Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore @การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

@การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

Published by ED-APHEIT, 2021-05-16 05:32:21

Description: @การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

Keywords: Mon Apr 06 2020 11:37:45 GMT+0700 (Indochina Time)ED-APHEIT 2021

Search

Read the Text Version

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกติวิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การพฒั นาส่อื การเรียนรูก้ ารเขยี นอกั ษรไทยล้านนาสำหรับผู้เริ่มต้น Development of learning materials for writing Thai Lanna characters for beginners สวุ รรณี เจียรสุวรรณ, นราวชิ ญ์ ความหมน่ั , เสกสรรค์ เจียรสุวรรณ,จรี ศกั ดิ์ บญุ ยศ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ลำปาง E-mail [email protected] , [email protected], [email protected] บทคัดย่อ งานวิจัยการพัฒนาสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนาสำหรับผู้เริ่มต้น มีจุดประสงค์ 1)เพื่อนำ เทคโนโลยดี ้านสารสนเทศมาพัฒนาสือ่ การเรยี นรู้การเขียนอักษรไทยลา้ นนาให้ทันสมัยและมปี ระสทิ ธภิ าพ 2) เพอื่ ศกึ ษาความพึงพอใจของผู้เรียนทมี่ ีต่อสอื่ การเรยี นรู้การเขียนอกั ษรไทยล้านนาสำหรบั ผู้เร่มิ ต้น ผู้วิจัยได้พัฒนาสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนา ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนเนื้อหาเกี่ยวกับ อักษรไทยล้านนา สว่ นของการสาธติ วิธกี ารเขียนอักษรไทยลา้ นนา และส่วนของแบบทดสอบเกี่ยวกบั อักษรไทยลา้ นนา โดยพัฒนาด้วยโปรแกรม Adobe Flash Professional CS6 ซึ่งได้นำโปรแกรมไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มผู้เรียนการ เขียน-อ่านอกั ขระไทยคำเมืองวดั คะตึกเชยี งมั่น จังหวัดลำปาง จำนวน 20 คน ผลจากการประเมินสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนาด้วยการตอบแบบสอบถามและวิเคราะห์ผลโดย ใช้ค่าเฉลี่ย(������̅) และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน(S.D.) โดยแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ตามวิธีของลเิ คิร์ท พบว่าผู้เรียนมีความพึง พอใจต่อส่ือการเรยี นร้กู ารเขยี นอกั ษรไทยลา้ นนาทกุ ด้านอย่ใู นระดับมีประสิทธภิ าพมาก มีคา่ เฉลยี่ เทา่ กับ 4.09 และคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.70 นอกจากน้ี จากการสงั เกตพบว่าพฤติกรรมของผู้เรียนที่แสดงออกในขณะที่ใช้สื่อการ เรยี นรกู้ ารเขียนอักษรไทยลา้ นนา ส่วนใหญใ่ หค้ วามสนใจ มคี วามกระตือรือร้นในขณะศึกษาอกั ษรไทยลา้ นนา ผ่านสื่อ การเรยี นรซู้ ง่ึ ผู้เรยี นไดใ้ ห้ข้อมูลและความร่วมมือกับผู้วิจัยเป็นอย่างดี คำสำคัญ: ส่ือการเรยี นรู้ , อักษรไทยล้านนา ABSTRACT This research was titled development of learning medias in writing Thai Lanna characters of the beginners, it was aimed to use the information technology to develop the learning medias in writing Thai Lanna characters modishly and more interesting, to study the satisfaction of the learners to learning medias I writing Thai Lanna characters for the beginners. The researcher has developed the learning medias in writing Thai Lanna characters which comprised of 3 parts; they are Thai Lanna characters contents, the demonstration of how to write Lanna Thai characters and the questionnaire หนา้ 351

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) of Thai Lanna characters that were developed by Adobe Flash Profession CS6. It was used with the 20 learners for writing – reading of Thai characters, Lanna characters (Northern language) in Wat Kha Tuk Chiang Mun, Lampang. The questionnaire was analyzed by Mean and Standard Deviation (S.D.) in 5 levels by Li Curt method. It was found that the learners were satisfied to learning medias in writing Thai Lanna characters in all aspects in every high effective level in Mean(������̅) of 4.09 and S.D. of 0.70. In addition, it was also found from the observation that the most behavior of learners using the learning medias in writing Thai Lanna characters was interested in learning medias and enthusiastic while studying Thai Lanna character via Learning medias. The learners have used the information and co-operated with the researcher. KEYWORDS: Learning materials, Thai Lanna scripts. บทนำ ตัวอักษรไทยล้านนาเป็นอักษรที่ใช้ในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยในสมัยอดีต แต่ต่อมาเกิดการ เปลีย่ นแปลงทางการปกครองของไทย ทำให้อักษรลา้ นนาทเี่ คยใช้เป็นภาษาราชการถกู เปลีย่ นมาใช้เป็นอักษรไทยแทน จึงเป็นสาเหตุให้อักษรล้านนาถูกลดบทบาทลงไปคงเหลือเพียงภาษาล้านนาที่ใช้ในการพูดเท่านั้น ปัจจุบันนี้ได้มีการ ฟื้นฟูการเขียนอักษรล้านนาและการพูดภาษาล้าน ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีหลายๆ โรงเรียนได้มีการสอนการเขียนอักษร ล้านนาเพื่ออนุรักษ์อกั ษรไทยลา้ นนาใหค้ งอย่กู บั คนรุ่นหลงั และไมใ่ หส้ ญู หายไป ในปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยขี ึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นสื่อการเรียนการสอนได้ถกู พัฒนา ให้เหมาะสมกับการเรียนการสอนที่เกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากมงี านวิจัยหลายงานต้ังแต่อดีตจนถงึ ปัจจุบันที่นักวิจัยหลายๆ คนพยายามหาวิธีการพัฒนาสื่อในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมี ประสิทธิภาพ ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว งานวิจัยทางด้านอักษรไทยล้านนาก็เช่นเดียวกัน ได้มีนักวิจัย พยายามพัฒนาสื่อการเรียนที่ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบสื่อที่เป็นเอกสารท่ี ประกอบด้วยเน้อื หาทเี่ รียนหรอื ในรปู แบบของตำรา นอกจากน้ียังมีสือ่ ในรปู แบบมัลติมเี ดียทีเ่ ปน็ ท่นี ิยมใช้กนั ในปจั จุบนั สำหรับงานวิจัยที่พัฒนาสื่อการเรียนรู้อักษรไทยล้านนาในรูปแบบมัลติมีเดียที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นยังมีจำนวนน้อย ซ่ึง หากเราต้องการอนุรักษ์และป้องกันการสูญสลายของอักษรไทยล้านนาแล้วนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีงานวิจัย ประเภทการพัฒนาส่ือการเรียนรูเ้ ก่ยี วกับอกั ษรไทยล้านนาให้มจี ำนวนมากขึ้น ดังนั้นคณะวิจัยจึงได้พัฒนาวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนาสำหรับผู้เริ่มต้น ท่ี ประกอบด้วยเนื้อหาความรูแ้ ละการสาธิตให้ผู้ทีส่ นใจในการศึกษาอกั ษรไทยล้านนาได้เข้ามาศึกษาและเรียนรู้บทเรียน เพื่อนำเทคนคิ และความรทู้ ไี่ ด้ไปใช้ตอ่ ไป หน้า 352

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) วิธีดำเนินการวจิ ยั 1.ศกึ ษาค้นคว้าขอ้ มูลงานวิจัยเกีย่ วกับการพฒั นาสอื่ การเรียนรูอ้ กั ษรไทยล้านนา 2.พัฒนาสื่อการเรยี นรู้อกั ษรไทยล้านนาสำหรบั ผู้เร่ิมตน้ โดยมกี ารกำหนดขอบของการพฒั นาสื่อการเรียนรู้ ดังน้ี 2.1 ส่วนอธิบายเนื้อหา เนื้อหาที่ใช้ในการสร้างสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนา ผู้วิจัยได้ใช้เนื้อหาจากหนังสือภาษาและอักษรไทยล้านนา ของรองศาสตรจารย์เรณู วิชาศิลป์ เป็นหนังสือที่ใช้ ประกอบการเรียนกระบวนวิชา 014421 ภาษาล้านนา ของภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมทั้งได้ศึกษาค้นคว้าและปรับจากหนังสือตำราเรียนภาษาล้านนาของผู้รู้หลายท่านเพิ่มเตมิ ซ่ึงเปน็ เนือ้ หาท่ีเอ้ือต่อการเรียนการสอน โดยบทเรยี นจะครอบคลุมเน้อื หาดังตอ่ ไปน้ี 2.1.1 ความเป็นมาของอักษรไทยลา้ นนา 2.1.2 ลกั ษณะของอักษรไทยลา้ นนา 2.1.3 รูปพยัญชนะอักษรไทยลา้ นนา เสยี งพยญั ชนะลา้ นนา 2.1.4 รปู สระลา้ นนา เสียงสระล้านนา 2.1.5 รูปวรรณยุกต์ลา้ นนา 2.1.6 ตวั เลขในภาษาลา้ นนา 2.1.7 การผสมอักษร 2.1.8 ฐานอักษรและวธิ ใี ช้ 2.1.9 ความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาล้านนากบั ภาษาไทยมาตรฐาน 2.2 ส่วนสื่อการเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย 2.2.1 พยัญชนะล้านนา 2.2.2 สระล้านนา 2.2.3 วรรณยกุ ต์และเครอื่ งหมายล้านนา 2.2.4 ตัวเลขในภาษาลา้ นนา 2 ชนิด คอื เลขในธรรมและเลขโหรา 2.3 สว่ นของแบบทดสอบ ผู้เรียนสามารถเลอื กทำแบบทดสอบที่มเี น้อื หาและรายละเอียด ดงั น้ี 2.3.1 ความรทู้ ่วั ไปเกีย่ วกับอกั ษรไทยล้านนา 20 ข้อ 2.3.2 แบบทดสอบการฟงั การออกเสียงอักษรไทยล้านนา 30 ขอ้ 2.3.3 แบบทดสอบจบั คู่ตวั เลขไทยกับตัวเลขโหรา 10 ข้อ 2.3.4 แบบทดสอบจบั คู่ตวั เลขไทยกับตวั เลขในธรรม 10 ข้อ 2.3.5 แบบทดสอบผสมคำ 10 ข้อ หนา้ 353

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) สว่ นอธิบำย แนะนำ สื่อกำรเรียนรู้ เนือ้ หำ โปรแกรม โ เมนู หลั ก แบบทดสอบ โ โ ภาพที่ 1 แสดงแบบแผนการทำงานของสือ่ การเรียนรู้ 3. นำสื่อการเรยี นรู้การเขยี นอกั ษรไทยล้านนาสำหรับผู้เริ่มต้น ไปทดลองใช้กับกลุ่มเป้าหมาย เป็นกลุ่ม สามเณรผู้เรียนการเขียน-อ่านอักขระไทยคำเมือง วดั คะตกึ เชยี งมนั่ และประชาชนทว่ั ไปจังหวัดลำปาง จำนวน 20 คน และตอบแบบสอบถามประเมินความพึงพอใจต่อสื่อการเรียนรู้ เพื่อทำการวิเคราะห์ผลโดยใช้ค่าเฉลี่ย(������̅) และค่า เบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) หาประสทิ ธิภาพของสอ่ื การเรียนรู้ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้พัฒนาสื่อการเรียนรู้และศึกษาผลการใช้สื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนาสำหรับผู้เริ่มต้น จากการตอบแบบประเมินความพึงพอใจต่อสื่อการเรียนรู้ โดยแบง่ เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ คณุ ภาพและระบบ ประเมนิ หาผลความพึงพอใจ 5 ระดับ ตามวธิ ีการของลิเคิร์ท(Likert) (ยลดา กุมารสิทธ์ิ และอจั ฉรยี ์ พิมพบิ ลู , 2560) ระดบั 4.51-5.00 หมายถึง มีประสทิ ธภิ าพมากท่สี ดุ ระดบั 3.51-4.50 หมายถงึ มีประสทิ ธิภาพดี ระดับ 2.51-3.00 หมายถงึ มปี ระสิทธภิ าพปานกลาง ระดับ 1.51-2.50 หมายถงึ มีประสิทธภิ าพน้อย ระดบั 0.50-2.50 หมายถึง มปี ระสทิ ธิภาพน้อยที่สุด เมื่อนำผลการตอบแบบประเมินความพึงพอใจสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนา มาวิเคราะห์หา คา่ เฉล่ยี (������̅) และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน(S.D.) เพอื่ หาประสิทธิภาพไดผ้ ลดังตารางที่ 1 หน้า 354

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวิถีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ตารางท่ี 1 ผลการวเิ คราะห์ความพึงพอใจของกล่มุ ทดลองต่อการใชง้ านส่อื การเรียนรูอ้ ักษรไทยล้านนา รายการ ค่าเฉลยี่ S.D. ระดบั ประสทิ ธภิ าพ ดา้ นรูปแบบและการนำเสนอ 3.82 0.82 มีประสทิ ธิภาพมาก 1. เนือ้ หาภายในโปรแกรมน่าสนใจ 3.87 0.81 มีประสิทธิภาพมาก 2. การอธบิ ายเนื้อหาชดั เจน 4.00 0.89 มปี ระสิทธภิ าพมาก 3. เน้ือหามีความเหมาะสมกบั ระดับผู้เรยี น 4.20 0.65 มีประสิทธิภาพมาก 4.ความเหมาะสมของรูปแบบกบั เนือ้ หา 3.20 0.91 มปี ระสทิ ธิภาพปานกลาง ด้านภาพและเสยี ง 3.49 0.76 มปี ระสิทธิภาพปานกลาง 1.ความเหมาะสมของภาพกบั โปรแกรม 2.93 0.77 มปี ระสทิ ธิภาพปานกลาง 2.ภาพทีใ่ ช้เร้าความสนใจผใู้ ช้งานได้ 2.93 0.77 มีประสิทธภิ าพปานกลาง 3.เสียงดนตรีทใ่ี ช้เหมาะสมกบั โปรแกรม 4.40 0.71 มีประสิทธิภาพมาก 4. เสียงดนตรที ่ีใช้เร้าความสนใจ 4.40 0.71 มีประสทิ ธภิ าพมาก 5. ความชัดเจนของเสยี งบรรยาย 2.80 0.83 มปี ระสิทธภิ าพปานกลาง ดา้ นการออกแบบจอภาพและตวั อักษร 4.31 0.73 มีประสิทธิภาพมาก 1. ตัวอกั ษรทใี่ ชน้ ำเสนอเนอ้ื หาเหมาะสม ชดั เจน 4.60 0.49 มปี ระสทิ ธิภาพมากทสี่ ุด 2.กราฟิกที่ใช้ในการนำเสนอมีความเหมาะสม 4.27 0.77 มีประสทิ ธิภาพมาก 3. ความเหมาะสมของการเลือกใช้สีพื้นจอภาพ 4.07 0.93 มปี ระสทิ ธภิ าพมาก ดา้ นการจดั การโปรแกรม 4.15 0.76 มีประสทิ ธิภาพมาก 1.คำอธิบายการปฏบิ ัตใิ นโปรแกรมชดั เจน 4.07 0.77 มีประสิทธภิ าพมาก 2.ป่มุ กดที่เปน็ คำสง่ั ชดั เจน เหมาะสม 4.00 0.82 มปี ระสิทธภิ าพมาก 3.เปิดโอกาสใหผ้ ู้ใชง้ านควบคมุ โปรแกรมเอง 4.33 0.79 มีประสิทธภิ าพมาก 4.เปิดโอกาสใหผ้ ู้ใช้งานมปี ฏิสัมพันธก์ ับโปรแกรม 4.20 0.65 มีประสิทธิภาพมาก รายการ คา่ เฉล่ยี S.D. ระดบั ประสทิ ธภิ าพ ด้านการประเมินผล 4.60 0.49 มีประสทิ ธิภาพมากทส่ี ุด 1. แบบทดสอบสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคแ์ ละเน้อื หา 4.53 0.50 มีประสทิ ธภิ าพมากทส่ี ดุ 2. แบบทดสอบมคี วามหลากหลายนา่ สนใจและเข้าใจงา่ ย 4.60 0.49 มปี ระสิทธิภาพมากทส่ี ุด 3. มีการประมวลผลคะแนนการทำแบบทดสอบและรายงานให้ ผู้ใช้งานทราบ 4.67 0.47 มปี ระสิทธภิ าพมากทส่ี ุด หนา้ 355

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ด้านประโยชนข์ องสอื่ นำเสนอ 4.40 0.62 มปี ระสิทธิภาพมาก 1. ส่ือมคี วามทันสมยั น่าสนใจ 4.47 0.50 มปี ระสทิ ธภิ าพมาก 2. นำเสนอเนอ้ื หาตามลำดบั ขัน้ เข้าใจง่าย 3.87 0.81 มปี ระสทิ ธภิ าพมาก 3. เป็นสอ่ื นำเสนอทเี่ ปน็ ประโยชน์ 4.73 0.44 มปี ระสทิ ธภิ าพมากทส่ี ุด 4. สามารถนำไปใช้ประกอบการเรียนอกั ษรลา้ นนาได้ 4.33 0.87 มปี ระสทิ ธิภาพมาก 5. ผลงานใช้เปน็ แบบอยา่ งของสือ่ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้ 4.60 0.49 มปี ระสทิ ธิภาพมากทส่ี ุด รวม 4.09 0.70 มปี ระสิทธภิ าพมาก สรปุ ผลการวจิ ยั ผู้วิจัยได้ดำเนินการพฒั นาส่ือการเรียนรู้การเขยี นอกั ษรไทยล้านนาสำหรบั ผู้เร่มิ ตน้ ศกึ ษาเน้อื หาจากหนังสือ ภาษาและอักษรไทยลา้ นนา นำมาเขยี นกรอบแสดงเรื่องราว(Story Board) และพัฒนาส่อื การเรียนรู้อกั ษรไทยล้านนา แสดงตวั อย่างดงั ภาพที่ 2-5 ภาพที่ 2 ตวั อย่างการเขยี นกรอบแสดงเร่อื งราว(Story Board) หน้า 356

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ภาพท่ี 3 ตวั อยา่ งสว่ นอธบิ ายเนอื้ หา ภาพที่ 4 ตัวอย่างสว่ นสอ่ื การเรียนรู้ หนา้ 357

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาพที่ 5 ตัวอยา่ งส่วนแบบทดสอบ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนา นำเสนอเกี่ยวกับ อักษรไทยล้านนา ซึ่งกลุ่มประชากรท่ีใช้ในการวิจัยเป็น กลุ่มสามเณรทีเ่ ข้าเรียนการเขียน-การอ่านอักขระไทยคำ เมือง วัดคะตกึ เชียงม่ันและกลุ่มประชาชนทัว่ ไปใน จังหวดั ลำปาง จำนวน 20 คน เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการวิจัย ไดแ้ ก่ สอื่ การเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนา คมู่ ือประกอบการใช้โปรแกรม แบบสังเกตพฤติกรรมผู้เรียน และแบบประเมินความคิดเห็น ในการทดลอง ผู้วิจัยได้ให้ผู้เรียนได้ทดลองใช้ โปรแกรม พร้อมกับแจกคู่มือประกอบการใชง้ านโปรแกรม พร้อมทั้งชี้แจงวิธีการศึกษาหรือการใช้งานโปรแกรม แก่ผู้เรียน แล้วจึงให้ผู้เรียนได้ทดลองใช้โปรแกรมตามความสามารถและความต้องการของแต่ละคน โดยขณะท่ี ผู้เรียนใช้งานโปรแกรม ผู้วิจัยได้สังเกตพฤติกรรมของผูเ้ รียนและทำการบันทกึ ไว้ และให้ผู้เรียนทำแบบประเมนิ ความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อการใช้งานสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนา จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มา วเิ คราะห์หาประสทิ ธภิ าพของโปรแกรม และศกึ ษาความคิดเหน็ ของผูเ้ รยี น วิเคราะหโ์ ดยการหาคา่ เฉล่ยี และส่วน เบ่ยี งเบนมาตรฐาน นำมาเทียบกับเกณฑก์ ารแปลผลท่ีตงั้ ไว้ จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนารวม ทกุ ด้านอยใู่ นระดบั มีประสทิ ธภิ าพมาก มคี ่าเฉลยี่ เท่ากบั 4.09 และคา่ เบยี่ งเบนมาตรฐานเทา่ กับ 0.70 ซง่ึ ด้านรูปแบบ และการนำเสนอ กลุ่มตวั อย่างมีความพงึ พอใจเน้ือหามีความเหมาะสมกับระดับผู้เรยี น มีประสิทธิภาพมาก(������̅=4.20 , S.D.=0.65) ส่วนดา้ นภาพและเสียงกลมุ่ ตัวอย่างมคี วามพึงพอใจ เสียงดนตรีท่ีใช้เหมาะสมกบั โปรแกรมและเสียงดนตรี สร้างความน่าสนใจ มีประสิทธิภาพมาก(������̅=4.40 , S.D.=0.71) ส่วนด้านการออกแบบจอภาพและตัวอักษรกลุ่ม ตัวอย่างมีความพึงพอใจตัวอักษรที่ใช้นำเสนอเนื้อหาเหมาะสมชัดเจน มีประสิทธิภาพมากท่ีสุด(������̅=4.31 , S.D.=0.73) สว่ นด้านการจัดการโปรแกรมกลุ่มตวั อย่างมีความพึงพอใจเปิดโอกาส หนา้ 358

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ใหผ้ ูใ้ ชง้ านควบคุมโปรแกรมเอง มีระดบั ประสทิ ธิภาพมาก(������̅=4.33 , S.D.=0.79) ส่วนด้านการประเมนิ กล่มุ ตวั อย่างมี ความพึงพอใจมีการประมวลผลคะแนนการทำแบบทดสอบและรายงานให้ผู้ใช้งาน มีระดับประสิทธิภาพมากที่สุด (������̅=4.67 , S.D.=0.47) และด้านประโยชน์ของสื่อนำเสนอ กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจเป็นสื่อนำเสนอที่เป็น ประโยชน์ มรี ะดับปรสิ ิทธิภาพมากที่สดุ (������̅=4.73 , S.D.=0.44) จากตารางที่ 1 สรุปไดว้ า่ ระดับความพงึ พอใจ ด้านประโยชนข์ องสื่อนำเสนอ มีค่าเทา่ กับ 4.40 อยู่ในระดับ ความพึงใจมาก ผู้เรียนมีความคิดเห็นต่อการใช้สื่อการเรียนรู้ว่า เป็นสื่อที่มีความทันสมัย น่าสนใจ สามารถใช้เป็น แบบอย่างของสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้ในระดับมากที่สุด และเห็นว่าเป็นสื่อนำเสนอที่เป็นประโยชน์ สามารถ นำไปใช้ประกอบการเรียนอักษรไทยลา้ นนาได้ในระดับมาก นอกจากน้ผี ้เู รียนยังได้แสดงความคิดเห็นเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกับสื่อการเรียนรู้การเขยี นอักษรไทยล้านนา คือ โดยรวมแล้วเหน็ ว่าสื่อการเรยี นรู้มคี วามน่าสนใจ เนอื่ งจากไมม่ สี อื่ ทีจ่ ะนำเสนอความรู้เกี่ยวกับอักษรไทยล้านนา ที่เป็นลักษณะแบบกราฟิก ทำให้ผู้เรียนอยากใช้งานสื่อการเรียนรู้และอยากเรียนรู้เรื่องของอักษรไทยล้านนา มากขึ้น แตค่ วรจะแบ่งเน้อื หาออกเป็นบทย่อยให้ละเอยี ดขึ้น ผู้เรยี นบางคนเหน็ วา่ สื่อการเรียนรู้ใชง้ านไดส้ ะดวก เนื่องจากว่า มีการแยกเนื้อหาและแบบทดสอบออกจากกันทำให้ผู้เรียนสามารถเลือกเข้าไปทำแบบทดสอบได้ โดยไม่ต้องผ่านการเรียนเนื้อหา นอกจากนี้ผู้เรียนยังพบว่าข้อผิดพลาดบางประการในสื่อการเรียนรู้ กล่าวคือ พมิ พผ์ ดิ เสียงบรรยายบางชว่ งไมช่ ัดเจน จากการตอบแบบประเมินผู้เรียนส่วนใหญ่ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ว่าการเรียนและศึกษาอักษรไทย ลา้ นนาโดยผา่ นสือ่ การเรยี นรู้การเขยี นอักษรไทยล้านนา เปน็ การนำเอาเทคโนโลยมี าประยุกตก์ ับการสอน การนำเสนอ ซึ่งเป็นกระบวนการที่นา่ สนใจ สรา้ งความกระตือรือร้น ความสนใจใหก้ ับผูเ้ รยี นได้ ผ้เู รียนมีความรู้สึกท่ีดีต่อการใช้งาน ส่อื การเรยี นร้กู ารเขียนอักษรไทยลา้ นนา แต่ท้ังนเี้ นอ่ื งจากเป็นเพยี งความรูพ้ ้ืนฐานเก่ียวกบั อักษรไทยล้านนา เป็นเรื่อง ที่ตอ้ งเริ่มต้นจำและทำความเข้าใจ ทำใหต้ ้องใชเ้ วลาในการศึกษา ผู้เรยี นสามารถนำส่ือการเรียนรู้มาใช้ทบทวนความรู้ เก่ยี วกบั การเขียนอกั ษรไทยล้านนาได้ นอกเหนือจากการเขา้ ห้องเรยี นหรือการศึกษาจากหนังสือ ตำราทั่วไป ในขณะที่ ผู้เรียนบางคนเห็นว่าการศึกษาผ่านสือ่ การเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนา ยังไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหามากนัก เพราะไม่ ทราบว่าตอ้ งเน้นเนอื้ หาส่วนใดบ้าง หากเรยี นโดยใหอ้ าจารย์เปน็ ผู้สอนอาจทำให้จำเนอ้ื หาได้ดีกวา่ อภิปรายผล การพัฒนาสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนาสำหรับผู้เริ่มต้น โดยมีวัตถุประสงค์คือ 1)เพื่อนำ เทคโนโลยีด้านสารสนเทศมาพัฒนาส่ือการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนาให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากข้ึน 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อสื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนาสำหรับผู้เริ่มต้น จากการประเมิน ประสิทธิภาพของสื่อการเรียนรู้และความพงึ พอใจของผู้เรียนพบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อสื่อการเรียนรู้การเขียน อักษรไทยล้านนารวมทุกด้านอยู่ในระดบั มีประสิทธิภาพมาก มคี า่ เฉล่ียเท่ากับ 4.09 และค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.70 นอกจากนี้จากการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนที่แสดงออกในขณะที่ใช้สื่อการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนา ส่วนใหญ่ให้ความสนใจ มีความกระตือรือร้นในขณะศึกษาอักษรไทยล้านนา รวมทั้งมีแบบทดสอบให้เลือกหลาย รูปแบบช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรยี นไมเ่ กดิ ความเบื่อหนา่ ยในการเรียน เกดิ ความรูส้ ึกท่ีดีเก่ียวกับการเรียนด้วยส่ือ หน้า 359

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การเรยี นรู้การเขียนอักษรไทยลา้ นนา ทำใหส้ อ่ื ดงั กล่าวสามารถใช้เปน็ บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนเป็นประโยชน์ต่อ ผู้เรียน สามารถใช้เรียนรู้และทบทวนเนื้อหาไดด้ ้วยตนเอง เพิ่มความรู้ความเข้าใจและเพิ่มประสิทธภิ าพในการเรียนรู้ มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับงานวิจัยของวีระพล ภิ-มาลย์(2555) อีกทั้งผู้เรียนสามารถควบคุมลำดับขั้นตอนในการเรียน ดว้ ยตนเองตามความสนใจ จากการศึกษาพฤติกรรมและความคิดเห็นของผเู้ รยี น สามารถอภปิ รายผลได้ดังนี้ 1. การสร้างสื่อการเรยี นรู้การเขียนอกั ษรไทยลา้ นนา ก่อนที่ผู้วิจัยจะนำส่ือการเรียนรู้ไปใช้จริงนั้น ผู้วิจยั ได้ ดำเนนิ การตามขัน้ ตอนการหาประสิทธภิ าพของสื่อการเรยี นรู้ หลังจากนำสื่อการเรยี นรู้ไปให้ผู้เชีย่ วชาญตรวจสอบแล้ว ยังต้องนำสื่อการเรียนรู้ไปทดลองใช้ 3 ขั้นตอน คือ การนำไปทดลองใช้เป็นรายบุคคล การทดลองกับผู้เรียนกลุ่มเล็ก และการนำไปใช้จรงิ โดยผ้วู จิ ัยไดน้ ำผลการทดลองมาวเิ คราะห์ ผลการหาประสทิ ธภิ าพของสอื่ การเรยี นรพู้ บว่า สื่อการ เรียนรทู้ ีผ่ วู้ ิจัยพฒั นาขึ้นมปี ระสิทธิภาพมาก ท้ังนี้ผเู้ รียนสามารถเรยี นรเู้ น้อื หาด้วยตนเองไดต้ ลอดเวลา สามารถควบคุม ลำดับขัน้ ตอนในการเรียนดว้ ยตนเองตามความสนใจ แม้ว่าเนื้อหาเรือ่ งอักษรไทยล้านนา เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการ จดจำและทำความเขา้ ใจนาน 2. จากการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน พบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่ให้ความสนใจสื่อการเรียนรู้การเขียน อกั ษรไทยล้านนาเปน็ อยา่ งมาก แสดงให้เหน็ วา่ ผูเ้ รยี นมีความสนใจ ความกระตือรือรน้ สอดคลอ้ งกับงานวจิ ัยของยลดา กุมารสิทธิ(์ 2560) ท่ีผู้วิจัยพฒั นาบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนโดยได้นำเทคนิคต่างๆ ทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มาใชใ้ นการสร้างซึ่งประกอบไปด้วย ภาพ เสยี ง ภาพเคลอ่ื นไหว เพอื่ กระตนุ้ ให้ผู้เรียนเกดิ ความสนใจในเนื้อหาบทเรียน และผลการวิจยั พบว่าประสทิ ธภิ าพเปน็ ไปตามเกณฑ์ 3. จากผลการวจิ ัยเกย่ี วกับความคิดเห็นของผู้เรียนที่ใช้สอื่ การเรียนรู้การเขยี นอักษรไทยลา้ นนา ผู้เรียนเห็น ว่าสื่อการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถควบคุมการใช้งานได้ด้วยตนเองและแจ้งผลการทำ แบบทดสอบให้ผเู้ รียนทราบได้ทนั ที มีความเหมาะสมในระดบั มากที่สุด ทงั้ นผ้ี ู้วจิ ัยไดส้ ร้างส่ือการเรียนรู้ที่มีเมนูหลักให้ ผู้เรียนสามารถเลือกใช้งานส่วนที่ต้องการและผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยเลือกและจัดลำดับการใช้สื่อการ เรียนรไู้ ด้เอง เมอื่ จบเนื้อหาที่เรียนผเู้ รียนสามารถกลับไปยงั เมนหู ลักหรือออกจากสื่อการเรียนรู้ได้ สอดคล้องกบั ถนอม พร เลาหจรัสแสง (2541) กล่าวถงึ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนวา่ ต้องได้รบั การออกแบบใหต้ อบสนองความแตกต่างระหว่าง บุคคลให้มากที่สุด เปิดโอกาสให้ผู้เรียนควบคุมการใช้งานได้เอง ทั้งในส่วนของเนื้อหาโดยผู้เรียนจะเลือกเรียนส่วนใด ข้ามส่วนใด ออกจากบทเรียนหรือย้อนกลับก็ได้ การควบคุมลำดับการเรียนโดยผู้เรียนสามารถเรียนส่วนใดก่อนหรือ หลังไดต้ ามความต้องการ และการควบคุมการทำแบบทดสอบ ผู้เรียนสามารถเลอื กได้ว่าตอ้ งการทำแบบทดสอบหรอื ไม่ และใหผ้ ลยอ้ นกลับในทันทีทำใหผ้ ูเ้ รียนตรวจสอบผลการเรียนของตนเองได้ 4. ในส่วนความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีความพึงพอใจต่อการใช้งานส่ือการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนา พบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจและสนใจศึกษาเกี่ยวกับอักษรไทยล้านนา เพราะเป็นสื่อสำเร็จรูปแบบมัลติมีเดียทำให้ ผู้เรียนเข้าใจอักษรไทยล้านนามากขึ้นและเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีความกระตือรือร้น อยากเรียนรู้เกี่ยวกับ อกั ษรไทยลา้ นนาเพ่มิ ข้นึ นอกจากนผ้ี เู้ รยี นยังไดแ้ สดงความคดิ เหน็ ว่าการใช้สื่อการเรียนร้กู ารเขยี นอักษรไทยล้านนาไม่ รสู้ กึ เบื่อหนา่ ยและไม่ทำให้เสียเวลา ซง่ึ ผ้เู รยี นสามารถนำไปใชไ้ ดต้ ลอดเวลาและจำนวนครัง้ ทต่ี อ้ งการ จึงเปน็ ประโยชน์ ในด้านการการเรียนการสอนเป็นอย่างยิง่ สอดคล้องกบั ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2541) กล่าวว่าบทเรยี นคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนเป็นสื่อที่ช่วยแก้ปัญหาการสอนแบบตัวต่อตัว ปัญหาเรื่องภูมิหลังที่แตกต่างกันของผู้เรียน ปัญหาการขาด หน้า 360

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กติวิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) แคลนเวลาเรียน และปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ นอกจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะมีส่วนช่วยในด้าย ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนแล้ว ยังมีผลตอ่ ความคิดเห็นหรอื เจตคติของผูเ้ รยี นด้วย ข้อเสนอแนะ 1. ควรมีการพัฒนาสือ่ การเรียนรูอ้ ักษรไทยล้านนาใหม้ ีเนื้อหาเพม่ิ เติม มีรปู แบบของการผสมคำ และการอ่าน เขยี นเปน็ ประโยค เพื่อส่งเสรมิ ให้เกิดความภาคภูมิใจและร่วมกันอนุรักษ์อกั ษรไทยลา้ นนาให้เป็นสมบัติสำคัญของชาว ล้านนา 2. ควรมีการเผยแพร่ส่ือการเรียนรู้การเขียนอักษรไทยล้านนา ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่สามารถเรียนรู้ได้ ทุกที่ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ผู้สนใจได้ศึกษาเพิ่มเติมโดยเฉพาะเอกสารโบราณ ตำรายาและตำราแพทย์แผนไทย สว่ นใหญเ่ ป็นอักษรไทยลา้ นนายังขาดบคุ ลากรทม่ี อี งค์ความรใู้ นการอ่านและเขยี นอักษรไทยลา้ นนา เอกสารอ้างองิ ถนอมพร เลาหจรัสแสง. (2541). คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน. กรงุ เทพฯ : ศนู ยห์ นังสือแห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. พระครูปราโมทย์รัตนานุยตุ อภนิ นโฺ ท (อดลุ ย์ ออ้ ยหวาน). (2558). การพัฒนาทกั ษะการอา่ นภาษาลา้ นนาโดยใช้ ชุดฝึกการอ่านภาษาลา้ นนา สำหรับ นักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพุทธวิ งศว์ ิทยา (พระปรยิ ตั ิ ธรรม แผนกสามัญศกึ ษา) วัดพระแก้ว อำเภอเมืองเชยี งราย จงั หวัดเชยี งราย. วารสารบัณฑติ ศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงราย. ปที ่ี 8. ฉบับที่ 17 พฤษภาคม-สงิ หาคม 2558. หนา้ . 236-243. มณี พยอมยงค์. (2533). ตำราเรยี นหนงั สือลานนาไทย. เชยี งใหม่ : ส.ทรัพยก์ ารพิมพ.์ มณี พยอมยงค์ และนรนิ ทรช์ ัย พฒั นพงศา. (2527). วิถีชวี ิตและค่านิยมของชาวลานนาไทย. คณะศกึ ษาศาสตร์และ คณะเกษตรศาสตร์มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม.่ ยลดา กุมารสิทธิ์ และอัจฉรีย์ พิมพิมูล. (2560). การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องเทคโนโลยี สารสนเทศวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร สำหรับนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2. วารสารวิจยั และ พัฒนาวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ.์ ปีท.ี่ 12. ฉบบั ที่.1. เรณู วิชาศิลป์. (2543). ภาษาและอักษรไทยล้านนา. เชียงใหม่ : ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม.่ ลมลู จนั ทร์หอม. (2542). อักษรไทยลา้ นนา. เชียงใหม่ : คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ สถาบันราชภัฎเชียงใหม.่ วีระพล ภิมาลย์ และคณะ. (2555). การประเมนิ และพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในรายวิชาเภสัชวิทยา เรือ่ งโรคหืด. วารสารไทยเภสัชศาสตร์และวทิ ยาการสุขภาพ. ปีท.่ี 7. ฉบับที.่ 1. วัลลภ มณีเชษฐา. (2561). กระบวนการถ่ายทอดอกั ษรธรรลา้ นนา. วารสารบัณฑิตศกึ ษาปริทรรศน์ ภาควิชารฐั ประศาสนศาสตร์ คณะสงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตรม์ หาวทิ ยาลยั เนชัน่ . ปีที่. 14. ฉบับที่ 1 มกราคม- เมษายน2561. หน้า 176-188. หนา้ 361

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) The Study of the Problems for Educational Management Guidelines of the Child Development Centers of Bang Pla Sub-district Administration Organization, Bang Phli District: Samut Prakan Natthanan Munkong Instructor of Early Childhood Education, Faculty of Education Thonburi Rajabhat University, Samut Prakan E-mail : [email protected]. ABSTRACT The Study of the Problems for Educational Management Guidelines of the Child Development Centers of Bang Pla Sub-district Administration Organization, Bang Phli District: Samut Prakan. The study aimed to: 1) To study the problems of those involved in educational management of the Child Development Center of Bang Pla Sub- district Administration Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province. 2) To study the guidelines of educational management for child development centers of Bang Pla Sub- district Administration Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province to be in accordance with the operation standard of Bang Pla Sub-district Administration Organization Which the researcher uses (Mixed Method Research) was quantitative research (Quantitative research) the equipment used in data correct by using the questionnaires distribution from the student parents totally 522 people by they have the confidence reliability value of . 97 and the researcher used qualitative research as an interview for the administrators and teachers of the individual child development center (Individual interview) totally 38 people. Statistics used in data analysis were frequency, percentage, average, standard deviation. The statistics used to test hypotheses were t- test and one- way analysis of variance ( One- Way ANOVA) . The research founds that 1. Education Management Problems of Child Development Center of Bang Pla Sub- district Administration Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province that they found it was at the highest level which the average value was higher than other side, such as buildings, places, environment and safety of the child development center. Followed by personnel side that has the average lower than any other sides were participation and support from all sectors. The problems หน้า 362

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสปู่ กตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) of the child development center of the Sub- District Administrative Organization, Bang Pla, differ in each other center will have the different at the statistical significance level of 0.05 2 . The results of the guideline of educational management for young child development centers of Bang Pla Sub-district Administration Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province that have guidelines from the important interview are as follows, 1. Management of the child development center was a channel for informing the news of child development center to the community to know thoroughly. 2. Personnel is management the teachers who take care of children to be suitable for the number of children per classroom. 3. The building, environment and safety of the Child Development Center were important to prevent accidents, accidents and fire that may occur to children. 4. Academic and activities according to the curriculum was to develop and create modern technology media to be adapting for used dealing experiences for children. 5. Participation and support from all departments was to promote community participation in recruiting resources and funds to support educational management. 6 . Promoting the network of early childhood development is to encourage the child development center to be a source of exchange the learning for early childhood development. KEYWORDS: Problems and guidelines, educational management, child development centers INTRODUCTION Local government organization is an agency that responsible for child development under the Decentralization to Local Government Act, B. E. 2542 Section 16, 17 ( Department of Provincial Administration Ministry of Interior, 2002) Tambon Council and Tambon Administrative Authority Act, B. E. 2537 Amendment ( No. 5) , 2003, Section 66, 67 ( 5) prescribe authority to local government organizations to manage the child development centers. The sub-district administration organization or Pattaya City has an important role in the management of child development centers as well as the relocation of child development centers by the local government organization is responsible for promoting and developing the child development centers in all areas so that children can be developed potential up to standards. The National Education Act, B.E. 2542, prescribe authority the local government organization has the right to provide education at any level according to the suitability and needs of the local people. ( Ministry of Education, 2550). The Child Development Center is an educational arrangement for children between 2-6 years of age before entering to the primary school. These centers have different names, such as the Child Development Center of the Department of Community Development, Pre- Criteria Child Training Center in the temple and a Pre- Criteria Child Training Center in the mosque of the Religious หน้า 363

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสูป่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) department, Child Nutrition Center of the Department of Health, Preschool Nursery, Border Patrol Police Headquarters, etc. The Child Development Center of Bang Pla Subdistrict, Bang phli District, Samut Prakan. Has a governance structure consist of 6 standards : 1. Standards of Child Development Center Management 2. Personnel standards 3. Building and Place standards, environment and safety of child development centers 4. Academic standards and curriculum activities 5. Standards on participation and promotion 6. Network standards for early childhood development ( Bang Pla Subdistrict, Bang phli District, Samut Prakan, 2559 ) . Since the operation of the center has many personnel involved from the executive level, including the Chief Executive and Chief Administrator of the SAO to the child caregiver and the community and the community could be the part of the operation in activities of the center such as a lecturer or volunteer committee member. At the same time, the community's opinions and expectations will be motivate the child development center's educational management to be adjusted and developed quality up to the standard. The management of child development centers according to the needs of the experienced participator guideline. Management planning of the center, Teaching materials support, Participation in activities and development assessment. If the participator of each division join to the educational management of the Child Development Center will enable the child development center to be managed according to the needs of the society to achieve the full development potential. Performance of Child Center of Bang Pla Subdistrict Administrative Organization Bang Phli District, Samut Prakan Province. In accordance with the National Education Act 1999 that “education management must be to develop Thai people to become a complete human being, physical, mental, knowledge, morality, ethics Able to live happily with other people \" ( Ministry of Education, 2007) . The researcher therefore is interested in studying problems and educational management guidelines for the Child Development Center of Bang Pla Sub- District Administration Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province to be a child development center with management principles in accordance with the operating standards of the child development center of the local government organization to make the most of the management of the teaching and learning planning center. Benefit students And meet the needs of the community. 1. Objectives 1. To study the educational management problems of the Child Development Center of Bang Pla Subdistrict, Bang Phli District, Samut Prakan. 2. To study the guidelines for educational management of the Child Development Center of Bang Pla Subdistrict, Bang Phli District, Samut Prakan. หน้า 364

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 2. Research hypothesis Child Development Center of Bang Pla Subdistrict Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province different centers have different problems. 3. Scope of study 3. 1 The Population scope from the Child Development Center located in Bang Pla Sub-District, Bang Phli District, Samut Prakan, consists of 5 centers as follows : 1. Child Development Center, Bang Pla Subdistrict 2. Child Development Center of a mosque, Bang Pla Subdistrict 3. Child Development Center, Klongbangkasee 4. Child Development Center, Klongbangkaei 5. Child Development Center, Watratniyomtum. The researcher determined a sample group such as 1. The administrators all of 5 centers are totaling 5 people. 2. The teachers in the 5 child development centers have 33 teachers. 3. The parents and students all of 5 centers (1 student per 1 parent) including 522 people. 3.2 Scope of content This research aimed to study problems and guidelines for educational management of child development centers of Bang Pla Subdistrict, Bang Phli District, Samut Prakan in accordance with the management principles of the Child Development Center operating standards of the local government organization include 1. Standards for Management of Child Development Centers 2. Personnel standards 3. Building and place standards, environment and safety of child development centers 4. Academic standards and curriculum activities 5. Standards of participation and promotion 6. Network standards for early childhood development. หนา้ 365

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 3.3 Conceptual Framework Problems of educational management of child Standard of Operation Center for Child development centers; Bang Pla Subdistrict, Bang Phli Development Center of Local District, Samut Prakan government organization, 2559 1. The parents of student 1. Child Center Management 2. Personnel To study the guidelines for educational 3. Building and place standards, management of the Child Development Center of environment and safety of child Bang Pla Subdistrict, Bang Phli District, Samut development centers Prakan 4. Academic standards and curriculum 1. The director of Child Development Center activities 2. Teachers 5. Standards of participation and promotion 6. Network standards for early childhood development RESEARCH METHOD 1. Educational tools and testing tools This research used mixed research methods is quantitative research by using questionnaires distribution method from the collection of information. The knowledge processing from concepts and theories various documents that related to the child development center of the local administrative organization and the researcher supplemented it with qualitative research use a descriptive approach for individual interview by the tools used to collect data for this research 2 sets: Set 1: Student Parents Questionnaire is divided into 3 parts: Part 1 General information of the respondents. Part 2 Questionnaire on the problems of child development center education Part 3 Recommendations on the problems and guidelines for educational management of the Child Development Center. Set 2: Interviewing form by the individual interview for the administrators and teachers of the Child Development Center, total 38 people. หนา้ 366

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) Both sets of questionnaires were created according to the concept, the theoretical framework and the questionnaires were brought to be examined by the experts and the experts has given the correct score the IOC value between 0. 60 - 0. 90. Then find the reliability value by sending 30 questionnaires to the Child Development Center of Paknam , Samutprakarn, Child development centers of the municipal school 1 and Child development centers of Phraek Sa sub- district to test the reliability of the questionnaire coefficient of Cronbach's Alpha, the alpha coefficient of Cronbach is equal to .97 2. Data collection Methods 2. 1 Make a letter requesting permission to collect information to the Director of the Child Development Center of the Bang Pla Subdistrict, Bang Phli District, Samut Prakan, all of 5 centers. 2. Make an appointment, time and place for interviews with the director of the Child Development Center of Bang Pla Sub- District Administration Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province. 3. Collect the data and interview. 4. Data collection operations from the parents of the child development center of the Bang Pla Subdistrict Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province all of 5 centers with the distribution of questionnaires which starting with clarifying the purpose of the research and understanding it before answering the questionnaire. 3. Analysis of research data and statistics Check the completeness of the data, then make the code and process the data with the program, then the results are analyzed in total statistics are analysis of personal information by using the method of determining the frequency and summarize it as a percentage to test the hypothesis, the researcher used the One- Way ANOVA test statistic at the statistical significance level of 0. 05. In the case of finding a difference in comparison, the opinions were examined by comparing the differences of the pair mean by the Least Significant Difference ( LSD) and qualitative data analysis. In the Content Analysis by Descriptive Statistics. RESULTS หนา้ 367

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 1. Problems of educational management of child development centers; Bang Pla Subdistrict, Bang Phli District, Samut Prakan. From the number of informants were parents of students in the Child Development Center. Which consists of 5 centers which can be analyzed as follows: Educational Bangpla Mosque, The child development center F Sig management ̅X S.D. Bangpls klongbangkasee klongbangkaei Watratniyomtum ̅X S.D problems ̅X S.D ̅X S.D ̅X S.D Child Center 4.15 .77 4.31 .69 3.99 .36 4.98 .04 3.71 .79 15.03 .00* Management Personnel standards 4.26 .74 4.29 .75 3.94 .43 4.89 .30 3.64 .84 13.68 .00* Building and place standards, environment 4.36 .69 4.41 .70 4.12 .46 4.95 .17 4.10 .83 6.95 .00* and safety of child development centers Academic standards and curriculum 4.24 .72 4.32 .69 4.02 .37 4.86 .30 3.84 .78 9.93 .00* activities Standards of participation and 4.10 .79 4.28 .75 4.02 .49 4.92 .20 3.90 2.04 7.69 .00* promotion Network standards for early childhood 4.18 .77 4.27 .75 3.98 .40 4.91 .26 3.73 .75 10.82 .00* development The problem of educational management for the Child Development Center of the Bang Pla Sub-district Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province, found that the building, location, environment and safety of child development centers at the highest level, followed by personnel. 2. Guidelines for educational management of the Child Development Center of the Bang Pla Subdistrict Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province consist of : 1. The management of child development centers is a channel to inform the community of child development centers thoroughly. 2. The personnel aspect is the organization of teachers, caretakers to be appropriate with the number of children per classroom. 3. Building and place standards, หนา้ 368

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) environment and safety of child development centers 4. Academic standards and curriculum activities 5. Standards of participation and promotion 6. Network standards for early childhood development. CONCLUSIONS The objective 1 of the study was to study the problem of educational management of the Child Development Center of Bang Pla Sub-district Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province. The details are as follows: 1. Management of Child Development Center such as the opening-closing of the center.The various projects management of the center is at the highest level, Personnel of the Child Development Center caretakers arrangement for the number of children per classroom is at the highest level , Building facility, environment and safety of the Child Development Center the arrangement of measures to prevent accidents and fires that may occur at the highest level, Academic standards and curriculum activities the arrangement of modern technology media that can be applied to appropriate child experiences is at the highest level, Participation and support from all agencies, Participation of child development centers with communities in recruiting resources and funds to support child development is at the highest level and Network standards for early childhood development child development center as a learning exchange center for early childhood development, activities management, exhibition of children's works in collaboration with other child development centers and training seminars or meetings is at the highest level. The objective 2 of the study was to study guidelines for educational management of the Child Development Center of Bang Pla Subdistrict Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province. Summarized as follows : 1. In the management of child development centers, it was found that there were guidelines for developing as follow : Guidelines for informing the information of the Child Development Center to parents and communities by the Center Board meeting in the calendar for planning. Including, the parent meeting all of year and the Child Development Center has the network building of the Child Development Center to the other center for inform news between the center with parents and the community for educational management of child development centers according to current conditions and changing events from the meeting to plan the educational management of child development centers, academic calendar planning. 2. Personnel, it was found that the development guidelines are as follows: หนา้ 369

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) Guidelines for organizing child care teachers with a teaching professional license or evidence issued by the Teachers Council of Thailand in order to perform teaching duties by the child development center has a project for requesting personnel rates to the Education Division of the Bang Pla Subdistrict Administrative Organization. Which details of recruitment and teaching are in accordance with government regulations. In each child development center, teachers with a bachelor's degree in early childhood education are responsible for teaching as a basis for the experience plan for children to develop according to their age, physical, emotional, psychological, social and intellectual. 3. Building, facility, environment and safety of child development centers found that the development guidelines are as follows: Guidelines for the Child Development Center to have adequate and clean toilets and toilets Safe with children as mentioned above, the Child Development Center of the Bang Pla Subdistrict Administrative Organization is located on the area of the school, temple and mosque. There are additional restrictions on the construction. Therefore, the personnel and children of the Child Development Center use toilets, toilets, nursing rooms and the school with teachers taking care of cleaning make the area well ventilated and look beautiful. 4. Academic and curriculum activities found that the development guidelines are as follows: Guidelines for continual participation of children in community activities To encourage children to live with others. In each child development center has an annual the academic calendar of the center in every year. In which every year there will be activities or projects for parents, the community to take part, such as the important religious days. 5. Participation and promotion from all agencies Found that the development guidelines are as follows: Guidelines for personnel, families, private organization to participate in educational quality assurance of child development centers. In each child development center has a center committee who is represented by parents of students, private organization, community representatives who has a role in planning the organizing of children's learning experiences and join into assessing the management of the center. 6. Promotion of early childhood development networks found that the development guidelines are as follows : Guidelines for the Child Development Center as a learning exchange center for early childhood development. In every academic year, the Child Development Center organizes activities together to exchange knowledge of each center and each child development center has sent personnel to study and visit the prototype child development center and apply it to their own child หนา้ 370

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) development center. Including the Child Development Center, there is a network of centers at the Bang Pla Sub- district Administrative Organization level and at the provincial level to exchange and learn about teaching experiences for children. So, it is also a source of exchange between centers for presenting the work of child development centers and children's work. DISCUSSION From a summary of the research results on problems and guidelines for educational management of the Child Development Center of Bang Pla Sub-district Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province. Here are some important points to discuss: 1. In the management of child development centers of the Bang Pla Sub-district Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province, it was found that the Child Development Center had management problems at the highest level but when considering each aspect, it was found that to inform the news of the Child Development Center, such as the opening- closing, the management of various activity of the child development center is not thorough. The educational management of the Child Development Center is based on current conditions and changing events in the future. And provide learning experiences in accordance with society, culture and local wisdom. There is diversity in practice Formulation of education policies and plans Encourage the community to participate in the provision of education. Provide experiences and promote learning development in accordance with society, culture, and local wisdom. And in line with Manchana Laowattana (2011) research that has studied Management Development of Child Development Center of Dong Yai Sub-district Administrative Organization, Phimai District, Nakhon Ratchasima Province. The research results were found that the administration of child development centers should provide public relations with information to general public to get the news about the importance of the child development centers and educational management guidelines to keep up with the changes of society and organizing learning experiences that are consistent with culture and local wisdom. 2. Personnel of the Bang Pla Sub-district Administrative Organization Bang Phli District, Samut Prakan Province, found that the Child Development Center had the highest level of personnel problems. However, when considering each aspect, it was found that the arrangement of licensed child care teachers or evidence issued by the Teachers Council of Thailand to perform teaching duties. Recruiting personnel, performance appraisal, teacher and professor for achieve the quality and standard that are suitable for high professionalism with benefits, welfare, compensation sufficiently and suitable for the quality and the high profession and in line with the research of Montriyana Phol (2010) that has studied Development of Child Development Center, Ban Khao Sub- หน้า 371

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) district Administrative Organization, Muang District, Udon Thani Province found that : In the personnel should recruit personnel with educational background and educational management experience sufficient to operate. And budget for the development of personnel to have knowledge and ability to organize learning experiences for children. 3. Building, places, environment and safety of child development centers of the Bang Pla Sub-District Administration Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province found that the child development centers have problems in arranging preventive measures for accidents, accident about fire that may occur. The bathrooms, toilets arrangement are sufficient and clean safe with children. The space allocation to learning management and a plaything that promotes to the development of children to be in good condition and safe for children. The important educational management guidelines are organizing a training program to educate personnel and children about accident and fire prevention and arrange gardens to be beautiful and shady Setting up an environment that is conducive to children's learning according to the appropriate care facilities, bathrooms, toilets, to be clean and ventilated which corresponds to Standard of implementation of the Child Development Center of the Local Administrative Organization Ministry of Interior, 2002 – 2016 that provide the child development center to landscape the environment both inside and outside the building. Take into account hygiene that will directly affect health in preventing the spread of communicable diseases. Reduce the risk of accidents. Promote safety for children and in accordance with the Department of Health Ministry of Public Health (2005). At the Child Development Center, there are clean and safe external and internal environments, bathrooms, toilets, clean and hygienic, places to prepare food for cooking, clean and hygienic, and from the Early Childhood Education Management Program, 2003. The office of the Basic Education Commission Ministry of Education has established a concept of practice in organizing learning for children. 4. In academic and curriculum activities of the Bang Pla Sub-district Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province, it was found that the Child Development Center had a problem in organizing modern technology media that could be applied to appropriate experience arrangements for children. The Child Development Center has a nutritional program set according to the guidelines of the Department of Health to providing children with ongoing community activities to encourage children to live with others. The important educational management guidelines are study development, parenting and a learning experience plan that are responsive to learning processes to the nature and development of children within a social context, local, culture and enable the children to develop physical, emotional, psychological, social and intellectual aspects which according with the standard of implementation of the Child Development หนา้ 372

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) Center of the Local Administrative Organization, Ministry of Interior, 2002 – 2016. Educational management must encourage learners to develop naturally to their full potential. All children have the right to receive appropriate nurturing and fostering development and learning through good interaction with family and community and including the development and application of technology for education to produce and develop of the textbooks, media materials, equipment and technology by providing financial support production for educational. It is also in line with the Office for Educational Standards and Quality Assessment (2006) on principles of holistic child development and child-centered experience management is important. Then, consistent with the research of Prasom Marasri and Chitlada Siwdon (2014) to studied Factors Affecting the Effectiveness of Child Development Center Operation Under the local government organization Nakhon Ratchasima Province found that academic and curriculum activities have the highest average level. 5. Participation and promotion from all departments of the Bang Pla Sub-district Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province found that the Child Development Center had a problem with the center participation with the communities in recruiting resources and funds to support the education of child development centers. Important educational management guidelines are bring the communities to participate in the operation of child development centers, bring the local wisdom to organize a learning experience for children which corresponds to standard of implementation of the Child Development Center of the Local Administrative Organization, Ministry of Interior, 2002 - 2016 to allow the local education management to operate according to the needs determine that individuals, families, community organizations, private organizations, government organizations, educational institutions, religious institutions and local people participate in the educational management of the child development center of the local government organization, according to the capacity and ability of the local and the Department of Health. The Ministry of Public Health (2005) has set a benchmark for livable child development centers are parents and communities participate in various activities of child development centers which is in line with the Office for Educational Standards and Quality Assessment (2006). Montariya Naphol (2010) that has studied the development of the Child Development Center, Ban Khao Sub-district Administrative Organization, Muang District, Udon Thani Province found that the participation of community parents should send activities that are beneficial to all parties, including administrators, teachers, parents and children. And in accordance with Prachan Chaiwong (2555) has studied Evaluation of educational management of sub-district municipal child development centers in Phrae Province found that early childhood education management of sub-district municipal child development centers should be supported and promoted as well as participation from all departments. หนา้ 373

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 6. To promote the early childhood development network of the Bang Pla Sub-district Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province, it was found that the Child Development Center had a problem with the Child Development Center as a learning exchange center for early childhood development. The exhibition organize of children's works together with other child development centers, training, seminars or meetings between child development centers and all sectors to develop child development centers in various fields. The important educational management approaches are: Continuously encouraging parents and communities to contribute to the organization of children's activities. This is in line with the National Education Act 1999 have the objectives of establishing a child development center to promote and support cooperation between the local government organization and the community to be able to jointly plan and operate to achieve goals and in line with the standards of the child development center of the local government organization. Ministry of Interior, 2002 – 2016. To promote the child development center of the local government organization It is a place for developing quality early childhood children and up to the standard in parenting. Training and seminar and in line with the research of Pallozzi (1981) researched about the community styles towards involvement in decision-making by local schools in New Jersey, USA. The findings showed that educational arrangements should be extended to community models by management. Studying in schools should cooperate with all parties. RECOMMENDATION 1. Suggestions for applying the research results: 1.1 It is important to a building development plan, environment and safety of the Child Development Center to provide a space for learning experiences with children 1.2 Promote education personnel in accordance with the guidelines for early childhood education in order to develop the work for the maximum benefit of the children 1.3 Promote the involvement of personnel in child development centers and related persons to truly meet the needs of the community. 2. Suggestions for the next research 2.1 There should continue to study about work process of the child development centers in other areas. 2.2 There should be research, monitoring and evaluation of the implementation of the Child Development Center of the Bang Pla Sub-district Administrative Organization, Bang Phli District, Samut Prakan Province. หน้า 374

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) BIBLIOGRAPHY Department of Academic. National Education Act 1999 and its amendments (No. 2) BE 2545 and the Compulsory Education Act 2002 (2003). Bangkok: Thai Alphabet Printing House. Department of Health, Ministry of Public Health. (2005). Implementation Manual of the Healthy Child Center Project. Thailand is strong. Bangkok: Office of the Veterans Welfare Affairs under Royal Patronage. Office for Educational Standards and Quality Assessment (2006). Standards, indicators and criteria for consideration. For external quality assurance Basic level of education, 2nd cycle (2006 - 2010). Bangkok: Office for National Education Standards and Quality Assessment. (Public Organization). Office of Local Education Management and Development (2010). Standard of implementation of the Child Development Center of the Local Administrative Organization. Department of Local Administration (2016). Standards for Child Development Center of Local Administrative Organizations. Fiscal Year 2016. Bangkok: Department of Local Administration. Manchana Laowattana. (2011). Development of the Child Development Center of the Dong Yai Subdistrict Administrative Organization, Phimai District, Nakhon Ratchasima Province. Independent study Master of Public Administration. Khon Kaen University. Ministry of Education. (2003). Early Childhood Education Curriculum Manual, 2003. Bangkok: Kurus Ladprao Publishing House. Ministry of Education. (2007). The National Education Act 1999, amended (3rd edition), 2010. Bangkok: Chili Wan Graphic. Montriyana Phol. (2010). Development of Child Development Center, Ban Khao Subdistrict Administrative Organization, Muang District Udon Thani Province. Independent study Master of Public Administration Khon Kaen University. Office of the Education Council Secretariat (2011) Educational management of the sub-district administrative organization. Bangkok: Prik Wan Graphic. Pallozzi, D.P. (1981). “A model for community participation in local school district decision Making,” Dissertation Abstracts International. Prachan Jaiwong (2012). Educational management assessment of sub-district municipal child development centers in Phrae Province. Master of Education Thesis Educational Administration Lampang Rajabhat University. Prasom Marasri and Jitda Siudon. (2014). Factors Affecting the Effectiveness of the Child Development Center Operation in the Local Administrative Organization. Nakhon Ratchasima Province. Mahasarakham University Journal. . หน้า 375

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) การดำเนนิ งานตามแผนพฒั นาการอาชวี ศกึ ษา พ.ศ. 2560 – 2579 ดา้ นการผลติ และพัฒนากำลงั คนดา้ น การอาชีวศึกษาเพ่ือสรา้ งขีดความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ สถาบนั การอาชีวศึกษา กรุงเทพมหานคร Operation of Vocational Education Development Plan 2017 – 2036 relating Production and Human Development in Vocational Education for Creating Capacity in Competition: Institute of Vocational Education, Bangkok นางสาวภญิ ญาพัชญ์ หนองหาญ ดร.นลินี สุดเศวต บัณฑิตวิทยาลยั ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ าลยั สยาม E-mail [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาสภาพการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 ด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร 2.เปรียบเทียบการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 ด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร ตามขนาดของสถานศึกษา กลุ่มประชากรคือ สถาบันการอาชีวศึกษา กรุงเทพมหานคร จำนวน 13 สถาบัน โดยผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้บริหาร และครูผู้รับผิดชอบงานแผน สถาบัน ๆ ละ 2 คน รวม 26 คน เครื่องมือที่ใช้เปน็ แบบสอบถาม สถิติที่ใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล 1. หาค่าร้อยละ 2. หาค่าเฉลี่ย 3. การ วเิ คราะห์ความแปรปรวน (ANOVA) 4. การวเิ คราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัย พบว่า 1. สภาพการดำเนนิ งานตามแผนพฒั นาการอาชีวศกึ ษา พ.ศ. 2560 – 2579 ยทุ ธศาสตร์ที่ 2 โดยกลยุทธ์ที่ 1 มีการดำเนินงานอยู่ในระดับในระดับมากที่สุด (x =4.64) กลยุทธ์ที่ 2 แล 3 มีการดำเนนิ งานอยู่ในระดับมาก ((x = 4.48) และ (x = 4.81)) ตามลำดับ 2. การเปรียบเทยี บการดำเนนิ งานตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 ยุทธศาสตร์ท่ี 2 ตาม ขนาดของสถานศึกษา ไมแ่ ตกต่างกัน คำสำคัญ : การดำเนินงาน, แผนพฒั นาการอาชวี ศกึ ษา, อาชวี ศกึ ษา ABSTRACT . Purposes of the study were 1) to determine an operation of vocational education development plan 2017 – 2036 relating production and human development in vocational หนา้ 376

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) education for creating capacity in national competition 2) to compare the operation of vocational education development plan 2017 – 2036 relating production and human development in vocational education for creating capacity in national competition, depending on sizes of institutions. Thirteen institutions of vocational education, Bangkok were population. Two directors and teachers, relating the operation and planning of each vocational education institution, totally 26 people were informers. Research instrument was questionnaire. Statistics for analyzing data were 1. Percentage 2. Mean 3. Analysis of variance (ANOVA) 4. Content analysis. Results were found as following: 1) The operation of vocational education development plan 2017 – 2036 strategy 2, plan 1 was operated in the highest level (X = 4.64). Strategy 2 and 3 were operated in high level (X = 4.48 and X = 4.81) respectively. 2) The comparison between operation of vocational education development plan 2017 – 2036 strategy 2 and the size of institution, no differences were found. Keywords: Operation, Vocational Education Development Plan, Vocational Education บทนำ ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา ตามท่ีสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้จัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ขนึ้ เพื่อวางกรอบ เป้าหมายและทิศทางการจัดการศึกษาของประเทศ โดยมุ่งจัดการศึกษาให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงโ อกาสและ ความเสมอภาคในการศึกษาที่มีคณุ ภาพพัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสทิ ธภิ าพพัฒนาคนให้มีสมรรถนะ ในการทำงานที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศแนวคิดการจัดการศึกษาตาม แผนการศึกษาแห่งชาติยึดหลักสำคัญในการจัดการศึกษาประกอบด้วย หลักการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All) หลักการจัดการศึกษาเพื่อความเท่าเทียมและทั่วถึง (Inclusive Education) หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) และหลักการมีส่วนร่วมของสังคม (All For Education) อีกทั้งยึดตามเป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs 2030) ประเด็นภายในประเทศ (Local Issues) อาทิ คุณภาพ ของคนช่วงวัยการเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งประชากรของประเทศ ความเหลอื่ มลำ้ ของการกระจายรายได้ และวิกฤติดา้ น สิ่งแวดล้อมโดยนำยุทธศาสตร์ชาติมาเป็นกรอบความคิดสำคัญในการการกำหนดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ท่ี 1 การจัดการศึกษาเพื่อความม่นั คงของสงั คมและประเทศชาติ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 2 การผลิตและพัฒนากำลงั คนการวิจัย และนวัตกรรมเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพฒั นาศกั ยภาพคนทุกชว่ งวยั และการสร้างสังคมแหง่ การเรยี นรู้ หน้า 377

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ยุทธศาสตรท์ ี่ 4 การสรา้ งโอกาส ความเสมอภาคและความเทา่ เทยี มทางการศึกษา ยุทธศาสตรท์ ี่ 5 การจดั การศึกษาเพ่อื สร้างเสรมิ คณุ ภาพชวี ติ ทเ่ี ปน็ มิตรกับสง่ิ แวดล้อม ยุทธศาสตร์ที่ 6 การพัฒนาประสทิ ธิภาพของระบบบริหารจัดการศึกษา เพื่อนำไปสู่การบรรลุตามแผนงานที่ กำหนดไว้ (แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579) โดยมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ และสำนักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) เป็นหน่วยงานหนึ่งท่ีจะต้องมีการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ให้บังเกิดผลตาม แผนพัฒนาอาชีวศกึ ษาและเปน็ องค์กรจัดการศึกษาระดบั อาชีวศึกษา ทีม่ เี ป้าหมายเพอื่ ผลติ และพัฒนากำลงั คนในด้าน วิชาชีพระดับฝีมือระดบั เทคนิค และระดับเทคโนโลยีรวมทั้งการฝึกอบรมวิชาชีพเพื่อเพิ่มพูนความรูและการฝึกทักษะ อาชีพระยะสั้นหรือระยะยาวไปสู่การปฏิบัติในการดำเนินงานการจัดการศึกษาได จัดทำแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560-2579 โดยการวเิ คราะห์และสังเคราะหต์ ามยุทธศาสตรช์ าตริ ะยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) แผนการศึกษา แหง่ ชาติ พ.ศ. 2560-2579 และแผนพฒั นาเศรษฐกจิ สังคมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) เพอื่ ให้หน่วยงานท่ี เกี่ยวข้องและสถานศึกษาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและขับเคลื่อนการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาของประเทศให้ สอดคล้องกับเป้าหมายและทิศทางของการพัฒนากำลังคนตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560-2579 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างความสามารถด้านการแข่งขันการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพคนแผนพัฒนาการ อาชวี ศึกษา พ.ศ. 2560-2579 แผนฉบบั นเี้ ปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ สำหรับหน่วยงาน โดยเฉพาะสถานศึกษาทีจ่ ะไดใ้ ชเ้ ปน็ เครื่องมือในการจัดการอาชีวศึกษาให้บรรลุผลตามเป้าหมายและเจตนารมณ์ของการพัฒนาประเทศ เนื่องจากมี สาระสำคัญประกอบด้วยแนวคิดการจัดการอาชีวศึกษา วิสัยทัศน์ของแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พันธกิจของ แผนพัฒนาการอาชีวศึกษา วัตถุประสงค์ของแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา เป้าหมายของผู้สำเร็จการอาชีวศึกษา ยุทธศาสตร์การอาชวี ศกึ ษากลยุทธ์แผนงานโครงการ และตวั ช้วี ดั ท่ีครอบคลมุ กระบวนการในการบริหารจัดการอย่างมี ประสิทธภิ าพซ่ึงการจัดการอาชีวศึกษาเป็นการจัดการศึกษาในด้านวชิ าชีพ เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนในระดับฝีมอื (ปวช.) ระดบั เทคนคิ (ปวส.) ระดบั เทคโนโลยี (ปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัตกิ าร) และการฝกึ อบรมวชิ าชีพ ซ่ึงเปน็ การเพิม่ พนู ความรูและทักษะอาชพี ระยะสนั้ และระยะยาวท่มี ีความสัมพันธ์สอดคลองกบั ปรชั ญาการอาชีวศึกษา กรอบมาตรฐานคุณวฒุ ิอาชีวศึกษาแห่งชาตแิ ละมาตรฐานการอาชวี ศึกษาในแต่ระดับการจัดการอาชวี ศึกษามีค่านิยมที่ เป็นเป้าหมายหมายหลักในการปลูกฝังที่สำคัญ 4 ประการ ไดแก คุณธรรม (Merit) คุณภาพ (Quality) ความร่วมมือ (Collaboration) ความเป็นมืออาชีพ (Professional) ซึ่งในแผนพัฒนาการอาชีวศกึ ษา พ.ศ. 2560 – 2579 ได้มีการ กำหนดวสิ ัยทัศน์ความคาดหวงั ตามเจตนารมณข์ องการจัดการอาชีวศึกษา ดังนี้ “ผู้สำเรจ็ การอาชวี ศึกษาและฝึกอบรม วิชาชีพมีคุณธรรม คุณภาพ สอดคลองกับความต้องการในการพัฒนาประเทศ” เพื่อให้การจัดการศึกษาอาชีวศึกษา บรรลุผลตามวิสัยทัศน์และเป้าหมาย ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาการอาชีวศึกษาไว 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ท่ี 1 การจดั การอาชีวศึกษาเพื่อความมน่ั คงของสังคมและประเทศชาติ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 2 การผลติ และพฒั นากำลังคนดา้ นการอาชวี ศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ยทุ ธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาศกั ยภาพกำลงั คนดา้ นการอาชวี ศกึ ษาใหม้ สี มรรถนะสอดคลองกบั ความต้องการในการพฒั นาประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างโอกาสความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันในด้านการอาชีวศึกษา ยุทธศาสตร์ที่ 5 การ จดั การอาชีวศึกษาเพือ่ สร้างเสรมิ คณุ ภาพชวี ติ ที่เป็นมติ รกบั ส่งิ สงิ่ แวดลอ้ ม ยุทธศาสตรที่ 6 การเพ่ิมประสทิ ธภิ าพระบบ การบรหิ ารจดั การอาชีวศึกษา หนา้ 378

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกติวิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) การขบั เคล่อื นแผนพัฒนาการอาชีวศึกษาสูการปฏิบัติ เพ่อื ให้สำเร็จขึน้ อยู่กับปัจจัยสำคญั หลายประการ ได้แก แผนพัฒนาการอาชีวศึกษาที่มีความชัดเจนครบถ้วน และครอบคลุมการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาตาม แผนพัฒนาการอาชีวศึกษาของผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนตั้งแต่ระดับนโยบายระดับปฏิบัติผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแล ะ สาธารณชน การเผยแพรการประชาสมั พันธ์เพื่อสร้างความตระหนักความรู้ความเข้าใจในความสำคัญของแผนพัฒนา การอาชีวศึกษาและการนำแผนพัฒนาการอาชีวศึกษาสู การปฏิบัติที่ชัดเจนแนวทางการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการ อาชวี ศึกษาสู่การปฏบิ ตั ิ ได้แก่ 1. การสร้างความรูความเข้าใจให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญและพร้อมเข้าร่วมในการผลักดัน แผนพัฒนาการอาชีวศึกษาการสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานองคการ และภาคีเครือข่ายการจัดการอาชีวศึกษา เก่ียวกับวสิ ยั ทศั นแ์ ละเปาหมายของแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา 2. การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 กับแผนปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณของ สถานศกึ ษาในสังกดั สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 3. การปรบั ปรงุ กฎระเบียบ และกฎหมายตา่ ง ๆ ใหเ้ อ้ือต่อแผนพัฒนาการอาชวี ศึกษา 4. การสร้างช่องทางให้เครือข่ายในการจัดการอาชีวศึกษามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอย่างกว้างขวางทั้ง ระดบั นโยบาย และระดบั ปฏบิ ตั ิการ 5. การติดตามประเมินผลแผนพฒั นาการอาชีวศึกษาแนวคดิ และหลักการติดตามประเมนิ ผลแผนพัฒนาการ อาชีวศึกษาเป็นการติดตามประเมินผลที่เปิดโอการให้ผู้มีส่วนไดสวนเสยี กับการจดั การอาชีวศึกษาเข้ามามีส่วนในการ ประเมินทั้งการประเมินกระบวนการจัดการผลผลิตผลลัพธ และผลกระทบโดยสถานศึกษาในสังกัดสำนักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษาประเมินการดำเนินงานของสถานศึกษาเองควบคู ไปกับการประเมินของหน่วยงาน ภายในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษามกี ารกำหนดหลักเกณฑการติดตามและประเมินผลตัวชีว้ ัดที่ชัดเจนมี มาตรฐานและถูกตอ้ งตามหลักวิชาการซึง่ สอดคล้องกับการวิจัยของ แววตา พูลสวสั ดิ์, ประเวศ เวชชะ, ไพรภ รัตนะชู วงศ์, สมเกยี รติ ต่นุ แกว้ (2561) ได้ศึกษา การบริหารจดั การการอาชวี ศกึ ษาเพ่ือเพม่ิ ขีดความสามารถในการแข่งขันยุค การศึกษาไทย 4.0 ของวทิ ยาลัยเทคโนโลยซี ีเทคแปซฟิ คิ ที่พบว่า หากจะพฒั นาหรือสง่ เสรมิ ด้านการเรยี นรแู้ ละพัฒนา เพอ่ื ต้องการยกระดับความสามารถในการแข่งขันในยุคการศึกษาไทย 4.0 ให้มคี ณุ ภาพ และประสทิ ธภิ าพที่มุ่งเน้นการ พัฒนาในทุกมิติภายใต้หลักการบริหารแบบ POLC อันได้แก่ การวางแผน (Planning) การจัดองค์กร (Organizing) การนำ (Leading) และการควบคุม (Control) โดยมีการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย และกำหนดประเด็น ยุทธศาสตร์ 4 ด้านคือ ยุทธศาสตร์ด้านประสิทธิผล ยุทธศาสตร์ด้านความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องยุทธศาสตร์ ด้านกระบวนการภายใน และยุทธศาสตร์ด้านการเรียนรู้และพัฒนา และมีการควบคุมคุณภาพโดยใช้วงจรเดมม่ิง (PDCA) ที่สถานศึกษาควรมกี ารดำเนนิ งานให้เปน็ ระบบ จากนโยบายตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 (20ปี) เห็นว่าการจัดการศึกษาของ อาชวี ศึกษาจะเปน็ กลไกสำคญั ในการพฒั นาประเทศเปน็ การผลิตกำลงั คนสายอาชพี เขา้ ส่รู ะบบธุรกิจต่างๆ ตรงกับการ จัดตั้งการศึกษาระดับอาชีวศึกษาเพราะ \"อาชีวศึกษา\" ถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติทั้งใน ระดบั ประเทศและระดับโลกไมว่ า่ จะเปน็ การเปลย่ี นแปลงโครงสร้างประชากรความเหล่ือมลำ้ ทางสงั คมการรวมตัวของ ประชาคมเศรษฐกจิ การเคลื่อนยา้ ยการลงทุนและการเปดิ เสรีด้านการคา้ และการเปล่ยี นแปลงโครงสรา้ งประชากรเปน็ หน้า 379

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กติวถิ ีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) สงั คมผู้สงู อายุ ปจั จัยต่างๆเหลา่ นลี้ ว้ นแล้วแต่สง่ ผลกระทบตอ่ การพฒั นาประเทศทง้ั ด้านเศรษฐกจิ และสงั คมท่ีส่งผลต่อ ทิศทางการพัฒนาระบบอาชีวศกึ ษาไทยในอนาคตเพ่ือตอบสนองนโยบายรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จาก ขอ้ มูลข้างต้นทำใหผ้ วู้ จิ ัยสนใจทจี่ ะศึกษาการดำเนนิ งานตามการดำเนินงานตามแผนพฒั นาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 ด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานครจำนวน 13 แห่ง ที่เป็นหน่วยงานผลิตนักเรียนนักศึกษาให้มีคุณลักษณะตาม ความต้องการของสถานประกอบการและยังต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตามนโยบายของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และหนึ่งในตัวชีวัดความสำเร็จ สถานศึกษาจะต้องดำเนินงานตามนโยบาย และแผนงานดังกล่าวให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดการวิจัยในครั้งนี้เพื่อศึกษาการดำเนินงานของสถาน ศึกษาที่ เกี่ยวข้องกับนำแผนงานที่กำหนดไว้ไปสู่การปฏิบัติจริงของสถานศึกษา เพื่อเป็นการติดตามและประเมินผลตาม แผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 (20ปี) ในด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อ สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศรวมทั้งปัญหาอุปสรรคและการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการ อาชีวศกึ ษา พ.ศ. 2560 – 2579 ด้านการผลิตและพัฒนากำลงั คนดา้ นการอาชวี ศกึ ษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการ แข่งขันของประเทศ สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพหานคร ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการวิจัยจะนำไปสู่การพัฒนาและ สนับสนนุ ใหก้ ารบริหารงานสถานศึกษาอ่นื ๆหรอื หนว่ ยงานที่เก่ียวข้องในการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการอาชีวศกึ ษา พ.ศ. 2560 – 2579 (20ปี) ใหบ้ รรลตุ ามเปา้ หมายทกี่ ำหนดไวต้ อ่ ไป วิธดี ำเนนิ การวจิ ัย วตั ถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 ด้านการผลิตและ พัฒนากำลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สถาบันการอาชีวศึกษา กรงุ เทพมหานคร 2. เพื่อเปรียบเทียบการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 ตามแผนพัฒนาการ อาชวี ศกึ ษา พ.ศ. 2560 – 2579 ดา้ นการผลติ และพัฒนากำลงั คนดา้ นการอาชวี ศกึ ษาเพื่อสร้างขดี ความสามารถในการ แข่งขนั ของประเทศ สถาบนั การอาชวี ศึกษากรุงเทพมหานคร ตามขนาดของสถานศกึ ษา ขอบเขตของการวจิ ยั ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพหานคร จำนวน 13 วิทยาลัย โดยเก็บข้อมูล จากสถาบนั การอาชีวศกึ ษากรุงเทพหานคร ทงั้ 13 วิทยาลัย กลมุ่ ตัวอยา่ งเป็นการเก็บแบบเฉพาะเจาะจงโดยเลือกกล่มุ ตัวอย่างท่ีเปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบและเกีย่ วขอ้ งกับการกำหนดนโยบายการจัดทำแผน การทำโครงการท่ีเกีย่ วข้องกับยุทธท์ ี่ 2 กลุม่ ตวั อยา่ งคอื ผบู้ รหิ ารและครูผูร้ บั ผิดชอบงานแผนของวทิ ยาลัย ๆ ละ 2 คน รวม 26 คน ขอบเขตด้านเนอื้ หา การวิจัยนี้จะทำการศึกษาสภาพการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560-2579 ใน ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศ ใน 3 กลยทุ ธ์ คอื หนา้ 380

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) กลยุทธ์ที่ 1 ผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาให้มีสมรรถนะในสาขาที่ตรงตามความต้องการของผู้ใชและ การพฒั นาเศรษฐกจิ สังคมของประเทศ กลยุทธ์ท่ี 2 ส่งเสริมการผลิตและพฒั นากำลังคนอาชีวศกึ ษาที่มีความเช่ียวชาญและเปน็ เลิศเฉพาะทาง กลยุทธ์ที่ 3 ส่งเสริมการวิจัย สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี และองค์ความรู้ด้านอาชีวศึกษาเพื่อเพิ่ม ผลผลิตและมูลคา่ ทางเศรษฐกจิ ขอบเขตดา้ นระยะเวลา ปีการศึกษา 2562 ขอบเขตด้านพืน้ ท่กี ารศึกษา สถาบนั การอาชีวศกึ ษากรงุ เทพหานคร จำนวน 13 วิทยาลัย ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะไดร้ บั ได้ข้อมูลการดำเนินงานของสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพหานครในยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการผลิตและ พัฒนากำลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็น ประโยชน์ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งระดับนโยบายและสถานศึกษารวมทั้งได้ขอ้ เสนอแนะที่จะเป็นแนวทางในการ ดำเนินงานของสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพหานคร หรือสถาบันอาชีวศึกษาอื่นๆ เพื่อนำไปสู่การการบริหารงาน สถานศกึ ษาหรือหน่วยงาน และการพฒั นางานท่ีเก่ยี วข้องให้บรรลตุ ามเปา้ หมายท่ีตอ้ งการต่อไป วธิ ดี ำเนินการวิจัย ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยตามขั้นตอนการวิจัยประกอบด้วย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ขั้นตอนในการสร้าง เคร่อื งมอื และการหาคณุ ภาพเครื่องมือ สถิตทิ ี่ใช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการวจิ ยั เคร่อื งมือทใ่ี ชใ้ นการวิจยั คร้ังนี้ คอื แบบสอบถามเกย่ี วกับสภาพการดำเนินงานตามแผนพฒั นาการอาชวี ศกึ ษา พ.ศ. 2560 – 2579 ด้านการผลิตและพฒั นากำลังคนดา้ นการอาชวี ศึกษาเพ่อื สร้างขดี ความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศ สถาบันการอาชีวศึกษากรงุ เทพมหานคร ผู้วิจัยไดน้ ำข้อมลู แผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560–2579 ใน ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 การผลติ และพฒั นากำลงั คนดา้ นการอาชีวศึกษาเพ่ือสร้างขีดความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศ ใน 3 กลยทุ ธ์ มาตง้ั เป็นข้อคำถามมีรายละเอียดดงั น้ี ตอนที่ 1 เกีย่ วกับข้อมลู ทั่วไปเกยี่ วกับผู้ให้ขอ้ มลู ตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 ดา้ นการผลิตและพฒั นากำลังคนดา้ นการอาชีวศกึ ษาเพ่อื สร้างขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ สถาบันการ อาชีวศึกษากรงุ เทพมหานคร ใน 3 กลยทุ ธ์ ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะในการดำเนนิ งานตามแผนพัฒนาการอาชวี ศกึ ษา พ.ศ. 2560 – 2579 ในยุทธศาสตร์ ท่ี 2 ข้ันตอนในการสร้างและการหาคุณภาพเครอ่ื งมอื ผู้วจิ ัยดำเนินการ ดังนี้ 1. ศึกษาข้อมูลแผนพฒั นาการอาชวี ศึกษา พ.ศ. 2560–2579 ในยุทธศาสตรท์ ่ี 2 และกลยทุ ธย์ ่อย 3 ข้อ เพื่อ นำมาสร้างขอ้ คำถามเกี่ยวกับการดำเนนิ งาน ใน 3 กลยุทธ์ แผนงานและโครงการ หน้า 381

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 2. นำเครือ่ งมอื แบบสอบถามที่สรา้ งเสรจ็ แลว้ เสนอให้ผู้เชย่ี วชาญ จำนวน 3 ท่าน ตรวจสอบความเทย่ี งตรงเชิง เนื้อหา หาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) โดยแบบสอบถามฉบับนี้เลือกข้อคำถามท่ีได้คา่ IOC ตั้งแต่ 0.6 ขึ้นไป และมีความเช่ือม่นั ท้ังฉบับทค่ี า่ 0.98 3. นำเครื่องมือแบบสอบถามที่ผ่านความเห็นชอบในข้อ 2 ที่เป็นแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ไปเก็บข้อมูลกับ กลมุ่ ประชากรท่จี ะศกึ ษา สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 1. หาค่าร้อยละ 2. หาค่าเฉล่ีย 3. การวเิ คราะหค์ วามแปรปรวน (ANOVA) 4. การวิเคราะห์เน้ือหา (Content Analysis) สรุปและอภปิ รายผลการวิจยั จากผลการศึกษาสภาพการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การผลิตและพัฒนากำลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สถาบันการ อาชวี ศึกษากรุงเทพมหานคร ผวู้ ิจัยขอนำเสนอสรปุ ผลการวิจัยและการอภิปรายผลเป็นภาพรวม ตามวัตถุประสงค์การ วจิ ัย ดังต่อไปนี้ 1. การศกึ ษาสภาพการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการอาชีวศกึ ษา พ.ศ. 2560 – 2579 ด้านการผลติ และพัฒนากำลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สถาบันการอาชีวศึกษา กรุงเทพหานคร จากการวิจัยพบว่า สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพหานครมีการดำเนินงานโดยเฉลีย่ อยู่ในระดับมาก ที่สุดในทุกแผนงานและโครงการ แสดงให้เห็นว่าสถานศึกษาให้ความสำคัญและดำเนินงานตามแผนพัฒนาการ อาชีวศึกษา พ.ศ.2560-2579 ที่สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ซึ่งเป็น หน่วยงานระดับนโยบาย และสถาบนั การอาชวี ศกึ ษาที่เป็นหน่วยงานระดับปฏบิ ัติมกี ารบริหารจัดการสถานศึกษาและ ดำเนินงานที่สอดคล้องและตอบสนองต่อความต้องการของประเทศในการพัฒนาการอาชีวศึกษาในยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการอาชีวศึกษาให้มีสมรรถนะสอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาประเทศและ การแข่งขนั กบั ประเทศอืน่ ๆได้ โดยมีการดำเนนิ งานตามกลยุทธ์ ดงั น้ี 1.1 กลยุทธท์ ่ี 1 ผลิตและพฒั นากำลังคนอาชีวศึกษาใหม้ ีสมรรถนะในสาขาทต่ี รงตามความตอ้ งการ ของภาคผู้ใช้และการพัฒนาเศรษฐกิจสงั คมของประเทศ ประกอบด้วยแผนงานหลกั จำนวน 10 แผนงาน จากการวิจัย พบว่า โดยภาพรวมสถานศึกษามีการดำเนินงานครบทุกแผนงานและผลการดำเนินงานอยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าคะแนนมากที่สุด 3 ลำดับ ดังนี้ 1.แผนงานการจัดทำฐานข้อมูลผลิตและความต้องการกำลังคน อาชีวศึกษา 2.แผนการผลติ และพัฒนากำลังคนกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้มีสมรรถนะท่ีได้มาตรฐานตรงตามความ ต้องการของภาคผู้ใช้ และ3.แผนงานการพัฒนาสมรรถนะในการปฏิบัติงานของผู้เรียนอาชีวศึกษาทั้งการศึกษาใน ระบบนอกระบบและระบบทวภิ าคี ซึง่ แผนงานท้ัง 3 น้ี เป็นแผนงานท่สี อดคล้องกบั นโยบายการจดั ทำระบบข้อมูลการ ผลิตและความต้องการแรงงาน ซึ่งผู้เรียนจะมีสมรรถนะและทักษะทางอาชีพที่ตอบสนองความต้องการของสถาน ประกอบการสถาบันอาชีวศึกษาจึงต้องมีการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียนให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้ หน้า 382

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ผู้เรียนสามารถปฏิบัติงานมีความรู้และทักษะวิชาชีพตามมาตรฐาน โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษามีการ กำหนดตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินผลการดำเนินงานของสถานศึกษาในการดำเนินงานตามแผนงานนี้ ได แก สถานศึกษาต้องมีฐานข้อมูลการผลิตและความต้องการกำลังคนอาชีวศึกษาจำนวนผู้เรียนอาชีวศึกษาจะต้องเพิ่มข้ึน เม่ือเทียบกบั ผ้เู รียนสามัญศึกษา ผู้เรยี นอาชวี ศกึ ษาไดรบั เงินกูยืมเพ่ือการศึกษา ผสู้ ำเรจ็ อาชวี ศึกษามีสรรถนะตรงตาม ความตอ้ งการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศ ความสามารถการใชภ้ าษาอังกฤษของผู้สำเรจ็ อาชวี ศึกษาตาม มาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษ (CEFR) ผู้สำเร็จอาชีวศึกษาในสาขากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายหมายตรง ตามข้อมูลความต้องการกำลังคน อัตราการมีงานทำการประกอบอาชีพอิสระของผู้ สำเร็จอาชีวศึกษา ภายใน ระยะเวลา 1 ป ซึ่งการกำกับติดตามและการประเมนิ สถานศึกษาตามตัวชี้วัดเหล่านี้จึงนับว่าเป็นปัจจัยหน่ึงที่ส่งผลให้ ทุกสถานศกึ ษาจะตอ้ งดำเนินงานตามแผนงานในกลยทุ ธ์ที่ 1 ในทกุ แผนงานหลกั และตอ้ งจัดทำสรปุ ผลการดำเนินงาน รายงานตอ่ สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษาตามลำดบั การดำเนินงานโครงการตามแผนงานในกลยุทธ์ที่ 1 จำนวน 26 โครงการ จากการวิจัยพบว่า โดยภาพรวมมี การดำเนินงานในระดับมาก ไดแ้ ก่ 1. โครงการสง่ เสรมิ การประกอบอาชพี อสิ ระในกลุ่มผู้เรียนอาชีวศึกษา 2. โครงการ เงนิ อุดหนนุ การหารายได้ระหว่างเรียนของนักเรียนนักศึกษาทยี่ ากจน 3. โครงการพฒั นารูปแบบและยกระดับคุณภาพ ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน และ 4. โครงการส่งเสริมทักษะวิชาชีพเพื่อเป็นมืออาชีพและความเป็นเลิศนักศึกษา อาชวี ศกึ ษาเพื่อสรา้ งทนุ ปัญญาชาติ สถานศกึ ษามกี ารดำเนินงานมากท่สี ดุ ซ่ึงการดำเนินงานของเป็นไปตามนโยบาย ของรัฐบาลที่มุง่ สง่ เสริมให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอน หรือมโี ครงการทส่ี ง่ เสริมการเป็นผู้ประกอบการของผู้เรียน สำหรับโครงการเงินอดุ หนุนการหารายได้ระหว่างเรียนของนักเรียนนกั ศึกษาท่ียากจนเป็นโครงการทส่ี ถานศึกษามีการ ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาที่ขาดแคลน และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำใน สถานศกึ ษาด้วยและยังสอดคล้องกบั การศึกษาของขจรศกั ดิ์ อินทรโสภาและประเสริฐ อนิ ทรร์ ักษ์ (2560) ได้วิจัยเร่ือง รูปแบบการบริหารการศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนสู่ประชาคมอาเชียน พบว่าองค์ประกอบของการบริหาร การศึกษาของวิทยาลัยอาชีวศึกษา 1 ใน 5 ข้อ คือ การผลิตบัณฑิตให้ได้ตามความต้องการของตลาดแรงงานโดยผา่ น การพฒั นาและบริหารหลกั สูตร รวมท้งั สง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของทุกภาคส่วนในการพฒั นาผูเ้ รียนให้มคี ณุ ภาพ 1.2 กลยุทธ์ที่ 2 ส่งเสริมการผลิตและพฒั นากำลังคนอาชีวศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นเลิศเฉพาะทาง ประกอบด้วยแผนงานหลักจำนวน จำนวน 7 แผนงาน จากการวิจัยพบว่า โดยภาพรวมสถานศึกษามีการดำเนินงาน ครบทุกแผนงานและมีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับมาก แผนงานที่มีการดำเนินงานมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ 1. แผนงานพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะในสาขาที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศ 2. แผนงานการส่งเสริมการขับเคลื่อนระบบคุณวุฒิมาตรฐานอาชีพสู การปฏิบัติเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศ และ 3.แผนงานการส่งเสรมิ สนับสนุนผู้เรยี นอาชีวศกึ ษาท่ีมีความสามารถพิเศษให้ไดรับการพัฒนาอยา่ ง ตอ่ เนือ่ งสอดคล้องกบั ทิศทางการพัฒนาประเทศ ซงึ่ ท้ัง 3 แผนงานนเี้ ป็นเปา้ หมายในการผลติ ผูเ้ รียนอาชวี ศึกษาให้เป็น ผู้ท่ีมคี วามรคู้ วามสามารถมีสมรรถนะที่สอดคล้องกบั ความตอ้ งการตลาดแรงงานและสถานประกอบการ อกี ทงั้ เป็นการ พัฒนาและยกระดับมาตรฐานอาชีพของผู้เรียนอาชีวศึกษา ให้มีความสามารถในการแข่งขัน เพื่อตอบสนองนโยบาย และทิศทางการพฒั นาประเทศด้วย การดำเนินงานโครงการตามแผนงานในกลยุทธ์ที่ 2 จำนวน 5 โครงการ จากการวิจัยพบว่า โดยภาพรวมมี การดำเนินงานในระดับมาก ได้แก่ 1.โครงการส่งเสริมสถานศึกษาอาชีวศึกษาให้มีความเป็นเลิศเฉพาะทาง 2. หน้า 383

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) โครงการส่งเสริมการปฏิรูปอาชีวศึกษาเพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนด้วยคุณภาพและมาตรฐานให้มีสมรรถนะและความ พร้อมเพื่อเขา้ สูต่ ลาดแรงงาน และ3. โครงการขบั เคล่อื นกรอบคุณวฒุ ิแหง่ ชาติสกู่ ารปฏบิ ตั ิ มีการดำเนนิ งานอยู่ในระดบั มากที่สุด ทั้งนี้ทั้ง 3 โครงการสถานศึกษาสามารถดำเนินการผ่านกระบวนการการเรียนการสอนการจัดกิจกรรมเสริม ให้กับผู้เรียนได้เพราะทุกสถานศกึ ษาต้องเน้นความเป็นเลิศของผู้เรียนทัง้ ความรู้และทักษะปฏบิ ัติมตี วั ชี้วดั ที่สำคัญ ได แก ความเช่ียวชาญและเปน็ เลิศเฉพาะทางมหี ลักสูตรฐานสมรรถนะในสาขาที่ตรงกับความ ตองการของตลาดแรงงาน และการพัฒนาประเทศจัดการศึกษาเน้นด้านวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และการวิจัยจัดการเรียนรู้แบบบรูณาการองค์ ความรู้ดา้ นวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี วศิ วกรรม และคณิตศาสตร์ หรอื สะเต็มศึกษาใช้ชุมชนเป็นแหล่งความรู้ทางวิชาชีพ ผ่านการประเมินสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพมีภาคีเครือข่ายความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน สถานประกอบการ สมาคมวิชาชีพที่จัดการอาชีวศึกษาร่วมกับสถานศึกษาเพื่อพัฒนากำลังคนตามความต้องการของตลาดแรงงาน ซ่ึง สอดคล้องกับพีรพล ไทยทอง (2560). ที่ได้กล่าวถึงแรงงานคุณภาพอาชีวศกึ ษาสู่เศรษฐกิจไทยแลนด์ 4.0 ว่าแนวทาง การพัฒนาแรงงานคุณภาพอาชีวศึกษาจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางแผนและพัฒนากำลังคนเป้าหมาย โดยมี ความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษาและการศึกษาวิจัยโดยเร่งด่วนในรูปแบบเอกชนนำ รัฐและเอกชน ร่วมวางแผนตามบริบทการเปลี่ยนแปลงและภาพอนาคตของสังคมไทยที่ส่งผลต่อการศึกษาอาชีวศึกษารวมถึงการ พฒั นาทกั ษะแรงงานท่ีตรงตามความตอ้ งการของตลาดเพ่อื สนบั สนุนการพัฒนาประเทศ 1.3 กลยทุ ธ์ท่ี 3 สง่ เสริมการวจิ ัย สงิ่ ประดษิ ฐ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี และองค์ความรู้ ดา้ นอาชีวศกึ ษา เพื่อเพิ่มผลผลติ และมูลค่าทางเศรษฐกิจ จำนวน 2 แผนงานหลกั โดยภาพรวมสถานศึกษามีการดำเนินงานอยูใ่ นระดบั มากที่สุดทุกแผนงาน ได้แก่ 1.แผนการส่งเสริมการวิจัย สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี และองค์ความรู้ด้าน อาชีวศึกษาเพื่อเพิ่มผลผลิตและมูลค่าทางเศรษฐกิจ และ2.แผนการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาการวิจัย สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี และองค์ความรู้ด้านอาชีวศึกษาซ่ึงสถานศึกษาต้องส่งเสริมให้มีการพัฒนาต่อยอด และสนับสนุนการวจิ ยั สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี ทั้งครูผู้สอนและนักเรียนซึ่งสอดคล้องกับการศกึ ษาวิจยั ของ ธวัชไชย ลิ้มสุวรรณ และปรีชา วิหคโต (2020) ที่ได้ศึกษาการพัฒนาระบบการบริหารสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม อาชีวศึกษาสู่เชิงพาณิชย์ ในยุคดจิ ทิ ัลด้วยแพลตฟอร์ม ซ่ึงผลการวจิ ัย พบว่าองค์ประกอบของระบบบรหิ ารเพ่ือส่งเสริม การบริหารสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมอาชีวศึกษาสู่เชิงพาณิชย์ในยุคดิจิทัลด้วยแพลตฟอร์ม ประกอบด้วย 1. ปัจจัย นำเขา้ 2. ดำเนินการดว้ ยแพลตฟอร์มซง่ึ ใช้กระบวนการบริหาร PDCA 3. มีการกำหนดผลลพั ธท์ ่พี ึงประสงค์ และ 4.มี การศึกษาข้อมลู ยอ้ นกลบั จาก ผลการประเมนิ ระบบโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก การดำเนินงานโครงการตามแผนงานในกลยุทธ์ที่ 3 จำนวน 6 โครงการ พบว่า ในภาพรวมมีการดำเนินงาน โครงการอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ 1. โครงการวิจัยประยุกต์เพื่อสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม และ 2.โครงการ พัฒนาระบบการประเมินและการประกันคุณภาพอาชีวศึกษา ทั้งนี้ การดำเนินงานของ 2 โครงการนี้ของสถานศึกษา สามารถดำเนินงานได้ด้วยการบรูณาการกับการเรียนการสอนที่ส่งเสริมกระบวนการคิดเพ่ือการพัฒนานวัตกรรมผา่ น โครงงานในรายวชิ าและโครงการวชิ าชพี ซง่ึ ถูกบรรจุไวใ้ นหลกั สูตรในระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชพี และโครงการวิชาชีพ ซ่ึงถกู บรรจุไว้ในหลกั สูตรในระดบั ระดบั ปวส. จงึ อาจจะส่งผลให้โครงการดงั กล่าวมกี ารดำเนนิ งานอยใู่ นระดบั มากทส่ี ดุ และด้วยมีการกำหนดตัวชี้วัดที่สำคัญที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของสถานศึกษา ไดแก จำนวนโครงการ งานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี และองค์ความรู้ที่นำไปใช้พัฒนาชุมชนและสังคม จำนวนบุคลากรอาชีวศกึ ษาด้าน การวจิ ัยและพฒั นา จำนวนนวตั กรรม สงิ่ ประดิษฐ์ทไี่ ด้รบั การจดสทิ ธบิ ัตร และจำนวนผลงานวิจยั ที่ไดรับการตีพิมพ์ใน หนา้ 384

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ระดับชาติหรือนานาชาติ สำหรับเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบการประกันคุณภาพ ทุกสถานศึกษาจะต้องมีการ ดำเนนิ งานอย่างตอ่ เนื่องและเป็นระบบ ตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542: มาตรา 47 อีกทั้งเป็นการ ยกระดับคุณภาพการศึกษา อาจส่งผลให้ทุกสถานศึกษามีการดำเนินการโครงการนี้อยู่ในระดับที่มากทีส่ ุดสอดคล้อง กบั ข้อกำหนดและข้อบังคับว่าดว้ ยระบบประกนั คุณภาพการศึกษา ตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบตั ิการประกันคุณภาพ การศึกษา ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา (2561) และสอดคล้องกบั ผลการศึกษาของ จดิ าภา ถิรศิริ กุล(2559) ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลการดำเนินนโยบายยุทธศาสตร์การส่งเสริมการจัดการศึกษาของเอกชนในการจัด การศึกษาขั้นพื้นฐานประเภทอาชีวศึกษา และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินนโยบายยุทธศาสตร์การส่งเสริมการ จัดการศึกษาของเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานประเภทอาชีวศึกษา ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยด้านนโยบาย ปัจจัยดา้ นการกำหนดภารกิจและการมอบหมายงาน ปจั จยั ดา้ นทรัพยากรของสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริม การศึกษาเอกชน ปัจจัยด้านองค์การหรือหน่วยงานที่นำนโยบายไปปฏิบัติ ปัจจัยด้านผู้บริหารและผู้กำหนดนโยบาย ปัจจัยด้านบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม(สังคม การเมือง เศรษฐกิจ) ปัจจัยด้านกลุ่มเป้าหมายและ ประชาชนผู้รับบริการ ปัจจัยด้านการประสานงานและความร่วมมือ ปัจจัยด้านการประชาสัมพันธ์ ปัจจัยด้านการ วางแผนงานและการควบคุม และ ปัจจัยด้านมาตรการในการตรวจตราและประเมินผลมีอิทธิพลต่อผลการดำเนิน นโยบายยุทธศาสตรก์ ารส่งเสรมิ การจดั การศึกษาของเอกชนในการจัดการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานประเภทอาชีวศกึ ษา 2. การเปรียบเทยี บการดำเนนิ งานตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 ยทุ ธศาสตร์ การผลิตและพัฒนากำลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สถาบันการ อาชีวศึกษากรงุ เทพมหานครตามขนาดสถานศึกษา พบว่า การดำเนนิ งานตามยทุ ธศาสตรก์ ารผลิตและพฒั นากำลังคน ด้านการอาชีวศกึ ษาเพ่ือสร้างขีดความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ ใน 3 กลยทุ ธข์ องสถานศึกษาไมแ่ ตกต่างกนั ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าทุกสถานศึกษาไม่ว่าจะเล็ก กลางใหญ่ สถานศึกษาจะต้องดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ กล ยุทธ์ แผนงาน และโครงการทุกอย่างตามนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และนโยบายของ กระทรวงศึกษาธกิ าร เพราะมกี ารกำหนดแผนงานและเป้าหมายท่ีที่ทกุ สถานศึกษาต้องดำเนนิ งานมีการเสนอแผนงาน โครงการรายงานผลการปฏิบัติตามเกณฑ์ตัวชี้วัดต่างๆที่มีการกำหนดไว้ เพื่อให้ทุกสถานศึกษามีผลสัมฤทธิ์ที่เป็นไป ตามแผนพัฒนาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560 – 2579 ดังนั้น ไม่ว่าขนาดของสถานศึกษาจะแตกต่างกัน จึงไม่ส่งผลตอ่ การดำเนินงานของแตล่ ะสถานศึกษา ข้อเสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะจากการวจิ ัย 1.1 ในกลยทุ ธท์ ี่ 1 จากการวจิ ยั พบวา่ แผนงานการเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพการเรยี นการสอนภาษาองั กฤษ เพื่อยกระดับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของผู้เรียนอาชีวศึกษา แม้จะมีการดำเนินงานอยู่ในระดับมาก และจาก ข้อเสนอแนะปลายเปิดพบว่า ยังมีความต้องการให้สถานศึกษาได้ส่งเสริมและพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษของ นักเรียนอาชีวศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการยกระดับให้นักเรียนของอาชีวศึกษาสามารถแข่งขันกับแรงงาน ต่างประเทศที่มีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีกว่า และจะช่วยเพิ่มโอกาสในการไปทำงานในต่างประเทศมากของ นกั เรยี นไดเ้ พม่ิ ขน้ึ ดว้ ยโดยจัดในรปู แบบการอบรมภาษาอังกฤษเพอื่ การสอ่ื สาร โครงการEnglish Camp หน้า 385

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นส่ปู กติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 1.2 กลยทุ ธ์ที่ 2 จากการวิจัยพบวา่ แผนงานการพฒั นามาตรฐานหลกั สตู รวชิ าชีพตามกรอบคุณวฒุ ิ แห่งชาติ (NQF) มาตรฐานอาชีพวิชาชีพที่สอดคลองกับตลาดงานและยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 แม้จะมีการ ดำเนินงานมีอยู่ในระดับมากแล้ว เพื่อให้การพัฒนามาตรฐานหลักสูตรวิชาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (NQF) มาตรฐานอาชีพ วิชาชีพที่สอดคลองกับยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีความต้องการทักษะวิชาชีพสากล สถานศึกษาและหน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้องอาจจะต้องผนึกกำลังความร่วมมอื กนั เพ่อื ขับเคลอ่ื นและพฒั นาหลกั สูตรการเรียน การสอนแบบทวิภาคใี ห้เกิดเป็นรปู ธรรมและตอบโจทย์การแข่งขันด้านแรงงานในระดบั สากล สอดคล้องกับมาตรฐาน และทักษะวิชาชพี ท่ีตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ และสามารถพัฒนาฝีมอื ของตนเองให้มีคุณภาพก้าว ทนั ต่อการเปลย่ี นแปลงที่เกดิ ข้ึนอย่ตู ลอดเวลา 1.3 กลยุทธ์ที่ 3 จากการวิจัยพบว่า โครงการส่งเสริมงานวิจัยพัฒนานโยบายและวิจัยองค์ความรู้ และนวัตกรรม ซึ่งเป็นประเด็นที่สถานศึกษาจะต้องส่งเสริมเร่งรัดเพื่อสร้างนวัตกรรุ่นใหม่ แนวทางการพัฒนา สถาบนั การศกึ ษาควรตอ้ งมกี ารสนับสนุนท้งั การจัดสรรครผู ้รู ับผิดชอบพฒั นาครูผู้สอนใหม้ คี วามรู้และทักษะท่ีจำเป็นที่ เอื้อต่อการวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมสรรหางบประมาณที่เพียงพอรวมทั้งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่จะนำไปสู่การ สรา้ งสรรค์งานวจิ ยั และงานนวตั กรรมของครแู ละนกั เรยี นอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและเกิดประสทิ ธิผล 2 ขอ้ เสนอแนะตอ่ หน่วยงานทเี่ ก่ียวขอ้ ง 2.1 ผู้บริหารสถานศึกษา ในฐานะผู้นำการบริหารงานตามยุทธศาสตร์ ควรมี การชี้แจงข้อมูลและ สร้างการมีส่วนร่วมของทุกคนในสถานศึกษาตามหลักการบริหาร ประกอบด้วย 1. การรับรู้นโยบาย วัตถุประสงค์ วสิ ยั ทศั น์ของสถานศกึ ษา 2.รว่ มกนั วเิ คราะห์และกำหนดแผนงานหลัก แผนงานรอง โครงการและกิจกรรมท่ีเก่ียวข้อง 3.ขั้นการดำเนินการหรือการปฏิบัติงานให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด 4. การกำกับติดตามและประเมินผลการ ปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานต่างๆของสถานศึกษาเป็นตามเป้าหมา ยทีต่ ้องการ และนำไปส่กู ารปรับปรุงและพฒั นางานใหด้ ขี ึน้ 2.2 สถานศึกษาควรแสวงหาเครือข่ายความร่วมมือในการจัดการศึกษาทั้งภายในและภายนอก ประเทศ เพื่อให้สอดคล้องและรองรับต่อการพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้บรหิ าร ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียนที่ตรงต่อความต้องการในการพัฒนาศักยภาพกำลังคนอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการในการ พัฒนาประเทศ เพื่อให้เกิดภาคีเครือข่ายและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนากำลังคน ดา้ นการอาชีวศกึ ษาเพอ่ื สร้างขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศอยา่ งยั่งยนื 3 ขอ้ เสนอเพอื่ การวิจยั 3.1 ควรมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการดำเนินงานให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตาม ยทุ ธศาสตร์อื่นๆของสถาบันอาชีวศึกษา 3.2 ควรมกี ารศึกษาวจิ ัยเกยี่ วกับบทบาทของผบู้ ริหารสถานศกึ ษากบั ประสทิ ธผิ ลในการ ดำเนนิ งานตามแผนพฒั นาอาชวี ศกึ ษา พ.ศ. 2560-2579 หนา้ 386

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) เอกสารอา้ งอิง ขจรศักดิ์ อินทรโสภา และ ประเสรฐิ อินทร์รกั ษ์. (2560). วิจัยเร่ือง รูปแบบการบริหารการศกึ ษาวทิ ยาลัย อาชีวศกึ ษาเอกชนสปู่ ระชาคมอาเซยี น ขวัญชยั พานิชการ และ พฤทธิ์ ศริ ิบรรณพทิ ักษ.์ (2556). การพัฒนารปู แบบการบรหิ ารทีเ่ หมาะสมสำหรบั สถาบนั การอาชีวศกึ ษา จดิ าภา ถริ ศิริกุล (2559) การศึกษาปัจจยั ที่มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานตามนโยบายยทุ ธศาสตร์การส่งเสรมิ การจดั การของเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานประเภทอาชวี ศึกษา ปีที่ 9 ฉบบั ที่ 1 2559 พรี พล ไทยทอง (2560).แรงงานคณุ ภาพอาชวี ศึกษาสเู่ ศรษฐกจิ ไทยแลนด์ 4.0 .วารสาร มจร สังคมศาสตร์ ปริทรรศน์ ปที ี่ 6 ฉบบั ที่ 2 (ฉบบั พเิ ศษ) เมษายน-มิถนุ ายน 2560 หน้า 635-645 ธานนิ ทร ศรีชมภู และคณะ. (2557). การพฒั นารปู แบบการบรหิ ารงานอาชีวศึกษาระบบทวภิ าคีในสถานศึกษา สงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ธวัชไชย ลม้ิ สุวรรณ และปรชี า วิหคโต. (2020) การพฒั นาระบบการบริหารสิ่งประดษิ ฐแ์ ละนวัตกรรมอาชีวศกึ ษาสู่ เชิงพาณิชย์ ในยุคดิจิทัลดว้ ยแพลตฟอรม์ Journal of MCU Peace Studies Vol.8 No.2 (March - April (2020) แววตา พูลสวสั ด,ิ์ ประเวศ เวชชะ, ไพรภ รัตนะชูวงศ์, สมเกียรติ ตุ่นแกว้ . (2561). การบริหารจัดการการอาชีวศึกษา เพือ่ เพ่ิมขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ยคุ การศกึ ษาไทย 4.0 ของวิทยาลัยเทคโนโลยซี เี ทคแปซิฟิค. สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. (2560). แผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579.กรงุ เทพมหานคร:บริษทั พริก หวานกราฟฟคิ จำกัด. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. (2560) แผนพัฒนาอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560-2579.สำนักงานคณะกรรมการ การอาชีวศกึ ษา สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร ระทรวงศกึ ษาธิการ. (2560) แผนพฒั นา การศกึ ษาของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564).สำนักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ หนา้ 387

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้ังที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การสอนออนไลน์ด้วยวิธสี อนแบบหอ้ งกลบั ด้าน ในชว่ งภาวะวิกฤต COVID-19 กรณศี กึ ษา รายวิชา JBC226 การแปลภาษาญปี่ นุ่ ธุรกจิ Teaching Online by Using Flipped Classroom during COVID-19: A case study of JBC 226 Japanese Translation course ณัฐชยั ศรเี อ่ยี ม1 , จักรพนั ธ์ จตุพรพนั ธ์2 และ ภมี พฒั น์ วรโชตธิ ีรวชั ร์3 ภญ ธ 1-3 คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรปี ทุม [email protected], [email protected] บทคดั ยอ่ บทความเรอื่ งน้มี ีจดุ ประสงค์เพือ่ ชี้แนะปญั หาและแนวทางการจัดการเรยี นการสอนแบบออนไลน์ด้วยวิธีสอน แบบห้องเรียนกลับด้าน โดยเลือกกรณีศึกษาจากรายวิชา JBC226 การแปลภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ โดยการวิเคราะห์ เอกสารและจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระหว่างเดือน มกราคม - กุมภาพันธ์ 2564 จากการวิเคราะห์เอกสารและจากประสบการณ์ตรง พบวา่ (1) การจดั การเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับดา้ นมีความเหมาะสมกบั การจัดการเรยี นการสอนออนไลน์ (2) การสอนออนไลน์จำเป็นต้องเตรียมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความพร้อมทั้งผู้เรียนและผู้สอน โดยเฉพาะวิธีการ ตดิ ต่อส่อื สารเพื่อจดั การทำงานร่วมกัน (3) ในการจัดกิจกรรมในห้องเรยี นออนไลน์ ควรเนน้ การพดู คุยและการนำเสนอ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้เรียนและผู้สอน (4) การจัดกิจกรรมที่เป็นกลุ่มย่อย ต้องคำนึงถึงเวลาและความ สะดวกผู้เรียนเป็นหลัก ซึ่งในการสอนออนไลน์ยังพบปัญหาการจัดกิจกรรมคือการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ในการ แบง่ กล่มุ ทม่ี ผี ูเ้ รยี นจำนวนมากและการตดิ ตอ่ สอ่ื สารระหว่างผู้เรียนดว้ ยกัน คำสำคญั : การสอนออนไลน์ หอ้ งเรียนกลบั ด้าน การแปลภาษาญีป่ ุ่น ABSTRACT The purposes of this article were to: 1) identify the problems and 2) give the directions for teaching by using Flipped Classroom: A case study of JBC226 Japanese Translation course. Analysis was used document analysis and direct experience of the author during COVID-19 between January to February 19, 2021. The results showed that (1) teaching and learning by using Flipped Classroom is suitable for Teaching Online, (2) it is essential to have and prepare electronics equipment for both teachers and students especially communication and collaboration work, (3) Teaching Online activities should be emphasized to create interaction between teacher and students, (4) Group หนา้ 388

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) activities should be considered available time and students’ convenience. Teaching Online problems found that electronic equipment in large number of students for group dividing and students’ communication. KEYWORDS: Teaching Online, Flipped Classroom, Japanese Translation บทนำ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สถานศึกษาในประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงการจัด การศึกษาใหส้ อดคล้องและเอื้ออำนวยกับสถานการณ์ที่เกิดขน้ึ อย่างรวดเรว็ โดยทางสถาบนั การศึกษาตา่ งๆ ได้ปิดการ เรียนการสอนในชั้นเรียนปรกติ เป็นการเรียนการสอนแบบออนไลน์โดยใช้เทคโนโลยีมานำใช้ในการสอนแทน ซ่ึง มหาวิทยาลยั ศรีปทุมได้ประกาศแนวทางการปฏิบัติการทำงานที่บ้าน (Work from Home)เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 โดยให้จัดการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2564 โดยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้ดำเนินการแบบผสมผสานระหว่างรูปแบบบันทึกการสอน ล่วงหน้า Video On Demand (VOD) ตามมาตรฐาน e-Learning ของมหาวิทยาลัยระบบบริการการจัดการเรียนรู้ (Learning Management System)SPU d-Learning ร่วมกับการสอนแบบถ่ายทอดสดออนไลน์ (Online Live Session) (มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) ซึ่งการประกาศครั้งที่ 2 อยู่ในช่วงต้นภาคการศึกษาที่ 2 ของปีการศึกษา 2563 จึงทำให้ทุกรายวิชาที่เปิดสอนต้องทำการเตรียมพร้อมและปฏิบัติการจัดการสอนให้บรรลุเป้าหมายตาม มาตรการของมหาวทิ ยาลยั จากสภาพการเปล่ียนแปลงการเรยี นการสอนให้เป็นรูปแบบออนไลน์นั้น ทำให้ผู้สอนและเรียนต้องปรับตัวให้ มีความสามารถในการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีเป็นสื่อในการเรียนการสอนออนไลน์หลายรูปแบบ เช่น โปรแกรมการจัด ประชุมออนไลน์ ZOOM โปรแกรมการจัดเก็บข้อมลู Google drive โปรแกรมการจัดการตดิ ต่อส่ือสารกบั ผู้เรียน เช่น Line รวมถงึ โปรแกรมการตดั ตอ่ วิดที ัศน์ตา่ งเพื่อทำ Video On Demand เชน่ Loom เป็นต้น ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งตรงกับภาคการศึกษาที่ 2 ของปีการศึกษา 2563 นี้ ผู้เขียนได้รับมอบหมาย การจัดการสอนรายวิชาในภาควิชาของนักศึกษาปริญญาตรี สาขาภาษาญี่ปุ่นเพื่อการสื่อสารธุรกิจ จำนวน 7 วิชาซ่ึง ต้องจดั การสอนเปน็ รปู แบบออนไลน์ท้งั หมด ซ่ึงบทความน้ีมีจุดประสงคเ์ พื่อชี้แนะปัญหาและแนวทางการจัดการเรียน การสอนแบบออนไลนโ์ ดยผู้เขียนยกตัวอย่างจากวิชาที่ผู้เขียนรับผิดชอบ คือ วิชา JBC226 การแปลภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ (BUSINESS JAPANESE TRANSLATION) เนอื่ งจากวิชาดังกวา่ เป็นวิชาท่ที ำการเปลีย่ นผูส้ อนใหม่ รวมถึงการปรับปรุง เนอ้ื หาในการสอนใหม่ให้มีความสอดคล้องกับมคอ.3 ควบคู้กบั มาตรการการจดั การสอนออนไลน์อย่างเหมาะสมยิ่งข้ึน โดยปรับปรุงวธิ ีการสอนดว้ ยการบูรณาการวิธีการสอนแบบห้องเรียนกลับดา้ น (Flipped Classroom) เพื่อใหผ้ ู้เรียนได้ เรียนร้แู ละฝกึ ทกั ษะแปลภาษาญี่ปนุ่ รวมกัน และนำแนวทางการสอนไปใชใ้ นการพัฒนาการสอนออนไลนใ์ นคร้ังต่อไป หนา้ 389

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสูป่ กติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การเรยี นการสอนออนไลน์ การเรียนการสอนออนไลน์ (E – Learning) เป็นนวตั กรรมทางการศึกษาในอกี รูปแบบหน่ึงทใี่ ชเ้ ทคโนโลยีเข้า มาช่วยในการจัดการเรียนรู้ของเรียน โดยอยู่ในรูปแบบของคอมพิวเตอรร์ วมเข้ากบั การใช้ระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต เช่น การใช้ web brewer หรือเครื่องมือการจัดระบบการสอนออนไลน์ เช่น Moodle ซึ่งเป็นที่นิยมนำมาใช้ในการ สอนออนไลน์ในสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการสอนออนไลน์ ซึ่งลักษณะการสอนน้ีผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเดินทางมา เรียนที่สถานศึกษา ทำให้เกิดความสะดวกและเข้าถึงไดอ้ ย่างรวดเร็ว ทุกสถานที่ทุกเวลา และเป็นการสร้างการศึกษา ตลอดชวี ิต (พงษ์พชั รนิ ทร์ พุธวัฒนะ, 2560) รูปแบบของการจัดการเรียนการสอนออนไลน์มีหลายรูปแบบ โดยมหาวิทยาลัยศรีปทุมได้มีนโยบายการ จัดการเรียนการสอนออนไลนใ์ หด้ ำเนนิ การแบบผสมผสาน โดยใช้การจดั การเรียนรู้ ทเี่ รียนว่า SPU d-Learning ซง่ึ ยดึ หลักการการจัดระบบเดียวกับ “MOOC” (Massive Open Online Courses) รูปแบบการจัดการเรียนการสอน ออนไลนท์ ีเ่ ปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รยี นเสามารถเรยี นรไู้ ด้จำนวนมาก ๆ ผ่านทางหนา้ เว็บไซตข์ องมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ ซ่ึงแต่ ละบทเรยี นจะประกอบดว้ ยกิจกรรมการเรยี นร้ตู า่ ง ๆ เชน่ การชมวดิ ที ศั น์ การอ่านเนอื้ หาบทเรียน การทำแบบฝึกษาท่ี เปน็ แบบคำถาม E-Quiz การส่งรายงาน และการเเลกเปล่ยี นเรยี นรผู้ า่ น Discussion ต่าง ๆ นอกจากน้ียงั สามารถทีจ่ ะ เชอ่ื มโยง Course Online เข้ากบั เคร่อื งมือในดา้ นเทคโนโลยกี ารศึกษาต่าง ๆ ท้งั คอมพวิ เตอรท์ ั่วไปและโทรศัพท์มือถอื ทำใหผ้ ้เู รยี นสะดวกในการใช้เคร่ืองมอื ระบบ SPU d-Learning นั้น ในส่วนของผู้สอนจะต้องทำการจัดเตรียมสื่อการสอนซึ่งแตกต่างกับการสอน ภาคปรกติในห้องเรียน คือ การบันทึกการสอนล่วงหน้า เรียกว่า Video On Demand (VOD) ซึ่งลักษณะเนื้อหาของ วิดีทัศน์จะต้องมคี วามสอดคล้องกับแผนการสอนแต่ละครัง้ ผู้สอนเป็นผู้สร้างวดิ ีทัศน์ด้วยตัวเองซึ่งมีคณุ ภาพ มีการตัด ต่อและมลี ูกเล่นเพอ่ื ดงึ ดูดผเู้ รียนใหส้ นใจ ทำให้ผู้สอนต้องมีทักษะเทคโนโลยีและใชเ้ วลาในการทำวดิ ที ัศนแ์ ตล่ ะครง้ั การ สอนเป็นเวลามากเพื่อตอบสนองผู้เรียน นอกจากนีผ้ ู้สอนต้องทำการสอนสดภายในเวลาคาบเรียนปรกติ หรือการสอน แบบถ่ายทอดสดออนไลน์ (Online Live Session) โดยใช้เครื่องมือการถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ เช่น ZOOM, Google meet และ MS team เป็นต้น ซึง่ ทง้ั ผเู้ รียนและผู้สอน ภาพที่ 1 ระบบการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ SPU d-Learning จะต้องมีคอมพวิ เตอร์หรือโทรศัพท์มือถือที่มไี มโครโฟนและกล้องเพ่ือตอบสนองระหว่างผู้เรยี นและผู้สอน และมีระบบ อินเตอร์เน็ทที่มีประสิทธิภาพเพียงพอเนื่องจากโปรแกรมการถ่ายทอดสดเหล่านี้ใช้กำลังการทำงานของเครื่องมือ คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ อย่างมาก หน้า 390

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) อย่างไรก็ตาม การเรียนการสอนออนไลน์มีข้อดีในส่วนการลดการใช้เวลาในการเดินทางเพื่อมาเรียนที่ห้อง ผ้สู อนสามารถเกบ็ รวบรวมข้อมลู ส่ือการสอนได้ง่ายรวมถงึ ผู้เรยี นสามารถทบทวนเนื้อหาการสอนได้ทกุ เวลา แต่เพ่ือให้ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์สมบูรณ์นั้น ทั้งผู้เรียนและผู้สอนจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับการใช้เทคโนโลยีเพ่ือ การเรียนการสอนรวมถงึ มีความพร้อมของเครื่องมือและระบบอินเตอร์เนท็ ซงึ่ ตอ้ งใช้จ่ายและลงทนุ เป็นจำนวนมาก ทำ ให้การเรียนออนไลน์ยังคงมีปัญหาทัง้ ฝ่ายผู้เรยี นและผู้สอนซึ่งต้องใชเ้ วลาและการอบรมอยา่ งตอ่ เน่ือง วิธีการสอนแบบห้องเรียนกลบั ดา้ น(Flipped Classroom) หอ้ งเรยี นกลบั ด้าน(Flipped Classroom) เป็นการจดั การเรยี นการสอนที่ถูกคิดคน้ ขึ้นจากประสบการณ์ของ คุณครูชาวสหรฐั อเมริกาช่อื Jonathan Bergman และ Aaron Sams สอนทโ่ี รงเรียน Woodland Park High School โดยมีสาเหตุมาจากนักเรียนหลายคนไมส่ ามารถเข้าเรยี นได้ตามเวลาปกติ เช่น บางคนต้องฝกึ ซอ้ มกีฬา บางคนตอ้ งทำ กิจกรรมอื่นๆ จึงไม่สามารถเข้าเรียนได้ หรือเนื้อหาในวิชาเรียนที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ทำให้ไม่สามารถ เรียนได้หมดในชั่วโมงเรียนได้ ครูทั้งสองท่านจึงมีแนวคิดแก้ปัญหาโดยนำเทคโนโลยีในการอัดบันทึกการสอนและนำ เนื้อหาไปแขวนใว้ในอินเทอร์เนต็ ซึ่งเป็นการเรียนดว้ ยตัวเองท่ีบ้าน ซึ่งผูส้ อนจะทำหนา้ ที่ครูฝึก (Coach) ให้ผู้เรียนฝึก แปลงวชิ าหรือประยุกต์ใชค้ วามรู้ในกิจกรรมหรือโจทยแ์ บบฝึกหดั เปน็ การฝึกฝนเรียนรทู้ ่ีแท้จรงิ (วจิ ารณ์ พานิช, 2556) Jonathan Bergmann and Aron Sams (2012) กล่าวว่า การสอนในห้องเรียนส่วนใหญ่ มักใช้เวลาในการ บรรยายเป็นอย่างมาก ทำให้เหลือเวลาเพียงเล็กน้อยสำหรับการตอบข้อสงสัยต่างๆ หรือให้ผู้เรียนทำกิจกรรมการ เรียนรู้ เกิดความกระจ่างในสิ่งที่ยังไมเ่ ข้าใจ ซ่ึงการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านเป็นการปรับสัดส่วนการใช้เวลาในช้นั เรยี นใหผ้ ู้เรียนมีเวลามากขน้ึ สำหรบั ทำกิจกรรมที่ช่วยเพมิ่ พนู ความรใู้ หก้ ว้างขา้ งและลกึ ขึน้ ตารางท่ี 1 การเปรียบเทยี บกิจกรรมการสอนในหอ้ งเรยี นแบบเดิมและหอ้ งเรียนกลบั ด้าน ห้องเรยี นแบบเดิม หอ้ งเรียนกลับด้าน กิจกรรม Warm-up 5 นาที กิจกรรม Warm-up 5 นาที ทบทวนการบา้ นกอ่ น 20 นาที ถามตอบ เรื่องวิดีทัศน์ 10 นาที บรรยายเนอ้ื วิชาใหม่ 30– 45 นาที กิจกรรมเรียนรู้ที่ครูมอบหมาย หรือนักเรยี น คดิ เองหรือ Lab 75 นาที กิจกรรมเรียนรู้ที่ครูมอบหมาย หรือ นกั เรียนคดิ เองหรือ Lab 20 - 35 นาที จากลักษณะการจัดกิจกรรมของการสอบแบบห้องกลับด้านจะเห็นได้ว่า ผู้เรียนจะใช้เวลาศึกษาเนื้อผ่านส่ือ เทคโนโลยีด้วยตัวเองตามเวลาและสถานที่ที่ตัวเองสะดวก และใช้เวลาในการทำกิจกรรมเพื่อแก้ปัญหาเป็ นหลักใน ห้องเรียน ซ่ึงเป็นประโยชน์ในการช่วยให้ผูเ้ รียนทีไ่ ม่ไดเ้ ขา้ ช้ันเรียนหรือทีต่ ้องการทำความเข้าใจเน้ือหาหลังการเรียนใน ช้นั เรียน สามารถหวนกลบั มาศึกษาไดอ้ กี สามารถเรยี นรู้ได้ทกุ ที่ ทกุ เวลา เมือ่ ไม่เขา้ ใจเน้ือหาสว่ นใดสามารถดูซ้ำ หรือ หยุดวีดิทัศน์ แล้วหาความรู้เพิ่มเติมหรือจดสิ่งที่ไม่เข้าใจมาถามผูส้ อนหรือเพื่อนในชั้นเรียนได้ (ชนิสรา เมธภัทรหิรัญ, 2560) หนา้ 391

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การสอนในชน้ั เรียนปกติในรายวิชาการแปลภาษาญีป่ ุ่นธุรกจิ วิชา JBC226 การแปลภาษาญีป่ ุน่ ธุรกิจ (BUSINESS JAPANESE TRANSLATION) เป็น ฉ ฑ ภญ ธ “ธ ธ ้ ภญ ภ ภ ภญ ธ ๆ ” .3 โ ภซ ้ 2 60 2 20-50 ภญ ้ 160 โ วิชา JBC226 การแปลภาษาญี่ปุ่นธุรกจิ มีผู้สอนเป็นอาจารยช์ าวญี่ปุ่นมใี ช้วิธีการ สอนเชิงบรรยายเนื้อหาหนังสือไวยกรณ์ภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้น เนื่องจากวิชานี้ไม่มีการใช้ตำราเฉพาะที่สอนวิธีการ แปลภาษาญีป่ ุ่นมากอ่ น จึงทำให้ผู้สอนท่ีผ่านมาใชก้ ารสอนอธบิ ายไวยกรณแ์ ละแต่งประโยคแทน และใช้วธิ สี ่งรายงาน เชิงอิสระโดยให้ผู้เรียนค้นหาและเลือกสื่อภาษาไทย เช่น โมนูอาหาร ป้ายโฆษณา ฉลากสินค้า นำมาวิเคราะห์และ แปลภาษาญี่ปุ่นให้ถูกต้องและสละสลวยขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการสอนดังกล่าวยังมีปัญหาในเรื่องของการอธิบาย ธ ฤฎ ้ ้ ภซ จากสภาพการสอนทีผ่ า่ นมารวมทั้งการกำหนดมาตรการการสอนออนไลน์ในระหว่างสถานณก์ ารการระบาด ของไวรัสโควิด-19 จึงเป็นเหตุผลให้ผู้เขียนทำการปรับปรุงวิธีการจัดการเรียนการสอนในรายวิชา JBC226 การแปลภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ ขึ้นใหม่ โดยเน้นความเป็นอิสระเชิงเนื้อหาของผู้เรียน เพิ่มความรู้เชิงทฤษฎีหลักการแปล และสร้างการทำงานเป็นกลุ่มเพราะในหลักการแปลที่มีคุณภาพควรใช้ความร่วมมือกันในการวิเคราะห์ภาษาต้นฉบบั และทดสอบงานแปลใหส้ มบรู ณ์ (สมเกยี รติ เชวงกิจวณชิ , 2559) การสอนออนไลนโ์ ดยใชแ้ นวทางสอนแบบหอ้ งเรียนกลับด้าน ในการปรับเปลยี่ นวิธกี ารสอนของรายวชิ า JBC226 การแปลภาษาญ่ปี ุน่ ธรุ กิจ เรมิ่ ต้นชว่ งต้นปีเดือนมกราคม 2564 โดยมหาวิทยาลัยศรีปทุมได้ประกาศให้จัดการสอนออนไลน์ทุกวิชาของภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2563 และมีกำหนดเปิดภาคเรียนในวันที่ 18 มกราคม 2564 ซึ่งผู้เขียนมีเวลาในการวางแผนและจัดทำเนื้อหาการสอน ประมาณ 2 สัปดาห์ โดยช่วงเริ่มต้นผู้เขียนบททวนวิธีการสอนที่ผ่านมาและผลการเรียนรู้ (Learning Outcomes) ตามที่ระบุในมคอ.3 ทำให้ผู้เขียนมีความต้องการเปลี่ยนแนวการสอนและนำแนวคิดการสอนแบบห้องกลับด้านมาใช้ โดยมจี ุดเน้น ดงั นี้ 1) เพิ่มการสอนหลักและกลวิธีและการใช้เทคนิคการแปล โดยใช้ตำราการสอน ฤ ฎ ภ ญ ้ ภญ ้ ภ ้ ฤฎ ้ ้ ลภาษาญปี่ ุน่ เชิงธุรกจิ มคี วามยากสำหรบั ผู้เรียนกล่มุ นี้ ซ่งึ ตามแนวคดิ ของการสอนห้องกลับด้าน คือการนำตำราที่นำมาสอนมาจัดทำคำอธิบายบรรยายเนื้อหาและตัวอย่างการแปลตามบทเรียนที่วางใว้จัดทำคลิป หน้า 392

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) วิดีทัศน์สั้น ราว 15 – 20 นาทีต่อคลิปด้วยโปรแกรม Canva ซึ่งเหมาะสมกับการทำสไลด์และการตัดต่อทำคลิป วิดีทัศนไ์ ด้พร้อมกัน แล้วจึงนำขอมลู ที่ไดไ้ ปใส่ลงใว้ในระบบ SPU d-Learning เพ่ือใหผ้ ู้เรียนสามารถดซู ้ำเม่ือไรกไ็ ด้ ภาพที่ 2 โปรแกรมการทำสไลด์และตัดต่อคลิปวิดที ัศน์ Canva 2) เปิดอสิ ระใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ สนอความคดิ เห็นและมโี อกาสฝกึ ฝนการแปลในส่ิงทพี่ วกเขาสนใจซึ่งอยู่ในกรอบของ ความรวู้ ชิ านี้ เน่อื งจากผ้เู รยี นยังมีความรู้ภาษาญป่ี นุ่ น้อยเกนิ กวา่ ทจี่ ะสามารถแปลงานเขยี นทางธุรกิจต่าง ๆได้ จึงต้อง พิจารณาสื่อหรือเรียกตัวต้นฉบับที่จะนำมาฝึกแปลภาษาญี่ปุ่นไทยและไทยญี่ปุ่น ทั้งการเลือกสื่อควรพิจารณาความ สอดคล้องกับเปา้ หมายของวิชา และควรคำนงึ ถึงผู้เรียนเป็นสำคญั โดยเปิดสิทธคิ วามเป็นอสิ ระท่จี ะเลือกเนื้อหาในสง่ิ ที่ สนใจ (กุลิสรา กุลิสรา จิตรชญาวณิช, 2563) ดังนั้น ผู้เขียนจึงตรวจสอบความต้องการของผู้เรียนก่อนจัดกิจกรรมการ แปลทาง line โดยสำรวจสื่อที่ผู้เรียนสนใจและอยากจะแปลก่อนซึ่งผู้เรียนให้ขอเสนอรูปของสื่อที่อยากแปลหลาย รูปแบบ เช่น นิยาย การ์ตูน เพลง ละคร นิตยสารท่องเที่ยว ข่าว ฉลากอาหารและยา เมนูอาหาร เป็นต้น ซึ่งจากการ สำรวจคำตอบนำมาพิจารณาและกำหนดเนือ้ หาท่ีจะนำมาจัดกิจกรรมการแปลของแตล่ ะสัปดาห์ โดยเรยี งลำดบั ทักษะ การแปลต้นฉบับท่ีง่ายไปยาก คือ เริ่มจากการแปลบทสนทนาเบื้องตน้ ที่ใช้ในชวี ิตประจำวัน จากนั้นเป็นบทสนทนาใน สถานการณเ์ ชิงธุรกจิ การแปลโฆษณา บทการ์ตูน ละคร และหลังจากนัน้ จึงเริม่ ฝึกทกั ษะการแปลภาษาเขียน เช่น การ แปลฉลากสินค้า ป้ายโฆษณา ข้อความเกีย่ วกับงานบริการ เป็นตน้ ทั้งนี้สือ่ ตน้ ฉบับทีน่ ำมาใชเ่ ป็นสิ่งที่คน้ หาง่ายและมี อยู่รอบตัว เช่นในการจัดกิจกรรมการแปลโฆษณาได้นำคลิปวิดีทัศน์โฆษณาจริงที่อยู่ตามสื่อ YouTube เข้ามาสอน พร้อมกบั แนะนำโฮมเพจ แหลง่ ทม่ี าของตน้ ฉบับเพอื่ ใหร้ ู้ถึงวธิ ีการวิเคราะหต์ ัวตน้ ฉบับที่จะแปลได้ ภาพที่ 3 การนำสือ่ โฆษณาใน YouTube มาใช้ประกอบกจิ กรรมการแปล หนา้ 393

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสูป่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 3) การสร้างการทำงานเป็นกลุ่ม เนือ่ งจากหนงึ่ กล่มุ เรยี นนักศกึ ษามีจำนวน 40-50 คน ซงึ่ มีจำนวนมากจงึ เปน็ สง่ิ ทย่ี ากในการส่ังงานรายบคุ คลและใชเ้ วลาเปน็ อย่างมากในการจดั กิจกรรมคิดและนำเสนอสงิ่ ที่แปลเป็นรายบุคคลได้ รวมถึงการจัดการเรยี นผา่ นการถ่ายทอดสด (Online Live Session) ตามนโยบายท่มี หาวทิ ยาลยั กำหนด นอกจากนีใ้ น ศาสตรก์ ารแปลน้ันควรมกี ารพดู คุยกันเพื่อแสดงความคิดเหน็ ในการใช้ภาษาในการแปลของแตล่ ะบุคคลเพื่อตรวจสอบ ให้ผลการแปลมีความสมบูรณ์ขึ้น (สมเกียรติ เชวงกิจวณิช, 2559) จึงจัดให้ผู้เรยี นตั้งกลุ่มเพื่อทำรายงานและนำเสนอ ร่วมกันในกิจกรรมการแปล โดยกระบวนการสอนแบบแบ่งกลุ่มนั้นมี 3 ขั้นตอน คือ 1) การเตรียมการ โดยผู้สอนทำ การเตรียมโจทย์ที่ให้ผู้เรียนแก้ปัญหาและกำหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรม 2) การดำเนินการสอน คือ การจัด กิจกรรมแบ่งกลุ่มโดยรวมกันคิด แก้ปัญหา โดยแบ่งกลุ่มย่อยกลุ่มละ 5 - 6 คนและจัดทำรายงานให้เสร็จภายในเวลา เรยี น 3) การประเมนิ หรือสรุปผล โดยแตล่ ะกลุ่มทำการสรุปผลการแกป้ ัญหาและผสู้ อนทำการสรปุ วิจารณ์ให้ขอ้ คดิ เหน็ เพม่ิ เติม (ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น์, 2557 : 105-109) ในการจัดกิจกรรมการแปลในห้องเรียนแต่ละครั้ง ผู้เขียนใช้โปรแกรม ZOOM ในการสอนแบบถ่ายทอดสด และบันทึกการสอนเพื่อให้ผูเ้ รียนสามารถดกู ารสอนย้อนหลงั ได้ โดยเริ่มจากผู้เรียนไปศึกษาคลิปวิดีทัศนห์ ลักการแปล มาก่อนล่วงหน้า จากนั้นเริ่มชั่วโมงเรียนด้วยการบททวนและถามเนื้อหาจากวิดีทัศน์ที่ผู้เรียนไปศึกษา จากนั้นจึงเร่ิม กจิ กรรมงานแปลโดยผูส้ อนเปรยี บเสมือนผู้จ้างงานและผู้เรยี นทำการจัดกลมุ่ และรบั งานซงึ่ เปรียบเสมือนผู้รับจ้างแปล จริง หลงั จากนัน้ ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ แยกจ่ายไปทำการจัดกลุ่มย่อยเพ่ือทำรายงาน โดยปลอ่ ยเวลาคิดอิสระและเมอ่ื แต่ละกลุ่ม ทำรายงานเสร็จจึงนำเสนอผลการแปล จากนั้นผู้สอนทำการสรุปรวมและวิจารณ์ผลงานการทำรายงานกลุม่ และมอบ งานครั้งต่อไป เมื่อจบการสอนในชั่วโมง ผู้เรียนจะส่งข้อเสนอแนะเกี่ยวกับความรู้ใหม่ทีไ่ ดเ้ รียนทาง SPU d-Learning และผ้สู อนเปิดโอกาสในการถามขอ้ สงใสเพ่มิ เติม่ ก่อนปิดโปรแกรม ZOOM ลักษณะตัวรายงานนั้นจะประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ต้นฉบับ คืออธิบายว่าสิ่งที่แปลคืออะไรและมี แหล่งที่มาจากที่ใหน 2) ภาษาต้นฉบับ เช่น ถ้าต้นฉบับเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ผู้แกะตัวอักษรและพิมพ์ตามภาษาต้นฉบับ ตามกำหนด 3) ภาษาที่แปล เป็นหัวใจหลกั ของกิจกรรมซ่ึงต้องใช้การพิจารณาคำให้เหมาะสม 4) ตารางคำศัพท์ เป็น การวิเคราะห์ keyword ที่สำคัญของต้นฉบับรวมถึงความเข้าใจของชนิดของคำศัพท์ให้ถูกต้อง และ 5) รายชื่อและ หนา้ ที่ทร่ี ับผดิ ชอบภายในกลุ่ม ภาพท่ี 4 การนำเสนอรายงานการแปลผา่ นโปรแกรม ZOOM หน้า 394

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) จากการทดสอบวิธีการสอนออนไลน์โดยประยุกต์ใช้การเรียนแบบห้องกลับด้านนั้น ผู้เรียนส่วนใหญ่ให้ความ ร่วมมือและสนใจในการร่วมกิจกรรมการแปลในชั้นเรียน โดยฉพาะการได้รายงานนำเสนอซึ่งมีกลุ่มที่นำเสนอเชิงฉาก ละครเหมือนตนเป็นนักแปลและนักพากย์จริง ทำให้บรรยากาศมีความสนุกสนานและเร้าใจ แต่อย่างไรก็ตามการ จัดการสอนลกั ษณะน้ยี ังพบปญั หาคอื การจัดแบง่ กลุม่ เพอื่ แยกกนั ทำงานกลุ่มในโปรแกรม ZOOM เนื่องจากผู้สอนต้อง เป็นสร้างห้องย่อยและส่งผู้เรียนเข้าห้องกลุ่มย่อยเป็นรายคน ทำให้เสียเวลามาในการแบ่งกลุ่มและการทำงานกลุ่ม ผู้เรยี นมเี วลาจำกัดและไม่ชนิ กบั การพดู คยุ ผ่านโปรแกรม ZOOM รวมถงึ ผสู้ อนเองไมส่ ามารถเดนิ ตรวจดกู ารทำงานทุก กลุ่มย่อยได้อย่างครบถ้วนได้ ทำให้กำหนดการสอนจาก 1 ชั่วโมงเลยเวลาไปมากกว่า 30 - 40 นาที จากปัญหาเรื่อง การใช้เครื่องมือและเวลาที่จำกัด ผู้เขียนจึงปรับวิธีการจัดกิจกรรมการแปลใหม่โดยมอบหมายงานให้ไปดูและศึกษา คลิปหรือต้นฉบับที่ต้องแปลและแยกย้ายให้แต่ละกลุ่มไปทำรายงานเตรียมพร้อมใวก้ ่อนถึงชัว่ โมงการสอนถ่ายทอดสด เมื่อเริ่มกิจกรรมให้แต่ละกลุ่มได้นำเสนอการแปลทันที ซึ่งผลการปรับปรุงช่วยให้ผู้เรียนมีเวลาพูดคุยผ่านอุปกรณ์ สื่อสารทแี่ ตล่ ะกลุ่มถนัด เช่น line หรือ Discord แทนการใช้ ZOOM รวมถงึ ลดการใช้เวลาทไ่ี มจ่ ำเป็นในช่วงกิจกรรม สอนสดในห้องเรียนให้สั้นลงและกะทัดรัดอกี ด้วย ตารางที่ 2 กิจกรรมของผเู้ รยี นและผ้สู อนในแต่ละชวั่ โมงการสอนออนไลน์ ผูเ้ รียน ผสู้ อน ก่อนคาบเรียน -ดเู ทคนิคการแปล -สอบถามความต้องการเกี่ยวกับ 1 สัปดาห์ -รับงานตน้ ฉบับทต่ี อ้ งแปล เนอ้ื หาท่อี ยากจะแปล -จับกลุ่มเขียนรายงานการแปล -เตรยี มสอ่ื ต้นฉบับสำหรบั งานแปล กอ่ นล่วงหนา้ -ทำวิดีทศั น์สอนแทคนิคการแปล ร ะ ห ว ่ า ง -ตอบคำถามจากวิดีทัศน์ที่ดู -สอบถามเน้ือหาในวิดีทศั น์ ถ่ายทอดสด -แต่ละกลุ่มนำเสนอรายงานการ -ฟังการนำเสนอผลการทำรายงาน ผ่าน ZOOM แปลและออกความคิดเห็น ของแตล่ ะกล่มุ ของนักศึกษา ร่วมกัน -สรุปและให้ข้อเสนอแนะในส่วนท่ี -ส่งบันทึกความรู้หรือความ เหมาะสมและตอ้ งแก้ไข คิดเห็นที่ได้รับลงในระบบ d- -แจ้งงานแปลครั้งต่อไป learning ห ล ั ง จ บ กา ร -สอบถามในส่วนข้อสงใสเนื้อหา -เปิดโอกาสช่วงเวลาว่างเพื่อตอบ สอนในคาบ และรายงาน รายบคุ คล คำถามผเู้ รยี น สรุป จากแนวทางการสอนออนไลน์ดว้ ยวิธีห้องเรียนกลับดา้ น ในช่วงภาวะวิกฤต COVID-19 กรณีศึกษา รายวิชา JBC226 การแปลภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ จึงทำการสรุปจากแนวทางการสอนออนไลน์ด้วยวิธีห้องกลับด้านเพื่อนำไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ ดงั น้ี หนา้ 395

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 1. การจดั การเรยี นการสอนแบบหอ้ งเรียนกลบั ด้านมีความเหมาะสมกับการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ใน เร่ืองของการจัดเกบ็ ขอ้ มลู เพ่ือใหผ้ ู้เรียนได้มีโอกาสศึกษาบทเรยี นดว้ ยตัวเองได้ทุกเวลาและสถานที่ 2. การสอนออนไลนจ์ ำเป็นต้องเตรียมอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ที่มคี วามพร้อมทั้งผู้เรียนและผู้สอน โดยเฉพาะ วิธีการติดตอ่ สือ่ สารเพื่อจัดการทำงานร่วมกนั 3. ในการจัดกิจกรรมในห้องเรียนออนไลน์ ควรเน้นการพูดคุยและการนำเสนอเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กัน ระหว่างผู้เรียนและเรียนเอง และผู้เรียนและผู้สอน ซึ่งผู้สอนต้องมีวิธีการให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและเข้าร่วมใน กิจกรรมการสอนออนไลน์ 4. ในกรณีที่ในชั้นเรียนมีผู้เรียนเป็นจำนวนมาก การจักกิจกรรมที่เป็นกลุ่มย่อย ต้องคำนึงถึงเวลาและความ สะดวกผู้เรยี นเป็นหลัก ซึง่ ในการสอนออนไลนย์ งั ไม่เหมาะสมเนื่องจากการเสยี เวลาในการแบง่ กลุ่มและความถนัดการ ใช้เครื่องมือติดต่อสื่อสารของผู้เรียนด้วยกันเอง แต่อาจเปลี่ยนวิธีเป็นการเตรียมพร้อมให้งานกลุ่มไปทำก่อนล้วงหนา้ แลว้ จึงนำมาอธปิ รายในหอ้ งเรียนจะทำให้ลดเวลาทีไ่ ม่จำเปน็ ในการจัดกจิ กรรมได้ ข้อเสนอแนะ 1. นำการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านไปประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนออนไลน์ในวิชาอื่นๆ ที่เน้นการ ทำงานแบบกล่มุ หรอื จัดกิจกรรมเชิงสนทนากลุม่ เป็นหลัก 2. ควรมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ที่มีการเน้นการพัฒนาทักษะการ ทำงานรว่ มกัน หรอื การจัดการเรียนร้ทู ่สี ร้างปฏิสัมพันธ์ระหวา่ งผู้เรยี นและผสู้ อนอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เอกสารอ้างองิ กุลสิ รา จติ รชญาวณิช. (2563). การจดั การเรียนร.ู้ กรุงเทพฯ : สำนักพมิ พแ์ หง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ชนสิ รา เมธภทั รหิรญั . (2560). “ห้องเรียนกลับด้าน(Flipped Classroom) กับการสอนคณิตศาสตร์”. นิตยสาร สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปที ี่ 46 ฉบับท่ี 209 พฤศจิกายน - ธันวาคม 2560. กรงุ เทพฯ: สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. พงษพ์ ชั รินทร์ พธุ วัฒนะ. (2560). ทักษะและเทคนคิ การสอน. กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ ธนบุร.ี ไพฑูรย์ สินลารัตน.์ (2557). หลักและเทคนคิ การสอนระดับอุดมศึกษา. กรุงเทพฯ : สำนกั พิมพแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. 105-109. มหาวทิ ยาลัยศรปี ทมุ . (2564). ประกาศมหาวทิ ยาลัยศรปี ทมุ เร่ือง แนวปฏบิ ตั กิ ารทำงานที่บ้าน (Work from Home) (วันท่ี 5 มกราคม 2564). กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยศรีปทมุ . วิจารณ์ พานชิ . (2556). ครเู พ่อื ศิษย์สร้างหอ้ งเรียนกลับทาง. กรุงเทพฯ : เอส.อาร.์ พรนิ้ ต้งิ แมสโปรสด์ ักส.์ หนา้ 396

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) การปรับเปล่ียนกระบวนทศั นก์ ารเรียนร้สู ู่ปกตวิ ิถใี หมส่ ำหรบั นักศึกษา Adjusted Learning Paradigm to the New Normal for Students . .ญ ศนู ย์พัฒนานวัตกรรมการเรยี นการสอน มหาวิทยาลยั เกษมบัณฑติ E-mail [email protected] บทคัดยอ่ กระบวนทัศนก์ ารเรียนรูส้ ำหรับนักศึกษาจำเป็นต้องไดร้ ับการปรบั เปลี่ยนใหส้ อดคล้องกบั โลกยคุ ปกติวิถีใหม่ ที่ต้องการบัณฑิตที่มีทักษะการปฏิบัติ เป็นผู้ที่ลงมือปฏิบัติงานและสร้างงานสร้างสรรค์ได้ การปรับเปลี่ยนกระบวน ทัศน์การเรยี นรสู้ ำหรบั นักศึกษาเกดิ ขนึ้ ได้ด้วยการปรับตวั ทางด้านการพัฒนาหลักสูตร การทบทวนและให้ความสำคัญ กับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ รวมทั้งการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของอาจารย์ผู้สอน ระดับอุดมศึกษา คำสำคัญ: กระบวนทัศนก์ ารเรยี นรู้ , ปกติวถิ ใี หม่, นักศึกษา ABSTRACT Learning Paradigm for students should be adjusted to comply with the New Normal that requestes practical experience, action – based and creative work. The adjusted learning paradigm for students could be achieved by curriculum development, learner – centered approach and the enhancement of desirable characteristics of university faculty members. KEYWORDS: Learning paradigm, New Normal, students บทนำ สถานการณ์ของการเรียนรู้และความต้องการกำลังคนในชีวิตวิถีใหม่ คือการได้กำลังคนที่มที ักษะการปฏิบตั ิ สร้างงานเป็น หรืออย่างน้อยที่สุดเมื่อผ่านขั้นตอนของการศึกษาระดับอุดมศึกษาแล้วเป็นบัณฑิตที่สามารถลงมือ ปฏิบัติงานไดท้ ันที ซึ่งแตกต่างจากการผลติ กำลงั คนในรูปแบบเดิมท่ใี ห้ความสำคญั กบั การเป็นบัณฑิตทอี่ ุดมด้วยความรู้ เชงิ วิชาการ แบบความรู้ท่วมหวั แต่จะเอารอดหรือไมย่ ังไมแ่ น่ใจ แก้ปัญหาไดห้ รือไม่เม่ือต้องเผชญิ กับปญั หา จนกระท่ัง ถึงการเกิดปญั หาของการวา่ งงาน ซึ่งเป็นสิ่งท่ีเยาวชนคนรุ่นใหม่ไม่ต้องการให้เกดิ ขึ้น ผู้บริหารสถานศึกษา ครูอาจารย์ ผสู้ อน รวมท้งั บคุ ลากรทางการศึกษาในสังคมวิถีใหม่จำเป็นต้องหนั กลับมาพิจารณาทบทวนว่าสาเหตุการจัดการศึกษา หน้า 397

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ของไทยที่เคยส่งเสริมให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรแู้ บบท่องจำ เรียนแบบตัวใครตัวมนั เรียนเพ่ือสอบและให้ได้ปริญญาเป็น สำคัญนั้นไม่สามารถตอบโจทย์การอยู่รอดของบัณฑิตในโลกวิถีใหม่ที่ต้องการ ผู้มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ แก้ปัญหาเป็น สามารถอยูร่ อดไดใ้ นโลกปกติวิถีใหม่ท่มี ีความผันผวน ไม่แน่นอน วนั น้ีอาจจะยังมงี านทำ มีรายได้เพียงพอ แต่เพียงชั่ว ข้ามวันข้ามคืนอาจจะเป็นคนว่างงานหรือตกงาน ดังเช่นจากการสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ของสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นทิศทางของการจัดการเรียนการสอนของสถาบันอุดมศึกษาในปัจจุบัน จำเปน็ ตอ้ งมกี ารเคลอื่ นไหว ปรับเปลย่ี นกระบวนทศั น์การเรียนร้สู ำหรบั นักศึกษาไปท่ีการพฒั นาทักษะการทำงานหรือ การศกึ ษาเพม่ิ พูนความรทู้ ่ตี อ้ งการได้ทกุ ช่วงวัยตลอดชวี ติ ใหก้ ับนักศกึ ษา เนอ้ื หาสาระ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนในชีวิตวิถีใหม่ กระบวนทัศน์ของการเรียนรู้สำหรับนักศึกษาต้อง ได้รับการปรับเปลี่ยนด้วยการปรับตัวทางด้านการพัฒนาหลักสูตร การทบทวนกลยุทธ์การจัดการเรียนการสอน และ การพัฒนาคุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ของครอู าจารยผ์ ู้สอนอดุ มศึกษาเอง การปรับเปลยี่ นกระบวนทศั น์การเรียนร้สู ปู่ กตวิ ิถีใหม่สำหรับนกั ศกึ ษา การปรับตัวด้านการ การทบทวนกลยุทธ์การจัดการเรียน การพัฒนาคุณลกั ษณะที่ พัฒนาหลกั สตู ร การสอน พึงประสงค์ของอาจารย์ - เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคัญ/ ระดบั อุดมศกึ ษา Active Learning - การประเมินตามสภาพจรงิ แผนภาพ 1 กระบวนทัศน์การเรียนรู้สู่ปกติวิถีใหม่สำหรับนักศึกษาเกิดการปรับเปลี่ยนได้ด้วยการปรับตัวด้านการ พัฒนาหลักสูตร การทบทวนกลยุทธ์การจัดการเรียนการสอน และการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ของอาจารยร์ ะดับอดุ มศึกษา 1. กำรปรับตัวดำ้ นกำรพฒั นำหลักสูตร มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ.2561 ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 (สำนัก เลขาธิการสภาการศึกษา, 2561) ระบุผลลัพธ์พึงประสงค์ที่ต้องการให้ผู้เรียนบรรลุคุณลักษณะ 3 ระดับ คือ เป็นผู้ เรียนรู้เพื่อสร้างงานและคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคมที่มั่นคง ยั่งยืน และเป็นพลเมืองที่ เขม้ แขง็ เพือ่ นำไปส่เู ปา้ หมายคุณลักษณะท่ตี ้องการให้เกิดขนึ้ ดังนี้ 1. การเป็นผู้เรียนรู้ เพื่อสร้างงาน และคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการเป็นผู้มีความเพียร ใฝ่เรียนรู้ และมีทั กษะ การเรียนรูต้ ลอดชวี ิตเพ่อื ก้าวทนั โลกยุคดิจิทลั และโลกในอนาคต มสี มรรถนะที่เกิดจากความรู้ ความรอบรดู้ ้านต่างๆ มี หน้า 398

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สนุ ทรียะ รกั ษ์และประยกุ ต์ใช้ภมู ิปัญญาไทย มที กั ษะชีวิต เพ่อื สร้างงานหรือสมั มาอาชพี บนพื้นฐานของความพอเพียง ความมนั่ คงในชวี ิต และคณุ ภาพชีวติ ท่ดี ี ต่อตนเอง ครอบครวั และสังคม 2. การเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อสังคมที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยการเป็นผู้มีทักษะทางปัญญา ทักษะศตวรรษที่ 21 ความฉลาดดิจิทัล ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะข้ามวัฒนธรรม สมรรถนะการบูรณาการข้าม ศาสตร์ และมีคุณลักษณะของความเป็นผู้ประกอบการ เพื่อร่วมสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพิ่ม โอกาสและมลู คา่ ใหก้ ับตนเอง และสังคม 3. การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง เพื่อโลกแห่งสันติสุข ด้วยการเป็นผู้มีความรักชาติ รักท้องถิ่น รู้ถูกผิด มีจิตสำนึกเป็นพลเมืองไทยและพลโลก มีจิตอาสา มีอุดมการณ์และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติ บนหลักการ ประชาธิปไตย ความยุติธรรม ความเท่าเทียม เสมอภาค เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และการอยู่ร่วมกนั ในสงั คมไทยและประชาคมโลกอย่างสนั ติ ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ทั้ง 3 ด้านดังกล่าวตามมาตรฐานการศึกษาของชาติฉบับปัจจุบัน จะสัมฤทธิ์ผลได้ด้วย การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency – Based Curriculum) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ต้องมีการ บูรณาการ วิชาการที่เกี่ยวข้องในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักศึกษา เพื่อให้มีกระบวนการจัดการเรียนรู้ท่ี หลากหลาย เน้นให้นักศึกษาได้ฝึกทักษะที่จำเป็นทางวิชาชีพผ่านการปฏิบัติจริง (มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ, 2564) ดังเช่นหลักสูตรฐานสมรรถนะที่ได้เกิดขึ้นและปฏิบัติจริง มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ในที่นี้ขอนำตัวอย่างการ พัฒนาหลักสูตรและรายวิชาของสำนักวิชาศึกษาทั่วไป ซึ่งเป็นรายวิชาที่นักศึกษาทุกคนจากทุกคณะและสาขาวิชา จะต้องเลือกเรียนอย่างน้อย 30 หน่วยกิต โดยมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตได้นำมาตรฐานการศึกษาของชาติ และ ยุทธศาสตร์การผลิตบัณฑิตที่เป็นอัตลักษณ์เกษมมากำหนดกรอบในการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ แทนการจัด กลุ่มที่เน้นสาระวิชาแบบเดิม ที่เน้นฐานความรู้เป็นหลัก (Knowledge Based) 5 กลุ่มวิชา ได้แก่กลุ่มวิชา วิทย์คณิต กลมุ่ วิชามนษุ ยศาสตร์ กลุม่ วิชาพลานามัย กล่มุ วชิ าภาษา และกลมุ่ วิชาสงั คมศาสตร์ จัดเปน็ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ที่เน้น ฐานการปฏิบัติ (Action Based) 6 กลุ่ม เพื่อเป็นพื้นฐานเบื้องต้นให้บัณฑิตมีความพร้อมทำงาน และทำงานได้ทันที เมื่อสำเร็จการศึกษาไม่ว่าจะจบการศึกษาจากคณะ สาขาวิชาใด การพัฒนาหลักสตู รวชิ าศึกษาทั่วไปของมหาวทิ ยาลยั เกษมบัณฑติ ได้จำแนกสาระการเรยี นรู้เปน็ 6 กล่มุ สาระการเรยี นรทู้ ปี่ ระกอบด้วย 1. การสร้างสรรคน์ วัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) 2. การพัฒนาสขุ ภาวะและบคุ ลิกภาพ (Wellness & Personality Development) 3. ภาษากบั การสอ่ื สาร (Language and Communication) 4. ศาสตร์และศิลป์แห่งชวี ติ (Art – Science) 5. สนุ ทรยี ศาสตร์ (Aesthetics) 6. การเป็นพลเมืองโลก หน้า 399

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) (Global Citizen) (สำนกั วิชาศึกษาทัว่ ไป, 2563) จะเห็นไดว้ ่าการพฒั นาหลกั สตู รดังกลา่ วเป็นการจดั กลุ่มสาระการเรยี นรู้แบบบูรณาการ (Integration) ท่ีเน้น ฐานการปฏิบัติ แทนการจัดกลุ่มที่เน้นสาระวิชาฐานความรู้เป็นหลกั 5 กลุ่มวิชาแบบเดิม คือกลุ่มวิชา วิทย์คณิต กลุ่ม วิชามนุษยศาสตร์ กลุ่มวิชาพลานามัย กลุ่มวิชาภาษา และกลุม่ วิชาสงั คมศาสตร์ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การผลติ บัณฑติ ให้ เป็นผมู้ คี วามพรอ้ มในการทำงานและสร้างงานได้ ความสอดคล้องและครอบคลุมระหว่างเป้าประสงค์ผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติและ ยุทธศาสตร์การผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต สู่สมรรถนะผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระหลักของวิชาของ สำนกั ศึกษาท่ัวไป เปรยี บเทยี บใหเ้ หน็ ได้จากตารางข้างลา่ งน้ี มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ อัตลักษณ์คุณลักษณะเกษม (ยุทธศาสตร์การ ผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระที่เป็นฐาน ผลติ บณั ฑิตของมหาวิทยาลยั เกษมบัณฑติ ) ปฏิบตั ิ 6 กลมุ่ สาระหลัก ผูเ้ รียนรู้ K : Keep on learning with innovative mind (1) การสร้างสรรค์นวัตกรรมและการ (เพือ่ สร้างงาน และคุณภาพชีวิตทด่ี ี) มีความใฝ่รู้ ใฝส่ รา้ งสรรค์เชงิ นวตั กรรม เปน็ ผู้ประกอบการ ผูร้ ว่ มสร้างสรรค์นวัตกรรม A : Adapt oneself to be ready for (2) การพัฒนาสุขภาวะและบุคลิกภาพ (เพ่อื สังคมท่ีม่ันคง มง่ั คงั่ ย่ังยืน) workforce (3) ภาษากบั การสื่อสาร พัฒนาคนให้มีสมรรถนะพร้อมในการ พลเมืองท่ีเข้มแข็ง ทำงาน (6) การเปน็ พลเมืองโลก (เพื่อสันตสิ ุข) S : Secure social responsibility มจี ิตสำนกึ รบั ผดิ ชอบต่อสงั คม E : Engage proactively with enthusiasm (4) ศาสตร์และศิลปแ์ ห่งชีวิต เป็นนักปฏิบัติเชิงรุก มีพลังมุ่งมั่น มี (5) สุนทรยี ศาสตร์ ความสามารถในการวิเคราะห์และ ประยุกต์ใช้วิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสม ในการทำงาน M : Maintain Morality and maturity (6) การเป็นพลเมอื งโลก มีจรยิ ธรรม คณุ ธรรม วฒุ ภิ าวะพร้อมสำหรับ การดำรงตนในสังคมพลวัตรอย่างเข้มแข็งมี ความสขุ แผนภาพ 2 แสดงความสอดคล้องระหว่างมาตรฐานการศึกษาระดับชาติ อัตลักษณ์คุณลักษณะเกษมและผล การเรียนรู้ตามกลุม่ สาระท่เี ปน็ ฐานปฏบิ ัติ หน้า 400