Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-24-คู่มือและแผนการเรียนรู้_สังคมศึกษาฯ ม.3-05271401

64-08-24-คู่มือและแผนการเรียนรู้_สังคมศึกษาฯ ม.3-05271401

Published by elibraryraja33, 2021-08-24 03:34:08

Description: 64-08-24-คู่มือและแผนการเรียนรู้_สังคมศึกษาฯ ม.3-05271401

Search

Read the Text Version

๙๒ แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 14 เร่ือง บุญกิริยาวตั ถุ 10 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 เร่อื ง หลักธรรมนาชวี ติ เวลา 1 ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวชว้ี ดั กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ ส 1.1 ม.3/6 อธิบายสงั ฆคุณและข้อ ขนั้ นา - โปรแกรมนาเสนอ power point 1. นักเรียนดูรปู ภาพการสร้างบุญ และรว่ มกนั ตอบคาถามดังน้ี ธรรมสาคญั ในกรอบอรยิ สัจ 4 หรือ ทมี่ า : https://www.winnews.tv/news/1100881414 presentation เรือ่ ง บญุ กิรยิ าวัตถุ หลกั ธรรมของศาสนาท่ตี นนบั ถือตามที่ ที่มา : http://www.w-nikro.com/index.php?lay=show&a.... 1เร0ือ่ ง บญุ กริ ยิ าวัตถุ ๑๐ กาหนด ท่ีมา : https://hilight.kapook.com/view/11314364464 - บัตรคา - รปู ภาพการสร้างบุญ ส 1.1 ม.3/7 เห็นคุณค่าและวเิ คราะห์ ๑) จากภาพ คือการทาสง่ิ ใด (ใส่บาตร น่งั สมาธิ สวดมนต์) ภาระงาน/ชน้ิ งาน การปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมในการพัฒนา ๒) เพราะเหตใุ ด ศาสนกิ กชชนนตต้ออ้ งงปปฏฏบิ ิบัตัติ ิ”(เป(เ็นปก็นากราสรรส้ารงบา้ งุญบ)ญุ ) - ภาพจัดดาเนนิ ชวี ิตตามหลักบุญกริ ิยา ตนเพือ่ เตรยี มพร้อมสาหรบั การทางานและ วบตั ุญถกุ ๑ิรยิ ๐าวตั ถุ ๑๐ การมคี รอบครวั สาระสาคัญ การสบื ทอดศาสนาให้คงอยู่ เป็นหน้าท่ี ของศาสนิกชน ทต่ี ้องปฏบิ ัตติ ามหน้าทแ่ี ละ คาสอนของแต่ละศาสนาอย่างเคร่งครดั ขอบเขตเนื้อหา - ความหมายและองคป์ ระกอบของบญุ กบิรุญยิ กาิรวิยัตาถวุ ัต1ถ0ุ ๑๐ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ นความรู้ 1.อธบิ ายความหมายและองค์ประกอบของ บุญกิริยาวตั ถุ 10 ได้ถูกต้อง 892

๙๓ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 14 เร่ือง บุญกริ ยิ าวัตถุ 10 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่อื ง หลักธรรมนาชวี ติ เวลา 1 ช่วั โมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ดา้ นทักษะและกระบวนการ 2. ครเู ช่อื มโยงเข้าสบู่ ทเรยี นโดยอธิบายว่า “ในฐานะชาวพุทธ การ 1.วิเคราะห์แนวทางการนาหลักธรรมบญุ กสารา้ รงสบรญุ ้าแงบลุญะกแาลระปกฏาบิรปัตฏิตนิบอตั ติย่านงอเยค่ารง่ เคครรัด่งตคารมดั ตหาลมกั หอลุบกั าอสุบกาคสือกสคิ่งอื สิง่ กบิรญุ ิยกาิรวิยัตาถวุ ัต1ถ0ุ ๑ไ๐ปใไชป้ไดใช้ถไ้ ูกดตถ้ ้อกู งต้อง สาคัญสามารถทาได้หลากหลายรูปแบบ โดยในวนั นี้เราจะมาเรยี น ด้านคุณลักษณะ เร่อื งน้ีกนั ” 1.อภิปรายคุณคา่ ของหลักธรรมบญุ กริ ิยา ขน้ั สอน วบตั ุญถุก1ริ 0ยิ าตวัต่อถกุา๑ร๐ดาตเน่อินกชารีวดติ ำ�เนินชวี ติ ๓. ครูสุ่มถามนักเรยี นเพ่มิ เติมเกีย่ วกบั การทาบญุ ทีน่ ักเรยี นรู้จัก นอกจากตัวอย่างข้างต้นว่ามีอะไรบา้ ง ๔. นักเรียนศึกษาหนงั สือเรียนเกย่ี วกบั บุญกริ ิยาวตั ถุ 10 และครู อธบิ ายความร้เู พมิ่ เติมโดยผ่านโปรแกรมนาเสนอ power point presentation ๑) ทานมยั ทาบุญดว้ ยการให้ ๒) สลี มยั ทาบุญด้วยการรกั ษาศีลและประพฤติดี ๓) ภาวนามัย ทาบุญดว้ ยการเจรญิ ภาวนา ๔) อปจายนมยั ด้วยการประพฤตอิ ่อนน้อม ๕) เวยยาวัจจมยั ดว้ ยการชว่ ยขวนขวายรบั ใช้ ๖) ปตั ตทิ านมยั ดว้ ยการเฉล่ียสว่ นความดใี หผ้ ู้อ่ืน ๗) ปตั ตานุโมทนามยั ด้วยความยินดี ความดีของผู้อ่ืน ๘) ธัมมัสสวนมยั ด้วยการฟังธรรม ๙) ธัมมเทสนามัย ดว้ ยการสง่ั สอนธรรม ๑๐) ทฏิ ฐชุ ุกมั ม์ ดว้ ยการทาความเหน็ ใหต้ รง 893

๙๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 14 เรื่อง บญุ กิรยิ าวัตถุ 10 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง หลักธรรมนาชวี ติ เวลา 1 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวชิ าสงั คมศกึ ษา ฯ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ๕. ใหน้ กั เรียนเลอื กหลักธรรมในบญุ กิริยาวัตถุ ๑๐ มา ๑ ขอ้ พร้อมท้ังวาดภาพที่สื่อถงึ การนาหลักธรรมไปใช้ในชวี ิตประจาวนั และ ตกแตง่ ใหส้ วยงาม ๖. ครคู ดั เลอื กรูปภาพทส่ี วยงามจานวน ๕ ภาพ พร้อมท้ังใหเ้ จ้าของ ภาพออกมานาเสนอให้เพ่ือนในหอ้ งฟัง ต่อมาสมาชิกในห้องร่วมกนั อภิปราย ขั้นสรปุ ๗. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายถงึ คุณคา่ หากพุทธศาสนิกชน ปฏิบัตติ ามตามหลกั บุญกริ ยิ าวัตถุ ๑๐ (ชว่ ยสืบทอดพระพุทธศาสนา ชว่ ยให้อยู่รว่ มกนั อยา่ งสงบสุข) 894

95 895 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครอื่ งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ สิ่งทีต่ ้องการวดั /ประเมนิ คาถาม แบบสังเกต - ดี ;: อธบิ ายความหมาย สังเกต แบบสังเกต องคป์ ระกอบของบญุ กริ ยิ า ดา้ นความรู้ พฤติกรรม พฤติกรรม วตั ถุ 10 ไดถ้ ูกต้องครบถ้วน 1.อธิบายความหมายและ - พอใช้ ;: อธบิ ายความหมาย องค์ประกอบของบญุ กิรยิ าวัตถุ 10 องค์ประกอบของบุญกิรยิ า ไดถ้ ูกต้อง วัตถุ 10 ได้ - ปรบั ปรุง :; ไมส่ ามารถ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ อธบิ ายความหมาย 1.วิเคราะหแ์ นวทางการนาหลักธรรม องค์ประกอบของบุญกริ ยิ า บญุ กิรยิ าวัตถุ 10 ไปใชไ้ ดถ้ ูกต้อง วัตถุ 10 ไดอ้ ย่าง สมเหตุสมผล - ดี :; วิเคราะห์แนวทางการ นาหลกั ธรรมบญุ กิริยาวัตถุ 10 และ ไปใช้ได้อยา่ งน้อย 2 ขอ้ - พอใช้ ;: วิเคราะหแ์ นวทาง การนาหลักธรรมบุญกริ ิยา วตั ถุ 10 ไปใช้ไดอ้ ย่างน้อย 1 ข้อ - ปรับปรุง ;: ไม่สามารถ วิเคราะหแ์ นวทางการนา หลกั ธรรมบุญกริ ยิ าวตั ถุ 10 ไปใช้ได้อย่างสมเหตสุ มผล ดา้ นคุณลักษณะ สงั เกต แบบสงั เกต - ดี :; อภปิ รายคุณค่าของ 1.อภิปรายคุณค่าของหลักธรรมบญุ พฤติกรรม พฤติกรรม หลักธรรมบญุ กริ ยิ าวตั ถุ 10 กริ ยิ าวัตถุ 10 ต่อการดาเนนิ ชวี ติ ต่อการดาเนนิ ชวี ติ ไดอ้ ย่าง น้อย 2 ขอ้ - พอใช้ ;: อภปิ รายคุณค่า ของหลกั ธรรมบุญกิรยิ าวตั ถุ 10 ตอ่ การดาเนินชวี ติ ได้ อย่างน้อย 1 ข้อ - ปรับปรุง ;: ไมส่ ามารถ อภปิ รายคุณค่าของ

896 96 ส่งิ ท่ตี ้องการวดั /ประเมิน วธิ ีการ เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ หลกั ธรรมบุญกิริยาวัตถุ 10 ต่อการดาเนินชวี ิตได้อย่าง สมเหตสุ มผล 8.บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงช่อื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ที.่ .........เดอื น..........พ.ศ............. 9.ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรอื ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ...................................................................................................... ..................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ.............

๙๗ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1๕ เร่ือง อบุ าสกธรรม 7 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 เรือ่ ง หลักธรรมนาชวี ิต เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวชิ าสังคมศกึ ษา ฯ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ตัวช้วี ัด กิจกรรมการเรียนรู้ ส 1.1 ม.3/6 อธิบายสงั ฆคุณและข้อ ขัน้ นา ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ ธรรมสาคัญในกรอบอรยิ สัจ 4 หรือ 1. ครูนาคลปิ พระมหาสมปองเทศน์มาเปิดใหน้ กั เรียนชม - คลปิ พระมหาสมปอง หลักธรรมของศาสนาทตี่ นนบั ถือตามที่ - บตั รคา กาหนด ภาระงาน/ช้นิ งาน ส 1.1 ม.3/7 เห็นคณุ ค่าและวิเคราะห์ - จาแนกความเหมาะสมของ การปฏิบัตติ นตามหลักธรรมในการพฒั นา ตนเพอ่ื เตรียมพร้อมสาหรบั การทางานและ พฤติกรรมจากบัตรคาท่ีกลมุ่ ของตนเองไดร้ บั การมคี รอบครวั https://www.youtubbee..ccoomm//wwaattcchh??vv==yyaa22aaiFiFNNHHNNUUAA สาระสาคัญ ตอ่ มาครรู ว่ มกนั อภิปรายกบั นักเรยี นในสง่ิ ท่เี ห็นจากคลปิ (พระเทศน์ คนฟงั การสบื ทอดศาสนาให้คงอยู่ เป็นหนา้ ท่ี เทศน)์ ของสาวก ที่ตอ้ งปฏบิ ัตติ ามหนา้ ทแี่ ละคา ๒. ครูสนทนาเพอ่ื เชอ่ื มโยงเข้าสู่บทเรียน ถงึ หนา้ ท่ีของอุบาสกที่ดีตามหลัก สอนของแตล่ ะศาสนาอย่างเครง่ ครดั พระพุทธศาสนาที่ชือ่ ว่า “อุบาสกธรรม ๗” ขอบเขตเนื้อหา ขั้นสอน - ความหมายและองค์ประกอบของ ๓. ให้นักเรียนศึกษาหนงั สือเรียน ในเรอ่ื งความหมายและยกตวั อยา่ งแนวทางการ อบุ าสกธรรม 7 ปฏบิ ัติของอบุ าสกธรรม 7 แต่ละข้อพร้อมท้ังถามนักเรยี นว่าในแตล่ ะข้อน้นั ตรง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ กับบัตรคาใดบ้างทนี่ ักเรยี นไดน้ ามาติดไว้ พร้อมทง้ั ครเู พ่มิ เติมประเด็นท่ีขาดไป ด้านความรู้ อุบาสกธรรม 7 ธรรมที่เปน็ ไปเพ่ือความเจรญิ ของอบุ าสก 1.อธบิ ายความหมายและองค์ประกอบของ 1) ไม่ขาดการเยย่ี มเยือนพบปะพระภิกษุ อุบาสกธรรม 7ได้ถูกต้อง 2) ไมล่ ะเลยการฟงั ธรรม 3) ศกึ ษาในอธิศีล 4) มากดว้ ยความเล่ือมใสในภกิ ษทุ ง้ั หลาย ทง้ั ท่เี ป็นเถระ นวกะ และปนู แกลาะงปนู กลาง 5) ไม่ฟังธรรมดว้ ยตัง้ ใจจะคอยเพง่ โทษติเตียน 897

๙๘ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1๕ เร่ือง อบุ าสกธรรม 7 เวลา 1 ชัว่ โมง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่อื ง หลกั ธรรมนาชวี ติ กลุม่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวิชาสงั คมศึกษา ฯ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ด้านทกั ษะและกระบวนการ 6) ไม่แสวงหาทกั ขไิ ณย์ภายนอกหลักคาสอนนี้ 1.วเิ คราะห์แนวทางการนาหลักธรรม 7) กระทาความสนับสนุนในพระศาสนานเี้ ปน็ เบ้ืองต้น คือ ขวนขวาย อบุ าสกธรรม 7 ไปใช้ได้ถูกตอ้ ง ในการอปุ ถัมภบ์ ารงุ พระพทุ ธศาสนา ด้านคุณลักษณะ ๔. ครูให้นกั เรยี นจับคตู่ ามทน่ี ั่งของนักเรียนพร้อมแจกบตั รคาใหน้ กั เรียน 1.อภปิ รายคณุ คา่ ของหลักธรรม กลุ่มละ 1 ใบ ประกอบไปด้วยคาว่า “กวาดลานวดั , ศกึ ษาคาสอนของพุทธ อุบาสกธรรม 7 ตอ่ การดาเนินชีวติ พททุาสธ,ทราักสษ, รากัศษีลา, ศเวลี ยี, นเวเยีทนยี เนทใยี นนวใันสวานั คสญั�ำ ค,ญั ส,นสทนนทานธราธรรมร,มอ,ปุ อสปุ มสบมทบ,ทฟ, ังฟธงั รธรรมรม ในโอกาส, เทศมหาชาติ, เดินจงกรม, พบสมณะ, เลี้ยงกมุ ารทอง, รอคอย วาสนา, ขอเลขเด็ดจากพระ, บนบานศาลกลา่ ว, ปลอ่ ยเช่าพระเคร่ือง” ๕. ครูให้นกั เรยี นแต่ละค่วู ิเคราะห์ว่าบตั รคาที่ตนเองไดน้ น้ั เป็นส่งิ ที่ พทุ ธศาสนิกชนพงึ ปฏบิ ัติต่อพระพุทธศาสนาหรือไม่ เม่ือไดค้ าตอบแล้วให้นักเรียนนาบัตรคาไปตดิ บนกระดานตามที่ครูไดแ้ บ่ง หัวข้อออกเปน็ 2 หัวขอ้ คือ พึงปฏิบัติและไม่พึงปฏิบัติ (สิ่งที่พึงปฏิบตั ิ : กวาดลานวัด, ศกึ ษาคาสอนของพุทธทาส, รกั ษาศลี , เวยี น เทียนในวนั สาคญั , สนทนาธรรม, อุปสมบท, ฟังธรรมในโอกาส, เทศ เมทหศานชม์ าหตาิ, ชเดาินติ,จเงดกนิ รจมง,กพรบมส, มพณบสะมณะ ส่งิ ทไ่ี ม่พึงปฏบิ ัติ: เลยี้ งกมุ ารทอง, รอคอยวาสนา, ขอเลขเด็ดจากพระ, บน บนานบศาาลลศกาลก่าวล,่าปวลป่อลยอ่ เยชเา่ ชพ่ารพะรเะคเรคือ่ รง่อื )ง) ขนั้ สรุป ๖. นักเรยี นตอบคาถามร่วมกันในประเดน็ ดงั นี้ “ถา้ ทุกคนปฏิบตั ิตามหลักธรรมอบุ าสกธรรม 7 จะกอ่ ใหเ้ กิดผลอยา่ งไร” ( ศาสนาเกดิ การสบื ทอดไปยังรุ่นต่อไป) 898

99 899 การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ เกณฑ์ สิ่งท่ตี ้องการวัด/ประเมนิ คาถาม แบบสงั เกต - ดี ;: อธบิ าย สงั เกตพฤติกรรม ความหมาย ดา้ นความรู้ สังเกตพฤตกิ รรม องค์ประกอบของ 1.อธิบายความหมายและ อุบาสกธรรม 7 ได้ องคป์ ระกอบของอุบาสกธรรม 7 ได้ ถูกต้องครบถ้วน ไถดกู ้ถตูก้อตง้อง - พอใช้ ;: อธบิ าย ความหมาย ด้านทกั ษะ/กระบวนการ องคป์ ระกอบของ 1.วเิ คราะห์แนวทางการนาหลักธรรม อบุ าสกธรรม 7 ได้ บุญอุบาสกธรรม 7 ไปใช้ไดถ้ ูกตอ้ ง - ปรบั ปรงุ ;: ไม่ สามารถอธิบาย ด้านคุณลักษณะ ความหมาย 1.อภิปรายคุณค่าของหลักธรรม องค์ประกอบของ อุบาสกธรรม 7 ตอ่ การดาเนินชวี ิต อบุ าสกธรรม 7 ได้ อยา่ งสมเหตสุ มผล แบบสงั เกตพฤติกรรม - ดี :; วเิ คราะห์ แนวทางการนา หลักธรรมอบุ าสก ธรรม 7 ไปใชไ้ ด้ อยา่ งน้อย 2 ข้อ - พอใช้ :; วเิ คราะห์ แนวทางการนา หลกั ธรรมอบุ าสก ธรรม 7 ไปใชไ้ ด้ อย่างน้อย 1 ขอ้ - ปรับปรุง ;: ไม่ สามารถวิเคราะห์ แนวทางการนา หลกั ธรรมอุบาสก ธรรม 7 ไปใช้ได้ อยา่ งสมเหตุสมผล แบบสงั เกตพฤติกรรม - ดี ;: อภิปราย คุณค่าของ หลักธรรมอุบาสก ธรรม 7 ตอ่ การ

100 1900 สง่ิ ทตี่ ้องการวัด/ประเมิน วธิ กี าร เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ ดาเนินชีวิตได้อยา่ ง น้อย 2 ขอ้ - พอใช้ ;: อภิปราย คุณคา่ ของ หลกั ธรรมอุบาสก ธรรม 7 ต่อการ ดาเนินชวี ิตไดอ้ ยา่ ง นอ้ ย 1 ขอ้ - ปรับปรุง ;: ไม่ สามารถอภิปราย คณุ คา่ ของ หลกั ธรรมอบุ าสก ธรรม 7 ต่อการ ดาเนนิ ชีวติ ไดอ้ ย่าง สมเหตุสมผล 8.บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................................................ ............... ลงชื่อ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที่..........เดือน..........พ.ศ............. 9.ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ทไี่ ด้รบั มอบหมาย ..................................................................................................................................................................... ...... ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ท่ี..........เดือน..........พ.ศ.............

๑๐๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่อง หลักธรรมนาชีวิต แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 16 เร่อื ง มงคล 38 เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวชิ าสงั คมศึกษา ฯ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตวั ช้ีวัด กิจกรรมการเรียนรู้ ส 1.1 ม. 3/6 อธิบายธรรมคุณ ขัน้ นา 1. ครทู บทวนความรู้เร่ือง มงคล 38 ในประเด็นของความหมายและประเภท และข้อธรรมสาคัญในกรอบอริยสัจ 4 หรือ แลว้ ให้นักเรยี นดภู าพศิลปะ 2 ภาพ คอื ภาพวาดและภาพแกะสลัก และถาม ห ลั ก ธ ร ร ม ข อ ง ศ า ส น า ท่ี ต น นั บ ถื อ ต า ม ท่ี กาหนด นกั เรียนวา่ “ภาพพุทธศลิ ปะทั้ง 2 ภาพน้มี ีความ เหมือนและความแตกตา่ งกันในเรื่องใดบา้ ง” ส 1.1ม. 3/7 เห็นคุณค่า และ วิเคราะห์การปฏิบัติตนตามหลักธรรมในการ พกาัฒรพนฒัาตนนาตน เพื่อเตรียมพรเพอ้ ื่มอเตรียมพร้อม สาหรบั การทางาน และการมีครอบครัว สาระสาคัญ การร้แู ละเข้าใจในเรื่อง ประพฤติธรรมมี ศลิ ปวิทยา พบสมณะ ฟังธรรมตามกาล และ สนทนาธรรมตามกาล ในมงคล 38 จะช่วย ทาใหเ้ กิดความดงี าม ความเจรญิ และ 2. ครูสรปุ วา่ ศิลปะ 2 ภาพน้ี นอกจากแตกตา่ งกันในเรื่องเน้ือหาแลว้ ยัง สามารถนาความสุขสู่ชีวิตได้ แตกต่างกนั ในเร่ืองของประเภท โดยศิลปะภาพแรกเป็นจติ รกรรม สว่ นภาพที่ 2 เป็นปฏิมากรรม (แกะสลักหน้าผา) อยา่ งไรก็ตามทง้ั 2 ก็มีความเหมือนกัน คือ มี คือุณมคีค่าณุ ทาคง่าจทติ าใงจจติ ซใึ่งจคซณุ งึ่ คคา่ ุณขคอ่างขศอิลงปศะิลดปงั ะกดลงัา่ กวลถ่าอื ววถา่ ือเปว่าน็ เมปงน็ คมลงแคกลช่ แวีกิต่ชวิ ิต 3. ครพู ดู เชอ่ื มโยงเขา้ สบู่ ทเรยี นเรือ่ ง มงคล 38 ดงั น้ี ประพฤติธรรมมี ศลิ ปวิทยา พบสมณะ ฟังธรรมตามกาล และสนทนาธรรมตามกาล 1901

๑๐๒ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่ือง หลกั ธรรมนาชวี ิต แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 16 เร่อื ง มงคล 38 เวลา 1 ชวั่ โมง ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ขอบเขตเนือ้ หา ขั้นสอน ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ - ความหมายและองค์ประกอบของ 1. ครอู ธบิ ายเก่ยี วกับการมีศิลปะวิทยาซงึ่ หมายถึงวชิ าทีช่ ว่ ยในการ - โปรแกรมนาเสนอ powerpoint มงคล 38 ในเรือ่ ง มีศลิ ปวทิ ยา พบ กทารงทานำ�งโาดนยโวดชิ ยาวคิชวาาคมวรานู้ มัน้ รแนู้ บัน้ ่งแอบอ่งกอเกปเ็นปน็ 2๒ปประรเะภเภททคคืออื วชิวชิาสาสามามัญัญแแลละะ presentation เรื่อง มงคล 38 สมณะ ฟงั ธรรมตามกาล และ วชิ าชีพ ภาระงาน/ชนิ้ งาน สนทนาธรรมตามกาล - การวิเคราะห์ความสาคัญของการ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2. ครถู ามนักเรยี นถงึ แนวทางฝกึ ฝนตนเองเพื่อทจ่ี ะไดม้ ีความถนดั ใน ด้านความรู้ ชวี ิตชพี ของเรา พร้อมยกตัวอย่างประกอบว่า คนเรามคี วามถนดั ตา่ งกัน แต่ ปกาฏรบิ ปตั ฏิติบนัตติตานมตหาลมักหมลงกั คมลงค3ล8๓๘ 1.ยกตวั อยา่ งการนามงคล 38 ไปใช้ใน ทกุ คนมสี ว่ นร่วมทีท่ าใหส้ ังคมมคี วามสุขได้ ชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม ด้านทกั ษะและกระบวนการ 3. ครูแสดงภาพพระภิกษุและฆราวาส และใหน้ ักเรียนวิเคราะห์ว่า 2.วเิ คราะห์แนวคดิ สาคญั ของมงคล 38 ภาพดังกลา่ วจะเก่ียวข้องกับอะไร (การฟงั ธรรม การสนทนาธรรม) ในเรอื่ ง มีศลิ ปวทิ ยา พบสมณะ ฟงั ธรรม ตามกาล และสนทนาธรรมตามกาล ได้ 4. ครอู ธิบายเชอื่ มโยงถงึ มงคล 38 ทเี่ กย่ี วขอ้ งไดแ้ ก่ พบสมณะ ฟัง ไอดยอ้ ่ายงา่มงีเมหเีตหุผตลุผล ธรรมตามกาล และสนทนาธรรมกาลโดยใช้โปรแกรมนาเสนอ powerpoint ดา้ นคณุ ลกั ษณะ presentation 3.บอกคุณค่าของหลักธรรมเรื่อง มงคล 38 1902

๑๐๓ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 เรอ่ื ง หลักธรรมนาชีวิต แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 16 เรือ่ ง มงคล 38 เวลา 1 ชัว่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 3 5. ครใู ห้นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายวา่ “มีโอกาสใดบ้างที่นักเรยี น จะได้พบกับภิกษุ และไดม้ ีการฟงั ธรรม และสนทนาธรรมและมีวิธี ปฏบิ ัติตนอยา่ งไรบา้ ง” (พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน) ข้ันสรุป 1. ครถู ามนักเรยี นวา่ “มีหลักธรรมใดที่เคยเรยี นไปแล้วในคาบ กอ่ นหนา้ น้ีมีความสอดคลอ้ งกับมงคล 38” (อุบาสกธรรม 7) ครูให้นกั เรียนบอกประโยชน์และคุณคา่ ของแนวทางการนามงคล 38 ในเรอ่ื งของ มีศลิ ปวิทยา การพบสมณะ ฟังธรรมตามกาล และสนทนา ธรรมตามกาลไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ 2. ครูให้นักเรียนบอกประโยชน์และคณุ ค่าของแนวทางการนา มงคล 38 ในเร่ืองของ มีศิลปวทิ ยา การพบสมณะ ฟงั ธรรมตามกาล และสนทนาธรรมตามกาลไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ 1903

104 1904 การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครอื่ งมือทใี่ ช้ เกณฑ์ ส่งิ ทต่ี ้องการวดั /ประเมนิ คาถาม แบบสงั เกตุ - ดี :; ยกตวั อยา่ งการนา พฤติกรรม มงคล 38 ในเรื่อง มี ดา้ นความรู้ แบบสังเกต ศลิ ปวิทยา พบสมณะ ฟัง 1.ยกตัวอย่างการนามงคล พฤติกรรม ธรรมตามกาล และ 38 ในเรอื่ ง มศี ิลปวิทยา พบ สนทนาธรรมตามกาล ได้ สมณะ ฟังธรรมตามกาล และ ถูกต้องครบถว้ น3 สนทนาธรรมตามกาล ได้ ตัวอยา่ งขน้ึ ไป อยา่ งมเี หตผุ ลไปใช้ใน - พอใช้ ;: ยกตัวอย่าง ชวี ิตประจาวนั ได้อยา่ ง การนามงคล 38 ใน เหมาะสม เรอ่ื ง มศี ลิ ปวิทยา พบ สมณะ ฟังธรรมตามกาล ด้านทักษะ/กระบวนการ สังเกตพฤตกิ รรม และสนทนาธรรมตาม 1.วเิ คราะหแ์ นวคิดสาคญั ของ กตามลกไาดลถ้ ไูกดตถ้ อ้ กู งตคอ้ รงบคถรบว้ นถว้ น มลคล 38 ในเร่ือง มี 1-2ตัวอย่าง ศลิ ปวิทยา พบสมณะ ฟัง - ปรับปรงุ ;: ไมส่ ามารถ ธรรมตามกาล และสนทนา ยกตัวอยา่ งการนามงคล ธรรมตามกาล ได้อยา่ งมี 38 ในเร่อื ง มศี ิลปวทิ ยา เหตผุ ล พบสมณะ ฟงั ธรรมตาม กาล และสนทนาธรรม ตามกาล ได้อยา่ ง สมเหตุสมผล - ดี ;: วิเคราะห์แนวคดิ ส�ำาคญั ของมงลคคลล๓3๘8ใในน เรือ่ ง มศี ิลปวทิ ยา พบ สมณะ ฟังธรรมตามกาล และสนทนาธรรมตาม กาล ได้อย่างมเี หตผุ ล และเปน็ ระบบ - พอใช้ ;: วเิ คราะห์ แนวคิดสาคญั ของมงลคคลล 38 ในเร่ือง มศี ิลปวทิ ยา พบสมณะ ฟงั ธรรมตาม กาล และสนทนาธรรม ตามกาล ได้อยา่ งมี เหตุผลและเป็นระบบได้

1905 105 สิง่ ที่ต้องการวดั /ประเมิน วิธกี าร เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ แบบสงั เกต อย่างน้อย 2 ขอ้ ด้านคณุ ลักษณะ สังเกตพฤตกิ รรม พฤติกรรม - ปรับปรงุ ; ไมส่ ามารถ 1.เหน็ คณุ ค่าของหลกั ธรรม เสนอแนวทางการนา เร่อื ง มงคล 38 แนวคิดสาคญั ของมงลคคลล 38 ในเรอ่ื ง มศี ลิ ปวิทยา พบสมณะ ฟงั ธรรมตาม กาล และสนทนาธรรม ตามกาล ไปประยุกต์ใช้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้อย่าง สมเหตุสมผล - ดี ; อธิบายประโยชน์ ของงกกาารใรชให้ชล้หกั ลธรกั รธมรมรงมคล3๓8๘ ต่อการนาไปใชไ้ ด้อย่างมี เหตุผลอยา่ งน้อย 4 ข้อ - พอใช้ ; อธบิ าย ประโยชนข์ องหลักธรรม ในหมวดของสมุทยั ต่อ การนาไปใช้ไดอ้ ย่างมี เหตุผลอยา่ งน้อย 1 ข้อ - ปรับปรงุ ; ไม่สามารถ อธิบายประโยชนข์ อง หลกั ธรรมในหมวดของ มงคล38ประการต่อการ กนารไนป�ำใไชป้ ไใชด้อไดยอ้่างยชา่ ัดงชเจดั นเจน

106 1906 8.บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงช่ือ ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ............. 9.ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ที่ได้รบั มอบหมาย ...................................................................................................... ..................................................................... ลงช่ือ ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วันที่..........เดอื น..........พ.ศ............

๑๐๗ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง หลกั ธรรมนาชีวติ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 17 เรอ่ื ง นิโรธ (อัตถะ 3) เวลา 1 ชั่วโมง ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวชิ าสังคมศกึ ษา ฯ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ ตัวชี้วัด กิจกรรมการเรยี นรู้ - คลิปวดิ ีโอขา่ ว “โจรขโมยขบั รถหนี ส 1.1 ม. 3/6 อธิบายธรรมคุณ ขั้นนา 1. ครใู หน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายในประเดน็ เกี่ยวกับองค์ประกอบ เกดิ งว่ งหลับกลางทาง” และข้อธรรมสาคัญในกรอบอริยสัจ 4 หรือ ของอริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทยั นิโรธ มรรค) พร้อมท้งั ทบทวนหลักธรรม - โปรแกรมนาเสนอ powerpoint ห ลั ก ธ ร ร ม ข อ ง ศ า ส น า ที่ ต น นั บ ถื อ ต า ม ท่ี ท้ังหมดที่ไดส้ อนในคาบทีผ่ ่านมา โดยครูเป็นผ้แู สดงบัตรคาซ่ึงมชี ื่อ กาหนด หลกั ธรรมอยแู่ ละใหน้ กั เรียนร่วมกนั ตอบวา่ หลกั ธรรมดังกล่าวนั้นได้ presentation เร่ือง นิโรธ อธบิ ายถงึ เร่ืองใด และควรจัดอยู่ในข้อใดของอริยสจั 4 - บัตรคา สส๑.1๑.1ม..๓3/๗/7เหเน็หค็นณุ คคุณา่ คแ่ลาะและ ภาระงาน/ชิน้ งาน - การวิเคราะห์และตอบคาถามจาก วิเคราะห์การปฏิบัติตนตามหลักธรรมในการ ข้นั สอน พฒั นาตนเพ่ือเตรยี มพร้อมสาหรับการทางาน การดูคลิปวดิ โี อข่าว และการมคี รอบครวั สาระสาคญั การรู้และเขา้ ใจในเร่ือง หลกั ธรรม จะชว่ ยทา ให้นักเรยี นสามารถนาความรู้ไปปรบั ใชใ้ น ชวี ติ ประจาวันได้ เพ่ือดาเนนิ ชีวติ ได้อยา่ งมี ความสุขและประสบความสาเรจ็ 2. ครูเปดิ คลปิ ขา่ ว“โจรขโมยรถขับหนเี กิดงว่ งหลบั กลางทาง” (เข้าถึงไดจ้ าก https://goo.gl/22TTWWmmCCQQ))จจาากกนนน้ั ั้นถถาามมนนกั ักเรเยีรียนนว่าว่า จากเหตุการณใ์ นคลปิ นัน้ สามารถวิเคราะหส์ าเหตุและวธิ ีการแก้ไขตาม หลักของอริยสัจ 4 ได้อย่างไร 1907

๑๐๘ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 17 เรอ่ื ง นโิ รธ (อัตถะ 3) เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่ือง หลกั ธรรมนาชวี ิต ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ขอบเขตเนือ้ หา 3. ครูให้นกั เรียนร่วมกันอภิปรายในประเด็นว่า “จากคลิปน้ัน - ความหมายของนิโรธ บุคคลดงั กล่าวนั้นเกิดทุกข์ ตามอรยิ สัจ 4 อยา่ งไร” (ถกู ตารวจจบั กุม - ความหมายและองค์ประกอบของ ตัว) อัตถะ 3 4. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันอภิปรายในประเด็นดังตอ่ ไปน้ี จุดประสงค์การเรยี นรู้ ตามลาดบั ดา้ นความรู้ 4.1 สมทุ ัยหรอื สาเหตุของการเกดิ ทกุ ขน์ ้ันคืออะไร 1. บอกความหมายของนโิ รธถูกต้อง (อยากได้รถ อยากไดเ้ งนิ ทอง ขโมยรถยนต)์ 2. อธิบายความหมายของหลักธรรมอัตถะ 3 ได้ 4.2 มหี ลกั ใดที่ได้เรียนไปตรงกบั สาเหตุของการเกิดทุกข์ ถไดกู ถ้ ตกู ้อตง้อง ในข้อนบ้ี า้ ง (ปปัญจธรรม3 ในขอ้ ตณั หา) ดา้ นทักษะและกระบวนการ 5. ครูให้นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายถงึ ว่าวธิ ีการหรอื หนทางใน 3. วิเคราะห์ผลของการปฏบิ ัติตน การแก้ไขสาเหตุของการเกิดทกุ ข์ดังกล่าวนัน้ ควรจะใช้หลักธรรมใด ตามหลักธรรมอตั ถะ 3 ได้บ้างตามท่ีได้เรียนมา (มรรค8, สปั ปุริสธรรม, อุบาสกธรรม 7) 4๔. ววิเคิเครราาะะหหห์ ห์ ลลกั กัอ4ริยตสาจั ม4 ตาม 6. ครูให้นักเรียนรว่ มกันอภิปรายถึงผลทีจ่ ะได้รับจากการ สถานการณท์ กี่ าหนดใหไ้ ด้ ปฏิบัติตามหลกั ธรรมอตั ถะ3เพื่อแก้ไขสาเหตุของการเกดิ ทุกขน์ ั้น ด้านคุณลักษณะ เปน็ อย่างไรบา้ ง (ทาให้บุคคลดังกล่าวมีอาชีพสจุ ริต มีเงนิ ทอง 5. อภิปรายคณุ ค่าของนิโรธได้ ใช้ มีความสุข) จากนนั้ ครเู ชื่อมโยงคาตอบของนักเรียนเขา้ สู่ อยา่ งมเี หตุผล หลกั ทิฏฐธมั มกิ ตั ถะประโยชนห์ รอื ประโยชนข์ นั้ ตน้ 7. ครอู ธิบายเพิม่ เตมิ เก่ยี วกับหลักธรรมในหมวดของนิโรธ ได้แก่ อัตถะ3 วา่ ประกอบไปด้วยทฏิ ฐธัมมิกัตถะ สัมปรายกิ ัตถะ และปรมัตถะ จากนนั้ ครูให้นกั เรียนรว่ มกนั วเิ คราะห์ว่าอัตถะท้ัง 3 ประการมีความแตกต่างกันอย่างไร 1908

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 17 เร่อื ง นโิ รธ (อัตถะ 3) ๑๐๙ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่ือง หลักธรรมนาชีวติ เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวชิ าสังคมศึกษา ฯ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ขน้ั สรุป - 8. ครใู ห้นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายแนวทางการดบั ทุกข์ใน ชวี ิตประจาวนั โดยใช้หลักอรยิ สัจและกลา่ วถงึ คุณค่าทม่ี ตี ่อสังคมไทย (มรรค8, สัปปรุ สิ ธรรม, อุบาสกธรรม ใชใ้ นการทาส่ิงหน่ึงสงิ่ ใดให้ ผา่ นไปไดด้ ว้ ยดี) 1909

110 1100 การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่ืองมือท่ีใช้ เกณฑ์ สิ่งท่ตี ้องการวัด/ประเมนิ คาถาม แบบสงั เกต 1.บอกความหมายของนโิ รธ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ถูกต้อง ด้านความรู้ สังเกตพฤตกิ รรม พฤติกรรม 2.อธิบายความหมายของ 1.บอกความหมายของนิโรธ แบบสงั เกต หลกั ธรรมอตั ถะ 3 ไดถ้ ูกต้อง ถูกต้อง พฤติกรรม ในระดบั ดีขน้ึ ไป 2.อธบิ ายความหมายของ 1.วิเคราะหผ์ ลของการปฏิบตั ิ หลกั ธรรมอัตถะ 3 ไดถ้ ูกต้อง ตนตามหลกั ธรรมอัตถะ 3 ด้านทักษะ/กระบวนการ 2.นาอริยสจั 4 ไปใช้ใน 1.วิเคราะห์ผลของการปฏิบัติ ชีวติ ประจาวันได้อยา่ ง ตนตามหลักธรรมอัตถะ 3 เหมาะสม 2.นาอริยสัจ 4 ไปใช้ใน 1.อภิปรายคณุ คา่ ของนโิ รธได้ ชวี ติ ประจาวันได้อย่าง อย่างมเี หตผุ ล เหมาะสม 2.เห็นถึงคณุ ค่าของอรยิ สัจ 4 ด้านคุณลกั ษณะ 1.อภิปรายคุณคา่ ของนิโรธได้ อย่างมีเหตุผล 2.เหน็ ถงึ คุณค่าของอรยิ สัจ 4 8.บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วันที.่ .........เดอื น..........พ.ศ............. 9.ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดือน..........พ.ศ.............

๑๑๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 18 เรอ่ื ง พระอภธิ รรมปิฎก ๑๑๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรือ่ ง หลกั ธรรมนาชีวิต เวลา 1 ชว่ั โมง ตสแตแพกวเกหจกิเลา่าลลาัวัฒลคราหงระชุ่มะัิญรรกนๆะแสพแตวเกตกหกนขีว้สรจากสิเาธลา่าลลาัวาัฒดแู้้ดัลอาคจะรแาตหงระารรชุม่ะัญิรลระหรกลธนๆะกมนคนขีว้สรรสสะาะชระสาธ์กาดีคแู้ัญ้ดัเอาจมะแกสเต่วรสพารร๑า1ขรลระหลธายมมขนคารรหสะื่อะอ.้ชาร.ะ1ร์ก๑ทคีมญัเ1สมปกอสเในว่รเบสพเา1ขรตจา.าารายมขฏงว่าร1คื่ออ้า.ร1ใรใียรคทม1ศสปยอิบใหนเมรบถเมียมนตจัา.ญารกาฏงัวาั.ต1เ้เคนมรใใ.ียรครรา.กศิบส๓หนรใิถตมาียมพนู้ร่ือัญ3ดินัว3าัต้เเสนค/นนมเ.รงร.กรคร๗/สิใกต/ังาวพู้พ่ือต้3อาิดนีย36วสค7คนนารงรคารมเท/นาก/ังวมหพอมต้อา6มะวม7อสครี่ารเตสนา็รมบทศาไ้ทูหหมดอมาธมะุขตมอสนค่ีกึเอตสหี่็ีบงลศินบไหหสดรา2ณุธษุาขตรนนึกรักอหป็ีงชู่ลิคานบมิสรยับาคัษารธนบรักีวฏิยุปูช่ณคาสมา่ิยกรบัาัเคติธฯบถกวีฏิธยุรัณจรสากรแวไคคติฯืใ่อืถกรอธมัรดจราลานวไค่งืใา4รรอทมรตใด้มะานส่า4นรมทตให้มาาสแ่วนหมกางลคาแ่วมนหลกงารคามกันุณลารทนาือะุรณธทนือะร่ีร่ี รมพ2hKไปข1ก2พใ2ปไ1ขกK2พhใดนgVนtดนจิัน้รร.g.รVิจtัน้ร.g.tร้เwอLะเ้tนิwาอกะpครคนนิwLกะครคนpดCชไดEไียิพรCsไยีรรพิรEารรตEsาตตีตีวvN:ีตรนรใูใูvนใู:ใูNพ/Nพร//cหหติรหหนรมนม/cHรรป//HHาาปwป้นน้น้้นกนั้wกัู้มwู้มh5นนฎติต55แฎิฎิกัาักwาไกัากัHาไtwมอwกมอดHผtรดนกเHเรนกเเIนwาpรรใwนาเม้dรรนwIไเ้ัน้มIหรไก้นัรdียียกsรกดรdยียีา.rก.ดกมาียาyว.:นนyนr้Rมยีาายว้รน/นyrาRยาย้รนา่oาoรRรร/กัยวาน่าาoรรรoรจวาว6เuร่วuว่กo0จเบ2วดเจรว่u่วากร0ชิู้บม2iมttดลJtา0ิชร0นิู้กมัดมยีuutลา.JPกกรา0ินกวluกนากPไJก0กbbสyาันRนับวปกมPไ0bาสRานัeัน/บัeง0kอปอามยราหR2รkeคัง.0.3อกอาภภcตcยรหงัเ3Lkลปค.มPรกหoภภชocิปติปรงั3CลกัPปีแมียศWหmัรoสมชmิปปิรรรBWฐักลPนแีกึือศราาพmัรสมSรร7า/ว้Wฐ/ษลไรู้ขยยกึSอืรูทwาา2พนeมwู้ทา/อวถ้ว2านษไ้ขูยยnSวG่ไaทูwนา่มงี่ึงaจnกัวอวีปถ2Sา1นtฯพวt่ไaาcS“อ้เตา่กงVึงเcจnัก8วรีปรกพhtฯVพพยาอhjียาะcS“เ้อrกนเ?ร่อืj่ารนร3ร?rกนพพhVvพยามั้นเ3งอะvยีะeกรน=ท?ุทร่ือjเีพ่ารพ=เัญerนพอ่ืปาvปมfรั้นธ3งอjะรfุทgrcรเ=งทุทา็นเดิgเjีพะพเัชญoeเcจธปบปofรดหภธไพญิeรbาุ้ทเrgเตไาน็bเจดินMิjามะจชroHดรcจพธบรM้าพHหภไรวไะิญ้อebV4า้เปรนปตไิงยอVจด4ามยจaryะHดิฎพัน้”ยรนMภ้าพyห่าj8aรวไ้อVก6ปงไัรนjตตงธิ8(Lมงิย6ดด4ชยใyะไมoิฎรรรั้น”nน)ู่oL้เรหม่าjaไปไ์oรีหสก6tnวไoปซตตงพ8ม(มq&ิดฎดล่าใtไมo&อรรปทูq2น)ู่จ็Lหfก้เรกัะ๋ิวปbไ์oีfหสpด2ฎิnววใลฐปbซเc&หิดฎทปลีับ่าCtกกัpาcอรlq้นจ็หfศกiนกัเขCธlCะdิ๋วbพiด2ักขรdในัลฐจ6Cเ=cหอ่ืรทเอบั=ธากัpาl6รIlมwอ้นง์กศiนขIธียCldwทตญัwBักขAรนันจC=น่ีAรเRอBธา6ชรIมRwง์กญยีิlทตwAนสคภอนี่ ---RBยมัอ่ืา-ู่ใร/ภนแะีรสภpบโพงสอภคห์ตปืบ---าrาัตรยมัือ่ลาา่-eรนพคระเชง่ใูรง่/ภแsวค้น/ยๆอแเeะัน้กรีชลรสานสภpบโภพnงหมร์ตียทปานิ้ืบาตาrธิาตัtมรธัลน่าี่eอรaรงรนรพครนะยชง่งารยtแs1ร์ไค้น/ยๆอiามเซสู้eน้นัมใู่oกชรเานนสภศาอชnปnสมรียท้ินคพา๋วิตกึธิัว่tนมิฎธัน่ีอรเัญaงรรษโรอรนกยะมารยtะร์ไอื่ขาiามซสู้นงอมใู่opแปงอเนศาอภoผปnสงทีพคพวิ๋กึธิคนwนิฎี่รเญัรมัรษ3ผeอรกะระภงั่ือขrาไมคpอpตแรีปงอปวoต์ภรoผงีทฎิาพปi่าิธคนwnมก่ีงริฎรtมั3ผคๆeะรกภงัดิrไมทคpตขรี ปีวoต์อริฎางปi่าnมกงฎิ tคๆกิดทขี อง ขอบ--ขเขอบต--คคเเขนววตอ้ืาาคคเมมหนววหสาือ้าาามมมหคหสาาญั ยามคขาขญั ยออขงขงอพอพงงรรพพะะรรไไะตะตไไรรตตปปรรฎิปิฎปกฎิ ิฎกกก - -โครโงคสรรงา้ สงรข้าองขงพองรพะรไตะไรตปรฎิปกิฎก ชชมม จากนน้ั พพูดดู เเชชื่อื่อมมโยโยงเงขเข้าส้าู่บสู่ทบเทรเยี รนยี เนร่ือเรงอื่ พงรพะไรตะรไปติฎรกปฎิ ก 1101 111

แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 18 เร่ือง พระอภิธรรมปิฎก ๑๑๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง หลักธรรมนาชวี ิต เวลา 1 ชวั่ โมง กลุม่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวิชาสงั คมศึกษา ฯ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ขั้นสอน ด้านความรู้ 1. ครูอธิบายความหมายและการแบง่ หมวดตา่ งๆของพระไตรปิฎก ซ่ึงประกอบ 1.อธบิ ายความหมายและโครงสรา้ ง พระสตุ ตนั ตปฎิ ก พระธรรมวินยั ปิฎก และพระอภธิ รรมปิฎกโดยโปรแกรม สาระสาคัญของพระไตรปฎิ กไดถ้ กู ต้อง นาเสนอ powerpoint presentation ประกอบ ดา้ นทักษะและกระบวนการ 2. ครูยกตัวอย่างหลกั ธรรมอริยสัจ 4 พระเวชสันดรชาดก และศีล 311 ข้อ 2๑.วิเคราะหค์ วามสาคญั ของพระไตรปฎิ กท่ีมี พร้อมใหน้ ักเรยี นวเิ คราะหว์ า่ แต่ละตัวอยา่ งนน้ั ควรจัดอยใู่ นหมวดใดของ ต่อพระพุทธศาสนา พระไตรปิฎกบ้าง ด้านคณุ ลกั ษณะ 3๑.อธบิ ายถึงคณุ คา่ และความสาคัญของ 2.1 ศลี 311 : พระธรรมวนิ ัยปฎิ ก พระไตรปิฎก 2.2 พระเวชสนั ดรชาดก : พระสตุ ตันตปิฎก 2.3 อริยสัจ 4 : พระอภิธรรมปิฎก 3. ครแู จกบตั รคาท่ีระบุช่ือคัมภีร์ดงั ตอ่ ไปนี้ ธมั สังคณี วิภังค์ ธาตกุ าถา ปุคคล 1102 บญั ญติ กลาวัตถุ ยกมก และปฏั ฐาน 4. ครูแบ่งนักเรยี นออกเป็นกลมุ่ โดยนักเรยี นท่ไี ดบ้ ตั รคาเดียวกันอยกู่ ลุ่ม เดยี วกัน จากนน้ั ร่วมกนั สบื คน้ ข้อมลู จากนน้ั แตล่ ะกลุ่มสรปุ สาระสาคญั และ ออกมานาเสนอหน้าชน้ั 5. ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกันวเิ คราะหค์ วามสาคัญของพระไตรปฎิ กท่ีมีต่อ พระพุทธศาสนา (พจิ ารณาจากคาตอบของผเู้ รยี น) ขน้ั สรุป 1. ครูถามนกั เรยี นว่าคมั ภรี ต์ า่ งๆ ท่ีกลมุ่ ของนักเรยี นไดร้ บั อยใู่ นหมวดหมู่ใดของ พระไตรปิฎก (พระอภิธรรมปฎิ ก) 2. ครูและนกั เรยี นร่วมกันพระไตรปฎิ กและสรปุ บทเรียนเร่ือง พระอภิธรรมปิฎก โดยใชแ้ ผนผังความคิด เพ่ือแสดงคมั ภีร์ตา่ งๆ ที่อยูใ่ นพระอภธิ รรมปฎิ ก และ สาระสาคัญของคัมภรี เ์ หล่านัน้

113 1103 การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เครื่องมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ ส่ิงที่ต้องการวดั /ประเมิน คาถาม แบบสังเกต 1.อธิบายโครงสร้างและ สงั เกตพฤตกิ รรม ดา้ นความรู้ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต สาระสาคญั ของ 1.อธิบายโครงสรา้ งและ พฤติกรรม พระไตรปิฎกไดถ้ กู ต้อง สาระสาคญั ของพระไตรปิฎก แบบสงั เกต 1.วิเคราะห์ความสาคัญ ไดถ้ ูกต้อง พฤติกรรม ของพระไตรปิฎกที่มตี ่อ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ 1.วิเคราะหค์ วามสาคัญของ พระพุทธศาสนา พระไตรปิฎกที่มตี อ่ 1.ตระหนักถงึ คุณค่าและ พระพทุ ธศาสนา ความสาคญั ของ ดา้ นคณุ ลักษณะ พระไตรปฎิ ก 1.ตระหนกั ถงึ คณุ ค่าและ ความสาคัญของพระไตรปิฎก 8.บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชอ่ื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ........................................................................................................ ................................................................... ลงชอื่ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ.............

๑๑๔ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 19 เรอ่ื ง พทุ ธปณธิ าน 4 เวลา 1 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง หลกั ธรรมนาชวี ิต กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ตัวชี้วดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ส 1.1 ม. 3/6 อธบิ าย ขั้นนา สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ - โปรแกรมนาเสนอ powerpoint ธรรมคณุ และข้อธรรมสาคัญในกรอบ 1. ครเู ล่าเหตุการณส์ มัยครั้งท่ีพระพุทธเจ้าเพงิ่ ตรัสรู้วา่ อรยิ สจั 4 หรือหลักธรรมของศาสนาทต่ี น “หลงั จากท่ีพระองคท์ รงรบั อารธนาของพระสหมั บดีพรหม presentation เรอ่ื ง พุทธปณิธาน ท่ีกราบทลู ให้ทรงแสดงธรรมแก่ชาวโลกแลว้ พญามาร 4 ในมหาปรนิ ิพพานสูตร นบั ถือตามทีก่ าหนด ไดม้ ากราบทูลขอให้พระพุทธเจา้ ปรินิพพาน” จากนน้ั เปิด - วิดีทศั นเ์ รือ่ งพทุ ธเจ้า สส๑1.๑.1มม..3๓//7๗ เห็นคณุ คา่ และะ วดิ ที ัศน์ให้นกั เรยี นชมเรื่องการ์ตนู พุทธเจา้ ภาระงาน/ช้ินงาน อภิปรายประเดน็ ต่างๆ ในเร่ืองพุทธ วเิ คราะห์การปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมใน ปณธิ าน 4 การพัฒนาตนเพ่ือเตรียมพร้อมสาหรับการ กทารงทาน�ำ งแานละแกลาะรกมาีครรมอคี บรคอรบัวครัว สาระสาคัญ การรู้และเข้าใจในเร่ืองพระไตรปิฏกใน สว่ นต่างๆ จะช่วยทาให้เกดิ ความดีงาม ความเจรญิ และสามารถนาความสุขสูช่ วี ิต ได้ ขอบเขตเนื้อหา 2. ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายว่า “เหตุการณด์ ังกล่าว - ความหมายของพุทธปณธิ าน 4 เกี่ยวข้องกบั เร่ืองใด” (พทุ ธปณธิ าน 4 ในมหา - องคป์ ระกอบของพทุ ธปณิธาน 4 ปรนิ พิ พานสูตร) - คุณสมบตั ิของพทุ ธบรษิ ัท 4 1104

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 19 เรื่อง พุทธปณิธาน 4 ๑๑๕ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง หลักธรรมนาชวี ิต เวลา 1 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 จุดประสงค์การเรยี นรู้ ข้ันสอน ด้านความรู้ 3. ครูเล่าเพิ่มเติมว่า “พระพุทธเจ้าได้รับอาราธนาของพญามารเช่นกัน 1. บอกความหมายและองคป์ ระกอบของ แต่ขอให้รอก่อนจนกว่าพระพุทธเจา้ จะไดเ้ ผยแผ่ไปยังพุทธบริษทั 4” พทุ ธปณธิ าน 4 ได้ถูกต้อง ๔4. ครถูถาามมนนกั ักเรเรยี ียนนวา่ว่า“พ“ทุพธุทบธรบษิ รทั ิษัท๔ ป4รคะกืออบะไปรแดลว้ ยะอปะรไะรกบอา้ งบ”ไปด้วยใคร 2. อธิบายคณุ สมบตั ขิ องพุทธบริษทั 4 ได้ บ(ภา้ กิ งษ”ุ (ภภกิ ิกษษณุ ุ ภี อิกบุ ษาุณสกี อแุบลาะสอกบุ าแสลกิ ะาอ)บุ าสิกา) ถกู ต้อง 5. ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษาพุทธปณธิ าน 4 จากหนังสือเรียนหรอื สืบค้นจาก ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ อินเทอร์เนต จากน้ันสุ่มถามนักเรียนว่า “พุทธปณิธาน 4 ประกอบไป 3. ยกตวั อยา่ งการนาหลักธรรมพุทธ ด้วยอะไรบา้ ง” ปณธิ าน 4 ไปใช้ในชวี ิตประจาวันไดอ้ ยา่ ง 6. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายยกตัวอย่างคุณสมบัติที่พุทธบริษัท 4 เหมาะสม ควรปฏบิ ัติ ด้านคุณลกั ษณะ - ศกึ ษาพระไตรปฎิ กให้เข้าใจ ตามขนั้ ตอนแห่งพหสู ตู 4. วเิ คราะห์คณุ ค่าของพุทธปณิธาน 4 ใน - ปฏิบตั ติ ามหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา มหาปรนิ พิ พานสตู รได้อย่างมเี หตผุ ล - ช้ีแจง หรือ สามารถนาไปถา่ ยทอดให้คนอื่นเขา้ ใจดว้ ย - ปกปอ้ ง ไม่ให้ถูกจาบจว้ งป้ายสี และรว่ มใจกันแกไ้ ขความเขา้ ใจ ผดิ 7. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปความรู้ เรื่อง พทุ ธปณิธาน 4๔โโดดยยใใชช้ ้ โปรแกรมนาเสนอ powerpoint presentation ขั้นสรปุ 8. ครใู หน้ กั เรียนร่วมกันอภิปรายว่า “ในฐานะที่นักเรยี นเป็นพทุ ธ บรษิ ทั 4 นกั เรียนสามารถปฏบิ ัตติ นตามหลกั พทุ ธปณธิ าน 4 ได้ อย่างไรบ้าง และใหน้ ักเรียนบอกคุณคา่ ของพุทธปณธิ าน 4 ในมหา ปรินิพพานสูตร” (พจิ ารณาจากแนวคาตอบของนกั เรียน) 1105

116 1106 การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครื่องมือทใี่ ช้ เกณฑ์ ส่ิงทตี่ ้องการวดั /ประเมิน คาถาม แบบสังเกต 1.บอกความหมายและ สังเกตพฤตกิ รรม องค์ประกอบของพทุ ธ ดา้ นความรู้ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ปณธิ าน 4 ไดถ้ ูกต้อง 1.บอกความหมายและ พฤติกรรม 2.อธบิ ายคุณสมบัติของ องคป์ ระกอบของพุทธปณธิ าน แบบสงั เกต พุทธบริษทั 4 ได้ถกู ต้อง 4 ได้ถูกต้อง พฤติกรรม 2.อธิบายคุณสมบัติของพทุ ธ 1ย.ยกกตตวั วัออยยา่ งา่ กงการานร�ำนา บรษิ ัท 4 ไดถ้ ูกต้อง หหลลกั ักธธรรรมมพพทุ ทุธปธปณณธิ าิธนาน๔ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ 4ไไปปใชใชใ้ น้ในชชวิ ติีวปิตประรจะ�ำจวานั วนั 1.ยกตัวอยา่ งการนาหลักธรรม พทุ ธปณธิ าน 4 ไปใชใ้ น ไดอ้ ย่างเหมาะะสสมม ชีวิตประจาวันได้อย่าง 1.วิเคราะห์คุณค่าของ เหมาะสม พุทธปณธิ าน 4 ในมหา ดา้ นคณุ ลักษณะ ปรนิ ิพพานสตู รได้อย่างมี 1.วเิ คราะห์คณุ ค่าของพุทธ ปณธิ าน 4 ในมหาปรนิ ิพพาน เหตผุ ล3ข้อข้นึ ไป สตู รได้อยา่ งมีเหตผุ ล 8.บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ.............

๑๑๗ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 20 เรอ่ื ง พุทธศาสนสุภาษิต หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรอื่ ง หลกั ธรรมนาชวี ติ เวลา 1 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ตวั ชว้ี ดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ส 1.1 ม. 3/6 อธิบายธรรมคุณ ขน้ั นา สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ - บัตรคา และข้อธรรมสาคัญในกรอบอริยสัจ 4 หรอื 1. ครูส่มุ ถามนักเรยี นถงึ พุทธศาสนสุภาษติ ทนี่ ักเรยี นรู้จกั ว่ามี - วดิ ทิ ศั นเ์ กี่ยวกบั ข่าวท่ี หลักธรรมของศาสนาท่ตี นนับถอื ตามท่ี อะไรบ้าง และมีความหมายอย่างไร สอดคล้องกับพทุ ธศาสน กาหนด สุภาษติ 2. ครูเปดิ วิดิทศั น์ข่าวซึง่ สอดคล้องกบั พุทธศาสนสภุ าษติ ในประเด็น สส๑1.๑.1ม.ม3. ๓/7/๗เหเหน็ น็คคณุ ุณคคา่ า่ แแลละะ ว่า “จากขา่ วหากไมม่ สี ติจะเกิดผลกระทบอย่างไร” ภาระงาน/ชนิ้ งาน ใบงาน เร่ือง พุทธศาสนสุภาษติ วิเคราะห์การปฏฏิบบิ ตั ัตติ ติ นนตตาามมหหลลักักธธรรรรมมใในนการ 3. ครพู ูดเช่ือมโยงเข้าสบู่ ทเรียนเรื่อง พทุ ธศาสนสภุ าษิต ทงั้ 4 ท่ี กาลังจะศกึ ษา กพาฒั รพนาฒั ตนนาตเพนื่อเเพตอ่ืรเียตมรพียรม้อพมรสอ้ ามหสรำ�ับหกรบัาร ข้นั สอน 4. ครูและนกั เรียนร่วมกนั จดั กิจกรรมแต่งนทิ านสอนใจ โดยมีข้นั ตอน กทารงทาน�ำ งแานละแกลาะรกมาีครรมอีคบรคอรบวั ครัว ดังต่อไปน้ี สาระสาคัญ 4.1 แบ่งนกั เรยี นออกเป็น 4 กลมุ่ เท่าๆ กัน พุทธศาสนสุภาษิตเป็นเคร่ืองเตือนใจให้ 4.2 ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาจับฉลากเลือกสุภาษิตที่กลุ่มของ ปฏบิ ัติอยู่ในคุณงามความดี และไมป่ ระมาท ตน จะได้รับ ประกอบไปด้วย มีสตใิ นทกุ การกระทา อตตฺ า หเว ชติ เสยฺโย, ธมมฺ จารี สขุ ขอบเขตเนือ้ หา เสติ, ปมาโท มจฺจุโน ปท , สสุ สฺ สู ลภเต ปญญฺ - พุทธศาสนสภุ าษติ 4.3 แต่ละกลมุ่ ศึกษา สบื ค้น และหาความหมายของพทุ ธศาสน - อตตฺ า หเว ชติ เสยโฺ ย แปลวา่ ชนะตนนน่ั สภุ าษติ ทกี่ ลมุ่ ของตนไดร้ บั และดกี วา่ 4.4 ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างการปฏิบัติตนตามพุทธศาสน - ธมมฺ จารี สุข เสติ แปลว่า ผู้ประพฤตธิ รรม สภุ าษิต ยอ่ มอยเู่ ปน็ สขุ - ปมาโท มจฺจโุ น ปท แปลวา่ ความประมาท เปน็ หนทางสคู่ วามตาย 1107

๑๑๘ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 20 เรือ่ ง พุทธศาสนสภุ าษติ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง หลกั ธรรมนาชวี ติ เวลา 1 ช่ัวโมง กลุม่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 - สสุ ฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ แปลว่า ผู้ฟัง โดย กาหนดใหน้ กั เรยี นแต่งนิทานที่สอดแทรกขอ้ คดิ ตามพุทธ ด-้วสยสุ ดสฺ ียสู อ่ มลไภด้ปเตญั ญปาญฺญ แปลวา่ ผฟู้ ัง ศาสนสุภาษิตท่ีกลมุ่ ของตนเองได้รับ และออกมานาเสนอหน้าชัน้ เรียนใน จดดุ ว้ ปยดระยี สอ่ งมคได์ก้ปารญั เรญียานรู้ คาบถัดไป ด๔ส๒ส๑๓ตดด1ดจศ2ตส3ด4ดภุุภาา้า้้า....ภุดุนาา้า้า้ ....มนนนาายออนสนนนปตาอยนอพษษทคคกนภธษ�ำ คทคากธภราิบุทติิตขวณุตักสมปิิบิตะขวุณตักิป้อททาาวัธษภุสพ้อรทาาวัษลรลมยอศคกี่ีก่ามยงาอคะุทีก่ากัะคักยยราิดคษำ�ำ�คแยรยิดาธแษสู้วษ่าถหหทก์ู้วิตา่หลถทศลงาณนึงนนงาณา่ไีทงึะนาี่ไแะมคดแมสรคดดดกสะ่ีกดกนะหุณ้จนเุภหณุ้จไใรนารใรวมาหดวามาะหคหยีสะคทกทาษ้ถก้ไบา่า้ไบนนภุ า่ปพายูกปาพยิตขวขรดวางขใงทุตขใอุทนกชษู้อนไกอช้อธองดธา้กงติ าก้งพศงงรพ้ศถารพาพาปุทกูารปุทรทุสุทสฏธตฏธนธนศธ้อิบศิบศางัตาัตาสสิตสิ นนนน ข้นั สรปุ สสุภภุ าาษษิติตไไดด้ออ้ ยยา่ ่างงเเหหมมาาะะสสมม 5. ครูถามนักเรียนว่า - พุทธศาสนสภุ าษติ ทง้ั 4 ท่ีศกึ ษาในวันน้ี คอื อตตฺ า หเว ชติ เสยฺโย แปลว่า ชนะตนนั่นและดีกว่า ธมมฺ จารี สขุ เสติ แปลวา่ ผปู้ ระพฤตธิ รรม ยอ่ มอย่เู ปน็ สขุ ปมาโท มจฺจโุ น ปท แปลวา่ ความประมาทเป็น หนทางสู่ ความตาย และ สสุ สฺ ูส ลภเต ปญฺญ แปลว่า ผูฟ้ ังด้วยดยี ่อมได้ปญั ญา นักเรียนสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างไรบ้าง (นักเรยี น สะท้อนแนวคดิ ) (ทกั ษะการใชค้ วามรู)้ - พทุ ธศาสนสภุ าษิตมปี ระโยชนอ์ ย่างไร (พุทธศาสนสภุ าษิตเป็น เครอ่ื งเตอื นใจให้ปฏิบตั ิอยใู่ นคณุ งามความดี และไมป่ ระมาท มีสตใิ นทุก การกระทา)(Gen) 1108

1109 119 การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ สิง่ ทตี่ ้องการวดั /ประเมนิ คาถาม -แบบสังเกตพฤติกรรม 1.อธิบายความหมาย การอธิบาย - ใบงานเร่ืองพทุ ธศาสนสภุ าษิต ของพุทธศาสนสุภาษิตท่ี ด้านความรู้ -วดิ ิทัศน์เกี่ยวกบั ขา่ วท่ี กาหนดได้ถกู ต้อง 1.อธบิ ายความหมายของพุทธ สงั เกต สอดคล้องกับพทุ ธศาสนสุภาษติ 2.ยกตัวอย่างแนวทาง ศาสนสภุ าษติ ทกี่ าหนดได้ พฤติกรรม การปฏิบตั ิตนตามพุทธ ถกู ต้อง สังเกต ศาสนสภุ าษิตได้อยา่ ง 2.ยกตัวอย่างแนวทางการ พฤติกรรม เหมาะสม ปฏิบตั ติ นตามพุทธศาสน -แบบสงั เกตพฤติกรรม 1.นาข้อคดิ ท่ีไดจ้ ากพุทธ สุภาษติ ได้อย่างเหมาะสม - ใบงานเรือ่ งพทุ ธศาสนสุภาษิต ศาสนสภุ าษิตท่ี ดา้ นทักษะ/กระบวนการ กาหนดให้ไปใชไ้ ด้อย่าง 1.นาข้อคิดท่ีได้จากพุทธ เหมาะสม ศาสนสภุ าษิตทก่ี าหนดให้ไป -แบบสงั เกตพฤติกรรม 1.ตระหนกั ถงึ คุณค่าของ ใช้ได้อยา่ งเหมาะสม - ใบงานเร่ืองพทุ ธศาสนสุภาษิต พุทธศาสนสุภาษิตได้ ดา้ นคุณลกั ษณะ อย่างเหมาะสม 1.ตระหนักถงึ คณุ ค่าของพุทธ ศาสนสุภาษิตได้อยา่ ง เหมาะสม ช้นิ งาน/ภาระงาน 1. ใบงาน เรอื่ ง พทุ ธศาสนสุภาษติ เกณฑก์ ารประเมินผล ใบงาน เร่อื ง พุทธศาสนสุภาษิต รายการ ดีมาก(3) ระดบั คุณภาพ พอใช้(1) นา้ หนัก ด(ี 2) คะแนน 1. ความรู้ ความถูกตอ้ ง เขียนคาอา่ นและคาแปล เขียนคาอา่ นและคาแปล เขียนคาอ่านและคาแปล 5 ของเน้ือหา ของพทุ ธศาสนสภุ าษติ ได้ ของพุทธศาสนสุภาษติ ได้ ของพุทธศาสนสุภาษิตได้ ทกุ ต้องครบ 4 ขอ้ และ ทุกต้องครบ 3 ข้อ และ ทกุ ต้องเพียง1 ขอ้ และ แตง่ เรื่องราวกับคา แต่งเรอื่ งราวกบั คา แต่งเร่อื งราวกับคาไม่ ถกู ต้องครบ 3 ขอ้ ถกู ต้องครบ 2 ขอ้ ถกู ต้อง

1210 120 8.บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชื่อ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ........................................................................................................ ............ ลงช่อื ......................................ผตู้ รวจ

1211 121 ใบบงงาานนเรเอ่ืรงือ่ นงทิ นาิทนพานทุ ธพศุทาธสนสสุภภุ าาษษิตติ ชื่อกลมุ่ _______________________________________________________________ ช่อื สมาชิก________________________________________ ช่อื สมาชกิ ________________________________________ ชอื่ สมาชิก________________________________________ คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม แบง่ หน้าท่ีกันทาใบงาน โดยให้นักเรียนใชส้ ุภาษิตท่ีไดร้ ับเลือกมาแต่ง เปน็ เรื่องเลา่ หรือนิทานท่ีสามารถใช้สอนสภุ าษติ ดังกล่าวได้ พรอ้ มท้งั วาดภาพประกอบ เขียนคาอา่ น ความหมาย และการนาพุทธศาสนสุภาษติ ดงั กลา่ วไปใช้ (ภายในเวลา15 นาท)ี แลว้ ออกมานาเสนอ พุทธสศภุาสานษสติ ภุ...า..ษ...ติ .................................................................................................................................................. คาอ่าน......................................................................................................................... ...................................... ความหมาย............................................................................................................................. ........................... เนื้อเรื่อง ช่อื เร่ือง................................................................................................................................................. _________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________

1212 122 ขอ้ คิด และการนาไปใชใ้ นชีวติ ิประจาวนั ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ภาพประกอบ

๑๒๓ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 21 เร่ือง พทุ ธศาสนสุภาษิต (พุทธปณิธาน ๔ ในมหาปรินพิ พานสูตร) ๑๒๓ กกเวแตกหคเกวแตกหตติเิลาาาเัวลารวัลาลาครครรหหอะชะชัักรีกรยียรพทรขนบขนวี้้วี มพธามพธา�ำฒั้อ้อดคัดดดัะระพรงัพัธฒธรฒนาหรหรรรรกสหวัรกสหนามม์้อ์ก้รอกรสนลสนลนนต11มขมขมามาแ่มุ่มุ่วนว่าา11.สรอ.สรสอสลส1ส1ยยตตปาปาา.งเะา.งากาก11พคคหศนหฏศกนฏรราาัญอ่ืมัญมมาะรามิะราิบรบรเรักบ.ัสกบ..สเใ.เใตััตตรมรนนาา3ก33นก3นริิตยีตยีคีรกรกาีย/า//า/านนนเนเรร7ร6ร76มรทรทอรรอทตอทตยียีพี่่ีทู้ตู้ทบตเบอเบอาาานานหรหี่นค่ีนมงธอมงธออ้ร2ร2็็นนาาิรบิบรนหรนหูู้้มนนวัสคสิยคิยาาััลบสลบเงัเุสังยุณสยณัรแำ�ักรแกถคแถคัจธัจธอื่ห่ือลลธคธืคืผอมอมรรงงระระ4ร่4่าานรศตรศตับรกรกหมหมกึกกึเาเาแแหมหมาาพคพลคลษมาษมลรลรรใรใุรักณืุ่ักณื่ทานมทานอมืออะือะจธธีี่ี่ี ฯฯดัรรรรกขกกขมมาจิน้ัิจั้นนรนกกนนเาาh12ก(รร(ก21hราาชคชคยีรรลtล..t..ีววtวีวมtมน่า่าคคคคppติาติาวกวกรรรรรsมมsเเู้ทาาเูทูเูทู:ชช:ป/ตปตรร/่ีบบือ่อ่ื//เ2ดิ้ังเิดั้งwรมรทwมทใใวว1ยียีจwโจโววดีwีดยยนนแนแนwิททิwงงรเรนบนบวศั.รวศั.ู้.ู้y่แyท่แา่yทอ่ื่านนoคoคนoนเงเเ์์เuรรรวรวuu่วว่ ยีียพtื่อาื่อาttuนนมคมงuคงuุทbดทดตทตววbbรธรeาาง้ัไี่า้ังไ่ีาาาศeeดบดใบ.ใมมยยcา.จ.จ้เ้เcวcวหวหวoสรรขขชิoชิoิชยีิชียวmนวออยัยัmmนานงัาังงสงปป/สสเใเใุภ//wพขพขนลนลังังwwาาาaูกลคคกูลคคษaatตตังามงัาแมแcttติขบขบ้นน้สศcสศchอทอไทhไดhกึดึก(?มมงพงี่ผ่ผีงv?ษง?ษ้ต้ตvใใvา่=่าุทาาหหน=นน=นGธ้นน้ฯเGฯมเGม1ปออักกัาา11HณงงเเเเรHรรHMรฯิธฯยียี่ือือ่MMLาลลนนงงนOฯพLฯพLเเหห)O)Okุทุท๔็น็นYธkธkอWอศYศYใะนะาWาWPไไสสมร4รPPนนหบบ44สแสาา้า้ ภุลุภปงงแแะาารลลษษินะะิตติิพพาสภสภภน่ือาอ่ื--าา----สร/รร/ตูแะแะะกกกกคครงหงงหโpสมโpสมาาาาล)าลาาปปลลภุหrุภรรหrรรนนนิปิปเชeเชeรร่งวด่งวดวาาวาา/ว//แsวแsัน้เัน้เเิิเษูคปษูคปลชลรชชeรคeคิดิดกกมมลลติรียาติรยีา้ินnนิ้้นิรnรีโีโรรธัินิปธันิปิอแนอแานาtมtงมงงยยaะพิaลขวะพิลขว1าร1าารนนtมtมหิดหิดะ่าู้นะ่าู้นนพพiาiาoวศoวีโชศ์ีโแช์แาเเาพอพอnสnสกึลึกวั่ลว่ันน““ขขุทุทนนษะโษะโสดสดเเ่า่ามมธธอตรอตราตูาาตูาววปงปอ่ืงือ่อปอบปบรรppงณงณบบทีวีทวooคชิพคชิพธิธิ่ี่ีww33ายัายัาาุทุทนeถนeถ””ธธrาrาศศpp๔๔มมาาooจจสสใใiiาาnนnนนนกกtt คสราอรบะสคารคัวัญ ภา--ระนนสงภุทิทิานาาาษนน/ชสิตสิน้อองดดาแแนททรรกกคคุณุณธธรรรรมมศพศทาุาสสธนน มใทขกสขใทกมนนาาีคอาาีคอาชชรรรใใวบวบหหรีวระวี----าาเเ้แูแู้ิตสน้ติมน้ขมขลลปปาักสกัตสตะะครพพเุขรสพพเขุเเรรเนเนะญัะแตูแททุุขุุททขียยี จจือ้้ือลลร้า้าธธนธธนาาหหใะใะศปปศสวสวจจปปาาาาณณนัาันาใใสรสรนมนมไไธิิธะะนนดดเาเาาาสรสรส้รส้รนน่ือเ่ือเบบถุภถุภพพงงคนค๔น๔าาื่อ่ือวหษวาหษาดดใาใคาคลิตลติานานมมววักักเเมมสนสานาธธหมหามาินินรรเเารารรรชรชรปูไ้ปไู้มม็จวี็จวีปปรรติติ ปจปจินนิ ไไะระรดิพดิพับชบัช้ออ้พพ่ว่วใใยยาชาชยย่าา่นน้้ งง ศสาุภสานษสติภุ าษติ 3. ครกู ลา่ วว่า “ดาบวิชัยและเราทุกคน ลว้ นมคี วามคาดหวัง ความ ตสศ3ศตสเวงั้งักึงัง้ัึก.ลคใคใษษคจาจมมาราไททมเูกเไไจ่ีรี่จร่เมลมื่อ่ืะอกะ่า่ม่มงกงกนิ วาา่อ่อพวพกก1ใใ่าุทกทุหกห0็นธ“็นธ้เ้เ-กกปปด้อ1้อิดดิณายณย5ปปบธิิธพพรรวนาาะะรชิรนานโะโะัยทยยพพ๔แ๔ีชช”ทุลุทนนใใะธธนน์ส์สเเเรมจขุมจขุ า้าอหา้อหทกกยยาากุเ็็เป่าปา่ชชคงงรร่น่นใในนิินดดเเดดพิิพออลยีียพยพยว้ ววา่า่นาากกงงนนมหันหนั สสีคนนตููตดวดึ่งึ่งรารังังมนนแแโโคกดัน้กด้ันา่ตยต่วยวดนัแนนัแนหตตนเนเออว่ล่ลเี้้เี งรังงระะหหาากกคจจรรลลวะือะือมุ่าุ่มมใใชช้้ เวลาไม่เกิน 10-15 นาที ” 123 1213 สูตร

๑๒๔ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 21 เร่อื ง พุทธศาสนสภุ าษติ (พุทธปณิธาน ๔ ในมหาปรินพิ พานสตู ร) หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง หลกั ธรรมนาชวี ิต เวลา 1 ชั่วโมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 - ประกอบไปด้วย อตฺตา หเว ชติ ข้นั สอน เสยโฺ ย แปลว่า ชนะตนนัน่ และ 4. จากคาบที่แล้วนักเรยี นแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอนิทานของกลุ่ม ดกี ว่า ธมมฺ จารี สขุ เสติ แปลว่า ของตนหนา้ ชั้นเรยี น ผูป้ ระพฤติธรรมยอ่ มอย่เู ป็นสุข 5. นักเรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกันอภปิ รายข้อคิดที่ได้และ สรปุ ความรู้ ปมาโท มจจฺ โุ น ปท แปลว่า ร่วมกัน โดยบันทกึ สาระสาคญั ลงในสมดุ ความประมาทเปน็ หนทางสู่ความ 6. ครูกล่าวถงึ พุทธปณธิ าน4เพ่อื รว่ มกนั อภปิ รายก่อนทพี่ ระพทุ ธเจ้าจะ ตาย และ สุสฺสูส ลภเต ปญญฺ เสด็จดบั ขันธปรนิ พิ พาน พระองค์ได้ตรสั ถึง “พุทธปณธิ าน” คอื จุดประสงค์การเรยี นรู้ ความต้งั พระทยั ของพระพทุ ธเจา้ ภายหลังจากทท่ี รงตรสั รู้แลว้ ไว้ 4 ด้านความรู้ ประการ คือ 1.อธิบายความหมายของพุทธศาสน 1) ตราบใดท่ีพุทธบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้ สภุ าษิตและ พุทธปณธิ าน ๔ ในมหา เป็นสาวกของพระองคย์ ังไม่เฉียบแหลม ยังไม่ได้รับการ แนะนา ยัง ปรินพิ พานสูตรท่ีกาหนดไดถ้ ูกตอ้ ง ไม่แกล้วกล้า ยังไม่เป็นพหูสูต ยังไม่ทรงธรรม พระองค์จะยังไม่ 2.ยกตวั อยา่ งแนวทางการปฏิบัติตนตาม ปรินิพพาน พทุ ธศาสนสุภาษิตและพุทธปณิธาน ๔ ใน 2) ตราบใดที่พุทธบริษัท 4 ยังไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ มหาปรนิ พิ พานสูตร ปฏิบัติชอบ ไมป่ ระพฤตติ ามธรรม พระองค์จะยังไมป่ รินพิ พาน ด้านทักษะและกระบวนการ 3) ตราบใดท่ีพุทธบริษัท 4 เรียนธรรมกับอาจารย์ของตนแล้วยัง ๑3.นาข้อคดิ ที่ได้จากพุทธศาสนสุภาษติ และ ไม่สามารถบอก แสดงบัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จาแนก แจกแจง พุทธปณธิ าน ๔ ในมหาปรนิ ิพพานสตู รท่ี อธบิ ายธรรมให้ง่ายขึ้นได้ พระองคจ์ ะยงั ไม่ปรนิ ิพพาน กาหนดให้ไปใชไ้ ด้เป็นอย่างดี 4) ตราบใดที่พุทธบริษัท 4 ยังไม่สามารถแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ (คือให้ผู้ฟังเกิดความอัศจรรย์ใจ) ข่มข่ีปรัปวาท (ปะรับปะวาด : การว่าร้าย จ้วงจาบพระธรรมวินัย หรือพระพุทธศาสนา) ท่ีเกิดข้ึน 1214

๑๒๕ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 21 เรือ่ ง พุทธศาสนสภุ าษิต (พุทธปณธิ าน ๔ ในมหาปรินพิ พานสตู ร) หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 เร่ือง หลักธรรมนาชวี ิต เวลา 1 ชั่วโมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ด้านคุณลกั ษณะ ให้เรียบร้อยโดยถูกต้องตามธรรมยังไม่ได้ พระองค์จะยังไม่ ๑4.อภิปรายถงึ คณุ คา่ ของพุทธศาสนสภุ าษติ ปรนิ พิ พาน และพุทธปณธิ าน ๔ ในมหาปรินิพพานสูตร 7. พุทธปณิธาน 4 ประการนี้ เป็นความคาดหวังของพระพุทธเจา้ ที่ ได้อย่างเหมาะสม ทรงมีต่อพุทธบริษัท 4 หรือต่อพุทธศาสนิกชน ว่าตลอดระยะเวลา ท่ีพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น ทรงคาดหวังท่ีจะให้ พุทธศาสนิกชนมีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคาสอนอย่าง ถูกตอ้ ง แล้วนาสิ่งท่รี ูน้ ้ันมาประพฤตปิ ฏิบตั ิ อีกทงั้ ยังสามารถเผยแผ่ หรือชี้แจงแสดงธรรมที่ตนได้รู้ได้เห็นนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ เม่ือ คราวที่พระพุทธศาสนามีภัยคุกคาม ก็สามารถช่วยกันแก้ปัญหา และปกป้องคุ้มครองได้ นักเรียนในฐานะท่ีเป็นชาวพุทธจึงควร ปฏิบัติตนให้สมกับท่ีพระพุทธองค์ทรงคาดหวังไว้ กล่าวคือ หม่ัน ศึกษาหลักธรรมคาสอนให้เข้าใจแล้วน้อมนาไปปฏิบัติแล้วช่วยกัน เผยแผ่หลักแห่งความถูกต้องดีงาม เมอื่ ยามที่พระพุทธศาสนาถกู ย่ายีก็ช่วยกันปกป้องคุ้มครอง จึงจะถือว่าเป็นชาวพุทธที่ดีสมกับที่ พระพทุ ธองคท์ รงต้งั มโนปณธิ านเอาไว้ ขนั้ สรปุ 8. ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายในประเดน็ วา่ “หลักธรรมคาสอนทาง ศาสนา มปี ระโยชนอ์ ย่างไร” (สามารถนาหลกั ธรรมเหล่าน้ันมาใช้ พัฒนาตนเองได)้ 9. ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายในประเด็นว่า “หลกั ธรรมคาสอนทาง 1215

๑๒๖ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษติ (พุทธปณธิ าน ๔ ในมหาปรินิพพานสูตร) หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 เรื่อง หลักธรรมนาชีวติ เวลา 1 ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ศาสนา มีความเหมือน และความแตกต่างกับพทุ ธศาสนสุภาษติ อยา่ งไร” (ทง้ั สองอย่างลว้ นสอนคนใหป้ ระพฤติ ปฏิบัติดี แต่ความ ยากงา่ ยในการศึกษา และทาความเข้าใจแตกตา่ งกนั ) 10. ครูให้นักเรียนร่วมกนั อภิปรายในประเดน็ ว่า “การศึกษาพทุ ธศาสน สภุ าษิต มปี ระโยชน์อย่างไร” (พุทธศาสนสุภาษิตเปน็ ถ้อยคาสอน เกี่ยวกบั การคิดดี ปฏบิ ตั ิดี สะดวกต่อการทาความเขา้ ใจ สามารถ นามาประยุกต์ใช้เป็นหลักในการดาเนนิ ชวี ติ อย่างเหมาะสม) 126 116

127 1217 การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือที่ใช้ เกณฑ์ สงิ่ ที่ต้องการวัด/ประเมนิ คาถาม แบบสังเกต - ดี :; อธิบายความหมาย แบบสงั เกต และยกตัวอย่างแนวท างการ ดา้ นความรู้ พฤติกรรม กปาฏริบปัตฏิตบนตั ติ นาตมาพมุทพธทุ ศธาศสานสสนุภสภุาษาษิตติ 1.อธิบายความหมายของพทุ ธ แบบสังเกต และ พุทธปณิ ธาน ๔ ในมหา ศาสนสุภาษิตที่กาหนดได้ พฤติกรรม ป รินิ พ พ าน สู ต รที่ ก าห น ด ได้ ถกู ต้อง ถูกตอ้ งได้อย่าง เหมาะสม 2.ยกตัวอย่างแนวทางการ - พอใช้ :; อธบิ ายความหมาย ปฏบิ ตั ติ นตามพุทธศาสน และยกตัวอย่างแนวท างการ สภุ าษติ ไดอ้ ย่างเหมาะสม กปาฏริบปัตฏิตบนตั ติ นาตมาพมุทพธทุ ศธาศสานสสนุภสภุาษาษิตติ และ พุทธปณิ ธาน ๔ ในมหา ด้านทักษะ/กระบวนการ สังเกตพฤตกิ รรม ปรินิพพานสูตรท่ีกาหนดไดบ้ า้ ง 1.นาข้อคิดที่ได้จาก - ปรับปรุง :; ไม่สามารถอธิบาย พุทธศาสนสุภาษิตและ พุทธ ความหมายและยกตัวอย่างแนว ปณธิ าน ๔ ในมหาปรนิ ิพพาน ทางการปฏิบัติตนตามพุทธศาสน สูตรท่กี าหนดให้ไปใช้ได้อย่าง สุภาษิตและ พุทธปณิธาน ๔ ใน เหมาะสม มหาปรินิพพานสูตรท่ีกาหนดได้ อย่างสมเหตุสมผล ดา้ นคณุ ลกั ษณะ สงั เกตพฤติกรรม - ดี ;: สามารถนาข้อคิดท่ีได้จาก 1.อภปิ รายถงึ คุณคา่ ของศาสน พุทธศาสนสุภาษิต และ พุทธ สุภาษติ และ พทุ ธปณธิ าน ๔ ปณิธาน ๔ ในมหาปรินพิ พานสูตร ท่ี ก า ห น ด ให้ ไป ใช้ ได้ อ ย่ า ง เหมาะสมถกู ต้อง - พอใช้ ;: สามารถนาข้อคิดที่ได้ จากพุทธศาสนสุภาษิตและ พุทธ ปณิธาน ๔ ในมหาปรินพิ พานสูตร ทก่ี าหนดใหไ้ ปใช้ได้บา้ ง - ปรบั ปรงุ :; ไม่สามารถสามารถ น�ำนขาอ้ ขคอ้ ดิ คทดิ ไ่ี ทด่ีไจ้ ดาจ้กาพกทุ พธุทศธาศสนาสน สุภาษิตและ พทุ ธปณิธาน ๔ ใน มหาปรินิพพานสตู รท่ีกาหนดให้ ไปใช้ได้อยา่ งเหมาะสมถูกต้องได้ อยา่ งสมเหตสุ มผล - ดี :; อภิปรายถงึ คุณคา่ ของศาสน สภุ าษติ และ พทุ ธปณธิ าน ๔ ใน มหาปรินิพพานสูตรได้อย่าง

128 1218 ส่งิ ที่ต้องการวัด/ประเมิน วธิ ีการ เครื่องมอื ที่ใช้ เกณฑ์ ในมหาปรนิ ิพพานสตู รได้อยา่ ง เหมาะสมไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล เหมาะสม - พอใช้ ;: อภิปรายถึงคุณคา่ ของศาสนสภุ าษติ และ พุทธ ปณิธาน ๔ ในมหาปรนิ ิพพานสูตร ได้อย่างเหมาะสมได้ - ปรบั ปรุง :; ไม่สามารถอภิปราย ถึงคณุ ค่าของศาสนสุภาษิตและ พทุ ธปณิธาน ๔ ในมหา ปรินิพพานสูตรได้อย่างเหมาะสม ได้อย่างสมเหตสุ มผล 8.บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................... ...................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ท่ี..........เดือน..........พ.ศ............. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ที่..........เดือน..........พ.ศ.............

๑๒๙1219 ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ หน้าทช่ี าวพทุ ธ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 รหัสวิชา ส23101 รายวิชา สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม กลุ่มสาระ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2562 เวลา 11 ชว่ั โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั สาระพระพุทธศาสนา มาตรฐานการเรียนรู้ ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาที่ ตนนบั ถือและศาสนาอ่ืน มีศรัทธาทถี่ กู ต้อง ยึดมนั่ และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรม เพ่ืออยู่ รว่ มกันอย่างสนั ตสิ ุข ตัวช้วี ดั ม.3/3 อภิปรายความสาคัญของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาที่ตนนับถือกบั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาอย่างยังยืน ม.๓3//๘8 เหน็ คณุ คา่ ของการพฒั นนาาจจติ ิตเเพพอ่ื ือ่ กกาารรเรเรยี ียนนรแ้รู แู้ลละดะดาเานเนิ ชนิ วีชติ ีวิตดว้ ดย้ววยธิ วคี ิธดิ ีคิด แบบโยนโิ สมนสกิ ารคือ วธิ คี ิดแบบอริยสจั และวิธีคิดแบบสืบสาวเหตปุ จั จยั หรอื การพัฒนาจติ ตามแนวทางของศาสนาท่ีตนนบั ถือ ม.3/9 สวดมนต์ แผ่เมตตา บรหิ ารจิตและเจรญิ ปัญญาด้วยอานาปานสติ หรือตมแนวทางของ ศาสนาทีต่ นนับถือ ม.3/10วเิ คราะหค์ วามแตกต่างและยอมรบั วถิ กี ารดาเนินชีวิตของศาสนิกชนในศาสนาอืน่ ๆ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 1.2 เข้าใจ ตระหนักและปฏบิ ัตติ นเป็นศาสนกิ ชนท่ดี ีและธารงรกั ษาพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนบั ถือ ตัวช้วี ดั ม.3/1 วเิ คราะห์หนา้ ท่ีและบทบาทของสาวกและปฏิบัตติ นต่อสาวกตามที่กาหนดไดถ้ ูกตอ้ ง ม.3/2 ปฏิบตั ติ นอยา่ งเหมาะสมต่อบุคคลตา่ งๆ ตามหลักศาสนา ตามทก่ี าหนด ม.3/3 ปฏบิ ตั หิ น้าทข่ี องศาสนิกชนท่ีดี ม.3/4 ปฏบิ ตั ติ นในศาสนพิธกี รรมได้ถูกต้อง ม.3/5 อธบิ ายประวัติวันสาคัญทางพระพุทธศาสนาตามทกี่ าหนดและปฏิบตั ิตนได้ถูกต้อง ม.3/6 แสดงตนเปน็ พุทธมามกะ หรือแสดงตนเปน็ ศาสนกิ ชนของศาสนาท่ีตนนับถือ ม.3/7 นาเสนอแนวทางในการธารงรักษาศาสนาทีต่ นนับถือ 2 .สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การท่ีศาสนิกชนศรทั ธาและน้อมนาคาสอนทางศาสนาท่ตี นนับถือไปปฏบิ ัติจะเกิดการพัฒนาทัง้ ทาง ความคิด จิตใจและการดาเนินชวี ิตท่สี ่งเสริมคณุ ภาพชีวิตของตนเองและสังคม

๑๓๐1230 3. สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1. สัมมนาพระพทุ ธศาสนากับปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาอยา่ งยง่ั ยืน 2. พัฒนาการเรยี นรู้ด้วยวิธคี ิดแบบโยนิโสมนสกิ าร 3. สวดมนตแ์ ปล และแผเ่ มตตา 4. รู้และเข้าใจวธิ ปี ฏบิ ัตแิ ละประโยชนข์ องการบริหารจิตและเจรญิ ปญั ญา 5. ฝึกการบรหิ ารจิตและเจริญปัญญาตามหลักสติปัฎฐานเน้นอานาปานสติ 6. นาวธิ กี ารบรหิ ารจติ และเจรญิ ปญั ญา ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน 7. หน้าทขี่ องพระภกิ ษใุ นการปฏิบตั ิ ตามหลักพระธรรมวนิ ัย และจริยวตั รอยา่ งเหมาะสม 8. การปฏบิ ัตติ นตอ่ พระภกิ ษุในงาน ศาสนพิธีทบ่ี ้าน การสนทนา การแตง่ กาย มรรยาทการพูด กบั พระภกิ ษตุ ามฐานะ 9. การเปน็ ศษิ ยท์ ดี่ ี ตามหลกั ทศิ เบอ้ื งขวา ในทิศ ๖ ของพระพุทธศาสนา 10. การปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ชาวพุทธตามพุทธปณิธาน ๔ ในมหาปรนิ ิพพานสูตร 11. พธิ ที าบุญ งานมงคล งานอวมงคล 12. การนมิ นตพ์ ระภิกษุ การเตรียมทตี่ ัง้ พระพุทธรปู และเครอ่ื งบชู า การวงดา้ ยสายสญิ จน์ การปู กลารดปอลูาาสดนอะาสกนาะรเกตารรยี เตมรเคยี รม่ือเคงรอ่ืับงรรอบั งรอกงารกจาดุ รธจูปดุ เธทปู ยี เทนยี น 13. ข้อปฏิบัตใิ นวันเลีย้ งพระ การถวายข้าวพระพทุ ธ การถวายไทยธรรม การกรวดนา้ 14. ประวัติวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย ๑1๕5. หลกั ปฏฏบิ ิบตั ตั ติ ติ นนก:ารกฟางัรพฟรงั ะพธรระรธมรเรทมศเนทาศกนารแกตาง่ รกแาตย่งใกนากยาใรนปกราะรกปอรบะกศอาสบนศพาธิ สที นว่ี พดั ิธีทว่ี ัด การ กงดารเวง้นดเอวบน้ าอยบมาุขยมขุ 16. การประพฤติปฏบิ ัตใิ นวนั ธรรมสวนะและเทศกาลสาคัญ 17. การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ 18. การศึกษาเรยี นร้เู ร่ืององคป์ ระกอบของพระพุทธศาสนา นาไปปฏบิ ัตแิ ละเผยแผ่ตามโอกาส 19. การศึกษาการรวมตวั ขององค์กรชาวพทุ ธ 20. การปลูกจิตสานกึ ในดา้ นการบารุงรกั ษาวดั และพุทธสถานให้เกดิ ประโยชน์ ๒21๑.ววถิ ิถีกกี าารรดดา�ำเนเนินินชชีวีวติ ติ ขขอองงศศาาสสนนิกิกชชนนศศาาสสนนาาออ่ืนน่ื ๆๆ ทกั ษะ/กระบวนการ 1. ทักษะการสืบคน้ 2. ทกั ษะการทางานกลมุ่ 3. ทกั ษะการสอ่ื สาร 4. ทกั ษะการนาเสนอ เจตคติ 1. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของการปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดี 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร

๑๓๑131 ๑๓๑131 ๑๓๑131 ๑๓๑1231 2. ความสามารถในการคิด ๑๓๑131 มสามารถในก2าร.คคดิ วามสามา3รถ. ใคนวกาามรสคาิดมารถในการแกป้ ัญหา มญสหาามารถในก3าร.แคกว5ป้ า.ัญมคสหณุาามลาักรษถใณนะกอาันรแพกงึ ้ปปัญระหสางค์ นยยนในพนรกงึู้5ปา.รรคทะณุาสงงลาคนัก231์ ษ... ใมมณฝงวีุ่ ะ่เมนิรอัน่ียยั ันในพนรกึงู้ ปา3412รร....ทะมใมมาสฝงวจีง่ีุง่เามินติครนั่นียัสย์ ในานธรกาู้ ราณรทะางาน สาธารณะ 4. มีจ6ติ .สกาาธราปรณระะเมนิ ผลรวบยอด ผรลอื รภวา6บร.ะยกงอาาดนรปชน้ืระงเามนินหผรลอื รภวาชบรนื้ะยงงอาาดนนหร-ือภชิน้ารงะางนาน“แผนผงั ความคิดการปฏบิ ัติตนเปน็ ชาวพทุ ธทีด่ ี” นว-ชาชมานิ้วคพงดิ าุทกนาธรท“ปด่ีแฏผี”บินัตผิตงัเกคนณวเ-ปาฑมชน็ ก์ค้นิชาดิงารากวปนพารรุท“ะปธแเฏทมผิบนิี่ดนัตี”ผผิตลงั นคชเวิ้นปางน็มาชคนาิดหวกพราอื ุทรภปธาทฏร่ดีิบะี”ตังาิตนนเป็นชาวพทุ ธทีด่ ี” มระเ)ินมะดผงินบั ลาเปคกนชรุณณน้ิ ะภงเฑดาาก์ 42็นนพากหร(า3รดพปรือมีรอป(ภะาคใดปราเชกว)ีมะรร)้าเะนิะมมรเงผดถินะาล็นดกู นชตับกิน้้อาครงงุณปแา4ภน1ลระะาห(23เพรดปมอืมี(นิรพภดับา)ีากอปร)ใสระชรุงรงะ้))ุปาด๘4นปับร(คะดุณเีมดภาน็ กา2พ)13((พปดอี)รใับสชรปร้)ะปุรดุงปับ)ร๗ค3ะณุ เ(ดดภ็น)ีาเ21นพรอ้ื (ะหพปดารอับบัใคชปุณส้)รรภุงุป)าป๖2พระ(พเดอ็นใ1เชน้)(ือ้ ปหราบั ปรสุงร)ุป1๕ป(รปะรเดับน็ ปเรนุง้อื )หา อหา ควสาสสรมรปุรถุปุปูกปปรตระรอ้ะเะงดเเดแดน็ กน็ลน็เรนะเะนือ้ ชื้อหับหาขาอสงสเรสนรุปรุป้ือปุ หปรปาระระเะดเดเน็ด็นเ็นนเเนเนอื้นือ้ ื้อห้ือหหาหาาาไสดสร้ถรุปสกูุปปรตปรปุ ้อระปงะเดรเดะน็ น็เดนไเน็ดอ้ื เอ้ืถหนูกหา้อื ตาห้อาสงเรสกปุ รนิ ปุ กรปวะร่าเะดเ็นดเ็นนไเดอ้ืน้ถหือ้ ูกาหตา้องสเรกปุนิ ปกรวะ่าเดน็ เนไดื้อ้ถหูกาต้องน้อยกวา่ ตา้อง กรไะเดไนชด้ถื้อับถู้กหขูกตาอต้อไงอ้ดเเงน้ถกเ้ือกูินตหนิก้อากวง่าวา่ ไเนไดดไ้ถอืด้ถูกหถ้ ูกตาูกตไ้อตดอ้ งอ้ ง้ถเงกนูกเิน้อกตกยิน้อทวกง้ั า่วห่ามดไดไแด้ถลไถู้กะดูกตถ้ ต้อูก้องตเงกอ้เกนิงินก5ก้อว0วย่า%า่กวแา่ ตไดไ่ ไม้ถดถู่กถ้ ูกตูกต้อต้องอ้ เงงกนนิ ้อก5ยว0ก่า%วา่ แตไ่ไดม้ถถ่ ูกูกตตอ้ ้องงน้อย5ก0ว่า% โดยเน้อื หา ตอ้ ง 5ท50้ัง0%ห%มแดแตแตไ่ มล่ไมถ่ะถู่กูกตต้ออ้งง 5ท50งั้50ห%0%ม%ดแโตดแ่ไลตยมะเไ่ ่ถนมูกอ้ื่ถเนตหูกอื้ ตาหงอ้ างม55คี 0ว0%5า%0มแ%แตต่ไโม่ไดมถ่ ยถู่กทเูกนต้ังตือ้หอ้หงมงาด แ5ล50ะ0%เน%แื้อตหโดไ่ามยถ่เนูกทื้อต้ังห้อหางมด แ5ล0ะ%เนื้อโดหยาเน้อื อหาาจจะกระชับ อมหา ทเทั้งนห้ังือหมหมดาดมแคี แลวละาเะมนเน้ือื้อหหาา ทเนอ้ังทาื้อหงั้จหมหจาดมะมดกแคี รลวแะาะลชมเะนับกเื้อนรหะื้อชาหับาทเทั้งขหงั้ า้อหมใาจมดจงดจ่าแะยแลกละระเะนมเชน้ือีคับื้อหวหามากทระ้งัอหชาบัจมจดะแกลระเชนไับม้ือ่มหีคาวามอการจะจชะับกระชับหรือไม่กระชบั กไ็ ด้ จง่าย ไกมมรม่ คี ะีควชวาบัามมกเกขรร้าะะใชจชบั งับา่ ย มกหคีรไรมะวอื ชม่าไมับีคมกว่กเราขระมา้ะชกใชจบัรบั งะกา่ ชยไ็ ับด้ มไีคมวห่มารีคมอืวกไารมมะ่กกชรรับะะเชขชบั้าับใกจไ็ งดา่ ้ยไมห่มรีคือวไามม่กกรระะชชบั บั ก็ได้ หรอื ไม่กระชบั กไ็ ด้ เขา้ ใจง่าย ความสวยงเขาม้าใขจองงา่ ย ชิน้ งานมกี ารตกแตง่ ชิ้นงานไมม่ ีการ เข้าใจง่าย ง ควชาิน้มงสาวนยมงีกามารขชตอ้ินกงแาตนง่ ชชิน้ ้ินงงาานนไมม่ีกาีกราตรกแตง่ ช-ิน้ ชง้นิ างนามนีกไามร่มตีกกาแรต่ง ช-ิ้นชง้ินางนามนีกไมา่มรตีกใกาหรแ้สตวง่ ยงาชมิ้นนงา่ นสนไมใม่จีกากตรากรแตตกง่ แใหตง่ส้ ใวหยส้ งวายมงาม ชนิ้ ใงหาส้ นวยงาม--น่าสนใจ ตใกหแส้ ตวง่ยใง-ห-าส้ มวยนง่าาสมนใจ ใหตส้ กวแยตงา-่งมใหน้สา่วสยนงาใจม ใหต้สกวแยตงง่าใมห้สนวา่ ยสงนาใมจ ตกแต่งใหส้ วยไงมา่นม่าสนใจ ความรบั ผดิ ไชมอน่ บ่าใสนนใจ สร-ะ่งรไสชยมะง่ะิ้นน่ชยเงวะ้นิ่าาลสเงน-วานาตลทนใาาจี่กเมทกา่ีกนิหากนหวดนา่ ดสร-ะง่ไรสชยมะง่ ะน้ิน่ชยเงะนิ้า่ วาสเงลวนนาาลตนใทาจาเ่ีกทกมา่ีกนิรสหะา่งกนหชยวะ้ินดนา่ เงดวาลนไรสาตมะทง่ า่นชย่ีกมะ้นิา่ าสเงหวนานลนใาดจเทกี่กนิ ากสรหะว่งนา่ชยะนิ้ดเงวาลนาเทก่ีกนิ ากหวน่าด น คกาวรสราะง่ทมชยราะน้ิ บังเงาวผานลิดนาช-ตท-อากี่กบมาาใรหนทนาดงานสรรสะ่งะง่ชยชยะ้นิ ะิน้ เงวเงาวลา-น-ลานเาทกตที่กินา่ีกมากาหวหนา่ นดด เกณฑ์การตัดสิน เกณฑ์การตัดสนิ คะแนน ๘14 – 16 หมายถึง ดมี าก 6คดะีมแานกน 14ห–ม1าย6ถคึงะแดนีมนาก 14หค–มะา1แยน6ถนงึ 1๗ดมี1า–ก 13 หมายถงึ ดมี าหกมายถงึ ดี 3 คดะี แนน 11 –หม1า3ยถคึงะดแีนน 11ห–คมะ1าแย3นถนงึ 8ด๖ี – 10 หมายถึง ดี หมายถึง พอใช้ คพะอแใชน้น 8 –ห1ม0ายถคงึ ะพแนอนใช้ 8 –หค1มะ0าแยนถนงึ ตพา่ อกใวชา่้ 8๕ หมายถงึ พอใหชม้ ายถงึ ปรบั ปรงุ คปะรแับนปนรงุ ตา่ กวห่ามเ8ากยณถฑคึงะ์กแปานรผบัน่าปนรตงุา่ กหว่ามา8ยตถ้ังงึ แตปร่ ระบั ดปบั รุง หมายถงึ ปรบั พปอรใงุช้ (ขึ้นไป) เกตณั้งฑแต์กร่าะรผดพ่าับนอใช้ ตั้งแต่ระดพบั อใช้ พอใช้

๑๓๒ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 22 เรอื่ ง หนา้ ที่ของพระภิกษุในการปฏิบตั ติ ามหลักธรรมวนิ ัยและจริยวัตรอยา่ งเหมาะสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรื่อง หน้าท่ีชาวพุทธ เวลา 1 ช่วั โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวชิ าสังคมศึกษา ฯ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวช้วี ัด กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ ส 1.2 ม. 3/1 วเิ คราะห์หนา้ ทแ่ี ละบทบาท ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น - รปู ภาพพระภกิ ษุสงฆ์ 6 ภาพ ตาม กจิ ๖6 อยา่ ง (http://gg.gg/cw555oo)) ของสาวกและปฏบิ ตั ิตนต่อสาวกตามท่ีกาหนดได้ 1. ครตู ้ังประเดน็ คาถามใหน้ ักเรยี นอภิปรายรว่ มกนั ว่า ถูกต้อง “นักเรยี นเคยเหน็ พระสงฆ์ทากจิ อะไรบ้าง” (บิณฑบาต) ทาไม สาระสาคญั พระสงฆต์ อ้ งทากิจนน้ั ๆ ตอ่ มาสนทนาเพื่อเข้าสบู่ ทเรียนเร่ืองหนา้ ท่ี ผปู้ ฏบิ ัตติ ามคาสอนทางศาสนา ดาเนินชวี ิต ของพระภกิ ษุสงฆต์ ามพระธรรมวนิ ัย ในทางท่เี หมาะสม ถอื เปน็ แบบอยา่ งท่ีดีใหช้ นรนุ่ ข้นั กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน รห่นุ ลหงั ลงัไดไ้ปดฏ้ปบิฏตัิบติ ัตาิตมามแลแะลเะปเ็นปกน็ ากราสรบื สทบื อทดอหดลหักลคกั า 2. ครูนาภาพพระภิกษุ ท่ีปฏิบัติตามกิจ 6 อย่างตดิ บนกระดาน คสำ�อสนอขนอขงศองาศสานสานา ตามลาดบั ดงั นี้ - สมุด ขอบเขตเนือ้ หา ภาระงาน/ชิน้ งาน 1) พระนักเทศน์ - ตอบคาถามกิจ 7๖ อยา่ งของ พระภิกษสุ งฆโ์ ดยดูจากภาพ หน้าทีข่ องพระภิกษตุ ามหลกั พระธรรมวนิ ัย จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ 1. บอกหน้าท่ีของพระสงฆต์ ามหลักพระธรรมวินัยได้ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ๒2. นผู้เกั รเียรนยี นวิเวคเิ รคาระาหะห์คว์คาวมาสมาสค�ำ ัญคญั ขอขงอหงหนน้าทา้ ท่พี ่พีระรสะงสฆง์ฆ์ ตามหลักพระธรรมวนิ ัยได้ ทมี่ า : http://gg.gg/cw555oo 1232

๑๓๓ ๑๓๓ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 22 เร่ือง หน้าท่ีของพระภกิ ษใุ นการปฏบิ ัติตามหลักธรรมวินัยและจรยิ วตั รอย่างเหมาะสม หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เรือ่ แงผนหกนา้ารทจชี่ ัดากวาพรเุทรยีธนรทู้ ี่ 22 เรือ่ ง หน้าที่ของพระภิกษุในการปฏิบัตติ ามหลักธรรมวินัยแเลวะลจารยิ ว1ตั รชอ่ัวยโา่ มงงเหมาะสม กล่มุ สหานร่วะยกกาารรเเรรียยี นนรรู้ทส่ี ัง3คมเศรือ่ึกงษาหนฯ้าที่ชาวพุทธ รายวชิ าสังคมศกึ ษา ฯ ชเวั้นลมาัธย1มศชึกวั่ษโามปงที ่ี 3 ด้านคุณลกั ษกณละุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ฯ 2) พระธรรารยมวทชิ ูตาสังคมศกึ ษา ฯ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 3. เหด็นา้ คนณุ คคณุ ่าลขักอษงพณระะสงฆ์ทป่ี ฏิบัตหิ น้าที่ตามหลัก 2) พระธรรมทตู พระธ3รร. มเหวน็นิ คยั ุณไดค้ า่ ของพระสงฆ์ท่ปี ฏบิ ัตหิ นา้ ทตี่ ามหลัก พระธรรมวินัยได้ ทม่ี ทามี่ :3าh):t3พthp)รt:พtะ/p/ธร:gะร/g/รธ.gรมggรgจ.ม/gาcgจร/wากิcร5wิก55o550o ทม่ี ทา่มี :4าh):t4พthp)รt:พtะ/p/วร:gะิท/g/วย.gิทgาggยก./gารcgก/wรc5w55o550o 1132333

๑๓๔ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 22 เรื่อง หน้าที่ของพระภกิ ษใุ นการปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมวนิ ยั และจริยวตั รอยา่ งเหมาะสม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง หน้าทีช่ าวพุทธ เวลา 1 ชวั่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ท่ีมา : http://gg.gg/cw5550o 5) พระวปิ สั สนาจารย์ ท่มี า : http://gg.gg/cw5550o 6) พระนักพัฒนา ทีม่ า : http://gg.gg/cw5550o 3. ครใู ห้นักเรียนเขียนหมายเลข 1-6 ตามแนวตง้ั ลงในสมุด และหาข้อมูลพร้อมคาตอบกิจวัตรของพระภกิ ษตุ ามรปู ท้งั 6 รปู ตามลาดบั 4. ครใู หน้ กั เรยี นจับคูแ่ ล้วชว่ ยเตมิ เต็มข้อมลู ซึ่งกันและกนั 1234

๑๓๕ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 22 เรื่อง หนา้ ท่ีของพระภิกษใุ นการปฏิบัตติ ามหลักธรรมวินัยและจรยิ วัตรอย่างเหมาะสม หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เร่ือง หน้าทีช่ าวพุทธ เวลา 1 ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 5. ครใู ห้นักเรียนจบั กลุ่ม 4 คนแลว้ ชว่ ยเติมเต็มซ่ึงกนั และกนั ตอ่ มาสุม่ นักเรียนออกมานาเสนอ 2 กล่มุ 6. ครูและนกั เรยี นร่วมกันเฉลย พร้อมทั้ง อธบิ ายถึงกิจของ พระภกิ ษุสงฆ์ ท้ัง 6 ดังน้ี 1) พระนกั เทศน์ 2) พระธรรมทูต 3) พระธรรมจาริก 4) พระวทิ ยากร 5) พระวปิ ัสสนาจารย์ 6) พระนักพัฒนา ขขน้ั้นั สสรรุปปุ อองงคค์คค์ ววาามมรรูู้้ ๗7. ครถู ามนักเรยี นว่า “พระภิกษสุ งฆค์ท่ีดคี วรเป็นอย่างไร ( ผูป้ ฏบิ ตั ิตามคาสอนทางศาสนา ) และควรดาเนนิ ชีวิตอย่างไร” (ดาเนินชีวิตในทางท่ีเหมาะสม ถือเป็นแบบอย่างทีด่ ใี หช้ นร่นุ หลัง ไดป้ ฏบิ ตั ิตาม และเปน็ การสบื ทอดหลักคาสอนของศาสนา) 1235

136 1236 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ สง่ิ ทต่ี ้องการวดั /ประเมิน ตอบคาถาม คาถาม นกั นเรกั ียเรนยี ทนัง้ ทหง้ั มหดมรด้อย ตอบคาถาม คาถาม รอ้ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ดา้ นความรู้ ไไดด้ถ้ ูกต้องมเี หตผุ ล ๑1.บบออกกหหนนา้ า้ ททขี่ ข่ี อองงพพรระะสสงงฆฆต์ ต์ าามมหหลลักักพระ ตอบคาถาม นกั นเรกั ียเรนยี ทนัง้ ทหง้ั มหดมรด้อย พธรระมธวรนิรมยั วไดิน้ยั ได้ รอ้ลยะล8ะ0๘๐วเิ ควเิรคาระาหะ์ไหดไ์ ้ด้ ด้านทกั ษะและกระบวนการ ๑1. นผ้เูักรเียรนยี นวเิวคเิ คราระาหะหค์ ว์คาวมามสาสคาัญคญั ขอขงอง ถถกู ต้องมเี หตผุ ล หนา้ ทีพ่ ระสงฆต์ ามหลกั พระธรรมวนิ ยั ได้ คาถาม นกั นเรกั ียเรนยี ทน้ังทหง้ั มหดมรด้อย ด้านคณุ ลกั ษณะ รอ้ ลยะล8ะ0๘๐อธอบิ ธาบิ ยาไยดไ้ด้ 1. เหน็ คุณค่าของพระสงฆ์ท่ีปฏิบตั ิ ถกู ต้องมเี หตผุ ล หน้าที่ตามหลกั พระธรรมวนิ ยั ได้ 8. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................ ............... ลงช่อื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารหรือผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ....................................................................................................................................................................... .... ลงชอ่ื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................)

๑๓๗ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง หน้าที่ชาวพุทธ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 23 เรอ่ื ง การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ เวลา 1 ชั่วโมง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ตวั ช้วี ัด กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ ส 1.2 ม.3/4 ปฏบิ ัตติ นในศาสนพิธกี รรมได้ ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรียน - ดอกไม้ ธปู เทยี น ปัจจยั ถวายพระ - คากล่าวแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ ถกู ต้อง 1. ครทู บทวนความรูเ้ ดิมโดยต้งั ประเดน็ อภิปรายเกย่ี วกบั ส 1.2 ม 3/6 แสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ หรอื ความหมาย ความสาคัญของการแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ เมื่อได้ ภาระงาน/ชน้ิ งาน คาตอบให้นาคาตอบจากนกั เรียนมาเรียบเรียง พร้อมทั้งสนทนาเพ่ือ - บทบาทสมมุติพธิ ีแสดงตนเป็น แสดงตนเป็นศาสนิกชนของศาสนาทต่ี นนบั ถือ เช่อื มโยงเขา้ สูบ่ ทเรียน (การประกาศวา่ จะนับถือพระพุทธศาสนา พทุ ธมามกะ สาระสาคญั ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เปน็ ทพี่ ึ่งตลอดชวี ติ ) การแสดงตนเป็นพุทธมามกะเป็นการสืบทอด พระพุทธศาสนา และชว่ ยใหช้ าวพุทธไดแ้ สดงหน้าท่ี ข้นั สร้างองค์ความรู้ ของพทุ ธศาสนิกชน 2. ครใู หน้ ักเรียนศึกษาข้ันตอนพธิ ีการการแสดงตนเป็น ขอบเขตเน้ือหา พทุ ธมามกะจาจกานก้นั ร้ันว่ รม่วกมนักสันรสุปรกุปากราเรตเรตียรมียกมากราแรสแดสงดตงนตนเปเปน็ ็น - การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะในขน้ั เตรียมการ พุทธมามกะ ดังนี้ และข้ันพธิ ีการ 1) นมิ นต์พระสงฆ์เปน็ ผูป้ ระกอบพิธี - การนมิ นต์พระภกิ ษุ การเตรียมทตี่ ัง้ 2) ซ้อมขน้ั ตอนพิธกี าร การกล่าวคาบชู าพระรัตนตรยั พระพุทธรปู และเครอ่ื งบชู า การวงด้ายสายสิญจน์ คานมสั การ คาปฏิญาณ การปลู าดอาสนะ การเตรยี มเครื่องรับรอง 3. ครแู บง่ นักเรียนออกเปน็ 4 กลมุ่ พร้อมแบง่ หนา้ ท่ใี ห้ การจดุ ธปู เทียน นกั เรยี นรว่ มกันรบั ผิดชอบดังนี้ กลุ่มท่ี 1 จดั สถานท่ใี นการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ กลุม่ ที่ 2 เตรยี มส่งิ ของเครื่องใช้ในพิธี เชน่ ดอกไม้ ธูปเทียน ปจั จัย ถปวัจาจยยั พถรวะายพระ กลุ่มที่ 3 จดั ทาคากลา่ วแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะแจกใหผ้ เู้ ขา้ รว่ ม 1237

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรอื่ ง หนา้ ทีช่ าวพุทธ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 23 เรอ่ื ง การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ๑๓๘ กหลนมุ่ ่วสยากราะรกเารรยี เนรียรนทู้ ร่ี 3ู้ สังเครมือ่ งศึกหษนาา้ ทฯีช่ าวพุทธ ๑๓๘ แผนการรจาัดยกวาชิ ราเรสียังนครมู้ทศี่ กึ 2ษ3า ฯเรอ่ื ง การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เวลา 1 ชว่ั โมง พดพ๑จ๑ดด๑เดจ๑๑เด213ดปดจปด2ด31เุดุดา้า้า้าุ้ทุท...า้้าป...ุดา้็น้า้า็นนนนน...ปปนนเสบธธสบเน็นปหนนพหสพเบทคคคมามรรคทอาหอพคน็รคทุาม็นอะะทุุวณวามากักณุักกน็ะุทวมุณคกัมสสาธมกาาคาธษขษขสลาคาธลรมวมมษงงกรขกมวั้นลกะนั้มงระกัมถวาคคักถาาะน้ัรระาะแตคักลถแตามรปษามมปษ์กก์ูู้้มแตลอมปษก์่มุู้ลมอสฏกสณาาฏกณลอะนสาฏสะกนณ�ำรระาิบะบิะนกระากคกะะาเบิเกคไไัตกระรัตเกครดรรไาญัดาญัรตัียิตรยีดะิตาญัะระ้ร้ียติขะนบานขร้แกบาแนขบาอมแอมรสรวาสวอมรงสขวูู้้งรขดนดนู้งกขกด้ันนเน้ังกงกกราั้นาตงตกตตายีารารตตนอานรรอแนรแนอรนแเนเสสรปปนเสขดขปู้ดน็ขน็สดองอน็งพอังพงตงตงพคตงกทุนกทุนกุทนมาธาเธเาปรธปรเมศมปรแมแ็นาน็ึกาแสน็สามมษสดมดกกาดงกงะะงตตะฯไไตนดนไดนด้้ ้ พปเพกสพเคกคปเปกพเสคืบลรคปรทุธิุทาาืบลรน็รธิ สูะมุ่ทีทา็นธธรรสูะ่มุีททพ-645ังพขรทสมศกุพอพ-546ังพขทเกุพอทุก...นั้ฤบืค่ีกาาเดยทุก...ัน้ฤค่ีก4ดยานคมสธตสตนทพ4ึดานคคธตสตนรพมึดนรกปิักคกรอรถรมปรริปแักกรูใาถรปุะปเิกรฏาแะดือแูใูหารรสุปเฏามะอืแูจรหชรรสพคิบพมพละยี รดน้รพคกบิณาพละยีนด้นวุทเกะตัณนรรางักกะวมุทเะตันร)งากั์แะนะตะิตยมธรเนนา์แนนิะตติธรมพรลเนพศว่นักวนินมรลนั้นั้พศ่วนักนผียคมะทุาชิัน้เุทเเผียคมะมารรเปลทุนปเเเสิดกธามรปลธนปตเสีย่วดิกปีกร็นธน็นันตศรสยี ปีกมร็นิม็นนนันร่วาพรวพชาิมานจังว่าพรกวเพชรามรจะสบรคาตาเุทรมระแปว่นับราตโากุทะวนลแป่วม็มยโกยธมะวลลฏส็นัมยพธยธมอาลอฏใศมนัชพธกะอรรบิอใมอนชุทงกะดรึกานบิอแนชันุปุทรงดพภาัตนสชันธรมษพลม์ภัตว่สสกธมกิิธ่วมปิ์แท่วสกยะิกาธิ่วิปแทรากีแนยจิลพรีด่ระชใีแนปุริจลพร่ีดะสกใาทหะฯปุ ตีรว่เสกาทหะคคตีรยดตรคะข้ชี่คยาคยดรควะช้ขี่ือราวงรวสมาาใวอืรวงาวสมมตาาา่หียาดวงหามตา่มกาดวงหมนมฆพช้มกห“ลมนฆารพห“สลเก์าารทุการกัู้สปเเ์ ทุกาวารักู้าปยปเปาธธาด็นยปพคปารธธรดไน็น็รครังรแพไัญน็ดรทุรทรังะพัญนทดทสระแุ้ทนทมธี่ชกอ้แี้่ีทุพมช่ีดกอสไี้พธี่าพายสดพธา่งึงายดวมศา่รง่ึ ดทวตแม้ศ่าพรงางตทะพงสนางตาะหไมทุพนาหไมรงดุทพนเนกรงธวปทุใ”นกงธวทุใจ”้าะแา่ หน็ธจ้าะแ่าท(เธสศทเนป(เสศี่ขปเปดา่ีขปา้็นดาอ็นงส็นทอ็นงผสตงนกผตข่ีงู้นกนาาู้ อนาารงร ชเั้นวมลธัายม1ศึกชษัว่ าโปมงีที่ 3 พุทธมามกะ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 พทุ ธศาสนกิ ชน) 1238 138

139 1239 การวดั และประเมินผล วิธกี าร เครือ่ งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ส่ิงท่ตี ้องการวดั /ประเมิน ตอบคาถาม คาถาม นกั นเรกั ยีเรนยี ทน้ังทหง้ั มหดมรด้อย สังเกตพฤติกรรม รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ด้านความรู้ แบบสังเกต ไไดถ้ ูกตอ้ งมเี หตผุ ลล ๑1. บอกข้นั ตอนการแสดกงตนเป็นพุทธ พฤติกรรม นักนเกัรียเรนยี ทน้ังทหง้ั หมดมรด้อย มามกะได้ รอ้ ลยะละ80๘๐ปฏปบิฏตับิ ิตั าติ มาม ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ข้นั ตอนไดถ้ กู ตตอ้ อ้ งง 1. สามารถปฏบิ ตั ิตามขนั้ ตอนของการ แกสารดแงสตดนงเปตน็ เพปุทน็ ธพมุทาธมมกาะมไดก้ะได้ ด้านคุณลกั ษณะ ตอบคาถาม คาถาม นักนเรกั ยีเรนยี ทน้งัทหง้ั มหดมรด้อย 1. เห็นความสาคัญของการแสดงตนเป็น รอ้ ลยะละ80๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม พุทธมามกะ ไดถ้ ูกตอ้ งมเี หตผุผลล 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชือ่ ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดือน..........พ.ศ............. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................ ................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................)

๑๔๐ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรือ่ ง หนา้ ทีช่ าวพุทธ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 24 เร่ือง ศาสนาพิธี เวลา 1 ชัว่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด กจิ กรรมการเรียนรู้ - วีดิที ศั น์การท�ำาบญุ ข้นึ บา้ นใหม่ ส 1.2 ม.3/4 ปฏบิ ัตติ นในศาสนพธิ ีกรรมได้ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน (https://www.youtube.com /watch?v=_99BBVVJjWLXb99AA)) ถูกต้อง 1. ครทู บทวนความรู้พ้นื ฐานของนักเรียนเกย่ี วกบั ศาสนพธิ ี สาระสาคญั โดยเขยี นคาถามบนกระดานดังนี้ - บตั รคา คาวา่ ศาสนาพธิ ี พิธที าบญุ งานมงคล งานอวมงคล ศาสนพิธเี ปน็ ประเพณีทีด่ ีงาม เปน็ เอกลักษณ์ 1) ศาสนพิธีคืออะไร (ระเบยี บแบบแผนหรือแบบอยา่ งทพ่ี ึง ของชาติอีกท้งั ยงั ชว่ ยให้เกดิ ประโยชน์และความสุข ปฏบิ ัตใิ นศาสนา) ภาระงาน/ชิ้นงาน แก่ผู้ที่สามารถปฏิบัตไิ ด้อย่างถูกต้อง - ตอบคาถามจากสื่อวดี ีทิ ัศน์ ขอบเขตเน้อื หา 2) ทาไมจึงตอ้ งมีศาสนพิธี (เป็นส่ิงที่ช่วยหลอ่ เล้ยี งแก่นแทข้ อง ศาสนาไว้เหมือนเปลือกของต้นไม้ คอยปกป้องแกน่ ไม้ไว)้ - พิธที าบญุ งานมงคล งานอวมงคล - การนิมนตพ์ ระภกิ ษุ การเตรียมท่ตี ั้ง 3) ศาสนพธิ ขี องพระพุทธศาสนาที่นกั เรียนรจู้ ักมีอะไรบ้าง พระพุทธรูปและเครือ่ งบูชา การวงด้ายสายสิญจน์ (ทาบุญ เวียนเทยี น ตักบาตร ถวายสงั ฆทาน ข้ึนบา้ นใหม่) การปลู าดอาสนะ การเตรยี มเคร่ืองรบั รอง การจุดธูปเทียน จากนนั้ ให้ผเู้ รยี นจับคู่กันและรว่ มกนั หาคาตอบ โดยใหเ้ วลา 5 - ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ นวนั เล้ียงพระ การถวายขา้ ว นาที พระพทุ ธ การถวายไทยธรรม การกรวดนา้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2. ครสู ่มุ นกั เรียน ออกมาตอบคาถาม 2–3 คู่ มาพูดคุยสนทนา ดา้ นความรู้ กับนักเรยี น เพื่อสรุปและเชื่อมโยงขอ้ สรปุ ไปสเู่ นอื้ หาเรื่องศาสนพธิ ี 1. บอกความหมายของศาสนพธิ ี บุญพธิ ี งาน ขน้ั สร้างองค์ความรู้ มงคล งานอวมงคลได้ 3. ครูติดบัตรคาบนกระดาน ซงึ่ ได้แก่ พธิ ีทาบญุ งานมงคล งานอวมงคล พรอ้ มทง้ั สนทนาแลกเปล่ยี นกับนักเรยี นตามประเด็น ดงั นี้ 1) ความหมายของ พิธที าบญุ ประเภทของพธิ ที าบญุ และ ระเบียบพธิ ที าบญุ ขน้ั ตอนต่าง ๆ 1340

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 24 เรือ่ ง ศาสนพาพธิ ิธี ี ๑๔๑ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรือ่ ง หน้าทชี่ าวพุทธ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒๔ เรือ่ ง ศาสนาพิธี เวลา 1 ชวั่ โมง กหล่มุนสว่ ายรกะากราเรียเรนียรนู้ทรี่ ู้๓สังเครม่ือศงกึ หษนาา้ ฯทช่ี าวพทุ ธ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ชเั้นวมลธั ายม๑ศกึ ชษ่ัวาโปมีทง่ี 3 ด้านทักษะกแลลุ่มะสการระะบกวานรเกราียรนรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ ๒2))คคววาามมหหรมามายายวยขิชขออางสงงงังาาคนนมมมศงงคกึ คลษลาววิธฯิธีกกี าารรขขัน้ ้นั ตตออนนกกาารรจจัดัดงงาานนมมงงคคลล ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ ด2้า.นวทิเคกั รษาะแหล์ขะ้นั กตรอะนบงวานกบาญุ รพิธไี ด้อยา่ งถูกต้อง ๒) ความหมายของงานมงคล วธิ ีการ ขัน้ ตอนการจัดงานมงคล ๒ด.้าวนิเคุณราละกัหษข์ ณน้ั ตะอนงานบุญพธิ ไี ดอ้ ยา่ งถูกต้อง ๓3) ค) วคาวมาหมมหามยาขยอขงองงางนาอนวอมวงมคงลคลวิธวกีิธาีกรารขน้ัขต้นั อตนอกนากราจรัดจงัดางนาน ด3้า.นเหคณุน็ คลณุ กั ษค่าณขะองศาสนพิธี มงคล 4. ครูนาเสนอวดี ีทศั น์พธิ ีทาบุญข้ึนบ้านใหม่ ๓. เห็นคณุ คา่ ของศาสนพิธี (https://www.youtube.com/watch?v=_99BBVVJjWLXb99AA)) โดยก่อนดวู ดี ีทิ ัศน์ครนู าเสนอประเดน็ คาถามท่ีนกั เรียนต้องศกึ ษา ดังนี้ 1) ขั้นตอนการทาพิธใี นวีดีทศั น์ตรงกับขน้ั ตอนการทาพธิ ใี น หนงั สอื เรยี นหรอื ไม่เพราะเหตุใด 2) ถ้าชาวพุทธทาพิธีไม่ถูกตอ้ งตามข้นั ตอนจะเกิดผลอะไรขนึ้ บา้ ง 1341


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook