๑๙๒ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่อื ง กฎหมายนา่ รู้ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 35 เร่อื ง กฎหมายอาญา เวลา 1 ช่ัวโมง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา ส 23101 สังคมศกึ ษาฯ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ 1. คลปิ วดิ โี อเก่ียวกับขา่ วการทารา้ ยร่างกาย ตวั ช้วี ดั กิจกรรมการเรียนรู้ 2. Power point เรื่อง กฎหมายอาญา ส 2.1 ม.3/1 อธบิ ายความแตกต่างของการ ขน้ั นา ภาระงาน/ช้นิ งาน 1. นกั เรียนดภู าพคลปิ วิดีโอเกย่ี วกบั ข่าวการทาร้ายรา่ งกาย การอภิปรายและสรปุ ความรู้ เรือ่ ง กฎหมาย กระทาความผิดระหว่างคดีอาญาและคดีแพ่ง แลว้ รว่ มกันตอบคาถามดังนี้ เอราื่อญง ากฎหมายอาญา สาระสาคญั กฎหมายอาญาเป็นกรอบควบคุมความประพฤติ ของคนในสังคม ที่มีบทลงโทษเด็ดขาด และไม่ สามารถงดเวน้ ได้ ตลอดจนมรี ะดับความรุนแรงตาม ความผดิ อยา่ งมีเหตุผล ขอบเขตเน้ือหา 1. ความหมายของกฎหมายอาญา 2. ลกั ษณะการกระทาความผิดทางอาญา ท่มี า : https://www.bugaboo.tv/watch/33377992299 3. โทษของการกระทาความผิดทางอาญา 1) ข่าวดังกลา่ วเป็นการกระทาความผิดในลกั ษณะใด (ทำรำ้ ย จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ร่ำงกำย) ดา้ นความรู้ 2) ผกู้ ระทาผดิ จะไดร้ ับผลจากการกระทาน้อี ย่างไรตาม 1. นักเรียนสามารถบอกความหมายของกฎหมาย กฎหมาย (ถูกปรบั ,จำคุก) อาญาได้ถกู ตอ้ ง 2. ครูกลา่ วเชอื่ มโยงเข้าสู่บทเรียนวา่ “เหตุการณ์ข้างตน้ เปน็ 2. นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะการกระทา ตัวอยา่ งของคดีอาญาท่ีเราพบเห็นเปน็ ประจาตามส่ือตา่ ง ๆ วันนี้ ความผดิ ทางอาญาได้ถกู ต้อง เราจะมาเรียนรูเ้ รื่อง กฎหมายอาญา” 3. นักเรียนสามารถอธิบายโทษของการกระทา ขัน้ สอน 11892
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เร่ือง กฎหมายน่ารู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓๕ เรื่อง กฎหมายอาญา ๑๙๓ เวลา ๑ ชว่ั โมง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 35 เรอ่ื ง กฎหมายอาญา ชเวนั้ ลมาธั 1ยมชศ่วั ึกโษมางปีท่ี ๓ กหลนมุ่ ว่ สยากราะรกเราียรนเรรยี ู้ทนี่ ร4ู้ เสรงั ื่อคงมศกึ ฎษหามศาายสนน่าารแู้ ละวฒั นธรรม รายวชิ า ส ๒๓๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ค คกวลวาดา่มุ มมา้ สผนผาดิทดิ รททกัะากาษงงาะออรแาาเลญรญยีะาากนไรรดะู้้คบสรวบังนคถกมว้ นาศรแึกลษะาถศูกตาส้อนง าและวัฒนธขรร้นั มส3อ. นครอู ธิบายเกยี่ วกับควราามยหวมิชาายขสอ2งก3ฎ1ห0ม1ายอสาังญคมาใศหึก้ ษาฯ ๑. นดัก้านเรทยี ักนษสาะมแาลระถกวรเิ ะคบราวะนหกล์ ากัรษณะการกระท�ำ ผดิ นกั เรยี นเข้าใจ จากนั้นถามคาถามต่อไปนี้ ท1า.งนอักาญเราียไนดสถ้ ากู มตาอ้ รงถมวาิเคกรกาวะ่าหรอ้์ลยกั ลษะณ๖ะก๐ารกระทาผิด 1) นกั เรียนคดิ ว่าบคุ คลใดตอ่ ไปน้ี ทาผิดกฎหมายอาญา ทาดงอ้านาญคณุาไลด้ถักกูษตณอ้ ะงมากกวา่ รอ้ ยละ 60 ก. ซนั น่ี ฉ้อโกงทรัพยส์ นิ ของ เตอ๋ ๑. นดา้ักนเรคยี ุณนอลภักิปษรณาะยถึงความสำ�คญั ของกฎหมาย ข. อมั้ สาดนา้ กรดใส่หน้า แพนเคก้ 1อา. ญนกัาไเดรยี้ นอภปิ รายถงึ ความสาคัญของกฎหมาย ค. บอย ปกรณ์ ไม่ยอมไปไถ่ถอนบ้านท่ีขายฝาก อาญาได้ถูกต้อง เอาไว้ตามระยะเวลาที่กาหนด 4. ครูใช้ Power point เร่ือง กฎหมายอาญ า อธิบาย เกี่ยวกับลักษณะการกระทาผิดทางอาญา ให้นักเรียนเข้าใจ จากนัน้ ถามคาถาม ดังน้ี 1) การกระทาผิดกฎหมายอาญาจะพิจารณาจากสิ่งใดเป็น หลัก (กำรกระทำทม่ี ีเจตนำ) 2) ให้นกั เรียนชว่ ยกันเรยี งลาดบั ความรา้ ยแรงของโทษแต่ ละชนดิ จากโทษหนักไปหาโทษเบาให้ถูกตอ้ ง (ประหำรชวี ติ จำคุก กกั ขัง ปรบั และริบทรัพย์สิน) ขั้นสรุป 5. ครูถามคาถามนักเรียนดังนี้ “สาระสาคัญของกฎหมาย อาญาคืออะไร” (กฎหมำยอำญำเป็นกรอบควบคุมควำมประพฤติ ของคนในสังคม ที่มีบทลงโทษเด็ดขำด และไม่สำมำรถงดเว้นได้ ตลอดจนมีระดบั ควำมรนุ แรงตำมควำมผิดอยำ่ งมเี หตผุ ล) 11893
194 11894 7.การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เคร่ืองมอื ที่ใช้ เกณฑ์ สิง่ ที่ต้องการวัด/ประเมิน - คาถาม ต- อตบอคบาคถำ�าถมามถกูถตูกต้ออ้งง ด้านความรู้ 1. ความหมายกฎหมายอาญา ก- ากราตรอตบอบคคาถำ�าถมาม แ- บแบบสังสเงักเตกต ร-ะรดะับดับคุณคณุ คุณภาภพาผพ่าผน่าน 2. ลกั ษณะการกระทาผิดทาง พพฤตฤิกตริกรมรม เกเณกณฑฑ์ระ์รดะบัดบัพพออใชใช้ ้ อาญา แ- บแบบสังสเังกเตกต ร-ะรดะบัดับคุณคณุ คณุภาภพาผพา่ ผน่าน 3. โทษของการกระทา พพฤตฤิกตริกรมรม เกเณกณฑฑ์ระ์รดะบัดับพพออใชใช้ ้ ความผดิ ทางอาญา ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ - ทักษะการวเิ คราะห์ ส- ังสเงักเตกพตพฤตฤติกิกรรมรม - ทกั ษะการนาเสนอ ด้านคณุ ลักษณะ 1. การอภิปรายความสาคญั ป- ประรเะดเ็นด็นกากราอรอภภิปปิรารยาย ของกฎหมายอาญา สงัสเงักเตกพตพฤตฤตกิ กิรรมรม 8. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท่.ี .........เดือน..........พ.ศ............. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วันที.่ .........เดือน..........พ.ศ.........
๑๙๕ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 36 เรือ่ ง ตัวอย่างการกระทาความผดิ ทางอาญา : ความผดิ เกยี่ วกับทรัพย์ เวลา 1 ช่วั โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่อื ง กฎหมายน่ารู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษาฯ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ตัวชีว้ ดั กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ ส 2.1 ม.3/1 อธบิ ายความแตกต่างของการ ขน้ั นา 1. ภาพขา่ วการลักทรัพย์ 1. ครใู ห้นักเรยี นดูภาพเกีย่ วกับข่าวการลกั ทรัพยต์ ่อไปน้ี 2. ฉลากหมายเลข 1-7 กระทาความผดิ ระหวา่ งคดีอาญาและคดแี พ่ง 3. เกมปุจฉา วิสัชนา สาระสาคัญ ทมี่ า : http://gg.gg/cw7xm ภาระงาน/ช้ินงาน มนุษย์สร้างกฎห มายข้ึนเพ่ื อบังคับความ การบอกคณุ ค่าและความสาคัญของการศึกษา เรอื่ ง ตัวอยา่ งของการกระทาความผดิ ทาง ประพฤติของสมาชิกในสังคมไม่ให้มีการกระทาท่ีมี อาญา: ความผิดเก่ยี วกบั ทรัพย์ไดอ้ ย่างมี ผลกระทบกระเทอื นต่อสังคมหรอื คนสว่ นใหญ่ เหตุผล ขอบเขตเน้อื หา 1. ตัวอย่างเก่ียวกบั การกระทาความผิดทางอาญา: จากนั้นให้นกั เรยี นตอบคาถาม ดังนี้ ความผดิ เกย่ี วกับทรพั ย์ - ลักทรัพย์ 1) กรณดี ังกลา่ วเป็นความผดิ ตามกฎหมายใด (กฎหมาย - วง่ิ ราวทรพั ย์ อาญา) - ชิงทรพั ย์ 2) นกั เรยี นรจู้ กั ความผิดเกย่ี วกับทรัพยก์ รณอี นื่ ๆ อีก - กรรโชกทรพั ย์ หรอื ไม่ อยา่ งไร (การปล้นทรัพย์ ชงิ ทรัพย์ ฯลฯ) - ปลน้ ทรพั ย์ 2. ครูกล่าวเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า “การลักทรัพย์เป็นความผิด - ฉ้อโกง ทางอาญาเก่ียวกับทรัพย์ ดังนั้นวันนี้เราจะศึกษาเก่ียวกับตัวอย่าง - ยกั ยอก การกระทาความผิดทางอาญา: ความผิดเก่ยี วกับทรัพย์” 11895
๑๙๖ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 36 เรอ่ื ง ตัวอยา่ งการกระทาความผดิ ทางอาญา : ความผดิ เกี่ยวกับทรัพย์ เวลา 1 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง กฎหมายน่ารู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษาฯ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ข้ันสอน ดา้ นความรู้ 3. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 7 กลุ่ม โดยกาหนดให้ศึกษาหา ความรู้ เร่ือง ความผิดเก่ียวกับทรัพย์เป็นเวลา 5 นาที จากน้ันส่ง 1. นกั เรียนสามารถบอกลักษณะของความผดิ ตวั แทนกล่มุ ออกมาจบั ฉลากเลือกหัวข้อ ดังนี้ หมายเลข 1 เกยี่ วกบั ทรัพยแ์ บบต่าง ๆ ได้ถูกต้อง เร่ือง การลักทรัพย์ หมายเลข 2 เรื่อง การวิ่งราวทรัพย์ 2. นักเรยี นสามารถยกตวั อย่างการกระทาความผดิ หมายเลข 3 เร่ือง การชิงทรพั ย์ หมายเลข 4 เรือ่ ง การปลน้ ทรพั ย์ เก่ียวกับทรัพย์ในลักษณะตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง หมายเลข 5 คือ การฉ้อโกงทรัพย์ หมายเลข 6 คือ การยักยอก ทรพั ย์ และหมายเลข 7 คอื การรบั ของโจร ดา้ นทักษะและกระบวนการ 4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนออกมาอธิบายหน้าช้ันเรียน 1. จากกรณตี วั อยา่ งทีก่ าหนดให้ นกั เรียนสามารถ จากนน้ั ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรุปและเพ่ิมเตมิ ให้สมบรู ณ์ วเิ คราะหล์ ักษณะความผดิ เกีย่ วกบั ทรพั ย์ประเภท 5. ครูให้นักเรียนเล่นเกมปุจฉา-วิสัชนา โดยครูจะเป็นผู้อ่าน ตา่ ง ๆ ได้ถูกกต้อง เหตุการณ์สมมุติให้นักเรียนฟังจากน้ันให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ช่วยกันตอบคาถาม โดยครูและนักเรียนช่วยกันเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ ดา้ นคณุ ลักษณะ ดังน้ี 1. นกั เรยี นสามารถบอกคณุ ค่าและความสาคัญของ การศกึ ษาเรื่อง ตัวอย่างของการกระทาความผิด 1) โดมทะเลาะกับกันย์โดมพูดเถียงสู้กันย์ไม่ได้ โดมจึงต่อย ทางอาญา: ความผิดเกี่ยวกบั ทรัพยไ์ ดอ้ ยา่ งมีเหตผุ ล ปากกัน 1 ที โดมมีความผิดหรือไม่ อย่างไร (ผิดฐานทาร้าย ร่างกายโดยเจตนา) 2) เป้ อารักษ์ ไม่พอใจอาจารย์ฝ่ายปกครองจึงเอาเหรียญไป ขดู รถของอาจารย์เป็นความผิดทางอาญาหรือไม่ อย่างไร (ผิดฐาน ทาใหเ้ สยี ทรัพย)์ 11896
๑๙๗ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 36 เรื่อง ตวั อย่างการกระทาความผิดทางอาญา : ความผิดเก่ยี วกับทรัพย์ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 เรือ่ ง กฎหมายนา่ รู้ เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษาฯ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 3) หม่าและเท่ง เข้าไปขโมยของในบ้านของคุณตา ปัญญา ในยามวิกาลโดยมีโหน่งคอยดูต้นทางให้ โหน่งมีความผิดหรือไม่ อย่างไร (มคี วามผิดฐานปล้นทรพั ย)์ 4) แม่จงใจท้ิงลูกไม่ให้กินข้าว จนทาให้ลูกตายแม่ความผิด หรอื ไมอ่ ยา่ งไร (ผดิ ฐานฆา่ คนตายโดนเจตนา) ขน้ั สรุป 6. ครูถามคาถามนักเรียนดังน้ี “มนษุ ย์สร้างกฎหมายข้นึ มาใช้ ดว้ ยเหตุผลใด” (เพื่อบงั คบั ความประพฤติของสมาชกิ ในสังคม ไม่ใหม้ ีการกระทาท่ีมผี ลกระทบกระเทือนต่อสงั คมหรือคน ส่วนใหญ)่ 11897
198 11898 7.การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครอื่ งมอื ที่ใช้ เกณฑ์ ส่งิ ท่ตี ้องการวดั /ประเมนิ - การตอบคาถาม - คาถาม - ตอบคาถามได้ถกู ต้อง ดา้ นความรู้ เหมาะสม ตัวอย่างเกย่ี วกบั การกระทา - นักเรยี นตอบคาถามในเกม ความผดิ ทางอาญา: ความผดิ ปุจฉา-วสิ ชั นา เก่ียวกับทรัพย์ ได้ถูกต้องมากกว่ารอ้ ยละ 60 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ - การตอบคาถาม - คาถาม - ตอบคาถามได้ถกู ต้อง - การวิเคราะห์ความผิดเก่ยี วกับ - สงั เกต - เกมปุจฉา- - ตอบคาถามในเกมปุจฉา- ทรัพย์ พฤติกรรม วสิ ชั นา วิสัชนาไดถ้ ูกต้องมากกว่าร้อย - กระบวนการทางานกลุ่ม - แบบสงั เกต รลอ้ ะย6ละ0 ๖๐ พฤติกรรม - ระดบั คณุ คุณภาพผา่ นเกณฑ์ ด้านคณุ ลักษณะ ระดับพอใช้ บอกคุณค่าและความสาคญั ของ การศึกษาเรื่อง ตวั อย่างของการ - การตอบคาถาม - คาถาม - ตอบคาถามได้อย่างมเี หตผุ ล การระกทราะคทว�ำ าคมวผาิดมทผาดิ งทอาางญอาญ: า: - การสงั เกต - แบบสังเกต - ระดับคณุ คณุ ภาพผา่ นเกณฑ์ ความผิดเก่ียวกบั ทรัพย์ พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับพอใช้ 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................ ............... ลงชอ่ื ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ....................................................................................................................................................................... .... ลงช่อื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ.............
๑๙๙ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 37 เร่ือง ความแตกต่างระหวา่ งความผิดทางอาญากบั ความผดิ ทางแพง่ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรอื่ ง กฎหมายน่ารู้ เวลา 1 ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษาฯ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวชวี้ ดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ ส 2.1 ม.3/1 อธิบายความแตกตา่ งของการ ข้นั นา 1. ภาพกรณีตัวอยา่ งความผดิ ทางอาญาและ 1. ครใู หน้ กั เรยี นดภู าพจานวน 2 ภาพ ดังต่อไปนี้ ความผดิ ทางแพ่ง กระทาความผิดระหวา่ งคดีอาญาและคดีแพ่ง 2. ใบงานที่ 4.3 เร่ือง ความแตกต่างระหว่าง สาระสาคัญ ภาพที่ 1 กรณตี วั อยา่ งความผิดทางแพ่ง ความผดิ ทางอาญากับความผิดทางแพง่ ภาระงาน/ช้ินงาน กฎหมายอาญา เป็นกฎหมายมหาชนท่ีบัญญัติ - การวเิ คราะหค์ วามแตกต่างระหวา่ งความผิด ขึ้นเพ่ือ ความสงบเรียบร้อยในสังคม ถือเอาเจตนา ทางอาญากบั ความผิดทางแพ่งลงในใบงานท่ี ของผู้กระทาความผิดเป็นใหญ่ กาหนดโทษเพ่ือ 4.3 ป้องกันการก่อเหตุ ความผิดส่วนใหญ่ยอมความ - การนาเสนอข่าวท่ีตนเองสนใจ พร้อม ไมไ่ ด้ ทม่ี า : https://www.thairath.co.th/content/37700338989 วิเคราะห์ข่าวตามประเด็นที่กาหนดให้ใน ภาพท่ี 2 กรณีตัวอย่างความผดิ ทางอาญา รูปแบบของชิ้นงาน “เจาะเร่ืองเด่น ประเด็น กฎหมายแพ่ง เป็นกฎหมายที่วา่ ด้วยสิทธิ หน้าท่ี ร้อน” และความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน อาจ ยืดหยุ่นไกล่เกล่ีย ถอนฟ้องได้เสมอตามดุลพินิจของ ศาล คาพิพากษาจะเป็นการบังคับหรืองดเว้น กระทาการเพื่อชดเชยเยียวยาแกผ่ ้เู สียหาย ขอบเขตเน้ือหา ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ร ะ ห ว่ า งค ว า ม ผิ ด ท า ง อ า ญ า กั บ ทีม่ า : https://regional.kachon.com/27799003838 ความผดิ ทางแพ่ง จากนั้นให้นักเรียนตอบคาถามดังนี้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) ภาพที่ 1 และ 2 เป็นการกระทาผิดในลักษณะเดียวกัน ด้านความรู้ หรือไม่ อย่างไร (ท้ังสองภาพเป็นการกระทาความผิดในลักษณะท่ี 11899
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 37 เรือ่ ง ความแตกต่างระหวา่ งความผิดทางอาญากับความผิดทางแพ่ง ๒๐๐ ๒๐๐ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 เรือ่ ง กฎหมายนา่ รู้ เวลา 1 ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาแศผานสกนาารแจลดั ะกวาัฒรเนรธียรนรรมู้ท่ี 37 เร่ือง ความแตกตรา่ งยรวะิชหาวา่สงั ควมาศมึกผษดิ าทฯางอาญากบั ความผดิ ทชา้นั งแมพัธยง่ มศึกษาปีที่ 3 ค1จดหกว.ดุ้าลนานนปุม่่วมคกัรสยผะวเากิดรสาราียทมงะรนาคกรเสงรก์ู้าอยีาราามนเรญราเรรียรทู้าียนถกี่นบร4บั รู้อคู้ เกสวรคังาอ่ื คมวงามผมิดศแกทึกตฎษากหงาแตมพศา่ างาง่ยรไสนะดนหา่้ถารวูกแู้า่ตลง้อะงวัฒนธคแรตวรามกมตเ่ากงี่ยกวันข้อภงากพับทก่ีฎ1หเมปา็นยกแราาพยร่งกวสิรช่วะานทสภาังผาคพิดมทใศน่ี กึฐ2ษาเนาปฯล็นะกเมาริดกสรัญะทญาาผิมดี เวลา 1 ชั่วโมง ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 21. นกั เรยี นสามารถบอกความแตกต่างระหว่าง ใแนตฐกาตน่าชงิ กทันรัพภยา์ พมีคทวี่ า1มเปก่ีย็นวกขาอ้ รงกกรบั ะกทฎาหผมิดาในยอฐาญนลา)ะเมิดสัญญา มี กครวะาบมวผนดิ กทาารงยอุตาธิญรารกมบั ทคาวงาอมาผญิดาทแาลงะแกพรง่ะไบดวถ้ นูกกตา้อรง 2ค.วาคมรเูกกลี่ย่าววขเ้อชงื่อกมับโกยฎงเหขม้าาสยู่บแทพเ่งรียสน่วนเรภ่ือางพทค่ีว2ามเแปต็นกตาร่ากงระหทวา่ผางิด ย2ุต.ธิ นรกัรเมรทยี านงสแาพมง่ าไรดถ้ถบูกอตก้อคงวามแตกตา่ งระหวา่ ง คในวฐามานผชิดงิททารงัพอยา์ญมาคี กวับามคเวกาี่ยมวผขิด้อทงกาบังแกพฎ่งหมดาังยนอ้ี “าญควาา) มผิดทางแพ่ง กดร้าะนบทวกั นษกะาแรลยะุตกิธระรบมทวนางกอาารญาและกระบวนการ แ2ล.ะคครวูกาลม่าผวิดเทชื่อางมอโายญงเาขม้าีคสวู่บาทมเแรตียกนตเ่ารง่ือกงันใคนวหาลมาแยตปกรตะ่าเงดร็นะหเรวา่ามงี 1ย.ตุ นธิ รักรเมรียทนาสงแามพาง่ รไดถ้ถจูกาแตน้อกงความผดิ ทางอาญากับ คววาามมจผาิดเปท็นางตอ้อางญเขา้ากใจับคคววาามมแผติดกทตา่างแขพอ่งกดาังรนก้ีร“ะคทวาาคมวผามิดผทิดาทงแงั้ พ2่ง คดว้าานมทผกัดิ ษทะางแแลพะ่งกไรดะ้ถบูกวตน้อกงาร ลแักลษะคณวะาใมหผ้ชิดัดทเาจงนอาดญังนามั้นีคววันานมี้เแรตาจกะตศ่างึกกษันาใเนกห่ียลวากยับปครวะาเมดผ็นิดเทรามงี 1ดค1า้.ว.นานนมคกักั ผณุเเริดรลยียีทนักนาษสสงาแณามพมะาา่งรรไถดถบถ้จูกอาแตกน้อคกงณุ คคว่าาแมลผะดิ ปทราะงโอยาชญนา์ขกอับง อคาวญามาแจาลเะปค็นวตา้อมงผเดิขท้าใาจงคแวพาง่ ม”แตกต่างของการกระทาความผิดท้งั 2 กดา้ารนศคกึ ุณษาลเักรษ่ืองณคะวามผิดทางอาญาและความผดิ ทาง ขลนั้กสษอณนะให้ชัดเจน ดังนั้นวันน้ีเราจะศึกษาเกี่ยวกับความผิดทาง แ1พ. ง่นไกัดเอ้ รยียา่ นงสมาีเหมาตรผุ ถลบอกคณุ ค่าและประโยชนข์ อง 3อ.าญคราแู บล่งะนคักวเารมยี ผนดิ เทปา็นงกแลพุ่มง่ ”กลมุ่ ละ 3-4 คน โดยคละ การศกึ ษาเรื่อง ความผิดทางอาญาและความผิดทาง คขวน้ั าสมอสนามารถ แพง่ ได้อย่างมเี หตุผล 43. ครูใแหบ้น่งักนเักรเียรนยี นแเตป่ล็นะกกลลมุ่ ุ่มรก่วลมุ่มกลันะร3ะด-4มควนามโดคยิดคลเกะี่ยวกับความ แคตวากมตส่าางมราะรหถว่างความผิดทางอาญากับความผิดทางแพ่ง โดย บ4ัน. ทครึกูใคหา้นตักอเรบียลนงแในต่ใลบะงกาลนุ่มทร่ีว4ม.ก2ันเรระื่อดงมความคแิดตกเกตี่ย่าวงกรับะหคว่ามง คแวตากมตผ่าิดงทราะงหอาวญ่างาคกวบั าคมวผามิดผทดิ าทงาองาแญพาง่ กับความผิดทางแพ่ง โดย 5บ.ันคทรึกูสคุ่มานตั กอเบรียลนงใแนตใ่บละงากนลทุ่ม่ี น4า.เ2สนเรอื่อขง้อคมวูลาทม่ี ไแดต้จกาตก่ากงารระรหะวด่ามง ความคผดิ ทแาลงะอบาันญทาึกคบั าคตวอาบมขผอดิ งทนากังแเรพีย่งนลงบนกระดานดา 65. คครรูแูสลุ่มะนักเรียนรแ่วตม่ลกะันกพลิจุ่มารนณาเาสคนาตออขบ้อบมนูลกทร่ีไะดด้จาานกดกาาร่วรมะกดันม อคภวปิามรคายดิ แแลละะสบรปุนั ขท้อึกมคูลาตใหอ้สบมขบอูรงณนกั์ เรยี นลงบนกระดานดา 6. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันพิจารณาคาตอบบนกระดานดา ร่วมกัน อภิปรายและสรปุ ขอ้ มูลให้สมบรู ณ์ 21900 200
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 37 เรื่อง ความแตกต่างระหวา่ งความผิดทางอาญากับความผิดทางแพง่ ๒๐๑ ๒๐๑ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เเสรรังือ่อ่ื คงงมศกกึกฎฎษหหาแมมศผาาานยยสกนนนาา่่าารรรแจูู้้ ลดั ะกวาัฒรเนรยีธนรรรมทู้ ่ี 37 เรอื่ ง ความแตกตร่าางยรวะิชหาว่าสงงั คควมาศมึกผษิดาทฯางอาญากบั ความผิดทชานั้งแมพัธ่งยมศึกเเษววาลลปาาีท11ี่ 3ชช่ัวัว่ โโมมงง หกลนุ่มว่ สยากราะรกเราียรนเรรยี ู้ทนี่ ร4ู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษาฯ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ข้นั สรุป ดเ8รอ7ขดร8เอ7รร้้ออังงัานั้า....ื่ออ่ื นนญญนนคสใคใงง1212้ีห้ีห””รรราาคคโ้))้))ุปูนูนมมแแดววโโกขกขััลอลอกกดดายา่าา่าาบะบะเมเมใยยวรวรรรหคคผหผหกใดกใดีียยน้ววหหิดดิมมรรงัังนนาาักททก้กะ้ะนนาารมรมเททลลาายยัักกร่่ววผผงงา่า่าาใใยีเเมมออิิดหวดหวคครรนกากาเเีีทยทว้ยว้นนปปทญญัันนาานนัาัากกน็น็ามมาาบงบงนเนเลกกแผแผรแรแอองาาาาีีลิดยลดิยพพใกกรขรขะะลนนลน่่งงกก่่คคาาคคักักสททททรรววุุณณววษษม่ีะ่ีะตาตาเเาากณกดุณททชชคคนนมม่ีี่จยิ้ยิ้นนา่า่าาะะสสผผดคควแวแงดงดดินิดนวบวกากาลลังงัททใใาานนกัันกับบจะจะาามมลลทปมปมกงกงผผ““่า่าแแึกาาาารรดิดิเเววพพววจรจระะใใคคิิเเกง่กง่นานาโโควควไยไยะะรรลลรรดดรรชเชเะะักักไไ้อา้รอารดดนนททษษื่่ืะอะอยย้ร้ร์์ขขาาณหณหง่างา่ับับคคเองเอง์์ตตะะดดโโมมววงงททาาใใ่่นนีเเีกกาดาดมมษหษหมมาาปปปปอตอตรรผผยรุผยรผุรรศศิิดดะะา่ะ่าะลลึึกกททงงเเเเดดดดษไษไาารร็็็น็นนนาางง โดยให้นักเรียนทาลงในสมุดจดบันทกึ 201 21901
202 21902 7. การวัดและประเมนิ ผล ส่งิ ที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธกี าร เครอ่ื งมือท่ีใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ - คาถาม - ตอบคาถามได้ถูกต้อง ๑-.ความแตกตา่ งระหวา่ งความผดิ - การตอบคาถาม เหมาะสม ทางอาญากบั ความผิดทางแพ่ง - คาถาม - ตอบคาถามได้ถกู ต้อง ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ - ใบงานที่ 4.2 - ระดับคุณคณุ ภาพผ่าน ๑-.จาแนกความผดิ ทางอาญากับ - การตอบคาถาม เกณฑร์ ะดบั พอใช้ ความผดิ ทางแพ่ง - การทาใบงาน - คาถาม - ตอบคาถามได้ถูกตอ้ ง และมเี หตุผลเหมาะสม ดา้ นคณุ ลักษณะ - ตอบคาถาม ๑-.บอกคุณคา่ และประโยชนข์ อง การศกึ ษาเร่ือง ความผดิ ทาง อาญาและความผดิ ทางแพ่ง 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วนั ที่..........เดอื น..........พ.ศ............. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่ือ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ.............
203 21903 ใบงานท่ี 4.2 เรอื่ ง ความแตกตา่ งระหว่างความผดิ ทางอาญากบั ความผดิ ทางแพง่ คาชแี้ จง ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั ระดมความคิด และตอบถามลงในช่องวา่ งทีก่ าหนดให้ 1. ความผิดทางอาญากับความผดิ ทางแพง่ มีความแตกต่างกนั อยา่ งไรบา้ ง การกระทาความผิดทางอาญา การกระทาความผดิ ทางแพ่ง ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… 2. กระบวนการยุตธิ รรมทางอาญากบั กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพ่งมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา กระบวนการยุตธิ รรมทางแพ่ง ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ชือ่ ...........................................นามสกลุ ..............................................เลขท่ี.........................ชน้ั ........................
204 21904 เฉลย ใบงานที่ 4.2 เรือ่ ง ความแตกต่างระหวา่ งความผดิ ทางอาญากับความผิดทางแพ่ง คาชแี้ จง ให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันระดมความคิด และตอบถามลงในชอ่ งวา่ งท่ีกาหนดให้ 1. ความผดิ ทางอาญากับความผิดทางแพ่ง มคี วามแตกต่างกันอยา่ งไรบ้าง การกระทาความผิดทางอาญา การกระทาความผิดทางแพ่ง การกระทาผิดกฎหมายซึ่งกาหนดความสัมพันธ์ การกระทาผิดกฎหมายเอกชนทีเ่ ปน็ ระหว่างเอกชนกบั รัฐท่ีปกครองประชาชนในอาณา ความสัมพันธร์ ะหวา่ งเอกชนและเอกชนในทาง เขตโดยจะต้องมตี ัวบทกฎหมายทีเ่ ปน็ ลายลักษณ์ แพง่ และพาณิชย์ ซึ่งมีการกาหนดหลกั เกณฑ์ อกั ษรกาหนดความผดิ และโทษไว้อย่างชดั เจน ซึง่ ที่ เอาไว้ในประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ หรือ จะไดร้ บั จะตอ้ งเป็นโทษท่ีกฎหมายกาหนดไว้ขณะ กฎหมายอื่น แตใ่ นกรณีทไ่ี มม่ ตี ัวบทกฎหมาย กระทาผดิ จะอาศยั จารีต ประเพณี หลักกฎหมาย กาหนดไว้เปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษร ศาลสามารถ ใกลเ้ คยี ง หรือหลักกฎหมายทว่ั ไปมาใช้ลงโทษ ตดั สนิ ข้อพพิ าทโดยใช้หลักจารตี ประเพณที ้องถนิ่ ผกู้ ระทาผดิ ไม่ได้ ทีใ่ กล้เคียงอย่างย่ิงมาบังคับใช้ 2. กระบวนการยุตธิ รรมทางอาญากับกระบวนการยตุ ิธรรมทางแพ่งมีความแตกตา่ งกันอย่างไรบ้าง กระบวนการยุตธิ รรมทางอาญา กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพ่ง กระบวนการยุติธรรมทางอาญา เร่ิมจากเมอ่ื กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพ่งเรม่ิ จากโจทย์เสนอ ผเู้ สียหายหรอื ผู้มีอานาจจดั การแทนผู้เสยี หายไป คาฟอ้ งตอ่ ศาล ศาลก็จะเริ่มทาการพิจารณาคดี รอ้ งทุกข์ หรือแจง้ ความต่อเจา้ หนา้ ที่ตารวจ โดยมกี ารสบื พยานทง้ั ฝา่ ยโจทยแ์ ละฝ่ายจาเลย เจา้ หนา้ ที่ของรัฐ ให้ดาเนนิ คดกี บั ผ้กู ระทา ตอ่ จากน้นั ศาลกจ็ ะมีคาพพิ ากษาหรอื การตดั สนิ คดี ความผดิ ตารวจจะเป็นเจ้าหนา้ ทช่ี ้ันตน้ ท่ี โจทกห์ รือจาเลยอาจอธุ รณ์คาพพิ ากษาของศาล รบั ผดิ ชอบในการดาเนินคดอี าญา ตารวจรบั แจง้ ช้ันต้น ตอ่ ศาลอุธรณ์ ศาลฎกี า ตามลาดับ แล้วจึง ความ จบั กุมผู้ต้องสงสัย คันตวั บุคคลและสถานท่ี มีการบงั คับคดีให้เปน็ ไปตามคาพิพากษาของศาล ควบคุมผู้ต้องหาระหวา่ งสบื สวน สอบสวน นนั้ ผตู้ อ้ งหา ผเู้ สียหาย และพยาน เตรียม พยานหลกั ฐานต่าง ๆ แลว้ ทาความเหน็ ตาม สานวนว่าควรฟอ้ งหรือไมค่ วรส่ังฟ้องผตู้ ้องหา ตอ่ จากนัน้ สง่ สานวนการสอบสวนไปยังพนักงาน อยั การ ถา้ อัยการเหน็ สมควรกส็ ่งั ฟ้องต่อศาล
๒๒๐๐๕๕ 205 21905 ชชชรรชหหั้นน้ัือือ่่ สัสัหหมมววนนัธธั ชชิิยย่่ววาามมยยศศกกึกกึาาสสรรษษเเ22าารรปปยยีี33นนทีีท11รร่ีี่0033ูู้้ 11สสรริิททาาธธยยภภิมิมววาานนิิชชคคุษุษาาเเรรยยสสียยีชชงังั นนนนคคททมมี่่ี ศศ11กึึกษษาาหหนนว่ว่ ยยกกาาปปรรกีีกเเรราายียีรรนนศศรรึกกึ ูทู้้ทกกษษลลี่ี่าา55่ม่มุุ 22สส55าารร66ะะ22ฯฯสสังังคคมมศศึกึกษษาา ศศาาเเววสสลลนนาาาาแแ44ลลชชะะววัั่่ววััฒฒโโมมนนงงธธรรรรมม 11.. มมาาตตรรมมฐฐาาาาตตนนรรกกฐฐาาาารรนนเเรรกกียียาารรนนเเรรรร้/ู/ู้ยีียตตนนัววั รรชชูู้้ สสว้ีว้ี ัดัด22..11 ตัวชว้ี ดั ส 2.1 ม.3/2 มดเข�ำีคา้ ร่าใงจนชแยิเมดมดเมวี ขขลมาาคีีคีสิต้า้าะรรท่วา่่าอใใปงงนนนีด่จจยชชฏแแีงยิิยร่รูีววี าบิ่วลลมมว่ิติตมมมัตะะททออแใปปติกยยี่ดดี่ นลนนัฏฏู่รู่รงีีงกะวว่่าาตใิบบิ าธนมมมมาตัตัร�ำ กกสแแมปติติรันนังลลหงนนกคใใะะรนนนปตตมกัธธา้สสา้อไาาษทมมทังังรรงาคคข่ีคหหงงยปมมรรอุ้มแนนรักักไไงคลา้้าททะกษษททะรเยยาาาพอสีข่่ขีแแรปปงังณออลลเผรรคปะะงงีแะะู้อมกกน็สสเเลื่นพพโาาังงัพะลคครรตณณลวกเเมมาปปเัฒีแีแอโโมมลลน็น็ลลยนหอื กกะะพพ่าธงลววอองลลดรักัฒัฒยยสรเเีสา่่ามมนันนมงงทิ ืืออตธธไสสธทงงรริสนนัั ิมดดรรยุขตตมมนีี ิสสิไไุษททขุขุ ยยยชน 3ค22ค3ุ้มมุ้....คคสสสสรราาาาออรรรรงงะะะะสสสตสสสกก๑คสสทิิทิิททัวาาาาว.าาชรรธธคคธธาอรรเเิมมิ้ีวัญัญิิมมมรระะธดันนนนียียกกรบิ//ษุุษู้คคนนุุาาษษา1คคสยยรรววยรรยยววเเ.ชชูู้้าาคชช2รราานนอมมวยียีนน.มมธ1ขขาคคนนมมรรบิมออดิดิ รรีีคคูู้้มาหงงรรูู้้ วว.ยผผมวว3าาคอูู้้อบบา/มมวนื่นื่ย2ยยสสาตตแออาามลาาดดคคหมมะััญญมหหคาตตวลลมยา่่ออกัักีสแมกกสส่วลสาาิทิทนะ�ำรรธธรคมดดิมิมว่ วญัีสาานนมารรว่ ขใษุุษมงงนนอชชสยยรกงีีวชวชา่วสาคิิตตนนมริทญัขขใใใปธนนนออขกิมกโโงงอปออนมมางกกอุ้ษรนนสปาางยุุษษทิ คสสกชธยยททุ้มปนิม์์คีเ่เี่ ้อดดหหนรงัังงมมุษอคนนาางยุ้มั้ั้นนะะผชคททสสอู้นรมมุุกก่นื อคคตงนนาผมจจ้อู หึึงงื่นตตลต้้ออักางงสมมมทิหีีสสธล่่ววิมกั นนนสรรษุิท่่ววยธมมมิชใในนนุษ กกาายรรชปปนกกปป้้อองง ๒ท๑กั.. วสษิเทิะค/ธรกิมา1ท2ท21รนะกักั...ะหุษวษษสสอบเิ์แยคทิธิทวะะนชิบร//ธธนวนกกาิมามิ กทะตรรยนนาหาะะาคษุุษรงบบม์แว กยยรนาววาชชฐัมนนวรนนธหทกกมรตตมาาา สีราางารรมว่มกยนนรราแรัฐฐัญูรลว่ธธมแะมรรีสหครรใว่นวมมง่ นรากนนรามาญูญูว่ชสรมอแแปาใาหหคกนณัญง่ง่ปกรราอ้ขาาาจงรอชชกัคปงออร้มุสกาาไทิคปณณทรธ้อยาาอิมง จจงนคกักั ผุ้มุษรร ูอ้ คไไยนื่ททรชตอยยนางมผหู้อลื่นักตสามทิ หธิมลนักสษุ ิทยธชมินนไดษุ ้ ยชนได้ คคสสมมุณุณรรลลรรักัก2141444ถถเ๑จษษ.......นน.2211ตมใมณณะะกฝควีีวสสคค--าะะเ่คคตนิินาารรววททออววิมคคยีัยยัาาันนัักกัาาเ11เ1มมนีสัญัญจจมมษษพพ..สส่วรตตวสสขขะะงึึงนกกู้าาเิคคาากกออปปมมคาารมมตตาางงรราารร่วราารริิผผมมรระะารรนนถถูเ้เู้สสะีสสีใถถรราานใใหงง่ว่วียียใในนคคคคนนก์แนนนนววกก์์านรรกกาาาารว่ว่วาามมรรปมมทรรคครรกใใใใาูู้้ไไิดดินนชชปปปง้้ททกกกอ้ใใาาชชกักัางรรร้้ษษคปปมุ้มะะกกีสชชคปป่ววีวีรน้้ออติิตรงงคคว่ผมุุ้้มมูอใคค่นื นรรตกออาางงมรผผหปอู้อู้ ลกืน่ื่นกัปตตส้อาาทิ งมมคธหหมิมุ้ ลลนคักักุษรสสอยิทิทงชธธผนิิมมู้อนนืน่ ุษษุตยยามชชหนนลกั สิทธมิ นษุ ยชนได้ 44.. 55.. 6ช6ืน้.. งกกาาานรรหปป332รรรอื ะะ...ภเเมมใมมฝาุง่่งุ ินินร่เมมระผผ่ัน่นัยี งลลใในานนรรนรววกกู้ บบาารรยยททออาาดดงงาานน ช้ืนงานห-รือสภมาุดรบะันงาทนกึ Human Rights Defender Diary เเกกณณฑฑ์์กกาา---รรแแปปสบบรรมะะบบดุ เเปปบมมรรนันินิ ะะทผผเเลลึกมมชชนิินHน้ิิ้นสสuงงมมmาาุดดุ นนบบaหหnันนั รรททอือืRึกกึภภigาาhHHรรtuuะะsmmงงDาาaaนนennfeRRniidgghhettrssDDDiaeerffyeennddeerr DDiiaarryy
๒๐๖ 21906 รายการประเมิน คาอธิบายระดับคุณภาพ / ระดบั คะแนน 1. การมสี ่วน รว่ มในกจิ กรรม ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) ปกป้องคมุ้ ครอง มีสว่ นร่วมในกจิ กรรม มสี ่วนร่วมในกจิ กรรม สิทธมิ นษุ ยชน หรือแสดงพฤติกรรม มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรม มีส่วนรว่ มในกจิ กรรม หรือแสดงพฤติกรรม การมีสว่ นร่วม หรือแสดงพฤตกิ รรม หรือแสดงพฤตกิ รรม การมสี ว่ นร่วมปกป้อง 2. ความ ปกป้องคุม้ ครองสทิ ธิ การมสี ว่ นร่วม การมสี ว่ นร่วม คมุ้ ครองสทิ ธมิ นุษยชน สมา่ เสมอในการ มนษุ ยชนมากกวา่ 5 ปกปอ้ งคมุ้ ครองสทิ ธิ ปกป้องคุ้มครองสิทธิ นอ้ ยกว่า 3 ครง้ั บันทึกการมสี ่วน ครัง้ โดยมีหลกั ฐาน มนษุ ยชน 4 ครง้ั มนุษยชนมากกวา่ 3 หรอื ไม่มหี ลักฐาน ร่วมปกป้อง ประกอบชัดเจน โดยมหี ลักฐาน ครง้ั โดยมหี ลกั ฐาน ประกอบการบนั ทึก คมุ้ ครองสทิ ธิ ประกอบชัดเจน ประกอบชัดเจน กิจกรรม มนุษยชน นักเรยี นบันทึกการ นักเรียนบนั ทกึ การเข้า 3. การบอก เขา้ รว่ มกิจกรรมหรือ นักเรียนบันทึกการ นกั เรียนบนั ทกึ การ ร่วมกิจกรรมหรอื ประโยชนข์ อง พฤติกรรมการมสี ว่ น เขา้ ร่วมกจิ กรรมหรอื เข้าร่วมกิจกรรมหรอื พฤติกรรมการมีสว่ น การมีสว่ นร่วม ร่วมปกป้องสิทธิ พฤติกรรมการมีสว่ น พฤติกรรมการมีสว่ น รว่ มปกปอ้ งสิทธิ ปกปอ้ งคุ้มครอง มนุษยชนเป็นประจา ร่วมปกป้องสทิ ธิ รว่ มปกป้องสทิ ธิ มนษุ ยชนเป็นประจา สิทธิมนุษยชน แต่ละครง้ั มี มนษุ ยชนเป็นประจา มนุษยชนเปน็ ประจา แต่ละครง้ั มรี ะยะเวลา ระยะเวลาหา่ งกนั ไม่ แต่ละครัง้ มี แตล่ ะคร้งั มี หา่ งกนั มากกวา่ 3 เกนิ 1 สัปดาห์ ระยะเวลาห่างกันไม่ ระยะเวลาหา่ งกนั ไม่ สัปดาห์ อธบิ ายประโยชนข์ อง เกนิ 2 สัปดาห์ เกิน 3 สปั ดาห์ อธบิ ายประโยชน์ของ การมสี ่วนรว่ ม อธบิ ายประโยชนข์ อง อธบิ ายประโยชน์ของ การมีส่วนร่วมปกป้อง ปกปอ้ งคุม้ ครองสิทธิ การมีส่วนร่วม การมสี ว่ นรว่ ม คุ้มครองสทิ ธมิ นษุ ยชนที่ มนษุ ยชนที่มตี ่อ ปกปอ้ งคมุ้ ครองสทิ ธิ ปกป้องคุ้มครองสิทธิ มตี อ่ ตนเอง ครอบครัว ตนเอง ครอบครัว มนษุ ยชนท่มี ตี ่อ มนษุ ยชนท่มี ีต่อ ชมุ ชน ประเทศ และ ชุมชน ประเทศ และ ตนเอง ครอบครวั ตนเอง ครอบครวั สังคมโลกได้ถูกต้องน้อย สังคมโลกได้ถูกต้อง ชมุ ชน ประเทศ และ ชุมชน ประเทศ และ กวา่ 3 ดา้ น ชัดเจนทุกประเด็น สงั คมโลกได้ถกู ต้อง สังคมโลกได้ถูกต้อง มากกว่า 4 ดา้ น มากกว่า 3 ดา้ น เกณฑก์ ารตดั สนิ หมายถึง ดมี าก คะแนน 14 – 16 หมายถงึ ดี คะแนน 11 – 13 หมายถึง พอใช้ คะแนน 8 – 10 หมายถงึ ปรับปรงุ พอใช้ขึน้ ไป คะแนน ต่ากว่า 8 เกณฑ์การผ่าน ต้ังแตร่ ะดบั
๒๐๗ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 38 เรอ่ื ง ความหมายและความสาคัญของสิทธิมนษุ ยชน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 เรอ่ื ง สิทธิมนษุ ยชน เวลา 1 ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวชว้ี ัด กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ ส 2.1 ม.3/2 มีส่วนรว่ มในการปกปอ้ ง ข้ันนา 1. คลปิ วดิ ีโอเก่ยี วกับชาวโรฮงิ ญา 1. ครใู ห้นักเรยี นชมคลิปวิดีโอเกย่ี วกับชาวโรฮงิ ญา 2. บตั รคา “ความหมายของสิทธิ คุ้มครองผูอ้ ่ืนตามหลกั สทิ ธิมนุษยชน มนษุ ยชน” สาระสาคญั ภาระงาน/ช้นิ งาน - การนิยามความหมายของคาวา่ สทิ ธิ การดารงชวี ติ อยูใ่ นสังคมนัน้ มีความจาเปน็ ที่ มนษุ ยชน จะตอ้ งเข้าใจใน สทิ ธิ หน้าท่ี และเสรีภาพของ - การวิเคราะห์ความสาคญั ของสิทธิ ตนเอง เพ่ือรักษาผลประโยชน์ และธารงสันตสิ ขุ มนษุ ยชน ผา่ นการมสี ว่ นร่วมในการปกป้องคุ้มครองผู้อ่ืน ตามหลกั สิทธมิ นษุ ยชนต่อไป ท่ีมา : https://www.yyoouuttuubbee..ccoomm//wwaattcchh??vv==5544-X-sXFs9FR9hR1hk1k จากนั้นใหน้ ักเรียนร่วมกนั ตอบคาถามว่า ขอบเขตเนื้อหา 1) นักเรียนมีความคดิ เห็นและรู้สกึ อย่างไรเกีย่ วกับกรณีดังกลา่ ว 2) นกั เรียนคดิ วา่ เหตุการณ์ดงั กลา่ วเปน็ การละเมิดสิทธิมนุษยชน 1. ความหมายของสิทธิมนุษยชน หรือไม่ เพราะเหตุใด 2. ความสาคัญของสิทธิมนุษยชน 2. ครูเช่ือมโยงเขา้ สู่บทเรียน เร่อื ง ความหมายและความสาคัญของสทิ ธิ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มนุษยชน ดังนี้ “มนุษย์ทุกคนควรไดร้ บั สิทธขิ ้นั พ้ืนฐานโดยเทา่ เทียมกนั ดา้ นความรู้ สทิ ธิดังกลา่ วนน้ั มีความสาคัญต่อการดาเนินชีวติ มนุษย์เป็นอยา่ งมาก 1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของสทิ ธิ ดังนัน้ วนั นเ้ี ราจะศึกษาเกย่ี วกับเร่ือง ความหมายและความสาคญั ของสิทธิ มนษุ ยชนได้อยา่ งถูกต้อง มนุษยชน” 21907
๒๐๘ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 38 เรื่อง ความหมายและความสาคญั ของสิทธมิ นุษยชน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 เรอ่ื ง สิทธิมนษุ ยชน เวลา 1 ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ด้านทักษะและกระบวนการ ขัน้ สอน 1. นกั เรียนสามารถวเิ คราะห์ความสาคญั ของสทิ ธิ 3. ครใู ห้นกั เรยี นนิยามความหมายคาวา่ “สทิ ธมิ นุษยชน” โดยการให้ มนุษยชนได้ถูกต้องและมีเหตุผล นกั เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-6 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันส่งตวั แทนมา รบั บัตรคา “ความหมายของสิทธมิ นุษยชน” กลุ่มละ 4 บตั รคา จากนน้ั ให้ 2. นกั เรียนใช้กระบวนการกลุ่มในการศึกษา นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ศึกษาและเขียนความหมายของคาว่า สิทธิ ความหมายของสทิ ธิมนุษยชนได้ ม“สนิทษุ ธยิมชนนษุ ”ยลชงนใ”นกลรงะในดกาษระทดีค่ ารษูเตทรค่ี ียรมเู ตไวรยีใ้ หม้ไว้ให้ ดา้ นคุณลักษณะ 4. ครสู มุ่ ตวั แทนนักเรียนแต่ละกลมุ่ ใหน้ าเสนอความหมายของคาว่า “สทิ ธิ ม“สนทิุษธยมิ ชนนษุ ”ยชจนาก”นจั้นาคกรนแูน้ั ลคะรนแู ลักะเรนยี กั นเรรยี ่วนมรกว่ นั มสกรนั ุปสครปวุ าคมวหามหายมใาหยใไ้ หดไ้ใดจใ้คจวคาวมาทมี่ท่ี 1. นกั เรียนอภิปรายถงึ คุณคา่ และความสาคญั ของ สมบรู ณ์ ของสิทธมิ นุษยชนได้อยา่ งถูกต้องและมเี หตผุ ล 5. ครแู สดงข้อความตวั อยา่ งหลักการจากปฏญิ ญาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิ มนษุ ยชนข้อที่ 1 ดังนี้ “มนษุ ย์ทั้งปวงเกิดมามีอสิ ระและเสมอภาคกนั ใน ศักดิ์ศรีและสิทธิ ตา่ งในตน มีเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏบิ ัตติ อ่ กนั ดว้ ยจิตวิญญาณแหง่ ภราดรภาพ” จากนน้ั ใหน้ กั เรยี น (กลมุ่ เดิม) รว่ มกนั อภิปรายประเดน็ ต่อไปน้ี “สทิ ธมิ นุษยชนมีความสาคัญอย่างไร” 6. ครสู ุ่มเรียกนักเรยี นออกมานาเสนอผลการอภปิ รายหน้าชน้ั เรยี น โดยครู และนกั เรียนร่วมกนั เติมคาตอบใหส้ มบรู ณ์ ขัน้ สรุป 7. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายคณุ ค่าและความสาคัญของของสิทธิ มนษุ ยชน จากนนั้ ครสู รปุ ดังนี้ “การดารงชีวติ อยู่ในสังคมน้ัน มีความ จาเป็นท่ี จะต้องเข้าใจใน สทิ ธิ หนา้ ที่ และเสรภี าพของตนเอง เพ่ือรกั ษา 21908
๒๐๙ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 38 เร่ือง ความหมายและความสาคญั ของสิทธิมนษุ ยชน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 เรอ่ื ง สิทธมิ นษุ ยชน เวลา 1 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ผลประโยชน์ และธารงสนั ติสุข ผา่ นการมีส่วนรว่ มในการปกปอ้ งคุ้มครอง ผ้อู น่ื ตามหลกั สิทธมิ นุษยชนต่อไป” 209 199
210 2100 7. การวัดและประเมนิ ผล ส่ิงทต่ี ้องการวัด/ประเมนิ วธิ ีการ เคร่ืองมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑-.ความหมายของสทิ ธมิ นษุ ยชน - การนยิ าม - บตั รคา/คาถาม - นักเรียนนยิ ามความหมาย ๒-.ความสาคญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชน ความหมาย - คาถาม ถกู ต้อง มคี าสาคญั (Keywords) - การตอบคาถาม ครบถ้วน - นักเรียนตอบคาถามได้ถูกต้อง ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ และมีเหตุผลรอ้ ยละ 80 ๑-.การวิเคราะห์ความสาคญั ของ สทิ ธมิ นุษยชน - การตอบคาถาม - คาถาม - นักเรียนตอบคาถามได้ถูกต้อง ๒-.กระบวนการทางานกลุ่ม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต - ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพดขี ึ้นไป ด้านคุณลักษณะ การทางานกล่มุ พฤติกรรม ๑-.อภปิ รายถงึ คุณค่าและ - การอภิปราย ความสาคญั ของของสทิ ธิ - ประเด็นการ - นกั เรียนทง้ั หมดสามารถตอบ มนุษยชน กอาภริปอรภาปิ ยร/าคยา/คถ�ำาถมาม คาถามไดร้ ้อยละ80 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................. ............. ลงช่ือ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วันท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย ...................................................................................................................................................................... ..... ลงช่อื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ............
211 2101 บตั รคา “ความหมายของสทิ ธิมนุษยชน” สิทธิมนุษยชน หมายถงึ สิทธิของมนษุ ย์ ตดิ ตัวมาแต่เกดิ ของมนษุ ย์ทุกคน เป็นกระแสโลกอกี กระแส หนึ่ง องค์การสหประชาชาติได้ผลักดันให้มวลประเทศสมาชิกให้การยอมรับ รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ยอมรับในหลักการแห่งการคุ้มครองในสิทธิมนุษยชน เพ่ือปฏิบัติ ให้เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกโดยการจัดต้ังองค์การข้ึนมา เพื่อ ตรวจสอบดูแล เรียกว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประกอบด้วย ประธานกรรมการหนึ่งคน และกรรมการอืน่ อีกสิบคน ซ่ึงพระมหากษัตรยิ ท์ รงแตง่ ตงั้ ขึ้นตามคาแนะนาของวุฒิสภา ทีม่ า: เดชา สวนานนท์ สทิ ธิมนุษยชน หมายความว่า ศักด์ิศรคี วามเปน็ มนุษย์ สทิ ธิเสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลท่ี ได้ทไ่ี ดร้ ับการรับรอง หรือคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทย ตามกฎหมายไทย ตามสนธิสญั ญาที่ ประเทศไทยมสี นธิสัญญาท่ีประเทศไทยมีพันกรณที ี่จะตอ้ งปฏบิ ัติตาม ทม่ี า: พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 3 สิทธิมนุษยชน หมายถึง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือศักดิ์ศรีความเป็นคนเป็นส่ิงท่ีทุกคนมีติดตัวมา แต่กาเนิด โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมืองหรือแนวคิดอื่นๆ เผ่าพันธุห์ รือสังคม ทรัพย์สนิ ถิ่นกาเนดิ หรอื สถานะอน่ื ๆ เช่น คนเราทุกคนมีสิทธิไดร้ บั การยอมรบั นับถือ วา่ เปน็ บคุ คลตามกฎหมายไมว่ า่ ท่ไี หน เมอื่ ไหร่ ท่มี า: รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ พระราชบญั สญิทัตธิคิมณนะุษกรยรชมนกาหรสมิทาธยิมถนึงุษยสชิทนธแิ หศง่ ักชดาต์ิศิ รพีข.ศอ.2งค5ว4า2มมเปาต็นรมาน3ุษไยด์ใ้ หท้ค่ีมวีตาามมหธมรายรขมอชงาสติทิซธ่ึงมิ ตนิดุษตยัวชมนนไวุษว้ ยา่ ์มาแต่ เกิด รวมถึง สิทธิ เสรภี าพ และความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับการรับรองหรือคุ้มครองตามกฎหมาย ซ่ึง มกี ารรบั รองไวโ้ ดยทว่ั โลกใหก้ ารยอมรบั ทม่ี า: หนงั สอื สทิ ธขิ องเธอ สิทธขิ องฉนั สิทธิของเรา โดยสานกั งานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๒๑๒ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 39 เรอื่ ง สทิ ธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนญู เวลา 1 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 เรอ่ื ง สิทธิมนุษยชน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษาฯ ตวั ช้วี ดั กจิ กรรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ ส 2.1 ม.3/2 มีสว่ นร่วมในการปกป้อง ขน้ั นา 1. รัฐธรรมนญู แห่งราชอาญาจักรไทย หมวด 1. ครูสมุ่ ผู้เรยี น 2–3 คน ตอบคาถาม ดังน้ี ที่ 3 สิทธแิ ละเสรีภาพของปวงชนชาวไทย คมุ้ ครองผ้อู ืน่ ตามหลักสทิ ธิมนุษยชน 2. กิจกรรม “ใช่หรือมวั่ ...ชัวร์หรือไม่” 1) นักเรียนตอ้ งการประกอบอาชีพใดในอนาคต เพราะเหตใุ ด ภาระงาน/ชนิ้ งาน สาระสาคัญ 2) ประเทศไทยมกี ารใหเ้ สรีภาพในการเลือกประกอบอาชพี - การสรุปขอ้ มูลจากการศึกษารฐั ธรรมนูญ รฐั ธรรมนญู เปน็ กฎหมายสูงสุดของไทย ซึ่งได้ หรือไม่ อยา่ งไร - การระบุสิทธแิ ละเสรภี าพของประชาชนท่ีได้ 2. ครูเชอื่ มโยงเข้าสู่บทเรียน เรือ่ ง สทิ ธแิ ละเสรภี าพของ มี ก า ร บั ญ ญั ติ ไว้ ใน รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ จ า ก ก า ร ท า มีการบัญญัติเกี่ยวกบั สทิ ธิและเสรภี าพของปวงชน ประชาชนตามรฐั ธรรมนญู ดงั น้ี “รฐั ธรรมนูญ เปน็ กฎหมายสูงสุด กจิ กรรม “ใช่หรอื ม่วั ...ชวั รห์ รอื ไม่” ชาวไทยไวเ้ พ่ือเป็นแนวปฏิบัติและคุม้ ครอง ของไทย ซ่งึ ไดม้ ีการบัญญตั ิเก่ียวกบั สทิ ธแิ ละเสรภี าพของปวงชน ประชาชนในประเทศ ชาวไทยไวเ้ พ่ือเป็นแนวปฏบิ ัติและคุม้ ครองประชาชนในประเทศ ขอบเขตเน้ือหา รายละเอียดดังกล่าวมีความจาเปน็ อย่างยิง่ ตอ่ การดาเนินชีวติ ใน 1. สิทธแิ ละเสรีภาพของประชาชนตามที่ไดม้ ีการ สังคม ดงั น้นั วนั นเ้ี ราจะศกึ ษาเกี่ยวกบั สทิ ธิและเสรีภาพของ บัญญตั ิไวใ้ นรฐั ธรรมนญู หมวด 3 สทิ ธิและเสรภี าพ ประชาชนตามรฐั ธรรมนูญ” ของปวงชนชาวไทย ขั้นสอน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3. ครูแบ่งนกั เรยี นเปน็ กลุม่ ๆ ละ 3 - 4 คน โดยคละ ด้านความรู้ ความสามารถ ออกมาจับฉลากเลือกหวั ข้อทีจ่ ะศึกษา ดังน้ี 1. สรุปความรูเ้ กีย่ วกบั สิทธิและเสรีภาพของปวงชน 1) ความเสมอภาค ชาวไทยได้ 2) สทิ ธแิ ละเสรีภาพส่วนบคุ คล 2. สิทธิและเสรภี าพของปวงชนชาวไทยท่มี กี าร 3) กระบวนการยุติธรรม บญั ญัติไว้ในรัฐธรรมนูญได้ 4) สทิ ธใิ นทรพั ยส์ ิน 2102
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 39 เรื่อง สิทธิและเสรภี าพของประชาชนตามรฐั ธรรมนูญ ๒๑๓ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5 เรอื่ ง สิทธมิ นุษยชน เวลา 1 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศึกษาฯ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ด้านทักษะและกระบวนการ 5) สิทธเิ สรภี าพในการประกอบอาชีพ 6) เสรภี าพในการแสดงความคิดเหน็ ของบุคคลและสื่อมวลชน 1. สรุปความรเู้ กย่ี วกับสิทธิและเสรีภาพของปวงชน 7) สทิ ธเิ สรภี าพในการศึกษา ชาวไทยไดถ้ ูกต้อง 8) สทิ ธใิ นการไดร้ ับบริการสาธารณสขุ และสวัสดิการจากรฐั ดา้ นคณุ ลกั ษณะ 9) สทิ ธิในขอ้ มลู ขา่ วสารและการร้องเรียน 1. นกั เรียนอภปิ รายถึงคุณคา่ และความสาคญั ของ 10) เสรภี าพในการชุมนุมและการสมาคม การบญั ญัติเกี่ยวกับสทิ ธแิ ละเสรภี าพของปวงชน 4. ครสู มุ่ ผ้เู รียนแตล่ ะกล่มุ นาเสนอคาตอบที่ได้จากการศึกษา ชาวไทยไวใ้ นรฐั ธรรมนญู ได้อย่างมเี หตผุ ล คน้ คว้า จากน้ันครูและนกั เรียนรว่ มกนั เพ่มิ เตมิ ให้สมบูรณ์ 5. นกั เรยี นทากิจกรรม “ใชห่ รอื ม่วั ... ชวั รห์ รือไม่” โดยนกั เรยี น แต่ละกล่มุ แขง่ กนั ตอบคาถามวา่ ข้อความที่ครกู าหนดให้ “ใช่” หรอื “ไม่ใช่” สิทธิและเสรภี าพท่ีได้มีการบัญญัติไวใ้ นรฐั ธรรมนูญ โดยครูบนั ทึกคะแนนของผูเ้ รียนแต่ละกลุ่มไว้บนกระดานดา ขั้นสรุป 6. ครถู ามคาถามนักเรยี น ดังนี้ “การบัญญตั เิ กี่ยวกับสิทธแิ ละ เสรภี าพของประชาชนไว้ในรัฐธรรมนญู มีประโยชน์และ ความสาคัญอย่างไรบ้าง” 2103
214 2104 7. การวัดและประเมินผล สิง่ ทีต่ ้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือท่ใี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ - การสรุปความรู้ - คาถาม - ตอบคาถามและสรปุ ๑สิท. สธแิทลธะแิ เลสะรเีภสารพีภาขพอขงปองรปะชระาชานชน - การตอบคาถาม ตามท่ีได้มีการบญั ญัติไวใ้ น - การระบุสทิ ธแิ ละ - กจิ กรรม “ใช่ ความรไู้ ด้ถกู ต้อง รฐั ธรรมนูญ เสรีภาพของประชาชน หรือม่วั ...ชัวร์ ครบถ้วน - หมวด 3 สทิ ธแิ ละเสรภี าพของปวง ในรัฐธรรมนูญ ชนชาวไทย สงั เกตพฤตกิ รรม หรือไม่” - ตอบคาถามในกจิ กรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ แบบสังเกต ถูกต้องมากกวา่ ๑- .กการาใรชใชก้ ้กรระะบบววนนกกาารรกกลลุ่มุ่ม - การตอบคาถาม/ พฤติกรรม รอ้ ยละ 80 ดา้ นคุณลกั ษณะ การอภิปราย - คาถาม/ ระดบั คุณภาพผา่ น ๑- .ออภภปิ ิปรารยายถถงึ คงึ คณุ ุณคคา่ า่แแลละะคคววาามมสสาาคคญั ญั ปรปะรเะดเ็นดกน็ าร เกณฑร์ ะดบั ดี ของการบญั ญัตเิ กีย่ วกบั สิทธแิ ละ กาอรภอิปภริปารยาย เสรีภาพของปวงชนชาวไทยไว้ใน - นักเรยี นอภปิ รายถงึ รฐั ธรรมนญู คุณค่าและความสาคัญ ของการบญั ญัติ 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ....................................................................................................................................... .................................... ลงช่ือ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................)
216 21056 คาถามสาหรบั กิจกรรม “ใช่หรือมวั่ ...ชวั รห์ รือไม่” (..............) 1. ชายและหญิงมสี ิทธเิ ท่าเทียมกัน (..............) 2. ทหาร ตารวจ ข้าราชการ ย่อมมีสิทธิและเสรภี าพเช่นเดียวกบั บคุ คลท่ัวไป (..............) 3. ในคดีอาญาใหส้ ันนิษฐานไว้ก่อนว่าผตู้ ้องหามีความผิด (..............) 4. บุคคลย่อมมเี สรภี าพในการประกอบพิธกี รรมตามหลักศาสนาของตน (..............) 5. เจา้ ของกจิ การหนังสือพิมพห์ รือสื่อมวลชนอื่นตอ้ งเปน็ บุคคลสญั ชาติไทย (..............) 6. การเปิดเผยข้อมูลที่บคุ คลอื่นส่อื สารถงึ กนั กระทาได้โดยไมต่ ้องมีคาสัง่ ศาล (..............) 7. การถอนสัญชาตขิ องบุคคลซึ่งมใิ ช่สญั ชาติไทยโดยการเกิดสามารถกระทาได้ (..............) 8. บคุ คลย่อมมเี สรภี าพในการชุมนมุ โดยสงบและปราศจากอาวุธ (..............) 9. บคุ คลยากไรย้ ่อมมีสทิ ธิได้รับการบรกิ ารสาธารณสุขของรฐั โดยไม่เสียคา่ ใช้จ่าย (..............) 10. บุคคลย่อมมเี สรภี าพในการรว่ มกนั จัดต้ังพรรคการเมืองตามวิถที างการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข
215 221056 วนั เทฉ.่ีล..ย.......เดอื น..........พ.ศ................. คาถามสาหรบั กิจกรรม “ใชห่ รอื มว่ั ...ชัวร์หรือไม่” (.....ใ.ช...่ .....) 1. ชายและหญิงมีสิทธิเทา่ เทียมกนั (....ใ..ช..่......) 2. ทหาร ตารวจ ข้าราชการ ย่อมมสี ิทธิและเสรีภาพเชน่ เดียวกับบุคคลทว่ั ไป (.....ไ.ม...่ใ.ช...่ .) 3. ในคดีอาญาใหส้ ันนิษฐานไวก้ ่อนวา่ ผูต้ ้องหามีความผดิ (....ใ..ช...่ .....) 4. บุคคลย่อมมเี สรภี าพในการประกอบพธิ กี รรมตามหลกั ศาสนาของตน 5. เจ้าของกจิ การหนงั สือพิมพห์ รอื สอ่ื มวลชนอ่ืนต้องเป็นบุคคลสัญชาตไิ ทย (.....ใ..ช...่ ....) 6. การเปิดเผยข้อมลู ที่บุคคลอ่ืนสื่อสารถึงกนั กระทาได้โดยไมต่ ้องมีคาส่งั ศาล (....ใ..ช..่......) 7. การถอนสัญชาตขิ องบุคคลซึ่งมิใชส่ ัญชาติไทยโดยการเกิดสามารถกระทาได้ (....ไ.ม...่ใ.ช...่ ..) 8. บคุ คลย่อมมเี สรภี าพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ 9. บุคคลยากไร้ย่อมมีสทิ ธิได้รบั การบริการสาธารณสขุ ของรฐั โดยไมเ่ สยี ค่าใช้จ่าย (.....ใ..ช..่.....) 10. บุคคลยอ่ มมเี สรภี าพในการร่วมกนั จดั ต้ังพรรคการเมืองตามวถิ ีทางการปกครอง (.....ใ..ช..่.....) ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ (.....ใ..ช..่.....)
๒๑๗ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 40 เรอ่ื ง แนวทางการมีส่วนร่วมปกป้องคมุ้ ครองสิทธิมนุษยชน เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 เรอ่ื ง สิทธิมนุษยชน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 กล่มุ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษาฯ ตวั ชว้ี ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ ส 2.1 ม.3/2 มสี ว่ นรว่ มในการ ขนั้ นา 1- . วดี ที ศั น์ เร่อื ง Rich Child vs. Poor 1. ครใู ห้นกั เรยี นชมคลิปวดิ โี อ เรอ่ื ง Rich Child vs. Poor Child Experiment Child Experiment ปกปอ้ งคุ้มครองผู้อน่ื ตามหลักสิทธิ มนษุ ยชน 2- . รูป ภ าพ เก่ียวกับสิท ธิมนุ ษ ยช น จานวน 5 ภาพ สาระสาคญั ทีม่ า : https://wwwww..yyoouuttuubbee..ccoomm//wwaattcchh??vv==j_j_CCnnQQFFr3r3JqJqgg 3- . สลากหมายเลข 1-5 แนวทางการการมสี ว่ นรว่ มในการ จากน้ันให้นักเรียนรว่ มกนั ตอบคาถามในประเด็นดังนี้ 4- . ส มุ ด บั น ทึ ก “ Human Rights 1) นกั เรยี นมีความรู้สึกอยา่ งไรจากการรบั ชมคลปิ วิดโี อ Defender Diary” ปกป้องคมุ้ ครองสทิ ธมิ นุษยชนจะช่วยให้ 2) ในสังคมไทยมีเหตุการณด์ งั กล่าวเกดิ ข้ึนหรอื ไม่ อย่างไร ภาระงาน/ช้ินงาน คนในสงั คมปฏบิ ตั ิตนตอ่ กันอยา่ ง 3) นักเรยี นเห็นดว้ ยหรอื ไม่กับการแสดงพฤตกิ รรมของบุคคลในคลิปวิดโี อ - การสร้างแผนผังความคิด เรื่อง แนว คานงึ ถงึ ศักดิ์ศรคี วามเป็นมนุษย์ 4) นกั เรียนจะแสดงออกถงึ การมีสว่ นร่วมในการป้องกันไมใ่ ห้เหตุการณ์ดังกล่าว ท างการมี ส่วน ร่วมใน การป กป้ อง ขอบเขตเน้อื หา คุม้ ครองสิทธิมนุษยชน แนวทางการการมีส่วนร่วมในการ เกดิ ขนึ้ ในสงั คมไทยไดห้ รอื ไม่ อย่างไร - การบันทึกพฤติกรรมการมีส่วนร่วมใน ปกปอ้ งค้มุ ครองสิทธิมนุษยชน 2. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน เร่ือง แนวทางการมีส่วนร่วมปกป้องคุ้มครองสิทธิ การปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ มนุษยชน ดังนี้ “แม้ประเทศไทยจะมีการบัญญัติกฎหมายคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของ นักเรียนลงในสมุดบันทึก “Human ด้านความรู้ Rights Defender Diary” 1. นักเรียนสามารถระบแุ นวทางการมี ส่วนร่วมในการปกป้องคมุ้ ครองสิทธิ คนในประเทศ แต่ก็ยังคงปรากฏปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนข้ึนในสังคมไทย ดังนั้น วันน้ี มนษุ ยชนไดถ้ ูกต้อง ด้านทกั ษะและกระบวนการ เราจ ะร่ว ม กั น ศึ ก ษ าเก่ี ย ว กั บ แ น ว ท างก ารมี ส่ ว น ร่ วม ใน ก ารป ก ป้ อ งคุ้ ม ค รองสิ ท ธิ 1. นกั เรียนใชก้ ระบวนการกลุ่มนาเสนอ มนษุ ยชน” แนวทางการปกปอ้ งคมุ้ ครองสิทธิ 2107
๒๑๘ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 40 เรื่อง แนวทางการมสี ว่ นร่วมปกป้องคมุ้ ครองสิทธิมนุษยชน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 เรื่อง สิทธิมนุษยชน เวลา 1 ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษาฯ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 มนุษยชนในรูปแบบแผนผังความคดิ ได้ ขน้ั สอน ถกู ต้องและเหมาะสม 3. ครูแสดงภาพจานวน 5 ภาพ ดงั นี้ 2. นกั เรียนมีส่วนรว่ มในการปกปอ้ ง คมุ้ ครองผอู้ ่ืนตามหลกั สทิ ธิมนุษยชน ภาพที่ 1 สิทธเิ ด็ก ด้านคุณลกั ษณะ ท่มี า : http://ployycchhoomm..bbllooggssppoott.c.coomm//2200171/70/20/123/-113.h-t1m.hltml 1. อภิปรายคณุ ค่าและความสาคัญของ การมสี ่วนรว่ มในการปกปอ้ งคุ้มครอง ภาพที่ 2 สทิ ธแิ รงงานข้ามชาติ สทิ ธมิ นุษยชนได้อย่างมีเหตผุ ล ที่มา : http://wwwww..kkoommcchhaaddlluueekk.n.neett//nneewwss//ccrirmimee/1/15658678777 ภาพที่ 3 สิทธทิ างการศกึ ษา ที่มา : http://transbordernews.in.th/home/?p=16388 2108
๒๑๙ กหหกลนลน่มุ่วุ่มว่ สยสยากากราราะระรกเกเรราายีียรรนเนเรรรรยียี ทู้้ทู นนี่่ี ร5ร๕ูู้้ เเสสรรังือ่งัือ่ คคงงมมศศสสึกกึ ิทิทษษธธาามิมิ ศศนนาาษุษุ สสแยยนนผชแชาานนผนแแกนลลากะะรวาวจรัฒัฒัดจนนกัดธาธกรรทรารเรร่มีรมมเียารนยี:รนhทู้ รttี่ทู้ p๔ี่ :๐4//0tเรraเือ่ รnงื่อsงbแoนแrวนdทวeารทรrงnาาากยeยงาวwวกริชิชาsมาร.าiีสnมสสว่.สี tังนังhว่ คคร/นมมh่วรศoมศ่วกึmกึปมษษกปeาปา/กฯฯ?้อปpง้อ=คง11้มุค66คุ้ม33รค8อ8รงอ8สงิทสธิทิมธนิมษุนยุษชยนชน เเชชวว้ัน้ันลลมมาาธััธ1๑ยยมมชชศศ่วัวั่ กึึกโโษมมษงางาปปีทีท่ี่ี 3๓ ภาพท่ี 4 สิทธสิ ตรี ท่มี า : http://www.komchadluek.net/news/scoop/25500448877 4. จากนนั้ ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 3-4 คน ออกมาจบั ฉลากหลือกหมายเลขของภาพท่ี 1-5 และรว่ มกันระดมความคดิ เกี่ยวกับประเดน็ ด้านสทิ ธิมนษุ ยชนในรปู ภาพทีก่ าหนดให้ และนาเสนอ “แนวทางการมสี ว่ นร่วมปกปอ้ งคุ้มครองสิทธิมนษุ ยชน” จากนั้นบันทกึ คาตอบ และนาเสนอในรปู แบบแผนผังความคดิ ลงในกระดาษ 5. นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาแผนผงั ความคิดมาแปะหนา้ ชน้ั เรยี น ครูสุ่มตวั แทนนักเรียน แต่ละกลุ่มให้อธบิ ายแผนผงั ความคิดของกลุ่มตนเอง 6. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปความรู้ เรอ่ื ง แนวทางการมีสว่ นรว่ มปกป้องคุม้ ครองสทิ ธิ มนุษยชนให้สมบรู ณ์ ขน้ั สรปุ 7. นักเรียนร่วมกันอภิปรายในประเด็น “การมีส่วนร่วมปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนมี ความสาคญั อยา่ งไร และเป็นหนา้ ท่ขี องบุคคลใดในสงั คม” 8. ครูมอบหมายให้นักเรียนบันทึกพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการปกป้องคุ้มครองสิทธิ มนุษยชนลงในสมุดบันทึก “Human Rights Defender Diary” และส่งสมุดบันทึกเม่ือส้ิน ภาคเรียน 2109
220 2210 7. การวัดและประเมนิ ผล สิง่ ทีต่ ้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือท่ใี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ก- ากราตรอตบอบคาคถ�ำ าถมาม - คาถาม ต- อตบอคบาคถ�ำ าถมาถมูกถตูก้ตออ้งง แ๑น. วแทนาวงทกาางรกกาารรมมสี ีสว่ ่วนนรรว่ ว่มมในในกกาารร ร-ะรดะับดคบั ุณคณุ ภภาพาพผ่าผนา่ น ปกป้องค้มุ ครองสิทธิมนุษยชน ก- ากราสรรสา้ รงา้ แงผแนผนผงัผงั - เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑร์ ะดบั ดี คคววาามมคคิดิด แผนผังความคิด ร-ะรดะบัดคับุณคุณภภาพาพผ่าผนา่ น ด้านทกั ษะ/กระบวนการ เกณฑ์ระดับดี -๑.กการาใรชใช้กก้รระะบบววนนกกาารรกกลลุม่ ุ่ม ส- ังสเังกเตกพตพฤตฤกิตรกิ รมรม แ- บแบสบังสเงักเตกพตพฤตฤติกิกรรมรม ร-ะรดะบัดคบั ุณคุณภภาพาพผ่าผนา่ น -๒ก. การานรนาเำ�สเสนนออ เกณฑ์ระดับดี -๓ก. การามรมสี สี่วนว่ นรว่ร่วมมปปกกปป้อ้องงคคุม้ ้มุ คครรอองงสสทิ ทิ ธธิ ิ ต- อตบอคบาคถำ�าถมาม ค- าคถ�ำ าถมาม มนุษยชน ดา้ นคณุ ลักษณะ ก- ากราอรภอปิภปิรารยาย -ปปรระะเดเดน็ ็นกกาารรออภภปิ ิปรราายย อ- ภอปิภรปิ ารยาไยดไ้ด้ -๑.ออภภิปปิรารยายคคณุ ณุ คค่าา่แแลละะคคววาามมสสาาคคัญัญ ของการมีสว่ นรว่ มในการปกป้อง คุ้มครองสิทธมิ นุษยชน 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................ ............... ลงชอื่ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันที่..........เดอื น..........พ.ศ.............
221 สมุดบนั ทึก Human Rights Defender Diary วนั เดอื น ปี พฤตกิ รรมการมีสว่ นรว่ มปกป้อง ผรู้ บั รอง คมุ้ ครองสทิ ธิมนษุ ยชน ความรสู้ กึ จากการมีสว่ นร่วมปกป้องคุ้มครองสทิ ธมิ นษุ ยชน ชือ่ ............................................นามสกุล........................ ............................................................................................................................. .. เลขท่.ี ..................ชน้ั ..................... ............................................................................................................................. .. นกั เรียนคิดว่าการปกปอ้ งคุ้มครองสทิ ธมิ นษุ ยชนมคี วามสาคญั อย่างไร โรงเรยี น................................................................. ............................................................................................................................. .. ............................................................................................................................... ............................................................................................................................. .. ตวั อย่าง สมุดบันทกึ Human Rights Defender Diary 2211
๒๒๓ ๒๒๓ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 41 เรื่อง องค์กรดา้ นสิทธิมนุษยชน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง สทิ ธิมนษุ ยชน แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 41 เรือ่ ง องคก์ รด้านสทิ ธมิ นษุ ยชน เวลา 1 ชวั่ โมง หกลนมุ่วสยากราะรกเรายี รนเรรียทู้ นี่ ร5ู้ เสรัง่ือคงมศสกึ ิทษธามิ ศนาุษสยนชานและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษาฯ เชวั้นลมาัธ1ยมชศัว่ ึกโษมงาปที ี่ 3 คสสคกตตคตขตคลนนุม้้มุุมุ้้มาาวัวัอรรชชคคคคมุ่บตตะะรรรรี้วี้ว่อ่อสเสสแแสสขออออดัดักกานนาาตงงงง22รันันววคคผผสสะเ..ออททน11ัญญัู้ออู้ทิิทกยยาา้อืนื่ื่นธธา่า่ามมงงหิมมิรตตงงกก..เนน33าาาคคาารมมษุุษาารร//ีย22นนหหกกนยยาางึงึลลชชรมมถถรรักักนนู้ มมีสีสึึงงสสจจสศศ่ว่วสีสี ทิิทะะังนนัักก่ว่วธธชชคนนดดรรมิิมว่่วมว่่ว์ิศ์ิศรรยยนนมมศว่่วรรใใุุษษใใมมกึีคีคหหนนยยใใษวว้คค้ นนกกชชาาานนาากกมมนนใใรราาศเเนนปปปปรราสสปป็น็นกกสงังั ปปกกมมนคคปปอ้อ้นนามมงง้้ออษุษุแปปงงลยยฏฏะ์์ ิบิบวัตตััฒิิ นธห2ขป1ก“จ“หจปขกแ12ราารออลิจิจ้นันั้มมรร....กกมะะงงะกกาานนคคนนนคคโโยยพรรรรกัักาายย์์กกั้นั้นรรถถูเเูัฒเเคคชชมมรรรรึงงึใใสสื่่ืออหหนียียอดดกก้ัน้นัมมนงง้นา้้าาาคคสนนโโททรรกัักๆๆยย์์กกิทเเสสเเาารรงงรรรกกิิเเธททียียเเยีียกกใใขขิจิจิมธธดดนนนนย่ีีย่ ้้าากกนิิมมรรชชววสสรรุษนนูู้้กกว่่วู่บูบ่รรุุยษษยยบัับมมททชกกยยออเเ““นนันัชรชรงง55คคีียยสสนนซนน์์กกืบบืรมมคค่ึงรราคคีีคคปาาเเดดยรรน้้นใใววัจ้า้าวบบอ่ืื่อาาแแจนนิชงง”้้”มมลลุบสสาสสะะออโโัทิิทนาาตตดดงงสธธมคคคออยยังมิิมีทััญญ์์กกคคบบคนน้ังรรรรมคคตตุษุษอดดนููนาาศ่่อองยย้้าาาาถถึกกกคนนชชเเาาษสสาา์กนนสสมมรรนนาริทิทววททปปฯออรา่า่ธธีลลีกกะภภคคิิมมะะหปปาาาานนคคพพ้้ใวใออาาุุษษบบ่างงหหใใยย้ดด้งบบรรคคปชชงัังืื้้ออุุ้้มมกกนนรคคลละดดเ่า่ารรทววัังงออนนศงง้ีี้ สือ่ /แหลง่ เรียนรชู้ น้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ของอคบ์กเขรดต้าเนสอ้ื ิทหธามิ นษุ ยชน แอลงคะ์กพรัฒภนาคาสริัทฐธแิมลนะุษอยงคช์กนรซเอ่ึงกปชัจนจุบแันตม่ลีทะอ้ังองคงค์ก์กรมรรี ะาหยลว่าะงเอปียรดะกเทาศร ส1ือ่ ./ใแบหกลิจง่ กเรียรมนร5ู้ คาใบ้ อง1ค)์กอรงดค้า์กนรสรทิ ะธหมิ วนา่ งุษปยรชะนเทศ 12-. ใโบปกรจิ แกกรรมน5าคเสาในบอ้ PowerPoint เรื่อง อทงาคง์ากนรภทาี่อคารจัฐแตแกลตะอ่างกคัน์กรดเอังกนชั้นนวันแนต้ีเ่ลระาอจงะคศ์กึกรษมาีรเากยี่ยลวะกเับอีอยดงคก์การ อ2ง-.คก์โปรดร้าแนกสรทิ มธนมิ นาเุษสยนชอน PowerPoint เรื่อง อ3ง.คก์ ิจรดก้ารนรมสิทภธาิมพนปษุ รยศิ ชนนา ภ3า-.รกะิจงากนรร/ชม้นิ ภงาาพนปรศิ นา ภ- ากราะรงราะนบ/ุชชื่อน้ิ องงาคน์กรและลักษณะการทางาน -ขอกางรอรงะคบ์กุชรื่อดอ้างนคส์กิทรแธิมละนลุษักยษชณนะใกนากริจทการงรานม ขภอาพงปอรงิศคน์การด้านสิทธิมนุษยชนในกิจกรรม ภาพปริศนา 12) องค์กรรภะาหยวในา่ งปปรระะเทเทศศ ทด้านงาสนทิ ทธิมี่อนาจุษแยตชกนต”่างกัน ดังน้ันวันนี้เราจะศึกษาเกี่ยวกับองค์กร 2) อ- งอคง์กคร์กภราภยาใคนรปฐั ระเทศ - องค์กรภเอากคชรนฐั ขด้าันนสสอทิ นธมิ นุษยชน” ข3้นั. คสรอนูนาเสนอขอ้ มูลองคก์ รด้านสทิ ธมิ นษุ ยชน ตราสัญลักษณ์ จุดปร-ะอสงงคค์กก์ ราเอรเกรชียนนรู้ 3ลัก. ษคณรนู ะากเสารนทอาขงอ้ ามนูลของคแก์ตรล่ ดะ้าอนงสคทิ์กรธมิ โนดษุยใยชช้โนปรตแรการสมัญนลากัเสษนณอ์ จดุด้านปคระวสามงครก์ู้ ารเรยี นรู้ ลPoักษwณerะPกoาinรทt างานของแต่ละองค์กร โดยใช้โปรแกรมนาเสนอ ด1า้. นจคากวกาจิมกรรู้ รมภาพปริศนา นักเรยี นสามารถระบุ 4Po. wครeแู rPลoะiนnักtเรียนรว่ มกนั อภปิ รายว่ามีองค์กรด้านสทิ ธิมนุษยชน 1ชื่อ. อจงาคก์กริจดก้ารนรสมิทภธาิมพนปุษริศยนชานไนดกั ้ถเกู รตยี ้อนงสมาามกากรวถา่รระ้อบยุ 4อืน่. คๆรแูอลีกะหนรักือเไรมยี ่ น(ใรห่วเ้ มวลกาันนอักภเิปรียรนายไดวา่้สมบื อี คงน้ คข์ก้อรมดลู้าจนาสกทิ อธินมิ เนทุษอยรชเ์ นน็ต ลชะื่ออ8ง0ค์กรด้านสิทธิมนุษยชนได้ถูกต้องมากกว่าร้อย อป่ืนระๆมาอณกี ห5รือนไามท่ ()ี ใหเ้ วลานักเรยี นได้สืบคน้ ข้อมูลจากอินเทอร์เนต็ 2ละ. จ8า0กกจิ กรรมภาพปริศนา นักเรยี นสามารถ 5ปร. ะนมักาเณรียน5ทนาากทิจ)ีกรรม “ภาพปริศนา” โดยครนู าเสนอภาพตรา 2อธ. บิ จายกลกกัจิ ษกรณระมกภาารพทปารงาิศนขาอนงกัอเงรคยี ์กนรสดา้ มนาสริทถธิ 5. นกั เรยี นทากจิ กรรม “ภาพปรศิ นา” โดยครนู าเสนอภาพตรา มอธนิบุษายยชลนักไษดณ้ถกู ะตก้อางรมทาากงกานว่าขรอ้องยอลงคะ์ก๘ร๐ดา้ นสิทธิ 2222212
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 เรอ่ื ง สิทธิมนุษยชน แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 41 เรอื่ ง องค์กรด้านสิทธมิ นษุ ยชน ๒๒๔ เวลา 1 ช่ัวโมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษาฯ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 3 ดมา้ นนุษทยกั ชษนะไดแถ้ลูกะกตร้อะงบมาวกนกกวา่ารร้อยละ 80 สัญลักษณ์บางส่วนขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนจานวน 5 องค์กร ๑ด.า้ นกัทเกัรียษนะสแาลมะากรรถะใบชว้ทนกั กษาะรการสืบคน้ หาคำ�ตอบ ให้นักเรยี นร่วมกนั ตอบคาถาม ดังนี้ เ1ก.่ียนวกั บัเรชียือ่ นแสลาะมลากั รษถใณชะ้ทกกั าษระทก�ำ างราสนืบขคอน้งอหงคาคก์ ารตดอา้ นบ 1) ภาพดงั กลา่ วเปน็ สญั ลักษณ์ขององคก์ รใด สเกิที่ยธวมิ กนบั ษุ ชยอ่ื ชแนลไะดลถ้ กั ูกษตณ้องะการทางานขององค์กรด้าน 2) องค์กรดงั กลา่ วมลี ักษณะการดาเนนิ งานอยา่ งไรบา้ ง ดส้าทิ นธคมิ ุณนุษลยักชษนณไดะถ้ ูกต้อง ขั้นสรปุ ๑ด.้านกัคเณุ รยี ลนกั รษะณบถุะึงคุณคา่ และความสำ�คัญขององค์กร 6. นักเรียนร่วมกันตอบคาว่าว่า “องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน มี ด1้า.นนสักิทเธริมียนรษุ ะยบชุถนงึ ไคดุณ้อยคา่ งแมลเี ะหคตวุผาลมสาคญั ของ ความสาคัญอย่างไรบา้ ง” องค์กรดา้ นสิทธมิ นษุ ยชนได้อย่างมเี หตผุ ล 2213
225 2214 7. การวดั และประเมนิ ผล ส่งิ ทตี่ ้องการวดั /ประเมนิ วธิ กี าร เคร่ืองมือท่ใี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน - การตอบคาถาม - คาถาม -ตอตบอบคาคถ�ำ าถมามถถกู กูตต้ออ้งง 1) องค์กรระหว่างประเทศ 2) องค์กรภายในประเทศ - การระบุช่อื องค์กรและ - กจิ กรรม ภาพ -ตอตบอบคาคถ�ำ าถมามในในกกิจิจกกรรมรม ลกั ษณะการทางานของ ปรศิ นา ถกู ต้องมากกว่าร้อยละ - องคก์ รภาครฐั องค์กรด้านสิทธิ 80 - องคก์ รเอกชน มนษุ ยชน ด้านทกั ษะ/กระบวนการ - ทกั ษะการสืบคน้ ส- ังสเังกเตกพตพฤตฤกิตริกรมรรม แ- บแบบสงัสเังกเตกต -ระรดะับดบัคุณคุณภภาพาพผผา่ น่านเกเกณณฑฑ์ ์ - การใช้กระบวนการกลุม่ พฤตกิ รรรมม ระดับดี ด้านคณุ ลักษณะ - ระบุถงึ คุณค่าและความสาคัญ ก- ากราตรอตบอบคาคถ�ำ าถมาม ค- าคถ�ำ าถมาม -ตอตบอบคาคถ�ำ าถมามถถูกูกตต้ออ้งง ขององค์กรดา้ นสทิ ธิมนุษยชน 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................................................ ............... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วนั ที.่ .........เดือน..........พ.ศ.............
226 2215 ตวั อยา่ งภาพสาหรบั การทากิจกรรม “ภาพปริศนา” คาช้ีแจง ครูนาเสนอภาพต่อไปนี้ด้วยโปรแกรม PowerPoint ให้นักเรียนร่วมกันตอบคาถามว่า ภาพต่อไปน้ี เกยี่ วข้องกับองค์กรดา้ นสิทธมิ นุษยชนองค์กรใด ภาพนาเสนอ ภาพเฉลย ช่ือองค์กร คณะมนตรสี ทิ ธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ มลู นิธคิ วามรว่ มมือ เพื่อต้านการค้าหญงิ องค์การนิรโทษกรรมสากล คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แหง่ ชาติ มูลนธิ กิ ระจกเงา
๒๒๖ 2216 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล รหัสวชิ า ส 23101 รายวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม กลุ่มสาระฯสังคมศึกษาฯ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2562 เวลา 6 ชั่วโมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1.มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ัด สาระหนา้ ทพ่ี ลเมือง วฒั นธรรมและการดาเนนิ ชวี ิตในสงั คม มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบัตติ นตามหนา้ ทข่ี องการเปน็ พลเมืองดี มีค่านิยมทีด่ ีงามและ ธารงรกั ษาประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ดารงชวี ิตอยูร่ ่วมกันในสงั คมไทยและสงั คมโลกอย่าง สันตสิ ุข ตัวช้ีวดั ส 2.1 ม.3/3 อนรุ ักษว์ ัฒนธรรมไทยและเลือกรับวฒั นธรรมสากลทเ่ี หมาะสม 2.สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ในแตล่ ะสงั คมยอ่ มมีวัฒนธรรมท่ีแตกต่างกันออกไปตามปจั จัยทางภมู ศิ าสตร์ ความเช่ือ การเมอื งการ ปกครอง และบริบททางเศรษฐกจิ และสังคม 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ความสาคัญของวัฒนธรรมไทย ภูมปิ ัญญาไทย ทักษะ/กระบวนการ อธิบายความสาคญั ของวฒั นธรรมไทย ภมู ิปญั ญาไทยได้อยา่ งถูกต้อง เจตคติ เหน็ คณุ ค่าความสาคัญของวัฒนธรรมสากลทส่ี ่งผลตอ่ ภมู ิปญั ญาไทย 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะกระบวนการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน 4. รักความเป็นไทย 6. การประเมนิ ผลรวบยอด ช้ืนงานหรอื ภาระงาน รายงานการอนรุ กั ษ์วัฒนธรรมไทยและเลือกรบั วฒั นธรรมสากล
2217 ๒๒๗ รายงานการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมไทยและเลอื กรบั วัฒนธรรมสากล 7. เกณฑก์ ารประเมินผลชิ้นงานหรือภาระงาน แบบประเมินรายงานการปฏิบตั ิตนในการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และเลอื กรบั วัฒนธรรมสากล รายการประเมิน ดมี าก (4) คาอธบิ ายระดับคุณภาพ / ระดบั คะแนน ปรบั ปรงุ (1) ดี (3) พอใช้ (2) 1. การอนรุ ักษ์ มีพฤติกรรมท่ีแสดงถึง มีพฤติกรรมท่ีแสดง มีพฤติกรรมที่แสดงถึง มพี ฤติกรรมท่ีแสดงถึง วัฒนธรรมและ การอนรุ ักษว์ ฒั นธรรม ถึงการอนุรกั ษ์ การอนุรักษ์วฒั นธรรม การอนุรักษ์วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาไทย และภมู ปิ ัญญาไทย วฒั นธรรม และภูมิ และภมู ิปัญญาไทย และภมู ปิ ัญญาไทย พรอ้ มแสดงหลกั ฐาน ปญั ญาไทยพร้อม พรอ้ มแสดงหลักฐาน พร้อมแสดงหลกั ฐาน ประกอบ 4 แสดงหลักฐาน ประกอบ 2 ประกอบ 1 พฤติกรรมขึน้ ไป ประกอบ 3 พฤติกรรม พฤติกรรม พฤติกรรม 2. การเลือกรบั มีพฤติกรรมท่ีแสดง มีพฤติกรรมท่ีแสดง มพี ฤติกรรมท่ีแสดง มีพฤติกรรมท่ีแสดง วัฒนธรรมสากล ถงึ การเลือกรบั ถึงการเลือกรบั ถงึ การเลือกรับ ถงึ การเลือกรบั วฒั นธรรมสากล วฒั นธรรมสากล วัฒนธรรมสากล วัฒนธรรมสากล อยา่ งเหมาะสม อยา่ งเหมาะสม อยา่ งเหมาะสม อยา่ งเหมาะสม 4 พฤตกิ รรมขึน้ ไป 3 พฤติกรรม 2 พฤติกรรม 1 พฤติกรรม เกณฑก์ ารตัดสนิ คะแนน 8 หมายถึง ดมี าก คะแนน 6-7 หมายถึง ดี คะแนน 4-5 หมายถึง พอใช้ คะแนน ต่ากวา่ 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ เกณฑ์การผา่ น ตั้งแตร่ ะดับ ดี ข้ึนไป
๒๒๘ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 42 เรอ่ื ง วัฒนธรรมไทย เวลา 1 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 เร่ือง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตัวชว้ี ดั กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้ ส 3.1 ม.3/3 อนรุ ักษ์วฒั นธรรมไทยและ ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น 1) วดี ีทัศน์การแสดงโขน เลือกรับวฒั นธรรมสากลที่เหมาะสม 1. ครใู หน้ กั เรียนดวู ีดีทศั นก์ ารแสดงโขน และตอบคาถาม ดังน้ี (https://www.youtube.com/watc สาระสา�ำ คัญ h?v=aRKAZv99LLPPqq88) วถิ ีการดาเนนิ ชีวิตทดี่ ีงามย่อมมีการปฏบิ ัติสืบ ต่อกนั มา อย่างมีแบบแผนจนเกดิ เปน็ มรดกท่มี ี ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถ่ินตนและมีการ ผสมผสานกบั วฒั นธรรมจากภายนอกนามาซึ่ง แนวทางในการเลือกรับและปฏิบตั ิอย่างเหมาะสม ขอบเขตเน้อื หา ความหมายและความสาคัญของวฒั นธรรม ทีม่ า : https://www.youtube.com/watch?v=aRKAZv99LLPPqq88 2) ห้องสมดุ 1) จากวดี ที ัศน์นกั เรยี นเห็นสิ่งใดบ้าง ( การแสดงโขน การรา การ ภาระงาน/ชน้ิ งาน ไทยและภมู ิปัญญาไทย การอภปิ รายความหมาย ความสาคัญ จุดประสงค์การเรยี นรู้ กแตาร่งแกตายง่ ก) าย) และลกั ษณะของวฒั นธรรมและภูมิ ดา้ นความรู้ 2) จากท่นี กั เรยี นกลา่ วมาเกี่ยวข้องกบั คนไทยอยา่ งไร (เป็นลกั ษณธ ปัญญาไทย 1. นกั เรยี นบอกความหมายของคาว่าวฒั นธรรม และภูมิปญั ญาไทยได้ เฉพาะของประเทศไทย วัฒนธรรมไทย) 3. ครูกลา่ วเช่ือมโยงคาตอบของนกั เรยี นว่า “ประเทศไทยเปน็ 2. นกั เรยี นอธบิ ายลักษณะของวฒั นธรรมไทยได้ ประเทศหน่ึงทีม่ วี ฒั นธรรมทีเ่ ปน็ เอกลกั ษณ์ของชาตเิ หมือนกันกบั ประเทศ ด้านทกั ษะและกระบวนการ อ่ืน ๆ ทวั่ โลก โดยวฒั นธรรมของแต่ละประเทศย่อมมีความแตกต่างกันไป 1. นักเรยี นใช้กระบวนการกลุ่มวเิ คราะห์ ตามลกั ษณะวถิ ชี วี ติ ความเป็นอยขู่ องคนในชาติ ดงั นน้ั ในวันน้ีเราจะเรยี นรู้ ความสาคญั ของวฒั นธรรม ในเร่อื งวัฒนธรรมไทย” 2218
๒๒๙ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 42 เรื่อง วัฒนธรรมไทย เวลา 1 ช่ัวโมง หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6 เรอื่ ง วัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ขนั้ สร้างองคค์ วามรู้ 1. นกั เรียนเห็นความสาคญั ของวัฒนธรรมและภูมิ 4. ครเู ขยี นคาว่าวัฒนธรรม บนกระดาษ ต่อมาสมุ่ นกั เรยี นมาเขยี น ปญั ญาไทย ความหมายของวฒั นธรรมตามท่ตี นเองเขา้ ใจ จานวน 5 คน และให้ สมาชกิ ในหอ้ งท่มี ีความเหน็ แตกตา่ งออกมาเพิม่ เติม 5. ครูร่วมกับนักเรียนสรปุ ความหมายของวัฒนธรรม (วถิ ีการดาเนิน ชีวติ ที่ดีงาม ย่อมมกี ารปฏิบัติสบื ตอ่ กันมา อย่างมแี บบแผนจนเกดิ เปน็ มรดก ทีม่ ีความเปน็ เอกลักษณเ์ ฉพาะท้องถ่นิ ตนและมีการผสมผสานกบั วฒั นธรรมจากภายนอกนามาซง่ึ แนวทางในการเลือกรบั และปฏบิ ัติอยา่ ง เหมาะสม) 6. ครอู ธบิ ายถงึ ประเภทของวัฒนธรรมทัง้ 2 ประเภทคือวัฒนธรรมท่ี เปน็ วัตถุและวัฒนธรรมทีไ่ มใ่ ช่วัตถุให้นักเรยี นฟัง 7. ครแู บ่งกระดานออกเป็น 2 ส่วน สว่ นทีห่ นึ่งเขียนหัวขอ้ วัฒนธรรม ทเี่ ปน็ วตั ถุ ส่วนที่ 2 เขยี นหวั ข้อวฒั นธรรมที่ไม่ใช่วัตถุ พร้อมทง้ั แบง่ นักเรียนในหอ้ งออกเป็น 2 ทีม ให้นกั เรียนแต่ละทมี ต่อแถวตอนเรยี ง 1 ทีมที่ 1รบั ผิดชอบหวั ข้อวัฒนธรรมทเี่ ปน็ วัตถุ ทมี ท่ี 2 รับผดิ ชอบหัวขอ้ วฒั นธรรมท่ไี ม่ใช่วัตถุ โดยกิจกรรมมกี ตกิ าดังนี้ 7.1) ใหน้ กั เรียนเขยี นข้อความตามหัวขอ้ ท่ตี นเองได้รับมอบหมาย 1 คนมสี ทิ ธิเขยี นเพียงครัง้ ละ 1 ข้อความ เมอื่ เขยี นเสรจ็ ใหไ้ ปต่อดา้ นหลัง หากเขยี นไมไ่ ดใ้ หส้ ่งปากกาให้เพอ่ื นคนตอ่ ไปแล้วไปต่อดา้ นหลัง 2219
๒๓๐ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 42 เร่ือง วัฒนธรรมไทย เวลา 1 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 เรือ่ ง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 กลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 7.2) เมือ่ ครูใหส้ ญั ญานหมดเวลาใหว้ างปากกาพร้อมกลบั เขา้ ที่ ตนเอง 8. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันตรวจคาตอบ และเตมิ เต็มส่วนทีข่ าดหาย 9. นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 4-5 คน ตามความสมัครใจ ให้แตล่ ะ กล่มุ ร่วมกันวเิ คราะห์ความสาคัญของวัฒนธรรมไทย ขั้นสรปุ ความคิดรวบยอด 10. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนาความรทู้ ี่ได้ศึกษามานาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น พร้อมท้งั ร่วมกันสรปุ ในประเด็นความสาคัญของวัฒนธรรมไทย (ช่วยให้เกิด ความสามัคคี กาหนดรปู แบบของสถาบนั แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของ ชาติ สรา้ งระเบยี บวนิ ัย ชว่ ยแก้ปญั หา) 2230
2312231 7. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ สิง่ ทีต่ ้องการวัด/ประเมนิ -กกาารรตตออบบคคาำ�ถถาามม -คคา�ำ ถถาามม -ตตออบบคคา�ำ ถถาามมถถูกูกตต้อ้องง ด้านความรู้ ส-ังเสกังตเกพตฤพตฤกิ ตรรกิ มรรกมาร -แแบบบบสสงั งั เเกกตต - นักเรียนตอบคาถาม 1. นกั เรียนบอกความหมาย ทา�ำ งานกลมุ่ พฤติกรรมการท�ำางาน ไดถ้ ูกต้อง ของคาว่าวัฒนธรรมไทยได้ 2. นักเรียนอธบิ ายลักษณะ -กกาารรตตออบบคคาำ�ถถาามม กลมุ่ - ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ของวัฒนธรรมไทยได้ คุณภาพดีข้ึนไป ดา้ นทักษะ/กระบวนการ 1. นกั เรียนใชก้ ระบวนการ -คคาำ�ถถาามม - นักเรียนทั้งหมด กลมุ่ วเิ คราะห์ความสาคญั ของ สามารถตอบคาถามได้ วฒั นธรรมไทยได้ ร้อยละ80 ด้านคณุ ลักษณะ 1. นกั เรยี นเหน็ ถึงคุณค่าและ ความสาคัญของวฒั นธรรม ไทยได้อยา่ งมเี หตผุ ล 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชื่อ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันที.่ .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ....................................................................................................... .................................................................... ลงชื่อ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............
๒๓๒ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 43 เรื่อง ภูมปิ ัญญาไทย เวลา 1 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 เรอ่ื ง วัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตวั ชวี้ ัด กจิ กรรมการเรียนรู้: การจัดการเรยี นรแู้ บบเผชิญสถานการณ์ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ ส 3.1 ม.3/3 อนรุ ักษ์วัฒนธรรมไทยและ ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1-. ผลติ ภณั ฑ์ท้องถ่ิน 1. ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นดผู ลติ ภัณฑ์ในท้องถ่นิ จากนน้ั ถามผู้เรียนว่า 2-. ผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งป้ันดนิ เผา เลือกรบั วฒั นธรรมสากลที่เหมาะสม 3-. ภาพข่าวเก่ียวกบั เรื่องวฒั นธรรมและภมู ิ สาระสาคัญ “นักเรยี นคดิ วา่ ผลติ ภัณฑ์ที่นักเรียนเห็นนีส้ ามารถบอกอะไรกับนกั เรียนได้ ปัญญาพื้นบ้าน บา้ ง” (ความรู้ ความสามารถของผ้สู ร้าง) “นักเรยี นคดิ วา่ ความรู้ ภาระงาน/ชน้ิ งาน รากฐานแห่งความเชอื่ ความสามารถ และ ความสามารถน้นั มากจากไหน” (การเรียนรู้และถา่ ยทอดจากบรรพบรุ ุษ) - วฒั นธรรม เมอื่ นามาบรู ณาการปรับเปลย่ี นให้ เหมาะสมกับสภาพสงั คมและคา่ นยิ มในท้องถ่นิ 2. จากคาตอบของผู้เรียนผสู้ อนอธบิ ายเชื่อมโยงสูเ่ ร่ืองทีจ่ ะเรียน คือ ตา่ ง ๆ นั้น ยอ่ มเกิดเปน็ ภูมิปัญญาทีม่ ีความเป็น เร่อื ง ความรู้พื้นฐานเก่ียวกับภูมปิ ญั ญาไทย พร้อมทั้งเขียนชื่อเรอ่ื งบน เอกลกั ษณ์ทรงคุณคา่ แกร่ ักษาสืบต่อไป กระดาน ขอบเขตเนอื้ หา ขน้ั สร้างองคค์ วามรู้ 3.ผ้สู อนเขียนคาสาคัญ 3 คา คือ 1) ประสบการณแ์ ละองคค์ วามรู้ ความหมายและความสาคญั ของภูมปิ ญั ญา 2) การถ่ายทอด และ 3)การแกไ้ ขปญั หาในชีวติ บนกระดาน จากนน้ั สมุ่ ไทย ผเู้ รยี น เพอ่ื ออกมาเรียบเรยี งใหไ้ ด้ความหมายของภูมิปัญญาทส่ี มบรู ณแ์ ละ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ผ้สู อนสรปุ อธิบายเพิ่มเตมิ อกี ครั้งหนงึ่ ดา้ นความรู้ 4.ผ้สู อนอธิบายความหมายของคาวา่ “ภูมิปัญญาท้องถน่ิ ” และ 1. นกั เรียนให้ความหมายของภมู ิปัญญาพ้นื บ้าน “ภมู ปิ ัญญาชาติ” ใหผ้ เู้ รยี นฟัง ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 5. แบ่งผ้เู รียนออกเป็น 2 กล่มุ จากนน้ั ใหผ้ ้เู รียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั ยกตวั อยา่ งภมู ปิ ัญญาของกลุม่ กลุ่มละ 1 ชนดิ จากนน้ั ตง้ั คาถามเพื่อถาม ด้านทกั ษะและกระบวนการ กลุ่มตรงขา้ มในประเด็น ดงั นี้ (ทักษะการทางานกลมุ่ ) 1. นักเรยี นวเิ คราะห์ระดับของภมู ปิ ญั ญาไทยได้ 1) ภูมปิ ญั ญาท่ียกตวั อย่างนัน้ เป็นภูมปิ ญั ญาระดบั ใด อย่างถูกต้อง 2232
๒๓๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 43 เรื่อง ภมู ิปัญญาไทย เวลา 1 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 เรอื่ ง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ด้านคุณลกั ษณะ 2) สง่ิ ท่ีแสดงถงึ ความเป็นภูมปิ ญั ญา คือ สิง่ ใด 1. นักเรยี นเห็นคณุ คา่ ของภมู ิปญั ญาอย่างมี 6. ผูส้ อนใหผ้ ้เู รยี นดผู ลิตภัณฑเ์ คร่ืองปนั้ ดินเผาและถามผ้เู รียนดว้ ย เหตุผล คาถามดังน้ี 1) นักเรียนคิดวา่ เครอ่ื งป้ันดินเผาเปน็ ภมู ปิ ัญญาหรือไม่ อย่างไร (เป็น เพราะ เคร่ืองปน้ั ดนิ เผาเกิดจากการเรยี นร้ขู องบรรพบรุ ุษและสบื ทอดมา จนถึงปัจจบุ ัน) 2) นักเรยี นคิดวา่ เครอ่ื งป้นั ดินเผามีความสาคัญอย่างไร (เปน็ สิง่ ท่ี แสดงถงึ เอกลักษณ์ของความเป็นไทยและแสดงถึงองคค์ วามรู้ของคนไทย) 3) นกั เรยี นคดิ ว่าเครื่องป้ันดินเผาช่วยพัฒนาสังคมไทยไดอ้ ยา่ งไร (บง่ บอกเรื่องราวในประวตั ิศาสตร์ แสดงเอกลกั ษณ์ความเป็นไทยและใน ปจั จบุ นั ยงั เปน็ สินคา้ ทีส่ าคัญของภาคอตุ สาหกรรมอีกด้วย) 4) นักเรียนคิดว่า เคร่ืองปัน้ ดนิ เผาเป็นภูมิปญั ญาในระดบั ใดเพราะ เหตุใด (เปน็ ภูมิปัญญาของชาติ เพราะ คนในชาติยอมรับและเกย่ี วข้องกบั ประวัติศาสตรค์ วามเจริญของประเทศ) 7.ผู้สอนวาดภาพสามเหล่ยี มบนกระดานและเขยี นคาวา่ “สงิ่ แวดล้อม” “สงิ่ เหนือธรรมชาติ” “สังคม” จากนั้นให้ผู้เรียนร่วมกัน ระดมความคดิ วเิ คราะห์ความสัมพนั ธข์ องคาท้ัง 3 คากบั ภมู ิปญั ญาเปน็ เวลา 5 นาที จากนั้นผู้สอนสุ่มเรียกผ้เู รยี นคร้งั ละคนเพอ่ื ให้ออกมาแสดง ความคดิ เห็นหนา้ ชัน้ เรยี น จนกระทั่งได้คาตอบท่ีต้องการและผู้สอนอธิบาย 2233
๒๓๔ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 43 เรือ่ ง ภูมิปัญญาไทย เวลา 1 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 6 เร่อื ง วัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 กลุม่ สาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม เพม่ิ เติม (สภาพแวดลอ้ ม บริบททางสงั คม และความเช่ือในส่ิงเหนือ ธรรมชาต)ิ ขัน้ สรุปความคดิ รวบยอด 8. ผสู้ อนส่มุ ผู้เรียน 1 คน และถามผเู้ รียนวา่ “นักเรียนคดิ ว่า ภมู ิปัญญาคืออะไร” (รากฐานแหง่ ความเชอ่ื ความสามารถ และวฒั นธรรม เมื่อนามาบูรณาการปรบั เปล่ยี นใหเ้ หมาะสม กับสภาพสงั คมและค่านิยมใน ทอ้ งถิ่นตา่ งๆน้นั ) “ภูมปี ญั ญามคี วามสาคัญอยา่ งไร” (มีความเป็น เอกลักษณ์ ทรงคณุ ค่า แกร่ ักษาสบื ต่อไป) 2234
235 2235 7. การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครื่องมือทใี่ ช้ เกณฑ์ สิง่ ทต่ี ้องการวัด/ประเมนิ -กกาารรตตออบบคคาำ�ถถาามม -คคาำ�ถถาามม -ตตออบบคคา�ำถถาามมไไดด้ถถ้ ูกกู ตต้ออ้ งง ด้านความรู้ -กกาารรตตออบบคคา�ำ ถถาามม 1. นกั เรียนให้ความหมายของ -กกาารรตตออบบคคา�ำ ถถาามม -คคา�ำ ถถาามม -ตตออบบคคา�ำถถาามมไไดดถ้ ้ถูกกู ตต้อ้องง ภูมปิ ญั ญาพ้ืนบ้านได้อย่าง ถูกต้อง -คคา�ำ ถถาามม -ตตออบบคคา�ำถถาามมไไดด้ถ้ถูกกู ตต้อ้องง ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 1. นกั เรียนวเิ คราะหร์ ะดับของ ภมู ปิ ญั ญาไทยได้อยา่ งถกู ต้อง ดา้ นคณุ ลกั ษณะ 1. นักเรยี นเหน็ คุณคา่ ของภูมิ ปัญญาอยา่ งมเี หตุผล 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชอ่ื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ.............
๒๓๖ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 44 เรือ่ ง การอนรุ กั ษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย เวลา 1 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 เรือ่ ง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ ตัวชว้ี ดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1-. ภาพวัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย ส 3.1 ม.3/3 อนุรักษว์ ฒั นธรรมไทยและ ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรียน ภาระงาน/ชิ้นงาน เลือกรบั วัฒนธรรมสากลทีเ่ หมาะสม 1. ครูสอบถามนักเรียนเพ่ือทบทวนความรู้เดิมจากทเ่ี รียนมา กิจกรรม “วัยรนุ่ ยุคใหม่ หัวใจนัก สาระสาคัญ 2. ครูนาภาพวัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทยทข่ี ้นึ ชอื ของประเทศไทย อนรุ กั ษ์” ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเลอื ก วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญา ลว้ นมีการเปลยี่ น มาใหนักเรยี นดเู ชน่ ภาพอาหาร วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทยท่สี นใจ แเปปลลยี่ งนตแามปปลัจงตจาัยมตป่างจั ๆจอยั ยตูเ่าสงมๆอยดเู่ ังสนมนั้ อสดงั คังนม้นั สังคม กลุม่ ละ 1 ชนดิ โดยบอกประโยชน์ จึงมีความจาเป็น ทีจ่ ะต้องอนุรกั ษ์ เพ่ือคง และคุณคา่ ของวฒั นธรรมและภูมิ เอกลักษณ์ของวัฒนธรรมตนเอง และพฒั นาให้มี ปัญญาไทยท่กี ลุ่มเลือกมา ความงดงามย่งิ ๆ ขนึ้ สืบไป ขอบเขตเนือ้ หา 1) การสืบทอดและเปลี่ยนแปลงของวฒั นธรรม ท่ีมา : https://www.maeban.co.th... ไทย ภาพประเพณีลอยกระทง 2) แนวทางการอนุรักษ์วฒั นธรรมและภูมิปัญญา ไทยและการมีส่วนร่วมในการอนุรกั ษ์ 3) วธิ กี ารมสี ว่ นรว่ มอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภูมิ ปญั ญาไทย จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ ที่มา : https://www.shopback.co.th... 1) นกั เรยี นอธิบายลกั ษณะการสืบทอดและการ กเปาลรเย่ี ปนลแี่ยปนลแงปวลฒั งนวธัฒรนรมธรไทรมยไทดย้ถไกู ดตถ้ ้อูกงตอ้ ง 2236
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 44 เรอ่ื ง การอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย ๒๓๗ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 6 เร่ือง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล เวลา 1 ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวชิ าสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 2) นักเรียนบอกแนวทางการอนรุ กั ษ์วัฒนธรรม ภาพประเพณสี งกรานต์ และภูมปิ ญั ญาไทยท่ีถูกต้องและเหมาะสมได้ ท่มี า : http://event.sanook.com/day/songkran/ 3) นักเรียนยกตัวอย่างการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและ ประเพณีบุญบง้ั ไฟ ภมู ปิ ญั ญาไทยได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ทมี่ า : http://travel.trueid.net/detail/MeJLGwlJzvN ด้านทกั ษะและกระบวนการ 1) นักเรียนวเิ คราะห์แนวทางการอนรุ ักษ์ 3. นักเรยี นร่วมกันตอบคาถามในประเด็นต่อไปน้ี วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทยท่ีถกู ต้องและ 1) จากภาพเป็นวฒั นธรรมที่มีชือ่ วา่ อะไร และเปน็ วัฒนธรรมใน เหมาะสมได้ ด้านคณุ ลกั ษณะ พน้ื ทีใ่ ดของประเทศไทย 1. นกั เรยี นบอกคุณคา่ ของการอนรุ กั ษ์วัฒนธรรม 2) คดิ ว่าวฒั นธรรมดงั กล่าว เปน็ ของดง้ั เดมิ หรือไม่ ถ้าไม่ และภูมปิ ัญญาไทยได้ 2. นักเรยี นบอกแนวทางการมีสว่ นร่วมในการ เพราะเหตุใดวฒั นธรรมบางอย่างจงึ ได้เปล่ียนแปลงไปจากเดมิ กอานรรุ อกั นษรุ ์วักัฒษนว์ ธฒั รนรมธรแรลมะแภลูมะปิ ภญั ูมญิปัญาไญทยาไทดย้อไยด่าอ้งย่าง ถูกต้อง 2237
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 44 เรือ่ ง การอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย ๒๓๘ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 เรื่อง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล เวลา 1 ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 4. ครเู ช่ือมโยงเข้าส่บู ทเรยี นว่า “เม่ือกาลเวลาผา่ นไป วัฒนธรรมบางอยา่ งอาจเกดิ การเปล่ยี นแปลงหรอื ปรับปรงุ กันได้ แตจ่ ะ เปน็ ไปในทางทีด่ หี รือไมน่ ้ันข้นึ อยู่กับประชาชนในพน้ื ที่เป็นผู้ลงมือ เพราะฉะน้นั หัวข้อการเรียนในวันนี้ คือการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย” ขน้ั สรา้ งองค์ความรู้ 5. ครบู รรยาย เรือ่ ง“หลกั การอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย” เพือ่ ใหข้ ้อมลู แก่นักเรียนในการทากิจกรรมต่อไปและนาผ้เู รียนอภปิ รายใน ประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี 1) เพราะเหตุใดวัฒนธรรมบางอยา่ งจงึ เปลยี่ นแปลงไปในทางไมด่ ี หรอื เกิดผลเสยี ต่อสงั คม 2) นักเรียนคิดว่าประเทศไทยควรใหค้ วามสาคัญกับการอนุรกั ษ์ วัฒนธรรมดังเดิมเอาไวอ้ ย่างเครง่ ครัด หรอื การปรับวฒั นธรรมให้เข้ากับยุคสมยั 6. ให้นกั เรียนทากจิ กรรม “วัยรนุ่ ยคุ ใหม่ หวั ใจนักอนุรักษ์” โดย แบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มกลมุ่ ละ 4-5 คน โดยใหผ้ เู้ รยี นเลือกเอาวัฒนธรรม และภูมปิ ญั ญาไทยมา 1 อยา่ ง โดยกาหนดใหเ้ ป็นสินคา้ อาหาร หรือ ผลติ ภัณฑ์ต่าง ๆ จากนน้ั ให้นักเรยี นวาดภาพและระดมสมองโดยบอกข้อดี ประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ของวัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทยท่ีกลุ่มเลอื กมา 7. ใหน้ กั เรียนนาไปแปะบนกระดานหน้าชัน้ เรียน 2238
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 44 เร่ือง การอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย ๒๓๙ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 เร่อื ง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล เวลา 1 ชว่ั โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยกาหนดให้ตัวแทนกลุ่ม 1-2 คน รับบทบาทเป็น ผ้ขู ายสินคา้ ดังกล่าว และให้ผเู้ รยี นที่เหลือเปน็ ลูกค้าโดยวเิ คราะห์สนิ คา้ จากกการนาเสนอแนว ทางการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทยของสินคา้ กลุ่มนัน้ ๆ 8. นักเรียนและครรู ว่ มกันสรปุ แนวทางการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิ ปญั ญาไทย ขัน้ สรปุ ความคิดรวบยอด 9. ครูถามนักเรียน ดงั น้ี 1) วฒั นธรรมและภมู ิปัญญามกี ารเปลี่ยนแปลงหรอื ไม่ (มีการ เมปกี ลายี่รนเปแลปย่ี ลนงแตปาลมงปตจั าจมัยปตจั ่าจงยั ตๆา่ องยๆู่เสอมยอเู่ สแมลอะแเมล่ือะมเมีกอ่ื ามรกีเปารลเ่ยี ปนลแย่ี ปนลแงปเลรงาเจรึงาจงึ จาเปน็ ทต่ี อ้ งอนรุ ักษ์ 2) เราอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาเพ่ืออะไร (เพอื่ คง เอกลักษณ์ของวฒั นธรรมตนเอง และพฒั นาให้มคี วามงดงามย่งิ ๆ ข้นึ สืบไป) 2239
240 2340 7. การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครอ่ื งมือท่ใี ช้ เกณฑ์ สิ่งท่ตี ้องการวดั /ประเมิน -กกาารรตตออบบคคา�ำ ถถาามม กากราทรทากำ�กจิ กิจกรรมรม -คคา�ำถถาามม -ตตออบบคคา�ำถถาามมถถกู ูกตต้ออ้ งง ดา้ นความรู้ -กกาารรตตออบบคคา�ำ ถถาามม กิจกกิจรกรมรรม 1) การสืบทอดและการ เปล่ียนแปลงวฒั นธรรม -กกาารรตตออบบคคา�ำ ถถาามม -คคา�ำถถาามม -ตตออบบคคาำ�ถถาามมไดได้ถถ้ ูกกู ตต้อ้องง 2) แนวทางการอนุรักษ์ และมีเหตุผล วัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย ด้านทักษะ/กระบวนการ -คคา�ำถถาามม -ตตออบบคคาำ�ถถาามมไดได้ถถ้ ูกกู ตต้อ้องง 1) วิเคราะห์แนวทางการ และมีเหตผุ ล อนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภมู ิ ปัญญาไทย ด้านคุณลกั ษณะ 1) บอกคุณคา่ ของการอนุรักษ์ วัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 2) แนวทางการมสี ่วนร่วมใน การอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิ ปญั ญาไทย 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชอ่ื ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วันท่ี..........เดอื น..........พ.ศ............. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ.............
๒๔๑ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 45 เรอ่ื ง วัฒนธรรมสากล เวลา 1 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 เร่อื ง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรยี นร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตัวช้วี ดั กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ ส 3.1 ม.3/3 อนุรกั ษ์วฒั นธรรมไทยและ ข้นั นาเขา้ ส่บู ทเรยี น 1. วดี ิทศั นเ์ กยี่ วกับเรอ่ื งความสาคัญ 1. นักเรียนร่วมกนั ดูวดี ิทศั นเ์ กีย่ วกับเร่ืองความสาคญั ของการใช้ ของการใชภ้ าษาอังกฤษ เลือกรับวฒั นธรรมสากลท่เี หมาะสม (https://www.youtube.com/watc สาระสาคัญ ภาษาองั กฤษ จากน้ันครตู ้ังคาถามในประเดน็ ต่อไปน้ี h?v=CPQNH8jYgfM) วฒั นธรรมสากล คือ ความเจรญิ งอกงามที่ ส่งตอ่ จากรุ่นหนึง่ ถงึ อกี รนุ่ หน่ึง อกี ท้ังยังเปน็ ที่ ยอมรบั กนั ทั่วไปอยา่ งกวา้ งขวาง ขอบเขตเนอ้ื หา 2. วดี ีทัศน์เรอ่ื งความสาคญั ของ วัฒนธรรมสากล ที่มา : (https://www.youtube.com/watch?v=CPQNH88jYjYggfMfM ภาษาองั กฤษในการทางาน 1) ความสาคัญของวัฒนธรรมสากล 1) จากวดี ที ัศน์นกั เรยี นได้รบั รขู้ ้อมูลเกีย่ วกับเรอื่ งใดบ้าง (https://www.youtube.com/watc 2) วฒั นธรรมสากลทีส่ าคัญในยุคปจั จุบนั (ความสาคัญของภาษาองั กฤษ ในการรับเข้าทางาน การได้ท่องเท่ยี ว) h?v=mxOly0DLE8Y) จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2) นักเรยี นคดิ วา่ ภาษาอังกฤษมีความสาคัญในการเรียนหรือไม่ ดา้ นความรู้ อยา่ งไร (มีความสาคัญ ชว่ ยให้เรยี นร้ไู ดห้ ลากลายมากขน้ึ ) 1) นักเรียนอธิบายความหมายและทมี่ าของ 3) ภาษาอังกฤษถอื เปน็ วัฒนธรรมทส่ี าคัญในยคุ ปจั จุบนั หรอื ไม่ วัฒนธรรมสากลได้อย่างถูกต้อง เพราะเหตุใด(มีความสาคัญเป็นอย่างมาก เพราะในอนาคตทุกประเทศต้อง 2) นกั เรียนอธบิ ายความสาคัญของวัฒนธรรม ทางานร่วมกนั หากไม่ได้ภาษาอังกฤษการเขา้ ทางานจะยาก) สากลได้ 2. ครกู ล่าวเชอ่ื มโยงคาตอบของผู้เรียนว่า “ในปัจจุบันมวี ัฒนธรรม 3. ภาพตัวอยา่ งเก่ียวกบั วฒั นธรรม ดา้ นทักษะและกระบวนการ สากลมากมายท่ีเข้ามาเกย่ี วข้องกบั การดาเนนิ ชวี ติ การท่ีเราจะเรยี นรู้หรอื สากล 1) นกั เรียนวเิ คราะห์วฒั นธรรมสากลท่มี ี ความสาคญั ในยุคปจั จุบันได้อยา่ งถกู ต้อง 2341
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 597
Pages: