Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ວິຊາ การออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศ

ວິຊາ การออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศ

Published by lavanh9979, 2021-08-24 09:10:19

Description: ວິຊາ การออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศ

Search

Read the Text Version

กลยุทธด์ ้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 169  โปรแกรมตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล นาเขา้ การตรวจสอบนี้จะเป็นการตรวจสอบข้อมูลเมื่อ ระบบมีกระบวนการประมวลผลขอ้ มลู เข้าระบบสารสนเทศเพ่อื ตรวจสอบความสมบูรณ์ ครบถ้วนของข้อมูล เช่น การพิมพ์สัญลักษณ์ การใส่ข้อมูลท่ีว่างเพื่อดูสถานะการ ผิดพลาดหรอื การแจ้งเตอื นของระบบ ทดสอบการพมิ พข์ อ้ มลู เชิงตรรกะ เปน็ ตน้  การควบคุมการประมวลผลข้อมูลและการเก็บ รกั ษาแฟ้มขอ้ มลู การควบคุมการประมวลผลมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วย รักษาความถูกต้องและครบถ้วนของการประมวลผล เช่น การตรวจสอบข้อมูลท่ีมีค่าว่าง ข้อมูลท่ีไม่มีการใช้งานอาจจะเป็นการลาออกของพนักงานหรือเลิกกิจกรรมนั้นๆ การ ตรวจสอบยอดบัญชีท่ีคุมยอดกับยอดบัญชีในระบบ เป็นต้น การควบคุมการเก็บรักษา แฟ้มข้อมูล จะต้องมีบุคลากรรับผิดชอบอย่างชัดเจน มีหน้าท่ีตรวจสอบเพื่อป้องกัน ขอ้ ผิดพลาดของระบบ มีกลไกการปอ้ งกนั การเขยี นทับขอ้ มูล การสารองแฟ้มขอ้ มูล เปน็ ตน้  การควบคมุ สว่ นผลลัพธ์ การควบคุมผลลัพธ์ เพื่อตรวจสอบหลังจากระบบได้ ประมวลผลกับรายงานว่าสมบูรณ์ ครบถว้ น ตรงกนั หรือไม่ การตรวจสอบผลลัพธจ์ ะแสดง ตามระดับสิทธิ์ท่ีผู้ใช้บริการเรียกใช้บริการระบบ ดังนั้นการตรวจสอบผลลัพธ์จะเป็นการ ตรวจสอบความถูกต้อง สมบูรณ์ในรูปแบบรายงานกระดาษว่าตรงกับข้อมูลที่มีในระบบ หรือไม่ 7.3 การประเมนิ งานบรหิ าร การประเมินงานบริหารท่ัวทั้งองค์กรหรือที่เรียกว่า Balanced Scorecard : BSC เป็นเคร่ืองมือการจัดการเร่ืองการประเมินองค์กร 4 มุมมอง ประกอบด้วยมุมมองการเงิน มุมมองด้านลูกค้า มุมมองด้านกระบวนการภายในองคก์ ร และมมุ มองด้วยการเรียนรแู้ ละการพฒั นา โดยมีรายละเอยี ดดังน้ี 7.3.1 มุมมองทางดา้ นการเงิน (Financial Perspective) เปน็ มมุ มองที่ จะต้องมีการกาหนดเป้าหมายความสาเร็จทางด้านการเงิน ว่าจะมีผลกาไรอย่างไร ดังนัน้ แนวทางการวัดประสทิ ธิภาพจงึ เปน็ การวัดมมุ มองทางการเงนิ

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 170 7.3.2 มุมมองทางด้านลูกค้า (Customer Perspective) เป็นมุมมอง เพื่อจะบรรลุถงึ เปา้ หมายโดยวัดจากมมุ มองของลกู คา้ ที่มคี วามคาดวัดต่อประสิทธิภาพ ที่ได้รบั หรอื คุณภาพสินค้าท่ีต้องการอปุ โภคและบริโภคอยา่ งไร 7.3.3 มุมมองทางด้านกระบวนการภายใน (Internal Business Process) เป็นมุมมองท่ีจะต้องบริหารจัดการงานคุณภาพด้านการผลิตสินค้า และการ บริหารจัดการต้นทุน การวางแผนการตลาดท่ีจะทาให้เกิดผลผลติ ใหม่ท่ีจะออกสู่ตลาด สาหรบั ผู้บริโภค 7.3.4 มุมมองทางด้านการเรียนรู้และพัฒนา ( Learning and Growth) เป็นมุมมองท่ีองค์กรจะต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างไร เพื่อท่ีจะบรรลุ เปา้ หมายที่ตัง้ ไวอ้ ยา่ งยั่งยืน และเกดิ ระบบการทางานอย่างตอ่ เนือ่ ง ดังภาพท่ี 3.6 แสดงมุมมองของ Balanced Scorecard ที่ อธิบายองค์ประกอบของแต่ละมุมมองด้วยการกาหนดวัตถุประสงค์การทางาน การวัด ประสิทธิภาพการดาเนินงาน เป้าหมายการดาเนินงานและการริเริ่มโครงการเพื่อให้ บรรลเุ ปา้ หมายทก่ี าหนดไว้  วัตถุประสงค์ หมายถึง มุมมองผลผลิตที่องค์กรมุ่งหวังให้ บรรลุท่ีต้ังไว้ในแต่ละมุมมอง เช่น มุมมองการเงินก็ดาเนินงานให้ได้ผลรายได้เพิ่มข้ึน มมุ มองดา้ นลกู ค้าก็วางแผนบรกิ ารเพ่ือรักษาลกู คา้ กลุม่ เดมิ และวางแผนเพิม่ สมาชิกหรือ ลกู คา้ คนใหม่ มุมมองกระบวนการภายใน การเรียนรู้และการพฒั นากม็ ีวัตถุประสงค์ใน การบริหารจัดการองคก์ รภายในใหม้ ีประสิทธภิ าพเพิม่ ข้ึน เป็นต้น  ตัวชี้วัด หมายถึง ตัวบ่งบอกความสาเร็จที่เกิดข้ึนจากการ ดาเนินงานท้ังทางคุณภาพและปริมาณ เช่น มีจานวนคนผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มข้ึน ระดับความสามารถบุคลากรเพิ่มข้นึ เป็นต้น  เป้าหมาย หมายถึง จานวนความต้องการผลผลิตแต่ละ วัตถุประสงค์ท่ีกาหนด เช่น จานวนผู้ที่คาดว่าจะเข้าร่วมกิจกรรม จานวนบุคลากร ดาเนนิ งาน เป็นต้น  โครงการ หมายถึง แผนงาน โครงการท่ีจะดาเนินงานจัด กิจกรรมเพอื่ ใหไ้ ดว้ ัตถปุ ระสงคท์ ่ีกาหนดข้ึน

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ| 171 มมุ มองลกู คา้ วัตถปุ ระสงค์ ตัวช้วี ัด เป้าหมาย โครงการ มุมมองการเงนิ วิสยั ทัศน์ มมุ มองกระบวนการ และกลยทุ ธ์ วัตถุประสงค์ ตัวชวี้ ัด วตั ถปุ ระสงค์ ตวั ชว้ี ัด เป้าหมาย โครงการ เป้าหมาย โครงการ มมุ มองการเรียนรู้ และพฒั นา วัตถุประสงค์ ตวั ชว้ี ดั เป้าหมาย โครงการ ภาพท่ี 3.6 ภาพรวมองค์ประกอบของ Balanced Scorecard (ที่มา : ศริ ิสุดา สภุ าวรรณ, 2555, น. 11) จากรายละเอียดข้างต้น Balanced Scorecard เป็นเครื่องมือการจัดการ บริหารและประเมินผลการปฏิบัติงานและประเมินประสิทธภาพการทางาน องค์กร สามารถปรับปรงุ กระบวนการบรหิ ารงาน เพอื่ บรรลุเป้าหมายจากการวางแผนวสิ ัยทัศน์ พนั ธกิจ และการขบั เคล่ือนกลยุทธข์ ององค์กร

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 172 บทสรปุ การดาเนินงานขององคก์ รเพ่อื ให้บรรลุเป้าหมาย วตั ถปุ ระสงค์การดาเนินงาน จะต้องมีการวางแผนกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารจัดการกลยุทธ์ ธรรมภิบาลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังน้ันเพ่ือให้ได้บรรลุตามเป้าหมายองค์กร จะต้องศกึ ษาความร้เู กยี่ วกบั การวางแผนกลยทุ ธ์ การประเมนิ ประสทิ ธิภาพระบบงาน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ วัตถุประสงค์ของกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีวัตถุประสงค์หลักใน การสร้างความเข้าใจในการปรับเปล่ียนกลยุทธ์ตามสถานการณ์ องค์กรจะต้องมี การประเมนิ ผลงานวดั ประสิทธภิ าพการดาเนินงาน การวางแผนความตอ้ งการในการ บรหิ ารทรพั ยากรและการกาหนดเปา้ หมายองคก์ รอย่างชัดเจน องค์ประกอบการบริหารกลยุทธ์เป็นการกาหนดทิศทาง การปฏิบัติงานใน อนาคตให้ตรงตามวัตถุประสงค์มีโมเดลการบริหารกลยุทธ์ 3 องค์ประกอบ คือ การวิเคราะห์กลยทุ ธ์ การเลือกกลยุทธ์ และการนาไปใช้งาน มีขั้นตอนการวางแผน ได้ท้ังหมด 4 ข้ันตอน ดังน้ี 1) การศึกษากลยุทธ์ขององค์กร 2) วิเคราะห์ความ ต้องการและประเมินผลการดาเนินงาน 3) กาหนดสถาปัตยกรรมเทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อนาข้อมูลพื้นฐานไปวิเคราะห์ร่วมเพื่อพัฒนา 4) แผนการประยุกต์ใช้ งานตามวตั ถปุ ระสงคอ์ งค์กร และประเมนิ โครงการความค้มุ คา่ กบั การลงทนุ ธรรมมาภิบาลทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กร เป็นกรอบหน้าที่ที่มี ความรับผิดชอบในการบริหารงานทางด้านเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมในการ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กร มีระบบกลไลในการประเมินตรวจสอบ จึงมีกรอบ แนวคิดกระบวนการทางาน หน้าทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ และปัจจัยในการบรหิ ารจดั การ มาตรฐานและเครอ่ื งมอื ท่ีประเมนิ ความสามารถด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศการ วิเคราะหแ์ ละประเมินความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจะต้องอาศัยเครื่องมือ ช่วยวัดประสิทธิภาพการทา งานด้า นเ ท คโนโล ยีสารส นเ ทศ เช่น ITIL, IT Audit, BSC และ CMMI เปน็ ต้น

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 173 แบบฝึกหัดบทท่ี 3 ตอนที่ 1 ตอบคาถามดังตอ่ ไปนี้ 1. เหตใุ ดจงึ ต้องกาหนดวัตถุประสงค์กลยุทธข์ ององคก์ ร 2. จงอธิบายองคป์ ระกอบในการบริหารกลยุทธ์มีก่อี งค์ประกอบ มีหลักการจัดการ บรหิ ารอยา่ งไร 3. จงอธิบายขั้นตอนการวางแผนกลยุทธ์เทคโนโลยีก่ีขั้นตอน แต่ละข้ันตอน มีความสัมพนั ธก์ ันอยา่ งไร 4. จงอธิบายความสาคัญของหลักธรรมภิบาลทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศใน องค์กร 5. ให้ยกตัวอย่างมาตรฐานและเคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินความสามารถ การทางานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 1 วิธี พร้อมอธิบายความหมายมาตรฐานการ ทางาน ตอนที่ 2 กากบาทข้อทถี่ ูกตอ้ งทสี่ ดุ 1. ข้อใดไมใ่ ชว่ ัตถปุ ระสงค์กลยุทธด์ ้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ก. สรา้ งความเขา้ ใจ ข. สามารถตรวจสอบได้ ค. วางแผนการดาเนินงาน ง. กาหนดเป้าหมายองค์กร จ. พจิ ารณาจดุ คมุ้ ทุนการดาเนินงาน 2. กระบวนการวางแผนกลยุทธ์หลกั ประกอบไปด้วยข้อใด ก. วสิ ยั ทัศน์ แผนงานโครงการ โครงการปจั จุบัน ข. วสิ ัยทัศน์ แผนงานเดิม แผนงานปัจจบุ ัน ค. แผนโครงการใหม่ แผนงานเดิม เปา้ หมายเดิม ง. แผนโครงการใหม่ แผนงานเดมิ แนวทางปฏิบตั ิ จ. แผนงานเดมิ แนวทางปฏิบตั ิเดมิ เปา้ หมายเดมิ

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ| 174 3. กระบวนการวางแผนงานโครงการจะตอ้ งมปี ระเด็นหลกั อะไรบา้ ง ก. วิสยั ทัศน์ กาหนดเป้าหมาย ข. วิสัยทัศน์ กาหนดทรพั ยากร ค. เป้าหมาย ระยะเวลา ง. เป้าหมายโครงการ กาหนดทรัยากร จ. เป้าหมายโครงการ งบประมาณ 4. ข้อใดคอื องคป์ ระกอบการบริหารกลยุทธอ์ งค์กร ก. วเิ คราะห์กลยทุ ธ์ เลอื กกลยุทธ์ ทดลองดาเนนิ งาน นาไปใช้จริง ข. วเิ คราะห์กลยทุ ธ์ เลอื กกลยุทธ์ นาไปใช้ ค. วิเคราะห์กลยุทธ์ ปรบั ปรุงกลยุทธ์ นาไปใช้ ง. วเิ คราะหก์ ลยทุ ธ์ ตรวจสอบ นาไปใช้ จ. วิเคราะห์กลยุทธ์ ปรับปรงุ กลยทุ ธเ์ ก่า นาไปใช้ ตรวจสอบ 5. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ธรรมมาภิบาลทางดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศมีวัตถุประสงคห์ ลัก ก. กากับดแู ลผู้นาองคก์ ร ข. กากบั ดแู ลประเมินการทางาน ค. ตรวจสอบการกาหนดทิศทางและกลยทุ ธอ์ งค์กร ง. กากบั ดแู ลปัจจยั เปน็ ภยั เสย่ี งจากกลยทุ ธ์ขององคก์ ร จ. กากับดูแลขอ้ ปฏบิ ตั ิ การดาเนินงาน 6. ข้อใดคอื องค์ประกอบธรรมมาภบิ าลทางดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ ก. โครงสรา้ ง วตั ถุประสงค์ กลไกความสัมพันธผ์ ใู้ ช้งาน ข. โครงสรา้ ง กระบวนการ กลไกความสัมพนั ธผ์ ู้ใชง้ าน ค. โครงสร้าง กระบวนการ เปา้ หมายงบประมาณ ง. โครงสรา้ ง กระบวนการ กลไกปอ้ งกนั ความเสย่ี ง จ. โครงสร้าง วตั ถุประสงค์ งบประมาณ

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ| 175 7. ประโยชน์ของมาตรการวัดประสทิ ธิภาพงานบริการของ ITIL ก. บรหิ ารจดั การใชท้ รพั ยากรอยา่ งคุ้มค่า ข. ตรวจสอบปรบั ปรงุ ทรัพยากร ค. ตรวจสอบกระบวนการผลิต ง. เพ่ิมและพัฒนาบุคลากรขององคก์ ร จ. พฒั นาปรบั ปรงุ โครงสร้างองค์กร 8. การตรวจสอบระบบสารสนเทศแบบ IT Audit มีหลักการทางานอยา่ งไร ก. ตรวจสอบ ประเมินและควบคมุ การดาเนินงานระบบสารสนเทศ ข. ปอ้ งกนั ความเสีย่ งตอ่ ภยั พบิ ัติงานระบบสารสนเทศ ค. ปอ้ งกนั ความเสี่ยงต่อบคุ ลากรด้านระบบสารสนเทศ ง. ตรวจสอบและประเมนิ งานบริการสัมพันธ์ จ. ตรวจสอบ ประเมินความคุ้มค่าในการลงทุน 9. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ แนวคดิ Balanced Scorecard (BSC) ก. ประเมนิ การทางานมมุ มองการเงิน ข. ประเมินการทางานมมุ มองดา้ นลกู ค้า ค. ประเมนิ การทางานมมุ มองกระบวนการทางานภายใน ง. ประเมินการทางานมมุ มองดว้ ยการเรยี นรู้และพัฒนา จ. ประเมินการจดั ซื้อทรัพยากรครุภัณฑ์ 10.ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ การกาหนดองค์ประกอบการประเมนิ แนวคิด BSC ก. วัตถุประสงค์ ข. ตัวชี้วัด ค. เปา้ หมาย ง. โครงการ จ. ทรัพยากรมนษุ ย์

กลยุทธด์ ้านเทคโนโลยีสารสนเทศ| 176  Goals Strategic Business  Objectives  Strategic IT Strategic วสิ ยั ทัศน์และกลยุทธอ์ งคก์ ร: position (Long-Range)  ทรพั ยากร  งบประมาณ  กจิ กรรมโครงการ การวเิ คราะห์กลยุทธ์  ชว่ งเวลาดาเนนิ งาน IT Medium – Term แผนงานโครงการ:  เป้าหมายโครงการ  กาหนดทรัพยากร IT Tactical Plan โครงการปัจจุบัน:  ตรวจสอบงบประมาณ การนาไปใช้ การเลอื กกลยุทธ์ ดาเนนิ งาน  ตารางเวลากจิ กรรม ธุรกจิ จะไปทางไหนและทาไม ธรุ กจิ ตอ้ งการอะไร จะทาให้ธรุ กิจไปสู่เปา้ หมาย ถงึ เลือกทศิ ทางนน้ั ตอ้ งการอย่างไร ทิศทางของธรุ กจิ ความตอ้ งการและ ลาดับความสาคัญ กลยุทธท์ างธุรกจิ กลยุทธด์ า้ นระบบ กลยุทธด์ า้ นเทคโนโลยี สารสนเทศ สารสนเทศระบบ •เป้ าหมายและ •ธรุ กิจทีจ่ าเป็น •กจิ กรรม ทศิ ทาง •คานึงถงึ ความ •การเปล่ียนแปลง ต้องการ •คานึงถงื การจัดหา •การตดั สนิ ใจ •เน้นด้านเทคโนโลยี •ระบบประยกุ ตใ์ ช้งาน สารสนเทศ สนบั สนนุ ธุรกจิ โครงสรา้ งพนื้ ฐานและ บรกิ าร ผลกระทบของอุตสาหกรรมระบบ สารสนเทศและเทคโนโลยี สารสนเทศ ธรุ กิจและองคก์ ร ภาพที่ 3.7 สรุปภาพรวมกลยทุ ธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ

บทที่ 4 ความรเู้ กีย่ วกบั ขอ้ มลู และฐานข้อมูล กระบวนการจัดการกับข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้บริการและทา ให้ผู้ใช้สามารถสืบค้นได้ง่าย โดยการนากระบวนจัดการฐานข้อมูลมาใช้ในการบริหาร จัดการข้อมูล ทาให้เพ่ิมประสิทธิภาพการจัดการอย่างเป็นระบบ ในบทนี้จะกล่าวถึง ความรูพ้ น้ื ฐานเก่ียวกบั ระบบฐานข้อมูล องคป์ ระกอบของฐานข้อมลู ชนิดความสัมพันธ์ ของฐานขอ้ มูลและประเภทแบบจาลองของฐานข้อมูล ชนิดข้อมลู และโครงสรา้ งขอ้ มูล 1. ชนดิ ขอ้ มูล ข้อมูล คือ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทสี่ นใจรวบรวม โดยใชก้ ระบวนการเครื่องมือในการจัดเก็บ มรี ายละเอียดดงั น้ี 1.1 ข้อมูลเฉพาะ เป็นการรวมข้อมูลที่มีลักษณะ ตัวเลข หรืออักษร ท่ีมี รปู แบบเฉพาะเจาะจง มกี ารควบคมุ ลักษณะการบันทกึ ข้อมูล เชน่ หมายเลขบตั รเครดิต หมายเลขบัตรประชาชน ทะเบยี นการค้า เลขที่ ISBN เปน็ ตน้ 1.2 ข้อความ เป็นข้อมูลที่จัดเก็บอักษร ตัวเลข อักขระอื่น ๆ เช่น การบันทึก ข้อมลู แสดงความคิดเห็น ชอื่ สถานท่ี เป็นต้น 1.3 รูปภาพ เป็นข้อมูลรูปแบบรูปภาพชนิดต่าง ๆ เช่น การถ่ายภาพสถานท่ี ภาพบคุ ลากร ลกู ค้า สินคา้ ตวั อย่าง เป็นตน้ 1.4 เสยี ง เป็นข้อมูลรปู แบบเสียง ขอ้ ความเสียง 1.5 ภาพเคล่อื นไหว เปน็ การถา่ ยวิดโี อท่ีรวมทงั้ ภาพและเสยี งไว้ การจัดเก็บข้อมูลจะเป็นตัวเลข ตัวอักษร หรือตัวเลขผสมตัวอักษร คอมพวิ เตอรส์ ามารถนาไปประมวลผลคานวณไดม้ สี องชนิด คือ ขอ้ มูลทคี่ านวณได้ เช่น ตัวเลข และข้อมูลท่ีไม่สามารถคานวณได้ เช่น บ้านเลขที่ หมายเลขทะเบียนการค้า หมายเลขโทรศัพท์ เปน็ ตน้

ความรู้เกีย่ วกับขอ้ มลู และฐานข้อมลู | 178 2. โครงสร้างขอ้ มลู คอมพิวเตอร์จะสามารถอ่านข้อมูลในรูปแบบภาษาเครื่องหรือเลขฐานสอง ประกอบไปด้วยตัวเลข สองตัวคือ 0 และ 1 โดยจะมีการแปลข้อมูลจากโปรแกรมหรือ ภาษาเคร่ือง โดยมีโครงสรา้ งขอ้ มูลดงั นี้ 2.1 บิต (Bit) คือ ตัวเลขท่ีแทนค่าตัวเลขสองตัวคือ 0 และ 1 เช่น ก คือ 1010 0001 เป็นต้น 2.2 ไบต์ (Byte) คือ อักขระตัวอักษร a-z, ก-ฮ, 0-9 และสัญลักษณ์พิเศษ สญั ลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ เปน็ ต้น 2.3 เขตขอ้ มลู (Field) เปน็ หนว่ ยข้อมลู ที่เก็บข้อมูลหนง่ึ เรื่อง หนึ่งส่งิ หนง่ึ ช่ือ เช่น ช่อื นกั ศึกษา ช่อื พนักงาน วนั เกิด เป็นตน้ แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท ดงั นี้ 2.3.1 เขตข้อมูลตัวเลข เป็นข้อมูลอักขระตัวเลขจานวนเต็มบวก ลบ ทศนิยมทนี่ าไปคานวณได้ เชน่ จานวนสินค้า ราคาสนิ ค้า จานวนบคุ ลากร เปน็ ตน้ 2.3.2 เขตข้อมูลตัวอักษร เป็นข้อมูลอักขระที่เป็นตัวอักษร อักขระ ตัวอกั ษร a-z, ก-ฮ, 0-9 และสัญลกั ษณพ์ ิเศษ เช่น ชื่อนักศกึ ษา ชอื่ พนกั งาน เป็นตน้ 2.3.3 เขตข้อมูลอกั ขระ เปน็ ขอ้ มูล ตัวอักษร ตวั เลข สญั ลกั ษณพ์ ิเศษ ตวั เลขปนอกั ษร เช่น บ้านเลขท่ี รหัสสนิ คา้ เลขทะเบยี นหนงั สอื 2.4 ระเบียน (Record) เป็นกลุ่มเขตข้อมูลท่ีมีความสัมพันธ์กัน 1 ระเบียน เชน่ ข้อมูลพนกั งานหน่ึงคน ขอ้ มูลสว่ นตวั นกั ศึกษาหนง่ึ คน เป็นต้น 2.5 แฟ้ม (File) คือกลุ่มระเบียนท่ีมีความสัมพันธ์กันมารวมกัน เช่น แฟม้ ขอ้ มลู พนักงาน แฟ้มข้อมลู นักศกึ ษา เปน็ ต้น 2.6 ฐานข้อมูล (Database) คือกลุม่ แฟ้มข้อมลู ท่ีมีความสมั พนั ธร์ วบรวมอย่าง เปน็ ระบบ เชน่ ฐานขอ้ มลู ทะเบียน ฐานขอ้ มลู ประชากร ฐานขอ้ มลู หนงั สอื เปน็ ตน้

ความรู้เก่ียวกับขอ้ มูลและฐานขอ้ มูล | 179 โครงสร้างข้อมูลเป็นการแสดงรายละเอียดส่วนประกอบต่างๆ ของข้อมูล จากขอ้ มลู ดังกล่าวแสดงให้เหน็ การแบ่งลาดบั ชัน้ ของข้อมลู ดงั ภาพท่ี 4.1 ฐานข้อมลู ไฟล์ ไฟล์ ระเบยี น ระเบียน ระเบยี น ระเบยี น เขตข้อมลู เขตข้อมูล เขตข้อมูล เขตขอ้ มลู ไบต์ ไบต์ ไบต์ ไบต์ บิต บติ บติ บิต ภาพที่ 4.1 แสดงลาดบั ชนั้ ของโครงสรา้ งข้อมูล โครงสรา้ งขอ้ มูลเริม่ จากการอกั ขระคอื ตัวอกั ษรแตล่ ะตัวอักษร เมอื่ ตวั อกั ขระ รวมกันเป็นคาหน่ึงคาก็จะเป็นโครงสร้างเขตข้อมูล เช่น ลาดับ รหัสนักศึกษา เป็นต้น เมื่อรวมหลายเขตข้อมูลกจ็ ะเป็นข้อมูลหน่ึงระเบียนหรือหนึ่งเรื่อง เช่น ลาดับท่ี 1 รหัส นกั ศึกษา 55202490011 ชื่อ สศิ พกั ษ์ดี ที่อยู่กรงุ เทพ คณะมนุษยศาสตร์ เปน็ ตน้ เมื่อ นาข้อมลู ท้งั หมดหา้ คนรวมกันเป็นหนึ่งแฟม้ หรือหน่ึงตาราง ดงั ภาพท่ี 4.2 และจากแฟ้ม หลายๆ แฟ้มหลายตารางถูกรวบรวมด้วยความสัมพันธ์จะเป็นหนึ่งฐานข้อมูล เช่น แฟ้มข้อมูลนักศึกษา ข้อมูลอาจารย์ ข้อมูลรายวิชา รวมกันจัดเก็บข้อมูลเป็นฐานข้อมลู การลงทะเบียน ดังภาพท่ี 4.3 เขตขอ้ มลู (Field) ระเบยี น ลาดบั รหัสนกั ศึกษา ชือ่ ทอี่ ยู่ คณะ (Record) 1 590340902 นฤมล ขอนแก่น วิทยาศาสตร์ 2 590340905 สดุ าพร ขอนแก่น วิทยาศาสตร์ 3 590340903 อรพรรณ มหาสารคาม วิทยาศาสตร์ 4 590128479 นนษิ า อุดรธานี เทคโนโลยี 5 592093832 วรวุฒิ อุดรธานี ครศุ าสตร์ ภาพที่ 4.2 แสดงโครงสรา้ งขอ้ มลู แฟ้มขอ้ มลู นักศกึ ษา

ความรเู้ ก่ยี วกับขอ้ มลู และฐานข้อมูล | 180 ขอ้ มลู นักศึกษา ขอ้ มูลอาจารย์ ขอ้ มลู รายวิชา ภาพท่ี 4.3 แสดงตัวอย่างฐานข้อมูลลงทะเบยี น ตัวอย่างร้านวุ้นรักใจ จาหน่ายขนมเค้กแบบวุน้ มีพนักงานท้ังส้ิน 8 คน จาก ขอ้ มลู ดังกล่าวสามารถนามาบริหารจดั การ เพื่อให้สามารถจดั เก็บฐานขอ้ มลู ได้อยา่ งเป็น ระบบ ตามลาดับชั้นของโครงสร้างข้อมูลจะสามารถเก็บได้เบื้องต้นหลักโดยมีแฟม้ การ สง่ั ซอ้ื แฟม้ รายการสินค้า แฟม้ ขอ้ มูลพนักงาน แฟม้ ขอ้ มูลลกู ค้า ดงั ภาพท่ี 4.4 แฟม้ รายการสนิ คา้ แฟม้ การส่ังซ้ือ แฟ้มพนักงาน ภาพท่ี 4.4 แฟม้ ข้อมูลจากฐานขอ้ มลู รา้ นวุน้ รกั ใจ

ความรู้เก่ียวกบั ขอ้ มูลและฐานขอ้ มลู | 181 จากภาพท่ี 4.4 แสดงให้เห็นรายละเอียดฐานข้อมูลร้านวุ้นรักใจสามารถ จัดเก็บฐานข้อมูลแสดงแบบตารางจากตารางท่ี 4.1- 4.4 และแสดงลาดับโครงสร้าง ขอ้ มูลจากภาพท่ี 4.5 – 4.9 ดังตารางและแผนภูมขิ ้างล่างนี้ จากตารางที่ 4.1 และภาพท่ี 4.5 แสดงใหเ้ ห็นรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับการ จดั เก็บประเภทสินคา้ ที่จาหน่ายทมี่ ใี นรา้ น ตารางที่ 4.1 แฟม้ ข้อมลู ตารางประเภทสินคา้ รหสั ประเภทสนิ ค้า ชอ่ื ประเภท 1 กล่อง 2 ชิน้ เล็ก ประเภทสนิ คา้ รหสั สนิ ค้า ชอ่ื 1 กลอ่ ง 2 ช้ินเลก็ ระเบียน ภาพท่ี 4.5 แสดงโครงสร้างข้อมูลตารางประเภทสนิ ค้า

ความร้เู ก่ยี วกบั ขอ้ มูลและฐานขอ้ มลู | 182 จากตารางท่ี 4.2 และภาพที่ 4.6 แสดงให้เห็นรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับการ จดั เกบ็ รายการสินคา้ ทีจ่ าหน่ายที่มีในรา้ น ตารางท่ี 4.2 แฟม้ ข้อมูลตารางรายการสินค้า รหัสสินค้า ชอ่ื สินค้า รหสั ราคา จานวนที่ผลิต วนั ผลติ ประเภท 10 03/09/2557 10 03/09/2557 1 เปด็ น้อย 1 60 10 03/09/2557 100 03/09/2557 2 ดอกไม้ 1 80 3 หวั ใจ 1 60 4 ช้นิ เล็กสแี ดง 2 2 เขตข้อ ูมล รายการสนิ ค้า แฟม้ ขอ้ มลู รหัสสินค้า ชือ่ รหสั ประเภท ราคา จานวนทีผ่ ลติ วันผลติ ระเบยี น 1 เปด็ น้อย 1 60 10 03/09/2557 2 ดอกไม้ 1 80 10 03/09/2557 3 หวั ใจ 1 60 10 03/09/2557 4 ชิน้ เล็กสีแดง 2 2 100 03/09/2557 ภาพที่ 4.6 แสดงโครงสร้างขอ้ มลู รายการสินคา้

ความร้เู ก่ยี วกับขอ้ มลู และฐานขอ้ มูล | 183 จากตารางท่ี 4.3 และภาพที่ 4.7 แสดงให้เห็นรายละเอียดข้อมูลลูกค้าที่มา สง่ั ซื้อสินค้า ตารางที่ 4.3 แฟม้ ขอ้ มลู ตารางลกู ค้า รหสั ลูกคา้ คานาหน้า ช่ือ สกลุ บา้ นเลขท่ี ตาบล อาเภอ จังหวัด 00001 นาง อรอนงค์ ทะกอง 45 บ้านจัน่ เมือง อดุ รธานี 00002 นางสาว นฤมล นาชยั 345 บ้านผอื อุดรธานี 00003 นาง สดุ าพร กลางซา 19 หมากแข้ง เมือง อดุ รธานี เขต ้ขอ ูมล พนกั งาน แฟ้มขอ้ มูล รหสั ลูกคา้ คานาหน้า ชอ่ื สกลุ บา้ นเลขที่ ตาบล อาเภอ จังหวดั ระเบียน ชื่อ 00001 นาง อรอนงค์ ทะกอง 79 บ้านจ่ัน เมอื ง อุดรธานี 00002 นางสาว นฤมล นาชยั 345 บา้ นผอื อุดรธานี 0003 นาง สุดาพร กลางซา 19 หมากแข้ง เมือง อดุ รธานี ภาพที่ 4.7 แสดงโครงสรา้ งขอ้ มลู ลูกคา้ จากตารางที่ 4.4 และภาพท่ี 4.8 แสดงให้เห็นรายละเอียดข้อมูลลูกค้าที่มา สงั่ ซอื้ สนิ คา้ ตารางท่ี 4.4 แฟ้มขอ้ มูลตารางพนกั งาน รหัส คา ชื่อ สกลุ บ้านเลขที่ ตาบล อาเภอ จงั หวดั พนักงาน นาหน้า สมัย วงั ใจ 56 คาบง บ้านผือ อุดรธานี e001 นางสาว ดวงใจ วังใจ 48 คาบง บา้ นผือ อดุ รธานี นางสาว ภัทรา ศริ ิพาวงศ์ 132 บ้านจน่ั เมอื ง อดุ รธานี e002 นาง e003

ความรู้เกยี่ วกับข้อมูลและฐานขอ้ มูล | 184 เขต ้ขอ ูมล ลกู ค้า แฟม้ ข้อมลู รหัส เลขทบี่ ตั ร คานาหนา้ ชอ่ื สกุล บ้านเลขที่ ตาบล อาเภอ จงั หวัด ระเบยี น พนกั งาน ปชช. ชอื่ ภาพที่ 4.8 แสดงโครงสรา้ งข้อมูลพนักงาน จากตารางท่ี 4.5 และภาพที่ 4.9 แสดงให้เหน็ รายละเอยี ดการส่งั ซื้อสนิ ค้าของร้าน วุ้นรกั ใจ ตารางที่ 4.5 แฟม้ ขอ้ มูลใบสัง่ ซอ้ื รหัสใบส่งั ซ้ือ รหสั ลูกคา้ รหัสสนิ คา้ รหสั พนกั งาน วนั ทสี่ ง่ั n001 00002 1 e001 01/11/57 n002 00002 2 e001 01/11/57 n003 00001 4 e001 01/11/57 เขตข้อ ูมล การส่ังซ้อื รหสั ใบสงั่ ซือ้ รหัสลกู ค้า รหสั สนิ ค้า รหัสพนกั งาน วนั ท่สี ั่งซอ้ื แฟ้มข้อมลู n001 00002 1 e001 01/11/57 ระเบยี น n002 00002 2 e001 01/11/57 n003 00001 4 e001 01/11/57 ภาพที่ 4.9 โครงสร้างขอ้ มูลการส่งั ซ้ือ

ความรู้เกยี่ วกับขอ้ มูลและฐานขอ้ มลู | 185 ความสมั พนั ธข์ องฐานขอ้ มูล กระบวนการสร้างฐานข้อมมูลเพื่อเก็บข้อมูลกลุ่มต่างๆ จะต้องมีการกาหนด ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มข้อมูล มีความสัมพันธ์ทั้งหมด 3 ลักษณะ ดังแสดง ความสัมพนั ธภ์ าพท่ี 4.10–4.12 มีความสมั พันธ์ดังน้ี 1. ความสมั พนั ธแ์ บบหนง่ึ ตอ่ หนงึ่ (One to One) ความสัมพันธ์ท่ีสมาชิกหนึ่งรายการมีความสมั พันธ์กับหน่ึงรายการหนึ่ง เช่น หมายเลขทะเบยี นรถแตล่ ะคัน หรือรหัสประจาตวั นกั ศึกษาแตล่ ะคน เขียนแทนค่า 1:1 ภาพท่ี 4.10 การจดทะเบียนครอบครองรถยนต์ 2. ความสมั พันธ์แบบแบบหน่ึงต่อกลุม่ (One to Many) ความสมั พันธ์แบบนี้คือความสมั พันธท์ ี่สมาชกิ หนงึ่ รายการมีความสมั พันธ์กับสมาชิก หลายรายการ เช่น นักศึกษาหอ้ ง 23 มอี าจารย์ที่ปรึกษาเพียงหน่ึงคน เขียนแทนค่า 1 : M ภาพที่ 4.11 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างอาจารย์ทีป่ รกึ ษากบั นักศึกษาหนงึ่ หอ้ ง

ความรเู้ กยี่ วกบั ข้อมูลและฐานขอ้ มูล | 186 3. ความสัมพันธ์แบบแบบกลุ่มต่อกลุ่ม (Many to Many) ความสัมพันธ์แบบน้ีจะเป็นความสัมพันธ์ท่ีสมาชิกรายการในเอนติต้ีหน่ึงมี ความสัมพันธ์กับสมาชิกหลายรายการในอีกเอนติต้ีหน่ึง เขียนแทนค่าได้ M : N เช่น การ สมคั รเปน็ สมาชกิ กิจกรรมชมรมสาหรับนักศึกษา การเปิดบัญชีธนาคาร ประชาชนคนหนึ่ง สามารถเปดิ บัญชีได้มากกว่าหนึง่ เล่มและสามารถเปิดบญั ชไี ด้มากกว่าหน่งึ ธนาคาร เปน็ ต้น ภาพที่ 4.12 ความสัมพนั ธ์การลงทะเบยี นสมคั รสมาชิกชมรม ประเภทของแบบจาลองระบบฐานขอ้ มูล การออกแบบการใช้งานระบบฐานข้อมูลแต่ละองคก์ รประกอบไปด้วยผใู้ ช้ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร ในการออกแบบระบบฐานข้อมูลในแต่ละองค์กรจะต้องศึกษาความ ต้องการ รูปแบบลักษณะการทางานของแต่ละองค์กร โดยมีประเภทของแบบจาลอง ระบบฐานขอ้ มูล 5 แบบดังน้ี 1. แบบจาลองระบบฐานข้อมูลแบบลาดับช้ัน (Hierarchical Database Model) แบบจาลองลาดับชั้นทางานลักษณะโครงสร้างของต้นไม้ มีความสัมพันธ์แบบ หนึ่งต่อกลุ่มและให้ความสาคัญลาดับจากบนลงล่างในการเรียกใช้ข้อมูลจากบนสุดจะ เรียกว่าโหนด (Root Node) และลาดับต่อมาจะเรียกว่าโหนดลูก (Child Node) โหนดบนสุดเรียกโหนดลูกแต่ละชั้นในการทางาน สามารถเรียกได้มากกว่า 1 โหนด การทางานฐานข้อมูลแบบลาดับช้ัน มีหลักการเรียกใช้โดยเรียกจากโหนดหลักและ การแสดงข้อมูลต้องเริ่มจากโหนดหลักเป็นการสร้างความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม ดังภาพท่ี 4.13 แสดงลาดับของการเรียกใช้ข้อมูลจากบนลงล่าง โดยแสดงข้อมูลจาก คณะ สาขาและลาดับสุดท้ายคืออาจารย์ประจาสาขาวิชา

ความรูเ้ กย่ี วกับขอ้ มูลและฐานขอ้ มูล | 187 สาขาวิชาวทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์ สาขาวชิ าเคมี คอมพวิ เตอร์ สาขาวชิ า อาจารย์ อาจารย์ คณติ ศาสตร์ อาจารย์ ภาพที่ 4.13 แบบจาลองระบบฐานข้อมูลแบบลาดบั ชน้ั 2. แบบจาลองฐานขอ้ มูลแบบเครือขา่ ย (Network Database Model) แบบจาลองแบบน้มี ลี กั ษณะการทางานที่มคี วามสมั พันธ์แบบกลมุ่ ต่อกลุ่ม โครงสร้างหลักเหมือนการทางานแบบลาดับชั้น แต่ต่างกันที่สามารถมีโหนดหลักได้ มากกว่าหน่ึงโหนด และโหนดหลักก็สามารถมีโหนดลูกมากกว่าหน่ึงโหนดการทางาน ฐานข้อมูลแบบน้ีจะต้องมีการจัดเก็บพ้ืนที่เพื่อหาตาแหน่งความสัมพันธ์เพิ่มข้ึน ดังนั้น การจัดเก็บขอ้ มูลจึงเป็นการสร้างความสมั พนั ธแ์ บบกลมุ่ ต่อกลุ่มดังภาพที่ 4.14 เป็นการ เรียกใช้ข้อมูลจากสาขา 2 และสามารถเรียกใช้สาขา 1 ได้และสามารถจัดเก็บ รายละเอียดเพ่ิมเตมิ ได้ สาขา 2 สาขา 1 สินคา้ a01 สินคา้ b01 สินคา้ c01 สินคา้ c01 ... ... ... .... ภาพท่ี 4.14 แบบจาลองระบบฐานขอ้ มลู แบบเครือข่าย

ความร้เู ก่ียวกบั ข้อมูลและฐานขอ้ มลู | 188 3. แบบจาลองฐานข้อมูลแบบเชิงสัมพันธ์ (Relational Database Model) แบบจาลองน้ีมีลักษณะข้อมูลแบบตาราง 2 มิติ แนวนอนและแนวต้ัง สามารถรองรับความสัมพันธ์แบบได้ท้งั หนึ่งกล่มุ และกลุ่มต่อกลุ่ม มีการกาหนดคา่ เพื่อ ใช้ในการค้นหาเขตข้อมูลหรือท่ีเรียกกว่า คีย์ เช่นคีย์หลัก คีย์รอง คีย์อ้างอิง เป็นต้น เน่ืองจากเป็นการนาเสนอแบบตารางทาให้เป็นท่ีนิยมในการใช้งานและรองรับ ความสัมพันธ์การเชื่อมโยงหลากหลาย เช่น บริษัทแห่งหน่ึงมีพนักงานและพนักงาน แต่ละคนสงั กดั แต่ละแผนกในบริษทั แหง่ น้ัน ดังภาพที่ 4.15 รหัสพนักงาน ช่ือ รหสั แผนก รหัสแผนก ช่ือแผนก ภาพที่ 4.15 แบบจาลองระบบฐานข้อมลู แบบเชิงสมั พันธ์ 4. แบบจาลองฐานขอ้ มลู แบบเชงิ วตั ถุ (Object-Oriented Database Model) แบบจาลองแบบนี้มีแนวคิดให้มองวัตถุทุกส่ิงเป็นการรวมข้อมูลให้เป็น คลาส มีคลาสเป็นตัวกาหนดคุณสมบัติรายละเอียดวัตถุ การเข้าถึงข้อมูลจะต้องมี การตอบรับของแต่ละวัตถุ กาหนดการเข้าถึงข้อมูล สามารถเก็บข้อมูลความซบั ซอ้ นได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง วิดีโอได้ ดังภาพที่ 4.16 แสดงให้เห็นการทางานรูปแบบการ ทางานทมี่ ีทัง้ หมด 3 class

ความรูเ้ ก่ียวกบั ขอ้ มลู และฐานข้อมลู | 189 Object Class 1 Object Class 3 Attributes Attributes Methods Object Class 2 Attributes Methods Methods ภาพที่ 4.16 แบบจาลองระบบฐานขอ้ มลู แบบสัมพันธเ์ ชิงวัตถุ (ท่มี า : โอภาส เอีย่ มสิริวงศ,์ 2546: น. 62) 5. แบบจาลองฐานข้อมูลแบบมัลติไดเมนชัน (Multidimensional Database Model) ลักษณะฐานข้อมูลแบบมัลติไดเมนชัน มีการออกแบบจัดเก็บข้อมูลเป็น คลังข้อมูลจะมีการนาเสนอข้อมูลทาใหว้ ิวข้อมูลแบบสองทางเพ่อื ให้สามารถเห็นปัญหา ในธรุ กิจ และสร้างวิธีการแก้ไขปัญหา หรอื นาไปใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลท่ีต้องการ เช่น การนาข้อมูลผลิตภัณฑ์กับข้อมูลพื้นที่การขายมาประมวลผลแบ่งข้อมูลออกเพื่อใช้ วิเคราะห์ข้อมลู ได้ตามต้องการ เพ่ือวิเคราะห์การสั่งซื้อ เป็นต้น ดังตัวอย่างภาพท่ี 4.17 การจัดซอ้ื สินคา้ เกยี่ วกบั อุปกรณค์ รุภัณฑส์ านักงาน ภาคเหนอื ภาคกลาง ภSาaคleใตs้ โตะ๊ กระดาน ตเู้ อกสาร เคร่ืองถ่าย เอกสาร ภาพท่ี 4.17 แบบจาลองระบบฐานข้อมูลแบบมลั ติไดเมนชัน

ความรเู้ กย่ี วกับข้อมลู และฐานข้อมูล | 190 ระบบฐานขอ้ มูลแบบกระจาย ระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย (Distributed Database System) การทางาน ระบบการจัดการข้อมูลจะทาการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งจะออกแบบระบบฐานข้อมูลแต่ละ หน่วยงานจะต้องอาศัยองค์ประกอบพ้ืนฐานการทางานขององค์กร เช่น องค์กรที่มี สานักงานเพียงจุดเดียวแต่มีฝ่ายการทางานแต่ละฝ่ายก็จะใช้ฐานข้อมูลแบบรวม ศูนย์กลาง แต่หากเป็นองค์กรขนาดใหญ่มีสาขาย่อยต่างสถานที่ทางานการออกแบบ ฐานข้อมูลแบบกระจายเพ่ือความสะดวกและคล่องตัวในการบริหารจัดการข้อมูล แต่ ต้องมีการออกแบบการทางานของฐานข้อมูลมีกระบวนการจัดการท่ีทาให้เสมือนใช้ ฐานขอ้ มูลเดยี วกันองค์กรท่ีใชง้ านในปจั จุบัน ในการทางานฐานข้อมูลแบบกระจายก็จะ มซี อฟตแ์ วรท์ ใ่ี ชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการจัดการข้อมลู ท่ีเรียกวา่ ระบบการจดั การฐานข้อมูล แบบกระจาย (Distributed Database Management System : DDBMS) Server Server Site 1 Communication Site 3 network Database Databas Client Client Client Database Client Client Server Client Site2 Client Client ภาพที่ 4.18 แสดงการทางานฐานข้อมลู แบบกระจาย

ความรเู้ กยี่ วกับข้อมลู และฐานข้อมูล | 191 จากภาพท่ี 4.18 การประมวลผลขอ้ มลู จะใชเ้ ครอื ข่ายเปน็ การเช่อื มโยงขอ้ มูล โดยลูกข่ายจะทาการเรียกใช้บริการจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์แม่ขาย และแม่ข่ายจะทา ให้บริการเคร่ืองลูกข่าย จากนั้นทาการเรียกใช้บริการระบบฐานข้อมูล โดยระบบ ฐานขอ้ มลู จัดการข้อมูล 1. ลกั ษณะของฐานขอ้ มลู แบบกระจาย ระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย ข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในมีระบบจัดการ ฐานข้อมลู มีคณุ สมบัตติ อ่ ไปนี้ 1.1 ความเปน็ อสิ ระของการกระจายของขอ้ มลู ผู้ใชส้ ามารถทีจ่ ะสอบถามขอ้ มลู ได้ ทงั้ ความสมั พนั ธข์ อ้ มูลมีลักษณะ ของความเป็นอิสระทางกายภาพของข้อมูล และความเป็นอิสระทางตรรกของข้อมลู ใน แต่ละไซต์งาน 1.2 ความถูกตอ้ งในการประมวลผล ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลและปรับปรุงข้อมูลได้ ในการทางานจะมี การทารายการที่อสิ ระต่อกัน ข้อมูลในสว่ นไซต์งาน หากมขี อ้ มูลบางสว่ นเสยี หายก็จะไม่ สง่ ผลกระทบตอ่ สว่ นงานอืน่ 2. ประโยชน์ของฐานขอ้ มูลแบบกระจาย 2.1 มีความเป็นอิสระเฉพาะที่ เหตุผลสาคัญที่องค์กรธุรกิจหลายแห่งหันมาพิจารณาการใช้ ระบบสารสนเทศแบบกระจายเพราะความสามารถที่จะแบ่งอานาจหน้าที่และ ความรับผิดชอบในด้านการบริหารสารสนเทศให้กระจายไปตามหน่วยงานต่าง ๆ ทาใหม้ ีการบริหารจัดการงา่ ยย่งิ ขนึ้ 2.2 ประสิทธิภาพทดี่ ขี นึ้ การประมวลผลแบบกระจายเป็นการแบ่งภาระการประมวลผล ใน ส่วนอ่ืนทาให้การใช้งานมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้นกว่าระบบการประมวล แบบศูนยร์ วม และในไซต์งานอ่ืนยังสามารถสบื ค้นขอ้ มลู ข้ามไซตง์ านได้ดว้ ย

ความรเู้ กีย่ วกบั ขอ้ มลู และฐานขอ้ มลู | 192 2.3 ความน่าเชอื่ ถือ การบริหารจดั การสารองฐานขอ้ มูลมีมากกวา่ หน่ึงที่ ดังนนั้ หากเกิด ปัญหาการทางาน ก็สามารถเรียกใช้หรือค้นหาข้อมูลไซต์งานอ่ืนได้ ทาให้เกิดความมี เสถยี รภาพในด้านการดาเนนิ งานและการป้องกนั ขอ้ มลู ได้ 2.4 ความสามารถทจ่ี ะขยายระบบ การทางานแบบกระจายการขยายขนาดฐานข้อมูลจะทาได้ง่ายข้ึน สามารถจดั หาเครื่องคอมพิวเตอรล์ ูกข่าย ติดตงั้ เขา้ ระบบเครือข่ายก็สามารถเรียกใช้ระบบ ได้ จงึ เหมาะสมกบั หน่วยงานขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ท่ีมีปริมาณทางานเพ่มิ มากข้ึน 2.5 ความสามารถในการแบ่งปนั การทางานในองค์กรท่ีมีการขยายสาขา จะมีความสะดวกในการใช้ ทรัพยากรร่วมกนั ซ่งึ จะทาไดก้ ารแบ่งปันนน้ั ยืดหยุ่นมากกวา่ ระบบรวมศนู ย์ คลังขอ้ มลู ปัจจุบันมีข้อมูลที่จัดเก็บมีปริมาณมากข้ึนเร่ือยๆ ตามกิจกรรมและความ ต้องการในการใช้งานของแตล่ ะองคก์ ร การสบื คน้ ข้อมูลจงึ เปน็ สิ่งจาเป็นเพ่อื ให้ผลลพั ธ์ท่ี ตรงต่อความต้องการของระบบฐานขอ้ มูลผู้ใช้มีความต้องการค้นหาหรอื สอบถามข้อมลู ที่ต้องการได้ แต่บางกรณีจะต้องมีการแยกประเภท หรือวิเคราะห์ข้อมูลท่ีรวมกลุ่มกัน ทาให้ต้องมีการประมวลผลเพื่อให้ผลลัพธ์ที่จะใช้งานเฉพาะด้าน จึงเป็นที่มาของ คลังขอ้ มลู คลังข้อมูล (Data Warehouse) คือฐานข้อมูลที่ได้มีกระบวนการสกัดข้อมูล จากฐานข้อมูลอ่ืน ท่ีมีโครงสร้างแตกตา่ ง หรือมีระบบปฏบิ ัติการท่ีต่างกัน เพื่อนาขอ้ มูล ไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์และตัดสินใจสนับสนุนการบริหารขององคก์ รต่อไป จาก ภาพท่ี 4.19 แสดงให้เห็นตัวอย่างการบริหารจัดการคลังข้อมูลเพ่ือนาข้อมูลเข้า กระบวนการวิเคราะห์ รวบรวมสารสนเทศ และนาสารสนเทศท่ีได้รับไปประยุกต์ใช้ใน การดาเนินงานต่อไป

ความรู้เกยี่ วกับขอ้ มูลและฐานข้อมูล | 193 บุคลากร ฝา่ ยผลิต ลกู ค้า ฝ่ายตลาด คลงั ขอ้ มูล ฝ่ายขาย ภาพท่ี 4.19 ความสัมพันธข์ องคลังขอ้ มลู ภายในองค์กร ภาพที่ 4.20 แสดงกระบวนการทางานของคลังข้อมูลที่มีการรับข้อมูลจาก ภายนอก เขา้ สกู่ ระบวนการสกัดข้อมลู และเขา้ คลังขอ้ มูล โดยมกี ารใช้ข้อมูลเฉพาะตาม วัตถุประสงค์จากดาต้ามาร์ท ผ่านระบบการสอบถามสืบค้นบนระบบสารสนเทศจน ไดผ้ ลลัพธ์ของคลังขอ้ มูล Data Mart External Data Database สกดั ข้อมลู คลังขอ้ มูล ระบบสนนั สนุนการ ตัดสินใจ Data Mart รายงาน ภาพท่ี 4.20 กระบวนการประมวลผลคลังขอ้ มลู (ทีม่ า: ดดั แปลง Richard J. R. and Michael W. G., 2003, pp. 185)

ความรูเ้ กย่ี วกับขอ้ มลู และฐานข้อมลู | 194 1. คณุ ลักษณะของคลังขอ้ มลู มีนกั วิชาการได้ใหค้ าอธบิ ายคณุ ลักษณะของคลังข้อมูลดงั น้ี 1.1 มีการจัดเก็บข้อมูลตามวตั ถปุ ระสงค์ขององคก์ ร 1.2 รวบรวมและจัดรูปแบบข้อมูลให้อยู่รูปแบบเดียวกัน และ สอดคล้องกับขอ้ มลู ที่ต้องการนาเสนอแกผ่ ้ใู ช้ 1.3 ข้อมูลที่จัดเก็บในคลังข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลจากอดตี แสดง ใหเ้ หน็ แนวโน้มของขอ้ มูลได้ 1.4 ข้อมูลท่ีจัดเก็บในคลังข้อมูล จะไม่ถูกแก้ไขแต่จะมีการเพ่ิม ขอ้ มูลใหมต่ ่อทา้ ย โดยไมท่ าการแทนทข่ี อ้ มลู เดมิ 2. ประโยชน์ของคลงั ขอ้ มูล 2.1 ช่วยเพ่ิมความรู้ให้กับผู้บริหารขององค์กร เนื่องจากข้อมูลท่ี จัดเก็บในคลังข้อมูลเป็นข้อมูลท่ีมาจากหน่วยงานท้ังภายในและภายนอกองค์กร ดังน้ันจึงทาให้ผ้บู ริหารมคี วามรอบรู้และกาหนดทศิ ทางขององคก์ รไดง้ า่ ยข้นึ 2.2 ช่วยเพิ่มศักยภาพในด้านการแข่งขันกับองค์กร การที่องค์กรมี ข้อ มู ลท่ี หลาก หลายและม าจากแหล่ งท่ี มาต่ าง ๆทาให้ อ งค์ กรสามาร ถทราบถึง สถานภาพในการดาเนินธุรกิจของตนเองและของคู่แข่งได้เป็นอย่างดีสามารถนา ข้อมูลดังกล่าวมาปรับปรุงหรือกาหนดกลยุทธ์เพ่ือการแข่งขันให้เหมาะสมกับ สภาวการณ์ในขณะนน้ั ไดเ้ ปน็ อย่างดี ดังนนั้ คลงั ข้อมลู จงึ ชว่ ยให้องค์กรสามารถเพ่ิม ศกั ยภาพดา้ นการแขง่ ขันได้ 2.3 ช่วยเพ่ิมความสามารถและศักยภาพด้านการให้บริการแก่ ผู้ใช้บริการ ข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องกับผู้ใช้ถูกรวบรวมและจัดเกบ็ ในคลังข้อมูล ซ่ึงนามา วิเคราะหส์ ภาพใหบ้ รกิ ารแตล่ ะช่วงเวลาได้ 2.4 สนับสนุนและอานวยความสะดวกในการตัดสินใจให้กับ ผู้บริหารขององค์กรการตัดสินใจที่ถูกต้องและเหมาะสมจาเป็นต้องมีข้อมูล ประกอบเสมอ การสร้างคลังข้อมูลช่วยให้การบริหารงานสามารถเรยี กใช้ข้อมลู ท่ี เก่ียวขอ้ งได้อย่างสะดวกรวดเรว็

ความรเู้ กีย่ วกับขอ้ มูลและฐานข้อมลู | 195 2.5 ทาให้การดาเนินงานขององค์กรเป็นไปอย่างราบรื่นและ คล่องตัวมากขึ้น ไม่เพียงแต่การตัดสินใจเท่าน้ันท่ีจาเป็นต้องใช้ข้อมูลประกอบ แต่การดาเนินงานทั้งหมดขององค์กรล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับข้อมูลท้ังส้ิน ดังนั้น การสร้างคลังข้อมูลจึงช่วยสนับสนุนในการดาเนินงานของ องค์กร เป็นไปอย่ าง ราบรนื่ และเกิดความคล่องตัว 2.6 เพิ่มผลผลิตด้วยวิธีการใช้คลังข้อมูลจะช่วยเพ่ิมกาลังการผลิต ให้กับพนักงาน โดยใช้ความรู้ท่ีเป็นประโยชน์ ท้ังน้ีเนื่องจากพนักงานดังกล่าว สามารถเรียกใชข้ ้อมลู ที่จาเปน็ ต้องการปฏิบัติงานไดง้ า่ ย สะดวก และรวดเรว็ ขนึ้ 3. ความแตกตา่ งระหวา่ งคลังขอ้ มูลกับฐานข้อมูล ความแตกต่างกันระหว่างคลังข้อมูลกับฐานข้อมูลสามารถสรุป คุณลกั ษณะของคลังข้อมูลไดด้ งั นี้ 3.1 การแบ่งโครงสร้างตามเนอ้ื หา คลังขอ้ มูลถูกออกแบบมาเพอ่ื มุ่งเน้นจัดเก็บขอ้ มูลในเน้ือหาแต่ละ เร่ืองทผ่ี ู้ใชส้ นใจจัดเกบ็ แต่คลงั ข้อมูลจะไม่จัดเกบ็ ขอ้ มูลท่ีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ ประมวลผล ซ่ึงต่างจากฐานข้อมูลที่จัดเก็บข้อมูลในการประมวลหรือเนื้อหา ทั้งหมดหรือกระบวนการทงั้ หมดขององค์กร 3.2 การรวมเป็นหน่ึงเดยี ว คุณสมบัติหลักของคลังข้อมูล คือ การรวบรวมข้อมูลจากหลาย ฐานขอ้ มูลปฏบิ ตั กิ ารเขา้ ด้วยกนั ทาใหม้ ีมาตรฐานเดยี วกนั 3.3 ความสมั พันธ์กับเวลา ในการประมวลผลข้อมูลจะต้องมกี ารจัดข้อมูลตามช่วงเวลา เพื่อ นาไปใช้ในการเปรียบเทียบตามแกนเวลา จึงให้ความสาคัญในการจัดเก็บข้อมูล โดยกาหนดชว่ งเวลาเพื่อเปรยี บเทยี บตามแกนเวลา

ความรเู้ กี่ยวกบั ขอ้ มลู และฐานขอ้ มูล | 196 3.4 ความเสถยี รของข้อมูล ลักษณะของคลงั ข้อมลู จะมีขอ้ มูลทไ่ี ม่ได้ปรับปรุงขอ้ มูลหรือมีการ เปล่ียนแปลงบ่อย ผู้ใช้ระบบเข้าถึงข้อมูลจากการจัดเก็บข้อมูล ดังนั้นผู้ใช้สามารถ จัดทารายงานได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน ตามกิจกรรมที่ต้องการได้จาก ข้อมลู ทม่ี ี เกิดความเสถยี รของการประมวลผล 4. ดาตา้ มาร์ท ดาต้ามาร์ท (Data Mart) คอื การจดั เกบ็ ขอ้ มลู และแบ่งส่วนจดั เก็บเป็น ส่วนย่อยๆ จากการดูหน้าท่ีหน่วยงานย่อยขององค์กร เป็นการจัดเก็บข้อมูลมุ่ง วัตถุประสงค์เป็นงาน เป็นกิจกรรมแต่ละเร่ือง เช่น หน้าท่ีฝ่ายบัญชี ฝ่ายผลิต ฝ่ายการขาย แต่ละฝ่ายจะมีหน้าท่ีหลักแตกต่างกันทาให้ต้องมีการสาเนาข้อมูลบางส่วน มาจัดเก็บเพอ่ื ใช้ในการประมวลผลสกัดข้อมูลดาต้ามาร์ทสามารถพัฒนาให้ค้นหาข้อมลู เชิงวิเคราะห์เพ่ือให้เหมาะสมกับปัญหา บางหน่วยงานจึงทาการสร้างดาต้ามาร์ทเป็น งานเฉพาะและพฒั นาเชื่อมโยงไปเปน็ ดาตา้ แวรเ์ ฮาส์ในลาดบั ต่อไป ดงั แสดงภาพที่ 4.21 การรวบรวมจัดเก็บเป็นคลงั ข้อมลู ได้จะต้องมีรายละเอยี ดสารสนเทศในฐานข้อมูลแต่ละ หน่วยงานหรือแต่ละฝ่ายที่มีความสัมพันธ์ ถูกรวบรวมด้วยกระบวนการคลังข้อมูลแต่มี วตั ถปุ ระสงค์ในการจับเกบ็ ขอ้ มูลแตกต่างกนั

ความรเู้ ก่ยี วกบั ข้อมูลและฐานขอ้ มูล | 197 เหมืองขอ้ มูล เหมืองข้อมูล (Data Mining) คือ เทคนิคที่ใช้วิเคราะห์ ค้นหาข้อมูล ตาม รปู แบบที่ตอ้ งการแยกประเภทหรอื จาแนก ดังน้ันเหมอื งข้อมลู จึงเป็นเหมอื นเครื่องมือท่ี ช่วยในการวิเคราะห์ ค้นหาข้อมูล แยกประเภท จาแนกรูปแบบและความสัมพันธ์ของ ข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่หรือคลงั ข้อมูล เพื่อนาความรู้ที่ได้ไปใช้ในการสนับสนุน ตัดสินใจธุรกิจ ดังภาพที่ 4.21 แสดงให้เห็นภาพรวมของกระบวนการประมวลผลจาก คลงั ขอ้ มลู คลังขอ้ มูล เหมอื งขอ้ มูล สกัด/วิเคราะห์/ แยกประเภท/พยากรณ์ ภาพที่ 4.21 การทางานระหวา่ งเหมืองข้อมูลและคลังขอ้ มูล การจัดทาเหมืองข้อมูลเป็นการวิเคราะห์ ขุดเจาะข้อมูล โดยมีกระบวนการใช้ เทคนคิ บางประการเพอื่ ค้นหาข้อมูลทถ่ี ูกซ่อนอยู่ จาแนกและเช่อื มโยงความสัมพันธ์ของ ข้อมูลเหล่าน้ันจากคลังข้อมูล ทาให้ค้นพบรูปแบบความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนจน กลายเป็นการค้นพบองค์ความรู้ใหม่ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของการทาเหมืองข้อมูล ซึ่งองค์ความรู้ใหม่ที่ได้อาจรวมถึงกฎพ้ืนฐานเพื่อใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ และ ประเมินผลลัพธ์การตัดสินใจได้ มีเทคโนโลยีที่เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการ ประมวลผลที่หลากหลาย เช่น ความสามารถในการเรียนรู้ (Machine Learning) ความฉลาดด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การใช้สถิติในการคานวณ (Statistics) การจัดการฐานข้อมูล (Database Management) และความเสมือนจริง (Visualization) เป็นต้น ดังภาพท่ี 4.22 แสดงให้เห็นเทคนิคการประยุกต์ใช้ในการ วเิ คราะหเ์ หมืองขอ้ มูล

ความรู้เกี่ยวกับขอ้ มูลและฐานข้อมลู | 198 คลังขอ้ มูล เทคนคิ การประยุกต์ใช้เหมอื งขอ้ มลู  ความสามารถในการเรียนรู้ (Machine Learning)  ความฉลาดด้านปัญญาประดษิ ฐ์  การใชส้ ถิติในการคานวณ (Statistic)  การจดั การฐานข้อมลู (Database Management)  ความเสมอื นจริง (Visualization)  องค์ความรใู้ หม่ ภาพที่ 4.22 เทคโนโลยีทเ่ี ก่ยี วข้องกบั เหมืองขอ้ มูล 1. เทคนคิ การวิเคราะหข์ ้อมูลดว้ ยเหมอื งข้อมูล เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเหมือนข้อมูลสามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ เทคนิคการเรียนรู้แบบไม่มีผู้สอน (Unsupervised Learning) และเทคนิคการ เรียนรู้แบบมีผู้สอน (Supervised Learning) มีนักวิชาการได้กล่าวถึงเทคนิคการ วเิ คราะหข์ ้อมูลด้วยเหมืองข้อมูลหลากหลายรูปแบบมีรายละเอยี ดดงั นี้ 1.1 เทคนคิ การเรยี นรแู้ บบไมม่ ีผู้สอน เทคนิคนเี้ ปน็ การคน้ หาข้อมลู ท่ีมคี วามสมั พันธ์กันหรือการแบ่งกล่มุ ข้อมูล นาข้อมูลท่ีมีมาวิเคราะห์ โดยข้อมูลท่ีนาจากอดีตมาใช้ในการเรียนรู้จะไม่มีป้ายกากับ เพ่ือนาไปสร้างหรือวิเคราะห์โมเดลต้นแบบ วิธีการที่ใช้ในปัจจุบันนิยมใช้เทคนิคการ ค้นหากฎความสัมพันธ์ และการแบ่งกลมุ่ ข้อมูล 1.2 เทคนิคการเรยี นรู้แบบมผี สู้ อน เทคนิคน้ีเป็นการเน้นการเรียนรู้ท่ีมีจากอดีตมาใช้ในการวิเคราะห์สร้าง โมเดลสาหรับทานายหรือคาดคะเนข้อมูลในอนาคต ตามรูปแบบหรือกฎที่เป็นไปได้ สามารถวิเคราะหด์ ้วยวิธีจาแนกประเภทข้อมูล และประมาณค่าข้อมูล เป็นเทคนิคการ พยากรณ์หรอื ทานายข้อมลู

ความรู้เก่ยี วกับขอ้ มลู และฐานข้อมลู | 199 2. รปู แบบของการทางานของเหมืองขอ้ มลู รูปแบบการทางานท่ีจะนาข้อมูลเข้าสู่กระบวนการประมวลผลเหมืองข้อมูล เลอื กเทคนคิ หรืออลั กอริทมึ ให้เหมาะสมกับการสารสนเทศทจ่ี ะใช้ประมวลผล หรือตาม รูปแบบของเป้าหมายแตล่ ะองคก์ รดงั น้ี 2.1 การหาความสัมพนั ธ์ (Association) สามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ในกิจกรรมหรืองานที่ตอ้ งการค้นหาความสัมพันธ์ ของข้อมูลจากข้อมูลขนาดใหญ่ท่ีมีอยู่ เพื่อนาไปใช้ในการวิเคราะห์หรือทานาย ปรากฏการณ์ต่างๆ เชน่ การค้นหาการซ้ือสนิ คา้ ขนมขบเคย้ี วกับน้าอัดลม เปน็ ตน้ 2.2 การจดั หมวดหมู่ (Clustering) การแบ่งเป็นหมวดหมู่การจัดแยกประเภทและการแบ่งแยกชนิดโดยการ จัดหมวดหมู่ เป็นการกาหนดตามลักษณะต่างๆ ของข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์อย่าง ชดั เจน เชน่ การจดั หมวดหมู่ของสมัครงาน เปน็ ประเภทหรือตาแหนง่ งาน เป็นต้น 2.3 การประเมินคา่ (Estimation) การประเมินค่าท่ีผู้ใช้ไม่ทราบผลลัพธ์ หรือมีค่าตัวแปรไม่แน่นอน เช่น ยอดจานวนสนิ ค้า จุดคมุ้ ทุนในการขยายวงเงินบัตรเครดติ เป็นตน้ งานดังกลา่ วจะต้องมี การประเมินค่าในการดาเนินงานจากข้อมูลลกู ค้าทั้งหมด และทาการวิเคราะห์ผลลพั ธ์ เพือ่ ใช้ในการประกอบการตดั สินใจในการดาเนนิ งานตอ่ ไป 2.4 การทานายล่วงหน้า (Forecasting) การทานายล่วงหน้ามีลักษณะการทางานคล้ายกับการจัดหมวดหมู่หรือ การประเมนิ คา่ แต่การทางานลว่ งหน้าจะเป็นทานายลักษณะของพฤติกรรมที่จะเกิดข้ึน โดยใชก้ ลุม่ ตวั อยา่ งในการวิเคราะห์ข้อมูลจากพฤติกรรมต่างๆ เชน่ พฤติกรรมการชาระ เงินค่าบัตรเครดิต และแนวโน้มในการชาระเงินนาสู่การทานายพฤติกรรมการใช้จ่ายใน อนาคต 2.5 การรวมกลุม่ (Aggregating) การรวมกลุ่มเป็นลักษณะการทางานท่ีนาข้อมูลจากหน่วยงานย่อย มา รวมกันเพ่ือวิเคราะห์ให้ได้ผลลัพธ์ที่มีเป้าหมายเดียวกัน จะนาข้อมูลที่มีพื้นฐานความ คล้ายกนั มารวมกลมุ่ กันจากกลุ่มข้อมลู ทง้ั หมด โดยไม่ต้องใช้กล่มุ ตัวอยา่ งมาประมวลผล แต่อยา่ งใด

ความรเู้ กี่ยวกับขอ้ มลู และฐานขอ้ มูล | 200 2.6 การบรรยาย (Description) จุดประสงค์ของการใช้งานแบบน้ีคือการเพมิ่ ความเข้าใจให้กับกลุ่มขอ้ มูล โดยใช้ข้อมูลประกอบจานวนมาก และเป็นการทดสอบข้อมูลจากการวิเคราะห์มา ประกอบกัน เพ่ือนาไปสร้างกฎในการทางานอื่นๆ ต่อไป เช่น นาไปสร้างกฎ ความสัมพันธ์ การทานายล่วงหน้า หรือรวมกลุ่มเป็นต้น เพื่อนาผลลัพธ์ไปแก้ปัญหาใน แต่ละกรณี เป็นตน้ 3. ขัน้ ตอนการทาเหมืองข้อมลู การจัดทาเหมืองข้อมูลแต่ละองค์กรจะต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูล หรือกาหนด เปา้ หมายในการดาเนนิ งานแต่ละกิจกรรม โดยมขี ั้นตอนการดงั นี้ 3.1 กาหนดเปา้ หมาย กาหนด ขอบเขต เป้าหมาย ของการประมวลผล โดยกาหนดตาม วัตถุประสงค์ขององค์กร บริบทของการดาเนินงาน หรือกาหนดวัตถุประสงค์ในการ วเิ คราะหแ์ ตล่ ะกิจกรรมให้ชัดเจน 3.2 การจดั การขอ้ มลู คือขั้นตอนในการจัดการเตรียมข้อมูลให้มีความครบถ้วนเพื่อนาเข้าระบบ หรือเข้าส่อู ลั กอรทิ ึม มีหลกั การทางาน เชน่ การทาขอ้ มูลใหส้ มบูรณ์ การเลือกข้อมูล การ ลบขอ้ มลู เป็นต้น 3.3 การประมวลผล ขน้ั ตอนการน้ีจะทาการเลือกเทคนิค หรอื อลั กอริทึมในการประมวลผล เช่น การจัดหมวดหมู่ การประเมินค่า การทานายล่วงหนา้ การจดั กลมุ่ โดยอาศัยความใกล้ชิด การรวมตัว และการบรรยาย เป็นต้น ในการเลือกใช้เทคนิคต่างๆ จะตอ้ งมกี ารเลือกตาม เปา้ หมายและหนา้ ที่ของแต่ละกิจกรรม 3.4 การวิเคราะห์ และนาเสนอผลลพั ธ์ ข้ันตอนน้ีจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลที่จะต้องเก็บผลลัพธ์ของเหมืองข้อมูล ทีต่ ้องมกี ารนาผลลัพธ์ไปเปรียบเทียบวิเคราะห์ เพือ่ ให้ได้ผลลัพธท์ ่ีสามารถนาไปประยุกต์ ภายในองค์กรหรือนาความรู้ไปช่วยในการตัดสินใจ

ความรเู้ กี่ยวกบั ข้อมูลและฐานขอ้ มูล | 201 ข้อมูลขนาดใหญ่ ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) คือข้อมูลท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีมีลักษณะสาคัญ 4 ประเด็น คือ 1) ปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่ 2) ความหลากหลายของข้อมูล 3) การเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา 4) ความแมน่ ยาขอ้ มลู ที่มาจากต่างที่จะมกี ารวิเคราะห์เพื่อ ความแม่นยาของขอ้ มลู จากประเดน็ ดังกล่าวมีรายละเอยี ดดังนี้ 1. Volume คือปริมาณข้อมูลที่มีปริมาณขนาดใหญ่มหาศาลทั้งในรูปแบบ ออนไลนแ์ ละออฟไลน์ 2. Variety คอื ความหลากหลายขอ้ มลู ทมี่ คี วามหลากหลายท้ังท่เี ป็นแบบ เชน่ ข้อมลู แบบมีโครงสรา้ งคือข้อมูลจากฐานข้อมูล ข้อมูลแบบกง่ึ มีโครงสร้าง เช่น แฟ้มงาน XML และไม่มีโครงสรา้ งขอ้ มลู ที่มีหลายชนิดทั้งแบบข้อความ รปู ภาพ วิดโี อ หรอื ข้อมูล ท่ีมาจากการใช้บริการ Facebook, Twitter, Instagram, Web board, Website เป็นต้น 3. Velocity คือการเปลี่ยนแปลงข้อมลู ท่ีมีความเปล่ียนแปลงตลอดเวลาและ รวดเร็ว 4. Veracity คือความแม่นยาที่เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลให้มีความถูกต้อง แมน่ ยามากทีส่ ดุ โดยข้อมูลทไี่ ด้มาจากตา่ งท่ี ตา่ งเวลากัน เป็นขอ้ มูลทีไ่ ม่มีความแนน่ อน จากความหมายดงั กลา่ วจะเห็นว่าหากการนาขอ้ มูลท่ีได้รบั นามาเข้ากระบวนการ วิเคราะห์ที่หลากหลายวิธี ไปประยุกต์ใช้ตามงานต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายและเกิด ประโยชน์การดาเนินงานมากข้ึน เช่น การวิเคราะห์ปริมาณการเลือกซือ้ สินค้าผ่านระบบ เว็บไซต์ เม่ือมีการเข้าระบบเข้าชมสินค้าก็จะเกิดข้อมูลมากมายข้ึน เร่ิมจากความนิยม ของผลิตท่เี ลือกดู เลอื กซื้อ ประวัตลิ กู ค้า ลกั ษณะความชอบของผลิตภัณฑ์ ประวตั ิการซ้ือ ซ้าเพือ่ ดคู วามนยิ ม ดงั นน้ั จะเหน็ การดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขอ้ มลู เพิ่มขนึ้ จนกลายเป็น ปัจจยั ที่สาคญั ท่ที าให้เปน็ ข้อมลู ขนาดใหญ่ ดงั สรปุ จากภาพท่ี 4.23

ความรเู้ ก่ยี วกับข้อมลู และฐานขอ้ มูล | 202 Volume Veracity Big Variety Data Velocity ภาพที่ 4.23 ลักษณะสาคญั ของขอ้ มูลขนาดใหญ่ 1. การวิเคราะห์ขอ้ มูลขนาดใหญ่ การวิเคราะห์ข้อมูลต้องอาศัยหลักการพ้ืนฐานในการดึงข้อมูลออกมา ท่ีหลากหลายรูปแบบ มีลักษณะข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน ผลการวิเคราะห์จะ สามารถนาไปใชล้ ักษณะตา่ งๆ ไดอ้ ย่างหลากหลายด้าน ดงั นี้ 1.1 Descriptive analytics คื อ ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ข้ อ มู ล ที่ อ ธิ บ า ย รายละเอียดในการดาเนนิ งาน ทาอยา่ งไร เมอื่ ไร มจี านวนครั้งทีด่ าเนนิ งานเทา่ ไร 1.2 Predictive analytics คือการวิเคราะห์ที่ต้องมีการวิเคราะห์ความ ซบั ซ้อนของขอ้ มูลทห่ี าตวั แปร มีการวิเคราะหข์ อ้ มลู ในรปู แบบสถติ ิ การสุม่ กลมุ่ ตัวอย่าง ที่จะเกดิ ข้ึน การทางานท่ีดีท่สี ดุ 1.3 Prescriptive analytics คือการสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาแนวโน้ม อนาคต การพยากรณ์ หรอื การหาแนวโน้มการทางานทางเลอื กทีด่ ที ีส่ ุด

ความรู้เก่ยี วกับข้อมูลและฐานขอ้ มลู | 203 2. เทคโนโลยที ี่ใชป้ ระมวลผลขอ้ มูลขนาดใหญ่ การจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และการนาข้อมูลเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ สาหรับเทคนิคการประมวลผลข้อมูลใหญ่ สามารถจาแนกเทคโนโลยีท่ีใช้ หลักการทางานดังน้ี 2.1 เทคโนโลยีคลังข้อมลู (Data Warehouse) เป็นกระบวนการสกัดข้อมูลจากฐานข้อมูลอ่ืน และได้รับการ ออกแบบมาเพ่ือจัดเก็บข้อมูลท่ีปริมาณมาก เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เก็บรวบรวม ข้อมูลจากหลายแหลง่ ขององคก์ รทัง้ หมด     ภาพท่ี 4.24 กระบวนการทางานของคลงั ขอ้ มูล (ท่ีมา: ดัดแปลงจาก ralph m. stair, 2017, pp. 141)

ความรเู้ กย่ี วกับขอ้ มลู และฐานข้อมูล | 204 จากภาพท่ี 4.24 แสดงใหเ้ ห็นคลังข้อมลู ท่ีมกี ารนาเขา้ จากฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ มีการนาเข้าในหลากหลายแฟ้มข้อมูล ดังหมายเลข 1 กระบวนการต่อมาหมายเลข 2 จะทาการสกัด แยกขอ้ มูล หมายเลขที่ 3 เมื่อได้ขอ้ มูลท่สี กดั แยกข้อมลู กจ็ ะนาเข้าระบบ คลังข้อมูล จากน้ันจะเกดิ การประมวลผลและวิเคราะหผ์ ล และหมายเลขที่ 4 จะแสดง ผลลพั ธก์ ับผู้ใชง้ านต่อไป 2.2 Hadoop Hadoop คือ ซอฟต์แวร์ประเภทโอเพนซอรส์ ทจี่ ัดทาข้ึนเพื่อจัดการ ข้อมูลท่ีมีขนาดใหญ่มากๆ สามารถปรับขยาย ยืดหยุ่น เพื่อรองรับข้อมูลที่มีจานวน มหาศาลได้ Hadoop มีกระบวนการประมวลผลแบบกระจายผ่านเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ถูกจัดอยู่ในรูปแบบกลุ่มคอมพิวเตอร์ สามารถปล๊ักอินเข้าไปใช้งานได้ Hadoop ใช้การ จัดการข้อมูลเพื่อนาข้อมูลไปใช้ในการบริหารต่อไป ตัวอย่างหน่วยงานที่ใช้ในปัจจุบัน หลายๆ องค์กรจะใช้ Hadoop Technology ในการพัฒนา Big Data อาทิ เช่น Facebook, Yahoo แ ล ะ Twitter เ ป็ น ต้ น ดั ง ภ า พ ท่ี 4.25 แ ส ด ง ภ า พ ร ว ม ในการวิเคราะห์ข้อมูลของระบบ Hadoop โดยมีข้อมูลท่ีหลากหลายรูปแบบ เช่น ฐานข้อมูล เว็บไซต์ ข้อมูลเฟซบุ๊ก และข้อมูลความสัมพันธ์ของลูกค้า โดยมีการ ประมวลผลจากกลุ่มเครื่องแม่ข่ายสามารถนาข้อมูลไปประยุกต์ในการบริหารจัดการ เก่ยี วกบั คลังขอ้ มลู หรอื ดาตา้ มารท์

ความรเู้ กีย่ วกับขอ้ มูลและฐานข้อมลู | 205 ภาพที่ 4.25 ภาพรวมการทางาน Hadoop (ทม่ี า: ralph m. stair, 2017, pp. 144) 2.2.1สถาปัตยกรรมของ Hadoop สถาปัตยกรรมการทางานของ Hadoop มีรายละเอียดทั้งหมด 4 โมดลู ดงั น้ี 1) Hadoop Common (HC) เป็น Libraryเปรียบเสมือนเป็นการ จัดการโมดลู อ่นื ๆ ท่ที าให้ระบบแฟม้ และระบบปฏิบตั ิการ 2) Hadoop Distributed File System (HDFS) สาหรับเก็บข้อมูล แฟม้ ระบบงานที่จะแจกจ่ายภายใต้เครอ่ื งแม่ขา่ ย 3) Hadoop Yet Another Resource Negotiator (YARN) ทาหน้าท่บี ริหารจดั การทรัพยากรรว่ มกบั แอปพลิเคชัน

ความรเู้ ก่ยี วกบั ขอ้ มูลและฐานข้อมูล | 206 4) Hadoop MapReduce เป็นโปรแกรมสาหรับการประมวลผล แบบขนานของชุดข้อมูลขนาดใหญ่ โดย MapReduce ที่เป็นเทคนิคการประมวลผล และรูปแบบโปรแกรมสาหรับการคานวณแบบกระจายบนพื้นฐานภาษาจาวา ดังภาพท่ี 4.26 แสดงสถาปตั ยกรรมส่วนประกอบการทางาน ภาพท่ี 4.26 สถาปัตยกรรมของ Hadoop (ทม่ี า: http://www.w3mc.com/th/hadoop/hadoop_big_data_overview.html) 2.3 Big Data Lakes คือแหล่งเก็บข้อมูลในท่ีเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นแหล่งท่ีเก็บข้อมูลจาก แหล่งข้อมูลที่มีรูปแบบโครงสร้างท่ีหลากหลาย มีวิธีประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล จึงเป็นเครื่องมือท่ีช่วยจัดเก็บข้อมูลดิบจากแหล่งท่ีมาน้ันๆ และนาข้อมูลเข้า กระบวนการวิเคราะห์ขอ้ มูลขนาดใหญต่ ่อไป นักวิชาการได้เป รีย บกา รทา งานระห ว่าง Data Lake กับ Data Warehouse ประเด็นหลักคือในการทางานของ Data Lake เป็นระบบที่จัดเก็บข้อมูล ท้ังหมด สนับสนุนข้อมูลแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง ความสามารถของระบบมี การติดตั้งง่ายและสามารถใช้งานได้กับทุกประเภท มีการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมลู ได้รวดเรว็ กว่าคลงั ข้อมลู

ความร้เู กยี่ วกบั ขอ้ มูลและฐานขอ้ มูล | 207    ภาพที่ 4.27 สว่ นประกอบของ Data Lake (ท่ีมา: https://thanachart.org/2016/02/21/data-lake-redefine-data-warehouse/) จากภาพที่ 4.27 แสดงส่วนประกอบของ Data Lake มกี ารนาเขา้ แบบไม่มี โครงสร้างจาก Social Network เช่น Facebook, Twitter, Google+ เป็นต้น และ ข้อมูลท่ีมีโครงสร้างจากฐานข้อมูล เมื่อมีกระบวนการนาเข้า Data Lake จะวิเคราะห์ ด้วยเทคโนโลยี Hadoop, NoSQL เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการวิเคราะห์ พยากรณ์หรือหา แนวโน้มธุรกิจตามความตอ้ งการใช้งานของธุรกจิ น้นั 2.4 NoSQL ฐานข้อมูลแบบ NoSQL หรือ Not Only SQL ในยุคปัจจุบันกาลังได้รับ ความนิยมในการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันสาหรับงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ฐานข้อมูล NoSQL ท่ีเป็นแบบโอเพนซอร์ส์ มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวสามารถ วิเคราะห์เครือข่ายความสัมพันธ์เร็วกว่า ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์และการทางานของ NoSQL สามารถเก็บข้อมูลแบบสตรีมท่ีมีจานวนมากๆ เช่น ข้อมูลจากเซนเซอร์ท่ีใช้ใน การตรวจสอบพฤตกิ รรมของลูกคา้ ที่ซอื้ สินคา้ ความสนใจการซ้อื สนิ คา้ เป็นต้น ฐานข้อมูล NoSQL จะมีรูปแบบการกระจายข้อมูลทาได้ง่ายขึ้นเนื่องจาก กลไกการแจกจ่ายต้องมีการรวบรวมข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกัน มีรูปแบบของการกระจาย ข้อมลู 2 รปู แบบคือแบบ Shading และแบบ Peer to Peer มีรายละเอียดการทางาน ท่แี ตกตา่ งกันคือ 1) Shading คอื แจกจ่ายข้อมูลท่ีแตกตา่ งกันไปยังเคร่ืองแม่ข่ายหลายๆ เครือ่ ง ทาใหแ้ มข่ ่ายทาหนา้ ทเี่ ป็นแหลง่ เดยี วสาหรับเซตยอ่ ยของข้อมลู

ความรูเ้ กย่ี วกับข้อมลู และฐานขอ้ มลู | 208 2) แบบ Peer to Peer คือการจาลองเคร่ืองแม่ข่ายโดยระบบจะทาการจาลองโดยทา การสาเนาข้อมูลข้ามเครื่องแม่ข่ายเพื่อกระจายข้อมูลโดยมีการบริหารจัดการกาหนด สิทธ์ิการเรียกใช้งาน ภาพท่ี 4.28 แสดงการเรียกใช้เอกสารของฐานข้อมูล NoSQL จะเห็นว่ามีการบูรณาการค้นหาข้อมูลจากวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูลนาแสดงผลลัพธ์ จากกลุ่มเคร่ืองแมข่ า่ ยทใี่ ห้บรกิ ารบนกล่มุ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ภาพที่ 4.28 การเรยี กใช้ข้อมูลของฐานขอ้ มลู NoSOL (ที่มา: http://www.informit.com/articles/article.aspx?p=2266741) ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานฐานข้อมูลแบบน้ีคือ Google Cloud Firestore บริการฐานข้อมูลเอกสารสาหรับรองรับอุปกรณ์เคล่ือนที่และเว็บไซต์ โดยการทาหน้าที่เป็นฐานข้อมูล NoSQL แบบคลาวด์ท่ีมีความสามารถหลากหลาย ท้ังการออกแบบจาลองข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่น การรองรับการคิวรีแบบซับซ้อนได้ การอัปเดตข้อมูลได้แบบเรียลไทม์และการใช้งานแบบออฟไลน์ได้ มีการรองรับการ ประมวลผลที่ทางานรว่ มกับบรกิ ารอื่นๆ ดงั ตัวอยา่ งภาพท่ี 4.29

ความร้เู กยี่ วกับข้อมูลและฐานข้อมูล | 209 ภาพท่ี 4.29 Google Firebase (ที่มา: https://firebase.google.com/docs/) 2.4.1 ประเภทของการทางานฐานขอ้ มลู NoSQL NoSQL ไดแ้ บ่งประเภทการทางานออกเปน็ 4 ประเภทหลกั ดังน้ี 1) Key - Value Store ฐานข้อมูลน้ีมีรูปแบบโครงสร้างข้อมูลท่ีมีการทางานระหว่าง ฐานข้อมูลตัวเองและกุญแจจับคู่ รูปแบบนี้เหมาะกับการเก็บข้อมูลที่ไม่ซับซ้อน ดัง แสดงภาพท่ี 4.30 การจัดเก็บข้อมูลประเภท Key – Value โดยการทางานมีความ ยืดหยุ่นทางานได้รวดเร็ว สามารถขยายขนาดได้ง่าย แต่เน่ืองจากไม่ได้กาหนดรูปแบบ โครงสร้างข้อมูล ไม่รองรับข้อมูลทุกประเภท ดังนั้นจึงต้องมีการควบคุมข้อมูลด้วยแอป พลิเคชนั ที่เรยี กใช้ Key-Value โดยเฉพาะ เช่น Dynamo ของ Amazon เปน็ ต้น

ความร้เู ก่ียวกบั ขอ้ มูลและฐานข้อมูล | 210 ภาพที่ 4.30 ประเภท Key - Value (ท่ีมา: http://www.informit.com/articles/article.aspx?p=2266741) 2) Column-Family Store รู ป แ บ บ ก า ร เ ก็ บ ข้ อ มู ล จ ะ แ ส ด ง ข้ อ มู ล ใ น แ ต่ ล ะ แ ถ ว เ รี ย ก ว่ า Column-family มีความสามารถโดยการเพิ่มข้อมูลท้ังแบบแถวและคอลัมน์ แต่ข้อดี ก็คือสามารถรองรับรูปแบบข้อมูลท่ีซับซ้อนกว่าแบบ Key – Value เหมาะกับระบบท่ี ต้องการกระจายและขนาดใหญ่ ตัวอย่างฐานข้อมูลแบบ Column-Family ดังภาพท่ี 4.31 แสดงรูปแบบฐานข้อมูลแตล่ ะแถว ภาพที่ 4.31 ฐานขอ้ มูลประเภท Column-Family Store (ท่ีมา: http://www.informit.com/articles/article.aspx?p=2266741)

ความร้เู กย่ี วกบั ข้อมูลและฐานขอ้ มูล | 211 3) Document Store เปน็ ฐานขอ้ มูลแบบทร่ี วบรวมเอกสารค่า Key-Value มาประกอบ รวมเป็นรูปแบบลักษณะคล้าย JSON (JavaScript Object Notation) มีความยืดหยุ่น ในแง่ของโครงสร้างข้อมูลรองรับรูปแบบข้อมูลที่ซับซ้อนจากเอกสารที่หลากหลาย ดังภาพที่ 4.32 ภาพที่ 4.32 ประเภทฐานข้อมลู Column-Family Store (ทม่ี า: http://www.informit.com/articles/article.aspx?p=2266741)

ความร้เู ก่ยี วกับขอ้ มลู และฐานขอ้ มลู | 212 4) Graph Store การเก็บข้อมูลแบบกราฟเหมาะกับการเก็บข้อมูลความสัมพันธ์ ของโหนดต่าง ๆ ได้ในหลากหลายรูปแบบ เม่ือมีการเพิ่มขึ้นของโหนดฐานข้อมูลน้ี จะมีอัลกอริทึมในการค้นหาเส้นทางท่ีสน้ั ท่ีสุด จึงเพิ่มประสิทธิภาพการเรียกค้นข้อมูล มากขนึ้ ดงั ตัวอยา่ งภาพที่ 4.33 ภาพท่ี 4.33 ประเภทฐานขอ้ มลู Graph Store (ทีม่ า: http://www.informit.com/articles/article.aspx?p=2266741) 2.5 ซอฟตแ์ วร์วเิ คราะห์ขอ้ มลู Hortonworks เป็นซอฟต์แวร์เฟรมเวิร์คของบริษัท Hortonworks เป็นบริษัทที่ขาย ซอฟต์แวร์และบริการหลังขายแก่ลูกค้า โดยจะรวมแพ็กเกจสาเร็จรูปง่ายสะดวกต่อ การติดตั้ง และรวบรวมซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ส โดยสามารถติดตั้งและใช้งานได้ ทันทีมีการนา Hortonworks ไปประยุกต์ใช้หลายองค์กร เช่น eBay, Samsung, Symantec เป็นต้น ภาพท่ี 4.34 แสดงภาพรวมการให้บริการศูนย์ข้อมูลของ Hortonworks

ความรู้เกยี่ วกับขอ้ มูลและฐานขอ้ มลู | 213 ภาพที่ 4.34 HORTONWORKS DATA CENTER SOLUTIONS (ท่ีมา: https://hortonworks.com/) 2.6 ซอฟต์แวร์วเิ คราะหข์ อ้ มลู SAS SAS เป็นบริษัทท่ีผลิตซอฟต์แวร์และบริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกจิ โดยสร้างนวัตกรรมดา้ นขอ้ มูลขนาดใหญ่ ซอฟต์แวร์ของ SAS มคี วามสามารถทางานได้ กับแพลตฟอร์มบนระบบปฏิบัติการ Linux, Windows สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาด ใหญ่และสามารถเรียกข้อมูลเพ่ือนามาวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วกว่าระบบการจัดเก็บ ฐานข้อมูลแบบเดมิ บริษทั แซสได้ผลติ ซอฟตแ์ วรโ์ ซลูชันตา่ ง ๆ เพื่อรองรบั การทางานบน Hadoop ท่นี ิยมใชว้ ิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ทาใหก้ ารวเิ คราะห์ข้อมูลได้ทันทีแสดงผล การวิเคราะห์ขอ้ มูลได้อย่างแม่นยารวดเร็ว มหี นว่ ยงานทีไ่ ดน้ าซอฟตแ์ วร์ SAS ไปใช้ เช่น Forrester, Bloor Group เป็นต้น ภาพท่ี 4.35 แสดงรายละเอียดผลิตภัณฑ์และงาน บรกิ ารของบรษิ ัท ทมี่ ผี ลงานและรายละเอียดการให้บริการ

ความรูเ้ ก่ียวกับข้อมูลและฐานข้อมลู | 214 ภาพที่ 4.35 ภาพผลติ ภณั ฑแ์ ละงานบรกิ ารของ SAS (ท่ีมา: https://www.sas.com) 3. การประยกุ ต์ใชง้ านขอ้ มูลขนาดใหญ่ ในปัจจุบนั ได้มกี ารประยกุ ต์ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่เพิ่มมากข้ึน มีการนาวธิ ีการ ประมวลผลข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้กันอย่างกว้างขวาง การนาวิธีการวิเคราะห์ และพยากรณ์แนวโน้มการทางานท้งั ภาครฐั บาลและเอกชนดังตวั อย่างการทางาน ดงั นี้ 3.1 การประยุกต์ใช้ด้านการเกษตร นามาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล พยากรณ์แนวโน้มผลผลิตภาคเกษตร ในการวิเคราะหจ์ ะต้องอาศัยข้อมูลที่เกิดจากการ ทางานในระบบการเกษตร การซ้ือขายผลิตผลปัจจุบัน อัตราผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน แนวโน้มราคา อัตราการจาหน่าย ข้อมูลดังกล่าวจะถูกนามาวิเคราะห์รวมกันเพ่ือสรุป พยากรณแ์ นวโน้มผลผลิต ต้นทุนการผลติ ของเกษตรกรได้ 3.2 การวิเคราะห์ความต้องการลูกค้าด้านการตลาด การวิเคราะห์ พฤติกรรมการใชง้ าน มีบริษัท Facebook, Google, LinkedIn, Twitter, Yahoo ไดใ้ ช้ ขอ้ มลู ขนาดใหญ่ในการตลาด โดยใหม้ ีการวเิ คราะห์ที่นาผลมาใช้ในการปรับกลยุทธ์ของ องคก์ ร 3.3 การวเิ คราะห์ทางข้อมูลเก่ียวกบั การซอื้ ห้นุ ในการซือ้ ขายหุ้นจะต้องมี การดูข้อมูลอดีตจากอัตราส่วนทางการเงินผลของตัวหุ้น ผลงานของตัวบริษัทในอดีต ข้อมูลปัจจุบันเป็นการตรวจสอบเงินสด หน้ีสิน และอนาคตของตัวหุ้นแนวโน้มของ

ความรู้เกี่ยวกบั ข้อมูลและฐานข้อมลู | 215 ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค ดังนั้นจะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อหุ้นมีมากมายนามา วเิ คราะห์เพื่อพยากรณก์ ารลงทุนซ้ือหุน้ ได้ต่อไป 3.4 การประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาในการพยากรณ์ อากาศจะต้องอาศัยข้อมูลขนาดใหญ่ เก่ียวกับ สภาพลมฟ้าอากาศในอนาคต ปรากฏการณ์และกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในบรรยากาศ สภาวะอากาศปัจจุบัน เพอื่ วิเคราะหก์ ารเปลยี่ นแปลงของสภาพอากาศในชว่ งเวลาน้ันๆ 3.5 การใช้วิเคราะห์การเงินเกี่ยวกับการอนุมัติบัตรเครดิต จะต้องมีการ จัดเก็บพฤติกรรมการใช้เงิน พฤติกรรมการชาระเงินในแต่ละงวด เงินเดือนรายรับ ปจั จุบนั เปน็ การนาข้อมูลขนาดใหญ่ท้ังหมดมาพิจารณาแนวโนม้ การอนุมัตบิ ัตรเครดิต 3.6 การสารวจพฤติกรรมการใช้งานลักษณะต่าง ๆ ของผู้ใช้บริการ พฤติกรรมการคลิกดขู อ้ มลู การใช้งานบรกิ ารต้บู ตั รเติมเงนิ 3.7 การวิเคราะหจ์ ากภาพถ่ายและเสยี ง วดี ิโอ เพือ่ ดพู ฤตกิ รรมการใชง้ าน และบริการ 3.8 การคน้ ข้อมูลเว็บใหบ้ รกิ ารสืบค้นข้อมูลท่ีเรียกวา่ “Search Engine” นาระบบมาใชเ้ ป็นเครือ่ งมือคน้ หาดึงขอ้ มูลจานวนมากจากฐานขอ้ มูลทีแ่ ตกตา่ งกัน ระบบการจัดการฐานข้อมูล การดาเนนิ งานจัดเกบ็ ข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานขอ้ มูลจะมกี ระบวนการในการทางาน ทม่ี คี วามซับซ้อน ขอ้ มูลมีปริมาณเพิ่มมากข้ึน ผใู้ ช้งานมคี วามต้องการกาหนดสิทธ์ิและมี ความต้องการเข้าถึงข้อมลู ได้ง่าย ดังน้ันเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจดั การจึงจาเปน็ ต้องมี เครอื่ งมอื ท่ชี ่วยในการดาเนินงาน ระบบการจัดการฐานข้อมูล ( Database Management System: DBMS) ทาหน้าที่โตต้ อบระหว่างผใู้ ชง้ านกับโปรแกรมประยุกต์ให้สามารถบริหารจัดการลกั ษณะ ต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับฐานข้อมูล เช่น Oracle, MSSQL, PostgreSQL, MySQL เป็นต้น ดงั ภาพที่ 4.36 แสดงการเรียกใชฐ้ านขอ้ มูลโดยมรี ะบบการจดั การบรหิ ารฐานข้อมูล

ความรูเ้ ก่ยี วกบั ขอ้ มูลและฐานข้อมูล | 216 ระบบการจดั การฐานขอ้ มูล ฐานข้อมลู ระบบ (Database Management System) ลงทะเบียน ภาพที่ 4.36 การเรียกใช้ฐานข้อมูล 1. หนา้ ท่ขี องระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System: DBMS) 1.1 อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถกาหนดหรือสร้างฐานข้อมูลเพื่อกาหนด โครงสร้างข้อมูล ชนิดข้อมูล รวมทั้งการอนุญาตให้ข้อมูลที่กาหนดขึ้นสามารถบันทกึ ลง ในฐานขอ้ มูลได้ 1.2 อนญุ าตให้ผูใ้ ช้งานสามารถทาการเพิ่ม ปรับปรงุ ลบ และเรยี กใช้ ข้อมลู จากฐานขอ้ มูลได้ 1.3 สามารถทาการควบคุมในการเข้าถึงฐานข้อมูล 1.3.1 ความปลอดภัยของระบบ (Security) เป็นกระบวนการกาหนด ความปลอดภัยการเขา้ ถงึ ข้อมลู ในฐานขอ้ มูลเฉพาะผ้มู สี ทิ ธิในการใช้งานเทา่ น้ัน 1.3.2 ความคงสภาพของระบบ (Integrity) ความคงสภาพขอ้ มลู จะทา ให้เกดิ ความถูกตอ้ งตรงกนั ในการจดั เก็บข้อมลู ในระบบฐานขอ้ มลู 1.3.3 มีระบบการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกัน (Concurrency Control) คือสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลเพ่ือบริการในการเข้าถึงข้อมูลพร้อม ๆ กัน จากผใู้ ช้งานในขณะเดียวกนั ได้ โดยไม่ส่งผลต่อการเข้าใช้บรกิ ารของระบบฐานข้อมูล 1.3.4 การกู้คืนระบบ (Recovery Control) คือขั้นตอนการนาข้อมูล ทส่ี ารองไว้กลบั มาติดตั้งในระบบฐานข้อมูล ในกรณที ฮี่ ารด์ แวรห์ รอื ซอฟต์แวร์เกิดความ เสยี หาย

ความร้เู กี่ยวกบั ข้อมูลและฐานขอ้ มูล | 217 1.3.5 ก า ร เ ข้ า ถึ ง ร า ย ก า ร ต่ า ง ๆ ( User-Accessible Catalog) การกาหนดสิทธิการเรยี กใชง้ านของผู้ใช้ ใหส้ ามารถเข้าถึงรายการหรือรายละเอียดต่าง ๆ ของขอ้ มลู ในฐานข้อมูลได้ 2. ประโยชน์ของการใชฐ้ านข้อมลู 2.1 สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาความขัดแย้งของข้อมูล หรือการซา้ ซ้อน กันของข้อมูล และควบคุมการคงสภาพของข้อมูลท่ีเก็บไว้ท่ีเดียวกันได้โดยมีกฎในการ ควบคมุ การบนั ทกึ ขอ้ มลู ไม่ใหเ้ กดิ ข้อความผดิ พลาดขน้ึ 2.2 สามารถกาหนดความเป็นมาตรฐานเดียวกันได้ เชน่ การกาหนดการป้อน ขอ้ มลู วัน เดือน ปี หรือ เดือน ปี วนั หรอื พ.ศ. เปน็ ค.ศ. เป็นตน้ 2.3 สามารถสร้างระบบความปลอดภัยให้กับข้อมูลฐานข้อมูล สามารถที่จะ กาหนดสิทธิในการเข้าใช้ฐานข้อมูลใหก้ ับผใู้ ช้แต่ละคนในระดับต่างๆ กันตามความสาคัญ และความเหมาะสมได้ 2.4 สามารถตอบสนองต่อความตอ้ งการใชข้ อ้ มลู ได้หลายรูปแบบ 2.5 ข้อมูลทเี่ ก็บอยู่ภายในฐานขอ้ มูลสามารถนาเสนอไดง้ า่ ย 2.6 ลดเวลาในการพัฒนาโปรแกรมในการเรยี กใช้ฐานข้อมลู 2.7 สามารถควบคุมการใช้งานการเข้าถึงพร้อมกันจากผู้ใช้หลายคนในเวลา เดียวกัน 2.8 ทาให้เกิดความเป็นอิสระของข้อมูล สามารถแก้ไขโครงสร้างการจัดเก็บ และวธิ กี ารเรยี กใช้ข้อมลู ทาให้สะดวกต่อการพัฒนาโปรแกรม ไมย่ ่งุ ยากและไม่มีข้อจากัด มากเหมอื นในระบบการประมวลผลแบบแฟ้มขอ้ มลู 3. ขอ้ เสียของการใชฐ้ านขอ้ มลู 3.1 การทางานมีความซับซ้อนมากขึ้น หากต้องการฐานข้อมูลที่มี ประสิทธภิ าพต้องมีผพู้ ัฒนา และออกแบบฐานขอ้ มูลท่ีมีความเช่ยี วชาญ 3.2 ผู้ใช้งานฐานข้อมูลจาเป็นต้องได้รับการเรียนรู้การใช้งานฐานข้อมูล จึงจะต้องมคี ่าใช้จ่ายเพิม่ ขึน้ ในการทางานส่วนนี้

ความรเู้ ก่ียวกับขอ้ มูลและฐานขอ้ มลู | 218 3.3 การสูญเสียข้อมูลท่ีอาจเกิดขึ้นได้ เพราะข้อมูลถูกเก็บไว้ที่เดียวกัน หากฐานขอ้ มูลเครือ่ งแมข่ า่ ยคอมพวิ เตอร์มีปญั หากจ็ ะทาให้ข้อมลู สญู เสียได้ การทางาน ระบบฐานขอ้ มูลขอ้ นจ้ี ะตอ้ งมกี ารสารองข้อมลู ตามแผนพัฒนาเพ่อื ลดความเส่ียงในขอ้ นี้ 3.4 การใช้งานฐานข้อมูลจะเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในการพัฒนา เช่น ค่าผูเ้ ชีย่ วชาญ คา่ อปุ กรณ์ ฮารด์ แวร์ หรอื ซอฟตแ์ วร์ เป็นต้น ภาษาเอสควิ เอล (Structured Query Language: SQL) ภาษาท่ีใช้ในการจัดการของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ผู้คิดค้น SQL เป็นรายแรก คือ บริษัทไอบีเอ็ม ต่อมาได้มีบริษัท ORACLE พัฒนาระบบการจัดการฐานข้อมูลเชิง พาณิชย์เพ่ือการใชง้ านและมีการนามาใชอ้ กี หลายบริษัท ต่ อ ม า ใ นปี ค. ศ. 1982 American National Standards Institute: ANSI ไดก้ าหนดมาตรฐานคาสงั่ ชดุ SQL เพ่อื ใหผ้ ูผ้ ลติ ได้ใช้งานในมาตรฐานเดยี วกัน ตัวอย่างที่ ใช้ระบบการจัดการฐานข้อมูล เช่น ORACLE, DB2, SYBASE, Informix, Microsoft SQL, Microsoft Access เป็นตน้ 1. การใช้งานภาษา SQL ลกั ษณะการใช้งานภาษา SQL แบ่งออกเป็น 2 ลกั ษณะคือ 1.1 แบบโต้ตอบ (Interactive SQL) การทางานของระบบปฏิบัติการจะเป็นการรับคาส่ังจากผู้ใช้งานและ แสดงผลลัพธ์ เพื่อความปลอดภัยของระบบฐานข้อมูล ผู้ดูแลระบบจะทาการกาหนด สิทธสิ์ าหรับผ้ใู ช้ระบบตามระดับผู้ใช้งาน ดงั ตัวอย่างคาสง่ั ภาพที่ 4.37 SELECT * FROM student WHERE id=‘590220930’ ภาพที่ 4.37 คาส่งั SQL


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook