ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 193 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หนว่ ยย่อยที่ ๑ การแยกสารเน้ือผสม เวลา ๓ ชวั่ โมง ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ จุดประสงค์ด้านทักษะกระบวนการ น�้ำปูนและระบุสถานะของสารในน�้ำปูน แล้วบันทึกผลการสังเกต เกณฑก์ ารประเมิน ทางวิทยาศาสตร์ ในใบงาน ๐๑ การแยกสารเนอื้ ผสมทเ่ี ปน็ ของแขง็ กบั ของเหลวออกจากกนั ๑. การตอบคำ� ถามในแบบฝึกหดั ๑. การสังเกต หน้า ๖๔ ไดถ้ กู ต้องดว้ ยตนเอง ๒. การหาความสมั พนั ธร์ ะหว่าง ๕.๒ วางน้�ำปนู ใสในแก้วใบท่ี ๑ ไวน้ ิ่ง ๆ สังเกตและบันทกึ ผลทุก ๆ ๕ นาที - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน สเปซกบั เวลา จนครบ ๑๕ นาที บนั ทกึ ผลลงในตารางท่ี ๑ หนา้ ๖๔ โดยอาจแบง่ หนา้ ที่ - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ๓. การลงความเห็นจากข้อมูล เปน็ คนจบั เวลาเมอื่ ครบ ๕ นาที เรยี กทกุ คนสงั เกตนำ�้ ปนู ใสในแกว้ ใบที่ ๑ ๔. การตคี วามหมายขอ้ มูลและ ๖. พร้อมกัน - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๗. ๕.๓ นักเรียนร่วมกันระดมความคิดเพ่ือหาวิธีการแยกน�้ำปูน และแยก ๒. มีทักษะกระบวนการทาง ลงขอ้ สรุป นำ้� ปนู ตามวธิ นี นั้ สงั เกตลกั ษณะของสารทแี่ ยกได้ บนั ทกึ ผลลงในหนา้ ๖๕ จุดประสงค์ด้านคุณธรรม ขณะรอเวลาในการสงั เกตแก้วใบที่ ๑ อาจให้นกั เรยี นนำ� น�้ำปูนแกว้ ใบที่ ๒ มา วิทยาศาสตร์ขณะทำ� กจิ กรรม แยกสารออกจากกนั โดยใชผ้ า้ ขาวบาง และนำ�้ ปนู ใสแกว้ ที่ ๓ มาแยกสารออกจากกนั - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ๑. มุ่งม่นั ในการท�ำงาน โดยใชก้ ระดาษกรอง โดยเทนำ้� ปนู อยา่ งชา้ ๆ ไปตามแทง่ แกว้ คนสผู่ า้ ขาวบางหรอื - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ๒. ใฝ่เรียนรู้ กระดาษกรองจนหมด สงั เกตลกั ษณะสารทแ่ี ยกได้ บนั ทกึ ผลลงในตาราง ๒ หนา้ ๖๕ - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน เมอื่ นกั เรยี นทำ� กจิ กรรมเสรจ็ แลว้ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายโดยใชค้ ำ� ถามดงั นี้ ๓. มคี ุณลักษณะด้านคณุ ธรรม (คำ� ตอบข้นึ อยู่กบั ชนิดของปนู ทใ่ี ช้ ถา้ ใช้ปูนสีแดงจะได้ตะกอนสีส้มแดง ถ้าใช้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ปูนสีชมพูจะได้ตะกอนสสี ้มออกชมพู หรอื ถา้ ใชป้ ูนสขี าวจะไดต้ ะกอนสีขาว) - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๗.๑ นำ�้ ปนู มลี กั ษณะอยา่ งไร (ขนุ่ มสี ารสสี ม้ แดง ลอยกระจายไปทว่ั ของเหลว) ๗.๒ นำ�้ ปูนประกอบดว้ ยสารอะไรบา้ ง (ประกอบดว้ ยปูนแดงและน�้ำ) ๗.๓ สารในนำ้� ปนู มสี ถานะใดบา้ ง (ปนู แดงมสี ถานะของแขง็ นำ้� มสี ถานะของเหลว)
194 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเน้ือผสม เวลา ๓ ชว่ั โมง ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ๗.๔ นำ้� ปนู เปน็ สารเนอ้ื เดยี วหรอื สารเนอ้ื ผสม เพราะเหตใุ ด (เปน็ สารเนอื้ ผสม เพราะมองเห็นของแขง็ สีสม้ แดงแยกตัวและลอยอยู่ในของเหลว) ๗.๕ เกดิ อะไรขนึ้ เมอื่ ตงั้ นำ�้ ปนู ไวน้ าน ๑๕ นาที (นำ�้ ปนู เมอื่ เรมิ่ ตง้ั ไวเ้ ปน็ ของเหลว สสี ม้ แดง เมอ่ื เวลาผา่ นไป ของเหลวสว่ นบนคอ่ ย ๆ ใสขน้ึ ของแขง็ บาง ส่วนคอ่ ย ๆ ตกตะกอนหรอื คอ่ ย ๆ จมลงสู่กน้ แกว้ ) ๗.๖ สารทอ่ี ยทู่ กี่ น้ แกว้ มลี กั ษณะอยา่ งไร และเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร (สารทอี่ ยทู่ ก่ี น้ แกว้ เป็นของแข็งสีส้มแดงของแข็งเหล่านี้มาจากของแข็งท่ีแขวนลอยอยู่ใน ของเหลวแลว้ คอ่ ย ๆ รวมตวั กนั ตกตะกอนลงสกู่ น้ แกว้ โดยอาศยั แรงโนม้ ถว่ ง ของโลก ๗.๗ วธิ กี ารแยกสารในนำ�้ ปนู น้ี นกั เรยี นใชว้ ธิ กี ารใด (นกั เรยี นตอบตามความคดิ เช่น การตกตะกอน) ๗.๘ เมอ่ื ใชว้ ิธีที่นกั เรียนเลอื ก ไดส้ ารท่มี ีลกั ษณะอย่างไร (สารสสี ม้ แดง) ๗ . ๙ เมอ่ื เทนำ�้ ปนู จากแกว้ ใบที่ ๒ ลงสผู่ า้ ขาวบาง สารทคี่ า้ งอยบู่ นผา้ ขาวบาง และผ่านผา้ ขาวบางมีลกั ษณะอย่างไร (สารท่คี ้างอยู่บนผ้าขาวบางเป็น ของแขง็ สสี ม้ แดง สว่ นสารทผ่ี า่ นผา้ ขาวบางเปน็ ของเหลวทมี่ สี สี ม้ จาง ๆ) ๗.๑๐ สารทผ่ี า่ นผา้ ขาวบางได้ มขี นาดใหญห่ รอื เลก็ กวา่ รขู องผา้ ขาวบาง (สาร ท่ผี า่ นผ้าขาวบางมขี นาดเลก็ กวา่ รขู องผ้าขาวบาง) ๗.๑๑ เมอื่ เทนำ้� ปนู จากแกว้ ใบที่ ๓ ลงสกู่ ระดาษกรอง สารทค่ี า้ งอยบู่ นกระดาษกรอง
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 195 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หนว่ ยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเน้อื ผสม เวลา ๓ ชวั่ โมง ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ และผา่ นกระดาษกรองมีลกั ษณะอย่างไร (สารทีค่ า้ งอยู่บนกระดาษ กรองเปน็ ของแขง็ สสี ม้ แดง สว่ นสารทผ่ี า่ นกระดาษกรองเปน็ ของเหลวใส) ๗.๑๒ วิธีการแยกนำ้� ปนู ในแกวใ้ บท่ี ๒ และใบท่ี ๓ มีชอื่ วา่ อะไร (นักเรียน ตอบตามคิด เชน่ การกรอง) ขั้นสรปุ (๕ นาที) ๘. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปส่ิงท่ีเรียนรู้ในชั่วโมงนี้ด้วยตนเองเก่ียวกับวิธีการ แยกสารที่มีลักษณะต่าง ๆ เช่น ใช้วิธีการตกตะกอน (นักเรียนตอบตามช่ือ ที่นักเรียนเรียกตามความเข้าใจ) กับลักษณะของน้�ำปูนในแก้วใบที่ ๑ ที่มี ลกั ษณะสสี ม้ แดง ขนุ่ และมตี ะกอนอยทู่ กี่ น้ และใชว้ ธิ กี ารกรอง (นกั เรยี นตอบ ตามชอื่ ทนี่ กั เรยี นเรยี กตามความเขา้ ใจ) ดว้ ยผา้ ขาวบางและกระดาษกรองกบั นำ้� ปนู ที่มีลักษณะของแขง็ สสี ม้ แดงกระจายอยู่ทวั่ ของเหลว ๙. ครูและนักเรียนรว่ มกนั ลงขอ้ สรุปว่า วิธกี ารแยกของแข็งท่ีอย่ใู นสารเนอ้ื ผสมที่ เป็นของเหลว สามารถใชว้ ิธกี ารตกตะกอนหรือการกรอง (นกั เรียนตอบตาม ช่อื ท่ีนกั เรียนเรยี กตามความเขา้ ใจ) ขึน้ อย่กู ับลกั ษณะของสารเนื้อผสม ชัว่ โมงที่ ๒ ขัน้ น�ำ (๕ นาท)ี ๑๐. ครูตรวจสอบความรทู้ ี่ได้เรียนไปแล้ว โดยใช้ค�ำถาม ดงั นี้ ๑๐.๑ สารเนื้อผสมที่ได้จากการแยกนำ�้ ปูนแก้วท่ี ๑ มีลักษณะอย่างไรบ้าง (มี ๒ สว่ น สว่ นที่ ๑ มี ลกั ษณะสสี ม้ แดงขนุ่ สว่ นที่ ๒ เปน็ ของเหลว สีส้มจาง ๆ)
196 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา ๓ ชว่ั โมง ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ๑๐.๒ สารสว่ นที่ ๑ มีสถานะอะไร (ของแข็ง) ๑๐.๓ ส่วนท่ี ๒ มีสถานะอะไร (ของเหลว) ๑๐.๔ นำ้� ปนู แกว้ ท่ี ๒ ทแ่ี ยกโดยการกรองบนผา้ ขาวบางเปน็ อยา่ งไร (มขี องแขง็ สีส้มแดงอยบู่ นผ้าขาวบางเลก็ นอ้ ย สว่ นท่ีไหลออกเปน็ น�้ำสีส้มจาง ๆ) ๑๐.๕ เมื่อเทน�้ำปูนจากแก้วใบท่ี ๓ ลงสู่กระดาษกรอง สารท่ีค้างอยู่บน กระดาษกรองและผา่ นกระดาษกรองมลี กั ษณะอยา่ งไร (สารทค่ี า้ งอยบู่ น กระดาษกรองเป็นของแข็งสีส้มแดง ส่วนสารท่ีผ่านกระดาษกรองเป็น ของเหลวใส) ๑๐.๖ วิธีการแยกสารในแก้วใบที่ ๑ ๒ ๓ มีชื่อว่าอะไร (นักเรียนตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง) ข้ันสอน (๔๕ นาที) ๑๑. ครใู หน้ กั เรียนอ่านจดุ ประสงค์ของกจิ กรรมท่ี ๑ แยกของแข็งกับของเหลวใน สารเนื้อผสมได้อย่างไร ข้อ ๒ หน้า ๖๒ จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อ ตรวจสอบความเขา้ ใจเกยี่ วกบั จดุ ประสงคใ์ นการทำ� กจิ กรรม โดยใชค้ ำ� ถามดงั นี้ ๑๑.๑ กจิ กรรมนน้ี กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเรอื่ งอะไร (การแยกสารทเ่ี ปน็ ของแขง็ ออก จากของเหลวในสารเน้ือผสมไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจ�ำวนั ) ๑๑.๒ นักเรียนจะไดเ้ รยี นรูเ้ รอ่ื งนีด้ ว้ ยวธิ ใี ด (การอภิปราย) ๑๑.๓ เมอื่ เรียนแลว้ นกั เรยี นจะท�ำอะไรได้ (ยกตัวอย่างการแยกสารท่ีเปน็ ของแขง็ ออกจากของเหลวในสารเนอื้ ผสมไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั )
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 197 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๓ ชั่วโมง ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ๑๒. ครูแจง้ จุดประสงค์ในวันน้ใี หน้ กั เรียนทราบอีกครง้ั หน่ึง ๑๓. นกั เรยี นอา่ นวธิ ที ำ� ในกจิ กรรมที่ ๑ ขอ้ ๖๑ หนา้ ๕๓ โดยฝกึ อา่ นตามความเหมาะสม จากนนั้ รว่ มกนั อภปิ รายเพอ่ื สรปุ ข้นั ตอนการทำ� กจิ กรรม โดยใชค้ ำ� ถามตอ่ ไปนี้ ๑๓.๑ นักเรยี นตอ้ งอา่ นใบความรู้เรอื่ งอะไร (การแยกของแขง็ ออกจากน�้ำปนู ) ๑๓.๒ หลังจากอ่านใบความรู้แล้ว นักเรียนท�ำอย่างไรต่อไป (ร่วมกันอภิปราย ชอื่ วธิ กี ารแยกสารในแกว้ ของนำ�้ ปนู แตล่ ะแกว้ วเิ คราะหล์ กั ษณะของเหลว ทไี่ ด้ ความสะดวก ประเดน็ อน่ื ๆ รวมทง้ั ขอ้ ดี และขอ้ จำ� กดั ของแตล่ ะวธิ )ี ๑๓.๓ จากนั้นนักเรียนต้องท�ำอะไรต่อ (ร่วมกันอภิปรายและยกตัวอย่างวิธีการ แยกสารจากกจิ กรรมนีไ้ ปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจ�ำวนั ) ๑๔. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการท�ำกิจกรรมแล้ว ครูให้นักเรียนอ่านใบความรู้เรื่องการ แยกของแขง็ ออกจากนำ�้ ปนู หนา้ ๖๖ โดยใชว้ ธิ กี ารอา่ นตามความเหมาะสม จากนน้ั ครูใช้ค�ำถามอภิปรายความรูท้ ี่ได้ดังตอ่ ไปนี้ ๑๔.๑ นำ�้ ปนู ทไี่ ดเ้ ปน็ สารเนอ้ื ผสมหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (เปน็ สารเนอ้ื ผสม เพราะมี ของแข็งแขวนลอยอยู่ในของเหลว) ๑๔.๒ การแยกของแขง็ ทแี่ ขวนลอยอยใู่ นนำ�้ ปนู ทำ� ไดด้ ว้ ยวธิ กี ารแยกสารใดบา้ ง (การตกตะกอน การรนิ ออก การกรอง) ๑๔.๓ การตกตะกอนใช้แยกของแข็งออกจากของเหลวทม่ี ีลักษณะอยา่ งไร (ของแขง็ นน้ั สามารถแยกตัวออกจากของเหลว และจมลงกน้ ภาชนะได้)
198 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยที่ ๑ การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา ๓ ชว่ั โมง ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๑๔.๔ การรนิ ออกจะทำ� ไดเ้ มอื่ ใด และทำ� อยา่ งไร (การรนิ ออกทำ� ไดเ้ มอื่ ของแขง็ ตกตะกอนแลว้ โดยการรนิ ของเหลวดา้ นบนออก) ๑๔.๕ การกรองของแขง็ ออกจากของเหลวทำ� ไดอ้ ยา่ งไร (โดยการใหข้ องเหลวท่ี เปน็ สารเนอ้ื ผสมไหลผา่ นตวั กรองทม่ี รี ขู นาดเลก็ โดยของแขง็ ทแ่ี ขวนลอย ในของเหลวจะผา่ นตวั กรองไดห้ รอื ไมข่ น้ึ อยกู่ บั ขนาดอนภุ าค ถา้ ขนาด อนภุ าคของของแขง็ ใหญก่ วา่ รขู องตวั กรอง จะไมส่ ามารถผา่ นตวั กรองได้ แตถ่ า้ ขนาดของของแขง็ เลก็ กวา่ รขู องตวั กรอง ของแขง็ จะสามารถผา่ น ตวั กรองออกมากบั ของเหลวได้) ๑๔.๖ การแยกของแขง็ ออกจากของเหลวในแกว้ ใบที่ ๑ เปน็ การแยกสารดว้ ย วธิ กี ารใด เพราะเหตใุ ด (เปน็ การตกตะกอน เพราะเมอ่ื ตงั้ ทง้ิ ไว้ ของแขง็ สขี าวตกลงไปท่ีกน้ แกว้ ) ๑๔.๗ การแยกของแขง็ ออกจากของเหลวในแกว้ ใบท่ี ๒ เปน็ การแยกสารดว้ ย วธิ กี ารใด เพราะเหตใุ ด (เปน็ การกรอง เพราะใชต้ วั กรองคอื ผา้ ขาวบางได้ ของแขง็ คา้ งอยทู่ ผี่ า้ ขาวบาง และบางสว่ นตกลงไปพรอ้ มกบั ของเหลว) ๑๔.๘ การแยกของแข็งออกจากของเหลวในแก้วใบที่ ๓ เป็นการแยกสาร ด้วยวิธีการใด เพราะเหตุใด (เป็นการกรอง เพราะใช้ตัวกรองคือ กระดาษกรอง ไดข้ องแขง็ คา้ งอยทู่ ผ่ี า้ ขาวบางแยกออกจากของเหลวได้ เกือบหมด)
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 199 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หนว่ ยย่อยที่ ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๓ ชัว่ โมง ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๑๕. นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายลักษณะของเหลวทไี่ ด้ เวลาที่ใช้ และประเด็นอ่ืน ๆ ของแตล่ ะวธิ ี บนั ทกึ ลงในตาราง ๓ หนา้ ๖๗ วเิ คราะหข์ อ้ ดแี ละขอ้ จำ� กดั ของ การแยกสารแต่ละวิธี และบนั ทกึ ผลในตาราง ๔ หน้า ๖๘ ๑๖. หลังจากนักเรียนท�ำกิจกรมเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายโดยใช้ ค�ำถามดังน้ี ๑๖.๑ การตกตะกอน การรนิ ออก และการกรองใชแ้ ยกสารเนอื้ ผสมทมี่ สี มบตั ิ อย่างไร (ใช้แยกของแข็งออกจากของเหลวในสารเน้ือผสม) ๑๖.๒ ลักษณะของเหลวท่ีได้เม่ือแยกด้วยวิธีการตกตะกอน การกรองด้วย ผ้าขาวบางและการกรองด้วยกระดาษกรองเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร (ลักษณะของเหลวท่ีได้จากการตกตะกอนจะใสเหมือนกับ การกรองดว้ ยกระดาษกรอง แตก่ ารกรองดว้ ยผา้ ขาวบางของเหลวทไี่ ด้ จะขุ่น) ๑๖.๓ การแยกสารดว้ ยวธิ ีใดใชเ้ วลามากกวา่ เพราะเหตุใด (การตกตะกอน ใชเ้ วลามากกว่าการกรองเพราะถ้าของแข็งมมี วลนอ้ ยจะใช้เวลานาน กว่าตะกอนจะนอนกน้ ) ๑๖.๔ การแยกสารดว้ ยวธิ ใี ดใชเ้ วลาน้อยกวา่ (การแยกสารด้วยการกรอง ใชเ้ วลาน้อยกว่าการตกตะกอน)
200 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยที่ ๑ การแยกสารเน้ือผสม เวลา ๓ ชวั่ โมง ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ๑๖.๕ เมอ่ื เปรยี บเทยี บลกั ษณะของเหลวทไ่ี ดจ้ ากการกรองผา่ นผา้ ขาวบางและ กระดาษกรองในการกรองนำ�้ ปนู การกรองผา่ นวสั ดแุ บบใดมขี อ้ ดมี ากกวา่ เพราะเหตใุ ด (การกรองผา่ นกระดาษกรองดกี วา่ เพราะของเหลวทไี่ ดใ้ ส มากกวา่ ) ๑๖.๖ การกรองดว้ ยผา้ ขาวบางและกระดาษกรองตา่ งกนั อยา่ งไร (ใชเ้ วลาตา่ งกนั ) ๑๖.๗ เมอ่ื ใดควรเลอื กใชผ้ า้ ขาวบางในการกรอง (เมอื่ ของแขง็ ทก่ี รองมขี นาด ใหญ่กวา่ รขู องผ้าขาวบาง) ๑๖.๘ การแยกสารแตล่ ะวิธีมีข้อดี ขอ้ จ�ำกัดอยา่ งไร - การตกตะกอนมขี อ้ ดคี อื ไดข้ องเหลวใส ใชอ้ ปุ กรณใ์ นการแยกนอ้ ยชน้ิ ขอ้ จ�ำกัดคอื ใชเ้ วลาในการแยกนาน - การกรองดว้ ยผา้ ขาวบาง ขอ้ ดคี อื ใชเ้ วลาในการแยกไมน่ าน ขอ้ จำ� กดั คือใช้อปุ กรณ์ในการแยกหลายชน้ิ และได้ของเหลวที่ขนุ่ - การกรองด้วยกระดาษกรอง ข้อดีคือใช้เวลาในการแยกไม่นาน ไดข้ องเหลวท่ใี ส ข้อจ�ำกดั คือใชอ้ ปุ กรณห์ ลายชนิ้ ในการแยก) ๑๗. นักเรียนช่วยกนั คิดการตกตะกอน การรนิ ออก การกรองทีน่ ำ� ไปใช้ประโยชน์ ในชวี ติ ประจำ� วนั และบนั ทกึ ลงในใบงาน ๐๑ หนา้ ๖๘ หากนกั เรยี นทำ� ไมเ่ สรจ็ ให้กลับไปสืบค้นข้อมูลตอ่ ที่บา้ น
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 201 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเน้อื ผสม เวลา ๓ ชัว่ โมง ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ขัน้ สรุป (๑๐ นาที) ๑๘. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นสรุปแนวคดิ หรือสิง่ ท่ไี ด้เรยี นรู้ในชั่วโมงนี้ด้วยตนเอง เกย่ี วกบั ลกั ษณะสารทไ่ี ด้ และวธิ กี ารแยกของแขง็ ออกจากสารเนอื้ ผสมทเี่ ปน็ ของเหลวโดยใช้การตกตะกอน การรินออก และการกรอง ๑๙. ครชู วนนกั เรยี นสรปุ สงิ่ ทไี่ ดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกบั วธิ กี ารแยกของแขง็ ออกจากของเหลว โดยอาจเขียนผังมโนทัศน์เพ่ิมเติมจากการแยกของแข็งออกจากของแข็ง ดังตวั อยา่ ง เชน่ กากรารแแยยกกสารเนนือ้ ือ้ ผผสสมม เมื่อ ของแข็งผสมกับของแขง็ ของแขง็ ผสมกับของเหลว ทมี่ ี ใช้วธิ ี ขนาดอาจพอกัน ขนาดแตกต่างกนั มาก มวลแตกต่างกันมาก แตส่ หี รอื รปู ร่างตา่ งกัน ใชว้ ธิ ี ใชว้ ธิ ี ใชว้ ธิ ี ฝดั ตตกตะกอน หยิบออก รอ่ น กรอง โดย โดย ตงั้ ให้ของแขง็ ตกตะกอน รนิ ผ่านตัวกรองทีม่ ีรู รินแยก แยก ของเหลวออกจาก ของแขง็ ของแขง็ ไวบ้ นตวั กรอง
202 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา ๓ ช่วั โมง ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชัว่ โมงท่ี ๓ ขนั้ นำ� (๕ นาท)ี ๒๐. ครทู บทวนความรทู้ ไี่ ดเ้ รยี นไปแลว้ โดยยกสถานการณก์ ารแยกเนอ้ื มะพรา้ วออกจากนำ้� กะทิ แลว้ ใช้ คำ� ถามดงั น้ี ๒๐.๑ สารเนือ้ ผสมคือสารใด (น้�ำกะท)ิ ๒๐.๒ ของแขง็ ท่ีอยใู่ นสารเนื้อผสมคอื สารใด (เนือ้ มะพรา้ ว) ๒๐.๓ จะแยกกากมะพร้าวออกจากนำ้� กะทไิ ด้ดว้ ยวธิ กี ารแยกสารใด อยา่ งไร (ใช้การตกตะกอน แลว้ รนิ ออกไดเ้ มอื่ ตง้ั ทงั้ ไวส้ กั พกั หรอื ใชต้ วั กรอง เชน่ ผา้ ขา้ วบาง กจ็ ะแยกเนอ้ื มะพรา้ วกบั น�้ำกะทิได้ ๒๑. ครแู จ้งจดุ ประสงค์ทีจ่ ะเรียนรใู้ นชั่วโมงน้ี ขน้ั สอน (๕๐ นาที) ๒๒. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายตวั อยา่ งการน�ำวธิ ีการแยกสารจากกจิ กรรมนไี้ ปใช้ประโยชนใ์ น ชวี ติ ประจ�ำวัน ๒๒.๑ เรานำ� วธิ กี ารตกตะกอนไปใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั อะไรบา้ ง (การตกตะกอนอนภุ าคทแ่ี ขวนลอย ในน้ำ� ในกระบวนการผลิตนำ้� ประปา) ๒๒.๒ เรานำ� วิธีการกรองไปใช้ในชวี ติ ประจ�ำวนั อยา่ งไรบา้ ง (การกรองน�้ำเพื่อนำ� มาด่มื ) ๒๒.๓ เราน�ำวิธีการรินออกไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันอย่างไรบ้าง (การทำ� ความสะอาดเมล็ดข้าว กอ่ นนำ� ไปหุงโดยการรินเอาน้ำ� ซาวข้าวออกจากเมล็ดขา้ ว)
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 203 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา ๓ ช่วั โมง ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ๒๓. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนผังมโนทัศน์สรุปแนวคิดท่ีได้เรียนเกี่ยวกับวิธี การแยกของแขง็ ออกจากสารเนอื้ ผสมทเ่ี ปน็ ของเหลว และการนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ อาจทำ� ลงในกระดาษปรฟู๊ แลว้ นำ� ไปตดิ ไวร้ อบหอ้ งเรยี นเพอ่ื ไวแ้ ลกเปลยี่ นรว่ มกนั ๒๔. นกั เรยี นตอบคำ� ถามหลงั จากทำ� กจิ กรรมในใบงาน ๐๑ หนา้ ๖๙-๗๐ และรว่ มกนั เฉลยคำ� ตอบ ๒๕. นกั เรยี นทำ� ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หดั เรอื่ งการกรองและการตกตะกอน หนา้ ๗๑ และรว่ มกันเฉลยค�ำตอบ ขน้ั สรปุ (๕ นาท)ี ๒๖. ครูชวนนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปได้ว่า การแยกสารเนื้อผสมท่ี ผสมระหว่างสารท่เี ปน็ ของเหลวออกจากของแขง็ ท�ำได้หลายวิธี เชน่ วิธกี าร ตกตะกอน การกรองหรือการรินออก โดยการตกตะกอนเป็นวิธีที่ท�ำให้ ของแข็งท่ีแขวนลอยอยู่ในของเหลวค่อย ๆ แยกตัวออกจากของเหลวและ จมลงท่ีกน้ ภาชนะ การรนิ ออกเปน็ วธิ ที ที่ ำ� ใหข้ องเหลวค่อย ๆ ไหลออกจาก ภาชนะ สว่ นการกรองเปน็ วธิ ที ที่ ำ� ใหข้ องเหลวไหลผา่ นตวั กรองทมี่ รี ขู นาดเลก็ เช่น ผา้ ขาวบาง กระดาษกรอง ของแขง็ ทแ่ี ขวนลอยในของเหลวจะผา่ นหรอื ไม่ผ่านตัวกรองขึ้นอยู่กับขนาดของอนุภาค ถ้าขนาดของอนุภาคของแข็งมี ขนาดใหญ่กวา่ รขู องตัวกรอง ของแข็งนน้ั จะตดิ อยู่บนตวั กรอง ถ้าขนาดเลก็ กว่าก็จะผ่านตัวกรองมากับของเหลว วิธีการแยกสารเน้ือผสมของเหลวออก จากของแขง็ นำ� มาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั เชน่ การตกตะกอนอนภุ าค
204 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนือ้ ผสม เวลา ๓ ชัว่ โมง ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ท่ีแขวนลอยในน้�ำในกระบวนการผลิตน�้ำประปา การท�ำความสะอาดเมล็ด ข้าวสารก่อนน�ำไปหุงโดยการรินเอาน�้ำซาวข้าวออกจากเมล็ดข้าว การกรองน�้ำเพ่ือน�ำมาด่ืม หรือใช้ผังมโนทัศน์มาช่วยในการสรุป ดงั ตวั อยา่ ง เช่น การแยกสารเน้อื ผสม เม่อื ของแขง็ ผสมกบั ของเหลว ใชว้ ธิ ี ตกตะกอน กรอง โดย โดย ตง้ั ให้ของแข็งตกตะกอน รินผา่ นตวั กรองทมี่ รี ู รนิ แยก แยก ของเหลวออกจากของแข็ง ของแขง็ ไว้บนตัวกรอง เช่น เชน่ การตกตะกอนอนุภาค การกรองน�้ำ ที่แขวนลอยในนำ�้ เพอ่ื น�ำมาด่มื ในการผลิตนำ้� ประปา
แบบประเมินด้านคุณธรรม แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน ชือ่ ผู้ประเมนิ /กลุม่ ประเมนิ ................................................................................................................. ชอ่ื กลุ่มรับการประเมนิ ....................................................................................................................... ประเมนิ ผลครัง้ ที่.................... วันที่........................ เดอื น................................. พ.ศ.......................... เร่อื ง .................................................................................................................................................... ที่ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบง่ ช้ี ระดับพฤติกรรม คะแนนทไ่ี ด้ เกิด = ๑ ไมเ่ กดิ = ๐ ๑. มงุ่ มัน่ ในการทำ� งาน ๒. ใฝ่เรยี นรู้ รวมคะแนนทไี่ ดท้ ้งั หมด = …………… คะแนน คุณลักษณะตามจดุ ประสงคด์ ้านคุณธรรม - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 205
แบบประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการท�ำกจิ กรรม แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน เกณฑ์การประเมนิ มดี ังน้ี ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรุง สิง่ ทีป่ ระเมนิ คะแนน การสังเกต การหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั เวลา การลงความเห็นจากข้อมลู การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ รวมคะแนน เกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ ดี (๓) ระดับความสามารถ ควรปรับปรงุ (๑) ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (๒) การสงั เกต สามารถบอกลักษณะและ สามารถบอกลักษณะและ สามารถบอกลักษณะและ สมบัติของน้�ำปูนได้ครบ สมบตั ขิ องนำ้� ปนู ไดค้ รบถว้ น สมบตั ขิ องนำ�้ ปนู ไดไ้ มค่ รบถว้ น ถ้วนว่าเป็นของเหลวท่ีมี วา่ เปน็ ของเหลวทม่ี ขี องแขง็ ว่าเป็นของเหลวท่ีมีของแข็ง ของแข็งสีส้มแดงแขวน สสี ม้ แดงแขวนลอยอยแู่ ละสาร สีส้มแดงแขวนลอยอยู่สารที่ ลอยอยู่และสารที่แยกได้ ทแ่ี ยกไดจ้ ากนำ�้ ปนู คอื ของแขง็ แยกไดจ้ ากนำ�้ ปนู คอื ของแขง็ จากน�้ำปูนคือของแข็ง สสี ม้ แดงไดถ้ กู ตอ้ ง โดยอาศยั สีส้มแดง แ ม ้ จ ะ ไ ด ้ รั บ สี ส ้ ม แ ด ง ไ ด ้ ถู ก ต ้ อ ง ค�ำแนะนำ� ของครูหรือผู้อ่ืน การช้ีแนะจากครูหรือผู้อื่น ดว้ ยตนเอง 206 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
เกณฑก์ ารประเมนิ (ต่อ) ทักษะกระบวนการ ดี (๓) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรุง (๑) ทางวทิ ยาศาสตร์ พอใช้ (๒) การหาควาสมั พนั ธ์ สามารถบอกความสมั พนั ธ์ สามารถบอกความสัมพันธ์ สามารถบอกความสัมพันธ์ ระหวา่ งสเปซกบั เวลา ระหวา่ งสเปซกบั เวลาเมอื่ วาง ระหวา่ งสเปซกบั เวลาเมอ่ื วาง ระหว่างสเปซกับเวลาเม่ือ น�้ำปูนใสไว้ให้ตกตะกอน น้�ำปูนใสไว้ให้ตกตะกอน วางนำ�้ ปนู ใสไวใ้ หต้ กตะกอน ได้ถูกต้อง ด้วยตนเอง ได้ถูกต้อง โดยอาศัย ได้ถูกต้องบางส่วน แม้จะ ค�ำแนะน�ำของครูหรือผู้อ่ืน ได้รับค�ำแนะน�ำจากครูหรือ ผูอ้ ่ืน การลงความเห็น สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก จากขอ้ มูล ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของ ข้อมูลเก่ียวกับขนาดของ ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของ ของแข็งกับขนาดรูของ ของแข็งกับขนาดรูของ ของแข็งกับขนาดรูของ ตัวกรองในวิธีการกรองได้ ตัวกรองในวิธีการกรองได้ ตัวกรองในวิธีการกรอง ถกู ตอ้ ง ด้วยตนเอง ถูกต้อง โดยอาศยั คำ� แนะนำ� ไดถ้ กู ตอ้ งบางสว่ น แมจ้ ะไดร้ บั ของครหู รอื ผอู้ นื่ ค�ำแนะน�ำจากครูหรือผู้อ่ืน การตีความหมาย สามารถตคี วามหมายขอ้ มลู สามารถตคี วามหมายขอ้ มลู สามารถตีความหมายขอ้ มลู ขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ จากการสังเกตและการ จากการสังเกตและการ จากการสังเกตและการ อภปิ รายและลงขอ้ สรปุ ไดว้ า่ อภปิ รายและลงขอ้ สรปุ ไดว้ า่ อภิปรายและลงข้อสรุปได้ ก า ร แ ย ก ข อ ง แ ข็ ง กั บ ก า ร แ ย ก ข อ ง แ ข็ ง กั บ บางส่วนเก่ียวกับวิธีการ ของเหลวในสารเนื้อผสม ของเหลวในสารเนื้อผสม ตกตะกอน การรินออก ออกจากกันท�ำได้หลายวิธี ออกจากกันท�ำได้หลายวิธี และการกรองและการกรอง เ ช ่ น ก า ร ต ก ต ะ ก อ น เ ช ่ น ก า ร ต ก ต ะ ก อ น น� ำ ไ ป ใ ช ้ ป ร ะ โ ย ช น ์ ใ น การรินออก การกรอง การรินออก การกรอง ชีวิตประจ�ำวัน แม้ว่าจะ การตกตะกอนเป็นวิธีท่ี การตกตะกอนเป็นวิธีท่ี ได้รับการชี้แนะของครู ท�ำให้ของแข็งค่อย ๆ ท�ำให้ของแข็งค่อย ๆ หรอื ผอู้ น่ื แยกตัวและจมลงท่ีก้น แยกตัวและจมลงท่ีก้น ภาชนะ การรนิ ออกทำ� ไดโ้ ดย ภาชนะ การรนิ ออกทำ� ไดโ้ ดย การคอ่ ย ๆ รนิ ของเหลวออก การคอ่ ย ๆ รนิ ของเหลวออก จากของแขง็ การกรองทำ� จากของแข็ง การกรองท�ำ โดยเทของเหลวใหไ้ หลผา่ น โดยเทของเหลวใหไ้ หลผา่ น ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 207
ทกั ษะกระบวนการ ดี (๓) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (๑) ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (๒) ตัวกรองที่มีรูขนาดเล็กซ่ึง ตัวกรองที่มีรูขนาดเล็กซ่ึง ของแขง็ ผา่ นไมไ่ ดจ้ งึ คา้ งอยู่ ของแขง็ ผา่ นไมไ่ ดจ้ งึ คา้ งอยู่ บนตวั กรอง การตกตะกอน บนตวั กรอง การตกตะกอน การรินออกและการกรอง การรินออกและการกรอง น�ำไปใช้ประโยชน์ในชีวิต น�ำไปใช้ประโยชน์ในชีวิต ประจำ� วนั ได้ ดว้ ยตนเอง ประจำ� วนั ได้ โดยการชแี้ นะ ของครหู รอื ผอู้ น่ื 208 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
เฉลยใบงาน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 209
ชื่อ-สกลุ เดอื น ชนั้ เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒ - ๐๑ วนั ท่ ี พ.ศ. ใบงาน ๐๑ : การแยกสารของแขง็ กับของเหลวในสารเน้ือผสม บันทึกผลการทำ� กจิ กรรม ผลการสงั เกต ลกั ษณะของน�ำ้ ปูนและสถานะของสารในน้�ำปนู นำ้� ปนู มลี กั ษณะเปน็ ของเหลวสสี ม้ แดง สารทเี่ ปน็ สว่ นประกอบของนำ้� ปนู มสี ารสถานะของแขง็ แขวนลอย ในสารท่มี ีสถานะของเหลว ตาราง ๑ ลักษณะของน�้ำปูนในแก้วใบที่ ๑ ทีเ่ วลาตา่ ง ๆ เวลา (นาท)ี ลักษณะของนำ�้ ปูน ของเหลวสสี ม้ แดง ๐ ของเหลวส่วนบนเริ่มใส ส่วนล่างลงมายังขุ่นอยู่ ของแข็งสีส้มแดงที่ ๕ แขวนลอยอยูใ่ นของเหลวคอ่ ยๆ จมลงส่กู น้ ภาชนะ ของเหลวส่วนบนใสมากขึ้น ส่วนล่างเริ่มขุ่นเล็กน้อย ของแข็งสีส้มแดงที่ ๑๐ แขวนลอยอยู่ จมลงสู่กน้ ภาชนะมากขึน้ ของเหลวดา้ นบนใสมากขนึ้ ของแข็งสีส้มแดงจมท่กี ้นภาชนะมากข้ึน ๑๕ 221100 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชอ่ื -สกุล เดือน ชัน้ เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒ - ๐๑ วันท่ี พ.ศ. วิธีการแยกนำ้� ปนู หลังจากวางนำ้� ปูนไว้ ๑๕ นาที ทำ� ไดโ้ ดย รินของเหลวท่ีอยูส่ ่วนบน ลงในภาชนะอีกใบอย่างช้า ๆ ลกั ษณะของสารท่แี ยกได้ สารที่รินออกมาจากภาชนะเป็นของเหลว สีส้มจาง ๆ สารท่ีเหลือในภาชนะเป็นของแข็งสีส้มแดง ผสมกับของเหลว ตาราง ๒ ลกั ษณะของสารที่ได้จากการแยกน้�ำปูนในแก้วใบท่ี ๒ และใบที่ ๓ แกว้ ใบที่ ลักษณะของสารทไ่ี ด้จากการแยกน�้ำปนู สารท่ีอยู่บนผ้าขาวบางเป็นของแข็งสีส้มแดง ส่วนสารที่ผ่านรูของผ้าขาวบาง ๒ ลงสภู่ าชนะทีร่ องรบั เปน็ ของเหลวสสี ้ม และมีตะกอนสีส้มแดงท่ีก้นภาชนะ สารทอี่ ยบู่ นกระดาษกรองเปน็ ของแขง็ สสี ม้ แดง สว่ นสารทผี่ า่ นรขู องกระดาษ ๓ กรองลงสูภ่ าชนะท่รี องรบั เป็นของเหลวใสสสี ้มจาง ๆ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 221111
ชื่อ-สกลุ เดือน ชน้ั เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒ - ๐๑ วนั ท่ ี พ.ศ. ตาราง ๓ ผลการอภปิ รายการแยกนำ้� ปนู ในประเดน็ ต่าง ๆ ประเด็น แกว้ ใบที่ ๑ น้�ำปูน แกว้ ใบท่ี ๓ แกว้ ใบที่ ๒ การกรองด้วย วิธกี าร - การตกตะกอน การกรองด้วยผา้ ขาวบาง กระดาษกรอง - การรนิ ออก เวลาที่ใช้ ใช้เวลานานกว่าแก้ว ใช้เวลาน้อยกวา่ แกว้ ใชเ้ วลาน้อยกวา่ แกว้ ใบที่ ๑ ใบท่ี ๒ และ ๓ ใบที่ ๑ ลักษณะ การตกตะกอน- ของแข็งสีส้มแดงบน ของแข็งสีส้มแดงบน ของสารท่ไี ด้ ของเหลวใสสสี ม้ จาง ๆ ผ้าขาวบาง และได้ กระดาษกรอง และได้ อยสู่ ว่ นบนของภาชนะ ของเหลวสีส้มแดงอยู่ การรนิ ออก-ของเหลว ในภาชนะที่รองรับ ของเหลวใสสสี ม้ จาง ๆ ใสสสี ม้ จาง ๆ เหลอื ในภาชนะทีร่ องรบั ของเหลวท่ีมีของแข็ง สสั ม้ แดงอยู่ท่กี ้นแกว้ อืน่ ๆ 221122 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชอ่ื -สกุล เดือน ชนั้ เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒ - ๐๑ วนั ที่ พ.ศ. ตาราง ๔ วธิ ที ี่ใช้แยกปนู ออกจากนำ�้ ปูน ข้อดีและข้อจ�ำกัดของแตล่ ะวิธี วธิ ีการ ข้อดี ขอ้ จ�ำกัด ตกตะกอน แลว้ รินออก ใชอ้ ปุ กรณใ์ นการแยกนอ้ ยชนิ้ เวลาทใ่ี ชแ้ ยกนานสำ� หรบั การตกตะกอน การกรองดว้ ยผ้าขาวบาง เวลาทใี่ ช้แยกไม่นาน ใช้อปุ กรณ์ในการแยก หลายชนิ้ แยกไดไ้ มด่ ี การกรองดว้ ยกระดาษกรอง เวลาที่ใชแ้ ยกนาน ใช้อุปกรณ์ในการแยก หลายชิ้น แยกไดด้ ี วิธกี ารแยกสารในกจิ กรรมนน้ี ำ� ไปใช้ประโยชน์ ดังน้ี การตกตะกอนอนภุ าคท่แี ขวนลอยในนำ้� ในกระบวนการผลติ นำ้� ประปา การท�ำความสะอาดเมลด็ ขา้ วก่อนนำ� ไปหงุ โดยการรินเอาน�้ำซาวขา้ วออกจากเมล็ดข้าว การกรองนำ�้ เพอื่ นำ� มาด่มื ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 221133
ช่อื -สกุล เดือน ชัน้ เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒ - ๐๑ วนั ท ่ี พ.ศ. คำ� ถามหลังจากท�ำกจิ กรรม ๑. น�้ำปูนมลี กั ษณะเป็นสารเน้ือเดียวหรอื สารเนอื้ ผสม เพราะเหตุใด เป็นสารเนือ้ ผสมเพราะยงั คงมองเหน็ ของแขง็ สีสม้ แดงแยกตวั และแขวนลอยอยู่ในของเหลว ๒. ตงั้ แตเ่ รมิ่ เทนำ�้ ปนู ลงในแกว้ พลาสตกิ ใสใบที่ ๑ แลว้ วางไวจ้ นครบ ๑๕ นาที นำ้� ปนู มกี ารเปล่ยี นแปลงอย่างไร นำ�้ ปนู มลี กั ษณะเปน็ ของเหลวสสี ม้ แดง เมอ่ื ตงั้ ไวข้ องเหลวสว่ นบนจะคอ่ ย ๆ ใสขน้ึ ของแขง็ บางส่วนคอ่ ย ๆ ตกตะกอน จมลงจนรวมตัวเปน็ ช้นั สสี ้มแดงอย่ทู ีก่ ้นภาชนะ ๓. การแยกสารในขอ้ ๒ ใชแ้ ยกสารทมี่ ลี กั ษณะและสมบตั อิ ยา่ งไร และเรยี กวธิ ดี งั กลา่ ววา่ อะไร ใช้แยกสารเนื้อผสมท่ีเป็นของแขง็ ออกจากของเหลว โดยของแข็งทีม่ ขี นาดใหญก่ ว่ารขู อง ตัวกรองจะแยกออกจากของเหลวทมี่ ีขนาดเลก็ กวา่ รูของตัวกรอง เรียกวิธีนี้ว่า การกรอง ๔. การกรองใช้แยกสารได้อย่างไร และใชแ้ ยกสารทมี่ ลี กั ษณะและสมบัติอยา่ งไร การกรอง แยกสารได้โดยอาศัยตัวกรองที่มีรูซึ่งจะแยกสารเนื้อผสมท่ีเป็นของแข็งออกจาก ของเหลว โดยของแข็งท่มี ขี นาดใหญก่ ว่ารูของตวั กรองจะแยกออกจากของเหลวที่มีขนาดเล็ก กวา่ รูของตวั กรอง 221144 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชอื่ -สกลุ เดือน ชนั้ เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒ - ๐๑ วนั ท ่ี พ.ศ. ๕. ผลทไ่ี ดจ้ ากการแยกสารดว้ ยผา้ ขาวบางและกระดาษกรอง เหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด ไม่เหมือนกัน ของเหลวที่ผ่านผ้าขาวบางมีสีส้มขุ่นและพบตะกอนสีส้มแดงท่ีก้นภาชนะ ส่วนของเหลวที่ผ่านกระดาษกรองไม่สีส้มจาง ๆ และใส ไม่พบตะกอนท่ีก้นภาชนะ เพราะขนาดรขู องผ้าขาวบางใหญ่กวา่ ขนาดรขู องกระดาษกรอง ของแข็งที่มขี นาดเลก็ กวา่ รู ของผา้ ขาวบางจงึ ผา่ นผา้ ขาวบางไดจ้ งึ พบตะกอนสสี ม้ แดงทก่ี น้ ภาชนะ แตข่ องแขง็ ทมี่ ขี นาดเลก็ ไม่สามารถผ่านรขู องกระดาษกรองได้จงึ ไม่พบตะกอนและได้ของเหลวใส ๖. วธิ ีการแยกสารในกิจกรรมน้ี นำ� ไปใช้ประโยชนอ์ ะไรไดบ้ า้ ง ยกตวั อยา่ ง การตกตะกอนอนภุ าคท่ีแขวนลอยในนำ�้ ในกระบวนการผลิตนำ้� ประปา การทำ� ความสะอาด เมลด็ ขา้ วก่อนนำ� ไปหุงโดยการรินเอาน้�ำซาวข้าวออกจากเมลด็ ข้าว การกรองน้�ำเพือ่ นำ� มาด่มื ๗. จากกิจกรรมน้ี สรปุ ไดว้ ่าอยา่ งไร ของแข็งกบั ของเหลวในสารเนือ้ ผสมแยกออกจากกันไดโ้ ดยการตกตะกอน การรนิ ออก และการกรอง ซึ่งสามารถน�ำวิธีการแยกสารเหลา่ น้ีไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำ� วนั ได้ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 221155
ชื่อ-สกุล เดือน ชั้น เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒ - ๐๒ วันท่ ี พ.ศ. ใบงาน ๐๒ : แบบฝกึ หดั เรอื่ งการกรองและการตกตะกอน ตอบค�ำถามตอ่ ไปนใี้ หถ้ ูกตอ้ ง ๑. การกรองใชแ้ ยกสารที่มีลกั ษณะใด การกรอง ใช้แยกสารเนอ้ื ผสมท่เี ป็นของแข็งออกจากของเหลว โดยของแข็งที่มีขนาดใหญก่ วา่ รขู องตวั กรองจะแยกออกจากของเหลวท่มี ีขนาดเล็กกวา่ รูของตัวกรอง ๒. สาร A และ B มีสมบตั ิ ดงั นี้ สาร ลักษณะ การละลาย A ผงละเอยี ดสขี าว ไมล่ ะลายนำ�้ B ผงละเอยี ดสขี าว ละลายนำ้� สารเนอื้ ผสมประกอบดว้ ยสาร A และสาร B อยา่ งละ ๒๕ กรมั ผสมอยดู่ ว้ ยกนั ในนำ้� ถา้ ตอ้ งการแยกสาร A ออกจากสารเนือ้ ผสม ท�ำไดอ้ ยา่ งไร ทำ� ได้โดยน�ำสารเนอื้ ผสมไปตกตะกอนแล้วรนิ น้�ำออกกจ็ ะไดส้ าร A หรอื น�ำไปกรอง ดว้ ยกระดาษกรอง ๓. น�้ำขนุ่ จากคลอง ใช้วธิ กี ารแยกสารใดทท่ี �ำให้ได้น�้ำใส ทำ� ไดโ้ ดยนำ� นำ้� คลองมากรองโดยผา่ นชนั้ การกรองกจ็ ะทำ� ใหน้ ำ�้ คลองใสมากขน้ึ หรอื นำ� สารสม้ มาผสมในน�้ำคลอง แลว้ ปล่อยใหต้ กตะกอนแลว้ รนิ เอาแตน่ ำ�้ ใส 221166 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ค�ำช้ีแจงประกอบแผนจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เวลา ๒ ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๑.๓ การใช้แม่เหล็กดงึ ดูด ๑. ส าระส�ำคัญของแผน วธิ แี ยกสารเนอ้ื ผสมทผ่ี สมกนั ระหวา่ งสารทเ่ี ปน็ ของแขง็ ออกจากของแขง็ โดยของแขง็ ชนดิ หนงึ่ เปน็ สารแมเ่ หลก็ สามารถใชแ้ มเ่ หลก็ ในการแยกสารออกจากกนั ได้ การแยกสารสามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ ในการแกป้ ญั หาในชวี ติ ประจำ� วนั ได้ ๒. ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมในการน�ำไปใช้ (ให้ระบุสิ่งท่ีต้องการเน้นหรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ ค�ำแนะน�ำ) ในเรือ่ งตอ่ ไปนี้ คือ ๒ .๑ ขอบขา่ ยเนื้อหา การแยกสารเนื้อผสมทผ่ี สมกนั ระหวา่ งสารที่มสี ถานะของแข็งอย่างน้อย ๒ ชนดิ ผสมกัน โดยของแขง็ ชนดิ หนง่ึ เปน็ สารแมเ่ หลก็ สามารถใชว้ ธิ กี ารใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู ในการแยกสารออกจากกนั ได้ การแยกสารวธิ ีนสี้ ามารถนำ� ไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจ�ำวันได้ ๒.๒ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ค่านิยม) (ถา้ ม)ี จดุ ประสงคด์ า้ นความรู้ ๑. อธิบายวธิ กี ารแยกสารเนอ้ื ผสมทม่ี สี ารแม่เหลก็ ปน ๒. อภปิ รายและยกตวั อยา่ งการแยกสารเนอื้ ผสมทม่ี สี ารแมเ่ หลก็ ปนในชวี ติ ประจำ� วนั ในชวี ติ ประจ�ำวัน จดุ ประสงคด์ ้านทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๑. การสงั เกต ๒. ก ารลงความเหน็ จากข้อมลู ๓. ก ารตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ จุดประสงคด์ า้ นคณุ ธรรม ๑. ม่งุ ม่ันในการทำ� งาน ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๒.๓ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑) การเตรียมตัวของครู นักเรียน (การจดั กลมุ่ ) (ถ้ามี) ๑.๑) การจัดกลุม่ โดยแบง่ นักเรยี นออกเปน็ กลุ่ม กล่มุ ละ ๔-๕ คน ๑.๒) ครูควรเตรยี มแทง่ แมเ่ หล็กและตรวจสอบว่าแมเ่ หลก็ สามารถดงึ ดดู ผงเหล็กไดห้ รอื ไม่ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 217
๒) การเตรียมสื่อ วัสดุอปุ กรณ์ ของครู นักเรียน (ถ้าม)ี สง่ิ ทคี่ รูตอ้ งเตรียม คือ ๑. เมลด็ ข้าวเปลือกทม่ี ผี งเหล็กปน ๑ กำ� มอื /กลมุ่ ๒. ผา้ ขาวบาง ๑ ผนื เลก็ /กลมุ่ ๓. แทง่ แม่เหล็ก ๑ อนั /กลุ่ม ๔. จาน ๑ จาน/กลุ่ม ๕. ตะแกรง ๑ อัน/กลุม่ สงิ่ ท่นี ักเรยี นต้องเตรยี ม คือ - ๓) เตรียมใบงาน ใบความรู้ ใบกิจกรรม (ถา้ ม)ี ๓.๑ ใบงาน ๐๑ การแยกสารแม่เหลก็ ออกจากสารเน้อื ผสม ๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เรือ่ งการใชแ้ มเ่ หล็กดึงดดู ๓.๓ ใบความรู้เรอ่ื งการแยกสารแมเ่ หล็กออกจากสารเนือ้ ผสม ๒.๔ วัดผลประเมินผล (ถ้ามี) ๑) วิธีการวัดผลประเมินผลการเรยี นรู้ ๑.๑ การตอบค�ำถามในใบงาน ๑.๒ สังเกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการท�ำกจิ กรรม ๑.๓ สงั เกตพฤติกรรมดา้ นคุณธรรมขณะท�ำกิจกรรม ๒) วิธกี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์ ๒.๑ เคร่ืองมอื และเกณฑใ์ นการประเมนิ ด้านความรู้ ตรวจให้คะแนนจากการตอบคำ� ถามในใบงาน แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการให้คะแนนดงั นี้ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เครื่องมอื และเกณฑ์ในการประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สังเกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมินทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ (ดงั แนบ) นำ� คะแนนมารวมกนั แลว้ ใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดังนี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน 218 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
๒.๓ เครื่องมือและเกณฑ์ในการประเมินด้านคุณธรรม สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม (ดงั แนบ) นำ� คะแนน มารวมกนั แลว้ ใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดงั นี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) การทดสอบกอ่ นเรียน หลงั เรยี น แบบฝกึ หัดกอ่ นเรียน หลงั เรยี น ทำ� แบบฝึกหัดในใบงานหลังเรยี น ๓. อน่ื ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 219
220 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แนวการจัดกจิ กรรมการเรียนร้ขู องแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑.๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร เรอ่ื งการใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู เวลา ๒ ชัว่ โมง ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร ์ ขั้นน�ำ แนวการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั สอน ขั้นสรปุ • ตอบคำ� ถามเพอ่ื ทบทวนความรเู้ กย่ี วกบั แมเ่ หลก็ และตรวจสอบความรเู้ ดมิ เกย่ี วกบั การแยกสาร ขั้นประเมินผล แมเ่ หลก็ ออกจากสารอื่นในสารเนอ้ื ผสม • ท�ำกจิ กรรมท่ี ๑ การแยกสารแมเ่ หล็กออกจากสารเนอ้ื ผสมได้อย่างไร • ท�ำใบงาน ๐๑ การแยกสารแมเ่ หลก็ ออกจากสารเนอื้ ผสม • อภปิ รายหาวธิ กี ารตา่ ง ๆ ในการแยกผงแม่เหลก็ ออกจากเมลด็ ข้าวเปลอื ก • อ่านใบความรเู้ รอ่ื งการแยกสารแมเ่ หล็กออกจากสารเนื้อผสม • วเิ คราะห์ขอ้ ดีและข้อจ�ำกัดของแตล่ ะวธิ ี • อภิปรายเพ่ือยกตวั อยา่ งการน�ำวธิ กี ารแยกสารจากกิจกรรมนไ้ี ปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจำ� วนั • สรุปวธิ ีการแยกสารเนื้อผสมทม่ี ีสารแม่เหลก็ ปนและการน�ำไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจ�ำวัน • ท�ำใบงาน ๐๒ แบบฝึกหดั เรอ่ื งการใช้แมเ่ หลก็ ดงึ ดูด • ประเมินจากการตอบคำ� ถาม • ประเมนิ จากการทำ� กิจกรรมในชั้นเรยี น • ประเมินจากการท�ำแบบฝึกหดั
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 221 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑.๓ การใชแ้ ม่เหล็กดงึ ดดู หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๒ ชว่ั โมง ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ขอบเขตเนื้อหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ (๒ ชั่วโมง) สอ่ื / แหล่งเรียนรู้ การแยกสารเนื้อผสมที่ผสมกัน ชว่ั โมงท่ี ๑ ระหวา่ งสารทม่ี สี ถานะของแขง็ อยา่ ง ข้นั นำ� (๕ นาที) ๑. เมลด็ ขา้ วเปลอื กทมี่ ผี งเหลก็ ปน น้อย ๒ ชนิด ผสมกันโดยของแข็ง ๑. ครทู บทวนความรเู้ กยี่ วกบั แมเ่ หลก็ และตรวจสอบความรเู้ ดมิ เกยี่ วกบั การแยกสาร ชนิดหน่ึงเป็นสารแม่เหล็ก สามารถ แมเ่ หล็กออกจากสารอ่ืนในสารเนอื้ ผสมโดยใช้ค�ำถามดังน้ี ๒. ผา้ ขาวบาง ใชว้ ธิ กี ารใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู ในการแยกสาร ๑.๑ แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู อะไรไดบ้ า้ ง (แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู เหลก็ แมเ่ หลก็ และสารแมเ่ หลก็ อน่ื ๆ ) ๓. แทง่ แมเ่ หลก็ ออกจากกันได้ การแยกสารวิธีน้ี ๑.๒ ถ้าจะน�ำแม่เหล็กมาใช้แยกสารเน้ือผสม สารเนื้อผสมน้ันควรมีลักษณะ ๔. จาน ๕. ตะแกรง สามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ในชีวิต อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบไดต้ ามความเขา้ ใจของตนเอง เชน่ สารเนอื้ ผสมนนั้ ภาระงาน / ช้นิ งาน ประจ�ำวนั ได้ ควรมีสารแมเ่ หลก็ หรือเหลก็ เปน็ ส่วนประกอบ) ๑. การบนั ทกึ ผลการท�ำกจิ กรรม ขั้นสอน (๕๐ นาที) จดุ ประสงค์ดา้ นความรู้ ๒. ครูชักชวนนักเรียนท�ำกิจกรรมท่ี ๑ แยกสารแม่เหล็กออกจากสารเน้ือผสมได้ ในใบกิจกรรม ๑. อธิบายวธิ ีการแยกสารเน้ือผสม อย่างไร หน้า ๗๓ โดยให้นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรมและจุดประสงค์ ข้อ ๑ ๒. การตอบค�ำถามในชนั้ เรยี น ท่ีมสี ารแม่เหล็กปน จากน้ันตรวจสอบความเข้าใจในจุดประสงค์ โดยใชค้ �ำถามดังน้ี ๒. อภปิ รายและยกตวั อยา่ งการแยก ๒.๑ กจิ กรรมนนี้ กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเรอ่ื งอะไร (วธิ กี ารแยกสารเนอื้ ผสมทปี่ ระกอบดว้ ย สารเนือ้ ผสมทีม่ สี ารแมเ่ หลก็ ปน ของแขง็ ผสมกับของเหลว) ในชีวติ ประจำ� วัน ๒.๒ นักเรยี นจะได้เรยี นรูเ้ รอื่ งนดี้ ้วยวิธีใด (การสังเกต) ๒.๓ เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (อธิบายวิธีการแยกสารเนื้อผสมท่ีมี แมเ่ หลก็ ปน)
222 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑.๓ การใช้แม่เหลก็ ดงึ ดดู หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเน้ือผสม เวลา ๒ ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ จุดประสงค์ด้านทักษะกระบวนการ ๓. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรใู้ นช่วั โมงน้อี ีกครงั้ วิธีการประเมิน ทางวิทยาศาสตร์ ๔. นกั เรยี นอา่ นวธิ ที ำ� ขอ้ ๑-๕ ในใบกจิ กรรมที่ ๑ หนา้ ๗๓ โดยฝกึ อา่ นตามความเหมาะสม ๑. การตอบคำ� ถามในแบบฝกึ หดั ๑. การสังเกต จากนัน้ รว่ มกนั อภิปรายเพือ่ สรปุ ขั้นตอนการท�ำกจิ กรรม โดยใช้คำ� ถามตอ่ ไปนี้ ๒. สังเกตทักษะกระบวนการ ๒. การลงความเหน็ จากข้อมูล ๔.๑ ในขั้นแรก นกั เรยี นต้องสังเกตอะไร (สงั เกตสารเน้ือผสม) ทางวิทยาศาสตร์ในการ ๓. การตีความหมายขอ้ มลู และ ๔.๒ หลงั จากสังเกตแล้ว นักเรียนต้องอยา่ งไรต่อไป (ร่วมกันอภปิ รายหาวธิ ี ทำ� กจิ กรรม ลงข้อสรปุ แยกผงเหล็กออกจากเมล็ดขา้ วเปลือกโดยใชอ้ ปุ กรณ์ทีก่ �ำหนดให้) ๓. สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม ๔.๓ อปุ กรณท์ ก่ี ำ� หนดใหม้ อี ะไรบา้ ง (ผา้ ขาวบาง แทง่ แมเ่ หลก็ จาน ตะแกรง) ขณะทำ� กจิ กรรม จดุ ประสงค์ดา้ นคณุ ธรรม ๔.๔ หลงั จากนกั เรยี นไดว้ ธิ แี ยกสารแลว้ นกั เรยี นตอ้ งทำ� อยา่ งไรตอ่ ไป (แยกสาร ๑. มุ่งมนั่ ในการท�ำงาน ตามวิธีทเ่ี ลือก) ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๔.๕ หลงั จากน้นั นักเรียนอา่ นใบความรูเ้ รอื่ งอะไร (เรอื่ งการแยกสารแมเ่ หล็ก ออกจากสารเน้อื ผสม) ๕. เมือ่ นกั เรียนเข้าใจวิธกี ารทำ� กจิ กรรมแลว้ ให้นักเรียนรับอปุ กรณ์และเรม่ิ ปฏิบตั ิ ตามขั้นตอนการทำ� กิจกรรม ๕.๑ นักเรยี นสังเกตลกั ษณะของสารเนอื้ ผสมท่ปี ระกอบดว้ ยเมล็ดข้าวเปลอื ก และผงเหล็ก แล้วบันทึกในใบงาน ๐๑ การแยกสารแม่เหล็กออกจาก สารเน้ือผสม (ผลการสงั เกต) หนา้ ๗๔ ๕.๒ นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายวธิ ตี า่ ง ๆ ในการแยกผงเหลก็ ออกจากเมลด็ ขา้ วเปลอื ก บันทกึ ผลการอภปิ รายลงในหนา้ ๗๔ ๕.๓ นกั เรยี นลงมอื แยกผงเหลก็ ออกจากเมลด็ ขา้ วเปลอื กตามวธิ ที เ่ี ลอื ก สงั เกต และบนั ทึกผลลงในตาราง ๑ หนา้ ๗๔
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 223 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๓ การใชแ้ มเ่ หล็กดงึ ดูด หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๒ ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ๖. ครูอาจสมุ่ นักเรยี นน�ำเสนอ จากนน้ั ร่วมกันอภปิ รายผลการทำ� กิจกรรม โดยใช้ เกณฑ์การประเมนิ คำ� ถามดังต่อไปน้ี ๑. การตอบค�ำถามในแบบฝกึ หดั ๖.๑ จากอปุ กรณท์ ใ่ี ห้ นกั เรยี นใชว้ ธิ กี ารใดแยกสารเนอ้ื ผสมทเี่ ปน็ เมลด็ ขา้ วเปลอื ก ไดถ้ กู ต้องด้วยตนเอง และผงเหล็ก (เช่น ใช้แท่งแม่เหล็ก ใช้ผ้าขาวบางร่อน ใช้ตะแกรงร่อน) - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ๖.๒ แท่งแม่เหล็กใช้แยกผงเหล็กออกจากเมล็ดข้าวเปลือกได้หรือไม่ - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน อยา่ งไร และเรยี กชอ่ื วธิ กี ารแยกสารนวี้ า่ อะไร (แยกผงเหลก็ ออกจากเมลด็ - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ขา้ วเปลอื กได้ เมอื่ นำ� แทง่ แมเ่ หลก็ มาคนในสารเนอ้ื ผสม แมเ่ หลก็ จะดงึ ดดู ๒. มีทักษะกระบวนการทาง ผงเหล็กข้ึนมา ส่วนเมล็ดข้าวเปลือกไม่ดึงดูดกับแม่เหล็ก จึงแยก วทิ ยาศาสตรข์ ณะทำ� กจิ กรรม ผงเหล็กออกจากเมล็ดข้าวเปลือกได้) (การเรียกชื่อให้นักเรียนตอบ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ตามความเข้าใจโดยครูยงั ไม่เฉลยค�ำตอบ) - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ๖.๓ เมอื่ ใชผ้ า้ ขาวบาง แยกผงเหลก็ ออกจากเมลด็ ขา้ วเปลอื กไดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน และเรียกชื่อวิธีการแยกสารน้ีว่าอะไร (สามารถใช้ผ้าขาวบางร่อน ๓. มีคุณลกั ษณะดา้ นคณุ ธรรม แยกผงเหล็กบางส่วนออกจากเมล็ดข้าวเปลือกได้ แต่จะมีผงเหล็กติดอยู่ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน บนผา้ ขาวบางเนอ่ื งจากผงเหลก็ ทต่ี ดิ อยนู่ นั้ มขี นาดใหญก่ วา่ รขู องผา้ ขาวบาง - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน จึงลอดผ่านรูของผ้าขาวบางไม่ได้ เรียกวิธีการแยกสารนี้ว่า การร่อน) - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๖.๔ เมื่อใช้ตะแกรง แยกผงเหล็กออกจากเมล็ดข้าวเปลือกไดห้ รอื ไม่ อย่างไร และเรยี กชอ่ื วธิ กี ารแยกสารนวี้ า่ อะไร (สามารถใชต้ ะแกรงแยกผงเหลก็ ออก จากเมล็ดข้าวเปลือกได้ แต่จะมีผงขนาดเล็กของสารอ่ืนท่ีไม่ใช่ผงเหล็ก ปนมาดว้ ย เรยี กวิธีการแยกสารน้ีวา่ การร่อน)
224 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑.๓ การใช้แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนือ้ ผสม เวลา ๒ ชว่ั โมง ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ๗. ครชู กั ชวนนกั เรยี นไปหาคำ� ตอบเกย่ี วกบั วธิ กี ารแยกสารทใี่ ชแ้ ทง่ แมเ่ หลก็ โดยให้ นกั เรยี นใบความรเู้ รอื่ งการแยกสารแมเ่ หลก็ ออกจากสารเนอื้ ผสม หนา้ ๗๕ โดยใช้ วธิ กี ารฝกึ การอา่ นทเี่ หมาะสม จากนนั้ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายความรทู้ ไ่ี ด้ โดยครใู ช้คำ� ถามดงั ตอ่ ไปนี้ ๗.๑ ถา้ สารเนอ้ื ผสมมแี มเ่ หลก็ ผสมอยู่ แลว้ ใชแ้ ทง่ แมเ่ หลก็ มาดงึ ดดู สาร เรยี กชอื่ วธิ กี ารนวี้ า่ อะไร เพราะเหตใุ ดจงึ ใชแ้ ทง่ แมเ่ หลก็ ได้ (การใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู เพราะแมเ่ หล็กสามารถดดู สารแมเ่ หลก็ ได)้ ๗.๒ ยงั มวี ธิ กี ารใดทส่ี ามารถแยกสารแมเ่ หลก็ ออกจากสารเนอ้ื ผสมไดอ้ กี เพราะเหตใุ ด (การหยบิ ออก การรอ่ น เพราะเป็นการแยกของแขง็ ออกจากของแข็ง) ๗.๓ ในการแยกสารทเ่ี ปน็ ของแขง็ ออกจากแมเ่ หลก็ (ของแขง็ ) ควรพจิ ารณาใน เรอื่ งอะไรได้บา้ ง (ขนาด สี รูปรา่ ง และการเปน็ สารแมเ่ หลก็ ) ข้ันสรปุ (๕ นาท)ี ๘. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคิดหรือส่ิงท่ีได้เรียนรู้ในช่ัวโมงน้ีด้วยตนเอง เก่ียวกับวิธีการแยกสารเนื้อผสมที่มีผงเหล็กปนอยู่ด้วยการใช้แม่เหล็กดึงดูด การรอ่ นดว้ ยผา้ ขาวบางหรอื ตะแกรง และลกั ษณะของสารทแี่ ยกได้ (ขน้ึ อยวู่ ธิ กี าร ที่นักเรยี นไดท้ �ำ) ๙. ครชู วนนกั เรยี นสรปุ สงิ่ ทไี่ ดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกบั วธิ กี ารแยกสารเนอื้ ผสมทมี่ สี ารแมเ่ หลก็ ปน โดยอาจใชก้ ราฟฟกิ ดังตวั อยา่ ง เชน่
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 225 แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑.๓ การใช้แม่เหลก็ ดึงดดู หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หนว่ ยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๒ ช่วั โมง ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ตวั อย่างวิธกี ารแยกสารเนื้อผสมที่มีสารแมเ่ หล็กปน การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด ใช้ผา้ ขาวบาง ใช้ตะแกรง แยกสารแมเ่ หล็ก แยกสารแมเ่ หลก็ ได้ แยแกยสกสาารรแแมมเ่่เหหลลก็ก็ ไไดดม้ ม้ าากก ออกมาไดม้ าก บางส่วน เพราะบางส่วน จแะตไจ่ ดะ้สไดา้สราอรื่นอทื่นท่รี อ่รี อดดผผ่าา่ นน ไม่สามารถรอดผ่านรูของ ตะตแะแกกรรงงปปนนมมาาดด้ว้วยย ผา้ ขาวบางได้ ชัว่ โมงที่ ๒ ขน้ั นำ� (๕ นาที) ๑๐. ครทู บทวนความร้ทู ไ่ี ด้เรยี นไปแล้ว โดยใช้ค�ำถาม ดังน้ี ๑๐.๑ สารเนื้อผสมในกิจกรรมที่ผ่านมามีอะไรผสมอยู่บ้าง (มีผงเหล็กและ เมลด็ ข้าวเปลือก) ๑๐.๒ อปุ กรณ์ทีใ่ ช้แยกสารเนื้อผสมมอี ะไรบา้ ง (มผี า้ ขาวบาง แท่งแมเ่ หล็ก ตะแกรง จาน) ๑๐.๓ จากอุปกรณ์ที่ให้สามารถน�ำมาใช้แยกสารได้โดยวิธีใดบ้าง และได้ผล เปน็ อยา่ งไร (ครอู าจขนึ้ กราฟฟกิ ทคี่ รใู ชส้ รปุ ในชว่ั โมงทแี่ ลว้ ดงั ตวั อยา่ ง เชน่ )
226 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๑.๓ การใช้แม่เหล็กดึงดดู หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๒ ชว่ั โมง ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างวธิ กี ารแยกสารเนอื้ ผสมที่มีสารแมเ่ หล็กปน การรอ่ น การใชแ้ ม่เหลก็ ดงึ ดดู ใช้ผ้าขาวบาง ใช้ตะแกรง แยกสารแมเ่ หลก็ แยกสารแมเ่ หลก็ ได้ แยแยกกสสาารรแแมม่เเ่ หหลลก็ ก็ ไไดดม้ ้มากาก ออกมาไดม้ าก บางส่วน เพราะบางสว่ น จแะตไ่จดะ้สไดาส้ราอรืน่อนื่ททีร่ ี่รออดดผผ่าน ไม่สามารถรอดผา่ นรขู อง ตตะแะแกกรรงงปนมมาาดดว้ ้วยย ผ้าขาวบางได้ ขนั้ สอน (๔๕ นาท)ี ๑๑. ครูชกั ชวนนักเรยี นอา่ นชอ่ื กจิ กรรมและจดุ ประสงคข์ ้อ ๒ หนา้ ๗๓ จากนนั้ ตรวจสอบความเข้าใจในจุดประสงค์ โดยใช้ค�ำถามดังน้ี ๑๑.๑ กจิ กรรมน้นี กั เรียนจะไดเ้ รยี นเรือ่ งอะไร (การแยกสารเนื้อผสมที่มสี าร แมเ่ หล็กปนในชีวติ ประจ�ำวนั ) ๑๑.๒ นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรู้เรื่องนี้ด้วยวธิ ีใด (การอภิปราย) ๑๑.๓ เมอ่ื เรยี นแล้วนกั เรียนจะท�ำอะไรได้ (ยกตัวอยา่ งการแยกสารเนื้อผสม ท่มี ีสารแมเ่ หล็กปนในชีวติ ประจ�ำวนั ได้) ๑๒. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรใู้ นชั่วโมงนีใ้ หท้ ราบอีกคร้ังหน่งึ
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 227 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๑.๓ การใช้แม่เหล็กดึงดูด หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเนอื้ ผสม เวลา ๒ ช่วั โมง ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๑๓. นักเรียนอ่านวิธีท�ำข้อ ๖-๗ ในใบกิจกรรมที่ ๑ หน้า ๗๓ โดยฝึกอ่าน ตามความเหมาะสม จากน้ันร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปข้ันตอนการท�ำกิจกรรม โดยใช้ค�ำถามต่อไปนี้ นักเรียนต้องอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง (ข้อดีและ ขอ้ จำ� กดั ของแตล่ ะวิธี และการน�ำวิธกี ารแยกสารเนอ้ื ผสมที่มสี ารแมเ่ หลก็ ปน ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจ�ำวัน) ๑๔. นักเรียนร่วมกันอภิปรายวิเคราะห์ข้อดีและข้อจ�ำกัดของแต่ละวิธี (ตามที่ นักเรยี นได้ทำ� ในช้ันเรยี น เช่น การใช้แม่เหลก็ ดงึ ดูด การรอ่ นดว้ ยผ้าขาวบาง หรอื ตะแกรง และบนั ทึกผลลงในตาราง ๒ หนา้ ๗๖ และน�ำเสนอ ๑๕. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายเกีย่ วกับข้อดีและข้อจ�ำกดั โดยใช้คำ� ถามต่อไปนี้ ๑๕.๑ ถา้ ต้องการแยกผงเหลก็ ให้ไดป้ รมิ าณมากในเวลารวดเร็วควรแยกโดย วธิ กี ารใด (ควรแยกโดยการรอ่ นโดยใชต้ ะแกรง) ๑๕.๒ ถา้ ต้องการแยกผงเหลก็ ใหม้ สี ารอ่ืนปนมากบั ผงเหลก็ น้อยทสี่ ุดควรใช้ วิธีการใด (การใช้แม่เหลก็ ดงึ ดดู ) ๑๖. นักเรียนอภิปรายเพ่ือยกตัวอย่างการน�ำวิธีการแยกสารจากกิจกรรมน้ีไปใช้ ในชีวิตประจ�ำวัน และบนั ทึกผลในใบงาน ๐๑ หน้า ๗๖ จากนน้ั ครชู วนนกั เรียน อภปิ รายและยกตวั อยา่ ง เชน่ - ใช้แม่เหล็กทดสอบว่าในผงปรุงรสของบะหม่ีก่ึงส�ำเร็จรูป มีผงเหล็กปนอยู่ หรอื ไม่ - ใช้แม่เหล็กมาทดสอบซเี รยี ลว่ามผี งเหลก็ ปนอยูห่ รือไม่ - การแยกเศษเหล็กออกจากเศษขยะประเภทอนื่
228 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๓ การใชแ้ มเ่ หลก็ ดึงดดู หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๒ ชว่ั โมง ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๑๗. นกั เรยี นตอบค�ำถามหลังจากท�ำกิจกรรมหน้า ๗๗ พรอ้ มเฉลยคำ� ตอบ ๑๘. นกั เรยี นท�ำใบงาน ๐๒ แบบฝึกหดั เรอ่ื งการใชแ้ ม่เหลก็ ดึงดูด หนา้ ๗๘–๗๙ พร้อมเฉลยค�ำตอบ ขั้นสรปุ (๑๐ นาท)ี ๑๙. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ใหไ้ ดว้ า่ การแยกสารเนอ้ื ผสมซง่ึ สถานะของแขง็ อยา่ งนอ้ ย ๒ ชนดิ ผสมกนั โดยของแขง็ ชนดิ หนงึ่ เปน็ สารแมเ่ หลก็ สามารถใชว้ ธิ กี ารใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู การรอ่ น ในการแยกสารออกจากกนั ได้ การแยกสารโดยใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู สามารถน�ำไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจ�ำวนั ได้ เช่น การแยกเศษเหลก็ ออกจาก ขยะ การใช้แม่เหล็กทดสอบผงเหล็กในผงปรุงรสบะหม่ีก่ึงส�ำเร็จรูป หรือท�ำใน รปู แบบผังมโนทัศน์ ดังตัวอยา่ ง เชน่ การแยกสารเนอ้ื ผสม เมอื่ มีสารแมเ่ หลก็ ของแขง็ ผสมกับของแข็ง ของแข็งผสมกบั ของเหลว ผสมกับ ถา้ ใชว้ ิธี ของแขง็ ของเหลว ขนาดอาจพอกนั ขนาดแตกตา่ งกันมาก มวลแตกตา่ งกันมาก แตส่ หี รือรปู ร่างต่างกนั ใชว้ ธิ ี ใช้วิธี ใช้วธิ ี ใช้วิธี ใชว้ ิธี ดึงดดู ด้วยแม่เหล็ก ใช้วิธี หยบิ ออก ร่อน ฝดั ตกตะกอน กรอง โดย โดย ตั้งให้ของแขง็ ตกตะกอน รินผ่านตัวกรองที่มีรู รนิ แยก แยก ของเหลวออกจากของแข็ง ของแข็งไว้บนตวั กรอง ใชว้ ธิ ี
แบบประเมินดา้ นคณุ ธรรม แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๑.๓ การใช้แมเ่ หลก็ ดึงดูด ช่ือผปู้ ระเมิน/กล่มุ ประเมิน ................................................................................................................. ชื่อกลมุ่ รับการประเมนิ ....................................................................................................................... ประเมนิ ผลครัง้ ที่.................... วนั ท.ี่ ....................... เดือน................................. พ.ศ.......................... เรอื่ ง .................................................................................................................................................... ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ ระดับพฤติกรรม คะแนนทไ่ี ด้ เกิด = ๑ ไม่เกิด = ๐ ๑. มุง่ มั่นในการทำ� งาน ๒. ใฝ่เรียนรู้ รวมคะแนนทไี่ ด้ทงั้ หมด = …………… คะแนน คุณลักษณะตามจุดประสงค์ดา้ นคณุ ธรรม - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 229
แบบประเมินด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการท�ำกิจกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑.๓ การใชแ้ ม่เหลก็ ดึงดดู เกณฑ์การประเมิน มีดงั นี้ ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรุง สงิ่ ท่ปี ระเมิน คะแนน การสงั เกต การลงความเห็นจากข้อมูล การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป รวมคะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ ดี (๓) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (๑) ทางวทิ ยาศาสตร์ พอใช้ (๒) การสังเกต สามารถบอกลักษณะของ สามารถบอกลักษณะของ ส า ม า ร ถ บ อ ก ลั ก ษ ณ ะ สารท่ีแยกได้ในแต่ละวิธี สารที่แยกได้ในแต่ละวิธี ของสารท่ีแยกได้ในแต่ละ ได้ถูกต้อง ด้วยตนเอง ได้ถูกต้อง โ ด ย อ า ศั ย วิ ธี ไ ด ้ ถู ก ต ้ อ ง บ า ง ส ่ ว น ค�ำแนะนำ� ของครหู รือผอู้ ่ืน แ ม ้ จ ะ ไ ด ้ รั บ ก า ร ช้ี แ น ะ จากครหู รือผู้อ่นื 230 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
เกณฑก์ ารประเมิน (ต่อ) ทกั ษะกระบวนการ ดี (๓) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (๑) ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (๒) การลงความเห็น สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก จากขอ้ มูล ข้อมูลได้อย่างถูกต้องด้วย ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง โดย ข้อมูลได้ถูกต้องบางส่วน ตนเองวา่ สารเนอื้ ผสมทเี่ ปน็ การชแ้ี นะของครหู รอื ผอู้ น่ื วา่ แมจ้ ะไดร้ บั การชแ้ี นะจากครู ของแขง็ ซงึ่ มสี ารแมเ่ หลก็ ปน สารเนอื้ ผสมทเี่ ปน็ ของแขง็ ซง่ึ หรอื ผอู้ น่ื อยสู่ ามารถแยกไดห้ ลายวธิ ี มสี ารแมเ่ หลก็ ปนอยสู่ ามารถ แยกไดห้ ลายวธิ ี การตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตคี วามหมายขอ้ มลู สามารถตคี วามหมายขอ้ มลู ขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ ข้อมูลจากการแยกสาร จากการแยกสารและลงข้อ จากการแยกสารและลง และลงข้อสรุปได้ว่า การ สรุปได้ว่า การใช้แม่เหล็ก ขอ้ สรปุ ไดบ้ างสว่ น แมจ้ ะได้ ใช้แม่เหล็กดึงดูดใช้แยก ดึงดูดใช้แยกของแขง็ ทเ่ี ปน็ รบั การชแ้ี นะจากครหู รอื ผอู้ นื่ ของแขง็ ทเ่ี ปน็ สารแมเ่ หลก็ สารแม่เหล็กออกจากสาร ออกจากสารอ่ืน ๆ ใน อนื่ ๆ ในสารเนอ้ื ผสมได้ โดย สารเน้ือผสม ด้วยตนเอง การชี้แนะของครูหรือผู้อื่น ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 231
เฉลยใบงาน 232 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ช่ือ-สกลุ เดอื น ชัน้ เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๑ วนั ท่ี พ.ศ. ใบงาน ๐๑ : การแยกสารแม่เหลก็ ออกจากสารเนือ้ ผสม บนั ทึกผลการท�ำกจิ กรรม ผลการสงั เกต ลกั ษณะของเมลด็ ข้าวเปลือกผสมผงเหลก็ เมลด็ ข้าวเปลือกเปน็ ของแขง็ สเี หลอื ง รปู ร่างเรยี วยาว ผงเหลก็ เป็นผงสีเทาดำ� ผลการอภปิ ราย ตาราง ๑ วธิ กี ารแยกสารทเี่ ลอื กเพอ่ื แยกผงเหลก็ ออกจากเมลด็ ขา้ วเปลอื ก เหตผุ ลทเี่ ลอื ก และผลการแยกสาร วธิ กี ารแยก เหตผุ ล ผลการแยกสาร การใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู น่าจะแยกผงเหล็กออกจาก ไดผ้ งเหลก็ และเมลด็ เมล็ดข้าวเปลือกได้เนื่องจาก ขา้ วเปลอื กแยกออกจากกนั สารเน้ือผสมมีผงเหล็กซ่ึง แม่เหล็กสามารถดึงดูดได้ สว่ นเมลด็ ขา้ วเปลอื กแมเ่ หลก็ ไม่สามารถดงึ ดูดได้ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 223333
ชื่อ-สกลุ เดอื น ชนั้ เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๑ วันท่ ี พ.ศ. ผลการวเิ คราะห์ ตาราง ๒ วธิ ที ใ่ี ชแ้ ยกผงเหลก็ ออกจากเมลด็ ขา้ วเปลอื ก ขอ้ ดแี ละขอ้ จำ� กดั ของแตล่ ะวธิ ี วธิ กี าร ขอ้ ดี ขอ้ จำ� กัด การใชแ้ ม่เหล็กดึงดูด ผงเหลก็ ทแ่ี ยกไดไ้ มม่ ขี องแขง็ ใชเ้ วลาการแยกนาน ชนดิ อ่ืนปน การร่อนโดยใชต้ ะแกรง ใช้เวลาในการแยกไม่นาน ได้ผงเหล็กปริมาณมากแต่มี ของแข็งอื่นท่ีผ่านรูตะแกรง การร่อนโดยใช้ผ้าขาว ใชเ้ วลาในการแยกไมน่ าน ไดผ้ งเหลก็ บางสว่ นทรี่ อดผา่ น รูของผ้าขาวบางได้ และอีก สว่ นทอี่ ยปู่ นกบั ของแขง็ ชนดิ อืน่ ติดอยู่บนผ้าขาวบาง วิธีการแยกสารจากกิจกรรมนีส้ ามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจำ� วนั ไดด้ งั น้ี การแยกเศษเหล็กออกจากเศษขยะอ่ืน ๆ การทดสอบอาหารทมี่ ีผงเหล็กปนอยู่ 223344 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชือ่ -สกลุ เดอื น ชั้น เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๑ วันที่ พ.ศ. ค�ำถามหลงั จากท�ำกิจกรรม ๑. เมล็ดข้าวเปลอื กและผงเหลก็ มีลักษณะและสมบัติอย่างไร เมล็ดขา้ วเปลือกเป็นของแขง็ สเี หลอื ง รูปรา่ งเรยี วยาว ผงเหล็กเปน็ ผงสีเทาด�ำ ๒. การแยกผงเหลก็ ออกจากเมลด็ ขา้ วเปลอื กทำ� ไดอ้ ยา่ งไร และเรยี กวธิ กี ารแยกสารนน้ั ว่าอะไร ทำ� ไดโ้ ดยใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู ผงเหลก็ ออกจากเมลด็ ขา้ วเปลอื ก เรยี กวธิ กี ารนว้ี า่ การใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู หรือใช้ตะแกรงหรือผา้ ขาวบางร่อนผงเหลก็ ออกจากเมล็ดข้าวเปลอื กเรยี กวธิ ีการนี้วา่ การรอ่ น ๓. การแยกสารเนื้อผสมท่ีมีสารแมเ่ หลก็ ปะปน ควรใชว้ ธิ กี ารใดจงึ จะเหมาะสมที่สุด เพราะเหตุใด ควรใชว้ ธิ กี ารใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู เพราะแยกไดเ้ ฉพาะสารแมเ่ หลก็ เชน่ ผงเหลก็ ออกจากสารอน่ื ๆ แตถ่ ้าใชก้ ารร่อนจะมีของแข็งขนาดใกลเ้ คยี งกบั ผงเหล็กปนด้วย ๔. วิธกี ารแยกสารในกิจกรรมน้ี นำ� ไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจ�ำวนั ไดอ้ ยา่ งไร น�ำมาใช้แยกเศษเหล็กออกจากเศษขยะชนดิ อ่ืน ๆ ๕. จากกจิ กรรมนี้ สรุปได้วา่ อย่างไร เราสามารถใชแ้ ม่เหล็กดงึ ดดู ของแข็งทเ่ี ปน็ สารแม่เหล็กออกจากสารอน่ื ๆ ในสารเนื้อผสม เรียกวธิ ีการนวี้ ่า การใชแ้ มเ่ หลก็ ดึงดดู ซงึ่ น�ำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั ได้ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 223355
ชอื่ -สกลุ เดือน ชน้ั เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๒ วันที่ พ.ศ. ใบงาน ๐๒ : แบบฝกึ หดั เร่ืองการใช้แม่เหลก็ ดงึ ดูด ตอบคำ� ถามตอ่ ไปน้ีให้ถกู ต้อง ๑. เขยี นผังมโนทศั น์วิธีการแยกสารโดยการใชแ้ ม่เหลก็ ดึงดดู ได้อยา่ งไร การแยกสารเน้อื ผสม ท่เี ปน็ ของแขง็ ทีเ่ ปน็ สารแม่เหลก็ ปนกบั ของแข็งชนดิ อ่ืน ใช้ แม่เหลก็ ดึงดูด ตวั อยา่ งเชน่ การใชแ้ ม่เหลก็ ดึงดูดสารแม่เหลก็ ในอาหาร การแยกสารแมเ่ หลก็ ในกองขยะ 223366 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ช่ือ-สกลุ เดอื น ชั้น เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๒ วันท่ี พ.ศ. ๒. สารเนอ้ื ผสมชนดิ หนงึ่ ประกอบดว้ ยสาร ๒ ชนดิ คอื A และ B สมบตั ขิ องสารทง้ั ๒ ชนดิ แสดงไว้ดังตาราง ถา้ ตอ้ งการแยกสาร A และสาร B ออกจากกนั ควรใชว้ ธิ กี าร แยกสารใดไดบ้ า้ ง เพราะเหตุใด สาร สถานะ ขนาดเสน้ ผา่ น สี การดึงดูด ศนู ยก์ ลาง A ของแขง็ ๐.๒ ขาว ไมไ่ ด้ B ของแขง็ ดำ� ได้ ๐.๕ มีวิธีการแยกสารได้ ดังนี้ ๑. วธิ กี ารรอ่ นดว้ ยตะแกรงทม่ี คี วามถ่ี ๐.๔ มม. สาร A กจ็ ะลอดรตู ะแกรง ทไี่ มล่ อดกจ็ ะเปน็ สาร B ๒. วธิ ีการหยิบออกเพราะสาร A และสาร B มีขนาดและสตี า่ งกนั ๓. วธิ กี ารใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู เพราะสาร A แมเ่ หลก็ จะไมด่ งึ ดดู และสาร B แมเ่ หลก็ จะดงึ ดดู ได้ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 223377
ค�ำช้ีแจงประกอบแผนจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๔ การใช้ประโยชน์จากการแยกสารเนอื้ ผสม เวลา ๓ ชว่ั โมง ๑. สาระส�ำคญั ของแผน การแยกสารเนอ้ื ผสม สามารถนำ� มาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั ได้ ๒. ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมในการน�ำไปใช้ (ให้ระบุส่ิงที่ต้องการเน้นหรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ ค�ำแนะน�ำ) ในเร่อื งต่อไปนี้ คือ ๒ .๑ ขอบขา่ ยเนื้อหา การแยกสารเน้ือผสมที่ผสมกันระหว่างสารที่เป็นของแข็งกับของแข็ง ใช้วิธีการหยิบออก การฝัด การร่อน การแยกสารเนื้อผสมท่ีผสมกันระหว่างสารที่เป็นของแข็งกับของเหลว ใช้วิธีการกรอง การตกตะกอน การรินออก แยกสารเนื้อผสมที่ผสมกันระหว่างสารท่ีของแข็ง กับของแข็งท่ีเป็นสารแม่เหล็ก ใช้วิธีการใช้แม่เหล็กดูด วิธีการแยกสารทุกชนิดสามารถน�ำมาใช้ ประโยชน์ในชวี ิตประจำ� วันได้ ๒.๒ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (ความรู้ ทักษะ คุณธรรมจริยธรรม ค่านยิ ม) (ถา้ มี) จุดประสงคด์ า้ นความรู้ อธิบายการแยกสารเนอ้ื ผสมท่ีน�ำไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจ�ำวนั จดุ ประสงคด์ า้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๑. การสงั เกต ๒. การลงความเห็นจากขอ้ มลู ๓. การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ จุดประสงคด์ า้ นคณุ ธรรม ๑. มุ่งม่ันในการท�ำงาน ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๒.๓ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑) การเตรียมตัวของครู นักเรยี น (การจดั กลมุ่ ) (ถ้ามี) การจัดกลมุ่ โดยแบง่ นักเรียนออกเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ ๔-๕ คน 238 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
๒) การเตรียมสื่อ วสั ดอุ ปุ กรณ์ ของครู นักเรียน (ถ้ามี) ส่ิงท่คี รตู ้องเตรียม คอื ๑. ผลส้ม ๕-๑๐ ผล/กลุม่ (หากในท้องถ่ินมีผลไมช้ นดิ อน่ื ท่มี ีทัง้ เนอื้ และน�้ำ เชน่ สปั ปะรด แตงโม มะมว่ งสุก สามารถใช้แทนได)้ ๒. กระชอน ๑ อนั /กล่มุ ๓. ผา้ ขาวบาง ๑ ผนื /กลุ่ม ๔. กะละมัง ๑ ใบ/กลุ่ม ๕. แกว้ พลาสตกิ ๑ ใบ/กลุ่ม ๖. ถุงมือ ๑ คู่/คน ๗. ครอู าจเตรยี มนำ้� แขง็ ไว้ใหน้ ักเรียนรับประทานกบั น�ำ้ ส้มท่ีไดจ้ ากการท�ำกิจกรรม สิ่งท่ีนกั เรยี นตอ้ งเตรียม คือ - ๓) เตรยี มใบงาน ใบความรู้ ใบกิจกรรม (ถา้ มี) ๓.๑ ใบงาน ๐๑ การใชป้ ระโยชน์จากการแยกสารเนือ้ ผสมอยา่ งงา่ ย ๓.๒ ใบงาน ๐๒ การใช้ประโยชน์จากการแยกสารเนอ้ื ผสมอยา่ งง่าย ๓.๓ ใบงาน ๐๓ แบบฝกึ หดั เรือ่ งการใช้ประโยชนจ์ ากการแยกสารเนอ้ื ผสม ๓.๓ บทความเร่ืองการท�ำนำ้� ตาลปึก ๒.๔ วัดผลประเมินผล (ถ้าม)ี ๑) วธิ ีการวดั ผลประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ การตอบค�ำถามในใบงาน ๑.๒ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการท�ำกิจกรรม ๑.๓ สังเกตพฤติกรรมดา้ นคุณธรรมขณะท�ำกิจกรรม ๒) วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ๒.๑ เคร่ืองมือและเกณฑใ์ นการประเมนิ ดา้ นความรู้ ตรวจให้คะแนนจากการตอบคำ� ถามในใบงาน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดังนี้ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ�่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 239
๒.๒ เครื่องมอื และเกณฑใ์ นการประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สังเกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใชแ้ บบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ (ดังแนบ) นำ� คะแนนมารวมกัน แลว้ ใชเ้ กณฑ์ในการใหค้ ะแนนดังนี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต�่ำกวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๓ เครือ่ งมือและเกณฑ์ในการประเมนิ ด้านคณุ ธรรม สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม (ดงั แนบ) นำ� คะแนน มารวมกัน แลว้ ใช้เกณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังน้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่�ำกว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) การทดสอบก่อนเรยี น หลงั เรยี น แบบฝึกหดั ก่อนเรียน หลังเรยี น ทำ� แบบฝึกหัดในใบงานหลังเรียน ๓. อ่ืน ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... 240 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 241 แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ของแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑.๔ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร เรอ่ื งการใชป้ ระโยชนจ์ ากการแยกสารเนอื้ ผสม เวลา ๓ ช่วั โมง กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ข้ันน�ำ แนวการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ สอน • ตอบค�ำถามเพื่อทบทวนความรูพ้ น้ื ฐานเกี่ยวกบั การแยกสารเนื้อผสม ข้ันสรปุ • ทำ� กิจกรรมที่ ๑ ใชป้ ระโยชน์จากการแยกสารเนื้อผสมอย่างง่ายได้อยา่ งไร ขน้ั ประเมินผล • ทำ� ใบงาน ๐๑ การใช้ประโยชนจ์ ากการแยกสารเน้อื ผสมอยา่ งง่าย • ทำ� กจิ กรรมที่ ๒ การแยกสารเนอ้ื ผสมอย่างงา่ ยน�ำไปใช้ในชีวิตประจำ� วันได้อยา่ งไร • อา่ นบทความเร่อื งการทำ� นำ�้ ตาลปึก • อภปิ รายและบนั ทึกวา่ ในบทความน้ี มีการแยกสารข้ันตอนใดบา้ ง และมวี ธิ ีการแยกสารอยา่ งไร • ทำ� ใบงาน ๐๒ การใชป้ ระโยชน์จากการแยกสารเน้อื ผสมอย่างง่าย • ทำ� ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เร่ืองการใชป้ ระโยชน์จากการแยกสารเน้ือผสม • ประเมินจากการตอบค�ำถาม • ประเมินจากการท�ำกิจกรรมในชน้ั เรยี น • ประเมนิ จากการทำ� แบบฝกึ หัด
242 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๔ การใชป้ ระโยชนจ์ ากการแยกสารเนอื้ ผสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยที่ ๑ การแยกสารเนอื้ ผสม เวลา ๓ ชว่ั โมง ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ (๓ ชวั่ โมง) ส่อื / แหล่งเรยี นรู้ การแยกสารเน้ือผสมที่ผสมกัน ชั่วโมงท่ี ๑ ระหวา่ งสารทเี่ ปน็ ของแขง็ กบั ของแขง็ ขั้นนำ� (๑๐ นาที) ๑. ผลสม้ ๒. กระชอน ใชว้ ธิ กี ารหยบิ ออก การฝดั การรอ่ น ๑. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการแยกสารเน้ือผสม โดยครูให้นักเรียน ๓. ผา้ ขาวบาง ก า ร แ ย ก ส า ร เ นื้ อ ผ ส ม ท่ี ผ ส ม กั น สงั เกตรปู นำ�้ โคลน และเปลอื กหอยปนกบั ทราย ผงเหลก็ กบั ผงถา่ น ตามลำ� ดบั ร ะ ห ว ่ า ง ส า ร ท่ี เ ป ็ น ข อ ง แ ข็ ง กั บ แลว้ ใช้ค�ำถามดงั ตอ่ ไปนี้ ๔. กะละมงั ของเหลวใชว้ ธิ ี การกรอง การตกตะกอน ๕. แกว้ พลาสตกิ การรินออก แยกสารเน้ือผสมที่ผสม กนั ระหวา่ งสารทขี่ องแขง็ กบั ของแขง็ ๖. ถงุ มอื ที่เป็นสารแม่เหล็ก ใช้วิธีการใช้ ภาระงาน / ช้นิ งาน แม่เหล็กดูดวิธีการแยกสารทุกชนิด สามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ในชีวิต ๑. การบนั ทกึ ผลการท�ำกจิ กรรม ประจำ� วนั ได้ ๑.๑ รปู ใดเปน็ สารเนอ้ื ผสมทผี่ สมกนั ระหวา่ งสารทเี่ ปน็ ของแขง็ กบั ของแขง็ บา้ ง ในใบกจิ กรรม (เปลือกหอยปนทราย ผงเหล็กกบั ผงถ่าน) จดุ ประสงค์ด้านความรู้ ๑.๒ วธิ กี ารแยกของแขง็ ออกจากของแขง็ ในสารเนอ้ื ผสมมอี ะไรบา้ ง (การหยบิ ออก ๒. การตอบค�ำถามในช้ันเรียน อธบิ ายการแยกสารเนือ้ ผสมทน่ี �ำ การรอ่ น การฝดั การกรอง การใชแ้ ม่เหล็กดงึ ดดู ถ้าของแข็งชนิดหนงึ่ ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจำ� วนั เปน็ สารแม่เหลก็ )
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 477
Pages: