษา มคี วามรสู้ ึกวา่ เปน็ เจ้าของสถานศกึ ษา อนั จะทำ� ใหเ้ กดิ มคี วาม สมั พันธ์ระหวา่ งสถานศึกษา บ้านและชุมชนทดี่ ี และยั่งยนื ตอ่ ไป 2.3 การจัดนิทรรศการความรู้ด้านต่าง ๆ สถานศึกษาปฐมวัยนอกจากจะมีอาคารสถานท่ี วัสดุ อุปกรณ์ นวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ แล้วยังเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ที่หลากหลาย ทั้งทางวิชาการ ด้านการศึกษา การประกอบอาชีพ ประวัติศาสตร์ของชุมชน ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ มสธสถานศกึ ษาจงึ สามารถใหค้ วามรกู้ บั พอ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน ไดใ้ นหลายๆ ดา้ น และหลายวธิ กี าร การ

ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสถานศึกษา บ้านและชุมชน 15-29 จัดนิทรรศการความรู้ด้านต่างๆ เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ส�ำคัญที่สถานศึกษาจะสามารถให้บริการแก่พ่อแม่ มสธผปู้ กครองและชมุ ชนได้ การจดั นทิ รรศการความรดู้ า้ นตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเปน็ เรอ่ื งของการอบรมเลย้ี งดู สง่ เสรมิ การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยแล้ว ยังสามารถจัดนิทรรศการความรู้ในเรื่องอื่นๆ เช่น การประกอบอาชีพ วนั ส�ำคญั ท้งั ทางบา้ นเมอื ง ดา้ นศาสนา ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วฒั นธรรมต่างๆ ฯลฯ ซงึ่ นอกจากจะ ชว่ ยใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน ไดร้ บั ความรู้ ความเขา้ ใจในเรอื่ งราวตา่ งๆ แลว้ ยงั ชว่ ยใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ มสธ มสธที่ดีต่อสถานศึกษา อยากมาเข้าร่วมกิจกรรมของสถานศึกษา มีความรู้สึกเป็นเจ้าของสถานศึกษา อันจะ กอ่ ใหเ้ กิดความสัมพันธ์ทด่ี ตี ่อกนั ระหว่างสถานศึกษา บา้ นและชุมชน ตอ่ ไป 3. การให้บริการด้านสุขภาพอนามัย กิจกรรมการให้บริการด้านสุขภาพอนามัย หมายถึง การที่สถานศึกษาให้ความรู้ ความเข้าใจ ใหแ้ นวทางปฏบิ ตั ิ และใหค้ วามชว่ ยเหลอื พอ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน ทางดา้ นสขุ ภาพอนามยั ของเดก็ ปฐมวยั มสธรวมทง้ั สขุ ภาพอนามยั ของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชนเอง โดยการเผยแพรค่ วามรเู้ กย่ี วกบั การดแู ลสขุ ภาพ อนามัยทั้งในส่วนที่เป็นสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัยในชุมชน และในส่วนของความรู้ใหม่ๆ ท่ัวไปแก่ พ่อแม่ ผปู้ กครองและชุมชน เช่น ความรเู้ กยี่ วกบั การป้องกนั โรค วธิ กี ารการรกั ษาสขุ ภาพอนามยั การใช้ ยารักษาโรค ฯลฯ เพ่อื จะท�ำให้เกดิ ความรว่ มมือกนั ระหว่างสถานศึกษา พอ่ แม่ ผู้ปกครองและชุมชน ใน การดูแลรักษาสุขภาพอนามัยท้ังของเด็กปฐมวัย ครู บุคลากรท่ีเก่ียวข้อง รวมทั้ง พ่อแม่ ผู้ปกครองและ มสธ มสธชมุ ชน อย่างสอดคลอ้ งกัน สามารถควบคมุ การลุกลามของโรคได้ทนั ทว่ งที และยงั เป็นการสง่ เสริมให้เดก็ ปฐมวยั พอ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน มีสขุ ภาพอนามยั ทีส่ มบรู ณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยร้ายแรงเข้ามา คกุ คาม กิจกรรมท่ีจัดในการให้บริการด้านสุขภาพอนามัย สามารถด�ำเนินการจัดได้หลายรูปแบบ หลาย วธิ กี าร ในที่น้จี ะกล่าวถึงกจิ กรรมท่ีส�ำคัญๆ 3 กจิ กรรมคอื การให้บริการความรู้เรือ่ งสขุ ภาพอนามยั การ ให้บริการเสริมภูมิคุ้มกนั โรคและการตรวจสขุ ภาพ การใหบ้ รกิ ารด้านทันตอนามยั ตอ่ ไปนี้ มสธ3.1 การให้บริการความรู้เร่ืองสุขภาพอนามัย สถานศึกษาปฐมวัยนอกจากมีหน้าที่หลักในการ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยใหม้ พี ฒั นาการท่ีดีทง้ั ทางด้านรา่ งกาย อารมณ์-จติ ใจ สงั คม และสติปัญญาแล้ว ยงั ต้อง ปฏิบัติหน้าที่ส�ำคัญอีกประการหน่ึง คือการส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดีของเด็กปฐมวัย ครูและผู้เก่ียวข้อง รวมไปถงึ การใหบ้ รกิ ารความรเู้ กย่ี วกบั สขุ ภาพอนามยั แกพ่ อ่ แม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชน ซง่ึ จะสามารถดำ� เนนิ การไดห้ ลายแนวทาง ดงั ตวั อยา่ ง เชน่ การจดั ปา้ ยนเิ ทศเกยี่ วกบั สขุ ภาพอนามยั ในสถานศกึ ษาเพอ่ื ใหค้ วาม มสธ มสธรู้ทางสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัยแก่พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชนท่ีเข้ามารับส่งบุตรหลาน หรือเข้ามา ติดต่องานอื่นๆ ในสถานศึกษา การให้บริการแจ้งข่าวสารเรื่องสุขภาพอนามัยโดยการขอความร่วมมือให้ หน่วยงานที่รับผิดชอบกิจกรรมเสียงตามสายในชุมชนช่วยออกข่าวประชาสัมพันธ์เร่ืองเก่ียวกับการดูแล สขุ ภาพอนามยั ของเดก็ ปฐมวยั ตามฤดกู าลตา่ งๆ การจดั ทำ� เอกสารแผน่ พบั เรอ่ื งสขุ ภาพอนามยั ฝากไปกบั เด็กปฐมวัย เพื่อส่งต่อให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองได้รับรู้ในกรณีที่มีความจ�ำเป็นที่จะต้องความร่วมมือในการ ปฏบิ ตั ติ นเกยี่ วกบั สขุ ภาพอนามยั เชน่ การปฏบิ ตั ติ นของพอ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน เมอ่ื พบวา่ บตุ รหลาน มสธเกิดโรคและการระบาดของโรคมอื เท้า ปาก ไม่ควรให้เด็กไปโรงเรียน ควรให้พักรักษาตวั อยทู่ ี่บ้าน และ

15-30 การศกึ ษาและหลกั สตู รสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั รกั ษาตามอาการจนโรคทเุ ลาและหายปว่ ย รวมทงั้ การจดั ประชมุ ใหค้ วามรู้ ความเขา้ ใจแกพ่ อ่ แม่ ผปู้ กครอง มสธและชุมชน เกี่ยวกบั การดูแลสุขภาพอนามยั ของเด็ก เปน็ ต้น 3.2 การให้บริการเสริมภูมิคุ้มกันโรคและการตรวจสุขภาพ สถานศึกษาปฐมวัยจะท�ำงานร่วม กบั โรงพยาบาล หรอื สถานอี นามยั ในชมุ ชนเพอ่ื ใหบ้ รกิ ารเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรคตา่ งๆ ดว้ ยการฉดี วคั ซนี ใหแ้ ก่ เด็กปฐมวัยตามก�ำหนดอายุท่ีกระทรวงสาธารณสุขก�ำหนดไว้ สถานศึกษามีหน้าท่ีประสานงานกับ มสธ มสธโรงพยาบาล หรอื สถานีอนามัย เพือ่ กำ� หนดวนั เวลาในการเขา้ มาใหว้ คั ซีน เตรยี มการเรอื่ งอาคารสถานที่ แจง้ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชน ใหท้ ราบ และเตรยี มการหลงั การใหว้ คั ซนี สำ� หรบั เดก็ บางคนทเี่ กดิ อาหารแพ้ ในช่วงทเี่ ดก็ ปฐมวัยอย่ใู นสถานศกึ ษาจะมีกำ� หนดการใหว้ ัคซนี ในช่วงอายุ 2 ปคี รึ่ง และช่วงอายุ 4 ปี ซึ่งสถานศึกษาจะต้องประสานงานกับทางโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยมาให้บริการเสริมภูมิคุ้มกัน โรคตามก�ำหนด และนอกจากน้ันสถานศึกษายังต้องประสานงานกับบุคลากรสาธารณสุขเพื่อเข้ามาตรวจ สุขภาพเด็กปฐมวัย อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 คร้ัง (กลุ่มอนามัยเด็กวัยเรียนและเยาวชน ส�ำนักส่งเสริม มสธสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, 2550, น. 4-5) การให้บริการเสริมภูมิคุ้มกันโรคและตรวจ สุขภาพเด็กปฐมวัย โดยการด�ำเนินการของสถานศึกษานี้จะช่วยให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชนไว้วางใจ สถานศกึ ษา เกิดความรสู้ ึกทดี่ ี ใหค้ วามร่วมมือและเขา้ รว่ มกิจกรรมของสถานศึกษา อันจะกอ่ ใหเ้ กิดความ สมั พนั ธ์ทดี่ ตี อ่ กันระหว่างสถานศึกษา บ้านและชมุ ชนตอ่ ไป 3.3 การให้บริการด้านทันตอนามัย เด็กท่ีอยู่ในช่วงปฐมวัยจะอยู่ในช่วงที่มีการเจริญเติบโตของ มสธ มสธฟนั และจะมปี ญั หาเรอ่ื งฟนั เพราะเดก็ จะดแู ลรกั ษาฟนั ดว้ ยตนเองไดไ้ มใ่ ครด่ นี กั ดงั นนั้ สถานศกึ ษา พอ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชนตอ้ งคอยชว่ ยเหลอื ดแู ลเรอื่ งฟนั ของเดก็ ดว้ ย สถานศกึ ษามบี ทบาทสำ� คญั ในการตดิ ตอ่ ประสานงานกบั โรงพยาบาลหรอื สถานอี นามยั เพอื่ ใหบ้ รกิ ารดา้ นทนั ตอนามยั แกเ่ ดก็ ปฐมวยั เพอื่ มาใหบ้ รกิ าร ตรวจสขุ ภาพฟนั และหากมกี ารตรวจพบอาการท่จี ำ� เปน็ ต้องไดร้ ับการรักษา สถานศกึ ษาก็มีหน้าทแ่ี จง้ ให้ ทางพอ่ แม่ ผปู้ กครองไดร้ บั รแู้ ละนำ� เดก็ ไปรบั การรกั ษาตอ่ ไป การดำ� เนนิ การใหบ้ รกิ ารดา้ นทนั ตอนามยั อยา่ ง เอาใจใส่สม่ําเสมอของสถานศึกษา จะท�ำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชน มองเห็นถึงความพยายามของ มสธสถานศึกษาทจี่ ะพฒั นาเด็กปฐมวัยอยา่ งแท้จริง จะทำ� ให้เกดิ ความรสู้ ึกที่ดีต่อสถานศึกษา กอ่ ใหเ้ กดิ ความ สมั พนั ธ์ทด่ี ตี ่อกันระหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชน ต่อไป จะเหน็ ไดว้ า่ งานใหบ้ รกิ ารแกบ่ า้ นและชมุ ชน สามารถจดั กจิ กรรมไดห้ ลากหลายรปู แบบและวธิ กี าร ทั้งที่เป็นการให้บริการด้านอาคารสถานท่ี โดยการให้ใช้สถานท่ีในการประชุมหรือจัดงานต่างๆ การให้ บรกิ ารสนามกฬี า และการใหบ้ รกิ ารหอ้ งสมดุ และแหลง่ เรยี นรู้ การให้บริการทางวิชาการ โดยการใหบ้ รกิ าร มสธ มสธอบรมสัมมนาทางวิชาการ การให้บริการมุมคอมพิวเตอร์ส�ำหรับสืบค้นข้อมูลทางวิชาการ และการจัด นทิ รรศการความรดู้ า้ นตา่ งๆ และ การให้บริการด้านสุขภาพอนามัย โดยการใหบ้ รกิ ารความรเู้ รอ่ื งสขุ ภาพ อนามัย การให้บริการเสรมิ ภมู คิ ุม้ กันโรคและการตรวจสุขภาพ การให้บริการด้านทนั ตอนามัย กิจกรรม 15.2.1 มสธจงอธิบายการให้บรกิ ารแก่บ้านและชุมชน

ความสมั พันธ์ระหว่างสถานศึกษา บา้ นและชุมชน 15-31 มสธแนวตอบกิจกรรม 15.2.1 การให้บรกิ ารแกบ่ ้านและชุมชน ประกอบไปดว้ ย การให้บริการด้านอาคารสถานที่ โดยการให้ใช้สถานที่ในการประชุมหรือจัดงานต่างๆ การให้ บริการสนามกีฬา และการใหบ้ ริการหอ้ งสมุดและแหล่งเรียนรู้ มสธ มสธการให้บริการทางวิชาการ โดยการให้บริการอบรมสัมมนาทางวิชาการ การให้บริการมุม คอมพวิ เตอร์สำ� หรบั สืบค้นข้อมูลทางวชิ าการ และการจดั นิทรรศการความรู้ดา้ นต่างๆ การให้บริการด้านสุขภาพอนามัย โดยการให้บริการความรู้เรื่องสุขภาพอนามัย การให้บริการ ภูมคิ ้มุ กันโรค และการใหบ้ รกิ ารดา้ นทันตอนามัย มสธเรื่องที่ 15.2.2 การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนจากบ้านและชุมชน มสธ มสธการรับการช่วยเหลือและสนับสนุนจากบ้านและชุมชน เป็นการด�ำเนินการสร้างความสัมพันธ์ ระหวา่ งสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน ทส่ี ถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน ร่วมกันดำ� เนินการ ซ่ึงจะประกอบไป ดว้ ยกจิ กรรมทหี่ ลากหลาย ในเรอื่ งนจ้ี ะกลา่ วถงึ การรบั การชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ จากบา้ นและชมุ ชน ประกอบ ด้วย การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านทรัพยากร การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านวิชาการ และการรับการช่วยเหลือสนับสนนุ จากบุคคลในชมุ ชน ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี มสธ1. การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านทรัพยากร การรบั การชว่ ยเหลอื และสนบั สนนุ ดา้ นทรพั ยากรจากบา้ นและชมุ ชน สถานศกึ ษาสามารถรบั การ ชว่ ยเหลอื และสนบั สนนุ ไดห้ ลายทาง ทง้ั นขี้ น้ึ อยกู่ บั กำ� ลงั และความพรอ้ มของทางบา้ นและชมุ ชน การดำ� เนนิ การสามารถท�ำไดโ้ ดยการสำ� รวจความต้องการของสถานศึกษาทางด้านทรพั ยากรตา่ งๆ แล้วจดั ทำ� ขอ้ มูล มสธ มสธความตอ้ งการเสนอไปยงั ชมุ ชน อาจจะผา่ นคณะกรรมการของชมุ ชน เชน่ คณะกรรมการหมบู่ า้ น หรอื อาจ จะผา่ นไปกบั ตวั แทนของชมุ ชนทเี่ ขา้ มารว่ มเปน็ คณะกรรมการสถานศกึ ษา สถานศกึ ษาสามารถขอรบั การ ช่วยเหลอื และสนบั สนุนจากบา้ นและชุมชนด้านทรพั ยากร ดงั ต่อไปนี้ 1.1 การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนทางด้านวัสดุอุปกรณ์ เชน่ โสตทศั นปู กรณ์ วสั ดอุ ปุ กรณ์ การศกึ ษา เครอ่ื งพมิ พ์ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ เครอื งรบั โทรทศั น์ กลอ้ งวงจรปดิ เครอื่ งขยายเสยี ง เครอื่ งเลน่ มสธในสนาม ของเล่น กระดาษ สี กาว ฯลฯ

15-32 การศึกษาและหลกั สตู รสำ� หรับเด็กปฐมวัย 1.2 การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนทางด้านครุภัณฑ์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บเอกสาร และ มสธครุภณั ฑ์ประจำ� ชั้นเรียน ครภุ ัณฑใ์ นส�ำนกั งาน ฯลฯ 1.3 การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนทางด้านในทุนทรัพย์ เช่น ขอรับการสนับสนุนเงินเพ่ือ นำ� มาใชจ้ า่ ยในสถานศกึ ษา หรอื เปน็ เงนิ ทนุ สำ� หรบั ผเู้ รยี นทย่ี ากจน ขอรบั การสนบั สนนุ หนงั สอื เครอื่ งเขยี น จากสำ� นกั พมิ พ์ โรงพมิ พ์ รา้ นจำ� หนา่ ยเครอ่ื งเขยี นแบบเรยี น ขอรบั การสนบั สนนุ ขา้ วสาร ผกั ผลไม้ ไขไ่ ก่ มสธ มสธจากประชาชนในชุมชนเพือ่ น�ำมาทำ� อาหารกลางวนั แกเ่ ดก็ ปฐมวัยในสถานศกึ ษา ฯลฯ การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านทรัพยากรจากชุมชน นอกจากจะเกิดผลโดยตรงจากการ ไดร้ บั ทรัพยากรตา่ งๆ มาเอื้ออ�ำนวยความสะดวกในการปฏบิ ตั ิงานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ของสถานศกึ ษาแลว้ ยงั ทำ� ใหค้ นในชมุ ชนมคี วามรสู้ กึ ภาคภมู ใิ จทไี่ ดช้ ว่ ยเหลอื สนบั สนนุ สถานศกึ ษา ทำ� ใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธท์ ด่ี ี ระหว่างกันท้งั สถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน มสธ2. การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านวิชาการ การรบั การชว่ ยเหลอื และสนบั สนนุ ดา้ นวชิ าการ สถานศกึ ษาสามารถขอรบั การสนบั สนนุ จากบา้ น และชมุ ชนไดห้ ลายประการ ขน้ึ อยกู่ บั ความรคู้ วามเชยี่ วชาญของคนในชมุ ชนนน้ั ดงั การขอรบั การสนบั สนนุ ตอ่ ไปน้ี มสธ มสธ2.1 การรบั การชว่ ยเหลอื และสนบั สนนุ ดา้ นการเปน็ วทิ ยากร ในชมุ ชนทกุ ชมุ ชนจะมผี ทู้ มี่ คี วามรู้ ความสามารถเฉพาะทาง เชน่ นกั แสดงนาฏศลิ ปข์ องทองถน่ิ หมอลำ� หนงั ตะลงุ ลเิ ก ลำ� ตดั นกั ดนตรี และ มที ง้ั ผทู้ มี่ คี วามเชย่ี วชาญทป่ี ระกอบอาชพี ในดา้ นตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเปน็ หมอ พยาบาล ตำ� รวจ พนกั งานดบั เพลงิ พนักงานเทศบาล บุคคลเหล่านี้สามารถเป็นวิทยากรให้ความรู้ และพาเด็กปฐมวัยปฏิบัติกิจกรรมตาม ลกั ษณะงานทต่ี นเชย่ี วชาญได้ รวมทง้ั เปน็ วทิ ยากรใหค้ รแู ละบคุ ลากรอนื่ ๆ ในสถานศกึ ษา เพอื่ พฒั นาความ รู้และการปฏิบัติเพื่อน�ำไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาได้ เช่น การอบรมเร่ืองการดูแลรักษา พยาบาลเด็กเบื้องต้นจากแพทย์และพยาบาล หรือการอบรมเร่ืองเตรียมตัวและปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุ มสธอคั คภี ยั จากพนกั งานดบั เพลงิ ฯลฯ 2.2 การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านแหล่งศึกษาหาความรู้จากภูมิปัญญาท้องถ่ิน เช่น ศลิ ปนิ พน้ื บา้ น ชา่ งทอผา้ ชา่ งจกั สาน ชา่ งแกะสลกั ชา่ งปน้ั และชา่ งตดั ผม ฯลฯ ซง่ึ เปน็ แหลง่ ศกึ ษาหาความรู้ อย่างดีย่งิ ครูสามารถน�ำเดก็ ไปทศั นศึกษาแหล่งเรียนรแู้ ละภูมิปญั ญาท้องถ่ินได้ มสธ มสธ2.3 การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านการฝึกปฏิบัติจากภูมิปัญญาในท้องถ่ิน ในทักษะ บางทักษะทม่ี ีลักษณะเฉพาะจำ� เป็นตอ้ งได้รับการชแ้ี นะการปฏิบตั ิจากผรู้ ผู้ เู้ ชีย่ วชาญเฉพาะทาง เชน่ การ รอ้ งลเิ ก หมอลำ� หรอื พากยห์ นงั ตะลงุ ครแู ละบคุ ลากรของสถานศกึ ษาหากตอ้ งการฝกึ ทกั ษะเหลา่ นเ้ี พอ่ื นำ� มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้กับเด็กปฐมวัย ก็สามารถรับการสนัสนุนด้วยการไปฝึกปฏิบัติกับ ภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ในชุมชนได้ การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านวิชาการจากชุมชน นอกจากจะประโยชน์โดยตรงจาก เรื่องราวที่สถานศึกษาไดร้ ับการสนับสนนุ แล้ว ยงั ทำ� ใหผ้ ูท้ ีใ่ ห้การสนบั สนนุ สถานศกึ ษาเกิดความร้สู ึกภาค มสธภูมิใจที่ได้ท�ำประโยชน์ให้กับทั้งเด็กปฐมวัย กับครู และบุคลากรท่ีเก่ียวข้องของสถานศึกษา รวมทั้งได้

ความสมั พนั ธ์ระหว่างสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชน 15-33 ชว่ ยเหลือสนับสนนุ สถานศกึ ษา ซง่ึ จะก่อใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธท์ ่ีดีระหวา่ งสถานศึกษา บ้านและชมุ ชน อนั มสธจะส่งผลต่อคุณภาพของการจดั การศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาเดก็ ปฐมวัยต่อไป 3. การรับการช่วยเหลือสนับสนุนจากบุคคลในชุมชน บคุ คลในชมุ ชนในท่นี ้ี หมายถงึ คนในชุมชนทีเ่ ป็นนักวชิ าการ เปน็ ครอู าจารยใ์ นสถานศึกษาอน่ื มสธ มสธนกั กฬี า นกั ดนตรี ผเู้ ชยี่ วชาญทางคอมพวิ เตอรแ์ ละระบบเครอื ขา่ ย ผเู้ ชยี่ วชาญทางการตลาด ผเู้ ชยี่ วชาญ ทางดา้ นการเงนิ การธนาคาร ศลิ ปนิ พนื้ บา้ น ผอู้ าวโุ ส ผู้เปน็ ปูชนยี บุคคลในชมุ ชน ผปู้ กครองนักเรียน ซง่ึ การขอรับการสนับสนุนในที่น้ีเป็นการขอรับการสนับสนุนในลักษณะขอค�ำปรึกษาและข้อเสนอแนะ หรือ เชญิ เปน็ คณะกรรมการสถานศกึ ษา หรอื คณะทำ� งานอน่ื ๆ ในสถานศกึ ษา เชน่ คณะกรรมการตรวจรบั การ จัดซื้อคอมพิวเตอร์ คณะกรรมการจัดหาทุนพัฒนาสถานศึกษา ฯลฯ การรับการช่วยเหลือสนับสนุนจาก บคุ คลในชมุ ชนมปี ระโยชนโ์ ดยตรงกบั งานทไี่ ดร้ บั การชว่ ยเหลอื ทำ� ใหม้ กี ารปฏบิ ตั ทิ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ผลการ มสธปฏบิ ตั งิ านมคี ณุ ภาพ ถกู ตอ้ งตามระเบยี บขอ้ กำ� หนด และยงั ทำ� ใหบ้ คุ คลในชมุ ชนทมี่ าใหก้ ารชว่ ยเหลอื และ สนับสนุนสถานศึกษารู้สึกเป็นเกียรติและเกิดความภาคภูมิใจ ท่ีได้ช่วยเหลือสถานศึกษา ท�ำให้เกิดความ รู้สึกท่ีดีต่อกันระหว่างคนในชุมชนและสถานศึกษา อันจะน�ำไปสู่การเกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่าง สถานศึกษา บ้านและชมุ ชน ตอ่ ไป มสธ มสธจะเห็นไดว้ ่าการรบั การช่วยเหลือและสนับสนุนจากชมุ ชนของสถานศกึ ษา จะสามารถรับการช่วย เหลอื และสนบั สนนุ ไดท้ างดา้ นทรพั ยากรอนั ประกอบไปดว้ ยการขอรบั การชว่ ยเหลอื และสนบั สนนุ ทางดา้ น วัสดุอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และทุนทรัพย์ การรับการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านวิชาการเป็นการขอรับการ สนบั สนนุ ในดา้ นการเปน็ วทิ ยากร การเปน็ แหลง่ ศกึ ษาเรยี นรู้ และเปน็ แหลง่ ฝกึ ปฏบิ ตั ิ และการรบั การชว่ ย เหลอื และสนับสนนุ จากบคุ คลในชมุ ชน เป็นการขอรบั การชว่ ยเหลอื และสนับสนนุ ในการขอคำ� ปรึกษาและ ขอ้ เสนอแนะ และเปน็ คณะกรรมการสถานศกึ ษา หรอื คณะทำ� งานอน่ื ๆ ในสถานศึกษา มสธกิจกรรม 15.2.2 จงอธบิ ายการรบั การชว่ ยเหลอื และสนับสนุนจากบา้ นและชมุ ชน มสธ มสธแนวตอบกิจกรรม15.2.2 การรับการชว่ ยเหลอื และสนบั สนนุ จากบา้ นและชุมชน ประกอบไปดว้ ย การรับการช่วยเหลอื และ สนับสนนุ ด้านทรพั ยากร ที่เป็นวัสดุ อปุ กรณ์ ครุภณั ฑ์ และทุนทรพั ย์ การรับการชว่ ยเหลือและสนบั สนนุ ด้านวิชาการในด้านการเปน็ วทิ ยากร การเปน็ แหลง่ ศกึ ษาเรียนรู้ และเป็นแหลง่ ฝึกปฏบิ ัติ สว่ นการรบั การ ช่วยเหลือและสนับจากบุคคลในชุมชน เป็นการขอค�ำปรึกษาและข้อเสนอแนะ และเป็นคณะกรรมการ มสธสถานศกึ ษา หรอื คณะท�ำงานอืน่ ๆ ในสถานศกึ ษา

15-34 การศกึ ษาและหลักสตู รส�ำหรับเด็กปฐมวยั มสธตอนที่ 15.3 การเข้าร่วมกิจกรรมของสถานศึกษา บ้านและชุมชน โปรดอา่ นหัวเรื่อง แนวคิด และวัตถปุ ระสงค์ของตอนท่ี 15.3 แลว้ จึงศึกษารายละเอียดตอ่ ไป มสธ มสธหัวเรื่อง 15.3.1 การเข้ารว่ มกิจกรรมของบ้านและชมุ ชนท่ีจดั โดยสถานศกึ ษา 15.3.2 การเข้ารว่ มกจิ กรรมของสถานศึกษาทจ่ี ัดโดยบา้ นและชมุ ชน แนวคิด มสธ1. การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของบา้ นและชมุ ชนทจี่ ดั โดยสถานศกึ ษา เปน็ การเขา้ รว่ มในกจิ กรรม ทางวิชาการ อันได้แก่ การปฐมนิเทศผู้ปกครองเด็กปฐมวัย กิจกรรมพบครูประจ�ำชั้น และกจิ กรรมปดิ ภาคเรยี นและสน้ิ ปกี ารศกึ ษา และการเขา้ รว่ มในกจิ กรรมนกั เรยี น ไดแ้ ก่ กิจกรรมวนั สำ� คัญอนั ประกอบด้วย วนั เด็กแห่งชาติ วันขึ้นปีใหม่ และวนั สงกรานต์ 2. ก ารเขา้ รว่ มกจิ กรรมของสถานศกึ ษาทจี่ ดั โดยบา้ นและชมุ ชน เปน็ การเขา้ รว่ มในกจิ กรรม มสธ มสธทางวฒั นธรรมประเพณี อันไดแ้ ก่ ประเพณลี อยกระทง ประเพณีแหเ่ ทียนพรรษา และ การเข้าร่วมในกิจกรรมนันทนาการ วัตถุประสงค์ เมือ่ ศึกษาตอนท่ี 15.3 จบแล้ว นกั ศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายการเข้ารว่ มกิจกรรมของบา้ นและชุมชนท่ีจดั โดยสถานศึกษาได้ มสธ มมสสธธ มสธ2. อธบิ ายการเข้าร่วมกิจกรรมของสถานศกึ ษาท่จี ดั โดยบา้ นและชุมชนได้

ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสถานศึกษา บา้ นและชุมชน 15-35 มสธเรื่องที่ 15.3.1 การร่วมกิจกรรมของบ้านและชุมชนท่ีจัดโดยสถานศึกษา มสธ มสธการร่วมกิจกรรมของบ้านและชุมชนที่จัดโดยสถานศึกษา เป็นการด�ำเนินการสร้างความสัมพันธ์ ระหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน ทสี่ ถานศกึ ษาเปน็ ผดู้ ำ� เนนิ การจดั กจิ กรรมตา่ งๆ แลว้ เชญิ ชวนใหพ้ อ่ แม่ ผู้ปกครองและชุมชนเข้าร่วม ซ่ึงจะประกอบไปด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ท้ังกิจกรรมเก่ียวกับการเรียน การสอน และกจิ กรรมนกั เรยี น ดังรายละเอียดตอ่ ไปน้ี 1. กิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนการสอน มสธการสนับสนุนให้บ้านและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนการสอน หมายถึง การเชญิ ชวนใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครอง บคุ คล หนว่ ยงานตา่ งๆ ในชมุ ชนเขา้ มารว่ มกจิ กรรมทส่ี ถานศกึ ษาจดั ขน้ึ เพ่ือให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชนได้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เก่ียวข้องกับ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และกิจกรรมทางวิชาการอื่นๆ ของสถานศึกษาที่จัดให้กับเด็กปฐมวัย กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนในสถานศึกษาระดับปฐมวัยท่ีจัดขึ้นมีหลากหลายรูปแบบและวิธีการ มสธ มสธในเรื่องน้ีจะกล่าวถึงกิจกรรมที่เหมาะกับการเชิญชวนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม 3 กจิ กรรม คือ การปฐมนิเทศผ้ปู กครองเด็กปฐมวยั กิจกรรมพบคณุ ครูประจ�ำช้ัน และกิจกรรมปิดภาคเรยี น ส้นิ ปีการศึกษา ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี 1.1 การปฐมนิเทศผู้ปกครองเด็กปฐมวัย หมายถึง กิจกรรมที่สถานศึกษาจัดขึ้นเพ่ือชี้แจงและ ท�ำความเขา้ ใจกบั ผปู้ กครองถึงกฎ ระเบียบ นโยบาย แนวปฏิบตั ิต่างๆ ของสถานศึกษา รวมถงึ แนวทาง การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรสู้ ำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั การใชช้ วี ติ ประจำ� วนั ของเดก็ ปฐมวยั ในสถานศกึ ษา เพอื่ มสธเป็นทั้งการเตรียมตัวเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู รวมท้ังสถานศึกษาเองด้วย ซ่ึงท�ำให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนได้รับทราบข้อมูลส�ำคัญก่อนน�ำเด็กมาสถานศึกษา ผู้ปกครองจะได้ซักถามข้อข้องใจต่างๆ ซัก ถามรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจน เช่น การแต่งกาย การเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้เด็ก การรบั สง่ เดก็ ฯลฯ รวมทั้งผปู้ กครองจะได้เห็น รจู้ ักผบู้ รหิ าร ครู และผู้ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง รูจ้ กั หอ้ งเรยี นของลูก รู้จักอาคารสถานท่ี การจัดบริการอ�ำนวยความสะดวก สถานที่ตั้งของอาคาร ห้องและบริเวณต่างๆ เช่น มสธ มสธหอ้ งสมดุ หอ้ งอาหาร หอ้ งพยาบาล สนามเดก็ เลน่ สวนเกษตร สนามกฬี า ฯลฯ รวมทงั้ การแนะนำ� กจิ กรรม การใชช้ วี ติ รว่ มกนั ในสถานศกึ ษา เชน่ วฒั นธรรมการทกั ทายกนั ของคนในสถานศกึ ษา การแตง่ กายประจำ� วนั การจดั กจิ กรรมวนั สำ� คญั ตา่ งๆ การตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั ทางสถานศกึ ษาในวาระตา่ งๆ และรจู้ กั เดก็ พอ่ แม่ ผปู้ กครองในครอบครวั อนื่ ๆ ซง่ึ จะทำ� ใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองอนุ่ ใจ ไมก่ งั วลมากเกนิ ไปเมอื่ ตอ้ งสง่ ลกู อยทู่ ส่ี ถาน ศึกษา นอกจากน้ันพ่อแม่ ผู้ปกครองยังจะได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย แนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของสถานศึกษา ท�ำความเข้าใจกับตารางกิจกรรมประจ�ำวันของ มสธเด็ก กิจวัตรประจำ� วันทเี่ ด็กต้องปฏิบตั ิ ประโยชน์ของการจัดกจิ กรรมส�ำหรับเดก็ แตล่ ะกจิ กรรม การเรยี นรู้

15-36 การศึกษาและหลกั สตู รส�ำหรบั เด็กปฐมวยั ท่ีเกิดจากกิจวตั รประจ�ำวันท่คี รอู อกแบบและจดั ใหก้ บั เดก็ ปฐมวัย การปฏิบัตกิ จิ กรรมต่างๆ ท่บี ้านตอ้ งให้ มสธสอดคลอ้ งกบั แนวทางปฏบิ ตั ทิ ส่ี ถานศกึ ษากำ� หนด การทำ� ความเขา้ ใจ และทำ� ความตกลงกนั ในการสอื่ สาร ระหว่างครูกับผู้ปกครอง กิจวัตรประจ�ำวันของเด็กในชั้นเรียน การสร้างความสนิทสนม ความเข้าใจ ไว้ วางใจกนั กับครปู ระจำ� ชน้ั ของลูก ในขัน้ นี้ ครอู าจจัดกจิ กรรมให้ผู้ปกครองไดล้ องปฏิบัติเพือ่ ท�ำความเขา้ ใจ กบั การเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั เขา้ ใจแนวทางการจดั การเรยี นรใู้ นระดบั นวี้ า่ มแี นวทางในการจดั ประสบการณ์ มสธ มสธอย่างไร ท�ำไมจึงไม่ควรเร่งเด็กปฐมวัยเรียนเขียนอ่านอย่างเคร่งเครียด เอาจริงเอาจัง รวมทั้งการให้ ผู้ปกครองได้ลองลงมือปฏิบัติกิจกรรมท่ีจัด เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยในห้องเรียนด้วยตนเอง แล้วอภิปราย ร่วมกันว่าเด็กจะได้เรียนรู้อะไร ได้รับการพัฒนาอย่างไรจากกิจกรรมนั้น ครูต้องท�ำงานหนักอย่างไรบ้าง ในการเตรียมกิจกรรมส�ำหรับจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัยแต่ละคนในหน่ึงวัน ก็จะท�ำให้ผู้ปกครอง เข้าใจวา่ เด็กปฐมวัยเรยี นร้อู ย่างไร กจิ กรรมตา่ งๆ ในการปฐมนิเทศที่จะท�ำให้พอ่ แม่ ผปู้ กครอง เข้าใจถงึ วิธีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีถูกต้อง ท�ำให้สามารถพัฒนาเด็กให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ มสธสถานศึกษา และจะเกดิ ความร่วมมือกนั ในการพฒั นาเด็กปฐมวัย และสรา้ งเสริมความสมั พันธ์อันดตี ่อกัน ระหว่างสถานศึกษา พอ่ แม่ ผูป้ กครองและชมุ ชนต่อไป 1.2 กิจกรรมพบครูประจ�ำช้ัน เป็นกิจกรรมทีส่ ถานศกึ ษาจัดข้นึ เพ่อื ใหค้ รปู ระจ�ำชนั้ ไดพ้ บปะกบั พอ่ แม่ ผปู้ กครองเดก็ เปน็ รายบคุ คล ซง่ึ ปกตคิ วรจะจดั ใหม้ อี ยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ 1 ครง้ั วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั เพือ่ ให้พ่อแม่ ผปู้ กครองได้รับร้ถู ึงกิจกรรมท่โี รงเรยี นจัดเพอ่ื พัฒนาเดก็ และผลการพฒั นาเดก็ ในช่วงระยะ มสธ มสธเวลาทผ่ี า่ นมาตลอดเวลา 1 ภาคเรยี น และในขณะเดยี วกนั ครูก็ไดร้ บั รู้ขอ้ มูลเกย่ี วกับเด็กทงั้ ทางพฤตกิ รรม ทแ่ี สดงออก กจิ กรรมทช่ี อบทำ� การประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นเมอ่ื เดก็ อยทู่ บี่ า้ น รวมทง้ั อปุ นสิ ยั ใจคอของเดก็ เมอื่ ทง้ั สองฝ่าย คือบา้ นและสถานศึกษามีข้อมูลเกี่ยวกับเด็กตรงกนั มองเห็นจดุ เด่น จดุ ที่ควรพฒั นาของเด็ก ร่วมกนั กจ็ ะเกิดความรว่ มมอื กนั ในการพฒั นาเดก็ และท่สี ำ� คัญคอื การทเ่ี ดก็ จะได้รบั การพัฒนาอยา่ งเปน็ ไปในทศิ ทางทส่ี อดคลอ้ งกนั ระหวา่ งบา้ นและโรงเรยี น การเขา้ รว่ มกจิ กรรมนขี้ องพอ่ แม่ ผปู้ กครอง จะทำ� ให้ เข้าใจถงึ ธรรมชาตแิ ละการเรียนรู้ของเดก็ ทำ� ให้รูจ้ ักบุตรหลานของตนเองอยา่ งลกึ ซ้ึง และให้ความเช่ือมนั่ มสธไว้วางใจสถานศึกษาเกยี่ วกบั การพฒั นาเดก็ จะทำ� ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ทด่ี ีต่อสถานศกึ ษา อนั เปน็ พน้ื ฐานของ การมคี วามสัมพันธ์ทีด่ ตี ่อกนั ระหวา่ ง สถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชน 1.3 กิจกรรมปิดภาคเรียนและส้ินปีการศึกษา เปน็ กจิ กรรมทส่ี ถานศกึ ษาจดั ขนึ้ เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ ถึงพัฒนาการของเด็กในแต่ละภาคเรียน ผ่านการจัดกิจกรรมในวันปิดภาคเรียน และวันส้ินปีการศึกษา กิจกรรมในวันดังกล่าวประกอบด้วยการจัดนิทรรศการแสดงผลงานจากการเรียนตลอดภาคเรียนที่ผ่านมา มสธ มสธซึ่งอาจเป็นทั้งผลงานทางศิลปะ ผลงานการท�ำโครงการ ผลงานการสร้างหนังสือนิทานโดยเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครองจะได้รับชมการน�ำเสนอผลงานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเกิดจากการคิด และวางแผนของเด็กเอง ภายใตก้ ารแนะน�ำช่วยเหลือของครู และจะมีผลงานที่แสดงออกในรูปของการแสดงบนเวที ที่เป็นผลของ มสธการเรยี นรตู้ ลอดภาคเรียน หรอื ปีการศึกษาท่ผี า่ นมา ดังแสดงในภาพที่ 15.1

ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสถานศึกษา บ้านและชมุ ชน 15-37 มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธภาพที่15.1การเข้าร่วมกิจกรรมวันปิดภาคเรียนและวันสิ้นปีการศึกษาของพ่อแม่ผู้ปกครองและชุมชน ที่มา: โรงเรยี นวรรณสว่างจิต. (2560) กิจกรรมปดิ ภาคเรยี น. สืบค้นเม่ือ 20 พฤษภาคม 2560 จาก http://www.facebook.com/ โรงเรียนวรรณสว่างจิต. มสธจากภาพท่ี 15.1 จะเหน็ วา่ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และคนในชุมชน สามารถเข้าร่วมกบั กจิ กรรมท่ีทาง สถานศึกษาจัดขึน้ ในวนั ปิดภาคเรยี น และวนั สน้ิ ปีการศกึ ษา กิจกรรมหลกั ๆ ท่จี ดั คือการแสดงนิทรรศการ ผลงานท่ีเกิดจากการเรียนรู้ของเด็ก การน�ำเสนอผลงานของเด็ก การเล่าวิธีการท�ำงาน รวมทั้งการแสดง บนเวทีของเดก็ ๆ กจิ กรรมท่พี อ่ แม่ ผ้ปู กครองและชมุ ชนได้เข้าร่วมเหลา่ น้ี จะทำ� ให้พ่อแม่ และผปู้ กครอง เกดิ ความภาคภมู ใิ จในตวั บตุ รหลานทสี่ ามารถจดั ทำ� ผลงานจนสำ� เรจ็ และสามารถถา่ ยทอดเรอื่ งราวเกย่ี วกบั มสธ มสธการจดั ทำ� ใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองฟงั นอกจากนนั้ พอ่ แม่ ผปู้ กครองยงั จะเกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจในกระบวนการ เรียนรขู้ องเด็ก เข้าใจวธิ ีการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ่ีถูกวธิ ีใหก้ บั เด็กปฐมวยั ท�ำใหเ้ กดิ ความเชอ่ื มน่ั ใน แนวทางการจดั การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาเดก็ ของสถานศกึ ษา ทำ� ใหม้ คี วามรสู้ กึ ทด่ี ตี อ่ สถานศกึ ษา อนั จะสง่ ผล ต่อการมคี วามสมั พนั ธท์ ่ีดตี อ่ กนั ระหวา่ งสถานศึกษา บา้ นและชุมชน ปัญหาท่ัวไปที่มักจะเกิดข้ึนเสมอกับการเชิญชวนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองให้มาร่วมกิจกรรมที่สถาน ศึกษาจัดข้ึน คือพ่อแม่ ผู้ปกครองไม่มาเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลายประการ ทั้งการต้อง มสธประกอบอาชีพ ไมม่ ีเวลา เวลาว่างไม่ตรงกนั กบั เวลาทีส่ ถานศึกษาจดั กิจกรรม ปัญหาไมเ่ หน็ ความสำ� คญั

15-38 การศึกษาและหลกั สตู รสำ� หรับเด็กปฐมวยั ไมเ่ หน็ ประโยชนข์ องการเขา้ รว่ มกจิ กรรม และไมช่ อบทต่ี อ้ งนงั่ ฟงั การบรรยายทเ่ี ปน็ วชิ าการทต่ี อ้ งใชเ้ วลานาน มสธสถานศึกษาสามารถแก้ปัญหาได้หลายวิธี เช่น กรณีพ่อแม่ ผู้ปกครองไม่มีเวลา หรือเวลาว่างไม่ตรงกัน สถานศกึ ษาควรจดั กจิ กรรมทส่ี ำ� คญั นน้ั เชน่ การปฐมนเิ ทศอกี ครงั้ หนงึ่ แบบยอ่ ๆ กะทดั รดั ใชเ้ วลาไมม่ าก โดยนดั หมายเวลาวา่ งระหวา่ งกลมุ่ ผปู้ กครองทไ่ี มส่ ามารถมาในวนั งานจรงิ ได้ ฯลฯ และในการจดั งาน ควร ให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม มีส่วนร่วมในการอภิปราย ได้เย่ียมชมสถานที่ ได้พูดคุย มสธ มสธแลกเปลย่ี นใหม้ ากทส่ี ดุ แทนการนงั่ ฟงั บรรยายอยา่ งเดยี ว ซง่ึ กจ็ ะชว่ ยใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครอง เหน็ ความสำ� คญั และอยากเขา้ มาร่วมกิจกรรมมากขนึ้ 2. กิจกรรมนักเรียน การเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมนักเรียนของบ้านและชุมชน หมายถึง การเชิญชวนให้พ่อแม่ ผปู้ กครอง บคุ คล หนว่ ยงานตา่ งๆ ในชมุ ชนเขา้ มารว่ มกจิ กรรมทสี่ ถานศกึ ษาจดั ขน้ึ เพอื่ เปน็ การเสรมิ เตมิ มสธเตม็ เกยี่ วกบั ประสบการณก์ ารเรยี นรใู้ หก้ บั เดก็ ปฐมวยั เพอื่ ใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน ไดม้ คี วามรแู้ ละ มคี วามเขา้ ใจและมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมที่สถานศกึ ษาจดั ใหก้ บั เด็กปฐมวัย กิจกรรมนกั เรียนในสถานศึกษา ระดบั ปฐมวยั ทจี่ ดั ขนึ้ มหี ลากหลายรปู แบบและวธิ กี าร เชน่ การแขง่ ขนั กฬี าอนบุ าล กจิ กรรมวนั สำ� คญั ฯลฯ ในเรื่องน้ีจะกล่าวถึงกิจกรรมนักเรียนที่เหมาะกับการเชิญชวนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามามีส่วน มสธ มสธรว่ ม คอื กจิ กรรมวันสำ� คญั ซ่ึงหมายถึง กจิ กรรมส่งเสรมิ การเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวัยท่ีสถานศกึ ษาจัดข้นึ ใน ชว่ งวนั ทตี่ รงกบั วนั สำ� คญั ตามปปี ฏทิ นิ ในทน่ี อ้ี าจเปน็ วนั สำ� คญั ตา่ งๆ เชน่ วนั จกั รี วนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันเด็ก และวันครู หรือวันส�ำคัญทางศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วัน อาสาฬหบชู า วนั เข้าพรรษา ฯลฯ หรอื วันส�ำคัญทางขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวฒั นธรรม ซง่ึ ใน 1 ปี การศกึ ษามหี ลายกจิ กรรมทงั้ ในสว่ นทเี่ ปน็ กจิ กรรมวฒั นธรรมประเพณกี ลางของประเทศ เชน่ ประเพณลี อย กระทง ประเพณีวันสงกรานต์ หรอื กจิ กรรมทางวฒั นธรรมประเพณีทอ้ งถ่นิ เช่น ต๋านกว๋ ยสลากทางภาค เหนอื บญุ บ้ังไฟทางภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื บญุ เดือนสิบทางภาคใต้ ฯลฯ กิจกรรมทจ่ี ดั ข้นึ ในชว่ งของ มสธวันส�ำคัญดังกล่าว สถานศึกษาปฐมวัยสามารถเชิญชวนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชน เข้ามาร่วมใน กิจกรรมของสถานศึกษา ซึ่งจะท�ำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมเพื่อ สง่ เสรมิ การเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั เขา้ ใจวธิ กี ารเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั และในขณะเดยี วกนั เดก็ ปฐมวยั เอง กจ็ ะรสู้ กึ อบอนุ่ ใจเม่ือได้เห็นพ่อแม่ ผ้ปู กครองมาร่วมกิจกรรมของตนเองที่สถานศึกษา กจิ กรรมวนั ส�ำคัญ มสธ มสธทางศาสนา และทางขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม ที่สถานศึกษาสามารถจัดและเชิญชวนให้พ่อแม่ ผปู้ กครองเขา้ มามสี ว่ นรว่ มทจี่ ะกลา่ วถงึ ในทนี่ ้ี คอื กจิ กรรมวนั เดก็ แหง่ ชาติ กจิ กรรมวนั เขา้ พรรษา กจิ กรรม วันปใี หม่ และกิจกรรมวันสงกรานต์ ดังต่อไปนี้ 2.1 กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ท่ี 2 ของเดือนมกราคม ของทุกปี เป็นวันท่ีทาง ราชการประกาศให้มกี ารเฉลิมฉลองเพอ่ื ให้ประชาชนได้ตระหนกั ถึงความสำ� คัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยง ดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กและเยาวชนยึดม่ันในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ เ์ ป็นประมขุ เพ่อื ให้ มสธเด็กรู้จักหน้าที่ของตนและอยู่ในระเบียบวินัยอันดี และเพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก

ความสมั พันธ์ระหว่างสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน 15-39 ในสถานศึกษาปฐมวัยส่วนใหญ่แทบทุกแห่งมักจะจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการจัดงานใน มสธวันศกุ ร์กอ่ นวนั เดก็ แห่งชาติ 1 วัน เพราะในวนั เด็กแหง่ ชาติจะมหี น่วยงานท้ังทางราชการและเอกชน จัด งานเฉลิมฉลอง ทางสถานศึกษาจึงหลีกเล่ียงวันดังกล่าวเพ่ือเปิดโอกาสให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และคนใน ชุมชนพาบุตรหลานไปร่วมงานเฉลิมฉลองของหน่วยงานดังกล่าว กิจกรรมที่จัดในวันเด็กแห่งชาติมักจะ ประกอบด้วยการเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ๆ ได้แสดงความสามารถทางด้านต่างๆ กิจกรรมการแสดงบนเวทีของ มสธ มสธเด็กๆ กิจกรรมการเล่นเกมกลางแจ้ง กิจกรรมการทายปัญหา กิจกรรมการวาดภาพระบายสีและท�ำงาน ศลิ ปะจากเศษวสั ดุ เลน่ เกมการศกึ ษา กจิ กรรมการเกยี่ วกบั การละเลน่ พนื้ บา้ น กจิ กรรมการประกอบอาหาร กจิ กรรมศลิ ปะประดษิ ฐ์ กจิ กรรมการทำ� ของเลน่ พนื้ บา้ น ทงั้ นก้ี จิ กรรมทเ่ี ดก็ เขา้ รว่ มจะเปน็ กจิ กรรมทพี่ อ่ แม่ ผู้ปกครองเข้าร่วมช่วยเหลือและท�ำกิจกรรมร่วมกับบุตรหลานด้วย นอกจากนี้ยังมีการร่วมกันระหว่าง สถานศกึ ษาและพอ่ แม่ ผปู้ กครองและชุมชนจัดเลยี้ งอาหาร และขนมใหก้ บั เด็กๆ ทุกคนดว้ ย ดงั แสดงใน ภาพท่ี 15.2 มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธภาพที่15.2การเข้าร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติของพ่อแม่ผู้ปกครองและชุมชน ท่ีมา: โรงเรยี นวรรณสวา่ งจติ . (2560). กจิ กรรมวนั เดก็ . สบื คน้ เมอื่ 20 พฤษภาคม 2560 จาก http://www.facebook.com/โรงเรยี น มสธวรรณสวา่ งจติ .

15-40 การศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำหรับเด็กปฐมวัย จากภาพที่ 15.2 แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมท่ีพ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชน เข้าร่วมกิจกรรมวันเด็ก มสธแห่งชาติท่ีสถานศึกษาจัดขึ้น ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ คือ การแสดงของเด็กบนเวที กิจกรรมการ ประดษิ ฐข์ องเลน่ รว่ มกบั ลกู การจดั เลยี้ งอาหารและขนมแกเ่ ดก็ ๆ และผทู้ ม่ี ารว่ มงาน การทำ� งานศลิ ปะรว่ ม กับลูก การประกอบอาหารพ้ืนบ้าน “ข้าวจ่ี” และการสร้างสรรค์งานศิลปะจากเศษวัสดุ การท่ีพ่อแม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชนเขา้ รว่ มกบั กจิ กรรมดงั กลา่ ว จะทำ� ใหร้ แู้ ละเขา้ ใจถงึ วธิ กี ารเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั เหน็ มสธ มสธแนวทางทถ่ี กู ต้องในการจดั กิจกรรมการเรยี นรใู้ ห้กับเด็กปฐมวัย ไดพ้ บปะสนทนากบั ครูของลกู ได้ร้จู ักกับ เด็กและครอบครวั อื่นๆ ทเ่ี ป็นเพื่อนๆ ของบุตรหลานของตน ไดพ้ บปะแลกเปลย่ี นความรู้ สนทนาผูกมิตร กัน อันจะน�ำไปสู่การช่วยเหลือดูแลกันต่อไป และท�ำให้เกิดความรู้สึกท่ีดีต่อสถานศึกษา มองเห็นความ พยายามของสถานศึกษาทจ่ี ะพัฒนาเดก็ ทำ� ใหเ้ กดิ ความต้องการมีสว่ นรว่ มในการพัฒนาเดก็ รว่ มกนั และ ไปในทิศทางเดียวกันกับสถานศึกษา ซึ่งจะส่งผลต่อการมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่าง สถานศึกษา พอ่ แม่ ผ้ปู กครองและชมุ ชน ซ่ึงจะส่งผลดตี ่อการพฒั นาคุณภาพของเดก็ ปฐมวยั ในทส่ี ดุ มสธ2.2 กิจกรรมวันข้ึนปีใหม่ สถานศกึ ษาสามารถจดั กจิ กรรมวนั ขนึ้ ปใี หมไ่ ดห้ ลายรปู แบบ ทง้ั ทเี่ ปน็ งานรื่นเริงสังสรรค์พบปะกัน งานแข่งขันกีฬาเช่ือมความสามัคคี การรับประทานอาหารร่วมกัน จับสลาก แลกเปลยี่ นของขวัญ อวยพรปีใหม่แกก่ ัน และการรว่ มกันตกั บาตรพระสงฆ์เนอื่ งในวันขึ้นปใี หม่ ซึ่งจะขอ กล่าวถึงในทนี่ ี้ การรว่ มกนั ตกั บาตรพระสงฆเ์ นอ่ื งในวนั ปใี หมเ่ ปน็ กจิ กรรมทส่ี ถานศกึ ษาจดั ขน้ึ และเชญิ ชวนพอ่ แม่ มสธ มสธผู้ปกครองมาร่วมท�ำบุญตกั บาตรที่สถานศกึ ษา เพราะสถานศึกษาจะมีสถานทีก่ วา้ งขวางทค่ี นในชมุ ชนจะ สามารถมารว่ มงานกนั ไดจ้ ำ� นวนมาก และยงั ทำ� ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั ไดเ้ รยี นรแู้ นวทางการปฏบิ ตั ติ น ไดเ้ หน็ ความ สัมพนั ธ์อันดีต่อกนั ของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา ครู พ่อแม่ ผู้ปกครองและผ้คู นในชมุ ชน ประชาชนในชมุ ชน เองกจ็ ะไดม้ ปี ฏสิ มั พนั ธก์ นั ไดท้ ำ� ความรจู้ กั กนั ทำ� ใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธท์ ด่ี ตี อ่ กนั มคี วามรกั ใครก่ ลมเกลยี ว อนั จะน�ำไปสูก่ ารมคี วามสมั พันธท์ ่ดี ีต่อกันระหว่างสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชนตอ่ ไป การจดั กจิ กรรมรว่ มกนั ตกั บาตรพระสงฆเ์ นอ่ื งในวนั ปใี หม่ สามารถจดั ไดใ้ นสนามของสถานศกึ ษา มสธโดยสถานศกึ ษาเปน็ ฝ่ายจดั เตรียมสถานที่ และนมิ นตพ์ ระสงฆจ์ ากวัดในชมุ ชนมารับบิณฑบาตจากพ่อแม่ ผปู้ กครอง คนในชมุ ชน ผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรของสถานศกึ ษา สถานศกึ ษาควรแจง้ ขา่ วสารกำ� หนดการ เกย่ี วกบั การตกั บาตรพระสงฆเ์ นอื่ งในวนั ขน้ึ ปใี หมใ่ หพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชนไดร้ บั รใู้ นเรอื่ งของวนั เวลา สถานท่ี และข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความร่วมมือในการตักบาตร เช่น ขอให้น�ำข้าวสารอาหารแห้งมาร่วม ตกั บาตร ไมค่ วรเปน็ อาหารสด ขอความร่วมมือให้ใช้ถุงผ้า แทนถงุ พลาสตกิ งดการใชก้ ลอ่ งโฟม อาจจะ มสธ มสธขอความร่วมมือให้แต่งกายอนุรักษ์วัฒนธรรมทางการแต่งกายของไทย เพ่ือเป็นแบบอย่างแก่เด็ก สถาน ศกึ ษาตอ้ งจดั เตรยี มผรู้ บั ผดิ ชอบฝา่ ยพธิ กี ารตง้ั แตก่ ารอาราธนาศลี การขอใหพ้ ระสงฆแ์ สดงพระธรรมเทศนา เจริญพระพุทธมนต์ พร้อมท้ังการอวยพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่แก่ผู้มาร่วมงาน ตลอดจนการจัดระเบียบใน การตักบาตรพระสงฆ์ รวมท้ังการจัดส่งพระสงฆ์กลับวัด อาจจะเรียนเชิญผู้อาวุโสในชุมชนท่ีเป็นที่เคารพ นบั ถือของประชาชน เป็นผ้กู ล่าวอวยพรปีใหม่แกพ่ ่อแม่ ผปู้ กครองและคนในชุมชนท่มี ารว่ มงาน ดงั แสดง มสธในภาพท่ี 15.3

ความสมั พนั ธ์ระหว่างสถานศกึ ษา บ้านและชุมชน 15-41 มสธ มมสสธธ มสธภาพที่15.3ผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมวันขึ้นปีใหม่ ที่มา: โรงเรยี นวรรณสวา่ งจติ . (2560). กจิ กรรมทำ� บญุ ปใี หม.่ สบื คน้ เมอื่ 20 พฤษภาคม 2560 จาก http://www.facebook.com/ โรงเรยี นวรรณสวา่ งจิต มสธ มสธจากภาพท่ี 15.3 จะเห็นไดว้ ่าสถานศึกษาจดั กิจกรรมวนั ข้ึนปใี หม่ ด้วยการนมิ นต์พระสงฆม์ ารับ บณิ ฑบาตจากพอ่ แม่ ผู้ปกครอง คนในชุมชน ผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรของสถานศกึ ษา มีกจิ กรรมการ รับศีล การเจริญพระพุทธมนต์โดยพระภิกษุสงฆ์ การรับฟังพระธรรมเทศนาจากพระสงฆ์ การตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง การรับพรจากพระสงฆ์ และการเชิญผู้อาวุโสในชุมชนกล่าวอวยพรปีใหม่แด่ผู้มาร่วม งาน ซงึ่ กจิ กรรมนน้ี อกจากจะทำ� ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั ไดเ้ รยี นรู้ และเหน็ แบบอยา่ งอนั ดงี ามในการประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ มสธจากพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และผใู้ หญใ่ นชมุ ชนแลว้ พอ่ แม่ ผปู้ กครองกไ็ ดม้ โี อกาสเขา้ มารว่ มกจิ กรรมของสถาน ศกึ ษา ได้พบปะกบั ครู ผูบ้ ริหาร และบคุ ลากรของสถานศกึ ษา รวมทงั้ ได้พบปะกับเด็กและผปู้ กครองคน อน่ื ๆ ทเ่ี ปน็ เพอ่ื นกบั บตุ รหลานของตน ซงึ่ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ทด่ี ตี อ่ กนั เปน็ ผลดตี อ่ การสรา้ งเสรมิ ความ สมั พันธ์อนั ดีต่อกันระหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชน 2.3 กิจกรรมประเพณีสงกรานต์ กิจกรรมวันสงกรานต์เป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมประเพณี มสธ มสธทส่ี ถานศกึ ษาจดั ขนึ้ เพอื่ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของกจิ กรรมการเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั แลว้ เชญิ ชวนใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครอง และชุมชนเข้ามาร่วมในกิจกรรมท่ีสถานศึกษาจัดขึ้น ซึ่งจะท�ำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการจัด กจิ กรรมของสถานศกึ ษา รวมทง้ั ทำ� ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั รสู้ กึ อบอนุ่ ใจเมอ่ื ไดเ้ หน็ พอ่ แม่ ผปู้ กครองมารว่ มกจิ กรรม ของสถานศึกษา เนื่องในโอกาสอันดีตามประเพณีวัฒนธรรมของท้องถ่ิน ในการจัดงานกิจกรรมทาง วฒั นธรรมประเพณที สี่ ถานศกึ ษา สามารถจดั และเชญิ ชวนใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรม มสธท่ีจะกลา่ วถงึ คอื กจิ กรรมวันสงกรานต์ ดงั รายละเอียด ต่อไปน้ี

15-42 การศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวยั กจิ กรรมประเพณสี งกรานต์ มกี จิ กรรมหลกั ๆ คอื การรดนาํ้ ดำ� หวั ใหพ้ รแกก่ นั เปน็ กจิ กรรมทส่ี ถาน มสธศึกษาควรจัดเพราะเดก็ จะได้เรยี นรู้แนวปฏบิ ัติทถ่ี ูกตอ้ งในเทศกาลดังกลา่ ว รวมทง้ั พอ่ แม่ ผ้ปู กครองจะได้ มีส่วนร่วมในเทศกาลนี้ กิจกรรมที่จัดอาจประกอบด้วย การเชิญชวนผู้ร่วมงานแต่งชุดไทยท้องถิ่น การ สรงนา้ํ พระพทุ ธรปู รดนาํ้ ขอพรจากผมู้ อี าวโุ สในสถานศกึ ษา และอาจเชญิ ผมู้ อี าวโุ สหรอื ผใู้ หญใ่ นชมุ ชนเขา้ ร่วมด้วย และอาจมีกจิ กรรมเลน่ นํ้า รดนา้ํ ด�ำหวั ในตอนบา่ ยดว้ ย ดงั แสดงในภาพท่ี 15.4 มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธภาพที่15.4ผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมวันสงกรานต์ ที่มา: โรงเรียนวรรณสว่างจติ . (2560). ประเพณีสงกรานต์. สบื คน้ เม่ือ 20 พฤษภาคม 2560 จาก http://www.facebook.com/ โรงเรียนวรรณสว่างจิต มสธ มสธจากภาพท่ี 15.4 จะเห็นได้ว่าพ่อแม่ ผู้ปกครองและคนในชุมชน สามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมวัน สงกรานตท์ ี่สถานศกึ ษาจัดขน้ึ โดยเขา้ ร่วมตั้งแตก่ ารสรงนา้ํ พระพุทธรูป การให้เดก็ รดน้าํ ขอพรเน่อื งในวัน สงกรานต์ การเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจะท�ำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง เห็นถึง ความพยายามของสถานศกึ ษาทจ่ี ะจดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ทำ� ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ทด่ี ตี อ่ สถานศกึ ษา อันเปน็ ผลดตี อ่ การสร้างความสมั พันธ์ท่ีดีต่อกนั ระหวา่ งสถานศึกษา บา้ นและชุมชน สรุปได้ว่าการเข้าร่วมกิจกรรมของบ้านและชุมชนท่ีจัดโดยสถานศึกษาประกอบด้วยกิจกรรม 2 มสธลักษณะ คือ กิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนการสอน ได้แก่ กิจกรรมการปฐมนิเทศผู้ปกครองเด็กปฐมวัย

ความสมั พันธร์ ะหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน 15-43 กิจกรรมการพบปะครูประจ�ำช้ัน และกิจกรรมปิดภาคเรียนและส้ินปีการศึกษา กิจกรรมลักษณะที่ 2 คือ มสธกิจกรรมนักเรียน ไดแ้ ก่ กจิ กรรมวนั สำ� คญั อนั ประกอบดว้ ยกจิ กรรมวนั เดก็ แหง่ ชาติ กจิ กรรมวนั ขนึ้ ปใี หม่ และกจิ กรรมประเพณีสงกรานต์ มสธ มสธกิจกรรม15.3.1 จงอธิบายการเข้าร่วมร่วมกจิ กรรมของบา้ นและชุมชนท่จี ัดโดยสถานศกึ ษา แนวตอบกิจกรรม 15.3.1 บา้ นและชมุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มกจิ กรรมของสถานศกึ ษาทเ่ี ปน็ กจิ กรรมเกย่ี วกบั การเรยี นการสอน ประกอบด้วยกิจกรรมการปฐมนิเทศผู้ปกครองเด็กปฐมวัย กิจกรรมการพบปะครูประจ�ำชั้น และกิจกรรม มสธปิดภาคเรียนและส้ินปกี ารศึกษา กิจกรรมนักเรยี นประกอบด้วย กจิ กรรมวันสำ� คัญ ไดแ้ ก่ กจิ กรรมวนั เดก็ แห่งชาติ กิจกรรมวันขน้ึ ปใี หม่ และกจิ กรรมประเพณสี งกรานต์ มสธ มสธเรื่องที่15.3.2 การเข้าร่วมกิจกรรมของสถานศึกษาท่ีจัดโดยบ้านและชุมชน การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของสถานศกึ ษาทจ่ี ดั โดยบา้ นและชมุ ชน เปน็ กจิ กรรมหนง่ึ ของการสรา้ งความ มสธสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน ซึ่งประกอบไปด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ในเร่ืองนี้จะกล่าว ถึงการเข้าร่วมกิจกรรมของสถานศึกษาท่ีจัดโดยบ้านและชุมชน ประกอบด้วย การเข้าร่วมกิจกรรมทาง วฒั นธรรมประเพณี และการเขา้ ร่วมกจิ กรรมนนั ทนาการ ดงั รายละเอียดต่อไปนี้ มสธ มสธ1. การเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมประเพณี การเขา้ รว่ มกจิ กรรมทางวฒั นธรรมประเพณกี บั บา้ นและชมุ ชนของสถานศกึ ษา เกดิ ขนึ้ หลายวาระ ใน 1 ปีการศกึ ษา ทง้ั ในส่วนที่เป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมประเพณีทีเ่ กิดขึน้ ในภาพรวมของประเทศ เช่น เทศกาลวันข้ึนปีใหม่ เทศกาลวันสงกรานต์ การทอดกฐิน ผา้ ป่า ประเพณงี านบวช ประเพณีลอยกระทง และกิจกรรมทางวฒั นธรรมประเพณตี ามภมู ภิ าคทอ้ งถ่นิ เชน่ ประเพณปี อยสา่ งลอง หรือประเพณีบวชลูก แกว้ ประเพณีต๋านกว๋ ยสลาก ทางภาคเหนือ ประเพณีชกั พระหรือลากพระ ประเพณีสารทเดอื นสบิ ทาง มสธภาคใต้ ประเพณีรับบัว โยนบัวในภาคกลาง ประเพณีบุญบ้ังไฟและประเพณีแห่นางแมว ทางภาคอีสาน

15-44 การศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวยั เปน็ ตน้ ในเรอ่ื งนจี้ ะกลา่ วการเขา้ รว่ มกจิ กรรมทางวฒั นธรรมประเพณขี องสถานศกึ ษากบั บา้ นและชมุ น ใน มสธประเพณีลอยกระทง และประเพณีแหเ่ ทียนพรรษา ดังต่อไปน้ี 1.1 ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณดี ้ังเดิมซึง่ มกั จะท�ำกันในคนื วนั เพ็ญ เดือน 12 หรือวันขน้ึ 15 ค่าํ เดือน 12 อนั เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง และเป็นชว่ งท่นี าํ้ หลากเตม็ ตลิง่ กิจกรรมหลกั จะเป็นการนำ� กระทงท่จี ดั ทำ� ขน้ึ ไปลอยในแมน่ ํ้า ลำ� คลอง หรือหนองบึง ในชมุ ชนตา่ งๆ กจิ กรรมการลอยกระทงจะจดั ใน มสธ มสธชว่ งเวลากลางคนื จงึ มคี วามเหมาะสมทส่ี ถานศกึ ษาจะเขา้ รว่ มกจิ กรรมประเพณนี กี้ บั ชมุ ชน โดยไมต่ อ้ งจดั ให้มีการลอยกระทงท่ีสถานศึกษา แต่อาจจะจัดกิจกรรมให้เด็กได้ท�ำกระทงด้วยวัสดุต่างๆ เพื่อน�ำมาร่วม ลอยกระทงในงานประเพณลี อยกระทงทบ่ี า้ นและชมุ ชนจดั ขน้ึ สถานศกึ ษาสามารถเขา้ รว่ มกจิ กรรมกบั บา้ น และชมุ ชนไดห้ ลายรปู แบบ ดงั น้ี 1.1.1 มอบหมายใหน้ กั เรยี นเขา้ รว่ มงานโดยนำ� กระทงทเ่ี ดก็ ๆ จดั ทำ� ทส่ี ถานศกึ ษานำ� ไปลอย กระทงรว่ มกับพ่อแม่ ผ้ปู กครอง ปู่ ย่า ตายาย ในวันงานลอยกระทงของชุมชน มสธ1.1.2 ส่งบุคลากรของสถานศึกษาเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการจัดงานร่วมกับชุมชน ซึ่งโดย ทวั่ ไปการจดั งานของชมุ ชนมกั จะขอความรว่ มมอื มายงั สถานศกึ ษาอยแู่ ลว้ คณะกรรมการทช่ี มุ ชนมกั จะขอ ให้บคุ ลากรของสถานศึกษาชว่ ยเหลือ เชน่ กรรมการตดั สินการประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศนอ้ ย เป็นตน้ 1.1.3 ส่งเด็กนักเรียนเข้ารว่ มกิจกรรมทช่ี มุ ชนจดั ขึ้น เชน่ สง่ การแสดงของเด็กๆ ปฐมวยั ไป มสธ มสธร่วมการแสดงในเวทกี ารแสดง ส่งนางนพมาศน้อยในนามสถานศึกษาเขา้ ประกวด สง่ นักรอ้ งในนามสถาน ศึกษาเข้าร่วมประกวด เปน็ ตน้ 1.1.4 จดั ทำ� กระทงด้วยวสั ดุธรรมชาติ ไม่ทำ� ลายสง่ิ แวดล้อมในนามสถานศกึ ษา หรือคิดค้น นวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับการอนุรักษ์นํ้าและธรรมชาติอ่ืนๆ ในนามสถานศึกษา ส่งเข้าประกวดร่วมกับ หน่วยงาน องคก์ รอื่นๆ ในชมุ ชน 1.1.5 ออกรา้ นในนามของสถานศกึ ษาในงานประเพณลี อยกระทงของชมุ ชน ในรา้ นสามารถ มสธจดั นทิ รรศการใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั ประเพณลี อยกระทง ความรเู้ กย่ี วกบั การอนรุ กั ษน์ า้ํ และธรรมชาตอิ นื่ ๆ จดั นิทรรศการผลงานเด็กท่ีเกี่ยวข้องกับประเพณีลอยกระทง และอาจจะจัดเด็กนักเรียน ครู บุคลากรของ สถานศกึ ษาอยู่เฝ้าประจำ� รา้ น เพอื่ บรรยายและอำ� นวยความสะดวกแกผ่ ู้เข้ามาชม การเขา้ รว่ มประเพณลี อยกระทงของสถานศกึ ษา อาจมกี จิ กรรมการเขา้ รว่ มทแี่ ตกตา่ งกนั ไป ทงั้ น้ี ขน้ึ อยกู่ บั สภาพของชมุ ชนและสถานศกึ ษา ซง่ึ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมในประเพณดี งั กลา่ วจะทำ� ใหส้ ถานศกึ ษา มสธ มสธเปน็ สว่ นหนงึ่ ของชมุ ชน คนในชมุ ชนจะมคี วามรสู้ กึ เปน็ เจา้ ของสถานศกึ ษา มคี วามรสู้ กึ ทด่ี ตี อ่ สถานศกึ ษา ขณะเดยี วกัน เดก็ ๆ เองก็รสู้ กึ ภาคภมู ใิ จท่ีมโี อกาสไดแ้ สดงออกใหพ้ ่อแม่ ผปู้ กครองเห็นถึงความสามารถ ของตน ผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรของสถานศกึ ษากจ็ ะมคี วามรสู้ กึ เปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั รกั ใครก่ ลมเกลยี ว สามัคคีกัน และรู้สึกว่าสถานศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน อันจะส่งผลดีต่อการสร้างความสัมพันธ์อันดี ตอ่ กันระหวา่ งสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน 1.2 ประเพณีแห่เทียนพรรษา เปน็ ประเพณที ีช่ ุมชนท่ีนับถือศาสนาพุทธจะจัดใหม้ ขี ้ึนกอ่ นถึงวนั มสธเข้าพรรรษา ซ่ึงตรงกับวันแรม 1 คํ่า เดือน 8 ของทุกปี สถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมให้เด็กปฐมวัย

ความสัมพันธ์ระหวา่ งสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชน 15-45 หลอ่ เทยี นพรรษาท่ีสถานศกึ ษา จดั ตกแตง่ ต้นเทียนใหส้ วยงามด้วยดอกไมแ้ ละสง่ิ ต่างๆ ตามความคดิ เดก็ มสธและนำ� เทยี นพรรษาทจี่ ดั ทำ� ขน้ึ ไปเขา้ รว่ มกจิ กรรมประเพณแี หเ่ ทยี นพรรษาทชี่ มุ ชนจดั ขนึ้ ดงั แสดงในภาพ ท่ี 15.5 มมสสธธ มสธ มมสสธธภาพที่15.5การเข้าร่วมประเพณีแห่เทียนพรรษาของสถานศึกษาที่จัดโดยบ้านและชุมชน ที่มา: โรงเรยี นวรรณสวา่ งจติ . (2560). ประเพณแี หเ่ ทยี นพรรษา สบื คน้ เมอื่ 10 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.facebook.com/ โรงเรียนวรรณสวา่ งจิต. จากภาพที่ 15.5 สถานศึกษา สามารถเขา้ ร่วมกจิ กรรมแหเ่ ทยี นพรรษากับบา้ นและชมุ ชนได้ โดย จัดกจิ กรรมก่อนวนั เข้าพรรษา เร่ิมตัง้ แต่การจดั กจิ กรรมใหเ้ ดก็ หลอ่ เทียนพรรษาทีส่ ถานศกึ ษา แลว้ เด็กๆ และครชู ว่ ยกันแตง่ ต้นเทยี นพรรษาให้สวยงาม นำ� ไปถวายทวี่ ดั ให้ตรงกันกบั วนั เวลาทบ่ี า้ นและชมุ ชนจดั มสธกิจกรรมการแห่เทียนของชมุ ชน แล้วรว่ มกนั ถวายต้นเทยี นพรรษาแดพ่ ระภกิ ษสุ งฆ์ กจิ กรรมดังกล่าวเด็ก จะไดเ้ รยี นรตู้ ง้ั แตก่ ารหลอ่ เทยี น การตกแตง่ ตน้ เทยี นใหส้ วยงาม การเขา้ รว่ มกจิ กรรมประเพณกี ารแหเ่ ทยี น เดก็ จะภาคภมู ใิ จในผลงานที่ตนไดล้ งมือทำ� และได้เห็นผ้ใู หญ่ในชมุ ชนมาท�ำบญุ รว่ มกัน ได้เห็นแบบอย่าง ของความร่วมมอื สามคั คีกลมเกลียวกันระหวา่ ง บ้าน วัด และสถานศึกษา พอ่ แม่ ผู้ปกครอง และคนใน ชมุ ชน กจ็ ะภาคภูมใิ จในบุตรหลานของตน เหน็ วา่ สถานศึกษาเปน็ ส่วนหนง่ึ ของชุมชน มีความรูส้ กึ ทีด่ ตี ่อ มสธ มสธสถานศกึ ษา ซง่ึ จะท�ำใหเ้ กิดความสมั พนั ธท์ ่ดี ตี ่อกันระหว่างสถานศึกษา บ้านและชุมชน 2. การเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมนันทนาการ หมายถึง กิจกรรมที่ท�ำตามความสมัครใจในยามว่าง เพ่ือให้เกิดความ สนุกสนานเพลดิ เพลนิ และผอ่ นคลายความตงึ เครยี ด (ราชบณั ฑิตยสถาน, 2546, น. 571) ในชุมชนต่างมี กจิ กรรมนนั ทนาการทห่ี ลากหลายจดั ขน้ึ ตามความสนใจของคนในชมุ ชน กจิ กรรมนนั ทนาการทส่ี ถานศกึ ษา มสธสามารถเขา้ ร่วมกบั บา้ นและชมุ ชนได้ มหี ลายประเภท เช่น กจิ กรรมการฝมี ือและศลิ ปหตั ถกรรม กิจกรรม

15-46 การศึกษาและหลกั สูตรสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั เกมกีฬา กิจกรรมดนตรีและการร้องเพลง กิจกรรมงานอดิเรก การสะสมสิ่งท่ีสนใจ การปลูกต้นไม้ การ มสธเลย้ี งสตั ว์ กิจกรรมทางสงั คม กจิ กรรมทัศนศกึ ษา ฯลฯ สถานศึกษาสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ของบ้านและชุมชนได้ในหลายลักษณะ เชน่ ครู ผบู้ รหิ าร หรอื บคุ ลากรอนื่ ๆ สามารถเลอื กเขา้ รว่ มกจิ กรรมไดต้ ามความสนใจ อาจจะเปน็ รายบคุ คล ท่เี ขา้ รว่ มเปน็ การสว่ นตัว หรอื อาจจะเขา้ ร่วมเปน็ หมคู่ ณะในนามของสถานศกึ ษา มสธ มสธการเข้าร่วมในกิจกรรมนันทนาการของบ้านและชุมชน ท�ำให้ครู ผู้บริหาร และบุคลากรอ่ืนๆ มี ความรู้สึกที่ดีต่อคนในชุมชน ทั้งฝ่ายบ้านและฝ่ายสถานศึกษาก็จะเกิดความรักใคร่กลมเกลียวสามัคคีกัน จากการได้ปฏิบัติกิจกรรมที่สนใจร่วมกัน ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีต่อกัน อันจะส่งผลต่อความร่วมมือ ร่วมใจในการจัดการศกึ ษาเพื่อพฒั นาเด็กปฐมวยั ใหม้ คี ุณภาพตอ่ ไป จะเหน็ ไดว้ า่ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของสถานศกึ ษาทจ่ี ดั โดยบา้ นและชมุ ชน สามารถเขา้ รว่ มไดท้ ง้ั ใน กิจกรรมท่ีเป็นกจิ กรรมทางวฒั นธรรมประเพณี เช่น ประเพณีลอยกระทง ประเพณีแหเ่ ทียนพรรษา หรอื มสธกิจกรรมนันทนาการในชุมชน ซ่ึงสามารถเข้าร่วมได้ท้ังในฐานะครู ผู้บริหาร และบุคลากรท่ีสถานศึกษา มอบหมาย และการนำ� เดก็ เขา้ รว่ มกจิ กรรมวฒั นธรรมประเพณขี องบา้ นและชมุ ชนรว่ มกบั พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และคนในชุมชน ซง่ึ จะกอ่ ให้ความสมั พนั ธ์อนั ดีระหว่างสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชม มสธ มสธกิจกรรม15.3.2 จงอธิบายการเข้ารว่ มกิจกรรมของสถานศึกษาทจี่ ดั โดยบา้ นและชมุ ชน แนวตอบกิจกรรม 15.3.2 สถานศึกษาสามารถเข้าร่วมกิจกรรมของบ้านและชุมชนได้ท้ังในกิจกรรมท่ีเป็นกิจกรรมทาง วฒั นธรรมประเพณี เชน่ ประเพณลี อยกระทง ประเพณแี หเ่ ทยี นพรรษา และกจิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชน มสธซ่งึ สามารถเขา้ รว่ มได้ทั้งในฐานะครู ผ้บู ริหาร และบุคลากรท่ีได้รบั มอบหมายจากสถานศกึ ษา และการนำ� มสธ มสธ มสธเด็กเขา้ รว่ มกิจกรรมทางวฒั นธรรมประเพณขี องบ้านและชุมชน

ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บ้านและชมุ ชน 15-47 มสธตอนที่ 15.4 การประชาสัมพันธ์สถานศึกษา และการจัดตั้งกลุ่ม สมาคม มูลนิธิ ร่วมกับบ้านและชุมชน มสธ มสธโปรดอ่านหวั เร่ือง แนวคดิ และวัตถปุ ระสงค์ของตอนที่ 15.4 แลว้ จึงศกึ ษารายละเอียดตอ่ ไป หัวเรื่อง 15.4.1 การประชาสัมพันธ์สถานศึกษา 15.4.2 การจดั ตั้งกลมุ่ สมาคม มลู นธิ ิรว่ มกบั บ้านและชมุ ชน มสธแนวคิด 1. การประชาสัมพันธ์สถานศึกษา เป็นการน�ำเสนอข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษาซ่ึง สามารถประชาสมั พนั ธไ์ ดโ้ ดยใชส้ อื่ สงิ่ พมิ พด์ ว้ ยการจดั ทำ� จลุ สาร โปสเตอร์ และแผน่ พบั การประชาสัมพันธผ์ ่าน website ของสถานศึกษา และการประชาสัมพนั ธผ์ า่ น face- มสธ มสธbook 2. ก ารจัดต้ังกลุ่มชมรมร่วมกับบ้านและชุมชน เป็นการจัดต้ังกลุ่มตามความสนใจของ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง ไดแ้ ก่ กลมุ่ สนใจการออกกำ� ลงั กาย กลมุ่ ครอบครวั เรยี นรู้ และการจดั ตัง้ สมาคมหรือมูลนิธิ ซึง่ เป็นไปตามระเบียบกฎหมายทที่ างราชการกำ� หนด วัตถุประสงค์ มสธเมอ่ื ศกึ ษาตอนที่ 15.4 จบแล้ว นกั ศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายการประชาสมั พนั ธ์สถานศึกษาได้ มสธ มสธ มสธ2. อธิบายการจัดต้ังกลุ่ม สมาคม มูลนธิ ริ ่วมกบั บ้านและชมุ ชนได้

15-48 การศกึ ษาและหลักสูตรสำ� หรับเด็กปฐมวัย มสธเรื่องที่ 15.4.1 การประชาสัมพันธ์สถานศึกษา มสธ มสธการประชาสัมพันธ์สถานศึกษา เป็นการด�ำเนินการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษา บ้าน และชุมชน ที่สถานศึกษาเป็นผู้มีบทบาทหลักในการด�ำเนินการ เป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนได้ทราบถึง การดำ� เนนิ งานกจิ การตา่ งๆ ของสถานศกึ ษา ดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ นอกจากน้ี ยงั เปน็ การสรา้ งความภาคภมู ใิ จ ให้แก่ผปู้ ฏิบัตงิ านในสถานศกึ ษาอันได้แก่ ผูบ้ ริหาร ครู และบุคลากรอนื่ ๆ ในสถานศึกษา รวมท้งั เป็นการ สรา้ งความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน กจิ กรรมการประชาสมั พนั ธข์ า่ วสารของสถาน ศกึ ษาประกอบดว้ ยกจิ กรรมการประชาสมั พนั ธท์ หี่ ลากหลาย ในเรอ่ื งนจี้ ะกลา่ วถงึ การประชาสมั พนั ธข์ า่ วสาร ของสถานศกึ ษา ประกอบดว้ ย การประชาสัมพันธข์ ้อมูลข่าวสารของสถานศกึ ษาด้วยสื่อสิ่งพมิ พ์ และการ มสธประชาสมั พันธ์ขอ้ มลู ข่าวสารของสถานศึกษาผา่ นเครอื ข่ายอินเทอรเ์ นต็ ดังรายละเอยี ดต่อไปน้ี 1. การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษาด้วยสื่อส่ิงพิมพ์ การประชาสัมพันธ์ข่าวสารของสถานศึกษาด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของ มสธ มสธสถานศึกษาให้กบั พอ่ แม่ ผู้ปกครองและคนในชมุ ชน โดยใชส้ ง่ิ พิมพต์ ่างๆ ทสี่ ถานศกึ ษาจัดท�ำขึ้น เพอื่ ให้ คนในชมุ ชนไดร้ ับรู้ และเขา้ ใจเกย่ี วกบั การด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ ของสถานศึกษา โดยท่วั ไปส่ิงพมิ พ์ตา่ งๆ ที่สถานศึกษาจัดท�ำขึ้นจะเป็นจดหมายข่าว แผ่นพับ โปสเตอร์ วารสาร จุลสาร หนังสือประจ�ำรุ่น และ แผ่นป้ายต่างๆ ของสถานศึกษา เป็นต้น ในที่น้ีจะขอกล่าวถึงการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารด้วย สอ่ื ส่งิ พิมพ์ทีเ่ ปน็ จุลสาร โปสเตอรแ์ ละแผ่นพบั ดงั ต่อไปนี้ 1.1 จุลสาร จุลสารที่เป็นการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษา คือ สิ่งพิมพ์ท่ีบอก มสธเรอื่ งราวตา่ งๆ ทน่ี า่ สนใจออกมาเปน็ คราวๆ ไมม่ กี ำ� หนดเวลาทแ่ี นน่ อนตายตวั มากนกั เปน็ สง่ิ พมิ พท์ สี่ ถาน ศึกษาจัดท�ำข้ึนเพ่ือบอกเร่ืองราวที่เกิดข้ึนในสถานศึกษาครอบคลุมข้อมูลข่าวสารท่ีเกิดขึ้นในสถานศึกษา ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา โดยปกติจะออกมาปีการศึกษาละ 2-3 ฉบับ เน้ือหาภายในเล่มของจุลสาร ประกอบด้วยคอลัมน์ประจ�ำที่มอบหมายให้บุคลากรแต่ละฝ่ายในโรงเรียนรับผิดชอบ เช่น คอลัมน์คุยกับ ผอู้ ำ� นวยการ คอลัมนเ์ มนลู กู รัก คอลัมนท์ ีบ่ อกเล่าเรอ่ื งราวกจิ กรรมทีเ่ กิดขึน้ ภายในสถานศึกษา เช่น การ มสธ มสธอบรมครู การพัฒนาอาคารสถานที่ คอลัมน์ท่ีบอกเล่าเร่ืองราวกิจกรรมที่เกิดข้ึนของแต่ละระดับชั้น และ แต่ละแผนก เช่น กิจกรรมการเรียนการสอนของแต่ละช้ัน เน้ือหาหน่วยการเรียนที่เด็กๆ เรียนรู้ การไป ทศั นศกึ ษา การเชญิ วทิ ยากรมาใหค้ วามรู้ การพดู คยุ กบั ผปู้ กครอง บางฉบบั อาจมคี อลมั นร์ ายงานพเิ ศษที่ ตรงกับเหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทเ่ี กิดขึน้ ในชว่ งเวลาน้นั ๆ ขา่ วสารของสถานศึกษาท่ปี ระชาสมั พนั ธ์ผ่านจุลสารจะ ช่วยให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชน รู้และเข้าใจถึงการด�ำเนินงานต่างๆ ของสถานศึกษา รู้ถึงความ เคลอ่ื นไหวภายในสถานศกึ ษา ซงึ่ จะชว่ ยสง่ เสรมิ ใหค้ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน เกดิ มสธความเขา้ ใจกนั ทกุ ฝ่าย อนั จะสง่ ผลดีตอ่ ความสมั พันธท์ ด่ี รี ะหว่างสถานศกึ ษา บ้านและชุมชนต่อไป

ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสถานศึกษา บ้านและชุมชน 15-49 1.2 โปสเตอร์ และแผ่นพับ โปสเตอร์ คือ ภาพและข้อความท่ีมีขนาดใหญ่ที่พิมพ์ลงบน มสธกระดาษ หรือวัสดุอ่ืนๆ ออกแบบและจัดท�ำข้ึนมาเพื่อสื่อสารข้อมูลข่าวสาร ในการประชาสัมพันธ์เร่ืองท่ี ตอ้ งการสอื่ สารกบั คนกลมุ่ ใหญ่ โปสเตอรท์ จี่ ดั ทำ� ขนึ้ จะใชต้ ดิ หรอื แขวนบนผนงั หรอื ปา้ ยนเิ ทศ หรอื กำ� แพง มีลกั ษณะทด่ี ึงดดู ความสนใจ เพ่ือใหผ้ คู้ นอา่ น และดขู ้อความบนโปสเตอร์ สถานศึกษาปฐมวัยสามารถใช้ โปสเตอรใ์ นการประชาสมั พนั ธข์ อ้ มลู ขา่ วสารของสถานศกึ ษาได้ เพราะจะทำ� ใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครอง และคนใน มสธ มสธชุมชนไดร้ บั รขู้ อ้ มลู ข่าวสารในวงกวา้ ง แผ่นพับ คือ ภาพและข้อความท่ีพิมพ์ลงในกระดาษ 1 แผ่น อาจจะพิมพ์ 1 ด้าน หรือ 2 ด้าน พมิ พส์ เี ดยี ว 2 สี 4 สี และมกี ารพบั ใหเ้ ปน็ แผน่ พบั อาจจะมกี ารพบั เปน็ 2 พบั หรอื 3 พบั ขน้ึ อยกู่ บั ขนาด ของกระดาษ แผ่นพับเป็นเอกสารที่มักใช้ประชาสัมพันธ์ส่งข้อมูล ข่าวสารของสถานศึกษาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลท่ีให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเด็ก หรือข้อมูลเก่ียวข้องกับข้อตกลง แนวปฏิบัติ ระเบยี บการ ปฏิทนิ การศึกษาของสถานศึกษา การจัดท�ำแผ่นพับนัน้ ท�ำได้งา่ ย อาจจะใชว้ ธิ กี ารออกแบบ มสธข้นึ เอง แล้วจัดพมิ พแ์ ละถ่ายเอกสาร หรือ การพมิ พ์ออฟเซ็ต 4 สี ท่ีให้คุณภาพสที ีด่ ี แตต่ อ้ งใหโ้ รงพมิ พ์ เปน็ ผจู้ ดั พมิ พใ์ ห้ สถานศกึ ษาปฐมวยั สามารถใชแ้ ผน่ พบั ในการประชาสมั พนั ธข์ อ้ มลู ขา่ วสารของสถานศกึ ษา ได้ เพราะจะทำ� ให้พอ่ แม่ ผูป้ กครอง และคนในชุมชนได้รบั รขู้ อ้ มลู ข่าวสาร และในกรณีทเ่ี ปน็ เร่อื งทส่ี ำ� คัญ เชน่ ข้อปฏบิ ัติ ระเบียบการ หรอื ปฏทิ ินการศึกษาของสถานศึกษา ก็สามารถหยิบขนึ้ ดู และปฏบิ ตั ิตามได้ อย่างถูกตอ้ ง ทันกำ� หนดเวลา มสธ มสธ2. การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การประชาสัมพันธ์ข่าวสารของสถานศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นการเผยแพร่ข่าวสาร ข้อมูลการด�ำเนินงานของสถานศึกษาท่ีรวดเร็ว เข้าถึงได้ง่าย และมีรายละเอียดของข้อมูลได้มากตามท่ี ตอ้ งการ พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และคนในชุมชน รวมทัง้ ผคู้ นท่วั ไป สามารถรบั รู้ขอ้ มลู ข่าวสารได้งา่ ยสะดวก ไมจ่ �ำกัดในเรอ่ื งของวนั เวลา และสถานทใ่ี นการรับข้อมลู ขา่ วสาร มสธการประชาสมั พนั ธข์ อ้ มลู ขา่ วสารผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ในปจั จบุ นั สามารถสอื่ สารถงึ กนั ไดใ้ น วงกวา้ งอยา่ งหลากหลายวธิ ี ทั้งการใช้ e-mail หรอื website ของสถานศึกษา หรอื ทาง social media เชน่ line, facebook, Instagram, youtube ฯลฯ ในเรอื่ งนจี้ ะขอกลา่ วถงึ การประชาสมั พนั ธข์ อ้ มลู ขา่ วสาร ของสถานศกึ ษา ผา่ น website และ facebook ดังรายละเอียดตอ่ ไปน้ี มสธ มสธ2.1 การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารสถานศึกษา ทาง website เปน็ การนำ� เสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ของสถานศกึ ษาผา่ นทางเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ โดยการจดั ทำ� website ของสถานศกึ ษา ซงึ่ จะตอ้ งมพี น้ื ท่ี ในการจัดเกบ็ ขอ้ มูลบนเครอื ขา่ ย และขอจด Domain name ของสถานศึกษา เช่น www.wsc.ac.th แล้ว ออกแบบการน�ำเสนอข้อมูลดังกล่าวด้วยการพัฒนา website ของสถานศึกษาข้ึนเอง แล้วท�ำการ ประชาสัมพนั ธ์ใหพ้ ่อแม่ ผปู้ กครอง และคนในชมุ ชน เขา้ ใชบ้ รกิ ารขอ้ มลู ข่าวสารของสถานศกึ ษาผ่านทาง website เน้ือหาสาระในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษาโดยทั่วไปอาจจะออกแบบให้มี มสธโครงสร้างของ website ประกอบดว้ ย

15-50 การศกึ ษาและหลักสูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย 1) หน้าหลักหรือหน้าแรก ซ่ึงเป็นหน้าท่ีแสดงถึงข้อมูลข่าวสารท่ีบ่งบอกความเป็นตัวตน มสธของสถานศึกษา เป็นหนา้ ท่ีเรยี กวา่ Home Page 2) หนา้ ขอ้ มลู สถานศกึ ษา เปน็ หนา้ ทใี่ หข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั สถานศกึ ษา วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ ขอ้ มลู ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ครู และบคุ ลากรของสถานศกึ ษา อาจจะมขี อ้ มลู เกย่ี วกบั บทเพลงประจำ� สถานศกึ ษาในส่วนนีด้ ว้ ย มสธ มสธ3) หนา้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั หลกั สตู รและการจดั การเรยี นการสอน ถา้ สถานศกึ ษามกี ารสอนหลาย ระดับ ก็จะแยกหน้าในการเสนอข้อมูลในแต่ละระดับ เช่น หลักสูตรและการเรียนการสอนของชั้นเตรียม หลักสูตรและการเรียนการสอนของช้ันอนุบาล และหลักสูตรและการเรียนการสอนของระดับประถมศึกษา เป็นตน้ 4) หน้าข้อมูลเก่ียวกับกิจกรรมการเรียนรู้ของสถานศึกษา จะเป็นหน้าท่ีให้ข้อมูลเกี่ยวกับ การจัดกิจกรรมโดยภาพรวมของสถานศึกษา และยังประกอบไปด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ของแต่ละระดับ มสธเชน่ กจิ กรรมการเรียนรู้ของชน้ั เตรียมอนบุ าล กิจกรรมการเรียนรขู้ องชน้ั อนุบาล กจิ กรรมการเรียนร้ขู อง ชัน้ ประถมศกึ ษา ฯลฯ 5) หนา้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ศษิ ยเ์ กา่ หนา้ นจ้ี ะรวบรวมขอ้ มลู ทเี่ กยี่ วกบั นกั เรยี นทจ่ี บชนั้ สงู สดุ ของ สถานศกึ ษา และยงั คงมกี ารปรบั ปรงุ ขอ้ มลู ใหท้ นั สมยั อยเู่ สมอ กลา่ วคอื ขอ้ มลู วา่ ปจั จบุ นั ศษิ ยเ์ กา่ คนนเี้ รยี น อยู่ทไ่ี หน หรือจบการศึกษาแล้วจากทีใ่ ด ขณะนป้ี ระกอบอาชพี การงานอะไร อยู่ที่ใด มสธ มสธ6) หน้าข้อมูลเก่ียวกับการติดต่อกับสถานศึกษา ในเรื่องของการสมัครเรียน สอบถาม ระเบยี บปฏบิ ัติ และขอ้ มูลเกย่ี วกับการติดตอ่ กับสถานศกึ ษา เช่น เบอร์โทรศัพท์ e-mail แผนที่การเดิน ทางมาสถานศกึ ษา ฯลฯ 7) หน้าตารางปฏิทินกิจกรรมของสถานศึกษา เป็นการให้ข้อมูลข่าวสารว่าสถานศึกษาจะ ก�ำหนดใหม้ ีกิจกรรมสำ� คญั อะไรในแตล่ ะเดอื น แตล่ ะภาคเรยี น และแตล่ ะปีการศกึ ษา 8) หน้าข้อมูลอื่นๆ เช่น การดาวน์โหลดคู่มือผู้ปกครอง หน่วยการเรียน ข้อมูลเก่ียวกับ มสธรายการอาหารที่เด็กรับประทาน หน้าความรู้พ่อแม่ ผู้ปกครองเกี่ยวกับการอบรมเล้ียงดูบุตรหลาน และ อ่ืนๆ เนื้อหาสาระในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษาอาจจะแตกต่างกันไป สุดแท้แต่ ความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษาเป็นส�ำคัญ ท่ีน�ำเสนอข้างต้นนั้นเป็นแนวทางกว้างๆ โดยทั่วไป ประเดน็ สำ� คญั อกี ประการหนงึ่ ของการประชาสมั พนั ธข์ อ้ มลู ขา่ วสารผา่ น website ของสถานศกึ ษานนั้ ตอ้ ง มสธ มสธมผี รู้ บั ผดิ ชอบในการปรบั ขอ้ มลู ใหเ้ ปน็ ปจั จบุ นั อยเู่ สมอ และตอ้ งออกแบบ website ใหส้ วยงาม เปน็ ระเบยี บ เรียบร้อย ดูสบายตา สามารถเชิญชวนให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และคนในชุมชนเข้ามาเยี่ยมเยียน website มสธและตดิ ตามขอ้ มูลขา่ วสารอยูเ่ สมอ ดังตัวอย่าง Home Page ของสถานศกึ ษาแหง่ หนึง่ ในภาพที่ 15.6

ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสถานศึกษา บา้ นและชุมชน 15-51 มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธภาพที่15.6ตัวอย่างHomePageของสถานศึกษา ท่ีมา: โรงเรยี นวรรณสวา่ งจติ . (2560ข). Home Page โรงเรยี นวรรณสวา่ งจิต. สบื คน้ เมือ่ 20 พฤษภาคม 2560 จาก http://www. wsc.ac.th จากภาพท่ี 15.6 จะเหน็ ไดว้ า่ การประชาสมั พนั ธผ์ า่ น website ของสถานศกึ ษา ประกอบไปดว้ ย มสธข้อมูลทห่ี ลากหลาย เช่น ขอ้ มูลเกี่ยวกบั สถานศกึ ษาในหน้าหลัก ขอ้ มลู เกย่ี วกบั หลกั สูตร การจัดการเรยี น การสอน ปฏทิ นิ การจัดกจิ กรรม ข้อมลู ศษิ ยเ์ ก่า ขอ้ มลู ความรสู้ ำ� หรับผปู้ กครอง ชอ่ งทางในการตดิ ต่อกับ โรงเรียน ฯลฯ ซงึ่ ข้อมลู เหลา่ นจ้ี ะท�ำใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองและชุมชน รบั รแู้ ละเข้าใจสถานศึกษาจากขอ้ มูล เบื้องต้น และเห็นภาพของกิจกรรมท่ีเกิดข้ึนในโรงเรียน เห็นภาพว่าบุตรหลานของตนได้ปฏิบัติกิจกรรม อะไรบ้างทโี่ รงเรยี น ร้วู ่าสถานศึกษาจะมกี ิจกรรมอะไรบ้าง และเมื่อไร จากปฏทิ นิ กจิ กรรม ท�ำใหส้ ามารถ มสธ มสธเตรยี มตวั ใหก้ บั บตุ รหลานไดถ้ กู รวู้ า่ โรงเรยี นมกี ารดแู ลเอาใจใสบ่ ตุ รหลานของตนอยา่ งไร รวู้ า่ เดก็ ๆ มอี ะไร รบั ประทานในแตล่ ะวนั จะทำ� ใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน รสู้ กึ อบอนุ่ ใจ ไวว้ างใจวา่ บตุ รหลานไดร้ บั การ ดแู ลอยา่ งดี และยงั สามารถศกึ ษาหาความรเู้ กย่ี วกบั การอบรมเลย้ี งดบู ตุ รหลานไดจ้ ากหนา้ ความรผู้ ปู้ กครอง และหากมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพ่ิมเติม หรือต้องการจะติดต่อกับสถานศึกษา ก็สามารถใช้ช่อง ทางในการติดตอ่ ทีม่ ใี น website สิง่ ตา่ งๆ เหลา่ น้ี จะท�ำใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองและชมุ ชน มีความรูส้ ึกใกล้ ชดิ สนทิ สนมกบั สถานศกึ ษาเพราะมโี อกาสไดร้ บั รสู้ ง่ิ ตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั บตุ รหลานของตน ชว่ ยใหส้ ามารถ มสธเลยี้ งดบู ตุ รหลานไดอ้ ยา่ งถกู วธิ ี และเปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั กบั สถานศกึ ษา ซงึ่ จะสง่ ผลเกดิ ความสมั พนั ธ์ ท่ดี รี ะหว่างสถานศึกษา บา้ นและชมุ ชนต่อไป

15-52 การศึกษาและหลกั สูตรส�ำหรับเดก็ ปฐมวยั 2.2 การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษา ทาง facebook ปัจจุบันมี website ท่ี มสธเปิดให้บริการแก่คนทั่วไปในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยการสมัครเป็นสมาชิก ช่ือว่า facebook ซ่ึงก่อต้ัง ขึน้ โดย Mark Zuckerburg เม่อื วนั ที่ 4 กุมภาพนั ธ์ 2548 ผทู้ ส่ี มคั รเปน็ สมาชิกและได้รับการตอบรับการ เป็นสมาชกิ ของ facebook แลว้ จะสามารถสร้างพื้นท่สี ว่ นตัวบนเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ตส�ำหรับแนะน�ำตวั เอง ตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั เพือ่ น ท้งั เเบบขอ้ ความ ภาพ เสยี ง และวิดโี อ และผใู้ ช้ facebook สามารถเลือกท่ีจะ มสธ มสธเปน็ เพ่ือนกับใครก็ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถไม่เลือกใครเปน็ เพอ่ื นก็ได้ สามารถแสดงข้อมลู ของตนแก่ คนทวั่ ไปกไ็ ด้ หรอื กำ� หนดใหแ้ สดงขอ้ มลู ของตนเฉพาะกลมุ่ ทกี่ ำ� หนดกไ็ ด้ ผใู้ ชท้ เี่ ปน็ สมาชกิ ของ facebook สามารถสื่อสารข้อมูลต่างๆ ด้วยการเขียนข้อความเล่าเรื่อง แสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ รวมทั้งน�ำ เสนอขอ้ มลู ขา่ วสารในแบบรปู ภาพ และวดิ โี อได้ ดว้ ยคณุ สมบตั ดิ งั กลา่ ว จงึ มคี วามเหมาะสมทสี่ ถานศกึ ษา จะสามารถใช้ facebook เป็นเคร่ืองมือในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษา ให้พ่อแม่ ผปู้ กครองและบคุ คลอน่ื ๆ ในชมุ ชนไดร้ บั ทราบ ดงั ตวั อยา่ ง facebook ของสถานศกึ ษาแหง่ หนงึ่ ในภาพท่ี มสธ15.7 มมสสธธ มสธ มมสสธธภาพที่15.7ตัวอย่างfacebookของสถานศึกษา ที่มา: โรงเรยี นวรรณสว่างจิต. (2560ก). facebook โรงเรียนวรรณสวา่ งจติ . สบื คน้ เม่อื 20 พฤษภาคม 2560 จาก http://www. มสธfacebook.com/โรงเรยี นวรรณสวา่ งจติ .

ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสถานศึกษา บ้านและชุมชน 15-53 จากภาพท่ี 15.6 จะเหน็ วา่ โรงเรยี นสามารถประชาสมั พนั ธข์ อ้ มลู เกย่ี วกบั กจิ กรรมการเรยี นการสอน มสธและกิจกรรมอื่นๆ ที่เกิดข้ึนในโรงเรียนให้กับกลุ่มเป้าหมาย คือ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และคนในชุมชน ได้ อย่างรวดเร็ว ทำ� ให้พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และคนในชมุ ชนสามารถรบั ร้วู า่ มีกจิ กรรมอะไรเกดิ ขน้ึ ท่สี ถานศกึ ษา และยงั สามารถแสดงความรสู้ กึ แสดงความคดิ เหน็ แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ กบั สถานศกึ ษา และผปู้ กครอง คนอ่ืนๆ รวมท้ังคนในชุมชนได้ด้วย จะท�ำให้สถานศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนรู้สึกสนิทสนม มสธ มสธใกล้ชดิ กนั สามารถติดต่อพูดคุยแลกเปล่ียนแสดงความคิดเห็นต่อกนั ได้ แม้จะอยหู่ ่างไกลกนั ซง่ึ จะกอ่ ให้ เกิดผลดีตอ่ การสร้างความสมั พนั ธ์อนั ดตี อ่ กนั ระหว่างสถานศึกษา พอ่ แม่ ผ้ปู กครองและชมุ ชน กิจกรรม 15.4.1 จงอธิบายกจิ กรรมการประชาสัมพันธข์ ่าวสารของสถานศึกษา มสธแนวตอบกิจกรรม 15.4.1 การประชาสัมพันธ์สถานศึกษาประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์สถานศึกษาด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ ประกอบด้วยการจัดท�ำจุลสาร โปสเตอร์และแผ่นพับ การประชาสัมพันธ์สถานศึกษาด้วย website และ การประชาสมั พันธ์สถานศกึ ษาดว้ ย facebook มสธ มสธเรื่องที่15.4.2 การจัดตั้งกลุ่ม สมาคม มูลนิธิ ร่วมกับบ้านและชุมชน มสธการจดั กลมุ่ สมาคม มลู นธิ ิ รว่ มกบั บา้ นและชมุ ชน เปน็ การดำ� เนนิ การสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน ทสี่ ถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน รว่ มกนั ดำ� เนนิ การ ซงึ่ ประกอบไปดว้ ยกจิ กรรม ทห่ี ลากหลายไมว่ า่ จะเปน็ การตง้ั กลมุ่ สนใจรว่ มกนั การจดั ตง้ั ชมรมตามความสนใจ หรอื แมแ้ ตก่ ารจดั ตงั้ กลมุ่ มสธ มสธที่เป็นทางการ เช่น สมาคมและมูลนิธิ ในเร่ืองนี้จะกล่าวถึงการจัดต้ังกลุ่มตามความสนใจของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และการจัดต้ังกลุ่มท่เี ปน็ ทางการ ร่วมกบั บา้ นและชุมชน ในรปู ของการจัดตง้ั สมาคมหรือมูลนธิ ิ ดงั รายละเอียดต่อไปนี้ 1. การจดั ตง้ั กลมุ่ ตามความสนใจ เมอ่ื ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษา บา้ นและชมุ ชน เรม่ิ กอ่ ตวั และสร้างสายสัมพันธ์จนก่อให้เกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือคนในชุมชน หรือ ครแู ละบคุ ลากรของสถานศกึ ษากจ็ ะสามารถชกั ชวนกนั ตงั้ กลมุ่ หรอื ชมรมตามความสนใจขนึ้ มาได้ โดยอาจ มสธเริ่มจากกลุ่มเล็กๆ ท่ีมีความสนใจและมีปัญหาคล้ายกัน ดังจะยกตัวอย่างการจัดตั้งกลุ่มที่มีความสนใจใน

15-54 การศึกษาและหลักสูตรส�ำหรับเดก็ ปฐมวยั การออกกำ� ลงั กายเพือ่ รกั ษาสุขภาพ และกล่มุ ครอบครัวเรยี นรู้ทส่ี นใจการออกไปศึกษาเรียนรนู้ อกสถานที่ มสธรว่ มกบั ลูก ดงั ต่อไปนี้ 1.1 กลุ่มสนใจในการออกก�ำลังกายเพ่ือรักษาสุขภาพ เป็นกลุ่มของครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง ทมี่ คี วามสนใจในการออกกำ� ลงั กาย แตเ่ นอ่ื งดว้ ยเวลาทใ่ี ชใ้ นการดำ� เนนิ ชวี ติ ประกอบภารกจิ หนา้ ทก่ี ารงาน ในแต่ละวันไม่เอ้ืออ�ำนวยให้หาเวลาท่ีเหมาะสม รวมทั้งไม่สามารถหาสถานที่ที่เหมาะสมในการออกก�ำลัง มสธ มสธกายได้ จงึ ชกั ชวนกนั จดั ตงั้ กลมุ่ สนใจเกยี่ วกบั การออกกำ� ลงั กายขนึ้ มกี ารประชมุ กำ� หนดกจิ กรรม กำ� หนด วันเวลาปฏิบตั กิ จิ กรรม ก�ำหนดสถานท่ี จัดเตรียมวสั ดอุ ุปกรณส์ �ำหรับการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม และไดก้ �ำหนด กจิ กรรมขน้ึ คอื กจิ กรรม Line Dance ซงึ่ เปน็ กจิ กรรมการเตน้ ลลี าศผสมกบั การเตน้ Aerobic โดยเชญิ ครู และพ่อแม่ ผู้ปกครองที่มีความสามารถในการน�ำการออกก�ำลังกายในรูปแบบของ Line Dance เป็น วทิ ยากร มกี ารนดั หมายเชญิ ชวนผสู้ นใจเขา้ รว่ มกจิ กรรม โดยทำ� ปา้ ยเชญิ ชวนตดิ ไวใ้ นปา้ ยนเิ ทศของสถาน ศกึ ษา และเชญิ ชวนผา่ น facebook ของโรงเรียนดังแสดงในภาพท่ี 15.8 มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธภาพที่15.8ป้ายเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองครูและบุคลากรเข้าร่วมกิจกรรมออกกำ�ลังกายLineDance ท่ีมา: โรงเรยี นวรรณสวา่ งจติ . (2560). W.S.C. FIT DAY. สบื คน้ เม่อื 10 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.facebook.com/ มสธโรงเรยี นวรรณสวา่ งจติ .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook