Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ວິຊາ การออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศ

ວິຊາ การออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศ

Published by lavanh9979, 2021-08-24 09:10:19

Description: ວິຊາ การออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศ

Search

Read the Text Version

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 119 โครงสร้าง (Structure) การตัดสินใจแบบไม่เป็นโครงสร้าง (Unstructured) และ การตัดสินใจแบบกึ่งโครงสรา้ ง (Semi structure) มรี ายละเอยี ดประเภทดังนี้ 1) การตดั สินใจแบบมีโครงสรา้ ง การตัดสินใจแบบมีโครงสร้างเหมาะสาหรับการวิเคราะห์ ข้อมูลสาหรับปัญหาท่ีมีขั้นตอนที่แน่ชัด วิธีการกาหนดแนวทางอย่างเป็นข้ันตอน กระบวนการ เป็นกฎเกณฑ์ท่มี ีแนวทางการแก้ไขปัญหาประกอบการตัดสนิ ใจ องค์กรมี การกาหนดรูปแบบ กฎเกณฑ์ที่ทางานเกิดข้ึนเปน็ ประจา เป็นกฎเกณฑ์มาตรฐาน หรือ แนวทางข้ันตอนท่ีต้องเตรยี มกฎเกณฑ์การตัดสินใจไว้ ตามสูตร หลักเกณฑ์ และปัญหา ท่ีเกิดขึ้น มีสารสนเทศที่สามารถนาไปประยุกต์ใช้กับระบบมีการวิเคราะห์ที่มี สารสนเทศอยา่ งเพียงพอ ดังนั้นจะเหน็ ว่าการแกป้ ัญหาแบบโครงสรา้ งเป็นการวเิ คราะห์ ประมวลผล จากปัญหาทม่ี ีข้ันตอนชดั เจนเปน็ แนวทางสนับสนนุ การตัดสินใจได้ 2) การตัดสนิ ใจแบบไมม่ โี ครงสรา้ ง การตัดสินใจแบบไม่มีโครงสร้าง ย่อมไม่สามารถกาหนด ขั้นตอนการตัดสินใจไว้ก่อนล่วงหน้า อาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่บ่อยคร้ัง เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลท่ีไม่เคยมีการแก้ไขปัญหามาก่อน อีกทั้งหากมีการวิเคราะห์ ประมวลผลจะต้องมีขั้นตอน งบประมาณในการดาเนินงาน ในปัญหาเหล่าน้ีจะเป็น การเตรียมกระบวนการเพ่ือวิเคราะห์งานใหม่ที่จะเกิดขึ้น แต่ต้องการพยากรณ์ หรือ วเิ คราะห์เพอ่ื เป็นเครอ่ื งมอื ใชใ้ นการสนับสนนุ การตดั สินใจ 3) การตัดสนิ ใจแบบกึ่งโครงสร้าง การตัดสินใจตอ่ เหตกุ ารณ์ทีเ่ ป็นการแก้ไขปัญหาทีต่ ้องอาศัย หลักเกณฑท์ ี่มโี ครงสร้างพน้ื ฐาน และบางอย่างเป็นเหตุการณ์ทีไ่ ม่สามารถคาดการณ์ได้ ล่วงหน้า ดังน้ันการวิเคราะห์ต้องอาศัยสารสนเทศที่มีหลักเกณฑ์กระบวนการพื้นฐาน และบางส่วนเป็นการพยาการณ์ วเิ คราะห์แนวโน้มในการประเมินการแก้ไขปญั หา

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 120 ตัวอย่างระบบสารสนเทศเพ่อื การสนับสนุนการตดั สินใจ 1. ระบบสารสนเทศเพ่ือการสนับสนุนการตัดสินใจสาหรับผู้บริหาร สถานศกึ ษาโดยใช้เทคนิคแบบผสมผสาน งานวิจัยระบบสารสนเทศเพ่ือการสนับสนุนการตัดสินใจสาหรับผู้บรหิ าร สถานศึกษาโดยใช้เทคนิคแบบผสมผสาน ซึ่งเป็นงานวิจัยของพรพมิ ล มุมานะวงศ์ และ มณเฑยี ร รัตนศิรวิ งศ์วุฒิ (2553) ผ้วู ิจัยไดน้ าแนวคดิ ในการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อ การสนับสนุนการตัดสินใจสาหรับผู้บริหารสถานศึกษาโดยใช้เทคนิคแบบผสมผสาน ในการพัฒนาระบบ จากปัญหาการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศและเอกสารต่าง ๆ ของโรงเรียนเทศบาลวัดหัวยาง ที่มีความซ้าซ้อน ผู้วิจัยได้พัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน โดยนาทฤษฎีแบบ Rule-Based DSS มาใช้ในการพัฒนาระบบด้านงบประมาณรายรับ และรายจ่าย และนาทฤษฎีแบบ Decision Tree มาใช้ในการพัฒนาระบบด้าน การจัดสรรงบประมาณ มีผลการประเมินจากผู้เช่ียวชาญและผู้ใช้งาน สรุปได้ผลว่า ระบบท่พี ัฒนาข้นึ มคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดบั ดี 1.1 วธิ กี ารดาเนนิ การวิจยั การพัฒนาระบบสารสนเทศเพอื่ สนับสนุนการตัดสนิ ใจของผู้บริหาร สถานศกึ ษา โดยใชเ้ ทคนคิ แบบผสมผสานมีข้นั ตอนการพัฒนาทั้งหมด 5 ข้นั ตอนดงั น้ี 1.1.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล ข้ันตอนผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูล และองคป์ ระกอบทีเ่ ก่ียวขอ้ งพบวา่ ข้อมูลสารสนเทศภายในของโรงเรียนจัดเกบ็ ข้อมลู ใน รปู แบบกระดาษ ทาใหย้ ากต่อการค้นหา และยากตอ่ การแก้ไขเปลยี่ นแปลงข้อมลู 1.1.2 การวิเคราะห์ระบบ จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้วิจัยได้นา เทคนิคระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจสาหรับผู้บริหารสถานศึกษาด้วย เทคนคิ 2 แบบ คอื การสรา้ งระบบโดยอาศยั กฎและเทคนิคของตน้ ไมต้ ัดสนิ ใจ 1.1.3 การออกแบบระบบ คือการออกแบบกระบวนการทางาน ของระบบและรูปแบบคอนเท็กซ์ไดอะแกรม โดยมีการแบ่งการทางานของระบบ 4 ส่วน คอื สว่ นของผ้ดู ูแลระบบ ส่วนของผบู้ รหิ าร ส่วนของอาจารย์/บคุ ลากร และสว่ นของฝ่าย การเงิน

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 121 1.1.4 การสร้างและพัฒนาระบบ ผู้วิจัยได้พัฒนาโปรแกรมใน ลกั ษณะเว็บแอปพลิเคชนั ด้วยภาษา c#.net ระบบการจัดการฐานข้อมูลใช้ SQL Server 2008 Express Edition 1.1.5 การทดสอบและประเมินคณุ ภาพของระบบ ผู้พัฒนาไดแ้ บ่ง การประเมินคุณภาพเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนท่ี 1 ทาการทดสอบด้วยวิธีการแบบ แบล็กบ๊อกซ์ เป็นการทดสอบเพื่อหาข้อผิดพลาดท่ีเกิดขึ้นกับระบบในการใช้งาน ส่วนที่ 2 การทาการประเมนิ ความพึงพอใจของผูใ้ ชง้ านระบบ จากข้ันตอนการทางานทั้งหมด 5 ขัน้ ตอนเปน็ กระบวนการวิเคราะห์ และพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารสถานศึกษาใช้ เทคนิคแบบผสมผสานโดยดังภาพท่ี 2.30-2.32 การแสดงการทางานหน้าจอหลัก และ ผลลัพธก์ ารประมวลข้อมลู เพอ่ื สนบั สนนุ การตัดสนิ ใจ ภาพที่ 2.31 ขน้ั ตอนการพัฒนาระบบสารสนเทศเพือ่ สนบั สนนุ การตัดสนิ ใจ (ทีม่ า: พรพมิ ล มุมานะวงศ์ และมณเฑยี ร รัตนศิริวงศว์ ฒุ ,ิ 2553)

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 122 ภาพท่ี 2.32 ภาพหนา้ หลักของระบบสารสนเทศเพอ่ื สนับสนุนการตดั สินใจ (ทม่ี า : พรพิมล มุมานะวงศ์ และมณเฑยี ร รัตนศริ วิ งศว์ ุฒิ, 2553) ภาพที่ 2.33 การประมวลผลระบบสนับสนุนการตดั สินใจ (ทมี่ า : พรพิมล มมุ านะวงศ์ และมณเฑียร รัตนศิรวิ งศว์ ุฒิ, 2553)

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 123 จากภาพท่ี 2.32 แสดงให้เห็นผลลัพธข์ องระบบสนับสนุนการตัดสินใจ ซ่ึงจาก ตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าควรจัดสรรงบประมาณมอบทุนการศึกษาอันดับ1 มีค่าร้อยละ 25 และแสดงรายการงบประมาณอ่นื ๆ ตามลาดบั ดังภาพที่ 2.32 2. ระบบจัดลาดับความสาคัญในการใช้บริการสารสนเทศของ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสนุ นั ทา งานวิจัยระบบจัดลาดับความสาคัญในการใช้บริการสารสนเทศของ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (รุจิโรจน์ กังเจริญสัมพันธ์ และ นลินภัสร์ ปรวฒั นป์ รีย กร, 2557) มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาระบบสารสนเทศระบบเพ่ือช่วยตอบคาถาม จัดลาดับการให้บริการสารสนเทศ โดยใช้เทคนิคฐานกฎเกณฑ์ ช่วยในการวิเคราะห์ จดั ลาดบั ความสาคญั ในการใหบ้ รกิ ารสารสนเทศ ระบบดงั กลา่ วสามารถชว่ ยในการวิเคราะหแ์ ละสนับสนุนการตัดสินใจใน การให้บริการสารสนเทศในด้านการซ่อมบารุงฮาร์ดแวร์ และสามารถแจง้ ปัญหาการใช้ งานต่างๆ ไปยงั ผใู้ ช้สามารถทราบผลการประมวลผลรายงาน อีกทง้ั ยงั ทาให้ผ้บู ริหารได้ ทราบถึงปริมาณงานท่ีแท้จริงของเจ้าหน้าที่เทคนิค ทาให้ตอบสนองการใช้งานท้ัง ผู้ใช้บริการและผู้บริหารตรงกับความต้องการและสามารถช่วยในการบริหารจัดการใน องคก์ รอย่างมีประสิทธภิ าพมากย่งิ ขน้ึ 2.1 วธิ กี ารดาเนนิ การวจิ ยั พัฒนาระบบจัดลาดับความสาคัญในการให้บริการ มีรายละเอียด วิธีการดาเนินการวิจัยมีการวิเคราะห์และออกแบบระบบ การดาเนินการพัฒนาระบบ จัดลาดับความสาคัญในการให้บริการสารสนเทศมีผู้ใช้งาน 3 กลุ่มได้แก่ บุคลากรของ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เจ้าหน้าที่เทคนิค และผู้ดูแลระบบ ซ่ึงมีรายละเอียด การวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบ และมีกระบวนการทางานจดั ลาดับความสาคญั ในการ ใหบ้ ริการสารสนเทศดังข้ันตอนตอ่ ไปน้ี 2.1.1 ผู้ใช้งานท่ัวไปกรอกข้อมูลปัญหาการใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่าน ทางเว็บแอปพลิเคชนั 2.1.2 ระบบจะนาข้อมูลต่างๆ มาเทียบกับข้อมูลของฐานกฎเกณฑ์ จะไดเ้ ป็นคะแนนของข้อมูลแตล่ ะตัว

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 124 2.1.3 นาค่าคะแนนของข้อมูลแต่ละตัวจากข้อ 2 มาคูณกับน้าหนกั ของปัจจยั ในแตล่ ะตวั 2.1.4 นาคะแนนรวมของผู้ใชง้ านแต่ละคนมาเปรียบเทียบเพือ่ จะหา ลาดบั ในการใหบ้ รกิ าร 2.1.5 ระบบแสดงผลลัพธ์ของลาดับในการให้บริการเพ่ือช่วยให้ เจ้าหน้าที่เทคนิคตัดสินใจเลือกลาดับในการให้บริการได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังจะ แสดงการทางานของระบบใน ภาพท่ี 2.33-2.34 แสดงการทางานหนา้ จอหลักของระบบ ภาพท่ี 2.34 กระบวนการทางานของระบบฯ (ท่ีมา : รจุ ิโรจน์ กังเจริญสมั พนั ธ์ และ นลนิ ภสั ร์ ปรวัฒนป์ รียกร, 2557)

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 125 ภาพท่ี 2.35 หน้าจอหลกั ระบบจัดลาดบั ความสาคัญในการใหบ้ รกิ ารสารสนเทศ (ท่มี า : รจุ ิโรจน์ กังเจรญิ สมั พนั ธ์ และ นลินภัสร์ ปรวัฒนป์ รียกร, 2557) เมอื่ มีการบันทึกขอ้ มลู ระบบจดั ลาดับความสาคญั ในการใหบ้ รกิ ารสารสนเทศ จะทาการประมวลผลและรายงานผลลัพธ์ในการใหผ้ ูใ้ ชร้ ะบบดังภาพที่ 2.35 ภาพท่ี 2.36 ผลการจัดลาดบั ความสาคญั ในการให้บริการสารสนเทศ (ท่มี า : รุจิโรจน์ กงั เจรญิ สมั พนั ธ์ และ นลินภสั ร์ ปรวัฒนป์ รียกร, 2557)

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 126 ระบบสามารถสรุปรายละเอยี ดการดาเนินงานในแต่ละรายการ แสดงให้เห็น ขั้นตอนการดาเนินงานที่สามารถติดตามการทางานของผู้ใช้บริการได้จากการรายงาน ประจาวนั ดงั ภาพท่ี 2.36 ภาพท่ี 2.37 รายงานสรปุ การทางานประจาวนั ของระบบ (ที่มา: รจุ ิโรจน์ กงั เจริญสัมพันธ์ และ นลนิ ภัสร์ ปรวัฒนป์ รียกร, 2557) 6.4 ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บรหิ าร ระบบสารสนเทศสาหรับผบู้ ริหาร (Executive Information System: EIS) เป็นระบบท่ีสร้างข้ึนเพ่ือสนับสนุนการบริหารจัดการสาหรับผู้บริหาร ระบบ สารสนเทศประเภทนี้จะเน้นการนาสารสนเทศมาใช้ในการรวบรวม วิเคราะห์ ประมวลผลเพอ่ื แกไ้ ขปัญหา อานวยความสะดวกในการบริหารจดั การเพอ่ื นาสารสนเทศ ไปใชใ้ นการวางแผน นโยบายสาหรับองค์กร ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหารจะใช้สารสนเทศท้ังจากภายในและ ภายนอกองค์กรในกระบวนการวิเคราะห์ ประมวลผล นาผลลัพธ์เสนอรายงานสาหรับ ผู้บรหิ าร ระบบสารสนเทศสาหรับผ้บู ริหารเปน็ เครือ่ งในการช่วยในการบริหารจดั การท่ีมี ความแม่นยาและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น ระบบงบประมาณสามมิติ มีรายละเอียด ขอ้ มลู ทุกระดับพรอ้ มวเิ คราะหค์ วามเหมาะสมในการดาเนินโครงการ สามารถตรวจสอบ กระบวนการใช้งบประมาณไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพตามเปา้ หมายขององค์กร เปน็ ต้น

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 127 6.4.1 คณุ สมบัติของระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหาร 1) มีสารสนเทศท้ังภายในและภายนอกองค์กรเข้าระบบ สารสนเทศเพ่ือนามาวิเคราะหแ์ ก้ไขปญั หาตามสถานการณ์ท่ีเกดิ ขึ้น 2) สามารถแสดงรายละเอียดเชิงลึกและมีการพยากรณ์ แนวโนม้ ในอนาคตจากสารสนเทศท่มี ีอยใู่ นปจั จุบันได้ 3) สามารถเข้าถงึ ง่ายสะดวกและปลอดภัย 4) มีความเท่ียงตรงและน่าเช่ือถอื 5) สะดวก รวดเรว็ ทนั ต่อการใชง้ าน 6) มีการรายงานผลที่มีรูปแบบการใช้งานง่ายเหมาะสาหรับ ผู้บรหิ าร 6.4.2 ความแตกต่างของระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหารและ ระบบสนับสนุนการตัดสนิ ใจ 1) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจจะถูกออกแบบเพ่ือให้ สารสนเทศที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารระดับกลางถึงระดับสูง แต่ระบบ ผู้บรหิ ารจะเน้นการใหส้ ารสนเทศสาหรบั ผู้บรหิ ารระดับสงู โดยเฉพาะ 2) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจใช้การวิเคราะห์ สังเคราะห์ พยากรณ์ เพื่อนาสารสนเทศไปช่วยสนับสนุนสาหรับองค์กรหรือผู้บริหาร แต่ระบบ สารสนเทศสาหรับผู้บริหารนาสารสนเทศมาวิเคราะห์เพ่ือแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขึ้นตาม สถานการณ์ทีเ่ กดิ ขึน้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขุดเจาะสารสนเทศทต่ี อ้ งการ 3) ร ะ บ บ ส นั บ ส นุ นก า ร ตั ด สิ นใ จ ใ ช้ แ บ บ จ า ล อ ง เ ป็ น ส่วนประกอบของระบบยอ่ ย 4) ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหาร มีระบบกรอง ตรวจสอบ ติดตามและเปรียบเทียบข้อมูล แต่ระบบสนับสนุนการตัดสินใจนาสารสนเทศมาค้นหา แนวทางแกไ้ ขเปน็ กรณี

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 128 ซอฟต์แวร์ EIS ระบบ สนบั สนนุ การตดั สินใจ ผบู้ ริหาร ฐานขอ้ มูลภายนอก ฐานขอ้ มูลภายใน การจดั การข้อมูลชนิด พเิ ศษ ภาพที่ 2.38 การทางานระบบสารสนเทศสาหรบั ผู้บริหาร จากภาพท่ี 2.37 แสดงถึงการทางานระบบสารสนเทศเพ่ือผู้บริหารมีซอฟต์แวร์ ในการประมวลผลจากฐานข้อมูล จากองค์ความรู้ท้ังภายในและภายนอกองค์กร นาองค์ความรู้มาวิเคราะห์สกัดองค์ความรู้ พยากรณ์แนวโน้มและคาดคะเนปัญหาทีจ่ ะ เกิดขน้ึ ให้สามารถวางแผนนโยบายองค์กรได้ จึงมีการวเิ คราะห์ปญั หาการจัดการข้อมูล ชนิดพิเศษ ในระบบสารสนเทศจะมีการตรวจสอบผลการแก้ไขปัญหาว่าเหมาะสมกับ การดาเนนิ งานหรอื ไมท่ ง้ั ในรูปแบบเชิงปริมาณและคณุ ภาพโดยนาสารสนเทศระบบย่อย มาจากระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจ ระบบสารสนเทศเพ่ือผู้บริหารจะรับข้อมูลในการประมวลผล วิเคราะห์ ทั้งหมด 3 แหล่งข้อมูลดงั น้ี 1) แหล่งข้อมูลจากการประมวลผลการดาเนนิ งานในระบบสารสนเทศ 2) แหล่งขอ้ มลู ภายในองค์กรตามหน่วยงานย่อยต่างๆ 3) แหล่งข้อมูลภายนอกองค์กร ที่มีผลกระทบต่อการพิจารณา สิ่งแวดล้อมท่ีเกี่ยวขอ้ งการการทางาน

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 129 ตัวอย่างระบบสารสนเทศสาหรบั ผูบ้ ริหาร ระบบสารสนเทศสาหรบั ผบู้ ริหารกรณศี กึ ษา Talent การไฟฟา้ นครหลวง คมพันธ์ เสนทอง (2554) ได้วิจัยการนาระบบสารสนเทศสาหรับผูบ้ ริหารมา ใชใ้ นองคก์ าร โดยเห็นความสาคัญของการจัดทานโยบายทรัพยากรมนุษย์ทภี่ าระหน้าท่ี บริหารจัดการวางแผนด้านบุคลากรและดาเนินจัดทาข้อมูลบุคลากรเสนอผู้บริหาร ระดับสูง เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในนโยบายต่างๆ รวมถึงการจัดทาแผนจัดสรร ตาแหน่งทดแทนภายในองค์กร สารสนเทศท่ีสามารถนามาใช้ประกอบการพิจารณาได้ แตไ่ ม่สามารถนาขอ้ มลู ดังกล่าวมาใชใ้ นงานท่ีเกี่ยวข้องได้ ส่งผลให้เกดิ ความลา่ ชา้ ในการ พิจารณาดาเนินงาน จึงเป็นเหตุผลให้มีการพัฒนาระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหาร มา ใช้กับฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีวัตถุประสงค์ศึกษา กระบวนการทางานของระบบสารสนเทศและนาเสนอตัวแบบระบบสารสนเทศ เพื่อไป ประยุกตใ์ ชด้ า้ นการบริหารทรพั ยากรมนุษย์ การไฟฟา้ นครหลวง 1. เครอื่ งมือท่ใี ช้ในการรวบรวมและวิเคราะหข์ อ้ มูล ระบบสารสนเทศได้มีข้ันตอนการจัดเก็บรวมรวมข้อมูลและวิเคราะห์ ข้อมูลโดยการใช้การวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการศึกษารายละเอียดในการรวบรวม สารสนเทศมาใชใ้ นงานดาเนนิ งาน 1.1 การวิจัยเชิงคุณภาพได้ใช้เคร่ืองมือต่างๆ ในการรวบรวมข้อมูล ด้วยการศึกษาข้อมูลเอกสาร เช่น การรวบรวมข้อมูลจากเอกสารโครงสร้างองค์กร วสิ ัยทศั น์ พันธกิจ วารสาร หนงั สอื งานวจิ ัย ทเ่ี ก่ยี วข้องกับระบบ เป็นตน้ 1.2 การสมั ภาษณ์แบบเชงิ ลกึ โดยการสมั ภาษณแ์ บบเชงิ ลกึ จากการ แจกแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างมีสองกลุ่มเป้าหมายคือผู้บริหารและผู้ใช้งานหรือ ผปู้ ฏบิ ัตงิ าน ดังแสดงขน้ั ตอนการพฒั นาดังภาพท่ี 2.38

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 130 ภาพที่ 2.39 กระบวนการเก็บขอ้ มูล (ที่มา: คมพนั ธ์ เสนทอง, 2554) 2. แนวทางการพัฒนาเครือ่ งมือใหม้ คี ณุ ภาพ 2.1 ศึกษาแนวทางการสรา้ งเคร่ืองมือท่ีให้การให้คาปรึกษา โดยการ ประยุกต์ใช้ทฤษฎีระบบสารสนเทศมาสร้างและปรับปรุงคาถามในส่วนต่าง ๆ ใหส้ อดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ 2.2 ทดสอบความตรงตามเน้ือหาของเครื่องมือ โดยเลือกใช้ เคร่อื งมอื การสัมภาษณ์แบบกึง่ โครงสร้างเป็นเคร่ืองมือท่ไี ม่สามารถรวบรวมข้อมูลตัวเลข ตามหลักสถิติได้ จึงมีการตรวจสอบจากผู้ที่ให้คาปรึกษาเป็นผู้ช่วยตรวจสอบ กระบวนการ 2.3 ทดสอบความเท่ียงตรงของเครื่องมือ ผู้ให้คาปรึกษาได้จัดทา บทสรุปการสัมภาษณ์ ตรวจสอบความถูกต้อง เพ่ือได้มาซ่ึงความน่าเช่ือถือและนามา แกป้ ญั หาของการไฟฟ้านครหลวงไดจ้ รงิ ตามวัตถุประสงค์

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 131 ภาพท่ี 2.40 แสดงหนา้ จอหลักของระบบ (ท่มี า: คมพันธ์ เสนทอง, 2554) จากภาพท่ี 2.39 แสดงหน้าจอหลักของระบบ ท่ีมีสารสนเทศในเชิงแสดง รายละเอียดให้ผู้บริหารได้เห็นรายงานที่มีข้อมูลพนักงาน การวัดผลและจัดกล่มุ ผู้บริหาร มีรายงานแสดงรายละเอียดในการวิเคราะห์สารสนเทศเพ่ือช่วยในการนาสารสนเทศไป แกไ้ ขปญั หาและสนับสนนุ การตดั สินใจในการบริหารจดั การทรพั ยากรบุคคล ภาพที่ 2.41 โครงสร้างการวดั ผลและจดั กลุ่มผบู้ ริหาร (ที่มา: คมพนั ธ์ เสนทอง, 2554) จากภาพท่ี 2.40 รายละเอยี ดของการวดั ประสทิ ธิภาพทักษะและความร้ใู นการ บริหารธุรกิจและการวัดพฤติกรรมการบริหาร เพื่อไปวิเคราะห์แยกประเภทตามกลุ่ม การบรหิ ารจดั การ

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 132 6.5 ระบบผ้เู ชย่ี วชาญ ระบบผู้เช่ียวชาญ (Expert Systems: ES) คือระบบคอมพิวเตอร์ท่ี วิเคราะห์ประมวลผลจากฐานองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ระบบจะทาการรวบรวมองค์ ความรทู้ ีม่ กี ระบวนการ สังเคราะห์ วิเคราะหแ์ ละตรวจสอบจากผเู้ ชย่ี วชาญ จงึ ถือว่าเป็น ระบบทม่ี ีรปู แบบการจัดการความรู้ (Knowledge) มากกวา่ สารสนเทศ ถูกออกแบบมา ให้ช่วยในการตัดสินใจโดยใช้วิธีเดียวกับผเู้ ช่ียวชาญที่เป็นมนุษย์ โดยใช้หลักการทางาน ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ท่ีใช้ทฤษฎีความสมเหตุสมผลใน การแกไ้ ขปญั หา ดังนั้นผู้ใช้ระบบจะทาการโต้ตอบ ปรึกษา สอบถามระบบผู้เช่ียวชาญ เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ในการตัดสินใจ ระบบดังกล่าวมีความสามารถในการจัดการความรู้ที่ ซับซ้อนเพือ่ แก้ไขปัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพและประสิทธผิ ล 6.5.1 ลกั ษณะระบบผู้เช่ยี วชาญ 1) ระบบผู้เชี่ยวชาญได้พัฒนาระบบจากกระบวนการจัดการ ฐานองค์ความรู้ 2) ระบบผู้เชี่ยวชาญมีกระบวนการแก้ไขปัญหาด้วยทฤษฎี ใน เชงิ เหตุและผลของการแก้ไขปญั หาจากกลไกการอนมุ านหรือกลไกการสรปุ ความ 3) ระบบผู้เช่ียวชาญ มีความเหมาะสมที่จะเป็นระบบในการ ฝึกสอนอยา่ งมาก 4) ตอบสนองการสอบถามได้ทนั ตอ่ เวลา 5) มีความยืดหยุ่นต่อความต้องการและอานวยสะดวกแก่ ผู้ใชบ้ รกิ าร กระบวนการทางานของระบบผ้เู ช่ียวชาญจะเร่ิมต้นจากการเรียกใช้ ของผู้ใช้งานโดยระบบจะมีส่วนที่รับข้อมูลจากผู้ใช้และทาการวิเคราะห์ จากกฎเกณฑ์ กลไกวิเคราะห์ และฐานความรู้ บนโครงสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ สามารถสกัด วิเคราะห์องค์ความรเู้ พ่อื โต้ตอบใหก้ ับผู้ใชบ้ รกิ าร ดงั แสดงท่ภี าพที่ 2.41

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 133 ระบบผู้เชยี่ วชาญ ส่วนตดิ ต่อผใู้ ช้งาน ฐานกฏเกณฑ์ กลไกการ ผูใ้ ช้งาน วิเคราะห์ ฐานองค์ความรู้ ภาพท่ี 2.42 การทางานระบบสารสนเทศผเู้ ชี่ยวชาญ 6.5.2 ประเภทของระบบผเู้ ช่ียวชาญ ระบบผู้เช่ยี วชาญได้แบ่งประเภทตามองค์ประกอบสาคญั ในการ วจิ ยั และพัฒนาระบบมีประเภทของระบบผเู้ ช่ียวชาญดังนี้ 1) ร ะ บ บ ใ ช้ ก ฎ เ ก ณฑ์เ ป็ นพ้ืนฐ าน (Rules-Base Expert Systems) เคร่ืองมือสาหรับใช้พัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญในรูปแบบกฎพ้ืนฐานในการ พัฒนาระบบผเู้ ชย่ี วชาญ 2) ระบบใช้ขอบเขตเป็นพื้นฐาน (Frame-Base Systems) เคร่อื งมอื สาหรบั ใช้พฒั นาระบบผูเ้ ชีย่ วชาญในรปู แบบการเขยี นโปรแกรมเชงิ วัตถุ 3) ระบบใช้แบบผสมผสาน (Hybrid Systems) เคร่ืองมือ สาหรับใช้พัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญในรูปแบบผสมผสาน โดยการนากฎพื้นฐานมา ประยกุ ต์ใช้กับการเขยี นโปรแกรมรปู เฟรมในการพัฒนาระบบ 4) ระบบใช้แบบจาลองเป็นพ้ืนฐาน (Model-Base Systems) เคร่ืองมือสาหรับใช้พัฒนาระบบผู้เช่ียวชาญในรูปแบบของแบบจาลองที่พัฒนาจาก ศกึ ษาระบบ 5) ระบบใช้การตัดสินใจสาเร็จรูป (Ready-Made Systems) เคร่ืองมอื สาหรบั ใชพ้ ัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญมีการพัฒนาในรูปแบบโปรแกรมสาเร็จรูปที่ มจี าหน่ายในทอ้ งตลาด

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 134 6.5.3 ประโยชนข์ องระบบผ้เู ช่ียวชาญ 1) มีคลงั ความรู้ท่ใี ช้ในการบรหิ ารจัดการในองค์กร 2) เพิ่มความรวดเรว็ ในการประมวลผลสารสนเทศ หรือชว่ ยให้ คาปรกึ ษาเปรียบเทยี บสารสนเทศจากผู้เชยี่ วชาญ 3) เพิ่มประสิทธิภาพการทางานท่ีมีการแก้ไขปัญหาท่ีซับซ้อน เพอ่ื เป็นแนวทางในการดาเนินงานต่อไป 4) ช่วยในการบริหารจัดการ ช่วยเหลือให้คาปรึกษากับ บุคลากรไดท้ กุ ระดับ ตวั อย่างศกึ ษาระบบผูเ้ ชย่ี วชาญ ปยิ ะพล ทวีวรรณ (2555) ได้วจิ ยั ระบบผเู้ ช่ยี วชาญการวนิ ิจฉัยอาการเสียของ เครื่องรับโทรทัศน์ โดยใช้หลักต้นไม้ตัดสินใจได้พัฒนาระบบผู้เช่ียวชาญการวินิจฉัย อาการเสียของเคร่ืองรับโทรทัศน์เพื่อช่วยนักเรียน นักศึกษา ในการวินิจฉัยให้ได้ผลท่ี ถูกต้องมากท่ีสุด และบอกถึงสว่ นการทางานที่บกพร่องท่ีมีโอกาสเป็นไปได้มากท่ีสดุ แก่ นักเรียน นกั ศึกษาหรือผูม้ ีความตอ้ งการความรูใ้ นสว่ นนัน้ ๆ การแก้ไขปัญหาได้รับความรู้การเก็บรวบรวมจากประสบการณ์ สร้าง กระบวนการอนมุ านเพื่อใชใ้ นการวนิ จิ ฉยั ปญั หาของผเู้ ชยี่ วชาญ ผลการวิเคราะห์พบวา่ มี การวินิจฉัยอาการเสียของเครื่องรับโทรทัศน์ระยะเวลาใกล้เคียงกับผู้เชี่ยวชาญท่ีเป็น มนุษย์ และช่วยให้คาแนะนากับผู้ใช้เป็นอย่างดี สามารถประยุกต์ใช้ด้วยการนาไป ฝกึ อบรม ทบทวนความร้ขู องผู้ใช้งานได้ 1. การวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบผเู้ ชีย่ วชาญ กระบวนการวิเคราะห์และออกแบบระบบผเู้ ช่ียวชาญ มีการศึกษา รวบรวม ข้อมลู เพ่อื ออกแบบระบบดังนี้ 1.1 การรวบรวมข้อมูลวินิจฉัยอาการเสีย ชารุดโดยทั่วไป จากช่าง ผ้เู ชีย่ วชาญ 1.2 การออกแบบกลไกวินิจฉัย เป็นการใช้ข้อมูลในฐานความรู้เพ่ือการ วินิจฉัยตามที่ต้องการจนกว่าจะพบคาตอบ หรือจนกว่าจะหาคาตอบไม่ได้อันเนื่องจาก ฐานความรมู้ ีไมเ่ พียงพอ แบบกลไกวินิจฉยั ออกเปน็ 2 ประเภท

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 135 1.2.1 ประเภทที่ให้คาตอบที่น่าจะเป็นไปได้ เป็นการวินิจฉัยท่ี เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงของธรรมชาติและสังคมหรือวัฒนธรรม เช่น ผู้เช่ียวชาญมี ประวตั เิ บ้ืองตน้ อย่างไร มขี อ้ มลู ความสามารถเบ้อื งตน้ อยา่ งไร 1.2.2 ประเภทท่ีให้คาตอบท่ีแน่นอน เป็นคาตอบที่มีกฎพิสูจน์ได้ เช่น รถยนต์ว่ิงไม่ได้ถา้ ไมม่ นี า้ มัน เป็นตน้ 1.3 การสร้างฐานความรู้ การออกแบบระบบผู้เชี่ยวชาญคือการรวบรวม ความรู้ท้ังหมดมาจัดเรียบเรียงให้อยู่ในรูปแบบฐานข้อมูลที่เหมาะสมกับศ าสตร์ที่ เก่ียวข้องการดาเนินการตรวจสอบความถูกต้อง และผู้ที่ทาการออกแบบระบบ ผู้เชี่ยวชาญจะต้องใช้การสงั เกต พูดคุย ทางานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพ่ือจะกาหนดวธิ ีการ เหตุผลในการแก้ไขปัญหาในรูปแบบปัญหาต่างๆ และทาการถ่ายทอดลงในระบบ ผ้เู ชยี่ วชาญ 1.4 การรวบรวมความร้เู กีย่ วกบั อาการเสยี ชารุดจากแหลง่ ความรู้ต่างๆ ไดแ้ ก่ 1.4.1 ตาราการตรวจซ่อมเคร่ืองรับโทรทัศน์ทวั่ ไป คู่มือการตรวจซอ่ ม เคร่ือง เว็บไซต์บนเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต 1.4.2 การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญจากการซ่อมของร้านอิเล็กทรอนิกส์ ชา่ งเทคนิคบริษทั ตา่ งๆ 1.5 การออกแบบระบบผู้เช่ียวชาญ ด้วยการใช้ผังงานช่วยในงานวศิ วกรรม ความรู้ ในการออกแบบระบบผู้เช่ียวชาญโดยใช้วิธีการของผังงานเป็นเครื่องมือในการ เปลีย่ นความรตู้ า่ งๆ ทีจ่ ะใช้เป็นฐานกฎในระบบของสญั ลักษณ์ในผงั งาน 2. การพฒั นาระบบผ้เู ชี่ยวชาญ การพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญไดศ้ ึกษาวินิจฉยั อาการเสียเคร่ืองรบั โทรทศั น์ด้วย รูปแบบเว็บเพจมีวธิ ีการพฒั นาระบบดังน้ี 2.1 การออกแบบข้ันตอนวธิ ีหรือทเี่ รียกวา่ อัลกอริทึม (Algorithm) ไดน้ าวิธี แบบต้นไมต้ ดั สนิ ใจในการออกแบบฐานความรู้ มกี ระบวนการออกแบบต้นไมท้ ่ีประกอบ ไปด้วยบัพหรือโหนด และเส้นเช่ือม โหนดจะแทนตาแหน่งในต้นไม้ 2 ประเภท คือ โหนดตัดสินใจ และโหนดคาตอบ โดยจะมีเส้นเชื่อมระหว่างโหนดพ่อและลูกโหนด สดุ ท้ายถือเปน็ คาตอบดังภาพท่ี 2.42

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 136 ภาพท่ี 2.43 ตวั อย่างวิธีการใชโ้ ครงสรา้ งต้นไมต้ ัดสนิ ใจ (ที่มา : ปยิ ะพล ทววี รรณ, 2555) 2.2 การออกแบบโครงสรา้ งเวบ็ เพจ การรบั ขอ้ มลู โดยมผี ู้ใชบ้ รกิ ารแบ่งตาม หน้าท่ีได้ 3 ส่วนคือบุคคลทั่วไปต้องสมัครสมาชิก สมาชิกในองค์กร และผู้ดูแลระบบ ดังภาพท่ี 2.43–2.44 ภาพท่ี 2.44 หนา้ หลักของเวบ็ ไซต์ (ทีม่ า: ปิยะพล ทวีวรรณ, 2555)

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 137 ภาพที่ 2.45 หน้าหลกั การบนั ทกึ ของเว็บไซต์ (ทีม่ า: ปิยะพล ทวีวรรณ, 2555) 6.6 ระบบสารสนเทศสานักงานอตั โนมัติ ระบบสารสนเทศสานกั งานอัตโนมตั ิ (Office Automation Systems : OAS) ที่ถูกออกแบบและพัฒนาข้ึนเพ่ือช่วยให้การทางานในสานักงานมีประสิทธิภาพ มีวัตถุประสงค์เพ่ืออานวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานภายใน องค์กรเดียวกันหรือระหว่างองค์กร ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารระบบสารสนเทศ สานกั งาน แบ่งการทางานได้ 4 ประเภทดังนี้ 6.6.1 ระบบจัดการเอกสาร (Document Management System) เป็นการจัดการบันทึก พิมพ์เอกสารจัดเก็บด้วยโปรแกรมประยุกต์ เช่น โปรแกรม Microsoft office, Reprographics Desktop, Publishing เป็นต้น 6.6.2 ระบบควบคุ มและส่ งผ่ านข่ าวสาร (Message handling System) การติดตอ่ ส่ือสารในองค์การ เชน่ การส่ง E-Mail, Voice mail, SMS 6.6.3 ระบบประชุมทางไกล (Teleconferencing) การติดต่อส่ือสาร ส า ห รั บ บุ คล า ก ร ต้ อ ง ก า ร ป ร ะ ชุ ม ร ะ ย ะ ไ ก ล ภ า ย ใ นอ ง ค์ ก า ร เ ช่ น Audio Teleconferencing, Video Teleconferencing เป็นตน้ 6.6.4 ระบบสนับสนุนการดาเนินงานในสานักงาน (Office Support System) เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์อื่นๆ ที่ใช้ควบคุมกับการดาเนินงานให้มี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น โปรแกรมนาเสนอผลงาน โปรแกรมที่องค์กรพัฒนามาใช้ใน สานักงานโดยเฉพาะ ระบบตอบรับเอกสาร ดังภาพท่ี 2.45 แสดงให้เห็นประเภทของ ระบบสารสนเทศสานกั งานท่ีใช้ในแต่ละองค์กร

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 138 ระบบจดั การเอกสาร ระบบควบคุมและสง่ ระบบประชมุ ทางไกล ระบบสนบั สนนุ การ ข่าวสาร ดาเนนิ งาน • โปรแกรมสานกั งาน • การส่งจดหมาย • ระบบการประชุม • โปรแกรม อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ทางไกลแบบเสยี ง อรรถประโยชน์ • โปรแกรมชว่ ยในการ บันทกึ ขอ้ มลู • ส่งข้อความ และสง่ • ระบบการประชุม • ระบบตอบรับเอกสาร ข้อความภาพ ทางไกล ภาพท่ี 2.46 ภาพรวมของการทางานระบบสานกั งานอตั โนมัติ ตวั อย่างระบบบรหิ ารงานสานักงาน 1. การใช้ระบบบรหิ ารงานสานักงานของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี คือระบบท่ีพัฒนางานด้านสานักงานให้มีระบบการบริหารจัดการท่ีสะดวก รวดเร็วอานวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการเข้าใจหลักการสารบรรณของสานักงาน โดย จะมีกลุ่มผู้ใช้บริการระบบ 2 ส่วนคือ เจ้าหน้าที่ธุรการ และบุคลากรมหาวิทยาลัย โปรแกรมดังกล่าวพัฒนาดว้ ยรูปแบบเว็บแอปพลิเคชันโดยใช้ฐานขอ้ มูล Oracle ในการ จัดเก็บสารสนเทศ 1.1 ขนั้ ตอนการใชร้ ะบบบรหิ ารงานสานักงานฯ สาหรบั บุคลากรสายวิชาการ การใช้โปรแกรมสาหรับบุคลากรสายวิชาการสามารถเข้าสู่ระบบ ระบบสารสนเทศบุคลากร เม่ือพิมพ์รหัสผ่านจะปรากฏข้อมูลส่วนบุคคลร่วมถึงข้อมูล เอกสารคาสั่ง ระบบงานบริหารดังภาพที่ 2.46–2.47 ภาพที่ 2.47 หน้าจอระบบบริหาร มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอดุ รธานี

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 139 ภาพท่ี 2.48 รายละเอยี ดหนงั สอื ราชการ 1.2 ขั้นตอนการใช้ระบบบริหารสานกั งานฯ สาหรบั เจา้ หน้าทีธ่ ุรการ การใช้ระบบบริหารสานักงานสาหรับเจ้าหน้าที่ธุรการเข้าสู่ระบบงาน เอกสาร จะสามารถบริหารจัดการเอกสารการนาส่งเอกสารหนังสือออก การตอบรับ เอกสารหนังสือรับ เป็นต้น ดังภาพที่ 2.48 แสดงหน้าจอหลักในการเข้าระบบบริหาร สานักงาน ภาพท่ี 2.49 หนา้ จอหลักเขา้ ระบบงานธรุ การ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 140 แต่ละหน่วยงานในมหาวิทยาลัยจะมีการนาส่งเอกสารด้วยการนาหนังสือ รายการมาสแกนเป็นไฟล์ PDF และทาการเลอื กหนว่ ยงานทตี่ อ้ งการส่งเอกสารแนบไฟล์ ส่ง หน่วยงานปลายทางก็จะบันทึกเข้าระบบบริหารจัดการรับเอกสารที่เรียกกว่า งาน เอกสารเข้า เมอ่ื รบั เอกสารเจ้าหน้าที่ธุรการจะเสนอหนังสือผบู้ ังคับบัญชาพจิ ารณา และ สแกนสง่ ตอบรับหรือสง่ หลกั ฐานกลับคืนหน่วยงานท่ีนาส่งเอกสาร ดงั ภาพท่ี 2.49 แสดง งานเอกสารเข้า และภาพที่ 2.50 แสดงหนา้ หลกั การบันทึกรายละเอยี ดเอกสารเข้าหรือ รบั เอกสาร ภาพที่ 2.50 แสดงหน้าจอเอกสารเข้าระบบงานธุรการ ภาพท่ี 2.51 หน้าจอการบันทกึ รายละเอยี ดเอกสารเขา้ ระบบธรุ การ

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 141 2. การใช้ระบบระบบ SMART EDUCATION SIM ของมหาวิทยาลยั ราชภัฏ อุดรธานี เป็นระบบในการส่งข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ อดุ รธานผี ่านโทรศัพทม์ ือถอื ทมี่ หาวทิ ยาลยั ไดใ้ หบ้ ริการโดยไมม่ ีค่าใช้จ่าย โดยหน่วยงาน ภายในมหาวิทยาลัยสามารถส่งข้อความไปประชาสัมพันธ์แก่นักศึกษาได้ โดยจะมี เจ้าหน้าท่ีกองพัฒนานักศึกษาเป็นผู้แจ้งข่าวสารและส่งข้อมูลไปยังนักศึกษา ดังภาพที่ 2.51 แสดงหน้าจอหลักในการใช้งานระบบ ภาพท่ี 2.52 หน้าจอการให้บรกิ ารระบบ SMART EDUCATION SIM 6.7 ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) คือระบบที่มีการแสดงผลข้อมูลเชิงพื้นที่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มา วิเคราะห์ นาเสนอสารสนเทศในรูปแบบภูมิศาสตร์ เพ่ือนามาใช้ในการบริหารจัดการ สนบั สนุนการตดั สินใจ เชน่ การแสดงพิกัดที่ต้งั สานกั งานแต่ละสาขา แสดงตาแหน่งท่อี ยู่ อาศยั เปน็ ต้น

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 142 ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์มีการทางานที่ผสมผสานกันระหว่าง ฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ และขอ้ มูลต่าง ๆ และรวบรวมข้อมลู ที่จัดเก็บในระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร์ มีลักษณะเป็นข้อมูลเชิงพน้ื ท่ี ที่แสดงในรูปแบบของภาพแผนที่โดยมีขอ้ มลู ที่เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลหรือข้อมูลเชิงบรรยาย การบริหารจัดการ การวิเคราะห์ขอ้ มลู แสดงออกมาผ่านแผนภูมิ แผนที่ และรายงานต่างๆ เช่น ข้อมูลท่ีได้จากการถ่ายภาพ หรือภาพถ่ายดาวเทียม ระบบจะมีการผสมผสานกับเทคโนโลยีกับระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร์ จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ภาพท่ี 2.52 ลักษณะข้อมูล ภูมิศาสตร์ ที่ต้องมีข้อมูลพิกัด เส้นทางคมนาคม เขตที่ดิน เขตการปกครอง สภาพภูมิ ประเทศ การใช้ประโยชน์ที่ดินนามาจดั เก็บฐานข้อมูล และพื้นท่ีข้อมูลที่มีคา่ พกิ ัดหรือมี ตาแหน่งจริงบนพื้นโลกหรือในแผนที่ มานาเสนอรูปแบบพ้ืนที่และภูมศิ าสตร์ทาใหง้ า่ ย ตอ่ เข้าใจย่งิ ข้ึน ภาพท่ี 2.53 ลกั ษณะข้อมลู ภูมิศาสตร์ (ทีม่ า: http://www.gisthai.org/about-gis/gis.html)

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 143 6.7.1 องคป์ ระกอบระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ มีองค์ประกอบท้ังหมด 5 องค์ประกอบคือ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล กระบวนการวิเคราะห์ บุคลากร มรี ายละเอยี ดดังน้ี 1) ฮาร์ดแวร์คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ เช่น เครื่องอ่านพกิ ดั เครื่องสแกนเนอร์ เคร่ืองพิมพ์ เป็นต้น ฮาร์ดแวร์จะเป็นอุปกรณท์ ่ี นาเข้าข้อมูล เพ่ือนาไปสู่กระบวนการประมวลผล ฮาร์ดแวร์จะมี 2 ส่วน คือ อุปกรณ์ และอปุ กรณแ์ สดงผล 2) ซอฟต์แวร์คือ ชุดคาส่ังหรือโปรแกรมท่ีใช้ในการควบคุม การทางานวิเคราะห์ข้อมูลระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ โปรแกรมกาหนดพิกัด เช่น Arc/Info, MapInfo, Google Map เปน็ ต้น 3) ขอ้ มลู คือ รายละเอียดข้อมลู ท่จี ัดเกบ็ รวบรวม และจดั การ ไว้ในฐานข้อมลู เพอ่ื นามาใชใ้ นการวิเคราะห์ตามกระบวนการสร้างระบบสารสนเทศโดย มีวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บจากแหล่งข้อมูลหลัก คือแหล่งข้อมูลจากภาคสนามและ ข้อมลู ภมู ิศาสตร์ มีรายละเอยี ดดงั นี้  แหลง่ ขอ้ มูลจากภาคสนาม หรอื ข้อมูลจากอดีตท่มี ีการ จัดเก็บ เช่น แผนที่ เอกสาร ภาพที่เกบ็ จากเคร่ืองบันทึกพกิ ัด หรอื ภาพจากดาวเทยี ม สภาพภมู ิอากาศ เป็นตน้  แหล่งขอ้ มลู ภูมิศาสตร์ มรี ายละเอียดแสดงขอ้ มลู ท่มี ี การศกึ ษา 3 ส่วนไดแ้ ก่ 1) ลักษณะทางกายภาพของสิ่งที่สนใจศึกษาเชน่ ปา่ ไม้ แม่น้า บันทึกลกั ษณะ ขนาด ชนิด 2) ตาแหนง่ หรือพิกัดทางภูมศิ าสตร์ของสิง่ ท่ีสนใจศกึ ษา 3) ช่วงเวลาทเี่ กดิ ขึ้นในการสนใจศกึ ษา 4) กระบวนการวเิ คราะห์คือ ข้นั ตอนการทางานของระบบที่มี ขัน้ ตอนการวิเคราะห์ข้อมูลของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ขน้ั ตอนการวิเคราะห์ข้อมูล มีความสาคัญอย่างย่ิง โดยในขั้นตอนน้ีจะนาข้อมูลเชิงพ้ืนท่ี และข้อมูลเชิงลักษณะมา รวมเข้าด้วยกัน ด้วยการผนวกช้ันข้อมูล เช่น การนาแผนที่ดินมาซ้อนทับกับแผนท่ี ธรณีวิทยาผสานกับข้อมูลจริง ทาให้สามารถทานายสถานการณ์ท่ีอาจเกิดขนึ้ ในอนาคต หรือแนวโน้มทจี่ ะเกดิ ขึน้ เป็นตน้

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 144 5) บุคลากรคือ ผู้ทาหน้าท่ีบริหารจัดการ จัดเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล โดยผู้สร้างระบบจะเป็นการทางานตามหน้าที่หลักผู้สร้างข้อมูลด้าน ระบบสารสนเทศในงานด้านคอมพวิ เตอร์โดยจะมีการรวบรวมข้อมูล จัดเก็บ วิเคราะห์ ออกแบบฐานข้อมูล พัฒนาระบบข้อมูล และผู้สร้างข้อมูลด้านภูมิศาสตร์จะทาหน้าที่ รวบรวมข้อมูล นาเข้าข้อมูล จัดเก็บข้อมูล ออกแบบข้อมูลเชิงพ้ืนท่ีและการวิเคราะห์ แตล่ ะด้าน นาไปสร้างแผนทใี่ นรูปแบบต่าง ๆ ภาพที่ 2.53 แสดงองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร์ที่มีความสัมพันธ์กัน ทั้ง 5 องค์ประกอบ เริ่มจากองค์กรมีฮาร์ดแวร์และ ซอฟตแ์ วรท์ เ่ี ป็นเครือ่ งมอื ในการสร้างระบบสารสนเทศ มีบคุ ลากรทีม่ ีความรใู้ นการสร้าง ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ โดยการวางแผน ดาเนนิ งานเพือ่ รวบรวมขอ้ มลู จดั เกบ็ และ นาขอ้ มลู ไปวเิ คราะหข์ อ้ มูลตามวตั ถุประสงคก์ ารออกแบบและใชง้ าน ฮารด์ แวร์ กระบวนการ ซอฟตแ์ วร์ วิเคราะห์ ระบบสารสนเทศ ภมู ศิ าสตร์ บคุ ลากร ข้อมูล ภาพที่ 2.54 องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 145 6.7.2 ขนั้ ตอนการทางานของระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ 1) การบันทึกข้อมูลเข้าระบบในขั้นตอนนี้จะมีการบันทึก ข้อมูลที่มีการรวบรวมมาบันทึกในรูปแบบเชิงตัวเลข เข้าสู่ระบบฐานข้อมูล เช่น การบันทกึ ข้อมูลโดยเครอ่ื งอ่านพกิ ัด 2) การปรับแต่งข้อมูล ขั้นตอนนี้จะมีการตรวจสอบ ปรบั เปลย่ี นขอ้ มลู ใหเ้ หมาะสมกบั งาน 3) การบริหารข้อมูล ระบบจัดการฐานข้อมูลจะใช้ในการ บริหารข้อมูลเพื่อการทางานท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพในการทางาน 4) การสอบถามจากระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ท่ีออกแบบ ให้สืบคน้ ง่าย 5) การนาเสนอข้อมูล จากการวิเคราะห์ข้อมูล นาเสนอใน รูปแบบต่าง ๆ เช่น ตวั เลขหรือตวั อกั ษร หรอื แผนภมู ิ ระบบมัลติมเี ดยี ส่อื ตา่ ง ๆ ตัวอย่างระบบแผนท่ีเกษตรเพ่ือการบริหารจัดการเชิงรุกออนไลน์ (Agri-Map Online) เป็น ร ะ บบภูมิศาสตร์ที่ ก ร ะ ทร ว ง เก ษตรและ สหก รณ์ ร่ว มกับ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และ คอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ภายใต้สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมมือพัฒนาระบบแผนท่ีเกษตรเพ่ือการบริหาร จัดการเชิงรุกออนไลน์ โดยบูรณาการข้อมูลพ้ืนฐานด้านการเกษตร จากทุก หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สาหรับใช้เป็นเครื่องมือบริหาร จดั การการเกษตรไทยอยา่ งมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทกุ พ้นื ท่ี มีการปรบั ข้อมูลให้ ทนั สมัย และพัฒนาเพม่ิ ความสะดวกการใช้งาน ใหเ้ กดิ การเขา้ ถึงขอ้ มูลโดยง่าย ระบบนี้จะนาข้อมูลท่ีนาเข้าจะประกอบด้วย ข้อมูลด้านการเกษตรและ ด้านการพาณิชย์ ซ่ึงมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา การวิเคราะห์จาเป็นต้อง คานึงถึงสมดุลของทรัพยากรการผลิต (ดิน น้า พืช) ผลผลิต อุปสงค์ และอุปทาน

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 146 รวมท้งั ปจั จยั การผลิต จึงจะทาใหส้ ามารถบรหิ ารจัดการสนิ ค้าเกษตรสอดคล้องกับ สถานการณ์ปัจจุบันและสามารถคาดการณใ์ นอนาคตได้ ภาพที่ 2.55 กรอบแนวคิดระบบแผนทีเ่ กษตรเพ่ือการบรหิ ารจดั การเชงิ รุก (ท่มี า: https://www.moac.go.th/agri-map/) จากภาพที่ 2.54 มกี รอบแนวคดิ ในการร่วมมอื ระดบั กระทรวงและจงั หวดั ท่ีมีนโยบายขับเคลื่อนถึง 882 ศูนย์ปฏิบัติการ ได้นาข้อมูล ในมิติของปัจจัยการ ผลติ อุปสงคแ์ ละอปุ ทาน และข้อมลู พืน้ ฐานมาวเิ คราะห์ เชน่ การนาขอ้ มูล ขอบเขต การปกครอง การใช้ท่ดี ินในปัจจุบัน พื้นทป่ี ลูกพืชเศรษฐกจิ สาคัญในจังหวัด 4 ชนดิ พืช พื้นท่ีเหมาะสมและไม่เหมาะสมกับพืชเศรษฐกิจสาคัญ ที่ปลูกในปัจจุบัน แผนการพัฒนาแหลง่ นา้ ระหวา่ งปี พ.ศ.2560-2569 เปน็ ตน้ ระบบจะมีการวิเคราะห์เพอื่ นาเสนอขอ้ มูลใหผ้ ู้ใชง้ านสามารถเข้าถงึ ข้อมูล และเข้าใจง่ายขน้ึ โดยมแี ผนทีแ่ สดงภูมิศาสตร์ ดงั ภาพที่ 2.55 แสดงหนา้ หลักของ ระบบโดยเรียกใช้เมนูด้านซ้ายของจอภาพท่ีผู้ใช้สามารถคลิกเลือกส่ิงที่ต้องการ ค้นหา มีทั้งหมด 14 รูปแบบ เช่น การบริหารจัดเชิงรุก เมื่อคลิกจะพบเมนูย่อย เกย่ี วกับข้อมูลพืน้ ฐาน ขอบเขตการปกครอง การใชท้ ีด่ นิ พื้นท่ีปา่ เปน็ ต้น

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 147 ภาพที่ 2.56 หนา้ หลักการใช้ระบบระบบแผนท่ีเกษตรฯ การดูผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติ ผู้ใช้สามารถคลิกเลือกเง่ือนไขใน ระบบจะวิเคราะห์ทางสถิติและนาเสนอสารสนเทศด้านขวามือของจอภาพและ นาเสนอในแผนท่ีภูมิศาสตร์กับพ้ืนท่ีดังภาพท่ี 2.56 แสดงการเลือกพ้ืนท่ีจังหวัด อุดรธานี เลือกพื้นที่ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกนาข้าว ก็จะแสดงค่าสถิติพร้อม พน้ื ทเ่ี พาะปลกู นาขา้ ว ภาพที่ 2.57 หน้าจอผลลพั ธ์การวิเคราะหข์ อ้ มูลทางสถิติ

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 148 บทสรปุ สารสนเทศหมายถึงข้อมูลที่นามาประมวลผลเพ่ือนาสารสนเทศ ไปใช้ ประโยชน์ กระบวนการทางานขององค์กรจะต้องมีการผลิตสารสนเทศเพ่ือใช้ สนับสนุนการตัดสินใจมีปัจจัยหลัก 5 ประเด็นคือ 1) การพัฒนาการของความรู้ สิ่งประดิษฐ์ 2) พฒั นาการของเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์เป็นเคร่อื งมือสาคัญในการผลิต สารสนเทศ 3) การพัฒนาด้านเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคดิจิทัลช่วยอานวยความ สะดวก รวดเร็วในการเผยแพร่สารสนเทศ 4) ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการพมิ พ์ นบั เปน็ เทคโนโลยกี ารพิมพท์ ่พี ฒั นาควบคู่ไปกับเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ 5) การศกึ ษา ถือว่ามีความจาเป็นในการใช้สารสนเทศในยุคปัจจุบัน เพราะหากมีสารสนเทศที่ดี จากแหล่งข้อมูล ทาใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อการพฒั นาองคก์ ร ระบบสารสนเทศคือ กระบวนการประมวลผลโดยการนาเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์มาช่วยประมวลผลข้อมูล เพื่อนาสารสนเทศไปใช้ในการสนับสนุน การตดั สนิ ใจ บริหารจัดการ วางแผน ควบคุมการทางานภายในองคก์ รได้ วิวัฒนาการระบบสารสารเทศจากจดุ เริ่มต้นของการนาเทคโนโลยีมาช่วยใน การอานวยความสะดวกในการบริหารจัดการงาน ในยุคแรกจงึ เป็นการนาเทคโนโลยี มาช่วยในการคานวณจัดเก็บข้อมูลเป็นหลัก ต่อมาในยุคที่สองคือการนาระบบ สารสนเทศมาช่วยในการบรหิ ารจดั การ นาสูก่ ารสรปุ รายงานผล วิเคราะห์สารสนเทศ เพ่ือสนับสนุนการทางานด้านการวางแผนและช่วยในการตัดสนิ ใจของผบู้ ริหาร และ ยุคปัจจุบันได้นาระบบสารสนเทศมาใช้เปน็ นโยบายหลักในการขับเคลือ่ นองค์กร ซ่ึง เป็นการแขง่ ขันเชิงธรุ กจิ และเชิงนโยบาย ระบบสารสนเทศจะมีองค์ประกอบที่เกิดจากการทางานในแต่ละส่วน ซ่งึ เกิด ความสัมพันธ์แต่ละองค์ประกอบจะมีความสอดคล้องทาให้เกิดระบบสารสนเทศ ท้ังหมด 6 ส่วนประกอบ คือฮาร์ดแวร์ ซอฟตแวร์ บุคลากร โทรคมนาคม ฐานข้อมลู และกระบวนการ ระดับการบริหารระบบสารสนเทศในองค์กร การบริหารจัดการระบบ สารสนเทศที่มีของแต่ละองค์กร ในระดับล่างจะเป็นการบริหารจัดการเกี่ยวกับการ จัดเก็บข้อมูล การประมวลผลของระบบสารสนเทศ ระดับกลางจะเป็นการบริหาร จัดการทรัพยากรรวมถงึ พจิ ารณาวางแผนการดาเนินงานเพอื่ นารายงานสารสนเทศไป

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 149 ใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทางานขององค์กร และระดับสูงจะเป็นการวิเคราะห์ผล รายงานเพอ่ื นาไปวางแผนยุทธศาสตร์ แนวโน้มการทางานขององค์กร ประเภทของระบบสารสนเทศ ในการบริหารงานของแต่ละองค์กรจะมีการ ออกแบบระบบสารสนเทศ โดยพิจารณาจากประโยชน์การใช้งานและวัตถุประสงค์ ขององคก์ ร โดยจะมีระบบสารสนเทศในการดาเนนิ งานหลักดงั น้ี 1) ระบบประมวลผล (Transaction Processing System: TPS) เป็นการนา คอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดการข้อมูลข้ันพ้นื ฐาน โดยเน้นที่การประมวลผลรายการ ประจาวัน (Transaction) การทางานจะทาการบันทึกข้อมูล สร้างข้อมูลในการ ดาเนินงาน ในการบันทึกข้อมูลแต่ละฝ่ายจะมีการประมวลผลแต่ละกิจกรรมท่ี ใหบ้ ริการตามงานบริการแต่ละหนว่ ยงาน ขอ้ มลู จะถูกจดั เกบ็ ลงในระบบฐานข้อมูล 2) ระบบสารสนเทศเพอื่ การจัดการ (Management Information System : MIS) คือ ระบบสารสนเทศทีท่ าการประมวลผลจากการจัดเก็บข้อมลู ขององค์กรท้ัง ในอดีตและปจั จุบัน มกี ารสรปุ รายงาน ข้อมูลให้ผู้ใชบ้ ริการสามารถค้นหาข้อมูลเพ่ือ ไปใชใ้ นการดาเนินงานได้ 3) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems: DSS) เป็น ระบบท่ีพัฒนาจากระบบสารสนเทศการจัดการเป็นการพัฒนาเพิ่มจากการนา สารสนเทศที่มีในระบบฐานข้อมูลจากภายในองค์กรและภายนอกองค์กร มาใช้ วิเคราะห์ พยากรณ์ แนวโน้มหรือความเป็นไปได้ในการดาเนินกิจกรรมนั้น เพ่ือช่วย สนับสนุนผู้บริหารระดับกลางและระดับสูง สามารถนาผลการวิเคราะห์ไปใช้ในการ ดาเนินงาน อีกทั้งสามารถนาสารสนเทศช่วยในการวิเคราะห์วางแผนยุทธศาสตร์ สาหรับองคก์ ร 4) ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหาร (Executive Information System: EIS) เป็นระบบท่ีสร้างข้ึนเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการสาหรับผู้บริหารระบบ จะเนน้ การนาสารสนเทศมาใช้ในการรวบรวม วเิ คราะห์ประมวลผลเพื่อแก้ไขปัญหา อานวยความสะดวกในการบริหารจัดการเพ่ือนา สารสนเทศไปใช้ในการวางแผน นโยบายกาหนดทิศทางสาหรบั องค์กร 5) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems: ES) คือระบบคอมพิวเตอร์ที่ วิเคราะห์ประมวลผลจากฐานองค์ความรู้จากผู้เช่ียวชาญ ระบบจะทาการรวบรวม

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 150 องค์ความรู้ท่ีมีกระบวนการสังเคราะห์ วิเคราะห์และตรวจสอบจากผู้เช่ียวชาญ จึงเป็นระบบที่มีรูปแบบการจัดการความรู้ (Knowledge) มากกว่าสารสนเทศ ถูกออกแบบมาใหช้ ่วยในการตัดสนิ ใจโดยใช้วิธีเดียวกับผเู้ ช่ียวชาญทีเ่ ป็นมนุษย์ โดย ใช้หลักการทางานด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ท่ีใช้ทฤษฎี ความสมเหตุสมผลในการแกไ้ ขปัญหา 6) ระบบสารสนเทศสานักงานอัตโนมัติ (Office Automation Systems : OAS) ทีถ่ กู ออกแบบและพัฒนาข้ึนเพ่ือชว่ ยให้การทางานในสานักงานมปี ระสทิ ธิภาพ มีวัตถุประสงค์เพ่ืออานวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานภายใน องค์กรเดียวกันหรือระหว่างองค์กร ระบบสารสนเทศเพ่ือการบริหารระบบ สารสนเทศสานกั งาน 7) ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System: GIS) คือระบบท่ีมีการแสดงผลข้อมูลเชิงพื้นที่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มา วเิ คราะห์ นาเสนอสารสนเทศในรูปแบบภูมิศาสตร์ เพ่อื นามาใช้ในการบริหารจัดการ สนบั สนุนการตดั สนิ ใจ

ระบบสารสนเทศในองค์กร | 151 แบบฝึกหัดบทท่ี 2 ตอนที่ 1 ตอบคาถามดงั ตอ่ ไปนี้ 1. จงอธิบายความหมายของสารสนเทศ 2. จงบอกสาเหตุทท่ี าให้เกดิ สารสนเทศ อย่างนอ้ ย 2 ข้อ 3. ขั้นตอนการผลติ สารสนเทศมกี ขี่ ั้นตอน และให้นักศึกษายกตัวอยา่ งขน้ั ตอน การผลติ สารสนเทศ 4. จงอธบิ ายส่วนประกอบของระบบสารสนเทศมีกี่ส่วนประกอบ อะไรบา้ ง 5. ระบบสารสนเทศมีระบบย่อยก่รี ะบบ อะไรบา้ ง พร้อมอธิบายความหมายแต่ละ ระบบสารสนเทศ ตอนท่ี 2 กากบาทขอ้ ทีถ่ กู ตอ้ งทสี่ ุด 1. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ กั ษณะของสารสนเทศทดี่ ี ก. ถกู ต้องแมน่ ยา ข. สมบูรณ์ครบถ้วน ค. เขา้ ใจง่าย ง. มีปริมาณมาก จ. ทนั ต่อการใช้งาน 2. ข้ันตอนการผลติ สารสนเทศมกี ข่ี ั้นตอน ก. 3 ขน้ั ตอน ข. 5 ข้นั ตอน ค. 7 ข้นั ตอน ง. 9 ข้ันตอน จ. 14 ข้ันตอน 3. ข้ันตอนการผลิตสารสนเทศท่ีต้องแบ่งประเภทตามลักษณะข้อมูลเรียกว่า ข้นั ตอนใด ก. การสรปุ ข. การตรวจสอบ ค. การจาแนก ง. การจดั เรียงลาดบั จ. การเผยแพร่

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 152 4. ขั้นตอนการผลิตสารสนเทศท่ีต้องทาการรวบรวมเพื่อประมวลผลข้อมูล เรียกวา่ ขั้นตอนใด (ใชค้ าตอบขอ้ 3) 5. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระโยชน์ของระบบสารสนเทศ ก. ช่วยเพ่ิมประสทิ ธิภาพในการทางาน ข. ชว่ ยสรา้ งทางเลือกในการแข่งขนั ค. ช่วยสนบั สนุนการตดั สนิ ใจ ง. ชว่ ยเพิม่ คุณภาพชีวิต จ. ช่วยเพม่ิ ปรมิ าณงานขององค์กร 6. ระดบั การบรหิ ารสารสนเทศในองค์กรมีกี่ระดบั ก. 1 ระดับ ข. 2 ระดับ ค. 3 ระดับ ง. 4 ระดบั จ. 5 ระดับ 7. ระบบสารสนเทศประกอบดว้ ยกสี่ ่วนประกอบ ก. 2 องค์ประกอบ ข. 3 องคป์ ระกอบ ค. 4 องคป์ ระกอบ ง. 5 องค์ประกอบ จ. 6 องคป์ ระกอบ 8. ข้อใดไมใ่ ชส่ าเหตุของใหเ้ กดิ สารสนเทศ ก. ทกั ษะบคุ ลากรในองคก์ ร ข. พัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ค. พัฒนาการของเทคโนโลยีการส่อื สาร ง. ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยีการพมิ พ์ จ. ความจาเป็นในการใช้สารสนเทศ

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 153 9. การบริหารสารสนเทศในองค์กรระดับใดท่ีใช้ระบบสารสนเทศในการ วางแผน ยทุ ธศาสตร์องคก์ ร ก. ระดับบน ข. ระดบั ล่าง ค. ระดับกลาง ง. ระดบั บนและลา่ ง จ. ระดบั กลางและบน 10. ววิ ัฒนาการใชร้ ะบบสนเทศเชิงกลยุทธ์มีลกั ษณะเด่นการใช้งานอย่างไร ก. นามาบนั ทกึ และจัดเก็บขอ้ มูล ข. ประมวลและคานวณขอ้ มลู ค. นามารายงานผล สรปุ รายงานประจาเดือน ง. วเิ คราะหแ์ นวโน้มการบรหิ ารจดั การ จ. เพิม่ ศกั ยภาพการติดต่อสอื่ สารโทรคมนาคม ตอนที่ 3 จับค่แู ละเติมคาตอบตวั อักษรภาษาอังกฤษหน้าขอ้ ต่อไปน้ี ______ 1. ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ______ 2. ระบบสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจ ______ 3. ระบบสารสนเทศเพ่อื การจดั การ ______ 4. ระบบสนับสนุนผูบ้ ริหาร ______ 5. ระบบผู้เชย่ี วชาญ ______ 6. ระบบสานกั งานอตั โนมัติ A. ระบบสารสนเทศท่ีให้ความสาคัญในการติดต่อสื่อสารและสร้างสารสนเทศให้กับ บคุ ลากรในองคก์ ร B. ระบบสารสนเทศที่ช่วยให้ผูบ้ ริหารวิเคราะห์ พยากรณ์จากสถานการณ์หรือปัญหา ต่าง ๆ C. ระบบสารสนเทศใดรองรบั การทางานเพื่อสรุปรายงานเพ่อื พัฒนาองคก์ ร D. การจดั เกบ็ ขอ้ มูลลงระบบฐานขอ้ มลู E. ระบบสารสนเทศที่ใช้หลักการทางานแบบปัญญาประดษิ ฐ์เปน็ หลกั

ระบบสารสนเทศในองคก์ ร | 154 F. ระบบสารสนเทศที่ต้องมีการคานวนพกิ ัด แนวนอน แนวตั้งของพื้นที่ G. ระบบสารสนเทศท่ีมีการนาสารสนเทศมาใช้วิเคราะห์ประมวลผลเพอ่ื แก้ไขปญั หา อานวยความสะดวกในการบริหารจัดการ การวางแผน นโยบาย สาหรับองคก์ ร

บทที่ 3 กลยุทธ์ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ ยคุ น้เี ป็นยคุ ของการใช้เทคโนโลยีในการจดั เก็บขอ้ มูลในรูปแบบฐานข้อมลู การใช้ ระบบสารสนเทศมาจัดช่วยวิเคราะห์สารสนเทศและเพ่ิมประสทิ ธิภาพการทางาน เช่น การจัดเก็บฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร การตรวจสอบข้อมูลทะเบียนรักษา เป็นต้น มีการประยุกต์ใช้งานที่นาเทคโนโลยีมาใช้แพร่หลายเพิ่มข้ึน จงึ เปน็ เหตุผลหน่ึงทีอ่ งค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องศึกษาให้ความสาคัญเกี่ยวกับบทบาทการใช้ระบบสารสนเทศ รวมถึงการวางแผน กลยุทธ์ด้านการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยี สารสนเทศ ให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุดสาหรับองค์กร ดังนั้น การศึกษา กลยุทธ์การบริหารจัดการกลยุทธ์และประเมินประสิทธิภาพขององค์กร เม่ือนาการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสารสนเทศมาประยกุ ต์ใช้งานจงึ ถือเป็นเคร่ืองมือกลไก สาคัญอย่างย่ิง บทน้ีขอกล่าวถึงเน้ือหาการวางแผนกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารจัดการกลยุทธ์ ธรรมภิบาลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การประเมิน ประสทิ ธิภาพระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ ใหบ้ รรลุเปา้ หมายขององค์กร ความรูเ้ ก่ียวกบั กลยุทธ์ดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ กลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึง วิธีการ ข้ันตอน กระบวนการทีป่ ฏิบัติเพ่อื ให้ บรรลุวัตถุประสงค์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังน้ันการวางแผนกลยุทธ์ จึงเป็นการ วางแผนกรอบเป้าหมายการดาเนินงานเพื่อมุ่งเน้นประสิทธิภาพและประสิทธิผลของ องคก์ ร รวมไปถงึ สอดคลอ้ งกับกลยุทธต์ ามยทุ ธศาสตร์การดาเนนิ งานขององคก์ ร การดาเนินงานในยุคปัจจุบันขององค์กรทัง้ ภาครฐั และเอกชน จะตระหนกั ถึงการนา ระบบสารสนเทศมาใช้เป็นเคร่ืองมือช่วยในการแข่งขันเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหาร จัดการ เน่ืองจากการใช้ระบบสารสนเทศจะเกิดจากการทางานของบุคลากรทุกระดับ ขององค์กร ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการระบบสารสนเทศเป็นนโยบายและกลยทุ ธ์ ระดับองคก์ รที่จะวางแผนกาหนดทิศทางในการขบั เคลอื่ นองคก์ ร

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ| 156 วตั ถปุ ระสงค์ของกลยุทธ์ดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ แผนการกลยุทธ์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการพัฒนาองค์กร มีวตั ถุประสงคท์ สี่ าคัญดังต่อไปนี้ 1. เกิดความเขา้ ใจ ระบบการจัดการและสามารถปรับเปลีย่ นตามสถานการณ์ท่ี เกดิ ข้นึ ดา้ นโอกาสหรอื ขอ้ จากดั ขององคก์ ร 2. องค์กรสามารถตรวจสอบ ประเมินผลงานวัดประสิทธิภาพการทางานของ ระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในปจั จุบนั 3. วางแผน องค์กรสามารถรู้ถึงข้อมูลและสามารถวางแผนความต้องการ สาหรบั การบรหิ ารจดั การทรัพยากรบุคคลได้ 4. กาหนดเปา้ หมายองคก์ ร กลยุทธ์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจะสามารถ กาหนดระดบั ความตอ้ งการ เป้าหมายขององค์กรไดอ้ ย่างชดั เจน แผนกลยทุ ธท์ างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศควรจะตอ้ งทาภายใต้บริบทของ การสนับสนุนของกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจ ซ่ึงต้องมีการวิเคราะห์หาจุดแข็งและจดุ อ่อนท่ี ชัดเจน จะต้องมีแนวทางการพฒั นาระบบสารสนเทศและเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพื่อให้ สามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องตรงกับความต้องการในองค์กร การพัฒนากลยุทธ์สามารถแบ่งออกการทางานเป็น 2 กลุ่มใหญ่ดังน้ี 1) การสร้างและ พฒั นาขึน้ มาใชง้ าน โดยมที ีมงานและนักพฒั นาทมี่ ีความเชีย่ วชาญสามารถพฒั นาได้ตรง ตามความต้องการขององคก์ ร รวมไปถงึ การปรับปรุงแก้ไขได้อย่างทันท่วงที 2) การจา้ ง บุคคลภายนอกมาพัฒนาให้ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบข้ึนอยู่กับบริบทขององค์กรที่ต้อง ดาเนินการ กระบวนการวางแผนกลยทุ ธ์ดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศต้องดาเนินการปรับปรุงวางแผนกลยุทธ์ด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศทุกปีหรือตามช่วงเวลาท่ีกาหนด เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของ สังคมโลกตลอดเวลาทาให้แผนการที่วางกรอบไว้อาจจะไม่ครบถ้วนหรือเหมาะสมกับ ช่วงเวลาน้ันๆ ดังน้ันรูปแบบของกระบวนการทางานต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ตาม หลกั การวางแผนดาเนินการ

กลยุทธด์ ้านเทคโนโลยีสารสนเทศ| 157 Strategic Business Plan  Goals  Objectives  Strategic position IT Strategic วสิ ัยทัศน์และกลยุทธ์องค์กร: (Long-Range) Plan  ทรัพยากร  งบประมาณ IT Medium – Term Plan  กิจกรรมโครงการ  ชว่ งเวลาดาเนนิ งาน IT Tactical Plan แผนงานโครงการ:  เปา้ หมายโครงการ  กาหนดทรพั ยากร โครงการปจั จบุ นั :  ตรวจสอบงบประมาณดาเนินงาน  ตารางเวลากจิ กรรม ภาพที่ 3.1 กระบวนการทาแผนงานกลยุทธ์ดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ (ท่มี า: ดดั แปลง volonino, E. t., 2012) ดังภาพท่ี 3.1 แสดงกระบวนการวางแผนกลยุทธ์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เร่ิมด้วยการวางแผนตามนโยบายเพ่ือเป้าหมายของความสาเร็จ ท่ีจะต้องมีกระบวนการ พิจารณาการทางานจากโครงการท่มี ีในปจั จบุ ัน ตรงกับเปา้ หมายแผนงานโครงการหลัก กาหนดไว้หรือไม่ นาผลจากการวิเคราะห์โครงการปัจจุบันท่ีสอดคล้องกับแผนงานทมี่ ี โดยกระบวนการทาแผนงานก็ควรจะสอดคล้องกับวสิ ยั ทัศน์ของกลยุทธข์ ององค์กรท่ีได้ กาหนดเป้าหมายไว้ ดังน้ันจะเห็นได้ว่าวิสัยทัศน์จากบนก็ต้องวิเคราะห์องค์กรต้อง คานึงถึงทรัพยากร งบประมาณ กิจกรรมโครงการที่ดาเนินอยู่ปัจจุบัน และโครงการที่ จะตอ้ งดาเนนิ งานใหมเ่ พ่ือใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ท่ีกาหนดขององคก์ รตอ่ ไป องคป์ ระกอบการบริหารกลยทุ ธ์ กลยุทธ์เป็นการกาหนดถึงทิศทางในอนาคตและแผนปฏิบัติการท่ีองค์กรต้องทา ให้บรรลุวัตถุประสงค์ การจัดการกลยุทธ์จะประกอบด้วยขั้นตอนความสัมพันธ์หลัก 3 องค์ประกอบคือการวิเคราะห์กลยุทธ์ การเลือกกลยุทธ์ การนากลยุทธ์ไปใช้ ดังภาพท่ี 3.2 องคป์ ระกอบของโมเดลการบริหารกลยุทธ์

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 158 การนาไปใช้ การวิเคราะห์กลยุทธ์ การเลือกกลยุทธ์ ภาพท่ี 3.2 องค์ประกอบของโมเดลการบรหิ ารกลยุทธ์ (ทม่ี า: ดัดแปลงจากศิรลิ ักษณ์ โรจนกจิ อานวย, 2553, น. 18) จากภาพที่ 3.2 แสดงใหเ้ ห็นองคป์ ระกอบการบริหารกลยุทธ์มีความสมั พันธ์กัน ดังนี้องค์ประกอบที่ 1 การวิเคราะห์กลยุทธ์เป็นข้ันตอนเกี่ยวกับการวิเคราะห์ สภาพแวดล้อม วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ทรัพยากรและจุดแข็งจุดอ่อนขององค์กร องค์ประกอบที่ 2 การเลือกกลยุทธ์เป็นการกาหนดทางเลือก เพ่ือจะประเมินคัดเลือก กลยทุ ธ์ในการดาเนินงาน และองคป์ ระกอบท่ี 3 การนากลยุทธไ์ ปใชใ้ นการวางแผนด้าน โครงสร้างองค์กร บคุ ลากร ทรพั ยากรขององค์กร 1. ความสัมพนั ธ์กลยทุ ธ์ การนาระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในองค์กรจะช่วย ในการดาเนินงานที่มกี ารแข่งขันด้านเวลา การติดต่อส่ือสารและการเปล่ยี นแปลงในยคุ ของสงั คมยุคดจิ ิทลั ทีใ่ ช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในการหลายหลากรูปแบบ โดยองคก์ รได้มี เปา้ หมายและทิศทางในการดาเนินงาน ดังภาพท่ี 3.3 จะแสดงความสมั พนั ธข์ องกลยุทธ์ ทางธุรกิจท่มี ีเปา้ หมายและทิศทางที่องค์กรกาหนด และภาพที่ 3.4 แสดงความสมั พันธ์ ระหว่างการใช้กลยุทธ์ทางด้านธุรกิจกับงานด้านเทคโนโลยีสนเทศ โดยกลยุทธ์ด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศที่ต้องคานึงถึงความต้องการในการเลอื กใช้ระบบในการประยกุ ต์ ภายในองค์กร และคานึงถึงการบริหารจัดการจัดเทคโนโลยีมาใช้งานให้ตรงตาม เปา้ หมายองคก์ รด้วย

กลยุทธด์ ้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 159 ธุรกิจจะไปทางไหนและ ธุรกจิ ตอ้ งการอะไร จะทาใหธ้ รุ กิจไปสเู่ ป้าหมาย ทาไมถงึ เลือกทศิ ทางนนั้ ต้องทาอย่างไร กลยทุ ธท์ างธุรกิจ ทศิ ทางของธรุ กิจ ความต้องการและ กลยทุ ธด์ า้ นระบบ ลาดับความสาคัญ กลยุทธด์ า้ นเทคโนโลยี สารสนเทศ สารสนเทศระบบ •เป้ าหมายและ •ธรุ กจิ ที่จาเป็น •กจิ กรรม ทศิ ทาง •คานึงถงึ ความ •การเปลี่ยนแปลง ต้องการ •คานึงถืงการจดั หา •การตัดสนิ ใจ •เน้นด้านเทคโนโลยี •ระบบประยกุ ต์ใช้งาน สารสนเทศ สนับสนนุ ธุรกิจ โครงสร้างพนื้ ฐานและบริการ ผลกระทบของอตุ สาหกรรม ภาพท่ี 3.3 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกลยทุ ธ์ทางธรุ กิจ ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยี (ที่มา : ดดั แปลงจากศิริลักษณ์ โรจนกิจอานวย, 2553, น. 27) สารสนเทศ ธุรกจิ และองค์กร 2. ข้ันตอนการวางแผนกลยุทธ์ การวางแผนกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศจะประกอบไปด้วยการ ประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กร โดยการจัดสรรทรัพยากรและการลงทุนด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ มีวัตถุประสงค์หลักในการวางแผนเพื่อสนับสนุนการดาเนินงาน การควบคุมค่าใช้จ่ายการดาเนินให้คุ้มค่า และวางแผนลาดับความสาคัญในการลงทุน สาหรับผู้ใช้บริการให้ตรงต่อความต้องการคุ้มค่าท่ีสุด มีขั้นตอนในการวางแผนงานด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีคณะกรรมการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทาหน้าท่ีการดาเนนิ ควบคุมวางแผนงาน ติดตาม ประเมนิ ผลโดยแบ่งขนั้ ตอนการวางแผนงานได้ 4 ข้นั ตอนดังน้ี 2.1 การศกึ ษากลยทุ ธข์ ององค์กร ขัน้ ตอนนคี้ ณะกรรมการตอ้ งศกึ ษากล ยุทธ์ขององค์กร เพ่ือทาความเข้าใจลักษณะการดาเนินงานองค์กรในการนาเทคโนโลยี สารสนเทศและระบบสารเทศมาใช้สนับสนุนการดาเนินงาน ในข้ันตอนน้ีคณะกรรมการ ควรเข้าใจวตั ถุประสงค์และโอกาสในการดาเนนิ งานทม่ี ีในปจั จุบัน

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 160 2.2 วิเคราะห์ความต้องการและประเมินผลการดาเนินงาน มีขั้นตอน วัตถุประสงค์ในการประเมินวิเคราะห์เกี่ยวกับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นจุดอ่อน จุดแข็งของ องค์กร ข้อมูลสารสนเทศ ฐานข้อมูล ทรัพยากรรวมถึงบุคลากรที่มีการทางาน จากข้ันตอนนี้จะได้ผลการวิเคราะห์ขอบเขตความต้องการขององค์กรด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ และสามารถนาผลจากการวิเคราะหใ์ นขั้นตอนท่ี 3 กาหนดสถาปัตยกรรม สาหรบั องค์กร 2.3 กาหนดสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ขั้นตอนนี้จะเกิดจาก การนาผลการศกึ ษาขอ้ มูลพ้ืนฐานดา้ นเทคโนโลยที ม่ี ีปัจจุบันและเปา้ หมายการขับเคลือ่ น ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีต้องการพัฒนา ซึ่งเกิดจากการวิเคราะห์ความต้องการของ องค์กรและเป้าหมายท่ีมีในขั้นตอนที่ 1 และ 2 การกาหนดสถาปัตยกรรม คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศต้องคานึงถึงสารสนเทศที่เกดิ ขึ้น ระบบฐานข้อมูล การประยุกต์ใช้งานในแต่ละกิจกรรม ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ในการกาหนด สถาปัตยกรรมจะต้องมีการวิเคราะห์ ประเมินความเส่ยี งและประโยชน์ที่เป็นไปได้ โดย ไม่ทาให้ระบบเดิมเสียหาย และเหมาะสมคุ้มค่ากับระบบงานในองค์กรปัจจุบันและ อนาคตเมื่อมีการเปลยี่ นแปลงเทคโนโลยสี ารสนเทศท่ที ันสมยั 2.4 แผนการประยุกต์ใช้งานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีวัตถุประสงค์ ทน่ี ากลยทุ ธท์ ่ีมีไปประยกุ ต์ใช้งานจริง โดยติดตาม ประเมนิ โครงการ กจิ กรรมต่าง ๆ ที่ ดาเนินงานว่ามีการลงทุนและพัฒนาได้ประโยชน์คุ้มค่ากับการลงทุน หรือมีผลกระทบ อย่างไรกับกลยุทธ์ท่ีจัดทาข้ึน มีระยะเวลาดาเนินงานเหมาะสมหรือไม่ โดยมีการ นาเสนอสรปุ รายงานนาเสนอแกผ่ ู้บริหาร คณะกรรมการองค์กร จากขั้นตอนในการวางแผนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จะแสดง ข้ันภาพรวมดังภาพท่ี 3.4 ขั้นตอนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ โดยคณะกรรมการดาเนินงาน ต้องศึกษาสิ่งแวดล้อมขององค์กรจากอดีตถึงปัจจุบัน วิเคราะห์ กาหนดขอบเขต และเป้าหมายขององค์กรในการขับเคล่ือนกลยุทธ์ ซึ่งปัจจัยในการแผนงานจะ ประสบความสาเร็จต้องมีองค์ประกอบจากผู้บริหารท่ีกาหนดเป้าหมาย ขอบเขตท่ี ต้องการในการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการ และความสามารถ บุคลากรภายในองค์กร มีการพัฒนาปรับปรุงตามความเปลี่ยนเปลงของกระแสโลกในยุค ปัจจุบนั ตอ่ ไป

กลยุทธด์ ้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 161 ศกึ ษาแผนกลยทุ ธ์ขององคก์ ร ประเด็นท่ตี ้องคานงึ ถึง ผลท่ไี ดจ้ ากการวางแผน • แผนกลยทุ ธ์ • เขา้ ใจวตั ถุประสงค์และกลยทุ ธ์ขององคก์ ร • โดยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ • โอกาสดา้ นเทคโนโลยี วิเคราะห์ความตอ้ งการขององคก์ ร ประเดน็ ที่ตอ้ งคานงึ ถึง ผลทไี่ ด้จากการวางแผน • ทรัพยากรในปัจจบุ ัน • ผลการประเมินทรพั ยากร • ขอบเขตกลยทุ ธ์ • ขอบเขตความตอ้ งการ/ทบทวนหนว่ ยงาน กาหนดสถาปตั ยกรรมดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสารสนเทศ ประเดน็ ท่ีต้องคานงึ ถึง ผลทไี่ ดจ้ ากการวางแผน • รายละเอยี ดสถาปตั ยกรรม • สถาปตั ยกรรมขององค์กร • ประเมินกลยทุ ธ์ • กลยุทธท์ ่ีเลอื กใช้ แผนกลยุทธ์ทนี่ าไปใชง้ าน ประเด็นที่ตอ้ งคานงึ ถึง ผลทไี่ ด้จากการวางแผน • สรปุ กลยุทธ์/แผนงานทน่ี าไปใช้ • กลยุทธ์/แผนงานที่นากลยุทธ์ไปใช้งาน • คา่ ใช้จา่ ยและประโยชน์ • รายงานบทสรปุ ผบู้ ริหารและแผนงานองค์กร ภาพท่ี 3.4 ข้ันตอนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ (ทม่ี า: ดดั แปลงจากศริ ิลกั ษณ์ โรจนกจิ อานวย, 2553, น. 55) 3. ธรรมาภิบาลทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในองคก์ ร Peter Weill and Jeanne W. Roos. ไดใ้ ห้ความหมายธรรมมาภิบาลด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศว่า เป็นระบบการจัดการสิทธ์ิในการตัดสนิ ใจ กรอบหน้าที่ความ รับผิดชอบ เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กร ดังน้ันจาก ความหมายของธรรมภิบาลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงเป็นหลักการบริหารจัดการ เทคโนโลยีสารสนเทศท่ีมีการกากับดูแลและควบคุม ประเมินการทางานโครงสร้างองคก์ ร กระบวนการทางานขององค์กร เพอื่ ใหอ้ งคก์ รบรรลุตามเปา้ หมายท่กี าหนด

กลยุทธด์ ้านเทคโนโลยีสารสนเทศ| 162 ธรรมาภิบาลทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นสิ่งท่ีสาคัญและจาเป็น อย่างยิ่งที่จะทาให้การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศมีประสิทธภิ าพและเกิดประสิทธผิ ล รวมถึงสามารถช่วยป้องกันปัญหาท่ีอาจจะเกิดขึ้นกับองค์กรโดยการใช้ข้อมูลนามา วิเคราะห์สิ่งท่ีจาเป็นต่อองค์กร ธรรมาภิบาลเทคโนโลยีสารสนเทศจะต้องมกี ารกาหนด วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั 3 ประการดงั ต่อไปน้ีคือ 1. ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศต้องมีการกาหนดทศิ ทางและกลยทุ ธ์ท่ีชัดเจน สมบรู ณค์ รบถว้ น 2. ปจั จยั ทเี่ ปน็ ภยั หรอื มีความเสยี่ งต่อองค์กรตอ้ งมกี ารระบุและถกู ควบคมุ 3. การปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย ขอ้ ปฏิบตั ิ และกฎระเบยี บที่มกี ารกาหนดไว้ อยา่ งชัดเจน 4. ประเดน็ ทีจ่ าเป็นตอ่ การขบั เคลอื่ นธรรมาภบิ าลทางดา้ นเทคโนโลยี สารสนเทศ การดาเนนิ ขบั เคล่อื นธรรมภิบาลใหบ้ รรลวุ ตั ถุประสงคก์ ารดาเนินงานและ สนบั สนุนการทางานภายในองคก์ ร ควรคานึงถึงประเดน็ การดาเนินงานดงั นี้ 4.1 มีการกาหนดบทบาทหน้าที่และความร่วมมือระหว่างบุคลากรฝ่าย ตา่ ง ๆ กบั ทกุ คนในระบบงานขององค์กร 4.2 จัดให้หาอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีสนับสนุน และเพิ่มช่องทางการ ติดต่อส่ือสารระหว่างหน่วยงาน ภายในองค์กรให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่าง สะดวกรวดเร็ว 4.3 ส่งเสรมิ สนบั สนุนทาความเข้าใจต่อบุคลากร ในการใชง้ านข้อมูลด้าน เทคโนโลยสี ารสนเทศทัง้ ภายในและภายนอกองค์กร 4.4 พึงระวังภัยเส่ียงท่ีจะเกิดขึ้นกับองค์กร ด้วยการกาหนดทิศทางท่ี ชัดเจนต่อเหตุการณ์ตา่ งๆ ท่จี ะเกิดขน้ึ 5. องคป์ ระกอบกรอบแนวคดิ ธรรมาภบิ าลทางดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ การดาเนินการของธรรมาภิบาลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จะประกอบไป ด้ ว ย ก า ร ด า เ นิ น ง า น ท่ี มี อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ แ น ว คิ ด ธ ร ร ม ภิ บ า ล เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ 3 องค์ประกอบคือ โครงสร้าง กระบวนการดาเนินงาน และกลไกความสัมพันธ์ของ ผู้ใช้งานท่ีมีการทางานร่วมกัน ดังภาพที่ 3.5 องค์ประกอบแนวคิดหลักธรรมภิบาล

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 163 แสดงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบแนวคิดกรอบธรรมาภิบาลเทคโนโลยีสารสนเทศ ทีอ่ งค์กรมีเปา้ หมายการดาเนินงาน โดยมกี ารวางแผนกลยทุ ธ์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ ในการขับเคลื่อนการดาเนินงานจะต้องมีการกลไกในการผลักดันให้เกิดการใช้งาน ระหว่างบุคลากรหรือผู้มีส่วนได้ในการดาเนินงานท่ีเกิดขึ้น โดยการดาเนินงานด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศจะมีผู้ดูแลท่ีมีบทบาทหน้าท่ีในการดาเนินงานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ  แผนงานด้านเทคโนโลยี  การวางแผนความรว่ มดา้ นเทคโนโลยี สารสนเทศ สารสนเทศระหว่างผูม้ สี ว่ นได้สว่ นเสยี  กลยทุ ธ์เชงิ ยทุ ธ์  กลยทุ ธ์ความสรา้ งสิ่งจงู ใจ การ โครงสรา้ ง ฝกึ อบรมความเข้าใจการใช้งาน กระบวนการ กลไก ดาเนนิ งาน ความสัมพนั ธ์ ของผใู้ ชง้ าน กรอบแนวคิดธรรมภิบาลทางด้าน เทคโนโลยสี ารสนเทศ  บทบาท หน้าที่ความรบั ผดิ ชอบ  โครงสร้างองคก์ รด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ  คณะกรรมการ ภาพที่ 3.5 องคป์ ระกอบแนวคิดหลักธรรมภบิ าล 6. ปจั จยั ความสาเร็จของการจดั การธรรมาภิบาลทางด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ 6.1 สนับสนุนกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ กาหนดเตรียมทิศทาง กลยุทธ์ และจดั สรรดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศให้เหมาะสมกบั องค์กร 6.2 มูลค่าท่ีจะได้รับผลลัพธ์สูงสุดต่อองค์กร เม่ือมีการกาหนดแนว ทางการจัดการท่ีชัดเจน

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 164 6.3 การจัดการภยั เสยี่ งยืนยนั วา่ มีกระบวนการดาเนนิ การที่ชัดเจนต่อการ จดั การภัยทจ่ี ะเกิดขึน้ ในรูปแบบต่างๆ 6.4 การจัดการทรัพยากรเตรียมแหล่งทรพั ยากรหรอื แหลง่ ทนุ ให้เพียงพอ ต่อการใช้ดาเนินการเพ่อื สนบั สนุนกลยทุ ธ์ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ 6.5 การจัดการประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การทบทวน ตรวจสอบ การปฏบิ ัติตามกลยุทธท์ มี่ ีการกาหนดไว้ เพอ่ื ความสาเร็จขององคก์ ร 7. มาตรฐานและเคร่ืองมือท่ีประเมินความสามารถด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ การบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การวางแผนกลยุทธ์ในการ ดาเนินงาน มีกระบวนการในการขับเคลื่อนงาน โดยทุกกระบวนการมีบุคลากรที่ มอบหมายงานภาระหนา้ ท่ใี นการดาเนนิ งานอย่างชัดเจน ซึ่งผลการดาเนนิ งานจะเปน็ สิ่ง บ่งบอกถึงคุณภาพประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดาเนินงาน ดังน้ัน การประเมิน คุณภาพจึงต้องอาศัยเคร่ืองมือและวิธีการต่างๆ ท่ีถูกนามาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ และการตรวจสอบการดาเนินมาใช้วดั ประสทิ ธิภาพ ใหเ้ หมาะสมกับองคก์ รและจะต้องมี ความยืดหยุ่น เพ่ือสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันกับองค์กรอื่นๆ และเพิ่ม ประสทิ ธิภาพการทางานมากยิง่ ขึ้น การวิเคราะห์และประเมินความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจะต้องอาศัย เครื่องมือช่วยวัดประสิทธิภาพการทางานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น ITIL, IT Audit, BSC และ CMM/CMMI เปน็ ต้น ดังกล่าวรายละเอยี ดเครื่องมอื วดั ประสทิ ธิภาพดงั นี้ 7.1 Information Technology Infrastructure Library: ITIL เปน็ เครอื่ งมอื หนึ่งทวี่ ัดประสทิ ธิภาพงานบริการ โดยมลี กั ษณะเด่นคือ การให้ความสาคัญกับกระบวนการทางธุรกิจและคุณภาพการบริการ ITIL ได้รับการ ยอมรับอยา่ งแพรห่ ลายวา่ เป็นรูปแบบการปฏิบัติที่ดีท่ีสุดจากนักปฏบิ ัติหรือผู้ดาเนินงาน ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ 7.1.1 ประโยชน์ของ ITIL 1) บรหิ ารจัดการใช้ทรัพยากรอยา่ งคุ้มค่า 2) สรา้ งเสรมิ ความสามารถในการแขง่ ขันกบั คู่แข่งในตลาด

กลยุทธด์ ้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 165 3) ตรวจสอบ ติดตาม งานวางแผนงานและงานบริหาร จดั การตน้ ทุนของการใหบ้ ริการทมี่ ีคณุ ภาพตามท่กี าหนดได้ 7.1.2 สว่ นประกอบของ ITIL จากการเร่ิมต้นกระบวนการของการจัดการบริการทาง เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกิดข้ึนมาต้ังแต่ปี ค.ศ. 1990 - 2011 โดยในปี 2011 มีการ ปรับปรุงเป็น ITIL ที่ประกอบไปด้วย 5 แกนหลักการ คือ Service Strategy, Service Design, Service Transition, Service Operation, Continual Service Improvement และแต่ละแกนหลักจะมีการเชื่อมโยงกันเป็นวงจรชีวิตในการควบคุม คุณภาพ PDCA (Plan-Do-Check-Ack) กระบวนการทางาน 5 แกนหลักจะมี กระบวนการรวมทั้งหมด 26 กระบวนการ 4 ฟงั ก์ชัน แตล่ ะแกนหลกั มีการทางานดังนี้ 1) กลยุทธ์ด้านการบริการ (Service Strategy: SS) กลยุทธ์ด้านการบริการเป็นการวางเป้าหมายงานบริการขององค์กรไว้ว่าคาดหวงั ต่อประสทิ ธภิ าพของผลงานอยา่ งไร 2) การออกแบบงานบริการ (Service Design: SD) การออกแบบงานบริการน้ีจะมงุ่ เน้นจะสร้างงานบริการใหม้ ีคุณค่าตอ่ ธรุ กิจ มีความ พร้อมในการให้บริการจริง มีแผนงานประเมินส่ิงท่ีจะเกิดข้ึนโดยไม่คาดหมาย มีมาตรฐานและระเบียบการให้บริการ ในการดาเนินงานจะมีการปรับปรุงงาน บรกิ ารเดิมให้ดีขนึ้ ด้วย 3) การส่งมอบงานบริการ (Service Transition: ST) เป็นการทาแผนการส่งมอบงานบริการใหม่หรือการปรับเปลี่ยนงานบริการเดิม เพอ่ื ให้แน่ใจว่าจะไม่เกดิ เหตุการณ์ใดๆ ทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ธุรกจิ ในทกุ รอบดา้ น เมื่อ ตรวจสอบขัน้ ตอนนีจ้ ะสามารถนางานบริการไปใช้จริง 4) การปฏิบัติงานบริการ (Service Operation: SO) แนะนาแนวทางในการจัดการงานท่ีต้องทาและให้บริการประจาวนั และสนับสนุน งานบริการต่างๆ และติดตามเมื่อมีการแจ้งเตือนปัญหาเร่งด่วนและวิเคราะห์หา สาเหตทุ ี่แท้จรงิ ของปัญหาใหพ้ บเพอ่ื ลดโอกาสการเกิดปญั หาซ้าอกี ในอนาคต

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 166 5) การพัฒนางานด้านบริการ (Continual Service Improvement: CSI) ส่วนประกอบน้ีจะนาเอาข้อมูลการให้บริการมาวิเคราะห์ และจัดรายงานสรุป เพ่ือส่งต่อไปยังส่วนประกอบต่างๆ เพ่ือปรับปรุงและพัฒนา อยา่ งต่อเนอื่ ง (ศริ ิสดุ า สุภาวรรณ, 2555) 7.2 การตรวจสอบระบบสารสนเทศ (Information Technology Audit: IT Audit) ประจิต หาวัตร (2549) การตรวจสอบระบบสารสนเทศ คือ กระบวนการเก็บรวบรวมการประเมินการควบคมุ การดาเนนิ งานของระบบสารสนเทศ 7.2.1 วตั ถุประสงค์การตรวจสอบระบบสารสนเทศ การตรวจสอบระบบสารสนเทศมีวัตถุในการดาเนินงาน ตรวจสอบระบบสารสนเทศ 4 ประการ คือการตรวจสอบประสิทธิผลของระบบ สารสนเทศ การตรวจสอบประสทิ ธิภาพในการใช้ทรัพยากรของระบบ การรักษาความ ถกู ตอ้ งของขอ้ มลู และการป้องการสินทรพั ย์จากการทจุ รติ ในด้านการเงิน 7.2.2 ประเภทการควบคมุ ระบบสารสเทศ 1) การควบคมุ ทว่ั ไป การควบคุมท่ัวไป หมายถึง การควบคุมและการประเมิน การทางานของระบบสารสนเทศ เก่ยี วข้องกับสภาพแวล้อม นโยบาย วธิ ีการดาเนินงาน การปรบั ปรงุ ป้องกนั ความเสียหายของระบบ ทแ่ี สดงการควบคุมการทางานในภาพรวม ขององคก์ ร เชน่ การกาหนดนโยบายในการดาเนนิ งาน การแบ่งหนา้ ทภี่ าระงานบคุ ลากร ท่ีดาเนินงานระบบสารสนเทศ การประเมินผลงานการดาเนินงาน เป็นต้น การควบคุม ท่ัวไปเป็นการควบคุมการทางานของระบบสารสนเทศ เป็นการตรวจสอบสอบว่าระบบ สารสนเทศมีการทางานเป็นอยา่ งไรมปี ระเดน็ หลัก ดังน้ี  การกาหนดนโยบายขององค์กรด้านการใช้ระบบ สารสนเทศ การกาหนดนโยบายขององคก์ รที่ผใู้ ชบ้ รกิ ารระบบสารสนเทศและทรัพยากร สารสนเทศขององคก์ ร  แต่งตั้งคณะกรรมการดาเนินงานและหน้าท่ีความ รับผดิ ชอบของบคุ ลากรดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ

กลยุทธด์ ้านเทคโนโลยีสารสนเทศ| 167  การควบคุมโครงการพฒั นาระบบสารสนเทศ เป็นการ ควบคุมตรวจสอบเกี่ยวกับแผนงานการพัฒนา หน้าท่ีการดาเนินงานพร้อมการ มอบหมายงานที่รับผิดชอบ ประเมินผลการดาเนินงานและวัดผลการดาเนินงานของ ระบบสารสนเทศ  การควบคุมการเปลี่ยนแปลงการแก้ไขระบบ การควบคุมการเปลี่ยนแปลระบบจะเกิดข้ึนเม่ือพบปัญหาของการใช้งานท่ีเกิดขึ้น ทีม พัฒนาจะดาเนินการปรับปรุงระบบ ดังน้ันในการปรับปรุงจะต้องมีการจัดทาแผนงาน เอกสารประกอบคู่มือการแก้ไขเพ่ือสามารถประเมินผลและสอบทานภายหลังได้  การควบคุมการปฏบิ ัติงานในศูนย์ท่ีดูแลเกี่ยวกบั ระบบ คอมพวิ เตอร์ การควบคุมนจ้ี ะเป็นการประมวลผลข้อมลู การทางานของระบบงานต่างๆ เชน่ ระบบการสารองขอ้ มูล การเกดิ ปญั หาของระบบและวธิ ีการจัดการปัญหาทเี่ กดิ ขึ้น  การควบคุมการเข้าถึง การควบคุมจะเป็นการมองถึง ความปลอดภยั การักษาความปลอดภัย ระบบเตอื นภยั กรณีมีผูบ้ กุ รกุ การติดตั้งอปุ กรณ์ ป้องกันการเตอื นภัย สภาพแวดล้อมในการทางาน  การควบคุมการเข้าถงึ ข้อมลู และทรพั ยากรสารสนเทศ การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลกาหนดสิทธิการเข้าข้อมูลฐานข้อมูล สิทธ์ิการใช้บริการ ระบบสารสนเทศ  การควบคุมการเข้าถึงระบบสารสนเทศขององค์กร การควบคุมการใช้บริการและบันทึกประวัติการใช้บริการ เพื่อใช้ในการตรวจสอบ ความปลอดภัยของระบบ เช่น การกาหนดสิทธ์ิการเข้าใช้ระบบต้องใส่ช่ือผู้ใช้งานและ รหัสผา่ น และออกแบบการใช้บริการตามสทิ ธ์ิตามระดับการใช้งานของผู้ใช้บรกิ าร  การควบคุมการจดั เกบ็ ข้อมูล การควบคุมข้ันตอนนจ้ี ะ มีการดูแลบารุงรักษา การสารองข้อมูล มีการวางแผนความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ และมีการดาเนินงานขน้ั ตอนการดาเนินงานเก่ียวกับการบรกิ ารจดั การข้อมูล  การควบคุมการสื่อสารข้อมูล การควบคุมการระบบ การส่อื สารข้อมลู ของระบบงาน มีการควบคุมการเรียกใช้ข้อมูลและรายงานประวัติการ ใชง้ านผ่านเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ| 168  มาตรฐานการจัดทาเอกสารการทางาน ในการทางาน ของระบบสารสนเทศจะต้องมีการจัดทาเอกสารประกอบการทางานของระบบงาน เอกสารการพัฒนาระบบสารสนเทศ ตามหลักการวิเคราะห์ระบบ การออกแบบและ เขยี นโปรแกรม  การควบคุมการทางาน ควบคุมการบารุงรักษา ระบบงานและลดระยะเวลาที่ระบบขดั ข้อง สามารถปฏิบตั ิงานอย่างต่อเน่ือง  การวางแผนฟ้ืนฟูระบบจากภัยพิบัติ การควบคุมนี้มี วัตถุประสงคใ์ นการดาเนินงานเพือ่ ลดความเสียหายจากเหตุภัยพิบัติ ดังนนั้ การวางแผน ฟ้ืนฟูความเสียหายจะเป็นการจัดลาดับความสาคัญ ท่ีผู้ดูแลระบบจะดาเนินงานก่อนที่ จะเสียหายเพิ่มข้ึน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทาแผนงานและมีการจัดทาเอกสาร แผนการกู้ระบบจากภัยพิบัติให้สมบูรณ์ พร้อมทั้งเก็บรักษาสาเนาเอกสารระบบงาน ความปลอดภยั ของระบบ  การพัฒนาแผนการฟื้นฟูจะมีประสิทธิภาพ ต้องมี ระบบตรวจสอบและทบทวนอย่างต่อเน่ือง มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดาเนินงาน ทบทวนแผนงานอยา่ งสม่าเสมอ 2) การควบคมุ ในระบบงาน การควบคุมในระบบงานเป็นควบคุม กระบวนการทางาน เพ่ือความครบถ้วน สมบูรณ์ ถูกต้อง ตามระเบียบและนโยบายขององค์กร เร่ิมจากการ บันทึกข้อมูล การประมวลผลและการแสดงผลข้อมลู การควบคุมในระบบงานแบง่ ออก ได้ 4 ประเภทคอื การควบคมุ ข้อมูลเบอื้ งตน้ โปรแกรมตรวจสอบความถูกต้องของขอ้ มลู นาเข้า การควบคุมการประมวลผลข้อมูลและการเก็บรักษาแฟ้มข้อมูลและการควบคุม สว่ นผลลัพธ์  การควบคมุ ข้อมูลเบือ้ งตน้ การควบคุมข้อมูลเบื้องต้นจะช่วยให้เกิดความถูกต้อง ความเป็นเหตุเป็นผลและความครบถ้วนของข้อมูล เช่น การตรวจสอบข้อมูลด้วยการ พิมพข์ อ้ มลู เพือ่ เปรียบเทยี บขอ้ มูลท้งั สองชดุ การพิสูจน์ตัวเลขตรวจสอบโดยพมิ พ์ตวั เลข เพือ่ ทดสอบระบบ และทดสอบการเรียงลาดบั ของเอกสารทกี่ าหนดไว้ เปน็ ตน้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook