Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 21223 หน่วยที่ 9-15

21223 หน่วยที่ 9-15

Published by กฤษฎา ศรีสุวรรณ์, 2021-08-31 07:29:05

Description: 21223 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาและหลักสูตรสำหรับเด็กปฐมวัย หน่วยที่ 9-15

Search

Read the Text Version

การจัดประสบการณเ์ พ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด 12-51 ตัวอย่างแบบทดสอบการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยใช้สถานการณ์ มสธค�ำสั่ง: ให้เดก็ ตอบค�ำถามจากภาพต่อไปนี้ และบอกเหตุผลในการเลอื ก สถานการณท์ ่ี 1 พูด: ถา้ หนเู ปน็ เพอ่ื นกบั นอ้ งแกม้ และนอ้ งแนน หนชู อบเลน่ กบั นอ้ งแกม้ นอ้ งแนนชอบแบง่ ขนมใหห้ นรู บั ประทาน วนั หนง่ึ นอ้ งแกม้ กบั นอ้ งแนนทะเลาะกนั นอ้ งแกม้ บอกกบั หนวู า่ ไมใ่ หไ้ ปเลน่ กบั นอ้ งแนน นอ้ งแนนกบ็ อกกบั หนวู า่ มสธ มสธไมใ่ ห้ไปเลน่ กบั น้องแกม้ เชน่ กัน หนูจะตัดสินใจอย่างไร ให้หนดู ูภาพต่อไปนี้ ภาพท่ี 1 หนูเล่นกับนอ้ งแก้ม ภาพที่ 2 หนูเลน่ กับนอ้ งแนน ภาพที่ 3 หนูเล่นกบั น้องแกม้ และนอ้ งแนน ถาม: หนเู ลือกภาพใด ท�ำไมถึงตดั สนิ ใจเช่นนน้ั (ให้เดก็ เลือกภาพและตอบค�ำถาม) (ให้เวลาเด็กเลือกภาพและตอบค�ำถาม 3 นาที) มสธ มสธ มสธในการทดสอบการคิดอย่างมีวิจารณญาณน้ันจะต้องใช้แบบบันทึกค�ำตอบของเด็กร่วมด้วย เพื่อ มสธ มมสสธธ มสธบันทกึ คำ� ตอบของเด็กแล้วนำ� มาประเมินให้คะแนน ดงั ตวั อย่างต่อไปนี้

มสธช่อื ................................................................... วัน เดือน ปเี กดิ ........................................................................ วัน เดอื น ปีท่สี งั เกต.......................................... เวลา....................... 12-52 การจดั การศึกษาและหลักสูตรสำ� หรับเด็กปฐมวยั ตัวอย่างแบบบันทึกคำ�ตอบ มสธ มสธรายการที่ คำ�ถาม คำ�ตอบของเด็ก ระดับคะแนน 123 มสธคะแนนรวม 1 หนจู ะตัดสนิ ใจอยา่ งไรมสธ มสธเกณฑ์การให้คะแนน ท�ำไมถงึ ตดั สินใจเช่น นนั้ 3 หมายถึง ตอบไดโ้ ดยให้เหตผุ ลประกอบการตัดสนิ ใจและคำ� นงึ ถึงผลท่ีจะตามมาจากการตดั สินใจ 2 หมายถงึ ตอบได้โดยให้เหตผุ ลประกอบการตดั สินใจ หรือ ค�ำนงึ ถึงผลทีจ่ ะตามมาจากการตดั สินใจ 1 หมายถึง ตอบได้ แต่ไม่ให้เหตุผล มสธตัวอย่างแบบทดสอบการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยนิทาน ค�ำสั่ง: ใหเ้ ดก็ ตอบค�ำถามโดยเลือกค�ำตอบจากภาพต่อไปนีแ้ ละบอกเหตุผลในการเลอื ก นทิ านเรอ่ื งที่ 1 พูด: มชี า้ งตัวหนง่ึ ชอ่ื “อาเธอร์” เขาก�ำลงั มองหาเพื่อนเลน่ แตล่ ิง เสือโคร่ง นกยงู และเสอื แผว้ ไมย่ อมเล่นกบั มสธ มสธเขา มเี พยี งกบกบั เปด็ ทย่ี อมใหเ้ ขาเลน่ ดว้ ย ตอ่ มาฝนตกหนกั ลงิ เสอื โครง่ นกยงู และเสอื แผว้ มาขอหลบฝน ใตท้ อ้ งของอาเธอร์โดยสัญญาว่าหลังจากฝนหยดุ ตกแลว้ จะยอมเล่นกบั เขา พอฝนหยดุ ลงิ เสือโคร่ง นกยงู และเสอื แผว้ กว็ งิ่ หนไี ป อาเธอรร์ อ้ งไหเ้ สยี ใจ เขาเดนิ ไปทที่ ะเลสาบ ใชง้ วงดดู นา้ํ แลว้ วงิ่ ไปพน่ นาํ้ ใสล่ งิ เสอื โครง่ นกยงู และเสอื แผว้ สตั วเ์ หลา่ นน้ั เปยี กนาํ้ มะลอ่ กมะแลก่ เลยสำ� นกึ ไดว้ า่ ทำ� ไมด่ กี บั อาเธอร์ จงึ เอาดอกไมม้ า ขอโทษ อาเธอรก์ ข็ อโทษทที่ ำ� พวกสัตวเ์ ปียกเช่นกัน หลงั จากนั้นสตั ว์ทุกตัวก็เล่นด้วยกันอยา่ งสนกุ สนาน ถาม: 1) หนคู ดิ ว่าอาเธอร์ควรเอานํา้ ไปพน่ สัตวอ์ ่นื ๆ หรอื ไม่ เพราะอะไร 2) ถา้ หนเู ป็นอาเธอร์ หนจู ะทำ� อยา่ งไร เพราะเหตุใด มสธ(ให้เวลาเดก็ ตอบคำ� ถาม 3 นาที)

ในการทดสอบการคิดอย่างมีวิจารณญาณน้ันจะต้องใช้แบบบันทึกค�ำตอบของเด็กร่วมด้วย เพ่ือการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ด้านการคดิ 12-53 มสธบันทึกคำ� ตอบของเด็กแล้วนำ� มาประเมินให้คะแนน ดงั ตวั อย่างต่อไปน้ี ตัวอย่างแบบบันทึกคำ�ตอบ มสธ มสธชื่อ................................................................... วัน เดือน ปีเกดิ ........................................................................ วัน เดอื น ปที ่สี งั เกต.......................................... เวลา....................... รายการที่1 ถา้ หนูเป็นอาเธอร์คำ�ถามคำ�ตอบของเด็กระดับคะแนน 123 มสธหนูจะเอาน้�ำไปพน่ สตั วอ์ น่ื ๆ หรือไม่ เพราะอะไร มสธ มสธคะแนนรวม เกณฑ์การให้คะแนน มสธ 3 หมายถงึ ตอบไดโ้ ดยให้เหตุผลประกอบการตดั สินใจและคำ� นึงถงึ ผลทีจ่ ะตามมาจากการตดั สินใจ 2 หมายถึง ตอบไดโ้ ดยให้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ หรอื คำ� นงึ ถึงผลท่ีจะตามมาจากการตัดสนิ ใจ 1 หมายถงึ ตอบได้ แตไ่ ม่ใหเ้ หตผุ ล สรปุ ไดว้ า่ การประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ตอ้ งใหค้ รอบคลมุ การรบั รู้ และระบปุ ระเดน็ ทต่ี อ้ งตดั สนิ ใจ การใชข้ อ้ มลู ประกอบการตดั สนิ ใจ บอกผลทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ตามมาจากการตดั สนิ ใจ มสธ มสธเลอื ก และบอกเหตผุ ลทตี่ ดั สนิ ใจเลอื ก ซง่ึ การประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ อาจใชก้ ารสนทนาและการทดสอบโดยใชส้ ถานการณแ์ ละนทิ าน เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ คอื แบบบนั ทกึ การสนทนา มสธแบบสำ� รวจรายการ แบบทดสอบการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแบบบันทึกคำ� ตอบ

12-54 การจดั การศึกษาและหลกั สตู รส�ำหรับเด็กปฐมวยั มสธกิจกรรม 12.3.3 หากนักศึกษาต้องการประเมินพัฒนาการทางด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณของเด็กอายุ 5 ปี นักศึกษาจะใชว้ ิธกี ารใด แนวตอบกิจกรรม 12.3.3 มสธ มสธนักศึกษาอาจเลือกใช้ได้หลายวิธี ตัวอย่างเช่น การสนทนาพูดคุยกับเด็กโดยใช้สถานการณ์และ นิทานเป็นหัวข้อแล้วบันทึกลงในแบบบันทึกการสนทนา และการทดสอบจากสถานการณ์และเรื่องราวใน มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธนทิ านแล้วบันทึกลงในแบบบนั ทกึ ลงในแบบบนั ทึกค�ำตอบ

การจดั ประสบการณเ์ พ่อื พัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านการคดิ 12-55 มสธบรรณานุกรม กุลยา ตันตผิ ลาชวี ะ (2548). การคดิ . วารสารการศกึ ษาปฐมวยั . 9(2), 27–36. จิตตินันท์ เตชะคุปต์. (2547). พัฒนาการและการเตรียมความพร้อมของเด็กปฐมวัย. ใน ประมวลสาระชุดวิชา มสธ มสธหลักการและแนวคิดทางการศึกษาปฐมวัย (พิมพ์ครั้งท่ี 3) หน่วยท่ี 5 (น. 5-1 ถึง 5-34). นนทบุรี: ส�ำนกั พิมพม์ หาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. จุฑามาศ แหนจอน. (2557). จติ วทิ ยาการคดิ . ชลบุร:ี คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบรู พา. ชนิพรรณ จาติเสถียร. (2557). การสังเกตพฤติกรรมเด็กปฐมวัย. ใน เอกสารการสอนชุดวิชาการประเมินและ สร้างเสริมพฤติกรรมเด็กปฐมวัย หน่วยที่ 7 (น. 7-1 ถึง 7-69). นนทบุรี: ส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย สุโขทยั ธรรมาธิราช. ชาตชิ าย ปลิ วาสน์. (2544). การศกึ ษาความสามารถในการแกป้ ัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใชก้ ระบวนการวางแผน มสธปฏิบตั ิ ทบทวน. (ปรญิ ญานิพนธก์ ารศึกษามหาบัณฑิต ไมไ่ ด้ตพี มิ พ์). มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, กรุงเทพมหานคร. ชิตาพร เอี่ยมสะอาด. (2548). กระบวนการจัดประสบการณ์ส�ำหรับเด็กปฐมวัย. สุราษฎร์ธานี: มหาวิทยาลัย ราชภัฏสรุ าษฎรธ์ าน.ี มสธ มสธทศิ นา แขมมณ.ี (2534). การพฒั นากระบวนการคดิ . วารสารครุศาสตร์, 20(2), 19-23. นภเนตร ธรรมบวร. (2544). การพัฒนากระบวนการคิดในเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. . (2549). การประเมินผลพัฒนาการเด็กปฐมวัย (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . นฤมล เนียมหอม (2560). การประเมินพฒั นาการและการเรยี นรขู้ องเด็กปฐมวยั . สืบค้นจาก http://www.na- reumon.com/index.php?option=com_content&task=view&id=15&Itemid=56 มสธนาํ้ ฝน ปยิ ะ. (2543). การใชน้ ทิ านปลายเปดิ เพอื่ พฒั นาทกั ษะการแกป้ ญั หาของเดก็ ปฐมวยั โรงเรยี นอนบุ าลระยอง. (วทิ ยานพิ นธ์ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต ไมไ่ ดต้ พี ิมพ)์ . มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช, นนทบรุ ี. ประไพพรรณ ภมู วิ ฒุ สิ าร. (2555). พฒั นาการวยั เดก็ . ใน ประมวลสาระชดุ วชิ าพฤตกิ รรมวยั เดก็ (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 28) หน่วยที่ 2 (น. 2-1 ถึง 2–74). นนทบุรี: ส�ำนกั พิมพม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. ประภานิช เพียรไพฑรู ย.์ (2553). ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลของเดก็ ปฐมวยั ที่เลน่ เกมการศึกษาอนกุ รม มสธ มสธมติ .ิ (ปรญิ ญานพิ นธก์ ารศกึ ษามหาบณั ฑติ ไมไ่ ดต้ พี มิ พ)์ . มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, กรุงเทพมหานคร. ปัทมาวดี เล่ห์มงคล. (2558). พัฒนาการและการเรียนรู้ทางการคิดของเด็กปฐมวัย. ใน ประมวลสาระชุดวิชา พัฒนาการและการเรียนรู้ (พิมพ์คร้ังท่ี 3) หน่วยที่ 6 (น. 6-1 ถึง 6–34). นนทบุรี: ส�ำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. พชั รา พุ่มพชาติ. (2557). การประเมนิ และการสร้างเสรมิ พฤติกรรมด้านสตปิ ญั ญาของเดก็ ปฐมวัย. ใน เอกสาร การสอนชุดวิชาการประเมินและสร้างเสริมพฤติกรรมเด็กปฐมวัย หน่วยท่ี 11 (น. 11-1 ถึง 11-64). มสธนนทบรุ ี: สำ� นกั พมิ พ์มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช.

12-56 การจดั การศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำหรบั เดก็ ปฐมวยั พัชรี กัลยา. (2551). ความสามารถในการคิดเชงิ เหตผุ ลของเด็กปฐมวยั ทไี่ ด้รบั การจดั กิจกรรมเกมการศึกษามติ ิ มสธสมั พนั ธ.์ (ปรญิ ญานพิ นธก์ ารศกึ ษามหาบณั ฑติ ไมไ่ ดต้ พี มิ พ)์ . มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, กรงุ เทพมหานคร. พัชรี ผลโยธิน. (2557). แนวคิดในการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัย. ใน ประมวลสาระชุดวิชาการจัด ประสบการณส์ ำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั (พมิ พค์ รงั้ ที่ 6) หนว่ ยท่ี 1 (น. 1-1 ถงึ 1–62). นนทบรุ :ี สาขาวชิ าศกึ ษา ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช. มสธ มสธพัชรี ผลโยธิน และอรุณี หรดาล. (2558). ความรู้พ้นื ฐานเก่ียวกับพฒั นาการและการเรียนรูข้ องเด็กปฐมวยั . ใน เอกสารการสอนชดุ วชิ าพฒั นาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 3) หนว่ ยที่ 1 (น. 1-11 ถงึ 1–46). นนทบุร:ี สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช. ภรณี คุรุรตั นะ. (2540). การเรียนรูข้ องเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ: เซเวน่ พริ้นต้งิ กรุ๊ป. มกราพันธุ์ จูฑรสก. (2556). การคิดอย่างเป็นระบบ: การประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน. นนทบุรี: โครงการ สวัสดิการวชิ าการ สถาบนั พระบรมราชชนก. มสธเยาวพา เดชะคปุ ต.์ (2542). การจดั การศึกษา. กรงุ เทพฯ: สำ� นักพิมพ์แม็ค. ลือชัย ชื่นอิ่ม. (2525). การวิเคราะห์องค์ประกอบความสามารถด้านเหตุผลของนักเรียนระดับอนุบาลใน กรุงเทพมหานคร. (ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต ไม่ไดต้ พี ิมพ)์ . มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ ประสานมติ ร, กรงุ เทพมหานคร. วรวทิ ย์ วศนิ สรากร. (2549). การคดิ . สารานกุ รมศกึ ษาศาสตร์ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. มสธ มสธ37(2),86–94. วรรณวิไล เม็งทอง. (2554). ผลการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดของมาทาลท่ีมีต่อความสามารถ ในการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่. (วิทยานิพนธ์ศึกษา ศาสตรมหาบณั ฑิต ไม่ได้ตีพมิ พ)์ . มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช, นนทบรุ .ี ศันศนีย์ ฉัตรคุปต์ และอุษา ชูชาติ. (2544). ฝึกสมองให้คิดอย่างมีวิจารณญาณ. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงานคณะ กรรมการการศกึ ษาแห่งชาต.ิ มสธสำ� นกั งานคณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาติ. (2540). เกมการศกึ ษา. กรุงเทพฯ: ม.ป.ท. สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน. (2547). คมู่ อื หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2546 (สำ� หรบั เด็กอายุ 3-5 ป)ี . กรุงเทพฯ: โรงพมิ พค์ ุรสุ ภา. สำ� นกั งานบรหิ ารและพฒั นาองคค์ วามร.ู้ (2558). Brain based learning แนวทางการจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั การ พฒั นาสมอง สำ� หรบั เดก็ วยั 3-5 ป.ี สบื คน้ จาก http://www.okmd.or.th/upload/pdf/BBL_3to6year_ book.pdf มสธ มสธสริ มิ า ภญิ โญอนนั ตพงษ.์ (2553). การวดั และประเมนิ แนวใหม:่ เดก็ ปฐมวยั (ฉบบั ปรบั ปรงุ ใหมล่ า่ สดุ ) (พมิ พค์ รงั้ ที่ 3). กรุงเทพฯ: ดอกหญา้ วิชาการ. สุจิตรา ศุกรฤทัยและยุพาวดี ตรีทิพย์ธิกุล. (2548). คู่มือเสริมสร้างไอคิวและอีคิวเด็กวัยแรกเกิด–5 ปี ส�ำหรับ พ่อแมแ่ ละผปู้ กครอง. นนทบรุ :ี สำ� นกั พฒั นาสขุ ภาพจติ . อรณุ ี หรดาล และชนิพรรณ จาตเิ สถียร. (2560). การประเมินพัฒนาการและการเรยี นรูข้ องเดก็ ปฐมวัย. นนทบุรี: มสธมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช.

การจัดประสบการณเ์ พอื่ พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด 12-57 อาภรณ์ ศรีสขุ ใส. (2555). ผลการจดั ประสบการณแ์ บบสบื เสาะทมี่ ตี อ่ ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลของเด็ก มสธปฐมวัย โรงเรียนบ้านคลองขุด จังหวัดนครศรีธรรมราช. (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต ไม่ได้ ตีพมิ พ)์ . มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช, นนทบรุ ี. อารมณ์ สวุ รรณปาล. (2557). การจดั ประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการคิด. ใน ประมวลสาระชุดวิชา การจัดประสบการณส์ ำ� หรบั เด็กปฐมวยั (พิมพ์ครง้ั ท่ี 6) หนว่ ยท่ี 8 (น. 8-1 ถึง 8–74). นนทบรุ :ี สาขา วิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช. มสธ มสธอุษณีย์ โพธสิ ขุ . (2542). กลยทุ ธท์ างการศกึ ษา: ผ้เู รียนสําคญั ท่สี ดุ . วารสารวิชาการ, 2(12), 34. Amsterlaw, J., & Wellman, H. M. (2006). Theories of Mind in Transition: A Microgenetic Study of the Development of False Belief Understanding. Journal of Cognition and Development, 7(2), 139-172. Baumrind, D. (1971). Current Parents of Parental Authority. Developmental Psychology Monograph, 4(1), 1-10. มสธBerliner, D. C., & Calfee, R. C. (1996). Handbook of Educational Psychology. Oxford: Routledge. Bowkett, S. (2007). 100+ Ideas for Teaching Thinking Skills. New York: Bloomsbury Academic. Bredekamp, S. (1997). NAEYC Issues Revised Position Statement on Developmentally Appropri- ate Practice in Early Childhood Programs. Young Children, 52(2), 34-40. Butterworth, J., & Thwaites, G. (2013). Thinking Skills: Critical Thinking and Problem Solving. มสธ มสธCambridge: Cambridge University Press. Caine, R. N. & Caine, G. (1998). Building a Bridge between the Neurosciences and Education: Caution and Possibilities. Retrieved from http://www.sei.cmu.edu.wilsonweb.html Chappell, K., Craft, A., Burnard, P., & Cremin, T. (2008). Question Posing and Question Respond- ing: the Heart of ‘Possibility Thinking’in the Early Years. Early Years, 28(3), 267-286. Devereux, Jane (2002). Developing Thinking Skills through Scientific and Mathematical Experi- มสธences in the Early Years. In Miller, Linda; Drury, Rose and Campbell, Robin eds. Explor- ing Early Years Education and Care. London: David Fulton. Eaude, T. (2011). Thinking Through Pedagogy for Primary and Early Years. Glasgow: Learning Matters Ltd. Ennis, R. (1991). Critical Thinking: A Streamlined Conception. Teaching Philosophy, 14(1), 5-24. Epstein, A. S. (2003). How Planning and Reflection Develop Young Children's Thinking Skills. Young มสธ มสธChildren, 58(5), 28-36. Flavell, J. H., Green, F. L., Flavell, E. R., Harris, P. L., & Astington, J. W. (1995). Young Chil- dren's Knowledge about Thinking. Monographs of the Society for Research in Child Development, 60(1), 1-113. Gagne, R. M. (1970). The Cognitive of Learning. New York: Holt, Rinehart and Winston, Inc. Galinsky, E. (2010). Mind in the Making: The Seven Essential Life Skills Every Child Need. มสธNew York: HarperCollins.

12-58 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย Hamlin, J. K., Wynn, K., & Bloom, P. (2007). Social Evaluation by Preverbal Infants. Nature, มสธ450(7169), 557-559. Hudson, J. A., Shapiro, L. R., & Sosa, B. B. (1995). Planning in the Real World: Preschool Children's Scripts and Plans for Familiar Events. Child Development, 66(4), 984-998. Kowalski, R. and Westen D. (2009). Psychology (5th ed.). Denvers: John Wiley and Sons. McWilliam, D., & Howe, C. (2004). Enhancing Pre-schoolers' Reasoning Skills: An Intervention มสธ มสธto Optimise the Use of Justificatory Speech Acts during Peer Interaction. Language and Education, 18(6), 504-524. Mercer, N. (2000). Words and Minds: How We Use Language to Think Together. New York: Psychology Press. Miller, P. H. (2009). Theories of Developmental Psychology. New York: Worth Publishers. National Research Council, and the Institute of Medicine. (2004). From Neurons to Neighbor- มสธhoods: The Science of Early Childhood Development. Washington: National Academies Press. Oliveira-Formosinho, J., & Pascal, C. (Eds.). (2016). Assessment and Evaluation for Transforma- tion in Early Childhood. New York: Routledge. Piaget, J. (1926). The Language and Thought of the Child. London: Routledge & Kegan Paul. มสธ มสธ. (1930). The Child's Conception of Physical Causality. London: Kegan Paul, Trench, Trübner & Co. Ruddell, R. B. (2002). Teaching Children to Read and Write: Becoming an Effective Literacy Teacher (3rd ed.). Boston: Allyn and Bacon. Santrock, J. W. (2003). Psychology: Essentials. Boston: McGraw-Hill. Stipek, D. (2013). Mathematics in Early Childhood Education: Revolution or Evolution? Early มสธEducation & Development, 24(4), 431-435. Taggart, G., Ridley, K., Rudd, P., & Benefield, P. (2005). Thinking Skills in the Early Years. Retrieved from http://eprints.whiterose.ac.uk/73999/1/Thinking_skills_in_early_years.pdf Vygotsky, L. S. (1978). Mind and Society: the Development of Higher Psychological Processes. Massachusetts: Harvard University Press. Whitebread, D., Anderson, H., Coltman, P., Page, C., Pasternak, D. P., & Mehta, S. (2005). Developing มสธ มสธIndependent Learning in the Early Years. Education, 3-13, 33(1), 40-50. Whittaker, J. V. (2014). Fostering Children’s Reasoning and Problem Solving. Young Children, 69(3), 80-89. Wood, D. (1998). Aspects of Teaching and Learning. London: Routledge/Open University Press. Woodward, A. L. (2009). “Infants’ Grasp of Others’ Intentions.” Current Directions in Psycho- มสธlogical Science, 18(1), 53–7.

มสธ หน่วยท่ี 13 การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา อาจารย์กัญจนา ศิลปกิจยาน มมมสสสธธธ มมสสธธ มมมสสสธธธชื่อ วุฒิ ต�ำแหน่ง มสธ หน่วยท่ีเขียน อาจารย์กัญจนา ศลิ ปกจิ ยาน กศ.บ. (การศึกษาปฐมวัย) ศษ.ม. (ปฐมวัยศึกษา) อาจารย์ประจำ� พิเศษสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช หน่วยท่ี 13

13-2 การจัดการศกึ ษาและหลกั สตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย มสธแผนการสอนประจ�ำหน่วย ชุดวิชา การจัดการศึกษาและหลักสตู รสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธ มสธหน่วยที่ 13 การจดั ประสบการณ์เพื่อพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษา ตอนที่ 13.1 แนวคดิ เก่ียวกับการจดั ประสบการณ์เพื่อพฒั นาเดก็ ปฐมวัยดา้ นภาษา 13.2 การจัดประสบการณแ์ ละสอื่ ที่ใช้พัฒนาเด็กปฐมวยั ดา้ นภาษา 13.3 การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวยั ดา้ นภาษา มสธแนวคิด 1. การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา เป็นการจัดเตรียมกิจกรรม สภาพ แวดลอ้ มและสอื่ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดร้ บั การพฒั นาอยา่ งมจี ดุ มงุ่ หมาย มหี ลกั การทถ่ี กู ตอ้ ง มแี นวทาง มสธ มสธการจัดประสบการณ์ที่เหมาะสม และมีขอบข่ายการจัดประสบการณ์ท่ีชัดเจน โดยการจัด ประสบการณ์ทางภาษาจะช่วยให้เด็กสามารถใช้ภาษาได้เหมาะสมตามพัฒนาการอย่างเป็น องคร์ วมทั้งดา้ นการฟงั การพูด การอา่ น และการเขยี น 2. การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา เป็นการจัดกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาด้าน การฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น เพอื่ พฒั นาความสามารถในการสอื่ สารของเดก็ ซง่ึ ใน การจัดกิจกรรมดงั กลา่ วจ�ำเป็นตอ้ งใช้สื่ออยา่ งหลากหลายท่ีเออ้ื ตอ่ การพัฒนาทักษะอย่างเป็น มสธองคร์ วม 3. การประเมินพัฒนาการด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เป็นการประเมินที่ใช้วิธี การและเคร่ืองมือท่ีหลากหลาย เพ่ือให้สามารถประเมินพัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย ได้อย่างเหมาะสม มสธ มสธวัตถุประสงค์ เมื่อศึกษาหนว่ ยท่ี 13 จบแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธบิ ายแนวคิดเกยี่ วกบั การจดั ประสบการณ์เพื่อพฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นภาษาได้ 2. อธิบายและยกตวั อยา่ งการจัดประสบการณแ์ ละสื่อท่ใี ชใ้ นการพฒั นาเด็กปฐมวัยด้านภาษาได้ มสธ3. อธบิ ายและยกตวั อยา่ งการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวัยดา้ นภาษาได้

การจดั ประสบการณ์เพ่อื พฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นภาษา 13-3 กิจกรรมระหว่างเรียน มสธ1. ทำ� แบบประเมนิ ผลตนเองก่อนเรียนหนว่ ยที่ 13 2. ศกึ ษาเอกสารการสอนตอนที่ 13.1–13.3 3. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายในเอกสารการสอน 4. ฟังซดี เี สยี งประจ�ำชุดวชิ า มสธ มสธ5. ชมดีวดี ีประกอบชุดวิชา (ถ้ามี) 6. ท�ำแบบประเมินผลตนเองหลงั เรยี นหน่วยท่ี 13 สื่อการสอน 1. เอกสารการสอน 2. แบบฝึกปฏบิ ัติ มสธ3. ซดี ีเสยี งประจ�ำชดุ วชิ า 4. ดวี ีดปี ระกอบชดุ วิชา (ถ้าม)ี การประเมินผล มสธ มสธ1. ประเมินผลจากแบบประเมนิ ผลตนเองกอ่ นเรียนและหลังเรยี น 2. ประเมินผลจากกจิ กรรมและแนวตอบท้ายเรื่อง 3. ประเมินผลจากการสอบไล่ประจ�ำภาคการศกึ ษา เมื่ออ่านแผนการสอนแล้ว ขอให้ท�ำแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน มสธ มมสสธธ มสธหน่วยท่ี13ในแบบฝึกปฏิบัติแล้วจึงศึกษาเอกสารการสอนต่อไป

13-4 การจัดการศึกษาและหลกั สตู รสำ� หรับเด็กปฐมวัย มสธความน�ำ ภาษาเป็นเคร่ืองมือท่ีส�ำคัญในการสื่อสารของมนุษย์ มนุษย์ใช้ภาษาในการสื่อสารเพ่ือถ่ายทอด ความคิดหรือสื่อความหมายให้ผู้อ่ืนเข้าใจ โดยอาศัยกระบวนการพัฒนาทางภาษาท่ีประกอบด้วยการฟัง มสธ มสธการพูด การอ่าน และการเขียน ซ่ึงเป็นกระบวนการท่ีมีความสัมพันธ์ซ่ึงกันและกันอย่างเป็นองค์รวม การฟังและการอ่านถอื ไดว้ ่าเปน็ กระบวนการในการรับข้อมูลของเด็กเพ่ือทำ� ความเข้าใจ สร้างความหมาย และแปลความหมายของข้อมูลผ่านการมองและการใช้สัญลักษณ์ทางภาษาด้านการพูดและการเขียน ซ่ึง อยใู่ นกระบวนการส่งออกของข้อมูล ภาษามคี วามสำ� คญั ตอ่ การศกึ ษาในทกุ ระดบั โดยเฉพาะในระดบั ปฐมวยั ทงั้ นเ้ี นอื่ งจากพฒั นาการ ทางภาษาของเด็กเป็นรากฐานท่ีส�ำคัญในการพัฒนาทางด้านสติปัญญาและศักยภาพของมนุษย์ ในการ มสธเรยี นรแู้ ละทำ� ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ภาษาของเดก็ ปฐมวยั พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครถู อื ไดว้ า่ มคี วามสำ� คญั ตอ่ การพัฒนาทางภาษาให้กับเดก็ ทัง้ ดา้ นการฟัง การพูด การอา่ น และการเขียน ท้ังนพี้ อ่ แม่ ผูป้ กครอง และ ครสู ามารถจดั ประสบการณท์ ส่ี ง่ เสรมิ พฒั นาการทางภาษาไดจ้ ากการทำ� กจิ วตั รหรอื วถิ กี ารดำ� เนนิ ชวี ติ ของ ครอบครัว การบรู ณาการเข้าไปในกิจกรรมหลกั หรอื การจดั กจิ กรรมส่งเสริมผ่านสื่ออุปกรณท์ ี่หลากหลาย มสธ มสธและเออ้ื ตอ่ การเรยี นรตู้ ามวยั ของเดก็ พรอ้ มทงั้ สามารถใชก้ ารประเมนิ ทคี่ รอบคลมุ ประสบการณส์ ำ� คญั และ สาระทค่ี วรเรยี นรดู้ า้ นการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี นไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยใชว้ ธิ กี ารทหี่ ลาก หลายประกอบกบั เครอ่ื งมอื ทส่ี อดคลอ้ งกบั วธิ กี าร เพอ่ื มงุ่ สกู่ ารพจิ ารณาพฤตกิ รรมทแี่ ทจ้ รงิ ของเดก็ ปฐมวยั โดยปกติในการจัดประสบการณ์เพอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษาและการประเมนิ พัฒนาการด้าน การฟงั การพูด การอา่ น และการเขยี น จะดำ� เนินการในลักษณะเป็นองค์รวม แต่เพอ่ื ให้เกิดความเขา้ ใจท่ี ง่ายและชดั เจน ในหนว่ ยนผ้ี เู้ ขยี นจึงน�ำเสนอการจัดประสบการณท์ างภาษาใน 3 ลักษณะ คอื 1) การฟงั มสธ มมสสธธ มสธและการพดู 2) การอา่ นและการเขยี น และ 3) การฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น

การจัดประสบการณ์เพ่อื พัฒนาเด็กปฐมวัยดา้ นภาษา 13-5 มสธตอนที่ 13.1 แนวคิดเก่ียวกับการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา โปรดอ่านหัวเรื่อง แนวคิด และวัตถุประสงคข์ องตอนที่ 13.1 แลว้ จงึ ศึกษารายละเอยี ดตอ่ ไป มสธ มสธหัวเร่ือง 13.1.1 ค วามหมาย ความส�ำคัญ และจุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็ก ปฐมวยั ดา้ นภาษา 13.1.2 หลักการและแนวทางการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา 13.1.3 ขอบข่ายของการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวยั ดา้ นภาษา มสธแนวคิด 1. การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษา เปน็ การจดั เตรยี มกจิ กรรม สภาพ แวดลอ้ ม และสอื่ ไวอ้ ยา่ งมคี วามหมาย เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรภู้ าษาจนนำ� ไปสกู่ ารถา่ ยทอด ความคิด โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กได้ฝึกฝนการใช้ภาษา ได้เรียนรู้ค�ำศัพท์ มสธ มสธใหม่ๆ และได้ใช้ภาษาในการสื่อสารที่ครอบคลุมท้ังการฟัง การพูด การอ่าน และการ เขยี น 2. การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา มีหลักการท่ีส�ำคัญ คือ หลัก พฒั นาการเดก็ หลกั การเรยี นรู้ หลกั การเรยี นรผู้ า่ นการเลน่ และหลกั การมสี ว่ นรว่ ม เพอ่ื นำ� มาเปน็ แนวทางการจดั ประสบการณใ์ หก้ บั เดก็ อยา่ งเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั พฒั นาการ และวิธีการเรียนรู้ของเด็ก บูรณาการผ่านการเล่น และการมีส่วนร่วมของพ่อแม่ มสธผ้ปู กครอง และครู 3. ข อบขา่ ยของการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษาประกอบดว้ ย การฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น ทส่ี อดคลอ้ งกบั ประสบการณส์ ำ� คญั และสาระทคี่ วรเรยี นรู้ ทเี่ ดก็ ตอ้ งได้รับการพัฒนา มสธ มสธวัตถุประสงค์ เมือ่ ศึกษาตอนที่ 13.1 จบแลว้ นักศกึ ษาสามารถ 1. อ ธิบายความหมาย ความส�ำคัญ และจุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนา เดก็ ปฐมวัยด้านภาษาได้ 2. ระบุหลักการและแนวทางการจัดประสบการณ์เพื่อพฒั นาเดก็ ปฐมวัยด้านภาษาได้ 3. อ ธิบายและยกตัวอย่างขอบข่ายการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา มสธตามท่กี ำ� หนดใหไ้ ด้

13-6 การจดั การศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั มสธเรื่องท่ี 13.1.1 ความหมาย ความส�ำคัญ และจุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์ เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา มสธ มสธการจัดประสบการณ์ทางภาษาเป็นสิ่งส�ำคัญท่ีพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูควรมีความรู้ความเข้าใจ เน่อื งจากภาษาเป็นเครื่องมอื ของมนษุ ยใ์ นการคิด การสื่อสาร และการเรียนรู้ ดังนัน้ การจดั ประสบการณ์ ทางภาษาส�ำหรับเด็กปฐมวัยจึงมีความส�ำคัญเป็นอย่างย่ิงในการสร้างรากฐานทางภาษาให้กับเด็กต้ังแต่ แรกเรม่ิ การทำ� ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความหมาย ความสำ� คญั และจดุ มงุ่ หมายของการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านภาษาจึงเป็นเร่ืองทค่ี วรท�ำความเขา้ ใจในเบื้องตน้ ดงั มรี ายละเอยี ดต่อไปนี้ มสธความหมายของการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา ประกอบด้วยค�ำท่ีมีความส�ำคัญ 2 ค�ำ ดว้ ยกนั คอื คำ� วา่ “การจดั ประสบการณส์ ำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย” และค�ำวา่ “ภาษา” ดังมผี ู้ให้ความหมายใน มสธ มสธแต่ละค�ำไว้ดงั น้ี ภรณี ครุ รุ ตั นะ (2540, น. 49) กลา่ ววา่ การจดั ประสบการณ์ หมายถงึ การจดั ระบบประสบการณ์ ทีเ่ ด็กปฐมวยั ควรได้รบั มีการก�ำหนดจดุ ประสงค์ แนวทางการด�ำเนนิ กจิ กรรมโดยเน้นให้เดก็ มีสว่ นรว่ มใน กจิ กรรมตา่ งๆ ในการดำ� เนนิ กจิ กรรมครคู วรคำ� นงึ ถงึ การสรา้ งปฏสิ มั พนั ธท์ ด่ี รี ะหวา่ งครกู บั เดก็ เดก็ กบั เดก็ จัดหาสื่ออุปกรณ์ให้เด็กเรียนรู้อย่างเหมาะสมกับวัย และมีการประเมินผลการเรียนรู้ของเด็กจากกิจกรรม โดยให้ครอบคลุมพัฒนาการในทุกด้าน มสธชติ าพร เอีย่ มสะอาด (2548, น. 91) กล่าววา่ การจัดประสบการณส์ �ำหรับเดก็ ปฐมวัย หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนการสอนให้แก่เด็กอายุ 0-5 ปี ในรูปของกิจกรรมและการจัดสภาพแวดล้อมท้ัง ภายในและภายนอกหอ้ งเรยี น เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดร้ บั ประสบการณต์ รงโดยผา่ นประสาทสมั ผสั ทง้ั 5 เพอื่ สง่ เสรมิ พัฒนาการดา้ นร่างกาย อารมณ-์ จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญาใหพ้ รอ้ มตามศกั ยภาพของเด็ก นฤมล เนยี มหอม (2560) กลา่ ววา่ การจดั ประสบการณเ์ ปน็ การจดั เตรยี มกจิ กรรม สภาพแวดลอ้ ม มสธ มสธและสอ่ื ทจ่ี ะสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เกดิ การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามหมายผา่ นการเลน่ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดร้ บั การพฒั นาทงั้ ดา้ น รา่ งกาย อารมณ-์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญาไปตามจดุ มงุ่ หมายทก่ี ำ� หนดไว้ โดยการจดั ประสบการณท์ าง ภาษานั้นเป็นการเปิดโอกาสและสร้างสถานการณ์ในการใช้ภาษาผ่านการเล่นในสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อ การเรยี นรู้และสมั พันธเ์ ชื่อมโยงกับชีวิตประจำ� วนั ของเด็ก ส�ำหรับความหมายของค�ำว่า “ภาษา” น้ัน มีผู้ใหค้ วามหมายไวด้ ังน้ี บุษบง ตันติวงศ์ (2535, น. 44-47) ได้ให้ความหมายของภาษาไว้ว่า เป็นสัญลักษณ์สื่อสารที่ มสธต้องใช้ให้เหมาะกับเรื่องท่ีต้องการสื่อสาร เด็กปฐมวัยเริ่มรู้จักสัญลักษณ์แบบต่างๆ ได้แก่ ภาษา ศิลปะ

การจัดประสบการณเ์ พ่อื พัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านภาษา 13-7 ดนตรี การเคลอ่ื นไหวรา่ งกาย ละคร และคณติ ศาสตร์ ซงึ่ สามารถใชส้ อ่ื ความคดิ นอกจากนเ้ี ดก็ เรมิ่ รจู้ กั ใช้ มสธกฎเกณฑ์ รจู้ กั เลอื กสญั ลกั ษณท์ เี่ หมาะสมสำ� หรบั นำ� เสนอความคดิ แตล่ ะเรอื่ ง โดยใชส้ ญั ลกั ษณห์ ลายแบบ ผสมผสานหรอื สลบั กันไป จริ าภา เต็งไตรรัตน์ และคณะ (2547, น. 149) กล่าววา่ ภาษาเปน็ สัญลกั ษณท์ ใ่ี ชแ้ ทนประเภท ของสงิ่ ตา่ งๆ ท้งั ท่เี ปน็ สงิ่ มชี ีวิต สิ่งไมม่ ชี ีวติ และการกระทำ� เปน็ เครอื่ งมอื ส�ำหรบั การคิด สอ่ื ความหมาย มสธ มสธและสือ่ สารระหว่างบุคคล Goldstein (2008, p. 294) กลา่ วว่า ภาษาเป็นระบบการสื่อสารทใี่ ชเ้ สียงหรือสัญลกั ษณใ์ นการ แสดงความรูส้ กึ ความคิด และประสบการณ์ สรปุ ไดว้ า่ การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษาเปน็ การจดั เตรยี มกจิ กรรม สภาพ แวดลอ้ ม และสอ่ื ทสี่ ง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เกดิ การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามหมายผา่ นการเลน่ ในสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื ตอ่ การเรียนรู้และสัมพันธ์เช่ือมโยงกับชีวิตประจ�ำวันของเด็ก เพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาด้านการใช้ภาษาใน มสธการสอื่ สาร สือ่ ความหมาย แสดงความรู้สึก ความคดิ และประสบการณ์ของตนเองกับบคุ คลอ่นื ความส�ำคัญของการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา พัฒนาการด้านภาษาในชว่ งปฐมวยั เปน็ ระยะทมี่ ีการพัฒนาอยา่ งมาก เดก็ จะเริม่ ใช้ภาษาในการ มสธ มสธสื่อสาร การถ่ายทอดความคิดของตนเองสู่ผู้อ่ืนได้มากข้ึนตามประสบการณ์ที่เด็กได้รับ ซึ่งการพัฒนา ดังกล่าวจะส่งผลสูงสุดก็ต่อเม่ือเด็กได้รับการจัดประสบการณ์ทางภาษาที่มีความเหมาะสม ดังนั้นการจัด ประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษาจงึ มคี วามสำ� คญั ดงั ต่อไปน้ี 1. ช่วยให้เด็กได้ฝึกฝนการใช้ภาษา การจดั ประสบการณท์ างภาษาเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้ ใชท้ กั ษะทางภาษา ทงั้ ดา้ นการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี นอยา่ งมจี ดุ มงุ่ หมาย เชน่ การจบั ใจความ สิ่งท่ไี ด้ฟงั การรับรู้อารมณ์ ความรูส้ ึกของผ้พู ูด การพดู ส่อื สารความรู้สึกนกึ คิด การถอดความหมายของ สัญลักษณ์ หรือการขีดเขียนถ่ายทอดความคิด จากการศึกษากระบวนการเรียนรู้ภาษาของเด็กปฐมวัย มสธSuvannathat and others (1985, p. 122) พบว่า การพฒั นาภาษาของเด็กจะเกดิ ข้นึ จากความชาํ นาญ (Empiricist Approach) ซง่ึ เดก็ จะเรม่ิ เรยี นรภู้ าษาอยา่ งไมเ่ ปน็ กฎเกณฑ์ แตเ่ รยี นรภู้ าษาในลกั ษณะเดยี ว กับการฝึกทักษะความชํานาญและความสามารถด้านอื่นๆ เด็กต้องได้รับการจัดประสบการณ์ท่ีให้เด็กมี ปฏสิ มั พนั ธ์กบั วัตถุ เชน่ การทพี่ ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูนําวตั ถุ สิ่งของ ของเล่นมาจดั วาง ให้เด็กสาํ รวจ มสธ มสธวตั ถนุ ้นั ด้วยตนเอง แล้วต้ังคําถามเพอื่ ให้เด็กหาคาํ ตอบ จะท�ำใหเ้ ดก็ เกดิ กระบวนการเรียนรภู้ าษา ดังนนั้ การท่ีเด็กได้รับการจัดประสบการณ์ทางภาษาจะท�ำให้เด็กมีโอกาสได้ฝึกฝนการใช้ภาษาในสถานการณ์ที่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูได้เตรียมไว้ เพื่อให้เด็กได้เลือกใช้ข้อมูลทางภาษาท่ีมีอยู่ให้เหมาะสมกับ สถานการณ์ 2. ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ค�ำศัพท์ใหม่ ๆ การเรม่ิ ตน้ การใชภ้ าษาของเดก็ นน้ั เปน็ ชว่ งเวลาทเ่ี ดก็ เรม่ิ ใชค้ ลงั คำ� ศพั ทท์ มี่ อี ยอู่ ยา่ งจำ� กดั การทเ่ี ดก็ ไดร้ บั การจดั ประสบการณท์ างภาษานนั้ จะชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรู้ ค�ำศัพท์ใหมๆ่ รวมถงึ การเลือกใชค้ �ำทมี่ ีใหเ้ หมาะกับสงิ่ ท่ตี อ้ งการสื่อความหมายในสถานการณ์ต่างๆ เด็ก มสธจะเรียนรู้คําศัพท์จากการไดย้ นิ คนอน่ื พูดซา้ํ ๆ แล้วนาํ มาพดู ซึง่ เด็กจะเรยี นรไู้ ด้เร็วถ้าคาํ ศัพท์ท่เี ดก็ เรียนรู้

13-8 การจดั การศึกษาและหลักสตู รสำ� หรับเด็กปฐมวัย เป็นประสบการณ์ใกลต้ วั เดก็ Burns and Lowe (1969, pp. 201–220) กล่าวว่า คำ� ศัพทพ์ ืน้ ฐานส�ำหรับ มสธเดก็ จะแบง่ เปน็ 4 ชนิด คือ คำ� ศัพทใ์ นการฟัง การพูด การอา่ น และการเขยี น ซง่ึ ในชว่ งปฐมวัยคำ� ศัพท์ ในการฟงั สาํ คญั สาํ หรบั เดก็ มาก เดก็ วยั นจ้ี ะรบั รคู้ ำ� ศพั ทใ์ นการฟงั ไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจ แตไ่ มส่ ามารถแสดงความหมาย ของค�ำศัพท์ในการพูด การอ่าน หรือการเขียนได้ เม่ือเด็กมีวัยที่สูงขึ้นความสามารถเหล่าน้ีจะได้รับการ พัฒนา ซึ่งการท่ีเด็กจะสามารถพัฒนาค�ำศัพท์ได้นั้น เด็กต้องได้รับการจัดประสบการณ์ที่มีจุดมุ่งหมาย มสธ มสธในการใหเ้ ดก็ ไดพ้ ฒั นาทางด้านภาษาอยา่ งเปน็ องค์รวมทง้ั การฟัง การพดู การอา่ น และการเขยี น เพือ่ ให้ เดก็ ได้เรียนรคู้ ำ� ศพั ท์ใหมๆ่ รวมท้ังเปดิ โอกาสในการพฒั นาการใชค้ ำ� ศัพท์ต่างๆ ให้ครอบคลมุ ทกุ ดา้ น 3. ช่วยให้เด็กได้ใช้ภาษาในการส่ือสาร การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษามี จุดมุ่งหมายส�ำคัญที่สุดประการหน่ึง คือ การให้เด็กได้ใช้ภาษาเพ่ือส่ือสาร เด็กต้องได้รับการฝึกฝน และ เปิดโอกาสในการสั่งสมประสบการณท์ ง้ั ในฐานะผ้รู บั สารและผสู้ ่งสาร เพอื่ พัฒนาการใชภ้ าษาในฐานะเป็น เครื่องมือที่ถ่ายทอดความต้องการ ความรู้สึก ความคิดจินตนาการเพ่ือส่ือสารให้ผู้อ่ืนเข้าใจตรงกัน สร้าง มสธความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตนเองกบั บคุ คลอน่ื อกี ทงั้ ยงั ตอ้ งใชภ้ าษาเปน็ เครอ่ื งมอื ในการเรยี นรตู้ อ่ ไปในอนาคต ดังน้ันการที่เด็กได้รับการจัดประสบการณ์ทางภาษาจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู จะช่วยส่งเสริมให้เด็ก ได้ใช้ภาษาในการสอื่ สารได้ตรงกบั สิง่ ที่เด็กตอ้ งการสอ่ื สารมากขน้ึ สรุปไดว้ ่า การจดั ประสบการณเ์ พ่ือพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านภาษามคี วามส�ำคัญใน 3 ประการดว้ ย กนั คือ 1) ช่วยให้เด็กได้ฝึกฝนการใช้ภาษา 2) ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้คำ� ศพั ทใ์ หมๆ่ และ 3) ช่วยใหเ้ ด็กได้ มสธ มสธใช้ภาษาในการสือ่ สาร ซง่ึ ความส�ำคญั ทั้ง 3 ประการทีก่ ล่าวมา มคี วามสำ� คัญต่อพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครู ใหต้ ระหนกั ถงึ การจดั ประสบการณเ์ พือ่ พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษาอยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม จุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา ควรมีการก�ำหนดจุดมุ่งหมายของการจัด ประสบการณ์ในแต่ละครั้ง เพื่อเป็นการก�ำกับทิศทางในการจัดประสบการณ์ให้ด�ำเนินการได้ตรงตาม มสธเป้าหมายท่ีระบุไว้ ซึ่งการก�ำหนดจุดมุ่งหมายดังกล่าวต้องครอบคลุมพัฒนาการทางภาษาให้ครบทุกด้าน ทง้ั การฟงั การพูด การอา่ น และการเขยี น ดังน้ี 1. จุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์ด้านการฟัง การฟงั เปน็ ทกั ษะทางภาษาทมี่ คี วามสำ� คญั กับเดก็ ในช่วงปฐมวัย เด็กตอ้ งเรียนรูแ้ ละฝึกการฟงั อย่างมจี ดุ มุง่ หมาย ซ่งึ มรี ายละเอยี ดดังนี้ มสธ มสธ1.1 เพื่อให้เด็กมีโอกาสฟังค�ำพูดที่ผู้อ่ืนพูดแล้วท�ำความเข้าใจ เช่น สามารถเล่าเรื่องสิ่งที่ ฟงั ได้ 1.2 เพ่ือให้เดก็ มีโอกาสในการฟงั เสียงตา่ งๆ ทีเ่ กดิ ข้นึ รอบตัวอยา่ งต้งั ใจ 1.3 เพื่อให้เดก็ มโี อกาสจําแนกความแตกต่างของเสียงที่ได้ยนิ 1.4 เพอื่ ให้เดก็ ได้ฟังเพลง เร่ืองราว นิทาน หรอื ค�ำประพนั ธ์ ด้วยความเพลดิ เพลนิ 1.5 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ มโี อกาสไดฝ้ กึ ฝนการฟงั เรอ่ื งราว แลว้ สามารถจาํ ขอ้ มลู 2-3 สง่ิ ทไี่ ดจ้ ากการ ฟังจากการท�ำตามคำ� แนะนำ� หรอื จากค�ำส่ังท่ไี ด้ฟงั มสธ1.6 เพื่อให้เดก็ สามารถร่วมสนทนากบั ผอู้ ื่นในฐานะของผฟู้ งั แล้วโตต้ อบได้

การจดั ประสบการณ์เพือ่ พฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นภาษา 13-9 2. จดุ มงุ่ หมายของการจดั ประสบการณด์ า้ นการพดู การพดู เปน็ ทกั ษะทางภาษาทม่ี คี วามสำ� คญั มสธในการถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความต้องการจากภายในของตนเองไปสู่ผู้อื่นให้เข้าใจ ดังน้ัน จดุ มงุ่ หมายของการพูด มีรายละเอยี ดดงั นี้ 2.1 เพื่อใหเ้ ดก็ ไดพ้ ัฒนาความสามารถในการพูด และใช้น�ำ้ เสียงทเี่ หมาะสม 2.2 เพ่ือให้เด็กได้พูดสื่อความหมายให้ผู้อื่นเข้าใจ และได้รับการส่งเสริมให้พูดโดยใช้ค�ำ มสธ มสธหลายๆ ประเภท ทงั้ ค�ำนาม คำ� กรยิ า ค�ำคุณศัพท์ ใช้วลี หรอื ใชป้ ระโยค 2.3 เพ่ือใหเ้ ดก็ ไดร้ บั การสนับสนุนให้พูดประโยคทีส่ มบูรณ์ตามระดบั พฒั นาการ 2.4 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ มโี อกาสใชภ้ าษาทง้ั ในการแสดงความรสู้ กึ และความคดิ เหน็ เชน่ การใชภ้ าษา เพือ่ การแกป้ ัญหา การต้ังสมมติฐาน การสรุป หรือการท�ำนายเหตุการณ์ 3. จุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์ด้านการอ่าน การอา่ นเปน็ เครอื่ งมอื ในการเรยี นรทู้ จ่ี ะได้ รับข้อมูลข่าวสารต่างๆ และองค์ความรู้ตามช่วงวัย การเปิดโอกาสให้เด็กได้รับการจัดประสบการณ์เพ่ือ มสธพฒั นาด้านการอา่ น มีจดุ มุง่ หมายดงั น้ี 3.1 เพอื่ ใหเ้ ด็กไดร้ บั การปลกู ฝังใหม้ ที ัศนคตทิ ีด่ ี มนี ิสัยรักการอ่าน 3.2 เพือ่ ใหเ้ ด็กมีความรเู้ กยี่ วกบั หนงั สือ และตวั หนังสือ 3.3 เพื่อให้เด็กมีโอกาสเข้าใจเรื่องราวที่อ่านโดยใช้ความรู้และประสบการณ์เดิมท�ำความ เข้าใจความหมายของคาํ มสธ มสธ3.4 เพื่อใหเ้ ดก็ ไดอ้ ่านในหลายรูปแบบผ่านประสบการณท์ สี่ ่ือความหมายต่อเด็ก อา่ นภาพ หรอื สญั ลกั ษณ์จากหนงั สอื นิทาน/เรือ่ งราวที่สนใจ 4. จุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์ด้านการเขียน การเขียนเปน็ ทักษะทใี่ ชใ้ นการถ่ายทอด ความคดิ ความรสู้ กึ ความตอ้ งการออกมาในรปู แบบของการเขยี นทเี่ หมาะสมตามชว่ งวยั ดงั นน้ั จดุ มงุ่ หมาย ของการจดั ประสบการณด์ ้านการเขยี น มดี ังตอ่ ไปน้ี 4.1 เพอ่ื ให้เด็กได้รับการฝึกทักษะการเขียนทเี่ หมาะสมกับวัย มสธ4.2 เพ่ือให้เด็กได้ฝึกการถ่ายทอดความคิด จินตนาการ ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ให้ผู้อ่ืน เข้าใจได้ 4.3 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดเ้ ขยี นในหลายรปู แบบผา่ นประสบการณท์ สี่ อ่ื ความหมายตอ่ เดก็ เขยี นภาพ เขียนขดี เข่ยี เขยี นคลา้ ยตัวอกั ษร เขียนเหมือนสญั ลักษณ์ หรือเขยี นช่ือตนเอง 4.4 เพ่ือให้เด็กพฒั นาความสามารถในการเขยี นจากขัน้ งา่ ยๆ ไปสขู่ ้ันทีซ่ บั ซอ้ นยง่ิ ขนึ้ มสธ มสธสรุปได้ว่า การก�ำหนดจุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา เป็นการก�ำหนดทิศทางของการจัดประสบการณ์ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้การก�ำหนด มสธจุดมุ่งหมายควรครอบคลุมการใชภ้ าษาท้งั ในด้านการฟัง การพูด การอา่ น และการเขยี น

13-10 การจัดการศึกษาและหลักสูตรสำ� หรบั เด็กปฐมวยั มสธกิจกรรม 13.1.1 ใหอ้ ธิบายความหมายและความสำ� คัญของการจดั ประสบการณ์เพอื่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านภาษา แนวตอบกิจกรรม 13.1.1 การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษาเป็นการจัดเตรียมกิจกรรม สภาพแวดล้อม มสธ มสธและสอื่ ทสี่ ง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เกดิ การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามหมายผา่ นการเลน่ ในสภาพแวดลอ้ มทเี่ ออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้ และสมั พันธ์เชื่อมโยงกบั ชีวิตประจำ� วนั ของเด็ก เพือ่ ให้เดก็ ได้รบั การพัฒนาดา้ นการใช้ภาษาในการสอ่ื สาร สื่อความหมาย แสดงความร้สู กึ ความคดิ และประสบการณ์ของตนเองกบั บคุ คลอ่ืน การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษามีความส�ำคัญใน 3 ประการด้วยกัน คือ 1) ชว่ ยให้เด็กได้ฝึกฝนการใชภ้ าษา 2) ชว่ ยให้เด็กได้เรยี นรู้ค�ำศพั ท์ใหมๆ่ และ 3) ชว่ ยให้เด็กได้ใช้ภาษา ในการสอ่ื สาร มสธเรื่องที่ 13.1.2 มสธ มสธหลักการและแนวทางการจัดประสบการณ์ เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา การจัดประสบการณเ์ พื่อพฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นภาษา เปน็ การสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ได้รับประสบการณ์ มสธทางภาษาทั้งด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนอย่างเป็นองค์รวม โดยการจัดประสบการณ์ ดังกล่าว พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูควรศึกษา เรียนรู้ และท�ำความเข้าใจเก่ียวกับหลักการและแนวทาง ในการจดั ประสบการณเ์ พ่ือพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ด้านภาษา ดังต่อไปน้ี หลักการการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา มสธ มสธการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษา ควรคำ� นงึ ถงึ หลกั การในการจดั ประสบการณ์ ดงั ต่อไปนี้ 1. หลักพัฒนาการเด็ก พฒั นาการทางภาษาของเดก็ ในชว่ งปฐมวยั มกี ารพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอื่ งเปน็ ล�ำดับขั้นตอน เด็กในชว่ งวยั นจ้ี ะซึมซบั ภาษาไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว มคี วามกระตือรอื ร้น และมคี วามพร้อมทจ่ี ะ พัฒนาทักษะทางภาษาท้ังในด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เช่น การบอกช่ือวัตถุ สิ่งของ การรู้ค�ำศัพท์ การออกเสียงค�ำให้ชัดเจน และการใช้ประโยคเพ่ือการติดต่อส่ือสาร ฯลฯ โดยลักษณะ มสธพัฒนาการทางภาษาของเดก็ ปฐมวยั จะพฒั นาไปตามขั้นพัฒนาการท่ีมลี ักษณะเหมอื นขนั้ บนั ได เรมิ่ ตัง้ แต่

การจัดประสบการณ์เพ่ือพฒั นาเด็กปฐมวัยด้านภาษา 13-11 การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ซึ่งในแต่ละข้ันตอนจะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ไม่ มสธสามารถพัฒนาโดยการแยกทักษะแต่ละด้านออกจากกันได้อย่างชัดเจน ดังนั้นการจัดประสบการณ์เพื่อ พฒั นาเด็กปฐมวัยดา้ นภาษานี้ ควรค�ำนงึ ถงึ พัฒนาการในแตล่ ะชว่ งวัย เพื่อที่พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครูจะ ไดเ้ ลอื กกจิ กรรมและประสบการณท์ เี่ หมาะสมใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ ฝนการใชภ้ าษาในสถานการณต์ า่ งๆ ไมย่ ากหรอื งา่ ยจนเกินไป เพ่อื ใหเ้ ดก็ เกิดทัศนคติท่ีดีต่อการเรยี นรภู้ าษาตอ่ ไปในอนาคต มสธ มสธ2. หลกั การเรยี นรู้ การเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั เปน็ ผลสบื เนอื่ งมาจากประสบการณต์ า่ งๆ ทเี่ ดก็ ไดร้ บั เดก็ เกดิ การเรยี นรภู้ าษาจากการทเ่ี ดก็ มปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั บคุ คลและสงิ่ แวดลอ้ มรอบตวั ซง่ึ แตกตา่ งจากวธิ กี าร เรียนรภู้ าษาของผใู้ หญ่ทีส่ ามารถใหก้ ารสอนโดยตรงได้ เนื่องจากเดก็ ในชว่ งปฐมวยั ยงั ไม่สามารถคดิ สง่ิ ที่ เปน็ นามธรรมได้ เดก็ จงึ ตอ้ งเรยี นรภู้ าษาจากการไดร้ บั ประสบการณท์ างภาษา โดยเรม่ิ จากการทเ่ี ดก็ เลยี น แบบเสียงท่ีได้ยินจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู แล้วน�ำมาสะสมเป็นคลังค�ำศัพท์ จนน�ำไปสู่การสร้างกฎ เกณฑ์ และประสบการณ์ทางภาษาในรูปแบบของเด็กเอง นอกจากนี้การจัดประสบการณ์เพ่ือส่งเสริม มสธพฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษาจำ� เปน็ ตอ้ งอาศยั การจดั สภาพแวดลอ้ มทเี่ ออื้ ตอ่ การเรยี นรภู้ าษา เนอ่ื งจาก สภาพแวดลอ้ มเปน็ สงิ่ สำ� คญั ทสี่ ง่ ผลตอ่ ความตอ้ งการในการเรยี นภาษาของเดก็ การจดั สภาพแวดลอ้ มเพอ่ื ส่งเสริมการเรียนภาษาของเด็กต้องสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็ก โดยส่งเสริมให้เด็กส�ำรวจ ปฏิบัติ จริง เป็นผู้กระท�ำด้วยตนเอง เปิดโอกาสให้เด็กมีอิสระในการสังเกตและตั้งสมมติฐาน ส่งเสริมการมี ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับบุคคลรอบข้าง โดยเด็กควรอยู่ในบรรยากาศที่เป็นอิสระ อบอุ่น และปลอดภัย มสธ มสธเดก็ จึงจะเกดิ การเรียนรไู้ ด้ตามศกั ยภาพและสอดคลอ้ งกบั วิธีการเรยี นรขู้ องเดก็ แตล่ ะคน 3. หลักการเรียนรู้ผ่านการเล่น การเลน่ ถอื เปน็ กจิ กรรมทสี่ ำ� คญั ในชวี ติ เดก็ ปฐมวยั เปรยี บเสมอื น การท�ำงานของเด็ก การเล่นของเด็กนอกจากจะเกิดความรู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว การเล่นยังมี อทิ ธพิ ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการการเรยี นรใู้ นดา้ นตา่ งๆ ของเดก็ เพราะการเลน่ เปน็ หนทางทเ่ี ดก็ จะสรา้ งประสบการณก์ ารเรยี นรจู้ ากสง่ิ แวดลอ้ ม เรยี นรคู้ วามเปน็ อยแู่ ละสรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื รวมทง้ั การปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติรอบตัวเด็กจนเกิดการค้นพบองค์ความรู้ต่างๆ ได้ด้วยตนเอง การจัด มสธประสบการณ์เพื่อพฒั นาเด็กดา้ นภาษาจึงตอ้ งเป็นการจดั ประสบการณผ์ ่านการเลน่ โดยเปดิ โอกาสใหเ้ ด็ก ได้ใช้ภาษาระหว่างการเล่นในสถานการณ์ต่างๆ ในการแสดงออกถึงความคิด ความรู้สึกของตนเอง และ เรยี นรคู้ วามรสู้ กึ ของผอู้ น่ื ซงึ่ จะเปน็ การสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ไดพ้ ฒั นาการใชภ้ าษาอยา่ งมจี ดุ มงุ่ หมายทงั้ ในฐานะ ผสู้ ่งสาร และผรู้ บั สารในสถานการณท์ เ่ี หมาะสมกับวิธีการเรียนรู้ภาษาผ่านการเล่นของเด็กปฐมวัย 4. หลกั การมสี ว่ นรว่ ม การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษาจำ� เปน็ ตอ้ งอาศยั การมสี ว่ นรว่ มของบคุ คล มสธ มสธท่ีแวดล้อมรอบตัวเด็ก ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู โดยการร่วมมือกันส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาการทางภาษาให้เกิดศักยภาพท่ีสูงสุดต่อตัวเด็ก การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้าน ภาษาต้องเกิดจากความร่วมมือระหว่างบ้าน สถานศึกษา และชุมชน ท่ีจะช่วยกันจัดประสบการณ์เพ่ือ พฒั นาเดก็ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ เนอ่ื งจากเดก็ ในชว่ งปฐมวยั มวี ธิ กี ารเรยี นรทู้ เ่ี รมิ่ จากการซมึ ซบั ภาษาจาก บคุ คลทอ่ี ยแู่ วดลอ้ มรอบตวั เดก็ ไมว่ า่ จะเปน็ ทง้ั ทบ่ี า้ นหรอื ทสี่ ถานศกึ ษา รวมทงั้ บคุ คลในชมุ ชนทอ่ี ยแู่ วดลอ้ ม ตัวเด็ก ดังนั้นหากมีความร่วมมือระหว่างบ้าน สถานศึกษา และชุมชนในการจัดประสบการณ์ทางภาษา มสธเพอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั จะทำ� ใหเ้ ดก็ เกดิ การพฒั นาการใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งมจี ดุ มงุ่ หมาย เชน่ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง

13-12 การจดั การศึกษาและหลักสตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวยั ครู และชุมชนช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กได้ใช้ภาษาอย่างหลากหลาย และร่วมมือกันในการจัด มสธแหลง่ เรยี นร้หู รอื กจิ กรรมเพ่ือพัฒนาใหเ้ ดก็ เกดิ การเรยี นรทู้ างภาษาอยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ สรุปได้ว่า การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา ควรค�ำนึงถึงหลักการส�ำคัญ 4 ประการ ไดแ้ ก่ หลกั พฒั นาการเดก็ หลกั การเรยี นรู้ หลักการเรียนรูผ้ า่ นการเล่น และหลกั การมสี ่วนร่วม เพ่ือการจดั ประสบการณ์ท่เี หมาะสมสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั มสธ มสธแนวทางการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา จากหลกั การของการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเดก็ ปฐมวยั ด้านภาษาข้างต้น น�ำมาก�ำหนดเป็น แนวทางการจัดประสบการณเ์ พื่อพฒั นาเด็กปฐมวัยด้านภาษา ไดด้ ังนี้ 1. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ภาษาที่สอดคล้องกับพัฒนาการเด็ก การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวัยในด้านภาษา ต้องมีการศึกษาพัฒนาการทางภาษาของเด็กแต่ละช่วงวัย ก่อนน�ำมาจัด มสธประสบการณ์ทางภาษาใหก้ บั เดก็ โดยการจัดประสบการณ์ทางภาษาไม่ควรเรง่ ให้เด็กข้ามจากพฒั นาการ ขั้นหนึ่งไปสู่ข้ันท่ีสูงกว่าอย่างรวดเร็ว เพราะจะท�ำให้เด็กไม่เกิดการเรียนรู้ภาษาอย่างมีความหมาย และ สง่ ผลใหเ้ กดิ ทศั นคตดิ า้ นลบทางภาษา ดงั นน้ั พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครคู วรจดั ประสบการณท์ างภาษาตาม ลำ� ดบั พฒั นาการของเดก็ เชน่ เดก็ ในชว่ งปฐมวยั จะมีพัฒนาการดา้ นการพูดค�ำศัพท์อยา่ งรวดเรว็ ตามวยั ที่ มสธ มสธเพมิ่ ขน้ึ เดก็ สามารถใชค้ ำ� ทห่ี ลากหลายชนดิ ไดถ้ กู ตอ้ งมากขน้ึ โดยเรมิ่ จากการทเ่ี ดก็ เรยี นรคู้ ำ� นาม ซง่ึ เปน็ กลุ่มค�ำประเภทแรกที่เด็กเร่ิมใช้ โดยพูดเป็นค�ำพยางค์เดียว จากนั้นเด็กจะเริ่มใช้ค�ำกริยาที่แสดงอาการ ชัดเจน เชน่ กนิ เดิน นอน ต่อมาเด็กจะเริม่ ใชค้ �ำคุณศพั ท์ ค�ำกรยิ าวิเศษณ์ คำ� บุพบท และค�ำสรรพนาม ตามลำ� ดับ เมอ่ื เด็กเริ่มใชค้ ำ� ศพั ท์ได้กจ็ ะเรมิ่ พูดเป็นประโยค เร่มิ สนทนาโต้ตอบเปน็ เรื่องราว ท�ำตามคำ� ส่ัง ได้ สื่อสารความคิด ความรู้สึกและความต้องการของตนเองให้ผู้อ่ืนรับรู้ได้ เลือกใช้ค�ำประเภทต่างๆ ได้ หลากหลายมากข้นึ เริม่ แสดงความสนใจในนทิ าน หนงั สอื นทิ าน เลา่ เรอ่ื งประกอบภาพสนั้ ๆ ได้ รวมทง้ั เร่มิ ทีจ่ ะใชด้ นิ สอลากเสน้ เขยี นพยัญชนะตามแบบ เขยี นช่ือ นามสกุลตนเองได้ ฯลฯ อยา่ งไรกต็ าม การ มสธเรยี นรภู้ าษาของเดก็ ไม่จำ� เปน็ ต้องเร่มิ จากการฟัง การพดู การอา่ น และการเขียน แตเ่ ดก็ สามารถเรียนรู้ ไปได้พร้อมๆ กัน ท้ังน้ีข้ึนอยู่กับความสนใจของเด็ก สภาพแวดล้อมท่ีเด็กอยู่ และการได้รับการส่งเสริม จากผใู้ หญ่ท่แี วดล้อมรอบตัวเด็ก 2. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ภาษาท่ีสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็ก การจัด มสธ มสธประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา ควรเป็นการจัดประสบการณ์ท่ีสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ ของเดก็ โดยการเรยี นรภู้ าษาของเดก็ นนั้ มหี ลากหลายวธิ ี เชน่ เดก็ เรมิ่ เรยี นรเู้ สยี งจากการทดลองออกเสยี ง ด้วยตนเองในวยั เด็ก แล้วได้รับการตอบสนองเสียงจากผใู้ หญ่ทแี่ วดลอ้ ม ทำ� ให้เด็กเกดิ การเรยี นรูจ้ ากการ เลยี นแบบเสยี งตา่ งๆ ทมี่ คี วามหมาย จนพฒั นามาสกู่ ารเรยี นรคู้ วามหมายของคำ� แลว้ นำ� มาสะสมเปน็ คลงั คำ� ศพั ท์ จนนำ� ไปสกู่ ารสรา้ งกฎเกณฑไ์ วยากรณ์ และประสบการณท์ างภาษาในรปู แบบของเดก็ เอง ดงั นนั้ การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษา เด็กต้องมีโอกาสในการปฏิสัมพนั ธก์ บั สง่ิ ต่างๆ และ บคุ คลทแ่ี วดลอ้ มรอบตวั เดก็ เพอ่ื ชว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ สถานการณก์ ารใชภ้ าษาทห่ี ลากหลาย ไดพ้ ดู คยุ อยา่ ง มสธมีความหมายทั้งกับผู้ใหญ่และเพื่อนในวัยเดียวกัน อีกท้ังการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้าน

การจดั ประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านภาษา 13-13 ภาษาจะต้องมีประโยชน์และมีความหมายต่อตัวเด็ก ไม่ผลักดันให้เด็กต้องอยู่ในบรรยากาศท่ีไม่คุ้นเคย มสธไมส่ บายใจ กจิ กรรมทจี่ ดั ใหเ้ ดก็ อาจเปน็ การใหเ้ ดก็ ไดเ้ ลยี นแบบสงิ่ ทไี่ ดย้ นิ ไดฟ้ งั ไดพ้ บเหน็ กอ่ นจะคอ่ ยๆ พฒั นาเปน็ การพดู หรอื แสดงทา่ ทางในแบบของเดก็ เอง โดยกจิ กรรมควรมที ง้ั กจิ กรรมรายบคุ คล กจิ กรรม กลมุ่ ยอ่ ย และกจิ กรรมกลมุ่ ใหญ่ เพอ่ื เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดใ้ ชภ้ าษาในการแลกเปลยี่ น สอื่ สารความคดิ ความ ต้องการ และความรู้สึกของตนเอง รวมทั้งการรับรู้สิ่งที่ผู้อื่นต้องการส่ือสาร ในการจัดประสบการณ์ทาง มสธ มสธภาษาดงั กลา่ ว ควรเป็นการบูรณาการการใช้ทักษะทางภาษาดา้ นการฟัง การพดู การอ่าน และการเขียน อยา่ งเป็นองค์รวม ตามหลักการเรียนรู้ภาษาส�ำหรับเดก็ ปฐมวัย 3. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ภาษาผ่านการเล่น การเรยี นรผู้ า่ นการเลน่ เปน็ วธิ กี ารเรยี นรทู้ ี่ มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับความต้องการตามธรรมชาติของเด็กปฐมวัย การจัดประสบการณ์เพ่ือ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษาจงึ ควรตงั้ อยบู่ นพน้ื ฐานการจดั ประสบการณท์ างภาษาผา่ นการเลน่ เพราะการ เลน่ จะท�ำให้เดก็ ค้นพบองคค์ วามรูต้ ่างๆ ได้ด้วยตนเอง เดก็ จะมีโอกาสในการใชภ้ าษาระหวา่ งการเลน่ ใน มสธการแสดงออกถึงความคิด ความรสู้ ึกของตนเอง และเรยี นรคู้ วามรสู้ กึ ของผู้อน่ื ซงึ่ เปรียบเสมอื นโอกาสใน การใชภ้ าษาทงั้ การฟัง การพดู การอ่าน และการเขยี น เชน่ เม่อื ครูตอ้ งการใหเ้ ดก็ ได้เรียนรคู้ �ำศพั ทใ์ หมๆ่ ครอู าจใหเ้ ด็กเล่นการละเลน่ ท่ีมบี ทร้องหรอื บทสนทนาโต้ตอบทม่ี ีคำ� ศัพท์ใหม่ๆ ที่ครตู อ้ งการ หรือครอู าจ ตอ้ งการใหเ้ ดก็ ไดพ้ ฒั นาภาษาทงั้ ในฐานะผพู้ ดู และผฟู้ งั ทด่ี ี ครอู าจเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ ลน่ เกมทม่ี กี ฎ กตกิ า ซง่ึ เมอ่ื เดก็ ไดเ้ ลน่ กบั เพอื่ น เดก็ จะพยายามสอ่ื สารความรสู้ กึ นกึ คดิ ความตอ้ งการทง้ั ในฐานะผพู้ ดู และผฟู้ งั มสธ มสธเพ่อื ให้การเลน่ ระหว่างกนั ของเดก็ เป็นไปตามกฎกติกาทไ่ี ดต้ ง้ั ไว้ การเลน่ หลายๆ อยา่ งของเดก็ จะชว่ ยให้ เดก็ เกดิ การพฒั นาทางภาษา เพราะเดก็ ตอ้ งใชภ้ าษาในการพดู จาสอื่ สาร โตต้ อบ โดยเฉพาะการเลน่ สมมติ ต่างๆ เด็กจะเกิดการใช้ภาษาทั้งในการพูดกับตนเอง (inner speech) และสื่อสารกับผู้อื่นให้เกิดความ เขา้ ใจทต่ี รงกนั ดงั นนั้ การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษา จงึ ควรเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ ลน่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู อาจสร้างสถานการณ์ให้เด็กได้พัฒนาการใช้ภาษาผ่านการเล่น เพ่ือเป็นการ สง่ เสริมการแสดงออกถึงพัฒนาการทางภาษาท่ีสงู ขนึ้ ไป มสธ4. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ภาษาแบบมีส่วนร่วม การพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เกิด ประสทิ ธภิ าพสงู สุดในแต่ละด้านนน้ั มคี วามจ�ำเปน็ อยา่ งยิง่ ท่ตี อ้ งอาศัยความรว่ มมือจากพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครู รวมถงึ ชุมชนในการส่งเสริมและสนับสนุนใหเ้ ด็กได้รบั การพฒั นา การจัดประสบการณ์ทางภาษาท่ี เกดิ จากความรว่ มมอื ของบคุ คลทแี่ วดลอ้ มรอบตวั เดก็ จะเปน็ การเพมิ่ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดแ้ สดงออกทางภาษา มากยง่ิ ขนึ้ โดยการทผี่ ใู้ หญท่ แ่ี วดลอ้ มรอบตวั เดก็ เปน็ แบบอยา่ งในการใชภ้ าษา ทง้ั ดา้ นการฟงั การพดู การ มสธ มสธอา่ น และการเขยี น เชน่ การพดู คยุ เกย่ี วกบั คำ� ศพั ทท์ พ่ี บตามปา้ ยโฆษณาระหวา่ งทางไปสถานศกึ ษา การ สนทนาเกย่ี วกบั คำ� พดู ทสี่ ภุ าพกบั ญาตผิ ใู้ หญ่ การตอบคำ� ถามเดก็ เกยี่ วกบั รายการสนิ คา้ ในหา้ งสรรพสนิ คา้ การสนทนาเกยี่ วกบั รายการอาหารทรี่ บั ประทานนอกบา้ น ฯลฯ รวมทงั้ แสดงความชน่ื ชมหรอื การเสรมิ แรง เมอื่ เด็กสามารถพดู อา่ น หรือเขียนไดถ้ กู ตอ้ ง เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีแรงจงู ใจในการเรียนร้แู ละพฒั นาภาษา ในขัน้ ต่อไป อกี ทั้งร่วมมอื กบั สถานศึกษาในการพัฒนาเด็กใหเ้ กิดศกั ยภาพสูงสุด สรปุ ไดว้ า่ แนวทางการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษา ประกอบดว้ ย 4 แนวทาง มสธหลกั ดว้ ยกนั คอื การจดั ประสบการณท์ สี่ อดคลอ้ งกบั พฒั นาการ การจดั ประสบการณท์ ส่ี อดคลอ้ งกบั วธิ กี าร

13-14 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรส�ำหรับเด็กปฐมวัย เรยี นรขู้ องเดก็ การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรภู้ าษาผา่ นการเลน่ และการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรภู้ าษา มสธแบบมีส่วนรว่ ม ซ่ึงจะเปน็ แนวทางในการน�ำไปสกู่ ารวางแผนการจัดประสบการณ์ตอ่ ไป กิจกรรม 13.1.2 มสธ มสธใหร้ ะบหุ ลักการ และแนวทางการจัดประสบการณ์เพอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา แนวตอบกิจกรรม 13.1.2 หลักการจัดประสบการณ์เพ่อื พฒั นาเดก็ ปฐมวัยด้านภาษาประกอบดว้ ย หลักพฒั นาการเด็กหลัก การเรยี นรู้ หลกั การเรยี นรู้ผ่านการเล่น และหลกั การมีสว่ นรว่ ม สำ� หรบั แนวทางการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นภาษา ไดแ้ ก่ การจดั ประสบการณ์ มสธการเรยี นรภู้ าษาทสี่ อดคลอ้ งกบั พฒั นาการเดก็ การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรภู้ าษาทส่ี อดคลอ้ งกบั วธิ กี าร เรยี นรขู้ องเดก็ การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรภู้ าษาผา่ นการเลน่ และการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรภู้ าษา แบบมีส่วนรว่ ม มสธ มสธเรื่องท่ี13.1.3 ขอบข่ายของการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา มสธการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษาเป็นการจัดเตรียมกิจกรรม สภาพแวดล้อม และส่ือทีเ่ อ้ือตอ่ การเรียนรู้ เพ่ือให้เดก็ เรยี นรภู้ าษาดว้ ยความสนใจ มีความหมายนำ� ไปใชใ้ นชีวติ ประจำ� วนั ได้ และเกดิ ทศั นคติทีด่ ีตอ่ การเรยี นร้ภู าษา ดงั น้ันในการจดั ประสบการณเ์ พื่อพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านภาษา ควรครอบคลุมในสิ่งต่อไปน้ี (ส�ำนักงานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, 2552, น. 2-11; Donoghue, 2009, pp. 366-367; Jalongo, 1992; Machado, 1999, p. 187) มสธ มสธ1. ด้านการฟัง การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั ซง่ึ เปน็ ทกั ษะแรกทพ่ี อ่ แม่ ผปู้ กครอง และครคู วรมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในพฒั นาการ และประสบการณท์ เ่ี ดก็ ตอ้ งไดร้ บั การสง่ เสรมิ และ สนับสนุนให้มีโอกาสพัฒนาทักษะด้านการฟัง โดยปกติแล้วเด็กในช่วงอายุ 4 ปี สามารถฟังเร่ืองได้นาน ขึ้น แต่ยังชอบให้ผู้ใหญ่อ่านเรื่องให้ฟังแบบสองต่อสอง เร่ิมตีความหมายเร่ืองที่ฟัง เช่น ถามค�ำถามหรือ ต่อเร่ืองได้ ชอบฟังเรื่องซ้�ำๆ สามารถปฏิบัติตามค�ำสั่งง่ายๆ ได้ และสามารถจ�ำแนกความแตกต่างของ มสธเสยี งได้ เด็กอายุ 5 ปี จะต้ังใจฟังไดน้ านขึ้น ชอบฟังนิทาน เพลง และคำ� คลอ้ งจอง สามารถปฏบิ ัตติ าม

การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเด็กปฐมวยั ด้านภาษา 13-15 ค�ำสัง่ ได้มากขึ้น สามารถเข้าใจคำ� พูดข้อความยาวๆ ได้ สำ� หรบั เด็กอายุ 6 ปี สามารถฟังเรือ่ งราวทีเ่ กย่ี ว มสธกับปรากฏการณร์ อบตัวอย่างเขา้ ใจได้ ดงั นน้ั ขอบขา่ ยของการจดั ประสบการณด์ า้ นการฟงั ของเดก็ ปฐมวยั ควรครอบคลมุ ประสบการณด์ งั ตอ่ ไปน้ี 1.1 ประสบการณ์ส�ำคัญด้านการฟัง มีดงั น้ี มสธ มสธ1) การฟังเพ่ือความสนุกสนานเพลิดเพลนิ (appreciative listening/aesthetic lis- tening) เป็นการฟังเพื่อความพึงพอใจ และความสนกุ สนานเพลิดเพลินจากการฟงั เพลง บทกลอน หรอื เร่ืองราวต่าง ๆ 2) การฟังอย่างมีวัตถุประสงค์ (purposeful listening) เป็นการฟังเพื่อปฏิบัติตาม และตอบสนองต่อสง่ิ ทีไ่ ดฟ้ งั 3) การฟงั เพอ่ื จำ� แนกความแตกตา่ ง (discriminative listening/marginal listening) มสธเปน็ การฟงั เพอ่ื แยกแยะเสยี งตา่ งๆ ในสงิ่ แวดลอ้ ม ตลอดจนจำ� แนกความแตกตา่ งของการเปลย่ี นแปลงของ เสยี ง 4) การฟังอย่างสร้างสรรค์ (creative listening) เป็นการฟังที่กระตุ้นให้เกิด จนิ ตนาการและการมอี ารมณร์ ว่ มไปกบั ประสบการณท์ ไี่ ดฟ้ งั ทำ� ใหเ้ ดก็ มกี ารแสดงออกดว้ ยคำ� พดู การกระทำ� หรือท้งั ค�ำพดู และการกระทำ� อย่างอสิ ระตามธรรมชาติ มสธ มสธ5) การฟงั อยา่ งตง้ั ใจ (attentive listening/efferent listening) เปน็ การฟงั ดว้ ยความ ตง้ั ใจ เพ่ือใหไ้ ด้รับข้อมูลหรอื ตอบสนองตอ่ ข้อมูล 6) การฟังเชิงวิเคราะห์ (critical listening) เป็นการฟังท่ีกระตุ้นให้เกิดความเข้าใจ ประเมิน ตดั สนิ ใจ และแสดงความคิดเห็นในสิง่ ทฟ่ี งั 1.2 สาระท่ีควรเรียนรู้ด้านการฟัง ควรครอบคลุมในด้านตา่ งๆ ดังนี้ 1) การรบั รู้เสียงท่ไี ด้ยนิ มสธ2) การตระหนกั ถงึ ความหมายของเสียงในบรบิ ทแวดลอ้ ม 3) การตีความสิ่งที่ได้ยินโดยเช่ือมโยงกับความรู้เดิม การรวบรวมข้อมูล การ จนิ ตนาการ หรือความชื่นชอบของเด็ก 4) ความสามารถในการได้ยนิ และจับใจความ 2. ด้านการพูด การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการพูด เป็นทักษะท่ีแสดงออก มสธ มสธถงึ ความสามารถในการถา่ ยทอดความคดิ ความตอ้ งการ และความรสู้ กึ ใหผ้ อู้ นื่ เขา้ ใจ ในการจดั ประสบการณ์ เพอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการพดู นนั้ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครคู วรมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในพฒั นาการดา้ น การพดู ของเดก็ โดยปกติแล้วเด็กในช่วงอายุ 4 ปี เร่ิมมีคำ� ถามทมี่ เี หตผุ ล เรยี นรคู้ ำ� ศพั ทใ์ หมไ่ ดเ้ รว็ และน�ำ ไปใช้แสดงความคดิ ทา่ ทาง และความรสู้ ึก เชอ่ื มคำ� ได้มากขึ้น รจู้ ักน�ำไวยากรณไ์ ปใช้ บางทพี ูดคนเดียว คุยกับเพ่ือนในฝนั ชอบทดสอบภาษา และใช้ค�ำถาม “ทำ� ไม” เด็กอายุ 5 ปี สามารถใชป้ ระโยคยาวที่มีค�ำ 6-8 ค�ำได้ ใช้ภาษาได้ถูกกาลเทศะ ชอบใช้ประโยค “เพราะว่า” รู้ค�ำศัพท์กว้างข้ึน สามารถใช้ค�ำพูด มสธเปรียบเทียบวัตถุ 2 สง่ิ ได้ สำ� หรับเด็กอายุ 6 ปี ชอบสนทนากบั เพือ่ น หรือผ้ใู หญม่ ากกวา่ การเล่าเรือ่ ง

13-16 การจัดการศึกษาและหลักสูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย ดงั นน้ั การจดั ประสบการณด์ า้ นการพดู ของเดก็ ปฐมวยั ควรครอบคลมุ ประสบการณส์ ำ� คญั และสาระ มสธทีค่ วรเรยี นรู้ ดงั ต่อไปนี้ 2.1 ประสบการณ์ส�ำคัญด้านการพูด มีดงั นี้ 1) การแสดงความคดิ ความร้สู ึก และความต้องการดว้ ยค�ำพูด 2) การพดู กบั ผอู้ น่ื เกยี่ วกบั ประสบการณข์ องตนเอง หรอื เลา่ เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั ตนเอง มสธ มสธ3) การอธิบายเกีย่ วกบั ส่งิ ของ เหตุการณ์ และความสมั พนั ธข์ องสิ่งต่าง ๆ 4) การพูดอย่างสร้างสรรค์ในการเล่นหรอื การแกป้ ญั หา 5) การเชอื่ มโยงการพดู กบั ทา่ ทางหรือการกระท�ำต่าง ๆ 6) การมีประสบการณ์ในการรอคอยจังหวะท่เี หมาะสมในการพดู 2.2 สาระที่ควรเรียนรู้ด้านการพูด เปน็ สงิ่ สำ� คญั ทชี่ ว่ ยใหเ้ ด็กสามารถสอ่ื สารกบั ผ้อู น่ื อยา่ ง มีความหมาย และตรงตามความตอ้ งการของเดก็ ดงั นี้ มสธ1) คำ� ศพั ทท์ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั ชวี ติ ประจำ� วนั ของเดก็ หรอื คำ� ศพั ทท์ เี่ กยี่ วกบั เรอ่ื งราวทเี่ ดก็ สนใจ 2) การเรียงล�ำดบั คำ� ตา่ งๆ เพอ่ื ใช้ในการสื่อสารใหผ้ อู้ ่นื เขา้ ใจ 3) การใชค้ �ำพดู ท่ีเป็นที่ยอมรบั และ/หรอื ค�ำพูดท่สี ุภาพ 4) การใช้ค�ำพูดให้เหมาะสมกบั บุคคลทตี่ อ้ งการส่อื สารด้วย มสธ มสธ3. ด้านการอ่าน การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการอ่าน เป็นทักษะทางภาษา ทเี่ ดก็ ควรเรยี นรแู้ ละพยายามทำ� ความเขา้ ใจความหมายของตวั อกั ษร เครอ่ื งหมาย หรอื สญั ลกั ษณท์ ผ่ี เู้ ขยี น พยายามสอ่ื สาร ซ่งึ เปน็ เรือ่ งท่ซี ับซอ้ นตอ้ งได้รับการจดั ประสบการณ์เพื่อพัฒนาให้มีทกั ษะมากขึ้น ในการ จดั ประสบการณ์เพื่อพฒั นาเดก็ ปฐมวัยด้านการอา่ น พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครคู วรมีความรูค้ วามเข้าใจใน พฒั นาการดา้ นการอา่ นของเดก็ ซง่ึ ลำ� ดบั พฒั นาการดา้ นการอา่ นของเดก็ ปฐมวยั โดยปกตแิ ลว้ เรม่ิ จากการ อา่ นขน้ั แรกเรมิ่ ซงึ่ เปน็ การดหู นงั สอื เรอื่ งทชี่ อบ พดู ขอ้ ความในหนงั สอื ดว้ ยภาษาของตน และทำ� ทา่ เหมอื น มสธอา่ นหนงั สอื จากน้ันเป็นการอ่านขั้นแรกเริม่ ในระยะกา้ วหน้า โดยเดก็ จะกวาดตามองข้อความตามบรรทดั ดขู ้อความท่ีมีตัวหนังสือตัวใหญ่ ต่อไปเป็นการอา่ นในระยะทกี่ �ำลังจะกา้ วไปสู่การอ่านขัน้ ต้น โดยเดก็ รู้จกั คำ� ท่อี ยูใ่ นชวี ติ ประจำ� วัน รูจ้ ักการคาดเดาคำ� ใหมโ่ ดยดูรปู ประโยคและความหมาย กวาดสายตาถูกทิศทาง เมื่อมองข้อความท่ีคุ้นเคย ชี้และบอกชื่อของตัวอักษรส่วนใหญ่ได้ ส�ำหรับการอ่านขั้นต้น เด็กจะชี้หรือ กวาดตามองจุดเริ่มตน้ และจดุ จบของค�ำบางคำ� ใชเ้ สียงพยัญชนะตน้ ท่ีร้จู ักในการคาดเดา และตรวจสอบ มสธ มสธค�ำท่ีอ่านจนน�ำไปสู่การอ่านขั้นต้นในระยะก้าวหน้า เด็กจะคาดเดาข้อความจากสิ่งชี้แนะ โดยดูพยัญชนะ ตัวแรกของค�ำประกอบกับความรู้เดิมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรูปตัวอักษรกับเสียงตัวอักษร จ�ำและ ตรวจสอบตัวอกั ษรทสี่ มั พันธก์ ับเสียงค�ำ ตรวจสอบค�ำท่อี ่านดว้ ยการชี้ตัวอักษรในค�ำพร้อมๆ กบั การออก เสียงไปด้วย ใช้รูปและเสยี งตวั อักษรเป็นหลักในการสะกดค�ำใหม่ทไ่ี มร่ ้จู กั หรอื คำ� ทีไ่ ม่แนใ่ จ ดังนั้นการจัดประสบการณ์ด้านการอ่านของเด็กปฐมวัย ควรครอบคลุมประสบการณ์ส�ำคัญและ มสธสาระที่ควรเรยี นรู้ ดังตอ่ ไปนี้

การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา 13-17 3.1 ประสบการณส์ ำ� คญั ดา้ นการอา่ น เดก็ ปฐมวยั ควรมปี ระสบการณส์ ำ� คญั ในการอา่ นหลาย มสธรูปแบบ ผ่านประสบการณ์ที่ส่ือความหมายต่อเด็ก ท้ังการอ่านภาพจากหนังสือนิทาน อ่านเคร่ืองหมาย อ่านสัญลักษณ์ หรืออ่านเรอื่ งราวท่ีเด็กสนใจ 3.2 สาระท่ีควรเรียนรู้ด้านการอ่าน เป็นกระบวนการท่ีเด็กใช้ในการถอดรหัสสัญลักษณ์ และทำ� ความเขา้ ใจความหมายทผี่ เู้ ขยี นตอ้ งการถา่ ยทอดผา่ นสญั ลกั ษณเ์ หลา่ นน้ั องคป์ ระกอบของการอา่ น มสธ มสธทีส่ ามารถนำ� มาใชเ้ ปน็ สาระทีเ่ ดก็ ควรเรียนรู้ ได้แก่ 1) ความรู้เกี่ยวกับการใช้หนังสือ ได้แก่ การรู้ทิศทางในการถือหนังสือ การรู้ส่วน ประกอบของหนงั สอื และการรู้ทิศทางในการอา่ น 2) ความรเู้ กยี่ วกบั ตวั อกั ษร ไดแ้ ก่ การรวู้ า่ การอา่ นกบั การเขยี นสมั พนั ธก์ นั การรจู้ กั ค�ำคุ้นตา การรู้ว่าค�ำคืออะไร การรู้จักตัวอักษรตัวแรกและตัวสุดท้ายของค�ำ และการรู้รูปร่างและทิศทาง ของตัวอักษร มสธ3) ความรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายวรรคตอน ได้แก่ การรู้ความหมายของเครื่องหมาย ค�ำพูด เครอื่ งหมายคำ� ถาม และเครอ่ื งหมายอัศเจรีย์ 4) ความรู้เก่ียวกับการใช้ส่ิงชี้แนะในการคาดคะเนและตรวจสอบการคาดคะเน โดย อาศัยภาพ ความหมายของคำ� โครงสรา้ งของประโยค และ/หรือพยญั ชนะต้นของค�ำ 4. ด้านการเขียน ในการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการเขียนน้ัน พ่อแม่ ผู้ มสธ มสธปกครอง และครูควรมีความรู้ความเข้าใจในพัฒนาการด้านการเขียนของเด็ก ซึ่งล�ำดับพัฒนาการด้าน การเขียนของเด็กปฐมวัยโดยปกติแล้ว เริ่มจากการวาดแทนเขียน เด็กจะส่ือความคิดโดยใช้การวาดภาพ แทนการเขยี น จากนน้ั เปน็ การขดี เขยี่ แทนเขยี น เดก็ จะขดี เขย่ี ไปทวั่ หนา้ กระดาษอยา่ งไมเ่ ปน็ ระบบ ตอ่ ไป เปน็ การเขยี นโดยการทำ� เครอื่ งหมายคลา้ ยกบั ตวั อกั ษร เดก็ พยายามเขยี นตวั หนงั สอื บางตวั คลา้ ยตวั อกั ษร จากนนั้ เขยี นตวั อกั ษรทรี่ จู้ กั ดว้ ยวธิ ที ค่ี ดิ ขนึ้ เอง โดยเดก็ เขยี นคำ� ทเ่ี ขยี นไดแ้ ลว้ ดว้ ยการสลบั ทตี่ วั อกั ษร หรอื เขยี นตัวอกั ษรกลบั ต่อไปเป็นการคัดลอกตัวอักษร เดก็ อาจคัดลอกตัวอักษรท่เี หน็ อย่รู อบตัว หรือบอกให้ มสธผู้ใหญ่ช่วยเขียนข้อความที่ต้องการแล้วน�ำไปคัดลอก ส�ำหรับการเขียนโดยคิดวิธีสะกดข้ึนเอง เด็กจะเร่ิม ตระหนักวา่ ตวั อกั ษรแต่ละตัวมีเสยี งเฉพาะ เม่อื ไม่ทราบวธิ สี ะกดแบบผู้ใหญ่ เด็กจึงพยายามสะกดตามวิธี ของตนเอง อาจเขียนเฉพาะพยัญชนะต้นหรือมีสระแบบท่ีเด็กคิดขึ้น และการเขียนสะกดค�ำได้ใกล้เคียง หรอื เหมอื นวธิ ีสะกดของผูใ้ หญ่ เดก็ จะพยายามสะกดค�ำโดยการผสมพยญั ชนะและสระ แต่อาจไม่ถูกต้อง เหมือนผใู้ หญ่ มสธ มสธลำ� ดบั พฒั นาการดา้ นการเขยี นของเดก็ แตล่ ะคนไมเ่ ปน็ ไปตามลำ� ดบั ขนั้ ทเ่ี หมอื นกนั โดยธรรมชาติ เดก็ ไมส่ ามารถเขยี นไดถ้ กู ตอ้ งตามแบบผใู้ หญ่ แตเ่ ดก็ จะเขยี นผดิ แลว้ ผดิ อกี จนในทสี่ ดุ เดก็ จะเขยี นไดอ้ ยา่ ง ถูกต้อง ค�ำท่ีเด็กเขียนผิดเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเด็กก�ำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ เด็กจะไม่จ�ำแบบอย่าง การเขยี นท่ผี ดิ ๆ ไป เพราะการเขียนผดิ ท�ำใหผ้ ูอ้ ื่นไมเ่ ข้าใจความหมายทีต่ อ้ งการ ดังน้ันการจัดประสบการณ์ด้านการเขียนของเด็กปฐมวัย ควรครอบคลุมประสบการณ์ส�ำคัญและ มสธสาระทีค่ วรเรยี นรู้ ดังตอ่ ไปน้ี

13-18 การจดั การศึกษาและหลักสูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย 4.1 ประสบการณ์ส�ำคัญด้านการเขียน เด็กปฐมวัยควรมีประสบการณ์ส�ำคัญในการเขียน มสธหลายรูปแบบผ่านประสบการณ์ที่ส่ือความหมายต่อเด็ก ท้ังเขียนภาพ เขียนขีดเขี่ย เขียนคล้ายตัวอักษร เขยี นเหมือนสญั ลกั ษณ์ หรอื เขยี นชือ่ ตนเองหรอื ค�ำท่คี ้นุ เคย 4.2 สาระท่ีควรเรียนรู้ด้านการเขียน เปน็ กระบวนการที่เดก็ แสดงออกถึงความรสู้ ึก ความ ต้องการ และความคิดผ่านทางเครื่องหมายและสัญลักษณ์ต่างๆ องค์ประกอบของการเขียนท่ีสามารถน�ำ มสธ มสธมาใชเ้ ปน็ สาระท่ีเดก็ ควรเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 1) การสรา้ งสญั ลกั ษณภ์ าษาเขยี น เปน็ การสรา้ งภาพ และ/หรอื ขอ้ ความดว้ ยการวาด การลอก การจ�ำมาเขยี นทั้งทไี่ มถ่ กู ตอ้ งสมบรู ณแ์ ละถกู ตอ้ งสมบูรณ์ การคิดพยัญชนะขนึ้ แทนเสยี งของคำ� ตลอดจนการคดิ สะกดค�ำ 2) ทิศทางการเขียน เป็นการจัดเรียงต�ำแหน่งของส่ิงที่เขียน ตั้งแต่การจัดเรียงตาม แนวตัง้ และแนวนอนอย่างสะเปะสะปะ การเขียนจากซา้ ยไปขวา และบนลงล่างอย่างสม�่ำเสมอ มสธ3) วิธีถ่ายทอดความหมายของสัญลักษณ์ภาษาเขียน เป็นการแสดงความหมายของ ภาพ และ/หรือขอ้ ความทต่ี นเขียนใหผ้ ู้อ่นื รบั ร้ดู ว้ ยการบอกให้ครูชว่ ยเขยี นให้ เขียนเองบางส่วน ตลอดจน เขยี นเองทง้ั หมด 4) ความซับซ้อนของความหมาย เป็นความชัดเจนละเอียดลออ และครอบคลุม ความหมายทีต่ ้องการสื่อ โดยใชห้ นว่ ยไวยากรณท์ เ่ี ป็นตัวอักษร คำ� หรอื ประโยคงา่ ยๆ มสธ มสธสรปุ ไดว้ ่า ขอบข่ายการจดั ประสบการณท์ างภาษาด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขยี นใน เดก็ ปฐมวยั กำ� หนดไดต้ ามประสบการณส์ ำ� คญั และสาระทคี่ วรเรยี นรทู้ เี่ ดก็ ตอ้ งไดร้ บั การพฒั นา เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ได้บรรลุศกั ยภาพทางดา้ นการฟงั การพูด การอา่ น และการเขยี นทเี่ หมาะสม กิจกรรม 13.1.3 มสธอธบิ ายและยกตัวอย่างขอบข่ายการจดั ประสบการณเ์ พื่อพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านการฟงั แนวตอบกิจกรรม 13.1.3 การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟัง เป็นการจัดกิจกรรมที่มุ่งให้เด็กได้รับ ประสบการณ์ส�ำคัญเก่ียวกับการฟังเพ่ือความสนุกสนานเพลิดเพลิน การฟังอย่างมีวัตถุประสงค์ การฟัง มสธ มสธเพื่อจำ� แนกความแตกต่าง การฟังอยา่ งสรา้ งสรรค์ การฟังอยา่ งตงั้ ใจ และการฟังเชงิ วเิ คราะห์ โดยมสี าระ ทค่ี วรเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การรบั รเู้ สยี งทไ่ี ดย้ นิ การตระหนกั ถงึ ความหมายของเสยี งในบรบิ ทแวดลอ้ ม การตคี วาม สิง่ ทไ่ี ดย้ นิ โดยเชือ่ มโยงกบั ความรู้เดิม การรวบรวมข้อมลู การจินตนาการ และความสามารถในการได้ยนิ มสธและจบั ใจความ

การจัดประสบการณเ์ พ่อื พฒั นาเด็กปฐมวยั ด้านภาษา 13-19 มสธตอนท่ี 13.2 การจัดประสบการณ์และสื่อที่ใช้พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา โปรดอ่านหัวเรอ่ื ง แนวคิด และวตั ถุประสงค์ของตอนที่ 13.2 แลว้ จงึ ศึกษารายละเอียดต่อไป มสธ มสธหัวเรื่อง 13.2.1 การจดั ประสบการณแ์ ละส่อื ท่ีใชพ้ ัฒนาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั และการพูด 13.2.2 การจดั ประสบการณแ์ ละสอ่ื ที่ใชพ้ ฒั นาเดก็ ปฐมวัยดา้ นการอ่านและการเขยี น 13.2.3 การจดั ประสบการณแ์ ละสอื่ ทใ่ี ชพ้ ฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั การพดู การอา่ น และ การเขยี น มสธแนวคิด 1. ก ารจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านการฟังและการพดู เปน็ การจดั กจิ กรรม ทช่ี ว่ ยฝกึ ฝนการฟงั เสยี งตา่ งๆ การฟงั คำ� พดู เรอ่ื งราว นทิ าน คำ� ประพนั ธ์ การใชภ้ าษา เพอ่ื ทำ� ความเข้าใจ จับใจความ แสดงความรสู้ กึ ความคดิ เห็น จนสามารถถา่ ยทอด สื่อ มสธ มสธความหมาย สนทนาโต้ตอบกับผู้อ่ืนได้ พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถจัดกิจกรรมผ่านการ ทำ� กจิ วตั รหรอื วถิ กี ารดำ� เนนิ ชวี ติ ของเดก็ และครอบครวั และจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ สำ� หรบั ครูสามารถจัดกิจกรรมโดยบูรณาการเข้าไปในกิจกรรมหลักและจัดกิจกรรมส่งเสริม พรอ้ มทง้ั ใชส้ ่อื ประกอบการทำ� กิจกรรมท่ีเหมาะสม 2. การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการอ่านและการเขียน เป็นการจัด กิจกรรมเพ่ือส่งเสริมความสนใจในการอ่านและการเขียน พัฒนาความรู้เกี่ยวกับการใช้ มสธหนังสือ และกฎเกณฑ์ในการเขียน พร้อมทั้งพัฒนาความสามารถในการอ่านและสร้าง สญั ลักษณภ์ าษาเขียน พอ่ แม่ ผปู้ กครองสามารถจัดกจิ กรรมผ่านการทำ� กิจวตั รหรือวถิ ี การด�ำเนินชีวิตของเด็กและครอบครัว และจัดกิจกรรมส่งเสริม ส�ำหรับครูสามารถจัด กจิ กรรมโดยบูรณาการเข้าไปในกจิ กรรมหลัก และจัดกจิ กรรมส่งเสริม ซ่ึงจ�ำเปน็ ต้องมี สอื่ ทหี่ ลากหลาย เพ่ือกระตนุ้ ให้เดก็ อยากอ่านและฝกึ ฝนการเขยี นดว้ ยความสนกุ สนาน มสธ มสธเพลิดเพลิน 3. ก ารจัดประสบการณ์เพือ่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านการฟงั การพูด การอ่าน และการเขยี น เป็นการจัดกิจกรรมอย่างเป็นองค์รวม เพื่อพัฒนาความสามารถในการสื่อสารของเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถจัดกิจกรรมผา่ นการท�ำกจิ วัตรหรอื วิถีการด�ำเนินชีวิตของเด็ก มสธและครอบครัว และจัดกิจกรรมส่งเสริม ส�ำหรับครูสามารถจัดกิจกรรมโดยบูรณาการ

13-20 การจดั การศกึ ษาและหลกั สตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั มสธ เขา้ ไปในกจิ กรรมหลกั และจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ สอ่ื ทใี่ ชค้ วรมคี วามหลากหลาย เหมาะสม กับวยั ดงึ ดดู ความสนใจใหเ้ ดก็ อยากเรียนรู้ และเอ้อื ต่อการพฒั นาทักษะท้ังดา้ นการฟัง การพดู การอ่าน และการเขียน มสธ มสธวัตถุประสงค์ เมือ่ ศกึ ษาตอนท่ี 13.2 จบแลว้ นกั ศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายและยกตวั อยา่ งการจดั ประสบการณแ์ ละสอื่ ทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรมเพอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟังและการพูดได้ 2. อธบิ ายและยกตวั อยา่ งการจดั ประสบการณแ์ ละสอื่ ทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรมเพอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านการอา่ นและการเขียนได้ มสธ3. อ ธบิ ายและยกตวั อยา่ งการจดั ประสบการณแ์ ละสอื่ ทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรมเพอ่ื พฒั นาเดก็ มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธปฐมวัยดา้ นการฟัง การพดู การอา่ น และการเขียนได้

การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นภาษา 13-21 มสธเรื่องที่ 13.2.1 การจัดประสบการณ์และส่ือที่ใช้พัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านการฟังและการพูด มสธ มสธการฟงั ถอื ไดว้ า่ เปน็ ทกั ษะแรกในการเรยี นรภู้ าษาของเดก็ และเปน็ ตวั จดุ ประกายใหเ้ ดก็ เกดิ ความ อยากรอู้ ยากเหน็ สว่ นการพดู เปน็ ทกั ษะทางภาษาทสี่ ำ� คญั ซงึ่ ใชใ้ นการสอื่ สาร ถา่ ยทอดความรแู้ ละความคดิ เพื่อให้ผูอ้ ื่นเขา้ ใจ เด็กจะใชท้ ักษะการฟงั เพือ่ พัฒนาความสามารถในการพดู โดยเด็กจะรบั ขอ้ มูลต่างๆ ท่ี เข้ามาผ่านการฟัง และสะท้อนออกซ่ึงความเขา้ ใจในข้อมลู ท่ไี ดร้ บั ผา่ นการพูด เม่ือเด็กเร่ิมเข้าสถานศึกษา ทักษะการฟงั และการพดู ของเดก็ จะมีมากข้นึ เด็กสามารถฟงั ได้นานขน้ึ พูดเพือ่ สอ่ื สารและโตต้ อบได้มาก มสธขน้ึ จะเหน็ ไดว้ า่ การฟงั และการพดู มคี วามสมั พนั ธซ์ งึ่ กนั และกนั และถอื ไดว้ า่ เปน็ ทกั ษะพน้ื ฐานทสี่ ำ� คญั ใน การนำ� ไปสู่ภาษาพดู อีกทง้ั ยงั เปน็ พ้ืนฐานในการพัฒนาดา้ นการอ่านและการเขยี น ในการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูด เป็นหน้าท่ีและความรับผิด ชอบของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู จี่ ะตอ้ งเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ใี หก้ บั เดก็ ฝกึ ใหเ้ ดก็ เปน็ ผฟู้ งั และผพู้ ดู ทด่ี อี ยา่ ง มสธ มสธต่อเน่ืองสม่�ำเสมอ รวมถึงการจัดกิจกรรมที่พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูด ส�ำหรับการจัด ประสบการณ์ดา้ นการฟังและการพดู มจี ุดมุ่งหมายทีส่ �ำคญั ดังนี้ 1. เพอื่ ให้เดก็ ไดฝ้ ึกฝนการฟงั เสยี งตา่ งๆ จำ� แนกความแตกตา่ งของเสยี งท่ไี ดย้ นิ รอบตัว 2. เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ ฝนการฟงั คำ� พดู เรอื่ งราว นทิ าน คำ� ประพนั ธ์ แลว้ ทำ� ความเขา้ ใจ จบั ใจความ จนถา่ ยทอด สือ่ ความหมาย สนทนาโต้ตอบกบั ผู้อน่ื ได้ 3. เพ่อื ให้เดก็ มโี อกาสใช้ภาษาทั้งในการแสดงความรู้สึกและความคดิ เหน็ เชน่ การใช้ภาษาเพ่ือ มสธการแก้ปัญหา การตง้ั สมมตฐิ าน การสรุป หรือการทำ� นายเหตกุ ารณ์ ฯลฯ การจัดประสบการณ์และการใช้สื่อเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูดให้บรรลุ วัตถุประสงค์ดังกล่าว พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูสามารถปฏิบัติและจัดกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย ท้ังน้ี จะขอนำ� เสนอใน 2 ประเดน็ คอื การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อ่ื ของพอ่ แม่ ผปู้ กครองในการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั และการพดู และการจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อื่ ของครใู นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ น มสธ มสธการฟงั และการพดู ดงั นี้ การจัดประสบการณ์และการใช้ส่ือของพ่อแม่ ผู้ปกครองในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้าน การฟังและการพูด การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ ่อื ของพ่อแม่ ผู้ปกครองในการพฒั นาเด็กปฐมวัยด้านการฟังและ การพดู สามารถจัดได้ใน 2 ลกั ษณะ คอื การท�ำกิจวัตรหรอื วถิ ีการด�ำเนนิ ชีวิตของเด็กและครอบครวั และ มสธการจัดกจิ กรรมส่งเสริมดา้ นการฟงั และการพูด

13-22 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย 1. การท�ำกิจวัตรหรือวิถีการด�ำเนินชีวิตของเด็กและครอบครัว พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถจัด มสธกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูดโดยผ่านการด�ำเนินชีวิตประจ�ำวันของเด็กได้ (สำ� นักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา, 2552, น. 86-93) ดงั น้ี 1.1 การพูดคุย พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถชักชวนให้เด็กปฐมวัยพูดคุยในระหว่างการท�ำ กิจวัตรประจ�ำวันร่วมกัน พร้อมทั้งเป็นแบบอย่างในการออกเสียงท่ีมีอักขระชัดเจน การใช้ค�ำต่างๆ ท่ีถูก มสธ มสธตอ้ งและเหมาะสม เชน่ ในขณะท่ีเดก็ กำ� ลังอาบน้�ำ พอ่ แม่ ผปู้ กครองสามารถชวนเด็กคยุ วา่ เรากำ� ลงั ใชส้ บู่ ถูตัวนะ เสร็จแล้วแม่จะเอาน้�ำล้างให้สบู่หมด เราก�ำลังสระผม แม่จะใส่ยาสระผมหรือแชมพู หรือขณะรับ ประทานอาหาร พอ่ แม่ ผปู้ กครองสามารถชวนเดก็ พดู คยุ เกยี่ วกบั สงิ่ ทร่ี บั ประทาน เชน่ เรากำ� ลงั รบั ประทาน กว๋ ยเตีย๋ วเสน้ ใหญ่ ใส่ลูกชน้ิ หมลู ูกกลมๆ หรือขณะเลน่ ลูกบอลกับเด็ก พ่อสามารถชวนเด็กพูดคยุ ได้ เชน่ พ่อจะโยนแล้วนะ ลกู รบั ใหไ้ ดน้ ะ คราวนจ้ี ะกลิง้ บ้างละ ฯลฯ พ่อแม่ ผู้ปกครองควรชวนเดก็ พูดคุยใหม้ าก มปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั เดก็ ในขณะทำ� กจิ วตั รประจำ� วนั รว่ มกนั บอ่ ยๆ เพอื่ เปน็ การเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ ปน็ ทงั้ ผพู้ ดู มสธและผูฟ้ งั 1.2 การชักชวนให้เด็กได้มีส่วนร่วมในวงสนทนา ทำ� ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั ไดฝ้ กึ ฟงั ผอู้ นื่ พดู รว่ ม เสนอความคดิ เห็น ความรสู้ กึ ความตอ้ งการผา่ นการพดู คยุ สนทนา และรอคอยจังหวะทเี่ หมาะสมในการ พูด นอกจากน้ีพ่อแม่ ผู้ปกครองควรรับฟังเด็กด้วยความสนใจและร่วมสนทนาไปพร้อมๆ กับเด็ก โดย ผลดั กนั เปน็ ท้งั ผู้ฟังและผ้พู ดู ซึ่งจะทำ� ใหเ้ ดก็ ได้รับการพัฒนาทกั ษะดา้ นการฟังและการพดู ไปพรอ้ มๆ กนั มสธ มสธ1.3 การเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ เลา่ เรอื่ งหรอื เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ทปี่ ระสบมาใหฟ้ งั เชน่ วนั นไ้ี ปบา้ น คุณยาย ไปทำ� อะไรมาบ้าง ไปพบใครมาบ้าง เด็กรู้สึกอย่างไร วันนี้ทส่ี ถานศกึ ษาท�ำอะไรทชี่ อบบ้าง เดนิ จากบา้ นไปสถานศกึ ษาเหน็ อะไรบา้ ง ฯลฯ การสง่ เสรมิ และการสนบั สนนุ ดงั กลา่ วเปน็ การเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ปฐมวัยไดฟ้ งั ในส่ิงท่พี อ่ แม่ ผปู้ กครองถาม พร้อมทงั้ ใช้ทักษะการพดู ในการเล่าประสบการณ์ ถา่ ยทอดสิ่ง ตา่ งๆ ท่พี บมา ซึง่ ถือได้วา่ เปน็ การพฒั นาทักษะด้านการฟังและการพูดไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ 1.4 การท�ำตามค�ำสั่งหรือค�ำบอกท่ีมีข้ันตอนง่าย ๆ ในการปฏิบัติตนหรือในการท�ำงาน มสธเป็นการฟังอย่างตั้งใจและมีวัตถุประสงค์ เปิดโอกาสให้เด็กปฐมวัยได้ฝึกทักษะการฟังจากการปฏิบัติตาม ค�ำสั่งหรอื ขนั้ ตอนง่ายๆ อีกทง้ั ยงั เป็นการฝกึ ทกั ษะการพูดซ่ึงอยู่ในลกั ษณะของการทวนคำ� ส่ังหรือขน้ั ตอน การรับทราบข้อความจากการฟัง เช่น ก่อนรับประทานอาหาร พ่อแม่ ผู้ปกครองพูดกับเด็กว่า ก่อนรับ ประทานอาหารตอ้ งลา้ งมอื เชด็ มอื ใหแ้ หง้ แลว้ คอ่ ยมานง่ั โตะ๊ รบั ประทานขา้ วดไี หม หรอื หลงั จากรบั ประทาน อาหารแลว้ คอ่ ยมาเล่นกนั ดีไหม หรือกอ่ นนอนควรล้างเท้าและเชด็ เท้าใหแ้ หง้ เป็นตน้ เมอ่ื เด็กได้ยนิ คำ� ส่งั มสธ มสธหรือค�ำบอกต่างๆ เหล่าน้ีเด็กก็จะรับทราบพร้อมทั้งปฏิบัติตาม หรือในบางคร้ังเด็กก็อาจจะมีการทวนค�ำ ส่งั หรอื คำ� บอก 2. การจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านการฟังและการพูด พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถจัดกิจกรรมเพ่ือ สง่ เสรมิ เดก็ ปฐมวัยดา้ นการฟงั และการพูดได้ ดังนี้ 2.1 การอ่านหนังสือนิทาน พอ่ แม่ ผู้ปกครองควรอ่านหนงั สอื นทิ านใหเ้ ด็กปฐมวยั ฟงั อาจ จะเปน็ ชว่ งทเี่ ดก็ กลบั จากสถานศกึ ษา ตอนสง่ เดก็ เขา้ นอนหรอื เปน็ ชว่ งวนั หยดุ กไ็ ด้ การทพ่ี อ่ แม่ ผปู้ กครอง มสธอ่านหนังสือนิทานให้เด็กฟัง ท�ำให้เด็กได้ฟังอย่างสร้างสรรค์ ถือเป็นการพัฒนาความสามารถในการฟัง

การจัดประสบการณเ์ พื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยดา้ นภาษา 13-23 และสามารถจบั ใจความในเรอ่ื งทฟ่ี งั อกี ทง้ั พอ่ แม่ ผปู้ กครองควรรว่ มพดู คยุ และเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดส้ นทนา มสธซกั ถามเรอ่ื งราวตา่ งๆ ในนทิ าน เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดแ้ สดงความคดิ ความรสู้ กึ สามารถอธบิ ายเหตกุ ารณใ์ นนทิ าน ดว้ ยคำ� พดู กจิ กรรมดงั กลา่ วนอกจากจะเปน็ การพฒั นาทกั ษะดา้ นการฟงั และการพดู ของเดก็ แลว้ ยงั เปน็ การ สร้างความสัมพันธ์ท่ีดีในครอบครัวอีกด้วย นอกจากนี้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรเป็นแบบอย่างท่ีดีในการฟัง และการพดู ควรฟงั เดก็ ดว้ ยความตง้ั ใจและเขา้ ใจ สนทนาตอบอยา่ งสภุ าพและนมุ่ นวล ไมก่ ดดนั หรอื บงั คบั มสธ มสธใหเ้ ด็กพูด พดู ไดถ้ ูกต้อง ออกเสียงไดช้ ดั เจน ส่ือสารตรงไปตรงมา ไม่วกวน พฤตกิ รรมการฟังและการพดู ท่ีดีเหลา่ นแ้ี สดงให้เดก็ เห็นถงึ คณุ คา่ ในการฟังและการพูด ซึ่งจะถูกหลอ่ หลอ่ มเข้าไปในตัวเด็ก จนน�ำไปสู่ มารยาททีด่ ใี นการฟงั และการพูดของเด็ก 2.2 การรอ้ งเพลง ทอ่ งคำ� คลอ้ งจอง พอ่ แม่ ผปู้ กครองควรรว่ มรอ้ งเพลงหรอื ทอ่ งคำ� คลอ้ งจอง ที่เหมาะสมกับวัยไปพร้อมกับเด็ก เพราะจะท�ำให้เด็กได้ฟังอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน และได้รับการ สง่ เสริมด้านการฟงั และการพูด อีกทง้ั ยังทำ� ใหเ้ ด็กไดซ้ ึมซบั ภาษา เพม่ิ พูนค�ำศัพท์ใหม่ๆ ผา่ นทำ� นองดว้ ย มสธความสนุกสนานและเพลิดเพลนิ 2.3 การเล่นเกม พอ่ แม่ ผปู้ กครองควรหาเกมงา่ ยๆ ทมี่ จี ดุ มงุ่ หมายเพอื่ สง่ เสรมิ ดา้ นการฟงั และการพดู มาเลน่ กบั เด็กปฐมวยั เช่น เกมเก็บของ เป็นเกมทีม่ งุ่ สง่ เสริมให้เดก็ ฝกึ ทักษะการฟัง ฟังอย่าง ตง้ั ใจและมวี ตั ถปุ ระสงค์ โดยฟงั คำ� สงั่ ตา่ งๆ จากพอ่ แม่ ผปู้ กครอง ซง่ึ เปน็ คำ� สงั่ ทง่ี า่ ยและเหมาะสมกบั เดก็ เชน่ ใหเ้ ดก็ เดนิ ไปหยบิ กลว้ ยจำ� ลอง รถของเลน่ เปน็ ตน้ หรอื เกมปรศิ นาคำ� ทาย เกมพรายกระซบิ เปน็ ตน้ มสธ มสธการเล่นเกมดังกล่าวจะท�ำให้เด็กได้พัฒนาทักษะการฟังและการพูดไปพร้อมๆ กับความสนุกสนาน เพลดิ เพลนิ นับไดว้ ่าเป็นการเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างแทจ้ รงิ การจัดประสบการณ์และการใช้สื่อของครูในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูด การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อ่ื ของครใู นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั และการพดู สามารถ จัดได้ใน 2 ลกั ษณะ คือ การบรู ณาการดา้ นการฟงั และการพูดเข้าไปในกิจกรรมหลกั และการจัดกจิ กรรม มสธส่งเสริมด้านการฟังและการพูด 1. การบูรณาการด้านการฟังและการพูดเข้าไปในกิจกรรมหลัก ในการจัดกิจกรรมหลักทั้ง 6 กิจกรรมท่ีประกอบด้วยกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมสร้างสรรค์ กจิ กรรมเสรี กจิ กรรมกลางแจง้ และกจิ กรรมเกมการศกึ ษา ครสู ามารถบรู ณาการการฟงั และการพดู เขา้ ไป มสธ มสธในกิจกรรมหลักได้ ในทีน่ ข้ี อยกตัวอยา่ ง 2 กจิ กรรมหลกั ดังน้ี 1.1 กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เปน็ กจิ กรรมทฝ่ี กึ ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั ไดม้ โี อกาสฟงั และพดู เปดิ โอกาสให้เด็กมปี ฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างเดก็ กบั เด็ก และเด็กกบั ครู การถาม การตอบค�ำถามระหว่างเด็กกบั ครู จะชว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ ดก็ เกดิ ความสามารถในการไดย้ นิ และจบั ใจความ ฟงั อยา่ งตงั้ ใจ พรอ้ มทง้ั แสดงความคดิ เห็นผ่านการสนทนาดว้ ยค�ำพดู สำ� หรบั การจัดกจิ กรรมเสริมประสบการณ์ทพี่ ัฒนาเด็กปฐมวัยดา้ นการฟงั และการพูดสามารถจัดไดห้ ลากหลายวิธดี งั ท่ี ส�ำนกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา (2547) และไพเราะ มสธพุ่มมนั่ (2551) อธิบายไว้ ดังน้ี

13-24 การจดั การศึกษาและหลักสูตรสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั 1.1.1 การสนทนา อภิปราย เป็นการส่งเสริมพฒั นาการทางภาษาในดา้ นการฟงั และ มสธการพดู เด็กรูจ้ ักแสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อ่นื ร่วมแลกเปลยี่ นความ คิดเห็นซ่ึงกันและกันระหวา่ งเด็กกับครู หรอื เดก็ กับเด็กด้วยกนั เอง ซง่ึ ส่ือที่ใช้อาจเป็นของจรงิ ของจ�ำลอง รูปภาพ สถานการณ์จำ� ลอง เป็นตน้ 1.1.2 การเล่าเร่ือง ข่าว เหตุการณ์ เปน็ ประสบการณท์ างภาษาทค่ี วรจดั ใหเ้ ดก็ ไดพ้ ดู มสธ มสธแสดงความคดิ เหน็ เลา่ เรือ่ งประกอบภาพ เล่าประสบการณ์ของตนเอง โดยฝึกอย่างสมำ่� เสมอ เรอ่ื งทเ่ี ลา่ ควรเปน็ เรอ่ื งทเ่ี ดก็ สนใจหรอื เกย่ี วขอ้ งกบั เดก็ เชน่ เรอื่ งภายในครอบครวั สถานศกึ ษา การทอ่ งเทยี่ ว สตั ว์ เลย้ี ง อาหาร หรือของเล่น นอกจากนี้ ครอู าจพาเดก็ ชมรอบๆ สถานศกึ ษา สถานทีส่ ำ� คัญ การประกอบ อาชีพของบุคคลในชุมชน เพ่ือเด็กจะได้น�ำเรื่องราวที่ตนเห็นมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังตามความคิดเห็นของ ตนเอง 1.1.3 การเล่านิทาน เป็นการเล่าเรื่องต่างๆ ครูอาจเล่าด้วยปากเปล่าหรือใช้ส่ือ มสธประกอบ เช่น รูปภาพ หนังสือนิทาน หุ่น หรือการแสดงท่าทางประกอบการเล่าเร่ือง โดยหลังจากเล่า นิทานจบแล้ว ครูควรเปิดโอกาสให้เด็กได้ฝึกทักษะด้านการฟังและการพูดผ่านการสนทนา อภิปราย ซกั ถาม หรือแสดงความคดิ เห็น ทั้งนข้ี ้นึ อยูก่ บั จดุ มุ่งหมายของการเล่า 1.1.4 การทดลอง/การปฏิบัติ เป็นการจดั กิจกรรมใหเ้ ดก็ ไดล้ งมอื ปฏิบัติและเกดิ การ ค้นพบข้อเทจ็ จริงด้วยตัวเอง ภายใตก้ ารดูแลแนะนำ� ของครู โดยเน้นใหเ้ ด็กใช้ประสาทสัมผัสทง้ั 5 ไดแ้ ก่ มสธ มสธการฟัง การมองเห็น การได้สัมผัส การชิมรส และการดมกลิ่น นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนาด้านสังคม ความรับผิดชอบ การท�ำงานร่วมกัน ความเป็นระเบียบในการท�ำงาน ซ่ึงตลอดระยะเวลาของการทดลอง หรอื การปฏบิ ตั ิน้นั เดก็ จะได้ปรกึ ษาหารอื กนั ได้พดู คุยกนั ได้รบั ฟงั ความคิดเห็นของเพอื่ นคนอื่นๆ และ ครใู นการด�ำเนนิ กจิ กรรมใหบ้ รรลตุ ามวัตถุประสงคท์ ่ีตั้งไว้ 1.1.5 การร้องเพลง เล่นเกม ท่องค�ำคล้องจอง เป็นการจัดให้เด็กได้แสดงออกด้วย การฟังและการพูดเพ่ือความสนุกสนานเพลิดเพลิน และเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาและจังหวะ เกมท่ีน�ำมาเล่น มสธไม่ควรเนน้ การแข่งขนั 1.2 กิจกรรมเสรี/การเล่นตามมุม เปน็ กจิ กรรมทเี่ ปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ปฐมวยั ไดเ้ ลน่ อยา่ งอสิ ระ ตามมุมเล่นหรือมุมประสบการณ์ หรือศูนย์การเรียนที่จัดไว้ในห้องเรียน เช่น มุมบล็อก มุมหนังสือ มุม วิทยาศาสตร์หรือมุมธรรมชาติศึกษา ฯลฯ มุมต่างๆ เหล่านี้เด็กมีโอกาสเลือกเล่นได้อย่างเสรีตามความ สนใจและความตอ้ งการของเดก็ ทัง้ เป็นรายบุคคลและเปน็ กลมุ่ มสธ มสธมมุ บทบาทสมมติ เปน็ อกี มมุ หนง่ึ ในกจิ กรรมเสรที ก่ี ระตนุ้ ใหเ้ ดก็ ไดฟ้ งั และพดู ในหลากหลาย สถานการณ์ โดยเดก็ จะเลน่ กับวัตถุหรอื สมมติตนเองเป็นตัวละครตา่ งๆ ตามจินตนาการ ตามเนอื้ เรอ่ื งใน นิทานหรือเรื่องราวต่างๆ ที่เด็กได้ยินได้ฟังมา หรือจากสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เด็กชอบ เด็กจะ พดู อยา่ งสรา้ งสรรคใ์ นการเลน่ มวี ธิ เี ลน่ โดยใชภ้ าษาเปน็ สอื่ กลางในการแสดงออกไปพรอ้ มๆ กบั การสมมติ เปน็ อะไรก็ตามทเี่ ด็กคิด เช่น เปน็ พ่อ เปน็ แม่ หรือเป็นหมอ ฯลฯ ส�ำหรับสื่อประกอบการเล่นบทบาทสมมติที่เด็กใช้เพื่อเร้าความสนใจและก่อให้เกิดความ มสธสนุกสนาน และสมมติตนเองได้เร็วขึน้ อาจน�ำมาจากวสั ดเุ หลือใช้ เชน่ กระป๋อง ขวด ไม้ แก้ว ชาม แกน

การจัดประสบการณ์เพือ่ พฒั นาเดก็ ปฐมวัยดา้ นภาษา 13-25 กระดาษทชิ ชู กลอ่ งนม กล่องรองเท้า กระดาษลงั ไม้ไอตมิ และกระดาษ เปน็ ต้น หรอื อาจเป็นส่อื ท่หี าซื้อ มสธได้ง่ายตามท้องตลาด ซ่ึง Machado (1999, pp. 342-345) และ Bennett-Armistead, Duke and Moses (2005, pp. 111-112) ไดเ้ สนอตวั อยา่ งสอ่ื ประกอบการเลน่ บทบาทสมมติ โดยแบง่ ตามประเภทของ การแสดงบทบาทสมมติ ดงั นี้ 1.2.1 ชุดท�ำความสะอาด เชน่ ไมก้ วาด ไม้ถูพื้น ฟองนำ�้ ผา้ เช็ดฝุ่น ผ้าส�ำหรบั เชด็ มสธ มสธหนา้ ตา่ ง ทีต่ ักขยะ ขวดพลาสติก เตา ตูเ้ ย็น เก้าอ้ี โต๊ะ จานชาม ฯลฯ 1.2.2 ชุดปาร์ตี้ เชน่ ถว้ ยและจานรอง เหยอื กพลาสติก ผ้าเช็ดปาก แจกนั ผา้ ปโู ต๊ะ ช้อนพลาสตกิ กล่องบรรจอุ าหารจำ� ลอง คกุ๊ กีห้ รอื ขนมปงั พลาสติก ฯลฯ 1.2.3 ชดุ หมอ เชน่ หฟู งั ผา้ พนั แผล เทปปดิ แผล พลาสเตอรย์ า ไมก้ ดลน้ิ ปรอทวดั ไข้ เทปกาว สำ� ลี ดินสอสำ� หรับเขยี นใบส่งั ยา ใบแจง้ หนี้ ปลอกแขน กระเปา๋ ถอื ตกุ๊ ตาสตั ว์ เสอื้ กราวด์ ฯลฯ 1.2.4 ชุดครู เชน่ สมุด ดินสอ แก้วนำ�้ พลาสติก ชอล์ก ระฆัง กระดานด�ำ ฯลฯ มสธ1.2.5 ชุดตลาด เช่น เครื่องเก็บเงิน เงินจ�ำลอง กระดาษและดินสอหรือดินสอสี ถงุ กระดาษ กล่องบรรจุอาหารจำ� ลอง ผลไม้จำ� ลอง รถเขน็ กระเป๋า โตะ๊ ฯลฯ 1.2.6 ชุดร้านอาหาร เชน่ อาหารจ�ำลอง ผ้ากนั เปอื้ น หมวกกุ๊ก จาน แจกันส�ำหรับ ใสด่ อกไม้ โตะ๊ ส�ำหรับรับประทานอาหาร เงินจำ� ลอง เคร่ืองเกบ็ เงิน เสอื้ ผา้ ตา่ งๆ ฯลฯ 1.2.7 ชุดท�ำผม เชน่ แปรงพลาสติก หวี ส�ำลี แปง้ ผา้ พันคอ ยาทาเลบ็ ไดร์เปา่ ผม มสธ มสธทีม่ ว้ นผม ท่ีปักผม สเปรย์ฉีดผม ขวด กระจก ฯลฯ 2. การจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านการฟังและการพูด นอกจากการบูรณาการด้านการฟังและการ พดู เขา้ ไปในกจิ กรรมหลกั แลว้ ครสู ามารถจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ ดา้ นการฟงั และการพดู เพอื่ มงุ่ พฒั นาการฟงั และการพดู ของเดก็ ปฐมวยั โดยเฉพาะ ตวั อยา่ งตอ่ ไปนเี้ ปน็ กจิ กรรมทพี่ ฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั และการ พดู ทคี่ รูสามารถน�ำไปปรับใชไ้ ด้ ดงั น้ี 2.1 กิจกรรม “ทายซิ อะไรเอ่ย” เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งให้เด็กได้ฝึกทักษะการฟังและการพูด มสธโดยครกู ระตุน้ ใหเ้ ด็กได้อธบิ ายลักษณะของสิ่งของท่ีเหน็ ใหก้ บั เพ่อื นๆ ในห้องได้ฟงั ทำ� ใหเ้ พือ่ นๆ ในหอ้ ง ฟังอย่างต้ังใจและมีวัตถุประสงค์ในการฟัง จากน้ันเม่ือเพื่อนๆ ในห้องได้ฟังแล้วจะช่วยกันทายช่ือของส่ิง ของนั้นๆ จุดประสงค์ เดก็ สามารถ 1. บอกชือ่ สิง่ ของได้ มสธ มสธ2. อธบิ ายลกั ษณะของสง่ิ ของได้ การด�ำเนินกิจกรรม 1. ขัน้ น�ำ 1.1 เตรียมสิ่งของต่างๆ ได้แก่ มะละกอจ�ำลอง รถยนต์จ�ำลอง กระด่ิง ผ้าเชด็ หนา้ และไม้บล็อก ใสล่ งในกลอ่ ง 1.2 อธบิ ายวธิ กี ารเลน่ โดยใหเ้ ดก็ ผลดั กนั ออกมาหยบิ สง่ิ ของในกลอ่ ง และ มสธอธิบายลักษณะของสิ่งของทหี่ ยบิ ไดใ้ หเ้ ดก็ คนอืน่ ๆ ในหอ้ งฟัง

13-26 การจดั การศึกษาและหลักสตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย 2. ขัน้ กิจกรรม มสธ2.1 ใหเ้ ดก็ ออกมาหยบิ สงิ่ ของในกลอ่ ง โดยไมใ่ หเ้ ดก็ คนอนื่ ๆ ในหอ้ งเหน็ สง่ิ ของท่ีหยิบขน้ึ มา 2.2 ให้เดก็ อธบิ ายลกั ษณะของสิง่ ของท่ีหยบิ ไดใ้ หเ้ ด็กคนอน่ื ๆ ในห้องฟงั 2.3 ใหเ้ ด็กคนอ่นื ๆ ในห้องชว่ ยกนั ทายชื่อสง่ิ ของที่เพอื่ นหยิบได้ มสธ มสธ3. ขน้ั สรปุ ใหเ้ ดก็ ชว่ ยกนั อธบิ ายลกั ษณะของสง่ิ ของทห่ี ยบิ ไดร้ ว่ มกนั และบอกชอื่ สง่ิ ของน้นั ๆ สื่อ กล่อง มะละกอจ�ำลอง รถยนต์จ�ำลอง กระด่งิ ผา้ เชด็ หนา้ ไม้บลอ็ ก การประเมิน มสธ1. การตอบคำ� ถาม 2. การอธิบายลกั ษณะของสิง่ ของ 2.2 กจิ กรรม “เอะ๊ ๆ นนั่ เสยี งอะไร” เปน็ กจิ กรรมทม่ี งุ่ ใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ ทกั ษะการฟงั และการพดู โดยครูกระตุน้ ให้เดก็ ไดฝ้ กึ ฟงั เสียงต่างๆ เพ่อื จำ� แนกความแตกต่างของเสยี งและช่วยกนั ทายเสยี งที่ได้ยนิ พรอ้ มท้ังเลียนแบบเสียงทไ่ี ดย้ นิ น้นั ๆ มสธ มสธจุดประสงค์ เดก็ สามารถ 1. บอกเสยี งท่ีได้ยนิ ได้ 2. เลียนแบบเสยี งทีไ่ ดย้ นิ ได้ การด�ำเนินกิจกรรม 1. ขั้นน�ำ 1.1 เตรียมเครื่องเล่นซีดีพร้อมแผ่นซีดีที่ประกอบไปด้วยเสียงต่างๆ เช่น มสธเสียงแมว เสียงนก เสียงน�ำ้ ตก เสียงฟา้ รอ้ ง เสยี งเดก็ รอ้ งไห้ เปน็ ตน้ 1.2 อธิบายวิธีการเล่น โดยให้เด็กฟังเสียงท่ีได้ยิน พร้อมท้ังทายว่าเสียง นัน้ คอื เสยี งอะไร และเลียนแบบเสยี งท่ไี ด้ยินนัน้ ๆ 2. ขน้ั กิจกรรม 2.1 ให้เด็กฟงั เสียงแต่ละเสยี งที่ครูเปิดให้ฟังจากเคร่ืองเล่นซดี ี มสธ มสธ2.2 ใหเ้ ด็กช่วยกันทายว่าเสียงที่ไดย้ นิ คอื เสยี งอะไร 2.3 ให้เด็กช่วยกันเลียนแบบเสียงท่ีไดย้ ินนัน้ ๆ 3. ขนั้ สรปุ ใหเ้ ดก็ ชว่ ยกนั บอกถงึ เสยี งตา่ งๆ ทไ่ี ดย้ นิ และรว่ มกนั เลยี นแบบเสยี งนนั้ ๆ สื่อ เครื่องเลน่ ซดี ี แผน่ ซดี ีทีป่ ระกอบดว้ ยเสียงต่างๆ เช่น เสยี งแมว เสยี งนก เสยี ง มสธนำ้� ตก เสียงฟ้าร้อง เสยี งเด็กรอ้ งไห้ เป็นตน้

การจัดประสบการณเ์ พือ่ พฒั นาเดก็ ปฐมวัยดา้ นภาษา 13-27 การประเมิน มสธ1. การตอบค�ำถาม 2. การเลียนแบบเสยี งทีไ่ ดย้ ิน สรุปได้ว่า การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูด เป็นส่ิงที่พ่อแม่ ผปู้ กครอง และครคู วรให้ความสำ� คญั เนอ่ื งจากเปน็ ทกั ษะพ้ืนฐานในการเรียนรขู้ องเด็ก การฟังเปน็ การรับ มสธ มสธขอ้ มลู เข้าและสะท้อนออกซ่ึงความเข้าใจในข้อมูลผา่ นการพูด เป็นกระบวนการท่มี ีความสัมพันธซ์ งึ่ กันและ กนั ดงั นน้ั ในการจดั กจิ กรรมควรจดั ควบคกู่ นั ไป สำ� หรบั การจดั กจิ กรรมสามารถทำ� ไดห้ ลายวธิ ี คอื 1) การ ทำ� กจิ วตั รหรอื วถิ กี ารดำ� เนนิ ชวี ติ ของเดก็ และครอบครวั เชน่ การพดู คยุ การชกั ชวนใหเ้ ดก็ ไดม้ สี ว่ นรว่ มใน วงสนทนา การเปิดโอกาสให้เด็กเล่าเร่ืองหรือเหตุการณ์ต่างๆ การท�ำตามค�ำส่ัง หรือค�ำบอกท่ีมีขั้นตอน งา่ ยๆ ฯลฯ 2) การบรู ณาการเขา้ ไปในกจิ กรรมหลกั เชน่ กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ กจิ กรรมเสรมิ การเขยี น ตามมุม ฯลฯ และ 3) กิจกรรมส่งเสริมด้านการฟังและการพูด ฯลฯ ในการจัดกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น มสธจ�ำเป็นที่จะต้องมีสื่อประกอบการท�ำกิจกรรมท่ีหลากหลาย ซ่ึงอาจเป็นวัสดุเหลือใช้หรือสื่อท่ีหาซื้อได้ง่าย ตามทอ้ งตลาด โดยมีจุดมงุ่ หมายในการใช้เพื่อพฒั นาเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูด กิจกรรม 13.2.1 มสธ มสธใหอ้ ธบิ ายและยกตวั อยา่ งการจดั ประสบการณแ์ ละสอ่ื ทใี่ ชใ้ นการจดั กจิ กรรมของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง เพื่อพัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านการฟงั และการพูด แนวตอบกิจกรรม 13.2.1 การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั และการพดู เปน็ สงิ่ ทพี่ อ่ แม่ ผปู้ กครอง ควร ให้ความส�ำคัญ เน่ืองจากการฟังและการพูดเป็นกระบวนการท่ีมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และถือได้ว่า มสธเป็นทักษะพื้นฐานท่ีส�ำคัญในการน�ำไปสู่ภาษาพูด ส�ำหรับการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาด้านการฟังและ การพูดของเด็กปฐมวัยสามารถท�ำได้หลากหลายวิธี เช่น การพูดคุย การชักชวนให้เด็กได้มีส่วนร่วมใน วงสนทนา การเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ เลา่ เรอ่ื งหรอื เหตกุ ารณต์ า่ งๆ การทำ� ตามคำ� สงั่ หรอื คำ� บอกทม่ี ขี น้ั ตอนงา่ ยๆ การอา่ นหนงั สอื นทิ าน การรอ้ งเพลง การทอ่ งคำ� คลอ้ งจอง การเลน่ เกม เปน็ ตน้ นอกจากน้ี สอ่ื ทใ่ี ชป้ ระกอบ มสธ มสธ มสธการทำ� กจิ กรรมควรมคี วามหลากหลาย และเออื้ ตอ่ การนำ� ไปใชเ้ พอื่ พฒั นาการฟงั และการพดู ของเดก็ ปฐมวยั

13-28 การจัดการศึกษาและหลกั สูตรส�ำหรบั เดก็ ปฐมวัย มสธเรื่องท่ี 13.2.2 การจัดประสบการณ์และส่ือท่ีใช้พัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านการอ่านและการเขียน มสธ มสธการอ่านเป็นกระบวนการท่ีเด็กใช้ในการถอดรหัสสัญลักษณ์ และท�ำความเข้าใจความหมายที่ผู้ เขยี นตอ้ งการถา่ ยทอดผา่ นสญั ลกั ษณเ์ หลา่ นนั้ สว่ นการเขยี นเปน็ กระบวนการทเ่ี ดก็ แสดงออกถงึ ความรสู้ กึ ความต้องการ และความคิดผ่านทางเคร่ืองหมายและสัญลักษณ์ต่างๆ (ส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการ ศึกษา, 2552, น. 10-11) จากเอกสารและงานวิจัยตา่ งๆ แสดงให้เหน็ วา่ เดก็ เร่ิมเรียนร้ทู ่จี ะอา่ นกต็ อ่ เมื่อ เดก็ เขา้ ใจวา่ เครอื่ งหมายตา่ งๆ บนกระดาษนน้ั มคี วามหมายทางภาษา และสอ่ื สารถา่ ยทอดความคดิ ความ มสธรู้สึกออกมาอย่างมีความหมายผ่านการเขียน ดังน้ัน การอ่านและการเขียนจึงเป็นส่ิงที่มีความสัมพันธ์ซึ่ง กันและกัน และเปน็ สงิ่ ท่ดี �ำเนินไปพร้อมๆ กนั จนนำ� ไปสกู่ ารร้หู นงั สอื ในการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการอา่ นและการเขยี น ควรเรมิ่ ตง้ั แตท่ บ่ี า้ นโดย พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง เม่อื เข้าสูส่ ถานศกึ ษากเ็ ป็นหนา้ ทีข่ องครูทจ่ี ะจดั กิจกรรมเพือ่ พฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นการ มสธ มสธอ่านและการเขียน ซ่ึงการจัดประสบการณ์ดา้ นการอ่านและการเขยี นมีจุดมุ่งหมายท่ีส�ำคญั ดังนี้ 1. เพอื่ สง่ เสรมิ ความสนใจในการอา่ นและการเขยี น 2. เพอื่ พฒั นาความรเู้ กยี่ วกบั การใช้หนงั สือและกฎเกณฑ์ในการเขียน 3. เพอ่ื พัฒนาความสามารถในการอ่านและสรา้ งสัญลักษณ์ภาษาเขียน สำ� หรบั การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อื่ เพอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการอา่ นและการเขยี นใหบ้ รรลุ วตั ถปุ ระสงคด์ งั กลา่ ว พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครสู ามารถปฏบิ ตั แิ ละจดั กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งหลากหลาย ในเรอื่ ง มสธนีจ้ ะขอนำ� เสนอใน 2 ประเด็น คือ การจัดประสบการณ์และการใชส้ ่อื ของพอ่ แม่ ผปู้ กครองในการพฒั นา เดก็ ปฐมวยั ดา้ นการอา่ นและการเขยี น และการจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อื่ ของครใู นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านการอา่ นและการเขียน ดังน้ี การจัดประสบการณ์และการใช้ส่ือของพ่อแม่ ผู้ปกครองในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้าน มสธ มสธการอ่านและการเขียน การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อ่ื ของพอ่ แม่ ผปู้ กครองในการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการอา่ นและ การเขียน สามารถจัดได้ใน 2 ลักษณะ คือ การท�ำกิจวัตรหรือวิถีการด�ำเนินชีวิตของเด็กและครอบครัว และการจดั กิจกรรมสง่ เสรมิ ด้านการอา่ นและการเขยี น 1. การท�ำกิจวัตรหรือวิถีการด�ำเนินชีวิตของเด็กและครอบครัว พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถจัด มสธกจิ กรรมเพอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการอา่ นและการเขยี นโดยผา่ นการดำ� เนนิ ชวี ติ ประจำ� วนั ของเดก็ ได้ ดงั น้ี

การจดั ประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา 13-29 1.1 การให้เด็กฝึกปฏิบัติภายใต้สภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการอ่านและการเขียน เปน็ การจดั มสธสภาพแวดลอ้ มภายในบ้านใหเ้ อื้อต่อการเรียนรดู้ า้ นการอา่ นและการเขียนของเดก็ ปฐมวัย ทั้งนี้ Christie, Enz and Vukelich (1997, pp. 65-70) และ Cunningham and Allington (1999, pp. 22-27) ได้ เสนอแนะไวว้ า่ พอ่ แม่ ผปู้ กครองควรจดั สภาพแวดลอ้ มทส่ี รา้ งความสนใจในการอา่ นและการเขยี นของเดก็ เชน่ ในหอ้ งนอนของเดก็ ควรมหี นงั สอื นทิ านสำ� หรบั เดก็ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดเ้ ขา้ มาหยบิ อา่ นตามความสนใจ และ มสธ มสธควรจัดให้มีดินสอ ดินสอสี สีเทียน และกระดาษ เพ่ือให้เด็กได้ขีดเขียน ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดตาม จนิ ตนาการของตนเอง นอกจากนค้ี วรจดั ทใี่ นมมุ หนง่ึ มมุ ใดของบา้ นใหเ้ หมาะกบั การอา่ นหนงั สอื แบง่ สว่ น สำ� หรบั วางหนงั สอื ของเดก็ และจดั ใหม้ หี นงั สอื สำ� หรบั เดก็ ไดอ้ า่ นเลน่ ใหห้ ลากหลาย โดยใหเ้ ดก็ ไดห้ ยบิ เอง และวางคืนไดง้ า่ ย 1.2 การใช้สภาพแวดล้อมรอบตัวเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถใช้สถานการณ์หรือ การดำ� เนนิ ชวี ติ ประจำ� วนั ของเดก็ ปฐมวยั มาเปน็ ตวั กระตนุ้ และสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เกดิ ความสนใจในการอา่ นและ มสธการเขยี น เช่น ในระหว่างการเดินทางไปสถานศกึ ษาหรอื ไปตามสถานทตี่ ่างๆ เช่น สวนสตั ว์ หา้ งสรรพ สนิ คา้ เดก็ อาจจะพบปา้ ยโฆษณา ปา้ ยประกาศ ปา้ ยจราจร ปา้ ยบอกทาง ปา้ ยแสดงสนิ คา้ หรอื สญั ลกั ษณ์ ตา่ งๆ ทม่ี ตี วั อกั ษรปรากฏอยู่ พอ่ แม่ ผปู้ กครองควรชช้ี วนใหเ้ ดก็ ไดอ้ า่ นคำ� หรอื ขอ้ ความตา่ งๆ เหลา่ นนั้ จะ ท�ำให้เด็กได้รู้จักตัวอักษรตัวแรกและตัวสุดท้ายของค�ำ รู้รูปร่างและทิศทางของตัวอักษร รู้ทิศทางใน การอา่ น รูจ้ ักค�ำค้นุ ตา ฯลฯ นอกจากนี้ พอ่ แม่ ผูป้ กครองควรเป็นแบบอย่างท่ดี ใี นการอ่านและการเขียน มสธ มสธเพอ่ื สร้างทัศนคติท่ีดีต่อการเรียนรู้ เช่น เปน็ แบบอยา่ งในการอา่ นและการเขียนหนงั สือใหแ้ ก่เด็ก ชักชวน ให้เด็กอา่ นและเขยี นหนงั สือรว่ มกัน เปน็ ต้น 2. การจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านการอ่านและการเขียน พอ่ แม่ ผปู้ กครองสามารถจดั กจิ กรรมเพอื่ ส่งเสริมเด็กปฐมวัยด้านการอา่ นและการเขียนได้ (ส�ำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, 2552, น. 97-100) ดังน้ี 2.1 การอ่านและเขียนร่วมกัน เป็นกิจกรรมท่ีพ่อแม่ ผู้ปกครองร่วมกันอ่านและเขียนไป มสธพร้อมๆ กับเด็ก โดยพ่อแม่ ผู้ปกครองจะท�ำหน้าท่ีในการอ่านเป็นคร้ังแรก ในการอ่านครั้งต่อๆ ไปจะ เป็นการอา่ นร่วมกันระหวา่ งเด็กกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง โดยจัดใหเ้ ดก็ นงั่ ตัก และอ่านหนงั สือไปพรอ้ มๆ กัน ก็ได้ ในขณะที่อ่านหนังสือ พ่อแม่ ผู้ปกครองควรชี้ค�ำเพ่ือให้เด็กคุ้นเคยกับตัวหนังสือ ค�ำ หรือข้อความ รับรู้ รปู ร่างและทิศทางของตัวอกั ษร พรอ้ มท้ังให้เดก็ รวู้ ิธกี ารถือหนังสอื รทู้ ศิ ทางในการอ่าน เม่อื อ่านจบ แล้วพ่อแม่ ผู้ปกครอง และเด็กอาจร่วมกันเขียนโดยการสร้างสัญลักษณ์ภาษาเขียน เช่น การสร้างภาพ มสธ มสธการจำ� คำ� มาเขยี น เพอ่ื เขยี นในสงิ่ ทต่ี นชนื่ ชอบ ซง่ึ อาจจะเปน็ ตวั ละครของเรอื่ ง ฉากในเรอื่ ง หรอื สญั ลกั ษณ์ ต่างๆ ที่ปรากฏในเรื่อง ฯลฯ ส�ำหรับการจัดช่วงเวลาในการอ่านและเขียนร่วมกัน อาจเป็นช่วงก่อนนอน หลงั อาบน�้ำ เวลาวา่ ง หรอื วันหยุดสุดสปั ดาห์ 2.2 การเล่นเกม พ่อแม่ ผ้ปู กครองสามารถนำ� เกมมาเป็นส่ือกลางในการกระตนุ้ เดก็ ให้เกิด การพัฒนาทักษะด้านการอ่านและการเขียนได้ เช่น การเล่นเกมพยัญชนะ เริ่มต้นโดยการที่พ่อแม่ ผู้ปกครองช้ีชวนเด็กให้รู้จักตัวพยัญชนะ รูปร่างและทิศทางของตัวอักษร จากนั้นเล่นเกมหาตัวพยัญชนะ มสธตามคำ� สงั่ โดยผลดั กนั เปน็ คนออกคำ� สงั่ และเปน็ คนหาตวั พยญั ชนะ ทงั้ จากบตั รตวั พยญั ชนะ หรอื พยญั ชนะ

13-30 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรส�ำหรบั เด็กปฐมวยั ที่ปรากฏในทตี่ า่ งๆ เชน่ บนหอ่ ขนม บนกล่องของเลน่ แล้วเชอื่ มโยงให้เข้ากนั ระหวา่ งตวั อกั ษรตา่ งๆ กบั มสธการเขยี น หรอื จะเปน็ การเลน่ เกมอา่ นบตั รคำ� ทมี่ ภี าพและไมม่ ภี าพประกอบ จากนน้ั ใหเ้ ดก็ วาดภาพ เขยี น ค�ำท่ชี อบหรือเกดิ ความประทบั ใจ ซึ่งท�ำให้เด็กรู้ว่าการอา่ นและการเขยี นมคี วามสมั พนั ธ์กัน 2.3 การไปร้านหนังสือ พ่อแม่ ผู้ปกครองควรหมั่นพาเด็กปฐมวัยไปร้านหนังสือหรือไป ห้องสมุดด้วยกัน เพ่ือเลือกซ้ือหนังสือหรือเลือกหนังสือมาอ่าน หรือชักชวนให้เด็กพกพาหนังสือติดตัว มสธ มสธไปด้วยเวลาไปในสถานที่ตา่ งๆ ด้วยกัน เม่อื มีเวลาจะได้น�ำมาดภู าพ อา่ นและเขียนหนังสอื ดว้ ยกนั การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อ่ื ของครใู นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการอา่ นและการเขยี น ในการจัดประสบการณ์และการใช้สื่อของครูในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการอ่านและการเขียน สามารถจัดได้ใน 2 ลักษณะ คือ การบูรณาการดา้ นการอ่านและการเขียนเขา้ ไปในกิจกรรมหลกั และการ จัดกิจกรรมสง่ เสรมิ ด้านการอา่ นและการเขยี น ดังน้ี 1. การบูรณาการด้านการอ่านและการเขียนเข้าไปในกิจกรรมหลัก ในการจัดกิจกรรมหลัก ครู มสธสามารถบูรณาการด้านการอ่านและการเขียนเข้าไปในกิจกรรมหลักได้ ในท่ีน้ีขอยกตัวอย่าง 2 กิจกรรม หลกั ดังนี้ 1.1 กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กปฐมวัยพร้อมที่จะอ่านและเขียน เมื่อโตขน้ึ ท�ำให้เดก็ ไดซ้ ึมซับการใช้ภาษา การฝึกทักษะทางภาษา เปน็ การเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดอ้ า่ นจาก มสธ มสธภาพ อ่านจากสัญลักษณภ์ าษาเขยี น เด็กได้มโี อกาสพัฒนากล้ามเนื้อเลก็ และความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งมอื กับ ตาจากการวาดภาพ การเขยี นสญั ลกั ษณต์ า่ งๆ รวมทง้ั การเขยี นชอ่ื ของตนเอง อกี ทงั้ ยงั เปน็ กจิ กรรมทช่ี ว่ ย ให้เด็กไดแ้ สดงออกทางอารมณ์ ความรสู้ กึ ความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์ และจินตนาการโดยใชศ้ ิลปะ ส�ำหรบั กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์สามารถจัดได้หลากหลายลักษณะด้วยกัน ดังที่ Mayesky, Neuman and Wloodkowski (1995) ได้เสนอไว้ ดังนี้ 1.1.1 การวาดภาพระบายสี เป็นกิจกรรมท่ีเด็กช่ืนชอบ อีกท้ังยังเป็นการแสดง มสธสมรรถนะทางกาย เด็กสามารถจับดินสอเพื่อลากเส้น ขีดเขียนสัญลักษณ์ต่างๆ วาดรูป รวมทั้งเขียนช่ือ ของตนเองเพอื่ ถา่ ยทอดความรสู้ กึ นกึ คดิ ออกมาเปน็ สญั ลกั ษณแ์ ทนการพดู นอกจากนี้ เดก็ ยงั สามารถอา่ น ภาพที่สร้างข้ึนได้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเปิดโอกาสในการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน ส�ำหรับการ วาดภาพระบายสีในเด็กปฐมวัยจะเป็นการวาดภาพด้วยสีเทียนหรือสีไม้ การวาดภาพด้วยสีน้�ำโดยใช้ อปุ กรณต์ ่างๆ เช่น พู่กนั ฟองนำ�้ และการละเลงสีด้วยน้ิวมือ มสธ มสธ1.1.2 การพิมพ์ภาพ เป็นการสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็ก เปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ กลา้ มเน้ือเล็กในการพมิ พ์ภาพ การเขียนเพ่ือตกแต่ง รวมถึงการอา่ นจากภาพ โดยใช้อุปกรณ์ซ่ึงอาจเป็น เศษวสั ดุทม่ี ลี ายนูน สามารถทาสีแลว้ ประทบั ลงบนกระดาษ เกิดเป็นภาพพมิ พ์ทม่ี ลี วดลาย หรอื รปู แบบที่ เด็กสนใจได้ ครูอาจท�ำแม่พิมพ์ขึ้นเองเป็นภาพนูน หรือท�ำมาจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบไม้ ส�ำหรับการ พิมพ์ภาพ เด็กปฐมวัยอาจพิมพ์ภาพโดยการใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย และการพิมพ์ภาพด้วยวัสดุ พืช และผกั ตา่ งๆ มสธ1.1.3 การประดษิ ฐ์ เปน็ การนำ� วสั ดเุ หลอื ใช้ เศษวสั ดตุ า่ งๆ เชน่ เศษผา้ แกนกระดาษทชิ ชู กลอ่ งนม หรอื เชอื กฟาง มาประดษิ ฐแ์ ละตกแตง่ ใหเ้ ปน็ สง่ิ ของตา่ งๆ ตามความคดิ ของเดก็ พรอ้ มทงั้ ตกแตง่

การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา 13-31 ด้วยการเขียนสัญลักษณ์ต่างๆ เพ่ือเพิ่มความสวยงามของสิ่งประดิษฐ์ นอกจากน้ียังรวมไปถึงการสาน มสธกระดาษ ใบตอง ใบมะพรา้ ว การรอ้ ยลกู ปดั หลอด การพบั กระดาษเปน็ รปู ตา่ งๆ และการตอ่ เตมิ เชน่ การ ฉีก ตดั ปะ ดว้ ยกระดาษหรอื วัสดอุ ่นื ๆ จากการปฏิบัติกจิ กรรมดังกล่าว เด็กจะได้ฝึกทกั ษะการเขยี นผ่านการลากเส้น วาดรูป ขดี เขียนสัญลักษณ์ต่างๆ รวมถึงการเขียนชื่อของตนเองด้วยการใช้สื่อท่ีหลากหลาย เช่น ดินสอ ดินสอสี มสธ มสธสีเทียน เพ่ือสร้างสรรค์ผลงาน หลังจากนั้นเด็กสามารถน�ำผลงานเหล่านั้นมาน่ังดู หรือท�ำความเข้าใจกับ สญั ลักษณต์ ่างๆ ดว้ ยการอ่านเพือ่ นำ� ไปสคู่ วามเข้าใจในผลงานมากย่งิ ขึ้น 1.2 กิจกรรมเสรี/การเล่นตามมุม เปน็ กจิ กรรมทเ่ี ปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ปฐมวยั ไดเ้ ลน่ อยา่ งอสิ ระ ตามมุมเล่นหรือมุมประสบการณ์ หรือศูนย์การเรียนที่จัดไว้ในห้องเรียน ให้เด็กมีโอกาสเลือกเล่นได้อย่าง เสรีตามความสนใจและความตอ้ งการของเดก็ ดังนี้ 1.2.1 มุมหนังสือ เป็นมุมหน่ึงในกิจกรรมเสรีที่มุ่งพัฒนาในด้านการอ่านของเด็กได้ มสธเดก็ จะถกู รายลอ้ มดว้ ยหนงั สอื ประเภทตา่ งๆ ทำ� ใหไ้ ดม้ โี อกาสหยบิ จบั หนงั สอื รจู้ กั วธิ กี ารใชห้ นงั สอื รสู้ ว่ น ประกอบของหนงั สอื รทู้ ศิ ทางในการถือหนงั สอื และอา่ นหนังสือ ส�ำหรบั ประเภทของหนังสอื ทค่ี รคู วรจดั ใหก้ บั เดก็ Donoghue (2009) เสนอไวม้ ดี งั นี้ 1) หนงั สอื รปู ภาพ เปน็ หนงั สอื ทใี่ ชร้ ปู ภาพแทนขอ้ ความ สำ� หรบั หนงั สอื รปู ภาพ สามารถแบ่งได้ ดงั น้ี มสธ มสธ(1) หนงั สอื นทิ านภาพทม่ี เี รอื่ งเลา่ และโครงสรา้ งของเรอ่ื งอนั เปน็ ทรี่ จู้ กั กนั ดี (2) หนังสอื ท่ไี ม่มีขอ้ ความปรากฏ และใชภ้ าพประกอบเท่านั้น (3) หนงั สือภาพที่มบี ทกลอนและบทเพลงประกอบ (4) หนังสือที่แสดงถึงความคิดรวบยอด ซึ่งรวมไปถึงหนังสือเกี่ยวกับตัว อักษรและหนงั สือเก่ยี วกบั การนบั 2) วรรณกรรมโบราณ เป็นหนังสือท่ีรวบรวมเรื่องราวและบทกลอนที่ไม่ทราบ มสธชือ่ ผแู้ ตง่ และมกี ารเลา่ สืบทอดต่อกนั มาจนถงึ ปจั จุบัน สำ� หรับวรรณกรรมโบราณ ได้แก่ (1) นทิ านพนื้ บา้ น เปน็ นทิ านทเ่ี รมิ่ ตน้ ดว้ ยการนำ� เสนอปญั หาอยา่ งรวดเรว็ และดำ� เนินเรื่องราวไปเร่อื ยๆ ไมซ่ ับซอ้ น จนนำ� ไปสกู่ ารแกไ้ ขปัญหาไดใ้ นทสี่ ุด (2) นิทานปรัมปรา เป็นนิทานท่ีตอบค�ำถามเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ และ อธบิ ายปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ี่อย่รู อบตัว มสธ มสธ(3) นิทานสอนใจ เป็นนิทานท่ีให้ค�ำสอน และมักจะเป็นการปลูกฝังทาง ดา้ นคุณธรรมจริยธรรม (4) นทิ านเกย่ี วกับตำ� นาน เป็นนิทานทีม่ ีพื้นฐานมาจากความจริง (5) นิทานมหากาพย์ เป็นนิทานที่มีการขยายเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึง พลังอ�ำนาจของผู้กล้า 3) นิทานสมัยใหม่ และนิยายเก่ียวกับวิทยาศาสตร์ เป็นนิทานที่อยู่บน มสธจินตนาการความเพ้อฝัน ไม่เป็นจริง เช่น สัตว์พูดคุยได้ ของเล่นและส่ิงของมีชีวิต มีมนุษย์ตัวจ๋ิว มี

13-32 การจัดการศึกษาและหลักสูตรสำ� หรบั เด็กปฐมวัย สถานการณ์ประหลาดๆ มีส่ิงมหัศจรรย์ มีพลังวิเศษ เป็นโลกแห่งจินตนาการ เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ มสธหรอื มีชว่ งเวลามหัศจรรย์ 4) บทร้อยกรอง เป็นนิทานท่ถี า่ ยทอดอารมณ์ ความรู้สึกผ่านทางตัวอักษรทีม่ ี จงั หวะและทำ� นองอนั ไพเราะ เชน่ บทกลอนทมี่ กี ารรอ้ งเพลง บทกวเี ลา่ เรอ่ื ง บทกวที แี่ สดงถงึ อารมณ์ การ พรรณนาถงึ บคุ คล บทกลอน หรอื โคลงกลอน มสธ มสธส�ำหรับมุมเขียนนั้นจะอยู่ใกล้ๆ กับมุมหนังสือเพื่อท่ีจะได้เอื้อต่อการเขียนของเด็ก ท�ำให้เด็กรู้กฎเกณฑ์ในการเขียน รู้ทิศทางการเขียนและถ่ายทอดผ่านสัญลักษณ์ภาษาเขียน ภายในมุม เขียนจะเต็มไปดว้ ยสือ่ วสั ดุอปุ กรณท์ หี่ ลากหลาย เช่น โตะ๊ เก้าอส้ี �ำหรบั ให้เดก็ น่งั เขียน บอรด์ ชานอ้อยให้ เด็กติดงานเขียนหรืองานวาดภาพ และเป็นท่ีติดประกาศต่างๆ เพ่ือให้เด็กคุ้นเคยกับตัวหนังสือ มีดินสอ ดินสอสี สเี ทยี น ไม้บรรทดั และกระดาษ เพ่ือให้เดก็ ไดเ้ รยี นรูว้ ธิ กี ารขดี เขียน ร้จู กั กฎเกณฑใ์ นการเขียน และสามารถแสดงออกทางความคิดตามจนิ ตนาการของตนเอง มสธ1.2.2 มุมบทบาทสมมติ เป็นมุมที่ส่งเสริมให้เด็กได้ฝึกทักษะการอ่านและการเขียน โดยเดก็ จะฝกึ ฝนทักษะการอ่านและการเขยี นไปพรอ้ มๆ กับการเล่นกบั วสั ดุอปุ กรณใ์ นมมุ ตา่ งๆ เชน่ มมุ หมอ ครจู ะเตรยี มกระดาษ ดนิ สอ ปรอทวดั ไข้ เสอ้ื กราวด์ และกระเปา๋ คณุ หมอ ใหเ้ ดก็ ไดส้ มมตติ วั เองเปน็ คณุ หมอทกี่ �ำลงั รกั ษาคนไข้ ก�ำลงั อา่ นอณุ หมู ิของคนไข้ และจดใบส่งั ยาใหก้ บั คนไข้ หรอื ในมุมรา้ นคา้ ครู กอ็ าจจะเตรยี มกระดาษ ดนิ สอ อาหารจำ� ลองตา่ งๆ ใหเ้ ดก็ เลน่ สมมตติ นเองเปน็ พนกั งานตอ้ นรบั หรอื พอ่ คา้ มสธ มสธแม่ค้าก�ำลังจดและอ่านทวนรายการอาหารของลูกค้า นอกจากนี้ ครูควรจัดเตรียมป้ายบอกชื่อมุมและช่ือ วัสดุอุปกรณ์ประกอบการเล่นในแตล่ ะมมุ ดว้ ย 1.2.3 มุมวิทยาศาสตร์ เป็นอีกมุมหนึ่งท่ีกระตุ้นให้เด็กได้พัฒนาทักษะการอ่านและ การเขยี นผา่ นการใชว้ สั ดอุ ปุ กรณใ์ นมมุ เชน่ เดก็ ไดอ้ า่ นตวั เลขจากการใชไ้ มบ้ รรทดั วดั การเจรญิ เตบิ โตของ ตน้ ถั่วงอก หรือเด็กไดใ้ ชก้ ระดาษ ดนิ สอ ดินสอสี เพื่อท�ำการจดบนั ทึกหรอื วาดภาพการทดลอง เปน็ ตน้ 2. การจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านการอ่านและการเขียน ส�ำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมด้าน มสธการอา่ นและการเขยี น เปน็ กจิ กรรมทค่ี รจู ดั ขน้ึ โดยมจี ดุ มงุ่ หมายสำ� คญั เพอื่ พฒั นาดา้ นการอา่ นและการเขยี น ของเดก็ โดยเฉพาะ ตวั อยา่ งตอ่ ไปนเี้ ปน็ กจิ กรรมทพ่ี ฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการอา่ นและการเขยี นทคี่ รสู ามารถ นำ� ไปปรับใชไ้ ด้ ดงั น้ี 2.1 กิจกรรม “อ่าน ๆ เขียน ๆ แสนสนุก” เปน็ กจิ กรรมทม่ี งุ่ ใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ ทกั ษะการอา่ นและ การเขียน โดยให้เด็กได้อ่านหนังสือนิทานที่เด็กสนใจ ซึ่งท�ำให้เด็กได้รู้ทิศทางในการถือหนังสือและอ่าน มสธ มสธหนังสือ รู้จักค�ำ คุ้นตา รู้เคร่ืองหมายวรรคตอนต่างๆ จากนั้นให้เด็กวาดรูปตอนหรือฉากที่เด็กชอบ ซึ่ง ทำ� ใหเ้ ดก็ เกิดการสร้างภาพ การแสดงความหมายของภาพใหผ้ ู้อืน่ รับรู้ และรู้ทศิ ทางการเขยี น จุดประสงค์ เดก็ สามารถ 1. อา่ นหนังสอื นทิ านได้ มสธ2. วาดภาพได้

การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พัฒนาเด็กปฐมวยั ดา้ นภาษา 13-33 การด�ำเนินกิจกรรม มสธ1. ข้ันน�ำ เตรียมหนงั สอื นิทานประเภทต่างๆ 2. ข้นั กิจกรรม 2.1 ให้เด็กอ่านหนงั สอื นิทานตามความสนใจของตนเอง มสธ มสธ2.2 ให้เด็กวาดรูปตอนหรอื ฉากท่ีเดก็ ชอบ 3. ข้ันสรปุ ใหเ้ ด็กน�ำผลงานของตนเองมานำ� เสนอ ส่ือ หนังสือนิทานประเภทตา่ งๆ ดินสอ ดินสอสี สเี ทยี น กระดาษ การประเมิน มสธ1. การอา่ นหนังสือนทิ าน 2. ผลงานของเดก็ 2.2 กิจกรรม “หนูน้อยนักส�ำรวจ” เป็นกิจกรรมที่มุ่งให้เด็กได้ฝึกทักษะการอ่านและ การเขยี น โดยใหเ้ ด็กได้อา่ นสัญลักษณต์ า่ งๆ รอบตวั ท�ำใหเ้ ด็กรู้จักรปู ร่างและทิศทางของตัวอักษร รู้จัก ตัวอักษรตัวแรกและตัวสุดท้ายของค�ำ จากนั้นให้เด็กท�ำการบันทึกสัญลักษณ์น้ันผ่านการวาดภาพเพ่ือ มสธ มสธถา่ ยทอดความคดิ ใหผ้ อู้ ื่นรับรู้ จุดประสงค์ เด็กสามารถ 1. อา่ นสัญลกั ษณต์ า่ งๆ ได้ 2. เขียนสญั ลักษณต์ ่างๆ ได้ การด�ำเนินกิจกรรม 1. ขน้ั น�ำ มสธพาเดก็ เดนิ ส�ำรวจรอบๆ สถานศึกษาเพ่ือค้นหาสญั ลักษณ์ตา่ งๆ 2. ขั้นกจิ กรรม 2.1 ใหเ้ ด็กอา่ นสญั ลกั ษณ์ตา่ งๆ ทีพ่ บในสถานศกึ ษา เช่น ปา้ ยชื่อ สถาน ศกึ ษา ป้ายหอ้ งนำ�้ ป้ายทางเดนิ เป็นต้น 2.2 ใหเ้ ดก็ เขยี นสัญลกั ษณ์ท่พี บลงในสมุดบนั ทึก มสธ มสธ3. ขัน้ สรุป ให้เด็กน�ำผลงานของตนเองมาน�ำเสนอ และช่วยกันบอกถึงสัญลักษณ์ ตา่ งๆ ทีพ่ บในสถานศกึ ษา ส่ือ สญั ลกั ษณต์ า่ งๆ ทพ่ี บในสถานศกึ ษา เชน่ ปา้ ยชอ่ื สถานศกึ ษา ปา้ ยหอ้ งนำ้� ปา้ ย มสธทางเดิน สมุดบันทึก ดินสอ ดินสอสี สเี ทยี น กระดาษ

13-34 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำหรับเด็กปฐมวัย การประเมิน มสธ1. การอา่ นสญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ 2. ผลงานของเด็ก สรุปได้ว่า การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการอ่านและการเขียน เป็นการจัด กิจกรรมเพ่ือส่งเสริมความสนใจในการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความรู้เก่ียวกับการใช้หนังสือและกฎ มสธ มสธเกณฑ์ในการเขียน และพัฒนาความสามารถในการอ่านและสร้างสัญลักษณ์ภาษาเขียนให้กับเด็ก เพื่อ เตรียมความพร้อมในการศึกษาต่อในระดับชั้นที่สูงขึ้น ส�ำหรับการจัดกิจกรรมสามารถท�ำได้หลายวิธี คือ 1) การท�ำกิจวัตรหรือวิถีการด�ำเนินชีวิตของเด็กและครอบครัว เช่น การให้เด็กฝึกปฏิบัติภายใต้สภาพ แวดลอ้ มท่เี ออื้ ต่อการอ่านและการเขียน การใชส้ ภาพแวดล้อมรอบตวั เด็ก การอ่านและเขียนรว่ มกนั ฯลฯ 2) การบรู ณาการเข้าไปในกิจกรรมหลกั เชน่ กจิ กรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมเสรี และ 3) กจิ กรรมสง่ เสรมิ ด้านการอ่านและการเขียน การที่เด็กจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้นได้ จ�ำเป็นต้องมีสื่อ มสธประกอบการท�ำกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อกระตุ้น เร้าความสนใจให้เด็กอยากอ่าน และฝึกฝนการเขียน ดว้ ยความสนกุ สนานเพลดิ เพลิน กิจกรรม 13.2.2 มสธ มสธใหอ้ ธบิ ายและยกตวั อยา่ งการจดั ประสบการณแ์ ละสอื่ ทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรมของครเู พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านการอ่านและการเขียน แนวตอบกิจกรรม 13.2.2 การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการอ่านและการเขียน เป็นส่ิงส�ำคัญที่ครูควร ตระหนัก เนอื่ งจากการอา่ นและการเขียนเปน็ กระบวนการท่มี ีความสมั พันธ์ซึง่ กนั และกัน เปน็ สงิ่ ทดี่ �ำเนิน มสธไปพร้อมๆ กัน จนน�ำไปสู่การรหู้ นงั สอื สำ� หรบั การจดั กิจกรรมสามารถท�ำได้หลายวธิ ี เช่น การบรู ณาการ เขา้ ไปในกิจกรรมสร้างสรรค์ การบรู ณาการเข้าไปในกิจกรรมเสรี ฯลฯ การจัดกจิ กรรมดังกล่าวจ�ำเป็นตอ้ ง มีส่ือท่ีหลากหลาย เพ่ือกระตุ้น เร้าความสนใจให้เด็กอยากอ่านและฝึกฝนการเขียนด้วยความสนุกสนาน มสธ มสธ มสธเพลิดเพลนิ

การจัดประสบการณ์เพอื่ พฒั นาเด็กปฐมวัยด้านภาษา 13-35 มสธเร่ืองที่ 13.2.3 การจัดประสบการณ์และส่ือที่ใช้พัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน มสธ มสธการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น เปน็ กระบวนการทม่ี คี วามสมั พนั ธซ์ ง่ึ กนั และกนั อยา่ งเปน็ องค์รวมที่จะน�ำไปสู่ความสามารถในการสื่อสารของเด็กปฐมวัย การฟังและการอ่านถือได้ว่าเป็นกระบวน การในการรับข้อมูล โดยเด็กจะน�ำข้อมูลท่ีได้รับมาท�ำความเข้าใจ สร้างความหมาย และแปลความหมาย ของข้อมลู ผ่านการมองและการใช้สัญลกั ษณ์ทางภาษาดา้ นการพูดและการเขยี น ซึง่ อยูใ่ นกระบวนการสง่ ออกของข้อมูล ทงั้ น้ีเดก็ แตล่ ะคนจะมกี ระบวนการรบั และการแสดงออกทางภาษาที่แตกต่างกัน ข้นึ อย่กู บั มสธความรู้และประสบการณ์ของเด็กแต่ละคน (Bromley, 1992, pp. 2-7; Donoghue, 2009, pp. 7-11) ทง้ั นเี้ พอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจทชี่ ดั เจนในความสมั พนั ธข์ องการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น จงึ ขอเสนอ ภาพแสดงความสัมพันธ์ ดังน้ี มสธ มสธภาษาพูด การฟงั การพดู มสธการรับเขา้ ความเข้าใจใน ้ขอ ูมลความคดิการส่งออก การสร้าง ัสญลักษ ์ณ มสธ มสธการอ่าน การเขียน ภาษาเขยี น ภาพท่ี 13.1 ความสมั พันธร์ ะหว่างการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น แหล่งท่ีมา: ดดั แปลงจาก Bromley, K. D. (1992). Language arts : Exploring connections (2nd ed.). The United States มสธof America: Allyn and Bacon. p. 4.

13-36 การจดั การศึกษาและหลักสูตรสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย ในการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น จำ� เปน็ มสธทจี่ ะตอ้ งพฒั นากระบวนการทำ� ความเขา้ ใจในขอ้ มลู และกระบวนการสรา้ งสญั ลกั ษณ์ ซงึ่ ถอื ไดว้ า่ เปน็ ทกั ษะ พน้ื ฐานในการเรยี นรขู้ องเดก็ ทจ่ี ะนำ� ไปสกู่ ารใชภ้ าษาเพอ่ื พฒั นาทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ-์ จติ ใจ สงั คม และ สตปิ ญั ญา สำ� หรับการจัดประสบการณด์ ้านการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี นให้แก่เด็กปฐมวยั มีจดุ มงุ่ หมายทส่ี ำ� คญั เพอ่ื พฒั นาความสามารถในการสอ่ื สารผา่ นการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น อยา่ ง มสธ มสธเปน็ องค์รวม สอ่ื ทใ่ี ชน้ บั ไดว้ า่ มคี วามสำ� คญั ตอ่ การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครคู วรจดั เตรยี มสอ่ื ทหี่ ลากหลาย เหมาะกบั วยั และดงึ ดดู กระตนุ้ ความสนใจใหเ้ ดก็ อยากเรียนรู้ การจัดประสบการณ์และการใช้สื่อเพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการ เขียนให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูสามารถปฏิบัติและจัดกิจกรรมได้อย่าง มสธหลากหลาย ในเร่ืองนี้จะขอน�ำเสนอใน 2 ประเด็น คือ การจัดประสบการณ์และการใช้ส่ือของพ่อแม่ ผ้ปู กครองในการพฒั นาเดก็ ปฐมวัยด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน และการจัดประสบการณ์ และการใช้ส่ือของครู ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ดังตัวอย่าง ตอ่ ไปน้ี มสธ มสธการจัดประสบการณ์และการใช้สื่อของพ่อแม่ ผู้ปกครองในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้าน การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อื่ ของพอ่ แม่ ผปู้ กครองในการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั การ พดู การอ่าน และการเขยี นสามารถจัดไดใ้ น 2 ลักษณะ คอื การทำ� กจิ วัตรหรือวิถกี ารดำ� เนนิ ชีวิตของเด็ก และครอบครัว และการจดั กจิ กรรมส่งเสรมิ ดา้ นการฟัง การพูด การอา่ น และการเขียน 1. การท�ำกิจวัตรหรือวิถีการด�ำเนินชีวิตของเด็กและครอบครัว พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถจัด มสธกิจกรรมเพื่อพฒั นาเด็กปฐมวัยดา้ นการฟัง การพดู การอา่ น และการเขียนได้ ดังนี้ 1.1 การไปซ้ือของ ไม่ว่าจะเป็นตลาด ร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้า พ่อแม่ ผู้ปกครอง สามารถกระตนุ้ ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั ไดเ้ กดิ การใชภ้ าษาในลกั ษณะองคร์ วม โดยกอ่ นไปซอ้ื ของมกี ารเขยี นรายการ สง่ิ ของทจ่ี ะซอ้ื และในระหวา่ งการซอื้ สง่ิ ของเครอื่ งใชต้ า่ งๆ พอ่ แม่ ผปู้ กครองควรกระตนุ้ ใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ ทกั ษะ ในการฟงั และการพดู จากการโตต้ อบกบั พอ่ คา้ แมค่ า้ ในเรอื่ งราคาของสนิ คา้ ชอ่ื ของสนิ คา้ ความชนื่ ชอบใน มสธ มสธสนิ คา้ ทศั นคตติ ่อสนิ ค้า นอกจากนพ้ี ่อแม่ ผปู้ กครอง ควรใหเ้ ดก็ ได้มปี ระสบการณ์จากการอา่ นปา้ ยแสดง ราคาสินค้า ชอ่ื ของสินค้า ฉลากของสนิ ค้า หรือแผน่ พบั ภายในห้างสรรพสินคา้ และกระตุน้ ให้เดก็ ได้ลอง ฝกึ เขยี น ซ่งึ อาจจะเขียนในลักษณะการเขียนบนอากาศ หรือการเขียนในมอื ของพ่อแม่ ผูป้ กครอง เปน็ ต้น 1.2 การเดินทาง ในระหว่างการเดินทางไปสถานศึกษา ไปท่องเท่ียวพักผ่อน หรือไปหา ญาตผิ ใู้ หญ่ พอ่ แม่ ผปู้ กครองสามารถใชเ้ วลาในรถเพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั ไดเ้ กดิ ประสบการณใ์ นการใช้ ภาษาอยา่ งเป็นองคร์ วมได้ โดยการนัง่ พูดคยุ สนทนาเกีย่ วกบั เรื่องชีวติ ประจำ� วนั ของเด็กไม่วา่ จะเป็นเร่อื ง มสธสถานศึกษา เรื่องคุณครู เรื่องเพื่อน เร่ืองสัตว์ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ท่ีเด็กเข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งนับได้ว่า

การจัดประสบการณเ์ พื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา 13-37 เปน็ การฝกึ ใหเ้ ดก็ ไดม้ กี ารโตต้ อบ สอ่ื สาร เรยี นรบู้ ทบาทของการเปน็ ผฟู้ งั และผพู้ ดู ทด่ี ี นอกจากนใี้ นระหวา่ ง มสธการพูดคยุ สนทนานัน้ พอ่ แม่ ผปู้ กครองกส็ ามารถชักชวนให้เด็กดแู ละอา่ นประโยคจากป้ายโฆษณา ป้าย จราจร ป้ายสัญลกั ษณ์ หรอื ปา้ ยตา่ งๆ ท่เี ดก็ พบเห็นระหว่างการเดนิ ทาง พรอ้ มท้งั ฝึกฝนทักษะการเขยี น ผา่ นการเลน่ เชน่ การเขยี นบนอากาศ การเขยี นบนแผน่ หลงั หรอื การเขยี นบนฝา่ มอื ของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง เปน็ ตน้ มสธ มสธ2. การจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ ดา้ นการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น พอ่ แม่ ผปู้ กครองสามารถ จดั กิจกรรมเพือ่ สง่ เสริมเด็กปฐมวัยดา้ นการฟัง การพูด การอ่าน และการเขยี นได้ ดังนี้ 2.1 การใช้นิทาน การพฒั นาความสามารถในการสอื่ สารผา่ นการฟงั การพดู การอา่ น และ การเขียนอยา่ งเปน็ องคร์ วมนั้น พอ่ แม่ ผปู้ กครองสามารถพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ได้โดยการอ่านหนังสอื นิทาน ร่วมกนั ระหว่างเดก็ กบั พอ่ แม่ ผู้ปกครอง หลังจากอ่านหนังสือนิทานจบแล้ว ควรกระต้นุ และร่วมพูดคยุ กบั เด็กเก่ียวกับเร่ืองราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในนิทาน เพื่อให้เด็กได้แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และถ่ายทอด มสธออกมาผา่ นคำ� พดู หลงั จากบทสนทนาจบลง พอ่ แม่ ผปู้ กครองควรกระตนุ้ และชกั ชวนใหเ้ ดก็ เขยี นจดหมาย ถึงตัวละครที่เด็กช่ืนชอบ ซ่ึงการเขียนอาจจะสะท้อนออกในลักษณะของงานเขียน ภาพวาด หรือภาษา สัญลกั ษณต์ า่ งๆ 2.2 เสียงรอบตัว ในช่วงทีเ่ ด็กปฐมวยั กลบั จากสถานศกึ ษา หรอื ในชว่ งวันหยดุ สุดสปั ดาห์ พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถพัฒนาเด็กได้โดยการชักชวนให้เด็กฟังเสียงจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัวเด็ก มสธ มสธเป็นเสียงที่เกิดขึ้นภายในบ้าน และร่วมพูดคุยกับเด็กในลักษณะการให้ค�ำถามเพ่ือเร้าความสนใจให้เด็ก อยากคน้ หาคำ� ตอบ เช่น เสยี งที่เด็กไดย้ ินน้ันเป็นเสยี งอะไร เสยี งมาจากไหน เสยี งเกดิ ขนึ้ ได้อย่างไร ฯลฯ จากน้ันให้เด็กท�ำการสืบค้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น การถามจากบุคคลในครอบครัว หรือสืบค้นจาก คอมพิวเตอร์ร่วมกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง จนน�ำไปสู่การได้ค�ำตอบ ในข้ันตอนต่อไปพ่อแม่ ผู้ปกครองควร ชักชวนให้เด็กเขียนสัญลักษณ์ของเสียงต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนภายในบ้านร่วมกัน ในกิจกรรมนี้นอกจากพ่อแม่ ผปู้ กครองจะพฒั นาความสามารถในการสอื่ สารผา่ นทกั ษะการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี นอยา่ งเปน็ มสธองคร์ วมแลว้ ยงั เปน็ การสรา้ งความรกั ความอบอนุ่ และสมั พนั ธภาพทดี่ ใี หก้ บั สมาชกิ ในครอบครวั อกี ดว้ ย การจัดประสบการณ์และการใช้สื่อของครูในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน มสธ มสธในการจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อื่ ของครใู นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น สามารถจดั ได้ใน 2 ลกั ษณะ คือ การบรู ณาการดา้ นการฟัง การพูด การอา่ น และการเขียน เขา้ ไปในกจิ กรรมหลกั และการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ ดา้ นการฟงั การพูด การอา่ น และการเขียน 1. การบูรณาการด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนเข้าไปในกิจกรรมหลัก ในการจดั กิจกรรมหลัก ครูสามารถบูรณาการด้านการฟัง การพูด การอา่ น และการเขยี นเขา้ ไปในกิจกรรมหลกั ได้ มสธในทีน่ ข้ี อนำ� เสนอ 2 กจิ กรรมหลักทสี่ ามารถบรู ณาการไดอ้ ย่างชัดเจน ดังนี้

13-38 การจดั การศึกษาและหลักสูตรสำ� หรับเด็กปฐมวยั 1.1 กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมน้ีเอ้ือต่อการพัฒนาความสามารถในการส่ือสาร มสธผา่ นทกั ษะการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี นอยา่ งเปน็ องคร์ วม สำ� หรบั การจดั กจิ กรรมจะเรมิ่ โดยการ กระตนุ้ ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั ไดม้ โี อกาสในการพฒั นาดา้ นการฟงั และการพดู โดยครจู ะเลา่ นทิ านทเี่ หมาะสมกบั วยั และความสนใจของเดก็ เชน่ นิทานเรื่องหนนู อ้ ยหมวกแดง หลังจากเลา่ จบ ครใู หเ้ ดก็ วาดรูปตวั ละคร ฉาก หรือตอนทีเ่ ด็กชอบ จากนั้นให้เด็กเลา่ เร่ืองจากรปู ภาพที่วาดใหเ้ พ่ือนฟัง พรอ้ มทง้ั ร่วมกนั สนทนาซกั ถาม มสธ มสธเกี่ยวกับผลงานของเดก็ 1.2 กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ กจิ กรรมนเ้ี ออื้ ตอ่ การสง่ เสรมิ ทกั ษะการฟงั การพดู การอา่ น และการเขียนใหก้ บั เด็กปฐมวยั อยา่ งเป็นองค์รวม โดยเรม่ิ จากการใหเ้ ดก็ วาดภาพ ขีดเขยี นตามเสียงเพลง ทีค่ รูเปดิ ใหฟ้ งั ผา่ นการใช้วสั ดุอุปกรณต์ า่ งๆ เชน่ กระดาษ ดนิ สอ ดินสอสี สไี ม้ สีเทียน สนี ำ�้ และกระดาน ขาหยั่ง ฯลฯ หลังจากนั้นให้เด็กน�ำเสนอผลงานท่ีตนเองสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้อ่าน สัญลักษณ์ตา่ งๆ จากภาพ และถ่ายทอดความคดิ ของตนเองออกมาในลักษณะการพูด การเลา่ เรือ่ ง หรือ มสธการสนทนา เปน็ ตน้ 2. การจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ส�ำหรับการจัดกิจกรรม สง่ เสรมิ ดา้ นการฟัง การพูด การอา่ น และการเขียน เป็นกจิ กรรมทคี่ รจู ัดขึน้ โดยมีจดุ ม่งุ หมายส�ำคญั เพ่อื พัฒนาการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนของเด็กโดยเฉพาะ ตัวอย่างต่อไปน้ีเป็นกิจกรรมท่ีพัฒนา เดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี นท่ีครูสามารถนำ� ไปปรับใชไ้ ด้ ดังน้ี มสธ มสธ2.1 กิจกรรม “บูรณาการหลากทักษะ” เป็นกจิ กรรมทส่ี ่งเสริมใหเ้ ด็กไดฝ้ กึ การฟัง การพดู การอา่ น และการเขยี นอยา่ งเปน็ องคร์ วม โดยเดก็ และครรู ว่ มกนั พดู คยุ และอา่ นหนงั สอื นทิ านเกย่ี วกบั สถาน ทใี่ นชมุ ชนของเรา พรอ้ มท้งั เดินสำ� รวจรอบๆ ชุมชน เพอ่ื ร่วมกนั วาดแผนที่ชุมชนของเรา และนำ� เสนอ จุดประสงค์ เดก็ สามารถ 1. ฟงั และตอบค�ำถามได้ 2. อ่านหนังสอื นทิ านได้ มสธ3. สร้างสัญลักษณท์ างภาษาได้ การด�ำเนินกิจกรรม 1. ข้นั น�ำ ร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกับสถานทใี่ นชมุ ชนของเรา 2. ขนั้ กจิ กรรม มสธ มสธ2.1 ให้เด็กเลือกอ่านหนังสือนิทานทเ่ี กีย่ วข้องกับสถานท่ใี นชุมชนของเรา ตามความสนใจในมมุ หนังสอื หรือมุมห้องสมดุ 2.2 พาเดก็ เดนิ สำ� รวจชุมชนทอ่ี ยรู่ อบๆ สถานศึกษา 2.3 ใหเ้ ดก็ ๆ รว่ มกนั วาดแผนทชี่ มุ ชนของเรา พรอ้ มทงั้ ตกแตง่ ใหส้ วยงาม 3. ขนั้ สรุป ให้เด็กๆ น�ำผลงานการวาดแผนที่ชุมชนของเรามาน�ำเสนอ และบอกได้ มสธว่าชุมชนของเราเปน็ อยา่ งไร

การจดั ประสบการณเ์ พื่อพัฒนาเด็กปฐมวยั ดา้ นภาษา 13-39 ส่ือ มสธหนังสือนิทานที่เก่ียวข้องกับสถานท่ีในชุมชนของเรา ดินสอ ดินสอสี สีเทียน กระดาษ การประเมิน 1. การสนทนาและการตอบค�ำถาม มสธ มสธ2. การอ่านหนังสือนิทาน 3. ผลงานของเดก็ 2.2 กิจกรรม “เกมกระซิบ” เปน็ กิจกรรมท่ีมุ่งพฒั นาทกั ษะการฟัง การพดู การอ่าน และ การเขยี นอยา่ งเปน็ องคร์ วม ผา่ นการกระซบิ บอกคำ� ศพั ทท์ เ่ี หมาะกบั เดก็ ปฐมวยั และเลอื กรปู ภาพใหส้ มั พนั ธ์ กบั ส่ิงทไ่ี ด้ยนิ พร้อมท้ังวาดร่วมกัน จุดประสงค์ เด็กสามารถ มสธ1. ฟงั และบอกสงิ่ ท่ีฟังได้ 2. อา่ นภาพท่ีสอดคลอ้ งกับสงิ่ ทฟี่ ังได้ 3. สรา้ งสญั ลักษณ์ทางภาษาได้ การด�ำเนินกิจกรรม 1. ขัน้ น�ำ มสธ มสธอธิบายวิธีการเล่น โดยครูกระซิบบอกค�ำศัพท์ให้กับเด็กคนแรก จากน้ัน ใหเ้ ดก็ กระซบิ บอกสงิ่ ทไ่ี ดย้ นิ กบั เพอื่ น และบอกตอ่ ไปเรอื่ ยๆ จนถงึ เดก็ คนสดุ ทา้ ย จากนนั้ ใหเ้ ดก็ คนสดุ ทา้ ย ไปหยิบรูปภาพให้ตรงกับสิ่งท่ีได้ยินและบอกกับเพ่ือนๆ หลังจากน้ันครูจึงเฉลยค�ำศัพท์ และเขียนลงบน กระดาน พรอ้ มทัง้ วาดรูปประกอบ และชกั ชวนใหเ้ ดก็ อา่ นคำ� ศพั ท์ พรอ้ มท้งั วาดรูปลงบนกระดาษ 2. ขัน้ กจิ กรรม 2.1 ครกู ระซิบบอกคำ� ศพั ท์ท่ีเหมาะสมให้เดก็ คนแรกฟัง มสธ2.2 ใหเ้ ดก็ ทีไ่ ดฟ้ ังกระซบิ บอกกบั เพือ่ นคนถัดไป 2.3 เด็กกระซิบบอกเพื่อนตอ่ ไปเรอ่ื ยๆ จนถงึ เดก็ คนสดุ ทา้ ย 2.4 ใหเ้ ดก็ คนสดุ ทา้ ยวง่ิ ไปหยบิ รปู ภาพในสง่ิ ทตี่ นไดย้ นิ และบอกกบั เพอื่ นๆ 2.5 ครเู ฉลยคำ� ศพั ทท์ ไ่ี ดก้ ระซบิ บอกใหก้ บั เดก็ ๆ และเขยี นลงบนกระดาน พรอ้ มทงั้ วาดรปู ประกอบ มสธ มสธ2.6 ชักชวนใหเ้ ด็กอ่านค�ำศัพท์พรอ้ มทัง้ วาดรปู ลงบนกระดาษ 3. ขั้นสรุป ให้เด็กๆ บอกถงึ คำ� ศพั ท์ที่ได้ยิน ส่ือ มสธรูปภาพตา่ งๆ กระดาษ ดนิ สอ ดินสอสี สีไม้ สีเทยี น

13-40 การจดั การศึกษาและหลักสตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวัย การประเมิน มสธ1. การฟงั และกระซบิ บอกคำ� ศัพท์ 2. การหยบิ รูปภาพจากสิ่งที่ได้ยิน 3. ผลงานของเดก็ สรปุ ไดว้ า่ การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น มสธ มสธเป็นการจัดกิจกรรมท่ีอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนากระบวนการท�ำความเข้าใจในข้อมูล และกระบวนการ สรา้ งสญั ลกั ษณ์ เพอื่ สง่ เสรมิ ความสามารถในการสอ่ื สารผา่ นการบรู ณาการทกั ษะการฟงั การพดู การอา่ น และการเขียน ส�ำหรับการจัดกจิ กรรมสามารถทำ� ได้หลายวธิ ี คอื 1) การท�ำกจิ วตั รหรือวถิ กี ารด�ำเนินชีวิต ของเดก็ และครอบครวั เชน่ การไปซอ้ื ของ การเดนิ ทาง การใชน้ ทิ าน เสยี งรอบตวั ฯลฯ 2) การบรู ณาการ เขา้ ไปในกจิ กรรมหลกั เชน่ กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ กจิ กรรมสร้างสรรค์ และ 3) กิจกรรมสง่ เสรมิ ด้าน การฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น ซง่ึ ในการจดั กจิ กรรมดงั กลา่ วจำ� เปน็ จะตอ้ งมสี อ่ื ทห่ี ลากหลาย และ มสธเออ้ื ตอ่ การพฒั นาการฟงั การพูด การอ่าน และการเขยี นอย่างเป็นองค์รวม กิจกรรม 13.2.3 ใหอ้ ธบิ ายและยกตวั อยา่ งการจดั ประสบการณแ์ ละสอ่ื ทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรมเพอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั มสธ มสธดา้ นการฟัง การพดู การอ่าน และการเขยี น แนวตอบกิจกรรม 13.2.3 การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนเป็นสิ่ง ส�ำคัญท่ีพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูควรตระหนัก เน่ืองจากการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนเป็น กระบวนการทมี่ คี วามสมั พนั ธซ์ งึ่ กนั และกนั อยา่ งเปน็ องคร์ วมจนนำ� ไปสคู่ วามสามารถในการสอ่ื สารของเดก็ มสธสำ� หรบั การจดั กิจกรรมสามารถท�ำได้หลายวธิ ี เช่น การไปซ้อื ของ การเดนิ ทาง การใช้นทิ าน เสียงรอบตัว การเล่านิทาน กิจกรรมสร้างสรรค์ และกิจกรรมส่งเสริมด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ส่ือ และวสั ดอุ ปุ กรณน์ บั ไดว้ า่ มคี วามสำ� คญั ตอ่ การจดั กจิ กรรม ดงั นน้ั สอ่ื ทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรมควรมคี วามหลาก มสธ มสธ มสธหลาย และเอ้อื ต่อการนำ� ไปใช้เพอ่ื พัฒนาเดก็ ปฐมวยั ด้านการฟงั การพดู การอา่ น และการเขียน

การจัดประสบการณ์เพือ่ พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา 13-41 มสธตอนท่ี 13.3 การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านภาษา โปรดอ่านหวั เรอ่ื ง แนวคิด และวตั ถุประสงค์ของตอนท่ี 13.3 แลว้ จงึ ศกึ ษารายละเอียดต่อไป มสธ มสธหัวเร่ือง 13.3.1 การประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพดู 13.3.2 การประเมินพัฒนาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการอา่ นและการเขียน 13.3.3 การประเมนิ พัฒนาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั การพดู การอ่าน และการเขียน แนวคิด มสธ1. ก ารประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั และการพดู เปน็ การประเมนิ ทค่ี รอบคลมุ ประสบการณ์สำ� คญั และสาระทีค่ วรเรียนรู้ดา้ นการฟังและการพดู ของเดก็ โดยใช้วิธกี าร สังเกตและบนั ทกึ พฤตกิ รรม และการสมั ภาษณ์ ประกอบการใช้เครอื่ งมอื ที่หลากหลาย 2. การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการอ่านและการเขียน เป็นการประเมินที่ มสธ มสธครอบคลุมประสบการณ์ส�ำคัญและสาระท่ีควรเรียนรู้ด้านการอ่านและการเขียนของเด็ก นยิ มใชว้ ิธกี ารสังเกต และบันทึกพฤติกรรม ผ่านการใชเ้ ครือ่ งมอื ท่มี ีความหลากหลาย 3. การประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการฟงั การพดู การอา่ น และการเขยี น เปน็ การ ประเมนิ ท่คี รอบคลุมประสบการณส์ �ำคัญและสาระทคี่ วรเรยี นรูด้ า้ นการฟัง การพูด การ อ่าน และการเขียนของเด็กที่ใช้ในการสื่อสารอย่างเป็นองค์รวมตามสภาพจริงที่ช่วยให้ สามารถเก็บรวบรวมขอ้ มูลทเ่ี กดิ ข้ึนตามความเปน็ จริงในชีวิตประจ�ำวันของเดก็ รวมทงั้ มสธสะท้อนการเรียนรู้และทักษะทั้ง 4 ด้านของเด็กอย่างแท้จริง โดยใช้แฟ้มสะสมผลงาน หรือพอตโฟลโิ อเป็นเครอ่ื งมอื เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล วัตถุประสงค์ เม่ือศกึ ษาตอนท่ี 13.3 จบแลว้ นักศึกษาสามารถ มสธ มสธ1. อธิบายและยกตัวอย่างเคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการฟัง และการพูดได้ 2. อธิบายและยกตัวอย่างเคร่ืองมือท่ีใช้ในการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการอ่าน และการเขียนได้ 3. อ ธิบายและยกตัวอย่างเคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการฟัง มสธการพดู การอา่ น และการเขยี นได้

13-42 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำหรับเด็กปฐมวัย มสธเรื่องที่ 13.3.1 การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูด มสธ มสธการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูด เป็นสิ่งส�ำคัญท่ีจะช่วยให้พ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู ราบขอ้ มลู ความกา้ วหนา้ และขอ้ มลู เกย่ี วกบั ความตอ้ งการการชว่ ยเหลอื เปน็ พเิ ศษ อกี ทั้งยังช่วยให้เห็นแนวทางในการส่งเสริมจุดแข็งและพัฒนาจุดอ่อน ในเรื่องนี้จะกล่าวถึงขอบข่าย วิธีการ ประเมนิ และเครือ่ งมือทใ่ี ชใ้ นการประเมิน ดังมรี ายละเอยี ดต่อไปน้ี 1. ขอบข่ายของการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูด พิจารณาจาก ประสบการณ์ส�ำคญั และสาระท่ีควรเรยี นรู้ด้านการฟงั และการพูด ดงั นี้ 1.1 การฟังเสียงต่างๆ อย่างมีจุดมุ่งหมาย เช่น การฟังเพ่ือความสนุกสนาน การฟังเพ่ือ มสธจ�ำแนกความแตกต่าง ฯลฯ 1.2 การรบั รเู้ สยี งท่ีได้ยิน 1.3 การตระหนกั ถึงความหมายของเสยี งในบริบทแวดล้อม 1.4 การตคี วามสง่ิ ทีไ่ ดย้ ินโดยเชอื่ มโยงกับความรูเ้ ดมิ มสธ มสธ1.5 ความสามารถในการไดย้ นิ และจบั ใจความ 1.6 การแสดงความคิด ความรู้สึก และความต้องการด้วยคำ� พดู 1.7 การพดู กบั ผอู้ ื่นเก่ยี วกบั ประสบการณข์ องตนเอง หรือเล่าเร่ืองราวเกี่ยวกับตนเอง 1.8 การอธบิ ายเกย่ี วกับสิง่ ของ เหตุการณ์ และความสมั พันธ์ของส่ิงต่าง ๆ 1.9 การพดู อย่างสร้างสรรค์ในการเล่นหรอื การแกป้ ญั หา 1.10 การเชอื่ มโยงการพูดกบั ทา่ ทางหรอื การกระทำ� ตา่ ง ๆ มสธ1.11 การมีประสบการณ์ในการรอคอยจงั หวะทเ่ี หมาะสมในการพูด 1.12 คำ� ศพั ทท์ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั ชวี ติ ประจำ� วนั ของเดก็ หรอื คำ� ศพั ทท์ เ่ี กย่ี วกบั เรอื่ งราวทเ่ี ดก็ สนใจ 1.13 การเรียงล�ำดับค�ำตา่ งๆ เพ่ือใช้ในการส่ือสารใหผ้ ูอ้ ืน่ เขา้ ใจ 1.14 การใช้คำ� พดู ทีเ่ ปน็ ทย่ี อมรับ และ/หรือค�ำพูดทส่ี ุภาพ 1.15 การใช้ค�ำพูดใหเ้ หมาะสมกบั บคุ คลท่ีต้องการส่อื สารด้วย มสธ มสธ2. วิธีการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการฟังและการพูด ในการประเมินพฒั นาการเด็ก ปฐมวยั ดา้ นการฟังและการพูดสามารถประเมินได้หลายวิธี แตว่ ิธที นี่ ิยมใชก้ นั มากทส่ี ดุ มี 2 วิธี ดังน้ี 2.1 การสังเกตและบันทึกพฤติกรรม เป็นการสังเกตพฤติกรรมการฟงั และการพดู ของเด็ก ผา่ นการใชภ้ าษาในกจิ กรรมและสถานการณท์ เี่ กยี่ วกบั ภาษา โดยทเี่ ดก็ แสดงพฤตกิ รรมการฟงั และการพดู ออกมาตามธรรมชาติ จากนนั้ ครจู ะทำ� การรวบรวมขอ้ มลู โดยการจดบนั ทกึ หรอื จดบนั ทกึ ในแบบฟอรม์ เพอื่ น�ำข้อมูลเหล่าน้ันมาเป็นหลักฐานในการประเมินเด็ก ในการสังเกตพฤติกรรมการฟังและการพูดของเด็ก มสธควรทำ� การสงั เกตหลายๆ ครง้ั ในสถานการณท์ หี่ ลากหลาย เพอื่ ใหแ้ นใ่ จวา่ เปน็ พฤตกิ รรมทแี่ ทจ้ รงิ ของเดก็


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook