Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-13-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-1

64-08-13-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-1

Published by elibraryraja33, 2021-08-13 01:22:49

Description: 64-08-13-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-1

Search

Read the Text Version

342 325 342 แบบประเมินทักษะทางวิทยาศาสตร์ (ก.) คาช้ีแจง : ใช้ประเมนิ ผลการออกแบบการทดลอง (ถูกต้อง = 1 คะแนน, ไม่ถูกต้อง = 0 คะแนน) รายการประเมิน ผลการประเมนิ ถกู ตอ้ ง ไม่ถูกต้อง 1. ระบุตัวแปรต้น 2. ระบตุ ัวแปรตาม 3. ระบตุ วั แปรควบคุม 4. ทานายผลการเปล่ียนแปลงระหว่างตัวแปรต้นและตัวแปรตาม 5. สามารถอธบิ ายแนวทางในการเก็บบันทึก/เก็บรวบรวมข้อมลู ได้ รวม แบบประเมนิ เจคตทิ างวิทยาศาสตร์ คาชีแ้ จง : ใชส้ ังเกตพฤติกรรมผ้เู รียนเป็นรายบคุ คล ในระหวา่ งการปฏิบัตกิ ิจกรรม ระดบั คุณภาพ คาอธบิ าย 1 1. ไมส่ ามารถลงความคดิ เหน็ ได้ 2 2. ลงความคดิ เหน็ และมขี ้อมูลสนับสนุน 3 3. แสดงความคิดเห็นโดยคานึงถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และอธบิ าย ความสมั พันธ์ของขอ้ มลู โดยใชค้ วามรทู้ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละความเปน็ เหตุเป็นผล

343 326 343 ใบความรู้ท่ี 1 เรื่องปปจั ัจจจยั ัยทท่ีเกีเ่ กี่ยยี่ววขข้อ้องกงกับับกการาสรงัสเงัคเรคาระาหะด์ห้วด์ ย้วแยสแงสง หนว่ ยท่ี 4 แผนที่ 1 เรอื่ งเรกือ่ างรกสางัรเสคงั รเาคะรหา์ดะห้วยด์ แ้วสยงแสรงายรวาิชยาววิชิทายวาิทศยาสศตารส์ตรรห์ ัสรหวิชัสาวว221110011ภภาาคคเรเรียียนนทที่ 1ี่ 1ชช้นั ้ันมมธั ัธยยมมศศึกกึ ษษาาปปีทีท่ี 1ี่ 1 พืชเป็นส่ิงมีชีวิตท่ีสร้างอาหารได้เอง Autotroph (self-feeder) ในขณะท่ีสิ่งมีชีวิตท่ีนอกเหนือจาก autotroph คือ heterotroph ส่ิงมชี วี ิตท่ไี ม่สามารถสรา้ งอาหารไดเ้ อง พืชสีเขียวมีบทบาทสาคัญต่อโลก คือ เป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถ พืชโดยส่วนใหญ่เติบโตได้เม่ือได้รับน้า เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ไปเป็นพลังงานเคมีในรูปอาหารโดยการ เพาะปลูกในดินท่ีมีสารอาหารพ้ืนฐาน นาเอาน้าและแกส๊ คาร์บอนไดออกไซตม์ าทาปฏกิ ริ ิยาเคมีกนั จาเป็น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีแสงเป็นพลังงานกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยา ผลผลิตที่ได้คือ แสงแดด พืชจะสร้างอาหารเองและให้ น้าตาลกลูโคสซึ่งน้าตาลส่วนหน่ึงจะนาไปสังเคราะห์เป็นสารอ่ืน ออกซิเจ นแก่บร รยากา ศ ในขณ ะ ที่ สั ต ว์ แ ล ะ ผู้ บ ริ โ ภ ค อ่ื น ๆ กิ น พื ช เก็บสะสมไว้ และยังได้ไอน้า และแก๊สออกซิเจน ซึ่งพืชจะปล่อยออก พื ช จึ ง เ ป็ น แ ห ล่ ง ผ ลิ ต ที่ มี ค ว า ม สู่ส่ิงแวดล้อมสาหรับแก๊สออกซิเจนจะเป็นแก๊สท่ีสิ่งมีชีวิตทุกชนิด สาคญั ของระบบนิเวศ น า ไ ป ใ ช้ ใ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ห า ย ใ จ ช่ ว ย ล ด ป ริ ม า ณ แ ก๊ ส ค า ร์ บ อ น ไ ด - ออกไซด์ ในบรรยากาศ เพราะพืชต้องใช้แก๊สนี้เป็นวัตถุดิบ คาถามกค็ ือ ในการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยปกติแก๊สชนิดน้ีเป็นแก๊สท่ีไม่มีสี ไม่มี พชื มอี อรแ์ กเนลพื้นฐาน กล่ิน มีอยู่ในบรรยากาศประมาณ 0.03% เท่านั้น แต่เนื่องจาก อะไรในการเปลี่ยน ในปัจจุบันการเผาไหม้เช้ือเพลิงเพื่อการอุตสาหกรรมต่างๆของมนุษย์ พลงั งานแสง มมี ากขึ้น จึงทาใหม้ แี กส๊ ชนดิ นี้เพิ่มมากข้นึ ด้วย ภาพท่ี 4.1.4 การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ห ดส สมดกสค่งคี้าลวงัาว้วผมยเวกัรยาคลากมแาฐกแรมนตรารสสาสาะสน่อักรถางงะทเค�ำวเทชหรกนแชคทิาญั แ่ีีย่วด์าลักิงทัญยนสรย้วละวีส่เาเดยรนรสบิทรศ่งเ้เูแังกานื่อียตผรายวสมษือ่งนือ่ลส่อาา่งจางตตงรกาศรากพจู้เ่อรสราถกรรา์ทชืเะมสช่ือะชกตาบจตด่วบงงิ กอ้ะวยกลุรจลวาชงนรร์บทะนขรใว่กัะกชตช�คกำอยษบา่ว้ค่กอ้นาใงรายวรหกาาคกสสนสใรรรเ้วรหมังร์บงักะคา้ะเาเเ้ดบาอค้คนรเบทุลรขวนารรควสดข้านเาาไวขนใอังลดะะกจ้าา้เงอหหกอาคใทกงร์ดอา์ดจรรเดสร้วกกา้พวะงัลยะสยไา่อืบเซแอหัรงคแหวดกสเง์ดรสนาค์สเงรา้วงพกมระะ�ำยา่ืาอหทีหแแระห์ร�ำลสหทับะาง่ี์ สหรลา้ กังฐอาานหทารี่แสดงว่า พืชตอ้ งใช้คาร์บอนไดออกไซด์สาหรบั สร้างอาหาร

344 327 344 การรศศึกกึ ษษาาเเรรื่อ่ืองงกากราสรงั สเคังรเาคะรหา์ดะ้วหยด์ แ้วสยงแขสองพขอืชงพืช ตตวั วัออยยา่ า่งงกกาารรททดดลลอองงทท่ี ่ี1 ใชก้ ง่ิ ไมท้ มี่ ใี บตดิ ดออยยู่ ู่นนำ� าไไปปปปกั กั ไวไวใ้ นใ้ นถถว้ ้วยยแแกกว้ ้วแลแว้ลนว้ ำ�นไาปไทปง้ิทไ้ิงวไใ้ วน้ใหนอ้ หงอ้ มงดื มปืดระมาณ 2ป4ระชมวั่ าโณมง2จ4ากชนั่ว้นัโมนงจำ� าทกงั้ นหนั้มนดานทไี้ ปั้งหไวมใ้ ดนนขี้ไวปดไโวห้ใลนขดวงั ดรปูโหทล่ี 1ขนจาัดดอใุปหกญร่ ณดงัด์ รังปู ภทาพี่ 1แจลดั ้วอยุปกกอรุปณก์ดรณงั ภท์ า้งัพหมแดลไว้ ปยก ตอาุปกกแรดณด์ท3ง้ั -ห4มชดั่วไโปมตงาพกรแอ้ ดมดกับ3-ด4ูดชอาวั่ กโมาศงอพอรกอ้ ตมลกอบั ดดเวดู ลอาากจาากศนอั้นอกจตงึ ลเดอ็ดดใเบวไลปาทจดากสนอบ้นั แจปงึ เง้ ดใน็ดใใบบไ(ปแป้งคอื อาหารที่ พใแทบลชืดใ้วสสนทรอกา้ดบรงสะแขอถปึน้ าบ้ง)งใใจบนขะจใกบไะมาพร(พ่ แทบบปดววง้่าสา่คอมใือบบีแอททปางั้่ีม้งหสอแี าอยปรงเู่ท้งแลค่ีพบยือืชบหสชใรบรใี้ อืห้าในงเ้ หอขก้ึนาน็รจ)วะจา่ถจดั ากะเงไาคมรขรส่พอื่ งักบงเามควร่อืารทมาดะดีแงั หสรปปูแ์อ้งสบทองยที่ ข2่เูั้งลอสแยงอพลงห้วชื แรทนบือดนั้ บสตอชออ้าี้ใบจงหใจใเ้ชบหัดก้ จ็นเา๊คะวซรพ่าค่ือบางวรมบ์่าืออดในบังไรทดปู ม่ี อทีแอ่ีปก2้งไคซอืด์ การสังเคราะห์อาหารของพชื นัน้ ตอ้ งใชแ้ กส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ (อา้ งองิ จาก http://www.chiangkham.ac.th/science/Wanpen/Practice1.pdf ) รปู ที่ 1 แสดงวา่ พืชตอ้ งใชแ้ ก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ รูปที่ 2 แสดงการทดลองว่าการสงั เคราะหด์ ว้ ย ในการปรงุ อาหารหรือการสังเคราะห์ดว้ ยแสง แสง ตอ้ งอาศัยแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ในรูป ก. จะไม่มกี ารสงั เคราะห์ด้วยแสง สว่ นในรปู ข. นัน้ จะมีเป็นปกติ

328 34 345 333334444455535545345 333344334455445535545 (อ(้า(ออง(กออา้้าาา้งิงงก(กอง(รจ(อก(อออาอิงาท้า้าาาา้ิงรจงิา้กงงกดงกรจรจงาทอกอกออากhาทาิงลทงิาดางิิงรจกรจtกรจอดรจhาทลtดาทาทpกาทhงtลกดอกhกtดลsดtทดhอpลงt:hลth/ลthpอล่ีsองทttt/tอ2:tอpstอpทงw/tงt่ีp:pงs/ทpง2/งsี่:wเทswทs//ทs2ี่ทร:::/w:/2/w/wเ่ี/่ี่ีwอื่ี/ร/2//2wเ22w.wwเงw่ือwรyรwแwเwเo่อื.wเงอื่รyรwเรกuw..แwงงoื่อรwื่อyyอ่อื แtส๊แwoก.uo..งอ่ืง.uyงงyyyกuกแtคu๊สแoooแb.ouงt๊สแytก๊สuกาuคueกubuแคoกbtส๊tรt๊สค.าt๊สeubucuาeuก๊ส์บuคครา.bคoรbeb.bccค์บาtาอรบ์ส๊ee.mาeoeocuรราบ์..อนรอ..mmccoคcc/บ์บ์รbบ์oนoนอoไwmo/บ์/าออmeดmไwอmนmไwaด/นอนรด.อนa//tไwca//อนtไwc์บไwอดwกไwtcoดดกahดcไahaกอไaaอtไออmด?httอซcttซไกvccก?กccนอhซกhดh=ดv/ไhhไไ?อไ??ซดl=ไwใ์ใ์ซ??vjซvนiกvvดนil6ใ์ด=6ด=jaด==กไZนiกZ6lอl์ใ์ใซtlljใ์xjรกนjZiนijxรc3น6i6iะกด663xระ_กกZZhบกZZใ์3_ไEะบxxรร?วนxรx3_ซEบ33ะะv33วนะ0Eก3__บบ__ว_)ดบ=บ3นก0EEรEEEววน03า)3lววะ์ใก333jน)น0ร0ก0บนนiน000า6ส))ก)ก))า)การกกังZาารนสาเารรxครสรรกังรสส3รสะสังเสางัางัค_เังังบรังคะเเเเEรคคสเหคครวคา3รรงัด์รราะนา0ราเาา้วะคหะะา)ะะยหกหรหะ์ดหหแ์ดาาห์ดด์้วสด์์ดะ้วร้ว์ดงยว้้วหยสย้วแยยด์แแยังแแส้วสสแเสสงยงคงสงงแรงสางะหด์ ้วยแสง นนาน�ำตนนตา้นตาน้าไนตน้ตไนมนาม้นาไา้ท้นาตมตท้ไตต้นีใ่มไน้ทน้ชีใ่้นไม้ทชไมีใ่ไ้ใไมชมนท้้ใท้ม่ีใ้ทนชใท้่ใีกท้ ีใ่นชใ้่ีกี่ใาชีใ่นชใ้กชชารนใ้ใ้ก้ใาใ้รทนกนนนราทาดกกทกรกรดาลาทาดทารรลอรลดดททรทองลอลดดทงดองอลลลงดงอออลงงงอง เกบ็ ไเเวกกเใ้บ็ก็บนเ็บเเไไกเกกทววกไ็บใ้บ็บ็้ใว่ีม็บนนไไใ้ไืดไทววนวทวใ้ม่ีใ้ ้ใท2่มีนนดืนมี่-ืดททเท32กดืมี่ม่ี มี่-2บ็3วืดดืดดื2-นั3วไ-22223ันว--ว--33ใ้33วันนันวววววนันัทนันัันมี่ ืด 2-น3าสใSนวSสาใooนำ�นัสรน่ในlสlนาใ่นนนuuาPนาาสานtSาขาสtoขสรiสSาใSoสSiสoาวtใSวSoสาใาใรooaonาใสสาใสPlรดดoรoSร่ใnสสsluรlรlใ่าใ่แPนouแluol5su่ใ่ใPนPสนtuPuรกioPน5-Pนtttขกultioo1่ใขoขtotiว้aiuioo-toขmoวขPนoว้ii0ttวotว1oasntttวaปดnวaanonขดisดana0nปมoดsดHาssแtiวแ5sssแ5suลิ5sก5sแaาnแyก5si5sมดกi-กi-uiลu-แm-กsกuidu1i-1-้วu1้วuแ1ิล้วลิ5sm1คm1r้วmแ0ว้0m0m0moกiิตล0บ-0ปปuปคH1นปxรปว้มลิมมHาmHมาHามบi0HาyHาdิลติากิลลกกyปลิลิyกyกdeyyลแสรลลมdแแddลลHาSแแddrลิคลิลิคrลคาใoกrลิิrคคลoyorrติoบิตoสบติลoรบoิตแติxบdบxรxlรxรลxิ่ใiรคxรiurdidiPidนoiิตddบdeteeoxรeeขieoidtวaneดsแ5sกi-u1้วm0ปมHาลิกyลแdลิคroิตบxรide จปลดั างจปจลปวใกลจใปัดนลาางัดจใลปมขนางัดวนใากงงขดังาวาใวใขมนกวาใตกจจปปจขขนใวลลปใวจลใกดวปนจนลปวางลาาขดันัดขขนนัดดาวงาวงาดัขมางาัดขเตางดงวขางววขใแกวใวกดพขวใงดกขแมวงวใใวกานตขวมใใกวาใาานเตดวนใาขนหานดใทขนตวเนวาขนดวกวปเ่อืาาดขงนขแงดาขนงดพวขวงาแขปขมงขาวเดตนงวดาขง้ิวข�ำดมทขเว้มววปแติดขหวตดพเเขมตวแวดวกวาป่อืตดวดาไงิดแาดพววแดเ่งาวพาดหาวิ้งเแาใอ้ดดววนดวาากแปอ่ืใทด้วาเปพางิดเดดใวแเดหใวเหกไแดหแเาอ่ืพดชแเวพแนง้แหหแกปง่ทอื่้วหปพวาิด้ิงกปงือ่าแเใอ้เงห3หว้นใ้แากเปว้ใกปอ่ืกปหือ่นหน่งไงง้ท้สว้งิ้ปทกช้วิดป้แใอื่อ้ปงิดงหในนสว3านั่งทใ้วทปว้ปดิ่ง้อหไิดนใช้แิ้งกาทใอ้ช้วว้ปสงดิง่หใส้ใส้งิ้ใวง่งใง่อ้ชหไอิ้งง้ิใ้อใม้อชงใ่งแ้งสก3าัว่นัหใว้ชหใง้ิใใองวใใสหไ้หวส้ไาหใไ้แกใ้วชกชชาว้งหงงสไหหโาหส3งาัน้สส้ชวั่วอวงวห้สมีนวาวแ้ชสก3าแ้นักมาก้วว้นั้แสกรสว้แว้ก้า้สง้สโ้ววอาาส่ม้า้้สาส้งสสท3าสัว่3นัาชอันามมถงนีวสสว3าชัอาาส3กา่านัสงวารมสสาาโงางศววั่าออาาา่สใมงมัว่ีนวงทงเชอนีชาวาสมกถมสกสงรววาชสรอีนโขรงโเสามาวเา่าา่กศชท่วั่วัาทใามงาขถมาีนนีถสววรขเวว่ัอกก่ใา้ีนงวงรรทาสกโโขรศาเาศราาาใ่่บงาถั่วโใา้งททเ้าเาาีนามม่ถถบวขทสกขอารใ่มถเสศางา้งขรรเไใศงศโไขาาใบใงง้าอาใ่่ศขเเๆ้าาปรใบทงสอ่ใมเ้าามสสถขบขรรา้เเไสบขรบไเงา้อขขบ่ใๆไอ่ใ้อปศ่ใา้ขไา้ามใงอ่ใา้ๆไเปบบบไ้ามบ้าบบบส้าๆปขร้เบมไไไ้ไไไไๆขไๆๆปปปอมใ่มๆ้า้มปมบ้า้้บ้้ ไไๆปม้เนด�ำด็ อใอบนกนไเเนามมาดดเออาา้จ็ดนดด็นนอนออเจใาเเด็ใาาาดเกบดดาอกบากดอใออม็ดอไ็ด็ดกกบม็ดตไอมออาอใใใมมขใาไ้น้จจกกกบบบกบมจ้จวาาามมมไไไมไ้จกกจาาดมมมาามานาตกขกาา้จจ้จจ้จจจ้เก้นวกตขาาาาาดาาาาาดตขกกกก้นวอกกกกก็ดตน้วตขดขตขตตขขอด้นว้นใวน้ว้นวน้วกบดดดดดมไมา้จจาากกตขน้วนนดา�ำไปไนปทนนนาดนทนาาไาสนาาดไปไไอไปไปาปสปทปบไทททอทปทใดดดนดบดดทสสสสสใสสอดอาอนอออบรสบบบสบไบอใใอใใานในในบนโนรนอสสสสใไสสดาานอาาาาีนรรรสโรรรไไนไอไไอาไอออออดราโโโโโอโไอีนอไอออดปดดดดดโีนนี ีนอีนทีนีนดดนี สอบในสารไอโอดีน จะพบว่าบรเิ วณขอบใบไมใ้ ส่ใน เหตุผล น่ันเป็นเพราะสาร Potassium ขสจขนะวณีนกั สขจขสจขนขดพ้าเะขขจสนะะณววณรนีีนกัแเบทะณวนีงยีดกัพดพ้าเก้าะวินรดพะนบี่แ้าเเสขขนจสจขนบนสขขสขนขะว้แทเจนรา่งยีนจขสขบแเกทบะณวนีคระงวณนีณนีักณวักนีกัไทกัินะงบยีักะวณนนีบ่ีกักดดมพเิว้วดินพา้เวดิ้าเ่ิน้าเ้�ำเบ่ีะดน่บีพะเวระระ้าเรครรแว้ว้เรไแะเร่เบแา่บเา่แรเวบทงียทแณิเเงียทมเคปิบรงทียกงดิไรียียทกบงไวกนิาว่บรวกนินีบ่วินกมเนีบ่วนินบี่เ้วิดวินลมนวเนิบ่ีว้ณอเบ่ีว้ณวิเ่ารป่าค้วร้วไา่วป่เา่รครวคาร่วไยีไคบณเิืน่บคมรเริป่เดิไไลบบมขเณมอเวิวเณดิาิเ่ดิ็นปนมิดเิมเิว่เรวดิปรๆลวณยี่วณอ่เอรปเว่เน่ืรววณเิเว่เณเิาข่ปเเ่ปปวลเน็ณเิ่ยีนวณอปพณวาิเ่ล่นืบาป่ปอๆเา่ปวาข่อวลลาป็นณอเณอนเเยี่่ียลเเ่นืรๆณอใื่นเ็นเลปปพอลณอบเปปี่ย่ยีขน็่ืปป่นืนบเเยี่าๆปขื่นนขเส่ยี็นพ็นยบี่นปๆ่นืขนร็นใ็นเปเๆน็ๆะลอนขเไออพๆปน็บนีนาปเนอเเเรเใมเ็นๆสเเเเเลยี่เพอพบปบปบพรเปน็บะปปพหไเาบลปป้าเเป้ใสนีนยี่าพมบปรรใปใน็น็สเระยสเี่เลไลรตใใ็นน็ะบหลบนีลา้งนาปาเมา้ในีบรนสใสเ็นาน็บยย่ี่ใ่ีเปใุสนิยะสเะี่หไไะตบสา้หเนยา่ีะลา้้ใเีไีดงนนนสมมีนปเเ็นนปไ่ใเสเใมเุใตะตเินไนียี่หห้า้านหงงเเนีนนใ้ใ้มหดา้น็็นเมใ่ใ้ปปใุเใุินสเสเินในตตปตสเนดหา้ตงงำ�้ดเใ้น้ใง็็นใ่่นใใุใุใปุใน็ินเนิใ่เสสเนุในตนินดดนปดนงดงใใใ่น็ใใุ่ใินนน็นินนดนใในน เหเหตเเเตเุผหหหหผุลตตตตลผุผุุผุผลลลล เหตผุ ล คHไมุณyเ่ dกสนคHไrดิมนHคไoมไHนคุณนไ่ันHสyมบHคนไคนHไxมุณม่เ่นัyุณาdุณนั่มมyน่ันHคไเกiเ่ตัณุณุสนั่นั่yyd่เd่เรปเมกdสเ่่เเdrกุณดดิเิกั่นปสyddมสสeเเกปกorสสปดิ็นเ่rมดปปิดูrdoมสิดังrเrกน็oดบิม็นสมxมoสSoปoน็เสซบน็น็บxrาสดxิสคพเiบมัตoเบบาxoxบัxdา็นพเiรเพัตเiตัราาสddlรพพiพiิดบรรiตััตตัxสeudddาเริดรรดิรCสาeสeาพดูiิดรดิรัติดระtังสeสาาedeดดููรOะงังัiาSาหดูาซเดูoะดิะรูดงังัSSสeซเซเคสะะ2oSะSดซเ์คสnาซเSคับสoดูoซับังคสับคสราooจคสlะว้ับราบัoSราlซเlบัuเราราราึงuยlราlคCสuรารปาoCluCuบัราทระาtCแะCtuราะราtO็นPlOะCiPนHคtะitOหาPสหoiuOoPะรOาหPtioiสoCหoใหoO2P2งoiณุ2ด์ั่นด์nะnyo2หtหoo2าด์n2ดtt์OnPด์nioจtจ้วห้ว2รtoaพ้datจด์เว้nจว้aจเo้วเสaมaงึยt2ึงยsปเปsดเ์ืชnจปงึยเงึย้วrsงึยaทsปปsทtsีแปsมแทเจทoว้็นsงึทแsยแa็นน็siแsปาiน็ส็นuเา็นสiiuทงึยiาาบสสสssuuาแปสใxuสงใmเ็นสสทสงใใหismแใา�ำงงmmหสงuพmiน็าหัตหหาiาาสdราใส้พuรงmพ้ร้พสรหม้พใดิรางืชmeมมหมาืชืชีรพ้าชืดูีีรีพ้มะชืSซมืชีสoีบั าluรCtOPioo2ntจaเงึsปทs็นiาuสใmหาร้พมชื ี นกั เรียนคดิ วา่ เปน็ เพราะเหตุใด ไม่เกดิ สารสังเคราะหด์ ว้ ยแสง

346 329 346 แนวคาตอบ ใบกิจกรรมท่ี 1 เรอ่ื งปปัจัจจจยั ัยทท่ีเี่เกกยี่ ่ียววขข้อ้องงกกับบั กกาารรสสังงั เคราะหด์ ้วยแสง หน่วยท่ี 4 แผนที่ 1 เรื่อเรงือ่ กงกาารสรสังเงั คเคราราะะหหด์ ด์ว้ ้วยยแแสสงงรารายยววชิ ิชาาววิทิทยยาาศศาาสสตตรร์ ร์ หรหสั ัสวิชวา21ว120110ภ1าคภเารคียเนรียทน่ี 1ท่ีช1้ันชมั้นธมยมธั ยศมกึ ศษึกาษปาีทปี่ 1ที ี่ 1 ตอนที่ 1 เตมิ คา : จงนาข้อความต่อไปน้ี ไปเติมลงในช่องว่างด้านลา่ งใหไ้ ด้ความที่สมบรู ณ์ แปง้ นา้ แสง คลอโรฟลิ ล์ สเี ขยี ว คารบ์ อนไดออกไซด์ ออกซเิ จน การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง น้าตาลกลูโคส 1. กระบวนการท่ีพืชสรา้ งอาหาร เรยี กวา่ …การสงั เคราะห์ด้วยแสง….เกดิ ข้ึนกบั เซลลท์ ี่มีลักษณะ…สีเขยี ว....... 2. อาหารท่พี ืชสร้างขน้ึ คอื ……นา้ ตาลกลโู คส……………………ซ่ึงจะถูกเปลีย่ นไปเปน็ ……แปง้ ................................ 3. พืชสรา้ งอาหารแลว้ ได้สงิ่ ใดบ้าง ………นา้ …น้าตาลกลูโคสและออกซิเจน…………………………………………….….. 4. พืชสังเคราะห์แสง ต้องใชป้ ัจจัยอะไรบา้ ง ...นา้ และคาร์บอนไดออกไซด์.....................……………………………… ตอนท่ี 2 เลอื กตอบ : ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งข้อเดียว แลว้ กาเครื่องหมายกากบาท (X) ลง ใน กระดาษคาตอบ 1. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องเกย่ี วกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วย 5. พืชเปน็ ส่งิ มีชวี ติ ทแี่ ตกตา่ งไปจากสง่ิ มีชีวติ อน่ื ๆ อย่าง แสง ชดั เจนในข้อใด 1. วัตถดุ ิบท่ีใช้ในการสงั เคราะห์แสง คอื น้าและ O2 1. สร้างอาหารไดเ้ อง 2. วตั ถดุ บิ ทใี่ ช้ในการสงั เคราะห์แสง คอื น้าและ CO2 2. เคล่อื นไหวไมไ่ ด้ 3. ผลผลิตท่ีไดจ้ ากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงคือ น้าตาล 3. เจริญเติบโตไดไ้ ม่จากดั กลโู คส และ CO2 4. มีอายยุ ืนยาว 4. ผลผลติ ที่ได้จากการสงั เคราะห์ด้วยแสง คือ คลอโรฟิลล์ 6. การสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืชหมายถึงขอ้ ใด และนา้ 1. การคายนา้ ของพืช 2. การหายใจของพืช 2. สว่ นใดที่ไดช้ ือ่ ว่าเป็นโรงครัวของพชื 3. การงอกของเมลด็ พชื 4. การสร้างอาหารของพืช 1. ราก 2. ใบ 3. ดอก 4. ลาตน้ 3. กระบวนการสร้างอาหารของพชื ต้องอาศัยปจั จยั ท่ี 7. รงควัตถสุ เี ขียวในคลอโรพลาสตค์ ือ สาคัญหลายปัจจัย ยกเวน้ ข้อใด 1. คลอโรฟิลล์ 2. แคโรทีนอยด์ 1. น้า 2. กา๊ ซออกซิเจน 3. แอนโทไซยานิน 4. ไฟโคอรี ที ริน 3. คลอโรฟิลล์ 4. กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ 4. ขอ้ ใดต่อไปน้ีผดิ 8. ขอ้ ความใดอธิบายการสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื ได้ 1. พืชจะเกิดการสงั เคราะหด์ ้วยแสงตลอดเวลาทม่ี แี สง ถูกต้อง 2. การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงจะเกดิ ทกุ ส่วนของพชื ทีม่ ีสีเขียว 1. เปล่ียนพลงั งานแสงเป็นพลงั งานเคมี 3. หากขาดนา้ พชื จะไมส่ ามารถสงั เคราะห์ด้วยแสงได้ 2. เปลีย่ นพลงั งานแสงเปน็ พลงั งานจลน์ 4. พืชจะสงั เคราะห์ด้วยแสงเฉพาะเวลากลางวนั เท่าน้ัน 3. เปล่ยี นพลังงานศกั ย์เป็นพลังงานจลน์ 4. เปลีย่ นพลงั งานแสงเปน็ พลังงานความร้อน

330 347 347 เฉลย ใบกิจกรรมที่ 2 เรอ่ื งปปัจจั จจัยัยทท่ีเ่เีกก่ยี ่ียววขข้องกับการสังเคราะหด์ ้วยแสง หนว่ ยท่ี 4 แผนท่ี 1 เร่ืองเรกือ่ างรกสางั รเสคงัรเาคะรหา์ดะว้หย์ดแ้วสยงแสรางยรวาชิ ยาววชิ ิทายวาิทศยาาสศตารส์ รตหรัส์ รวหชิ ัสา ว21101 ภาคเรยี นที่ 1 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีทที่ ่ี 11 นกั เรียนสามารถยกตัวอย่างเหตุผล/หลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อสนบั สนุนความคดิ เหน็ ของตนเอง ในการอธบิ ายกระบวนการสร้างอาหารของพชื ระดบั ความสามารถ ในการใชห้ ลักฐาน แนวทางในการตอบ เชงิ ประจักษ์ 1 ไมส่ ามารถระบเุ หตผุ ลหรอื หลักฐานทีส่ นบั สนนุ ความคิดเห็นของตนเองได้ ไม่สามารถระบวุ ิธกี ารตรวจสอบแนวคิดหรือหลักฐานทต่ี นเองแสดงความ คิดเห็น ตวั อยา่ ง เหน็ ดว้ ยกับ B หรอื C (ไม่ตอบเหตุผล) เหน็ ดว้ ยกบั C เพราะพืชตอ้ งการน้า 2 ระบุเหตุผลหรือหลักฐานได้ แตม่ ีบางส่วนไม่ถกู ต้องหรือ ไม่สามารถตรวจสอบคาตอบได้ ตวั อย่าง เห็นดว้ ยกับ D เพราะถ้าขาดนา้ พืชจะตาย วธิ กี ารตรวจสอบ ไมร่ ดนา้ พืช (ไมม่ กี ารควบคมุ ตัวแปร) หลักฐานทต่ี ้องการ ถ้าไมร่ ดน้าต้นไม้ จนไมจ้ ะตายได้ 3 ระบเุ หตผุ ล หลักฐานทสี่ อดคล้องกบั ความคดิ เหน็ ของตนเอง มแี นวทางในการ ตรวจสอบคาตอบ - ระบคุ าถามหรอื สมมติฐานที่ตอ้ งการตรวจสอบ - อธิบายวธิ กี าร/แนวทางในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล - ทานายผลการทดลองวา่ แบบใดจะสนับสนนุ หรอื คัดค้านสมมตฐิ านทต่ี ้ังไว้ ตวั อย่าง เห็นดว้ ยกับ B และ D เพราะการสร้างอาหารของพืชเพอ่ื การ เจริญเตบิ โตตอ้ งอาศัย น้า แสง และคารบ์ อนไดออกไซด์

348 331 348 ระดับความสามารถ ในการใช้หลักฐาน แนวทางในการตอบ เชงิ ประจักษ์ วธิ ีการตรวจสอบ นาพชื ชนดิ เดียวกัน ปลูกในดินและกระถางจากนั้นนาตน้ หนึง่ ไปไว้ในทม่ี แี สงและอีกตน้ วางไวใ้ นท่ีมดื รดนา้ ในเวลาเดียวกัน จานวน เท่ากนั ทดสอบปริมาณแปง้ ในใบพชื หลักฐานท่ีตอ้ งการ ความแตกต่างของปริมาณแป้ง เพอื่ นาไปสูข่ ้อสรปุ วา่ แสงมผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพืชหรือใหม่ 3 เหน็ ด้วยกับ B และ C เพราะการสร้างอาหารของพืชเพื่อการเจรญิ เตบิ โตตอ้ ง อาศัย นา้ แสง และคาร์บอนไดออกไซด์ วธิ การตรวจสอบ นาพืชชนิดเดยี วกัน ปลูกในดนิ และกระถางจากนน้ั นาไป วางในบรเิ วณเดยี วกัน แตต่ น้ หนึง่ รดน้า ส่วนอีกต้นไมร่ ดนา้ ท้ิงไว้ 1 สปั ดาห์ สังเกตการเปล่ยี นแปลงของพืช หลักฐานทีต่ อ้ งการ ลักษณะการเจริญเติบโตของพชื เพอื่ นาไปส่ขู ้อสรุปวา่ นา้ มีผลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพชื หรอื ใหม่

349 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 2 เร่ือง ปจั จัยท่ีพืชใช้ในการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรื่อง การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง เวลา 2 ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ แหลง่ การเรยี นร/ู้ ส่อื 1. การทดลองปจั จัยการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ขนั้ นา 1. ปฏิบัตกิ ารทดลองที่ 1 1. (จากใบงานครง้ั ที่แลว้ ) คาถามท่วี ่า “พชื เติบโตจากเมล็ดจนมลี าต้นขนาด 2. ใบความรูเ้ รื่องปปัจจั จจยั ยั ทท่ี ี่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ใหญ่ พชื ใช้สารชนิดใดทช่ี ่วยใหล้ าตน้ เจริญเติบโตและมีขนาดใหญ่” นกั เรยี น เกย่ี วข้องกับการสังเคราะหด์ ้วย ดคา้วนามครวู้ ามรู้ จดั กลุ่มโดยนกั เรียนท่ีมแี นวคาตอบเดียวกัน อยกู่ ลุม่ เดยี วกัน แต่ละกลุ่ม แสง 1. อธบิ ายการสงั เคราะห์ด้วยแสงและผลผลติ ที่ อภิปรายรว่ มในประเดน็ ที่ว่า นกั เรียนใชว้ ิธกี ารใดตรวจสอบคาตอบของตนเอง ภาระงาน/ชน้ิ งาน เกดิ จากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงโดยใช้หลักฐานเชิง เพือ่ ให้นักเรยี นได้แลกเปล่ยี นความคิดเหน็ ร่วมกนั โดยครูต้ังคาถามว่า 1. ใบกิจกรรมที่ 1 การทดลอง ประจักษ์ (K) - เพราะเหตใุ ดจึงคดิ เช่นนัน้ เพ่ือใหน้ ักเรียนตระหนักถึงการให้หลักฐาน ปจั จยั ท่ีเก่ยี วข้องกบั การ ดทา้ักนษทะักรษะะบแวลนะการระบวนการ ในการแสดงความคิดเหน็ สงั เคราะห์ดว้ ยแสง 1. สามารถออกแบบการทดลองหาปัจจัยท่มี ผี ล 2. ครูอธิบายการวา่ ได้มีนักวิทยาศาสตร์ศึกษาเก่ยี วกับกระบวนการ ตอ่ กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ (P) สงั เคราะห์ด้วยแสง ซงึ่ เราจะไดศ้ ึกษาในกจิ กรรมให้นักเรยี นสังเกตการใช้ ดเจ้าตนคคตณุ ิ ลักษณะ หลกั ฐาน การตีความและการสรา้ ง ความรู้เรอื่ งกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง 2. แสดงความคิดเหน็ ทตี่ ระหนักถึงการสรา้ ง 3. ครใู ห้นกั เรียน vote วา่ นักเรยี นคดิ ว่าลาตน้ ของตน้ ไม้ได้มาจากดนิ กี่ คาอธิบายปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ การสงั เคราะหด์ ้วยแสง เปอรเ์ ซนต์ ของพชื โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ (A) 332 349

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรอ่ื ง ปัจจัยที่พืชใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง 350 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เร่อื ง การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 1. 60% ....................... (จานวนนกั เรยี นท่เี ลอื ก) 2. 40% ....................... 3. 20% ....................... 4. 10% ....................... 5. 0.1% ....................... คาตอบกค็ ือ 0.1% 4. ครถู ามนกั เรียนว่า นกั เรียนมีวธิ ีการตรวจสอบคาตอบนีไ้ ดอ้ ยา่ งไร (บนั ทึกคาตอบของนักเรยี น) ภาพท่ี 4.1.2 การทดลองของ Van Helmont ใหน้ ักเรียนคาดคะเนคาตอบก่อนท่คี รูจะเฉลย ว่า 333 350

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง ปัจจัยท่ีพชื ใช้ในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 351 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การสังเคราะห์ดว้ ยแสง เวลา 2 ช่วั โมง รายวิชาวิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาพที่ 4.2.2 ผลการทดลองของ Van Helmont 6. จากการทดลองนี้ Van Helmont จึงสรุปว่า นา้ หนัก 74.25 กโิ ลกรมั ที่ ประกอบด้วยเนอื้ ไม้ เปลอื กไม้ และราก เกิดจากนา้ ท่ใี ช้รดตน้ หลิวเท่านัน้ 7. นกั เรยี นอภิปรายผลการทดลองของ Van Helmont ในประเด็นต่อไปนี้ - การทดลองของ Van Helmont และขอ้ สรปุ สอดคลอ้ งกันหรือไม่ อยา่ งไร ควรไดข้ ้อสรุปเพ่ิมเติมเรื่องตัวแปรควบคมุ ในการทดลอง Helmont ไมไ่ ด้ควบคุมหรือวดั ปริมาณน้าทีร่ ดลงดิน อากาศ แสงแดด 8. ครนู าเสนอ “สมการการสังเคราะห์ดว้ ยแสง” 6CO2 + H2O -- C6H12O6 + 6O2 ตัง้ คาถามว่า นักวิทยาศาสตร์ได้สมการนีม้ าได้อยา่ งไรบ้าง 334 351

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2 เรือ่ ง ปัจจัยที่พชื ใชใ้ นการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง 352 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การสังเคราะห์ด้วยแสง รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 บันทึกคาตอบของนักเรียน แนวคาตอบคือการสังเกต การทดลองการเก็บ รวบรวมข้อมูล ข้นั สอน 1. ครตู ั้งคาถามเพ่อื ชวนอภิปราย คาถาม : เมื่อพบวา่ ดนิ ไม่ใชแ่ หล่งอาหารหลักสาหรบั การเจริญเติบโตของ พืช เพราะเหตุใด “การนาเสนอข้อมลู ทว่ี า่ นา้ หนกั ของต้นไม้มาจากอากาศ” จึงเป็นเรือ่ งทีเ่ ข้าใจยากสาหรับผ้คู นในอดีต แนวทางในการตอบคาถาม เพราะเขา้ ใจผดิ วา่ - อากาศไมม่ นี ้าหนัก - ไมส่ ามารถมองเห็นอากาศหรือแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ - สารอาหารนา่ จะอย่ใู นดินมากกว่าในอากาศ - ต้นไม้ดูดซบั สารอาหารจากดิน 2. เพราะเหตุใดในเวลาต่อมาผคู้ นจึงยอมรบั วา่ ต้นไมส้ รา้ งอาหารจาก กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงนักเรยี นแลกเปล่ยี นความคิดเห็นจนได้ข้อสรุป ทว่ี ่า นกั วิทยาศาสตร์อธิบายโดยหลักฐานที่สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ 3. ครอู ธิบายการปฏิบตั ิการทดลองที่ 1 แจกอุปกรณ์ นักเรียนทาความเข้าใจ ในการดาเนนิ งานหากมีข้อสงสยั ให้ซักถาม 335 352

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 2 เร่อื ง ปจั จัยที่พืชใชใ้ นการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 353 กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง การสงั เคราะหด์ ้วยแสง รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่วั โมง ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทดลองและบันทึกผลการทดลองและบนั ทกึ ผลการ ทดลอง ขนั้ สรุป 1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายในประเดน็ ต่อไปน้ี - จากการทดลองนักเรยี นสังเกตเห็นอะไรบ้าง (การเปล่ียนแปลงสขี อง สารละลายจากสีน้าเงินเปน็ สีเขยี ว) - นักเรียนคิดว่าการเปล่ียนสขี องสารละลายเกดิ จากอะไร เพราะเหตุใดจึง คดิ เช่นนนั้ (ลมหายใจประกอบแก๊สคาร์บอนไดออกไซดท์ าให้สารละลายเป็น กรดและเกดิ การเปล่ียนส)ี - การทดลองนี้ควรมีสมมตฐิ านว่าอยา่ งไร (พชื ใช้แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ และแสงในการสงั เคราะหด์ ้วยแสง) - การทดลองนต้ี รวจสอบสมมตฐิ านอย่างไร (การทดลองโดยใช้ สารละลายโบรโมไทมอลบลูและสาหรา่ ย การวางทมี่ ืดและเทยี บกบั บรเิ วณท่ีมี แสงสว่าง) - อะไรคือข้อมลู ท่ีนักเรียนตอ้ งเก็บรวบรวม (สขี องสารละลาย) - นักเรยี นจะรู้ไดอ้ ย่างไร ว่าตัวแปรตน้ ส่งผลต่อการสร้างอาหารของพชื (การมีชุดควบคมุ ในการทดลอง) - นกั เรยี นจะมนั่ ใจได้อย่างไรวา่ ปัจจัยอื่นๆจจะะไไมม่สส่ ง่ ่งผผลลตตอ่ อ่ กกาารรสสรรา้ า้งงออาาหหาราร 336 353

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่อื ง ปจั จัยท่ีพชื ใชใ้ นการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 354 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การสังเคราะหด์ ้วยแสง รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่วั โมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ของพืช (ควบคมุ ตัวแปรท่ีไมต่ ้องการใหส้ ง่ ผลตอ่ การทดลอง) - นกั เรียนมกี ารเปรยี บเทียบผลการทดลองอยา่ งไร ผลท่เี หมอื นกนั และ ผลที่ตา่ งกันแสดงถึงการสนบั สนุนสมมติฐานของนกั เรยี นอย่างไร (อธบิ ายการ เปลี่ยนสีและไม่เปลี่ยนสี) - นักเรียนจะวดั ผลการทดลอง/ข้อมลู ต่างๆอยา่ งไร (อธิบายการทดลอง) 2. นักเรียนและครสู รุปร่วมกันถงึ ปัจจยั ทีส่ ง่ ผลต่อการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง 337 354

355 338 355 การวดั และการประเมินผล ด้าน เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารให้คะแนน ผา่ น 80% ขน้ึ ไป 1. ด้านความรู้ความเข้าใจ 1. ใบกจิ กรรมปจั จยั ท่ีเก่ยี วข้องกับการ ระดับของทักษะทางวิทยาศาสตร์ สังเคราะหด์ ้วยแสง ระดับของเจคติทางวทิ ยาศาสตร์ 2. กระบวนการ 1. แบบประเมินทักษะทาง วทิ ยาศาสตร์ 3. ด้านเจตคติ 1. แบบประเมนิ เจคตทิ างวทิ ยาศาสตร์

1 3139 8. บนั ท8.กึ บผลันหทลึกงัผสลอหนลงั สอน ผลการผเรลยี กนารู้เรียนรู้ ....................................................................................................................................................................................... ปัญหาปแลญั ะหอาปุ แสลระรอคุปสรรค .......................................................................................................................................................................... .......... ขอ้ เสนขออ้ แเนสะนแอลแะนแะนแวลทะาแงนแวกทไ้ ขางแก้ไข ..................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ล...ง..ช..ื่อ...............................ผ...ูส้ ..อ...น..ผูส้ อน (.........(..............................................)..........) วนั ท่ี...ว..นั...ท..เ.ี่ .ด..ือ..น....เ.ด...ือ..น..พ....ศ......พ....ศ............... 9. ควา9ม.คคิดวเาหมน็ ค/ิดขเ้อหเน็สน/ขอ้อแเนสะนขออแงนผะบู้ ขรอหิ งาผรูบ้ หรริหอื าผรูท้ ห่ไี รดอื ร้ ผับูท้ มไี่ อดบร้ ับหมาอยบหมาย ..................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ล...ง..ช..ือ่...............................ผ...ตู้ ..ร..ว..จ.ผู้ตรวจ (.........(..............................................)..........) วนั ท.ี่ ..ว..นั...ท..เี่..ด..ือ..น....เ.ด...ือ..น..พ....ศ......พ....ศ...............

357 340 ปปฏฏบิ ิบตั ัติกกิาราทรทดดลลอองทงที่ 1่ี 1เรเรือ่ ื่องงการทดลองปจั จัยทที่เ่ีเกกี่ยีย่ ววขขอ้ อ้ งงกกับับกกาารรสสังังเคเครราาะะหหด์ ์ดว้ ว้ยยแแสสงงหหนน่ว่วยยทท่ี 4่ี 4แผแผนนทที่ 2่ี 2 357 เร่ือเงรือ่ กงากราสรงัสเังคเรคาระาหะด์หว้ด์ ย้วแยสแงสงรารยาวยิชวาิชวาิทวยิทายศาาศสาตสรต์ รร์ หรหัสวสั ชิ วา2ว1212010ภ1าภคาเรคียเรนียทน่ี 1ท่ี ช1ั้นชม้ันธั มยัธมยศมึกศษกึ าษปาีทปี่ 1ีที่ 1 วัสดุอุปกรณ์ (ต่อกลุ่ม) 1. บกี เกอร์ 400 มลิ ลลิ ติ ร 1 ใบ 2. หลอดกาแฟ 1 หลอด 3. หลอดฉดี ยา 1 อนั 4. หลอดทดลองขนาดใหญ่ 5 หลอด 5. จกุ ยาง 8 อนั 6. สาหร่ายหางกระรอก 2 ต้น 7. กล่องทม่ี ฝี าปิด 1 กลอ่ ง (ใชร้ ว่ มกนั ทงั้ หอ้ ง) 8. โคมไฟ 2 ชดุ (ใช้ร่วมกันทงั้ ห้อง) สารเคมี 1. นา้ 3. สารละลายโบรโมไทมอลบลู วิธีการศึกษา 1. ใส่น้า 300 มิลลลิ ติ ร ลงในบกี เกอร์ เตมิ สารละลายโบรโมไทมอลบลูลงไป 10 มิลลลิ ติ ร แบ่งใส่ หลอดทดลองขนาดใหญ่ หลอดละประมาณ 100 มิลลลิ ิตร จานวน 2 หลอด 2. หลอดที่ 1 เป็นหลอดควบคุม เป่าลมหายใจลงในหลอดที่ 2 สงั เกตการณเ์ ปลี่ยนแปลง จากน้นั แบง่ สารละลายจากหลอดท่ี 2 ใส่ในหลอดท่ี 3-4 สงั เกตการณเ์ ปลย่ี นแปลงของสี 2. นาสาหร่ายหางกระรอกใสใ่ นหลอดทดลอง ท่ี 3 และ 4 โดยแต่ละชดุ จะมหี ลอดที่มีสาหรา่ ยหาง หกราะงกรอระกร1อกหล1อหดลแอลดะไแมล่มะีสไมาหม่ รีสา่ ายหหราา่ งยกหราะงรกอรกะร1อหกล1อดหลอด 3. นาหลอดทดลองชุดที่ 1 วางไวบ้ นโต๊ะ ให้แสงจากโคมไฟ 4. นาหลอดทดลองชดุ ที่ 2 วางในลงั ท่มี ีฝาปดิ 5. ปล่อยไว้ 30 นาที สงั เกตผลการทดลองและบนั ทึกผล ตารางการทดลอง หลอดที่ การทดลอง 1. หลอดที่ 1-2 สารละลายโบรโมไทมอลบลู 2. หลอดที่ 3 เปา่ ลมหายใจลงในหลอดที่ 2 แบง่ สารละลายใส่ในหลอดที่ 4-5 3. หลอดท่ี 4 ใส่สาหรา่ ยหางกระรอกวางท่ีมแี สง 4. หลอดท่ี 5 ใส่สาหร่ายหางกระรอกวางในที่มดื

341 358 358 ภาพประกอบ สารละลายโบรโมไทมอลบลูขวดที่ 1 และ 2 มสี นี า้ เงนิ เมื่อเปา่ ลมหายใจลงไปในขวดท่ี 2 สีของสารละลายเปลย่ี นเป็นสีเขยี วอ่อน (ขวดที่ 3) แบ่งใส่ขวดที่ 4 และ 5 นาต้นไมใ้ สล่ งไป จากน้นั นาขวดท่ี 4 ไปวางในทีม่ แี สง ขวดท่ี 5 วางในทมี่ ืด ท้งิ ไว้ 3 ช่ัวโมง สังเกตการณเ์ ปลย่ี นแปลง ของสารละลายในขวดท่ี 4 และ 5 ภาพที่ 4.2.3 การทดลอง แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ปัจจยั ในการสงั เคราะหแ์ สงของพชื ดูตวั อย่างการทดลองได้ที่ Biolab : Photosynthesis การทดลองที่แสดงวา่ พชื ใช้ CO2 (https://www.youtube.com/watch?v=UguS4evaYLo)

359 342 359 ใใบบงงาานนทที่ ี่11เรเ่อืรอ่ืงงกกาารรททดดลลอองงปปจััจจจยััยททเ่ี่เี กก่ียยี่ ววขข้ออ้ งงกกับับกกาารรสสงั ังเเคครราาะะหห์ดด์ ้ว้วยยแแสสงงหหนน่วว่ ยยทที่ 4ี่ 4แแผผนนทท่ี 2ี่ 2 เรอ่ื เรงื่อกงากราสรงัสเังคเรคาระาหะห์ด้ว์ดย้วแยสแงสงรารยาวยิชวิชาวาิทวิทยยาศาศาสาสตตร์รร์ หรหัสสัวิชวา2ว12120110ภ1าภคเารคยี เนรยีทนี่ 1ท่ีช1นั้ ชมัน้ธั ยมมัธยศมกึ ศษึกาษปีทาป่ี 1ีที่ 1 จุดประสงค์ ระบปุ ัจจยั ท่ีเก่ียวข้องกับการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ วันทาการทดลอง วนั ที่……..เดือน……………..พ.ศ…………………………………………………………………… อปุ กรณ์สารเคมี 1……………………………………..2……………………………………..3……………………… 4……………………………………..5……………………………………..6……………………… 7……………………………………..8……………………………………..9……………………… 10…………………………………..11…………………………………..12……………………… วิธีทดลอง

ตารางบันทึกผลการทดลอง การทดลอง 343 สารละลายโบรโมไทมอลบลู 360 360 หลอดที่ 1. หลอดท่ี 1-2 ผลการทดลอง 2. หลอดที่ 3 เปา่ ลมหายใจลงในหลอดที่ 2 แบ่ง สารละลายใสใ่ นหลอดท่ี 4-5 3. หลอดที่ 4 ใสส่ าหร่ายหางกระรอกวางท่ีมีแสง 4. หลอดท่ี 5 ใสส่ าหรา่ ยหางกระรอกวางในท่ีมดื ผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. อภิปรายผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

361 344 361 แนวคาตอบใบงานการทดลอง ใบงานท่ี 1 เเรรอื่ ่ืองงการทดลองปจั จยั ท่ีเกี่ยวข้องกบั การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง หนว่ ยที่ 4 แผนท่ี 2 เรอ่ืเรงอ่ื กงากราสรงสั เงั คเรคาระาหะหด์ ว้์ดย้วแยสแงสงรารยาวยชิวาชิ วาทิวยิทายศาาศสาตสรต์ รร์หรสัหวสั ชิ วา2ว12120110ภ1าภคาเครียเรนยี ทนี่ ท1ี่ 1ช้ันชมน้ั ัธมยธั มยศมกึ ศษกึ าษปาีทปี่ ที1่ี 1 จดุ ประสงค์ ระบุปัจจยั ท่เี ก่ียวข้องกับการสงั เคราะหด์ ้วยแสงได้ วนั ทาการทดลอง วันท่ี……..เดอื น……………..พ.ศ…………………………………………………………………… อุปกรณ์สารเคมี 1……………………………………..2……………………………………..3……………………… 4……………………………………..5……………………………………..6……………………… 7……………………………………..8……………………………………..9……………………… 10…………………………………..11…………………………………..12……………………… วธิ ที ดลอง สารละลายโบรโมไทมอลบลขู วดที่ 1 และ 2 มสี นี า้ เงนิ เมื่อเป่าลมหายใจลงไปในขวดท่ี 2 สีของสารละลายเปลี่ยนเปน็ สีเขยี วอ่อน (ขวดท่ี 3) แบ่งใส่ขวดท่ี 4 และ 5 นาต้นไม้ใส่ลงไป จากน้ัน นาขวดที่ 4 ไปวางในท่มี ีแสง ขวดที่ 5 วางในทม่ี ืด ท้ิงไว้ 3 ชวั่ โมง สงั เกตการเปล่ียนแปลงของสารละลายใน ขวดท่ี 4 และ 5 ภาพท่ี 4.2.4 การทดลอง แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ปจั จัยในการสงั เคราะห์แสงของพชื

362 345 362 ตารางบันทกึ ผลการทดลอง หลอดที่ การทดลอง ผลการทดลอง 1. หลอดที่ 1-2 สารละลายโบรโมไทมอลบลู สีฟ้า/น้าเงนิ 2. หลอดที่ 3 เปา่ ลมหายใจลงในหลอดที่ 2 แบง่ เขียวออ่ น สารละลายใสใ่ นหลอดที่ 4-5 3. หลอดที่ 4 ใสส่ าหร่ายหางกระรอกวางที่มแี สง สฟี ้า/นา้ เงนิ 4. หลอดที่ 5 ใส่สาหร่ายหางกระรอกวางในทม่ี ืด เขียวออ่ น/เขยี วเข้ม ผลการทดลอง เม่ือเป่าลมหายใจลงในหลอดทดลองทาใหส้ ขี องสารละลายเปล่ียนจากสีน้าเงนิ เปน็ สีเขียวอ่อน การเป่า ลมหายใจคือการเพมิ่ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ให้สารละลาย ดังนั้น แก๊สคาร์บอนได้ออกไซด์ทาใหส้ ารละลายมี ความเป็นกรด มากขึ้นมีผลทาให้สารละลายบรอมไธมอลบูล จะเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีเขียวแกมเหลือง เม่ือใส่ สาหรา่ ยหางกระรอกลงไปและวางไวใ้ นท่ีมีแสง พชื เกิดกระบวนการนาคารบ์ อนไดออกไซด์ไปใช้ สารละลายจึง กลับเป็นสีฟ้า แต่หลอดทดลองท่ี 5 เน่ืองจากในที่มืดไม่มีการสังเคราะห์ด้วยแสง ดังนั้นจึงไม่มีการใช้ คาร์บอนไดออกไซด์ แต่ได้คาร์บอนไดออกไซด์มาจากการหายใจของพืช จึงทาให้สารละลายมีความเป็นกรด มากข้ึนมผี ลทาใหส้ ารละลายบรอมไธมอลบูล สลี ะลายยังคงเปน็ สีเขยี วออ่ นหรือสีเขียวแกมเหลือง อภิปรายผลการทดลอง แสง และน้าเปน็ ปจั จัยท่เี ก่ยี วข้องกบั การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช

363 346 363 ใบใคบวคาวมารมทู้ รู้ท่ี 1ี่ 1เรเ่ือรื่องงกกาารรททดลองปจั จยั ที่เกย่ี วข้องกับการรสสังังเเคครราาะะหห์ดด์ ้วว้ ยยแแสสงงหหนนว่ ่วยยทท่ี 4ี่ 4แแผผนนทที่ 2่ี 2 เรอ่ื เรงอ่ื กงากราสรังสเงัคเรคาระาหะ์ดหว้ด์ ย้วแยสแงสงรารยาวยิชวาชิ วาิทวยิทายศาาศสาตสรต์ รร์หรัสหวสั ชิ วา2ว121201101ภาภคาเครยีเรนยี ทนี่ ท1ี่ 1ชนั้ ชมัน้ ธั มยธั มยศมกึ ศษกึ าษปาีทป่ีีท1่ี 1 1. ในปี 322 กอ่ นครสิ ตศักราช อรสิ โตเติล มีแนวคดิ วา่ “พืชเติบโตจากดิน แสดงวา่ พชื ไดร้ ับอาหารจากดนิ ” 2. ในปี 1643 Jan Baptista van Helmont ตอ้ งการทดสอบแนวคิดของอริสโตเตลิ ว่า พืชไดร้ ับอาหารจากดนิ ใในนการเจริญเติบโตหรือไม่ โดโดยยตต้งั ้งัสสมมมมตติฐิฐาานนททว่ี ีว่ ่าา่ “ถา้ ดินเป็นแหล่งอาาหหาารรขขอองงพพืชืชดดังงันนนั้ ้นั น้านห�ำ้ นหักนขกั อขงอตง้นตทน้ ี่ ที่ เเพพมิ่ ิ่มขขนึ้ ตอ้ งเทา่ กบั นำ้�าหนกั ของดนิ ทล่ี ดลง” เฮลมองทดลองปลกู ตน้ หลวิ ในกระถางทบ่ี รรจดุ นิ ทป่ี ้องกนั ดนิ ออก แอลอะกไแมลเ่ พะไ่ิมมดเ่ พินิม่ จดาินกนจ้นัากรนดน้นั รำ้� ดตนลา้ อตดลเวอลดาเว5ลาปี5ผลปกี ผาลรทกาดรลทอดงลพอบงวพ่าบนว�้ำ่าหนน้ากัหขนอักงขตอน้ งหตล้นวิหเลพิวมิ่ เขพึน้่มิ ขแึน้ ตน่แตำ�้ ห่นนา้ หักนขัอกง ดขนิอเงปดลินี่ยเปนลไป่ียนเพแยี ปงลเลงเก็ พนยี ้องยเล็กน้อย 5 ปตี อ่ มา ภาพที่ 4.2.5 ผลการทดลองของ Van Helmont ผลการทดลองของเฮลมองแสดงใหเ้ หน็ วา่ น้าหนักของต้นไมท้ ่ีเพิ่มขน้ึ ไม่ได้มาจากดนิ น้าเป็นปัจจยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 3. ในปี 1774 ในขณะน้ันผู้คนในสงั คมเชือ่ ว่า ไอน้าเปน็ อนั ตรายตอ่ สุขภาพ จึงนยิ มสวมหน้ากากโจเซฟ พริสต์ ลีย์ สังเกตพบว่า เม่ือนาเทียนไขที่จดุ ไฟใส่ในโถแกว้ สักพกั เทียนไขจะดับโดโดยยพพรริสสิ ตล์ลีล้ ียง์ลคงวคามวเาหมน็ เหวา่็นว่า เน่ือง กเนาือ่รงเผกาไรหเผมาใ้ ไชห้อมอใ้ กชซ้อเิอจกนซใเินจอนาในกาอศากดางัศนดน้ั งัเนมอื่้ันอเมอ่อื กอซอิเจกนซเิหจมนดหไมฟดจไึงฟดจบั งึ ดบั ภาพท่ี 4.2.6 การทดลองท่ี 1

347 364 364 กกาารรททดดลลอองงทท่ี 2่ี 2พพรริสสิ ตต้ีจ์ ลดุ ยีเท์ จียดุ นเทไขยี ตนงั้ ไขวต้ในง้ั โไถวใ้แนกโว้ ถโแดกยว้ใสโดต่ ย้นใไสมต่ ้ใน้ โไถมแใ้ นกโว้ ถดแว้ กยว้ ดเมว้ ย่อื พเมรอื่สิ ลพี้นราสิ ตต้น์ ลไมยี เ้์ นข้าำ� ไตปน้ ไมเ้ ขา้ ไป ในโถแกว้ พบวา่ ไฟไม่ดดับบั ใในนททันนั ทที ี ภภาาพพทท่ี ่ี44..22..77 กกาารรททดดลลอองงทท่ี 2ี่ 2 พพรรสิ สิ ลตส้ี ์รลปุ ยี ผ์ สลรปุ ผลการทดลองนว้ี า่ ตน้ ไมส้ ามารถเปลยี่ นแกส๊ ทท่ี ำ� ใหเ้ ทยี นดบั (แกส๊ กคาารรทบ์ ดอลนอไงดนอ้วี อา่ กไซด)์ เปน็ ตแน้กไส๊ มท้ส่ีทาำ�มใาหร้เถทเยีปนลตย่ี นิดแ(กอ๊สอทก่ทีซิเาจใหนเ้)ทียนดบั (แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์) เป็นแกส๊ ท่ที าให้เทียนติด (ออกซเิ จน) แก๊สคาร์บอนไดออกไซดเ์ ป็นปัจจัยท่ี ออกซเิ จนเปน็ ผลผลิตจาก เกี่ยวข้องกับการสงั เคราะห์ด้วยแสง การสังเคราะห์ดว้ ยแสง

365 348 365 แบบประเมินทักษะทางวิทยาศาสตร์ (ก.) คาช้ีแจง : ใชป้ ระเมินผลการบันทกึ ผลการทดลอง (เป็นรายกล่มุ ) รายการประเมนิ ผลการประเมนิ ผา่ น ไมผ่ ่าน 1. ระบตุ วั แปรต้น ตวั แปรตาม ทานายผลการเปลยี่ นแปลงระหวา่ ง ตวั แปรตน้ และตัวแปรตาม 2. สามารถปฏิบัตกิ ารทดลอง ใชอ้ ปุ กรณ์ตา่ งๆในการทดลอง 3. สามารถบันทึก/เก็บรวบรวมข้อมูลได้ 4. สามารถอธบิ ายความสัมพันธข์ องส่ิงท่ีค้นพบและตอบคาถามได้ แบบประเมนิ เจคตทิ างวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง : ใชส้ งั เกตพฤตกิ รรมผู้เรียนเปน็ รายบุคคล ในระหว่างการปฏิบตั กิ ิจกรรม ระดบั คุณภาพ คาอธิบาย 1 1. ไมส่ ามารถลงความคิดเห็นได้ 2 2. ลงความคดิ เห็นและมีข้อมูลสนับสนุน 3 3. แสดงความคดิ เหน็ โดยคานึงถึงหลกั ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ และอธบิ ายความสัมพันธ์ของ ข้อมูลโดยใชค้ วามรู้ทางวิทยาศาสตร์และความเปน็ เหตุเปน็ ผล

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 3 เรือ่ ง ผลติ ภณั ฑ์จากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 366 แผนการจดั การเรยี นรู้ทเ่ีร่ือ3ง เรกอื่ างรสผงั ลเคิตรภาัณะหฑด์ จ์ ว้ายกแกสารงสงั เคราะหด์ ้วยแสง 366 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 หกลนุม่วสยากราะรกเรายี รนเรรียู้ทน่ี ร4้วู ิทยาศาสตร์ เร่ืองรากยาวริชสางั วเิทครยาะศหา์ดสว้ตยรแ์ สง เวลา 1 ชั่วโมง กขลอมุ่บสเขาตระเนก้ือารหเารยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ กจิ กรรมการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมเัธวยลมาศกึ 1ษชา่ัวปโที ม่ี ง1 ขอ1บ.เกขาตรเศนึก้ือษหาาผลิตภัณฑ์จากการสงั เคราะห์ด้วย กขิจ้นั กนรารมการเรยี นรู้ แหลง่ การเชรั้นยี นมรัธ/ู้ยสมอื่ ศกึ ษาปที ่ี 1 แส1ง. การศกึ ษาผลิตภณั ฑจ์ ากการสังเคราะหด์ ้วย ข้ัน1น.าครูทบทวนปัจจัยที่เก่ียวข้องกบั การสงั เคราะห์ด้วยแสง ไดแ้ ก่ นา้ แห1.ลใง่ บกคาวราเรมยี รนู้เรร่ือ้/ู งสผอ่ื ผลลติ ิตภภัณัณฑฑ์จา์ ก แจสุดงประสงคก์ ารเรยี นรู้ คา1ร.์บคอรนูทไดบอทอวกนไปซัจดจ์ ยัแทสง่เี กคีย่ ลวอขโ้อรงพกลบั ากสาตร์สผังลเคผรลาติ ะทหี่ไ์ดว้คยือแนส้าง อไดอ้แกกซ่ เินจา้น จกา1กร.สกใบงัาเรคสวรังาเมะครหรเู้ ด์าระว้่ือหยงผแ์ดลสว้ ิตงยภแัณสงฑ์จาก จคดุวปามรระู้สงค์การเรียนรู้ คแาลระบ์ กอลนโู คไดสอตองั กคไา้ซถดา์ มแส“งนคักลวอิทโยราพศลาาสสตตร์จผะลมผีวลธิ ติ ที ทดไ่ี สดอ้คบือผนล้าผลอติ อขกอซงเิ พจนืช กภารสะังเาคนร/าชะน้ิหง์ดาว้ นยแสง คว1า.มอรธู้ ิบายผลิตภัณฑจ์ ากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง แอลยะา่ งกไลรโู”คส ตังคา้ ถาม “นักวิทยาศาสตรจ์ ะมวี ิธีทดสอบผลผลติ ของพืช ภา1ร. ะใงบากนจิ /กชร้ินรงมาทนี่ 1 เร่อื ง (K)1. อธิบายผลติ ภณั ฑ์จากการสงั เคราะห์ด้วยแสง อขยน้ั า่ สงอไรน” ผล1ติ. ภใบัณกฑจิ จ์การกรมกทาร่ี ส1งั เรคื่อรงาะห์ดว้ ย (Kเจ) ตคติ ขน้ั 1ส.อคนรแู จกใบความร้ใู หน้ ักเรียน ผแลสิตงภณั ฑ์จากการสังเคราะห์ดว้ ย เจ1ต.คตตริะหนกั ถึงการตีความจากหลกั ฐาน 12. คนรกั แู เรจยี กนใบศคกึ วษาามใบรใู้คหวน้ าักมเรรู้ ียน แส2ง. แบบทดสอบเรอ่ืองงผผลลติ ิตภภัณณั ฑฑ์ ์ (ไม1เ่ .กตนิ รจะาหกนหักลถักงึฐกาานรทตม่ี ีค)ี วกามารจตาีคกวหาลมักจฐาากนภาพ 23. นครกั อูเรธยี ิบนาศยึกภษาพาใกบาครวทาดมลรอู้ ง จา2ก. กแาบรบสทงั เดคสรอาบะหเร์ดดอื่ ว้ ้วงยผยแลแสิตสงภง ัณฑ์ จากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง (แไลมะเ่ กนิารจลากงขห้อลสกั รฐปุ าน(Aท)มี่ ี) การตคี วามจากภาพ 3. ครอู ธิบายภาพการทดลอง และการลงข้อสรปุ (A) 1. 2. 3. 1. ภาพท่ี 4.32..1 แสดงการทดลอ3ง. ภาพที่ 4.3.1 แสดงการทดลอง 349 366366

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 เร่ือง ผลิตภัณฑ์จากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง 367 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เร่อื ง การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ เวลา 1 ช่ัวโมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 การทดลองท่ี 1 เม่ือมตี น้ ไม้และมแี สง ไฟยังติด แสดงใหเ้ หน็ วา่ ภายในโถแกว้ มแี ก๊สออกซิเจนเกดิ ขนึ การทดลองท่ี 2 เม่อื ไม่มีแสง ไฟไมต่ ิด ความแตกต่างของการทดลองทั้งสองน้ีคือแสงแดด ดงั นั้น แสงแดดจงึ มผี ลตอ่ การสรา้ งแกส๊ ออกซเิ จนของต้นไม้ การทดลองท่ี 3 หัวมนั ฝรัง่ ซงึ่ ไมม่ ีสีเขียว แม้ว่าจะวางในที่มีแสง ไฟไม่ติดแสดง ให้เห็นวา่ ส่วนของพืชทจี่ ะสามารถสงั เคราะห์ดว้ ยแสงไดค้ ือส่วนท่ีเปน็ ใบหรือ สว่ นท่มี สี ว่ นเขียวนันเอง ค้าถาม “มเี มื่อแสง น้าและคาร์บอนไดออกไซด์และใบสเี ขียว ท้าใหเ้ กดิ ออกซเิ จน น้า และนา้ ตาล แลว้ พืชเก็บนา้ ตาลอย่างไร” ภาพที่ 4.3.2 แสงตอ่ การสงั เคราะห์ด้วยแสง น้ากระดาษสีด้ามาปิดตรงกลางของใบไม้ เพื่อทดสอบบรเิ วณทถ่ี ูกแสงและไม่ ถกู แสง จากนันนา้ มาสกัดคลอโรฟลิ ล์ดังภาพที่ 4.3.2 และ 4.3.3 350 367

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 3 เรอื่ ง ผลติ ภณั ฑ์จากการสังเคราะห์ด้วยแสง 368 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง การสังเคราะหด์ ้วยแสง เวลา 1 ช่ัวโมง รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาพท่ี 4.3.4 การทดสอบแป้ง วธิ กี ารตรวจสอบคือ 1. หยุดการสังเคราะห์ด้วยแสง/การทา้ งานในใบพชื (โดยการตม้ ในนา้ เดือด ประมาณ 10 วินาที) 2. สกัดคลอโรฟิลล์เพื่อใหส้ ามารถทดสอบแป้ง (นา้ ใบไม้ใส่ในหลอดทดลองทใี่ ส่ ethanol ต้มไว้ 10 นาที น้าใบไม้ออกมาลา้ งน้า) นา้ มาทดสอบกับไอโอดนี การทดลองนีเป็นการพสิ ูจน์แป้ง ถ้าบริเวณใดของใบไมม้ แี ปง้ จะใหส้ ีน้าเงินแกมด้า 351 368

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เรือ่ ง ผลติ ภัณฑ์จากการสงั เคราะห์ด้วยแสง 369 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เร่ือง การสังเคราะห์ดว้ ยแสง เวลา 1 ช่ัวโมง รายวิชาวิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาพท่ี 4.3.5 ผลการทดสอบแปง้ ผลการทดลองและการพิสจู น์ พบว่าแป้งท่ีอย่ใู นคลอโรพลาสตเ์ ป็นผลมาจากการดูดแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์และเสนอประเดน็ ทว่ี ่า แป้งเปน็ ผลติ ภัณฑ์ตัวแรกของการ สังเคราะห์ดว้ ยแสง ดังภาพ ผลการทดลองและการสรปุ สนี า้ เงนิ แกมดา้ : มีแปง้ สีเหลอื ง : ไม่มีแป้ง แสงจาเป็นต่อกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ภาพที่ 4.3.6 ผลการทดลองและสรปุ ผล 4. นักเรยี นท้าใบกิจกรรม 352 369

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรอื่ ง ผลติ ภณั ฑ์จากการสังเคราะหด์ ้วยแสง 370 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การสงั เคราะหด์ ้วยแสง รายวิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 1 ชั่วโมง ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ขัน้ สรุป 1. นักเรยี นทา้ แบบทดสอบ 2. ครเู ฉลยข้อสอบอยา่ งละเอียด 3. ครสู รุปสมการการสังเคราะห์ดว้ ยแสง 353 370

371 354 371 การวดั และการประเมินผล ด้าน เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1. ดา้ นความรคู้ วามเข้าใจ 1. ใบกจิ กรรมที่ 1 80% ขนึ ไป คอื ผ่าน 2. ด้านเจตคติ 1. แบบประเมินเจคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ระดบั ของเจคติทางวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์

372 355 372 8. บันทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค ..................................................................................................................................................................... ..... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข .............................................................................................. ............................................................................. ลงช่ือ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ที่..........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดือน..........พ.ศ.............

373 356 373 ใใบบกจิ กรรมที่ 1 เร่อื งผผลลิตติ ภภัณณั ฑฑ์จจ์าากกการาสรสังเงั คเคราระาหะห์ดว้ด์ ย้วแยสแงสง หหนน่ว่วยยทท่ี ่ี44แแผผนนทท่ี 3ี่ 3 เรเรอ่ื ื่องงการสงั เคราาะะหห์ด์ด้ว้วยยแแสสงงรราายยววชิ ชิ าาววทิ ิทยยาาศศาาสสตตรร์ ร์ รหหสั ัสวิชวา21ว120110ภ1าคภเารคียเนรยีทนี่ 1ที่ช1น้ั ชมน้ั ัธมยธัมยศมึกศษึกาษปาีทปี่ ที1ี่ 1 พิจารณาขอ้ มูลต่อไปนแี ลว้ ตอบคา้ ถาม ญาญา่ ออกแบบการทดลองเกี่ยวกับกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื โดยศกึ ษาใบที่ไดร้ ับแสง และใบที่ถูกปดิ บางสว่ น จากนันท้ามาทดสอบตามกระบวนการ A = บรเิ วณทถ่ี ูกแดด B = บริเวณทไี่ ม่ถกู แดด ภาพที่ 4.3.7 ขนั ตอนการทดลอง 1. จากภาพตวั แปรตน้ ที่ญาญ่าศกึ ษาคือ............................................................................................................... 2. ตวั แปรตามคือ.................................................................................................................................................. 3. การทดลองนตี ้องก้าหนดตัวแปรควบคมุ อย่างไร…………………………………………………………………………………… 4. ผลารทดลองที่ได้ จะเปน็ อยา่ งไร เพราเหตุใด ......................................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ................................................. 5. เพราะเหตใุ ดจึงต้มพชื ในแอลกอฮอล์ ............................................................................................................................. ............................................... ...........................................................................................................................................................................

374 357 374 เฉลย ใบกจิจกกรรรรมมทท่ี ี่11เเรรอื่ อ่ื งง ผลิตภัณฑจ์ ากการรสสังงั เเคครราาะะหหด์ ด์ ้วว้ ยยแแสสงง หน่วยที่ 4 แผนนทท่ี ี่ 33 เรเ่ือรอื่งงกกาารรสสังังเเคครราาะะหห์ดด์ ว้ ้วยยแแสสงงรราายยววิชิชาาววทิ ิทยยาาศศาาสสตตรร์ ร์ หรหัสัสวิชวา2ว1211010ภ1าภคาเรคียเรนยี ทนี่ ท1่ี ช1้ันชมน้ั ัธมยธั มยศมึกศษกึ าษปาีทปี่ ที 1่ี 1 พิจารณาข้อมลู ต่อไปนแี ล้วตอบคา้ ถาม ญาญ่าออกแบบการทดลองเก่ียวกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช โดยศึกษาใบท่ีได้รับแสง และใบท่ถี กู ปิดบางสว่ น จากนนั ทา้ มาทดสอบตามกระบวนการ A = บรเิ วณทีถ่ กู แดด B = บรเิ วณทไ่ี ม่ถกู แดด ภาพท่ี 4.3.7 ขนั ตอนการทดลอง 1. จากภาพตวั แปรต้นทญ่ี าญ่าศึกษาคือ แสงแดด 2. ตัวแปรตามคอื การสร้างแปง้ 3. การทดลองนตี ้องกา้ หนดตัวแปรควบคมุ อย่างไร ชนดิ ของใบพืชต้องเป็นชนิดเดยี ว ขนาดและอายุของใบพชื เท่ากนั หรือใกลเ้ คียงกนั 4. ผลารทดลองท่ไี ด้ จะเป็นอย่างไร เพราเหตุใด บรเิ วณ A จะได้สีน้าเงินแกมดา้ แสดงวา่ มีการสรา้ งแป้งเกิดขนึ บริเวณ B จะได้สีเหลือง แสดงว่าไมม่ ีการสรา้ งแป้งเกดิ ขึน 5. เพราะเหตใุ ดจงึ ตม้ พชื ในแอลกอฮอล์ สกดั คลอโรฟิลล์ออกไป เพือ่ ให้สามารถทดสอบแป้งได้

358 375 375 แแบบบบททดดสสออบบเเรรอื่ ื่องง ผผลลติติ ภภัณัณฑฑ์จ์จาากกกกาารรสสังงั เเคครราาะะหห์ดด์ ว้ ้วยยแแสสงง หหนนว่ว่ ยยทที่ี่ 44 แแผผนนทที่ ่ี 33 เรเือ่รอื่งงกกาารรสสังังเเคครราาะะหห์ด์ดว้ ้วยยแแสสงงรราายยววิชิชาาววิทิทยยาาศศาาสสตตรร์ ร์ รหหสั ัสวิชวา2ว12110110ภ1าภคาเรคยี เรนียทน่ี 1ท่ี ช1ั้นชมนั้ ธั มยธั มยศมึกศษกึ าษปาีทป่ี ีท1ี่ 1 คาชแี้ จง : พิจารณาข้อคา้ ถามและเลอื กคา้ ตอบทีถ่ ูกทสี่ ดุ จงใช้ขอ้ มลู การทดลองต่อไปนีในการตอบคา้ ถาม การทดลองชดุ ที่ 2 จุดเทยี นไข น้าครอบแก้วมาครอบ เทียน “การทดลองของนักวทิ ยาศาสตร์ ในการปลกู ตน้ หลวิ ดบั ทดลองอีกครังโดยใสต่ ้นไม้เข้าไป จดุ เทียนไข ปิดฝา โดยใส่ดินในกระถางที่ปิดฝาอย่างมิดชดิ รดนา้ 5 ปี ครอบ เทียนสามรถติดไฟได้ พบวา่ น้าหนกั ต้นหลิวเพม่ิ ขึน 160 กิโลกรัม แตด่ ิน ลดลงจากเดมิ 56.7 กรัม 1. การทดลองนีเพ่ือทดสอบปัจจยั ใดที่มีผลต่อการ 2. การทดลองนีทัง 2 ชุด ควรสรุปว่าอย่างไร สังเคราะหด์ ว้ ยแสง 1. ครอบแก้วคือส่งิ ที่ทา้ ใหเ้ ทียนดบั และหนูตาย 1. ดินและนา้ 2. อากาศจา้ เป็นตอ่ การดา้ รงชีวิตของหนแู ละการจุดไฟ 2. น้าและแสง 3. ต้นไม้ผลติ สารบางอยา่ งทจี่ ้าเปน็ ต่อการติดไฟและ 3. ดนิ และแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ การรอดของหนู 4. แสงและแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ 4. แกส๊ ดีท่ีท้าให้ไฟตดิ คือออกซเิ จนแก๊สเสยี ที่ทา้ ใหห้ นตู าย คอื คารบ์ อนไดออกไซด์ จงใช้มลู ต่อไปนี ตอบค้าถามข้อ 2-3 “นกั วิทยาศาสตร์ท้าการทดลอง 2 ชุดการทดลองดงั นี 3. หลักฐานทใี่ ช้สรปุ ข้อท่ี 2 คอื ชดุ การทดลองท่ี 1 1. ไฟดบั ทุกครังที่ปิดครอบแก้ว 2. ต้นไม้ท้าให้ไฟตดิ และหนูไมต่ าย จดุ เทยี นไข นา้ ครอบแกว้ มาครอบ ไฟดับ 3. หนตู ายจากการปิดครอบและเทยี นดบั จากนันใสห่ นูไปในครอบแกว้ ปรากฏว่าหนตู ายแตเ่ ม่ือ 4. แก้วการเปิดและปิดครอบแกว้ ใหผ้ ลการทดลองท่แี ตกต่าง ใสต่ ้นไมใ้ นครอบแกว้ แลว้ ใส่หนูเขา้ ไป หนูไมต่ าย กนั ในทนั ที 4. ในกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง พชื สามารถดึงธาตุใด จากบรรยากาศมาใช้ได้โดยตรง 1. คารบ์ อน 2. ออกซเิ จน 3. ไฮโดรเจน 4. ไนโตรเจน

376 359 376 5. ใบไม้ทน่ี า้ มาจากการทดลองในข้อใด เม่ือทดสอบ 8. พิจารณาตารางแสดงปัจจยั การสงั เคราะหด์ ้วยแสง ดว้ ยไอโอดีนจะพบแปง้ ของพืชชนิดเดียวกนั มจี า้ นวนใบเท่ากนั จา้ นวน 4 ต้น 1. ใบไมส้ ขี าวทน่ี ้ามาจากต้นไม้และจุดเทยี นไขใน แลว้ ตอบคา้ ถาม ครอบแก้วโปรง่ แสงท่ปี ดิ มิดชดิ วางในทท่ี ่ีมแี สง ผา่ น ไป 7 วนั พชื ตน้ ที่ ระยะเวลาที่ ปรมิ าณน้า ปริมาณ 2. ใบไมส้ ีขาวทน่ี ้ามาจากต้นไม้และจดุ เทยี นไขใน ได้รับแสง ท่ีได้รบั แก๊ส CO2 ครอบแก้วโปรง่ แสงทป่ี ิดมิดชดิ วางในทท่ี ่ไี มม่ แี สง (ช่ัวโมง) (ลกู บาศก์ ท่ไี ด้รับ ผ่านไป 7 วนั เซนตเิ มตร) (ลกู บาศก์ 3. ใบไม้สีเขยี วทน่ี ้ามาจากตน้ ไมแ้ ละจดุ เทยี นไขใน เซนติเมตร) ครอบแก้วโปรง่ แสงทีป่ ิดมิดชิด วางในทท่ี ่ีมแี สง ผ่าน ไป 7 วนั 1 0 10 2 4. ใบไมส้ เี ขยี วทน่ี ้ามาจากตน้ ไมแ้ ละจดุ เทยี นไขใน 26 0 3 ครอบแก้วโปร่งแสงทปี่ ิดมิดชดิ วางในทท่ี ไ่ี มม่ ีแสง 3 8 0.5 0 ผา่ นไป 7 วนั 4 12 0.5 3 6. การทดสอบโดยใช้สารละลายไอโอดีน ถา้ ใบพชื มี พชื ตน้ ใดสังเคราะห์ด้วยแสงไดด้ ีทีส่ ุด แปง้ สารละลายจะเปลยี่ นเป็นสีอะไร 1. ต้นที่ 1 1. สฟี ้า 2. ตน้ ท่ี 2 2. สเี ขยี ว 3. ตน้ ท่ี 3 3. สีน้าตาล 4. ตน้ ท่ี 4 4. สีนา้ เงนิ 9. พิจารณาการสังเคราะห์ด้วยแสง แล้วตอบค้าถาม 7. ขอ้ ใดสรุปเก่ียวกบั การหมนุ เวยี นแก๊สใน กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงทใี่ บพืชไดถ้ กู ตอ้ ง แกส๊ A และ B เปน็ แกส๊ ชนิดใดตามลาดับ 1. มีการดดู แก๊สคาร์บอนไดออกไซดแ์ ละคายแกส๊ ออกซิเจน 1. O2 และ CO2 2. CO2 และ O2 2. มกี ารคายแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์และดูดแกส๊ ออกซิเจน 3. O2 และ O2 4. CO2 และ CO2 3. มีการคายแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดเ์ พียงอย่างเดียว 4. มกี ารคายแก๊สออกซเิ จนเพียงอยา่ งเดยี ว 10. อตั ราการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงอาจวัดไดจ้ าก 1. อัตราการดดู น้าของพชื 2. ปริมาณออกซิเจนท่ีเกดิ ขนึ 3. อัตราการดดู แสงของรงควัตถุ 4. ปรมิ าณการคายแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์

377 360 377 ใใบบคคววาามมรรู้มู้ทที่ 1ี่ 1เรเอ่ืรอ่ืงงผผลลิตติ ภภัณัณฑฑจ์ จ์ าากกกกาารรสสงั งัเคเครราาะะหหด์ ์ด้วว้ยยแแสสงง หน่วยท่ี 4 แผนท่ี 3 เรเ่ือรงอื่ งกกาารรสสงั เงั คเคราระาหะหด์ ์ดว้ ้วยยแแสสงงรารยาวยชิวาิชวาทิวยิทายศาาศสาตสรต์ ร์หรสัหวัสิชวา2ว121101101ภาภคาเครเยี รนียทน่ีท1ี่ 1ชนั้ชมนั้ ัธมยธั มยศมึกศษึกษาปาปีทีท่ 1่ี 1 ในปี 1778 แอจินนก็นอินฮเูซกน็ (Jaฮnซู I(nJagnenIn-Hgeonu-sHzo) uศsึกzษ) าศกึกาษราทกดาลรอทงดขลอองงพขรอิสงลพีรเิสมล่ือ้ีรเู้วม่าอื พรืู้วช่าสพรืช้างสอรอ้างกอซอิเจกนซิเจน และใช้คาร์บอนไดออกไซด์ แต่การทดลองของพริสลีทย้า์ทใ�ำนใทน่ีที่มทีแ่มสีแงสงฮูซฮจซู ึงจตึงังตสัง้ มสตมิฐตาิฐนาวน่าวา่ ““พพืชชืใชใช้แแ้สสงงในในกการาร แตกตัวแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และใช้คารบ์ อนในการเจริญเติบโต จากนนั จึงปลอ่ ยแกส๊ ออกซเิ จนออกมา ฮูซ ท้าการทดลองคล้ายกับโจเซฟ พริสต์ลีย์โดยใส่พืชท่ีเป็นล้าต้นใบ (มีสีเขียว) และส่วนท่ีไม่มี สีเขียวไว้ในครอบแก้ว เปรียบเทียบในที่มืดและสว่าง ดงั ภาพ 12 3 ภาพท่ี 4.3.8 การทดลองของฮซู คา้ อธบิ ายจากภาพ ภาพท่ี 1 : น้าต้นไม้และจุดเทียนไขในครอบแก้วโปรง่ แสงท่ีปดิ มดิ ชิด วางในท่ีที่มีแสง ผา่ นไป 7 วัน เทียนไขยังตดิ ไฟ ภาพท่ี 2 : น้าตน้ ไม้และจดุ เทียนไขในครอบแกว้ โปร่งแสงท่ีปดิ มิดชิด วางในทีม่ ดื ผ่านไป 7 วัน เทียนไข ไม่ติดไฟ ภาพท่ี 1 : นา้ หวั มนั ฝรัง่ และจุดเทยี นไขในครอบแก้วโปรง่ แสงทีป่ ิดมิดชดิ วางในท่ีทมี่ ีแสง ผ่านไป 7 วนั เทยี นไขไม่ตดิ ไฟ จจาากกกกาารรททดดลลอองงดงั กล่าวแจน อินเกน็ ฮฮูซูซไดได้ใหใ้ ห้ขข้ออ้สสรปุรุปไวไ้ว่า้วา่ สว่สน่วนขอขงอพงชืพทชื ี่มทสีม่ ีเสีขเียขวยี สวาสมาามราถรเถปเลป่ยี ลนี่ยอนาอกากศาศ เสียให้เปน็ อากาศดีได้ โดยพชื ต้องอาศัยแสงเปน็ ปจั จยั ในกระบวนการดงั กลา่ วดว้ ยแจน อินเก็น ฮูซ เสนอวา่ พืชเก็บธาตุคาร์บอนซงึ่ ไดม้ าจากแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดไ์ ว้ในรปู ของน้าตาล คลอโรพลาสตเ์ ก่ียวขอ้ งกบั น้าตาลเปน็ ผลผลติ ของ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง

378 336718 ในปี 1862 จูเลียส วอน ซาซ (Julius von Sachs) ได้ท้างานวิจัยด้านสรีรวทิ ยาของพืช (การศึกษา กลไกการทา้ งานของพชื ) จากการท้างานทงั ด้านวจิ ยั และการศกึ ษาเอกสารตา่ งๆ ซาซ พบว่าคลอโรฟิลล์ทอี่ ยใู่ น คลอโรพลาสต์ ทา้ หนา้ ทีเ่ กบ็ แปง้ เพ่ือศกึ ษาว่า แสงมคี วามเก่ยี วข้องกบั การสร้างแปง้ หรอื ไม่ ซาซ ได้ท้าการทดลองกบั ใบไมท้ ค่ี ร่ึงหนง่ึ ถกู แสงแดดและอีกคร่งึ หนงึ่ ไม่ถูกแสงแดด น้ากระดาษสดี า้ มาปิดตรงกลางของใบไม้ เพ่ือทดสอบบรเิ วณท่ถี ูกแสงและไม่ถกู แสง ภาพท่ี 4.3.9 การทดลองแสงต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง วธิ ีการตรวจสอบคือ 1. หยุดการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง/การทา้ งานในใบพืช (โดยการต้มในน้าเดือดประมาณ 10 วนิ าที) 2. สกดั คลอโรฟลิ ล์เพ่ือให้สามารถทดสอบแป้ง (น้าใบไม้ใส่ในหลอดทดลองทใ่ี ส่ ethanol ตม้ ไว้ 10 นาที น้าใบไม้ออกมาล้างน้า) 3. นา้ ไอโอดีนมาทดสอบแป้งในใบไม้ ภาพที่ 4.3.10 การทดลองเพ่ือทดสอบแป้ง การทดลองนเี ปน็ การพิสจู น์แปง้ ถา้ บริเวณใดของใบไมม้ ีแป้งจะให้สนี ้าเงินแกมด้า ภาพที่ 4.3.11 ผลการทดสอบแป้ง

379 362 379 ผลการทดลองและการพสิ ูจน์ จากการทดลองของ จูเลียส ซาซ พิสูจน์ว่าแป้งท่ีอยู่ในคลอโรพลาสต์เป็นผลมาจากการดูด แกส๊ คาร์บอนไดออกไซดแ์ ละเสนอประเด็นท่วี ่า แป้งเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกของการสังเคราะหด์ ้วยแสง ผลการทดลองและการสรุป สีน้าเงินแกมดา้ : มีแป้ง สีเหลอื ง : ไม่มแี ป้ง แสงจาเป็นตอ่ กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ภาพที่ 4.3.12 ผลการทดลองและการพสิ ูจน์ ภาพที่ 4.3.13 แสดงการสังเคราะหด์ ้วยแสง

363 เฉลย 380 380 แแบบบบททดดสสออบบเรเรื่อือ่ งง ผผลลิตติ ภภณัณั ฑฑ์จ์จาากกกกาารรสสังังเเคครราาะะหหด์ ์ด้วว้ ยยแแสสงง หหนน่ว่วยยทที่ ี่44แแผผนนทท่ี ี่33 เเรรื่ออ่ื งงกกาารรสสังงั เเคครราาะะหหด์ด์ ว้้วยยแแสสงง รราายยววิชชิ าาววิทิทยยาาศศาาสสตตรร์ ร์ รหหัสสั วชิ วา21ว1201110ภ1าภคาเรคยี เรนียทน่ี 1ท่ี ช1้นั ชมัน้ ธั มยธั มยศมึกศษึกาษปาีทป่ีีท1ี่ 1 คาชแี้ จง : พิจารณาขอ้ คา้ ถามและเลือกค้าตอบท่ถี ูกที่สดุ จงใช้ขอ้ มูลการทดลองต่อไปนีในการตอบคา้ ถาม การทดลองชดุ ท่ี 2 จุดเทยี นไข น้าครอบแก้วมาครอบ เทียน “การทดลองของนักวิทยาศาสตร์ ในการปลูกตน้ หลิว ดบั ทดลองอีกครงั โดยใสต่ น้ ไม้เข้าไป จดุ เทยี นไข ปิดฝา โดยใส่ดินในกระถางทปี่ ิดฝาอย่างมดิ ชดิ รดน้า 5 ปี ครอบ เทียนสามรถตดิ ไฟได้ พบวา่ นา้ หนัก ต้นหลวิ เพม่ิ ขึน 160 กิโลกรัม แตด่ นิ ลดลงจากเดมิ 56.7 กรัม 1. การทดลองน้ีเพ่อื ทดสอบปจั จยั ใดท่ีมีผลต่อการ 2. การทดลองนท้ี ัง้ 2 ชุด ควรสรปุ ว่าอย่างไร สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 1. ครอบแก้วคือสง่ิ ท่ีท้าให้เทียนดบั และหนตู าย 1. ดินและนา้ 2. อากาศจ้าเปน็ ตอ่ การด้ารงชีวิตของหนแู ละการจุดไฟ 2. น้าและแสง 3. ต้นไมผ้ ลิตสารบางอย่างท่จี ้าเป็นตอ่ การติดไฟและ 3. ดินและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ การรอดของหนู 4. แสงและแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ 4. แกส๊ ดีท่ีท้าให้ไฟตดิ คือออกซิเจนแกส๊ เสยี ที่ท้าใหห้ นูตาย คอื คารบ์ อนไดออกไซด์ จงใชม้ ลู ตอ่ ไปนี ตอบค้าถามข้อ 2-3 3. หลกั ฐานทใี่ ช้สรุปขอ้ ที่ 2 คือ “นักวิทยาศาสตร์ทา้ การทดลอง 2 ชดุ การทดลองดงั นี 1. ไฟดับทุกครังทป่ี ดิ ครอบแก้ว ชุดการทดลองที่ 1 2. ต้นไม้ทา้ ให้ไฟตดิ และหนูไมต่ าย 3. หนตู ายจากการปิดครอบและเทียนดบั จดุ เทยี นไข นา้ ครอบแกว้ มาครอบ ไฟดบั 4. แก้วการเปดิ และปิดครอบแก้วให้ผลการทดลองทีแ่ ตกต่าง จากนนั ใส่หนูไปในครอบแก้ว ปรากฏว่าหนตู ายแต่เมื่อ กัน ใสต่ ้นไม้ในครอบแก้วแล้วใส่หนูเขา้ ไป หนูไม่ตาย ในทันที 4. ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง พชื สามารถดงึ ธาตใุ ด จากบรรยากาศมาใช้ได้โดยตรง 1. คาร์บอน 2. ออกซเิ จน 3. ไฮโดรเจน 4. ไนโตรเจน

381 364 381 5. ใบไมท้ นี่ ามาจากการทดลองในข้อใด เมอ่ื ทดสอบ 8.พิจารณาตารางแสดงปัจจัยการสังเคราะหด์ ้วย ดว้ ยไอโอดีนจะพบแป้ง แสงของพืชชนดิ เดยี วกัน มจี านวนใบเท่ากนั 1. ใบไมส้ ขี าวท่ีนา้ มาจากต้นไม้และจุดเทียนไขใน จานวน 4 ตน้ แล้วตอบคาถาม ครอบแก้วโปร่งแสงที่ปดิ มิดชิด วางในท่ีทีม่ ีแสง ผ่าน พชื ตน้ ที่ ระยะเวลาที่ ปริมาณนา้ ที่ ปรมิ าณแกส๊ ได้รับแสง ไดร้ ับ CO2 ไป 7 วัน (ช่ัวโมง) (ลูกบาศก์ ที่ได้รบั 2. ใบไม้สขี าวที่นา้ มาจากตน้ ไมแ้ ละจุดเทียนไขใน ครอบแกว้ โปรง่ แสงท่ีปิดมิดชิด วางในทท่ี ี่ไมม่ แี สง เซนติเมตร) (ลูกบาศก์ ผา่ นไป 7 วัน 3. ใบไม้สเี ขียวท่ีน้ามาจากต้นไมแ้ ละจุดเทียนไขใน เซนติเมตร) ครอบแก้วโปร่งแสงทป่ี ิดมิดชิด วางในทที่ ่ีมแี สง ผ่าน ไป 7 วนั 1 0 10 2 2603 3 8 0.5 0 4 12 0.5 3 4. ใบไม้สเี ขยี วท่ีน้ามาจากต้นไม้และจุดเทียนไขใน ครอบแกว้ โปรง่ แสงทป่ี ิดมิดชดิ วางในท่ที ไ่ี ม่มแี สง พชื ต้นใดสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ดที ่ีสดุ ผา่ นไป 7 วัน 1. ต้นที่ 1 2. ต้นที่ 2 3. ตน้ ที่ 3 4. ต้นที่ 4 6. การทดสอบโดยใชส้ ารละลายไอโอดีน ถา้ ใบพืชมี 9. พิจารณาการสังเคราะห์ด้วยแสง แล้วตอบคา้ ถาม แป้ง สารละลายจะเปลีย่ นเป็นสอี ะไร 1. สีฟ้า แก๊ส A และ B เปน็ แก๊สชนดิ ใดตามลาดับ 2. สีเขียว 3. สนี า้ ตาล 1. O2 และ CO2 2. CO2 และ O2 4. สีน้าเงิน 3. O2 และ O2 4. CO2 และ CO2 7. ข้อใดสรุปเก่ียวกับการหมนุ เวียนแก๊สใน 10. อตั ราการสงั เคราะหด์ ้วยแสงอาจวดั ไดจ้ าก กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงทใี่ บพืชไดถ้ ูกตอ้ ง 1. อัตราการดดู นา้ ของพืช 1. มกี ารดดู แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์และคายแก๊ส 2. ปรมิ าณออกซิเจนท่ีเกิดขึน ออกซเิ จน 3. อตั ราการดดู แสงของรงควัตถุ 2. มกี ารคายแก๊สคารบ์ อนไดออกไซดแ์ ละดูดแก๊ส 4. ปริมาณการคายแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ออกซเิ จน 3. มกี ารคายแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดเ์ พยี งอย่างเดยี ว 4. มกี ารคายแกส๊ ออกซเิ จนเพียงอย่างเดียว

382 365 382 แบบประเมนิ พฤติกรรมในชั้นเรียน คา้ ชีแจง : ใชส้ งั เกตพฤติกรรมผ้เู รยี นเปน็ รายบคุ คล ในระหวา่ งการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม รายการประเมนิ ผลการประเมนิ ปรากฏ ไม่ปรากฏ 1. แสดงความคดิ เห็นโดยคา้ นึงถงึ หลักฐาน ความเป็นเหตุเป็นผล 2. สามารถท้างานเปน็ กลุม่ กับเพอ่ื นได้ 3. ปฏบิ ตั ิงานหรือหนา้ ท่ีท่ีไดร้ ับมอบหมายอยา่ งสมบรู ณ์

383 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 เร่ือง ความสาคญั ของการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อสงิ่ มีชวี ติ และสิ่งแวดล้อม หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง การสงั เคราะหด์ ้วยแสง เวลา 2 ชวั่ โมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ ความส้าคญั ของการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของ ขั้นนา วดี ทิ ศั น์ Trees ที่มา URL พืชตอ่ สงิ่ มีชีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม 1. ครเู ดนิ เขา้ ส่หู ้องเรียนด้วยสหี น้ายิมแยม้ แจม่ ใส กลา่ วทักทาย https://www.youtube.com/watch?v= นักเรยี น และทบทวนความรเู้ ดมิ ดว้ ยค้าถามตอ่ ไปนี 5I7u5FMQxHA จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ในช่ัวโมงเรียนทแี่ ล้วนักเรียนเรยี นรเู้ รื่องอะไร (การสังเคราะห์ ภาระงาน/ชนิ้ งาน ด้านความรู้ ด้วยแสง) ใบกิจกรรมที่ 1 พืชมคี วามสา้ คัญอยา่ งไร อธิบายความสา้ คญั ของการสังเคราะห์ดว้ ย - ถ้าตัวเราไม่กินอาหารจะสง่ ผลต่อร่างกายของเราอย่างไร และพืช ต่อสงิ่ มีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม แสงของพชื ต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม ตอ้ งการอาหารเหมือนเราหรือไม่ อยา่ งไร ด้านทกั ษะและกระบวนการ - พชื ไดร้ ับอาหารด้วยวิธีการใด ออกแบบการสา้ รวจต้นไมใ้ นบริเวณบ้าน - ปจั จัยใดบา้ งท่ีมีผลตอ่ การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช (แสง แก๊ส หรอื โรงเรยี น คารบ์ อนไดออกไซด์ นา้ และคลอโรฟลิ ล์) ด้านคุณลกั ษณะ - ผลิตภณั ฑ์ หรอื ส่งิ ที่ได้จากการสงั เคราะหด์ ้วยแสงคอื อะไร ตระหนักคุณค่าของพืชทมี่ ีต่อสง่ิ มชี ีวิตและ (น้าตาล และแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด)์ สิ่งแวดลอ้ ม หมายเหตุสาหรบั คุณครู การตอบคา้ ถามเหลา่ นีครอู าจใช่กลวธิ เี ขยี น คะแนน และคา้ ตอบของนักเรียนลงบน กระดานเพ่ือกระตุ้นให้นกั เรยี นกลา้ ตอบมาก ขึน 366 383

384 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร่อื ง ความสาคญั ของการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืชต่อสงิ่ มีชีวิตและส่ิงแวดล้อม หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 เร่ือง การสังเคราะห์ด้วยแสง เวลา 2 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ข้นั สอน 1. นักเรียนรว่ มกันอภิปรายภายในกลมุ่ ของตนเองในประเด็นเหลา่ นี - นกั เรยี นคดิ ว่ามนุษย์ได้ประโยชน์ จากผลติ ภัณฑ์ หรอื ส่งิ ที่ได้ จากการสงั เคราะห์ด้วยแสงอยา่ งไรบา้ ง (คา้ ตอบตามความคดิ ของ นักเรยี น) - พืชมีความส้าคญั อย่างไรตอ่ สิ่งมีชวี ติ และสิ่งแวดล้อม (ค้าตอบ ตามความคิดของนกั เรียน) 2. นกั เรียนตวั แทนกลุ่มรับใบกจิ กรรมท่ี 1 จากครูหนา้ ชันเรียน แล้ว ร่วมกนั ทา้ ใบกจิ กรรม โดยใช้เทคนิค Think Pair Share โดยนักเรยี นแต่ ละคนคดิ ตามความคิดของตนเองแลว้ เตมิ ลงไปในใบกจิ กรรม โดยใช้ เวลา 2 นาที จากนนั น้าความคิดของตนและเพ่ือน 1-2 คนมาอภปิ ราย กัน โดยใช้เวลา 2 นาที แล้วจงึ นา้ มาอภปิ รายในกลมุ่ เปน็ เวลา 2 นาที แล้วสรุปเปน็ แผนภาพของกลุ่มในเวลา 4 นาที หมายเหตุสาหรบั คุณครู 1. ครูอาจเตรียมกระดาษ flipchart ให้ นกั เรยี นสรุป เพือ่ เตรยี มน้าเสนอ โดยการสรปุ ลงกระดาษ flipchart ขนาดใหญ่จะกระตุ้น การเรยี นรู้ของนักเรยี นกลมุ่ ที่มีลักษณะการ เรยี นรู้ Kinetatic ซ่งึ ชอบเรียนรู้ผ่านการลง มือทา้ และนกั เรยี นกลมุ่ ที่มีลกั ษณะการ 367 384

385 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 4 เรื่อง ความสาคัญของการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืชต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 เร่ือง การสังเคราะหด์ ้วยแสง เวลา 2 ชว่ั โมง ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรียนรู้ Visual ที่เรยี นรู้ผา่ นแผนภาพได้ดี 2. การอภิปรายจะกระตนุ้ การเรียนรู้ของ นกั เรียนทม่ี ีลกั ษณะการเรียนรู้ Aural ซง่ึ เรียนรู้ผ่านการฟังและพดู ไดด้ ี รวมทังการจด บนั ทึกลงในแผนภาพหลงั อภิปรายจะกระตนุ้ การเรยี นรู้ของนักเรียนทม่ี ีลักษณะการเรยี นรู้ Read and Write ไดด้ ี 3. ครทู ี่ใช้แผนอาจปรับเวลาไดต้ ามความ เหมาะสมขนึ อยู่กับทักษะและลกั ษณะเฉพาะ ของนักเรยี น 3. นักเรยี น 2-3 กลุ่มน้าเสนอใบกจิ กรรมท่ี 1 โดยนกั เรยี นกล่มุ อืน่ ๆ และครูรว่ มกันเพิม่ ประเดน็ ท่แี ตกต่างจากกลมุ่ เพื่อน โดยครูและนกั เรียน จดบันทกึ ลงบนกระดาน หมายเหตุสาหรบั คณุ ครู ครอู าจใช้กลวธิ ี ระดมสมอง เพอ่ื กระตนุ้ นักเรยี นให้รว่ มกนั เติมความคิดของนักเรียน เพ่มิ เติม โดยอาจใช้คา้ พดู “นกั เรยี นเก่งมากท่ี สามารถคิดไดห้ ลากหลาย แต่อีก 3 ขอ้ จะได้ 15 ผลกระทบแล้ว ใครมคี วามคดิ อะไรเพ่ิมอีก สามารถเพิ่มเตมิ ไดเ้ ลย” เปน็ ตน้ และตอ้ ง 368 385

386 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4 เรื่อง ความสาคัญของการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืชต่อสิง่ มีชีวติ และสิ่งแวดล้อม หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 เร่อื ง การสังเคราะห์ดว้ ยแสง เวลา 2 ชั่วโมง ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ หลกี เลย่ี งการวิจารณค์ า้ ตอบของแตล่ ะคน ก่อนท่ีจะไดป้ ระเด็นทงั หมดท่ีเป็นภาพรวม ของชันเรียน 4. นกั เรียนชมวดี ิทัศน์ Trees ความยาว 4 นาที 27 วินาที ภาพท่ี 4.4.1 วีดิทศั น์ Trees 5. นกั เรียนสะท้อนความคิดจากการชมวดิ ทิ ัศนผ์ า่ นการตอบคา้ ถาม - วีดิทัศน์นีเสนอเรือ่ งราวเกี่ยวกบั อะไร (ความสา้ คัญของการ สังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื ตอ่ สิง่ มชี ีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม) - นักเรยี นเรยี นร้อู ะไรจากวดิ ิทัศน์นี (พชื มีความส้าคัญต่อ สง่ิ มีชวี ิต เพราะกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงเปน็ กระบวนการหลกั ใน การสร้างอาหารและแก๊สออกซิเจน) 369 386

387 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 4 เรอ่ื ง ความสาคัญของการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 เรอ่ื ง การสังเคราะหด์ ้วยแสง เวลา 2 ชวั่ โมง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6. นักเรียนและครรู ่วมกันอภิปรายถงึ ประเด็นต่างๆ ท่เี ขยี นเอาไวบ้ น กระดาน และความรจู้ ากวีดิทัศน์ ขัน้ สรปุ 1. นักเรยี นและครูลงข้อสรปุ ร่วมกนั จนไดข้ ้อสรปุ ว่า “การสังเคราะห์ ดว้ ยแสงเปน็ กระบวนการส้าคัญซ่งึ เป็นกระบวนการเดยี วที่น้าพลังงาน แสงมาเปลี่ยนเป็นสารประกอบอินทรีย์และเกบ็ สะสมในรปู แบบตา่ งๆ ในโครงสร้างพืช พชื จงึ เปน็ แหลง่ อาหารและพลงั งานท่สี า้ คัญของ สง่ิ มีชีวติ อ่ืน นอกจากนกี ระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงยังเป็น กระบวนการหลกั ในการสรา้ งแกส๊ ออกซเิ จนใหก้ ับบรรยากาศเพื่อให้ สิ่งมชี วี ิตใช้ในกระบวนการหายใจ” 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนส้ารวจต้นไมใ้ นบริเวณบา้ น หรอื โรงเรียน (ในกรณีทีน่ ักเรยี นไมม่ พี ืนทใี่ นการปลกู หรอื ดูแลต้นไม)้ แลว้ สอบถามแนวทางการดแู ลจากผ้ปู กครองเพอ่ื น้ามานา้ เสนอในช่วั โมง ตอ่ ไป) 370 387

371 388 388 ใบใบกกจิ จิกกรรรมมทที่ 1ี่ 1เรเรื่อื่องงพพืชืชมมคี คี ววาามมสส�าำคคัญญั อยา่ งไรตอ่ สิ่งมีชีวิตและสิง่งแแววดดลล้ออ้ มม หหนนว่ ว่ ยยทที่ ่ี44กกาารรสสังังเคราะห์ด้วยแสง แผแนผกนากราจรดั จกัดากราเรเยี รนยี รนู้ทร่ีู้ท4ี่ 4เรเือ่รงือ่ งคคววาามมสส�าำคัญของการสงั เคราะหด์ ว้วยยแแสสงงขขอองงพพืชืชตตอ่ อ่ สส่ิงง่ิมมีชีชวี ีวติ ติ แแลละะสสง่ิ แ่งิ แววดดลล้ออ้มม รราายยววชิ ชิ าาววิทิทยยาาศศาาสสตตรพ์ร์ นื้ รฐหาสั นวชิ 1ารวห2สั 1211010ภ1าภคาเรคียเรนียทน่ี ท1ี่ 1ชั้นชม้นั ธัมยธั มยศมกึศษกึ ษาปาปีทีท่ 1่ี 1 จดุ ประสงค์ ความส้าคญั ของการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืชต่อส่ิงมชี วี ติ และสง่ิ แวดลอ้ ม ช่ือ-นามสกลุ ............................................................................................. ชั้น .................. เลขท่ี .................. ความส้าคัญตอ่ สิง่ มชี วี ิต ความสา้ คญั ของพืช ความสา้ คัญต่อ ส่งิ มชี ีวติ

389 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5 เรื่อง ความตระหนกั ต่อคุณคา่ ของพชื ทม่ี ตี ่อสง่ิ มชี ีวติ และสงิ่ แวดล้อม หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่ือง การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ ความตระหนกั ต่อคุณค่าของพืชทมี่ ตี ่อสิ่งมีชีวติ ขนั้ นา ต้นไมบ้ รเิ วณบา้ น ชมุ ชน และ และส่งิ แวดล้อม 1. ครทู กั ทายนักเรยี นด้วยสีหน้ายิมแย้มแจ่มใส แล้วนา้ เข้าสู่ โรงเรยี น บทเรียนด้วยการนา้ เสนอ ตัวอย่างภาพที่แสดงถึงความแตกต่าง จุดประสงค์การเรยี นรู้ ของบริเวณทมี่ ตี น้ ไม้หนาแน่น กบั บริเวณท่ีมตี ้นไมน้ ้อยหรือไม่มี ภาระงาน/ช้ินงาน ดา้ นความรู้ 2. ตัวแทนนกั เรยี น 2-3 คน น้าเสนอผลการอภิปราย ใบกิจกรรมที่ 2 การดูแลตน้ ไม้ อธบิ ายแนวทางในการดูแลต้นไมใ้ นบรเิ วณบา้ น เปรยี บเทยี บเกย่ี วกับการด้ารงชีวติ ของสิง่ มชี ีวิตรวมถึงสภาพ หรือโรงเรียน อากาศ ดิน น้าท่ีอยใู่ นบรเิ วณดังกล่าว ด้านทกั ษะและกระบวนการ ข้ันสอน วางแผนการดูแลตน้ ไม้ในบรเิ วณบ้าน หรอื 1. นักเรยี นแต่ละคนวางแผนการดแู ลรักษาต้นไมใ้ นบรเิ วณบา้ น โรงเรียน หรอื โรงเรยี น ลงในสดมภ์ วนั เดอื นปี และแผนการดแู ล ของใบ ดา้ นคุณลักษณะ ใกบจิ กกิจรกรรมรทมี่ ท2่ี 2 ตระหนกั คุณค่าของพืชท่มี ีตอ่ สิง่ มชี วี ิตและ 2. ตัวแทนนกั เรยี นจา้ นวน 2-3 คน น้าเสนอผลจากการท้าใบ ส่งิ แวดลอ้ ม ใกบิจกกิจรกรรมรทม่ี ท2ี่ 2กากราดรูแดลแู ตล้นต้นไมไม้ โ้ ดโดยยคครรูสูสออบบถถาามมเเพพิ่ม่ิมเเตติมิมเเกกยี่ ี่ยวกับการ ดูแลเพ่ือใหไ้ ดป้ ระเดน็ ท่ีชดั เจนหรอื อาจสอบถามว่าค้านึงถึงปจั จัย ท่เี กยี่ วข้องกนั การสังเคราะห์ด้วยแสงให้เหมาะกบั ต้นไมท้ ่ีตนเอง ต้องการดูแลอยา่ งไร - ตน้ ไม้ชนดิ นีมลี ักษณะอย่างไร (ค้าตอบตามแนวคดิ ของ นักเรียน) 372 389

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 5 เรอ่ื ง ความตระหนักต่อคุณค่าของพชื ที่มตี ่อสง่ิ มีชีวิตและส่ิงแวดล้อม 390 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เร่ือง การสังเคราะหด์ ้วยแสง เวลา 1 ชั่วโมง ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ - ต้นไม้ต้องการแสงมากหรือน้อย (คา้ ตอบตามแนวคิดของ นักเรียน) - ตน้ ไม้ชนิดนคี วรรดน้าวันละก่ีครัง (ค้าตอบตามแนวคิด ของนักเรยี น) - นา้ ทีร่ ดควรมีปริมาณเทา่ ใด (ค้าตอบตามแนวคิดของ นักเรียน) - นกั เรียนจะใชป้ ยุ๋ ชนิดใด (ค้าตอบตามแนวคิดของ นกั เรยี น) หมายเหตุสาหรบั คุณครู หากนกั เรยี นยงั ตอบได้ไม่ชดั เจน ครอู าจ แนะน้าให้นักเรียนสืบคน้ ความรูเ้ พมิ่ เติม จากอนิ เทอร์เนต็ แลว้ น้ามาน้าเสนอครู อกี ครังนอกเวลาเรียน โดยใช้ค้าพดู เชิง บวก เช่น “ต้นไม้ของนักเรียนมีความ นา่ สนใจ ครูคิดวา่ จะเป็นประโยชน์มาก ถ้าเพ่ือนๆ ได้เรียนรวู้ ธิ ีดูแลจากนกั เรยี น ดังนนั ตอนนีมีบางส่วนทย่ี งั ไม่ชดั เจนวา่ ควรดแู ลอย่างไรจึงจะเป็นผลดที ่สี ดุ ดงั นัน ครขู อให้นักเรยี นสบื คน้ ความรู้ เพ่ิมเติมจากการสอบถาม การอ่าน 373 390

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 เร่อื ง ความตระหนักต่อคุณคา่ ของพืชทม่ี ีต่อสิง่ มีชีวติ และส่ิงแวดล้อม 391 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรื่อง การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง เวลา 1 ชั่วโมง ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ หนังสือ หรือการค้นคว้าจาก อินเทอรเ์ น็ต แล้วน้ามาเล่าให้ครฟู งั ในชว่ งเยน็ วันนี” เปน็ ต้น ขน้ั สรปุ 1. นกั เรียนและครูร่วมสรุปแนวทางการดูแลรกั ษาต้นไม้ใน ภาพรวม เช่น - ต้นไมต้ ้องการน้าอย่างสมา่้ เสมอซ่งึ มีปริมาณและเวลาใน การรดน้าตา่ งออกไปในแตล่ ะชนิด - ต้นไม้ต้องการแสงอาทติ ย์ และแรธ่ าตุในการเจรญิ เติบโต จึงต้องจัดสภาพแวดล้อมและใส่ปยุ๋ ให้เหมาะสม 2. นกั เรียนนา้ แนวทางทีต่ นคิดกลบั ไปดแู ลต้นไมใ้ นบรเิ วณบา้ น หรือโรงเรยี นแลว้ นา้ ผลการดแู ลมาบนั ทกึ ลงใบกิจกรรมที่ 2 สง่ ครู ในชว่ั โมงต่อไป 374 391


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook