การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษากับการบริหารงาน วิชาการดา้ นกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาครเพื่อเป็นข้อมูล ในการพฒั นาภาวะผู้นำเชงิ รุกของผบู้ ริหารสถานศึกษากับความสัมพนั ธ์ต่อการบรหิ ารงานวชิ าการของเขตพ้ืนที่ การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครและใช้ในการวางแนวทางในการปรับพฤติกรรมภาวะผู้นำเชิงรุกของ ผบู้ ริหารสถานศึกษาให้ผูเ้ รยี นมีผลสมั ฤทธทิ์ างด้านวิชาการสูงขนึ้ และใช้ชวี ิตในสังคมได้อยา่ งมีความสุขต่อไป วัตถุประสงค์ของการวจิ ัย 1.เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาจังหวดั สมุทรสาคร 2. เพื่อศึกษาระดับการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาจงั หวัดสมุทรสาคร 3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษากับการบริหารงานวิชาการด้าน กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผเู้ รียนสำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาจังหวัดสมุทรสาคร สมมตฐิ านของการวิจยั ภาวะผูน้ ำเชงิ รกุ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษามคี วามสัมพนั ธ์กับการบริหารงานวิชาการดา้ นกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพ ผเู้ รยี นสังกัดเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร อย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ิท่ีระดับ .01 เอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง 1. แนวคิดของภาวะผู้นำเชงิ รกุ แนวคิดของโควีย์ (Cove, 2004) สามารถสรุปความหมายและองคป์ ระกอบของภาวะผู้นำเชงิ รุก ภาวะผนู้ ำเชิงรุก (Proactive Leadership) คอื ผู้นำทีม่ ีการวางแผนล่วงหนา้ อยา่ งละเอียดรอบคอบรู้จักและรบั ผิดชอบตนเองโดยสามารถที่จะ เลือกตอบสนองแรงกระตุ้นภายนอกในมุมมองและคุณค่าของตนเองไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อิทธิพลสิ่งแวดล้อมรอบข้างและ สถานการภายนอกสามารถวางแผนล่วงหน้าและจัดการสิ่งต่างๆ อย่างรอบคอบรวมทั้งสามารถคาดการณ์ผลที่เกิดข้ึน ลว่ งหนา้ ไดด้ ว้ ยข้อมูลที่มอี ยู่และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงโดยมีองค์ประกอบ 4 ด้านดังนค้ี อื 1. การรู้จักตนเอง (Self-Awereness) คือการที่บุคคลรู้ว่าตนกำลังรู้สึกอย่างไรในขณะนั้นสามารถบอก ความรู้สึกของตนเองได้อย่างถูกต้องและเปิดเผยรู้ว่าการเกิดอารมณ์ของตนเองมีสาเหตุมาจากสิ่งใดและจะมีผลต่อ ตนเองผู้อื่นและการปฏิบัติงานอย่างไรรู้สาเหตุของความวิตกกังวลความคับข้องใจมีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา รู้จุดเด่นจุด ด้อยของตนเองมีความมั่นใจในตนเองสามารถตดั สินคุณคา่ ของส่ิงต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ ที่สำคัญอยู่ 3 ประการไดแ้ ก่ 1) สมรรถนะในการตระหนักรู้ตนเองเป็นความสามารถของผู้นำที่อ่านอารมณ์ของตนออกจึงพยายามควบคุมและปรับ กลไกภายในเพราะเขา้ ใจดวี ่าถา้ ตนเองแสดงความร้สู ึกเชน่ น้นั ออกไปทนั ทที ันใดจะสง่ ผลกระทบตอ่ คนรอบชา้ งและงาน ที่ทำอย่างไรผูน้ ำที่มีสมรรถนะน้ีสูงจะสามารถมองเห็นภาพรวมของปัญหาทีส่ ลับซบซ้อนได้ดจี ึงพร้อมท่ีจะปรบั เปลีย่ น วิธีการแสดงออกที่เหมาะสมกว่าได้โดยฉับพลัน ผู้นำที่สามารถตระหนักรู้ตนเองได้ที่มักเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและ จริงใจกล้าพูดอย่างเปิดเผยถึงสภาพอารมณข์ องตนและยอมรบั ผิดถา้ ตนแสดงออกไปไมเ่ หมาะสม 2) สมรรถนะในการ ประเมินตนเองได้ถูกต้องผูน้ ำที่มีความสามารถตระหนกั รู้ตนเองสูงจะเข้าใจถึงจุดแข็ง และจุดอ่อนของตนได้ดีจึงมักมี หน้า 101
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) อารมณ์ขันกับการกระทำของตนอยูบ่ ่อยครัง้ คนรอบข้างให้ความช่ืนชมต่อผูน้ ำที่หมั่นเรยี นรู้ใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงตนเอง และความมีใจกว้างในการรับฟังข้อมูลย้อนกลับตลอดจนคำวิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์จากผู้อื่น สมรรถนะในการ ประเมนิ ตนเองไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ช่วยใหผ้ ู้นำรูว้ ่าเมอ่ื ไรท่ีตนควรร้องขอความชว่ ยเหลือจากผู้อ่นื และไดบ้ ้างที่ตนสามารถ เสริมสร้างทักษะและความแข็งแกร่งใหม่ๆ ต่อการเป็นผู้นำของตน 3) สมรรถนะด้านความมั่นใจการที่ผู้นำรู้ถึงขีด ความสามารถของตนได้อย่างถูกต้อง ชว่ ยให้ผู้นำรจู้ ักเลือกใชจ้ ุดเดน่ ของตนเองในการปฏิบัตงิ านได้อย่างเต็มท่ี ผู้นำที่มี ความม่ันใจพร้อมที่จะเผชิญกับงานหรือสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ดี ทั้งนี้เพราะชอบยืนหยัดต่อสู้เอาชนะอุปกสรรค์ ด้วยความแน่วแน่ ด้วยคุณลักษณะเช่นนี้จึงทำให้ผู้นำโดดเด่นอยู่แถวหน้าของบุคคลอื่น สมรรถนะด้านความมั่นใจจึง เป็นคุณสมบัติท่สี ำคัญตอ่ การเป็นผู้นำ 2. การมีจินตนาการ (Imagination) คือความสามารถในการคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบด้วยความสามารถเชิงวิเคราะห์ การคิดเชิงเหตุผล การสร้างมโนทัศน์ การใช้เหตุผลเชิงอุปนัย และการใช้ เหตุผลเชิงนิรนัย กล่าวโดยสรุปได้ว่าการมีจินตนาการเป็นสิ่งที่ผู้บริหารยุคใหม่จะต้องพึงมีเพื่อให้สามารถกำหนดกล ยุทธไ์ ดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพและนำองค์การให้เจริญก้าวหน้าไดเ้ ป็นอยา่ งดใี นยุคของโลกที่มกี ารเปลีย่ นแปลงนี้ 3. การมีวิจารณญาณ(Conscious) หรือมโนธรรมคือการตระหนักรู้อยู่ในใจว่าสิ่งใดถูกหรือผิด มีวินัยที่จะ ควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้วิจารณญาณหมายถึงความมีเหตุผลรู้จักผิดชอบชั่วดีมีคณุ ธรรมกระทำส่ิงต่างๆ อยู่บน พ้นื ฐานของความดงี ามผนู้ ำทมี่ ีประสทิ ธผิ ลตอ้ งมีวจิ ารณญาณแม้วา่ ผ้นู ำทดี่ โี ดยท่ัวไปจะไม่สามารถแสดงคุณสมบัติข้อน้ี ให้เห็นได้ตลอดเวลา กล่าวโดยสรุปได้วา่ ผู้บรหิ ารที่มีวิจารณญาณก็คอื ผู้บริหารทีม่ คี ุณธรรมและใช้คณุ ธรรม จริยธรรม อันดีนั้นในการบริหารงานเพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและอยู่บนความถูกต้องดีงามนั่นเองพระ พุทธทาสภิกขุ กล่าววา่ คุณธรรมสำหรับผู้บรหิ ารหมายถึงกรอบการประพฤติปฏิบัติให้เกิดคุณงามความดลี ะเว้นในการ กระทำความชั่วทัง้ ปวงที่ผู้บรหิ ารเป็นผู้สร้างเสริมให้มีขึ้นในการทำงานโดยอาศัยหลกั ธรรมซึ่งเป็นธรรมสำหรับครสู รุป ได้คอื ผูเ้ ป็นครมู ีหน้าท่พี ฒั นามนุษย์ใหเ้ ป็นไปในแนวทางแหง่ คุณภาพดว้ ยวิถที างทถ่ี ูกต้อง ผูเ้ ป็นครูเปน็ ผูก้ ำหนดหน้าที่ และสิทธิโดยสมบูรณ์ ผู้เป็นครูเป็นผู้ปลูกจิตสำนึกความเป็นคุณภาพ ครูเป็นปูชนียบุคคลเป็นผู้กระทำประโยชน์ต่อ สังคมอย่างสูงคา่ ยิง่ และจติ ใจของผู้เป็นครเู ปยี่ มไปด้วยเมตตา กรุณา และปญั ญาสงู สง่ 4. ความม่งุ มนั่ ที่เป็นอสิ ระ (Independent will) คอื การเลือกทจ่ี ะกระทำส่งิ ต่าง ๆ ตามท่ตี นเองตระหนกั ไม่ ตอ่ อยภู่ ายใตอ้ ิทธิพลของสง่ิ รอบข้างความมุ่งม่ันท่ีเปน็ อิสระกค็ ือคุณลักษณะของการมีความเชือ่ ม่ันต่อความสามารถใน ตนเองซึ่งรอดเตอร์ (Rotter, 1996 ; อ้างถึงในสุเทพ พงษ์ศรีวัฒน์, 2550: 121) ได้พัฒนาเครื่องมือวัดที่เป็นมาตรา ส่วนประเมินค่าด้านบุคลิกภาพในแง่ความเชื่อมั่นต่อความสามารถภายในตนเองขึ้นโดยบุคคลที่มีค่าความเชื่อมั่นต่อ ความสามารถในตนเองสูงจะมีความเชื่อว่า เหตุการณ์ทั้งหลายในชีวิตตนเกิดขึ้นจากการกำหนดหรือการกระทำของ ตนเองมิใช่โดยความบังเอิญหรือจากอำนาจที่ควบคุมมิไดแ้ ตอ่ ยา่ งใด ในทางตรงข้ามกบั บุคคลอกี ประเภทหนึ่งที่เชื่อว่า เหตุการณ์ ดังกล่าวเกิดจากสิ่งนอกตนเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญหรือโดยโชคชะตาบันดาลมากกว่าและเป็นสิ่งที่เกิน อำนาจควบคมุ ของตน ดังน้ันตนจงึ สามารถเปลี่ยนแปลงพฒั นาชวี ติ ตนเองไดน้ ้อยมาก 2.การบรหิ ารงานวชิ าการของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา 2.1 การบริหารงานวิชาการงานวิชาการเป็นงานหลักหรือเปน็ ภารกิจหลักของสถานศึกษาทีพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ. ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ. ศ. 2545 มุ่งเน้นให้กระจายอำนาจในการบริหาร จัดการไปให้สถานศึกษาให้มากที่สุดด้วยเจตนารมณ์ที่จะให้สถานศึกษาดำเนินการได้โดยอิสระคล่องตัวรวดเร็ว หน้า 102
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรยี นสถานศึกษาชมุ ชนท้องถน่ิ และการมสี ่วนร่วมจากผู้มีสว่ นได้เสียทุกฝ่ายซึ่งจะเป็น ปัจจัยสำคัญทำให้สถานศึกษามีความเข้มแข็งในการบริหารและการจัดการสามารถพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการ เรียนรู้ตลอดจนการวดั ผลประเมนิ ผลรวมทั้งการวัดปัจจัยเกื้อหนุนการพฒั นาคุณภาพนักเรียนชุมชนท้องถิ่นได้อย่างมี คุณภาพและมีประสิทธิภาพ (ภารดี อนันต์นาวี, 2557, หน้า 280) กล่าวโดยสรุป การบริหารงานวิชาการ หมายถึง กิจกรรมทุกชนิดภายในโรงเรียนที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้และการวิจัยของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น บุคคลที่มีส่วน เกี่ยวข้องอย่างมากในการส่งเสริมงานวิชาการของโรงเรียนคือผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน โดยมีผู้บริหารเป็นผู้นา ทางวิชาการ มีการทางานร่วมกับครู มีการประสานงานให้ทุกคนทางานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตาม พระราชบัญญัติการวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 39 ที่ให้กระทรวง กระจายอำนาจการบริหารและการจัดการวิจัยทั้งด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหาร ทั่วไปไปยังคณะกรรมการ สานักงานเขตพื้นที่การวิจัยและสถานศึกษาในเขตพื้นที่การวิจัยโดยตรง และตาม พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 มาตรา 35 กำหนดให้สถานศึกษาที่จัดการ วจิ ัยข้นั พื้นฐานหรอื ส่วนราชการที่เรยี กชื่ออย่างอน่ื มฐี านะเป็นนติ บิ คุ คล และมอบอำนาจให้สถานศึกษาบริหารจัดการ วิจัยมีความคล่องตัว ตามขอบข่ายภารกิจทั้ง 4 ด้าน (กระทรวงศึกษาธิการ, 2546: 32)งานวิชาการเป็นงานหลักหรือ เป็นภารกิจหลักของสถานศึกษาที่ต้องดาเนินการให้ตรงตามความต้องการและเต็มศักยภาพของผูเ้ รียน ซึ่งมีขอบข่าย งานและภารกจิ ดงั น้ี 1. การพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษา 2. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ 3. การวดั ผลประเมนิ ผลและเทียบโอนผลการเรยี น 4. การวจิ ยั เพ่ือพัฒนาคณุ ภาพการวจิ ยั 5. การพฒั นาส่อื นวตั กรรมและเทคโนโลยีทางการวิจยั 6. การพฒั นาแหลง่ เรียนรู้ 7. การนเิ ทศการวิจยั 8. การแนะแนวการวจิ ัย 9. การพฒั นาระบบการประกันคณุ ภาพการวิจัย 10. การส่งเสรมิ ความรูด้ ้านวชิ าการแกช่ ุมชน 11. การประสานความรว่ มมือในการพัฒนาวิชาการกบั สถานศกึ ษาอนื่ 12. การส่งเสรมิ และสนบั สนนุ วชิ าการแก่บุคคล ครอบครวั องคก์ ร หนว่ ยงาน และสถานบนั อ่ืนท่ีจดั การวิจยั 2.2. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นส่งเสริมความรู้ ทักษะและประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียนนก เหนือจากการเรยี นในห้องเรียนตามปกติ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนเดมิ เรยี กวา่ กจิ กรรมเสริมหลกั สูตร (Co – Curriculum Activites) แต่ได้มีผ้ใู ช้ “กิจกรรมเสรมิ หลักสตู ร” แตกตา่ งกนั ออกไปให้สอดคลอ้ งกบั ความหมายของคำวา่ “หลักสูตร” เช่นคำว่า กิจกรรมนักเรียน ปัจจุบันความหมายของหลักสูตรได้เปลี่ยนไปตามสภาพของสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางวิชาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดังนั้นคำว่า “กิจกรรมเสริมหลักสูตร” จึงเปลี่ยไปเป็น “กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน” ตามหลักสตู รการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (กระทรวงศึกษาธกิ าร 2551 : 16) ได้ อ้างถงึ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนวา่ เปน็ กจิ กรรมทจ่ี ดั อยา่ งเปน็ กระบวนการดว้ ยรปู แบบวธิ ีการที่หลากหลาย เพอ่ื ให้ผู้เรียน พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และ หนา้ 103
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กติวถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้ศีลธรรมจริยธรรม ระเบียบ วินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจดั การตนเองได้และอยรู่ ่วมกับผ้อู น่ื อย่างมึความสุขกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นมหี ลกั การสำคัญ คอื 1. เปา้ หมายของการจดั กิจกรรมท่ีชดั เจนเป็นรูปธรรม และครอบคลมุ ผู้เรยี นทุกคน 2. เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองอย่างรอบด้านเต็มตามศักยภาพตามความสนใจ ความถนัด ความ ต้องการ เหมาะสมกับวัยและวฒุ ิภาวะ 3. เป็นกิจกรรมที่ปลูกฝังและส่งเสรมิ จิตสำนึกในการบำเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชน์ต่อสังคม ในลักษณะต่างๆ ที่สอดคล้องกบั วถิ ี ประเพณี และวัฒนธรรมอยา่ งตอ่ เนอื่ งและสม่ำเสมอ 4. เป็นกิจกรรมทยี่ ดึ หลกั การมีสว่ นร่วม โดยเปดิ โอกาสใหค้ รู พอ่ แม่ ผู้ปกครอง ผนู้ ำ ชุมชน ปราชญ์ชาวบา้ น องคก์ ร และหนว่ ยงานอ่นื มสี ่วนรว่ มในการจดั กจิ กรรม 2.3 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาให้ ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตอาสานึกของการทำ ประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนา ผู้เรียนให้ใช้องค์ความรู้ ทักษะ และเจตคติจากการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียนมา ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ และความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ซง่ึ จะสง่ ผลใน การพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ ีคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อย่าง พอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ เกิดทักษะการทำงาน และอยู่ร่วมกับผูอ้ ื่นในสงั คม ได้อยา่ งมีความสุขในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลกประกอบด้วยกจิ กรรม 3 ลักษณะ ดงั นี้ 1. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิด ตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองในการมี สว่ นรวมพฒั นาผเู้ รียน 2. กิจกรรมนักเรียนเป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความเป็นระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี ความ รับผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปั น เอ้ือ อาทร สมานฉนั ท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนดั และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติด้วยตนเอง ในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผนประเมิน และปรับปรุงการทำงาน เน้นการทำงาน ร่วมกันเป็นกลุ่มตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาว ะของผู้เรียนและบริบทของสถานศึกษาและท้องถ่ิน กิจกรรมนักเรียนประกอบด้วยกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ และนักศึกษาวิชาทหาร และ กิจกรรมชุมนมุ ชมรม 3. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมใหผ้ ู้เรียนบำเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชน์ต่อ สังคม ชุมชน และท้องถิ่น ตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความ เสียสละต่อสังคม และการมีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551) หน้า 104
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 3. งานวิจัยทเี่ ก่ียวขอ้ ง กิ่งแก้ว เฟ่อื งศลิ า(2558) การบริหารงานวิชาการของโรงเรียนวดั โพรงมะเด่อื (ศรีวทิ ยากร) ผลการวิจยั พบว่า 1) การบริหารงานวิชาการของโรงเรียนวัดโพรงมะเดื่อ (ศรีวิทยากร) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาราย ด้าน พบว่า อยู่ในระดับมาก 11 ด้าน โดยเรียงลำดับค่ามัชฌิมเลขคณิตจากมากไปน้อย คือ การวัดผลประเมินผลและ ดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน การจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา การคัดเลือก หนังสือแบบเรียนเพื่อใช้ใน สถานศึกษา การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายใน และมาตรฐานการศึกษา การ พัฒนาหรือการดำเนินการเกี่ยวกับการให้ความเห็นการพัฒนาสาระหลักสูตรท้องถิ่น การนิเทศการศึกษา การพัฒนา กระบวนการเรียนรู้ การแนะแนว การจัดทำระเบียบและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับงาน ด้านวิชาการของสถานศึกษา การ พัฒนาและส่งเสริมให้มีแหล่งเรียนรู้ และอยู่ในระดับปานกลาง 6 ด้าน โดย เรียงลำดับค่ามัชฌิมเลขคณิตจากมากไป น้อย คือ การวางแผนงานด้านวิชาการ การประสานความร่วมมือในการ พัฒนาวชิ าการกบั สถานศึกษาและองค์กรอื่น การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน สถานประกอบการและสถาบันอื่นที่จดั การศึกษา การส่งเสริมชุมชนใหม้ ีความเข้มแข็งทางวชิ าการ การวิจัยเพื่อพฒั นาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษา และ การพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา 2) แนวทางพัฒนาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนวัดโพรงมะเด่ือ (ศรีวิทยากร) ควรดำเนินการดงั นี้ ควรมีการวางแผนพฒั นาหลักสูตร โดยให้ชุมชนและทอ้ งถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม มีการ จัดประชุมเพอ่ื ให้ครมู คี วามรู้ ความเขา้ ใจโครงสรา้ งหลักสตู รกอ่ นนำหลักสตู รไปใช้ สง่ เสรมิ ใหค้ รจู ัดกระบวนการเรียนรู้ ที่เนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สำคญั นำภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิน่ เขา้ มาชว่ ยในการจัดการเรยี นการสอน ส่งเสรมิ ให้ครมู กี ารวัดผลประเมินผล ตามสภาพจริง ทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพฒั นาคุณภาพผู้เรียน จัดหาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยตรงกับความ ต้องการของครูผู้สอน ควรสร้างเครือข่ายแห่งการเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนและชุมชน ปฏิบัติการนิเทศภายในอย่าง สมำ่ เสมอ ควรมีแผนพฒั นาปรบั ปรงุ การประกันคุณภาพภายใน สร้างศูนยบ์ ริการทางวชิ าการให้แก่ชุมชนและควรสร้าง เครือขา่ ยความร่วมมอื ดา้ นวชิ าการเพอื่ แลกเปล่ียนการบริการทางวชิ าการซ่ึงกันและกัน มูนา จารง(2560). การบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารสถานศึกษาตามทศั นะครูผู้สอนในศูนย์เครือข่ายตลิ่ง ชนั สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษาประถมศึกษายะลาเขต 2. ผลการศึกษาพบวา่ 1) ระดับการบรหิ ารงานวชิ าการ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาตามทัศนะครผู ู้สอนในศูนยเ์ ครือขา่ ยตลิ่งชัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษา ยะลา เขต 2 ด้านการบริหารงาน วิชาการ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับ พบว่า ด้านการวัดผล ประเมินผลและดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน มีค่าเฉลีย่ สูงสุด รองลงมาคือ ด้านการ พัฒนากระบวนการเรียนรู้และด้านการพัฒนาหรือดำเนินการเกี่ยวกับการให้ความเห็นการ พัฒนาสาระหลักสูตร ท้องถิ่น ตามลำดับ 2) ผลการเปรียบเทยี บระดับการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาตาม ทัศนะครูผู้สอน ในศูนย์เครือข่ายตลิ่งชัน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จำแนกเพศ การศึกษาและ ประสบการณ์ทำงาน 3)ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะครูผู้สอนใน ศูนย์เครือขา่ ยตล่ิงชนั สังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษายะลา เขต 2 คอื ผบู้ ริหารควรมกี ารวางแผนงาน ด้านวิชาการควรพัฒนาหรือดำเนินการเกี่ยวกับการให้ความเห็นการพัฒนาสาระหลักสูตรท้องถิ่นและควรมีการนิเทศ การศกึ ษาเปน็ ระยะๆ วสุธา ปวะบุตร(2550) ความสัมพันธ์ระหว่างแบบภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลการ บริหารงานวิชการของสถานศึกษาในเขตพืน้ ที่การศึกษาอบุ ลราชธานี ผลการศกึ ษาพบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาใช้แบบ ภาวะผู้นำแบบสนับสนุน แบบให้มีส่วนร่วม แบบเชิงรุก และแบบมุ่งความสำเร็จอยู่ในระดับ มาก แบบสั่งการอยู่ใน หนา้ 105
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ระดับปานกลาง ผบู้ ริหารและครผู ู้สอนในสถานศึกษาเหน็ ว่าประสิทธผิ ลการบริหารงานวชิ าการของสถานศึกษาอยู่ใน ระดับมาก และการใช้แบบภาวะผู้นำแบบสนับสนุน แบบให้มีส่วนร่วม แบบเชิงรุก และแบบมุ่งความสำเร็จมี ความสัมพันธ์ทางบวกกับประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาในเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาอุบลราชธานี วธิ ดี ำเนินการวิจัย การศกึ ษาคร้ังนผี้ ้วู จิ ัยกำหนดกลมุ่ ประชากรเป็นบุคลากรในสังกดั สำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร ที่ปฏิบัติหน้าที่ในปีงบประมาณ 2562 จำนวนประชากรทั้งสิ้น 2,338 คน (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาครม, 2562) กลุ่มตัวอย่าง คือบุคลากรในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาครที่ปฏิบัติหน้าที่ในปีงบประมาณ 2563 โดยกำหนดกลุ่มตัวอย่างจากตารางการกำหนดขนาดของ Taro Yamane (1973) ได้จำนวน 342 คน ความคาดเคลอ่ื นจากการสุ่มตัวอยา่ ง 5 % โดยใช้วธิ ีการสุม่ แบบแบง่ ชน้ั ภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจยั ครั้งนี้เป็นแบบสอบถามท่ีผู้วิจัยสร้างข้ึนตามแนวคิดและเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวขอ้ ง ประกอบด้วย 3 ตอนดังนี้ ตอนที่ 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพส่วนบุคคลได้แก่ เพศ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานและขนาดของสถานศึกษา มีลักษณะเป็นแบบสำรวจรายการ(Check list)ตอนที่ 2 แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมทุ รสาครเป็นมาตราสว่ นประมาณค่า 5 ระดบั (Rating Scale) ตอนท่ี 3 แบบสอบถามเกีย่ วกบั ระดับการบรหิ ารงาน วชิ าการดา้ นกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนสงั กดั สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรสาคร เปน็ มาตราสว่ น ประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) คา่ สมั ประสทิ ธแ์ิ อลฟาท้งั ฉบบั เท่ากบั 0.968 ถอื วา่ มคี วามเช่อื มัน่ ในระดับดมี าก การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยขอความอนุเคราะห์จากบัณฑติ วิทยาลัยมหาวิทยาลัยธนบุรีเพื่อจัดทำหนังสือขอ ความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลในสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร เพอ่ื ขออนญุ าตแจกแบบสอบถามให้แกบ่ ุคลากรในสถานศึกษาในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยการแจกแบบสอบถามด้วย ตนเองและเดินทางไปเก็บด้วยตนเองโดยมีการนัดหมายเก็บแบบสอบถามกับผู้ตอบแบบสอบถามล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ปรากฏว่าได้รับแบบสอบถามคืนมาทั้งหมดจำนวน 349 ชุดคิดเป็นร้อยละ 100 ผู้วิจัยดำเนินการตรวจสอบความ สมบูรณ์ของแบบสอบถามกำหนดรหสั ขอ้ มูลแล้วนำไปวิเคราะหข์ อ้ มูลด้วยโปรแกรมสำเรจ็ รปู การวเิ คราะหข์ อ้ มูลและสถติ ิท่ใี ช้ 1. นำแบบสอบถามตอนที่ 2 มาวิเคราะห์ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร อธบิ ายโดยใชค้ ่าเฉล่ยี สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน 2. นำแบบสอบถามตอนที่ 3 เป็นข้อมูลเกี่ยวกับระดับการบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพ ผูเ้ รียนสงั กัดเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร อธิบายโดยใชค้ ่าเฉลย่ี สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 3. การวิเคราะหค์ ่าสหสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชงิ รุกของผู้บริหารสถานศึกษากับการบริหารงานวิชาการด้าน กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี นสังกัดสำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร ใช้การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์ สหสมั พันธ์ของเพยี ร์สัน (Pearson 's Product Moment Correlation Coefficient: r) ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล 1. ผลการวิเคราะห์ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร หนา้ 106
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กตวิ ิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ตารางท่ี 1 ผลการวิเคราะห์ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาครจำแนกรายดา้ นและภาพรวม ภาวะผู้นำเชิงรกุ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา X SD. แปลผล 1 การรูจ้ ักตนเอง 3.91 0.70 มาก 2 การมจี ินตนาการ 3.84 0.71 มาก 3 การมีวิจารณญาณ 3.90 0.69 มาก 4 ความมุง่ มนั่ ท่เี ป็นอิสระ 3.87 0.68 มาก ภาพรวม 3.88 0.70 มาก จากตารางที่ 1 พบว่า ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมทุ รสาครมคี า่ เฉล่ียภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก( X =3.88, SD.=0.70) เม่ือพิจารณารายละเอียดแตล่ ะด้าน พบว่า ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านการ รจู้ ักตนเองมคี ่าเฉลย่ี สูงทส่ี ดุ อยู่ในระดบั มาก( X =3.91, SD.=0.70) รองลงมาคอื ดา้ นการมีวจิ ารณญาณมีคา่ เฉล่ยี อยใู่ น ระดับมาก( X = 3.90, SD.=0.69 ) ด้านความมุ่งมั่นที่เป็นอิสระมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( X =3.87 , SD.=0.68 ) และด้านการมีจินตนาการมคี า่ เฉล่ยี ตำ่ ทสี่ ุดอยใู่ นระดบั มาก( X =3.84 , SD.=0.71 ) 2. ผลการวเิ คราะห์การบริหารงานวชิ าการด้านกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนของผ้บู ริหารสถานศึกษา สงั กดั สำนักงาน เขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ตารางที่ 2 ผลการวิเคราะห์การบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาครจำแนกรายขอ้ และภาพรวม การบริหารงานวชิ าการด้านกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี นของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา X SD. แปลผล มาก 1 กิจกรรมแนะแนว 3.88 0.69 2 กจิ กรรมนกั เรยี น 3.83 0.69 มาก 3 กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 3.90 0.70 มาก ภาพรวม 3.87 0.69 มาก จากตารางที่ 2 พบว่า การบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครมีคา่ เฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดบั มาก( X =3.87, SD.=0.69) เม่ือ พิจารณารายละเอียดในแต่ละด้านพบวา่ ดา้ นกิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์มีค่าเฉล่ียสูงที่สุดอยู่ในระดับ มาก( X =3.90 , SD.=0.70) รองลงมาคือ ด้านกิจกรรมแนะแนวมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( X =3.88 , SD.=0.69) ส่วนดา้ นกิจกรรมนกั เรียนมคี ่าเฉลยี่ ตำ่ ที่สุดอยูใ่ นระดบั มาก( X =3.83 , SD.=0.69) 3. ผลการวเิ คราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผนู้ ำเชงิ รกุ ของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษากบั การบริหารงานวิชาการ ด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร โดยอธิบายด้วยค่า สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson ,s Product Moment Correlation Coefficient) แสดงดังตาราง ต่อไปน้ี ตารางที่ 3 ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาภาพรวมกับการ บริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร หน้า 107
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสูป่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การบริหารงานวิชาการ ภาวะผู้นำเชิงรุกภาพรวม ด้านกิจกรรมพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน ทิศทาง r p. ระดบั ความสมั พันธ์ 1 กจิ กรรมแนะแนว + .73** .00 สงู 2 กิจกรรมนกั เรยี น + .79** .00 สูง 3 กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ + .65** .00 ปานกลาง ภาพรวม + .85** .00 สูง **มีนัยสำคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั .01 จากตารางที่ 3 พบว่า ภาวะผนู้ ำเชงิ รกุ ของผู้บริหารสถานศึกษาภาพรวมมีความสมั พันธ์ในทิศทางเดียวกันใน ระดบั สูงกบั การบริหารงานวิชาการดา้ นกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นสงั กดั สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษา สมุทรสาครภาพรวม (r = .85, p. = .00) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาในรายละเอียด ความสมั พนั ธต์ ามลำดบั ดังตอ่ ไปนี้ ภาวะผูน้ ำเชงิ รุกของผู้บรหิ ารสถานศึกษาภาพรวมมีความสัมพันธ์สูงท่ีสุดในทิศทาง เดียวกันในระดับสูงกับการบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศกึ ษาสมทุ รสาครดา้ นกิจกรรมนกั เรยี น (r = .79, p. = .00) อย่างมีนัยสำคญั ทางสถิติทีร่ ะดับ .01 รองลงมาคอื ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับสูงกับการบริหารงาน วิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุ ทรสาครด้านกิจกรรม แนะแนว (r = .73, p. = .00) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษา ภาพรวมมีความสัมพันธ์ต่ำที่สุดในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนา คุณ ภา พ ผ ู้เรีย น ส ัง กัด ส ำ น ักง า น เขต พ ื้น ท่ี กา รศ ึกษ า ป ระ ถ มศึ กษ า ส มุท รส า ครด ้า น ก ิจ ก รร มเพ ื่อส ัง คม แ ล ะ สาธารณประโยชน(์ r = .65, p. = .00) อยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถติ ิท่ีระดับ .01 สรปุ ผลการวจิ ยั 1. ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครมี ค่าเฉลี่ยภาพรวมอยูใ่ นระดับมาก เมื่อพิจารณารายละเอียดแต่ละด้านพบว่า ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศกึ ษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านการรู้จั กตนเองมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ ด้านการมีวิจารณญาณมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ด้านความมุ่งมั่นที่เป็นอิสระมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และดา้ นการมีจินตนาการมีค่าเฉลยี่ ตำ่ ทสี่ ุดอยู่ในระดับมาก 2. การบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครมีค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้านพบว่า ด้านกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ ด้านกิจกรรมแนะแนวมี ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก สว่ นดา้ นกจิ กรรมนักเรยี นมคี า่ เฉล่ียต่ำทสี่ ุดอยู่ในระดับมาก 3. ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับสูงกับการ บริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุท รสาคร ภาพรวม อยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดับ .01 เมื่อพจิ ารณาในรายละเอยี ดความสัมพันธต์ ามลำดบั ดงั น้ี ภาวะผู้นำเชิง รุกของผู้บริหารสถานศึกษาภาพรวมมีความสัมพันธ์สูงที่สุดในทิศทางเดียวกันในระดับสูงกับการบริหารงานวิชาการ ด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านกิจกรรมนักเรียน หนา้ 108
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) รองลงมาคือภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับสูงกับการ บริหารงานวิชาการดา้ นกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผู้เรียนสงั กดั สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้าน กิจกรรมแนะแนว ส่วนภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศกึ ษาภาพรวมมีความสัมพันธ์ต่ำที่สุดในทิศทางเดียวกันใน ระดับปานกลางกับการบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมทุ รสาครดา้ นกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชนอ์ ย่างมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิทร่ี ะดบั .01 อภิปรายผล 1. ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครมี ค่าเฉลี่ยภาพรวมอยูใ่ นระดบั มาก เมื่อพิจารณารายละเอียดแต่ละด้านพบว่า ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศกึ ษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านการรู้จักตนเองมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ ด้านการมีวิจารณญาณมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ด้านความมุ่งมั่นที่เป็นอิสระมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และด้านการมีจินตนาการมีค่าเฉลี่ยตำ่ ที่สุดอยู่ในระดับมาก ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากสภาพสังคมที่มีการแข่งขันกันสูงใน ปัจจุบันและมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา และแหล่งเรียนรู้ของนักเรียนเปิดกวา้ งไม่ได้จำกัดอยู่แคใ่ นห้องเรยี นเท่านน้ั ทำผูบ้ ริหารในสงั กัดสำนกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครมีการวางแผนเพ่ือพัฒนาผ้เู รียนให้สอดคล้อง กับมาตรฐานหลกั สูตรแกนกลางท่ีกำหนดไว้และต้องสอดคล้องกบั บรบิ ทของท้องถิ่นด้วย นอกจากนั้นยังมกี ารกำหนด เป็นนโยบายให้บุคลากรทุกระดับปฏิบัติให้สอดคล้องกับแผนงาน โดยให้ความอิสระกับบุคลากรครูกำหนดวิธีการ ปฏิบตั ิงานใหเ้ หมาะสมกับตนเองและส่งเสริมใหค้ รพู ฒั นาตนเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสอดคล้องกบั งานวิจัยของสชุ ีรา จันท พรม (2553) ที่ศึกษาอิทธิพลภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารที่สงผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขต พน้ื ทก่ี ารศกึ ษายโสธร ผลการวจิ ัยพบวา่ ภาวะผู้นำเชิงรุกของผูบ้ รหิ าร และคณุ ภาพผเู้ รยี นของโรงเรยี นสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษายโสธรโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ พิมพ์พรรณ เทพสุ เมธานนท์ (2555) ที่ศึกษาภาวะผนู้ ำการเชงิ รุกของผบู้ ริหารตามการรับรู้ของบุคลากรคณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย รามคำแหง ผลการศึกษาพบว่าระดับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงรุกของผู้บริหารตามการรับรู้ของบุคลากร คณะ ศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงอยใู่ นระดบั มาก 2. การบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครมีค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้านพบว่า ด้านกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ในระดับมาก รองลงมาคือด้านกิจกรรมแนะแนวมี ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ส่วนด้านกิจกรรมนักเรียนมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดอยู่ในระดับมาก ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก ผู้บริหาร สถานศึกษาให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้เรียนให้คลอบคลุมทุกด้าน กำหนดเป็นนโยบายให้ครูทุกคนสร้างกิจกรรม การพัฒนาผู้เรียนให้คลอบคลุมด้านความรู้มาตรฐานของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำการ ช่วยเหลือแบ่งปัน เอื้ออาทร สมานฉันท์ โดยให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน รวมทั้งกิจกรรมเสริมหลักสูตรด้านอื่นเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ความเสียสละต่อสังคมและการมีจิตสาธารณะ ซงึ่ สอดคล้องกับงานวจิ ยั ของก่ิงแก้ว เฟ่ืองศิลา(2558) การบริหารงานวิชาการของโรงเรยี นวัดโพรงมะเดื่อ(ศรีวิทยากร) ผลการวิจัยพบว่า การบริหารงานวิชาการของโรงเรยี นวดั โพรงมะเด่ือ (ศรีวิทยากร) โดยภาพรวมอยู่ในระดบั มาก เม่ือ พิจารณารายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมาก 11 ด้าน โดยเรียงลำดับค่ามัชฌิมเลขคณิตจากมากไปน้อย คือ การวัดผล ประเมินผลและดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน การจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา การคัดเลือก หนังสือ หน้า 109
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) แบบเรียนเพื่อใช้ในสถานศึกษา การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายใน และ มาตรฐานการศึกษา การพัฒนาหรือการดำเนินการเกี่ยวกับการให้ความเห็นการพัฒนาสาระหลักสูตรท้องถิ่น การ นิเทศการศึกษา การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การแนะแนว การจัดทำระเบียบและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับงาน ด้าน วิชาการของสถานศึกษา การพัฒนาและส่งเสริมให้มีแหล่งเรียนรู้ และยังสอดคล้องกับงานวิจัยของมูนา จารง(2560). การบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาตามทศั นะครผู ู้สอนในศนู ย์เครือข่ายตลิ่งชัน สังกัดสำนักงานเขตพ้นื ท่ี การศึกษาประถมศึกษายะลาเขต 2 ผลการค้นคว้าอิสระพบว่า ระดับการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาตาม ทัศนะครูผู้สอนในศูนย์เครือข่ายตลิ่งชัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ด้านการบริหารงาน วิชาการ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับ พบว่า ด้านการวัดผล ประเมินผล และดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้และด้านการพัฒนา หรือดำเนินการเกี่ยวกับการให้ความเห็นการ พัฒนาสาระหลักสูตรท้องถิ่น ตามลำดบั ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงาน วิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะครูผู้สอนในศูนย์เครือข่ายตลิ่งชัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษายะลา เขต 2 คือ ผู้บริหารควรมีการวางแผนงานด้านวิชาการควรพัฒนาหรือดำเนินการเกี่ยวกับการให้ ความเหน็ การพัฒนาสาระหลักสตู รท้องถนิ่ และควรมีการนิเทศการศึกษาเปน็ ระยะๆ 3. ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับสูงกับการ บริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ภาพรวม อย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ทิ ่รี ะดับ .01 เมอ่ื พิจารณาในรายละเอยี ดความสัมพนั ธต์ ามลำดับดงั นี้ ภาวะผู้นำเชิง รุกของผู้บริหารสถานศึกษาภาพรวมมีความสัมพันธ์สูงที่สุดในทิศทางเดียวกันในระดับสูงกับการบริหารงานวิชาการ ด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านกิจกรรมนักเรียน รองลงมาคือภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับสูงกับการ บริหารงานวิชาการดา้ นกิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นสงั กดั สำนักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาครด้าน กิจกรรมแนะแนว ส่วนภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศกึ ษาภาพรวมมีความสัมพันธ์ต่ำที่สุดในทิศทางเดียวกันใน ระดับปานกลางกับการบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศกึ ษาสมุทรสาครดา้ นกจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั .01 ทง้ั น้ีอาจ เนื่องมาจากผู้บริหารที่มีการบริหารงานเชิงรุกให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม ให้ความสำคัญกับพัฒนา หลกั สตู รใหส้ อดคล้องกับภูมิปญั ญาท้องถิ่นใหค้ รูบคุ ลากรทุกระดับเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนนิ งานทุกระดับ สง่ ผลให้ ครแู ละบคุ ลากรนำนโยบายไปกำหนดหนดเปน็ แผนงานท่สี อดคล้องกับกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผู้เรียน ซง่ึ สอดคล้องกับ งานวิจัยของ วสุธา ปวะบุตร(2550) ความสัมพันธ์ระหวา่ งแบบภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษากบั ประสทิ ธิผลการ บริหารงานวิชการของสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแบบ ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี ศึกษาประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของ สถานศกึ ษาในเขตพนื้ ท่ีการศึกษาอุบลราชธานี และศึกษาความสัมพันธ์ระหวา่ งแบบภาวะผู้นำของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา กับประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ ผู้บริหาร 290 คน และครผู ู้สอน 221 คน โดยการสุม่ แบบแบ่งช้ันและการส่มุ อย่างง่าย สถติ ิท่ใี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาใช้แบบภาวะผู้นำแบบสนับสนุน แบบให้มีส่วนร่วม แบบเชิงรุก และแบบมุ่งความสำเร็จอยู่ใน ระดับมาก แบบส่ังการอยู่ในระดบั ปานกลาง ผู้บริหารและครผู ู้สอนในสถานศึกษาเห็นว่าประสิทธิผลการบรหิ ารงาน หน้า 110
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กติวิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) วชิ าการของสถานศึกษาอยู่ในระดบั มาก และการใชแ้ บบภาวะผนู้ ำแบบสนบั สนุน แบบให้มสี ่วนรว่ ม แบบเชิงรุก และ แบบมุ่งความสำเร็จมีความสัมพันธ์ทางบวกกับประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาในเขตพื้นท่ี การศึกษาอบุ ลราชธานี ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอเพ่อื การนำผลการวิจยั ไปใชป้ ระโยชน์ 1.1. ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครมี ค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายละเอียดแต่ละด้านพบว่า ด้านการมีจินตนาการมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดอยู่ใน ระดับมาก ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษามีการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่จะมีผลกระทบต่อการบริหาร จัดการภายในสถานศึกษา และควรมีการนำข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์ต่าง ๆ มาบรู ณาการประกอบการบริหารจดั การใน สถานศกึ ษา เพือ่ ยกระดับคุณภาพการศกึ ษาทุกๆ ดา้ นในเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาครให้สงู ขึน้ 1.2. การบรหิ ารงานวิชาการดา้ นกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา สงั กัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาครมคี า่ เฉล่ียภาพรวมอย่ใู นระดับมาก เม่อื พจิ ารณารายละเอียดในแตล่ ะดา้ นพบวา่ ดา้ นกจิ กรรมนกั เรียนมคี า่ เฉลี่ยต่ำท่ีสุดอยใู่ นระดบั มาก ดงั นนั้ ผ้บู ริหารและครคู วรรว่ มมือกนั สรา้ งกจิ กรรมนักเรียนให้ มากขน้ึ และใหห้ ลากหลายโดยมนุ่ เน้นการนำภูมปิ ญั ญาชาวบา้ นทม่ี ีในท้องถ่นิ มาบรู ณาการกบั กจิ กรรมนักเรียนและ สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นนำความรู้ทไี่ ดไ้ ปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวนั ได้อย่างแท้จริง 1.3. ภาวะผูน้ ำเชิงรกุ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาภาพรวมมีความสมั พันธใ์ นทิศทางเดียวกนั ในระดับสูงกับการ บริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ภาพรวม เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศกึ ษาภาพรวมมีความสัมพันธ์ต่ำท่สี ดุ ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรยี นสังกัดสำนักงานเขต พ้นื ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาครดา้ นกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ดงั น้นั ผ้บู ริหารสถานศึกษาควร มีการกำหนดแผนงานและกำหนดเป็นนโยบายกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ในระดบั เดียวกันกับนโยบาย การพัฒนาทางวิชาการของผู้เรียน โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนให้มากขึ้น จัดกิจกรรมให้นักเรียนเข้าไปมีส่วน ร่วมในการพัฒนาชุมชนในขณะเดียวกันให้ผู้แทนชุมชนเข้าจัดกิจกรรมภายในโรงเรียน เช่น การจัดกิจกรรมสอนองค์ ความรู้ท่ีมีในชุมชน เป็นต้น 2. ขอ้ เสนอเพ่ือการวิจัยในคร้ังต่อไป 2.1. การศึกษาคร้ังน้ีผู้วิจัยเลือกศกึ ษาภาวะผู้นำเชิงรุกกับการบริหารงานวิชาการดา้ นกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นของ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ซึ่งผู้บริหารแต่ละสถานศึกษามีบุคลิกท่ี แตกตา่ งกัน ควรมกี ารศกึ ษาแบบของภาวะผู้นำทม่ี ใี นตวั ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาท่มี ีผลตอ่ การบริหารงานวิชาการ 2.2. การศกึ ษาครงั้ นผ้ี วู้ ิจยั ศกึ ษาการบริหารงานวชิ าการดา้ นกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนของผบู้ ริหารสถานศึกษา สงั กัดสำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร ซ่ึงการบรหิ ารงานวิชาการมีหลายดา้ นควรมีการศึกษาการ บรหิ ารงานวชิ าการดา้ นอนื่ ๆ 2.3. ควรมีการศึกษาบรหิ ารงานวิชาการดา้ นกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นในมุ่งมองของผ้ปู กครองหรือชมุ ชน หน้า 111
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) เอกสารอ้างองิ กงิ่ แก้ว เฟื่องศิลา. (2558). การบริหารงานวชิ าการของโรงเรยี นวัดโพรงมะเด่อื (ศรีวทิ ยากร). การคน้ ควา้ หลกั สูตร ปริญญาศกึ ษาศาตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา ภาควิชาการบริหารการศกึ ษา บัณฑติ วทิ ยาลัย. มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร. กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2546). พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาตพิ ทุ ธศักราช 2542 แกไ้ ข เพมิ่ เติม (ฉบับที่ 2) พุทธศกั ราช 2545. กรุงเทพมหานคร : ครุ ุสภา. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานพทุ ธศกั ราช 2551. กรุงเทพมหานคร : กระทรง ศกึ ษาธกิ าร. ปรียาพร วงศอ์ นุตรโรจน.์ (2543). การบริหารงานวชิ าการ.กรงุ เทพฯ : ศูนย์สื่อเสรมิ กรุงเทพ. ภารดี อนนั ตน์ าวี. (2555). หลกั การแนวคิดทฤษฎที างการบรหิ ารการศกึ ษา. พมิ พ์คร้ังที่ 4. ชลบุรี : มนตร.ี มูนา จารง. (2560). การบริหารงานวชิ าการของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาตามทัศนะครผู สู้ อนในศูนย์เครือขา่ ยตลง่ิ ชัน สงั กดั สำนักงานเขตพ้ืนที่ การศกึ ษาประถมศึกษายะลาเขต 2.ครุศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าการบริหาร การศกึ ษา.บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏยะลา. วสุธา ปวะบุตร(2550) ความสัมพันธร์ ะหว่างแบบภาวะผูน้ ำของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษากบั ประสิทธิผลการบรหิ ารงาน วิชาการของสถานศกึ ษาในเขตพืน้ ที่การศึกษาอบุ ลราชธาน.ี วิทยานิพนธ์ ศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ (บรหิ าร การศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั .มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช สุเทพ พงษ์ศรวี ัฒน.์ (2550). ภาวะความเปน็ ผนู้ ำ : เอกสารตำราหลักประกอยการเรยี นการสอนหลักสูตรรฐั . ประศาสนศาสตรบณั ฑติ สาขาการปกครองทอ้ งถ่ิน วชิ าภาวะความเปน็ ผนู้ ำ.กรงุ เทพฯ: เอ็กซเปอร์เนท็ . สถาบนั ทดสอบทางการศกึ ษาแห่งชาติ(องคก์ ารมหาชน). (2562). ระบบประกาศและรายงานผลสอบโอเนต็ .[online], สืบค้นเมอื่ 12 พศจิกายน 2562. Available from http://www.newonetresult.niets.or.th /AnnouncementWeb/Login.aspx สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร. (2562). ระบบข้อมูลสารสนเทศเพอื่ การบรหิ าร : สำนกั งานเขต พื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร. [online], สืบค้นเมอ่ื 24 เมษายน 2562. Available from https://data.bopp-obec.info/emis/index_area.php?Area_CODE=7401. Covey, S.R. 2004. The seven habits of highly effective people. New York: Simon and Schuster. Taro Yamane. (1973). Statistics: An Introductory Analysis.3rdEd.New York.Harper and Row Publications. หน้า 112
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) การศึกษาคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาตามทัศนะของครูในกล่มุ กรงุ ธนใต้ สงั กัดสำนกั การศึกษา กรงุ เทพมหานคร Principals’ Desired Characteristics as Perceived by School Teachers in South Krung Thon Group under Bangkok’s Department of Education จนิ ตนา สขุ สาร1 * มงั กร หริรักษ์2 Jintana Suksan1 Mangkorn Harirak2 หลกั สูตรศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชากรบรหิ ารการศกึ ษา บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั ธนบุรี1 และบัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ธนบรุ ี2 [email protected]*, [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตาม ทัศนะของครู ในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และ2) เพื่อเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุม่ กรุงธนใต้ สังกัดสำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร กำหนด ขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้หลักการคำนวณของ Taro Yamane จากความคลาดเคลื่อนจากการสุ่มตัวอย่าง 5 % ได้ จำนวนกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 353 คน โดยทำการเกบ็ รวบรวมข้อมูลแบบสอบถามจากประชากรท่ีใชใ้ นการศึกษา คือ ครูผู้สอนในโรงเรียนกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2563 ทดสอบความเชื่อมั่น ของแบบสอบถามมีค่าความเที่ยงของแบบสอบถามด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา เท่ากับ 0.940 วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ (t-test) แบบกลุ่มตัวทั้งสองเป็นอิสระ แก่กันและวิเคราะหค์ วามแปรปรวนทางเดยี วทร่ี ะดับนยั สำคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดบั 0.05 ผลการวิจยั พบว่า สถานภาพของครผู ู้สอนที่ตอบแบบสอบถามสว่ นใหญเ่ ป็นเพศหญงิ อายรุ ะหวา่ ง 26 - 35 ปี ศกึ ษาอย่ใู นระดับปรญิ ญาตรีและ ประสบการณ์ปฏิบัติงานในสถานศึกษา 6 - 15 ปี 1) ระดบั คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ภาพรวมอยู่ใน ระดบั มากเมอ่ื พิจารณาในรายละเอยี ดพบว่าด้านทมี่ ีค่าเฉลี่ยสูงทส่ี ดุ คอื การมงุ่ ผลสัมฤทธ์ิ รองลงมาคือ การสอ่ื สารและ แรงจูงใจ และดา้ นที่มคี ่าเฉล่ียต่ำสดุ คือ การมวี สิ ัยทัศน์ 2) ผลการเปรียบเทยี บคณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ของผู้บริหาร สถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร โดยจำแนกตามปัจจัยส่วน บุคคล พบว่า เพศ อายุ ระดับการศึกษา ไม่แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนด้านประสบการณ์ทำงาน ปฏิบตั งิ านในสถานศึกษา พบว่า แตกต่างกันอยา่ งมนี ัยสำคญั ทางสถิตทิ รี่ ะดบั 0.05 ซง่ึ เป็นไปตามสมมติฐาน คำสำคญั : คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงคข์ องผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา / ทศั นะของครู / สำนกั การศกึ ษากรุงเทพมหานคร หน้า 113
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ABSTRACT The current study aimed to (1) investigate level of desired characteristics of school principals as perceived by teachers in South Krung Thon Group under Bangkok’s Department of Education, (2) compare desired characteristics of school principals as perceived by teachers in South Krung Thon Group under Bangkok’ s Department of Education. A sample size of 353 was determined from a population of teachers in South Krung Thon Group in the 2020 academic year, using a Yamane’ s formular with 5% of sampling error. A questionnaire with its reliability of .94 on desired characteristics of school principals was used as a research instrument. Data were analyzed by means of percentage, mean, standard deviation, independent t-test, and one-way ANOVA at a significant level of .05. The findings revealed that the majority of the respondents were females, between 26- 35 years old, holding a bachelor’s degree, having 6-15 years of working experience. (1) Overall level of desired characteristics of school principals as perceived by teachers in South Krung Thon Group under Bangkok’s Department of Education was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest averaged aspect was achievement orientation, followed by communication and motivation, while the lowest one was having vision. ( 2) A comparison of principals’ desired characteristics as perceived by teachers in South Krung Thon Group under Bangkok’s Department of Education, as determined by personal factors, revealed that sex, age, education had no differences, while working experience showed significant difference at .05 level. KEYWORDS: School principals’ desired characteristics/ Teachers’ perception/ Bangkok’s Department of Education บทนำ การปฏริ ปู การศกึ ษาตามพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาตไิ ด้ก่อให้เกดิ กระแสการต่นื ตัวของครูอาจารยแ์ ละผู้ ที่เกี่ยวข้องในการจัดการศกึ ษาทั้งหลายปรับเปลี่ยนไปสู่การจัดการศึกษาโดยมุ่งเน้นความรู้คูค่ ุณธรรมอย่างมีคุณภาพ เพือ่ ให้เกดิ การพฒั นาศักยภาพของคนไทยทพ่ี งึ ปรารถนาทั้งน้ีการจัดการศกึ ษาและพฒั นาการศกึ ษาในอนาคต ผู้บริหาร สถานศกึ ษาควรตระหนกั วา่ การศกึ ษามบี ทบาทสำคญั ย่งิ ต่อการเตรยี มทรัพยากรมนษุ ย์ใหส้ ามารถดำรงอยู่ในสังคมได้ อย่างสงบสุข ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมสร้างอย่างสรรค์ จรรโลงสังคมให้น่าอยู่พร้อมกับการรู้จักปรับตัวให้ทันต่อ การ เปลี่ยนแปลง ไม่หลงใหลกับวัตถุนิยมจนเกิดปัญหาทางสังคมนานัปการ (ธีระ รุญเจริญ,2553) ซึ่งบุคคลที่สำคัญที่ สามารถทำให้การศกึ ษามีการพฒั นาไปได้นน้ั กค็ อื ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ซึง่ มคี วามสำคัญในดา้ นการนำองค์การไปตาม แผนการดำเนินงานดงั นั้นการบริหารสถานศึกษา จึงเป็นงานในหนา้ ที่ของผู้บริหารสถานศึกษาโดยตรง ซึ่งจำแนกเปน็ หมวดหมู่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของงาน ตามโครงสร้างของการจัดองค์การตามระบบการศึกษาและตาม แนวคดิ ของนกั บริหารสถานศึกษาแต่ละคน บทบาทหน้าท่ขี องผบู้ ริหารสถานศึกษาทีส่ ำคญั ตอ้ งใช้ความเป็นภาวะผู้นำ เป็นหัวหน้าในการใช้อำนาจและตำแหน่งที่มีในการบริหารจัดการให้การจัดการศึกษาของสถานศึกษาบรรลุเปา้ หมาย หน้า 114
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) รวมท้ังสามารถนำองค์กรไปสคู่ วามสำเรจ็ และยนื หยัดทา่ มกลางความเปลีย่ นแปลงได้อย่างสง่างาม จงึ ต้องได้รับความ ร่วมมือจากบุคลากรครูที่เป็นเสมือนพลงั ในการขบั เคลื่อนการพัฒนาคุณภาพ ประการสำคญั บุคลากรครูจะต้องมีขวญั กำลงั ใจในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ มีความมัน่ ใจ และศรทั ธาตอ่ ผบู้ ริหาร ท้ังน้กี ารปฏบิ ตั ิภารกจิ ของผู้บริหารจะมปี ระสทิ ธิภาพ ได้ข้ึนอย่กู บั ความสามารถในการ ครองตน ครองคน และครองงาน (สกุลรัตน์ กมุทมาศ, 2550) สำหรับการดำเนินงานของสำนักการศึกษากรุงเทพมหานครซึ่งมีภารกิจในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประเภทสามัญศึกษาให้แกเ่ ด็กและเยาวชนของกรุงเทพมหานครซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่ 50 สำนักงานเขตมีโรงเรียนใน สังกัด 437 โรงเรียน มีนักเรียนในความรับผิดชอบ 294,226 คน โดยได้แบ่งเขตความรับผิดชอบเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกรุงเทพกลาง กลุ่มกรุงเทพใต้ กลุ่มกรุงเทพเหนือ กลุ่มกรุงเทพตะวันออก กลุ่มกรุงธนเหนือ กลุ่มกรุงธนใต้ สำหรับกลุ่มกรุงธนใต้ ประกอบดว้ ยโรงเรียนท่ีตัง้ อยู่ในเขตภาษีเจริญ เขตบางแค เขตหนองแขม เขตบางขุนเทียน เขต บางบอน เขตราษฎร์บูรณะ และเขตทุ่งครุ มีโรงเรียนท้ังสิ้น 70 โรงเรียน จากสภาพปัญหาท่ีพบเห็นในปจั จบุ ันจะเหน็ ได้ว่าการบริหารงานของสถานศึกษามีความซับซ้อนด้านการบริหารมาก เพราะมีปัจจัยหลายด้านที่เข้ามาส่งผล เช่น ดา้ นภาวการณแ์ ข่งขนั ของระบบการศึกษา ดา้ นการปรับตัวให้เขา้ กับนโยบายท่ที างภาครฐั กำหนดให้ทกุ ปีซึ่งแต่ละปีนัน้ มีความแตกต่างกัน ด้านอิทธิพลทางการเมืองภาคท้องถิน่ ด้านงบประมาณที่มจี ำกัด และด้านปัญหาคอรัปชั่น ในด้าน การแขง่ ขนั ของระบบการศึกษานน้ั สำคัญ ปญั หาดังกล่าวพบวา่ มีผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา ผนู้ ำ หรอื หัวหน้างานหลายท่าน ที่ประสบปัญหาการดำเนินงานในองค์การเพราะการบริหารคนและการอยู่ร่วมกันในที่ทำงานกับบุคคลอื่นย่อมเลีย่ งที่ จะไม่เผชิญหน้ากบั ความขดั แย้งในเรื่องของคนโดยเฉพาะผูใ้ ต้บังคับบัญชา เพราะผู้รว่ มงานล้วนมาจากสภาพแวดล้อม และการศึกษาต่างกันถ้าหากเจ้านายหรือผู้นำองค์การไม่สามารถซื้อใจหรือเอาชนะใจผู้ใต้บังคับบัญชาได้นั้ นก็จะเกดิ ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานหรืออาจเปน็ การขัดขวางความเจริญก้าวหน้าขององคก์ ารซึ่งเหตุเกิดเพราะผู้บรหิ าร และผูร้ ่วมงานไมล่ งรอยกนั รวมท้ังเกดิ จากการท่ีผู้นำองค์กรหรือผ้บู ริหารสถานศึกษาขาดความร้คู วามสามารถด้านการ บรหิ ารงานการไมจ่ ดั ระบบหรือแบบแผนในการปฏิบตั ิงาน ขาดมนุษยสมั พันธ์ท่ีดีขาดความยุติธรรมขาดการพฒั นาด้าน บุคลิกภาพ ขาดภาวะในการเป็นผู้นำ ขาดความรอบคอบในการตัดสินใจมีความเสื่อมเสียในเรื่องส่วนตัวรวมทั้งไม่มี เครือข่ายในการเป็นต้นแบบที่ดีและถูกต้อง ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับคุณลักษณะของผู้บริหารทั้ง สิ้น หาก ผ้บู ริหารท่านใดขาดทกั ษะหรือคณุ ลักษณะในเรื่องใดเร่อื งหนึง่ แลว้ จะสง่ ผลให้การทำงานขาดประสิทธิภาพ ด้วยเหตนุ ผ้ี ู้วจิ ัยจงึ มีความสนใจทจี่ ะศึกษาคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงคข์ องผบู้ ริหารสถานศึกษาซึ่งจะทำให้ทราบ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาและนำผลการวิจยั เปน็ ขอ้ มลู ใหห้ นว่ ยงานทางการศกึ ษา ประกอบไป ด้วย การมุ่งผลสัมฤทธิ์ การบริการที่ดี การพัฒนาตนเอง การทำงานเป็นทีม การวิเคราะห์และสังเคราะห์ การสื่อสาร และแรงจูงใจการพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากร และการมีวิสัยทัศน์ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาผูบ้ ริหารสถานศึกษา ในกลุม่ กรงุ ธนใต้ สงั กดั สำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร ให้มสี มรรถนะ ที่สงู ขึ้น สามารถผลกั ดันสถานศึกษาบรรลุผล สำเร็จตามที่ต้องการและเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษา แห่งชาติ วัตถุประสงคก์ ารวิจยั 1) เพื่อศึกษาระดับคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มกรงุ ธนใต้ สังกัดสำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร หน้า 115
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 2) เพื่อเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สงั กดั สำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร จำแนกตามปจั จัยส่วนบคุ คล เอกสารและงานวิจัยทีเ่ กี่ยวข้อง คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา หมายถึง พฤตกิ รรมการแสดงออกเฉพาะบุคคลทปี่ รารถนา ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมด้านต่าง ๆ และเป็นไปตามความต้องการหรือความมุ่งหมายของผู้บริหาร สถานศึกษา คุณลักษณะของผู้บริหารทีพึงประสงค์นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ทีสามารถทำให้การบริหารงาน บรรลุผล สำเร็จตามต้องการและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้บริหารทีมีคุณลักษณะทางด้านบุคลิกภาพ ความสามารถในการ บริหารงานด้านวิชาการและความเป็นผู้นำนอกจากนี้การปฏิบัติตนของผู้บริหารยังส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการ ปฏิบตั ิงาน รวมทง้ั ขวญั และกำลงั ใจของครดู ้วยซ่งึ สอดคล้องกับมาตรฐานการศกึ ษาเพื่อการประเมินคุณภาพภายนอก ของการศึกษาขั้น พื้นฐานทีกล่าวว่าผู้บริหาร ควรมีวิสัยทัศน์ในการจัดการศึกษาให้ทัน ต่อการเปลี่ยนแปลง มีภาวะ ผู้นำซง่ึ สง่ ผลให้การปฏบิ ัติงานประสบความสำเรจ็ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (2557) ได้ให้ความหมายคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ของ ผู้บริหารสถานศึกษา ประกอบดว้ ย 1) การมงุ่ ผลสมั ฤทธ์ิ หมายถงึ ความมุ่งมนั่ ในการปฏิบัติงานในหน้าที่ให้มีคุณภาพ ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ มคี วามคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ และมกี ารพฒั นาผลงานให้มคี ุณภาพอยา่ งต่อเนอื่ ง 2) การบริการ ที่ดี หมายถึง ความตงั้ ใจในการปรบั ปรุงระบบบริการใหม้ ปี ระสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความตอ้ งการของผรู้ บั บรกิ าร 3) การพัฒนาตนเอง หมายถึง การศึกษา ค้นคว้า หาความรู้ติดตามองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆในวงวิชาการและ วิชาชีพเพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนางาน4) การทำงานเป็นทีม หมายถึง การให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือ สนับสนุน เสริมแรง ให้กำลังใจแกเ่ พื่อนร่วมงาน การปรับตัวเขา้ กับบุคคลอื่น หรือแสดงบทบาทผู้นำ ผู้ตามได้อย่างเหมาะสม 5) การวเิ คราะห์และสงั เคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการทำความเข้าใจสง่ิ ต่าง ๆ แล้วแยกประเดน็ เป็นส่วนย่อย ตาม หลักการหรอื กฎเกณฑ์ที่กำหนด สามารถรวบรวมสง่ิ ต่าง ๆ จัดทำอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ปัญหาหรอื พฒั นางาน รวมทั้ง สามารถวเิ คราะหอ์ งค์กรหรืองานในภาพรวมและดำเนินการแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ 6) การสอ่ื สารและจงู ใจ หมายถงึ ความสามารถในการพูด เขียน สื่อสาร โต้ตอบ ในโอกาสและสถานการณ์ต่าง ๆ ตลอดจนสามารถชักจูง โน้มน้าวให้ ผู้อื่น เห็นด้วย ยอมรับ คล้อยตามเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายของการสื่อสาร 7) การพัฒนาศักยภาพบุคลากร หมายถึง ความสามารถในการให้คำปรึกษาแนะนำ และชว่ ยแก้ปัญหาให้แก่เพ่ือนร่วมงานและผเู้ ก่ียวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนา บคุ ลากร ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง รวมทง้ั สง่ เสริมสนบั สนุนและให้โอกาสผ้รู ่วมงานได้พฒั นาในรูปแบบตา่ ง ๆ 8) การมี วิสัยทัศน์ หมายถึง ความสามารถในการกำหนดวิสัยทัศน์ทิศทาง หรือแนวทางการพัฒนาองคก์ รท่ีเป็นรูปธรรม เป็นท่ี ยอมรบั และเปน็ ไปไดใ้ นทางปฏิบัตกิ ารยอมรบั แนวคิด/วิธีการใหม่ๆ เพ่อื การพัฒนางาน ครูมีบทบาทและความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะเป็นผู้ให้การศึกษาของชาติ ครูคือผู้ที่กำหนดอนาคตของคนใน ชาติ ชาติใดก็ตามที่ได้ครูเป็นคนมีความรู้ เป็นคนเก่ง เป็นคนเสียสละ ตั้งใจทำงาน เพื่อประโยชน์ของนักเรียนชาตนิ น้ั จะไดพ้ ลเมืองทเี่ ก่งและฉลาด มีศกั ยภาพ และมีความสามารถที่จะแข่งขันกบั ทุกประเทศในโลกได้ โดยท่ี (ภาวิณี เพชร สว่าง,2552) กล่าวว่า ทัศนะของครู หมายถึง แนวโน้มในการตอบสนองที่ค่อนข้างแน่นอนต่อบุคคล สถานการณ์หรอื สิ่งของ ซึ่งสามารถทราบทศั นะได้จากคำพูด ความเชื่อ ความรู้สึก และจากสิง่ ท่ีเขาทำวิธีการที่เขาตอบสนองและเทอร์ สโตน (Thurstone,1977) ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับทัศนะของครู หมายถึง การแสดงออกทางด้านผลรวมของความ หนา้ 116
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) โน้มเอียง ความรู้สึกและอคติอาจเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจมาก่อน หรืออาจะเป็นความคิด ความเชื่อ หรือการลง ความเห็นของมนุษย์ตอ่ สงิ่ ใดสงิ่ หนึ่ง จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เอกสาร ตำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่ได้ศึกษามาทั้งหมด กล่าวโดยสรุปว่า คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามแนวคิดของของ (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการ กรุงเทพมหานคร,2557) ซึ่งประกอบด้วย 8 องค์ประกอบได้แก่ การมุ่งผลสัมฤทธิ์ การบริการที่ดี การพัฒนาตนเอง การทำงานเป็นทีม การวิเคราะห์และสังเคราะห์ การสื่อสารและแรงจูงใจ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร และ การมี วิสัยทัศน์ เป็นคุณลักษณะของผู้บริหารที่พึงประสงค์นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถทำให้การบริหารงานบรรลุผล สำเร็จตามต้องการมีประสิทธิภาพและจะช่วยสนับสนุนในการตัดสนิ ใจและการดำเนินการตา่ ง ๆ ตลอดจนชุมชนและ ท้องถิน่ ซง่ึ สง่ ผลให้การปฏบิ ัติงานของสถานศึกษาดำเนนิ ไปสูก่ ารพฒั นาใหป้ ระสบความสำเร็จ ต่อไป วิธดี ำเนนิ การวิจยั ตวั แปรตาม ตวั แปรต้น คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงคข์ องผบู้ รหิ าสถานศกึ ษา 1. ดา้ นการมุ่งผลสมั ฤทธ์ิ ปจั จัยสว่ นบคุ ล 2. ด้านการบริการทดี่ ี 1. เพศ 3. ด้านการพฒั นาตนเอง 2. อายุ 4. ดา้ นการทำงานเป็นทมี 3. ระดับการศกึ ษา 5. ด้านการวิเคราะหแ์ ละสงั เคราะห์ 4. ประสบการณ์ในการปฏิบตั งิ าน 6. ด้านการส่อื สารและแรงจูงใจ 7. ดา้ นการพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากร 8. ดา้ นการมีวิสยั ทศั น์ ที่มา : (สำนกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการกรงุ เทพมหานคร,2557) ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ประชากร คือ ครูผู้สอนในโรงเรียนกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2563 จำนวน 3,000 คน กลมุ่ ตวั อย่าง คือ ครผู สู้ อนในโรงเรียนกลุ่มกรงุ ธนใต้ สงั กดั สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ปกี ารศึกษา 2563 กำหนดขนาดกล่มุ ตวั อย่างโดยใชห้ ลักการคำนวณของ Taro Yamane จากความคลาดเคล่ือนจากการสุ่มตัวอย่าง 5% จำนวน 353 คน เครื่องมือท่ใี ชใ้ นการวิจยั เครื่องมือท่ใี ช้ในการวจิ ัยครงั้ นเ้ี ป็นแบบสอบถามทีผ่ ้วู ิจยั สร้างขนึ้ ตามแนวคิด ทฤษฎแี ละเอกสารทเี่ ก่ยี วข้อง มี ตอนด 2ังน้ี หนา้ 117
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ตอนที่ 1 สอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามมขี ้อคำถามเกย่ี วกบั การวิเคราะหข์ ้อมลู สอบถาม เก่ยี วกับสถานภาพของผตู้ อบแบบสอบถาม มขี อ้ คำถามเกย่ี วกับเก่ยี วกบั เพศ อายุ ระดับการศกึ ษา และประสบการณ์ ในการทำงาน มลี กั ษณะเปน็ แบบสำรวจรายการ (checklist) ตอนท่ี 2 สอบถามเกีย่ วกับคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาตามทศั นะของครู ในกลุ่มกรงุ ธน ใต้ สงั กัดสำนักการศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร โดยแบ่งคุณลักษณะออกเป็น 2 การมุง่ ผลสมั ฤทธ์ิ .1 ดา้ น ประกอบดว้ ย 8. การบริการทด่ี ี 4 การพัฒนาตนเอง .3. การทำงานเปน็ ทีม การวิเคราะห .5์และสังเคราะห์ การสอ่ื สารและแรงจงู ใจ.6 7. การพัฒนาศักยภาพบุคลากร ) การมวี ิสยั ทศั น์ ซึง่ มลี กั ษณะเปน็ มาตรสว่ นประมาณค่า .8rating scale) ระดบั 5 ตามแนวคดิ ของLikert มี ระดบั คือ มากทส่ี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยท่สี ดุ 5 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ผู้วิจัยขอความอนุเคราะห์ในการเก็บข้อมูลจากครูที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน ท่าน 353 ดำเนินการจัดส่ง แบบสอบถามถึงผู้บริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร กลุ่มกรุงธนใต้ และการขอความ อนุเคราะห์เก็บข้อมูลจากครูที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน ท่าน ในการตอบแบบสอบถาม 353 ดำเนินการเก็บรวบรวม แบบสอบถามคืนมาจำนวนจำนวน ชุด 353 ได้แบบสอบถามกลับคนื ร้อยละ ที่มีความสมบรู ณ์กลับคืน 100 ตรวจสอบ ความสมบูรณ์ของแบบสอบถามที่ได้รับกลับคืนมาเพื่อนำมาลงรหัสข้อมูลและนำไปวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม สำเรจ็ รปู การวเิ คราะห์ขอ้ มลู สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการวิจัย ไดแ้ ก่ ค่าเฉลีย่ ค่ารอ้ ยละ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการใช้สถติ ิ (t- test) แบบกลมุ่ ตวั ทัง้ สองเปน็ อสิ ระแกก่ ัน(Independent Sampling) การวเิ คราะหค์ วามแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) ท่ีระดบั นัยสำคัญทางสถิตทิ ่รี ะดบั 0.05 โดยนำผลทไี่ ดเ้ ทียบกบั เกณฑก์ ารประเมนิ ตามแนวคดิ ของ Likert แต่ละระดบั มคี วามหมายดังนี้ ระดับ 1 หมายถงึ ทศั นะของครู อยู่ในระดับ น้อยทสี่ ดุ ระดับ 2 หมายถงึ ทัศนะของครู อยใู่ นระดบั น้อย ระดบั 3 หมายถงึ ทัศนะของครู อยใู่ นระดับ ปานกลาง ระดบั 4 หมายถงึ ทัศนะของครู อยูใ่ นระดบั มาก ระดบั 5 หมายถึง ทศั นะของครู อยใู่ นระดับ มากทสี่ ุด ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล 1. ผลการวเิ คราะหร์ ะดับคุณลักษณะที่พึงประสงคข์ องผบู้ รหิ ารสถานศึกษาตามทศั นะของครูในกลมุ่ กรุงธนใต้ สงั กดั สำนักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร ปรากฏดังตารางท่ี 1 ดังน้ี ตารางที่ 1 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระดับ และลำดับคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตาม ทศั นะของครูในกล่มุ กรงุ ธนใต้ สังกดั สำนักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร คุณลักษณะทพี่ ึงประสงคข์ องผ้บู ริหารสถานศกึ ษาตามทัศนะของครู X̅ S.D. ระดบั ลำดับ 1 การมุ่งผลสมั ฤทธ์ิ 4.11 0.64 มาก 1 2. การบรกิ ารทีด่ ี 4.03 0.62 มาก 5 3. การพัฒนาตนเอง 4.00 0.68 มาก 7 หนา้ 118
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 4. การทำงานเป็นทมี 4.07 0.61 มาก 3 5. การวเิ คราะห์และสังเคราะห์ 4.05 0.63 มาก 4 6. การสื่อสารและแรงจูงใจ 4.08 0.67 มาก 2 7. การพฒั นาศักยภาพบคุ ลากร 4.02 0.66 มาก 6 8. การมวี สิ ัยทศั น์ 3.96 0.67 มาก 8 4.04 0.56 มาก รวม จากตารางที่ 1 พบว่าระดับคุณลักษณะที่พึงประสงคข์ องผ้บู รหิ ารสถานศึกษาตามทัศนะของครใู นกล่มุ กรุงธน ใต้ สงั กดั สำนักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X̅ = 4.04, S.D.= 0.56) และเมอื่ พิจารณาเป็น รายด้านพบว่า ด้านการมุ่งผลสัมฤทธ์ิ อยู่ในลำดับสูงท่ีสุด (̅X = 4.11) รองลงมาคือ ด้านการส่ือสารและแรงจงู ใจ (̅X = 4.08) ส่วนด้านการมีวสิ ยั ทศั น์ (X̅ = 3.96) มีคา่ เฉลยี่ ต่ำทส่ี ุด 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่ม กรุงธนใต้ สงั กัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ปรากฏดังตารางท่ี 2 ดงั น้ี ตารางที่ 2 ผลการวิเคราะหเ์ ปรียบเทียบคณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงคข์ องผบู้ รหิ ารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลมุ่ กรุง ธนใต้ สงั กัดสำนักการศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร จำแนกตามเพศ คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงคข์ อง t-test for Equality of Mean ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาตามทศั นะของ เพศ X̅ S.D. t df p-value ครู ด้านการมุ่งผลสัมฤทธิ์ ชาย 4.08 0.61 -0.453 351 0.651 หญงิ 4.12 0.65 ดา้ นการบรกิ ารทีด่ ี ชาย 4.04 0.61 0.261 351 0.794 หญิง 4.02 0.63 ด้านการพฒั นาตนเอง ชาย 3.99 0.69 -0.033 351 0.974 หญงิ 4.00 0.68 ดา้ นการทำงานเป็นทีม ชาย 4.09 0.61 0.374 351 0.709 หญงิ 0.06 0.61 ดา้ นการวเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะห์ ชาย 4.07 0.64 0.349 351 0.728 หญิง 4.04 0.63 ด้านการสื่อสารและแรงจงู ใจ ชาย 4.09 0.60 0.278 351 0.781 หญิง 4.07 0.70 ดา้ นการพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากร ชาย 4.03 0.56 0.086 351 0.932 หญิง 4.02 0.69 ด้านการมวี สิ ัยทัศน์ ชาย 3.97 0.65 0.256 351 0.798 หญงิ 3.95 0.68 หน้า 119
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ภาพรวม ชาย 4.05 0.51 0.160 351 0.873 หญิง 4.04 0.57 จากตารางที่ 2 พบว่าผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณลักษณะท่ีพึงประสงคข์ องผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาตามทัศนะของ ครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จำแนกตามเพศ โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกันอย่างมี นัยสำคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั 0.05 3. ผลการวิเคราะห์เปรยี บเทยี บคุณลักษณะท่พี ึงประสงคข์ องผบู้ รหิ ารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุม่ กรุงธนใต้ สงั กัดสำนักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร จำแนกตามอายุ ปรากฏดงั ตารางท่ี 3 ดังนี้ ตารางที่ 3 ผลการวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาตามทัศนะของครใู นกลมุ่ กรุง ธนใต้ สงั กัดสำนกั การศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร จำแนกตามอายุ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ แหลง่ ความ s.s. df M.S. F P-value ของผู้บริหารสถานศกึ ษาตามทัศนะของครู แปรปรวน 0.822 2.003 0.113 ด้านการม่งุ ผลสัมฤทธิ์ ระหวา่ งกลมุ่ 2.465 3 0.410 ภายในกลุ่ม 143.194 349 ดา้ นการบริการทดี่ ี รวม 145.659 352 1.497 3.970* 0.008 ระหว่างกล่มุ 3 0.377 ด้านการพฒั นาตนเอง ภายในกลุ่ม 4.490 349 รวม 131.580 352 0.837 1.815 0.144 ดา้ นการทำงานเปน็ ทมี ระหวา่ งกลุ่ม 136.070 3 0.461 ภายในกลุ่ม 349 ดา้ นการวเิ คราะห์และสังเคราะห์ รวม 2.510 352 0.858 2.382 0.074 ระหว่างกลุ่ม 160.922 3 0.368 ดา้ นการส่อื สารและแรงจงู ใจ ภายในกลุ่ม 163.433 349 รวม 352 0.549 1.386 0.247 ด้านการพฒั นาศกั ยภาพบุคลากร ระหว่างกลมุ่ 2.574 3 0.397 ภายในกลมุ่ 128.576 349 รวม 131.149 352 0.626 1.393 0.245 ระหวา่ งกล่มุ 3 0.449 ภายในกลุ่ม 1.648 349 รวม 138.390 352 0.830 1.909 0.128 140.038 3 0.435 ระหวา่ งกลุม่ 1.877 349 ภายในกลมุ่ 156.674 158.550 352 รวม 2.490 151.731 154.221 หนา้ 120
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ด้านการมีวสิ ัยทัศน์ ระหว่างกลมุ่ 1.975 3 0.658 1.468 0.223 คา่ เฉลี่ยรวม ภายในกลมุ่ 156.552 349 0.449 รวม 158.527 352 ระหว่าง 0.759 2.485 0.061 กลุม่ 2.277 3 0.306 ภายในกลมุ่ รวม 106.625 349 108.902 352 จากตารางที่ 3 พบว่าผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตาม ทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จำแนกตามอายุ โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เมื่อพิจารณาในรายด้านพบว่า ด้านการบริการที่ดี แตกต่างกันอย่างมี นยั สำคัญทางสถิติท่รี ะดบั 0.05 4. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่ม กรุงธนใต้ สังกดั สำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร จำแนกตามระดับการศกึ ษา ปรากฏดงั ตารางท่ี 4 ดังนี้ ตารางที่ 4 ผลการวเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บคณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลมุ่ กรงุ ธนใต้ สังกดั สำนกั การศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร จำแนกตามระดับการศึกษา คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ แหล่งความ s.s. df M.S. F P-value ของผ้บู ริหารสถานศึกษาตามทศั นะของครู แปรปรวน ดา้ นการมงุ่ ผลสมั ฤทธ์ิ ระหวา่ งกลมุ่ 0.553 1 0.553 1.338 0.248 ภายในกลุ่ม ด้านการบรกิ ารที่ดี รวม 145.106 351 0.413 ระหว่างกลุ่ม ดา้ นการพัฒนาตนเอง ภายในกลุ่ม 145.659 352 รวม ดา้ นการทำงานเปน็ ทมี ระหวา่ งกลุ่ม 1.472 1 1.472 3.383 0.051 ภายในกลุ่ม ด้านการวเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะห์ รวม 134.598 351 0.383 ด้านการสอื่ สารและแรงจงู ใจ ระหว่างกลุ่ม 136.070 352 ภายในกล่มุ 1.366 1 1.366 2.958 0.086 รวม ระหวา่ งกลมุ่ 162.067 351 0.462 ภายในกลุม่ รวม 163.433 352 ระหวา่ งกลมุ่ 0.201 1 0.201 0.538 0.464 ภายในกลุ่ม 130.949 351 0.373 131.149 352 0.000 1 0.000 0.000 0.992 140.038 351 0.399 140.038 352 0.184 1 0.184 0.408 0.524 158.366 351 0.451 หนา้ 121
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ แหลง่ ความ s.s. df M.S. F P-value ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาตามทศั นะของครู แปรปรวน ดา้ นการพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากร รวม 158.550 352 ระหวา่ งกลมุ่ ด้านการมวี ิสยั ทศั น์ ภายในกลุ่ม 0.039 1 0.039 0.089 0.766 รวม คา่ เฉลี่ยรวม 154.182 351 0.439 ระหว่างกลุม่ 154.221 352 ภายในกลมุ่ รวม 0.264 1 0.264 0.585 0.445 ระหวา่ งกลมุ่ ภายในกล่มุ 158.263 351 0.451 รวม 158.527 352 0.232 1 0.232 0.748 0.388 108.671 351 0.310 108.902 352 จากตารางที่ 4 พบว่าผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตาม ทัศนะของครใู นกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จำแนกตามระดบั การศึกษา โดยภาพรวมและ รายด้านแตกตา่ งกันอย่างไม่มนี ัยสำคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ 0.05 5. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่ม กรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษา ปรากฏ ดังตารางที่ 5 ดังนี้ ตารางท่ี 5 ผลการวเิ คราะห์เปรยี บเทยี บคุณลักษณะท่ีพึงประสงคข์ องผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาตามทศั นะของครใู นกลมุ่ กรงุ ธนใต้ สังกดั สำนกั การศึกษา กรงุ เทพมหานคร จำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบตั ิงานในสถานศึกษา คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ แหล่งความ s.s. df M.S. F P-value ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาตามทัศนะของครู แปรปรวน ดา้ นการม่งุ ผลสมั ฤทธิ์ ระหว่างกลุ่ม 1.730 2 0.865 2.103 0.124 ภายในกลมุ่ ดา้ นการบริการทีด่ ี รวม 143.930 350 0.411 ระหวา่ งกลมุ่ ดา้ นการพัฒนาตนเอง ภายในกล่มุ 145.659 352 รวม ดา้ นการทำงานเปน็ ทีม ระหวา่ งกลมุ่ 3.403 2 1.702 4.489* 0.012 ดา้ นการวเิ คราะหแ์ ละสังเคราะห์ ภายในกล่มุ รวม 132.667 350 0.379 ระหวา่ งกลมุ่ ภายในกลุ่ม 136.070 352 รวม ระหวา่ งกลุ่ม 4.548 2 2.274 5.009* 0.007 ภายในกล่มุ รวม 158.885 350 0.454 163.433 352 2.366 2 1.183 3.215* 0.041 128.783 350 0.368 131.149 352 3.150 2 1.575 4.027* 0.019 136.887 350 0.391 140.038 352 หน้า 122
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ด้านการส่อื สารและแรงจูงใจ ระหว่างกลมุ่ 1.378 2 0.689 1.534 0.217 ด้านการพฒั นาศกั ยภาพบคุ ลากร ภายในกลุ่ม ด้านการมวี ิสยั ทศั น์ รวม 157.173 350 0.449 ระหว่างกลุ่ม ภายในกลมุ่ 158.550 352 ภายในกลมุ่ ระหวา่ งกลุ่ม 2.574 2 1.287 2.970 0.053 ภายในกลุ่ม รวม 151.647 350 0.433 154.221 352 4.043 2 2.021 4.580* 0.11 154.484 350 0.441 158.527 352 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ แหลง่ ความ s.s. df M.S. F P-value ของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาตามทัศนะของครู แปรปรวน 4.415* 0.013 คา่ เฉล่ียรวม ระหว่างกลุ่ม 2.680 2 1.340 ภายในกลุ่ม 106.223 350 0.303 รวม 108.902 352 จากตารางที่ 5 พบว่าผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตาม ทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร จำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานใน สถานศึกษา โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านการ บริการที่ดี ด้านการพัฒนาตนเอง ด้านการทำงานเป็นทีม ด้านการวิเคราะห์และสังเคราะห์ และด้านการมีวิสัยทัศน์ แตกตา่ งกันอย่างมีนัยสำคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั 0.05 สรปุ ผลการวิจยั การวจิ ยั เรื่อง คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงคข์ องผบู้ ริหารสถานศกึ ษาตามทัศนะของครใู นกลมุ่ กรงุ ธนใต้ สงั กดั สำนกั การศึกษา กรงุ เทพมหานคร สามารถสรุปผลตามวัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั ได้ ดังนี้ 1. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรุงเทพมหานคร พบว่า คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ การมงุ่ ผลสัมฤทธ์ิ รองลงมาคือ การส่อื สารและแรงจงู ใจ และการมีวสิ ัยทัศน์ มคี ่าเฉลี่ยต่ำทสี่ ุด 1.1 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรงุ เทพมหานคร ดา้ นการมงุ่ ผลสมั ฤทธิ์ โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เมื่อพจิ ารณาเป็นรายข้อพบวา่ ข้อท่ีมี คา่ เฉล่ยี สงู ท่สี ดุ คอื ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษามีความคดิ รเิ ริม่ สร้างสรรค์ในการนำนวตั กรรมมาใชท้ างการบริหารเพื่อให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุดแก่องค์กร รองลงมาคือ ผู้บริหารสถานศึกษามีการกำหนดให้ผู้เรียนทุกระดับชั้นมีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนตามเกณฑ์มาตรฐานและมคี ุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ให้อยู่ในระดับทีด่ ตี ามเกณฑ์มาตรฐานคณุ ภาพ และ ผู้บริหารสถานศึกษาของท่านมุ่งมั่นและตั้งใจในการปฏิบัติงานในหน้าที่ผู้บริหารสถานศึกษาให้เต็มตามศักยภาพ มี ค่าเฉลี่ยตำ่ ที่สุด หนา้ 123
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 1.2 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการบริการที่ดี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มี ค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ ผู้บริหารสถานศึกษาแสดงถึงความตั้งใจในการปรับปรุงระบบบริการภายในสถานศึกษาสำหรับ ผู้เรียนได้แก่ อาหารเช้า อาหารกลางวัน การบริการตรวจสุขภาพ รถรับส่ง บริการห้องสมุด ฯลฯ รองลงมาคือ ผู้บริหารสถานศึกษามีการอำนวยความสะดวกแก่ ชุมชน ท้องถิ่นรวมทั้งหน่วยงานราชการต่าง ๆ ในการใช้อาคาร สถานที่ หอประชุมลานเอนกประสงค์อุปกรณ์การเรียนการสอนภายในสถานศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษาสามารถ จัดระบบการให้บริการแกผ่ ูเ้ รยี นบนพ้ืนฐานของความต้องการของผู้ปกครองและผูร้ บั บริการ มีคา่ เฉล่ยี ตำ่ ท่ีสดุ 1.3 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สั งกัดสำนัก การศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร ด้านการพฒั นาตนเอง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพจิ ารณาเป็นรายขอ้ พบว่า ข้อที่มี ค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ผู้บริหารสถานศึกษานำองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการศึกษาสมัยใหม่มาพัฒนาตนเองและ สถานศกึ ษาอย่างต่อเนือ่ ง รองลงมาคอื ผ้บู ริหารสถานศกึ ษาสามารถพฒั นาองค์ความรูแ้ ละเทคโนโลยีทางการศกึ ษาให้ ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และผู้บริหารสถานศึกษาของท่านแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งทางด้านวิชาการและวิชาชีพทางการ บริหารเพ่อื นำมาพัฒนาบคุ ลากร มีคา่ เฉลี่ยต่ำทส่ี ดุ 1.4 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรงุ เทพมหานคร ดา้ นการทำงานเปน็ ทมี โดยภาพรวมอย่ใู นระดบั มาก เมอ่ื พจิ ารณาเปน็ รายขอ้ พบวา่ ข้อท่ี มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ ผู้บริหารสถานศึกษาให้เกียรติยกย่องชมเชย ให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมงานในโอกาสที่เหมาะสม รองลงมาคอื ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษามกี ารปรบั ตวั ให้เขา้ กบั สถานการณ์ที่เกิดขน้ึ ทงั้ ภายในและภายนอกสถานศกึ ษา และ ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาของทา่ นเปดิ โอกาสให้ครแู ละบุคลากรได้ปฏบิ ตั งิ านตามความถนัด ตามความตอ้ งการของคณะครู มีค่าเฉลี่ยตำ่ ที่สุด 1.5 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการวิเคราะห์และสังเคราะห์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายขอ้ พบวา่ ขอ้ ทม่ี ีค่าเฉลี่ยสงู ทส่ี ดุ คอื ผ้บู ริหารสถานศกึ ษาสามารถวิเคราะหจ์ ดั ลำดบั ตามความสำคัญของงานเพ่อื นำมาสรา้ ง เป็นกฎเกณฑ์ในการปฏิบัติงานในสถานศึกษาในกรณีที่มีปัญหาอุปสรรคในการบริหาร รองลงมาคือ ผู้บริหาร สถานศึกษาสามารถรวบรวมข้อมูล จัดลำดับความสำคัญของปัญหาวิเคราะห์ถึงแนวทางของการแก้ปัญหาตามระบบ SWOT ไดแ้ ก่ จุดแข็ง จดุ อ่อน โอกาส อุปสรรค อยา่ งเป็นระบบ และผูบ้ รหิ ารสถานศึกษามคี วามรคู้ วามสามารถในการ ประมวลขอ้ มูลตา่ ง ๆ ท่ไี ด้รบั ท้ังภายในและภายนอกสถานศกึ ษา มีคา่ เฉลยี่ ต่ำทส่ี ดุ 1.6 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร ดา้ นการสื่อสารและแรงจูงใจ โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก เม่ือพิจารณาเปน็ รายขอ้ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สดุ คือ ผู้บริหารสถานศึกษามีความสามารถในการเขียนสื่อความให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องเกิดความเขา้ ใจ ไปในทางเดียวกนั รองลงมาคอื ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถส่ือสารโตต้ อบโดยใชภ้ าษาทีก่ ระชับ เขา้ ใจง่าย เพ่ือให้คน ทุกระดับชั้นเข้าใจความตอ้ งการและนำไปปฏิบัติได้ตามวัตถุประสงค์ และผู้บริหารสถานศึกษามีความสามารถในการ ใช้วธิ ีการทางจติ วิทยาในการพูดเพือ่ ชักจงู โน้มนา้ วให้ผู้อื่นเห็นดว้ ย ยอมรับคล้อยตามพร้อมทจ่ี ะปฏิบัตงิ านให้บรรลตุ าม วัตถปุ ระสงค์ มีค่าเฉลย่ี ต่ำทีส่ ุด หน้า 124
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 1.7 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ ผู้บริหารสถานศึกษามีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ที่จะนำมาถ่ายทอดให้ คำปรึกษาให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้ครูสามารถแก้ปัญหาในการปฏิบัติงาน รองลงมาคือผู้บริหารสถานศึกษาทำให้ครู ได้รับการพัฒนาศักยภาพมีขีดความสามารถในการปฏิบัติงานที่สูงขึ้น และผู้บริหารสถานศึกษาปฏิ บัติตนเป็น แบบอย่างที่ดีในด้านความอดทน เสียสละ และเป็นแบบอย่างในการส่งเสริมให้เพื่อนครูได้พัฒนาตนเองในรูปแบบท่ี หลากหลาย มคี า่ เฉลย่ี ต่ำทส่ี ดุ 1.8 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการมีวิสัยทัศน์โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มี ค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ ผู้บริหารสถานศึกษาทำให้สถานศึกษามีความทันสมัยเป็นที่ยอมรับของผู้รับบริการ รองลงมาคือ ผู้บริหารสถานศึกษามีความรู้ความสามารถในการกำหนดทิศทางเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาสถานศึกษา และ ผู้บริหารสถานศึกษานำแนวคิดและวิธีการใหม่ ๆ มาพัฒนางานทำให้สถานศึกษาได้รับการยกระดับจากหน่วยงาน องค์กรทีเ่ ก่ียวข้องชมุ ชนผปู้ กครองวา่ มคี ุณภาพ มคี า่ เฉล่ียต่ำทส่ี ดุ 2. เปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร 2.1 การเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ตามความคิดเห็นของครู โดยจำแนกตามเพศ พบว่า การเปรียบเทียบ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร จำแนกตามเพศ โดยภาพรวมและรายดา้ นไม่แตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ิทร่ี ะดับ 0.05 2.2 การเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ตามความคิดเห็นของครู โดยจำแนกตามอายุ พบว่า การเปรียบเทียบ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จำแนกตามอายุ โดยภาพรวมแตกตา่ งกันอย่างมีนยั สำคญั ทางสถติ ิที่ระดบั 0.05 เมอ่ื พิจารณาในราย ด้านพบว่า ด้านการบรกิ ารท่ดี ี แตกต่างกนั อย่างมีนยั สำคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ 0.05 มีทั้งหมด 1 คู่ พบว่าครูที่มีอายุ 26 – 35 ปี กับครูที่มีอายุ 46 ปี ขึ้นไป มีทัศนะเกี่ยวกับคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหาร สถานศึกษาในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการบริการที่ดี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทาง สถติ ทิ ่ีระดับ 0.05 2.3 การเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ตามความคิดเห็นของครู โดยจำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า การ เปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรงุ เทพมหานคร จำแนกตามระดบั การศกึ ษา โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกันอยา่ งมีนัยสำคัญทาง สถิติท่รี ะดับ 0.05 2.4 การเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ตามความคิดเห็นของครู โดยจำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานใน หน้า 125
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สถานศึกษา พบวา่ การเปรียบเทยี บคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ของผบู้ ริหารสถานศึกษาตามทศั นะของครูในกลุ่มกรุงธน ใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษา โดยภาพรวม แตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ 0.05 เมื่อพิจารณาเป็นราบด้านพบว่า ด้านการบริการทีด่ ี ด้านการพฒั นา ตนเอง ด้านการทำงานเป็นทมี ด้านการวิเคราะห์และสังเคราะห์ และดา้ นการมีวิสยั ทัศน์ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถติ ทิ รี่ ะดับ 0.05 โดยจำแนกประสบการณ์ทำงานปฏิบัตงิ านในสถานศกึ ษาเปน็ รายคู่ 2.5 เปรียบเทียบคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกดั สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษา แตกต่างกันอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติทีร่ ะดับ 0.05 มที งั้ หมด 1 คู่ พบว่า ครูที่มีประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษาน้อยกว่า 5 ปี กับครูที่มีประสบการณ์ทำงาน ปฏบิ ัติงานในสถานศกึ ษา 16 ปีขน้ึ ไป จะมีทัศนะเกย่ี วกับคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มกรุง ธนใต้ สงั กัดสำนกั การศึกษา กรงุ เทพมหานครแตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั 0.05 2.6 เปรียบเทียบคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัด สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการบริการที่ดี จำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษา แตกตา่ งกนั อยา่ งมีนัยสำคัญทางสถิตทิ รี่ ะดบั 0.05 มีท้งั หมด 1 คู่ พบว่า ครูที่มีประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษาน้อยกว่า 5 ปี กับครูที่มีประสบการณ์ทำงาน ปฏิบัติงานในสถานศกึ ษา 16 ปีขึ้นไป จะมีทัศนะเกี่ยวกบั คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มกรุง ธนใต้ สงั กดั สำนักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร ดา้ นการบรกิ ารทีด่ ี แตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 2.7 เปรียบเทียบคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัด สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการพัฒนาตนเอง จำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษา แตกต่างกันอยา่ งมีนัยสำคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดบั 0.05 มที ัง้ หมด 1 คู่ พบว่า ครูที่มีประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษาน้อยกว่า 5 ปี กับครูที่มีประสบการณ์ทำงาน ปฏิบัติงานในสถานศึกษา 16 ปีขน้ึ ไป จะมที ัศนะเก่ียวกับคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงคข์ องผูบ้ ริหารสถานศึกษาในกลุ่มกรุง ธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการพัฒนาตนเอง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2.8 เปรียบเทียบคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัด สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการทำงานเป็นทีม จำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษา แตกตา่ งกันอย่างมีนัยสำคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั 0.05 มที ้ังหมด 2 คู่ ค่ทู ่ี 1 พบว่า ครูทีม่ ีประสบการณท์ ำงานปฏิบัตงิ านในสถานศกึ ษานอ้ ยกวา่ 5 ปี กับครูทม่ี ีประสบการณท์ ำงาน ปฏิบตั งิ านในสถานศึกษา 16 ปขี นึ้ ไป จะมีทัศนะเก่ียวกบั คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงคข์ องผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มกรุง ธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการทำงานเป็นทีมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 คู่ที่ 2 พบว่า ครูที่มีประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษา 6 – 15 ปีกับครูที่มีประสบการณ์ทำงาน ปฏิบตั ิงานในสถานศึกษา 16 ปขี ึ้นไป จะมีทศั นะเก่ียวกบั คุณลกั ษณะท่พี ึงประสงคข์ องผ้บู ริหารสถานศึกษาในกลุ่มกรุง หน้า 126
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการทำงานเป็นทีมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2.9 เปรยี บเทียบคุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาตามทศั นะของครูในกลมุ่ กรุงธนใต้ สงั กดั สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการวิเคราะห์และสังเคราะห์ จำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานใน สถานศกึ ษา แตกต่างกันอยา่ งมีนยั สำคัญทางสถติ ิทรี่ ะดบั 0.05 มีท้งั หมด 1 คู่ พบว่า ครูที่มีประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษาน้อยกว่า 5 ปี กับครูที่มีประสบการณ์ทำงาน ปฏิบัตงิ านในสถานศกึ ษา 16 ปขี ึน้ ไป จะมที ศั นะเก่ยี วกับคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ของผบู้ ริหารสถานศึกษาในกลุ่มกรุง ธนใต้ สงั กัดสำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร ด้านการวิเคราะห์และสงั เคราะห์แตกต่างกนั อยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถิติท่ี ระดบั 0.05 2.10 เปรยี บเทยี บคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของผ้บู ริหารสถานศึกษาตามทศั นะของครใู นกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัด สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้านการมีวิสัยทัศน์ จำแนกตามประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษา แตกตา่ งกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ รี่ ะดับ 0.05 มที ้งั หมด 1 คู่ พบว่า ครูที่มีประสบการณ์ทำงานปฏิบัติงานในสถานศึกษาน้อยกว่า 5 ปี กับครูที่มีประสบการณ์ทำงาน ปฏบิ ตั ิงานในสถานศึกษา 16 ปขี ้นึ ไป จะมีทัศนะเกย่ี วกบั คณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาในกลุ่มกรุง ธนใต้ สงั กัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานครด้านการมวี สิ ยั ทัศน์ แตกต่างกันอย่างมนี ัยสำคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดับ 0.05 อภิปรายผลการวจิ ัย 1.พบว่า คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเมือ่ พจิ ารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ การมงุ่ ผลสัมฤทธิ์ อยู่ในระดับมากทั้งนี้อาจเป็นเพราะ ผู้บริหารสถานศกึ ษาเปน็ ผู้มีบทบาทสำคัญในการจดั การศึกษา มี อำนาจในการตัดสนิ ใจรวมทั้งการกำหนดนโยบายต่างๆ ของสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศกึ ษาจึงควรมีคุณลักษณะที่ดี ทั้งทางด้านคุณวุฒิและ คุณธรรม จริยธรรม เพื่อความสำเร็จในการบริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษามี คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์หลายประการมีความรูเ้ กย่ี วกับการปฏบิ ัตกิ ารงานบรหิ ารทง้ั งานวชิ าการงานปกครองนักเรียน งานธรุ การ งานบริการ งานโรงเรียนกับชุมชน และงานกิจการนกั เรียนผู้บริหารสถานศึกษาเหน็ ความสำคัญการพัฒนา คุณภาพการศึกษาเพิ่มศักดิ์ เพิ่มประยูร (2557: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเรื่องคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหาร สถานศึกษาตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลพบุรีโดยภาพรวมอยู่ใน ระดับมากสอดคล้องกับงานวิจัยของศุภมาส วิสัชนาม (2560: บทคัดย่อ) ศึกษาและเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ของ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรีโดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากดังนั้นเป็นคุณลักษณะของผู้บริหารที่พึงประสงค์นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถทำให้การบริหารงานบรรลุผล สำเร็จตามต้องการมีประสิทธิภาพและจะช่วยสนับสนุนในการตัดสินใจและการดำเนินการต่างๆ ตลอดจนชุมชนและ ท้องถน่ิ ซ่งึ ส่งผลให้การปฏิบตั ิงานของสถานศึกษาดำเนินไปสกู่ ารพัฒนาให้ประสบความสำเรจ็ 2. พบว่า การเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรงุ ธน ใต้ สังกัดสำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร ตามทศั นะของครู โดยจำแนกตามเพศ พบวา่ การเปรียบเทยี บคุณลกั ษณะ ที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร หน้า 127
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) จำแนกตามเพศ โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ ผ้บู รหิ ารใหค้ วามสำคญั กบั บคุ คลากรด้วยความเสมอภาคไม่จำกดั เพศ มีแนวปฏิบัติในการพฒั นาบคุ ลากรให้มีศักยภาพ เท่าเทียมกันสอดคล้องกับงานวิจัยของ สุดใจ ศิริสมบัติ (2556: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาคุณลักษณะท่ีเป็นจริงและ คุณลักษณะทีพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 ผลการวิจัยพบว่าคุณลักษณะที่เป็นจริงของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพืน้ สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 จำแนกตามเพศ โดยภาพรวมและรายดา้ นไม่แตกตา่ งกนั สอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ัยของชุติมา ศิริไพรวัน (2561) ได้ศึกษาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานราธวิ าส เขต 1 พบวา่ ครสู งั กัดสำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารการศึกษาประถมศึกษานราธิวาสเขต 1 ที่มวี ฒุ ิทาง การศึกษาต่างกันทัศนะต่อคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมรายด้านไม่แตกต่างกัน สอดคล้องกับงานวิจยั นิตยา ทองไทย (2556: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเรื่อง คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษามืออาชีพ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง ผลการเปรยี บเทยี บคณุ ลักษณะของผบู้ ริหารสถานศึกษามอื อาชพี ตามความคดิ เหน็ ของผู้บรหิ ารและครใู น สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท สิงห์บุรีและอ่างทอง พบว่าประสบการณ์ในการ ปฏิบตั ิงานในสถานศึกษาต่างกันมีระดบั เปรยี บเทียบ แตกตา่ งกนั อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 สอดคล้องกับ งานวิจัยของศุภมาส วิสัชนาม (2560 บทคัดย่อ) ศึกษาและเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของ ผู้บริหาร สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี พบว่า ครูที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ต่างกันมีความคดิ เห็นโดยรวมแตกตา่ งกัน ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะผลทไี่ ด้จากการวจิ ยั 1.1 ผู้บริหารสถานศกึ ษาควรมุ่งม่ันในการสรา้ งภาวะผู้นำด้านวิสยั ทัศนใ์ ห้สามารถกำหนดเป้าหมายและสร้าง ภาพลักษณ์ของสถานศึกษาในอนาคตได้อย่างชัดเจน ซึ่งนำไปสู่การกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาสถานศึกษา โดย จูงใจให้ผู้มสี ว่ นเกี่ยวข้องต่างๆ มามีสว่ นร่วมในการกำหนดวสิ ัยทศั น์ของสถานศึกษา 1.2 ผู้บริหารสถานศึกษาควรพัฒนาตนเองด้านความรู้ต่างๆ ในการปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ที่ตน รับผิดชอบ เพื่อให้สามารถบริหารสถานศึกษาด้วยความฉลาดมีปฏิภาณไหวพริบ สามารถแก้ปัญหาในสถานการณ์ ตา่ งๆ ได้อย่างมเี หตผุ ลและมีความรอบคอบ 1.3 ผู้บริหารสถานศึกษาควรศึกษาและมีความรูค้ วามสามารถในการประมวลข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับทั้งภายใน และภายนอกสถานศึกษาจัดลำดับความสำคัญของปัญหาวิเคราะห์ถึงแนวทางของการแก้ปัญหาตามระบบ SWOT ไดแ้ ก่ จุดแข็ง จดุ ออ่ น โอกาส อปุ สรรค อยา่ งเป็นระบบ 1.4 ผบู้ ริหารสถานศึกษาควรเปดิ โอกาสใหค้ รูและบุคลากรไดป้ ฏิบัตงิ านตามความถนดั ตามความตอ้ งการของ คณะครูและจดั หาสิ่งอำนวยความสะดวกให้กบั ทีมงานของบุคลากรในสถานศกึ ษาให้ความรว่ มมือชว่ ยเหลือ สนับสนุน ครูและบคุ ลากรในสถานศกึ ษาในการปฏิบตั ิงานเป็นทมี ให้บรรลเุ ปา้ หมายอย่างมีประสิทธิภาพ หน้า 128
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 1.5 ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาควรใช้วิธกี ารทางจิตวิทยาในการพูดเพื่อชกั จูงโนม้ นา้ วใหผ้ ู้อื่นเห็นด้วย ยอมรับคล้อย ตามพร้อมที่จะปฏบิ ตั ิงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์สามารถสื่อสารโต้ตอบโดยใช้ภาษาที่กระชับ เข้าใจง่าย เพื่อให้คน ทกุ ระดับช้ันเขา้ ใจความตอ้ งการและนำไปปฏบิ ตั ไิ ด้ตามวัตถุประสงค์ 1.6 ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาควรมุ่งพัฒนางานโดยม่งุ ให้เกิดผลสมั ฤทธติ์ ามเกณฑม์ าตรฐานคุณภาพของภาระงาน หลกั 4 งาน ได้แก่ การบริหารวิชาการ การบริหารงบประมาณ การบริหารงานบคุ คล และการบรหิ ารทว่ั ไปให้เต็มตาม ศักยภาพ 2. ข้อเสนอแนะเพือ่ การวิจยั ครั้งตอ่ ไป 2.1ควรศึกษาปจั จัยท่สี ่งผลตอ่ คณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ของผบู้ รหิ ารโรงเรียน 2.2ควรศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารโรงเรียนกับ ประสิทธผิ ลของโรงเรยี น 2.3ควรศึกษาเปรียบเทียบคณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ของผบู้ ริหารในสภาพที่เปน็ จรงิ และสภาพทคี่ าดหวังของครู ผปู้ กครอง หรอื นกั เรยี น เอกสารอา้ งอิง ชุติมา ศิริไพรวัน. (2561). การศึกษาคุณลักษณะพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษานราธิวาสเขต 1.ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา มหาลัย หาดใหญ่. นิตยา ทองไทย. (2556). คุณลักษณะผู้บริหารสถานศึกษามืออาชีพ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูใน สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา ชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง. วิทยานพิ นธ์ ครศุ าสตรมหาบณั ฑติ , มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี. ธีระ รุญเจริญ. (2553). ความเป็นมืออาชีพในการจัดการและบริหารการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษาเพื่อปฏิรูปรอบ สองและประเมนิ ภายนอกรอบสาม. กรุงเทพมหานคร: ขาวฟาง. เพม่ิ ศกั ดิ์ เพิ่มประยูร. (2557). คุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของผู้บริหารและ ครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลพบุรี. ปริญญาศึกษาศาสตร มหาบัณฑิต สาขาการบริหาร การศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตร.ี ภาวณิ ี เพชรสวา่ ง. (2552). พฤตกิ รรมองค์การ. (พมิ พค์ รั้งท่ี5). กรุงเทพมหานคร: ซวี แี อลการพิมพ.์ ศุภมาส วิสัชนาม. (2560). คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษา ประถมศึกษาจันทบุรี. ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพ พรรณ.ี สกลุ รัตน์ กมุทมาศ. (2550).การบรหิ ารงานตามแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพยี งของผสู้ ถานศึกษา สงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ที,การศกึ ษาอบุ ลราชธานี เขต 3. งานวิจัยหน่วยงานบณั ฑติ วทิ ยาลยั โปลีเทคนคิ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื . สมพร รอดรังนก. (2550). คุณลักษณะทีพึงประสงค์ของผ้บริหารสถานศึกษาเอกชนในกลุ่ม 3 อำเภอเมือง สมุทรปราการจังหวัดสมุทรปราการ. ปริญญานิพนธ์ ค.ม. (การบริหารการศึกษา). กรุงเทพมหานคร : บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบรุ ี หน้า 129
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้ังที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นส่ปู กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร. (2557). หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษากรุงเทพมหานครมีหรือเลื่อนวิทยฐานะทุกสายงาน ทุกตำแหน่งทุกวิทยฐานะ. กรงุ เทพมหานคร. สุวิมล ติรกานันท์. (2557). การสร้างเครื่องมือวัดตัวแปรในการวิจัยทางสังคมศาสตร์แนวทางสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. สุดใจ ศิริสมบัติ. (2556). คุณลักษณะทีเป็นจริงและพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน สังกัด สำนักงานเขตพื้นทีการศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (การบริหารการศึกษา). ชลบุรี : บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยบรู พา Thurstone, L.L. (1977). Attitude Theory and Measurement. New York : John Wiley and Sons. หน้า 130
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาวะผ้นู ำเชงิ กลยุทธ์ของผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีสง่ ผลต่อประสทิ ธิผล ในการบรหิ ารสถานศกึ ษา กลมุ่ กรงุ ธนใต้ สงั กัดสำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร STRATEGIC LEADERSHIP OF SCHOOL ADMINISTRATORS IN SOUTH THONBURI GROUP AFFILIATED WITH OFFICE OF DEUCATION BANGKOK AREA เสาวลกั ษณ์ ไตรพฒั น์1 ดร.มังกร หรริ กั ษ์2 หลกั สตู รศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ธนบรุ ี และบณั ฑติ วทิ ยา มหาวิทยาลยั ธนบรุ ี2 [email protected]*, [email protected] บทคดั ย่อ การวจิ ัยคร้งั นม้ี ีวัตถุประสงค์เพอ่ื ศกึ ษา 1) ระดบั ภาวะผนู้ ำเชิงกลยทุ ธข์ องผบู้ ริหารสถานศึกษา กลุม่ กรุงธนใต้ สังกัด สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร 2) ระดับประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และ 3) ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้หลักการคำนวณของ Taro Yamane ได้จำนวนกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 353 คน ไดแ้ ก่ ครผู ู้สอนในโรงเรียนกลมุ่ กรุงธนใต้ สงั กดั สำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2563 ทดสอบ ความเชื่อมั่นของแบบสอบถามมีค่าความเที่ยงของแบบสอบถามด้านภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา เท่ากับ 0.935 และประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา เท่ากับ 0.896 วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน และสมั ประสทิ ธ์สิ หสมั พันธ์ของเพยี ร์สัน การถดถอยพหุคูณแบบขัน้ ตอน ผลการวิจยั พบว่า 1) ภาวะผู้นำเชงิ กลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนกั การศึกษากรุงเทพมหานคร โดย ภาพรวมอยู่ในระดับมากเมือ่ พิจารณาในรายละเอียดพบว่า ด้านที่มคี ่าเฉล่ียสูงท่ีสุด คือ วิธีการคิดเชิงปฏิวัติ รองลงมา คือ การมีความคิดความเข้าใจระดับสูง และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ การกำหนดวิสัยทัศน์ 2) ประสิทธิผลในการ บรหิ ารสถานศึกษา กลุ่มกรงุ ธนใต้ สงั กัดสำนกั การศกึ ษา กรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณา ในรายละเอียดพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ รูปแบบที่ยึดจุดมุ่งหมาย รองลงมา คือ บูรณาการเป้าหมายและ ทรัพยากร และด้านที่มีค่าเฉลีย่ ต่ำที่สุดคือ รูปแบบระบบทรัพยากร 3) ภาวะผู้นำเชงิ กลยุทธ์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลใน การบรหิ ารสถานศึกษา มีความสมั พันธท์ างเดียวกันกบั ประสทิ ธผิ ลในการบรหิ ารสถานศึกษาอยา่ งมีนยั สำคัญทางสถติ ทิ ี่ 0.01 และเป็นไปตามสมมตฐิ านทต่ี ้ังไว้ และสามารถทำนายความสัมพนั ธ์เก่ยี วกับประสิทธผิ ลในการบริหารสถานศกึ ษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ได้ร้อยละ 54.40 โดยสามารถเขียนสมการพยากรณ์ได้ ดังน้ี Ŷtot = 0.84 + 0.41 (X5) + 0.22 (X2) + 0.14 (X3) คำสำคัญ: ภาวะผนู้ ำเชิงกลยุทธ,์ ประสทิ ธผิ ลในการบริหารสถานศกึ ษา, สำนกั การศกึ ษากรงุ เทพมหานคร หน้า 131
การประชมุ วิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพ่ือการเปลย่ี นผ่านส่ปู กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ABSTRACT The purposes of the current study were to investigate (1) level of problems relating to strategic leadership of school principals in South Krung Thon group under Bangkok Educational Department, (2) level of effectiveness in school administration in South Krung Thon group under Bangkok Educational Department, and (3) principals’ strategic leadership affecting on effectiveness in school administration in South Krung Thon group under Bangkok Educational Department. A sample group of 353 school teachers in South Krung Thon group was determined by Taro Yamane’s formula at 5% of sampling error. Data were collected by a questionnaire on strategic leadership of school principals (reliability of .935), and a questionnaire on effectiveness in school administration (reliability of .896). Data were analyzed by means of percentage, mean, standard deviation, and Stepwise Multiple Regression Analysis. The findings revealed that: Regarding respondents’ status, the majority of the respondents were female (78%), aged between 26-35 years old (37%), obtaining a master’s degree (51%), having 6-15 years of working experience (38). The findings by research objectives were as follows: (1) Overall strategic leadership of school principals in South Krung Thon group was at a high level. When inspecting at individual aspects, the highest averaged aspect was revolutionary thinking, followed by high-level cognitive activities, while the lowest averaged aspect was gathering multiple inputs (such as creating a vision). (2) Overall effectiveness in school administration in South Krung Thon group under Bangkok Educational Department was at a high level. The highest averaged aspect was goal-orientation, followed by integration of goal and resources, while the lowest averaged was resource system patterns. (3) Strategic leadership of school principals in South Krung Thon group positively affected on effectiveness in school administration, significantly at .01 level. The regression equation was Ŷtot = 0.84 + 0.41 (X5) + 0.22 (X2) + 0.14 (X3) KEYWORDS: Strategic leadership/ Effectiveness of school administration/ Bangkok Educational Department บทนำ สงั คมในยคุ ปจั จบุ นั มีการเปลีย่ นแปลงอยู่ตลอดเวลา และเป็นไปอย่างรวดเร็วในทกุ ๆ ด้าน เกดิ การแข่งขันท้ัง ด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษา ส่งผลกระทบให้ทุก ๆ หน่วยงานต้องมีการ บริหารงานที่ดี เริ่มต้นด้วยการพัฒนาคนให้สามารถรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำนั้นจะทำให้ องคก์ ารเกิดประสิทธิผล ทงั้ นี้เพ่ือให้บรรลุตามเปา้ หมายทต่ี ง้ั ไวใ้ นการกลา่ วถึงภาวะผนู้ ำ จะตอ้ งพิจารณาส่งิ ตอ่ ไปน้ี คือ หนา้ 132
การประชมุ วิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพือ่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาวะผูน้ ำทีเ่ ปน็ กระบวนการ ของการใช้ อิทธิพลภาวะผูน้ ำอยทู่ ่ีระดบั ความถูกต้องทผี่ ้ตู ามจะปฏบิ ัติตาม และการบรรลุ เป้าหมายทีต่ ั้งไว้ ผู้นำคอื บุคคลทม่ี ีอิทธพิ ลมากที่สดุ ในกลุ่ม จะมาจากการเลอื กต้ัง แตง่ ตง้ั หรอื ยกยอ่ งจากกลุ่มให้เป็นผู้ ชี้แนะช่วยเหลือให้กลุ่มปฏิบัติกจิ กรรมต่าง ๆ จนประสบความสำเรจ็ ตามเป้าหมายทีต่ ั้งไว้ (คชาภรณ์ เสริมศรี, 2557) สถานศึกษาทุกแห่งได้จัดทำยุทธศาสตร์ของโรงเรียนโดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับมีคุณภาพการศึกษาทั้งระบบ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ผลสมั ฤทธิ์ของผู้เรียนซึ่งสะท้อนให้เหน็ วา่ สถานศึกษาต้องพิจารณาคุณภาพการบริหารจัดการศึกษา อย่างเร่งด่วน ดังนน้ั ผู้บริหารจึงมีความสำคญั ในการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้บรรลุวตั ถุประสงคแ์ ละเกดิ การพัฒนา ซึ่ง ผู้บริหารต้องมีภาวะผู้นำเชิงรุกในการมองภาพความสำเร็จในอนาคตซึ่งสอดคล้องกับ (เพ็ญนภา พลับฉิม , 2559) ผู้บริหารท่มี ภี าวะผู้นำน้นั จะทำใหอ้ งค์การเกดิ ประสทิ ธิผล เพราะผู้บรหิ ารสถานศึกษาที่มลี กั ษณะเป็นผู้นำจะมีอิทธิพล ทบ่ี ุคคลหน่งึ พยายามใช้อทิ ธิพลต่อบุคคลอน่ื ให้มีพฤติกรรมไปในทิศทางที่ตอ้ งการ ทงั้ น้เี พ่ือให้บรรลุตามเป้าหมายท่ีต้ัง ไว้ในการกลา่ วถึงภาวะผู้นำ จะตอ้ งพิจารณาสงิ่ ต่อไปน้ี คอื ภาวะผู้นำท่เี ปน็ กระบวนการ ของการใช้ อิทธิพลภาวะผู้นำ อยู่ที่ระดับความถูกต้องที่ผู้ตามจะปฏิบัติตาม และการบรรลุเป้าหมาย จากประเด็นที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่า ประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญของผู้บริหารที่ควรหันมาให้ความสำคัญเพราะการทำงานและ การปฏิบัติงานทั้งหลายต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายจึงจะทำให้องค์การสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมี ประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาและ ประสิทธิผลในการบริหาร สถานศึกษานั้นจึงมีความสำคัญในการบริหารงานทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาอย่างมากหากผู้บริหารให้ ความสำคัญกับการวางแผน การแก้ไขปัญหาโดยใช้ความรู้ ทักษะ ความสามารถ ประสบการณแ์ ละคุณสมบัตอิ ื่นๆ ใน การพัฒนาองค์การให้สำเร็จตามเป้าหมายมีการบริหารงานที่ดี มีเทคนิคการทำงานอย่างเป็นระบบตามแบบแผน สามารถปรับเปล่ียนแผนงานไดท้ กุ สถานการณน์ ำไปสู่การบรรลุวัตถปุ ระสงคข์ องโรงเรยี นตามที่กำหนดไว้ จากประเด็นที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่าประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญของผู้บริหารท่ี ควรหันมาให้ความสำคัญเพราะการทำงานและการปฏิบัติงานทั้งหลายต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายจึงจะทำให้ องค์การสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศกึ ษา และประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษานั้นจึงมีความสำคัญในการบริหารงานทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา อย่างมากหากผู้บริหารให้ความสำคัญกับการวางแผน การแก้ไขปัญหาโดยใช้ความรู้ ทักษะ ความสามารถ ประสบการณแ์ ละคุณสมบตั อิ ื่นๆ ในการพฒั นาองคก์ ารให้สำเร็จตามเป้าหมายมีการบริหารงานทด่ี ี มีเทคนิคการทำงาน อย่างเป็นระบบตามแบบแผนสามารถปรับเปลยี่ นแผนงานไดท้ กุ สถานการณน์ ำไปสกู่ ารบรรลุวตั ถุประสงคข์ องโรงเรียน ตามที่กำหนดไว้เกิดความพึงพอใจและร่วมมือกันปฏิบัติงานจนเกิดความสำเร็จ ผู้นำเปรียบเสมือนจุดรวมพลัง เสริมสร้างประสิทธผิ ลในการทำงานเกิดการปฏิบัติงานรว่ มกัน จากความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาดังกล่าวใน ฐานะของผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลในการ บริหารสถานศกึ ษา กล่มุ กรุงธนใต้ สังกดั สำนักการศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร เพอ่ื นำมาพฒั นาให้โรงเรยี นเกดิ ประสทิ ธผิ ล ในโอกาสตอ่ ไป วัตถุประสงค์ การวิจยั ครงั้ นี้มีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศกึ ษา 1) ระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร หนา้ 133
การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผ่านส่ปู กติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 2) ระดับประสทิ ธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุม่ กรงุ ธนใต้ สังกดั สำนกั การศึกษากรงุ เทพมหานคร 3) ภาวะผู้นำเชิงกลยทุ ธท์ ีส่ ง่ ผลต่อประสทิ ธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุม่ กรุงธนใต้ สงั กัดสำนักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร เอกสารและงานวิจยั ที่เกยี่ วขอ้ ง ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ตามแนวคิดของ (DUBRIN, 2007) กล่าวว่า องค์ประกอบการบริหารเชิงกลยุทธ์ 5 องคป์ ระกอบ คอื 1. มีความคิดความเข้าใจระดับสูง การคิดเชิงกลยุทธ์นั้นต้องอาศัยทักษะ ด้านความเข้าใจที่เกิดขึ้นใน ระดับสงู เช่น ความสามารถในการคิดเชิงมโนภาพ ในการซึมซบั และการรบั รูแ้ นวโน้มของสิ่งตา่ ง ๆ จำนวนมากไดอ้ ย่าง มีเหตผุ ล และมีความสามารถ ในการสรุปข้อมลู ต่าง ๆ เพอื่ นำไปกำหนดเป็นแผนปฏิบัติการ 2. ความสามารถในการนำปัจจยั นำเขา้ ต่าง ๆ มากำหนดกลยุทธ์ผู้นำเชิงกลยุทธ์นั้นอาจเปรยี บได้กบั ผูท้ ่มี ี สมาธิสูงในการ ทำงานโดยอสิ ระ และสามารถกำหนดอนาคตได้ 3. มีความคาดหวังและการสร้างโอกาสสำหรับอนาคต ซึ่งต้องอาศัยทักษะการคาดคะเนอนาคต ดังนัน้ จงึ ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับอนาคตเป็นการคาดคะเนอย่างแม่นยำเกี่ยวกับรสนิยมและความต้องการของลูกค้า ตลอดจนเปน็ การคาดคะเนทักษะต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับองคก์ ารในอนาคต 4. มีวิธีคดิ เชิงปฏิวัติ เป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพือ่ การเปลี่ยนแปลงทัง้ ระบบ ซึ่งมีลักษณะคลา้ ยคลงึ กับคำว่า การสร้างสรรค์อนาคตใหม่แนวความคิดเชิงปฏิวัติจึงเป็นเรื่อง ของการจัดแนวความคิดใหม่เกี่ยวกับสินค้า บริการ ตลาด และแม้แต่ภาคอุตสาหกรรมโดยรวม ซ่ึงสามารถก่อใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงอยา่ งมากมาย 5. การกำหนดวสิ ัยทศั น์ ทศิ ทางขององค์การทีต่ ้องการจะเปน็ ในอนาคต หรอื เปา้ หมายที่มีลักษณะกวา้ ง ๆ ซ่งึ เป็นความต้องการในอนาคต HOY & MISKEL (2005: 290-292) ไดศ้ ึกษาการประเมนิ ประสิทธผิ ลองค์การเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้ 1. รูปแบบที่ยึดจุดมุ่งหมาย คือ ความพึงพอใจในระบบของเป้าหมาย วัตถุประสงค์เพื่อการใช้ทรัพยากรให้ ขบั เคลือ่ นไปสคู่ วามสำเร็จก่อนความต้องการส้นิ สุดลง โดยท่วั ไปตวั ช้ีวดั ของการบรรลเุ ปา้ หมายขององค์การทางการศึกษา 2. รูปแบบระบบทรัพยากร คือ ทรัพยากรทางการศึกษามีความสำคัญเนื่องจากเป็นเคร่ื องมือของ หน่วยงานต่าง ๆ ในการจัดการศึกษา สนับสนุนในการดำเนินกิจกรรม กิจกรรมทุกกิจกรรม เพิ่มประสิทธิภาพและ ประสทิ ธผิ ลของการดำเนินงาน 3. บูรณาการเป้าหมายและทรัพยากร คือ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวภายในระบบของสังคม ได้แก่ กระบวนการขององค์การ การประสานงาน ความสามัคคีเปน็ หน่ึงเดยี วของสงั คม วิธีดำเนนิ การวิจยั ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง ประชากร คือ ครผู สู้ อนในโรงเรียนกลมุ่ กรุงธนใต้ สงั กดั สำนกั การศึกษา กรงุ เทพมหานคร ปกี ารศึกษา 2563 จำนวน 3,000 คน หนา้ 134
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพ่ือการเปลยี่ นผ่านสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูผู้สอนในโรงเรียนกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2563 กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้หลักการคำนวณของ Taro Yamane จากความคลาดเคลื่อนจากการสุ่ม ตวั อย่าง 5 % จำนวน 353 คน เคร่ืองมอื ทีใ่ ช้ในการวิจยั เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ี เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า เพื่อสอบถามครูผู้สอนในโรงเรียน กลุ่มกรุงธนใต้ สงั กดั สำนักการศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร เพอ่ื ใหส้ อดคล้องกับวัตถุประสงค์ โดยแบ่งเปน็ 3 สว่ น คือ ส่วนที่ 1 สอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามมีข้อคำถามเกี่ยวกับ การวิเคราะห์ข้อมูล สอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม มีข้อคำถามเกี่ยวกับเพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่ง ประสบการณก์ ารทำงาน มลี กั ษณะเป็นแบบสำรวจรายการ (checklist) ส่วนที่ 2 สอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ ประกอบด้วย 1) ความคิดความเข้าใจระดับสูง 2) ความสามารถในการนำปัจจัยนำเข้าต่าง ๆ มากำหนดกลยุทธ์ 3) การมีความคาดหวังและการสร้างโอกาสสำหรับ อนาคต 4) วธิ กี ารคิดเชงิ ปฏวิ ัติ และ 5) การกำหนดวสิ ัยทศั น์ ซึง่ มลี กั ษณะเป็นมาตรส่วนประมาณค่า (rating scale) 5 ระดบั ตามแนวคดิ ของ Likert ส่วนท่ี 3 สอบถามเก่ียวกับประสิทธิผลในการบรหิ ารสถานศกึ ษา ประกอบดว้ ย 1) รูปแบบท่ยี ึดจดุ มงุ่ หมาย 2) รูปแบบระบบทรัพยากร และ3) บูรณาการเป้าหมายและทรัพยากร ซึ่งมีลักษณะเป็นมาตรส่วนประมาณค่า (rating scale) 5 ระดบั ตามแนวคิดของ Likert การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยขอความอนุเคราะห์ในการเก็บข้อมูลจากครูที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 353 ท่าน ดำเนินการจัดส่ง แบบสอบถามถึงผู้บริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร กลุ่มกรุงธนใต้ และการขอความ อนุเคราะห์เก็บข้อมูลจากครูที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 353 ท่าน ในการตอบแบบสอบถาม ดำเนินการเก็บรวบรวม แบบสอบถามคนื มาจำนวนจำนวน 353 ชุด ได้แบบสอบถามกลบั คนื ร้อยละ 100 ทมี่ ีความสมบูรณก์ ลบั คนื ตรวจสอบ ความสมบูรณ์ของแบบสอบถามที่ได้รับกลับคืนมาเพื่อนำมาลงรหัสข้อมูลและนำไปวิเคราะห์ข้อมู ลด้วยโปรแกรม สำเร็จรปู การวเิ คราะห์ข้อมูลและสถติ ิที่ใชใ้ นการวจิ ยั วิเคราะหข์ อ้ มลู ทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามโดยใชส้ ถิตเชิงพรรณนา ไดแ้ ก่ วิธกี ารแจกแจง ค่ารอ้ ยละ วิเคราะห์ระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ท่ีผลต่อประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษาโรงเรียนกลุ่มกรุงธนใต้ สงั กดั สำนกั การศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร ใชส้ ถติ เิ ชิงพรรณนา ได้แก่ คา่ เฉลี่ย ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ระดบั ประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกดั สำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร ใช้สถติ เิ ชงิ พรรณนา ไดแ้ ก่ คา่ เฉลย่ี สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัด สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร หน้า 135
การประชุมวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพือ่ การเปลยี่ นผา่ นสูป่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศึกษา กรงุ เทพมหานคร ผลการศกึ ษาภาวะผ้นู ำเชิงกลยุทธท์ ่สี ง่ ผลต่อประสทิ ธิผลในการบรหิ ารสถานศกึ ษา กลุ่มกรุงธนใต้ สงั กดั สำนกั การศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร สามารถนำเสนอขอ้ มูลในตารางประกอบการบรรยาย ดังตารางท่ี 1 ตารางที่ 1 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระดับ และลำดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัด สำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร ภาวะผ้นู ำเชงิ กลยทุ ธ์ ̅X S.D. ระดบั ลำดบั 1 การมีความคิดความเข้าใจระดบั สูง 4.14 0.54 มาก 2 2. ความสามารถในการนำปัจจัยนำเขา้ ต่าง ๆ มากำหนดกลยุทธ์ 4.14 0.57 มาก 3 3. การมีความคาดหวังและการสรา้ งโอกาสสำหรบั อนาคต 4.07 0.67 มาก 4 4. วิธีการคิดเชิงปฏิวตั ิ 4.17 0.60 มาก 1 5. การกำหนดวสิ ัยทศั น์ 3.99 0.61 มาก 5 รวม 4.10 0.53 มาก จากตารางที่ 1 พบว่าระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนัก การศกึ ษา กรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X̅ = 4.10, S.D. = 0.53) และเมอ่ื พิจารณาเป็นรายด้านพบว่า วธิ ีการคิดเชงิ ปฏิวตั ิ มีค่าเฉล่ียสงู ที่สุด (X̅ = 4.17 , S.D. = 0.60) รองลงมาคือ การมีความคิดความเข้าใจระดับสูง (̅X = 4.14, S.D. = 0.54) และความสามารถในการนำปัจจัยนำเขา้ ต่าง ๆ มากำหนดกลยุทธ์ (X̅ = 4.14, S.D. = 0.57) สว่ น การกำหนดวสิ ัยทศั น์ มีคา่ เฉลยี่ ตำ่ ทส่ี ุด (X̅ = 3.99, S.D. = 0.61) 2. การวเิ คราะหร์ ะดบั ประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา ในกลุม่ กรงุ ธนใต้ สงั กัดสำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร ปรากฏดังตารางที่ 2 ดังน้ี ตารางที่ 2 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระดับประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สงั กัดสำนักการศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร ประสิทธิผลในการบรหิ ารสถานศกึ ษา X̅ S.D. ระดบั ลำดับ 3. รปู แบบทีย่ ดึ จดุ ม่งุ หมาย 4.02 0.65 มาก 1 4. รูปแบบระบบทรพั ยากร 3.95 0.62 มาก 3 5. บรู ณาการเป้าหมายและทรัพยากร 4.01 0.66 มาก 2 รวม 3.99 0.60 มาก จากตารางที่ 2 พบว่า ระดับประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (̅X = 3.99, S.D. = 0.60) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า รูปแบบที่ ยดึ จุดม่งุ หมาย มคี ่าเฉลยี่ สูงทส่ี ดุ (X̅ = 4.02, S.D. = 0.65) รองลงมา คอื บูรณาการเปา้ หมายและทรพั ยากร (̅X = 4.01, S.D. = 0.66) และ รปู แบบระบบทรัพยากร มคี า่ เฉลย่ี ต่ำทส่ี ดุ (̅X = 4.95, S.D. = 0.62) 3. ผลการวเิ คราะหร์ ะดบั ภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธท์ สี่ ง่ ผลตอ่ ประสทิ ธผิ ลในการบรหิ ารสถานศกึ ษา กลมุ่ กรุงธนใต้ สังกัด สำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร ปรากฏดงั ตารางที่ 3 ดังนี้ หน้า 136
การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพื่อการเปลยี่ นผ่านสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ตารางที่ 3 คา่ สมั ประสทิ ธสิ์ หสมั พันธร์ ะหวา่ งระดบั ภาวะผนู้ ำเชิงกลยทุ ธแ์ ละประสทิ ธผิ ลในการบริหาร สถานศึกษา กลมุ่ กรุงธนใต้ สงั กดั สำนักการศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร ประสิทธผิ ลในการบรหิ ารสถานศกึ ษา ภาวะผู้นำเชงิ กลยทุ ธ์ รูปแบบท่ียึด ุจด ่มุงหมาย (y1) ูรปแบบระบบทรัพยากร (y2) บูรณาการเป้าหมายและท ัรพยากร (y3) ภาพรวม ระดับความสัม ัพนธ์ การมีความคิดความเขา้ ใจระดบั สงู (X1) r .566** .603** .523** .607** ค่อนขา้ งสงู ความสามารถในการนำปจั จยั นำเข้าต่างๆมากำหนดกลยทุ ธ์ (X2) .608** .647** .623** .674** ค่อนข้างสูง การมคี วามคาดหวงั และการสรา้ งโอกาสสำหรบั อนาคต (X3) .613** .593** .592** .645** คอ่ นขา้ งสูง วธิ ีการคดิ เชงิ ปฏิวตั ิ (X4) .549** .594** .550** .592** ปานกลาง การกำหนดวิสัยทศั น์ (X5) .656** .669** .648** .708** คอ่ นข้างสงู ภาพรวม .722** คอ่ นขา้ งสูง จากตารางที่ 3 พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรภายในของระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์และ ประสิทธผิ ลในการบริหารสถานศึกษา กลุม่ กรงุ ธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ซึ่งภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ มีความสัมพันธ์ทางเดียวกันกับประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกั ดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งนี้ ในภาพรวมอยู่ในระดับ ค่อนข้างสูง ( r = 0.722) ซ่ึง เป็นไปตามสมมตฐิ านที่ตงั้ ไว้ 4. การทดสอบสมมติฐานความสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผนู้ ำเชงิ กลยุทธก์ บั ประสทิ ธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุง ธนใต้ สงั กดั สำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร ปรากฏดังตารางที่ 4 ดังนี้ ตารางที่ 4 สรุปผลการทดสอบสมมติฐานความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์กับประสิทธิผลในการ บริหารสถานศกึ ษา กล่มุ กรุงธนใต้ สังกดั สำนกั การศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร ในภาพรวม ภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธ์ ประสิทธผิ ลในการบรหิ ารสถานศกึ ษา สมมตฐิ าน การมีความคดิ ความเขา้ ใจระดบั สูง (X1) r ρ-value ระดับความสมั พนั ธ์ ✓ ความสามารถในการนำปจั จัยนำเขา้ ต่างๆมากำหนดกล ✓ ยุทธ์ (X2) .607** .000 ค่อนขา้ งสงู ✓ การมคี วามคาดหวงั และการสร้างโอกาสสำหรบั อนาคต (X3) .674** .000 ค่อนขา้ งสงู หนา้ 137 .645** .000 ค่อนขา้ งสงู
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพ่ือการเปลย่ี นผ่านสูป่ กติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธ์ ประสิทธิผลในการบริหารสถานศกึ ษา สมมติฐาน r ρ-value ระดบั ความสัมพันธ์ วิธกี ารคิดเชงิ ปฏวิ ตั ิ (X4) .592** .000 ปานกลาง ✓ การกำหนดวสิ ัยทศั น์ (X5) .708** .000 ค่อนข้างสูง ✓ ภาพรวม .722** .000 คอ่ นข้างสงู ✓ จากตารางที่ 4 พบวา่ ในทุกด้านมคี วามสมั พันธ์ทิศทางเดยี วกนั กับภาวะผนู้ ำเชงิ กลยุทธ์กับประสทิ ธิผลในการ บรหิ ารสถานศกึ ษา กลุ่มกรงุ ธนใต้ สงั กัดสำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร ในภาพรวม อยู่ในระดบั คอ่ นข้างสูง อย่างมี นัยสำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .01 5. การวิเคราะห์ถดถอยพหุคณู แบบขัน้ ตอนระดบั ภาวะผู้นำเชิงกลยทุ ธท์ ี่สง่ ผลต่อประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สงั กัดสำนักการศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร ปรากฏดังตารางท่ี 5 ดงั นี้ ตารางที่ 5 ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอนระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธท์ ี่ส่งผลต่อประสิทธิผลใน การบริหารสถานศกึ ษา กลุม่ กรงุ ธนใต้ สังกดั สำนกั การศกึ ษา กรุงเทพมหานคร แหล่งความแปรปรวน df SS MS F ρ-value Regression 3 68.54 22.85 138.69 .00 Residual 349 57.49 0.17 Total 352 126.04 ตัวแปรท่ีได้รบั การคดั เลือกเขา้ สมการ b Beta SEb t ρ-value คา่ คงท่ี 0.84 0.16 5.20 .00 การกำหนดวสิ ยั ทศั น์ (X5) 0.41 0.42 0.06 6.73 .00 ความสามารถในการนำปจั จัยนำเข้าตา่ งๆมากำหนดกลยุทธ์ (X2) 0.22 0.21 0.07 3.05 .00 การมคี วามคาดหวงั และการสร้างโอกาสสำหรบั อนาคต (X3) 0.14 0.16 0.06 2.53 .01 จากตารางที่ 5 พบว่า ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ได้แก่ การ กำหนดวิสยั ทัศน์ (X5) ความสามารถในการนำปัจจัยนำเข้าต่างๆมากำหนดกลยุทธ์ (X2) และ การมีความคาดหวังและการ สร้างโอกาสสำหรับอนาคต (X3) เป็นตัวแปรที่ได้รับเลือกเข้าสมการถดถอย และสามารถอภิปรายความผันแปรของระดับ ประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (Ytot) ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถติ ิท่รี ะดับ .05 โดยมคี า่ ประสทิ ธิภาพในการทำนาย (R2) เทา่ กับ 0.544 ซ่ึงแสดงว่า ภาวะผนู้ ำเชงิ กลยุทธ์ ในดา้ นของ การกำหนดวิสัยทัศน์ ความสามารถในการนำปัจจัยนำเข้าต่าง ๆ มากำหนดกลยุทธ์และการมีความคาดหวังและการ สรา้ งโอกาสสำหรบั อนาคต กลุ่มกรุงธนใต้ สงั กดั สำนักการศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร สามารถร่วมทำนายระดบั ประสิทธผิ ลใน การบรหิ ารสถานศกึ ษา กลุ่มกรุงธนใต้ สงั กดั สำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร ไดร้ อ้ ยละ 54.40 สรปุ ผลการวิจัย จากการวจิ ยั เร่ือง ภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธ์ทส่ี ่งผลตอ่ ประสิทธผิ ลในการบรหิ ารสถานศึกษา กลมุ่ กรุงธนใต้ สังกัด สำนักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร สรปุ ผลการวิจยั ดังน้ี 1. ขอ้ มลู ทวั่ ไปของครูผ้สู อนในโรงเรียน กลุม่ กรุงธนใต้ สงั กดั สำนักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร ผลการศกึ ษา สรุปไดว้ า่ ประชากรส่วนใหญเ่ ป็นเพศหญิง มีระดบั การศกึ ษาอย่ใู นระดบั ปริญญาโท อายุ 26 - 35 ปี หน้า 138
การประชุมวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพ่ือการเปลยี่ นผา่ นส่ปู กตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 2. ระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่อื พจิ ารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านทีม่ คี า่ เฉลีย่ สูงสุด คือ วิธีการคิดเชงิ ปฏวิ ัติ รองลงมา คอื การมคี วามคดิ ความเข้าใจระดบั สูงและคา่ เฉลย่ี ต่ำสดุ คือ การกำหนดวสิ ัยทัศน์ 3. ระดับประสทิ ธผิ ลในการบรหิ ารสถานศึกษา กลุม่ กรงุ ธนใต้ สงั กัดสำนักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร พบวา่ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในรายด้าน พบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ รูปแบบที่ยึดจุดมุ่งหมาย รองลงมา คือ บูรณาการเปา้ หมายและทรัพยากร และคา่ เฉลย่ี ต่ำสุด คือ รูปแบบระบบทรพั ยากร 4. ค่าสัมประสิทธส์ิ หสมั พนั ธร์ ะหวา่ งระดับภาวะผนู้ ำเชงิ กลยุทธ์และประสิทธผิ ลในการบรหิ ารสถานศึกษา กลุ่ม กรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร สรุปได้ว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างระดับภาวะผู้นำเชิงกล ยุทธ์และประสิทธิผลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมมี ความสัมพันธ์กันอยา่ งมรี ะดบั นยั สำคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดบั 0.01 โดยมคี วามสันพันธก์ ันในระดับคอ่ นข้างสูง 5. ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ของ ภาวะผนู้ ำเชิงกลยุทธใ์ นกลุ่มกรุงธนใต้ สงั กดั สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร พบวา่ ตวั แปรท่ีสามารถพยากรณ์ภาวะ ผู้นำเชงิ กลยุทธใ์ นกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร เรียงตามลำดับไดด้ งั น้ี การกำหนดวิสัยทศั น์ (X5) ความสามารถในการนำปัจจัยนำเขา้ ต่าง ๆ มากำหนดกลยทุ ธ์ (X2) และ การมคี วามคาดหวงั และการสรา้ งโอกาส สำหรับอนาคต (X3) โดยตัวแปรทง้ั 3 ตวั สามารถพยากรณ์ภาวะผ้นู ำเชิงกลยุทธใ์ นกลมุ่ กรงุ ธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ได้รอ้ ยละ 54.40 โดยสามารถเขียนสมการพยากรณไ์ ด้ ดงั น้ี สมการวิเคราะหก์ ารถดถอยในรูปของคะแนนดบิ คอื Ŷtot = 0.84 + 0.41 (X5) + 0.22 (X2) + 0.14 (X3) สมการวเิ คราะห์การถดถอยในรปู ของคะแนนมาตรฐาน คือ Ẑtot = 0.42 (Z5) + 0.21 (Z2) + 0.16 (Z3) อภิปรายผล ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นการศกึ ษาภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธ์ในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนกั การศึกษา กรงุ เทพมหานคร ผลการวจิ ัยครั้งน้สี ามารถอภิปรายผลตามลำดบั ของวตั ถุประสงคของการวิจยั ดังตอไปน้ี 1. พบว่าภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ในกลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ใน ระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ วิธีการคิดเชิงปฏิวัติ อยู่ในระดับมาก ทั้งน้ี เนื่องจากการบริหารงานต่าง ๆ ที่ทำให้องค์การประสบความสำเร็จ สามารถกำหนดเป้าหมายทิศทางที่ชัดเจน มี กระบวนการจัดการเป็นผู้นำในการสร้างทีมงานมีวิธีการคิดเชิงปฏิวัติที่นำไปสู่เป้าหมายขององค์การ มีการบริหาร ทรัพยากรทางด้านบุคลากร สามารถบริหารด้านงบประมาณให้มีความสอดคล้องกับการพัฒนาองค์การ พัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ให้มีความเข้มแข็งร่วมมอื ร่วมใจเป็นอันหนึ่งอนั เดียวกนั ในการขบั เคลื่อนดำเนนิ ตามเปา้ หมายตระหนัก ถึงการศึกษาในอนาคตใช้อำนาจทำให้เกิดประสทิ ธิผลเป็นผู้กำหนดทิศทางปัญหาตัดสินใจการวางแผนและรับผิดชอบ ต่อความก้าวหน้าขององค์การ สามารถชักชวน จูงใจให้ผู้ร่วมงานมีความยินดี และเต็มใจที่จะปฏิบัติงานให้บรรลุ เป้าหมายขององคก์ าร ผู้บริหารมีการกำกับติดตามตรวจสอบกลยทุ ธ์โดยการวัดผลการปฏิบัติงานจริง และรายงานผล เป็นระบบให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ สามารถนำผลการปรับปรุง เป็นข้อมูลในการวางแผนต่อไปในอนาคตเพื่อประสิทธิผล หน้า 139
การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ขององคก์ ารสอดรบั กบั อมรรัตน์ เถื่อนทอง (2553: 166) ไดศ้ ึกษาการบรหิ ารเชงิ กลยุทธก์ ับประสิทธิผลของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 พบว่า การบริหารเชิงกลยุทธ์ของสถานศึกษา ในสังกัด สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประจวบคีรขี นั ธ์ เขต 2 โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก เมอ่ื แยกพิจารณาการบริหารเชิงกล ยุทธ์ของสถานศึกษาเป็นรายด้าน พบว่า การบริหารเชิงกลยุทธ์ของสถานศึกษาอยู่ในระดับมากทุกด้านสอดคล้องกบั งานวิจัยของจิระศักดิ์ ทุบจิ๋ว (2557: 165) ได้ศึกษา การบริหารเชิงกลยุทธ์กับการปฏิบัติงานวิชาการของโรงเรียน มัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 พบว่า การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการ บริหารเชิงกลยุทธ์กับการปฏิบัติงานวิชาการของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 มีความสมั พนั ธก์ ัน ในระดับสูงโดยภาพรวม 2. พบว่า ประสิทธผิ ลในการบริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร โดย ภาพรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ รูปแบบที่ยึดจุดมุ่งหมาย อยู่ใน ระดับมาก ทั้งนี้เนื่องจากประสิทธิผลเป็นสิ่งสำคัญของสถานศึกษา เป็นเป้าหมายในการจัดการศึกษาให้สำเร็จตาม วัตถปุ ระสงค์ โดยการนำความรูค้ วามสามารถในการบริหารจดั การทั้งทรัพยากรและบุคลากร เพื่อใหเ้ กิดผลสำเร็จตาม วัตถปุ ระสงค์ท่ีวางไว้ สอดรบั กับ อลษิ า สคุ ณุ พันธ์ (2555: 46) ไดก้ ลา่ ววา่ ความสำคัญของประสิทธผิ ล เป็นขอ้ มูลเพื่อ สนับสนุนการตัดสินใจ ในการบริหารองค์การของผู้บริหาร องค์การประสบความสำเร็จอยู่รอดและมั่นคงขึ้นอยู่กับ ความมปี ระสทิ ธผิ ลขององค์การ ถ้าองค์การสามารถบรรลุวัตถปุ ระสงค์จะสามารถดำรงอยู่ตอ่ ไปได้ ถ้าไม่สามารถบรรลุ วัตถุประสงคอ์ งค์การ องค์การจะล่มสลายไปในทสี่ ดุ ดงั นนั้ ความมีประสิทธผิ ลขององคก์ ารจะช่วยใหผ้ ูบ้ รหิ ารไดข้ อ้ มลู ที่ สามารถช่วยสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการได้ดียิ่งขึ้นซื่งสอดคล้องกับงานวิจัยของงามตา ธานีวรรณ (2553: 100-101) ได้ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายโสธร พบว่า1) ระดับปจั จยั ทส่ี ่งผลตอ่ ประสิทธผิ ลของโรงเรยี นสังกัดสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษายโสธร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพจิ ารณารายด้านพบว่า ปัจจยั ด้านภาวะผนู้ ำเชิงกลยทุ ธ์ ปจั จยั ด้านแรงจงู ใจและปัจจยั ดา้ นการส่อื สารของผู้บริหาร โรงเรยี น สงั กดั สำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษายโสธร อยู่ในระดับมาก 2) ระดบั ประสิทธิผลโรงเรยี น สังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษายโสธร โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านความสามารถผลิตนักเรียนให้มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ความสามารถพัฒนานักเรียนให้มีทัศนคติทางบวก ความสามารถปรับเปลี่ยน และพัฒนา โรงเรียนให้เขา้ กบั สิง่ แวดล้อมและความสามารถแกป้ ญั หาภายในโรงเรียนมีคะแนนเฉล่ยี อยู่ในระดบั มากดังน้ันแสดงให้ เห็นว่า ประสิทธิผลของสถานศึกษาเป็นเป้าหมายหลักของสถานศึกษา ที่ผู้บริหารต้องวางแผนในการดำเนินงานให้ สอดคลอ้ งและประสบผลสำเรจ็ ตามนโยบายของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารมกี ารบรหิ ารงานในทุก ๆ ด้านของสถานศกึ ษาให้ เกิดผลดี มปี ระสทิ ธิผล และกอ่ ใหเ้ กดิ ผลสำเร็จตามเป้าหมายทตี่ ง้ั ไว้ 3. พบว่า ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มกรุงธนใต้ สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร เรียงตามอิทธิพลจากมากไปน้อย ได้แก่ การกำหนดวิสัยทัศน์ ความสามารถในการนำปัจจัยนำเข้า ต่างๆ มากำหนดกลยุทธ์ และ การมีความคาดหวังและการสรา้ งโอกาสสำหรบั อนาคต เป็นปัจจยั ท่ีส่งผลต่อระดบั ระดับ ประสทิ ธผิ ลในการบริหารสถานศกึ ษา ในกลมุ่ กรุงธนใต้ สำนกั การศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 ทั้งนี้เนื่องจาก การบริหารสถานศึกษาผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีความสามารถในการวางแผน การ ดำเนินงาน มีกระบวนการในการทำงานตั้งแต่การจัดสรรบุคลากร จัดสรรทรัพยากร การมอบหมายงาน การพัฒนา ความก้าวหนา้ การให้บริการ การร่วมกนั วเิ คราะห์และสงั เคราะห์ การกำหนดเปา้ หมายและวสิ ยั ทศั น์ของโรงเรียน โดย หน้า 140
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพ่ือการเปลยี่ นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ขา้ ราชการครใู นโรงเรยี นมีส่วนรว่ มในการพฒั นาโรงเรียน โดยมผี บู้ รหิ ารสถานศึกษาเปน็ ผูส้ ง่ เสรมิ และสนับสนุนในการ ดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิผลของโรงเรียนตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ, สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์, 2559: 2) ได้จัดทำแผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564) สำหรับเปน็ เครื่องมือในการกำกับทศิ ทางการปฏิบตั ิงานของกระทรวงศึกษาธิการซ่ึงสอดคลอ้ ง กับงานวิจัยของอมรรัตน์ เถื่อนทอง (2553: 166) ได้ศึกษาการบริหารเชิงกลยุทธ์กับประสิทธิผลของโรงเรียน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 พบว่า การบริหารเชิงกลยุทธ์ของสถานศึกษา ในสังกัดสำนกั งาน เขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อแยกพิจารณาการบริหารเชิงกลยุทธ์ของ สถานศึกษาเป็นรายด้าน พบว่า การบริหารเชิงกลยุทธ์ของสถานศึกษาอยู่ในระดับมากทุกด้านความสัมพันธ์ระหว่าง การบริหารเชิงกลยุทธ์ของสถานศึกษากับองค์การแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 ในแต่ละด้านโดยรวมมีความสัมพันธ์ในทางบวก อยู่ในระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งนี้ครูและบุคคลากรต้องมีความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อม รู้จักปรับตนเองท้ัง เรื่องการบริหารงานการเรียนการสอนและสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาผู้เรียนให้มีความเหมาะสมโดย ผู้บริหารสร้างความพึงพอใจในการทำงานของครู และครูก็ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ปฏิบัติงานด้วย ความเต็มใจจนบรรลุเป้าหมาย ส่งผลให้งานมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ และในด้านการจัดสรรทรัพยากรอย่างมี ประสิทธภิ าพ ตอ้ งมกี ารวางแผนในการใชบ้ คุ ลากรเพื่อดำเนนิ งานให้มีความเหมาะสมกับงานทไี่ ด้รบั มอบหมาย รวมถึง จัดสรรทรัพยากรทุกด้านอย่างเหมาะสมให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อนำไปพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียนให้บรรลุ ตามวัตถุประสงค์ โดยนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ซึ่งนักเรียนได้รับการพัฒนาด้านการเรียนรู้ที่เหมาะสมกบั วัย มรี ะดบั ความรู้ความสามารถและทักษะจากกระบวนการเรียนการสอน มกี ารเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมการแสดงออก ในการปฏิบตั ิงาน สตปิ ญั ญา และจติ ใจ ส่งผลใหเ้ กดิ การพฒั นาทดี่ ยี ิง่ ข้ึนต่อไป ขอ้ เสนอแนะ ในการวิจยั คร้งั นี้ ผูว้ ิจยั ไดน้ ำเสนอขอเสนอแนะในการนำผลการวิจยั ไปใช ดังนี้ งานวจิ ยั นีส้ ำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานครและหนว่ ยงานทีเ่ กยี่ วข้องควรส่งเสริมภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธ์ในดา้ น กำหนดวิสัยทัศน์ โดยการกำหนดรูปแบบการจัดการ ระบบและโครงสร้าง ทรัพยากรบุคคลและความสัมพันธ์ และ ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของกระบวนการให้มีประสิทธิภาพสร้างโอกาสสำหรับอนาคตโดยการฝึกอบรม ผู้บริหารสถานศึกษาในการบรหิ ารงานร่วมกำหนดนโยบายและรว่ มจดั ทำแผนกลยุทธ์ นำหลักธรรมาภบิ าล และใชห้ ลัก ประชาธิปไตยทำให้บุคลากรทุกฝ่ายมีความพึงพอใจและพร้อมท่ีจะปฏบิ ัติงานตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้มคี วามคิดความ เข้าใจระดบั สูงความสามารถในการคิดอย่างเปน็ ระบบและกำหนดให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพ มาตรฐาน มี ผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายท่ีหลักสูตรกำหนดไว้และใหค้ วามสำคญั กับการปฏิบัตงิ านของครูตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย มาตรฐาน และตัวช้ีวัดทีก่ ำหนดไวอ้ ยา่ งชดั เจน ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ัยครัง้ ตอ่ ไป 1. ควรศึกษารูปแบบการพฒั นาภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธ์ของผู้บริหารสถานศกึ ษาในสถานศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน 2. ควรศกึ ษาภาวะผูน้ ำเชิงกลยทุ ธ์ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาท่สี ง่ ผลต่อความผูกพนั ต่อองค์กรของข้าราชการ ครใู นสถานศึกษาข้ันพืน้ ฐาน หน้า 141
การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลยี่ นผ่านสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 3. ควรศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลในการ บรหิ ารสถานศกึ ษาในสถานศกึ ษาขั้นพื้นฐาน เอกสารอ้างองิ คชาภรณ์ เสรมิ ศรี.(2557).ภาวะผนู้ ำเชิงกลยุทธ์ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาท่สี ่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรยี น สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหนองบัวลำภู เขต 1. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการ บรหิ ารการศกึ ษา บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ . งามตา ธานีวรรณ.(2553).ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายโสธร. วทิ ยานิพนธก์ ารศึกษามหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยบรู พา. จิระศักดิ์ ทุบจิ๋ว. (2557). การบริหารเชิงกลยุทธ์กับการปฏิบัติงานวิชาการของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการ บรหิ ารการศกึ ษา บณั ฑิตวทิ ยาลยั พิสณุ ฟองศรี.(2554).วิจยั ทางการศกึ ษา.กรงุ เทพมหานคร: ด่านสุทธาการพมิ พ.์ เพ็ญนภา พลับฉิม. (2559). ภาวะผู้นาทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาทีส่ ่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม. สุวิมล ติรกานันท์.(2557).ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์: แนวทางสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.(2559). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560–2564).กรงุ เทพมหานคร: สำนกั นายกรัฐมนตร.ี อมรรัตน์ เถื่อนทอง.(2553).การบริหารเชิงกลยทุ ธ์กับประสิทธิผลของโรงเรยี น สงั กดั สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2.วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เพชรบรุ .ี อลิษา สุคุณพันธ์.(2555).การบริหารแบบมุ่งคุณภาพทั้งองค์การที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาจันทบรุ ี.วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ าร การศกึ ษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยราชภฏั รำไพพรรณี. DuBrin, (2007). Leadership Research Findings, Practice, and Skills (2nd ed.). Boston, MA. : Houghton Mifflin. Hoy, W. K. & Miskel, C. G. (2005). Education administration: Theory, research, and practice (7th ed.). New York: McGraw-Hill. หนา้ 142
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพ่ือการเปลยี่ นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ทักษะภาวะผ้นู ำในศตวรรษท่ี 21 ท่สี ง่ ผลต่อการบรหิ ารงานทว่ั ไปดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศของสถานศกึ ษา สงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร 21st Century Leadership Skill Influencing on General Administration of Information Technology in Schools under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office สมชาย นุตรักษ์1* นิษฐส์ นิ ี กู้ประเสริฐ2 หลกั สูตรศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยธนบรุ ี1 และบณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยธนบุรี2 [email protected]*, [email protected] บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร 2) ศึกษาระดับการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศของ สถานศึกษาสงั กัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร 3) ศึกษาทักษะภาวะผนู้ ำในศตวรรษท่ี 21 ทีส่ ่งผล ต่อการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร ทำการเก็บข้อมูลจากผู้บริหารสถานศกึ ษาและครูสังกดั สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ปีการศึกษา 2563 จำนวน 342 คน เครือ่ งมือท่ีใชค้ ือแบบสอบถาม โดยค่าดชั นคี วามสอดคลอ้ งของขอ้ คำถามทใ่ี ชเ้ ทา่ กับ 1 ส่วนค่าความเชือ่ มัน่ ของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.987 วิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลีย่ ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน วิเคราะห์คา่ สัมประสิทธ์ิสหสมั พนั ธแ์ บบเพียร์สัน และวเิ คราะหก์ ารถดถอยพหคุ ูณแบบเปน็ ข้ันตอน ผลการวิจัย พบวา่ 1) ระดบั ทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษท่ี 21 ของสถานศึกษาสงั กัดสำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ทักษะความร่วมมือ รองลงมา คือ การคิดเชิงวิพากษ์ ส่วนค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ทักษะการสื่อสาร 2) ระดับการบริหารงาน ทัว่ ไปด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศของสถานศึกษาสงั กัดสำนกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ในภาพรวมอยู่ ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าด้านที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ด้านการบริหารทางไกล รองลงมา คือ ด้านการ จัดการศึกษา และค่าเฉลี่ยต่ำสดุ คอื ด้านการบริหารสถานศกึ ษา 3) คา่ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างทักษะภาวะผ้นู ำในศตวรรษท่ี 21 ที่สัมพันธ์กับการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร โดยภาพรวมมีความสัมพันธ์กันอยา่ งมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดบั .01 โดยมีค่าสัมประสิทธ์ิ สหสัมพันธ์พหุคูณเป็น .887 และสามารถพยากรณ์การบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษา ได้ร้อยละ 78.50 โดยมีความคลาดเคล่อื นมาตรฐานในการพยากรณ์ เทา่ กบั ±.258 คำสำคัญ: ทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21/ การบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ/ สถานศึกษาสังกัด สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร หนา้ 143
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสูป่ กติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ABSTRACT The purposes of the current study were to investigate ( 1) level of 21st century leadership skill in schools under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office, ( 2) level of general administration on ICT of schools under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office, and (3) 21st century leadership skill influencing on general administration on ICT of schools under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office. Data were collected from 342 school principals and teachers under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office in the academic year 2020. A questionnaire was used as a research instrument. Data were analyzed by means of frequency, percentage, mean, standard deviation, Pearson’ s correlation coefficient, and Stepwise Multiple regression. The findings revealed that: ( 1) overall level of 21st leadership skill of the school principals under Samut Songkorn Primary Education Service Area Office was at a highest level. When inspecting at each individual aspects, it was found that the highest averaged aspect was cooperative skill, followed by critical thinking, while the lowest one was communicative skill. ( 2) Overall level of general administration of the ICT of schools under Samut Sakorn Primary Education Service Area Office was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest averaged aspect was remote administration, followed by instruction, while the lowest was school administration. (3) There was a positive relationship between 21st century leadership skills and general administration of the ICT in schools under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office, at statistically significant at a level of . 01. level. The multiple coefficients were . 887, and could be predict the general administration of the ICT for 78.50, with the standardized predictive error of ±.258. KEYWORDS: 21st century leadership skills/ General administration of ICT/ Schools under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office บทนำ ทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ที่จำเป็นสำหรับผู้บริหารสถานศึกษานั้น พบว่า ผู้บริหารโรงเรียนที่มี ประสิทธิภาพจะต้องมีทักษะในการปฏิบัติงาน และมีความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน วิจารณ์ พานิช (2556) นำเสนอแนวคิดการสร้างการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21 ความหมาย และประเภทของทักษะ (skills) ความสามารถในการ กระทำการลงมอื ทำหรือการปฏบิ ตั ซิ ึ่งตอ้ งอาศัยความรู้ ความเขา้ ใจเพ่มิ ข้ึนตามมา โดยท่วั ไปเมอื่ บุคคลลงมือ กจ็ ะต้องรู้ วิธกี ารทำสิ่งน้นั กอ่ น เม่ือร้วู ธิ กี ารแลว้ ผทู้ ำจะตอ้ งลงมือทำตามวิธีการหรอื ข้ันตอน จนกระทั่งทำได้ ทำเปน็ ทำคลอ่ ง ทำ ชำนาญ จึงเกิดเป็นทักษะในระดับต่าง ๆ กัน ดังนั้น ทักษะจึงหมายถึงความสามารถในการทำที่มีลักษณะเป็นขั้นตอน ทักษะจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทักษะกระบวนการ (process skills) ซึ่งสอดคล้องกับ NCDPI (2013) ได้กล่าวถึง ทักษะภาวะผู้นำและการเรียนรู้ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญท่ีจะทำให้ผู้นำประสบความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 มีทักษะ หน้า 144
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพื่อการเปลย่ี นผ่านสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ดังต่อไปน้ี 1) ทักษะการสอ่ื สาร (Communication Skills) 2) ทักษะความร่วมมือ (Collaboration Skills) 3) การคิด เชงิ วพิ ากษ์ (Critical Thinking) และ 4) ความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creativity) กระทรวงศกึ ษาธิการ (2557) ให้นิยามไวว้ า่ การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจดั การงานตา่ ง ๆ เพื่อให้การบริหารมีประสิทธิภาพสูงประหยัดและได้ประสิทธิภาพสงู สูด ผู้บริหารยคุ ใหม่ทุกระดับจึงนำนวัตกรรมและ เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ เช่น ผู้บริหารระดับสูงในองค์กรจะนำสารสนเทศที่แสดงภาพรวมของการดำเนิ นงาน ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับสิ่งแวดล้อม สรุปปัญหาแนวทางการแก้ไขและการตัดสินใจกำหนดกลยุทธ์ขององค์กร ส่วนผู้บริหารระดับกลางจะนำสารสนเทศที่ประมวลผลงานประจำปีมาใช้จัดทำแผนงบประมาณและกำหนดแผนการ ดำเนินงานของหน่วยงาน สำหรับผู้บริหารระดบั ต้นจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในการควบคุมการปฏิบตั ิงาน ส่วน ด้านการศกึ ษาได้นำนวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารงานจดั การการศึกษามากขึ้น ปัญหาสำหรับผู้บริหารที่บรรจุใหม่และประสบการณ์ยังน้อย ทำให้ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับยุคของการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับการบริหารในองค์กรและหน่วยงานที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาเปน็ บคุ คลท่ีมคี วามสำคญั อยา่ งย่ิงที่จะต้องมีทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 เพ่ือเพ่ิม ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่สูงขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และผู้ บริหาร สถานศกึ ษาในจังหวดั สมทุ รสาครได้มกี ารเกษยี ณอายรุ าชการเป็นจำนวนมาก ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาทบ่ี รรจใุ หม่ก็ยังขาด ประสบการณ์ในการบรหิ ารสถานศกึ ษา ดังนั้น ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งผลต่อการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยี สารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการ พัฒนาทักษะของผู้บริหารและเป็นข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการวางแผนงานตลอดจนพัฒนาการ บริหารงานทัว่ ไปในสถานศกึ ษาให้มปี ระสทิ ธภิ าพเพิ่มมากยิ่งข้ึน วัตถปุ ระสงค์ การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ในการวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาระดับทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของ สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร 2) ศึกษาระดับการบริหารงานทั่วไปด้าน เทคโนโลยสี ารสนเทศของสถานศึกษาสงั กัดสำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร และ 3) ศกึ ษาทกั ษะ ภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งผลต่อการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน เขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร เอกสารและงานวิจยั ที่เกีย่ วขอ้ ง แพรดาว สนองผัน (2557) ทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 ผลการวิจัย พบว่า ทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย 11 ทักษะคือ ทักษะด้านเทคนิค ทักษะด้านมนุษย์ ทักษะด้านความคิดรวบยอด ทักษะด้านการศึกษา และการสอน ทักษะด้านความรู้ความคิด ทักษะด้านการบริหาร ทักษะด้านการวางแผน ทักษะด้านการสื่อสารอย่างมี ประสิทธิภาพ ทักษะด้านการประเมิน ทักษะด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสารและการบริหารจัดการ และทักษะด้านการสรา้ งทีมงาน หน้า 145
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นส่ปู กติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ชาญยอด ประทุม (2551) ไดว้ ิจยั เรอื่ งสภาพการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในสถานศึกษาทเี่ ปดิ สอนชว่ งชั้นที่ 1- 3 สังกดั สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษากาฬสินธ์ุ เขต 2 ผลการวจิ ัยพบวา่ สภาพการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บรหิ าร สถานศึกษาและครูทีร่ บั ผดิ ชอบงานสารสนเทศในโรงเรียนที่เปดิ สอนช่วงชั้นท่ี 1-3 สังกัดสำนกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษา กาฬสินธ์ุ เขต 2 โดยรวมอยู่ในระดบั มาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมาก 2 ด้าน คือ ด้านการบริหาร ทั่วไปและด้านงบประมาณ ระดับปานกลาง 2 ด้าน คือ ด้านวิชาการและด้านบริหารบุคคล การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในสถานศึกษาที่เปิดสอนช่วงชั้นที่ 1-3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธ์ุ เขต 2 ตามขนาดของ สถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนรายด้านเรียงลำดับด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย คือ ด้านการบริหารงาน ทวั่ ไป ดา้ นงบประมาณ ดา้ นวชิ าการ และดา้ นบุคลากรตามลำดบั วธิ ีดำเนนิ การวจิ ัย ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง ประชากร คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ปี 2563 แบ่งเป็น 11 สหวิทยาเขต มโี รงเรยี นจำนวน 103 โรงเรียน โดยมีผูบ้ ริหารและครู จำนวน 2,338 คน กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกเป็น สหวิทยาเขตละ 1 โรงเรียน รวมเป็น 11 โรงเรียน เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 342 คน ซึ่งได้มาจากการ คำนวณโดยใช้สูตรของ Taro Yamane (1973) สัดส่วนความคลาดเคลือ่ นจากกลุ่มตัวอย่าง 5% แล้วทำการสุม่ แบบ แบ่งกลุ่มโดยใช้สหวิทยาเขตเป็นกลุ่ม แล้วสุ่มมาสหวิทยาเขตละ 1 โรงเรียน แล้วจึงสุ่มอย่างง่ายตามสัดส่วนของ ผู้บรหิ ารและครใู นโรงเรียน เครือ่ งมือที่ใช้ในการวิจัย เคร่อื งมือทใี่ ช้ในการวจิ ัยครงั้ น้ี เปน็ แบบสอบถามแบบมาตราสว่ นประมาณค่า เพอื่ สอบถามผบู้ รหิ ารและครใู น สถานศกึ ษาสงั กดั สำนกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาครเพ่ือใหส้ อดคล้องกับวตั ถุประสงค์ โดยแบ่งเป็น 3 สว่ น คือ ส่วนท่ี 1 แบบสอบถามเกีย่ วกับตำแหน่งของผู้บรหิ ารและครู โดยแบบสอบถามมีลักษณะเปน็ แบบเลือกตอบ (Check List) เพื่อสอบถามข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ ตำแหน่ง ระดับการศึกษา และ ประสบการณ์ในการทำงาน ส่วนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารและครูในสถานศึกษาสังกัด สำนกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร เป็นแบบมาตราส่วนประมาณคา่ 5 ระดับ (Rating Scale) ตาม แบบของ (Likert Sale) และมีน้ำหนกั ของคะแนนตามระดับความพึงพอใจตง้ั แต่ 1 ถงึ 5 ส่วนที่ 3 แบบสอบถามเกี่ยวกับการบรหิ ารงานทั่วไปดา้ นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ใน การบริหารของผู้บริหารและครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร เป็นแบบ มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) ตามแบบของ (Likert Sale) และมีน้ำหนักของคะแนนตามระดับ ความพึงพอใจตง้ั แต่ 1 ถงึ 5 หน้า 146
การประชุมวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพ่อื การเปลย่ี นผ่านสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ผวู้ ิจัยดำเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยมีขน้ั ตอนดังนี้ 1. ผู้วิจัยดำเนินการส่งหนังสือแนะนำตัวและขอความอนุเคราะห์ในการตอบแบบสอบถาม พร้อม แบบสอบถามถึงผู้บริหารสถานศกึ ษาสถานศกึ ษาสงั กดั สำนกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ท้งั 11 แห่ง โดยทำการขอเกบ็ ข้อมูลตามสัดส่วนขนาดตวั อยา่ ง จำนวน 342 คน และกำหนดวันรบั คนื แบบสอบถาม 2. ผู้วิจัยตรวจสอบแบบสอบถาม ที่รับกลับคืนแล้วคัดเลือกเฉพาะแบบประเมินที่มีความสมบูรณ์ที่สุดเพ่ือ นำมาวิเคราะห์ขอ้ มูลต่อไป การวเิ คราะหข์ ้อมลู และสถิติท่ีใช้ในการวิจัย วเิ คราะหข์ อ้ มูลทั่วไปของผ้ตู อบแบบสอบถามโดยใชส้ ถติ ิเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถ่ี รอ้ ยละ วิเคราะห์ทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาและครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร ใช้สถิติเชิงพรรณนา ไดแ้ ก่ ค่าเฉลี่ย สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน วิเคราะห์การบรหิ ารงานทั่วไปดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศของผูบ้ ริหารสถานศึกษาและครูสงั กัดสำนักงานเขต พน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ใช้สถิติเชงิ พรรณนา ไดแ้ ก่ ค่าเฉลีย่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งผลต่อการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของ สถานศกึ ษาสงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ใช้ Multiple Regression Analysis ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู การศึกษาระดับทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร ผลการศึกษาระดับทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมทุ รสาคร โดยรวม และรายด้าน สามารถนำเสนอข้อมูลในตารางประกอบการบรรยาย ดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของ สถานศึกษา สงั กัดสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ในภาพรวม ทักษะภาวะผูน้ ำในศตวรรษที่ 21 S.D. แปลผล ลำดับ 1. ทักษะการส่อื สาร 2. ทกั ษะความร่วมมือ 4.48 .604 มาก 4 3. การคิดเชิงวิพากษ์ 4. ความคดิ สรา้ งสรรค์ 4.56 .602 มากท่ีสุด 1 4.53 .613 มากท่ีสดุ 2 4.53 .616 มากท่ีสุด 3 ภาพรวม 4.52 .567 มากทส่ี ดุ จากตารางที่ 1 พบว่า ระดับทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร ในภาพรวมอย่ใู นระดบั มากท่สี ดุ ( = 4.52, S.D. = .567) หนา้ 147
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ทักษะความร่วมมือ ( = 4.56, S.D. = .602) รองลงมา คือ การคดิ เชิงวิพากษ์ (= 4.53, S.D. = .613) ส่วนค่าเฉลย่ี ตำ่ สุด คือ ทักษะการสื่อสาร (= 4.48, S.D. = .604) การวิเคราะห์ระดบั การบรหิ ารงานทวั่ ไปด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู เกี่ยวกับระดับการบริหารงานท่ัวไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผูบ้ ริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร โดยรวม และรายด้าน สามารถนำเสนอข้อมูลในตาราง ประกอบการบรรยาย ดังตารางท่ี 2 ตารางที่ 2 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยี สารสนเทศของ สถานศึกษาสงั กดั สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาครในภาพรวม การบริหารงานท่ัวไปดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ S.D. ระดับ ลำดบั 1. ดา้ นการตัดสินใจ 4.49 .587 มาก 3 2. ด้านการบริหารทางไกล 4.53 .578 มากทีส่ ุด 1 3. ด้านการบริหารสถานศกึ ษา 4.44 .618 มาก 5 4. ด้านการสร้างเครือขา่ ยชว่ ยพฒั นาคุณภาพการศึกษา 4.47 .603 มาก 4 5. ด้านการจัดการศกึ ษา 4.51 .619 มากทสี่ ุด 2 ภาพรวม 4.49 .557 มาก จากตารางที่ 2 พบว่าระดับการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน เขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร ในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (= 4.49, S.D. = .557) เม่ือพจิ ารณาในรายละเอยี ดพบว่าด้านที่มีคา่ เฉลยี่ สูงสดุ คอื ดา้ นการบรหิ ารทางไกล (= 4.53, S.D. = .578) รองลงมา คือ ดา้ นการจดั การศึกษา (= 4.51, S.D. = .619) และค่าเฉล่ียต่ำสุด คอื ดา้ นการบรหิ ารสถานศึกษา ( = 4.44, S.D. = .618) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิตใิ นการทดสอบสมมตฐิ าน เพือ่ ทดสอบความสมั พันธ์ของขอ้ มูล ใช้การวเิ คราะห์ ค่าสมั ประสทิ ธ์ิสหสมั พนั ธแ์ บบเพียร์สัน ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 กับการบริหารงานทั่วไปด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาโดยรวม ในภาพรวมทำการวิเคราะห์โดยใช้สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวเิ คราะห์ได้ดงั ตารางที่ 3 หน้า 148
การประชุมวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผ่านสู่ปกติวถิ ใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ตารางที่ 3 การวิเคราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งทักษะภาวะผนู้ ำในศตวรรษท่ี 21 กบั การบริหารงานทว่ั ไปดา้ นเทคโนโลยี สารสนเทศของสถานศกึ ษาโดยรวม ในภาพรวม ทักษะภาวะผูน้ ำ การบรหิ ารงานท่ัวไปด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศของสถานศึกษา ในศตวรรษท่ี 21 (X) โดยรวม (Y) ลำดบั 1. ทักษะการสื่อสาร (X1) 2. ทกั ษะความรว่ มมอื (X2) r p ระดบั ความสมั พนั ธ์ 4 3. การคดิ เชิงวพิ ากษ์ (X3) 3 4. ความคดิ สร้างสรรค์ (X4) .814** .000 สงู มาก 2 1 ภาพรวม .820** .000 สงู มาก .829** .000 สงู มาก .840** .000 สงู มาก .885** .000 สูงมาก ** มนี ัยสำคัญทางสถิติ .01 จากตารางท่ี 3 พบว่า ค่าความสมั พนั ธร์ ะหว่างทักษะภาวะผนู้ ำในศตวรรษท่ี 21 ทส่ี มั พันธ์กับการบริหารงาน ทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร โดย ภาพรวมมีความสัมพันธ์กันอย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (r = .885) โดยมีความสัมพันธ์กันในระดับสงู มาก วิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ที่ สง่ ผลตอ่ การบริหารงานทัว่ ไปดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศกึ ษา ผลการวเิ คราะห์หาอำนาจการทำนายของปัจจัยที่สง่ ผลต่อการบรหิ ารงานทว่ั ไปด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศของ สถานศึกษาสงั กัดสำนกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ด้วยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบเป็น ขนั้ ตอน (Stepwise Multiple Regression) ได้รูปแบบของการวเิ คราะห์ 4 รปู แบบ ดังตารางท่ี 4 ตารางที่ 4 ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอนของปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารงานทั่วไปด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศกึ ษา สงั กดั สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร รูปแบบ ตัวแปรทำนาย R R2 R2adj R2change SEest. FChange Sig FChange 1. X4 .840 .705 .704 .705 .303 811.787 .000 2. X4, X1 .879 .772 .771 .067 .267 99.903 .000 3. X4, X1, X3 .886 .784 .782 .012 .260 19.369 .000 4. X4, X1, X3, X2 .887 .788 .785 .003 .258 5.195 .023 จากตารางที่ 4 ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอน พบว่า ตัวแปรที่สามารถพยากรณ์การ บริหารงานทั่วไปดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศของสถานศกึ ษาสงั กัดสำนักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ (X4) ทักษะการสื่อสาร (X1) การคิดเชิงวิพากษ์ (X3) และ ทักษะความร่วมมือ (X2) ตามลำดบั โดยมีค่าสัมประสทิ ธิ์สหสัมพนั ธ์พหคุ ณู (R) เท่ากบั .887 มคี า่ สัมประสิทธ์กิ ารพยากรณ์ (R2) เทา่ กบั .788 มี ค่าสัมประสิทธิ์การพยากรณ์ปรับปรุง (R2adj) เท่ากับ .785 ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (SEest.) เท่ากับ .258 ตัว หนา้ 149
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลยี่ นผ่านส่ปู กตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) แปรทั้ง 4 ตวั สามารถพยากรณ์การบรหิ ารงานท่ัวไปด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศของสถานศึกษาสงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ที่ การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาครไดร้ ้อยละ 78.50 ผลการวิเคราะห์อำนาจทำนายของปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของ สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ได้แก่ ทักษะการสื่อสาร (X1) ทักษะความ รว่ มมือ (X2) การคดิ เชิงวพิ ากษ์ (X3) และความคิดสร้างสรรค์ (X4) แสดงไดด้ ังตารางที่ 5 ตารางที่ 5 ผลการวิเคราะห์อำนาจทำนายของปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของ สถานศกึ ษา สังกัดสำนกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ตวั แปรทำนาย b βt p .266 .289 6.190 .000 1. ทกั ษะการสื่อสาร ( X1) .121 .131 2.279 .023 2. ทักษะความรว่ มมือ (X2) .179 .197 3.433 .001 3. การคิดเชิงวิพากษ์ (X3) .305 .337 6.156 .000 4. ความคดิ สรา้ งสรรค์ (X4) .556 4.936 .000 5. คา่ คงที่ (Constant) R = .887, R2= .788, R2adj = .785, F Change = 312.462, df1 = 1, df2 = 337, Sig. < 0.01, SE est. = .258, a = .556 จากตารางที่ 5 พบว่าตัวแปรอิสระทั้งหมดของงานวิจัย ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ (X4) ทักษะการสื่อสาร (X1) การคิดเชิงวิพากษ์ (X3) และ ทักษะความร่วมมือ (X2) สามารถร่วมกันทำนายการบริหารงานทั่วไปด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาครไดร้ อ้ ยละ 78.80 (R2 = .788) เมื่อปรับค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์ที่มีค่าเท่ากับ .258 (SEest. = .258) พบว่า ปัจจัย ทั้งหมดสามารถร่วมกันทำนายการบริหารงานทวั่ ไปดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกดั สำนกั งานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครได้ถึงร้อยละ 78.50 (R2adj = .785) ส่วนอีกร้อยละ 21.50 เกิดจากอิทธิพลของตัว แปรอื่นทไ่ี มน่ ำมาเป็นตัวแปรอิสระในการศกึ ษาคร้ังนี้ ตวั แปรท่มี อี ิทธพิ ลในการทำนายสูงสดุ คือ ความคิดสร้างสรรค์ (β = .337) รองลงมา ไดแ้ ก่ ทกั ษะการสื่อสาร (β = .289) การคิดเชิงวพิ ากษ์ (β = .197) และทักษะความรว่ มมือ (β = .121) สรุปผลการวิจัย จากการวิจยั เรอ่ื ง ทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ท่ีส่งผลตอ่ การบรหิ ารงานทว่ั ไปดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร สรปุ ผลการวิจยั ดงั นี้ 1. ข้อมูลทั่วไปของผู้บริหารสถานศกึ ษาและครูสังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ผลการศึกษาสรุปได้ว่า ประชากรส่วนใหญ่เป็นครูผู้สอน มีระดับการศึกษาอยูใ่ นระดับปริญญาตรี อายุมากกว่า 45 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพศหญงิ หนา้ 150
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 481
Pages: