Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore @การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

@การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

Published by ED-APHEIT, 2021-05-16 05:32:21

Description: @การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

Keywords: Mon Apr 06 2020 11:37:45 GMT+0700 (Indochina Time)ED-APHEIT 2021

Search

Read the Text Version

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 2. ระดับทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษา สมุทรสาคร พบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านที่มีค่าเฉลีย่ สูงสดุ คือ ทักษะความร่วมมือ รองลงมา คือ การ คิดเชงิ วพิ ากษ์ และค่าเฉล่ยี ต่ำสุด คอื ทักษะการส่อื สาร 3. ระดับการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศกึ ษาสังกัดสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร พบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ย สูงสุด คอื การบรหิ ารทางไกล รองลงมา คือ การจดั การศึกษา และคา่ เฉลย่ี ตำ่ สดุ คอื การบริหารสถานศึกษา 4. ความสัมพนั ธร์ ะหว่างทกั ษะภาวะผู้นำในศตวรรษท่ี 21 กับการบริหารงานทว่ั ไปดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ ของสถานศึกษา ผลการศึกษาสรุปได้ว่า ค่าความสัมพันธ์ระหว่างทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ที่สัมพันธ์กับการ บรหิ ารงานทัว่ ไปดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศกึ ษาสงั กัดสำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร โดยภาพรวมมีความสมั พันธก์ ันอยา่ งมรี ะดบั นัยสำคัญทางสถติ ิที่ระดับ .01 โดยมคี วามสัมพันธ์กันในระดบั สงู มาก 5. ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ของ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร พบว่า ตัวแปรที่สามารถพยากรณ์การบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของ สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร เรียงตามลำดับได้ดังนี้ ความคิดสร้างสรรค์ (X4) ทักษะการสื่อสาร (X1) การคิดเชิงวิพากษ์ (X3) และ ทักษะความร่วมมือ (X2) โดยตัวแปรทั้ง 4 ตัวสามารถ พยากรณ์การบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศกึ ษาสมทุ รสาครได้ร้อยละ 78.50 ผลการวิเคราะห์อำนาจทำนายของปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารงานทั่วไปด้านเท คโนโลยีสารสนเทศของ สถานศึกษาสังกดั สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร พบวา่ ตัวแปรอิสระทั้งหมดของงานวจิ ัย ได้แก่ ทักษะการสื่อสาร (X1) ทักษะความร่วมมือ (X2) การคิดเชิงวิพากษ์ (X3) และความคิดสร้างสรรค์ (X4) สามารถ ร่วมกันทำนายการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาครได้ร้อยละ 77.80 เมื่อปรับค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์ พบว่า ปัจจัย ทั้งหมดสามารถร่วมกันทำนายการบรหิ ารงานทัว่ ไปด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนกั งานเขตพ้ืนที่ การศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาครไดถ้ งึ รอ้ ยละ 78.50 สว่ นอีกรอ้ ยละ 21.50 เกดิ จากอทิ ธพิ ลของตัวแปรอืน่ ท่ีไมน่ ำมา เป็นตัวแปรอิสระในการศึกษาครั้งนี้ ตัวแปรที่มีอิทธิพลในการทำนายสูงสุดคือ ความคิดสร้างสรรค์ รองลงมา ได้แก่ ทกั ษะการส่อื สาร การคดิ เชิงวิพากษ์ และทักษะความร่วมมือ อภิปรายผล ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นการศึกษาทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งผลต่อการบริหารงานทั่วไปด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ผลการวิจัยครั้งน้ี สามารถอภปิ รายผลตามลำดบั ของวตั ถุประสงคของการวจิ ัยดงั ตอไปนี้ หน้า 151

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผ่านส่ปู กตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 1. ระดับทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษา สมทุ รสาคร ทั้ง 4 ดา้ น ประกอบดว้ ย ทกั ษะการสอ่ื สาร ทักษะความร่วมมอื การคิดเชิงวพิ ากษ์ และความคิดสรา้ งสรรค์ ผลการวิจัย พบวา่ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านทักษะการสื่อสาร ผลการวิจัยพบวาในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ที่เป็นเช่นนี้ อาจเนื่องมาจาก ผู้บริหาร สถานศกึ ษามีภมู ิปัญญา ความรู้และทักษะท่ีสามารถสือ่ ความ ตคี วาม วเิ คราะห์ แยกแยะ มีศลิ ปะในการถ่ายทอดขอ้ มลู ต่างๆ อย่างมีเนื้อหาสาระ ทำให้บุคลากรทุกฝ่ายเกิดความรู้ ความเข้าใจ และยังสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมา พัฒนางานด้านการบริหารสถานศึกษาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ National Association of Secondary School Principals: NASSP (2013) พบว่า ทักษะการทำงานเป็นทีม (Teamwork Skill) ทักษะการ แกป้ ัญหา (Problem Solving Skills) ทกั ษะด้านการคดิ วิเคราะห์และสรา้ งสรรค์ (Critical Thinking and Creativity Skill) ทักษะด้านการสื่อสาร (Communication Skill) ทักษะด้านนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ (Learning Innovation Skill) ทักษะด้านการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy Skills) ทักษะการกำหนดทิศทางองค์กร (Setting Instructional Direction Skill) ทักษะการเรียนรู้ได้เร็ว (Sensitivity skill) ทักษะการพิจารณาตัดสิน (Adjustment Skill) และ ทกั ษะม่งุ ผลสมั ฤทธ์ิ (Results Orientation Skill) ด้านทักษะความร่วมมือ ผลการวิจัยพบวาในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ที่เป็นเช่นนี้ อาจเนื่องมาจาก ผบู้ ริหารสถานศกึ ษากำหนดเป้าหมาย แผนงาน แผนปฏบิ ตั งิ าน ร่วมกบั คณะครูและบุคลากรฝา่ ยตา่ งๆ ทัง้ ในและนอก สถานศกึ ษา ในการใช้ทรพั ยากรด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศร่วมกัน มกี ารประสานงานกับบุคลากรทุกฝ่าย ทำให้ทีมงาน มีความเข้มแข็งและเต็มใจที่จะปฏิบัติงาน ซึ่งสอดคล้องกับ Shalom (2014) ได้จำแนกทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ไว้ในบทความที่ชื่อว่า Leadership Skills for the 21st Century ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นผู้นำในอนาคตได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ ประกอบด้วย 6 ทกั ษะดังน้ี 1) ความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creativity) 2) การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ (Critical Thinking) 3) ความรว่ มมือ (Collaboration) 4) การสื่อสาร (Communication) 5) การสร้างฉนั ทามติ (Consensus Building) และ 6) ความกล้าหาญ (Courage) ด้านการคิดเชิงวิพากษ์ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ที่เป็นเช่นนี้ อาจเนื่องมาจาก ผู้บริหารสถานศึกษา คำนึงถึงความหลากหลายของข้อมูลที่ได้รับมาประกอบการสังเคราะห์ โดยใช้วิจารณญาณ ประสบการณ์ การคิด วิเคราะห์ คิดหาเหตุผล ประกอบการตัดสินใจ และนำไปพัฒนาสถานศึกษาให้ได้ประโยชน์มากกว่าเดมิ ซึ่งสอดคล้อง กบั Podolny, A (2015) รองประธานสมาคม WAnet USA. ซง่ึ เปน็ สมาคมโรงเรียนมธั ยม (ภาคเอกชน) ตั้งอยทู่ ่เี มอื งชิ คาโก สหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงความถนัดเชิงกลยุทธ์ว่าเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จของผู้นำในศตวรรษ ที่ 21 ไว้ใน บทความที่ชื่อว่า 21st Century Skills Success in Life: 6 C’s plus Leadership ซึ่งนอกจากผู้นำจะมีบุคลิกที่ เข้มแขง็ และความเชีย่ วชาญแลว้ จำเปน็ ตอ้ งมี 7 ทกั ษะดงั นี้ 1) ทกั ษะการสอื่ สาร (Communication skills) 2) การคิด เชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) 3) ความคิดสร้างสรรค์/นวัตกรรม (Creativity/ Innovation) 4) ความร่วมมือ (Collaboration) 5) มีความตระหนักรู้และปรับตัวทางวัฒนธรรม (Cultural Awareness & Adaptability) 6) ความ คล่องตวั เร่อื งคอมพิวเตอร์ (Computer literacy) และ 7) ภาวะผนู้ ำ (Leadership) ด้านความคิดสร้างสรรค์ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สดุ ที่เปน็ เช่นน้ี อาจเน่อื งมาจาก ผู้บริหารสถานศกึ ษามี ผลงานเชิงสร้างสรรค์ที่สามารถนำไปใช้ในการบริหารและพัฒนาสถานศึกษาได้ ทำให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ใน หน้า 152

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพ่อื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การ รับ-ส่งข้อมูลข่าวสาร ระเบียบปฏิบัติ วาระการประชุม การสั่งการ คำสั่งต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับ NCDPI (2013) ได้กล่าวถึงทักษะภาวะผู้นำและการเรยี นรู้ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญที่จะทำใหผ้ ู้นำประสบความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 มี ทักษะดังต่อไปนี้ 1) ทักษะการสื่อสาร (Communication Skills) 2) ทักษะความร่วมมือ (Collaboration Skills) 3) การคิดเชงิ วิพากษ์ (Critical Thinking) และ 4) ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) 2. ระดับการบริหารงานท่ัวไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษา ทั้ง 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการตัดสินใจ ด้านการบริหารทางไกล ด้านการบริหารสถานศึกษา ด้านการสร้างเครือข่ายช่วยพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษา และด้านการจัดการศึกษา ผลการวิจยั พบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก ด้านการตัดสินใจ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ที่เป็นเช่นนี้ อาจเนื่องมาจาก ผู้บริหารสถานศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บรหิ าร และมีการพฒั นาระบบสารสนเทศ เพื่อนำไปใช้ประโยชนใ์ นการบริหาร สถานศึกษาได้ ซงึ่ สอดคล้องกับ กระทรวงศึกษาธกิ าร (2557) ใหไ้ ว้ว่า การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ ในการตดั สินใจ ช่วยให้ตดั สนิ ใจไดเ้ ร็วขนึ้ ไมผ่ ดิ พลาด ด้านการบรหิ ารทางไกล ในภาพรวมอยูใ่ นระดบั มากท่สี ุด ทีเ่ ปน็ เช่นน้ี อาจเนื่องมาจาก ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษามี การนำอุปกรณ์ เครื่องมือนวัตกรรม เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โปรแกรมออนไลน์ แอพพลิเคชั่น ฯลฯ มาใช้ ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้บริหาร กับครูและนักเรียน เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว และความรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับ กระทรวงศึกษาธิการ (2557) ให้ไว้ว่า การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการงานต่างๆ เพื่อให้การ บริหารมปี ระสิทธิภาพสูง ประหยัดและได้ประสิทธิภาพสูงสูด ผู้บริหารยุคใหม่ทุกระดบั จงึ นำนวัตกรรมและเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ เช่น การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารทางไกล มีการนำสื่อหลายอย่าง เช่น โทรศัพท์มือถือ โทรสาร วิทยุโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และเครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อความรวดเร็ว ประหยดั เวลาและคา่ ใช้จ่ายเปน็ อนั มาก ด้านการบริหารสถานศกึ ษา ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ที่เป็นเช่นนี้ อาจเนื่องมาจากผู้บริหารสถานศึกษามี การนำเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น โปรแกรมสำเร็จรูป แอพพลิเคชั่น จานรับสัญญาณดาวเทียม อินเทอร์เน็ตความเรว็ สูง ฯลฯ มาใช้ในการบริหารงานวิชาการ งานบุคคล งานการเงิน และงานบริหารทั่วไป ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ เกิดความคล่องตัว ประหยัดเวลา รวดเร็ว และเข้าถึงข้อมูลได้อย่างปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ชาญยอด ประทุม (2551) ได้วิจัยเรื่องสภาพการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในสถานศึกษาท่ีเปดิ สอนช่วงชั้นที่ 1-3 สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธ์ุ เขต 2 ผลการวิจัยพบวา่ สภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษาและ ครูที่รับผิดชอบงานสารสนเทศในโรงเรียนที่เปิดสอนช่วงชั้นที่ 1-3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษากาฬสินธ์ุ เขต 2 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมาก 2 ด้านคือด้านการบริหารทั่วไปและด้าน งบประมาณ ระดบั ปานกลาง 2 ดา้ นคือดา้ นวชิ าการและด้านบรหิ ารบุคคล การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษา ที่เปิดสอนช่วงชั้นท่ี 1-3 สังกัดสำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ เขต 2 ตามขนาดของสถานศึกษา โดยรวมอย่ใู น ระดบั มาก ส่วนรายด้านเรยี งลำดับดา้ นทมี่ คี า่ เฉลย่ี มากไปหาน้อย คอื ดา้ นการบริหารงานทวั่ ไป ดา้ นงบประมาณ ด้าน วชิ าการ และดา้ นบุคลากรตามลำดบั ด้านการสร้างเครือข่ายช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ที่เป็นเช่นนี้ อาจ เนอ่ื งมาจากผูบ้ ริหารสถานศึกษาเข้ารว่ มเปน็ สมาชิกเครือข่ายในการใชร้ ะบบสารสนเทศมาพฒั นาสถานศกึ ษาในรูปของ หนา้ 153

การประชมุ วิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพือ่ การเปลยี่ นผ่านสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) เครอื ขา่ ยจากสำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาเพ่ือพัฒนาสถานศกึ ษา ซ่ึงสอดคล้องกับ กระทรวงศึกษาธิการ (2557) ใหไ้ ว้ว่า การสร้างเครอื ขา่ ยข้อมลู ด้วยระบบสารสนเทศ เปน็ เครอื ข่ายชว่ ยพฒั นาคุณภาพการศึกษาไทยเป็นอัน มาก เช่น โครงการเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์โรงเรียนมธั ยมศกึ ษา ด้านการจัดการศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ที่เป็นเช่นนี้ อาจเนื่องมาจากผู้บริหารสถานศึกษา สามารถนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีจำเป็นในศตวรรษที่ 21 เช่น เว็บไซต์ อีเมล์ ไลน์กลุ่ม ฯลฯ มาใช้ใน การพัฒนาสถานศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพ ด้านการบริหารงาน ด้านการสร้างองค์ความรู้ใหม่ แก่บุคลากร ครู และ นักเรียนในสถานศึกษา รวมถึงชุมชนในท้องถิ่น ซึ่งสอดคล้องกับ กระทรวงศึกษาธิการ ( 2557) ให้ไว้ว่าการนำ เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการงานต่างๆ เพื่อให้การบริหารมีประสิทธิภาพสูง ประหยัดและได้ ประสิทธิภาพสูงสดู ผูบ้ ริหารยคุ ใหม่ทุกระดับจึงนำนวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ เช่น ผู้บริหารระดับสูงใน องคก์ รจะนำสารสนเทศท่แี สดงภาพรวมของการดำเนินงานความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งองค์กรกบั สิง่ แวดล้อมสรุปปัญหาแนว ทางการแก้ไขและการตดั สินใจกำหนดกลยทุ ธ์ขององค์กร ส่วนผู้บริหารระดับกลางจะนำสารสนเทศที่ประมวลผลงาน ประจำปีมาใช้จัดทำแผนงบประมาณและกำหนดแผนการดำเนินงานของหน่วยงาน สำหรับผู้บริหารระดับต้นจะใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในการควบคุมการปฏิบัติงาน ส่วนด้านการศึกษาได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใชใ้ นการบริหารงานจดั การศกึ ษามากขึ้น 3. ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งทกั ษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 กับการบรหิ ารงานท่วั ไปด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ผลการวิจัยพบว่า ทักษะภาวะผู้นำใน ศตวรรษที่ 21 มีความสัมพันธ์ทิศทางเดียวกันการบริหารงานทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ในภาพรวมอยู่ระดับสูง มาก ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก ปัจจุบันผู้บริหารที่ได้รับการบรรจุใหม่ จะต้องผ่านการ ฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารสถานศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะในด้านต่างๆ ของการ บริหารสถานศึกษา และยังมีผู้บริหารพี่เลี้ยง ซึ่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษารุน่ พีท่ ี่มีประสบการณ์ มาเป็นผู้ให้คำแนะนำ ทักษะและวิธีการในการบริหารสถานศึกษา ทำใหผ้ บู้ ริหารรนุ่ ใหมม่ ที ักษะภาวะผนู้ ำในศตวรรษท่ี 21 และนำไปบริหาร สถานศึกษาให้มีประสิทธภิ าพเพมิ่ มากขึ้น ซ่งึ สอดคล้องกบั งานวิจัยของ แพรดาว สนองผัน (2557) ทกั ษะของผู้บริหาร สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต 3 ผลการวิจัย พบว่า ทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย 11 ทักษะคือ ทักษะด้านเทคนิค ทักษะด้านมนุษย์ ทักษะด้านความคิดรวบยอด ทักษะด้านการศึกษาและการสอน ทักษะด้านความรู้ความคิด ทักษะด้านการบริหาร ทักษะดา้ นการวางแผน ทักษะดา้ นการส่อื สารอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ทักษะดา้ นการประเมิน ทกั ษะดา้ นการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อการสื่อสารและการบริหารจัดการ และทักษะด้านการสรา้ งทีมงาน สอดคล้องกบั งานวิจยั ของ พรทิพย์ พลประเสริฐ และรัชฏ สุวรรณกุฏ (2559) ทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 ผลการศึกษาพบว่า 1) ทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ตาม ความคดิ เห็นของผู้บรหิ ารและครูผู้สอน สังกดั สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 โดยภาพรวม อยูใ่ นระดบั มาก 2) ผลการเปรยี บเทยี บทักษะของผูบ้ ริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร และครผู สู้ อน โดยรวมไมแ่ ตกตา่ งกัน เมื่อจำแนกตามขนาดสถานศกึ ษา ระหวา่ งสถานศึกษาขนาดเล็ก ขนาดกลางและ หน้า 154

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพือ่ การเปลย่ี นผ่านสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ขนาดใหญ่ โดยภาพรวม พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ National Association of Secondary School Principals: NASSP (2013) พบว่า ทักษะภาวะผู้นำของผู้บริหาร สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ที่สำคัญและส่งผลดีต่อการบริหารโรงเรียนให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมาย ประกอบด้วย ทักษะดังต่อไปนี้ 1) การทำงานเป็นทีม (Teamwork Skill) 2) ทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving Skills) 3) ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) 4) ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity Skill) 5) ทักษะด้านการสื่อสาร (Communication Skill) 6) ทักษะด้านการเรียนรู้นวัตกรรม (Learning Innovation Skill) 7) ทักษะด้านการใช้ ดจิ ติ อล (Digital Literacy Skills) 8) ทักษะวิสัยทัศน์ (Vision Skill) 9) ทักษะการเรียนรู้เร็ว (Sensitivity Skill) 10) ทักษะการพิจารณาตัดสิน (Adjustment Skill) และ 11) ทักษะมุ่งผลสมั ฤทธิ์ (Results Orientation Skill) ขอ้ เสนอแนะ ในการวิจยั ครง้ั นี้ ผวู้ ิจยั ไดน้ ำเสนอขอเสนอแนะในการนำผลการวจิ ยั ไปใช ดังน้ี 1. ควรกำหนดนโยบายในการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้บริหารสถานศึกษาได้มีการพัฒนาตนเองในเรื่องทักษะ ภาวะผนู้ ำในศตวรรษที่ 21 อยา่ งต่อเนื่อง โดยเฉพาะทกั ษะการส่อื สาร เพ่อื ให้ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาไดเ้ รียนรู้และพัฒนา ตนเองใหอ้ ยู่ในระดบั ท่สี งู ย่ิงข้นึ 2. ควรมีการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้บริหารสถานศึกษาทำการศึกษาการนำเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆ เช่น โปรแกรมสำเร็จรูป แอพพลิเคชั่น จานรับสัญญาณดาวเทียม อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ฯลฯ มาใช้ในการบริหาร สถานศึกษาเพอ่ื ให้การบริหารสถานศกึ ษามปี ระสทิ ธิภาพเพม่ิ มากข้นึ ขอ้ เสนอแนะในการวิจัยคร้ังต่อไป 1. ควรศกึ ษาทักษะภาวะผ้นู ำในศตวรรษท่ี 21 ทีส่ ง่ ผลต่อการบริหารงานทั่วไปดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศของ สถานศึกษาสังกดั สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาอื่นๆ เพื่อข้อค้นพบและเปรียบเทียบความแตกต่าง จะได้ นำมาพฒั นาการศกึ ษาต่อไป 2. ควรมีการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยที่ทำให้ทักษะภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งผลต่อการบริหารงาน ทั่วไปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพื่อวิเคราะห์ เปรยี บเทียบความแตกตา่ ง 3. ควรศึกษาเก่ียวกบั ความสมั พันธข์ องทักษะภาวะผนู้ ำในศตวรรษที่ 21 ท่สี ่งผลตอ่ การบรหิ ารงานทั่วไปดา้ น เทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษา เชิงคณุ ภาพ โดยการเก็บขอ้ ล การจดั กลุ่มสนทนา การสัมภาษณ์ ซ่งึ จะได้ข้อมูก เชิงลกึ เพ่ือนำไปพฒั นาไนการบริหารสถานศึกษาตอ่ ไป เอกสารอ้างองิ กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2557). นโยบายสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐานปงี บประมาณ 2557. กรงุ เทพฯ : กลมุ่ วิจัยและพฒั นานโยบาย. หนา้ 155

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพื่อการเปลย่ี นผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ชาญยอด ประทุม. (2551). สภาพการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษาทีเ่ ปดิ ดสอนช่วงชั้นท่ี 1-3 สงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2. วทิ ยานิพนธ์ ปริญญามหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการบรหิ าร การศึกษา บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. พรทิพย์ พลประเสรฐิ และรัชฏ สุวรรณกุฏ. (2559). ทกั ษะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาในศตวรรษที่ 21 สังกดั สำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครพนม เขต 2. รายงานสบื เนื่องการประชมุ วชิ าการและนำเสนอ ผลงานวจิ ยั ระดับชาตคิ ร้งั ที่ 1 มหาวทิ ยาลยั นครพนม, 1258-1264. แพรดาว สนองผัน (2557). ทักษะของผบู้ ริหารสถานศึกษาในศตวรรษท่ี 21 สงั กัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศกึ ษาอุดรธานี เขต 3. วิทยานพิ นธ์ ศึกษาศาตรดุษฎบี ณั ฑติ สาขาการบรหิ ารการศกึ ษา บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . NASSP. (2013). Breaking Ranks: 10 Skills for Successful School Leaders. [Online]. Available from : https://www.nassp.org/Content/158/BR_tenskills_ExSum.pdf [Accessed 1 April 2013]. NCDPI. (2013). 21st Century Skills Leadership and Learning in the 21st Century. Retrieved December 18, 2013 from http://classroom21.ncdpi.wikispaces.net/file/view/21st+for+Northwest+RESA+3.pdf. Podolny, A. (2015). 21st Century Skills: Success in Life: 6 C's plus Leadership. Retrieved January 22, 2015 From http://wanetusa.org/achieve-your-dream/21st-century-skills/ Shalom. (2014). Leadership Skills for the 21st Century. Retrieved From http://cfcoaching.org/? p=537 Taro Yamane ( 1973) . Statistics: An Introductory Analysis. 3rdEd. New York. Harper and Row. Publications. หน้า 156

การการประชมุ วชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ความสมั พนั ธร์ ะหว่างภาวะผ้นู ำเชงิ สร้างสรรคก์ ับการบรหิ ารงานประกนั คณุ ภาพของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา สงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร The Relationship between Creative Leadership and Administration of Quality Assurance under Samut Sakhon Primary Educational Service Area Office. ชนตุ าพร อว่ มเครือ[1],อุไรรัตน์ แยม้ ชตุ ิ.[2] หลกั สตู รศึกษาศาสตรม์ หาบัณฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา[1] บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ธนบรุ ี[2] E-mail : [email protected][1], [email protected][2] บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร 2) การบริหารงานประกนั คุณภาพการศึกษาและ 3) ความสัมพันธ์ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์กับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ประชากรผู้บริหารและครูผู้สอนของโรงเรียนในสำนักงานเขต พน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร กลุม่ ตัวอยา่ งจำนวน 340 คน ได้จากการส่มุ แบบแบ่งชน้ั ภมู ิ เครอ่ื งมือทใี่ ชเ้ ป็น แบบสอบถามเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ เครื่องมือที่ใช้ในเปน็ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉล่ยี สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานและค่าสัมประสิทธส์ิ หสัมพันธ์แบบเพยี รส์ ัน ผลการศกึ ษา พบวา่ 1) ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาครภาพรวมอยู่ในระดบั มาก ตามลำดบั ด้านวิสยั ทศั น์ดา้ นความสามารถในการแก้ปัญหาและด้านความยดื หยุน่ 2) การบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาครภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามลำดับการจัดให้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องมี ค่าเฉลย่ี สูงท่ีสดุ อยใู่ นระดับมาก ดา้ นการจดั ระบบบริหารและสารสนเทศ ดา้ นการจัดทำรายงานประจำปที ี่เป็นรายงาน ประเมนิ คณุ ภาพภายใน และด้านการจดั ให้มีการติดตามและการตรวจสอบคณุ ภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของ สถานศกึ ษา 3) ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการบริหารงานประกัน คุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา r = .64** สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครอย่างมี นัยสำคญั ทางสถติ ิ ทีร่ ะดับ .01 คำสำคัญ: ภาวะผนู้ ำเชงิ สร้างสรรค์ / การบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษา หนา้ 157

การการประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ABSTRACT The purposes of the current study were to investigate: ( 1) creative leadership of school principals, ( 2) administration of quality assurance, and ( 3) the relationship between creative leadership and administration of quality assurance of school principals under Samut Sakhon Primary Educational Service Area Office. A sample group was 340 principals drawn by stratified sampling. A rating- scaled questionnaire was used as a research instrument. Data were analyzed by means of frequency, mean, standard deviation, and Pearson’s correlation coefficients. The findings revealed that: ( 1) Overall creative leadership of school principals under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest averaged aspect was vision, problem solving ability, and flexibility, respectively. ( 2) Overall principals’ administration of quality assurance under Samut Sakhon Primary Educational Service Area Office was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest averaged aspect was management for continuous development of educational quality, administration and information system management, monitoring and internal auditing for educational quality of the schools, respectively. (3) There was a moderate positive correlation, for the (r) value was .64** between Creative leadership and administration of quality assurance of the school principals under Samut Sakhon Primary Educational Service Area Office at a significant level of .01. KEYWORDS: Creative leadership, Administration of quality assurance, Samut Sakhon Primary Educational Service Area Office บทนำ การประกันคณุ ภาพการศกึ ษาเป็นการดำเนนิ กิจกรรมและภารกิจตา่ ง ๆ ทั้งด้านวิชาการและการบริการ/การ จดั การเพือ่ สรา้ งความมัน่ ใจใหผ้ ู้รบั บริการทางการศึกษา ท้งั ผรู้ ับบริการโดยตรง คือ ผู้เรยี น ผปู้ กครอง และผู้รับบริการ ทางอ้อม คอื สถานประกอบการ ประชาชน และสงั คมโดยรวมวา่ การดำเนนิ งานของสถานศกึ ษาจะมปี ระสทิ ธิภาพและ ทำให้ผู้เรียนมีคุณภาพหรือคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาที่ได้กำหนดไว้ การประกันคุณภาพ การศึกษามีแนวคิดอยู่บนพื้นฐานของการป้องกันไม่ให้เกิดการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพและผลผลิตที่ไม่มีคุณภาพ พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพมิ่ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 มาตราท่ี 48 ไดก้ ำหนดการ ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาซึง่ สถานศึกษาต้องดำเนินการอย่าง ต่อเนื่อง(กระทรวงศึกษาธิการ, 2545) การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นเครื่องมือการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพ การศึกษาโดยเน้นการประกันคุณภาพกระบวนการบริหารและการให้บริการทางการศึกษาทั้งระบบเพื่อให้ทุกฝ่ายที่ เกีย่ วขอ้ งเกดิ ความม่นั ใจในคุณภาพของผู้ทีส่ ำเร็จการศึกษาเช่อื ถือในคณุ ภาพของสถานศึกษา เนอื่ งจากสภาพแวดล้อม หน้า 158

การการประชุมวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ของระบบการศึกษาในปัจจุบัน มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วความเจริญทางเศรษฐกิจสังคมและเทคโนโลยีเป็น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สังคมเรียกร้องให้สถาบันการศึกษาผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับการให้บริการทาง การศกึ ษาทม่ี คี ณุ ภาพ (ปทุมทิพย์ ศรเี มอื ง, 2546) ผู้บริหารสถานศกึ ษาจึงเปน็ บคุ คลทีม่ ีความสำคัญอย่างย่ิงในการบรหิ ารจดั การสถานศึกษาให้มีระบบประกัน คุณภาพภายในสถานศกึ ษาที่มีมาตรฐาน โดยผู้บริหารสถานศึกษาจะตอ้ งเป็นผู้นำผู้ประสานงานผู้ดำเนินการพร้อมทัง้ ติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด โดยใช้รูปแบบที่มีมาตรฐานสากล แม้ว่าการศึกษาของไทยจะมีการดำเนินการประกัน คุณภาพการศึกษามาแล้วก็ยังพบปัญหาในการดำเนินการต่างๆ หลายประการ เช่นขาดการสนับสนุนจากผู้บริหาร สถานศกึ ษา การขาดแคลนทรพั ยากรในการสนับสนนุ การศึกษา ขาดการประสานงาน รวมทั้งครูและบุคลากรทางการ ศึกษายงั ขาดความรู้ความเขา้ ใจยงั ไม่ใหค้ วามร่วมมอื ในการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา (รจนา มากชุมแสง, 2556) จากปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการประเมินคุณภาพนักเรียนเนื่องจากนักเรียนในทุกด้าน เช่นต้องทำ ข้อสอบของสำนักทดสอบทางการศกึ ษา สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน ผลการทดสอบพบวา่ นักเรยี นมี คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเกือบทุกวิชา จากสาเหตุดังกล่าวเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าการประกันคุณภาพการศึกษายังขาด ประสทิ ธิภาพและไมป่ ระสบผลสำเร็จไดจ้ รงิ ตามมาตรฐาน ดงั น้ันผูบ้ ริหารจำเปน็ ตอ้ งมีภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ จงึ ตอ้ ง พยายามให้มีการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ผู้บริหารต้องแสดงบทบาทส่งเสริมสนับสนุนให้บรรลุผลการจั ด กิจกรรมเสริมให้เกดิ การบรู ณาการการเรียนรู้ของนกั เรียน (พระมหาเทพรตั น์ อรยิ วโ์ ส และลัญจกร นิลกาญจน์, 2559) ผู้วิจัยในฐานะครูวิชาการจึงมีความสนใจที่จะศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์กับการบริหารงาน ประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศกึ ษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร ทั้งนี้เพ่ือจะได้ ใช้เป็นข้อมลู ในการพัฒนาปรับปรงุ การจดั การการ ดำเนินงานประกันคุณภาพสถานศกึ ษาในภาพรวมของสำนกั งานเขต พ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครให้เกิดประสทิ ธภิ าพตอ่ ไป วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย 1. เพอ่ื ศึกษาภาวะผนู้ ำเชิงสรา้ งสรรค์ของผบู้ ริหารสถานศึกษาของสำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษา สมทุ รสาคร 2. เพอ่ื ศกึ ษาระดับการบรหิ ารงานประกันคณุ ภาพของสำนักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร 3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ กับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหาร สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรสาคร สมมตฐิ านของการวิจยั ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์มีความสัมพันธ์กับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหาร สำนักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร อยา่ งมนี ยั สำคัญทางสถิตทิ ี่ .01 หน้า 159

การการประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) เอกสารที่เกย่ี วขอ้ ง 1. แนวคิดภาวะผู้นำเชงิ สรา้ งสรรค์ ผู้วิจัยศึกษาแนวคิดของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สรุปได้ว่า ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์หมายถึง พฤติกรรมใน การแสดงออกของผู้บริหารสถานศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของบุคลากรเป็นอันดับแรกในด้านความคิด ความ สนใจ ความตอ้ งการหรือพฤตกิ รรมของบุคคล หรือกล่มุ บุคคลในองค์การให้หันไปในทศิ ทางเดียวกนั อย่างมศี ลิ ปะ องค์ประกอบของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ตามทัศนะของ Parker and Begnaud (2004) ได้สรุปทัศนะ เกี่ยวกับคุณลักษณะของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรคไ์ ว้ในหนังสือชื่อว่า “Developing creative leadership” ซึ่งได้สรปุ คุณลักษณะภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ไว้ว่าประกอบด้วย 1)วิสัยทัศน์ 2)ความยืดหยุ่น และ3)ความสามารถในการ แกป้ ญั หาสรปุ ได้ดังน้ี 1. วิสัยทัศน์ คือ จินตภาพในอนาคตท่ีเด่นชัดอยู่ในความคิดซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจสภาพ ปัจจุบันและการเปล่ี ยนแปลงในอนาคต จินตภาพดังกล่าวจะมีอิทธิพลต่อการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ผู้อื่นมุ่งม่ันสู่ ผลสัมฤทธิ์ที่ได้วางไว้ วิสัยทัศน์เป็นลักษณะนิสัยท่ีมุ่งมั่นต่อสิ่งที่เราปรารถนาให้เกิดข้ึนในอนาคตเป็นพลังแห่งความ สรา้ งสรรคเ์ ป็นแรงกระตนุ้ ใหเ้ ราสามารถวางแผนได้อย่างชดั เจน 2. ความยืดหยุ่น คือ เป็นการเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นบุคคลที\"มีความคิดที่หลากหลาย ปรับตัวตาม สถานการณ์ และเปิดใจกว้างสำหรับส่ิงใหม่มีจิตใจท่ีต่ืนตัวพร้อมท่ีจะตรวจสอบความคิดและความยืดหยุ่น ประกอบด้วย 1) การปรับความคิดตามสถานการณ์ 2) การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และ 3) การเปิดกว้างรับ มมุ มองใหม่ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา คือ ความสามารถในการเปลีย่ นดา้ นลบใหเ้ ป็นด้านบวก กล่าวคอื เปน็ การ ใชส้ มองในการ คิด เรยี นร้แู ละยังเปน็ กระบวนการลดความเบีย่ งเบน(ดา้ นลบ) ของปัญหาให้เป็นวัตถุประสงค(์ ดา้ นบวก) และลดความเบี่ยงเบน(ด้านลบ) ของสาเหตุ ให้เป็นเป้าหมาย(ด้านบวก) โดยประกอบด้วยกิจกรรมหลายอย่าง ต่อเนอื่ งกนั ผแู้ กป้ ญั หาต้องพยายามปรับปรุงตัวเองและสง่ิ แวดล้อมให้ผสมกลมกลืนกับเข้าสสู่ ภาวะสมดุลหรือสภาวะที่ เราคาดหวังเพ่อื ใหส้ ามารถบรรลถุ งึ เป้าหมาย 2.แนวคิดการประกนั คุณภาพการศกึ ษา ผู้วิจัยศึกษาแนวคิดการประกันคุณภาพการศึกษาสรุปได้ว่า การประกันคุณภาพการศึกษา หมายถึง การ บริหารจัดการและการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ต้องการ การดำเนินการดังกล่าวนั้นบุคลากรใน สถานศกึ ษาทกุ คนทั้งผู้บรหิ าร ครู และบุคลากร จะตอ้ งรว่ มกันดำเนนิ การดำเนินการโดยมเี ปา้ หมายทช่ี ดั เจนวา่ ต้องการ พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามที่ได้กำหนดไว้ในหลักสูตรหรือเป้าหมายของโครงการทั้งนี้ต้องมีการวางแผนมีการ ดำเนนิ การอยา่ งเปน็ ระบบมกี ารตรวจสอบและปรบั ปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง และพัฒนาคณุ ภาพใหด้ ขี นึ้ อยา่ งต่อเน่ืองและ ไม่หยุดนิ่งการบริหารคุณภาพโดยมีขั้นตอนที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นเป็นการบริหารคุณภาพตามหลักการวงจรเดมม่ิง (Deming cycle) ซ่ึงเป็นวิธกี ารบรหิ ารงานท่มี คี ุณภาพสูง แนวคิดการบริหารงานประกันคุณภาพสถานศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน(2554) ซง่ึ มที ง้ั หมด 8 องค์ประกอบดังน้ี ดงั น้ี หน้า 160

การการประชมุ วชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 1. การกำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาสงั กัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร มีความสามารถในการศึกษาวิเคราะห์ มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ตามเกณฑ์การ ประกันคุณภาพ เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในกระบวนการที่ชัดเจนมีการแต่ตั้งผู้รับผิดชอบในรูปแบบ คณะกรรมการในการกำหนดจุดเน้น จุดเด่น อัตลักษณ์ ของสถานศึกษามีการประกาศมาตรฐานของสถานศึกษาที่ ชัดเจน มีการกำหนดคา่ เปา้ หมายของแตล่ ะมาตรฐานตามตัวบง่ ชีเ้ พ่อื ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน 2. การจัดทำแผนพัฒนาการจดั การศึกษาของสถานศึกษา หมายถึง การท่ีผู้บริหารสถานศกึ ษาสังกดั สำนกั งาน เขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ขัน้ พนื้ ฐานสามารถวเิ คราะห์สภาพปญั หาเพอ่ื นำมากำหนดวสิ ยั ทัศน์ พันธ กิจ กำหนดการจัดกจิ กรรมโครงการต่างๆให้กับผู้เรียนกำหนดการใช้แหลง่ เรยี นรูแ้ ละภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ บทบาทหน้าที่ ของครูผูป้ กครองชมุ ชนกำหนดการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรอยา่ งคุ้มคา่ และมปี ระสิทธภิ าพตอ่ จากนน้ั ผบู้ ริหาร ได้นำแผนพัฒนาดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ื นฐานเห็นชอบเพื่อนำสู่การปฏิบัติโดยการนำแผน ปฏิทินปฏิบัตงิ านประจำปีอย่างครบถว้ นทุกขน้ั ตอน 3. การจัดระบบบริหารและสารสนเทศ หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร มคี วามสามารถในการจดั โครงสร้างบริหารตามหลกั การของกระทรวงศึกษาธิการสี ด้านจัดระบบสาระสนเทศที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานต้นสังกัดมีการนำข้อมูลสารสนเทศมาพัฒนาวางแผนกำกับติดตาม ประเมนิ ผลเพ่อื ใหก้ ารบริหารจัดการและการพฒั นาการสอนในสถานศึกษาเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ 4. การดำเนินงานตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษา หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร มีการทำแผนปฏิบัติงานประจำปีในขั้นตอนที่สามสู่การปฏิบัติแต่งตั้ง ผ้รู บั ผดิ ชอบท่เี หมาะสมเพ่อื ใหก้ ารพฒั นาสถานศกึ ษาเปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลสูงสุด 5. การจัดให้มีการตรวจสอบคุณภาพการศึกษา หมายถึง การที่ผู้บรหิ ารสถานศึกษาสงั กดั สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร สามารถกำหนดคณะกรรมการผู้รับผิดชอบติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษามี การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ครูมีการมอบหมายงานเปิดโอกาสให้ครูร่วมวางแผนและกำหนดภารกิจเพื่อให้ ปฏิบัติงานได้ตามปฏิทนิ ของสถานศึกษานอกจากน้ีกำหนดให้มีการตรวจสอบคุณภาพอย่างน้อยภาคเรียนละหน่ึงครั้งมี การจัดทำรายงานของการตรวจสอบคุณภาพเพื่อขอรับการตรวจสอบพร้อมทั้งเก็บข้อมูลหลักฐานของการดำเนินงาน อยา่ งครบถ้วน 6. การจัดให้มีการติดตามและการตรวจสอบคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษาหมายถึง การที่ผู้บรหิ ารสถานศึกษาสงั กัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครจะต้องรับการประเมนิ คุณภาพ ภายในอยา่ งน้อยปีละ 1 ครั้งจากคณะกรรมการประกอบด้วยบคุ ลากรทางการศึกษาผู้ทรงคุณวฒุ ิภายนอกมีการจัดทำ เครอ่ื งมอื สำหรบั การประเมินคณุ ภาพเพือ่ ให้การดำเนินการเพ่อื การประกนั คุณภาพสมบูรณ์แบบ 7. การจดั ทำรายงานประจำปที ่เี ป็นรายงานประเมินคณุ ภาพภายใน หมายถึง การท่ีผู้บรหิ ารสถานศึกษาสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร จะต้องทำรายงานประจำปีที่สะท้อนให้เหน็ คุณภาพผู้เรียนร้อย ละ 30 และความสำเรจ็ ของการบริหารจดั การร้อยละ 70 โดยมวี ิธีดำเนนิ งานลำดับขั้นตอน คือ ตงั้ คณะกรรมการจดั ทำ รายงานประกอบดว้ ยผู้บรหิ ารและครมู ีการรวบรวมข้อมูลสารสนเทศมีการวเิ คราะหแ์ ละแปรผลข้อมลู ตา่ งๆ มกี ารเขียน หน้า 161

การการประชุมวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) รายงานด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายสามารถนำเสนอข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพผู้บริหาร ได้นำเสนอรายงานประจำปีที่ เสรจ็ สมบูรณ์แกค่ ณะกรรมการสถานศกึ ษามกี ารเผยแพรร่ ายงานต่างๆตามสาธารณะชนและตน้ สังกัด 8. การจัดให้มีการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาอย่างต่อเนอ่ื ง หมายถงึ การทีผ่ บู้ ริหารสถานศกึ ษาสงั กดั สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ได้นำแนวคิดในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาสี่ประเด็นมาประกอบการ พฒั นา ได้แก่ 1)กระบวนการใชข้ ้อมลู อยา่ งชาญฉลาด 2)กระบวนการจดั การความรู้ให้โรงเรียนดำเนินงานตาม PDCA 3)กระบวนการสรา้ งเครอื ขา่ ยการเรยี นร้แู ละกระบวนการนำผลมาใชป้ ระโยชน์ 3. งานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้อง จันจิรา น้ำขาว(2562). ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารกับการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6. ผลการวิจัยพบว่า ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าอยู่ใน ระดบั มากทุกด้าน โดยเรยี งลำดบั คา่ มัชฌมิ เลขคณติ จากมากไปหานอ้ ย คือการทำงานแบบทีมในการสบื เสาะหาความรู้ การร่วมมือกันแก้ปัญหา การตรวจสอบความเชื่อร่วมกัน การจินตนาการสร้างภาพอนาคตที่ควรเป็น การรวบรวม วิเคราะห์และแปลผลข้อมูลและการใช้คำถาม การบริหารงานวิชาการในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 6 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับค่า มัชฌิมเลขคณิตจากมากไปหาน้อย ดังนี้ การพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา การจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา การคัดเลือกหนังสือแบบเรียนเพื่อใช้ในสถานศึกษา การวัดผลประเมินผล และดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน การ แนะแนว การพัฒนากระบวนการเรียนรกู้ ารนิเทศการศกึ ษา การจดั ทำระเบยี บและแนวปฏบิ ตั เิ กย่ี วกับงานด้านวิชาการ ของสถานศึกษา การวางแผนงานด้านวิชาการ การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาและ องค์กรอื่น การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา การพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อ การศึกษา การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน สถานประกอบการและ สถาบันอื่นที่จัดการศึกษา การพัฒนาและส่งเสริมให้มีแหล่งเรียนรู้การพัฒนาหรือการดำเนินการ เกี่ยวกับการให้ ความเหน็ การพัฒนาสาระหลกั สตู รท้องถน่ิ การส่งเสริมชุมชนใหม้ ีความเขม้ แขง็ ทางวิชาการ และการวจิ ยั เพ่อื คุณภาพ การศึกษาในสถานศึกษา ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับการบริหารงานวิชาการใน โรงเรียน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 6 อยู่ในระดบั สูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และเปน็ ความสมั พนั ธเ์ ชิงบวก กมลรตั น์ ฐิติวัชร์วรกุล(2560) การบริหารงานประกนั คุณภาพการศึกษาของผ้บู ริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษากลุ่ม 6. ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพการบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนพระ ปริยัติธรรมแผนกสามญั ศึกษากลุ่ม 6 โดยภาพรวมมีการดำเนินการอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทกุ ดา้ น ดำเนินการอย่ใู นระดับมากเชน่ เดียวกัน 2) ปัญหาการบริหารงานประกันคณุ ภาพการศกึ ษาของโรงเรียนพระปรยิ ตั ิ ธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม 6 คือ ขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถเรื่องเทคโนโลยี สารสนเทศ อุปกรณ์ เครือ่ งมือทใ่ี ช้ลา้ สมยั จดั เก็บขอ้ มลู สารสนเทศตา่ ง ๆ ไม่เป็นระบบไม่ทนั สมยั บุคลากรมีความรคู้ วามเข้าใจในเรื่องระบบ ประกันคุณภาพการศึกษาน้อย ดำเนินงานประกันคุณภาพไม่เป็นระบบงบประมาณไม่เพียงพอ ขาดการระดม ทรัพยากร การประชาสัมพันธ์และความร่วมมือจากชุมชนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีน้อย การประเมินและติดตามการ หน้า 162

การการประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ทำงานไม่ชัดเจน ผู้บริหารและบุคลากรมีภาระงานอื่นมาก การนำเสนอรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปียังไม่เป็น ระบบ ไม่สัมพันธก์ ันผลการประเมินนำมาใช้น้อย และ3) ขอ้ เสนอแนะในการบริหารงานประกันคณุ ภาพการศึกษาของ โรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนกสามญั ศึกษากลุ่ม 6 คือ ควรจัดกจิ กรรมสร้างความรู้ความเข้าใจและพฒั นาผู้บริหารและ บุคลากรที่เกี่ยวข้องในรูปแบบต่าง ๆ ขอความร่วมมือในด้านต่าง ๆ จากชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนา ระบบงานประกันคุณภาพให้ชัดเจน ครอบคลุมในทุกขั้นตอน ควรมีการประชาสัมพันธ์มากขึ้น ควรจัดเก็บข้อมูล สารสนเทศตา่ ง ๆ ให้เป็นระบบถกู ตอ้ งครอบคลมุ และทันสมัย รวมทงั้ นำผลการประเมินมาใช้ประโยชนใ์ หม้ ากขึ้น มยุรีย์ แพร่หลาย. (2554).การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาของ โรงเรียนขนาดเล็ก ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยด้านนโยบายการบริหารและการปฏิบัติ ปัจจัยด้านลักษณะของ สภาพแวดล้อมและปัจจัยด้านลักษณะของโรงเรียน เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ต่อการ บริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก 2) รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของการบริหารงาน ประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่าไค -สแควร์เท่ากับ 54.944 องศาอิสระเท่ากับ 83 ค่าความน่าจะเป็น (p) เท่ากับ .993 ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืน (GFI = 0.996) ดัชนีวัดระดับความกลมกลืนที่ปรับแก้แล้ว(AGFI=0.988)ค่าดัชนีกำลงั สองของสว่ นที่เหลือ(RMR=0.00372) 3) ปัจจัย สนับสนุนการบริหารงานประกนั คุณภาพการศึกษาของโรงเรยี นขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จในการประกันคุณภาพ ดา้ นนโยบายการบริหารและการปฏิบัติ คอื การนเิ ทศติดตามอย่างต่อเนื่อง และการใช้ภาวะผนู้ ำของผู้บริหารเพ่ือสร้าง แรงจูงใจในการปฏิบตั ิงานของบุคลากร ปัจจัยอุปสรรคด้านนโยบายการบริหารและการปฏิบัติ คือระบบสารสนเทศที่ ไม่เป็นปัจจุบันและการขาดแคลนบุคลากรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย 4) แนวทางการดำเนินงานประกันคุณภาพ การศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กตามกระบวนการ PDCA นั้น ผู้บริหารต้องกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจน เกี่ยวกับ การจัดหา การแบ่งงานและมอบหมายงานให้บุคลากร การจัดทำระบบสารสนเทศให้เป็นปัจจุบัน สนับสนุน งบประมาณในการพัฒนาระบบเทคโนโลยที ี่ทันสมัย นิเทศตดิ ตามอยา่ งตอ่ เนื่องโดยการใชภ้ าวะผนู้ ำของผู้บรหิ ารในการ ใช้กลยทุ ธ์ใหเ้ กิดผลสำเรจ็ ในการปฏิบตั งิ านตลอดจนสง่ เสรมิ การทำงานเปน็ ทมี สุรวี ศุนาลัย(2555).ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ การศกึ ษาปัจจัยแห่งความสำเรจ็ ของการประกนั คุณภาพการศึกษามหาวิทยาลัยธุรกิจบณั ฑติ ย์ ผลการวิจัยสรุปดังน้ี 1. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาที่บูรณาการระบบการประกันคุณภาพภายในของ สกอ. การประเมินคุณภาพภายนอกของ สมศ. แผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการประจำปี และระบบบริหารคุ ณภาพ สากล ISO ที่สอดคล้องต่อวิสัยทัศน์ และนโยบายของมหาวิทยาลัย มีกลไกการดำเนินงานประกันคุณภาพจากการมี สว่ นรว่ มของผ้บู ริหารและบุคลากรผ่านการดำเนนิ งานประจำและงานโครงการของคณะวิชาและหนว่ ยงานสนับสนุน มี หนว่ ยงานเฉพาะท่ีรับผดิ ชอบงานประกันคุณภาพ ใช้การจดั การความรู้เพ่ือสร้างความเข้าใจการประกนั คณุ ภาพ พฒั นา เครื่องมือการบริหารงานประกันคุณภาพด้วยระบบ SAP ระบบ FIS และการจัดทำรายงานการประเมินตนเองด้วย excel นำผลการตรวจประเมินคุณภาพมาปรับปรุงการปฏิบัติงาน และสร้างแรงจูงใจในการประกันคุณภาพด้วยการ มอบรางวัลในระดับมหาวิทยาลัย 2. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของงานประกันคุณภาพการศึกษาเรียงลำดับ ความสัมพันธ์ ดังนี้ ทัศนคติต่อการประกันคุณภาพ ความพร้อมด้านทรัพยากร วัฒนธรรมคณุ ภาพ และภาวะผู้นำของ ผบู้ รหิ าร ส่วนประเภทหน่วยงาน และขนาดหนว่ ยงานมีความสัมพันธต์ อ่ ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ในขณะท่ีประสบการณ์ ในการบริหารไม่มีความสัมพนั ธ์ 3. ข้อเสนอแนะการดำเนนิ งานประกันคุณภาพการศึกษามดี งั น้ี ผบู้ ริหารทุกระดับควร หนา้ 163

การการประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) เพิ่มความสำคัญในการบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยควรเพิ่มการพัฒนาความรู้ความเข้าใจงาน ประกันคุณภาพการศึกษาให้บุคลากรในทุกระดับอย่างท่ัวถึง บูรณาการกลไกการดำเนินงานการประกันคุณภาพ การศึกษาของระบบต่างๆ ได้แก่ ISO สกอ. สมศ. แผนกลยุทธ์มหาวิทยาลัยให้เป็นกลไกเดียวกัน เพิ่มระบบข้อมูล สารสนเทศทีเ่ อ้อื อำนวยระบบคุณภาพตา่ งๆ และเพ่ิมการสรา้ งแรงจงู ใจในงานประกันคณุ ภาพการศกึ ษาแก่บุคลากรใน ทกุ ระดับ วิธีดำเนนิ การวิจยั การศึกษาคร้งั นผี้ ูว้ จิ ัยกำหนดประชากรท่ีใชใ้ นการวจิ ยั เป็นผบู้ ริหารและครผู สู้ อนของโรงเรยี นในสำนกั งานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำนวน 2,280 คน ประกอบด้วย 103 โรงเรียน จำนวนผู้บริหาร 104 คน และจำนวนครู 2,176 คน รวมเป็น 2,280 คน (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร, 2562) กลุ่ม ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารและครูผู้สอนของโรงเรียนในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร จำนวน 103 โรงเรียน ซึ่งจำนวนกลุ่มตัวอย่างได้จากการคำนวณโดยใช้สูตรของ Taro Yamane(Taro Yamane,1973) ได้กลมุ่ ตวั อยา่ งจำนวน 340 คน ได้จากการสุ่มแบบแบง่ ช้ันภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ีเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นตามแนวคิดและเอกสารงานวิจัยทีเ่ กี่ยวข้อง ประกอบดว้ ย 3 ตอนดังนี้ ตอนที่ 1 แบบสอบถามเก่ียวกับสถานภาพสว่ นบุคคลของผูต้ อบแบบสอบถามมีลักษณะเป็น แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำเชิงสรา้ งสรรค์ของผู้บริหารสถานศกึ ษา สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร เป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) ตอนที่ 3 แบบสอบถามเกี่ยวกับระดับการดำเนินงานการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน เขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร เป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั (Rating Scale) การเก็บรวบรวมข้อมูลผูว้ ิจัยขอความอนุเคราะห์จากบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยธนบุรีเพื่อจัดทำหนังสือขอ ความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลในสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัด สมุทรสาคร เพื่อขออนุญาตแจกแบบสอบถามให้แก่บุคลากรในสถานศึกษาในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้เก็บ รวบรวมขอ้ มูลโดยการแจกแบบสอบถามดว้ ยตนเองและเดนิ ทางไปเกบ็ ดว้ ยตนเองโดยมกี ารนัดหมายเก็บแบบสอบถาม กับผู้ตอบแบบสอบถามล่วงหน้า 1 สัปดาห์ปรากฏว่าได้รับแบบสอบถามคืนมาทั้งหมดจำนวน 342 ชุดคิดเป็นร้อยละ 100 และตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถาม กำหนดรหสั ข้อมลู แล้วนำไปวเิ คราะหข์ อ้ มูลดว้ ยโปรแกรมสำเร็จรปู ตามวัตถุประสงค์ของการวจิ ัย การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และสถติ ิท่ใี ช้ประกอบดว้ ย สถิตเิ ชงิ พรรณนาได้แก่ วิเคราะหข์ อ้ มลู เก่ียวกบั สถานภาพส่วน บุคคลของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ โดยการคำนวณหาค่าความถี่และหาค่าร้อยละ นำเสนอในรูปแบบตารางประกอบความเรียง วิเคราะห์ภาวะผู้นำเชิงสรา้ งสรรค์กับการบริหารงานประกันคุณภาพของ ผู้บริหาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ใช้การหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ วเิ คราะห์การบรหิ ารงานประกนั คณุ ภาพของผู้บริหารสถานศกึ ษาสำนกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร ใช้การหาค่าเฉลีย่ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติเชิงอนุมานได้แก่ การวิเคราะห์ค่าสหสมั พนั ธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิง สรา้ งสรรค์กบั การบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศกึ ษา สังกดั สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษา หนา้ 164

การการประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สมุทรสาคร ใช้การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน(Pearson's Product Moment Correlation Coefficient: r) ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล 1. ผู้ตอบแบบสอบถามสว่ นใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 207 คน คิดเป็นร้อยละ 60.50 รองลงมาคือเพศชาย จำนวน 135 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 39.50 ชว่ งอายุของผ้ตู อบแบบสอบถามส่วนใหญอ่ ยรู่ ะหว่าง 36 – 45 ปี จำนวน 165 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 48.20 รองลงมาคอื อายุ 25 – 35 ปี จำนวน 126 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 36.80 อายมุ ากกว่า 45 ปี จำนวน 46 คน คิดเป็นร้อยละ 13.50 ส่วนอายุน้อยกว่า 25 ปีมีน้อยที่สุด จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 1.50 ระดับ การศึกษาของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญอ่ ยู่ในระดบั ปริญญาตรี จำนวน 278 คน คิดเป็นร้อยละ 81.30 รองลงมา คือ ระดับปริญญาโท จำนวน 62 คน คิดเป็นร้อยละ 18.10 ส่วนระดับปริญญาเอกมนี ้อยที่สุด จำนวน 2 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 0.60 ประสบการณ์ในการทำงานของผ้ตู อบแบบสอบถามส่วนใหญอ่ ยรู่ ะหวา่ ง 5 – 10 ปี จำนวน 200 คน คิด เปน็ รอ้ ยละ 58.50 รองลงมาคอื ตำ่ กวา่ 5 ปี จำนวน 91 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 26.60 ส่วนประสบการณ์ในการทำงาน 10 ปขี ึน้ ไปมนี ้อยที่สดุ จำนวน 51 คน คิดเป็นร้อยละ 14.90 2. ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครอธิบายโดยใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งแสดงดังตาราง ต่อไปนี้ ตารางที่ 1 ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ภาพรวม ภาวะผูน้ ำเชงิ สรา้ งสรรคข์ องผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา X SD. แปลผล 1 วิสัยทศั น์ 4.01 0.66 มาก 2 ความยดื หยุน่ 3.96 0.70 มาก 3 ความสามารถในการแก้ปญั หา 3.98 0.68 มาก ภาพรวม 3.98 0.68 มาก จากตารางที่ 1 พบว่า ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาครภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( X =3.98, SD. =0.68) เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแต่ละด้าน พบว่า ด้านวิสัยทัศน์มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ในระดับมาก( X =4.01, SD. =0.66) รองลงมาคือด้านความสามารถในการ แก้ปัญหามีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก( X =3.98, SD. =0.68) และด้านความยดื หยุ่นมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดอยู่ในระดับมาก เชน่ กนั ( X =3.96, SD. =0.70) 3. ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครอธิบายโดยใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งแสดงดัง ตารางตอ่ ไปน้ี หน้า 165

การการประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ตารางที่ 2 ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหาร สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาครภาพรวม ลำดับ การบริหารงานประกนั คุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา X SD. แปลผล 1 ด้านการกำหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา 3.93 0.67 มาก 2 ด้านการจดั ทำแผนพัฒนาการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษา 3.89 0.69 มาก 3 ด้านการจดั ระบบบริหารและสารสนเทศ 4.00 0.66 มาก 4 ดา้ นการดำเนนิ งานตามแผนพัฒนาการจดั การศึกษา 3.90 0.69 มาก 5 ด้านการจดั ให้มีการตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษา 3.92 0.69 มาก 6 ด้านการจดั ใหม้ กี ารติดตามและการตรวจสอบคณุ ภาพภายในตามมาตรฐาน 3.87 0.68 มาก การศกึ ษาของสถานศกึ ษา 7 ดา้ นการจดั ทำรายงานประจำปีทเี่ ปน็ รายงานประเมินคณุ ภาพภายใน 3.96 0.67 มาก 8 ด้านการจดั ให้มีการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาอย่างตอ่ เนือ่ ง 4.01 0.60 มาก ภาพรวม 3.95 0.67 มาก จากตารางที่ 2 พบว่า การบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก( X =3.95, SD. =0.67) เมื่อพิจารณาใน รายละเอียดพบว่า ด้านการจัดให้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องมคี ่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ในระดับมาก( X = 4.01, SD. =0.60) รองลงมาคือ ด้านการจัดระบบบริหารและสารสนเทศ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( X =4.00, SD. =0.66) ด้านการจัดทำรายงานประจำปีที่เป็นรายงานประเมินคุณภาพภายในมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( X =3.96, SD. =0.67) และดา้ นการจดั ใหม้ กี ารติดตามและการตรวจสอบคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา มคี ่าเฉลยี่ ต่ำท่สี ดุ อยูใ่ นระดับมาก( X =3.87, SD. =0.68) 4. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์กับกับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหาร สถานศึกษา สงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร โดยอธิบายดว้ ยคา่ สัมประสิทธิ์สหสมั พนั ธ์ของ เพยี รส์ ัน (Pearson ,s Product Moment Correlation Coefficient) แสดงดงั ตารางตอ่ ไปน้ี ตารางที่ 3 ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ภาพรวมกับการบริหารงานประกัน คุณภาพของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา สงั กดั สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร การบรหิ ารงานประกันคณุ ภาพการศึกษา ภาวะผูน้ ำเชงิ สรา้ งสรรค์ภาพรวม ของผู้บริหารสถานศกึ ษา ทิศทาง r p. ระดับความสัมพนั ธ์ 1 ด้านการกำหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา + .47** .00 ตำ่ 2 ด้านการจดั ทำแผนพฒั นาการจดั การศึกษาของสถานศึกษา + .66** .00 ปานกลาง 3 ด้านการจดั ระบบบริหารและสารสนเทศ + .46** .00 ต่ำ 4 ดา้ นการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการจดั การศึกษา + .54** .00 ปานกลาง หน้า 166

การการประชมุ วิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กติวิถีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ตารางท่ี 3 ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ภาพรวมกับการบริหารงานประกัน คุณภาพของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา สงั กดั สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร การบริหารงานประกันคุณภาพการศกึ ษา ภาวะผนู้ ำเชงิ สร้างสรรค์ภาพรวม ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ทิศทาง r p. ระดับความสมั พันธ์ 5 ดา้ นการจดั ให้มีการตรวจสอบคณุ ภาพการศึกษา + .59** .00 ปานกลาง 6 ด้านการจดั ใหม้ ีการติดตามและการตรวจสอบคณุ ภาพ + .59** .00 ปานกลาง ภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา 7 ด้านการจดั ทำรายงานประจำปีทเี่ ปน็ รายงานประเมิน + .60** .00 ปานกลาง คุณภาพภายใน 8 ด้านการจดั ให้มีการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาอยา่ งต่อเน่ือง + .30** .00 ต่ำมาก ภาพรวม + .64** .00 ปานกลาง **มนี ัยสำคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .01 จากตารางที่ 3 พบว่า ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลาง กับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาครภาพรวม (r = .64,p. = .00) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาในรายละเอียด ความสัมพนั ธต์ ามลำดบั ดังต่อไปนี้ ภาวะผนู้ ำเชิงสรา้ งสรรคภ์ าพรวมมคี วามสมั พันธใ์ นทิศทางเดียวกนั สงู ทสี่ ุดในระดับ ปานกลางกบั การบริหารงานประกนั คุณภาพของผ้บู ริหารสถานศึกษา สังกดั สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาครด้านการจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศกึ ษา(r = .66,p. = .00) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ี่ ระดับ .01 รองลงมาคือภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการ บริหารงานประกันคุณภาพของผู้บรหิ ารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้าน การจัดทำรายงานประจำปีทีเ่ ป็นรายงานประเมินคุณภาพภายใน(r = .60,p. = .00) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดบั .01 รองลงมาคือ ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการ บริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้าน การจัดให้มีการตรวจสอบคุณภาพการศึกษาและด้านการจัดให้มีการติดตามและการตรวจสอบคุณภาพภายในตาม มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา(r = .59,p. = .00) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนภาวะผู้นำเชิง สร้างสรรค์ภาพรวมมีความสัมพันธ์ต่ำที่สุดในทิศทางเดียวกันในระดับต่ำมากกับการบริหารงานประกันคุณภาพของ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านการจัดให้มีการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาอยา่ งตอ่ เน่ือง(r = .30,p. = .00) อย่างมีนัยสำคญั ทางสถติ ิท่รี ะดบั .01 สรุปผลการวจิ ัย 1. ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 207 คน คิดเป็นร้อยละ 60.50 ช่วงอายุอยู่ระหว่าง 36 – 45 ปี จำนวน 165 คน คิดเป็นร้อยละ 48.20 ระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี จำนวน 278 คน คิดเปน็ หน้า 167

การการประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) รอ้ ยละ 81.30 และประสบการณใ์ นการทำงานของผตู้ อบแบบสอบถามสว่ นใหญอ่ ยรู่ ะหวา่ ง 5–10 ปี จำนวน 200 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 58.50 2. ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาครภาพรวมอยู่ในระดบั มาก เมอ่ื พจิ ารณาในรายละเอยี ดแต่ละดา้ นพบว่า ด้านวสิ ัยทศั น์มีคา่ เฉลยี่ สงู ที่สุดอยู่ใน ระดบั มาก รองลงมาคือด้านความสามารถในการแกป้ ัญหามคี า่ เฉลย่ี อยูใ่ นระดบั มากและด้านความยืดหยนุ่ มีค่าเฉลี่ยต่ำ ท่ีสุดอยใู่ นระดับมากเช่นกัน 3. การบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาครภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า ด้านการจัดให้มีการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาอย่างต่อเนื่องมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ ด้านการจัดระบบบริหารและสารสนเทศ มี ค่าเฉล่ียอยู่ในระดบั มาก ดา้ นการจดั ทำรายงานประจำปที ่เี ป็นรายงานประเมนิ คุณภาพภายในมีคา่ เฉล่ียอยใู่ นระดับมาก และดา้ นการจัดใหม้ กี ารติดตามและการตรวจสอบคณุ ภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษามคี ่าเฉลี่ยต่ำ ท่ีสุดอยูใ่ นระดับมาก 4. ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการบริหารงาน ประกันคณุ ภาพของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา สังกดั สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาครภาพรวม อยา่ งมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาในรายละเอียดความสัมพันธ์ตามลำดับดังนี้ ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ ภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันสูงที่สุดในระดับปานกลางกับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหาร สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านการจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา รองลงมาคอื ภาวะผ้นู ำเชงิ สร้างสรรค์ภาพรวมมีความสัมพนั ธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับ การบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศกึ ษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ด้านการจดั ทำรายงานประจำปีที่เป็นรายงานประเมนิ คณุ ภาพภายใน รองลงมาคือ ภาวะผู้นำเชงิ สร้างสรรค์ภาพรวมมี ความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาครดา้ นการจัดให้มีการตรวจสอบคุณภาพการศึกษาและด้านการจัด ให้มีการติดตามและการตรวจสอบคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ส่วนภาวะผู้นำเชิง สร้างสรรค์ภาพรวมมีความสัมพันธ์ต่ำที่สุดในทิศทางเดียวกันในระดับต่ำมากกับการบริหารงานประกันคุณภาพของ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านการจัดให้มีการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาอยา่ งต่อเนอื่ งอย่างมนี ยั สำคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ .01 อภปิ รายผล 1. ผลการศึกษาพบว่า ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมทุ รสาครภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมอ่ื พจิ ารณาในรายละเอยี ดแตล่ ะดา้ นพบว่า ทกุ ดา้ นมคี า่ เฉลี่ยอยู่ใน ระดับมาก โดยด้านวสิ ยั ทศั นม์ คี ่าเฉลีย่ สูงท่สี ุด รองลงมาคอื ด้านความสามารถในการแกป้ ญั หาและด้านความยืดหยุ่นมี ค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดตามลำดับ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาครมีวิสัยทัศน์ในการบริหารงาน มีความเข้าใจสภาพปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต สามารถกำหนด เป้าหมายของานการบริหารสถานศึกษาที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม บริหารงานสถานศึกษาแบบห หนา้ 168

การการประชุมวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ยืดหยุ่นตามอยา่ งเหมาะสมแตย่ งั คงยึดม่นั ในเปา้ หมายที่กำหนดไว้ พร้อมท่จี ะปรบั ตวั เข้ากับสถานการณ์อย่เู สมอ และมี ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ร่วมมือกับบุคลากรกำหนดทิศทางของสถานศึกษาเพื่อให้เกิดผลของการ ดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายทีก่ ำหนดไว้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ จันจิรา น้ำขาว(2562)ที่ศกึ ษาภาวะผู้นำเชงิ สร้างสรรค์ของผู้บริหารกับการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6. ผลการศกึ ษาพบวา่ ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรคข์ องผูบ้ ริหารโรงเรยี น สังกดั สำนกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากทุกดา้ น โดยเรียงลำดับค่ามัชฌิมเลขคณิต จากมากไปหาน้อย คือการทำงานแบบทีมในการสืบเสาะหาความรู้การร่วมมือกันแก้ปัญหา การตรวจสอบความเช่ือ ร่วมกัน การจินตนาการสร้างภาพอนาคตที่ควรเป็น การรวบรวมวเิ คราะหแ์ ละแปลผลข้อมูลและการใชค้ ำถาม และยงั สอดคล้องกับงานวิจัยของสุภาพ ฤทธิ์บำรุง (2556) ที่ศึกษาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรคข์ องผู้บริหารสถานศึกษาที\"สง่ ผล ต่อความมีประสิทธิผลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที\"การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 ผลการศึกษาพบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาสงั กัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 30 มีภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์โดยภาพรวมอยู่ ในระดบั มาก 2. ผลการศึกษาพบว่า การบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า ทุกด้านมี ค่าเฉล่ียอยู่ในระดับมาก โดยด้านการจัดให้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอยา่ งต่อเนื่องมีค่าเฉลีย่ สงู ท่ีสดุ รองลงมาคอื ด้านการจัดระบบบริหารและสารสนเทศ ด้านการจัดทำรายงานประจำปีที่เป็นรายงานประเมินคุณภาพภายใน ด้าน การจัดให้มีการติดตามและการตรวจสอบคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษามีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ตามลำดับ ทั้งนี้อาจเนือ่ งมาจาก ผู้บริหารสถานศึกษาสังกดั สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครให้ ความสำคัญของการบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาและมีการกำหนดเป็นนโยบายของสถานศึกษาให้บุคลากรมี ความเข้าใจตรงกันว่า ระบบงานประกันคุณภาพการศึกษาเป็นภารกิจของบุคลากรทุกคน จึงมีการดำเนินงานอย่าง ตอ่ เน่อื งตลอดท้งั ปี โดยมุ่งเนน้ ใหม้ กี ารวางแผน ดำเนนิ งานตามแผน ติดตามประเมินผลและเผยแพรผ่ ลการดำเนินงาน ต่อสารณชน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของกมลรัตน์ ฐิติวัชร์วรกุล(2560) ที่ศึกษาการบริหารงานประกันคุณภาพ การศึกษาของผู้บริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษากลุ่ม 6 ผลการศึกษาพบว่า สภาพการบริหารงาน ประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม 6 โดยภาพรวมมีการดำเนินการอยู่ใน ระดับมากและเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านดำเนินการอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน และยังสอดคล้องกับงานวจิ ยั ของ โยธกา ชุม่ ใจ (2555) ทศี่ กึ ษากระบวนการบริหารงานระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียนขยาย โอกาสในอำเภอแจ้ห่ม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 3 ผลการศึกษาพบว่า กระบวนการ บริหารงานระบบการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาเหน็ วา่ มีการดำเนินการมากทกุ ขน้ั ตอนและทกุ ด้าน 4. ผลการศึกษาพบว่า ภาวะผู้นำเชงิ สร้างสรรค์ภาพรวมมีความสมั พันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลาง กับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาครภาพรวม เมื่อพิจารณาในรายละเอียดความสัมพันธ์ตามลำดับดังนี้ ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ภาพรวม มี ความสัมพันธใ์ นทิศทางเดยี วกันสูงที่สุดในระดับปานกลางกับการบริหารงานประกันคณุ ภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกดั สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาครด้านการจดั ทำแผนพฒั นาการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา รองลงมาคือภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการบริหารงาน หนา้ 169

การการประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านการจัดทำ รายงานประจำปีท่ีเป็นรายงานประเมนิ คุณภาพภายใน รองลงมาคือ ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ภาพรวมมีความสัมพันธ์ ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านการจัดให้มีการตรวจสอบคุณภาพการศึกษาและด้านการจัดให้มีการ ติดตามและการตรวจสอบคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ส่วนภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ ภาพรวมมีความสัมพันธ์ต่ำที่สุดในทิศทางเดียวกันในระดับต่ำมากกับการบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหาร สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครด้านการจัดให้มีการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา อยา่ งตอ่ เนือ่ ง ทงั้ นีอ้ าจเน่อื งมาจาก ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาสงั กัดสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครมี ความเป็นผู้นำในเชิงสร้างสรรค์ กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจอย่างสร้างสรรค์ มีคุณลักษณะสร้างพลัง แรงกระตุ้นให้ บุคลากรปฏบิ ัติงานดา้ นการประกนั คณุ ภาพไปสู่เปา้ หมายท่ีสถานศกึ ษารว่ มกนั กำหนดได้อย่างดี ยอมท่ีจะปรบั เปลี่ยนแนวคดิ ตามสถานการณ์ เปิดรับมมุ มองใหม่ ๆ ยอมรับเกณฑ์การประกนั คณุ ภาพ ปรบั เปลี่ยนแผน โครงการของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษามีทักษะทางความคิด การเรียนรู้และ กระบวนการการแก้ปัญหางานประกันคุณภาพการศึกษาอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้ระบบงานประกันคุณภาพการศึกษา บรรลุตามเปา้ หมายท่ีกำหนดไว้ ซึ่งสอดคลอ้ งกับงานวจิ ัยของ มยุรีย์ แพร่หลาย (2554) ที่ศึกษาการวิเคราะหป์ ัจจยั ที่ ส่งผลต่อการบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านนโยบายการ บริหารและการปฏิบตั ิ ปัจจัยด้านลกั ษณะของสภาพแวดล้อมและปัจจยั ด้านลกั ษณะของโรงเรียน เปน็ ปจั จยั ท่มี ีอิทธิพล รวมอยา่ งมีนยั สำคัญทางสถติ ิ ต่อการบรหิ ารงานประกนั คณุ ภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก ปจั จัยสนบั สนุนการ บริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จในการประกันคุณภาพด้านนโยบาย การบริหารและการปฏิบัติ คือการนิเทศติดตามอย่างต่อเนื่อง และการใช้ภาวะผู้นำของผู้บริหารเพื่อสร้างแรงจูงใจใน การปฏิบัติงานของบุคลากร ปัจจัยอุปสรรคด้านนโยบายการบริหารและการปฏิบัติ คือระบบสารสนเทศที่ไม่เป็น ปัจจุบันและการขาดแคลนบุคลากรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย แนวทางการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาของ โรงเรียนขนาดเล็กตามกระบวนการ PDCA นั้น ผู้บริหารต้องกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับ การ จัดหา การแบ่งงานและมอบหมายงานใหบ้ ุคลากร การจัดทำระบบสารสนเทศให้เป็นปจั จุบัน สนบั สนนุ งบประมาณใน การพัฒนาระบบเทคโนโลยีทีท่ ันสมัย นิเทศติดตามอย่างต่อเนื่องโดยการใช้ภาวะผู้นำของผู้บริหารในการใช้กลยุทธ์ให้ เกิดผลสำเร็จในการปฏิบัติงานตลอดจนส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ สุรวี ศุนาลัย (2555)ที่ศึกษาปัจจัยแห่งความสำเร็จของการประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ผลการศึกษา พบว่า มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาที่บูรณาการระบบการประกันคุณภาพภายใน ของ สกอ. การประเมนิ คุณภาพภายนอกของ สมศ. แผนกลยทุ ธแ์ ละแผนปฏิบตั ิการประจำปี และระบบบริหารคณุ ภาพ สากล ISO ที่สอดคล้องต่อวิสัยทัศน์ และนโยบายของมหาวิทยาลัย มีกลไกการดำเนินงานประกันคุณภาพจากการมี ส่วนร่วมของผู้บริหารและบคุ ลากรผ่านการดำเนินงานประจำและงานโครงการของคณะวิชาและหน่วยงานสนบั สนุน มี หนว่ ยงานเฉพาะที่รับผิดชอบงานประกนั คุณภาพ ใช้การจดั การความรูเ้ พอ่ื สร้างความเขา้ ใจการประกันคุณภาพ พัฒนา เครื่องมือการบริหารงานประกันคุณภาพด้วยระบบ SAP ระบบ FIS และการจัดทำรายงานการประเมินตนเองด้วย excel นำผลการตรวจประเมินคุณภาพมาปรับปรุงการปฏิบัติงาน และสร้างแรงจูงใจในการประกันคุณภาพด้วยการ มอบรางวัลในระดับมหาวิทยาลัย ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของงานประกันคุณภาพการศึกษาเรียงลำดับ หนา้ 170

การการประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ความสัมพันธ์ ดังนี้ ทัศนคติต่อการประกันคุณภาพ ความพร้อมด้านทรัพยากร วัฒนธรรมคุณภาพ และภาวะผู้นำของ ผู้บริหาร ข้อเสนอแนะการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาคือ ผู้บริหารทุกระดับควรเพิ่มความสำคัญในการ บริหารงานประกนั คุณภาพการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ควรเพิม่ การพัฒนาความรคู้ วามเขา้ ใจงานประกันคุณภาพการศกึ ษา ให้บุคลากรในทุกระดับอย่างทั่วถงึ บูรณาการกลไกการดำเนินงานการประกนั คุณภาพการศึกษาของระบบตา่ งๆ แผน กลยุทธ์มหาวิทยาลัยให้เป็นกลไกเดียวกัน เพิ่มระบบข้อมูลสารสนเทศที่เอื้ออำนวยระบบคุณภาพต่างๆ และเพิ่มการ สร้างแรงจูงใจในงานประกนั คุณภาพการศกึ ษาแกบ่ คุ ลากรในทุกระดบั ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะเพ่ือการนำผลการวจิ ัยไปใช้ประโยชน์ 1.1 ผลการศึกษาพบวา่ ภาวะผ้นู ำเชงิ สรา้ งสรรคข์ องผบู้ รหิ ารสถานศึกษา สังกดั สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาครภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแต่ละดา้ นพบว่า ด้านความสามารถใน การแก้ปัญหาและด้านความยืดหยุ่นมคี ่าเฉลี่ยต่ำทีส่ ุดดงั นัน้ ดังนนั้ ผู้บริหารสถานศกึ ษาควรมีทักษะการแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ เปดิ โอกาสใหบ้ ุคลากรเขา้ มามีสว่ นรว่ มในการแกป้ ัญหาและมีความยดื หยุน่ ในกฏระเบียบโดยใหค้ วามสำคัญ กับการพัฒนาบุคลากรเปน็ สำคัญ 1.2. ผลการศึกษาพบว่า การบริหารงานประกันคุณภาพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาครภาพรวมมีค่าเฉลยี่ อยใู่ นระดบั มาก เมื่อพจิ ารณาในรายละเอียดพบว่า ด้านการจัดให้ มีการติดตามและการตรวจสอบคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษามีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ดังน้ัน ผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับการติดตามตรวจสอบคุณภาพภายใน กำหนดแผนงานการดำเนินงานการประกัน คุณภาพการศึกษาตลอดทั้งปีและประกาศให้บุคลากรทราบอย่างทั่วถึง โดยผู้บริหารต้องเป็นผู้ติดตามตรวจสอบการ ดำเนนิ งานอยา่ งสมำ่ เสมอ 1.3 ผลการศึกษาพบว่า ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการ บริหารงานประกันคณุ ภาพของผู้บริหารสถานศกึ ษา สังกัดสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร เมื่อ พิจารณาในรายละเอียดความสัมพันธ์ตามลำดับพบว่า ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์มีความสัมพันธ์ต่ำที่สุดในทิศทาง เดยี วกันในระดับตำ่ มากกบั การบรหิ ารงานประกนั คณุ ภาพของผบู้ ริหารสถานศึกษา สงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาครด้านการจัดให้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษาควรมี การนำผลการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาในปีที่ผ่านมามาใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดแผนงานปีถัดไป อยา่ งสมำ่ เสมอ 2. ขอ้ เสนอแนะเพ่ือการวิจัยในครัง้ ต่อไป 2.1 การศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยศึกษาการบริหารงานประกันคุณภาพการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาควรมี การศึกษาประสิทธิภาพการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาที่มีผลกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน สงั กัดสำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาครโดยวิเคราะหใ์ หค้ รอบคลุมทุกกลุ่มสาระ 2.2 ควรมีการศึกษาประเด็นอื่น ๆ ที่มีผลต่อการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษา เช่น การทำงาน เปน็ ทมี ของบคุ ลากร การมสี ว่ นรว่ มของชุมชน ประสทิ ธภิ าพการจัดเกบ็ ขอ้ มูลสารสนเทศ เป็นต้น หน้า 171

การการประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 2.3 ควรมกี ารศกึ ษาเปรยี บเทียบภาวะผู้นำกบั การบริหารงานประกันคณุ ภาพการศกึ ษาจำแนกตามขนาดของ โรงเรยี นในจงั หวดั สมทุ รสาคร หรอื จงั หวัดอนื่ ๆ เอกสารอา้ งอิง กมลรตั น์ ฐติ ิวัชรว์ รกลุ . (2560). การบริหารงานประกันคณุ ภาพการศกึ ษาของผบู้ ริหารโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนก สามัญศึกษากล่มุ 6. Veridian E-Journal, Silpakorn University. ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์และศลิ ปะ ปีท่ี 10 ฉบบั ที่ 2 เดอื นพฤษภาคม – สงิ หาคม 2560. กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2545). พระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พทุ ธศักราช 2542 (ฉบบั ที่ 2) และทีแ่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ พุทธศักราช 2545.กรุงเทพฯ: บรษิ ทั สยามสปอรต์ ซนิ ดิเค จำกัด. คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานสำนักงาน.(2554).การกำหนดมาตรฐานการศกึ ษาตามกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลกั เกณฑ์และวธิ ีการประกนั คุณภาพการศึกษาพ.ศ.2553 กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณ์แห่งประเทศไทย. คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐานสำนกั งาน. (2554) แนวทางการพฒั นาระบบการประกันคณุ ภาพภายในของ สถานศึกษาตามกฎกระทรวงวา่ ด้วยระบบหลักเกณฑ์และวธิ กี ารประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ.2553. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณ์แหง่ ประเทศไทย. จนั จริ า นำ้ ขาว. (2562). ภาวะผูน้ ำเชงิ สร้างสรรค์ของผบู้ รหิ ารกบั การบริหารงานวชิ าการในโรงเรียน สังกัด สำนกั งาน เขตพื้นท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 6.ปรญิ ญามหาบณั ฑิต(การบริหารการศกึ ษา).บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ศิลปากร. มยุรีย์ แพรห่ ลาย. (2554). การวิเคราะห์ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการบริหารงานประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาของโรงเรียนขนาด เลก็ .ครุศาสตรดุษฎบี ณั ฑติ (บริหารการศกึ ษา)บัณฑิตวทิ ยาลยั .จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ปทมุ ทพิ ย์ ศรเี มอื ง. (2546). สภาพการดำเนนิ งานและปญั หาการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษานอกโรงเรียน กรุงเทพมหานคร. ปรญิ ญานพิ นธก์ ารศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ ประสานมติ ร. พระมหาเทพรตั น์ อริยวโ์ ส, ลญั จกร นิลกาญจน์. (2559). รูปแบบการจัดกจิ กรรมบรู ณาการเพอ่ื การพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม วดั พรหมโลก อำเภอพรหมครี ี จังหวัดนครศรธี รรมราช. วารสารนาคบุตรปริทรรศน์มหาวทิ ยาลยั - ราชภัฏนครศรธี รรมราช. ปที ่ี 8 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม – ธนั วาคม 2559. รจนา มากชุมแสง. (2556). บทบาทของผู้บริหารสถานศกึ ษาในการส่งเสรมิ การประกนั คณุ ภาพภายใน สถานศกึ ษา ของโรงเรียนในอำเภอปะคำ สงั กดั สำนกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาบรุ รี มั ย์เขต 3. (วิทยานิพนธ์ครุ- ศาสตรม์ หาบณั ฑิต). สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา. มหาวิทยาลยั ราชภฏั บรุ รี ัมย์. สุรวี ศนุ าลยั . (2555). ปจั จยั แหง่ ความสำเร็จของการประกันคุณภาพการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ธุรกิจบัณฑิตย.์ สำนัก วชิ าการ.ศูนย์สนเทศและหอสมุด. มหาวทิ ยาลัยธรุ กจิ บณั ฑติ ย์. สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรสาคร. (2562). ระบบข้อมูลสารสนเทศเพือ่ การบริหาร : สำนักงาน เขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร. [online], สบื คน้ เมือ่ 24 เมษายน 2562. Available from https://data.bopp-obec.info/emis/index_area.php?Area_CODE=7401. Parker, J.P.& Begnaud, L.G. (2004). “Developing Creative Leadership.” Portsmouth, NH.: Teacher Ideas Pr. Taro Yamane(1973 ).Statistics: An Introductory Analysis.3rdEd.New York.Harper and Row Publications. หน้า 172

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพ่อื การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) กลยทุ ธ์การส่ือสารของผบู้ รหิ ารส่งผลต่อการตดั สินใจเลอื กเข้าศึกษาตอ่ ของนักเรยี น ระดับประกาศนยี บตั ร วชิ าชพี (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรงุ เทพมหานคร Administrators’ Communicative Strategies Affecting on Choosing a College to Study among Vocational Certificate Students in Private Vocational Colleges in Bangkok ฤทยั สินประสงค์1*ปฐมพรณ์ อินทรางกูร ณ อยธุ ยา2 วิเชยี ร อนิ ทรสมพันธ์3 หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลัยธนบุรี1* , บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยธนบรี2 ,คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั บ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา3 [email protected]*, [email protected] บทคดั ยอ่ การวิจัยครงั้ น้ี มวี ัตถุประสงค์ของการวิจัยเพ่ือศึกษา 1) ระดับกลยทุ ธ์การสอื่ สารของผูบ้ ริหาร ในสถานศึกษา อาชีวศึกษา เอกชน เขตกรุงเทพมหานคร 2) ระดับการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ใน สถานศกึ ษาอาชวี ศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร 3) กลยทุ ธก์ ารสอื่ สารของผบู้ ริหารท่สี ่งผลตอ่ การตดั สินใจเลือกเข้าศึกษาตอ่ ของ นักเรียนระดับประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอยา่ งที่ใชใ้ นการวิจัย คือ นักเรียนระดับประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 ของสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มา จากการสุ่มตัวอย่าง จำนวน 390 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลโดยหา ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลีย่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน การทดสอบความสมั พนั ธร์ ะหว่างตัวแปรดว้ ยวธิ ขี องเพยี ร์สัน และการวิเคราะหก์ ารถดถอยพหุคูณ แบบขน้ั ตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับกลยุทธ์การสื่อสารของผู้บริหาร ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร โดย ภาพรวมอยู่ในระดบั มาก และคา่ เฉลย่ี มากที่สุด คอื ความกระจา่ ง รองลงมาคือ ด้านช่องทางข่าวสาร สว่ นด้านท่ีมีค่าเฉล่ียน้อยที่สุด คือ ดา้ นบริบท 2) ระดับการตัดสินใจเลอื กเข้าศึกษาต่อของนกั เรียน ระดบั ประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) ในสถานศึกษาอาชวี ศกึ ษา เอกชน เขตกรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และค่าเฉลีย่ มากท่ีสุด คือ พฤติกรรมภายหลงั การเลือก รองลงมาคือ การ ตัดสินใจ ส่วนด้านทมี่ คี า่ เฉล่ยี นอ้ ยทีส่ ดุ คอื การรบั รปู้ ญั หาหรือความจำเปน็ 3) ศกึ ษากลยุทธ์การสอ่ื สารของผูบ้ ริหารทีส่ ่งผลต่อการ ตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาตอ่ ของนกั เรียน ระดับประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) ในสถานศกึ ษา อาชวี ศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร โดยกลยุทธ์การส่ือสารของผู้บริหารมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ในภาพรวมอยู่ใน ระดับสูง โดยมีด้านการรับรู้ปัญหาหรือความจำเป็นกับความกระจ่างที่ระดับ r= 0.733 และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ด้าน หน้า 173

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพ่ือการเปลยี่ นผ่านสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ความกระจา่ ง มีผลต่อการตัดสนิ ใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ระดับประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษา เอกชน เขตกรงุ เทพมหานคร ร้อยละ 69.60 โดยมคี า่ ความคลาดเคล่ือนมาตรฐานในการพยากรณ์ทมี่ ีคา่ เท่ากับ +0.314 คำสำคญั : กลยุทธ์การส่อื สาร / การตัดสินใจ ABSTRACT The purposes of the current study were to investigate ( 1) level of communicative strategies of administrators in private vocational colleges in Bangkok, ( 2) level of decision to choose a college to continue their study among vocational certificate students in private vocational colleges in Bangkok, and (3) communicative strategies of administrators that affected on decision to choose a college to continue their study of vocational certificate students in private vocational colleges in Bangkok. A sample group consisted of 390 1st year vocational certificate students in private vocational colleges in Bangkok area, recruited by a sampling technique. A research instrument was a questionnaire. Data were analyzed by means of frequency, percentage, mean, standard deviation, Pearson’s correlation, and Stepwise Multiple Regression Analysis. The findings revealed that ( 1) overall level of communicative strategies of administrators in private vocational colleges in Bangkok was at a high level. The highest averaged aspect was transparency, followed by information channel, while the lowest one was the context aspect. ( 2) Overall level of decision making to choose a college for their study among private vocational certificate students in Bangkok area was at a high level. The highest averaged aspect was post decision- making, followed by decision making, while the lowest one was perceptions of problems and needs. ( 3) Overall administrators’ communicative strategies positively affected decision to choose a college for their study among private vocational certificate students in Bangkok area, significantly at . 05 level. The aspects of perceptions of problems and needs and transparency was r= 0. 733. The stepwise multiple analysis showed that transparency affected students’ decision to choose to study in a private vocational college in Bangkok area for 69.60%, with a standardized predictive error of +0.314. Keywords: Communicative Strategies/ Decision บทนำ การศึกษาเป็นกระบวนการเรียนรู้ เพื่อความเจรญิ งอกงาม ของบุคคลและสงั คม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝกึ การอบรม การสบื สานทางวัฒนธรรม การสรา้ งสรรคจ์ รรโลงความกา้ วหนา้ ทางวชิ าการ การสร้างองค์ความรู้ อันเกิดจาก การจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้ และปัจจัยเกื้อหนุน ให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ซึ่งการศึกษาตลอด หน้า 174

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ชีวิตเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถ พฒั นาคุณภาพชีวิตไดอ้ ย่างต่อเนอื่ งตลอดชวี ติ (พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ , 2542 : 2 ) ทุกประเทศต้องการพัฒนาพลเมืองของตนเองให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา ประเทศ การให้การศึกษาถือเปน็ วิธีการทีส่ ำคัญและจำเปน็ ในการพฒั นาพลเมือง การศึกษาช่วยให้มนุษยม์ ีการพัฒนาท้งั ทางด้านทักษะและความรู้ ผลจากการพัฒนาทำให้สามารถยกฐานะทางด้านเศรษฐกิจและสังคมให้สูงขึ้น ผู้ที่ได้รับ การศึกษาสงู ขึ้นมกั มรี ายไดท้ ส่ี งู ขึน้ และไดร้ ับการยอมรบั จากสังคม ประเทศทม่ี พี ลเมอื งทีม่ กี ารศกึ ษาดีมกั จะเป็นประเทศท่ี มีความมั่นคงทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ จึงใช้งบประมาณไปเป็นจำนวนมากเพื่อการจัด การศึกษาให้กับพลเมือง ประเทศไทยเองก็ได้จัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงศึกษาธิการมากกว่ากระทรวงอื่นในทุกปี เชน่ เดยี วกัน (สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาการศึกษาพเิ ศษ, 2557 : 4) สภาพการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษาในปัจจุบันยังคงประสบกับปัญหาทั้งด้านปริมาณและด้านคุณภาพอย่าง ต่อเนื่องมาโดยตลอด ในด้านปริมาณพบว่า จำนวนผู้เรียนและผู้สำเร็จการศึกษาที่เข้าสู่ตลาดแรงงาน ยังคงมีน้อยกว่า ตัวเลขความต้องการกำลังคนด้านการอาชีวศึกษาของประเทศ แม้รัฐบาลจะมีนโยบายปฏิรูปการศึกษาต่อเนื่องมาสู่ ทศวรรษท่ี สอง (พ.ศ. 2552 – 2561) ซ่ึงกำหนดตวั บ่งชี้และเปา้ หมายดา้ นสดั ส่วนผเู้ รยี นอาชวี ศึกษาต่อสายสามัญ เป็น 60 : 40 และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้นำมากำหนดเป็นเป้าหมายในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา อาชีวศึกษาด้วยเชน่ กัน (ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์, 2559 ,หน้า 1) และ ในปีการศึกษา 2561 มีจำนวนนักศึกษาระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชพี (ปวช.) ลดลงจาก ปีการศึกษา 2560 โดยมีแนวโน้มลดลง จาก จำนวน 209,728 คน เป็น 205,805 คน (ศนู ย์เทคโนโลยสี ารสนเทศ กำลงั คนอาชีวศกึ ษา, 2560-2561 : 11) การเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) อันเกิดจากการสื่อสารข้อมูลที่มี ประสิทธิภาพ มีความเชื่อถือ ใช้ภาษาเหมาะสม มีเนื้อหาเป็นประโยชน์ มีความต่อเนื่องเพื่อเตือนความทรงจำ การใช้ ช่องทางการสื่อสารทันสมัย รวดเร็ว เหมาะสมกับความต้องการของนักเรียน เป็นข้อมูลที่เป็นจริง และชัดเจนเข้าใจง่าย ซึ่งส่งผลให้นักศึกษาเกิดกระบวนการตัดสินใจเลือกเรียน คือ เกิดการรับรู้ถึงความถูกต้อง และความจำเป็น ในการ นำไปใชป้ ระโยชนด์ ้านการศึกษาและการประกอบอาชพี ทำให้เกดิ การแสวงหาข้อมลู มกี ารประเมินทางเลอื กอยา่ งมีเหตุผล และทำให้เกิดการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน และในกรณีที่นักเรียนเข้าไปศึกษาต่อแล้วมี ความสุข ตามความคาดหวัง หรือหากเกินความคาดหวัง ก็จะมีการบอกต่อ ซึ่งส่งผลให้สถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน เปน็ ท่ยี อมรบั และมีนกั เรียนสนใจเขา้ ศึกษาตอ่ เพ่ิมมากขึน้ ( Kotler, 2003 : 15) จากเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับกลยุทธ์ของผู้บริหารด้านการสื่อสารส่งผลต่อการ ตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน เขต กรุงเทพมหานคร นั้นเป็นประโยชน์ ซึ่งสามารถนำข้อมูลที่ค้นพบและศึกษามาใช้ใน การดำเนินงาน และเป็นข้อมูล ประกอบการพจิ ารณาในการวางแผน กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ การบริหารจดั การสถานศกึ ษาอย่างมีคุณภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของสถานประกอบการ รวมถึงการสร้างความพึงพอใจให้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและสถานประกอบการ ซึง่ จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บรหิ ารในยคุ ปัจจุบนั ต้องเปน็ ผู้นำทีม่ ีวิสยั ทศั น์ ทันสมยั เปน็ ผู้นำเชิงกล ยุทธ์ ทั้งในการวางแผน กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ เพื่อนำสถานศึกษาไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของการศึกษา แหง่ ชาตอิ ย่างย่ังยนื หน้า 175

การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพ่อื การเปลย่ี นผ่านสปู่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) วัตถปุ ระสงค์ของการวิจัย 1. ศึกษาระดบั กลยทุ ธก์ ารส่ือสารของผบู้ ริหาร ในสถานศกึ ษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรงุ เทพมหานคร 2. ศึกษาระดับการตดั สนิ ใจเลอื กเขา้ ศกึ ษาตอ่ ของนักเรียน ระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชวี ศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร 3. ศึกษากลยุทธ์การสื่อสารของผ้บู ริหารท่สี ่งผลต่อการตดั สนิ ใจเลือกเข้าศึกษาตอ่ ของนักเรยี นระดับ ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชวี ศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร ตวั แปรต้น กลยทุ ธก์ ารสอื่ สารเพอื่ ให้เกิดประสิทธผิ ล ซ่ึงประกอบด้วยกลยทุ ธก์ ารสือ่ สาร ของ ( Robbin & Coulter, 2007) ประกอบดว้ ย 7 ประการดงั น้ี 1) ความเช่ือถือ (Credibility) 2) บรบิ ท (Context) 3) เน้ือหาสาระ (Content) 4) ความตอ่ เน่อื ง (Continuity) 5) ความมน่ั คง (Consistency) 6) ช่องทางขา่ วสาร (Channels) 7) ความกระจา่ ง (Clarity) ตวั แปรตาม การตัดสินเลือกเข้าศกึ ษาต่อระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) ของนกั เรยี น ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรงุ เทพมหานคร โดยกำหนดตวั แปรตาม ตามทฤษฎเี กยี่ วกบั การตัดสินใจของ (Kotler, 2003) ประกอบด้วยกระบวนการตดั สนิ ใจในการเลอื กศกึ ษาตอ่ ในสถานศกึ ษาอาชวี ศึกษาเอกชน 5 ขอ้ ดังน้ี 1. การรับรูป้ ัญหาหรือความจำเปน็ 2. การแสวงหาขอ้ มลู 3. การประเมนิ ทางเลอื ก 4. การตัดสินใจ 5. พฤติกรรมภายหลังการเลอื ก เอกสารและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง 1. กลยุทธ์ทางการสื่อสาร หมายถึง ความสําเร็จขององค์การ ซึ่งช่วยให้ผู้บริหารสามารถมองเห็น ภาพรวม ขอบเขตได้กว้างขวาง และชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น เป็นเครื่องมือจะช่วยส่งเสริม และสนับสนุนการกําหนด การ ดําเนินกิจกรรมต่างๆ ภายในองค์การตามทิศทางทีช่ ัดเจนและเป็นเครื่องนําทาง (Betty Smith Williams , 2005) โดย ช่วยให้สมาชกิ เข้าใจในวสิ ัยทัศนว์ ตั ถปุ ระสงค์ และทศิ ทางที่แน่นอนขององคก์ าร ไม่กอ่ ให้เกิดความสบั สนหรือความขัดแย้ง ในการทํางาน ทําให้องค์การสามารถบรรลุเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ที่ต้องการ อย่างมีประสิทธิภาพ ตามกลยุทธ์การ สอื่ สาร 7 ประการ ของ หน้า 176

การประชมุ วิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผ่านสปู่ กติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ( Robbin & Coulter, 2007 ) ซึ่งมรี ายละเอยี ดดังนี้ 1.1 ความเชื่อถือ หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศกึ ษาเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร มีการ สื่อสารเพื่อชี้แจงนโยบายและแนวปฏิบัติในด้านการแนะแนวและประชาสัมพันธ์ เพื่อแนะนำให้ ผู้เรียนระดับ ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) เขา้ ศกึ ษาต่ออย่างมีประสทิ ธภิ าพแก่บุคลากรทกุ ฝ่าย และมกี ารสร้างความเข้าใจอันดีเป็น ทยี่ อมรบั ของบคุ ลากรทกุ ฝ่ายในสถานศึกษา รวมถึงมีการนำขอ้ มูลท่ีผิดพลาดมาแก้ไขไดอ้ ย่างทนั ท่วงที 1.2 บริบท หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานคร มีศิลปะใน การพูดและบุคลิกภาพที่เหมาะสมและนา่ สนใจเพื่อให้บุคลากรฝ่ายประชาสัมพันธ์และแนะแนวของสถานศกึ ษา ตลอดจน ผ้เู รยี นมคี วามเขา้ ใจในการนำขอ้ มลู การประชาสมั พนั ธ์และแนะแนว เพือ่ เชิญชวนใหน้ กั ศกึ ษาระดับประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) มีความสนใจเข้าศึกษา และในกรณีที่ครูฝ่ายประชาสัมพันธ์และแนะแนว พบปัญหา หรือได้รับข้อมูลที่ไม่ชัดเจน ผบู้ รหิ ารจะชแ้ี จงให้ทุกฝา่ ยเกดิ ความเขา้ ใจทต่ี รงกัน 1.3 เน้ือหาสาระ หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาอาชวี ศึกษาเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานคร มีการ เรียงลำดบั ข้อมูล ข่าวสาร ด้านการประชาสมั พันธ์และแนะแนว เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เพื่อแจ้งให้แก่บุคลากรภายในสถานศึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์และแนะแนว เพื่อให้ เกดิ ประโยชน์ตอ่ การปฏบิ ัตงิ านมผี ลสัมฤทธ์ติ ่อการเพ่ิมจำนวนของนักศึกษา 1.4 ความต่อเนื่อง หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานคร มี แนวปฏิบัติที่ดี ในการใช้ช่องทางที่หลากหลายเพื่อประโยชน์ และเตือนความทรงจำให้ผู้เรียนในระดับ ประกาศนียบัตร วิชาชีพ (ปวช.) ได้รับรู้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ ประกอบการคิดตัดสินใจ ทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้เรียนกับ สถานศึกษา เกิดการยอมรับและพรอ้ มทจ่ี ะเลอื กสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนในการเข้าศกึ ษาตอ่ 1.5 ความมั่นคง หมายถึง การที่ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาอาชวี ศึกษาเอกชน ในเขตกรงุ เทพมหานคร มีจุดยืน ในการดำเนินงานด้านการสื่อสาร การบริหารจัดการและความถูกต้องเป็นจริงของข้อมูลด้านการประชาสัมพันธ์ ด้าน นโยบาย การคัดเลือกนักศึกษา เข้าศึกษาต่อและการรักษาจำนวนนักศึกษาให้คงอยู่ โดยไม่แปรผันตามสถานกา รณ์ อารมณ์ และความรสู้ ึก ตลอดระยะเวลาการดำเนนิ งาน 1.6 ช่องทางข่าวสาร หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานคร มี ความเข้าใจ และสามารถใช้ช่องทางในการสื่อสารที่เหมาะสมกับเนื้อหาทีม่ ีประโยชน์ เป็นการสื่อสารที่มีความรวดเร็ว ให้ ความสำคัญกับเทคโนโลยีแห่งการสื่อสารในยุคปัจจุบัน และมีการเลือกใช้ช่องทางที่เหมาะสมในการสื่อสาร และส่งเสริม สนับสนุนให้บุคลากรในองค์การ เห็นความสำคัญกับเทคโนโลยีแห่งการสื่อสารในยุคปัจจุบันและสามารถใช้ช่องทาง เทคโนโลยีแห่งการสื่อสาร โดยเฉพาะงานด้านการประชาสัมพันธ์และแนะแนว เพื่อให้เกิดความเหมาะสมของเนื้อหา ความรวดเร็ว และความทนั สมัย 1.7 ความกระจ่าง หมายถึง การที่ผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศกึ ษาเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานครให้มี การถ่ายทอดข้อมูลที่เข้าใจง่าย กะทัดรัด ชัดเจน ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ให้เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ใช้ คํายุ่งยาก ซับซ้อน นอกจากนี้การสื่อสารควรมีกลยุทธ์ ในการพูดคุยอย่างชัดเจนและด้วยนํ้าเสียงดังพอสมควรและควรพูดช้าๆ ใช้ ภาษา ท่าทางประกอบการพูดคุย และส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรมีเทคนิคในการสื่อสาร โดยเฉพาะบุคลากรที่ปฏิบัติด้านการ ประชาสมั พนั ธแ์ ละแนะแนว หน้า 177

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพ่ือการเปลย่ี นผ่านสู่ปกติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 2. การตัดสินใจศึกษาต่อ หมายถึง ความประสงค์ ความสนใจ ของผู้เรียน ในการศึกษาต่อระดับ ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งมาจากกลยุทธ์การสือ่ สารของ ผ้บู รหิ ารสง่ ผลต่อการตดั สนิ ใจเลือก ซ่ึงมีรายละเอยี ดดังนี้ 2.1 การตระหนักถงึ ปัญหาหรอื ความตอ้ งการปญั หาเกิดข้นึ เมอ่ื บคุ คลรู้สึกถงึ ความ แตกต่างระหว่างสภาพที่เป็นอุดมคติ คือ สภาพที่เขารู้สึกว่าดีต่อตนเอง และเป็นสภาพที่ปรารถนากับสภาพที่เป็นอยู่จริง ของสง่ิ ตา่ ง ๆ ท่ีเกดิ ขึน้ กบั ตนเอง จงึ กอ่ ให้เกิดความต้องการที่จะเติมเต็มส่วนต่างระหว่างสภาพอดุ มคติกับสภาพที่เป็นจริง โดยปัญหาของแตล่ ะบุคคลจะมีสาเหตทุ ีแ่ ตกต่างกนั ไป 2.2 การเสาะแสวงหาข้อมลู เมื่อเกิดปญั หา ผู้บรโิ ภคกต็ ้องแสวงหาหนทางแก้ไข โดย หาข้อมูลเพมิ่ เติมเพ่ือช่วยในการตดั สินใจ จากแหลง่ บุคคล แหลง่ ธรุ กจิ แหล่งข่าวทวั่ ไป และ จากประสบการณ์ 2.3 การประเมนิ ทางเลอื ก และตดั สนิ ใจเลือกทางท่ีดที ีส่ ดุ วธิ ีการทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ ทางเลือกอาจจะประเมิน โดยการเปรียบเทียบข้อมูลของแต่สถานศึกษาและคัดสรรในการที่จะตัดสินใจเลือกจาก หลากหลายสถานศึกษา อาจขึ้นอยู่กับความเชื่อ ความนิยม หรืออาจขึ้นอยู่กับประสบการณ์ท่ีผ่านมาในอดีตและ สถานการณ์ของการตัดสินใจรวมถึงทางเลือกที่มีอยู่ด้วยทั้งนี้ มีแนวคิดในการพิจารณา เพื่อช่วยประเมินแต่ละทางเลือก เพื่อให้ตดั สนิ ใจได้งา่ ยขึน้ 2.4 การตดั สินใจซ้ือ โดยปกตแิ ตล่ ะคนจะตอ้ งการขอ้ มลู ของสถานศึกษาและ ระยะเวลาในการตดั สินใจสำหรบั การเลือกสถานศึกษาแตกตา่ งกัน คอื สถานศกึ ษาบางแห่งต้องการข้อมลู มากเน่ืองจากอยู่ ไกล หรอื เปน็ สถานศึกษาท่ีก่อตง้ั ขน้ึ มาไมน่ าน ต้องใช้ระยะเวลาในการเปรียบเทยี บนาน แต่บางสถานศกึ ษาอาจไมต่ อ้ งการ ระยะเวลาการตดั สนิ ใจนาน 2.5 พฤตกิ รรมหลงั การตดั สินใจ หลงั จากมีการตัดสนิ ใจเขา้ เรยี นแลว้ นกั ศึกษาจะ ไดร้ ับประสบการณใ์ นการศกึ ษา ซ่ึงอาจจะได้รบั ความพอใจหรือไมพ่ อใจกไ็ ด้ ถา้ พอใจ หรือเป็นไปตามความคาดหวังก็จะทาํ ให้เกดิ การบอกต่อ มีการแนะนํา ส่งผลใหผ้ ้เู รยี นสนใจศกึ ษาตอ่ ในระดบั ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) เพม่ิ มากขึน้ ภัคชุดา อำไพพรรณ (2559) ได้ทำการวิจัยเรื่อง กลยุทธ์การสื่อสารเพื่อสร้างภาพลักษณ์ ของสำนักงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานต่อสื่อมวลชน ผลการวิจัยพบว่ากลยุทธ์การสื่อสารของสำนักงานคณะกรรมการ กำกับกิจการพลังงานต่อสื่อมวลชน เน้นการสื่อสารตอกย้ำชื่อผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการ จดจำเผยแพร่บทบาทหน้าที่ของสำนักงานด้วยการกำหนด ข้อความหลักที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายสร้างเสริมให้เกิดความ เช่ือมนั่ และยอมรบั ดว้ ยการเผยแพรค่ วามเป็นมืออาชพี ผลงานและกจิ กรรมโดยผ่านสอื่ ตา่ ง ๆ อย่างต่อเนอ่ื ง พิมลพรรณ จันทร์เจริญ (2559) ได้ทำการวิจัย กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ เพื่อส่งเสริม การตลาดของสถาบันแนะแนว การศึกษาต่อต่างประเทศในจังหวัดเชียงใหม่ ผลการวิจัยพบว่า สถาบันแนะแนว การศึกษาต่อต่างประเทศในจังหวัดเชียงใหม่ มีการนำแนวคิดการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการไปใช้ โดยอาศัยการ ผสมผสานเครื่องมือสื่อสารการตลาดแบบบรู ณาการหลากหลายประเภท เคร่ืองมือการตลาดแบบบูรณาการที่มีอทธิพลต่อ กลุ่มเป้าหมาย ไดแ้ ก่ การตลาดแบบออนไลน์ การตลาดทางตรง และการขายโดยใชพ้ นักงานขาย ทำใหก้ ระบวนการสอ่ื สาร ของสถาบนั ทง้ั ภายในและภายนอกองค์กรมีประสิทธิภาพมากย่งิ ขึ้น ปญั หาและอปุ สรรค ที่พบส่วนใหญไ่ ม่ไดเ้ กดิ จากปัญหา หนา้ 178

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพ่อื การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภายใน แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลที่มีการเปล่ียนแปลงวันเปิด – ปิดภาคเรียน เพื่อให้สอดคล้องกับประเทศสมาชกิ ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น ณฐวัฒน์ พระงาม (2562) ได้ทำการวิจัยเรื่อง อิทธพิ ลสือ่ ประชาสัมพันธ์ทีม่ ผี ลต่อการตดั สนิ ใจศึกษาต่อของ นกั เรยี นในสถาบนั การอาชีวศึกษาภาคเหนือ ผลการวิจัยพบว่า พฤตกิ รรมการรับร้สู ื่อประชาสมั พันธ์ พบวา่ กลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่มีความสนใจต่ออิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด จากการศึกษาระดับการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อนักเรียนในสถาบันการ อาชีวศึกษาภาคเหนือ พบว่า ระดับการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากทุกด้าน และจากการศึกษา อิทธิพลสื่อประชาสัมพันธ์ที่มีผลตอ่ การตัดสินใจเข้าศึกษาตอ่ ในสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนอื พบว่า มี 3 รูปแบบ คิอ 1) ส่อื สิ่งพิมพ์ 2) สื่อบุคคล 3) สอื่ กิจกรรมพิเศษ วธิ ดี ำเนินการวจิ ัย 1. ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ประชากรทใี่ ชใ้ นการวจิ ัยในครง้ั นี้ ได้แก่ นักเรยี นระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช.) ชั้นปีท่ี 1 ของสถานศึกษาอาชวี ศกึ ษาเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานคร ในปกี ารศกึ ษา 2563 จำนวน 61 แห่ง จำนวน 15,155 คน 2. เครื่องมอื ท่ใี ช้ในการวจิ ัย เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการวิจัยเร่ือง “กลยทุ ธ์การสือ่ สารของผบู้ ริหารสง่ ผลต่อการตดั สินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของ นกั เรยี น ระดับประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) ในสถานศกึ ษา อาชีวศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร ซ่งึ แบ่งออกเปน็ 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ประกอบด้วย เพศ อายุ อาชีพของ ผปู้ กครอง รายไดข้ องผู้ปกครอง ระดบั การศกึ ษาของผปู้ กครอง ตอนท่ี 2 เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่าแบบ Likert Scale ซึ่งเป็นข้อคำถามเกี่ยวกับระดับกลยุทธ์ ของผูบ้ ริหารดา้ นการส่ือสาร ในสถานศึกษาอาชีวศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร ตอนที่ 3 เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่าแบบ Likert Scale ซึ่งเป็นข้อคำถามเกี่ยวกับระดับการ ตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน เขต กรุงเทพมหานคร 3. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ในการวิจัยน้ผี ศู้ ึกษาไดเ้ ก็บรวบรวมข้อมลู จากกลุ่มตวั อย่าง โดยดำเนินการ ในชว่ ง ระหวา่ ง เดอื น ตลุ าคม – พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ดังนี้ 1. ขอหนังสอื อนญุ าตเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลการวจิ ยั จากบณั ฑิตวิทยาลัย ถึงผู้อำนวยการ สถานศึกษาอาชีวศกึ ษาเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานคร เพอื่ ขออนญุ าตในการจัดเกบ็ ขอ้ มูล จากกลมุ่ ตัวอยา่ ง 2. ผู้วจิ ยั ดำเนนิ การนำหนังสอื จากบณั ฑติ วทิ ยาลัยเสนอ ตอ่ ผอู้ ำนวยการ สถานศึกษาอาชีวศกึ ษาเอกชน ในเขตกรงุ เทพมหานคร 3. ผ้วู ิจยั นำแบบสอบถามสง่ ไปยงั สถานศึกษาอาชีวศกึ ษาเอกชน พรอ้ มหนังสือนำ เพอ่ื ขออนุญาตในการจัดเก็บขอ้ มลู จากกล่มุ ตัวอย่าง หนา้ 179

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 4. ผู้วจิ ัยตดิ ตามแบบสอบถามคืน พร้อมตรวจสอบความสมบูรณข์ องแบบสอบถามจนไดค้ รบ ตามจำนวน 390 ชุด 4. การวิเคราะหข์ ้อมูลและสถติ ิท่ใี ช้ 1. ผ้วู ิจยั ได้ดำเนินการวเิ คราะหข์ ้อมูลทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ซ่ึงประกอบด้วย เพศ อายุ อาชพี ของผปู้ กครอง รายไดข้ องผ้ปู กครอง ระดับการศกึ ษาของผปู้ กครอง โดยวิเคราะห์ดงั นี้ 1.1 ความถ่ี 1.2 ร้อยละ 2. ขอ้ มลู เก่ยี วกับระดับความคดิ เห็นต่อกลยุทธก์ ารสอื่ สารของผบู้ ริหาร ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร โดยหาค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และแปลความหมายคะแนนโดยใช้ เกณฑ์ของ Best. (1986 : 195) 4.51 – 5.00 หมายถงึ มีความคิดเหน็ ต่อกลยทุ ธ์การส่อื สารของผู้บริหาร ในระดบั มากทส่ี ดุ 3.51 – 4.50 หมายถงึ มคี วามคดิ เห็นต่อกลยุทธก์ ารสือ่ สารของผบู้ รหิ าร ในระดบั มาก 2.51 – 3.50 หมายถงึ มคี วามคดิ เหน็ ต่อกลยทุ ธ์การส่ือสารของผ้บู รหิ าร ในระดบั ปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นตอ่ กลยุทธก์ ารส่ือสารของผ้บู รหิ าร ในระดบั น้อย 1.00 – 1.50 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นต่อกลยทุ ธก์ ารสอื่ สารของผู้บริหาร ในระดบั นอ้ ยทส่ี ดุ 3. ข้อมูลเกี่ยวกบั ระดับความคดิ เหน็ ตอ่ การตดั สินใจเลอื กศึกษาต่อ ของนักเรยี น ระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร โดยหาค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน และแปลความหมายคะแนนโดยใชเ้ กณฑข์ อง Best. (1981 : 195 ) 4.51 – 5.00 หมายถึง มคี วามคดิ เห็นต่อกลยทุ ธ์การสอ่ื สารของผูบ้ ริหาร ในระดบั มากทส่ี ุด 3.51 – 4.50 หมายถงึ มคี วามคิดเหน็ ต่อกลยทุ ธก์ ารส่ือสารของผู้บริหาร ในระดบั มาก 2.51 – 3.50 หมายถงึ มีความคดิ เห็นต่อกลยทุ ธ์การส่อื สารของผู้บริหาร ในระดบั ปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นตอ่ กลยทุ ธก์ ารสอื่ สารของผบู้ รหิ าร ในระดับน้อย 1.00 – 1.50 หมายถงึ มคี วามคดิ เห็นตอ่ กลยุทธก์ ารสอื่ สารของผู้บริหาร ในระดบั น้อยที่สุด 4. ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกลยทุ ธ์ของผู้บริหารส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาตอ่ ของนักเรียน ระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร กำหนดเกณฑ์การ แปล ความหมาย 5 ระดับ ดังนี้ (สมชาย วรกจิ เกษมสกลุ , 2553 : 337-338) 0.8 ขึ้นไปหรือต่ำกวา่ -0.80 มีความสมั พนั ธ์กนั ในระดบั สงู หรือสงู มาก 0.6 ถงึ 0.8 หรือ -0.8 ถงึ -0.6 มคี วามสัมพนั ธก์ นั ในระดบั ค่อนข้างสงู 0.4 ถงึ 0.6 หรือ -0.6 ถึง -0.4 มีความสมั พนั ธ์กันในระดับปานกลาง 0.2 ถึง 0.4 หรือ -0.4 ถงึ -0.2 มคี วามสมั พันธ์กันในระดับค่อนข้างตำ่ ต่ำกวา่ 0.2 หรือมากกว่า -0.2 มคี วามสมั พันธ์กนั ในระดับตำ่ หนา้ 180

การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพื่อการเปลยี่ นผ่านสปู่ กติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ผลการวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ตอน คือ 1) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทัว่ ไปของกลุ่มตวั อย่าง 2) ผลการวิเคราะห์ระดบั กลยุทธ์การสื่อสารของผู้บริหาร ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร 3) ผลการวิเคราะห์ระดับการ ตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน เขต กรุงเทพมหานคร และ 4) ผลการวิเคราะห์กลยุทธ์การสื่อสารของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร โดยมีรายละเอียด ดังน้ี 1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไป ของผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีท่ี 1 ในสถานศกึ ษาอาชีวศกึ ษาเอกชน เขตกรงุ เทพมหานคร จำนวน 69 แหง่ จำนวน 390 คน พบวา่ ประชากร ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง 235 คน คิดเป็นร้อยละ 60 อายุอยู่ช่วง 16 – 20 ปี มากที่สุด จำนวน 250 คน คิดเป็นร้อยละ 64.1 อาชีพของผู้ปกครอง พนักงาน/รับจ้าง จำนวน 224 คน คิดเป็นร้อยละ 57.4 รายได้ของผู้ปกครองอยู่ที่ 10,001 - 20,000 บาท/เดือน จำนวน 202 คน คิดเป็นร้อยละ 51.8 ส่วนการศึกษาของผู้ปกครอง ต่ำกว่าปริญญาตรี จำนวน 204 คน คดิ เป็นร้อยละ 52.3 2. ผลการวิเคราะห์ระดับกลยุทธ์การสื่อสารของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณา เปน็ รายดา้ นพบวา่ ความกระจา่ ง มคี ่าเฉลย่ี สูงท่ีสดุ รองลงมา คอื ชอ่ งทางข่าวสาร และ ด้านบรบิ ท มคี า่ เฉลี่ยน้อยทสี่ ุด ซ่ึง สามารถอธบิ ายได้ดงั ตารางตอ่ ไปน้ี ตารางที่ 4.2 คา่ เฉลี่ย สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดบั ความคิดเห็นเกี่ยวกบั กลยุทธ์การสือ่ สารของผ้บู ริหาร ในสถานศึกษา อาชีวศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร ในภาพรวม กลยทุ ธก์ ารสอ่ื สารของผบู้ รหิ าร X S.D. ระดับ ลำดับ 1. ความเช่อื ถือ 2. บรบิ ท 4.13 0.65 มาก 4 3. เน้อื หาสาระ 4. ความต่อเน่ือง 4.11 0.63 มาก 7 5. ความม่นั คง 6. ช่องทางขา่ วสาร 4.12 0.65 มาก 6 7. ความกระจ่าง 4.13 0.64 มาก 5 รวม 4.14 0.66 มาก 3 4.18 0.69 มาก 2 4.19 0.68 มาก 1 4.14 0.57 มาก จากตารางที่ 4.2 พบว่า กลยุทธ์การสอ่ื สารของผ้บู รหิ าร ในสถานศกึ ษา อาชวี ศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอย่ใู นระดับมาก ( X = 4.14) เมอ่ื พจิ ารณาในรายข้อพบวา่ อยใู่ นระดับมากทกุ ขอ้ โดยเรยี งลำดบั คา่ เฉลย่ี จาก หนา้ 181

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพ่ือการเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) มากไปหาน้อย ดงั น้ี ข้อทมี่ ีคา่ เฉล่ยี มากท่ีสุด คอื ความกระจ่าง ( X = 4.19) รองลงมา คอื ชอ่ งทางข่าวสาร ( X = 4.18) และบริบท มีคา่ เฉลีย่ นอ้ ยที่สดุ คือ ( X = 4.11) 3. ผลการวิเคราะห์ระดับการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ใน สถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ดา้ นพฤตกิ รรมภายหลงั การเลือกมีค่าเฉล่ียสงู สดุ และด้านการรบั ร้ปู ัญหาหรือความจำเป็น ท่ีมคี ่าเฉลี่ยต่ำสุดความกระจ่าง มีคา่ เฉลยี่ สูงที่สดุ รองลงมา คอื ชอ่ งทางข่าวสาร และ ด้านบริบท มีคา่ เฉลยี่ นอ้ ยท่ีสุด ซง่ึ สามารถอธบิ ายได้ดังตารางตอ่ ไปน้ี ตารางที่ 4.10 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียนระดับ ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) ในสถานศกึ ษา อาชีวศึกษาเอกชน กรงุ เทพมหานคร ในภาพรวม การตัดสินใจเลอื กเข้าศึกษาตอ่ ของนกั เรยี นระดบั ประกาศนียบัตร วิชาชพี (ปวช.) X S.D. ระดบั ลำดับ ในสถานศกึ ษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร 1. การรับรูป้ ญั หาหรือความจำเป็น 4.10 0.63 มาก 5 2. การแสวงหาขอ้ มลู 4.14 0.69 มาก 4 3. การประเมนิ ทางเลือก 4.15 0.64 มาก 3 4. การตัดสินใจ 4.15 0.65 มาก 2 5. พฤติกรรมภายหลงั การเลือก 4.20 0.64 มาก 1 รวม 4.15 0.56 มาก จากตารางที่ 4.10 พบว่า การตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ใน สถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน กรงุ เทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 4.15) เม่ือพจิ ารณาในรายขอ้ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉล่ียมากที่สุด คือ พฤติกรรมภายหลังการเลือก ( X = 4.20) รองลงมา คือ การตัดสินใจ และ การประเมิน ทางเลอื ก ( X = 4.15) สว่ นขอ้ ทมี่ คี ่าเฉลย่ี น้อยที่สุด คอื การรบั รปู้ ัญหาหรอื ความจำเปน็ ( X = 4.10) 4. ผลการวเิ คราะห์กลยทุ ธ์การสอ่ื สารของผู้บริหารทีส่ ง่ ผลต่อการตัดสนิ ใจเลือกเขา้ ศกึ ษาต่อของนกั เรยี นระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร โดยกลยุทธ์การสื่อสารของ ผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) อย่างมี นยั สำคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดบั 0.05 ในภาพรวมอยู่ระดบั สงู ซงึ่ เป็นไปตามสมมตฐิ านทต่ี ั้งไว้ ซงึ่ กลยุทธก์ ารสื่อสารของผู้บริหาร วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชน ได้แก่ ความเชื่อถือ (X1) บริบท (X2) เนื้อหา (X3) ความต่อเนื่อง (X4) ความมั่นคง (X5) ช่องทางข่าวสาร (X6) ความกระจ่าง (X7) มีความสัมพันธ์กันกับการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งสามารถอธิบายได้ดัง ตาราง ต่อไปน้ี ตารางท่ี 4.16 ศึกษาความสมั พันธร์ ะหวา่ งกลยทุ ธก์ ารส่ือสารของผ้บู ริหารสง่ ผลต่อการตดั สนิ ใจเลือกเข้าศึกษาต่อ ของนกั เรยี น ระดับประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.) ในสถานศกึ ษา อาชวี ศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร ในภาพรวม หนา้ 182

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพื่อการเปลยี่ นผ่านสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การตัดสินใจเลือกเข้าศกึ ษาตอ่ ของนักเรียนระดับ ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.) ในสถานศกึ ษา อาชวี ศกึ ษา เอกชน เขตกรุงเทพมหานคร กลยุทธ์การส่อื สาร ของผูบ้ ริหาร การ ัรบ ู้ร ัปญหาห ืรอความ จำเป็น การแสวงหาข้อมูล การประเมินทางเ ืลอก การ ัตด ิสนใจ พฤติกรรมภายห ัลงการเ ืลอก ภาพรวม ระ ัดบความสัมพันธ์ R 1. ความเชือ่ ถือ 0.595* 0.583* 0.611* 0.602* 0.543* 0.675* คอ่ นขา้ งสงู 2. บริบท 0.648* 0.643* 0.597* 0.636* 0.588* 0.716* ค่อนขา้ งสงู 3. เน้อื หาสาระ 0.662* 0.611* 0.609* 0.632* 0.572* 0.710* คอ่ นข้างสงู 4. ความตอ่ เน่อื ง 0.650* 0.623* 0.636* 0.619* 0.592* 0.718* ค่อนขา้ งสงู 5. ความม่นั คง 0.654* 0.635* 0.633* 0.631* 0.545* 0.713* ค่อนขา้ งสูง 6. ชอ่ งทางข่าวสาร 0.691* 0.592* 0.613* 0.617* 0.569* 0.709* คอ่ นขา้ งสงู 7. ความกระจา่ ง 0.733* 0.606* 0.664* 0.637* 0.658* 0.758* ค่อนขา้ งสงู ภาพรวม 0.828 สูง *มนี ยั สำคัญทางสถติ ทิ ี่ระดบั 0.05 จากตารางที่ 4.16 พบว่า กลยุทธ์การสื่อสารของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กันกับการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อ ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานครอย่างมี นยั สำคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ 0.05 ในภาพรวมอยู่ระดบั สงู (r = 0. 828) ซึ่งเปน็ ไปตามสมมติฐานทีต่ ้งั ไว้ โดยมีด้านการรับรู้ ปญั หาหรอื ความจำเปน็ กับความกระจ่างที่ระดบั r= 0.733 สรุปผลการวิจยั ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับกลยุทธ์การสื่อสารของผู้บริหาร ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขต กรุงเทพมหานคร กลยุทธ์การสื่อสารทั้ง 7 ด้าน ประกอบด้วย ความเชื่อถือ ด้านบริบท เนื้อหา ความต่อเนื่อง ความมั่นคง ช่องทางข่าวสาร และความกระจ่าง ผลการวิจัยพบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ซึ่งความกระจ่าง มี ค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมา คือ ช่องทางการสื่อสาร ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ บริบท 2) ระดับการ ตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน เขต กรุงเทพมหานคร ผลการวิจยั พบวา่ ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก โดยวเิ คราะห์การตัดสนิ ใจเลอื กท้งั 5 ดา้ น เมื่อพิจารณา เป็นรายดา้ นพบว่าการปฏบิ ัตอิ ยใู่ นระดับมากทกุ ด้าน และค่าเฉลีย่ มากท่ีสดุ คือ พฤตกิ รรมภายหลังการเลอื ก รองลงมา คือ การตัดสินใจ ส่วนด้านท่ีมีคา่ เฉลี่ยน้อยที่สุด คือ การรับรู้ปัญหาหรอื ความจำเป็น 3) ศึกษากลยุทธ์การสือ่ สารของ หน้า 183

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพือ่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ผู้บริหารที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชวี ศกึ ษาเอกชน เขตกรงุ เทพมหานคร เมื่อพจิ ารณาพบว่า กลยุทธ์การส่อื สารของผ้บู ริหารมีความสัมพันธ์กันกับการ ตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขต กรุงเทพมหานครอย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติท่รี ะดับ 0.05 อภปิ รายผล การอภิปรายผลการวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้แบ่งเนื้อหาในการอภิปรายออกเป็น 3 ส่วน คือ 1) ระดับกลยุทธ์ การส่อื สารของผู้บรหิ าร ในสถานศึกษา อาชีวศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร 2) ระดับการตดั สนิ ใจเลือกเข้าศึกษา ต่อของนกั เรียน ระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษาอาชีวศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร และ 3) ศึกษากลยุทธ์การสื่อสารของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร วิชาชพี (ปวช.) ในสถานศกึ ษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร โดยมีประเดน็ สำคญั ท่ีนำมาอภปิ รายดังน้ี 1. ระดบั กลยุทธก์ ารส่อื สารของผบู้ รหิ าร ในสถานศกึ ษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร กลยุทธก์ าร ส่ือสารท้ัง 7 ดา้ น ประกอบด้วย ความเชื่อถือ ด้านบริบท เน้อื หา ความตอ่ เนื่อง ความมั่นคง ช่องทางข่าวสาร และความกระจ่าง ผลการวิจัยพบวา่ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ความกระจา่ ง มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมา คือ ช่องทางข่าวสาร และ ด้านบริบท มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด โดยภาพรวมสอดคล้องกับ แนวคิดทฤษฎีกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของผู้บริหารของ ( Robbin & Coulter, 2007) ซ่ึงพบว่า การสื่อสารที่มีประสิทธิผล จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ในการสื่อสาร ทั้ง 7 ด้าน และสอดคล้องกับ จุฑามาศ ศิลป์ไพบูลย์ พานิช (2558) ไดท้ ำวิจยั เรือ่ ง ความสัมพันธ์ระหว่างทักษะการติดต่อส่ือสารของผบู้ ริหารกบั ประสิทธิภาพ การทำงาน เป็นทีมของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 ผลการวิจัยพบว่า ทักษะการติดต่อสื่อสารของผู้บริหารสถานศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงลำดับ คือ ช่องทางการ ส่ือสาร ความกระจ่างของขา่ วสาร ความมั่นคง เน้ือหาสาระ ด้านบรบิ ท ความตอ่ เนื่อง และความเชื่อถอื เปน็ กลยทุ ธใ์ น การส่ือสารทส่ี ำคญั ทีจ่ ะสามารถนำพาองคก์ ารไปส่คู วามสำเรจ็ 2. ระดับการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร ผลการวจิ ยั พบว่าในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยวิเคราะห์การตัดสินใจเลือก ทง้ั 5 ดา้ น เมอ่ื พจิ ารณาเปน็ รายด้านพบวา่ การปฏบิ ตั อิ ยู่ในระดับมากทกุ ดา้ น และ และพบวา่ พฤตกิ รรมภายหลังการ เลือก มีค่าเฉลีย่ สูงที่สุด และ การรับรู้ปญั หาหรือความจำเปน็ มีค่าเฉล่ียน้อยที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับ ยุพา ไทยพิทักษ์ (2560) ไดท้ ำการวิจยั เร่ือง ปัจจยั ที่มอี ทิ ธพิ ลต่อการตัดสนิ ใจศกึ ษาต่ออาชีวศกึ ษาเอกชน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ณ วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาศาสนบริหารธรุ กิจ หนองจอก กรงุ เทพมหานคร เป็นการศกึ ษาเกยี่ วกับปจั จยั ท่ีมอี ิทธิพลต่อการ ตัดสินใจศึกษาต่ออาชีวศึกษาเอกชนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาศาสนบริหารธุรกิจ หนอง จอก กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือ ศึกษาสภาพทั่วไปของนักเรียนระดับช้ันประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปที ี่ 2 และ ชนั้ ปที ี่ 3 ของวิทยาลยั อาชวี ศึกษาศาสนบรหิ ารธุรกจิ เพ่ือศกึ ษาปัจจยั ทีส่ ่งผลต่อการตัดสนิ ใจศกึ ษาต่ออาชวี ศกึ ษา เอกชน หน้า 184

การประชมุ วิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพื่อการเปลย่ี นผ่านสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 3. ศึกษากลยุทธ์การสื่อสารของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร เมื่อพิจารณาพบว่า กลยุทธ์ การสื่อสารของผบู้ ริหารมีความสัมพันธ์กันกบั การตดั สินใจเลือกเขา้ ศึกษาต่อของนักเรยี นระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชวี ศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานครอยา่ งมีนยั สำคัญทางสถิตทิ ร่ี ะดบั 0.05 ในภาพรวมอยู่ ระดับ สูง (r = 0. 828) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ โดยกลยุทธ์การสื่อสารของผู้บริหาร ในสถานศึกษา อาชวี ศกึ ษาเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ความเชือ่ ถือ ดา้ นบริบท เน้อื หาสาระ ความต่อเนื่อง ความม่ันคง ความกระจ่าง มคี วามสัมพนั ธก์ นั กับการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ระดับประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช.) ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งสอดคล้องกับ จุฑามาศ ศิลป์ไพบลู ย์พานิช (2558) ที่ได้ทำการวิจัยเรือ่ ง ความสัมพันธ์ระหว่างทกั ษะการติดตอ่ ส่ือสารของผู้บริหาร กับประสิทธภิ าพ การทำงานเป็นทีมของครูในสถานศกึ ษา สงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 ผลการวิจัยพบว่า ทักษะการติดต่อสื่อสารของผู้บริหารสถานศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงลำดับ คือ ช่องทางการสื่อสาร ความกระจ่างของข่าวสาร ความมั่นคง เนื้อหาสาระ บริบท ความต่อเนื่อง และ ความเชื่อถอื เปน็ กลยทุ ธใ์ นการสื่อสารทส่ี ำคญั ท่จี ะสามารถนำพาองคก์ ารไปสู่ความสำเรจ็ ขอ้ เสนอแนะ 1. ควรมนี โยบายในการสนับสนุนสง่ เสริมให้ผ้บู ริหารสถานศกึ ษา ไดม้ กี ารพฒั นาตนเองเร่ืองกลยทุ ธ์ การสื่อสารอย่างครอบคลุม ต่อเนื่องไปถึงการถา่ ยทอดไปยังบุคลากรฝ่ายประชาสมั พันธ์และแนะแนว เพื่อให้ผู้บริหาร สถานศึกษารวมถึงบุคลากรฝ่ายประชาสัมพันธ์และแนะแนว ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองด้านกลยุทธ์การสื่อสารของ ตนเองใหพ้ ฒั นาไปในระดบั ท่สี งู ข้นึ 2. ควรมีนโยบายในการสนับสนุนส่งเสริมการวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารของผู้บริหารเพื่อให้เกิด ประสทิ ธิภาพ และประสิทธิผลอย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ให้ความสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์การสือ่ สาร โดยผู้บริหารมี การประชุมวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารให้กับบุคลากรฝ่ายประชาสัมพันธ์และแนะแนว เพื่อให้สามารถนำไปใช้ ประโยชน์ได้อยา่ งมีประสิทธผิ ล บรรลุเปา้ หมาย 3. ควรมกี ารนำตัวแปรดา้ นกลยทุ ธ์การส่ือสารท่สี ำคัญตอ่ การตัดสินใจเลือกศึกษาตอ่ ของนักเรยี น ระดับ ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.) ในสถานศกึ ษา อาชวี ศกึ ษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานคร ซง่ึ ได้แก่ ความเช่ือถอื ดา้ น บริบท เนื้อหาสาระ ความต่อเนื่อง ความมั่นคง ด้านช่องทาง ความกระจ่าง นำไปเพื่อประยุกต์ในการบริหาร สถานศกึ ษา งานประชาสมั พนั ธ์และแนะแนว และส่วนงานบริการทกุ สว่ นในสถานศกึ ษา 4. สถานศึกษาอาชวี ศกึ ษาเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานคร ควรมนี โยบายให้ผู้บรหิ ารสถานศึกษา มีการ เสริมความแข็งแกร่งให้เพิ่มมากขึ้น สำหรับกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อให้เกิดประสิทธิผล โดยให้ความสำคัญกลยุทธ์การ สื่อสารเพื่อให้เกิดประสิทธิผลในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านความกระจ่าง โดยปรับให้มีการถ่ายทอดข้อมูลท่ี เข้าใจง่าย กะทัดรดั ชัดเจน ยกตัวอยา่ งเปรยี บเทยี บ ใหเ้ ห็นได้อย่างชดั เจน เพ่อื ให้เกิดประสิทธิผลในการส่ือสารเพิ่ม มากข้นึ หน้า 185

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพือ่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 5. ควรมีการนำตัวแปรที่สำคัญด้านการตัดสินใจ ซึ่งได้แก่ การรับรู้ปัญหาหรือความจำเป็น การแสวงหา ข้อมูล การประเมินทางเลือก การตัดสินใจ พฤติกรรมภายหลังการเลือก นำไปใช้เปน็ แนวทางและขอ้ มูลพื้นฐาน เพ่ือ ประยกุ ตใ์ ช้ในการบริหารสถานศกึ ษา และตวั แปรสำคัญด้านการตดั สนิ ใจ คือ พฤติกรรมภายหลังการเลือก บ่งบอกถงึ การสร้าง ความกระจา่ งชัดเจนดา้ นความเชื่อมน่ั ให้กับผู้เรยี นท่ีจะบอกต่อ ให้บคุ คลอนื่ ไดร้ บั ทราบข้อมูลต่อไป เอกสารอา้ งอิง ภาษาไทย จฑุ ามาศ ตันนิรตั นโอภาส, “การตดั สนิ ใจศึกษาต่อของนกั เรยี นชว่ งช้นั ปที ่ี 4 ในจังหวัดอยุธยา”(วทิ ยานิพนธ์ มหาบณั ฑิต, สาขาจิตวทิ ยาการแนะแนว บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ, 2548) จฑุ ามาศ ศลิ ปไ์ พบลู ยพ์ านิช, “ความสมั พนั ธ์ระหว่างทักษะการตดิ ตอ่ สอ่ื สารของผูบ้ รหิ ารกบั ประสิทธภิ าพ การทำงานเปน็ ทมี ของครูในสถานศกึ ษา สงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษากาญจนบรุ ี เขต 3 กาญจนบุร”ี (สาขาบริหารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี, 2558) ณฐวฒั น์ พระงาม, “อิทธพิ ลส่อื ประชาสมั พนั ธท์ ่มี ีผลต่อการตดั สนิ ใจศึกษาต่อของนักเรียนในสถาบันการ อาชีวศกึ ษา ผาคเหนอื ” (มหาวิทยาลยั พษิ ณุโลก, 2562) เตือนใจ อารีโรจนนกุ ูล, “ปจั จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การตดั สินใจเลือกศึกษาต่อสายอาชีพ ของนักเรียนระดบั ช้นั ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้นั ปีที่ 1 วิทยาลยั เทคโนโลยพี ายพั และบรหิ ารธรุ กจิ ” (มหาวิทยาลยั เชียงใหม,่ 2559) ทรงธรรม ธรี ะกุล, การส่อื สารรณรงค์เชิงยทุ ธศาสตร์เพอ่ื เปล่ียนพฤตกิ รรมมนุษย์เนน้ การเจาะจงกลุ่ม, (เชยี งใหม่ : สำนกั พมิ พ์รว้ั เขยี ว, 2548) พมิ ลพรรณ จนั ทร์เจรญิ , “ กลยุทธก์ ารสือ่ สารการตลาดแบบบูรณาการ เพื่อสง่ เสริมการตลาดของสถาบนั แนะ แนวการศกึ ษาตอ่ ตา่ งประเทศในจังหวัดเชยี งใหม่” (นเิ ทศศาสตรม์ หาบณั ฑิตมหาวิทยาลัยนเรศวร พษิ ณโุ ลก, 2559) ภัคชดุ า เสรีรัตน์, “ ปจั จัยทส่ี ามารถจำแนกการตดั สนิ ใจศึกษาตอ่ ระดับอาชีวศึกษาของนกั เรียนในกล่มุ จังหวัด ภาคใต้ฝั่งอา่ วไทย” (สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลยั หาดใหญ่, 2560) สมชาย วรกิจเกษมสกุล, ระเบียบวธิ ีการวจิ ัยทางพฤตกิ รรมศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์, (อดุ รธานี:อกั ษรศลิ ปก์ าร พมิ พ,์ 2553) ภาษาองั กฤษ Best. (1981). Research in Education. New Jersecy : Prentice-Hall,Inc. Friedman. (1994). Marketing Management : Analysis, Implementation and Control.Englewood Cliffs : Prenice-Hall. หนา้ 186

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผ่านสปู่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) Herr and Cramer. (1997). Career Guidance Throgh the Life Spen. Boston : Little,Brown. Kotler, (2003 ). Marketing Management. 11th ed. Upper (Saddle River, NJ : Prentice-Hall) Kotler and Armstrong. (2001). Principles of marketing. 9th ed. ( New Jersey : Prentice-Hall) Robbins & Coulter, (2007). Management. 9th ed. (USA : Pearson Education) หนา้ 187

การประชมุ วิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพ่ือการเปลยี่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาวะผ้นู ำเชิงกลยทุ ธท์ ส่ี ่งผลการบรหิ ารงานสคู่ วามเปน็ เลิศของวิทยาลยั เทคโนโลยีและอาชวี ศกึ ษาเอกชนกลุ่ม กรงุ เทพมหานคร Strategic Leadership Influencing on Administration for Excellence of Private Technological and Vocational Colleges in Bangkok นรเศรษฐ์ สินประสงค์1*ปฐมพรณ์ อนิ ทรางกูร ณ อยุธยา2 วิเชยี ร อินทรสมพนั ธ์3 หลกั สูตรศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ธนบรุ ี1* , บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ธนบรี2 ,คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั บ้านสมเด็จเจ้าพระยา3 [email protected]*, [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยเรือ่ ง ภาวะผูน้ ำเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลการบรหิ ารงานสู่ความเป็นเลิศของวทิ ยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา เอกชนกลมุ่ กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพอ่ื ศกึ ษาภาวะผู้นำเชงิ กลยทุ ธข์ องผู้บริหารวทิ ยาลัยเทคโนโลยี และอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุง เทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอก ชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหาร ครูและบุ คลากรทางการ ศึกษา จำนวน 337 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรปู ทางสถิติ ด้วยการหาคา่ ความถ่ี คา่ รอ้ ยละ ค่าเฉล่ยี ส่วนเบ่ยี ง เบนมาตรฐาน การทดสอบความสมั พนั ธ์ระหว่างตัวแปรด้วย วิธีของเพียร์สัน (Pearson Product – Moment Correlation Coefficients) และการวิเคราะห์การ ถดถอยพหุคูณแบบ ขนั้ ตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่ม กรุงเทพมหา นคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมอื่ พิจารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ อยใู่ นระดบั มากทุกด้าน โดยด้านผนู้ ำทีม่ ี ความคิดความเข้าใจในระดับสูง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านการกำหนดวิสยั ทัศน์ ส่วนดา้ นความสามารถในการนำ ปัจจัยนำเข้ากำหนดกลยุทธ์ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 2) ระดับการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของผู้บริหารต่อวิทยาลัยเทคโนโลยี และอาชวี ศกึ ษาเอกชนกลุม่ กรงุ เทพมหา นคร โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เมอื่ พจิ ารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ อยู่ในระดับ มากทุกด้าน โดย ด้านภาวะผู้นำ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านการมุง่ เน้นผูเ้ รียน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และตลาด ส่วน ด้านสารสนเทศและการวเิ คราะห์ มีค่าเฉลีย่ ต่ำสุด 3) ภาวะผู้นำเชงิ กลยุทธ์ของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชน มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของวิทยา ลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่ม กรงุ เทพมหานคร อยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถติ ิที่ระดบั 0.05 โดยภาพรวมอยใู่ นระดับ สงู (r = 0.854) ดา้ นวิธกี ารคดิ เชิงปฏิวัติ และ ดา้ นการจัดการกระบวนการ มคี วามสมั พนั ธแ์ บบพหคุ ูณกบั การบริหารงานสูค่ วามเปน็ เลศิ ของวิทยาลยั เทคโนโลยีและ อาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร โดยมีค่าสัมพันธ์แบบพหุคุณ 0.729 และอำนาจการพยากรณ์การบริหารงานสู่ หนา้ 188

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผ่านสู่ปกติวิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ความเป็นเลิศของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร ได้ร้อยละ 74.9 โดยมีความ คลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์ เทา่ กบั +0.27 ดา้ นการกําหนดวสิ ยั ทัศน์ (X5) (β =0.318) คำสำคัญ: ภาวะผนู้ ำเชิงกลยทุ ธ์ / การบรหิ ารงานสคู่ วามเป็นเลศิ ABSTRACT The current study aimed to investigate ( 1) strategic leadership of administrators in private technological and vocational colleges in Bangkok, (2) administration for excellence of administrators in private technological and vocational colleges in Bangkok, ( 3) strategic leadership influencing on administration for excellence of private technological and vocational colleges in Bangkok. A sample group was 337 administrators, teachers and educational staffs. A questionnaire was used as a research instrument. Data were analyzed, using a statistical analysis package, by means of frequency, percentage, mean, standard deviation, Pearson’ s correlation coefficients, and Stepwise multiple regression analysis. The findings revealed that (1) overall level of strategic leadership of administrators in private technological and vocational colleges in Bangkok was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest averaged aspect was high level of cognitive abilities, followed by creating vision, while the lowest one was gathering inputs for strategy determination. (2) Overall level of administration for excellence of administrators in private technological and vocational colleges in Bangkok was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest averaged aspect was leadership, followed by student- and- stakeholders oriented and marketing, while the lowest one was information and analysis. ( 3) Strategic leadership had highly positive relationship with administration for excellence of private technological and vocational colleges in Bangkok, significantly at .05 level (r = 0.854). The aspects of revolutionary thought and administrative process had multiple relationships with administrative for excellence of the private technological and vocational colleges in Bangkok for . 729, and could predict administrative for excellence for 74. 9% , with a standardized predictive error of + 0. 27 ( vision determination: X5) ( β =0.318). Keywords: Strategic leadership/ Administration for excellence หน้า 189

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) บทนำ การอาชีวศกึ ษาเอกชนคือผูบ้ ุกเบกิ การศกึ ษาในระบบการศกึ ษาสายอาชีพของประเทศไทยมีบทบาทในการจัด การศึกษาควบคู่กับการศึกษาภาครัฐ ช่วยสนองตอบความต้องการของผู้ปกครองและนักเรียน (สำนักงาน ปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2556: 16) ต่อมาในวันที่ 12 กมุ ภาพนั ธ์ 2559 ราชกิจจานุเบกษา ได้ทำการเผยแพร่คำสั่ง หวั หน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติท่ี 8/2559 ซึ่งมสี าระสำคัญคอื ให้โอนอำนาจหน้าท่ีของสำนักงานคณะกรรมการ สง่ เสรมิ การศกึ ษาเอกชนหรอื สช. ในส่วนท่ดี แู ลการอาชวี ศึกษาให้มาสังกดั สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา มี ผลทำใหก้ ารอาชีวศึกษาของรัฐและเอกชนถกู ควบรวมเข้าดว้ ยกันโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559 (ราชกิจจา นุเบกษา, 2559: 3, เล่มที่ 133) จึงเกิดปัญหาด้านการบริหารเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารอาชีวศึกษาเอกชน โดยเฉพาะ ด้านความเปน็ เลิศทางการบรหิ ารสถานศึกษา ระหว่างภาครฐั กับ ภาคเอกชน ฉะนั้นการพัฒนาอาชีวศึกษาเอกชนให้เท่าทันกบั การพัฒนาประเทศได้อย่างย่ังยืนต้องมี การดำเนินการตาม แผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ด้วยการสร้างคุณภาพการจัดการเรียนการสอนภายใต้ความร่วมมือกับสถาน ประกอบการ ยกระดบั การจดั การศึกษาในระบบทวิภาคี โดยเร่งยกระดบั ความสามารถทางภาษา พฒั นาการเรียนการ สอนภาษาองั กฤษแบบเขม้ ข้น ซ่งึ ตอ้ งมกี ารสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ การใชด้ ิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร ท้ังน้ี ต้องอาศัยความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อยกระดับอาชีวะมาตรฐานสากล อาทิ เยอรมนี ออสเตรีย จีน เกาหลี ญี่ปนุ่ ฉะนั้น การผลิตและพัฒนากำลังคนใหเ้ พยี งพอต่อความต้องการของสถานประกอบการ และต่อยอดทกั ษะอาชีพ หรือ เสริมทักษะอาชีพในสาขาขาดแคลน จะต้องมีการปรับตัวให้ทนั กับการเปลีย่ นแปลง สำหรับสิ่งท่ีสำคญั ในการปรบั การ เรียนอาชีวศึกษาไทย ต้องสร้างความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อเป็นแนวทางที่ อาชีวศึกษา เป็นทางเลือกที่สำคัญของประเทศ เพราะ ด้วยการเจริญเติบ โตของประเทศ ความต้องการผู้ที่จบในสายอาชีพก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และจะต้องมีคุณภาพท่ี เหมาะสมกับการเปล่ียนแปลงของโลกด้วย ดังนน้ั ประเทศไทยจงึ จำเปน็ ตอ้ งยกระดบั อาชวี ศึกษาทง้ั ประเทศ (ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, 2562: 8) วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย 1. เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่ม กรุงเทพมหานคร 2. เพื่อศึกษาระดับการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่ม กรุงเทพมหานคร 3. เพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชีวศกึ ษาเอกชนกล่มุ กรุงเทพมหานคร ตัวแปรต้น คือ ภาวะผู้นําเชิงกลยุทธ์ ของ ดูบริน (DuBrin, 1998: 355) มี 5 องค์ประกอบ คือ 1) ผู้นําที่มี ความคิดความเข้าใจในระดบั สงู (High-level, Cognitive Activity) 2) ความสามารถในการนําปัจจัยนาํ เข้ากําหนดกล ยุทธ์ (Gathering Multiple Inputs to Formulate Strategy) 3) การมีความคาดหวังและสร้างโอกาสสําหรับอนาคต หน้า 190

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพ่อื การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) (Anticipating and Creating a Future) 4) วธิ กี ารคิดเชิงปฏิวตั ิ (Revolutionary Thinking) 5) การกาํ หนดวสิ ยั ทศั น์ (Creation a Vision) ตัวแปรตาม คือ การบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของ Malcolm Baldrige (2010: 6-7) ประกอบด้วย 7 ด้าน คอื 1) ด้านภาวะผู้นำ 2) ด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ 3) ดา้ นการมุ่งเน้นผเู้ รยี น ผ้มู ีส่วนได้ส่วนเสียและตลาด 4) ด้าน สารสนเทศและการวิเคราะห์ 5) ด้านการมุ่งเน้นคณาจารย์และบุคลากร 6) ด้านการจัดการกระบวนการ 7) ด้าน ผลลัพธ์ของผลการดำเนินงานขององค์การ ดังในรปู กรอบแนวคิด ตัวแปรต้น (X) ตัวแปรตาม (Y) ภาวะผนู้ าํ เชงิ กลยทุ ธ์ การบริหารงานส่คู วามเป็นเลิศของผบู้ ริหารวิทยาลยั 1. ผนู้ าํ ท่ีมีความคดิ ความเขา้ ใจในระดับสงู เทคโนโลยแี ละอาชวี ศึกษาเอกชนกลุ่มกรงุ เทพมหานคร 2. ความสามารถในการนาํ ปจั จัยนาํ เข้ากําหนดกลยุทธ์ 1. ดา้ นภาวะผ้นู ำ 3. การมีความคาดหวงั และสรา้ งโอกาสสําหรับอนาคต 2. ด้านการวางแผนเชิงกลยทุ ธ์ 4. วธิ กี ารคดิ เชงิ ปฏิวัติ 3. ด้านการม่งุ เนน้ ผ้เู รียน 5. การกาํ หนดวิสัยทัศน์ ผมู้ สี ่วนได้ส่วนเสยี และตลาด ท่ีมา : DuBrin, 1998 4. ด้านสารสนเทศและการวิเคราะห์ 5. ด้านการมงุ่ เน้นคณาจารยแ์ ละบุคลากร 6 ดา้ นการ เอกสารและงานวจิ ัยที่เกีย่ วข้อง จัดการกระบวนการ 7. ด้านผลลพั ธข์ องผลการดำเนินงานของ องค์การ ทีม่ า : Malcolm Baldrige, 2010 1. ทฤษฎีภาวะผู้นำ เป็นพฤติกรรมที่แสดงออกถงึ ความสามารถ หรอื ความชาํ นาญในการใช้ความรู้ สมรรถนะ และกระบวนการจัดการเพื่อให้บรรลเุ ป้าหมายและวตั ถุประสงคไ์ ดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ภาวะผู้นำ หมายถึง กระบวนการที่ใช้อิทธิพลของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนต่อครู และบคุ ลากร ใหเ้ ต็มใจท่ีจะรว่ มมือในการทำงานให้บรรลวุ ัตถุประสงคห์ รอื เป้าหมายของงาน ใช้ความสามารถในการจูง ใจสมาชิกในองค์กรเพื่อปฏิบัติภารกิจขององค์กรซึ่งเป็นบุคคลที่มคี วามสามารถในการบังคับบัญชาบุคคลอื่นโดยได้รับ การยอมรับและยกย่องจากบุคคลอื่นเป็นผู้ทำให้บุคคลอื่นไว้วางใจและให้ความร่วมมือ ความเป็นผู้นำเป็นผู้มีหน้าที่ อำนวยการ สั่งการบังคับบัญชา ประสานงานโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ (Authority) เพื่อให้องค์กรบรรลุผลสำเร็จตาม วัตถปุ ระสงค์และเปา้ หมายท่ีตอ้ งการ ภาวะผ้นู ำเชิงกลยุทธ์ หมายถึง กระบวนการใช้อทิ ธผิ ลของผู้นำที่มีวิสยั ทัศน์ในการบรหิ ารวิทยาลัยเทคโนโลยี และอาชีวศึกษาเอกชน โดยยึดเป้าหมาย และภารกิจขององค์การเป็นหลัก และจะสรรหาวิธีการบริหารงาน ด้วยการ กำหนดทศิ ทางทช่ี ัดเจน การกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจใหแ้ ก่ ผูใ้ ต้บงั คบั บญั ชา จูงใจผ้ใู ตบ้ งั คบั บัญชาด้วยรางวลั อนั เกิดจากความคิดการบรรลุผลสำเร็จในงาน การริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยให้อำนาจแก่ผู้ปฏิบัติงานให้มีความคิด สร้างสรรคใ์ นการทำงานดว้ ย เพ่อื ใหอ้ งคก์ รสามารถดำเนินงานไดต้ ามเปา้ หมายโดยจดั ใหม้ ีสภาพแวดล้อมในการทำงาน ทด่ี ี และยังคงไว้ซึง่ สมั พนั ธภาพระหวา่ งครู บคุ ลากรทางศึกษาด้วยกัน หน้า 191

การประชุมวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผ่านสู่ปกตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 2. การบริหารงานสู่ความเป็นเลิศ หมายถึง ผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่ม กรุงเทพมหานครมีพฤติกรรมที่แสดงออกถึงคุณค่าหลักและแนวความคิดที่สัมพันธ์กันคือ การนำองค์การอย่ างมี วิสัยทัศน์ การศึกษาแบบเน้นการเรียนรู้ การเรียนรู้ขององค์การและของแต่ละบุคคล การเห็นคุณค่าของ ครู บุคลากร ทางศึกษา และความร่วมมอื ความคลอ่ งตัว การมุง่ เน้นอนาคต การจดั การเพ่ือนวัตกรรม การจดั การด้วยการใช้ข้อมูล จรงิ ความรบั ผิดชอบต่อสาธารณะ และความเป็นพลเมือง การมงุ่ เนน้ ท่ีผลลัพธ์ และการสร้างคณุ ค่ามุมมองเชงิ ระบบ งานวจิ ยั ทเี่ กี่ยวขอ้ ง อุไรวรรณ เชาวนช์ ่นื , กัมปนาท บรบิ ูรณ์ ,พัชราภรณ์ ศรสี วสั ดิ์ และภญิ ญาพนั ธ์ เพยี ซา้ ย (2562) ได้วิจัยเรื่อง ปัจจัยเกี่ยวกับภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงสําหรับผู้บริหารวิทยาลัยภายใต้สถาบันการอาชีวศึกษา การวิจัยนี้ มี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเกี่ยวกับภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงสําหรับผู้บริหารวิทยาลัยภายใต้ สถาบันการ อาชีวศกึ ษา แบง่ ออกเปน็ 2 ตอน ได้แก่ ตอนท่ี 1 ศกึ ษาปัจจยั เก่ียวกับภาวะผ้นู ําการเปล่ยี นแปลงฯ จาก การสัมภาษณ์ เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ 5 คน โดยใช้แบบสัมภาษณ์ถึงโครงสร้าง ตอนที่ 2 วิเคราะห์ปัจจัยเกี่ยวกับภาวะผู้นํา การ เปลี่ยนแปลงฯ เครื่องมือเป็นแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ ประชากร เป็นผู้บริหารวิทยาลัยภายใต้สถาบันการ อาชวี ศึกษา 23 แหง่ จาํ นวน 202 สถานศกึ ษา รวมประชากร ทั้งส้ิน 1,010 คน กําหนดกลมุ่ ตวั อยา่ งโดยพจิ ารณาจาก เกณฑ์การกาํ หนดกลุม่ ตัวอย่างในการวิเคราะห์ปัจจยั ของแฮร์และคณะ (Hair et al., 2010: 101-102) จากนัน้ ส่มุ แบบ ช้ันภมู ิ (Stratified Random Sampling) จํานวน 569 คน พบวา่ ปัจจยั เกี่ยวกบั ภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงฯ 4 ปัจจยั ได้แก่ การสรา้ งแรงบันดาลใจ การคํานงึ ถงึ ปัจเจกบุคคล การกระต้นุ การใช้ปัญญา และการมีอิทธพิ ลอย่างมีอุดมการณ์ ผลการตรวจสอบปจั จยั เชิงยืนยัน ความสอดคลอ้ งกลมกลนื ของโมเดลการวัดปัจจยั เก่ียวกับภาวะผนู้ ําการเปล่ียนแปลง ฯ กับข้อมูลเชิงประจักษ์ โมเดลการวัดปัจจัยเกี่ยวกับ ภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงฯ มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิง ประจักษ์ซึง่ หมายความว่าโมเดลที่สร้างขึ้นสามารถนาํ มา อธิบายภาวะผู้นําการเปลีย่ นแปลงฯ โดยปัจจัยที่สําคญั ที่สุด คือ การมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ มีค่าน้ำหนักเท่ากับ 0.96 รองลงมา การกระตุ้นการใช้ปัญญา มีค่าน้ำหนกั เท่ากบั 0.95 การสร้างแรงบันดาลใจ มีค่าน้ำหนักเท่ากับ 0.92 และการคํานึงถึงปัจเจกบุคคล มีค่าน้ำหนักเท่ากับ 0.90 ตามลําดับ 2 วันทิตา โพธิสาร,สมคิด สร้อยน้ำ,เรวณี ชัยเชาวรัตน์ (2563) คุณลักษณะผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่ ความเป็นเลิศ เงื่อนไขกระบวนการเกิด การดำรงอยู่ และผลที่ตามมา การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพเพื่อสร้าง ทฤษฎีฐานราก พ้นื ทใี่ นการศกึ ษาเป็นสถานศกึ ษาสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ข้อมูลหลักใช้วิธีเลือก แบบเจาะจงและแบบลกู โซ่ ประกอบด้วย ผบู้ ริหาร ครู นกั เรยี น และผู้ท่มี ีบทบาทเก่ยี วข้อง จำนวน 30 คน ผลการวจิ ัย พบว่า คุณลักษณะผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ ประกอบด้วยคุณลักษณะ 2 ประการ คือ 1) ภาวะ ผู้นำทางบคุ ลิกภาพ ได้แก่ 1.1) ทมุ่ เทและมุ่งมนั่ 1.2) การเอาใจใส่ 1.3) คุณธรรมจริยธรรม 1.4) ซื่อสตั ย์ยตุ ิธรรม 1.5) ระเบียบวินัย 1.6) ทักษะการสื่อสาร 1.7) ความคิดสร้างสรรค์ 1.8) บุคลิกภาพที่ดี 1.9) ความคิดบวก และ 2) ภาวะ ผ้นู ำทางการบริหาร ได้แก่ 2.1) ความรู้ ความสามารถทางวิชาชีพ 2.2) พฒั นาตนเอง 2.3) รอบร้ทู ันสมยั 2.4) วิสัยทศั น์ 2.5) มาตรฐานการบริหารงานสูง 2.6) ทำงานเปน็ ระบบ 2.7) บรหิ ารจัดการเวลา 2.8) ประสานความรว่ มมอื 2.9) การ สอนงาน 2.10) การคิดเซิงกลยุทธ์ 2.11) การตัดสินใจ 2.12) สร้างแรงบันดาลใจ สำหรับเงื่อนไข กระบวนการเกิด คุณลักษณะผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ ได้แก่ ภูมิหลังทาง สังคม ประสบการณ์ และคุณวุฒิ หน้า 192

การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การศกึ ษาทางวิชาชพี การดำรงอยู่ ได้แก่ นโยบายสถานศกึ ษาความมนั่ คง และความรักองค์กร และผลทต่ี ามมา ได้แก่ คุณภาพของสถานศกึ ษา และคุณภาพของครู และบุคลากรทางการศึกษามคี วามเปน็ เลศิ สรุปได้ว่า ภาวะผู้นำของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร เป็น กระบวนการที่ใช้อิทธิพลในการบริหารต่อครู บุคลากรทางการศึกษา เต็มใจที่จะร่วมมือในการทำงานให้บรรลุ วัตถุประสงค์ ยังต้องมีภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ โดยยึดเป้าหมาย ภารกิจของภาพรวมเปน็ หลัก รวมถึงการ สรรหาวธิ ีการบริหารงาน ด้วยการกำหนดทิศทางที่ชดั เจน การกระตุ้น สรา้ งแรงบันดาลใจ และการริเร่ิมสร้างสรรค์สิ่ง ใหม่ๆ สว่ นการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศ เน้นคณุ ค่า แนวความคิด นวตั กรรม ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สาธารณะ มุ่งเน้นท่ี ผลลพั ธ์ และการมีคุณลกั ษณะเชงิ บวก วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ัย 1. ป ร ะ ช า ก ร แ ล ะ ก ลุ่ ม ตวั อยา่ ง ประชากร คือ ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร จำนวน 65 แห่ง รวมทั้งสิ้น 2,496 คน กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหาร ครูและ บุคลากรทางการศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร จำนวน 337 คน โดยใช้สูตร คำนวณตามวธิ กี ารคำนวณของ Taro Yamane (1973: 155) ท่ี โดยใช้สตู รดงั นี้ โดยที่ n คือ ขนาดของกลมุ่ ตัวอยา่ ง ที่ 337 คน ,N คือ จำนวนประชากรทั้งหมดคือ 2,496 คน ,e คือ ระดับความเชื่อใน 95% สัดส่วนความคลาดเคลื่อน เท่ากบั 0.05 2. เครื่องมอื วจิ ัยและเกณฑ์การใหค้ ะแนน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามที่สังเคราะห์ตัวแปรจากทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของ ดูบริน (DuBrin, 1998: 355) และการบริหารงานสู่ความเปน็ เลศิ ของ Malcolm Baldrige (2010) คือ ตอนที่ 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้บริหารครูและบุคลากรทางศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชีวศึกษาเอกชนกลมุ่ กรุงเทพมหานคร ตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำเชิงกลยทุ ธ์ของผู้บริหารวทิ ยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษาเอกชน กลุ่มกรุงเทพมหานครมีลักษณะเปน็ แบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับของ ดูบริน (DuBrin, 1998 ,P355) ตอนที่ 3 แบบสอบถามเกี่ยวกับการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของผู้บริหารต่อวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานครมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale ) 5 ระดับของ Malcolm Baldrige (2010, P 6-7) เกณฑ์การให้คะแนน ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่ม กรุงเทพมหานครและเกณฑ์การให้คะแนน การบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของผู้บริหารต่อวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชวี ศกึ ษาเอกชนกลมุ่ กรุงเทพมหานคร มลี ักษณะเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับของ ดูบ ริน (DuBrin, 1998 ,P355) คะแนน 5 หมายถึง ระดบั มากที่สดุ ,คะแนน 4 หมายถงึ ระดบั มาก ,คะแนน 3 หมายถึง ระดับปานกลาง ,คะแนน 2 หมายถึง ระดับน้อย ,คะแนน 1 หมายถึง ระดบั นอ้ ยที่สดุ หน้า 193

การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพ่ือการเปลย่ี นผ่านสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 3. คุณภาพของเครื่องมือวิจัย ความตรงเชิงเนื้อหา (Content validity) ดำเนินการสร้างข้อคำถามจาก การสังเคราะห์ตัวแปรจาก ทฤษฎีภาวะผู้นำเชิงกลยทุ ธ์ของ ดูบริน (DuBrin, 1998: 355) และทฤษฏีการบริหารงานสู่ ความเป็นเลิศของ Malcolm Baldrige (2010: 6-7) แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ในการตรวจสอบความ สอดคล้องของเนื้อหากับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ และการบริหารงานสู่ความเปน็ เลิศของผู้บริหารต่อวทิ ยาลัยเทคโนโลยี และอาชวี ศึกษาเอกชนกลุม่ กรุงเทพมหานคร กับข้อคำถามโดยใชด้ ัชนคี วามสอดคล้อง (IOC) และคัดเลือกข้อที่มีดัชนี ความสอดคล้อง ต้ังแต่ 0.5 ขึ้นไป นำแบบสอบถามที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญแล้วเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาและนำ แบบสอบถามที่สร้างเสร็จแล้วไปทดลองใช้ (Try – Out ) กับผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ที่มิได้เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน เพื่อหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามโดยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา ( Alpha Coefficient) ของครอนบาค โดยเกณท่ีใช้คือ ถ้าคา่ สมั ประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคมคี า่ ตั้งแต่ 0.75 แสดงว่าแบบสอบถามมีความ เช่ือม่นั (ศิรชิ ัย กาญจนวาสี, 2556 ,99) ซึ่งแบบสอบถามที่ผ่านการทดลองที่ใช้แล้ว นำไปใช้จริงในการเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างค่าความเชื่อมั่นของ แบบสอบถามโดยวิธีหาคา่ สมั ประสิทธิแ์ อลฟา (Coefficient Alpha) ของครอนบาค มคี ่า 0.845 แสดงวา่ แบบสอบถาม มคี วามเชอื่ มัน่ 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ที่เป็นผู้บรหิ ารสถานศึกษา ระหว่างเดือน ตุลาคม - ธันวาคม พ.ศ. 2563 โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1) ขอหนังสือจากบัณฑิตวิทยาลัย ถึง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร เพือ่ ขออนญุ าตให้เก็บรวบรวมข้อมูลเพ่ือ การวิจัยจากผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร 2) นำแบบสอบถามใส่ซองแจกด้วยตัวเองท่ัว กรงุ เทพมหานคร 3) ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถามจนไดค้ รบ 337 ชดุ 5. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติ 1) ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดย ความถี่และ ร้อยละ 2)วิเคราะห์ระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ เกณฑ์การให้คะแนน ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์และการบริหารความเป็นเลิศของ ผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร มีดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2546: 162) ค่าเฉลี่ย 4.51 – 5.00 หมายถึง ระดับมากที่สุด ,ค่าเฉลี่ย 3.51 – 4.50 หมายถึง ระดับมาก ,ค่าเฉลี่ย 2.51 – 3.50 หมายถึง ระดับปานกลาง ,ค่าเฉลี่ย 1.51 – 2.50 หมายถึง ระดับน้อย ,ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.50 หมายถึง ระดับน้อย ทส่ี ดุ 4. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์กับการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศ ของผู้บริหาร สถานศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ แบบเพียร์สัน (Pearson Product – Moment Correlation Coefficients) และการวิเคราะห์การ ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) เพื่อค้นหาตัวพยากรณ์ การบริหารงานสู่ความเป็นเลิศ ของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนกลุ่ม กรุงเทพมหานคร เกณฑ์การแปลผลความสัมพันธ์ของค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์กับการ บริหารงานส่คู วามเป็นเลศิ ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาเอกชนกลมุ่ กรุงเทพมหานคร กำหนดเกณฑ์การ แปลความหมาย 5 ระดบั ดงั นี้ (สมชาย วรกจิ เกษมสกลุ ,2553: 337-338) 0.8 ขึ้นไปหรอื ต่ำกว่า -0.80 มคี วามสมั พันธ์กนั ในระดับสูงหรือ สูงมาก ,0.6 ถึง 0.8 หรือ -0.8 ถึง -0.6 มีความสัมพันธ์กันในระดับค่อนข้างสูง 0.4 ถึง 0.6 หรือ -0.6 ถึง -0.4 มี หนา้ 194

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพื่อการเปลยี่ นผ่านส่ปู กติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ความสมั พนั ธ์กนั ในระดับปานกลาง ,0.2 ถึง 0.4 หรอื -0.4 ถึง -0.2 มคี วามสมั พันธก์ ันในระดับค่อนขา้ งต่ำ ,ตำ่ กวา่ 0.2 หรือมากกวา่ -0.2 มคี วามสมั พันธ์กนั ในระดับต่ำ 5. การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชีวศกึ ษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร ใช้สถติ ิ Regression ที่ 0.01 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู ข้อที่ 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของครูวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่ม กรุงเทพมหานครพบวา่ ข้อทมี่ คี า่ เฉล่ียสูงสดุ เพศหญิง 211 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 62.61 อายอุ ยูช่ ่วง 25 – 35 ปี จำนวน 100 คน คิดเป็นร้อยละ 29.67 การศึกษาระดับ ปริญญาตรี จำนวน 210 คน คิดเป็นร้อยละ 62.31 ตำแหน่งกลุ่ม ตัวอย่าง คือ ครูผู้สอน จำนวน 236 คน คิดเป็นร้อยละ 70.02 และ ประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 21 ขึ้นไป จำนวน 89 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 26.40 ข้อที่ 2 ตารางท่ี 1 คา่ เฉล่ยี สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน และระดบั ความคดิ เห็นเก่ยี วกบั ภาวะผ้นู ำเชงิ กลยุทธ์ของ ผบู้ รหิ ารวทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร ในภาพรวม ภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธข์ องผู้บรหิ ารวทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชวี ศึกษาเอกชน X S.D. ระดับ ลำดับ กลุม่ กรุงเทพมหานคร 1. ผู้นาํ ทมี่ คี วามคิดความเขา้ ใจในระดบั สูง 4.24 0.59 มาก 1 2. ความสามารถในการนาํ ปจั จยั นาํ เข้ากาํ หนดกลยุทธ์ 4.19 0.62 มาก 5 3. การมคี วามคาดหวงั และสร้างโอกาสสําหรับอนาคต 4.21 0.58 มาก 3 4. วิธีการคิดเชงิ ปฏวิ ัติ 4.20 0.62 มาก 4 5. การกาํ หนดวิสัยทศั น์ 4.23 0.52 มาก 2 รวม 4.21 0.52 มาก จากตารางที่ 1 พบว่า ระดับภาวะผ้นู ำเชงิ กลยุทธ์ของผบู้ รหิ ารวทิ ยาลัยเทคโนโลยีและอาชวี ศึกษาเอกชนกลุ่ม กรุงเทพมหานคร โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 4.21) เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ผู้นําที่มีความคิดความเข้าใจในระดับสูง ( X = 4.24) การกําหนด วิสัยทศั น์ ( X = 4.23) และด้านความสามารถในการนําปัจจยั นําเขา้ กาํ หนดกลยทุ ธ์ ( X = 4.19) ตามลำดบั ข้อที่ 3 ตารางที่ 2 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของผู้บริหารต่อ วทิ ยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร ในภาพรวม การบริหารงานสู่ความเปน็ เลิศของผบู้ รหิ ารตอ่ X S.D. ระดบั ลำดับ วิทยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชวี ศึกษาเอกชนกลุ่ม กรุงเทพมหานคร 1. ดา้ นภาวะผูน้ ำ 4.30 0.58 มาก 1 2. ดา้ นการวางแผนเชิงกลยุทธ์ 4.21 0.60 มาก 5 3. ดา้ นการมงุ่ เนน้ ผเู้ รียน ผูม้ ีส่วนไดส้ ่วนเสยี และตลาด 4.28 0.59 มาก 2 4. ดา้ นสารสนเทศและการวิเคราะห์ 4.15 0.65 มาก 7 5. ดา้ นการมุ่งเน้นคณาจารยแ์ ละบุคลากร 4.23 0.67 มาก 3 หน้า 195

การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพื่อการเปลย่ี นผ่านสู่ปกตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 6. ดา้ นการจดั การกระบวนการ 4.18 0.62 มาก 6 7. ด้านผลลัพธข์ องผลการดำเนนิ งานขององคก์ าร 4.21 0.63 มาก 4 รวม 4.22 0.54 มาก จากตารางท่ี 2 พบวา่ ระดบั การบรหิ ารงานสู่ความเปน็ เลิศของผบู้ รหิ ารตอ่ วทิ ยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชวี ศกึ ษา เอกชนกลุ่ม กรงุ เทพมหานคร โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก ( X = 4.22) เมอ่ื พิจารณาเป็นรายด้าน พบวา่ อยูใ่ นระดับมาก ทุกดา้ น โดยเรียงลำดบั ค่าเฉล่ยี จากมากไปหาน้อย ดังนี้ ดา้ นภาวะผู้นำ ( X = 4.30) รองลงมา ดา้ นการมงุ่ เน้นผู้เรียน ผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสยี และตลาด ( X = 4.28) ส่วน ดา้ นสารสนเทศและการวเิ คราะห์ มีคา่ เฉล่ยี ต่ำสุด ( X = 4.15) ข้อที่ 4 ตารางที่ 3 วิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธค์ วามสมั พันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ท่สี ่งผล การบรหิ ารงานสู่ความเปน็ เลศิ ของวทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชีวศกึ ษาเอกชนกลุ่มกรงุ เทพมหานคร ในภาพรวม การบรหิ ารงานสู่ความเป็นเลิศ ภาวะผ้นู ำเชิงกลยุทธ์ ด้านภาวะ ู้ผนำ ของวิทยาลัยเทคโนโลยีและ ด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ อาชีวศกึ ษาเอกชน ด้านการ ุม่งเน้นผู้เรียนผู้มี- ่สวนได้ ส่วนเสีย และตลาด ด้านสารสนเทศและการ- วิเคราะ ์ห ด้านการมุ่งเน้นคณาจารย์-และ บุคลากร ด้านการจัดการกระบวนการ ด้านผลลัพธ์ของผลการ- ดำเนินงานขององค์การ ภาพรวม ระดับความ ัสม ัพน ์ธ 1. ผู้นําที่มีความคิดความเข้าใจ 0.627* 0.590* 0.617* r 0.593* 0.540* 0.599* 0.604* 0.688* ค่อนขา้ งสูง ในระดบั สงู 2. ความสามารถในการนําปจั จัย 0.634* 0.618* 0.599* 0.658* 0.601* 0.634* 0.635* 0.722* ค่อนขา้ งสงู นําเขา้ กาํ หนดกลยุทธ์ 3. การมีความคาดหวังและสรา้ ง 0.664* 0.618* 0.655* 0.679* 0.653* 0.676* 0.690* 0.767* ค่อนขา้ งสูง โอกาสสําหรับอนาคต 4. วิธกี ารคดิ เชิงปฏวิ ตั ิ 0.664* 0.664* 0.661* 0.665* 0.665* 0.729* 0.690* 0.779* คอ่ นขา้ งสงู 5. การกาํ หนดวิสยั ทัศน์ 0.683* 0.685* 0.678* 0.702* 0.675* 0.697* 0.704* 0.794* ค่อนขา้ งสงู ภาพรวม 0.854* สงู *มีนยั สำคญั ทางสถิตทิ ่ีระดับ 0.05 วิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของวิทยาลัย เทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร พบว่า ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชีวศึกษาเอกชน มีความสัมพันธ์ทิศทางเดียวกันกับการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของวิทยาลัยเทคโนโลยีแ ละ อาชีวศกึ ษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ทิ ี่ระดับ 0.05 ในภาพรวมอยู่ระดับ สูง (r = 0.854) ซ่ึงเปน็ ไปตามสมมตฐิ านทีต่ งั้ ไว้ หน้า 196

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชน โดยมีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ที่สูงที่สุดคือ การ กําหนดวิสัยทัศน์ (r = 0.794) รองลงมาคือ วิธีการคิดเชิงปฏิวัติ(r = 0.779) การมีความคาดหวังและสร้างโอกาส สําหรับอนาคต (r = 0.767) ความสามารถในการนําปัจจัยนําเข้ากําหนดกลยุทธ์(r = 0.722) ส่วนค่าสัมประสิทธ์ิ สหสัมพันธ์ท่ีต่ำที่สุดคือ ผู้นําที่มีความคิดความเข้าใจในระดับสูง(r = 0.688) มีความสัมพันธ์ทิศทางเดียวกันกับการ บริหารงานสู่ความเป็นเลิศของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทาง สถติ ทิ ่ีระดับ 0.05 ในภาพรวมอยรู่ ะดับสงู ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานท่ีต้ังไว้ ตารางที่ 4 ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอนของภาวะผู้นําเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลต่อการ บริหารงานสู่ความเป็นเลศิ ของผูบ้ ริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศกึ ษาเอกชนกลุม่ กรุงเทพมหานคร รปู แบบ ตวั แปรทำนาย R R2 R2adj R2change SEest. F P 1. X5 0.794 0.630 0.629 0.630 0.328 570.975** 0.000 2. X5, X3 0.842 0.709 0.708 0.079 0.291 90.941** 0.000 3. X5, X3, X4 0.859 0.738 0.736 0.029 0.277 39.900** 0.000 4. X5, X3, X4, X2 0.866 0.749 0.746 0.271 0.271 14.357** 0.000 จากตารางที่ 4 พบว่า ตัวแปรที่สามารถพยากรณ์การบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของผู้บริหารวิทยาลัย เทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ได้แก่ การกําหนด วิสัยทัศน์ (X5) การมีความคาดหวังและสร้างโอกาสสําหรับอนาคต (X3) วิธีการคิดเชิงปฏิวัติ (X4) ความสามารถในการ นําปัจจัยนําเข้ากําหนดกลยุทธ์ (X2) ตามลำดับ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ (R) เท่ากับ 0.866 มีค่า สัมประสิทธิ์การพยากรณ์ (R2) เท่ากับ 0.749 มีค่าสัมประสิทธิ์การพยากรณ์ปรับปรุง (R2adj) เท่ากับ 0.746 ค่า ความคลาดเคล่ือนมาตรฐาน SEest. เท่ากบั 0.271 ตวั แปรท้งั 4 ตัวสามารถพยากรณ์การบริหารงานสู่ความเป็นเลศิ ของ ผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร พบว่าตัวแปรภาวะผู้นําเชิงกลยุทธ์ทั้งหมด ได้แก่ การกําหนดวิสัยทัศน์ (X5) การมีความคาดหวังและสร้างโอกาสสําหรับอนาคต(X3) วิธีการคิดเชิงปฏิวัติ (X4) ความสามารถในการนําปัจจัยนําเข้ากําหนดกลยุทธ์ (X2) สามารถร่วมกันทำนายการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของ ผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร (R2 = 0.749) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ 0.01 เมื่อปรับค่าค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์ที่มีค่าเท่ากับ 0.271 (SEest. = 0.271) พบว่า ภาวะผู้นําเชิงกลยุทธ์สามารถร่วมกันทำนายการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร (R2ad j = 0.746) และ ตัวแปรที่มีอิทธิพลในการทำนายสูงสุด การกําหนด วิสัยทัศน์ (X5) (β =0.318) รองลงมา การมีความคาดหวังและสรา้ งโอกาสสาํ หรับอนาคต (X3) (β =0.255) วธิ ีการคิด เชงิ ปฏวิ ตั ิ (X4) (β = 0.237) และความสามารถในการนาํ ปจั จัยนําเข้ากาํ หนดกลยทุ ธ์ (X2) (β =0.161) ผลการศึกษา ครงั้ นีส้ ามารถเขยี นเปน็ สมการทำนายในรปู ของคะแนนดิบและสมการในรปู คะแนนมาตรฐานได้ สามารถเขียนเป็นสมการพยากรณใ์ นรปู คะแนนดิบ ดังนี้ y' = 0.536+0.295(x5) +0.236(x3)+0.205(x4)+0.140(x2)+ สามารถเขียนเป็นสมการพยากรณใ์ นรูปคะแนนมาตรฐาน ดงั น้ี Zy = 0.318(x5)+0.255(x3)+0.237(x4)+ 0.161(x2) หนา้ 197

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพ่ือการเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) หน้า 198

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพือ่ การเปลยี่ นผ่านสู่ปกติวิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) สรุปผลการวจิ ยั ขอ้ มลู เก่ยี วกับปจั จยั ส่วนบุคคล พบว่า สว่ นใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ จำนวน 211 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 62.6 อายอุ ยู่ ช่วง 25 – 35 ปี จำนวน 100 คน คิดเป็นร้อยละ 29.7 การศึกษาระดับ ปริญญาตรี จำนวน 210 คน คิดเป็นร้อยละ 62.3 ตำแหน่งส่วนใหญ่เป็น ครูผู้สอน จำนวน 236 คน คิดเป็นร้อยละ 70 และ ประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 21 ข้นึ ไป จำนวน 89 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 26.4 ระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร ใน ด้านภาพรวมที่มีระดับมาก ส่วนใหญ่ พบว่าด้านผู้นําที่มีความคิดความเข้าใจในระดับสูง(X1) รองมา คือ การกําหนด วิสัยทัศน์(X5) และ ความสามารถในการนําปัจจัยนําเข้ากําหนดกลยุทธ์(X2) เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้าน สรปุ ได้ดงั นี้ ด้านผู้นําที่มีความคิดความเข้าใจในระดับสูง(X1) พบว่า ส่วนใหญ่ ผู้บริหารมีความความคิดสร้างสรรค์ เชิง ระบบ ของการกำหนดนโยบาย แผนปฏิบัติงาน โดยใช้วธิ ีการบริหารแบบประชาธิปไตยในการแก้ไขปัญหา ทั้งในส่วน ของวิทยาลัย และชุมชนใหม้ ีสว่ นรว่ มมากขึ้นโดยมี ผู้บรหิ าร ครู นักศกึ ษา เขา้ มามสี ่วนสำคญั และสว่ นน้อยที่ ผู้บริหาร มีการวิเคราะห์ระบบต่างๆนำไปสู่การปฏิบัติเรื่องการกำหนดทิศทางการบริหาร ในการจัดการเรียนการสอน และ งบประมาณ ของวิทยาลัย ด้านการกําหนดวิสัยทัศน์ (X5) พบว่า ส่วนใหญ่ ผู้บริหารมีการกำหนดวิสัยทัศน์และการ วางแผนท่ีเช่ือมโยงปัจจบุ นั อนาคตให้มคี วามสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการและการเปลีย่ นแปลงของสงั คมโดยมุ่งเนน้ การ ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและนำไปสู่การกำหนดทิศทางที่จะปฏิบัติได้จริง และส่วนน้อยที่ ผู้บริหารมีการกำหนด วิสัยทศั นท์ ม่ี ุ่งเน้นการสร้างผลกำไรทงั้ ด้านปรมิ าณและคณุ ภาพทด่ี ี มีความชดั เจน สอื่ สารเขา้ ใจง่าย สามารถทำได้ โดย คำนึงถึงปัจจัยภายนอกที่มผี ลกระทบต่อวิทยาลัย เช่น นโยบายรัฐบาล คู่แข่งทางการศึกษา ด้านความสามารถในการ นําปจั จัยนาํ เข้ากาํ หนดกลยทุ ธ(์ X2) พบวา่ สว่ นใหญ่ ผูบ้ ริหารมีการนำนโยบาย เป้าหมาย ยุทธศาสตร์ เกณฑ์มาตรฐาน ข้อมลู เชงิ ปรมิ าณ ขอ้ มลู เชิงคณุ ภาพ ข้อมลู จากการสำรวจภายใน ภายนอกของวทิ ยาลัย เชน่ ชมุ ชน รวมทัง้ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องนำมาพิจารณาเพ่ือกำหนดกลยทุ ธ์ในการทำงาน และส่วนน้อยที่ ผู้บรหิ ารมีการให้โอกาสครูได้มีส่วนร่วมใน การกำหนดความต้องการการจัดลำดับความสำคัญ ในการวิเคราะห์ SWOT หรือ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและ ศักยภาพในการประเมนิ สถานการณ์ ซงึ่ ไดเ้ ปดิ โอกาสให้ครู นักศกึ ษา ไดแ้ สดงความคดิ เห็นอย่างมีอิสระเพอ่ื พจิ ารณาใน การกำหนดกลยทุ ธใ์ นการบริหารงาน ระดับการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของผู้บริหารต่อวิทยาลัยเท คโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่ม กรุงเทพมหานคร ในภาพรวมที่มีระดับมาก พบว่า ด้านภาะผู้นำ(y1 ) รองลงมา คือด้านการมุ่งเน้นผู้เรียน ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย และตลาด(y3 ) และ ด้านสารสนเทศและการวิเคราะห(์ y4 ) รายละเอียดในแตล่ ะด้านสรปุ ได้ดงั น้ี ด้านภาวะผู้นำ(y1 ) พบว่า ส่วนใหญ่ ผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชน เป็นผู้มีทักษะและ ประสบการณ์ในการใช้การวางแผนกลยทุ ธ์ ซงึ่ สามารถนำมาปฏบิ ตั ติ ามแผนในสถานศกึ ษาได้ และส่วนนอ้ ยที่ ผู้บริหาร วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชน เป็นผู้นำให้ครูและบุคลากรทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการระดมความคิด ร่วม ตัดสินใจและร่วมสร้างนวัตกรรมให้ไปสู่เป้าหมาย ได้ ด้านการมุ่งเน้นผู้เรียน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และตลาด( y3) พบวา่ ส่วนใหญ่ ผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชน มีความสามารถในการให้ความรู้ ความเข้าใจความ คาดหวัง แก่ผู้เรียน และผู้ปกครองของนักศึกษาระดับอาชีวศึกษาเอกชนได้ และส่วนน้อยที่ ผู้บริหารวิทยาลัย หนา้ 199

การประชุมวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลยี่ นผ่านสู่ปกตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) เทคโนโลยแี ละอาชีวศกึ ษาเอกชน มีความสามารถในการจดั บรรยากาศการเรยี นรู้ เพื่อทจ่ี ะพัฒนาผ้เู รยี นไปส่คู วามเป็น เลิศ ได้ และท้ายสดุ ดา้ นสารสนเทศและการวเิ คราะห(์ y4 ) พบวา่ ส่วนใหญ่ ผูบ้ รหิ ารวทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชวี ศกึ ษาเอกชน มคี วามสามารถในการนำข้อมลู สารสนเทศมาประกอบการบริหารงานฝา่ ยต่าง ๆ ได้ และสว่ นน้อยท่ี ผบู้ ริหารวิทยาลัย เทคโนโลยีและอาชวี ศกึ ษาเอกชน มคี วามสามารถในการพฒั นาโปรแกรมตา่ ง ๆ ท้งั ดา้ นฮาร์ดแวร์ และซอฟแวร์ ให้ทัน ต่อการเปล่ยี นแปลง ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งภาวะผ้นู ำเชงิ กลยุทธท์ ่ีส่งผลการบริหารงานสคู่ วามเป็นเลิศของวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชีวศกึ ษาเอกชนกลมุ่ กรุงเทพมหานคร พบว่า ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของวิทยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชวี ศกึ ษาเอกชน มี ความสัมพันธ์ทิศทางเดียวกันกับการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่ม กรงุ เทพมหานคร อยา่ งมีนยั สำคัญทางสถติ ิทรี่ ะดับ 0.05 ในภาพรวมอยู่ระดับ สงู ซง่ึ เป็นไปตามสมมติฐานทีต่ งั้ ไว้ ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของวิทยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษาเอกชน ผู้นําที่มีความคิดความเข้าใจในระดับสงู (X1) ความสามารถในการนําปจั จัยนําเขา้ กําหนดกลยุทธ์ (X2) การมคี วามคาดหวงั และสรา้ งโอกาสสาํ หรบั อนาคต (X3) วิธีการคิดเชิงปฏวิ ตั ิ (X4) การกําหนดวิสัยทศั น์ (X5) มีความสัมพนั ธ์ทิศทางเดียวกนั กับการบรหิ ารงานสู่ความเป็นเลิศ ของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ใน ภาพรวมอยู่ระดับสูง และระดับวิธีการคิดเชิงปฏวิ ัติมีความสัมพันธด์ ้านการจัดการกระบวนการ ค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นไป ตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ตัวแปรที่พยากรณ์ ภาวะผู้นําเชิงกลยุทธ์ของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชน พบวา่ การกําหนดวิสัยทัศน์ (X5) สําหรับอนาคต (X3) วิธีการคิดเชิงปฏิวัติ (X4) ความสามารถในการนําปัจจัยนําเข้ากําหนด กลยุทธ์ (X2) สามารถร่วมกันทำนายการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา เอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดบั 0.05 เม่ือปรับคา่ ค่าความคลาดเคลอ่ื นมาตรฐานในการ พยากรณ์ ซึ่งภาวะผู้นําเชิงกลยุทธ์ร่วมกันทำนายการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชวี ศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร ทีม่ ีอทิ ธพิ ลในการทำนาย คอื ดา้ นการกาํ หนดวิสัยทัศน์ (X5) และตัวแปรท่ีมี อิทธพิ ลนอ้ ยในการทำนาย คอื ด้านความสามารถในการนําปัจจัยนําเขา้ กาํ หนดกลยทุ ธ(์ X2) อภปิ รายผล 1. ระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนกลุ่มกรุงเทพมหานคร ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหาร ในด้านภาพรวมที่มีระดับมาก พบว่า ด้านผู้นําที่มีความคิดความเข้าใจในระดับสูง ผลการศกึ ษาวจิ ัยพบว่า คา่ เฉลย่ี อยรู่ ะดบั มาก ทผ่ี ้บู รหิ ารมคี วามความคิดสรา้ งสรรค์ เชิงระบบ ของการกำหนดนโยบาย แผนปฏิบัติงาน โดยใชว้ ิธีการบรหิ ารแบบประชาธิปไตยในการแก้ไขปญั หา ทั้งในส่วนของวทิ ยาลยั และชุมชนให้มีส่วน ร่วมมากขึ้นโดยมี ผู้บริหาร ครู นักศึกษา เข้ามามีส่วนสำคัญ สอดคล้องแนวคิดทฤษฏภี าวะผู้นำเชิงกลยทุ ธ์ของดบู ริน (DuBrin, 1998: 355) การคิดเชิงกลยุทธ์นั้นต้องอาศัยทักษะด้านความรู้สึกนึกคิด และความเข้าใจระดับสูง เช่น ความสามารถในการคิดเชิงมโนภาพ ซึมซับและรับรู้แนวโนม้ ของสิ่งต่างๆได้อย่างมีเหตุผล มีความสามารถในการสรุป ข้อมูลตา่ งๆเพื่อนำไปกำหนดเป็นแผนปฏบิ ัติการ มีการประมวลผลข้อมูลตา่ งๆ คาดคะเนผลทจี่ ะเกดิ ข้ึนตามมาจากการ กำหนดนโยบายและแผนการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นวิธคี ิดเชิงระบบ แบบองค์รวมที่มีความสามารถในการคิดเชิงวิเคราะห์ หน้า 200