ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 443 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒.๒ ประโยชนข์ องซากดึกดำ� บรรพ์ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒ ซากดกึ ดำ� บรรพแ์ ละการนำ� ไปใชป้ ระโยชน ์ เวลา ๓ ชัว่ โมง ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ การเคลอื่ นทขี่ องเปลอื กโลก หรอื บอกความสมั พนั ธก์ บั ปจั จยั แวดลอ้ ม ๑๙. ครใู หน้ กั เรยี นกลบั ไปทบทวนความรวู้ ทิ ยาศาสตรท์ ไี่ ดเ้ รยี นมาทง้ั หมดเกย่ี วกบั สารอาหาร ระบบยอ่ ยอาหาร การแยกสารเนอ้ื ผสมทเ่ีปน็ ของแขง็ ผสมกบั ของแขง็ ของแขง็ ผสมกบั ของเหลว การเกดิ หนิ และวฏั จกั รของหนิ ประโยชนข์ องหนิ และแร่ ซากดกึ ดำ� บรรพแ์ ละประโยชนข์ องซากดกึ ดำ� บรรพ์ ชวั่ โมงท่ี ๓ (๖๐ นาท)ี ๒๐. นักเรียนประเมินการเรียนรู้ท้ังหมด โดยท�ำข้อสอบในหน้า ๑๘๕-๑๙๗ ภายในเวลา ๖๐ นาที หากนักเรียนท�ำเสร็จก่อนเวลา ครูเฉลยค�ำตอบ
แบบประเมนิ ด้านคณุ ธรรม แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๒.๒ ประโยชนข์ องซากดกึ ดำ� บรรพ์ ชอ่ื ผูป้ ระเมิน/กล่มุ ประเมิน ................................................................................................................. ชื่อกลุม่ รับการประเมนิ ....................................................................................................................... ประเมนิ ผลครั้งท่.ี ................... วนั ท่ี........................ เดอื น................................. พ.ศ.......................... เรอ่ื ง .................................................................................................................................................... ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ระดบั พฤติกรรม คะแนนทไี่ ด้ เกดิ = ๑ ไม่เกิด = ๐ ๑. มงุ่ ม่ันในการทำ� งาน ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ รวมคะแนนที่ได้ทัง้ หมด = …………… คะแนน คุณลกั ษณะตามจุดประสงค์ดา้ นคุณธรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน 444 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
แบบประเมินดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการทำ� กิจกรรม แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๒.๒ ประโยชน์ของซากดกึ ดำ� บรรพ์ เกณฑ์การประเมิน มีดงั น้ี ๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ ส่งิ ทป่ี ระเมิน คะแนน การจดั กระท�ำและสื่อความหมายขอ้ มูล การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ รวมคะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะกระบวนการ ดี (๓) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรงุ (๑) ทางวทิ ยาศาสตร์ พอใช้ (๒) การจัดกระท�ำและ สามารถน�ำข้อมูลจากการ สามารถน�ำข้อมูลจากการ สามารถน�ำข้อมูลจากการ สอื่ ความหมายขอ้ มลู สืบค้นข้อมูลและอ่าน สืบค้นข้อมูลและอ่าน สื บ ค ้ น ข ้ อ มู ล แ ล ะ อ ่ า น ใบความรเู้ รอื่ งประโยชนข์ อง ใบความรเู้ รอื่ งประโยชนข์ อง ใบความรเู้ รอื่ งประโยชนข์ อง ซากดึกด�ำบรรพ์มาจัด ซากดึกด�ำบรรพ์มาจัด ซ า ก ดึ ก ด� ำ บ ร ร พ ์ ม า จั ด กระท�ำให้อยู่ในรูปแบบที่ กระท�ำให้อยู่ในรูปแบบท่ี กระท�ำให้อยู่ในรูปแบบที่ เขา้ ใจงา่ ย และนำ� เสนอให้ เข้าใจง่าย และน�ำเสนอให้ เข้าใจง่าย และน�ำเสนอให้ ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างถูกต้อง และครบถว้ น ดว้ ยตนเอง และครบถ้วน โดยอาศัย บางส่วน แม้จะได้รับ การชี้แนะจากครูหรือผู้อ่ืน ค�ำแนะน�ำจากครูหรอื ผอู้ ่ืน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 445
เกณฑ์การประเมนิ (ตอ่ ) ทักษะกระบวนการ ดี (๓) ระดับความสามารถ ควรปรับปรงุ (๑) ทางวทิ ยาศาสตร์ พอใช้ (๒) การตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย ส า ม า ร ถ ตี ค ว า ม ห ม า ย ข้อมูลและลงข้อ ข้อมูลและลงข้อสรุปจาก ข้อมูลและลงข้อสรุปจาก ข้อมูลและลงข้อสรุปจาก สรปุ การสืบค้นข้อมูลและ ก า ร สื บ ค ้ น ข ้ อ มู ล แ ล ะ การสืบค้นข้อมูลและอ่าน อ ่ า น ใ บ ค ว า ม รู ้ ไ ด ้ ว ่ า อ ่ า น ใ บ ค ว า ม รู ้ ไ ด ้ ว ่ า ใบความรู้ได้เพียงบางส่วน ซากดกึ ดำ� บรรพม์ ปี ระโยชน์ ซากดกึ ดำ� บรรพม์ ปี ระโยชน์ วา่ ซากดกึ ดำ� บรรพม์ ปี ระโยชน์ ตอ่ การศกึ ษาในดา้ นตา่ ง ๆ ตอ่ การศกึ ษาในดา้ นตา่ ง ๆ ต่อการศึกษาในด้านต่าง ๆ ทั้งใช้ศึกษาการล�ำดับ ทงั้ ใชศ้ กึ ษาการลำ� ดบั ชนั้ หนิ ท้งั ใช้ศึกษาการลำ� ดับช้นั หนิ ช้ันหนิ ใชร้ ะบุอายุของหนิ ใช้ระบุอายุของหินและ ใช้ระบุอายุของหินและ และเปรยี บเทยี บอายชุ น้ั หนิ เปรียบเทียบอายุช้ันหิน เปรียบเทียบอายุช้ันหิน ใช้ศึกษาสภาพแวดล้อม ใช้ศึกษาสภาพแวดล้อม ใช้ศึกษาสภาพแวดล้อม ในอดีตของพ้ืนท่ี รวมถึง ในอดีตของพื้นท่ี รวมถึง ในอดีตของพื้นที่ รวมถึง ใช้ศึกษาวิวัฒนาการของ ใช้ศึกษาวิวัฒนาการของ ใช้ศึกษาวิวัฒนาการของ ส่ิงมีชีวิตได้อย่างถูกต้อง สิ่งมีชีวิตได้อย่างถูกต้อง สิ่งมีชีวิตได้ แม้จะได้รับ ดว้ ยตนเอง โดยอาศัยการช้ีแนะจากครู คำ� แนะนำ� จากครหู รอื ผอู้ นื่ หรอื ผอู้ นื่ 446 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
เฉลยใบงาน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 447
ช่ือ-สกลุ เดือน ชน้ั เลขที่ บ. ๓.๒ / ผ. ๒.๒ - ๐๑ วันท ี่ พ.ศ. ใบงาน ๐๑ : ประโยชน์ของซากดึกดำ� บรรพ์ บันทึกผลการท�ำกจิ กรรม ผลการอภปิ ราย ผังมโนทศั นป์ ระโยชน์ของซากด�ำบรรพ์ ซากดกึ ดาบรรพ์ มี ประโยชน์มากมาย เชน่ เพอ่ื ศกึ ษา การลาดบั ช้ันหิน ระบุอายุของหนิ และเปรียบเทยี บอายุ สภาพแวดลอ้ มในอดีตของพน้ื ท่ที พ่ี บ ศึกษวิวฒั นาการของสิง่ มีชีวติ ชน้ั หนิ ซากดึกดาบรรพ์ โดย โดย โดย โดย ชน้ั หนิ ท่พี บซากดึกดาบรรพท์ มี่ อี ายุ ขอ้ มลู ซากดกึ ดาบรรพ์ของส่งิ มีชีวิตทอี่ ยู่ มากจะมอี ายุมากกว่าช้ันหนิ ทีพ่ บ อายุของซากดึกดาบรรพจ์ ะใกลเ้ คยี ง ชนดิ ของส่ิงมชี ีวิตทเ่ี ป็นซากดึกดาบรรพ์ หนิ ท่มี ีอายแุ ตกต่างกันและการพบ ซากดึกดาบรรพท์ ี่มอี ายนุ ้อยกว่า กบั อายุของหนิ บอกถงึ สภาพแวดล้อมในอดตี ได้ ซากดกึ ดาบรรพข์ องสง่ิ มีชวี ติ หลายแหง่ เช่น ถูกนามา พบซากดกึ ดาบรรพป์ ะการังบอกว่า บรวิ เณนีเ้ คยเปน็ ทะเลมากอ่ น วิเคราะห์และร้อยเรียงการเปลย่ี นแปลง ของสิง่ มีชวี ติ จากอดตี จนถึงปัจจุบัน เชน่ ววิ ฒั นาการของพชื วิวฒั นาการของสตั วเ์ ลี้ยงลูกดว้ ยนา้ นม วิวฒั นาการของไดโนเสาร์ 444488 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชอื่ -สกุล เดอื น ช้นั เลขท่ี บ. ๓.๒ / ผ. ๒.๒ - ๐๑ วันท่ี พ.ศ. คำ� ถามหลังจากท�ำกิจกรรม ๑. ซากดกึ ด�ำบรรพม์ ปี ระโยชนอ์ ย่างไรบา้ ง ใชศ้ กึ ษาการล�ำดับช้นั หนิ ใชร้ ะบุอายขุ องหนิ และเปรียบเทียบอายุช้นั หนิ ใชศ้ กึ ษา สภาพแวดลอ้ มในอดตี ของพื้นท่ี ใช้ศกึ ษาวิวัฒนาการของสิ่งมชี วี ติ ๒. ถา้ พบซากดกึ ดำ� บรรพ์ ๒ ชนดิ ทมี่ อี ายตุ า่ งกนั ในบรเิ วณเดยี วกนั อยใู่ นชนั้ หนิ ทม่ี ลี ำ� ดบั แตกตา่ งกนั ขอ้ มูลนีม้ ีความสัมพันธอ์ ยา่ งไร ช้นั หินท่พี บซากดกึ ดำ� บรรพ์ทม่ี ีอายใุ ด อายขุ องช้ันหินจะใกลเ้ คยี งกับซากดึกดำ� บรรพ์น้ัน ๓. ถา้ พบซากดกึ ดำ� บรรพไ์ ดโนเสารช์ นดิ เดยี วกนั ในหนิ ๒ บรเิ วณ หนิ ทง้ั สองบรเิ วณน้ี จะมีช่วงอายเุ ดยี วกนั หรือไม่ เพราะเหตใุ ด ช้ันหนิ ท้งั สองบรเิ วณเกดิ ข้ึนในช่วงระยะเวลาเดียวกนั หรือใกล้เคยี งกัน เพราะช้ันหนิ ๒ บริเวณ มีซากดกึ ดำ� บรรพ์ดชั นีชนดิ เดียวกันปรากฏอยู่ ๔. ถา้ พบซากดึกดำ� บรรพ์ของหอยทะเลชนิดหน่ึงในชน้ั หินบนภเู ขาสงู จะอธบิ าย สภาพแวดล้อมในอดตี ของพืน้ ทีด่ ังกล่าวไดอ้ ยา่ งไร อาจเปน็ ไปไดว้ า่ บรเิ วณดงั กลา่ วในอดตี อาจเคยเปน็ ทะเลมากอ่ นเพราะหอยทะเลเปน็ สตั วท์ ะเล ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 444499
ชอื่ -สกุล เดอื น ชั้น เลขท่ี บ. ๓.๒ / ผ. ๒.๒ - ๐๑ วนั ที ่ พ.ศ. ๕. การพบซากดกึ ด�ำบรรพ์นำ� มาอธิบายววิ ฒั นาการของสิ่งมีชวี ติ ไดอ้ ย่างไร ซากดกึ ดำ� บรรพเ์ กดิ มาจากโครงรา่ งหรอื รอ่ งรอยของสงิ่ มชี วี ติ ในอดตี ทป่ี รากฏอยใู่ นหนิ ตะกอน ทมี่ อี ายแุ ตกตา่ งกนั จงึ นำ� ขอ้ มลู ซากดกึ ดำ� บรรพท์ มี่ อี ายแุ ตกตา่ งกนั และจากทพี่ บหลาย ๆ แหง่ มาวเิ คราะหแ์ ละศกึ ษาอยา่ งละเอยี ดและนำ� ขอ้ มลู มารอ้ ยเรยี งทำ� ใหอ้ ธบิ ายการเปลย่ี นแปลงของ สง่ิ มีชีวิตจากอดีตจนถงึ ปัจจบุ ันได้ ๖. จากกจิ กรรมน้ี สรุปไดว้ ่าอยา่ งไร ซากดกึ ดำ� บรรพม์ ปี ระโยชนม์ ากมาย ทง้ั ใชศ้ กึ ษาลำ� ดบั ชน้ั หนิ ใชร้ ะบอุ ายขุ องหนิ และเปรยี บเทยี บ อายชุ ั้นหิน ใช้ศกึ ษาสภาพแวดลอ้ มในอดตี ของพื้นที่ และใช้ศกึ ษาววิ ัฒนาการของส่งิ มีชีวติ 445500 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ช่อื -สกลุ เดอื น ชั้น เลขท่ี บ. ๓.๒ / ผ. ๒.๒ - ๐๒ วนั ท่ี พ.ศ. ใบงาน ๐๒ : แบบฝึกหดั เรื่องประโยชนข์ องซากดกึ ดำ� บรรพ์ ตอบค�ำถามตอ่ ไปนี้ให้ถกู ตอ้ ง ๑. ซากดกึ ดำ� บรรพ์และซากดกึ ดำ� บรรพ์ดชั นแี ตกตา่ งกันอย่างไร ซากดกึ ดำ� บรรพเ์ ปน็ โครงรา่ งหรอื รอ้ งรอยของสงิ่ มชี วี ติ ในอดตี แตซ่ ากดกึ ดำ� บรรพด์ ชั นจี ะเปน็ ซากดกึ ดำ� บรรพท์ ม่ี ลี กั ษณะเฉพาะทพี่ บแพรห่ ลายและมชี วี ติ เพยี งชว่ งเวลาหนงึ่ แลว้ สญู พนั ธไ์ุ ป สามารถใช้เปน็ ตวั กำ� หนดระบอุ ายขุ องหนิ และใช้เปรียบเทียบอายุช้ันหิน ๒. ขอ้ ใดกลาวถูกตอ งเกีย่ วกบั ซากดึกดาํ บรรพ ทำ� เครอ่ื งหมาย √ ใน หนา้ ขอ้ ความทถ่ี กู ตอ้ ง และ X ๑) ซากดกึ ดาํ บรรพท กุ ชนดิ สามารถใชร ะบุ อายหุ นิ ได ทำ� เครอื่ งหมาย X ใน √ ๒) ซากดกึ ดาํ บรรพน าํ มาใชศ กึ ษาววิ ฒั นาการ หนา้ ขอ้ ความทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง ของสง่ิ มชี วี ติ ได้ √ ๓) หนิ บรเิ วณใดก็ตามทีพ่ บซากดกึ ดําบรรพไ ดโนเสารจะมอี ายุหนิ อยูใ นชวงเดยี วกนั √ ๔) หินบนภูเขาแหง หนึง่ พบซากดึกดําบรรพป ะการงั ในอดตี พน้ื ที่น้ี เคยเปน ทะเลมากอน √ ๕) หินในพื้นทแี่ หงแลง แหงหน่ึงพบซากดกึ ดาํ บรรพใบไมจ ํานวนมาก ในอดตี พน้ื ท่ีนี้อาจเปนปามากอ น ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 445511
ชอ่ื -สกลุ เดือน ช้นั เลขท่ี บ. ๓.๒ / ผ. ๒.๒ - ๐๒ วันที ่ พ.ศ. ๓. ข้อใดเปน็ การใชป้ ระโยชนข์ องซากดึกดําบรรพ ทำ� เคร่อื งหมาย √ ใน ได้อย่างเหมาะสม X ๑) นาํ มาเกบ็ ไวเ ปนของสะสมเพ่อื หนา้ ข้อความทีถ่ ูกต้อง และ ท�ำเครอื่ งหมาย X ใน จาํ หนาย หนา้ ข้อความท่ไี ม่ถกู ตอ้ ง √ ๒) นาํ มาใชศกึ ษาสภาพแวดลอ ม ในอดตี ของพ้นื ทหี่ น่งึ ๆ √ ๓) นาํ มาใชศ กึ ษาประวตั ิและวิวัฒนาการของส่งิ มชี วี ติ ในอดตี 445522 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
โรงเรียน ปกี ารศึกษา ข้อสอบวชิ า วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ช่อื - นามสกลุ เลขที่ ชน้ั คำ� ชแี้ จง : ข้อสอบมที ้ังหมด ๓๐ ขอ้ รวม ๑๒ หนา้ เวลา ๖๐ นาที คะแนนเตม็ ๓๐ คะแนน ใหเ้ ขยี นเคร่ืองหมาย X ทบั ตัวอักษรหนา้ ค�ำตอบทถี่ กู ตอ้ งทสี่ ดุ คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได้ ๓๐ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 453
๑. นกั เรยี นชายชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ อายุ ๑๒ ปี ใน ๑ วนั ตอ้ งการพลงั งาน ๑,๗๐๐ กโิ ลแคลอรี เดก็ คนน้รี ับประทานอาหารมอ้ื เช้า มอ้ื กลางวนั รายการอาหาร สัดสว่ นของอาหารตาม พลงั งาน (ปริมาณ) ธงโภชนาการ (โดยประมาณ) (กโิ ลแคลอร)ี มื้อเชา้ กวยเต๋ียวลกู ช้ิน เสนกวยเตยี๋ ว ๒ ทพั พี ๔๔๐ นำ้� ใส ๒ ชาม ลกู ชิ้น ๖ ชอนกนิ ขา ว ๒๙๐ รายการอาหาร สดั สว่ นของอาหารตาม พลงั งาน ถ่วั งอก ๒ ทัพพี (ปรมิ าณ) ธงโภชนาการ (โดยประมาณ) (กโิ ลแคลอร)ี ตน หอม ผกั ชี ๑/๒ ทพั พี หวั ไชเทา ๑/๒ ทัพพี ขา้ วสวย ๑ จาน ข้าว ๒ ทัพพี ๘๐ ซีอิ้วดาํ ๑ ชอนชา น�้ำปลา ๑ ชอนชา ไขเ่ จียว ๑ จาน ไขไ่ ก่ ๒ ช้อนกนิ ข้าว ๒๑๐ น�้ำตาลทราย ๑ ชอ นชา น้ำ� เปลา่ ๑ ช้อนชา นำ�้ มัน ๕ ช้อนชา ชานมไขมกุ ๑ แกว แปง มัน ๑/๒ ทพั พี ผงชาดํา ๑ ชอนชา นมถ่วั เหลือง นม ๑ แก้ว ๑๔๐ น้�ำ ๑ แกว ๑ กลอ่ ง น้�ำตาลทราย ๕ ชอนชา นมสด ๑ แกว อาหารท่ใี หเ้ ลอื กรับประทานมดี ังน้ี รายการอาหาร สัดสว่ นของอาหารตามธงโภชนาการ พลงั งาน (ปรมิ าณ) (โดยประมาณ) (กโิ ล๘แค๐ลอร)ี ข้าว ๒ ทพั พี ข้าวสวย ๑ จาน ไก่ ๓ ช้อนกนิ ขา้ ว ซอสปรงุ รส ๑ ช้อนชา ๑๗๕ ไกย่ ่าง ๑ ชิ้น ๕๙๕ ข้าวมนั ไก่ ๑ จาน ขา้ ว ๓ ทพั พี อกไก่ ๑๐ ชอ้ นกนิ ชา้ ว ขงิ และกระเทยี ม ๑/๒ ทพั พี เกลอื ปน่ ๑/๔ ชอ้ นชา นำ�้ มัน ๓ ช้อนชา สุก้นี ำ้� ก้งุ ๑ จาน วนุ้ เสน้ ๒ ทพั พี ไขไ่ ก่ ๒ ชอ้ นกนิ ขา้ ว กงุ้ ๓ ชอ้ นกนิ ขา้ ว ผกั บงุ้ และผกั กาดขาว ๒ ทพั พี ๓๔๐ ซอสพรกิ ๕ ชอ้ นชา เตา้ หยู้ ้ี ๑/๔ ชอ้ นกนิ ขา้ ว นำ�้ สม้ สายชู ๑ ชอ้ นชา นำ้� ตาลทราย ๓ ชอ้ นกนิ ขา้ ว ผัดผกั บุ้ง ๑ จาน แกงจืดต�ำลึง ๑ ถว้ ย ผกั บงุ้ ๓ ทพั พี นำ้� มนั ๓ ชอ้ นชา นำ้� ตาลทราย ๑ ชอ้ นชา ซอสปรงุ รส ๒ ชอ้ นชา ๒๐๐ มะละกอ ๑๐ ชน้ิ ชมพู่ ๑ ผล ตำ� ลงึ ๒ ทพั พี กระเทยี ม ๑/๔ ชอ้ นชา นำ�้ ๒ แกว้ ซอสปรงุ รส ๒ ชอ้ นชา ๙๐ ทเุ รียน ๒ เมล็ด มะละกอ ๒ สว่ น ๘๐ สม้ ๑ ผล ชมพู่ ๑ สว่ น ๑๔ นมถั่วเหลอื ง ๑ กลอ่ ง ชานมไข่มุก ๑ แก้ว ทเุ รยี น ๒ สว่ น ๑๔๐ สม้ ๑ สว่ น ๖๐ นม ๑ แกว้ ๑๔๐ แปง้ มนั ๑/๒ ทพั พี ผงชาดำ� ๑ ชอ้ นชา นำ�้ ๑ แกว้ นำ�้ ตาลทราย ๕ ชอ้ นชา นมสด ๑/๔ แกว้ ๒๒๐ เด็กคนน้ีควรรับประทานอาหารใดบ้างเป็นมื้อเย็นเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการ ก. สกุ น้ี ำ�้ กุ้ง ๑ จาน, ไก่ยา่ ง ๑ ช้นิ , ชมพู่ ๓ ผล ข. นมถ่วั เหลือง ๒ กล่อง, มะละกอ ๑๐ ชิ้น, ทุเรียน ๒ เมล็ด, สม้ ๑ ผล Xค. ขา้ วสวย ๑ จาน, ผดั ผกั บงุ้ ๑ จาน, มะละกอ ๑๐ ชนิ้ , สม้ ๑ ผล, นมถวั่ เหลอื ง ๑ กลอ่ ง ง. ขา้ วสวย ๑.๕ จาน, แกงจดื ตำ� ลงึ ๑ ถว้ ย, มะละกอ ๑๐ ชนิ้ , ทเุรยี น ๒ เมลด็ , นมถว่ั เหลอื ง ๑ แกว้ 454 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
๔. ลกั ษณะใดของลำ� ไสเ้ ลก็ ทไ่ี มช่ ว่ ยในการดดู ซมึ อาหาร ก. มคี วามยาวมาก Xข. มรี อยหยกั ภายใน ค. มกี ารขดตวั ภายในชอ่ งทอ้ ง ง. มหี ลอดเลอื ดฝอยรอบ ๆ ผนงั ดา้ นในลำ� ไส้ ๕. ขอ้ ใดกลา่ วไมถ่ กู ตอ้ ง ๑. ทวารหนกั เปน็ อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร ๒. ลำ� ไสใ้ หญช่ ว่ ยยอ่ ยสารอาหารทใี่ หพ้ ลงั งานได้ ๓. หลอดอาหารและตบั สรา้ งเอนไซมท์ ใี่ ชย้ อ่ ยอาหารได้ ๔. การบดเคย้ี วอาหารในปากเปน็ การยอ่ ยอาหาร ก. ขอ้ ๑ และ ๔ Xข. ขอ้ ๑ และ ๒ ค. ขอ้ ๒ และ ๓ ง. ขอ้ ๑ และ ๓ ๖. ถา้ ตบั ออ่ นไมส่ ามารถทำ� หนา้ ทไ่ี ด้ จะมผี ลตอ่ ระบบยอ่ ยอาหารอยา่ งไร ก. ไมม่ ผี ล เพราะไมม่ สี ว่ นในการยอ่ ยอาหาร ข. มผี ล เพราะไมส่ ามารถทำ� ใหไ้ ขมนั แตกตวั Xค. ไมม่ ผี ล เพราะมหี นา้ ทด่ี ดู ซมึ วติ ามนิ และเกลอื แร่ ง. มผี ล เพราะไมส่ ามารถสง่ เอนไซมม์ าชว่ ยยอ่ ยอาหารในลำ� ไสเ้ ลก็ ได้ ๗. ถา้ ลำ� ไสเ้ ลก็ สน้ั ลงจะมผี ลอยา่ งไรตอ่ การทำ� งานของระบบยอ่ ยอาหาร ก. สารอาหารบางประเภทจะยอ่ ยไมไ่ ด้ Xข. สารอาหารบางประเภทจะดดู ซมึ ไมไ่ ด้ ค. พนื้ ทใ่ี นการยอ่ ยและดดู ซมึ ลดนอ้ ยลง ง. สรา้ งเอนไซมบ์ างชนดิ ทอ่ี ยใู่ นลำ� ไสเ้ ลก็ ไมไ่ ด้ 456 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
๘. ถา้ รบั ประทานอาหารไมต่ รงเวลา จะมผี ลอยา่ งไรตอ่ รา่ งกาย ก. หลอดอาหารตบี ข. ตบั หยดุ สรา้ งนำ�้ ดี Xค. ลำ� ไสเ้ ลก็ บบี ตวั มากขน้ึ ง. กระเพาะอาหารอบั เสบ ๙. ขอ้ ใดเปน็ แนวทางการดแู ลรกั ษาระบบยอ่ ยอาหารใหท้ ำ� งานเปน็ ปกติ Xก. รบั ประทานแตผ่ กั และผลไมท้ กุ มอื้ ข. รบั ประทานอาหารทมี่ ปี ระโยชนแ์ ละปรงุ สกุ ค. รบั ประทานอาหารพน้ื เมอื งถงึ แมจ้ ะมรี สจดั ง. รบั ประทานอาหารเสรจ็ แลว้ รบี ออกกำ� ลงั กายทนั ที ๑๐. สาร ก และ ข ผสมกนั เปน็ สารเนอ้ื ผสมซงึ่ สารแตล่ ะชนดิ มสี มบตั ดิ งั ตาราง สถานะและขนาด สี การละลายนำ�้ ก ของแขง็ ขนาดใหญ่ ขาว ละลาย ข ของแขง็ ขนาดเลก็ ขาว ละลาย Xวธิ กี ารคใู่ ดตอ่ ไปนี้ ทส่ี ามารถใชแ้ ยกสาร ก และ ข ออกจากกนั ได้ ก. ใชต้ ะแกรงรอ่ นและใชม้ อื หยบิ ออก ข. ใชม้ อื หยบิ ออกและนำ� มาผสมนำ้� แลว้ กรอง ค. ใชม้ อื หยบิ ออกและนำ� มาผสมนำ�้ แลว้ วางไวใ้ หต้ กตะกอน ง. ใชต้ ะแกรงรอ่ นและนำ� มาผสมนำ้� แลว้ วางไวใ้ หต้ กตะกอน ๑๑. การทำ� ใหน้ ำ้� กระเจยี๊ บมเี ศษกระเจย๊ี บปนอยนู่ อ้ ยทสี่ ดุ ทำ� ไดอ้ ยา่ งไร Xก. การรอ่ น ข. การกรอง ค. การหยบิ ออก ง. การตกตะกอน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 457
๑๒. ใชว้ ธิ ใี ดแยกเศษเหลก็ กบั เศษอะลูมเิ นียม ดังรปู ก. การรอ่ น ข. การกรอง Xค. การตกตะกอน ง. การใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู ๑๓. เมอ่ื วางสารเนอ้ื ผสม ดงั รปู ก ทงิ้ ไว้ ๕ นาที พบวา่ สารเนอื้ ผสมดงั กลา่ ว แยกออกเปน็ ของเหลว A และของแขง็ B ดงั รปู ข วางไว้ ๕ ของเหลว A ของแขง็ B สารรปูเนอกื้ ผสม รปู ข สถานการณด์ งั กลา่ วเปน็ การแยกสารโดยวธิ กี ารใด และถา้ จะแยกของเหลว A ออกจาก ของแขง็ B ควรใชว้ ธิ กี ารใด ตามลำ� ดบั Xก. การตกตะกอน การหยบิ ออก ข. การตกตะกอน การกรอง ค. การกรอง การรนิ ออก ง. การกรอง การตกตะกอน 458 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
พจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปนี้ แลว้ ตอบคำ� ถามขอ้ ๑๔–๑๕ ในการแยกสารเนอื้ ผสมทเี่ ปน็ ของแขง็ ปนอยใู่ นของเหลว โดยเทสารผา่ นวสั ดทุ ใ่ี ชก้ รอง A B C และ D ไดผ้ ลดงั ตาราง วสั ดทุ ใี่ ชก้ รอง ลกั ษณะของสารทไ่ี ดจ้ ากการกรอง A ขนุ่ มากและมตี ะกอนนอนกน้ ปรมิ าณมาก B ขนุ่ นอ้ ยและมตี ะกอนนอนกน้ เลก็ นอ้ ย C ขนุ่ มากมตี ะกอนนอนกน้ ปานกลาง D ขนุ่ นอ้ ย และไมพ่ บตะกอนนอนกน้ ๑๔. เรยี งลำ� ดบั ขนาดของรพู รนุ ของวสั ดทุ ใ่ี ชก้ รองจากเลก็ ไปใหญไ่ ดต้ ามขอ้ ใด ก. A C B D ข. A B C D Xค. D C B A ง. D B C A ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 459
๑๕. ถา้ ตอ้ งการทำ� ใหข้ องเหลวทผี่ า่ นการกรองดว้ ยวสั ดุ D ใสขน้ึ อกี จะทำ� ไดอ้ ยา่ งไร ก. วางใหต้ กตะกอนนานขนึ้ ข. กรองหลาย ๆ ครงั้ โดยใชว้ สั ดทุ ใี่ ชก้ รองชนดิ เดมิ Xค. รนิ ของเหลวผา่ นวสั ดทุ ใี่ ชก้ รองชนดิ เดมิ อยา่ งชา้ ๆ ง. กรองโดยใชว้ สั ดทุ ใ่ี ชก้ รองชนดิ เดมิ แตม่ รี พู รนุ เลก็ กวา่ เดมิ ๑๖. สารเนอ้ื ผสมทปี่ ระกอบดว้ ยกรวด นำ�้ ตาลทรายและผงเหลก็ นำ� มาแยกดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ และสารทแ่ี ยกไดแ้ สดงดงั แผนภาพ ผงเหล็ก กรวดและน้�ำตาล AB C ผงเหลก็ D Xขอ้ ใดตอ่ ไปนถี้ กู ตอ้ ง ก. A คอื นำ�้ และนำ้� ตาลทราย B คอื กรวดและผงเหลก็ ข. A คอื ผงเหลก็ นำ�้ และนำ�้ ตาลทราย B คอื กรวด ค. C คอื ใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู D คอื นำ้� ตาลทราย ง. C คอื การตกตะกอน D คอื กรวด 460 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
อา่ นสถานการณต์ อ่ ไปน้ี และตอบคำ� ถามขอ้ ๑๗–๑๘ การวเิ คราะหด์ นิ บรเิ วณชายหาด โดยการนำ� ตวั อยา่ งดนิ มาใสใ่ นนำ้� เกลอื แลว้ คน ตง้ั ไว้ ประมาณ ๖ ชว่ั โมง จะพบตะกอนทก่ี น้ ภาชนะแลว้ นำ� สารทงั้ หมดมาเทผา่ นกระดาษกรอง จากนน้ั ปลอ่ ยใหก้ ระดาษกรองแหง้ ตรวจสอบสารบนกระดาษกรองพบพลาสตกิ ขนาดเลก็ หรอื ไมโครพลาสตกิ จำ� นวนมาก ๑๗. สถานการณด์ งั กลา่ ว ใชว้ ธิ กี ารใดในการแยกสารบา้ ง ตามลำ� ดบั ก. การกรอง การตกตะกอน ข. การรนิ ออก การกรอง Xค. การตกตะกอน การรนิ ออก ง. การตกตะกอน การกรอง ๑๘. ขอ้ ความใดตอ่ ไปนี้ไม่ถกู ต้อง ก. สารทตี่ กตะกอนเปน็ ของแขง็ ข. ไมโครพลาสตกิ ไมล่ ะลายในนำ้� เกลอื Xค. กระดาษกรองใชแ้ ยกของแขง็ ออกจากของเหลว ง. ไมโครพลาสตกิ มขี นาดเลก็ กวา่ รพู รนุ ของกระดาษกรอง ๑๙. การนำ� ดนิ นำ�้ มนั ทต่ี ากแดดจนมลี กั ษณะเหลว ไปวางในชอ่ งแชเ่ ยน็ เปรยี บไดก้ บั กระบวนการ เกดิ หนิ ใด ก. หนิ ปนู ข. หนิ ไนส์ Xค. หนิ ทราย ง. หนิ บะซอลต์ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 461
๒๐. การบบี อดั ดนิ เหนยี วและนำ� ไปเผา จนดนิ เหนยี วมคี วามแขง็ เพมิ่ ขน้ึ และมสี เี ปลยี่ นไป Xเปรยี บไดก้ บั กระบวนการเกดิ หนิ ประเภทใด ก. หนิ แปร ข. หนิ อคั นพี ุ ค. หนิ ตะกอน ง. หนิ อคั นแี ทรกซอน พจิ ารณาแผนภาพวฏั จกั รหนิ แลว้ ตอบคำ� ถามขอ้ ๒๑-๒๓ การหลอมเหลว A C การผพุ งั การผพุ งั B แมกมาและลาวา การกผาพุ รงัหลอมเหลกวารผพุ งั การสะสมตวั ของตะกอน การหลอมเหลว และการเชื่อมประสาน ตะกอน หนิ แปร A D A ๒๑. ลกู ศร A และ B แทนกระบวนการใดในการเกดิ วฏั จกั รหนิ ตามลำ� ดบั ก. การแปรสภาพ การตกผลึกหรอื ตกตะกอนของสารบางชนดิ ข. การเย็นตัวและตกผลึกของแมกมาและลาวา การแปรสภาพ Xค. การเย็นตัวและตกผลึกของแมกมาและลาวา การหลอมเหลว ง. การแปรสภาพ การเย็นตัวและตกผลกึ ของแมกมาและลาวา ๒๒. ตำ� แหนง่ C และ D แทนหนิ ประเภทใด ตามลำ� ดบั ก. หนิ แปร หนิ อคั นี Xข. หนิ ตะกอน หนิ แปร ค. หนิ อคั นี หนิ ตะกอน ง. หนิ ตะกอน หนิ อคั นี 462 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
X๒๓. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะของหนิ ตำ� แหนง่ C ก. อาจพบรพู รนุ ในเนอ้ื หนิ ข. อาจพบเศษหนิ ปะปนอยู่ ค. เนอื้ หนิ แซะออกเปน็ แผน่ ได้ ง. เนอ้ื หนิ มผี ลกึ แรเ่ รยี งตวั ขนานกนั เปน็ แถบ ใชข้ อ้ มลู ตอ่ ไปน้ี ตอบคำ� ถามขอ้ ๒๔-๒๕ ชนดิ ของหนิ ประกอบดว้ ย เนอ้ื หนิ ผลกึ เนอื้ แกว้ ประกอบดว้ ย มรี พู รนุ A เมด็ ตะกอน √ B √ C√ √ D ๒๔. จากขอ้ มลู ควรเลอื กหนิ ชนดิ ใดมาทำ� ครก ก. ชนดิ A Xข. ชนดิ B ค. ชนดิ C ง. ชนดิ D ๒๕. จากขอ้ มลู ควรเลอื กหนิ ชนดิ ใดมาทำ� หนิ ขดั ตวั ก. ชนดิ A ข. ชนดิ B Xค. ชนดิ C ง. ชนดิ D ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 463
๒๖. หนิ ทนี่ ำ� มาใชท้ ำ� วสั ดกุ รองในเครอื่ งกรองนำ้� ควรเปน็ หนิ ทมี่ ลี กั ษณะใด Xก. มเี นอื้ ผลกึ ข. มรี พู รนุ ในเนอ้ื หนิ ค. มรี อยแตกในเนอื้ หนิ มาก ง. ประกอบไปดว้ ยผลกึ แรข่ นาดใหญ่ พจิ ารณาขอ้ มลู ตอ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคำ� ถามขอ้ ๒๗ ชนดิ ของแร่ ลักษณะของ มคี วามแขง็ มาก บางกอ้ นใส A มคี วามแขง็ นอ้ ย เมอ่ื บดเปน็ ผงมสี ขี าว ผสมนำ้� ปน้ั ขน้ึ B ๒๗. แร่ A และ B ควรนำ� ไปทำ� ผลติ ภณั ฑใ์ ด ตามลำ� ดบั ก. เลนส์ แปง้ ทาตวั Xข. แปง้ ทาตวั กระจก ค. กระจก ผงปนู ปลาสเตอร์ ง. ผงปนู ปลาสเตอร์ ขวดแกว้ ๒๘. ขอ้ ใดเปน็ ซากดกึ ดำ� บรรพ์ ก. รอยตนี สตั วบ์ นหนิ ข. รอยทางเดนิ ของสตั วบ์ นดนิ Xค. ทอ่ นไมท้ ถ่ี กู ทบั ถมอยใู่ นดนิ ง. กระดกู สตั วท์ พ่ี บอยบู่ นหนิ ทแี่ ตกหกั 464 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
พจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคำ� ถามขอ้ ๒๙ นกั ธรณวี ทิ ยาไดส้ ำ� รวจหนิ บนภเู ขา แลว้ ไดพ้ บซากดกึ ดำ� บรรพส์ ตั วท์ ะเลอยใู่ นหนิ X๒๙. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกยี่ วกบั ซากดกึ ดำ� บรรพด์ งั กลา่ ว ก. ในอดตี พนื้ ทที่ พี่ บซากดกึ ดำ� บรรพเ์ ปน็ ทะเลมากอ่ น ข. ในอดตี สงิ่ มชี วี ติ ทกี่ ลายเปน็ ซากดกึ ดำ� บรรพน์ เี้ ปน็ สตั วน์ ำ้� จดื ค. ซากดกึ ดำ� บรรพช์ นดิ นเ้ี กดิ พรอ้ มกบั หนิ บรเิ วณใตผ้ วิ โลกโดยการแปรสภาพ ง. ซากดกึ ดำ� บรรพช์ นดิ นเี้ กดิ พรอ้ มกบั การเยน็ ตวั และแขง็ ตวั ของลาวาทไ่ี หลมาจากภเู ขาไฟ ๓๐. เพราะเหตใุ ดซากดกึ ดำ� บรรพจ์ งึ นำ� มาใชศ้ กึ ษาววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี วี ติ บางชนดิ ได้ ก. เพราะซากดกึ ดำ� บรรพท์ ง้ั หมดมชี วี ติ อยใู่ นชว่ งเวลาหนง่ึ แลว้ กส็ ญู พนั ธไ์ุ ป ข. เพราะซากดกึ ดำ� บรรพพ์ บไดใ้ นหนิ ทกุ ประเภทและสว่ นใหญม่ ลี กั ษณะสมบรู ณ์ Xค. เพราะซากดกึ ดำ� บรรพเ์ กดิ มาจากสง่ิ มชี วี ติ ทยี่ งั คงพบพนั ธด์ุ งั กลา่ วมาจนถงึ ปจั จบุ นั ง. เพราะซากดกึ ดำ� บรรพเ์ กดิ มาจากโครงรา่ งหรอื รอ่ งรอยของสงิ่ มชี วี ติ ในอดตี ทพี่ บไดใ้ น หนิ อายตุ า่ งกนั ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 465
บรรณานุกรม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2560). ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ� กดั . สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2560). คมู่ อื การใชห้ ลกั สตู ร รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั ประถมศกึ ษา. สบื คนั เมอ่ื วนั ที่ 31 มนี าคม 2563, จาก https://www.scimath.org/ebook-science/item/8922-2018-10-01-01-54-11 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2563). คมู่ อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ เลม่ ๑. สบื คนั เมอ่ื วันท่ี 29 เมษายน 2563, จาก https://www.scimath.org/ebook-science/item/11450-6-1. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2561). หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2563). หนงั สอื เรยี นรายวชิ า พน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 เลม่ 1. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. ขอขอบคณุ รูปภาพจาก http;//pixabay.com 466 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
คณะผู้จดั ท�ำชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรับครผู ้สู อน) กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เลม่ ๑ ทป่ี รกึ ษามลู นธิ กิ ารศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ พลเอกดาวพ์ งษ์ รตั นสวุ รรณ ประธานกรรมการบรหิ ารมลู นธิ กิ ารศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ รองศาสตราจารยน์ ราพร จนั ทรโ์ อชา รองประธานกรรมการบรหิ ารมลู นธิ กิ ารศกึ ษาทางไกล ผา่ นดาวเทยี มในพระบรมราชปู ถมั ภ์ นายอนสุ รณ์ ฟเู จรญิ ผชู้ ว่ ยเลขาธกิ ารมลู นธิ กิ ารศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม ท่ีปรึกษาส�ำนักงานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี นายสมเกยี รต ิ ชอบผล ทปี่ รกึ ษาสำ� นกั งานโครงการ ฯ นายสชุ าต ิ วงศส์ วุ รรณ ขา้ ราชการบำ� นาญ อดตี ผตู้ รวจราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ทปี่ รกึ ษาสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน นายอำ� นาจ วชิ ยานวุ ตั ิ เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน นายสนทิ แยม้ เกษร รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน นางวฒั นาพร ระงบั ทกุ ข ์ รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน นายกวนิ ทรเ์ กยี รต ิ นนธพ์ ละ รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน ทปี่ รกึ ษากลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ศาสตราจารย์ ดร.ชกู จิ ลมิ ปจิ ำ� นงค ์ ผอู้ ำ� นวยการสถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดร.กศุ ลนิ มสุ กิ ลุ ผชู้ ว่ ยผอู้ ำ� นวยการสถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลย ี ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 467
คณะทำ� งานกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดร.พจนา ดอกตาลยงค ์ นกั วชิ าการอาวโุ สสถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นางสาวจรี นนั ท ์ เพชรแกว้ นกั วชิ าการสถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี คณะบรรณาธกิ ารกจิ ดร.กศุ ลนิ มสุ กิ ลุ ผชู้ ว่ ยผอู้ ำ� นวยการสถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลย ี 468 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 477
Pages: