Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-13-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-1

64-08-13-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-1

Published by elibraryraja33, 2021-08-13 01:22:49

Description: 64-08-13-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-1

Search

Read the Text Version

442 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 1 เร่อื ง การสืบพนั ธขุ์ องพืช หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 เรือ่ ง การสบื พนั ธข์ุ องพืชดอก เวลา 1 ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ขอบเขตเนือ้ หา กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ 1. ประเภทของการสบื พนั ธุข์ องพชื ข้นั นา 1. รูปภาพพชื พรรณไมส้ าหรับกิจกรรม 1. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ และตวั ชีว้ ัด ขัน้ นา จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2. ครนู าเข้าสบู่ ทเรยี นโดยการนาเสนอรูปภาพพชื พรรณสาคัญตา่ งๆท่มี ี 2. ใบความรู้ เรอ่ื ง การสบื พันธุข์ องพืช ด้านความรู้ อยู่ในเมืองไทย ในแตล่ ะภาพครูใช้คาถามต่อไปน้ี 3. ใบกิจกรรมท่ี 1 เรื่อง เปรยี บเทยี บชนดิ 1. อธบิ ายการสบื พนั ธุ์แบบอาศัยเพศ ตวั อย่างภาพประกอบ ของการสบื พนั ธ์ุ และไม่อาศัยเพศของพชื ดอกได้ 4. ใบกจิ กรรมที่ 2 เร่ือง การสืบพนั ธุข์ อง ด้านทกั ษะและกระบวนการ พืช 1. วิเคราะห์ความแตกตา่ งระหวา่ งการ ภาระงาน/ชิน้ งาน สบื พันธ์แุ บบอาศัยเพศและการสบื พันธ์ุแบบ 1. ใบกิจกรรมท่ี 1 เรือ่ ง เปรยี บเทียบการ ไม่อาศยั เพศได้ สืบพนั ธแุ์ บบอาศัยเพศและไม่อาศยั เพศ ภาพที่ 6.1.1 ดอกดาวเรือง 2. ใบกจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง การสบื พันธขุ์ อง พชื ภาพท่ี 6.1.2 ดอกกุกลาบ 425 442

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การสืบพนั ธ์ุของพืช 443 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง การสบื พนั ธข์ุ องพืชดอก เวลา 1 ช่ัวโมง รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาพท่ี 6.1.3 ดอกคูณ ภาพที่ 6.1.4 ตน้ มะพร้าว - จากภาพ เป็นรปู ภาพของอะไร (ดอกดาวเรือง, ดอกกุหลาบ, ดอก ราชพฤกษ์ หรือดอกคูณ ตน้ มะพร้าว เปน็ ตน้ ) - พชื เหล่านีส้ ามารถ พบเห็นได้อยเู่ ร่ือยๆท้งั ที่มีการเกบ็ เกย่ี วแลว้ และ ยังมตี น้ รนุ่นใใหหมม่เ่เกกดิ ิดขขน้ึ ึ้นใในนหเลหาลยาพย้นืพท้นื ี่ ทแี่ลแะลดะำ� ดรางอรงยอไู่ ดยจู้่ไดนจ้ถนงึ ปถัจึงปจุบัจจันบุ นันกั เนรักียเนรียน คดิ วา่ เกีย่ วข้องกับกระบวนการใดของสิง่ มีชีวิต (กระบวนการสบื พันธ์)ุ - นกั เรียนคดิ วา่ พชื สามารถสืบพนั ธ์ไุ ด้อยา่ งไร การสบื พนั ธ์อุของพงพืชชืมมีกกี่ ี่ 426 443

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง การสืบพนั ธข์ุ องพืช 444 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง การสบื พันธุข์ องพืชดอก รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 1 ชั่วโมง ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ประเภท อะไรบ้าง (นักเรียนตอบคาถามตามความคิดเห็น อาจจะตอบถกู หรอื ตอบผดิ ซึ่งจะนาไปสู่ความสงสยั และความอยากรู้อยากเห็น ครยู ังไม่ เฉลยคาตอบ จากน้ันนกั เรยี นค้นคว้าเพื่อหาคาตอบดังกลา่ วจากกจิ กรรม การเรียนรู้ในข้ันสอน) ขัน้ สอน 1. ครใู ห้นักเรยี นศึกษา ประเภทของการสืบพันธุ์ของพืช จากใบความรู้ เร่อื ง การสบื พนั ธ์ขุ องพชื 2. นกั เรยี นทาใบกจิ กรรมที่ 1 เรื่อง เปรยี บเทียบการสืบพันธ์แุ บบอาศัย เพศและไมอ่ าศยั เพศ โดยครใู ช้กลวิธี คดิ เด่ียว คดิ คู่ แลกเปลีย่ นเรียนรู้ (Think Pair Share) โดยมีลาดับการเรียนรดู้ งั น้ี 2.1 นกั เรยี นทาใบกจิ กรรม เรื่อง เปรียบเทียบการสืบพันธ์แุ บบอาศัย เพศและไมอ่ าศัยเพศ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที 2.2 หลงั จากนักเรยี นทาใบกิจกรรม เร่ือง เปรยี บเทียบชนิดของการ สืบพันธุ์ นกั เรยี นจับคู่กบั เพื่อนข้างๆ รว่ มกันคดิ วิเคราะห์เพื่อหาคาตอบ ใช้ เวลาประมาณ 5 นาที 2.3 นักเรียนท้งั ชน้ั เรยี นร่วมกันแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยครูใชป้ ระเดน็ คาถามดงั น้ี - การสืบพันธ์ุแบบอาศยั เพศคืออะไร (กกาารรสสืบืบพพันันธแ์ุธ์แุบบบอาอศาัยศัย เพศ คือ การสืบพนั ธท์ุ ี่เกิดจากการรวมกนั ของเซลล์สืบพันธุเ์ พศผู้และเพศ เมีย) 427 444

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง การสบื พันธุ์ของพืช 445 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การสืบพนั ธข์ุ องพืชดอก รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เวลา 1 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 - การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศคืออะไร (การสบื พันธท์ุ ี่ไม่ไดใ้ ช้ เซลลส์ บื พนั ธ์)ุ - สงิ่ ทเ่ี หมอื นกนั ของการสืบพนั ธุแ์ บบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ คืออะไร (เกเกิดิดจกาการกดาารดรงำ� เรผง่าเผพ่าันพธันุ)์ ธุ์) - การสืบพนั ธุแ์ บบใดที่ไมท่ าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพนั ธกุ รรม หรอื การแปรผันทางพนั ธุกรรม (การสืบพันธุ์แบบไม่อาศยั เพศ) - การสืบพนั ธแ์ุ บบใดทล่ี กู อาจมีลกั ษณะทม่ี ีความแตกตา่ ง หรือ แปรเปลย่ี นจากพ่อแม่ (กกาารรสสบื ืบพพันนัธแ์ุธุ์แบบบอาอศายัศเยั พเศพ)ศ) 3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ระดมสมองและทาใบกจิ กรรมท่ี 2 เรือ่ ง การ สบื พนั ธ์ขุ องพืช ขั้นสรุป 1. นกั เรียนและครรู ่วมกันอภปิ รายเพอ่ื สรปุ ความรู้ เร่ืองกกาารรสสบื บื พพันันธ์ขุ อง พืช โดยครใุ ชค้ าถามดังน้ี 1.1 การสืบพนั ธ์ขุ องพชื มีกปี่ ระเภท อะไรบ้าง (การสืบพนั ธ์แุ บบอาศัย เพศและไม่อาศยั เพศ) 1.2 การสืบพนั ธแุ์ บบอาศยั เพศ คอื อะไร (การสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ เป็นการสืบพนั ธท์ุ ่ีมี การผสมกันของสเปิร์มกบั เซลลไ์ ข่) 1.3 พืชใชอ้ งค์ประกอบใดในการสืบพนั ธ์แุ บบอาศัยเพศ (ดอก) 1.4 เม่ือเกดิ การสบื พนั ธุ์แบบอาศยั เพศ จะไดอ้ งคป์ ระกอบใดในการ ขยายพนั ธ์ุ (เมล็ด) 428 445

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 6 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การสืบพันธุข์ องพืช 446 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การสบื พนั ธขุ์ องพืชดอก รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เวลา 1 ชั่วโมง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 1.5 การสืบพันธ์แุ บบไม่อาศัยเพศของพชื คืออะไร (เป็นการสบื พนั ธ์ุท่ี พชื ตน้ ใหมไ่ มไ่ ด้เกิดจากการปฏสิ นธริ ะหว่างสเปิร์ม กบั เซลลไ์ ข่ แตเ่ กดิ จาก สว่ นต่าง ๆ ของพืช เชน่ ราก ลาตน้ ใบ มกี ารเจริญเติบโตและพัฒนาขน้ึ มา เปน็ ตน้ ใหม่ได้) 1.6 ตัวอย่างการขยายพันธ์ุ โดยใช้การสบื พันธ์แุ บบไม่อาศัยเพศ มี อะไรบ้าง (การตอ่ กิ่ง การตอน การทาบกิ่ง การตดิ ตา การเพาะเลี้ยง เน้ือเยื่อ การงอกใหม่จากใบ ฯลฯ) 429 446

447 430 447 การวดั ผลและประเมินผล ประเดน็ การประเมิน วิธีการวัด เครือ่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ - ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง การ ทาใบกิจกรรมไดค้ ะแนน - อธิบายการสบื พันธ์ุ - ทาใบกิจกรรม สกบืารพสนั ืบธพุข์ ันอธงข์ุพอืชงพืช รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป แบบอาศยั เพศและไม่ อาศยั เพศของพืชดอกได้ - วิเคราะห์ควาามมแตกต่าง - ทาใบกจิ กรรม - ใบกจิ กรรมเรื่อง เปรยี บเทยี บชนิดของ รแะตหกวต่างระหว่างกกาารร การสบื พันธ์ุ กสาืบรพสันืบธพุ์แันบธบแุ์ อบาบศอัยาเศพยั ศเพศ และการสบื พันธแ์ุ บบไม่ อาศัยเพศได้ เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการประเมนิ การประเมิน ดีมาก (ผา่ น) ดี (ผ่าน) พอใช้ (ไม่ผ่าน) ปรับปรงุ (ไมผ่ า่ น) คะแนนจากใบกจิ กรรม 8-10 6-7 1-5 0

448 431 448 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ............................................ ลงชอ่ื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรอื ผ้ทู ไี่ ด้รบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ.........

449 432 449 ใบความร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง การสบื พนั ธ์ขุ องพืช หนว่ ยท่ี 56 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1 เรอ่ื ง การสืบพนั ธ์ุของพชื รายวิชา วิทยาศาสสตตรรพ์ ์ นื้รฐหาัสนวชิ ราหสั ว2ว121301101ภภาาคคเเรรยี ียนนทที่ ี่11 ชชน้ััน้ มมธั ัธยยมมศศึกกึ ษษาาปปีทีที่ ่ี11 การสืบพันธุ์ (Reproduction) หมายถึง การสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่จากส่ิงมีชีวิตชนิดเดิม เพื่อดารง เผ่าพันธุ์ การสืบพันธ์ุของพืช มี 2 รูปแบบ ได้แก่ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (Sexual reproduction) และ การสืบพนั ธุแ์ บบไมอ่ าศยั เพศ (Asexual reproduction) การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (Sexual reproduction) คือ การสืบพันธุ์ท่ีมีการผสมกันของเซลล์ สืบพันธ์ุเพศผู้ กับเซลล์สืบพันธ์ุเพศเมีย เซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ คือ สเปิร์ม (Sperm) เซลล์สืบพันธุ์เพศเมียคือ เซลลไ์ ข่ (Egg) การสืบพันธแุ์ บบอาศัยเพศของพืชเกิดข้ึนท่ีดอก พืช สบื พันธแุ์ บบอาศยั เพศโดยใชด้ อก หลงั จากการผสมกนั ของเซลล์สเปริ ์มและเซลล์ไข่ (การปฏิสนธ)ิ จะไดผ้ ล และเมล็ดเกิดข้ึน ดงั นนั้ การขยายพนั ธุพ์ ชื โดยใชเ้ มล็ด จงึ เป็นการสืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศ องค์ประกอบ ในดอก นักเรียนจะได้ศึกษาในชั่วโมงต่อไป ภาพท่ี 6.1.5 ดอกชบา ภาพท่ี 6.1.6 ดอกราชพฤกษ์ การสืบพันธแ์ุ บบอาศัยเพศของพืช อาจทาใหร้ นุ่ ลูกมีลกั ษณะแตกต่างจากพ่อแม่ เกิดจากการสลบั กนั ของยนี ในกระบวนการแบ่งเซลล์สืบพันธุ์ ซง่ึ เป็นสาเหตุของการแปรผันทางพันธกุ รรม ความหลากหลายทาง พนั ธกุ รรม และววิ ัฒนาการ การสบื พนั ธ์ุแบบไมอ่ าศยั เพศ (Asexual reproduction) เป็นการสืบพันธ์ทุ ี่พืชต้นใหม่ไม่ได้เกดิ จากการปฏิสนธริ ะหว่างสเปิร์ม กบั เซลล์ไข่ แตเ่ กิดจากส่วนต่าง ๆ ของพชื เช่น ราก ลาต้น ใบ มกี าร เจรญิ เติบโตและพฒั นาขึ้นมา เปน็ ต้นใหม่ได้ เช่น การตอน การต่อก่ิง การติดตา การทาบกง่ิ การแตกหน่อ การใช้ใบ การใช้ลาต้นใต้ดนิ การใช้สว่ นของลาต้นที่เจรญิ ออกไปจากตน้ เดมิ ทเี่ รียกว่าไหล การเพาะเลีย้ ง เน้อื เย่อื เปน็ ต้น นักเรียนจะได้ศึกษาในหัวขอ้ ตอ่ ไป พชื ท่เี กดิ จากการสบื พนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศ จะมีลกั ษณะเหมือนพ่อแม่ และไม่เกดิ การแปรผันทาง พันธกุ รรม

433 450 450 ภาพที่ 6.1.7 การงอกของใบต้นเศรษฐเี งนิ หมืน่ ภาพท่ี 6.1.8 ต้นเศรษฐีเงนิ หม่ืน ภาพที่ 6.1.9 การเพาะเลย้ี งเน้อื เยอ่ื

434 451 451 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เรือ่ ง เปรียบเทียบชนิดการสืบพันธุ์ หน่วยที่ 65 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 เรื่อง การสบื พนั ธข์ุ องพืช รราายยววิชชิ าา วิทยาศาสตร์พรน้ื หฐสัานวชิ ราหวสั 2ว121301101ภภาคาคเรเรียียนนทที่ 1ี่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 11 คิดเดย่ี ว คาช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนเขียนคาตอบลงในชอ่ งวา่ งท่ีกาหนดใหด้ ว้ ยตนเอง 1.การสบื พันธ์หุ มายถึง……………………………………………………………………………………………………………………… 2.การสืบพนั ธุแ์ บบอาศยั เพศหมายถงึ …………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.การสืบพันธแ์ุ บบไม่อาศยั เพศหมายถึง…………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ใหน้ ักเรยี นเตมิ ขอ้ ความลงในเวนน์ไดอแกรม ตามความคิดของนักเรียน แบบอาศัยเพศ แบบไมอ่ าศยั เพศ คิดคู่ คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนคาตอบลงในชอ่ งวา่ งท่ีกาหนดให้โดยปรึกษากับเพ่ือนข้างๆ 1 คน 1.การสบื พนั ธห์ุ มายถึง……………………………………………………………………………………………………………………… 2.การสืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศหมายถงึ …………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.การสืบพนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศหมายถึง…………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ใหน้ กั เรียนเตมิ ข้อความลงในเวนน์ไดอแกรม ตามความคิดของนักเรียน แบบอาศยั เพศ แบบไม่อาศัยเพศ

435 452 452 ใบกิจกรรมที่ 2 เรอื่ ง เปรยี บเทียบชนิดการสบื พันธุ์ หน่วยท่ี 65 แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 1 เร่อื งการสบื พนั ธขุ์ องพืช รราายยววิชชิ าาววทิ ิทยยาาศศาาสสตตรร์ ์พรนื้ หฐสั าวนิชราหวสั 21ว1203101ภาภคาเครเยี รนยี ทน่ีท1่ี 1ชชนั้ ้ันมมัธธั ยยมมศศกึ กึ ษษาปีท่ี 11 คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นเตมิ ตัวอักษรในชอ่ งช่ือการสบื พนั ธใ์ หถ้ ูกต้อง จากนั้นลากเสน้ เช่ือมโยง รูปภาพ ชอ่ื การสบื พนั ธุ์ สแบืละพปันรธะ์ุ แเภลทะปการะรสเภืบทพกันาธรุ์สืบพนั ธุ์ รปู ภาพ ชื่อการสืบพันธ์ุ ประเภทการสืบพันธุ์ ก__รเ__าะเ__ล_็ _ ภาพท่ี 6.1.10 การสบื พันธแุ์ บบอาศัยเพศ เ__าะ__ล_ี้ _ง__น้ือ__ย_ื่ _ ภาพที่ 6.1.11 ก__ร__ตก__น่อ การสืบพนั ธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ ภาพที่ 6.1.12 ก__รง__กขอ__ใ__ ภาพที่ 6.1.13

453 436 453 แนวคาตอบ ใบกิจกรรม เรือ่ ง เปรยี บเทียบชนดิ ของการสืบพันธุ์ คดิ เดี่ยว-คดิ คู่ คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นเขยี นคาตอบลงในชอ่ งว่างท่กี าหนดให้ดว้ ยตนเอง 1.การสืบพันธุ์ หมายถึง การสรา้ งสิ่งมชี ีวติ ใหม่จากสิง่ มชี วี ิตชนิดเดิม เพอ่ื ดารงเผ่าพันธุ์ 2.การสบื พันธ์ุแบบอาศัยเพศ หมายถงึ …การสบื พันธ์ทุ ี่มีการผสมกนั ของเซลลส์ บื พันธ์เุ พศผู้ กบั เซลลส์ ืบพนั ธุ์ เพศเมยี ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3.การสืบพนั ธ์ุแบบไมอ่ าศัยเพศ หมายถึง การสืบพนั ธุท์ ่ีพชื ต้นใหม่ไม่ได้เกิดจากการปฏิสนธิระหวา่ งสเปิร์ม กับ เซลล์ไข่ หรอื ระหวา่ งเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้กับเซลล์สืบพันธ์เุ พศเมีย ………………………………………………………… 4.ใหน้ ักเรยี นเติมขอ้ ความลงในเวนน์ไดอแกรม ตามความคิดของนักเรียน -ส่ิงมีชวี ิตใหมเ่ กดิ จาก -ทาให้เกิดสิ่งมชี วี ิต -ส่งิ มชี ีวิตใหม่ไม่ได้เกิด การผสมระหวา่ งเซลล์ ใหม่ จากการผสมระหวา่ ง สืบพนั ธ์ุเพศผ้กู ับเพศ เซลลส์ ืบพนั ธ์เุ พศผ้กู บั เมีย เพศเมีย -สง่ิ มชี วี ติ เกดิ การแปร -สิ่งมีชีวติ ใหมเ่ หมอื น ผนั ทางพันธกุ รรม พอ่ แม่ ไม่มีการแปร ผัน แบบอาศัยเพศ แบบไม่อาศัยเพศ

454 437 454 แนวคาตอบ ใบกจิ กรรม เรอื่ ง การสืบพันธขุ์ องพืช คาช้ีแจง : ให้นกั เรยี นเตมิ ตัวอักษรในชอ่ งช่ือการสืบพนั ธใ์ หถ้ ูกต้อง จากนั้นลากเสน้ เช่อื มโยง รปู ภาพ ช่อื การ สบื พันธ์ุ และประเภทการสืบพันธ์ุ รูปภาพ ชื่อการสบื พนั ธ์ุ ประเภทการสบื พนั ธุ์ การเพาะเมล็ด ภาพที่ 6.1.10 การสบื พนั ธ์แุ บบอาศยั เพศ เพาะเลย้ี งเนือ้ เยอื่ ภาพที่ 6.1.11 การแตกหน่อ การสบื พันธแุ์ บบไมอ่ าศัยเพศ ภาพท่ี 6.1.12 การงอกของใบ ภาพท่ี 6.1.13

455 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 6 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง โครงสรา้ งทใ่ี ช้ในการสืบพันธ์ุของพืชดอก เวลา 2 ชว่ั โมง กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง การสบื พันธุ์ของพืชดอก ขอบเขตเนื้อหา รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 1. โครงสร้างท่ีใชใ้ นการสืบพนั ธุ์ของพืช กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ ดอก ข้นั นา 1. กล่องกระดาษทบึ แสงหรอื ถงุ พลาสติก จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ครูนาดอกชบาใส่ในถงุ ทึบ หรอื กล่องกระดาษ ประมาณ 7 ดอก ทึบแสง ด้านความรู้ ไม่ใหน้ ักเรยี นสงั เกตเหน็ จากนัน้ นักเรียนใช้มอื สัมผัสส่ิงท่ีอยู่ขา้ งใน และ 2. ดอกชบา 7 ดอก หรอื ตามจานวนกลุ่ม 1. อธบิ ายโครงสร้างและสว่ นประกอบ ของดอกได้ บอกว่าสงิ่ ท่สี มั ผัสไดค้ ืออะไร (นกั เรียนตอบคาถามตามความคดิ ของ ของนักเรยี น 2. อธิบายลกั ษณะโครงสรา้ งของดอก นกั เรยี น) 3. ใบความรู้ เรอ่ื ง สว่ นประกอบของดอก ท่มี สี ว่ นทาให้เกดิ การถ่ายเรณู ด้านทกั ษะและกระบวนการ 2. ครูให้นกั เรียนอาสาสมัคร หยบิ ดอกชบาข้ึนมาจากถุง เพ่ือเฉลย 4. ใบกิจกรรมเรื่อง ส่วนประกอบของดอก สังเกตและวาดส่วนประกอบของดอก คาตอบ จากน้นั นักเรยี นทบทวนความรเู้ ดมิ โดยครูใชค้ าถามดงั น้ี 5. ส่อื Power Point เรอ่ื ง สว่ นประกอบ จากพืชตวั อย่างได้ 2.1 ดอกไม้ชนดิ น้ีมีช่ือว่าอะไร (ดอกชบา) ของดอก 2.2 ดอกชบามีองค์ประกอบอะไรบ้าง (นักเรยี นตอบคาถามตาม ภาระงาน/ช้ินงาน ความเขา้ ใจ อาจจะตอบถูกหรือผิดก็ได้ โดยคาตอบทีถ่ ูกคือ กลีบเลี้ยง กลีบ ใบกจิ กรรม เรอื่ ง ส่วนประกอบของดอก ดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตวั เมีย) 2.3 นักเรียนคดิ ว่า องคป์ ระกอบแตล่ ะสว่ นของดอกชบา ทาหน้าท่ี อะไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ อาจจะถูกหรอื ผิดกไ็ ด้) 3. ครกุ ล่าววา่ นักเรยี นตอบคาถามไดช้ ัดเจน แต่ยังไม่ถูกตอ้ งและ ครอบคลุม นกั เรียนจะไดศ้ ึกษา ค้นควา้ และหาคาตอบของคาถามดังกล่าว จากกจิ กรรมในคาบนี้ 438 455

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง โครงสรา้ งที่ใชใ้ นการสืบพนั ธ์ขุ องพืชดอก 456 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การสบื พันธข์ุ องพชื ดอก รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชว่ั โมง ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ข้ันสอน 1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรับสื่อและใบความรูด้ ังน้ี 1.1 ใบความรู้ เร่อื ง สว่ นประกอบของดอก คนละ 1 แผน่ 1.2 ใบกิจกรรม เร่ือง ส่วนประกอบของดอก กลุ่มละ 1 แผ่น 1.3 ดอกชบา กลุม่ ละ 1 ดอก 2. นกั เรียนศึกษาใบความรู้ เรอื่ งส่วนประกอบของดอก และดอกชบาที่ ไดร้ บั จากนั้นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันวาดภาพส่วนประกอบของดอก และ บรรยายหน้าท่ีของส่วนประกอบดังกลา่ วลงในใบกจิ กรรม เร่ือง ส่วนประกอบของดอก 3. ครูอธิบายเพิม่ เติมโดยใช้สอ่ื Power Point เร่อื ง สว่ นประกอบของ ดอก ขน้ั สรุป 1. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายและลงข้อสรุป โดยครูใช้คาถาม ต่อไปน้ี 1.1 องคป์ ระกอบของดอกไม้ ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง (กลีบเลยี้ ง กลีบ ดอก เกสรตัวผู้ เกสรตวั เมีย) 1.2 ดอกไม้ทมี่ ีองคป์ ระกอบครบท้ัง 4 องคป์ ระกอบมีชือ่ เรียกว่าอะไร (ดอกครบสว่ น) 439 456

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 2 เร่ือง โครงสร้างทใี่ ชใ้ นการสืบพนั ธุ์ของพชื ดอก 457 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การสืบพันธ์ุของพืชดอก รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 1.3 ให้นักเรยี นยกตวั อย่างดอกครบสว่ นมา 3 ชนิด (ดอกชบา ดอก ตอ้ ยติ่ง ดอกกหุ ลาบ ดอกบานบุรี ดอกมะลิ ดอกอัญชนั ดอกผักบุ้ง ดอก มะเขือ ดอกพริก ดอกบัวหลวง ฯลฯ) 1.4 ดอกไม้ท่ปี ระกอบด้วยเกสรตัวผู้ และเกสรตวั เมีย เรียกวา่ อะไร (ดอกสมบูรณ์เพศ) 1.5 “ดอกครบส่วนทุกดอก เป็นดอกสมบูรณเ์ พศ” นักเรียนคิดว่า ข้อความข้อเป็นจรงิ หรือไม่ อย่างไร (จริง เน่ืองจากดอกครบส่วนทกุ ดอก ประกอบด้วย กลบี เลย้ี ง กลบี ดอก เกสรตวั ผู้ และเกสรตวั เมีย เนือ่ งจาก ประกอบดว้ ยเกสรตวั ผู้ เกสรตัวเมยี จงึ เปน็ ดอกสมบูรณเ์ พศ) 1.6 “ดอกสมบูรณ์เพศทุกดอก เปน็ ดอกครบส่วน” นักเรยี นคดิ ว่า ขอ้ ความดังกลา่ วเปน็ จรงิ หรือไม่ อยา่ งไร (ไมจ่ ริง เนื่องจาก ดอกสมบูรณ์ เพศ อาจจะไมม่ ีกลีบดอก หรือกลีบเลี้ยง ทาใหไ้ ม่มีคุณสมบัติของดอกครบ ส่วน) 1.7 องคป์ ระกอบใดหอ่ หุ้มดอกขณะดอกยังไม่บาน (กลบี เลยี้ ง) 1.8 หากพืชขาดองค์ประกอบใด จะไม่มสี ีสนั สวยงาม และไม่ดึงดูด ความสนใจส่งิ มีชวี ิตอน่ื (กลบี ดอก) 1.9 บรเิ วณโคนเกสรตัวเมีย ทม่ี ีลกั ษณะเปน็ กระเปาะ เรยี กว่าอะไร (รังไข่ (Ovary)) 440 457

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 เร่ือง โครงสรา้ งที่ใช้ในการสืบพันธุข์ องพชื ดอก 458 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การสบื พันธุ์ของพืชดอก รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชั่วโมง ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 1.10 องคป์ ระกอบที่มีลักษณะเป็นเม็ดเลก็ ๆในรงั ไข่ เรียกว่าอะไร (ออวลุ (Ovule)) 1.11 ไข่ อยู่ในองคป์ ระกอบใดของเกสรตัวเมีย (ออวุล (Ovule)) 1.12 องคป์ ระกอบในส่วนใดทาหน้าที่เปน็ เซลล์สืบพนั ธุเ์ พศผู้ (ละออง เรณบู นยอดเกสรตวั ผ้)ู 441 458

459 442 459 การวัดผลและประเมินผล ประเดน็ การประเมิน วธิ ีการวดั เครือ่ งมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ - ใบกิจกรรม เรอ่ื ง ทาใบกจิ กรรมไดค้ ะแนน - อธิบายโครงสรา้ ง - ทาใบกจิ กรรม สว่ นประกอบของดอก รอ้ ยละ 60 ขึ้นไป และสว่ นประกอบของ ดอกได้ - อธบิ ายลกั ษณะ - ทาใบกิจกรรม - ใบกิจกรรม เร่ือง สว่ นประกอบของดอก โครงสร้างของดอก ทม่ี ี สว่ นทาให้เกิดการถ่าย เรณู - ทาใบกจิ กรรม - ใบกจิ กรรม เร่อื ง สว่ นประกอบของดอก - สงั เกตและวาด สว่ นประกอบของดอก จากพชื ตวั อย่างได้ เกณฑ์การประเมนิ ผลการประเมิน การประเมนิ ดมี าก (ผา่ น) ดี (ผ่าน) พอใช้ (ไมผ่ า่ น) ปรบั ปรุง (ไมผ่ ่าน) 8-10 คะแนนจากใบ 6-7 1-5 0 กิจกรรม

460 443 460 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................... ................................ ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผูท้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วันที.่ .........เดอื น..........พ.ศ.......

461 444 461 ใบความรู้ท่ี 1 เร่ือง องค์ประกอบของดอก หน่วยที่ 65 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 โครงสรา้ งท่ีใช้ในการสืบพันธขุ์ องพชื ดอก รารายยววชิ ิชาาววทิ ิทยยาาศศาาสสตตรร์ ์พร้ืนหฐสั าวนชิ ารหวสั 21ว1203101ภาภคาเครเียรนยี ทน่ีท1ี่ 1ชชนั้ นั้ มมัธัธยยมมศศกึ กึ ษษาาปปที ี่ 11 ดอก เปน็ ส่วนประกอบของพืช ทาหนา้ ทีใ่ นการสืบพันธ์ุ การสบื พนั ธ์ุโดยใชด้ อก เปน็ การสืบพันธแ์ุ บบ อาศยั เพศ ซง่ึ ตอ้ งเกิดการปฏิสนธิของเซลล์สบื พนั ธ์เุ พศผแู้ ละเซลลส์ บื พันธเ์ุ พศเมีย ในบทเรียนน้ี นักเรียนจะได้ เรียนรูอ้ งคป์ ระกอบและหนา้ ทข่ี องดอก โดยใช้พืชตัวอย่างคือ ดอกชบา ภาพท่ี 6.2.1 ดอกชบาแดง ดอกชบา เปน็ ดอกไม้ท่ีมีหลายสี เช่น สแี ดง สีส้ม สชี มพู มคี วามเหมาะสมในการใชศ้ ึกษาองคป์ ระกอบ ของดอก เน่ืองจากมีองคป์ ระกอบครบ ชัดเจน และหางา่ ยในทกุ ท้องถนิ่ ส่วนประกอบท่สี าคัญของดอก ได้แก่ หมาหยเมลาขยเ1ลขก้า1นดกอ้ากนด(Pอeกdu(Pnecdlen)uเcปl็นeส) ่วเปนล็น่าสง่วสนดุ ล่าสุด ของดอกท่ีตตดิ ิดตตอ่ อ่ กกับบั ลำ�าต้นหรอื กง่ิ ทาำ� หน้าทีช่ ดู อก 6 หมาหยเมลาขยเ2ลขริว้ ป2รระิว้ดปบั รEะpดiบัcal(yExp)icเปal็นyกxล) ีบเปเล็น้ียกงลเลีบ็กเๆล้ยี ใงกล้ เกลลก็ ีบเๆล้ียใกงลก้ ับกลบี เลยี้ ง หมาหยเมลาขยเ3ลกขล3ีบกเลลีย้ ีบงเล(Sี้ยeงp(aSle)pอaยlู่น) อกยสู่นดุอขกอสงุดดขออกงดอก 5 สส่วว่ นนใใหหญญม่ม่ สีสี ีเเี ขขียยี ววททาำ� หหนน้าา้ ททหี่ ห่ี มุ้ มุ้ แแลละะปป้ออ้ งงกกันนั ดดออกกตตูมมู หหรรืออื ปป้ออ้ งงกกนั นั 4 ขขณณะะดดออกกยยงัังไไมม่บบ่ าานน เแต เ ใคลสเเเกลรกมนลักิ่งัววณสสยี้ยีกมาษะเรรงมามูีชก(ณเตตหหรSียวีสข้าัวถวัtมมะิตจนน้าiเเ่าบgาาอไมัมดใชยmปหหยยจาืน่ียยีเูเลงเเกปสมมaลลลก(ะเ(งิ่สาา็S)นชSักขขวอมยรยttม่นวษา่อiชีyตเเg54กกังลณลlงวีัวแmใeลมเขติขเกเนมระ)กบีเีมaอลมณลบสซส5เีย)นื่4ีบือลงุดาึ่งมรู เยี้กดงเตขห(ๆกักปกกSงเอัวอรมหส็นtลวเกือมเyงชเีรน่าบมีบมดีสlตน่ก(ียมeียรดอืPีสอัวลวิเน)แกeอวนัก(เเบี ษุPมพมtเณกซตไหaเiยลยี่อืม่ึงsลา่ทlนtเ์)ง(งคีย้้ปซi่ีลP(ยีๆlออPงบห)่ึงูกe็นวยยiจรรมเศstเบพถู่ปดพะaิอืtเสีรรวiดััมกlรื่อlอ่ืชสี)ิเม)ณะจลาดวคี้ันนปกเาชอะณงึโอกตกอดษุว่รคอยยสทา่วยะบดูอยู่นถดรงง่ีลกใคดง์ัดตขกันกซูกเๆอว้วจัวรอลลกง่ึศาบยณเาเจบีะงามมรยพดกเะรอเูชสยีอกว้ลอ่ืวแถมอนจ้ีดยสงี้ยดลา่างเัดใกเยยงระกชึงเกจเรเลดอลกว่สปขสณีบมดูดะย้าร้าน็รนอีูไตวปอชวังงู 3 ลในกั สษุดณขะอเงปด็นอกกรไมะ้เบปราเิะวณเรโยี คกนวขา่ อรงงั เไกขส่ (รOมvีลarักyษ)ณภาะยเปใน็นรกงั รไะขเม่ ปี าอะอ 2 วเรลุ ยี ก(Oวา่vuรlังeไ)ข่ภ(Oายvใaนryอ)อภวลาุ ยใมนไี รขงั่ ไซขง่ึ ม่ ที ำ�อหอนวลุา้ ท(Oีเ่ ปv็นuเlซeล) ลภ์สาบืยใพนันอธอ์ุ วลุ 1 เมพีไขศ่เซมึง่ียทาหนา้ ทเ่ี ปน็ เซลลส์ บื พนั ธ์เุ พศเมยี ภาพที่ 6.2.2 สว่ นประกอบของดอกชบา

462 445 462 หมาหยมเลาขยเ6ลขเกส6รเตกวั สผรู้ ต(Sัวtผaู้m(Setna)mเปeน็ nอ) วเัยปว็นะอสวืบัยพวันะธสุ์ขืบอพงพันชืธทุ์ขอีส่ รงา้พงืชเซทล่ีสลรส์้าืบงเพซนัลธลุ์เ์สพืบศพผู้ันเกธสุ์เพรศตวัผผู้ ู้มเกี สรตัวผู้มี โครงสร้างประกอบดด้ว้วยย 22สสว่ น่วนคคอื ืออบั อเับรณเรูณ(Aู n(Athnethr)eซr)่ึงภซาึ่งยภใานยมใถี นงุ มอีถับุงเอรณับเู ร(Pณoู l(lPeonllseanc) sแaลcะ)กแา้ นลเะกกส้ารนตเัวกผสู้ รตัวผู้ (Filament) เม่อื อบั เรณแูแหหง้ ง้ แแตตกกแแลละะปปลลวิ วิ ไไปปตตกกบบนนยยออดดเกเกสสรตรตัวเัวมเมยี ียเรเยีรกียวกา่วก่าากรถาร่ายถเา่ รยณเรู ณู 10 ภาพท่ี 6.2.3 กลบี ดอก 9 หมาหยมเลาขยเล7ขร7ังไรขงั ่ ไ(ขO่ (vOarvya)ryอ)ยอู่บยรบู่ิเวรณเิ วโณคนโคขนอขงเอกงสเกรตสวัรเตมวั ยี เมมยี ีลมกั ลีษกั ณษะณเปะ็น 8 เกปร็นะกเปราะะเปภาาะยภในาบยใรนรจบอุรอรจวุลออ(Oวุลvu(Olev)uไlขe่ )อไยข่ภู ่ าอยยใ่ภู นาอยอใวนุลออวุล 7 หมาหยมเลาขยเล8ขก8้านกช้าเู นกชสเูรกตสัวรเตมวัียเม(Sยี ty(Slety) le) หมาหยมเลาขยเ9ลขเก9สรเกตสวั รผตู้ วั(Sผtู้a(Smtaemn)en) หมาหยมเลาขยเล10ข ย1อ0ดยเกอสดรเตกสัวเรมตยี ัวเ(มSียtig(mStaig)mมสีaา) รมทีส่ีมาลี รกั ทษ่มี ณีลักะเษหณนะียเวหทนายี ใวห้ ทลำ�ะใอหอ้ลงะเรอณอูจงเารกณยูจอาดกเกยสอรดตเกัวผสู้เรกตาัวะผตเู้ ิดกาะติด ดปปป ต pดปเเผไรกดวัอlรรรกัอรeียสผ้แะะะกะบกtกรกกกแู้กอกeฟงุ้วตดด่ลอออัญอกัด่าัวดอfอะบบบบlทอชเอกoดกเมทดดดดกกญัอกคสwอไีย้วว้้งัออสชงดมรมกยยeกก4บรสบ้แดะดไบrตคสา่วมกกเอสไ)อกูรขัวมนมรล่ค่ก่วกดดณลือเบ่คบดดบีรผมนบออีบ์เสรอบอรูดเักียกกวพเลบ่วหณกกสอลบบตตย้ีศนทชร่กวี้ย้งุเ้์เอำ�งือรพเบี่มนพงล(ยหปียPดดกศีเาึงรตรน็กกeหกออลิกิง่ือสดตrวดลีบ(กกรfดPรา่อด้นดeืออีบมสดอตeอกอcดดกมะดอrกัวtกกฟออตเfกบอผสขeกบfังกก้อกูรหู้lมือcเุหทัวoไไยณกรtบมมหลอwตเสือด์ก่สค่รูาลงfงิ่ร(eเอlณบสCมรวกตorดกบงรดo)สบัว์wอดพ(ตอสmรคผรูดCอกeัวตรว่กณือู้อoกpบrเผิกวันกด)กกmบ์lวเู้ หุอe(สไมหคดบาเIมpntกลกรียนรอือe้ทlcตทาสเอืบeกเปoมี่บัวีป่fรพดดtุรบlmเ็นีอตeoรมออียี ัวดดงตะัวwpงกียกfหคออเกน้lแไlทมeo์ลปคeกกอมคr่ีปียwวรtรมบบ)ส่่ชeงะรบะeดคมนาคะกทลนrfว้ือบดิดกรl)อิย้งับoดเอรูบดอคบดเwอณุรก4กอทบอืทียีกไeสก์ั้งดวงั้อดม(ดไrรอIว้มงnอ)้ทอเ4ต4ัญคยร้ทcกดี่มกวัยี์ปเไชoี่มอผกออีไมกรันมmกะู้แสงงค่วะ้ทคคตลลรรา่ดก-ิา์ี่์ะบออลบกึง ดอกไม่สมบรู ณเ์ พศ (Imperfect flower) ภาพที่ 6.2.4 เกสรตัวผู้ เกสรตวั เมียและรังไข่ ภาพท่ี 6.2.5 สว่ นประกอบของดอกชบา

446 463 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของดอก หนว่ ยที่ 65 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 โครงสรา้ งท่ีใชใ้ นการสบื พนั 4ธ6์ขุ 3องพืชดอก รารยาวยชิ วาิชาวทิวิทยายศาศาสาสตตรร์ ์พรื้นหฐัสาวนชิ ารหวสั 21ว1203101ภาภคาเครเียรนียทนท่ี 1่ี 1ชชั้นนั้ มมัธยมศึกษาาปปทีีท่ี่ี 11 ตอนท่ี 1 คาชแ้ี จง : กจิ กรรมกลุ่ม ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มชว่ ยกันสังเกตดอกชบา วาดภาพพร้อมแสดงส่วนประกอบให้ถูกต้อง ภาพ ดอกชบา กลีบเลย้ี ง ลักษณะ.................................................................................... ลักษณะ......................................................................... ................................................................................................. ...................................................................................... ห...น...้า..ท..่ี......................................................................... ...................................................................................... ........... เกสรตวั เมยี เกสรตวั ผู้ กลีบดอก ลักษณะ................................ ลกั ษณะ................................ .............................................. .............................................. ลกั ษณะ......................................................................... ...................................................................................... หนา้ ที่.................................... หน้าท.ี่ ................................... ห...น...้า..ท..ี่......................................................................... .............................................. .............................................. ...................................................................................... ........... สมาชกิ กล่มุ 1........................................ 2………………………………………………. 3........................................ 4………………………………………………. 5........................................ 6……………………………………………….

464 447 464 ตอนที่ 2 คาชแี้ จง : กจิ กรรมกลมุ่ ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันวเิ คราะห์และตอบคาถามลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง 1.ดอกครบสว่ น หมายถึง..................................................................................................................................... ตวั อยา่ งดอกครบสว่ น ไดแ้ ก่............................................................................................................................. 2.ดอกไม่ครบสว่ น หมายถึง................................................................................................................................. ตวั อย่างดอกไม่ครบส่วน ได้แก่ ........................................................................................................................ 3.ดอกครบส่วน เป็นดอกสมบูรณเ์ พศเสมอ ใช่หรือไม่ เพราะเหตใุ ด................................................................... .......................................................................................................................................... .................................. ................................................................................................ ............................................................................ 4.ดอกสมบูรณ์เพศ เปน็ ดอกครบส่วนเสมอ ใช่หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... 5.องค์ประกอบใดท่ีทาหน้าท่ีหอ่ หุ้มดอก ขณะดอกยังไมบ่ าน............................................................................. 6.ไข่ อยใู่ นองค์ประกอบใดของดอก................................................................................................................... 7.องคป์ ระกอบใดทาหนา้ ท่ีเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย........................................................................................ 8. ให้นักเรยี นเขียนส่วนประกอบของดอกไม้ให้ถกู ต้อง ภาพที่ 6.2.6 สว่ นประกอบของดอกไม้

แนวคาตอบ ใบกิจกรรม 448 465 465 เร่อื ง องคป์ ระกอบของดอก (Parts of Flower) ตอนท่ี 1 คาชแี้ จง : กจิ กรรมกลมุ่ ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสงั เกตดอกชบา วาดภาพพร้อมแสดงสว่ นประกอบให้ถูกตอ้ ง ภาพ ดอกชบา กลบี เลีย้ ง ลักษณะ มีสีเขยี ว ขนาดเล็กกว่ากลีบดอก บรเิ วณฐาน ลักษณะ ดอกชบามสี แี ดง (หรือสตี ามท่นี ักเรียนศึกษา) มกี ลีบ ดอก อยดู่ ้านนอกกลีบดอก ดอกจานวน 5 กลับ เปน็ ดอกครบสว่ น หน้าท่ี คอยห่อหมุ้ ดอก ขณะดอกยงั ไมบ่ าน กลีบดอก ลักษณะ มสี ีแดง มจี านวน 5 กลีบ หนา้ ท่ี ดงึ ดูดส่ิงมีชวี ติ ชนดิ อ่ืนให้สนใจ เพ่ือดารง เกสรตัวเมีย เกสรตัวผู้ เผ่าพนั ธ์ุ ลกั ษณะ อยู่แกนกลางของ ลกั ษณะอยูร่ อบๆแกสรตวั สมาชกิ กลุ่ม ดอก มีขนาดใหญ่ บรเิ วณ เมีย เป็นกา้ นเลก็ ๆบรเิ วณ 1........................................ 2………………………………………………. ฐานมกี ระเปาะ ปลายมกี ระเปาะ 3........................................ 4………………………………………………. 5........................................ 6………………………………………………. หนา้ ท่ี เปน็ ตัวแทนของเพศเมีย หหนน้าทา้ ท่ี เ่ี ป็นตตัววั แแททนนขอขงอเพงเศพผศู้ในผูใ้ น ในการสืบพันธแ์ุ บบอาศัยเพศ กการาสรบืสพืบนั พธันแ์ุ บธุแ์บบอาบศอยั าเพศศัยเพศ

466 449 466 ตอนที่ 2 คาชแ้ี จง : กจิ กรรมกลุม่ ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั วเิ คราะห์และตอบคาถามลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง 1.ดอกครบสว่ น หมายถงึ ดอกทป่ี ระกอบด้วย กลบี เลยี้ ง กลีบดอก เกสรตัวผู้ เกสรตวั เมีย................................ ตัวอย่างดอกครบสว่ น ได้แก่ ดอกชบา ดอกต้อยติ่ง ดอกกุหลาบ ดอกบานบุรี ดอกมะลิ ดอกอญั ชัน ............. ดอกผักบุ้ง ดอกมะเขอื ดอกพริก ดอกบัวหลวง................................................................................................ 2.ดอกไม่ครบส่วน หมายถึง ดอกไมท้ ี่ไม่มีกลบี เล้ยี ง กลีบดอก เกสรตวั ผู้ และเกสรตัวเมีย อย่างน้อย 1 อยา่ ง ตวั อยา่ งดอกไม่ครบสว่ น ได้แก่ ดอกตาลึง ดอกฟกั ทอง ดอกบวบ................................................................... 3.ดอกครบสว่ น เป็นดอกสมบูรณเ์ พศเสมอ ใชห่ รอื ไม่ เพราะเหตุใด ดอกครบสว่ นเป็นดอกสมบูรณ์เพศเสมอ เพราะประกอบด้วยกลับี เลีย้ ง กลีบดอก เกสารตวั ผู้ และเกสรตวั เมีย................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 4.ดอกสมบูรณ์เพศ เปน็ ดอกครบส่วนเสมอ ใช่หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ดอกสมบรู ณเ์ พศไมเ่ ป็นดอกครบส่วนเสมอ ไป เนอ่ื งจากดอกสมบูรณ์เพศ อาจมีเพยี งเกสรตวั ผ้แู ละเกสรตวั เมยี แตอ่ าจขาดกลีบเลย้ี งหรือกลบี ดอก ............................................................................................................................. ............................................... 5.องค์ประกอบใดทท่ี าหน้าที่หอ่ หมุ้ ดอก ขณะดอกยังไมบ่ าน กลีบเลย้ี ง 6.ไข่ อย่ใู นองค์ประกอบใดของดอก ไข่อย่ใู นออวุล ออวุลอย่ใู นรังไข่ ซึ่งอยู่บรเิ วณโคนเกสรตวั เมีย 7.องค์ประกอบใดทาหน้าท่เี ป็นเซลลส์ ืบพันธเ์ุ พศชาย ละอองเรณู ซึง่ จะกลายเป็น sperm 8. ให้นกั เรยี นเขียนสว่ นประกอบของดอกไม้ให้ถกู ต้อง เกสรตัวผู้ อับเรณู ยอดเกสรตวั เมยี เกสรตัวเมยี ก้านชูอบั เรณู ก้านเกสรตัวเมยี รงั ไข่ กลบี ดอก กลบี เลย้ี ง ฐานรองดอก ออวลุ ภาพท่ี 6.2.6 สว่ นประกอบของดอกไม้

467 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง การปฏสิ นธิของพืชดอก หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 6 เรอ่ื ง การสืบพนั ธ์ขุ องพืชดอก เวลา 1 ช่วั โมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การถา่ ยเรณู ปัจจยั ทเ่ี กี่ยวข้องกบั การถา่ ย ขน้ั นา 1. VDO การถ่ายเรณูและ เรณู การปฏสิ นธิ และตระหนักถึง 1. ครสู รา้ งความสนใจแก่นักเรยี น โดยใช้กิจกรรม ฉนั คือใคร (Who am การปฏสิ นธิ URL: ความสาคัญของสิง่ มชี วี ิตทชี่ ่วยในการถา่ ยเรณู I?) โดยครบู อกรายละเอยี ดของ “ฉนั ”ครั้งละ 1 อยา่ ง เมื่อนักเรียนทราบวา่ https://www.youtube.com ฉนั คอื ใครสามารถยกมือขึ้นตอบคาถามได้ทันที รายละเอยี ดของ “ฉัน” มี /watch?v=KMQtLWpAdXI&list=PLgc1x จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดงั น้ี Zo5SpLjhLOerjwhzO7phTTTep6NN ด้านความรู้ 1.1 ฉันมีขา 2. ใบกจิ กรรมการ่าถย่าเยรเณรณูแลูแะลกะากราปรฏปสิ ฏนสิ ธนิ ธิ 1. บอกความหมายของการปฏสิ นธิได้ 1.2 ฉันบนิ ได้ 3. กระดาษขนาด 10x10 เซนติเมตร สาหรับ 2. อธบิ ายการปฏสิ นธิของพืชได้ 1.3 น้าหนกั ฉนั ไม่มาก กิจกรรม Exit ticket ด้านทักษะและกระบวนการ 1.4 ฉันมีหลายสี 4. ส่ือ Power Point ประกอบกจิ กรรมการ วเิ คราะห์ปจั จัยที่มีสว่ นในการปฏสิ นธขิ อง 1.5 ฉันมีหลายขา เรยี นรู้ พชื ดอกได้ 1.6 ปีกฉันไม่มีขน ด้านเจตคติ 1.7 ฉันสวยงาม ภาระงาน/ช้ินงาน ตระหนักถึงความสาคัญของสง่ิ มีชวี ิตทีช่ ว่ ย 1.8 ฉนั มหี กขา 1. ใบกจิ กรรมการ่าถยา่ เยรเณรณูแลแู ะละ ในการถา่ ยเรณูของพชื ดอก โดยไมท่ าลาย 1.9 ฟังจากชื่อทกุ คนอาจกลวั ฉนั (ฉันคือผีเสอื้ ) การปฏสิ นธิ ชีวติ ของสัตว์ที่ช่วยในการถา่ ยเรณู (A) 2. ครูกลา่ วชมเชยนกั เรียนท่ตี อบคาถามได้ถกู ต้อง พร้อมชวนเชิญให้ 2. ช้ินงานกจิ กรรม Exit ticket นกั เรยี นในช้ันเรยี นปรบมือช่นื ชมยนิ ดี จากน้นั ครูเชื่อมโยงผเี สือ้ เข้าสู่ บทเรยี น โดยครแู จ้งจุดประสงค์ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั จากน้นั 450 467

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 6 แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 3 เรือ่ ง การปฏิสนธิของพืชดอก 468 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การสืบพนั ธขุ์ องพืชดอก รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เวลา 1 ชวั่ โมง ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ครูใช้คาถามต่อไปน้ี 2.1 นกั เรยี นคิดว่าผีเสือ้ มีความสัมพันธ์อยา่ งไรกับดอกไม้ (ผเี ส้ือชว่ ย ดอกไม้ผสมเกสร) 2.2 นอกจากผีเสื้อแล้ว นกั เรียนคดิ วา่ ส่ิงมชี ีวติ อ่นื ใดบ้าง มสี ่วนชว่ ย ในการผสมเกสรของดอกไม้ (แมลงชนิดอน่ื มนุษย)์ 2.3 แมลงและสิ่งมชี วี ติ อ่นื ๆ มีส่วนช่วยในการผสมเกสรอยา่ งไร (ขณะ แมลงจับบนดอกไม้ จะมสี ว่ นชว่ ยใหล้ ะอองเรณจู ากเกสรตัวผู้จะตกลงบน ยอดเกสรตัวเมีย) 2.4 หลังจากละอองเรณูตกลงบนยอดเกสรตวั เมยี ละอองเรณมู ีการ เปล่ยี นแปลงอยา่ งไร และการผสมเกสรมีกระบวนการเกิดอยา่ งไร (นกั เรียน ตอบคาถามตามความเขา้ ใจ อาจจะถกู หรือผิด จากนั้นครูกล่าวว่า สาหรับ คาบน้ีเราจะมาชว่ ยกนั หาคาตอบในหัวข้อการผสมเกสรของพชื ) ขัน้ สอน 1. นกั เรียนเรยี นรู้การถ่ายเรณูและการปฏสิ นธิของพืชดอกจากสอื่ วดิ ีโิ อ โดยมลี าดบั การเรียนรดู้ งั นี้ 1.1 ครแู จกใบกจิ กรรม การถ่ายเรณูและการปฏิสนธิ นักเรียนทาใบ กิจกรรมโดยเขยี นเคร่อื งหมาย  หรอื  ลงในช่องก่อนดวู ิดีโิ อ ตามความ เข้าใจของนกั เรยี น 451 468

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง การปฏิสนธิของพชื ดอก 469 กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง การสืบพันธุ์ของพืชดอก รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 1 ชั่วโมง ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 1.2 นักเรียนดวู ดิ ีิโอ การถา่ ยเรณแู ละการปฏสิ นธขิ องพชื ดอก 1.3 นกั เรยี นทาใบกิกรรม การถ่ายเรณูและการปฏสิ นธิ (ใบกจิ กรรม เดิม) โดยทาเคร่ืองหมาย  ลงในช่องหลังดวู ดิ ีิโอ 1.4 นักเรียนและครรู ่วมกันเฉลยใบกิจกรรมร่วมกัน และทากจิ กรรม ในตอนที่ 2 2. นักเรียนตรวจสอบความรู้ เรอื่ ง การถ่ายเรณูและการปฏิสนธิ โดยทา ใบกิจกรรม ตรวจสอบความรู้ ขั้นสรปุ 1. นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายเพื่อสรปุ ความรู้ โดยครูใชค้ าถามดังนี้ 1.1 การถา่ ยเรณูคอื อะไร (การถา่ ยเรณคู ือการทีล่ ะอองเรณูตกลงบน ยอดเกสรตวั เมีย) 1.2 การปฏสิ นธคิ อื อะไร (การปฏสิ นธคิ ือ การที่เซลลส์ ืบพันธเุ์ พศผู้ ผสมกับเซลล์สืบพันธ์เุ พศเมยี หรอื เซลลส์ เปิร์มนวิ เคลียสผสมกบั เซลลไ์ ข่) 1.3 ปจั จัยใด ท่มี ผี ลต่อการถา่ ยเรณูของพืช (ส่ิงมีชวี ติ และส่ิงไม่มชี วี ิต) 1.4 ให้นักเรียนยกตวั อย่างสงิ่ มีชวี ติ ทม่ี สี ว่ นช่วยในการถา่ ยเรณูของ พืช (แมลงตา่ งๆ มนุษย์) 1.5 แมลงมสี ว่ นชว่ ยในการถา่ ยเรณขู องพชื อย่างไร (ขณะที่แมลงดม ดอมดอกไม้ ละอองเรณจู ากยอดเกสรตวั ผู้ จะตดิ กับตัวของแมลง ละออง 452 469

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 3 เรือ่ ง การปฏสิ นธขิ องพืชดอก 470 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง การสบื พันธุข์ องพืชดอก รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เวลา 1 ช่ัวโมง ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เรณเู หล่านั้นตกลงบนยอดเกสรตัวเมียเมอื่ แมลงขยับตวั หรือ กจิ กรรมของ แมลงบนดอกไม้ทาให้ละอองเรณูจากยอดเกสรตัวผู้ตกลงบนยอดเกสรตัวเมีย) 1.6 สง่ิ ไมม่ ชี วี ิต หรอื ปัจจัยทางกายภาพ อะไรบ้าง มสี ว่ นชว่ ยใหพ้ ชื เกิดการถ่ายละอองเรณู (ลม น้า) 1.7 ลมและนา้ มสี ว่ นชว่ ยในการถ่ายเรณูของพชื อยา่ งไร (ลมทาให้ ละอองเรณูของพืชที่อยู่บนบก ปลิวไปตกบนยอดเกสรตวั เมีย ส่วนนา้ ทาให้ ละอองเรณูของพืชในนาเคลื่อนท่ไี ปตกบนยอดเกสรตวั เมยี ) 1.8 เมอื่ ละอองเรณตู กลงบนยอดเกสรตวั เมีย ทาใหเ้ กิดการ เปลีย่ นแปลงอยา่ งไร (จะทาให้เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี เกดิ เปน็ ท่อ งอกลงไป บรเิ วณโคนของเกสรตวั เมยี รังไข่ และออวลุ ) 1.9 ขณะงอกท่อ ละอองเรณูมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร (ละอองเรณู สร้าง 2 สเปิรม์ นิวเคลยี ส เคลื่อนท่ีเข้าสู่ออวลุ ซ่ึงอย่ภู ายในรังไข่) 1.10 การปฏสิ นธิเกดิ ขึ้นเม่ือใด (เม่ือสปิร์มนวิ เคลียส 1 ตัว เข้าไปผสม กับเซลลไ์ ข่ในออวลุ ส่งิ ที่เกดิ ขึ้นจากการปฏสิ นธิเรยี กวา่ ไซโกต ซง่ึ จะเจริญ ตอ่ ไปเปน็ เอมบรโิ อ) 1.11 สเปริ ม์ อีก 1 เซลล์ ทาหน้าทีใ่ ด (สสเเปปิรริ ม์ ์ม เซลลท์ ี่ 2 จะเขา้ ผสม กับพอลาร์นิวคลีไอ ในออวุล เกดิ เปน็ เอนโดสเปริ ์ม หรืออาหารเลย้ี งตน้ อ่อน) 453 470

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง การปฏิสนธขิ องพชื ดอก 471 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง การสืบพนั ธ์ขุ องพืชดอก รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 1 ชั่วโมง ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 1.12 นักเรียนมีแนวทางอยา่ งไรในการดูแลและไมท่ าลายชีวิตของ สัตว์ทช่ี ว่ ยในการถา่ ยเรณู (นักเรียนตอบคาถามตามความคิดและความ เข้าใจ เชน่ ปล่อยใหแ้ มลงดมดอมดอกไมโ้ ดยไมเ่ ขา้ ไปไล่หรือรังแก เป็นต้น) 2. ครใู ช้ Exit ticket ในการสะท้อนผลหลังจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ มี ลาดบั ขนั้ ตอนดังนี้ 2.1 ครูแจกกระดาษ Sticky note หรอื กระดาษสขี าว ขนาด ประมาณ 10x10 เซนติเมตร 2.2 นกั เรยี นเขียนข้อความลงบนกระดาษ ดังน้ี - สิง่ ท่ไี ดเ้ รียนรู้ 3 อย่างข้ึนไป - สิ่งทน่ี าไปใชป้ ระโยชน์ 2 อยา่ งขนึ้ ไป - ส่งิ ที่สงสัยหรอื ยงั ไมเ่ ข้าใจ 1 อยา่ งขนึ้ ไป 2.3 นักเรียนนากระดาษส่งครจู งึ จะสามารถออกนอกห้อง 454 471

472 455 472 การวัดผลและประเมินผล ประเดน็ การประเมิน วธิ กี ารวัด เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การประเมนิ - บอกความหมายของ - ทาใบกจิ กรรม - ใบกิจกรรม เรอื่ ง การ คะแนนในใบกิจกรรมแต่ การปฏสิ นธไิ ด้ ถ่ายเรณูและการปฏิสนธิ ละประเดน็ ได้คะแนน - อธิบายการปฏิสนธขิ อง - ใบกิจกรรม เรือ่ ง รอ้ ยละ 60 ขึ้นไป พชื ได้ ตรวจสอบความรู้ - วิเคราะหป์ จั จัยที่มีส่วน ในการปฏสิ นธขิ องพืช ดอกได้ - ตระหนักถงึ ความสาคัญของสิ่งมีชีวิต ท่ีชว่ ยในการถ่ายเรณู ของพชื ดอก โดยไม่ ทาลายชีวติ ของสัตวท์ ่ี ชว่ ยในการถา่ ยเรณู เกณฑก์ ารประเมิน ผลการประเมนิ การประเมิน ดมี าก (ผ่าน) ดี (ผา่ น) พอใช้ (ไม่ผา่ น) ปรบั ปรุง (ไมผ่ า่ น) 8-10 คะแนนจากใบ 6-7 1-5 0 กจิ กรรม

473 456 473 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ......................................................................................................................................................................... .. ลงชื่อ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ..........

457 474 474 ใบกจิ กรรมที่ 1 เรื่อง การถา่ ยเรณูและการปฏิสนธิของพืช หนว่ ยที่ 65 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 การปฏสิ นธิของพชื ดอก รราายยววิชิชาาววิทิทยยาาศศาาสสตตรร์ พ์ รนื้ หฐัสาวนิชราหวัส21ว1203101ภาภคาเครเยี รนยี ทน่ีท1่ี 1ชชน้ั ้ันมมธั ัธยยมมศศกึ กึ ษษาาปีที่ 11 ตอนท่ี 1 คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขยี นเครอ่ื งหมาย  ลงในช่องทีก่ าหนด หากข้อความนั้นถกู ต้อง หรอื เขยี นเคร่ืองหมาย  ลงในช่องท่ีกาหนด หากขอ้ ความนั้นผดิ โดยทาก่อนดูวดิ โิี อ และหหลลังงั ดดวู วู ิดดิ โิ โีออ ก่อนดู รายการ หลังดู 1. การถ่ายเรณู คือ การเคลื่อนที่ของละอองเรณจู ากตน้ อื่นเทา่ นน้ั มาตกลงบนยอด เกสรตัวเมยี 2. ส่งิ มชี ีวิตเท่าน้นั ช่วยในการถ่ายเรณู 3. ลมมสี ่วนชว่ ยในการถ่ายเรณู 4. ละอองเรณตู กลงบน Stigma ยอดเกสรตวั เมีย เรียกวา่ การถา่ ยเรณู 5. หลงั จากเกดิ การถ่ายเรณู จะเกดิ ปฏกิ ิรยิ าคลา้ ยการงอกของท่อลงไปหารังไข่ 6. ละอองเรณู จะแบ่งเปน็ 1 สเปิร์มนวิ เคลยี ส 7. สเปริ ม์ ผสมกับเซลลอ์ อวุล เรียกว่าการปฏสิ นธิ 8. เมอ่ื เหน็ แมลงมาจับดอกไม้ใหก้ าจัดแมลงเนือ่ งจากทาความเสียหายแกด่ อกไม้ ตอนที่ 2 คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นเติมคาลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. การถา่ ยเรณู คืออะไร...................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... 2. การปฏสิ นธิ คอื อะไร...................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... 3. ปัจจยั ทางชีวภาพใดบ้างช่วยในการถา่ ยเรณูของพืช และช่วยอยา่ งไร............................................................ ................................................................................................. ........................................................................... 4. ปจั จัยทางการภาพใดบ้างท่ีช่วยในการถ่ายเรณูของพชื และชว่ ยอย่างไร........................................................ ............................................................................................................................................................................ 5. หลังจากละอองเรณูตกลงบนยอดเกสรตัวเมยี เกดิ การเปลี่ยนแปลงอยา่ งไร................................................... ..................................................................................................................................................... ....................... 6. ละอองเรณู มีการเปล่ยี นแปลงอยา่ งไรขณะงอกทอ่ ........................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 7. หลังจากการปฏิสนธิ ไขแ่ ละสเปริ ม์ นิวเคลยี ส จะเจรญิ ไปเป็นอะไร.................................................................. ทม่ี า : https://goo.gl/GzQ9aB

475 458 475 ใบกิจกรรมท่ี 2 เรอ่ื ง ตรวจสอบความรู้ หนว่ ยที่ 65 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 การปฏิสนธิของพืชดอก รารยาวยชิ วาชิ าวทิ วยิทายศาาศสาตสรต์ร์พรหน้ื สัฐวานิชารหว2สั 1ว1203110ภ1าภคาเรคยี เรนียทนี่ 1ท่ี 1ชน้ัชัน้มมธั ยธั ยมมศศึกกึษษาาปปที ที ่ี ่ี 1 ตอนที่ 1 คาชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นนาตวั อักษรหน้าข้อความด้านขวามือ ใสล่ งในช่องวา่ งด้านซ้าย ใหม้ ีความสัมพนั ธ์กัน ________1. Stigma A. ส่งิ ทเ่ี จริญมาจากเซลลไ์ ข่และสเปริ ์มหลงั ปฏสิ นธิ ________2. สเปิรม์ นิวเคลยี ส B. ได้จากการเปล่ยี นแปลงของละอองเรณูขณะงอกท่อ โดย 2 ________3. ผเี ส้ือ ________4. การถา่ ยเรณู เซลลจ์ ะเกิดจาก 1 ละอองเรณู ________5. การปฏิสนธิ C. ยอดเกสรตวั เมีย ________6. ลม และกระแสน้า D. ปจั จัยทางชวี ภาพที่ชว่ ยในการถ่ายเรณู ________7. ไซโกต E. การรวมกันของ สเปิร์มนิวเคลียสกับไข่ F. ปจั จยั ทางกายภาพท่ชี ว่ ยในการถา่ ยเรณู G. การเคลอ่ื นท่ขี องละอองเรณูไปตกลงบนยอดเกสรตวั เมีย ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ใบกจิ กรรมท่ี 2 เรือ่ ง ตรวจสอบความรู้ หน่วยที่ 65 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 3 การปฏิสนธขิ องพืชดอก รารยาวยชิวาชิ าวิทวิทยายศาศาสาสตตร์ร์พรห้นื สัฐาวนิชารหวสั21ว1203110ภ1าภคาเรคยี เรนียทน่ี ท1่ี 1ชชัน้ นั้มมัธัธยยมมศศกึ กึษษาาปปที ที ี่ ี่ 1 ตอนท่ี 1 คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นนาตัวอักษรหนา้ ข้อความด้านขวามอื ใสล่ งในช่องวา่ งดา้ นซา้ ย ให้มีความสมั พันธ์กัน ________1. Stigma A. สิง่ ท่เี จริญมาจากเซลลไ์ ขแ่ ละสเปริ ์มหลังปฏสิ นธิ ________2. สเปริ ม์ นวิ เคลยี ส B. ไดจ้ ากการเปลี่ยนแปลงของละอองเรณูขณะงอกท่อ โดย 2 ________3. ผเี ส้ือ ________4. การถา่ ยเรณู เซลลจ์ ะเกิดจาก 1 ละอองเรณู ________5. การปฏิสนธิ C. ยอดเกสรตวั เมยี ________6. ลม และกระแสนา้ D. ปัจจัยทางชีวภาพท่ชี ว่ ยในการถา่ ยเรณู ________7. ไซโกต E. การรวมกันของ สเปริ ม์ นิวเคลียสกบั ไข่ F. ปจั จัยทางกายภาพทชี่ ่วยในการถ่ายเรณู G. การเคลอ่ื นทข่ี องละอองเรณไู ปตกลงบนยอดเกสรตัวเมยี

459 447476766 447476766 แแนแนนววควคาคาตาตตออบอบบใใบบใบกกจิกิจกิจกรกรรรมรมม เเรรเอื่ รื่องือ่งงกกาการารถรถา่ถ่าย่ายเยเรรเณรณณแู แู ลูและละกะกาการารปรปฏปฏสิฏสิ นิสนธนธขิธขิ อิขององพพงพืชชื ชื ตตอตอตนอนอทนทน่ีที่ 1ท1ี่ 1่ี ค1คาคาคชาชำ้แีช้แี ชจ้แีจแ้ี งจงจง:ง: ใ:ใ:หหใใ้นหน้หักน้ัก้นเักเรกั รเียเรียรนียนยี เนเนขขเยีเขียขนียนยี เนเนคคเเรครคอ่ื รอื่ รงอ่ืงื่อหหงงมหมหามามยยาายยลลงลลงใงใงนนใในชนช่อชช่อ่อง่องทงทงท่กีทกี่ ก่ีา่ีกาหำหาหนหนนดนดดดหหหาหากาากกขกขข้อข้อ้อค้อคควควาววามามามนมนน้ัน้ั ้นัถั้นถถูกถกู กูตกูตต้อต้ออ้ง้องงงหหหรหรรือรอื อืเอืเขเขเขียขียยีนยีนนเนเคเคเครครร่ือร่ือื่อง่ืองงหหงหมหมมามาายยายย ลลงลงใใงนนใชนชล่อช่องงอ่งใทนทงี่กทช่ีกา่อ่ีกาหงหาทนหน่กีดนดำดหหาหนากกาดขกขอ้หข้อคา้อคกวควาขวามอ้มานมคนัน้นวั้ าผน้ัผมิดผดิ นิดโ้ันโดดโผยดยดิ ทยทาทโาดกกาย่อก่อทน่อนำดนดกวูดวู ่อดิ วูิดนโิดิโอดอโิ อวู แแีิโลแอละละแหะหลลหละังลงั หดดงั ลวูดวู ดิังวูิดดิโดิโอูวอโิ ดิอีโอ กกอ่ก่อน่อนดนดูดู ู รรารายายกยกาการารร หหลหลังลังดดงั ูดู ู 11.1.ก.กาการราถรถา่ถา่ ยย่าเยเรรเณรณณู ูคคู ือคือือกกาการราเรเคคเลคลอ่ืล่อื นื่อนทนทีข่ทขี่ อขี่ององลลงะละอะออององเเงรรเณรณณูจูจาูจากกาตกตน้ตน้ อ้นอนื่อื่นเน่ืเททเ่าทา่ นนา่ ้นันั้ น้ั มมามาตตากตกลกลงลงบบงนบนยนยอยอดอดด  เเกกเสกสรสรตรตัวตวั เวัเมมเยีมยี ีย  22.2.ส.สิ่งสง่ิ มมิ่งชีมชี วีชีวติ ีวิตเิตเททเา่ทา่ นนา่ ัน้น้ั ชัน้ชว่ช่วย่วยใยในนใกนกาการราถรถ่าถ่ายยา่ เยเรรเณรณณู ู ู  33.3.ล.ลมลมมมสีมสี ่วีส่วนว่นชนชว่ช่วย่วยใยในนใกนกาการราถรถ่าถ่ายย่าเยเรรเณรณณู ู ู  44.4.ล.ละละอะออององเเงรรเณรณณตู ูตกูตกลกลงลงบบงนบนนSStStiigtgimmgmaaaยยอยอดอดเดเกกเสกสรสรตรตัวตัวเวัเมมเียมยี ียเเรรเยี รยี กียกวกว่าว่าก่ากาการราถรถา่ถ่ายยา่ เยเรรเณรณณู ู ู  55.5.ห.หลหลงัลังจจงั าจากกาเกเกกเดิกดิ กิดกาการราถรถ่าถ่ายยา่ เยเรรเณรณณู ูจจู ะจะเะเกกเดิกดิ ปิดปฏปฏิกฏิกิริกริยริยาิยาคคาลคลา้ล้ายย้ากยกาการรางรงอองกอกขกขอขององททง่อท่อล่อลงลงไไงปปไหปหาหารราังรังไไังขขไ่ข่ ่  66.6.ล.ละละอะออององเเงรรเณรณณู ูจจู ะจะแะแบแบง่บ่งเเ่งปปเน็ปน็ น็ 111สสเสเปปเิรปริ ์มิรม์ นม์นิวนวิ เวิเคคเลคลยีลียสียสส  77.7.ส.สเสเปปเิรปริ ์มริ์มผ์มผสผสมสมกมกับกบั เับเซซเลซลลลอ์ลอ์ ออ์ วอวุลวุลลุ เเรรเยี รียกยีกวกว่าว่ากก่าาการราปรปฏปฏสิฏิสนิสนธนธิ ธิ ิ  88.8.เ.เมมเ่อืม่ือเอ่ืเหหเน็หน็ แ็นแมแมลมลงลงมมงามาจจาับจับดับดอดอกอกไกไมมไ้ใม้ใหห้ใก้หก้ า้กาจจาัดจัดแัดแมแมลมลงลงเเงนนเอ่ืน่ืองอื่งจจงาจากากทกทาทาคาควควาวามมาเมเสสเยีสียหยีหาหายยาแยแกแกด่กด่ อ่ดอกอกไกไมมไ้ม้ ้ ตตอตอนอนทนที่ท่ี 22่ี 2คคาคาชาช้แีชแ้ี จีแ้จงจงง:: ใ:ใหหใ้นหน้ ัก้นักเกัเรรเยี รียนยีนเนเตตเิมติมคิมคาคาลลางลงใใงนนใชนช่อช่อง่องววงา่ ว่างง่าใใงหหใถ้ห้ถูกถู้กตูกต้อต้อง้องง ตอน.1.1.ท....1....ี่ก...ก1...า.กา...รค.รา...ถ.ำรถ....่าชถ..่า..ย..ย่าแี้ ..เ..ยเจร..ร..เณ.ง.รณ....ณ..ู:.ู.ค..คใ.ูท..ือ.หคือ..่ีม..อน้ือ....คี ะ..อักะ..ว.ไ.ะเไ..ราร..รไ..มีย..รก..กส.น...าก.า.ัมล.ร.ร.า.พ.าเ.รเ..ค.ก.คันเ..ล..คเล.ธ.ส..ือ่ล.่ือ์ก..น้.น.อื่.นัน..จ..ทน.ทใ.บั..ห่ีข.ท.ี่ข..ค..้ถอ่ีข.อ.ู่ข..ูกง.อ.ง..อ้ลต..ลง..คะ..ลอ้ะ...วอ.ะงอ...า.ออ..ม..ง..อง..ดเ..เงร..รา้..เณ..รณน....ณ..ูไซ.ูไ.ป..ป้า.ูไ...ตปย..ต..ก..ตก..(..บกก.บ...่อน.บ.น....นยน..ย..ปอ..ยอ....ดฏอ.ด...เ.ดิส.เก..ก..นเ..สก.ส..ธ.ร.ส.ร.ิ).ต..แรต...ัว.ตลัว...เ.วัะเ..ม..มเ.ด.ยี..มยี..้า...ยี....น.........ข...........ว........า............(....ห............ล........งั........ป...........ฏ.........ิส...........น.........ธ........ิ)..................................................................... 22.2.ก.กาการราปรปฏปฏิสฏิสนิสนธนธิ ธิคคิ ือคือออื ะอะไะไรรไรกกาการรารรวรวมวมกมกนักันขนัขอขององเเงซซเลซลลล์สล์สบืส์บื พืบพนัพนั ธนัธ์เุ ธเุ์พพ์เุ ศพศผศผู้แผู้แลู้และละเะเซซเลซลลลส์ล์สบื์สบื พบื พันพนั ธันธุเ์ ธุเ์พพ์ุเศพศเศเมมเยีมียยี หหรหรือรือือกกาการรารรวรวมวมกมกนักันขันขอขององง สสเสเปปเิรปิรม์ ริม์ น์มนวินวิ เวิเคคเลคลยีลียสยีสกสกับกบั เบั เซซเลซลลล์ไล์ไขขไ์ ่ใข่ในน่ใอนอออวอวลุ วลุ .ุล......................................................................................................................................................................................................................................... 33.3.ป.ปัจปัจจัจัยจัยทัยทาทางงาชชงีวชีวภีวภาภาพพาใพใดดใบดบา้บา้ งง้าชชง่วช่วย่วยใยในนใกนกาการราถรถา่ถา่ ยย่าเยเรรเณรณณูขูขอูขององพพงืชพชื ชื แแลและละชะช่วชว่ ย่วยอยอยอย่าย่างงา่ ไไงรรไรแแมแมลมลงลงงมมนมนุษนุษยุษย์ย์หห์ รหรือรือสือสตัสตั วัตวอ์ ว์อน่ื์อนื่ ืน่ โโดดโยดยไยไปปไ.ป............... กกรกระระทะทาทาใใาหหใ้ลหล้ ะ้ละอะออององเเงรรเณรณณจู ูจาจูากกายกยอยอดอดเดเกกเสกสรสรตรตัวตวั ผัวผไู้ผู้ไปปู้ไตปตกตกลกลงลงบบงนบนยนยอยอกอกเกเกกเสกสรสรตรตัวตวั เัวเมมเยีมยี .ีย..................................................................................................................................... 44.4.ป.ปัจปัจจจั ยัจยั ทยัทาทางงากกงาการราภรภาภาพพาใพใดดใบดบา้บ้างง้าททงี่ชท่ีชว่ี่ชวย่วยใยในนใกนกาการราถรถ่าถา่ ยย่าเยเรรเณรณณูขูขอูขององพพงืชพืชชื แแลและละชะช่วช่วย่วยอยอยอย่ายา่ งง่าไไงรรไรลลมลมมแแลและละนะนา้น้าา้โโดดโยดยลยลมลมชมชว่ชว่ ย่วยใยในนใกนกาการราถรถา่ถ่ายย่าย เเรรเณรณณขู ูขอูขององพพงืชพชื ทืชที่อที่อย่ีอยูบ่ยู่บนบู่ นบนบกบกกสสว่ส่วน่วนนน้าน้าช้ชา่วช่วย่วยใยในนใกนกาการราถรถ่าถา่ ยยา่ เยเรรเณรณณูขูขอูขององพพงชืพืชทืชท่ีอที่อยี่อยู่ใยใู่ นนใู่ นน้านา้ .า้............................................................................................................................... 55.5.ห.หลหลงัลังจจังาจากกาลกละละอะออององเเงรรเณรณณูตูตกูตกลกลงลงบบงนบนยนยอยอดอดเดเกกเสกสรสรตรตวัตวั เัวเมมเียมียยี เเกกเดิกิดกดิกาการราเรเปปเลปลย่ีลย่ี นี่ยนแนแปแปลปลงลงอองยอย่าย่างงา่ ไไงรรไรเเกกเิดกดิ ปดิปฏปฏกิฏิกิริกริยริยาิยาคคาลคล้าลา้ ยยา้ กยกับกับทับท่อท่อ่อ เเคคเลคลื่อลือ่ น่ือนทนท่ีลท่ีลงล่ีงสสงู่รสู่รัง่รูังไไงัขขไ.่ข.่....่.......................................................................................................................................................................................................................................................................................... 66.6.ล.ละละอะออององเเงรรเณรณณู ูมมู ีกมีกาีการราเรเปปเลปล่ียลยี่ นี่ยนแนแปแปลปลงลงอองยอย่าย่างง่าไไงรรไขรขณขณณะะงะงอองกอกทกทอ่ท่ออ่ ลละละอะออององเเงรรเณรณณูจจู ะจูะเะเกกเิดกิดกดิกาการราแรแบแบ่งบ่งเเ่งซซเลซลลลเ์ลเ์ปปเ์ ็นป็น็น222สสเสเปปเริปริ ม์ ิร์มนม์นิวนวิ เวิเคคเลคลียลียสียสส .......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... 77.7.ห.หลหลงัลงั จจังาจากกากกาการราปรปฏปฏิสฏสิ นิสนธนธิ ธิไไิขขไ่แข่แล่และละสะสเสเปปเริปริ ม์ ิร์มนม์นิวนวิ เวิเคคเลคลยีลียสียสสจจะจะเะเจจเรจริญรญิ ญิไไปปไเปเปปเน็ป็นอ็นอะอะไะไรรไ.ร.................ไ.ไซ.ซไโซโกกโตกต.ต........................................................................................... ทที่มท่มี า่ีมาา::h:hthtttpptsps::/s//:/gg/oogoo.o.gg.llg//lGG/zGzQQzQ99a9aBaBB

477 460 477 แนวคาตอบ ใบกิจกรรม เรอื่ ง ตรวจสอบความรู้ ตอนท่ี 1 คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นนาตวั อักษรหน้าข้อความด้านขวามือ ใส่ลงในช่องวา่ งด้านซ้าย ใหม้ ีความสัมพันธ์กนั ____C____1. Stigma A. สง่ิ ท่เี จรญิ มาจากเซลลไ์ ขแ่ ละสเปิร์มหลงั ปฏสิ นธิ ____B____2. สเปิรม์ นิวเคลยี ส B. ได้จากการเปลี่ยนแปลงของละอองเรณูขณะงอกท่อ โดย 2 ____D____3. ผเี ส้อื ____G____4. การถา่ ยเรณู เซลลจ์ ะเกดิ จาก 1 ละอองเรณู ____E____5. การปฏสิ นธิ C. ยอดเกสรตวั เมยี ____F____6. ลม และกระแสน้า D. ปัจจยั ทางชีวภาพทชี่ ่วยในการถา่ ยเรณู ____A____7. ไซโกต E. การรวมกันของ สเปริ ม์ นวิ เคลยี สกับไข่ F. ปัจจัยทางกายภาพทช่ี ่วยในการถ่ายเรณู G. การเคลื่อนท่ีของละอองเรณไู ปตกลงบนยอดเกสรตัวเมีย -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

478 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 เรอื่ ง การเจริญหลังการปฏสิ นธิ เวลา 2 ชว่ั โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง การสบื พันธข์ุ องพืชดอก ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ขอบเขตเนอื้ หา รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ การเจริญหลังการปฏสิ นธิ และการงอก กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ใบความรู้ เร่ือง การเปลยี่ นแปลงหลงั ปฏิสนธิ ของเมลด็ ขัน้ นา ของดอกไม้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. ครูนาเข้าสบู่ ทเรยี นโดยนาเสนอเงาของผลไม้ นักเรียนคาดเดาชื่อ 2. ใบกจิ กรรม เร่อื ง การเปล่ียนแปลงหลงั ดา้ นความรู้ ผลไม้ ครนู าเสนอภาพของผลไม้เพ่ือเฉลยคาตอบ จากนั้นนักเรียน ชว่ ยกันวิเคราะหว์ ่าผลไมด้ ังกลา่ วพบท่ีภาคใดของประเทศไทยบา้ งและมี ปฏสิ นธิของดอกไม้ 1. อธบิ ายการเกดิ ผลและเมลด็ ได้ จานวนเมลด็ เท่าใด ผลไมท้ ่ีนามาใช้ ได้แก่ 3. ใบความรู้ เรื่อง การกระจายและการงอกของ 2. อธิบายการกระจายของเมล็ดและการ งอกของเมล็ดได้ - มะพรา้ ว (พบทุกภาคของประเทศไทย มี 1 เมล็ด) เมล็ด - มงั คุด (พบทุกภาคของประเทศไทย มี ประมาณ 4-7 เมล็ด 4. ใบกิจกรรม เร่ือง การกระจายและการงอก สงั เกตเมล็ดไดจ้ ากจานวนกลีบเลี้ยงทีอ่ ย่ทู ี่ข้วั ของผล) - มะม่วง (พบทุกภาคของประเทศไทย มี 1 เมลด็ ) ของเมลด็ 2. นกั เรียนตอบคาถาม โดยครใู ช้คาถามดงั นี้ 5. กระดาษขนาด 10x10 เซนตเิ มตร สาหรบั - นักเรียนคิดว่าเมล็ดและผลเจริญมาจากสว่ นใดของดอกไม้ (นกั เรียนตอบคาถามตามความเข้าใจ อาจจะตอบผดิ หรือตอบถูก โดย กจิ กรรม Exit ticket คาตอบทีถ่ ูกคือ เมลด็ เจริญมาจากออวลุ ผลเจริญมาจากรงั ไข่ จากนัน้ ครู 6. สื่อ Power Point ประกอบกจิ กรรมการ แจ้งเรอ่ื งทีจ่ ะเรยี น จดุ ประสงค์ มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชว้ี ัด) ขนั้ สอน เรียนรู้ 1. นักเรียนศึกษาการเปลี่ยนแปลงภายในเกสรตวั เมียหลงั จากการ ภาระงาน/ชนิ้ งาน ปฏิสนธิ จากใบความรู้ เรอื่ ง การเปลี่ยนแปลงหลังปฏสิ นธิของดอกไม้ 1. ใบกจิ กรรม เร่อื ง การเปลยี่ นแปลงหลัง ปฏิสนธขิ องดอกไม้ 2. ใบกจิ กรรม เร่อื ง การกระจายและการงอก ของเมลด็ 461 478

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 เรอื่ ง การเจรญิ หลังการปฏิสนธิ 479 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง การสบื พันธข์ุ องพืชดอก รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชว่ั โมง ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 2. นกั เรียนทาใบกิจกรรมเรอื่ ง การเปล่ียนแปลงหลังการปฏสิ นธิ 3. ผลงานกิจกรรม Exit ticket ของพืชดอก 3. นักเรียนและครูร่วมกนั เฉลยใบกจิ กรรม เรือ่ ง การเปลี่ยนแปลง หลังการปฏสิ นธิของพชื ดอก 4. นกั เรียนศกึ ษาการกระจายและการงอกของเมลด็ จากใบความรู้ การกระจายและการงอกของเมล็ด จากน้นั ทาใบกจิ กรรมเร่อื ง การกระจายและการงอกของเมลด็ 5. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยใบกจิ กรรม เรือ่ ง การกระจายและ การงอกของเมล็ด ขนั้ สรปุ 1. นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายเพ่ือลงข้อสรปุ โดยครใู ช้คาถาม ดงั น้ี 1.1 หลังการปฏสิ นธิ รงั ไข่ ออวลุ และเซลล์ไข่ มีการเปลยี่ นแปลง อย่างไรบ้าง (รงั ไขเ่ จรญิ ไปเป็นผล ออวุลเจริญไปเป็นเมล็ด และเซลล์ไข่ รวมกับสเปริ ์มกลายเป็นไซโกตและพัฒนาไปเป็นตอนออ่ นตามลาดบั ) 1.2 ผลไมท้ มี่ ี 5 เมล็ด จะเปน็ ผลไมท้ ี่เกดิ จากดอกที่มีจานวนรังไข่ และออวลุ เทา่ ใดตามลาดับ (หนึง่ ดอก ประกอบดว้ ย 1 รงั ไข่ และ 1 ออวุล) 462 479

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 4 เรอ่ื ง การเจริญหลังการปฏสิ นธิ 480 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การสืบพันธ์ขุ องพืชดอก รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ชว่ั โมง ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 1.3 การปฏิสนธเิ ชงิ ซ้อนหมายถึงอะไร (การปฏิสนธิในพชื เพราะ ในการถา่ ยละอองเรณู จะเกิดสเปิรม์ 2 เซลล์ เซลล์ที่ 1 ผสมกับไข่ใน ออวุล ได้ไซโกต สว่ นเซลลท์ ี่ 2 ผสมกับพอลาร์นวิ คลไี อ เกิดเปน็ เอนโนด สเปิรม์ ) 1.4 เอนโดสเปริ ์ม อยู่ในสว่ นใดของพืช และทาหน้าท่ีใด (เอนโนด สเปริ ์มอยูใ่ นเมล็ด ทาหน้าทเ่ี ปน็ อาหารเล้ียงต้นอ่อนขณะท่ียังไม่งอกออก จากเมลด็ ) 1.5 การกระจายของเมลด็ พันธ์มุ ผี ลดีหรอื ผลเสยี ต่อพืช อยา่ งไร (ผลดี เพราะทาให้พืชสามารถขยายพันธไ์ุ ด้ในบริเวณกว้างมากขน้ึ เปน็ การเพิ่มโอกาสในการดารงเผ่าพนั ธ)ุ์ 1.6 ปจั จยั ใดบ้างท่ีส่งผลต่อการกระจายพนั ธุข์ องเมล็ด (ลม นา้ คนและสตั ว์ ลกั ษณะของเมล็ด) 1.7 ลมจะเอือ้ ต่อเมล็ดหรือผลลักษณะใดสามารถกระจายไดด้ ี (เมล็ดหรือผลท่ีเบา มโี ครงสร้างทีบ่ นิ ไดเ้ มื่อโดนลม เชน่ ลกู ยางนา) 1.8 น้าจะทาให้เมล็ดหรือผลลักษณะใดสามารถกระจายตวั ได้ดี (เมล็ดหรือผลทเี่ บา ลอยน้าได้ เช่น ผลมะพร้าว) 1.9 คนและสัตวจ์ ะทาใหเ้ มลด็ หรอื ผลลกั ษณะใดสามารถกระจาย ตัวไดด้ ี (เมลด็ หรือผลท่ีเหนยี ว หรือยึดเกาะได้ดี จะติดตวั มนุษย์หรือสัตว์ 463 480

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 4 เรอื่ ง การเจริญหลังการปฏสิ นธิ 481 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง การสืบพันธุข์ องพชื ดอก รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชวั่ โมง ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ไปในท่ตี า่ งๆ) 1.10 เมอ่ื เมลด็ อยใู่ นสภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมจะเกดิ การงอก ปัจจัยในการงอกมีอะไรบ้าง (นา้ อณุ หภมู แิ ละแก๊สออกซิเจน) 1.11 แสงแดด เป็นปัจจัยในการงอกหรือไม่ อย่างไร (แสงเปน็ ปัจจยั ในการงอกของพืชบางชนิด ส่วนมากพืชไม่ต้องการแสงในขณะ งอก จงึ สามารถกลบดินทบั เมลด็ ได้เลย แสงจะเปน็ ปจั จัยในการ เจริญเติบโตของพืชหลังจกงอกไปแลว้ ) 1.12 ในการงอก สว่ นใดของพชื จะออกมากเมล็ดเป็นลาดบั แรก (เรดิเคลิ หรือรากแรกเกิด) 1.13 ส่วนประกอบใดทาหน้าทส่ี ร้างอาหารให้ต้นออ่ นในขณะทใ่ี บ แทย้ งั ไม่สามารถสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ (ใบเลี้ยง) 1.14 พชื ใบเลีย้ งเดีย่ วและใบเลย้ี งคู่ แตกต่างกันย่างไร (พชื ใบ เลยี้ งเด่ยี ว มใี บเล้ยี งเพียง 1 ใบ สว่ นพืชใบเลยี้ งคมู่ ใี บเลีย้ ง 2 ใบ) 1.15 ใบเลยี้ งมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งไรเม่ือใบแทส้ ามารถ สงั เคราะหแ์ สงเองได้ (หลดุ ร่วงและสลายไป) 2. ครใู ช้ Exit ticket ในการสะทอ้ นผลหลงั จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ มี ลาดบั ขนั้ ตอนดังน้ี 2.1 ครูแจกกระดาษ Sticky note หรอื กระดาษสีขาว ขนาด 464 481

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 6 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง การเจริญหลังการปฏิสนธิ 482 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การสบื พันธข์ุ องพชื ดอก รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชวั่ โมง ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ประมาณ 10x10 เซนตเิ มตร 2.2 นักเรยี นเขียนขอ้ ความลงบนกระดาษ ดงั นี้ - ส่งิ ที่ไดเ้ รียนรู้ 3 อย่างขึน้ ไป - สง่ิ ที่นาไปใชป้ ระโยชน์ 2 อยา่ งข้นึ ไป - สิ่งทส่ี งสัยหรือยังไมเ่ ขา้ ใจ 1 อย่างขึน้ ไป 2.3 นักเรยี นนากระดาษสง่ ครจู งึ จะสามารถออกนอกห้อง 465 482

483 466 483 การวดั ผลและประเมินผล ประเด็นการประเมิน วธิ กี ารวดั เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน - ใบกิจกรรม เรื่อง การ คะแนนในใบกจิ กรรมแต่ - อธิบายการเกิดผล - ทาใบกิจกรรมการ เปลี่ยนแปลงหลังการ ละประเดน็ ไดค้ ะแนน ปฏิสนธิของดอกไม้ ร้อยละ 60 ขน้ึ ไป และเมล็ดได้ เปล่ียนแปลงหลงั การ ปฏิสนธขิ องดอกไม้ - อธิบายการกระจาย - ทาใบกิจกรรม การ - ใบกิจกรรม เรอื่ ง การ ของเมลด็ และการงอก กระจายและการงอกของ กระจายและการงอกของ ของเมล็ดได้ เมล็ด เมล็ด เกณฑ์การประเมนิ ผลการประเมนิ การประเมนิ ดมี าก (ผ่าน) ดี (ผา่ น) พอใช้ (ไม่ผา่ น) ปรับปรุง (ไม่ผา่ น) คะแนนจากใบกิจกรรม 8-10 6-7 1-5 0

484 467 484 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค ..................................................................................................................................... ..................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ........

468 485 ใบความรู้ที่ 1 เร่ือง การเปล่ยี นแปลงหลังปฏสิ นธิของดอกไม้ 485 หนว่ ยที่ 65 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 การเจริญหลังการปฏิสนธิ รารายยววิชชิ าาววทิ ิทยยาาศศาาสสตตรร์ พ์ รื้นหฐสั าวนชิ ารหวสั 21ว1203101ภาภคาเครเียรนยี ทน่ีท1่ี 1ชช้นั ้ันมมัธธั ยยมมศศึกกึ ษษาาปปที ี่ 11 การปฏิสนธขิ องพืช (Plant fertilization) คือ การรวมกนั ของเซลล์ไข่ กับสเปิรม์ หลงั การปฏสิ นธิ เกดิ การเปลย่ี นแปลงดังนี้ กลีบดอก เกสรตวั ผู้ ยอดเกสรเมยี ร่วงโรยและสลายไป รังไข่ (Ovary) เจริญและเปล่ียนแปลงเปน็ ผล (Fruit) ผนังรงั ไข่ (Ovary wall) เจรญิ ไปเป็นเผลือกและเน้ือของผล ออวลุ (Ovule) อย่ภู ายในรังไข่ เจริญไปเปน็ เมลด็ (Seed) ผนังออวุล เจริญไปเปน็ เปลือกหมุ้ เมลด็ ไข่ (Egg) ซึง่ อยใู่ นออวุล และ สเปริ ์ม เซลล์ที่ 1 (Sperm รวมกันเปน็ ไซโกต (Zygote) และเจริญ ไปเป็นตน้ อ่อน พอลารน์ วิ คลีไอ (Polar nuclei) ในออวลุ ผสมกับสเปริ ์ม เซลลท์ ี่ 2 กลายเปน็ เอนโดสเปิร์ม (Endosperm) ทาหน้าที่เป็นอาหารเลีย้ งเอมบริโอในเมลด็ เนอ่ื งจากการถา่ ยละอองเรณู ทาใหเ้ กดิ สเปิร์ม 2 เซลล์ และสเปิรม์ แต่ละตัว ได้ผสมกับเซลล์ไข่ และ พอลารน์ ิวคลไี อ จึงเรียกการปฏสิ นธิของพชื ว่า การปฏิสนธเิ ชงิ ซ้อน (Doubble fertilization) ภาพท่ี 6.4.1 เกสรตัวเมีย ภาพที่ 6.4.2 ผลและเมลด็ แอนติโพดลั สลายไป เอนโดสเปิร์ม พอลารน์ วิ คลไี อ + สเปริ ์มเซลล์ท่ี 2 เซลล์ไข่ + สเปิร์มเซลลท์ ี่ 1 เอมบรโิ อ โอ Synergid สลายไป ภาพที่ 6.4.4 ส่วนประกอบเมลด็ ภาพที่ 6.4.3 ส่วนขยายออวุล

486 469 486 ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การเปลย่ี นแปลงหลงั ปฏิสนธขิ องดอกไม้ หนว่ ยท่ี 65 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 การเจริญหลงั การปฏสิ นธิ รารายยววชิ ชิ าาววทิ ิทยยาาศศาาสสตตรร์ ์พรืน้ หฐัสาวนชิ ารหวสั 21ว1203101ภาภคาเครเยี รนียทนี่ท1่ี 1ชช้นั ัน้ มมัธธั ยยมมศศกึ กึ ษษาาปปีทีที่ 11 ตอนทตี่ อ1นคทา่ี ช1ี้แคจำงช้แี :จใงห้น: ใักหเ้นรียกั นเรลยี านกลเาสก้นเสจน้ บั จคับขู่ ค้อู่ขค้อวคาวมามดด้านา้ นซซา้ า้ยย((กก่อ่ นปฏิสนนธธิ))ิแแลละะดด้า้านนขขวาวา(ห(ลหังลปงั ฏปสิ ฏนสิ ธน)ิ ธิ) ทม่ี ีคทวีม่าคีมวสามั มพสันมพธก์ันันธ์กใหันใ้ถหูกถ้ ตกู ้อตง้อง 1. กลบี เลยี้ ง 2. รงั ไข่ สลายไป 3. เกสรตวั ผู้ ผล 4. กลีบดอก เมลด็ 5. ออวุล เปลอื กหุ้มเมลด็ 6. ผนังรังไข่ เอนโดสเปิร์ม 7. เซลลไ์ ข่ เปลอื กผล 8. ยอดเกสรตัวเมยี เน้ือของผล 9. ผนังออวลุ เอมบรโิ อ 10. พอลาร์นวิ คลีไอ

ใบความร้ทู ี่ 2 เรือ่ ง การกระจายและการงอกของเมลด็ หน่วยท่ี 65 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 4 การเจรญิ หลังก4า8ร7ปฏสิ นธิ 470 รายราวยชิ วาิชวาิทวยิทายศาาศสาสตตรร์ ์พรน้ืหฐัสาวนชิ ารหวัส2ว121301101ภภาาคคเรเรียยี นนทท่ี ี่11 ชชนั้ น้ั มมธั ัธยยมมศศกึ กึษษาปาปที ่ีท1ี่ 1 487 การกระจายของเมลด็ เป็นปัจจยั ทท่ี าให้เกิดการแพร่พันธข์ุ องพชื เมลด็ ของพืชจะเกิดการกระจาย พนั ธ์มุ ากน้อยเพียงใด ข้ึนกบั ลักษณะของเมล็ดและปัจจยั ต่างๆ ดงั นี้ ลม ชว่ ยให้เมลด็ พืชท่ีเล็ก เบา และปลิวงา่ ย เกิดการกระจายพนั ธ์ุในระยะท่ีไกลขน้ึ เช่น ลูกยางนา ผลของงิว้ แคนดิไลออน เป็นต้น ภาพที่ 6.4.5 แคนดิไลออน ภาพท่ี 6.4.6 ยางนา ภาพท่ี 6.4.7 ผลงิว้ https://goo.gl/6z5JZk https://goo.gl/ANXYTG https://goo.gl/nZ1Mk2 นา้ ชว่ ยใหเ้ มล็ด หรอื ผล ที่ เบา และลอยน้าได้เกิดการกระจายพันธ์ไุ ด้ไกลข้ึน เช่น ผลมะพรา้ ว ลาพู บัว ภาพท่ี 6.4.8 มะพร้าวลอยนา้ ที่มา : https://goo.gl/wxDYVk มนุษย์และสัตว์ ชว่ ยใหผ้ ลหรอื เมล็ดท่ีมหี นาม มเี งี่ยง มยี างเหนยี ว สามารถกระจายพนั ธ์ไุ ดไ้ กลข้ึน โดย จะติดมนุษย์หรอื สตั วไ์ ปตกได้ไกลข้ึน เช่น หญา้ เจา้ ชู้ ข้ีครอก เปน็ ตน้ บางชนิดดีดหรอื แตก เพื่อใหเ้ มล็ดกระเด็นออกไปไกลจากต้น เชน่ ต้อยต่งิ ภาพท่ี 6.4.9 ขค้ี รอก ภาพที่ 6.4.10 หญ้าเจา้ ชู้ ภาพท่ี 6.4.11 ตอ้ ยต่ิง ทีม่ า : https://goo.gl/GMWpXb ที่มา : https://goo.gl/pHbtxP ทม่ี า : https://goo.gl/gbfZnF

488 471 488 การงอกของเมล็ด เมื่อเมลด็ ไปตกในสภาพแวดล้อม ที่เหมาะสมจะเกิดการงอกของเมล็ด โดยเอ็มบรโิ อภายในเมล็ดจะ เจริญออกมา โดยระยะแรกจะอาศยั อาหารทีส่ ะสมภายในเมล็ด จนกระทั่งใบแทพ้ ฒั นา จนสามารถสงั เคราะห์ ด้วยแสงไดเ้ ต็มที่และสร้างอาหารได้เองตามปกติ ปัจจัยท่ีสง่ ผลต่อการงอกของเมล็ด ไดแ้ ก่ น้า และอณุ หภูมิ แกส๊ ออกซเิ จน พืชส่วนมากไม่ตอ้ งการแสง ในการงอก จงึ สามารถฝงั เมล็ดและใช้ดนิ กลบไดเ้ ลย ส่วนมากแสงจะมผี ลตอ่ พืชในการสังเคราะห์แสงหลงั จากท่ี งอกออกมาแลว้ ภาพที่ 6.4.12 แสดงการงอกของเมล็ดถ่ัวเขยี ว ทมี่ า : http://119.46.166.126/self_all/selfaccess7/m1/400/lesson5/image/24.png การงอกเริม่ จาก เรดิเคิล (radicle) แทงผา่ นรไู มโครไพล์ (micropyle) ของเมลด็ ออกมากลายเป็น รากแรกเกิด (primary root) ซ่ึงจะเจริญเปน็ รากแกว้ และจะมรี ากชดุ สอง ( secondary root ) แตกออกไป เพ่ือช่วยคา้ จุน จากน้นั ใบเลีย้ งจะงอกตามมา พืชใบเลี้ยงคูม่ ีใบเลี้ยง 2 ใบ พืชใบเล้ียงเด่ียวมีใบเล้ยี ง 1 ใบ ใบเลี้ยงทาหนา้ ท่สี ังเคราะห์แสงเพ่อื สร้างอาหารเลยี้ งตน้ อ่อน ขณะท่ีใบแท้ยังไม่สามารถสังเคราะห์แสง ได้ เมอื่ ใบแท้เจริญเติบโตและสามารถสังเคราะหแ์ สงได้เอง ใบเล้ียงจะเรมิ่ รว่ งโรยและสลายไป ตน้ อ่อนจะ เจรญิ เตบิ โตและเม่ือเข้าสวู่ ัยเจริญพนั ธ์ุ จะสร้างดอกและเกิดการปฏิสนธอิ ีกคร้ัง

472 489 489 ใบกจิ กรรมที่ 2 เร่อื ง การกระจายและการงอกของเมล็ด หนว่ ยท่ี 65 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 การเจริญหลังการปฏสิ นธิ รราายยววิชชิ าาววทิ ิทยยาาศศาาสสตตรร์ ์พรนื้ หฐสั าวนชิ ราหวสั 2ว121310101ภาภคาเครเยี รนียนทท่ี 1ี่ 1ชชั้นัน้ มมัธัธยยมมศึกษาปที ่ี 11 ตอนที่ 1 คาชแี้ จง : ให้นักเรียนเขยี นคาตอบลงในช่องท่ีกาหนดใหถ้ กู ต้อง การแตกตวั ของฝัก ปัจจยั ลม น้า มนษุ ย์หรือสัตว์ วิธกี ารกระจายพันธุ์ ตัวอย่างพชื ตอนที่ 2 คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนเรยี งลาดับการงอกของเมล็ด โดยใส่ตวั เลขหนา้ ขอ้ ความที่กาหนดให้ ______ Secondary root เจริญออกเป็นแขนงเพ่ือช่วยค้าจุน ______ ใบแทเ้ จริญเติบโตและสร้างอาหารดว้ ยตนเอง ______ เมลด็ ได้รับความชน้ื เปลอื กหุ้มเมลด็ ยุ่ย ______ ใบเลี้ยงโผลอ่ อกมาเพอื่ ชว่ ยสงั เคราะหแ์ สง ในขณะท่ีใบแท้ยงั ไม่สามารถสงั เคราะห์แสงเองได้ ______ ใบเลี้ยงหลดุ ร่วง ______ Radicle เจริPญออออกกจจาากกรรไู มูไมโค่โครรไพไพลล์ก์กลลายาเยปเปน็ ็นPrPimrimarayryrorotot

490 473 490 แนวคาตอบ ใบกิจกรรม เร่ือง การเปลี่ยนแปลงหลังการปฏิสนธขิ องดอกไม้ ตอนที่ 1 คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนลากเส้นจับคู่ข้อความด้านซ้าย (ก่อนปฏสิ นธ)ิ แแลละะดด้าา้นนขขววาา(ห(หลลังปงั ปฏฏสิ นสิ นธิ)ธิ) ทมี่ คี วามมสสมั มั พพนั ันธธ์กก์ นั ันใใหห้ถ้ถูกูกตต้ออ้ งง 1. กลบี เลย้ี ง 2. รงั ไข่ สลายไป 3. เกสรตวั ผู้ ผล 4. กลบี ดอก เมลด็ 5. ออวุล เปลอื กหมุ้ เมล็ด 6. ผนังรงั ไข่ เอนโดสเปริ ์ม 7. เซลล์ไข+่ สเปริ ์ม เปลอื กผล 8. ยอดเกสรตวั เมีย เน้ือของผล 9. ผนังออวุล เอมบรโิ อ 10. พอลารน์ ิวคลไี อ

491 474 491 แนวคาตอบ ใบกิจกรรม เร่อื ง การกระจายและการงอกของเมลด็ ตอนที่ 1 คาช้ีแจง : ให้นักเรียนเขยี นคาตอบลงในชอ่ งทีก่ าหนดให้ถกู ต้อง ปัจจยั ลม น้า มนุษย์หรือสตั ว์ การแตกตัวของฝัก วธิ กี ารกระจายพันธุ์ ลมช่วยพัดเมล็ดให้ เมลด็ หรอื ผล ไปตกในบริเวณท่ี เคล่ือนท่ีไปตาม เมล็ดที่มี เมือ่ ฝักแตกตวั จะทาให้ ตัวอย่างพืช ไกลขึน้ การไหลของน้า ความสามารถใน เมล็ดกระเดน็ ไปไดไ้ กล การยดึ เกาะ และมี จากต้นเดมิ ความเหนยี วจะ ติดตามผิวหนงั หรือ เครอ่ื งแตง่ กาย ยางนา ผลของงว้ิ มะพร้าว ลาพู หญา้ เจา้ ชู้ ขีค้ รอก ต้อยต่งิ แคนดไิ ลออน ตอนท่ี 2 คาชี้แจง : ให้นกั เรียนเรียงลาดับการงอกของเมล็ด โดยใส่ตัวเลข 1-6 หน้าข้อความทีก่ าหนดให้ ___3___ Secondary root เจรญิ ออกเป็นแขนงเพ่อื ช่วยค้าจนุ ___6___ ใบแท้เจริญเตบิ โตและสร้างอาหารด้วยตนเอง ___1___ เมลด็ ไดร้ ับความชื้น เปลือกหุ้มเมล็ดยุ่ย ___4___ ใบเลย้ี งโผลอ่ อกมาเพื่อช่วยสังเคราะหแ์ สง ในขณะท่ใี บแทย้ งั ไมส่ ามารถสังเคราะห์แสงเองได้ ___5___ ใบเลีย้ งหลุดรว่ ง ___2___ Radicle เจรญิ ออกจากรไู มโครไพล์กลายเป็น Primary root


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook