เรอ่ื งทค่ี ณะกรรมาธกิ าร พิจารณาเสร็จแล้ว ครง้ั ท่ี 26-27 (สมัยสามัญประจาปคี รัง้ ทห่ี น่งึ ) วนั ท่ี 2-3 กนั ยายน 2563
รายงาน ของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพจิ ารณาศกึ ษา แนวทางการปอ งกันและแกไขปญ หาฝุน ละออง ขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อยา งเปน ระบบ สภาผแู ทนราษฎร เรอ่ื ง แนวทางการปองกันและแกไ ขปญหาฝนุ ละออง ขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อยางเปน ระบบ กลมุ งานคณะกรรมาธิการการปองกันและบรรเทา ผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สํานักกรรมาธิการ ๓ สํานักงานเลขาธกิ ารสภาผูแทนราษฎร
ก รายนามคณะกรรมาธิการวสิ ามญั พจิ ารณาศกึ ษา แนวทางการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ สภาผแู้ ทนราษฎร ชดุ ที่ ๒๕ รอ้ ยเอก ธรรมนสั พรหมเผ่า ประธานคณะกรรมาธิการ นายวิชาญ มีนชัยนนั ท์ นายศภุ ชยั ใจสมุทร หมอ่ มหลวงดิศปนดั ดา ดิศกลุ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร รองประธานคณะกรรมาธิการ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่ีหนึ่ง คนท่ีสอง คนทส่ี าม นายนติ ิพล ผวิ เหมาะ นายคณุ ากร ปรชี าชนะชัย นายชนนิ ทร์ รุง่ แสง รองประธานคณะกรรมาธกิ าร รองประธานคณะกรรมาธกิ าร รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทีส่ ่ี คนทหี่ า้ คนทีห่ ก นายบญุ สิงห์ วรินทร์รักษ์ นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ นายวสิ ิษฐ์ เตชะธรี าวัฒน์ เลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธิการ
ข นายอัครเดช วงษ์พทิ ักษ์โรจน์ นายกญั จนพ์ งศ์ จงสทุ ธนามณี นายยงยทุ ธ ตยิ ะไพรชั โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร ประธานทปี่ รึกษาคณะกรรมาธิการ นายภาคภูมิ บลู ย์ประมขุ นางกรณศิ งามสคุ นธร์ ตั นา นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ทปี่ รึกษาคณะกรรมาธิการ นายพรพจน์ เพ็ญพาส นายจกั รพล ตง้ั สุทธิธรรม นางนนั ทนา สงฆ์ประชา ท่ปี รึกษาคณะกรรมาธกิ าร ท่ีปรกึ ษาคณะกรรมาธิการ ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร นางสาวแสงเดือน ชัยเลิศ นายไผ่ ลิกค์ นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ท่ปี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ ผ้ชู ่วยเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ ผูช้ ว่ ยเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ นางสาววรรณวรี ตะลอ่ มสิน นายกรวรี ์ ปริศนานันทกุล นางสาวจอมขวัญ กลับบา้ นเกาะ ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการ กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร
ค นายจารุพล เรอื งสุวรรณ นางสาวชนก จนั ทาทอง นายเชษฐา โมสิกรัตน์ กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร นายดนยั ธวี ันดา นายเถลิงศกั ด์ิ เพ็ชรสวุ รรณ นายธารา กุศลชาตธิ รรม กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ กรรมาธิการ นายนพร โพธิ์พัฒนชยั นางนฤมล ธารดารงค์ นายบญั ญัติ เจตนจนั ทร์ กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร นายปรเมศวร์ กมุ ารบญุ นายปรญิ ญา ฤกษห์ ร่าย นางพชิ ชารตั น์ เลาหพงศ์ชนะ กรรมาธกิ าร คณะกรรมาธกิ าร กรรมาธิการ นางสาวไพลนิ เทยี นสวุ รรณ นางวรลกั ษณ์ ศรสี อาด นายศาสตรา ศรีปาน กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ
ง นางสาวศภุ มาส อิศรภักดี นางสาวสกุณา สาระนันท์ นางสาวสรสั นนั ท์ อรรณนพพร กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร นางสุภาภรณ์ คงวฒุ ปิ ญั ญา นางสวุ รรณา เตยี รถ์สวุ รรณ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ กรรมาธิการ กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร นายองอาจ วนามากสมบัติ นายอนันต์ ฤกษ์ดี นายอานาจ วลิ าวลั ย์ กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร
จ คณะอนุกรรมาธิการติดตามสถานการณแ์ ละการดาเนนิ งานของหน่วยงานที่เกย่ี วขอ้ ง กับแนวทางการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาฝ่นุ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ สภาผแู้ ทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ นายนิติพล ผวิ เหมาะ ประธานคณะอนกุ รรมาธิการ นายอคั รเดช วงษ์พิทกั ษโ์ รจน์ นายกรวรี ์ ปริศนานันทกลุ นายชนนิ ทร์ รงุ่ แสง รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร คนทห่ี นึ่ง คนทส่ี อง นายกญั จน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข นายไผ่ ลิกค์ อนกุ รรมาธิการ อนุกรรมาธิการ อนกุ รรมาธิการ ว่าท่ีร้อยตรี ตระกูล โทธรรม นางสาวพรศรี สทุ ธนารกั ษ์ นายอธภิ ู จติ รานเุ คราะห์ อนุกรรมาธกิ าร อนกุ รรมาธกิ าร อนุกรรมาธกิ าร
ฉ รายนามคณะอนกุ รรมาธิการจัดทารายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา ฝุน่ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ ในคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั พิจารณาศกึ ษาแนวทางการปอ้ งกันและแก้ไข ปญั หาฝนุ่ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อยา่ งเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร ชดุ ที่ ๒๕ หม่อมหลวงดศิ ปนัดดา ดศิ กุล ประธานคณะอนกุ รรมาธิการ นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกจิ นายจารพุ ล เรืองสุวรรณ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ รองประธานคณะอนกุ รรมาธิการ เลขานุการคณะอนุกรรมาธกิ าร คนทห่ี นึง่ คนทสี่ อง นายเถลิงศกั ดิ์ เพ็ชรสุวรรณ นายธารา กุศลชาติธรรม นายนพร โพธิ์พฒั นชัย อนกุ รรมาธิการ อนุกรรมาธิการ อนุกรรมาธกิ าร นายพีรพันธ์ คอทอง นายปัญญา ชูพานิช นายเสกสรร แสงดาว อนกุ รรมาธิการ อนุกรรมาธิการ อนกุ รรมาธิการ
ช รายนามทปี่ รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ ารจดั ทารายงานผลการศกึ ษาของคณะกรรมาธิการ วสิ ามัญพจิ ารณาศกึ ษาแนวทางการป้องกันและแกไ้ ขปัญหา ฝนุ่ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ ในคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั พิจารณาศกึ ษาแนวทางการปอ้ งกนั และแกไ้ ข ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อย่างเปน็ ระบบ สภาผแู้ ทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ นางสาวธณกิ านต์ พรพงษาโรจน์ นายภทั รพล ล้ิมภักดี นายเจน ชาญณรงค์ ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ นายธนพงศ์ ดวงมณี นายสมทิ ธิ หาเรอื นพืชน์ นางสาวพชิ ชนก เหลอื งอทุ ยั ท่ีปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ทีป่ รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ทีป่ รึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ นางสาวธญั ญน์ รี ศวิ ัฒน์กติ ตสิ ขุ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ
ซ-๑ รายงานของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั พิจารณาศึกษาแนวทางการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หาฝุน่ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อย่างเปน็ ระบบ สภาผแู้ ทนราษฎร ตามที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ คร้ังท่ี ๒๐ (สมัยสามัญประจาปีครั้งท่ีสอง) วันพุธท่ี ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ ท่ีประชุมได้พิจารณาญัตติด่วน เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวิสามญั พิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองที่มีผลกระทบ อย่างรุนแรงต่อประชาชน (นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพ่ือพิจารณาแก้ปัญหาฝุ่นละอองท่ีเป็นพิษต่อสุขภาพของประชาชน (PM ๒.๕) (นายเรวัต วิศรุตเวช เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา การจัดตั้งองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อวิเคราะห์ออกแบบอย่างยั่งยืนเพื่อรับมือและป้องกันปัญหามลพิษ ทางอากาศ (PM ๒.๕) (นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM ๒.๕ (นายจักรพล ต้ังสุทธิธรรม เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณา ศึกษา และหาแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM ๒.๕ เกินมาตรฐานอย่างเป็นระบบ (นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้ สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ศึกษาและหามาตรการแนวทางการแก้ไขปัญหา ฝุ่นละออง PM ๒.๕ ให้เป็นระบบอย่างยั่งยืน (นายศุภชัย ใจสมุทร เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้ สภาผูแ้ ทนราษฎรตัง้ คณะกรรมาธิการวสิ ามญั พิจารณาศึกษาปัญหาฝนุ่ ละออง PM ๒.๕ และมาตรการแก้ปัญหา (นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM ๒.๕ (นายนิติพล ผิวเหมาะ เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพ่ือพิจารณาดาเนินการศึกษาและหาแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM ๒.๕ อย่างเป็นระบบ (นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ และนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม เป็นผู้เสนอ) และญัตติด่วน เรื่อง ขอให้ สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ขนาดเล็กหรือ PM ๒.๕ ท่ีมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชน (นางสาวภาดาท์ วรกานนท์) และลงมติ ต้ังกรรมาธิการวสิ ามัญข้นึ คณะหน่ึงเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๔๙ และข้อ ๕๐ โดยได้กาหนดระยะเวลาพิจารณาศึกษาไว้ ๑๒๐ วัน ตั้งแต่วันท่ี ๒๓ มกราคม – วันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ต่อมาคณะกรรมาธิการได้ขอขยายระยะเวลาการพิจารณาศึกษา จานวน ๒ ครั้ง คร้ังที่ ๑ จานวน ๖๐ วัน ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม – วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ และคร้ังท่ี ๒ จานวน ๓๐ วัน ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม – วันท่ี ๑๙ สงิ หาคม ๒๕๖๓ รวมระยะเวลาการพจิ ารณาศึกษา ๒๑๐ วัน นั้น บัดน้ี คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้ดาเนินการพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา ฝนุ่ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเปน็ ระบบ เสรจ็ เรียบร้อยแลว้ ซงึ่ ปรากฏผล ดังนี้ ๑. คณะกรรมาธกิ ารวิสามญั ไดม้ ีมติเลือกต้งั เปน็ ประธานคณะกรรมาธิการ ๑) ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึง่ ๒) นายวิชาญ มีนชัยนนั ท์
ซ-๒ ๓) นายศุภชยั ใจสมุทร เปน็ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทส่ี อง ๔) หม่อมหลวงดิศปนดั ดา ดศิ กุล เป็นรองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่สาม ๕) นายนติ ิพล ผิวเหมาะ เป็นรองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทีส่ ่ี ๖) นายคณุ ากร ปรีชาชนะชัย เป็นรองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่ห้า ๗) นายชนนิ ทร์ รุ่งแสง เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนทห่ี ก ๘) นายบญุ สิงห์ วรินทร์รักษ์ เปน็ เลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร ๙) นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๐) นายวสิ ษิ ฐ์ เตชะธรี าวัฒน์ เป็นโฆษกคณะกรรมาธกิ าร ๑๑) นายอัครเดช วงษพ์ ทิ ักษโ์ รจน์ เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๒) นายกญั จน์พงศ์ จงสทุ ธนามณี เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๓) นายยงยุทธ ติยะไพรชั เปน็ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ าร ๑๔) นายภาคภูมิ บูลย์ประมขุ เป็นทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ ๑๕) นางกรณิศ งามสคุ นธ์รัตนา เปน็ ท่ปี รึกษาคณะกรรมาธกิ าร ๑๖) นายธนติ พล ไชยนนั ทน์ เป็นทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร ๑๗) นายพรพจน์ เพ็ญพาส เปน็ ท่ีปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร ๑๘) นายจกั รพล ตัง้ สุทธธิ รรม เป็นที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการ ๑๙) นางนันทนา สงฆ์ประชา เปน็ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ ๒๐) นางสาวแสงเดอื น ชัยเลิศ เปน็ ทปี่ รึกษาคณะกรรมาธกิ าร ๒๑) นายไผ่ ลกิ ค์ เป็นผู้ช่วยเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ ๒๒) นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ เป็นผู้ชว่ ยเลขานุการคณะกรรมาธกิ าร ๒๓) นางสาววรรณวรี ตะลอ่ มสิน เปน็ ผชู้ ่วยเลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร ๒. คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติแต่งตั้ง ว่าท่ีร้อยตรี อานาจ เวียงคา นิติกรชานาญการ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สานักกรรมาธิการ ๓ ปฏิบัติหน้าท่ีเป็นผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมาธิการวิสามัญ ตามข้อบังคับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคส่ี ๓. ผูซ้ ึ่งคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั ได้เชิญมาชีแ้ จงแสดงความคดิ เหน็ คอื ๓.๑ หน่วยงานภาครฐั ๓.๑.๑ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร ๑) นายสชุ าติ โรจน์ทองคา รองเลขาธิการ สภาผูแ้ ทนราษฎร ๒) วา่ ท่ีเรือตรียุทธนา สาเภาเงิน ผ้อู านวยการสานกั รกั ษา ความปลอดภยั ๓) นายคเชนทร์ โนนจาด วศิ วกรโครงการ ๓.๑.๒ กระทรวงการคลัง ๑) กรมบญั ชีกลาง (๑) นายเสกสรร พหลเวชช์ นักวชิ าการคลงั เชย่ี วชาญ (๒) นายลขิ ติ อุไรรางกลู นักวชิ าการคลงั ชานาญการ
ซ-๓ ๒) กรมสรรพากร นกั วชิ าการภาษี (๑) นางพมิ พอ์ ร ยมิ้ ประเสรฐิ ชานาญการพเิ ศษ (๒) ว่าทรี่ อ้ ยตรสี มชาย พกุ พบิ ูลย์ นิตกิ รชานาญการพเิ ศษ (๓) นายจกั รภัทร สงู ศกั ด์ิ นติ กิ รชานาญการ ๓) กรมสรรพสามิต (๑) นายณฐั กร อเุ ทนสุต ผู้อานวยการสานกั แผนภาษี (๒) นางสาวประภาพริษฐ์ ชา่ ชอง นกั วชิ าการภาษี ชานาญการพเิ ศษ (๓) นายวรรณวฒั น์ กรุณานนท์ นักวชิ าการภาษี ชานาญการพิเศษ (๔) นางสาววลัยภรณ์ รัตนพนั ธ์ นักวิชาการภาษชี านาญการ (๕) นางสาวสดุ ารัตน์ วฒุ ิเศรษฐไพบูลย์ นิตกิ รชานาญการ ๔) สานกั งบประมาณ (๑) นายอนชุ า ภาระนนั ท์ ผอู้ านวยการกองมาตรฐาน งบประมาณ ๑ (๒) นายฉัตรบลู ตันเรือง นักวิเคราะห์งบประมาณ ชานาญการพเิ ศษ (๓) นายกีรติ หลอ่ โลหะการ นักวิเคราะห์งบประมาณ ปฏิบัติการ ๕) ธนาคารเพอ่ื การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายไพศาล หงสท์ อง ผอู้ านวยการฝ่ายสนิ เชอื่ เกษตรกร ๓.๑.๓ กระทรวงการตา่ งประเทศ ๑) นางสาวอศุ ณา พรี านนท์ รองอธิบดีกรมอาเซยี น ๒) นางสาววนาลี โลห่ เ์ พชร ผู้อานวยการกองสงั คม และวัฒนธรรม กรมอาเซยี น ๓) นางสาวนันทพร เหลา่ บุญเจริญ นกั การทตู ชานาญการพิเศษ ๓.๑.๔ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวัตกรรม ๑) สานักงานการวิจยั แหง่ ชาติ (๑) ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิรฤิ กษ์ ทรงศิวิไล ผู้อานวยการสานักงาน การวิจัยแหง่ ชาติ (๒) นายสมปรารถนา สุขทวี รองผอู้ านวยการสานกั งาน การวจิ ยั แหง่ ชาติ (๓) นางสาวกรรณิกา ดุรงคเดช นักวเิ คราะห์นโยบายและแผน ชานาญการ (๔) นางสาวอมุ าพร โควงษ์ นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน ชานาญการ (๕) นางสาวศิวพร ปรีชา นกั วิเคราะหน์ โยบายและแผน ปฏิบตั กิ าร
ซ-๔ ๓.๑.๕ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวชิ ยั ไตรสรุ ตั น์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ๓.๑.๖ กระทรวงคมนาคม ๑) กรมการขนส่งทางบก (๑) นายชพี นอ้ มเศียร ผอู้ านวยการสานกั วศิ วกรรม ยานยนต์ (๒) นายเกยี รตณิ รงค์ ครบู า นกั วทิ ยาศาสตร์ชานาญการ ๒) กรมเจา้ ทา่ นายวเิ ชียร เปรมานุรักษ์ ผอู้ านวยการ สานกั ความปลอดภยั และส่ิงแวดล้อมทางน้า ๓) กรมทางหลวง (๑) นายสทิ ธชิ ัย วนานเุ วชพงศ์ ผูอ้ านวยการ สานกั บริหารบารุงทาง (๒) นายภัทรเทพ ศิลปาจารย์ วิศวกรโยธาชานาญการพิเศษ (๓) นายพรนัตถ์ หนบู รรจง วิศวกรโยธาชานาญการ (๔) นางสาวฐิตชิ ญาภรณ์ สิทธสิ อน นกั วิชาการส่งิ แวดล้อม ปฏิบตั กิ าร ๔) กรมทางหลวงชนบท (๑) นายวิศว์ รตั นโชติ วิศวกรใหญ่ (ด้านบารุงรักษาทางและสะพาน) (๒) นายคณุ มาศ พนั ธเุ ตชะ วศิ วกรโยธาเชีย่ วชาญ (๓) นายวรพงษ์ หร่ายเจรญิ วศิ วกรโยธาปฏิบัตกิ าร ๕) สานกั งานนโยบายและแผนการขนสง่ และจราจร (๑) นายปัญญา ชูพานชิ รองผอู้ านวยการ สานักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร (๒) นายอธิภู อศิ รานเุ คราะห์ ผูอ้ านวยการสานักแผน และความปลอดภยั (๓) นางสาวธีรนชุ เหลืองแข็ง นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ชานาญการ (๔) นายนพพร จรุงเกียรติ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ชานาญการ ๖) การรถไฟแหง่ ประเทศไทย นายเชดิ สกลุ บัวขาว วศิ วกรกากบั กองแบบแผนรถจกั ร ๗) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ นายสุระชยั เอย่ี มวชิรสกลุ ผูอ้ านวยการ องค์การขนสง่ มวลชนกรุงเทพ
ซ-๕ ๓.๑.๗ กระทรวงดจิ ิทลั เพื่อเศรษฐกิจและสงั คม รองอธบิ ดีกรมอตุ ุนยิ มวทิ ยา ๑) วา่ ท่ีรอ้ ยตรี ธนะสทิ ธ์ิ เอี่ยมอนันชยั ฝา่ ยบรหิ าร ผอู้ านวยการกองบริการดจิ ทิ ัล ๒) นายสมภพ วงศว์ ิไล อตุ นุ ยิ มวทิ ยา ผู้อานวยการกองพยากรณ์อากาศ ๓) นายเมธี มหายศนันท์ ผู้อานวยการสว่ นพยากรณ์อากาศ ๔) นายสรุ พงษ์ สารปะ เชิงตัวเลข ๓.๑.๘ กระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม อธบิ ดีกรมควบคุมมลพิษ ๑) กรมควบคุมมลพษิ นกั วิชาการส่งิ แวดล้อม (๑) นายประลอง ดารงค์ไทย ปฏิบตั ิการ (๒) นายวิชญ์วารุตม์ สมจันทร์ รองอธบิ ดีกรมป่าไม้ ๒) กรมป่าไม้ ผอู้ านวยการสว่ นควบคุมไฟป่า (๑) นายจริ ะศกั ด์ิ ชูความดี นักวชิ าการป่าไม้ (๒) นายดุลฤทธิ์ ฤทยั อรุณรตั น์ นักวิชาการป่าไม้ (๓) นางสาวนวรตั น์ มหนั ตมรรค (๔) นายพรี ณัฐ ชยั ณรงค์ ผอู้ านวยการส่วนควบคุมไฟป่า นักวิชาการป่าไม้ ๓) กรมอุทยานแหง่ ชาติ สัตวป์ า่ และพนั ธุพ์ ืช (๑) นายอนรุ ุทธ์ สุทธิวารนิ ทรก์ ลุ รองอธิบดีกรมธุรกิจพลงั งาน (๒) นายประยูรยงค์ หนูไชยา ผอู้ านวยการกองคุณภาพนา้ มัน เชอ้ื เพลิง ๓.๑.๙ กระทรวงพลังงาน วิศวกรเชี่ยวชาญ ๑) กรมธุรกิจพลังงาน วิศวกรชานาญการพิเศษ (๑) นายถวลั ย์ ธนกิจเจริญพัฒน์ (๒) นายมนต์ชยั แจ้งไพร รองผู้อานวยการสานกั งาน นโยบายและแผนพลงั งาน (๓) นายกิตตพิ ร โปซ้ ว้ิ นกั วเิ คราะห์นโยบายและแผน (๔) นายพงษ์ศักด์ิ พรหมกร ชานาญการพิเศษ ๒) สานกั งานนโยบายและแผนพลงั งาน (๑) นางสาวชนานัญ บวั เขียว ผอู้ านวยการสานักงาน กองทนุ นา้ มันเชื้อเพลิง (๒) นางสาวศศิธร เจษฎาฐติ กิ ุล ๓) สานักงานกองทุนนา้ มันเชื้อเพลิง นายวีระพล จริ ประดิษฐกุล
ซ-๖ หวั หน้ากองส่งเสรมิ มาตรการ ๔) การไฟฟา้ ฝ่ายผลติ แห่งประเทศไทย เพมิ่ ประสทิ ธิภาพการใชไ้ ฟฟ้า หวั หน้าแผนกคณุ ภาพอากาศ (๑) นายสมศักดิ์ ปรางทอง และเสยี ง (๒) นายพงษ์นาท ทวยเจริญ รองอธบิ ดีกรมการคา้ ภายใน ๓.๑.๑๐ กระทรวงพาณิชย์ นายประโยชน์ เพญ็ สตุ ผู้อานวยการส่วนพฒั นา ๓.๑.๑๑ กระทรวงมหาดไทย และสง่ เสรมิ การบรหิ ารงานท้องที่ ๑) กรมการปกครอง ผอู้ านวยการศนู ย์ป้องกัน นายสวุ ฒั น์ สญั วงษ์ และบรรเทาสาธารณภัย ๒) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต ๑๗ จนั ทบรุ ี (๑) นายสัญญา นามี ผู้อานวยการกองคลงั รองอธิบดีกรมสง่ เสรมิ (๒) นายคูณ ควรกระโทก การปกครองท้องถน่ิ ๓) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่นิ ผู้อานวยการกลุ่มงาน ทรพั ยากรธรรมชาติ (๑) นายทวี เสริมภกั ดกี ลุ ผอู้ านวยการกลุ่มงาน (๒) นายศริ ิรตั น์ บารุงเสนา สิ่งแวดลอ้ ม (๓) นายเจษ เสียงลือชา ผอู้ านวยการฝา่ ยวจิ ัย ๔) การไฟฟา้ สว่ นภูมภิ าค และพัฒนาระบบไฟฟา้ (๑) นายกติ ตศิ ักด์ิ วรรณแก้ว รองผู้อานวยการ (๒) นายจุมพล ไชยบิน กองส่งเสริมพลงั งานทดแทน ๕) การไฟฟา้ นครหลวง ผ้ชู ่วยผวู้ ่าการ นายพรศกั ดิ์ อดุ มทรัพยากุล รองปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร ๓.๑.๑๒ กระทรวงศึกษาธกิ าร ทปี่ รกึ ษาสานักงาน ๑) นางรกั ขณา ตณั ฑวฑุ โฒ คณะกรรมการการศกึ ษา ๒) นายธรี ์ ภวังคน์ นั ท์ ขั้นพืน้ ฐาน ผชู้ ่วยผอู้ านวยการ ๓) นายชัยวฒุ ิ เลศิ วนสิรวิ รรณ สถาบนั ส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ซ-๗ ผู้อานวยการโรงพยาบาล นพรัตนราชธานี ๓.๑.๑๓ กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ชานาญการ ๑) นายแพทย์สมบูรณ์ ทศบวร นักวิชาการสาธารณสขุ ชานาญการ ๒) นายหิรัญวฒุ ิ แพรค่ ณุ ธรรม นกั วิชาการสาธารณสขุ ๓) นางสาวกรวิภา ปุนณศิริ ชานาญการ นักวิชาการสาธารณสขุ ๔) นางสาวสกุณา คณุ วโรตม์ ปฏิบัตกิ าร นักวชิ าการสาธารณสุข ๕) นายบวร มิตรมาก รองอธบิ ดีกรมโรงงาน ๖) นางสาวเกศกนก หอดขุนทด อตุ สาหกรรม ๓.๑.๑๔ กระทรวงอุตสาหกรรม ผูอ้ านวยการกลมุ่ มลพิษ ทางอากาศ ๑) นายศุภกิจ บญุ ศิริ นกั วทิ ยาศาสตร์ปฏบิ ัติการ ๒) นายสุพจน์ พินติ กิตตสิ กุล ผูช้ านาญการพิเศษ ๓. นายอนพุ งษ์ สุขมลู ผู้อานวยสานกั ตรวจสอบการเงิน ๓.๑.๑๕ คณะกรรมการกากบั กิจการพลงั งาน และบรหิ ารพสั ดุที่ ๑๗ วศิ วกรชานาญการพิเศษ นายชาญชัย อมรวภิ าส นักวชิ าการตรวจเงนิ แผน่ ดิน ๓.๑.๑๖ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดนิ ชานาญการพเิ ศษ ๑) นางจิตตณิ า ศริ วิ ัชรกลุ รองผกู้ ากบั การ ๕ กองบังคบั การตารวจจราจร ๒) นายชัชวาล สงั ขดิษฐ์ ๓) นางสาวศริ พิ ร แสงทวี ผอู้ านวยการกลุม่ บรู ณะพัฒนาวัด และศาสนสงเคราะห์ ๓.๑.๑๗ สานักงานตารวจแหง่ ชาติ หัวหน้าฝ่ายออกแบบและก่อสรา้ ง พันตารวจโท เมธี ไกรทอง นักวิชาการศาสนาชานาญการ ๓.๑.๑๘ สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รองผู้อานวยการสานักป้องกัน ๑) นางสาวหนอ่ แก้ว อุตโน และบรรเทาสาธารณภยั รองผู้อานวยการสานกั อนามยั ๒) นายศกั ด์ดิ นัย วรเดช ๓) นายราชศกั ด์ิ งามเนตร ๓.๑.๑๙ กรงุ เทพมหานคร ๑) นายธรี ยุทธ ภูมิภักดิ์ ๒) นางกนกรัตน์ พนั ธน์ รา
ซ-๘ ผ้อู านวยการสานักงาน อานวยการสาธารณภยั ๓) นายพัลลภ ไพฑูรย์บัวทอง ผู้อานวยการสานักงาน สขุ าภิบาลสิง่ แวดล้อม ๔) นางวันพร ศรีเลิศ ผู้อานวยการกองจดั การ คณุ ภาพอากาศและเสยี ง ๕) นางเติมศิริ จงพูนผล หัวหนา้ กลมุ่ สุขาภบิ าล อาคารสาธารณะ ๖) นายวาสเุ ทพ บญุ ชู นกั วชิ าการสง่ิ แวดลอ้ ม ชานาญการพเิ ศษ ๗) นายจารพุ งศ์ เพ็งเกลีย้ ง นักวชิ าการสาธารณสขุ นักวิชาการสาธารณสุข ๘) นายเกรียงไกร คลอ้ ยโยน ๙) นางสาวณัฐกานต์ ฉัตรวิไล รองผวู้ ่าราชการจงั หวัดเชยี งใหม่ ๓.๑.๒๐ จังหวัดเชียงใหม่ นายคมสัน สุวรรณอมั พา รองผ้วู า่ ราชการจังหวัดเชียงราย ๓.๑.๒๑ จังหวดั เชียงราย หัวหน้าฝ่ายป้องกัน ๑) วา่ ทรี่ ้อยตรี ณรงค์ โรจนโสทร และปฏิบตั ิการ ๒) นายมนัส คาตา่ ย สานักงานป้องกนั และบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดเชยี งราย ๓.๑.๒๒ จงั หวัดแพร่ ๑) นายโชคดี อมรวฒั น์ รองผู้วา่ ราชการจงั หวัดแพร่ ๒) นายธีระ เงินวิลยั ผอู้ านวยการสานักงาน ทรพั ยากรธรรมชาติ ๓) นายวฒั นา สาคร และสง่ิ แวดล้อมจังหวัดแพร่ หัวหน้าสานักงานป้องกนั ๔) นายขจร วินัยพานิช และบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดแพร่ ๓.๑.๒๓ จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน นายแพทย์สาธารณสุข ๑) นายสุวพงศ์ กติ ิภัทย์พบิ ลู ย์ จงั หวดั แพร่ ๒) นายเรืองฤทธิ์ ผลดี ผู้ว่าราชการจังหวดั แม่ฮ่องสอน ๓) นายสวุ ิทย์ นยิ มมาก หวั หนา้ สานักงานปอ้ งกัน และบรรเทาสาธารณภัย จงั หวดั แม่ฮ่องสอน นกั วชิ าการสง่ิ แวดลอ้ ม ชานาญการพเิ ศษ
ซ-๙ ๓.๑.๒๔ จังหวัดลาปาง ๑) นายณรงคศ์ ักด์ิ โอสถธนากร ผวู้ ่าราชการจังหวดั ลาปาง ๒) นายคมกริช เจรญิ พฒั นสมบัติ หวั หนา้ สานกั งานจงั หวดั ลาปาง ๓) นายชัยธวชั ศิวบวร หัวหน้าสานกั งานป้องกนั และบรรเทา สาธารณภยั จงั หวดั ลาปาง ๔) นายสุรชยั แสงศิริ รองผู้อานวยการสานกั งาน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ มจังหวัดลาปาง ๓.๑.๒๕ การนิคมอตุ สาหกรรมแห่งประเทศไทย ๑) นางสาวอิศริยา แสงเจริญ ผู้อานวยการกองสงิ่ แวดล้อม และพลังงาน ๒) นางสาวเมตตา เมตตาสิทธกิ ร นกั วทิ ยาศาสตร์ ๖ ๓.๑.๒๖ บรษิ ัท ปตท. จากดั (มหาชน) ผู้ชว่ ยกรรมการผูจ้ ัดการใหญ่ ๑) นางสาวอรณุ รตั น์ วฒุ ิมงคลชยั ผชู้ ว่ ยกรรมการผู้จดั การใหญ่ ๒) นายศักดเ์ิ ฉลิม สทิ ธวิ งศ์ ผชู้ ว่ ยกรรมการผจู้ ัดการใหญ่ ๓) นางมนี า ศภุ วิวรรธน์ ผู้จดั การฝ่ายจดั หาก๊าซธรรมชาตเิ หลว ๔) นางธนภรณ์ รักตระกูล ผจู้ ดั การฝ่ายกลยทุ ธ ๕) นายณรงค์ไชย ปัญญไพโรจน์ ๓.๒ หนว่ ยงานภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ๓.๒.๑ เครอื ข่ายสหกรณ์รถแทก็ ซีก่ รงุ เทพมหานคร นายวฑิ ูรย์ แนวพาณชิ นายกสมาคมแท็กซ่ีไทย ๓.๒.๒ บริษัท ทิพยประกันภัย จากัด (มหาชน) นายปรชี า วงษบ์ ัณฑูรย์ ผู้อานวยการฝ่ายรับประกันภัย ๓.๒.๓ บรษิ ทั บางจาก คอรป์ อเรชนั่ จากดั (มหาชน) ๑) นายบณั ฑติ หรรษาไพบลู ย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จดั การใหญ่ ๒) นางสาวกติ ตมิ า วงศ์แสน ผู้อานวยการอาวุโส ๓.๒.๔ มูลนิธแิ ม่ฟา้ หลวงในพระบรมราชูปถมั ภ์ ๑) นางสาวสดุ ารัตน์ โรจน์พงศ์เกษม ผู้จดั การโครงการอาวโุ ส ๒) นางสาวพชิ ชนก เหลอื งอุทยั ๓.๒.๕ สภาลมหายใจเชยี งใหม่ อาจารย์ ไพรพนั ธ์ ธนเลิศโศภติ ๓.๒.๖ สหพนั ธ์การขนสง่ ทางบกแห่งประเทศไทย ๑) นายสิรภพ พิชยั รัตนพงษ์ เลขาธกิ ารสหพนั ธก์ ารขนส่งทางบก แหง่ ประเทศไทย ๒) นายพีราพัชร จิระวัฒนเอก นายกสมาคมขนส่งทางบก แห่งประเทศไทย
ซ - ๑๐ ๓.๓ หนว่ ยงานภาควชิ าการ ๓.๓.๑ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย รองศาสตรจารยค์ ณติ วัฒนวิเชยี ร ๓.๓.๒ คณะวิทยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย ศาสตราจารย์อัญชริดา สวารชร ภาควิชาจลุ ชีววิทยา ๓.๓.๓ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ ๑) ศาสตราจารยธ์ ดิ ารตั น์ บญุ มาศ รองอธิการบดีฝา่ ยนวัตกรรม และวสิ าหกิจ ๒) นางนงลักษณ์ มที อง อาจารยม์ หาวทิ ยาลยั ๓.๓.๔ มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย ๑) รองศาสตราจารย์ โกนฏิ ฐ์ ศรีทอง ผชู้ ว่ ยอธกิ ารบดฝี า่ ยวชิ าการ ๒) พระสธุ รี ัตนบัณฑติ ผอู้ านวยการสถาบนั วิจัยพทธศาสตร์ ๓) พระมหาประยรู โชตวิ โร ผู้อานวยการกองกจิ การนิสิต ๔) นายทนงศกั ด์ิ วงศ์อุทัย ผูช้ านาญการ ๓.๓.๕ มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ เสถยี ร วพิ รมหา ๓.๓.๖ ศูนยเ์ ครือข่ายการจัดการคุณภาพอากาศของประเทศไทย ๑) นายเอกบดนิ ทร์ วินจิ กุล ผู้แทนเครอื ข่าย ๒) นางสาวสาวิตรี การเี วทย์ ผแู้ ทนเครือข่าย ๓.๓.๗ สภาวศิ วกร นายประเสริฐ ตปนยี างกูร เลขาธิการสภาวศิ วกร ๓.๓.๘ สวนดสุ ิตโพล ๑) นางสาวมุทิตา สรอ้ ยทอง นกั วจิ ัยสวนดสุ ติ โพล ๒) นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัยสวนดุสติ โพล ๔. ผ้ซู ึ่งร่วมเดนิ ทางศึกษาดงู านกบั คณะกรรมาธิการวิสามัญ ๔.๑ จงั หวัดเชยี งราย ๑) กรรมาธกิ าร (๑) นายกัญจนพ์ งศ์ จงสุทธนามณี โฆษกคณะกรรมาธกิ าร (๒) นายกรวรี ์ ปริศนานนั ทกุล กรรมาธิการ (๓) นายเชษฐา โมสิกรตั น์ กรรมาธิการ (๔) นายอนนั ต์ ฤกษ์ดี กรรมาธกิ าร ๒) อนุกรรมาธิการติดตามสถานการณ์และการดาเนินงานของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับ แนวทางการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาฝุน่ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อยา่ งเปน็ ระบบ (๑) วา่ ทรี่ ้อยตรี ตระกูล โทธรรม อนุกรรมาธิการ (๒) นางสาวพรศรี สทุ ธนารักษ์ อนกุ รรมาธกิ าร
ซ - ๑๑ ๓) รายนามหนว่ ยงานหรือบุคคลทเ่ี ขา้ รว่ มหารอื กบั คณะกรรมาธิการ (๑) นายพีรเดช คาสมุทร สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร เขต ๖ จังหวัดเชียงราย (๒) นายเอกภพ เพียรพิเศษ สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร เขต ๑ จังหวดั เชียงราย (๓) ว่าท่ีร้อยตรี ณรงค์ โรจนโสธร รองผู้วา่ ราชการจงั หวดั เชยี งราย (๔) ผู้แทนผู้บัญชาการมณฑลทหารบกท่ี ๓๗ (๕) ผู้แทนผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ ๒ (๖) ผู้แทนปลัดจังหวัดเชียงราย (๗) ผู้แทนหัวหน้าสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (๘) ผู้แทนเกษตรจังหวัดเชียงราย (๙) ผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย (๑๐) ผ้แู ทนประธานหอการคา้ จังหวดั เชยี งราย (๑๑) ผู้แทนผู้อานวยการทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มจงั หวัดเชยี งราย (๑๒) ผ้แู ทนผอู้ านวยการสานักจดั การทรพั ยากรปา่ ไมท้ ี่ ๒ (เชียงราย) (๑๓) ผู้แทนผู้อานวยการสานักบริหารพ้ืนท่ีอนรุ ักษท์ ี่ ๑๕ (เชยี งราย) (๑๔) ผแู้ ทนนายอาเภอเมืองเชียงราย (๑๕) ผู้แทนนายอาเภอเชยี งแสน (๑๖) ผแู้ ทนนายอาเภอแม่สาย (๑๗) ผแู้ ทนหัวหนา้ หนว่ ยประสานงานชายแดนไทย - เมยี นมา ประจาพนื้ ที่ ๑ (๑๘) ผู้แทนมูลนธิ กิ ระจกเงา (๑๙) นายสรุ สทิ ธิ์ ปสุ รุ ินทร์คา และคณะ (ผู้แทนวดั ดอยอนิ ทรยี ์) (๒๐) ผู้แทนกลุ่มยักษ์ขาว และเชียงรายไฟต์สม็อก (ผู้ช่วยศาสตราจารย์นิอร สิริมงคลเลิศกุล อาจารย์ประจา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา) ๔.๒ จังหวัดราชบรุ ี ๑) กรรมาธิการ (๑) นายนติ ิพล ผิวเหมาะ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทส่ี ี่ (๒) นายกญั จนพ์ งศ์ จงสุทธนามณี โฆษกคณะกรรมาธิการ (๓) นายอัครเดช วงษ์พทิ ักษโ์ รจน์ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร (๔) นายธารา กุศลชาตธิ รรม กรรมาธิการ (๕) นายอนนั ต์ ฤกษด์ ี กรรมาธกิ าร ๒) อนุกรรมาธิการติดตามสถานการณ์และการดาเนินงานของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับ แนวทางการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อยา่ งเป็นระบบ จานวน ๒ คน (๑) ว่าท่รี อ้ ยตรี ตระกูล โทธรรม อนกุ รรมาธิการ (๒) นางสาวพรศรี สุทธนารักษ์ อนุกรรมาธิการ ๓) รายนามหน่วยงานหรอื บคุ คลที่เข้ารว่ มหารอื กับคณะกรรมาธิการ (๑) ผู้ว่าราชการจงั หวัดราชบุรี (๒) นายอาเภอบา้ นโปง่ (๓) นายกเทศมนตรีตาบลเบิกไพร (๔) กานันตาบลเขาขลุง
ซ - ๑๒ (๕) กานนั ตาบลบา้ นมว่ ง (๖) กานันตาบลทา่ ผา (๗) สานกั งานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยจงั หวัดราชบุรี (๘) สานกั งานเกษตรจงั หวัดราชบรุ ี (๙) สานกั งานอตุ สาหกรรมจังหวดั ราชบรุ ี (๑๐) สานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจงั หวดั ราชบรุ ี (๑๑) สานักงานส่งิ แวดล้อมภาคท่ี ๘ (ราชบรุ )ี (๑๒) สานกั งานขนสง่ จังหวดั ราชบรุ ี (๑๓) สานักงานแขวงทางหลวงราชบรุ ี (๑๔) สานกั งานแขวงทางหลวงชนบทราชบรุ ี (๑๕) สถานีตารวจภธู รบา้ นโป่ง (๑๖) สมาคมชาวไรอ่ ้อย เขต ๗ (๑๗) สภาเกษตรจังหวัดราชบุรี (๑๘) บริษทั นา้ ตาลราชบรุ ี จากดั (๑๙) บริษัท สยามคราฟทอ์ ตุ สาหกรรม จากัด (๒๐) ตัวแทนภาคประชาชน ๔.๓ กรุงเทพมหานคร ๑) กรรมาธิการ (๑) นายนิติพล ผวิ เหมาะ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทส่ี ี่ (๒) นายชนินทร์ รุ่งแสง รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่หี ก (๓) นายกญั จนพ์ งศ์ จงสุทธนามณี โฆษกคณะกรรมาธิการ ๒) อนุกรรมาธิการติดตามสถานการณ์และการดาเนินงานของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับ แนวทางการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อยา่ งเป็นระบบ (๑) นางสาวพรศรี สทุ ธนารักษ์ อนุกรรมาธิการ (๒) นายอธภิ ู จิตรานเุ คราะห์ อนกุ รรมาธิการ ๓) รายนามหน่วยงานหรือบคุ คลท่เี ขา้ รว่ มหารอื กับคณะกรรมาธกิ าร (๑) กรมการขนสง่ ทางบก (๒) กรุงเทพมหานคร (๓) สานกั งานเขตปทุมวนั (๔) สานักส่ิงแวดลอ้ ม (๕) สานักการโยธา (๖) บรษิ ทั วนั แบงคอ็ ก จากัด ๔.๔ กรุงเทพมหานคร และจงั หวดั สมุทรสาคร ๑) กรรมาธกิ าร (๑) นายนติ ิพล ผิวเหมาะ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทสี่ ่ี (๒) นายกัญจน์พงศ์ จงสทุ ธนามณี โฆษกคณะกรรมาธกิ าร
ซ - ๑๓ ๒) อนุกรรมาธิการติดตามสถานการณ์และการดาเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ แนวทางการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาฝนุ่ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อยา่ งเป็นระบบ (๑) วา่ ท่ีรอ้ ยตรี ตระกูล โทธรรม อนกุ รรมาธกิ าร (๒) นางสาวพรศรี สทุ ธนารกั ษ์ อนกุ รรมาธกิ าร ๓) รายนามหน่วยงานหรือบุคคลท่เี ขา้ รว่ มหารือกบั คณะกรรมาธิการ (๑) ผแู้ ทนอธิบดกี รมทางหลวง (๒) ผู้แทนอธิบดีกรมอุตสาหกรรม (๓) เจ้าหน้าท่ีท่ีควบคุมโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๓๕ บริเวณเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ๔.๕ จังหวัดนครศรีธรรมราช ๑) กรรมาธกิ าร (๑) นายนิตพิ ล ผิวเหมาะ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่ีส่ี (๒) นายกัญจนพ์ งศ์ จงสุทธนามณี โฆษกคณะกรรมาธกิ าร (๓) นายกรวรี ์ ปริศนานนั ทกุล กรรมาธกิ าร (๔) นายเชษฐา โมสกิ รัตน์ กรรมาธิการ (๕) นายอนันต์ ฤกษด์ ี กรรมาธกิ าร ๒) อนุกรรมาธิการตดิ ตามสถานการณ์และการดาเนนิ งานของหนว่ ยงานทเ่ี ก่ยี วข้องกับ แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อยา่ งเปน็ ระบบ (๑) วา่ ท่ีรอ้ ยตรี ตระกลู โทธรรม (๒) นางสาวพรศรี สุทธนารกั ษ์ (๓) นายอธิภู จติ รานุเคราะห์ ๓) รายนามหน่วยงานหรอื บคุ คลท่เี ข้าร่วมหารอื กับคณะกรรมาธกิ าร (๑) นายสมพงษ์ มากมณี รองผูว้ า่ ราชการจังหวัดนครศรธี รรมราช (๒) สานกั งานจังหวัดนครศรธี รรมราช (๓) สานกั งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั นครศรีธรรมราช (๔) สานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมจังหวัดนครศรีธรรมราช (๕) สานักจดั การทรัพยากรปา่ ไม้ที่ ๑๒ (นครศรธี รรมราช) (๖) สานกั บริหารพน้ื ท่ีอนุรักษท์ ี่ ๕ (นครศรธี รรมราช) ๕. การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีการประชุมพิจารณาศึกษาเรื่องแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา ฝนุ่ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อยา่ งเป็นระบบ ซงึ่ สรุปสาระสาคัญได้ ดงั นี้ ๕.๑ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีการประชุมพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ และเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูล ขอ้ เท็จจรงิ ตลอดจนชแ้ี จงแสดงความคดิ เหน็ ตา่ ง ๆ รวมจานวน ๑๔ คร้งั ครงั้ ที่ ๑ วันพธุ ท่ี ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๒ วนั จนั ทร์ท่ี ๓ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓
ซ - ๑๔ ครั้งที่ ๓ วันพธุ ท่ี ๑๒ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๔ วันจันทรท์ ่ี ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ครัง้ ที่ ๕ วนั จนั ทรท์ ี่ ๒ มนี าคม ๒๕๖๓ ครง้ั ที่ ๖ วันจันทรท์ ่ี ๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๗ วันจนั ทรท์ ี่ ๑๖ มนี าคม ๒๕๖๓ คร้งั ที่ ๘ วนั พฤหัสบดที ่ี ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ครง้ั ที่ ๙ วนั พฤหัสบดีท่ี ๑๑ มิถนุ ายน ๒๕๖๓ ครั้งท่ี ๑๐ วนั พฤหัสบดที ่ี ๒๕ มิถนุ ายน ๒๕๖๓ ครั้งท่ี ๑๑ วนั พฤหัสบดที ี่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ คร้ังที่ ๑๒ วันพฤหสั บดที ี่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ครั้งท่ี ๑๓ วนั พฤหัสบดที ี่ ๖ สงิ หาคม ๒๕๖๓ คร้งั ที่ ๑๔ วนั พฤหสั บดีท่ี ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ ๕.๒ คณะกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษาข้อเท็จจริงและรายละเอียดข้อมูลเร่ืองนี้จากเอกสาร และคาช้ีแจงจากหน่วยงานที่เก่ียวข้อง รวมท้ังรายละเอียดจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ โดยนามาประกอบ การพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ๕.๓ คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ไดม้ กี ารตง้ั คณะทางาน จานวน ๓ คณะ ไดแ้ ก่ ๑) คณะทางานรว่ มแก้ไขปญั หาฝุน่ ละอองภายในบรเิ วณพนื้ ท่ีอาคารรฐั สภา ๒) คณะทางานศึกษากฎหมายทเ่ี ก่ียวข้องกับการแก้ไขปญั หาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ๓) คณะทางานรับฟงั ความคิดเห็นและเร่อื งราวร้องเรียน ๕.๔ คณะกรรมาธกิ ารไดม้ ีการตง้ั อนุกรรมาธิการ จานวน ๒ คณะ ได้แก่ ๑) คณะอนุกรรมาธิการจัดทารายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ศกึ ษาแนวทางการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ ๒) คณะอนุกรรมาธิการติดตามสถานการณ์และการดาเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กบั แนวทางการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาฝนุ่ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อย่างเปน็ ระบบ ๕.๕ คณะกรรมาธิการได้มีมตเิ ดินทางไปศกึ ษาดูงาน จานวน ๕ คร้งั ดงั นี้ ๑) การศึกษาดูงาน เรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ ระหวา่ งวันอาทติ ย์ที่ ๗ – วันองั คารท่ี ๙ มถิ ุนายน ๒๕๖๓ ณ จังหวัดเชยี งราย ๒) การศึกษาดูงาน เรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ ในวนั ศกุ ร์ที่ ๑๒ มิถนุ ายน ๒๕๖๓ ณ อาเภอบา้ นโปง่ จงั หวัดราชบรุ ี ๓) การศึกษาดูงาน เร่ือง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อยา่ งเป็นระบบ ในวนั จันทรท์ ่ี ๑๕ มิถนุ ายน ๒๕๖๓ ณ กรุงเทพมหานคร ๔) การศึกษาดูงาน เร่ือง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเปน็ ระบบ ในวนั องั คารท่ี ๑๖ มถิ ุนายน ๒๕๖๓ ณ กรุงเทพมหานคร และจงั หวัดสมทุ รสาคร ๕) การศกึ ษาดูงาน เรอ่ื ง แนวทางการป้องกันและแกไ้ ขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเปน็ ระบบ ระหว่างวนั ศุกรท์ ี่ ๑๙ – วนั เสารท์ ี่ ๒๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๓ ณ จังหวดั นครศรธี รรมราช
ซ - ๑๕ ๖. ผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้จัดทารายงานผลการศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ โดยนาข้อมูลที่ได้มาสรุปและรวบรวมเอกสารเป็นรูปเล่ม โดยแบง่ เนอื้ หารายงานออกเป็น ๔ บท ประกอบด้วย บทที่ ๑ บทนา บทท่ี ๒ การรวบรวมและการทบทวนข้อมลู พนื้ ฐานที่เกี่ยวข้อง บทท่ี ๓ สภาพปัญหา อุปสรรค ผลการพิจารณา และขอ้ เสนอแนะ บทท่ี ๔ บทสรปุ และข้อสังเกตของคณะกรรมาธกิ าร ๗. ข้อสงั เกตของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ต้ังข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกัน และแกไ้ ขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ทง้ั ในดา้ นเชงิ นโยบายและเชิงปฏบิ ัติ จานวน ๔ เร่ือง ประกอบด้วย ๑) ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มไม่ใช่ของฟรี มตี ้นทนุ ในการใชง้ าน ๒) กลไกตลาดสามารถนามาใช้สะทอ้ นต้นทุนทางส่งิ แวดล้อมและแก้ไขปัญหาได้อย่างย่งั ยนื ๓) ทุกคนเป็นสว่ นหนง่ึ ของปัญหาและจาเปน็ ตอ้ งมีส่วนรว่ มในการแก้ไขปัญหา ๔) ขอ้ สังเกตแบง่ ตามแหล่งกาเนิดของฝนุ่ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) จานวน ๕ ข้อ ได้แก่ (๑) การแกไ้ ขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กจากการคมนาคม (๒) การแก้ไขปัญหาฝุน่ ละอองขนาดเลก็ จากภาคอุตสาหกรรม (๓) การแก้ไขปัญหาฝนุ่ ละอองขนาดเลก็ จากการเผาทโ่ี ลง่ (๔) การแกไ้ ขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กจากไฟป่าในพน้ื ที่อนุรักษ์ (๕) การแก้ไขปญั หาฝนุ่ ละอองขนาดเล็กจากหมอกควันข้ามแดน โดยรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ มีข้อมูลและรายละเอยี ดดังกลา่ ว ปรากฏอยู่ในบทต่าง ๆ ในลาดับถดั ไป ดงั น้ี
ฌ-๑ บทสรปุ ผ้บู รหิ าร ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM ๒.๕ เป็นปัญหาสาคัญและจาเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คณะกรรมาธิการจึงได้มีการประมวลความเห็นเชิงวิชาการเพื่อศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM ๒.๕ อย่างเป็นระบบ ทั้งน้ี ได้เชิญหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องมาให้ข้อมูล รวมท้ังส้ิน ๖๗ หน่วยงาน ประกอบด้วย ภาครัฐ จานวน ๕๔ หน่วยงาน ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม จานวน ๖ หน่วยงาน และภาควิชาการ จานวน ๗ หน่วยงาน โดยคณะกรรมาธิการได้พิจารณาสถานการณ์ปัญหา ตามกรอบการพิจารณาศึกษา ดังนี้ (๑) สาเหตุของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) (๒) วิธีการปฏิบัติ ของหนว่ ยงานทีเ่ กีย่ วข้อง (๓) กฎหมายทีใ่ ชบ้ ังคบั และ (๔) วิธีการแกไ้ ขปญั หา จากการสารวจความคดิ เห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ฝุน่ PM ๒.๕ โดยสวนดสุ ติ โพล มหาวทิ ยาลัย สวนดุสิต จากกลุ่มตัวอย่าง ๑,๐๖๕ คน (แบ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ร้อยละ ๔๙ และกลุ่มตัวอยา่ งในต่างจงั หวัด ร้อยละ ๕๑) พบว่าประชาชนจากกล่มุ ตัวอยา่ ง ร้อยละ ๒๘.๐๘ ไดร้ ับผลกระทบ จากสถานการณ์ฝุ่น PM ๒.๕ อย่างมาก และร้อยละ ๕๙.๗๒ ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองอยู่บ้าง เมื่อสารวจความพึงพอใจต่อการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองของภาครัฐ ประชาชนจากกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ ๖๒ ยังขาดความพึงพอใจกับการรับมือและมาตรการในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง โดยมีความเห็นว่าปัญหา ฝุ่นละอองเป็นปัญหาเร้ือรังที่เกิดข้ึนมาแล้วเป็นระยะเวลานาน มีความล่าช้าและขาดแนวทางแก้ไขปัญหา จากภาครัฐ ขาดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ทาให้ยังพบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM ๒.๕ จากกิจกรรมต่าง ๆ เชน่ ควนั ดาจากยานยนต์บนทอ้ งถนน การเผาป่า และการปลอ่ ยมลพษิ จากโรงงานอุตสาหกรรม เม่ือคณะกรรมาธิการได้ศึกษาสัดส่วนของที่มา สาเหตุ และสถานการณ์ของฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) พบว่าสัดส่วนการเกิดฝุ่นควันของแหล่งกาเนิดต่าง ๆ แตกต่างกันข้ึนอยู่กับขอบเขตสถานที่ศึกษา ระยะเวลาการประเมิน และผู้ประเมิน โดยสามารถแบ่งแหล่งกาเนิดหลักของฝุ่นละอองในประเทศไทยได้ ๕ แหลง่ หลัก ไดแ้ ก่ ๑. การขนส่งคมนาคม เป็นแหล่งกาเนิดฝุ่นละอองท่ีสาคัญในเขตพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีการจราจร จานวนมาก โดยสาเหตุของฝุ่นละอองเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของยานพาหนะ มีปัจจัยสาคัญ คือ มาตรฐานคุณภาพยานยนต์และเชื้อเพลิง ซ่ึงปัจจุบันนโยบายท่ีมุ่งเน้นการให้ความรู้ในการดูแลรักษา ยานยนต์บนท้องถนน การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสภาพยานยนต์ และมาตรการทางภาษี ยังขาดความสอดคล้องกับการก่อมลพิษของยานยนต์ และไม่เพียงพอที่จะสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้ ยานยนต์หรือเช้ือเพลงิ ที่มีผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ มน้อยกว่า ๒. ภาคอุตสาหกรรม เป็นแหล่งกาเนิดหลักของฝุ่นละอองขนาดเล็กในบริเวณที่มีความหนาแน่น ของโรงงานซ่ึงมีการปล่อยมลพิษจากกระบวนการผลิตทางปล่องระบาย ปัจจุบันยังขาดการเก็บข้อมูล การตรวจวัด การรายงานฝุ่นควัน และเกณฑ์หรือมาตรฐานท่ีครอบคลุมฝุ่นประเภทต่าง ๆ ท่ีปล่อยออกมา ทางปล่องระบาย ๓. การเผาในที่โล่ง เป็นแหล่งกาเนิดฝุ่นละอองท่ีสาคัญในพื้นที่ที่มีการทาการเกษตรระยะส้ัน อาทิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง ซ่ึงมีการเพาะปลูกอ้อย ข้าว และข้าวโพดเล้ียงสัตว์ ในปริมาณมาก เนื่องจากการเผาเป็นวิธีการเก็บเกี่ยวและเตรียมการเพาะปลูกที่สะดวกและมีต้นทุนต่า สาหรับเกษตรกรรายเล็ก เม่ือเทียบกับการใช้เคร่ืองจักรซึ่งมีราคาสูง อีกท้ังนโยบายและมาตรการควบคุม /ลดการเผาต่าง ๆ ยงั ไม่ส่งผลใหก้ ารเผาในพน้ื ทีเ่ กษตรลดลงอยา่ งมนี ยั สาคัญ
ฌ-๒ ๔. ไฟป่า เป็นแหล่งกาเนิดฝุ่นละอองที่สาคัญในพ้ืนที่รอยต่อระหว่างชุมชนและเขตป่าอนุรักษ์ และป่าสงวน โดยพบมากในเขตภาคเหนือซึ่งมีรอยต่อของพื้นที่ป่าและพื้นท่ีชุมชนมาก สาเหตุหลัก ของการเกิดไฟป่า ได้แก่ การหาของป่า สาเหตุรอง ได้แก่ การล่าสัตว์ เผาไร่ เป็นต้น ซึ่งการบังคับใช้กฎหมาย ท่ีเก่ียวข้องยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดการไฟป่าโดยภาครัฐยังขาด การประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการมีส่วนรวมของชุมชนที่อยู่บริเวณพื้นที่ป่าใกล้เคียง รวมทั้ง ระบบการแจง้ สถานการณ์และรายงานความคืบหนา้ ยงั ไมท่ ันต่อเหตุการณ์ ๕. หมอกควันข้ามแดน เป็นแหล่งกาเนิดฝุ่นละอองสาคัญในหลายพ้ืนท่ีของประเทศไทย อาทิ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ โดยเกิดจากการเผาไหม้ทางการเกษตรหรือไฟป่าในเขตประเทศเพื่อนบ้าน ในภูมิภาคทฟี่ ุ้งกระจายสู่พ้ืนทขี่ ้างเคียง การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) จาเป็นต้องพิจารณาตามความเหมาะสมในแตล่ ะพืน้ ที่ และเปน็ การแก้ไขปญั หาฝุ่นละอองที่ต้นกาเนิดเพ่ือใหเ้ กิดการแก้ไขปญั หาท่ีมีประสิทธภิ าพสูงสุด โดยต้องอาศัย ความร่วมมือจากท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาอย่างครอบคลุม และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ท้ังในด้านกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องและการบังคับใช้กฎหมาย การบริหารจัดการ ของหน่วยงานต่าง ๆ แรงจูงใจทางเศรษฐศาสตร์ และการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีการ ปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาฝ่นุ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ท้ังนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหายังต้องสะท้อนความสาคัญและต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมท่ีแท้จริง เพื่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดลอ้ มอย่างยั่งยืน เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมมีต้นทุนในการใช้งาน การก่อมลพิษหรือสร้างผลกระทบในทางลบต่อส่ิงแวดล้อมจึงเป็นผลกระทบภายนอกเชิงลบ (Negative Externalities) ซ่ึงควรนามาเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการผลิตสินค้า/บริการตามแนวคิดผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle : PPP) หรือนามาประยุกต์ใช้กับการบริหารจัดการส่ิงแวดล้อมเม่ือวางกลยุทธ และนโยบายของภาครัฐ โดยควรมีการประเมินส่ิงแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) ทุกครั้งเมื่อทาการกาหนดนโยบาย หรือเมื่อมีการจัดทาโครงการท่ีทุกส่วนราชการเสนอ รวมท้ังมีการใช้มาตรการด้านการเงินและการคลัง เพ่ือให้ครอบคลุมถึงต้นทุนในการคุ้มครอง อนุรักษ์ ฟ้ืนฟู และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ร่วมกับการกาหนดกระบวนการในการขับเคล่ือน การแกไ้ ขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กและปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม เพอ่ื ให้สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ และเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ขอ้ สงั เกตของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ทส่ี าคัญ มดี ังนี้ ๑. ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อมไม่ใชข่ องฟรี มีตน้ ทุนในการใช้งาน การก่อมลพิษหรือสร้างผลกระทบในทางลบต่อสิ่งแวดล้อม แม้ไม่เห็นผลในระยะสั้นแต่ก็ส่งผลกระทบ ในระยะยาว ดังนั้น จึงมีความจาเป็นเร่งด่วนในการนาหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle : PPP) ที่ให้ความสาคัญกับการนาต้นทุนที่เกิดจากการก่อมลพิษทางสิ่งแวดล้อมมาเป็นส่วนหน่ึงของต้นทุน การผลิตสินค้าหรือการบริการ และนาหลกั การ ๓R (Reduce Reuse and Recycle : ๓Rs) มาใชใ้ นกระบวนการ ผลิตเพื่อให้เกิดของเสียที่เหลือจากการผลิตน้อยที่สุด โดยหนึ่งในแนวคิดที่จะช่วยขับเคล่ือนหลักการผู้ก่อมลพิษ เปน็ ผจู้ า่ ย ไดแ้ ก่ การพัฒนาระบบการซ้อื ขายคาร์บอนที่เปน็ ทางการ ๒. กลไกตลาดสามารถนามาใชส้ ะทอ้ นตน้ ทนุ ทางสงิ่ แวดล้อมและแก้ไขปัญหาได้อย่างย่ังยืน ระบบการซ้ือขายคาร์บอนเป็นการกาหนดมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ปริมาณคาร์บอนที่ปลดปล่อย โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เช่น การคมนาคม การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเกษตร ระบบการซื้อขาย
ฌ-๓ คาร์บอนจึงเป็นกลไกตลาดที่สาคัญในการสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนให้ชุมชนและผู้ผลิตหาแนวทาง หรือเทคโนโลยีในการลดการปล่อยกา๊ ซเรือนกระจกทม่ี ปี ระสิทธภิ าพสงู สุด ๓. ทกุ คนเป็นสว่ นหนึ่งของปัญหาและจาเป็นต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ประชาชนทุกคนเป็นส่วนหน่ึงของปัญหาทางสิ่งแวดล้อม เพราะความต้องการอุปโภคบริโภค ส่งผลผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังน้ัน ประชาชนทุกคนจึงจาเป็น ต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาทางสิ่งแวดล้อม ท้ังน้ี เราทุกคนต้องพึงตระหนักเสมอว่าเป็นหน้าท่ี ของเราทุกคนทจ่ี ะสง่ มอบทรพั ยากรธรรมชาติที่มีคณุ ภาพเทียบเท่าหรือดกี วา่ ใหป้ ระชากรรุ่นต่อไป ๔. ขอ้ สงั เกตแบง่ ตามแหลง่ กาเนิดของฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ๑) การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กจากการคมนาคม เช่น การเพ่ิมพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง เพ่ือช่วยดูดซับฝุ่นละอองขนาดเล็กท่ีเกิดจากกิจกรรมในเขตเมือง การลดมลพิษในยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษมาก ทุกประเภททนั ที เปน็ ตน้ ๒) การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กจากภาคอุตสาหกรรม เช่น การบัญญัติกฎหมายว่าด้วย ทาเนียบการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant Release and Transfer Registration : PRTR) เพ่ือให้โรงงานอุตสาหกรรมต้องรายงานการปล่อยมลพิษทางอากาศให้กับส่วนราชการที่เก่ียวข้องทราบ การศึกษาและเกบ็ ข้อมูลพน้ื ฐานประเดน็ การปล่อยฝนุ่ ควันและมลพษิ จากภาคอตุ สาหกรรมท่ัวประเทศ เปน็ ตน้ ๓) การแก้ไขปญั หาฝุ่นละอองขนาดเล็กจากการเผาทโ่ี ลง่ เช่น การจดั ต้งั ศนู ย์อานวยการการบริหารจัดการ การเผาในพ้ืนท่ีเกษตรและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทาข้อมูล Hotspot และ Burn scar เพื่อพัฒนาระบบ การรายงานสถานการณ์ฝนุ่ ทเี่ หมาะสมในระดบั ท้องถิ่นท่วั ประเทศ การบรหิ ารจดั การการเผา โดยใหผ้ ู้วา่ ราชการจังหวัด เป็นศูนยก์ ลางในการกาหนดนโยบายผ่านการจัดระเบยี บการชงิ เผาในทอ้ งถน่ิ เป็นตน้ ๔) การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กจากไฟป่าในพื้นที่อนุรักษ์ เช่น การสนับสนุนกาลัง และงบประมาณส่วนกลางจากรัฐบาลให้สอดคล้องตามแผนมาตรการป้องกันไฟป่า การจัดตั้งศูนย์อานวยการ การบริหารจัดการการเผาโดยใช้ข้อมูลการพยากรณ์สภาพอากาศล่วงหน้าของกรมอุตุนิยมวิทยาเป็นฐาน ในการกาหนดช่วงเวลาปลอดภยั ท่สี ามารถใหป้ ระชาชนบรหิ ารจดั การเผาได้ เป็นต้น ๕) การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กจากหมอกควันข้ามแดน เช่น การผลักดันให้เกิดความร่วมมือ ในการจัดทาข้อมูลจุดความร้อน แหล่งท่ีมาของฝุ่นละออง และสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนระหว่างหน่วยงาน หรือศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลในระดับทวิภาคีหรือพหุภาคี การผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศ ในระดับอนุภูมภิ าค เป็นต้น
ญ สารบญั หน้า รายนามคณะกรรมาธกิ าร……………………………………..………………………………………………………………………….... ก รายนามคณะอนกุ รรมาธิการ……………………………………………………………………………………………………………....จ รายนามทีป่ รึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ………………………………………………………………………………………………....ช รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญ...…………………………………………………………………………………………….... ซ บทสรปุ ผู้บริหาร……………………………………………………………………………………………………………………………..….ฌ สารบญั …………………………..…………………………………………………………………………………………………………….…. ญ - สารบญั ตาราง..…..……………………………………………………………………………………………………………………….…. ฎ - สารบัญภาพ..…..……………………………………………………………………………………………………………….……………. ฏ บทที่ ๑ บทนา………………………………………………………………………………………………...…………………..……...…… ๑ ๑.๑ ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา…………………………………………………………..…..…. ๑ ๑.๒ วัตถปุ ระสงค์ของการศึกษา…………………………………………………………………………….….….. ๓ ๑.๓ ขอบเขตของการศึกษา…………………………………………………………………………………..….….. ๓ ๑.๔ วธิ ีการศึกษา…………………………………………………………………………………………………….….. ๓ ๑.๕ ระยะเวลาในการศึกษา……………………………………………………………………………………..…...๓ ๑.๖ ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะได้รบั .………………………………………………………………………………...….๓ บทที่ ๒ การรวบรวมและการทบทวนขอ้ มูลพืน้ ฐานที่เก่ยี วขอ้ ง………………………………………………………….….๔ ๒.๑ ข้อมูลจากหน่วยงานหรอื บุคคลต่าง ๆ นาเสนอต่อคณะกรรมาธิการ.….……………….….….. ๔ ๒.๒ สรปุ ผลการดาเนนิ งานของคณะอนุกรรมาธิการ……………………………………………..….….. ๖๘ ๒.๓ การเดนิ ทางศึกษาดงู านของคณะกรรมาธิการ……………………………………………..….…….. ๗๐ ๒.๔ ข้อมูลเกย่ี วกับหนา้ ท่ีและอานาจของผ้วู า่ ราชการจงั หวัดและนายกเทศมนตรี ในการบรหิ ารจดั การหรอื การป้องกนั และแก้ไขปญั หาฝุ่นละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) และมลพิษทางอากาศ…………………………………………………………………………………….….. ๙๖ ๒.๕ ข้อมูลผลการสารวจความคิดเหน็ ของประชาชนเก่ียวกับแนวทางการป้องกนั และแก้ไขปัญหาฝ่นุ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ของสวนดุสิตโพล .….…………………...๑๐๐ บทท่ี ๓ สภาพปญั หา อปุ สรรค ผลการพิจารณา และข้อเสนอแนะ………………………..….…………..………...๑๐๘ บทที่ ๔ บทสรปุ และขอ้ สงั เกตของคณะกรรมาธิการ …………………………………………..….…………..…………. ๑๕๖ ๔.๑ บทสรปุ รายงานการศกึ ษา…………………………………………..….…………..………………….... ๑๕๖ ๔.๒ ขอ้ สงั เกตของคณะกรรมาธิการ..……………………………………………..….…………..………... ๑๕๗ ภาคผนวก ภาคผนวก ก คาสง่ั แต่งตัง้ …………………………………………..….………………………………..……..………... ๑๖๕ ภาคผนวก ข ภาพกิจกรรม………………………………………….….………………………………..……..………... ๑๖๘ ภาคผนวก ค หนังสือขอขยายระยะเวลาการพิจารณาศึกษา……………….………………..……..………... ๑๘๓ ภาคผนวก ง เอกสารท่เี กย่ี วข้อง……………………………………..…………………..…………………..………... ๑๘๖ ภาคผนวก จ รายนามเจ้าหน้าท่ปี ระจาคณะกรรมาธกิ าร……………………………………..……..………... ๒๑๗ บรรณานกุ รม…………………………………………..….……………………………………………………………...……..………...๒๑๙
ฎ สารบัญตาราง หนา้ ตารางท่ี ๑ ตารางแสดงมาตรฐานไอเสีย Euro ๑ ถึง ๖ สาหรบั รถประเภทต่าง ๆ …………………………………….. ๑๐๙ ๒ การคาดประมาณการระบายมลพษิ ทางอากาศจากแหล่งกาเนิดประเภทต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล…………………………………………………………………………………. ๑๑๑ ๓ เชอื้ เพลิงทางเลือกประกอบการพิจารณา……………………………………………………………………………… ๑๑๓ ๔ โครงสร้างราคานา้ มันเช้ือเพลงิ ……………………………………………………………………………………………. ๑๑๕ ๕ ผลการสารวจความคดิ เหน็ ของประชาชนเกย่ี วกบั การดาเนินการแก้ไข ปญั หาฝนุ่ ละอองจากการคมนาคมของรัฐบาล……………………………………………………………………….. ๑๑๕ ๖ ผลการสารวจความคดิ เห็นของประชาชนเกย่ี วกบั การดาเนนิ การแก้ไข ปญั หาฝนุ่ ละอองจากภาคอุตสาหกรรมของรัฐบาล…………………………………………………………………. ๑๒๑ ๗ พืน้ ทปี่ ลูกพชื เศรษฐกิจหลกั …………………………………………………………………………………………………. ๑๒๔ ๘ ประมาณการชีวมวลเหลอื ท้ิงภาคเหนอื ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙……………………………………………………….. ๑๒๕ ๙ รายงานการปดิ หบี อ้อย ณ วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๓…………….………………………………………………. ๑๒๗ ๑๐ ผลการสารวจความคดิ เห็นของประชาชนเกี่ยวกบั การดาเนินการแก้ไข ปญั หาฝนุ่ ละอองจากการเผาในที่โลง่ ของรฐั บาล……………………………………………………………………. ๑๒๙ ๑๑ ผลการสารวจความคดิ เหน็ ของประชาชนเกย่ี วกับการดาเนินการแก้ไข ปญั หาฝุน่ ละอองจากไฟป่าของรฐั บาล…………………………………………………………………………………. ๑๓๙ ๑๒ ผลการสารวจความคิดเหน็ ของประชาชนเกี่ยวกับการเก็บภาษีสิ่งแวดลอ้ ม………………………………. ๑๕๗
ฏ สารบัญภาพ หนา้ ภาพที่ ๑ สถติ จิ านวนรถจดทะเบยี นสะสม………………………………………………………………………………………….. ๑๐๙ ๒ สดั สว่ นการปล่อยฝ่นุ ละอองของรถประเภทตา่ ง ๆ…………………………………………………………………. ๑๑๐ ๓ สถติ ิประเภทรถจดทะเบียนสะสม………………………………………………………………………………………… ๑๑๐ ๔ โครงสรา้ งภาษีสรรพสามิตรถกระบะ…………………………………………………………………………………….. ๑๑๒ ๕ ปริมาณการปล่อยฝนุ่ จากรถกระบะสองประตูทว่ี งิ่ อยบู่ นทอ้ งถนนในปจั จบุ นั …………………….……….. ๑๑๒ ๖ ฝนุ่ ทุติยภูมิ (ฝุ่นท่เี กิดข้ึนภายหลงั )………………………………………………………………………………………… ๑๒๐ ๗ จุดความรอ้ นพ้นื ทีเ่ กษตรเฉลี่ย ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๒……………………………………...……………… ๑๒๔ ๘ สัดสว่ นปรมิ าณอ้อยไฟไหม้รายปี…………………………………………………………………………………….………… ๑๒๖ ๙ ข้อมูลจุดความร้อนจาแนกตามพ้ืนทที่ ว่ั ประเทศปี พ.ศ.๒๕๖๐ - ๒๕๖๒……………..……………….……. ๑๓๒ ๑๐ แผนภมู ิเปรยี บเทยี บจดุ ความรอ้ นสะสม ๙ จงั หวดั ภาคเหนือ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๒.. ๑๓๓ ๑๑ แผนภูมเิ ปรียบเทียบสาเหตกุ ารเกิดไฟปา่ ท่วั ประเทศไทย ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๕๙…… ๑๓๔ ๑๒ ภาพไฟไหม้ปา่ พรคุ วนเคร็ง ตาบลการะเกด อาเภอเชียรใหญ่ จังหวดั นครศรธี รรมราช ปี พ.ศ. ๒๕๖๒…………………………………….………………………………………… ๑๓๕ ๑๓ จุดความรอ้ นในพ้ืนท่เี ขตรักษาพันธุ์สัตวป์ ่าหว้ ยขาแขง้ ……………………………………………………………. ๑๓๖ ๑๔ ไฟป่าในพน้ื ที่ลาดชนั ………………………………………………………………………………………………………….. ๑๓๗ ๑๕ ไฟป่าดอยสเุ ทพใกลต้ ัวเมือง จงั หวัดเชียงใหม่………………………………………………………………………... ๑๓๗ ๑๖ ภาพผู้ทีป่ ระสบอบุ ัตเิ หตุเสียชีวิตระหว่างดบั ไฟปา่ ………………………………………………………………….. ๑๓๘ ๑๗ การเปรยี บเทยี บจุดความรอ้ นสะสม ๕ ประเทศ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๒…….………………. ๑๔๓ ๑๘ ภาพร่องรอยพืน้ ที่เผาไหม้อนุภมู ิภาคลมุ่ แมน่ า้ โขง เดือนมกราคม - พฤษภาคม ๒๕๖๓…………….… ๑๔๔ ๑๙ ภาพเปรยี บเทียบรอ่ งรอยพ้นื ท่ีเผาไหมแ้ ละพ้นื ที่ปลูกข้าวโพด ในอนุภูมภิ าคลุม่ นา้ โขง ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๒……………………………………………………………….….. ๑๔๔ ๒๐ การจาลองการเคล่อื นท่ีของมวลอากาศบรเิ วณประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวยี ดนาม เดอื นธนั วาคม - มกราคม ๒๕๖๒………………………………………………………………..……….…………….. ๑๔๕ ๒๑ จดุ ความรอ้ นสะสมเดือนมกราคม ๒๕๖๓……………………..………………………………………………………. ๑๔๖ ๒๒ สถานการณ์หมอกควันเดอื นมกราคม ๒๕๖๓……….….……………………………………………………………. ๑๔๗ ๒๓ จุดความรอ้ นสะสมเดือนมีนาคม ๒๕๖๓ ……………………………..……………………....……………………… ๑๔๗ ๒๔ สถานการณ์หมอกควนั เดอื นมีนาคม ๒๕๖๓ ………….…………………………………………………………… ๑๔๘ ๒๕ ภาพการจาลองการเคล่ือนทขี่ องมวลอากาศแบบย้อนกลับ (Backward Trajectory) วันท่ี ๕ กันยายน ๒๕๖๒……………………………………………………………………………………………………. ๑๔๙ ๒๖ สถานการณห์ มอกควนั ขา้ มแดน วนั ท่ี ๑๘ กนั ยายน ๒๕๖๒……………………………………………………. ๑๕๐
บทท่ี ๑ บทนา ๑.๑ ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการเปล่ียนแปลงสภาวะภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention of Climate Change) ได้มีการเจรจาในการประชมุ สมชั ชาประเทศภาคี อนุสญั ญาสหประชาชาตวิ ่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Conference of Parties : COP) ครง้ั ที่ ๒๑ ณ กรุงปารีส ซ่ึงประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมด้วย และกาหนดแนวทางการอนุวัติให้เป็นไปตามข้อ ๒๑ ของความตกลง ท่ีรัฐสมาชิก ๑๙๔ ประเทศได้ให้ความเห็นชอบร่วมกันในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งความตกลงปารีสมีประเด็นครอบคลุมการลดก๊าซเรือนกระจก และเม่ือวันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๙ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งท่ี ๗๑ ท่ีนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้มอบสัตยาบันสารเข้าเป็นภาคีความตกลงปารีสของไทยให้กับนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติแล้ว ระหว่างการเข้าร่วมกิจกรรมการอนุวัติให้เป็นไปตามความตกลงปารีสของผู้บริหาร ระดับสูงของประเทศ ณ สานักงานใหญ่สหประชาชาติ ซึ่งเป็นความตกลงที่มีเป้าหมายระยะยาวในการลด ภาวะโลกร้อน เพ่ือให้อุณหภูมิโลกสูงเพ่ิมข้ึนไม่เกิน ๑.๕ องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม แต่ยังไม่มีมาตรการเฉพาะสาหรับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศต่อสุขภาพที่ควรจะต้อง ดาเนนิ การต่อไป ก๊าซเรือนกระจกหลายชนิดท่ีเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากซากพืชซากสัตว์เป็นมลพิษ ทางอากาศ อาทิโอโซนผิวดนิ และคารบ์ อนซึง่ เปน็ สว่ นประกอบของฝนุ่ (Particulate Matter - PM) โดยเฉพาะ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งก่อให้เกิดความเจ็บป่วยและการเสียชีวิต ก่อนเวลาอันควร ส่วนใหญ่แล้วพบมลพิษท่ีเกิดข้ึนในบางพื้นที่และเม่ือมีปริมาณมากก็สามารถเคล่ือนตัวไป ส่งผลกระทบต่อพื้นทอี่ ่ืน แนวโน้มประเด็นปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ในประเทศไทยสูงขึ้นตามการขยายตัว ทางเศรษฐกิจ จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ถึง ๒๕๖๑ ค่าเฉล่ีย ๒๔ ช่ัวโมงสูงสุด อยู่ในช่วง ๑๑๖ ถึง ๒๖๖ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซ่ึงสูงกว่าค่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลกกาหนดไว้ ที่ ๒๕ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะท่ีค่าเฉลี่ยรายปีท้ังประเทศอยู่ท่ี ๒๒ – ๒๙ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงกว่าค่ามาตรฐานองคก์ ารอนามยั โลก ซง่ึ กาหนดไวท้ ี่ ๑๐ ไมโครกรมั ต่อลกู บาศก์เมตร จากข้อมูลสถิติโลก ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเทศไทยมีฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) สูงมาก เป็นลาดับท่ี ๒๘ ของโลก และอยู่ในลาดับที่ ๔ ของอาเซียน รองจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสังคม นยิ มเวยี ดนาม และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาตามลาดับ โดยมีคา่ เฉล่ยี อยทู่ ่ี ๒๔.๓ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จงั หวดั ท่มี ฝี ่นุ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) สงู ที่สุด ๓ จังหวัด คือจงั หวดั นครราชสีมา ขอนแกน่ และแม่ฮอ่ งสอน มีค่าเฉลี่ยสูงถึง ๔๒.๒ ๓๖.๔ และ ๓๕.๓ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามลาดับ ซ่ึงอยู่ในระดับที่สูงกว่า ค่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลก และมีความเส่ียงต่อการระคายเคืองและอาจเป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ สาหรับกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงที่มีฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อยู่ในลาดับที่ ๓๓ ของเมืองหลวงท่ัวโลก มคี า่ เฉลี่ย ๒๒.๘ ไมโครกรมั ตอ่ ลกู บาศก์เมตร อยา่ งไรก็ดี รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ จากสถานตี รวจวัดคุณภาพ อากาศอัตโนมัติ ๖๓ สถานี ใน ๓๓ จังหวัดของประเทศ พบว่า คุณภาพอากาศในภาพรวมมีแนวโน้มทรงตัว คา่ คุณภาพอากาศท่ตี รวจวัดได้ (พารามเิ ตอร์) ที่ยงั เกินเกณฑม์ าตรฐาน อาทิ ๑) ฝ่นุ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕)
๒ มีแนวโน้มลดลงต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ แต่ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ.๒๕๖๐ ๒) ก๊าซโอโซน ค่าเฉล่ีย ๘ ช่ัวโมง สูงสุดของแต่ละจุดตรวจวัดเฉล่ียได้ ๙๗ ส่วนในพันล้านส่วน และค่าสูงสุดอยู่ท่ี ๑๔๙ ส่วน ในพันล้านส่วน ภาพรวมยังมีค่าเกินมาตรฐานและทรงตัวจากปีที่ผ่านมา ๓) สารอินทรีย์ระเหยง่าย ค่าเฉลี่ยรายปี อยู่ในช่วง ๑.๓ - ๔.๗ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยค่าเฉล่ียท้ังประเทศมีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๕๗ เปน็ ตน้ มา แตใ่ นปี พ.ศ. ๒๕๖๑ พบปรมิ าณเพมิ่ ขึ้นจากปีทผ่ี า่ นมาเลก็ นอ้ ย เมื่อพิจารณาเชิงพ้ืนท่ีพบว่า พ้ืนที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) จากยานพาหนะ การจราจรหนาแน่น การเผาในที่โล่ง สภาวะอากาศจมตัวและลมสงบ ประกอบกับ ความกดอากาศสูง ก่อให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองในบรรยากาศ จนเริ่มมีปริมาณเกินมาตรฐานในช่วง เดือนธันวาคม - มีนาคมของทุกปี ในส่วนของสารอินทรีย์ระเหยง่ายในพื้นท่ีมาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง พบค่าเฉลี่ยสารอินทรีย์ระเหยง่ายเกินค่ามาตรฐานรายปี ๓ ชนิด คือ สาร ๑,๒-ไดคลอโรอีเทน และเมื่อเปรียบเทียบ กับปี พ.ศ. ๒๕๖๐ พบว่ามีแนวโน้มดีข้ึนเล็กน้อยแต่ยังคงมีค่าเกินมาตรฐาน สาหรับสารเบนซีนพบแนวโน้ม สูงข้ึนกว่าปี พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยพบเกินค่าเฝ้าระวัง ๒๔ ช่ัวโมงในเดือนกุมภาพันธ์ กรกฎาคม กันยายน และธันวาคม ส่วนสาร ๑,๓-บิวทาไดอีน ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย พบแนวโน้มรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา โดยเกินค่าเฝ้าระวัง ในเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน สาเหตุเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมเคมีที่มีการใช้ และผลิต สารดังกล่าว ความรุนแรงของมลพิษในประเทศไทยสูงสุดในโลก จากข้อมูลแสดงค่าดัชนีคุณภาพอากาศทั่วโลก ตรวจวัด เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๓ พบว่าจังหวัดเชียงใหม่อยู่ในอันดับท่ีหนึ่ง มีค่าสูงถึง ๒๘๗ ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร ซ่ึงตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ได้ระหว่าง ๓๔ - ๓๒๑ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๑๐ ไมครอน (PM ๑๐) ตรวจวัดได้ระหว่าง ๖๔ - ๒๑๑ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยของประชาชน โดยมีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจชนิดต่าง ๆ เพ่ิมขึ้น โดยปัญหา ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) มีมากข้ึนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มท่ีจะสูงข้ึนในอนาคตหากไม่สามารถควบคุมได้ ซ่งึ ส่งผลกระทบโดยตรงตอ่ ประชาชนชาวไทย จงึ จาเป็นต้องดาเนนิ การแกไ้ ขที่สาเหตหุ รอื แหล่งกาเนดิ สภาผแู้ ทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ไดต้ ระหนกั ถึงความสาคัญในเร่ืองดังกลา่ ว จงึ ได้มกี ารพจิ ารณาญัตติ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) จานวน ๑๐ ญัตติ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีท่ี ๑ ครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญประจาปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ และได้มีมติ ต้ังคณะกรรมาธิการวสิ ามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร จานวน ๔๙ คน ประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้แทนจากทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวมท้ังผู้ทรงคุณวุฒิจากส่วนราชการที่เก่ียวข้องกับเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) คณะกรรมาธิการไดม้ ีการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการป้องกนั และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) โดยเชิญหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) มาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ท่ีเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ และได้มีการต้ังคณะอนุกรรมาธิการข้ึน จานวน ๒ คณะ เพ่ือพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) และรวบรวมปัญหาและแนวทาง การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานต่าง ๆ ท้ังหน่วยงานราชการส่วนกลาง และภูมิภาค รวมท้ังภาคส่วนที่เก่ียวข้อง เช่น ภาคเอกชน ภาคประชาชน เป็นต้น เพื่อให้การพิจารณาศึกษา ของคณะกรรมาธิการเป็นไปอยา่ งครอบคลมุ ในทุกมติ ิ และสามารถนาไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างยัง่ ยนื
๓ ๑.๒ วัตถุประสงค์ของการศึกษา ๑.๒.๑ เพื่อศกึ ษาแหลง่ กาเนดิ ของปญั หาฝุน่ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ๑.๒.๒ เพอ่ื ศกึ ษาแนวทางการป้องกนั และแก้ไขปญั หาฝ่นุ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อยา่ งเปน็ ระบบ ๑.๒.๓ เพ่ือจัดทาข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องนาไปดาเนินการป้องกัน และแก้ไขปัญหา ๑.๓ ขอบเขตของการศึกษา ๑) ศึกษาอานาจหน้าที่ของหน่วยงานที่รบั ผิดชอบเก่ียวกับปัญหาฝนุ่ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) โดยจัดกลุ่มตามภารกิจของหน่วยงาน เพ่ือบูรณาการการแก้ไขปัญหาระหว่างหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องให้เป็นไป ในทศิ ทางเดียวกนั ๒) ศึกษาผลกระทบของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) และวิเคราะห์ความต้องการ ทางเทคโนโลยีเพ่อื การปรับตวั และงานวจิ ัยตา่ ง ๆ เพื่อเสนอแนะแนวทางปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผล ดา้ นการแกไ้ ขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) รวมถงึ การพฒั นาศักยภาพบุคลากรภาครัฐ ๒) ศึกษากฎหมายของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) เพื่อจดั ทาข้อเสนอแนะดา้ นกฎหมาย เพ่อื แกไ้ ขปญั หาฝนุ่ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อยา่ งย่งั ยืน ๓) ศึกษาสภาพปัญหา สรุปปัญหาด้านการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เก่ียวข้องกับการแก้ไข ปญั หาฝุน่ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) ๔) ศึกษางานวิจัยเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) การบริหารจัดการ และสรุปข้อมูล เพ่ือนามาสนับสนุนองค์ความรู้เพื่อการบริหารจัดการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเปน็ ระบบ ๕) จัดทาข้อเสนอแนะเพ่ือกาหนดกรอบนโยบาย ยุทธศาสตร์ มาตรการการแก้ไขปัญหา ฝนุ่ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อยา่ งเปน็ ระบบ ๗) พิจารณาปัญหาอุปสรรค เสนอแนะแนวทางในการดาเนินงานเพ่ือให้สามารถนาไปใช้ ในทางปฏบิ ัตไิ ดอ้ ย่างแทจ้ รงิ และจัดทารายงานผลการศึกษาเสนอต่อสภาผแู้ ทนราษฎร ๑.๔ วิธกี ารศกึ ษา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเปน็ ระบบ สภาผูแ้ ทนราษฎร ไดพ้ ิจารณาศกึ ษาแนวทางการป้องกนั และแก้ไขปัญหา ฝนุ่ ละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) โดยการประชมุ ร่วมกบั หนว่ ยงานราชการและภาคสว่ นที่เกีย่ วข้อง การพจิ ารณา ข้อมูลและเอกสารประกอบการประชุมของหน่วยงานราชการและภาคส่วนที่เก่ียวข้อง การรับฟังความคิดเห็น จากภาคประชาสังคม ภาคเอกชน การศึกษาจากเอกสาร (Documentary Research) ในเชิงพรรณนาและวิเคราะห์ ข้อมูลเอกสาร จากตาราท้ังท่ีเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บทความทางวิชาการ วารสาร เอกสาร จุลสาร รายงานการวิจัยวิทยานิพนธ์ กฎหมายระหว่างประเทศต่าง ๆ ข้อมูลจากฐานข้อมูลออนไลน์ผ่านระบบ อินเทอร์เน็ต เปน็ ตน้ ๑.๕ ระยะเวลาในการศกึ ษา ตั้งแต่วันพฤหัสบดีท่ี ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ - วันพุธท่ี ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๓ รวมระยะเวลา ในการศึกษาท้ังสิ้น ๒๑๐ วัน ๑.๖ ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ บั ๖.๑ ไดร้ บั ทราบถึงแหลง่ กาเนดิ ของฝนุ่ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ๖.๒ สามารถจัดทาแนวทางการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเลก็ (PM ๒.๕) อยา่ งเปน็ ระบบ ๖.๓ สามารถจัดทาข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือนาไปดาเนินการ ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา
บทที่ ๒ การรวบรวมและการทบทวนขอ้ มูลพนื้ ฐานท่ีเกี่ยวข้อง ๒.๑ ขอ้ มลู จากหน่วยงานหรอื บุคคลต่าง ๆ นาเสนอต่อคณะกรรมาธิการ กรอบการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการ มี ๔ ประเด็น ดังนี้ ๑. สาเหตุของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ๒. วิธีการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๓. กฎหมายที่ใช้บังคับ ๔. วิธีการแก้ไขปัญหา คณะกรรมาธิการได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล จานวนทั้งสิ้น ๖๗ หน่วยงาน และกรอบแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ( PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ และยั่งยืน ซึ่งฝ่ายเลขานุการได้นาข้อมูลที่ได้จากการซักถามในที่ประชุมคณะกรรมาธิการมาประมวล ได้ดังน้ี ๑. ข้อมูลจากหนว่ ยงานภาครฐั จานวน ๕๔ หน่วยงาน มปี ระเด็นพจิ ารณาท้ังหมด ๑๔ ประเด็น ๒ ข้อมูลจากหน่วยงานภาคเอกชนและภาคประชาสังคม จานวน ๖ หน่วยงาน มีประเด็น พิจารณาทัง้ หมด ๕ ประเด็น ๓. ขอ้ มลู จากหนว่ ยงานภาควชิ าการ จานวน ๗ หน่วยงาน มีประเดน็ พิจารณาทง้ั หมด ๖ ประเดน็ ๔. กรอบแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ และยั่งยืน โดยนายยงยุทธ ติยะไพรชั ประธานทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการ ๕. ขอ้ สงั เกตของคณะกรรมาธิการต่อการดาเนินงานของหน่วยงานทีเ่ ก่ยี วข้อง จานวน ๑๒๙ ข้อ โดยแบ่งตามประเด็นการพิจารณา ดังน้ี ประเด็นที่ ๑ แหล่งกาเนิดและผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) มาตรการและวิธีการปฏิบัติ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและปัญหาการบังคับใช้กฎหมายเพ่ือแก้ไขปัญหา ฝ่นุ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ๑. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ให้ข้อมูล ต่อที่ประชุม ดังน้ี ๑. ปัญหาและสาเหตุ ในพื้นท่ีกรุงเทพมหานครสามารถแบ่งสัดส่วนการระบายฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ได้ดังนี้ รถบรรทุก ๒๘.๐ เปอร์เซ็นต์ (จากทั้งหมด ๑๔๔,๖๓๐ คัน และเป็นดีเซล ๙๙,๖๕๒ คัน) รถปิคอัพ ๒๑.๐ เปอร์เซ็นต์ รถบัส ๗.๐ เปอร์เซ็นต์ รถมอเตอร์ไซต์ ๕.๐ เปอร์เซ็นต์ รถยนต์นั่ง ๑๐.๐ เปอร์เซ็นต์ รถตู้ ๑.๕ เปอร์เซ็นต์ (รวมเกิดจากการขนส่งทางถนน ๗๒.๕ เปอร์เซ็นต์) การขนส่งนอกเหนือจากถนน ๑.๐ เปอร์เซ็นต์ อุตสาหกรรม ๑๗.๐ เปอร์เซ็นต์ ครัวเรือน ๒.๐ เปอร์เซ็นต์ การเผาในที่โล่ง ๕.๐ เปอร์เซ็นต์ อ่ืน ๆ ๒.๕ เปอร์เซ็นต์
๕ ๒. แหลง่ กาเนิดฝนุ่ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) - ๙ จงั หวัดภาคเหนือ เกิดจาก การเผาในท่ีโลง่ และหมอกควันขา้ มแดน - กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เกิดจาก การจราจร โรงงาน อุตสาหกรรม การเผาในท่ีโล่ง - ตาบลหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี เกิดจาก ถนนและการจราจร อุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ และปูนขาว โรงโม่บดหรือย่อยหิน การทาเหมืองแร่ - ภาคใต้ เกดิ จาก ไฟในป่าพรุ และหมอกควนั ขา้ มแดน ๓. กฎหมายท่ีเกยี่ วข้อง - พระราชบัญญัตสิ ง่ เสรมิ และรักษาคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๓๕ - พระราชบัญญตั ิปอ้ งกนั บรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. ๒๕๕๐ - พระราชบญั ญัตกิ ารสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ - พระราชบญั ญตั กิ ารจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ - พระราชบญั ญัติการขนสง่ ทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ - พระราชบัญญตั โิ รงงาน พ.ศ.๒๕๓๕ นอกจากน้ี การดาเนินการของกรมควบคุมมลพิษยังอยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคล่ือน วาระแห่งชาติ “การแก้ไขปญั หามลพิษดา้ นฝุน่ ละออง” ซ่ึงกาหนด ๓ มาตรการหลกั ได้แก่ ๑) มาตรการที่ ๑ การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพ้ืนท่ี (การแก้ไขปัญหา ในระยะเร่งดว่ นและในช่วงวิกฤต) ไดก้ าหนดแนวทางแบ่งออกเป็น ๓ ช่วง (๑) ช่วงก่อนวิกฤติ หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องจะดาเนินการประชุม ช้ีแจง และเตรียมการ (๒) ช่วงสถานการณ์วิกฤต จะกาหนดกลไกปฏิบัติการตามฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) เพอ่ื เปน็ แผนเผชิญเหตุ/มาตรการตอบโต้สถานการณ์ ดังน้ี - ระดับที่ ๑ PM ๒.๕ ไม่เกิน ๕๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หน่วยงานดาเนินภารกิจ ตามสภาวะปกติ - ระดับท่ี ๒ PM ๒.๕ ระหว่าง ๕๑ - ๗๕ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทุกหน่วยงาน ดาเนินมาตรการให้เข้มงวดขึ้น - ระดับท่ี ๓ PM ๒.๕ ระหว่าง ๗๖ - ๑๐๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยใช้อานาจตามกฎหมายที่เก่ียวข้อง ควบคมุ พ้นื ที่ ควบคุมแหล่งกาเนิดและกิจกรรมท่ที าใหเ้ กิดมลพิษ - ระดับที่ ๔ PM ๒.๕ มากกว่า ๑๐๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เสนอให้ประชุม คณะกรรมการทเ่ี ก่ียวขอ้ ง เพอื่ เสนอมาตรการใหน้ ายกรฐั มนตรี พจิ ารณาสั่งการ (๓) ช่วงหลังวิกฤต หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องจะประชุม และถอดบทเรียน/AAR โดยหน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง คมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สานักงานตารวจแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ ม ๒) มาตรการท่ี ๒ การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกาเนิด) การแก้ไขปัญหา ในระยะส้ัน (ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๔) และระยะยาว (ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๖๗) ได้กาหนดแนวทาง การดาเนินงาน ดังน้ี
๖ (๑) ยานพาหนะ ในระยะส้ัน โดยบังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ ใหม่ Euro๕ ภายในปี ๒๕๖๔ พัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะ ปรับลดอายุรถที่จะเข้ารับ การตรวจสภาพรถประจาปี พัฒนาระบบการตรวจสภาพรถยนต์และพัฒนาการการเชื่อมโยงข้อมูล การตรวจสภาพ และใช้มาตรการจูงใจหรอื ส่งเสริมการผลิตและใช้รถยนต์ไฟฟ้า ในระยะยาว โดยบังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจาก รถยนต์ใหม่ Euro ๖ ภายในปี ๒๕๒๕ บังคับใช้น้ามันเชื้อเพลิงท่ีมีกามะถันไม่เกิน ๑๐ ppm ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ พัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะ ใช้มาตรการจูงใจหรือส่งเสริมการผลิตและใช้รถยนต์ไฟฟ้า เปล่ียนรถโดยสารประจาทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพทั้งหมดให้เป็นรถโดยสารไฟฟ้า หรือ NGV หรือ ไฮบริด และปรับปรุงแก้ไขการเก็บภาษีประจาปีสาหรับรถใช้งาน (๒) การเผาในที่โล่งหรือในภาคการเกษตร โดยไม่ให้มีอ้อยไฟไหม้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ภายในปี ๒๕๖๕ ให้มีการนาเศษวัสดุการเกษตรมาใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพทดแทนการเผา ส่งเสริม ให้ปรับเปล่ียนการปลูกพืชหรือไม้ยืนต้นอื่นทดแทนพืชเชิงเดี่ยว/พืชที่มีการเผา ห้ามไม่ให้มีการเผาในท่ีโล่ง และเผาขยะโดยเด็ดขาด และป้องกันไฟปา่ และจัดการไฟป่าอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ (๓) อุตสาหกรรม ในระยะส้ัน โดยกาหนดมาตรฐานอากาศเสียในรูป Loading ตามศักยภาพ การรองรับมลพิษของพ้ืนท่ี และให้มีการติดต้ังระบบ CEMs โรงงานจาพวก ๓ ส่วนในระยะยาวโดยปรับปรุง มาตรฐานอากาศเสยี ให้เทยี บเทา่ มาตรฐานสากล (๔) การก่อสร้างและผังเมือง โดยควบคุมฝุ่นจากการก่อสร้าง/บังคับใช้กฎหมาย เพ่ิมพ้ืนที่ สเี ขียว/สง่ เสรมิ CSR และผลกั ดนั การกอ่ สร้างท่เี ป็นมิตรกบั ส่งิ แวดล้อม (๕) ภาคครัวเรือน โดยใช้พลังงานสะอาดในครัวเรือน และพัฒนา ส่งเสริมการใช้เตาไร้ควัน หรือถา่ นปลอดมลพษิ โดยหน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณชิ ย์ สานกั งานตารวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ๓) มาตรการท่ี ๓ การเพ่ิมประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ (การแก้ไขปัญหา ในระยะสั้น (ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๔) และระยะยาว (ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๖๗)) โดยมีแนวการดาเนินงาน ดงั นี้ (๑) พัฒนาเครือข่ายการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ในระยะส้ัน โดยจัดทาคู่มือ ตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ เพ่ิมประสิทธิภาพเทคโนโลยีการตรวจวัด (Light Scattering) และขยายเครือข่าย /พื้นที่การติดตามตรวจสอบในพื้นท่ีเส่ียงและให้ท้องถ่ินติดตามตรวจสอบในพ้ืนที่ตนเอง ส่วนในระยะยาว จะดาเนินการขยายเครือขา่ ยพ้ืนที่การติดตามตรวจสอบครอบคลุ ม ๗๗ จังหวดั และให้ท้องถ่ินติดตามตรวจสอบ ในพนื้ ท่ีตนเอง (๒) ทบทวน ปรับปรุงกฎหมาย มาตรฐานและแนวทางปฏิบัติ ในระยะสั้น โดยปรับค่า มาตรฐาน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) เฉล่ียรายปี ตาม WHO IT-๓ ปรับปรุง พระราชบัญญัติ ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ศึกษาความเหมาะสมเร่ืองกฎหมายอากาศสะอาด และพิจารณาการจัดระเบยี บ การเผาภาคการเกษตร ส่วนระยะยาว จะพจิ ารณาปรับค่ามาตรฐานฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) เฉลี่ย ๒๔ ช่ัวโมง ตาม WHO IT-๓
๗ (๓) ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ ประชาสัมพันธ์ ในระยะสั้น โดยทดสอบ ความเป็นไปได้ในการติดตั้งอุปกรณ์กรองฝุ่น (DPF) ในรถใช้งาน และเผยแพร่/ถ่ายทอดองค์ความรู้ ส่วนในระยะยาว โดยการเผยแพร/่ ถ่ายทอดองคค์ วามรู้ (๔) การแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดน ในระยะส้ัน โดยการแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดน ภายใต้ ASEAN Haze Free Roadmap ส่วนในระยะยาว โดยการแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนภายใต้ ASEAN Haze Agreement (๕) จัดทาบัญชีการระบายมลพิษ ทางอากาศ ในระยะสั้น โดยจัดทาบัญชีการระบายมลพิษ ทางอากาศจากแหล่งกาเนิดพืน้ ท่ีวกิ ฤตเป็นระยะ (๖) พัฒนาระบบฐานข้อมูลและระบบคาดการณ์ ในระยะสั้น โดยพัฒนาระบบฐานข้อมลู และระบบเฝ้าระวังสุขภาพที่เป็นหนึ่งเดียว และพัฒนาระบบคาดการณ์สถานการณ์มลพิษทางอากาศ ส่วนในระยะยาว โดยพฒั นาระบบฐานข้อมูลและระบบเฝ้าระวงั สุขภาพที่เปน็ หนึง่ เดียว โดยหน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๔) ปัญหาและอุปสรรค (๑) การลดมลพิษทางอากาศท่ีได้ผลมากที่สุด คือมาตรการควบคุมแหล่งกาเนิด ต้องมี การลงทุนปรบั ปรุงเทคโนโลยีและเปล่ียน เช้อื เพลิง/แหลง่ พลังงาน ในท้ังภาคอุตสาหกรรม ขนสง่ และเกษตรกรรม (๒) มาตรการท่ีมีประสิทธิภาพการลดมลพษิ สูง ใชเ้ วลาหลายปีกว่าจะเหน็ ผล (๓) มาตรการควบคุมระยะสั้น มีประสิทธิภาพการลดมลพิษอาจไม่มากนัก แต่ให้ผล ด้านจิตวิทยา ๒. กระทรวงอุตสาหกรรมโดยกรมโรงงานอตุ สาหกรรม ได้ใหข้ อ้ มูลตอ่ ที่ประชุม ดังนี้ ๑. ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) เกิดจากแหล่งกาเนิดอะไรและผลกระทบท่ีเกิดจาก การดาเนินงานของหน่วยงาน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) มีแหล่งกาเนิดโดยตรง จากการเผาไหม้น้ามันดีเซล จากยานพาหนะ การเผาอ้อย อุตสาหกรรมการผลิตท่ีมีการเผาไหม้เช้ือเพลิงฟอสซิล หรือเชื้อเพลิงที่มีซัลเฟอร์สูง อีกทั้ง ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ยังมีแหล่งกาเนิดมาจากสารมลพิษซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO๒) ออกไซด์ ของไนโตรเจน (NOx) สารอนิ ทรยี ร์ ะเหยง่าย (VOCs) และแอมโมเนยี (NH๓) ทาปฏิกิริยากับสารอื่น ในบรรยากาศ ทาใหเ้ กิด เปน็ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ๒. การกากบั ดแู ลแหล่งกาเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีคาส่ังกระทรวงอุตสาหกรรม ท่ี ๑๓/๒๕๖๓ เร่ือง แต่งตั้ง คณะกรรมการบริหารการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) จากภาคอุตสาหกรรม ลงวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๖๓ ซ่ึงได้มีการประชุมกลุ่มย่อยเพ่ือจัดทาร่างแผนการดาเนินงานเม่ือวันท่ี ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ และจะนาเสนอคณะกรรมการพิจารณาเห็นชอบในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ โดยแผนกิจกรรมตามมาตรการของแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษ ดา้ นฝนุ่ ละออง” ประกอบด้วย ๒.๑ ภาคอตุ สาหกรรมโรงโม่ ๒.๑.๑ เฝ้าระวังคณุ ภาพอากาศและวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือบ่งชีแ้ หลง่ กาเนิด ๑) พ้ืนท่ีกลุ่มเหมืองหินตาบลหน้าพระลาน ตรวจวัดปริมาณฝุ่นละออง ในบรรยากาศบริเวณชุมชนในเขตตาบลหน้าพระลาน โดยการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองรวม (TSP) จานวน
๘ ๔ สถานี และปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๑๐) จานวน ๒ สถานี เฉลี่ยในรอบ ๒๔ ชั่วโมง เป็นระยะเวลา ๕ วนั ตอ่ เน่ือง ๒) พื้นที่กลมุ่ เหมืองหิน จงั หวดั ราชบรุ ี สุพรรณบุรี ชลบุรี บุรรี ัมย์ และสระบุรี ตรวจวัดปริมาณฝนุ่ ละอองในบรรยากาศ โดยการตรวจวัดปริมาณฝ่นุ ละอองรวม (TSP) และปริมาณฝุ่นละออง ขนาดเล็ก (PM ๑๐) ๓) สถานประกอบการเหมืองแร่ทั่วประเทศ ตรวจวัดปริมาณฝุ่นละออง ในบรรยากาศ โดยการตรวจวดั ปริมาณฝุ่นละอองรวม (TSP) และปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๑๐) ๒.๑.๒ ควบคุมมลพิษจากแหล่งกาเนดิ ๑) โรงโม่หินพื้นท่ีตาบลหน้าพระลาน ตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองที่จุดกาเนิด ฝนุ่ ของโรงโมห่ ิน โดยใชเ้ คร่ืองวดั ค่า ความทึบแสง (Smoke Opacity Meter) จานวน ๓๕ ราย ๒) พื้นท่ีกลุ่มโรงโม่หิน จังหวัดราชบุรี สุพรรณบุรี ชลบุรี บุรีรัมย์ และสระบุรี ตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองท่ีจุดกาเนิดฝุ่นของโรงโม่หิน โดยใช้เคร่ืองวัดค่าความทึบแสง (Smoke Opacity Meter) จานวน ๖๕ ราย ๓) โรงโม่หินทว่ั ประเทศ ตรวจวดั ปริมาณฝนุ่ ละอองทจี่ ุดกาเนิดฝ่นุ ของโรงโม่หิน โดยใชเ้ ครอื่ งวัดคา่ ความทึบแสง (Smoke Opacity Meter) จานวน ๑๓๕ ราย ๒.๑.๓ เสรมิ สร้างความเข้าใจแกผ่ ้ปู ระกอบการในการบรหิ ารจัดการสิ่งแวดลอ้ ม ๑) สถานประกอบการเหมืองแร่พื้นท่ีตาบลหน้าพระลาน ให้คาแนะนา แก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการป้องกนั และแก้ไขผลกระทบส่งิ แวดล้อมให้เปน็ ไปตามหลักวิชาการ จานวนเหมือง ๒๑ ราย ๒๓ แปลงประทานบตั ร โรงโมห่ นิ ๓๕ ราย และโรงแต่งแร่ ๒๐ ราย ๒) สถานประกอบการเหมืองแร่ท่ัวประเทศ ให้คาแนะนาแก่ผู้ประกอบการ เกยี่ วกบั การปอ้ งกนั และแกไ้ ขผลกระทบ สง่ิ แวดลอ้ มใหเ้ ป็นไปตามหลกั วิชาการ จานวน ๓๐๐ ราย ๒.๒ ภาคโรงงานอตุ สาหกรรม ๒.๒.๑ มีหนังสือขอความร่วมมือผู้ประกอบการในการขอความร่วมมือโรงงาน อุตสาหกรรมในการลดกาลังการผลิต และควบคุมการระบายมลพิษอากาศจากการประกอบกิจการอย่าง เข้มงวดจนถึงชว่ งกลางเดอื นกุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓ ๒.๒.๒ ขอความร่วมมือโรงงานท่ีติดต้ังเคร่ืองมือหรืออุปกรณ์พิเศษ ( CEMs) ท่ีอยู่ นอกพ้ืนที่บังคับใช้ตามกฎหมายให้เชื่อมต่อข้อมูลรายงานคุณภาพอากาศมายังกรมโรงงานอุตสาหกรรม ท้ังนี้มี โรงงานที่เช่ือมข้อมูลมาแล้ว ๑๑๙ โรงงาน (รวมทั้งสิ้น ๒๕๓ ปล่อง) นอกจากน้ี กระทรวงอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างการปรับปรุงกฎหมายเพื่อขยายขอบเขตโรงงานที่ต้องติดตั้งระบบ CEMs ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจะมีโรงงานที่เข้าข่าย ประมาณ ๖๐๐ โรงงาน โดยประกาศดังกล่าวอยู่ระหว่างการดาเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ ๒.๒.๓ ตรวจสอบและเฝ้าระวังโรงงานในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เพ่ือป้องกัน การเกิดฝุ่นและมลพิษทางอากาศ โดยแผนการตรวจโรงงานประจาปี ๒๕๖๓ เน้นโรงงานที่เคยมีปัญหา ข้อร้องเรียน ด้านฝุ่นละอองในปีที่ผ่านมา โดยดาเนินการไปแล้ว ๒๘๕ โรงงาน และสั่งปรับปรุงแก้ไขแล้ว ๒ โรงงาน
๙ ๒.๒.๔ ตรวจสอบโรงงานที่มีความเส่ียงในการปล่อยมลพิษอากาศ โดยเฉพาะโรงงาน ที่มีการใช้หม้อน้าและหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนาความรอ้ นและอุปกรณ์การเผาไหม้อื่น ๆ จานวน ๖,๑๐๔ โรงงาน ซึ่งมีการใชอ้ ปุ กรณด์ งั กลา่ วกวา่ ๑๓,๖๒๙ เครื่อง ๒.๒.๕ กากับดูแลให้โรงงานตรวจสอบระบบบาบัดอากาศให้สามารถเดินระบบ บาบัดมลพิษอากาศ ใหส้ ามารถใชง้ านไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพก่อนปลอ่ ยออกสบู่ รรยากาศ ๒.๒.๖ ส่งเสริมให้โรงงานใช้เทคโนโลยีสะอาด ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค ในการปรับปรุงกระบวนการเพื่อการลดมลพิษท่ีต้นทาง และส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิตัล (IOT) มาใช้ ในการประกอบกิจการ ๒.๒.๗ ปรับปรุงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรม ต้ังแต่ การใช้เครื่องจักรท่ีมีเทคโนโลยีการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพสูง การใช้เช้ือเพลิงที่มีปริมาณมลพิษต่า เช่น ปรมิ าณซัลเฟอรต์ า่ รวมไปถึงเทคโนโลยกี ารควบคุมการปลอ่ ยมลพิษที่มปี ระสิทธภิ าพ ๒.๒.๘ ดาเนินการเพ่ิมประสิทธิภาพการเผาไหม้สาหรับหม้อน้าและหม้อต้มที่ใช้ ของเหลวเป็นสื่อนาความร้อน เพ่ือการอนุรักษ์พลังงานและลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ของโรงงาน ในพื้นท่ีกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยในปี ๒๕๖๓ มีผู้เข้าร่วมจานวนไม่น้อยกว่า ๕๑ โรงงาน ซ่ึงมีการใช้ หม้อน้าท้ังหมด ๑๗๓ เครื่อง นอกจากน้ียังทาสื่อคลิปวิดีโอเพื่อแนะนาและเผยแพร่การปรับแต่งหม้อไอน้า ใหแ้ กผ่ ูป้ ระกอบการสามารถนาไปปรับใชไ้ ด้ต่อไป ๒.๓ ภาคเกษตรอุตสาหกรรม โครงการส่งเสริมสินเช่ือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร พัฒนา แหล่งน้าและการบริหารจัดการน้าในไร่อ้อย จัดซื้อรถตัดอ้อย รถคีบอ้อย รถแทรกเตอร์ รถบรรทุกอ้อย เคร่ืองจักรกลการเกษตรอืน่ ๆ เพื่อสนับสนุนการตดั อ้อยสด ลดออ้ ยไฟไหม้ด้วย ๓. การบงั คับใช้ การปรับปรงุ หรือพฒั นากฎหมาย ๓.๑ การเฝา้ ระวงั การระบายมลพษิ อากาศจากปลอ่ งระบายของโรงงาน ปรับปรุงประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เร่ือง กาหนดให้โรงงานประเภทต่าง ๆ ต้องตดิ ตั้งเครื่องมือหรือเคร่ืองอปุ กรณ์พิเศษเพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติ พ.ศ. ๒๕๔๔ หรือกฎหมาย CEMs (Continuous Emission Monitoring Systems) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวน และพิจารณาขยายโรงงานประเภทต่างๆ ท่ีกาหนดในประกาศให้ครอบคลุมพ้ืนท่ีทั่วประเทศ และทบทวน ขนาด ของหน่วยการผลิตในโรงงานที่เขา้ ขา่ ยตอ้ งติดตงั้ CEMs ๓.๒ ปรับปรุงกฎหมายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่อง กาหนดค่าปริมาณ ของสารเจือปนในอากาศที่ระบายออกจากโรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๙ เพ่ือลดค่าปริมาณสารเจือปนท่ีระบายออกจากปล่อง โดยเฉพาะค่า TSP NOx และ SO๒ ๓.๓ จดั ทา Pollutant Inventory (Pollutant Release and Transfer Register : PRTR) พั ฒ น า ก ฎ ห ม า ย แ ล ะ จั ด ท า ฐ า น ข้ อ มู ล ม ล พิ ษ เ พื่ อ เ ฝ้ า ร ะ วั ง ก า ร ร ะ บ า ย ม ล พิ ษ จากภาคอตุ สาหกรรมในแต่ละพ้นื ที่ ในรูปของ Loading ๓.๔ พฒั นากฎหมายเพือ่ ควบคุม Secondary PM ๒.๕ หรือ PM ๒.๕ ทตุ ยิ ภูมิ PM ๒.๕ นอกจากจะเป็นอนุภาคที่เกิดจากการเผาไหม้โดยตรงแล้ว ยังเกิดจาก photo chemical reaction ที่เป็นปฏิกิริยาในช้ันบรรยากาศ ซ่ึงสารต้ังต้นของปฏิกิริยาดังกล่าว ได้แก่ ก๊าซ NOx SO๒ แอมโมเนีย และสารอินทรีย์ระเหย (VOCs) จากภาคอุตสาหกรรมท่ีปลดปล่อยสู่บรรยากาศ
๑๐ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนากฎหมายเพ่ือควบคุมการระบายสารอินทรีย์ระเ หยจากกิจกรรม หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ของโรงงานในกลุ่มที่มีการใช้สารอินทรีย์ระเหยในปริมาณมาก ได้แก่ โรงกลั่นน้ามัน โรงแยกก๊าซธรรมชาติ และโรงปิโตรเคมี ซึ่งเป็นการกาหนดให้โรงงานอุตสาหกรรมต้องมีการควบคุม การระบายสารอินทรีย์ระเหย การตรวจสอบการดาเนินงานตามมาตรการท่ีกาหนด และการตรวจสอบ ผลกระทบในบริเวณใกล้เคยี งหรอื ท่รี มิ รวั้ โรงงาน ๓.๕ มาตรการระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้าตาลทรายว่าด้วยการตัดและส่งอ้อย ให้แก่โรงงานฯ หักเงินค่าอ้อยไฟไหม้จากชาวไร่ที่ส่งอ้อยไฟไหม้ ตันละ ๓๐ บาท จ่ายคืนให้แก่อ้อยสดทุกตัน อ้อยโรงงานรับอ้อยไฟไหม้ได้ไม่เกินร้อยละ ๕๐ หักเงนิ โรงงานท่ีรับอ้อยไฟไหม้เกินร้อยละ ๕๐ ตันละ ๑๒ บาท เพื่อจดั ทาโครงการที่เก่ยี วกับการส่งเสรมิ การตดั ออ้ ยสด ลดออ้ ยไฟไหม้ ๔. วิธีการแก้ไข ตามอานาจหน้าที่ของหน่วยงาน และนอกเหนือจากอานาจของหน่วยงาน ที่ตอ้ งใชส้ นับสนุนการดาเนนิ การการแกไ้ ข ๔.๑ การควบคุมและลดมลพษิ จากยานพาหนะ ๔.๑.๑ ใช้มาตรการจงู ใจเพื่อสนบั สนนุ สง่ เสรมิ การใชร้ ถยนต์ไฟฟ้า ๔.๑.๒ ศึกษาความเหมาะสมในการจากัดอายุการใช้งานรถยนต์รวมถึงระบบ การจดั การซากรถยนตท์ หี่ มดอายกุ ารใชง้ าน ๔.๑.๓ บังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ใหม่ Euro ๕ ภายในปี ๒๕๖๔ และ Euro ๖ ภายในปี ๒๕๖๕ ๔.๑.๔ ประสานงานและร่วมมือกับกรมขนส่งทางบกในการกาหนดมาตรการ ตรวจเช็คสภาพรถยนตร์ ะหวา่ งการใช้งาน ๔.๑.๕ ร่วมกับ JICA ในการกาหนดมาตรการเก่ียวกับการแยกช้ินส่วนและกาจัด ซากรถยนต์ ๔.๒ การควบคุมและลดมลพิษจากการเผาในที่โลง่ หรือภาคเกษตร ๔.๒.๑ กาหนดมาตรการทางกฎหมายโดยการออกระเบียบกาหนดให้โรงงานน้าตาล รับอ้อยไฟไหม้เข้าหีบได้ไม่เกินร้อยละ ๕๐ , ๒๐ และร้อยละ ๕ ในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓ ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ ตามลาดบั โดยในฤดูการผลติ ปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ไดด้ าเนนิ การหักคา่ อ้อยไฟไหม้ในส่วนของชาวไร่อ้อย ๓๐ บาท ตอ่ ตนั และในส่วนของโรงงานท่ีเกนิ ร้อยละ ๕๐ หกั ๑๒ บาทต่อตนั ๔.๒.๒ กาหนดพ้ืนท่ีปลอดการเผาอ้อย เพื่อเป็นจังหวัดต้นแบบปลอดการเผาอ้อย ตัดออ้ ยสด รอ้ ยละ ๑๐๐ จานวน ๕ จังหวัด ในปี ๒๕๖๓ ๔.๒.๓ จัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบ้ียต่าเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยในการจัดหา เครอ่ื งจกั รกลในการตัดออ้ ย (สนับสนุนการตัดออ้ ยสด/ลดอ้อยไฟไหม้) ๔.๒.๔ มาตรการให้ความช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยได้ดาเนินโครงการเงินชว่ ยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซ้ือปัจจยั การผลติ ฤดกู ารผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ๔.๓ ควบคมุ และลดมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ๔.๓.๑ กาหนดมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศในรูปแบบ Loading โดยคานึงถงึ ความสามารถหรอื ศักยภาพในการรองรับมลพิษทางอากาศของพ้นื ท่ี (มาตรการระยะยาว) ๔.๓.๒ การติดต้ังระบบตรวจสอบการระบายมลพิษทางอากาศแบบอัตโนมัติ ต่อเนื่องที่ปล่องของโรงงานอุตสาหกรรมจาพวก ๓ เตาเผาเช้ือเพลิงและหม้อน้าท่ีมีขนาดตามที่กาหนด และรายงานผลผา่ นระบบ on-line ไปยงั กระทรวงอุตสาหกรรม
๑๑ ๔.๓.๓ จัดทาทาเนียบการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant Release and Transfer Register : PRTR) ๔.๓.๔ ทบทวนและปรับปรุงมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากโรงงาน อุตสาหกรรมใหเ้ ทยี บเท่ามาตรฐานสากล ๔.๓.๕ ปรับปรุงการใชพ้ ลงั งานอย่างมีประสิทธภิ าพในภาคอตุ สาหกรรม ๓. กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ได้ให้ขอ้ มูลตอ่ ทีป่ ระชุม ดงั นี้ กระทรวงมหาดไทยได้ดาเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไข ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” โดยในช่วงวิกฤตจะใช้ระบบบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) เป็นกลไกจัดการปัญหาฝุ่นละอองโดยจัดต้ังศูนย์บัญชาการระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร/ ผู้ว่าราชการจังหวัดท่ีประสบปัญหาเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์เพ่ือให้การอานวยการส่ังการในการแก้ไขปัญหา ฝุ่นละอองมีเอกภาพ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะรายงานมายังกระทรวงมหาดไทยทุกวันเพ่ือแจ้งให้หน่วยงาน ทเ่ี กีย่ วขอ้ งทราบและดาเนนิ การต่อไป ท้งั นี้ ไดก้ าหนดขนั้ ตอนปฏบิ ตั ิ โดยแบ่งเป็น ๔ ระดบั ดงั นี้ ๑) ระดับท่ี ๑ เป็นระดับท่ีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) มีค่าไม่เกิน ๕๐ ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร ให้ส่วนราชการ ทุกหน่วยต้องดาเนินการตามภารกิจ อานาจหน้าที่ และกฎหมาย ที่มีอยู่ให้ครบถ้วนตามสภาวการณ์ปกติ เพื่อควบคุม รักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมในกรุงเทพมหานคร และจังหวดั ปริมณฑลให้อย่ใู นระดับปกติ ๒) ระดับที่ ๒ เป็นระดับท่ีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) มีค่าระหว่าง ๕๑ - ๗๕ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ให้ทุกส่วนราชการต้องดาเนินการเพิ่มและยกระดับมาตรการต่างๆ ให้เข้มงวดข้ึน ในระดับน้ี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดท่ีประสบปัญหาฝุ่นละอองเป็นผู้บัญชาการ เหตุการณ์ในพื้นท่ีรับผิดชอบ สาหรับส่วนราชการอื่นๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กรมป้องกันและบรรเทาสาธาร ณภัยและกรมควบคุมมลพิษ เปน็ หนว่ ยสนับสนุนในการปฏบิ ัตกิ าร ๓) ระดับที่ ๓ เป็นระดับท่ีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) มีค่าระหว่าง ๗๖ - ๑๐๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และได้มีการดาเนินการในระดับที่ ๒ แล้ว แต่สถานการณ์ฝุ่นละอองยังไม่ลดลง และเม่ือคาดการณ์แล้วพบว่าจะมีแนวโน้มสูงข้ึน ให้เป็นอานาจและหน้าท่ีของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดท่ีประสบปัญหาฝุ่นละออง ในการใช้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้น เพื่อเข้าไปควบคุม พื้นท่ีหรือควบคุมแหล่งกาเนิดที่ก่อให้เกิดเหตุราคาญหรือมีผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดอาจส่ังการตามกฎหมายให้หยุดกิจกรรมใด ๆ เพื่อให้คุณภาพอากาศ กลับสู่สภาวะปกติ โดยคาแนะนาของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ ในการให้ข้อเสนอแนะ สนับสนุนข้อมูล ทางวิชาการและพิจารณากาหนดมาตรการควบคุมแหล่งกาเนิดมลพิษ เพ่ือระงับยับย้ังสถานการณ์ ค่าฝ่นุ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ทม่ี แี นวโนม้ สูงขึ้น ๔) ระดับท่ี ๔ เป็นระดับท่ีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) มีค่ามากกว่า ๑๐๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และมีการดาเนินการในระดับที่ ๓ แล้ว แต่สถานการณ์ฝุ่นละอองยังไม่ลดลง และมีแนวโน้มสูงขึ้นมากกว่า ๑๐๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรต่อเนื่อง แนวทางปฏิบัติกาหนดให้มี การประชุมคณะกรรมการสิ่ง แวดล้อ มแห่งชาติ เป็นกร ณีเร่ง ด่ วนพิเ ศษ และพิจารณ ากล่ัน กรอ งแน ว ท า ง
๑๒ ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยจะต้องนากราบเรียนนายกรัฐมนตรีเป็นการเร่งด่วน เพื่อพิจารณา ในการส่ังการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นแนวทางหรือมาตรการในการลดมลพิษจากแหล่งกาเนิดของหน่วยงานต่าง ๆ ตอ่ ไป ๔. กรงุ เทพมหานคร ไดใ้ หข้ ้อมลู ต่อทป่ี ระชมุ ดงั น้ี ๑. สถานการณ์ปญั หา ๑.๑ แหล่งกาเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) สัดส่วนการระบายฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ในกรุงเทพมหานคร โดยสถาบัน เทคโนโลยแี หง่ เอเชีย พบว่า จากการขนส่งทางถนนร้อยละ ๗๒.๕ (รถบรรทุกร้อยละ ๒๘ รถปกิ อัพร้อยละ ๒๑ รถยนต์น่ังบุคคลร้อยละ ๑๐ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ ๕ และรถตู้ร้อยละ ๑๕ จากอุตสาหกรรม ร้อยละ ๑๗ และการเผาในท่ีโล่งร้อยละ ๕ ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยา อากาศน่ิง ลมสงบ ทาให้ฝุ่นละอองไม่กระจายตัว เกิดการสะสมในอากาศเพม่ิ มากขน้ึ ๑.๒ การเฝ้าระวังคณุ ภาพอากาศ สานักส่ิงแวดล้อมโดยกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียงได้ดาเนินการติดตาม ตรวจสอบ คุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานคร แบ่งเป็น ๒ พ้ืนท่ี ได้แก่ บริเวณพ้ืนที่ริมถนน (ห่างจากถนน ไมเ่ กนิ ๕ เมตร) เพื่อเปน็ ตัวแทนพ้ืนที่ที่มีการจราจรหนาแนน่ จานวน ๓๗ สถานี และพนื้ ที่ทั่วไป (หา่ งจากถนน ไม่น้อยกว่า ๑๐ เมตร) เพื่อเป็นตัวแทนพ้ืนท่ีพักอาศัยในกรุงเทพมหานคร จานวน ๑๓ สถานี รวมท้ังหมด ๕๐ สถานี ครอบคลุมพื้นที่ ๕๐ เขต เพ่ือให้ทราบสถานการณ์คุณภาพอากาศและนาไปใช้กาหนดมาตรการ แก้ไขปญั หามลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานคร ๑) ตรวจวัด PM ๑๐ ๒๗ จุด (สถานีเสาเหล็ก ๒๓ จุด สถานีตู้คอนเทนเนอร์ ๔ จุด ได้แก่ บริเวณสถานตี รวจวดั คุณภาพอากาศ ดินแดง เขตดนิ แดง สานักงานเขตพระโขนง สานักงานเขตราษฎร์บูรณะ และสานักงานเขตราชเทวี) ๒) ตรวจวัด PM ๒.๕ ๓๗ จุด (บริเวณสถานีเสาเหล็กและบริเวณใกล้เคียง ๓๓ จุด สถานีตู้คอนเทนเนอร์ ๔ จุด ต้ังอยู่ท่ีบริเวณสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศดินแดงเขตดินแดง สานักงาน เขตพระโขนง สานกั งานเขตราษฎรบ์ ูรณะ และสานักงานเขตราชเทว)ี ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้จัดหาเคร่ืองตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) แบบอัตโนมัติ (เพิ่มเติม) เพ่ือเฝ้าระวังคุณภาพอากาศในพื้นที่เขตท่ียังไม่มีเคร่ืองตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) และพื้นท่ีเสี่ยงและภารกิจเร่งด่วนสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ รวมจานวน ๓๐ เครื่อง ประกอบด้วย เครื่องสาหรับตรวจวัดฝุ่นละอองภายนอกอาคาร ๒๗ เคร่ือง และสาหรับติดตั้งในสถานีแบบตู้คอนเทนเนอร์ ๓ เครื่อง โดยในเดือนมกราคม ๒๕๖๓ ติดตั้งแล้วเสร็จ จานวน ๑๓ เคร่ือง ได้แก่ เคร่ืองตรวจวัดฝุ่นละออง ขนาดเล็ก (PM ๒.๕) แบบอัตโนมัติ สาหรับภายนอกอาคาร จานวน ๑๐ เครื่อง และเครื่องตรวจวัดฝุ่นละออง ขนาดเล็ก (PM ๒.๕) แบบอัตโนมัติ ติดต้ังในสถานีแบบตู้คอนเทนเนอร์ จานวน ๓ เครื่อง และอีก ๑๓ เครื่อง จะติดตั้งแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ นอกจากนี้เคร่ืองตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) แบบอัตโนมัติ สาหรับภายนอกอาคาร จานวน ๔ เคร่ือง จะใช้ในการตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ในพนื้ ทเี่ ส่ยี งต่อการเกิดมลพษิ หรือภารกจิ เร่งดว่ นและสนบั สนนุ หน่วยงานต่าง ๆ ๒. มาตรการแกไ้ ขระยะเรง่ ด่วน ๒.๑ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) เป็นวาระแห่งชาติ เม่ือวันท่ี ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้ส่ังการ เมื่อวันที่ ๓๐
๑๓ กันยายน ๒๕๖๒ กาชับให้ทุกหน่วยงานร่วมกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ในระยะเร่งด่วน ภายใต้อานาจหน้าท่ี ตามภารกิจของหน่วยงาน ตามแผนระยะเร่งด่วน (ขั้นเตรียมการ ข้ันปฏิบัติการ และขั้นฟ้ืนฟู) ระยะปานกลาง และระยะยาว โดยคณะรัฐมนตรีได้ เห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษ ด้านฝนุ่ ละออง” เมอ่ื วนั ท่ี ๑ ตลุ าคม ๒๕๖๒ ๒.๒ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พลตารวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง) ได้เข้าร่วม การประชุมแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) เม่ือวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ ทาเนียบรัฐบาล โดยมีนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เป็นประธาน และนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องดาเนินมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในระยะเร่งด่วน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สรปุ ประเดน็ สาคัญ ดังนี้ ๑) การควบคุมเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) จากรถยนต์ (รถดีเซล ทุกประเภท) ให้สานักงานตารวจแห่งชาติเข้มงวดตรวจจับรถควันดา โดยประสานหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง รว่ มดาเนินการอยา่ งเคร่งครดั ๒) การควบคุมฝุ่นจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า การก่อสร้างอาคาร และการก่อสร้างอื่น ๆ ทุกประเภท ให้หน่วยงานท้องถ่ิน หรือกรุงเทพมหานครในฐานะหน่วยอนุญาตก่อสร้าง กากับดูแลให้ผู้ประกอบการ ดาเนินมาตรการป้องกันไม่ให้ปล่อยฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย และขอความร่วมมือให้ติดต้ังระบบฉีดพ่นละอองน้า บรเิ วณพ้นื ที่ก่อสรา้ งทกุ พน้ื ที่ ๓) การควบคุมการเผาในที่โล่ง และการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ให้หน่วยงานท้องถิ่นหรือกรุงเทพมหานคร กากับดูแลมิให้มีการเผาขยะ เผาหญ้า หรืออื่นๆ ตลอดจนดูแล การประกอบกิจการหรือโรงงานอุตสาหกรรมในพน้ื ทร่ี ับผดิ ชอบมใี หป้ ลอ่ ยมลพิษออกสูบ่ รรยากาศ ๔) การดูแลสุขภาพของประชาชน ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในการแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) และให้คาแนะนาประชาชน ในการปฏิบัติตัวท่ีถูกต้องเพ่ือดูแลสุขภาพ ๒.๓ การดาเนนิ งานของกรุงเทพมหานคร ๑) แต่งต้ังคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธาน มีอานาจหน้าที่เฝ้าระวังและติดตาม สถานการณ์ และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อส่ังการหน่วยงานปฏิบัติและบูรณาการการดาเนินงานร่วมกับหน่วยงาน ท่ีเก่ยี วข้อง ๒) ผูว้ ่าราชการกรงุ เทพมหานครไดอ้ อกประกาศกรงุ เทพมหานคร เรอ่ื ง กาหนดพนื้ ที่ ควบคุม เหตุราคาญ ตามมาตรา ๒๘/๑ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม พ.ศ. ๒๕๖๐ เม่ือวันท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๖๒ เพ่ือควบคุมปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) โดยให้รถยนต์ ดีเซลท่ีมีค่าควันดาเกินมาตรฐาน การเผาในท่ีโล่ง และกิจกรรมการก่อสร้างท่ีส่งผลกระทบต่อปัญหามลพิษ ทางอากาศเป็นแหล่งก่อเหตรุ าคาญ ๓) ปลัดกรงุ เทพมหานคร สงั่ การสานกั งานเขต ๕๐ เขต เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ เข้มงวดมาตรการเพ่ือลดฝุน่ ละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ดาเนนิ การดงั นี้ (๑) ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) ของกรุงเทพมหานคร อยา่ งเปน็ ปจั จุบนั (Real time) เวลา ๐๘.๐๐ นาฬกิ า ของทุกวัน ทางเว็บไซต์ www.bangkokairquality.Com www.air๔bangkok.com www.prbangkok.com Facebook : กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สานักสิ่งแวดล้อม และสานักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร
๑๔ (๒) ประชาสมั พันธข์ ้อมูลให้ประชาชนทราบพร้อมแนะนาการปอ้ งกันสุขภาพอนามัย ผ่านส่ือออนไลน์ของสานักงานเขตและส่ือประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร การประกาศเสียงตามสาย ของชุมชนและทางแอปพลเิ คชัน่ ไลนข์ องหมู่บ้าน เป็นตน้ (๓) ประสานสถานีตารวจท้องที่อานวยความสะดวกการจราจรให้เกิดความคล่องตัว และหา้ มจอดรถริมถนนในถนนสายหลกั ปอ้ งกนั ปัญหาการจราจรติดขัด เพื่อลดการปล่อย และสะสมฝนุ่ ละออง (๔) เข้มงวดการตรวจจับรถยนต์ควันดาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผน ท่ีกาหนด (๕) รณรงค์ ไม่ขบั ...ชว่ ยดับเครื่อง (๖) ขอความร่วมมือให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปล่ียนมาใช้ ระบบขนส่งมวลชน (๗) เข้มงวดการก่อสร้างต่างๆ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย และควบคุมกิจกรรม ที่ทาใหเ้ กดิ ฝุ่น พรอ้ มทงั้ ดแู ลไมใ่ ห้นารถทมี่ ีควันดามาใช้งานบนถนน (๘) ควบคุมสถานประกอบกิจการในพ้ืนท่ีไม่ให้ปล่อยมลพิษอากาศเกินค่า มาตรฐานทกี่ ฎหมายกาหนด (๙) ควบคมุ ไมใ่ ห้มีการเผาขยะและการเผาในท่โี ล่งทุกประเภทในพน้ื ท่รี ับผิดชอบ เพ่มิ ความถ่ีในการลา้ งถนนและดูดฝนุ่ ถนน และฉีดพน่ ละอองนา้ ในอากาศเพ่ือดักจับฝุน่ ละออง (๑๐) ขอความร่วมมือผู้ประกอบการและเจ้าของอาคารสูง ฉีดพ่นละอองน้า เพ่ือดักจับฝุ่นละออง โดยให้สานักงานเขตรายงานผลการดาเนินงานให้สานักสิ่งแวดล้อมทราบทางแอปพลิเคช่ัน ไลน์กลุ่ม PM ๒.๕ ท้ัง ๕๐ เขต ทุกวนั ๔) หนงั สือแจง้ ใหห้ นว่ ยงานทีเ่ กีย่ วข้องดาเนินการ ดังนี้ (๑) สานักการโยธา กากับดูแลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า อาคารสูง และอาคาร ขนาดใหญ่ ที่ได้รับเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้ปฏิบัติตามมาตรการ ท่ีกาหนดไว้ในรายงาน EIA อย่างเคร่งครัด และขอความร่วมมือให้ติดต้ังระบบฉีดพ่นละอองน้าบริเวณพ้ืนท่ี ก่อสร้างเพ่ือป้องกัน ฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย และโครงการก่อสร้างที่ไม่ได้จัดทารายงาน EIA ให้ปฏิบัติตาม มาตรการลดฝุน่ ละออง จากการกอ่ สรา้ งอย่างเครง่ ครดั เพ่ือป้องกันไมใ่ หเ้ กิดผลกระทบตอ่ ประชาชน (๒) สานักการระบายน้า สานักการจราจรและขนส่ง และสานักการวางผัง และพัฒนาเมือง กากับดูแลโครงการท่ีหน่วยงานมีคู่สัญญาเกี่ยวกับการก่อสร้าง ให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุม การก่อสร้างเพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) และขอความร่วมมือให้มีการติดตั้งระบบฉีดพ่น ละอองนา้ บริเวณพ้นื ทกี่ ่อสร้างเพื่อป้องกนั ฝุ่นละอองฟ้งุ กระจาย (๓) สานักเทศกิจ ดาเนินการเข้มงวดรถบรรทุกวัสดุก่อสร้างให้มีผ้าใบปิดคลุม เพื่อป้องกันวัสดุฟุ้งปลิว และจับปรับผู้ฝ่าฝืนอย่างจริงจัง รวมทั้งอานวยความสะดวกในการจัดการจราจร เพอื่ ให้เกิดความคลอ่ งตวั (๔) สานักอนามัย ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเก่ียวกับ ผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละออง แนะนาการปฏิบัติท่ีถูกต้องแก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพและป้องกันตนเอง พร้อมท้งั เตรียมความพร้อมดา้ นการแพทย์และสาธารณสขุ เพื่อรับมือกับปัญหาฝ่นุ ละอองในชว่ งสถานการณว์ ิกฤติ ๕) หนังสือสั่งการ ว๘ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ สั่งการให้ลดการใช้รถเคร่ืองยนต์ดีเซล เพ่ือลดการจราจรติดขัดในช่ัวโมงเร่งด่วน โดยให้สานักงานเขตดาเนินการจัดเก็บขนมูลฝอยในถนนสายหลัก และถนนสายรองใหแ้ ล้วเสร็จก่อนเวลา ๐๔.๐๐ นาฬิกา ของทกุ วนั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 633
Pages: