Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-09-คู่มือครู วิทยาศาสตร์ ป.6

64-08-09-คู่มือครู วิทยาศาสตร์ ป.6

Published by elibraryraja33, 2021-08-09 01:46:16

Description: 64-08-09-คู่มือครู วิทยาศาสตร์ ป.6

Search

Read the Text Version

ชุดุ การจััดกิจิ กรรมการเรียี นรู้�้ (สำำ�หรับั ครููผู้้�สอน) กลุ่�ม่ สาระการเรีียนรู้�ว้ ิิทยาศาสตร์แ์ ละเทคโนโลยีี (วิิทยาศาสตร์์) ภาคเรียี นที่่� ๑ ชั้้�นประถมศึกึ ษาปีที ี่่� ๖ เล่่ม ๑ ฉบับั ปรับั ปรุงุ โครงการส่่วนพระองค์์สมเด็็จพระกนิษิ ฐาธิิราชเจ้้า กรมสมเด็จ็ พระเทพรััตนราชสุดุ าฯ สยามบรมราชกุมุ ารีี มููลนิิธิกิ ารศึึกษาทางไกลผ่า่ นดาวเทียี ม ในพระบรมราชูปู ถัมั ภ์์ สำ�ำ นักั งานคณะกรรมการการศึึกษาขั้้น� พื้�น้ ฐาน สถาบันั ส่่งเสริิมการสอนวิิทยาศาสตร์์และเทคโนโลยีี

ชดุ เอกสาร สอ่ื ๖๐ พรรษา สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ลขิ สทิ ธขิ์ อง ส�ำนกั งานโครงการสว่ นพระองคส์ มเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สงวนลขิ สทิ ธต์ิ ามพระราชบัญญัตลิ ขิ สทิ ธิ์ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ค�ำนำ� ตามทส่ี �ำนกั งานโครงการสว่ นพระองคส์ มเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีได้จัดท�ำชุดการเรียนรู้ ส�ำหรับใช้ในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กท่ีขาดครู มคี รไู มค่ รบชน้ั หรอื อยใู่ นพนื้ ทหี่ า่ งไกลทรุ กนั ดาร ซงึ่ ประกอบดว้ ย ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) และชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรับนักเรียน) หลังจากท่ีมีการน�ำไปใช้ พบว่าสื่อดังกล่าวช่วยพัฒนา คุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จึงเห็นควรมีการน�ำสื่อดังกล่าว มาใช้ในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กและโรงเรียนขยายโอกาสทุกโรง เพ่ือช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับประถมศึกษาให้ดีย่ิงข้ึน ประกอบกับกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในหลกั สูตรแกนกลางขน้ั พ้นื ฐานพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ตามคำ� ส่ังกระทรวงศกึ ษาธิการ ทีส่ พฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวนั ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน จงึ ไดป้ รบั ปรงุ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) ใหส้ อดคลอ้ งกบั การประกาศใชม้ าตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ดั และเพอ่ื ใหส้ ะดวกตอ่ การนำ� ไปใช้ จงึ จดั แยกเปน็ รายช้นั ปี (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๖) และเป็นรายภาคเรียน (ภาคเรยี นที่ ๑ และภาคเรียนที่ ๒) ท้ัง ๕ กลุ่ม ประกอบดว้ ย - ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (ส�ำหรบั ครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑-๖ ภาคเรยี นที่ ๑,๒ - ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ส�ำหรบั ครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑-๖ ภาคเรียนท่ี ๑,๒ - ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ ภาคเรียนท่ี ๑,๒ - ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (ส�ำหรบั ครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ ภาคเรยี นที่ ๑,๒ - ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (ส�ำหรับครูผู้สอน) กลุ่มบูรณาการ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๑-๖ ภาคเรียนท่ี ๑,๒ การน�ำชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไปใช้ ครูุผู้สอนต้องศึกษาเอกสาร คู่มือการใช้ชุดการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ และศึกษาค�ำช้ีแจงในเอกสารชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรับครูผู้สอน) ให้เข้าใจ เพราะจะท�ำให้ทราบถึงแนวคิดกระบวนการจัดการเรียนรู้ การเตรียมตัวของครู สื่อการจัดการเรียนรู้ ลักษณะชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ สัญลักษณ์ท่ีใช้ แนวทางการวัด และประเมนิ ผลของแตล่ ะหนว่ ยการเรียนรู้ หวังว่าชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรับครูผู้สอน) และชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรับนักเรียน) ฉบบั ปรบั ปรงุ นี้ จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องครผู สู้ อน อนั จะสง่ ผลตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพ การศกึ ษาระดับประถมศกึ ษาตอ่ ไป ขอขอบคณุ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ศกึ ษานเิ ทศก์ ครู อาจารย์ และทกุ ทา่ นทมี่ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ ง กับการปรับปรุงและจัดท�ำเอกสารมา ณ โอกาส น ้ี ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๒ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ค�ำช้แี จง ตามทส่ี ำ� นกั งานโครงการสว่ นพระองคส์ มเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารีได้จัดท�ำชุดการเรียนรู้ ส�ำหรับใช้ในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กที่ขาดครู มคี รไู มค่ รบชน้ั หรอื อยใู่ นพนื้ ทหี่ า่ งไกลทรุ กนั ดาร ซง่ึ ประกอบดว้ ยชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) และชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรับนักเรียน) หลังจากที่มีการน�ำไปใช้ พบว่าสื่อดังกล่าวช่วยพัฒนา คุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน จึ ง เ ห็ น ค ว ร ใ ห ้ มี ก า ร น� ำ สื่ อ ดั ง ก ล ่ า ว ม า ใ ช ้ ใ น โ ร ง เ รี ย น ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า ท่ั ว ไ ป เ พื่ อ ช ่ ว ย พั ฒ น า คุณภาพการศึกษาระดับประถมศึกษาให้ดีย่งิ ขนึ้ ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีจึงได้ปรับปรุงชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ชวี้ ดั กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และเพ่ือให้สะดวกต่อการน�ำไปใช้ จึงจัดแยกเป็นรายช้ัน (ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖) และแตล่ ะระดบั ชั้นแยกเปน็ เล่ม ๑ และเล่ม ๒ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรับครู) ของระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ เล่ม ๑ นี้ ประกอบด้วย ๓ หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ สารอาหารกับระบบย่อยอาหาร การแยกสาร และหินและ ซากดกึ ดำ� บรรพ์ ซง่ึ แตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรจู้ ะมงุ่ เนน้ ใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรผ์ า่ นการสบื เสาะหาความรู้ มีการท�ำกิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติ เพ่ือให้ผู้เรียนได้ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ น�ำความรู้ท่ีไดไ้ ปใช้ในการด�ำรงชีวติ และรเู้ ทา่ ทันการเปลีย่ นแปลงของโลกได้ คณะผู้จัดท�ำหวังเป็นอย่างย่ิงว่า ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรับครูผู้สอน) ของระดับช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เล่ม ๑ นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนในการน�ำไปใช้จัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียน เพ่อื เพ่ิมประสิทธภิ าพการจดั การเรยี นรขู้ องครแู ละการเรียนร้ขู องนักเรียนใหส้ ูงขน้ึ ต่อไป สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

สารบัญ หนา้ คำ� แนะน�ำส�ำหรบั ครผู ู้สอน ๑ ๕ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร ์ ๘ โครงสรา้ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ แนวทางการจัดหน่วยการเรยี นร้ ู ๙ ๑๐ โครงสรา้ งรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ๒๐ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชว้ี ัด ๒๑ ล�ำดบั การน�ำเสนอแนวคิดหลัก ๒๒ โครงสรา้ งของแผนการจดั การเรยี นรู้ ๒๔ หนว่ ยย่อยที่ ๑ อาหารกับการรับประทานอาหาร ๒๕ สาระส�ำคัญ มาตรฐานและตัวชี้วัดของหน่วยย่อยที่ ๑ อาหารกับการรับประทานอาหาร ๒๖ ล�ำดบั การนำ� เสนอแนวคดิ หลกั ของหน่วยยอ่ ยที่ ๑ อาหารกับการรบั ประทานอาหาร ๒๗ คำ� ชี้แจงประกอบแผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๑.๑ สารอาหารและประโยชน์ของสารอาหาร ๒๙ แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๑ สารอาหารและ ๓๒ ประโยชนข์ องสารอาหาร แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๑ สารอาหารและประโยชน์ของสารอาหาร ๓๓ ๔๘ เฉลยใบงาน คำ� ชแ้ี จงประกอบแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ รบั ประทานอาหารใหเ้ หมาะสมกบั เพศและวยั ๕๔ แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๒ รับประทานอาหาร ๕๘ ใหเ้ หมาะสมกบั เพศและวัย แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๒ รบั ประทานอาหารใหเ้ หมาะสมกบั เพศและวัย ๕๙ ๘๖ เฉลยใบงาน หนว่ ยย่อยที่ ๒ ระบบย่อยอาหาร ๑๐๐ สาระสำ� คญั มาตรฐานและตวั ชี้วัดของหน่วยย่อยท่ี ๒ ระบบย่อยอาหาร ๑๐๑ ๑๐๒ ล�ำดบั การนำ� เสนอแนวคิดหลักของหน่วยย่อยท่ี ๒ ระบบย่อยอาหาร ๑๐๔ ค�ำช้ีแจงประกอบแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒ ระบบย่อยอาหาร แนวการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ของแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒ ระบบยอ่ ยอาหาร ๑๐๘ ๑๐๙ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ ระบบยอ่ ยอาหาร ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

สารบัญ (ตอ่ ) หน้า เฉลยใบงาน ๑๓๖ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ การแยกสาร ๑๕๓ มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั ๑๕๔ ลำ� ดบั การน�ำเสนอแนวคิดหลัก ๑๕๕ โครงสรา้ งของแผนการจัดการเรยี นรู้ ๑๕๖ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเน้อื ผสม ๑๕๗ สาระสำ� คญั มาตรฐานและตวั ช้วี ดั ของหน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเน้ือผสม ๑๕๘ ลำ� ดบั การนำ� เสนอแนวคดิ หลกั ของหนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม ๑๕๙ โครงสร้างของหน่วยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนือ้ ผสม ๑๖๐ คำ� ช้ีแจงประกอบแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ การหยิบออกและการร่อน ๑๖๑ แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรูข้ องแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑.๑ การหยบิ ออกและการรอ่ น ๑๖๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑.๑ การหยิบออกและการร่อน ๑๖๕ เฉลยใบงาน ๑๘๐ คำ� ชี้แจงประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน ๑๘๗ แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน ๑๙๐ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ การกรองและการตกตะกอน ๑๙๑ เฉลยใบงาน ๒๐๙ ค�ำชี้แจงประกอบแผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๑.๓ การใช้แมเ่ หล็กดงึ ดดู ๒๑๗ แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑.๓ การใชแ้ มเ่ หล็กดงึ ดดู ๒๒๐ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑.๓ การใช้แมเ่ หลก็ ดึงดูด ๒๒๑ เฉลยใบงาน ๒๓๒ ค�ำชีแ้ จงประกอบแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑.๔ การใช้ประโยชนจ์ ากการแยกสารเนอ้ื ผสม ๒๓๘ แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ของแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑.๔ การใชป้ ระโยชนจ์ าก ๒๔๑ การแยกสารเน้ือผสม แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๔ การใชป้ ระโยชนจ์ ากการแยกสารเนือ้ ผสม ๒๔๒ เฉลยใบงาน ๒๕๕ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

สารบัญ (ต่อ) หน้า หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๓ หนิ และซากดึกด�ำบรรพ ์ ๒๖๓ มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวัด ๒๖๔ ล�ำดับการน�ำเสนอแนวคดิ หลกั ๒๖๔ โครงสร้างของแผนการจดั การเรยี นรู้ ๒๖๕ หน่วยยอ่ ยที่ ๑ หนิ วฏั จักรหิน และประโยชน์ของหินและแร ่ ๒๖๘ สาระสำ� คญั มาตรฐานและตวั ชวี้ ดั ของหนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ หนิ วฏั จกั รหนิ และประโยชนข์ องหนิ และแร่ ๒๖๙ ลำ� ดบั การนำ� เสนอแนวคดิ หลกั ของหนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ หนิ วฏั จกั รหนิ และประโยชนข์ องหนิ และแร่ ๒๗๐ คำ� ช้ีแจงประกอบแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑ กระบวนการเกิดหนิ และวฏั จักรหิน ๒๗๓ แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๑ กระบวนการเกิดหิน ๒๗๗ และวฏั จกั รหิน แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑ กระบวนการเกิดหินและวฏั จักรหิน ๒๗๘ เฉลยใบงาน ๓๑๔ ๓๔๒ ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๑.๒ ประโยชน์ของหนิ และแร่ แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ ประโยชนข์ องหนิ และแร่ ๓๔๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๒ ประโยชน์ของหินและแร่ ๓๔๖ ๓๖๓ เฉลยใบงาน ๓๗๙ หน่วยย่อยท่ี ๒ ซากดึกด�ำบรรพ์และการนำ� ไปใชป้ ระโยชน ์ สาระส�ำคัญ มาตรฐานและตัวช้ีวัดของหน่วยย่อยท่ี ๒ ซากดึกด�ำบรรพ์และการน�ำ ๓๘๐ ไปใชป้ ระโยชน ์ ล�ำดับการน�ำเสนอแนวคิดหลักของหน่วยย่อยท่ี ๒ ซากดึกด�ำบรรพ์และการน�ำ ๓๘๑ ไปใชป้ ระโยชน์ โครงสร้างของหน่วยย่อยท่ี ๒ ซากดกึ ดำ� บรรพแ์ ละการน�ำไปใช้ประโยชน์ ๓๘๒ ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒.๑ กาารเกดิ ซากดึกด�ำบรรพ์ ๓๘๓ แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒.๑ การเกดิ ซากดกึ ดำ� บรรพ์ ๓๘๗ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๒.๑ การเกดิ ซากดกึ ดำ� บรรพ์ ๓๘๘ เฉลยใบงาน ๔๑๗ ค�ำช้ีแจงประกอบแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๒.๒ ประโยชนข์ องซากดกึ ดำ� บรรพ์ ๔๓๒ แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒.๒ ประโยชนข์ องซากดกึ ดำ� บรรพ ์ ๔๓๕ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

สารบัญ (ต่อ) หนา้ ๔๓๖ ๔๔๗ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒.๒ ประโยชน์ของซากดกึ ดำ� บรรพ์ ๔๕๓ เฉลยใบงาน ๔๖๖ ๔๖๗ เฉลยแบบทดสอบ บรรณานุกรม คณะผู้จดั ท�ำ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ค�ำแนะนำ� ส�ำหรับครูผู้สอน ๑. แนวคดิ หลกั การจดั การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตรม์ งุ่ ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามสามารถเขา้ ใจเนอื้ หาสาระวทิ ยาศาสตร์ และนำ� ความรไู้ ปอธบิ ายหรอื ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั ได้ รวมทงั้ เปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดฝ้ กึ ทกั ษะตา่ ง ๆ เช่น ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแกป้ ัญหา ทักษะการเขียน ทกั ษะการอา่ น นอกจากนีใ้ นการจดั กจิ กรรมยงั ม่งุ เนน้ การเรยี นรู รวมกันเปนกลุม ซ่ึงเป็นการเปดโอกาสใหผูเรียนได้รวมกันคิด ปรึกษาหารือ อภิปราย แกปญหา แสดงความคิดเห็น สะท้อนความคิด และได้น�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม ซึ่งชวยใหผู้เรียนไดพัฒนา ทั้งความรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะอ่ืน ๆ รวมท้ังคุณธรรม จริยธรรมอีกด้วย ในการจดั กลมุ อาจจดั เปน กลมุ ๒ คน หรอื กลมุ่ ๔-๖ คน หรอื อาจจดั กจิ กรรมรว่ มกนั ทงั้ ชน้ั ทง้ั นขี้ นึ้ อยกู่ บั วัตถุประสงค์ของการจัดกจิ กรรมการเรียนรูน้ ัน้ ๆ ในการดําเนินกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ส่ิงส�ำคัญที่ผูสอนควรคํานึงถึงเป็น อนั ดบั แรกคอื ความรพู น้ื ฐานของผเู รยี น ผสู อนอาจทบทวนหรอื ตรวจสอบความรเู้ ดมิ ของผเู้ รยี นโดยใช คาํ ถามหรอื กลวธิ ตี า่ ง ๆ ทก่ี ระตนุ้ ความสนใจของผเู้ รยี นและนำ� ไปสกู ารเรยี นรเู้ นอื้ หาใหม ขนั้ การสอน เนอื้ หาใหม่ ผสู อนอาจกำ� หนดสถานการณท์ เี่ ชอ่ื มโยงกบั เรอ่ื งราวในขนั้ ทบทวนความรหู้ รอื มคี ำ� ถาม และมี กิจกรรมให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (inquiry) ในการค้นหาค�ำตอบ ท่ีสงสัยด้วยตนเอง ผูสอนมีบทบาทเป็นผู้ใหอิสระทางความคิดกับผูเรียน คอยสังเกต ตรวจสอบ ความเข้าใจและคอยใหค้ วามชว่ ยเหลอื และคาํ แนะนําอยา่ งใกล้ชดิ ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ผสู อนควรใหผ เู รยี นแต่ละคนหรือแต่ละกล่มุ ไดน าํ เสนอ แนวคดิ เพราะผเู รยี นมโี อกาสแสดงแนวคดิ เพม่ิ เตมิ รว มกนั ซกั ถาม อภปิ รายขอ้ ขดั แยง้ ดว ยเหตแุ ละผล ผสู อนมโี อกาสเสรมิ ความรู้ ขยายความรหู้ รอื สรปุ ประเดน็ สาํ คญั ของสาระทนี่ าํ เสนอนน้ั ทาํ ใหก้ ารเรยี นรู้ ขยายวงกว้างและลึกมากขึ้น สามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ นอกจากนี้ยังท�ำให้ผูเรียน เกดิ เจตคตทิ ด่ี ี มคี วามภมู ใิ จในผลงาน เกดิ ความรสู กึ อยากทาํ กลา แสดงออก และจดจาํ สาระทต่ี นเอง ได้ออกมานาํ เสนอไดนาน รวมทง้ั ฝกึ การเปน็ ผู้นำ� ผู้ตาม รบั ฟงั ความคิดเห็นของผอู้ น่ื ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 1

๒. กระบวนการจัดการเรียนรู้ การนำ� ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรไู้ ปใช้ ครคู วรเตรียมตัวล่วงหน้าดังนี้ ๑. ศึกษาโครงสรา้ งชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพือ่ ใหท้ ราบวา่ ตลอดท้งั ปีการศกึ ษา นกั เรยี นตอ้ งเรยี นรทู้ งั้ หมดกห่ี นว่ ย แตล่ ะหนว่ ยมหี นว่ ยยอ่ ยอะไรบา้ ง ใชเ้ วลาสอนกชี่ วั่ โมง และมีก่แี ผน ๒. ศึกษาโครงสร้างหน่วยการเรียนรูว้ า่ แต่ละหนว่ ยการเรียนรู้มเี นื้อหาอะไรบ้าง เนื้อหาละ กชี่ ว่ั โมงซงึ่ จะชว่ ยใหค้ รผู สู้ อนมองเหน็ ภาพรวมของการสอนในหนว่ ยดงั กลา่ วไดอ้ ยา่ งชดั เจน ๓. ศึกษาแนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ซ่ึงอยู่หนา้ แผนแตล่ ะแผน เป็นการสรุปแนวการ จดั กจิ กรรมในแตล่ ะขนั้ ตอนการสอน ทำ� ใหค้ รมู องเหน็ ภาพรวมของการจดั การเรยี นรใู้ น ชวั่ โมงน้ัน ๆ ๔. ศึกษาแผนการจดั การเรยี นรู้ ตามหวั ข้อตอ่ ไปนี้ ๔.๑ ขอบเขตเนอื้ หา เปน็ เนอ้ื หาที่นักเรยี นตอ้ งเรยี นรู้ในแผนทกี่ ำ� ลังศกึ ษา ๔.๒ สาระส�ำคัญ เป็นความคิดรวบยอดหรือหลักการที่นักเรียนควรจะได้หลังจาก ไดเ้ รยี นรู้ตามแผนทก่ี ำ� หนด ๔.๓ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ แบง่ เปน็ ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และด้านคณุ ธรรม ๔.๔ กจิ กรรมการเรียนรู้ แบ่งเปน็ ขน้ั น�ำ ขัน้ สอน และข้นั สรุป ซงึ่ แต่ละขั้นครูผู้สอน ควรศึกษาท�ำความเข้าใจอย่างละเอียด นอกจากน้ีครูควรพิจารณาด้วยว่า ในแตล่ ะขน้ั ตอนการสอน ครจู ะตอ้ งศกึ ษาว่ามสี ่อื /อปุ กรณ์อะไรบา้ ง ๔.๕ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ เป็นการบอกรายการส่ือ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ที่ต้องใช้ ในการจัดกิจกรรมการเรียนรใู้ นช่ัวโมงน้นั ๔.๖ การประเมิน เปน็ การบอกทั้งวิธีการ เคร่ืองมือ และเกณฑ์การประเมิน สำ� หรับ เคร่อื งมอื การประเมินในชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้นี้ ได้จัดเตรียมไว้ให้ ครผู สู้ อนเรยี บรอ้ ยแล้ว ๓. สือ่ การจัดการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๖ สอื่ การจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ประกอบดว้ ย ๓.๑ แผนการจัดการเรียนรู้ส�ำหรับครู ใช้เป็นแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้กับนกั เรยี น ๓.๒ ใบกิจกรรมส�ำหรับนักเรียน ใช้ฝึกทักษะปฏิบัติ หรือสร้างความคิดรวบยอด ในบทเรียน โดยในใบกิจกรรมจะประกอบด้วยใบงาน ให้นักเรียนได้บันทึกผล การท�ำกิจกรรม การตอบค�ำถามหลังจากท�ำกิจกรรมเพ่ือทบทวนสิ่งท่ีได้เรียนรู้ จากการท�ำกิจกรรม และมีแบบฝึกหัดเพื่อประเมินการเรียนรู้หลังจากเรียนจบ ในแต่ละกจิ กรรม 2 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

๓.๓ แบบทดสอบ เปน็ การวัดความรู้ความเข้าใจตามตัวชี้วดั ท่ีกำ� หนดไวใ้ นหลักสตู ร ใบกิจกรรมของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ ได้มีการก�ำหนดสัญลักษณ์รูปดาว ๕ แฉก จ�ำนวน ๖ ดวง และแถบสีม่วง โดย บ. หมายถึง ใบกิจกรรม ผ. หมายถงึ แผนการจดั การเรยี นรู้ เช่น บ. ๑.๑ / ผ. ๑ .๑ - ๐๑ ระดบั ชน้ั ใบกจิ กรรม หนว่ ยท่ี หนว่ ยยอ่ ยที่ แผนท่ี ใบงานท่ี หมายเหตุ : เลขแสดงล�ำดับของแผนการจัดการเรียนรู้จะเรียงต่อกันจนครบทุกแผน ในแตล่ ะหนว่ ยยอ่ ย และใบงานจะเรยี งเลขตอ่ กนั ในแตล่ ะแผน เมอื่ ขนึ้ หนว่ ยใหม่ การแสดงลำ� ดบั เลขของทงั้ หนว่ ยย่อย แผน และใบงานจะเรม่ิ ตน้ ใหม่ ๔. ลักษณะชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ จดั ทำ� เปน็ หหนว่ ยการเรยี นรู้ (Learning Unit) ซง่ึ ไดจ้ ากการวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และได้จัดแบ่งหน่วยการเรียนรู้ในชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้น้ี ออกเป็น ๒ เลม่ ดงั นี้ เล่ม ๑ ประกอบดว้ ย หน่วยการเรียนรู้ ๓ หน่วย ดงั นี้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ สารอาหารกับระบบยอ่ ยอาหาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ อาหารกับการรบั ประทานอาหาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๒ ระบบย่อยอาหาร หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๒ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนือ้ ผสม 3 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ หน่วยยอ่ ยที่ ๑ หนิ วฏั จกั รหนิ และประโยชน์ของหนิ และแร่ หน่วยย่อยที่ ๒ ซากดกึ ดำ� บรรพแ์ ละการน�ำไปใชป้ ระโยชน์ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

เลม่ ๒ ประกอบดว้ ยหนว่ ยการเรียนรู้ ๓ หน่วย ดงั นี้ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ การเปลี่ยนแปลงของโลก หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ การเกิดลม หน่วยย่อยท่ี ๒ พิบตั ภิ ัย หนว่ ยย่อยที่ ๓ ปรากฏการณ์เรอื นกระจก หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๕ ไฟฟ้าและแรงไฟฟา้ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ ไฟฟา้ หนว่ ยย่อยท่ี ๒ แรงไฟฟา้ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๖ อุปราคาและเทคโนโลยอี วกาศ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ อุปราคา หน่วยยอ่ ยท่ี ๒ เทคโนโลยีอวกาศ ๕. แผนการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ การจดั ทำ� แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กำ� หนดใหใ้ นแตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรปู้ ระกอบดว้ ย แผนการจดั การเรยี นรหู้ ลายแผน โดยแผนการจดั การเรยี นรู้ แตล่ ะแผนประกอบด้วย สาระส�ำคัญ ขอบเขตเนื้อหา จุดประสงค์การเรียนรู้ ซึ่งมีทั้งด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และด้านคุณธรรม กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ และการวัดและประเมิน และทุกแผนการจัดการเรียนรู้จะมีแนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ อยู่หน้าแผน ซงึ่ เปน็ การสรปุ ภาพรวมของการจัดกิจกรรมการเรยี นร้ใู นช่ัวโมงน้ัน ๆ ในทุกข้นั ตอน การสอน ตั้งแต่ข้ันน�ำ ขั้นสอน ข้ันสรุป และการประเมินผล นอกจากน้ียังมีเฉลยค�ำตอบ ในใบงาน และเฉลยแบบทดสอบดว้ ย 4 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Science Process Skills) การเรยี นรทู้ างวทิ ยาศาสตรจ์ ำ� เปน็ ตอ้ งใชท้ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรเ์ พอื่ นำ� ไปสกู่ ารสบื เสาะ ค้นหาผ่านการสังเกต ทดลอง สร้างแบบจ�ำลอง และวิธีการอ่ืน ๆ เพ่ือน�ำข้อมูลสารสนเทศ และหลักฐานเชิงประจักษ์มาสร้างค�ำอธบิ ายเกย่ี วกับแนวคดิ หรือองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ทักษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย ทักษะการสังเกต (Observing) เป็นความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหน่ึง หรอื หลายอยา่ ง สำ� รวจวตั ถหุ รอื ปรากฏการณต์ า่ ง ๆ ในธรรมชาตหิ รอื จากการทดลอง โดยไมล่ งความคดิ เหน็ ของผสู้ งั เกตลงไปดว้ ย ประสาทสมั ผสั ทงั้ ๕ อยา่ ง ไดแ้ ก่ การดู การฟงั เสยี ง การดมกลน่ิ การชมิ รส และการสัมผสั ทกั ษะการวดั (Measuring) เปน็ ความสามารถในการเลอื กใชเ้ ครอ่ื งมอื ในการวดั ปรมิ าณตา่ ง ๆ ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงความสามารถในการหาปริมาณของสิ่งต่าง ๆ จากเครื่องมือท่ีเลือกใช้ ออกมาเป็นตวั เลขไดถ้ กู ต้องและรวดเรว็ พร้อมระบุหน่วยของการวดั ได้อยา่ งถูกต้อง ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู (Inferring) เปน็ ความสามารถในการคาดการณอ์ ยา่ งมหี ลกั การ เกย่ี วกบั เหตกุ ารณ์หรือปรากฏการณ์ โดยใช้ขอ้ มูล (Data) หรือสารสนเทศ (Information) ทเ่ี คย เก็บรวบรวมไว้ในอดีต ทกั ษะการจำ� แนกประเภท (Classifying) เปน็ ความสามารถในการแยกแยะ จดั พวกหรอื จดั กลมุ่ สง่ิ ตา่ ง ๆ ทสี่ นใจ เชน่ วตั ถุ สง่ิ มชี วี ติ ดาว และเทหะวตั ถตุ า่ ง ๆ หรอื ปรากฏการณท์ ตี่ อ้ งการศกึ ษา ออกเปน็ หมวดหมู่ นอกจากนย้ี งั หมายถงึ ความสามารถในการเลอื กและระบเุ กณฑ์ หรอื ลกั ษณะรว่ ม ลักษณะใดลกั ษณะหนง่ึ ของส่ิงตา่ ง ๆ ท่ีตอ้ งการจ�ำแนก ทกั ษะการหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซ (Relationship between Space and Space) และทักษะการความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั เวลา (Relationship of Space and Time) สเปซ (Space) คือ พ้ืนท่ีที่วัตถุครอบครอง ในท่ีน้ีอาจเป็นต�ำแหน่ง รูปร่าง รูปทรงของวัตถุ ส่ิงเหลา่ นี้อาจมคี วามสมั พนั ธ์กนั ดงั น้ี ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ (Relationship between Space and Space) เปน็ ความสามารถในการหาความเกย่ี วขอ้ งสมั พนั ธก์ นั ระหวา่ งพน้ื ทที่ วี่ ตั ถตุ า่ ง ๆ ครอบครอง ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับเวลา (Relationship of Space and Time) เปน็ ความสามารถในการหาความเกย่ี วขอ้ งสมั พนั ธก์ นั ระหวา่ งพน้ื ทท่ี วี่ ตั ถคุ รอบครองเมอื่ เวลาผา่ นไป ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 5

ทกั ษะการใชจ้ ำ� นวน (Using Number) เปน็ ความสามารถในการใชค้ วามรสู้ กึ เชงิ จำ� นวน และการคำ� นวณ เพอ่ื บรรยายหรือระบุรายละเอียดเชงิ ปรมิ าณของส่งิ ทสี่ ังเกตหรือทดลอง ทกั ษะการจดั กระทำ� และสอื่ ความหมายขอ้ มลู (Organizing and Communicating Data) เปน็ ความสามารถในการน�ำผลการสังเกต การวดั การทดลอง จากแหล่งตา่ ง ๆ มาจดั กระท�ำใหอ้ ยู่ใน รูปแบบที่มีความหมายหรือมีความสัมพันธ์กันมากข้ึน จนง่ายต่อการท�ำความเข้าใจหรือเห็นแบบรูป ของขอ้ มลู นอกจากนยี้ งั รวมถงึ ความสามารถในการนำ� ขอ้ มลู มาจดั ทำ� ในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ ตาราง แผนภมู ิ แผนภาพ วงจร กราฟ สมการ การเขยี นบรรยาย เพอ่ื สอ่ื สารใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจความหมายของ ข้อมูลมากขน้ึ ทกั ษะการพยากรณ์ (Predicting) เปน็ ความสามารถในบอกผลลพั ธข์ องปรากฏการณ์ สถานการณ์ การสงั เกต การทดลองทไี่ ดจ้ ากการสงั เกตแบบรปู ของหลกั ฐาน (Pattern of Evidence) การพยากรณ์ ทแ่ี ม่นย�ำจึงเป็นผลมาจากการสังเกตทีร่ อบคอบ การวัดทถี่ กู ตอ้ ง การบนั ทกึ และการจดั กระท�ำกบั ข้อมูลอยา่ งเหมาะสม ทกั ษะการตง้ั สมมตฐิ าน (Formulating Hypotheses) เปน็ ความสามารถในการอธบิ ายถงึ เหตแุ ละผล ของสงิ่ ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ กอ่ นจะทำ� การทดลอง โดยอาศยั การสงั เกต ความรู้ ประสบการณเ์ ดมิ เปน็ พน้ื ฐาน ของค�ำอธิบายล่วงหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่ยังไม่รู้มาก่อน หรือยังไม่เป็นหลักการ กฎ หรือทฤษฎีมาก่อน การตั้งสมมติฐานหรือค�ำอธิบายที่คิดไว้ล่วงหน้าจะกล่าวไว้เป็นข้อความที่บอกความสัมพันธ์ระหว่าง ตวั แปรตน้ (สงิ่ ทเ่ี ปน็ ตน้ เหต)ุ กบั ตวั แปรตาม (สง่ิ ทเี่ ปน็ ผลจากตน้ เหต)ุ ซงึ่ อาจเปน็ ไปตามทคี่ าดการณไ์ ว้ หรอื ไม่กไ็ ด้ ทักษะการก�ำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ (Defining Operationally) เป็นความสามารถในการ กำ� หนดความหมายและขอบเขตของสงิ่ ตา่ ง ๆ ทอ่ี ยใู่ นสมมตฐิ านของการทดลอง หรอื ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การทดลองให้เขา้ ใจตรงกัน และสามารถสังเกตหรอื วดั ได้ ทกั ษะการกำ� หนดและควบคมุ ตวั แปร (Controlling Variables) เปน็ ความสามารถในการกำ� หนด ตัวแปรต่าง ๆ ท้ังตัวแปรต้นและตัวแปรตาม ให้สอดคล้องกับสมมติฐานของการทดลอง รวมถึงความสามารถในการระบุและควบคุมตัวแปรอ่ืน ๆ นอกเหนือจากตัวแปรต้น แต่อาจส่งผล ต่อผลการทดลอง หากไม่ควบคุมให้เหมือนกันหรือเท่ากัน ตัวแปรที่เก่ียวข้องกับการทดลอง ได้แก่ ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรท่ีต้องควบคุมให้คงท่ี ซ่ึงล้วนเป็นปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องกับ การทดลองดงั น้ี ตัวแปรต้น (Independent Variable) ส่ิงที่เป็นต้นเหตุท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลง จึงต้องจัดสถานการณ์ให้มสี ่งิ นแ้ี ตกตา่ งกนั 6 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ตัวแปรตาม (Dependent Variable) สิ่งท่ีเป็นผลจากการจัดสถานการณ์บางอย่าง ให้แตกตา่ งกนั และเราต้องสงั เกต วดั หรือติดตามดู ตัวแปรที่ต้องควบคุมให้คงที่ (Controlled Variable) ส่ิงต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการ จดั สถานการณ์ จึงตอ้ งจัดสิ่งเหล่าน้ีให้เหมือนกันหรือเท่ากัน เพื่อให้ม่ันใจว่าผลจากการ จดั สถานการณเ์ กดิ จากตวั แปรตน้ เทา่ น้ัน ทกั ษะการทดลอง (Experimenting) การทดลองประกอบดว้ ย ๓ ขน้ั ตอน คอื การออกแบบการ ทดลอง การปฏิบัตกิ ารทดลอง และการบนั ทึกผลการทดลอง ทักษะการทดลองจงึ เป็นความสามารถ ในการออกแบบและวางแผนการทดลองได้อย่างรอบคอบ และสอดคล้องกับค�ำถามการทดลองและ สมมตฐิ าน รวมถงึ ความสามารถในการดำ� เนนิ การทดลองไดต้ ามแผน และความสามารถในการบนั ทกึ ผล การทดลองไดล้ ะเอยี ด ครบถว้ น และเที่ยงตรง ทกั ษะการตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ (Interpreting and Making Conclusion) ความสามารถ ในการแปลความหมาย หรอื การบรรยายลกั ษณะและสมบัติของขอ้ มูลทีม่ ีอยู่ ตลอดจนความสามารถ ในการสรุปความสัมพนั ธ์ของข้อมูลทั้งหมด ทกั ษะการสรา้ งแบบจำ� ลอง (Formulating Models) ความสามารถในการสรา้ งและใชส้ งิ่ ทที่ ำ� ขน้ึ มา เพ่ือเลียนแบบหรืออธิบายปรากฏการณ์ที่ศึกษาหรือสนใจ เช่น กราฟ สมการ แผนภูมิ รูปภาพ ภาพเคลอื่ นไหว รวมถงึ ความสามารถในการใชแ้ บบจำ� ลองนำ� เสนอปรากฏการณ์ อธบิ ายความสมั พนั ธ์ ของแตล่ ะองคป์ ระกอบในการจำ� ลองและอธบิ ายแนวคดิ รวบยอดทเ่ี กย่ี วกบั ปรากฏการณข์ องแบบจำ� ลอง แบบต่าง ๆ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 7

โครงสรา้ งของชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร (๑๑ ช่วั โมง) หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๖ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๒ อปุ ราคาและเทคโนโลยอี วกาศ การแยกสาร (๑๒ ชัว่ โมง) (๑๑ ชวั่ โมง) รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (๘๐ ชว่ั โมง/ปี) หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๓ ไฟฟา้ และแรงไฟฟ้า หนิ และ (๑๓ ชั่วโมง) ซากดึกดำ� บรรพ์ (๑๗ ชัว่ โมง) หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๔ การเปลี่ยนแปลงของโลก (๑๖ ชั่วโมง) 8 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

แนวทางการจัดหนว่ ยการเรียนรู้ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เลม่ ๑ (ภาคเรยี นที่ ๑) เลม่ ๒ (ภาคเรียนท่ี ๒) หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ สารอาหารกับ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๔ ระบบยอ่ ยอาหาร การเปลี่ยนแปลงของโลก หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๕ การแยกสาร ไฟฟา้ และแรงไฟฟ้า หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๓ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๖ หินและซากดกึ ด�ำบรรพ์ อุปราคาและเทคโนโลยีอวกาศ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 9

โครงสร้างรายวชิ าวิทยาศาสตร์ ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ หนว่ ยการเรยี นรู้/ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลาทีใ่ ช้ (ชวั่ โมง) ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ ว ๑.๒ ป. ๖/๑ ระบสุ ารอาหาร •• สสง่ิ ามรชีอวีาติหทารง้ั ทพอ่ี ชื ยแใู่ ลนะอสาตัหวาม์รมโี คี ร๖งสปรรา้ ะงเแภลทะ สารอาหารกับ และบอกประโยชนข์ องสารอาหาร ลไักดษ้แณก่ะคทา่ีเหร์โมบาไะฮสเดมรใตนแตโป่ลระตแีนหลไ่งขทมี่อันยู่ แตล่ ะประเภทจากอาหารทต่ี นเอง ซเง่ึกเลปอื น็ แผร่ลวมติ าาจมานิ กกแาลระปนรำ�้ บั ตวั ของสงิ่ มชี วี ติ ระบบยอ่ ยอาหาร รบั ประทาน เพ•่ือใาหา้ดร�ำแรตงล่ ชะีวชิตนดแิ ปลระะอกยอู่รบอดดว้ ยไสดา้ใรนอแาหตา่ลระ /๑๑ ชว่ั โมง ว ๑.๒ ป.๖/๒ บอกแนวทางใน แทหแี่ลตง่ กทตอี่ า่ยงู่กเนัชน่ อาผหกัารตบบาชงวอายมา่ งชี ปอ่ รงะอกาอกบาดศว้ ใยน การเลอื กรบั ประทานอาหารใหไ้ ด้ กสา้ านรใอบาชหว่ ายรใปหรล้ ะอเภยนทำเ�้ ดไดยี ว้ ตอน้ าโหกางรกบาางงทอขี่ ยน้ึ า่ องยู่ สารอาหารครบถว้ น ในสดั สว่ นท่ี ใปนปรา่ะชกาอยเบลดนม้วรียาสกคาำร้� จอนุ าทหำ� าใหรล้มำ� าตกน้ กไมวล่ ่าม้ เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้ง ปหลนางึ่มปคี รระบี เภชวท่ ยในการเคลอ่ื นทใี่ นนำ้� ความปลอดภยั ตอ่ สขุ ภาพ • สารอาหารแตล่ ะประเภทมปี ระโยชน์ ว ๑.๒ ป.๖/๓ ตระหนักถึง ตอ่ รา่ งกายแตกตา่ งกนั โดยคารโ์ บไฮเดรต ความส�ำคัญของสารอาหาร โปรตีน และไขมันเป็นสารอาหารที่ให้ โดยการเลือกรับประทานอาหาร พลงั งานแกร่ า่ งกาย สว่ นเกลอื แร่ วติ ามนิ ทม่ี สี ารอาหารครบถว้ นในสดั สว่ น และนำ้� เปน็ สารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งาน ทเี่ หมาะสมกบั เพศและวยั รวมทง้ั แกร่ า่ งกาย แตช่ ว่ ยใหร้ า่ งกายทำ� งานไดเ้ ปน็ ปลอดภยั ตอ่ สขุ ภาพ ปกติ • การรบั ประทานอาหาร เพอื่ ใหร้ า่ งกาย เจรญิ เตบิ โต มกี ารเปลย่ี นแปลงของรา่ งกาย ตามเพศและวยั และมสี ขุ ภาพดี จำ� เปน็ ต้องรับประทานให้ได้พลังงานเพียงพอ กบั ความตอ้ งการของรา่ งกายและใหไ้ ด้ สารอาหารครบถว้ น ในสดั สว่ นทเี่ หมาะสม กบั เพศและวยั รวมทง้ั ตอ้ งคำ� นงึ ถงึ ชนดิ และ ปริมาณของวัตถุเจือปนในอาหารเพื่อ ความปลอดภยั ตอ่ สขุ ภาพ 10 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

โครงสรา้ งรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ หน่วยการเรียนร/ู้ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เวลาท่ีใช้ (ช่วั โมง) ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้ ว ๑.๒ ป.๖/๔ สรา้ งแบบจำ� ลอง •• สระง่ิ บมบชี ยวี อ่ ติ ยทอาง้ั หพาชื รแปลระกสอตั บวดม์ว้ ยโี คอรวยงั สวะรตา้ า่งงแลๆะ ระบบย่อยอาหาร และบรรยาย ลไักดษแ้ กณ่ ปะาทกี่เหหมลาอะดสอมาหใานรแกตร่ละะเพแาหะลอ่งาทหาี่อรยู่ ห น ้ า ที่ ข อ ง อ วั ย ว ะ ใ น ร ะ บ บ ซลงึ่ ำ�เปไสน็ เ้ ลผก็ลมลาำ� จไสากใ้ หกญาร่ ปทรวบัารตหวั นขกั องตสบั งิ่ มแชี ลวี ะติ ย่อยอาหาร รวมท้ังอธิบาย เพตบื่ัออใอ่หน้ด�ำซรงึ่ งทชำ� หีวิตนา้แทลรี่ ะว่ อมยกนู่ัรอในดกไาดร้ใยนอ่ ยแแตล่ละะ การย่อยอาหารและการดูดซึม แดหดูลซง่ มทึ สอ่ี ายรู่ อเชาหน่ ารผกั ตบชวามชี อ่ งอากาศใน สารอาหาร ก-า้ ปนาใกบมชฟวี่ ยนั ใชหว่ ลย้ บอดยเนคำ้� ย้ี ไวดอ้ าตหน้าโรกใหงมก้ ขาี งนทาดขี่ เน้ึ ลอก็ ยู่ ว ๑.๒ ป.๖/๕ ตระหนักถึง ใลนงปแา่ ลชะามยลี เลน้ิ นชว่มยรี คาลกกุคเำ้�คจลนุา้ อทาำ� หใหารล้ กำ� บัตนน้ ำ้�ไลมาล่ ยม้ ความสำ� คญั ของระบบยอ่ ยอาหาร ปใลนานมำ้� คีลราบียชมว่เี อยนในไซกมายร์ เอ่ คยลแอื่ ปนง้ ทใหใ่ี เน้ ปนน็ ำ้�นำ้� ตาล โดยการบอกแนวทางในการดูแล - หลอดอาหารทำ� หนา้ ทล่ี ำ� เลยี งอาหาร รักษาอวัยวะในระบบย่อยอาหาร จากปากไปยังกระเพาะอาหาร ภายใน ใหท้ ำ� งานเปน็ ปกติ กระเพาะอาหารมกี ารยอ่ ยโปรตนี โดยกรด และเอนไซมท์ สี่ รา้ งจากกระเพาะอาหาร - ล�ำไส้เล็กมีเอนไซม์ที่สร้างจากผนัง ล�ำไส้เล็กเองและจากตับอ่อนที่ช่วย ย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมัน โดยโปรตนี คารโ์ บไฮเดรต และไขมนั ทผ่ี า่ น การยอ่ ยจนเปน็ สารอาหารขนาดเลก็ พอ ทจี่ ะดดู ซมึ ได้ รวมถงึ นำ้� เกลอื แร่ และวติ ามนิ จะถกู ดดู ซมึ ทผี่ นงั ลำ� ไสเ้ ลก็ เขา้ สกู่ ระแสเลอื ด เพอื่ ลำ� เลยี งไปยงั สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย ซ่ึงโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน จะถกู นำ� ไปใชเ้ ปน็ แหลง่ พลงั งานสำ� หรบั ใชใ้ นกจิ กรรมตา่ ง ๆ สว่ นนำ�้ เกลอื แร่ และ วติ ามนิ จะชว่ ยใหร้ า่ งกายทำ� งานไดเ้ ปน็ ปกติ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 11

โครงสรา้ งรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ระดับช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ (ต่อ) หนว่ ยการเรยี นรู้/ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ เวลาที่ใช้ (ชวั่ โมง) ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ ว ๒.๑ ป.๖/๑ อธิบายและ • สารผสมประกอบดว้ ยสารตง้ั แต่ ๒ ชนดิ การแยกสาร เปรียบเทียบการแยกสารผสม ขน้ึ ไปผสมกนั เชน่ นำ�้ มนั ผสมนำ้� ขา้ วสาร /๑๑ ชั่วโมง โดยการหยิบออก การร่อน ปนกรวดทราย วธิ กี ารทเ่ี หมาะสมในการ การใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู การรนิ ออก แยกสารผสมขนึ้ อยกู่ บั ลกั ษณะและสมบตั ิ การกรอง และการตกตะกอน ของสารทผ่ี สมกนั ถา้ องคป์ ระกอบของ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ สารผสมเปน็ ของแขง็ กบั ของแขง็ ทม่ี ขี นาด รวมท้ังระบุวิธีแก้ปัญหาในชีวิต แตกตา่ งกนั อยา่ งชดั เจน อาจใชว้ ธิ กี าร ประจำ� วันเก่ยี วกับการแยกสาร หยบิ ออกหรอื การรอ่ นผา่ นวสั ดทุ ม่ี รี ู ถา้ มี สารใดสารหนง่ึ เปน็ สารแมเ่ หลก็ อาจใชว้ ธิ กี าร ใช้แม่เหล็กดึงดูด ถ้าองค์ประกอบเป็น ของแขง็ ทไ่ี มล่ ะลายในของเหลว อาจใชว้ ธิ ี การรนิ ออก การกรอง หรอื การตกตะกอน ซง่ึ วธิ กี ารแยกสารสามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ ในชวี ติ ประจำ� วนั ได้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๓ ว. ๓.๒ ป.๖/๑ เปรียบเทยี บ • หินเป็นวัสดุแข็งเกิดข้ึนเองตาม หินและ ก ร ะ บ ว น ก า ร เ กิ ด หิ น อั ค นี ธรรมชาติ ประกอบด้วยแร่ตั้งแต่ ซากดกึ ด�ำบรรพ์ หินตะกอน และหินแปร และ หนึ่งชนิดข้ึนไป สามารถจ�ำแนกหิน อธบิ ายวฏั จกั รหนิ จากแบบจำ� ลอง ตามกระบวนการเกดิ ไดเ้ ปน็ ๓ ประเภท /๑๘ ชวั่ โมง ไดแ้ ก่ หนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร • หนิ อคั นเี กดิ จากการเยน็ ตวั ของแมกมา เน้ือหินมีลักษณะเป็นผลึก ท้ังผลึก ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก บางชนิด อาจเปน็ เนอ้ื แกว้ หรอื มรี พู รนุ 12 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

โครงสร้างรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ระดับช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ (ตอ่ ) หนว่ ยการเรยี นรู้/ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลาทใ่ี ช้ (ชว่ั โมง) ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้ • หนิ ตะกอน เกดิ จากการทบั ถมของตะกอน เมอื่ ถกู แรงกดทบั และมสี ารเชอื่ มประสาน จึงเกิดเป็นหิน เน้ือหินกลุ่มน้ีส่วนใหญ่ มลี กั ษณะเปน็ เมด็ ตะกอนมที งั้ เนอื้ หยาบ และเนื้อละเอียด บางชนิดเป็นเน้ือผลึก ท่ียึดเกาะกัน เกิดจากการตกผลึกหรือ ตกตะกอนจากน้�ำโดยเฉพาะน้�ำทะเล บางชนิดมีลักษณะเป็นชั้น ๆ จึงเรียก อกี ชอ่ื วา่ หนิ ชน้ั • หนิ แปร เกดิ จากการแปรสภาพของหนิ เดมิ ซง่ึ อาจเปน็ หนิ อคั นี หนิ ตะกอน หรอื หนิ แปร โดยการกระทำ� ของความรอ้ น ความดนั และปฏกิ ริ ยิ าเคมี เนอื้ หนิ ของหนิ แปรบางชนดิ ผลึกของแร่เรียงตัวขนานกันเป็นแถบ บางชนิดแซะออกเป็นแผ่นได้ บางชนิด เปน็ เนอื้ ผลกึ ทมี่ คี วามแขง็ มาก • หนิ ในธรรมชาตทิ ง้ั ๓ ประเภท มกี าร เปลีย่ นแปลงจากประเภทหนง่ึ ไปเปน็ อีก ประเภทหนงึ่ หรอื ประเภทเดมิ ได้ โดยมี แบบรปู การเปลยี่ นแปลงคงทแ่ี ละตอ่ เนอ่ื ง ว. ๓.๒ ป.๖/๒ บรรยาย • หนิ และแรแ่ ตล่ ะชนดิ มลี กั ษณะและสมบตั ิ และยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ แตกต่างกัน มนษุ ยใ์ ชป้ ระโยชน์จากแร่ ของหินและแร่ในชีวิตประจ�ำวัน ในชวี ติ ประจำ� วนั ในลกั ษณะตา่ ง ๆ เชน่ จากขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้ น�ำแร่มาท�ำเคร่ืองส�ำอาง ยาสีฟัน เครอ่ื งประดบั อปุ กรณท์ างการแพทย์ และ นำ� หนิ มาใชใ้ นงานกอ่ สรา้ งตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 13

โครงสรา้ งรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ (ตอ่ ) หนว่ ยการเรยี นร้/ู ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลาทใี่ ช้ (ช่วั โมง) ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้ ว ๓.๒ ป.๖/๓ สรา้ งแบบจำ� ลอง • ซากดกึ ดำ� บรรพเ์ กดิ จากการทบั ถมหรอื ทอี่ ธบิ ายการเกดิ ซากดกึ ดำ� บรรพ์ การประทับรอยของส่ิงมีชีวิตในอดีตจน และคาดคะเนสภาพแวดล้อม เกดิ เปน็ โครงสรา้ งของซากหรอื รอ่ งรอยของ ในอดตี ของซากดกึ ด�ำบรรพ์ สงิ่ มชี วี ติ ทปี่ รากฏอยใู่ นหนิ ในประเทศไทย พบซากดกึ ดำ� บรรพท์ หี่ ลากหลาย เชน่ พชื ปะการงั หอย ปลา เตา่ ไดโนเสาร์ และ รอยตนี สตั ว์ • ซากดึกด�ำบรรพ์สามารถใช้เป็น หลกั ฐานหนง่ึ ทชี่ ว่ ยอธบิ ายสภาพแวดลอ้ ม ของพ้ืนท่ีในอดีตขณะเกิดสิ่งมีชีวิตนั้น เชน่ หากพบซากดกึ ดำ� บรรพ์ ของหอย น�้ำจืด สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นอาจ เคยเป็นแหล่งน�้ำจืดมาก่อนและหากพบ ซากดกึ ดำ� บรรพข์ องพชื สภาพแวดลอ้ ม บ ริ เ ว ณ นั้ น อ า จ เ ค ย เ ป ็ น ป ่ า ม า ก ่ อ น นอกจากนี้ซากดึกด�ำบรรพ์ยังสามารถ ใช้ระบุอายุของหิน และเป็นข้อมูล ในการศกึ ษาววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี วี ติ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๔ ว ๓.๒ ป.๖/๔ เปรยี บเทยี บ • ลมบก ลมทะเล และมรสมุ เกดิ จากพนื้ ดนิ การเปลี่ยนแปลงของ การเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสมุ และพื้นนำ้� รอ้ นและเยน็ ไม่เท่ากนั ท�ำให้ อุณหภูมิอากาศเหนือพ้ืนดินและพื้นน�้ำ โลก รวมทง้ั อธบิ ายผลทม่ี ตี อ่ สงิ่ มชี วี ติ แตกตา่ งกนั จงึ เกดิ การเคลอื่ นทข่ี องอากาศ /๑๖ ช่ัวโมง และสง่ิ แวดลอ้ มจากแบบจำ� ลอง จากบริเวณที่มีอุณหภูมิต่�ำไปยังบริเวณ ทมี่ อี ณุ หภมู สิ งู 14 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

โครงสรา้ งรายวชิ าวิทยาศาสตร์ ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ (ต่อ) หน่วยการเรียนรู้/ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลาที่ใช้ (ชว่ั โมง) ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้ • ลมบกและลมทะเลเปน็ ลมประจำ� ถนิ่ ทพี่ บ บรเิ วณชายฝง่ั โดยลมบกเกดิ ในเวลากลางคนื ท�ำให้มีลมพัดจากชายฝั่งไปสู่ทะเล ส่วน ลมทะเลเกดิ ในเวลากลางวนั ทำ� ใหม้ ลี มพดั จากทะเลเขา้ สชู่ ายฝง่ั ว ๓.๒ ป.๖/๕ อธิบายผล • มรสมุ เปน็ ลมประจำ� ฤดเู กดิ บรเิ วณเขตรอ้ น ข อ ง มรสุมต่อการเกิดฤดูของ ของโลก ซงึ่ เปน็ บรเิ วณกวา้ งระดบั ภมู ภิ าค ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย จ า ก ข ้ อ มู ล ประเทศไทยได้รับผลจากมรสุมตะวันออก ที่รวบรวมได้ เฉยี งเหนอื ในชว่ งประมาณกลางเดอื นตลุ าคม จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ท�ำให้เกิดฤดูหนาว และได้รับผลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม จนถึงกลางเดือนตุลาคมท�ำให้เกิดฤดูฝน ส่วนช่วงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ จนถงึ กลางเดอื นพฤษภาคมเปน็ ชว่ งเปลยี่ น มรสมุ และประเทศไทยอยใู่ กลเ้ สน้ ศนู ยส์ ตู ร แสงอาทติ ยเ์ กอื บตงั้ ตรง และตง้ั ตรงประเทศไทย ในเวลาเทยี่ งวนั ทำ� ใหไ้ ดร้ บั ความรอ้ นจาก ดวงอาทิตย์อย่างเต็มท่ี อากาศจึงร้อน อบอา้ วทำ� ใหเ้ กดิ ฤดรู อ้ น ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 15

โครงสรา้ งรายวิชาวิทยาศาสตร์ ระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ต่อ) หน่วยการเรยี นรู้/ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เวลาที่ใช้ (ชว่ั โมง) ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้ ว ๓.๒ ป.๖/๖ บรรยายลกั ษณะ • นำ�้ ทว่ ม การกดั เซาะชายฝง่ั ดนิ ถลม่ และผลกระทบของน้�ำท่วม แผ่นดินไหว และสึนามิ มีผลกระทบ การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม ต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน แผน่ ดินไหว สนึ ามิ • มนุษย์ควรเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนให้ ปลอดภัย เช่น ติดตามข่าวสาร ว ๓.๒ ป.๖/๗ ตระหนักถึง อย่างสม่�ำเสมอ เตรียมถุงยังชีพให้ ผลกระทบของภัยธรรมชาติ พรอ้ มใชต้ ลอดเวลา และปฏบิ ตั ติ ามคำ� สงั่ และธรณีพิบัติภัย โดยน�ำเสนอ ของผปู้ กครองและเจา้ หนา้ ทอ่ี ยา่ งเครง่ ครดั แนวทางในการเฝ้าระวังและ เมื่อเกิดภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย ป ฏิ บั ติ ต น ใ ห ้ ป ล อ ด ภั ย จ า ก ภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย ทอ่ี าจเกิดในท้องถนิ่ ว ๓.๒ ป.๖/๘ สรา้ งแบบจำ� ลอง • ปรากฏการณ์เรือนกระจกเกิดจาก ท่ีอธิบายการเกิดปรากฏการณ์ แกส๊ เรอื นกระจกในชนั้ บรรยากาศของโลก เรือนกระจก และผลของ กักเก็บความร้อนแล้วคายความร้อน ปรากฏการณ์เ รื อ น ก ร ะ จ ก บางสว่ นกลบั สผู่ วิ โลก ทำ� ใหอ้ ากาศบนโลก ตอ่ สงิ่ มชี ีวติ มีอุณหภูมิเหมาะสมต่อการด�ำรงชีวิต ว ๓.๒ ป.๖/๙ ตระหนกั ถึง • หากปรากฏการณเ์ รอื นกระจกรนุ แรง ผลกระทบของปรากฏการณ์ มากขึ้นจะมีผลต่อการเปล่ียนแปลง เรือนกระจก โดยน�ำเสนอ ภูมิอากาศโลก มนุษย์จึงควรร่วมกัน แ น ว ท า ง ก า ร ป ฏิ บั ติ ต น เ พ่ื อ ลดกจิ กรรมทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ แกส๊ เรอื นกระจก ลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊ส เรอื นกระจก 16 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

โครงสร้างรายวชิ าวิทยาศาสตร์ ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ต่อ) หน่วยการเรียนรู้/ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เวลาทใ่ี ช้ (ช่ัวโมง) ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๕ ว ๒.๓ ป.๖/๑ ระบสุ ว่ นประกอบ • วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบด้วย ไฟฟ้าและแรงไฟฟา้ และบรรยายหน้าที่ของแต่ละ แหล่งก�ำเนิดไฟฟ้า สายไฟฟ้า และ ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า /๑๓ ช่วั โมง อย่างง่ายจากหลักฐานเชิง แหล่งก�ำเนิดไฟฟ้า เช่น ถ่านไฟฉาย ประจกั ษ์ หรอื แบตเตอร่ี ทำ� หนา้ ทใี่ หพ้ ลงั งานไฟฟา้ สายไฟฟา้ เปน็ ตวั นำ� ไฟฟา้ ทำ� หนา้ ทเี่ ชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งแหลง่ กำ� เนดิ ไฟฟา้ และเครอ่ื งใช้ ไฟฟา้ เขา้ ดว้ ยกนั เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ มหี นา้ ท่ี เปลยี่ นพลงั งานไฟฟา้ เปน็ พลงั งานอน่ื ว ๒.๓ ป.๖/๓ ออกแบบ • เมื่อน�ำเซลล์ไฟฟ้าหลายเซลล์มาต่อ การทดลองและทดลองด้วยวิธี เรียงกันโดยให้ข้ัวบวกของเซลล์ไฟฟ้า ที่ เ ห ม า ะ ส ม ใ น ก า ร อ ธิ บ า ย เซลลห์ นงึ่ ตอ่ กบั ขวั้ ลบของอกี เซลลห์ นงึ่ วิ ธี ก า ร แ ล ะ ผ ล ข อ ง ก า ร ต ่ อ เปน็ การตอ่ แบบอนกุ รมทำ� ใหม้ พี ลงั งาน เ ซ ล ล ์ ไ ฟ ฟ ้ า แ บ บ อ นุ ก ร ม ไฟฟ้าเหมาะสมกับเคร่ืองใช้ไฟฟ้า ซ่ึงการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม ว ๒.๓ ป.๖/๔ ตระหนักถึง สามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั ป ร ะ โ ย ช น ์ ข อ ง ค ว า ม รู ้ ข อ ง เช่น การต่อเซลล์ไฟฟ้าในไฟฉาย การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม โดยบอกประโยชน์และการ ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำวัน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 17

โครงสรา้ งรายวิชาวิทยาศาสตร์ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ (ตอ่ ) หนว่ ยการเรียนร/ู้ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลาที่ใช้ (ช่ัวโมง) ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๖ ว ๒.๓ ป.๖/๕ ออกแบบ • การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมเม่ือ อุปราคาและ การทดลองและทดลองด้วยวิธี ถอดหลอดไฟฟา้ ดวงใดดวงหนง่ึ ออกทำ� ให้ ท่ีเหมาะสมในการอธิบายการ หลอดไฟฟ้าท่ีเหลือดับทั้งหมด ส่วน เทคโนโลยอี วกาศ ตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รมและ การตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบขนาน เมอ่ื ถอด /๑๑ ชั่วโมง แบบขนาน ห ล อ ด ไ ฟ ฟ ้ า ด ว ง ใ ด ด ว ง ห นึ่ ง อ อ ก ห ล อ ด ไ ฟ ฟ ้ า ที่ เ ห ลื อ ก็ ยั ง ส ว ่ า ง ไ ด ้ ว ๒.๓ ป.๖/๖ ตระหนักถงึ การตอ่ หลอดไฟฟา้ แตล่ ะแบบสามารถ ประโยชน์ของความรู้ของการ น�ำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น การต่อ ตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รมและ หลอดไฟฟ้าหลายดวงในบ้าน แบบขนาน โดยบอกประโยชน์ จึงต้องต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนาน ข้อจ�ำกัด และการประยุกต์ใช้ เพอื่ เลอื กใชห้ ลอดไฟฟา้ ดวงใดดวงหนง่ึ ในชีวิตประจำ� วัน ไดต้ ามตอ้ งการ • เมอื่ นำ� วตั ถทุ บึ แสงมากนั้ แสงจะเกดิ เงา ว ๒.๓ ป.๖/๗ อธิบายการ บนฉากรบั แสงทอี่ ยดู่ า้ นหลงั วตั ถุ โดยเงา เกิดเงามืดเงามัวจากหลักฐาน มรี ปู รา่ งคลา้ ยวตั ถทุ ท่ี ำ� ใหเ้ กดิ เงา เงามวั เชงิ ประจกั ษ์ เปน็ บรเิ วณทม่ี แี สง บางสว่ นตกลงบนฉาก สว่ นเงามดื เปน็ บรเิ วณทไี่ มม่ แี สงตกลงบน ว ๒.๓ ป.๖/๘ เขยี นแผนภาพ ฉากเลย รงั สขี องแสงแสดงการเกดิ เงามดื เงามัว 18 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

โครงสรา้ งรายวิชาวิทยาศาสตร์ ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ (ต่อ) หนว่ ยการเรยี นรู้/ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ เวลาทใ่ี ช้ (ช่ัวโมง) ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้ ว ๓.๑ ป.๖/๑ สรา้ งแบบจำ� ลอง • เมอื่ โลกและดวงจนั ทร์ โคจรมาอยใู่ น ทอี่ ธบิ ายการเกดิ และเปรยี บเทยี บ แนวเส้นตรงเดียวกันกับดวงอาทิตย์ ปรากฏการณ์สุริยุปราคาและ ในระยะทางทเ่ี หมาะสม ทำ� ใหด้ วงจนั ทร์ จนั ทรุปราคา บงั ดวงอาทติ ย์ เงาของดวงจนั ทรท์ อดมายงั โลก ผสู้ งั เกตทอี่ ยบู่ รเิ วณเงาจะมองเหน็ ว ๓.๑ ป.๖/๒ อธิบาย ดวงอาทิตย์มืดไป เกิดปรากฏการณ์ พฒั นาการของเทคโนโลยอี วกาศ สุริยุปราคาซ่ึงมีทั้งสุริยุปราคาเต็มดวง และยกตวั อยา่ งการนำ� เทคโนโลยี สุริยุปราคาบางส่วน และสุริยุปราคา อวกาศมาใช้ประโยชน์ใน วงแหวน ชีวิตประจ�ำวัน จากข้อมูลท่ี • หากดวงจนั ทรแ์ ละโลกโคจรมาอยใู่ น รวบรวมได้ แนวเส้นตรงเดียวกันกับดวงอาทิตย์ แลว้ ดวงจนั ทรเ์ คลอื่ นทผี่ า่ นเงาของโลก จะมองเหน็ ดวงจนั ทรม์ ดื ไปเกดิ ปรากฏการณ์ จนั ทรปุ ราคา ซง่ึ มที งั้ จนั ทรปุ ราคาเตม็ ดวง และจนั ทรปุ ราคาบางสว่ น • เทคโนโลยอี วกาศเรมิ่ จากความตอ้ งการ ของมนษุ ย์ ในการสำ� รวจวตั ถทุ อ้ งฟา้ โดย ใชต้ าเปลา่ กลอ้ งโทรทรรศน์ และไดพ้ ฒั นา ไปสกู่ ารขนสง่ เพอื่ สำ� รวจอวกาศดว้ ยจรวด และยานขนสง่ อวกาศ และยงั คงพฒั นา อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ปจั จบุ นั มกี ารนำ� เทคโนโลยี อวกาศบางประเภทมาประยุกต์ใช้ ในชวี ติ ประจำ� วนั เชน่ การใชด้ าวเทยี ม เพอื่ การสอื่ สาร การพยากรณอ์ ากาศ หรอื การสำ� รวจทรพั ยากรธรรมชาติ การใช้ อปุ กรณว์ ดั ชพี จรและการเตน้ ของหวั ใจ หมวกนริ ภยั ชดุ กฬี า ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 19

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ สารอาหารกบั ระบบย่อยอาหาร 20 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวชี้วดั ของหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร (จ�ำนวน ๑๑ ช่ัวโมง) ม าตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลำ� เลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีท�ำงานสัมพันธ์กัน ความสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องอวยั วะตา่ ง ๆ ของพชื ทที่ ำ� งานสมั พนั ธก์ นั รวมทง้ั นำ� ความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว ๑.๒ ป. ๖/๑ ร ะบุสารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหาร ท่ีตนเองรับประทาน ว ๑.๒ ป. ๖/๒ บอกแนวทางในการเลอื กรบั ประทานอาหารใหไ้ ดส้ ารอาหารครบถว้ นในสดั สว่ น ทีเ่ หมาะสมกับเพศและวัย รวมท้ังความปลอดภยั ต่อสขุ ภาพ ว ๑.๒ ป. ๖/๓ ตระหนักถึงความส�ำคัญของสารอาหาร โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มี สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งปลอดภัย ตอ่ สุขภาพ ว ๑.๒ ป. ๖/๔ สร้างแบบจ�ำลองระบบย่อยอาหาร และบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบ ย่อยอาหาร รวมท้งั อธบิ ายการยอ่ ยอาหารและการดดู ซมึ สารอาหาร ว ๑.๒ ป. ๖/๕ ตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ของระบบยอ่ ยอาหารโดยการบอกแนวทางในการดแู ล รักษาอวยั วะในระบบย่อยอาหารให้ท�ำงานเป็นปกติ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 21

ลำ� ดบั การน�ำเสนอแนวคิดหลกั ของหน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ สารอาหารกับระบบยอ่ ยอาหาร อาหารเปน็ ปัจจยั หน่ึงทชี่ ว่ ยใหร้ า่ งกายเจริญเติบโตและดำ� รงชวี ิตอยู่ได้ อาหารท่เี รารับประทานมีสารอาหาร ซ่ึงเป็นสารทมี่ ปี ระโยชน์ต่อรา่ งกาย แบ่งได้เป็น ๖ ประเภท ได้แก่ โปรตีน คารโ์ บไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลอื แร่ และน�้ำ อาหารแต่ละอย่างมปี ระเภทและปรมิ าณของสารอาหารแตกต่างกัน สารอาหารแตล่ ะประเภทมีประโยชนต์ า่ ง ๆ ต่อรา่ งกายเพอ่ื ใหร้ ่างกายเจรญิ เติบโตและดำ� รงชวี ติ อยไู่ ด้ สารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เปน็ สารอาหารท่ใี ห้พลงั งานแกร่ ่างกาย ส่วนเกลอื แร่ วิตามิน และนำ้� เป็นสารอาหารท่ไี ม่ใหพ้ ลังงานแกร่ า่ งกาย แต่ชว่ ยใหร้ า่ งกายท�ำงานไดเ้ ปน็ ปกติ ในแต่ละวนั เราควรรับประทานอาหารใหไ้ ด้รบั สารอาหารครบท้ัง ๖ ประเภท และรับประทานใหไ้ ด้ปรมิ าณ พลงั งานทเ่ี พียงพอต่อความตอ้ งการของรา่ งกายในแต่ละวนั รวมทง้ั ต้องได้สัดส่วนตามธงโภชนาการ และ ตอ้ งคำ� นึงถึงความปลอดภัยต่อสขุ ภาพ เมื่อรับประทานอาหารแล้ว ร่างกายจะนำ� สารอาหารประเภทตา่ ง ๆ ใปใชป้ ระโยชนไ์ ด้โดยผา่ น ระบบยอ่ ยอาหาร ระบบยอ่ ยอาหารเปน็ ระบบอวัยวะของรา่ งกาย มหี น้าทย่ี อ่ ยสารอาหารทีม่ ีขนาดใหญใ่ ห้มขี นาดเล็กลง จนร่างกายสามารถดูดซมึ และน�ำไปใช้ประโยชน์ได้ 22 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ล�ำดับการน�ำเสนอแนวคดิ หลกั ของหน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ สารอาหารกับระบบย่อยอาหาร (ต่อ) อวยั วะในระบบย่อยอาหารประกอบด้วย ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ล�ำไส้เล็ก ตับ ตับอ่อน ล�ำไส้ใหญ่ และทวารหนัก ซงึ่ แตล่ ะอวัยวะมีลักษณะและหน้าท่ีแตกต่างกัน แตท่ ำ� งานรว่ มกันในการย่อย และดูดซึมสารอาหาร ระบบย่อยอาหารมคี วามสำ� คัญเพราะเป็นระบบท่ที ำ� ให้รา่ งกายได้รับสารอาหารท่ีเปน็ ประโยชน์ ท้งั ที่ ให้พลงั งานและท�ำให้ร่างกายทำ� งานและเจรญิ เติบโตไดอ้ ย่างปกติ เราควรมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ถกู ต้อง เพ่ือให้อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารไดท้ ํางานเปน็ ปกติ ไม่เปน็ โรคท่เี ก่ยี วข้องกับระบบย่อยอาหาร ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 23

โครงสรา้ งแผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ สารอาหารกับระบบยอ่ ยอาหาร แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๑.๒ (สารอาหารและประโยชน์ (รับประทานอาหารให้เหมาะสม ของสารอาหาร) กับเพศและวัย) (๒ ชั่วโมง) (๔ ชั่วโมง) หน่วยย่อยที่ ๑ (อาหารกบั การรับประทานอาหาร) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ สารอาหารกับระบบยอ่ ยอาหาร (๑๑ ช่ัวโมง) หน่วยยอ่ ยที่ ๒ (ระบบยอ่ ยอาหาร) แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๒ (ระบบย่อยอาหาร) (๕ ชวั่ โมง) 24 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ อาหารกับการรับประทานอาหาร ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 25

หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ อาหารกับการรับประทานอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ ชือ่ หนว่ ย สารอาหารกบั ระบบย่อยอาหาร จำ� นวนเวลาเรียน ๖ ชั่วโมง จำ� นวนแผนการจัดการเรยี นรู้ ๒ แผน ส าระสำ� คัญของหน่วย อาหารเปน็ สงิ่ ทเี่ รารบั ประทานแลว้ มปี ระโยชนต์ อ่ รา่ งกาย โดยในอาหารจะมสี ารอาหารประเภทตา่ ง ๆ ซ่ึงมีประโยชน์เพื่อการเจริญเติบโตและการด�ำรงชีวิต ในแต่ละวันเราต้องเลือกรับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายแต่ละเพศและวัย รวมท้ัง ปลอดภยั ต่อสขุ ภาพ มาตรฐานและตัวชี้วดั มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การล�ำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ท�ำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีท�ำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้ง นำ� ความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตัวช้ีวัด ว ๑.๒ ป. ๖/๑ ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหาร ทีต่ นเองรับประทาน ว ๑.๒ ป. ๖/๒ บอกแนวทางในการเลอื กรบั ประทานอาหารใหไ้ ดส้ ารอาหารครบถว้ นในสดั สว่ น ท่เี หมาะสมกบั เพศและวัย รวมท้ังความปลอดภัยตอ่ สขุ ภาพ ว ๑.๒ ป. ๖/๓ ตระหนักถึงความส�ำคัญของสารอาหาร โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มี สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งปลอดภัย ต่อสขุ ภาพ 26 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ล�ำดบั การนำ� เสนอแนวคดิ หลักของหนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ อาหารกับการรับประทานอาหาร อาหารเปน็ ปจั จยั หนงึ่ ทช่ี ่วยใหร้ ่างกายเจริญเติบโตและดำ� รงชีวิตอยู่ได้ อาหารที่เรารับประทานมีสารอาหาร ซงึ่ เป็นสารท่ีมปี ระโยชนต์ ่อร่างกาย แบง่ ไดเ้ ป็น ๖ ประเภท ได้แก่ โปรตนี คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลอื แร่ และน�้ำ อาหารแต่ละอยา่ งมีประเภทและปรมิ าณของสารอาหารแตกต่างกัน สารอาหารแตล่ ะประเภทมีประโยชนต์ ่าง ๆ ตอ่ ร่างกายเพ่อื ใหร้ ่างกายเจริญเตบิ โตและด�ำรงชวี ติ อยไู่ ด้ สารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นสารอาหารที่ใหพ้ ลังงานแกร่ า่ งกาย ส่วนเกลือแร่ วิตามนิ และนำ้� เปน็ สารอาหารทีไ่ มใ่ หพ้ ลังงานแก่รา่ งกาย แตช่ ่วยใหร้ ่างกายท�ำงานได้เป็นปกติ ในแตล่ ะวันเราควรรบั ประทานอาหารให้ได้รับสารอาหารครบท้งั ๖ ประเภท และรับประทานให้ได้ปรมิ าณ พลงั งานท่เี พยี งพอต่อความต้องการของรา่ งกายในแต่ละวนั รวมทงั้ ตอ้ งไดส้ ดั ส่วนตามธงโภชนาการ และ ตอ้ งคำ� นึงถึงความปลอดภัยต่อสขุ ภาพ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 27

โครงสรา้ งของหนว่ ยย่อยที่ ๑ อาหารกับการรับประทานอาหาร หนว่ ยการเรยี นรู้ ชือ่ หน่วยยอ่ ย จ�ำนวนแผน ชื่อแผนการจดั การเรยี นรู้ จำ� นวนชว่ั โมง หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ หน่วยย่อยที่ ๑ ๒ ๑.๑ สารอาหารและประโยชน์ ๒ ๔ ส า ร อ า ห า ร กั บ อาหารกับการ ของสารอาหาร ระบบย่อยอาหาร รบั ประทานอาหาร ๑.๒ รับประทานอาหาร ให้เหมาะสมกับเพศ และวัย 28 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ค�ำชี้แจงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑.๑ สารอาหารและประโยชนข์ องสารอาหาร เวลา ๒ ช่วั โมง ๑. สาระส�ำคญั ของแผน สารอาหารมี ๖ ประเภท ไดแ้ ก่ โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต ไขมนั เกลอื แร่ วติ ามนิ และนำ้� สารอาหาร แตล่ ะประเภทมปี ระโยชนต์ อ่ การเจรญิ เตบิ โตและการดำ� รงชวี ติ ของรา่ งกาย ๒. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการน�ำไปใช้ (ให้ระบุสิ่งท่ีต้องการเน้นหรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ ค�ำแนะน�ำ) ในเรือ่ งตอ่ ไปน้ี คือ ๒.๑ ขอบข่ายเนือ้ หา อาหารทเ่ี รารบั ประทานมสี ารอาหารซง่ึ เปน็ สารทมี่ ปี ระโยชนต์ อ่ รา่ งกาย แบง่ ไดเ้ ปน็ ๖ ประเภท ไดแ้ ก่ โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต ไขมนั วติ ามนิ เกลอื แร่ และนำ�้ อาหารแตล่ ะอยา่ งมปี ระเภทและปรมิ าณของ สารอาหารแตกตา่ งกนั อาหารบางอยา่ งอาจมสี ารอาหารประเภทเดยี ว หรอื มสี ารอาหารหลายประเภท สารอาหารแตล่ ะประเภทมปี ระโยชนต์ อ่ รา่ งกายเพอ่ื ใหร้ า่ งกายเจรญิ เตบิ โตและดำ� รงชวี ติ อยไู่ ด้ โดยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นสารอาหารท่ีให้พลังงานแก่ร่างกาย ส่วนเกลือแร่ วิตามิน และน้�ำ เป็นสารอาหารท่ีไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ช่วยให้ร่างกายท�ำงานได้เป็นปกติ ในแต่ละวันเราควรรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบท้ัง ๖ ประเภท เพ่ือให้ร่างกาย เจรญิ เติบโตและมีสขุ ภาพดี ๒.๒ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรมจริยธรรม ค่านยิ ม) (ถา้ มี) จดุ ประสงค์ด้านความรู้ ๑. บอกความหมายและประโยชน์ของสารอาหาร ๒. ระบุประเภทของสารอาหารทรี่ บั ประทานในชีวติ ประจ�ำวนั จุดประสงค์ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๑. การจ�ำแนกประเภท ๒. การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรุป จ ดุ ประสงค์ดา้ นคุณธรรม ๑. มงุ่ ม่นั ในการท�ำงาน ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 29

๒.๓ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ๑) การเตรยี มตัวของครู นักเรียน (การจัดกลมุ่ ) (ถ้าม)ี การจดั กลุ่ม โดยแบง่ นักเรยี นออกเปน็ กลุม่ กลุ่มละ ๔-๕ คน ๒) การเตรียมสือ่ วสั ดุอุปกรณ์ ของครู นักเรยี น (ถ้ามี) ส ง่ิ ท่ีครตู อ้ งเตรียม คอื ครอู าจเตรยี มหนงั สอื หรอื เวบ็ ไซตท์ น่ี า่ เชอื่ ถอื เกยี่ วกบั ประโยชนข์ องสารอาหารประเภทตา่ ง ๆ ไว้ใหน้ ักเรียนได้ศึกษาเพมิ่ เติมจากใบความรู้ เชน่ http://www.human.cmu.ac.th/home/hc/ebook/006103/lesson7/01.htm http://sci.bsru.ac.th/sciweb/Download/subject/HealthandBeauty/chap-03-2.pdf ส ิง่ ที่นกั เรียนต้องเตรยี ม คอื - ๓) เตรยี มใบงาน ใบความรู้ ใบกิจกรรม (ถ้าม)ี ๓.๑ ใบงาน ๐๑ อาหารกบั สารอาหาร ๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เร่อื งอาหารและสารอาหาร ๒.๔ วัดผลประเมินผล (ถา้ ม)ี ๑) วธิ ีการวัดผลประเมินผลการเรยี นรู้ ๑.๑ การตอบค�ำถามในใบงาน ๑.๒ สังเกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการท�ำกจิ กรรม ๑.๓ สงั เกตพฤตกิ รรมด้านคณุ ธรรมขณะท�ำกิจกรรม ๒) วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์ ๒.๑ เครอ่ื งมอื และเกณฑ์ในการประเมินด้านความรู้ ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคำ� ถามในใบงาน แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังนี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เคร่ืองมอื และเกณฑ์ในการประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สงั เกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ (ดังแนบ) นำ� คะแนนมารวมกัน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดงั น้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน 30 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

๒.๓ เคร่อื งมือและเกณฑใ์ นการประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม (ดงั แนบ) นำ� คะแนน มารวมกนั แล้วใชเ้ กณฑ์ในการใหค้ ะแนนดงั น้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) การทดสอบกอ่ นเรียน หลังเรยี น แบบฝึกหัดก่อนเรียน หลงั เรยี น ท�ำแบบฝึกหัดในใบงานหลงั เรยี น ๓. อน่ื ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 31

32 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนร้ขู องแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร เรอื่ งสารอาหารและประโยชนข์ องสารอาหาร เวลา ๒ ชัว่ โมง กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร ์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ข้นั น�ำ แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ สอน ข้ันสรุป • ตอบค�ำถามเพื่อทบทวนความส�ำคัญของอาหารต่อการเจริญเติบโตและหมอู่ าหาร ขั้นประเมนิ ผล • ศกึ ษาประเภทและประโยชน์ของสารอาหารจากใบความรู้เร่ืองประโยชนข์ องสารอาหาร • ท�ำกิจกรรมท่ี ๑ สารอาหารคอื อะไร • ท�ำใบงาน ๐๑ อาหารกบั สารอาหาร • อภปิ รายการจ�ำแนกประเภทและประโยชน์ของสารอาหาร • อภปิ รายและลงข้อสรปุ เกยี่ วกับความหมาย ประเภทและประโยชนข์ องสารอาหาร • ทำ� ใบงาน ๐๒ แบบฝึกหดั เรอื่ งอาหารกบั สารอาหาร • ประเมนิ จากการตอบค�ำถาม • ประเมินจากการท�ำกจิ กรรมในช้ันเรียน • ประเมนิ จากการท�ำแบบฝกึ หดั

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 33 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๑ สารอาหารและประโยชน์ของสารอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร หน่วยยอ่ ยที่ ๑ อาหารกับการรับประทานอาหาร เวลา ๒ ช่ัวโมง ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ขอบเขตเนือ้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ (๒ ชว่ั โมง) ส่อื / แหลง่ เรยี นรู้ อาหารที่เรารับประทานมี ชว่ั โมงท่ี ๑ สารอาหาร ซ่ึงเป็นสารท่ีมีประโยชน์ ขนั้ น�ำ (๕ นาที) - ต่อร่างกาย แบ่งได้เป็น ๖ ประเภท ๑. ครทู บทวนความรพู้ นื้ ฐานเกย่ี วกบั สงิ่ ทจี่ ำ� เปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและการดำ� รงชวี ติ ภาระงาน / ชน้ิ งาน ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ของมนษุ ย์ทเี่ รยี นมาแลว้ ในช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ โดยใชค้ �ำถาม ดังน้ี ๑. การบนั ทึกผลการท�ำกจิ กรรม วิตามิน เกลือแร่ และน�้ำ อาหาร ๑.๑ สิง่ ที่จ�ำเป็นตอ่ การเจริญเตบิ โตและการด�ำรงชีวิตของมนษุ ย์ มีอะไรบา้ ง ในใบงาน แต่ละอย่างมีประเภทและปริมาณ (อาหาร น้�ำ อากาศ) ๒. การท�ำแบบฝกึ หดั ของสารอาหารแตกต่างกัน อาหาร ๑.๒ สิ่งต่าง ๆ เหล่าน้ันมีประโยชน์อย่างไร (อาหารช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และเจริญเตบิ โต น�้ำช่วยให้รา่ งกายท�ำงานไดอ้ ย่างปกติ สว่ นอากาศใช้ บางอยา่ งอาจมสี ารอาหารประเภทเดยี ว ในการหายใจ) วิธกี ารประเมิน หรอื มสี ารอาหารหลายประเภท ๑.๓ อาหารหมายถงึ อะไร (สงิ่ ทเ่ี รารบั ประทานไดโ้ ดยปลอดภยั และใหส้ ารอาหาร ๑. การตอบคำ� ถามในแบบฝกึ หดั สารอาหารแตล่ ะประเภทมี ท่ีเปน็ ประโยชนต์ ่อรา่ งกาย) ๒. สังเกตทักษะกระบวนการ ประโยชน์ต่อร่างกายเพ่ือให้ร่างกาย เจริญเติบโตและด�ำรงชีวิตอยู่ได้ ๒. ครูตรวจสอบความร้เู ดมิ ของนกั เรยี นเก่ยี วกับสารอาหาร โดยใชค้ ำ� ถาม ดงั น้ี ท า ง วิ ท ย า ศ า ส ต ร ์ ใ น ก า ร โดยคารโ์ บไฮเดรต โปรตนี และไขมนั ๒.๑ เมอ่ื เชา้ นน้ี กั เรยี นไดร้ บั ประทานอาหารอะไรบา้ ง (นกั เรยี นตอบสง่ิ ทต่ี นเอง ท�ำกจิ กรรม เปน็ สารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งานแกร่ า่ งกาย รบั ประทาน) ส่วนเกลือแร่ วิตามิน และน�้ำ เป็น ครูเลอื กอาหารทีน่ ักเรยี นตอบมา ๑ อยา่ ง เชน่ ขา้ วเหนียวหมทู อด ๓. สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม สารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งานแกร่ า่ งกาย ๒.๒ นักเรียนคิดว่าข้าวเหนียวหมูทอดมีสารอาหารอะไรบ้าง (นักเรียนตอบ ขณะทำ� กจิ กรรม แตช่ ว่ ยใหร้ า่ งกายทำ� งานไดเ้ ปน็ ปกติ ตามความเขา้ ใจของตนเอง เชน่ ในขา้ วเหนยี วมคี ารโ์ บไฮเดรต หมทู อด มโี ปรตีนและไขมนั )

34 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ สารอาหารและประโยชน์ของสารอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ อาหารกับการรับประทานอาหาร เวลา ๒ ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ ในแตล่ ะวนั เราควรรบั ประทานอาหาร ๒.๓ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน มีประโยชน์อย่างไร (นักเรียนตอบตาม เกณฑ์การประเมิน ให้ได้สารอาหารครบทงั้ ๖ ประเภท ความเข้าใจของตนเอง เช่น ท้ังคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ๑. การตอบค�ำถามในแบบฝึกหดั เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตและ เป็นสารอาหารที่ใหพ้ ลังงานแก่ร่างกาย) ไดถ้ กู ตอ้ งด้วยตนเอง ขัน้ สอน (๕๕ นาท)ี มีสขุ ภาพดี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ๓. นกั เรยี นอา่ นชอ่ื กจิ กรรมและจดุ ประสงคใ์ นใบกจิ กรรมที่ ๑ สารอาหารคอื อะไร - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน จดุ ประสงคด์ า้ นความรู้ หน้า ๓ จากนัน้ ร่วมกันอภิปรายเพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจเกีย่ วกบั จดุ ประสงค์ - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๑. บอกความหมายและประโยชน์ ในการท�ำกจิ กรรม โดยใช้ค�ำถามดังน้ี ๒. มีทักษะกระบวนการทาง ของสารอาหาร ๓.๑ กจิ กรรมนนี้ กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเรอื่ งอะไร (ความหมาย ประโยชนแ์ ละประเภท วทิ ยาศาสตร์ขณะท�ำกิจกรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ๒.ระบุประเภทของสารอาหาร ของสารอาหารท่ีรบั ประทานในชวี ติ ประจ�ำวัน) - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ทีร่ ับประทานในชวี ติ ประจ�ำวัน ๓.๒ นกั เรยี นจะได้เรยี นรเู้ รอ่ื งน้ดี ว้ ยวิธใี ด (รวบรวมข้อมูลและอภิปราย) - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓.๓ เมอื่ เรยี นแล้ว นักเรยี นจะท�ำอะไรได้ (บอกความหมายและประโยชนข์ อง จุดประสงค์ด้านทักษะกระบวนการ ๓. มีคณุ ลักษณะดา้ นคณุ ธรรม ทางวิทยาศาสตร์ สารอาหาร และระบปุ ระเภทของสารอาหารทร่ี บั ประทานในชวี ติ ประจำ� วนั ) - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ๔. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรใู้ นวนั นใี้ หน้ ักเรยี นทราบอีกครัง้ หนึ่ง - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ๑. การจ�ำแนกประเภท ๕. นกั เรยี นอา่ นวธิ ที ำ� ในใบกจิ กรรมที่ ๑ ขอ้ ๑-๒ หนา้ ๓ โดยฝกึ อา่ นตามความเหมาะสม - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒. การตีความหมายข้อมูลและ จากนนั้ รว่ มกันอภปิ รายเพ่อื สรปุ ขั้นตอนการทำ� กจิ กรรม โดยใช้คำ� ถามตอ่ ไปนี้ ลงข้อสรปุ ๕.๑ นกั เรียนรวบรวมข้อมลู เกีย่ วกบั เรื่องอะไร (ประเภทและประโยชน์ของ สารอาหาร) ๕.๒ นักเรียนจะรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับประเภทและประโยชน์ของสารอาหาร จากที่ใด (รวบรวมข้อมูลได้จากการอ่านใบความรู้เรื่องประโยชน์ และสารอาหาร และจากแหล่งการเรยี นรู้อื่น ๆ)

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 35 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ สารอาหารและประโยชน์ของสารอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ อาหารกบั การรับประทานอาหาร เวลา ๒ ชวั่ โมง ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ จุดประสงคด์ ้านคณุ ธรรม ๕.๓ นกั เรยี นจะรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรใู้ ดไดบ้ า้ ง (จากเว็บไซต์ท่ี ๑. มุง่ มน่ั ในการทำ� งาน น่าเช่อื ถอื จากผรู้ ู้ในชุมชน) ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๕.๔ หลงั จากอา่ นใบความรแู้ ลว้ นกั เรยี นทำ� อยา่ งไรตอ่ (สำ� รวจสารอาหารและ จำ� แนกสารอาหารท่ตี นเองรบั ประทานใน ๑ มื้อ แลว้ บนั ทึกผล) ๕.๕ เมอื่ บนั ทกึ ผลสำ� รวจและจำ� แนกประเภทของสารอาหารทต่ี นเองรบั ประทาน ใน ๑ ม้ือ แล้วนักเรียนต้องท�ำอย่างไรต่อไป (น�ำข้อมูลท่ีบันทึกแล้วมา แลกเปลย่ี นขอ้ มลู กบั เพอื่ น ตรวจสอบความถกู ตอ้ งในการจำ� แนกประเภท ของสารอาหารในอาหารทีร่ ับประทาน) ๖. เม่ือนกั เรียนเขา้ ใจวธิ กี ารทำ� กิจกรรมในวิธที ำ� แล้ว ครใู ห้นกั เรียนอ่านใบความรู้ หนา้ ๔–๖ หลงั จากทน่ี กั เรยี นอา่ นจบแลว้ ครชู กั ชวนนกั เรยี นอภปิ รายความรทู้ ไ่ี ด้ จากการอา่ นใบความรู้ โดยใช้ค�ำถามดังต่อไปน้ี ๖.๑ อาหารและสารอาหารเหมือนหรือต่างกันอย่างไร (อาหารและสารอาหาร จะแตกต่างกัน โดยอาหารหมายถึงสิ่งที่เรารับประทานได้โดยปลอดภัย และให้สารอาหารท่ีเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนสารอาหารหมายถึง สารที่มีอยู่ในอาหาร เป็นสารท่ีร่างกายสามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ในการ ด�ำรงชีวิตได)้ ๖.๒ สารอาหารแบง่ เปน็ กป่ี ระเภทอะไรบา้ ง (สารอาหารแบง่ ออกเปน็ ๖ ประเภท คอื คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมนั วิตามนิ เกลือแร่ และน้�ำ) ๖.๓ ถา้ ตอ้ งการใหร้ า่ งกายไดร้ บั พลงั งานจากสารอาหาร ควรรบั ประทานอาหารทม่ี ี สารอาหารประเภทใด (สารอาหารท่ีให้พลังงาน ได้แก่ ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต)

36 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑.๑ สารอาหารและประโยชน์ของสารอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ อาหารกับการรับประทานอาหาร เวลา ๒ ชั่วโมง ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ๖.๔ ถา้ รบั ประทานขา้ วมนั ไก่ จะไดส้ ารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งานอะไรบา้ ง เพราะเหตใุ ด (ได้โปรตีนเพราะสารอาหารประเภทโปรตีนพบมากในเน้ือสัตว์ คาร์โบไฮเดรตเพราะสารอาหารประเภทน้ีพบมากในข้าว และไขมัน เพราะพบมากในน้�ำมันจากพชื และจากสตั ว)์ ๖.๕ สารอาหารทไี่ มใ่ หพ้ ลงั งานไดแ้ กอ่ ะไร (สารอาหารทไี่ มใ่ หพ้ ลงั งานแกร่ า่ งกาย ไดแ้ ก่ วิตามนิ เกลือแร่ และน้�ำ) ๖.๖ ถ้าอยากให้ร่างกายได้รับวิตามินและเกลือแร่ เราควรรับประทานอาหาร ประเภทใด (ผกั และผลไม)้ ๖.๗ สารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งาน นอกจากใหพ้ ลงั งานแลว้ ยงั มปี ระโยชนอ์ ะไรอกี บา้ ง (ไขมันยังให้ความอบอุ่นกับร่างกาย โปรตีนช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และสารอาหารทั้งสามประเภทยังช่วยควบคุมการท�ำงานของร่างกายให้ เปน็ ปกติ) ๖.๘ ถ้ารับประทานอาหารที่มีสารประเภทไขมันน้อยเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ จะสง่ ผลอยา่ งไรตอ่ รา่ งกาย (จะทำ� ใหร้ า่ งกายซบู ผอม ผวิ หนงั ยน่ และอาจจะทำ� ให้ ขาดวติ ามนิ ชนดิ อนื่ ดว้ ย) ๖.๙ ถา้ รา่ งกายขาดสารอาหารประเภทโปรตนี และคารโ์ บไฮเดรต จะสง่ ผลอยา่ งไร ต่อร่างกายเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (สิ่งที่จะส่งผลต่อร่างกาย เหมือนกัน

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 37 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ สารอาหารและประโยชนข์ องสารอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ อาหารกับการรับประทานอาหาร เวลา ๒ ชว่ั โมง ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๖ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ คอื รา่ งกายซบู ผอม ออ่ นแอ ความตา้ นทานโรคมนี อ้ ย สว่ นทแ่ี ตกตา่ งกนั คอื ถา้ ขาดโปรตนี อาจเปน็ เลือดจางได้ง่าย) ๖.๑๐ สารอาหารท่ีไม่ให้พลังงาน มีประโยชน์กับร่างกายหรือไม่ อย่างไร (มี ประโยชน์ โดยวติ ามนิ และเกลอื แรช่ ว่ ยใหก้ ารทำ� งานของรา่ งกายเปน็ ปกติ ทำ� ให้ร่างกายเจริญเติบโตและมีสุขภาพดี และนำ�้ ยงั ชว่ ยในการลำ� เลียง อาหารและสารต่าง ๆ ไปทั่วร่างกาย) ๖.๑๑ ถา้ ขาดวติ ามนิ และเกลอื แรจ่ ะมผี ลตอ่ รา่ งกายเหมอื นกนั หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ยกตวั อยา่ ง (ไมเ่ หมอื นกนั ขนึ้ อยกู่ บั วา่ จะขาดวติ ามนิ หรอื เกลอื แรช่ นดิ ใด เชน่ ถา้ ขาดวติ ามนิ เอกอ็ าจทำ� ใหเ้ กดิ โรคตาฟางไดห้ รอื ถา้ ขาดธาตเุ หลก็ ก็อาจท�ำใหเ้ ป็นโรคโลหติ จางได)้ ๖.๑๒ ถ้าร่างกายขาดน้�ำ จะเป็นอย่างไร (จะท�ำให้อุณหภูมิของร่างกายสูง เกิดตะคริว หน้ามืด วงิ เวียน และอาจเสยี ชีวิตได)้ ๖.๑๓ ในอาหารหนึ่งอย่างจะมีสารอาหารประเภทเดียวหรือไม่ ยกตัวอย่าง (ขน้ึ อยกู่ บั ประเภทของอาหาร เชน่ นำ�้ มนั ทสี่ กดั จากพชื หรอื ไขมนั จากสตั ว์ จะมีสารอาหารประเภทเดียวคือไขมัน แต่ถ้าเป็นน�้ำมันพืชท่ีขายใน ทอ้ งตลาดจะพบวา่ มไี ขมนั เปน็ สารอาหารหลกั แตย่ งั มวี ติ ามนิ และเกลอื แร่ บา้ งเลก็ นอ้ ย หรอื ไกท่ อด ถา้ พจิ ารณาทสี่ ารอาหารหลกั กจ็ ะมโี ปรตนี ใน เน้ือไก่ คาร์โบไฮเดรตในแป้ง และไขมันในน�้ำมันที่ทอด แต่ยังมี วิตามิน เกลอื แรใ่ นแปง้ และน้ำ� มนั และน้�ำในเนอื้ ไกอ่ ีกดว้ ย)

38 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑.๑ สารอาหารและประโยชน์ของสารอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร หน่วยย่อยท่ี ๑ อาหารกบั การรบั ประทานอาหาร เวลา ๒ ช่วั โมง ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๖ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๖.๑๔ ในแต่ละวันเราต้องรับประทานอาหารอย่างไร (รับประทานอาหารให้ ได้รบั สารอาหารครบท้งั ๖ ประเภท) ๗. นักเรียนร่วมกันส�ำรวจสารอาหารและจ�ำแนกประเภทของสารอาหารท่ีตนเอง รับประทานใน ๑ มื้อ แล้วบันทึกผลลงใบงาน ๐๑ อาหารกับสารอาหาร หนา้ ๗–๘ โดยครใู หค้ วามชว่ ยเหลอื ในการบนั ทกึ สว่ นประกอบของอาหารดว้ ย และอธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา่ ใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ เฉพาะสารอาหารหลกั ทไ่ี ดจ้ ากอาหาร ตามข้อมูลในใบความรู้ หรือบันทึกข้อมูลท่ีแตกต่างจากในใบความรู้ได้ ตามข้อมูลที่หาได้จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น ข้าว สามารถบันทึก ในช่องคาร์โบไฮเดรต เน้ือไก่ บันทึกในช่องโปรตีน แตงกวา บันทึกในช่อง วิตามิน เกลือแร่ และน้�ำ หรือ ข้าวและเน้ือไก่ สามารถบันทึกในช่อง วติ ามิน เกลือแร่เพม่ิ เติมได้ข้ึนอยู่กับข้อมลู ของนักเรียน ขนั้ สรุป (๑๐ นาที) ๘. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนสรุปแนวคดิ หรือสิ่งท่ีไดเ้ รียนรใู้ นชั่วโมงนีด้ ว้ ยตนเอง เก่ยี วกับประเภทและประโยชน์ของสารอาหาร ๙. ครปู ระเมนิ ความเขา้ ใจโดยใหน้ กั เรยี นตรวจสอบคำ� ตอบทค่ี รถู ามในชว่ งขนั้ นำ� เขา้ สู่บทเรียนวา่ ข้าวเหนยี วหมทู อดมีสารอาหารอะไรบ้าง (ในขา้ วเหนยี วมี คารโ์ บไฮเดรต หมูทอดมีโปรตีนและไขมัน)

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 39 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑.๑ สารอาหารและประโยชนข์ องสารอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ อาหารกบั การรับประทานอาหาร เวลา ๒ ช่วั โมง ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๑๐. ครูน�ำนักเรียนสรุปแนวคิดรวบยอดท่ีได้เรียนในช่ัวโมงนี้ด้วยผังแนวคิดหรือ concept map ซ่งึ อาจมีรปู แบบและแนวคิดท่เี พ่ิมเตมิ จากตัวอยา่ งน้ไี ด้ สารอาหารในอาหาร ชว่ ยใน การเจรญิ เตบิ โต แบง่ เปน็ และการดำ� รงชวี ติ สารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งาน สารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งาน ไดแ้ ก่ ไดแ้ ก่ โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต ไขมนั วติ ามนิ เกลอื แร่ นำ้� พบมากใน พบมากใน พบมากใน พบมากใน พบมากใน พบ เชน่ เนอ้ื สตั ว์ ไข่ ขา้ ว แปง้ นำ�้ มนั และ นำ้� ดมื่ ในเนอ้ื สตั ว์ ถว่ั เมลด็ แหง้ เผอื ก มนั ไขมนั จากพชื ผกั และผลไม้ ผกั และผลไม้ ในนม ในผกั นม และงา และนำ�้ ตาล และสตั ว์ และผลไม้ ชว่ ยให้ ชว่ ยให้ ชว่ ยให้ พลงั งานและ ซอ่ มแซม พลงั งาน พลงั งานและ ชว่ ยให้ สว่ นทส่ี กึ หรอ กบั รา่ งกาย ความอบอนุ่ รา่ งกายทำ� งานไดเ้ ปน็ ปกติ แกร่ า่ งกาย

40 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑.๑ สารอาหารและประโยชนข์ องสารอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ อาหารกบั การรับประทานอาหาร เวลา ๒ ชัว่ โมง ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๑๑. ครูแจ้งวา่ ในชว่ั โมงถัดไป นักเรียนจะได้ท�ำกิจกรรมที่ ๑ ขอ้ ๓ ตอ่ ไป ชวั่ โมงท่ี ๒ ขัน้ นำ� (๕ นาท)ี ๑๒. ครทู บทวนความรทู้ ไ่ี ดเ้ รยี นแลว้ โดยใชผ้ งั แนวคดิ หรอื concept map ทไี่ ด้ ชว่ ยกนั เขยี นไว้กับนกั เรียน แล้วใช้ค�ำถามดงั ต่อไปน้ี ๑๒.๑ สารอาหารแบง่ เปน็ กกี่ ลมุ่ และแตล่ ะกลมุ่ มอี ะไรบา้ ง (สารอาหารแบง่ ออก เปน็ ๒ กลมุ่ ไดแ้ ก่ สารอาหารทใี่ หพ้ ลงั งาน ซง่ี มโี ปรตนี คารโ์ บไฮเดรต และไขมนั อกี กลมุ่ คอื สารอาหารทไี่ มใ่ หพ้ ลงั งาน ซง่ึ มวี ติ ามนิ เกลอื แร่ และนำ้� ) ๑๒.๒ สารอาหารทใี่ หพ้ ลงั งาน พบมากในอาหารประเภทใดบา้ ง (สารอาหาร ประเภทโปรตีนพบมากในเน้ือสัตว์ ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง และงา สารอาหารประเภทไขมัน พบมากในน�้ำมันและไขมันจากพืชและสัตว์ สว่ นสารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรตพบมากในขา้ ว แปง้ เผอื ก มนั และ นำ�้ ตาล) ๑๒.๓ สารอาหารทใี่ หพ้ ลังงาน นอกจากใหพ้ ลังงานแล้ว ยงั มปี ระโยชน์อะไร อกี บา้ ง (ไขมนั ยงั ใหค้ วามอบอุ่นกับรา่ งกาย โปรตนี ช่วยซอ่ มแซม ส่วนที่สึกหรอ)

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 41 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ สารอาหารและประโยชน์ของสารอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร หน่วยยอ่ ยที่ ๑ อาหารกบั การรับประทานอาหาร เวลา ๒ ชวั่ โมง ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๑๒.๔ วิตามิน เกลือแร่ และน�้ำ พบมากในอาหารประเภทใด (วิตามินและ เกลือแร่พบมากในผักและผลไม้ ส่วนน�้ำพบได้ทั่วไป เช่น ในน้�ำด่ืม ในเน้อื สัตว์ นม ผกั ผลไม)้ ๑๒.๕ สารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งานมปี ระโยชนห์ รอื ไม่ อยา่ งไร (มปี ระโยชน์ โดยชว่ ยให้ การทำ� งานของรา่ งกายเปน็ ปกต)ิ ๑๒.๖ ในอาหาร ๑ อยา่ ง จะมสี ารอาหารประเภทเดยี วหรอื ไม่ อยา่ งไร (อาจพบ สารอาหารประเภทเดยี วหรอื มากกวา่ ๑ ประเภท ขน้ึ อยกู่ บั สว่ นประกอบ ในอาหาร) ๑๓. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรขู้ องชวั่ โมงนใี้ หน้ กั เรยี นทราบ ขน้ั สอน (๔๕ นาท)ี ๑๔. นกั เรยี นอา่ นวธิ ที ำ� ในใบกจิ กรรมที่ ๑ ขอ้ ๓ หนา้ ๓ โดยฝกึ อา่ นตามความเหมาะสม จากน้ันร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปขั้นตอนการท�ำกิจกรรม โดยใช้ค�ำถามว่า เมอ่ื บนั ทกึ ผลสำ� รวจและจำ� แนกประเภทของสารอาหารทต่ี นเองรบั ประทานใน ๑ มอื้ แลว้ นกั เรยี นตอ้ งทำ� อยา่ งไรตอ่ ไป (นำ� ขอ้ มลู ทบี่ นั ทกึ แลว้ มาแลกเปลยี่ นขอ้ มลู กบั เพอ่ื น ตรวจสอบความถกู ตอ้ งในการจำ� แนกประเภทของสารอาหารในอาหารทรี่ บั ประทาน) ๑๕. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของผลการสำ� รวจสารอาหารและ จำ� แนกประเภทของสารอาหารในอาหารทแี่ ตล่ ะคนรบั ประทานใน ๑ มอื้ และ อภปิ รายประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากการรบั ประทานอาหาร

42 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑.๑ สารอาหารและประโยชน์ของสารอาหาร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ สารอาหารกบั ระบบยอ่ ยอาหาร หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ อาหารกบั การรบั ประทานอาหาร เวลา ๒ ชว่ั โมง ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๑๖. ครสู มุ่ ตวั แทนของนกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำ� เสนอขอ้ มลู ผลการสำ� รวจสารอาหาร และจำ� แนกประเภทของสารอาหารในอาหารทตี่ นเองรบั ประทานใน ๑ มอ้ื เพอ่ื แลกเปลย่ี นขอ้ มลู กบั เพอื่ น ๆ ๑๗. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายผลการจำ� แนกประเภทของสารอาหารในอาหาร ท่ีรับประทาน และประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับจากสารอาหาร โดยใช้ค�ำถามดังนี้ ๑๗.๑ สารอาหารคอื อะไร มอี ะไรบา้ ง (สารอาหารคอื สารทม่ี อี ยใู่ นอาหารซงึ่ มี ประโยชนต์ อ่ รา่ งกาย แบง่ ไดเ้ ปน็ ๖ ประเภท ไดแ้ ก่ โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต ไขมัน วติ ามิน เกลือแร่ และน�้ำ) ๑๗.๒ ในอาหารหนงึ่ อยา่ งจะมสี ารอาหารประเภทเดยี วหรอื ไม่ ยกตวั อยา่ ง (ใน อาหารหนึ่งอย่างอาจมีสารอาหารหลักประเภทเดียว เช่น น�้ำมันพืชมี สารอาหารประเภทไขมนั หรอื มสี ารอาหารหลักมากกวา่ ๑ ประเภท เช่น ไกท่ อด (ไม่ชบุ แปง้ ) มีสารอาหารประเภทโปรตนี และไขมัน) ๑๗.๓ ใน ๑ มื้อ นักเรียนรับประทานอาหารท่ีมีสารอาหารหลักครบทั้ง ๖ ประเภทหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามที่ได้บันทึก เช่น ไม่ครบ เพราะได้รับแต่สารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรต โปรตีน และไขมัน)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook