Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore @การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

@การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

Published by ED-APHEIT, 2021-05-16 05:32:21

Description: @การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

Keywords: Mon Apr 06 2020 11:37:45 GMT+0700 (Indochina Time)ED-APHEIT 2021

Search

Read the Text Version

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สูงสุด ( = 4.64 ,S.D.= 0.42) รองลงมา คือ ด้านหลักการกระจายอำนาจ ( = 4.63,S.D.= 0.41) ส่วนด้าน หลกั การบริหารแบบมสี ่วนรว่ มมคี า่ เฉลีย่ ต่ำที่สดุ ( = 4.52, S.D.=0.42) การศึกษาระดับการปฏิบัติเกี่ยวกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการด้านหลักสูตรสถานศึกษาใน โรงเรยี นเอกชน สงั กดั สำนกั งานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จงั หวัดสมทุ รสาคร ตารางท่ี 2 คา่ เฉลีย่ ( ) และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) ของระดบั การบรหิ ารเก่ียวกบั ประสทิ ธภิ าพการ บริหารงานวชิ าการ ด้านหลกั สูตรสถานศกึ ษาในโรงเรียนเอกชน สงั กดั สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศกึ ษา เอกชน จังหวัดสมุทรสาคร โดยรวม ประสทิ ธภิ าพการบริหารงานวชิ าการดา้ นหลักสูตรสถานศกึ ษาในโรงเรยี นเอกชน S.D. ระดบั การปฏบิ ัติ ลำดบั 1. ดา้ นเตรียมความพรอ้ มของสถานศกึ ษา 4.59 0.44 มากที่สุด 6 2. ด้านการจัดทำหลักสูตรของสถานศกึ ษา 4.65 0.41 มากทสี่ ุด 1 3. ด้านการวางแผนดำเนินการใช้หลกั สตู ร ของสถานศึกษา 4.58 0.44 มากทสี่ ุด 7 4. ด้านการดำเนนิ การบริหารหลกั สตู ร 4.60 0.44 มากทส่ี ดุ 5 5. ด้านการนเิ ทศ กำกับ ตดิ ตาม และ ประเมินผล 4.63 0.42 มากทส่ี ดุ 2 6. ดา้ นการสรปุ ผลการดำเนนิ การบริหาร 4.63 0.43 มากที่สุด 3 หลกั สตู ร 7. ดา้ นการปรบั ปรุงและพฒั นากระบวนการบริหารหลกั สูตร 4.62 0.44 มากที่สุด 4 รวม 4.61 0.39 มากที่สดุ จากตารางที่ 2 พบว่า ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการด้านหลักสูตร สถานศกึ ษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การศึกษาเอกชน จังหวดั สมทุ รสาคร โดยรวม อยู่ ในระดับมากท่สี ุด ( = 4.61,S.D.=0.39) เม่อื พจิ ารณาเปน็ รายดา้ น พบว่า ดา้ นการจัดทำหลักสตู รของสถานศึกษา มี ค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.65 ,S.D.=0.41) รองลงมา คือ ด้านการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผล ( = 4.63 ,S.D.=0.42) และด้านการสรุปผลการดำเนินการบริหารหลักสูตร ( = 4.63 ,S.D.=0.43) ส่วนด้านการวางแผน ดำเนิน การใช้หลักสตู รของสถานศกึ ษา มคี า่ เฉล่ยี ตำ่ ท่ีสดุ ( = 4.58 ,S.D.=0.44) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน กับประสิทธิภาพการบริหารงาน วิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวดั สมุทรสาคร ตารางที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน กับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการด้าน หลกั สตู รสถานศกึ ษาในโรงเรยี นเอกชน สังกัดสำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสริมการศึกษาเอกชน จังหวัดสมุทรสาคร ตวั แปรที่ใชใ้ นการพยากรณ์ X1 X2 X3 X4 X5 X6 Y 1. ด้านหลักการกระจายอำนาจ (X1) 2. ด้านหลักการบรหิ ารแบบมสี ่วนร่วม (X2) - - - - - -- 3. ด้านหลกั การบริหารตนเอง (X3) 0.669** - - - - - - 0.612** 0.670** - - - - - หน้า 251

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กติวิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 4. ดา้ นหลักการความรับผดิ ชอบและตรวจสอบ (X4) 0.685** 0.620** 0.703** - - - - 5. ดา้ นหลกั การมภี าวะผนู้ ำแบบเกอื้ หนนุ (X5) 0.712** 0.653** 0.738** 0.781** - - - 6. ด้านหลกั พฒั นาทัง้ ระบบ (X6) 0.652** 0.647** 0.698** 0.745** 0.827** - - 7. ประสทิ ธิภาพการบริหารงานวชิ าการ ดา้ นหลกั สตู รสถานศึกษา ในโรงเรยี นเอกชน (Y) 0.720** 0.716** 0.748** 0.782** 0.858** 0.847** - **มนี ัยสำคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั .01 จากตารางที่ 3 พบวา่ คา่ สัมประสทิ ธสิ์ หสัมพนั ธร์ ะหวา่ งตัวแปรพยากรณ์ ได้แก่ดา้ นหลักการกระจายอำนาจ ด้านหลกั การบรหิ ารแบบมีส่วนร่วม ด้านหลักการบรหิ ารตนเอง ด้านหลกั การความรบั ผดิ ชอบและตรวจสอบ ด้าน หลกั การมภี าวะผู้นำแบบเกื้อหนุน และดา้ นหลกั พฒั นาทั้งระบบ กับประสทิ ธิภาพการบริหารงานวชิ าการ ดา้ นหลักสตู ร สถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การศกึ ษาเอกชน จงั หวดั สมุทรสาคร มี ความสัมพันธก์ ันอยา่ งมนี ัยสำคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดบั 0.01 โดยมีคา่ สัมประสทิ ธส์ิ หสมั พนั ธต์ ง้ั แต่ 0.612 – 0.858 การวเิ คราะห์การถดถอยพหคุ ูณแบบเปน็ ข้นั ตอนของการบรหิ ารโดยใชโ้ รงเรียนเปน็ ฐานท่ีสง่ ผลต่อ ประสิทธภิ าพการบริหารงานวชิ าการดา้ นหลักสูตรสถานศกึ ษาในโรงเรียนเอกชน สงั กัดสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการศกึ ษาเอกชน จงั หวดั สมุทรสาคร ตารางที่ 4 ผลการวิเคราะห์หาอำนาจการทำนายของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการ บริหารงานวิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษา เอกชน จังหวัดสมทุ รสาคร รปู แบบ ตวั แปรทำนาย R R R R SE2 F P 2adj 2change est. 1. X5 0.858 0.735 0.734 0.735 0.204 711.723** 0.000 2. X5, X6 0.892 0.795 0.793 0.060 0.180 494.650** 0.000 3. X5, X6, X4, 0.899 0.809 0.806 0.013 0.174 357.581** 0.000 4. X5, X6, X4, X3 0.904 0.817 0.814 0.008 0.171 282.047** 0.000 5. X5, X6, X4, X3, X1 0.908 0.824 0.820 0.007 0.168 235.515** 0.000 6. X5, X6, X4, X3, X1, X2 0.912 0.831 0.827 0.008 0.165 206.236** 0.000 จากตารางที่4 ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอน พบว่า ตัวแปรที่สามารถพยากรณ์ ประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ได้แก่ ด้านหลกั การมีภาวะผู้นำแบบเกือ้ หนุน (X5) ด้านหลักพฒั นาทัง้ ระบบ (X6) ด้านหลักการความรบั ผดิ ชอบ และตรวจสอบ (X4) ด้านหลักการบริหารตนเอง (X3) ดา้ นหลักการกระจายอำนาจ (X1) และด้านหลักการบริหารแบบ มีส่วนร่วม (X2) โดยมีค่าสัมประสิทธ์ิสหสมั พนั ธ์พหุคูณ (R) เท่ากับ 0.912 มีค่าสัมประสิทธิ์การพยากรณ์ (R2) เท่ากบั 0.831 มคี ่าสมั ประสทิ ธก์ิ ารพยากรณป์ รบั ปรุง (R2adj) เท่ากับ 0.827 ค่าความคลาดเคลอ่ื นมาตรฐาน (SEest) เท่ากับ 0.165 ตัวแปรทั้ง 6 ตัวแปรสามารถพยากรณ์ประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาใน โรงเรียนเอกชน ไดร้ อ้ ยละ 82.70 ตารางที่ 5 ผลการวิเคราะห์อำนาจทำนายของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการ บริหารงานวิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษา เอกชนจงั หวัดสมทุ รสาคร หนา้ 252

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ตัวแปรทำนาย bΒ t p 1. ด้านหลกั การกระจายอำนาจ (X1) 0.078 0.081 1.962 0.051 2. ดา้ นหลกั การบรหิ ารแบบมสี ่วนรว่ ม (X2) 0.125 0.134 3.372** 0.001 3. ดา้ นหลักการบริหารตนเอง (X3) 0.084 0.090 2.102 0.037 4. ดา้ นหลกั การความรบั ผิดชอบและตรวจสอบ (X4) 0.108 0.116 2.516 0.012 5. ดา้ นหลกั การมีภาวะผูน้ ำแบบเกอื้ หนนุ (X5) 0.282 0.298 5.396** 0.000 6. ดา้ นหลกั พฒั นาทง้ั ระบบ (X6) 0.277 0.312 6.327** 0.000 7. คา่ คงท่ี (Constant) 0.226 1.725 0.086 R = 0.912, R2 = 0.831, R2adj = 0.827, F = 206.236, df1 = 6, df2 = 251, Sig. < 0.01, SE .est = 0.165, a = 0.226 ** มีนยั สำคญั ทางสถติ ิทีร่ ะดับ .01 จากตารางที่ 5 พบว่า ตัวแปรอิสระทั้งหมดของงานวิจัย ได้แก่ ด้านหลักการมีภาวะผู้นำแบบเกื้อหนุน (X5) ด้านหลักพฒั นาท้ังระบบ (X6) ด้านหลักการความรับผดิ ชอบและตรวจสอบ (X4) ด้านหลกั การบรหิ ารตนเอง (X3) ด้าน หลักการกระจายอำนาจ (X1) และด้านหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม (X2) สามารถร่วมกันทำนายประสิทธิภาพการ บริหารงานวิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน ได้ร้อยละ 83.10 (R2 = 0.831) อย่างมีนัยสำคญั ทาง สถติ ิทรี่ ะดบั 0.01 เมอื่ ปรับคา่ ความคลาดเคลอ่ื นมาตรฐานในการพยากรณ์ท่ีมีค่าเทา่ กบั 0.165 (SEest= 0.165) พบวา่ ปัจจยั ทงั้ หมดสามารถรว่ มกันทำนายประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการ ดา้ นหลกั สูตรสถานศกึ ษาในโรงเรียนเอกชน ได้ถึงรอ้ ยละ 82.70 (R2adj = 0.827) ส่วนอีกร้อยละ 17.30 เกดิ จากอทิ ธพิ ลของตัวแปรอืน่ ทีไ่ มน่ ำมาเปน็ ตวั แปรอิสระ ในการศกึ ษาคร้ังนี้ ตัวแปรท่ีมีอิทธพิ ลในการทำนายสูงสดุ คือ ด้านหลักพัฒนาท้ังระบบ (β = 0.312) รองลงมา ได้แก่ ด้านหลักการมีภาวะผู้นำแบบเกื้อหนุน (β = 0.298) ด้านหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม (β = 0.134) ด้านหลักการ ความรบั ผดิ ชอบและตรวจสอบ (β = 0.116) ดา้ นหลกั การบริหารตนเอง (β = 0.090) สรุปผลการวจิ ัย จากผลการวิจัยเรื่อง เรื่อง การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ การบริหารงาน วิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัด สมุทรสาคร สามารถสรุปผลการวิจัยได้ดังน้ี 1. การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกบั ปัจจัยส่วนบุคคลของผูต้ อบแบบสอบถาม พบว่า ส่วนใหญ่เพศหญิง จำนวน 229 คน คิดเป็นร้อยละ 88.80 อายุ 21 – 30 ปี จำนวน81 คน ร้อยละ 31.40 ระดบั การศกึ ษาปรญิ ญาตรี จำนวน 235 คน รอ้ ยละ 91.10 ตำแหน่งผู้บริหารสถานศกึ ษา จำนวน 13 คน ร้อยละ 5.00 จำนวนครู 235 คน รอ้ ยละ 91.10 จำนวน บุคลากรทางการศกึ ษา 10 คน ร้อยละ 3.90 และมีประสบการณ์ในการทำงาน 6 – 10 ปี จำนวน 69 คน คิดเปน็ ร้อย ละ 26.70 2. ผลการศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในโรงเรียนเอกชนสังกัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัดสมุทรสาคร พบว่า โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อ พิจารณาตามตารางเป็นรายด้าน พบว่า ด้านหลักการความรับผิดชอบและตรวจสอบ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านหลักการกระจายอำนาจ สว่ นด้านหลกั การบริหารแบบมสี ่วนร่วม มคี า่ เฉลีย่ ตำ่ ที่สุด หน้า 253

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นส่ปู กตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 3. ผลการศกึ ษาระดับความคิดเห็นเกย่ี วกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการ ดา้ นหลกั สตู รสถานศึกษาใน โรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัดสมุทรสาคร พบว่า โดยรวม อยู่ใน ระดบั มากท่สี ุด เมื่อพิจารณาเปน็ รายดา้ น พบว่า ดา้ นการจดั ทำหลกั สูตรของสถานศกึ ษา มคี า่ เฉล่ยี สูงสดุ รองลงมา คือ ด้านการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผล และด้านการสรุปผลการดำเนินการบริหารหลักสูตร ส่วนด้านการ วางแผนดำเนนิ การใช้หลกั สูตรของสถานศึกษา มคี ่าเฉลีย่ ตำ่ ทสี่ ุด 4. ผลการวิเคราะห์ความสมั พนั ธร์ ะหว่างการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน กบั ประสทิ ธิภาพการบริหารงาน วิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัด สมุทรสาคร พบว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการ ด้าน หลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัดสมุทรสาคร อย่างมีนยั สำคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดับ 0.01 5. ผลการวิเคราะห์การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอน พบว่า ตัวแปรที่สามารถพยากรณ์ ประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ได้แก่ ด้านหลักการมีภาวะผู้นำแบบเกื้อหนุน ด้านหลักพัฒนาทั้งระบบ ด้านหลักการความรับผิดชอบและ ตรวจสอบ ด้านหลักการบริหารตนเอง ด้านหลักการกระจายอำนาจและด้านหลักการบริหารแบบมีสว่ นรว่ ม โดยมีค่า สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ (R) เท่ากับ 0.912 โดยตัวแปรทั้ง 6 ตัวแปรสามารถพยากรณ์ประสิทธิภาพการ บรหิ ารงานวชิ าการ ดา้ นหลักสูตรสถานศกึ ษาในโรงเรียนเอกชน ไดร้ อ้ ยละ 82.70 6. ผลการวิเคราะห์อำนาจทำนายของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการ บริหารงานวิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษา เอกชน จงั หวดั สมทุ รสาคร พบว่า ตวั แปรอิสระทง้ั หมดของงานวิจัย ได้แก่ ดา้ นหลักการมีภาวะผนู้ ำแบบเกอื้ หนุน ด้าน หลักพัฒนาทั้งระบบ ด้านหลักการความรับผิดชอบและตรวจสอบ ด้านหลักการบริหารตนเอง ด้านหลักการกระจาย อำนาจ และด้านหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม สามารถร่วมกันทำนายประสิทธิภาพ การบริหารงานวิชาการ ด้าน หลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน ได้ร้อยละ 83.10 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 เมื่อปรับค่าความ คลาดเคลือ่ นมาตรฐานในการพยากรณท์ ีม่ ีค่าเท่ากับ 0.165 พบวา่ ปจั จยั ทั้งหมดสามารถรว่ มกนั ทำนายประสิทธิภาพ การบริหารงานวิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน ได้ถึงร้อยละ 82.70 ส่วนอีกร้อยละ 17.30 เกิด จากอิทธิพลของตัวแปรอื่นที่ไม่นำมาเป็นตัวแปรอิสระในการศึกษาครั้งนี้ ตัวแปรที่มีอิทธิพลในการทำนายสูงสุด คือ ด้านหลกั พัฒนาทั้งระบบ รองลงมา ได้แก่ ด้านหลักการมีภาวะผู้นำแบบเกือ้ หนุน ด้านหลักการบริหารแบบมสี ว่ นร่วม ดา้ นหลกั การความรับผดิ ชอบและตรวจสอบ และดา้ นหลกั การบรหิ ารตนเอง อภิปรายผล ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นการศึกษาการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงาน วิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัด สมุทรสาคร ผลการวิจัยคร้ังนีส้ ามารถอภปิ รายผลตามลำดบั ของวัตถปุ ระสงค์ของการวิจัยดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในโรงเรียนเอกชนสังกัดสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัดสมุทรสาคร พบว่า โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาตาม หน้า 254

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ตารางเป็นรายด้าน พบว่า ด้านหลักการความรับผิดชอบและตรวจสอบ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านหลักการ กระจายอำนาจ ส่วนด้านหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ทั้งนี้อาจเปน็ เพราะทางโรงเรียนไม่ค่อยได้ เปิดโอกาสให้มีผู้ทรงคุณวุฒิ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้นำชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทาง เพื่อพัฒนา สถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ อีกทั้งยังขาดการมีส่วนร่วมในการบริหารและการพัฒนาสถานศึกษา รว่ มสอนเสรมิ ด้านอาชพี ดั้งเดมิ ประเพณี วัฒนธรรม ฯลฯ เพอื่ ปลกู ฝังให้ผูเ้ รยี นรสู้ ึกรกั หวงแหนในชุมชนทตี่ นเองอาศัย อยู่ ซึ่งสอดคลอ้ งกับงานวจิ ยั ของศรทั ธา ห้องทอง (2553) ศึกษาวจิ ยั เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ิงานตามหลกั การบริหารโดยใช้ โรงเรียนเปน็ ฐานของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน สงั กดั สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษายะลา ผลการวิจัยพบว่า การ ปฏิบัติงานตามหลักการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษายะลา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากโดยหลักการที่มีค่าเฉลี่ยของระดับการปฏิบัติสูงสุด คือการบริหารจัด การศึกษาที่ดี และที่หลักการกระจายอำนาจ มีค่าเฉลี่ยของระดับการปฏิบัติต่ำสุด และสอดคล้องกับงานวิจัยของ สำเริง กุจิรพันธ์ (2554) ได้ศึกษาเรื่องการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขต พ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 สรุปผลตามวตั ถุประสงค์ของการศกึ ษา ผลการวิจัยพบว่า การบรหิ ารโดย ใช้โรงเรียนเป็นฐานของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 โดย ภาพรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้านยกเว้นด้านหลักการภาวะผู้นำแบบ เกื้อหนุนอยู่ในระดับมากที่สุด สำหรับด้านอื่นอยู่ในระดับมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านหลักการพัฒนาทั้งระบบ ด้าน หลกั การบรหิ ารแบบมสี ่วนร่วม ดา้ นหลกั การกระจายอำนาจ ดา้ นหลักการบรหิ ารตนเอง และด้านหลักความพร้อมที่ จะรับการตรวจสอบลำดับ 2. ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียน เอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัดสมุทรสาคร พบว่า โดยรวม อยู่ในระดั บมาก ทีส่ ุด เม่อื พิจารณาเป็นรายดา้ น พบว่า ดา้ นการจดั ทำหลักสูตรของสถานศกึ ษา มคี ่าเฉล่ียสงู สดุ รองลงมา คือ ด้านการ นิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผล และด้านการสรุปผลการดำเนินการบริหารหลักสูตร ส่วนด้านการวางแผน ดำเนินการใช้หลักสูตรของสถานศึกษา มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะทางโรงเรียนไม่สามารถจัดสรร งบประมาณ จัดอาคารสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ และครูผู้สอนให้เพียงพอต่อการจัดทำสื่อประกอบการสอน อีกทั้งยังขาด การนิเทศงาน กำกับ ติดตามและประเมนิ หลักสูตรสถานศกึ ษาอย่างต่อเนอ่ื ง ซ่งึ สอดคล้องกบั งานวจิ ัยของกรกมล เพม่ิ ผล (2554) ได้ศึกษาการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการของครูใน โรงเรียนเทศบาล สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดปทุมธานี ผลการวิจัย พบว่าการบริหารโดยใช้โรงเรียน เป็นฐานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการของครูทั้งในด้านการพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ สื่อ การสอน การวัดและประเมินผล และการประกันคุณภาพของครู และสอดคล้องกับงานวิจัยของ จิตรลดา เจริญสุข (2556) ได้ศึกษาประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนในเขตคุณภาพศรีมหาโพธิ 2 สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 1 ผลการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนในเขต คุณภาพศรีมหาโพธิ 2 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีน เขต 1 โดยรวมและรายดา้ นอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเปน็ รายดา้ น พบว่าประสทิ ธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรยี นในเขตคุณภาพศรมี หาโพธิ 2 สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 1 อยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านการประกันคุณภาพภายในและ หนา้ 255

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) มาตรฐานการศึกษา และมีประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการน้อยที่สุด ได้แก่ ด้านการส่งเสริมชุมชนให้มีความ เข้มแข็งทางวชิ าการ 3. การบรหิ ารโดยใช้โรงเรยี นเปน็ ฐานส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานวชิ าการ ดา้ นหลักสตู รสถานศกึ ษา ในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัดสมุทรสาคร อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติท่ีระดับ 0.01 ทั้งนีอ้ าจเป็นเพราะหลักการกระจายอำนาจ หลักการบริหารแบบมีสว่ นร่วม หลักการบริหารตนเอง หลักการความรบั ผิดชอบและตรวจสอบ หลักการมีภาวะผู้นำแบบเกื้อหนนุ และหลกั พัฒนาทั้งระบบ ทุก ๆ ด้าน ล้วน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการ ด้านหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัดสมุทรสาคร ทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของนุจนาฎ สาริบุตร (2561) ได้ศึกษาการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการของครูโรงเรียน สังกัดองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั อุบลราชธานี พบว่าระดับปฏบิ ตั ิการดา้ นการบริหารโดยใชโ้ รงเรยี นเป็นฐานมีค่าเฉล่ีย อยู่ในระดับมากทั้งตัวแปรหลักและองค์ประกอบด้วยการกระจายอำนาจ การมีส่วนร่วม การบริหารตนเอง ภาวะ ผู้นำแบบเกอ้ื หนนุ และการพฒั นาทง้ั ระบบ สว่ นการบริหารงานวชิ าการมคี ่าเฉลี่ยระดับปฏบิ ตั ิการอยู่ในระดบั มกทง้ั ตวั แปรหลักและองค์ประกอบเช่นเดียวกัน โดยมีองค์ประกอบการบริหารงานวิชาการประกอบด้วยการจัดการ เรียนรู้ การประกันคุณภาพ การวัดและประเมินผล การพัฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียน การสอน นอกจากนี้ยัง พบว่าการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานและการบริหารงานวิชาการมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกระดับมาก อย่างมี นัยสำคัญทางสถิตทิ ่ีระดับ 0.01 ข้อเสนอแนะ 1. ด้านหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม ทางสถานศึกษาควรเปิดโอกาสให้มีผู้ทรงคุณวุฒิภูมิปัญญาท้องถ่ิน ผนู้ ำชมุ ชนมสี ่วนร่วมในการกำหนดทศิ ทางเพือ่ พัฒนาสถานศกึ ษาใหม้ ีประสทิ ธิภาพตามวัตถุประสงค์ และเปดิ โอกาสให้ มผี ู้ทรงคณุ วฒุ ิไดแ้ ก่ ผู้บริหาร ตวั แทนครู ตวั แทนนกั เรยี นผปู้ กครอง ผทู้ รงคณุ วุฒิ ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน มีส่วนร่วมในการ บริหารและการพฒั นาสถานศกึ ษาร่วมสอนเสริมดา้ นอาชพี ดั้งเดิม ประเพณี วัฒนธรรม ฯลฯ เพ่อื ปลูกฝังให้ผู้เรียนรู้สึก รักหวงแหนในชมุ ชนที่ตนเองอาศัยอยู่ 2. ด้านเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษาในรปู การแต่งตั้งคณะกรรมการการจดั ข้อมูลสารสนเทศภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ แหลง่ เรยี นรู้ 3. ด้านการวางแผนดำเนินการใช้หลักสูตรของสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีการจัดเตรียมจัดสรร งบประมาณ จัดอาคารสถานที่ วสั ดุอปุ กรณ์ และครผู สู้ อนจัดทำสอื่ ประกอบการสอนทห่ี ลากหลายโดยเนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สำคญั เอกสารอา้ งอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2545) .พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ : องการณร์ ับส่งและพสั ดภุ ณั ฑ.์ กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2546). คู่มอื การบริหารสถานศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานทเ่ี ปน็ นิตบิ ุคคล. กรงุ เทพฯ : กระทรวงศกึ ษาธิการ. กระทรวงศึกษาธิการ. (2552) . หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานพทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ. กระทรงศึกษาธกิ าร. กรกมล เพิ่มผล .(2554) .การบรหิ ารโดยใชโ้ รงเรยี นเปน็ ฐานท่สี ่งผลต่อประสทิ ธิภาพการบรหิ ารงานวชิ าการของ หนา้ 256

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ครูในโรงเรยี นเทศบาลสงั กดั องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ จงั หวดั ปทมุ ธานี .วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขา เทคโนโลยีการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี . จิตรลดา เจรญิ สขุ . (2556) . ประสิทธิภาพการบริหารงานวชิ าการโรงเรียนในเขตคุณภาพศรีมหาโพธ์ิ 2 สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาปราจนี เขต 1 .งานนพิ นธก์ ารศกึ ษามหาบัณฑติ สาขาวชิ าการบรหิ าร การศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา. ฉตั ราภรณ์ สถาปิตานนท์. (2552). ศึกษาการบรหิ ารงานวชิ าการของผบู้ รหิ ารโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั กรุงเทพมหานคร กลมุ่ ตากสนิ และกลุม่ มหาสวสั ด์ิ . มหาวิทยาลยั นเรศวร. นจุ นาฏ สารบิ ุตร. (2561). การบริหารโดยใชโ้ รงเรยี นเปน็ ฐานท่สี ง่ ผลต่อประสิทธิภาพการบรหิ ารงานวชิ าการของ ครูโรงเรยี นในสังกัดองคก์ าร บรหิ ารสว่ นจงั หวัดอบุ ลราชธานี. วารสารวชิ าการมหาวทิ ยาลยั การจัดการ และเทคโนโลยอี ีสเทิร์น. ปที ่ี 15 ฉบบั 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2561. เรอื งศักด์ิ ซุปวา. (2554). ศกึ ษาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งการบริหารโดยใชโ้ รงเรียนเปน็ ฐานกับประสิทธผิ ลของ โรงเรียนสงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษานครพนม เขต 1. วารสารมหาวทิ ยาลยั นครพนม : กรกฎาคม- ธนั วาคม 2554 . รุ่งชชั ดาพร เวหะชาต.ิ (2553). การบริหารงานวิชาการสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน. พิมพ์คร้ังที่ 4 สงขลา : บริษทั นำ ศลิ ป์โฆษณา จำกดั . ศรัทธา หอ้ งทอง. (2554). การปฏิบตั งิ านตามหลกั การบริหารโดยใชโ้ รงเรียนเปน็ ฐานของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาข้ัน พื้นฐานสำนกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษายะลา.ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏยะลา. สำนักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร.แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศกึ ษาธิการ ฉบับท่ี 12 (2560- 2564). สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ. สำเรงิ กุจริ พันธ.์ (2554). การบรหิ ารโดยใชโ้ รงเรยี นเป็นฐานของสถานศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน สังกดั สำนักงานเขตพ้นื ที่ การศกึ ษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1. งานวจิ ัยสถาบันพฒั นาครุคณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา . อุทยั บุญประเสรฐิ . (2543). การศกึ ษาแนวทางการบรหิ ารและจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษาในรปู แบบการบริหาร โรงเรยี นเปน็ ฐาน. กรุงเทพฯ .ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว Taylor , M.S (1998). The Status of Site-Based Management Shared Decision-making in an Urban School System in Georgia Dissertation , Ed.D. (Education Administration. South Carolina: Carolina State University , Yamane , T. (1973) .Statistic : An Introductory Analysis . (3th ed). New York :Harper and Row. Yin Chaeng , Kase H . & Leon C.Megginson. (1996) Organization Behavior Management Skill . NY: Harper and Row. Wilson , R . J (2001). School-Based Manage –mentin Alberta : Perceptions of Public School Leaders. Dissertation Abstracts Internationa. Wohlstetter. (1995). Getting School-based Management Right : What Works and What Doesn’t.” Phi Delta Kappan (September 1995) : 22-25. หนา้ 257

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ทางเลือก ....ทางรอด...การศกึ ษาไทยของสถาบนั อดุ มศกึ ษา Alternative and Existence of Thai Education in Higher Educational Institutions นลนิ ี สุตเศวต กมลวรรณ โลห์สวิ านนท์ บณั ฑติ วทิ ยาลัยศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม E-mail [email protected] บทคัดยอ่ จากสภาพการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อองค์กรภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือองค์กรทางการศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ โครงสรา้ งทางประชากรทจ่ี ำนวนเดก็ เกดิ ใหม่ลดลงและการก้าวสสู่ งั คมผูส้ ูงอายุ อาชีพใหม่ที่ตอบโจทยส์ งั คมเทคโนโลยี เป็นต้น ซึ่งปัจจัยต่างๆล้วนส่งผลให้สถาบันอุดมศึกษาต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการองค์กรในหลายด้าน เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น สภาพปัญหาท่ีสถาบันอุดมศึกษาต้องเผชิญ ได้แก่ 1.ด้านการ บริหารจัดการองค์การ 2.ด้านหลักสูตรการเรียนการสอน 3.ด้านจำนวนผู้เรียนที่ลดลง และ 4.ด้านงบประมาณและ ทรัพยากรทางการศกึ ษา ทจ่ี ะตอ้ งวิเคราะห์ข้อมูลที่เก่ียวข้อง เพอ่ื หาแนวทางให้เกิดทางเลือก ทางรอดใหม่ๆในอนาคต แนวทางที่นำเสนอประกอบด้วย 1.การปรับระบบการบริหารจัดการองค์กร 2. การสร้างและพัฒนาหลักสูตรใหม่ๆที่ ตอบสนองอาชีพในอนาคต 3. การขยายกลุ่มผู้เรียนให้หลากหลาย และ 4.การสร้างประโยชน์จากทรัพยากรของ มหาวิทยาลยั ท่ามกลางวิกฤตและปัญหาที่เป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงข้างต้น และแนวทางที่นำเสนอ ปัจจัยท่ี สำคัญต่อการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของสถาบันอุดมศึกษา คือ ผู้บริหารการศกึ ษาท่ีจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง และผู้ที่เกี่ยวข้องต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกทางออกที่เหมาะสม สอดคล้องกับบริบทที่แตกต่างกันของ สถาบนั อุดมศึกษาแต่ละแหง่ ด้วยการทบทวนวสิ ยั ทศั น์ การสรา้ งโอกาสใหมๆ่ ท่ที า้ ทายภายใตข้ อ้ จำกดั กับสถานการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ อย่างไรก็ตามด้วยความสำคัญและบทบาททางการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาไทย ท่ี เป็นแหล่งรวมของผู้รู้ในศาสตร์ที่หลากหลาย ยังเป็นความหวังที่สำคัญของประเทศชาติ ด้วยเป้าหมายของการจัด การศึกษาที่จะผลิตและสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถของประเทศ ให้เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะที่สำคัญต่างๆในการทำงานและการใช้ชีวิต และเพื่อให้เยาวชนเหล่านี้ เป็นผู้ชี้นำทางความคดิ ใหก้ ับสังคม สามารถนำพาประเทศไทยให้เจริญ เพราะการศกึ ษาเป็นเครอ่ื งมือในการพฒั นาและสร้างคนคณุ ภาพ คำสำคัญ:ทางเลือก,ทางรอด,การศึกษาไทย,สถาบนั อดุ มศึกษา หนา้ 258

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ABSTRACT According to rapidly changing in social, various types of business and organization were affected, including academy that might be affected from several elements of changing, particularly demographic structure regarding a decrease of new born child towards aging society, new occupation that answer some questions regarding technology society, etc. Result in higher educational institutions that must be changed for existence within uncertain situation and had to encounter with many problems in several aspects: 1) Organization management 2) Instructional curriculum 3) Reduction of students 4) Budget and university educational resources. These aspects should be analyzed related information for providing alternative and existence including 1. System adjustment in organization management. 2. Creation and development new curriculum for responding future occupation. 3. Expanding various students and 4. Resources exploitation in university. Problems and crisis which were affected since the above changing, significant process for adjusting higher educational institutions were distributed. Educational administrators were changing leaders including related persons in making decision who selected any suitable solutions, concerning various context of each higher educational institution by reviewing the vision. According to a new vision in any challenge opportunity of educational administrators, higher educational institutions, which were source of knowledge regarding various sciences, would be significant expectation to create knowledgeable humans. Principal purposes of higher educational institutions were created new leaders with quality, capacity, and skills for Thai society. On the other hand, education was an equipment to improve the country. Keywords:Alternative, Existence, Thai Education, Higher Educational Institution บทนำ จากสถานการณก์ ารเปลี่ยนแปลงทส่ี ่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบการศกึ ษาระดับอุดมศึกษา ทำให้มีคำถาม ที่ว่า “มหาวิทยาลัยพบทางตันแล้วหรือ?” ซึ่งอาจจะไม่ใช่คำถามใหม่ หรือเป็นคำถามที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เพราะใน ปัจจุบันยังมีนักวิชาการและผู้อยูใ่ นแวดวงการศึกษาหลายคนที่ยังมีคำถามนี้ในใจมาระยะหนึง่ แล้ว และมีการกล่าวถงึ ความอยู่รอดของการจดั การศึกษาในประเทศไทยในหลากหลายบทความมาแล้ว โดยเฉพาะในช่วงอนาคตท่จี ะกา้ วสยู่ คุ ดิจิทัลที่หลายสถาบันต้องเจอผลกระทบที่รุนแรงได้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวของ สถาบันอุดมศึกษาทั้งที่เป็นมหาวิทยาลัยหรอื วิทยาลยั ภายใต้ปัจจัยทีเ่ ปลี่ยนแปลงที่อาจจะส่งผลให้สถาบันอุดมศกึ ษา ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เรียกวา่ ขาลง หรือผลกระทบทางลบต่อการบรหิ ารจัดการภายในของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่ง ยังคงเปน็ กระแสปญั หาในวงการศึกษาไทยในขณะน้ีและอนาคตขา้ งหน้าแน่นอน ขอ้ มูลจากที่ประชุมอธิการบดแี หง่ ประเทศไทย (ทปอ.) หรือ Thai University Central Admission System (TCAS) ระบุวา่ ในปี 2561 มจี ำนวนนกั เรียนทีส่ มัครแอดมชิ ชนั่ ทงั้ หมด 54,782 คน ขณะทีส่ ถาบันอุดมศกึ ษาท้งั ของรฐั และเอกชนมที ่ี หนา้ 259

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) น่งั รองรับได้ถงึ 83,953 ทีน่ ่งั ซึ่งนัน่ หมายความว่ายงั มีทีน่ ่งั ในสถาบนั อดุ มศึกษาเหลืออกี เกือบ 30,000 ที่น่ัง (มากกว่าปี 2560 ประมาณ 3,000 ท่นี ัง่ ) ปัญหาผู้สมัครเรียนในระดับอดุ มศกึ ษามีจำนวนน้อยลงกว่าจำนวนทีส่ ถาบนั อดุ มศกึ ษาเปิดรับได้ กำลงั เป็นปญั หาที่สำคญั ในระบบการศึกษาของสถานศกึ ษาไทย และเมือ่ เปรียบเทียบขอ้ มูลจำนวนนักศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี – โท ที่มีจำนวนลดลงทุกปีด้วย (สำนักงานสถิติแห่งชาติ) และในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (2556-2560) พบว่า จำนวนนักศึกษาระดับ ปริญญาตรโี ดยรวมลดลงประมาณ 200,000 คน หรอื คิดเป็น 10% ในขณะที่นกั ศึกษาระดับปริญญาโทลดลงประมาณ 60,000 คน หรอื คิดเป็น 34% ดงั ขอ้ มลู แสดงที่รายละเอียด ปี จำนวนนกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี 2556 1,875,149 คน 2557 1,820,931 คน 2558 1,827,924 คน 2559 1,738,847 คน 2560 1,681,149 คน ทีม่ า: สำนักงานสถติ ิแหง่ ชาติ (http://www.nso.go.th) ศนู ยพ์ ยากรณเ์ ศรษฐกจิ และธรุ กจิ มหาวทิ ยาลยั หอการค้าไทย ยงั ได้เปิดเผยการจัดอนั ดบั ธุรกิจทจี่ ะมีกำไร งดงามและเป็นดาวร่งุ กับ ธุรกจิ ทน่ี า่ เปน็ ห่วงและจะเปน็ ดาวรว่ งในปี 2562 ไว้ 10 อันดบั ดังนี้ ลำดับ ธุรกิจดาวร่วง คะแนน 1 ธุรกจิ เช่าหนังสือ 11.7 2 ธรุ กิจผลิตโทรศพั ท์พืน้ ฐาน และเครอ่ื งโทรสาร 12.5 3 ธรุ กจิ ร้านให้บริการอินเตอร์เนต็ 13.2 4 ธรุ กจิ สอ่ื สิ่งพมิ พ์ และวารสาร 14.1 5 ธุรกิจผลติ เสือ้ ผ้าสำเรจ็ รปู ทใี่ ช้แรงงานมากและขายในประเทศ 15.6 ธุรกจิ หัตถกรรม และเฟอร์นเิ จอรไ์ ม้ (แบบเดิมทีม่ ไิ ดม้ กี ารปรับตัว) 6 ธรุ กจิ การคา้ แบบดังเดมิ 18.7 7 ธุรกิจคนกลาง 20.3 8 ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ความจำ Storage media กค็ อื CDs, DVDs, Blu-Ray Discs, 23.5 External Hard Drives, Memory Cards 9 ธุรกิจดังเดมิ ไมม่ ีดไี ซน์ และใชแ้ รงงานมาก (เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น) 25.7 10 ธุรกจิ สถานศึกษาเอกชน 27.9 ธรุ กจิ รา้ นถา่ ยรปู ที่มา: https://campus.campus-star.com/jobs/111899.html หน้า 260

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) อย่างไรก็ตาม บทความนี้จะขอกล่าวถงึ เฉพาะการบริหารงานขององค์กรในส่วนทีเ่ กีย่ วข้องกับการศึกษาของ สถาบนั อุดมศึกษา ซง่ึ จากการจัดลำดบั ธุรกิจทนี่ า่ เป็นหว่ งและจะเป็นดาวร่วง พบว่าธุรกจิ การศกึ ษาเอกชนถูกจัดอยู่ใน 10 อนั ดบั ธรุ กจิ ดาวร่วง ข้อมลู น้จี ึงเป็นสาเหตุที่ให้เกดิ คำถามตามมาว่า “ต้องทำอยา่ งไรสถาบนั อุดมศกึ ษาจงึ จะอยู่รอด ได้ในอนาคตท่ธี ุรกิจการศกึ ษากำลังอยู่ในสภาวการณ์ท่นี ่าเปน็ ห่วง?” ท้ังนี้ ในการบรหิ ารจดั การของสถาบนั อดุ มศึกษา เพื่อให้มีทางเลอื กและทางรอดได้ ด้วยแนวคิดทีม่ องว่าในวิกฤตยิ ่อมมีโอกาสเสมอ เพราะสถาบันอุดมศกึ ษาแต่ละแหง่ เป็นที่รวมของสุดยอดอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถ มีนักวิชาการ และนักวิจัย ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความ เชี่ยวชาญในศาสตร์ต่างๆมากมาย หากไดท้ ำการวิเคราะห์ปัญหาที่เกีย่ วข้องกบั องคก์ รของสถานศึกษาอย่างลึกซึ้งและ ชัดเจนแล้ว สถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งย่อมสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้ และอาจจะสร้างทางเลือกใหม่ๆที่เป็นโอกาส และเปน็ ทางรอดที่เหมาะสมกบั ความเช่ยี วชาญในศาสตร์ทเ่ี ปน็ จุดเด่นของแตล่ ะสถาบนั ได้ดว้ ย สภาพปัญหาที่สถาบันอุดมศึกษาต้องเผชญิ 1.ดา้ นการบรหิ ารจดั การองค์การ เนื่องจากระบบการบริหารจัดการด้านการศึกษาในอดีตจนถึงปจั จุบัน โดยส่วนใหญย่ ังเป็นระบบการบริหาร ตามแนวคิดแบบเดิม แต่สภาพแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมไม่เหมือนเดิม จึงอาจจะส่งผลต่อการบริหาร จัดการการศกึ ษาได้ อาทิ 1.1 สถาบันอุดมศึกษาที่เป็นมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยเอกชน ที่ก่อตั้งขึ้นมาภายใต้ อุดมการณ์ที่ว่าการจัด การศกึ ษาไมใ่ ช่ธุรกจิ ท่ีจะแสวงหาผลกำไร แตเ่ ปน็ การช่วยรัฐบาลในการสร้างคนให้มีคุณภาพและทุกคนสามารถเข้าถึง การศึกษาได้โดยไม่มีขอ้ จำกดั ทำให้การบริหารจัดการหรือการปรบั เปลย่ี นระบบการบริหารสถานศึกษาจากยคุ เก่าสู่ยุค ใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆในบางมิติอาจจะทำได้ยาก เพราะการจัดการศึกษาไม่ใช่ธุรกิจที่พึงจะมีรายได้ มาก จึงอาจจะเป็นข้อจำกัดหนึ่งที่สำคัญในการบริหารจัดการด้านการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน เพราะจะ ส่งผลต่อกลุ่มผู้ปกครองและกลุ่มนักศึกษาที่เป็นกลุ่มผู้ใช้บริการหลักของมหาวิทยาลัย ที่ต้องจ่ายเงินเรียนมากเกิดไป เมอื่ เทยี บกับค่าใชจ้ า่ ยในการศกึ ษาในสถาบนั การศึกษาของรัฐบาล 1.2 การแข่งขันด้านคุณภาพการศึกษา แม้ว่าสภาพการแข่งขันทางการศึกษาจะเป็นแรงผลักให้ สถาบันการศึกษาต่าง ๆ เร่งพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนมากขึ้น แต่เนื่องจากทรัพยากรตั้งต้นของแต่ละ สถาบันการศึกษามคี วามแตกต่างกนั ไมว่ า่ จะเป็นความรูค้ วามสามารถและปรมิ าณของบุคลากรการศกึ ษา งบประมาณ เงินทุน เทคโนโลยี สถานที่ ความมีชื่อเสียง ฯลฯ ส่งผลให้โอกาสพัฒนาคุณภาพการศึกษาย่อมแตกต่างกันด้วย โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาขนาดเล็ก หรือสถาบันการศึกษาที่ยังไม่มีความพร้อม หรือมีทรัพยากรตั้งต้นไม่มากนัก ย่อมส่งผลต่อความสามารถทางการแข่งขันในยุคที่ผู้เรียนมีสิทธิในการเลือกสถานศึกษาเอง (เกรียงศักดิ์ เจริญวงศักดิ์ ,2550,ออนไลน)์ 1.3 การเปิดเสรีทางการศึกษาที่ภาครัฐให้โอกาสมหาวิทยาลัยต่างชาติ เข้ามาเปิดสาขาหรือเกิดการร่วมทุน กับมหาวิทยาลัยไทย ด้วยระบบการศึกษาที่ต้องการพัฒนาให้มีความเป็นสากลมากขึ้น ผลจากกระแสโลกาภิวัตน์ที่มี การเชื่อมโยงกันทั่วโลก ความจำเป็นที่ต้องการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยสู่ความเป็นสากล ทำให้เกิดการ เคลื่อนย้ายองค์ความรู้ การลงทุนทางการศึกษา ที่เป็นผลจากเปิดเสรีทางการศึกษา ส่งผลให้มหาวิทยาลัยจาก ต่างประเทศทีต่ ้องการขยายตลาดผูเ้ รียน หรอื เพม่ิ ช่องทางการสร้างรายได้ หล่ังไหลเข้ามาลงทนุ ในธรุ กจิ การศึกษาไทย หนา้ 261

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวิถีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ทั้งการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนร่วมได้ปริญญา 2 แห่ง ส่งบุคลากรชาวต่างชาติเข้ามาสอนเอง จาก สถาบันการศึกษาต่างประเทศที่เป็นที่ยอมรับ ส่งผลให้เกิดการเปรียบเทียบและผลักดันให้สถาบันการศึกษาไทยต้อง ปรับตัว พัฒนาการจัดการศึกษาที่มีความเป็นสากลที่เป็นที่ยอมรบั เพื่อให้สถาบันสามารถเป็นตัวเลือกทีเ่ ป็นที่ยอมรับ ของผู้เรยี น ในดา้ นการจดั การศกึ ษาทีม่ ีคุณภาพทดั เทยี มในระดับสากล 1.4 การปรับเปลี่ยนมุมมองของอาจารย์ผู้สอนและอาจารย์อาวุโส ที่ยังมองภาพการจัดการศึกษาและยึดติดในรปู แบบเดิมๆ ยึดติดกับระบบการบรหิ ารจัดการในอดีต เช่น ในการจัดการเรยี นการสอนทีใ่ หค้ วามสำคญั กบั ครู ครูเป็นศูนย์กลาง ของความรู้ทงั้ มวล รวมท้ังความเกรงใจในระบบการทำงานแบบอาวุโสและระบบการบริหารรูปแบบเดิมๆ อาจทำให้อาจารยร์ นุ่ ใหม่หรือบุคลากรผู้ใตบ้ ังคับบญั ชาไม่กลา้ แสดงความคดิ เห็น หรือกระทำการใดๆทีน่ ำไปสู่การขัดแย้งแนวคดิ ในการบรหิ ารงาน รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแนวใหม่ทนี่ ำระบบเทคโนโลยีหรือรูปแบบการเรียนการสอนระบบออนไลน์มาใช้ควบคูก่ ัน ซึง่ อาจารยห์ ลายคนอาจจะขาดทักษะและปรบั ตัวไม่ทันกับการกา้ วสู่ยุคดิจิทัลในสถานการณท์ เ่ี ปลี่ยนไป 2.ด้านหลกั สูตรการเรยี นการสอน เมื่อระบบเทคโนโลยียคุ ดิจทิ ัลที่กำลังเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโค วิค 19 ที่ระบาดในช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลให้กระบวนการเรียนการสอนต้องปรับเปลี่ยนไปจากเดิมอย่าง รวดเร็วมาก ผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ใหม่ๆที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเรียนรู้ได้เอง สามารถเข้าถงึ แหลง่ ข้อมูลได้ง่าย แบบทกุ ทที่ กุ เวลาทต่ี ้องการศกึ ษาเรยี นรู้ แทบไม่ต้องมาเรียนในระบบหอ้ งเรียนอกี ต่อไป และสถาน ประอบการบางแห่ง ก็เปิดสถานศึกษาของตนเองเพื่อสร้างพนักงานตามความต้องการ โดยเปิดหลักสูตรสอนเอง ซ่ึง ปญั หาดังกลา่ วสง่ ผลกระทบตอ่ การพัฒนาด้านหลักสตู รการเรียนการสอน ไดแ้ ก่ 2.1 สถาบนั อุดมศกึ ษาสว่ นใหญย่ ังคงเปดิ สอนในหลกั สตู รคณะวิชาเดิมๆ ทอี่ าจจะไม่ตอบโจทยผ์ ูเ้ รียน ยุคใหม่ หรืออาชพี ในอนาคตที่ไมเ่ ป็นท่ีตอ้ งการในตลาดแรงงานแล้ว หลักสตู รท่ีมีบางสาขาวชิ าอาจจะตกยคุ ไมท่ นั กับ อาชีพใหม่ในโลกอนาคตของคนรุ่นใหม่ (Gen-z) เพราะอาชีพในปัจจุบันไมใ่ ช่อาชีพที่จำเปน็ ในโลกอนาคต อีกนัยหน่ึง หากจะมีการเปิดหลักสูตรหรือคณะวิชาที่ทันสมัยแบบสหวิทยาการ อาจจะเผชิญกับปัญหาทักษะความสามารถของ อาจารย์ผูส้ อน ซง่ึ อาจจะต้องมีความรู้ มที ักษะในหลากหลายศาสตร์ของผู้สอนร่วมด้วย 2.2 สถานประกอบการรายใหญๆ่ เปิดสถานศกึ ษาของตนเองเพือ่ สรา้ งคนพนั ธใ์ุ หม่ ใหม้ ที กั ษะความรู้ และสมรรถนะที่สถานประกอบการต้องการ สร้างหลักสูตรและสร้างคนทำงานในอาชีพที่สนองความต้องการของ หนว่ ยงาน เช่น Google และ Microsoft เสนอหลักสูตรวชิ าออนไลนท์ บี่ ริษัทเป็นผจู้ ดั ทำ เม่อื ผ้เู รยี นผ่านหลักสูตรก็จะ รบั เขา้ ทำงานในบริษทั ได้ โดยไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งมีคุณวุฒิหรือสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ซง่ึ วชิ าเหล่านี้ง่ายต่อการ เข้าถึงและมคี ่าใชจ้ า่ ยต่ำ นักศึกษาสามารถทีจ่ ะเลือกเรียนหลักสูตรระยะสนั้ เหล่านีไ้ ด้ ที่มีขอ้ ได้เปรียบคือใช้ระยะเวลา นอ้ ยและค่าใชจ้ า่ ยถูก ได้ความรู้และทกั ษะจำเปน็ ท่ีผู้วา่ จ้าง (นายจา้ ง) ตอ้ งการ ซึ่งตรงข้ามกบั ระบบการจัดการศึกษา ในสถาบนั อุดมศึกษา ที่ยังอยู่ในกรอบและระบบเรยี นในห้องเรียนท่ีต้องใช้เวลาในการสำเร็จถึง 4 ปีหรอื มากกว่านั้นใน บางหลักสูตร และหากจะศึกษาวิเคราะห์ลึกลงไปอาจจะพบว่า มีบางรายวิชาที่นักศึกษาต้องเรียน ทั้งที่วิชาเหล่านั้น อาจจะไม่สามารถนำมาใช้ได้กบั อาชพี ใหม่และโลกอนาคตไดเ้ ทา่ ทีค่ วร 3. ดา้ นจำนวนผเู้ รยี นทลี่ ดลง ผลการฉายภาพประชากรของแผนกกิจการสังคมและเศรษฐกิจ องค์การสหประชาชาติ ในหนังสือชื่อว่า World Population Prospect 2019 มขี อ้ ค้นพบท่นี า่ สนใจ ดังน้ี 1.จำนวนประชากรท้ังหมดของโลกจะแตะหมื่นล้าน หนา้ 262

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ในอีกไม่เกิน 20 ปีข้างหน้านี้ แม้ว่าอัตราการเติบโตของประชากร (Population growth) จะค่อย ๆ ลดลงไปก็ตาม และ 2.ประเทศไทยจะมีจำนวนประชากรลดลงในอีก 30 ปีข้างหน้าราวร้อยละ 5 หรือเหลือประมาณหกสิบล้านคน หรอื น้อยกวา่ ในขณะท่ปี ระเทศตา่ ง ๆ ในทวีปยุโรปจะมีการลดลงของประชากรมากสุด บางประเทศในทวีปยุโรปจะมี จำนวนประชากรลดลงถึงร้อยละ 20 ประเทศญี่ปุ่นในอีก 30 ปีข้างหน้าจะมีจำนวนประชากรลดลงร้อยละ 17 โดยประมาณ (ผศ.ดร.อานนท์ ศกั ด์วิ รวชิ ญ,์ 2562) และในทางตรงกันขา้ ม การเปลย่ี นแปลงทางโครงสร้างสังคมท่สี ำคญั ที่สุดในศตวรรษที่21 คือ การเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเติบโตอย่าง รวดเร็วของจำนวนผู้สูงอายุ ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประชากรมีอายุยืนขึ้นเนื่องจากการรักษาพยาบาลมี ประสิทธิภาพมากขึ้น ประชากรที่เกิดในยุค Baby Boomers ได้เข้าสู่วัยสูงอายุ โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างเช่น ประเทศฝรั่งเศส สวเี ดน ญี่ปุน่ สิงคโปร์ ฯลฯ จากจำนวนประชากรที่ลดลงข้างต้น ได้ส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้เรียนที่ลดลง และส่งผลต่อระบบการศึกษา ไทยในภาพรวมด้วย ซึ่งสอดคล้องกับ ดร.พีระพงศ์ ตริยเจริญ ผู้จัดการระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาใน สถาบันอุดมศึกษา หรือ ทีแคส ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่าทปอ.ได้สรุปข้อมูลการรับ สมัครและผลการคัดเลือกบุคคลในระบบทีแคส ประจำปกี ารศึกษา 2563 ตงั้ แตร่ อบท่ี 1 ถงึ รอบท่ี 5 โดยเป็นขอ้ มูลเมื่อ วันท่ี 21 กรฎาคม 2563 ดังน้ี รอบที่ 1 จำนวนสถาบันที่เข้าร่วม 66 แห่ง จำนวนสาขาวิชาที่เปิดรับ 3,574 สาขา จำนวนเรียกรับ 138,230 คน จำนวนผสู้ มัคร 127,190 คน ผา่ นการคดั เลือก78,094 คน รอบท่ี 2 มีสถาบันเข้าร่วม 62 แห่ง เปิดรับ 3,651 สาขา เรียกรับ 124,014 คน สมัคร 112,407 คน ผ่านการ คัดเลือก 66,599 คน รอบท่ี 3 มีสถาบันเข้าร่วม 67 แห่ง สาขาวิชาที่เปิดรับ 3,604 สาขา เรียกรับ 135,431 คน สมัคร 103,728 คน ผ่านการคัดเลือก 70,839 คน รอบท่ี 4 มีสถาบันเข้าร่วม 69 แห่ง สาขาวิชาที่ เปดิ รับ 3,171 สาขา เรยี กรับ 120,966 คน สมคั ร 61,386 คน ผา่ นการคัดเลือก 46,512 คน และรอบท่ี 5 มสี ถาบัน เข้าร่วม 45 แห่ง สาขาวิชาที่เปิดรับ 2,191 สาขา เรียกรับ 46,663 คน สมัคร 28,796 คน ผ่านการ คัดเลือก 16,511 คน รวมทั้ง 5 รอบ มีผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา 200,631 คน (ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย,2563) และอีกสาเหตุหนึ่งมีนักเรียนบางกลุ่มไม่เข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา เพราะต้องการเข่าสู่ตลาดแรงงาน หรือ ต้องการทำงานหาประสบการณ์ก่อน และปัญหาเศรษฐกิจของครอบครัว อีกทั้งปัจจุบันนักเรียนมีทางเลือกท่ี หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษานอกระบบ หรือการศึกษาต่อกับสถานประกอบการที่เปิดสอนทักษะอาชีพเฉพาะ ทาง เปน็ ตน้ จากสภาพปญั หาจำนวนผเู้ รียนที่ลดลง สวนทางกบั จำนวนสถาบนั อดุ มศกึ ษาทเี่ ปดิ มากขนึ้ รวมท้ังการเปิดให้ มกี ารเรียนในภาคปกตแิ ละภาคพเิ ศษของสถาบันการศึกษาของรัฐ ทขี่ ณะนม้ี ีแผนการตลาดและการแข่งขนั ท่ีรนุ แรง ของแต่ละสถานศึกษา ตา่ งใช้กลยุทธ์เพ่อื ดงึ ผูเ้ รยี นเขา้ ระบบ เชน่ การใหโ้ ควตา้ การให้ทนุ การศกึ ษา ทนุ ความสามารถ พเิ ศษ การแจกส่วนลดตา่ งๆอีกอย่างมากมาย เพ่อื ใหไ้ ด้นกั ศึกษาเข้ามาในสถานศกึ ษาของแตล่ ะแหง่ อย่างรนุ แรงโดย ไม่ไดค้ ำนึงถงึ ผลกระทบดา้ นคุณภาพการศึกษา 4.ดา้ นงบประมาณและทรัพยากรทางการศกึ ษาของมหาวิทยาลยั สถาบันอุดมศึกษาสว่ นใหญ่จะมีแผนการพัฒนาทรัพยากรทางการศึกษาด้านกายภาพ และจากอดีตท่ผี ่านมา ประมาณ 10 ปีก่อนนี้ สถาบันอุดมศึกษาโดยส่วนใหญ่มีการเติบโตของสถานศึกษาแบบก้าวกระโดด เพราะต้องสร้าง และจัดหาอาคารสถานที่สำหรับรองรับนักศึกษาที่จะเข้ามาศึกษาในสถานศึกษา ในอดีตแต่ละปีสถาบันอุดมศึกษามี หน้า 263

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) จำนวนนักศึกษาใหม่เป็นพันๆคน งบประมาณที่ต้องลงทุนไปกับการสร้างอาคารเรียน การจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆที่เป็น พืน้ ฐานในการเรียนการสอน การจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อมของสถาบนั ใหส้ วยงาม เป็นสิ่งท่แี ต่ละสถาบนั อดุ มศกึ ษา จะต้องลงทุนด้วยงบประมาณค่อนข้างสูง แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ การเปลี่ยนแปลงทาง สังคมด้านประชากร และการก้าวสู่สังคมเทคโนโลยียุคดิจิทัล ที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการองค์กรและทรัพยากร ทางการศึกษา สถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งอาจจะต้องเจอกับปัญหาด้านงบประมาณค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง จาการ ก่อสร้างอาคารเรียน การบำรุงรักษาอาคารสถานที่ การปรับเปลี่ยนอาคารเรียน การจัดซื้อสื่ออุปกรณ์ด้ านเทคโนโลยี รวมทั้งการลงทุนเกี่ยวกับโปรแกรมฐานข้อมูลต่างๆ เพื่อการค้นคว้า และระบบออนไลน์ที่เอื้อให้นักศึกษาสามารถ เขา้ ถึงขอ้ มูลต่างๆตามการเรียนรู้สมัยใหม่ ซ่ึงเป็นคา่ ใช้จ่ายท่คี ่อนสูงข้นึ แตส่ วนทางกับรายรับทีไ่ ดจ้ ากจำนวนนักศึกษา ที่ลดลง ปัญหาน้ีล้วนส่งผลกระทบในแง่การบริหารจัดการเงินและทรัพยากรต่างๆให้เกิดความคุ้มค่าคุ้มทุนภายใต้ ผลกระทบท่ีเกดิ ขึน้ อยา่ งรนุ แรงในขณะนี้ แนวทางการปรบั ตัวเพื่อให้มีทางเลือก..ทางรอด..ในการจดั การศกึ ษาของสถาบนั อดุ มศกึ ษา จากสภาพปัญหาที่ไดก้ ล่าวไว้ข้างต้น แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้นกับการจัดการศึกษาในทุกระดับ แต่ด้วยความเช่อื ที่ว่าในวิกฤติย่อมมีทางออกเสมอ และจากจุดแข็งของสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นแหล่งรวมผู้ทรงคุณวุฒินักวิชาการ นักวิจยั ทีม่ ีคุณภาพและครอบคลุมศาสตร์ตา่ งๆที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศน้ัน สถาบันอุดมศกึ ษาย่อมจะสามารถฝ่า ปญั หาไปได้ ดว้ ยแนวทางทเ่ี ป็นทางเลือก ทางรอดในการปรบั ตวั ตอ่ ไปนี้ 1.การปรับระบบการบริหารจัดการองคก์ ร การบริหารจัดการองค์กรของสถาบนั อุดมศึกษาในอนาคต จะต้องเป็นองค์กรขนาดเล็กแต่จิว๋ คณะวิชาท่ีเคย แยกกันอยู่เปน็ เอกเทศ อาจจะต้องรวมศาสตร์เหลา่ นั้นเขา้ ด้วยกนั เพื่อปรับโครงสร้างองค์กรให้เล็กลงแต่มีคุณภาพใน การสร้างสรรค์ศาสตร์ใหม่ๆที่ตอบโจทย์อนาคต ใช้อาจารยแ์ ละบุคลากรประจำนอ้ ยลง ทุกคนต้องเปน็ คนมคี ุณภาพ มี ทกั ษะและสมรรถนะในการทำงานสูง สามารถทำงานได้หลายหนา้ ท่ีมากขึ้น การใหบ้ รกิ ารตา่ งๆก็จะรวดเรว็ ลดขั้นตอน ดว้ ยการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารองค์กรได้อย่างมปี ระสทิ ธิผลและประสทิ ธภิ าพ เช่น 1.1 การนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัล มาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กร การนำระบบ เทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้กับการบริหารองค์กรอย่างเหมาะสม มีความสำคัญไม่แพ้การมีบุคลากรที่มี ศักยภาพ โดยเฉพาะยุคนี้ที่มีข้อมูล Big data อยู่จำนวนมาก ผู้บริหารควรที่จะหาวิธีในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำมา ประกอบการจัดทำกลยุทธ์ในด้านต่างๆ เช่น แนวโน้มความต้องการของผู้เรียนในอนาคต อาชีพในอนาคตเพื่อนำไปสู่การ วางแผนด้านการออแบบหลักสูตร การพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้กับนักศึกษาที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษา สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่จะทำให้สถาบันอุดมศึกษายืนหยัดอยู่ได้ก็คือ การเข้าใจความ ต้องการและเข้าใจในพฤติกรรมของสังคมและนักศึกษาที่กำลังจะเปลี่ยนไป การเพิ่มจำนวนนักศึกษาให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม กับขนาดของสถาบันอุดมศึกษาภายใต้สถานการณ์ที่มีการแข่งขันกันอย่างมาก ซึ่งปัจจัยเดียวที่จะทำให้สถาบันอุดมศึกษา เข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้ก็คือการถอดรหัส “ข้อมูล” หรือรอยเท้าดิจิทลั (Digital Footprint) เพื่อนำข้อมลู เหล่านี้มา วางกลยุทธ์และเสริมจุดเด่นทางวิชาการของสถาบันอุดมศึกษาให้เข้มแข็งขึ้น สถาบันอุดมศึกษาอาจจะต้องหาแพลตฟอรม์ ใหม่ๆมาใช้ในการบริหารจัดการ เช่น การให้บริการที่เข้าถึงกลุ่มนักศึกษา ซึ่งข้อมูลที่อยู่ใน Big data จะช่วยให้ หน้า 264

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สถาบันอุดมศึกษาสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของนักศึกษาที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อย่างชัดเจนว่า มีความต้องการ มีความ สนใจ หรือมีความต้องการความรู้เรื่องใดเป็นพิเศษ แนวโน้มอาชีพในอนาคตจะไปในทิศทางไหน แล้วนำข้อมูลที่ได้ไป ปรบั เปล่ียนเพ่อื การพฒั นามหาวิทยาลยั ให้มีความเหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์มต่อไป 1.2 การพัฒนาบุคลากรและปรับเปลี่ยนมุมมองและแนวความคิดต่ออาชีพ เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญ มาก โดยเฉพาะบุคลากรที่เป็นอาจารย์ผู้ให้ความรู้ ซึ่งจะต้องมีทักษะและความสามารถอื่นๆเพิ่มเติม นอกจาก การเป็นผู้ ถา่ ยทอดความรู้เท่านน้ั จากการเปลยี่ นแปลงในปัจจบุ นั อาจารยจ์ ะไม่ไดแ้ ค่เป็นผูใ้ ห้ความรู้แกน่ กั ศกึ ษาเพยี งอย่างเดียว อาจารยจ์ ะตอ้ งปรบั มมุ มองและเปล่ียนแปลงรปู แบบการทำงานใหม่ เป็นผูบ้ ริหารจดั การความรู้ ต้องสามารถออกแบบ หลักสูตรหรือผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่น่าสนใจ ต้องสามารถนำเสนอหลักสูตรเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย อาจารยค์ วรพัฒนาตนเองใหม้ คี วามสามารถในการเป็นผปู้ ระกอบการ เปน็ นกั ประชาสัมพันธ์ เป็นนักการตลาด เปน็ นัก วางแผน เป็นนักธรุ กิจที่สามารถสอนและสรา้ งนักศึกษาใหเ้ ป็นผปู้ ระกอบการรุ่นใหมไ่ ด้ หรอื สอน แนะนำ ให้นักศึกษา สามารถนำความรทู้ เ่ี รยี นไปตอ่ ยอดสร้างสรรค์นวตั กรรมใหม่ๆได้ สถาบันอดุ มศึกษาจงึ ควรที่จะสง่ เสริมและกระตุ้นให้ อาจารย์ได้พฒั นาศักยภาพ ปรับตัวทั้งรูปแบบการสอน วิธีการสอน และปรับเน้ือหาวิชาให้มีความทันสมัย สอดรับกบั สถานการณ์และอาชพี ในอนาคต รวมทัง้ ความตอ้ งการของกล่มุ ผู้เรยี นในปัจจุบนั ซึ่งผสู้ อนท่ีมีคณุ ภาพและศักยภาพจะ เปน็ จดุ แขง็ ทช่ี ว่ ยให้สถาบันอุดมศกึ ษานนั้ ๆฝา่ วิกฤตตา่ งๆทีเ่ กดิ ข้ึนไปได้ 2.การสรา้ งและพฒั นาหลักสตู รใหมๆ่ ที่ตอบสนองอาชีพในอนาคต โลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทัง้ ทางสังคม เศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ส่งผลทำให้แตล่ ะประเทศตอ้ งแข่งขนั กนั ในด้านเศรษฐกิจ การจัดการศกึ ษาจึงตอ้ งสร้างหลักสตู รใหมๆ่ อาทิ ประเทศสิงคโปร์ มีการสร้างหลักสูตรท่ีเน้นเป็น หลักสูตรเฉพาะด้าน เช่น ด้านเทคโนโลยี เน้นหลักสูตรนานาชาติเพื่อการเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน และการเรียนรู้ใน โลกอนาคตก็จะมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น จุดนี้จะเป็นโอกาสอย่างมากในการปรับตัวของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่ง สอดคล้องกับแผนของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2563) เกี่ยวกับการปรับหลักสูตรให้ ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานและแตล่ ะช่วงวัย โดยการปรบั หลักสูตรให้สอดรบั กับตลาดแรงงาน โดย ส่งเสริมการเรียนแบบสหวชิ าการ การพัฒนาหลักสูตรรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผูเ้ รียน ตลอดจนการ พัฒนาหลักสูตรระยะสน้ั เพ่ือตอบสนองต่อคนแตล่ ะวยั และสง่ เสริม การเรียนรู้ตลอดชวี ิต ได้แก่ 2.1.จากสภาวการณแ์ ขง่ ขันในตลาดแรงงานที่ไม่มพี รมแดน การพฒั นาและส่งเสริมให้มีหลักสตู รนานาชาติทม่ี ี คณุ ภาพไดม้ าตรฐานสากล จะสามารถช่วยพัฒนาให้ผู้เรยี นมโี อกาสได้รับการจ้างงานมากข้ึน อย่างเชน่ ประเทศสงิ คโปร์ มีการใช้หลักสูตรนานาชาติในการเรียนการสอนตั้งแต่ช้ันอนุบาลจนกระทัง่ ถึงระดบั ปริญญาเอกมานานแล้ว หลักสูตร ต่างๆที่เปิดสอนได้รับการพัฒนาให้เป็นที่ยอมรับและสร้างชื่อเสียง ทำให้มหาวิทยาลัยของประเทศสิงคโปร์ จนไ ด้รับ ก า ร จ ั ด อ ย ู ่ ใ น 1 0 อ ั น ด ั บ ม ห า ว ิ ท ย า ล ั ย ท ี ่ ด ี ท ี ่ ส ุ ด ใ น เ อ เ ช ี ย จ า ก QS University Ranking 2019 (https://www.scholarship.in.th) พบว่า National University of Singapore (NUS) ได้รับการจัดให้เป็น มหาวิทยาลัยดีเด่นอันดับ 1 และ Nanyang Technological University, Singapore (NTU) ได้รับการจัดให้เป็น มหาวทิ ยาลัยอันดบั 2 สถาบันอุดมศึกษาไทยอาจจะต้องกลับมาทบทวน และพัฒนาแบบเจาะลึกในแต่ละหลักสูตรที่เปิดสอนอยู่ เพื่อยกระดับคุณภาพของหลักสูตรให้เข้มแข็งสร้างจุดขาย สร้างการรับรู้ให้กับนักศึกษาได้เห็นโอกาสจากหลักสูตร หน้า 265

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ใหม่ๆที่ตอบสนองความต้องการของอาชีพในอนาคต ตวั อย่างเชน่ มหาวิทยาลยั ในประเทศจนี ท่ีเน้นหลักสูตรการเรียน การสอนแบบ STEM (Science, Technology, Engineering, and Mathematics) ทำให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ของประเทศจีนก้าวกระโดด ทั้งในด้านอุตสาหกรรมและการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆอย่างรวดเร็ว หลักสูตรใน สถาบันอุดมศึกษาไทยอาจจะต้องเปิดกว้างเพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น นักศึกษาสามารถที่จะเลือกวิชาเรียนที่ สนใจ แม้ว่าบางวิชาอาจจะอยู่นอกคณะที่เรียน ทำให้นักศึกษาสามารถนำความรู้ที่ศึกษาเพิ่มเติมนั้นไปใช้ และเป็น ประโยชน์ในอาชีพอนาคตได้ 2.2. การสร้างพันธมิตรเพอื่ สร้างหลักสตู รพนั ธใ์ุ หมร่ ว่ มกบั สถานประกอบการ จากขอ้ มูลของ Holon IQ คาด อนาคตตลาด Global EdTech โต 2.5x ใน 5 ปี (http://www.disruptignite.com) คาดการณ์ว่า ตลาดการศึกษา จะมีจำนวน 10 ลา้ น $US ภายในปี 2560 ตลาดทจี่ ะเติบโตมากท่ีสดุ คือ ทวีปเอเชยี ดังนนั้ การพัฒนาหลักสูตรใหม่ๆ ที่เป็นในลักษณะ EdTech พบว่าภายในปี 2025 ตลาด Global EdTech จะเติบโตมีมูลค่าถึง 404 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งเติบโตมากขึ้น 16.3% CAGR ในขณะที่ตลาดการศึกษาแบบ traditional คาดว่าจะมีขนาดลดลงกว่าเดิมที่ได้ คาดการณ์ไว้จากเทรนดก์ ารใช้จ่ายที่ลดลง ผู้เรียนเริ่มมีตัวเลือกเยอะขึ้นทำให้ สถาบันทั่วไปต้องเริ่มปรับราคาค่าเรียน ลดลงเพื่อให้แข่งขันได้ และต้องสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการและภาคอุตสาหกรรม ขณะนี้ นโยบายของสำนักมาตรฐานและประเมินผลอุดมศึกษา ,สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา ได้มีนโยบายเกี่ยวกับใน โครงการสร้างบัณฑติ พันธ์ใหม่และกำลังคนทีม่ ีสมรรถนะเพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิตตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษา ไทย สร้างโอกาสในการพัฒนากำลังคนและสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรองรับ New S-Curve ซึ่งจะเป็น กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การมีส่วนร่วมในการสร้างหลักสูตรระหว่างสถาบันอุดมศึกษากับ สถานประกอบการ ทั้งการปรับโครงสร้างหลักสูตร กระบวนการเรียนการสอนที่เน้นทฤษฎีและการปฏิบัติในสถาน ประอบการเพื่อให้เกิดประสบการณ์ตรงแบบควบคู่กัน จะช่วยให้นักศึกษาได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติงาน ก่อให้เกิด สมรรถนะและศกั ยภาพ มีมาตรฐานตามทต่ี ลาดแรงงานต้องการ หลกั สูตรพนั ธใ์ หม่ๆเหลา่ นี้จะชว่ ยในการผลติ บณั ฑิตที่ มีความสามารถ และยังเป็นโอกาสในการแข่งขันด้านการตลาดการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาอีกทางห นึ่งด้วย ซ่ึง สอดคล้องกับแผนของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2563) เกี่ยวกับการนำนวัตกรรมการ จัดการเรียนการสอนมาใช้ในมหาวิทยาลัย อาทิ การจัดการศึกษารูปแบบใหม่ที่ให้นักศึกษาสามารถจัดองค์ประกอบ ของวิชาเรียนได้ การพัฒนารายวิชาใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์บริบทการเปลีย่ นแปลง ตลอดจนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ ในระบบการเรียนการสอนมากขนึ้ 2.3.การสร้างหลักสูตรฝึกอบรมในลักษณะ Re-skill & up-skill สำหรับกลุ่มคนทำงานหรือกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะในอนาคตอนั ใกล้นป้ี ระเทศไทยกำลังจะเขา้ ส่สู งั คมผ้สู ูงอายุอย่างสมบรู ณ์ กลุม่ คนทำงานและกล่มุ ผู้สูงอายเุ หลา่ น้ี ยังเป็นกลไกสำคัญในระบบการทำงานเพราะอัตราการเกิดลดลง กลุ่มคนเหล่านี้จึงต้องได้รับการพัฒนาทักษะจำเปน็ สำหรับการทำงานในยุคดิจิทัล จึงเป็นโอกาสทองและเป็นความท้าทายของสถาบันอุดมศึกษาที่จะเปิด ตลาดกลุ่ม ผู้รับบริการกลุ่มใหม่ เพื่อทดแทนกลุ่มวัยเรียนที่ลดลง ด้วยการเปิดหลักสูตรฝึกอบรมในรูปแบบต่างๆ ที่ตอบสนอง ความต้องการเพื่อ Re-skill & up-skill ทั้งการอบรมในระบบหรือเป็นหลักสูตรออนไลน์ โดยใช้ประโยชน์จากระบบ Social และ Smart Phone ที่ทุกคนให้ความสำคัญมาเป็นเครื่องมือและช่องทางสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมาย หลักสูตร เหลา่ นีอ้ าจจะสรา้ งรายรบั ให้กับสถาบนั อุดมศึกษาได้อีกด้วย หนา้ 266

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 3. การขยายกลุม่ ผเู้ รียนให้หลากหลาย จากสภาพการเปลีย่ นแปลงประชากรของโลกท่ีพบวา่ เด็กจะเกดิ นอ้ ยลง และข้อมลู ขององคก์ ารอนามัยโลก (WHO) มีการคาดการณ์วา่ จำนวนประชากรทม่ี ีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะมีจำนวนเพิ่มขนึ้ อยา่ งนอ้ ยร้อยละ 3 ต่อปี โดยในปี พ.ศ. 2573 คาดว่าจะมจี ำนวนประชากรสูงอายุมากถึงประมาณ 1.4 พันล้านคนและจะเพมิ่ ขึ้นถึง 2 พันลา้ นคนในปี พ.ศ. 2593 ทวีปเอเชยี จะมปี ระชากรสงู วยั มากทีส่ ดุ ในโลก โดยคาดว่าสัดส่วนผู้ท่ีมีอายุ 60 ปขี น้ึ ไปในทวปี เอเชยี จะเพิ่มข้นึ อยา่ งรวดเร็ว โดยเฉพาะประเทศญ่ปี นุ่ ซงึ่ ถือเป็นประเทศทม่ี ปี ระชากรสงู วัยมากท่สี ุดในโลกและถือเปน็ ประเทศแรกๆ ของโลกท่ีเขา้ ส่สู ังคม ผสู้ ูงอายอุ ย่างเต็มตวั (Super-aged Society) สำหรับประเทศไทยน้นั จำนวนผู้สูงอายุมีตวั เลขเทียบเท่ากบั ประเทศทีพ่ ฒั นา แล้วหลายประเทศซึง่ ถือวา่ มีอัตราการเตบิ โตเป็นอันดับ 3 ในทวปี เอเชีย รองมาจากประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญปี่ นุ่ โดย ประเทศไทยได้เข้าใกล้สงั คมสูงวัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ขณะท่ตี ัวเลขของกรมกิจการผูส้ งู อายุ กระทรวงการพฒั นาสังคมและ ความม่ันคงของมนษุ ย์ (พม.) ณ วันท่ี31 ธันวาคม พ.ศ.2562 พบวา่ ประเทศไทยมปี ระชากรทง้ั ส้นิ 66.5 ล้านคน เฉพาะ ผสู้ ูงอายมุ ีมากถงึ 11.1 ลา้ นคนหรือคิดเปน็ 16.73% สว่ นข้อมูลของกระทรวงสาธารณสขุ ระบวุ า่ ในปัจจบุ นั พ.ศ.2563 ประเทศไทยมีประชากรทมี่ อี ายุ 60 ปขี ้ึนไปจำนวนมากกวา่ 12 ลา้ นคน หรือราว 18% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และจะ เพ่มิ เป็น 20% ในปี พ.ศ.2564 ชใี้ ห้เห็นวา่ ประเทศไทยเขา้ สสู่ งั คมผ้สู ูงอายุแลว้ และกำลังจะเป็นสงั คมผสู้ งู อายอุ ย่างสมบูรณ์ แบบในอีกไมก่ ี่ปขี า้ งหน้าน้ี สำนักงานสถิติแห่งชาติ คาดการณว์ า่ ประเทศไทยจะเข้าสสู่ ังคมผ้สู งู อายอุ ยา่ งเต็มตวั ในปี พ.ศ. 2565 และในปี พ.ศ. 2573 จะมีสดั สว่ นประชากรสงู วัยเพ่ิมขึ้นอยู่ท่ีรอ้ ยละ 26.9 ของประชากรทั้งประเทศ ในขณะทีจ่ ำนวน ประชากรวัยหนมุ่ สาวกลับมจี ำนวนน้อยลง ซง่ึ ย่อมสง่ ผลกระทบต่อจำนวนของวยั ทำงานทล่ี ดลงดว้ ย จากจำนวน 50 ลา้ นคน เปน็ 40 ลา้ นคน ในปี 2583(กรมสุขภาพจติ ,2563) ดังนน้ั ทางรอดของสถาบนั อุดมศึกษา คอื การขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ เพื่อทดแทนกลุ่มวัยเรียนทลี่ ดลง 3.1.การเปิดตลาดทางการศึกษากับกลุ่มนักศึกษาต่างชาติทั้งในกลุ่มเอเชียและกลุ่มตะวันตก ข้อมูล ความ เคลื่อนไหวของนักศึกษาต่างชาติ: ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักศึกษาต่างชาติเป็นอันดับ 3 ในแถบ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากมาเลเซียและสิงคโปร์ ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมด้าน หลักสูตรนานาชาติ จากนักศึกษาต่างชาติจำนวนมาก รองจากอินโดนีเซีย หรือเวียดนาม และจากข้อมูลของทุนรัฐบาล (Undergraduate Intelligence Scholarship Program :UIS) ในช่วงปี 2542 – 2555 พบว่า จำนวนนักศึกษาต่างชาติใน หลักสูตรนานาชาติมีอัตราเพิ่มมากขึ้นถึง 979% จากจำนวน 1,882 คน เป็น 20,309 คน โดยมีนักศึกษาจีนเป็นกลุ่ม นักศึกษาต่างชาติจำนวนมากที่สุด ในขณะที่ IIE เปิดเผยข้อมูลว่านักศึกษาอเมริกันมีอัตราการเพิ่มเป็น 2 เท่า จากจำนวน 1,128 คน (ปี 2527/2528) เป็น 2,093 คน (ปี 2559/2560) และจากการสำรวจนักศึกษาจีนและอเมริกันถึงสาเหตุที่ นอกเหนือไปจากมาตรฐานวิชาการของหลักสูตรในประเทศไทยแล้ว นักศึกษานิยมมาเรียนที่ประเทศไทย เนื่องจาก ความ เป็นมิตรของคนไทย โครงสร้างพื้นฐาน ค่าใช้จ่ายต่ำ สภาพแวดล้อมที่สวยงาม และความปลอดภัย (http://wenr.wes.org) ขอ้ มลู ขา้ งต้นจึงนับวา่ เป็นโอกาสทางรอดในระบบการศึกษาของไทย ทจ่ี ะเปิดตลาดการศกึ ษากับกลุ่มนักศึกษาต่างชาติ ด้วย จุดเดน่ และจุดแข็งหลายอย่างของมหาวิทยาลัยไทย เพียงแต่สถาบันอุดมศึกษาจะต้องเพ่ิมมาตรฐานการคัดกรอง การกำกับ ดูแลมาตรฐานการเรียนการสอน และการประเมินต่างๆ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในการรับนักศึกษาต่างชาติเข้าศึกษาใน ระดับอุดมศึกษา โดยไม่ทำให้เกิดผลกระทบด้านมาตรฐานคุณภาพการศึกษา เหมือนในอดีตที่มีประเทศเพื่อนบ้านที่จัด การศึกษาแบบมหาวิทยาลัยตึกแถว เมื่อสำเร็จการศกึ ษามาแล้วกไ็ มม่ ีคุณภาพไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม รวมท้ังการตระหนัก เพอ่ื ป้องกนั ปัญหาท่ีจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการครอบงำในธุรกิจการศึกษาของไทยโดยต่างชาติเข้ามาซื้อกิจการหรือร่วมลงทุน หน้า 267

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ทางการศกึ ษาไทยในอนาคต ซงึ่ สอดคลอ้ งกับแผนของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ. (2563) ที่เสนอ แนวทางเก่ยี วกบั การขยายกลุ่มเป้าหมาย โดยมกี ารขยายกลมุ่ เปา้ หมายการรบั นกั ศึกษาทคี่ รอบคลมุ ไปถึงนักศึกษาตา่ งชาติ 3.2 เปดิ รบั กล่มุ เป้าหมายใหม่ Aging group จากข้อมูลประชากรศาสตร์ทที่ ุกประเทศทั่วโลกก้าวเขา้ สู่ สังคมผู้สูงอายุ สถาบันอุดมศึกษาอาจจะเปิดหลักสูตรใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับ Aging group เพื่อให้ กลุม่ นม้ี ีทกั ษะท่ีจำเป็นในการทำงานแบบไม่ตกยุค รูเ้ ท่าทันและสามารถควบคุม AI ทีจ่ ะเข้ามามีบทบาทในยุคดิจิทัลมากข้ึน เช่น ทักษะการเป็นผู้ประกอบการที่มคี ุณภาพ การทำธุรกิจออนไลน์ ทกั ษะการส่ือสารภาษาตา่ งประเทศ เพ่ือสร้างโอกาสใน การสร้างรายได้ให้กับ Aging group หากสถาบันอุดมศึกษาสามารถสร้างโอกาสเปิดรับ Aging group ที่มีจำนวนมากนี้ได้ สถาบันอุดมศึกษาก็จะเป็นศูนย์กลางแห่งสรรพวิชาการ และแหล่งความรู้ที่สำคัญที่จะได้ช่วยพัฒนาคนและพัฒนาชาติใน ด้านการบรกิ ารวิชาการอีกทางหนึง่ ดว้ ย 4.การสร้างประโยชน์จากทรพั ยากรของมหาวทิ ยาลัย จากการลงทุนของแต่ละสถาบันอุดมศึกษาด้านอาคาร สถานที่และอุปกรณ์การเรียนการสอนที่มีมูลค่า การ ลงทุนที่สูงมาก แนวทางที่สถาบันอุดมศึกษาอาจจะต้องกลับมาพิจารณาคือ การสร้างประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ ของสถาบันอุดมศึกษาให้เป็นแหล่งสร้างรายได้ โดยเปิดโอกาสให้หน่วยงานทั้งภาครัฐหรือภาคชนได้เข้ามาใช้บริการ สถานที่ต่างๆ เช่น การเช่าห้องปฏิบัติการเพื่อการวิจัย ห้องเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อจัดฝึกอบรม ศูนย์กีฬาในกิจกรรม สร้างความสัมพันธ์ของบุคลากร การใช้ห้องประชุมในสถานศึกษาแทนการเช่าโรงแรม หรือกิจกรรมอื่นๆท่ี สถาบันอุดมศึกษาจะเอื้อประโยชน์กับสถานประกอบการ โรงเรียนเครือข่ายหรือชุมชนใกล้เคียง เพราะ สถาบันอุดมศึกษาเปน็ แหล่งทรัพยากรที่มีคุณภาพเปน็ ที่พ่งึ ของสงั คม การแบ่งปนั และสรา้ งประโยชน์ภายใต้ทรัพยากร ที่สถาบันอุดมศึกษามี นอกจากจะช่วยเหลือสถานประกอบการลดค่าใช้จ่ายจากการวิจัยหรือการพัฒนาบุคลากรแล้ว ยังเป็นโอกาสสร้างความใกล้ชิดระหว่างสถาบันอุดมศึกษากับสถานประกอบการและชุมชน อันจะนำไปสู่การพัฒนา ร่วมกันในมิติอื่นๆได้อีก จะเห็นได้ว่าประโยชน์ที่ได้นอกจากรายได้ที่จะเกิดขึ้นจากการแบ่งปันทรัพยากรของสถาบัน สถาบันอุดมศึกษากจ็ ะไดพ้ ันธมิตรทีด่ ีทจี่ ะให้ Feedback ที่เป็นประโยชนต์ ่อการพฒั นาและปรบั ปรงุ การเรยี นการสอน และการให้บริการอ่นื ๆของสถาบันอดุ มศึกษาเช่นกัน ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั แผนของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ สงั คมแห่งชาต.ิ (2563) ท่เี สนอแนวทางเกีย่ วกบั การส่งเสรมิ การวจิ ัยทม่ี ุ่งเน้นสร้างองคค์ วามรแู้ ละนวัตกรรมที่สามารถ ตอ่ ยอดในเชงิ พาณิชย์ได้ รวมท้ังทบทวน/ปรบั ปรงุ ระเบียบและข้อบงั คบั ตา่ งๆ ที่เปน็ อุปสรรคต่อการดำเนนิ กจิ กรรมเชิง พาณชิ ยข์ องสถาบนั อุดมศกึ ษา เพือ่ ให้สถาบันการศกึ ษามีความคล่องตวั ในการวิจัยและพฒั นานวตั กรรมเชิงพาณิชย์ สรปุ บทสรุปสำหรับผู้บริหาร ท่ามกลางวิกฤตและปัญหาที่เป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงข้างต้น ผู้บริหาร การศึกษามืออาชีพที่มีวิสัยทัศน์ พร้อมปรับตัวและเผชิญกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงอย่างรู้เท่าทัน จะสามารถนำพา องคก์ รผา่ นวกิ ฤตินีไ้ ปไดอ้ ย่างแน่นอน สอดคลอ้ งกบั สุรชัย แก้วคูณ(2561) ทกี่ ล่าวว่า การบรหิ ารงานเป็นเร่ืองที่สำคัญ ยิ่งต่อการดำเนินงานของทุกๆองค์กร ทั้งนี้เพราะการบริหารงาน สามารถบ่งชี้ให้เห็นได้ว่าองค์กรนั้นๆมีความ เจริญกา้ วหน้ามากน้อยเพียงใด การบริหารงานขององค์กร ตา่ งๆ ทดี่ ีนนั้ ผบู้ รหิ ารองค์กรจะต้องมีความสามารถในการ วางแผนใหบ้ คุ ลากรสามารถทำงานรว่ มกนั ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและก่อใหเ้ กิดประสทิ ธผิ ลสูงสุด ท้งั นเี้ พราะผู้บริหาร จะตอ้ งคำนึงถึงปัจจยั ทางด้านสง่ิ แวดลอ้ มในรูปแบบตา่ งๆ ร่วมด้วย ดว้ ยการเหน็ โอกาสใหม่ๆทีท่ า้ ทายภายใต้ข้อจำกัด หนา้ 268

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) อย่างไรก็ตามสถาบันอุดมศึกษาไทยยังเป็นองค์กรทางสังคมที่เป็นความหวังที่สำคัญของประเทศชาติ ด้วยเป้าหมาย ของสถาบันอุดมศึกษาคือ การจัดการศึกษาที่จะสร้างทรพั ยากรมนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถ สร้างผู้นำคนรุ่นใหม่ท่ี สามารถชี้นำทางความคิด สามารถนำพาประเทศไทยให้เจริญ ด้วยเพราะการศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาและ สรา้ งคนคณุ ภาพ เอกสารอา้ งองิ กรมสุขภาพจติ (2563) กา้ วย่างของประเทศไทย สสู่ ังคมผสู้ ูงอายอุ ยา่ งสมบรู ณ์แบบ.สบื คน้ เมอ่ื 10 พฤศจกิ ายน 2563 จาก https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30476 เกรยี งศกั ด์ิ เจรญิ วงศ์ศกั ดิ.์ (2550) แนวโน้มการศกึ ษาไทยในคร่งึ ศตวรรษหน้า สบื ค้นเมือ่ 25 กมุ ภาพันธ์ 2563 จาก http://www.kriengsak.com/node/77 เดลนิ วิ ส์. (2563) ขอ้ มูลทแี คสประจำปี 2563 รายงานการประชุมอธิการบดีแหง่ ประเทศไทย สบื ค้นเม่ือ 7 สงิ หาคม 2563 จาก https://www.dailynews.co.th/education/787129 ศนู ยพ์ ยากรณ์เศรษฐกจิ และธรุ กจิ . (2562) เปดิ 10 อนั ดบั “อาชพี และธุรกจิ ” ดาวร่งุ -ดาวร่วง ปี 2562 มหาวิทยาลยั หอการค้าไทย สืบคน้ เมือ่ 15 พฤศจิกายน 2562 จาก https://campus.campus- star.com/jobs/111899.html สำนกั งานสถิติแหง่ ชาต.ิ (2560) ขอ้ มูลจำนวนนักศึกษาระดับปรญิ ญาตร(ี 2556-2560) สบื คน้ เมอื่ 15 ธันวาคม 2562 จาก http://www.nso.go.th สำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาต.ิ (2563) 5ทางออกอดุ มศึกษาไทยก่อนเปน็ “มหา’ลัย รา้ ง” สบื ค้นเมื่อ 30 ตุลาคม 2563 จาก https://www.thaiquote.org/content/240214 สรุ ชัย แก้วคูณ. (2561) การบรหิ ารองค์การสมัยใหมก่ ับผูบ้ รหิ ารสมัยใหม่ .วารสารมหาจฬุ าวชิ าการ ปที ี่ 5 ฉบับพิเศษ กองวิชาการ สำนกั งานอธกิ ารบดี มหาวทิ ยาลยั จุฬาลงกรณราชวิทยาลยั หน้า 197-208 อานนท์ ศักดวิ์ รวชิ ญ์. (2562) สถานการณ์ประชากรโลกในอกี 30 ปี ขา้ งหน้า : โอกาสหรือวิกฤติ? สบื คน้ เมือ่ 6 มีนาคม 2563 จาก https://mgronline.com/daily/detail/9620000107478 Holon IQ . (2560) คาดอนาคตตลาด Global EdTech สบื ค้นเมอ่ื 14 ตุลาคม 2562 จาก http://www.disruptignite.com) หนา้ 269

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสูป่ กติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) แนวทางการรบั มอื กบั ผลกระทบภายหลังการแพรร่ ะบาดของโควิด-19 ของธุรกจิ สายการบนิ ในประเทศไทย Guidelines for coping with the post-pandemic effects of COVID-19 in airlines business in Thailand. นิธศิ วิเศษคณากุล และ สุมิตรา คลา้ ยสังข์ อาจารย์ คณะบรหิ ารธุรกิจ สาขาวชิ าการจัดการดา้ นธรุ กิจการบนิ มหาวิทยาลยั ศรีปทมุ (วทิ ยาเขตชลบุร)ี E-mail [email protected] บทคัดย่อ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้านในตลาดธุรกิจ ทั้งในเรื่องพฤติกรรมมนุษย์ พฤติกรรมการบริโภค และกระบวนการให้บริการ สิ่งที่สำคัญอย่างมากคือส่งผลกระทบ รนุ แรงต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนนิ ธุรกิจในปจั จุบัน โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ภาคธุรกจิ ทม่ี คี วามออ่ นไหวงา่ ยอยแู่ ล้วน้ัน คือ อุตสาหกรรมการท่องเทีย่ ว ซงึ่ ธรุ กจิ สายการบนิ ถือไดว้ ่าเปน็ องค์ประกอบหลักทส่ี ำคัญในอตุ สาหกรรมดงั กลา่ ว และ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในทกุ ภาคส่วน ทั้งในเรื่องของการระงับเที่ยวบนิ การจำกัดเส้นทางการบิน ทำให้เกิดการ ลดต้นทุน การลดจำนวนพนักงานสายการบนิ และการจำกัดเงื่อนไขในการดำเนินงาน รวมถึงการเกิดมาตรการความ ปลอดภัยในการเดนิ ทางของผู้โดยสาร ท่ีถอื ว่าเปน็ การเปลยี่ นแปลงที่สำคญั ตอ่ พฤติกรรมการเดนิ ทาง ดงั นั้นแลว้ จึงเป็น สิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวและตัวธุรกิจสายการบินที่ต้องตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงของวิถี ชวี ิตและการดำเนินธุรกิจภายหลังการเกดิ สถานการณแ์ พร่ระบาด COVID-19 บทความนี้เป็นการนำเสนอการวิเคราะห์และสังเคราะห์ผลกระทบจาก COVID-19 ต่อธุรกิจสายการบินใน ประเทศไทย พร้อมทั้งแนวทางในการจัดการรับมือกับผลกระทบดังกล่าว เพื่อนำเป็นแนวทางการพัฒนาและปรบั ปรุง ในการดำเนนิ งานในธุรกิจสายการบินให้ยงั สามารถดำเนินตอ่ ไปได้ในช่วงเวลาทย่ี ากลำบากเชน่ นี้ คำสำคัญ: โควิด-19; ผลกระทบ; แนวทางดำเนนิ งาน; ธุรกจิ สายการบนิ ABSTRACT The situation of the COVID- 19 pandemic has caused significant changes in many aspects of the business market in terms of human behavior, consumption behavior, and service process. The most importantly, it has a severe impact on the current economy and business operations. Especially the business sector, which is sensitive to external environmental factors such as Tourism industry. The airlines business is regarded as a core component of the industry. And it has been severely affected in all sectors in terms of flight suspension, flight restrictions, cost reduction, airline หน้า 270

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวิถีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) employee’ s reduction, and limited operating conditions, including the occurrence of health safety measures in passenger travel, which is considered as a significant change in travel behavior. It is, therefore, critical, and essential for both travelers and businesses to take on the changing lifestyle and business practices of the COVID-19 pandemic. This article presents an analysis and synthesis of the effects of COVID- 19 in airlines business in Thailand. Along with guidelines for dealing with such impacts to lead the development and improvement of the airline business to continue operating in this challenging time. KEYWORDS: COVID-19; Effects; Operational guidelines; Airline business บทนำ จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเช้อื โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 ที่เกิดข้ึนท่ัวโลก นบั ตง้ั เเต่ปลายปี 2019 ทำให้รัฐบาลของหลายประเทศต้องบงั คับใช้มาตรการตา่ งๆ เพ่ือควบคมุ ไม่ให้โรคแพร่กระจาย และลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ อย่างเช่นในประเทศไทยมีมาตราการกระชับพื้นที่สำหรับพื้นที่ที่เกิดการระบาด ปิด สถานบันเทิงและสถานที่ที่มีคนสามารถรวมตัวกันได้เป็นจำนวนมาก ในการเดินทางผู้ที่จะเดินทางมายังประเทศไทย ต้องมีใบรับรองแพทยว์ า่ ผา่ นการตรวจ COVID-19 ก่อนการเดินทางและเมื่อเดินทางมาถงึ ประเทศไทยต้องถูกกักตัวใน ที่ที่รัฐบาลจดั สรรไว้ไม่น้อยกวา่ 14 วันก่อนการอนุญาตให้เข้าประเทศได้ ซึ่งมาตรการเหล่านีน้ อกจากพยายามหยุดยง้ั การแพร่กระจายของเชื้อโรคแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทำให้หยุดชะงักงันเนื่องจากประชาชนไม่ สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆได้ และด้วยผลกระทบจาก สถานการณน์ ้ไี ด้สง่ ผลเสียตอ่ การดำเนนิ ธรุ กิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทว่ั โลกเป็นอย่างมาก ซง่ึ ธุรกิจองค์ประกอบ ที่สำคญั ในอุตสาหกรรมดังกล่าวก็คือ ธุรกิจสายการบิน สำหรับประเทศไทยนั้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเปน็ หน่งึ ในภาคเศรษฐกจิ ที่มคี วามสำคญั ยิง่ ของประเทศ แต่เน่อื งดว้ ยการท่องเที่ยวเป็นธรุ กจิ ท่ีมีความเปราะบางตอ่ สถานการณ์ ต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคระบาด ถึงแม้ว่าในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดใน ประเทศไทย และในหลายประเทศยังไม่รุนแรง ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวก็เริ่มปรากฎให้เห็นด้วยการที่จำนวน นักท่องเทยี่ วตา่ งชาตทิ ีเ่ ดินทางผ่านทา่ อากาศยานเริม่ ลดลงอย่างตอ่ เนอ่ื งโดยสามารถเห็นได้จากสถติ ดิ า้ นการท่องเท่ียว ปี 2563 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมี 1,854,370 คนในเดือน มกราคม เหลือ 978,633 คนในเดอื นกุมภาพนั ธ์ และเหลอื เพยี งแค่ 339,603 ในเดือนมนี าคม (กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา, 2564) เนื่องจากสถานการณ์ระบาดท่ีเกิดขึ้นในประเทศต้นทางรวมถึงมาตรการควบคุมต่างๆ ที่รัฐบาลไทย รวมถึงรัฐต้นทาง นำมาบังคับใช้ยิ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยที่สูง 3 อันดับแรกคือ นกั ทอ่ งเที่ยวจีน มาเลเซยี และรัสเซยี ตามลำดบั มจี ำนวนที่ลงลด (กระทรวงการทอ่ งเทยี่ วและกีฬา, 2564) จากปัจจัย ดังกล่าวยิ่งทำใหก้ ารใช้บริการเดินทางด้วยสายการบินก็ย่ิงลดลงดว้ ย ดงั นั้นแลว้ จึงมผี ลกระทบตอ่ รายได้ของธุรกิจสาย การบินอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศก็มีจำนวนที่ลดลง ด้าน นักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางออกไปนอกประเทศก็ทยอยยกเลิกการเดินทาง เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภยั เพราะมีนักท่องเท่ียวชาวไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศเกดิ การติดเชือ้ กลับมา โดยจะเห็นได้จากการรายงานจำนวนผู้ติด หนา้ 271

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) เชื้อที่เพิ่มมากขึ้นของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค.(2564) ท่ีรายงานถึงจำนวนผู้ติดเช้ือของผู้เดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทยและถูกกักตัวอยู่ในสถานกักกันตัว ของรัฐ หรือ State Quarantine ด้วยปัจจัยดังกล่าว จึงมกี ารเลอื่ นและยกเลิกการเดินทางท่องเท่ียวของนักท่องเท่ียว ชาวไทย แม้เเต่นกั ท่องเที่ยวภายในประเทศเองก็มีความกงั วลทจ่ี ะเดนิ ทางดว้ ยเชน่ กัน จงึ เห็นได้ว่าเร่ิมมีเที่ยวบินหลาย เที่ยวบินถูกยกเลิก ทำให้สายการบินขาดรายได้ ต้องให้พนักงานหยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนตั้งเเต่เดือนมีนาคม 2563 ยกตัวอยา่ งเช่นสายการบินไทย ทเ่ี รมิ่ ให้พนกั งานลาพักโดยไมไ่ ด้รับเงินเดือนตามจำนวนวนั ทส่ี มัครใจ ซ่ึงจุดน้ีคือ จุดเร่มิ ตน้ ที่ทำใหส้ ถานการณก์ ารดำเนนิ งานของภาคการท่องเท่ียวเลวรา้ ยลงอยา่ งต่อเนอื่ ง และยิง่ เมอ่ื สถานการณ์การ ระบาดของ COVID-19 ได้กระจายไปทั่วโลกและรุนแรงขึน้ มากในหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรป และ สหรัฐอเมริกา รวมถึงบางประเทศในเอเชีย รัฐบาลไทยต้องประกาศปิดประเทศ อย่างเป็นทางการ โดยการประกาศ สถานการณฉ์ ุกเฉนิ ท่ัวราชอาณาจักร โดยอาศยั อำนาจตามพระราชกำหนดตั้งแต่วันท่ี 26 มีนาคม 2563 – 30 เมษายน 2563 เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 โดยมีคำสั่งไม่ใหม้ ีการเดินทางเข้าออก ผู้ประกอบการธุรกิจ สายการบินจึงสูญเสียรายได้ไปโดยสิ้นเชิง อีกทั้งสำนักงานการบินพลเรือนเเห่งประเทศไทยออกประกาศห้ามอากาศ ยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเปน็ การชัว่ คราว ยกเวน้ ชาวไทยทตี่ อ้ งการกลบั สูภ่ มู ลิ ำเนา เน้ือหาสาระ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยอย่างมาก โดยอ้างอิง ตวั เลขตามรายงานของสภาการเดนิ ทางและการทอ่ งเทยี่ วโลก พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มากที่สดุ เป็นอันดบั หนึ่งของโลก โดยพิจารณาจาก GDP ในปี 2018 พบว่าอตุ สาหกรรมการท่องเที่ยวของ ประเทศไทยคิดเป็น 22% ของจีดีพีของประเทศ ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของโลก รองลงมาก็คือฟิลิปปินส์ที่ 21% และ ตามมาดว้ ยเมก็ ซิโกที่ 16.1% (Quinn, 2020) ซ่งึ หลังจากการแพร่ระบาดของเช้อื ไวรสั COVID-19 การดำเนนิ ธุรกิจใน ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้หยุดนิ่งมาต้ังแต่ชว่ งเดือนเมษายน 2563 ส่งผลให้ธุรกิจทีเ่ กี่ยวกบั การท่องเที่ยว ของไทยอย่างธรุ กิจสายการบนิ ไม่สามารถดำเนนิ งานสร้างรายได้ให้กบั สายการบินได้เช่นกัน ซง่ึ หลงั จากเกิดการระบาด COVID-19 ส่งผลกระทบให้เกิดการเปลีย่ นแปลงทีส่ ำคญั ในอุตสาหกรรมทอ่ งเที่ยวนัน้ คือ การปรับเปลี่ยนวถิ ีชีวิตแบบ ใหม่ หรือ New Normal เพ่อื การเวน้ ระยะห่างทางสังคม ทำใหร้ ปู แบบการเดินทางเปลี่ยนแปลงไปด้วย ปัจจยั ดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อธรุ กิจสายการบินทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ข่าวเกี่ยวกับการแพร่ ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เริ่มต้นขึน้ จากประเทศจีน หลังจากนั้นก็มีข่าวการระบาดเพิม่ ข้ึนทุกวัน จนต่อมา ได้เปลี่ยนชื่อจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นโควิด-19 (COVID-19) โดย นายเทดรอส แอดฮานอม เกเบร เยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้อธิบายกับผู้สื่อข่าวในเจนีวา ว่า “CO” ย่อมาจาก “Corona” ส่วน “VI” ย่อมาจาก “Virus” และ “D” ย่อมาจาก “Disease” เพื่อหลีกเลี่ยงใน การสร้างบาดแผลและทำลายชื่อเสียงเมืองอู่ฮั่น (ไทยพีบีเอส, 2563) ซึ่งวิกฤต COVID-19 เริ่มมีการแพร่ระบาดไปใน หลายประเทศ ยิ่งนานวันก็ยิ่งขยายการแพร่ระบาดออกไป แม้กระทั่งประเทศไทยก็เริ่มมีการระบาดตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ หนกั สุดในเดือนมีนาคม 2563 จนต้องมกี ารปดิ เมอื ง (lock-down) หยุดการทำงาน รวมถงึ สถานศกึ ษาตอ้ ง หยดุ การเรียนการสอน ซง่ึ COVID-19 ไดส้ รา้ งความปน่ั ปว่ นวนุ่ วายแกส่ ังคมโลกเป็นอยา่ งมาก และการแพร่ระบาดของ หน้า 272

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) COVID-19 ได้สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกในวงกว้างทั้งในภาคการบริการและภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด โดย หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างสูงคือธุรกิจสายการบิน เนื่องจากในระดับโลกจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 มี การปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการแพร่ระบาดทำให้หลายประเทศท่ัวโลก เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส ซาอุดิอาระเบีย อินเดีย รวมถึงไทย ไดใ้ ช้มาตรการปิดเมือง (lock-down) หรอื กระทัง่ ปิดประเทศเพ่ือปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกิดการเดินทางเข้า มาแพร่ระบาดของเชือ้ โรค ส่งผลใหป้ รมิ าณเทย่ี วบนิ ระหว่างประเทศที่เขา้ หรอื ออกจากประเทศท่มี ีการแพรร่ ะบาดของ COVID-19 ปรับลดลงอย่างมาก และหลายสายการบินทั่วโลกได้ยกเลิกเที่ยวบินในเส้นทางระหว่างประเทศ ตั้งแต่ มีนาคม 2563 สำหรับภายในประเทศไทยชว่ งกลางปี 2563 สถานการณ์เริ่มควบคุมได้ แต่ก็เกิดการระบาดขึ้นระลอก ใหม่หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของการระบาดรอบใหม่ในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 การแพรร่ ะบาดรอบนเี้ ป็นไปอยา่ งรวดเรว็ ในแง่ของพนื้ ทท่ี ี่เกิดข้นึ ในหลายพน้ื ท่ีจงั หวัด และในแง่ของจำนวนผู้ติด เชื้อท่มี ีจำนวนเพม่ิ มากขนึ้ อยา่ งรวดเร็ว ทำใหส้ ถานการณ์ของธุรกจิ สายการบินทเี่ หมือนเริ่มจะฟ้ืนตัวเล็กน้อยกลับต้อง ยำ่ แย่ลงไปอกี คร้ัง จากการประมาณการขององค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ได้ระบุว่าผลกระทบของ COVID-19 ที่มี ต่อปริมาณผู้โดยสารทั่วโลกเมื่อเทียบกับแผนการดำเนินงานเดิม (Baseline) ของธุรกิจสายการบินทั่วโลก โดยผลรวม ทั้งปีของเดือน มกราคม – ธันวาคม 2563 มีจำนวนที่นั่งสำหรับให้บริการของสายการบินโดยรวมลดลง 51% ผูโ้ ดยสารโดยรวมลดลง 2,891 - 2,893 ลา้ นคน ทำให้สญู เสียรายได้รวมจากการดำเนนิ งานของผโู้ ดยสารรวมประมาณ 391 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจากการที่การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังคงเกิดขึ้นอยู่เป็นระลอกและไม่สามารถ จัดการปัญหาได้อย่างเด็ดขาดทำให้มีการคาดการณ์ต่อไปได้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 (มกราคม - มิถุนายน) จำนวนที่นั่งโดยรวมจะลดลงไปอีกต้ังแต่ 34% ถึง 42% ของที่นั่งที่นำเสนอโดยสายการบิน โดยจะมผี ู้โดยสารโดยรวม ลดลงอีกประมาณ 1,000 - 1,251 ล้านคน จะส่งผลให้ธุรกิจการบินทั่วโลกสูญเสียรายได้รวมจากการดำเนินงานของ ผู้โดยสารรวมประมาณ 147 ถึง 181 พันล้านเหรียญสหรัฐ (International Civil Aviation Organization, 2020) ซึ่ง ผลกระทบที่แทจ้ ริงจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาและขนาดของการระบาดและมาตรการกกั กนั รวมถึงระดบั ความเช่ือมั่นของ ผู้บรโิ ภคสำหรบั การเดนิ ทางทางอากาศและภาวะเศรษฐกิจ ซ่งึ ถือไดว้ ่าเป็นปรากฏการณท์ ี่หนักทีส่ ุดของธุรกิจสายการ บินที่ได้ประสบพบมานับตั้งแต่การเริ่มต้นของธุรกิจสายการบินสมัยใหม่หลังการจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945 สำหรับสถานการณ์ธุรกิจสายการบินในประเทศไทยก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นธุรกิจที่มี ขนาดค่อนขา้ งใหญ่ จากสถติ ิปี 2562 มีจำนวนผู้โดยสารรวมท้ังเส้นทางการบินในและตา่ งประเทศรวม 165 ล้านคนตอ่ ปี แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 89 ล้านคนต่อปี และผู้โดยสารภายในประเทศ 76 ล้านคนต่อปี คิดเป็นจำนวน เท่ียวบินประมาณ 1.43 ลา้ นเทีย่ วบิน แบง่ เปน็ เส้นทางการบินภายในประเทศ 67 เส้นทางและเส้นทางการบนิ ระหว่าง ประเทศอีก 382 เส้นทาง และมีเครื่องบินจดทะเบียนในประเทศจำนวน 679 ลำ ซึ่งเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ตัวเลขผู้โดยสารระหว่างประเทศลดลงเป็นจำนวนมาก (ประชาชาตธิ รุ กจิ ออนไลน์, 2563) เนื่องจาก ในหลายประเทศรวมทัง้ ประเทศไทยมีมาตรการจำกัดการเดินทางเขา้ ออกระหว่างประเทศ ทำให้จำนวนผู้โดยสารของ ประเทศไทยในปี 2563 ลดลงไปจากปี 2562 เปน็ จำนวน 64.2% โดยมีจำนวนผู้โดยสารรวมอยทู่ ี่ 43.95 ล้านคน แบ่ง ออกเป็นจำนวนผู้โดยสารภายในประเทศ 27.89 ล้านคน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 16.06 ล้านคน ด้านปริมาณ เที่ยวบนิ ในปี 2563 ของประเทศไทยมีปริมาณเทีย่ วบินทั้งหมด 363,048 เที่ยวบิน ลดลงจากปี 2562 จำนวน 54.7% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศจำนวน 119,701 เที่ยวบิน มีปริมาณลดลง 68.8% และจำนวนเที่ยวบิน หนา้ 273

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ภายในประเทศมีจำนวน 243,347 เที่ยวบิน มีปริมาณลดลง 41.6% (สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย, 2563) จากสถติ ดิ งั กล่าวจะเห็นได้ว่าธุรกจิ สายการบินได้รบั ผลกระทบอยา่ งมากขากการแพร่ระบาดของ COVID-19 น้ี ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจสายการบินกลับมาฟื้นตัวหรือชะลอตัวนั้นอยู่ที่มาตรการในเรื่องของการกำกับการ เดินทางระหว่างประเทศว่าภาครัฐจะคลายความเขม้ ข้นของมาตรการต่างๆ อีกท้ังปจั จยั ด้านการคิดค้นวัคซีนป้องกันก็ มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งหากมีการทดสอบและสามารถนำมาใช้ป้องกันได้ตามที่ประเมินการณ์ไวก้ ็จะลดความเสี่ยง และพลิกให้ธุรกจิ สายการบนิ กลับมาฟื้นตวั ในอตั ราที่รวดเรว็ ข้นึ การจัดการและประเมินความเส่ยี งในธรุ กิจสายการบินตอ่ ผลกระทบ COVID-19 ธุรกิจสายการบนิ ควรที่จะประเมนิ ความเส่ียงและผลกระทบด้านต่างๆ จากการระบาดของไวรัสและทำมาตรการ รับมือต่อปัญหาอย่างใกล้ชิด และประเมินผลการดำเนินงานเป็นระยะ เนื่องจากสภาวะการณ์ที่ไม่แน่นอนในการ ดำเนินงานยังคงมีอยู่ต่อไปจนกระทั่งกว่าจะมีการจัดการควบคุมการระบาดของไวรัสได้อย่างเด็ดขาดสมบูรณ์ โดย สามารถพิจารณาไดใ้ นแต่ละประเดน็ ความเสีย่ ง (KPMG, 2020) ดังต่อไปน้ี 1. ด้านความต้องการลกู คา้ (Customer demand) ควรที่จะพิจารณาการดำเนินงานโดยลดปรมิ าณการจอง ล่วงหน้า รวมถึงลดการใช้ปัจจัยในการดำเนินงานสำหรับการขายการขนส่งล่วงหน้า และสร้างรายได้รับ ล่วงหน้า (Deferred revenue) เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนต่อสถานการณ์การควบคุมต่างๆ ซึ่งถ้าหากมี การวางแผนดำเนินการเที่ยวบินล่วงหน้าในระยะเวลานาน แล้วหากไม่สามารถทำการบินได้ จะทำให้เกิด กระบวนการค่าใชจ้ ่ายในการดำเนินงานเลื่อนการเดินทาง ยกเลกิ หรอื เปลี่ยนแปลงข้อมูลการโดยสาร อีกทั้ง ลูกค้าก็จะรู้สึกไมพ่ อใจที่ไมส่ ามารถเดินทางในเที่ยวบินที่ต้องการได้ รวมถึงอาจเกิดความไม่มั่นใจในการจอง เทยี่ วบนิ สำหรบั การเดินทางในครง้ั ต่อไปกบั สายการบิน ดงั นั้นแล้วการทส่ี ายการบนิ จะขายบตั รโดยสารไดน้ ้ัน เง่อื นไขการจองบจั รโดยสารควรมคี วามยดื หยุ่นใหก้ บั ผเู้ ดนิ ทางมากยงิ่ ขึ้น ไม่ว่าจะเปน็ เงื่อนไขการคืนเงิน การ ยกเลกิ การออกบัตรโดยสารเท่ยี วบินใหม่ เพื่อลดข้อจำกัดต่างๆในการเดนิ ทางลง ซ่ึงเปน็ ผลดที ัง้ สายการบนิ ท่ี สามารถทำให้มีรายได้เข้ามาสู่องค์กรและยังส่งผลต่อความรู้สึกลูกค้าที่มองเห็นถึงความจริงใจในการดำเนนิ ธุรกิจของสายการบินและอาจทำให้อัตราความภักดีของลูกค้ามีเพิ่มมากขึ้น โดยสามารถอ้างอิงได้จาก การศึกษาเรอ่ื งวธิ ีเปลย่ี นความผิดพลาดในการบรกิ ารเปน็ ความภกั ดที ีไ่ ด้ศึกษาพบวา่ การแก้ปัญหาการบริการ ที่ดีพอจะสามารถสร้างความพึงพอใจได้ และในบางกรณีสามารถสร้างความพึงพอใจได้มากกว่าก่อนเกิด ปัญหาการบริการอีกด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อการบริการนั้นๆ ต่อไป (ฉัตยาพร, ศศนันท์, และ วัชรพงษ์, 2561) ดังนั้นแล้วหากสถานการณ์ดีขึ้นและลูกค้ามีความต้องการในการเดินทางจะได้นึกถึง สายการบินของเราเป็นอันดับแรก นอกจากนั้นแล้วสำหรับลูกค้าสมาชิกของสายการบินต้องมีการ เปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขของโปรแกรมความภักดี (loyalty programs) และการคงระดับสถานะ อาจเปน็ เรอื่ งของการขยายเวลาสิทธิประโยชน์และขยายเวลาในการสะสมยอดคะแนนในการไต่ระดับสถานะ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถงึ การจัดการแก้ไขปัญหาและรู้สึกถึงการได้รับการชดเชยในช่วงเวลาที่ไม่สามารถใชบ้ ริการ รวมถึงการสะสมคะแนนได้ หน้า 274

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสูป่ กติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 2. ด้านการเงนิ (Financing) สายการบนิ ต้องบริหารจัดการเงนิ ในการชำระหนี้ตามอัตราของพันธสญั ญาต่างๆ (Covenant ratios) ให้ได้ โดยการพิจารณาจากเงื่อนไขของแหล่งเงินทุนเดิมว่าสามารถปรับเปลี่ยนต่อรอง อย่างไรได้บ้าง หากมีการผิดนดั ชำระรายการใดก็ตามอันเนื่องมาจากปัญหาขาดสภาพคล่องทางดา้ นการเงิน ก็ควรที่จะมองหาแหล่งเงินทนุ ใหม่ เพื่อมาเสริมสภาพคลอ่ งในช่วงระยะเวลาท่ีรายรับมีเขา้ มาน้อยเช่นนี้ โดย พยายามบริหารการเงินให้เป็นไปตามวันกำหนดชำระเงิน เพื่อรักษาเครดิตในการดำเนินงาน โดยอาจ พจิ ารณาถึงเครอ่ื งบนิ ที่ไมม่ ภี าระผกู ผนั (Unencumbered aircraft) และนำมาแปรเปลีย่ นเปน็ ทุนหมุนเวียน เพอื่ นำมาใช้ในการเสริมสภาพคล่องอีกทางหนึง่ 3. ด้านการดำเนินงาน (Operations) ควรเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารตามจำนวนที่นั่งต่อ กิโลเมตร (Available Seat Kilometers-ASK) โดยการควบคุมตน้ ทุน ตดั ตน้ ทุนที่ไมจ่ ำเป็นในการดำเนนิ งาน ออก หรือปรบั เปลี่ยนต้นทนุ ส่วนบรกิ ารให้สอดคล้องกบั นโยบายสาธารณสุขที่ภาครฐั กำหนด และอาจต้องทำ การเปลี่ยนแปลงต้นทุนราคาน้ำมัน โดยเปรียบเทียบกับการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเดิมกับราคาตลาด ว่ามีความแตกต่างเพียงใด เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลง โดยราคาน้ำมนั ดิบเบรนท์ในช่วง เดือนมีนาคม 2563 มีการปรับตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่า 30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2559 หลังจากถูกกดดันจากความกงั วลต่อความต้องการใช้น้ำมันที่ปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจากมาตรการท่ี รัฐบาลหลายประเทศประกาศงดเว้นกิจกรรมและการเดินทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 (ประชาชาติธุรกิจ ออนไลน์, 2563). อีกทั้งผู้คนเองก็มีความต้องการหลีกเลี่ยงในการเดินทาง มี การทำงานจากบ้านมากขึ้น (Work from home) เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อไวรัสและเพื่อเป็นการ ควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากประเด็นในเรื่องของต้นทุนราคาน้ำมนั แล้วสายการบินยังต้องพิจารณาไปถงึ การจดั การภาระผูกผนั ของผู้รับเหมาชว่ ง (Subcontractor) เช่น ครวั การบิน (Air Catering) การบริการการ จัดการภาคพน้ื (Ground handling Services) ตามสนามบนิ ปลายทางของเส้นทางการบนิ ต่างๆ ว่าสามารถ จะปรับลดหรือยกเลิกได้หรือไม่ เพื่อไม่ก่อให้เกิดหนี้สินที่เพิ่มมากขึ้น ในการจัดการดำเนินงานภายในควรมี การวางแผนถึงภาระผูกพันรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษา เช่น การตรวจเช็คเครื่องบิน (Aircraft Maintenance Checks) ทั้งการตรวจ A-Check, B-Check, C-Check และ D-Check ซึ่งเป็นการตรวจ เครื่องบินตามรอบที่ต้องทำเมื่อเครื่องบินพลเรือนและเครื่องบินพาณิชย์ผ่านการใช้งานครบระยะเวลาท่ี กำหนด ท่ีสายการบินต้องมีการเตรียมการดำเนินการว่าเมื่อไหร่ และงบประมาณส่วนไหนที่จะนำมาจัดการ สว่ นน้ีเพ่ือให้สายการบนิ มเี ครอื่ งบินท่พี ร้อมใช้งานหารายไดต้ ่อไป ในส่วนของทุนการดำเนนิ งานหมุนเวียน ทงั้ บัญชีลกู หนี้ บัญชเี จา้ หน้ี ก็ตอ้ งมีการจดั สรรและพจิ ารณาถงึ ช่วงวันรับและช่วงวันจา่ ย ให้มีความสอดคล้องกบั ปริมาณสนิ คา้ หมนุ เวียนคงคลังท่ตี ้องมีการจัดสรรและระบายออกใหท้ นั ตามอายุการใชง้ าน เพ่ือป้องกันไม่ให้ เกิดสินค้าทีเ่ นา่ เสียหรือชำรุด หรือมีปริมาณมากเกินไป หากไม่ได้นำมาออกมาใช้สำหรับการบริการและการ ดำเนนิ งาน 4. ด้านบุคลากร (People) ควรมีการดำเนนิ นโยบายธำรงไว้ซึง่ พนักงาน (People Retention) ทั้งในส่วนของ ทีมบริหารและทีมปฏบิ ตั กิ าร เนื่องจากเป็นชว่ งเวลาที่ยากลำบากขององคก์ ร และแน่นอนบุคลากรต้องได้รับ ผลกระทบอย่างมากด้วยเช่นกัน องค์กรต้องพยายามมองหาคนสำคัญพิเศษ (Key Person) ซ่ึงเป็นบุคลากรท่ี หน้า 275

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) มีความรู้ความสามารถที่แท้จริง และยอมรับการปรับเปลี่ยนและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในองค์กรได้ เพ่ือท่ีจะใหม้ ที ีมทำงานท่จี ะทำใหส้ ายการบนิ ดำเนนิ การต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง และสำหรบั บุคลากรในส่วนท่ไี ม่ สามารถปรับเปลี่ยนตนเองได้ กจ็ ำเป็นท่ีต้องยอมตัดออกเพอ่ื ลดผลกระทบต่อการแบกรับค่าใช้จ่ายขององคก์ ร โดยควรพิจารณาการจัดสรรก้อนเงินบำเหน็จและชดเชยผลประโยชน์ตามที่กำหนดไว้ให้ได้เพียงพอกับ พนักงานที่ต้องถูกเลิกจา้ ง เพื่อไม่ให้บุคคลสำคัญที่อยูใ่ นองค์กรสูญเสียกำลังใจในการนำสายการบินก้าวเดนิ ต่อไปข้างหน้า อีกทั้งต้องมีการคำนวณถึงผลกระทบของแผนการจ่ายค่าตอบแทนสำหรบั ปถี ัดไป และสำรอง ค่าใชจ้ ่ายท่เี กยี่ วข้องกบั การปรับโครงสร้างบคุ ลากรและองค์กรเอาไว้ด้วย นโยบายการช่วยเหลอื จากผลกระทบ COVID-19 ของรฐั บาลทใี่ ห้แกธ่ ุรกิจสายการบนิ สำหรับการดำเนินงานของสายการบินในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 นั้นสายการบินจำเป็นต้อง รักษาการดำเนินงานให้สอดคล้องกับจำนวนรายได้ที่ลดลงให้ได้อยา่ งทันท่วงที โดยสายการบินต้องตรวจสอบให้แนใ่ จ ว่าองค์กรมีเงินสดเพียงพอท่ีจะสนับสนุนการดำเนินงานระยะสั้น แม้ว่าสายการบินขนาดใหญ่จะมีเงินสดเพียงพอท่จี ะ ครอบคลมุ การดำเนินงานทไ่ี ม่มขี ีดความสามารถในการสรา้ งรายไดม้ ากกว่าหกเดือนกต็ าม แต่บางสายการบินก็จำเป็น ทต่ี อ้ งใชก้ รอบทางการเงินในการดำเนนิ ธุรกิจท่ีมีอยู่เดิมท่ีได้กำหนดไว้ก่อนชว่ งวิกฤตการณ์ ในขณะที่บางสายการบินก็ กำลังตรวจสอบเงนิ ทุน โดยการมองหาเงินกู้แหล่งใหม่โดยการใช้เครื่องบนิ อสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินอื่นๆ ที่ไม่มี ภาระผูกพันเป็นหลักประกัน ซึ่งบางสายการบินก็อาจประสบปัญหาอย่างรุนแรงในการจัดหาเงินทุน ทำให้มูลค่า ทรพั ย์สินลดลงอย่างรวดเร็วและอาจนำไปสกู่ ารเลิกทำการบนิ ได้ ทั้งน้สี ายการบินยังคงเป็นธุรกิจท่ีมีบทบาทที่สำคัญใน การขนส่งสิ่งของที่จำเป็น รวมถึงเวชภัณฑ์ และการส่งกลับของคนหลายพันคนที่ติดอยู่ทั่วโลกโดยมีข้อจำกัดการ เดนิ ทาง และหลงั จากการระบาดของ COVID-19 รัฐบาลแต่ละประเทศกจ็ ะต้องใชส้ ายการบนิ เพ่ือสนับสนุนการฟ้ืนตัว ทางเศรษฐกจิ เชือ่ มต่อศนู ย์กลางการผลิต และสนบั สนนุ การท่องเทยี่ ว (ทักษณิ า, วรวฒุ ิ, วรี ะพนั ธ์, กลุ ธวัช และอาภา ภรณ์, 2563) ทำให้รัฐบาลในหลายประเทศได้เข้ามาช่วยเหลือธุรกิจสายการบินในการรักษาสภาพคล่อง และมีอีก หลายประเทศก็กำลังพิจารณาแพ็คเกจความช่วยเหลือทางด้านการเงินต่างๆ สำหรับธุรกิจสายการบินโดยการ ดำเนนิ การตอ่ ไปน้ี: 1. การให้เงินอุดหนุนโดยตรงกับสายการบินที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างกระแสเงินสดให้เกิดขึ้นกับองค์กร ซึ่ง โดยทั่วไปจะแจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมในอุตสาหกรรมทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งเหล่านี้อาจมาพร้อมกับ เง่อื นไขบางประการ เช่น ความจำเปน็ ในการรกั ษาระดบั การจ้างงาน 2. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินโดยตรง เช่น เงินกู้จากรัฐบาลหรือการค้ำประกันเพื่อให้แน่ใจว่ามีการ สำรองหนจี้ ากสถาบนั การเงนิ สง่ิ เหลา่ น้ีอาจมโี ครงสร้างและพนั ธสัญญาท่ีหลากหลาย เช่น ข้อกำหนดในการ มีคณะกรรมการกำกับดูแลการ การจำกัดเวลาในการดำเนินการจัดการ หรือข้อจำกัดอื่นในการกำกับดูแล กจิ การ หน้า 276

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 3. การลดหรือยกเว้นภาษีหรือกฎระเบียบที่รัฐบาลควบคุม เช่น ลดค่าธรรมเนียมลงจอด ซึ่งสิ่งจูงใจเหล่านี้จะ ช่วยกระตุ้นใหส้ ายการบินดำเนินการปฏิบัตกิ ารบินต่อไป เนื่องจากจะไม่สามารถรับสทิ ธิประโยชน์ได้ เว้นแต่ จะมกี ารดำเนนิ งานอยู่ รัฐบาลในหลายประเทศมีการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในการดำเนนิ ธรุ กิจสายการบนิ ผา่ นนโยบายความชว่ ยเหลอื และ มาตรการบรรเทาทุกขต์ า่ งๆ เนอ่ื งจากธุรกจิ สายการบนิ เปน็ ธุรกจิ ท่ีรบั ผลกระทบอย่างมากจากการระบาดของไวรสั COVID-19 นอ้ี กี ทั้งยังส่งผลตอ่ โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศดว้ ยเนือ่ งจากมจี ำนวนการจา้ งงานและธรุ กิจทีเ่ กยี่ วขอ้ ง ในหลายภาคสว่ น ยกตวั อยา่ งเชน่ ในประเทศฟนิ แลนดแ์ ละนอรเ์ วยก์ ็ได้มกี ารเสริมสภาพคล่องของธุรกจิ สายการบนิ ด้วย ขยายวงเงนิ ก้ใู ห้กบั ธรุ กิจสายการบนิ เปน็ ตน้ (Curley, Ditcher, Krishnan, Riedel, and Saxon, 2020) ทง้ั นีจ้ าก การสนับสนนุ ของรฐั บาลท่แี ตกตา่ งกันไปในแตล่ ะประเทศทำให้สายการบนิ บางแหง่ อาจมคี วามได้เปรยี บในการแข่งขนั ในธุรกจิ สายการบนิ ในตลาดโลกและมีความสามารถในการออกจากวกิ ฤตที่รนุ แรงนี้ได้ดกี ว่ากอ่ นหนา้ ทีเ่ ริ่มเกิด วิกฤตการณเ์ ม่อื เทียบกบั คแู่ ข่ง และแน่นอนสำหรับบางสายการบินทไี่ มไ่ ดร้ บั การช่วยเหลือทีด่ ีและเพียงพอกส็ ง่ ผล ในทางตรงกนั ข้ามกัน และอาจประสบกบั สภาวะท่ียากลำบากของสายการบนิ ได้ สำหรับประเทศไทยก็มีมาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID- 19 โดยใหด้ ำเนินมาตรการช่วยเหลือเปน็ รายไตรมาส เริม่ จากไตรมาสแรกของปี 64 ระหวา่ งเดือน มกราคม - มีนาคม 2564 ประกอบดว้ ยมาตรการ 2 ดา้ นดว้ ยกันคือ 1. มาตรการดา้ นการลดคา่ ใช้จ่ายของสายการบนิ ทีป่ ระกอบดว้ ย 1.1. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ขยายระยะเวลาการ ปรบั ลดค่าบริการในการขน้ึ ลงของอากาศยาน (Landing Charge) ลง 50% สำหรับเทีย่ วบินภายในประเทศ และเทีย่ วบนิ ระหว่างประเทศ 1.2. ทอท. และ ทย. ยกเวน้ จัดเก็บค่าบริการท่ีเกบ็ อากาศยาน (Parking charge) ให้แก่สายการบนิ ที่ทำการหยุด ใหบ้ ริการช่วั คราว 1.3. ทอท. ขยายระยะเวลาปรับลดค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charge) ลง 50% สำหรับเที่ยวบิน ภายในประเทศ และเทยี่ วบินระหวา่ งประเทศ 1.4. บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ขยายระยะเวลาปรับลดค่าบริการการเดินอากาศ ( Air Navigation Service Charge) ลง 50% สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ และลดลง 20% สำหรับเที่ยวบิน ระหว่างประเทศ 2. มาตรการด้านการเงิน โดยมีมาตราการให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ขยายระยะเวลา ชำระหนี้ (Credit Terms) ค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศ จาก 15 วันเป็น 90 วัน (เดลินิวส์ ออนไลน์, 2564) แนวทางการดำเนนิ งานของธรุ กจิ สายการบินภายหลงั สถานการณแ์ พร่ระบาดของ COVID-19 หลังจากการพิจารณารบั ความชว่ ยเหลือจากรฐั บาลและการดำเนนิ การจัดการแกไ้ ขปัญหาในเรื่องสภาพคล่อง ของสายการบินแล้ว ธุรกิจสายการบินต้องมีแผนรองรับในการนำทางองค์กรให้ผ่านพ้นวิกฤตและสามารถรับมือกับ หน้า 277

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสูป่ กติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กำลังดำเนินอยู่ให้ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถดำเนินการตามกรอบ แบบแผนการดำเนินงานที่สามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่วง (Curley, Ditcher, Krishnan, Riedel, and Saxon, 2020) ดงั ตอ่ ไปนี้ ชว่ งที่ 1 ชว่ งหาทางรอดผ่านพ้นวกิ ฤต สายการบนิ สว่ นใหญ่มักให้ความสำคัญกบั การคงอยู่ในธุรกิจ แตช่ ว่ งการดำเนินงานในเวลาน้ีจะเป็นประโยชน์ ต่อลูกค้าและพนักงานมากกว่าหากองค์กรคิดแผนเชงิ กลยทุ ธ์ในการสร้างความยืดหยุ่นในการให้บริการด้านต่า งๆ แก่ ลูกค้า และออกมาตรการในการดำเนินงานท่ปี ลอดภัยในการให้บริการอยา่ งปลอดภัยใหแ้ กพ่ นักงานผู้ให้บริการ อีกท้ัง ควรพิจารณาถึงการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงินอย่างจริงจัง ซึ่งหากสายการบินยอมรับความช่วยเหลือด้าน การเงินจากรัฐบาล สายการบินอาจจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการปฏิบัติงานบางอย่าง เช่น การคงไว้ของ เที่ยวบินบางเส้นทาง และหากองค์กรต้องการปรับปรุงสภาพคล่องโดยใช้สินทรัพย์เป็นหลักประกันในช่วงนี้ องค์กร จะตอ้ งพิจารณาให้ดีว่าในอนาคตจะไปจำกัดการดำเนินงานหรือกระทบต่อการดำเนนิ งานหรือไม่ และควรมีแผนรับมือ กับผลกระทบดังกล่าวในทิศทางใด ซึ่งหากสายการบินไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ไปจนกระทั่งช่วงปลายของ วิกฤตการณ์ จะทำให้องค์กรไม่อาจรับรู้ได้ถึงผลที่จะตามมาในระยะยาวของธุรกิจ ซึ่งจุดนั้นอาจจะสายเกินกว่าที่จะ ย้อนกลับมาแก้ไขปัญหาได้และ เนื่องด้วยปริมาณการเดินทางที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ในธุรกิจสายการบิน สายการบนิ อาจต้องมองถึงโอกาสในช่วงระยะเวลานี้ในการพัฒนากลยุทธ์ใหม่เพื่อเชื่อมโยงกับลูกค้าที่ยังไม่สามารถเดินทางกับ พนักงานที่ไม่สามารปฏิบัติงานให้บริการได้ และมองไปถึงการดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อจำกัดต่างๆ ที่จะเกิดข้ึน สำหรับการเดินทางในอนาคตข้างหน้า โดยสายการบินต้องเริ่มคิดที่จะปรับเปลี่ยนการดำเนินงานด้านสุขภาพอนามยั และความปลอดภยั ให้รอบด้าน เพือ่ ใหผ้ ูโ้ ดยสารที่อาจลังเลทจ่ี ะเดนิ ทางในชว่ งเวลาที่ยงั คงมีการติดเชื้อ COVID-19 อยู่ รสู้ ึกมัน่ ใจวา่ จะปลอดภยั ในการใช้บริการ ซง่ึ กลุ่มผ้โู ดยสารเหล่านมี้ ีความเช่อื อย่างมากว่าสนามบนิ และการเดินทางบน เคร่อื งบินอาจทำใหพ้ วกเขาติดเชอ้ื ได้ สว่ นพนกั งานก็อาจมคี วามกงั วลเช่นเดียวกันเมื่อต้องกลบั ไปปฏิบตั งิ าน ท้ังน้ี สาย การบนิ หลายแห่งได้มีการกำหนดนโยบายความปลอดภัยด้านสุขอนามยั รูปแบบใหม่ขึ้นแลว้ แต่กย็ ังมอี ีกหลายสายการ บินที่กำลังพัฒนาให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินการบริการ ยกตัวอย่าง เช่น สายการบริการเต็มรูปแบบอย่าง การบินไทยบังคับใช้กฎการเดินทางโดยกำหนดให้ผูโ้ ดยสารตอ้ งสวมหน้ากากอนามัยและรับการตรวจวัดอุณหภูมิก่อน การบนิ รวมถงึ ขอใหล้ งทะเบียนข้อมลู การเดนิ ทางกอ่ นหน้า รวมถงึ แผนในการเดนิ ทางต่อไปของผโู้ ดยสาร สว่ นสายบิน ต้นทนุ ต่ำอย่างสายการบนิ แอร์เอเชียมีการงดขายอาหารและเครื่องดื่ม และงดการบริโภคในเทยี่ วบนิ โดยมีการบริการ เพียงขายสินค้าที่ระลึกในเที่ยวบิน และบังคับให้สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเส้นทางการบิน ทั้งนี้ในการดำเนินก าร ของแต่ละสายการบนิ ก็อาจมคี วามแตกตา่ งกนั ออกไปในเชงิ ปฏบิ ัตแิ ละรปู แบบการบรกิ าร ช่วงท่ี 2 ช่วงเพ่ิมประสิทธภิ าพการดำเนนิ งาน สายการบินประสบปัญหากับการกลับมาดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่องและอาจเกิดการไม่สม่ำเสมอในการ ดำเนินงานปฏิบัติการบิน เนื่องจากข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งองค์กรต้องใช้ความพยายามด้านโลจิสติกส์อย่างมาก เพราะถ้า หากดำเนินกลยทุ ธ์ได้ไมด่ ีและมปี ระสทิ ธิภาพเพยี งพอ องคก์ รอาจตอ้ งแบกรับคา่ ใชจ้ ่ายทสี่ งู พอกนั กับการใช้จา่ ยในการ แก้ไขวิกฤตการณ์ ยิ่งไปกว่านั้นสายการบินต้องเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแ ปลงการ หน้า 278

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ดำเนินการทเี่ กย่ี วขอ้ งกับเอกสารดา้ นสาธารณสุขท่มี กี ารปรับเปล่ียนและเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา อกี ทง้ั ยงั มหี ลักเกณฑ์ ของรัฐบาลที่ต้องปฏิบัติตามอีกด้วย ในขณะที่ความต้องการการเดินทางอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การวางแผนการ ดำเนินงานให้กลับไปมีขนาดใหญ่เท่ากับก่อนการเกิดวิกฤตการณ์ในขณะนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ได้ว่าจะ สามารถทำไดเ้ มือ่ ไหร่ ดงั น้ันเพื่อสรา้ งความไดเ้ ปรียบในการดำเนนิ งานให้เกิดขน้ึ ในชว่ งนีส้ ายการบินควรตรวจสอบตัว บ่งชี้ด้านความต้องการให้อย่างรอบคอบ เช่น กิจกรรมการค้นหาเที่ยวบิน ( Flight Searching Activities), การ ตรวจสอบขอ้ มูลเพอ่ื ระบกุ ล่มุ ลกู คา้ , และปัจจัยทางภมู ิศาสตร์การบินท่ีอาจเป็นข้อมูลทแ่ี สดงใหเ้ ห็นถึงการเติบโตใหม่ๆ ของตลาดการบินพาณิชย์ ซึ่งหากพิจารณาตัวอย่างในตลาดจนี จะเห็นได้ถงึ สญั ญาณท่บี ่งช้ถี ึงการเติบโตของอุปสงค์ค์ท่ี เป็นไปได้ เช่น การเปิดสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในประเทศ ทำให้เกิดการเข้าพักในโรงแรมต่างถิ่นพำนักที่มากขึ้น และการเพิ่มขึ้นของการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ แต่อย่างไรก็ตามด้านการขายบัตรโดยสารก็ยังคงเป็นที่น่ากังวล เน่ืองจากปรมิ าณการซอื้ ไดล้ ดลงอย่างมากและมีการฟนื้ ตัวเพียงเล็กนอ้ ยเท่านัน้ โดยจากการตรวจสอบขอ้ มูลประชากร ของผู้โดยสารแสดงให้เห็นว่าฐานลกู คา้ ในปัจจุบันอาจแตกตา่ งออกจากเดิมมากโดยมกี ลมุ่ คนหนมุ่ สาวและนักท่องเที่ยว ที่มีงบประมาณจำกัด เป็นกลุ่มทีม่ ีศักยภาพในตลาด อีกทั้งพฤติกรรมของลูกค้าก็เปลี่ยนไปเชน่ กัน โดยมีช่วงเวลาการ จองล่วงหน้าสั้นๆ ซึ่งมักจะใช้เวลาหนึ่งหรือสองสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันพบได้บ่อยเนื่องจากนกั ทอ่ งเทีย่ วมจี ำนวนที่ น้อยทำให้การวางแผนลว่ งหน้าน้อยลง ซึ่งปัจจบุ ันผูโ้ ดยสารสว่ นใหญ่จะจองเฉพาะเทีย่ วบินภายในประเทศเท่านั้น แต่ สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศยังคงรอให้สถานการณ์ดีขึ้นก่อนจึงตัดสินใจที่จะเดินทาง (Curley, Ditcher, Krishnan, Riedel, and Saxon, 2020) ซึ่งทิศทางของตลาดในประเทศไทยก็มีแนวโน้มลักษณะเดียวกันกับตลาดใน ประเทศจีน จำนวนปริมาณการเดินทางอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีทีก่ ว่าจะให้กลับมาที่ระดบั ก่อนการเกดิ COVID-19 สายการบินอาจมีคำถามว่าจะสามารถกระตุ้นความต้องการให้กลับมาได้จริงหรือไม่ เนื่องจากยังไม่สามารถรู้ได้อย่าง ชัดเจนว่าจะมีกฎระเบียบใหม่ใดออกมาบ้างเพื่อควบคุมการเดินทาง อีกทั้งการตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไข เพมิ่ เตมิ อาจใชเ้ วลานาน ทำให้ขัดขวางนกั ธุรกิจหรือนักท่องเทย่ี วระยะสั้นจากการเดินทางได้ อีกท้งั ความแตกต่างด้าน กฎระเบียบการเดินทางระหว่างภูมิภาคอาจมคี วามซบั ซ้อนในการดำเนินงานและสร้างความสับสนใหก้ ับลูกค้าได้ สาย การบินจะต้องทำงานเชิงรุกร่วมกันหน่วยงานกำกับดูแลและสภาพแวดล้อมในระบบการเดินทางรูปแบบใหม่ เพื่อให้ แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นและสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันต้องเสริมสร้างความมั่นใจในความ ปลอดภัยในการเดินทางให้กับลูกค้าอีกด้วย ซึ่งในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ สายการบินควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่า สิ่งจูงใจหรอื ส่วนลดใดๆ จะใหผ้ ลลัพธท์ ีต่ ้องการหรือเพียงแคส่ ูบเงินออกจากองคก์ ร ความพยายามทางการตลาดยงั คงมี ความสำคัญ แต่ต้องสรา้ งโดยเน้อื หาทส่ี ะทอ้ นเกีย่ วกบั การเดินทางทีเ่ ปลยี่ นแปลงไปจากเดมิ และใหส้ อดคล้องกับความ ตอ้ งการและความกังวลของลูกคา้ หากพิจารณากนั ถึงการสร้างความได้เปรียบทางการตลาดในอนาคต สายการบินตอ้ ง คำนึงแนวทางการกระทำของคู่แขง่ ว่ามีแนวโน้มที่จะดำเนินการอย่างไร เมื่อการเดนิ ทางมเี พ่ิมมากข้ึนและพจิ ารณาว่า จะตอบสนองอย่างไรตอ่ กลยุทธ์ดังกล่าว โดยการทำตามขั้นตอนนี้จะช่วยใหอ้ งค์กรได้รับส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งถือเปน็ เป้าประสงค์ที่สำคัญเสมอ แม้ว่าอุปสงค์จะยังคงอยู่ในระดับต่ำก็ตาม อีกทั้งสายการบินยังสามารถเตรี ยมความพร้อม โดยพจิ ารณาวา่ จะต้องมีบคุ ลากร, กระบวนการ, และระบบใดบา้ ง ท่ีมีความจำเปน็ เมอ่ื การดำเนินงานเริ่มเพม่ิ ขึ้นเพือ่ ให้ สามารถดำเนินการไดอ้ ย่างรวดเรว็ และสามารถชว่ งชิงสว่ นแบง่ ตลาดได้เมื่อการแข่งขนั เริม่ กลบั คืนมาสูภ่ าวะปกติ หนา้ 279

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ชว่ งที่ 3 ช่วงเสรมิ สร้างความเขม้ แขง็ ให้มากข้ึนกวา่ เดิม ในข้ันตอนนี้สายการบนิ ต้องยอมรบั ว่ารูปแบบการดำเนินงานแบบเดิมที่เคยเช่ือถือได้ของการดำเนินธุรกิจสายการ บินอาจหายไปและวิธีการแบบเดิมในการกำหนดราคาเส้นทางการบินและสิ่งจูงใจผู้โดยสารอาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป เนื่องจาก ความชอบของผู้โดยสาร, ขอ้ มูลประชากร และพฤติกรรมการบริโภคมีการเปลี่ยนไป ตัวอยา่ งเช่น กล่มุ ที่ในอดีตอาจถูกจูงใจ ให้เดินทางบนเที่ยวบินอย่างง่ายดายด้วยค่าโดยสารราคาถูก ซึ่งการจูงใจด้วยวิธีการดังกล่าวอาจได้ผลตอบสนองในการใช้ บริการน้อยลง เพราะหากพวกเขายังคงมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านสุขภาพอยู่ อีกทั้งรัฐบาลบางประเทศอาจยิ่งทำให้ เกิดความซับซ้อนย่ิงขึ้นด้วยการเปลย่ี นแปลงนโยบายต่างๆ อยา่ งไม่สามารถคาดการณ์ได้ เช่น การจำกดั การเดินทางเข้าหรือ ออกจากประเทศของตน แมว้ ่าการระบาดจะทุเลาลงแล้วกต็ าม ในขณะท่ีสายการบนิ รวบรวมข้อมูลเกยี่ วกบั การเปลี่ยนแปลง เหล่านี้ องค์กรอาจต้องมีการปรับปรุงระบบการกำหนดราคาและการจัดการรายได้ขึ้นมาใหม่ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วธุรกิจ สายการบินจะอาศัยการสังเกตการณ์ในอดีตเพื่อสร้างการคาดการณ์เกี่ยวราคาและปริมาณการนำเสนอการบริการในแต่ละ ช่วงเวลา นอกเหนือจากการแก้ไขกระบวนการวางแผนแล้ว สายการบินอาจต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางของลูกค้า (end-to-end customer journey) ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางเน่ืองจากผโู้ ดยสารอาจมีความคาดหวงั และพฤติกรรมใหม่เม่ือ เริ่มเดินทางอีกครั้ง สายการบินต่างๆ อาจจำเป็นต้องมีนโยบายที่จะไม่ให้พนักงานเดินทางไปค้างแรมโดยเฉพาะใน ต่างประเทศ และอาจต้องดำเนนิ นโยบายให้เป็นไปอย่างต่อเนือ่ งอีกสักระยะหนึ่งเพื่อความปลอดภัยท้ังของตัวพนกั งานและ ผู้โดยสาร ดังนั้นแล้ว ทางสายการบินอาจต้องปรับเปล่ียนผลติ ภัณฑ์, ปรับปรุงเครือข่ายการขายและการบริการ รวมถึงการ ดำเนินงานขององคก์ รใหม่ในชว่ งเวลานี้ สรุป จากสิ่งที่ COVID-19 ทิ้งไว้กับธุรกิจสายการบิน ทำให้ในอนาคตของธุรกิจการบินจะต้องมีการปรับตัวหลาย อยา่ ง เพราะแทบทกุ ประเทศท่ัวโลกพากันปิดนา่ นฟา้ การควบคุมการเดินทางทางอากาศ จนถงึ ขนั้ ระงับให้สายการบิน หยดุ บิน หรอื สายการบนิ ต้องหยุดบนิ เองเพราะไม่คุ้มกบั คา่ ใช้จ่าย ทัง้ นี้ ในอนาคตถึงจะมีการผอ่ นคลายมาตรการต่างๆ ลง แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อรปู แบบการเดินทาง ซงึ่ ปัจจบุ ันการใชว้ ิถชี วี ิตใหม่ หรือ New Normal ของการเดนิ ทางทำ ใหธ้ รุ กจิ สายการบนิ ตอ้ งปรับตวั ตา่ งไปจากเดิมอยา่ งมาก สำหรบั ธุรกิจสายการบินในประเทศไทยมกี ารปรับตัวรบั New Normal ลดการสัมผัส เพิ่มระยะห่างทางสังคม รวมถึงการจัดการและบริการในภาคพื้นดิน เช่น บริเวณอาคาร ผ้โู ดยสารของสนามบนิ โดยหลกั คอื ตอ้ งรักษาระยะหา่ งทางสังคมเพื่อป้องกันการระบาด ตัง้ แต่เคาน์เตอร์เช็กอิน บน รถ shuttle bus หรือระหว่างปล่อยผู้โดยสารไปขึ้นเครื่องบิน (Boarding) ส่วนการบริการบนเครื่องบิน พนักงาน ต้อนรับบนเครื่องบินก็มีอุปกรณ์ป้องกันครบครัน ไม่ขายที่นั่งโซนกลางเครื่องเพื่อเว้นระยะห่างบนเครื่องบินให้เป็นไป ตามที่สำนกั งานกรรมการการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยกำหนดงดการจำหนา่ ยอาหารบนเครื่องบินเพื่อลดการถอด หน้ากาก ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่กล่าวมาเพื่อทำให้ผู้โดยสารเกิดความมั่นใจในความปลอดภัยในเดินทางว่าจะปลอดภยั จากสถานการณ์ COVID-19 และเมื่อการแพร่ระบาดสงบลง ธุรกิจสายการบินในโลกจะแตกต่างไปจากเดิมอย่าง สน้ิ เชงิ บางสายการบนิ จะแขง็ แกร่งขน้ึ ในขณะทบี่ างสายการบินจะอยู่ในสถานะทย่ี ากลำบากข้นึ กว่าเดิมหรือแม้กระท่ัง ถูกกีดกันโดยสิ้นเชิง การรวมกลุม่ พันธมิตรการบิน (consolidation) เพิ่มเติม อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะปรบั เปล่ียนไปสู่ รูปแบบใหม่ เช่นเดยี วกับการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยทุ ธ์ในการดำเนนิ ธุรกิจท่ีสำคญั ดังนน้ั แลว้ จึงสรุปออกมาได้ว่าในการ ดำเนินงานเพื่อรับมือกับผลกระทบภายหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ของธุรกิจสายการบินในประเทศไทยจะ หน้า 280

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) แบ่งได้เป็น 3 ช่วงทมี่ ีความสำคญั มาก ซง่ึ กลยุทธ์ชว่ งตา่ งๆ ต้องมีความสอดคล้องกับชว่ งสถานการณ์ จึงควรต้องมีการ ดำเนินงานเป็นขั้นเป็นตอน กล่าวคือ ช่วงที่ 1 คือช่วงแห่งการปรับสภาพคล่องให้ได้ กลยุทธ์ด้านการจัดการการเงิน และบริหารต้นทุนมีบทบาทสำคญั มากในช่วงนี้ ช่วงที่ 2 คือช่วงแห่งการสร้างความเชื่อมั่นเพือ่ ให้เกิดความผูกผันและ ความจงรกั ภักดีตอ่ สายการบิน กลยุทธด์ ้านการจัดการความสัมพันธก์ ับลูกค้าจะต้องนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆท่ี เกดิ ข้นึ จากการดำเนินงาน และชว่ งที่ 3 คือชว่ งแหง่ ปรบั เปลย่ี นผลิตภัณฑ์ให้เขา้ กับพฤตกิ รรมและสิ่งแวดล้อมใหม่ของ การเดินทางในธุรกิจสายการบิน กลยุทธ์ด้านการปรับปรุงผลิตภัณฑ์จะเป็นสิ่งที่จะทำให้สายการบินสามารถดำเนิน ธุรกจิ ต่อไปได้ ภายหลังการคลค่ี ลายของสถานการณ์ท่ยี ากลำบากเช่นน้ี ข้อเสนอแนะ การเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาแห่งการหยุดชะงักของการดำเนินธุรกิจสาย การบินจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์การแข่งขันอีกครั้งและละทิ้งการคาดการณ์ก่อนหน้านี้เก่ียวกับคู่แข่งของ องค์กรก่อนการตัดสินใจดำเนินกลยุทธ์ใหม่ที่สำคัญในการแข่งขัน ซึ่งในช่วงเวลาที่อุปสงค์ในการเดินทางลดลง และฝูงบินของแต่ละสายการบินต้องจอดเรียงรายอยู่ตามท่าอากาศยานต่างๆ ทั่วโลก อีกทั้งเนื่องด้วยรายได้ที่ ลดลงและความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องที่เกี่ยวกับการระบาดของ COVID-19 ทำให้สายการบินอาจมีความ ยากลำบากในการก้าวข้ามวิกฤตการณ์นี้ไปได้ในช่วงเวลาอันสั้น แต่แนวทางการรับมือกับผลกระทบเชิงกลยุทธ์ จากบทความนี้ เป็นลู่ทางในการจัดการและการดำเนินงาน เพื่อกลับไปสู่โครงสร้างตามขนาดการดำเนินงานเดิม อีกทั้งการทบทวนรูปแบบการดำเนินธุรกิจของสายการบิน และการปฏิรูปองค์กรที่เหมาะสมจะช่วยทั้งพนักงาน และลูกค้าปรับตัวกับสภาวะปกติของการดำเนินงานในอนาคตของสายการบินได้ การทำงานร่วมกันของธุรกิจ ประกอบในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอาจมีความสำคัญมากขึ้นต่อความสำเร็จในโลกใหม่หลังภัยจากเชื้อโรค ร้าย ยกตัวอย่างเช่นสายการบินสามารถสร้างพันธมิตรทางการตลาดกับโรงแรม และหน่วยงานการท่องเท่ียวและ อื่นภายในระบบนิเวศการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มความต้องการ หรือ เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลและหน่วยงาน กำกับดูแลในการสร้างมาตรฐานเพื่อสุขอนามัยหรือการปฏิบัติงานในการดำเนินงานระดับภูมิภาค และระดับโลก ความร่วมมือดังกล่าวตลอดจนการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์อื่นๆ จะช่วยให้ธุรกิจสายการบินกลับมาดำเนินการตาม เป้าหมายหลักในการเช่ือมต่อโลกของเราให้กลับมาใกล้กันดังเดิมได้อีกคร้ังหนึ่ง หน้า 281

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) เอกสารอา้ งองิ กระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกฬี า. (2564). สถติ ิผเู้ ดินทางเข้า - ออกราชอาณาจกั ร 5 ท่าอากาศยาน (Traveler Statistics: 5 Airports). [Online], สบื คน้ เม่อื 24 กมุ ภาพนั ธ์ 2564, Available from https://mots.go.th/more_news_new.php?cid=595 ฉัตยาพร เสมอใจ, ศศนันท์ วิวฒั นชาต, วัชรพงษ์ พนติ ธำรง. (2561) วิธีเปลี่ยนความผิดพลาดในการบรกิ ารเปน็ ความภกั ด.ี วารสารมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชพฤกษ.์ 3(3), 1-13. เดลนิ วิ ส์ ออนไลน.์ (2564). กบร.เคาะมาตรการเยียวยาสายการบิน 3 เดอื น. [Online], สบื คน้ เมือ่ 26 มกราคม 2564, Available from https://www.dailynews.co.th/economic/820444 ทักษณิ า แสนเยน็ , วรวฒุ ิ เว้นบาป, วรี ะพนั ธ์ ชว่ ยประสทิ ธิ์, กลุ ธวชั ศรายทุ ธ และอาภาภรณ์ หาโสะ๊ . (2563, พฤษภาคม – สิงหาคม). บทวิเคราะห์การรับมอื โรคโควิด-19: ผลกระทบตอ่ อตุ สาหกรรมการบิน. วารสาร สหวิทยาการมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์. 3(2), 209-220. ไทยพบี ีเอส. (2563). WHO ตั้งชอื่ ทางการไวรสั โคโรนาสายพนั ธุ์ใหม่ \"COVID-19\". [Online], สืบคน้ เมอ่ื 8 มกราคม 2564, Available from https://news.thaipbs.or.th/content/288861 ประชาชาติธรุ กจิ ออนไลน.์ (2563). “โควิด” ทุบอุตสาหกรรม “การบนิ -ท่องเทีย่ ว” ทรุดหนกั ถงึ ปี’66. [Online], สืบคน้ เม่อื 8 มกราคม 2564, Available from https://www.prachachat.net/property/news-520618 ประชาชาตธิ ุรกิจ ออนไลน์. (2563). ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง จากความกังวลต่อ COVID-19 ที่กดดนั เศรษฐกจิ โลก. สบื คน้ เม่อื 8 มกราคม 2564, Available from https://www.prachachat.net/finance/news- 433586 สำนกั งานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย. (2563). รายงานสถิตกิ ารขนสง่ ทางอากาศ ไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2563. [Online], สืบคน้ เมอ่ื 8 มกราคม 2564, Available from https://www.caat.or.th/th/archives/54571 ศูนยบ์ รหิ ารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019. (2564). สถานการณ์ COVID-19 ใน ประเทศไทย. [Online], สบื คน้ เมือ่ 8 มกราคม 2564, Available from http://www.moicovid.com/ Andrew Curley, Alex Dichter, Vik Krishnan, Robin Riedel, and Steve Saxon. (2020, April). Coronavirus: Airlines brace for severe turbulence. [Online], Retrieved January 10, 2021, Available from https://www.mckinsey.com/industries/travel-logistics-and-transport- infrastructure/our-insights/coronavirus-airlines-brace-for-severe-turbulence Colm Quinn. (2020). The Tourism Industry Is in Trouble: These Countries Will Suffer the Most. [Online], Retrieved January 10, 2021, Available from https://foreignpolicy.com/2020/04/01/coronavirus-tourism-industry-worst-hit-countries- infographic/?fbclid=IwAR0ZqTJjBaLB_gODEzZKDf9RvJy62G9CYXtNYtI7RBsxnclpque3xIm7IGw International Civil Aviation Organization. (2020). Economic Impacts of COVID-19 on Civil หนา้ 282

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) Aviation. [Online], Retrieved January 10, 2021, Available from https://www.icao.int/sustainability/Pages/Economic-Impacts-of-COVID-19.aspx International Civil Aviation Organization. (2020). Guidance for Air Travel through the COVID-19 Public Health Crisis. [Online], Retrieved January 10, 2021, Available from https://www.icao.int/covid/cart/Pages/CART-Take-off.aspx International Civil Aviation Organization. (2021). Effect of Novel Coronavirus (COVID-19) on Civil Aviation: Economic Impact Analysis. [Online], Retrieved February 24, 2021, Available from https://www.icao.int/sustainability/Documents/COVID-9/ICAO_Coronavirus_Econ_Impact.pdf KPMG. (2020). Airlines - Financial reporting implications of COVID-19. [Online], Retrieved January 8, 2021, Available from https://assets.kpmg/content/dam/kpmg/xx/pdf/2020/04/airlines- financial-reporting-implications-of-covid-19.pdf หนา้ 283

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) สอนเขยี นสะกดคำอยา่ งไรใหส้ ่งเสรมิ ทักษะสำคัญของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 How to capture 21st century students in teaching spelling. กรพฒั น์ โรจน์ธนานนั ต์1 กรณั ฑรัตน์ พ่ึงโพธ์ิทอง2 พงษ์ภิญโญ แม้นโกศล3 จตุพร มีสกลุ 4 มหาวิทยาลยั ธุรกิจบณั ฑิตย์ E-Mail [email protected] [email protected] [email protected] บทคัดยอ่ การเขียนเป็นทักษะการสื่อสารอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะการเขียน สะกดคำในภาษาไทยให้ถูกตอ้ ง เพื่อให้เกิดการส่ือความที่ถูกต้องตามกระบวนการของการสื่อสาร ดังนั้นผู้สอนจึงตอ้ ง ออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ ช่ี ว่ ยพฒั นาผลสัมฤทธ์ทิ างการสอนการเขียนสะกดคำในภาษาไทย อกี ทัง้ พฒั นาผู้เรียนให้ เกิดทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ด้านการทำงานเปน็ ทีมร่วมกบั ผ้อู น่ื ซ่ึงเป็นทกั ษะทางอาชีพสำคัญในอนาคต จากการศึกษา วิธกี ารสง่ เสริมทกั ษะการเขียนสะกดคำวชิ าภาษาไทย ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาตอนตน้ จากวิทยานิพนธร์ ะดบั มหาบัณฑิต ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ tdc.thailis.or.th ระหว่างปี พ.ศ. 2558 – 2562 จำนวนทั้งสิน้ 18 เรื่อง พบว่ามีผู้ใช้วิธีการสอน การเขียนสะกดคำในวิชาภาษาไทยระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้นทั้งสิ้น 7 วิธี ได้แก่ 1. การใช้แบบฝึกทักษะเพ่ือสอน การเขียนสะกดคำ 2. การใช้กิจกรรมกลุ่มร่วมมือประกอบแบบฝึกเพื่อสอนการเขียนสะกดคำ 3. การใช้เกมการศกึ ษา เพื่อการสอนการเขียนสะกดคำ 4. การใช้ชุดการสอนเพื่อสอนการเขียนสะกดคำ 5. การใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อสอนการ เขียนสะกดคำ 6. การใช้ Herbart Formal Step เพือ่ สอนการเขียนสะกดคำ และ 7. การใช้ Brain-based Learning เพื่อสอนการเขียนสะกดคำ จากการวิเคราะห์พบว่าวิธีการสอนแบบกิจกรรมกลุ่มร่วมมือสามารถช่วยส่งเสริม พัฒนาการเรียนรู้เรื่องการเขียนสะกดคำของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถ พฒั นาผู้เรียนใหม้ ีทกั ษะศตวรรษท่ี 21 อีกดว้ ย คำสำคัญ: การสอนการเขยี นสะกดคำ, การเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี 21, ชั้นประถมศกึ ษาตอนตน้ , ภาษาไทย Abstract Writing is one of the communication skills that are essential to human life, especially writing and spelling in a correct Thai language to achieve the communication. Therefore, the teachers must design learning activities to improve the teaching of spelling in Thai language. The teachers also need to develop the learners to acquire 2 1 st century skills in teamwork with others, an important career skill in the future. From the study of methods to promote writing and spelling skills in Thai language in primary level from the Master's thesis published on the website tdc. thailis. or. th during 2 0 1 5 - 2019, a total of 18 subjects, found that there were 7 methods for teaching spelling in Thai language at the lower primary level, in total of 7 methods, namely 1. Skill exercises to teach spelling 2. Using หนา้ 284

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) co- operative group activities together with exercises to teach spelling. 3 . Using educational games for teaching spelling. 4. Using teaching kits to teach writing. Spelling 5. Using multimedia to teach spelling, 6. Using Herbart Formal Step to teach spelling and 7. Brain-based Learning to teach spelling. From the analysis, it was found out that a cooperative group activity teaching method could help promote the development of spelling of the lower primary students effectively and able to develop learners with 21st century skills as well. KEYWORDS: Thai writing spell by using , 21st Century , Primary School , Thai Language บทนำ ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรมและสมบัติของชาติ อันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและเสริมสร้าง บุคลกิ ภาพของคนในชาติให้มีความเปน็ ไทย เปน็ เครอื่ งมอื ในการติดตอ่ สื่อสารเพ่ือสร้างความเขา้ ใจและความสัมพันธ์ที่ ดีต่อกันทำให้สามารถประสานงานและดำเนินชีวิตร่วมกันได้อย่างสันติสุขและเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยพัฒนาความรู้ความคิดวิเคราะห์วิจารณ์และสร้างสรรค์ให้ทันต่อการ เปลี่ยนแปลงทางสังคมและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีตลอดจนนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง นอกจากน้ียังเป็นสื่อแสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี สุนทรียภาพเป็นสมบัตลิ ำ้ ค่า ควรแก่การ เรยี นรู้อนรุ กั ษแ์ ละสืบสานให้คงอยคู่ ู่ชาติไทยตลอดไป (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, น. 37) แผนการศกึ ษาแห่งชาติได้ กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21” โดยมีเป้าหมายด้าน ผู้เรียน คอื มงุ่ พฒั นาผ้เู รียนทกุ คนให้มคี ุณลักษณะทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (3R&8Cs) การจดั การศึกษาจึงต้อง มุ่งเตรียมผู้เรียนให้เป็นผู้ที่สามารถปรับตัวและเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถทำงานและดำรงชีวติ รว่ มกับผูอ้ น่ื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ (ไสว ฟกั ขาว, 2562, น. 14) การเขียนเป็นทักษะพื้นฐานที่มีความสำคัญเพราะเป็นการสื่อสารของมนุษย์ การเขียนสามารถถ่ายทอด ประสบการณ์ วัฒนธรรมจากรุ่นหนงึ่ ไปส่รู ่นุ หน่ึง (อาจารย์โปรแกรมวชิ าภาษาและวฒั นธรรม, 2560, น.3) การเขียนที่ สัมฤทธิ์ผลหมายถึงการเขียนที่สามารถสื่อความให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อความที่ต้องการจะสื่อได้อย่างชัดเจน ตรงความมุ่ง หมายทจ่ี ะสอ่ื ความ ผูเ้ รยี นจำเปน็ ต้องมคี วามสามารถในการเขยี นสะกดคำไดถ้ ูกต้อง ระมดั ระวงั และสนใจใช้ภาษา เพื่อ ไม่ใหเ้ กิดความผิดพลาดในการสือ่ ความทีม่ คี วามหมายแตกตา่ งกัน (เริงชยั ทองหลอ่ , 2556, น. 242) ทกั ษะการสอ่ื สาร ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ต้องสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับตัวให้ทั นต่อการ เปลี่ยนแปลงที่มาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การสื่อสารผ่าน ไลน์ (Line) เฟซบุ๊ก (Facebook) และ ทวิตเตอร์ (Twitter) เป็นต้น การสื่อสารผ่านสื่อดังกล่าวเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเด็กเมื่อรู้ภาษาก็สามารถใช้สื่อออนไลน์ในการสื่อสารกับ บุคคลอื่น อย่างไรก็ดีจะเห็นได้ว่าการสื่อสารในสื่อสังคมออนไลน์มักจะสะกดคำที่ไม่ถูกต้องตามหลักของภาษาไทย ทั้งนี้เพราะผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์มักทำให้เกิดคำศัพท์ใหม่ และเมื่อสังคมมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะภาษาก็อาจถูก เปลยี่ นไปตามสภาพสงั คม และเกิดคำศพั ทใ์ หมอ่ ยตู่ ลอดเวลา เมอ่ื เวลาผ่านไปคำศพั ท์เหล่านี้กอ็ าจถกู ลมื หรืออาจยังคง ใช้ โดยผู้ใช้ภาษาสามารถปรับวิถีการสื่อสารให้เข้ากับยุคสมัย แต่อย่างไรก็ตามการใช้ภาษาไทยในอินเทอร์เน็ตควร หน้า 285

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) พิจารณาและไตร่ตรอง และควรมีการธำรงภาษาเดิมเพื่อไม่ให้ภาษามาตรฐานเปล่ียนแปลงไป (ซารีณา นอรอเอ และ คณะ, 2561, น. 951) ทักษะการเขียนสะกดคำจึงเป็นทักษะที่สำคัญในการเขียนสื่อความ และถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรฯ วิชา ภาษาไทยช้ันประถมศกึ ษาตอนต้น โดยหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ได้กล่าวถึงคุณภาพผู้เรยี น เมอื่ จบชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ตอ้ งมที กั ษะการเขียนในภาษาไทย ในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขยี นบรรยาย บนั ทึกประจำวัน เขียนจดหมายลาครู เขยี นเรอื่ งเก่ยี วกบั ประสบการณ์ เขียนเร่ืองตามจินตนาการและมมี ารยาทในการ เขียน สามารถสะกดคำและเข้าใจความหมายของคำ ความแตกต่างของคำและพยางค์ หน้าที่ของคำในประโยค มี ทักษะการใช้พจนานุกรมในการค้นคว้าความหมายของคำ แต่งประโยคง่าย ๆ แต่งคำคล้องจอง แต่งคำขวัญ และ เลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่นได้เหมาะสมกับกาลเทศะ เด็กไทยทุกคนควรเรียนรู้ในการเขียน และใช้ ภาษาไทยอย่างถูกต้อง การเขียนจึงเป็นทักษะสำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างทักษะการเขียนขั้นสูงในอนาคต (อไุ รวรรณ ศรีสุทโธ, 2558) เพราะผู้เรียนวยั ประถมต้นมคี วามต้องการทจี่ ะพฒั นาทกั ษะภาษาตามธรรมชาติ เช่น การ อ่าน การเขียน การพูด เห็นได้จากความกระตือรือร้นในการอ่าน เขียน หรือบอกเลา่ ประสบการณ์หรือเรื่องราวตา่ ง ๆ ทีต่ รงกับความสนใจของผเู้ รียนเอง ถ้างานที่ผเู้ รียนกำลงั ทำอยู่นั้นเป็นสง่ิ ที่ตรงกบั ความสนใจหรอื ความถนดั ผูเ้ รยี นวยั น้ี กจ็ ะมสี มาธิและสามารถทำงานอย่างตอ่ เนอื่ งได้นานมากข้นึ (ยศวรี ์ สายฟา้ , 2554-2555) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการประเมินผู้เรียนระดับชาติ ได้ รายงานผลการประเมินคณุ ภาพผู้เรียน (NT) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2562 ชี้แจงผลคะแนนความสามารถ ด้านภาษาไทย เมื่อเทียบกับตัวชี้วัดที่อยู่ในสาระการเรียนรู้ภาษาไทย พบว่า มาตรฐาน ท 4.1 ป.3/1 เขียนสะกดคำ และบอกความหมายของคำ ได้คะแนนร้อยละ 40.56 อยู่ในระดับคุณภาพพอใช้ คะแนนอยู่ในระดับที่น้อยที่สุดใน ระดบั พอใช้ จาก 5 มาตรฐานในรายวชิ าภาษาไทย จากปัญหาดังกล่าวครูผู้สอนควรออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนับสนุนการส่งเสริมการเขียนสะกดคำใน ภาษาไทย ให้เกิดประสิทธิภาพสอดคล้องกับการพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ที่เน้นให้ผู้เรียนเปน็ ศูนย์กลางของการ เรียนรู้และมีความสามารถทางด้านการสือ่ สารอยา่ งมีประสิทธิภาพ ดังนั้นทักษะการเขียนถอื ไดว้ ่าเป็นทกั ษะพื้นฐานที่ ของผู้เรยี นในชว่ งชน้ั ประถมศึกษาตอนตน้ เป็นช่วงแรกของการศึกษาภาคบังคบั หลักสูตรแกนกลาง พ.ศ.2551 มุ่งเน้น ทกั ษะพน้ื ฐานดา้ นการอ่าน การเขยี น ทกั ษะการคิดพื้นฐาน การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ซงึ่ ต้องอาศยั การวางรากฐานทางภาษา ที่ถูกต้อง ผู้เรียนจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้การเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง การสอนการเขียนสะกดคำเป็นเรื่องที่ยากใน การที่ผู้สอนจะถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยกิจกรรมประกอบการสอนที่กระตุ้นคว ามสนใจของ ผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดการอยากรู้ อยากติดตามเนื้อหาการสอนตลอดเวลา (ภาวินี กลิ่นโลกัย, 2553) โดยกิจกรรม ดังกล่าวต้องส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ผู้ศึกษามีความคิดเห็นว่าหากผู้สอนสามารถจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ทีด่ ึงดูดความสนใจของผูเ้ รียนได้ การเรียนรู้เรือ่ งการเขียนสะกดคำจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถทำให้ ผูเ้ รยี นตน่ื ตวั ในการเรียนรู้ และมรี ากฐานการเขยี นสือ่ สารทีด่ ีในอนาคตอีกดว้ ย ในบทความนี้จึงศกึ ษาวิธีการสอนการเขยี นสะกดคำในรายวิชาภาษาไทย ระดบั ประถมศึกษา ในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2558 – พ.ศ.2562 เพื่อให้ทราบว่ามีการใช้วิธีการสอนการเขียนสะกดคำวิชาภาษาไทยในรูปแบบใดบ้าง และ นำเสนอแนวทางการจัดการเรียนการสอนการสะกดคำวิชาภาษาไทยที่เหมาะสมกับการ พัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะท่ี สำคญั ในศตวรรษที่ 21 โดยเลอื กศกึ ษาวทิ ยานพิ นธร์ ะดับมหาบัณฑิต จากเว็บไซต์ tdc.thailis.or.th หน้า 286

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อนำเสนอแนวทางการจดั การเรียนการสอนการสะกดคำวิชาภาษาไทยใหเ้ หมาะสมกบั นักเรียนในศตวรรษ ท่ี 21 วิธีสอนเขียนสะกดคำสำหรับนกั เรียนช้ันประถมศึกษาตอนต้น พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตราที่ 22 (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ, 2542, น. 13) การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมี ความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ การจัดการเรียนการสอนในปัจจุบนั เน้นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยให้ผู้เรียนมีโอกาสได้ เรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อร่วมชั้นเรียน ได้เกิดองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองจากการเรียนรู้จาก สิ่งแวดล้อมรอบตัว บทบาทของครูผู้สอนจึงเปลี่ยนไปจากอดีตที่สอนแบบทิศทางเดียวที่ครูยืนพูดหน้าห้องและให้ นักเรียนอ่านตามและจดบนั ทึกในสิง่ ที่ครูสอน บทบาทของครใู นยุคปจั จุบันจึงตอ้ งสอนหรือฝึกผู้เรียน ดังนี้ 1) ครูต้อง ฝึกให้นักเรียนคิดเป็น 2) ครูต้องฝึกให้นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้าอย่างลึกซึ้ง 3) ครูต้องฝึกให้นักเรียนบริการสังคม นำ ความรู้ไปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ (มหาวิทยาลยั ราชภัฏลำปาง, 2556, น. 5) การจัดการเรยี นการสอนเร่ืองการเขยี นสะกดคำเป็นทักษะการสือ่ สารขั้นพื้นฐานทีม่ นุษย์ทุกคนตอ้ งเรียนรู้ เพื่อให้การ สื่อสารสัมฤทธิ์ผลและมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับระดับของผู้ที่ ต้องการสื่อสารด้วย (อุไรวรรณ ศรีสุทโธ, 2558 น. 3-4) นอกจากนี้การใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องเป็นการแสดงถึงการ อนุรักษ์ และความภูมิใจภาษาประจำชาติ ครูผู้สอนจึงควรออกแบบการจัดการเรียนการสอนที่ช่วยพัฒนาผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนให้ผู้เรียนได้รับพัฒนาองค์ความรู้ที่หลักสูตรแกนกลางได้กำหนด อีกทั้งวิธีการจัดการเรียนการสอนควร มงุ่ เนน้ ศักยภาพของผู้เรยี นทคี่ วรได้รบั การพฒั นาในทุกดา้ นตามช่วงวัยที่เหมาะสม เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รียนได้เรียนรู้และสามารถ นำทกั ษะทไี่ ดจ้ ากการเรยี นไปใชใ้ นชีวติ จริงได้อยา่ งถูกต้อง จากการศึกษาวิธีการสอนการเขียนสะกดคำในรายวิชาภาษาไทย ระดับประถมศึกษาตอนต้น ในช่วงปี พ.ศ. 2558 – พ.ศ. 2562 จากเว็บไซต์ tdc.thailis.or.th พบว่ามีเพียงวิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิตเท่านั้นที่ศึกษาใน ประเดน็ ทเ่ี กีย่ วข้องจำนวนทงั้ สิ้น 18 เร่ือง แบ่งตามปที เ่ี ผยแพรว่ ิทยานพิ นธ์ คือ พ.ศ.2558 จำนวน 9 เรื่อง พ.ศ.2559 จำนวน 2 เรอื่ ง พ.ศ. 2560 จำนวน 2 เรอื่ ง พ.ศ.2561 จำนวน 5 เร่ือง และพ.ศ.2562 จำนวน 1 เร่อื ง ดงั ตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 1 แสดงข้อมูลวิธีการสอนการเขียนสะกดคำวิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น จากวิทยานิพนธ์ ระดับมหาบัณฑิตเรื่องการเขียนสะกดคำวิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ tdc.thailis.or.th ระหวา่ งปี พ.ศ. 2558 – 2562 ปที ่ีเผยแพร่ วิธกี ารสอน แบบฝกึ กิจกรรมกลมุ่ เกม ชุดการ สื่อมัลติมเี ดยี Herbart Brain-Based ชอ่ื ผวู้ จิ ยั ทักษะ รว่ มมอื การศกึ ษา สอน Formal Learning ประกอบ Step แบบฝกึ พ.ศ. 2558 อุไรวรรณ ✓ ✓ นวลลออ ✓ ศริ ิพร หน้า 287

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ปที ่เี ผยแพร่ วิธกี ารสอน แบบฝึก กจิ กรรมกลุ่ม เกม ชดุ การ สือ่ มัลตมิ เี ดยี Herbart Brain-Based ทักษะ รว่ มมอื การศกึ ษา สอน Formal Learning พ.ศ. 2559 ชอ่ื ผู้วจิ ยั ประกอบ Step พ.ศ. 2560 ✓ แบบฝึก ✓ ✓ ✓ พ.ศ. 2561 สมร ✓ 11 ✓ 1 พ.ศ. 2562 บพิธ ✓ ✓ เกษร ✓ ✓ 2 1 มยรุ ี ✓ สุพรรณษา ✓ ✓ ปิยาภรณ์ กรณุ า ✓ 4 นรเศรษฐ์ ✓ นันทพร 8 แสงจันทร์ นชุ รนิ ทร์ ทักษิณ พชั ราภรณ์ กนั ตพฒั น์ อาบีดะฮ์ รวม จากตารางที่ 1 สรุปได้ว่าวิธีการสอนการเขียนสะกดคำพบมากที่สุดในการสอนการเขียนสะกดคำ 3 ลำดับ แรกได้แก่ วิธีการสอนการเขียนสะกดคำโดยใช้แบบฝึกทักษะ จำนวน 8 เรื่อง วิธีการสอนการเขียนสะกดคำกิจกรรม กลุ่มร่วมมือประกอบแบบฝึก จำนวน 4 เรื่อง และวิธีการสอนการเขียนสะกดคำเกมการศึกษา จำนวน 2 เรื่อง ในที่น้ี จะกล่าวถงึ สาระสำคัญของวิธกี ารสอนการเขยี นสะกดคำทง้ั 7 วธิ ี ดังน้ี วธิ ีท่ี 1 แบบฝึกทกั ษะเพอื่ สอนการเขยี นสะกดคำ แบบฝึกทักษะเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอนวิธีหน่ึงทีพ่ บมากที่สุดเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนของผูเ้ รยี นโดยผทู้ ำวิจยั ท้ัง 8 เรื่องได้ให้ความหมายของแบบฝึกทักษะเพ่ือสอนการเขยี นสะกดคำ คอื ส่ือที่ครูสร้าง ขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนได้ทำความเข้าใจและฝึกปฏิบัติควบคู่ไปกับการเรียนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ จน เกดิ ความเขา้ ใจ มีประสบการณ์ และสามารถนำความรู้ไปใช้ไดจ้ รงิ ประโยชนแ์ ละผลทน่ี ักเรียนไดร้ ับจากแบบฝึกทกั ษะ 1) ผู้เรียนสามารถทบทวนได้ด้วยตนเอง ทำให้เข้าใจบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น 2) ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่องานท่ี ได้รับ มอบหมาย 3) ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเองจากการฝึกปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคลในชั้นเรียน 4) ผู้เรียนได้ฝึก ทำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จนเกิดความแม่นยำในการเขียนสะกดคำจากเนื้อหาที่เรียน 5) ผู้เรียนสามารถประเมินผลงานโดย ทราบข้อบกพรอ่ งและความก้าวหนา้ ของตนเองจากชิ้นงานทำให้ผู้เรยี นเกดิ กำลงั ใจในการเรยี นมากขนึ้ จากการวิเคราะห์งานวิจยั ท้ัง 8 เรื่อง พบว่าสาเหตุที่มีการนำแบบฝึกทักษะมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน การเขียนสะกดคำวิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้นมากที่สุด เนื่องจากเป็นวิธีการสอนที่ไม่ ซบั ซ้อน ใช้เวลาไม่นานเมอื่ ผู้เรียนได้ลงมือทำ ผู้สอนสามารถประเมนิ ผลและทราบถึงจุดบกพร่องของผ้เู รยี นไดท้ ันที อีก ทั้งใช้งบประมาณในการจัดทำน้อยและสามารถนำวิธีการสอนนี้ไปประยุกต์ใช้กับผู้เรียนทุกระดับ เป็นกิจกรรมที่ช่วย พัฒนาผู้เรียนด้านการเขียนสะกดคำในภาษาไทยที่เห็นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในเชงิ ประจักษ์ ผู้สอนสามารถติดตาม หนา้ 288

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ผลและพัฒนาผู้เรียนที่ขาดทักษะดังกล่าวได้ตรงประเด็น ทำให้ผู้เรียนได้รับการแก้ไขข้อบกพร่องและพัฒนาทักษะ ทางการเขียนสะกดคำให้ถูกต้องการสร้างแบบฝึกทักษะใช้เวลาน้อย ประหยัดงบประมาณ (บพิธ หวังหนองเสียว, 2558; ปยิ าภรณ์ วันมี, 2558; สมร คงเมือง, 2558; อไุ รวรรณ ศรีสุทโธ, 2558; กรณุ า ภมู รี, 2559; นรเศรษฐ์ สุวรรณ อำไพ, 2559; กนั ตพัฒน์ สุวรรณเรือง, 2561; พชั ราภรณ์ นามทอง, 2561) วธิ ที ี่ 2 การใช้กจิ กรรมกลุม่ รว่ มมือประกอบแบบฝกึ เพ่ือสอนการเขียนสะกดคำ กิจกรรมกลุ่มร่วมมอื เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมบรรยากาศที่ดใี นการเรียนรู้ในชั้นเรียน งานวิจัยทั้ง 4 เรื่อง ได้ให้ ความหมายของกิจกรรมกลุ่มร่วมมือไว้ว่า การจัดการเรียนการสอนที่แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มโดยสมาชิกในกลุ่มมี ความสามารถที่แตกต่างกันและมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ผลงานของสมาชิกเป็นผลงานของกลุ่ม ทำให้ผู้เรียน เกิดการชว่ ยเหลือและรับผิดชอบการเรยี นรู้ทัง้ ของตนเองและสมาชกิ ในกลุ่ม สง่ ผลให้กิจกรรมกลุ่มประสบความสำเร็จ ตามเป้าหมายทก่ี ำหนดไว้ โดยผูว้ ิจัยทง้ั 4 เรอื่ ง ได้นำแบบฝกึ ทักษะมาประกอบการทำกิจกรรมกลมุ่ รว่ มมือ ประโยชน์ และผลท่ีผูเ้ รยี นไดร้ บั จากกิจกรรมกลุ่มร่วมมือประกอบแบบฝึก 1) ผู้เรียนเกดิ ความเอาใจใสม่ ีความรบั ผิดชอบต่อตัวเอง และกลุ่มรว่ มกบั สมาชิกคนอื่น 2) ผู้เรยี นไดผ้ ลัดเปล่ียนกนั เป็นผู้นำและผตู้ าม 3) ผูเ้ รยี นเกิดการเรียนรู้ทักษะทางสังคม ในการผู้ร่วมกับผู้อื่น และการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี 4) ผู้เรียนเกิดความสนใจ มีความกระตือรือร้น สนุกสนานในการ เรียน ส่งผลใหก้ ารเรียนร้มู ปี ระสิทธภิ าพย่ิงขน้ึ จากการวิเคราะห์งานวิจัยทั้ง 4 เรื่อง พบว่าการใช้กิจกรรมกลุ่มร่วมมือประกอบแบบฝึกเพื่อสอนการเขียน สะกดคำช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ ท้าทาย ผู้เรียนสามารถแสดงความสามารถได้เต็มศักยภาพ ในการพูด การแสดงออก การแสดงความคดิ เห็น เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนได้เลือกฝึกและศึกษาด้วยตนเอง เกิดการช่วยเหลือระหว่าง เพื่อนในกลุ่ม คนเก่งช่วยคนอ่อนทำให้คนท่ีเรียนอ่อนเข้าใจได้มากขึ้นและสามารถติดตามเนือ้ หาการเรียนได้ทันเพื่อน ในกลุ่ม รู้จักรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน นำข้อมูลท่ีได้มาพิจารณารว่ มกันเพื่อหาคำตอบที่เหมาะสมเพือ่ ให้สำเร็จ ตามเป้าหมายของกลุ่มสง่ ผลให้ผู้เรียนเกิดผลสัมฤทธิด์ า้ นการเรียน ด้านความสมั พันธ์ระหว่างสมาชิกในกลุ่ม และด้าน การเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี (ศิริพร จันทะเลิศ, 2558; สุพรรณษา สุริยะกมล, 2558; มยุรี ดงแสง, 2558; ทักษิณ คุณ พภิ าค, 2561) วิธที ี่ 3 การใช้เกมการศกึ ษาเพอ่ื การสอนการเขียนสะกดคำ เกมการศึกษาเป็นวิธีการสอนที่พบมากเปน็ ลำดบั ท่ี 3 งานวิจัยทง้ั 2 เรอื่ งได้ใหค้ วามหมาย ของเกมไว้ว่า เกม เป็นกิจกรรมทปี่ ระกอบไปดว้ ยกตกิ า กฎ ในการแขง่ ขัน มีการดำเนนิ กิจกรรมอยา่ งเปน็ ระบบเกิดความสนุกระหว่างทำ กิจกรรม สามารถเล่นเป็นรายบุคคลหรือเป็นทมี ได้ โดยกิจกรรมเกมการศึกษาช่วยฝึกใหผ้ ู้เรียนเกิดประสบการณ์ เกิด ความคิด ความเข้าใจ สติปัญญา ฝึกการสังเกต ไหวพริบ เกิดทักษะการแก้ปัญหา กระตุ้นการทำงานของร่างกายและ สมอง เกมจะมีระบบแผนที่ชัดเจน แน่นอน ซึ่งแตกต่างจากการเล่นทั่วไป เช่นการเล่นตุ๊กตา หรือเกมทางพลศึกษา ประโยชน์และผลที่ผู้เรียนได้รับจากการจัดกิจกรรมเกมการศึกษา ได้แก่ 1) ผู้เรียนได้รับการพัฒนาความคิดในการ แก้ปัญหา ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และความคิดรวบยอด 2) ผู้เรียนได้ฝึกทักษะทางภาษาและทบทวนเนื้อหา 3) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงความสามารถท่ีมีอยู่อย่างเต็มศักยภาพ 4) ผู้เรียนเกิดการจูงใจ เร้าใจในการเรียน 5) ฝึกให้ ผ้เู รยี นมคี วามรบั ผิดชอบ เคารพในกฎเกณฑ์ 6) ชว่ ยให้ผู้เรยี นเกิดความผ่อนคลายในการเรียน 7) ผ้เู รยี นเกดิ การเรียนรู้ โดยประจกั ษ์ มคี วามรูท้ ี่คงทน 8) ผู้เรียนมสี ว่ นรว่ มในการจดั การเรยี นกอ่ นสอน หนา้ 289

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) จากการวิเคราะห์งานวิจัยท้ัง 2 เรื่อง พบว่าการใช้เกมการศึกษาเพ่ือการสอนการเขยี นสะกดคำ ช่วยส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนเกิดความสนุกสนาน ช่วยกระตุ้นประสาทการตอบสนอง ผู้เรียนเกิดความตื่นตัวมีความพร้อมต่อการเรียนรู้ ช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นใหก้ ับผู้เรียน เกิดความร่วมมือเป็นหมู่คณะ ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอน ท้ัง ยังชว่ ยสง่ เสริมความคิดสร้างสรรค์ ความคิดรวบยอด ความจำ เกิดการช่วยเหลอื ซึง่ กันและกนั ภายในกลุม่ ผเู้ รียนได้รับ การเสริมแรงผา่ นการเล่นเกมทำให้เกดิ กำลงั ใจปรารถนาในการที่จะเรียนรูแ้ ละพฒั นาตนเองอย่างต่อเนื่อง เป็นวิธีการ สอนท่ที ำให้ผเู้ รยี นคน้ พบองคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเอง เกิดเปน็ องค์ความร้ทู คี่ งทนจงึ ทำใหผ้ ลสัมฤทธิท์ างการเรียนของผู้เรียน สูงขึ้น ผู้วิจัยไดม้ ีแนวคิดทีว่ ่าเกมการศกึ ษามีส่วนช่วยพัฒนาความสามารถในการเขียนสะกดคำในภาษาไทยได้แล้ว ยัง ทำใหผ้ เู้ รียนเกดิ เจตคตทิ ี่ดีตอ่ วชิ าภาษาไทยอีกดว้ ย (เกษร สหี า, 2558; อาบีดะฮ์ คงสเิ หร่, 2562) วิธีที่ 4 การใชช้ ดุ การสอนเพื่อการสอนการเขียนสะกดคำ ชุดการสอนเป็นวธิ กี ารสอนที่พบน้อยที่สุดเพียง 1 เรื่อง โดยผู้วิจัยได้อธิบายความหมายของชุดการสอนไว้ว่า ชุดการสอนคือสื่อประสมท่ีมีการออกแบบกิจกรรมการเรยี นการสอนที่หลากหลายอย่างเปน็ ระบบ มีการเตรียมเนื้อหา สื่อ และกิจกรรมไว้อย่างหลากหลาย ประกอบด้วยคู่มือครู แผนการสอน เนื้อหา สื่อ กิจกรรมในการจัดการเรียนการ สอน และการประเมินผล โดยใชช้ ดุ การสอนประกอบการบรรยายของผู้สอน เพอื่ ให้เกิดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบและ มีประสิทธิภาพสงู สุด ประโยชน์ทีผ่ ู้เรยี นได้รับจากจัดกิจกรรมการสอนเพื่อการเขียนสะกดคำโดยใช้ชุดการสอนชุดการ สอน 1) ช่วยเร้าและกระตนุ้ ความสนใจของผเู้ รยี น เปดิ โอกาสให้ผ้เู รียนมีสว่ นรว่ มในการเรียน 2) ผ้เู รยี นได้ฝกึ ฝนตนเอง ในด้านความกล้าแสดงออก กลา้ ตดั สนิ ใจแสวงหาความรูด้ ้วยตนเอง 3) ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรู้ผา่ นชดุ การสอนอยา่ งเปน็ ระบบ ตามขน้ั ตอน 4) ผ้เู รยี นได้รับการพฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ผู้ศึกษาพบว่า จากงานวิจยั การออกแบบกิจกรรมอย่างหลากหลายและมีการใช้สื่อประสมมาประกอบชุดการ สอนอย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หลายรูปแบบ เกิดความสนุกสนาน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเกิดความ ร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนบรรลุผลตามเป้าหมายที่ผู้สอนได้วางไว้ ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะด้านการเขียน สะกดคำ (นวลลออ กาวแิ หง, 2558) วธิ ีที่ 5 การใช้สื่อมัลตมิ ีเดียเพอ่ื การสอนการเขยี นสะกดคำ การใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อการสอนการเขียนสะกดคำ เป็นวิธีการสอนที่พบน้อยที่สุดเพียง 1 เรื่องโดยผู้วิจัยได้ อธิบายความหมายของสือ่ มลั ตมิ ีเดียไวว้ า่ สื่อท่สี ามารถนำมาใช้เพอ่ื การศึกษาเป็นการใชค้ อมพวิ เตอร์ในการแสดงผลใน รูปแบบภาพ เสียง ตัวอักษร และวีดิโอ โดยแสดงผลผ่านทางคอมพิวเตอร์ โดยสามารถสื่อสารได้สองทาง 1) ผู้เรียน สามารถจะโต้ตอบกับสื่อมัลติมีเดียได้ซึ่งการใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาจะช่วยให้การจัดการเรียนการสอนมี ประสิทธิภาพมากย่งิ ขึ้น 2) ผู้สอนสามารถจดั การเรียนการสอนจะประสบผลสำเรจ็ ตามเปา้ หมายที่วางไวก้ อ่ ให้เกิดผลดี ทั้งผู้เรียนและผู้สอน องค์ประกอบของสื่อมัลติมีเดียคือสื่อที่มีการนำองค์ประกอบที่หลากหลาย มาผสมผสานเข้า ด้วยกัน 5 ชนิด ประกอบด้วย ข้อความหรือตัวอักษร (Text) ภาพนิ่ง (Still Image) ภาพเคลื่อนไหว (Animation) เสียง (Sound) และภาพวีดิโอ (Video) โดยนำมาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อใช้สำหรับการปฏิสัมพันธ์หรือโต้ตอบ (Interaction) ระหว่างคอมพิวเตอร์กับผู้เรียน ประโยชน์และผลที่ผู้เรียนได้รับจากสื่อมัลติมีเดีย ได้แก่ 1) ผู้เรียนเกิด แรงจูงใจในการเรียนรู้และดึงดูดความสนใจของผู้เรียนเพราะมีภาพประกอบ แสง สี เสียง 2) ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนร้แู ละสามารถเขา้ ใจเนอ้ื หาไดด้ ีสามารถทบทวนซ้ำไดต้ ามตอ้ งการ 3) ผูเ้ รียนมีปฏสิ มั พันธ์กบั สอื่ มลั ติมเี ดีย โดยพูด หนา้ 290

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) หรืออ่านคำศัพท์ตามที่กำหนด 4) ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคงทนในการจดจำคำศัพท์เพราะได้ฝึกฝนบ่อยคร้ัง 5) สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียนมคี วามรับผดิ ชอบต่อตนเอง 6) ผ้เู รียนมที ัศนคติท่ดี ตี ่อการเรียน ผู้ศึกษาพบว่าการใช้ส่ือมัลติมีเดยี เพื่อการสอนการเขียนสะกดคำสามารถช่วยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียน จึงส่งผลให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการเขียน สะกดคำอยใู่ นระดับท่สี ูงขน้ึ (นุชรนิ ทร์ พรมเมอื ง, 2561) วธิ ที ่ี 6 การใชเ้ ทคนิค Herbart Formal Step เพอ่ื การสอนการเขยี นสะกดคำ Herbart Formal Step เพื่อการสอนการเขียนสะกดคำ เป็นวิธีการสอนที่พบน้อยที่สุดเพียง 1 เรื่อง โดย ผู้วิจัยได้อธิบายความหมายของ Herbart Formal Step ไว้ว่าเป็นกระบวนการสอน ที่มุ่งเน้นความสนใจ และความ ตั้งใจเป็นสำคญั การที่ผู้เรียนจะเรียนรู้อะไรนั้นจะต้องเกิดจากความสนใจเปน็ สิ่งแรก ในการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนควรเริ่มจากง่ายไปยาก จากสิ่งที่รู้ไปสู่สิ่งที่ไม่รู้ จากความจริงทั่วไปไปสู่กฎเกณฑ์ และช่วยให้ผู้เรียนเกิดความ เชื่อมโยงระหว่างความรู้เก่ากบั ความรู้ใหม่เข้าด้วยกัน ประโยชน์และผลทีผ่ ู้เรียนได้รับจาก Herbart Formal Step 1) ผู้เรียนรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นทีม ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 2) ผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้า และฝึกฝนได้ ด้วยตนเอง 3) เอกสารการสอนมีภาพประกอบที่สวยงาม ช่วยดึงดูดใจผู้เรียน 4) ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการ เรียน 5) ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้เร็วจากการเชื่อมโยงของข้อมูลและการสมั ผสั ทั้ง 5 6) ผู้เรียนได้เรียนรู้ในการจัดการ กับปญั หา อารมณ์ เมื่อต้องอย่รู ว่ มกนั ในสงั คม ผู้ศึกษาพบว่า การใช้ Herbart Formal Step เพื่อการสอนการเขียนสะกดคำช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนฝึกทำ แบบฝึกทักษะมากขึ้น มีความเหมาะสมกับช่วงวัยของผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความคิดรวบยอดไม่ใช่เพียงแค่ ความรูค้ วามจำเท่าน้ัน ผูเ้ รียนเกิดการเรยี นรู้แบบกลุ่มเพ่ือนชว่ ยเพื่อนเปน็ กลุ่มเล็ก ๆ มเี ป้าหมายในการทำงานร่วมกัน ผู้วจิ ัยพบวา่ วธิ ีนีช้ ว่ ยให้ผู้เรยี นมีความรู้ทค่ี งทนเมอื่ ผา่ นไปแลว้ 1 – 2 สปั ดาห์ เพราะนกั เรยี นได้เปน็ ผ้ปู ฏบิ ตั จิ รงิ ค้นควา้ ด้วยตนเอง เกดิ การแลกเปลยี่ นความรจู้ ากเพื่อนในกลุม่ (นนั ทพร ภคู รองนาค, 2560) วิธที ่ี 7 การใช้ Brain-based Learning เพ่อื การสอนการเขยี นสะกดคำ การใช้ Brain-based Learning เพื่อการสอนการเขียนสะกดคำ เป็นวิธีการสอนที่พบน้อยที่สุดเพียง 1 เรื่อง โดยผู้วิจัยได้อธิบายความหมายของ การจัดการเรียนการสอนแบบ Brain-based Learning (BBL) ไว้ว่า การจัดการ เรียนการสอนแบบ BBL เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ร่วมทำกิจกรรมที่หลากหลายแบบ องค์รวมสอดคล้องกับการทำงานของสมองทำให้ผู้เรียนรู้สึกถูกท้าทาย ไม่น่าเบื่อสนุกสนานเพลิดเพลินต่อเนื่องเป็น เวลานาน เนื่องจากเป็นกระบวนการที่สอดคล้องกบั การทำงานของสมองเป็นการเรียนรู้โดยธรรมชาติ ส่งผลให้ผูเ้ รียน ไดก้ ารพฒั นาเต็มตามศกั ยภาพ ประโยชน์และผลท่ผี เู้ รียนไดร้ บั จากการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนการเขยี นสะกดคำ ด้วยวิธี Brain-based Learning ได้แก่ 1) ชุดการสอนนิทานเป็นสื่อที่สามารถชัดจูงความสนใจของผู้เรียน 2) ผู้เรียน เกิดความท้าทายในตนเอง 3) ผู้เรียนได้เป็นผู้ลงมือปฏบิ ัติด้วยตนเอง 4) ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในการทำงาน 5) ผเู้ รยี นมปี ฏิสัมพันธ์ทด่ี ตี ่อผู้สอน ผู้ศึกษาพบว่าการใช้ Brain-based Learning เพื่อการสอนการเขียนสะกดคำเป็นการจัดการเรียนรู้โดยให้ ผูเ้ รยี นเป็นศูนย์กลาง มกี ิจกรรมทห่ี ลากหลาย นา่ สนใจ ผูเ้ รียนไดล้ งมือปฏิบัติด้วยตนเอง ชว่ ยลดช่องว่างระหว่างผู้สอน และผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนไดร้ ู้วิธีคิด รู้แนวทางในประสมสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ในการเขียนสะกดคำ การที่ผู้เรียนมี หน้า 291

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกติวิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) เจตคติที่ดีต่อการเรียนย่อมส่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น มีความรู้ความเข้าใจที่คงทน (แสงจันทร์ ศรีสุทธา , 2561) การจัดการเรยี นการสอนการเขียนสะกดคำวิชาภาษาไทยให้เหมาะสมกบั นักเรียนในศตวรรษที่ 21 จากการวจิ ัยของ World Economic Forum (WEF) พบว่าทกั ษะที่สำคัญอยา่ งหน่งึ สำหรบั ผู้เรียนในศตวรรษ ที่ 21 คือทักษะการเข้าสังคม (Social & Emotional Skills) อาชีพในอนาคตน้ันต้องอาศัยการทำงานร่วมกันมากกว่า ทำคนเดียวมากขึ้นจนเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ลักขณา สริวัฒน์ (2557, น. 193-206) ได้กล่าวถึงทฤษฎีการเรียนรู้แบบ ร่วมมือ (Cooperative Learning Theory) ไว้ว่าเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับนโยบายของ กระทรวงศึกษาธิการซึ่งเน้นให้ผู้สอนใช้วิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เนื่องจากมีรูปแบบการสอนให้เลือกอย่าง หลากหลายตามวตั ถุประสงค์ของการจดั การเรยี นรู้ของกลุ่มสาระต่าง ๆ ตามสาระการเรยี นรู้ของเนอื้ หาและองค์ความรู้ ทีส่ ัมพนั ธ์กบั การจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบร่วมมือ เครือข่ายองค์กรความร่วมมือ (Partnership for 21st Century Skills) หรือ P21 ได้ร่วมกำหนดและพฒั นา กรอบแนวคิดเกี่ยวกับทักษะความรู้ที่จะช่วยให้เกิดความเชี่ยวชาญเพื่อความสำเร็จในการทำงาน โดยมีการพัฒนา ความร้หู ลกั และความเข้าใจของผู้เรียนทุกคนตามกรอบแนวคดิ ทกั ษะการเรยี นรู้ของผูเ้ รียนในศตวรรษที่ 21 เพ่ือให้การ จัดการศึกษาสามารถทำให้ผู้เรยี นก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของสงั คมโลก ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อยา่ งเหมาะสมและมี ประสทิ ธภิ าพ โดยผูเ้ รียนจะมที ัง้ ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะทีจ่ ำเปน็ ในสงั คมยคุ ศตวรรษที่ 21 ซ่ึงเป็น ทักษะที่ผู้เรียนทุกคนควรได้รับการส่งเสริมตั้งแต่เด็กส่งต่อไปถึงการเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต (สุทธิวรรณ ตันติรจนาวงศ์, 2560, น. 2843) แผนการศึกษาชาติ พ.ศ.2560 – 2579 ไดก้ ล่าวถงึ ทกั ษะสำคัญจำเปน็ ในโลกศตวรรษที่ 21 3R + 8C ซึ่ง วิจารณ์ พาณิช (2556, น. 11-26) ได้เพิ่มเติม 2L ทักษะการเรียนรู้ 3Rs ประกอบไปด้วย Reading (อ่านออก) Writing (เขียนได้) และ Arithmetic (ทักษะการคำนวณ) ทักษะการเรียนรู้ 8Cs ประกอบไปด้วย Critical Thinking and Problem Solving (คิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณและแก้ไขปัญหาได้) Creativity and Innovation (คิด อย่างสร้างสรรค์และคิดเชิงนวัตกรรม) Cross-Cultural Understanding (เข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมและ กระบวนการข้ามวัฒนธรรม) Collaboration Teamwork and Leadership (ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และ ภาวะความเป็นผู้นำ) Communication Information and Media Literacy (ทักษะสื่อสารและรู้เท่าทันสื่อ) Computing and IT Literacy (ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และรู้เท่าทันเทคโนโลยี) Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและการเรียนรู้) Compassion (ความเมตตากรุณา คุณธรรม และระเบียบวินัย) ทักษะการเรียนรู้ 2Ls ได้แก่ Learning Skill (ทักษะการเรยี นร)ู้ และ Leadership (ทกั ษะภาวะผู้นำ) การสอนการเขียนสะกดคำโดยใชก้ ิจกรรมกลุ่มร่วมมอื ประกอบการจัดการเรยี นการสอนจะช่วยส่งเสริมใหใ้ ห้ ผู้เรียนเกิดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 โดยนำหลกั การของการเรียนรู้แบบรว่ มมือของจอหน์ สัน (Johnson and Johnson. 1994, P. 58) ที่ได้ให้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือไว้ว่า การเรียนไม่ใช่การแข่งขันที่ต้องการให้มีเพียงผู้ ชนะหรือแพเ้ ทา่ นั้น แต่การเรียนรู้แบบรว่ มมือจะอาศยั การช่วยเหลือซึง่ กันและกันในการทำงาน ในการจัดกิจกรรมจะ ไม่มีผู้ใดเป็นผู้แพ้ จะมีแต่ผู้ชนะเท่านั้น การจัดกิจกรรมกลุ่มร่วมมือนั้นจะช่วยทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาสพึ่งพาอาศัย ร่วมกัน คนเก่งช่วยคนที่อ่อนให้ได้รับฟังข้อมูลเพื่อเพิ่มความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ มากขึ้น คนที่ไม่กล้าแสดงออกหรือ แสดงความคิดเห็นได้พูดและแสดงออกมากยิ่งขึ้น เพราะจัดกลุ่มให้มีสมาชิก 3 – 5 คนที่มีความแตกต่างกันในด้าน หน้า 292

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ศาสนา อายุ เพศ เปน็ ตน้ และทกุ คนในกลมุ่ ต่างมหี นา้ ที่รับผดิ ชอบที่แตกต่างกนั ออกไป ทำให้ การจัดกิจกรรมกลุ่มแบบร่วมมือนั้น ช่วยให้นักเรียนทุก ๆ คนได้รับการพัฒนาในการเรียนรู้ตามสาระวิชาที่ครูผู้สอน ต้องการ และได้พัฒนาด้านการมีปฏิสัมพันธ์ในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะโลกยุคใหม่เรียกร้องผู้เรียนต้องมี ปฏสิ มั พนั ธก์ ับผอู้ ืน่ มากขน้ึ รว่ มถงึ การทำงานในอนาคตทกั ษะในการทำงานร่วมกับผอู้ ่นื จงึ ถือเป็นทกั ษะท่มี คี วามสำคัญ มาก (คณะอนุกรรมการกจิ การเพอ่ื การสอื่ สารสงั คม คณะกรรมการเครอื ข่ายพลงั เยาวชนเพ่ือการปฏิรปู , 2561, น. 3) จากการศึกษาวิทยานิพนธ์ 18 เรื่อง ทำให้ผู้ศึกษาได้เห็นแนวทางในการออกแบบการเรียนรู้ทีผ่ ู้สอนสามารถ ออกแบบการเรยี นการสอนท่ีมกี ารผสมผสานกิจกรรมกลมุ่ แบบรว่ มมือผนวกรว่ มกบั แบบฝึกทกั ษะ เกมการศกึ ษา เพลง สื่อมัลติมีเดีย นิทานฯ ในการพัฒนานักเรียนในการสอนการเขียนสะกดคำในรายวิชาภาษาไทยระดับประถมศึกษา ตอนต้นเพ่อื ใหผ้ ู้เรียนได้รับการส่งเสริมทักษะในศตวรรษท่ี 21 เพราะแนวทางจดั การเรยี นรู้ในศตวรรษใหม่ผู้เรียนต้อง ได้ลงมือปฏิบัติมากกว่าการนัง่ ฟังแต่เพียงอย่างเดียว (พรทิพย์ วงศ์ไพบูลย์, 2560, น. 330) ผู้สอนจึงจำเป็นที่จะตอ้ ง ให้ท้ังความรู้ในสาระวชิ าหลักและทกั ษะทีจ่ ำเปน็ ในศตวรรษท่ี 21 เพื่อให้ผู้เรียนทนั การเปลีย่ นแปลงของโลก นวัตกรรม การสอนการจัดกิจกรรมกลุ่มร่วมมือตามแนวคิดของจอห์นสันนั้น ปัจจุบันมีเทคนิคที่หลากหลายที่ผู้สอนสามารถ เลือกใช้ให้เหมาะสมกับผู้เรียน บริบทของเนื้อหา เช่น เทคนิคการแบ่งกลุ่มแบบกลุ่มสัมฤทธิ์ ( Student Teams Achievement Divisions) เทคนิคการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกม (Teams – Game Tournament หรือ TGT) เทคนิคการจัดกลุ่มแบบช่วยรายบุคคล (Teams Assisted Individualization หรือ TAI) เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน (Learning Together) เทคนิคการตรวจสอบเป็นกลุ่ม (Group Investigation) เทคนิคจิกซอว์ (Jigsaw) เทคนิคการ เรียนแบบร่วมมอื ร่วมกล่มุ (Co-op Co-op) (ยุภาดี ปณะราช, 2558) นอกจากนี้ ยังพบว่าการจัดการเรยี นการสอนทุกวธิ ีช่วยพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผูเ้ รียนในการสอน การเขียนสะกดคำสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น แต่ทั้งนี้การออกแบบกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมทักษะการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 อาจมีมากน้อยแตกต่างกนั ไป ขึ้นอยู่กบั รูปแบบกิจกรรมที่ผู้สอนได้ออกแบบในแตล่ ะชั่วโมง ผู้ ศึกษาจึงมคี วามเหน็ ว่าวิธีท่ีชว่ ยสง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียนเกิดทักษะในศตวรรษท่ี 21 คือการผสมผสานการจดั กิจกรรมกลุ่มแบบ ร่วมมอื รว่ มกบั แบบฝึกทักษะ เกมการศึกษา เพลง สอื่ มลั ตมิ ีเดยี และนิทานฯ เพราะกจิ กรรมเหลา่ นี้จะทำให้ผู้เรียนนั้น ได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับเพื่อนในกลุ่ม ได้มีการทำงานร่วมกับผู้อื่นที่มีการปรับตัวและยืดหยุ่น การคิดริเริ่ม การทำงาน ร่วมกับผ้อู นื่ (ทิศนา แขมมณ,ี 2563, น. 265) ซึ่งเป็นทักษะขน้ั พื้นฐานที่สงั คมโลกในศตวรรษที่ 21 ต้องการ ทง้ั ยังช่วย ลดแรงกดดันจากการเรียน การทำใบงาน การเล่นเกม หรือการเรียนรู้แบบเดี่ยว เพราะกิจกรรมกลุม่ แบบรว่ มมือช่วย ให้เกิดการช่วยเหลือกันในความแตกต่างของการจัดกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือที่มีความแตกต่ างด้านผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนหรือความแตกต่างทางด้านกายภาพ ทำให้ผู้เรียนเกิดความมั่นใจในการแสดงออก ได้รับการเรียนรู้จาก เพื่อนในกลุ่มที่เก่งกว่า ทำให้ผู้เรียนที่มีผลการเรียนอ่อนได้รับการพัฒนาความรู้ควบคู่ไปด้วย (มยุรี ดงแสง, 2558, น. 105) กล่าวโดยสรุป การออกแบบการจัดกจิ กรรมให้แก่ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ควรมีลักษณะดังที่ วิจารณ์ พานชิ (2555, น. 13-21) ได้กล่าวว่าการพัฒนาการเรยี นของผู้เรียนและบรรยากาศของห้องเรียน ผู้เรียนต้องเรียนรูแ้ บบเปน็ ทีม เน้นการร่วมมือกบั ผู้อื่น บรรยากาศของความคิดทีห่ ลากหลาย ฟังซึ่งกนั และกัน ในที่สุดแล้วผู้เรียนจะไดเ้ รียนร้วู า่ เพื่อนคิดอย่างไรจากการทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน เพราะกิจกรรมกลุ่มร่วมมือจะช่วยพัฒนาผู้เรียนทั้งพัฒนาการทาง อารมณ์ (Emotional Development) พัฒนาการทางสังคม (Social Development) พัฒนาการทางด้านจติ วญิ ญาณ หนา้ 293

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) (Spiritual Development) และพัฒนาการทางด้านร่างกาย (Physical Development) และพัฒนาการทางด้าน สุนทรียะของจติ ใจ ดังนั้น ผู้สอนจึงต้องออกแบบกิจกรรมเพื่อให้ผู้เรียนตื่นตัวตลอดเวลา ผู้สอนต้องออกแบบให้บรรยากาศการ เรียนรู้ของชั้นหรือของกลุ่มมีลักษณะควบคุมพฤติกรรมกันเอง ทุกคนในกลุ่มได้รู้จักการเรียนรู้ร่วมกัน ช่วยกันทำ กิจกรรมให้สำเร็จเรียกว่าเป็นการเรียนแบบที่ผู้เรียนกำหนด (Learners-Directed Learning) มีการวิจัยเกี่ยวกับการ จดั กิจกรรมการเรียนร้แู บบใหผ้ ู้เรียนทำคนเดยี วและการเรยี นแบบร่วมมือ ซึ่งดีกวา่ เรยี นรู้แบบทำคนเดียวในปัญหาทุก ชนิดและในทุกระดับชั้นเช่น แรงจูงใจ ความมั่นใจ ปฏิสัมพันธ์ และความรู้สึกที่ดีต่อเพื่อน (วิจารณ์ พานิช, 2555, น. 2-10) ผ้สู อนสามารถศกึ ษาคิดค้นนวตั กรรมอ่ืน ๆ ที่ชว่ ยส่งเสริมผ้เู รยี นใหเ้ กิดการเรียนรู้ มีทักษะของผูเ้ รียน ในศตวรรษใหมไ่ ดอ้ ย่างอสิ ระ ผู้สอนต้องออกแบบการเรยี นรแู้ ละอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ ใหผ้ ้เู รยี นเรยี นรจู้ าก การเรยี นแบบลงมือทำ เกิดการชว่ ยเหลอื ซึ่งกันและกัน ผสู้ อนตอ้ งออกแบบโจทย์การเรยี นรู้ ให้ผ้เู รยี นไดฝ้ ึกคิดจากง่าย ไปหายาก ออกแบบกิจกรรมให้ผู้เรียนมีความสุข ได้ฝึกคิดเป็น คิดอย่างมวี ิจารณญาณ การเข้าสังคม อาชีพในอนาคต นั้นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันมากกว่าทำคนเดียวมากขึ้นจนเห็นได้ชัด ยุคสมัยเปลี่ยนไปการเรียนการสอนจึงต้อง เปลี่ยนตามด้วย ผู้สอนจะจัดการเรียนการสอนในรูปแบบเดิมไม่ได้ ผู้สอนต้องพัฒนาผู้เรียน เพราะโลกเกิดการ เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ (วิจารณ์ พานิช, 2556, น. 11-26) จากหลักการดังกล่าวข้างต้นจะเห็นว่าสอดคล้องกับวิธีการ สอนการเขียนสะกดคำโดยใช้กิจกรรมกลุ่มร่วมมือประกอบการจัดการเรียนการสอน ซึ่งออกแบบโดยนำหลักการของ การเรียนรู้แบบร่วมมือมาใช้เพ่ือสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ของชั้นหรือของกลุ่มให้มลี ักษณะควบคุมพฤติกรรมกันเอง ทุกคนในกลุ่มได้รู้จักการเรียนรู้ร่วมกัน และสามารถส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ได้อย่าง แท้จริง เอกสารอา้ งองิ กรุณา ภูมร.ี (2559). การพัฒนาแบบฝึกทกั ษการเขยี นสะกดคำยาก กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 (วิทยานพิ นธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าหลักสูตรและการเรยี นการสอน, มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ อบุ ลราชธาน)ี . กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.๒๕๕๑. http://www.cvk.ac.th/download. กันตพัฒน์ สุวรรณเรือง. (2561). การพัฒนาทักษะการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกดโดยใช้ชุดฝึกทักษะ กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ของนกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 (วทิ ยานพิ นธป์ ริญญาครศุ าสตรมหา บณั ฑิต สาขาวิชา หลักสตู รและการเรยี นการสอน, มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม). เกสร สีหา. (2558). การพัฒนาการเขียนสะกดคำภาษาไทย โดยใช้เกมการศึกษาประกอบกจิ กรรมการเรียนการสอน ชนั้ ประถมศึกษาปี ที่ 3 (วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญาครุศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาหลกั สูตรและการเรยี นการสอน, มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม). คณะอนกุ รรมการกจิ การเพื่อการสื่อสารสังคม คณะกรรมการเครือข่ายพลังเยาวชนเพอ่ื การปฏิรปู . (2560). คู่มอื ฉบบั พกพา “ปฏริ ปู การศึกษาไทย”. https://issuu.com/tlcspu/docs/education_reform _thailand. หนา้ 294

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นส่ปู กติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ซารณี า นอรอเอ, นุรอซั วีตา จารง, ณฐพร มุสกิ เจริญ และ วรเวทย์พสิ ิษ ยศศิร. (2561). ลักษณะการใช้ภ า ษ า บ นสื่อ สังคมออนไลน์ ของวัยรนุ่ ไทยในปัจจบุ ัน. การประชมุ หาดใหญว่ ิชาการระดบั ชาติและ นานาชาติ, 9, 940-952. http://www.hu.ac.th/ conference/proceedings/contents.html สุทธิวรรณ ตันตริ จนาวงศ์. (2560). ทิศทางการจดั การศึกษาในศตวรรษท่ี 21. Veridian E-Journal, Silpakorn University.(10)2. 2843-2854. https://he02.tci-thaijo.org /index.php/Veridian-E- Journal/article/view/109763. ทักษิณ คุณพิภาค. (2561). การพฒั นาแบบฝกึ ทักษะการอา่ นและการเขยี นสะกดคำภาษาไทยโดยใช้ การ เรียนรู้แบบรว่ มมอื รว่ มกบั เทคนิคแผนผงั ความคดิ ทสี่ ่งผลต่อทกั ษะการอ่านและการเขยี นสะกดคำ ความ พึงพอใจตอ่ การเรียน และผลสัมฤทธท์ิ างการ เรียนของนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2 (วทิ ยานพิ นธ์ ปริญญาครศุ าสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าการวิจัยและพัฒนาการศกึ ษา, มหาวิทยาลยั ราชภัฏสกลนคร). ทิศนา แขมณี. (2563). ศาสตรก์ ารสอน องคค์ วามรเู้ พ่ือการพฒั นาการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสทิ ธิภาพ. สำนักพมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. นรเศรษฐ์ สุวรรณอำไพ. (2559). การพฒั นาทกั ษะการเขียนสะกดคำโดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะ สำหรับนกั เรยี น ช้ัน ประถมศึกษาปที ่ี 1 (วิทยานพิ นธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าหลกั สูตรและการเรียนการ สอน, มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม). นวลลออ กาวิแหง. (2558). การสรา้ งชุดการสอนการเขยี นสะกดคำยากสำหรับนกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนวัดศรดี อนชัย อำเภอดอยหลอ่ จังหวัดเชยี งใหม่ (วทิ ยานิพนธป์ ริญญาศึกษาศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยีทางการศึกษา มหาวิทยาลยั เชียงใหม่). นนั ทพร ภคู รองนาค. (2560). การพัฒนาทกั ษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตวั สะกดของนักเรียนช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 โดยใชข้ ้ันตอนของ แฮร์บารต์ (วิทยานพิ นธป์ รญิ ญาครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลกั สูตรและการเรยี นการสอน, มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม). นุชรนิ ทร์ พรมเมือง. (2561). การพฒั นาทักษะการเขยี นสะกดคำพน้ื ฐานดว้ ยสอ่ื มัลตมิ ีเดยี สำหรับนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชยี งราย อำเภอเมือง จงั หวดั เชยี งราย (วทิ ยานิพนธ์ ปรญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าการสอนภาษาไทย, มหาวิทยาลัยราชภฏั เชยี งราย). บพิธ วงั หนองเสยี ว. (2558). การพัฒนาทกั ษะการอ่านและการเขยี นสะกดคำตรงตามมาตราตวั สะกดโดยใชแ้ ผนการ จดั การเรียนรู้ประกอบแบบฝึกทกั ษะกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนกั เรียนช้ัน ประถมศึกษาปที ่ี 1 (วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาครศุ าสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าหลักสูตรและการเรียนการสอน, มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม). ปยิ าภรณ์ วนั มี. (2558). การพฒั นาชดุ ฝกึ ทักษะการเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย สำหรบั นักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 3 (วทิ ยานพิ นธป์ ริญญาครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าหลกั สตู รและการสอน, มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถมั ภ)์ . พรทิพย์ วงศ์ไพบูลย์. (2560). การเรียนรู้เชิงรุกและการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ( Active Learning). วารสาร ส ถ า บ ั น ว ิ จ ั ย ญ า ณ ส ั ง ว ร . ( 8 ) 2 . 3 2 7 - 3 3 6 . file: / / / D: / Users/ user/ Downloads/ 1 7 8 5 4 0 - Article%20Text-509018-1-10-20190319.pdf. หนา้ 295

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) พชั ราภรณ์ นามทอง. (2561). การพฒั นาความสามารถดา้ นการอ่านและการเขียนสะกดคำภาษาไทยด้วย การ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ใชส้ มองเปน็ ฐานประกอบแบบฝกึ ทกั ษะชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1 (วิทยานิพนธ์ ปรญิ ญาครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ า หลักสูตรและการเรียนการสอน, มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม). ภาวินี กล่นิ โลกยั . (2553). การพฒั นากจิ กรรมการเรียนร้โู ดยใช้เกม เพอื่ พัฒนาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน กลมุ่ สาระการ เรียนรภู้ าษาไทยของนกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1 โรงเรยี นบ้านเกาะ สำนกั งานเขตมนี บุร.ี ว า ร ส า ร ศึ ก ษ า ศ า ส ต ร์ ฉบบั วิจยั บณั ฑติ ศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น. (4)ฉบับพิเศษ 2553. 119-127. file:///D:/Users/user/Downloads/50489- Article%20Text-117130-1-10-20160307.pdf. มยุรี ดงแสง. (2558). การพฒั นาทกั ษะการอา่ นและการเขยี นสะกดคำ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยระดับชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 2 โดยใช้แบบฝึกประกอบกลุ่มร่วมมอื เทคนคิ NHT (วทิ ยานิพนธ์ปริญญา ครศุ าสตรมหา บณั ฑติ สาขาวิชาหลกั สตู รและการ เรียนการสอน, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม). มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. (2556). คู่มือเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คณะมนุษยศาสตร์และสังมศาสตร์. http://hugiswh.lpru.ac.th/human/views/assets/document_download/hum/man_hum_56_1. pdf. ยศวรี ์ สายฟ้า. (2554-2555). แนวการปฏิบตั ิที่เหมาะสมตามพฒั นาการ (Developmentally Appropriate Practice) ในชั้นเรยี นระดบั ประถมศึกษาตอนต้น:จากกรอบแนวคดิ ทฤษฎีส่หู ลักการปฏบิ ตั ทิ ี่ เหมาะสม. วารสารครุศาสตร์. (39)2. 120-129. https://so02.tci-thaijo.org/index.php/EDUCU/article /view/20844/18069. ยุภาดี ปณะราช. (2558). การพฒั นารูปแบบการสอนคณติ ศาสตร์ท่ีเนน้ กระบวนการเรียนรคู้ ู่ความสนุกสนาน. วารสาร ปญั ญาภวิ ัฒน.์ (7)2. 157-168. file:///D:/Users/user/Downloads/38496-Article%20Text-87725- 1-10-20150820%20(1).pdf. เรงิ ชยั ทองหล่อ. (2556). หลักภาษาไทย ฉบับสมบรู ณ์. บริษทั ไฮเอด็ พับลิชช่งิ จำกัด. ลกั ขณา สริวฒั น์. (2557). จติ วทิ ยาสำหรบั คร.ู กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร.์ ลักขณา สริวัฒน์. (2559, 1 กันยายน). ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory of Cooperative or Collaborative Learning).http://024kanokwan.blogspot.com/2016/09/theory-of-cooperative-or- collaborative.html. วจิ ารณ์ พานิช. (2555). วถิ ีการเรยี นรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษท่ี ๒๑. มูลนธิ ิสดศรี-สฤษด์วิ งศ์. วจิ ารณ์ พานชิ . (2556). การสร้างการเรยี นรูสศู ตวรรษที่ ๒๑. มูลนิธิสยามกมั มาจล. วจิ ารณ์ พานชิ . (2556). ครเู พ่ือศษิ ย์ สร้างหอ้ งเรียนกลบั ทาง. กรุงเทพฯ: เอสอาร์พริ้นติง้ แมสโปรดกั ส์จำกดั . ศริ ิพร จันทะเลศิ . (2558). การพัฒนาผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นรู้ด้านการอ่านและการเขยี นสะกดคำแม่ ก.กา โดยใช้ กจิ กรรมกลมุ่ รว่ มมอื ประกอบแบบฝกึ กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 (วิทยานิพนธ์ปริญญาครศุ าสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าหลกั สตู รและการเรียนการสอน, มหาวทิ ยาลยั ราช ภัฏมหาสารคาม). สมร คงเมือง. (2558). การพัฒนาแผนการจดั การเรยี นร้เู รอ่ื งการเขยี นสะกดคำไมต่ รงตามมาตราตวั สะกด ของ หนา้ 296

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษา ปที ี่ 3 โดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย (วทิ ยานพิ นธป์ ริญญา ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าหลกั สูตร และการเรยี นการสอน, มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม). สำนกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา. (2560). แผนการศกึ ษาแหง่ ชาตพิ .ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙. http://www.lampang.go.th /public60/EducationPlan2.pdf. สุพรรษา สุริยะกมล. (2558). การปฏบิ ตั ิการพัฒนาทกั ษะการเขียนสะกดคำไมต่ รงมาตรา โดยใชก้ ารจดั การเรยี นรู้ แบบรว่ มมอื ดว้ ย เทคนิค TGT ควบค่กู ับแบบฝึกทกั ษะ ของนักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรยี นชุมชน บ้านระเว สำนักงานเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาอุบลราชธานี เขต 3 (วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญา ครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาวจิ ัยและประเมนิ ผล การศกึ ษา, มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อบุ ลราชธานี). แสงจันทร์ ศรสี ุทธา. (2561) การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้เพ่ือพฒั นาทักษะการอ่านและทกั ษะการเขยี นสะกดคำสระ เสยี งยาวตามแนวคดิ Brain-based Learning ร่วมกบั ชุดนิทานสง่ เสรมิ ทกั ษะการอา่ นและ ก า ร เขียนของนกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรียน บ้านแมจ่ ัน (เชียงแสนประชานุสาสน)์ สำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 (วิทยานิพนธ์ปรญิ ญาครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสตู ร และการสอน, มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชียงราย). ไสว ฟกั ขาว. (2562). การจัดการเรียนรเู้ พือ่ สง่ เสรมิ ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21. มหาวิทยาลยั ราชภฏั จันทรเกษม. อาจารยโ์ ปรแกรมภาษาไทย. (2560). ภาษาไทยเพอ่ื การสือ่ สารในศตวรรษท่ี 21. https://reg2.crru.ac.th/reg/files/20170831 095118 dc7491610d3cb374c8d97f14d2454ae9.pdf. อาบีดะฮ์ คงสิเหร่. (2562). ผลการจดั การเรยี นรู้โดยใช้โมเดลซปิ ปารว่ มกบั เกมที่มตี ่อความสามารถในการและ การเขยี นสะกดคำ ภาษาไทยของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 (วิทยานิพนธป์ ริญญาครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลกั สตู รและการเรยี นการสอน, มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา). อไุ รวรรณ ศรสี ทุ โธ. (2558). การพฒั นาแบบฝกึ ทกั ษะเขยี นสะกดคำ มาตราแม่กน สำหรับนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 (วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาครศุ าสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าหลกั สตู รและการสอน, มหาวิทยาลัยราชภฏั วไลย อลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถมั ภ์). Johnson, D.W.& Johnson, R.T. (1994). Learning Together and Alone : Cooperative and Individuallistic Learning. 4th ed. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice Hall. หนา้ 297

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นส่ปู กติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การแก้ปญั หาอย่างมีเหตุผลทางคณติ ศาสตร์ Problem solving in mathematical reasoning เชยี ง เภาชติ * อไุ ร ซริ มั ย์** นพิ นธ์ ฝ่ายบญุ *** Chieng Pawchit* Urai Sirum** Nipon Fauiboon*** *ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ และปรญิ ญาเอก *Assistant Professor and Ed.D. (Educational Research and Evaluation), Independent academic, Thailand. *E-mail: [email protected] *นักวชิ าการอิสระ **,***อาจารย์ คณะศึกษาศาสตร์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยายาลยั รามคำแหง (ฝ่ายมัธยม) **,***Lecturer, Faculty of Education, The Demonstration School of Ramkhamhaeng University. **E-mail: [email protected] บทคัดย่อ บทความนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการแก้ปัญหา ด้วยวิธีการสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ ซึ่งในปัจจุบันปัญหา ส่วนที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนั้นมีวิธีการแก้ปัญหาโดยอาศัยหลักของเหตุและผล อาศัยรูปแบบความคิดทาง คณิตศาสตร์ หาข้อมูลมากพอในระดับหนึ่งมาช่วยในการตัดสินใจ สำหรับหลักการของการแก้ปัญหาใด ๆ คือ การนำ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นจริงเป็นความรู้ เป็นทฤษฎีต่าง ๆ ซึ่งสามารถอาศัยกฎเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์มาประกอบกับ ข้อมูลที่มีอยูร่ ะดับหนึ่งอนมุ านคำตอบของปญั หาที่ตอ้ งการการแก้ปญั หาเป็นกลไกที่เกิดขึ้นทางสมองของคนแตล่ ะคน ผ่านกระบวนการคิดได้ คิดเป็นตามประสบการณ์ของความสามารถในกระบวนการดังกล่าว แม้คำตอบที่ได้จะ เหมือนกันแตก่ ลวิธใี นการคดิ ของแต่ละบุคคลอาจไม่เหมือนกัน ทั้งน้ี อาศัยพื้นฐานสำคัญ คือ พื้นฐานทางคณติ ศาสตร์ โดยมเี หตผุ ลอาจแตกต่างกันไปก็ได้ คณิตศาสตร์ จงึ ถอื ว่าเป็นพน้ื ฐานสำคญั ในการศึกษาวิทยาการแขนงต่าง ๆ รวมท้ัง ช่วยส่งเสริมผลักดันที่สำคัญทำให้วิทยาการและเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า อีกส่วนของการพัฒนาบุคคลในประเทศให้ เป็นผู้ชำนาญเฉพาะด้านไม่ว่าด้านใดก็ตาม ผู้ที่มีความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์จะเป็นผู้ที่ได้เปรียบเพราะจะ สามารถอนุมานความรอบรู้ ความสัมพันธ์ของส่ิงตา่ ง ๆ ให้อยู่ในรูปแบบทางคณิตศาสตร์ และนำรูปแบบนี้ไปใช้ในการ แก้ปัญหาต่อไป ดังนั้น เป้าหมายสำคัญในการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ก็คือ การพัฒนาผู้เรียนให้สมบูรณ์ด้วย ความสามารถในการรู้จักคิด เกิดทักษะในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ด้วยการฝึกฝนจากการเรียนในชั้นเรียน และ นอกห้องเรียน จนกระทั่งผู้เรียนมีความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์อย่างมีเหตุและผล กลายเป็น พื้นฐานที่สำคัญ เป็นคุณสมบัติติดตัวผู้เรียนในการนำไปสู่ทักษะการแก้ปัญหาที่พวกเขาต้องเ ผชิญในชีวิตประจำวัน หน้า 298

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภายใต้สงั คมทมี่ กี ารเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกดิ ขึ้นอยา่ งรวดเร็ว ปญั หาและอปุ สรรคเกิดขน้ึ ในชีวิตบ่อยคร้ังจนหลีกเล่ียงได้ ยากหากเราต้องประสบกับปัญหา การแก้ปญั หาดว้ ยความมเี หตมุ ีผลจงึ เป็นเรื่องทสี่ ำคัญอยา่ งย่ิงสำหรบั โลกในปจั จบุ นั คำสำคญั : ความสามารถในการแกป้ ญั หาคณิตศาสตร์, ความสามารถในการให้เหตผุ ลทางคณิตศาสตร์ ABSTRACT This article is about Problem Solving by mathematical constructions. Every day the solution to the problem of the cause and effect, model, with mathematical model process. Research information to a certain extent helps in making a good decisions. For solving any problem is to apply the rules of the truth ( Fact) as knowledge as the theories. Which can be based on mathematical rules. Compared to the available data, one infer the answer to the problem. Problem solving is thinking process, based on the experience. Even though the answer is the same, the strategies of individual thinking may not be the same. It is based on the basis that the mathematical basis may be different, the reason may be different. Mathematics is an important basis in the study of various branches. It also helps to promote the importance of science and technology, and the development of the individual in the country to specialists in any field. Mathematicians have the advantage of being able to infer the relation of things to mathematical models. And this pattern is used to solve the problem further. Therefore, the key goal in teaching mathematics is developing learners with their ability to know. Problem solving with practice from classroom lessons. And outside the classroom until the learner has the ability to solve mathematical problems rationally and effectively. Has become an important basis. It is a feature that equips learners with the skills they need to solve every day. Under the changing society. Happened quickly Barriers Occurs in life often, so it is hard to avoid. If we face a problem with rationality is very important for world today. KEYWORDS: Mathematical problem solving ability, Mathematical reasoning ability บทนำ การแกโ้ จทย์ปัญหาคณิตศาสตรเ์ ปน็ การส่ือสารความคิดทางคณติ ศาสตร์ เป็นการเชือ่ มโยงความสัมพันธ์ และ เป็นการรวมเอาความรู้ทางคณิตศาสตร์และทักษะเข้าด้วยกัน (Cambell and Bamberger, 1990: 15 cited in Hatfield, Tanner & Bitter, 1992: 55) ความหมายของโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ คือ โจทย์ภาษา (word problem) หรอื โจทย์เชิงเรอื่ งราว (story problem) หรือโจทย์เชงิ สนทนา (verbal problem) เป็นปญั หาคณติ ศาสตร์ที่บรรยาย สภาพการณ์ดว้ ยถอ้ ยคำหรือข้อความและตวั เลข โดยตอ้ งการคำตอบในเชิงปริมาณหรือตวั เลข บางปญั หาเป็นปัญหาที่ ไม่เกี่ยวข้องกับจำนวนและตัวเลข สามารถหาคำตอบได้โดยใช้การให้เหตุผลทางตรรกศาสตร์ ในการแก้ปัญหาผู้เรียน ต้องค้นหาว่าจะใช้วธิ กี ารใดแก้โจทย์ปญั หา อาจอาศัยนิยาม ทฤษฎีบทต่าง ๆ ที่จะถกู นำมาใช้ หรอื สรปุ ส่ิงใหม่ที่ผู้เรียน หนา้ 299

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสูป่ กตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ยังไม่เคยเรียนมาก่อน หรือปัญหาเกี่ยวกับวิธีการ การพิสูจน์ ทฤษฎีบท ปัญหาที่เกี่ยวกับเนื้อหาคณิตศาสตร์ ซึ่งล้วน เปน็ ปญั หาท่ตี ้องอาศัยกระบวนการทางคณติ ศาสตร์เข้ามาแกไ้ ขจะไม่สามารถตอบปญั หาน้นั ไดท้ ันที และในเวลาต่อมา ปัญหาก็จะสามารถแก้ไขได้ (Bruckner, 1957: 301; Adam, Ellis & Beeson, 1977: 173; Cruikshank and Sheffeld, 1992: 37; ยุพิน พิพิธกุล, 2539: 82) กระบวนการเสริมสร้างผู้เรียนให้มีทักษะการแก้ปัญหา อันเป็น สมรรถนะที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งนั้น การจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนเป็นสำคัญที่ครูผู้สอนต้องให้ความสนใจใคร่รู้เพื่อการ ปรบั เปล่ยี นและพฒั นาผู้เรยี นให้เปน็ บุคคลท่มี ีความรู้ความสามารถมีทกั ษะการคดิ ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างมเี หตผุ ลตอ่ ไป เน้ือหาสาระ องค์ประกอบส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ประกอบด้วยทักษะ ทางปัญญา ลักษณะของปญั หา ประสบการณใ์ นการแกป้ ญั หา จติ พิสยั ความร้พู ื้นฐาน การใหเ้ หตุผล ภาษาการสื่อสาร และทักษะการคำนวณ เป็นองค์ประกอบของความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผลทางคณิตศาสตร์ซึ่งเป็น พฤติกรรมที่แสดงออกของผู้เรยี นในการประยุกต์ความรู้ ขั้นตอน หรือกระบวนการทางคณิตศาสตร์ กลวิธีและยุทธวิธี แก้ปัญหา และประสบการณ์ที่มีอยู่ไปใช้ในการแก้ปัญหาโดยปัญหาทางคณิตศาสตร์มักเป็นปัญหา ที่ผู้เรียนไม่ คุ้นเคยมาก่อน และต้องใช้การคิดที่หลากหลายในการหาแนวทางหรือวิธีการเพื่อแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพที่สุด (Gagné, 1985; สสวท, 2555; กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2551; สิรพิ ร ทพิ ยค์ ง, 2544; ผกาทพิ ย์ รันสงู เนนิ , 2555; สุรีพร เปรมปรีด,์ิ 2555; ชลธชิ า ใจพนัส, 2556) ความสำคญั ของโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ทักษะกระบวนการความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์นี้ เป็นผลิตผลจากการฝึกฝนโดยอาศัย วิชาการแขนงต่าง ๆ เช่น วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ คณิตศาสตร์ เป็นต้น และผู้เรียนสามารถถ่ายโยง (transfer) ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาคณิตศาสตร์นัน้ ไปสกู่ ารแกป้ ญั หาอื่น ๆ ตอ่ ไป คณิตศาสตรจ์ ึงเป็นเครื่องมือในการฝึก ให้ผู้เรียนเกิดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับคณิตศาสตร์เสียก่อน ความสามารถที่เกิดขึ้นนี้เป็น กระบวนการที่สามารถถ่ายโยงไปสู่ความสามารถในการคดิ แก้ปัญหาอื่นที่ไม่ใช่คณิตศาสตร์ ดังนั้น ในการจัดการเรียน การสอนคณิตศาสตร์จึงจำเป็นต้องเน้นการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหา โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์จึงมีความ จำเป็นในการพัฒนาความสามารถในการแกป้ ญั หา โดยท่ีโจทย์ปัญหาคณติ ศาสตร์นั้นจะต้องเปน็ โจทย์ปญั หาที่เกี่ยวกับ ชวี ติ ประจำวัน (น้อมศรี เคท, 2526: 65) ความสำคญั ยิง่ ของศาสตรท์ างด้านคณิตศาสตร์ระบุไว้ในหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 นบั เป็นบทบาทสำคญั ตอ่ การพฒั นาความคิดมนษุ ย์ ทำใหม้ นุษยม์ คี วามคิดสรา้ งสรรค์ คิดอยา่ งมีเหตุผล เป็นระบบ มี แบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ ช่วยให้คาดการณ์วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากน้ี คณิตศาสตร์ยงั เปน็ เครื่องมือในการศึกษา ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อ่ืน ๆ คณติ ศาสตร์มปี ระโยชน์ตอ่ การดำเนินชีวติ ช่วยพฒั นาคณุ ภาพชีวิตใหด้ ี ขนึ้ สามารถอยรู่ ่วมกับผู้อนื่ ได้อยา่ งมีความสุข และได้ช้ีชดั คุณภาพของผูเ้ รยี นในดา้ นความสามารถในการแกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ว่า เป็นการใช้วิธีการที่หลากหลายแก้ปัญหาใช้ความรู้ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และ หน้า 300