141 112471 แบบประเมินการเขียนเค้าโครงโครงงาน ลาดับ รายการ ระดับคุณภาพ รวม ๑ หวั ข้อเรือ่ งน่าสนใจมปี ระโยชน์ ๔๓๒๑ ๒๐ ๒ มวี ตั ถุประสงค์ชดั เจน ๓ ข้ันตอนการดาเนินงานมีความเป็นไปได้ ๔ การใชภ้ าษาส่ือสารให้ผู้อน่ื เข้าใจได้ ๕ การลาดับความคดิ ไมส่ ับสน เกณฑ์การตัดสนิ ๔ หมายถึงดมี าก ๒ หมายถึงพอใช้ ๓ หมายถึงดี ๑ หมายถึงปรบั ปรงุ กลมุ่ ที่ พฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในกระบวนการกลุ่ม รวม รายช่อื การ การแบ่ง การรบั ฟัง บรรยากาศ การตดิ ตาม ๒๐ สมาชิก วางแผน หนา้ ท่ี ความ การทางาน และ งาน คิดเหน็ ปรับปรุง ครูอาจจะสังเกตเพยี งบางกลุ่มในการเรยี นการสอนแตล่ ะครงั้ หรอื สังเกตเพียงบางพฤติกรรมที่เห็นว่าเหมาะสมหรือ สาคัญสาหรับกจิ กรรมการเรยี นการสอนในคาบนนั้ ๆ นอกจากน้ันอาจใชว้ ธิ ใี ห้นกั เรยี นในห้องเรยี นประเมนิ เพอ่ื น เกณฑก์ ารตัดสิน ๔ หมายถึงดมี าก ๒ หมายถึงพอใช้ ๓ หมายถึงดี ๑ หมายถงึ ปรบั ปรงุ
142 หนว่ ยการเรียนรู้ ๒ เรอ่ื ง พิถพี ถิ ันสร้างสรรคค์ วามคิด แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๖ เรื่อง การเขียนรายงานโครงงานและมารยาทการเขียน เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ขอบเขตเนือ้ หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ การเขียนโครงงาน มีความจาเป็น และ ขั้นนา ใบความรู้ เร่ือง ข้นั ตอนในการเขียนโครงงาน สาคัญมากสาหรับการเรียนในยุคปัจจุบัน ๑. ครูสนทนากับนักเรียนถึงประสบการณ์การทาโครงงาน เปน็ การฝึกฝนให้นักเรยี นได้ฝกึ การทาวิจัย ใน ยกตัวอย่างโครงงานที่ได้รบั รางวลั ภาระงาน/ชิ้นงาน เบ้ืองต้น รู้จักองค์ประกอบของการทางาน ๒. แจ้งจดุ ประสงค์ในการเรยี น รายงานโครงงาน วิจัย โดยการจัดทาโครงงาน และเขียน ข้ันสอน รายงานโครงงาน ๑. นกั เรียนเข้ากลุ่มเดิมท่ีเขียนเค้าโครงร่วมกันแล้วในช่ัวโมงที่ มารยาทในการเขียน มีความสาคัญต่อ ผา่ นมา ผู้เขียนท่ีต้องเรียนรู้เพ่ือนาไปใช้ในการเขียน ๒. นกั เรียนศึกษาใบความรู้เร่อื ง ขนั้ ตอนในการเขียนโครงงาน ได้อย่างมีมารยาท กล่าวคือไม่คัดลอกผลงาน ๓. ครูอธิบายไปตามลาดับหัวข้อ ทบทวนข้ันตอนการทา และอา้ งองิ เชงิ วิชาการอย่างถูกตอ้ ง โครงงาน จุดประสงค์การเรยี นรู้ - การเลอื กหัวข้อโครงงาน ด้านความรู้ - การศกึ ษาคน้ คว้าขอ้ มูล เข้าใจหลกั การเขียนโครงงาน - การจัดทาโครงงาน ด้านทักษะและกระบวนการ - การเขยี นรายงานโครงงาน เขียนโครงงานได้ถกู ต้อง ๔. ศกึ ษารูปแบบรายงานโครงงาน ดา้ นคณุ ลกั ษณะ - บทท่ี ๑-๕ และวิธเี ขยี นแตล่ ะบท, การจัดรูปเลม่ - ใฝ่เรยี นรู้ ขนั้ สรุป - อย่อู ยา่ งพอเพยี ง ๑. กาหนดเวลาดาเนินกิจกรรมตามโครงงาน ๑ เดือน ปรึกษา - มุง่ มน่ั ในการทางาน ครูเป็นระยะๆ เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมตามโครงงาน กลุ่มร่วมกัน เขยี นรายงานโครงงานนาสง่ ครู ๒. ครูประเมินงานและกาหนดเวทีนาเสนอโครงงาน 112482
143 112493 การวดั ผลและการประเมินผล วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑ์ สง่ิ ทป่ี ระเมิน - ตรวจเคา้ โครงโครงงาน - ตรวจประเมนิ แบบตรวจผลงาน ผ่านรอ้ ยละ ๘๐ ดา้ นความรู้ กระบวนการทาโครงงาน การเขียนโครงงาน รู้และเข้าใจหลักการและรปู แบบ - ตรวจรายงานโครงงาน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ผ่านร้อยละ ๘๐ รายงานโครงงาน พฤติกรรม คุณภาพระดับ ๒ แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ ด้านทักษะ/กระบวนการ คุณลกั ษณะ เขียนโครงงานได้ถูกต้อง ดา้ นคณุ ลักษณะ สังเกตพฤติกรรม - ใฝเ่ รียนรู้ - อยูพ่ อเพยี ง - มุ่งม่นั ในการทางาน ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ............................................. ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ............................................. ลงช่ือ......................................................ผ้สู อน (..........................................................) วันท่ี .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ............. ๙. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................... ............................................................................... .................................................................................... ............. ....................................................................................................................................................... ........................ ลงชือ่ ...................................................... ผตู้ รวจ (..........................................................) วนั ที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. .............
144 113404 ใบความรู้ เร่อื ง ขนั้ ตอนในการเขยี นโครงงาน หนว่ ยท่ี ๒ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๖ เรอ่ื ง การเขยี นรายงานโครงงานและมารยาทการเขียน รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ขน้ั ตอนการทาโครงงาน การพัฒนาโครงงานเป็นกิจกรรมที่มีกระบวนการย่อยหลายขั้นตอน ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ต้องใช้เวลา และต้องมีความอดทนสูง มีการวางแผนอย่างเป็นระบบขั้นตอน ซ่ึงจากการศึกษาขั้นตอนการทาโครงงาน มที ง้ั หมด ๖ ข้ันตอน ๑. การเลอื กหวั ขอ้ โครงงาน หัวข้อโครงงานท่ีจะเลือกทานั้นส่วนใหญ่มาจากความต้องการ หรือความสนใจในการเลือกปัญหาและแก้ไข ปัญหาสามารถนามาประยุกต์ใช้ได้หรืออื่นๆตามเจตนารมณ์ของผู้จัดทา เราพิจารณาจากความสนใจ การสังเกตส่ิง รอบตัว การศกึ ษาจากโครงงานท่ีมีผพู้ ฒั นามาก่อนแล้วเพ่ือนามาเป็นแนวทางในการพัฒนาต่อ เมื่อเราได้หัวข้อมาแล้ว กต็ ้องกาหนดชอ่ื โครงงานให้สอดคล้องกบั เนื้อหาโครงงาน ดว้ ยขอ้ ความที่กระชบั ได้ใจความและน่าสนใจ ๒. การศกึ ษาค้นคว้าข้อมลู ที่เกยี่ วข้องกบั โครงงาน เม่ือเราได้หัวข้อของโครงงานมาแล้ว หลังจากน้ันต้องค้นหาความรู้ท่ีเก่ียวข้องมาเพิ่มเติม แหล่งข้อมูลควรมา จากแหล่งท่ีหลายหลาย เช่น จากหนังสือ วารสาร ผู้เชี่ยวชาญ หรืออาจศึกษาจากโครงงานท่ีคล้ายๆกันที่มีคนทามา ก่อนแล้ว และในการสบื ค้นแตล่ ะครง้ั ส่ิงท่ีขาดไม่ได้คือต้องบอกท่ีมาของข้อมูล แหล่งอ้างอิงข้อมูลที่ถูกต้องให้ครบถ้วน เสมอ ๓. การจดั ทาขอ้ เสนอโครงงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานเป็นการกาหนดแนวคิดต่างๆ และการวางแผนพัฒนาโครงงาน รวมถึงการทา ตารางกาหนดการและระยะเวลาในการทา เพ่ือช่วยให้สามารถคาดการณ์ความเป็นไปได้ในการทาโครงงาน โดยที่ ผจู้ ดั ทาสามารถไปนาเสนอกบั ทีป่ รกึ ษาหรอื ผทู้ รงคุณวุฒิทีเ่ กยี่ วข้องใหช้ ว่ ยพจิ ารณางานให้ ๔. การจัดทาโครงงาน การจัดทาโครงงานถือเป็นภาคปฏิบัติที่สาคัญ จึงต้องเตรียมพร้อมในทุกๆด้าน เตรียมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดทุ ใี่ ชใ้ ห้ครบถว้ น ควรคานงึ ถึงความประหยัด คุ้มค่า และมีจิตสานึกรับผิดชอบต่อสังคมเสมอ ไม่ทา อะไรผดิ กฎหมาย หลงั จากนนั้ จัดทาโครงงานตามตารางเวลาการทางานอย่างเคร่งครัด ระหว่างทาต้องบันทึกผลตลอด เพอื่ ตดิ ตามความก้าวหน้า ปัญหาอุปสรรค วิธีแก้ไขและเพ่ือควบคุมการปฏิบัติงานตามเวลาที่กาหนด มีการตรวจสอบ ความถกู ตอ้ งตามแผนงานอยา่ งสมา่ เสมอ ๕. การเขยี นรายงาน การเขียนรายงานเป็นการจัดทาเอกสารรายละเอียดทั้งหมดในการพัฒนาโครงงานและคู่มือการใช้งาน เพื่อ เผยแพร่และใชพ้ ัฒนาในครั้งตอ่ ไป ซ่ึงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการศึกษาหรืออยากทาโครงงานท่ีรูปแบบคล้ายกันก็ สามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ท่ีบันทึกไว้ การเขียนรายงานควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ ตรงประเด็น สุภาพ และไมก่ ระทบทาให้ผอู้ นื่ เสียหาย รูปแบบการเขยี นรายงาน รูปแบบของรายงานแบง่ ออกเป็น ๓ ส่วน คอื ส่วนประกอบตอนต้น สว่ นเน้ือหา และสว่ นประกอบตอนทา้ ย ๑. ส่วนประกอบตอนตน้
145 113415 ๑.๑ หน้าปกรายงาน ควรเขียนด้วยลายมือบรรจง ส่วนบนเขียนชื่อเรื่อง ส่วนกลางชื่อผู้รายงาน ส่วนล่างบรรทัดแรกให้เขียนว่า “รายงานน้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาวิชา....” บรรทัดที่สองเป็นช่ือสถาบันศึกษา สว่ นบรรทดั ทสี่ ามบอกภาคทเี่ รยี น และปกี ารศึกษา ๑.๒ คานา เป็นการบอกขอบข่ายของเรื่อง สาเหตุท่ีทาให้เลือกทารายงานเร่ืองน้ี จุดมุ่งหมาย ในการเขียน ตลอดจนการขอบคณุ ผูท้ ีม่ สี ว่ นชว่ ยเหลือในการทารายงาน ๑.๓ สารบัญ คือ ส่ิงที่ใช้บอกช่ือเรื่อง เรียงตามลาดับท่ีปรากฏในหนังสือ สารบัญจะบอกเลขหน้า ไว้ดว้ ย เพื่อให้ผู้อา่ นเปิดอา่ นไดส้ ะดวก ๑.๔ อาจแยกเป็นสารบญั เรอื่ ง และสารบญั ตาราง ๒. ส่วนเนอ้ื เรือ่ ง ๒.๑ ส่วนที่เป็นเน้ือหา ต้องมีตอนนา ตอนตัวเร่ือง และตอนลงท้าย เช่นเดียวกับการเขียนเรียงความ แบง่ เปน็ ๕ บท ดังนี้ บทที่ ๑ บทนา แสดงท่ีมาและความสาคัญของโครงงาน วัตถุประสงค์ในการจัดทาและขอบเขต การศกึ ษาค้นคว้าและประโยชนค์ าดว่าจะได้รบั บทท่ี ๒ เอกสารและโครงงานท่ีเก่ียวข้อง แสดงส่วนสรุปข้อมูลจากการศึกษาข้อมูล หลักการ และทฤษฎี หรือวิธีการท่ีจะนามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อ่ืนท่ีผู้จัดทาได้นามา เปรยี บเทยี บหรือพฒั นาตอ่ ยอด บทที่ ๓ วิธีการจัดทาโครงงาน แสดงการอธิบายรายละเอียด ปัญหาหรืออุปสรรคการทางาน และวธิ ีการแกไ้ ข รวมถงึ ระบวุ สั ดอุ ุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการทาโครงงานด้วย บทท่ี ๔ ผลการศึกษา แสดงการนาเสนอข้อมูลหรือระบบที่พัฒนาได้ อาจเป็นรูปภาพ กราฟ ขอ้ ความตวั อกั ษร ซึง่ ต้องสือ่ ความหมายให้เข้าใจงา่ ย บทท่ี ๕ สรุปผลและข้อเสนอแนะ หากในการทางานมีการต้ังสมมติฐานไว้ ต้องมีการสนับสนุนหรือ คัดค้านสมมติฐานที่ต้ังไว้หรือยังสรุปสมมติฐานไม่ได้ บอกการนาไปใช้ประโยชน์ อุปสรรคในการทางาน ข้อสังเกตท่ี สาคัญ ข้อผิดพลาดจากการทางาน มีข้อเสนอแนะในกรปรับปรุงงานรวมถึงบอกประโยชน์ที่ผู้จัดทาและผู้ศึกษาจะ ได้รับและข้อเสนอแนะ ๒.๒ สว่ นประกอบในเนือ้ หาไดแ้ ก่ - อญั ประกาศ คือ ข้อความท่ีคดั มาจากคาพดู หรอื ข้อเขียนของผู้อืน่ โดยไม่ดัดแปลง - เชิงอรรถ คอื ขอ้ ความทา้ ยหนา้ มไี ว้เพือ่ แจง้ ท่มี าของข้อความในตวั เรือ่ ง ๓๓..สสว่ ว่ นประะกกออบบตตออนนททา้ ้ายย ๓.๑ บรรณานุกรม คือ รายช่ือสิ่งพิมพ์ตลอดจนวัสดุอ้างอิงทุกชนิดที่เก่ียวข้องกับการทารายงาน พิมพ์ไว้ตอนท้ายสุดของรายงานการเขียนบรรณานุกรม บอกช่ือ สกุล ผู้แต่ง ชื่อหนังสือ คร้ังท่ีพิมพ์ เมืองที่พิมพ์ สานักพิมพ์ ปที ี่พมิ พ์ จานวนหนา้ ๓.๒ ภาคผนวกหรอื อภธิ านศัพท์ คือ ส่วนทน่ี ามาเพ่ิมเติมทา้ ยรายงาน เพือ่ ให้ผอู้ ่านเขา้ ใจแจ่มแจ้งยง่ิ ขน้ึ ๓.๓ ข้อมลู ผู้จัดทา มารยาทในการเขียน การเขียน เป็นทักษะท่ีสาคัญในการส่ือสาร เพราะการเขียนสามารถบันทึกในสิ่งท่ีได้อ่าน ได้ฟัง ทบทวน ความรแู้ ละถ่ายทอดความรู้ส่ผู ูอ้ ืน่ ได้ การเขียนที่สัมฤทธิ์ผลคือการเขียนที่ผู้อ่านเข้าใจตามที่ผู้เขียนต้องการ นอกจากน้ี ผู้เขียนควรตระหนกั ถึงมารยาทในการเขียน มารยามในการเขียน มดี ังนี้ ๑. เขยี นให้ถกู ตอ้ งตามอกั ขรวธิ ีและรูปแบบการเขยี น
146 113426 ๒. เขยี นในสิ่งทีส่ รา้ งสรรค์ ไมส่ ร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่น ๓. เขยี นในส่งิ ท่เี ป็นจรงิ มปี ระโยชนม์ ีการคน้ ควา้ ขอ้ มลู อย่างถกู ต้อง ๔. ใชภ้ าษาสภุ าพ เหมาะสมกับรูปแบบของงานเขยี น ๕. เขยี นดว้ ยลายมือทอ่ี า่ นงา่ ย สวยงาม สะอาดเปน็ ระเบยี บ ๖. บอกแหล่งท่มี าและชอ่ื ผแู้ ตง่ หากคัดลอกข้อความมาจากหนังสือเลม่ อื่น การนาเสนอและแสดงผลโครงงาน (ถา้ ม)ี ต้องเตรียมเอกสารการนาเสนอให้สมบูรณ์ครบถ้วน อาจปรับย่อข้อความจากรายงานก็ได้ นาเสนอ ในรูปแบบท่ีเหมาะสมโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของการทาโครงงานและการนาเสนอ ก่อนนาเสนอต้องวาง แผนการนาเสนอ ฝกึ สาธติ โครงงาน และฝึกคาถาม ถาม-ตอบกบั เสมอ ตัวอย่างหวั ข้อทจี่ ะใช้นาเสนอ ๑. ชื่อโครงงาน ๒. ชอ่ื ผู้จัดทา ๓. ชือ่ ที่ปรกึ ษา ๔. คาอธิบายถงึ ท่ีมา ความสาคญั และวัตถุประสงค์ ๕. วิธดี าเนินการทสี่ าคญั ๖. การสาธติ ผลงาน ๗. ผลการศกึ ษาและข้อสรุปทีไ่ ด้จากการทาโครงงาน
147 113437 ตราโรงเรียน รายงานโครงงาน เรอื่ ง……………………………………………………………….. โดย ………………………………………………………………..……………………………………………… ………………………………………………………………..……………………………………………… ………………………………………………………………..……………………………………………… ………………………………………………………………..……………………………………………… เสนอ ………………………………………………………………..……………………………………………… รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของการเรยี นรายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ท๒๓๑๐๑ โรงเรียน.......โ..ร..ง..เ.ร..ีย..น..ว...ัง.ไ..ก..ล...ก..งั ..ว..ล.................... ภาคเรยี นภทา.ี่ค..เ.ร..ีย...น..ท.ปี่ ๑ีกาปรศีกึการษศากึ..ษ...า...๒...๕...๖..๒.............. (ต(ตวั วั ออยย่าา่ งงปปกกนนอก)
148 113448 เกณฑก์ ารประเมนิ การเขียนรายงานโครงงาน ๑. ส่วนประกอบตอนตน้ ๒ คะแนน มีสว่ นหน้าปก คานา สารบญั ถูกต้องครบถ้วนตามหลกั การ ๑ คะแนน มสี ่วนหน้าปก คานา สารบัญ แต่ไม่ถกู ต้องตามหลักการ ๐ คะแนน ไม่มีส่วนหนา้ ปก ไม่มีคานา ไม่มสี ารบญั รายการใดรายการหน่ึง หรอื ทุกรายการ ๒. สว่ นเนือ้ เรอ่ื ง ๒ คะแนน มีองคป์ ระกอบครบ ๕ บท ถูกต้องครบถว้ นตามหลักการ ๑ คะแนน มีองค์ประกอบครบ ๕ บท แต่ไม่ถกู ต้องตามหลกั การ ๐ คะแนน มอี งคป์ ระกอบไมค่ รบ ๕ บท ไม่ถูกต้องตามหลักการ ๓. สว่ นประกอบตอนท้าย ๒ คะแนน มบี รรณานกุ รม ภาคผนวก ขอ้ มลู ผู้จัดทา ถกู ต้องครบถว้ นตามหลักการ ๑ คะแนน มีบรรณานกุ รม ภาคผนวก ข้อมูลผู้จดั ทา แตไ่ มถ่ ูกต้องตามหลักการ ๐ คะแนน ไมม่ บี รรณานุกรม ภาคผนวก ขอ้ มูลผู้จดั ทารายการใดรายการหนึ่ง หรือทุกรายการ ๔. การใช้ภาษา ๒ คะแนน ใชภ้ าษาถกู ต้อง ชัดเจน เปน็ ไปตามหลักการของการเขยี นรายงานตลอดเล่มรายงาน ๑ คะแนน ใช้ภาษาถกู ต้อง ชดั เจน เปน็ ไปตามหลักการของการเขยี นรายงานมากกวา่ ร้อยละ ๗๐ ๐ คะแนน ใชภ้ าษาถกู ต้อง ชัดเจน เปน็ ไปตามหลกั การของการเขยี นรายงานน้อยกวา่ รอ้ ยละ ๗๐ ๕. ความประณตี สะอาด เรยี บร้อย ๒ คะแนน มีรปู เล่มที่ประณีต สะอาด เรยี บรอ้ ย สามารถเปน็ แบบอย่างได้ ๑ คะแนน มีรปู เลม่ ทีไ่ ม่ประณีต แต่สะอาดเรยี บร้อย ไม่สามารถเป็นแบบอยา่ งได้ ๐ คะแนน มรี ปู เล่มทไี่ ม่ประณีต ไม่สะอาดไม่เรียบร้อย ไมส่ ามารถเปน็ แบบอยา่ งได้ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน ดีมาก ๙-๑๐ คะแนน ดี ๗-๘ คะแนน พอใช้ ๕-๖ คะแนน ปรับปรงุ นอ้ ยกว่า ๕ คะแนน เกณฑ์การผา่ น ตัง้ แตร่ ะดบั คุณภาพพอใช้ ขึ้นไป
149 หน่วยการเรยี นรู้ ๒ เรอื่ ง พถิ ีพถิ นั สร้างสรรคค์ วามคิด แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๗ เรอ่ื ง การแสดงความคิดเห็น เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ขอบเขตเนือ้ หา กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ ปัจจุบันทักษะการฟงั และการดู ขัน้ นา ๑. ขา่ ว ๓ ข่าว มบี ทบาทในชีวิตประจาวันมากขนึ้ ๑. นกั เรยี นฟงั ขา่ วทค่ี รูนามาเลา่ ทเี่ ป็นเหตกุ ารณ์ปัจจุบนั ๒ ขา่ ว ทง้ั ขา่ วดี และข่าวรา้ ย ๒. ใบงานการเขียนแสดงความคดิ เหน็ เนอ่ื งจากการพฒั นารปู แบบของส่อื ที่ปรากฏขน้ึ ในสงั คมไทย จากข่าว โซเชยี ลต่างๆ ดงั น้นั ความสามารถใน ๒. ครสู นทนากับนกั เรียนให้รว่ มกันอภิปรายถงึ ประเด็น “เนอ้ื หาของข่าว และ ภาระงาน / ชนิ้ งาน การแสดงความคิดเหน็ และประเมิน ประโยชน์/โทษจากข่าว - ฝึกแสดงคามคิดเหน็ จากข่าว เร่ืองจากการฟัง การดูจงึ มี ๓. ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้และรว่ มกนั วางแผนการจัดการเรียนรู้ ความสาคัญที่ตอ้ งเรียนรู้ ข้นั สอน ๑. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ๓ กล่มุ จับฉลากเลือกขา่ ว จาก ๓ ข่าว คือ มือถือทาสวตั ถุ จุดประสงค์การเรียนรู้ พ่อเฒา่ กวาดถนนฟรี ๑๔ ปี , กีฬากอลฟ์ ยดื อายุไดอ้ ีก ๕ ปี ดา้ นความรู้ ๒. นักเรยี นทาใบงาน การเขียนแผนภาพความคิดจากขา่ ว โดยให้แตล่ ะกลุ่ม กาหนดให้ เข้าใจการเขียนแสดงความคิดเหน็ มีผอู้ า่ นใหเ้ พ่ือนฟงั แลว้ ช่วยกันแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับข่าวท่ีได้ฟังในรปู แบบของ และประเมนิ คา่ ของเร่อื งทฟี่ งั และดู แผนภาพ เมื่อเสรจ็ เรยี บร้อยแลว้ นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานกลมุ่ จนครบ ๓ ข่าว ได้ ขั้นสรปุ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ๑. ครแู ละนกั เรียนช่วยกนั สรปุ ประเดน็ ข่าว บอกประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากข่าว วเิ คราะห์ มีทักษะกระบวนการกลมุ่ การมี ข่าว และบอกได้ว่านาข้อคิดในข่าวไปใชป้ ระโยชน์อย่างไร สว่ นร่วมในการแสดงความคิดเห็น ๒. ทดสอบประเมินผลโดยให้นักเรียนเขียนแผนภาพความคดิ จากข่าว ๑ ข่าว ทค่ี รูอ่าน และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อน่ื ให้ฟัง ด้านคณุ ลกั ษณะ - มจี ิตสาธารณะ - มมี ารยาทในการพูด 113459
150 113560 การวัดผลและการประเมนิ ผล สิง่ ท่ปี ระเมนิ วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ เข้าใจการเขยี นแสดงความ สังเกตพฤติกรรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านร้อยละ ๘๐ คดิ เห็นและประเมินค่าของ กแาสรดแงสคดวงาคมวคาิดมเคหิดน็ เห็น แบบประเมนิ ผลงาน เร่อื งที่ฟังและดู ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ มที กั ษะกระบวนการกล่มุ มี สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นร้อยละ ๘๐ ส่วนร่วมในการแสดงความ คิดเห็น และยอมรบั ฟังความ คิดเหน็ ของคนอนื่ ด้านคณุ ลักษณะ สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมิน คณุ ภาพระดับ ๒ - มจี ิตสาธารณะ - มีมารยาทในการพดู คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ............................................. ปญั หาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ............................................. ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วนั ที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ............ ๙. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ...................................................... ผ้ตู รวจ (..........................................................) วนั ที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ...........
151 113571 ใบงาน เรอ่ื ง ข่าวมือถอื ทาสวตั ถุ หน่วยที่ ๒ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๗ เร่ืองการแสดงความคิดเหน็ รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ คาสัง่ จงร่วมกนั แสดงความคิดเห็นในรปู แบบของแผนภาพความคิด จากข่าวท่กี าหนดให้ ข่าววรุณ จนี้ ิสิตใหมอ่ ย่าใช้มือถอื เกนิ จาเป็น * ห่วงตกเป็นทาสวัตถุ-ปลุกสานึกประหยัด * ติงพวกเห่อ “แบรนด์เนม” ดู “ตลก” มากกว่า นายวิรุณ ตั้งเจริญ อธิบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวตอนหนึ่งในงานปฐมนิเ ทศ และต้อนรับนิสิตใหม่ ประจาปี ๒๕๕๑ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ท่ี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ ว่าขณะนี้สังคมไทย และสังคมโลกประสบปัญหาที่เหมือนกันคือ ภาวการณ์รุมเร้าทางเศรษฐกิจ นสิ ติ นอ้ งใหม่ทุกคน ตลอดถงึ นิสิตร่นุ พี่ ตอ้ งรู้จกั ใชจ้ า่ ย และมวี ินัยทางการเงินให้มากโดยเฉพาะกาารรใใชช้เง้เินงไินปไกปับกกับาร กใชาร้โทใชรโ้ ศทัพรทศพั์มืทอถม์ ือขถอื งขเอยงาเวยชาวนชรนุ่ รใหุ่นใมห่นม้ันน่ ัน้ตต้ออ้งใงชใช้จจ้่า่ายยเปเป็นน็ จจาำ�นนววนนมมาากกเเดด็กก็ บบาางงคนใช้โทรศัพท์เหมือนคนท่ที �ำาธธุรุรกกิจิจ พูดคุยในเรื่องท่ีไม่มีสาระเท่าที่ควร การมีโทรศัพท์มือถือใช้ควรรู้ว่าจะใช้เม่ือมีความจาเป็น ไม่ใช่มีไว้เพ่ือคุ ยเล่น เพราะนัน่ หมายถึงการสูญเงินไปโดยเปลา่ ประโยชน์ นายวิรุณกล่าวว่า นอกจากน้ี อยากให้นิสิตทุกคนพิจารณาเร่ืองการแต่งตัวตามแฟชั่น ถ้ามากเกินไป หรือใช้ของแพง ซึ่งเน้นแบรนด์เนมโดยไม่รู้จักยับย้ังช่ังใจตัวเอง จะทาให้นิสิตตกเป็นทาสทางวัตถุ ตนมองว่าคนท่ี ซ้ือของแบรนด์เนมหรือบ้าแบรนด์เนมเป็นคนท่ีดูตลก หรือบางคนก็อวดร่ารวยจนดูตลกมากกว่าจะดูดี การท่ีนิสิต ยงั หาเงนิ ใชเ้ องไมไ่ ด้ ตอ้ งขอเงินพ่อแม่ จึงควรตระหนักในเร่ืองเหล่านี้ และแม้แต่คนฐานะดีท่ีจะซ้ือของแบรนด์เนมได้ กค็ วรจะดคู วามเหมาะสม ให้พอเหมาะพอควร ไมใ่ ช่ซ้อื จนโอเวอรเ์ กนิ ไป “ฝากถึงพ่อแม่ควรจะเน้นเร่ืองวินัยทางการเงินให้ลูกด้วย ต้องสอนในเร่ืองสานึกการประหยัด ซึ่งตอนน้ี มศว. ได้ให้นโยบายกับอาจารย์ทุกคนท่ีสอนนิสิต ไม่ใช่สอนแต่ความรู้ทาง-วิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสอน เรื่องการใช้ชีวิต อาจารย์ทุกคนต้องอบรมส่ังสอนและช่วยกันชี้แนะให้นิสิตเห็นถึงภาวะวิกฤตทางสังคมไทย และสงั คมโลก ขณะนีต้ อ้ งชว่ ยกันสรา้ งใหพ้ วกเขาตระหนกั และมีสานกึ ด้านการประหยัดในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เร่ืองการใช้จ่ายเงิน ทรัพยากรที่เราใช้อยู่ทุกวัน ซึ่งตอนน้ี มศว. รณรงค์มหาวิทยาลัยสีเขียวถือเป็นนโยบาย มหาวิทยาลัยที่ต้องการทาให้ประชาคมรู้จักใช้ทรัพยากรให้พอเพียง ไม่ฟุมเฟือย และรณรงค์ให้ มศว. เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว ที่ไม่ใช่เพียงแค่การปลูกต้นไม้ให้เขียวเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงทุกอย่าง ตลอดถึง ความคิดด้วย นอกจากนี้ เราต้องเน้นเร่ืองการใช้ภาษาไทยท่ีถูกต้อง และใช้ภาษาไทยให้เข้มแข็ง รวมถึงรณรงค์ ให้นิสิตรักการอา่ น” นายวิรณุ กลา่ ว ทม่ี า : หนังสอื พมิ พม์ ตชิ น. ภาพ : จักรกฤษ พทุ ธรกั ษา.
152 113582 ใบงานเรอ่ื ง ข่าวพอ่ เฒา่ กวาดถนนฟรี ๑๔ ปี หนว่ ยที่ ๒ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๗ เรื่องการแสดงความคิดเห็น รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ คาสัง่ จงร่วมกันแสดงความคิดเห็นในรปู แบบของแผนภาพความคดิ จากข่าวทก่ี าหนดให้ ข่าวพ่อเฒา่ กวาดถนนฟรี ๑๔ ปี แม้เคยเปน็ แตพ่ นักงานกระจอกๆ สงั กดั ฝุายรักษาความสะอาดของเทศบาล นายฟลิ ลิปวนิ ฟิลด์ วัย ๗๔ ปี ก็ภาคภูมิใจในหน้าที่ของตน หลังเกษียณราชการตอนอายุ ๖๐ ปี พ่ออุ้ยฟิลลิปจึงปฏิบัติภารกิจ “กวาดถนน” ในเมืองปีเตอร์เบอระ มณฑลเคมบริดเชียร์ ประเทศอังกฤษ ต่อเน่ืองยาวนาน ๑๔ ปีแล้ว โดยไม่ได้รับหรือเรียกร้อง ค่าจ้างใดๆ นับตัง้ แต่เริ่มกวาดถนนแบบอาสาสมัครถึง พ.ศ. นี้ พ่อเฒ่าฟิลลิปคนเดียวกวาดเก็บขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล ออกจากถนนหนทางแล้วกวา่ ๒๐๐ ตัน พ่อเฒ่าฟิลลิปผู้ครองสถานภาพโสดตลอดมาบอกว่ารักงานกวาดถนนอันเคยยึดเป็นอาชีพยาวนาน ๒๑ ปี สว่ นใครจะรังเกียจรงั งอนก็ไม่สน ปัจจบุ นั ยงั ตืน่ ตีห้าออกไปทางานฟรีๆ จนถึงส่ีโมงเช้า บรรจุขยะลงถังห้าถังรอรถ มาเก็บไปบาบดั ทกุ วัน “ลุงไม่อยากอยู่เฉย ไม่อยากเบ่ือหน่ายเซ็งออกแรงเหง่ือไหลช่วยให้ร่างกายแข็งแรง วัยปูนนี้ลุงไม่เคย เจ็บปุวยต้องพบแพทย์กว่าหกปีแล้วนะ” พ่อเฒ่าพูดพลางเบ่งกล้ามโชว์ ข้อสาคัญลุงจะหงุดหงิดแทบบ้า ถ้าเห็น ถนนในชมุ ชนเราสกปรก ขอชนื่ ชมนา้ จติ นา้ ใจสุดประเสรฐิ การเสียสละอันลา้ เลิศของพ่อเฒ่าฟิลลิปจะ้ ท่มี า: หนงั สอื พิมพ์มตชิ น. ภาพ: จักรกฤษ พุทธรกั ษา.
153 113593 ใบงาน เร่ือง ขา่ วกีฬากอลฟ์ ยดื อายไุ ด้ ๕ ปี หน่วยที่ ๒ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๗ เรื่องการแสดงความคดิ เห็น รายวชิ าพ้นื ฐานภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ คาสัง่ จงร่วมกนั แสดงความคิดเห็นในรปู แบบของแผนภาพความคิด จากข่าวที่กาหนดให้ ขา่ วกีฬากอลฟ์ ยืดอายุอีกได้ ๕ ปี สวเี ดนศกึ ษาพบวา่ นกั กอล์ฟท้ังชายหญิงหนุ่มหรอื แก่ และไม่วา่ เป็นคนมฐี านะอยา่ งใด ต่างสามารถยดื อายตุ นเองข้นึ ไปอีกได้ถึง ๕ ปี โดยท่อี ัตราของการเสยี ชีวิตจะลดนอ้ ยลงถงึ ๔๐% คณะนักวิจยั ของสถาบนั คาโร ลนิ สกาชอ่ื ดงั ของสวีเดน ได้ศึกษาจากข้อมูลของนักกอล์ฟท้ังอาชีพและสมคั รเลน่ ท้ังหน่มุ และแกร่ วมกนั ๓๐๐,๐๐๐ ราย โดยไดร้ ายงานผลการศกึ ษาอยู่ในวารสารวิชาการ “เวชศาสตร์และวิทยาศาสตร์การกีฬา” ศาสตราจารย์แอนเดอร์ อัลบอม หวั หน้าคณะศึกษาไดช้ วี้ า่ เม่ือนกั กอล์ฟออกรอบแต่ละรอบ หมายความว่า จะต้องใชเ้ วลาอย่กู ลางแจ้งเปน็ เวลานาน ๔-๕ ชม. จะตอ้ งเดินเรว็ เปน็ ระยะทาง ๖-๗ กิโลเมตร ซ่ึง จะเป็นคุณแกส่ ขุ ภาพของบุคคลผนู้ ัน้ เปน็ เกมกีฬาที่ช่วยให้เผาผลาญแคลอรไี ดม้ าก ลดไขมันและความเครยี ดใน อัตราอย่างสบาย ในการเลน่ แต่ละรอบจะชว่ ยใหเ้ ผาผลาญพลังงานได้ราว ๑,๐๐๐ แคลอรี อกี ท้งั การเดินเร็วๆ ซง่ึ จาเปน็ กบั การเล่น ยังชว่ ยเพ่ิมพนู ความสามารถของหวั ใจ หลอดเลือด และปอด กับทาให้เลอื ดลมเดินดีดว้ ย ขณะทีแ่ ข่งอยู่ หัวใจของนักกอลฟ์ จะเต้นในอตั ราระหวา่ ง ๙๐–๑๒๐ ครง้ั ต่อนาทีเปน็ การค่อยๆ ปล่อย ใหเ้ ผาผลาญไขมันไปอยา่ งราบรน่ื อาจารย์แอนเดอร์เชื่อวา่ ผลจากการศึกษาครงั้ นี้ จะทาใหม้ ีผนู้ ยิ มเลน่ กอลฟ์ มาก ข้ึน นอกเหนือจากปัจจบุ นั ทป่ี ระมาณกันว่า มคี นเล่นกอล์ฟอยแู่ ล้วมากประมาณ ๖๐ ลา้ นคน ทม่ี า : หนังสือพมิ พม์ ติชน. ภาพ : จักรกฤษ พุทธรกั ษา.
154 114504 เฉลยใบงาน ข่าวมือถอื ทาสวตั ถุ หน่วยท่ี ๒ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๗ เร่อื งการแสดงความคิดเห็น รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ รวดเรว็ ทนั เหตกุ ารณ์ ใช้ติดต่อสอื่ สาร ประหยัดเวลาเดินทาง ได้ท่วั โลก ประโยชน์ ประหยัดค่าเดนิ ทาง มอื ถือทาสวตั ถุ ส้ินเปลือง โทษ เปดิ โอกาสใหว้ ยั เดก็ ทา ความผิดเชงิ ชู้สาว ทาใหอ้ ารมณร์ ้อน โทรศัพทบ์ ่อยครั้งทาให้ ขาดความอดทน สะสมรงั สีในสมอง ทาให้เกดิ ภาระโลกรอ้ น เสียเวลาคยุ โทรศพั ท์
155 114515 เฉลยใบงานเรื่อง ขา่ วพ่อเฒ่ากวาดถนนฟรี ๑๔ ปหี นว่ ยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๗ เรอื่ งการแสดงความคดิ เหน็ รายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ เปน็ ทชี่ น่ื ชมของผู้อ่ืน จิตใจแจม่ ใส รา่ งกายแข็งแรง ผลดี ร่างกายปลอดโรค ความเสยี สละ พ่อเฒ่ากวาดถนนฟรี ๑๔ รักความสะอาด ปี เปน็ ตวั อยา่ งท่ีดี ความอดทน ประโยชน์ส่วนรวม
156 114526 เฉลยใบงาน เรอื่ ง ขา่ วกีฬากอลฟ์ ยืดอายุได้ ๕ ปี หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๗ เร่ืองการแสดงความคิดเห็น รายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เพม่ิ ประสิทธิภาพการ ลดไขมัน ลดความเครียด ทางานของหวั ใจ ขอ้ ดี รา่ งกายแข็งแรง เผาผลาญแคลอรีไดม้ าก กีฬากอล์ฟยืดอายไุ ด้ ๕ ปี สน้ิ เปลืองเงินมาก ขอ้ เสีย อุปกรณห์ ลายชนิด สนามหายาก เป็นกีฬาของคนมีฐานะ
157 หน่วยการเรียนรู้ ๒ เรือ่ ง พถิ ีพถิ นั สร้างสรรคค์ วามคดิ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๘ เวลา ๑ ชวั่ โมง เร่ือง หลักสงั เกตคาบาลใี นภาษาไทย กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ขอบเขตเนือ้ หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ คาทใี่ ชใ้ นภาษาไทยมที ั้งคาไทยแท้ และ ขนั้ นา ๑. บัตรคา คาไทยที่มาจากภาษาบาลี- คาไทยทน่ี ามาจากภาษาอื่นจะด้วยชอ่ งทาง ๑. ครสู ุ่มถามวา่ ชือ่ นักเรยี น คนใด เป็นคาไทยแทท้ ง้ั หมดบ้าง (ครูถาม สันสกฤต ใดก็ตาม สง่ ผลให้ไทยมจี านวนคาเพิ่มมาก เหตผุ ลวา่ มหี ลกั การใดในการพจิ ารณาบ้าง) ๒. หนังสือเรียนวิวธิ ภาษา ม.๓ ขนึ้ การเรียนรู้เรอ่ื งคาไทยท่ีมาจากภาษาอ่ืน ๒. ครเู ช่ือมโยงว่าคาต่างประเทศในภาษาไทยท่ีใช้มากคือภาษาใดบ้าง จงึ มคี วามจาเป็นเพ่ือใหร้ ้ทู ่ีมาของการคา ๓. สมุ่ ถามวา่ เหตใุ ดภาษาต่างประเทศเหล่าน้นั จงึ เขา้ มาใช้ในภาษาไทย นั้นๆ และสามารถจาแนก และใช้คา ข้นั สอน ช้นิ งาน/ภาระงาน ภาษาต่างประเทศ ที่ใช้ในภาษาไทย ได้ ๑. นกั เรยี นศกึ ษาใบความร้เู ร่ือง “ลักษณะคาท่ีมาจากภาษาบาลี” ฝกึ วเิ คราะหค์ าบาลีในภาษาไทย อยา่ งถูกต้อง ๒. นักเรียนรับบัตรคาคนละ ๑ คาไม่ซ้ากันให้แต่ละคนบอกว่าคาที่ตน ได้รับเป็นคาไทยที่มา จากภาษาใด เพราะเหตุใด ปฏิบัติ เช่นน้ีจนครบทุก จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ คน เพ่ือนในชั้นเรียนชว่ ยกันตรวจสอบคาตอบของเพือ่ นว่าถูกต้องหรือไม่ ดา้ นความรู้ ๓. นักเรียนอ่านเรื่องมองโฆษณาอย่างวรรณกรรมจากหนังสือเรียนวิวิธ มคี วามรู้ความเข้าใจขอ้ สงั เกตและ ภาษา ม.๓ แล้วเขียนคาที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตเป็นการทดสอบ ลกั ษณะคาภาษาบาลี.ในภาษาไทย ความเขา้ ใจ คาละ ๓ คะแนน ด้านทกั ษะและกระบวนการ ขนั้ สรปุ จาแนกคาภาษาบาลีในภาษาไทยได้ ๑. นักเรียนบันทึกขอ้ มูลความร้จู ากครูสรุปขอ้ สงั เกตคาไทยท่ีมา ด้านคุณลักษณะ จากภาษาบาลีลงในสมดุ มงุ่ มัน่ ใกนากราทราทงำ�างนาน ๒. นักเรยี นสรุปประโยชน์ของการนาคาภาษาบาลีมาใชใ้ นภาษาไทย ๓. ให้การบ้านไปสังเกตการณ์ตั้งช่ือคน ร้านค้าทั่วไป และคาศัพท์ที่ใช้อยู่ ในชีวิตประจาวัน แล้ววิเคราะห์ว่าช่ือใดเป็นคาไทย ชื่อใดเป็นคาบาลี- สนั สกฤตหรือภาษาต่างประเทศอ่นื ๆ 114537
158 114548 การวัดผลและการประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ สิง่ ท่ปี ระเมิน ตรวจผลงาน แบบทดสอบ ผา่ นรอ้ ยละ ๘๐ ดา้ นความรู้ มคี วามรู้ความเขา้ ใจข้อสังเกต และลักษณะคาภาษาบาลี.ใน ภาษาไทย ดา้ นทักษะ/กระบวนการ แบบทดสอบ ผา่ นรอ้ ยละ ๘๐ จาแนกคาภาษาบาลีในภาษาไทย ตรวจผลงาน ได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ ๒ มมงุ่ ุ่งมมั่นัน่ ในกากราทรทาง�ำางนาน คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................................. ปัญหาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................................ ลงชื่อ......................................................ผู้สอน (..........................................................) วนั ที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. ............. ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .................................................... .............................................................................. ..................................................................................... .............. ....................................................................................................................................................... .......................... ลงชอื่ ...................................................... ผตู้ รวจ (..........................................................) วันที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. .............
159 114559 ใบความรู้ เรอ่ื งคาบาลีในภาษาไทย หนว่ ยท่ี ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๘ เร่ืองหลักสังเกตคาบาลีในภาษาไทย รายวชิ าพ้นื ฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ หลักการสังเกตคาไทยที่มาจากภาษาบาลี ๑.พยญั ชนะ ภาษาบาลแี ละสันสกฤตแบ่งพยัญชนะออกเป็นวรรคตามฐานทเ่ี กิดเสียง ดงั น้ี วรรค/ฐานทเี่ กิด แถวที่ ๑ แถวที่ ๒ แถวที่ ๓ แถวท่ี ๔ แถวที่ ๕ วรรค กะ (คอ) กข ค ฆ ง วรรค จะ (เพดาน) จ ฉ ช ฌ ญ วรรค ฏะ (ปมุ่ เหงอื ก) ฏ ฐ ฑ ฒ ณ วรรค ตะ (ฟัน) ตถ ท ธ น วรรค ปะ (ริมฝปี าก) ป ผ พ ภ ม พยญั ชนะเศษวรรค ย ร ล ว ส (ศ ษ) ห ฬ อ ๑. ภาษาบาลีมีพยญั ชนะ ๓๓ ตัว เปน็ พยญั ชนะวรรค ๒๕ ตวั พยัญชนะเศษวรรค ๘ ตวั ๒. สระในภาษาบาลีมี ๘ ตัว คอื อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ๓. ภาษาบาลมี หี ลักตัวสะกดตวั ตามท่แี น่นอนตายตวั ดังน้ี ๓.๑.พยัญชนะวรรคแถวที่ ๑ เป็นตัวสะกด พยัญชนะแถวท่ี ๑ หรือ ๒ ในวรรคเดียวกันเป็นตัวตาม เช่น สจั จะ ทุกข์ อิจฉา กติ ติ วิตถาร บปุ ผา เปน็ ตน้ ๓.๒.พยัญชนะวรรคแถวท่ี ๓ เปน็ ตัวสะกด พยัญชนะแถวที่ ๓ หรือ ๔ ในวรรคเดียวกันเป็นตัวตาม เช่น อคั คี พยัคฆ์ สมชั ชา มัชฌมิ า วฒุ ิ(วุฑฒฺ ิ) วฒั นา(วฑฺฒนา) นพิ พาน เปน็ ต้น ๓.๓.พยัญชนะแถวท่ี ๕ เป็นตัวสะกด พยัญชนะวรรคทุกตัวในวรรคเดียวกันเป็นตัวตาม (ยกเว้น ง เป็น ตัวสะกด ง เปน็ ตวั ตามไม่ได)้ เช่น องก์ สงฆ์ บญั ชร สันติ สัมผสั เป็นต้น *ญ ณ เปน็ ตัวสะกด พยญั ชนะตวั ตามเปน็ “ห” เชน่ ปญั หา สายัณห์ อณุ หภมู ิ ตัณหา เป็นตน้ ๓.๔.พยัญชนะเศษวรรคเปน็ ตวั สะกด - ย ล ส เปน็ ตัวสะกด ใช้ตัวเองเปน็ ตวั ตาม เช่น อัยยกิ า อสั สุ มลั ลกิ า - ว ฬ เป็นตัวสะกด พยญั ชนะตวั ตามเปน็ “ห” เชน่ ชิวหา อาสาฬห คาบาลบี างคาเมอ่ื ไทยรับมาใช้จะตวั ตัวสะกดทง้ิ และใชต้ วั ตามสะกดแทน เช่น บาลี ไทย บาลี ไทย รฏฐ รัฐ จติ ฺติ จติ ทิฏฐิ ทิฐิ ยตุ ติ ยุติ วฑฺฒน วัฒน เขตฺต เขต ๔. ภาษาบาลีนยิ มใช้ “ฬ” เช่น จุฬา กฬี า ครฬุ เวฬรุ ิยะ ๕. ภาษาบาลีนยิ มใช้ “ข” เขต เขม ขัย ขัตติย จกั ขุ ปักข์ ขมา ๖. ภาษาบาลนี ิยมใช้ “ร”ิ กลางพยางค์ เช่น ภริยา จรยิ า วริ ิยะ สรุ ิยะ อาจารยิ ะ กิรยิ า เปน็ ตน้ ๗. ภาษาบาลนี ิยมอา่ นเรยี งพยางค์ เช่น อมตะ ปกติ สรณะ อตุ ุ สามี เป็นตน้ ๘. ภาษาบาลีไม่นิยมคาควบกลา้ เช่น ปชา ปฐม ปณาม ปทมุ ปณต เปน็ ตน้
160 114660 ตวั อยา่ งบัตรคาท่ใี ชจ้ ัดกิจกรรม สงฆ์ บปุ ผา อัคคี ทุกข์ ครู บุคคล จติ กีฬา
161 หน่วยการเรยี นรู้ ๒ เร่ือง พถิ พี ิถนั สรา้ งสรรค์ความคิด แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๙ เรอ่ื งหลักสังเกตคาสนั สกฤตในภาษาไทย เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ขอบเขตเนอ้ื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ คาท่ใี ช้ในภาษาไทยมีทั้งคาไทยแท้ และคา ข้นั นา ๑. ใบความรู้ เรือ่ งคาไทยท่ีมาจากภาษา ไทยที่นามาจากภาษาอ่ืนจะด้วยช่องทางใด ๑. ครูให้นักเรียนสังเกตชื่อของตนอง และชื่อเพื่อน ว่าช่ือใครบ้างไม่น่าจะใช่ สนั สกฤต ก็ตาม สง่ ผลใหไ้ ทยมจี านวนคาท่นี ามาใช้เพิ่ม ภาษาบาลีท้งั หมด (เชอื่ มโยงความรูเ้ ดิม) ๒. ใบงานเร่อื ง คาไทยที่มาจากภาษา มากข้นึ การเรียนรเู้ รอ่ื งคาไทยท่ีมาจากภาษา ๒. ให้นักเรียนตอบว่าหากไม่ใช่บาลีแล้วน่าจะเป็นภาษาใด มีหลักการในการ บาลี และมาจากภาษาสันสกฤต อื่น จงึ มคี วามจาเปน็ เพ่ือใหร้ ู้ที่มาของการคา คกาดิ รอคยิด่าองยไรา่ งไร ๓. แบบทดสอบ เรื่องคาไทยที่มาจาก น้นั ๆ และสามารถจาแนก และใช้คา ขัน้ สอน ภาษาบาลแี ละคาไทยทม่ี าจากภาษา ภาษาตา่ งประเทศ ที่ใช้ในภาษาไทย ได้อย่าง ๑. นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ เรอื่ ง “คาไทยท่มี าจากภาษาสันสกฤต” สนั สกฤต ถกู ต้อง ๒. นักเรียนทาใบงาน เรื่องคาไทยที่มาจากภาษาบาลี และมาจากภาษา สันสกฤต จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓. นักเรยี นและครูช่วยกันเฉลยใบงาน เรอ่ื งคาไทยทม่ี าจากภาษาบาลี และมา ช้ินงาน/ภาระงาน ด้านความรู้ จากภาษาสันสกฤต ฝกึ วเิ คราะห์คาบาลี-สนั สกฤตใน มคี วามรู้ความเขา้ ใจหลักสังเกตคาภาษา ๔. นักเรยี นชว่ ยกนั สรุปเปรียบเทียบคาไทยท่ีมาจากภาษาบาลีและคาไทยที่มา ภาษาไทย สนั สกฤต จากภาษาสันสกฤต มีความเหมอื นและแตกต่างกนั อยา่ งไร ด้านทักษะและกระบวนการ ขนั้ สรปุ จาแนกคาภาษาสนั สกฤตในภาษาไทยได้ ๑.นักเรียนบันทึกข้อมูลการสรุปความเหมือนและความแตกต่างของคาไทยที่มา ดา้ นคณุ ลักษณะ จากภาษาบาลี และคาไทยทีม่ าจากภาษาสนั สกฤต ลงในสมดุ มจี ิตสาธารณะ ๒.ครูนัดหมายนักเรียนเพ่ือทาแบบทดสอบเร่ืองคาไทยท่ีมาจากภาษาบาลี และ คาไทยที่มาจากภาษาสันสกฤต นอกเวลาเรยี น 114671
การวัดผลและการประเมนิ ผล 162 114682 ส่งิ ท่ีประเมิน วิธกี าร เคร่ืองมอื ดา้ นความรู้ แบบทดสอบ เกณฑ์ มคี วามรูค้ วามเข้าใจหลกั ตรวจแบบทดสอบ ผา่ นร้อยละ ๘๐ สังเกตคาภาษาสนั สกฤต แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นร้อยละ ๘๐ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ระดบั คุณภาพ ๒ จาแนกคาภาษาสันสกฤตใน สังเกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ ภาษาไทยได้ คณุ ลักษณะ ด้านคณุ ลักษณะ มจี ติ สาธารณะ สงั เกตพฤตกิ รรม ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ............................................. ปัญหาและอปุ สรรค ................................................................................................................................................................... ....... ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. ............................................ ลงชอ่ื ......................................................ผู้สอน (..........................................................) วันที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. ............. ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ...................................................... ผู้ตรวจ (..........................................................) วันท่ี .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ............
163 114693 ใบความรู้ เรือ่ งคาไทยทีม่ าจากภาษาสันสกฤต หนว่ ยที่ ๒ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๙ เร่อื งหลักสังเกตคาสันสกฤตในภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ข้อสังเกตคาไทยทีม่ าจากภาษาสันสกฤต ๑. พยัญชนะภาษาสันสกฤตมี ๓๕ ตัว เป็นพยัญชนะวรรค ๒๕ ตัว พยัญชนะเศษวรรค ๑๐ ตัว โดยเพ่ิม ศ และ ษ เชน่ ศาลา พิเศษ (ยกเวน้ เชน่ ศอก ศกึ เศิก ศอ เศร้า ฝีดาษ ดาษดา กระดาษ ๒. สระภาษาสันสกฤตมีสระ ๑๔ ตัว อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ไอ เอา ฤ ฤา ๓. ไม่เคร่งครดั เรอ่ื งตัวสะกด ตัวตาม ๔. ภาษาสันสกฤตนยิ มใช้ “ฑ” เช่น จุฑา กรฑี า ครุฑ ไพฑรู ย์ ๕. ภาษาสนั สกฤตนิยมใช้ “กษ” เชน่ เกษตร เกษม กษัย กษตั ริย์ ๖. ภาษาสันสกฤตนิยมใช้ “รร” ซึ่งแผลงมาจาก “รฺ” (ร เรผะ) เช่น ภรรยา จรรยา หรรษา สวรรค์ มรรค กรรณ พรรษ อรรณพ ๗. ภาษาสนั สกฤตนยิ มอ่านควบกลา้ และอกั ษรนา เช่น บุตร เพชร ปรกติ เคราะห์ พราหมณ์ กริยา ประถม จกั ร สวามี สมัคร เปน็ ต้น ๘. ภาษาสันสกฤตจะใช้ “ส” นาพยญั ชนะวรรค “ต” (วรรคตะ ต ถ ท ธ น) เชน่ สตรี สติ สถาปนา สถาน สถิต วาสนา พสั ดุ เป็นต้น ๙. ภาษาสันสกฤตจะแผลงสระไอเปน็ สระแอ เช่น ไวทยฺ แผลงเปน็ แพทย/์ ไสนยฺ แผลงเปน็ แสนยา ข้อเปรยี บเทยี บคาทม่ี าจากภาษาบาลี สันสกฤต ขอ้ ภาษาบาลี ภาษาสนั กฤต ๑ สระมี ๘ ตัว มสี ระ ๑๔ ตัว (ไอ เอา ฤ ฤา ฦ ฦา) ๒ มีพยญั ชนะ ๓๓ ตวั มพี ยัญชนะ ๓๕ ตวั (เพ่ิม ศ ษ ) ๓ เคร่งครัดตวั สะกดตัวตาม ไม่เครง่ ครัดเร่ืองตวั สะกดตวั ตาม ๔ นยิ มใช้ ฬ นยิ มใช้ ฑ ๕ นยิ มใช้ ข นิยมใช้ กษ ๖ มี “ริ” กลางพยางค์ ใช้ “รร” ๗ ไมน่ ิยมคาควบกลา้ เช่น ปชา ปฐม นยิ มใชค้ าควบกลา้ และอกั ษรนา ๘ นิยมอ่านเรยี งพยางค์ คาแผลงสระไอ เป็น สระ แอ เช่น ไวทย เปน็ แพทย์
164 115604 ใบงาน เร่อื งคาไทยที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤต หนว่ ยท่ี ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๙ เร่ืองหลกั สังเกตคาสันสกฤตในภาษาไทย รายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ คาส่งั จงเติมลงในช่องว่างวา่ คาที่กาหนดให้เปน็ ภาษาบาลีหรือสนั สกฤต ๑. อักษร........................ ๒๑. ปรัชญา.................... ๔๑. ศกึ ษา.................... ๖๑. อรญั ญิก................ ๒. ปัทมา....................... ๒๒. อตุ .ุ .......................... ๔๒. รฐั .......................... ๖๒. กริ ิยา.................... ๓. ภรยิ า........................ ๒๓. ปรารถนา................. ๔๓. ปฐม....................... ๖๓. พัฒนา.................. ๔. พรรษา..................... ๒๔. อมฤต...................... ๔๔. ขมา........................ ๖๔. วุฒ.ิ ...................... ๕. ตัณหา...................... ๒๕. ไปรษณีย.์ ................. ๔๕. เบญจ..................... ๖๕. กาฬ........................ ๖. นิสติ ........................ ๒๖. ไพศาล..................... ๔๖. บัลลังก.์ ................... ๖๖. เกษตร.................... ๗. ปรกต.ิ ...................... ๒๗. เวช.......................... ๔๗. อธิษฐาน.................. ๖๗. กลั ป.์ ...................... ๘. สมัชชา....................... ๒๘. ปญั หา..................... ๔๘. ลกั ษณะ.................. ๖๘. สปั ดาห.์ ................... ๙. อรรณพ...................... ๒๙. มธั ยสั ถ์.................... ๔๙. สริ .ิ ......................... ๖๙. คมั ภีร.์ ..................... ๑๐. สตรี......................... ๓๐. ไมตร.ี ...................... ๕๐. เศรษฐี..................... ๗๐. แพทย์................... ๑๑. อาตมา.................... ๓๑. อาจารย์.................. ๕๑. อจิ ฉา...................... ๗๑. วิรยิ ะ.................... ๑๒. อณุ หภูม.ิ .................. ๓๒. ประถม................... ๕๒. มตั สยา.................. ๗๒. กญุ ชร.................... ๑๓. ปจั จุบนั ................... ๓๓. สวรรค์................... ๕๓. นพิ พาน................... ๗๓. อศั จรรย.์ .................. ๑๔. ธรรม...................... ๓๔. มนุษย.์ ................... ๕๔. อสิ ระ...................... ๗๔. สงเคราะห.์ .............. ๑๕. กริยา...................... ๓๕. อาญา..................... ๕๕. อปั สร...................... ๗๕. ปกติ....................... ๑๖. ขันต.ิ ...................... ๓๖. พฤกษ.์ .................. ๕๖. ปริญญา................... ๗๖. สามัญ................... ๑๗. กฎุ ฐัง...................... ๓๗. อัชฌาสยั ................ ๕๗. สิงคาร...................... ๗๗. วิทยา.................... ๑๘. มงคล..................... ๓๘. จักรี........................ ๕๘. การณุ ...................... ๗๘. ปัจฉิม.................... ๑๙. สงั ขาร.................... ๓๙. พยัคฆ์..................... ๕๙. สามานย์.................. ๗๙. บรุ ุษ....................... ๒๐. นตั ถ์ุ....................... ๔๐. วิตถาร.................... ๖๐. มธั ยม...................... ๘๐. ลัพธ.์ .....................
165 115615 เฉลยใบงานที่ ๑ เรื่องคาไทยท่มี าจากภาษาบาลีสันสกฤต หน่วยท่ี ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๙ เรอ่ื งหลักสังเกตคาสันสกฤตในภาษาไทย รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ คา ภาษา เหตผุ ล ๑. อักษร สนั สกฤต ใช้ ษ ๒. ปทั มา สันสกฤต ตัวตามไม่เปน็ ตามกฎ มาจาก ปัด-ทะ-มา ๓. ภรยิ า บาลี ริ กลางพยางค์ ๔. พรรษา สันสกฤต ใช้ รร ๕. ตัณหา บาลี ณ สะกด ห ตาม ๖. นิสติ บาลี มาจาก นิสสติ ตดั ส ออก ๗. ปรกติ สนั สกฤต ควบกลา้ ๘. สมชั ชา บาลี ช สะกด ช ตาม ๙. อรรณพ สันสกฤต ใช้ รร ๑๐. สตรี สันสกฤต ควบกล้า ส นาวรรค ตะ ๑๑. อาตมา สนั สกฤต อตั ตา บาลี ตัวสะกดไมต่ ามกฎ ๑๒. อณุ หภมู ิ บาลี ณ สะกด ห ตาม ๑๓. ปจั จุบนั บาลี จ สะกด จ ตาม ๑๔. ธรรม สนั สกฤต ใช้ รร ๑๕. กริยา สนั สกฤต ควบกลา้ ๑๖. ขันติ บาลี น สะกด ต ตาม ๑๗. กุฏฐงั บาลี ฎ สะกด ฐ ตาม ๑๘. มงคล บาลี ง สะกด ค ตาม ๑๙. สงั ขาร บาลี ง สะกด ข ตาม ๒๐. นัตถ์ุ บาลี ต สะกด ถ ตาม ๒๑. ปรัชญา สันสกฤต บาลี ใช้ ปญั ญา ๒๒. อุตุ บาลี สัน ใช้ ฤดู บาลอี า่ นเรียงพยางค์ ๒๓. ปรารถนา สนั สกฤต ควบกลา้ ๒๔. อมฤต สนั สกฤต ใช้ ฤ ๒๕. ไปรษณยี ์ สนั สกฤต ใช้ ษ ๒๖. ไพศาล สันสกฤต ใช้ ศ ๒๗. เวช บาลี มาจาก เวชชฺ ๒๘. ปัญหา บาลี ญ สะกด ห ตาม
คา ภาษา 166 ๒๙. มธั ยสั ถ์ สนั สกฤต 115626 ๓๐. ไมตรี สันสกฤต ๓๑. อาจารย์ สนั สกฤต เหตุผล ๓๒. ประถม สันสกฤต ธ ตวั สะกด แถวท่ี ๔ ๓๓. สวรรค์ สันสกฤต ควบกล้า ๓๔. มนษุ ย์ สันสกฤต บาลีใช้ อาจาริยะ ๓๕. อาญา บาลี คาควบกล้า ๓๖. พฤกษ์ สันสกฤต ใช้ รร ๓๗. อชั ฌาสยั บาลี ษ ๓๘. จักรี สนั สกฤต สันสกฤตใช้ อาชญา อา่ นเรยี งพยางค์ ๓๙. พยัคฆ์ บาลี ใช้ ฤ และ ษ ๔๐. วติ ถาร บาลี ตัวสะกด ช ตัวตาม ฌ ๔๑. ศึกษา สันสกฤต ควบกล้า ๔๒. รัฐ บาลี ค สะกด ฆ ตัวตาม ๔๓. ปฐม บาลี ต สะกด ถ ตาม ๔๔. ขมา บาลี ศษ ๔๕. เบญจ บาลี สันสกฤตใช้ ราษฎร์ ๔๖. บลั ลังก์ บาลี สันสกฤต ใช้ ประถม ๔๗. อธิษฐาน สันสกฤต นิยมใช้ ข ๔๘. ลักษณะ สนั สกฤต ญ แถวท่ี ๕ สะกด จ ตาม ๔๙. สริ ิ บาลี มาจากคาว่า (ปลฺ.ลงก) ล สะกด ล ตาม ๕๐. เศรษฐี สนั สกฤต มี ษ ๕๑. อจิ ฉา บาลี มี ษ ๕๒. มัตสยา สนั สกฤต สนั กฤตใช้ ศรี ๕๓. นพิ พาน บาลี ใช้ ษ ศ ๕๔. อสิ ระ บาลี จ สะกด ฉ ตาม ๕๕. อัปสร สันสกฤต ตวั สะกดไมเ่ ป็นตามกฎ บาลี มจั ฉา ๕๖. ปริญญา บาลี พ สะกด พ ตาม ๕๗. สิงคาร บาลี เศษวรรค ส สะกด ส ตาม ตัด ส ออกมาจาก อสิ สรฺ ๕๘. การุญ บาลี ตวั สะกดไมต่ ามกฎ บาลี ใช้ อัจฉรา ๕๙. สามานย์ สนั สกฤต ญ สะกด ญ ตาม ๖๐. มัธยม สันสกฤต ง สะกด ค ตาม ๖๑. อรัญญกิ บาลี สัน ใช้ การุณย์ บาลใี ช้ สามัญ บาลใี ช้ มชั ฌิม ตวั สะกดไม่ตามกฎ ญ สะกด ญ ตาม
167 115637 คา ภาษา เหตุผล ๖๒. กิริยา บาลี สัน ใช้ กรยิ า ๖๓. พัฒนา สนั สกฤต ฒ แถวที่ ๔ สะกดไม่ได้ (วฒั นา) ๖๔. วุฒิ บาลี มาจาก วฑุ ฒฺ ิ ๓ สะกด ๔ ตาม ๖๕. กาฬ (รอยดา) กาละ บาลี นิยม ฬ ๖๖. เกษตร สนั สกฤต นิยม กษ ๖๗. กลั ป์ สนั สกฤต บาลใี ช้ กปั ฺป ๖๘. สัปดาห์ สันสกฤต บาลใี ช้ สตั ตะ ๖๙. คมั ภรี ์ บาลี ม สะกด ภ ตาม ๗๐. แพทย์ สนั สกฤต แผลงมาจาก ไวทยฺ ๗๑. วริ ิยะ บาลี สัน ใช้ วรี ฺย อ่านเรียงพยางค์ ๗๒. กุญชร บาลี ญ สะกด ช ตาม ๗๓. อศั จรรย์ สันสกฤต ใช้ ศ และ รร ๗๔. สงเคราะห์ สนั สกฤต ใช้ เคราะห์ ๗๕. ปกติ บาลี สนั ใช้ ปรกติ ๗๖. สามัญ บาลี สนั ใช้ สามานย์ ๗๗. วทิ ยา สนั สกฤต บาลีใช้ วิชชา ๗๘. ปัจฉิม บาลี จ สะกด ฉ ตาม ๗๙. บรุ ุษ สันสกฤต ใช้ ษ ๘๐. ลพั ธ์ สนั สกฤต ตัวสะกดตวั ตามไม่ตามกฎ
168 115648 แบบทดสอบ เรื่องคาไทยท่ีมาจากภาษาบาลีสนั สกฤต หนว่ ยที่ ๒ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๙ เร่อื งหลกั สังเกตคาสนั สกฤตในภาษาไทย รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๓ คาชี้แจง ให้นักเรียนเลอื กข้อทถ่ี กู ท่สี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว ข. อาคาร สามญั วิชา อิฐิ ๑. ข้อใดเปน็ คาท่ีมาจากภาษาบาลีทกุ คา ง. ภสั ดา วิทยา กรฑี า จิต ข. สภุ าพ ปัญหา สถาน พัสดุ ก. บลั ลัง ทฐิ ิ อาจารย์ โอฬาร ง. แพทย์ สตั ย์ ปรชี า นติ ย์ ค. พสิ ดาร อคั คี วัฒนา เมตตา ข. เวช สงกา จุฬา ๒. ข้อใดเปน็ คาที่มาจากภาษาบาลีทุกคา ง. อคั นี วเิ คราะห์ แพทย์ ก. กริ ิยา ปฐม อมตะ กจิ ข. สมั ผัส มณฑป กษัตรยิ ์ ไปรษณยี ์ ค. บปุ ผา ธัมมะ อาชญา อารยะ ง. สงฆ์ พุทธ พฤกษ์ จนั ทร์ ๓. ข้อใดเป็นคาที่มาจากภาษาบาลที ุกคา ข. รฐั ทิฐิ กิริยา โอฬาร ก. อัจฉรา บุษยา รังสี ง. ศาล มติ ร วฒั นา ประตมิ า ค. ปญั ญา วิจารณ์ สัตยา ข. ประดษิ ฐ์ วชิ า สมมติ พฤฒิ ๔. ขอ้ ใดเปน็ คาท่ีมาจากภาษาบาลีทกุ คา ง. ทรรศนะ พราหมณ์ เพชร พทุ ธ ก. สมั ปทาน วิรุฬ สตรี ศาสตร์ ข. พรหม เนตร กรรณ ค. นิสติ สจั จะ จักขุ สมภาร ง. ปทีป ปทมุ ปฏิมา ๕. ขอ้ ใดเปน็ คาที่มาจากภาษาบาลีทกุ คา ข. กรีฑา ครุฑ คานวณ ก. กรีฑา อาถรรพณ์ สปั ดาห์ เสาร์ ง. สฤษฏ์ จฬุ า พาฬ ค. เขต จติ ฤๅษี ไมตรี ข. มนษุ ย์ รตั นะ อาถรรพณ์ ๖. ขอ้ ใดเป็นคาที่มาจากภาษาสันสกฤตทุกคา ง. ประโยชน์ ประเทศ ประณาม ก. ปรชั ญา อัคนี ศิลปะ ดษุ ฎี ข. อธิษฐาน ขนษิ ฐา เชษฐา ค. พศั ดี พัสดุ พิสดาร พฒั นา ง. พิสดาร ปัจจบุ ัน พฤษภ ๗. ข้อใดเป็นคาทีม่ าจากภาษาสันสกฤตทุกคา ก. กรรม ธมั มะ สวรรค์ ค. ประชา ประถม ประทดั ๘. ข้อใดเปน็ คาท่มี าจากภาษาสันสกฤตทุกคา ก. จาแนก อานาจ กาเนิด ค. ฤทธ์ิ อินทรีย์ มฤคา ๙. ข้อใดเป็นคาท่ีมาจากภาษาสันสกฤตทุกคา ก. ธรรม ศาสตร์ กิจ ค. สญั จร บริกร ยุติ ๑๐. ขอ้ ใดเปน็ คาทมี่ าจากภาษาสนั สกฤตทุกคา ก. ทิฐิ วฒุ ิ อัฐิ ค. บุษบา ปทมุ วิตถาร
169 115659 ๑๑. ข้อใดเปน็ คาที่มาจากภาษาสันสกฤตทุกคา ข. เกษียร ภรยิ า อบุ ล ก. ปจั จัย ขันติ ขัตตยิ ะ ง. สถูป เสมหะ บปุ ผา ค. บรรพต ราตรี เกษยี ณ ข. รถยนต์ญปี่ ุน่ ๑๒. ขอ้ ใดมคี าบาลี สนั สกฤต และไทย ประสมอยู่ ง. จักรยานยนต์ ก. ภาพยนตรร์ กั ข. ศูนยก์ ารคา้ ค. ยานพาหนะ ง. การศึกษาเสริม ข. สานักงานเขตพน้ื ท่ี ๑๓. ขอ้ ใดมีคาบาลี สนั สกฤต และไทย ประสมอยู่ ง. นายกรฐั มนตรีเงา ก. ศูนยก์ ารศึกษา ข. ประวัตศิ าสตร์ ค. การพฒั นา ง. เศรษฐกจิ ชมุ ชน ๑๔. ขอ้ ใดมีคาบาลี สันสกฤต และไทย ประสมอยู่ ก. สถานที่ราชการ ค. เกมการเมอื ง ๑๕. ขอ้ ใดมคี าบาลี สันสกฤต และไทย ประสมอยู่ ก. วชิ าเศรษฐศาสตร์ ค. วัฒนธรรมท้องถ่ิน เฉลย ๑.ข ๒. ก ๓.ข ๔. ค ๕. ข ๖. ก ๗. ค ๘. ค ๙. ง ๑๐.ข ๑๑.ค ๑๒. ก ๑๓.ง ๑๔. ง ๑๕. ค
170 แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๑๐ หนวยการเรยี นรทู ่ี ๒ เรื่อง พถิ พี ิถนั สรางสรรคความคิด เรอื่ ง คําไทยแทและคําทม่ี าจากภาษาเขมร ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๓ ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ คาภาษาไทยแทแ้ ละคาที่มาจากภาษาเขมร ขน้ั นา ๑. บทเพลง ภาษาจนี ภาษาอังกฤษ และอ่ืนๆ ๑. นักเรียนอภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ๒. ใบความรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ลักษณะของภาษาไทยแท้และภาษาต่างประเทศใน ๓. ใบงาน ดา้ นความรู้ ภาษาไทยทีฟ่ ังจากบทเพลงที่ครูเปิด ๔. อินเตอรเ์ น็ต เขา้ ใจลกั ษณะคาไทยแท้กบั คาท่ีมาจากภาษาเขมร ๒. ครูถามว่าภาษาต่างประเทศในภาษไทยที่ใช้มาก ๕. แบบทดสอบ ภาษาจีน ภาษาองั กฤษ และภาษาอื่นๆได้ ทส่ี ุดคอื ภาษาใด คาตอบทถ่ี ูกตอ้ งคอื ภาษาบาลี สันสกฤต ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ที่เรียนไปแล้ว ภาษาต่างประเทศในภาษาไทยยังมีภาษา ภาระงาน/ชิ้นงาน จาแนกคาไทยแท้กับคาทีม่ าจากภาษาเขมร เขมร ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ เช่น ชวา สมดุ สะสมคายืมภาษาตา่ งประเทศ ภาษาจีนและภาษาอื่นๆได้ มลายู พมา่ ฝรงั่ เศส เปอร์เซีย อาหรับ ญ่ีป่นุ ฯลฯ ดา้ นคุณลักษณะ ข้นั สอน รกั ความเป็นไทย ๑. แบ่งนักเรียนเป็น ๓ กลุ่ม เลือกประธานกลุ่ม กรรมการกลุ่มและเลขานกุ ารกลุ่ม ๒. นักเรียนแต่ละกลุ่มแข่งขันกันเขียนคาตามที่ กาหนด บนกระดาน กลมุ่ ใดเขียนได้มากที่สุดเป็นผู้ชนะ กลมุ่ ท่ี ๑ คาภาษาไทยแท้ กลมุ่ ที่ ๒ คาที่มาจากภาษาเขมร กลุม่ ท่ี ๓ คาท่ีมาจากภาษาจีน กลมุ่ ท่ี ๔ ภาษาอังกฤษ กล่มุ ที่ ๕ ภาษาต่างประเทศอื่นๆ เช่น มลายู พม่า ฝรง่ั เศส เปอรเ์ ซีย อาหรบั ฯลฯ ๓. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ศกึ ษาใบความรู้ และช่วยกันทาใบ งาน 115760
171 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๐ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๒ เร่อื ง พถิ ีพถิ ันสรา้ งสรรค์ความคดิ เรอื่ งคาไทยแทแ้ ละคาทม่ี าจากภาษาเขมร ภาษาจีน ภาษาองั กฤษ และภาษาอนื่ ๆ เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๔. เลขานกุ ารกล่มุ ตรวจสอบผลงานของกลุ่ม แลว้ นามาสง่ ครู ๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนาเสนอผลงานจาก ใบงานหน้าช้นั เรียน ๖. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งและ ใหข้ อ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ ข้ันสรุป ๑. นกั เรียนสรุปเร่ือง คาภาษาไทยแท้และคาที่มาจาก ภาษาเขมร ภาษาจีน ภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ บันทึกลงในสมดุ บนั ทึกกจิ กรรม ๒. ทดสอบ ๓. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มทาสมุดสะสมคาศพั ท์ กลมุ่ ละ ๑ ภาษา โดยการจบั ฉลาก เป็นการบา้ น ๓.๑ คาไทยแท้ ๓.๒ คาท่ีมาจากภาษาเขมร ๓.๓ คาท่มี าจากภาษาจนี ๓.๔ คาทมี่ าจากภาษาองั กฤษ ๓.๕ คาท่ีมาจากภาษาบาลสี นั สกฤต ๓.๖ คาที่มาจากภาษาอื่นๆ เช่น ชวา มลายู พม่า ฝรั่งเศส เปอรเ์ ซยี อาหรับ ญี่ปนุ่ ฯลฯ 115771
การวดั ผลและการประเมินผล วิธีการ เครอ่ื งมอื 172 ส่งิ ทป่ี ระเมนิ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ 115782 ด้านความรู้ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม เกณฑ์ เขา้ ใจลักษณะคาไทยแทก้ บั คา ผ่านร้อยละ ๘๐ ที่มาจากภาษาเขมร ภาษาจนี สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ภาษาองั กฤษ และภาษาอ่นื ๆได้ คณุ ลักษณะ ผ่านร้อยละ ๘๐ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ คุณภาพระดับ ๒ จาแนกคาไทยแท้กับคาท่ีมา ผ่านเกณฑ์ จากภาษาเขมร ภาษาจีนและ ภาษาอน่ื ๆได้ ด้านคณุ ลักษณะ รักความเป็นไทย ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ............................................. ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ............................................. ลงช่อื ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วันท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. ............. ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ....................................................................... ....................................................................................................................................................... ............ ลงชอื่ ...................................................... ผตู้ รวจ (..........................................................) วนั ที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. .............
173 115793 ใบความรู้ เร่ือง คาไทยแทแ้ ละคาท่มี าจากภาษาเขมร ภาษาจนี ภาษาอังกฤษและภาษาอน่ื ๆ หนว่ ยท่ี ๒ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑๐ รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ท๒๓๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ จดุ ประสงค์ มีความรู้ และ ความเข้าใจ คาไทยแท้กบั คาท่ีมาจากภาษาเขมร ภาษาจีน คาภาษาไทยแท้ การสงั เกตคาไทยแท้มีวิธกี ารดงั นี้ ๑. คาภาษาไทยแท้มกั เปน็ คาพยางค์เดียวโดดๆ เชน่ นั่ง นอน พอ่ แม่ งู กา ๒. คาภาษาไทยแทห้ ลายคามหี ลายพยางค์ คาเหลา่ น้เี กิดจากวิธีการทางภาษาดังน้ี ๒.๑ การกรอ่ นเสียง เชน่ มะมว่ ง มาจาก หมากมว่ ง,ตะขบ มาจาก ต้นขบ,สะเอว มาจาก สายเอว ๒.๒ การแทรกเสียง เช่น ผักกะเฉด มาจาก ผักเฉด,ลูกกระดุม มาจาก ลูกดุม,นกกระจิบ มาจาก นกจบิ ๒.๓ การเติมพยางค์หน้าคามูล โจน มาจาก กระโจน,โดด มาจาก กะโดด กระโดด,ท้วง มาจาก ประท้วง ๓. คาภาษาไทยแทม้ ตี วั สะกดตรงตามมาตรา เช่น จง หมน่ั ชม สาว ตกั ๔. คาภาษาไทยแท้ไม่นิยมคาควบกล้า ๕. คาภาษาไทยแท้ไม่มตี ัวการันต์ คาทกุ คาสามารถอา่ นออกเสียงได้ทั้งหมด ๖. คาภาษาไทยแทค้ าเดียวอาจมีความหมายได้หลายอย่าง ๗. คาภาษาไทยแท้มรี ูปวรรณยกุ ต์เปน็ เครือ่ งหมายกากบั เสียง เชน่ คา คา่ คา้ ๘. คาภาษาไทยแท้ไม่พบพยัญชนะต่อไปนี้ ฆ ณ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ธ ศ ษ ฬ ยกเว้น ฆ่า เฆ่ียน ระฆัง ศอก ศึก ธ เธอ ณ ฯพณฯ ใหญ่ หญ้า ๙. คาภาษาไทยแท้หากออกเสียง “ไอ” จะใช้ “ใอ” เช่น ผใู้ หญ่ ใหม่ สะใภ้ ใช้ ใส่ หลงใหล คาทม่ี าจากภาษาเขมร เขมรมีพรหมแดนตดิ ประเทศไทย มีความสัมพนั ธ์กันมากเป็นเวลายาวนาน ไทยยืมคาเขมรมาโดยทับศัพท์ เปลี่ยนเส่ียว เปล่ียนความหมาย มีคนไทยเช้ือสายเขมรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางจังหวัดใช้ภาษาเขมรใน ชวี ติ ประจาวนั วธิ ีสังเกตคายมื ภาษาเขมร ๑. คาเดียวโดดๆ มักเปน็ คาศัพทท์ ตี่ ้องแปลความหมาย เช่น อวย-ให้ แข-พระจันทร์ นัก-ผู้ชานาญ ได-มือ แสะ-มา้ บาย-ข้าว
174 116704 ๒. มักใช้พยัญชนะ จ ญ ร ล สะกด เชน่ เดิร เผดจ็ สมเดจ็ สารวจ ฉกาจ ขจร ควร ถวิล ดล ถนล ตาบล เจริญ เชญิ อญั เชิญ ชาญ ชานาญ รญั จวน ผลาญ เข็ญ ลาเค็ญ เพ็ญ ครวญ บานาญ ๓. มกั เป็นคาแผลง เช่น ขดาน – กระดาน ประทุก – บรรทกุ ขจอก – กระจอก ประจบ – บรรจบ ขโดง – กระโดง ประจง – บรรจง ขจาย – กระจาย สราญ – สาราญ ผสม – ประสม เสร็จ – สาเรจ็ ผสาน – ประสาน สรวล – สารวล ผเชิญ – ประเชญิ อาจ – อานาจ ประพม – บรรทม ๔. มีการสรา้ งคาโดยเติมคาหน้า เรียกวา่ ลงอปุ สรรค (บังบันนา) เช่น บังคับ บังคม บงั เหยี น บังเกิด บงั อาจ บนั ได บันดาล บนั ลอื บาบัด บาเหนจ็ ๕. นิยมนามาเปน็ คาราชาศัพท์ เช่น เสวย โปรด ทูล เสด็จ เขนย บรรทม ฯลฯ ๖. คา ๒ พยางค์ เหมอื นอักษรนาและอักษรควบของไทย เชน่ แขนง จมูก ฉนา ฉลอง กระบอื ขลัง คาทมี่ าจากจีน คายมื ภาษาจนี ท่ใี ชอ้ ยใู่ นภาษาไทยสว่ นใหญ่มาจากภาษาจีนแตจ้ ๋ิวและภาษาจีนฮกาเด้ียน มีปรากฎใน พจนานุกรม เชน่ ก๊กุ งว่ น ตึง บ๊วย ฮวงซุ้ย กงเต็ก จนั องั ตงฉนิ บ๊ะจา่ ง ฮว่ ยจอ๊ กงสี จบั กัง ตะหลิว บะหมี่ ฮื่อแซ ก๋วยจบั จับฉ่าย ตงั ฉา่ ย บุง้ ก๋ี เฮงซวย กวยจ้ี จับยกี่ ี ตัว้ โผ เปาะเป๊ียะ กวางต้งุ ก๋วยเต๋ียว จนิ แส ตั้วเฮีย แป๊ะซะ กงั ฟู กงเอ๊ยี ะ เจ ตุ๋น โป๊ เกาลดั กง้ ฉิน เจ๊ง ตุ๊ย โปเก ขงจ้อื กยุ๊ เจีย๋ น เต้าเจย้ี ว โผ แต้จว๋ิ กุยช่าย โจ๊ก เต้าทงึ ยีห่ อ้ ไต้หวัน กุยเฮง เฉาก๊วย เตา้ สว่ น ลิ้นจี่ เถา้ แก่เนย๊ี
175 116715 เก๊ แฉโพย เตา้ หู้ หลงจู๊ ปาท่องโก๋ เก๊ก ซวย เต้าหยู้ ี้ หา้ ง หลิน เกาเหลา ซาลาเปา เต้าฮวย หนุ เหลา เก้าอี้ ซอี ิ๊ว ไต้ถ๋ง หุ้น ไหหลา เพีย้ มอ๋ี เซ็ง ไต้ฝุ่น เหลา ฮกเก้ียน คาท่ีมาจากภาษาอังกฤษ เปน็ ภาษาในตระกูล มีอุปสรรค วิภัต ปัจจัย เช่นเดียวกับภาษาบาลีและสันสฤต เป็นภาษาประเทศพัฒนา แล้วจึงแพรห่ ลายไปทว่ั โลกรวมถึงภาษาไทย โดยผา่ นทางการค้าขาย การศึกษา และทางเทคโนโลยี วิธนี าคาองั กฤษมาใช้ ๑. ใชต้ ามคาเดิม เชน่ ลอนดอน เคมี วคั ซนี โอโซน ๒. ใชต้ ามคาเดมิ ออกเสยี งผดิ รปู เช่น เมตร ออฟฟิศ ลอตเตอรี่ ๓. เปลยี่ นคา อิงลิช เปน็ องั กฤษ, พาวนด์ เปน็ ปอนด์ ๔. ตัดรปู สระหลังคา เช่น ยุโร เปลย่ี นเป็น ยุโรป, อเมริกัน เปน็ อเมรกิ า ๕. เตมิ ไม้ทณั ฑฆาตที่พยัญชนะตัวสุดท้าย เชน่ ไมล เปน็ ไมล์ ๖. เตมิ ไมท้ ณั ฑฆาตกลางคา เชน่ ชอล์ก เปอร์เซนต์ ๗. ตัวตวั ตามทเี่ ปน็ พยญั ชนะซา้ กบั ตัวสะกดออก เชน่ ฟตุ บอลล เป็น ฟุตบอล ๘. เตมิ ไม้วรรณยุกต์ และไมไ้ ตค่ ู้ เช่น ก๊าซ เช้ิต เช็ค คาท่ีมาจากภาษาชวา มลายู ภาษาชวา ปจั จุบนั เรยี ก ภาษาอนิ โดนีเซีย ไทยยืมมาใชใ้ นวรรณคดีเรอื่ งคาหลังและอเิ หนา เปน็ ภาษาเขยี น ภาษามลายูหรือภาษามาเลย์ ปัจจุบันเรียกภาษามาเลเซีย ปะปนในภาษาไทยเพราะมีพรมแดนติดต่อกัน มี ความสัมพันธ์ทางการค้า ศาสนา วัฒนธรรม มาช้านาน ปัจจุบันหลายจังหวัดชายแดนใต้ใช้ภาษามลายูสื่อสารใน ชวี ติ ประจาวนั ตัวอยา่ งคาภาษาชวา มลายู ในภาษาไทย บหุ งา บุหลัน ระตู ปาหนนั ตุนาหงัน ยิหวา ทุเรียน น้อยหนา่ ประทัด กุญแจ กระดังงา ซา่ หรมิ่ กะพง กะจดู กายาน กาป่ัน กะละปงั หา จาปาดะ พูดู ปาเต๊ะ กระดงั งา มงั คดุ กรชิ คาทม่ี าจากภาษาพมา่ เชน่ หมอ่ ง กะปิ ส่วย คาที่มาจากภาษาฝรั่งเศส เช่น กงสุล กรัม คาสิโน กาแฟ กาเฟอีน กิโลเมตร โก้เก๋ คูปอง เปตอง คาร์เฟ่ บุพเฟต์ ครัวซอง ปารเ์ กต เชมเปญ คาท่ีมาจากภาษาเปอร์เซยี เชน่ ภาคี กหุ ลาบ ลูกเกด คาราวาน ชกุ ชี ฝรงั่ ราชาวดี คาทีม่ าจากภาษาอาหรับ เช่น กะลาสี การบรู ฝิน่ โกห้ รา่ น คาทม่ี าจากภาษาญป่ี ุน่ เช่น กโิ มโน เกอชิ า คาราเต้ เคนโด้ ซามูไร ซากุระ เทมปรุ ะ สกุ ี้ยาก้ี ยูโด คาทมี่ าจากภาษาโปรตเุ กส เชน่ สบู่ ปน่ิ โต กะละแม กะละมงั จบั ปิ้ง บาทหลวง เหรียญ นอกจากน้ียังมภี าษาอน่ื ๆ อีกแตไ่ มม่ ากนัก เป็นส่งิ ท่ีจะตอ้ งสงั เกตสืบคน้ ตอ่ ไป
176 116726 ใบงาน เรื่อง คาไทยแท้และคาท่ีมาจากภาษาเขมร ภาษาจีน ภาษาอังกฤษและภาษาอน่ื ๆ หนว่ ยท่ี ๒ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๐ รายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย ท๒๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ คาชแี้ จง ใหเ้ ขียนผังภมู แิ สดงภาษาต่างประเทศในภาษาไทยทีม่ ใี ช้มาก ๔ ภาษา และยกตวั อยา่ งคาที่ยืมมาใช้ ภาษา……………………………….. ภาษา……………………………….. ตวั อยา่ งคา ตวั อย่างคา ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ภาษาต่างประเทศ ในภาษาไทย ภาษา……………………………….. ภาษา……………………………….. ตวั อยา่ งคา ตวั อย่างคา ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… …………………………………………………
177 116737 แบบทดสอบ เรอ่ื ง คาไทยแทแ้ ละคาท่มี าจากภาษาเขมร ภาษาจีน ภาษาองั กฤษและภาษาอื่นๆ หนว่ ยที่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๐ รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ท๒๓๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ คาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย คาชแี้ จง ให้เขยี นระบคุ าต่อไปน้ี เปน็ คาทมี่ าจากภาษาใด ๑. ปญั ญา ๒๑. กระทรวง ๒. กระบือ ๒๒. อนโุ มทนา ๓. เทคโนโลยี ๒๓. อินเตอรเ์ นต ๔. ทรชน ๒๔. กระเพาะ ๕. กรม ๒๕. ปารีส ๖. ปฏิวัติ ๒๖. เมตร ๗. สวติ เซอรแ์ ลนด์ ๒๗. เสวย ๘. นิภา ๒๘. องั้ โล่ ๙. กังวล ๒๙. สมั ภาษณ์ ๑๐. บพุ เพสันนวิ าส ๓๐. ธามรงค์ ๑๑. เกา้ อี้ ๓๑. สาราญ ๑๒. อัพเดต ๓๒. ไวไฟ ๑๓. ประกาศ ๓๓. ลูกขุน ๑๔. ถนน ๓๔. สุภาษิต ๑๕. บะหม่ี ๓๕. ป้งุ กี๋ ๑๖. ปฏิทิน ๓๖. บรรจง ๑๗. ฟตุ บอล ๓๗. ชอ็ คโกแลต ๑๘. ออนไลน์ ๓๘. ตะหลิว ๑๙. เนรมติ ๓๙. เปอรเ์ ซนต์ ๒๐. ลอตเตอร่ี ๔๐. สงั เกต
116748 เฉลย ๒๑. เขมร ๑. บาลสี ันสกฤต ๒๒. บาลีสนั สกฤต ๒. เขมร ๒๓. อังกฤษ ๓. องั กฤษ ๒๔. เขมร ๔. บาลีสนั สกฤต ๒๕. องั กฤษ ๕. เขมร ๒๖. อังกฤษ ๖. บาลีสนั สกฤต ๒๗. เขมร ๗. อังกฤษ ๒๘. จนี ๘. บาลสี ันสกฤต ๒๙. บาลีสันสกฤต ๙. เขมร ๓๐. เขมร ๑๐. บาลสี นั สกฤต ๓๑. เขมร ๑๑. จนี ๓๒. อังกฤษ ๑๒. อังกฤษ ๓๓. จนี ๑๓. บาลสี ันสกฤต ๓๔. บาลีสนั สกฤต ๑๔. เขมร ๓๕. จนี ๑๕. จนี ๓๖. เขมร ๑๖. บาลสี นั สกฤต ๓๗. องั กฤษ ๑๗. อังกฤษ ๓๘. จีน ๑๘. องั กฤษ ๓๙. อังกฤษ ๑๙. บาลสี นั สกฤต ๔๐. บาลสี นั สกฤต ๒๐. องั กฤษ
179 178 116759 หน่วยการเรียนรู้ ๒ เรอ่ื ง พิถีพถิ ันสรา้ งสรรคค์ วามคดิ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๑ เวลา ๑ ชัว่ โมง เรือ่ ง บทละครพูดเร่อื งเหน็ แกล่ กู กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ขอบเขตเนื้อหา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การศกึ ษาวรรณกรรม และวรรณคดีมี ขนั้ นา ๑. ใบงานเร่อื งเล่า “ต้นไม้” ความสาคญั อย่างยิง่ ที่จะชว่ ยพฒั นาให้ผู้เรยี น ๑.ครูสนทนาเกี่ยวกับชีวิตประจาวัน โดยสร้างปมปัญหาว่า ๒. หนังสือเรียนวรรณคดี รู้จกั สังคมผา่ นการสื่อสารทางวรรณกรรม และ นักเรียนเคยต้องทาอะไรหรือไม่ทาอะไรด้วยเหตุผลว่า “เห็นใจ วรรณคดี ดังนั้นการเรียนรวู้ รรณกรรม และ เขา” บ้างหรือไม่อย่างไร วรรณคดี และสามารถสรปุ เนื้อหา สรุปความรู้ ๒.เชอื่ มโยงคาตอบของนกั เรยี นกบั บทละคร “เหน็ แก่ลกู ” ช้ินงาน/ภาระงาน และข้อคิดจากการอ่านวรรณกรรมท้องถ่นิ ใน ข้ันสอน กิจกรรมกลุม่ วิเคราะห์ บทละคร“เห็นแกล่ กู ” ระดับทย่ี าก เพื่อนาไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ ๑. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๗ กลุ่ม แล้วอ่านบทละครพูดเรื่องเห็น จึงมีความจาเปน็ ยง่ิ แกล่ ูก ช่วยกันวเิ คราะห์ตามหลกั การวเิ คราะหว์ รรณกรรม ๒. นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลงานการวิเคราะห์หน้า จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ชน้ั เรยี น ดา้ นความรู้ ๓. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั วิพากษ์ การวิเคราะห์ของแตล่ ะกลมุ่ เขา้ ใจความรู้ ข้อคดิ เนื้อหาจากวรรณกรรม ขั้นสรุป วรรณคดไี ด้ ๑. ครูให้นักเรียนอ่านใบงานเร่ือง ต้นไม้ แล้วเทียบเคียงว่ามี ด้านทักษะและกระบวนการ บทสรุปเหมอื น เรอ่ื ง “เห็นแกล่ กู ” หรือไมอ่ ย่างไร สรุปเนื้อหา และนาข้อคิดจากวรรณกรรม ๒. มอบหมายให้นักเรียนเตรียมแสดงบทบาทสมมุติจากบท วรรณคดีไปใช้ ละคร “เหน็ แก่ลกู ” ในช่ัวโมงหน้า ด้านคณุ ลักษณะ มงุ่ มั่นในการทางาน
การวดั ผลและการประเมินผล 180 116860 สง่ิ ทีป่ ระเมิน วธิ ีการ เคร่ืองมอื ใบงาน เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ผา่ นร้อยละ ๘๐ เข้าใจความรู้ ข้อคิด เนือ้ หาจาก ตรวจผลงานการ ใบงาน ผ่านร้อยละ ๘๐ วรรณกรรม วรรณคดีได้ วกเิาครรวาเิ คะหรา์ ะห์ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ระดบั คุณภาพ ๒ สรุปเน้อื หา และนาข้อคิดจาก ตรวจผลงานการ ผา่ นเกณฑ์ วรรณกรรม วรรณคดีไปใช้ วกเิาครรวาเิ คะหรา์ ะห์ ด้านคณุ ลักษณะ สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ มงุ่ ม่นั ในการทางาน คุณลกั ษณะ ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................................. ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .............................................................. ....................................................................................................... ..... ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วนั ท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. ............. ๙. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผ้บู รหิ ารหรอื ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. ..................................................... ............................................................................. ...................................................................................... .............. ....................................................................................................................................................... ........................... ลงชือ่ ...................................................... ผ้ตู รวจ (..........................................................) วนั ที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ............
181 116871 ใบงาน เรอื่ งต้นไม้ หน่วยท่ี ๒ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑๐ เรอ่ื งบทละครพูด เรอ่ื งเหน็ แกล่ ูก รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เรอื่ งเลา่ “ตน้ ไม”้ “ไม้ต้นเดยี วกัน ทอ่ นหนงึ่ กลายเปน็ พทุ ธรปู ท่อนหนง่ึ กลายเปน็ ไมก้ ระดาน ไมก้ ระดาน รู้สึกไม่พอใจ \"เราต่างก็เป็น ไมท้ มี่ าจากตน้ เดียวกัน ทาไมคนอ่ืนๆถึงเหยียบฉันเพ่ือข้ึนไปกราบเธอ\" พุทธรูปบอกกับไม้กระดานว่า \"เพราะเธอถูก เล่ือยเพียงครั้งเดียว แต่ฉันถูก แกะถูกกรีดเป็นพันเป็นหม่ืนคร้ัง!\" ชีวิตคนก็เช่นกัน ทนได้กับการหล่อหลอม ชีวิตจึง เกิดคุณค่า เม่ือใดก็ตามท่ีเธอเห็นความรุ่งเรืองของใครๆ อย่าได้เกิดความอิจฉา แต่จงถามตัวเธอเองว่า เธออดทน และท่มุ เทมากกวา่ ใครคนน้ันแล้วหรือยัง คาส่งั จงอา่ นเร่ืองเล่าข้างต้น แลว้ เทียบเคยี งสง่ิ ที่ไดจ้ ากการอ่าน กับบทสรุป ของบทละครเรอ่ื ง “เหน็ แกล่ ูก” ว่า เหมือนกันหรือต่างกนั เช่นไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ เฉลย ให้อยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครู ให้มเี หตุผลสอดคล้องสัมพันธ์กัน
182 หน่วยการเรียนรู้ ๒ เรอื่ ง พถิ พี ถิ นั สรา้ งสรรคค์ วามคิด แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๒ เรอื่ ง ข้อคดิ จากบทละครพดู เรื่องเห็นแกล่ กู เวลา ๑๐ ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรียนรู สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การศึกษาวรรณกรรม และวรรณคดี ข้นั นาํ ใบงาน เรื่องเห็นแกล่ ูก มีความสาคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยพัฒนาให้ผู้เรียน ๑. ครูทกั ทายพูดคยุ ถงึ การเตรยี มการแสดงบทบาทสมมตุ ิที่ มอบ รู้จักสังคมผ่านการสื่อสารทางวรรณกรรม และ มหอมบาหยมเมาื่อยชเม่ัวอื่โมชง่ัวทโมแ่ี งลทว ี่แล้ว วรรณคดี ดังน้ันการเรียนรู้วรรณกรรม และ ขน้ั สอน ชิ้นงาน / ภาระงาน วรรณคดี และสามารถสรุปเนื้อหา สรุปความรู้ ๑. นกั เรียนแสดงบทบาทสมมตุ โิ ดยการแสดงบทละครพูดเร่อื ง แสดงบทบาทสมมตุ ิ และข้อคิดจากการอ่านวรรณกรรมท้องถ่ินใน เห็นแกล กู ระดับที่ยาก เพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ๒. หลังจากการแสดงจบนักเรยี นรว มกันวิจารณต ัวละครแตล ะ จงึ มีความจาเปน็ ยิ่ง ตัวในเรอื่ ง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๓. นักเรยี นตอบคําถามคุณคา ที่ไดจ ากเรือ่ งโดยแขง ตอบเปนททีมมี ดา้ นความรู้ หวั ขอ ดังน้ี คณุ คาดา นเนอื้ หา คณุ คา ดานวรรณศลิ ป เข้าใจความรู้ ข้อคิด เน้ือหาจากวรรณกรรม คณุ คา ดานสังคม และการนําไปใช วรรณคดีได้ ข้นั สรปุ ดา้ นทักษะและกระบวนการ ๑. ครแู ละนกั เรยี นชว ยกันสรุปประเด็นในการวิเคราะห สรุปขอ้ คดิ จากวรรณกรรม วรรณคดไี ปใช้ วรรณกรรม วรรณคดใี หนักเรยี นจดบนั ทกึ ด้านคณุ ลักษณะ ๒ .นกั เรยี นทาใบงานการสรุปเนือ้ หาเรื่องเห็นแกล่ ูก ม่งุ มน่ั ในการทางาน รักความเปน็ ไทย 116882
183 116893 การวัดผลและการประเมนิ ผล สิง่ ทปี่ ระเมนิ วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์ ดา้ นความรู้ เข้าใจความรู้ ข้อคดิ เน้ือหา สังเกตการแสดง แบบประเมินการแสดง ผ่านร้อยละ ๘๐ จากวรรณกรรม วรรณคดีจาก บทบาทสมมุติ บทบาทสมมุติ เร่อื งเห็นแกล่ กู ได้ ตรวจสอบใบงาน ใบงาน ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ สรปุ ข้อคดิ จากวรรณกรรม สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นร้อยละ ๘๐ วรรณคดีไปใช้ ดา้ นคุณลกั ษณะ มงุ่ มน่ั ในการทางาน สังเกตพฤติกรรม แบบประเมนิ คณุ ภาพระดับ ๒ รักความเปน็ ไทย คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ............................................. ปญั หาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .............................................. ลงชือ่ ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วันที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ............. ๙. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. .................................................................................... ............................................................................... ....... ....................................................................................................................................................... ................... ลงชอื่ ...................................................... ผู้ตรวจ (..........................................................) วนั ท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. .............
184 117804 ใบงาน เรอื่ งเห็นแก่ลกู หน่วยท่ี ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๒ เร่ืองข้อคดิ จากละครพดู เรอ่ื งเหน็ แกล่ ูก รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ คาชแ้ี จง ๑. ใหน้ ักเรยี นหาความหมายของคาทกี่ าหนดใหต้ ่อไปนี้ คาศพั ท์ ความหมาย ๑. เกลา้ ผม ๒. เสมยี น ๓. ชา่ งพดู ๔. ครมี โซดา ๕. ปอน ๖. ระหาย ๗. หมอความ ๘. หมาหัวเนา่ ๙. เสมียนบาญชี ๑๐. อาญาจักร ๑๑. อินงั ๑๒. เหนี่ยวใจ ๑๓. ฉาย ๑๔. มีเหย้ามเี รือน ๑๕. ขอรับ ๑๖. สบิ ชงั่ ๑๗. เปน็ โทษ ๑๘. เจา้ คณุ ๑๙. ใตเ้ ทา้ ๒๐. เกลอเก่า คาช้ีแจง ๒. ให้นักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้โี ดยการอธบิ ายใหช้ ัดเจน ๑. พระยาภกั ดนี ฤนาถ บดิ าบุญธรรมของแมล่ ออ ใหค้ วามรักความปรารถนาดตี อ่ แม่ลอออย่างจริงใจหรือไม่ มี เร่ืองใดทส่ี นบั สนนุ ความเห็นนี้ ............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ๒. ตัวละครต่อไปน้ีมีบคุ ลกิ ลักษณะอยา่ งไร ตามความคิดเห็นของนักเรียน ๒.๑ นายล้า…………………………………………………………………………………………………………………………… ๒.๒ พระยาภกั ดนี ฤนาถ………………………………………………………………………………………………………… ๒.๓ แมล่ ออ…………………………………………………………………………………………………………………………. ๒.๔ อ้ายคา....................................................................................................................... ...................
185 117815 ๓. แนวคิดหรือแกน่ เรื่องเห็นแกล่ ูก คืออะไร......................................................................................................... ๔. บทละครพดู เรื่องเห็นแก่ลูกมกี ลวธิ กี ารเขียนอยา่ งไร........................................................................................ ๕. บทบรรยายในละครพูดเร่ืองเหน็ แก่ลูกมีประโยชนอ์ ยา่ งไร.............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๖. นักเรียนคิดว่า อ้ายคามีคุณธรรมในเรือ่ งใด...................................................................................................... ๗. อา้ ยคาปฏบิ ตั ติ อ่ แขกของนายเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด......................................................................... .............................................................................................................................................................................. ๘. เหตุใดนายล้าจึงดแู ก่กว่าอายุจรงิ ..................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ๙. จากพฤติกรรมท่ัวไปของนายล้า แสดงใหเ้ ห็นว่านายล้าเปน็ คนอย่างไร.......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ๑๐. เม่ือนายลา้ ถกู จับค้าฝน่ิ กับจนี กิมเง็ก แตท่ าไมไม่ถูกดาเนนิ คดี...................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ๑๑. ทาไมนายล้าจงึ ตอ้ งการมาพบแม่ลออ........................................................................................................... ๑๒. เพราะเหตใุ ดพระยาภักดีนฤนาถ จึงใหเ้ งนิ นายลา้ และทาไมจึงร้องขอแกมบงั คับให้นายลา้ รีบไป............... ............................................................................................................................. ................................................. ๑๓. รัชกาลท่ี ๖ ทรงพระราชนพิ นธ์บทละครพดู เร่ืองเห็นแก่ลูก โดยใช้พระนามแฝงวา่ ...................................... ๑๔. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อย่หู ัวพระนามเดิมวา่ ............................................................................. ๑๕. เรอ่ื งเหน็ แก่ลกู เป็นบทละครพดู ก่ีองก.์ ......................................................................................................... ๑๖. “การละครเป็นวิธีหน่ึงของการอบรมจติ ใจ” นกั เรียนคิดวา่ การละครอบรมจติ ใจได้อยา่ งไร......................... .................................................................................................................................................. ............................ ๑๗. เรือ่ งเหน็ แกล่ กู ให้คตสิ อนใจในด้านใดมากทีส่ ดุ ............................................................................................. ๑๘. นายล้าเปน็ คนอายรุ าว ๔๐ ปี แต่หนา้ ตาแก.่ .แตง่ กายค่อนขา้ งปอนๆ แตย่ ังเหน็ ได้วา่ เคยเป็นผู้ดีมาครั้ง หนง่ึ แลว้ คาทีข่ ีดเส้นใตน้ กั เรยี นเขา้ ใจวา่ อย่างไร จงอธิบาย................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ๑๙. แมล่ ออสรา้ งภาพพ่อไวใ้ นใจ วา่ พอ่ เปน็ คนดี ใจกวา้ ง นกั เรียนคิดว่าคนในยุคปจั จุบัน “สรา้ งภาพ” หรอื ไม่ ถา้ สร้างๆ อยา่ งไร................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ๒๐. จากเรือ่ งเห็นแก่ลูก จงบอกความหมายของคาท่ีขีดเส้นใต้ตอ่ ไปน้ี - จาไดค้ ลับคล้ายคลับคลา.................................................................................................................... - ใต้เทา้ มบี ญุ ข้ึนแลว้ ..................................................................................................................... ........ - ผมรู้สกึ ตัวว่าผมแก่ไปมาก.................................................................................................................... - จะใหฉ้ ันพูดตามตรงอีกหรือ............................................................................................................... - เขารู้ว่าฉนั เปน็ แตพ่ ่อเล้ียงเขา............................................................................................................
186 117826 เฉลยใบงาน เรอื่ งเห็นแก่ลูก หนว่ ยที่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๒ เรื่องขอ้ คิดจากละครพดู เรื่องเหน็ แก่ลูก รายวชิ าพื้นฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๓ คาชี้แจง ๑. ให้นักเรยี นหาความหมายของคาที่กาหนดใหต้ ่อไปน้ี คาศัพท์ ความหมาย ๑. เกล้าผม คาใชแ้ ทนตัวผพู้ ูดเพศชายพูดกับผใู้ หญ่ด้วยความเคารพ หรือวา่ ใชเ้ กลา้ กระผม ๒. เสมยี น พนักงานบัญชี ๓. ชา่ งพดู มีวาจาคมคาย ๔. ครมี โซดา นา้ หวานสเี ขียวผสมโซดา ๕. ปอน ซอมซ่อ อัตคดั ขัดสน ๖. ระหาย กระหาย ๗. หมอความ ทนายความ ๘. หมาหัวเนา่ คนทีเ่ ปน็ ที่รังเกียจของคนอ่นื ไม่สามารถเขา้ กบั ใครได้ ไม่มใี ครรัก ๙. เสมียนบาญชี พนกั งานบัญชี ๑๐. อาญาจักร โทษ ๑๑. อินงั เอาใจใส่ เอาใจชว่ ยดูแล ๑๒. เหน่ยี วใจ ยบั ยั้งใจ ๑๓. ฉาย ถ่ายรปู ๑๔. มีเหยา้ มเี รือน แต่งงาน ๑๕. ขอรับ คาขานรับของเพศชายขานรบั ผ้เู ปน็ นาย ๑๖. สิบช่งั มาตราเงินโบราณ หนง่ึ ชง่ั มีจานวนเทา่ กบั ๘๐ บาท สิบช่างเท่ากบั ๘๐๐ บาท ๑๗. เปน็ โทษ ได้รบั โทษ ตดิ คุก ๑๘. เจา้ คุณ คาเรียกผู้มีบรรดาศักดิ์ต้ังแต่ช้ันพระยาขนึ้ ไป ๑๙. ใตเ้ ทา้ คาใช้แทนผ้ทู ่ีเราพูดด้วย ใชก้ ับขุนนางผู้มีศักดส์ิ ูง เป็นสรรพนามบรุ ษุ ท่ี ๒ ๒๐. เกลอเกา่ เพอ่ื นเกา่ คาชี้แจง ๒. ให้นักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนีโ้ ดยการอธบิ ายใหช้ ัดเจน ๑. พระยาภักดีนฤนาถ บิดาบุญธรรมของแม่ลออ ใหค้ วามรักความปรารถนาดตี ่อแมล่ อออย่างจริงใจหรอื ไม่ มี เร่ืองใดทีส่ นับสนนุ ความเหน็ น้ี...................อยูใ่ นดุลพินิจของครูผสู้ อน………........................................................ ๒. ตวั ละครตอ่ ไปน้ีมบี คุ ลกิ ลักษณะอย่างไร ตามความคดิ เห็นของนักเรยี น ๒.๑ นายล้า……อายุราว ๖๐ สิบเศษ ผวิ ขาว หนา้ แดงดแู ก่กว่าวัยด้วยดืม่ เหลา้ มาก ๒.๒ พระยาภกั ดีนฤนาถ……บคุ ลกิ ภาพภมู ฐิ าน สงู มีสงา่ ราศีผู้ดี สุขมุ ๒.๓ แม่ลออ……เป็นหญงิ สาววัย ๑๗ ปี สดใส เรียบรอ้ ย พดู จาไพเราะอ่อนหวาน ๒.๔ อา้ ยคา......มคี วามรอบคอบ ภกั ดีตอ่ เจ้านาย ซื่อตรง ฉลาดเฉลยี ว ๓. แนวคิดหรอื แกน่ เรื่องเห็นแก่ลูก คืออะไร..........พ่อแม่ยอมเสียสละไดท้ ุกอย่างเพ่ือความสขุ ของลกู
187 117837 ๔. บทละครพดู เร่ืองเหน็ แก่ลูกมกี ลวิธีการเขียนอยา่ งไร.....เปน็ บทละครพดู เนน้ บทสนทนา ดาเนนิ เร่อื งรวดเร็ว ดว้ ยคาพดู ตัวละครท่สี อ่ื สารตรงไปตรงมา ๕. บทบรรยายในละครพูดเร่ืองเหน็ แกล่ กู มีประโยชน์อยา่ งไร.....บอกถงึ บุคลกิ ภาพตวั ละคร เห็นภาพของ สถานทีใ่ นฉากนั้นๆ ๖. นกั เรียนคดิ ว่า อ้ายคามคี ุณธรรมในเรอ่ื งใด......ความซอ่ื สัตย์ ๗. อา้ ยคาปฏิบัติต่อแขกของนายเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด.....เหมาะสม เพราะเป็นหนา้ ทีท่ ต่ี ้องเฝา้ บา้ น และดูแลเรื่องความปลอดภยั ไม่ไวว้ างใจคนแปลกหน้า ๘. เหตใุ ดนายล้าจงึ ดแู กก่ ว่าอายจุ รงิ ........เพราะดม่ื เหลา้ มาก ๙. จากพฤตกิ รรมทวั่ ไปของนายลา้ แสดงให้เห็นว่านายล้าเป็นคนอยา่ งไร.......เห็นแกต่ ัว ๑๐. เมอ่ื นายลา้ ถูกจบั คา้ ฝ่นิ กับจีนกิมเง็ก แตท่ าไมไมถ่ ูกดาเนนิ คดี...เพราะปฏเิ สธวา่ ไม่ได้รว่ มค้าฝิ่นด้วย ๑๑. ทาไมนายลา้ จงึ ต้องการมาพบแมล่ ออ.....หวังให้แม่ลออเลี้ยงตนเองเพราะไม่มหี นทางทามาหากินแลว้ ๑๒. เพราะเหตุใดพระยาภกั ดีนฤนาถ จงึ ใหเ้ งนิ นายลา้ และทาไมจงึ ร้องขอแกมบังคบั ให้นายล้ารีบไป............... ............เพราะไม่ตอ้ งการใหน้ ายลา้ แสดงตัวว่าเปน็ พ่อแม่ลออเพราะจะทาใหผ้ ู้อื่นไม่กลา้ คบหาแม่ลออเพราะ เปน็ ลูกคนติดคุก ๑๓. รัชกาลท่ี ๖ ทรงพระราชนพิ นธ์บทละครพดู เร่ืองเหน็ แก่ลกู โดยใช้พระนามแฝงวา่ ....พระขรรค์เพชร ๑๔. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัวพระนามเดิมวา่ .......สมเด็จเจา้ ฟา้ มหาวชิราวธุ ๑๕. เรอื่ งเหน็ แก่ลกู เปน็ บทละครพูดก่ีองก.์ ......๑ องค.์ ..................................... ๑๖. “การละครเป็นวธิ ีหนง่ึ ของการอบรมจติ ใจ” นักเรียนคิดวา่ การละครอบรมจติ ใจได้อยา่ งไร......................... ..............สอดแทรกคาสอนลงในบทละคร......................... ๑๗. เรอ่ื งเห็นแกล่ ูกให้คตสิ อนใจในดา้ นใดมากทส่ี ุด.......ความรกั ของคนในครอบครัว.................... ๑๘. นายลา้ เปน็ คนอายรุ าว ๔๐ ปี แต่หน้าตาแก.่ .แตง่ กายค่อนขา้ งปอนๆ แตย่ ังเหน็ ได้ว่าเคยเป็นผ้ดู ีมาครัง้ หนงึ่ แล้วคาที่ขดี เส้นใต้นักเรียนเข้าใจว่าอยา่ งไร จงอธิบาย.....ผทู้ ่ีเคยเปน็ ราชการ มียศตาแหน่งมาก่อน ๑๙. แมล่ ออสรา้ งภาพพ่อไวใ้ นใจ วา่ พ่อเปน็ คนดี ใจกว้าง นักเรียนคิดวา่ คนในยุคปัจจุบัน “สร้างภาพ” หรือไม่ ถา้ สร้างๆ อย่างไร...............อย่ใู นดลุ พนิ ิจของครูผู้สอน........................................... ๒๐. จากเร่ืองเห็นแกล่ ูก จงบอกความหมายของคาที่ขดี เส้นใต้ตอ่ ไปน้ี - จาไดค้ ลับคล้ายคลับคลา..................จาได้แตไ่ มค่ ่อยแนใ่ จ........................ - ใตเ้ ทา้ มีบุญข้นึ แลว้ .................มยี ศบรรดาศักดเ์ิ พ่ิมขนึ้ ............................. - ผมรสู้ ึกตวั ว่าผมแกไ่ ปมาก...................มใี บหน้าที่มากกว่าอายุ................. - จะให้ฉันพดู ตามตรงอกี หรือ.................พูดความจริงทีไ่ ม่อยากพดู ........... - เขารู้ว่าฉนั เปน็ แตพ่ ่อเลย้ี งเขา..........แคเ่ พยี ง...........................................
188 117848 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ ชอ่ื หนวยการเรยี นรู พนิ ิจคณุ คา วรรณคดี รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ เวลาเรียน ๑๒ ชว่ั โมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด สาระท่ี ๑ : การอา่ น มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคดิ เพอ่ื นาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหาในการดาเนนิ ชวี ิต และมนี สิ ัยรกั การอ่าน ตวั ชี้วัด ม ๓/๓ ระบุใจความสาคัญและรายละเอียดของข้อมูลที่สนบั สนุนจากเรอ่ื งทอี่ า่ น ม ๓/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์และประเมินเรอ่ื งที่อา่ นโดยใช้กลวิธกี ารเปรยี บเทียบเพ่ือใหผ้ อู้ ่านเข้าใจไดด้ ียง่ิ ข้ึน ม ๓/๗ วจิ ารณ์ความสมเหตุสมผลการลาดบั ความและความเปน็ ไปไดข้ องเร่ือง ม ๓/๙ ตคี วามและประเมนิ คุณคา่ แนวคิดทไี่ ดจ้ ากงานเขยี นอยา่ งหลากหลายเพอื่ นาไปใช้แกป้ ัญหาในชวี ิต สาระที่ ๒ : การเขียน มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขียนสื่อสาร เขยี งเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ตวั ชีว้ ดั ม ๓/๗ เขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็นหรอื โต้แยง้ ในเรอื่ งต่าง ๆ สาระที่ ๓ : การฟัง การดู และการพดู มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ยา่ งมวี จิ ารณญาณ พดู แสดงความรู้ ความคดิ ความรสู้ กึ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชีว้ ดั ม ๓/๔ พูดในโอกาสต่าง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ม ๓/๕ พูดโนม้ น้าวใจโดยนาเสนอหลักฐานตามลาดับเน้ือความอยา่ งมเี หตุผล ม ๓/๖ มมี ารยาทในการฟัง ดู และการพดู
189 117859 สาระที่ ๕ : วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ : เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณคา่ และนาไป ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ตัวชวี้ ัด ม ๓/๑ สรปุ เนอ้ื หาวรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมทอ้ งถนิ่ ในระดบั ทย่ี ากยง่ิ ข้ึน ม ๓/๒ วิเคราะห์วถิ ไี ทยและคุณคา่ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่าน ม ๓/๓ สรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากการอา่ น เพื่อนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด ๑. การระบุใจความสาคญั และรายละเอียดของข้อมูลท่สี นับสนนุ จากเรอื่ งท่ีอา่ นแล้วเขียนกรอบแนวคิด ผงั ความคิด บันทึก ยอ่ ความและรายงาน ๒. การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ ประเมินเร่ืองที่อ่านโดยใช้กลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บ และวิจารณ์ความสมเหตสุ มผล การลาดบั ความ และความเป็นไปได้ของเรือ่ ง และการตีความประเมนิ คุณค่า ตลอดจนแนวคิดทไ่ี ดจ้ ากงานเขยี น อยา่ งหลากหลายเพื่อนาไปใช้แก้ปญั หาในชวี ติ โดยการเขยี นวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเหน็ หรอื โต้แยง้ ในเร่ืองต่าง ๆ สามารถแสดงความคดิ เหน็ ประเมินเร่ืองจากการฟังและการดู ๓. การจาแนก และใช้คาภาษาตา่ งประเทศ ทใี่ ช้ในภาษาไทย ๔. การพูดในโอกาสต่าง ๆ ไดต้ รงตามวัตถุประสงค์ ๕. การวเิ คราะห์วถิ ีไทย และคณุ ค่า จากรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา่ น แลว้ สรุปความรแู้ ละขอ้ คิดจาก การอ่าน เพ่ือนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๑. หลกั การอ่านและวธิ ีการอ่านจบั ใจความสาคญั ๒. การอา่ น คดิ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ โดยใช้ทกั ษะกระบวนการคดิ ๓. การอ่านวิจารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ ดว้ ยความสมเหตุสมผล ๔. อ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ จากสอื่ สิ่งพิมพ์ตา่ ง ๆ ๕. หลกั การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ การเขียนแสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ย้งเรือ่ งท่ีอ่าน ๖. หลักการพดู และวธิ ีการพูดในโอกาสตา่ ง ๆ การพูดโต้วาที การพดู โนม้ น้าวใจ ๗. การวเิ คราะหค์ ุณคา่ วรรณคดี ดา้ นเนอ้ื หา แนวคดิ การใชภ้ าษา คุณคา่ ด้านวรรณศิลป์ ๘. การวิเคราะหค์ ณุ คา่ บทกวี ดา้ นเนื้อหา แนวคิด การใชภ้ าษา คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์ ๙. การวิเคราะหว์ ิถไี ทยและคุณคา่ จากวรรณคดีและวรรณกรรมท้องถ่ิน ๑๐. การวเิ คราะห์คุณค่าวรรณคดี เร่ือง อิศรญาณภาษิต
190 117960 ๕. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๒. ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ ๓. มีวนิ ยั ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยู่อยา่ งพอเพยี ง ๖. มงุ่ มน่ั การทางาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มจี ติ สาธารณะ ๖. การประเมินผลรวบยอด ๖.๑ ชิ้นงานหรือภาระงาน ๖.๒ แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 496
Pages: