ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 243 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๑.๔ การใช้ประโยชนจ์ ากการแยกสารเนอื้ ผสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยที่ ๑ การแยกสารเนือ้ ผสม เวลา ๓ ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ จุดประสงค์ด้านทักษะกระบวนการ ๑.๓ การแยกหอยปนทรายกบั ผงเหลก็ ปนกบั ผงถา่ น ใชว้ ธิ กี ารแยกสารเหมอื นกนั วธิ ีการประเมนิ ทางวิทยาศาสตร์ หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (นกั เรยี นตอบตามความคดิ โดยครพู จิ ารณาเหตผุ ล ๑. การตอบคำ� ถามในแบบฝกึ หดั ๑. การสังเกต ของนักเรียนส�ำคัญ เช่น ไม่เหมือนกัน เพราะหอยมีขนาดใหญ่ชัดเจน ๒. การลงความเห็นจากขอ้ มลู ใช้วิธีการหยิบออกได้ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ด้วย ส่วนผงเหล็กปนกับถ่าน ๒. สังเกตทักษะกระบวนการ ๓. การตีความหมายข้อมูลและ ควรใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู เพราะผงเหลก็ เปน็ สารแมเ่ หลก็ ทด่ี งึ ดดู กบั แมเ่ หลก็ ได้ ทางวิทยาศาสตร์ในการ นอกจากนผี้ งเหลก็ และผงถา่ นมขี นาดใกลเ้ คยี งกนั ไมส่ ามารถใชก้ ารหยบิ ออก ทำ� กจิ กรรม ลงข้อสรุป การร่อนได)้ ๓. สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จุดประสงคด์ ้านคุณธรรม ๑.๔ วธิ กี ารแยกของแขง็ ออกจากของเหลวในสารเนอื้ ผสมมอี ะไรบา้ ง (การตกตะกอน ขณะทำ� กจิ กรรม ๑. ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน การรินออก การกรอง) ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๑.๕ วิธีการแยกดินออกจากน�้ำโคลน วิธีใดเหมาะสมท่ีสุด เพราะเหตุใด (นกั เรยี นตอบตามความคดิ โดยครพู จิ ารณาเหตผุ ลของนกั เรยี นสำ� คญั เชน่ ตกตะกอนแล้วรินออก เพราะดินจะตกลงสู่ก้นภาชนะตามแรงโน้มถ่วง ของโลกอย่แู ลว้ และไมต่ อ้ งหาอปุ กรณ์) ขัน้ สอน (๔๕ นาที) ๒. ครูชักชวนนักเรียนท�ำกิจกรรมที่ ๑ ใช้ประโยชน์จากการแยกสารเนื้อผสมได้ อย่างไร หน้า ๘๑ โดยให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและจุดประสงค์ จากนั้น ตรวจสอบความเขา้ ใจในจดุ ประสงค์ โดยใชค้ �ำถามดงั นี้ ๒.๑ กจิ กรรมนีน้ ักเรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (การใช้ประโยชน์จาการแยกสาร เนอื้ ผสมในชวี ติ ประจ�ำวัน) ๒.๒ นกั เรียนจะได้เรียนร้เู รอ่ื งนีด้ ้วยวธิ ใี ด (การสังเกต)
244 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑.๔ การใชป้ ระโยชนจ์ ากการแยกสารเนอื้ ผสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๓ ช่ัวโมง ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ๒.๓ เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (อธิบายการใช้ประโยชน์จาการแยก เกณฑ์การประเมนิ สารเน้อื ผสมในชวี ิตประจำ� วัน) ๑. การตอบคำ� ถามในแบบฝึกหัด ๓. ครูแจง้ จุดประสงค์ทีจ่ ะได้เรียนรูใ้ นช่ัวโมงนีใ้ หท้ ราบอกี คร้ัง ได้ถกู ต้องดว้ ยตนเอง ๔. นกั เรยี นอา่ นวธิ ที ำ� ในใบกจิ กรรมที่ ๑ หนา้ ๘๑ โดยฝกึ อา่ นตามความเหมาะสม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน จากนน้ั รว่ มกนั อภปิ รายเพ่อื สรุปขน้ั ตอนการทำ� กจิ กรรม โดยใชค้ ำ� ถามตอ่ ไปนี้ - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ๔.๑ ในขน้ั แรก นกั เรยี นตอ้ งทำ� อะไร (ปอกเปลอื กสม้ ออกแลว้ บบี นำ้� สม้ ออกจาก - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน เนือ้ สม้ เทนำ�้ ส้มทไ่ี ดใ้ สภ่ าชนะ และบันทึกลักษณะของนำ้� สม้ ) ๒. มีทักษะกระบวนการทาง ๔.๒ หลงั จากสงั เกตแลว้ นกั เรยี นตอ้ งอยา่ งไรตอ่ ไป (รว่ มกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั วิทยาศาสตร์ขณะทำ� กิจกรรม วธิ แี ยกนำ้� สม้ ออกจากสารอน่ื ๆ ทปี่ นในนำ�้ สม้ โดยใชอ้ ปุ กรณท์ ก่ี ำ� หนดให้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน และเลือกวิธีการแยกสารมา ๑ วธิ )ี - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ๔.๓ หลงั จากนกั เรยี นไดว้ ธิ แี ยกสารแลว้ นกั เรยี นตอ้ งทำ� อยา่ งไรตอ่ ไป (ทำ� การ - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน แยกสารตามวิธีทเ่ี ราเลือก) ๓. มคี ุณลกั ษณะดา้ นคุณธรรม ๕. เมอ่ื นกั เรียนเขา้ ใจวธิ ีการทำ� กจิ กรรมแล้ว ใหน้ ักเรยี นรับอุปกรณ์และเริม่ ปฏิบัติ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ตามขนั้ ตอนการทำ� กจิ กรรม - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ๕.๑ นักเรียนปอกเปลือกส้มแล้วบีบเอาน�้ำส้มออกจากเนื้อส้มโดยใส่ถุงมือ - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน เทน�้ำส้มที่ได้ใส่ภาชนะ สังเกตลักษณะของน้�ำส้มท่ีได้ว่าประกอบด้วย อะไรบ้าง แล้วบันทึกในใบงาน ๐๑ การใช้ประโยชน์จากการแยก สารเนอ้ื ผสมอย่างง่าย หน้า ๘๒
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 245 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๑.๔ การใชป้ ระโยชนจ์ ากการแยกสารเนอื้ ผสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๓ ชั่วโมง ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ๕.๒ นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ รายหาวธิ ตี า่ ง ๆ ในการแยกนำ�้ สม้ ออกจากสาร อน่ื ๆ ที่ปนในนำ้� สม้ และเลอื ก ๑ วิธี จากนน้ั บันทึกลงในหน้า ๘๒ ๕.๓ นักเรียนลงมือแยกน�้ำส้มออกจากสารอื่น ๆ ท่ีปนในน้�ำส้มตามวิธี ทเี่ ลอื ก สังเกตและบันทกึ ผลการแยกสาร หนา้ ๘๒ ๖. เมอื่ นักเรียนทำ� กิจกรรมเสรจ็ แลว้ ครูอาจสุ่มนกั เรียนน�ำเสนอวิธกี ารแยกน้�ำส้ม ออกจากสารอื่น ๆ และครูจดค�ำตอบของนักเรยี นไว้บนกระดาน ขน้ั สรปุ (๕ นาที) ๗. ครูชวนนักเรียนสรุปการท�ำกิจกรรมที่ได้ท�ำไปในช่ัวโมงน้ีว่า เลือกใช้วิธีการ แยกสารใดในการแยกน�้ำส้มออกจากสารอื่น ๆ เพราะเหตใุ ดจงึ เลือกวิธีนี้ ช่ัวโมงท่ี ๒ ขน้ั นำ� (๕ นาท)ี ๘. ครูชักชวนนักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยอาจใช้ค�ำถามดังนี้ ในชีวิตประจ�ำวัน นักเรียนเคยแยกสารเนื้อผสมที่มีลักษณะของสารที่เหมือนกับน้�ำส้มที่ค้ันได้ บา้ งไหมและใชว้ ธิ กี ารเดยี วกบั การแยกน้ำ� ส้มทไ่ี ด้ท�ำไปในชว่ั โมงท่ีแล้วหรอื ไม่ อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามประสบการณ์ เชน่ การแยกนำ�้ ดอกอญั ชนั หรอื ใบเตย จากการค้ันน�้ำดอกอัญชันหรือใบเตยจะมีลักษณะของสารท่ีมีของแข็งปนอยู่ กบั ของเหลว และใชว้ ธิ กี ารแยกสารเหมอื นกนั คอื การกรอง แตน่ ำ้� สม้ ใชก้ ระชอน ในการกรอง แตน่ ำ้� ดอกอัญชนั หรอื ใบเตยใช้ผ้าขาวบางในการกรอง) ๙. ครแู จ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ในชว่ั โมงน้ีใหน้ กั เรียนทราบ
246 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑.๔ การใช้ประโยชน์จากการแยกสารเนื้อผสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเนอื้ ผสม เวลา ๓ ชัว่ โมง ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ข้ันสอน (๕๐ นาที) ๑๐. ครชู วนนกั เรยี นอภปิ รายวธิ กี ารแยกนำ้� สม้ ออกจากสารอน่ื ๆ ทป่ี นอยใู่ นนำ้� สม้ และผลการแยกสารดว้ ยวิธนี ั้น โดยครูใชค้ �ำถามดังนี้ ๑๐.๑ น�้ำส้มท่ีนักเรียนบีบได้เป็นอย่างไร (มีเมล็ดและเย่ือกลีบส้มผสมอยู่ใน นำ้� ส้ม) ๑๐.๒ นักเรียนใช้วิธีการใดในการแยกน�้ำส้มออกจากสารอ่ืน ๆ ในน้�ำส้ม (นกั เรยี นตอบตามกจิ กรรมทเี่ ลอื กทำ� เชน่ การกรองดว้ ยกระชอน การกรอง ดว้ ยผา้ ขาวบาง การกรองดว้ ยผา้ ขาวบางทว่ี างบนกระชอน การตกตะกอน แลว้ รนิ ออก) ๑๐.๓ ผลการแยกสารแตล่ ะวธิ ไี ดผ้ ลเหมอื นกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร (ถา้ ใชก้ ารกรอง ดว้ ยอปุ กรณท์ ต่ี า่ งกนั จะไดผ้ ลใกลเ้ คยี งกนั เชน่ การกรองดว้ ยกระชอน จะได้น�้ำส้มสีส้มท่ีมีเน้ือส้มเล็ก ๆ และเมล็ดส้มท่ีเล็ก ๆ ที่รอดผ่าน รูกระชอนปนมากับน�้ำส้มได้ ถ้ากรองด้วยผ้าขาวบางหรือกรองด้วย ผา้ ขาวบางทวี่ างบนกระชอน จะไดน้ ำ้� สม้ สสี ม้ ทม่ี เี นอื้ สม้ ปนเพยี งเลก็ นอ้ ย ส่วนเน้ือส้มช้ินใหญ่และเมล็ดส้มไม่สามารถผ่านรูของผ้าขาวบางได้ การกรองไดผ้ ลทแ่ี ตกตา่ งจากการตกตะกอนแลว้ รนิ ออก โดยการตกตะกอน และรินออกจะได้น�้ำสม้ สีสม้ อ่อนกวา่ จนเกอื บใส มีเนอ้ื ส้มปนมาแลว้ มี เมล็ดส้มทไ่ี ม่จมลงก้นภาชนะติดมาด้วย) ๑๑. นักเรียนตอบค�ำถามหลงั จากท�ำกิจกรรมในใบงาน ๐๑ หน้า ๘๓ แล้วร่วมกนั อภปิ รายเฉลยค�ำตอบ
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 247 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑.๔ การใช้ประโยชนจ์ ากการแยกสารเน้ือผสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ การแยกสารเน้อื ผสม เวลา ๓ ชั่วโมง ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ๑๒. ครูพูดคุยกับนักเรียนว่านอกจากการแยกสารในน้�ำส้ม ในชีวิตประจ�ำวันเรา ยังพบการแยกสารเนอ้ื ผสมอืน่ อกี ท่ีอย่ใู นชวี ติ ประจำ� วนั และชกั ชวนนกั เรยี น ท�ำกิจกรรมที่ ๒ การแยกสารเน้ือผสมอย่างง่ายน�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันได้ อย่างไร หน้า ๘๔ โดยให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและจุดประสงค์ จากนั้น ตรวจสอบความเขา้ ใจในจดุ ประสงค์ โดยใชค้ �ำถามดังน้ี ๑๒.๑ กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (วิธีการแยกสารเน้ือผสมท่ี นำ� ไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจ�ำวนั ) ๑๒.๒ นกั เรียนจะได้เรียนรู้เรอื่ งน้ดี ว้ ยวิธีใด (การวิเคราะห์) ๑๒.๓ เมอื่ เรยี นแลว้ นกั เรยี นจะทำ� อะไรได้ (ระบวุ ธิ กี ารแยกสารเนอ้ื ผสมทน่ี ำ� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจ�ำวัน) ๑๓. นกั เรยี นอา่ นวธิ ที ำ� ในกจิ กรรมท่ี ๑ หนา้ ๘๔ โดยฝกึ อา่ นตามความเหมาะสม จากนน้ั รว่ มกนั อภปิ รายเพอื่ สรปุ ขน้ั ตอนการทำ� กจิ กรรม โดยใชค้ ำ� ถามตอ่ ไปนี้ ๑๓.๑ ในข้ันแรก นักเรียนต้องท�ำอย่างไรบ้าง (อ่านบทความเร่ืองการท�ำ นำ้� ตาลปึก) ๑๓.๒ หลงั จากอา่ นบทความแลว้ นกั เรยี นตอ้ งอยา่ งไรตอ่ ไป (รว่ มกนั วเิ คราะห์ วา่ มกี ารแยกสารในขน้ั ตอนใดบา้ ง ใชว้ ธิ กี ารแยกสารใดและสารแยกได้ มลี กั ษณะอยา่ งไร)
248 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๔ การใชป้ ระโยชน์จากการแยกสารเนื้อผสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยที่ ๑ การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา ๓ ชว่ั โมง ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ๑๔. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการท�ำกิจกรรมแล้ว ให้นักเรียนเร่ิมปฏิบัติตามข้ันตอน การทำ� กจิ กรรม โดยอา่ นบทความเรอ่ื งการทำ� นำ�้ ตาลปกึ หนา้ ๘๕-๘๖ และบนั ทกึ ผลการวิเคราะห์ว่ามีการแยกสารในขั้นตอนใดบ้าง ใช้วิธีการแยกสารใด และสารแยกได้มีลักษณะอย่างไรลงในใบงาน ๐๒ การใช้ประโยชน์ จากการแยกสารเนอ้ื ผสมอย่างง่าย หน้า ๘๗ ๑๕. เม่ือนักเรียนวิเคราะห์ข้อมูลเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายโดยใช้ คำ� ถามดงั น้ี ๑๕.๑ จากบทความ จน่ั มะพรา้ วและนำ้� ตาลมะพรา้ วทร่ี วบรวมจากกระบอกเกบ็ ตาล เป็นสารเนอ้ื เดยี วหรือสารเน้ือผสม เพราะเหตุใด (สารเนอื้ ผสมเพราะมี เศษฝุ่นหรอื แมลงปนอยใู่ นจัน่ มะพร้าวและน�้ำตาลมะพรา้ ว) ๑๕.๒ การทำ� นำ�้ ตาลปกึ ขน้ั ตอนใดบา้ งทต่ี อ้ งใชว้ ธิ กี ารแยกสารและเรยี กวา่ วธิ อี ะไร (๑. การหยบิ ออกโดยหยิบมด แมลงต่าง ๆ ออกจากจั่นมะพรา้ ว ๒. ใชผ้ า้ ขาวบางกรองเศษฝนุ่ และแมลงออกจากนำ้� ตาลมะพรา้ วเปน็ วธิ กี ารกรอง ๓. ตกั เอาฟองออกจากน้�ำตาลมะพรา้ วเป็นวธิ ีการตกั ออก) ๑๕.๓ ถ้าไม่มีการแยกเอาเศษฝุ่นหรือแมลงออก นักเรียนคิดว่าน�้ำตาลปึกที่ได้ จะมลี กั ษณะอยา่ งไร (นำ�้ ตาลปกึ จะไมส่ ะอาดมเี ศษฝนุ่ และแมลงปนอยใู่ น น้ำ� ตาลปึกจึงไม่น่ารับประทาน) ๑๕.๔ ประโยชนข์ องการแยกสารในการทำ� นำ�้ ตาลปกึ คอื อะไร (แยกเอาสารทไี่ ม่ ต้องการออกจากจั่นมะพรา้ วและน�้ำตาลมะพร้าว จะท�ำใหไ้ ดน้ �ำ้ ตาลปกึ ที่นา่ รบั ประทานและปลอดภยั กบั การบริโภค)
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 249 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑.๔ การใช้ประโยชนจ์ ากการแยกสารเนอื้ ผสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๓ ชัว่ โมง ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ขนั้ สรุป (๕ นาที) ๑๖. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในช่ัวโมงน้ีให้ได้ว่า การแยกน�้ำส้ม ออกจากสารอื่น ๆ โดยใช้การกรองเพราะเป็นวิธีการแยกของแข็ง ออกจากสารเนื้อผสมท่ีเป็นของเหลว การท�ำน้�ำตาลปีก ใช้วิธีการหยิบมด และแมลงออกจากจั่นมะพร้าวการกรองสารอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการออกจาก น้�ำตาลมะพร้าว และการตักฟองออกก็จะแยกสารแขวนลอยออกด้วย ช่ัวโมงท่ี ๓ ขนั้ นำ� (๕ นาท)ี ๑๗. ครนู �ำทบทวนความรูท้ ีเ่ รยี นมาแล้วเกีย่ วกบั การใชป้ ระโยชนข์ องการแยกสาร เน้อื ผสมอย่างงา่ ยเร่อื งการท�ำน้ำ� ตาลปกึ ๑๗.๑ วธิ กี ารแยกสารในการทำ� นำ�้ ตาลปกึ มอี ะไรบา้ ง (มวี ธิ กี ารหยบิ ออก การกรอง และการตกั ออก) ๑๗.๒ ถา้ ไมม่ ีการแยกสารกอ่ นตม้ จะเปน็ อย่างไร (น�้ำตาลปึกจะไม่สะอาดมี เศษฝนุ่ และแมลงปนอยูใ่ นนำ้� ตาลปกึ จงึ ไม่นา่ รบั ประทาน) ๑๗.๓ นักเรียนคิดว่าวิธีการแยกสารเนื้อผสมที่น�ำมาใช้ในการท�ำน�้ำตาลปึก นกั เรยี นสามารถนำ� มาใชช้ วี ติ ประจำ� วนั ในกจิ กรรมอะไรอกี บา้ ง (นกั เรยี น ตอบตามความคิดของตนเอง)
250 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑.๔ การใชป้ ระโยชน์จากการแยกสารเนอ้ื ผสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หนว่ ยย่อยท่ี ๑ การแยกสารเนื้อผสม เวลา ๓ ชว่ั โมง ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ขั้นสอน (๕๐ นาที) ๑๘. นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายถงึ กจิ กรรมอนื่ ๆ ในชวี ติ ประจำ� วนั ทใี่ ชว้ ธิ กี ารแยกสาร เหมอื นกับการทำ� นำ�้ ตาลปกึ โดยครูใชค้ �ำถามดังตอ่ ไปน้ี ๑๘.๑ วิธีการหยิบออกสามารถน�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันใดได้อีกบ้าง (เช่น การเกบ็ ดอกกระเจย๊ี บจากตน้ มกี ารหยบิ เอาใบและดอกทไี่ มต่ อ้ งการออก) ๑๘.๒ วธิ กี ารกรองสามารถนำ� ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั ใดไดอ้ กี บา้ ง (เชน่ ใชใ้ นการ คน้ั มะพรา้ ว กต็ อ้ งกรองแยกกากมะพรา้ วออก กรองนำ้� ผลไม้ เชน่ ตม้ นำ้� กระเจี๊ยบแลว้ กรองเอากากกระเจยี๊ บออกจากนำ�้ กระเจ๊ยี บ) ๑๘.๓ วธิ กี ารตกั ออกสามารถนำ� ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั ใดไดอ้ กี บา้ ง (เชน่ ใชใ้ น การแยกส่ิงสกปรกออกจากน�้ำซุปเวลาต้มน้�ำซุปก็จะตักเอาฟองใน น้ำ� ซุปออกจากนำ้� ซปุ ) ๑๙. นักเรียนตอบค�ำถามหลังจากท�ำกจิ กรรมใบงาน ๐๒ หนา้ ๘๘ ๒๐. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั ทำ� ผงั มโนทศั นแ์ นวคดิ รวบยอดเกย่ี วกบั วธิ กี ารแยกสาร เนอื้ ผสมและการนำ� ไปใชป้ ระโยชนล์ งในกระดาษปรฟู๊ และนำ� เสนอโดยการตดิ รอบหอ้ งแลว้ ใหเ้ พอ่ื นตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ผงั มโนทศั นอ์ าจทำ� ไดด้ งั ตวั อยา่ ง เชน่
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 251 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑.๔ การใช้ประโยชน์จากการแยกสารเนื้อผสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การแยกสาร หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การแยกสารเน้ือผสม เวลา ๓ ชั่วโมง ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ การแยกสารเนื้อผสม ทีเ่ ปน็ ของแขง็ ปนกบั ของแขง็ ถา้ เป็น ของแขง็ ทีเ่ ปน็ สาร ของแข็งปนกบั ของเหลว แมเ่ หลก็ ปนกับ ใช้ ทีม่ ี ของแข็งชนดิ อ่นื ลกั ษณะแตกตา่ งกัน เช่น สี ขนาด และรปู ร่าง ขนาดแตกต่าง มวลแตกต่างกนั ใช้ การตกตะกอน การกรอง แตกต่างกันมาก กันมาก มาก แมเ่ หลก็ ดึงดดู โดยทา้ ให้ ใช้ การหยิบออก ใช้ ใช้ ของเหลวไหลผา่ นตวั การรอ่ น การฝดั กรองทีม่ รี ูขนาดเลก็ ตวั อย่างเช่น การหยิบผลมะมว่ งที่เน่า โดยท้าให้ แล้ว รินออก ตวั อยา่ งเชน่ เสียออกจากมะม่วงท่ีดี ของเหลวค่อย ๆ ไหล โดยทา้ ให้ การกรองน้า เพ่อื นา้ มาดืม่ ออกจากภาชนะ ของเหลวไหลผา่ นตวั กรอง ตัวอยา่ งเช่น ตัวอยา่ งเชน่ ตัวอย่างเชน่ ตัวอย่างเชน่ ท่มี ีรูขนาดเล็ก ตัวอยา่ งเชน่ การร่อนทราย การฝดั เปลือกถว่ั ลิสง การแยกสาร การตกตะกอนอนุภาค การรินเอานา้ ซาวขา้ ว ออกจากหิน ออกจากเมลด็ ถ่วั แม่เหล็กในกองขยะ ที่แขวนลอยในนา้ ออกจากเมลด็ ข้าว ๒๑. ท�ำใบงาน ๐๓ แบบฝึกหัด เรื่องการใช้ประโยชน์จากการแยกสารเน้ือผสม หนา้ ๘๙ –๙๐ และรว่ มกนั อภปิ รายค�ำตอบ ขั้นสรุป (๕ นาที) ๒๒. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ จนไดข้ อ้ สรปุ อกี ครง้ั วา่ การแยกสารเนอื้ ผสมทเี่ ปน็ ของแขง็ กบั ของแขง็ ใชว้ ธิ กี ารหยบิ ออก การฝดั การรอ่ น การแยกสารเนอื้ ผสม ทเี่ ปน็ ของแขง็ กบั ของเหลวใชว้ ธิ กี ารกรอง การตกตะกอน การรนิ ออก แยกสาร เนอื้ ผสมทเ่ี ปน็ ของแขง็ กบั ของแขง็ ทเี่ ปน็ สารแมเ่ หลก็ ใชว้ ธิ กี ารใชแ้ มเ่ หลก็ ดดู วธิ กี ารแยกสารทกุ ชนดิ สามารถน�ำมาใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจ�ำวนั ได้
แบบประเมินดา้ นคุณธรรม แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑.๔ การใช้ประโยชนจ์ ากการแยกสารเนื้อผสม ชอื่ ผูป้ ระเมนิ /กล่มุ ประเมนิ ................................................................................................................. ช่ือกลมุ่ รบั การประเมนิ ....................................................................................................................... ประเมนิ ผลครงั้ ที่.................... วันท่.ี ....................... เดือน................................. พ.ศ.......................... เร่ือง .................................................................................................................................................... ที่ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดบั พฤตกิ รรม คะแนนทไ่ี ด้ เกดิ = ๑ ไมเ่ กิด = ๐ ๑. มุ่งมัน่ ในการท�ำงาน ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ รวมคะแนนทีไ่ ดท้ ง้ั หมด = …………… คะแนน คุณลักษณะตามจดุ ประสงค์ด้านคุณธรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่�ำกวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน 252 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
แบบประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการท�ำกจิ กรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๔ การใชป้ ระโยชน์จากการแยกสารเนือ้ ผสม เกณฑก์ ารประเมิน มดี งั นี้ ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรุง สงิ่ ทป่ี ระเมนิ คะแนน การสังเกต การลงความเห็นจากขอ้ มูล การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ รวมคะแนน เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการ ดี (๓) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (๑) ทางวทิ ยาศาสตร์ พอใช้ (๒) การสงั เกต สามารถบอกลักษณะของ สามารถบอกลักษณะของ ส า ม า ร ถ บ อ ก ลั ก ษ ณ ะ สารท่ีแยกได้ในแต่ละวิธี สารที่แยกได้ในแต่ละวิธี ของสารที่แยกได้ในแต่ละ ได้ถูกต้อง ด้วยตนเอง ได้ถูกต้อง โ ด ย อ า ศั ย วิ ธี ไ ด ้ ถู ก ต ้ อ ง บ า ง ส ่ ว น คำ� แนะนำ� ของครหู รอื ผู้อ่นื แ ม ้ จ ะ ไ ด ้ รั บ ก า ร ชี้ แ น ะ จากครหู รอื ผ้อู น่ื ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 253
เกณฑก์ ารประเมนิ (ตอ่ ) ทักษะกระบวนการ ดี (๓) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรุง (๑) ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (๒) การลงความเห็น สามารถนำ� ขอ้ มลู ทวี่ เิ คราะห์ สามารถนำ� ขอ้ มลู ทวี่ เิ คราะห์ สามารถนำ� ขอ้ มลู ทว่ี เิ คราะห์ จากข้อมูล ไดม้ าลงความเหน็ เกย่ี วกบั ไดม้ าลงความเหน็ เกยี่ วกบั วธิ ี ได้มาลงความเห็นเก่ียวกับ วิธีการแยกสารได้ถูกต้อง การแยกสารไดถ้ กู ตอ้ ง โดย วิธีการแยกสารได้ถูกต้อง ดว้ ยตนเอง การชแี้ นะของครหู รอื ผอู้ น่ื บางสว่ น แมจ้ ะไดร้ บั การชแ้ี นะ จากครหู รอื ผอู้ น่ื การตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตคี วามหมายขอ้ มลู สามารถตคี วามหมายขอ้ มูล ขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ ข ้ อ มู ล จ า ก ก า ร อ ่ า น จากการอ่านบทความและ จากการอา่ นบทความและลง บทความและลงข้อสรุป ลงข้อสรุปได้ด้วยตนเอง ขอ้ สรปุ ไดไ้ มค่ รบถว้ น แมจ้ ะ ได้ด้วยตนเองว่าวิธีการ ว่าวิธีการแยกสารเนื้อผสม ได้รับการช้ีแนะจากครูหรือ แยกสารเนื้อผสมสามารถ สามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ ผอู้ นื่ น�ำไปใช้ประโยชน์ในชีวิต ในชีวิตประจ�ำวันได้ โดย ประจ�ำวันได้ ด้วยตนเอง การชี้แนะของครูหรือผู้อื่น 254 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
เฉลยใบงาน ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 255
ช่ือ-สกลุ เดอื น ช้ัน เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๔ - ๐๑ วนั ท ี่ พ.ศ. ใบงาน ๐๑ : การใช้ประโยชนจ์ ากการแยกสารเนอ้ื ผสมอยา่ งงา่ ย บนั ทึกผลการทำ� กิจกรรม ลกั ษณะของน้�ำส้มทไ่ี ด้ เปน็ ของเหลว สสี ม้ มีเมลด็ ส้มสีขาว และเนอื้ สม้ และเยือ่ ของกลบี ส้มสีขาวผสมอยู่ วิธีการตา่ ง ๆ ที่แยกน�้ำสม้ ออกจากสารอน่ื ๆ มีดังน้ี วธิ กี ารแยกนำ�้ สม้ ออกจากสารอ่ืน ๑. กรองด้วยผา้ ขาวบาง ๒. กรองดว้ ยกระชอน ๓. กรองด้วยผา้ ขาวบางวางบนกระชอน วธิ กี ารทเ่ี ลือกเพ่อื แยกนำ้� สม้ ออกจากสารอน่ื ๆ คือ วิธีการทเี่ ลอื กแยกนำ�้ สม้ ออกจากสารอื่น คอื การกรองดว้ ยผา้ ขาวบางวางบนกระชอน ผลการแยกสารเปน็ ดงั นี้ ผลการแยกสาร ไดน้ ำ้� สม้ ทม่ี ีสีสม้ มีเนอ้ื สม้ บา้ งเล็กนอ้ ย 225566 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชอ่ื -สกุล เดือน ชั้น เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๔ - ๐๑ วันท ่ี พ.ศ. ค�ำถามหลังจากทำ� กิจกรรม ๑. จากกิจกรรมน้ี มกี ารแยกสารดว้ ยวิธีใดบา้ ง เพราะเหตใุ ด มีการแยกสารด้วยวิธีการกรอง เพราะในน�้ำส้มเป็นสารเนื้อผสม ประกอบด้วยน้�ำส้มซึ่งเป็น ของเหลว และเมลด็ ส้ม เนอ้ื ส้ม และเยือ่ กลบี สม้ ซง่ึ เป็นของแขง็ ๒. จากกจิ กรรมน้ี สรุปได้ว่าอย่างไร วธิ กี ารแยกสารเนอื้ ผสมสามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำ� วนั ได้ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 225577
ชอ่ื -สกลุ เดอื น ช้ัน เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๔ - ๐๒ วันท ่ี พ.ศ. ใบงาน ๐๒ : การใช้ประโยชนจ์ ากการแยกสารเน้อื ผสมอย่างง่าย บันทึกผลการท�ำกจิ กรรม ผลการอภิปราย ตาราง การแยกสารเนอ้ื ผสมในเร่ืองการทำ� น้�ำตาลปกึ ขอ้ ความในบทความทแี่ สดง วธิ กี ารแยก สารท่แี ยกออกจากกัน ว่ามีการแยกสารเนื้อผสม ๑. เกบ็ มดและแมลงออกจาก การหยิบออก มด แมลง จนั่ มะพรา้ ว จนั่ มะพร้าว ๒. ใช้ผ้าขาวบางกรองเศษฝุ่น การกรอง เศษฝนุ่ หรอื แมลงกบั นำ�้ ตาล มะพรา้ ว หรือแมลงออกจากน�้ำตาล มะพร้าว ฟองทมี่ สี ารแขวนลอยอยู่ กบั นำ�้ ตาลมะพรา้ ว ๓.ขณะเคย่ี วจะมฟี องทผี่ วิ หนา้ การตกั ออก ของน�ำ้ ตาล ใหต้ ักฟองออก ๔. 225588 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชอ่ื -สกุล เดอื น ช้ัน เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๔ - ๐๒ วันท ี่ พ.ศ. ค�ำถามหลังจากท�ำกจิ กรรม ๑. จากบทความเรอ่ื งการท�ำน้�ำตาลปกึ มกี ารแยกสารด้วยวิธใี ดบา้ ง เพราะเหตุใด การหยิบออกเพราะตอ้ งการแยกแมลงออกจากจั่นมะพร้าว การกรองเพราะตอ้ งการแยก เอานำ้� ตาลมะพร้าวซง่ึ เป็นของเหลวออกจากเศษฝนุ่ หรอื แมลงซึง่ เป็นของแขง็ การตกั ออก เพราะต้องการแยกเอาฟองซงึ่ เป็นของแข็งออกจากนำ�้ ตาลมะพรา้ วซงึ่ เป็นของเหลว ๒. ในการทำ� นำ้� ตาลปกึ ถา้ ไมม่ กี ารแยกสารดว้ ยวธิ ตี า่ ง ๆ นำ้� ตาลปกึ จะมลี กั ษณะอยา่ งไร นำ�้ ตาลปึกจะมีเศษฝุ่น แมลงปนอยใู่ นก้อนนำ�้ ตาลดว้ ย ๓. จากกจิ กรรมนี้ สรุปไดว้ า่ อย่างไร การทำ� นำ�้ ตาลปกึ มหี ลายขนั้ ตอน บางขนั้ ตอนใชว้ ธิ กี ารแยกสารเนอื้ ผสม เชน่ การหยบิ ออก การกรอง การตักออก เพือ่ ใหไ้ ดน้ �ำ้ ตาลมะพร้าวท่สี ะอาดและปลอดภยั ส�ำหรับการบริโภค ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 225599
ชอื่ -สกุล เดือน ช้ัน เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๔ - ๐๓ วันท ่ี พ.ศ. ใบงาน ๐๓ : แบบฝกึ หดั เรอ่ื งการใชป้ ระโยชนจ์ ากการแยกสารเนอ้ื ผสม ตอบค�ำถามต่อไปนใี้ ห้ถกู ต้อง ๑. สถานการณ์ต่อไปน้ี ใช้วิธกี ารใดแยกสารออกจากกนั เพราะเหตใุ ด ๑.๑ เด็กชาย ก ตอ้ งการแยกกะทิออกจากกากมะพร้าว วิธีการแยกสารคือ การกรอง เหตผุ ล เพราะเปน็ วิธีการแยกของแขง็ คือกากมะพร้าวออกจากของเหลวคือนำ�้ กะทิ ๑.๒ เด็กหญงิ ข ต้องการแยกเศษเหล็กออกจากขยะแหง้ วธิ ีการแยกสารคอื การดดู ด้วยแมเ่ หลก็ เหตุผล เพราะเปลือกถวั่ ลิสงมมี วลเบากว่าเมลด็ ถว่ั ลิสง เม่อื ฝดั เปลือกจะแยกออกไปได้ ๑.๓ เด็กชาย ค ต้องการแยกเปลือกถ่ัวลสิ งออกจากเมลด็ ถวั่ ลิสง วธิ กี ารแยกสารคือ การฝัด เหตผุ ล เพราะเปลอื กถว่ั ลสิ งมีมวลเบากว่าเมล็ดถั่วลสิ ง เมอ่ื ฝดั เปลือกจะแยกออกไปได้ ๑.๔ เด็กหญงิ ง ตอ้ งการแยกนำ้� มนั ท่ีลอยอยู่ในบอ่ ดกั ไขมันออกจากน�้ำเสีย วธิ ีการแยกสารคอื การตักออก หรอื รินออก เหตุผล เพราะน้�ำมนั จะแยกช้ันลอยอยูบ่ นนำ้� 226600 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชือ่ -สกลุ เดือน ช้นั เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๔ - ๐๓ วนั ท ่ี พ.ศ. ๒. เดก็ กลมุ่ หนง่ึ ตอ้ งการทราบขนาดอนภุ าคของดนิ วา่ มอี นภุ าคขนาดเลก็ ขนาดปานกลาง และขนาดใหญป่ นกนั อยใู่ นดนิ ปรมิ าณเทา่ ใด จงึ นำ� ดนิ ใสข่ วดและเตมิ นำ�้ แลว้ เขยา่ ตงั้ ไว้ หนงึ่ คนื พบวา่ อนภุ าคดนิ แตล่ ะขนาดแยกกนั เปน็ ชนั้ ๆ อยทู่ ก่ี น้ ขวด โดยอนภุ าค ขนาดใหญจ่ ะอยชู่ น้ั ลา่ งสดุ ถดั มาเปน็ อนภุ าคขนาดปานกลางและอนภุ าคขนาดเลก็ ตามลำ� ดบั การศกึ ษาของเด็กกลุ่มน้มี ีการใช้ประโยชน์จากการแยกสารอยา่ งไร มีการใช้ประโยชน์จากแยกสารโดยการตกตะกอน ดินท่ีมีอนุภาคขนาดใหญ่มีมวลมาก จะตกตะกอนอยู่ล่างสุด ดินท่ีมีอนุภาคขนาดปานกลางมีมวลปานกลางจึงตกตะกอน เป็นช้นั ถัดมา และดินท่มี ีอนุภาคเลก็ จะอยู่บนสุด เพราะมีมวลน้อยสดุ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 226611
226622 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ หินและซากดึกดำ� บรรพ์ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 263
มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชี้วดั ของหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ หินและซากดกึ ด�ำบรรพ์ (จำ� นวน ๑๘ ชว่ั โมง) ม าตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมท้ัง ผลตอ่ ส่งิ มชี วี ติ และสง่ิ แวดล้อม ตวั ชว้ี ดั ว ๓.๒ ป. ๖/๑ เปรียบเทียบกระบวนการเกิดหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร และอธิบาย วฏั จกั รหนิ จากแบบจ�ำลอง ว ๓.๒ ป. ๖/๒ บรรยายและยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของหินและแร่ในชีวิตประจ�ำวันจาก ข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ ว ๓.๒ ป. ๖/๓ สรา้ งแบบจำ� ลองทอ่ี ธบิ ายการเกดิ ซากดกึ ดำ� บรรพแ์ ละคาดคะเนสภาพแวดลอ้ ม ในอดตี ของซากดึกด�ำบรรพ์ 264 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ล�ำดับการน�ำเสนอแนวคดิ หลกั ของหน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๓ หนิ และซากดกึ ด�ำบรรพ์ หนิ เป็นวสั ดแุ ข็งเกดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ สว่ นใหญป่ ระกอบด้วยแรต่ ้งั แต่ ๑ ชนดิ ขึน้ ไป เราสามารถจ�ำแนกหนิ ตามกระบวนการเกดิ ไดเ้ ป็น ๓ ประเภท ได้แก่ หนิ อัคนี หินตะกอน และหนิ แปร หินอัคนีเกดิ จากการเยน็ ตัวและตกผลึกจากแมกมาใตผ้ ิวโลก และเกิดจากการเยน็ ตัวและตกผลึก จากลาวาบนผิวโลก หรอื เกดิ จากการเยน็ ตวั และแข็งตัวจากลาวาบนผิวโลก เนื้อหนิ ของหนิ อัคนมี ลี ักษณะเป็นผลกึ มที ง้ั ผลึกขนาดใหญแ่ ละขนาดเล็ก บางชนดิ อาจเปน็ เนื้อแกว้ หรอื อาจมรี ูพรนุ หนิ ตะกอนเกดิ จากการสะสมตวั ของตะกอนและการเชื่อมประสานตะกอนในแอ่งสะสมตะกอน และเกิดจาก การตกผลึกหรือตกตะกอนจากนำ้� โดยเฉพาะน�้ำทะเล หินตะกอนท่ีเกดิ จากการสะสมตวั ของตะกอนเนอ้ื หินสว่ นใหญม่ ีลกั ษณะเปน็ เม็ดตะกอน มีทัง้ เน้อื หยาบและ ละเอียด ส่วนหินตะกอนท่เี กิดจากการตกผลกึ หรือตกตะกอน เน้อื หินจะเปน็ เนอื้ ผลึก หินตะกอนบางชนิดมีลักษณะเป็นช้ัน ๆ บางครง้ั จงึ เรยี กหนิ ตะกอนว่าหนิ ชั้น หินแปรเกดิ จากการแปรสภาพของหนิ เดิมซงึ่ อาจเปน็ หนิ อัคนี หนิ ตะกอนหรอื หนิ แปร โดยการกระทำ� ของ ความร้อน ความดัน และปฏกิ ิรยิ าเคมที ี่เกดิ ขึ้นบรเิ วณใตผ้ ิวโลก หินแปรบางชนิดมีผลึกแรเ่ รยี งตัวขนานกนั เปน็ แถบ บางชนดิ เน้ือหินจะมีรอยแยกเปน็ แผน่ ๆ ซึ่งรอยแยกน้ี อาจแซะออกเป็นแผ่นใหญ่ ๆ ได้ บางชนดิ เปน็ เน้อื ผลกึ ทม่ี คี วามแขง็ มาก ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 265
ลำ� ดับการน�ำเสนอแนวคิดหลักของหน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๓ หินและซากดึกด�ำบรรพ์ (ต่อ) หินทง้ั อคั นี หนิ ตะกอนและหินแปร มกี ารเปล่ยี นแปลงจากหินประเภทหนึง่ ไปเป็นหินอีกประเภทหนง่ึ หรอื เปลีย่ นกลับไปเป็นหินประเภทเดมิ ได้ โดยมีแบบรปู การเปลี่ยนแปลงคงทแี่ ละตอ่ เนอื่ งเปน็ วัฏจักรหนิ หนิ และแร่แต่ละชนิดมีลกั ษณะและสมบตั ิแตกต่างกัน มนุษยจ์ ึงใชป้ ระโยชนใ์ นการทำ� ส่ิงต่าง ๆ ได้ แตกต่างกัน ส่งิ ของเคร่อื งใช้สว่ นใหญ่ท่ีอยรู่ อบตัวเราส่วนใหญ่ผลติ มาจากหนิ และแรห่ รอื มีส่วนผสมของหนิ และแร่ หนิ และแรจ่ งึ เป็นทรพั ยากรทมี่ ีประโยชนอ์ ย่างยงิ่ ซากดกึ ดำ� บรรพ์เกดิ จากโครงร่างหรอื ร่องรอยของสิง่ มชี ีวติ ในอดตี โดยอาศยั ปจั จัยตา่ ง ๆ ตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่พบในหนิ ตะกอนหรืออาจพบอยูใ่ นวัสดุอื่น ๆ ตามธรรมชาติ ซากดกึ ดำ� บรรพ์ทพี่ บในหนิ ตะกอนส่วนใหญจ่ ะเกดิ ขึ้นพรอ้ ม ๆ กบั การเกดิ หินตะกอน ซากดกึ ด�ำบรรพ์มีประโยชนท์ ง้ั ใชศ้ ึกษาการล�ำดับชัน้ หิน ระบุอายขุ องหนิ เปรียบเทยี บอายชุ ้ันหิน ใช้ศกึ ษาสภาพแวดลอ้ มในอดตี ของพน้ื ท่ี และใช้ศึกษาวิวัฒนาการของสิง่ มีชวี ติ 266 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
โครงสร้างแผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๓ หินและซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑.๑ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑.๒ (กระบวนการเกดิ หินและ (ประโยชนข์ องหนิ และแร่) วฏั จักรหิน) (๓ ชัว่ โมง) (๖ ชัว่ โมง) หน่วยย่อยที่ ๑ (หิน วัฏจักรหินและประโยชน์ ของหินและแร)่ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๓ หนิ และซากดึกด�ำบรรพ์ (๑๘ ช่วั โมง) หนว่ ยย่อยท่ี ๒ (ซากดึกด�ำบรรพ์และ การนำ� ไปใช้ประโยชน)์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๒.๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒.๒ (การเกิดซากดกึ ด�ำบรรพ์) (ประโยชนข์ องซากดกึ ด�ำบรรพ์) (๖ ชั่วโมง) (๓ ช่วั โมง) ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 267
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ หิน วัฏจักรหนิ และประโยชนข์ องหนิ และแร่ 268 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ หนิ วฏั จักรหนิ และประโยชน์ของหนิ และแร่ ช่ือหน่วย หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ จำ� นวนเวลาเรียน ๙ ชว่ั โมง จำ� นวนแผนการจดั การเรยี นรู้ ๒ แผน สาระสำ� คญั ของหนว่ ย หินเป็นวัสดุแข็งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท โดยใช้กระบวนการ เกิดเป็นเกณฑ์ ประกอบด้วย หินอัคนี หินตะกอนและหินแปร วัฏจักรหินคือกระบวนการทาง ธรรมชาตทิ ที่ ำ� ใหห้ นิ อคั นี หนิ ตะกอนและหนิ แปรสามารถเปลยี่ นแปลงกลบั ไปกลบั มาได้ หนิ และแร่ ในธรรมชาตมิ ลี กั ษณะและสมบัตทิ แี่ ตกต่างกนั จึงมกี ารน�ำหนิ และแร่ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้แตกต่างกนั มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชว้ี ดั มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมท้งั ผลต่อสง่ิ มชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม ตัวชว้ี ดั ว ๓.๒ ป. ๖/๑ เปรียบเทียบกระบวนการเกิดหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร และอธิบาย วฏั จกั รหินจากแบบจำ� ลอง ว ๓.๒ ป. ๖/๒ บรรยายและยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของหินและแร่ในชีวิตประจ�ำวัน จากข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 269
ล�ำดบั การนำ� เสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยย่อยท่ี ๑ หิน วฏั จกั รหินและประโยชนข์ องหินและแร่ หนิ เป็นวสั ดุแขง็ เกิดขึน้ เองตามธรรมชาติ ส่วนใหญป่ ระกอบดว้ ยแรต่ ง้ั แต่ ๑ ชนิดข้นึ ไป เราสามารถจำ� แนกหินตามกระบวนการเกิดไดเ้ ป็น ๓ ประเภท ไดแ้ ก่ หินอคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร หนิ อคั นีเกิดจากการเยน็ ตวั และตกผลกึ จากแมกมาใตผ้ ิวโลก และเกดิ จากการเยน็ ตวั และตกผลกึ จากลาวาบนผิวโลก หรอื เกดิ จากการเย็นตวั และแข็งตัวจากลาวาบนผวิ โลก เนือ้ หินของหนิ อัคนีมีลกั ษณะเปน็ ผลกึ มที งั้ ผลกึ ขนาดใหญแ่ ละขนาดเล็ก บางชนดิ อาจเปน็ เน้ือแก้ว หรืออาจมรี ูพรุน หนิ ตะกอนเกดิ จากการสะสมตวั ของตะกอนและการเชอื่ มประสานตะกอนในแอ่งสะสมตะกอน และเกดิ จาก การตกผลึกหรอื ตกตะกอนจากน้ำ� โดยเฉพาะน้�ำทะเล หนิ ตะกอนที่เกดิ จากการสะสมตัวของตะกอนเน้อื หนิ ส่วนใหญ่มลี ักษณะเปน็ เมด็ ตะกอน มที ้งั เนือ้ หยาบและ ละเอียด ส่วนหินตะกอนทีเ่ กิดจากการตกผลกึ หรอื ตกตะกอน เนอ้ื หนิ จะเปน็ เนือ้ ผลกึ หนิ ตะกอนบางชนดิ มลี กั ษณะเป็นชั้น ๆ บางครง้ั จึงเรยี กหนิ ตะกอนวา่ หินช้นั หนิ แปรเกดิ จากการแปรสภาพของหนิ เดิมซง่ึ อาจเป็นหินอคั นี หนิ ตะกอนหรือหินแปร โดยการกระทำ� ของ ความรอ้ น ความดัน และปฏกิ ริ ยิ าเคมีทเี่ กิดข้นึ บรเิ วณใต้ผิวโลก หินแปรบางชนดิ มผี ลกึ แรเ่ รียงตวั ขนานกันเปน็ แถบ บางชนดิ เนื้อหนิ จะมีรอยแยกเปน็ แผน่ ๆ ซงึ่ รอยแยกน้ี อาจแซะออกเปน็ แผน่ ใหญ่ ๆ ได้ บางชนดิ เป็นเน้อื ผลึกทีม่ คี วามแข็งมาก 270 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ล�ำดับการนำ� เสนอแนวคดิ หลกั ของหน่วยย่อยท่ี ๑ หิน วัฏจกั รหนิ และประโยชน์ของหนิ และแร่ (ตอ่ ) หินท้งั อคั นี หินตะกอนและหนิ แปร มกี ารเปล่ียนแปลงจากหินประเภทหนึ่งไปเปน็ หินอกี ประเภทหนง่ึ หรือ เปลี่ยนกลบั ไปเป็นหินประเภทเดมิ ได้ โดยมีแบบรปู การเปลีย่ นแปลงคงท่แี ละตอ่ เน่ืองเปน็ วัฏจักรหิน หินและแร่แต่ละชนดิ มลี กั ษณะและสมบตั แิ ตกต่างกัน มนุษย์จึงใช้ประโยชน์ในการท�ำสง่ิ ตา่ ง ๆ ได้แตกตา่ งกนั สิง่ ของเครื่องใชส้ ่วนใหญ่ที่อยรู่ อบตัวเราส่วนใหญ่ผลติ มาจากหินและแรห่ รอื มีสว่ นผสมของหนิ และแร่ หินและแร่จึงเป็นทรพั ยากรทมี่ ีประโยชนอ์ ย่างยงิ่ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 271
โครงสร้างของหนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ หนิ วัฏจกั รหินและประโยชนข์ องหนิ และแร่ หนว่ ยการเรยี นรู้ ชื่อหน่วยย่อย จำ� นวนแผน ชื่อแผนการจดั การเรยี นรู้ จ�ำนวนชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๓ หน่วยยอ่ ยที่ ๑ ๒ ๑.๑ กระบวนการเกิดหิน ๖ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ หนิ วฏั จักรหิน และวฏั จกั รหนิ ๓ และประโยชน์ ๑.๒ ประโยชนข์ องหินและ ของหินและแร่ แร่ 272 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ค�ำช้แี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑.๑ กระบวนการเกิดหนิ และวัฏจกั รหนิ เวลา ๖ ช่วั โมง ๑. ส าระส�ำคญั ของแผน หนิ เปน็ วสั ดแุ ขง็ ทเ่ี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาตแิ บง่ ออกเปน็ ๓ ประเภท โดยใชก้ ระบวนการเกดิ เป็นเกณฑ์ ประกอบด้วย หินอัคนี หินตะกอน และหินแปร หินท้ังสามชนิดสามารถเปลี่ยนแปลง กลบั ไปกลบั มาได้ โดยมแี บบรปู การเปลยี่ นแปลงคงทแี่ ละตอ่ เนอ่ื งเปน็ วฏั จกั รหนิ ๒. ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมในการน�ำไปใช้ (ให้ระบุส่ิงท่ีต้องการเน้นหรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ คำ� แนะน�ำ) ในเรอ่ื งตอ่ ไปนี้ คอื ๒ .๑ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา หินเป็นวัสดุแข็งท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติ หินส่วนใหญ่ประกอบด้วยแร่ตั้งแต่หน่ึงชนิดข้ึนไป แบง่ ออกเปน็ ๓ ประเภท โดยใชก้ ระบวนการเกดิ เปน็ เกณฑ์ ประกอบดว้ ย หนิ อคั นี หนิ ตะกอนและหนิ แปร หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวและตกผลึกจากแมกมา หรือเกิดจากการเย็นตัวและตกผลึก อย่างรวดเร็วของลาวาบนผิวโลก หรือเกิดจากการเย็นตัวและแข็งตัวอย่างรวดเร็วทันทีทันใดของ ลาวาบนผวิ โลก เนอ้ื หนิ ของหนิ อคั นมี ลี กั ษณะเปน็ ผลกึ มที ง้ั ผลกึ ขนาดใหญแ่ ละขนาดเลก็ บางชนดิ อาจเป็นเนอื้ แกว้ หรอื อาจมรี ูพรุน หินตะกอนเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนและการเช่ือมประสานตะกอนในแอ่งสะสม ตะกอน และเกิดจากการตกผลึกหรือตกตะกอนจากน�้ำโดยเฉพาะน้�ำทะเล หินตะกอนที่เกิดจาก การสะสมตัวของตะกอน เน้ือหินส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเม็ดตะกอน มีทั้งเน้ือหยาบและละเอียด ส่วนหินตะกอนที่เกิดจากการตกผลึกหรือตกตะกอน เนื้อหินจะเป็นเน้ือผลึก บางชนิดมีลักษณะ เปน็ ช้ัน ๆ บางครั้งจึงเรยี กหนิ ตะกอนว่าหนิ ชัน้ หินแปรเกิดจากการแปรสภาพของหินเดิมซึ่งอาจเป็นหินอัคนี หินตะกอนหรือหินแปร โดยการกระท�ำของความร้อน ความดัน และปฏิกิริยาเคมีที่เกิดข้ึนบริเวณใต้ผิวโลก หินแปรบางชนิดมีผลึกแร่เรียงตัวขนานกันเป็นแถบ บางชนิดเน้ือหินจะมีรอยแยกเป็นแผ่น ๆ ซึง่ รอยแยกนอี้ าจแซะออกเปน็ แผน่ ใหญ่ ๆ ได้ บางชนดิ เป็นเนอื้ ผลึกท่มี คี วามแขง็ มาก ท้ังหินอัคนี หินตะกอนและหินแปร มีการเปลี่ยนแปลงจากหินประเภทหนึ่งไปเป็นหิน อีกประเภทหน่ึงหรือเปลี่ยนกลับไปเป็นหินประเภทเดิมได้ โดยมีแบบรูปการเปล่ียนแปลงคงท่ี และตอ่ เน่อื งเปน็ วัฏจกั รหนิ ๒.๒ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (ความรู้ ทักษะ คุณธรรมจริยธรรม คา่ นิยม) (ถ้าม)ี จุดประสงค์ด้านความรู้ ๑. อธบิ ายองคป์ ระกอบของหนิ ๒. อธิบายลักษณะทางกายภาพของหนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหินแปร ชดุ การ จดั ก จิ กรรม ก ารเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 273
๓. อธิบายและเปรียบเทียบกระบวนการเกิดหินแตล่ ะประเภทจากแบบจำ� ลอง ๔. อธบิ ายกระบวนการเปลี่ยนแปลงของหนิ ในวฏั จกั รจากแบบจ�ำลอง จดุ ประสงค์ดา้ นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ๑. การสงั เกต ๒. การลงความเห็นจากข้อมลู ๓. การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรุป จุดประสงคด์ า้ นคุณธรรม ๑. มงุ่ มน่ั ในการท�ำงาน ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๒.๓ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๑) การเตรยี มตัวของครู นักเรียน (การจดั กลุม่ ) (ถา้ ม)ี ๑.๑ การจดั กลมุ่ โดยแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน ๑.๒ ครคู วรดาวนโ์ หลดชดุ เกม Rocks & Minerals กอ่ นลว่ งหนา้ เพอื่ ศกึ ษาคมู่ อื การเลน่ เกม ให้เข้าใจ และวางแผนจัดเตรียมชุดเกมท่ีจะให้นักเรียนท�ำกิจกรรม สามารถให้นักเรียน เล่นเป็นรายกลุ่มหรือรายบุคคลก็ได้ และจัดเตรียมคู่มือการเล่นเกมตามความเหมาะสม เช่น ท�ำเปน็ เอกสาร หรอื ฉายคูม่ ือการเล่นเกมขึ้นบนจอทห่ี น้าช้นั เรยี น ๑.๓ ครคู วรดาวนโ์ หลดชุดเกม Rocks Dominoes กอ่ นล่วงหนา้ เพอื่ ศกึ ษาคู่มอื การเลน่ เกม Rocks Dominoes เตรียมชดุ เกมทีจ่ ะให้นักเรียนทำ� กจิ กรรม (ตามจ�ำนวนกลุ่มของนักเรียน) ถา้ นกั เรยี นมจี ำ� นวนมาก อาจใหผ้ เู้ ลน่ แตล่ ะหลายเลข มจี ำ� นวนผเู้ ลน่ มากกวา่ ๑ คน เชน่ ผเู้ ลน่ หมายเลข ๑ มีจ�ำนวน ๒ คน หรอื ๓ คน และจัดเตรียมคมู่ ือการเล่นเกมตามความเหมาะสม เช่น ท�ำเป็นเอกสาร หรือฉายคูม่ ือการเล่นเกมขึน้ บนจอท่หี นา้ ชนั้ เรียน ๒) การเตรียมสื่อ วสั ดุอุปกรณ์ ของครู นกั เรยี น (ถา้ ม)ี ส่ิงทคี่ รตู ้องเตรียม คือ ๑. ชุดตวั อยา่ งหิน ๓ ประเภท ได้แก่ หนิ อัคนี หนิ ตะกอน และหินแปร - หินอัคนี เชน่ หนิ แกรนิต หินไดออไรต์ หนิ บะซอลต์ หินพมั มซิ - หนิ ตะกอน เช่น หินกรวดมน หนิ ทราย หนิ ดินดาน หนิ ปนู - หินแปร เช่น หินไนส์ หินชนวน หินออ่ น หินควอรต์ ไซต ์ กลมุ่ ละ ๑ ชดุ ครอู าจหาชนดิ ของหนิ ไดใ้ นทอ้ งถน่ิ ในเบอื้ งตน้ จำ� นวนชนดิ ของหนิ ทจ่ี ดั หาไดอ้ าจไมค่ รบ ตามจ�ำนวนที่ระบไุ ว้ ซงึ่ ขึ้นอยูก่ ับสภาพแวดล้อมของทอ้ งถน่ิ ทสี่ ามารถพบหินชนดิ ตา่ ง ๆ ดงั กลา่ ว ซงึ่ ครอู าจตอ้ งใช้เวลาในการสะสมตวั อยา่ งหนิ การจดั เตรียมหินทง้ั สามประเภท ดังกล่าวนี้อาจขอค�ำปรึกษาจากนักธรณีวิทยาที่ประจ�ำอยู่ในท้องถ่ินหรือในจังหวัด หรือ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านธรณีวิทยา และอาจเก็บตัวอย่างหินในท้องถ่ินมาให้นักเรียนศึกษา โดยเข้าไปศึกษาชนิดของหินในท้องถ่ินจากแผนที่ธรณีวิทยา จากเว็บไซต์ของ 274 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
กรมทรพั ยากรธรณี ดงั URL ตอ่ ไปน้ี http://www.dmr.go.th/more_news.php?cid=296&filename=index ๒. แวน่ ขยาย กลุ่มละ ๒–๓ อัน ๓. กรรไกร กลุม่ ละ ๑ อนั ๔. ชดุ เกม Rocks & Minerals (ดาวนโ์ หลดชดุ เกมจาก QR Code หรอื เวบ็ ไซต์ http://ipst.me/10917 โดยจัดเตรียมการ์ด Rocks & Minerals ๑ ชุดหรือกลุ่ม และจัดแต่ละชุดใส่ซอง แยกไว้ ซ่งี มีดงั น้ี ๔.๑ เตรยี มภาพองคป์ ระกอบของหนิ ๑ ชดุ (๑๕ ภาพ) ตอ่ คนหรอื กลมุ่ และจดั แตล่ ะชดุ ใส่ซองแยกไว้ ๔.๒ เตรยี มภาพแร่ แกว้ ภเู ขาไฟ และเศษหนิ ๑ ชดุ (๑๖ ภาพ) ตอ่ คนหรอื กลมุ่ และจดั แตล่ ะชุดใสซ่ องแยกไว้ โดยจดั เตรยี มการด์ ต่อกลุม่ และจดั แต่ละชดุ ใสซ่ องแยกไว้ ซ่ีงมีดงั น้ี ที่ รายละเอียด จ�ำนวน ๑ การด์ ภาพรวมหนิ ๓ ประเภท ๓ ใบ ๒ การด์ ประเภทของหนิ ๑๘ ใบ ๓ การด์ กระบวนการทางธรณีวิทยา ๓๐ ใบ ๔ การ์ดวสั ดุ ๑๒ ใบ ๕ การด์ ชนิดหนิ ๑๕ ใบ ๗๘ ใบ รวม ๕. เตรยี มวตั ถแุ ทนเบย้ี ในการเลน่ เกม เชน่ เหรยี ญ กระดมุ เมด็ กรวดหรอื เศษหนิ ขนาดเลก็ ๖. ขนาดโตะ๊ ทใ่ี ชเ้ ลน่ เกมควรมขี นาดความกวา้ งประมาณ ๑๕๐ เซนตเิ มตร และความยาว ประมาณ ๒๐๐ เซนตเิ มตร สงิ่ ทนี่ กั เรียนตอ้ งเตรียม คือ - ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 275
๓) เตรยี มใบงาน ใบความรู้ ใบกจิ กรรม (ถ้าม)ี ๓.๑ ใบงาน ๐๑ องค์ประกอบของหิน ๓.๒ ใบงาน ๐๒ กระบวนการเกิดหินและวัฏจกั รหนิ ๓.๓ ใบงาน ๐๓ แบบฝกึ หัด เรอื่ งกระบวนการเกดิ หินและวฏั จักรหนิ ๒.๔ วัดผลประเมินผล (ถ้ามี) ๑) วิธกี ารวดั ผลประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑.๑ การตอบคำ� ถามในใบงาน ๑.๒ สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการท�ำกจิ กรรม ๑.๓ สงั เกตพฤตกิ รรมด้านคณุ ธรรมขณะท�ำกิจกรรม ๒) วิธกี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์ ๒.๑ เครือ่ งมือและเกณฑ์ในการประเมนิ ด้านความรู้ ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบค�ำถามในใบงาน แลว้ ใชเ้ กณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังน้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ�่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เครื่องมือและเกณฑใ์ นการประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สังเกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ (ดังแนบ) นำ� คะแนนมารวมกนั แลว้ ใช้เกณฑ์ในการใหค้ ะแนนดังนี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๓ เครอื่ งมือและเกณฑใ์ นการประเมินด้านคุณธรรม สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม (ดงั แนบ) นำ� คะแนน มารวมกนั แลว้ ใช้เกณฑ์ในการใหค้ ะแนนดังน้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตำ�่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) การทดสอบกอ่ นเรียน หลังเรียน แบบฝึกหดั กอ่ นเรียน หลังเรียน ทำ� แบบฝึกหดั ในใบงานหลังเรียน ๓. อ่ืน ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... 276 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 277 แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ของแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ เรอื่ งกระบวนการเกดิ หนิ และวฏั จกั รหนิ เวลา ๖ ชว่ั โมง ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร ์ ขัน้ นำ� แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นสอน • ตรวจสอบความรู้เดมิ เกย่ี วกบั สว่ นประกอบของหิน ขั้นสรุป ขัน้ ประเมนิ ผล • ท�ำใบกจิ กรรมท่ี ๑ องคป์ ระกอบของหินมอี ะไรบ้าง • ท�ำใบงาน ๐๑ องคป์ ระกอบของหิน • อภปิ รายขอ้ มลู เกย่ี วกับองค์ประกอบของหนิ จากการสงั เกต • ท�ำใบกิจกรรมท่ี ๒ กระบวนการเกิดหนิ และวฏั จกั รหินเป็นอยา่ งไร • ท�ำใบงาน ๐๒ กระบวนการเกิดหนิ และวฏั จักรหิน • อภปิ รายข้อมลู จากการเล่นเกม • อภปิ รายและลงข้อสรปุ เกีย่ วกบั องค์ประกอบของหิน • อภิปรายและลงข้อสรุปเกย่ี วกับกระบวนการเกิดหนิ และวฏั จกั รหิน • ท�ำใบงาน ๐๓ แบบฝกึ หัด เรอ่ื งกระบวนการเกดิ หินและวัฏจกั รหิน • ประเมนิ จากการตอบค�ำถาม • ประเมนิ จากการท�ำกิจกรรมในช้ันเรียน • ประเมินจากการท�ำแบบฝึกหัด
278 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑.๑ กระบวนการเกดิ หนิ และวฏั จกั รหิน เวลา ๖ ช่ัวโมง หน่วยย่อยที่ ๑ หนิ วฏั จกั รหินและประโยชนข์ องหินและแร่ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ขอบเขตเน้ือหา กิจกรรมการเรียนรู้ (๖ ช่วั โมง) สอื่ / แหลง่ เรียนรู้ หินเป็นวัสดุแข็งที่เกิดข้ึนตาม ชัว่ โมงท่ี ๑ ธรรมชาติ หนิ สว่ นใหญป่ ระกอบดว้ ย ข้ันนำ� (๕ นาท)ี ๑. ชดุ ตวั อย่างหิน ๓ ประเภท แรต่ ง้ั แตห่ นง่ึ ชนดิ ขนึ้ ไป แบง่ ออกเปน็ ๑. ครูทบทวนความรู้ที่ได้เรียนมาแล้วเกี่ยวกับลักษณะของหินโดยให้นักเรียน ไดแ้ ก่ หนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร ๓ ประเภท โดยใชก้ ระบวนการเกดิ สงั เกตตวั อยา่ งหนิ ๒ กอ้ น ทค่ี รเู ตรยี มไว้ จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายโดยใช้ - หนิ อคั นี เชน่ หนิ แกรนติ เป็นเกณฑ์ ประกอบด้วย หินอัคนี ค�ำถามว่า หินตะกอน และหนิ แปร ๑.๑ หนิ ๒ กอ้ นนมี้ ลี กั ษณะภายนอกเหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร (แตกตา่ งกนั หนิ ไดออไรต์ หนิ บะซอลต์ หินพัมมิซ หินอคั นเี กิดจากการเยน็ ตัวและ โดยหินกอ้ นแรกมีหลายสี รูปทรงไมเ่ ปน็ เรขาคณิต หยาบ หินกอ้ นท่สี อง - หนิ ตะกอน เชน่ หนิ กรวดมน ตกผลึกจากแมกมา หรือเกิดจาก มเี ทาอ่อน เรียบ รูปทรงไมเ่ ปน็ เราขาคณติ ) หนิ ทราย หนิ ดนิ ดาน หนิ ปนู การเยน็ ตวั และตกผลกึ อยา่ งรวดเรว็ ๑.๒ สง่ิ ทส่ี งั เกตไดเ้ กย่ี วกบั ลกั ษณะภายนอกของหนิ มอี ะไรบา้ ง (สี รปู ทรง เนอื้ หนิ ) - หินแปร เช่น หินไนส์ ของลาวาบนผิวโลก หรือเกิดจาก ๒. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกย่ี วกับเนอ้ื หนิ โดยใชค้ �ำถามดังน้ี หิ น ช น ว น หิ น อ ่ อ น การเยน็ ตวั และแขง็ ตวั อยา่ งรวดเรว็ ๒.๑ ลกั ษณะของเนอ้ื หนิ ของหนิ ทง้ั ๒ กอ้ นเหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร หนิ ควอรต์ ไซต์ ทันทีทันใดของลาวาบนผิวโลก (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น หินท้งั ๒ กอ้ น มเี นอ้ื หนิ ๒. แว่นขยาย แตกตา่ งกนั โดยกอ้ นแรกมเี นอื้ หยาบ มวี สั ดแุ ขง็ ประมาณ ๓ สี เกาะรวมกนั หนิ ๓. กรรไกร เน้ือหินของหินอัคนีมีลักษณะเป็น อกี กอ้ นมเี นอ้ื ละเอยี ด มวี สั ดแุ ขง็ เกาะกนั แนน่ สเี ทาออ่ นทงั้ กอ้ น และมลี กั ษณะ ๔. ชุดเกม Rocks & Minerals ผลกึ มที ง้ั ผลกึ ขนาดใหญแ่ ละขนาดเลก็ บางชนิดอาจเป็นเน้ือแก้วหรืออาจ เปน็ ชัน้ ๆ) (ดาวโหลดชุดเกมจาก QR Code มรี ูพรนุ ๒.๒ ลกั ษณะของเนอื้ หนิ กอ้ นอน่ื ๆ จะแตกตา่ งจาก ๒ กอ้ นนหี้ รอื ไม่ อยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง) หรอื เวปไซต์)
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 279 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ กระบวนการเกิดหินและวฏั จกั รหิน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ หน่วยย่อยท่ี ๑ หนิ วฏั จักรหินและประโยชน์ของหนิ และแร่ เวลา ๖ ช่ัวโมง กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ หนิ ตะกอนเกดิ จากการสะสมตวั ของ ข้นั สอน (๕๐ นาที) ภาระงาน / ช้นิ งาน ตะกอนและการเชอ่ื มประสานตะกอน ๓. ครชู วนนกั เรยี นหาคำ� ตอบจากการทำ� กจิ กรรม โดยใหน้ กั เรยี นอา่ นชอื่ กจิ กรรม ๑. การบนั ทกึ ผลการทำ� กจิ กรรม ในแอ่งสะสมตะกอน และเกิดจาก และจุดประสงค์ในใบกจิ กรรมที่ ๑ องคป์ ระกอบของหนิ มอี ะไรบา้ ง หน้า ๙๓ ในใบกจิ กรรม การตกผลึกหรือตกตะกอนจากน�้ำ จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการ โดยเฉพาะนำ้� ทะเล หนิ ตะกอนทเี่ กดิ จาก ทำ� กิจกรรม โดยใช้ค�ำถามดังน้ี ๒. การตอบค�ำถามในชั้นเรียน การสะสมตวั ของตะกอนเนอ้ื หนิ สว่ นใหญ่ ๓.๑ กจิ กรรมนน้ี กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเรอ่ื งอะไร (องคป์ ระกอบของหนิ มอี ะไรบา้ ง) มลี กั ษณะเปน็ เมด็ ตะกอน มที ง้ั เนอ้ื หยาบ ๓.๒ นกั เรียนจะไดเ้ รียนรู้เรอื่ งนด้ี ว้ ยวิธใี ด (สงั เกตและรวบรวมข้อมูล) และละเอยี ด สว่ นหนิ ตะกอนทเ่ี กดิ จาก ๓.๓ เม่อื เรียนแล้วนักเรยี นจะท�ำอะไรได้ (อธบิ ายองค์ประกอบของหนิ ) วิธกี ารประเมนิ การตกผลกึ หรอื ตกตะกอน เนอื้ หนิ จะเปน็ ๔. ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ใหน้ ักเรยี นทราบอีกคร้งั หน่งึ ๑. การตอบคำ� ถามในแบบฝกึ หดั เนอื้ ผลกึ บางชนดิ มลี กั ษณะเปน็ ชน้ั ๆ ๕. นกั เรยี นอา่ นวธิ ที ำ� ในใบกจิ กรรมที่ ๑ ขอ้ ๑ หนา้ ๙๓ โดยฝกึ อา่ นตามความเหมาะสม ๒. สังเกตทักษะกระบวนการ บางครงั้ จงึ เรยี กหนิ ตะกอนวา่ หนิ ชนั้ จากนั้นรว่ มกนั อภิปรายเพอ่ื สรุปข้นั ตอนการท�ำกจิ กรรม โดยใช้ค�ำถามต่อไปน้ี ทางวิทยาศาสตร์ในการ หนิ แปรเกดิ จากการแปรสภาพของหนิ ๕.๑ นกั เรยี นสงั เกตสง่ิ ใดของหนิ สงั เกตหนิ กปี่ ระเภท อะไรบา้ ง (สงั เกตเนอื้ หนิ ทำ� กจิ กรรม เดิมซ่ึงอาจเป็นหินอัคนี หินตะกอน ของหินแต่ละก้อนจากชุด ตัวอย่างหิน ๓ ประเภท ได้แก่ หินอัคนี ๓. สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม หรือหินแปร โดยการกระท�ำของ หินตะกอน และหนิ แปร) ความรอ้ น ความดนั และปฏกิ ริ ยิ าเคมี ๕.๒ นักเรียนใช้อุปกรณ์อะไรช่วยในการสังเกตเพิ่มเติม (ใช้แว่นขยายสังเกต ขณะทำ� กจิ กรรม ท่ีเกิดขึ้นบริเวณใต้ผิวโลก หินแปร เนื้อหิน) บางชนิดมีผลึกแร่เรียงตัวขนานกัน ๕.๓ เมอื่ สงั เกตลกั ษณะเนอื้ หนิ ของหนิ แตล่ ะประเภทแลว้ ใหร้ ว่ มกนั อภปิ รายสงิ่ ใด เปน็ แถบ บางชนดิ เนอ้ื หนิ จะมรี อยแยก เกยี่ วกบั หนิ (องคป์ ระกอบของหนิ โดยใชข้ อ้ มลู จากการสงั เกตลกั ษณะเนอ้ื หนิ เปน็ แผน่ ๆ ซง่ึ รอยแยกนอ้ี าจแซะออก ทั้ง ๓ ประเภท)
280 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ กระบวนการเกดิ หินและวฏั จักรหิน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ หนิ วฏั จกั รหนิ และประโยชน์ของหินและแร่ เวลา ๖ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ เป็นแผ่นใหญ่ ๆ ได้ บางชนิด ๖. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการท�ำกิจกรรมแล้ว ครูแจกชุดตัวอย่างหินแต่ละชนิด เกณฑ์การประเมิน เป็นเนื้อผลกึ ทีม่ ีความแข็งมาก พรอ้ มตดิ ชอ่ื และประเภทของหนิ และแวน่ ขยายใหน้ กั เรยี น และยำ�้ วา่ ใหน้ กั เรยี น ๑. การตอบค�ำถามในแบบฝึกหัด ทง้ั หนิ อคั นี หนิ ตะกอนและหนิ แปร ทุกคนในกลุ่มได้สังเกตหินทุกก้อน แล้วช่วยกันให้ข้อมูลท่ีได้จากการสังเกต ได้ถูกต้องด้วยตนเอง มกี ารเปลยี่ นแปลงจากหนิ ประเภทหนง่ึ และบนั ทกึ ผลการสงั เกตลงในใบงาน ๐๑ องคป์ ระกอบของหนิ ตาราง ๑ หนา้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ไปเปน็ หนิ อกี ประเภทหนง่ึ หรอื เปลยี่ น ๙๔-๙๙ ให้เรียบร้อย ครอู าจช่วยแนะน�ำให้นักเรยี นสงั เกตว่าหินมีเน้ือละเอียด - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน กลับไปเป็นหินประเภทเดิมได้ โดย เนือ้ หยาบถึงปานกลาง เนอ้ื หยาบ เนื้อแก้ว เนื้อหนิ อาจมรี ูพรุน อาจมีเศษหนิ - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน มีแบบรูปการเปล่ียนแปลงคงท่ีและ ปะปนอยใู่ นเนอ้ื หนิ หรอื เนอื้ หนิ ประกอบไปดว้ ยเมด็ ตะกอนและเมด็ ตะกอนอาจ ๒. มีทักษะกระบวนการทาง ตอ่ เนอื่ งเปน็ วฏั จักรหิน มีได้หลายสี และบันทกึ จ�ำนวนสีของวสั ดแุ ขง็ ท่ปี ระกอบกันอยใู่ นเนื้อหนิ วทิ ยาศาสตร์ขณะท�ำกจิ กรรม ๗. หลงั จากทนี่ กั เรยี นทำ� กจิ กรรมเสรจ็ แลว้ ครอู าจสมุ่ นกั เรยี นนำ� เสนอลกั ษณะของหนิ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน แตล่ ะประเภท โดยครูชว่ ยตรวจสอบความถูกต้อง หากไม่ถูกตอ้ งให้นกั เรียน - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน สังเกตซ�้ำอีกคร้ัง และจดค�ำตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน จากนั้นครูและ - ตำ�่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายโดยใช้ค�ำถามดงั ตอ่ ไปน้ี ๓. มคี ุณลกั ษณะด้านคณุ ธรรม ๗.๑ ตวั อยา่ งหนิ อคั นใี นชดุ ตวั อยา่ งหนิ มอี ะไรบา้ ง (นกั เรยี นตอบตามตวั อยา่ งหนิ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ทคี่ รนู ำ� มาใหส้ งั เกต เชน่ หนิ แกรนติ หนิ ไดออไรต์ หนิ บะซอลต์ หนิ พมั มซิ ) - ๕๐ % -๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ๗.๒ หนิ อคั นปี ระเภทตา่ ง ๆ มลี กั ษณะเนอ้ื หนิ เหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร - ตำ่� กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน (นักเรียนตอบตามที่สังเกตได้ เช่น มีทั้งเหมือนและแตกต่างกัน เช่น หินแกรนิตและหินไดออไรต์มีเน้ือหินหยาบเหมือนกัน ซ่ึงแตกต่างจาก หนิ บะซอลต์มีเนอ้ื ละเอยี ดและหนิ พมั มิซมเี น้ือแกว้ มีรพู รนุ
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 281 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๑ กระบวนการเกิดหินและวฏั จกั รหิน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ หน่วยย่อยที่ ๑ หนิ วฏั จกั รหนิ และประโยชน์ของหินและแร่ เวลา ๖ ชัว่ โมง ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ จุดประสงคด์ ้านความรู้ นอกจากน้ีหินท้ัง ๔ ชนิดมีสีในเน้ือหินแตกต่างกัน หินแกรนิตมีสี ๓-๔ สี ๑. อธิบายองคป์ ระกอบของหนิ เกาะรวมกนั หนิ ไดออไรตม์ สี ี ๒-๓ สี เกาะรวมกนั หนิ บะซอลตม์ สี เี ทาเขม้ หนิ พมั มซิ ๒. อธบิ ายลักษณะทางกายภาพ มสี นี �้ำตาลออ่ น) ของหนิ อคั นี หนิ ตะกอน และ ๗.๓ ตวั อยา่ งหนิ ตะกอนในชดุ ตวั อยา่ งหนิ มอี ะไรบา้ ง (นกั เรยี นตอบตามตวั อยา่ ง หนิ แปร ๓. อธิบายและเปรียบเทียบ หนิ ทีค่ รนู �ำมาให้สังเกต เชน่ หนิ กรวดมน หนิ ทราย หินดนิ ดาน หินปูน) กระบวนการเกิดหินแต่ละ ๗.๔ หนิ ตะกอนประเภทตา่ ง ๆ มลี กั ษณะเนอ้ื หนิ เหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร ประเภทจากแบบจำ� ลอง ๔. อธบิ ายกระบวนการเปลยี่ นแปลง (นักเรยี นตอบตามท่สี งั เกตได้ เชน่ มที ง้ั เหมือนและแตกตา่ งกัน เช่น ข อ ง หิ น ใ น วั ฏ จั ก ร จ า ก หนิ กรวดมนและหินทรายมีเนือ้ หยาบ และมเี ม็ดตะกอนเกาะรวมกัน แบบจ�ำลอง เหมอื นกนั แตม่ ลี กั ษณะของเนอ้ื หยาบและขนาดเมด็ ตะกอนไมเ่ หมอื นกนั และมคี วามแตกต่างจากหินดนิ ดานและหนิ ปูนท่ีมเี นือ้ ละเอียดและเปน็ จุดประสงค์ด้านทักษะกระบวนการ วดั สุแข็งเกาะกันแน่น นอกจากน้มี หี ลายสีเหมือนกนั เช่น หนิ กรวดมน ทางวทิ ยาศาสตร์ หินทราย หินดินดาน แต่ชนิดของสีแตกตา่ งกนั ส่วนหนิ ปนู มสี ีเดยี วเปน็ สีเทา) ๑. การสังเกต ๗.๕ ตวั อย่างหนิ แปรในชุดตวั อยา่ งหินมอี ะไรบ้าง (นกั เรียนตอบตามตัวอย่าง ๒. การลงความเหน็ จากข้อมลู หนิ ทคี่ รนู ำ� มาใหส้ งั เกต เชน่ หนิ ไนส์ หนิ ชนวน หนิ ออ่ น หนิ ควอรต์ ไซต)์ ๓. การตคี วามหมายขอ้ มลู และลง ๗.๖ หนิ แปรประเภทตา่ ง ๆ มลี กั ษณะเนอ้ื หนิ เหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามทส่ี งั เกตได้ เชน่ มที ง้ั เหมอื นและแตกตา่ งกนั เชน่ หนิ ไนส์ ขอ้ สรุป มีเน้ือหยาบซึ่งแตกต่างจากหินชนวน หินอ่อน และหินควอร์ตไซต์ที่มี
282 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๑.๑ กระบวนการเกดิ หนิ และวฏั จักรหิน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ หิน วฏั จกั รหนิ และประโยชน์ของหนิ และแร่ เวลา ๖ ชว่ั โมง ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ จดุ ประสงคด์ ้านคณุ ธรรม เนื้อละเอียด นอกจากน้ีมีสีแตกต่างกัน หินไนส์มีสีขาว สีด�ำสลับกัน ๑. ม่งุ ม่ันในการท�ำงาน หนิ ชวนวนมีสีด�ำ หินอ่อนมีสขี าว หนิ ควอร์ตไซตม์ ีนำ้� ตาล) ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๘. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายองค์ประกอบของหินและบันทึกผลลงใน ผลการอภิปราย ทา้ ยตาราง ๑ หน้า ๙๙ ๙. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั องคป์ ระกอบของหนิ ตามทส่ี งั เกตได้ เชน่ องคป์ ระกอบของหนิ ประกอบดว้ ยวัสดุแขง็ เม็ดตะกอน กรวด ทราย) ข้นั สรุป (๕ นาที) ๑๐. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคิดหรือสิ่งที่ได้เรียนรู้ในชั่วโมงน้ีด้วยตนเอง เกยี่ วกบั องค์ประกอบหนิ ๑๑. ครนู ำ� นกั เรยี นสรปุ ความรไู้ ดเ้ รยี นในชว่ั โมงนอี้ กี ครง้ั วา่ มหี นิ อะไรบา้ งจดั อยใู่ น กลุ่มหินอัคนี หินตะกอนและหินแปร และสรุปเกี่ยวกับลักษณะส�ำคัญของ หินแตล่ ะชนิด เชน่ เน้ือหนิ สี ๑๒. ครูบอกว่านักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของหินเพ่ิมเติมจาก การเลม่ เกม Rocks & Minerals ในชวั่ โมงหนา้ โดยนกั เรยี นสามารถไปศกึ ษา วธิ กี ารเลน่ เกมนี้มาล่วงหน้าจาก QR code ในหนา้ ๙๓ ได้ ชวั่ โมงที่ ๒ ขน้ั นำ� (๕ นาท)ี ๑๓. ครูทบทวนความรทู้ ไี่ ดเ้ รยี นไปแลว้ โดยใชค้ �ำถามดังนี้
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 283 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๑.๑ กระบวนการเกิดหนิ และวฏั จกั รหิน เวลา ๖ ชัว่ โมง หน่วยยอ่ ยที่ ๑ หิน วฏั จักรหินและประโยชน์ของหนิ และแร่ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ๑๓.๑ นักเรียนได้สังเกตเนื้อหินกี่ประเภท อะไรบ้าง (หินมี ๓ ประเภท คือ หนิ อคั นี หินตะกอน และหนิ แปร) ๑๓.๒ หนิ อคั นมี ลี กั ษณะเปน็ อยา่ งไร (หนิ อคั นบี างขนดิ อาจมวี สั ดแุ ขง็ บางชนดิ มเี นอ้ื แกว้ และมรี พู รนุ ) ๑๓.๓ หินตะกอนมีลักษณะเป็นอย่างไร (หินตะกอนบางชนิดมีเน้ือหินเป็น เมด็ ตะกอน บางชนดิ มวี สั ดุแขง็ ) ๑๓.๔ หนิ แปรมลี ักษณะเป็นอยา่ งไร (หนิ แปรมีวสั ดุแข็งเกาะรวมกนั บางชนิด มแี ถบสีเป็นชนั้ ) ๑๓.๕ หนิ ตา่ ง ๆ มอี งคป์ ระกอบอะไรบา้ ง (วสั ดแุ ขง็ เมด็ ตะกอน กรวด ทราย) ขัน้ สอน (๕๐ นาท)ี ๑๔. ครูชักชวนนักเรียนหาค�ำตอบเพ่ิมเติมเก่ียวกับองค์ประกอบของหิน โดยให้ นักเรียนอ่านวิธีท�ำในใบกิจกรรมที่ ๑ ข้อ ๒-๓ หน้า ๙๓ โดยฝึกอ่านตาม ความเหมาะสม จากน้ันร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปข้ันตอนการท�ำกิจกรรม โดยใช้ค�ำถามต่อไปน้ี (ครูอาจเขยี นสรปุ เปน็ ขนั้ ตอนส้ัน ๆ บนกระดาน) ๑๔.๑ นกั เรยี นตอ้ งทำ� อยา่ งไรเปน็ อนั ดบั แรก (อา่ นคมู่ อื การเลน่ เกม Rocks & Minerals ให้เขา้ ใจ และจากนนั้ ให้เลน่ เกม Rocks & Minerals) ๑๔.๒ หลงั จากเลน่ เกมเสรจ็ แลว้ นกั เรยี นตอ้ งบนั ทกึ สง่ิ ใด (บนั ทกึ องคป์ ระกอบ ของหินตามข้อมูลที่ได้จากการเล่นเกม Rocks & Minerals จ�ำนวน ๑๕ กอ้ น ลงในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม ตาราง ๒ หน้า ๑๐๐-๑๐๑)
284 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ กระบวนการเกิดหินและวฏั จักรหิน เวลา ๖ ชว่ั โมง หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ หิน วฏั จกั รหินและประโยชน์ของหินและแร่ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ๑๔.๓ เมอื่ นกั เรยี นบนั ทกึ ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการเลน่ เกมเสรจ็ แลว้ ตอ้ งทำ� สง่ิ ใดตอ่ ไป (อภิปรายข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะเน้ือหินของหินแต่ละก้อนจาการสังเกต เปรยี บเทยี บกบั ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการเลน่ เกม จากนน้ั ปรบั ปรงุ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั องคป์ ระกอบของหนิ ทบี่ นั ทกึ ไวจ้ ากการสงั เกตในหนา้ ๙๙ ใหถ้ กู ตอ้ งยง่ิ ขน้ึ ) ๑๕. ครูให้นักเรียนอ่านคู่มือการเล่นเกม Rocks & Minerals ให้เข้าใจ ซ่ึงคู่มือการ เลน่ เกมนี้จะอยู่ใน QR code ในหนงั สอื เรยี นหน้า ๙๓ เมอื่ สแกน QR code จากนนั้ ใหค้ รรู ว่ มกนั อภปิ รายกบั นกั เรยี นใหเ้ ขา้ ใจเกยี่ วกบั กตกิ าการเลน่ วา่ เมอ่ื ใด ท่ีจะมีผูช้ นะ และเม่อื ใดที่จะจบเกม ๑๖. เมอ่ื เล่นเกมเสร็จสิ้นแลว้ ใหผ้ ูเ้ ล่นเกมพจิ ารณาข้อมลู องคป์ ระกอบของหนิ แตล่ ะ ชนดิ ในการด์ Rocks & Minerals และทว่ี างไวข้ า้ ง ๆ การด์ Rocks & Minerals หรอื ที่แยกใส่ซองไวใ้ นชว่ งแรก และน�ำข้อมูลองคป์ ระกอบของหนิ แต่ละชนดิ ไป บันทึกลงในตาราง ๒ หนา้ ๑๐๐-๑๐๑ ให้ครบถ้วนและถูกต้อง ๑๗. หลงั จากทำ� กจิ กรรมแลว้ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายผลการทำ� กจิ กรรม โดยครู ใชค้ ำ� ถามดังต่อไปน้ี ๑๗.๑ ลักษณะเน้ือหินทั้งสามประเภท ได้แก่ หินอัคนี หินตะกอน และหินแปร มีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร (เน้ือหินทั้งสามประเภท มลี ักษณะทง้ั ทีเ่ หมือนกันและแตกตา่ งกนั - เนอื้ หนิ ทม่ี ลี กั ษณะเหมอื นกนั เชน่ มเี นอ้ื ละเอยี ดหรอื มเี นอื้ หยาบเหมอื นกนั - เนอ้ื หนิ ทมี่ ลี กั ษณะแตกตา่ งกนั เชน่ บางกอ้ นมเี นอ้ื แกว้ มรี พู รนุ มลี กั ษณะ
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 285 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๑ กระบวนการเกิดหินและวฏั จกั รหิน เวลา ๖ ชัว่ โมง หน่วยยอ่ ยที่ ๑ หิน วฏั จักรหินและประโยชน์ของหนิ และแร่ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เปน็ ชน้ั ๆ มผี ลกึ แรเ่ รยี งตวั ขนานกนั เปน็ แถบ บางกอ้ นเนอ้ื หนิ แซะออก เปน็ แผน่ ได้ บางกอ้ นเนอื้ หนิ เปน็ เมด็ ตะกอน บางกอ้ นประกอบดว้ ยวสั ดุ แขง็ ทม่ี สี จี ำ� นวน ๑ สี บางกอ้ นประกอบดว้ ยวสั ดแุ ขง็ ทม่ี สี ี จำ� นวน ๓ สี ๑๗.๒ องคป์ ระกอบของหนิ จากทส่ี งั เกตไดแ้ ตกตา่ งจากทไี่ ดจ้ ากการเลม่ เกมหรอื ไม่ อยา่ งไร (องคป์ ระกอบของหนิ จากทส่ี งั เกตไดอ้ าจแตกตา่ งจากทไ่ี ดจ้ าก การเลน่ เกม เพราะขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสงั เกตหนิ จรงิ อาจไมล่ ะเอยี ดหรอื ไมช่ ดั เจนเทา่ ทไ่ี ดจ้ ากการเลม่ เกม เพราะขอ้ มลู จากการเลม่ เกมนกั เรยี น จะไดช้ อ่ื แรช่ นดิ ตา่ ง ๆ ทเ่ี ปน็ องคป์ ระกอบของหนิ และทราบองคป์ ระกอบ ของหนิ แตล่ ะกอ้ นอยา่ งละเอยี ด วา่ หนิ บางกอ้ นประกอบดว้ ยแร่ ๑ ชนดิ บางกอ้ นประกอบดว้ ยแรห่ ลายชนดิ บางกอ้ นมที งั้ แรแ่ ละเศษหนิ ปะปน บางกอ้ นมแี กว้ ภเู ขาไฟ) ๑๗.๓ องคป์ ระกอบของหนิ มอี ะไรบา้ ง (แร่ เศษหนิ แกว้ ภเู ขาไฟ) ๑๘. ครใู หค้ วามรเู้ พม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั เนอ้ื แกว้ วา่ เปน็ เนอื้ ของหนิ และแร่ หรอื สารทไี่ มม่ ี โครงสรา้ งผลกึ หรอื มกี ารเรยี งตวั ภายในไมเ่ ปน็ ระเบยี บ เนอ้ื หนิ ทเี่ ปน็ เนอื้ แกว้ จะมลี กั ษณะวาว ขนั้ สรปุ (๕ นาท)ี ๑๙. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรแู้ ละทกั ษะทไ่ี ดจ้ ากการเลม่ เกม Rocks & Minerals โดยอาจใหส้ มาชกิ ในกลมุ่ เวยี นกนั เขยี นคนละขอ้
286 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ กระบวนการเกิดหินและวฏั จกั รหิน เวลา ๖ ช่ัวโมง หน่วยยอ่ ยที่ ๑ หิน วฏั จักรหินและประโยชน์ของหนิ และแร่ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๒๐. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามในสิ่งท่ีอยากรเู้ พม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั องค์ประกอบ ของหนิ จากนน้ั รว่ มกนั อภปิ รายและลงขอ้ สรปุ วา่ หนิ สว่ นใหญป่ ระกอบดว้ ยแร่ ตงั้ แต่ ๑ ชนดิ ขน้ึ ไป หนิ บางชนดิ มอี งคป์ ระกอบเปน็ แกว้ ภเู ขาไฟ และบางชนดิ มีเศษหินเป็นองค์ประกอบ ชัว่ โมงที่ ๓ ขัน้ น�ำ (๑๐ นาท)ี ๒๑. ครทู บทวนความรทู้ ไ่ี ดเ้ รยี นมาแลว้ เกยี่ วกบั แรซ่ งึ่ เปน็ องคป์ ระกอบหนงึ่ ของหนิ โดยครูน�ำภาพแร่ต่าง ๆ ได้แก่ แร่ควอร์ต แร่เฟลด์สปาร์ แร่ดิน แร่ไมกา แร่สีเขม้ บางชนิด แร่แคลไซต์ และใหน้ กั เรยี นแข่งขันบอกชอ่ื แร่ และครูและ นกั เรียนร่วมกนั เฉลย ๒๒. จากนน้ั ครูใชค้ �ำถามดังนี้ ๒๒.๑ องค์ประกอบของหินมีอะไรบ้าง (แร่ แกว้ ภเู ขาไฟ เศษหิน) ๒๒.๒ เพราะเหตุใดหินบางกอ้ นจงึ มีแรเ่ ป็นองค์ประกอบ (นักเรยี นตอบตาม ความเขา้ ใจ เชน่ หนิ บางกอ้ นประกอบไปด้วยแร่ เพราะเกิดจากการ เย็นตัวและตกผลกึ จากแมกมาบริเวณใต้ผิวโลก) ๒๒.๓ เพราะเหตุใดหินบางกอ้ นจงึ มีแกว้ ภเู ขาไฟเป็นองค์ประกอบ (นกั เรยี น ตอบตามความเขา้ ใจ เชน่ หินบางกอ้ นประกอบไปดว้ ยแกว้ ภเู ขาไฟ เพราะเกิดจากการเยน็ ตัวและแขง็ ตวั จากลาวาบนผวิ โลก)
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 287 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๑ กระบวนการเกิดหินและวฏั จกั รหิน เวลา ๖ ชวั่ โมง หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ หนิ วฏั จกั รหินและประโยชนข์ องหินและแร่ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๒๒.๔ เพราะเหตุใดหนิ บางก้อนจึงมีเศษหินเปน็ องค์ประกอบ (นกั เรียนตอบ ตามความเขา้ ใจ เชน่ หนิ บางก้อนมเี ศษหนิ เป็นองค์ประกอบ เพราะ เกดิ จากการสะสมตวั ของตะกอนและเชอื่ มประสานตะกอน ซงึ่ ตะกอน ท่ีมาสะสมตวั อาจมีเศษหนิ ปะปนอยูด่ ว้ ย) ข้นั สอน (๔๕ นาที) ๒๓. ครูชักชวนนักเรียนหาค�ำตอบเกี่ยวกับการเกิดแร่ในหิน โดยให้นักเรียนอ่าน ใบความรู้เร่ืองแร่ หน้า ๑๐๒–๑๐๓ จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อตรวจสอบ ความเข้าใจ โดยใช้ค�ำถามดังนี้ ๒๓.๑ แรค่ อื อะไร (แรค่ อื สารทเี่ กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ เกดิ จากการตกผลกึ ภายใต้สภาวะท่ีเหมาะสม) ๒๓.๒ ลกั ษณะทางกายภาพของแรม่ ีอะไรบ้าง (ลกั ษณะทางกายภาพของแร่ มดี งั น้ี เปน็ ผลกึ ของแขง็ มโี ครงสรา้ งทเี่ ปน็ ระเบยี บ มรี ปู ทรงเรขาคณติ เฉพาะตัว มสี หี รอื ไม่มีสี) ๒๓.๓ ลักษณะของแร่ท่ีอยู่ในหินแกรนิตที่สังเกตได้เป็นอย่างไร (มีสีอยู่ใน เน้อื หิน) ๒๓.๔ พบแร่ชนิดใดบ้างในหินแกรนิต (แร่ท่ีมีลักษณะใส ไม่มีสี แร่ท่ีมีสีด�ำ และแร่สีขมพู)
288 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๑.๑ กระบวนการเกดิ หนิ และวฏั จกั รหนิ เวลา ๖ ชว่ั โมง หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ หิน วฏั จกั รหนิ และประโยชนข์ องหนิ และแร่ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ๒๔. ครูชักชวนนักเรียนอภิปรายต่อเพ่ือเช่ือมโยงความรู้ท่ีได้จากการเล่มเกม Rocks & Minerals โดยใชค้ �ำถามดงั น้ี ๒๔.๑ จากการเลน่ เกม แรท่ พี่ บในหนิ แกรนติ คอื แรช่ นดิ ใด (แรท่ ม่ี ลี กั ษณะใส ไมม่ สี คี อื แรค่ วอตซ์ แรท่ ม่ี สี ดี ำ� คอื แรไ่ มกา และแรส่ ขี มพคู อื แรเ่ ฟลตส์ ปาร)์ ๒๔.๒ หินชนิดใดประกอบด้วยแร่ ๑ ชนิด และประกอบด้วยแร่ชนิดใด (หินควอร์ตไซต์ประกอบด้วยแร่ควอตซ์ และหินอ่อนประกอบด้วย แร่แคลไซต)์ ๒๔.๓ หนิ ชนดิ ใดประกอบดว้ ยแรม่ ากกวา่ ๑ ชนดิ ยกตวั อยา่ ง (หนิ แกรนติ หินไดออไรต์ หนิ กรวดมน หนิ ทราย) ๒๔.๔ หินชนดิ ใดบา้ งทีไ่ มพ่ บแร่เปน็ องค์ประกอบ อย่างไร (หินออบซิเดยี น และหินพัมมิซ ไม่มีแร่เป็นองค์ประกอบแต่มีแก้วภูเขาไฟ เปน็ องคป์ ระกอบ) ครใู หค้ วามรเู้ พมิ่ เตมิ วา่ หนิ เหลา่ นเ้ี กดิ จากการเยน็ ตวั และแขง็ ตวั จากลาวาบนผิวโลก ๒๔.๕ หินชนิดใดมีเศษหินเป็นองค์ประกอบ (หินกรวดมนและหินทราย) ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่าหินเหล่าน้ีเป็นหินตะกอน เศษหินท่ีเป็น องค์ประกอบเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนและเช่ือมประสาน ตะกอน ซ่งึ ตะกอนท่มี าสะสมตวั อาจมีเศษหนิ ปะปนอยูด่ ว้ ย) ๒๕. ครใู หน้ กั เรยี นเขยี นผงั ความคดิ เกยี่ วกบั องคป์ ระกอบของหนิ ลงในกระดาษปรฟู๊ แลว้ ใหต้ ดิ รอบหอ้ งเพ่อื แลกเปลี่ยนสงิ่ ทไี่ ดเ้ รยี นรูร้ ว่ มกัน
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 289 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑.๑ กระบวนการเกิดหนิ และวฏั จกั รหิน หน่วยย่อยท่ี ๑ หนิ วฏั จกั รหินและประโยชนข์ องหนิ และแร่ เวลา ๖ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ๒๖. นกั เรยี นตอบคำ� ถามหลงั จากทำ� กจิ กรรม หนา้ ๑๐๔–๑๐๕ และรว่ มกันเฉลยค�ำตอบ ขั้นสรุป (๕ นาท)ี ๒๗. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เกยี่ วกบั องคป์ ระกอบของหนิ ทงั้ หมดไดว้ า่ หนิ สว่ นใหญป่ ระกอบดว้ ยแร่ ต้ังแต่ ๑ ชนิดขึ้นไป แร่เกิดจากการตกผลึกภายใต้สภาวะท่ีเหมาะสมจนเป็นผลึกของแข็งที่มี โครงสรา้ งที่เปน็ ระเบียบ มีรูปทรงเรขาคณติ เฉพาะตัว มสี หี รอื ไม่มีสี นอกจากนีห้ นิ บางชนิด ประกอบดว้ ยแกว้ ภเู ขาไฟหรอื บางชนดิ จะมเี ศษหนิ เปน็ องคป์ ระกอบดว้ ย โดยครอู าจใชก้ ราฟกิ ชว่ ย ในการสรุปดงั ตัวอย่าง องคป์ ระกอบของหิน หินแกรนติ หนิ ไดโอไรต์ หนิ บะซอลต์ หนิ พัมมซิ หนิ ออบซิเดยี น หนิ กรวดมน แรช่ นิดตา่ ง ๆ หนิ ดินดาน หินทราย แกว้ ภเู ขาไฟ หินทรายแป้ง เศษหิน หินปูน หนิ ไนส์ หินชนวน หนิ ฟลิ ไลต์ หินอ่อน หินควอร์ตไซต์
290 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑.๑ กระบวนการเกิดหินและวฏั จักรหิน เวลา ๖ ชั่วโมง หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ หิน วฏั จักรหินและประโยชนข์ องหินและแร่ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ชัว่ โมงท่ี ๔ ขนั้ นำ� (๕ นาที) ๒๘. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเก่ียวกับองค์ประกอบของหินโดยใช้ค�ำถามดังน้ี หนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร มอี งคป์ ระกอบใดแตกตา่ งกนั บา้ ง (หนิ อคั นี อาจมแี กว้ ภเู ขาไฟเปน็ องคป์ ระกอบ หนิ ตะกอนอาจมเี ศษหนิ ปะปนอยใู่ นเนอ้ื หนิ และหินแปรอาจมผี ลึกแรเ่ รียงตัวขนานกนั เป็นแถบ) ๒๙. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับกระบวนการเกิดหินและวัฏจักรหิน โดยใช้ ค�ำถามดังน้ี ๒๙.๑ หนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร มกี ระบวนการเกดิ แตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ๒๙.๒ หนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร สามารถเปลยี่ นไปเปน็ หนิ ประเภทอน่ื หรอื ประเภทเดมิ ไดห้ รอื ไม่ (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) ขนั้ สอน (๔๕ นาท)ี ๓๐. นักเรยี นอา่ นชอ่ื กจิ กรรมท่ี ๒ กระบวนการเกดิ หนิ และวัฏจกั รหนิ เปน็ อย่างไร หนา้ ๑๐๖ และอา่ นจดุ ประสงค์ ขอ้ ๑ จากนน้ั รว่ มกนั อภปิ รายเพอื่ ตรวจสอบ ความเข้าใจเกีย่ วกบั จดุ ประสงคใ์ นการท�ำกิจกรรม โดยใช้คำ� ถามดงั นี้ ๓๐.๑ กิจกรรมน้นี ักเรยี นจะไดเ้ รยี นเรอ่ื งอะไร (ลักษณะทางกายภาพของ หนิ อัคนี หนิ ตะกอน และหนิ แปร) ๓๐.๒ นกั เรียนจะไดเ้ รยี นรู้เร่ืองนีด้ ้วยวิธใี ด (สังเกต)
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 291 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑.๑ กระบวนการเกดิ หินและวฏั จกั รหนิ เวลา ๖ ชว่ั โมง หน่วยย่อยที่ ๑ หิน วฏั จกั รหนิ และประโยชน์ของหนิ และแร่ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ๓๐.๓ เมอื่ เรยี นแลว้ นกั เรยี นจะทำ� อะไรได้ (อธบิ ายลกั ษณะทางกายภาพของ หินอคั นี หินตะกอน และหินแปรได้) ๓๑. ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรียนรูใ้ หน้ ักเรียนทราบอีกคร้ัง ๓๒. ครบู อกนกั เรยี นวา่ ในชวั่ โมงนจี้ ะใชว้ สั ด-ุ อปุ กรณ์ คอื ชดุ ตวั อยา่ งหนิ ๓ ประเภท และแว่นขยายเพอ่ื ชว่ ยในการสงั เกตลกั ษณะทางกายภาพของหนิ ๓๓. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีท�ำในใบกิจกรรมที่ ๒ ข้อ ๑ หน้า ๑๐๗ โดยฝึกอ่าน ตามความเหมาะสม จากนนั้ รว่ มกนั อภปิ รายเพอ่ื สรปุ ขนั้ ตอนการทำ� กจิ กรรม โดยใช้ค�ำถามตอ่ ไปนี้ ๓๓.๑ นักเรียนต้องสังเกตและบันทึกส่ิงใดของหินแต่ละประเภท (สังเกต ลักษณะของหินแตล่ ะประเภท) ๓๓.๒ นกั เรยี นตอ้ งอภปิ รายเกย่ี วกบั เรอื่ งอะไร (อภปิ รายวา่ หนิ แตล่ ะประเภท มีกระบวนการเกดิ แตกตา่ งกนั หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด) ๓๔. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการท�ำกิจกรรมในท�ำอย่างไรแล้ว ครูแจกวัสดุอุปกรณ์ และใหน้ กั เรยี นสงั เกตลกั ษณะของหนิ แตล่ ะประเภทโดยละเอยี ดและบนั ทกึ ลง ในใบงาน ๐๒ กระบวนการเกิดหินและวัฏจักรหิน ในตาราง ๑ คอลัมน์ ก่อนเล่นเกม ในหน้า ๑๐๘-๑๐๙ โดยครูให้นักเรียนสังเกตลักษณะของหิน ด้วยตนเองก่อนว่าได้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของเนื้อหิน (หยาบ/ละเอียด/ มีรูพรุน/มีเนื้อแก้ว/มีผลึกแร่เกาะรวมกัน/มีเม็ดตะกอนขนาดใหญ่/
292 ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ หนิ และซากดกึ ดำ� บรรพ์ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑.๑ กระบวนการเกิดหินและวฏั จักรหิน เวลา ๖ ชวั่ โมง หน่วยยอ่ ยที่ ๑ หิน วฏั จักรหินและประโยชน์ของหินและแร่ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เล็กเกาะรวมกัน/มีเศษหินปะปนอยู่/เป็นช้ัน/ผลึกแร่เรียงตัวขนานเป็นแถบ /สามารถแซะเป็นแผ่นได้) หากนักเรียนสังเกตไม่พบ ครูให้ความช่วยเหลือ ภายหลัง เพ่อื ใหน้ ักเรียนไดข้ อ้ มูลทค่ี รบถ้วนได้ ๓๕. เม่ือนักเรียนสังเกตเสร็จแล้วครูอาจให้นักเรียนน�ำเสนอลักษณะของหินที่ได้ จากการสงั เกต จากนน้ั ครูใช้ค�ำถามดงั ต่อไปน้ี ๓๕.๑ หินอัคนีมีลักษณะใดบ้าง (นักเรียนตอบตามท่ีสังเกตได้ เช่น มีวัสดุ แขง็ สตี า่ ง ๆ รวมตวั กนั บางกอ้ นมเี นอ้ื หยาบ บางกอ้ นมเี นอ้ื ละเอยี ด และมีสีเดียว บางกอ้ นเป็นเนื้อแก้ว บางก้อนมรี ูพรนุ ) ๓๕.๒ หนิ ตะกอนมลี กั ษณะใดบา้ ง (นกั เรยี นตอบตามทสี่ งั เกตได้ เชน่ มเี มด็ ตะกอนเกาะอยรู่ วมกนั บางก้อนมีเนอ้ื หยาบ บางก้อนมเี น้ือละเอยี ด บางกอ้ นมีเศษหินปน บางกอ้ นมีลักษณะเนือ้ หินเป็นชน้ั ๆ) ๓๕.๓ หินแปรมีลักษณะใดบ้าง (นักเรียนตอบตามท่ีสังเกตได้ เช่น มีวัสดุ แขง็ ขนาดตา่ ง ๆ เกาะตวั รวมกนั บางกอ้ นวสั ดแุ ขง็ จะเรยี งตวั ขนานกนั เป็นแถบสี บางก้อนสามารถกะเทาะเปน็ แผน่ ได)้ ๓๖. ครใู หน้ กั เรยี นพจิ ารณาขอ้ มลู เกยี่ วกบั ลกั ษณะของหนิ แตล่ ะประเภทแลว้ รว่ มกนั อภปิ รายวา่ กระบวนการเกดิ หนิ แตล่ ะประเภทแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด และให้นักเรียนบันทึกผลในในงาน ๐๒ ตาราง ๒ หน้า ๑๑๐ คอลัมน์ กอ่ นเลน่ เกม จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นนำ� เสนอ ครรู บั ฟงั ความคดิ เหน็ ของนกั เรยี นไว้ แตย่ งั ไมเ่ ฉลยคำ� ตอบ และชกั ชวนนกั เรยี นวา่ จะไดไ้ ปหาคำ� ตอบในชว่ั โมงตอ่ ไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 477
Pages: