การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกติวิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ใหญ่อยู่ระหว่าง 5 – 10 ปี จำนวน 102 คน คิดเป็นร้อยละ 46.60 รองลงมาคือ 10 ปีขึ้นไป จำนวน 73 คน คิดเป็น ร้อยละ 33.30 ส่วนประสบการณใ์ นการทำงานต่ำกว่า 5 ปี มนี ้อยทส่ี ดุ จำนวน 44 คน คิดเปน็ ร้อยละ 20.10 2. ผลการวิเคราะห์ภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธข์ องผบู้ ริหารสถานศกึ ษา สงั กดั สำนกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั กลุ่มสมุทรครี ีจำแนกออกเปน็ 5 ดา้ น ผวู้ จิ ยั นำเสนอผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู โดยใช้ สถิติพืน้ ฐานได้ ค่าเฉล่ยี และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน ดงั น้ี ตารางท่ี 1 ผลการวิเคราะหภ์ าวะผูน้ ำเชงิ กลยทุ ธข์ องผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา สังกัดสำนักงานสง่ เสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย กลุ่มสมทุ รคีรจี ำแนกรายด้านและภาพรวม ภาวะผ้นู ำเชิงรกุ ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา X SD. แปลผล 1 ทกั ษะการสื่อสาร 4.74 0.47 มากที่สุด 2 ความสามารถในการนำปจั จัยเขา้ มากำหนดกลยทุ ธ์ 4.71 0.48 มากที่สุด 3 การมคี วามคาดหวงั และการสรา้ งโอกาสสำหรับอนาคต 4.63 0.51 มากทส่ี ดุ 4 วิธกี ารคิดเชิงปฏิวตั ิ 4.71 0.48 มากทส่ี ุด 5 การกำหนดวสิ ยั ทศั น์ 4.69 0.48 มากท่ีสุด ภาพรวม 4.70 0.48 มากท่สี ุด จากตารางท่ี 1 พบว่า ภาวะผู้นำเชิงกลยทุ ธ์ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีมีค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด( X =4.70, SD. =0.48) เม่ือ พิจารณารายละเอียดแต่ละด้านพบว่า ด้านทักษะการสื่อสารมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ในระดับมากที่สุด( X =4.74, SD. =0.47) รองลงมาคือ ด้านความสามารถในการนำปัจจัยเข้าต่างๆ มากำหนดกลยุทธ์ และด้านวิธีการคิดเชิงปฏิวัติมี ค่าเฉล่ียเท่ากันอยใู่ นระดับมากท่ีสุด( X =4.71, SD. = 0.48) ส่วนการมีความคาดหวงั และด้านการสร้างโอกาสสำหรบั อนาคตมีค่าเฉลี่ยต่ำท่สี ดุ อยใู่ นระดบั มากทสี่ ดุ ( X = 4.63, SD. = 0.51) 3. ผลการวเิ คราะห์การทำงานเปน็ ทีมของบุคลากร สงั กดั สำนกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัย กล่มุ สมทุ รคีรี จำแนกออกเปน็ 5 ดา้ น ผวู้ ิจยั นำเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใชส้ ถติ พิ นื้ ฐาน ได้ คา่ เฉลีย่ และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน ดงั นี้ ตารางท่ี 2 ผลการวเิ คราะห์การทำงานเป็นทมี ของบคุ ลากรสังกดั สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศัยกลมุ่ สมทุ รครี ีจำแนกรายด้านและภาพรวม การทำงานเปน็ ทมี X SD. แปลผล 1 การตดิ ต่อส่ือสาร 4.77 0.43 มากทส่ี ดุ 2 การร่วมมือ 4.75 0.46 มากที่สดุ 3 การประสานงาน 4.74 0.46 มากที่สดุ 4 การมีความคดิ สร้างสรรค์ 4.70 0.48 มากที่สุด 5 การปรับปรุงอยา่ งต่อเนือ่ ง 4.78 0.43 มากทส่ี ุด หนา้ 51
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ตารางท่ี 2 ผลการวิเคราะห์การทำงานเป็นทีมของบุคลากรสังกัดสำนักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยกลมุ่ สมทุ รครี ีจำแนกรายดา้ นและภาพรวม การทำงานเปน็ ทีม X SD. แปลผล ภาพรวม 4.75 0.45 มากทสี่ ุด จากตารางที่ 2 พบว่า การทำงานเป็นทีมของบุคลากรสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีมีค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( X =4.75, SD. =0.45) เมื่อพิจารณา รายละเอยี ดในแตล่ ะด้านพบว่า ด้านการปรับปรุงอย่างตอ่ เน่ืองมีคา่ เฉล่ียสูงท่ีสุดอยู่ในระดับมากทส่ี ดุ ( X =4.78, SD. = 0.43) รองลงมาคือ ด้านการติดต่อสื่อสารมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด( X =4.77, SD. =0.43) ด้านการร่วมมือมี ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด( X = 4.75, SD. =0.46) ส่วนการมีความคิดสร้างสรรค์มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดอยู่ในระดับมาก ที่สุด( X =4.70, SD. =0.48) 4. ผลการวเิ คราะห์ความสมั พันธ์ระหว่างภาวะผ้นู ำเชิงกลยุทธ์ของผบู้ ริหารสถานศึกษากบั การทำงานเป็นทีม ของบคุ ลากรในสงั กดั สำนักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั กลุ่มสมุทรครี ีโดยอธบิ ายด้วยคา่ สมั ประสิทธส์ิ หสมั พันธ์ของเพยี ร์สนั (Pearson ,s Product Moment Correlation Coefficient)ดงั น้ี ตารางท่ี 3 ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผูน้ ำเชิงกลยุทธ์ภาพรวมของผู้บริหารสถานศึกษา กับการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศยั กลุ่มสมทุ รคีรี จำแนกรายดา้ นและภาพรวม ภาวะผ้นู ำเชงิ กลยทุ ธภ์ าพรวม การทำงานเป็นทีม ทศิ ทาง r p. ระดับ ความสมั พันธ์ 1 การติดต่อส่อื สาร + .58** .00 ปานกลาง 2 การรว่ มมือ + .74** .00 สงู 3 การประสานงาน + .83** .00 สูง 4 การมคี วามคดิ สร้างสรรค์ + .83** .00 สูง 5 การปรบั ปรงุ อย่างตอ่ เนื่อง + .82** .00 สงู ภาพรวม + .89** .00 สูง **มนี ัยสำคัญทางสถิติทีร่ ะดบั .01 จากตารางที่ 3 พบว่า ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ภาพรวมของผู้บริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์ในทิศทาง เดียวกันในระดับสูงกับการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีภาพรวม (r = .89, p. = .00) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาใน รายละเอียดความสัมพันธ์ตามลำดบั ดงั ตอ่ ไปนี้ ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ภาพรวมของผู้บริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์สูงที่สุดในทิศทางเดียวกันในระดับสงู กับการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่ม หน้า 52
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สมทุ รคีรดี า้ นการประสานงานและด้านการมีความคิดสรา้ งสรรค์ (r = .83, p. = .00) อย่างมนี ัยสำคญั ทางสถิติท่ีระดับ .01 รองลงมาคือภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ภาพรวมของผู้บริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์สูงที่สุดในทิศทางเดียวกันใน ระดับสูงกบั การทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั กล่มุ สมุทรครี ีด้านการปรบั ปรงุ อย่างตอ่ เน่อื ง (r = .82, p. = .00) อย่างมีนยั สำคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ .01 สว่ นภาวะผู้นำ เชงิ กลยุทธ์ภาพรวมของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษามีความสมั พันธ์ตำ่ ท่ีสดุ ในทศิ ทางเดยี วกันในระดับปานกลางกับการทำงาน เป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรครี ีด้านการ ตดิ ต่อส่อื สาร (r = .58, p. = .00) อยา่ งมีนัยสำคัญทางสถิติท่รี ะดับ .01 สรุปผลการวิจัย 1. บุคลากรส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 143 คน คิดเป็นร้อยละ 65.30 ช่วงอายุอยู่ระหว่าง 25 – 35 ปี จำนวน 74 คน คิดเป็นร้อยละ 33.80 ระดับการศึกษาปริญญาตรี จำนวน 155 คน คิดเป็นร้อยละ 70.80 และ ประสบการณใ์ นการทำงานอย่รู ะหว่าง 5 – 10 ปี จำนวน 102 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 46.60 2. ภาวะผนู้ ำเชิงกลยทุ ธ์ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา สังกดั สำนักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีมีค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายละเอียดแต่ละด้านพบว่า ด้าน ทักษะการสื่อสารมีค่าเฉลี่ยสูงท่ีสุดอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านความสามารถในการนำปัจจัยเข้าต่างๆ มา กำหนดกลยุทธ์ และด้านวิธีการคิดเชิงปฏิวัติมีค่าเฉลี่ยเท่ากันอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนการมีความคาดหวังและด้าน การสร้างโอกาสสำหรบั อนาคตมคี า่ เฉลี่ยต่ำทสี่ ดุ อยใู่ นระดับมากทส่ี ดุ 3. การทำงานเป็นทีมของบุคลากรสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธ ยาศัย กลุ่มสมุทรคีรีมีค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้านพบว่า ด้านการปรับปรุง อย่างตอ่ เนอื่ งมีค่าเฉล่ียสงู ท่ีสดุ อยู่ในระดับมากท่สี ดุ รองลงมาคอื ด้านการติดต่อสอื่ สารมีค่าเฉล่ียอยู่ในระดับมากที่สุด ดา้ นการรว่ มมอื มคี ่าเฉลีย่ อยู่ในระดับมากทีส่ ดุ สว่ นการมีความคิดสร้างสรรค์มคี า่ เฉลย่ี ต่ำที่สดุ อยูใ่ นระดบั มากท่สี ุด 4. ภาวะผนู้ ำเชงิ กลยุทธ์ภาพรวมของผู้บรหิ ารสถานศึกษามคี วามสัมพนั ธใ์ นทิศทางเดียวกนั ในระดับสูงกับการ ทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาต ามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรี ภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาในรายละเอียดความสัมพันธ์ตามลำดับดังต่อไปนี้ ภาวะ ผู้นำเชิงกลยุทธ์ภาพรวมของผู้บริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์สูงที่สุดในทิศทางเดียวกันในระดับสูงกับการทำงาน เป็นทีมของบุคลากรในสังกดั สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีด้านการ ประสานงานและดา้ นการมีความคิดสรา้ งสรรค์ รองลงมาคอื ด้านการปรับปรงุ อย่างตอ่ เนือ่ งอยา่ งมีนัยสำคัญทางสถิติท่ี ระดบั .01 อภปิ รายผล 1. จากการศึกษาพบว่า ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมทุ รครี ีมีค่าเฉล่ียภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายละเอียด แตล่ ะดา้ นพบวา่ ทกุ ด้านมีคา่ เฉลย่ี อยู่ในระดบั มากท่ีสุดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดงั น้ี ด้านทักษะการสื่อสาร รองลงมาคือ ด้านความสามารถในการนำปัจจัยเข้าต่างๆ มากำหนดกลยุทธ์ และด้านวิธีการคิดเชิงปฏิวัติมีค่าเฉลี่ย หนา้ 53
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสู่ปกติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) เท่ากัน ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากผู้บริหารสถานศึกษามีการกำหนดวิสัยทศั น์เพื่อการพัฒนาสถานศึกษาในสังกัดสำนักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างชัดเจน มีกลไกการกำหนดเป็นนโยบายและนำไปสู่การ ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมทำให้บุคลากรทุกระดับเกิดความเข้าใจแนวทางการพัฒนาสถานศึก๋ษาอย่างชัดเจน มีการ ตดิ ตามผลการดำเนนิ งานอย่างต่อเน่ืองตามแผนทก่ี ำหนดไว้ เปดิ โอกาสใหบ้ คุ ลากรแสดงความคิดเห็นเพอื่ ปรับปรุงการ ทำงานอย่างเป็นประชาธิปไตย ซึ่งสอดคล้องกับงานวจิ ัยของ เพญ็ ประภา สาริภา(2556) ทีศ่ กึ ษาความสมั พันธ์ระหว่าง ภาวะผู้นําเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษากับ ประสิทธิผลของโรงเรียนสังกัดสํานักงานเขตพื้ นที่การศึกษา มธั ยมศกึ ษาเขต 19 พบวา่ ผู้บริหารสถานศึกษามีภาวะผูน้ ําเชิงกลยุทธโ์ ดยภาพรวมอยใู่ นระดับมากทสี่ ุด เมื่อพิจารณา รายด้านพบว่าทุกด้านอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด และสอดคล้องกับงานวิจัยของวันวิสาข์ ทองติง (2555) ที่ ความสัมพันธร์ ะหว่างภาวะผนู้ ําเชิงกลยทุ ธ์ของผูบ้ ริหารกับประสิทธิผลของโรงเรียนสังกดั สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศกึ ษาขอนแก่น เขต 5 พบวา่ ภาวะผูน้ าํ เชงิ กลยทุ ธ์ของผบู้ รหิ ารโดยภาพรวมรายด้านมีคา่ เฉลย่ี อยู่ในระดับมาก ถึงมากที่สุด โดยด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการกําหนดวิสัยทัศน์ รองลงมาคือ ด้านความสามารถในการนําปัจจยั นาํ เขา้ ตา่ ง ๆ มากาํ หนดกลยุทธ์ ส่วนดา้ นท่ีมคี า่ เฉล่ียตํ่าสุด คือ ด้านการมีวธิ ีการคดิ เชงิ ปฏวิ ัติ 2. จากการศึกษาพบว่า การทำงานเป็นทีมของบุคลากรสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีมีค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้าน พบว่า ทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยูใ่ นระดับมากที่สุดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดงั นี้ ด้านการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือ ด้านการติดต่อสื่อสาร ด้านการร่วมมือ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากบุคลากรสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีมีการติดต่อสื่อสารกันในกลุ่มอย่างต่อเนื่อง มีการประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานรวมทั้ง การสร้างระบบการการทำงานเพื่อการแก้ปัญหาและปรับปรุง กระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่องและมปี ระสิทธภิ าพ พัฒนาออกแบบงานทีส่ ร้างสรรค์มีความเหมาะสม ซึ่งสอดคลอ้ ง กับงานวิจัยของ อัจฉรา ชุนณะวงค์(2553) ท่ีศึกษาการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารโรงเรียนตามความคิดเห็นของครู โรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนในจังหวัดระยองผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็นของครูโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัด ระยองทีม่ ีต่อการทำงานเป็นทีมของผู้บรหิ ารโรงเรียนโดยรวมและรายดา้ นอยู่ในระดับมากถงึ มากที่สดุ นอกจากน้นั ยงั สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ัยของ ดาวเทยี ม บับที(2553) ที่ศึกษาสภาพและปัญหาการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในโรงเรียน เฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลการวิจัยพบว่าบุคลากรมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการทำงานเป็นทีมใน โรงเรียนเฉพาะความพกิ ารภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื โดยรวมและรายดา้ นอยู่ในระดบั มากถึงมากทส่ี ดุ 3. จากการศึกษาพบว่า ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ภาพรวมของผู้บริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์ในทิศทาง เดียวกันในระดับสูงกับการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาในรายละเอียดความสัมพันธ์ ตามลำดับดงั ต่อไปนี้ ภาวะผู้นำเชงิ กลยุทธ์ภาพรวมของผู้บริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์สูงที่สุดในทิศทางเดียวกัน ในระดับสูงกับการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีด้านการประสานงานและด้านการมีความคิดสร้างสรรค์ รองลงมาคือ ด้านการปรับปรุงอย่าง ต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีกำหนดทิศทางการพัฒนาสถานศึกษาไว้อย่างเป็น รูปธรรมโดยมกี ารกำหนดเป็นนโยบายการปฏบิ ัติมีระบบและกลไกการถ่ายทอดนโยบายที่กำหนดไวส้ ู่บุคลากรผู้ปฏิบัติ หนา้ 54
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นส่ปู กติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพสง่ ผลใหบ้ ุคลากรทราบทิศทางการพัฒนาของสถานศึกษา รวมทง้ั สามารถโนม้ น้าวให้บุคลากรร่วม แรงร่วมใจกันปฏิบัติงานเพื่อมุ่งสู่ประสิทธิผลของสถานศึกษาที่ตั้งไว้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ นงลักษณ จรียา นวุ ัฒน(2558)ทศ่ี กึ ษาความสัมพนั ธระหวางภาวะผูนาํ ทางวิชาการของผูบริหารสถานศึกษากบั การทาํ งานเปนทมี ของครู ในสถานศึกษาสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล ผลการศึกษาพบวา ความสัมพันธระหวางภาวะผู นําทางวิชาการของผูบริหารสถานศึกษากับการทํางานเปนทีมของครูมีความสัมพันธเชิงบวกอยูในระดับคอนขางสูง อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ ปิณชา จองเฉลิมชัย(2559) ภาวะผู้นํากับการ ทาํ งานเป็นทมี ของข้าราชการตํารวจช้นั สัญญาบตั ร สํานักงานจเรตํารวจ สาํ นกั งานตํารวจแห่งชาติ ผลการศึกษาพบว่า ผู้นําทีด่ ีต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ต้องเป็นคนที่มองเห็นภาพในอนาคต มองเห็นโอกาสก็ต้องสามารถกําหนดเป้าหมายและ แผนงานในการไปสเู่ ปา้ หมายนนั้ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ตอ้ งกระจายงานใหท้ ีมงานอยา่ งเหมาะสมเปน็ การนาํ แผนงานทก่ี าํ หนด ไปสผู่ ูใ้ ตบ้ งั คับบญั ชาและทีมงานโดยพจิ ารณาความเหมาะสมของผู้ใตบ้ งั คบั บัญชาแตล่ ะคนให้เหมาะกับงานเพ่ือให้เขา สามารถทํางานทถ่ี นัดรวมทง้ั ให้โอกาสคนอ่นื ๆ ไดท้ ํางาน ผู้นาํ อาจจะตอ้ งยอมรบั ความเส่ียงในเรอื่ งนี้ ต้องสร้างทีมงาน ได้จะต้องเป็นคนที่ทาํ งานให้สําเร็จ โดยเน้นทั้งงาน เน้นทั้งคนและในการสร้างทีมงานที่ดี ผู้นํากต็ อ้ งมที ักษะในการสือ่ ความที่ดีมีความเป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนในทีมเวลาทํางานก็จะเน้นให้ทุกคนร่วมกันทํางาน ต้องสร้าง แรงจูงใจใหพ้ นกั งานได้และกระต้นุ ให้ ผู้ใตบ้ งั คบั บญั ชามีความต้องการทจ่ี ะประสบความสาํ เร็จได้ และตอ้ งเป็นผ้พู ฒั นา คนอื่นอยู่เสมอมีความเข้าใจผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีผลงานไม่ดีและพยายามที่จะพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีความรู้ ความสามารถและทกั ษะในการทาํ งานมากขึน้ และเปน็ ตวั อยา่ งสาํ หรบั พฤติกรรมทีเ่ หมาะสมด้วย ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะจากการวิจยั 1.1 ผลการศึกษาพบว่า ภาวะผูน้ ำเชิงกลยุทธ์ของผู้บรหิ ารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั กลุ่มสมุทรครี ีมคี ่าเฉล่ียภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายละเอียด แต่ละด้านพบว่า การมีความคาดหวังและด้านการสร้างโอกาสสำหรับอนาคตมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ดังนั้นผู้บริหาร สถานศึกษาควรมีการคาดการณ์ผลท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคตได้ต้องมกี ารเตรียมการวางแผนรองรับเหตุการณท์ ีจ่ ะเกิดข้ึน ไดเ้ ป็นอย่างดี เพ่อื ใหบ้ รรลุตามเป้าหมายทีก่ ำหนดไว้ 1.2 การทำงานเป็นทีมของบุคลากรสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีมีค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้านพบว่า การมี ความคิดสร้างสรรค์มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ดังนั้น ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้บุคลากรใน สถานศกึ ษาใชค้ วามคดิ รเิ ริ่มในการสรา้ งนวัตกรรมสิง่ ใหม่อย่างสมำ่ เสมอและนำมาใชใ้ นการแก้ปญั หาในการปฏิบัติงาน ออกแบบการปฏิบัติงานที่จะทำใหบ้ คุ ลากรตดิ ต่อสื่อสารกันเพอ่ื สัมพนั ธ์อนั ดตี อ่ กันซ่งึ จะสง่ ผลใหก้ ารปฏิบัติงานมีความ ราบร่นื และเกิดทีมงานที่มคี ุณภาพต่อไป 1.3. ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับสูงกับการ ทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรี เมื่อพิจารณาในรายละเอียดความสัมพนั ธ์พบว่า ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษามคี วามสัมพนั ธ์ต่ำที่สุด ในทศิ ทางเดียวกันในระดับปานกลางกับการทำงานเปน็ ทีมของบคุ ลากรในสังกดั สำนกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบ หนา้ 55
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) และการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรดี ้านการติดต่อสือ่ สาร ดังนั้นผู้บริหารสถานศกึ ษาควรสรา้ งวฒั นธรรมองค์กร ให้เป็นองคก์ รทีมปี ระสิทธิภาพด้านการตดิ ตอ่ สอื่ สารโดยการนำเทคโนโลยีทที่ ันสมัยเขา้ มาใช้ให้เกดิ ประโยชน์สูงสุดเพื่อ ลดช่องว่างของการสื่อสารระหว่างผู้บริหารกับบุคลากร บุคลากรกับนักเรียนและผู้ปกครอง รวมทั้งผู้บริหารต้อง มี ทักษะในการปฏิบัติงานรว่ มกับครูและบคุ ลากรในสถานศึกษาซึ่งจะทำใหบ้ ุคลากรเกิดความไว้วางใจและเกิดความผ่อน คลายเม่อื ปฏิบตั งิ านเพือ่ ให้ผลการดำเนนิ งานบรรลุตามแผนท่ีสถานศึกษากำหนดไว้ 2. ขอ้ เสนอแนะเพ่ือการวิจยั ในครง้ั ต่อไป 2.1 การศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยสนใจศึกษาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรีเท่านั้น ควรมีการศึกษาภาวะผู้นำในประเด็น อื่น ๆ เช่น ภาวะผู้นำร่วมสมัย ภาวะผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง หรือการวิเคราะห์ภาวะผู้นำที่เป็นลักษณะเฉพาะของ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาในกลมุ่ สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยกลมุ่ สมุทรคีรี 2.2 การศกึ ษาครัง้ น้ีพบวา่ ภาวะผ้นู ำเชงิ กลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษามคี วามสมั พันธ์ในทิศทางเดียวกัน ในระดับสูงกับการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยกลุ่มสมุทรคีรี โดยผู้วิจัยใช้สถิติการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ควรมีการศึกษาภาวะผู้นำ เชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษามีผลต่อการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั กลุ่มสมุทรคีรี หรือไม่อย่างไร 2.3 ควรมีการศึกษาภาวะผู้นำที่มีความสัมพันธ์กับประเด็นอื่นๆ เช่น ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของ บคุ ลากร ผลสมั ฤทธ์ขิ องผ้เู รยี น การสำเรจ็ การศกึ ษา เป็นตน้ เอกสารอ้างองิ เพ็ญประภา สาริภา. (2556). ความสมั พนั ธ์ระหว่างภาวะผู้นําเชิงกลยทุ ธ์ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษากับ ประสทิ ธผิ ลของ โรงเรียนสงั กดั สาํ นักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 19 ปรญิ ญาครุศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการ บริหารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เลย. ดาวเทียม บบั ที. (2553). สภาพและปญั หาการทำงานเปน็ ทีมของบุคลากรในโรงเรยี นเฉพาะในภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ.ครุศาสตรมหาบัณฑิต,การบรหิ ารการศึกษา,มหาวิทยาลัยราชภฏั อุบลราชธาน.ี ทรรศนะ บญุ ขวญั . (2549). ภาวะผูน้ าํ เชงิ กลยทุ ธ.์ กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. นงลักษณ จรียานุวฒั น. (2558). ความสัมพนั ธระหวางภาวะผูนําทางวชิ าการของผูบรหิ ารสถานศกึ ษากับการทํางาน เปน็ ทีมของครใู นสถานศึกษาสังกดั สํานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาสตลู ปริญญาศกึ ษาศาสตร มหาบัณฑติ (บรหิ ารการศึกษา). เนตร์พณั ณา ยาวริ าช. (2550). การจัดการสมยั ใหม(่ พมิ พ์คร้งั ท่ี 6). กรงุ เทพฯ: ทริปเพิล้ กรุป๊ . ปิณชา จองเฉลิมชยั . (2559). ภาวะผ้นู าํ กบั การทาํ งานเปน็ ทมี ของข้าราชการตํารวจชัน้ สัญญาบัตร สาํ นักงานจเร ตาํ รวจ สาํ นกั งานตํารวจแห่งชาติ ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ ารัฐประศาสนศาสตร.์ รงั สรรค์ ประเสริฐศรี. 2544. ภาวะผนู้ ำ(Leadership). กรงุ เทพฯ : ธนธชั การพิมพ์. วันวสิ าข์ ทองตงิ . (2555). ความสมั พันธ์ระหว่างภาวะผู้นําเชิงกลยทุ ธ์ของผ้บู ริหารกับประสทิ ธิผลของโรงเรียน สังกดั สาํ นักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 ปรญิ ญาครศุ าสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการ หนา้ 56
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) บรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย. สำนักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวดั เพชรบรุ .ี (2559). ประวตั ิสำนกั งาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวัดเพชรบรุ .ี สืบค้นเมื่อ 24 ธนั วาคม 2562, จาก http://sk.nfe.go.th. สํานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน. (2551). สาระสำคัญในการปรบั ปรงุ พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการ พลเรือน พ.ศ.2551. กรุงเทพฯ: สํานกั งานขา้ ราชการพลเรอื น. อจั ฉรา ชนุ ณะวงค์. (2553). การศึกษาการทำงานเปน็ ทมี ของผบู้ รหิ ารโรงเรียนตามความคิดเห็นของครูโรงเรยี น อาชวี ศกึ ษาเอกชนในจงั หวดั ระยอง, ครุศาสตรมหาบณั ฑติ ,การบรหิ ารการศึกษา,มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพ พรรณี. DuBrin, A. J. (2004). Leadership: Research findings, practice, and skills (5th ed.). Boston, MA: Houghton Mifflin. Roming, D. A. (1996). Breakthrough Teamwork: Outstanding Result Using Structured Teamwork. Chicago, IL: Irwin. Taro Yamane(1973 ).Statistics: An Introductory Analysis.3rdEd.New York.Harper and Row Publications. หน้า 57
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กติวถิ ใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ความตอ้ งการและความพึงพอใจของนกั ศึกษาทมี่ ีตอ่ หลักสูตรและการบรหิ ารจดั การหลกั สตู รภาษาอังกฤษ เพื่อการสือ่ สารสากล มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ตาก Students’ Needs and Satisfaction towards Curriculum and Management on Bachelor of Arts Program in English for International Communication, Rajamangala University of Technology Lanna Tak ศภุ ณิตา พงศ์สวุ รรณ คณะบรหิ ารธุรกิจและศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ตาก E-mail [email protected]., [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1.) ความต้องการ และ 2.) ความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อหลักสูตร และการบริหารจัดการหลกั สตู รภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสารสากล มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก เพื่อ เป็นแนวทางในการพฒั นาหลกั สูตรและจดั การเรียนการสอนให้สอดคลอ้ งกับความต้องการของผู้เรียน ประชาการเป็น นักศึกษาระดับปริญญาตรี 4 ชั้นปี จำนวน 115 คน หลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2563 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถามท่ี จัดทำโดยใช้มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ของลิเคิร์ท (Likert Scale) ข้อมูลเชิงปริมาณถูกรวบรวมและวิเคราะห์ ความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) คา่ เฉล่ยี (Mean) และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ผลการวิจัยพบว่า 1) นักศึกษามีความต้องการ 6 ด้านอยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านสิ่งสนับสนุนการการสอนและการเรียนรู้ นักศึกษาต้องการพื้นที่นั่งทำงานร่วมกับผู้อื่น ด้านการบริหาร จัดการหลักสูตร นักศึกษาต้องการอิสระในการเลือกเรียนวิชาเลือกเสรีด้วยตนเอง ด้านการประเมินผล นักศึกษา ต้องการความยุติธรรมในการวัดและประเมินผล ด้านผู้สอน นักศึกษาต้องการให้ผู้สอนใช้สื่อการสอนที่น่าสนใจ ด้าน เป้าหมายของผู้เรียน นักศึกษาต้องการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ และ ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน นกั ศกึ ษาต้องการใหม้ ีการเรียนการสอนที่เนน้ การปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี และมีการศกึ ษาดงู านจากสถานที่จริง 2) ด้าน ความพึงพอใจ นักศึกษามคี วามพึงพอใจต่อการจัดการหลักสูตร 5 ด้านอยูใ่ นระดับมาก เรียงลำดบั จากมากไปหานอ้ ย ได้แก่ การวัดและการประเมิน ผู้สอน กิจกรรมการเรียนการสอน การจัดการหลักสูตร และสิ่งสนับสนุนการสอนและ การเรียนรู้ คำสำคัญ: ความตอ้ งการ, ความพึงพอใจ, หลักสูตร, การบริหารจดั การหลักสตู ร, การพฒั นาหลักสูตร หน้า 58
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ABSTRACT The objectives of this research are to study 1.) students’ needs and 2.) students’ satisfaction towards curriculum and management on Bachelor of Arts Program in English for International Communication, Rajamangala University of Technology Lanna Tak, in order to develop the curriculum to meet the needs of the learners. The population of the study was 115 of undergraduate students of English for International Communication Program, first semester of the academic year 2020. The research instrument was a questionnaire conducted by using the Likert Scale of rating. The quantitative data were collected and analyzed for frequency, percentage, mean and Standard Deviation. The results showed that 1) the students’ needs were at a very high level on 6 areas to prioritize; learning facilities: they needed co-working space, curriculum management: they needed to choose the elective subjects by themselves, evaluation: they needed fairness, instructors: they needed instructors to use more interesting materials, learners’ objective: they needed to improve their English communication skills, and teaching and learning activities: they needed more practicing rather than theory, also a fieldtrip activity. 2) The students were satisfied with the curriculum management in 5 areas at a high level, in descending order, evaluation, instructors, teaching and learning activities, curriculum management, and learning facilities. KEYWORDS: Need, Satisfaction, Curriculum, Curriculum Management, Curriculum Development Introduction Need analysis so far, has been considered a crucial approach in academic arena. Internationally, academics and scholars undertake this as a tool in understanding both learners' needs and curriculum developments. This can be clearly proven in the study of language program since the fundamental part of the analysis must entail the inclusion of students' outlooks. Poedjiastutie and Oliver (2017) announced the inclusion of students' ambitions for the worthwhile investment are a contributory of financial and mental supports. While the central missions of highly satisfied curriculum are the premises that most students possess an ability to achieve learning outcomes. Accomplishing in desirable quality of curriculum, educational institutions in Thailand have extensively managed to develop and fulfill the contents so as to develop learner's knowledge and abilities that respond to both academic and career needs and truly meet to the needs of the learners. Moreover, the Educational Quality Assurance in tertiary level education is an endeavor to assure learners are able to possess an ability to gain knowledge and develop skills in which is compulsory to the use in education and careers. ( Educational Quality Assurance Handbook, Higher Education CUPT QA, Academic Year 2014). According to indicator 3.3 of the quality of education in tertiary level, it clearly หนา้ 59
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) demonstrates that the effect on students have given the importance to the satisfaction of students towards curriculum. This consequently leads to the need of satisfaction survey. Both educators and curriculum planners in education industry particularly in tertiary schools are advised to place responsibility for assisting students in English language skills improvement in compliance with learners’ needs. In addition, a Learner-Centered Approach to language teaching is considered as an alternative approach to curriculum development which indicates a close relationship. The development of learner-centered curriculum involves three steps: 1) planning: the focus of needs analysis, objective setting and content choice; 2) implementation: the inclusion of pedagogy approaches and teaching materials; and 3) evaluation: the reflection of learners’ achievement and feedback evaluation. More importantly, curriculum development is indeed compulsory and required an annual refreshment to be undertaken in terms of evaluation and report on curriculum performance which enact periodic improvement every five years. (Tertiary Curriculum Standards 2015 Manual, Office of the Higher Education Commission, 2017). Therefore, the needs and satisfaction of the learners are one of the essential components influencing in the effectiveness of curriculum management and development. Based on data analysis, this paper therefore illustrated the findings and pedagogical suggestions to be served as a reference for those curriculum designers. It is hoped that the findings will materially assist in facilitating and furthering the expansion in curriculum development and improvement. Objectives of the study 1. To study the students’ needs towards the curriculum on English for International Communication Program 2. To study the students’ satisfaction towards the curriculum management on English for International Communication Program 3. To provide suggestions for the curriculum improvements and development including curriculum management on English for International Communication Program, Rajamangala University of Technology Lanna Tak Research Methodology Population The finite population of the study was 115 of undergraduate students from English for International Communication Program, Rajamangala University of Technology Lanna Tak, who were studying in the first semester, 2020 academic year. The surveys to the students were administered by the researcher toward the end of the semester, during self- study periods when they were given thirty minutes to answer the questionnaires. หนา้ 60
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กติวิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) Table 1. Student Population Grade level of students Frequency (n) Percentage (%) First-year 37 32.17 Second-year 28 24.34 Third-year 21 18.26 Fourth-year 29 25.22 Total 115 100.00 The researcher studied 6 areas of students’ needs and 5 areas of students’ satisfaction, which are virtually identical as follows; leaning facilities, curriculum management, evaluation, instructors, teaching and learning activities and also learners’ objective. Research Instrument A questionnaire with a 5- point Likert scale was adopted from concepts, theories and previous research study ( Gawalee Phangdee & Pimrada krongyuti, 2013) . The questionnaire comprised four sections: the first section focused on the participant’ s grade level, the second section focused on their needs for English curriculum, the third section focused on satisfaction towards curriculum management, and the final section focused on their suggestions towards curriculum, management and the research. The second section of students’ needs for English curriculum included 6 aspects; learners’ objective, curriculum management, teaching and learning activities, instructors, evaluation and learning facilities. Whereas, the third section of students’ satisfaction towards curriculum management was divided into 5 aspects; curriculum management, teaching and learning activities, instructors, evaluation and learning facilities. After designing the survey instrument, the researcher delivered the questionnaire to 115 students. Finally, the researcher analyzed the data from the questionnaire. Data Analysis Descriptive analysis, such as the mean score and standard deviation, was used to interpret the data on the second and third sections of the questionnaire. The second section which categorized students’ needs for English curriculum on 6 areas; learners’ objective, curriculum management, teaching and learning activities, instructors, evaluation, and learning facilities. The third section which categorized students’ satisfaction into 5 areas; curriculum management, teaching and learning activities, instructors, evaluation, also learning facilities. Data analysis of mean score of both needs and satisfaction were interpreted as the descriptive statistical analysis as Moidunny (2009). Table 2 shows “Mean Score Interpretation” for each item of the survey. The mean of 1.00 – 1.80 showed that it was at a very low level. The mean of 1.81 – 2.60 showed that it was at a low level. หน้า 61
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) The mean of 2.61 – 3.20 showed that it was at a medium level. The mean of 3.21 – 4.20 showed that it was at a high level, and the mean of 4.21 – 5.00 showed that it was at a very high level. Table 2: Mean Score Interpretation (Moidunny, 2009) Mean Score Interpretation 4.21 – 5.00 Very High 3.21 – 4.20 High 2.61 – 3.20 Medium 1.81 – 2.60 Low 1.00 – 1.80 Very Low Results Needs for English Curriculum This section contains 6 items, under which are listed several options for the subjects to prioritize. Table 3 presents students’ needs for English Curriculum. It was divided into six categories; learners’ objective, curriculum management, teaching and learning activities, instructors, evaluation and learning facilities. Regarding the learners’ objective to continue their study at English for International Communication program, the eight sub- items were statistically in following orders: 1) to improve English communicative skills (X= 4.71), 2) to use English as an instrument for future careers (X = 4.68), 3) to communicate with foreigners or foreign friends (X = 4.65), 4) to use English as a tool for studying or living in a foreign country (X = 4. 60) , 5) to increase opportunities for finding a job in the future (X = 4.50), 6.) to study English as their preferences (X =4.33), 7) to study for a curriculum and university close to home (X =4. 33) , and 8) to study English as they are good enough to have good grades (X =4.23). Students ranked their needs for curriculum management in following orders: 1) elective courses can be chosen by learners (X = 4.68), 2) having native teachers (X = 4.66), 3) contents in curriculum can be used in future careers (X = 4.64), 4) more focus on English communication practice (X =4.57), and 5) more teaching and learning in English language (X = 4.54). Regarding the needs for the teaching and learning activities, students ranked their priorities in the following orders: 1) focus on practice rather than theory (X =4.54), 2) a field trip to explore English outside university (X =4.54), 3) more communicative activities to enhance listening and speaking skills (X =4. 49) , 4) an integrated activity in accordance with course content (X =4. 45) , and 5) role play activities and group discussions in English language (X =4.26). When asking about what made a preferable instructor, the students listed their preferences in the following orders: 1) use more interesting materials (X = 4.68), 2) give explanation in class explicitly หนา้ 62
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) and systematically with examples (X = 4.64), 3) use interesting & appropriate teaching approach (X =4.61), 4) use measurement & assessment correspond with course objectives (X ̅= 4.51), and 5) use English Language as a medium in classroom (X = 4.41). In arranging the evaluation, students preferred in the following orders: 1) fair measurements and assessments (X =4.61), 2) clear criteria of measurement and assessment to grades (X = 4.60), 3) scores or feedback provided for learners to know their learning outcomes (X =4.57), and 4) consistent with curriculum objectives (X = 4.56). Regarding the learning facilities, students ranked their priorities in the following orders: 1) co-working space (X = 4.79), 2) more audio-visual aids; projectors, computers, and shared printers (X =4.74), 3) an enough Internet to the needs (X = 4.74), 4) scholarships for learners who achieve honorable grades (X = 4. 71) , 5) an enough number of classrooms for learners need (X = 4. 57) , and 6) more books, textbooks in English such as dictionaries, storybooks, theses, etc. (X = 4.55). In summary, according to all 33 sub- items, total average of students’ needs for English curriculum revealed at a very high level (X = 4.57). The priority of students' needs were as follows: 1) learning facilities (X = 4.68), 2) curriculum management (X = 4.61), 3) evaluation (X =4.58), 4) instructors (X =4.57), 5) learners’ objective (X = 4.51), and 6) teaching and learning activities (X = 4.46). Table 3. Needs for English Curriculum Mean S.D. Item Needs for English Curriculum; 6 areas 4.71 0.56 4.68 0.50 1. Learners’ objective 4.65 0.64 1.1 To improve your English communicative skills .60 0.73 1.2 To use English as an instrument for future careers 4.53 0.88 1.3 To communicate with foreigners or foreign friends 4.33 0.83 1.4 To use English as a tool for studying or living in a foreign country 4.33 0.84 1.5 To increase opportunities for finding a job in the future 4.26 0.80 1.6 To study for a curriculum and university close to home 4.51 0.46 1.7 To study English as your preferences 1.8 To study English as you are good enough to have good grades 4.68 0.68 4.66 0.68 Total Average 4.64 0.60 2. Curriculum management 4.57 0.67 2.1 Elective courses can be chosen by learners 4.54 0.68 2.2 Having native teachers 4.61 0.48 2.3 A content in curriculum can be used in future career 2.4 More focus on English communication practice 4.54 0.64 2.5 More teaching and learning in English language 4.54 0.57 4.49 0.60 Total Average 4.45 0.61 3. Teaching and learning activities 3.1 Having a field trip to explore English outside university 3.2 Focus on practice rather than theory 3.3 More communicative activities to enhance listening and speaking skills 3.4 Having an integrated activity in accordance with course content หน้า 63
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 3.5 Role play activities and group discussions in English language 4.26 0.69 Total Average 4.46 0.41 4. Instructors 4.1 Use more interesting materials 4.68 0.57 4.2 Give explanation in class explicitly and systematically with examples 4.64 0.53 4.3 Use interesting & appropriate teaching approach 4.61 0.65 4.4 Use measurement & assessment correspond with course objectives 4.51 0.53 4.5 Use English Language as a medium in classroom 4.41 0.69 Total Average 4.57 0.44 5. Evaluation 5.1 Fair measurements and assessments 4.61 0.61 5.2 Clear criteria of measurement and assessment to grades 4.60 0.61 5.3 Scores or feedback provided for learners to know their learning outcomes 4.57 0.64 5.4 Consistent with curriculum objectives 4.56 0.59 Total Average 4.58 0.54 6. Learning Facilities 6.1 Co-working space 4.79 0.46 6.2 More audio-visual aids; projectors, computers, and shared printers 4.74 0.50 6.3 An enough Internet to the needs 4.74 0.57 6.4 Scholarships for learners who achieve honorable grades 4.71 0.60 6.5 An enough number of classrooms for learners need 4.57 0.62 6.6 More books, textbooks in English such as dictionaries, storybooks, theses, etc. 4.55 0.68 Total Average 4.68 0.42 Total Average of Students’ Needs for English Curriculum 4.57 0.46 Students’ Satisfaction towards Curriculum Management This section contains 5 items, under which are listed several options for the subjects to prioritize. Table 4 presents students’ satisfaction towards curriculum management. It was divided into 5 categories; curriculum management, teaching and learning activities, instructors, evaluation, and learning facilities. Regarding the students’ satisfaction to curriculum management, the 5 categories were statistically in following orders: 1) evaluation (X = 4.09), 2) instructors (X = 4.00), 3) teaching and learning activities (X = 3.96), 4) curriculum management (X = 3.89), and 5) learning facilities (X = 3.77). The overall students’ satisfaction towards curriculum management of English for International Communication Program was at a high level (X = 3.94; S.D. = 0.62). Table 4. Students’ Satisfaction Mean S.D. 0.63 4.09 0.53 Item Students’ Satisfaction; 5 areas 4.00 0.59 1. Evaluation 3.96 0.65 2. Instructors 3. Teaching and Learning Activities 3.89 4. Curriculum Management หนา้ 64
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 5. Learning Facilities 3.77 0.71 Total Average of Students’ Satisfaction towards Curriculum Management 3.94 0.62 Discussion Overall, this research indicated the students’ needs and satisfaction towards curriculum and curriculum management on English for International Communication Program. As a whole, this research found that the students’ needs for English curriculum were at a very high level. Whereas, students’ satisfaction towards curriculum management was at a high level. The findings of this research, some interesting points should be discussed in two points of view as follows: Firstly, the students’ needs on English for International Communication Program were at a very high level, especially learning facilities. It showed that learners need curriculum to have co- working space, more learning facilities such as audio- visual aids, projectors, computers, and shared printers, and an enough Internet. Moreover, learners need to have more books or textbooks in English such as dictionaries, storybooks, theses, etc. These mean the curriculum still lack of many learning facilities, and may cause the students learn less. According to Pienpit Rojanapunya (2013), a similar finding was found that learners saw that the classroom management was important to the teaching and learning. When the factors supporting of teaching were not conducive to teaching and learning, equipment and materials such as books, textbooks, journals and information sources are insufficient or inappropriate for learners need, learners will be able to learn less. Secondly, curriculum management was at a very high level, it presented that learners needed curriculum contents can help them improve their communication skills and can be used in future careers. In addition, at the present, there are no English native teachers in the curriculum, so the learners need to have native teachers who can encourage them to communicate and learn English pronunciation accurately. Similarly, Khanittha Suwanpracha & Kanokporn Phayom (2016), found that learners needed instruction for applying a job or further study and for career in the future. Moreover, Vipada Poonsakvorasan (2016) exposed that most learners need the foreign teachers as well because learners would like to find opportunities to practice English speaking with native speakers and they choose speaking as the first priority that they want to develop. Thirdly, the students’ satisfaction towards curriculum management on English for International Communication Program was at a high level, evaluation was at a high level at first. It showed that instructors have course syllabus and clarify the evaluation throughout the course to learners as well as they are informed to know answers, scores or feedback. As Isaree Chowivattana (2004) mentioned that “ instructor has informed measurement and assessment at the first hour of instruction for learners are prepared the measurement and assessment in teaching and learning” This can build students’ satisfaction to the course. หนา้ 65
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) Next, the finding showed that instructors were at a high level, it claimed that instructors were very knowledgeable about the subject content, well- prepared and have provided appropriate academic and personal development advice for learners. Moreover, instructors had the ability to convey knowledge that contributes students’ learning outcomes and meets their needs. Likewise, Gawalee Phangdee & Pimrada krongyuti (2013) mentioned that “instructors are knowledgeable and have the ability in the subject content to convey the knowledge, which contributes to the learning in the subject content and they are friendly, giving advice and listening to students' opinions”. Finally, from the research findings, they can be obviously seen that leaning facilities are reversely ranked. This means learning facilities are the important factors that English for International Communication program must consider and arrange it first priority. Conclusion of the study From the research, it was concluded that students' needs and satisfaction towards curriculum and management on English for International Communication Program. 1. The students’ needs for English curriculum were very high. The 6 aspects were presented in descending order; firstly, their need for learning facilities was co-working space. Secondly, their need for curriculum management was that they possibly choose the elective courses by themselves. Thirdly, their need for evaluation was fairness. Fourthly, they needed an instructor to use more interesting materials. Next, their learning objective was to improve their English communication skills. Lastly, their need for the teaching and learning activities was that the activities should focus on practice rather than theory. 2. The students’ satisfaction to curriculum management was high. The 5 aspects were presented according to priority; they were satisfied with 1) evaluation, 2) instructors, 3) teaching and learning activities, 4) curriculum management, and 5) learning facilities. Finally, the conclusions from the fourth section of the questionnaire about additional opinion and suggestions were as follows; 3) Learners needed the curriculum with practical and modish teaching materials. There should have more professional courses used practically for future careers. Curriculum should have the foreign instructors who are native English speakers, can encourage learners to communicate with, and learn the English pronunciation correctly. 2) Instructors should use English language as a medium in the classroom mostly, use an interesting teaching method, focus on English speaking practice, and follow criteria of course outline stated throughout the program. 3) Learners needed curriculum to improve the HDMI cable that connects between projector and computer. 4) Leaners needed the results of this research to be able to actually facilitate the further curriculum development. Suggestions for future research หนา้ 66
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กติวิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) The results from this study will be useful for learners who are studying at the present and in the future since the modified curriculum in 2022 will focus on more communicative practice, the students can choose the elective subjects by themselves according to their interest, and there are more professional subjects to meet their future careers. In addition, it is useful for the English for International Communication Program, which can be used to improve curriculum management, teaching and learning, instructors, evaluation and learning facilities align with the needs of learners the most. Nevertheless, this research still has some limitations. Therefore, the researcher would like to recommend for future research as follows: 1. It should study the satisfaction of learners who have graduated and how they are satisfied with English for International Communication Program in order to evaluate their English language skills that have been learned from English for International Communication Program, whether it can be used practically in their workplace. 2. It should study the satisfaction and needs of entrepreneurs who work with the graduates after their graduation in order to meet their points of view and employment needs. 3. It should clarify the identification of needs among year levels, what the 1st, 2nd, 3rd and 4th year students need. References Gawalee, P. and Pimrada, k. (2013). Students’ satisfaction with teaching and learning management in the course of the Department of statistics Faculty of science Khon Kaen University. Khon Kaen: Khon Kaen University. Isaree, C. (2004). Student’s Satisfaction towards the Undergraduate Program, Faculty of Accounting, University of the Thai Chamber of Commerce. Bangkok: University of the Thai Chamber of Commerce. Khanittha, S. and Kanokporn, P. (2016). The Need Analysis on English Language Learning of Plant Science Undergraduate Students Faculty of Science and Agricultural Technology at Rajamangala University of Technology Lanna Nan. Paper presented at RMUT Conference 2017 of Creative RMUT and Sustainable Innovation for Thailand 4.0. Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Nakornpathom. Likert, R. A. (1932). Technique for the Measurement of Attitude. Archives Psychological. 3 (1): 42- 48. Ministry of Education, Office of the Higher Education Commission, Bureau of Standards and Quality of Higher Education (2014) Internal Quality Manual. Higher Education Bangkok. Pienpit, R. (2013). The Factors Affecting the Learning Management on “Islam in Thai Society”. Bangkok: n.p. หนา้ 67
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) Priyaporn, W. (2017). The meaning of curriculum. p.25. Retrieved on August 2, 2020 from https://sites.googleKanyarat.com/site/kanyarat2017/my-curriculum-and-instruction/khwam- hmay-khxng-hlaksutr Poedjiastutie, D. and Oliver, R. (2017) Exploring Students’ Learning Needs: Expectation and Challenges, English Language Teaching; Vol. 10, No. 10; 2017. Canadian Center of Science and Education. Tertiary Curriculum Standards 2015 Manual, Office of the Higher Education Commission, 2017: Bangkok. Thannimalai, R., Raman, A. (June,2018). Source: Moidunny (2009). p.214. Retrieved on August 2, 2020 from https://www.researchgate.net/publication/326802539_The_Influence_of_Principals'_Technology _ Leadership_and_Professional_Development_on_Teachers'_Technology_Integration_in_Secondar y_Schools Vipada, P. (2016). The Survey of Needs of English for Theological Students in Bangkok. Veridian E- Journal, Silpakorn University. Bangkok: Silpakorn University. หนา้ 68
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ศึกษาความคาดหวงั และการรับรูท้ ม่ี ตี ่อสวสั ดกิ ารและสวสั ดิภาพครูในสถานศกึ ษาอำเภอกระทมุ่ แบน สงั กดั สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร A Study of Expectations and Perceptions towards Welfare and Security of School Teachers in Kratumbaen District, Samut Sakhon Primary Education Service Area Office นายถาวร ชุนการณุ 1* อไุ รรัตน์ แย้มชุติ2 Thaworn Choonkaroon1* Urairat Yamchuti2 หลกั สูตรศึกษาศาตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ธนบุรี1 และบณั ฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ธนบรุ ี2 E-mail : [email protected]*, [email protected] บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพ (1) ครูใน สถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน ระดบั การรับรูท้ ่มี ตี อ่ สวัสดกิ ารและสวัสดภิ าพ (2) ครูในสถานศกึ ษาอำเภอกระทุ่มแบน และ (3) เปรียบเทียบความคาดหวังและการรับรู้ท่ีมีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามปัจจัยส่วนบคุ คล ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง คือ ข้าราชการครูในโรงเรียนอำเภอกระทุม่ แบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร 19 แหง่ จำนวน 238 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็น แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประเมินค่า สถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ คา่ เฉล่ีย สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ทดสอบค่า t-test ใชก้ ารสุ่มตัวอยา่ งแบบกลุ่มตวั อย่างทั้งสองเป็นอิสระ แกก่ นั (Independent Sampling) ทีร่ ะดับนัยสำคญั ทางสถติ ิทีร่ ะดบั .05 ผลการวิจัยพบว่า ระดับ (1ความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่ม แบน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสงู สุดคือ การแก้ไขปญั หาหน้สี ินครู รองลงมาคือ การส่งเสริมสวัสดิการ และลำดับสุดท้ายคือ การยกย่องเชิดชูเกียรติครู ตามลำดับ ระดับ (2การรับรู้ที่มี ต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาใน รายละเอียดพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ การพัฒนาคุณภาพชีวิต รองลงมาคือ การส่งเสริมสวัสดิภาพ และลำดับ สุดท้ายคือ การส่งเสริมสวัสดิการ ตามลำดับ และ (3 เปรียบเทียบความคาดหวังและการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและ สวัสดิภาพครูในสถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนก ตามปัจจัยส่วนบุคคล ภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านความคาดหวัง พบว่า ด้านการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของครูที่มีอายุ น้อยกว่า 31 ปี กับ ครูที่มีอายุระหว่าง 31-40 ปี มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 และระดับการศึกษา มีเพียงด้านการยกย่องเชิดชูเกียรติครู และด้านการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ที่แตกต่าง หน้า 69
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาด้านการรับรู้ พบว่า ระดับการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิ ภาพครู จำแนกตามอายุ มีเพียงด้านการยกย่องเชิดชูเกียรติครูเท่านั้นที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ี ระดบั .05 คำสำคัญ : ความคาดหวัง/ การรับร้/ู สวสั ดิการและสวัสดิภาพครู/สถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน สงั กัดสำนักงานเขต พ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ABSTRACT The purposes of this research were to (1) investigate level of expectations towards welfare and security of teachers in Kratumbaen District, (2) investigate level of perceptions towards welfare and security of teachers in Kratumbaen District, and ( 3) compare expectations and perceptions towards welfare and security of teacher in Kratumbaen District, Samut Sakhon Primary Education Service Area Office, as determined by personal factors. The study population and sample were 238 school teachers in Kratumbaen District under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office. A questionnaire was used as a research instrument. Data were analyzed by means of frequency, percentage, mean, standard deviation, and independent t-test at a significant level of .05. The findings revealed that ( 1) overall expectations towards welfare and security among teachers in Kratumbaen District was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest rated was solution of teachers’ debt problem, welfare promotion, and recognition, respectively. (2) Overall level of perceptions toward welfare and security was at a high level. When inspecting at individual aspects, the highest rated was life quality development, followed by security promotion, and welfare promotion, respectively. ( 3) Comparison of expectations and perceptions towards teachers’ welfare and security in Kratumbaen District, Samut Sakhon Primary Education Service Area Office, as determined by overall personal factors revealed no differences. When inspecting at individual aspects, significant differences were found (at .05 level) on teachers’ life quality development (teachers aged under 30 vs teachers aged 31-40 years old), and recognition and solutions for debt problems ( groups with different educational background) . Regarding perceptions toward welfare and security as determined by age, only the aspect recognition was found significant at .05 level. KEYWORDS: Expectations/ Perceptions/ Welfare and Security/ Schools in Kratumbaen District, Samut Sakhon Primary Education Service Area Office หนา้ 70
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) บทนำ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ดำเนินงานตาม บทบัญญัติของ พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ตลอดมาอย่างเต็มที่และรัฐ ต้องการเร่งรัดให้พัฒนา ประสทิ ธภิ าพคณุ ภาพให้มมี าตรฐานและกวา้ งขวางข้ึน เพอื่ ตอ้ งการเพ่ิมปริมาณ ในการดูแลสวัสดิการสวัสดิภาพของครู และบุคลากรทางการศึกษา ทงั้ ในด้านความเปน็ อยู่ รายได้ ขวญั กำลังใจในการทำงานเพื่อเพิ่มประสทิ ธิภาพในการทำ หน้าที่ครูให้สมกับเป็นวิชาชีพช้ันสูง ประสิทธิภาพในการบรหิ ารจัดการจึงจัดต้ังสำนักงานส่งเสรมิ สวัสดิการและสวสั ดิ ภาพครูและบุคลากร ทางการศึกษาทุกจังหวัดทั่วประเทศ กำกับดูแลการดำเนินงานในขอบเขตจังหวัด โดย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัด มีคณะทำงานระดับ จังหวัดเรียกว่า คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัด มีผู้อำนวยการ สำนักงานและพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้จัดการอบรมสัมมนาให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการ ปฏิบัติงานดา้ นบรกิ าร งาน ช.พ.ค. งาน ช.พ.ส. บรกิ ารงานการเงนิ บรกิ ารด้าน การพัฒนาชีวิตครู ดา้ นสขุ ภาพและอื่น ๆ (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา, 2556) สำนกั งานสง่ เสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาจังหวดั สมทุ รสาคร ยงั มปี ญั หาต่าง ๆ อันเนื่องมาจากข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ ปัญหาในด้านระบบข้อมูล ข่าวสาร ปัญหาในด้านอาคารที่ตั้งสำนักงาน ตลอดจนเทคโนโลยที เ่ี หมาะสม อย่างไรก็ตาม ทรพั ยากรมนุษยท์ ่มี ีอยจู่ ำเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีต้องมกี ารพฒั นา โดยเฉพาะด้าน บรกิ ารซงึ่ เป็นหัวใจสำคญั ในการดำเนนิ งาน การจัดสวสั ดกิ าร ประกอบกบั สภาพสงั คมปจั จบุ ันครูและบคุ ลากรทางการ ศึกษามีรายได้น้อยไมพ่ อเพียง ต่อการดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี อีกทั้งยังไมไ่ ด้รับการจดั สวัสดิการทีจ่ ำเปน็ ให้อยา่ งทั่วถงึ ส่งผลตอ่ สภาพจติ ใจที่ไมพ่ ร้อมที่จะทำหนา้ ทีก่ ารเรียนการสอนไดอ้ ย่างเตม็ ที่ จึงเกิดความไม่พึงพอใจในสวัสดิการที่รฐั จัดให้ รวมทั้งครูและบุคลากรทางการศึกษาบางส่วนยงั มีความเข้าใจหรือความรู้สึก ซึ่งถ้าหากครูและบุคลากรทางการ ศึกษาได้รับขวัญกำลงั ใจท่ีดี ไดร้ ับสวัสดกิ าร ประโยชนเ์ กอื้ กลู และความม่ันคงในการดำรงชีพอยา่ งเพยี งพอในชวี ิต และ ได้รับการบริการจากสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวสั ดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจงั หวัดสมุทรสาครด้วย ความสะดวก รวดเร็ว บริการอย่างเสมอภาคทั่วถึงและเป็นไปด้วยรอยยิ้มแล้ว ครูและ บุคลากรทางการศึกษาก็จะมี ความพึงพอใจในการรับบริการ และสง่ ผลให้ชีวิตส่วนตวั ดีขึ้นและในหน้าที่การงานสามารถปฏิบัตงิ านในหน้าที่ของตน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันส่งผลและก่อให้เกิดประโยชน์ตอ่ ทางราชการตอ่ ไป (สำนักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา, 2556) ผู้บริหารสถานศึกษา ถ้าใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการบริหารงานแล้วย่อมก่อให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ กำหนด ทำให้สมาชิกในองค์การเกิดจติ สำนึกร่วมกันในการปฏิบัติงาน มีความตั้งใจและเตม็ ใจทีจ่ ะทำงานเป็นไปอยา่ ง รวดเร็วให้เกิดประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้บริหารไม่รู้จักนำเทคนิค วิธีการ บริหารงานที่ดีมาใช้ในการบริหารงานในโรงเรียนแล้วย่อมทำให้เกิดความล้มเหลว ความขัดแย้งและเกิดปัญหาในการ ปฏิบตั งิ านได้ สง่ิ สำคญั สิ่งหน่งึ ทผ่ี ู้บริหารจะตอ้ งคำนงึ ถึงเสมอ คือ การสร้างแรงจงู ใจในการปฏิบัติงานของครู ครูนับว่า เป็นบุคลากรที่มบี ทบาทสำคัญมากในการสร้างคน สร้างชาติ ขัดเกลาคนให้มีจิตสำนึกและคุณธรรม เพื่อเติบโตไปเป็น พลเมืองที่ดี ครูมีหน้าที่ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างรอบด้านเพื่อให้นักเรียนประสบ ความสำเร็จในชวี ติ และสามารถปรับตวั อยูใ่ นสงั คมได้อย่างมคี วามสขุ ถึงแม้วา่ ครจู ะต้องเปน็ คนเกง่ เป็นคนทเ่ี สียสละ มี หนา้ 71
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ความรู้ ความสามารถ มีความขยันหมั่นเพียรมากน้อยเพียงใดก็ตาม หากผู้บริหารไม่ได้เอาใจใส่ดูแลในการสร้างขวัญ กำลังใจแลว้ ความพึงพอใจของครูทีม่ ีต่อการปฏิบตั ิงานอาจจะลดน้อยลงหรืออาจจะไมม่ ีความพึงพอใจเลยกเ็ ป็นได้ ซ่ึง ส่งผลให้การดำเนินงานเกิดอุปสรรคและไม่สามารถบรรลุตามเป้าหมายทีก่ ำหนด ดังนั้น ผู้บริหารท่ีดจี ึงต้องสร้างขวัญ กำลังใจ ให้แก่สมาชกิ ทกุ คนในองคก์ ร ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ผู้ศึกษาซึ่งเป็นสมาชิกของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและ บุคลากรทางการศึกษาจังหวัดสมุทรสาคร จึงตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของการ ให้บริการแก่ครูและบุคลากร ทางการศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ที่ควรจะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนใน การได้รับสวัสดิการ สิทธิประโยชน์เกื้อกูล และความมั่นคงในการดำรงชีพอย่างเพียงพอ จึงสนใจที่จะ ศึกษาความ คาดหวังและการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาระดบั ความคาดหวังท่ีมีต่อสวสั ดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษาอำเภอกระทุม่ แบน สังกัด สำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร 2. เพื่อศึกษาระดับการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร 3. เพอื่ เปรยี บเทยี บความคาดหวังและการรบั ร้ทู ่มี ตี ่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศกึ ษาอำเภอกระทุ่ม แบน สังกัดสำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามปจั จยั สว่ นบุคคล วธิ ดี ำเนินการวิจยั ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ี ได้แก่ ข้าราชการครูในสถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร ที่ปฏิบัติหน้าทใ่ี นปีการศึกษา 2562 จำนวน 19 โรงเรียน รวมทงั้ ส้ิน 622 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ข้าราชการครูในสถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร ที่ปฏิบัติหน้าที่ในปีการศึกษา 2562 ซึ่งได้มาจากการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง เปิด ตารางของเครจซ่แี ละมอร์แกน ได้กลมุ่ ตัวอย่างทั้งสิน้ 238 คน เครื่องมือท่ีใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มูลครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับความคาดหวังและการรับร้ทู ี่มี ต่อสวัสดิการและสวัสดิครู ในอำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ซ่ึง แบ่งเปน็ 2 ตอน ดงั น้ี ตอนท่ี 1 เป็นแบบสอบถามเกีย่ วกับปัจจัยสว่ นบุคคลที่ตอบแบบสอบถาม คือ เพศ อายุ วุฒิการศึกษา และ ประสบการณ์ในการปฏบิ ัติงาน ซึ่งขอ้ คำถามมลี กั ษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check list) จำนวน 4 ข้อ ตอนท่ี 2 เป็นแบบสอบถามเกีย่ วกับความคาดหวังและการรับรู้ที่มีตอ่ สวัสดกิ ารสวัสดิภาพครู ในสถานศกึ ษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ใช้กรอบแนวคิด (แผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ ของ สกสค., 2561) ยุทธศาสตร์ที่ 2 ในการเสริมสร้างความมั่นคงและพัฒนาคุณภาพชีวิต มี มาตรการ 5 ด้านดังนี้ 1) การส่งเสริมสวัสดิการ 2) การส่งเสริมสวัสดิภาพ 3) การยกย่องเชิดชุเกียรติครูและบุคลากร หน้า 72
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ทางการศึกษา 4) การพัฒนาคุณภาพชีวิต 5)การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยมีลักษณะข้อคำถามเป็นแบบมาตราส่วน ประมาณคา่ 5 ระดบั (Rating Scale การหาคุณภาพเคร่อื งมอื 1. นำแบบสอบถามให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ตรวจสอบเพื่อพิจารณาความเที่ยงตรงของ เนื้อหา (Content Validity) และความเหมาะสมของภาษาที่ใช้ โดยพิจารณาความสอดคล้องระหว่างข้อ คำถามกับแนวคิด ทฤษฎีที่ต้องการวัด (Index of Item Objective Congruence: IOC) ที่ผ่านการ ตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญ มา วเิ คราะหห์ าคา่ IOC หรือคา่ ดัชนคี วามสอดคล้องมาคำนวณ เพอ่ื ความถูกต้องของเครื่องมือ ซง่ึ วเิ คราะห์หาค่า IOC ได้ คา่ อยูใ่ นช่วง 0.67-1.00 และนำมาปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เพือ่ ใหม้ คี วามสมบูรณม์ ากยง่ิ ข้ึน ได้ค่า IOC เทา่ กับ 1.00 ซ่ึงสามารถนำแบบสอบถามไป ใชไ้ ด้ 2. นำแบบสอบถามที่ผ่านการวิเคราะห์หาค่าความเทยี่ งตรงแล้วนำไปทดลองใช้ (Try-out) กับ ครูทไี่ มใ่ ชก่ ลุ่ม ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ จำนวน 30 คน นำผลการทดลองมาวิเคราะห์หาค่าความ เชื่อมั่น (Reliability) ของ แบบสอบถาม ด้วยวีธีหาค่าสัมประสทิ ธ์แอลฟ่า (������ - Coefficient) ของ ครอนบัค (Cronbach, 1990) ซึ่งได้ค่าความ เช่อื ม่ันของเครือ่ งมือทงั้ ฉบบั เทา่ กบั 0.969 ซง่ึ สามารถนำ แบบสอบถามไปใชไ้ ด้ 3. นำแบบสอบถามท่ผี ่านการตรวจสอบความเช่ือม่นั แล้วมาปรบั ปรุงแก้ไขแลว้ ทำแบบสอบถาม ฉบับสมบูรณ์ เพ่อื เก็บรวบรวมขอ้ มลู กบั กล่มุ ตวั อย่าง การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ผู้วจิ ยั ไดด้ ำเนินการตามข้นั ตอน ดงั นี้ 1.นำหนังสือขอความอนุเคราะห์จากบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธนบุรี ถึงโรงเรียนในอำเภอ กระทุ่มแบน ทั้ง 19 โรงเรียน เพอื่ ขออนุญาตแจกแบบสอบถามให้แก่ข้าราชการครใู นการเกบ็ รวบรวม ข้อมูล 2. ผู้วิจยั ได้เกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยการแจกแบบสอบถามด้วยตนเอง และเดนิ ทางไปเก็บด้วย ตนเอง โดยมีการ นัดหมายเก็บแบบสอบถามกับผู้ตอบแบบสอบถามล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ปรากฏว่าได้รับ แบบสอบถามคืนมา ทั้งหมด จำนวน 238 ชดุ คดิ เปน็ ร้อยละ 100 3. ผู้วจิ ัยดำเนนิ การตรวจสอบความสมบูรณข์ องแบบสอบถาม 4. นำแบบสอบถามมาตรวจสอบและใหค้ ะแนนตามน้ำหนักของแตล่ ะขอ้ นำไปวเิ คราะห์ตามสถิติ 5. นำผลการคำนวณมาวเิ คราะห์ขอ้ มลู ตามวตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั การวิเคราะห์ข้อมลู และสถิตทิ ่ีใช้ 1. วิเคราะหข์ ้อมลู เกีย่ วกับข้อมูลสว่ นตัวของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยการคำนวณหาค่าความถ่ี (Frequency) และหาค่าร้อยละ (Percentage) วิเคราะหข์ อ้ มูลและนำเสนอเปน็ ตาราง 2. วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความคาดหวังและการรับรู้ที่มีตอ่ สวัสดิการและสวัสดิภาพครู ภายในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร โดยหา ค่าเฉลี่ย และหาค่าส่วน เบีย่ งเบนมาตรฐาน แล้วนำค่าเฉล่ยี ท่ีได้ไปเปรียบเทยี บกับเกณฑก์ าร 3. เปรียบเทียบความคาดหวังและการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่ม แบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามเพศ อายุ วุฒิการศึกษา และ ประสบการณ์ในการทำงาน โดยการใช้สถิติ t -test แบบกลุ่มตัวอย่างทั้งสองเป็นอิสระแก่กัน (Independent หนา้ 73
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) sample) และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ ทำการวิเคราะหค์ วามแตกตา่ งรายคู่ด้วยวธิ ี LSD (Least Square Difference) ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบ ครูภายในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามเพศ อายุ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในการ ทำงาน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 123 คน คิดเป็นร้อยละ 51.68 และเพศชาย จำนวน 115 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 48.32 มอี ายุ 31-35 ปี มากท่สี ุด จำนวน 84 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 35.29 รองลงมาคือ อายุ 36-40 ปี จำนวน 70 คน คิดเป็นร้อยละ 29.41 อายุน้อยกว่า 31 ปี จำนวน 60 คน คิดเป็นร้อยละ 25.21 และอายุ 40 ปีขึ้นไป จำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 10.08 นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างยังมีวุฒิการศึกษา ระดับปริญญาตรี มากที่สุด จำนวน 127 คน คิดเปน็ ร้อยละ 53.36 รองลงมาคอื ปริญญาโท จำนวน 93 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 39.08 และปรญิ ญาเอก จำนวน 18 คน คดิ เป็นร้อยละ 7.56 และพบว่ากลุม่ ตัวอย่างมีประสบการณ์ในการปฏบิ ัตงิ าน 5 ปี ขน้ึ ไป มากท่สี ุด จำนวน 127 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 53.36 และตำ่ กว่า 5 ปี จำนวน 111 คน คดิ เป็นร้อยละ 46.64 ตามลำดบั ตอนท่ี 2 ผลการวิเคราะห์ระดับความคาดหวังทีม่ ีต่อสวัสดิการและสวัสดภิ าพครู ภายในสถานศึกษา อำเภอ กระทุม่ แบน สังกดั สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร แสดงดังตารางท่ี 1 ตารางที่ 1 ความคาดหวงั ทม่ี ีต่อสวัสดกิ ารและสวสั ดภิ าพครู ภายในสถานศึกษา อำเภอกระท่มุ แบน สังกดั สำนกั งานเขตพนื้ ท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ในภาพรวม ระดับความคาดหวงั x SD. แปลผล ลำดับ การสง่ เสริมสวัสดกิ าร มาก 2 4.40 0.61 การส่งเสรมิ สวัสดิภาพ 4.38 0.61 มาก 3 การยกย่องเชดิ ชูเกยี รติครู 4.27 0.65 มาก 5 การพฒั นาคุณภาพชีวิต 4.37 0.62 มาก 4 การแก้ไขปัญหาหนี้สนิ ครู 4.41 0.60 มาก 1 ภาพรวม 4.37 0.62 มาก จากตารางท่ี1 พบว่า ความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครู ภายในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่ม แบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( x = 4.37, SD. = 0.62) เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ( x = 4.41, SD. = 0.60) รองลงมาคือ การส่งเสริมสวัสดิการ ( x = 4.40, SD.= 0.61) และลำดับสุดท้ายคือ การยกย่องเชิดชูเกียรติครู ( x = 4.27, SD. = 0.65) ตามลำดบั ส่วนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ระดบั การรบั รู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูภายในสถานศกึ ษา อำเภอกระทุ่ม แบน สังกดั สำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร แสดงดังตารางที่ 2 หน้า 74
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ตารางท่ี 2 การรับรู้ที่มตี อ่ สวัสดิการและสวัสดิภาพครูภายในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ที่ การศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร ในภาพรวม ระดับการรบั รู้ x SD. แปลผล ลำดบั การสง่ เสรมิ สวัสดกิ าร มาก 5 4.39 0.23 การส่งเสริมสวัสดิภาพ 4.42 0.23 มาก 2 การยกย่องเชดิ ชูเกยี รตคิ รู 4.40 0.22 มาก 3 การพัฒนาคุณภาพชีวิต 4.43 0.21 มาก 1 การแกไ้ ขปัญหาหน้ีสนิ ครู 4.36 0.24 มาก 4 ภาพรวม 4.40 0.11 มาก จากตารางที่ 2 พบว่า การรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครู ภายในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ภาพรวมอยใู่ นระดับมาก ( x = 4.40, SD. = 0.11) เมื่อ พิจารณาในรายละเอยี ดพบว่า ดา้ นที่มีคา่ เฉล่ยี สูงสดุ คอื การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ( x = 4.43, SD. = 0.21) รองลงมาคอื การส่งเสรมิ สวสั ดิภาพ ( x = 4.42, SD.= 0.23) และลำดับสุดทา้ ยคือ การส่งเสรมิ สวสั ดกิ าร ( x = 4.39, SD. = 0.23) ตามลำดับ ส่วนที่ 4 เปรียบเทียบความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอ กระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร จำแนกตามเพศ อายุ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ใน การทำงาน ผลการเปรียบเทียบระดับความคาดหวังทีม่ ตี ่อสวสั ดิการและสวสั ดิภาพครูในสถานศกึ ษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามเพศ พบว่า ระดับความคาดหวังที่มีต่อ สวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร จำแนกตามเพศ ภาพรวมไม่แตกต่างกัน (p > .05) การส่งเสริมสวัสดิการ พบว่า เพศหญิงมีค่าเฉลี่ย มากกว่าเพศชาย ( x = 4.42, SD. = 0.23) การส่งเสริมสวัสดิภาพ พบว่า เพศชายมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศหญิง ( x = 4.38, SD. = 0.26) การยกย่องเชิดชูเกียรติครู พบว่า เพศชายมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศหญิง ( x = 4.30, SD. = 0.27) การพัฒนาคุณภาพชีวิต พบว่า เพศชายมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศหญิง ( x = 4.40, SD. = 0.25) และการแก้ไขปัญหา หน้ีสนิ ครู พบว่า เพศชายและเพศหญงิ มีค่าเฉล่ยี เทา่ กัน ( x = 4.41, SD. = 0.23) ผลการเปรียบเทียบระดับความคาดหวังที่มีต่อสวสั ดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามอายุ พบว่า ระดับความคาดหวังที่มีต่อ สวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร จำแนกตามอายุ ภาพรวม ไม่แตกตา่ งกนั เม่ือพิจารณารายดา้ นพบว่า ระดับความคาดหวังทีม่ ีตอ่ สวัสดิการ และสวสั ดภิ าพครู มีเพยี งดา้ นการพฒั นาคุณภาพชีวิตเท่านนั้ ที่แตกตา่ งกันอยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดับ .05 ผลการทดสอบความแตกต่างรายคู่ ระดับความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต หน้า 75
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) จำแนกตามอายุ พบว่า ความคาดหวังในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของครูที่มีอายุ น้อยกว่า 31 ปี กับ ครูที่มีอายุ ระหว่าง 31-40 ปี มคี วามแตกตา่ งกันอย่างมีนยั สำคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดบั .05 กลา่ วคอื ครูที่มีอายุน้อยกว่า 31 ปี มีความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตา่ งจากครทู ีม่ อี ายอุ ายุระหว่าง 31-40 ปี ผลการเปรียบเทียบระดับความคาดหวงั ที่มตี ่อสวสั ดกิ ารและสวัสดิภาพครใู นสถานศกึ ษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามระดบั การศกึ ษา พบวา่ ระดับความคาดหวังที่ มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร จำแนกตามระดับการศึกษา ภาพรวม ไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ระดับความคาดหวังที่มี ต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครู จำแนกตามระดับการศึกษา มีเพียงด้านการยกย่องเชิดชูเกียรติครู และด้านการแก้ไข ปัญหาหนสี้ ินครู ทแ่ี ตกตา่ งกันอย่างมนี ัยสำคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดับ .05 ผลการทดสอบความแตกต่างรายคู่ ระดับความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต จำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ความคาดหวังในด้านการยกย่องเชิดชเู กียรตคิ รูของครูทีม่ ีการศึกษาระดับปริญญา ตรี กับ ครูที่มีการศึกษาระดับปริญญาเอก มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 กล่าวคือ ครูที่มี การศึกษาระดับปริญญาตรี มีความคาดหวังต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในด้านการยกย่องเชดิ ชเู กียรติครู ต่างจาก ครูทม่ี กี ารศึกษาระดับปรญิ ญาเอก ความคาดหวังในด้านการยกย่องเชิดชูเกียรติครูของครูที่มีการศึกษาระดับปริญญาโท กับ ครูที่มีการศึกษาระดับ ปริญญาเอก มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 กล่าวคือ ครูที่มีการศึกษาระดับปริญญาโท มีความ คาดหวงั ต่อสวสั ดิการและสวสั ดิภาพครใู นดา้ นการยกย่องเชดิ ชูเกียรตคิ รู ตา่ งจากครทู ี่มีการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาเอก ระดับความคาดหวงั ท่ีมตี อ่ สวสั ดกิ ารและสวสั ดภิ าพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สงั กดั สำนกั งานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ในด้านการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู จำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ความ คาดหวังในดา้ นการแก้ไขปัญหาหนี้สนิ ครู ของครูที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี กับ ครูที่มีการศกึ ษาระดบั ปริญญาโท มีความแตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สำคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 กล่าวคือ ครทู มี่ กี ารศึกษาระดับปริญญาตรี มีความคาดหวงั ตอ่ สวสั ดิการและสวสั ดภิ าพครูในดา้ นการแก้ไขปญั หาหน้ีสินครู ตา่ งจากครูท่ีมกี ารศึกษาระดับปรญิ ญาโท ผลการเปรียบเทยี บระดับความคาดหวงั ทีม่ ตี อ่ สวัสดิการและสวัสดภิ าพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกดั สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน พบวา่ ระดับความ คาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน ภาพรวมไม่แตกต่างกัน (p > .05) การส่งเสริม สวัสดกิ าร พบว่า ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานต่ำกว่า 5 ปี มีค่าเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน 5 ปี ขึ้นไป ( x = 4.44, SD. = 0.22) การส่งเสริมสวัสดิภาพ พบว่า ที่มีประสบการณ์ในการทำงานต่ำกว่า 5 ปี มีค่าเฉล่ีย มากกว่าผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน 5 ปีขึ้นไป ( x = 4.40, SD. = 0.23) การยกย่องเชิดชูเกียรติครู พบว่า ผู้ที่มี ประสบการณใ์ นการทำงาน 5 ปีขนึ้ ไป มคี ่าเฉลี่ยมากกว่าผู้ทีม่ ปี ระสบการณใ์ นการทำงานตำ่ กว่า 5 ปี ( x = 4.29, SD. = 0.26) การพัฒนาคุณภาพชีวิต พบว่า ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานต่ำกว่า 5 ปี มีค่าเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่มี ประสบการณ์ในการทำงาน 5 ปีขึ้นไป ( x = 4.39, SD. = 0.22) และการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู พบว่า ผู้ที่มี หน้า 76
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ประสบการณ์ในการทำงาน 5 ปีขึ้นไป มีค่าเฉลีย่ มากกวา่ ผู้ที่มปี ระสบการณใ์ นการทำงานต่ำกว่า 5 ปี ( x = 4.42, SD. = 0.20) ส่วนที่ 5 เปรียบเทียบการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร จำแนกตามเพศ อายุ วุฒิการศึกษา และ ประสบการณ์ในการ ทำงาน ผลการเปรยี บเทยี บระดบั การรับรู้ที่มตี ่อสวสั ดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศกึ ษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร จำแนกตามเพศ พบว่า ระดบั การรับรทู้ ่มี ตี ่อสวัสดิการและสวสั ดิ ภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตาม เพศ ภาพรวมไม่แตกต่างกัน (p > .05) การส่งเสริมสวัสดิการ พบว่า เพศหญิงมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศชาย ( x = 4.44, SD. = 0.22) การส่งเสริมสวัสดิภาพ พบว่า เพศชายมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศหญิง ( x = 4.42, SD. = 0.24) การยกย่อง เชิดชูเกียรติครู พบว่า เพศหญิงมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศชาย ( x = 4.41, SD. = 0.21) การพัฒนาคุณภาพชีวิต พบว่า เพศชายมีค่าเฉลี่ยมากกวา่ เพศหญิง ( x = 4.45, SD. = 0.20) และการแก้ไขปญั หาหนสี้ ินครู พบว่า เพศหญิงมีค่าเฉล่ีย มากกวา่ เพศชาย ( x = 4.38, SD. = 0.21) ผลการเปรยี บเทยี บระดับการรับรู้ทีม่ ีต่อสวัสดิการและสวสั ดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามอายุ พบว่า ระดับการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและ สวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนก ตามอายุ ภาพรวม ไมแ่ ตกต่างกัน เมื่อพจิ ารณารายดา้ นพบวา่ ระดับการรบั รู้ท่ีมีตอ่ สวัสดิการและสวสั ดิภาพครู จำแนก ตามอายุ มีเพียงดา้ นการยกย่องเชดิ ชเู กยี รติครูเท่านน้ั ทแี่ ตกตา่ งกนั อย่างมีนยั สำคัญทางสถติ ทิ ่ีระดบั .05 ผลการเปรยี บเทียบระดับการรบั ร้ทู ีม่ ีต่อสวสั ดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุม่ แบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ระดับการรับรู้ที่มีต่อ สวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษา สมทุ รสาคร จำแนกตามระดบั การศึกษา ภาพรวม ไมแ่ ตกตา่ งกนั ผลการเปรยี บเทียบระดบั การรับรทู้ ี่มีต่อสวสั ดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน พบวา่ ระดับการรับรทู้ ม่ี ี ต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน ภาพรวมไม่แตกตา่ งกนั (p > .05) การสง่ เสริมสวสั ดิการ พบวา่ ผู้ ที่มปี ระสบการณ์ในการทำงานต่ำกวา่ 10 ปี มีค่าเฉล่ยี มากกว่าผ้ทู ่ีมีประสบการณใ์ นการทำงาน 10 ปขี นึ้ ไป ( x = 4.41, SD. = 0.23) การส่งเสริมสวัสดิภาพ พบว่า ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน10 ปีขึ้นไป มีค่าเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่มี ประสบการณใ์ นการทำงานตำ่ กว่า 10 ปี ( x = 4.42, SD. = 0.24) การยกยอ่ งเชิดชเู กียรติครู พบวา่ ผทู้ มี่ ีประสบการณ์ ในการทำงานต่ำกว่า 10 ปี มีค่าเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน 10 ปีขึ้นไป ( x = 4.43, SD. = 0.21) การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต พบว่า ผู้ท่ีมีประสบการณใ์ นการทำงาน10 ปขี ้นึ ไป มคี ่าเฉลย่ี มากกว่าผู้ที่มีประสบการณ์ในการ ทำงานต่ำกวา่ 10 ปี ( x = 4.45, SD. = 0.22) และการแก้ไขปัญหาหนสี้ นิ ครู พบวา่ ผูท้ ่ีมปี ระสบการณ์ในการทำงานตำ่ กว่า 10 ปี มคี ่าเฉลยี่ มากกวา่ ผู้ท่มี ปี ระสบการณ์ในการทำงาน 10 ปขี ึ้นไป ( x = 4.42, SD. = 0.23) หน้า 77
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) สรปุ ผลการวจิ ยั ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมากสุด จำนวน 123 คน คิดเป็น และเพศชาย จำนวน 115 คน มีอายุ 31-35 ปี มากที่สุด จำนวน 84 คน รองลงมาคอื อายุ 36-40 ปี จำนวน 70 คน อายุน้อยกว่า 31 ปี จำนวน 60 คน และอายุ 40 ปีขึ้นไป จำนวน 24 คน นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างยังมีวุฒิการศึกษา ระดับปรญิ ญาตรี มากที่สดุ จำนวน 127 คน รองลงมาคือปริญญาโท จำนวน 93 คน และปรญิ ญาเอก จำนวน 18 คน และพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน 5 ปี ขึ้นไป มากที่สุด จำนวน 127 คน และต่ำกว่า 5 ปี จำนวน 111 คน ระดบั ความคาดหวงั ที่มีตอ่ สวสั ดิการและสวสั ดภิ าพครูในสถานศกึ ษา อำเภอกระท่มุ แบน สังกดั สำนกั งานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ผลการวิจัยพบว่า พบว่า ความคาดหวังท่ีมีต่อสวสั ดิการและสวัสดิภาพครูใน สถานศกึ ษา อำเภอกระทุม่ แบน สงั กดั สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า ด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู รองลงมาคือ การส่งเสริม สวัสดกิ าร และลำดบั สดุ ทา้ ยคอื การยกย่องเชิดชเู กยี รตคิ รู ระดับการรับรู้ที่มีต่อสวัสดกิ ารและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพ้นื ท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ผลการวจิ ยั พบว่า การรับรู้ทม่ี ีต่อสวัสดกิ ารและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอ กระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาใน รายละเอียดพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ การพัฒนาคุณภาพชีวิต รองลงมาคือ การส่งเสริมสวัสดิภาพ และลำดับ สดุ ท้ายคอื การส่งเสรมิ สวัสดกิ าร การเปรียบเทียบความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอ กระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามเพศ อายุ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในการ ทำงาน ผลการวิจัยสามารถสรุปไดด้ งั น้ี การเปรียบเทียบระดับความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามเพศ ภาพรวมไม่แตกต่างกัน การส่งเสริม สวัสดิการ พบว่า เพศหญิงมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศชาย การส่งเสริมสวัสดิภาพ พบว่า เพศชายมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศ หญิง การยกย่องเชิดชูเกียรติครู พบว่า เพศชายมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศหญิง การพัฒนาคุณภาพชีวิต พบว่า เพศชายมี ค่าเฉลย่ี มากกวา่ เพศหญงิ และการแก้ไขปญั หาหนี้สนิ ครู พบว่า เพศชายและเพศหญงิ มคี ่าเฉล่ยี เทา่ กนั การเปรียบเทียบระดับความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร จำแนกตามอายผุ ล การทดสอบความแตกตา่ งรายคู่ ระดับ ความคาดหวงั ท่ีมีต่อสวสั ดิการและสวสั ดิภาพครใู นสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกดั สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร ในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต จำแนกตามอายุ พบว่า ความคาดหวังในด้านการพัฒนา คุณภาพชีวิตของครูที่มีอายุ น้อยกว่า 31 ปี กับ ครูที่มีอายุระหว่าง 31-40 ปี มีความแตกต่างกันอยา่ งมีนัยสำคัญทาง สถติ ิท่ีระดบั .05 การเปรียบเทียบระดับความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร จำแนกตามระดบั การศกึ ษาพบวา่ ระดบั ความคาดหวังท่ีมี ต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา หน้า 78
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สมุทรสาคร จำแนกตามระดับการศึกษา ภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ระดับความคาดหวังท่มี ี ต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครู จำแนกตามระดับการศึกษา มีเพียงด้านการยกย่องเชิดชูเกียรติครู และด้านการแก้ไข ปัญหาหน้ีสนิ ครู ทแ่ี ตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสำคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดบั .05 การเปรียบเทียบระดับความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน พบวา่ ระดับความ คาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร จำแนกตามประสบการณใ์ นการทำงาน ภาพรวมไม่แตกต่างกัน การเปรียบเทียบการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามเพศ อายุ วุฒิการศึกษา และ ประสบการณ์ในการ ทำงาน ผลการวจิ ัยสามารถสรปุ ไดด้ ังนี้ การเปรียบเทียบระดับการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามเพศ พบวา่ ระดับการรบั ร้ทู ี่มตี อ่ สวัสดกิ ารและสวสั ดิ ภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตา ม เพศ ภาพรวมไม่แตกตา่ งกัน การส่งเสริมสวัสดิการ พบว่า เพศหญิงมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศชาย การส่งเสริมสวัสดภิ าพ พบว่า เพศชายมีคา่ เฉล่ียมากกว่าเพศหญงิ การยกย่องเชิดชูเกียรติครู พบว่า เพศหญิงมีคา่ เฉลี่ยมากกว่าเพศชาย การ พัฒนาคุณภาพชีวิต พบว่า เพศชายมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเพศหญิง และการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู พบว่า เพศหญิงมี ค่าเฉล่ยี มากกวา่ เพศชาย การเปรียบเทียบระดับการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามอายุ พบว่า ระดับการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและ สวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร จำแนก ตามอายุ ภาพรวม ไม่แตกตา่ งกนั เมอื่ พิจารณารายดา้ นพบว่า ระดับการรบั รูท้ มี่ ตี อ่ สวัสดิการและสวัสดิภาพครู จำแนก ตามอายุ มีเพยี งดา้ นการยกย่องเชิดชูเกียรติครูเท่านนั้ ทแ่ี ตกต่างกนั อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถิติท่รี ะดับ .05 การเปรียบเทียบระดับการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามระดับการศึกษาพบว่า ระดับการรับรู้ที่มีต่อ สวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร จำแนกตามระดบั การศึกษา ภาพรวมไม่แตกต่างกัน การเปรียบเทียบระดับการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน พบว่า ระดับการรับรทู้ ่ีมี ต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน ภาพรวมไม่แตกต่างกัน การส่งเสริมสวัสดิการ พบว่า ผู้ที่มี ประสบการณ์ในการทำงานต่ำกว่า 10 ปี มีค่าเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน 10 ปีขึ้นไป การส่งเสริม สวัสดิภาพ พบว่า ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน10 ปีขึ้นไป มีค่าเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานต่ำ กว่า 10 ปี การยกย่องเชิดชูเกียรติครู พบว่า ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานต่ำกว่า 10 ปี มีค่าเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่มี ประสบการณ์ในการทำงาน 10 ปีขึ้นไป การพัฒนาคุณภาพชีวิต พบว่า ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน10 ปีขึ้นไป มี หนา้ 79
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) คา่ เฉลี่ยมากกวา่ ผูท้ ่มี ปี ระสบการณ์ในการทำงานตำ่ กว่า 10 ปี และการแก้ไขปัญหาหนีส้ นิ ครู พบวา่ ผทู้ มี่ ปี ระสบการณ์ ในการทำงานต่ำกว่า 10 ปี มีค่าเฉลยี่ มากกวา่ ผู้ทีม่ ีประสบการณ์ในการทำงาน 10 ปขี ึ้นไป อภปิ รายผล ศึกษาความคาดหวังและการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรสาคร สามารถอภปิ รายผลได้ดังน้ี ระดบั ความคาดหวงั ท่มี ตี ่อสวสั ดิการและสวัสดภิ าพครูในสถานศกึ ษา อำเภอกระทมุ่ แบน สงั กดั สำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ผลการวิจัยพบว่า พบว่า ความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครู ภายในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ภาพรวมอยู่ใน ระดับมาก เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู รองลงมาคือ การ ส่งเสริมสวัสดิการ การส่งเสริมสวัสดิภาพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต และลำดับสุดท้ายคือ การยกย่องเชิดชูเกียรติครู ตามลำดบั ซ่งึ ทุกดา้ นอย่ใู นระดับมาก ทั้งน้ี พฤติกรรมของครูที่มีต่อการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การทำงานอย่างจริงใจจะทำให้ประสบผลสำเร็จ ผลลัพธ์หรือรางวัลที่ได้รับจากการทำงานจากสวัสดิการและสวัสดิภาพ จะได้จากความสำเร็จในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ในด้านค่านิยมของครูจะมีความสัมพันธ์กับความชื่นชอบต่อรางวัลหรือคุณค่าของสวัสดิการและสวัสดิภาพ ครู การคาดการณถ์ งึ ความสำเรจ็ ในการปฏิบตั งิ านคือความคาดหวงั ของบคุ ลากรครทู ีม่ ตี อ่ การได้รบั สวสั ดกิ ารและสวสั ดิ ภาพ ของข้าราชการครู สงั กดั สำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ซงึ่ เกดิ ขนึ้ ได้จากการรับตอบสนอง ความตอ้ งการ ซง่ึ สอดคล้องกบั แนวคดิ ของ ฤทัย นธิ ธิ นวิชติ (2553) ได้กลา่ วว่า ความคาดหวัง เป็นความคิด ความเชื่อ ความตอ้ งการความมุ่งหวงั หรือ ความรูส้ ึกของบุคคลท่ีมีต่อสิง่ หน่ึง เช่น บุคคลการกระทำหรือเหตุการณ์จึงเป็นการคิด ล่วงหน้าโดยมุ่งหวังในสิ่งที่เป็นไปได้ว่าจะเกิดตามที่ตนคิดไว้ และแนวคิดของ Clay (1988) กล่าวถึงความคาดหวังตอ การกระทำ หรอื สถานการณว์ ่าเป็นการคาดการณ์ลว่ งหน้าถึงอนาคตทีด่ ี หรอื เปน็ ความมงุ่ หวังทดี่ ีงามเป็นระดับหรือค่า ความน่าจะเป็นของส่ิงใดสิ่งหนึ่งที่มุ่งหวังไว้ สอดคล้องกับ Robbins and Judge (2007) กล่าวว่า บุคคลมีพฤติกรรม โดยถอื เกณฑ์ความนา่ จะเปน็ ในการรับรู้ซึ่งทำให้เกิดการใช้ความพยายามเพ่ือนำไปสู่ผลลพั ธท์ ่ีตอ้ งการ ตลอดจนขึ้นกับ วิธีการมองถึงคุณค่าที่เป็นผลลัพธ์นั้น ซึ่งประกอบด้วย ความหวังผลการปฏิบัติงานจากความพยายาม ความคาดหวัง ผลลัพธ์จากการปฏิบัติงาน และคุณค่าความพอใจในผลลัพธ์ สอดคล้องกับงานวิจัยของ รมยกร ใบบ้ง (2557) ศึกษา ระดับความพงึ พอใจของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาตอ่ การใหบ้ รกิ ารของ สำนักงานส่งเสรมิ สวสั ดิการและสวัสดภิ าพ ครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดปทุมธานี ผลการวิจัยพบว่า ความพึงพอใจของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาต่อ การให้บริการของสำนักงานส่งเสริม สวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดปทุมธานี โดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านสถานที่/สิ่งอำนวยความสะดวก ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ ด้านขั้นตอนการให้บริการ และด้านการ ประชาสัมพันธ์ และสอดคล้องกับงานวิจัยของ กิตติพงษ์ พุ่มพวง (2557) ศึกษาการจัดสวัสดิการและสวสั ดภิ าพแก่ครู และบุคลากรทางการศึกษา การประเมินผลและการศึกษาหาแนวทางใหม่ ผลการวิจัยพบว่า กิจกรรมและบริการของ สำนกั งานคณะกรรมการ สกสค. ในด้านตา่ ง ๆ พบวา่ มรี อ้ ยละ การรับรู้ และการใชก้ ิจกรรมและบรกิ ารสูงที่สุด ในด้าน การฌาปนกิจสงเคราะห์ (สมาชิก ช.พ.ค. ตัวครู) ซึ่งอยู่ในระดับมาก (78.16%) ผลการสำรวจการรับรู้และการใช้ หนา้ 80
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) กิจกรรมและบริการนี้สอดคล้องกับผลการวิจัยด้านความต้องการจำเป็นที่พบว่าครูและบุคลากรทางการศึกษามีความ ต้องการด้าน เสริมฐานะความม่ันคงของตนเองมีบริการฌาปนกิจสงเคราะห์ (สำหรับครสู มาชกิ ช.พ.ค.) สูงเป็นอันดับ 1 (4.36) และสอดคลอ้ งกับงานวจิ ัยของ เฉลียว ไชยเชษฐ์ (2558) ศกึ ษาการจัดสวสั ดิการท่ีมีผลตอ่ ประสทิ ธิภาพในการ ทำงานของพนักงานมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ผลการวิจัยพบว่า การจัดสวัสดิการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน มีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานมหาวิทย ลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรรี าชา อย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ทิ ี่ระดบั .05 ระดับการรับรู้ที่มตี ่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร ผลการวิจยั พบว่า การรับรู้ทม่ี ีต่อสวสั ดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศกึ ษา อำเภอ กระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาใน รายละเอียดพบวา่ ด้านที่มีค่าเฉลีย่ สูงสุดคือ การพัฒนาคุณภาพชีวิต รองลงมาคือ การส่งเสริมสวัสดภิ าพ การยกย่อง เชิดชูเกียรติครู การแก้ไขปัญหาหนี้สินครแู ละลำดับสุดท้ายคือ การส่งเสริมสวสั ดิการ ซึ่งในแต่ละด้านอยู่ในระดับมาก ท้งั นี้อาจเป็นเพราะครใู นสถานศึกษามีการรับรูต้ ่อสวสั ดิการและสวสั ดิภาพครู เปน็ สิง่ ท่สี ำนักงานคณะกรรมการสง่ เสรมิ สวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจัดเตรียมให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้สามารถ ปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหรือทรัพย์สินปราศจากความเสียหาย มีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ มีการวางแผนและการเตรีย มรับ สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขนึ้ ในอนาคตไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม ซ่ึงการรับรเู้ ปน็ การตคึ วามข้อมูลทีไ่ ดร้ บั จากสง่ิ เร้า ภายนอกผา่ นประสาทสัมผสั ทัง้ ห้า ซงึ่ ตอ้ งอาศยั ประสบการณท์ ้ังอดีตและปจั จบุ นั ของแตล่ ะบุคคลเป็นเครื่องมือในการ แปลความหมายของการรับรู้ ทำให้การรับรู้ในเรื่องเดียวกันอาจจะมีความหมายแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล สอดง คล้องกับแนวคิดของ Guralnik (1986) ได้กล่าวถึงการรับรู้ เป็นการแสดงออกถึงการรับรู้หรือความสามารถที่จะรับรู้ เป็นความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุ สิ่งของ หรือคุณลักษณะ โดยวิธีการแสดงออกทางความรู้สึก ( Sense) ความตระหนัก (Awarense) และความเข้าใจ (Comprehension) สอดคล้องกับแนวคิดของ พรศิริ บินนาราวี (2555) กล่าวว่า เนื่องจากคนเรามีการรับรู้ต่างกัน ความล้มเหลวของการสื่อสารจึงอาจเกดิ ข้ึนได้ถ้าเราไม่ยอมรับความแตกต่างในเรือ่ ง การรับรู้ของแต่ละบุคคล การรับรู้เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมการสื่อสาร ทัศนคติและการความคาดหวังของผู้สื่อสาร และสอดคล้องกับแนวคิดของ วชิระ ขินหนองจอก (2553) ได้กล่าวว่า การรับรู้เป็นพื้นฐานการเรียนรู้ที่สำคัญของ บุคคล เพราะการตอบสนองพฤติกรรมใดๆจะขึ้นอยู่กับการรับรู้จากสภาพแวดล้อมของตน และความสามารถในกา ร แปลความหมายของสภาพนั้นๆ ดังนั้น การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยการรับรู้และสิ่งเร้าที่มี ประสทิ ธภิ าพ ซงึ่ ปัจจัยการรบั รู้ประกอบดว้ ยประสาทสัมผสั และปัจจัยทางจิต คอื ความรเู้ ดิม ความตอ้ งการและเจตคติ เป็นต้น การรับรู้จะประกอบด้วยกระบวนการสามดา้ น คือการรับสัมผัส การแปลความหมาย และอารมณ์ สอดคล้อง กับงานวิจัยของ ชัยวุฒิ ทวีศักดิ์ (2560) ศึกษาความพึงพอใจของครูที่มีต่อการบริหารงานด้านสวัสดิการในโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเครือข่ายที่ 36 สำนักงานเขตลาดกระบัง ผลการวิจัยพบว่า ความพึงพอใจของครูที่มีต่อ การบรหิ ารงานด้านสวัสดิการในโรงเรยี นสงั กัดกรุงเทพมหานคร กลุม่ เครือขา่ ยที่ 36 สำนกั งานเขตลาดกระบัง โดยครมู ี ความพึงพอใจโดยภาพรวมและรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมาก วริศรา แซ่อุ๋ย (2560) ทัศนคติของผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษาในจังหวัดระนองที่มีต่อการให้บริการของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากร ทางการศึกษาจังหวัดระนอง ผลการวิจัยยังพบว่าระดับทศั นคติตอ่ การให้บริการสมาชิก ฌาปนกิจงเคราะห์ช่วยเพื่อน หน้า 81
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาท่ีมาใช้บริการด้านการฌาปนกิจสงเคราะหช์ ่วยเพ่ือนครู และบุคลากรทางการศึกษาของ สำนกั งานสง่ เสรมิ สวัสดิการและสวัสดภิ าพครูและบุคลากรทางการศกึ ษาจังหวัดระนอง โดยภาพรวมอยใู่ นระดับดี เม่ือ พิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจอยู่ใน ระดับมากลำดับแรก คือ ด้านกระบวนการให้บริการ ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ ให้บริการ และลำดับสุดท้ายคือด้านสิ่งอำนวย ความสะดวก และสอดคล้องกับงานวิจัยของ พล เหลืองรังสี (2561) ศึกษาการจัดสวัสดิการและสวัสดิภาพของ บุคลากรทางการศึกษา อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นว่าการจัด สวัสดิการและสวัสดิภาพของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาว่ามีความ เหมาะสมระดับมาก การเปรียบเทียบความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามเพศ อายุ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในการ ทำงาน ผลการวิจัยพบว่า ระดับความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร จำแนกตามเพศ ภาพรวมไมแ่ ตกต่างกนั เม่อื พจิ ารณาราย ดา้ นพบวา่ ระดบั ความคาดหวังที่มีตอ่ สวสั ดกิ ารและสวสั ดิภาพครู มเี พยี งด้านการพฒั นาคณุ ภาพชีวิตเท่านั้นท่ีแตกต่าง กันอยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั .05 ซึ่งสอดคล้องกับสมมตฐิ านทตี่ ง้ั ไว้ ทัง้ นี้อาจเปน็ เพราะเพศหญิง และเพศชายมี ความแตกต่างกันในเรื่องความคิด ค่านิยมและทัศนคติ ทั้งนี้เป็นเพราะวัฒนธรรมและสังคม กำหนดบทบาทและ กิจกรรมของคนสองเพศ ไว้ต่างกัน เพศหญิงส่วนใหญ่มีหน้าที่ดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว มีความใส่ใจใน รายละเอียดของบริการที่ได้รับมากกว่าผู้ชาย สอดคล้องกับงานวิจัยของ ชัยวุฒิ ทวีศักดิ์ (2560) ศึกษาความพึงพอใจ ของครูที่มีต่อการบริหารงานด้านสวัสดิการในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเครือข่ายที่ 36 สำนักงานเขต ลาดกระบัง ความพึงพอใจของครูทม่ี ีต่อการบริหารงานด้านสวสั ดิการในโรงเรยี นสังกัดกรุงเทพมหานคร กลมุ่ เครือข่าย ที่ 36 สำนักงานเขตลาดกระบัง ที่มีเพศต่างกันมีความพึงพอใจในโดยภาพรวมพบว่า มีความแตกต่างกันและรายดา้ น พบวา่ ไมม่ ีความแตกต่างกัน มนี ัยสำคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดับ .05 การเปรียบเทียบความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามอายุ ผลการวิจัยพบว่า ระดับความคาดหวังที่มีต่อ สวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร จำแนกตามอายุ ภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมอื่ พิจารณารายด้านพบว่า ระดับความคาดหวงั ท่ีมีต่อสวัสดิการ และสวัสดิภาพครู มีเพียงด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตเท่านั้นที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่ง สอดคลอ้ งกับสมมติฐานท่ตี ง้ั ไว้ ท้งั นอ้ี าจเป็นเพราะ ครทู ี่มีอายุมากกวา่ จะมคี วามคดิ เหน็ ทแี่ ตกต่างกัน การเปรียบเทียบความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร จำแนกตามวุฒิการศกึ ษา ผลการวจิ ัยพบว่า ระดับความคาดหวงั ที่มีตอ่ สวสั ดิการและสวสั ดิภาพครูในสถานศกึ ษา อำเภอกระทุม่ แบน สังกัดสำนกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษา สมุทรสาคร จำแนกตามระดับการศึกษา ภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ระดับความคาดหวังท่มี ี ต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครู จำแนกตามระดับการศึกษา มีเพียงด้านการยกย่องเชิดชูเกียรติครู และด้านการแก้ไข ปัญหาหนี้สินครู ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ ทั้งนี้อาจเป็น หนา้ 82
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) เพราะครูที่มีวุฒิการศึกษาที่สูงกว่าจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และครูที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี มีความ คาดหวังต่อสวัสดกิ ารและสวสั ดภิ าพครูในดา้ นการยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรตคิ รู ต่างจากครูทม่ี ีการศึกษาระดับปริญญาเอก การเปรียบเทียบความคาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงานพบว่า ระดับความ คาดหวังที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน ภาพรวมไม่แตกต่างกัน ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตัง สมมติฐานไว้ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะประสบการณ์การในการทำงานของครูไม่มีผลต่อความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่ง สอดคล้องกับสมมติฐานท่ีตั้งไว้ ทง้ั นอ้ี าจเป็นเพราะครทู ่มี ปี ระสบการณใ์ นการ ทำงานท่ีมรี ะยะเวลาท่ีต่างกันหรือมีการ ปฏิบัตงิ านที่มี ความยาวนานตา่ งกนั ทำให้มีความรู้ ความเข้าใจ และความคาดหวังเกีย่ วกบั สวัสดกิ ารและสวัสดภิ าพครู การเปรียบเทียบการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร จำแนกตามเพศ อายุ วุฒิการศึกษา และ ประสบการณ์ในการ ทำงาน ซึ่งจำแนกตามเพศ ผลการวิจัยพบว่า ระดับการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอ กระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามอายุ ภาพรวมไมแ่ ตกต่างกัน ซ่ึง ไมเ่ ป็นไปตามทตี่ ง้ั สมมติฐาน ทั้งนี้อาจเปน็ เพราะ เพศชายและเพศจริงมีการับรไู้ ดอ้ ย่างเทา่ เทียมกัน การเปรียบเทียบการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามอายุ ผลการวิจัยพบว่า ระดับการรับรู้ที่มีต่อ สวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร จำแนกตามอายุ ภาพรวม ไม่แตกต่างกนั เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ระดับการรับรู้ที่มีต่อสวสั ดิการและ สวัสดิภาพครู จำแนกตามอายุ มีเพียงด้านการยกย่องเชิดชูเกียรติครูเท่านั้นทีแ่ ตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ี ระดับ .05 เม่อื ซ่ึงเปน็ ตามทต่ี งั้ สมมติฐานไว้ ทง้ั นีอ้ าจเปน็ เพราะเพศหญิง และเพศชายมีความแตกต่างกันในเรอื่ งรบั รทู้ ่ี มีต่อสวัสดิการและสวัสดภิ าพ การเปรียบเทียบการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามระดับการศึกษา ผลการวจิ ัยพบวา่ พบวา่ ระดับการ รับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามระดับการศึกษา ภาพรวมไม่แตกต่างกัน ซึ่งไม่เป็นไปตามทีต่ ้ังสมมติฐานไว้ ทั้งนี้ อาจเปน็ เพราะครูทมี่ กี ารศึกษาต่างกนั การรบั รู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวสั ดิภาพไมแ่ ตกตา่ งกัน การเปรียบเทียบการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษา อำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร จำแนกตามประสบการณใ์ นการทำงาน ผลการวิจัยพบวา่ พบวา่ ระดบั การรับรูท้ ่ีมตี ่อสวัสดิการและสวสั ดิภาพครูในสถานศกึ ษา อำเภอกระทมุ่ แบน สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน ภาพรวมไม่แตกต่างกัน ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ ตั้งสมมติฐานไว้ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะประสบการณ์ในการทำงานของครูแต่ละคนที่ต่างกันมีการรับรู้ต่อสวัสดิการและ สวสั ดิภาพเท่าเทยี มกนั หนา้ 83
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ข้อเสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะผลท่ไี ดจ้ ากการศึกษา ศึกษาความคาดหวังและการรับรู้ที่มีต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพครูในสถานศึกษาอำเภอกระทุ่มแบน สังกัด สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร ผู้วจิ ยั ใหข้ ้อเสนอแนะไดด้ ังนี้ .1ด้านการยกย่องเชิดชูเกียรตคิ รู ผบู้ ริหารสถานศึกษาควรใหก้ ารยกย่อง ให้กำลงั ใจ โดยมอบรางวัลให้แก่ครู อยา่ งทว่ั ถึงและยตุ ิธรรมแก่ครูทกุ คน 2. ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสาคร ควรจัดกจิ กรรมเพ่อื พฒั นาคุณภาพชวี ติ ของครู ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพียงตามแนวพระราชดำริ เพ่ือให้ครู ไดพ้ ฒั นาคุณภาพชวี ิตอย่างทว่ั ถงึ ทกุ คน ขอ้ เสนอแนะสำหรับการวิจยั ครงั้ ตอ่ ไป ควรศกึ ษาความพงึ พอใจต่อการสวสั ดกิ ารและสวัสดภิ าพครใู นสถานศกึ ษาอำเภอกระทมุ่ แบน สงั กัดสำนกั งาน เขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร เอกสารอ้างอิง กติ ตพิ งษ์ พุ่มพวง. (2557). ศึกษาการจดั สวสั ดกิ ารและสวัสดภิ าพแกค่ รูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา การประเมนิ ผลและการศกึ ษาหาแนวทางใหม่. สาขาวชิ าเทคโนโลยแี ละส่ือสารการศึกษา คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. เฉลยี ว ไชยเชษฐ์ (2558). จัดสวัสดกิ ารท่ีมผี ลต่อประสิทธิภาพของพนกั งาน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตศรีราชา. บรหิ ารธรุ กจิ มหาบัณฑิต สาขาวชิ าการจัดการสาธารณะ วิทยาลยั พาณิชยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา ชยั วุฒิ ทวศี ักดิ์. (2560). ศึกษาความพงึ พอใจของครทู ี่มตี ่อการบรหิ ารงานดา้ นสวัสดกิ ารในโรงเรยี น สังกดั กรงุ เทพมหานคร กลมุ่ เครอื ขา่ ยท่ี 36 สำนกั งานเขตลาดกระบงั . บณั ฑิตศกึ ษา สาขาวิชาการ บริหารการศึกษา. กรุงเทพมหานคร (หวั หมาก). ฤทัย นธิ ธิ นวชิ ิต. (2553). ความคาดหวงั และส่งิ ทไ่ี ดร้ บั ของผูเ้ ขา้ ชมพพิ ิธภัณฑ์การเรยี นรแู้ หง่ ชาติ กรุงเทพมหานคร. กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลัยศลิ ปากร. พรศริ ิ บินนาราว.ี (2555). ความคาดหวงั และการรับรขู้ องนกั ทอ่ งเท่ียวชาวไทยท่ีมีตอ่ การท่องเท่ียว ในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน. กรงุ เทพฯ : ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั ธุรกิจ บัณฑิตย์. พล เหลอื งรังสี. (2561). การจัดสวัสดกิ ารและสวสั ดภิ าพของบคุ ลากรทางการศกึ ษา อำเภอเบตง จงั หวัดยะลา. รมยกร ใบบง้ (2557).ระดับความพึงพอใจของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาต่อการให้บริการของ สำนกั งานสง่ เสรมิ สวสั ดิการและสวสั ดภิ าพครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาจงั หวัดปทุมธานี. หน้า 84
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ปริญญาบริหารธรุ กิจมหาบัณฑิต สาขาวชิ าบรหิ ารธรุ กิจ มหาวทิ ยาลยั ปทมุ ธานี. วชริ ะ ขนิ หนองจอก. (2553). ทฤษฎกี ารรบั รู้. [ออนไลน์] สืบค้นจาก : https://www.gotoknow.org สืบค้นเมอื่ วันที่ 22 มิถนุ ายน 2563. วรศิ รา แซ่อุ๋ย. (2560). ทัศนคตขิ องผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาในจังหวดั ระนองที่มตี ่อการ ใหบ้ รกิ ารของสำนักงานสง่ เสรมิ สวสั ดิการและสวสั ดิภาพครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา จงั หวัดระนอง. บรหิ ารธุรกจิ มหาบัณฑติ สาขาการจัดการท่วั ไป มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสวนสุนันทา. สำนักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา. (2556). กฎหมายว่าด้วยการ บรหิ ารงานบุคคลของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร. (2563). สภาพการบรหิ ารงาน. [ออนไลน]์ สืบคน้ จาก www.skn.go.th/site. สบื ค้นวันท่ี 25 พฤษภาคม 2563. Clay, R. (1988). Chambers English Dictionary. Great Britain : bunay Suffolk. Guralnik, David B. (1986). Webster’s New World Dictionary of America Language. Second Edition. Cleveland, Ohio : Prentice-Hall Press.’ หน้า 85
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาวะผ้นู ำทางวชิ าการของผู้บรหิ ารสถานศึกษาทสี่ ง่ ผลตอ่ การปฏบิ ตั ติ ามมาตรฐานวชิ าชพี ครตู ามเกณฑค์ ุรุสภา ของโรงเรียนในสงั กดั สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม Academic Leadership of Administrators Influenced on Performance complied with Teaching Professional Standards of Teachers under Samut Songkhram Primary Education Service Area Office พัชรพล ณ พทั ลงุ 1* นษิ ฐส์ นิ ี กปู้ ระเสรฐิ 2 หลักสูตรศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยธนบุรี1 และบัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ธนบรุ ี2 [email protected]*, [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาของโรงเรียนใน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม 2) ศึกษาระดับผลการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพครู ของโรงเรยี นในสงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสงคราม 3) ศึกษาภาวะผนู้ ำทางวชิ าการของผู้บริหาร สถานศึกษาที่ส่งผลตอ่ การปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครขู องโรงเรียนในสังกดั สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษา สมุทรสงคราม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงา นเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสงคราม ในปกี ารศกึ ษา 2563 ซึ่งการกำหนดขนาดของกลุ่มตวั อยา่ งโดยใชส้ ตู รของ Yamane (1973: 1088) ได้กลุ่มตัวอย่างเป็นจำนวน 265 คน และทำการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ ( Stratified Random Sampling) โดยแยกตามสัดส่วนขนาดของสถานศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม (Questionnaires) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( X ) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพ เครื่องมือ การหาค่าความเที่ยงตรง (Content validity) โดยใช้ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) การหาค่าความเชื่อม่ัน (Reliability) โดยการหาคา่ สมั ประสทิ ธอิ ลั ฟา (α - Coefficient ) สถิตทิ ีใ่ ช้ทดสอบสมมตุ ิฐาน ใชก้ ารวเิ คราะห์การถดถอย แบบพหุคูณขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยปรากฏดงั น้ี 1) ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศกึ ษาของโรงเรยี นในสังกัดสำนักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา ประถมศึกษาสมุทรสงคราม โดยรวมอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือด้านการกำหนดภารกิจของโรงเรียนและ ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน สว่ นดา้ นที่ต่ำทสี่ ุดคอื ดา้ นการเสรมิ สร้างบรรยากาศทางวิชาการของโรงเรยี น 2) ระดับผลการ ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสงคราม โดยรวมอยู่ ในระดับมาก ด้านทม่ี ีคา่ เฉลีส่ งู ท่สี ุด คือ ด้านมาตรฐานการปฏิบัติตน รองลงมาคือดา้ นมาตรฐานการปฏบิ ตั งิ าน ส่วนด้านที่ มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือด้านมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ 3) ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา ส่งผลต่อการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูตามเกณฑ์คุรุสภาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสงคราม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีค่าสมั ประสทิ ธิ์สหสัมพันธพ์ หุคูณเป็น .641 และ หน้า 86
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) สามารถการพยากรณ์การปฏบิ ตั ิตามมาตรฐานวชิ าชีพครูตามเกณฑ์ครุ สุ ภาได้ร้อยละ 41.1 โดยมคี ลาดเคล่อื นมาตรฐานใน การพยากรณ์ เทา่ กับ ±.319 คำสำคญั : ภาวะผนู้ ำทางวชิ าการของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาในสงั กดั สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษา สมทุ รสงคราม/ การปฏิบตั ติ ามมาตรฐานวชิ าชีพครูตามเกณฑ์ครุ ุสภา ABSTRACT The current study aimed to investigate ( 1) level of academic leadership of school administrators under Samut Songkhram Primary Education Service Area Office, ( 2) level of performance, as complied with teaching professional standards of teachers in the schools under Samut Songkhram Primary Education Service Area Office, and (3) academic leadership influenced on performances, as complied with teaching profession standards of teachers in the schools under Samut Songkhram Primary Education Service Area Office. A sample group in this study was 265 administrators and teachers in schools under Samut Songkhram Primary Education Service Area Office in 2020 academic year, determined by Yamane’ s formular. The samples were drawn by stratified random sampling by school sizes. A questionnaire was used as a research instrument. Data were analyzed by means of mean, standard deviation, while content validation, the IOC, and reliability test of the ������ – Coefficient were used for instrumental validation. A stepwise multiple regression analysis was used to test a hypothesis. The findings revealed that (1) overall leadership of administrator under Samut Songkhram Primary Education Service Area Office was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest averaged aspect was school’ s mission determination and instructional management, while the lowest aspect was academic ambience support. ( 2) Overall level of performance, as complied with teaching professional standards of teachers in the schools under Samut Songkhram Primary Education Service Area Office was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest averaged aspect was behaving standard, followed by performance standard, while the lowest aspect was knowledge and professional experience. ( 3) Academic leadership had multiple Influenced on performances, as complied with teaching profession standards of teachers in the schools under Samut Songkhram Primary Education Service Area Office, significantly at .01 level. The multiple coefficients were .641, and could predict the performance, as complied with teaching professional standards of the Teacher Council for 41.1%, with a standardized predictive power of ±.319. หน้า 87
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) KEYWORDS: Academic leadership of school principals under Samut Songkhram Primary Education Service Area Office/ Performance complied with teaching professional standards of the Teacher Council บทนำ การจัดการศึกษาทุกประเภททุกระดับนั้น งานด้านวิชาการนับเป็นงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ จุดมุ่งหมายของการบริหารวิชาการอยู่ที่การสร้างผู้เรียนให้มีคุณภาพ มีความรู้ มีจริยธรรม และมีคุณสมบัติตามท่ี ต้องการ งานวชิ าการเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพและความสำเร็จของสถานศึกษา ความสำเร็จของสถานศึกษามักจะพิจารณา จากคุณภาพของผลผลิต คือตัวนักเรียน ดังนั้นคุณภาพของผลผลิตจึงขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้าน วิชาการของสถานศึกษา ด้วยเหตุนี้การบริหารงานด้านวิชาการจึงเป็นงานที่สำคัญของผู้บริหารที่จะต้องรับผิดชอบใน การใช้หลักการในการบรหิ ารงานดา้ นนี้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ โดยถือวา่ งานวชิ าการเป็นงานหลกั เปน็ งานท่เี ก่ยี วข้องกับ คุณภาพของผู้เรียนในเชิงคุณภาพและปริมาณ ส่วนงานอื่น ๆ ถือเป็นงานที่มีความสำคัญรองลงมาและเป็นงาน สนบั สนนุ เน่อื งจากงานวชิ าการเกยี่ วข้องกับหลักสตู ร และการจัดการเรียนการสอน (ภาวิดา ธาราศรีสทุ ธิ, 2553 : 34) ซ่ึงเป็นหวั ใจของสถานศึกษา ดงั ที่ ปรยี าพร วงศ์อนตุ รโรจน์ ไดก้ ล่าวถงึ ขอบข่ายของงานวชิ าการไว้วา่ การบริหารงาน วชิ าการจะประกอบดว้ ยงานดังต่อไปน้ี คือการพัฒนาหลกั สตู รและการนำหลักสูตรไปใช้ การจดั ดำเนินงานเก่ยี วกับการ เรียนการสอน การจัดตารางสอน การจัดชั้นเรียน การจัดครูเข้าสอน การปรับปรุงการเรียนการสอน เพื่อเป็นการ พัฒนาครูผู้สอนให้ก้าวทันวิทยาการเทคโนโลยีใหม่ ๆ การจัดสื่อการเรียนการสอน การจัดห้องสมุดเป็นที่รวมหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ และวัสดอุ ุปกรณ์ที่เป็นแหล่งวิทยาการให้นักเรียนได้ศึกษาและค้นคว้าเพิ่มเตมิ การนิเทศภายในเป็น การชว่ ยเหลอื แนะแนวครใู ห้เกดิ การปรบั ปรุงแก้ไขปัญหาการเรยี นการสอนการวัดและประเมนิ ผล เพื่อใช้เป็นเคร่ืองมือ ในด้านการตรวจสอบและวเิ คราะห์ผลการเรยี น (ปรยี าพร วงศอ์ นุตรโรจน์ ,2553 : 34) ในการพัฒนาคนไทยใหม้ ีคุณภาพ รัฐจะตอ้ งจัดการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปี ให้ประชาชนได้เรยี น อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย และรัฐต้องจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม อีกทั้งจัดให้มี กฎหมายเก่ยี วกับการศึกษาแหง่ ชาติ ดังนน้ั พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และทแ่ี กไ้ ขเพมิ่ เติม (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2562 ซึ่งเปน็ กฎหมายแม่บทในการบรหิ ารและจัดการศึกษาจึงกำหนดแนวทางการปฏริ ปู การศึกษาในหมวดท่ี 4 แนวการจดั การศึกษาว่าการจดั การศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรยี นทุกคนมคี วามสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และ ถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตาม ศักยภาพ การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ โดยให้ความสำคัญต่อ กระบวนการทางการศึกษาที่จะต้องจัดและพัฒนาประชาชนให้มีคุณภาพ มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์เพื่อให้การจัด การศกึ ษามปี ระสทิ ธิภาพและสามารถบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาประเทศได้ แม้ว่าพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติจะบัญญัติแนวทางปฏิรูปการศึกษาไว้ชัดเจน แต่แนวคิดและความ พยายามในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร ดังจะเห็นได้จาก รายงานของสา นักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมหวัง พิธิยานุวัฒน์. 2558 : 22ก) รายงานจาก สื่อสารมวลชน (สมบัติ นพรัก. 2553 : 7) และรายงานสรุปผลการวิจัย (จันทร์ยงยุทธ บุญทอง. 2555 : 13) ต่างให้ ทัศนะเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษาของไทยสอดคล้องว่าอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก มีมาตรฐานค่อนข้างต่ำไม่ หน้า 88
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กตวิ ิถีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สามารถตอบสนองความ สามารถและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี ขณะเดียวกันข้อมูลจาก รายงานสรุปผลการประเมินภายนอกสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานยังพบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีผลการ ประเมินด้านการบริหารวิชาการต่ำกว่ามาตรฐานโดยเฉพาะด้านหลักสูตร สื่อการสอนและการส่งเสริมกิจกรรมการ เรยี นการสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ (สมหวงั พิธิยานวุ ัฒน.์ 2558 : 12ข) ซึ่งความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายท่านดังที่กล่าวชี้ให้เห็นว่า ผู้บริหารเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อพฤติกรรม และการปฏิบัติงานของครูผู้สอน (ราชันย์ บุญธิมา. 2553 : 82) ดังนั้นหน้าที่สำคัญของผู้บริหารคือ การบริหารการ เรียนการสอน (กิติมา ปรีดีดิลก. 2551 : 153) ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริม สนับสนุน การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการ จัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (ธีระ รุญเจริญ. 2554 : 37) ผู้บริหารสถานศึกษาต้องตระหนักว่าการ บริหารงานวิชาการเป็นองค์ประกอบสำคัญที่บ่งชี้ประสิทธิภาพการบริหารสถานศึกษา จึงต้องเข้าใจขอบข่ายของงาน ตลอดจนภาระหนา้ ท่ีและองค์ประกอบพฤตกิ รรมความเป็นผนู้ ำทางวชิ าการเปน็ อย่างดี ตอ้ งรบั ผดิ ชอบการบริหารงาน วิชาการและใช้ภาวะผู้นำทางวิชาการไปบริหารสถานศึกษาเพื่อผลักดันให้ เกิดการพัฒนาคุณภาพงานวิชาการอย่าง ต่อเนื่อง ต้องเป็นบุคคลสำคัญในการสร้างนโยบายเพื่อให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่สังคมต้องการ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือผู้บริหารสถานศึกษาต้องปฏิบัติงานโดยใช้ภาวะผู้นำทางวิชาการ กระตุ้นให้ครูผู้สอนพัฒนา คุณภาพในการปฏิบัติงาน จัดการเรียนรู้โดยการใช้วิธีการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียน อีกทั้งผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการ ปฏบิ ตั จิ รงิ เรยี นรู้วิธกี ารเรียนรู้เพ่ือการนำไปใช้ เสรมิ สรา้ งคณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ คณุ ธรรมและค่านิยมที่ดีงาม ครูมี บทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวกและเป็นผู้ให้บริการความรู้ โดยครูต้องมีความสามารถที่จะค้นพบความต้องการที่ แทจ้ รงิ ของผเู้ รียนและสงิ่ ท่สี ำคญั ทส่ี ดุ ก็คือ ครตู อ้ งเต็มใจท่จี ะชว่ ยเหลือผู้เรียน เป็นกลั ยาณมติ รของผ้เู รยี น จากความสำคัญและปัญหาของผู้บริหารสถานศึกษาในด้านภาวะผู้นำทางวิชาการและการปฏิบัติงานตาม มาตรฐานวชิ าชีพของครู ซ่ึงจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา เมอ่ื นำมาวิเคราะหก์ บั แนวทางการบริหาร และการจัดการศึกษาตามข้อมูลที่ได้ พบว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสมุทรสงครามให้ความสำคัญกับการพัฒนา คุณภาพการศึกษาผ่านทางผู้บริหารและครูผูส้ อน โดยมีการกำหนดแนวทางการดำเนินการของสถานศึกษา การจัดทำ หลักสูตรให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ จัดสรรงบประมาณสนับสนุนในการพัฒนาผู้บริหาร สถานศึกษาและครูผู้สอนในทุกสาระการเรียนรู้ อีกทั้งกิจกรรมด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านวิชาการและงาน สนับสนุนวิชาการ นอกจากนั้นยังส่งเสริม สนับสนุนและสร้างเครือข่ายการจัดการศึกษาที่เหมาะสมกับสภาพแต่ละ สถานศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาสามารถพัฒนาดา้ นการจัดการศึกษาให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนอย่างเต็มศักยภาพและ เกิดประสิทธิภาพ ทำให้ผู้วิจัยตดั สินใจดำเนินการศึกษา ภาวะผนู้ ำทางวิชาการของผู้บรหิ ารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการ ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูตามเกณฑ์คุรุสภาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสงคราม เพื่อให้ได้ข้อสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดนโยบายและวางแผนการ พัฒนา ส่งเสริมศักยภาพของผู้บริหารสถานศึกษาในด้านผู้นำทางวิชาการและผลการปฏิบัตงิ านตามมาตรฐานวิชาชพี ของครู และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริหารและครูผู้สอนในการปรับปรุงและพัฒนาพฤติกรรมการปฏิบัติงานให้มี ประสิทธิภาพย่ิงข้ึนต่อไป หน้า 89
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสงคราม 2. เพื่อศึกษาระดับผลการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพครูของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพ ื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสงคราม 3.เพอ่ื ศกึ ษาภาวะผู้นำทางวิชาการของผ้บู ริหารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อการปฏิบัติตามมาตรฐานวชิ าชีพครูของ โรงเรยี นในสงั กัดสำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กีย่ วข้อง นกั วชิ าการได้ให้ความหมายของการบริหารสถานศึกษาไว้ดังน้ี Coleman & Adams (1997: 194-200) กล่าวว่า หลักสำคัญของการเรียนรู้ที่จะเป็นผู้นำทางวิชาการ ประกอบด้วยหลักสำคัญ 3 ประการดังนี้ 1) เป็นผู้ที่มีความรู้ 2) มีความเข้าใจในภาระงานและ 3) มีทักษะที่เหมาะสม การเป็นผู้ที่มีความรู้ในที่นี้ หมายถึง มีการศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษา กลวิธีการสอน การ บริหารงานวิชาการและการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ควรรู้คือความรู้ ความเข้าใจในหลักปรัชญา ความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและจุดอ่อนจุดแข็งของนักปรัชญาแต่ละคน การมีความ เขา้ ใจ ภาระงานของผูน้ ำทางวิชาการประกอบด้วยการกำกบั ดูแล นิเทศ และประเมนิ ผลการจัดการเรียน Hallinger, P & Murphy, J. (1985 : 221-224) ได้เสนอองค์ประกอบของพฤติกรรมความเป็นผู้นำทาง วิชาการของผู้บริหารโรงเรียนไว้ 3 องค์ประกอบใหญ่ คือ 1. การกำหนดภารกิจของโรงเรียน (Defining the School Mission) การกำหนดภารกิจของโรงเรียนเป็นการกำหนดกรอบขอบเขตของงานที่โรงเรียนต้องรับผิดชอบ ในส่วนท่ี เกี่ยวข้องกับงานวิชาการและสร้างความเข้าใจในภารกิจดังกล่าวให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ 2. การจัดการด้านการเรียนการ สอน (Managing the instructional program) การจัดการด้านการเรียนการสอน หมายถึง กระบวนการที่เกี่ยวข้อง กับการดูแลส่งเสริม และสนับสนุนของครูการเรียนของนักเรียนและการประสานัการจัดการเรียนการสอนประโยชน์ ของการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 3.การเสริมสร้างบรรยากาศทางวิชาการของโรงเรียน (Promote School Climate) บรรยากาศทางวิชาการในโรงเรียนจะเกี่ยวข้องกับบรรทัดฐาน (Norms) และเจตคติของบุคลากร และนักเรียนในโรงเรียนผู้บริหารจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสร้างบรรยากาศทางวิชาการของโรงเรียนทัง้ ด้านตัว ครูนักเรียน และการเรียนการสอน รวมทั้งมาตรฐานทางวิชาการของโรงเรียนซึ่งจะจำแนกบทบาทในการส่ งเสริม บรรยากาศทางวิชาการของโรงเรยี น มาตรฐานวิชาชีพทางการศกึ ษา คอื ข้อกำหนดเก่ยี วกบั คุณลกั ษณะและคุณภาพทพ่ี งึ ประสงค์ในการประกอบ วิชาชีพทางการศึกษา ส่งผลให้เกิดคุณภาพในการประกอบวิชาชีพและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้รับบริการ ซึ่งผู้ ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาตอ้ งประพฤติปฏิบตั ิตาม (กลั ยาณี พรมทอง, ออนไลน)์ มาตรฐานวิชาชีพครูตามเกณฑ์คุรุสภา ไดแ้ ก่ 1. มาตรฐานความรูแ้ ละประสบการณ์ 2. มาตรฐานการปฏิบัตงิ าน 3. มาตรฐานการปฏบิ ัติตน หนา้ 90
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) วธิ ดี ำเนินการวจิ ัย 1. ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสงคราม ในปีการศึกษา 2562 จำนวน 786 คน ข้อมูลจากสำนักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสงคราม แบ่งตามขนาดของสถานศึกษา 3 ขนาด โดยใช้เกณฑ์การแบ่งขนาดสถานศึกษาของ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน กลุ่มตัวอย่างใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ในปีการศึกษา 2562 ซึ่งการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรขอ ง Yamane (1973: 1088) ได้กลุ่มตัวอย่างเป็นจำนวน 265 คน จำแนกเป็นผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก 15 คน ขนาดกลาง 2 คน ขนาดใหญ่ 2 คน ครโู รงเรียนขนาดเล็ก 184 คน ขนาดกลาง 16 คน ขนาดใหญ่ 46 คน 2. เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั แบบสอบถาม (Questionnaires) 1 ชุด โดยแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ 1. สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม 2. แบบสอบถามเก่ียวกบั ภาวะผนู้ ำทางวิชาการของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาเปน็ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ 3. แบบสอบถามเกี่ยวกับผลการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครซู ึ่งสร้างตามเกณฑ์มาตรฐาน วชิ าชีพของคุรสุ ภา พ.ศ.2562 เปน็ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ 3. การสรา้ งเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศึกษา 3.1 ศึกษาคน้ คว้าเอกสาร บทความ ตำรา และผลงานวิจยั ที่เก่ยี วขอ้ ง 3.2 สรา้ งแบบสอบถามให้ครอบคลมุ ขอบเขตการศึกษาวจิ ยั 3.3 นำเครื่องมือที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสนออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์แก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้อง และชดั เจน เหมาะสม ทัง้ เนือ้ หาสาระ และการใช้ถอ้ ยคำสำนวนภาษา แล้วนำมาจัดทำเปน็ แบบสอบถาม 3.4 นำเคร่ืองมอื ทีป่ รบั ปรุงแกไ้ ขแลว้ เสนอผู้เช่ียวชาญ จำนวน 3 ท่าน เพือ่ ตรวจสอบหรอื ปรับปรุงแก้ไข ความถูกตอ้ งสมบูรณ์ของเน้อื หา เพ่ือใหไ้ ด้แบบสอบถามทม่ี ีความตรงตามเนอื้ หาและความเหมาะสมของคำถาม 3.5 นำแบบสอบถามหาค่าดชั นีความสอดคลอ้ งของข้อคำถามกบั วตั ถปุ ระสงคห์ รอื เนื้อหา (IOC) 3.6 ปรับปรุงแบบสอบถามตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญแล้วเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพอ่ื ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 3.7 นำแบบสอบถามไปทดลองใช้กบั ครูผู้สอนในสถานศกึ ษา โรงเรยี นในจงั หวัดสมุทรสงคราม ท่ไี ม่ใชก่ ล่มุ ตัวอย่าง จำนวน 30 ชุด แล้วนำผลการตอบแบบสอบถามไปหาค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือโดยใช้สูตรสัมป ระสิทธ์ิ อัลฟา ( – Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach) 4. การรวบรวมข้อมลู 4.1 ขอหนังสอื จากสำนกั งานบัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยธนบุรี เพื่อขอความรว่ มมอื ไปยงั ผู้บริหาร สถานศึกษา ในโรงเรียนในจงั หวัดสมุทรสงครามเพ่อื ขอความอนเุ คราะหใ์ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 4.2 ผู้วิจยั นำแบบสอบถามไปใหก้ บั สถานศกึ ษาของสำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาจงั หวดั สมทุ รสงคราม เพอ่ื เกบ็ ขอ้ มลู จากครผู ู้สอน 4.3 ดำเนินการเกบ็ รวบรวมแบบสอบถามคนื ดว้ ยตนเอง หน้า 91
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 4.4 เมื่อไดแ้ บบสอบถามกลบั คนื มาแลว้ จำนวน 265 ชดุ คดิ เปน็ ร้อยละ 100 จึงตรวจสอบความสมบูรณ์ และจดั ลำดบั ข้อมูล 4.5 นำข้อมลู ที่ไดไ้ ปวเิ คราะหแ์ ละประมวลผลตอ่ ไป 5. การวิเคราะห์ข้อมูล 5.1 ตรวจสอบความสมบรู ณ์ของแบบสอบถามแต่ละฉบับ 5.2 วเิ คราะหส์ ถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยวิธีการหาค่าร้อยละ (percentage) 5.3 การวเิ คราะหร์ ะดบั ภาวะผนู้ ำของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาและผลการปฏบิ ตั ติ ามมาตรฐานวชิ าชพี ครู วิเคราะหโ์ ดยการใช้คา่ เฉลี่ย (mean) และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (standard deviation) โดยใช้เกณฑ์ประเมนิ คา่ เฉลยี่ ของ ลิเคริ ท์ (Likert’s) 5.4 วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหว่างภาวะผูน้ ำทางวชิ าการของผบู้ ริหารสถานศกึ ษากบั การปฏบิ ัตติ าม มาตรฐานวชิ าชพี ครตู ามเกณฑค์ รุ สุ ภาของโรงเรยี นในสงั กัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสงคราม โดยวเิ คราะห์สหสมั พันธเ์ พียรส์ นั สัน (Pearson’s product moment correlation coefficient: rxy) สำหรบั การ พจิ ารณาคา่ สัมประสทิ ธสิ์ หสมั พนั ธ์ ใชเ้ กณฑข์ อง Hinkle, William & Stephen (1998, p.118) 6. สถิติที่ใช้ในการวจิ ัย 6.1 สถติ ิทใี่ ช้ในการวเิ คราะขอ้ มูล ไดแ้ ก่ ค่าเฉล่ีย ( X ) และ คา่ ความเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) 6.2 สถิติทใ่ี ช้ในการหาคุณภาพเครอ่ื งมือ ได้แก่ การหาค่าความเทยี่ งตรง (Content validity) โดยใช้ค่า ดัชนคี วามสอดคลอ้ ง (IOC) และ การหาคา่ ความเชอื่ ม่นั (Reliability) โดยการหาคา่ สมั ประสทิ ธิอัลฟา (α -Coefficient ) 6.3 สถติ ทิ ใี่ ช้ทดสอบสมมตุ ิฐานใชก้ ารวเิ คราะหก์ ารถดถอยแบบพหคุ ูณขัน้ ตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล 1. ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลเก่ียวกับการวิเคราะห์ระดับภาวะผู้นำของผูบ้ ริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ในด้านการกำหนดภารกิจของโรงเรียน การจัดการด้านการ เรียนการสอน และการเสริมสร้างบรรยากาศทางวิชาการของโรงเรียน โดยหาค่าเฉลี่ย ( X ) และส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) ผลการวเิ คราะห์ปรากฏดังตารางท่ี 1 ตารางที่ 1 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในสังกัด สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม โดยรวม ภาวะผูน้ ำของผู้บริหารสถานศกึ ษาของโรงเรยี นในสังกดั รวม n = 265 สำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสงคราม X S.D. ระดบั ลำดบั ท่ี 1. การกำหนดภารกจิ ของโรงเรียน 4.43 .52 มาก 1 2. การจัดการดา้ นการเรียนการสอน 4.43 .55 มาก 1 3. การเสรมิ สร้างบรรยากาศทางวชิ าการของโรงเรียน 4.42 .53 มาก 2 หน้า 92
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กติวถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ภาวะผู้นำของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาของโรงเรียนในสังกดั รวม n = 265 สำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รสงคราม X S.D. ระดบั ลำดับที่ โดยรวม 4.43 .50 มาก จากตารางที่ 1 พบว่าระดับภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 4.43) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ใน ระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการกำหนดภารกิจของโรงเรียน ( X = 4.43) ด้านการจัดการด้านการเรียนการสอน ( X = 4.43) ด้านการเสริมสร้างบรรยากาศทางวิชาการของโรงเรียน ( X = 4.23) ตามลำดับ 2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์ระดับผลการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูของโรงเรียนใน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ในด้านมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ มาตรฐานการปฏบิ ัตงิ าน และมาตรฐานการปฏบิ ัตติ น โดยหาค่าเฉลีย่ ( X ) และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการ วเิ คราะหป์ รากฏดงั ตารางที่ 2 ตารางที่ 2 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับผลการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูของโรงเรียนในสังกัด สำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสงคราม โดยรวมและรายด้าน ระดบั ผลการปฏบิ ตั ติ ามมาตรฐานวิชาชพี ครูของโรงเรียนในสังกดั X S.D. ระดบั ลำดับท่ี สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสงคราม 1. มาตรฐานความรแู้ ละประสบการณว์ ิชาชีพ 4.15 .50 มาก 3 2. มาตรฐานการปฏิบตั งิ าน 4.40 .45 มาก 2 3. มาตรฐานการปฏิบตั ติ น 4.59 .47 มากทส่ี ุด 1 โดยรวม 4.39 .41 มาก จากตารางที่ 2 พบว่าระดับผลการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสงคราม โดยรวมอยูใ่ นระดบั มาก ( X = 4.39) เมื่อพจิ ารณาเปน็ รายดา้ น โดยเรียงลำดับ ค่าเฉลย่ี จากมากไปหาน้อย พบวา่ ด้านมาตรฐานการปฏบิ ตั ติ น ( X = 4.59) ซง่ึ อยูใ่ นระดับมากทส่ี ดุ ดา้ นมาตรฐานการ ปฏิบัติงาน ( X = 4.30) ด้านมาตรฐานความร้แู ละประสบการณว์ ิชาชีพ ( X = 4.15) อยู่ในระดบั มากตามลำดบั 3. ผลการวิเคราะห์อำนาจทำนายของภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา ได้แก่ การกำหนด ภารกจิ ของโรงเรยี น ( x1 ) และ การเสริมสรา้ งบรรยากาศทางวชิ าการของโรงเรียน ( x3 ) แสดงไดด้ ังตารางที่ 3 ตารางที่ 3 ผลการวิเคราะห์อำนาจทำนายของภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการ ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูตามเกณฑ์คุรุสภาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมทุ รสงคราม ตวั แปรทำนาย bβ t p 1. การกำหนดภารกจิ ของโรงเรียน ( x1 ) .297 .054 5.534** .000 หน้า 93
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกติวิถีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ตัวแปรทำนาย bβ t p 2. การเสรมิ สรา้ งบรรยากาศทางวชิ าการของโรงเรียน ( x3 ) .246 .319 4.725** .000 3. คา่ คงท่ี (Constant) 1.996 .179 11.112** .000 R = .641, R2= 0.411, R2adj = .407, F = 22.323** , a = 1.996 df1 = 1 , df2 = 262 , Sig. < 0.01 , SE est. = .319, ** มีนัยสำคัญทางสถติ ิท่รี ะดบั .01 จากตารางที่ 3 พบว่าตัวแปรอิสระทั้งหมดของงานวิจัย ได้แก่ การกำหนดภารกิจของโรงเรียน ( x1 ) การ เสริมสร้างบรรยากาศทางวิชาการของโรงเรียน ( x3 ) สามารถร่วมกันทำนายการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูตาม เกณฑ์คุรุสภาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ได้ร้อยละ 41.10 (R2= 0.411) อย่างมีนัยสำคญั ทางสถติ ิที่ระดบั .01 เม่ือปรบั คา่ ค่าความคลาดเคลือ่ นมาตรฐานในการพยากรณ์ที่มีค่าเท่ากับ 0.319 (SE est. = .319) พบว่า ปัจจัยทั้งหมดสามารถร่วมกันทำนายการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูตามเกณฑ์คุรุ สภาของโรงเรยี นในสงั กัดสำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รสงคราม ได้ถงึ ร้อยละ 40.70 (R2adj = .407) สว่ นอกี รอ้ ยละ 59.30 เกดิ จากอิทธิพลของตวั แปรอื่นท่ไี ม่นำมาเปน็ ตัวแปรอสิ ระในการศึกษาครัง้ น้ี ตัวแปรที่มีอิทธิพล ในการทำนายสูงสุดคือ การเสริมสร้างบรรยากาศทางวิชาการของโรงเรียน (β = .319) รองลงมา ได้แก่ การกำหนด ภารกิจของโรงเรียน (β = .054) ผลการศึกษาครั้งนี้สามารถเขียนเป็นสมการทำนายในรูปของคะแนนดบิ และสมการ ในรปู คะแนนมาตรฐานได้ ดงั น้ี สมการทำนายในรปู ของคะแนนดิบ ได้แก่ Y = 1.996 +.297 X1+ .246 X3 หรอื การปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชพี ครูตามเกณฑค์ ุรสุ ภา = 1.996+.297 การกำหนดภารกจิ ของโรงเรยี น + .246 การเสริมสร้างบรรยากาศทางวิชาการของโรงเรยี น สมการรูปคะแนนมาตรฐานไดแ้ ก่ Zy' = .054 ZX1 + .319 ZX3 หรอื Zการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูตามเกณฑ์ครุ สุ ภา = .054 Zการกำหนดภารกิจของโรงเรียน + .319 Zการเสริมสร้างบรรยากาศทางวิชาการของ โรงเรยี น สรปุ ผลการวจิ ยั การวิจัยเรื่องภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูตาม เกณฑ์ครุ ุสภาของโรงเรยี นในสงั กัดสำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสงครามมีสรปุ ผลการวิจยั ดงั น้ี 1. ระดับประสิทธิภาพของภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสงคราม ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธภิ าพของภาวะผู้นำทางวชิ าการของผู้บริหารสถานศึกษาของเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสงคราม ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อมีการพิจารณาในรายละเอียด พบว่า ด้านที่สูงสุด คือ ด้าน หนา้ 94
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การกำหนดภารกิจโรงเรียน และ ด้านการจัดการเรียนการสอน ส่วนระดับต่ำสุด คือ ด้านการเสริมสร้างบรรยากาศทาง วิชาการของโรงเรยี น 2. ระดับผลการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรสงคราม โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด คือ ด้านมาตรฐานการ ปฏิบัตติ น อยูใ่ นระดับมากโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดงั นี้ ดา้ นมาตรฐานการปฏบิ ัติงาน ดา้ นมาตรฐานความรู้และ ประสบการณว์ ชิ าชพี ตามลำดับ รายละเอยี ดแตล่ ะด้านสรปุ ไดด้ ังนี้ 3. ภาวะผูน้ ำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาสง่ ผลต่อการปฏบิ ัติตามมาตรฐานวชิ าชีพครูตามเกณฑ์คุรุสภา ของโรงเรียนในสงั กดั สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม อยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั .01 อภปิ รายผล ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเรื่องภาวะผู้นำทางวชิ าการของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการปฏิบัติตาม มาตรฐานวิชาชีพครูตามเกณฑ์คุรุสภาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ผลการวิจยั ครงั้ น้สี ามารถอธบิ ายตามลำดบั ของสรุปผลการวิจยั ดงั ตอ่ ไปนี้ 1.จากผลการวิจัยพบว่าระดบั ประสิทธิภาพของภาวะผู้นำทางวชิ าการของผู้บริหารสถานศึกษาของเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร สถานศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อมีการพิจารณาใน รายละเอียด พบว่า ด้านที่สูงสุด คือ ด้านการกำหนดภารกิจโรงเรียน และ ด้านการจัดการเรียนการสอน ส่วนระดับ ต่ำสุด คือ ด้านการเสริมสร้างบรรยากาศทางวิชาการของโรงเรียน ที่เป็นเช่นนี้อาจเนื่องมาจากผู้บริหารโรงเรียนใน สงั กดั สำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสงคราม มีการกำหนดเป้าหมาย วสิ ัยทัศน์ พนั ธกิจ ของโรงเรียน ที่ชัดเจนร่วมกับคณะครูและกรรมการฝ่ายวิชาการ โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ สามารถถ่ายทอด นโยบายด้านวชิ าการ เพอื่ ให้ครูและบคุ คลากรทเ่ี ก่ียวข้องสามารถนำสูก่ ารปฏบิ ัติได้ ผลการวจิ ยั นี้สอดคล้องกบั งานวิจัย ของ จิราวรรณ จันทร์แยม้ (2552) ซึ่งพบว่าที่ผู้บริหารสถานศกึ ษามคี วามตระหนักในความสำคัญต่องานวิชาการเปน็ งานหลักของผบู้ ริหารสถานศึกษา มาตรฐานและคุณภาพของสถานศกึ ษาจะพิจารณาการบริหารงานด้านวชิ าการ และ อาจเป็นเพราะหน่วยงานต้นสังกัด คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสมุทรสงครามได้เห็นความสำคัญของการพัฒนา ผู้บริหารวา่ เปน็ บุคคลที่สำคัญท่ีสุดในการขับเคลื่อนงานวิชาการของสถานศกึ ษา มีการเผยแพร่เอกสารความรู้ และใช้ กลยุทธ์หลากหลายที่จะสร้างมาตรฐานให้เกิดกับผู้บริหาร เป็นผลให้ผู้บริหารกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองให้มี ความรแู้ ละทักษะทางวิชาการและเห็นความสำคัญและเขา้ ใจในบทบาทหน้าทผี่ นู้ ำด้านวชิ าการ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อ ผู้บริหารในการดำเนินงานตอ่ ไป 2.จากผลการวิจัยพบวา่ ระดับประสิทธิภาพของภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศกึ ษาของเขตพืน้ ท่ี การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร สถานศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อมีการพิจารณาใน รายละเอียด พบว่า ด้านที่สงู สุด คอื ด้านการกำหนดภารกจิ โรงเรยี น และ ดา้ นการ จัดการเรียนการสอน ส่วนระดับต่ำสุด คือ ด้านการเสริมสร้างบรรยากาศทางวิชาการของโรงเรียน ที่เป็นเช่นน้ี อาจ เน่อื งมาจากผูบ้ ริหารโรงเรยี นในสงั กดั สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม มีการกำหนดเป้าหมาย หนา้ 95
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) วิสัยทัศน์ พันธกจิ ของโรงเรียนทชี่ ัดเจนร่วมกับคณะครูและกรรมการฝ่ายวชิ าการโดยมงุ่ เน้นใหผ้ เู้ รียนมีผลสัมฤทธ์ิทาง วิชาการ สามารถถ่ายทอดนโยบายด้านวิชาการ เพื่อให้ครูและบุคคลากรที่เกี่ยวข้องสามารถนำสู่การปฏิบัติได้ ผลการวิจัยน้ีสอดคล้องกับงานวิจยั ของ จิราวรรณ จนั ทรแ์ ย้ม (2552) ซึง่ พบว่าที่ผู้บริหารสถานศกึ ษามีความตระหนัก ในความสำคัญตอ่ งานวชิ าการเปน็ งานหลักของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา มาตรฐานและคณุ ภาพของสถานศึกษาจะพิจารณา การบรหิ ารงานด้านวชิ าการ และอาจเปน็ เพราะหน่วยงานตน้ สังกดั คอื สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาสมุทรสงครามได้ เห็นความสำคัญของการพัฒนาผู้บริหารว่าเป็นบุคคลที่สำคัญทีส่ ุดในการขับเคลือ่ นงานวชิ าการของสถานศึกษา มีการ เผยแพร่เอกสารความรู้ และใช้กลยุทธ์หลากหลายที่จะสร้างมาตรฐานให้เกิดกับผู้บริหาร เป็นผลให้ผู้บริหาร กระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองให้มีความรู้และทักษะทางวิชาการและเห็นความสำคัญและเข้าใจในบทบาทหน้าท่ี ผู้นำด้านวิชาการ ซึ่งจะเปน็ ประโยชนต์ ่อผูบ้ ริหารในการดำเนนิ งานต่อไป ข้อเสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ ในการวจิ ัยครั้งนี้ ผ้วู จิ ยั ไดน้ ำเสนอขอ้ เสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ ดงั น้ี 1.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาควรส่งเสริมและอบรมผูบ้ รหิ าร เกย่ี วกบั การพัฒนาความสามารถในการบริหารงาน วชิ าการของสถานศึกษาและปรับปรุงพฒั นาความรู้ ความเขา้ ใจ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ 2.ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีการเสริมสรา้ งบรรยากาศทางวิชาการของผู้เรียน มอบหมายให้ครูจดั กิจกรรมสอนซ่อม ใหแ้ ก่ผเู้ รยี นท่ีมีผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ โดยใช้วธิ ีการพฒั นาผู้เรียนอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 3.ผู้บริหารสถานศึกษาควรดำเนินการให้มีป้ายประชาสัมพันธ์ หรือป้ายประกาศวิสัยทัศน์ พันธกิจและเป้าหมาย ดา้ นวชิ าการ เพอ่ื สรา้ งความเชอ่ื มั่นใหแ้ กผ่ ปู้ กครอง ชมุ ชน และหนว่ ยงานทีเ่ กีย่ วขอ้ ง 4.ผู้บรหิ ารสถานศึกษาควรวางระบบและแนวทางในการตรวจสอบความก้าวหนา้ ของผู้เรียนตามแผนปฏบิ ัติงาน 5.ครคู วรมีความรู้และความเขา้ ใจในการใช้ภาษาไทย ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อ การศึกษาเพิ่มมากข้ึน 6.ครคู วรมีพฒั นาตนเองดา้ นวิชาชีพ บคุ ลิกภาพ และวสิ ัยทัศน์ ให้ทนั ตอ่ การพฒั นาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ ขอ้ เสนอในการทำวิจยั คร้งั ต่อไป 1. ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาในด้านอื่นๆ แล้วนำข้อมูลที่ได้ มาเป็น แนวทางในการบริหารสถานศึกษาต่อไป 2. ควรศกึ ษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ภาวะผู้นำทางวชิ าการทีส่ ง่ ผลต่อการปฏิบตั ิงานของครใู นด้านอน่ื ๆ เอกสารอา้ งอิง กติ ิมา ปรีดีดิลก. (2551). Instructional Leadership: บทบาททีไ่ ม่ควรลืมในการบริหารเพ่ือปฏิรปู การเรยี นรู้. กรงุ เทพฯ : ข้าวฟา่ ง. จันทร์ยงยุทธ บญุ ทอง. (2555) “ขา่ วการศกึ ษา” วทิ ยาจารย์ หน้า 96
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) จิราวรรณ จันทรแ์ ย้ม. (2552). ความสัมพันธร์ ะหวา่ งภาวะผูน้ ำทางวิชาการของผบู้ รหิ ารกบั ผลการปฏิบตั งิ านตาม มาตรฐานวชิ าชพี ของครูในสถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน จังหวัดสมุทรสงคราม.ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั ราชภัฏหมู่บา้ นจอมบึง. ธรี ะ รุญเจริญ. (2554). ความเปน็ มอื อาชพี ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาสภาพปัญหาความจาเปน็ และแนวปฏบิ ัต.ิ กรงุ เทพมหานคร : ข้าวฟ่าง. ปรยี าพร วงศอ์ นุตรโรจน.์ (2553). การบริหารงานวิชาการ. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั พมิ พด์ ี จำกดั . ภาวิดา ธาราศรีสุทธ.ิ (2553). การจดั และการบรหิ ารงานวิชาการ. กรุงเทพมหานคร : สำนกั พมิ พ์ มหาวิทยาลยั รามคำแหง. ราชนั ย์ บญุ ธมิ า. (2553). ปจั จยั ท่ีเออื้ ต่อผลสำเรจ็ การนำหลักสูตรมธั ยมศึกษาตอนต้นไปปฏบิ ัติ : กรณศี ึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษาจงั หวดั เชยี งราย. ปริญญานิพนธ์ กศ.ด. (การวิจัยและพฒั นาหลกั สูตร) กรุงเทพฯ : บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร สมบัติ นพรกั . (2553). การศกึ ษาไทย : หลุมดำของอนาคต. มตชิ นรายวัน. สมหวงั พิธยิ านุวัฒน.์ (2558). การปฏบิ ัติตนตามเกณฑ์มาตรฐานวชิ าชพี ครขู องพนกั งานครูเทศบาลเมืองนครพนม สังกดั เทศบาลเมอื งนครพนม. วิทยานพิ นธป์ รญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ (สาขาวิชาการบริหาร การศึกษา) ขอนแกน่ : บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ขอนแก่น Coleman, D. & Adam, R.C. (1997). Establising construct validity and reliability for the NAESP professional development Inventory. Journal of Personal, 10 (3), 194-200. Hallinger, P & Murphy, J. (1985). Assessing the instructional management behaviors of principals. The Elementary School Journal. Hinkle, D.E, William, W. and Stephen G. J. (1998). Applied Statistics for the Behavior Sciences. 4thed. New York : Houghton Mifflin. Taro Yamane (1973). Statistics: An Introductory Analysis. 3rdEd.New York. Harper and Row Publications. หนา้ 97
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสูป่ กติวิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ความสัมพันธร์ ะหว่างภาวะผนู้ ำเชิงรุกของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษากบั การบริหารงานวิชาการ ด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษา สมุทรสาคร อาทิตย์ อว่ มเครือ[1], อุไรรตั น์ แยม้ ชตุ ิ[2] หลกั สตู รศึกษาศาสตรม์ หาบณั ฑติ สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา[1] บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั ธนบรุ ี[2] E-mail : [email protected][1], [email protected][2] บทคัดยอ่ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา1)ระดับภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษา 2) ระดับการ บริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 3)ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหาร สถานศึกษากับการบริหารงานวิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จังหวดั สมุทรสาคร กล่มุ ตัวอยา่ ง บคุ ลากรในสังกดั สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาครท่ปี ฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ในปีงบการศึกษา 2563 จำนวน 342 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ สถิติที่ใช้ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานและคา่ สัมประสทิ ธิส์ หสัมพนั ธ์แบบเพยี รส์ ัน ผลการศึกษาพบว่า 1) ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร พบว่าภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาอยู่ในรายละเอียดพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือด้านการรู้จักตนเอง รองลงมาคอื ดา้ นการมวี ิจารณญาณและด้านที่มีคา่ เฉล่ยี ต่ำสดุ คือด้านการมีจินตนาการ 2) ผลการวิเคราะห์ระดับการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาสงั กดั สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาครภาพรวมอยู่ในระดับมาก มาก เมื่อพิจารณาอยู่ในรายละเอียดพบว่าด้านทีม่ ีค่าเฉลี่ยสูงสุดคอื ด้านกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รองลงมาคือกิจกรรมแนะแนว และด้านที่มีคะแนนเฉลี่ยต่ำสุดคือ กิจกรรมนักเรยี น 3) ภาวะผู้นำเชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับสูงกับการบริหารงาน วิชาการด้านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร อย่างมี นัยสำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดับ .01 คำสำคัญ ภาวะผู้นำเชิงรุก การบริหารงานวิชาการ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาครภาพ หนา้ 98
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ABSTRACT The current study aimed to investigate ( 1) level of proactive leadership among school principals, ( 2) level of academic administration on student development activities, and ( 3) relationship between proactive leadership of school principals and academic administration on student development activities. A sample group was 342 in-service staffs in 2020 under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office, recruited by stratified random sampling. Data were analyzed by means of frequency, percentage, mean, standard deviation, and Person’s Correlation Coefficient. The findings revealed that. 1) Overall proactive leadership of school principals under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest averaged aspect was self- recognition, followed by judgment, while the lowest one was creativity. 2) Overall academic administration on student development activities under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office was at a high level. When inspecting at individual aspects, it was found that the highest averaged aspects was social services activities, followed by guidance activities, while the lowest one was student activities. 3) The proactive leadership positively related in a high level with academic administration on student development activities of Samut Sakhon Primary Education Service Area Office, significantly at .01 level. Keywords: Proactive leadership/ Academic administration/ Student development activities/ Schools under Samut Sakhon Primary Education Service Area Office บทนำ สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าว ว่าผู้บริหารสถานศึกษาในฐานะที่ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้นำสูงสุดในสถานศึกษา สามารถบริหารจัดการและให้ ความสำคัญในการดำเนินงานให้ประสบความสำเร็จ ผู้บริหารจะเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้การบริหารงานประสบ ความสำเรจ็ ได้และถือเปน็ ค่านยิ มขององคก์ ร หากมีผบู้ ริหารงานที่มีคณุ ลักษณะท่ีเหมาะสม สามารถบริหารจัดการที่ดี ปรับปรุงระบบอำนวยความยุติธรรมพัฒนาระบบราชการอย่างต่อเนื่องด้วยการปรับโครงสร้างราชการและนำ เทคโนโลยีสารสนเทศมาใชใ้ นการวางแผนและตดั สินใจให้มีประสิทธิภาพปรับปรุงระบบบรกิ ารประชาชนให้เป็นเชิงรุก มากขน้ึ ป้องกันและปราบปรามการทุจรติ ในวงราชการและส่งเสริมกระบวนการบริหารจดั การทีด่ ีมรี ะบบการตรวจสอบ กิจการที่โปร่งใส หลักการในการบริหารสถานศึกษาว่าการบริหารจัดการศึกษาที่ดีนั้นจะต้องครอบคลุมทั้ ง 4 งานคือ งานวิชาการ งานงบประมาณ งานบุคลากร และงานบริหารทั่วไปอย่างไรก็ตามการบริหารงานวิชาการถือเป็นงานที่มี ความจำเปน็ ทีผ่ บู้ รหิ ารสถานศกึ ษาจะตอ้ งให้ความสำคญั และสนใจเป็นพเิ ศษมีความตระหนกั ถึงหนา้ ทที่ รี่ ับผิดชอบรู้จัก หนา้ 99
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกติวิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ปรับปรุงตนเองให้รู้และเข้าใจงานวิชาการสามารถเป็นผู้นำครูได้สอดคล้องกับ ปรียาพร วงค์อนุ ตรโรจน์ (2543: 2) กล่าวว่าการบริหารงานวชิ าการเป็นงานทสี่ ำคญั สำหรบั ผู้บริหารสถานศึกษาเนื่องจากการบริหารงานวิชาการเก่ียวข้อง กับกิจกรรมทุกชนิดในสถานศึกษาโดยเฉพาะเก่ียวกับการปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนซึ่งเป็นจุดหมายหลกั ของ สถานศึกษาและเป็นเครื่องชี้ความสำเร็จและความสามารถของผู้บริหารสอดคล้องกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2546: 32) สถานศึกษานับเป็นหน่วยงานสำคัญของการบริหารจัดการศึกษาเพราะมีความ ใกล้ชิดกับผู้เรียนและชุมชนเป็นอย่างมากกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อก่อเกิดการเรียนรู้ของผู้เรียนจะเกิดขึ้ นท่ี สถานศึกษาการจัดระบบบริหารงานในสถานศึกษาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับภาระความรับผิดชอบนั้นเป็นปัจจัย สำคญั ที่ทำให้การจัดการศึกษามีคุณภาพได้ ทั้งน้เี น่ืองจากการจัดการศกึ ษานน้ั ครอบคลมุ กิจกรรมการดำเนินการตา่ ง ๆ ทางการศึกษาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของครูและบุคลากรนักเรียนหลักสูตรและการเรียนการสอนการจัดทำนโยบายและ แผนการประเมินผลระบบข้อมูลสารสนเทศการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนน้ั ถ้าการบริหารจัดการไม่ดีไมม่ ีประสทิ ธิภาพยอ่ มส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาได้ สถานศึกษาได้กำหนดขอบข่ายการบริหารงานวชิ าการมี 12 ประการ ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา การพัฒนากระบวนการเรียนรู้การวัดผลประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียนการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา การพัฒนาสอื่ นวัตกรรมและเทคโนโลยที างการศึกษาการพฒั นาแหล่งการเรียนรู้นเิ ทศการศกึ ษาการแนะแนวการศึกษา การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาการส่งเสริมความรู้ทางด้านวิชาการแก่ชุมชนการประสานความ ร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอื่นการส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคลครอบครัวองค์กร หน่วยงานและสถาบันอื่นที่จัดการศึกษาพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542, (ฉบับที่ 2) พ. ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ. ศ. 2553 ที่ว่าการจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายจิตใจ สติปัญญาความรู้และคุณธรรมมีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข คุณภาพของนักเรียนและสะท้อนถึงคุณภาพการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาการบริหารงานวิชาการ ของผู้บริหารสถานศึกษามีความสำคัญและเกี่ยวข้องโดยตรงต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการปรับปรุง คุณภาพการเรียนการสอนจึงเป็นการดำเนินการโดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและคุ ณภาพของ นักเรียนให้ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจากรายงานผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติ ( O-Net) ของ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสมุทรสาคร จำนวน 103 โรงเรียนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติ (O-Net) พบว่า วิชาภาษาไทยมี คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 57.77 สูงกว่าระดับชาติที่มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 55. 90 วิชาคณิตศาสตร์มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 38. 22 ต่ำกว่าระดับชาติที่มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 39. 50 วิชาวิทยาศาสตร์มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 38. 30 ต่ำกว่า ระดับชาติที่มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 39.93 วิชาภาษาอังกฤษมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ40.43 สูงกว่าระดับชาติที่มีคะแนน เฉลี่ยร้อยละ 39.24 (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ, 2562) จะเห็นได้ว่าผลการเปรียบเทียบการประเมินผล สัมฤทธ์ิทางการเรยี นระดับชาติ(O-Net) ช้ันประถมศึกษา ในจังหวัดสมทุ รสาคร ปกี ารศึกษา 2561 พบว่าคะแนนเฉล่ีย กลุ่มวิชาภาษาไทยและวิชาอังกฤษ มีคะแนนสูงกว่าระดับประเทศ ส่วนกลุ่มวิชาคณิตศาสตร์และวิชาวิทยาศาสตร์ มี คะแนนเฉลี่ยกว่าระดับชาติ จึงเป็นความจำเป็นที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องให้ความสำคัญ และความสนใจในการ บริหารงานวิชาการ ทั้งนี้เพราะกลุ่มวิชาคณิตศาสตร์และวิชาวิทยาศาสตร์ เป็นกลุ่มที่จะต้องเร่งพัฒนาผู้เรียนให้มี ศักยภาพในศตวรรษท่ี 21 เพอื่ ต่อยอดการประกอบอาชีพสร้างองคค์ วามรู้ใหมส่ ร้างนวัตกรรม หน้า 100
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 481
Pages: