292 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง ลกั ษณะของเซลล์และหน้าท่ี หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 เรือ่ ง เซลลแ์ ละองคป์ ระกอบ เวลา 2 ช่ัวโมง ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. รูปภาพใบไม้ เนือ้ สตั ว์สาหรบั กจิ กรรม 1. ลกั ษณะของเซลลท์ ส่ี ัมพันธก์ ับหน้าท่ี ขนั้ นา ขัน้ นา 2. ใบความรู้ท่ี 1 เรื่อง ลักษณะของเซลล์ 1. ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ และ พืชและเซลลส์ ัตว์ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ตัวชวี้ ดั 3. ใบความรู้ที่ 2 เร่ือง รูปร่างและลักษณะ ดา้ นความรู้ 2. ครูนาเข้าสบู่ ทเรยี นด้วยกิจกรรมสารวจลกั ษณะของใบไม้ กับหน้าที่ของเซลล์ 4. ใบกิจกรรมที่ 1 เร่ือง ลกั ษณะรูปรา่ ง 1. เปรยี บเทยี บลักษณะของเซลลพ์ ืชและเซลล์ และ เนอ้ื สตั ว์ โดยครเู ตรียมตัวอยา่ งใบไม้ และเนื้อสัตว์ เช่น เน้ือ ของเซลล์ สตั ว์ ไก่ หรือเน้ือววั ชน้ิ เลก็ ๆโดยกาหนดประเด็นในการสงั เกตต่อไปนี้ 5. ใบกิจกรรมที่ 2 เร่ือง แบบจาลองเซลล์ 2. อธบิ ายลกั ษณะของเซลลช์ นดิ ตา่ งๆ กับหน้าท่ี ตัวอย่างภาพประกอบ กบั หน้าที่ ได้ถูกตอ้ ง 6. กลอ้ งจลุ ทรรศน์ 7. ดนิ น้ามัน ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 8. กระดานฟิวเจอรบ์ อร์ด 9. เซลล์พืช เซลลก์ ล้ามเน้ือ 1. ใชก้ ล้องจุลทรรศน์ในการศกึ ษารูปรา่ งลักษณะ ภาระงาน/ช้ินงาน ของเซลล์พชื และเซลลส์ ัตวไ์ ด้อยา่ งถูกต้อง 1. ใบกจิ กรรมท่ี 1 เรือ่ ง ลักษณะรปู ร่าง 2. การสังเกตและการจดบันทึกข้อมลู และการ ของเซลล์ 2. ใบกจิ กรรมที่ 2 เรื่อง แบบจาลองเซลล์ กวารดวภาาดพภาพ ภาพท่ี 3.3.1 ตัวอยา่ งใบไม้ 3. การสรา้ งแบบจาลองนาเสนอขอ้ มลู หนา้ ห้องเรียน ภาพท่ี 3.3.2 ตัวอย่างเน้ือสตั ว์ 275 292
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 เรือ่ ง ลกั ษณะของเซลล์และหน้าที่ 293 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เร่ือง เซลลแ์ ละองคป์ ระกอบ เวลา 2 ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 รายวิชาวิทยาศาสตร์ (กสลี,่นิ กลริ่นูป--รรใ่าูปใบงบร,ไไ่ามลมง้กั้แ,ษแลลลณะักะะษเน)ณเ้ืนอะสอ้ื )ตัสวตั ์ วม์ สี ม่ิงีสใด่ิงเใหดมเหอื มนือหนรือหตร่าืองตก่านั งบก้าันงบ(้าสงี, กบั หนา้ ท่ี - นักเรียนคิดวา่ เซลลข์ องใบไม้และเน้ือสัตว์ มคี วามเหมอื น หเหรมือือตน่างหกรันอื หตา่รงอื กไมัน่หอรยือ่าไงมไ่รอยค่ารงยู ไงัรไมค่เรฉูยลงั ยไมคเ่ �ำฉตลอยบคาจตาอกบนนั้จากน้นั นกั เรยี นค้นควา้ เพ่ือหาคาตอบจากใบความรู้ เรื่อง ลกั ษณะของ เซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์) ขั้นสอน 1. ครใู หน้ กั เรียนศกึ ษาจากใบความรู้ เรอื่ ง ลักษณะของเซลล์ พชื และเซลล์สัตว์ 2. นกั เรยี นทาใบกจิ กรรม เร่ือง ลักษณะรูปรา่ งของเซลล์ โดย การศกึ ษาลกั ษณะของเซลลเ์ ย่ือหอม เซลล์ใบไม้ และเซลลเ์ ย่อื บุ บแุแกก้ม้ม เซเซลลลลก์ ์กลลา้ ้ามมเเนนื้อื้อขของสัตว์ ผ่านการใชก้กลล้อ้องงจจลุ ุลททรรรรศศนน์ ด์ ดังังนนี้ ี้ 2.1 ครูอธบิ ายลกั ษณะและหนา้ ที่ของเซลล์ท่ีจะศึกษาผ่าน กลอ้ งจุลทรรศน์ 2.2 นักเรียนแบง่ กล่มุ ศึกษาและจดบนั ทึกในใบกจิ กรรม 2.3 นักเรียนทง้ั ชั้นเรียนรว่ มกันแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ โดยครูใช้ ประเด็นคาถามดังน้ี - บอกความแตกต่างของเซลล์ทศ่ี ึกษาแต่ละชนิด 276 293
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง ลกั ษณะของเซลลแ์ ละหนา้ ที่ 294 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง เซลล์และองค์ประกอบ รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ชวั่ โมง ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 - อธิบายลักษณะของเซลล์ที่ศึกษาแตล่ ะชนดิ - เพราะเหตุใดรูปร่างเซลลท์ ่ศี กึ ษาจึงมีลักษณะ แตกต่างกัน 3. นักเรยี นทาใบกิจกรรม เรื่อง แบบจาลองเซลล์กับหน้าที่ โดย ศึกษาจากใบความรู้เร่อื ง รปู รา่ งและลกั ษณะกบั หนา้ ทขี่ องเซลล์ แล้วออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรียน ขน้ั สรปุ 1. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายเพ่ือสรุปความรู้ เร่ือง รูปรา่ ง และลกั ษณะของเซลลก์ บั หนา้ ที่ โดยครูใชค้ าถามดงั น้ี 1.1 เซลลพ์ ชื กบั เซลลส์ ตั วม์ ลี กั ษณะแตกตา่ งกนั อย่างไรบา้ ง (รูปร่าง ,สี ) 1.2 ลกั ษณะของเซลล์แต่ละชนิดที่ศึกษา - เซลล์คุม มีคลอโรฟิลลส์ เี ขียวชว่ ยในการสงั เคราะหแ์ สง - เซลล์ขนราก มีขนขนาดเล็กสขี าวจานวนมาก - เซลลเ์ ม็ดเลือดแดง ไม่มนี ิวเคลียส ตรงกลางเป็นแอ่ง เพือ่ เพม่ิ พ้นื ทใ่ี นการขนสง่ กา๊ ซออกซเิ จน - เซลลก์ ลา้ มเนอ้ื ลาย มลี กั ษณะยาวเปน็ ทรงกระบอก - เซลล์ประสาท มีแขนงมากเพ่อื เพิม่ ประสิทธิภาพของ ในการสง่ กระแสประสาท 277 294
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง ลกั ษณะของเซลล์และหน้าท่ี 295 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง เซลลแ์ ละองค์ประกอบ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 - เซลล์อสุจิ มหี างยาวเพ่ือช่วยในการว่ายนา้ ในการ ปฏสิ นธิ - เซลล์ไข่ไก่ มีเปลือกแข็งแรงเพ่ือป้องกันอันตราย - -เซเลซลล์ย์ยกู ูกลลนี นี าา มมสี สี เี ขเี ขียยี ววแแลละะมมหี หี าางงยยาาวเพ่ือช่วยในการ สังเคราะหแ์ สงและวา่ ยนา้ เคล่ือนท่ี 278 295
296 279 296 การวัดผลและประเมินผล ประเดน็ การประเมนิ วิธีการวดั เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ - ใบกจิ กรรม เรอื่ ง ทาใบกิจกรรมไดค้ ะแนน - อธบิ ายรปู ร่างและ - ทาใบกิจกรรม ลกั ษณะของเซลลพ์ ืช ร้อยละ 60 ขึน้ ไป และเซลล์สตั ว์ ลักษณะของเซลลแ์ ตล่ ะ ชนิดได้ - บอกความสัมพันธ์ - ทาใบกิจกรรม - ใบกจิ กรรม เรื่อง ระหว่างรูปรา่ งกับหน้าที่ แบบจาลองของเซลล์กบั ของเซลล์ได้ หน้าที่ เกณฑก์ ารประเมิน การประเมิน ผลการประเมิน คะแนนจากใบ ดมี าก (ผ่าน) ดี (ผา่ น) พอใช้ (ไม่ผ่าน) ปรับปรุง (ไมผ่ า่ น) ใกบจิ กกจิ รกรรมรม 8-10 6-7 1-5 0
297 280 297 8. บันทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ..................................................................................................................................................................... ..... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารหรือผทู้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ............
298 281 298 ใบความรู้ที่ 1 ลักษณะของเซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ หน่วยท่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอื่ ง ลกั ษณะของเซลลแ์ ละหนา้ ท่ี รารยาวยิชวาชิ าวิทวยทิ ายศาาศสาตสรตพ์ ร์น้ื รฐหาสั นวิชรหาัสว2ว121301101ภาภคาเครเยี รนยี ทน่ีท1่ี 1ชัน้ชมน้ั ธัมยัธมยศมกึศษกึ าษปาทีปี่ท1ี่ 1 เซลลพ์ ชื เซลล์พืช อาจจะมีรูปร่างและส่วนประกอบบางประการแตกต่างกันบ้าง เช่น เซลล์สาหร่ายหาง กระรอก และเซลล์เยื่อหอม จะมีรูปร่างเป็นช่องๆ ส่ีเหล่ียมเหมือนกัน แต่เซลล์ว่านกาบหอยจะมีรูปร่าง 2 แบบ คือ ลักษณะเป็นช่องสี่เหล่ียม และมีรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วอยู่ภายในซึ่งเรียกว่า เซลล์คุม (Guard cell)ภภาายยในในเซเซลลลลค์ ์คุมุมจจะะมมีเมเี มด็ ลส็ดีเขสยีเขวยี เลวก็เลๆก็ จาๆนจว�ำนนมวานกมาคกือคือคลคอลโอรโพรลพาลสาตส์ ต์ ภาพที่ 3.3.3 ว่านกาบหอยแครง ภาพท่ี 3.3.4 สาหรา่ ยหางกระรอก ภาพที่ 3.3.5 หัวหอมแดง ภาพที่ 3.3.6 ลกั ษณะของเซลล์พชื ภาพที่ 3.3.7 ปากใบพืช ภาพที่ 3.3.8 เซลลค์ มุ ภาพที่ 3.3.9 เซลลเ์ ยอ่ื หอมส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์
299 282 299 เซลล์สตั ว์ เซลล์สัตว์จะมรี ปู รา่ งกลมๆ แต่บางชนดิ ก็อาจจะมีรูปร่างตา่ งกนั ไปเพื่อไปทาหนา้ ทเ่ี ฉพาะอยา่ ง เชน่ เซลล์กล้ามเน้อื เซลลป์ ระสาท จะมีลกั ษณะเปน็ เส้นยาวๆ ภาพที่ 3.3.10 เนื้อสัตว์ ภาพที่ 3.3.11 เซลล์สตั ว์ ความแตกต่างระหว่างเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ เซลล์สัตว์ เซลล์พืช 1. สว่ นใหญ่มลี กั ษณะกลม หรือ รี 1. โดยท่ัวไป มลี ักษณะเปน็ เหล่ยี ม 2. ไม่มผี นงั เซลล์ มเี ฉพาะเย่อื หุ้มเซลล์ 2. มผี นังเซลล์เพ่ือสร้างความแข็งแรง อยู่ 3. ไมม่ ีคลอโรพลาสต์ ภายนอก 3. มคี ลอโรพลาสต์ มีเมด็ สีเขียวช่อื 4. มีเซนตรโิ อล ช่วยในการแบ่งเซลล์ 5. มีนิวเคลยี สตรงกลาง คลอโรฟิลล์ ดูดพลงั งานแสงใช้ในการ 6. มีแวคิวโอลขนาดเล็ก กระบวนการสังเคราะห์แสง 7. มีไกลโคเจนเล็กๆในไซโทพลาสซมึ 4. ไม่มีเซนตรโิ อล 5. มีนิวเคลยี สดา้ นข้างของเซลล์ 6. มีแวคิวโอลขนาดใหญ่ 7. มีเมด็ แปง้ เล็กๆในไซโทพลาสซึม ภาพท่ี 3.3.12 เปรียบเทยี บเซลล์พชื กบั เซลล์สัตว์
300 283 300 ใบความรทู้ ี่ 2 ลกั ษณะของเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์ หน่วยท่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรือ่ ง ลกั ษณะของเซลลแ์ ละหน้าที่ รายรารวยาิชยวาวชิ วิชาทิาวยิทวาิทยศายาศาสาศตสารตส์พรตน้ื์พรฐืน้์ ราฐหนาสั นรวหรชิ ัสหาวัสวชิ ว2า21ว312103011ภ0ภ1าาคภคเราเรียคียนเนรทียท่ี น1ี่ 1ทช่ีชนั้1นั้ มชมัธั้นธยยมมมธั ศศยึกึกมษษศาาึกปปษีทีทา่ี ี่ป11ที ่ี 1 สง่ิ มีชีวติ ทุกชนิดประกอบดว้ ยหนว่ ยยอ่ ยเลก็ ๆ เรยี กวา่ เซลล์ ซ่ึงมที ง้ั ประกอบด้วยเซลลเ์ ดียวหรอื ประกอบขนึ้ มาหลายเซลล์ ดังนี้ 1. ส่งิ มีชีวิตเซลลเ์ ดียว (Unicellular organisms) เช่น อะมีบา พารามเี ซยี ม ยกู ลีนา ยีสต์ แบคทเี รยี ภาพท่ี 3.3.13 อะมีบา ภาพที่ 3.3.14 พารามีเซยี ม ภาพที่ 3.3.15 ยกู ลนี า ภาพที่ 3.3.16 ยีสต์ ภาพท่ี 3.3.17 แบคทเี รีย
301 284 2. สง่ิ มชี ีวิตหลายเซลล์ (Multicellular organisms) เชน่ สไปโรไจรา ไฮดรา รา พืช สตั ว์ คน 301 ภาพท่ี 3.3.18 สไปโรไจรา ภาพที่ 3.3.19 ไฮดรา ภาพท่ี 3.3.20 ราขนมบนขนมปัง ภาพที่ 3.3.21 ต้นพชื รูปรา่ งของเซลล์ มคี วามสมั พันธห์ น้าท่ีของเซลล์ เนื่องจากเซลล์มีลักษณะเฉพาะและถูกควบคุมด้วยยนี (Gene) ทาให้เซลลม์ ลี กั ษณะรปู รา่ งแตกต่างกันตามกิจกรรมทีท่ าหรือตาแหนง่ และหนา้ ท่ีของเซลลน์ ้นั ๆ เช่น ในร่างกายคนเราเซลล์ของสิง่ มีชีวิตไมว่ า่ จะเป็นพืชหรอื สัตว์จะแตกต่างกนั ออกไป เชน่ เซลล์ขนราก (Root hair cell) ของพืช จะมีการสรา้ งขนรากย่นื เข้าไปในดนิ เพ่ือดดู น้าและแร่ธาตุ โดย ขนรากที่ย่นื ออกมานั้นจะมีพื้นท่ีผวิ เพ่มิ ข้นึ ทาให้รากสามารถดดู นา้ และแร่ธาตุได้มากข้นึ ภาพท่ี 3.3.22 ขนราก
285 302 302 เซลล์คมุ (Gurad cell) พบในพืชทชุ นิดยกเว้นพืชใตน้ ้าจะไม่มเี ซลลค์ ุม เม่ือมีแสงมากจะสังเคราะห์ แสงทางปากใบจะเปดิ เพ่ือการคายน้า ภาพท่ี 3.3.23 เซลลค์ ุมบรเิ วณปากใบ เซเซลลลลเ์ มเ์ มด็ ด็ เลเลืออื ดดแแดดงง((RReeddbbllooooddcceelll)) และเซลล์เม็ดเลือดดขขาาวว (White blood cell) ททอี่ ี่อยยใู่ ่ในนกระแส กเลรอืะดแขสอเลงือมดนขษุ อยงแ์ มลนะุษสยตั แ์ วล์ เะซสลัตลวเ์ ม์ เด็ซเลลลอื ์เดมแ็ดดเลงอืขดณแะดเกงขดิ ณใหะมเกจ่ ิดะใมหนี มวิ จ่ เคะลมยีนสวิ เแคตลเ่ยี มสอื่ โแตตเเ่ตมม็ ่ือทโตน่ี เวิ ตเ็มคทลยี่นสิวจเคะลสยี ลสาจยะไป เซลล์ สเมล็ดาเยลไือปดเแซดลงลม์เมลี ็ดักเษลณือดะแกดลงมมแีลบักนษคณละ้ากยลจมานแบโนดยคบลา้รยเิ วจณานกลโดางยเบซรลเิ ลวเ์ณวา้กเลขา้างหเซาลกลนั เ์ทวงั้าเ2ขา้ ขห้าางกภนั าทยัง้ ใน2มขีฮ้าโี งมโภกาลยบในนิ ซึ่ง มเปีฮน็โี มสโากรลสบแี ินดงซทึ่ง�ำเปห็นสา้ ทาร่ีรสับีแอดองกทซาเิหจนนา้ จทาร่ีกบั ถอุงอลกมซไปิเจเนลีย้จงาเกซถลงุ ลต์มาไมปสเลว่ ยี้ นงตเซ่าลงๆลต์ ขาอมงสร่วานงกตา่ ยงๆรูปขรอ่างงรขา่ องกงาเซยลรลปู ์เมร่าด็ งเลอื ด ขแอดงเชซว่ ลยลใ์เหมส้ ็ดาเมลาือรดถแไดหงลชไว่ปยตใาหมส้ เาสมน้ าเรลถอื ไดหไลดได้ ปไี ตมาว่ มา่ เสน้ เเลลืออื ดดไจดะ้ดใีไหมญว่ ่าหเรสอื ้นเลเลก็ ือสดว่ จนะเใซหลญลเ์ห่ มรด็ ือเเลลอื ก็ ดขาว (White blood สce่วนllเ)ซมลหี ลน์เมา้ ทด็ เต่ี ลอ่ อื ตดา้ ขนาแวล(ะWทhำ� iลteายbเlชoอ้ื oโdรคcทeเ่ีlขl)า้ สมรู่หี า่ นง้ากทาี่ตย่อเตซา้ลนลแเ์ มลด็ะเทลาอื ลดาขยาเชวเ้ือปโรลคย่ี ทนเ่ีแขปา้ ลส่รูงร่าปูงกรา่ ยงไเดซจ้ ลงึ ลท์เำ�มใ็ดหเลส้ ือามดารถ ขแาทวรเกปอลอ่ยี กนจแาปกลเงสร้นปู เรลา่ ืองดไดไ้จปึงทท�ำาลใหายส้ เาชมือ้ าโรรถคแทท่ีเรขกา้ อสอู่รา่กงจกาากยเสไดน้ ้เลือด ไปทาลายเชื้อโรคทเ่ี ข้าสรู่ า่ งกายได้ ภาพที่ 3.3.24 เซลล์เม็ดเลอื ดแดง ภาพที่ 3.3.25 เซลลเ์ ม็ดเลือดขาว
303 286 303 เซลลป์ ระสาท (Nerve cell) มหี น้าทส่ี ง่ กระแสประสาทจากจดุ หนึ่งไปยังอีกจดุ หน่ึงภายในระบบประสาท รูปร่างและโครงสรา้ งของเซลล์ประสาทประกอบด้วยสว่ นท่ีเป็นตวั เซลล์ (Cell body) ซงึ่ มลี ักษณะค่อนข้าง กลมและส่วนทเี่ ปน็ แขนงแยกออกจากตัวเซลล์ เรยี กวา่ เดนไดรต์ (Dendrite) และแอกซอน (axon) ภาพที่ 3.3.26 เซลล์ประสาท เซลล์กลา้ มเนื้อ มี 3 ลกั ษณะ คอื กลา้ มเนื้อเรียบ กล้ามเนื้อลาย กลา้ มเนื้อหัวใจ จะมลี กั ษณะ แตกต่างกันไปตามหน้าท่ี ได้แก่ กล้ามเน้ือลาย มลี ักษณะเปน็ เสน้ ยาวเรียวทรงกระบอก มนี ิวเคลยี สอย่ตู รง กลาง ภาพท่ี 3.3.27 เซลลก์ ล้ามเนอ้ื
287 304 304 เซลลไ์ ข่ (Egg cell) มเี ปลือกท่ีแข็งแรงไว้ป้องกันอันตรายและมีไซโตพลาสซึมสะสมอยู่มาก ภาพที่ 3.3.28 เซลลไ์ ข่ เซลล์อสจุ ิ (Sperm cell) มีหางยาวเรียกว่า Flagellum ไว้สาหรบั ว่ายนา้ ไปหาเซลล์ ภาพท่ี 3.3.29 เซลล์อสจุ ิ ขนาดของเซลล์ เซลล์ของสงิ่ มีชีวิตแตล่ ะชนิดมขี นาดแตกต่างกนั มาก ตง้ั แตม่ องไม่เหน็ ด้วยตาเปล่าต้องศึกษาดว้ ย กล้องจลุ ทรรศน์ เชน่ เซลลข์ องพวกแบคทีเรยี ไปจนกระทง่ั เซลล์ที่มขี นาดใหญ่ สามารถมองเห็นไดช้ ดั เจน เชน่ เซลล์ของไขพ่ วกสตั ว์ปกี และสัตว์เล้ือยคลาน - ขนาดเล็กทีส่ ุด คือ เซลล์ท่ีคล้ายแบคทเี รยี เรียกวา่ ไมโครพลาสมา มขี นาด 0.5 ไมครอน - ขนาดใหญ่ มกั เป็นเซลล์ไข่แดงทีไ่ ขแ่ ดงสะสมมาก เช่น เซลล์ของสัตว์เลื้อยคลาน และสัตวป์ ีก - เช่น เซลล์ไขข่ องนกกระจอกเทศ มีขนาดใหญท่ ่สี ดุ ถึง 20 เซนติเมตร
305 288 305 ใบกจิ กรรมที่ 1 ลกั ษณะรูปร่างของเซลล์ หนว่ ยที่ 3 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง ลกั ษณะของเซลลแ์ ละหน้าที่ รารยารวยาชิวยาชิ วาวิชิทาวยทิ วายิทศายาศาสาศตสารตสพ์ รตื้น์ รฐห์ ราัสหนวัสิชรหวา2สั ว12ว1120131011ภ01าภคาภเครายีเครนเยี รทนยี ่ี ทน1ี่ท1ช่ี ั้น1ชมัน้ชธั มัน้ ยธัมมยัธศมยึกศมษกึศาษกึ ปษาที ปา่ี ทีป1่ีท1ี่ 1 คาชี้แจง : ใหน้ ักเรียนเขยี นศึกษาเซลล์เย่ือหอม เซลลใ์ บไม้ และเซลล์เยื่อบุแก้ม เซลล์กลา้ มเน้อื ของสัตว์ จากกล้องจุลทรรศน์ พร้อมทั้งวาดภาพประกอบและอธบิ ายลักษณะของเซลลท์ ่ีได้ศึกษาต่อไปนี้ เซลลท์ ศ่ี ึกษา อธบิ ายลักษณะ ภาพวาด เซลล์เย่ือหอม เซลลใ์ บไม้ เซลลเ์ ยอ่ื บุแก้ม เซลล์กลา้ มเนอื้ สตั ว์
306 289 306 ใบกจิ กรรมท่ี 2 แบบจาลองรปู ร่างและลักษณะของเซลล์ หนว่ ยท่ี 3 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 เรอื่ ง ลกั ษณะของเซลล์และหนา้ ท่ี รารยาวยิชวาิชาวิทวยิทายศาาศสาตสรตพ์ รื้น์ รฐหาัสนวิชรหาัสว2ว121301101ภาภคาเครเยี รนยี ทนี่ท1่ี 1ชั้นชม้ันธัมยัธมยศมึกศษกึ าษปาทีปี่ท1่ี 1 คาชแี้ จง : ให้นกั เรียนศึกษาใบความรู้เรือ่ ง รูปร่างลักษณะกบั หน้าทีข่ องเซลล์ แล้วปนั้ ดินนา้ มันเปน็ เซลล์ รปู รา่ งตา่ งๆ พร้อมทั้งบนั ทกึ ลกั ษณะและหนา้ ท่ี แลว้ นาเสนอหนา้ ชั้นเรียนเกยี่ วกับหน้าทีข่ องเซลลน์ นั้ เซลล์ ลักษณะ หนา้ ที่ เซลล์ยกู ลนี า เซลล์ขนราก เซลลเ์ มด็ เลอื ดแดง เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์อสุจิ เซลลไ์ ข่ เซลลค์ มุ เซลลป์ ระสาท
307 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 เรื่อง พัฒนาการของเซลล์ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่อื ง เซลลแ์ ละองค์ประกอบ เวลา 1 ชั่วโมง กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ขอบเขตเน้อื หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ 1. พฒั นาการของเซลล์จนเปน็ ร่างกาย ข้ันนา 1. ภาพรา่ งกายมนุษย์ 1. ครูนาภาพร่างกายมนุษย์แล้วใหน้ ักเรยี นอภิปรายที่มาอย่างไรจงึ เป็นรา่ งกาย 2. ใบความรู้ เรื่อง พฒั นาการของเซลล์ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. ครกู ล่าววา่ นกั เรยี นตอบคาถามไดด้ ี แต่ยงั ไม่ถกู ต้องและครอบคลุม 3 ใบกิจกรรมเรอื่ ง พฒั นาการของเซลล์ ดา้ นความรู้ นกั เรียนจะได้ศึกษา ค้นควา้ และหาคาตอบของคาถามดงั กลา่ วจากกจิ กรรมใน 4. สอ่ื Power Point เรอื่ งพพัฒัฒนนาากกาารร 1. อธบิ ายการจัดระบบ โดยเรมิ่ จากเซลล์ คาบนี้ ของเซลล์ ไปเป็นเน้ือเยื่อ อวยั วะ ระบบอวัยวะ และ ขน้ั สอน 5. ซิกซอร์ภาพเซลล์ เนื้อเย้อื อวัยวะ สง่ิ มชี ีวติ 1. นกั เรียนศึกษาใบงานเรอื่ งพัฒนาการของเซลล์แล้วทาใบกิจกรรมประกอบ ต่างๆ 2. อธิบายเน้ือเย่ือหลายชนดิ มารวมกันและ 2. ครูอธิบายประกอบร่วมกบั พาวเวอร์พอยดเ์ รือ่ ง พัฒนาการของเซลล์จน ภาระงาน/ช้ินงาน ทางาน รว่ มกนั เปน็ อวยั วะ อวัยวะต่างๆ เปน็ รา่ งกายมนุษย์ ใบกจิ กรรมเรอื่ ง พฒั นาการของเซลล์ ทางานรว่ มกนั เปน็ ระบบอวัยวะ ระบบ 3. นกั เรยี นเลน่ เกมส์จิกซอรเ์ กย่ี วกับพัฒนาการของเซลล์โดยให้นกั เรยี น อวัยวะทกุ ระบบทางาน รว่ มกันเป็นสิ่งมีชวี ิต แบ่งกลมุ่ แข่งขนั กันต่อภาพ เซลล์ เน้ือเยอื้ อวยั วะ และระบบอวัยวะต่างๆ ด้านทักษะและกระบวนการ ในเวลาทก่ี าหนด สงั เกตและบันทกึ รวมท้ังการอภิปราย ขั้นสรปุ 1. นกั เรยี นและครูร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุป โดยครูใชค้ าถามต่อไปน้ี 1.1 เซลลม์ พี ัฒนาการอย่างไรบา้ งจนเปน็ รา่ งกายมนุษย์ (เซลล์ เน้อื เยอื่ อวยั วะ ระบบอวยั วะ รา่ งกาย) 290 307
308 291 308 การวัดผลและประเมินผล ประเด็นการประเมนิ วธิ กี ารวัด เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ - ใบกิจกรรม เร่ือง ทาใบกิจกรรมไดค้ ะแนน - อธิบายการจัดระบบ - ทาใบกิจกรรม พัฒนาการของเซลล์ รอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป โดยเริ่มจากเซลล์ไปเปน็ - ใบกจิ กรรม เร่ือง พัฒนาการของเซลล์ เนือ้ เยือ่ อวยั วะ ระบบ อวยั วะ และสิ่งมชี ีวติ - ทาใบกจิ กรรม - อธบิ ายเนือ้ เยื่อ หลายชนดิ มารวมกนั และทางาน ร่วมกันเปน็ อวัยวะ อวยั วะตา่ งๆ ทางานรว่ มกนั เป็น ระบบอวัยวะ ระบบ อวยั วะทุกระบบทางาน ร่วมกนั เป็นสิ่งมีชีวิต - สังเกตการทา - ทากจิ กรรม - กิจกรรมตอ่ ภาพจกิ ซอร์ กิจกรรมต่อภาพจิกซอร์ เกณฑ์การประเมิน ผลการประเมนิ การประเมนิ ดมี าก (ผา่ น) ดี (ผ่าน) พอใช้ (ไมผ่ า่ น) ปรับปรงุ (ไมผ่ ่าน) 8-10 คะแนนจากใบ 6-7 1-5 0 กจิ กรรม
309 292 309 8. บันทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ..................................................................................................................................................................... ..... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วนั ที.่ .........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ ารหรอื ผูท้ ี่ได้รับมอบหมาย ................................................................................................................................. .......................................... ลงชอื่ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วันที่..........เดือน..........พ.ศ............
ใบความรู้ท่ี 1 พฒั นาการของเซลล์ 310 293 หนว่ ยท่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง พัฒนาการของเซลล์ 310 รารยาวยชิวาชิ าวิทวยิทายศาาศสาตสรต์พร้นื์ รฐหาัสนวชิรหาสั ว2ว121301101ภาภคาเครเยี รนยี ทนี่ท1่ี 1ชัน้ชมั้นัธมยธั มยศมกึศษกึ ษาปาีทปี่ท1่ี 1 การจัดระบบของเซลลใ์ นสิ่งมชี ีวิต สิง่ มชี วี ิตหลลาายยชชนนิดดิ มมีกีกาารรจจัดดั รระะเบเบยี ยี บบขขอองงเซเซลลล์ โดโดยยเซเซลลล์ม์มรี ูปีรูปร่ารง่าเงหเมหือมนอื กนันกแนั ลแะลทะาทห�ำนหา้ นท้าี่อทย่อี า่ ยงา่เดงยีเดวยีมวามา ออยยู่รรู่ ววมมกกันั เป็นเน้ือเย่ือ เนเน้อื ื้อเยเย่ือ่ือหหลลายายๆๆชนชิดนทิดอี่ ทย่ีอรู่ ยวู่รมวกมนั กทันาทห�ำนห้านท้าี่อทยี่อางยเ่าดงยี เวดกียนัวกันเรยี เกรวีย่ากวอ่าวัยอวะัยวะเมเ่ือมื่ออวัยวะ หอลวาัยยวๆะหอลวายั ยวๆะทอที่ ว�ำัยงวาะนทร่ีทว่ ามงกานั ใรน่วมกากรันทใน�ำหกานรา้ ททาอ่ี หยนา่ า้งทใดี่ออยยา่ า่งงใดหอนยงึ่ า่ งเรหยี นกง่ึ วา่ เรรียะกบวบา่ อรวะยั บวะบอแวลยั ะวระะบแบลอะวรยัะบวะบตา่ งๆ ทอำ� วงยั าวนะรต่ว่ามงกๆันจทนาเงปาน็ ร่วามงกาันยจสน่งิ เมปชีน็ วี ริต่า งกายสิ่งมีชีวิต เซลล์ เนื้อเยอื่ อวยั วะ ระบบอวัยวะ ร่างกายสิ่งมชี ีวิต ภาพที่ 3.4.1 พฒั นาการของเซลล์จนเปน็ พืช ภาพท่ี 3.4.2 พัฒนาการของเซลล์จนเปน็ รา่ งกายมนุษย์
311 294 311 การจดั ระบบของส่ิงมีชีวิตมีขั้นตอนดังตอ่ ไปนี้ 1. อะตอม (atom) หน่วยท่ีเลก็ ทีส่ ดุ ของธาตุที่แสดงคณุ สมบตั ิของธาตุน้นั อะตอมประกอบดว้ ย อิเล็กตรอน โปรตอน และนวิ ตรอน ภาพท่ี 3.4.3 อะตอมคือหนว่ ยทีเ่ ล็กทส่ี ุดของธาตทุ ี่เป็นจุดกาเนิดของเซลล์ 2. โมเลกุล (molecule) โมเลกลุ ประกอบดว้ ยอะตอมของธาตเุ ดยี วกัน หรอื ต่างชนิดกนั มาเชอื่ มต่อ กนั “โมเลกุลของชวี ิต” ได้แก่ คารโ์ บไฮเดรตเชิงซ้อน ลิพดิ โปรตนี ดเี อ็นเอ อารเ์ อ็นเอ ภาพท่ี 3.4.4 โมเลกลุ ของดีเอ็นเอ 3. เซลล์ (cell) หหนนว่ ่วยยทที่เี่เลลก็ ก็ ททส่ี สี่ ดุ ุดททแ่ี แ่ี สสดดงงคคุณุณสสมมบบตั ตัิขขิอองชงชีวิตวี ติ แแลละสะาสมาามราถรสถบืสพืบนัพธนั ุ์ไธด์ุได้ ดว้ ้ดย้วยตวั เอง ตสัวงิ่ มเอชี งวี ติ สอง่ิ ามจีชจวี ะติ ปอราะจกจอะบปดระว้ กยอเซบลดลว้ เ์ ยพเยีซงลเลซ์เลพลยี เ์ งดเยีซวลลห์เดรยีอื วหลหายรือเซหลลลา์ยเเซซลลลลป์ ์ รเซะกลอลป์บรดะว้ กยอเยบอื่ ดห้วมุ้ยเยซอื่ลหล์้มุ ดเี อน็ เอ เแซลละลอ์ งดคีเป์ อรน็ ะเอกอบแลอะืน่ อๆงคภ์ปารยะในกอเซบลอล่นื ์ ๆ ภายในเซลล์ ภาพท่ี 3.4.5 เซลลข์ องสิง่ มีชีวิต
312 295 4. เนื้อเยอื่ (tissue) เซลลแ์ ละสารประกอบที่มารวมกลุ่มกันเพื่อทาหน้าที่อย่างใดอย่างหนงึ่ 312 ภาพที่ 3.4.6 เนอ้ื เยื่อชนดิ ตา่ งๆ 5. อวยั วะ (organ) โครงสร้างทปี่ ระกอบดว้ ยเน้ือเยือ่ มากกว่าหนง่ึ ชนิด ซึ่งร่วมกันทาหน้าทีบ่ างอย่าง ภาพที่ 3.4.7 อวัยวะตา่ งๆ ในร่ายกาย
313 296 313 6. ระบบอวัยวะ (organ system) ประกอบดว้ ยอวยั วะหลายอวยั วะที่มปี ฏสิ มั พันธ์กนั ในดา้ น กายภาพ และ/หรือด้านเคมี เพอ่ื ทาหน้าท่บี างอยา่ ง 7. สิง่ มชี ีวติ ที่ประกอบด้วยหลายเซลล์ (multicellular organism) ประกอบดว้ ยเซลลห์ ลาย ชนิด ซ่งึ ประกอบข้ึนมาจากเนอื้ เยอ่ื อวยั วะ และระบบอวัยวะต่างๆ 8. ประชากร (population) กลมุ่ ของส่งิ มีชีวติ ชนิดเดยี วกัน ซึ่งอาจจะเป็นสิง่ มีชีวติ เซลล์เดยี วหรอื หลรอืายหเลซาลยลเท์ซ่ีอลาลศท์ ัย่อี อายศใู่ ยันอพยนื้ ูใ่ ทนี่หพน้ื ึ่งทๆหี่ นีึ่งๆ ภาพท่ี 3.4.8 ประชากร 9. กลุ่ม(สังคม)สิ่งมีชีวิต (community) ประชากรของสิง่ มชี ีวติ ทุกชนิดทีอ่ าศยั อย่ใู นพื้นทีห่ น่ึงๆ 1100. .รระะบบบบนนิเวิเวศศ(e(ceocsoyssytsetmem) ช) ุมชชมุ นชขนอขงอสงง่ิ สมิง่ ีชมีวีชิตวี ทติ ี่มทปี ่มี ฏปี สิ ฏมั สิ พัมนั พธันก์ ธับ์กสับิ่งแสว่งิ ดแลวดอ้ มล้อมระบรบะบนบเิ วนศิเมวกีศามรี กแาลรกแเปลกลเยี่ ปนลพ่ยี ลนงั พงาลนงั แงาลนะแสลสาะรสกสบั าสรกิ่งแับวสดงิ่ ลแ้อวมดล้อม ภาพท่ี 3.4.9 โลกและระบบนเิ วศแบบต่างๆ 11.1ช1วี .าชลีวยั าหลรยั ือหโรลอื กโขลอกงขสอ่ิงงมสีช่ิงวี มติ ชี วี(bติ io(sbpiohsepreh)eบreร)เิ วบณรตเิ วา่ ณงๆตบา่ งนๆพน้ืบผนวิ พโลนื้ กผิวโใลนกน้า ใแนลนะำ้�ในและใน บรรยากาศทท่ีมี่มสี ีสงิ่ ิ่งมมชี ีชวี ีวติ ิตออาาศศัยัยออยู่ยโู่ลโกลเกปเน็ ปด็นาดวเาควรเาคะรหา์ดะวหง์ดหวนงงึ่หในจึ่งใักนรจวาักลรทว่มีาลสี ท่งิ ม่ีมีชีสวี ิ่งติ มอีชาีวศิตัยออายศู่ ัยซอ่งึ ยถู่า้ ปซรา่ึงศถจ้าาก ปนรา้ ากศค็ จงาไมก่มนสีำ้� ิ่งกมค็ ีชงีวไมติ ม่เกสี ิด่งิ ขม้ึนชี ีวิตเกิดข้นึ
314 297 314 ใบกจิ กรรมท่ี 1 พฒั นาการของเซลล์ หน่วยท่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร่อื ง พัฒนาการของเซลล์ รารยาวยิชวาิชาวิทวยิทายศาาศสาตสรต์พรื้น์ รฐหาสั นวิชรหาสั ว2ว121301101ภาภคาเครเยี รนียทน่ีท1่ี 1ช้ันชมัน้ ธัมยัธมยศมึกศษึกษาปาีทป่ีท1่ี 1 คาชื้แจง : ให้นักเรยี นขน้อำ� คขว้อาคมวจาามกจกาลก่อกงลด่อ้างนดไา้ปนใบในใสไป่ไวใ้ทส้า่ไวย้ทข้าอยให้มวั ีคขวอ้ าใมหสม้ มั ีคพวนั าธม์แสลัมะพถนัูกธตแ์อ้ ลงทะถีส่ ูกุดต้องท่สี ดุ อะตอม โมเลกลุ เซลล์ เนื้อเยื่อ อวยั วะ ระบบอวัยวะ ร่างกายส่งิ มีชวี ิต ระบบนเิ วศ 1. อสจุ ิ........................................................................................................................................ 2. ผนังเซลล์................................................................................................................................ 3. นิวเคลยี ส............................................................................................................................. .. 4. ปาก....................................................................................................................................... 5. ระบบขบั ถ่าย.......................................................................................................................... 6. ปา่ ชายเลน............................................................................................................................. 7. ระบบหมนุ เวยี นเลือด........................................................................................................... 8. ไซโตพลาสซึม........................................................................................................................ 9. เซลลป์ ระสาท....................................................................................................................... 10. เย่อื หมุ้ เซลล์......................................................................................................................... 11. เย่อื บผุ วิ ................................................................................................................................. 12. ดเี อน็ เอ.................................................................................................................................. 13. แมว....................................................................................................................................... 14. หวั ใจ............................................................................................................................. ......... 15. กลา้ มเนอ้ื ลาย........................................................................................................................ 16. ขนราก............................................................................................................................. ..... 17. ไมโตคอนเดรีย...................................................................................................................... 18. ปา่ ดิบช้นื ............................................................................................................................. . 19. นวิ เคลยี ส............................................................................................................................. 20. กรดอะมโิ น......................................................................................................................... ...
315 315 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5 เรื่อง การแพร่และออสโมซีส แผนการจเดัรอื่กงารเเรซียลนลร์แูท้ ลี่ ะ5องเคร่ือป์ งระกกาอรบแขพอรง่แเลซะลอลอ์ สโมซีส หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 เวลา 2 ชวั่ โมง กหลนุม่ ่วสยากราะรกเารรียเนรรยี ูท้น่ีร3ู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง เรซาลยลวแ์ ิชลาะวอิทงยคา์ปศราะสกตอรบ์ ของเซลล์ ชั้นมเวธั ลยมาศ2กึ ษชาั่วปโมที ง่ี 1 ขกอลบุ่มเสขาตรเะนก้อื าหราเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กจิ กรรมการเรียนรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ขอ1บ. เกขาตรเแนพื้อรห่แาละออสโมซสี ขกน้ัิจนการรมการเรยี นรู้ สื่อ1/.แใหบลคง่วเารมียรนู้ทรี่ ู้1 เร่ือง การแพรแ่ ละ จดุ 1ป.รกะาสรงแคพ์กราแ่รลเระียอนอรสู้ โมซสี ขัน้ น1า. ครนู าเข้าส่บู๋ ทเรยี น โดยใหน้ ักเรยี นสังเกตนิว้ มือของตนเอง แลว้ ออส1.โมใบซสิความรูท้ ่ี 1 เรอ่ื ง การแพร่และ ดจา้ ุดนปครวะาสมงรคู้ ์การเรียนรู้ อภิป1รา. ยครรวู่นมากเขนั ้าโสดบู๋ยทใชเรค้ ียานถาโมดตยอ่ ใหไป้นนัก้ี เรยี นสงั เกตนวิ้ มือของตนเอง แล้ว ภอาอรสะโงมาซนิส/ชิน้ งาน ด้า1น. คอวธาบิ มารยู้การแพร่และออสโมซสิ จาก อภิปรา1ย.1ร่วเมมกือ่ นัเลโ่นดนยา้ใชใน้คเาทถศากมาตลอ่ สไปงกนรี้ านต์หรอื แช่อย่ใู นนา้ เป็นเวลานาน ภา1ร.ะใงบากนิจ/กชรน้ิ รงมาทน่ี 1 เรื่อง การแพร่และ หล1กั .ฐอานธบิเชาิงยปกราะรจแกั พษร์ไแ่ ดล้ ะออสโมซสิ จาก ลักษณะ1ข.1องเมผวิื่อหเลน่นงั นทา้ี่บใรนิเเวทณศนก้วิามลอืสจงกะรยางั นเหตม์หือรนอื เแดชมิ ่อไยหใู่มนนา้ เป็นเวลานาน ออส1.โมใบซิสกิจกรรมที่ 1 เรือ่ ง การแพร่และ หล2กั .0ฐยานกตเชวั ิงอปยร่าะงจกกั าษรแ์ไดพ้ รแ่ ละออสโมซสิ ใน ลักษณ1ะ.ข2อบงรผิเิววหณนผงั ิวทหบ่ี นรงัเิ วทณ่ีถูกนนวิ้ า้มเอืปจ็นะเยวงัลเาหนมาอื นนหเดลิมังไจหามกเล่นนา้ สงกรานตม์ ี ออ2ส.โใมบซกิสจิ กรรมที่ 2 จะลดหรอื เพิ่ม ชีวิต2ป.0รยะกจตาวัวอนั ยได่า้งการแพร่และออสโมซิสใน ลกั ษณะ1อ.2ยา่บงรไเิรวณ(บผริวิเวหณนดังทงั กีถ่ ลูก่านว้าจเะปเน็ หเี่ยววล)านาน หลงั จากเล่นนา้ สงกรานต์มี 32..ใใบบกกจิ จิ กกรรรรมมทท่ี ่ี 32EจxะitลดTหicรkอืeเtพ่ิม ดชา้ีวนติ ปทรักะษจะาแวลันะไดก้ระบวนการ ลักษณ1ะ.อ3ยน่ากังไเรรยี (นบคริเิดววณา่ ดเงัพกรลา่าะวเหจะตเใุ หดีย่ จวึง)เปน็ เช่นนนั้ สามารถอธิบายได้ดว้ ย อุป3ก.รใณบ์แกลิจะกสรรามรเทค่ี ม3ี Exit Ticket ด้า1น. ทเปักรษยี ะบแเทลียะกบรคะวบามวนแตกกาตร่างระหว่าง วทิ ยาศา1ส.3ตรน์อกั ยเร่าียงไนรค(ดิ นวักา่ เรเยีพนราแะสเดหงตคุใวดามจึงคเิดปเ็นหเ็นชตน่ านมัน้ ควสาามมราูเ้ รดถมิ อทธ่นี ิบักาเยรไยี ดนด้ มว้ ีย อุป1ก. รบณกี เ์แกลอะรส์ขานราเดคม1ี 000 ลกู บาศก์ การ1แ. พเปรร่แยีลบะเอทอยี สบโมคซวาิสมไดแ้ตกต่างระหวา่ ง หวรทิ ือยอาาศจาไสมต่แรส์อดยง่าคงวไราม(นคิดักเเหรีย็นนจแาสกดนงนั้ควคารมเู ชคญิ ิดชเหว็นนตนาักมเรคยีวนามศรึกเู้ ษดามิ คทน้ นี่ คักวเา้รหยี นามี เซน1ต. เิ บมีกตเรกอหรร์ขือนถางั ดใส1ท0ีส่0า0มลากูรถบบาศรรกจ์ นุ า้ การแพร่และออสโมซิสได้ คหารตอื ออบาดจังไมกแ่ลสา่ วดจงาคกวบามทคเริดียเนหใ็นนจคาากบนนน้ั้ี) ครเู ชิญชวนนักเรียนศึกษาคน้ คว้าหา ไเดซ้น1ตใเิ บมตร หรือถังใส ทสี่ ามารถบรรจนุ ้า คา2ต.อคบรดูนังากเสลน่าวอจจาุดกปบรทะเสรงยี คน์กใานรคเราียบนนรี้)้ใู ห้นกั เรียนทราบ ได2้ 1. ดใา่บงทบั ทิม 1 ประปุกเล็ก ขน้ั 2ส.อคนรูนาเสนอจุดประสงค์การเรยี นร้ใู ห้นกั เรียนทราบ 2. ดา่ งทับทิม 1 ประปุกเล็ก ข้ัน1ส. อนนกั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ท่ี 1 เรอื่ งการแพร่และออสโมซสิ 21..นนักกั เเรรยี ยี นนทศากึ ใษบากใิจบกครวรามมทรีู้ท1ี่ 1เรเือ่ รง่ือกงกาารรแแพพรรแ่ ่แลละะออออสสโมโมซซิสสิ 32..คนรักูสเารธยี ตินกทาารใแบพกรจิ ่ กโดรรยมหทยีด1KเรM่ือnงOก4า(รดแ่าพงรท่แบั ลทะมิ อ)อลสงโใมนซนิสา้ จากนนั้ อธิบาย การ3แ. พครรู่สใาจธคิตวกาามรวแา่ พ“รเ่มโด่ือยเรหายหดยดKดMา่ nงทOับ4ท(ดิมา่ ลงงทไปับใทนมิ น)้าลดงใา่ นงนท้าับจทามิ กจนะ้นั อธิบาย เกคาลรือ่ แนพทร่ีจ่ ใาจกคบวราเิ มววณา่ ท“ี่มเคีมว่ือาเมราเขหม้ยขดน้ดส่างูงทไปับสท่บู ิมรลิเวงณไปทในม่ี นีค้าวาดม่าเงขทม้ ับขท้นิมต่าจะเมอ่ื เคลอื่ นท่จี ากบริเวณที่มีความเขม้ ขน้ สูงไปสบู่ รเิ วณท่ีมีความเข้มขน้ ต่า เมอ่ื 298 315315
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 5 เรือ่ ง การแพรแ่ ละออสโมซีส 316 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง เซลล์และองคป์ ระกอบของเซลล์ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชว่ั โมง ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ความเขม้ ข้นของดา่ งทับทิมในแตล่ ะบริเวณเท่ากัน เรยี กว่า สมดลุ การแพร่ ใน สภาวะสมดุลการแพร่ โมเลกุลของสารไม่ไดห้ ยุดเคลอ่ื นท่ี แต่ยังมกี าร เคลื่อนทเ่ี ช่นเดมิ ” 4. ครแู จกใบกิจกรรมที่ 2 จะลดหรอื จะเพิ่ม ซึง่ เป็นการจาลองการเกิด ออสโมซิสในไข่ไก่ โดยครแู บ่งนักเรียนออกเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน จากนัน้ ดาเนินกจิ กรรมตามใบกจิ กรรม 5. นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายการเปลย่ี นแปลงท่เี กิดขึ้นในกจิ กรรม “จะลดหรือจะเพ่ิม” โดยครใู ช้คาถามดงั นี้ 5.1 นักเรียนคิดวา่ จากกจิ กรรม เป็นการเคล่ือนทข่ี องสารแบบใด (ออสโมซสิ ) 5.2 กระบวนการออสโมซสิ จากกิจกรรมดังกลา่ วเกิดข้ึนอยา่ งไร (ในไข่ ไก่ มีความเขม้ ขน้ มากกวา่ ในบีกเกอร์ น้าจึงออสโมซิสจากในบกี เกอร์เขา้ ไปใน ไขไ่ ก่ ทาใหร้ ะดับของเหลวในไขไ่ กเ่ พ่ิมขึน้ ) 6. นกั เรียนอภิปรายในประเดน็ เพราะเหตใุ ด เม่ือเราซักผ้าเป็นเวลานาน มือเราจงึ เหีย่ ว โดยใช้ความรูเ้ รื่องการแพร่และออสโมซสิ (นน้ํา้าออออสโมซสิ ออก จากเซลล์ เนื่องจากในกะละมังซักผา้ มีความเขม้ ของของสารมากกวา่ ความ เขม้ ข้นในเซลลบ์ ริเวณผวิ มอื นา้ จงึ ออสโมซิสจากบรเิ วณท่ีมคี วามเข้มขน้ ตา่ ไปบริเวณท่ีมีความเข้มขน้ สูง หรือน้าเคลอ่ื นท่อี อกจากเซลล์บริเวณผิวมือ มอื จงึ เหี่ยว) 299 316
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 5 เรอื่ ง การแพรแ่ ละออสโมซีส 317 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง เซลลแ์ ละองค์ประกอบของเซลล์ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 7. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภิปราย ในหวั ข้อความแตกต่างของการแพร่ และออสโมซสิ ใจความวา่ “การแพร่ คือการเคลอื่ นท่ีของสารจากบรเิ วณที่มี ความเขม้ ข้นมากไปบริเวณทีม่ ีความเขม้ ข้นนอ้ ย สว่ นออสโมซสิ เปน็ การ เคลอื่ นท่ีของน้าจากบรเิ วณท่ีมีความเข้มขน้ น้อย ไปบริเวณที่มคี วามเข้มข้น มาก” ข้นั สรุป 1. นกั เรียนสอบถามข้อสงสัย 2. นักเรยี นทา Exit Ticket โดย เขียนสง่ิ ทไ่ี ดจ้ ากการเรียนรู้ 3 อย่าง การ นการคนว�ำาคมวราไู้ มปรปไู้ รปะปยรุกะตย์ใุกชต้ ใ์2ช้อ2ยอ่างย่าแงลแะลปะัญปหญั าหหารหือรขอื ้อขสอ้ งสสงยั สยั 11อยอ่ายง่างลลงใงนในใบ กใบิจกกิจรกรรมรทมี่ ท3ี่ 3ExEitxiTt iTckicektet 300 317
318 301 318 การวดั ผลและประเมินผล ประเดน็ การประเมนิ วิธกี ารวัด เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การประเมิน - ใบกจิ กรรมที่ 1 เร่อื ง ทาใบกจิ กรรมไดค้ ะแนน 1. อธบิ ายการแพร่ - ทาใบกจิ กรรม การแพร่และออสโมซิส รอ้ ยละ 60 ข้ึนไป และออสโมซสิ จาก หลักฐานเชิงประจักษ์ได้ 2. ยกตัวอยา่ งการ - ทาใบกิจกรรม - ใบกจิ กรรมที่ 2 เรือ่ ง จะลดหรอื เพิม่ แพร่และออสโมซสิ ใน ใชนีวชติ วี ปติ รปะรจะาจวนั�ำวไดัน้ได้ 3. เปรียบเทียบความ - ทาใบกิจกรรม - ใบกจิ กรรมท่ี 1 เรือ่ ง การแพร่และออสโมซิส คแตวากมตแ่าตงรกะตห่าวง่ารงะกหาวรา่ ง กแพารรแแ่ พลระแ่อลอะสอโมอซสิสโมไดซ้ ิสได้ เกณฑ์การประเมนิ การประเมนิ ผลการประเมนิ คะแนนจากใบกจิ กรรม ดีมาก (ผ่าน) ดี (ผ่าน) พอใช้ (ไมผ่ า่ น) ปรบั ปรุง (ไม่ผ่าน) 8-10 6-7 1-5 0
319 302 319 8. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ..................................................................................................................................................................... ..... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ที่..........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย .................................................................................................................................. ......................................... ลงชื่อ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............
1 303 ใบความรู้ที่ 1 การแพร่และออสโมซิส หน่วยท่ี 3 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 เร่ือง การแพร่และออสโมซิส รราายยววชิ ชิ าาวิวทิทยยาศาศาสาสตตร์พร์้ืนรฐหาัสนวชิรหาัสว2ว12101101ภภาคาเครเยีรนียทนที่ 1ี่ 1ชัน้ชัน้มมธั ยัธยมมศศึกึกษษาปาปีทที่ 1ี่ 1 เซลล(์ C(Ceell)l)มมีกกี าารรนนำ�ำสสาารรเเขขา้ ้าสสู่เู่เซซลลลล์ ์เเพพื่อ่ือใใชช้ใใ้นนกกรระะบบววนนกกาารรตต่าา่ งงๆๆขอขงอเซงลเซลล์ ลแ์ลแะลมะกี มากี ราขรจขัดจสดั าสราบราบงาองยอ่ายง่าง ท่ีเซลลไ์ ม่ต้องการออกจากเซลล์ การนำสารเขา้ และออกจากเซลลม์ หี ลายวธิ ี สำหรับในบทเรียนน้ีนักเรียนจะ ได้ศึกษา การแพร่ และออสโมซิส การแพร่ (Diffusion) การแพร่ เปน็ การเคล่ือนทขี่ องสารจากบรเิ วณท่ีมีความเขม้ ข้นมาก ไปสบู่ ริเวณท่ีมีความเขม้ ข้นน้อย เชน่ เม่อื นกั เรียนฉีดน้ำหอม นำ้ หอมจะแพร่จากบริเวณท่ีนกั เรียนฉดี ซงึ่ มคี วามเขม้ ข้นมาก ไปสู่บริเวณโดย รอบ ซงึ่ มคี วามเขม้ ขน้ นอ้ ยกวา่ ดังภาพ เร่ิมตน้ ผ่านไป 1 นาที ผ่านไป 15 นาที ภาพท่ี 3.5.1 การแพร่ ออสโมซสิ (Osmosis) ออสโมซิส เปน็ การเคลื่อนทข่ี องน้ำ ผา่ นเย่อื เลือกผ่าน โดยนำ้ จะเคลื่อนท่จี ากบริเวณทีม่ ีสดั สว่ นของนำ้ มากกวา่ (ความเขม้ ข้นนอ้ ย) ไปส่บู รเิ วณทม่ี ีสดั สว่ นของนำ้ นอ้ ย (ความเขม้ ขน้ มาก) โมเลกุลของน้ำ (ตัวทำลาย) โมเลกุลของสาร (ตัวละลาย) กข ภาพท่ี 3.5.2 การออสโมซิส จากรปู สารละลาย ก และสารละลาย ข ถกู กัน้ ดว้ ยเยอื่ เลือกผ่าน สารละลาย ก มีความเขม้ ข้นมาก กวา่ สารละลาย ข โมเลกลุ ของสาร ก ไม่สารถเคล่ือนท่ผี ่านเย่อื เลือกผา่ นได้เพือ่ ให้ความเขม้ ข้นของสารทง้ั สอง ดา้ นเท่ากนั นำ้ จึงเคลอ่ื นทจี่ าก สารละลาย ข ไปยงั สารละลาย ก กระบวนการดังกล่าวเรียกว่า ออสโมซิสเมื่อ สารละลายทั้งสองความเขม้ ข้นเทา่ กนั เรียกวา่ สมดลุ ออสโมซิส ในภาวะสมดุล น้ำไม่ไดห้ ยุดออสโมซิส แต่ โมเลกลุ ของน้ำที่ออสโมซสิ จาก ก ไป ข และนำ้ ทีอ่ อสโมซสิ จาก ข ไป ก มอี ตั ราเท่ากัน
321 304 321 ใบกิจกรรมที่ 1 การแพรแ่ ละออสโมซสิ หน่วยที่ 3 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 5 เร่อื ง การแพรแ่ ละออสโมซิส รารยาวยชิวาิชาวิทวยทิ ายศาาศสาตสรตพ์ รื้น์ รฐหาสั นวชิรหาัสว2ว12101101ภาภคาเครเยี รนียทน่ีท1่ี 1ชั้นชม้ันัธมยัธมยศมึกศษึกษาปาีทปี่ท1่ี 1 คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง 1. การแพรค่ คืออื ออะะไรไร........................................................................................................................................... 2. ออสโมซิส คอื อะไร....................................................................................................................................... ........................................................................................................ .................................................................. 3. ให้นักเรยี นเขียนความเหมือนและความแตกตา่ งของการแพรแ่ ละออสโมซสิ ลงในแผนภาพที่กาหนดให้ .................................................................................................................. ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... .........................ก..า..ร..แ...พ...ร..่ .........................................อ..อ...ส..โ.ม...ซ..สิ..................... 4. การออสโมซิส โมเลกุลของนา้ เคลือ่ นท่จี ากบริเวณที่มคี วามเขม้ ข้นน้อย ไปบรเิ วณท่ีเข้มขน้ มาก เพราะเหตุ ใด โมเลกุลของตัวละลาย จึงไมเ่ คล่อื นทจี่ ากบริเวณทเ่ี ขม้ ข้นมาก ไปยังบริเวณท่ีเขม้ ข้นน้อยกว่าเชน่ เดยี วกบั การแพร่...................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ 5. เมื่อนาสารละลายบรรจใุ นเย่ือเลอื กผา่ น จากนัน้ นาไปวางลงในสารละลายท่มี ีความเข้มข้นต่างๆ ดังรูป จะ เกดิ การเปล่ียนแปลงอยา่ งไรกับขนาดของถุงเยื่อเลือกผา่ น 5% 10% 8% 6% 12 % 3% 12 % 4% 5.1 ตอบ.......................... 5.2 ตอบ........................ 5.3 ตอบ....................... 5.4 ตอบ...................... เพราะ............................. เพราะ............................. เพราะ............................. เพราะ.......................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................
322 305 322 ใบกจิ กรรมที่ 2 จะลดหรือเพ่ิม หน่วยที่ 3 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 5 เร่ือง การแพรแ่ ละออสโมซสิ รารยาวยชิวาชิ าวิทวยทิ ายศาาศสาตสรต์พรื้น์ รฐหาัสนวิชรหาสั ว2ว12101101ภาภคาเครเยี รนียทนี่ท1่ี 1ชน้ัชม้นั ธัมยธั มยศมึกศษกึ ษาปาีทป่ีท1ี่ 1 คาชแี้ จง : ให้นกั เรียนดาเนนิ กิจกรรมตามใบกจิ กรรม โดยรว่ มมอื กนั จนสามารถทาใบกิจกรรมเสร็จเรยี บรอ้ ย วัสดุ-อปุ กรณ์ 1. ไขไ่ ก่ 1 ฟอง 2. หลอดพลาสติก 1 หลอด 3. บีกเกอร์ขนาด 50 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร 1 ใบ 4. นา้ เปล่า 1 ขวด 5. เทยี นไข 1 เล่ม วธิ ีทา 1. ใหน้ ักเรียนแกะเปลือกไขด่ ้านล่างออก (ดา้ นทีม่ ีขนาดใหญ)่ โดยไม่ให้เยื่อหมุ้ สขี าวขาด ขนาดความ กว้างประมาณ 3 ตารางเซนติเมตร หรือตามทีน่ ักเรียนต้องการ 2. แกะเปลือกไข่ดา้ นบน (ด้านทีม่ ีลักษณะแหลม) จากนัน้ นาหลอดพลาสติกเสียบลงไป ระวังอยา่ ให้ เยื่อสีขาวดา้ นล่างขาด 3. จดุ เทียนไข ใชน้ ้าตาเทียนเชื่อมระหว่างหลอดพลาสติกกับเปลือกไข่ให้ติดกันอยา่ ให้มชี ่องวา่ ง 4. นานา้ ใสบ่ กี เกอร์ให้เต็ม จากนั้นนาไขไ่ ก่ทเี่ ตรียมไว้วางลงบนบกี เกอร์ ปล่อยไว้ 30 นาที สงั เกต บนั ทกึ ผลการสงั เกต บันทกึ ผลกิจกรรม ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................... ................................................................................ ............................................................................................................................. .......................................... .................................................................................................................................... ................................... ............................................................................................... ........................................................................ อภปิ รายผล 1. ระดบั ของเหลวในไข่ไก่ มีการเปล่ยี นแปลงอย่างไร............................................................................. 2. เพราะเหตใุ ด จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงดงั ข้อ 1 ................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................. ........................................... 3. นกั เรยี นจะทาใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงดังกล่าว เกดิ เรว็ ขนึ้ ได้อย่างไร .................................................. ............................................................................................................................. ........................................... ...................................................................................................................................... ..................................
323 306 323 ใบกิจกรรมท่ี 3 เรอื่ ง Exit Ticket หน่วยที่ 3 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 5 การแพรแ่ ละออสโมซสิ รารยาวยชิวาิชาวิทวยิทายศาาศสาตสรตพ์ ร้นื์ รฐหาัสนวชิรหาสั ว2ว12101101ภาภคาเครเยี รนยี ทน่ีท1่ี 1ชั้นชมั้นัธมยัธมยศมึกศษึกษาปาีทปี่ท1่ี 1 คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นเขียนคาตอบลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง 1. ความรูท้ ี่ได้รับ......................................................................................................................................... 2. การนาไปใช้ประโยชน์........................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3.ขอ้ สงสัย......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .................................................................................................................................................................. .. ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ใบกจิ กรรมท่ี 3 เรอื่ ง Exit Ticket หน่วยที่ 3 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 การแพรแ่ ละออสโมซสิ รารยาวยิชวาชิ าวิทวยิทายศาาศสาตสรตพ์ ร์ืน้ รฐหาสั นวิชรหาสั ว2ว12101101ภาภคาเครเยี รนียทน่ีท1่ี 1ช้นัชมนั้ ธัมยัธมยศมกึศษึกาษปาีทปี่ท1ี่ 1 คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเขยี นคาตอบลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. ความรูท้ ไ่ี ดร้ ับ............................... .......................................................................................................... 2. การนาไปใชป้ ระโยชน์........................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... ................................................................................................................................................................... 3.ขอ้ สงสัย..................................................................................................................... .................... ...................................................................................................................................... ............................ ...................................................................................................... ..............................................................
324 307 324 แนวคาตอบ ใบกจิ กรรมที่ 1 การแพร่และออสโมซิส หน่วยท่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 5 เรอ่ื ง การแพร่และออสโมซิส รารยาวยชิวาิชาวิทวยิทายศาาศสาตสรต์พรื้น์ รฐหาสั นวิชรหาัสว2ว12101101ภาภคาเครเยี รนียทนี่ท1ี่ 1ช้ันชมน้ั ัธมยัธมยศมึกศษกึ ษาปาีทปี่ท1ี่ 1 คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง 1. การแพร่คคืออื ออะะไรไร......ก.กาารรเเคคลลือ่ ่ือนนททข่ี ของตวั ละลาย จากบริเวณเข้มขข้นน้ มมาากกกกวว่า่าไไปปยยังงับบรรเิ วิเวณณเขเข้มม้ ขข้อ้อนนนนอ้ อ้ยยกกว่าว่า 2. ออสโมซสิ คืออะไร.....การเคลื่อนที่ของน้า ผ่านเยื่อเลือกผ่าน จากบรเิ วณเข้มขน้ น้อยกว่า ไปยังบริเวณท่ีมี ความเขม้ ข้นมากกวา่ ............................................................................................................................. .............. 3. ให้นกั เรยี นเขียนความเหมือนและความแตกตา่ งของการแพรแ่ ละออสโมซิส ลงในแผนภาพท่ีกาหนดให้ .....................จลเเส.......ขข.......างะั..............ม้้มเก.......ลก.......ขข.......บา.......ต้นน้.......ยร.......เ.......นมเเิ.......หค.......ว.......า้อน็.......ณล.......กย.......ต่ือ..............ไวั.......น.......ปถ.......ท..............ูก.......ี่....................................................................................................................................เเสใ........คปน.......า.......ล......น็.เร.......ซ.......่อืทก.......ล.......น.....า.่ีเ........ลก.....ร.ท........์ดิ.......่ีข.............ข.......อ........้นึ.......ง.......................................................................................................................เเเโบบ............ขขค..ม.......รร.......้ม้มลเ.......ิิเเ.....ล..ววขขอ่ื..............กณณ.......นน้้น.......ลุ.......นมท......ทท.......ข........า้อ่ีจ่่มมีี.......อ.......กาย.......ีีคคง.......ก.......นวว.......ไ.......าา....ป...า้ .......มม.......ย..................งั.............................................................. ..............................................ก......า....ร....แ....พ......ร....่ ..........................................................................อ.....อ.....ส....โ...ม.....ซ.....ิส......................................................... 4. การออสโมซิส โมเลกลุ ของนา้ เคล่อื นที่จากบรเิ วณท่ีมีความเขม้ ขน้ นอ้ ย ไปบรเิ วณทเี่ ข้มขน้ มาก เพราะเหตุ ใด โมเลกลุ ของตวั ละลาย จึงไม่เคล่อื นท่จี ากบรเิ วณท่ีเขม้ ข้นมาก ไปยังบรเิ วณทเี่ ขม้ ข้นน้อยกวา่ เช่นเดยี วกับ การแพร่......เพราะโมเลกุลของตวั ละลาย มขี นาดใหญไ่ มส่ ามารถผ่านเยื่อเลือกผา่ นได้ โมเลกุลของน้าจึง เคล่อื นที่ผา่ นเย่ือเพอ่ื ทาใหค้ วามเข้มขน้ ของสารทง้ั สองบริเวณมทคี ่าเท่ากนั ......................................................... ............................................................................................................................. .............................................. 5. เม่อื นาสารละลายบรรจุในเยื่อเลอื กผ่าน จากน้ันนาไปวางลงในสารละลายท่มี ีความเข้มข้นต่างๆ ดังรปู จะ เกิดการเปล่ียนแปลงอย่างไรกับขนาดของถุงเย่ือเลือกผ่าน (เตง่ หรือ เหย่ี ว) 5% 8% 12 % 3% 10% 6% 12 % 4% ถุงจะเห่ียว เต่ง ขนาดเทา่ เดิม เห่ยี ว เพราะน้าออสโมซิสออก เพราะนา้ ออสโมซิสเขา้ เพราะน้าออสโมซสิ เพราะน้าออสโมซสิ ออก เข้า-ออกเท่ากัน
325 308 325 แนวคาตอบ ใบกิจกรรมที่ 2 จะลดหรือเพิ่ม หน่วยที่ 3 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5 เรื่อง การแพรแ่ ละออสโมซิส รารยาวยชิวาิชาวิทวยทิ ายศาาศสาตสรตพ์ รน้ื์ รฐหาัสนวชิรหาัสว2ว12101101ภาภคาเครเียรนยี ทนี่ท1่ี 1ช้ันชม้นั ธัมยธั มยศมึกศษกึ ษาปาทีปี่ท1่ี 1 คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นดาเนินกิจกรรมตามใบกจิ กรรม โดยร่วมมือกนั จนสามารถทาใบกิจกรรมเสร็จเรียบร้อย วัสดุ-อปุ กรณ์ 1. ไข่ไก่ 1 ฟอง 2. หลอดพลาสตกิ 1 หลอด 3. บีกเกอร์ขนาด 50 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร 1 ใบ 4. นา้ เปลา่ 1 ขวด 5. เทียนไข 1 เล่ม วธิ ที า 1. ใหน้ กั เรียนแกะเปลอื กไขด่ ้านล่างออก (ด้านท่มี ีขนาดใหญ่) โดยไมใ่ หเ้ ยื่อหมุ้ สขี าวขาด ขนาดความ กวา้ งประมาณ 3 ตารางเซนติเมตร หรอื ตามทน่ี ักเรยี นต้องการ 2. แกะเปลือกไข่ด้านบน (ด้านที่มลี ักษณะแหลม) จากน้นั นาหลอดพลาสติกเสียบลงไป ระวงั อย่าให้ เย่อื สีขาวด้านลา่ งขาด 3. จดุ เทยี นไข ใช้น้าตาเทยี นเชอ่ื มระหว่างหลอดพลาสติกกับเปลือกไข่ใหต้ ดิ กนั อยา่ ให้มชี ่องวา่ ง 4. นาน้าใสบ่ กี เกอร์ใหเ้ ตม็ จากนั้นนาไขไ่ กท่ ีเ่ ตรยี มไว้วางลงบนบีกเกอร์ ปล่อยไว้ 30 นาที สังเกต บันทกึ ผลการสงั เกต บันทกึ ผลกจิ กรรม จ.า..ก...ก..า..ร..ท...ด..ล..อ...ง...เ.ม...่ือ..เ.ว..ล...า..ผ..า่..น...ไ.ป....พ...บ...ว..่า..ร..ะ..ด..ับ...ข..อ...ง.เห...ล..ว..ใ..น..ไ..ข..่ไ..ก..ค่..่อ...ย..ๆ...เ.พ...่มิ ..ป...ร..ิม..า..ณ....ข..้ึน....จ..น...ถ..กู...ด..นั...ข..น้ึ....... .ต..า..ม...ห..ล...อ..ด...พ..ล...า.ส...ต..กิ...................................................................................................................... .................... ............................................................................................................................. .......................................... อภปิ รายผล มีการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร...ร..ะ..ด...ับ..ข...อ..ง..เ.ห...ล..ว.ใ.น...ไ.ข...่ไ.ก...่เ.พ...ิ่ม..ข..้ึน............................... 1. ระดับของเหลวในไข่ไก่ 2. เพราะเหตใุ ด จึงเกดิ การเปลย่ี นแปลงดังข้อ 1 .น...า้ ..อ..อ...ส..โ.ม...ซ..สิ...เ.ข..้า..ไ..ป..ใ..น..ไ..ข..่ไ..ก..่.ผ...า่ ..น..เ..ย..ื่อ..ส...ีข..า..ว....ซ..ง่ึ............. ...อ...อ..ส..โ..ม..ซ...ิส..จ..า..ก...บ..ร..ิเ..ว..ณ...ท...ีม่ ..ีค...ว..า..ม..เ..ข..ม้..ข...้น..น...้อ..ย....ไ.ป...ย..งั..ไ.ข...ไ่ .ก...่ .ซ..่ึง..ม...ีค..ว..า..ม...เ.ข..้ม...ข..้น...ม..า..ก...ก..ว..า่.......................................... .......3......น..ัก...เ.ร..ีย..น...จ..ะ..ท...า..ใ.ห...้เ.ก...ดิ ..ก...า..ร..เ.ป...ล..ีย่..น...แ..ป...ล..ง..ด...งั .ก...ล..า่..ว...เ..ก..ดิ...เ.ร..ว็ ..ข..ึน้...ไ.ด...้อ..ย..า่..ง..ไ..ร..................เ..พ......ิม่ ....พ......้ืน......ท....เี่....ย....้ือ....ส......ีข....า....ว....ข....อ......ง....ไ..ข......่ .... ......ใ.ห...ม้..า..ก...ข..นึ้.....ห...ร..ือ....ท..า..ใ..ห...้ค..ว..า..ม...เ.ข..ม้...ข..น้...ใ.น...ไ.ข...่ไ.ก..่ม...ีค..า่..เ..พ..่ิม...ข..้นึ....ห...ร..อื ..ใ..ช..้น...า้ ..ก..ล..ั่น...แ..ท...น...น..้า.ป...ะ..ป...า................................. ............................................................................................................................. ...........................................
326 309 326 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ การสงั เคราะหด์ ้วยแสง รหัสวชิ า รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 8 ชัว่ โมง ................................................................................................................................................................. 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐานการเรยี นรู้ ว1.2 เข้าใจสมบตั ิของสิ่งมีชวี ิต หนว่ ยพื้นฐานของสงิ่ มชี ีวิต การลาเลยี งสารผา่ น เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวช้ีวัด ว 1.2 ม.1/6 ระบุปัจจัยที่จาเป็นในการสังเคราะห์ด้วยแสงและผลลิตที่เกิดขึ้นจากการสังเคราะห์ ด้วยแสง โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ ว 1.2 ม.1/7 อธิบายความสาคัญของการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม ว 1.2 ม.1/8 ตระหนักคณุ ค่าของพืชที่มตี ่อสิง่ มีชวี ิตและส่ิงแวดล้อมโดยร่วมกัน ปลกู ต้นไม้ในโรงเรียน และชุมชน 2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดต้องการพลังงาน พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถสร้างอาหารได้เองจากการสังเคราะห์ด้วย แสง โดยมีปัจจัยคือ น้า แสง และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ จะเกิดขึ้นบริเวณที่มีคลอโรฟิลล์ เพ่ือสังเคราะห์ นา้ ตาลเก็บสะสมที่ใบในรปู ของแป้งและแก๊สออกซิเจน การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื เปน็ กระบวนการเดียวที่ สามารถนาพลังงานแสงมาเปล่ียนเป็นพลังงานในรูปสารประกอบอินทรีย์ ซึ่งี เก็บสะสมในรปู แบบตต่า่างงๆๆภายใน โครงสร้างของพืช นอกจากนี้การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นกระบวนการหลักในการสร้างแก๊สออกซิเจนให้กับ บรรยากาศเพ่ือให้ส่ิงมีชีวิตอ่ืนใช้ในกระบวนการหายใจ ดังนั้นจึงควรร่วมกันปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ใน โรงเรียนและชมุ ชน 3. สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1. ระบปุ จั จยั ท่พี ชื ใช้ในการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงและผลผลติ ทเ่ี กิดจากการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 2. อธบิ ายความสาคญั ของการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืชต่อสงิ่ มีชีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม
327 310 327 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. กกาารรกกาำ� หนนดดแแลละะคคววบบคคุมุมตตวั วัแแปปรร(I(dIdeenntitfiyfyininggaannddccoonnttorollilnligngvavrairaibableles)s)เพเพื่อ่ือหหาาคคำ� าตตออบบวว่าพ่า ืชสร้าง พอาืชหสารร้าไงดอ้อายห่าางรไไรด(้ออยอ่ากงแไรบบ(อกอากรทแบดลบอกงารตทงั้ ดสลมอมงติฐตา้ังนสมกมำ� ตหิฐนาดนตวักแาปหรนตด้นตัวตแัวปแปรตรน้ตาตมัวตแวัปแรปตราคมวตบวัคแมุ ปรควบคุม) 2. การตตคี ีคววาามมหหมามบาขยอ้ ขม้อูลมแูลลแะกลาะรกลางรขลอ้ งมขูล้อ(มInูลte(rpInrteetrinpgredtiantgadaantda caonndclcuosniocnlu)sเiพoอื่nส) รเ้าพง่ือคส�ำอรธ้าิบงาย คปาัจอจธัยิบทา่มี ยผี ปลัจตจอ่ ยั กทามี่รสผี ังลเตค่อรกาะาหรส์ดงั ้วเยคแรสาะงขหอ์ดง้วพยืชแโสดงยขใอชง้หพลชื ักโฐดายนใชเช้หิงลปักรฐะาจนกั เษช์งิ ประจักษ์ เจตคติ 1. ตระหนกั ถึงการใช้หลกั ฐานและตีความจากหลักฐาน 2. ตระหนักถงึ การนาเสนอความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ตอ้ งมคี วามน่าเชือ่ ถือและหลกั ฐาน เชิงประจกั ษ์ 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการส่อื สาร 5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มจี ิตสาธารณะ 6. การประเมินผลรวบยอด ชน้ิ งานหรือภาระงาน Story board การสังเคราะห์ดว้ ยแสง ใหน้ ักเรยี นออกแบบ Story board เพอ่ื นาเสนอการสังเคราะห์ดว้ ย แดสว้ งยโแดสยงใโชด้หยลใชกั ้หฐลานกั ฐเชางินปเชริงะปจรักะษจ์ กัภษา์ยภใานยตใานรตาางรา6ง ชอ่ 6งชอ่ ง
311 328 328 ตวั อยา่ งท่ี 1 ตัวอยา่ งท่ี 2
329 312 329 เกณฑ์การประเมนิ ผลชิ้นงานหรือภาระงาน ประเด็นการประเมนิ 1 คาอธิบาย 3 2 เนอ้ื หามคี วามถกู ต้อง ครบถ้วน 1. ความถกู ต้องของ เนื้อหาไมถ่ กู ต้องและไม่ เนอ้ื หาถูกแต่ไม่ งา่ ยตอ่ ความเขา้ ใจและ เนอ้ื หา ครบถ้วน ครบถ้วน ถูกต้องตามหลัก กระบวนการทาง 2. ลาดบั ของเน้ือหา ลาดับการสับสนและไม่ ลาดบั สับสนแตถ่ ูกต้อง วิทยาศาสตร์ ถูกต้องตาม ตามกระบวนการทาง ใชภ้ าษาทีเ่ หมาะสม สามารถอธบิ ายด้วย กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ การใชเ้ หตผุ ลทาง วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สามารถสรปุ ดว้ ย 3. สามารถสอ่ื สาร ไม่สามารถสอื่ สารด้วย สามารถสือ่ สารได้ สมการ/mapping/ ภาพตวั แทนความคดิ ความรู้ทาง ภาษาทเ่ี หมาะสม แต่ยังไม่บางส่วนที่ตอ้ ง 1. สามารถออกแบบ/ วทิ ยาศาสตร์ ปรับปรงุ ปรับ/พฒั นาเร่ืองราวให้ น่าสนใจ 4. การนาเสนอ ไม่สามารถนาเสนอ สรปุ เปน็ ความเรียง 2. เลือกภาพ ตัวละครท่ี ข้อสรุป ข้อสรุปได้ และการดาเนนิ เร่อื งราว ทแี่ ปลกใหม่ 5. ความคดิ ไม่มีความแปลกใหม่ ขาดข้อใดข้อหนึง่ ใน 3. มีคณุ ค่าต่อการอา่ น สร้างสรรค์ หรอื นา่ สนใจในชิ้นงาน ระดับท่ี 3
330 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ ง ปัจจัยที่พืชใชใ้ นการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร่ือง การสังเคราะห์ด้วยแสง เวลา 2 ชั่วโมง กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ขอบเขตเนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ แหล่งการเรยี นร/ู้ สอ่ื 1. ปจั จยั การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ขัน้ นา 1. ใบความรู้เร่ืองเรือ่ งปัจจัยที่ 1. ครสู รา้ งความสนใจและทบทวนความรูเ้ ดิมของผู้เรียนด้วยการนาเสนอภาพและ พชื ใชใ้ นการสงั เคราะห์ด้วยแสง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ชดุ คาถามดังต่อไปนี้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน ดค้าวนามครวู้ ามรู้ 1. ใบกจิ กรรมท่ี 1 ปจั จยั ท่ี 1. อธิบายการสังเคราะห์ด้วยแสงและ เก่ยี วข้องกับการสงั เคราะห์ด้วย ผลผลติ ท่เี กิดจากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงโดย แสง ใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ (K) 2. ใบกิจกรรมที่ 2 พืชเตบิ โตได้ ดทา้กั นษทะกั าระแบลวะนกราะรบวนการ ภาพท่ี 4.1.1 พืชและสัตว์ อยา่ งไร 1. สามารถออกแบบการทดลองหาปัจจัย - คาถาม “อะไรคอื ส่งิ ท่ีพชื และสตั วต์ ้องการเหมือนกนั ” นักเรยี นแลกเปล่ยี น ที่มีผลต่อกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงได้ ความคิดเห็น นักเรยี นสามารถตอบคาตอบทหี่ ลากหลาย เชน่ ด(Pา้ )นคุณลกั ษณะ พืชและสัตวเ์ ป็นส่งิ มีชวี ติ จึงต้องมีการเจริญเตบิ โต การสบื พันธ์ุ การแลกเปลยี่ นแกส๊ เจต1.คแตสิ ดงความคดิ เห็นทต่ี ระหนกั ถึงการ (การหายใจ) เปน็ ต้น จนนำไปสขู่ อ้ สรุปท่ีวำ่ ส่ิงมีชวี ติ ต้องมีการเจรญิ เติบโต ในครัง้ น้ี สร1า้ ง. คแ�ำสอดธงิบคาวยามปคัจิดจเยั หท็น่มี ทีผี่ตลรตะ่อหกนาักรถงึ การ ครูจะช้ปี ระเด็นทกี่ ารเจริญเติบโต คอื พชื กับสัตวเ์ ป็นสง่ิ มีชวี ิต สิง่ มชี วี ติ ต้องมีการ สสงัรเา้ คงรคาาะอหธ์ดิบว้ายยแปสจั งจขัยอทงี่มพผี ชื ลโตด่อยกใชารห้ ลักฐาน เจรญิ เติบโต เสชงั ิงเปครราะะจหัก์ดษ้ว์ ยแสงของพืชโดยใชห้ ลักฐาน - คาถาม “การเจริญเติบโตของคน สตั วแ์ ละพืชต้องอาศัยส่ิงใด”แนวคาตอบ เชิงประจักษ์ (A) อาหาร) 313 330
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง ปัจจัยท่ีพืชใชใ้ นการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 331 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 - คาถาม “คนและสตั ว์ได้อาหารมาอย่างไร” (แนวคาตอบ คนได้มาจากการปรุง อาหาร สตั วไ์ ดม้ าจากการลา่ การกนิ สัตว์อ่ืน จนไปสกู่ ารสรุปวา่ คนและสัตว์ไมส่ าร สมามรถารสถรา้สงรอ้าางหอารหไาดรด้ ไว้ดย้ดต้วนยเตอนงเ)อง) - คาถาม “ต้นไม้ได้อาหารมาจากไหน อยา่ งไร” (แนวคาตอบ ตน้ ไม้ได้รับ พลังงานจากแสงแดด นา้ และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อใชใ้ นกระบวนการ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง นาไปสขู่ ้อสรปุ ทวี่ ่า พชื สามารถสรา้ งอาหารได้ด้วยตนเอง) 3. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ขัน้ สอน 1. ครอู ธิบายว่า เราจะศกึ ษาวา่ การสรา้ งอาหารหรือการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช - คาถาม “พชื ใช้วตั ถุดิบอะไรบา้ งในการสร้างอาหาร” เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี น ตอบคาถาม บันทึกคาตอบ - คาถาม “ทาอย่างไรจะตรวจสอบคาตอบท่ีนักเรียนไดบ้ นั ทึกไว้” นักเรียน แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ จนนำไปสขู่ ้อสรปุ รว่ มกนั ว่ำ ตอ้ งสร้างสมมตฐิ านทาง ทวทิางยวาทิ ศยาสาศตารส์แตละร์แทลากะทาร�ำรกวาบรรวมบขรอ้วมูลขเอ้ พมอื่ ูลตเรพว่ือจตสรอวบจสสมอมบตสิฐมามนติฐาน 2. รวบรวมคาตอบของนักเรียนและตงั้ คาถามจนนักเรียน สามารถออกแบบการ กทาดรลทอดงลไดอ้ งแไนดว้ แทนางวใทนากงาใรนตกง้ั าคราตถงั้ าคมำ� คถือามคือ 1) นกั เรยี นระบวุ า่ พชื ต้องการวตั ถดุ บิ อะไรบา้ งในการสรา้ งอาหาร 22))เเมมือ่ อื่ มมมี มี าากกกกวว่าา่ 1 อยา่ ง จะทดสอบอย่างไร เพพ่ืออ่ื บบออกกวว่าา่ สสาารรเเหหลลา่ า่ นนน้ั ั้น 314 331
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 1 เรือ่ ง ปจั จัยท่พี ืชใช้ในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง 332 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การสงั เคราะห์ด้วยแสง รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 จาเปน็ ตอ่ การสรา้ งอาหารของพืช 3) นกั เรียนจะรไู้ ด้อย่างไร ว่าสาร/วัตถุดิบนน้ั สง่ ผลตอ่ การสรา้ งอาหาร ของพชื (นกั เรยี นอาจจะตอบวา่ ดูการเจริญเติบโต หรือเม่ือขาดสาร/วตั ถดุ ิบนน้ั พืช อาจตายได้) 3. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรียนเขา้ ใจถงึ “ตัวแปรต้น” “ตัวแปรตาม” และ “ตัวแปร ควบคมุ ” ดังน้ี ตัวแปรต้น คอื ตวั แปรที่เป็นเหตทุ าให้เกิดผลตามมาหรือตัวแปรท่ีกาหนด ขึน้ เพ่ือทดสอบสมมตฐิ าน ตวั แปรตาม คือ ตัวแปรทีเ่ ปลย่ี นไปตามตัวแปรต้นหรือผลที่เกิดจากตวั แปร ต้น และ ตัวแปรควบคมุ คอื ตวั แปรทต่ี อ้ งควบคุมให้เหมือนกนั เพ่ือไม่ใหก้ ารทดลอง เกิดความคลาดเคลื่อน 4. แบ่งนกั เรยี นเป็นกลมุ่ เพือ่ ให้นักเรียนไดอ้ อกแบบการทดสอบการสังเคราะห์ด้วย แสงของพืช 315 332
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง ปจั จัยท่พี ืชใช้ในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 333 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การสังเคราะห์ด้วยแสง เวลา 2 ชั่วโมง รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 สำหรบั ครู พืชตอ้ งกำรนำ แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์และแสง ในกระบวนกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสง แต่ยัง ตอ้ งกำรสำรอำหำร เพอื่ กำรดำรงชวี ิตและ พัฒนำกำรในส่วนต่ำงๆ นกั เรียนจำนวนหนงึ่ อำจ คดิ ว่ำพชื ตอ้ งกำรดินใน ภาพท่ี 4.1.2 รากของพชื กำรสงั เครำะหด์ ้วยแสง แตใ่ นควำมเป็นจรงิ Hydroponic ดินเปน็ แหล่งท่ีมีสำรอำหำร ดงั นันพืชจึง สำมำรถเติบโตไดใ้ นนำท่ีปรำศจำกดนิ แตม่ ี ท่ีปลกู ในสารละลาย สำรอำหำรได้ เช่น พืช ไฮโดรโปนิกส์ กระตุ้นใหน้ ักเรียนเข้ำใจว่ำ กำรทดลองเร่ือง วตั ถุดบิ ในกำรสรำ้ งอำหำรของพชื ในขนั ตอนนีเปน็ กำรฝึกให้ผเู้ รยี นได้ ตงั สมมตฐิ ำน ออกแบบกำรทดลอง และทำนำยผลกำรทดลองที่สนับสนุน หรือคดั คำ้ นสมมติฐำนท่ีตังไว้ 316 333
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง ปัจจัยทพ่ี ืชใชใ้ นการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 334 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 5. ครนู าเสนอข้อมูลการทดลองเร่อื งคาร์บอนไดออกไซดใ์ นกระบวนการ สังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช วธิ กี ารสังเกตและการลงข้อสรปุ จากหลักฐาน 5.1 คาถาม “ทาไมเราทราบว่ามีแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ทง้ั ๆทที่เเ่ีรราามมอองงไไมม่ ่ เหน็ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์” จากนั้น นาเสนอข้อมูลท่นี ักวทิ ยาศาสตร์ใช้ใน การศึกษาแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ เราทราบว่าคารบ์ อนไดออกไซดเ์ ป็นแกส๊ ทถ่ี กู ใช้ใน กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์อยู่ในอากาศ แต่ไม่ สามารถมองเห็นได้ จึงตอ้ งการวธิ ีการตรวจสอบว่าพชื สง่ ผลต่อการเปลีย่ นแปลงความ คเขว้มาขม้นเขข้มอขงแน้ กข๊สอคงแารกบ์ ส๊ อคนาไรดบ์ อออนกไไดซอดอ์หกรไือซไดมห์ ่ รซอื ่งึ ไสมา่มซาร่งึ ถสตามรวาจรถสตอบรวไดจ้สโอดบยใไชด้อโนิ ดดยิเใคช้ อเตนิ อดริเแ์ คลเตะนอร้า์แปลูนะใสนา้ํ เปมื่อนู เใพส่ิมเคมา่ือรเ์บพอิ่มนคไาดรอบ์ ออกนไไซดดอ์ อนิกดไซเิ คดเ์ ตออินรด์จิเะคเเปตลอี่ยรน์จเะปเปน็ ลสยี่แดนงเปแ็นตส่ ี แเมดือ่ งลแดตCเ่ มO่ือ2ลลดงCอOิน2ดิเลคงเตอนิร์จดะิเคเปเตลอย่ี รน์จจะาเกปสลีแย่ี ดนงจเปาก็นสแีมด่วงเดปงัน็ ภสามี พ่วง ดงั ภาพ จากความรู้เร่อื งอินดิเคเตอรส์ ามารถนามาออกแบบการทดลองเพือ่ กระบวนการ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงและ CO2 เม่อื มีการทดลอง 4 ชุดการทดลองดงั นี้ 317 334
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง ปัจจัยท่พี ืชใชใ้ นการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง 335 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง เวลา 2 ช่ัวโมง รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 การทดลอง สขี องอินดิเคเตอร์ ภาพประกอบ (หลกั ฐาน) 1. นา้ ปนู ใส + สารละลาย แดง อนิ ดเิ คเตอร์ (ชดุ ควบคมุ ) 2. นา้ ปูนใส + สารอนิ ดิ มว่ ง เคเตอร์ + สาหร่ายวาง เหลือง ห่างจากโคมไฟ 20 เซนติเมตร 3. หลอดท่ี 2 มสี าร อนิ ดเิ คตเอร์ + สาหรา่ ย + หอยทาก 4. น้าปูนใส + สารอนิ ดิ ส้ม เคเตอร์ + สาหรา่ ยวาง ในที่มืด 318 335
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง ปจั จัยท่ีพืชใชใ้ นการสังเคราะห์ด้วยแสง 336 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชั่วโมง ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 6. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายในประเดน็ ต่อไปน้ี - อะไรคือข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการสังเกต - นกั เรยี นคดิ ว่าปัจจยั ใดบา้ งที่ทาให้เกิดการเปล่ยี นสีของสารละลาย ทาไมจงึ คดิ เช่นนัน้ - การทดลองนค้ี วรมีสมมตฐิ านวา่ อยา่ งไร - การทดลองนต้ี รวจสอบสมมตฐิ านอยา่ งไร - นกั เรียนจะสรปุ ผลการทดลองวา่ อย่างไรและอะไรคือหลักฐานท่ีสนับสนุน ข้อสรปุ แนวคาตอบ จากการอภปิ รายนาไปสขู่ อ้ สรุปท่ีว่า หลอดท่ี 1 มี คารบ์ อนไดออกไซด์ในสารละลายทาใหส้ ารละลายเปน็ กรด สารละลายจึงมี สแี ดง เมอื่ พชื ใชค้ ารบ์ อนไดออกไซด์ จะทาใหป้ รมิ าณคาร์บอนไดออกไซดใ์ นหลอด ทดลองลดลงสขี องอินดิเคเตอร์จงึ มมี ่วงดังหลอดทดลองท่ี 2 ในขณะทีห่ ลอดที่ 3 พชื มกี ารใชค้ ารบ์ อนไดออกไซด์ ในขณะท่ีหอยมกี ารปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สีอินดิเค อเตินอดรเิ์จคึงเเตปอน็ รส์จเี ึงหเลปอืน็ งสเี หม่ือลไือมง่มเีสมี ื่อพไชื มไ่มีสม่ ีกพาืชรไใมช้คม่ าีกราบ์ รอใชน้คไาดรอบ์ ออกนไซไดท์ออาใกหไ้สซีขดอท์ ง�ำให้สี ขสอารงลสะาลรลายะใลกาลย้เใคกยี ลงเ้ชคุดยี คงวชบุดคุมวบหคลุมอดหทล่ีอ4ดจทงึ ี่ ม4ีสจสี ึงม้ มีสีสม้ ดงั น้ัน การเปลีย่ นสขี องอนิ ดิเคเตอร์จึงเปน็ หลักฐานเชงิ ประจักษว์ ่าพืชมีการ ใช้คาร์บอนไดออกไซดเ์ มอื่ มีแสง 319 336
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรื่อง ปัจจัยทพ่ี ืชใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง 337 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง การสงั เคราะหด์ ้วยแสง รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชั่วโมง ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ข้ันสรปุ ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายและลงข้อสรุปการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 1. การสังเคราะห์ดว้ ยแสงคืออะไร (แนวคาตอบ ปฏกิ ริ ิยาที่พืชใชพ้ ลังงานแสง นา้ และแกส๊ CO2 เพื่อสงั เคราะห์นา้ ตาล (แปง้ ) ซ่งึ เปน็ อาหารของพืชและแก๊สออกซิเจน) 2. แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ไมส่ ามารถมองเห็นดว้ ยตาเปล่า แตเ่ พราะเหตุใด นกั วิทยาศาสตร์จงึ สรุปไดว้ า่ พืชใช้แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ในการสังเคราะห์ด้วยแสง (แนวคาตอบ นักวทิ ยาศาสตร์ใชก้ ารทดสอบคณุ สมบัติต่างๆ ทาการทดลอง รวบรวม ข้อมลู เพอ่ื พิสูจน์ว่าปฏิกิรยิ าการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงจะเกิดข้ึนไดเ้ ม่ือมีแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์) 3. หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์คืออะไร (แนวคาตอบ หลักฐานท่ีมีอยา่ ง เพยี งพอต่อการอธิบายหรือสร้างข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ โดยผ่านการวิเคราะห์ หลักฐานอยา่ งเปน็ เหตุเป็นผล) 4. สรุปสมการการสังเคราะหด์ ้วยแสง คาตอบ 320 337
การวดั และการประเมินผล เครอื่ งมือวดั 321 ดา้ น 1. ใบกิจกรรมที่ 1 338 338 1. ดา้ นความร้คู วามเข้าใจ 1. แบบประเมนิ ทักษะทาง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 2. กระบวนการ วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ความเข้าใจ/ผ่าน/ไมผ่ า่ น ระดับของทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ด้านเจตคติ 1. แบบประเมินเจตคติทาง วทิ ยาศาสตร์ ระดับของเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์
1 3122 8. บนั ท8.กึ บผลันหทลึกงัผสลอหนลงั สอน ผลการผเรลยี กนารู้เรียนรู้ ....................................................................................................................................................................................... ปัญหาปแลญั ะหอาปุ แสลระรอคุปสรรค .......................................................................................................................................................................... .......... ขอ้ เสนขออ้ แเนสะนแอลแะนแะนแวลทะาแงนแวกทไ้ ขางแก้ไข ..................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ล...ง..ช..ื่อ...............................ผ...ูส้ ..อ...น..ผูส้ อน (.........(..............................................)..........) วนั ท่ี...ว..นั...ท..เ.ี่ .ด..ือ..น....เ.ด...ือ..น..พ....ศ......พ....ศ............... 9. ควา9ม.คคิดวเาหมน็ ค/ิดขเ้อหเน็สน/ขอ้อแเนสะนขออแงนผะบู้ ขรอหิ งาผรูบ้ หรริหอื าผรูท้ ห่ไี รดอื ร้ ผับูท้ มไี่ อดบร้ ับหมาอยบหมาย ..................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ล...ง..ช..ือ่...............................ผ...ตู้ ..ร..ว..จ.ผู้ตรวจ (.........(..............................................)..........) วนั ท.ี่ ..ว..นั...ท..เี.่ .ด..ือ..น....เ.ด...ือ..น..พ....ศ......พ....ศ...............
340 323 340 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เร่ืองปัจจัยที่เกีย่ วข้องกับการสังเคราะห์ด้วยแสง หนว่ ยที่ 4 แผนท่ี 1 เรอ่ืเเรงรือ่ ่ือกงงากราสรังสเังคเรคาระาหะด์หว้์ดย้วแยสแงสงรารยาวยิชวาชิ วาทิ วยิทายศาาศสาตสรต์ ร์หรัสหวสั ิชวา2ว121101101ภาภคาเครยีเรนยี ทนี่ ท1ี่ 1ชน้ั ชมนั้ ธั มยธั มยศมกึ ศษกึ าษปาีทป่ี ีท1ี่ 1 ตอนที่ 1 เติมคา : จงนาขอ้ ความตอ่ ไปนี้ ไปเติมลงในช่องว่างด้านล่างใหไ้ ดค้ วามที่สมบูรณ์ แป้ง น้า แสง คลอโรฟลิ ล์ สเี ขยี ว คารบ์ อนไดออกไซด์ ออกซเิ จน การสังเคราะห์ด้วยแสง น้าตาลกลโู คส 1. กระบวนการที่พชื สร้างอาหาร เรยี กวา่ ……………………..…………….เกดิ ขนึ้ กับเซลล์ท่มี ีลักษณะ…………………… 2. อาหารท่ีพชื สรา้ งขนึ้ คือ…………………………………………………ซึง่ จะถูกเปลยี่ นไปเปน็ ……………......................... 3. พชื สรา้ งอาหารแล้วได้สงิ่ ใดบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………….. 4. พชื สงั เคราะหแ์ สง ต้องใชป้ ัจจยั อะไรบ้าง ........................………………………………………………………………..…… ตอนท่ี 2 เลอื กตอบ : ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งทส่ี ุดเพยี งข้อเดียว แล้วกาเครือ่ งหมายกากบาท (X) ลง ใน กระดาษคาตอบ 1. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกีย่ วกบั กระบวนการ 5. พืชเป็นส่ิงมชี ีวิตท่ีแตกตา่ งไปจากสง่ิ มีชีวติ อ่นื ๆ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง อยา่ งชัดเจนในข้อใด 1. วัตถุดิบท่ีใช้ในการสังเคราะหแ์ สง คือ น้าและ O2 1. สร้างอาหารไดเ้ อง 2. วัตถดุ บิ ที่ใช้ในการสังเคราะหแ์ สง คือ น้าและ CO2 2. เคลอ่ื นไหวไม่ได้ 3. ผลผลิตท่ีไดจ้ ากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงคือ 3. เจรญิ เติบโตไดไ้ มจ่ ากัด น้าตาลกลโู คส และ CO2 4. มอี ายยุ ืนยาว 4. ผลผลิตทไ่ี ดจ้ ากการสงั เคราะหด์ ้วยแสง คือ 6. การสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืชหมายถงึ ข้อใด คลอโรฟลิ ลแ์ ละนา้ 1. การคายนา้ ของพืช 2. การหายใจของพืช 2. สว่ นใดทีไ่ ดช้ ่ือวา่ เป็นโรงครัวของพืช 3. การงอกของเมล็ดพชื 4. การสร้างอาหารของ 1. ราก 2. ใบ 3. ดอก 4. ลาตน้ พืช 3. กระบวนการสร้างอาหารของพืช ต้องอาศยั ปจั จยั 7. รงควตั ถุสเี ขยี วในคลอโรพลาสต์คือ ท่สี าคญั หลายปจั จยั ยกเว้น ข้อใด 1. คลอโรฟลิ ล์ 2. แคโรทีนอยด์ 1. น้า 2. ก๊าซออกซิเจน 3. แอนโทไซยานนิ 4. ไฟโคอรี ีทริน 3. คลอโรฟิลล์ 4. กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ 4. ขอ้ ใดต่อไปนี้ผดิ 8. ขอ้ ความใดอธิบายการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช 1. พืชจะเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสงตลอดเวลาท่ีมีแสง ไดถ้ ูกต้อง 2. การสงั เคราะหด์ ้วยแสงจะเกดิ ทุกสว่ นของพืชที่มีสีเขยี ว 1. เปลย่ี นพลงั งานแสงเปน็ พลังงานเคมี 3. หากขาดนา้ พชื จะไม่สามารถสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ 2. เปลย่ี นพลังงานแสงเปน็ พลังงานจลน์ 4. พชื จะสังเคราะห์ด้วยแสงเฉพาะเวลากลางวัน 3. เปลี่ยนพลังงานศักย์เปน็ พลงั งานจลน์ เท่านั้น 4. เปลย่ี นพลังงานแสงเปน็ พลงั งานความร้อน
1 324 ใบใกบจิ กกิจรกรรมรทมี่ ท2่ี เ2รื่อเรง่ือปงจัปจจั ัยจทัยี่เทกี่เยกว่ียขว้อขง้อกงบั กกับากราสรงั สเคังรเคาระหาะด์ หว้ ์ดย้วแยสแงสง หนหว่ นย่วทยี่ ท4ี่ แ4ผแนผทนี่ 1ที่ 1 เรือ่ งเรกื่อางรกสาังรเคสรังาเคะหราด์ ะ้วหย์ดแ้วสยงแรสางยวรชิายาวิทชายวาิทศายสาตศรา์สรตหรสั ์ วรหิชาัส ว21110011 ภภาาคคเเรรียียนนทที่ 1่ี 1ชชน้ั นั้ มมธั ัธยยมมศศกึ ึกษษาปาปีทที่ 1ี่ 1 1. จากภาพแสดงความคิดเกย่ี วกบั การเจรญิ เติบโตของต้นไม้ นกั เรียนเหน็ ด้วยกับความคดิ ของใคร และจะมวี ธิ ีทดสอบเพอ่ื ตอบคำถามทีว่ า่ “พชื เตบิ โตจากเมล็ดจนมลี ำตน้ ขนาดใหญ่ พชื ใช้ปัจจัยใดทชี่ ่วยให้ ลำตน้ เจรญิ เตบิ โตและมขี นาดใหญ่” (สามารถเหน็ ดว้ ยไดม้ ากกวา่ 1 คน) ฉันคิดวา่ ฉันคิดว่า ฉันคิดว่า ฉันคดิ วา่ ออกซิเจนใน สารอาหารมา สารอาหาร สารอาหาร อากาศทีเ่ ขา้ มา จากนํ้าท่พี ชื ผา่ นช่องวา่ ง ดดู ซมึ จากราก มาจากในดินท่พี ืช มาจาก บนใบพชื ดดู ซมึ จากราก พลังงานแสง อาทิตย์ AB CD ภาพที่ 4.1.3 สถานการณ์แสดงความคิดเห็นการเจริญเตบิ โตของต้นไม้ ( ปรับปรงุ จาก : Hard-to-Teach Biology Concepts A Framework to Deepen Student Understanding By Susan Koba with Anne Tweed. NSTA. 2009) เห็นดว้ ยกบั ความคดิ ของ _______ เพราะ............................................................................................. ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ วิธกี ารตรวจสอบ..................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ และหลักฐานทีต่ อ้ งการ........................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ..............................................................................................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
Pages: