หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง สมบตั ิบางประการของธาตุ 92 กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและสมบตั ิของสาร เวลา 2 ช่วั โมง รายรวาชิยาวิชวาทิ วยิทาศยาาสศตารส์พตน้ื รฐ์ าน ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 การทากจิ กรรม ครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบ ผลการทากิจกรรม และ วิเคราะหส์ าเหตทุ ่ีอาจทาให้กิจกรรมคลาดเคล่อื น 2. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายโดยใชผ้ ลจากตารางข้อมลู ในใบกจิ กรรม ที่ 1 โดยใช้คาถามต่อไปน้ี - จากตารางข้อมลู จดั ธาตุไดเ้ ป็นกี่กลุม่ แตล่ ะกล่มุ มีสมบัติอยา่ งไร และ ประกอบดว้ ยธาตุอะไรบ้าง (จากตารางข้อมลู จดั ธาตุได้เปน็ 3 กลุ่ม กล่มุ ท่ี 1 มีสถานะเปน็ ของแข็ง มนั วาว เหนียว นาไฟฟา้ และนาความ ร้อนดี ไดแ้ ก่ ธาตเุ หล็ก ทองแดง ดีบุก สังกะสี อะลมู เิ นยี ม กลุม่ ที่ 2 มีสถานะเปน็ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส ไม่มนั วาว เปราะ ไม่ นาไฟฟ้า ไม่นาความร้อน ได้แก่ ธาตคุ ารบ์ อน ((ถ่านไม้)) ไนโตรเจน กามะถัน ออกซิเจน กลุม่ ท่ี 3 มสี ถานะเป็นของแขง็ มนั วาว เปราะ นาไฟฟา้ และนาความ รอ้ นได้ไม่ดี ได้แก่ ซิลิคอน 3. ครูนาอภิปรายเพ่ิมเติมเพื่อเช่ือมโยงความรู้เกี่ยวกับการจาแนกธาตุใน ประเด็นต่อไปนี้ ธาตุกลุ่มท่ี 1 จัดเป็นธาตุโลหะ กลุ่มที่ 2 จัดเป็นธาตุอโลหะ และกลุ่มท่ี 3 มีสมบัติอยู่ระหว่างโลหะกับอโลหะจัดเป็นธาตุกึ่งโลหะ และให้ นกั เรยี นศกึ ษาเพิ่มเตมิ ในใบความรทู้ ี่ 1 และอภปิ รายเพื่อให้ข้อสรปุ วา่ ในตาราง ธาตุแบ่งธาตุเป็นโลหะ อโลหะและก่ึงโลหะ โดยธาตุท่ีอยู่ติดกับเส้นข้ันบันได 75 92
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง สมบตั ิบางประการของธาตุ 93 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เร่ือง สารและสมบตั ิของสาร เวลา 2 ชว่ั โมง รายรวาชิยาวชิ วาิทวยิทาศยาาสศตารส์พตื้นรฐ์ าน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 เป็นธาตุก่ึงโลหะ เช่น โบรอน ซิลิคอน พลวง ธาตุท่ีอยู่เหนือเส้นข้ันบันไดเป็น ธาตุอโลหะ เช่น ออกซิเจน ไฮโดรเจน คาร์บอน ไนโตรเจน ฟลูออรีน โบรมีน ไอโอดนี ธาตทุ อี่ ย่ใู ต้เส้นขนั้ บนั ไดเป็นธาตุโลหะ เช่น อะลมู ิเนียม ดีบุก ปรอท ขัน้ สรปุ 1. นกั เรยี นดวู ีดที ศั น์ เรื่อง สมบตั ิของธาตุโลหะ ธาตุอโลหะ ธาตุกึ่ง โลหะ จาก https://goo.gl/YGByrS เวลา 10 นาที แลว้ ใหน้ ักเรยี นทาใบ กิจกรรมท่ี 2 เรื่อง ตารางธาตุและการจาแนกกลุม่ ธาตุ 2. นกั เรยี นและครูรว่ มกันเฉลยและอภิปรายเพื่อสรปุ ในใบกจิ กรรมท่ี 2 3. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามในประเด็นท่สี งสยั 76 93
การวดั และประเมินผล 77 94 94 จดุ ประสงค์ เครอื่ งมือทีใ่ ช้ วิธีการวดั ตรวจใบกิจกรรม เกณฑก์ ารผา่ น 1. อธบิ ายสมบตั ิทาง ใบกิจกรรมท่ี 1 และ 2 นักเรียนผา่ นไม่น้อยกวา่ ตรวจใบกิจกรรม ร้อยละ 70 กายภาพบางประการของ สังเกตพฤตกิ รรม นกั เรียนผ่านไมน่ ้อยกว่า ธาตโุ ลหะ อโลหะ และกง่ึ รอ้ ยละ 70 โลหะ และการใช้ประโยชน์ ผ่านระดบั ดขี น้ึ ไป โดยใช้หลักฐานเชิง ประจกั ษ์ทไี่ ด้ 2. จาแนกธาตโุ ดยใช้สมบตั ิ ใบกิจกรรมที่ 1 และ 2 ทางกายภาพบางประการ ของธาตโุ ลหะ อโลหะ และ ก่ึงโลหะได้ 3. ใฝเ่ รียนรู้และมุง่ ม่นั ใน แบบประเมินคุณลักษณะ/ การทางาน/ตระหนักถงึ เจตคติ คณุ ค่าของการใชธ้ าตุโลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ ธาตุ
95 78 95 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ .................................................................................................................. ........................................................... ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที่..........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ.............
96 79 96 ใบความรู้ที่ 1 เร่ือง การแบง่ กลุ่มธาตุในตารางธาตุ หนว่ ยท่ี 2 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 1 เร่ือง สมบตั ิบางประการของธาตุ รายววชิ ชิ าาววิททิ ยยาาศศาสาตสรตพ์ รนื้์ ฐราหนสั วริชหาัส ว21101 ภาคเรยี นที่ 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ความหมายของตารางธาตุ ตารางธาตุ ( (PPeerriiooddiicc TTable)) คือ ตารางที่รวบรวมธาตุต่างๆ เข้าเป็นหมวดหมู่ ตามคุณสมบัติท่ี เหมอื นๆ กัน ไว้เปน็ พวกเดียวกนั เพือ่ สะดวกในการจดจาและศึกษา สมบตั ขิ องธาตุ ธาตตุ ุ (Element) คือ สารบริสุทธ์ิที่ประกอบด้วยอะตอมเพียงชนิดเดียว เช่น โซเดียม (Na) แมกนีเซยี ม (Mg) คาร์บอน (C) ออกซิเจน (O) เปน็ ต้น การจัดธาตเุ ปน็ หมวดหม่ขู องนักเคมียุคต่างๆ ตารางธาตุ หมายถึง ตารางท่ีนักวิทยาศาสตร์สร้างข้ึนมา เพื่อแบ่งธาตุที่มีสมบัติเหมือนกันออกเป็น หมวดหมู่ เพอื่ ให้ง่ายแก่การศึกษา โดยแบ่งธาตุทัง้ หมดออกเปน็ หมแู่ ละคาบ ธาตทุ ่ีอยู่ในแนวดิง่ เดียวกนั เรยี กวา่ อยใู่ น หมู่ เดียวกนั ธาตุทีอ่ ยู่ในแนวนอนเดยี วกนั เรยี กวา่ อย่ใู น คาบ เดียวกัน ดงั แสดงในตารางธาตุ โลหะ กึ่งโลหะ อโลหะ ภาพท่ี 2.1.1 ตารางธาตโุ ดยแบ่งตามกล่มุ ของธาตุ โลหะ ก่งึ โลหะ และอโลหะ
97 80 97 ในการจัดธาตุออกเป็นหมวดหมู่จะอาศัยสมบัติที่คล้ายคลึงกันของธาตุแต่ละชนิดเปน็ เกณฑ์ เช่น ใช้ ความเป็นโลหะและอโลหะเปน็ เกณฑ์ แบง่ ไดเ้ ปน็ 3 กล่มุ คือ โลหะ กึ่งโลหะ และอโลหะ และยังสามารถ แบ่งธาตุทั้ง 3 กลุ่มออกเป็นกลุ่มย่อยๆไไดด้ออ้ ีกกี เช่น แบ่งกลุ่มย่อยโดยใช้สถานะเป็นเกณฑ์ความว่องไวในการ เกดิ ปฏกิ ริ ิยา และลักษณะท่อี ณุ หภูมปิ กติ เป็นต้น ดังแผนภาพเราแบ่งธาตุออกเปน็ 3 กลุ่มคอื 1. โลหะ (Metal) 2. อโลหะ (Non-metal) 3. ก่งึ โลหะ (MMeettaalllooididหหรรอื ือSSeemmii metal)) สมบตั ิของธาตุโลหะ 1. มีสถานะเป็นของแข็งที่อณุ หภมู ปิ กติ (ยกเวน้ ปรอท เปน็ ของเหลว) 2. มจี ุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง 3. แขง็ และเหนยี วสามารถตีเปน็ แผน่ บางๆ หรือดงึ ใหเ้ ป็นเส้นได้ 4. นาไฟฟา้ และนาความร้อนได้ดี การนาไฟฟา้ ลดลงเมอ่ื อณุ หภมู สิ ูงขึ้น 5. มคี วามแตกตา่ งของอณุ หภมู ิระหวา่ งจุดเดือดและจุดหลอมเหลวกว้าง 6. เคาะมีเสยี งดังกงั วาน 7. ขดั เป็นมนั วาว 8. มคี วามหนาแนน่ สงู แต่บางชนิดมคี วามหนาแน่นต่า ได้แก่ โลหะเบา เช่นธาตหุ มู่ I A และ II A 9. มคี ่า EN ต่า จึงเสยี อิเล็กตรอนไดง้ า่ ยเกิดเปน็ ไอออนบวก 10. ทาปฏกิ ิริยากับกรดเกดิ กา๊ ช ไฮโดรเจน ยกเวน้ โลหะมตี ระกูล สมบตั ิของธาตุอโลหะ 1. มที ั้ง 3 สถานะ คือ สถานะของแข็ง เช่น คาร์บอน (CC) ) กามะถนั (S)) สถานะของเหลว เชน่ โบรมนี สถานะแกส๊ เช่น ไฮโดรเจน ออกซิเจน 2. มจี ุดเดือดและจดุ หลอมเหลวตา่ ยกเวน้ แกรไฟต์ 3. เปราะ แตกง่าย ตเี ป็นแผ่นหรือดงึ เปน็ เส้นไมไ่ ด้ 4. ไม่นาไฟฟ้าและความรอ้ น ยกเวน้ แกรไฟต์ 5. มคี วามแตกต่างของอุณหภูมริ ะหว่างจดุ เดือด และจุดหลอมเหลวแคบ 6. เคาะไม่มีเสียงกังวาน 7. ผวิ ไมม่ ันวาว 8. มคี วามหนาแนน่ ต่า 9. มคี า่ EN สูง จงึ รับอเิ ลก็ ตรอนได้งา่ ยเกดิ เป็นไอออนลบ สมบัตขิ องธาตุก่งึ โลหะ เป็นกลุ่มธาตุท่ีมีสมบัติก้าก่ึงระหว่างโลหะและอโลหะ เช่น ธาตุซิลิคอน และเจอเมเนียม มีสมบัติบาง ประการคล้ายโลหะ เช่น นาไฟฟ้าได้บ้างที่อุณหภูมิปกติ และนาไฟฟ้าได้มากข้ึนเม่ืออุณหภูมิเพ่ิมข้ึน เป็น ของแข็ง เป็นมันวาวสีเงิน จุดเดือดสูง แต่เปราะแตกง่ายคล้ายอโลหะ ส่วนใหญ่เป็นสารกึ่งตัวนา (semiconductors)
81 98 98 ใบกจิ กรรมที่ 1 เรื่อง การแบ่งกลุ่มธาตุในตารางธาตุ หนว่ ยที่ 2 แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 1 เร่ือง สมบตั บิ างประการของธาตุ รราายยววชิ ิชาาวิทวยทิ ายศาาศสาตสรต์พรื้น์ ฐราหนสั วรหิชัสา ว21101 ภาคเรยี นที่ 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 กจิ กรรมท่ี 1 กจิ กรรม 1 สมบัตบิ างประการของธาตุ วธิ ีทากจิ กรรม 1. สงั เกตลกั ษณะต่างได้แก่ สถานะ สี ความมันวาว ความเหนียว และตรวจสอบสมบัติการนาไฟฟา้ และนา ความรอ้ น ของธาตตุ ัวอย่าง จากตารางที่ 1 สมบตั ทิ างกายภาพบางประการของธาตุตวั อยา่ ง 2. จัดจาแนกธาตุเปน็ กลุ่มโดยใช้ข้อมลู ในตาราง ตารางที่ 1 สมบตั ิทางกายภาพบางประการของธาตตุ ัวอย่าง ธาตุตวั อยา่ ง ภาพตัวอย่าง สถานะ ความมนั วาว ความเหนยี ว การนา การนา ของแข็ง ไมม่ นั วาว - ไฟฟ้า ความร้อน คารบ์ อนในรปู ถ่านไม้ ไม่นา ไม่นาความ เหลก็ ไฟฟา้ รอ้ น ทองแดง ของแขง็ ขนึ้ เงามันวาว ตเี ปน็ แผ่น หรอื ยดื นาไฟฟา้ นาความ ของแขง็ ขน้ึ เงามันวาว เปน็ เส้นได้ ดี รอ้ นดี ดบี ุก ของแขง็ ขน้ึ เงามันวาว ของแข็ง ขึ้นเงามนั วาว ตเี ป็นแผน่ หรอื ยดื นาไฟฟ้า นาความ สงั กะสี แกส๊ ไมม่ ันวาว เป็นเสน้ ได้ ดี ร้อนดี ของแขง็ ไมม่ ันวาว ไนโตรเจน แก๊ส ไม่มนั วาว ตีเป็นแผน่ หรือยดื นาไฟฟา้ นาความ กามะถนั เป็นเส้นได้ ดี ร้อนดี ออกซิเจน ตีเปน็ แผน่ ยดื เป็น นาไฟฟ้า นาความ เส้นได้ ดี รอ้ นดี - ไมน่ า ไมน่ าความ ตเี ป็นแผ่น หรือดงึ ไฟฟ้า รอ้ น เปน็ เสน้ ไม่ได้ ไมน่ า - ไฟฟา้ ไมน่ าความ รอ้ น ไมน่ า ไฟฟ้า ไม่นาความ ร้อน
99 82 99 ธาตุตวั อย่าง ภาพตวั อยา่ ง สถานะ ความมันวาว ความเหนียว การนา การนา ซิลิคอน ของแขง็ ขน้ึ เงามนั วาว ไฟฟ้า ความร้อน ตเี ปน็ แผน่ หรือดงึ เป็นเสน้ ไม่ได้ นาไฟฟา้ นาความ ไมด่ ี รอ้ นไม่ดี ตอบคาถามท้ายกจิ กรรม - ธาตุตวั อยา่ ง ธาตใุ ดมสี มบัติเหมือนกันและธาตใุ ดมสี มบัตแิ ตกตา่ งกนั อย่างไร ........................................................................................................................................ ........................ ........................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ........................................................................................................................................ ........................ ........................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... - จดั ธาตไุ ดก้ ่ีกลมุ่ และใชส้ มบตั ิใดเป็นเกณฑ์ แตล่ ะกลุม่ ประกอบด้วยธาตอุ ะไรบ้าง ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................. ................................................................... ............................................................................................................................. ................................... สรปุ ผลการทากจิ กรรม ...................................................................................................................................... ........................................ ........................................................................................... ................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................. .............................................................................................
83 100 100 กจิ กรรมท่ี 2 ตารางธาตุและการจาแนกกลุม่ ธาตุ ตอนท่ี 1 กาหนดให้ ตารางธาตตุ ่อไปนี้ ภาพที่ 2.1.2 ตารางธาตแุ ละการจาแนกกลุ่มธาตุเปน็ ธาตุกลุ่มโลหะ กึ่งโลหะ หรอื อโลหะ ใหน้ ักเรยี นระบุธาตุต่อไปนี้ว่า เปน็ ธาตุกลุ่มโลหะ กง่ึ โลหะ หรอื อโลหะ ชอ่ื และสัญลกั ษณ์ของธาตุ จัดเป็นกลมุ่ (โ(ลโลหหะะ/อ/อโลโลหหะ/ะก/กึ่งโึ่งลโลหหะ)ะ) Copper (Cu) Oxygen (O) Iron (Fe) Potassium (K) Silicon (Si) Nitrogen (N) Aluminum (Al) Hydrogen (H) Calcium (Ca) Sodium (Na)
101 84 101 ตอนท่ี 2 1. คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นระบุในชอ่ งกลุ่มธาตุว่าเปน็ สมบัติทางกายภาพของธาตกุ ลุ่ม โลหะ หรือ ก่ึงโลหะ หรือ อโลหะ และให้เติมสมบัติทางกายภาพของกลุ่มธาตใุ นช่องว่าง ให้ถกู ต้อง สมบตั ิทางกายภาพ กลุ่มธาตุ: ดัด ตเี ป็นแผน่ ได้ / นาไฟฟ้าได้ / เป็น ดงึ ดดู กบั ความเป็นเงา โลหะ หรอื กง่ึ โลหะ หรอื เปราะ ฉนวนไฟฟา้ แม่เหล็ก (เปน็ เงามัน อโลหะ (ใช่ / วาว /ไม่มัน ไมใ่ ช)่ วาว) 1. 8. เปราะ ไม่ใช่ ไมม่ นั วาว ______________________ ________________ 2. 6. นาไฟฟ้า ไม่ใช่ มีเงามันวาว ______________________ ________________ 3. ดดั ตีเปน็ แผ่นได้ นาไฟฟา้ 9. ดัด ตเี ป็นแผน่ ได้ นาไฟฟ้าได้เลก็ น้อย ใช่ ______________________ 4. ___________ ______________________ ไม่ เงาเล็กนอ้ ย 5. 7. เป็นฉนวนไฟฟ้า 10. ______________________ ________________ ไม่ ___________
85 102 102 2. สบื คน้ ขอ้ มูลการใชป้ ระโยชน์ของธาตุตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้ ธาตุ ภาพตวั อย่าง การใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน ตวั อยา่ ง คาร์บอนใน รูปถา่ นไม้ เหลก็ ทองแดง ดบี ุก สงั กะสี ไนโตรเจน กามะถนั ออกซเิ จน ซลิ คิ อน
103 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ธาตกุ ัมมนั ตรงั สี หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่ือง สารและสมบตั ขิ องสาร เวลา 1 ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 รายรวาิชยาวิชวาทิ ยวาิทศยาาสศตารพ์สตืน้ ฐร์าน ขอบเขตเน้อื หา 1. สมบัติของธาตุกัมมันตรังสี การใช้ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ ประโยชนข์ องธาตุ ขัน้ นา - คลิปวิดทิ ัศน์เกย่ี วกับธาตุ 2. กัมมันตรังสีในด้านต่างๆ รวมทั้ง 1. ครแู นะนาการชมคลปิ วิดทิ ศั น์เกยี่ วกับธาตกุ มั มันตรังสี จาก กมั มนั ตรงั สี จาก อนั ตรายจากกัมมนั ตภาพรงั สี https://goo.gl/jWbWwX โดยให้นักเรยี นศึกษาคาตอบจากคาถามต่อไปน้ี https://goo.gl/jWbWwX จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ - ธาตุใดบ้างท่เี ปน็ ธาตุกมั มนั ตรังสี - ใบกจิ กรรมที่ 2 ธาตุกมั มนั ตรังสี 1. อธบิ ายสมบตั ิของธาตุกัมมันตรงั สี - ธาตกุ ัมมนั ตรงั สีนามาใชป้ ระโยชนใ์ นด้านใดบา้ ง ท่เี กี่ยวข้องกับชีวิตประจาวัน ดา้ นทักษะและกระบวนการ - อนั ตรายจากธาตุกัมมันตรงั สแี ละข้อปฏิบตั ใิ นการใช้ใหป้ ลอดภัยเปน็ ภาระงาน/ช้นิ งาน 1. สบื คน้ และนาเสนอข้อมูลธาตุ กมั มนั ตรงั สี อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจจากการดูคลิปวดิ ิทศั น์) - ใบกิจกรรมท่ี 2 ธาตกุ มั มันตรังสี ดา้ นคุณลกั ษณะ ข้นั สอน ทเ่ี ก่ียวข้องกบั ชีวติ ประจาวนั 1. ใฝ่เรยี นรู้และมุ่งมั่นในการทางาน/ ตระหนกั ถึงคณุ คา่ ของการใชธ้ าตุ ธาตุ 1. นักเรียนสืบคน้ ข้อมลู เก่ียวกบั สมบัติและตัวอยา่ งของธาตุกัมมนั ตรงั สี รวมทัง้ กัมมนั ตรงั สี ประโยชน์และโทษจากกมั มนั ตภาพรงั สี โดยบันทกึ ผลการสืบค้นในใบกิจกรรมที่ 2 เร่อื ง ธาตุกัมมันตรังสีท่ีเกย่ี วข้องกบั ชวี ติ ประจาวัน 2. สุ่มตัวแทนนักเรยี นนาเสนอหนา้ ชนั้ จากน้นั แล้วครแู ละนกั เรยี นร่วมกันเฉลย และอภิปรายจากการทาใบกจิ กรรมที่ 2 เก่ียวสมบตั แิ ละตัวอย่างของธาตุ กัมมันตรังสี รงั สชี นิดตา่ งๆ ประโยชน์และอนั ตรายจากกัมมันตภาพรงั สีทมี่ ตี ่อ สิ่งมีชีวิต โดยครูใชค้ าถามต่อไปนี้ - ธาตกุ มั มันตรังสีมีสมบัติอย่างไร (ธาตุกมั มันตรังสีเป็นธาตุสามารถแผ่ รังสีออกมาได)้ 86 103
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เรือ่ ง ธาตกุ ัมมนั ตรงั สี 104 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เร่อื ง สารและสมบตั ิของสาร เวลา 1 ช่วั โมง รายรวาิชยาวชิ วาิทยวาทิ ศยาาสศตารสพ์ ตื้นรฐ์ าน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 - ตัวอยา่ งของธาตุกัมมันตรงั สมี อี ะไรบ้าง ( ตัวอย่างของธาตุกัมมนั ตรังสี เช่น โคบอลต์ - 60 ไอโอดนี – 131 คารบ์ อน – 14 ยูเรเนยี ม - 328 - ธาตุกัมมันตรังสีแผ่รังสีอะไรบ้าง แต่ละชนิดมีสมบัติอย่างไร (ธาตุ กัมมันตรังสี แผ่รังสีแอลฟา บีตาและแกมมา รังสีแอลฟาเบนเข้าข้ัวลบของ สนามไฟฟ้า มีอานาจทะลุทะลวงน้อยท่ีสุด รังสีแกมมาไม่เบนในสนามไฟฟ้า มี อานาจทะลทุ ะลวงมากทสี่ ุด รังสีบีตาเบนเข้าข้ัวบวกของสนามไฟฟา้ มีอานาจทะลุ ทะลวงมากกวา่ แอลฟาแตน่ อ้ ยกว่าแกมมา)) - กัมมันตภาพรังสีคืออะไร ((กัมมันตภาพรังสีคือปรากฏการณ์ท่ีธาตุรังสีได้ เองอย่างต่อเนื่อง รังสีที่ได้จากการสลายตัวมี 3 ชนิด ได้แก่ รังสีแอลฟา บีตาและ แกมมา)) - อันตรายจากกัมมันตภาพรังสีทมี่ ตี ่อสง่ิ มีชีวิต ขึ้นอยู่กบั อะไรบา้ ง (อนั ตราย จากกมั มนั ตภาพรังสีทม่ี ตี ่อสิ่งมีชวี ติ ขน้ึ อยู่กับชนิด ปรมิ าณของกัมมันตภาพรงั สี และระยะเวลาท่ไี ดร้ ับ) - ธาตุกัมมนั ตรังสีมีประโยชนใ์ นด้านใดบา้ ง ( ธาตกุ ัมมันตรงั สมี ีประโยชน์ ในด้านการเกษตร การแพทย์ การทหาร ดา้ นอุตสาหกรรม ด้านโบราณคดี ขน้ั สรปุ 1. ครรู ว่ มกบั นักเรยี นอภปิ รายเก่ียวกับธาตกุ ัมมนั ตรังสี เพื่อให้ไดข้ ้อสรปุ ดังนี้ 87 104
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง ธาตกุ มั มันตรังสี 105 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เร่อื ง สารและสมบัติของสาร เวลา 1 ชวั่ โมง รายรวาิชยาวิชวาิทยวาิทศยาาสศตารสพ์ ตืน้ รฐ์าน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 - ธาตุบางชนดิ สามารถปล่อยกัมมันตภาพรังสีได้ ซงึ่ เรยี กว่า ธาตุกัมมันตรงั สี รงั สีท่ีปลอ่ ยออกมา มี 3 ชนิด คอื รังสแี อลฟา รงั สบี ตี า และรงั สแี กมมา - รังสที ี่ปล่อยออกมา ถา้ รา่ งกายได้รบั กมั มันตภาพรังสีโดยตรงในปรมิ าณมาก จะทาใหเ้ สยี ชีวิตได้ แต่ถ้าได้รับในปรมิ าณน้อยๆ เป็นเวลานานๆ อาจทาใหเ้ ซลล์ กลายเปน็ เซลลม์ ะเร็งได้ - มนุษย์รู้จักนารังสีมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การถนอมอาหาร การแพทย์ อุตสาหกรรม การเกษตร การทหาร และ โบราณคดี เปน็ ต้น 88 105
106 89 เกณฑก์ ารผา่ น 106 นกั เรยี นผา่ นไม่น้อยกวา่ การวัดและประเมินผล ร้อยละ 70 จุดประสงค์ เครอ่ื งมือท่ใี ช้ วิธกี ารวดั ผา่ นระดับดขี ึ้นไป ตรวจใบกจิ กรรม 1. อธบิ ายสมบัตขิ องธาตุ ใบกิจกรรมท่ี 2 สงั เกตพฤติกรรม กัมมันตรังสี และสบื คน้ นาเสนอข้อมลู เกีย่ วกับ การใชป้ ระโยชน์ของธาตุ กัมมนั ตรังสใี นด้านต่างๆ รวมทัง้ อนั ตรายจาก กมั มันตภาพรังสี 2. ใฝ่เรียนร้แู ละมุ่งมน่ั ใน แบบประเมิน การทางาน/ตระหนักถงึ คุณลกั ษณะ/เจตคติ คุณค่าของการใช้ธาตุ ธาตกุ ัมมนั ตรงั สี
90 107 107 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ ............. ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................. ............................................................................ ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่ือ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ที่..........เดือน..........พ.ศ...........
108 91 108 ใบความรู้ที่ 2 เร่อื ง ธาตกุ มั มันตรงั สีท่ีเก่ียวข้องกบั ชีวติ ประจาวัน หน่วยท่ี 2 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง ธาตุกมั มันตรังสี รราายยววิชิชาาววิททิ ยยาศาศาสาสตตร์พร์้นื ฐราหนสั วรชิ หาัส ว21101 ภาคเรยี นท่ี 21 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 1. สบื ค้นข้อมูลเก่ียวกับการใช้ธาตกุ ัมมันตรงั สีในด้าน1การแพทย์ การเกษตร อุตสาหกรรม และอน่ื ๆรวมท้ัง อันตรายจากกมั มนั ตภาพรังสี ผลการสืบคน้ ข้อมูล ประโยชน์ของธาตุกมั มันตรงั สี ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................ .................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................. ................. .................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ...................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................... ..................................... .............................................................................................................................................................................. อันตรายจากกมั มนั ตภาพรงั สี ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................... ............... ..................................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................
109 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 สารและสมบัติของสาร เรื่อง จุดเดือด จุดหลอมเหลว ของสารบรสิ ุทธิแ์ ละสารผสม เวลา 2 ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ 1. จุดเดือด จดุ หลอมเหลว ของสาร ขัน้ นา 1. ห้องปฏบิ ัติการทดลองหรือห้องเรยี น บรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารผสม 1. ครูนาเสนอสารตัวอย่าง 2 อย่าง (น้ากลั่นและสารละลายโซเดียมคลอ 2. ใบกิจกรรมการทดลอง จดุ ประสงคก์ ารเรียน ไรด์) โดยครูไม่บอกว่าสารดังกล่าวเป็นสารใด จากน้ันนักเรียนอภิปราย ภาระงาน/ชิ้นงาน รว่ มกัน โดยครูใชค้ าถามดังน้ี ใบกจิ กรรมการทดลอง ด้านความรู้ - สารตัวอย่างทั้งสองเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (นักเรียนตอบ วัสดุ/อุปกรณแ์ ละสารเคมี 1. ทดลองเปรียบเทียบ จุดเดือด จุด คาถามตามความคดิ เห็นของนกั เรียน ตวั อยา่ งแนวคาตอบ ไดแ้ ก่ เหมอื นกัน 1. เทอรม์ อมเิ ตอร์ 0 oC – 200 oC หลอมเหลวของสารบริสุทธ์ิและสารผสม คือ ใสไมม่ ีสี เปน็ ตน้ ) 2. นา้ กลัน่ โดยการวัดอุณหภูมิ ได้ - จุดเดือดและจุดหลอมเหลว เป็นสมบัติทางกายภาพของสาร 3. เกลือแกง ดา้ นทักษะและกระบวนการ นักเรียนคิดว่าจุดเดือดของสารตัวอย่าง หรือหรือแตกต่างกันอย่างไร 4. นา้ แข็งบดละเอียด 1. เขยี นกราฟ แปลความหมายข้อมลู (นักเรียนตอบคาถามครูตามความคิดเห็น อาจถูกหรือผิด ครูยังไม่เฉลย 5. บกี เกอร์ ขนาด 100 ml จากกราฟ หรอื สารสนเทศ จุดหลอมเหลว คาตอบ แต่โนม้ นา้ วใหน้ ักเรียนหาคาตอบจากกจิ กรรมการทดลองต่อไป) 6. ชดุ ตะเกียงแอลกอฮอล์ ของสารบรสิ ุทธ์ิและสารผสม โดยการวดั 2. ครแู จง้ มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชว้ี ดั และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 7. กระดาษกราฟ อุณหภมู ไิ ด้ ขนั้ สอน 8. แท่งแกว้ คนสาร ดา้ นคณุ ลกั ษณะ 1. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4 - 5 คน เพ่ือทาการทดลองหาจุดเดือด 9. ชุดขาตง้ั พร้อมทจี่ ับหลอดทดลอง 1. ใฝ่เรยี นรแู้ ละมงุ่ มั่นในการทางาน ของนา้ กลนั่ และสารละลายเกลอื แกง และหาจดุ หลอมเหลวของนา้ แขง็ รว่ มกบั ผู้อืน่ อย่างสร้างสรรค์ 2. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มอา่ นวิธีการทดลองให้เข้าใจ ทาการสาธติ และ อธบิ ายเพ่มิ เติมอย่างละเอยี ด จากนนั้ ใหท้ าการทดลอง 92 109
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 สารและสมบัติของสาร แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 3 110 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง จดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลว ของสารบริสุทธ์ิและสารผสม เวลา 2 ชว่ั โมง รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 3. ครูให้นักเรียนเขียนกราฟสรุปผลการทดลองและนาเสนอข้อมูลที่ได้ จากการทดลอง 4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ ราย โดยครใู ชค้ าถามต่อไปน้ี - จากผลการทดลองหาจุดเดือด สามารถจาแนกสารตัวอย่างได้ อย่างไร (ใช้ลักษณะการเปลี่ยนแปลงของจุดเดือดในการจาแนกสาร ตัวอยา่ ง) - จากกราฟท่ีนักเรียนได้จากการทดลอง สามารถแปลความหมาย ข้อมูล และจาแนกสารได้อย่างไร (สารบริสุทธ์ิ จะมีจุดเดือดและจุด หลอมเหลวที่คงท่ี ส่วนสารผสมจะมีจุดเดือดมากกว่าสารบริสุทธิ์และมีค่า เพ่มิ ขึ้นเร่ือยๆ) ข้นั สรปุ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเพื่อให้นักเรียนเข้าใจว่าจุดเดือด จุด หลอมเหลวของสารสามารถนามาจัดจาแนกสารได้ โดยจากการทดลอง นา้ เกลือมจี ดุ เดอื ดสูงกวา่ น้ากล่นั 2. ครูนาอภิปรายโดยให้ความรู้แก่นักเรียนเรื่อง จุดเดือด จุดหลอมเหลว ของสารบริสุทธ์ิและสารผสมตามกิจกรรมการทดลอง และให้นักเรียนดู กราฟจากข้อมูลสารสนเทศท่ีได้จากการทดลองพร้อมทั้งให้ระบุว่าสารใด เปน็ สารบรสิ ทุ ธห์ิ รอื สารผสม 93 110
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 สารและสมบตั ิของสาร แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 111 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ เร่ือง จุดเดอื ด จดุ หลอมเหลว ของสารบรสิ ุทธิแ์ ละสารผสม เวลา 2 ช่ัวโมง รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 3. ครูให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย พร้อมต้ังคาถามให้นักเรียนคิดต่อไปว่า ความหนาแน่นของสารทั้งสองจะแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร เราจะมา ศึกษากนั ในชั่วโมงต่อไป 94 111
112 95 112 การวดั และประเมินผล วิธกี ารวัด เครือ่ งมือวดั เกณฑ์การประเมนิ สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน - ประเมนิ ใบกจิ กรรมการ - แบบบันทึกผล นักเรยี นทาถูกผ่าน ด้านความรู้ ทดลองตามสภาพจริง จากการสงั เกต เกณฑร์ ้อยละ - การตอบคาถาม การปฏิบัติงานกลุ่ม 60 ขน้ึ ไป 1. เปรียบเทยี บ จดุ เดือด จดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ทุ ธแิ์ ละ สารผสม โดยการวัดอุณหภมู ิ ได้ ด้านทักษะ/กระบวนการ 1. เขยี นกราฟ แปลความหมาย - การตรวจใบกจิ กรรมและ ข้อมลู จากกราฟ หรอื สารสนเทศ ฟงั การนาเสนอ - ใบกจิ กรรมและ นักเรียนผา่ นเกณฑ์ จุดหลอมเหลวของสารบรสิ ทุ ธิ์ แบบสงั เกต รอ้ ยละ 60 ขึ้นไป พฤติกรรมกลุ่ม และสารผสม โดยการวัดอณุ หภูมิ ผา่ นเกณฑ์การ - แบบสงั เกต ประเมนิ อยู่ในระดบั ดี ได้ พฤติกรรม ขนึ้ ไป ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ด้านคณุ ลกั ษณะ 1. ใฝ่เรยี นรู้และม่งุ มนั่ ในการ - สังเกตพฤติกรรม ทางานรว่ มกบั ผู้อน่ื อยา่ ง ด้านคณุ ลักษณะ สร้างสรรค์
113 96 113 8. บันทึกผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ................................................................................................................................... .......................................... ปัญหาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ....................................................................................................................... .................................................... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วันท่.ี .........เดือน..........พ.ศ...........
114 97 114 ใบกิจกรรมท่ี 1 กจิ กรรม การทดลองหาจุดเดอื ด จดุ หลอมเหลว ของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสารผสม วนั ทีท่ ดลอง...................................................................................กลุม่ ท่.ี ......................... สมาชิก ชอื่ -สกลุ ….......................................………………………………………..เลขท.่ี ..............ช้ัน..................... ชื่อ-สกลุ ….......................................………………………………………..เลขท.ี่ ..............ชั้น..................... ชื่อ-สกุล….......................................………………………………………..เลขท.่ี ..............ชน้ั ..................... ช่ือ-สกลุ ….......................................………………………………………..เลขที.่ ..............ช้ัน..................... ชือ่ -สกุล….......................................………………………………………..เลขท.่ี ..............ชนั้ ..................... จุดประสงค์ 1. เพอื่ หาจดุ เดือด จดุ หลอมเหลว ของสารบริสทุ ธิ์และสารผสม 2. เพื่อเปรียบเทยี บจุดเดือด จดุ หลอมเหลว ของสารบริสทุ ธ์แิ ละสารผสม 3. เพือ่ ให้มที ักษะการทดลอง การลงความเห็นขอ้ มูลและสามารถทางานรว่ มกบั ผูอ้ ื่นได้ วสั ดอุ ุปกรณ์และสารเคมี 1. เทอรม์ อมิเตอร์ 0 oC – 200 oC 2. น้ากลั่น 3. เกลอื แกง 4. น้าแขง็ บดละเอียด 5. บีกเกอร์ ขนาด 100 ml 6. ชดุ ตะเกยี งแอลกอฮอล์ 7. กระดาษกราฟ 8. แท่งแกว้ คนสาร 9. ชุดขาต้ังพร้อมทีจ่ ับหลอดทดลอง ตอนท่ี 1 วิธีการทดลอง 1. เติมน้ากล่ันลงในบีกเกอร์ปรมิ าตร 60 ml และเศษกระเบ้ือง 3-4 ชิน้ วดั อุณหภูมขิ องนา้ และตม้ นา้ โดยใช้ตะเกยี งแอลกอฮอล์ 2. นาเทอร์มอมิเตอรจ์ มุ่ ในนา้ กล่ันโดยไม่ใหป้ รอทสัมผัสกบั บีกเกอรโ์ ดยใชช้ ดุ ขาตัง้ และมือจับยดึ ไว้ 3. สังเกตและอ่านค่าทุกๆ 1 นาที จนน้ากล่ันเดือดแล้วอ่านอุณหภมู ติ อ่ ไปอีก 3 นาที บนั ทึกขอ้ มลู 4. เติมเกลือแกงลงในน้ากลนั่ 60 ml ใชแ้ ทง่ แก้วคนใหล้ ะลายจนหมด ทาการทดลอง เช่นเดียวกับ ขอ้ 1-3
115 98 115 5. นาข้อมลู ทไี่ ด้จากการต้มนา้ กลัน่ และน้าเกลือมาทาเป็นกราฟเสน้ โดยให้แกนตั้งแทนอณุ หภมู ิ และแกนนอนแทนเวลา ตารางบนั ทกึ ผลการทดลองท่ี 1 อณุ หภูมขิ องน้ากลน่ั เม่ือไดร้ บั ความรอ้ นทกุ ๆ 1 นาที เปน็ เวลา 10 นาที นาทที ่ี อณุ หภูมิ (oC ) ชนดิ สาร 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 นา้ กลั่น สารละลายน้าเกลอื กราฟ การเปลย่ี นแปลงอุณหภมู ิของน้ากล่ันและนา้ เกลือเม่ือไดร้ ับความรอ้ นทุกๆ 1 นาทีเปน็ เวลา 10 นาที
116 99 116 คาถามหลงั การทดลอง 1. เมอื่ ต้มน้ากลั่นและนา้ เกลือเป็นเวลา 10 นาที การเปลีย่ นแปลงอณุ หภูมิของสารท้ังสองชนิดเหมอื นหรือ แตกต่างกันอย่างไร ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 2. ลักษณะกราฟที่ไดจ้ ากการตม้ นา้ กลั่นและนา้ เกลอื แตกต่างกันอยา่ งไร เพราะเหตุใดจงึ เปน็ อย่างนน้ั ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 3. เราจะสรปุ ผลการทดลองไดว้ า่ อยา่ งไร ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 4. จุดเดอื ดของนา้ กล่นั และน้าเกลือแตกต่างกันอย่างไร เพราะเหตใุ ดจงึ เปน็ เช่นนั้น ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 5. ถา้ เรานานา้ เชอ่ื มมาต้มหาจดุ เดือด นกั เรียนคิดวา่ จุดเดือดของนา้ เชือ่ มจะคงทีห่ รือไม่ เพราะเหตใุ ด ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ..............................................................................................................................................................................
117 100 117 ตอนที่ 2 วิธกี ารทดลอง 1. ใส่น้าแขง็ ละเอียดลงในบีกเกอรข์ นาด 100 mcml 3 ประมาณครงึ่ หนงึ่ ของบกี เกอร์ 2. เสียบเทอร์โมมิเตอร์อยู่ระหว่างก้อนนา้ แข็งแล้วยดึ เทอรโ์ มมิเตอร์กบั ขาต้ัง อยา่ ให้เทอร์โมมิเตอรส์ ัมผัส กับบกี เกอร์ 3. เมื่อเสียบเทอร์โมมิเตอร์ลงไป ครบ 2 นาที อ่านและบันทึกอุณหภูมิโดยไม่ยกเทอร์มอมิเตอร์ข้ึน ใช้ แท่งแก้วคนน้าแข็งตลอดเวลา อ่านและบันทึกอุณหภูมิทุกๆ 1 นาที จนน้าแข็งหลอมเหลวหมดทา เครอื่ งหมาย * ในชอ่ งนาที่ทีน่ ้าแขง็ หลอมเหลงหมด 4. เม่ือน้าแขง็ หลอมเหลวหมดแล้ว ให้อ่านและบนั ทึกอุณหภมู ทิ ุกๆ 1 นาที ต่อไปอีก 3 นาที 5. นาข้อมูลท่ีได้จากการหลอมละลายของน้าแข็งมาทาเป็นกราฟเส้น โดยให้แกนต้ังแทนอุณหภูมิ และ แกนนอนแทนเวลา ภาพที่ 2.3.1 ขั้นตอนการทดลองหาจุดเดือด จุดหลอมเหลว ของสารบริสทุ ธิ์และสารผสม ตารางบนั ทึกผลการทดลองท่ี 2 อณุ หภูมขิ องน้าแขง็ ขณะหลอมเหลวเม่ือให้ความร้อนแกน่ ้าแขง็ ทกุ 1 นาที นาทที ่ี 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 อุณหภูมิ ( oC ) 1. เพราะเหตุใดขณะนา้ แขง็ กาลังหลอมเหลว อุณหภูมิจึงไมเ่ ปลยี่ นแปลง ................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. เม่ือนา้ แขง็ หลอมเหลวหมดแลว้ อณุ หภมู เิ ปลีย่ นแปลงหรอื ไม่ อย่างไร ................................................. .............................................................................................................................................................. ................ 3. ปรากฏการณ์ที่น้าแข็งเปลยี่ นสถานะเป็นนา้ และนา้ เปลย่ี นสถานะเป็นน้าแขง็ เรยี กว่าอะไร ............................................................................................................................................................. ................
118 101 118 4. จงนาผลจากตารางบนั ทึกมาเขยี นกราฟแสดงความสมั พันธ์ระหวา่ งอณุ หภูมิกับเวลาท่ีใช้ในการ หลอมเหลวของน้าแขง็
119 102 119 แบบบนั ทกึ ผลจากการสังเกตการปฏบิ ัติงานกลมุ่ กิจกรรมเรื่อง................................................................วนั ท่.ี ....................../............................/........................... ชื่อกลมุ่ .............................................สมาชิก ไดแ้ ก่ 1. ........................................................................................ 2. .......................................................................... 3. ....................................................................................... 4. ............................................................................ 5. ...................................................................................... คาชแี้ จง ใหผ้ ูป้ ระเมนิ ทาเครื่องหมาย ลงในชอ่ งระดบั คุณภาพ ที่ พฤตกิ รรม/ลักษณะบ่งช้ี ระดับคณุ ภาพ หมายเหตุ 54321 1 ร่วมกนั วางแผนและแบ่งหน้าท่ีการทางาน 5 หมายถงึ ดมี าก กับเพ่ือนในกล่มุ 4 หมายถงึ ดี 2 จัดเตรยี มวัสดุ/อปุ กรณ์พร้อมก่อนการ 3 หมายถงึ ปานกลาง ปฏบิ ตั ิงาน 2 หมายถึง พอใช้ 3 ปฏบิ ตั งิ านหรอื ทาการทดลองตามข้ันตอน 1 หมายถงึ ปรับปรุง 4 ทางานทีม่ อบหมายอยา่ งเต็ม ความสามารถ 5 ระมัดระวังเพ่ือใหเ้ กิดความปลอดภยั ในขณะปฏบิ ัติงานหรอื ทาการทดลอง 6 ยอมรับข้อผดิ พลาดร่วมกนั 7 นาเสนอผลงานได้ชดั เจนและเข้าใจง่าย 8 เกบ็ ล้างวัสดุ อปุ กรณ์ สะอาดเปน็ ระเบียบ หลังการปฏิบัตงิ าน 9 งานเสร็จทนั เวลา และมคี ุณภาพ 10 ภมู ใิ จในผลงาน/การทางานกล่มุ รวมคะแนน = ................................... ระดบั คณุ ภาพเฉลย่ี = .................................... สรุปผลการประเมนิ เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ( ) ดีมาก (4.21-5.00) ( ) ดี (3.41-4.20) ( ) ปานกลาง (2.61-3.40) ( ) พอใช้ (1.81-2.60) ( ) ปรบั ปรุง (1.00-1.80) ลงช่ือ................................................ผ้ปู ระเมิน (....................................................)
103 120 120 แบบบันทึกผลจากการประเมนิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ช่อื ....................................................................เลขที่ .....................ชน้ั ..........................กลุ่มที่...................... คาช้ีแจง ใหผ้ ู้ประเมนิ เขียนเคร่อื งหมาย / ลงในช่องระดบั คุณภาพ รายการละ 1 ระดับ ท่ี พฤตกิ รรม/ลกั ษณะบ่งชี้ ระดับคณุ ภาพ หมายเหตุ 54321 1 ความสนใจใฝ่รหู้ รือความอยากรู้อยากเห็น 5 หมายถงึ ผูเ้ รียนแสดง - มคี วามใส่ใจและพอใจ ใครส่ บื เสาะแสวงหาความรู้ พฤติกรรมนั้นสมา่ เสมอ ในสถานการณแ์ ละปัญหาใหม่ๆ อย่เู สมอ 4 หมายถงึ ผู้เรียนแสดง - มคี วามกระตือรือรน้ ต่อกิจกรรมและเรอื่ งต่างๆ พฤติกรรมน้นั บ่อยคร้งั - ชอบทดลองค้นคว้า 3 หมายถึง ผเู้ รยี นแสดง - ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟงั อ่าน เพอื่ ให้ไดร้ บั ความร้เู พ่มิ ข้ึน พฤติกรรมน้ันเป็น 2 ความรับผดิ ชอบ ความมงุ่ มน่ั อดทน และเพียรพยายาม ครัง้ คราว - ยอมรับผลการกระทาของตนเองทง้ั ที่เปน็ ผลดแี ละผลเสีย 2 หมายถงึ ผเู้ รยี นแสดง - ทางานทไี่ ด้รบั มอบหมายให้สมบูรณต์ ามกาหนดและตรง พฤติกรรมนัน้ น้อยครง้ั ต่อเวลา 1 หมายถึง ผ้เู รียนไม่แสดง - เว้นการกระทาอนั เป็นผลเสียหายตอ่ ส่วนรวม พฤติกรรมนัน้ เลย - ทางานเต็มความสามารถ - ไมท่ ้อถอยในการทางาน เมื่อมีอุปสรรคหรือลม้ เหลว - มีความอดทนแม้การดาเนินการแกป้ ัญหาจะยุ่งยากและใช้ เวลา 3 ความมีเหตุผล - ยอมรับในคาอธิบายเมื่อมีหลักฐานหรือข้อมลู สนับสนุน อยา่ งเพียงพอ - พยายามอธิบายสง่ิ ต่างๆ ในแง่เหตแุ ละผล ไม่เชอ่ื โชคลาง หรือคาทานายที่ไมส่ ามารถอธิบายตามวิธีทางวิทยาศาสตร์ ได้ - อธิบายหรอื แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมเี หตุผล - ตรวจสอบความถกู ต้องหรือความสมเหตสุ มผลของแนวคิด ต่างๆ กบั แหล่งข้อมูลทีเ่ ช่อื ถือได้ - รวบรวมข้อมูลอยา่ งเพียงพอก่อนจะลงข้อสรุปเรอื่ งราว ตา่ งๆ 4 ความมีระเบียบและรอบคอบ
121 104 121 ท่ี พฤติกรรม/ลกั ษณะบ่งช้ี ระดบั คุณภาพ หมายเหตุ 54321 - เหน็ คุณคา่ ของความมีระเบียบและรอบคอบ - นาวิธหี ลายๆ วิธีมาตรวจสอบผลหรือวิธกี ารทดลอง - มีการใคร่ครวญ ไตรต่ รอง พินจิ พิเคราะห์ - มีความละเอียดถี่ถว้ นในการทางาน - มกี ารวางแผนในการทางานและจดั ระบบการทางาน - ตรวจสอบความเรยี บร้อยหรือคุณภาพของเคร่ืองมือกอ่ น ทาการทดลอง - ทางานอยา่ งมรี ะเบยี บและเรยี บร้อย 5 ความซ่อื สัตย์ - เสนอความจริงถึงแมจ้ ะเป็นผลท่ีแตกตา่ งจากผอู้ ่นื - เหน็ คณุ คา่ ของการเสนอข้อมลู ตามความจรงิ - บนั ทึกขอ้ มูลตามความเป็นจริงและไม่ใช้ความคดิ เห็นของ ตนเองไปเก่ียวข้อง - ไม่แอบอ้างผลงานของผ้อู น่ื ว่าเปน็ ผลงานของตนเอง 6 ความใจกวา้ ง รว่ มแสดงความคดิ เหน็ และรบั ฟงั ความคดิ เห็น ของผู้อื่น - รับฟังคาวิพากษ์วิจารณ์ ข้อโตแ้ ยง้ หรอื ข้อคิดเห็นท่ีมี เหตผุ ลของผ้อู ่นื - ไมย่ ึดม่ันในความคิดของตนเองและยอมรับการ เปลีย่ นแปลง - รับฟงั ความคดิ เหน็ ที่ตนเองยงั ไม่เขา้ ใจและพร้อมทจ่ี ะทา ความเข้าใจ - ยอมพจิ ารณาข้อมลู หรือความคิดทยี่ งั สรปุ แน่นอนไม่ได้ และพร้อมทจ่ี ะหาข้อมูลเพ่ิมเตมิ รวมคะแนน = ................................... ระดับคณุ ภาพเฉลีย่ = ............................... สรปุ ผลการประเมนิ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ( ) ดีมาก (4.21-5.00) ( ) ดี (3.41-4.20) ( ) ปานกลาง (2.61-3.40) ( ) พอใช้ (1.81-2.60) ( ) ปรับ(ปร)งุ ปร(1ับ.0ป0ร-ุง1.8(01).00-1.80) ลงชอ่ื ................................................ผูป้ ระเมิน (....................................................)
122 105 122 การประเมนิ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขยี นเคร่ืองหมาย ลงในช่องว่างที่ตรงกบั ความเปน็ จริง รายการ พฤตกิ รรมท่ีแสดงออก ปฏบิ ตั ิ นานๆ ไม่เคยปฏิบตั ิ ประเมนิ เป็นประจา ครัง้ (1 คะแนน) (3 คะแนน) (2คะแนน) 1. ทักษะ 1. ซกั ถามครเู ม่อื สงสัยในบทเรียนหรือมขี ้อสงสยั ในเร่อื งอน่ื ๆ กระบวนการ 2. ใชค้ าถามว่า “ทำไม” “เพรำะอะไร” เพ่ือหาเหตผุ ล กระเบรวียนนกราู้ ร วิทเรยียานศรู้าสตร์ 3. คน้ ควา้ หาความรู้ทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที างสอ่ื ตต่า่างงๆๆ เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และอนิ เทอรเน็ต เช่น หนงั สือพมิ พ์ โทรทัศน์ และอนิ เทอร์เนต็ วทิ ยาศาสตร์ 4. ศึกษาค้นควา้ ความรู้เร่ืองตา่ งๆ นอกเหนือจากบทเรยี น 5. แสดงความคิดเห็นหรอื แลกเปลย่ี นความร้กู บั ผู้อื่น 6. สรปุ ข้อความที่ได้รับจากการศึกษาค้นคว้าด้วยคาพูดเปน็ ภาษาของตนเองใหเ้ ข้าใจงา่ ย 7. ตรวจสอบความถูกต้อง ครบถว้ นของขอ้ ความรทู้ ศี่ กึ ษา ค้นควา้ 8. นาความรูท้ ่ีไดจ้ ากการศึกษาค้นคว้าไปใช้ในการสรา้ ง ความรู้ใหม่ เช่น สรา้ งโครงงาน 9. นาความรทู้ ีไ่ ดจ้ ากการศึกษาค้นคว้าไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน 10. จัดเวลาสาหรบั การอ่านหนังสอื ทุกวนั 2. ทกั ษะ 11. รว่ มกันวางแผนและแบ่งหนา้ ทก่ี ารทางานกับเพอื่ นใน กระบวนการ กลุ่ม กระบกวลนมุ่ การ 12. จัดเตรียมวัสด/ุ อุปกรณ์ใหพ้ รอ้ มกอ่ นทดลอง กลุ่ม 13. ปฏบิ ัติงานหรือทาการทดลองตามขั้นตอนทไ่ี ดต้ กลงกนั 14. ทางานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ 15. เปน็ ผ้นู าและผตู้ ามทเ่ี หมาะสม 16. ยอมรับขอ้ ผดิ พลาดรว่ มกัน 17. นาเสนอผลงานไดช้ ัดเจนและเขา้ ใจงา่ ย 18. เกบ็ ลา้ งวสั ด/ุ อปุ กรณ์ ใหส้ ะอาดเป็นระเบยี บหลงั การ ปฏบิ ัตงิ าน 19. งานเสร็จทนั เวลาและมีคณุ ภาพ 20. ภูมิใจในผลงาน/การทางานกลมุ่ คะแนนรวม คะแนนเฉล่ยี =
123 106 123 สรสปุ รผปุ ลผกลากราปรประระเมเมนิ นิ เขยี นเครอ่ื งหมาย ลงในนววงงกกลลมม เกณเกฑณก์ฑาก์ ราตรตัดดั สสินินคคุณุณภภาาพพ หมายเหตุ การหารระะดดบั ับคคณุ ณุ ภภาพาพหหาไาดไจ้ ดาจ้ กากกากรนาราคนะ�ำแคนะนแนน O ควรปรับปรงุ (1.00–1.66) รวมในแตต่ลล่ ะะชชอ่ ่องงมมาบาบวกวกนักนั แลแ้วลห้วาหรดา้วรยดว้ ย O พอใช้ (1.67–2.33) จาำ� นนววนนขขอ้ อ้ จจะะไดได้คค้ะแะนแนเนฉเลฉยี่ ลแ่ยี ลแ้วนลาว้ มนา�ำเมทาียเบทกยี บั บเกเกณณฑฑ์กา์ตรัดตสดั นิ สคินณุคณุ ภภาพาพ O ดมี าก (2.34–3.00) เกณฑก์ ารประเมินใบกจิ กรรม เกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คะแนน 5 - 7 คะแนน 1 - 4 คะแนน 8 - 10 คะแนน 0 คะแนน (ดี) (พอใช้) (ปรบั ปรงุ ) (ดีมาก) - บันทึกผลได้ - บนั ทึกผลไม่ อย่างถูกต้อง ครอบคลุม - ไมม่ ีบนั ทึกผล การทากิจกรรมที่ 1 - บันทกึ ผลได้ - ไม่สรปุ ผล - สรปุ ผลไม่ - สรุปผล จุดเดอื ดและจดุ อยา่ งถูกต้อง การทากจิ กรรม ครบถว้ น แนวความคิด หลอมเหลวของสาร - สรปุ ผลได้ คลาดเคลอ่ื น บริสุทธแิ์ ละสารผสม อยา่ งถูกต้อง - บนั ทกึ ผลสรปุ ผลการ ครบถ้วน ทากิจกรรม
124 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง จดุ เดอื ด จุดหลอมเหลว ของสารบรสิ ุทธ์ิและสารผสม หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง สารและสมบตั ขิ องสาร เวลา 1 ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ขอบเขตเนอื้ หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ 1. จุดเดอื ด จุดหลอมเหลว ของสาร ขน้ั สอน 13. ใบกจิ กรรม บรสิ ุทธิ์และสารผสม 1. ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนอภิปรายความรู้เดิมจากการทดลอง 42. ใบความรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ หาจุดเดือด จุดหลอมเหลว ของสารบริสุทธ์ิและสารผสม โดยใช้คาถาม ภาระงาน/ช้นิ งาน ดา้ นความรู้ ตอ่ ไปนี้ ใบกิจกรรม - จากการทดลอง เราได้ทราบจุดเดือดและจุดหลอมเหลวของสาร 1. เปรียบเทยี บ จุดเดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบริสทุ ธ์ิและสารผสม บริสุทธแ์ิ ละสารผสม วา่ มีลกั ษณะอย่างไร โดยการวัดอณุ หภูมิ ได้ - นกั เรยี นสามารถนาขอ้ มูลจดุ เดือดและจุดหลอมเหลว มาแปล ด้านทักษะและกระบวนการ ความหมายข้อมลู โดยทาอย่างไร 1. เขียนกราฟ แปลความหมายขอ้ มลู - นักเรียนสามารถลงความเห็นได้หรอื ไมว่ า่ สารใดเป็นสารบริสทุ ธิห์ รอื จากกราฟ หรือสารสนเทศ จุดหลอมเหลว สารผสม ของสารบริสุทธแิ์ ละสารผสม โดยการวดั 2. ครูสนทนากับนักเรียนว่า “วันนี้เราจะมาเรียนรู้เก่ียวกับสมบัติของ อณุ หภมู ิได้ สารบริสุทธิแ์ ละสารผสม” โดยใชส้ มบตั ิทางกายภาพ จดุ เดือด (B.P.) , จุด ด้านคุณลักษณะ หลอมเหลว (M.P.) ในการพิจารณาเปรียบเทียบ เขียนกราฟ และแปล 1. มีทักษะในการลงความเห็นขอ้ มลู ความหมายข้อมลู พรอ้ มทัง้ ลงความคดิ เห็น จากสารสนเทศได้ ขัน้ สอน 1. ครูให้นักเรียนดูแผนผังการจาแนกสาร และอธิบายให้นักเรียนเข้าใจ เกีย่ วกับ เร่ือง สารบริสทุ ธ์ิและสารผสม วา่ มคี วามแตกต่างกนั อย่างไร 107 124
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง จดุ เดือด จุดหลอมเหลว ของสารบรสิ ุทธแิ์ ละสารผสม 125 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เร่อื ง สารและสมบัติของสาร เวลา 1 ช่วั โมง ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 22.. ครูให้นักเรียนทาใบงานที่ 1 การจาแนกสารบริสุทธ์ิและของผสมโดย ใช้ข้อมูลจุดเดือดและจุดหลอมเหลว โดยเขียนกราฟและแปลความหมาย ข้อมลู ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเพ่ือให้นักเรียนเข้าใจว่าจุดเดือด จุด หลอมเหลวของสารละลาย มีความแตกต่างกันโดยสารผสมจะมีจุดเดือดสูง กว่าสารบริสทุ ธ์ิ 2. ครูนาอภิปรายโดยใช้ใบความรู้ ให้ความรู้แก่นักเรียนเร่ือง จุดเดือด จุดหลอมเหลว ของสารบริสุทธ์แิ ละสารผสม เพ่ิมเติมโดยใชข้ ้อมลู จากกราฟ ทีเ่ ขียน และแปลความหมายขอ้ มูลอย่างไร 3. ครใู ห้นักเรียนซักถามข้อสงสัย พร้อมตงั้ คาถามให้นักเรียนคิดตอ่ ไปว่า ความหนาแน่นของสารทั้งสองจะแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร เราจะมา ศกึ ษากันในชว่ั โมงต่อไป 108 125
126 109 126 การวัดและประเมนิ ผล สิง่ ทตี่ ้องการวดั /ประเมนิ วธิ กี ารวดั เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ใบกิจกรรม ด้านความรู้ นกั เรียนทาถูกผ่าน แบบประเมนิ ดา้ น เกณฑร์ ้อยละ เปรียบเทียบจจดุ ดุ เเดดอื ือดดจจดุ ุดหลอมเหลว ประเมินใบกิจกรรม ทกั ษะกระบวนการ 60 ข้นึ ไป หขลอองสมาเหรบลวรขิสอุทงธสิ์ แารลบะรสสิ าุทรผธแิ์สลมะสาร การตอบคาถาม นักเรียนผ่านเกณฑ์ ผโดสยมกโาดรยวกัดาอรุณวดัหอภุณูมหไิ ดภ้ ูมิ ได้ รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป ดา้ นทักษะ/กระบวนการ เขียนกราฟ แปลความหมายข้อมลู การตรวจใบกิจกรรม จากกราฟ หรอื สารสนเทศ จุด การตอบคาถาม จหดุลหอลมอเหมลเหวขลอวขงสอางรสบารบสิ ทุรสิธทุ์ิแลธ์ิะแสลาะร สผาสรมผโสดมยโกดายรกวดัารอวุณดั หอภณุ ูมหไิ ภดมู้ ไิ ด้ ดา้ นคณุ ลักษณะ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ผา่ นเกณฑ์การ ใฝเ่ รียนรู้และมงุ่ ม่ันในการทางาน ด้านคุณลกั ษณะ พฤติกรรม ประเมนิ อย่ใู นระดบั ดี ดา้ นคุณลักษณะ ข้ึนไป รว่ มกบั ผอู้ น่ื อย่างสร้างสรรค์
127 110 127 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ .................................................................................... ......................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผสู้ อน (.....(.................................................)..) วนั ท่.ี .........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ....................................................................................................................................................................... .... ลงช่ือ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ...........
128 111 128 ใบความร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง สารและสมบัติของสาร หนว่ ยที่ 2 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 4 เรอ่ื ง สมบัตทิ างกายภาพของ สารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสม รารายยววชิ ชิาาววทิ ิทยยาาศศาาสสตตรร์ ์ รรหหสั สั วชิ วา21ว120110ภ1าคภเารคยี เนรทยี น่ี 1ทช่ี 1น้ั มชัธน้ ยมมัธศยึกมษศาึกปษีทาป่ี 1ที ี่ 1 *********************************************************************** ความสมั พันธ์ของสสาร ภาพที่ 2.4.1 การจาแนกประเภทของสาร สมบัติของสาร คือ ลักษณะเฉพาะตัวของสารแต่ละชนิด ซึ่งสามารถจาแนกสมบัติของสารได้ 2 ประเภท คือ 1ส.มสบมัตบทิ ัตาทิงกาางยกภายาพภาเพป็นเปส็นมบสมัตบิทตัี่บิท่งบบี่ อง่ กบลอักษลณกั ษะณภาะยภนาอยกนอซกึ่งสซาึ่งมสาารมถาทรดถสทอดบสแอลบะแสลังะเกสตังไเดก้งต่าุไยดๆ้ง่าเยชๆ่นเลชักน่ ษลณักะษณะ เนื้อสาร สี สถานะ จุดเดือด จุดหลอมเหลว ความหนาแน่น เป็นต้น 2. สมบัติทางเคมี เป็นสมบัติท่ีใช้ปฏกิ ิริยา 2เค.มสเี มปบ็นตั ิทวั บาง่ เชค้ี มเชี เน่ ปก็นาสรมตบดิ ตั ไฟิที่ใกชา้ปรฏเกิ ดิ ิรสิยนาเิมคเมหเีลป็ก็นกตาวั รบรง่ ะชเบี้ เิดช่นเปก็นาตร้นตดิ ไฟ การเกดิ สนิมเหลก้ การระเบดิ เป็นตน้ การจาแนกประเภทของสาร สามารถจาแนกออกเป็นกลุ่มๆ ตามสถานะ เนอื้ สาร หรือเกณฑ์อ่นื ที่กาหนดข้นึ การจาแนกประเภทสารสามารถจาแนกไดห้ ลายแบบข้ึนอยู่กบั เกณฑท์ ี่ใช้ เม่อื จาแนกประเภทสารโดยใช้เนอ้ื สารเป็นเกณฑ์ สามารถจาแนกได้เปน็ 2 ประเภท คอื สารเน้ือเดียว และสารเนอ้ื ผสม
129 112 129 1. สารเนือ้ เดียว คือ สารท่ีมีลกั ษณะเน้ือสารกลมกลนื กนั อาจมีองค์ประกอบเพยี งชนิดเดียวหรอื มากกว่า 1 ชนิด กไ็ ด้ เมื่อใช้จานวนองค์ประกอบของสารเนื้อเดียวเปน็ เกณฑ์ สามารถจาแนกสารเนือ้ เดียวได้ 2 ประเภท คอื 1.1 สารบรสิ ุทธ์ิ คอื สารเนื้อเดยี วท่ีมอี งคป์ ระกอบเพยี ง 1 ชนดิ เช่น น้า ทองคา เหล็ก ทองแดง นา้ ตาล เปน็ ตน้ 1.2 สารละลาย คือ สารเน้ือเดยี วท่ีมอี งค์ประกอบมากกวา่ 1 ชนิด เชน่ น้าเกลอื (น้า + เกลือ) ฟิวส์ ( (ตะกัว่ +บสิ มัส + ดบี กุ ) อากาศ (แก๊สไนโตรเจน+ แกส๊ ออกซิเจน + แกส๊ คาร์บอนไดออกออไซด์ + แกส๊ อน่ื ๆ) เปน็ ตน้ 2. สารเน้ือผสมหรือของผสม คือ สารทีม่ ีลกั ษณะเน้ือสารไม่กลมกลนื กนั เมื่อสังเกตสามารถบอกไดว้ า่ มี สารองค์ประกอบมากกว่า 1 ชนิด เชน่ ดนิ น้าโคลน คอนกรตี น้าแปง้ ดิบ เป็นตน้ การตรวจสอบความบรสิ ุทธิ์ของสาร สามารถทาได้โดยวิธีต้มหาจดุ เดอื ดซง่ึ มคี วามแตกตา่ งกนั ดงั นี้ สารบริสุทธ์ิ เมอื่ ต้มจนเดอื ด อุณหภมู ิขณะเดือดจะคงท่ี สารละลาย เม่ือตม้ จนเดือด อุณหภมู ขิ ณะเดอื ดจะไม่คงท่ี เนื่องจากสดั ส่วนของสาร องคป์ ระกอบในสารละลายเปลีย่ นไปตลอดเวลา กราฟ การเปลีย่ นแปลงอณุ หภมู ขิ องสารบริสุทธ์แิ ละสารละลายเม่ือได้รับความร้อน 140 สารละลาย 120 100 สารบริสุทธ์ิ 80 60 40 20 0 1 2 3 4 5 6 8 9 10 11 12 ภาพที่ 2.4.2 กราฟการเปลีย่ นแปลงอณุ หภูมิของสารบริสุทธิแ์ ละสารละลายเมื่อไดร้ ับความร้อน
130 113 130 การเปลยี่ นแปลงเม่ือสารไดร้ ับความรอ้ น เมื่อสารในสถานะตา่ งๆ ไดร้ ับความรอ้ น สารจะเกดิ การเปลยี่ นแปลง 2 ลกั ษณะ คือ อุณหภมู ิ oC จุดเดือด B D F จดุ หลอมเหลว A C E แกส๊ ของแข็ง ของเหลว เวลา (นาท)ี ภาพที่ 2.4.3 กราฟแสดงการเปลยี่ นแปลงเมื่อสารได้รับความรอ้ น อุณหภมู ิขณะทส่ี ารกาลงั เปล่ียนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว คอื จุดหลอมเหลว จุด B เปน็ จดุ ท่ี ของแขง็ เริ่มหลอมเหลว และจุด C เป็นจุดทขี่ องแข็งหลอมเหลวหมด อุณหภมู ขิ ณะท่ีสารกาลงั เปลี่ยนสถานะจากของเหลวเปน็ แกส๊ คือ จุดเดือด จดุ D เปน็ จุดที่ของเหลวเรม่ิ เดือด และจุด E เปน็ จดุ ทข่ี องเหลวเดือดเปน็ ไอจนหมด จุดหลอมเหลว คอื อณุ หภมู ิขณะท่ีของแข็งเปลี่ยนสถานะเปน็ ของเหลว ซง่ึ จะมอี ุณหภูมิคงท่ี เชน่ นา้ แข็ง O oC นา้ O oC ดดู ความร้อน จุดเดอื ด คือ อณุ หภมู ิขณะทขี่ องเหลวเปลีย่ นสถานะเปน็ แกส๊ ซ่ึงจะมีอุณหภมู คิ งท่ี เช่น นา้ 100 oC ไอนา้ 100 oC ดูดความร้อน
131 114 131 ใบกิจกรรมท่ี 1 เรื่อง การแบง่ กลุ่มธาตใุ นตารางธาตุ หน่วยท่ี 2 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 4 เรอื่ ง สมบัตทิ างกายภาพของ สารบริสทุ ธิแ์ ละสารผสม รารยาวยชิวาิชาวิทวยิทายศาาศสาตสรตพ์ รื้น์ ฐรหานัสวิชรหาสั ว2ว12101101ภภาคาเครเยีรนียนทท่ี 1่ี 1ชชน้ั ั้นมมัธยัธยมมศศึกกึษษาปาปีทีท่ 1่ี 1 คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นตอบคาถามใหถ้ ูกต้อง 1. กราฟในข้อใดแสดงการเปรียบเทยี บการเปล่ียนแปลงอุณหภมู ขิ ณะต้มจนเดือดของน้าบรสิ ทุ ธก์ิ บั สารละลาย ได้ถูกตอ้ ง 1) อณุ หภูมิ (oC) 2) อณุ หภมู ิ (oC) นา้ น้า นา้ +แอลกอฮอล์ น้า +แอลกอฮอล์ กอฮล เวลา (นาท)ี เวลา (นาท)ี 3) อุณหภมู ิ (oC) 4) อณุ หภูมิ (oC) นา้ เกลอื น้า นา้ น้าเกลือ เวลา (นาที) เวลา (นาที) ตอบ หมายเลข.................................. เพราะ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ............................
132 115 132 2. จากกราฟการเปลย่ี นแปลงอุณหภูมขิ องนา้ บริสทุ ธทิ์ ่ีเร่มิ ต้นจากนา้ แข็งได้รับความรอ้ น ให้นักเรยี นพจิ ารณา เพ่อื ตอบคาถาม อุณหภูมิ (oC) CD A Bt1 t2 t3 t4 เวลา (นาที) 2.1 บริเวณใดของกราฟทแ่ี สดงว่าน้ามีการเปลยี่ นสถานะ AB และ BC AB และ CD BC และ CD เฉพาะ AB ตอบ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2.2 หลังจากเวลา t4 เป็นต้นไป นักเรียนคิดว่าอุณหภูมิจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร ถ้าน้ายังเปล่ียนเป็นไอน้าไม่ หมด ( ) ลดลง เพราะไอนา้ เรม่ิ คายพลังงานความรอ้ น ( ) เพมิ่ ข้ึนเพราะไอน้าจะดดู พลังงานมากขนึ้ เรื่อยๆ เรอื่ ยๆ ( ) คงท่ี เพราะนา้ บริสุทธิ์มีจุดเดือดคงที่ ( ) เป็นไปได้ทุกข้อ
133 116 133 2.3 การหลอมเหลวของน้าแข็ง ซึง่ เปน็ สารบรสิ ุทธิ์ และการละลายของไอศกรมี ซ่ึงเปน็ สารละลาย สารใดจะละลายเร็วกวา่ กัน อณุ หภูมิการหลอมเหลวเท่ากนั หรอื ไม่ ตอบ .................................................................................................................................................................... .......... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................... .................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................
117 134 134 แบบบนั ทกึ ผลจากการประเมินเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ชอื่ ....................................................................เลขที่ .....................ช้ัน..........................กลุ่มที่...................... คาชีแ้ จง ใหผ้ ู้ประเมนิ เขียนเครอ่ื งหมาย / ลงในช่องระดับคุณภาพ รายการละ 1 ระดับ ท่ี พฤติกรรม/ลักษณะบง่ ช้ี ระดบั คณุ ภาพ หมายเหตุ 54321 1 ความสนใจใฝ่ร้หู รอื ความอยากร้อู ยากเห็น 5 หมายถงึ ผูเ้ รยี นแสดง - มีความใส่ใจและพอใจ ใคร่สืบเสาะแสวงหาความรู้ พฤติกรรมนั้นสม่าเสมอ ในสถานการณแ์ ละปัญหาใหม่ๆ อยูเ่ สมอ 4 หมายถึง ผู้เรียนแสดง - มคี วามกระตือรือรน้ ต่อกิจกรรมและเรื่องตา่ งๆ พฤติกรรมนั้นบ่อยคร้ัง - ชอบทดลองค้นคว้า 3 หมายถงึ ผู้เรียนแสดง - ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟงั อ่าน เพ่ือให้ไดร้ บั ความรู้เพิ่มขนึ้ พฤติกรรมน้ันเป็น 2 ความรบั ผดิ ชอบ ความมงุ่ ม่นั อดทน และเพยี รพยายาม คร้งั คราว - ยอมรบั ผลการกระทาของตนเองท้ังทีเ่ ปน็ ผลดแี ละผลเสีย 2 หมายถึง ผู้เรยี นแสดง - ทางานที่ได้รบั มอบหมายให้สมบูรณ์ตามกาหนดและตรง พฤติกรรมนั้นนอ้ ยคร้งั ตอ่ เวลา 1 หมายถึง ผูเ้ รียนไม่แสดง - เว้นการกระทาอันเปน็ ผลเสียหายตอ่ ส่วนรวม พฤติกรรมนนั้ เลย - ทางานเต็มความสามารถ - ไมท่ ้อถอยในการทางาน เมือ่ มีอปุ สรรคหรือลม้ เหลว - มคี วามอดทนแม้การดาเนินการแกป้ ัญหาจะยุง่ ยากและใช้ เวลา 3 ความมเี หตผุ ล - ยอมรบั ในคาอธิบายเมื่อมหี ลกั ฐานหรือข้อมลู สนับสนุน อย่างเพยี งพอ - พยายามอธบิ ายส่ิงต่างๆ ในแงเ่ หตแุ ละผล ไม่เชอื่ โชคลาง หรอื คาทานายท่ีไม่สามารถอธิบายตามวิธีทางวทิ ยาศาสตร์ ได้ - อธบิ ายหรอื แสดงความคดิ เห็นอย่างมเี หตุผล - ตรวจสอบความถูกต้องหรือความสมเหตสุ มผลของแนวคิด ตา่ งๆ กบั แหล่งขอ้ มลู ทีเ่ ชื่อถือได้ - รวบรวมข้อมลู อยา่ งเพียงพอกอ่ นจะลงข้อสรุปเรื่องราว ตา่ งๆ
135 118 135 ที่ พฤติกรรม/ลกั ษณะบ่งช้ี ระดบั คุณภาพ หมายเหตุ 54321 4 ความมรี ะเบยี บและรอบคอบ - เห็นคุณคา่ ของความมีระเบียบและรอบคอบ - นาวธิ หี ลายๆ วธิ ีมาตรวจสอบผลหรือวิธกี ารทดลอง - มกี ารใคร่ครวญ ไตรต่ รอง พินจิ พิเคราะห์ - มคี วามละเอียดถ่ีถว้ นในการทางาน - มกี ารวางแผนในการทางานและจดั ระบบการทางาน - ตรวจสอบความเรียบร้อยหรอื คณุ ภาพของเครือ่ งมอื ก่อนทา การทดลอง - ทางานอย่างมรี ะเบยี บและเรยี บร้อย 5 ความซ่ือสตั ย์ - เสนอความจริงถึงแมจ้ ะเปน็ ผลทแี่ ตกตา่ งจากผ้อู ่นื - เห็นคณุ ค่าของการเสนอข้อมูลตามความจริง - บนั ทึกขอ้ มูลตามความเป็นจรงิ และไมใ่ ชค้ วามคิดเหน็ ของ ตนเองไปเกยี่ วขอ้ ง - ไมแ่ อบอา้ งผลงานของผูอ้ ื่นวา่ เปน็ ผลงานของตนเอง 6 ความใจกว้าง รว่ มแสดงความคดิ เห็นและรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผูอ้ ืน่ - รบั ฟังคาวพิ ากษ์วจิ ารณ์ ขอ้ โต้แยง้ หรือข้อคิดเหน็ ท่มี ีเหตุผล ของผูอ้ ืน่ - ไมย่ ึดม่ันในความคดิ ของตนเองและยอมรับการเปลย่ี นแปลง - รับฟังความคิดเห็นทตี่ นเองยังไมเ่ ขา้ ใจและพรอ้ มทจี่ ะทาความ เข้าใจ - ยอมพิจารณาขอ้ มลู หรอื ความคดิ ทีย่ ังสรุปแนน่ อนไม่ได้และ พรอ้ มท่จี ะหาข้อมลู เพ่มิ เตมิ รวมคะแนน = ................................... ระดบั คณุ ภาพเฉลีย่ = ............................... สรปุ ผลการประเมิน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ( ) ปานกลาง (2.61-3.40) ( ) ดีมาก (4.21-5.00) ( ) ดี (3.41-4.20) ( ) พอใช้ (1.81-2.60) ( ) ปรบั (ปร)ุงปร(1ับ.0ป0ร-ุง1.8(01).00-1.80) ลงชือ่ ................................................ผูป้ ระเมิน (....................................................)
119 136 136 การประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ คาช้แี จง ให้นักเรยี นเขยี นเคร่ืองหมาย ลงในช่องวา่ งท่ตี รงกับความเปน็ จรงิ รายการ พฤติกรรมที่แสดงออก ปฏิบตั ิ นานๆ คร้ัง ไม่เคยปฏิบตั ิ ประเมนิ (1 คะแนน) เป็นประจา (2 คะแนน) (3 คะแนน) 1. ทกั ษะ 1. ซกั ถามครเู มื่อสงสยั ในบทเรยี นหรอื มีข้อสงสัยใน กระบวนการ เรื่องอนื่ ๆ เรียนรู้ 2. ใช้คาถามวา่ “ทำไม” “เพรำะอะไร” เพื่อหา วิทยาศาสตร์ เหตุผล 3. คน้ ควา้ หาความรู้ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีทางส่อื ตา่ งๆ เช่น หนงั สอื พิมพ์ โทรทัศน์ แลเะชอน่ ินหเตนองั รส์เือนพต็ ิมพ์ โทรทัศน์ และอนิ เทอรเ์ น็ต 4. ศกึ ษาคน้ คว้าความรูเ้ รื่องต่างๆ นอกเหนือจาก บทเรียน 5. แสดงความคดิ เหน็ หรือแลกเปลีย่ นความรูก้ บั ผ้อู ื่น 6. สรปุ ขอ้ ความที่ไดร้ ับจากการศกึ ษาคน้ คว้าดว้ ย คาพูดเป็นภาษาของตนเองให้เขา้ ใจงา่ ย 7. ตรวจสอบความถูกต้อง ครบถว้ นของข้อความรู้ ทศี่ กึ ษาค้นคว้า 8. นาความรู้ท่ีไดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ไปใชใ้ นการ สรา้ งความรู้ใหม่ เชน่ สรา้ งโครงงาน 9. นาความร้ทู ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ คว้าไปใชใ้ น ชีวิตประจาวัน 10. จัดเวลาสาหรับการอ่านหนงั สอื ทุกวัน 2. ทกั ษะ 11. รว่ มกันวางแผนและแบ่งหนา้ ท่ีการทางานกบั กระบวนการ เพ่อื นในกลมุ่ กลมุ่ 12. จดั เตรยี มวัสดุ/อปุ กรณ์ให้พร้อมก่อนทดลอง 13. ปฏิบัติงานหรอื ทาการทดลองตามขั้นตอนที่ได้ ตกลงกัน 14. ทางานท่ีไดร้ บั มอบหมายอย่างเตม็ ความสามารถ
120 137 137 รายการ ปฏบิ ัติ นานๆ ครัง้ ไมเ่ คยปฏิบัติ ประเมนิ (1 คะแนน) พฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก เปน็ ประจา (2 คะแนน) (3 คะแนน) 15. เป็นผู้นาและผ้ตู ามที่เหมาะสม 16. ยอมรับข้อผิดพลาดร่วมกัน 17. นาเสนอผลงานได้ชดั เจนและเขา้ ใจงา่ ย 18. เก็บล้างวสั ดุ/อุปกรณ์ ให้สะอาดเป็นระเบยี บ หลงั การปฏบิ ัตงิ าน 19. งานเสรจ็ ทันเวลาและมคี ุณภาพ 20. ภูมิใจในผลงาน/การทางานกล่มุ คะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี = สรุปผลการประเมิน เขยี นเครื่องหมาย ลงในวงกลม เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ O ควรปรบั ปรุง (1.00–1.66) หมายเหตุ การหาระดับคุณภาพหาได้จากการนาคะแนน O พอใช้ (1.67–2.33) รวมในแตล่ ะช่องมมาาบบววกกกกนั นั แแลลว้ ้วหหาารรดดว้ ว้ ยยจ�ำนวนข้อจะได้ คจะานแวนนนขเฉอ้ ลจ่ยีะไแดล้ค้วะนแน�ำมนาเฉเทลีย่ บแกลบั ้วเนกาณมฑาเ์กทาียรบตกดั บั สเินกคณณุ ฑภก์ าพรตดั สินคุณภาพ O ดมี าก (2.34–3.00) เกณฑ์การประเมนิ ใบกจิ กรรม เกณฑ์การประเมนิ ระดบั คะแนน 5 - 7 คะแนน 1 - 4 คะแนน 8 - 10 คะแนน 0 คะแนน (ดี) (พอใช้) (ปรับปรุง) (ดีมาก) - บนั ทึกผลได้ - บนั ทกึ ผลไม่ - ไมม่ ีบันทึกผล อย่างถูกต้อง ครอบคลุม - ไม่สรุปผล การทากจิ กรรมท่ี 1 - บันทกึ ผลได้ - สรุปผลไม่ - สรุปผล การทากิจกรรม จุดเดือดและจุด อย่างถูกต้อง ครบถ้วน แนวความคดิ หลอมเหลวของสาร - สรุปผลได้ คลาดเคลอ่ื น บรสิ ุทธ์ิและสารผสม อยา่ งถูกต้อง - บันทกึ ผลสรุปผลการ ครบถว้ น ทากิจกรรม
113388 กกขขสสรรจดดจหหมมหหบบดดดด่ว่วาาลลดดุุ้า้าออคีคีนนนนรร้าา้า้า้ 1111มม1111รรนนสิสิุ่มมุ่ปปววบบนนนนาาวว่่ ....ผผ....กกาาุททุแคคแสสรรคคเเยยททคคใใสสออคคับบัมมขขนนะะธธววาากกฝฝณณุุกักัมมววธธาาลลผผตตสส์แิิ์แรราา่นน่่เเ่าาษษนนาาบิิบรรลละะอูู้้อะะเเลลมมงงรรขขมมนนววียยีะะาาเเกกคคกกััืน่ืน่ะะเเรรออออหหยยณณแแรร้ืออื้นนาาษษสส์์กกูู้้อองงียยีียียแแนนลลหหรรรราาาาหหยยสสณณดดนนลลเเแู้แู้ะะาารราารร่่าาาาาารรรรแแะะกกลลผผรระะเเงงรรคคียียออรรเเ้ททูู้นนรระะสสสสบบววปปนนียยีบบะะมม่น่นรรมม่ีี่าารรรรนนรรคคบบา้้าุ่งงุ่มมไไสิสิ22ยีียูว้วู้ขขรรงงดดมมออววหหทุุทบบิิททสสูู้้ออ้้่ันน่ับบนนนนธธเเรรยยงงใใททกกิ์แิ์แาารรสสนนาาาาลลียยีแแคคาาศศกกรรบบะะนน์์รราาาาสสบบคค่่นนสสรราารรววททขขตตรรสิิสาาออาารรผผมมทุทุงงงง์์ สสาาสสธธมมนนิ์แิ์แาาไไรรลลดดะะแแ้้ ผผนนม“ม“มเแลลขกกขเนนมเแเกกปปปปคคลลออจจิิาา้น้ันัววััาากก็็็็นนนนสสวว้้รรววลลกกยย11เเนน22รรววไไจจาาาาใใ..รรใใหห..าาปปีหีหยยััมมตตธธนนดััดรรคคคครรตตติิตนน้้นนหหถถมมนนกกรรืืออรรใใาาุุใใววัักกนนกกแููแาา้้าากกููนนหหกกมม่่าาเเรรจจาาาารร้้รร้้นนลลาา((กกเเรรแแ้งง้ะะแแสสีียยรรหห้้ตตักักมมาาเเนนตตนนียียมมรรนนรรััววนนเเาา่น่นุนนุ้้ีียยรรนนววบบคคคคขขตตัักกีียย””คคนนคครรััาาออตตาารรขขนนววูททู้้าารรดดดดฐฐงงิิออขขออาาตตดดูู้้นนาาเเีี่่เเะะออมมดดดดงง55นนไูไูออัักกไไงงววดดาาสสาาเเบบรรกกววเเรรััตตขขวว)้)้นนรรขขตัตัาาอืือ่่ ่่าาเเถถออีียยจจกกใใออรรรรถถรรงงจจุุงงเเนนาาเเาาาาวงวงอื่่อืนุนุพพรรนนขขกกรรววยยททััตตงงียยี้นัน้ัสสีีออยยัันนททกกััตตววถถ่ี่ีมมนน))าางงงงเเ้ัน้นัีี่่ววถถิิชชุุททคคีีททรรรรรรนนออััตตุุททาาีียยั้้ังงววแแูู้้ั้้ังงคคกกััยยตตถถววี่่ีเเววนนาาลลรรเเ่่33าาปปุุววััใใิิททััตตมมรระะหหูกกูงงดดชช็็นนีียยถถยยชชหหสสเเ็็ททรรจจี้วว้ีนนตตดดุุททาานนมมืืออนนาาะะดัดั ััศศีียยโโวว่ี่ีจจิิดดบบไไกกาาจจแแดดกกมมาาววมมนนแแาาััตตมมลลยยสสาา่่รรแแนน้ั้ันนขิิขะะหหจจแแนนหหตตสสลลน่น่จจออาาตตรราารรนนาาจจะะกกดดุุืืววขขอองง่่ขข์์ธธะะดดววสสกกััตตปปลลออิิ้ึึ้ตตนนจจััตตววาาาาถถรรอองงจจออมม่่ถถาารรรระะุุสสยยรรยยหห33ุุททสสสสววาางิิงนนูู่่กกรร่ีี่ลลาางงๆๆััตตรรชช้้าาืืออััธธบบคคออบบถถนนนนิิตตววลลก์์กยยปปรรุุไไิิดดั้ั้นนา่า่นนออาาหหคคสสิิรรมมรรยยี้ี้สสรริินนมมทุทุไไคคาาเเููสสมมิ่่ิงงรรจจาาธธใใ((รรททาาียียสสวว่่ไไณณแิิ์์แะะููจจดดมมัันนีีตตเเ่่ลลจจลลึึงงกกทท้้ขขาาถถงงรรมมคคะะิิดดรร่ี่ีไไเเึึ้้นนููุุ้้สส่่ออหหรรปปขขถถ33ออีีาายยยยรร้ึึ้นนเเใใยยลลรรชชนนืืถถออกกจจผผูู่่กกืืออนนาานนจจววรรััสสบบมมกกิิ่่ดดะะาาา้า้ิิงงมม ภภขขสสอออ่ือื่าา321231--งงรร//......ใใสสแแะะบบใใใรใรบบบบาางงหหููปปกกรราาคคกกลลภภิิจจนนจิิจววงง่่กกาา//าากกเเพพรรชชรรมมรรรรยีียิิ้นน้รรรรมมนนูทู้ท้มมงงกกาารรกก่่ีี าาชช11ูู้้นนาารร้นั้ันรรททเเมมรรททดดื่ื่ออัธธัดดลลเเงงยยลลววออคคมมออลลงงววศศงงาาททาาึกกึ มมี่่ี 11ษษ11หหาานนชชปปาาัว่ั่วีททีแแโโนน่ี่ีมม11่่นนงง ภาพที่ 2.5.1 การลอยการจมของวตั ถุ 121 138138
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 5 เรื่อง ความหนาแนน่ ของสารบริสุทธแิ์ ละสารผสม 139 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและสมบัตขิ องสาร รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 1 ชว่ั โมง ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 3. นกั เรียนดแู ละร่วภมากพันทอ่ี ภ2.ปิ 5ร.1ายกโาดรยลใอชย้คกำ� าถราจมมตข่ออไปงวนัต้ี ถุ 3. -นนักักเรเรยี ียนนดคแู ิดลวะา่ รสว่ ามรกทนั ้ังอ3ภชปิ นริดายมโีมดวยลใแชล้คะาปถรามิ มาตตอ่ รไเปทน่ากี้ นั หรอื ไม่ --นนกั กั เรเรยี ียนนมควี ดิธีตว่ารสวจาสรทอบงั้ ห3าชมนวลิดแมลมีะปวลรมิแาลตะรปขรอมิ งาสตารเไทด่าอ้ กยันา่ งหไรือไม่ 4. ค-รูอนธักบิ เรายี นว่ามสีวาิธรตี ทรั้งว3จสชอนบิดหมาีสมถวาลนแะลเะปปน็ รขิมอางตแรขข็งอแงตส่มารีอไัตดรอ้ ายสา่วงนไมรวล ตอ่ ป4.รมิคารตูอรธแิบตากยตวา่ งสกาันรซทึ่งัง้ เร3าจชะนไิดท้ มำ� สี กถาารนศกึะเษปาน็ จขากอกงแารขทง็ ดแลตอ่มงีอกัตารราหสาว่ นมวล คตวอ่ าปมรหมิ นาาตแรนแน่ ตขกอตง่าสงากรันซ่ึงเราจะได้ทาการศกึ ษาจากการทดลอง การหา ขคัน้ วสามอหนนาแน่นของสาร ขั้น1.สคอรนแู บง่ กลุ่มนกั เรยี นกลมุ่ ละ 4-5 คน และศึกษาใบกิจกรรมการทดลอง เร่อื 1ง.กคารแูหบาคง่ กวลามุ่ หนนกั าเรแียนนน่ กขลอมุ่งสลาะรบ4-ร5ิสุทคธนแ์ิ ลแะลสะาศรึกผษสามใดบว้ กยิจกการรแมทกนาทร่ีนทํ้าดลอง เรร่ว่อื มงอภกาิปรรหายาควิธวกีามารหทนดาลแอนงน่ใหข้นอักงสเราียรนบเรขิสา้ ุทใจธวิ์แิธลีกะาสรทารดผลสอมงมดาว้ กยยก่ิงาขร้ึนแทนที่น้า ร่ว2ม. อนภักปิเรรยี านยลวงิธมกี อื าทรทำ� กดาลรอทงดใลหอ้นงกั ตเารมียในบเกขจิา้ ใกจรวรธิมกีวาิธรกี ทารดทลดอลงอมงากตยาิง่มขว้นึสั ดุ อุปก2.รณนัก์ทเ่ีจรัดียเนตรลยี งมมไือวทแ้ ลากะบารนั ททดึกลผอลกงตาราทมดใบลอกงิจโกดรยรคม�ำวนิธวีกณาหราทคดวลาอมงหนตาาแมนว่นัสดุ ขออุปงสการรณแต์ทล่ ่ีจะัดชเนตดิ รียมไว้และบันทึกผลการทดลองโดยคานวณหาความ หน3.าแคนรใูน่ หข้คอำ� งแสนาะรนแ�ำตใล่นะรชะนหดิว่างการทดลอง โดยให้ท�ำการทดลองด้วย ควา3ม.ตค้ังรใูใจหเ้คพา่ือแในหะไ้ ดน้ขาอ้ในมรลู ะทห่ไี มว่ค่างลกาาดรเคทลด่ือลนอง โดยใหท้ าการทดลองด้วยความ ตัง้ ใจเพือ่ ใหไ้ ด้ขอ้ มูลท่ไี ม่คลาดเคลื่อน ขน้ั สรปุ 122 139
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 5 เร่ือง ความหนาแนน่ ของสารบรสิ ุทธแิ์ ละสารผสม 140 กหลนุ่มวสยากราะรกเรายี รนเรรยี ้ทู นี่ ร2วู้ ิทยาศาสตร์ 140 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 5เร่ือเรงอ่ื งสาครวแาลมะหสมนบาแัตนิข่นอขงสอางรสารบรสิ ทุ ธ์แิ ละสารผสม เรอ่ื รงายสวาิชราแวลิทะยสามศบาัตสขิ ตอรง์ สาร เวลา 1 ชวั่ โมง ชนั้ มัธเยวมลศาึกษ1าชป่ัวีทโี่ม1ง ขั้นสร1ปุ . ครูและนักเรียนรว่ รมากยันวอิชภาปิวริทายยาผศลากสาตรรท์ ดลองท่ีได้ เพอ่ื ใหไ้ ด้ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ข้อ1ส. คร1ปุร.แูวคลา่ ระูแสนลาักระเทนรยีง้ักสนเรายีม่วนมชกนรว่นัดิ มอมกภีคันปิวอารมภายหปิ ผนรลากยแาผนรล่นทกตดา่าลรงอทกงดนัทลไ่ี เอดน้งื่อเทพง่ีไอ่ืจดใา้หกเพไ้มด่ืออี ้ ใัตหร้ไาดส้ ่วน ขขมอ้ อ้วสลสรตรุปุป่อววปา่ า่รสมิ สาาราตทรรทง้ั ตสั้งา่สงมากชมนั นชดินตมิดาคีมวีคาว่ามทาหม่ีคนหาานแวานแณ่นนไตด่น่าเ้ตงรกา่ ยี งันงกตเันานมือ่เนลงจื่อาาดงกจบั มาดกอี งัมตนรีอาี้ัตสร่วานสว่ น มมววลลตต่อ่อปปร(รมิ มินาตา้ ตมรตรนั ตา่ ,งา่ นกง้านัก,นั ตดาตินมานคมา้ า่คมท่านั ี่คทำ�)ค่ี นาวนณวไณดไ้เรดยีเ้ รงยีตงาตมาลมำ� ดลบัาดดบั ังนดี้งั นี้ (นํ้า2ม.นั ค, รนรู า้ํ(ว่ ,นมดา้กินมับนนั นาํ้ ,ักมนเนั รา้ )ยี, นดสินรนุปา้ ผมลันก)ารทดลองเพื่อให้ได้ข้อสรปุ วา่ สารบริสทุ ธิ์ (น2้า2.).คสครารู รูว่ ผ่วมสมกมกับับน(นกั า้กัเรมเียรันนีย,ดสนนิรสุปนรผุปา้ ลมผกนัลาก)รามทรคีดทวลดาอลมงอหเพงนเือ่ าพใแห่ือนใไ้ หดน่ ้ขไตด้อ่าข้สง้อกรุปสนั รวขปุา่ นึ้ วสอ่าายร่กูสบบัารมิสบวุทรลธิสแ์ิ ทุ ลธะ์ิ (น(ปน้�ำร้า)มิ )สาสาตารรรผผสสมม(น(น�้ำม้ามันัน,ด,นิดนิ ํา้นมา้ นัม)ันม)คี มวคี าวมาหมนหานแานแน่ นตน่ ่าตงกา่ ันงกขนัึ้ ขอน้ึย่กูอับยู่กมับวลมแวลละและ ปปรรมิ 3ิมา.าตคตรรใู หน้ กั เรียนซักถามข้อสงสยั และให้นักเรยี นไดไ้ ปศึกษาเก่ยี วกับเรื่อง คว33า..มคคหรรใูนหใู าหน้ แน้กั นกัเน่รเียรเพียนิม่นซเักซตถักิมาถจมาาขมกอ้ขสส้อื่องสสตงัยา่ สงยัแๆลแแะลลใะหะใ้นวหักดี ้นเทิ รกั ศัียเรนียจ์ไดนา้ไกปดลศไ้ ิงปึกคศษ์ดกึา้าเษนกาลีย่ เา่วกงกยี่ ับวเกรบั่ือเงรื่อง คคhวtวาtาpมมsห:ห/น/นwาาแwแนwน่ .่นyเพoเพuิ่มtม่ิเuตเbิมตeจมิ .cาจoกาmสก่ือส/wตื่อา่aตงt่าcๆงhๆ?แvแ=ลลSะiวะmดีวFิทดี yิทศั9นศัwจ์นOา์จMกาXลกYงิ ลคิงซด์ คึง่ า้ ์ดนน้าักลนเา่รลงยี า่ นงจะได้ hhเtรttียtppนss:ร://เู้//พwwม่ิ wwเwตwมิ..yyใooนuuชtut่ัวubโbมe.eงcต.oc่อmoไm/ปw/awtcahtc?vh=?Svi=mSFimy9FwyO9MwXOYMซXึ่งYนักซ่ึงเรนียักนเรจยี ะนไดจ้ะได้ เรเรยี ยี นนรรู้เพู้เพมิ่ ิม่เตเติมมิในในชชว่ั โ่วั มโงมตง่อตไ่อปไป 123 140 140
141 124 141 การวัดและประเมินผล วิธกี ารวดั เครือ่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน สง่ิ ทต่ี ้องการวดั /ประเมิน การตรวจใบกจิ กรรม การทดลอง ใบกจิ กรรม นกั เรยี นทาถูกผ่าน ด้านความรู้ การตอบคาถาม เกณฑ์ร้อยละ อธิบายและเปรียบเทียบความ การประเมินดา้ น 60 ข้นึ ไป คหวนาามแหนน่นาขแอนงน่สาขรอบงรสสิ าทุรบธ์แิรลิสะทุ สธา์ิ ร ทักษะกระบวนการ แผลสะมสไดาร้ ผสมได้ -แบบประเมนิ ด้าน นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรม ทกั ษะกระบวนการ ร้อยละ 60 ข้ึนไป ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ด้านคณุ ลักษณะ -แบบสังเกต 1. ทาการทดลองเพื่ออธบิ ายและ พฤติกรรมการ ปฏิบตั ิงานกลุ่ม เปรยี บเทยี บความหนาแนน่ ของสาร แบบสังเกต ผ่านเกณฑ์การ บรสิ ุทธแิ์ ละสารผสมได้ พฤติกรรม ประเมินอย่ใู นระดบั ดี ดา้ นคุณลกั ษณะ ขนึ้ ไป 2. คานวณหาความหนาแน่นของ สารบริสุทธิ์และสารผสมได้ ด้านคุณลกั ษณะ ใฝ่เรยี นรู้และมุ่งมัน่ ในการทางาน รว่ มกับผอู้ นื่ อย่างสร้างสรรค์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
Pages: