ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 114433 ตาราง ลักษณะและหน้าท่ีของอวยั วะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหาร (ตอ่ ) ชื่อ-สกุล วันที ่ ลำ� ดบั ช่อื ลกั ษณะ หน้าท่ี เดอื น ๔ ตบั เปน็ อวยั วะทมี่ ขี นาดใหญ่ สรา้ งนำ้� ดไี ปเกบ็ ทถ่ี งุ นำ้� ดี และสง่ ไปยงั ลำ� ไสเ้ ลก็ นำ้� ดชี ว่ ยทำ� ใหไ้ ขมนั แตกตวั ๕ ลำ� ไสเ้ ลก็ เปน็ ทอ่ ยาวขดไปมา ผนงั ดา้ นในตะปมุ่ ตะปำ่� ยอ่ ยคารโ์ บไฮเดรต โปรตนี ไขมนั โดยเอนไซม์ ชั้น เลขที่ ๖ ตบั ออ่ น คลา้ ยนว้ิ มอื ที่ล�ำไส้เล็กสร้างข้ึนเองและจากตับอ่อน พ.ศ. โดยมนี ำ�้ ดจี ากตบั มาชว่ ยทำ� ใหไ้ ขมนั แตกตวั เปน็ อวยั วะรปู รา่ งเรยี วยาว นอกจากนี้ยังท�ำหน้าท่ีดูดซึมสารอาหาร ทกุ ประเภท บ. ๑.๒ / ผ. ๒ - ๐๒ สรา้ งเอนไซมส์ ง่ ไปยงั ลำ� ไสเ้ ลก็ เพอื่ ชว่ ย ยอ่ ยสารอาหาร
114444 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ตาราง ลกั ษณะและหน้าท่ีของอวยั วะต่าง ๆ ในระบบยอ่ ยอาหาร (ต่อ) ช่ือ-สกุล วนั ท่ ี ล�ำดบั ชื่อ ลักษณะ หน้าที่ เดอื น ๗ ลำ� ไสใ้ หญ่ เปน็ ทอ่ ขนาดใหญแ่ ตส่ น้ั กวา่ ลำ� ไสเ้ ลก็ ดดู ซมึ เกลอื แร่ และนำ�้ บบี ตวั สง่ กากอาหาร ไปยงั ทวารหนกั ๘ ทวารหนกั เปน็ ชอ่ งเปดิ ทอี่ ยสู่ ว่ นปลายสดุ ของทางเดนิ บบี ตวั ขบั กากอาหารออกนอกรา่ งกาย ช้นั เลขท่ี อาหาร พ.ศ. บ. ๑.๒ / ผ. ๒ - ๐๒
ชื่อ-สกุล เดอื น ชน้ั เลขท่ี บ. ๑.๒ / ผ. ๒ - ๐๒ วนั ที ่ พ.ศ. แผนภาพแสดงเส้นทางการย่อยและการดูดซึมสารอาหารในระบบย่อยอาหาร ตวั อยา่ งการเขยี น เชน่ ระบบยอ่ ยอาหาร ปาก ยอ่ ยคารโ์ บไฮเดรต หลอดอาหาร ดนั อาหารใหเ้ คลอื่ นท่ี กระเพาะอาหาร ยอ่ ยโปรตนี ลำ� ไสเ้ ลก็ ตบั นำ้� ดี เอนไซม์ ตบั ออ่ น ดดู ซมึ สารอาหาร ทกุ ประเภท ยอ่ ยไขมนั ยอ่ ยโปรตนี ลำ� ไสใ้ หญ่ ยอ่ ยคารโ์ บไฮเดรต ดดู ซมึ เกลอื แร่ และนำ้� บบี ตวั สง่ กากอาหาร ไปยงั ทวาร ทหารหนกั ขบั กากอาหาร ออกนอกรา่ งกาย ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 114455
ช่ือ-สกุล เดอื น ชน้ั เลขท่ี บ. ๑.๒ / ผ. ๒ - ๐๒ วันท่ ี พ.ศ. คำ� ถามหลังจากทำ� กจิ กรรม ๑. อาหารทผ่ี า่ นการยอ่ ยจะมกี ารเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร อาหารทผี่ า่ นการยอ่ ยจะมกี ารเปลยี่ นแปลง คอื เปลย่ี นจากอาหารชน้ิ ใหญจ่ ะถกู ยอ่ ยใหม้ ขี นาดเลก็ จนสามารถดดู ซมึ เขา้ กระแสเลอื ดได้ ๒. การย่อยหมูปิง้ ในปากเหมือนหรือแตกต่างจากการย่อยข้าวสกุ ในกจิ กรรมที่ ๑ การยอ่ ยหมปู ง้ิ ในปากแตกตา่ งจากการยอ่ ยขา้ วสกุ ในกจิ กรรมท่ี ๑ ดงั นี้ การยอ่ ยหมปู ง้ิ ในปาก เปน็ เพยี งการฉกี บดใหม้ ขี นาดเลก็ ลงแตย่ งั ไมม่ กี ารยอ่ ย แตก่ ารยอ่ ยขา้ วสกุ ในปากเปน็ การยอ่ ยที่ เปลย่ี นแปง้ ในขา้ วสกุ ใหเ้ ปน็ นำ�้ ตาล ๓. อวยั วะใดทที่ ำ� หนา้ ทยี่ อ่ ยอาหาร และลกั ษณะของแตล่ ะอวยั วะชว่ ยในการยอ่ ยอาหาร อยา่ งไร อวยั วะทท่ี ำ� หนา้ ทย่ี อ่ ยอาหาร ไดแ้ ก่ ปาก กระเพาะอาหาร ลำ� ไสเ้ ลก็ แตล่ ะอวยั วะมลี กั ษณะที่ ชว่ ยในการยอ่ ยอาหารใหม้ ขี นาดเลก็ ลงและมเี อนไซมช์ ว่ ยยอ่ ย ดงั น้ี ปากมลี กั ษณะเปน็ ชอ่ งและมี ฟนั ลน้ิ นำ้� ลายชว่ ยคลกุ เคลา้ อาหารใหถ้ ดู บดตดั ไดง้ า่ ยขน้ึ และมเี อนไซมช์ ว่ ยยอ่ ยคารโ์ บไฮเดรต กระเพาะอาหารมลี กั ษณะชอ่ งเปดิ ตอ่ จากหลอดอาหารและเปดิ ตอ่ ไปทลี่ ำ� ไสเ้ ลก็ ภายในเปน็ ถงุ เปน็ คลน่ื มเี อนโซมย์ อ่ ยโปรตนี ลำ� ไสเ้ ลก็ มลี กั ษณะเปน็ ทอ่ ยาวเพอื่ ใหอ้ าหารไดร้ บั การยอ่ ยและดดู ซมึ ไดม้ าก มเี อนไซมย์ อ่ ยคารโ์ บไฮเดรต โปรตนี และไขมนั และยงั มชี อ่ งรบั เอนไซมม์ าจากตบั ออ่ น ภายในมลี กั ษณะตะปมุ่ ตะปำ่� คลา้ ยมอื เพอ่ื เพมิ่ พนื้ ทผ่ี วิ ในการดดู ซมึ อาหาร ๔. อวัยวะใดไมไ่ ด้ทำ� หนา้ ทยี่ ่อยอาหารแตช่ ว่ ยในการยอ่ ยอาหาร และช่วยอย่างไร หลอดอาหาร ตบั และตบั ออ่ นไมใ่ ดม้ หี นา้ ทย่ี อ่ ยอาหาร โดยหลอดอาหาร ชว่ ยบบี รดั และดนั อาหารใหเ้ คลอ่ื นทไี่ ปยงั กระเพาะอาหาร ตบั สรา้ งนำ้� ดี ไปเกบ็ ทถี่ งุ นำ้� ดี ถงุ นำ้� ดจี ะบบี ตวั เพอ่ื สง่ นำ�้ ดไี ปยงั ลำ� ไสเ้ ลก็ ชว่ ยทำ� ให้ ไขมนั แตกตวั สว่ นตบั ออ่ นทำ� หนา้ ทสี่ รา้ งเอนไซมแ์ ลว้ สง่ ไปยงั ลำ� ไสเ้ ลก็ เพอื่ ชว่ ยยอ่ ยสารอาหารตา่ ง ๆ ในลำ� ไสเ้ ลก็ 114466 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชอ่ื -สกุล เดือน ช้นั เลขที่ บ. ๑.๒ / ผ. ๒ - ๐๒ วันท ี่ พ.ศ. ๕. อวัยวะตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วข้องในระบบย่อยอาหารท�ำหนา้ ทร่ี ่วมกนั หรือไม่ ยกตัวอยา่ ง อวยั วะทเี่ กย่ี วขอ้ งในระบบยอ่ ยทำ� หนา้ ทรี่ ว่ มกนั เชน่ ปาก ลน้ิ ฟนั ทำ� หนา้ ทรี่ ว่ มกนั ในการทำ� ให้ อาหารขนาดใหญม่ ขี นาดเลก็ ลง ๖. ระบบย่อยอาหารหมายถึงอะไร ระบบยอ่ ยอาหารหมายถงึ ระบบทท่ี ำ� หนา้ ทย่ี อ่ ยอาหารและดดู ซมึ สารอาหารเขา้ สหู่ ลอดเลอื ด เพอ่ื ใหร้ า่ งกายนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ ๗. การดดู ซึมสารอาหารส่วนใหญเ่ กิดข้นึ ท่อี วัยวะใด และอวัยวะนน้ั มลี ักษณะอย่างไร การดดู ซมึ สารอาหารสว่ นใหญเ่ กดิ ขนึ้ ทลี่ ำ� ไสเ้ ลก็ ซง่ึ มคี วามยาวมากทำ� ใหม้ เี วลาดดู ซมึ ไดน้ าน และผนงั ดา้ นในของลำ� ไสเ้ ลก็ มลี กั ษณะตะปมุ่ ตะปำ่� คลา้ ยนว้ิ มอื เปน็ การเพมิ่ พนื้ ทใี่ นการดดู ซมึ ทำ� ใหด้ ดู ซมึ สารอาหารไดม้ ากขน้ึ ๘. จากกจิ กรรมนี้ สรุปไดว้ า่ อย่างไร ระบบย่อยอาหารเก่ียวข้องกับอวัยวะต่าง ๆ ได้แก่ ปาก ลิ้น ฟัน หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำ� ไสเ้ ลก็ ตบั ตบั ออ่ น ลำ� ไสใ้ หญ่ ทวารหนกั แตล่ ะอวยั วะมลี กั ษณะ และทำ� หนา้ ทแ่ี ตกตา่ งกนั แตท่ ำ� หนา้ ทรี่ ว่ มกนั ในการยอ่ ยอาหารและดดู ซมึ สารอาหาร ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 114477
ชอ่ื -สกลุ เดือน ชัน้ เลขท่ี บ. ๑.๒ / ผ. ๒ - ๐๓ วนั ที่ พ.ศ. ใบงาน ๐๓ : การดูแลรักษาอวยั วะในระบบย่อยอาหาร ผลการอภิปราย โรคหรอื อาการทเี่ กย่ี วกบั ระบบยอ่ ยอาหาร คอื กระเพาะอาหารอกั เสบ ลกั ษณะอาการ ไดแ้ ก่ ปวดทอ้ งบรเิ วณลน้ิ ป่ี อาจเปน็ ๆ หายๆ คลน่ื ไส้ อาเจยี น สาเหตเุ กดิ จาก การตดิ เชอื้ แบคทเี รยี ทกี่ ระเพาะอาหาร หรอื เกดิ จากอาหารบางชนดิ แนวทางการปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ โรคหรอื อาการนนั้ ซำ้� อกี ไดแ้ ก่ หลกี เลย่ี งอาหารรสจดั แอลกอฮอล์ กาแฟ ลดความเครยี ด ถา้ มอี าการควรรบั ประทานยา ผลการสืบคน้ ขอ้ มูล การปอ้ งกนั และการดแู ลรกั ษาอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารทเ่ี กยี่ วกบั โรคหรอื อาการน้ี ได้แก่ หลีกเลยี่ งอาหารรสจดั แอลกอฮอล์ กาแฟ ลดความเครียด ถ้ามีอาการควร รับประทานยา ทม่ี าของขอ้ มลู คอื เว็บไซต์โรงพยาบาลบ�ำรงุ ราษฎร์, เวบ็ ไซตโ์ รงพยาบาลวภิ าวดี 114488 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ช่อื -สกุล เดือน ช้นั เลขที่ บ. ๑.๒ / ผ. ๒ - ๐๓ วันที่ พ.ศ. แนวทางการดูแลรักษาระบบย่อยอาหารใหท้ �ำงานเปน็ ปกติ ไดแ้ ก่ แนวทางการดูแลรักษาระบบย่อยอาหารให้ท�ำงานปกติ ได้แก่ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด แอลกอฮอล์ กาแฟ ลดความเครยี ด รบั ประทานอาหารใหพ้ อดี รบั ประทานอาหารตรงเวลา ปรบั พฤติกรรมการรบั ประทานอาหาร เพ่อื ให้อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารท�ำงานเป็นปกติ ค�ำถามหลังจากทำ� กจิ กรรม ๑. โรคหรอื อาการท่เี ก่ียวข้องกบั ระบบย่อยอาหารมีสาเหตจุ ากอะไรบา้ ง ยกตวั อยา่ ง เชน่ โรคกระเพาะอาหารเปน็ แผล มสี าเหตุมาจากการติดเชอ้ื แบคทีเรยี ทก่ี ระเพาะอาหาร ท้องผูก สาเหตุ รบั ประทานผกั ผลไม้น้อย ดื่มนำ�้ นอ้ ย ๒. เราควรปฏบิ ตั ติ นเพอื่ ดแู ลรกั ษาระบบยอ่ ยอาหารใหท้ ำ� งานเปน็ ปกตใิ นแนวทางใด เปน็ อนั ดบั แรก แนวคำ� ตอบ เชน่ รับประทานอาหารให้มปี ริมาณพอเหมาะ และตรงเวลา ๓. จากกิจกรรมน้ี สรปุ ได้วา่ อยา่ งไร เราควรดแู ลรกั ษาอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารใหท้ ำ� งานเปน็ ปกติ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ โรคหรอื อาการ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ระบบยอ่ ยอาหาร เชน่ โรคกระเพาะอาหารอกั เสบ โรคกรดไหลยอ้ น ปวดทอ้ ง ท้องอืด โดยเราท�ำได้หลายวิธี เข่น รับประทานอาหารท่ีสะอาด หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด รบั ประทานอาหารใหม้ ปี ริมาณพอเหมาะและตรงเวลา ลดความเครียด ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 114499
ช่ือ-สกลุ เดือน ช้นั เลขท่ี บ. ๑.๒ / ผ. ๒ - ๐๔ วนั ท ่ี พ.ศ. ใบงาน ๐๔ : แบบฝกึ หดั เร่อื งระบบยอ่ ยอาหาร ตอบคำ� ถามตอ่ ไปนใ้ี หถ้ กู ตอ้ ง ๑. อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารมอี าหารอะไรบา้ ง (เขยี นชอื่ อวยั วะในชอ่ งวา่ ง) ตับ ปาก ตับออ่ น หลอดอาหาร ลำ� ไสใ้ หญ่ กระเพาะอาหาร ทวารหนัก ล�ำไสเ้ ลก็ ๒. การยอ่ ยอาหารเร่มิ ต้นท่อี วยั วะใดและส้นิ สดุ ท่อี วัยวะใด การยอ่ ยอาหารเรม่ิ ต้นทปี่ ากและส้นิ สดุ ทล่ี ำ� ไส้เล็ก 115500 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชือ่ -สกลุ เดือน ชน้ั เลขท่ี บ. ๑.๒ / ผ. ๒ - ๐๔ วันที่ พ.ศ. ๓. สารอาหารทุกประเภทต้องผา่ นการยอ่ ยหรือไม่ อยา่ งไร ไม่ โดยสารอาหารประเภทวติ ามนิ เกลอื แร่ และนำ้� ไมต่ อ้ งผา่ นการยอ่ ย เพราะมอี นภุ าคขนาดเลก็ ท่รี ่างกายสามารถดดู ซมึ ไปใชไ้ ด้เลย ๔. การรบั ประทานเนอ้ื หมหู รอื เนอื้ ววั มากเกนิ ไปจะมผี ลตอ่ การทำ� งานของอวยั วะในระบบ ย่อยอาหารหรอื ไม่ อย่างไร การรบั ประทานอาหารจำ� พวกเนอื้ สตั วท์ มี่ โี ปรตนี และไขมนั มากมผี ลทำ� ใหอ้ วยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร ท�ำงานหนัก กระเพาะอาหารต้องสร้างกรดและเอนไซม์จ�ำนวนมาก และอาจท�ำให้การย่อยช้าลง อาหารจะคา้ งอยใู่ นกระเพาะอาหารเป็นเวลานาน เกิดอาการแนน่ ท้อง ท้องอดื ได้ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 115511
115522 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 153
มาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวช้ีวัดของหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร (จ�ำนวน ๑๑ ชัว่ โมง) ม าตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วัด มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะ ของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ตัวชวี้ ดั ว ๒.๑ ป. ๖/๑ อ ธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้ แม่เหล็กดึงดูดการรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐาน เชงิ ประจกั ษ์ รวมทั้งระบุวิธีแกป้ ญั หาในชีวติ ประจ�ำวนั เกย่ี วกบั การแยกสาร 154 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ล�ำดบั การนำ� เสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๒ การแยกสาร สารท่ีพบในชวี ิตประจำ� วันส่วนใหญเ่ ปน็ สารผสมซงึ่ ประกอบด้วยสารอย่างนอ้ ย ๒ ชนิด ผสมกนั มีทงั้ สารเน้อื เดยี วและสารเนอ้ื ผสม เม่อื ตอ้ งการสารในสารเนอื้ ผสมมาใชป้ ระโยชน์จะต้องแยกสารนน้ั ออกจากสารเนอื้ ผสมโดยเลือกใชว้ ธิ กี าร แยกสารท่ีเหมาะสม สารเนือ้ ผสมเป็นของแข็งกับของแขง็ ทม่ี ีขนาดแตกตา่ งกันอย่างชัดเจน อาจใช้วิธกี ารหยบิ ออก การรอ่ น หรอื การฝัด สารเน้ือผสมเป็นของแข็งที่ไมล่ ะลายในของเหลว อาจใช้วธิ ีการกรอง การตกตะกอน หรอื การรนิ ออก สารเน้ือผสมถา้ มีสารใดสารหนง่ึ เปน็ สารแมเ่ หล็กอาจใช้วธิ กี ารใชแ้ ม่เหลก็ ดงึ ดดู ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 155
โครงสร้างแผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑.๒ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๓ (การกรองและการตกตะกอน) (การใช้แมเ่ หล็กดูด) (๒ ชั่วโมง) (๓ ชวั่ โมง) แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑.๑ หนว่ ยย่อยที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑.๔ (การหยิบออกและการร่อน) (การแยกสารเนือ้ ผสม) (การใช้ประโยชน์ (๓ ชวั่ โมง) จากการแยกสารเนอ้ื ผสม) (๓ ชว่ั โมง) หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร (๑๑ ชั่วโมง) 156 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
หน่วยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนอ้ื ผสม ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 157
หน่วยย่อยที่ ๑ การแยกสารเน้อื ผสม หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ชือ่ หนว่ ย การแยกสาร จำ� นวนเวลาเรยี น ๑๑ ชัว่ โมง จำ� นวนแผนการจดั การเรียนรู้ ๔ แผน สาระสำ� คญั ของหน่วย การแยกสารเนอื้ ผสมซง่ึ ประกอบดว้ ยสารอยา่ งนอ้ ย ๒ ชนิด ผสมกันโดยเนอ้ื สารไมก่ ลมกลืน เป็นอย่างเดียวกัน อาจท�ำได้โดยวิธีการหยิบออก การร่อน การกรอง การใช้แม่เหล็กดึงดูด การตกตะกอน และการรนิ ออก การเลอื กวิธที ่ีเหมาะสมในการแยกสาร พิจารณาจากลักษณะและ สมบตั ขิ องสารทผี่ สมกนั การแยกสารสามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ ในการแกป้ ญั หาในชวี ติ ประจำ� วนั ได้ มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ัด มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะ ของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ตัวชีว้ ดั ว ๒.๑ ป. ๖/๑ อธบิ ายและเปรยี บเทยี บการแยกสารผสมโดยการหยบิ ออก การรอ่ น การใชแ้ มเ่ หลก็ ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ รวมท้ังระบวุ ิธีแก้ปัญหาในชวี ติ ประจ�ำวนั เก่ยี วกับการแยกสาร 158 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ลำ� ดบั การนำ� เสนอแนวคดิ หลักของหนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนือ้ ผสม สารทพี่ บในชวี ติ ประจำ� วันส่วนใหญเ่ ปน็ สารผสมซง่ึ ประกอบด้วยสารอย่างน้อย ๒ ชนิด ผสมกนั มที ั้งสารเน้ือเดยี วและสารเนอ้ื ผสม เมอื่ ตอ้ งการสารในสารเนอื้ ผสมมาใชป้ ระโยชน์จะตอ้ งแยกสารนัน้ ออกจากสารเน้ือผสมโดยเลอื กใช้วิธกี าร แยกสารที่เหมาะสม สารเน้อื ผสมเป็นของแข็งกับของแข็งที่มีขนาดแตกตา่ งกันอยา่ งชดั เจน อาจใชว้ ิธกี ารหยิบออก การร่อน หรือการฝัด สารเนื้อผสมเป็นของแขง็ ทไ่ี มล่ ะลายในของเหลว อาจใช้วธิ กี ารกรอง การตกตะกอน หรอื การรินออก สารเนอ้ื ผสมถา้ มีสารใดสารหนง่ึ เปน็ สารแม่เหลก็ อาจใช้วิธกี ารใชแ้ มเ่ หล็กดึงดดู ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 159
โครงสรา้ งของหน่วยย่อยที่ ๑ การแยกสารเนือ้ ผสม หนว่ ยการเรยี นรู้ ชื่อหน่วยยอ่ ย จ�ำนวนแผน ชอื่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำ� นวนช่วั โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๒ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ ๔ ๑.๑ การหยบิ ออกและการรอ่ น ๓ ๓ การแยกสาร การแยกสาร ๑.๒ การกรองและการ ตกตะกอน เนื้อผสม ๑.๓ การใช้แม่เหล็กดงึ ดูด ๒ ๓ ๑.๔ การใช้ประโยชน์จาก การแยกสารเนื้อผสม 160 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
คำ� ชแ้ี จงประกอบแผนจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑.๑ การหยบิ ออกและการรอ่ น เวลา ๓ ชั่วโมง ๑. ส าระสำ� คญั ของแผน วธิ แี ยกสารเนอื้ ผสมซงึ่ ผสมกนั ระหวา่ งสารทเ่ี ปน็ ของแขง็ กบั ของแขง็ ทม่ี ขี นาดแตกตา่ งกนั มสี ี แตกตา่ งกนั อยา่ งชดั เจน การแยกสารเนอื้ ผสมใชว้ ธิ กี ารหยบิ ออก การรอ่ นหรอื การฝดั ซงึ่ วธิ แี ยกสารนี้ สามารถนำ� ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั ได้ ๒. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการน�ำไปใช้ (ให้ระบุสิ่งที่ต้องการเน้นหรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ ค�ำแนะน�ำ) ในเรื่องต่อไปนี้ คือ ๒ .๑ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา การแยกสารเน้ือผสมซ่ึงผสมกันระหว่างสารที่มีสถานะเป็นของแข็งอย่างน้อย ๒ ชนิด ผสมกัน โดยเน้ือสารไม่กลมกลืนเป็นอย่างเดียวกัน มีขนาด สี รูปร่าง มวลแตกต่างกันอย่าง ชัดเจน อาจใช้วิธีการหยิบออก การร่อนหรือการฝัด การหยิบออกเป็นวิธีการแยกของแข็งออก จากของแข็งท่ีมีขนาดของสารแตกต่างกัน การร่อนเป็นวิธีการแยกของแข็งออกจากของแข็งท่ี มีขนาดแตกต่างกันมากผ่านตะแกรง ของแข็งท่ีมีขนาดเล็กกว่ารูของตะแกรงจะลอดรูออกมา ส่วนของแข็งท่ีมีขนาดใหญ่กว่ารูของตะแกรง จะคงเหลืออยู่บนตะแกรง การฝัดเป็นวิธีการ แยกของแข็งออกจากของแข็งที่มีมวลต่างกันใส่ในภาชนะที่ไม่มีรู เช่น ถาด กระด้ง ของแข็ง ที่มีมวลน้อยจะลอยอยู่บนอากาศนานกว่าและตกลงบนภาชนะช้าหรือปลิวออกจากภาชนะ วิธีแยกสารเหล่าน้ีสามารถน�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันได้ เช่น การหยิบเมล็ดพืชที่เน่าเสียออกจาก เมล็ดพืชที่สมบูรณ์ การฝัดเอาเปลือกถั่วลิสงออกจากเมล็ดถั่วลิสง การร่อนทรายออกจากเศษหิน ๒.๒ จุดประสงค์การเรียนรู้ (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม คา่ นิยม) (ถา้ มี) จุดประสงค์ด้านความรู้ ๑. อธิบายและเปรยี บเทียบวิธกี ารแยกสารเนอื้ ผสมท่ปี ระกอบด้วยของแข็งที่มีลักษณะและ สมบัติแตกตา่ งกัน ๒. ยกตวั อยา่ งการแยกสารทเ่ี ปน็ ของแขง็ ออกจากของแขง็ ทเี่ ปน็ สารเนอื้ ผสมไปใชป้ ระโยชน์ ในชีวิตประจำ� วัน จุดประสงคด์ า้ นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ๑. การสงั เกต ๒. การลงความเหน็ จากข้อมูล ๓. การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 161
จุดประสงคด์ ้านคณุ ธรรม ๑ . มคี วามม่งุ มั่นในการทำ� งาน ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๒.๓ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑) การเตรียมตัวของครู นกั เรยี น (การจดั กลุ่ม) (ถ้าม)ี การจดั กลุ่ม โดยแบง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๔-๕ คน ๒) การเตรยี มสื่อ วสั ดอุ ปุ กรณ์ ของครู นกั เรียน (ถ้าม)ี สงิ่ ท่คี รูตอ้ งเตรียม คอื ๑. ข้าวเปลอื ก ประมาณ ๑ ก�ำมอื /กล่มุ ๒. ครกและสาก ๑ ชุด/กลมุ่ ๓. กระด้งหรือถาด ๑ อนั /กลุ่ม ๔. ตะแกรง ๑ อัน/กลุ่ม ๕. กระดาษหนังสือพิมพ์เพ่ือใหน้ กั เรียนไว้รองเวลาทำ� กิจกรรม ส ่ิงทีน่ ักเรยี นตอ้ งเตรยี ม คอื - ๓) เตรยี มใบงาน ใบความรู้ ใบกิจกรรม (ถ้าม)ี ๓.๑ ใบงาน ๐๑ การแยกสารเน้อื ผสมท่เี ปน็ ของแขง็ ออกจากกัน ๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝึกหดั เรือ่ งการหยบิ ออกและการร่อน ๓.๓ ใบความรเู้ รือ่ งการแยกข้าวสารออกจากสารอนื่ ๆ ในสารเน้อื ผสม ๒.๔ วดั ผลประเมินผล (ถา้ มี) ๑) วธิ กี ารวัดผลประเมินผลการเรียนรู้ ๑.๑ การตอบค�ำถามในใบงาน ๑.๒ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการท�ำกิจกรรม ๑.๓ สงั เกตพฤติกรรมด้านคณุ ธรรมขณะท�ำกจิ กรรม ๒) วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ๒.๑ เครอ่ื งมือและเกณฑ์ในการประเมนิ ด้านความรู้ ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคำ� ถามในใบงาน แล้วใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดงั น้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน 162 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
๒ .๒ เครือ่ งมือและเกณฑ์ในการประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ (ดงั แนบ) นำ� คะแนนมารวมกัน แลว้ ใช้เกณฑ์ในการใหค้ ะแนนดงั นี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒ .๓ เคร่อื งมือและเกณฑ์ในการประเมนิ ดา้ นคุณธรรม สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม (ดงั แนบ) นำ� คะแนน มารวมกัน แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการให้คะแนนดังน้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) การทดสอบกอ่ นเรยี น หลังเรยี น แบบฝึกหดั ก่อนเรียน หลงั เรียน ท�ำแบบฝึกหัดในใบงานหลังเรยี น ๓. อื่น ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 163
164 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แนวการจัดกจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑.๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร เรอื่ งการหยบิ ออกและการรอ่ น เวลา ๓ ช่วั โมง ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร ์ ขน้ั น�ำ แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันสอน • ตอบค�ำถามเพ่อื ทบทวนความรู้พื้นฐานเกยี่ วกับสารเน้อื ผสม ข้ันสรปุ ขัน้ ประเมนิ ผล • ท�ำกจิ กรรมท่ี ๑ การแยกสารเนือ้ ผสมทเ่ี ป็นของแขง็ ออกจากกันไดอ้ ย่างไร • ท�ำใบงาน ๐๑ การแยกสารเน้อื ผสมที่เป็นของแขง็ ออกจากกัน • อภิปรายหาวธิ ีการทจ่ี ะแยกเมล็ดข้าวสารออกจากสารเนอื้ ผสม • อ่านใบความรูเ้ รือ่ งการแยกของแขง็ ในสารเน้ือผสมออกจากกนั • วเิ คราะห์ข้อดแี ละขอ้ จ�ำกัดของการแยกสารแต่ละวธิ ี • อภปิ รายและลงข้อสรปุ เกยี่ วกับวธิ ีการแยกของแขง็ ในสารเนื้อผสมออกจากกนั และการน�ำไปใชป้ ระโยชน์ • ท�ำใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เร่ืองการหยบิ ออกและการรอ่ น • ประเมนิ จากการตอบค�ำถาม • ประเมินจากการท�ำกจิ กรรมในช้ันเรยี น • ประเมินจากการท�ำแบบฝึกหัด
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 165 แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑.๑ การหยิบออกและการร่อน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยที่ ๑ การแยกสารเน้อื ผสม เวลา ๓ ชั่วโมง ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ขอบเขตเน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ (๓ ชัว่ โมง) สื่อ / แหล่งเรยี นรู้ การแยกสารเนอ้ื ผสมซงึ่ ผสมกนั ชั่วโมงท่ี ๑ ระหวา่ งสารทม่ี สี ถานะเปน็ ของแขง็ ขน้ั น�ำ (๕ นาที) ๑. ข้าวเปลอื ก ๒. ครกและสาก อย่างน้อย ๒ ชนิด ผสมกัน ๑. ครตู รวจสอบความรเู้ ดมิ โดยนำ� ขา้ วเปลอื กทผ่ี า่ นการตำ� แลว้ และขา้ วสาร (ซงึ่ ยงั ๓. กระด้ง ไม่ขดั ส)ี มาใหน้ กั เรยี นไดส้ งั เกต แล้วใชแ้ นวค�ำถามดงั นี้ โดยเน้ือสารไม่กลมกลืนเป็นอย่าง ๑.๑ ข้าวสารนี้ได้มาอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ๔. ตะแกรง เดยี วกัน มีขนาด สี รปู รา่ ง มวล ๕. ถาด แตกตา่ งกันอยา่ งชดั เจน อาจใช้วิธี ได้มาจากข้าวเปลอื ก) การหยิบออก การร่อนหรือการฝัด ๑.๒ การท�ำข้าวเปลือกที่เห็นน้ีให้เป็นข้าวสารแต่ละขั้นต้องใช้วิธีการแยกสาร การหยบิ ออกเปน็ วธิ กี ารแยกของแขง็ หรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ใช้วิธี ภาระงาน / ชิ้นงาน แยกสารต่าง ๆ เชน่ การเปา่ เปลอื กขา้ ว การฝดั การหยบิ ออก) ๑. การบนั ทกึ ผลการท�ำกจิ กรรม ออกจากของแข็งท่ีมีขนาดของสาร ๑.๓ สารใดเปน็ สารเนอ้ื เดยี ว และสารใดเปน็ สารเนอื้ ผสม รไู้ ดอ้ ยา่ งไร (นกั เรยี น ในใบกจิ กรรม แตกต่างกัน การร่อนเป็นวิธีการ ตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เชน่ ขา้ วสารเปน็ สารเนือ้ เดยี ว เพราะมี ๒. การตอบค�ำถามในชนั้ เรียน แยกของแข็งออกจากของแข็งที่มี แต่เมล็ดข้าวสารอย่างเดียว ส่วนข้าวเปลือกเป็นสารเนื้อผสม เพราะ ประกอบดว้ ยขา้ วสาร เปลอื กข้าว ร�ำข้าว) ขนาดแตกตา่ งกนั มากผา่ นตะแกรง ของแข็งท่ีมีขนาดเล็กกว่ารูของ ขั้นสอน (๕๐ นาท)ี ตะแกรงจะลอดรอู อกมา สว่ นของแขง็ ๒. ครเู ชอ่ื มโยงความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี นสกู่ ารเรยี นเรอื่ งวธิ กี ารแยกสารเนอื้ ผสมมกี ว่ี ธิ ี ท่ีมีขนาดใหญ่กว่ารูของตะแกรง แตล่ ะวธิ แี ยกสารทม่ี ลี กั ษณะและสมบตั อิ ยา่ งไร โดยใหน้ กั เรยี นอา่ นชอ่ื กจิ กรรม จะคงเหลืออยู่บนตะแกรง การฝัด และจุดประสงค์ของกิจกรรมที่ ๑ แยกสารเน้ือผสมที่เป็นของแข็งออกจากกัน เป็นวิธีการแยกของแข็งออกจาก ไดอ้ ยา่ งไร ข้อ ๑ หน้า ๕๓ จากนัน้ ร่วมกนั อภปิ รายเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจ
166 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑.๑ การหยิบออกและการร่อน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หนว่ ยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๓ ชวั่ โมง กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ของแขง็ ท่ีมีมวลต่างกันใส่ในภาชนะ เก่ยี วกบั จุดประสงคใ์ นการท�ำกิจกรรม โดยใช้ค�ำถามดงั นี้ วธิ ีการประเมนิ ท่ไี ม่มีรู เชน่ ถาด กระดง้ ของแขง็ ๒.๑ กิจกรรมนนี้ กั เรยี นจะได้เรยี นเร่อื งอะไร (การแยกสารเน้อื ผสมทีป่ ระกอบ ๑. การตอบคำ� ถามในแบบฝกึ หดั ท่ีมีมวลน้อยจะลอยอยู่บนอากาศ ดว้ ยของแขง็ ทม่ี ีลักษณะและสมบัตแิ ตกตา่ งกนั ) นานกว่าและตกลงบนภาชนะช้า ๒.๒ นักเรยี นจะได้เรียนร้เู รอื่ งนี้ด้วยวธิ ใี ด (สังเกตและเปรยี บเทียบ) ๒. สังเกตทักษะกระบวนการ หรอื ปลวิ ออกจากภาชนะ วธิ แี ยกสาร ๒.๓ เมอ่ื เรยี นแลว้ นกั เรยี นจะทำ� อะไรได้ (อธบิ ายและเปรยี บเทยี บวธิ กี ารแยกสาร ทางวิทยาศาสตร์ในการ เหล่าน้ีสามารถน�ำไปใช้ในชีวิต เนอื้ ผสมที่ประกอบด้วยของแข็งท่มี ีลักษณะและสมบตั ิแตกตา่ งกัน) ทำ� กจิ กรรม ๓. ครูแจง้ จดุ ประสงค์ในวนั นีใ้ หน้ ักเรียนทราบอีกครั้งหนงึ่ ประจ�ำวนั ได้ เชน่ การหยิบเมลด็ พืช ๔. นักเรียนอ่านวิธีท�ำในกิจกรรมท่ี ๑ ข้อ ๑-๔ หน้า ๕๓ โดยฝึกอ่านตาม ๓. สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม ทเี่ นา่ เสยี ออกจากเมลด็ พชื ทส่ี มบรู ณ์ ความเหมาะสม จากนน้ั รว่ มกนั อภปิ รายเพอื่ สรปุ ขน้ั ตอนการทำ� กจิ กรรม โดยใช้ ขณะทำ� กจิ กรรม การฝัดเอาเปลือกถั่วลิสงออกจาก ค�ำถามต่อไปน้ี เมล็ดถั่วลิสง การร่อนทรายออก ๔.๑ นักเรียนต้องท�ำส่ิงใดเป็นล�ำดับแรก (ต�ำข้าวเปลือกเบา ๆ ให้เปลือก จากเศษหนิ กะเทาะออกจากเมล็ดขา้ วสาร สังเกตสารเนือ้ ผสมทไ่ี ด้) ๔.๒ นกั เรยี นตอ้ งทำ� อยา่ งไรตอ่ ไป (รว่ มกนั อภปิ รายเพอื่ หาวธิ แี ยกเมลด็ ขา้ วสาร จดุ ประสงคด์ ้านความรู้ ออกจากสารเน้ือผสม) ๑. อธิบายและเปรียบเทียบวิธีการ ๔.๓ หลงั จากหาวธิ แี ยกเมลด็ ขา้ วสารไดแ้ ลว้ นกั เรยี นตอ้ งทำ� อยา่ งไรตอ่ (เลอื กวธิ ี แยกสารเน้ือผสมทีป่ ระกอบด้วย แยกเมล็ดข้าวสารมา ๒ วิธี พร้อมบอกเหตุผล และแยกเมล็ดข้าวสาร ของแข็งที่มีลักษณะและสมบัติ ตามวธิ ีที่เลือก) แตกตา่ งกัน ๕. เมอ่ื นกั เรยี นเขา้ ใจวธิ กี ารทำ� กจิ กรรมแลว้ ใหน้ กั เรยี นรบั อปุ กรณแ์ ละเรม่ิ ปฏบิ ตั ติ าม ๒. ยกตัวอย่างการแยกสารที่เป็น ขัน้ ตอนการท�ำกจิ กรรม
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 167 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๑.๑ การหยบิ ออกและการรอ่ น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หนว่ ยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเน้อื ผสม เวลา ๓ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ ของแข็งออกจากของแข็งท่ีเป็นสาร ๕.๑ นักเรียนต�ำข้าวเปลือกเบา ๆ ให้เปลือกกะเทาะออกจากเมล็ดข้าวสาร เกณฑ์การประเมนิ เนอื้ ผสมไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั สังเกตสารเนอ้ื ผสมทไ่ี ด้ บนั ทึกผลในใบงาน ๐๑ การแยกสารเน้อื ผสมที่ ๑. การตอบค�ำถามในแบบฝึกหัด เปน็ ของแขง็ ออกจากกนั ในหวั ข้อ ผลการสังเกต หน้า ๕๔ ไดถ้ กู ตอ้ งด้วยตนเอง จุดประสงค์ด้านทักษะกระบวนการ ๕.๒ นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือหาวิธีที่ใช้แยกเมล็ดข้าวสารออกจากสาร - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ทางวทิ ยาศาสตร์ เนื้อผสมให้ได้มากท่ีสุด แล้วบันทึกผลการอภิปรายลงในใบงาน ๐๑ - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ๑. การสงั เกต หนา้ ๕๔ เชน่ - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒. การลงความเห็นจากขอ้ มลู - การหยบิ ออก โดยการใชม้ ือหยิบเมล็ดข้าวสารออกจากสารอืน่ ๆ ๒. มีทักษะกระบวนการทาง ๓. ก า ร ตี ค ว า ม ห ม า ย ข ้ อ มู ล แ ล ะ - การร่อนโดยน�ำสารผสมท้งั หมดใส่ลงในตะแกรงและเขยา่ ขา้ วเปลือก วิทยาศาสตรข์ ณะท�ำกจิ กรรม ลงข้อสรุป และแกลบทมี่ ขี นาดใหญก่ วา่ จะคา้ งอยบู่ นตะแกรง เปลอื กขา้ วทมี่ ขี นาด - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน เล็กกวา่ รูตะแกรงจะลอดผา่ นรูตะแกรงออกมา - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน จดุ ประสงค์ดา้ นคุณธรรม - การฝดั โดยนำ� สารใสก่ ระดง้ และขยบั กระดง้ ขนึ้ ลงใหแ้ กลบซงึ่ มนี ำ�้ หนกั - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๑. ม่งุ มัน่ ในการท�ำงาน เบาปลวิ ออกไปจากกระดง้ เหลอื เมลด็ ข้าวสารและเมล็ดข้าวเปลอื กใน ๓. มคี ณุ ลกั ษณะด้านคณุ ธรรม ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ กระด้ง จากนน้ั ใช้การหยบิ เมลด็ ข้าวเปลอื กออกจากเมล็ดขา้ วสาร - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - การฝดั โดยนำ� สารเนอ้ื ผสมทง้ั หมดมาฝดั กอ่ นแลว้ ใชม้ อื หยบิ เมลด็ ขา้ วเปลอื ก - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ซ่งึ เหลืออยเู่ ล็กน้อยออกจากเมล็ดขา้ วสาร - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๕.๓ นกั เรยี นเลอื กวธิ กี ารทเ่ี ลอื กเพอื่ แยกเมลด็ ขา้ วสารออกจากสารเนอ้ื ผสม ๒ วธิ ี พร้อมบอกเหตุผล บันทึกลงในผลการอภิปรายและผลการสังเกตใน ใบงาน ๐๑ หน้า ๕๕ ๕.๔ นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันอภปิ ราย สงั เกตชนดิ ของสารและลักษณะของ
168 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ การหยิบออกและการร่อน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หนว่ ยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา ๓ ชั่วโมง ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ สารท่ีได้จากการใช้วิธีการแยกสารท่ีเลือก ๒ วิธี และบันทึกลงในตาราง ๑ ในใบงาน ๐๑ หนา้ ๕๕ ๖. ครูสุ่มนักเรียนน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรมในตาราง ๑ โดยเลือกวิธีท่ีนักเรียน เลอื กแตกตา่ งกนั ครูบันทึกคำ� ตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน ๗. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการท�ำกิจกรรม โดยใช้ค�ำถามดังต่อไปน้ี ๗.๑ เมื่อต�ำข้าวเปลือกเบา ๆ แล้ว พบสารใดบ้าง (เมล็ดข้าวสารท้ังเมล็ด เมล็ดขา้ วสารท่ีแตกหัก เปลือกข้าว ร�ำขา้ ว) ๗.๒ สารใดเปน็ สารเนอื้ ผสม รไู้ ดอ้ ยา่ งไร (เมลด็ ขา้ วเปลอื กทตี่ ำ� แลว้ เปน็ สารเนอ้ื ผสม เพราะประกอบดว้ ยสารตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ เมลด็ ขา้ วสาร เปลอื กขา้ ว รำ� ขา้ ว) ๗.๓ สารทไ่ี ดห้ ลงั จากการตำ� ขา้ วเปลอื กมสี ถานะอะไร (ของแข็ง) ๗.๔ มวี ธิ กี ารใดบา้ งทจี่ ะใชแ้ ยกเมลด็ ขา้ วสารออกจากสารเนอื้ ผสม เพราะเหตใุ ด (นักเรียนตอบตามวธิ ที ่ีนักเรยี นคดิ ) ขัน้ สรปุ (๕ นาท)ี ๘. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปสิ่งท่ีเรียนรู้ในช่ัวโมงนี้ด้วยตนเองเก่ียวกับส่ิงที่ท�ำ ในกิจกรรมว่าสารใดเป็นสารเนือ้ ผสม และเลอื กใชว้ ธิ กี ารใดแยกเมลด็ ข้าวสาร ออกจากสารเนื้อผสม ๙. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ลงขอ้ สรปุ วา่ เมอ่ื ตำ� ขา้ วเปลอื กซง่ึ เปน็ สารเนอื้ ผสมจะได้ สารหลายอยา่ งปนกนั ทงั้ เมลด็ ขา้ วสาร เปลอื กขา้ วหรือแกลบ ร�ำขา้ ว สารทไ่ี ด้
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 169 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๑ การหยบิ ออกและการร่อน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา ๓ ช่ัวโมง ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มสี ถานะเปน็ ของแขง็ วธิ กี ารแยกขา้ วสารออกจากขา้ วเปลอื กมหี ลายวธิ ี (ใชค้ ำ� เดยี วกบั ทนี่ กั เรยี นบอกซงึ่ อาจจะเปน็ คำ� ศพั ทท์ ถ่ี กู ตอ้ งหรอื ไมถ่ กู ตอ้ งกไ็ ด)้ เชน่ การหยบิ ออก การฝดั การร่อน ช่ัวโมงท่ี ๒ ขั้นนำ� (๕ นาท)ี ๑๐. ครทู บทวนความรู้ที่ได้เรยี นไปแล้ว โดยใช้ค�ำถามดังน้ี ๑๐.๑ สารเนอ้ื ผสมทไ่ี ดจ้ ากการนำ� ขา้ วเปลอื กมาตำ� เบา ๆ มลี กั ษณะเปน็ อยา่ งไร (มีสารหลายอย่างปนกัน ได้แก่ เปลือกข้าว เมล็ดข้าวเปลือกเล็กน้อย เมล็ดข้าวสาร ร�ำข้าว) ๑๐.๒ สารทั้งหมดในสารเนื้อผสมมสี ถานะใด (ของแขง็ ) ๑๑. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนโดยใช้ค�ำถามดังน้ี มีวิธีการแยกสารที่ มสี ถานะของแขง็ ออกจากของแขง็ มอี ะไรบา้ ง (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ ของตนเองหรอื ตามท่ไี ดท้ �ำกจิ กรรมไปแล้ว) ขั้นสอน (๕๐ นาที) ๑๒. ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นจดุ ประสงคข์ องกจิ กรรมท่ี ๑ แยกสารเนอ้ื ผสมทเ่ี ปน็ ของแขง็ ออกจากกนั ไดอ้ ยา่ งไร ขอ้ ๒ หนา้ ๕๓ จากนน้ั รว่ มกนั อภปิ รายเพอื่ ตรวจสอบ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับจุดประสงค์ในการท�ำกิจกรรม โดยใชค้ �ำถามดังนี้ ๑๒.๑ กจิ กรรมนนี้ กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเรอ่ื งอะไร (การแยกสารทเ่ี ปน็ ของแขง็ ออกจาก ของแขง็ ในสารเนอ้ื ผสมไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจ�ำวัน)
170 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑.๑ การหยิบออกและการร่อน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเน้อื ผสม เวลา ๓ ชวั่ โมง ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ๑๒.๒ นักเรียนจะไดเ้ รียนรเู้ ร่อื งนดี้ ้วยวธิ ใี ด (การอภิปราย) ๑๒.๓ เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (ยกตัวอย่างการแยกสารท่ีเป็น ของแขง็ ออกจากของแขง็ ในสารเนอ้ื ผสมไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั ) ๑๓. ครแู จ้งจดุ ประสงค์ในวนั น้ีให้นกั เรยี นทราบอีกคร้งั หน่งึ ๑๔. นกั เรยี นอา่ นวธิ ที ำ� ในกจิ กรรมท่ี ๑ ขอ้ ๕-๗ หนา้ ๕๓ โดยฝกึ อา่ นตามความเหมาะสม จากนนั้ รว่ มกนั อภปิ รายเพอ่ื สรปุ ขน้ั ตอนการทำ� กจิ กรรม โดยใชค้ ำ� ถามตอ่ ไปน้ี ๑๔.๑ นกั เรยี นตอ้ งอา่ นใบความรเู้ รอ่ื งอะไร (การแยกของแขง็ ในสารเนอื้ ผสม ออกจากกนั ) ๑๔.๒ หลงั จากอา่ นใบความรแู้ ลว้ นกั เรยี นทำ� อยา่ งไรตอ่ ไป (รว่ มกนั อภปิ ราย วธิ กี ารแยกสารเพอื่ ระบชุ อ่ื วธิ กี ารแยกสารและลกั ษณะของสารทแี่ ยกได้ จากนั้นวเิ คราะหข์ ้อดี ขอ้ จ�ำกดั ของวิธที ี่เลอื ก) ๑๔.๓ จากนนั้ นกั เรยี นตอ้ งทำ� อะไรตอ่ (รว่ มกนั อภปิ รายและยกตวั อยา่ งวธิ กี าร แยกสารทน่ี �ำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจ�ำวนั ) ๑๕. เมอื่ นกั เรยี นเขา้ ใจวธิ กี ารทำ� กจิ กรรมแลว้ ใหน้ กั เรยี นอา่ นใบความรเู้ รอ่ื งการแยก ของแข็งในสารเน้ือผสมออกจากกันในหน้า ๕๖ โดยใช้วิธีการอ่านตาม ความเหมาะสม จากน้นั ครใู ชค้ �ำถามอภิปรายความรทู้ ไี่ ด้ดังต่อไปน้ี ๑๕.๑ การแยกสารที่มีสถานะของแข็งออกจากของแข็งมีกี่วิธี (๓ วิธี ได้แก่ การหยบิ ออก การร่อน และการฝัด) ๑๕.๒ การหยิบออกเป็นวิธีแยกสารที่เหมาะสมกับสารที่มีลักษณะใด (สารที่ ผสมกนั เปน็ ของแข็งท่ีมสี ี รปู ร่าง และขนาดแตกตา่ งกนั )
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 171 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ การหยิบออกและการรอ่ น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเน้อื ผสม เวลา ๓ ช่ัวโมง ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ๑๕.๓ การหยิบออกกบั การร่อนเปน็ วธิ ีแยกสารท่ีเหมือนและแตกต่างกนั อย่างไร (สงิ่ ทเี่ หมอื นกนั คอื ทงั้ ๒ วธิ ใี ชแ้ ยกสารทมี่ สี ถานะเปน็ ของแขง็ ทมี่ ขี นาด แตกตา่ งกนั สง่ิ ทีแ่ ตกตา่ งกนั คอื การหยบิ ออกไม่ใชต้ ะแกรง แตก่ ารร่อน ใชต้ ะแกรงทมี่ ีรเู พ่ือให้ของแข็งทม่ี ขี นาดเล็กกว่ารอดผ่านรูตะแกรงไปได้) ๑๕.๔ การรอ่ นและการฝดั เปน็ วธิ แี ยกสารทเ่ี หมอื นและแตกตา่ งกนั อยา่ งไร (สง่ิ ท่ี เหมือนกัน คือ การแยกสารท่ีมีสถานะเป็นของแข็ง ส่ิงที่แตกต่างกันคือ การร่อนเป็นวิธีแยกสารที่มีขนาดแตกต่างกัน โดยให้ผ่านรูของตะแกรง แต่การฝดั เปน็ การแยกสารทม่ี ีมวลแตกต่างกัน โดยใชภ้ าชนะทไ่ี ม่มีรู) ๑๕.๕ วิธีการแยกข้าวสารออกจากข้าวเปลือกที่นักเรียนได้ท�ำเมื่อช่ัวโมงที่แล้ว ตรงกบั วธิ กี ารแยกสารทอี่ า่ นจากใบความรหู้ รอื ไม่ อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบ ตามทไี่ ดท้ �ำกจิ กรรม) ๑๖. นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายการแยกสารของกลุ่มตนเอง เพ่อื ระบชุ ือ่ วธิ ีการแยกสาร แตล่ ะวิธี ลกั ษณะของสารที่แยกได้ ข้อดี และข้อจ�ำกัด บนั ทึกผลลงในตาราง ๒ หนา้ ๕๗ ๑๗. ครอู าจใหน้ กั เรยี นนำ� เสนอผลการอภปิ รายเกยี่ วกบั วธิ ที เ่ี ลอื กแยกสาร บอกลกั ษณะ ของสารทแ่ี ยกได้ ขอ้ ดแี ละขอ้ จำ� กดั ของการแยกสารแตล่ ะวธิ ที เี่ ลอื ก ครจู ดคำ� ตอบ ของนกั เรียนบนกระดาน ๑๘. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายขอ้ ดแี ละขอ้ จำ� กดั ของการแยกสารแตล่ ะวธิ ี โดยครู ใชค้ ำ� ถามดังน้ี
172 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ การหยบิ ออกและการร่อน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนือ้ ผสม เวลา ๓ ชว่ั โมง ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ - การแยกสารโดยการหยบิ ออก การรอ่ นและการฝดั ในกจิ กรรมนมี้ ขี อ้ ดแี ละขอ้ จำ� กดั อย่างไร (- การหยบิ ออกคอื การเลอื กหยบิ เมลด็ ขา้ วสารออกจากสารอนื่ ไดม้ ขี อ้ ดคี อื ไมต่ อ้ ง ใชอ้ ปุ กรณเ์ พม่ิ เตมิ แตข่ อ้ จำ� กดั คอื ใชเ้ วลานานและถา้ สารนน้ั มขี นาดเลก็ มาก อาจหยิบล�ำบาก - การร่อนคือแยกสารที่มีขนาดเล็กออกจากเมล็ดข้าวเปลือกได้อย่างรวดเร็ว ข้อดีคือใช้เวลาน้อย ข้อจ�ำกัดคือไม่สามารถแยกเมล็ดข้าวเปลือกซ่ึงมี ขนาดเท่ากับเมลด็ ข้าวสารออกไปได้ - การฝดั คอื การแยกสารทม่ี ขี นาดใกลเ้ คยี งกบั เมลด็ ขา้ วสารแตม่ นี ำ�้ หนกั เบากวา่ ออกไป ข้อดีคอื ใชเ้ วลานอ้ ย ขอ้ จ�ำกดั คือ ไม่สามารถแยกเมล็ดข้าวเปลอื ก ซึง่ มีน�ำ้ หนกั ใกล้เคียงกบั เมลด็ ขา้ วสารออกไปได)้ ๑๙. นักเรียนร่วมกันอภิปรายการน�ำวิธีการหยิบออก การร่อน และการฝัดไปใช้ ในการแยกสารในชวี ติ ประจำ� วนั และใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ ผลในใบงาน ๐๑ หนา้ ๕๘ หากนักเรียนทำ� ไม่เสรจ็ ให้กลับไปสบื คน้ ข้อมลู ต่อทบี่ า้ น ขั้นสรุป (๕ นาที) ๒๐. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนสรปุ แนวคดิ หรอื สิ่งท่ไี ด้เรียนรู้ในช่ัวโมงน้ดี ว้ ยตนเอง เกยี่ วกบั ความเหมอื นและความแตกตา่ งของการแยกสารดว้ ยวธิ กี ารหยบิ ออก การร่อน และการฝดั
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 173 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ การหยิบออกและการร่อน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเน้อื ผสม เวลา ๓ ชั่วโมง ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ๒๑. ครชู วนนกั เรยี นสรปุ สงิ่ ทไ่ี ดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกบั วธิ กี ารแยกสารเนอ้ื ผสมทเ่ี ปน็ ของแขง็ ออกจากของแขง็ โดยอาจใชผ้ งั มโนทัศนด์ งั ตัวอย่าง เชน่ การแยกสารเนอื้ ผสม ท่เี ปน็ ของแข็งผสมกับของแข็ง ถ้า ขนาดอาจพอกนั ขนาดแตกตา่ งกนั มาก มวลแตกตา่ งกันมาก แต่สีหรือรปู ร่างต่างกัน ใชว้ ธิ ี ใชว้ ธิ ี ใชว้ ธิ ี หยิบออก รอ่ น ฝัด
174 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑.๑ การหยิบออกและการรอ่ น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยที่ ๑ การแยกสารเนือ้ ผสม เวลา ๓ ช่วั โมง ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ชั่วโมงท่ี ๓ ขนั้ นำ� (๕ นาท)ี ๒๒. ครทู บทวนความรทู้ ไ่ี ดเ้ รยี นไปแลว้ เกยี่ วกบั การแยกสารเนอื้ ผสมทเ่ี ปน็ ของแขง็ ออกจากของแขง็ โดยอาจยกสถาณการณม์ หี นิ ทราย ใบไมข้ นาดใหญป่ นอยู่ แลว้ ใชค้ �ำถามดงั น้ี ๒๒.๑ จากสถานการณ์ เราจะใชว้ ธิ กี ารแยกสารใดแยกใบไมอ้ อกจากหนิ และ ทราย เพราะเหตใุ ด (การหยบิ ออก เพราะมขี นาดใหญส่ ามารถหยบิ ออก ไดง้ ่าย) ๒๒.๒ เราใชว้ ธิ กี ารแยกสารใดแยกหนิ ออกจากทราย เพราะเหตใุ ด (ใชก้ ารรอ่ น เพราะหนิ และทรายมขี นาดตา่ งกนั ชดั เจน ถา้ ใชก้ ารฝดั อาจยากเพราะ หนิ และทรายมมี วลมาก) ๒๓. ครแู จ้งจุดประสงค์ท่ีจะเรยี นร้ใู นชั่วโมงน้ี ขัน้ สอน (๕๐ นาท)ี ๒๔. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายตวั อยา่ งการนำ� วธิ กี ารแยกสารจากกจิ กรรมนี้ ไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจ�ำวัน ๒๔.๑ เรานำ� วธิ ีการหยบิ ออกไปใชใ้ นชีวิตประจ�ำวนั อะไรบ้าง (เราหยบิ ผลไม้ เนา่ เสยี ออกจากผลไมด้ ี เราหยบิ เมลด็ พชื เนา่ เสยี ออกจากเมลด็ ทสี่ มบรู ณ)์ ๒๔.๒ เรานำ� วธิ กี ารรอ่ นออกไปใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั อยา่ งไรบา้ ง (เรารอ่ นทราย ละเอยี ดออกจากกอ้ นกรวด)
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 175 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑.๑ การหยบิ ออกและการรอ่ น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๓ ชั่วโมง ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ๒๔.๓ การฝดั เราสามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งไร (ฝดั เอาเปลอื กถว่ั เหลอื ง ออกจากเมลด็ ถ่ัว) ๒๕. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ เขยี นผงั มโนทศั นส์ รปุ แนวคดิ ทไ่ี ดเ้ รยี นเกย่ี วกบั วธิ กี าร แยกสารที่เป็นของแข็งออกจากของแข็ง และการน�ำไปใช้ประโยชน์ อาจท�ำ ลงในกระดาษปรฟู๊ แล้วน�ำไปติดไวร้ อบหอ้ งเรยี นเพ่อื ไวแ้ ลกเปลยี่ นร่วมกนั ๒๖. นกั เรียนตอบคำ� ถามหลงั จากทำ� กิจกรรมในใบงาน ๐๑ หน้า ๕๙ และร่วมกนั เฉลยค�ำตอบ ๒๗. นกั เรียนทำ� ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เรอ่ื งการหยบิ ออกและการรอ่ น หน้า ๖๐ และร่วมกันเฉลยค�ำตอบ ข้ันสรุป (๕ นาที) ๒๘. ครชู วนนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและลงขอ้ สรปุ เกย่ี วกบั สงิ่ ทไี่ ดเ้ รยี นวา่ การแยกสาร เน้ือผสมซึ่งมีสถานะเป็นของแข็งอย่างน้อย ๒ ชนิด ผสมกัน โดยเน้ือสาร ไมก่ ลมกลนื เปน็ อยา่ งเดยี วกนั มขี นาด สี รปู รา่ ง มวลแตกตา่ งกนั อยา่ งชดั เจน อาจใช้วิธีการหยิบออก การร่อน หรือการฝัด การหยิบออกเป็นวิธีการแยก ของแข็งออกจากของแข็งทม่ี ีขนาดของสารแตกต่างกัน การรอ่ นเปน็ วธิ กี าร แยกของแขง็ ออกจากของแขง็ ทมี่ ขี นาดแตกตา่ งกนั มากผา่ นตะแกรง ของแขง็ ท่ีมีขนาดเล็กกว่ารูของตะแกรงจะลอดรูออกมา ส่วนของแข็งที่มีขนาดใหญ่ กวา่ รูของตะแกรง จะคงเหลอื อยู่บนตะแกรง การฝดั เปน็ วิธกี ารแยกของแขง็ ออกจากของแข็งที่มีมวลต่างกันใส่ในภาชนะท่ีไม่มีรู เช่น ถาด กระด้ง
176 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑.๑ การหยบิ ออกและการร่อน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา ๓ ชั่วโมง ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ของแขง็ ทม่ี มี วลนอ้ ยจะลอยอยบู่ นอากาศนานกวา่ และตกลงบนภาชนะชา้ หรอื ปลวิ ออกจากภาชนะ วธิ ี แยกสารเหลา่ นส้ี ามารถนำ� ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั ได้ เชน่ การหยบิ เมลด็ พชื ทเ่ี นา่ เสยี ออกจากเมลด็ พชื ท่ี สมบรู ณ์ การฝดั เอาเปลอื กถวั่ ลสิ งออกจากเมลด็ ถวั่ ลสิ ง การรอ่ นทรายออกจากเศษหนิ หรอื ใชผ้ งั มโนทศั น์ มาชว่ ยในการสรุป ดงั ตัวอยา่ ง เช่น การแยกสารเนื้อผสม ทเ่ี ป็น ของแขง็ ผสมกบั ของแข็ง ถา้ ใช้ ใช้ ตวั อย่างเชน่ ตวั อยา่ งเชน่ ตวั อยา่ งเชน่ การหยบิ ผลมะมว่ งทเี่ นา่ เสยี การรอ่ นทราย การฝดั เปลอื กถวั่ ลสิ ง ออกจากมะมว่ งทดี่ ี ออกจากหนิ ออกจากเมลด็ ถว่ั
แบบประเมินด้านคณุ ธรรม แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๑.๑ การหยิบออกและการรอ่ น ชอ่ื ผูป้ ระเมนิ /กลมุ่ ประเมนิ ................................................................................................................. ช่อื กลุม่ รบั การประเมิน ....................................................................................................................... ประเมินผลคร้ังท.่ี ................... วันท.ี่ ....................... เดอื น................................. พ.ศ.......................... เรอ่ื ง .................................................................................................................................................... ท่ี ลักษณะ/พฤติกรรมบ่งช้ี ระดบั พฤตกิ รรม คะแนนทไ่ี ด้ เกิด = ๑ ไม่เกิด = ๐ ๑. ม่งุ มน่ั ในการทำ� งาน ๒. ใฝเ่ รียนรู้ รวมคะแนนท่ีไดท้ ั้งหมด = …………… คะแนน คณุ ลักษณะตามจดุ ประสงค์ด้านคุณธรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 177
แบบประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการท�ำกิจกรรม แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๑.๑ การหยบิ ออกและการร่อน เกณฑ์การประเมิน มดี งั นี้ ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถงึ พอใช้ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ ส่ิงทีป่ ระเมนิ คะแนน การสงั เกต การลงความเหน็ จากขอ้ มลู การตีความหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ รวมคะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ ดี (๓) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรงุ (๑) ทางวทิ ยาศาสตร์ พอใช้ (๒) การสงั เกต สามารถบอกสารทไ่ี ดห้ ลงั จาก สามารถบอกสารทไ่ี ดห้ ลงั จาก สามารถบอกสารทไ่ี ดห้ ลงั จาก ต�ำข้าวเปลือกได้ครบ ๓ ต�ำข้าวเปลือกได้ครบ ๓ ต�ำข้าวเปลือกได้ไม่ครบ อย่าง คือ เมล็ดข้าวสาร อย่าง คือ เมล็ดข้าวสาร ๓ อยา่ ง แมจ้ ะไดร้ บั การชแ้ี นะ เปลือกข้าวหรือแกลบ เปลือกข้าวหรือแกลบ จากครหู รอื ผู้อื่น และเมล็ดข้าวเปลือกใน และเมล็ดข้าวเปลือกใน ลักษณะเป็นสารเนื้อผสม ลักษณะเป็นสารเนื้อผสม ไดถ้ กู ต้อง ด้วยตนเอง ได้ถูกต้อง โดยอาศัย คำ� แนะนำ� ของครูหรือผอู้ ่นื 178 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
เกณฑก์ ารประเมิน (ตอ่ ) ทกั ษะกระบวนการ ดี (๓) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (๑) ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (๒) การลงความเห็น สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก จากข้อมูล ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสงั เกตวา่ ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสงั เกตวา่ ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสงั เกตได้ เมล็ดข้าวสาร เปลือกข้าว เมล็ดข้าวสาร เปลือกข้าว แต่ไม่ครบว่าเมล็ดข้าวสาร หรือแกลบและเมล็ดข้าว หรือแกลบและเมล็ดข้าว เปลือกข้าวหรือแกลบและ เปลอื กมสี ถานะเปน็ ของแขง็ เปลอื กมสี ถานะเปน็ ของแขง็ เมล็ดข้าวเปลือกมีสถานะ ที่มีสี รูปร่าง และขนาด ท่ีมีสี รูปร่าง และขนาด ของแข็งที่มีสี รูปร่าง และ แตกต่างกันได้ถูกต้อง แตกต่างกันได้ถูกต้อง ขนาดแตกต่างกัน แม้จะ ดว้ ยตนเอง โดยอาศยั ค�ำแนะน�ำของครู ได้รับค�ำแนะน�ำจากครูหรือ หรอื ผอู้ น่ื ผอู้ นื่ การตีความหมาย สามารถตคี วามหมายขอ้ มลู สามารถตคี วามหมายขอ้ มลู สามารถตีความหมายขอ้ มูล ขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ จากการอภปิ รายเกยี่ วกบั วธิ ี จากการอภปิ รายเกย่ี วกบั วธิ ี จากการอภิปรายเกี่ยวกับ การแยกสาร และลงขอ้ สรปุ การแยกสาร และลงขอ้ สรปุ วธิ กี ารแยกสารและลงขอ้ สรปุ ได้ว่า สารเน้ือผสมท่ีเป็น ได้ว่า สารเน้ือผสมท่ีเป็น ได้บางส่วน แม้จะได้รับ ของแขง็ ทม่ี สี ี รปู รา่ ง หรอื ของแข็งท่ีมีสี รูปร่าง หรือ ค�ำแนะน�ำจากครูหรือผู้อื่น มีขนาดแตกต่างกันอย่าง มีขนาดแตกต่างกันอย่าง ชัดเจนสามารถใช้วิธีการ ชดั เจนสามารถใชว้ ธิ กี ารหยบิ หยิบออก และสามารถใช้ ออก และสามารถใชต้ ะแกรง ตะแกรงร่อนเอาสารที่เป็น รอ่ นเอาสารทเ่ี ปน็ ของแขง็ ทมี่ ี ของแขง็ ทมี่ ขี นาดเลก็ กวา่ รู ขนาดเลก็ กวา่ รตู ะแกรงออก ตะแกรงออกมาได้ การฝดั มาได้ การฝดั ใชแ้ ยกของแขง็ ใชแ้ ยกของแขง็ กบั ของแขง็ กับของแข็งท่ีมีน้�ำหนัก ทม่ี นี ำ้� หนกั แตกตา่ งกนั ออก แตกต่างกันออกจากกันได้ จากกนั ไดแ้ ละระบไุ ดว้ า่ วธิ ี และระบุได้ว่า วิธีการแยก การแยกสารทใ่ี ชเ้ รยี กวา่ การ สารทใี่ ชเ้ รยี กวา่ การหยบิ ออก หยบิ ออก การรอ่ นและการ การร่อนและการฝัดตาม ฝัดตามล�ำดับได้ถูกต้อง ล�ำดับได้ถูกต้อง โดยอาศยั ดว้ ยตนเอง ค�ำแนะน�ำของครูหรือผู้อ่ืน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 179
เฉลยใบงาน 180 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชอ่ื -สกลุ เดือน ชั้น เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๑ วนั ท ี่ พ.ศ. ใบงาน ๐๑ : การแยกสารเนอื้ ผสมท่เี ปน ของแขง็ ออกจากกนั บันทกึ ผลการทำ� กิจกรรม ผลการสังเกต ลักษณะของสารเนื้อผสมทีไ่ ดห ลงั จากตําขาว มีสารหลายอยา่ งปนกันได้แก่ เมลด็ ขา้ วสาร เปลือกข้าวหรือแกลบ เมลด็ ข้าวเปลือก ผลการอภิปราย คำ� ตอบข้ึนอยกู่ ับนักเรียน เช่น วธิ ีท่ีใชแยกเมล็ดขา วสารออกจากสารเน้อื ผสม ๑. การหยิบออก ๒. การร่อน ๓. การฝดั ๔. ๕. ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 118811
ชอื่ -สกลุ เดือน ชน้ั เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๑ วนั ที่ พ.ศ. ผลการอภปิ รายและการสงั เกต วธิ ีการท่ีเลอื กเพื่อใช้แยกเมล็ดขา้ วสารออกจากสารเน้อื ผสม คือ วธิ ที ่ี ๑ คือ ค�ำตอบขึน้ อยกู่ บั ผลการทำ� กจิ กรรมและเหตุผลของนกั เรยี น เชน่ การหยบิ ออก เหตผุ ลทเ่ี ลือก คอื คำ� ตอบขน้ึ อยูก่ บั เหตุผลของนักเรียน เช่น เลือกวิธีการหยิบออกเพราะเป็นวธิ ที ไ่ี ม่ตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์ เพ่ิมเติมก็สามารถแยกเมล็ดขา้ วสารออกจากสารอืน่ ได้ วิธที ี่ ๒ คือ เหตุผลที่เลอื ก คือ ค�ำตอบขึ้นอยู่กับวิธที เ่ี ลือก แนวคำ� ตอบ เช่น ตาราง ๑ ชนดิ ของสารและลกั ษณะของสารท่แี ยกได้ของแต่ละวธิ ี วธิ ี ชนดิ ของสารท่ีแยกได้ ลักษณะของสารทแ่ี ยก เมล็ดขา้ วสาร ของแขง็ สนี �ำ้ ตาลออ่ น การหยบิ ออก รูปรา่ งยาวรี การฝดั เมลด็ ขา้ วสาร ของแข็งสีน�้ำตาลอ่อน รูปร่างยาวรี เมลด็ ข้าวเปลือก ของแขง็ สีเหลือง รปู รา่ งยาวรี เมล็ดข้าวสารท่ีมีขนาดรอดผ่านรู ของแขง็ สนี ำ�้ ตาลออ่ น ขนาดเล็ก ตะแกรงได้ ของแข็งสีน�้ำตาลอ่อนและของแข็ง การร่อน เมล็ดข้าวสารและเมล็ดข้าวเปลือก สเี หลือง รปู ร่างยาวรี ที่มขี นาดใหญ่กวา่ รตู ะแกรง 118822 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 118833 ตาราง ๒ ลกั ษณะของสารทีแ่ ยกได้ ขค้อำ� ดตอีแบลขะน้ึ ขอ้อยจกู่ บั�ำผกลดั กขาอรทงำ�กกาจิ รกแรรยมกแสนาวรคดำ� ว้ตยอบวธิ เกีชน่ารที่เลอื ก ชื่อ-สกุล วันที่ วธิ ี ลกั ษณะของสารที่แยกได้ ขอ้ ดี ขอ้ จำ� กัด ของแขง็ สนี ำ�้ ตาลอ่อน ได้ขนาดตามความตอ้ งการ ต้องใช้เวลานานในการแยก เดอื น รปู รา่ งยาวรี ขนาดตามความตอ้ งการ ไมม่ สี ่งิ ใดปนเปื้อน และไม่ตอ้ ง การหยบิ ออก ไมม่ ีสิ่งใดปนเปอื้ น ใชอ้ ปุ กรณ์อ่ืนนอกจากใช้มือ ได้เมลด็ ขา้ วสารทีม่ ีหลายขนาด ทำ� ได้เร็วกวา่ การหยบิ ออก เม่อื ฝัดจะมฝี ุ่นละอองเข้าจมกู ช้ัน เลขที่ มีเปลอื กข้าวเปลอื กปนอยู่ ได้งา่ ยกว่าวิธอี ื่น พ.ศ. การฝดั ของแข็งสนี ้ำ� ตาลออ่ น ขนาดเลก็ ท�ำไดเ้ รว็ กว่าการหยิบออก ไมส่ ามารถแยกเมล็ดข้าวสาร บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๑ การรอ่ น ของแข็งสีน�ำ้ ตาลอ่อนและของแข็ง ทีม่ ีขนาดใกล้เคยี งกับ สเี หลืองรปู ร่างยาวรี เมล็ดข้าวเปลือกได้
ช่อื -สกุล เดือน ช้ัน เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๑ วนั ที ่ พ.ศ. วธิ กี ารแยกสารในกิจกรรมน้ีนำ� ไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ เช่น การหยบิ เมลด็ พชื ทเ่ี น่าเสยี ออกจากเมลด็ พืชท่สี มบรู ณ์ การฝดั เอาเปลือกถว่ั ลสิ งออกจากเมล็ดถัว่ ลสิ ง การร่อนทรายออกจากเศษหิน ค�ำถามหลงั จากทำ� กจิ กรรม ๑. การแยกเมลด็ ขา้ วสารออกจากสารเนอื้ ผสมทำ� ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง และเรยี กวธิ กี ารแยกสารนน้ั ว่าอะไร ท�ำไดโ้ ดยการหยบิ เมลด็ ขา้ วสารออก เรียกว่าการหยบิ ออก หรอื การร่อนผ่านตะแกรงเรียกว่า การรอ่ น หรือการฝดั ในกระดง้ เรยี กวา่ การฝดั 118844 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ช่ือ-สกุล เดอื น ชนั้ เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๑ วันที ่ พ.ศ. ๒. การเลือกวธิ ีการแยกสารที่เปน็ ของแขง็ ออกจากกนั พจิ ารณาจากอะไรบ้าง พจิ ารณาจากสี ขนาด รูปรา่ ง มวลของสารทผ่ี สมอยู่ดว้ ยกัน ๓. เราจะน�ำวิธกี ารแยกสารในกิจกรรมนไี้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจำ� วนั ได้ การหยิบเมลด็ พืชท่ีเนา่ เสยี ออกจากเมลด็ พชื ที่สมบูรณ์ การฝัดเอาเปลือกถั่วลสิ งออกจากเมล็ดถ่วั ลสิ ง การร่อนทรายออกจากเศษหนิ ๔. จากกจิ กรรมนี้ สรุปได้วา่ อย่างไร การแยกของแข็งออกจากของแข็งในสารเนอ้ื ผสมออกจากกัน ทำ� ไดโ้ ดยการหยบิ ออก การรอ่ น และการฝัด ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 118855
ชือ่ -สกุล เดอื น ชนั้ เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๒ วนั ท่ ี พ.ศ. ใบงาน ๐๒ : แบบฝึกหัด เรือ่ งการหยิบออกและการรอ่ น ตอบค�ำถามตอ่ ไปน้ใี หถ้ ูกต้อง ๑. แยกกรวดออกจากทรายไดด้ ้วยวิธีใด แยกกรวดออกจากทราย โดยวิธี การหยบิ ออกและการรอ่ น เพราะ ขนาดของทรายและกรวดมีขนาดแตกตา่ งกัน ๒. จับค่สู มบตั ิของสารกับวิธีการแยกสารใหถ้ ูกต้อง โยงเสน้ จบั คสู่ ถานการณ์ กบั วธิ กี ารแยกสาร ลาํ ดับ สมบัติของสาร วธิ กี ารแยกสาร ก. การหยิบออก ๑. A และ B เปน ของแขง็ มีขนาด ใกล้เคียงกันแต่มีสีแตกต่างกัน ข. การรอ่ น ค. การฝัด ๒. C และ D เปน ของแข็ง มขี นาด ตางกันเลก็ นอ ย แต C มีนำ้� หนกั เบากวา D E และ F เปน ของแข็ง E มขี นาด ๓. ใหญ่กวา่ F มาก 118866 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ค�ำชีแ้ จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน เวลา ๓ ช่วั โมง ๑. สาระส�ำคัญของแผน วธิ แี ยกสารเนอื้ ผสมของเหลวออกจากของแขง็ อาจใชว้ ธิ กี ารกรอง การตกตะกอน การรนิ ออก การแยกสารสามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั ได้ ๒. ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมในการน�ำไปใช้ (ให้ระบุสิ่งที่ต้องการเน้นหรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ ค�ำแนะน�ำ) ในเร่ืองตอ่ ไปนี้ คือ ๒ .๑ ขอบขา่ ยเนอื้ หา การแยกสารเนือ้ ผสมระหว่างสารทีเ่ ปน็ ของเหลวออกจากสารทเ่ี ป็นของแขง็ ทำ� ได้หลายวธิ ี เชน่ วธิ กี ารตกตะกอน การกรองหรอื การรนิ ออก โดยการตกตะกอนเปน็ วธิ ที ท่ี ำ� ใหข้ องแขง็ ทแ่ี ขวนลอย อยใู่ นของเหลวค่อย ๆ แยกตวั ออกจากของเหลวและจมลงทก่ี ้นภาชนะ การรินออกเป็นวิธีท่ที ำ� ให้ ของเหลวคอ่ ย ๆ ไหลออกจากภาชนะ ส่วนการกรองเป็นวิธที ท่ี ำ� ให้ของเหลวไหลผ่านตัวกรองทีม่ รี ู ขนาดเลก็ เชน่ ผา้ ขาวบาง กระดาษกรอง สว่ นของแขง็ ทแี่ ขวนลอยในของเหลวจะผา่ นหรอื ไมผ่ า่ นตวั กรอง ขน้ึ อยกู่ บั ขนาดของอนภุ าค ถา้ ขนาดของอนภุ าคของแขง็ มขี นาดใหญก่ วา่ รขู องตวั กรอง ของแขง็ นนั้ จะติดอยู่บนตัวกรอง ถ้าขนาดเล็กกว่าก็จะผ่านตัวกรองมากับของเหลว วิธีการแยกสารเน้ือผสมที่ ผสมกันระหว่างสารท่ีเป็นของเหลวออกจากสารที่เป็นของแข็งนำ� มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน เช่น การตกตะกอนอนุภาคท่ีแขวนลอยในน�้ำในกระบวนการผลิตน้�ำประปา การท�ำความสะอาด เมล็ดข้าวสารก่อนน�ำไปหุงโดยการรินเอาน้�ำซาวข้าวออกจากเมล็ดข้าว การกรองน้�ำเพ่ือน�ำมาดื่ม ๒.๒ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ความรู้ ทักษะ คุณธรรมจริยธรรม ค่านยิ ม) (ถ้ามี) จดุ ประสงค์ดา้ นความรู้ ๑. อธบิ ายและเปรยี บเทยี บวธิ กี ารแยกสารเนอื้ ผสมทป่ี ระกอบดว้ ยของแขง็ ผสมกบั ของเหลว ๒. อธบิ ายและยกตวั อยา่ งการแยกสารทเี่ ปน็ ของเหลวออกจากของแขง็ ในสารเนอ้ื ผสมไปใช้ ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำ� วนั จดุ ประสงค์ด้านทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๑. การสังเกต ๒. การหาความสมั พนั ธ์ระหว่างสเปซกับเวลา ๓. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู ๔. การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 187
จดุ ประสงค์ด้านคุณธรรม ๑. มงุ่ ม่ันในการท�ำงาน ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๒.๓ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑) การเตรยี มตวั ของครู นกั เรยี น (การจัดกลมุ่ ) (ถา้ ม)ี ๑.๑) การจัดกลุ่ม โดยแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๔-๕ คน ๑.๒) ครศู กึ ษาเพ่มิ เตมิ เก่ียวกับเทคนิคการกรองเกยี่ วกบั เรอ่ื งต่อไปนี้ ๑. วิธีพบั กระดาษกรองใสใ่ นกรวยกรอง ๒. วธิ กี ารวางปลายกรวยกรองในบกี เกอรโ์ ดยใหป้ ลายกรวยกรองแนบกบั ขอบบกี เกอร์ ๓. วิธกี ารรินของเหลวผ่านแทง่ แกว้ คน จากตวั อยา่ งวดี ทิ ศั นป์ ฏบิ ตั กิ ารสำ� หรบั ครู เรอื่ ง แยกของแขง็ ทไี่ มล่ ะลายในของเหลว ไดอ้ ยา่ งไร ทีเ่ ว็บไซต์ https://www.scimath.org/video-science/item/8933- 2018-10-05-02-08-21 ๒) การเตรียมสอื่ วสั ดอุ ุปกรณ์ ของครู นกั เรียน (ถ้ามี) สง่ิ ทค่ี รตู ้องเตรยี ม คอื ๑. นำ�้ ปูน ประมาณ ๔๕๐ ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร/กลุม่ (สามารถเลือกใช้ปนู ที่มสี แี ดง สชี มพู หรอื สขี าวก็ได)้ วธิ กี ารเตรยี มนำ�้ ปนู นำ� ปนู กนิ หมากสแี ดงหรอื สขี าว ประมาณ ๑ ชอ้ นโตะ๊ ผสมกบั นำ้� ประมาณ ๕๐๐ ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร คนใหเ้ ข้ากนั ๒. ผา้ ขาวบาง ๑ ผืนเลก็ /กลมุ่ (ขนาดกวา้ ง x ยาว ประมาณ ๒๐ x ๒๐ เซนตเิ มตร หรอื มขี นาดทเี่ หมาะสมกบั กรวยกรอง) ๓. กระดาษกรองเบอร์ ๙๓ ๑ แผน่ /กล่มุ ๔. กรวยกรอง ๑ อนั /กลมุ่ ๕. แทง่ แก้วคน ๑ อนั /กลมุ่ ๖. แกว้ พลาสตกิ ใส ๓ ใบ/กล่มุ ๗. ช้อนพลาสติก ๑ อนั /กลมุ่ ๘. ชดุ ขาตง้ั ๑ ชดุ /กลุ่ม ๙. ไมห้ นีบ ๑ อนั /กลุม่ ส่งิ ท่นี ักเรียนต้องเตรยี ม คือ - 188 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
๓) เตรยี มใบงาน ใบความรู้ ใบกิจกรรม (ถ้ามี) ๓.๑ ใบงาน ๐๑ การแยกของแขง็ กบั ของเหลวในสารเนือ้ ผสม ๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เรอ่ื งการกรองและการตกตะกอน ๓.๓ ใบความรู้เรือ่ งการแยกของแข็งออกจากน�้ำปูน ๒.๔ วดั ผลประเมินผล (ถา้ มี) ๑) วธิ ีการวดั ผลประเมินผลการเรียนรู้ ๑.๑ การตอบคำ� ถามในใบงาน ๑.๒ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการท�ำกจิ กรรม ๑.๓ สังเกตพฤติกรรมด้านคุณธรรมขณะท�ำกจิ กรรม ๒) วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ๒.๑ เคร่ืองมือและเกณฑ์ในการประเมนิ ด้านความรู้ ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคำ� ถามในใบงาน แลว้ ใช้เกณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังน้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ำ� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เครอื่ งมือและเกณฑ์ในการประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สังเกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ (ดังแนบ) นำ� คะแนนมารวมกนั แล้วใชเ้ กณฑ์ในการใหค้ ะแนนดงั น้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ำ� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๓ เครอ่ื งมือและเกณฑ์ในการประเมินด้านคุณธรรม สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม (ดงั แนบ) นำ� คะแนน มารวมกนั แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดงั นี้ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่�ำกว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) การทดสอบกอ่ นเรยี น หลงั เรยี น แบบฝึกหัดก่อนเรียน หลังเรียน ทำ� แบบฝึกหัดในใบงานหลงั เรยี น ๓. อ่ืน ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 189
190 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ของแผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑.๒ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร เรอ่ื งการกรองและการตกตะกอน เวลา ๓ ช่วั โมง ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร ์ ขัน้ นำ� แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ สอน • ตรวจสอบความรเู้ ดิมเก่ยี วกับวิธกี ารแยกสารเน้ือผสมที่เปน็ ของแขง็ กบั ของเหลว ขนั้ สรปุ ขนั้ ประเมินผล • ท�ำกจิ กรรมที่ ๑ แยกของแขง็ กับของเหลวในสารเน้ือผสมไดอ้ ยา่ งไร • ทำ� ใบงาน ๐๑ การแยกของแข็งกับของเหลวในสารเนอื้ ผสม • อภปิ รายหาวิธกี ารทจ่ี ะแยกนำ้� ปนู และทำ� การนำ�้ ปนู • อา่ นใบความรู้เร่ืองการแยกของแขง็ ออกจากน้�ำปนู • อภิปรายเพื่อระบุชือ่ วิธีการแยกสารในนำ้� ปนู แต่ละแก้ว • วเิ คราะห์ลกั ษณะของเหลวทไ่ี ดค้ วามสะดวกและประเด็นอนื่ • อภปิ รายและลงขอ้ สรปุ เกย่ี วกบั วธิ กี ารแยกสารจากกจิ กรรมนไี้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั • ท�ำใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เรอ่ื งการกรองและการตะกอน • ประเมินจากการตอบคำ� ถาม • ประเมนิ จากการท�ำกจิ กรรมในช้ันเรียน • ประเมนิ จากการทำ� แบบฝกึ หัด
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 191 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หนว่ ยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๓ ชัว่ โมง ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ขอบเขตเนือ้ หา กจิ กรรมการเรียนรู้ (๓ ชว่ั โมง) สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้ การแยกสารเนื้อผสมระหว่างสาร ชว่ั โมงท่ี ๑ ที่เป็นของเหลวออกจากสารท่ีเป็น ขน้ั น�ำ (๕ นาที) ๑. นำ้� ปนู ของแข็งท�ำได้หลายวิธี เช่น วิธีการ ๑. ครูตรวจสอบความร้เู ดิมเกยี่ วกับวิธีการแยกสารเน้อื ผสมทผี่ สมกนั ระหวา่ งสาร ๒. ผา้ ขาวบาง ตกตะกอน การกรองหรอื การรนิ ออก ท่ีเปน็ ของแข็งกับของเหลวโดยใชค้ �ำถามดงั ตอ่ ไปน้ี ๓. กระดาษกรอง โดยการตกตะกอนเป็นวิธีที่ท�ำให้ ๑.๑ สารเนื้อผสมท่ีผสมกันระหว่างสารท่ีเป็นของแข็งกับของเหลวมีอะไรบ้าง ๔. กรวยกรอง ของแข็งที่แขวนลอยอยู่ในของเหลว ยกตวั อยา่ ง (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เชน่ พรกิ ไทยผสมนำ้� ๕. แทง่ แกว้ คน คอ่ ย ๆ แยกตวั ออกจากของเหลวและ น้ำ� โคลน) ๖. แกว้ พลาสตกิ ใส จมลงทกี่ น้ ภาชนะ การรนิ ออกเปน็ วธิ ี ๑.๒ นกั เรยี นคดิ วา่ จะแยกของแขง็ ออกจากของเหลวในสารเนอ้ื ผสมไดโ้ ดยวธิ กี าร ๗. ชอ้ นพลาสตกิ ท่ีท�ำให้ของเหลว ค่อย ๆ ไหลออก แยกสารใดบา้ ง แต่ละวธิ ีใชอ้ ปุ กรณ์อะไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ) ๘. ชดุ ขาตงั้ จากภาชนะ ส่วนการกรองเป็นวิธีที่ ขน้ั สอน (๕๐ นาที) ๙. ไมห้ นบี ทำ� ใหข้ องเหลวไหลผา่ นตวั กรองทม่ี รี ู ๒. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และจุดประสงค์ในใบกิจกรรมท่ี ๑ แยกของแข็งกับ ขนาดเลก็ เชน่ ผา้ ขาวบาง กระดาษ ของเหลวในสารเนอื้ ผสมไดอ้ ยา่ งไร ขอ้ ๑ หนา้ ๖๐ จากนนั้ รว่ มกนั อภปิ รายเพอ่ื ภาระงาน / ชิ้นงาน กรอง ส่วนของแข็งท่ีแขวนลอยใน ตรวจสอบความเขา้ ใจเกยี่ วกบั จดุ ประสงคใ์ นการทำ� กจิ กรรม โดยใชค้ ำ� ถามดงั นี้ ๑. การบนั ทึกผลการท�ำกิจกรรม ของเหลวจะผา่ นหรอื ไมผ่ า่ นตวั กรอง ๒.๑ กจิ กรรมนนี้ กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเรอ่ื งอะไร (วธิ กี ารแยกสารเนอ้ื ผสมทป่ี ระกอบดว้ ย ในใบกจิ กรรม ขนึ้ อยกู่ บั ขนาดของอนภุ าค ถา้ ขนาด ของแขง็ ผสมกับของเหลว) ของอนภุ าคของแขง็ มขี นาดใหญก่ วา่ ๒.๒ นกั เรยี นจะไดเ้ รียนรูเ้ ร่ืองน้ดี ้วยวธิ ใี ด (การสงั เกต) ๒. การตอบค�ำถามในชั้นเรยี น รูของตัวกรอง ของแข็งนั้นจะติดอยู่ ๒.๓ เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (อธิบายและเปรียบเทียบวิธีการแยก บนตวั กรองถา้ ขนาดเลก็ กวา่ กจ็ ะผา่ น ของแขง็ ออกจากของเหลวในสารเน้อื ผสม)
192 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนอื้ ผสม เวลา ๓ ชั่วโมง กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ตัวกรองมากับของเหลว วิธีการ ๓. ครูแจง้ จุดประสงคใ์ นวันนใี้ หน้ ักเรียนทราบอีกครั้งหน่ึง วิธกี ารประเมิน แยกสารเนื้อผสมที่ผสมกันระหว่าง ๔. นกั เรียนอา่ นวิธีทำ� ในใบกจิ กรรมท่ี ๑ ขอ้ ๑-๕ หน้า ๖๒-๖๓ โดยฝกึ อ่านตาม ๑. การตอบคำ� ถามในแบบฝกึ หดั สารที่เป็นของเหลวออกจากสารที่ ความเหมาะสม จากนนั้ รว่ มกนั อภปิ รายเพอื่ สรปุ ขน้ั ตอนการทำ� กจิ กรรม โดยใช้ เป็นของแข็งน�ำมาใช้ประโยชน์ใน ค�ำถามตอ่ ไปนี้ ๒. สังเกตทักษะกระบวนการ ชีวิตประจ�ำวัน เช่น การตกตะกอน ๔.๑ นกั เรยี นตอ้ งใชแ้ กว้ พลาสตกิ กใ่ี บและใชท้ ำ� อะไร (๓ ใบใชเ้ พอื่ บรรจนุ ำ�้ ปนู ) ทางวิทยาศาสตร์ในการ อ นุ ภ า ค ท่ี แ ข ว น ล อ ย ใ น น�้ ำ ใ น ๔.๒ นักเรียนต้องสังเกตอะไร (ลักษณะของน้�ำปูน) ทำ� กจิ กรรม ก ร ะ บ ว น ก า ร ผ ลิ ต น้� ำ ป ร ะ ป า ๔.๓ นกั เรยี นตอ้ งลงความเหน็ เกยี่ วกบั สมบตั ใิ ดของนำ้� ปนู (สถานะของนำ้� ปนู ) การท�ำความสะอาดเมล็ดข้าวสาร ๔.๔ ข้อที่ ๒ ของวิธที �ำให้นกั เรยี นทำ� อะไรบา้ ง (วางแก้วทบี่ รรจุน้�ำปนู ใบท่ี ๑ ๓. สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม ขณะทำ� กจิ กรรม กอ่ นนำ� ไปหงุ โดยการรนิ เอานำ�้ ซาวขา้ ว ไวน้ งิ่ ๆ สงั เกตทกุ ๆ ๕ นาที จนครบ ๑๕ นาที จากนน้ั ระดมความคดิ อ อ ก จ า ก เ ม ล็ ด ข ้ า ว ก า ร ก ร อ ง น�้ ำ วา่ จะแยกน�้ำปนู อยา่ งไร และแยกน้�ำปนู ตามวิธที ี่ระดมความคิดไว)้ เพ่อื น�ำมาดม่ื ๔.๕ นกั เรยี นตอ้ งทำ� อยา่ งไรตอ่ (แยกสารในนำ้� ปนู ออกจากกนั โดยใชผ้ า้ ขาวบาง และกรวยกรอง) จดุ ประสงค์ด้านความรู้ ๔.๖ การเทนำ�้ ปนู ลงบนผา้ ขาวบางทำ� อยา่ งไร (เทนำ้� ปนู ชา้ ๆ ผา่ นแทง่ แกว้ ลงสู่ ๑. อธบิ ายและเปรยี บเทยี บวธิ กี าร ผา้ ขาวบางจนหมด) แยกสารเนอื้ ผสมทปี่ ระกอบดว้ ย ครสู าธติ วธิ จี ดั อปุ กรณโ์ ดยนำ� ผา้ ขาวบางรองบนกรวยกรอง รวมถงึ วธิ กี าร ของแขง็ ผสมกับของเหลว เทสารจากภาชนะผ่านแท่งแกว้ ลงสูผ่ า้ ขาวบาง ๒. อธบิ ายและยกตวั อยา่ งการแยกสาร ๕. เมอ่ื นักเรียนเข้าใจวิธกี ารทำ� กิจกรรมแล้ว ให้นกั เรียนรับอุปกรณแ์ ละเริ่มปฏิบตั ิ ที่เป็นของเหลวออกจาก ตามขั้นตอนการท�ำกจิ กรรม ดงั น้ี ของแขง็ ในสารเนอื้ ผสม ไปใช้ ๕.๑ นกั เรยี นรนิ นำ้� ปนู ใสใ่ นแกว้ พลาสตกิ ใส ๓ ใบ เทา่ ๆ กนั สงั เกตลกั ษณะ ประโยชน์ในชวี ติ ประจำ� วนั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 477
Pages: