375 392 392 ใบใบกกจิ จิกกรรมรมทที่ 2่ี 2เรเื่อรงอ่ื งกากราดรูแดลูแตลน้ ตไน้ มไ้ มห้นห่วนย่วทย่ี ท4่ี ก4ากราสรงั สเคงั รเคาะรหาะ์ดหว้ ด์ยแว้ สยงแสง แแผผนนกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรียยี นนรรู้ทู้ท่ี 5ี่ 5เรเร่อื ือ่งคงวคาวมาตมรตะรหะนหักนตกั ่อตคอ่ ณุ คคุณ่าคข่าอขงพองืชพตชือ่ สติ่งอมสีช่ิงีวมิตีชแวี ลติ ะแสลงิ่ ะแสวงิ่ ดแลวอ้ ดมลอ้ ม รายรวาชิ ยาวชิวาิทยวาิทศยาาสศตารสพ์ ตน้ื รฐ์ ราหนัส1วชิรหาสั ว21101 ภาคเรียนท่ี 11 ชชนั้ ัน้ มมัธัธยยมมศศกึ กึ ษษาาปปีทีท่ี 1่ี 1 จดุ ประสงค์ อธบิ ายแนวทางในการดแู ลต้นไมใ้ นบริเวณบา้ นหรือโรงเรียน ชือ่ -นามสกุล ............................................................................................. ช้นั .................. เลขท่ี .................. ชือ่ ตน้ ไม้ .................................................................................. สถานที่ .......................................................... ภาพตน้ ไม้ วนั เดอื นปี แผนการดูแล ผลการปฏิบัติ ผรู้ ับรอง หมายเหตุ ผู้รับรองคือครหู รือผูป้ กครอง ความรู้สึกของนักเรยี นท่ีได้ดแู ลตน้ ไม้ ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................................
376 393 393 ภาพที่ 4.5.1 นาขา้ วอดุ มสมบูรณ์ ภาพที่ 4.5.2 พนื ดนิ แตกระแหง
394 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 6 เรอ่ื ง ความตระหนกั ต่อคุณคา่ ของพชื ท่ีมตี ่อส่ิงมีชีวติ และสง่ิ แวดล้อม (ตอ่ ) หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 เรื่อง การสงั เคราะหด์ ้วยแสง เวลา 1 ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ขอบเขตเน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ ความตระหนกั ต่อคุณคา่ ของพืชที่มตี ่อ ขั้นนา วีดทิ ัศน์ Britta Riley ท่ีมา URL สิง่ มีชีวิตและสงิ่ แวดล้อม 1. ครเู ข้ามาในชันเรยี นด้วยสหี น้ายิมแยม้ แจ่มใส ทักทายนักเรียน https://www.ted.com/talks/britta_riley ทุกคนในชัน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ _a_garden_in_my_ apartment ดา้ นความรู้ 2. ครูสอบถามนักเรียนเก่ียวกับการดูแลต้นไมต้ ามทไี่ ดว้ างแผนไวใ้ น ภาระงาน/ช้ินงาน ชวั่ โมงเรยี นก่อนหน้าว่ามใี ครได้กลบั ไปท้าตามแผนที่วางไว้ อธบิ ายแนวทางในการดูแลตน้ ไม้ในบริเวณ - บา้ นหรอื โรงเรียน และบริเวณท่มี ขี ้อจา้ กดั ด้าน 3. ตัวแทนนักเรียนจ้านวน 2-3 คนน้าเสนอแนวทางการดูแลท่ไี ด้ ดส้าถนาสนถทา่สี นา้ ทหส่ี รำ� บั หปรลับูกปตลน้กู ไตม้น้ ไม้ ด้านทักษะและกระบวนการ กลับไปปฏบิ ัติให้เพือ่ นร่วมชันเรยี นฟัง ตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ จากการ 4. ครสู อบถามถึงปัญหาทเ่ี กดิ ขึนจากการปฏิบัติกิจกรรมแล้วน้าเข้า ปฏิบตั แิ ละวดี ที ศั น์เพ่อื สรา้ งแนวทางการดแู ล ตน้ ไม้ในบรเิ วณบ้าน หรือโรงเรยี น สู่บทเรยี นดว้ ยค้าถาม ดา้ นคุณลักษณะ - ในบรเิ วณที่ไมม่ ีเนือที่เชเชน่ น่ ตาตมาตมตึกึกสสูงใงู นในชชุมมุชชนนเมเมือืองงจจะะสสาามมาารรถถ ตระหนกั คุณค่าของพืชทม่ี ีต่อสิง่ มีชวี ติ และ ส่งิ แวดลอ้ มโดยร่วมกัน ปลูกต้นไม้ในโรงเรียน ปลูกพืชไดห้ รือไม่ (คา้ ตอบเป็นไปตามแนวคิดของนักเรียน) และชมุ ชน ข้ันสอน 1. นักเรยี นชมวีดทิ ัศน์ Britta Riley ความยาว 7 นาที 49 วินาที ซงึ่ น้าเสนอเกีย่ วกบั Windowfarms ซ่ึงเป็นแนวคดิ ทเี่ ป็นที่นิยมใน ปัจจุบันและเปน็ จุดเร่มิ ตน้ ของการจดสทิ ธิบตั รจา้ นวนมากท่สี ุดในทุก ประเภทสิทธิบตั รของสหรฐั อเมรกิ า เพ่ือแกไ้ ขข้อจ้ากดั เกยี่ วกับพืนที่ เพาะปลูกซง่ึ ผคู้ ิดค้นใชป้ ัจจัยทีม่ สี ่วนเกี่ยวขอ้ งกบั การสังเคราะหด์ ้วย แสงมาประยุกต์ใช้ 377 394
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 6 เร่ือง ความตระหนักต่อคุณคา่ ของพืชทีม่ ีต่อสงิ่ มีชีวติ และสง่ิ แวดล้อม (ต่อ) 395 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง เวลา 1 ชั่วโมง ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ภาพที่ 4.6.1 วีดิทศั น์ Britta Riley 2. นกั เรยี นสะท้อนความคิดจากการชมวดิ ทิ ัศนผ์ ่านการตอบค้าถาม - วดี ทิ ศั น์นเี สนอเรอื่ งราวเกย่ี วกบั อะไร (การปลกู พืช ในบรเิ วณทไ่ี ม่มที ี่ดินสา้ หรบั เพาะปลูก) - นกั เรียนเรยี นร้อู ะไรจากวดิ ิทัศน์นี (การปลูกพชื สามารถทา้ ได้ทุกสถานที่โดยจัดใหม้ ปี ัจจยั ทีม่ ีความจ้าเป็นต่อพืชและ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช) ขัน้ สรปุ 1. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปสาระส้าคัญจน ครอบคลุมใจความต่อไปนี “ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดต้องการพลังงาน พืชเป็น ส่งิ มีชีวิตทส่ี ามารถสร้างอาหารไดเ้ องจากการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยมี ปัจจัยคือ น้า แสง และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ จะเกิดขึนบริเวณที่มี 378 395
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 6 เรอ่ื ง ความตระหนกั ต่อคุณค่าของพชื ทม่ี ตี ่อสิ่งมชี ีวติ และสิ่งแวดล้อม (ต่อ) 396 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เร่ือง การสังเคราะหด์ ้วยแสง เวลา 1 ชั่วโมง ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ คลอโรฟิลล์ เพ่ือสังเคราะห์น้าตาลเก็บสะสมท่ีใบในรูปของแป้งและ แก๊สออกซิเจน การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื เปน็ กระบวนการเดยี วที่ สามารถน้าพลังงานแสงมาเปล่ียนเป็นพลังงานในรูปสารประกอบ อินทรีย์ ซึ่งเก็บสะสมในรูปแบบต่างๆภายในโครงสร้างของพืช นอกจากนีการสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นกระบวนการหลักในการสร้าง แก๊สออกซิเจนให้กับบรรยากาศเพื่อให้ส่ิงมีชีวิตอื่นใช้ในกระบวนการ หายใจ ดังนันจึงควรร่วมกันปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ในโรงเรียนและ ชมุ ชน รวมทังสามารถเพาะปลูกพชื ได้โดยจัดสภาพแวดล้อมตามปจั จัย ที่จ้าเปน็ เพอื่ แก้ปัญหาการขาดแคลนท่ดี ินในการเพาะปลกู ” 379 396
397 380 397 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ การลา้ เลยี งนา้ และอาหารของพืช รหสั วิชา ว21101 รายวิชา วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 4 ชว่ั โมง ชนั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 1.มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีวดั สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสง่ิ มีชีวิต หน่วยพืน้ ฐานของส่งิ มชี ีวิต การลาเลยี งสารผ่าน เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชีวัด ว1.2 ม.1ม/.91/9บบรรรยยาายยลลกั กั ษษณณะะแแลละะหหนนา้ า้ ททข่ี ีข่ อองงไไซซเล็มและโฟลเอม็ ว1.2 ม.1/10 เขยี นแแผผนนภภาาพพบบรรรรยยาายยททศิ ิศททาางงกกาารรลลาำ�เลเลยี ียงสงสาราใรนในไซไซเลเม็ลแม็ ลแะลโะฟโลฟเลอเ็มอขม็ อขงอพงชืพืช ว1.2 ม.1/14 อธบิ ายคววาามมสสา�ำคคัญญั ขขอองงธธาาตตุออุ าาหหาารรบบาางงชชนนิดดิทท่ีมมี่ผีผลลตต่ออ่กการาเรจเรจิญริญเตเิบตโิบตโแตลแะละการดำ� รงชวี ิต ขกอางรพดืชารงชวี ติ ของพชื ว1.2 ม.1/15 เลือเกลใือชก้ปใชยุ๋ ป้ทุย๋ี่มทธี า่ีมตธี ุอาตาหุอาหรเาหรมเหามะาสะมสกมบั กพับชื พใชืนใสนถสาถนากนากราณรณ์ท่ีก์ท�ำ่ีกหานหดนด 2. สาระสา้ คญั /ความคิดรวบยอด กกาารรลลา�ำเลเลยี ียงนงนา้ ใ�้ำนในพพืชมืชีกมลีก่มุ ลเุ่มซเลซลลท์ ลอ่ ์ทล่อาเลล�ำยี เงลนียา้ งทนา�้ำหทน�ำา้หทน่ีล้าาทเลี่ลยี �ำงเนล้าียแงลนะ้�ำแรลธ่ ะาแตรโุ ด่ธายตเฉุโพดายะเฉเพรยีากะวา่เรียกว่า ไซเลม ซงึ่ มที ศิ ททาางงกกาารรลลาำ� เเลลียียงงจจาากกรราากกไปไปสสู่ลู่ลาำ�ตตน้ ้น ใใบบแแลละะสส่วว่ นนตตา่ ่างงๆขๆองขพอืชงพสชื่วนสกว่ านรกลารเลลยี �ำงเลอียาหงอาราทห่ีไาดร้จทาี่ไกดจ้ าก กกาารรสสงังั เเคครราาะะหหด์์ด้ว้วยยแแสสงงขขอองงพพืชชื มมีทีทิศศิ ททาางงลลาำ�เลเลยี ียงงจจาากกบบรริเวิเวณณทท่มี มี่ีกีการาสรังสเังคเรคาระาหะด์ห้ว์ดยว้ แยสแงสไงปไสปู่สสว่ ูส่ น่วตน่าตงา่ๆงขอๆงพขอชื งพืช โโดดยยใใชช้ก้กลลุ่มมุ่ เเซซลลลลท์์ทีเ่ี่เรรียียกววา่ ่าโฟโฟลลเอเอม็ ม็ 3. สาระการเรียนรู้ ความรู้ความเขา้ ใจ (K) ใในนรราากกพพืชชื มมีกกี ลล่มุ ่มุ เซเซลลลลท์ ์ทเ่ี ปเี่ ปน็ น็เนเน่ือื้องเยือ่ ทา�ำหหนนา้ า้ ทท่ีลล่ี า�ำเเลลียียงงนน้า้ำ� แแลละะเกเกลลือือแแรร่ โ่ ดยเฉฉพพาาะะเรเียรกียวกา่ ว่าไซไเลซม็เลหม็ รหอื รอื ท่อล�ำาเลียงน�้ำาและเกลือแร่ และเมื่อน้า�ำและเกลือแรร่ผ่ผ่า่านนเเขข้า้าใในนเเซซลลลล์ข์ขนนรราากกแแลล้ว้ว จจะะแแพพรร่ต่ต่อ่อไไปปยยังังเเซซลลลล์ถ์ถัดัดไไปป เร่ือยๆๆจนถถึงึ ทท่อ่ ลลา�ำเเลลียยี งงนน้าำ้� แแลละะเเกกลลืออื แแรร่ ่ซ่ึงอยู่ด้านในขขอองงรราากกแแลละะยยาาววตต่ออ่ เเนน่ืออื่ งงกกันนั ไไปปจจาากกรราากกไปไปสสู่ลลู่ า�ำตต้นน้ กกิ่งงิ่กก้าา้ นน และใบ จแาลกะนจาั้นกน้นัำ� แนลา้ ะแเลกะลเือกลแือรจ่แะร่จแะพแรพจ่ ราจ่กาทก่อทล่อำ� ลเลายีเลงียนง�้ำนแ้าลแะลเะกเลกือลแือรแไ่ รป่ ยไปังเยซังลเซลล์อล่ืน์อืน่ๆๆทท่ีพี่พชื ืชตตอ้ ้องกงการารตต่อ่อไปไป กกลลโู ูโคคสสซ่ึงซเป่ึงเ็นปอ็นาอหาาหรทาร่ีพทชื ่ีพสืชร้าสงรข้าน้ึงขจา้ึนกจการกะกบรวะนบกวานรกสาังรเคสรังาเคะหราด์ ะ้วหย์ดแ้สวยงแนส้างตานล้�ำสต่วานลหสน่วึง่นจหะนเป่ึงลจ่ยีะนเปเปลน็ี่ยน เแปปน็ ้งแทปันง้ ททีแนั ลทะี เแกล็บะสเะกสบ็ มสไะวส้ใมนไเซวใ้ลนลเ์สซ่วลนลตส์ ่าว่ งนๆตา่ขงองๆพขืชอเงมพื่อชื พเืชมตอื่ ้อพงชืกตารอ้ นงกาอารานหำ�าอราไปหใาชรใ้ไนปกใชรใ้ะนบกวรนะกบาวรนตก่างาๆรตแา่ ปง้งๆ แทปี่สง้ะทสสี่มะไวส้ใมนไสวใ้่วนนสตว่ า่ นงตๆา่ ขงอๆงพขอืชงจพะชืถจูกะเปถลกู ี่ยเปนลเปยี่ ็นนนเป้าน็ตนาลำ�้ ตกาลลูโคกสลโู แคลสว้ แลลาว้เลลยีำ� เงลไปยี งสไู่เปซสลเู่ลซ์ตล่าลงต์ๆา่ งขอๆงขพอชื งโพดชืยโรดะยบรบะบบ
398 381 398 ลาเลยี งอาหาร โดยกลุ่มเซลล์ทเี่ รยี กว่า โฟลเอ็ม ซึ่งมีลักษณะเป็นหลอดเล็กๆ เรยี งต่อเน่อื งกนั เรม่ิ ตน้ จากใบ ตรงบริเวณเส้นใบไปสู่ก่ิง กา้ น ลาต้น และราก ทักษะ/กระบวนการ (P) 1. การสังเกต 2. การทดลอง 3. การลงความเหน็ จากข้อมูล 4. การคาดคะเน 5. การจัดกระทาและสอื่ ความหมายข้อมูล 6. กระบวนการกลุ่ม เจตคติ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม (A) 1. มคี วามใฝร่ ู้ หรืออยากรู้อยากเหน็ 2. เห็นคุณค่าจากการเรยี นวทิ ยาศาสตร์ 3. ทางานรว่ มกบั ผู้อน่ื อย่างสร้างสรรค์ 4.สมรรถนะส้าคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5.คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. อยอู่ ย่างพอเพียง 4. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 5. มีจติ สาธารณะ 6.การประเมินผลรวบยอด (ประเมินหน่วยการเรียนรู้) ใช้ graphic organizer เช่น concept map หรือแผนภาพอื่นๆ ในการสรุปองค์ความรู้เรื่องการ ลาเลียงนา้ และอาหารของพชื ลงบนกระดาษทม่ี ีพนื้ ทีเ่ ทา่ กับ A4
399 382 399 เกณฑ์การประเมนิ ผลชินงานหรอื ภาระงาน ประเดน็ การประเมนิ ระดับคะแนน 1.ความถกู ต้องและความ คิดสรา้ งสรรคข์ อง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรบั ปรุง) ผลงาน ผลงานมคี วาม ผลงานมคี วาม ผลงานมีความ ผลงานมีความ 2.ความถูกต้องและ ถูกต้องของ ชัดเจนในการนาเสนอ ถกู ต้องของ ถกู ต้องของ ถูกต้องของ เนื้อหาบางส่วน ผลงานหนา้ ช้นั เรยี น ขาดความคิด เนอื้ หาและมี เนือ้ หาขาด เน้อื หาขาด สร้างสรรค์ในการ นาเสนอ ชิ้นงาน ความคิด ความคิด ความคิด ไม่เปน็ ระเบยี บ เรียบรอ้ ย สรา้ งสรรคใ์ นการ สร้างสรรคใ์ นการ สร้างสรรคใ์ นการ นาเสนอเนอ้ื หา นาเสนอ ชิน้ งาน นาเสนอ ชน้ิ งาน นาเสนอ ชิน้ งาน ไม่ครบถ้วน วธิ กี าร เปน็ ระเบยี บ เปน็ ระเบียบ ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ นาเสนอไม่ น่าสนใจ เรียบรอ้ ย เรียบรอ้ ย เรียบรอ้ ย เสยี งดงั ไม่ชดั เจน นาเสนอเน้ือหา นาเสนอเน้อื หา นาเสนอเน้อื หา ครบถว้ น วธิ กี าร ครบถว้ น วธิ กี าร ไมค่ รบถว้ น นาเสนอน่าสนใจ นาเสนอนา่ สนใจ วิธีการ เสียงดังชดั เจน แตเ่ สียงไม่ชดั เจน นาเสนอนา่ สนใจ เสียงดังไม่ชดั เจน เกณฑก์ ารตัดสิน คะแนน 7-8 หมายถึง ดีมาก คะแนน 5-6 หมายถงึ ดี คะแนน 3-4 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1-2 หมายถึง ปรับปรงุ เกณฑ์การผ่าน ตั้งแต่ระดบั พอใช้ ขน้ึ ไป
400 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง การล้าเลียงนา้ ของพืช หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 เรื่อง การล้าเลียงน้าและอาหารของพืช เวลา 2 ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ขอบเขตเนอื หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ 1. การลาเลียงน้าของพืช ขันน้า 1.รรูปูปภภาาพพตต้นน้ มขะา้ มวว่ ทงี่ขกาจิ ดกนรรํา้ มแขลั้นะนราปู ภาพตน้ ขา้ ว 1. ครูแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ และ ท2สี่.ใมบบควรู าณม์ รเู้ รอ่ื ง การลาเลียงนา้ และแร่ธาตขุ อง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตวั ช้ีวดั 2พ.ืชใบความรเู้ รอื่ ง การล�ำเลียงน�้ำและแรธ่ าตุ ดา้ นความรู้ 2. ครนู าเขา้ ส่บู ทเรยี นโดยการนาเสนอรูปภาพต้นไมส้ าคัญ ข3อ.ใงบพกชื ิจกรรมเรื่อง การลาเลยี งนา้ และแร่ธาตุ 1. อธิบายหน้าท่ขี องไซเล็มได้ ตต่า่างงๆๆทที่พ่ีพบบเเหหน็ น็ ออยย่บู บู่ ่อ่อยยๆๆ ในแตล่ ะภาพครูใช้คาถามต่อไปนี้ (ภาพ 3ข.อใงบพกืชจิ กรรมเรอื่ ง การล�ำเลียงน�้ำและแร่ธาตุ ข4อ.ใงบพกืชจิ กรรมเรื่อง ทิศทางการลาเลยี งน้าและแร่ 2. บอกโครงสรา้ งและระบบลาเลยี งนา้ และแร่ ต้นขา้ วท่เี จรญิ เตบิ โตสมบูรณ์ และภาพต้นข้าวทีข่ าดนา้ ไม่ 4ธ.าตใบขุ กอิจงพกรชื รมเร่อื ง ทศิ ทางการล�ำเลยี งน้�ำและ ธาตุของพชื ได้ เจริญเตบิ โต) แร่ธาตขุ องพืช ดา้ นทักษะและกระบวนการ 1. เขยี นแผนภาพบรรยายทิศทางการลาเลยี ง น้าของไซเลม็ ภาระงาน/ชินงาน ดา้ นคุณลักษณะ 11..ใบบกกิจิจกกรรรรมมเเรรื่อ่ืองงกกาารรลลา�ำเลเลยี ียงงนนา้ ้�ำแแลละะแแร่ธรา่ธตาตุ ุ ขขอองงพพชื ืช 1. มีวินัย 22..ใบบกกจิ จิ กกรรรรมมเเรรื่ออื่ งงททิศศิ ททาางงกกาารรลลา�ำเลเลียยีงนงนา้ แ�้ำแลละะแร่ แธรา่ธตาุขตอขุ งอพงชื พืช 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ภาพท่ี 5.1.1 ภาพตน้ ข้าวที่ขาดน้า 3. มีความมงุ่ มน่ั ในการทางาน 383 400
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง การลา้ เลยี งน้าของพืช 401 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การล้าเลียงนา้ และอาหารของพืช รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง ชันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาพท่ี 5.1.2 ต้นข้าวที่เจริญเตบิ โตสมบูรณ์ - จากภาพ เป็นรูปภาพของอะไร (ต้นขา้ วท่เี จริญเติบโต สมบูรณ์ และภาพต้นขา้ วทเี่ หี่ยวแห้ง เป็นตน้ ) - ภาพทั้งสองมคี วามเหมือนและมคี วามแตกต่างกันอย่างไร (ภาพท่ี 1 เปน็ ภาพพนื้ ท่นี าแห้งแล้งขาดนา้ ต้นข้าวเหีย่ วเฉา แต่ ภาพที่ 2 เปน็ ภาพพืน้ ที่นาทมี่ ีนา้ ขังต้นขา้ วเขยี ว) - นกั เรยี นคดิ วา่ น้ามีความสาคัญตอ่ ตน้ ข้าวหรอื ไม่ อย่างไร (น้าทาใหต้ ้นขา้ วไม่เหี่ยวเฉา เจริญเติบโตได้ดี) 384 401
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอื่ ง การล้าเลยี งนา้ ของพชื 402 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การล้าเลียงน้าและอาหารของพชื รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชว่ั โมง ชันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 - นกั เรียนคดิ วา่ พชื มีกระบวนการลาเลยี งนา้ อยา่ งไร (นักเรยี นตอบคาถามตามความคดิ เห็น อาจจะตอบถูกหรือตอบผิด ซ่ึงจะนาไปสู่ความสงสยั และความอยากรู้อยากเห็น ครยู ังไม่เฉลย คาตอบ จากนัน้ นักเรยี นค้นควา้ เพ่อื หาคาตอบดงั กลา่ วจาก กจิ กรรมการเรียนรู้ในข้นั สอน) ขันสอน 1. แบ่งนกั เรยี นออกเปน็ 6 กลุ่ม กล่มุ ละ 4-6 คน 2. นักเรียนรบั ใบกิจกรรมเรื่องการลาเลียงน้าและแร่ธาตุพร้อม ใบบนั ทึกกิจกรรม 3. นักเรยี นแต่ละกลุ่มจัดวัสดุอปุ กรณต์ ามท่ีกาหนดในใบกิจกรรม เกริจอ่ื กงรกรามรเรล่ือำ� งเลกยีารงนลาำ้� เแลลียะงแนร้าธ่แาลตะุ แรธ่ าตุ 4. นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเพอื่ ตั้งวตั ถปุ ระสงคใ์ นการทดลอง สมมติฐานและตวั แปรทศ่ี กึ ษาก่อนทาการทดลองและบนั ทึกลงใน ใบบันทึกกิจกรรม 5. นกั เรียนทาการทดลองตามขน้ั ตอนในใบกจิ กรรม เร่อื ง การ ลาเลียงนา้ และแรธ่ าตุ แลว้ บนั ทึกผลการทดลองในใบบันทึก กจิ กรรม 385 402
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การลา้ เลยี งน้าของพืช 403 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง การล้าเลียงนา้ และอาหารของพืช รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่วั โมง ชันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 6. นักเรียนรว่ มกันอภิปรายเพื่อออกแบบตารางบนั ทึกผลการ กทาดรลทอดงล(ทอกั งษ(ะทกักาษระจกัดากรรจะดัทกาาแรลแะลสะือ่ กครวะาทมำ�หสม่ือาคยวขา้อมมหูลม) ายขอ้ มลู ) 7. นกั เรยี นศึกษาใบความรู้ เรื่องการลาเลียงนา้ และแรธ่ าตุ พร้อมตอบคาถามในใบบันทกึ กิจกรรม ขันสรปุ 1. นักเรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายเพอ่ื สรปุ ความรู้ เรื่องการ ลาเลียงน้าของพชื โดยครูใชค้ าถามดังน้ี 1.1 น้าและแร่ธาตเุ ขา้ สู่พชื ทางใด (รากพชื ) 1.2 ทอ่ ทท่ี าหน้าท่ีลาเลียงน้า จากรากพชื ไปยังส่วนตา่ งๆ ของพืช เรยี กว่าอะไร(ท(ท่อ่อลลาำ�เลเลียียงงนนา้ ำ�้หหรรืออืไซไซเลเล็มม็) ) 1.3 ให้นักเรียนบอกลาดับการลาเลยี งนา้ ของพชื จากรากพืช ไปยงั ส่วนตา่ งๆของพืช (นา้ ในดินเข้าสู่รากพืช ลาต้น ใบ ดอก ผล) 2. นกั เรยี นเขยี นแผนภาพบรรยายทศิ ทางการลาเลยี งน้าของ พืช ลงในกระดาษ A4 และระบายสใี หส้ วยงาม 386 403
404 387 404 การวัดผลและประเมินผล ประเดน็ การประเมนิ วิธีการวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน - แบบประเมินใบ นกั เรียนผ่านเกณฑ์ 1.อธิบายหน้าทขี่ อง - ใบกิจกรรม กจิ กรรม ร้อยละ 60 ข้นึ ไป ไซเลม็ ได้ - แบบประเมนิ ใบ นกั เรียนผ่านเกณฑ์ กิจกรรม ร้อยละ 60 ขึน้ ไป 2.บอกโครงสรา้ งและ - ใบกจิ กรรม ระบบลาเลยี งนา้ และแร่ ธาตุของพืชได้ 3.เขียนแผนภาพ - กระดาษA4 - แบบประเมินช้นิ งาน นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป บรรยายทิศทางการ ลกาเรลลีย�ำงเนลยี้าขงนอง้�ำไขซอเลงไม็ ซเล็ม เกณฑ์การประเมนิ ผลการประเมนิ การประเมิน ดีมาก (ผ่าน) ดี (ผา่ น) พอใช้ (ไม่ผา่ น) ปรับปรงุ (ไม่ผา่ น) 8-10 คะแนนจากใบ 6-7 1-5 0 กจิ กรรม
405 388 405 8. บันทึกผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชือ่ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท่ี..........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผ้บู รหิ ารหรือผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ที่..........เดือน..........พ.ศ...........
406 389 406 ใบความร้ทู ่ี 1 เรื่อง การล้าเลยี งน้าและแรธ่ าตุของพืช หนว่ ยท่ี 5 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 การลา้ เลียงน้าของพชื รราายยววิชชิ าา ววทิ ิทยาศาสตร์ รหรัสหวัสชิ วา2ว12110101 ภภาาคคเรเยีรยีนนทที่ 1ี่ 1 ชชั้นนั มมัธัธยยมมศศึกกึ ษษาาปปีทีท่ี ี่ 11 โครงสรา้ งของราก และกระบวนการในการลาเลยี งนา้ และแร่ธาตุ 1. ขนราก (Root Hair) อยู่เหนือปลาย รากเล็กน้อย มีลักษณะเป็นขนเส้นเล็กฝอย จานวนมากอยู่รอบปลายราก เป็นโครงสร้างท่ี เปลี่ยนแปลงมาจากเซลล์ผิวนอกสุดของราก โดยผนังเซลล์ของแต่ละเซลล์จะยืดยาวออกไป การที่ขนรากมีจานวนมากก็เพื่อเพ่ิมพ้ืนท่ีผิวใน การสัมผัสน้าและแร่ธาตุต่างๆในดินให้มากข้ึน ช่ ว ย ใ ห้ ก า ร ดู ด น้ า แ ล ะ แ ร่ ธ า ตุ เ ป็ น ไ ป อ ย่ า ง รวดเรว็ ภาพที่ 5.1.3 ภายในขนราก 2. กระบวนการดูดน้าและแร่ธาตุ พืช จะดูดน้าและแร่ธาตุทางขนรากโดยจะดูดน้า ด้วยวิธีการออสโมซิส ส่วนการดูดแร่ธาตุใช้ วิธกี ารแพร่ 3. ท่อลาเลยี งนา้ ในราก ลาตน้ กงิ่ และ ใบ ได้แก่ ไซเล็ม เมื่อขนรากดูดน้าและแร่ธาตุ เข้าสู่รากแล้ว จะถูกส่งผ่านไปยังเซลล์ชั้นต่างๆ ของรากจนเข้าสู่เซลล์ของท่อลาเลียงขึ้นไปทาง ท่อไซเล็มของลาต้น ก่ิง และใบ โดยมีทิศ ทางการลาเลียงขึ้นเท่านั้น ( ) การลาเลียงจะ เกิดได้ดีในเวลากลางวันขณะที่มีการสังเคราะห์ ด้วยแสงและการคายนา้ ของพืช 4. พืชใบเลี้ยงคู่ เป็นพืชที่มีใบเล้ียงใน ภาพท่ี 5.1.4 ภาพกล่มุ เซลลท์ ่อลาเลยี งน้าของพชื เมล็ด 2 ใบ ลักษณะของเส้นใบเป็นร่างแห มี ใบเลี้ยงเดยี่ วและพืชใบบเเลล้ียีย้ งงคคู่ ู่ รากแก้ว ลาต้นไม่มีข้อและปล้องมีท่อลาเลียง น้าและทอ่ ลาเลยี งอาหารเปน็ ระเบียบ
407 390 407 5. พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เป็นพืชท่ีมีใบเล้ียงในเมล็ดเพียงใบเดียว ลักษณะของใบพืชมีเส้นใบขนานกัน ลา ตล้�ำนตม้นีขม้อีขแ้อลแะลปะลป้อลงอ้ รงารกามกีลมักีลษักณษะณเะปเ็นปฝ็นอฝยอยไมไ่มมีรม่ าีรกาแกกแ้วก้วท่ทอลอ่ าลเำ� ลเียลงยี นงน้าแำ้� แลละะทท่ออ่ลลา�ำเลเลียียงงออาาหหาารรกกรระะจจาายยกกันนั ออยยู่ ู่ ท่ัวไปในลา�ำตต้นน้ เชเช่นน่ขา้ ขวา้ ขว้าขว้าโพวโดพหดญหา้ ญอา้ ้ออย้อมยะมพะรพ้าวรา้ตวาลตาปลาลป์มาลเป์มน็ เตปน้็ ต้น 6. วงปี เมื่อผ่าตามขวางของลาต้นท่ีเจริญเต็มท่ี แล้ว บริเวณกลางลาต้นจะเห็นลักษณะเป็นวงจานวนมาก แต่ละวงเกิดจากการเจริญเติบโตของเน้ือเยื่อไซเล็ม ใน เวลา 1 ปี การเจรญิ ของวงปีแบ่งเปน็ 2 บรเิ วณ โดยบริเวณ สีจางเกิดในช่วงที่มีน้าอุดมสมบูรณ์เซลล์เจริญเติบโตเร็ว ทาให้มีบริเวณกว้าง บริเวณสีเข้มเป็นการเจริญของเซลล์ ในช่วงฤดูแลง้ เซลล์มีขนาดเล็ก ทาให้มีบริเวณแคบ ไซเล็ม ทีม่ ีอายุมากที่สุดจะอยู่ชัน้ ในสดุ ของลาต้น ถา้ เปน็ ลาต้นท่ีมี อายุมากๆ ไซเล็มชั้นในจะไม่ทาหน้าท่ีลาเลียงน้าอีกต่อไป แต่จะทาหน้าท่ีให้ควาแข็งแรง และอาจสะสมสารอินทรีย์ ต่างๆมักมองเห็นไซเล็มบริเวณท่ีมีสีเข้มเรียกว่า แก่นไม้ ภาพท่ี 5.1.5 วงปขี องพชื (heart wood) ซ่ึงมีความแข็งแรงมากกว่าบริเวณอื่น แก่น ไม้น้ีจะเพิ่มข้ึนเรื่อยๆ เนื่องจากไซเล็มชั้นถัดออกมาท่ีมีอายุมากขึ้นและอุดตันกลายเป็นแก่นไม้เพ่ิมขึ้น ส่วนไซ ไเลซ็เมลทม็ ่ีอทยอ่ี ู่รยอูร่ บอนบอนกอซก่ึงซมง่ึีสมีจสี าีจงากงวก่าวชา่ ั้นชใ้ันใกน็ยกง็ยคังงคทงาทหำ� นห้านทา้ ี่ลทาล่ี เล�ำเียลงยี นง้านแำ้� ลแะลแะรแ่ธราธ่ตาุตต่อุตไอ่ปไเปรียเรกียชกั้นชน้นั ้ีวน่าว้ี า่กรกะรพะี้ไพม้ีไ้ ม(s้ ap (wsaopodw)oชoน้ั dก)รชะพ้นั ้ไีกมรจ้ะะพมีไ้ คีมว้จาะมมหีคนวาคมอ่หนนขา้าคงอ่คนงทขา้ท่ี งง้ั คกงรทะ่ทีพ้งัีไมก้รแะลพะี้ไแมก้ แน่ ลไมะร้แวกมน่ กไันมเ้ รยีวกมวกา่ ันเรนยีอื้ กไมว้่า(wเนoือ้ oไdม)้ (wood)
391 408 408 ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การล้าเลียงนา้ และแรธ่ าตขุ องพืช หนว่ ยท่ี 5 การล้าเลยี งนา้ และอาหารของพชื แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 รารยาวยชิ วาิชาวทิ วยิทายศาาศสาตสรต์ ร์รหรสั หวัสิชาวว221110011 ภภาาคคเเรรียียนนทที่ ่ี11 ชัน้ มัธยมศึกษาปปที ที ่ี ่ี 11 วสั ดอุ ุปกรณ์และการทดลอง จ้านวน/กลุ่ม ที่ รายการ 1 ต้น 1. ต้นผกั กระสงั 15 cm3 2. น้าหมกึ แดง 1 ลติ ร 3. นา้ 1 ใบ 4. ขวดปากกวา้ งสูงประมาณ 10 - 15 เซนตเิ มตร 1 ใบ 5. ใบมดี โกน 1 ชดุ 6. สไลดแ์ ละกระจกปิดสไลด์ 1 กล้อง 7. กลอ้ งจลุ ทรรศน์ 1 อนั 8. หลอดหยด ขนั ตอนการทดลอง 11..ใใหหน้ ้นกั กั เรเรยี ยี นนตตง้ั ง้ัจจดุ ุดปปรระะสสงคงค์ ส์ สมมมตตฐิ าิฐนานแลแะลกะากหำ� นหดนตดวั ตแัวปแรปทรศ่ี ทกึ ่ศี ษึกาษกา่อกนอ่ ทนาทก�ำากรทารดทลดอลงอง ตามขั้นตอนตอ่ ไปน้ี 22..รรินนิ นนา้ ำ�้ ใใสสข่ ข่ ววดดปปาากกกวว้าา้งปงประระมมาณาณ3/34/4ขอขงอขงวขดวดเตเมิตนมิ ้านหำ�้ มหึกมสึกแี สดแี งดลงลไปงไป1515 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร ลูกบาศก์เ3ซ.นตจิเุ่มมตต้นรผักกระสังให้ปลายรากแช่อยู่ในน้�ำหมึกสีแดง ลงในขวดที่เตรียมไว้ในข้อ 2 แล้วน�ำขวด ทดลองไป3ว. าจงมุ่ ไตว้กนลผาักงกแรดะดสงั 3ให0้ปนลาาทยี รสาังกเกแตช่อกยาร่ใู นเปนล้ายี่หนมแกึ ปสลีแดงงขอลงงตใ้นผขักวดกทระี่เตสรงั ียแมลไวะใ้ บนนั ขท้อกึ2ผลแล้วนาขวด ทดลองไป4ว.านงไ�ำวตก้ ้นลาผงักแกดรดะสังออกมาล้างน�้ำ ใช้ใบมีดโกนตัดล�ำต้นตามขวางออกเป็นท่อนยาว 3 เซนติเมตร 30 นาที ส5งั.เนกตำ� สก่วานรเทปตี่ลดัย่ี ในนแขปอ้ ลทง่ี 4ขอองอตก้นมผากั ตกัดรตะาสมงั ขแวลาะงบใหันบ้ ทาึกงผทลส่ี ุด แล้วนำ� ไปวางบนสไลด์ หยดน้าํ 1-2 หยด ปิดด้วยก4ร.ะนจกาตปน้ ดิ ผสักไลกดระ์ นสำ�งั ไอปอสก่อมงาดลดู้า้วงนยกา้ ลใ้อชใ้งบจมุลดีทโรกรนศตนัด์ สลงัาเตกน้ ตตวาามดขรวปูางแอสอดกงเตปำ� น็ แทห่อนนง่ ยทาี่เวหน็ สีแดง และบันทึก ผ3ลเทซนไ่ี ดตจ้ เิ มากตกรารสังเกต 56..นนาำ� สส่วว่ นนทท่ตี ต่ี ดั ดั ใในนขข้อ้อทท่ี 4่ี 4ออออกกมมาาตตดั ัดตตาามมขยวาวงใบหา้บงๆางยทาส่ี วุดปแระลมว้ นาณาไป0ว.5างเบซนสตไิเมลดต์รหแยลด้วนดา้ �ำ1เน-2นิ กหายรดตาม ขปน้ัดิ ตดอ้วยนกเหระมจือกนปขิดอ้ ส5ไลด์ นาไปส่องดดู ้วยกล้องจุลทรรศน์ สงั เกต วาดรูปแสดงตาแหน่งท่ีเหน็ สีแดง และบนั ทึกผลทไี่ ดจ้ ากการสงั เกต 6. นาสว่ นท่ตี ัดในข้อท่ี 4 ออกมาตัดตามยาวบางๆ ยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร แล้วดาเนนิ การ ตามขัน้ ตอนเหมือนข้อ5
409 392 409 ใบกิจกรรมท่ี 1 เรื่อง การล้าเลียงน้าและแร่ธาตุของพืช หนว่ ยท่ี 5 การล้าเลียงน้าและอาหารของพชื แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 1 รารยาวยชิ วาชิ วาทิ วยิทายศาาศสาตสรต์ รร์ หรสั หวสัชิ าวว2211110011 ภาคเรรียียนนทที่ ี่11 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 11 ชอื่ กลุ่ม………………………………………………………………..ชัน…………………………….................. ช่ือสมาชิกกลุ่ม 1.………………………………………………………………………………………… 2.………………………………………………………………………………………… 3.………………………………………………………………………………………… 4.………………………………………………………………………………………… 5.………………………………………………………………………………………… เร่ือง การล้าเลยี งน้าและแร่ธาตุของพืช ค้าชีแจง 1. ใหน้ ักเรยี นต้ังจุดประสงคใ์ นการทดลอง สมมุติฐานการทดลอง และกาหนดตัวแปรท่ีศึกษา 1.1 จดุ ประสงค์ของการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………….............................. ……………………………………………………………………………….…………………………............................ 1.2 สมมติฐานการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………….............................. ……………………………………………………………………………….………………………................................ 1.3 ตวั แปรที่ศกึ ษา 1.3.1 ตวั แปรตน้ …………………………………………………………………………............................... ………………………………………………………………………………………………………….............................. 1.3.2 ตัวแปรตาม …………………………………………………………………………............................. ………………………………………………………………………………………………………….............................. 1.3.3 ตวั แปรท่ีควบคุม……………………………………………………………………............................ ………………………………………………………………………………………………………….............................
410 393 410 2. ให้นกั เรยี นออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลองพร้อมกับบันทกึ ผลการทดลองลงในตารางบันทึกผล ……………………………………………………………………………….…………………………............................................... ……………………………………………………………………………….…………………………............................................... ……………………………………………………………………………….…………………………............................................... ……………………………………………………………………………….…………………………............................................... ……………………………………………………………………………….…………………………............................................... ……………………………………………………………………………….…………………………............................................... ……………………………………………………………………………….…………………………............................................... ……………………………………………………………………………….…………………………............................................... ……………………………………………………………………………….…………………………............................................... ……………………………………………………………………………….…………………………............................................... ……………………………………………………………………………….…………………………...............................................
411 394 411 คา้ ถามหลงั การทดลอง 1. เมื่อแช่ต้นผักกระสงั ในนา้ หมึกสีแดงเป็นเวลา 30 นาที จะสังเกตเหน็ อะไร …………………………………………………………………………………………………………............................... …………………………………………………………………………………………………………............................... …………………………………………………………………………………………….…………….............................. 2. จากผลการทดลองกลุ่มสแี ดงรอบๆลาตน้ ตัดขวางคืออะไร …………………………………………………………………………………………………………............................... …………………………………………………………………………………………………………............................... …………………………………………………………………………………………….…………….............................. 3. ถ้าแช่ผกั กระสงั ในน้าหมึกแดงเป็นเวลาหลายช่วั โมงจะเกดิ การเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………............................... …………………………………………………………………………………………………………............................... …………………………………………………………………………………………….…………….............................. 4. เพราะเหตุใดเมื่อใส่ปุ๋ยใหแ้ ก่ตน้ พชื ในปรมิ าณมาก พืชจึงเห่ียวเฉา …………………………………………………………………………………………………………............................... …………………………………………………………………………………………………………............................... …………………………………………………………………………………………….…………….............................. 5. ให้นกั เรยี นวาดรูปเซลลท์ ่อลาเลียงน้าของพชื ใบเลยี้ งคู่และใบเล้ียงเดี่ยว ภาพเซลล์ท่อลา้ เลยี งน้าของพชื ใบเลยี งคู่ ภาพเซลลท์ อ่ ล้าเลียงนา้ ของพชื ใบเลียงเดย่ี ว
412 395 412 ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง ทศิ ทางการลา้ เลียงนา้ และแรธ่ าตขุ องพชื หน่วยท่ี 5 การลา้ เลยี งนา้ และอาหารของพืช แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 รารยาวยชิวาิชาวทิวิทยยาศาศาสาสตตรร์ ์ รหรัสหวสั ชิ าว2ว12101101 ภภาาคคเรเรียียนนทท่ี 1ี่ 1 ชชนั น้ั มมธั ัธยยมมศศึกึกษษาาปปที ีท่ี 1ี่ 1 คา้ ชีแจง ใหน้ ักเรยี นเขยี นแผนภาพบรรยายทศิ ทางการลาเลยี งน้าและแรธ่ าตขุ องพืช และระบายสีให้สวยงาม ทศิ ทางการลาเลียงนา้ และแร่ธาตุของพชื สรปุ .................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................
413 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง การล้าเลียงอาหารของพชื หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 5 เร่ือง การล้าเลียงน้าและอาหารของพืช เวลา 2 ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ขอบเขตเนอื หา รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ชันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 1. การลาเลยี งอาหารของพืช กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ขันนา้ 1. VDO การสรา้ งอาหารของพืช ลิงค์ ดา้ นความรู้ 1. ครูนาเข้าสบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรียนดสู อ่ื วีดโิ อ เร่ือง การสร้าง https://goo.gl/8uipnH 1. อธิบายกระบวนการลาเลยี งอาหาร ของพชื อาหารของพชื ((กกรระะบบววนนกกาารรสสังงั เเคครราาะะหหด์ ด์ ้วว้ ยยแแสสงงขขอองงพพชื ชื ))ตตาามมตตวั วั ออยย่าา่ งง 2.ใบความรู้ เร่ือง เน้ือเยอื่ การลาเลยี งอาหารของ สอื่ วดิี โีิ อ https://goo.gl/8uipnH ประมาณ 77นนาาทที แี แลลว้ ้วคครรใู ูใชชค้ ้ �ำถาม พชื 2. อธิบายความสาคัญของการลาเลยี ง กคราะถตามุ้นกครวะาตมนุ้ สคนวใาจมขสอนงนใจกั ขเอรียงนักดเรังียนน้ี ดงั นี้ อาหารของพืช 3.ภาพแสดงการลาเลยี งอาหารไปเลย้ี งส่วนต่าง ๆ ดา้ นทักษะและกระบวนการ - กระบวนการสร้างอาหารของพืชเกิดขน้ึ ที่บรเิ วณส่วนใดของ ขอขงพองชื พชื 1. เขียนแผนภาพบรรยายทิศทางการ พืช (ใบ) 4.กระดาษขนาด 10x10 เซนติเมตร สาหรบั ลกาเรลลีย�ำงเอลายี หงอาราขหอางรโขฟอลงเโอฟ็มลเอม็ ด้านคุณลักษณะ - อาหารของพชื ท่ไี ด้จากการสรา้ งอาหารของพชื คือ (นา้ ตาล กิจกรรม Exit ticket 1. มีวนิ ัย เปล่ยี นเปน็ แป้ง) 5.สEื่อxitPoticwkeert Point ประกอบกจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มคี วามมงุ่ ม่นั ในการทางาน - อาหารของพืชส่วนใหญส่ ะสมอยู่ท่สี ว่ นใดของพชื (ใบ) ภ5.าสรื่อะงPาoนw/eชrิน้ Pงoาiนnt ประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ 4. มจี ติ สาธารณะ 2. จากนน้ั ครูแจ้งเรื่องท่ีจะเรียน จดุ ประสงค์ มาตรฐานการ ภ1า.รใะบงกาจินก/ชรรินมงาเนรอ่ื ง เนื้อเยือ่ การล�ำเลียงอาหาร ข1อ.งใพบืชกิจกรรม เรอ่ื ง เน้ือเยื่อการลาเลยี งอาหาร เรียนร้แู ละตวั ชวี้ ดั ขันสอน ข2อ.งชพ้ินชื งานกิจกรรม Exit ticket 1. ให้นักเรียนศกึ ษา เรื่อง การลาเลยี งอาหารของพชื ตามขัน้ ตอน 2. ชนิ้ งานกจิ กรรม Exit ticket ดงั นี้ 396 413
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรื่อง การล้าเลยี งอาหารของพชื 414 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง การลา้ เลยี งนา้ และอาหารของพืช รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง ชันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 1.1 ครูกาหนดหวั ข้อเร่ืองการลาเลียงอาหารของพชื เชน่ เนือ้ เย่ือลาเลียงอาหาร ทศิ ทางการลาเลียงอาหารของพืช ให้ สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั สืบค้นตามหัวข้อทีก่ าหนด โดย - นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 5-6 คน - แตล่ ะกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล - สมาชิกแตล่ ะกล่มุ ช่วยกนั สบื ค้นข้อมลู ตามหัวข้อท่ีกลุ่ม ของตนเองรบั ผิดชอบ จากใบความร้หู รอื สืบคน้ จากหนงั สอื วารสาร วิทยาศาสตร์ สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรับ เยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต - สมาชิกกลมุ่ นาข้อมูลท่สี บื ค้นได้มารายงานให้เพ่ือน ๆ สมาชกิ ในกลมุ่ ฟัง รวมท้งั ร่วมกันอภิปรายซักถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจทีต่ รงกนั - สมาชิกกลมุ่ ชว่ ยกันสรุปความรทู้ ีไ่ ด้ทั้งหมดเป็นผลงานของ กลุ่มเปน็ แผนภาพ - นกั เรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลการปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมหนา้ ชนั้ เรียน 2. นักเรียนและครูร่วมกนั อภิปรายหลงั จากการนาเสนอผลงาน หนา้ ชั้นเรยี นโดยใช้คาถามดงั น้ี 397 414
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เร่อื ง การล้าเลียงอาหารของพืช 415 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง การลา้ เลียงน้าและอาหารของพืช รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ชั่วโมง ชันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 - กลมุ่ เซลล์ท่ีทาหนา้ ที่ลาเลียงอาหารของพชื คอื (ท่อลาเลียง อาหาร หรือโฟลเอม็ ) - ลักษณะกล่มุ เซลล์เน้อื เยื่อลาเลยี งอาหารของพชื ใบเล้ียงคู่กับ พชื ใบเลย้ี งเดี่ยว มีลักษณะเหมอื นหรือแตกต่างกนั หรือไม่ (หแรตือกแตตา่ กงตก่าันง)กัน หรือไม่ (แตกตา่ งกัน) - ทิศทางการลาเลียงอาหารของพชื มลี ักษณะเปน็ แบบใด (พืช จะลาเลียงอาหารจากใบและไปยัง สว่ นต่างๆ ของพืช โดยมที ศิ ทาง ( ) 3. นกั เรยี นสรปุ เนอื้ เยื่อที่พืชใช้ในการลาเลยี งอาหาร โดยรว่ มกนั เขยี นเปน็ แผนภาพความคดิ หรือผงั มโนทศั น์ แสดงทศิ ทางการ ลาเลยี งอาหารของพชื ตามความเขา้ ใจของตนเองหลงั จากการ อภิปราย ขนั สรุป 1. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายสรปุ เก่ยี วกบั กระบวนการ ลาเลยี งอาหารของพืชและความสาคัญของการลาเลียงอาหารของพชื ดงั น้ี “โฟลเอ็มเปน็ เน้ือเย่ือมีลักษณะคลา้ ยท่อ เรียงตัวกันเป็นกลมุ่ เฉพาะที่ ทาหน้าท่ีลาเลียงอาหารทไี่ ดจ้ ากการสังเคราะหด์ ้วยแสงมี 398 415
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง การล้าเลยี งอาหารของพชื 416 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การล้าเลยี งนา้ และอาหารของพืช รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง ชันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ทศิ ทางลาเลยี งจากบริเวณที่มีการสังเคราะหด์ ้วยแสงไปสู่สว่ นตา่ ง ๆ ของพชื ” 2. นักเรยี นทาแบบใบกจิ กรรมท่ี 2 การลาเลยี งอาหารของพชื 3. ครใู ช้ Exit ticket ในการสะท้อนผลหลังจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ มีลาดบั ขัน้ ตอนดงั นี้ 3.1 ครูแจกกระดาษ Sticky note หรอื กระดาษสีขาว ขนาด ประมาณ 10x10 เซนติเมตร 3.2 นักเรยี นเขียนข้อความลงบนกระดาษ ดังนี้ - ส่ิงทีไ่ ด้เรยี นรู้ 3 อย่างขึ้นไป - สิง่ ทีน่ าไปใชป้ ระโยชน์ 2 อย่างขึ้นไป - สง่ิ ที่สงสยั หรอื ยงั ไมเ่ ขา้ ใจ 1 อย่างข้ึนไป 4. นักเรียนนากระดาษส่งครจู งึ จะสามารถออกนอกห้อง 399 416
417 400 417 การวดั ผลและประเมินผล ประเด็นการประเมนิ วธิ ีการวัด เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน - แบบประเมนิ ใบ นักเรยี นผ่านเกณฑ์ 1. การอธบิ าย - ทาใบกิจกรรม กจิ กรรม ร้อยละ 60 ขึ้นไป กระบวนการลาเลยี ง อาหารของพืช 2. การอธบิ าย - ทาใบกจิ กรรม - แบบประเมนิ ใบ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ กจิ กรรม ร้อยละ 60 ขึ้นไป ความสาคัญของการ กลารเลีย�ำเงลอียางหอาารหขาอรงขพอชื งพืช 3. การเขียนแผนภาพ - ทาใบกิจกรรม - แบบประเมนิ ชน้ิ งาน นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 60 ขึ้นไป บรรยายทศิ ทางการ กลารเลีย�ำงเลอยีาหงอาารหขอารงของ โฟลเอ็ม เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการประเมิน การประเมนิ ดีมาก (ผ่าน) ดี (ผ่าน) พอใช้ (ไม่ผ่าน) ปรับปรุง (ไม่ผ่าน) 8-10 คะแนนจาก 6-7 1-5 0 ใบกิจกรรม
418 401 418 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................ ............... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วันท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ...........
419 402 419 ใบกิจกรรมที่ 2 เรอื่ ง การล้าเลียงอาหารของพชื หน่วยที่ 5 การลา้ เลียงน้าและอาหารของพืช แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 2 รายรวาิชยาวชิ วาทิ วยิทาศยาศสาตสรต์ ร์หรสั หวัสชิ าว2ว121101101 ภภาาคคเรเยีรียนนทที่ 1ี่ 1ชันช้นัมัธมยัธมยศมึกศษึกาษปาีทปี่ท1ี่ 1 คา้ ชีแจง ให้นักเรียนตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ไซเลม คืออะไร และมีหน้าทอ่ี ะไร ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................. ..................................................................... 2. โฟลเอม คอื อะไร และมหี นา้ ทีอ่ ะไร ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................. ..................................................................... 3. พชื ใบเลย้ี งคู่กบั พชื ใบเล้ียงเด่ยี ว มีการจัดเรยี งท่อลาเลยี งนา้ และแร่ธาตุ กบั ท่อลาเลยี งอาหารเหมอื น หเหรมืออื แนตหกรตอื ่าแงกตนักตอา่ยง่ากงนัไรอย่างไร .................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................................... 4. การลาเลยี งนา้ และแรธ่ าตุกับการลาเลยี งอาหารของพืชมีทิศทางในการลาเลยี งเหมือนหรือแตกต่าง กนั อย่างไร ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ..................................... 5. ใหน้ ักเรยี นวาดรูปต้นไม้แล้วเขยี นลูกศรแสดงทิศทางการลาเลยี งนา้ และแร่ธาตุ และการลาเลียงอาหาร ของพชื พร้อมทั้งสรปุ ความร้ทู ไ่ี ด้รับ สรปุ ......................................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. .....................................
พิจารณาสถานการณ์ดังตอ่ ไปนีแล้วอธบิ ายใหถ้ กู ตอ้ ง 403 เปลือกไม้ 420 420 เนือไม้ บริเวณท่ขี ยายพองออกมา ภาพที่ 5.2.1 สถานการณโ์ จทยป์ ัญหาการคว่นั ก่ิงพชื ท่มี าของภาพ โครงการตาราวิทยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์ มูลนธิ ิ สอวน., 2549, หน้า 162 จากภาพขข้า้างงตตน้ ้นแแสสดดงงกกาารรคควว่ัน่ันกกิง่ พ่ิงพชื ืชเปเป็น็นกากราลรอลกอสก่วสน่วเนปเลปือลกือแกลแะลเนะื้อเนเย้ือ่ือเยเจ่ือรเญิจรอิญอกอเอมก่ือเเมว่ือลเาวผลา่ านผไ่าปนหไลปาหยลวนัายสวาัน รสอาหรอาารหทา่เี ครลท่ือเี่ คนลมอื่ านสะมสาสมะทส่ีเหมนทอืเี่ หรอนยอื ครวอั่นยทคาวใน่ั หท้สำ� ว่ ในหขส้ อว่ งนเขปอลงือเกปนลน้ัอื พกอนงนั้ ขพยอางยขอยอากยมอาอทกามง(าขทวาาง)(ขเมวือ่าเ)ทเมียอ่ืบเกทบั ยี บกบั สสภภาาพพเเดดิมิมหหลลงัังกกาารรคคววนั่ ั่นททนั ันทที(ี(ซซ้าา้ ยย)) 1. จากเหตกุ ารณด์ ังกล่าวดงั ภาพ นกั เรียนคิดว่าเพราะเหตใุ ดถึงเปน็ เช่นนัน้ ............................................................................................................................. ..................................... .................................................................................................................................................................. 2. นักเรยี นวาดภาพแสดงทิศทางการเคล่อื นท่ีของสารอาหารได้อย่างไร ...................................................................................... ............................................................................ ............................................................................................................................. ..................................... 3. หากมีอุณหภมู ิและความช้ืนที่เหมาะสมบริเวณรอยคว่นั ดา้ นบนทพ่ี องออกมานน้ั นักเรยี นคิดวา่ จะสามารถ เกดิ เหตุการณใ์ ดไดบ้ ้าง ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. .....................................
421 404 421 ใบความร้ทู ี่ 2 เรอ่ื ง เนือเย่ือล้าเลยี งนา้ และเนือเย่อื ลา้ เลียงอาหารของพืช หนว่ ยท่ี 5 การลา้ เลียงน้าและอาหารของพืช แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 2 รราายยววชิ ิชาา วทิ ยาศาสตร์ รหรหัสวัสชิ วา2ว12101101 ภภาคาคเรเยีรนยี นทท่ี 1ี่ 1 ชชน้ั นั มมัธธั ยยมมศศึกกึ ษษาาปปีทีท่ี ่ี 11 เนอื เย่ือล้าเลียงน้าและเนือเย่ือล้าเลยี งอาหารของพืชใบเลียงคแู่ ละพชื ใบเลยี งเดี่ยว เน้อื เยย่อื อ่ื ลลาำ� เเลลียยี งงนน้า้�ำแแลละะเนเน้ือ้ือเยเย่ือือ่ ลลาำ�เลเลยี ยีงองอาหาหาราเรปเปน็ น็กกลุ่มลเมุ่ ซเลซล์ทลอ่ี์ทย่อี ่คูยู่ขคนู่ขานนานเป็นเปทน็อ่ ทลาอ่ เลำ�ียเงลจยี างกจราากกรลากาตน้ ลถ�ำงึ ตใบน้ ซถ่งึ กใบารซเร่งึ ยี กงาตรวั เรขียองตทัว่อขลอางเลทยี ่องลใ�ำนเพลืชยี ใงบในเลพี้ยชื งใคบแู่ เลละ้ียพงคชื ใแู่ บลเะลพี้ยชืงเใดบีย่ เลวจี้ยะงแเดต่ียกวตจา่ ะงแกตันกตา่ งกัน เนือ้ เยยื่ออ่ื ลลา�ำเเลลยี ยี งงนน้า้�ำหหรรอื ือไไซซเลเลม็ ม็ (x(xyylelemm) )ททาห�ำหนน้าทา้ ท่ีในี่ในกการาลราลเ�ำลเียลงียนงา้นแำ้� ลแะลแะรแ่ธราธ่ ตาุอตาอุ หาาหราจราจการการกาสกู่ใบสใู่ บ เเพพอ่ื ่อื สสรรา้ งอาหารโดยผา่ นกระบวนการสสงัังเเคครราาะะหห์ด์ด้ว้วยยแแสสงง เนือ้ เยยอ่ื ่อื ลลาำ� เเลลียยี งงออาาหหาารรหหรรืออื โโฟฟลลเอเอม็ ม็ (p(phhloloeemm) )ททาหำ� หนนา้ ท้าที่ลาี่ลเำ�ลเียลงยี องาอหาาหราทร่สีทร่สี ้ารงา้จงาจกาใกบใเบลยี้เลงยี้เซงลเซลลท์ ล่วั ท์ ่วั ลล�ำาตต้น้นพพืช ลักษณณะะขขอองงเเนนื้อื้อเเยยื่อ่อื ลลา�ำเลเลียยี งงนน้า้�ำแแลละะเนเนือ้ ื้อเยเยื่อื่อลลาเำ� ลเลียงียองาอหาหาราขรอขงอรงารกาพกืชพใืชบใเบลเ้ยี ลงย้ี คงู่แคลู่แะลพะืชพใืชบใเบลี้ยเลงย้ีเดง่ียเดวยี่ ว ภาพตดั ขวางรากพืชใบเลียงคู่ ภาพตดั ขวางรากพืชใบเลียงเด่ียว ภาพที่ 5.2.2 ลักษณะของเนื้อเยือ่ ลาเลียงนา้ และเนอื้ เย่ือลาเลียงอาหาร ของรากพชื ใบเลีย้ งคแู่ ละพชื ใบเลีย้ งเด่ียว **เน้อื เย่ือลาเลียงน้าและเน้อื เยอื่ ลาเลียงอาหาร รวมเรยี กว่า เนื้อเยื่อวาสคลู าร์ **รากพืชใบเล้ยี งคู่ ไซเลม็ เรยี งตวั เป็นแฉก 2-5 แฉก ออกมาจากกึ่งกลางรากสว่ นโฟลเอม็ แทรกอยรู่ ะหวา่ ง แฉกของไซเล็ม **รากพืชใบเลยี้ งเด่ยี ว ไซเล็มเรียงอยูต่ รงกลางของราก สว่ นโฟลเอม็ แทรกอยูร่ ะหว่างไซเลม็
422 405 422 ตารางเปรียบเทยี บลกั ษณะของพืชใบเลยี งกบั ใบเลียงคู่ ส่วนทเี่ ปรียบเทียบ พืชใบเลยี งเดย่ี ว พชื ใบเลยี งคู่ 1.ใบเลี้ยง 1 ใบ 2 ใบ 2.ราก รากฝอย รากแก้ว 3.ขอ้ ปล้อง บริเวณลาตน้ ข้อปลอ้ งเห็นชัดเจน ข้อปลอ้ งเหน็ ไมช่ ัดเจน 4.เสน้ ใบ เสน้ ใบเป็นเสน้ ขนาน เส้นใบเปน็ รา่ งแห 5.ตัวอยา่ งพืช ตน้ มะพร้าว ต้นอ้อย ต้นข้าวโพด ต้นมะม่วง ต้นชบา ต้นกหุ ลาบ ต้นกล้วย ตน้ หญา้ ตน้ ถั่ว ต้นเทียน ลักษณะของเนือเยื่อล้าเลียงน้าและเนือเย่ือลา้ เลยี งอาหารของลา้ ต้นของพืชใบเลียงคู่และพืชใบเลียงเดยี่ ว ภาพท่ี 5.2.3 เนอื้ เยอ่ื ลาเลียงน้าและเนื้อเยื่อลาเลียงอาหารของลาตน้ ของพืชใบเลย้ี งค่แู ละพชื ใบเลีย้ งเด่ียว ทิศทางการล้าเลียงนา้ และอาหารของพืช ดังภาพ
406 423 423 ทิศทางการลาเลยี งน้าของพชื มีดังน้ี ราก ลาต้น ใบ ทศิ ทางการลาเลียงอาหารของพชื มีดงั น้ี ใบ ลาต้น ราก ภาพท่ี 5.2.4 ทศิ ทางการลาเลียงน้าและอาหารของพชื ใบเล้ยี งคู่ ภาพที่ 5.2.5 รูปท่อลาเลยี งตามแนวยาว
424 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง ธาตอุ าหารบางชนิดท่ีมีความส้าคญั ตอ่ การเจริญเตบิ โตของพชื เวลา 1 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เร่ือง การลา้ เลียงน้าและอาหารของพืช เวลา 1 ชัว่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ชันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ขอบเขตเนือหา กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งการเรยี นร้/ู ส่อื ธาตุอาหารบางชนิดที่มผี ลตอ่ การ ขันนา้ 1. ห้องสมุด เจริญเติบโตและการดารงชวี ิตของพชื 1. ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนความรู้เกี่ยวกับการลาเลียงน้า 2. แหล่งข้อมลู สารสนเทศ และอาหารของพชื 3. หนังสอื เรียน วทิ ยาศาสตร์ ม. 1 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2. ให้นักเรียนสังเกตภาพใบปาล์มแล้วตอบคาถามในประเด็น 4. ใบความร้ทู ่ี 3 เรื่อง ธาตุอาหารท่ีมี ด้านความรู้ ต่อไปน้ี ความสาคัญต่อการเจริญเติบโตและการ 1. บอกความสาคัญของธาตุอาหารบาง - จากภาพนักเรียนเห็นใบปาลม์ มีลกั ษณะเปน็ อยา่ งไร ดารงชีวติ ของพชื ปุย๋ อินทรีย์ และปยุ๋ อนินทรีย์ ชนดิ ท่ีมีผลต่อการเจริญเตบิ โตและการ (ใบมลี กั ษณะก้านยาว ส่วนใหญ่มีสเี ขยี ว และบางจดุ พบมีลกั ษณะใบ หรือปุ๋ยเคมี ดารงชีวติ ของพืช เปน็ สเี หลอื งไหม้) 2. เลอื กใช้ธาตอุ าหารที่เหมาะสมกับพชื - นักเรยี นคดิ ว่าส่วนของใบท่ีมสี ีเหลืองจะสง่ ผลต่อการ ด้านคณุ ลักษณะ เจรญิ เติบโตของปาลม์ อย่างไร (ตอบตามแนวความคิดของนักเรยี น) 1. มวี 1ิน.ัยม วี ินยั - นักเรียนคิดว่าส่วนของใบท่ีมีสีเหลืองเกิดจากสาเหตุใด (ตอบ 2. ใฝเ่2ร.ยี ในฝรเ่ รู้ ยี นรู้ ตามแนวความคิดของนักเรียน เช่น เกดิ จากโรคพชื ขาดธาตอุ าหาร) 3. มคี 3ว.ามคีมวุ่งามมนั่ มใงุ่นมก่ันาใรนทกำ� างราทนางาน - ครูนานักเรียนสรุปสิ่งที่สังเกตได้จากภาพว่า ลักษณะสีของใบท่ี 4. มีจ4ติ .สมาีจธติาสรณาธะารณะ ปรากฏเป็นสีเหลืองเกิดจากพืชขาดธาตุอาหาร แล้วธาตุอาหารมี ความสาคัญและจาเป็นต่อพืชอย่างไร และพืชสามารถนาธาตุอาหาร ไปใชอ้ ยา่ งไร 407 424
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรอื่ ง ธาตอุ าหารบางชนดิ ท่ีมีความสา้ คญั ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื 425 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 เร่ือง การล้าเลียงนา้ และอาหารของพืช เวลา 1 ช่วั โมง เวลา 1 ชวั่ โมง ชันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ภาพที่ 5.3.1 ใบปาล์ม ขนั สอน 1. ให้นกั เรยี นศึกษาเร่ืองธาตุอาหารท่ีมีความสาคัญต่อการ เจรญิ เติบโตและการดารงชวี ติ ของพชื และบอกช่ือธาตอุ าหารท่ี เหมาะสมของพชื จากใบความรู้หรือในหนงั สือเรยี น โดยครชู ว่ ย อธบิ ายใหน้ กั เรยี นเข้าใจว่า แรธ่ าตุทพ่ี ืชได้รบั น้นั สว่ นใหญ่อยู่ในดิน - แบง่ นักเรยี นกลมุ่ ละ 5–6 คน สบื คน้ ข้อมลู เก่ียวกับธาตุอาหาร ของพืช ปยุ๋ อินทรีย์ และปุ๋ยอนินทรียห์ รือปยุ๋ เคมี โดยดาเนินการ ช่วยกนั สบื ค้นตามหวั ข้อทก่ี าหนด - สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อที่กลุ่มของ ตนเองรับผิดชอบ โดยการสืบค้นจากหนังสือ วารสารวิทยาศาสตร์ สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน และ อินเทอร์เน็ต 408 425
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เร่อื ง ธาตอุ าหารบางชนดิ ที่มีความส้าคัญต่อการเจรญิ เติบโตของพืช 426 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5 เร่ือง การลา้ เลียงนา้ และอาหารของพชื เวลา 1 ช่ัวโมง เวลา 1 ช่วั โมง ชันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ - สมาชกิ กลุม่ นาข้อมลู ที่สบื ค้นได้มารายงานใหเ้ พ่ือน ๆ สมาชกิ ในกล่มุ ฟัง รวมทง้ั รว่ มกันอภิปรายซกั ถามจนคาดว่าสมาชิกทุกคนมี ความรคู้ วามเข้าใจท่ตี รงกนั - สมาชิกกลุ่มชว่ ยกนั สรุปความรทู้ ไี่ ด้ท้ังหมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม ขันสรปุ 1. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนกลุม่ นาเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม หน้าชนั้ เรยี น 2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติ กิจกรรม โดยใช้แนวโดยครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ ตอบคาถามต่อไปน้ี – ธาตุอาหารชนิดใดบ้างท่ีมีความสาคัญต่อการเจริญเติบโตและ การดารงชีวติ ของพืช – นกั เรียนควรเลือกใชป้ ๋ยุ ชนิดใดทีเ่ หมาะสมกบั พชื ได้ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับชนิดธาตุอาหารของพืชโดย ร่วมกันเขียนตารางแสดงชนิดของธาตุอาหารและหน้าที่ของธาตุ อาหารแต่ละชนดิ 409 426
427 441207 การวดั ผลและประเมินผล ประเดน็ การประเมิน วธิ กี ารวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ - แบบประเมนิ ชิน้ งาน นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ 1. บอกความสาคญั ของ - สมดุ บันทกึ การเรยี น ร้อยละ 60 ขน้ึ ไป - แบบประเมินชน้ิ งาน ธาตุอาหารบางชนิดท่ีมี ตามสภาพจริง - แบบประเมินช้ินงาน นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ขึ้นไป ผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โต นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป และการดารงชวี ิตของ พชื 2. เลอื กใชธ้ าตุอาหารที่ - สมุดบันทกึ การเรยี น เหมาะสมกับพืช ตามสภาพจริง 3. ตารางแสดง - สมุดบันทกึ การเรียน ชนดิ ของธาตุอาหารและ ตามสภาพจรงิ หนา้ ท่ขี องธาตุอาหาร แต่ละชนดิ
428 411 428 8. บันทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชือ่ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท่ี..........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผ้บู รหิ ารหรือผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ที่..........เดือน..........พ.ศ...........
429 412 429 ใบความรู้ที่ 1 เรอ่ื ง ธาตอุ าหารของพืช หน่วยที่ 5 การล้าเลยี งนา้ และอาหาร แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 3 รารยาวยชิ วาิชวาิทวยิทายศาาศสาตสรต์ ร์ รหรัสหวัสชิ วา2ว121101101ภาภคาเครยีเรนยี ทนี่ ท1่ี 1ชันชมั้นัธมยธั มยศมกึ ศษกึ าษปาที ปี่ ีท1ี่ 1 ธาตอุ าหารทีจ่ า้ เปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพืช (essential elements) จากการวิเคราะห์พืชทางเคมี พบว่ามีธาตุต่างๆ มากมายหลายสิบธาตุ เช่น C H O N P K Ca Mg S Fe Mn Zn Cu B Mo Cl Si Na Co V G Al Cs Li Ba Sr Ce Pb Rb etc. น่ันไม่ได้หมายคว ามว่าธาตุทุกธาตุที่ ตรวจสอบได้จะจาเป็นต่อการดารงชีพของพืชท้ังหมด เ พื่ อ ที่ จ ะ ก า ห น ด ว่ า ธ า ตุ ใ ด เ ป็ น ธ า ตุ ท่ี จ า เ ป็ น ต่ อ ก า ร ดารงชีวิตของพืช (essential elements) หรือไมนั้น มี การเสนอหลกั การวนิ จิ ฉัยหลายๆ อย่างดังตอ่ ไปนี้ 1. ธาตุนั้นจะต้องจาเป็นต่อการเจริญเติบโตและ การสืบพนั ธุ์ของพืช ทาใหพ้ ชื เจริญเติบโตเป็นปกติ ถ้าขาดธาตุน้ีไปพืชไม่สามารถจะเจริญเติบโตครบวงจร ภาพที่ 5.3.2 ธาตอุ าหารทีจ่ าเปน็ ต่อการ ของมนั ได้ เจริญเติบโตของพชื 2. ความตอ้ งการธาตนุ ขี้ องพืชตอ้ งเปน็ ความ ตอ้ งการทเี่ ฉพาะเจาะจงไม่มีธาตอุ ่นื ใดท่ที าหน้าทแ่ี ทนได้ 3. ธาตุน้ีจะต้องมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยตรง ไม่ใช่เป็นธาตุท่ีไปทาให้พืชเจริญเติบโต ทางอ้อม โดยการที่ทาหน้าที่ เป็นตัวต่อต้านพิษของสารอื่นๆ ซ่ึงเกิดจากสภาพทางชีวะหรือเคมีของดิน นั่นคือ ธาตุน้จี ะตอ้ งทาหนา้ ทเี่ ฉพาะอย่างใดอย่างหน่งึ ทีเ่ กีย่ วกับ metabolism ของพชื
413 430 430 ภาพท่ี 5.3.3 สารอาหารทจ่ี าเป็นสาหรบั การเตบิ โตของพืช
431 414 431 ใบความรู้ท่ี 2 เรื่อง ปุ๋ยอนิ ทรีย์ หนว่ ยท่ี 5 การล้าเลยี งนา้ และอาหาร แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 3 รารยาวยิชวิชาาววทิ ิทยยาาศศาาสสตตรร์ ์ รหรัสหวัสิชวา2ว12110101ภาภคเารคียเนรียทนี่ 1ที่ 1ชันชมัน้ ัธมยธัมยศมกึ ศษึกาษปาที ป่ี 1ีที่ 1 ปยุ๋ อินทรีย์ ปปุ๋ยยุ๋ หหมมาายยถถึงงึ สสาารรทท่ีเเ่ีรราาใใสส่ล่ลงงไไปปใในนดดินิ เเพพ่ือ่ื วัตถถุปุ ปรระะสสงงคค์ให์ ใ ห้ป้ ปลดลปดลป่อลย่ อธยาธตาุอตาุ หอ ารหพาืชรโพดื ชย เโฉดพยาเะฉไพนาโะตไรนเจโนตรฟเจอนสฟฟออรสั ฟแอลระัส โแพลแะทสโพเซแียทม ทสเ่ีพซืชี่ยยมังทขี่พาืชดยอังยขู่ใาหดอ้พยืชู่ ไใดห้รพับืชอไดย้ร่าับงอเพย่าียงงเพอียงพอืช สพาืชมสาารมถาเจรรถญิเจเรติญบิ โเตงิบอโกตงาอมกดงแีาลมะดใีแหลผ้ ะลใติหผ้ผลลสิตงู ผขลน้ึ โสดูงยขทึ้น่ัวโไดปยปทุ๋ยั่วแไปบป่งุ๋ยอแอบก่งเปออ็นกสเอปง็นปสรอะงเปภรทะคเภือทคปือุ๋ย อปนิุ๋ยทอินรียท์รแยี ล์แะลปะุ๋ยปเุ๋ยคเมคหีมรหี อื รปือยุ๋ปวยุ๋ ทิวทิยายศาศาสาสตตร์ร์ ปุ๋ยอินทรีย์ : ปุ๋ยพวกน้ีได้แก่ ปยุ๋ คอก ปุ๋ย ภาพที่ 5.3.4 ปยุ๋ อนิ ทรีย์ หมัก ปยุ๋ พชื สด และวัสดุเหลือใช้จากโรงรงาน อตุ สาหกรรมบางชนดิ ซง่ึ เปน็ พวกอนิ ทรยี ์สาร ปุ๋ยคอกที่สาคัญได้แก่ ขี้หมู ข้ีเป็ด ข้ีไก่ เป็นปยุ๋ คอกท่ีนิยมใช้กนั อย่างแพร่หลายในบรรดา สวนผักและ สวนผลไม้ ปุ๋ยคอก โดยทั่วไปแล้วถ้า คิดราคาต่อหน่อยธาตุอาหารพืชจะมีราคาแพง กว่าปุ๋ยเคมี แต่ปุ๋ยคอกช่วยปรับปรุงดินให้โปร่ง และร่วนซุย ทาให้การตรียมดนิ ง่าย การต้ังตวั ของ ตน้ กล้าเร็วทาให้มโี อกาสรอดได้มาก นาข้าวท่ีเป็น ดินทราย เช่น ดินภาคอีสาน การใช้ปุ๋ยคอกหรือ ปยุ๋ อินทรียอ์ ื่น ๆ เทา่ ทจี่ ะหาไดใ้ นบริเวณใกล้เคียง ภาพที่ 5.3.5 ปยุ๋ คอก จะช่วยให้การดานาง่าย ข้าวตั้งตัวได้ดี และ เจริญเติบโตงอกงามอย่างรวดเร็ว ทั้งน้ีเน่ืองจาก ดินทรายพวกน้ีมีอินทรีย์วัตถุต่ามาก การใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ลงไปจะทาให้ดินอุ้มน้าและปุ๋ยได้ดีขึ้น การ กปากั รดปากั ดลำ�้าทกลาไ้าดทง้ �ำา่ ไยดขง้ ึน้า่ ยขน้ึ
415 432 432 ปุ๋ยอินทรีย์ทด่ี ี จะต้องประกอบดว้ ยแร่ธาตคุ รบทง้ั 13 ชนดิ ทพี่ ชื ตอ้ งการ ดงั น้ี แร่ธาตุหลกั ซง่ึ พืชต้องการในปริมาณสงู มาก ประกอบด้วย ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซยี ม (K)หรอื N-P-K แรธ่ าตุรอง ซง่ึ พชื ต้องการในปริมาณน้อย ประกอบดว้ ย แคลเซยี ม (C) แมกนีเซียม (Mg) กามะถนั (S) แร่ธาตเุ สริม ซง่ึ พืชตอ้ งการในปรมิ าณที่น้อยมาก (แต่ขาดไม่ได)้ ประกอบด้วย เหลก็ (Fe) แมงกานสี (Mn) โบรอน (B) โมลบิ ดินัม (Mo) ทองแดง (Cu) สังกะสี (Zn) คลอรนี (Cl) ปยุ๋ อินทรีย์มีลักษณะทางกายภาพได้หลาย ภาพที่ 5.3.6 การใชป้ ยุ๋ เคมี รว่ มกบั ปุ๋ยอนิ ทรีย์ แบบ เช่น ปุ๋ยเม็ด ปุ๋ยผง และปุ๋ยน้า แต่ที่นิยม จ า ห น่ า ย ใ น ท้ อ ง ต ล า ด ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น ปุ๋ ย เ ม็ ด เน่ืองจากสะดวกกับเกษตรกรในการนาไปใช้ ท้ัง จากการหวา่ นด้วยมือ หรือใช้กับเครอ่ื งพ่นเมด็ ปุ๋ย ข้อเด่น ขข้อ้อเดเด่น่นขขอองปงปุย๋ อุ๋ยินอทินรทียร์ทียี่เ์ทหี่เนหอื นกือวก่าว่าปุ๋ยเคมี ปคือุ๋ยเคปมยุ๋ ีอคินอื ทปรุย๋ี อ์มนิีอทนิ รทียรม์ ยี อี ว์ นิตั ทถุรมียีธ์วาัตตถุอมาีธหาาตรอุราอหงาแรละ รจอลุ งธาแตลทุ ะจี่ ำ�ุลเธปาน็ ตตุทอ่ ี่จจาลุเปนิ ็นทตรอ่ยี จด์ ุลนิ นิ แทลระียพ์ดชื นิ ทแปี่ลยุ๋ะเพคืชมทไี ม่ี ม่ ี ปยุ๋ เคมไี ม่มี นอกจากนี้ การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ยังทาให้ดินมี สภาพเป็นกลาง ในขณะท่ีการใช้ปุ๋ยเคมีอย่าง ยาวนานจะทาใหด้ ินมีสภาพเป็นกรดซึ่งมีผลทาให้มี การละลายแร่ธาตุท่ีไม่พีงประสงค์ออกมาให้แก่ราก พืชเช่น อะลูมิเนียม ทาให้พืชมีลักษณะแคระแกร็น
433 416 433 และเป็นโรคง่าย ปุ๋ยอินทรีย์ยังเพ่ิมจานวนจุลอินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ และส่ิงมีชีวิตตามธรรมชาติ ทาให้ดินมี โครงสร้างโปรง่ รว่ นซยุ ออ่ นนุม่ อุ้มนา้ ข้อดอ้ ย ข้อด้อยของปยุ๋ อินทรีย์ คือ มีธาตุอาหารหลักตา่ กว่าป๋ยุ เคมี และต่ากว่าป๋ยุ อนิ ทรยี เ์ คมี ซึง่ ผลิตจากการ ผสมปุ๋ยอินทรีย์และปยุ๋ เคมีเข้าด้วยกัน ทาให้บางครงั้ ต้องใช้ในปรมิ าณมากเพ่ือให้ไดป้ ริมาณธาตอุ าหารเพียงพอ ต่อความต้องการของพืช ภาพท่ี 5.3.7 ตารางเปรยี บเทียบขอ้ ดี-ข้อเสีย ของปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี
434 417 434 ใบความร้ทู ่ี 3 เร่ือง ปุ๋ยออนิ ทรีย์หรือปุ๋ยเคมี หน่วยที่ 5 การล้าเลยี งนา้ และอาหาร แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 รายรวาิชยาวิชวาิทยวาิทศยาาสศตารส์ตรห์ สั รวหชิ ัสาวว2211110011 ภภาาคคเรเรยี ยี นนทท่ี 1ี่ 1 ชัน้ มัธธยยมมศศกึ กึ ษษาาปปีทที ี่ ี่11 ปุ๋ยอนินทรีย์ คือ ปุ๋ยท่ีได้จากการผลิตหรือสังเคราะห์เคมี ที่มีธาตุอาหารหลักของพืช คือ ธาตุ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ปุย๋ ชนดิ นบี้ างทีเ่ รยี กว่า ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยวทิ ยาศาสตร์ แบง่ ออกเปน็ 2 ชนิด คือ 1. ปยุ๋ เด่ียว คือ ปุ๋ยที่มธี าตอุ าหารหลักเพียงชนิดเดียวเปน็ องคป์ ระกอบเพอื่ เร่งความเจริญเติบโต ให้กับพืชเฉพาะอย่าง ภาพท่ี 5.3.8 ป๋ยุ แอมโมเนยี ซัลเฟต ภาพที่ 5.3.9 ปุ๋ยยเู รยี สรรพคุณ ละลายง่าย ชว่ ยเรง่ การเจรญิ เตบิ โตทางดา้ นลาต้นและใบ ทาให้พืชมีใบดก และสเี ขียวเขม้ ภาพที่ 5.3.10 ปุ๋ยโพแทสเซยี มซัลเฟต ภาพที่ 5.3.11 ปุ๋ยโพแทสเซียม สรรพคุณ ชว่ ยในการสง่ เสริมใหพ้ ืชแตกรากไดด้ ี ทาให้พืชสามารถสะสมแปง้ ได้
435 418 435 2. ปุ๋ยผสม คือ ป๋ยุ ท่ีมธี าตุอาหารหลักตั้งแต่2อย่างขึน้ ไปผสมกันและถ้าหากมีธาตุอาหารครบท้ัง2 ชนดิ บางทีก็เรยี กว่า ปุย๋ สมบูรณ์ ภาพที่ 5.3.12 ปุ๋ยNPK แบบคอมพาวน์ ภาพท่ี 5.3.13 ปุ๋ยNPK แบบคอมพาวน์ 17-6-18+0.5 MgO+7S 15-15-15+5S ภาพที่ 5.3.14 ปุ๋ยNPK แบบคอมพาวน์ ภาพที่ 5.3.15 ปุ๋ยยNPK แบบคอมพาวน์ 18-6-6+0.5 MgO+12S 10-7-28+TE
436 419 436 ใบกิจกรรมท่ี 1 เรือ่ ง ธาตุอาหารที่จ้าเป็นสา้ หรับการเจริญเติบโตของพืช หนว่ ยท่ี 5 การล้าเลียงนา้ และอาหาร แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 รารยาวยิชวาชิ วาิทวยิทายศาาศสาตสรต์ รร์ หรัสหวัสชิ าว2ว121101101ภาภคาเครียเรนียทนี่ ท1่ี 1ชชันั้นมมธั ยัธมยศมกึศษึกาษปาทีปี่ท1ี่ 1 ช่ือ-สกุล......................................................................................................ชัน.................เลขที่............... จดุ ประสงค์ 1. บอกชอื่ และหน้าที่ธาตุอาหารที่จาเปน็ สาหรับการเจริญเติบโตของพชื ค้าชแี จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ใหน้ กั เรยี นบอกชื่อและหน้าที่ธาตุอาหารท่จี าเปน็ สาหรบั การเจริญเตบิ โตของพชื ช่ือธาตุอาหาร สัญลกั ษณ์ หน้าที่ คารบ์ อน ออกซเิ จน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน โพแทสเซียม แคลเซยี ม แมกนีเซียม ฟอสฟอรสั กามะถนั คลอรนี เหลก็ แมงกานีส โบรอน สงั กะสี ทองแดง นกิ เกิล โมลบิ ดีนัม
420 437 437 2. ให้นักเรียนเปรยี บเทยี บความแตกต่างของข้อดแี ละข้อเสียระหวา่ งปุ๋ยอนิ ทรีย์และเคมี ข้อดขี องปุ๋ยอินทรยี ์ ขอ้ ด้อยของปุ๋ยอินทรีย์ 1. ................................................................................. 1. ................................................................................ 2. ................................................................................. 2. ................................................................................ 3. ................................................................................. 3. ................................................................................ 4. ................................................................................. 4. ................................................................................ ขอ้ ดขี องปุ๋ยเคมี ข้อด้อยของปุ๋ยเคมี 1. ................................................................................. 1. ................................................................................ 2. ................................................................................. 2. ................................................................................ 3. ................................................................................. 3. ................................................................................ 4. ................................................................................. 4. ................................................................................
438 421 438 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ การสบื พันธขุ์ องพืชดอก รหัสวชิ า ว21101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 11 ชั่วโมง ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 1.มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสาร ผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆขขอองงพพืชืชทท่ีที่ทา�ำงงาานนสสัมัมพพันันธธ์ก์กันันรรววมมทท้ังั้งนนา�ำคคววาามมรรู้ไู้ไปปใใชช้ ้ ประโยชน์ ตวั ช้ีวดั ว 1.2 ม.1/11 อธบิ ายการสบื พันธุ์แบบอาศยั เพศและไม่อาศยั เพศของพชื ดอก ว 1.2 ม.1/12 อธบิ ายลักษณะโครงสรา้ งของดอกทมี่ ีสว่ นทาใหเ้ กิดการถ่ายเรณู รวมทัง้ บรรยายการ ปฏิสนธขิ องพชื ดอก การเกิดผลและเมล็ด การกระจายของเมลด็ และการงอกของเมลด็ ว 1.2 ม.1/13 ตะหนักถงึ ความสาคัญของสตั ว์ที่ชว่ ยในการถ่ายเรณขู องพชื ดอกโดยไมทาลายชีวิตของ พชื ดอกทช่ี ว่ ยในการถ่ายเรณู ว 1.2 ม.1/16 เลือกวิธีการขยายพันธ์ุพืชให้เหมาะสมกับความต้องการของมนุษย์โดยใช้ความรู้ เกย่ี วกับการสืบพันธ์ขุ องพืช ว 1.2 ม.1/17 อธิบายความสาคัญของเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเย่ือพืชในการใช้ประโยชน์ในด้าน ต่างๆ ว 1.2 ม.1/18 ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องการขยายพันธุพ์ ชื โดยการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวนั 2. สาระสาคญั การสืบพันธ์ุของพืชมี 2 ประเภทคือ การสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ พืชใช้ดอกในการ สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ประกอบด้วย การถ่ายละอองเรณู และการปฏิสนธิ หลังการปฏิสนธิ รังไข่จะเจริญไป เป็นผล ออวุลเจริญไปเป็นเมล็ด และไข่เจริญไปเป็นตน้ อ่อน สัตว์บางประเภทมีความสาคัญต่อการถ่ายละออง เรณู การขยายพันธ์ุพืช มีหลายวิธี การขยายพันธ์ุพชื แต่ละครง้ั ควรเลือกให้เหมาะสมตามชนิด ลกั ษณะของพืช ปัจจุบันมเี ทคโนโลยีในการขยายพนั ธุ์พชื หลายอย่าง เช่น การเพาะเล้ียงเนอ้ื เยอ่ื
439 422 439 3. สาระการเรียนรู้ ด้านความรู้ 1. พืชดอกทกุ ชนดิ สามารถสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศได้ และบางชนิดสามารถสืบพันธ์แุ บบไมอ่ าศัยเพศ ได้ 2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเป็นการสืบพันธุ์ที่มี การผสมกันของสเปิร์มกับเซลล์ไข่ การสืบพันธ์ุ แบบอาศัยเพศของพืชดอกเกิดข้นึ ท่ีดอก โดยภายในอับเรณูของส่วนเกสรเพศผู้มเี รณู ซ่ึงทาหน้าท่ี สร้างสเปิร์ม ภายในออวุลของส่วนเกสรเพศเมีย มีถงุ เอ็มบริโอ ทาหนา้ ท่ีสร้างเซลล์ไข่ 3. การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ เป็นการสืบพันธุ์ที่พืชต้นใหม่ไม่ได้เกิดจากการปฏิสนธิระหว่าง สเปิร์ม กับเซลล์ไข่ แต่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ราก ลาต้น ใบ มีการเจริญเติบโตและพัฒนาขึ้นมาเป็นต้น ใหมไ่ ด้ 44..กกาารรถถา่ า่ ยยเเรรณณู ูคคอื อื กกาารรเเคคลลื่อ่ือนยา้ ยของเรณูจาก อับเรณูไปยงั ยเกอสดรเกเพสศรเพมียศเซมึ่งียเกซี่ยึ่งวเกขี่ยอ้ วงขกอ้ บั งลกกั บั ษณะ แลลักะษโณคระงแสลระา้ โงคขรองงสดรอา้ งกขอเชงด่นอกสีขเอชงน่ กสลขีบอดงอกกลบี ตด�ำอแกหนตง่าขแอหงนเง่กขสอรงเเพกศสผรูแ้เพลศะผเกู้แสลระเเพกศสเรมเพียศโเดมยี มโสีดงิ่ยทม่ชีสว่ิงยทใ่ชี น่วกยาร ถในา่ ยกเารรณถ่าู เยชเน่รณแู มเชล่นง แลมลง ลม 5. การถา่ ยเรณูจะนาไปสกู่ ารปฏสิ นธิ ซึ่งจะเกดิ ขึ้นท่ีถงุ เอม็ บรโิ อภายในออวลุ หลังการปฏิสนธจิ ะได้ ไซโกต และเอนโดสเปิร์ม ไซโกตจะะพพฒั ัฒนนาตต่ออ่ ไไปปเป็นเอ็มบรโิ อ ออวุลพัฒนาไปเป็นเมล็ดและรังไข่พัฒนาไปเป็น ผล 66.. ผผลลแแลละะเเมมลล็ด็ดมมีกกี าารรกกรระะจจาายยออออกกจจาากกตตน้ น้ เเดดิมิมโโดดยยววธิ ธิ ีกีกาารรตตา่ า่งงๆๆเมเมื่ออ่ืเมเมลล็ดด็ไปไปตตกใกนในสภสาภพาพแวแดวลด้อลม้อมท่ี ทเหเี่ หมมาะาะสสมมจจะะเกเกิดิดกการางรองอกกขขอองเงมเมล็ดลด็ โดโดยยเอเอ็ม็มบบริโรอิโอภภายายในในเมเมล็ลดด็จะจเะจเรจิญริญอออกอมกมาาโดโดยยระรยะะยแะรแกรจกะจอะาอศาัยศอยั าอหาหาราทรี่ ตทตสาี่สาะมมะสปสปมกมกภตภตาิิายยใในนเเมมลล็ดด็ จจนนกกรระะทท่ังั่งใใบบแแททพ้้พฒััฒนนาา จจนนสสาามมาารระถสสังังเคเครราะาะหหด์ ์ดว้ ย้วแยสแงสไงดไเ้ดต้เม็ ตท็มี่ ทแี่แลละสะสร้ารง้าองาอหาาหราไรดไเ้ ดอ้เงอง 77..มมนนษุ ุษยยส์ ส์ าามมาารรถถนนำ� าคคววาามมรรเู้ ู้เรรอ่ื ่ืองงกกาารรสสบื บพนั ธ์ุ แแบบบบออาาศศยั เพศและไมอ่ าศยั เพศ มาใชใ้ นการขยายพนั ธ์ุ เขพยอื่ าเยพพม่ิ นั จธำ� เุ์นพวื่อนเพชืม่ิ จเชาน่ วกนาพรใืชชเ้ มชลน่ ด็ กทาไี่ รดใจ้ชา้เกมกลา็ดรทสี่ไบืดพจ้ านั กธกแ์ุ าบรบสอืบาพศันยั ธเพุ์แบศบมาอเาพศาัยะเเพลศยี้ มงาวเธิพกี าาะรเนลจย้ี ะงไวดิธพ้ กี ชื าใรนนป้จี ระมิ ไดาณ้ มพาชื กในแปตรอ่ิมาาจณมมลี าักกษแณตะ่อทาี่แจตมกลี ตักษ่างณไปะจทาี่แกตพก่อตแา่ งมไ่ปสจว่ านกกพา่อรแตมอ่ นสก่วน่งิ กกาารรตปอักนชกำ� งิ่ กกาารรปตักอ่ ชกางิ่ กกาารรตตอ่ ดิ กต่ิงากการาตรทิดาตบากิ่ง กกาารรเทพาาบะกเลงิ่ ี้ยกงาเรนเือ้พเายะ่ือเลเปย้ี งน็ เกนา้ือรเยนอื่ำ� คเวปา็นมกราู้เรรน่ือางคกวาารมสรบื ูเ้ พร่ือันงธก์ุแาบรบสบืไมพ่อนั าธศแุ์ ัยบเพบศไมข่ออางศพยั ืชเมพาศใขชอใ้ งนพกืชามรขาใยชาใ้ ยนพกนัารธ์ุ เพือ่ ใขหย้ไาดย้พพืชันทธ่มี ์ุ เี พ่อื ให้ไดพ้ ชื ท่ีมี 8. ลักษณะเหมือนตน้ เดมิ ซง่ึ การขยายพนั ธ์ุแต่ละวิธี มขี ัน้ ตอนแตกต่างกนั จงึ ควรเลือกให้เหมาะสม กบั ความต้องการของมนุษย์ โดยต้องคานึงถงึ ชนดิ ของพชื และลกั ษณะการสบื พนั ธุข์ องพืช 99..เเททคคโโนนโโลลยยีกกี าารรเพเพาาะะเลเล้ียยี้ งงเนเนือ้ อ้ื เยเย่ือือ่ พพืชืชเปเปน็ ็นกกาารรนนาค�ำควาวมามรู้เรกเู้ กยี่ ีย่วกวกบั บัปปัจจั ยัจทัยทจ่ี าจ่ี เ�ำปเป็นน็ต่อตก่อากราเรจเรจญิ ริญเตเบิตโบิ ตโต ของพชื มาใชใ้ นการเพม่ิ จำ�านวนพชื และทาำ� ใหพ้ ืชสามารถเจริญเติบโตไดใ้ นหลอดทดลอง ซงึ่ จะไดพ้ ชื จำา� นวนมากใน รในะยระะยเวะลเวาสลนาั้ สแ้ันละแสลาะมสาารมถานรถำ� เนทาคเทโนคโโลนยโกลี ยารี กเพาาระเพเลาย้ีะงเลเนย้ี อื้งเเนยอ่ื้อื มเยาื่อปมราะปยรกุ ะตยเ์ ุกพตอื่ ์เกพา่ือรกอานรรุ อกั นษุรพ์ กั นัษธ์พกุ นั รธรุกมรพรชืมพปืชรบั ปรงุ พปนัรับธ์ุพปรชื ุงทพมี่ นั คี ธวุ์พาืชมทส่ีม�ำคคี ญัวามทสางาเคศัญรษทฐากงจิเศกราษรฐผกลิจิตกยาารแผลละติสยาารแะลสะำ� คสัญารใะนสพาืชคแัญลใะนอพน่ื ชื แๆละอ่นื ๆ
440 423 440 ดา้ นทักษะ 1. การสังเกตส่วนประกอบของดอกไม้ทั้งดอกครบส่วนและไม่ครบส่วน 2. เลือกวิธีการขยายพันธุ์พืชให้เหมาะสมกับความต้องการของมนุษย์โดยใช้ความรู้เก่ียวกับการ กสาบื รพสนั ืบธพข์ุ นัอธงพข์ุ อชื งพชื ด้านเจตคติ 1. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของสัตวท์ ชี่ ่วยในการถา่ ยเรณูของพชื ดอกโดยไม่ทาลายชวี ิตของสตั ว์ที่ ช่วยในการถ่ายเรณู 2. ตระหนักถงึ ประโยชนข์ องการขยายพันธ์ุพชื โดยการนาความรู้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. อยอู่ ย่างพอเพยี ง 4. ม่งุ ม่ันในการทางาน 5. มจี ติ สาธารณะ 6. การประเมนิ ผลรวบยอด ช้ินงานหรือภาระงาน 10 คะแนน ใช้ graphic organizer เช่น conceopt map หรือแผนภาพอ่ืนๆ ในการสรุปองค์ความรู้เรื่อง การสืบพนั ธขุ์ องพชื ดอกลงบนกระดาษท่ีมพี ้นื ทเ่ี ทา่ กับ A4 เกณฑ์การประเมินช้นิ งานหรือภาระงาน ประเด็น ระดับคณุ ภาพ การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ ) ผลงานไมส่ อดคลอ้ ง 1. ความครอบคลุม สาระการเรียนรู้มี สาระการเรียนร้มู ี สาระการเรยี นรมู้ ี กับสาระการเรยี นรู้ ของสาระการ ความครอบคลมุ ทุก ความครอบคลุม ความครอบคลมุ เรยี นรู้ ประเด็น เปน็ ส่วนใหญ่ เปน็ บางประเด็น
441 424 441 ประเด็น ระดับคณุ ภาพ การประเมนิ 2. 2. ความถูกต้อง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ ) ของเน้ือหาสาระ เนื้อหามีความ เนอ้ื หามคี วาม เน้ือหามีความ เน้ือหาไม่มีความ 3. 3. ความคดิ ถูกต้องทุกประเด็น ถกู ต้องเป็นสว่ น ถกู ต้องบางประเดน็ ถคกู วตา้อมงถกู ต้อง สรา้ งสรรค์ในการ ใหญ่ ออกแบบชนิ้ งาน มีการออกแบบ มีประเด็นการ มีประเด็นการ เปน็ การออกแบบ 4. 4. ความสวยงาม ช้นิ งานทีแ่ ปลกใหม่ ออกแบบช้นิ งานที่ ออกแบบชิ้นงานที่ ช้ินงานท่ไี ม่แปลก ของชนิ้ งาน ทกุ ประเดน็ แปลกใหมเ่ ปน็ ส่วน แปลกใหมบ่ าง ใหม่ ใหญ่ ประเด็น ชิ้นงานมีการตกแตง่ มกี ารตกแตง่ ชิ้นงาน มกี ารตกแต่ง ไม่มีการตกแตง่ ความสวยงามทง้ั เปน็ สว่ นใหญ่ ชนิ้ งานบางจดุ ช้นิ งาน ชนิ้ งาน เกณฑ์การให้คะแนน คะแนน 14-16 หมายถงึ ดมี าก 10 คะแนน คะแนน 10- 13 หมายถงึ ดี 7 คะแนน คะแนน 6-9 หมายถึง พอใช้ 5 คะแนน คะแนน 1-5 หมายถงึ ปรบั ปรงุ 3 คะแนน เกณฑ์การผ่าน ตง้ั แต่ระดับดี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
Pages: