การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสูป่ กตวิ ิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ตัวอย่างรายวิชาภายใต้กลุ่มสาระหลัก ที่เน้นฐานการปฏิบัติ เพื่อให้นักศึกษาเลือกเรียนอันเป็นพื้นฐาน เบื้องต้นให้กับนักศึกษาทุกคนสามารถนำความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้ใชใ้ นการทำงานและดำรงชวี ิตในโลกยุคใหม่ (สำนักวิชาศึกษาทั่วไป, 2563) ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ดา้ นการสร้างสรรคน์ วัตกรรม และการเป็นผู้ประกอบการ - ไลฟ์สไตล์ผู้ประกอบการสมัยใหม่ - ธรุ กจิ สิ่งแวดล้อม - กฎหมายธุรกิจเพอ่ื ผู้ประกอบการ - ความคดิ สรา้ งสรรค์ : ศกั ยภาพสุดยอดของมนุษย์ - ภมู ปิ ัญญาไทยกับความคดิ สร้างสรรค์ ฯลฯ ผลลัพธก์ ารเรียนรดู้ ้านการพัฒนาสุขภาวะและบคุ ลกิ ภาพ - การออกกำลังกายในชีวติ ประจำวนั - สขุ ภาพเพอ่ื ชีวติ - ภาวะผนู้ ำและเทคนิคการทำงานเป็นทมี - บคุ ลิกภาพในโลกดจิ ทิ ัล - จิตบรกิ ารเพื่อการพัฒนาชวี ติ และสงั คม ฯลฯ ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ดา้ นภาษากบั การส่ือสาร - ภาษาไทยเพอื่ การสื่อสาร - ภาษาไทยเชงิ สรา้ งสรรค์ - ศลิ ปะการใชภ้ าษาไทยในการสอ่ื ออนไลน์ - ทกั ษะการพูดภาษาองั กฤษในองคก์ ร - ภาษาอังกฤษเพื่อการส่อื สารทางธุรกิจสมัยใหม่ ฯลฯ ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ด้านศาสตร์และศลิ ป์แหง่ ชวี ิต - ออกแบบชวี ิต คดิ สไตลค์ นรนุ่ ใหม่ - การรบั มอื กบั ภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติ - ทักษะเชงิ ตัวเลขในชวี ิตประจำวนั - การใชแ้ อพพลิเคช่นั และโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพอื่ การทำงาน - การรเู้ ท่าทนั สื่อและสารสนเทศยุคดจิ ทิ ัล ฯลฯ ผลลพั ธก์ ารเรียนรูด้ า้ นสนุ ทรยี ศาสตร์ - อารยธรรมโลก - ประวตั ิศาสตร์ศิลป์ หนา้ 401
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกติวถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) - กรงุ เทพศกึ ษา - ศิลปะและวฒั นธรรมบันเทงิ - มนษุ ย์กับสนุ ทรียศาสตร์ ฯลฯ ผลลัพธท์ พ่ี งึ ประสงคด์ า้ นการเปน็ พลเมอื งโลก - สมาร์ทเกษม (Smart Kasem) 2. การทบทวนการใช้กลยุทธ์การจัดการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ เพื่อให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้จริง รู้รอบด้าน มีทักษะที่จำเป็นสามารถ นำไปปฏิบัตจิ รงิ และปฏบิ ัติได้ทันที ทัง้ ในชวี ติ การทำงานและชวี ิตส่วนตัว จะสัมฤทธเ์ิ พียงใดน้นั เป็นผลสืบเน่ืองมาจาก การใช้กลยุทธ์การจัดการเรียนการสอน ที่สำคัญคือ การใช้กลยุทธ์การจัดการเรียนการสอนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Student – Centered Learning) ซึ่งมุ่งเน้นให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงร่วมด้วยการประเมินการ เรยี นรูย้ คุ ใหม่/การประเมนิ ตามสภาพจริง 2.1 การจัดการเรียนการสอนทเี่ นน้ ผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ (Learner – Centered) ไม่วา่ ยุคสมัยสถานการณ์หรอื กาลเวลาจะผนั แปรเปล่ียนผ่านไปอยา่ งไร ความสำคญั ของการจัดการเรียน การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญต้องยังคงอยู่ อาจารย์ยุคใหม่ต้องไม่ลืมบทบาทสำคัญในการดูแลเอาใจและส่งเสริม ความแตกต่างของนักศึกษาทุกคนที่มีคาแรคเตอร์ ความถนัด และความสนใจใคร่รู้ต่างกัน อาจารย์ผู้สอนยุคใหม่พึง หลีกเลี่ยงวิธีการสอนแบบ “One Size Fits All” และหันมาให้ความสำคัญกับวิธีการสอนวิธีการสอนที่สนองความ แตกต่างระหว่างบคุ คลท่ีตระหนักกบั แนวคิด Left no Student Behind ให้ความสำคัญกับนกั ศึกษาทกุ คน นักศึกษา ทุกคนของตนต่างมีศักยภาพในการเรียนรู้ ครู อาจารย์ ผู้สอนต้องสร้างบรรยากาศของการช่วยเหลื อ เป็นพี่เลี้ยง ส่งเสริมการเรยี นรูร้ ว่ มกันและช่วยเหลือเก้ือกูลกนั ระหวา่ งอาจารย์กับนักศึกษา และระหวา่ งนักศึกษาด้วยกันเอง ซึ่งจะ ส่งเสริมนักศึกษาให้เป็นผู้เรียนเชิงรุก (active learner) ด้วยการเรียนรู้แบบผู้เรียนมีส่วนร่วม (participatory learning) จากการอภิปราย การตง้ั คำถามและการตอบคำถาม ทท่ี ำให้นักศกึ ษาเกดิ การเรียนร้จู ากการลงมอื ปฏบิ ัติ ดัง แผนภาพแสดง แนวคิด หลกั การ บทบาทของผูเ้ รยี น และบทบาทของผู้สอน ของการจัดการเรียนการสอนทเ่ี น้นผู้เรยี น เป็นสำคญั ดังน้ี แนวคิด หลักการของการจัดการเรียนรู้ทเ่ี นน้ ผูเ้ รียน บทบาทของผเู้ รียน บทบาทของผู้สอน เปน็ สำคัญ (Student as Active Learner) (Teacher as Facilitator) • ยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้และ • เปลี่ยนผู้เรียนจากการเป็นผู้นั่งฟังอย่าง • สร้างบรรยายกาศ กระตุ้นจูงใจท้า ผู้เรียนมีความสำคัญในการจัดการเรียนการสอน มุ่ง เดียว (passive) มาเป็นผู้เรียนท่ี ทาย พัฒนาผู้เรยี นเตม็ ความศักยภาพ กระตือรือร้น ร่วมกิจกรรมการแสวงหา • ช่วยเหลอื แนะนำ • เน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจ เพิ่มบทบาทความ ความรู้ (active) ตามทผ่ี สู้ อนกำหนด • รบั ฟงั ความคิดเหน็ รับผิดชอบของผู้เรียน ให้ผูเ้ รียนได้กำกับและประเมนิ • ผู้เรียนร่วมมือกับเพื่อนในการสืบค้นหา • ให้การเสรมิ แรง การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง คำตอบร่วมอภิปราย ร่วมนำเสนอ มี • ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร เ ร ี ย น ร ู ้ ต า ม ปฏสิ มั พันธ์ทางสงั คม ความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน หน้า 402
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) แนวคดิ หลักการของการจดั การเรียนรู้ท่ีเนน้ ผู้เรยี น บทบาทของผเู้ รยี น บทบาทของผู้สอน เปน็ สำคัญ (Student as Active Learner) (Teacher as Facilitator) • มีการเรียนรู้ร่วมกันและต่างเคารพในความคิดของ • ผู้เรียนเป็นผู้สรุปเนื้อหาสาระและทำ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย (authentic assessment) ผสู้ อนและผ้เู รียนใหผ้ ู้เรยี นไดม้ ีปฏิสัมพันธท์ างสงั คม ความเขา้ ใจดว้ ยตนเอง • เป้าหมายของการสอนไม่ใช่ให้ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ให้กับผู้เรียน ด้วย แผนภาพ 3 แสดงแนวคิด หลักการ บทบาทของผู้เรียน และบทบาทของผู้สอนของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นสำคัญ แผนภาพดังกล่าวใช้แนวปฏิบัติของการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญที่มีผู้รู้ทางด้านการจัด การเรยี นการสอนบางท่านใชค้ ำย่อวา่ CIPPA โดยมีคำอธิบายประกอบดังน้ี ▪ Construct คือ การให้ผู้เรียนสร้างความรู้โดยกระบวนการแสวงหาข้อมูล ทำความเข้าใจ คิด วิเคราะห์ ตีความ แปลความ สรา้ งความหมาย วเิ คราะห์ข้อมลู และสรุปประเด็นข้อความร้ดู ้วยตนเอง ▪ Interaction คือ การให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน เรียนรู้จากกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลทาง ความคดิ และประสบการณแ์ กก่ นั และกนั ▪ Participation คือ การใหผ้ เู้ รยี นมีบทบาท / สว่ นรว่ มในการเรียนรู้ ▪ Process / Product คอื การให้ผู้เรยี นได้เรียนรูก้ ระบวนการควบคู่ไปกบั ผลงาน ▪ Application คอื การใหผ้ ู้เรยี นนำความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตจรงิ เพื่อให้เกดิ ความเขา้ ใจ ชัดเจนย่ิงข้ึน ขอขยายความเพ่มิ เตมิ เก่ียวกับการจดั การเรียนการสอนท่ีเนน้ ผู้เรียนเป็น สำคญั ว่า ครู อาจารย์ ผสู้ อนท่ที ำหน้าทีเ่ ปน็ ผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนการสอนจะมี บทบาทของการเป็น ผู้สังเกต (observer) เป็นผู้ตั้งคำถาม (questioner) เป็นผู้ให้การเสริมแรง (reinforcer) เป็นผู้สะท้อนความคิด (reflector) เป็นผู้สร้างบรรยากาศ (atmosphere organizer) เป็นผู้ประเมิน (evaluator) เป็นผู้ให้คำชื่นชม (appraiser) และเป็นพเี่ ล้ยี ง (coach/mentor) ดังแผนภาพตอ่ ไปนี้ Learner – Centered Approach Student as นักศกึ ษามสี ่วนร่วมในการดาํ เนนิ กจิ กรรมและสรา้ งความรูด้ ้วย Active Learner ตนเอง อาจารย์สรา้ งบรรยากาศ ช่วยเหลอื แนะนํา รับ ฟงั ความคดิ เห็น ใหก้ ารเสริมแรง ฯลฯ แผนภาพ 4 แผนภาพแสดงการจดั การเรยี นรทู้ เ่ี นน้ ผ้เู รียนเป็นสำคัญ หน้า 403
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นส่ปู กติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) จากแผนภาพ ครูอาจารย์ผู้สอนจะต้องทำความเข้าใจความหมายของ Student as Active Learner ให้ ตรงกันว่าผูเ้ รียนสามารถสรุปเนื้อหาสาระและสร้างความเข้าใจด้วยตนเอง จากการที่ผู้เรียนร่วมมอื กบั เพ่ือนในการสบื ค้นหาคำตอบและข้อความรู้จากบทเรียน โดยการรว่ มอภปิ ราย ร่วมนำเสนอ และสรุปขอ้ ความร้ทู ี่ได้รบั รว่ มกนั บทบาท ของผู้เรียนเปลี่ยนไปจากการเป็นผู้รับฟังอย่างเดียว (passive learner) มาเป็นผู้เรียนที่ร่วมกิจกรรมแสวงหาความรู้ (active learner) ตามท่ผี สู้ อนออกแบบไว้ ประสบการณ์ของการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต คณาจารย์และบุคลากรฝ่ายต่างๆของมหาวิทยาลัยมีการรับรูแ้ ละเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรยี น เป็นสำคัญว่า อาจารย์มีการปรับบทบาทจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ มาเป็นผู้อำนวยความสะดวกหรือเป็นผู้จัด กระบวนการเรียนรู้ (Facilitator) เปลี่ยนกระบวนการเรียนการสอนที่มุ่งบรรจุเนื้อหาให้ผู้เรียน (Input – Based Education) มาให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอนที่ใช้กิจกรรมและการลงมือปฏิบัติ เช่น การจัดการเรียน การสอนโดยใช้ปัญหาเปน็ ฐาน การจดั การเรียนการสอนโดยใช้กรณศี กึ ษา หรอื การจดั การเรียนการสอนโดยใช้โครงงาน เป็นฐาน รวมทั้งเทคนิควิธีการจัดการเรียนการสอนแบบต่างๆของอาจารย์ที่สามารถกระตุ้นให้นักศึกษาเกิดการคิด วิเคราะห์ สนใจสืบค้นสาเหตุของปัญหา และใช้แนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะแวดล้อมตัว นักศึกษาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง รวมทั้งเทคโนโลยีการ สื่อสารและการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัล (digital life) ทั้งนี้มหาวิทยาลัยยังได้มีมาตรการเสริมโดยจัดให้มีการมอบรางวัล เชิดชูเกียรติ “ดวงประทีปแห่งเกษมด้านการจัดการเรียนการสอน” เพื่อยกย่องชมเชยคณาจารย์ที่มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะ มีความมานะพยายามในการออกแบบและกำหนดการปรบั เปล่ยี นแนวทางการจัดการเรยี น การ สอนที่มุ่งใส่ความรู้ (Input – Based Education) ให้เป็นการจัดการเรียนการสอนแนวใหม่/การจัดการเรียน การสอนที่เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคญั ตอ่ เนอ่ื งมาถงึ การมอบรางวลั เชิดชูเกียรติ “ดวงประทปี แหง่ เกษมดา้ นการใช้เทคโนโลยี ในการจดั การเรยี นการสอน” ท่สี อดคลอ้ งกับสภาพการจัดการเรียนการสอนออนไลนใ์ นปัจจุบัน 2.2 การประเมนิ การเรียนรู้ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) การประเมินการเรียนรู้ตามสภาพจริงมุ่งมีการตีค่า (assessment) ผลที่ผู้เรียนได้รับจากประสบการณ์ จริง ด้วยวิธีการที่ผู้สอนและผู้เรียนทำงานใกล้ชิดร่วมกัน การตีค่าเน้นการสรุปผลด้วยการบรรยายเชิงคุณภาพ นอกเหนอื ไปจากการใหค้ า่ หรอื คะแนน การประเมินตามสภาพจรงิ ส่งเสรมิ และสอดคล้องกับสภาพการจัดการเรยี นการ สอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เนื่องจากการประเมินตามสภาพจริง เป็นการประเมินผู้เรียนรู้ทั้งด้านความรู้-ความคิด กระบวนการ และความรู้สึกจากส่ิงท่ีปฏิบตั ิจริง งานที่ทำจริง และงานนัน้ เหมือนงานในชวี ิตจริง เพื่อต้องการทราบว่า “ผู้เรียนทำอย่างไร” “ทำไมจึงทำเช่นน้ัน” และ “ผลที่เกิดขึ้นมีคุณภาพเพียงใด” ลักษณะการประเมินตามสภาพจรงิ จงึ เปน็ การประเมนิ ครบถ้วนทั้งดา้ นพทุ ธพิ ิสยั จติ พสิ ัย และทักษะพสิ ยั จากสงิ่ ที่ผเู้ รียนปฏิบัติจรงิ และงานที่ทำจริง ด้านระยะเวลาของการประเมินตามสภาพจริงนั้นการประเมินตามสภาพจริงเกิดควบคู่กลมกลืนไปกับ การจัดการเรียนการสอนทั้งก่อนการสอน ระหว่างการสอน และสิ้นสุดการสอน ผู้สอนต้องออกแบบการประเมินไป พรอ้ มกบั การวางแผนการจดั การเรียนการสอน โดยเฉพาะการประเมินออนไลน์อาจเป็นกิจกรรมการเรียนในห้องเรียน อาจเป็นกิจกรรมนอกห้องเรียน อาจเป็นงานที่กำหนดให้ทำนอกเวลาเรียนโดยอิสระ ผู้สอนต้องวางระบบก ารเก็บ หน้า 404
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) รวบรวมข้อมูล และออกแบบบันทึกผลการปฏิบัติของผู้เรียนสำหรับแต่ละงาน และออกแบบบันทึกผลสรุปรวมไว้ ล่วงหน้า ตวั อย่างหนึ่งของการประเมินตามสภาพจรงิ ของมหาวิทยาลยั เกษมบัณฑติ ใชอ้ ยใู่ นปัจจุบนั คือ การประเมิน เพอ่ื กำกบั คุณภาพการจดั การเรียนการสอน (Quality Monitoring System) เพื่อใหอ้ าจารย์ผู้สอนได้ขอ้ มลู ปอ้ นกลับท่ี อาจารย์สามารถนำมาใช้เป็นสารสนเทศในการปรับปรุงการจัดการเรียนการสอน โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาทุกคนมี ส่วนร่วมในการประเมินควบคู่ไปกับการจัดการเรียนการสอน ที่ยึดหลักของความเป็นกัลยาณมิตรระหว่างอาจารย์ ผู้สอนกับนักศึกษา การประเมินเพื่อกำกับคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แบ่งการ ประเมิน เปน็ 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ตน้ ภาคการศึกษา และระยะที่ 2 ปลายภาคการศกึ ษา การประเมนิ ระยะที่ 1 เรยี กวา่ QE (Quick Evaluation) กระทำในสปั ดาห์ที่ 3 ของภาคการศกึ ษา เป็นการ ประเมินเชงิ คุณภาพด้วยการสนทนากลุม่ เฉพาะ (Focus group) ระหวา่ งอาจารยก์ บั นกั ศกึ ษา ประเด็นทีป่ ระเมินไดแ้ ก่ การใช้วิธีการสอนที่เหมาะสมและเข้าใจได้ ความชัดเจนในการสอนและอภิปราย การยกตัวอย่างประกอบ การเปิด โอกาสให้มีการซักถามโตต้ อบ การทบทวนและสรปุ เนื้อหาท่ีสอนและการใหค้ วามสนใจและกำลังใจแก่นักศึกษา การประเมินระยะที่ 2 เปน็ การประเมิน On Line ของนกั ศกึ ษาทาง Internet กระทำการประมาณสัปดาห์ที่ 12 ของภาคการศึกษาเรียกว่า SE (Summative Evaluation) ใช้แบบวัดประเมิน “การรับรู้ของนักศึกษาเกี่ยวกับ ประสทิ ธิผลการเรยี นการสอน” (Students’ Perception of Teaching Effectiveness: SPTE_SE) แบง่ ประเด็นการ ประเมินเป็น 5 ตอน คือ การจัดการเรียนการสอนของอาจารย์ การสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในการสอน ปัจจัย เกื้อหนุนการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย ความพึงพอใจในภาพรวมและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม (รัญจวน คำวชริ พทิ ักษ,์ 2560) 3. คุณลักษณะทพี่ ึงประสงคข์ องครู อาจารย์ ผู้สอนยคุ ใหม่ ทิศทางของการจัดการเรียนการสอนเพื่อปรับเปลี่ยนการเรียนรู้สู่ปกติชีวิตวิถีใหม่ให้กับนักศึกษา มิอาจจะ เกิดขึ้นได้หรือสำเร็จผลจากการมีแนวนโยบายในการบริหารจัดการตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ หรือผลลัพธ์การ ผลิตนกั ศึกษาที่ตัง้ ไว้เท่าน้นั บุคคลสำคญั ที่จะทำใหก้ ารจดั การเรยี นการสอนสมั ฤทธิผ์ ลไดม้ าจากตวั ของครูอาจารย์และ บุคลากรทุกคนของมหาวทิ ยาลัย ครู อาจารย์ ผู้สอนยุคใหมจ่ ำเปน็ ต้องมกี ารเคลอื่ นไหว ปรบั ตวั ใหท้ นั และเรียนรู้ไปกับ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น การเคลื่อนไหวต้องเกิดขึ้นครบทั้งกระบวนการ เริ่มจากการปรับตัวของหลักสูตร การทบทวนการใช้กลยุทธ์การจัดการเรียนการสอน และต่อเนื่องมาถึงการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของครู อาจารย์ผ้สู อนให้เท่าทนั กบั การเปล่ียนไปในสังคมชวี ิตวถิ ใี หม่ ดังนี้ 3.1 กา้ วข้ามกำแพงคณะ/สาขาวชิ า เพื่อประโยชน์ของการพัฒนานักศึกษายุคใหม่ให้เกิดการเรียนรู้จริง รู้รอบด้านทักษะที่หลากหลาย และนำไปปฏิบัติในชีวติ จริงได้ ครูอาจารย์ยุคใหม่มคี วามจำเป็นต้องก้าวข้ามกำแพงระหว่างคณะวิชาและสาขาวิชา ใช้ หลักของการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ความรู้ข้ามศาสตร์ (Multidisciplinary) เพื่อนำประสบการณ์ อนั หลากหลาย (multi skill) ของคณาจารยใ์ หเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ นักศกึ ษามากท่ีสุด หน้า 405
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) การบรู ณาการการเรยี นการสอนข้ามศาสตร์ (Multidisciplinary) รายวิชา SMART KASEM (GEN 401) Learning Outcomes กิจกรรมการเรยี นการสอน/ สอื่ และเทคโนโลยีท่ใี ช้ ผู้สอน/ผรู้ ับผิดชอบ อาจารย์จาก SMART Life การวัดประเมนิ Facebook Live พร ้ อ ม ท้ั ง สำนักวิชาศึกษา นักศึกษามีความรู้ความสามารถในการใช้ส่ือ ปฏิบัติจริงผ่าน Microsoft ทวั่ ไป electronic ในการเรียน การลงทะเบยี นเรยี น ฯลฯ - การใช้สื่อ electronics ของ Team อาจารย์จาก สำนักวิชาศึกษา SMART Vision มหาวิทยาลัยในการวาง - Facebook Live ท่ัวไป นักศึกษาเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ เกิด - MS Team ความรสู้ ึกมุ่งมนั่ มีความสขุ กบั การเรยี น แผนการเรียน การ - Power Point อาจารย์จาก - Video Clip คณะนเิ ทศศาสตร์ SMART THINKING 1 : How to be the good สอน presenter MS.Team , Zoom อาจารย์จาก เรยี นรู้เกย่ี วกับการพดู นำเสนอ เพือ่ นำไปบูรณาการ - สุนทรียสนทนาระหว่าง การบรรยายเชงิ ปฏบิ ตั ิการ คณะจติ วิทยา ด้านต่างๆ ของผู้เรียน เช่น ด้านการเรียน ด้าน การค้า ดา้ นผดู้ ำเนินรายการ อาจารยก์ บั นักศึกษา - คลิปวิดีโอ อาจารย์จาก SMART Thinking 2 : Positive Thinking - Power Point คณะจิตวทิ ยา change your Life - การตั้งเป้าหมายให้กับชีวิต - แบบฝึกหัดโดยนักศึกษา 1) นักศึกษาเข้าใจวิธีการพัฒนาการคิดเชิงบวก และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้ การตั้งเป้าหมายในการเรยี น ส า ม า ร ถ Download เกดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและผ้อู นื่ ได้ เอกสารและส่งงานได้ใน 2) นักศึกษาสามารถสืบค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ - น ั ก ศ ึ ก ษ า เ ข ี ย น Self Microsoft Team เกี่ยวกับการคิดเชิงบวกจากแหล่งข้อมูลต่างๆ และ นำมาปรบั ใช้กบั ตนเองได้ Reflection - คลปิ วิดโี อ SMART Thinking 3 : Positive Thinking - Power Point change your Life - ศึกษากรณีศึกษาและ - แบบฝึกหัดโดยนักศึกษา 1) นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งเห็นถึง ประโยชน์และความสำคัญของการคิดเชงิ บวกที่มีต่อ แ ล ก เ ป ล ี ่ ย น ค ว า ม ค ิ ด เ ห็ น ส า ม า ร ถ Download ตนเองและผอู้ ่ืน เอกสารและส่งงานได้ใน 2) นักศึกษาสามารถวิเคราะห์ความเหมือนและ ร่วมกันในช้นั เรียน Microsoft Team ความแตกต่างของการคิดเชิงบวกกับการคิด ประเภทอนื่ ได้ - นำเสนอการพูด ตามความ 3) นักศึกษาเข้าใจองค์ประกอบของการคิดเชิงบวก และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้ สนใจของตนเอง เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและผอู้ นื่ ได้ - ใหผ้ ู้เรยี นออกแบบการ พัฒนาการคิดเชงิ บวกของ ตนเอง - กจิ กรรมมอื เขียนภาพ - กจิ กรรม 3 คำสกู่ ำลังใจ -เล่าเร่อื งผา่ น Clip -สรุปความหมายของ Critical Thinking -การคิดสร้างสรรค์ -การคดิ เชงิ บวกการฝกึ ตัง้ คำถาม หน้า 406
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) Learning Outcomes กิจกรรมการเรียนการสอน/ สอื่ และเทคโนโลยที ่ใี ช้ ผสู้ อน/ผู้รับผิดชอบ การวัดประเมิน SMART Thinking4 : Critical Thinking, - บรรยาย อภปิ ราย รว่ มกับหา - เ อ ก สาร ปร ะ กอ บการ อ า จ า ร ย ์ จ า ก Analytical Thinking เหตุผลเพ่ือนำไปสู่ข้อสรุปท่ี บรรยายและเกม upload คณะนเิ ทศศาสตร์ นกั ศึกษามีความรู้ความเขา้ ใจในขอ้ มูลข่าวสารอย่าง ถูกตอ้ ง ไวท้ าง Microsoft Team เป็นระบบสามารถคิดวิเคราะห์และสรุปประเด็นบน - ใช้เกมฝึกคิดวิเคราะห์ด้วย พื้นฐานของเหตุผลที่ถูกต้อง และมีทักษะการใช้ การให้นกั ศกึ ษาฝกึ ต้ังคำถาม เทคโนโลยีค้นคว้าหาข้อมูลที่ถูกต้องได้อย่าง - การใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ เหมาะสมและสร้างสรรค์ป้องกันอันตรายจาก ตรวจสอบข่าวบิดเบือน/ข่าว Fake News ที่ไมค่ วรเช่อื ถือ SMART Meditation : Meditation for - บรรยายใหค้ วามรเู้ บื้องต้น - Clip Video นักศึกษาใช้ อ า จ า ร ย ์ จ า ก Happiness and Success - ชมคลิป สมาธิแก้ปัญหาโรค สมาธิแก้ความซึมเศร้า สำนักวิชาศึกษา นักศึกษาเข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่น ควบคุมความคิด ซมึ เศร้า - Clip Video ความรู้และ ทว่ั ไป อารมณ์ตนเองได้ - ให้นักศึกษาฝึกสมาธิผ่าน ประโยขน์สมาธิ ออนไลนร์ ่วมกบั ผูส้ อน - เอกสาร Power Point - ถามและตอบปัญหาด้าน - เอกสาร PDF ความคดิ อารมณ์ ทัศนคติ Learning Outcomes กจิ กรรมการเรยี นการสอน/ ส่ือและเทคโนโลยีทีใ่ ช้ ผ้สู อน/ การวดั ประเมิน ผ้รู ับผิดชอบ SMART Thainess 1 - บรรยาย สอบถาม - โปรแกรม Microsoft อ า จ า ร ย ์ จ า ก นักศึกษาเข้าใจความหมาย ความสำคัญของ - ส่งคลิปการยืน เดิน ไหว้ Team หรอื Zoom สถาบันพัฒนา บุคลิกภาพเข้าใจการแต่งกายตามกาลเทศะ น่งั - MS Power Point บุคลากรการบิน และแสดงออกด้วยการยืน เดิน นั่ง และไหว้ - ทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ Google Form อย่างถูกต้อง รวมทั้งกิริยามารยาทใน (แบบทดสอบออนไลน์) สังคมไทย SMART THAINESS 2กิริยามารยาท การ - บรรยาย/สาธิต - คลปิ วดิ ีโอ อาจารย์จาก เข้าสังคมและการรับประทานอาหาร - PowerPoint คณะศิลปศาสตร์ ตะวันตก แบบฝึกหัดโดย นักศึกษามีความรู้กิริยามารยาทในการเข้า นักศึกษาสามารถ สังคม และมารยาทการรับประทานอาหาร Download เอกสาร ตะวันตก และส่งงานได้ใน Microsoft Team SMART Environment/ SMART - บรรยายสถานการณ์และ - เอกสารประกอบการ อ า จ า ร ย ์ จ า ก Citizen ปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมท้ัง บรรยายและใบงาน สำนักวิชาศึกษา แนวทางการแก้ไข ท่วั ไป หน้า 407
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกติวิถีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) นักศึกษาสามารถวิเคราะห์ปัญหาทางด้าน - ก า ร ว ิ เ ค ร า ะ ห ์ ป ั ญ หา upload ไว้ทาง MS สิ่งแวดล้อม และข้อเสนอแนะในการจัดการ ส ิ ่ ง แ ว ด ล ้ อ ม แ ล ะ ก า ร Team สิ่งแวดล้อมในมหาวิทยาลัย/ที่พักอาศัย/ จัดการปญั หาส่ิงแวดล้อม - สร้างโฟลเดอรส์ ่งงาน ชุมชน สำหรบั นกั ศึกษา SMART Wealth : ความพอเพียง บัญชี - กำหนดเปา้ หมายชีวติ - โปรแกรม Zoom อ า จ า ร ย ์ จ า ก ชวี ติ การบรหิ ารจัดการชีวติ - ทำบัญชีชีวิต 1 อาทิตย์ - Clip Video สำนักวิชาศึกษา นักศึกษาวางแผนการดำเนินชีวิตบนพื้นฐาน (ลขิ ิตตนเอง) - ชีวิต 800 ทว่ั ไป ของความพอเพยี ง - เคล็ดลับเก็บเงนิ แผนภาพ 5 การบูรณาการเรยี นการสอนขา้ มศาสตร์ (Multidisciplinary) รายวชิ า SMART KASEM จากแผนภาพ คณาจารย์ผู้สอนรายวิชา Smart Kasem (Gen 401) อันเป็นรายวิชาศึกษาทั่วไปที่มีเนื้อหา สาระหลักแบบบูรณาการที่ใช้ Multi skill ของคณาจารย์ผู้สอน มีการใช้ความรู้ข้ามศาสตร์ ของคณาจารย์ต่างคณะ วชิ า/ตา่ งสาขาจากศาสตรต์ ่างๆ ไม่ว่าจะเปน็ คณะศิลปศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ คณะจติ วทิ ยา สถาบนั พัฒนาบุคลากร การบิน และคณาจารย์ของสำนักวิชาศึกษาทั่วไปมาร่วมกันรับผิดชอบจัดการเรียนการสอนรายวิชา Smart Kasem เพ่อื ให้นักศกึ ษาเกดิ Learning Outcomes ตามเปา้ ประสงค์ของรายวชิ า (สำนักวิชาศกึ ษาทั่วไป, 2563) 3.2 การเตรียมพรอ้ มเพอื่ รับมอื กับการพลกิ ผนั ทางเทคโนโลยี อทิ ธิพลของการเตบิ โตของเทคโนโลยี โดยเฉพาะการผลกิ ผนั ทางเทคโนโลยี (สรนติ ศลิ ธรรม, 2564) ที่ เปน็ ไปอย่างรวดเรว็ ทำใหร้ ูปแบบการจดั การเรียนการสอนจำเปน็ ต้องมีการปรับเปล่ียนรวดเรว็ ขนึ้ การศึกษาออนไลน์ นับเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการจัดการศึกษายุคนี้ การทำ MOOC หรือ Massive Open Online Course เกิดขึ้นในหลายๆมหาวิทยาลัย การเรียนออนไลน์บางส่วนหรือเต็มรูปแบบ เรียนเฉพาะคอร์สที่สนใจ ขึ้นอยู่กับการ ตัดสินใจและเป็นทางเลือกของนักศึกษายุคนี้ ครู/อาจารย์ยุคดิจิทัลต้องมีการปรับตัวและรับมือการพลิกผันทาง เทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีดจิ ิทัลทางการศึกษา แม้แตค่ ร/ู อาจารย์สถาบันอดุ มศึกษาที่อยรู่ ะหว่างเชือ่ มตอ่ ยคุ สมยั ทางเทคโนโลยีที่ไม่ได้ศึกษามาทางด้านคอมพิวเตอร์โดยตรงก็ไม่ควรหลีกเลี่ยงและควรพัฒนาตนเองให้มีความรู้และ ประสบการณ์เทคโนโลยีดิจิทลั ให้เท่าทนั กบั การจัดการเรียนการสอนในชีวติ วิถีใหม่ เพอ่ื ประโยชน์ของนักศึกษาท่ีอยู่ใน ความรบั ผดิ ชอบของตน สำหรับอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตที่ไม่ได้ศึกษามาทางด้านคอมพิวเตอร์โดยตรงและต้องการ พัฒนาตนเองให้มีความรู้และประสบการณ์เท่าทันกับการเรียนการสอนในชวี ติ วิถีใหม่ มหาวิทยาลยั โดยฝ่ายทรพั ยากร บคุ คลและคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไดจ้ ดั ให้มกี ารอบรม/แลกเปลย่ี นเรียนรู้เพื่อพฒั นาการจดั การเรียนการสอน แบบออนไลน์ เป็นรุ่นๆ รุ่นละ 20 – 27 คน ภายใต้หัวข้ออบรม เช่นหัวข้อ Content Management เพื่อการสอน ออนไลน์ การวัดประเมินผลผ่านการสอนออนไลน์ โดยยังคงยึดมั่นกับหลักการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งให้นักศึกษา เกิดการเรียนรู้จากการปฏิบัติ โดยมีอาจารย์เป็นผู้ดูแลให้คำปรึกษาและเป็นผู้เอื้ออำนวยความสะดวก (facilitator) นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนด้านเทคโนโลยีดิจทิ ัลที่เปลี่ยนผ่านสู่ปกติวิถีใหม่ที่เกิดขึ้น กระตุ้นให้เกิดการบูรณา การและการให้ความช่วยเหลือร่วมมือกันทั้งระหว่างอาจารย์ในสังกัดคณะวิ ชาเดียวกันและอาจารย์ที่สังกัดคณะวิชา หนา้ 408
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ต่างกัน ภายใต้บรรยากาศทางวิชาการใหม่ๆ ระหว่างอาจารย์ที่มีวัยวุฒิและอาวุโส กับอาจารย์รุ่นใหม่ที่มีทักษะและ ประสบการณ์ด้านการใชส้ อ่ื ออนไลน์ แม้ว่าการจัดการเรียนการสอนด้วย Online เต็มรูปแบบหรือ On line ผสมผสานเป็น Hybrid Curriculum อาจทำให้เกิดภาระกับการเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นภาระที่นำไปสู่การพัฒนาที่น่าชื่นชมที่เกิดขึ้นในวงการ อุดมศึกษา ที่อาจารย์ต้องมีการเคลื่อนไหวปรบั ตัวกับนวัตกรรมในชั้นเรียน ไม่ว่าจะเป็นการใช้โปรแกรม Quiz การใช้ เครื่องมอื live การเตรยี มการใหม้ ี social group เพ่อื ให้นกั ศกึ ษาทุกคนมีสว่ นรว่ ม การบนั ทึก Video สำหรับนกั ศกึ ษา ที่อยู่ในรูปของ Video File การใช้เครื่องมือ On line ในการประเมินเพื่อการพัฒนาความก้าวหน้าของนักศึกษาตาม แนวคิดหลักการของ Formal Formative Evaluation ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญของการ พัฒนานักศึกษาสู่ชีวิตวิถีใหม่ด้วย digital learning ทั้งนี้ทั้งนั้นในการเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน มหาวทิ ยาลัยเกษมบณั ฑติ นอกจากอาจารย์ของมหาวิทยาลัยจะอยใู่ นสายตาและไดร้ บั การสนับสนนุ ช่วยเหลอื ด้านการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์โดยมหาวิทยาลัย เกษมบัณฑิตได้จัดเตรียมให้ศูนย์ E- Learning เป็นหน่วยงานสนบั สนุนให้ความช่วยเหลือ เตรียมพร้อมทั้งการจดั เตรียมห้อง จัดเจ้าหนา้ ที่เทคนิคพร้อมให้ ความชว่ ยเหลอื กับคณาจารย์ท่ตี ้องเผชิญกับการเปลย่ี นแปลง และปรบั ตวั ให้เขา้ กับความเปลย่ี นแปลงและพลิกผันของ เทคโนโลยตี ามเหตกุ ารณ์และยคุ สมยั 3.3 การมีกรอบคิดเติบโต (Growth Mindset) ของคร/ู อาจารยผ์ ูส้ อน คุณลักษณะของการเป็นผู้มี Growth Mindset ของอาจารย์ผู้สอน (ศูนย์พัฒนานวตั กรรมการเรียนการ สอน, 2563) ที่ระบุว่า Growth Mindset เป็นกรอบความคิดความเชื่อในแนวทางของการนำไปสู่การสร้างสรรค์ อาจารยผ์ ้สู อนทีม่ ี Growth Mindset จะพิจารณาตัดสนิ ไดจ้ ากพฤติกรรมทปี่ รากฏ ตวั อยา่ งพฤตกิ รรมของอาจารย์ท่ีมี Growth Mindset คอื ผ้ทู ี่เช่ือว่าการเรียนรู้เป็นสงิ่ ทา้ ทายและก่อให้เกดิ การพฒั นา ไม่หวัน่ ไหวต่อการเปลี่ยนแปลง ให้ ความสำคัญกับการติดตามและประเมนิ ตนเองและนักศกึ ษา เพอ่ื นำมาเป็นขอ้ มลู ประกอบการปรับปรุงและพัฒนางาน การจัดการเรียนการสอน Growth Mindset เป็นปัจจัยทำให้อาจารย์เกิดความรู้สึกสนุกสนานและรู้สึกท้าทายกับ ประสบการณ์จากการปรับตัวในการใช้รูปแบบการสอนใหม่ๆ โดยเฉพาะการสอน On Line เปิดโอกาสให้เกิด ปฏิสัมพันธ์และบูรณาการวิธีสอนระหว่างอาจารย์ในคณะเดียวกันหรือต่างคณะกัน อาจารย์สามารถปรับตัวให้อยู่กับ ความเปลี่ยนแปลงที่เป็น new normal โดยเฉพาะ desirable new normal ของการจัดการเรียนการสอน ระดบั อดุ มศึกษา สรุป สถานการณ์รอบตัวที่เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคปกติวิถีใหม่นำมาสู่ความจำเป็นในการปรับ กระบวนทัศน์การเรียนรู้สำหรับนักศึกษาให้เป็นบัณฑิตที่สามารถปรับตัวเข้ากับยุคใหม่และอ ยู่รอดได้ด้วยการสร้าง มูลค่าเพมิ่ ทางเศรษฐกจิ จากการให้ความสำคญั การจัดการเรียนการสอนที่เน้นสมรรถนะและทกั ษะแทนการให้ความรู้ เพียงอย่างเดียว การใช้กลยุทธ์การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญรวมทั้งมีการก้าวข้ามกำแพงกั้นระหว่างคณะและ สาขาวิชาที่จะถูกทลายลง เพื่อเปิดโอกาสให้อาจารย์นำ multi skill ของตนไปพัฒนาสมรรถนะที่พึงประสงค์ให้กับ นกั ศึกษา การออกแบบหลักสตู รและการใชก้ ลยุทธก์ ารจดั การเรียนรทู้ สี่ ง่ เสริมและสอดคล้องกบั การผลิตบณั ฑิตยคุ ใหม่ ที่มีการวางแผนการเรียนและแผนการทำงานกระทำควบคู่กันไป การเรียนรู้ของนักศึกษายุคใหม่อาจจะเกิดขึ้นใน หนา้ 409
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ห้องเรียน อาจจะเกิดขึ้นนอกห้องเรียน และการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกช่วงวัยของชีวิต สถาบันอุดมศึกษาสามารถใช้การ บริหารจดั การเตรยี มพร้อมให้กบั นักศึกษาก้าวสชู่ ีวติ วิถใี หมท่ ่ีมีคณุ ภาพดว้ ยการออกแบบหลักสูตรการจัดการเรียนการ สอนที่เน้นสมรรถนะ การใช้กลยุทธ์การเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นผู้ลงมือปฏบิ ตั ิ รวมทั้งความพร้อมในการรับมือและพัฒนาตนเองของคณาจารย์ที่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่เกิดขึ้นใน ปกติวถิ ใี หม่ ขอ้ ความรู้ทีก่ ล่าวมาข้างต้น นบั เปน็ ปัจจยั พ้ืนฐานสำคญั ทสี่ ามารถเอื้ออำนวยขบั เคลือ่ นให้การปรับเปล่ียน กระบวนทศั น์การเรียนร้สู ่ปู กตวิ ิถใี หมส่ ำหรับนกั ศกึ ษาเกดิ ข้นึ ไดจ้ รงิ และเป็นไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย เนือ่ งจากการปรับเปลีย่ นกระบวนทัศน์การเรียนร้สู ำหรับนักศึกษาจะเกิดขึ้นไดจ้ รงิ ตามหลักการ แนวคิดของ การบูรณาการการจัดการเรียนการสอน ทั้งการบูรณาการภายในวิชา (Interdisciplinary) หรือบูรณาการเชื่อมกับ ศาสตร์ต่างๆทเ่ี กี่ยวขอ้ ง (Multidisciplinary) กระบวนการทำงานที่มีประสทิ ธิภาพเกดิ ขนึ้ ได้ จากความร่วมความเข้าใจ และการให้ความร่วมมือจากบุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นการจัดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นิเทศติดตามผล รวมทง้ั แกไ้ ขปัญหาอปุ สรรคที่เกดิ ขน้ึ ของบุคลากรทางการศกึ ษาทกุ ฝ่ายท่ีเก่ยี วขอ้ งจะเปน็ ปัจจัยรว่ มกนั สง่ ผลใหเ้ กิดการ ปรับเปล่ียนกระบวนทศั น์การเรียนรู้สำหรับนกั ศกึ ษาเกดิ ข้นึ ไดจ้ รงิ และดำเนินไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ 2. ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ อาจารย์ผู้สอนและบุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ควรร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ การเรียนรู้สำหรับนักศึกษาร่วมกันในรูปของทีมงาน การวางแผน การจัดโครงสร้างรายวิชา การจัดทำแผนการเรียน การสอน การวัดและประเมินผล รวมกระทั่งถึงการเผยแพร่ข้อความรู้ในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์การเรียนรู้ สำหรับนักศึกษาในรูปของคู่มือ เอกสาร หรือการเผยแพร่ผ่านทางดิจิทัล เพื่อให้เกิดประโยชนใ์ นวงวิชาการอดุ มศึกษา แพร่หลายย่ิงขึน้ เอกสารอ้างองิ .มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาต่างๆ. (2564.) หลักสูตรฐานสมรรถนะ. จาก: http://www.cvc- cha.ac.th/cvcsite/docs/fileupload/1559667319_file.pdf/ สบื คน้ 11 มกราคม 2564. รัญจวน คำวชิรพิทักษ์. (2560). มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตกับการผลิตบัณฑิตขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0. เอกสาร ประกอบการประชุมวิชาการเครือข่ายพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทย เขตภาคกลาง เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2560 ณ มหาวิทยาลัยเกษมบณั ฑติ ศูนย์พัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต. (2563). Growth Mindset (กรอบคิดเติบโต) จำเป็นอยา่ งไรกับการสอนออนไลน์. มหาวิทยาลยั เกษมบณั ฑิต. สรนิต ศิลธรรม. (2564). มหาวิทยาลัยไทย ปรับตัวอย่างไร การศึกษาในยุค Technology Disruption. จาก: https://yimwhanfamily.com/ สบื ค้น 11 มกราคม 2564. หนา้ 410
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สำนักเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2561) มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ.2561. ออนไลน์ จาก https://cadt.dpu.ac.th/upload/content/files.pdf. สบื คน้ 12 มกราคม 2564. สำนักวชิ าศึกษาทัว่ ไป มหาวทิ ยาลยั เกษมบัณฑติ . (2563) โครงสรา้ งหลกั สูตร/รายละเอยี ดของรายวิชาศึกษาท่วั ไป ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2563. เอกสารอดั สำเนา. หนา้ 411
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสปู่ กตวิ ิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) การบริหารการจดั การเรยี นรู้แบบมสี ว่ นร่วมตามแนวทางอะคติ ะ โมเดล ของโรงเรยี นในสังกดั สำนกั งานเขต พ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษานนทบุรี เขต1 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Participative Learning Management According to Akita Model of the Basic Schools in Nonthaburi Primary Education Service Area Office 1 นางอานุชรา ใจปัญญา วทิ ยาลัยครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธุรกิจบัณฑติ ย์ E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสภาพการบริหารการจัดการเรียนรู้ เปรียบเทียบการบริหารการ จดั การเรยี นรู้ เปรยี บเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติขน้ั พนื้ ฐาน (O-NET) ตามแนวทางอะคติ ะ โมเดล และศึกษาข้อเสนอแนะและแนวทางการบริหารการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ของโรงเรียนในสังกัด สำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษานนทบรุ ี เขต1 ตัวอยา่ งในการวจิ ัย คือ โรงเรยี นประถมศกึ ษาสังกัดสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษานนทบรุ ี เขต 1 จำนวน 32 โรงเรียน ผู้ให้ข้อมูลคือ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน/หัวหน้ากลุ่มสาระฯและผู้ปกครองหรือตัวแทน คณะกรรมการสถานศึกษา ในโรงเรียนสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 ปีการศึกษา 2562 จากจำนวนโรงเรียนทั้งหมด 32 โรงเรยี น เครื่องมอื ทใ่ี ชใ้ นการวิจยั คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถติ ิทใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู คือ คา่ ความถี่ ค่าร้อยละ คา่ เฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที ค่าความแปรปรวนทางเดยี ว และการวิเคราะหเ์ นือ้ หา ผลการวิจยั พบว่า 1. การบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขต พ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษานนทบรุ ี เขต1 พบว่า ภาพรวมมีการบรหิ ารการจัดการเรียนรแู้ บบมสี ว่ นร่วมตามแนวทาง อะคิตะ โมเดล อยู่ในระดับดี เมื่อพิจารณาจาก องค์ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดลทั้ง 6 ด้าน คือ สมรรถนะของครูผูส้ อน การใช้สือ่ และเทคโนโลยีการจัดการเรียนรู้ การขับเคลื่อนของผ้บู ริหาร ของโรงเรยี น ครผู สู้ อน ศกึ ษานิเทศกแ์ ละบุคลากรทางการศกึ ษา ความรว่ มมือของหน่วยการศึกษที่เกี่ยวข้อง ด้านการ ขับเคลื่อนของผู้บริหารของโรงเรียน ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์และบุคลากรทางการศึกษา และด้านความเข้มแข็ง คณะกรรมการสถานศกึ ษา โดยมีกระบวนการที่มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ทั้ง 5 ด้าน ดังนี้ ด้านการวางแผน ด้านการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ การนิเทศการจัดการเรียนรู้ การสะทอ้ นคดิ และการตดิ ตาม และประเมนิ ผล หนา้ 412
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 2. เปรียบเทียบขนาดของโรงเรียนในการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ของโรงเรียนในสังกดั สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 พบว่า โรงเรียนในสังกัดสำนกั งานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบรุ ี เขต1 ที่มีขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีการบริหารการจัดการเรียนรู้ แบบมสี ่วนรว่ มตามแนวทางอะคิตะ โมเดล แตกต่างกันอย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ .05 3. การทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตพิ ื้นฐาน (O-NET) พบว่า โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษานนทบุรี เขต1 มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติพื้นฐาน (O-NET) สูงกว่าระดับประเทศ กับ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ พื้นฐาน (O-NET) ต่ำกว่าระดับประเทศ มีการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล แตกตา่ งกัน อยา่ งมนี ยั สำคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .05 4. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมสี ว่ นร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล พบว่า ครู ในโรงเรียนขาดการมีส่วนร่วมในการวางแผนดา้ นการบรหิ ารจัดการเรียนรู้ ครูขาดสมรรถนะที่ดีกระตุ้นให้นกั เรียนได้ คิดได้ด้วยตนเองและเปิดโอกาสให้นักเรยี นได้ซักถาม และขาดความรู้ ความเชย่ี วชาญเฉพาะทางดา้ นทกั ษะการสื่อสาร ที่ดี ใช้สื่อและเทคโนโลยี นำเข้าสู่การจัดการเรียนรู้ นอกจากนี้ควรมีการสนับสนุนการขับเคลื่อนงานของผู้บรหิ ารของ โรงเรียน ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์และบุคลากรทางการศึกษา และความร่วมมือของหน่วยงานการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ท่ี สง่ ผลดีตอ่ การบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมสี ว่ นร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล คำสำคญั : การบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม , อะคิตะ โมเดล (AKITA MODEL) ,องค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้ ตามแนวทางอะคิตะ โมเดล(AKITA MODEL) ,กระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางอะคิตะ โมเดล (AKITA MODEL),ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขัน้ พ้นื ฐาน (O-NET), โรงเรยี นในสังกัดสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษานนทบุรี เขต 1 ABSTRACT This research aimed to examine the state of learning management, to compare the learning management, to compare the result of Ordinary National Education Test according to Akita Model and to approach in the strengthening achievement of learning management according to Akita Mode for the Schools in Nonthaburi Primary Education Service Area Office 1. The sample used in the study were 32 primary schools in Nonthaburi Primary Education Service Area Office 1. The informants are School director, teachers, the head of department, Parents or the committee of school. The data were collected by questionnaires and interviews, and then analyzed by frequency, percentage, mean, standard deviation, variance t test, one- way ANOVA and contact analysis. หน้า 413
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) The finding found that: 1. The participative learning management according to Akita Model of the schools in Nonthaburi Primary Education Service Area Office 1 was at high level overall. The high average value started from the participative learning management according to Akita Model. Therefore, there are six aspects of the factor in Learning Management According to Akita Model as follow; the capacity of teachers, the demonstration for learning media and learning technology, the supporting from school director, teachers, educational supervisor and educational officer and the strength point of the school committee. Moreover, the components of Procedure of Participative Learning Management According to Akita Model are included planning, managing the learning activity in the classroom, supervising of the learning management, reflexing of learning management, and evaluating respectively. 2. The comparison showed the school sizes had different aspects in Participative Learning Management According to Akita Model of the schools in Nonthaburi Primary Education Service Area Office 1 in aspect with statistical significant level at 0.05. 3. The school obtaining higher score in O-NET test had different enforcement in the Participative Learning Management According to Akita Model from the schools in Nonthaburi Primary Education Service Area Office 1 with statistical significant level at 0.05. 4. The way to strengthen the Participative Learning Management According to Akita Model of the schools in Nonthaburi Primary Education Service Area Office 1; teachers’ lack of the Participative Learning Management, teachers’ lack of the capacity to stimulate the students’ critical thinking. Moreover, technology should be recruited with well-organization, good communications are provided to the students. Nevertheless, the school director should be supported overall learning media and learning resources. The strength point of the Participative Learning Management According to Akita Model is significant aspect for learning management in the future. KEYWORDS: Participative Learning Management, AKITA Model, Factor in Learning Management According to Akita Model, Procedure of Participative Learning Management According to Akita Model, The result of Ordinary National Education Test (O-NET), School in Nonthaburi Primary Education Service Area Office 1 บทนำ การพัฒนาการศึกษามีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตปัจจุบันที่มีการ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 การเปลี่ยนแปลงในด้านการศกึ ษาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ ทั้งสถานศึกษาและผู้ที่มีอำนาจในการบริหารจัดการองค์การด้านการศึกษาต้องมีความพร้อมกำหนดนโยบาย เป้าหมาย หนา้ 414
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) และวิสัยทศั นท์ ี่ชัดเจน ก้าวไปสกู่ ารเปลย่ี นแปลงทางด้านการศกึ ษามีผลกระทบต่อสภาพความเปน็ ครูและการดำเนินชีวิต ของแต่ละบุคคล (สุมาลี สังข์ศรี, 2556, น.8) การจัดการศกึ ษายอ่ มจะช่วยขับเคลือ่ นใหก้ ารบริหารจัดการศึกษาดำเนิน ไปตามความต้องการของผู้ปกครองและชุมชน ช่วยให้สถานศึกษาได้รับการยอมรับจากชุมชน ชุมชนรักและหวงแหน สถานศึกษาซึ่งส่งผลให้ผู้ปกครองและชุมชนสนับสนุนทรัพยากรการศึกษาและให้ความ ร่วมมือกับสถานศึกษาในการ ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ด้วยความเต็มใจ ช่วยพัฒนาการศึกษาให้ตอบสนองความต้องการของท้องถิ่น ผู้ปกครองย่อม ภาคภมู ใิ จท่ไี ด้สอนให้บตุ รหลานมีองค์ความรู้เพม่ิ ขนึ้ และมคี วามเคารพและนับถือในตวั ผปู้ กครองเพ่มิ มากข้นึ การจัดการเรียนรู้แบบเครือข่ายการมีส่วนร่วมของชุมชนมีการดำเนินงานสืบเนื่องมาจากความคิดเห็นและ ความต้องการในการจัดการเรียนรู้ของชุมชนได้อย่างเหมาะสม (วรากรณ์ สามโกเศศ และคณะ, 2553, น.17) จากผล การศึกษาระบบการศึกษาทางเลือกที่เหมาะสมกับสุขภาวะของคนไทย พบว่าเป็นการศึกษาทีค่ ำนึงถึงการมีส่วนร่วม ของประชาชน ที่เชื่อมโยงกันอย่างตอ่ เน่ืองท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จน ตลอดชีวิตเป็นการศึกษาจากฐานรากที่ฟังเสียงประชาชน (พิณสุดา สิริธรังศรี, 2555, น.1) การจัดการเรียนเรียนรู้ใน สถานศึกษาที่ต้องเชื่อมโยงตามหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดอย่างเคร่งครัดและสอดแทรกหลักสูตร การศึกษาเพื่อบูรณาการการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและถูกต้องตามแนวทางปฏิบัติทุกด้านเพื่อคงรักษา มาตรฐานคุณภาพการศึกษาที่มีคุณภาพ และส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (The Twenty-first century 21’s skill) การบริหารจัดการภายในสถานศึกษาเป็นปัจจัยทีส่ ำคัญในการสง่ เสริมขวัญ กำลังใจของครูใหม้ ีแรงขบั ใน การปฏบิ ตั ิหนา้ ท่อี ย่างเต็มความสามารถ สถานศกึ ษาที่จะประสบความสำเรจ็ ในการบรหิ ารจัดการ ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ต้องมีภาวะผู้นำ บทบาทของผู้นำที่เน้นการส่งเสริม การเปลี่ยนแปลง การสนับสนุนและเสนอแนะแนวทางที่ดีในการ ปฏิบัติงาน การสนับสนุน ค้ำจุน ชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ โดยเน้นการส่งเสริมผู้นำร่วม (Hord, 2003, p.42) การ พัฒนาศักยภาพบุคลากรผ่านชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ การให้คำปรึกษา และอำนวยความสะดวก การนิเทศติดตาม ชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ การยกย่องชมเชยสู่การพัฒนางานวิชาการสู่ความเป็นเลิศและการสร้างอิทธิพลต่อ ผู้ใตบ้ งั คับบญั ชาในการสง่ เสรมิ ชุมชนการเรยี นรวู้ ิชาชีพและไดร้ ับการพัฒนาอย่างต่อเน่อื ง การบริหารการจัดการเรยี นรตู้ ามแนวทางอะคิตะ โมเดล ของจงั หวัดอะคิตะ ประเทศญี่ปนุ่ ท่เี น้นการมีส่วน ร่วมในการร่วมวางแผน ร่วมดำเนินการ ร่วมประเมินผล ร่วมแก้ไขปัญหา ถือเป็นการจัดการการเรียนรู้ที่น่าสนใจ และจดุ เด่นเฉพาะตัว การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางอะคิตะ โมเดล หรือ Akita Model เป็นการจัดการเรียนรู้ของเมือง อะคิตะ ประเทศญปี่ ุ่น ที่เกิดขึน้ เมอ่ื ปี ค.ศ. 2000 หลังจากเกดิ ปรากฏการณ์ PISA Shock เปน็ ภาวะตกต่ำของการประเมินของ PISA (Program for International Student Assessment: PISA) ในปรากฏการณ์นี้ทำให้ประเทศญี่ปุ่นหาแนวทาง ในการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในศตวรรษที่ 21 โดยเมืองอะคิตะ ประเทศญี่ปุ่น มีการ พัฒนาการจัดการ เรียนรู้ โดยประยุกต์การเรียนรู้แบบสืบเสาะ (Inquiry based Learning) ร่วมกับแนวคิดในการ พัฒนาการเรียนรู้ เชิงรุกและจากผลการสำรวจตามแนวทางการประเมินของ PISA กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาและ มัธยมตอนต้นใน ประเทศญี่ปุ่น ที่เริ่มทําใน คศ. 2007 จนถึง ค.ศ. 2016 พบว่า จังหวัดอะคิตะ ประเทศญี่ปุ่น มี ผลสัมฤทธิ์ด้านการเรียนอยู่ในระดับสูงสุดของประเทศ โดยเฉพาะความสามารถในการประยุกต์ใช้ของนักเรียน (สำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา, 2561, น.2) หนา้ 415
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา จึงร่วมกับ คณะวิจัยของวิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ไดศ้ กึ ษาแนวทางการจัดการเรียนร\"ู้ อะคิตะ โมเดล\" (Akita Model) ซึ่งถือเป็นรปู แบบการจัดการเรยี นการเรยี นรู้เชิงรุก ของจังหวัดอะคติ ะ ประเทศญี่ปุ่น ที่เน้นให้เด็กไดร้ ู้จกั คิดบนพ้ืนฐานของความสงสัย ต่อยอดการคิดวเิ คราะห์แก้ปัญหา คณะกรรมการการศึกษาจังหวัด อะคิตะ ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้โครงการความร่วมมือวิจัยระดับนานาชาติกับ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ภายใต้ชื่อ “ International Exchange Project on Akita Education Method: Global Method Join Development Project” โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเผยแพร่การจัดการเรียนรู้อะคิตะ โมเดล ในระดับนานาชาติ 2) เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้อะคิตะ โมเดลของคณะกรรมการการศึกษาจังหวัดอะคิตะ ประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย 3) เพ่อื ใหบ้ รรลุเปา้ หมายการจัดการเรียนรตู้ ามแนวทางอะคติ ะ โมเดล แบบมีส่วนร่วม ของคณะกรรมการการศึกษาจังหวัดอะคิตะ ประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2559 โดยทดลองใน โรงเรียนนำร่องในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรีเขต 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาเขต 3 และสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร รวม 4 โรงเรยี น ในระดบั ประถมและมัธยมตน้ ไดแ้ ก่ โรงเรยี น ประชาอุปถัมภ์ โรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ โรงเรียนราชมนตรี และโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ โดยการจัดการ เรียนรตู้ ามแนวทางอะคิตะ โมเดล ถอื เป็นการปรับรูปแบบการจัดการเรียนรู้และพัฒนาวิธีการดำเนินงานของครูผู้สอน จะเปน็ บทเรียนที่สำคัญในการนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมของโรงเรยี น นักเรยี น และคณุ ครู โดยไม่ได้มุ่งเน้นด้าน วชิ าการเพียงอย่างเดยี วเพราะเดก็ ทุกคนต่างมีศักยภาพ ความถนัดแตกต่างกนั นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดของการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางอะคิตะ โมเดลที่ต้องมีการเอาจริงเอาจังในการ ปฏิบัตติ ามแนวทางท่กี ำหนดเป้าหมายไว้ การประเมินจากสถานการณจ์ รงิ ภายในห้องเรียนวา่ มีขอ้ แนะนำเพม่ิ เตมิ และ สนับสนุนกิจกรรมต่างๆที่จะส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้ที่มีประสทิ ธิภาพเพือ่ ให้คุ้มค่า คุ้มเวลาและเกิดประโยชน์สูงสุด ต่อนักเรียน ดังนั้นการจัดการศึกษาเพื่อให้นักเรียนทุกคน ได้เรียนอย่างเต็มความสามารถที่ตนมี คือ สิ่งสำคัญที่จะ พัฒนาศักยภาพเดก็ ในอนาคต และเกิดประโยชน์ต่อการจดั การศกึ ษาในประเทศไทยแนวใหม่ต่อไป ดงั นัน้ ผู้วิจัยซึง่ เปน็ คณะทำงานร่วมระหว่างคณะกรรมการการศึกษาจังหวัดอะคิตะ ประเทศญี่ปุ่นและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานนทบุรี เขต 1 มีความสนใจที่จะศึกษาการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ของโรงเรียนศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานนทบรุ ี เขต1 ซึ่งการบริหารแบบมสี ว่ น ร่วมสนับสนุนให้มีการทำงานร่วมกันอย่างมีแบบแผน การร่วมวางแผน ร่วมดำเนินการ ร่วมติดตามและประเมินผล ร่วมแกไ้ ขปญั หา ในการจัดการเรียนรใู้ ห้มปี ระสทิ ธภิ าพทด่ี ตี ่อไปในอนาคต วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ัย ประชากรและตัวอยา่ ง ประชากรและตวั อย่างในการวจิ ัยครัง้ น้ี แบง่ ตามการเก็บขอ้ มูลการวิจยั ดังนี้ 3.1.1 ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ งท่ีใหข้ อ้ มลู เชิงปริมาณ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ โรงเรียนเต็มจำนวน 32 โรงเรียน ผู้ให้ข้อมูลคือ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน/หัวหน้ากลุ่มสาระฯและผู้ปกครองหรือตัวแทนคณะกรรมการสถานศึกษา ในโรงเรียนสังกัด สำนักงานเขต พน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษานนทบุรี เขต1 ปกี ารศกึ ษา 2562 จากจำนวนโรงเรยี นทงั้ หมด 32 โรงเรยี นครูผู้สอน 320 คน(สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาจงั หวัดนนทบุรี,2562,น. 9)สมมตฐิ านการวจิ ัย หนา้ 416
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นส่ปู กติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 1.โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 ที่มีขนาดต่างกัน มีการบริหารการ จัดการเรียนรู้แบบมสี ่วนรว่ มตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ต่างกัน 2. โรงเรียนในสังกดั สำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษานนทบุรี เขต1 ท่ีมีส่วนร่วมตา่ งกนั มีการบรหิ ารการ จัดการเรยี นรู้แบบมสี ว่ นรว่ มตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ต่างกัน 3.โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 มีผลการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ต่างกัน มีการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ต่างกัน เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวิจัย 3.2.1 เคร่อื งมือทใี่ ช้ในการวจิ ัยครงั้ นี้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อวัดผลของการจัดการเรียนรู้ แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 ครอบคลุมทุกประเด็นอย่างสมบูรณ์ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่มุ่งศึกษา ผู้วิจัยได้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิง ปริมาณ (Quantitative Research) เพื่อรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถามเป็นหลักอย่างมีคุณภาพและ ประเมินผลข้อมูลเชิงตัวเลขตามตัวแปรที่ได้กำหนด โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป คือ การหาค่าร้อยละ และค่าทางสถิติ และใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาและรวบรวมข้อมูล การสัมภาษณ์ เชิงลึก สามารถทำได้ 3 ระดับ คือ 1) การสัมภาษณ์แบบเป็นทางการคือ การสัมภาษณ์ การนัดแนะ เวลา สถานที่ แนน่ อนไวก้ ่อน 2) การสัมภาษณ์แบบไมเ่ ปน็ ทางการคือการสัมภาษณโ์ ดยการพบปะโดยสว่ นตัว 3) การสัมภาษณ์แบบ พดู คุยเป็นกนั เอง คอื การพูดคุยกันธรรมดา การพูดคยุ เปน็ ไปตามธรรมชาติ ขอ้ มลู จากการสมั ภาษณ์เชงิ ลึก 1) การกำหนดประเด็นคำถามเพื่อใช้เป็นเคร่ืองมือในการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) มีการ เตรยี มแนวคำถามการสัมภาษณ์อย่างกวา้ งๆไวล้ ่วงหน้า เพราะสามารถยืดหยุ่นได้ และกระทำได้โดยง่าย และมคี วามตอ่ เนอื่ งของคำถาม 2) การจดบันทึกและการบันทึกเสียงของผู้ให้ข้อมูลสำคัญ วีธีการจดบันทึกโดยละเอียดภายหลังจากที่ได้ จากการสนทนา การสัมภาษณ์ การบันทึก การสังเกต โดยสามารถจะเก็บข้อมูลได้อย่างครบตรงตาม ประเดน็ ทีก่ ำหนดไว้ 3) การสัมภาษณ์การสนทนากลุ่ม (focus group) เพื่อเป็นการสัมภาษณ์เจาะลึกโดยการหาขอ้ เท็จจริงหรือ ความคิดเหน็ ผ่านกล่มุ ไลน(์ Line group) และการประชุมออนไลน์ผา่ นระบบ Zoom ของครผู ู้สอน หรือผู้ มีสว่ นเกีย่ วข้องในการจดั กจิ กรรมการจัดการเรียนรู้ การวเิ คราะห์ข้อมลู วเิ คราะหข์ อ้ มูล ดังน้ี 1. ข้อมลู พนื้ ฐานของผ้ทู ี่ตอบแบบสอบถาม สถติ ิทีใ่ ช้ในการวเิ คราะห์ คือ คา่ รอ้ ยละ หนา้ 417
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกติวถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 2. ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล สถิติที่ใช้ในการ วเิ คราะห์ คอื ค่าเฉล่ียร้อยละ และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน 3. ข้อมูลเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล จำแนกตามโรงเรียน และผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ การทดสอบคา่ ที (t-test) 4. ข้อมูลเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล จำแนกตามโรงเรยี น สถติ ทิ ีใ่ ช้ในการวิเคราะห์ คือ การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดยี ว One Way Anova (F-test) และทดสอบความแตกต่างกนั เปน็ รายคู่ ด้วยวธิ ขี องเชฟเฟ่ (Scheffe’s Method) 5. ข้อมลู จากการสัมภาษณ์ ใช้การวเิ คราะห์และสังเคราะห์เนอื้ หา ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล 1. สภาพการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคติ ะโมเดลของโรงเรียนในสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 พบว่า ภาพรวมการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตาม แนวทางอะคิตะ โมเดล อยู่ในระดับมาก ( x = 4.43) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีการบริหารการ จัดการเรียนรู้แบบมสี ว่ นร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล อยู่ในระดับดีมาก โดยมีค่าเฉลี่ยเรยี งตามลำดับจากมากไปหา นอ้ ย ดงั น้ี ด้านสมรรถนะของครูผสู้ อน ( x = 4.53) ด้านการวางแผน ( x = 4.51) ด้านการใช้สอ่ื และเทคโนโลยีการ จัดการเรียนรู้ ( x = 4.50) ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ( x = 4.48) ด้านการนิเทศการจัดการเรียนรู้ ( x = 4.47) ดา้ นการติดตามและประเมินผล ( x = 4.45) ด้านการสะท้อนคิด ( x = 4.41) ด้านความรว่ มมือของหน่วยการ ศึกษที่เกี่ยวข้อง ( x = 4.39) ด้านการขับเคลื่อนของผู้บริหารของโรงเรียน ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์และบุคลากร ทางการศึกษา ( x = 4.36) ด้านการสนับสนุนของครอบครัวและชุมชน ( x = 4.33) และด้านความเข้มแข็ง คณะกรรมการสถานศกึ ษา ( x = 4.31) ตามลำดับ 2. การบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดลของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขต พ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษานนทบรุ ี เขต1 พบวา่ บริหารการจัดการเรยี นรแู้ บบมีสว่ นรว่ มตามแนวทางอะคิตะ โมเดล อยู่ในระดบั มาก ( x = 4.45) เมอื่ พจิ ารณาเป็นรายดา้ น พบวา่ ทุกดา้ นมีองค์ประกอบการจัดการเรียนรแู้ บบมสี ว่ นรว่ ม ตามแนวทางอะคิตะ โมเดล อยู่ในระดับดีมาก โดยมีการเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านสมรรถนะของ ครูผู้สอน ( x = 4.56) ด้านการใช้สื่อและเทคโนโลยีการจัดการเรียนรู้ ( x = 4.54) ด้านการขับเคลื่อนของผู้บริหาร ของโรงเรียน ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์และบุคลากรทางการศึกษา ( x = 4.51) ด้านความร่วมมือของหน่วยการศึกษท่ี เกี่ยวข้อง ( x = 4.39) ด้านการขับเคลื่อนของผู้บริหารของโรงเรียน ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์และบุคลากรทางการ ศึกษา ( x = 4.37) และด้านความเข้มแข็งคณะกรรมการสถานศึกษา ( x = 4.35) ตามลำดับ นอกจากนี้มี กระบวนการที่มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล อยู่ในระดับดีมาก ( x = 4.49 ) โดยมีการเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการวางแผน ( x = 4.52 ) ด้านการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้( x = 4.50 ) การนิเทศการจัดการเรียนรู้ ( x = 4.49) การสะท้อนคิด ( x = 4.48 ) และการติดตามและ ประเมนิ ผล ( x = 4.47 ) ตามลำดบั หนา้ 418
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 3. ผลการเปรียบเทียบการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดลของโรงเรียนใน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 จำแนกตามผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ พ้ืนฐาน (O-NET) พบวา่ ภาพรวมของโรงเรยี นในสงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษานนทบุรี เขต1 ทมี่ ีผล การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติพื้นฐาน (O-NET) สูงกว่าระดับประเทศกับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติพื้นฐาน (O-NET) ต่ำกว่า ระดบั ประเทศ มีการจดั การเรียนร้แู บบมสี ว่ นร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ทีแ่ ตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถิติที่ ระดบั .05 สรุปผลการวจิ ยั สรุปผลการวิจัยเชิงปริมาณโดยแบบสอบถามเกี่ยวกับการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตาม แนวทางอะคติ ะ โมเดล ของโรงเรยี นในสงั กดั สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษานนทบุรี เขต 1 1. สภาพการบริหารการจัดการเรยี นรู้แบบมีสว่ นรว่ มตามแนวทางอะคติ ะ โมเดล ของโรงเรยี นในสังกัดสำนกั งาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 พบว่า ภาพรวมมีการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตาม แนวทางอะคติ ะ โมเดล อยใู่ นระดบั ดี เมอื่ พจิ ารณาจาก องคป์ ระกอบการจดั การเรียนร้แู บบ มสี ่วนร่วมตามแนวทาง อะคิตะ โมเดลทั้ง 6 ด้าน คือ สมรรถนะของครูผู้สอน การใช้สื่อและเทคโนโลยีการจัดการเรียนรู้ การขับเคลื่อนของ ผู้บริหารของโรงเรยี น ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์และบุคลากรทางการศกึ ษา ความร่วมมือของหน่วยการศึกษท่ีเกี่ยวข้อง ดา้ นการขบั เคลอื่ นของผูบ้ รหิ ารของโรงเรยี น ครูผสู้ อน ศึกษานเิ ทศก์และบคุ ลากรทางการศึกษา และดา้ นความเขม้ แข็ง คณะกรรมการสถานศกึ ษา โดยมีกระบวนการที่มีส่วนร่วมในการจัดการเรยี นรู้ตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ทั้ง 5 ด้าน ดังนี้ ด้านการวางแผน ด้านการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ การนิเทศการจัดการเรียนรู้ การสะท้อนคดิ และการตดิ ตาม และประเมนิ ผล 2. เปรียบเทียบขนาดของโรงเรียนในการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 พบว่า โรงเรียนในสังกัดสำนกั งานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 ที่มีขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีการบริหารการจัดการ เรียนรแู้ บบมสี ว่ นรว่ มตามแนวทางอะคติ ะ โมเดล แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 การบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ตามองค์ประกอบจัดการ เรยี นรแู้ บบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคติ ะ โมเดล ท้ัง 6 ดา้ น คอื สมรรถนะของครผู สู้ อน การสนบั สนนุ ของครอบครัว/ ชุมชน ความร่วมมือของหน่วยงานการศึกษาที่เกี่ยวข้อง การขับเคลื่อนงานของผู้บริหารของโรงเรียน ครูผู้สอน ศึกษานิเทศกแ์ ละบคุ ลากรทางการศึกษา ความเข้มแข็งของกรรมการสถานศกึ ษา และการใช้สือ่ และเทคโนโลยีในการ จัดการเรียนรู้ พบว่า โรงเรียนที่มีขนาดใหญ่ มีการบรหิ ารการจัดการเรยี นรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ตามองคป์ ระกอบจดั การเรียนร้แู บบมีสว่ นรว่ มตามแนวทางอะคติ ะ โมเดล แตกตา่ งจากโรงเรียนที่มีขนาดกลาง ในขณะ ที่โรงเรียนท่ีมขี นาดเล็ก ไม่พบความแตกต่าง โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นในจังหวัดอะคิตะ กำหนด เปา้ หมายในการจดั การเรียนร้โู ดยมุ่งไปที่เด็กนักเรียน และเพอื่ บรรลเุ ป้าหมายดงั กล่าว จึงได้วางแผนการฝึกอบรมและ การดำเนินการตามแผน PDCA การฝึกอบรมภายในโรงเรียนลักษณะนี้ หากดำเนินการอย่างเป็นประจำ ก็จะทำให้ โครงสร้างภายในองค์กรมีความตื่นตัวและเพิ่มทกั ษะในการจัดการเรียนรู้ให้มีศักยภาพดีขึ้นไป (Akita Action, 2559, น. 8) หน้า 419
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) นอกจากนีก้ ารบริหารการจัดการเรียนรูแ้ บบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคติ ะโมเดลมีกระบวนการท่มี ี ส่วนรว่ มในการจัดการเรียนรแู้ บบมีสว่ นรว่ มตามแนวทางอะคติ ะ โมเดล ท้งั 5 ดา้ น คอื ดา้ นการวางแผน ดา้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ การนิเทศการจัดการเรียนรู้ การสะท้อนคิด และการติดตามและประเมินผล พบว่า โรงเรียนที่มี ขนาดใหญ่ มีกระบวนการที่มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล แตกต่างจาก โรงเรียน ทมี่ ีขนาดกลางและขนาดเลก็ 3. ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติพื้นฐาน (O-NET) พบว่า โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษานนทบรุ ี เขต1 มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตพิ นื้ ฐาน (O-NET) สงู กวา่ ระดบั ประเทศ กับโรงเรยี นในสงั กัดสำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษานนทบรุ ี เขต1 มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติ พื้นฐาน (O-NET) ต่ำกว่าระดับประเทศ มีการบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล แตกต่างกนั อย่างมนี ัยสำคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ .05 4. สรปุ ผลการวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพโดยการสมั ภาษณเ์ กีย่ วกบั ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการบริหารการ จัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล พบว่า ครูในโรงเรียนขาดการมีส่วนร่วมในการวางแผนดา้ น การบริหารจัดการเรียนรู้ ครูขาดสมรรถนะที่ดีกระตุ้นให้นักเรียนได้คิดได้ด้วยตนเองและเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ ซักถาม และขาดความรู้ ความเช่ียวชาญเฉพาะทางดา้ นทักษะการส่ือสารที่ดี ใช้สื่อและเทคโนโลยี นำเข้าสู่การจัดการ เรยี นรู้ นอกจากนค้ี วรมีการสนบั สนนุ การขับเคลอ่ื นงานของผบู้ ริหารของโรงเรียน ครผู ้สู อน ศกึ ษานเิ ทศก์และบุคลากร ทางการศึกษา และความร่วมมือของหนว่ ยงานการศกึ ษา ท่เี ก่ยี วขอ้ ง ท่สี ่งผลดตี อ่ การบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมี ส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางอะคิตะแอค็ ชั่นตามบริบทของโรงเรียนแต่ละแหง่ เข้าด้วยกัน จากวัตถุประสงค์ที่ต้องการพัฒนาการจัดการเรียนรู้แนวใหม่ และส่งเสริมให้มีความร่วมมือทางวิชาการ ระดับนานาชาติ ส่งเสริมให้ทั้งบุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนมีความรู้ความสามารถที่จะเอาตัวรอดในสังคมแหง่ การเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 (Yoneta Susume, 2015,p.2) อภิปรายผล 1.การบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดลของโรงเรียนในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 พบว่า องค์ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตาม แนวทางอะคิตะ โมเดล ด้านสมรรถนะของครูผู้สอนที่มีมากกว่าด้านอื่น ข้อค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่า ครูใช้ความรู้ ความสามารถเฉพาะด้าน ทักษะการสื่อสารที่ดี ใช้สื่อและเทคโนโลยี นำเข้าสู่การจัดการเรียนรู้ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ครูมีสว่ นรว่ มในการวางแผนดา้ นการบรหิ ารการจัดการเรยี นรู้ โดยครกู ำหนดปญั หาและความตอ้ งการการเรียนรู้ในการ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ครูผู้สอนทุกคนมคี วามกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมการศึกษาเปน็ กลุม่ นี้ หลังจากที่ได้ดำเนินการ ทดลองการจัดการเรียนรูจ้ ริงแล้ว ครูผู้สอนจะต้องเข้าร่วมการศึกษากลุ่มเพื่อพิจารณาผลลัพธ์ของการสอนร่วมกนั อีก ครั้ง (Akita Action, 2559, น. 9) ส่วนด้านกระบวนการกระบวนการที่มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วน ร่วมตามแนวทาง อะคิตะ โมเดล นอกจากนี้การขับเคลื่อนงานของผู้บริหารของโรงเรียน ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์และ บุคลากรทางการศกึ ษา พบว่า ผูอ้ ำนวยการโรงเรียน ศกึ ษานเิ ทศก์ ครูผู้สอน และหัวหน้างานวิชาการ ต้องรว่ มตดั สนิ ใจ ร่วมวางแผน ร่วมดำเนินการ ร่วมแก้ไขปัญหา ให้ทุกภาคส่วนมีความรู้ความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน โดย หน้า 420
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ผู้อำนวยการโรงเรียนมีการวางแผนนโยบายในการจัดการเรียนรู้ ร่วมกับครูผู้สอนและหัวหน้างานวิชาการเชิงลึก ผลักดนั กระบวนการการจดั การเรยี นรู้ตามขั้นตอน 4 ข้อ คือ ร่วมวางแผน ร่วมดำเนนิ การ รว่ มติดตามและประเมินผล และรว่ มแกไ้ ขปัญหา โดยมกี ารสนบั สนนุ ตดิ ตามจากศกึ ษานิเทศก์อยา่ งตอ่ เนื่อง สนับสนนุ ใหก้ จิ กรรมการจัดการเรียนรู้ เป็นไปตามแนวทางที่กำหนดเป้าหมายและสนับสนุนให้เกิดความสำเร็จในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ด้านการจัดการ เรียนรูข้ องผู้เรียนร่วมกัน 2. การบริหารการจัดการเรียนรู้แบบมสี ่วนร่วมตามแนวทางอะคติ ะ โมเดล มีกระบวนการที่มีส่วนร่วม ในการจัดการเรยี นร้แู บบมีสว่ นรว่ มตามแนวทางอะคติ ะ โมเดล ทั้ง 5 ด้าน คอื ด้านการวางแผน ด้านการจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ การนิเทศการจดั การเรยี นรู้ การสะทอ้ นคิด และการติดตามและประเมนิ ผล พบว่า โรงเรียนท่ีมีขนาดใหญ่ มีกระบวนการที่มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล แตกต่างจากโรงเรียนที่มี ขนาดกลางและขนาดเล็ก 3. การบริหารการจดั การเรียนรู้แบบมสี ่วนรว่ มตามแนวทางอะคติ ะ โมเดล ส่งผลตอ่ ผลการทดสอบทาง การศกึ ษาระดบั ชาติพืน้ ฐาน (O-NET) พบวา่ โรงเรียนในสงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษานนทบรุ ี เขต 1 มีผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตพิ ื้นฐาน (O-NET) สงู กว่าระดับประเทศ กับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติพื้นฐาน (O-NET) ต่ำกว่า ระดบั ประเทศ มกี ารบรหิ ารการจัดการเรยี นรู้แบบมีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล แตกต่างกนั อยา่ งมีนัยสำคัญ ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 ข้อเสนอแนะ เพื่อให้ผลการวิจัยในครั้งนี้มีประโยชน์มากยิ่งขึ้นจึงควรมีการนำผลการวิจัย และมีการศึกษาเพิ่มเติมดัง ขอ้ เสนอแนะ ต่อไปนี้ 1. จากการศกึ ษา พบว่า ดา้ นองค์ประกอบในการบรหิ ารการจัดการเรียนรู้แบบมสี ว่ นร่วมตามแนวทาง อะคิตะโมเดลของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 ด้านสมรรถนะของ ครูผู้สอนมคี ่าเฉลี่ยสงู สดุ ดงั น้นั ผู้บรหิ ารของโรงเรียนในสงั กัดสำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 มีการสง่ เสริมสมรรถนะของครูผูส้ อนให้มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญเฉพาะดา้ นทักษะการสื่อสารที่ดี ใช้สื่อ และเทคโนโลยี นำเข้าสู่การจัดการเรยี นรู้เพ่ือต่อยอดการพัฒนานวตั กรรมการจัดการเรยี นรู้ม่งุ หวังยกระดับผลสัมฤทธิ์ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติพื้นฐาน (O-NET) ให้สูงขึ้น ครูผู้สอนแต่ละคนไดแ้ สดงความคิดเห็นร่วมกันและ แลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ ในการจดั การเรยี นรู้ภายใต้เปา้ หมายการปรับปรุงและการจัดการเรยี นรู้ตามแผน PDCA ส่งผล ให้ทัง้ ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา ครผู ู้สอน ได้มองเหน็ มุมมองการพัฒนาการจัดการเรยี นร้แู บบมีส่วนรว่ ม และคอยช่วยเหลือ สนับสนุนกันอย่างสม่ำเสมอ ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้เป็นกลุ่มเชิงปฏิบัติการตามแผน PDCA (Akita Action, 2559,น. 8-9) 2. จากการศึกษา พบว่า ดา้ นกระบวนการที่มีส่วนร่วมในการจัดการเรยี นร้แู บบมสี ่วนรว่ มตามแนวทาง หน้า 421
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) อะคิตะ โมเดล ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต1 ด้านการวางแผนมี ค่าเฉลี่ยสูงสุด ดังนั้นผู้บริหารของโรงเรียน ครูผู้สอน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมวางแผน ร่วมดำเนินการ ร่วมติดตาม และประเมนิ ผล และร่วมแกป้ ญั หาการจดั การเรียนรูต้ ามขน้ั ตอนทก่ี ำหนดใหส้ ่งผลประโยชนต์ อ่ ผู้เรียนสงู สดุ ครูผู้สอน ร่วมปฏบิ ตั ิตามแนวทางการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางอะคิตะ โมเดล 4 ขน้ั ตอน คือ การรู้จักตง้ั ขอ้ สงั เกตในการเรียนรู้ การมีความคิดเป็นของตัวเอง การอภิปรายเป็นเดี่ยว คู่ หรือทั้งชั้นเรียน และการทบทวนเนื้อหาและวิธีการเรีย นรู้ ใน การจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ โดยมีการนำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านสื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสม ครูผู้สอน ส่งเสริมให้มีการสะท้อนคิด การอภิปรายและตอบข้อซักถาม สะท้อนความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ หลังจากการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางอะคิตะ โมเดล การปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เป็นไปตามกรอบมาตรฐาน การประกนั คุณภาพการศกึ ษา และถอดบทเรียนจากการเรียนร้มู ุมมองท่แี ตกต่าง เติมเต็มความรู้ และคอยชว่ ยเหลือซึ่ง กันและกัน นอกจากนี้ผู้บริหารของโรงเรียนส่งเสรมิ ให้ครูผู้สอนรว่ มกระบวนการนเิ ทศการจัดการเรียนรู้ตามขัน้ ตอน อย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ครูผู้สอนมีส่วนร่วมติดตามและประเมินผลสมรรถนะด้าน การจัดการเรียนรู้ของผูเ้ รียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เสริมสร้างศักยภาพของผู้เรียนและพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียน ให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทดี่ ีขึ้น จากการวจิ ัยตามแนวคดิ อะคติ ะ โมเดล มเี ป้าหมาย คอื “สรา้ งบคุ ลากรทม่ี ีความมงุ่ มน่ั อยา่ งแรงกล้า ชว่ ยสนับสนนุ สง่ เสรมิ บ้านเกิดและมีความโดดเด่นในสงั คมโลก” โดยใช้กลยทุ ธ์ทางการศึกษาเพอ่ื พฒั นาบคุ ลากรให้เปน็ กำลังสำคัญของสังคมในอนาคตซึ่งแนวทางนี้ เราสามารถเห็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมได้ในหลายประเทศที่พัฒนาแลว้ หวั ใจสำคัญของการพฒั นาการเรียนการสอนของจังหวัดอะคิตะทีพ่ ัฒนาไดต้ ่อเนอื่ ง เพราะครตู ระหนกั วา่ หน้าท่ีของครู คือ ต้องยกระดบั คณุ ภาพการศึกษาของเด็กตลอดเวลา ตอ้ งพัฒนาการจดั การเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การวางแผนการสอนแบบมสี ว่ นร่วม การคิดกิจกรรมร่วมกนั กับครทู ี่มีส่วนเกี่ยวข้อง การอภิปรายเพ่อื แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ หรอื เพอ่ื รว่ มกนั แก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้ ถอื เป็นภาระหน้าท่ี ท่ีจะตอ้ งพัฒนาไปเร่ือยๆ ไม่มีที่สนิ้ สุด ส่วนวิธีการนั้น มี 6 ขั้นตอน คือ 1) เรียนรูจ้ ากการมาเยอื น เตือนใจให้คิด 2) สื่อสารสร้างสัมพันธ์กระชับมิตร 3) ร่วมกันลองทำนำไป ปฏิบตั ิ 4) เรยี นรู้ชัดจากของจริง 5) ประเมินทกุ ส่ิงจากประสบการณ์ และ 6) อยา่ ฝันหวานเกนิ ไป (ไพฑูรย์ สินลารตั น์ และคณะ, 2560, น.5) ขอ้ เสนอแนะในการวิจยั ครงั้ ต่อไป 1. ควรศึกษาในเชิงลึกเนินการวิจัยคณุ ภาพในเรื่องปัญหาในการบริหารจัดการการเรียนรู้แบบ มี สว่ นร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ของโรงเรยี นในสงั กัดสำนกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษานนทบุรี เขต1 2. ควรศึกษาการบริหารงานของโรงเรียนที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ( O- NET) สงู กว่าระดับประเทศ เพ่ือเปน็ แนวทางในการบริหารการจดั การเรยี นรู้ของโรงเรยี นอ่ืนๆ 3. ส่งเสริมการใช้การบริหารจัดการการเรียนรู้แบบ มีส่วนร่วมตามแนวทางอะคิตะ โมเดล ในการบูร ณาการในชั้นเรยี นของโรงเรยี นทสี่ นใจกระบวนการตามบริบทท่ีเหมาะสม หนา้ 422
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 4. การพัฒนาการจดั การเรียนรู้ทีห่ ลากหลายเน้นการการบรหิ ารจดั การการเรยี นร้แู บบ มีส่วนร่วมตาม แนวทางอะคติ ะ โมเดล สู่การเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 เอกสารอ้างองิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2542) พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542. กรงุ เทพมหานคร;โรงพิมพค์ รสุ ภา ลาดพรา้ ว. กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2542) พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ 2553. กรงุ เทพมหานคร;โรงพิมพ์ครุสภาลาดพรา้ ว. เกสณิ ี ชิวปรีชา. (2554). การพัฒนารปู แบบการบริหารแบบมสี ว่ นรว่ มสำหรบั โรงเรียนประจำตำบล. ปรญิ ญานพิ นธ์ครุศาสตรดษุ ฏบี ณั ฑิต (การบริหารการศกึ ษา). ครุศาสตร์. จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 2554 คณะกรรมการการศึกษาจงั หวัดอะคิตะ. (2558). การศึกษาของจังหวัดอะคติ ะ ระดบั ประถมศกึ ษา และมธั ยมศกึ ษาตอนต้น. ประเทศญ่ีปุน่ คณะกรรมการการศกึ ษาจังหวดั อะคติ ะ. (2558). แผนปรับปรุงการสอนโดยประยุกตใ์ ช้วธิ ีการสอน เชิงรุกของจงั หวัดอะคิตะ (Akita Action). ประเทศญป่ี ุ่น ชชู าติ พ่วงสมจิตร.์ การวเิ คราะหป์ จั จัยทส่ี ง่ เสริมและปจั จยั ท่ีเปน็ อปุ สรรคต่อการมีสว่ นรว่ มของ ชมุ ชนกบั โรงเรยี นประถมศึกษาในเขตปรมิ ณฑล. วทิ ยานิพนธ์ ครศุ าสตรมหาบัณฑิต (การ บรหิ ารการศกึ ษา). บณั ฑติ วทิ ยาลัย จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2540. ประเทศไทย. นนทบรุ ี : สำนักพิมพ์มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. สำนกั คณะกรรมการการศกึ ษา แห่งชาต.ิ (2543). ยุทธศำสตร์การเรียนรตู้ ลอดชีวิตในศตวรรษท่ี 21: สหราชอาณาจกั ร. องค์การค้าคุรุสภา. พิมพ์ครง้ั ที่1. กรุงเทพฯ. สขุ ภาวะเด็กและเยาวชน. กรงุ เทพฯ: วิทยาลัยครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สุมน อมรววิ ัฒน์. (2553). สมบตั ทิ ิพยข์ องการศกึ ษาไทย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั . พิณสุดา สริ ิธรังศรี. (2555). รายงานการวิจัยเรื่อง รูปแบบการบริหารจัดการสถานศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน. กรุงเทพฯ: สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา .................. (2557). รายงานผลการตดิ ตามโครงการการจัดการเรียนรู้แบบมีสว่ นร่วมของชมุ ชน พณิ สดุ า สิรธิ รงั ศรี. (2559). คมู่ ือการดำเนินโครงการการจดั การเรียนรแู้ บบเครอื ข่ายการมสี ่วนร่วม ส่โู รงเรียนสขุ ภาวะในสามจังหวดั ชายแดนภาคใต้. กรุงเทพฯ: สำนกั งานกองทุนสนบั สนุน การสร้างเสรมิ สุขภาพ. .................. (2559). รายงานผลการดำเนินโครงการจดั การเรยี นรูแ้ บบเครอื ขา่ ยโดยมสี ว่ นรว่ มของชุมชนเพ่อื สขุ ภาวะ เด็กและเยาวชนอยา่ งยั่งยนื . กรุงเทพฯ: สำนกั งานกองทนุ การสร้างเสรมิ สุขภาพ พณิ สดุ า สิริธรังศร.ี (2561). การจดั การเรียนรู้แบบเครือขา่ ย การมีสว่ นร่วมของชุมชนเพือ่ สขุ ภาวะ เดก็ เยาวชน และครอบครัว. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสริมสุขภาพ(สสส). วสิ ทุ ธ์ิ วจิ ิตรพชั ราภรณ.์ รูปแบบการจดั การศึกษาในสถานศกึ ษาข้ันพื้นฐาน ตามแนวทาง พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542. ปริญญานิพนธค์ รศุ าสตรดษุ ฏบี ณั ฑติ (การ หน้า 423
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพือ่ การเปลีย่ นผ่านสู่ปกติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) บรหิ ารการศึกษา). ครุศาสตร.์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , 2547 ศักดา สถาพรวจนา. การพฒั นารปู แบบการบริหารแบบมีสว่ นรว่ มของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. ปรญิ ญานพิ นธ์ครุศาสตรดุษฏบี ณั ฑิต (การบริหารการศกึ ษา). ครุศาสตร์. จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลยั , 2549 ศริ ชิ ยั กาญจนวาสี และคณะ. รายงานวิจัยโครงการวจิ ัยรูปแบบของระบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษา แบบบรู ณาการสำหรับเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาและสถานศึกษา. สำนกั งานคณะกรรมการวจิ ยั การสร้างเสริม สขุ ภาพแห่งชาติ, 2548. สมุ าลี สังข์ศร.ี (2556). การเรยี นรูต้ ลอดชวี ิตสำหรับประเทศไทย. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2561). การจัดการเรียนรรู้ ูปแบบอะคิตะโมเดล “AKITA MODEL” โดย ประยุกตใ์ ช้วิธกี ารสอนเชงิ รกุ ของจงั หวัดอะคติ ะ ประเทศญี่ปุ่น (Akita Action). กรุงเทพ ฯ : สภาการศึกษา. อภิญญา กงั สนารกั ษ์. (2554). รูปแบบการบริหารแบบมีสว่ นรว่ มในองคก์ ารที่มีประ สิทธผิ ล ระดบั คณะของสถาบันอดุ มศึกษา. ปรญิ ญานิพนธก์ ารศึกษาครศุ าสตรด์ ษุ ฏบี ัณฑิต. ครุศาสตร์. จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . Akita Prefectural Board of Education (2017). Education in Akita (2017 edition). Japan Akita Prefectural Board of Education (2016). Education in Akita Prefecture. Japan: Promoting overseas exchange utilizing the educational resources in Akita Chapel Robert. 1995. Management of organization behavior: Utilizing human resources. Englewood cliffs: Prentice-Hall. Gagne, R.M. (1970). The Condition of Learning. New York: Holt, Rinchart and Winston. Good, C.V. (1974). Dictionary of Education. New York: McGraw-Hill Book. Hills, P.J.A. (1982). Dictionary of Education. London: Routledge&Kegan Payi. McCollor Bertalanffy. 1996. Educational Administration and the Behavioral Sciences: A system Perspective. Boston: Allyn and Bacon. 1973 Patricia .P.S. 2001. Organization Behavior in Schools. Englewood Cliffs, N.J: Perntice-Hall Inc. Richard Summer. Educational Technology for Teaching and Learning. 2nd ed. Upper Saddle River, NJ: Merrill/Prentice-Hall.1992. Riaz Kast, J.E. Organization and management: A systems and contingency approach. 3rd ed. New York: McGraw-Hill, 1985. หนา้ 424
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพื่อการเปลี่ยนผ่านสูป่ กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) จรรยาบรรณความเป็นครู กบั พื้นท่สี ่วนตัวบนเครอื ข่ายสังคมออนไลน์ Code of Ethics of Teaching Profession with privacy on social networks พจมาลย์ สกลเกยี รติ1, ศศิวิมล มหาเทยี น2 มหาวิทยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑติ ย์ E-Mail [email protected], [email protected] บทคดั ย่อ การแสดงออกอย่างอิสระบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภทเฟซบุ๊ค ในความคิดเห็นของครูบางส่วนคิดว่า เฟซบุ๊ค คือ พื้นทีส่ ่วนตวั สามารถโพสต์ข้อความใด ๆ ได้อย่างอสิ ระ แต่ในทางกลับกันการที่ผูใ้ ช้อ่ืน ๆ สามารถเขา้ ถึง ข้อความเหล่านีไ้ ด้ นั่นหมายความว่าเฟซบุ๊คไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวอีกต่อไป หากแต่คือพื้นที่สาธารณะที่เราเป็นเจ้าของใน บางส่วนเท่านั้น นอกจากนี้ในปัจจุบันครูยังใช้เฟซบุ๊คในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้กับนักเรียน นั่นแสดงว่า นักเรียนสามารถเข้าถึงเฟซบุ๊คของครูได้ตลอดเวลา ดังนั้นทุกครั้งที่ครูจะโพสต์สิ่งใดลงบนเฟซบุ๊คควร คำนึงถึง ภาพลักษณ์ของครูเป็นสำคัญ เพราะครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักเรียนและสังคมโดยคำนึงถงึ จรรยาบรรณความ เป็นครู นอกจากนี้สิ่งที่ครูควรตระหนัก คือ การไม่ละเมิดสิทธิ เสรีภาพของผู้อื่น ใช้ข้อความที่ดีงามไม่สร้างความ แตกแยก หรอื ปลกุ ปัน่ กระแสสงั คมต่าง ๆ และพึงระลึกเสมอวา่ ตอ้ งเปน็ ครู 24 ชัว่ โมง และยดึ ถอื จรรยาบรรณวิชาชีพ ครูทั้ง 5 ด้านเป็นสำคัญ เพื่อไม่ให้ครูประพฤติตนไม่เหมาะสม และเพื่อเป็นแบบอยา่ งที่ดีให้แก่ทั้งนักเรียน และสังคม ต่อไป คำสำคญั : จรรยาบรรณความเป็นครู / เครือข่ายสงั คมออนไลน์ / เฟซบคุ๊ ABSTRACT Freedom of expression on social media such as Facebook. Some teachers think Facebook is a private area. Any information can be freely posted on there but on the other hand these information can be accessed by other users as well. So, Facebook is not private area but It is a public area that we just own some part. In addition to the present. Teachers also use Facebook to organize teaching and learning activities that students can access at all times. Therefore, when teacher posts something on Facebook, it is important to consider about code of ethics of teaching profession and image of the teacher as teacher must be a good role model for students and society. In addition, Teachers should be aware about respect human rights such as Use a good passage, Avoid doing a cleavage or Inciting social currents and be aware you are a teacher for 24 hours and always adhere in 5 codes of ethics of teaching profession to avoid doing an inappropriate behavior and to be a good role model for students and society. หน้า 425
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพื่อการเปล่ียนผ่านส่ปู กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) Key Word: Code of Ethics of Teaching Profession/ Social media / Facebook บทนำ ในปัจจุบันเราพบปัญหาทางด้านพฤติกรรมไม่เหมาะสมของครูผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก เช่น เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ เป็นต้น โดยโพสต์ข้อความด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอผู้อื่น ลามก ข้อความที่มีนัย เชิงชูส้ าว และขอ้ ความที่เป็นการแสวงหาประโยชน์จากหนา้ ที่โดยมิชอบ ซง่ึ ขอ้ ความดังกลา่ วนำมาซง่ึ ความเสอื่ มเสยี ต่อ ภาพลักษณ์ของวิชาชพี ครแู ละบุคลากรทางการศึกษาเปน็ อย่างมาก (เดลินิวส์, 2561) เนอื่ งจากครูท่ีมีพฤตกิ รรมเหล่านี้ จะมคี วามร้สู กึ วา่ การแสดงตัวตนบนเฟซบุ๊ค เชน่ การแสดงความรสู้ กึ ต่าง ๆ ผา่ นทางการโพสต์สถานะ โดยผู้ใช้งานอ่ืน สามารถเข้ามากดถูกใจหรือกดสัญลักษณ์ในแสดงอารมณ์ต่าง ๆ เป็นการกระทำอยู่ในพ้ืนทีส่ ่วนตัวของตัวเอง แต่ในอีก แง่มุมหนึ่ง เฟซบุ๊ค คือ พื้นที่สาธารณะท่ีนักเรียน ผู้ปกครองและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นหมายความว่าเฟซบคุ๊ ไม่ได้เป็นพื้นที่ส่วนตัวแต่อย่างใด ทำให้ภาพลักษณ์ของครูในสายตานักเรียน และบุคคลอื่น ๆ ขาดความน่าเชื่อถือ ศรทั ธา เพราะครูเพียงหน่งึ คนกเ็ ปรยี บเสมอื นเป็นตัวแทนครทู ้งั สายวิชาชีพ เป็นตวั แทนครูท้ังโรงเรยี น และยงั เป็นเร่ือง ละเอียดอ่อนพอสมควรในการเชื่อมโยงระหว่างความเป็นครูกับภาพลักษณ์ของครูที่ควรรักษาไว้ซึ่งอาจจะนำไปสู่ทั้ง ผลดีและผลเสียไปโดยพร้อม ๆ กัน โดยแท้จริงแล้วข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องประพฤติตนเป็น แบบอย่างที่ดีแก่ ผู้เรียน ชุมชน สังคม มีความสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามคั คี ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อผู้เรียน และใน การปฏิบตั หิ นา้ ทีร่ าชการระหวา่ งข้าราชการดว้ ยกนั หรือผูร้ ว่ มปฏิบตั ริ าชการ ต้อนรับให้ความสะดวก ให้ความเป็นธรรม แก่ผู้เรียนและประชาชนผู้มาติดตอ่ ราชการ การกลั่นแกล้งการดูหมิน่ เหยียดหยามหรือข่มเหงผู้เรียนหรือประชาชนผู้ มาติดต่อราชการอย่างร้ายแรงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา, 2551) นอกจากนี้ยังต้องยดึ ถอื จรรยาบรรณวิชาชพี ครู ซ่งึ หมายถงึ มาตรฐานการปฏิบตั ติ นทก่ี ำหนดข้ึน เป็นแบบแผน ในการประพฤตติ น ซึ่งผูป้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏบิ ัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียงในฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคม อันจะนำมา ซึ่ง เกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ (ราชกิจจานุเบกษา, 2556) ประกอบด้วย 5 ด้านคือ ได้แก่ จรรยาบรรณต่อตนเอง จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ และจรรยาบรรณต่อ สังคม วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ครูเขา้ ใจ และตระหนักถึงความหมายของครู และจรรยาบรรณวิชาชพี ครูทีค่ วรยึดถอื เป็นกรอบ ในการปฏิบัตติ นอย่างแทจ้ ริง 2. เพ่อื ให้ครูตระหนกั ถึงการใชส้ ื่อสงั คมออนไลน์ และเครอื ขา่ ยสังคมออนไลนป์ ระเภทเฟซบุ๊คว่าเป็นพื้นท่ี สาธารณะท่ีใคร ๆ สามารถเข้าถึงได้ และพงึ ระวงั เสมอเวลาจะโพสตข์ อ้ ความใด ๆ ลงบนเฟซบคุ๊ การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาในแง่ของความหมาย และความสำคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพครู และการ แสดงออกของครูผ่านสื่อสังคมออนไลน์ประเภทเฟซบุ๊ค ผู้วิจัยใช้วิธีการวิจัยจากเอกสาร (Documentary Research) ซึ่งผู้วิจัยศึกษา ค้นคว้า และเก็บรวบรวมข้อมูลจากรายงานการวิจัย บทความวิชาการ และข้อมูลจากเว็บไซต์ที่ เกยี่ วขอ้ งท่มี ีความน่าเชื่อถอื ในทางวิชาการ หน้า 426
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 1. ครู คอื ใคร คำว่า ครู ทล่ี กึ ซง้ึ การท่จี ะเรียกว่าครูแคค่ ำงา่ ย ๆ ส้ัน ๆ แต่คำว่าครูน้ันมคี วามหมายมากกว่าราคาเงินทอง มี ความหมาย ท่ีลึกซึง้ การท่ีใครสกั คนจะเตบิ โตมวี ชิ าความรู้ลว้ นแลว้ แต่ต้องมีครทู ี่เปน็ ผใู้ นการอบรมสง่ั สอนท่ีคอยทุ่มเท วิชาความรู้เพื่อถ่ายทอดให้เราเป็นผู้มีวิชาความสามารถ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องประพฤติเป็น แบบอยา่ งที่ดีแก่ผูเ้ รียน ชุมชน สงั คม มีความสุภาพเรยี บร้อย รักษาความสามัคคชี ่วยเหลือเกื้อกูลต่อผู้เรียนและในการ ปฏบิ ัติหนา้ ที่ราชการระหวา่ งข้าราชการดว้ ยกนั หรือผู้ร่วมปฏบิ ัติราชการ ตอ้ นรับให้ความสะดวก ใหค้ วามเป็นธรรมแก่ ผู้เรียนและประชาชนผู้มาติดต่อราชการ การกลั่นแกล้งการดูหมิ่น เหยียดหยามหรือข่มเหงผู้เรียนหรือประชาชนผู้มา ติดต่อราชการอย่างร้ายแรงเป็น ความผิดวินัยอย่างร้ายแรง (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศกึ ษา, 2551) พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได้นิยาม ความหมายคําว่า “ครู” หมายถึง ผู้สั่งสอนศิษย์ หรอื ผถู้ า่ ยทอดความรใู้ ห้แกศ่ ษิ ย์ (ราชบัณฑิตยสถาน, 2554) ราชกิจจานุเบกษา (2556 : 72) ให้นิยามความหมายคำว่า “ครู” หมายความว่า บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพ หลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาปฐมวัย ขั้น พน้ื ฐาน และอุดมศกึ ษาที่ตำ่ กว่าปรญิ ญา ท้งั ของรัฐและเอกชน สรุปได้ว่า ครู คือ ผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ อบรมสั่งสอนศิษย์ ปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม ชี้แนะ จัด ประสบการณ์ และสง่ เสรมิ เพ่อื ใหเ้ กิดการเรียนร้ดู ว้ ยวธิ ีตา่ ง ๆ เปน็ ผูท้ ค่ี วรประพฤติตนเป็นแบบอย่างทีด่ แี กศ่ ิษย์ รวมท้งั เปน็ แบบอยา่ งท่ดี ีท้ังต่อชมุ ชน และสังคมภายนอก 2. จรรยาบรรณวิชาชีพครู จรรยาบรรณ จรรยาบรรณ คือ ประมวลความประพฤติที่ผู้ประกอบอาชีพการงานแต่ละอย่างกำหนดขึ้น เพื่อรักษาและ ส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียงและฐานะของสมาชิก อาจเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้ (พงษ์พิพัฒน์ สายทอง , 2557) ความหมายของจรรยาบรรณวชิ าชีพ จรรยาบรรณของวิชาชีพ หมายความวา่ มาตรฐานการปฏิบัติตนที่กําหนดขึ้นเปน็ แบบแผน ในการประพฤติ ตน ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียง และฐานะของผู้ ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแกผ่ ู้รับบริการและสังคม อันจะนํามา ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีแห่ง วิชาชีพ (ราชกิจจานเุ บกษา, 2556 : 73) การปฏบิ ัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพและแบบแผนพฤติกรรมตาม จรรยาบรรณของวชิ าชีพ ดังน้ี (ราชกจิ จานเุ บกษา, 2556) หมวด 1 จรรยาบรรณต่อตนเอง ข้อ 1 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพบุคลิกภาพ และ วสิ ยั ทศั น์ ใหท้ นั ตอ่ การพัฒนาทางวทิ ยาการ เศรษฐกจิ สังคม และการเมอื งอยเู่ สมอ หนา้ 427
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) หมวด 2 จรรยาบรรณตอ่ วิชาชพี ขอ้ 2 ผู้ประกอบวิชาชพี ทางการศึกษา ต้องรกั ศรัทธา ซอ่ื สตั ย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชพี และเป็นสมาชกิ ท่ีดี ขององค์กรวิชาชีพ หมวด 3 จรรยาบรรณต่อผู้รบั บรกิ าร ข้อ 3 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กําลังใจแก่ศิษย์ และ ผรู้ ับบรกิ าร ตามบทบาทหนา้ ท่โี ดยเสมอหน้า ข้อ 4 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรยี นรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์ และผูร้ บั บรกิ าร ตามบทบาทหน้าทีอ่ ยา่ งเต็มความสามารถ ด้วยความบริสทุ ธิ์ใจ ขอ้ 5 ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ตอ้ งประพฤติปฏบิ ัตติ นเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี ท้งั ทางกายวาจา และจติ ใจ ข้อ 6 ผปู้ ระกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา ต้องไม่กระทาํ ตนเป็นปฏปิ กั ษต์ ่อความเจรญิ ทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ และผู้รับบรกิ าร ข้อ 7 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือ ยอมรบั ผลประโยชน์จากการใช้ตาํ แหนง่ หน้าท่ีโดยมิชอบ หมวด 4 จรรยาบรรณตอ่ ผูร้ ว่ มประกอบวชิ าชีพ ข้อ 8 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์โดยยึดมั่นในระบบ คณุ ธรรม สร้างความสามคั คใี นหมูค่ ณะ หมวด 5 จรรยาบรรณต่อสงั คม ข้อ 9 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นําในการอนุรักษ์ และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครอง ระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข สรปุ ได้ว่า จรรยาบรรณวิชาชีพครู เปน็ กรอบหรือมาตรฐานการประพฤติตนที่ครพู ึงปฏิบัตติ าม เพือ่ รกั ษาไว้ซึ่ง เกียรติ ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคม อันจะนํามา ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ ประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่ จรรยาบรรณต่อตนเอง จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ จรรยาบรรณตอ่ ผู้ร่วมประกอบวชิ าชพี และจรรยาบรรณตอ่ สังคม 3. ส่อื สังคมออนไลน์ ความหมายของส่อื สังคมออนไลน์ สื่อสังคมออนไลน์ หมายถึง สื่อดิจิทลั ที่เป็นเครื่องมือในการปฏบิ ตั กิ ารทางสังคม เพื่อใช้สื่อสารระหว่างกันใน เครือข่ายทางสังคม หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ค ผ่านทางเว็บไซต์และโปรแกรมประยุกต์บนสื่อใด ๆ ที่มีการเชื่อมต่อกับ อินเทอร์เน็ต โดยเน้นให้ผู้ใช้ทั้งที่เป็นผู้ส่งสารและผู้รับสารมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ ในการผลิตเนื้อหาขึ้นเองในรูป ของข้อมลู ภาพ และเสียง (พงษ์พิพฒั น์ สายทอง, 2557) กานดา รุณนะพงศา สายแก้ว (2553) ได้กล่าวว่า มีเดีย หมายถึง สื่อหรือเครื่องมือที่ใช้เพื่อการสื่อสาร โซ เชียล หมายถึง สงั คมในบรบิ ทของโซเชียลมเี ดีย โซเชียลมีเดยี หมายถึง การแบ่งปนั ในสังคม ซง่ึ อาจจะเปน็ การแบ่งปัน เนอ้ื หา ไฟล์ รสนิยม ความคดิ เหน็ หรอื ปฏสิ มั พันธ์ในสงั คม หน้า 428
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สื่อสังคมออนไลน์ คือ สื่อที่ผู้สง่ สารแบ่งปันสาร ซึ่งอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ ไปยังผู้รับสารผ่านเครือข่ายออนไลน์ โดยสามารถโตต้ อบกันระหว่างผสู้ ง่ สารและผรู้ บั สาร หรอื ผู้รับสารดว้ ยกนั เอง ซึง่ สามารถแบ่งสอ่ื สงั คมออนไลนอ์ อกเปน็ ประเภทต่าง ๆ ที่ใช้กันบ่อย ๆ คือ บล็อก ทวิตเตอร์ ไมโครบล็อก เครือข่ายสังคมออนไลน์ และการแบ่งปันสื่อทาง ออนไลน์ (พิชติ วิจิตรบญุ ยรักษา, ม.ป.ป.) ดงั นนั้ ส่ือสงั คมออนไลน์ จงึ เป็นเครื่องมอื เพอื่ ใช้สือ่ สารระหว่างกนั ภายในเครือขา่ ยทางสังคม ผา่ นทางเวบ็ ไซต์ หรือโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ โดยเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยมีวัตถุประสงค์เพือ่ แบ่งปันข้อมูลข่าวสาร เนื้อหา ไฟล์ รูปภาพ ความคิดเห็น หรือมีปฏิสมั พันธ์ระหว่างกันในสังคมโดยการสง่ ขอ้ ความถึงกันไดโ้ ดยตรง ส่อื สังคมออนไลนป์ ระเภทเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Networking) เครือข่ายสังคมออนไลน์ คือ เว็บไซต์ทีผ่ ูค้ นสามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อนท้ังที่รูจ้ กั มาก่อน หรือรู้จักภายหลงั ทางออนไลน์ ซึ่งเวบ็ ไซต์เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์แตล่ ะแห่ง มคี ณุ ลักษณะแตกตา่ งกันออกไป แต่ส่วนประกอบหลักที่มี เหมอื นกัน คอื โปรไฟล์ เพอื่ แสดงขอ้ มลู สว่ นตวั ของเจ้าของบัญชี การเชอื่ มต่อ เพอ่ื สรา้ งเพ่ือนกบั คนที่รู้จักและไม่รู้จัก ทางออนไลน์ และการส่งข้อความ อาจเป็นข้อความส่วนตัว หรือข้อความสาธารณะ เป็นต้น โดยมีเฟซบุ๊คเป็นเวบ็ ไซต์ เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลนท์ ่ไี ด้รับความนยิ มสงู สดุ ในปัจจุบัน (พิชิต วิจติ รบุญยรกั ษา, ม.ป.ป.) ลักษณะชุมชนเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ กลุ่มผู้ใชเ้ ครือข่ายสงั คมออนไลนจ์ ะมีการสร้างวฒั นธรรมของกล่มุ ขึน้ มา มกี ารใช้ภาษา และอวจั นภาษาตา่ ง ๆ เพื่อใช้ในการสื่อสารเฉพาะกลุม่ เพื่อให้เข้าใจในความหมายสื่อสารท่ีตรงกัน นอกจากนีย้ ังมกี ารใช้สญั ลักษณ์ที่ใชแ้ ทน อารมณใ์ นการส่อื สารของผ้สู ง่ และผรู้ บั เพ่ือใหเ้ ข้าใจในอารมณแ์ ละความรู้สึกของคนที่สอื่ สารมากขึ้น การติดต่อส่ือสาร ในสังคมออนไลน์เป็นตัวเลือกอีกทางหนึ่งในการลดความขัดแย้งในด้านต่าง ๆ ทำให้รักษาความสัมพันธ์ในการ ติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลได้และนอกจากนนี้ยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกด้วย (พนารัตน์ ลิ้ม , 2551) นอกจากน้ชี ุมชนเครอื ขา่ ยสังคมออนไลน์ยังเปน็ เว็บไซต์ทีม่ ีจดุ มุ่งหมายในการค้นหาเพือ่ นใหม่ หรอื การตามหาเพ่ือนเกา่ ที่ไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน มีการสร้างโปรไฟล์ของตนเอง โดยการใส่รูปภาพ กราฟฟิคที่แสดงถึงความเป็นตัวตน ของตนเองให้เพื่อนที่อยู่ในเครือข่ายได้รู้จักมากยิ่งขึ้น และยังมีลักษณะของการแลกเปลี่ยนเรื่องราว ถ่ายทอด ประสบการณ์ต่าง ๆ ร่วมกัน (ชัยรัตน์ จุสปาโล และ ระวิ แก้วสุกใส, 2556) โดยที่บุคคลอื่นสามารถเข้ามาแสดง ความชอบ สง่ ตอ่ เผยแพร่ หรือแสดงความคดิ เหน็ โต้ตอบการสนทนาได้ (แสงเดอื น ผอ่ งพฒุ , 2556) เครอื ขา่ ยสังคมออนไลนป์ ระเภทเฟซบคุ๊ เฟซบคุ๊ (Facebook) คอื บรกิ ารเครือข่ายสังคมออนไลน์ ท่ีผู้ใช้สามารถสร้างขอ้ มลู ส่วนตัว เพิ่มรายชือ่ ผใู้ ชอ้ ่ืน ในฐานะเพอ่ื นและแลกเปล่ียนขอ้ ความ ตดิ ตอ่ สอื่ สาร ต้ังประเด็นถามตอบในเร่ืองทส่ี นใจ โพสตร์ ูปภาพ โพสต์คลิปวดิ โี อ เขียนบทความหรือบล็อก สนทนาแบบโต้ตอบทันที นอกจากนั้นผู้ใช้ยังสามารถร่วมกลุ่มความสนใจส่วนตัว จัดระบบ ตาม สถานที่ทำงาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรืออื่นๆ และสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านแอพลิเคชั่นเสริม ที่มีอยู่ มากมาย ซึ่งแอพลิเคชั่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นอย่างต่อเนื่อง การใช้งานเฟซบุ๊ค ผู้ใช้จะคอยอัพเดทแบ่งปัน ข้อมลู ขา่ วสารซงึ่ กันและกัน ทัง้ กลมุ่ ที่อยู่ในเฟซบุ๊คหรือแมแ้ ต่ผู้ใช้เวบ็ ไซต์อน่ื ทีเ่ ชอื่ มต่อกับเฟซบ๊คุ ยงั สามารถสอ่ื สาร สง่ หน้า 429
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ต่อหรือแบ่งปันข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทำให้สังคมออนไลน์บนเฟซบุ๊คเป็นเครือข่ายที่กว้างขวางและเข้มแข็งมาก (พงษ์ พพิ ัฒน์ สายทอง, 2557) การใช้เฟซบุค๊ ในการจัดการเรยี นการสอน ปัจจุบันเฟซบุ๊คได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโรงเรียนเพิ่มมากขึ้น จากความนิยมของเฟซบุ๊คทำให้ในปัจจุบันครู และนักเรียนมบี ัญชีผูใ้ ช้เฟซบุ๊คเป็นของตัวเอง ด้วยจุดเดน่ ท่ีเฟซบุ๊คใช้งานง่าย ขยายเครือขา่ ยและเพื่อนไดจ้ ำนวนมาก เฟซบุ๊คจึงเป็นสื่อออนไลน์ที่กระแสมาแรงและเป็นที่นิยมมาก และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและประสิทธิภาพของการ ติดต่อสื่อสารที่การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกหนทุกแห่ง หากเราสามารถนำคุณประโยชน์ของเฟซบุ๊คมาใช้ใน การศึกษาอย่างเป็นระบบแล้ว จะทำให้ระบบการสื่อสารทางการศึกษามีคุณค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ (วิไล วรรณ จงวิไลเกษม และ แอนณา อ่ิมจำลอง, 2556) จึงสรุปได้ว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภทเฟซบุ๊ค เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ผู้ใช้สามารถสร้างข้อมูล ส่วนตัว เพิ่มรูปภาพ เพ่ิมรายชื่อเพื่อน โพสต์คลิปวีดีโอ เขียนบทความ หรือส่งข้อความระหว่างผู้ใช้ด้วยกัน เป็น เครือข่ายทีผ่ ู้ใชง้ านสามารถบอกเล่าถึงความรู้สึกต่าง ๆ ประสบการณ์ และกิจกรรม มีการแสดงออกทางด้านความคดิ มีความเป็นตัวตนของตวั เองสูง มีการเปิดเผยตัวตนของตัวเองมากขึน้ นอกจากนี้เฟซบุ๊คยังถูกนำมาใช้ในกจิ กรรมการ เรียนการสอนระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนโดยใช้เป็นกิจกรรมหลัก หรือการเสริมบทเรียน โดยสร้างเป็นกลุ่มเรียนครูและ นักเรียนสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านการพูดคุยบนกระดานสนทนา หรือในการสนทนาภายในกลุ่ม มี วัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันเนื้อหาวิชา นำเสนอสื่อการสอนในรูปแบบของเนื้อหา บทความ สื่อมัลติมีเดีย การนำเสนอ ผลงาน เป็นต้น สามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังแจ้งข่าวสารระหว่างผู้เรียน ผู้สอน สถานศึกษา ผู้ปกครอง และบคุ คลท่ัวไป ผา่ นทางเฟซบ๊คุ อกี ดว้ ย 4. การแสดงตัวตนของผ้ใู ช้เฟซบ๊คุ อยบู่ นพ้ืนทสี่ ว่ นตวั หรือไม่ การโพสต์สิ่งต่าง ๆ ลงบนพื้นที่ส่วนตัวประเภทเฟซบุ๊ค เช่น การแชร์คลิป ข้อความ ภาพถ่าย หรือ สถานะ ต่าง ๆ เหตุผลที่โพสต์สิ่งเหล่าน้ีคืออะไร นั่นอาจหมายถึงกำลังแสดงใหเ้ ห็นถึงความชอบ สิ่งที่กำลังสนใจ หรือเป็นการ แสดงความเป็นตัวตนของผู้ใช้อยู่หรือไม่ โคเวอร์ (Cover. 2012) กับงานเขียนเรื่อง Performing and Undoing Identity Online: Social Networking, Identity Theories and the Incompatibility of Online Profile and Friendship Regimes ได้ศึกษาเกี่ยวกับการสร้างตัวตนของบุคคลบนเว็บไซต์ โซเชียลเน็ตเวิร์ก (social network sites: SNSs) ได้กล่าวว่า แม้ว่าจะเป็นโลกออนไลน์ (online world) ที่รูปแบบการนำเสนอตวั ตนอาจแตกต่างออกไป แตเ่ ช่อื ว่าการนำเสนอตัวตนของผใู้ ช้งานเวบ็ ไซตเ์ หลา่ นีอ้ าจเป็นเพียงการถ่ายทอดและบนั ทึกเรอ่ื งราวในชีวิตของคนคน หน่ึงผา่ นกจิ กรรมต่าง ๆ ทเ่ี กิดขนึ้ บนเว็บไซตเ์ หมือนกบั การเขียนไดอารีซ่ ึง่ สุดทา้ ยแลว้ จะประกอบกันเป็นอตั ลักษณ์ของ บุคคลคนนั้น แมคเคนน่า เอท ออ (McKenna et al. 2002) มองว่า โลกออนไลน์ได้สร้างสภาพแวดล้อมแบบใหม่ท่ี เทคโนโลยีของสื่อได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการปฏิสัมพันธ์ของบุคคล อันหมายถึง การใช้สื่อดิจิทัล ได้แก่ ตัวอักษร (text) ภาพ (visual) และเสียง (audio) วาดตวั ตนของเราข้ึนมา โดยไม่จำเป็นตอ้ งคำนึงถึงสภาวะทางร่างกายทแี่ ทจ้ รงิ รวมถึงภูมิหลังเกี่ยวกับตัวเรา ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ตัวตนที่ปรารถนาอยากจะเป็น และตัวตนที่ซ่อนอยู่จะถูก แสดงออกอย่างอสิ ระภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มของการไมเ่ ปดิ เผยตวั ตนนี้ ซ่งึ การแสดงตัวตนผ่านทางเฟซบุค๊ มีความชดั เจน และสามารถทำได้สะดวกมากยิ่งข้ึน เนื่องจากเทคโนโลยีและสื่อสังคมออนไลน์ที่เข้ามามีบทบาทในสังคม เช่น การ หนา้ 430
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) แสดงความรู้สึกต่าง ๆ ผ่านทางการโพสต์สถานะ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ค เฟซบุ๊คจึงมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ผู้ใช้งานเฟซบคุ๊ ยังสามารถสรา้ งความสมั พนั ธก์ ับผใู้ ช้งานอื่นไดโ้ ดยตรง โดยทไ่ี ม่จำเป็นตอ้ งมีการพบปะกบั คน ที่สนทนาด้วย ในบางครั้งผู้ใช้งานใช้เฟซบุค๊ เป็นพื้นท่ีในการแสดงตัวตนท่ีแสดงออกมาอย่างชัดเจน ผ่านทางการโพสต์ สถานะเพื่อที่จะให้ผู้ใช้งานอื่นสามารถเข้ามากดถูกใจ หรือกดสัญลักษณ์ในแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ในสิ่งที่ตัวเองโพสต์ สถานะ หรือการโพสต์รูปหรือคลิปวีดีโอต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นตัวตน เจ้าของผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าความ ปลอดภัยว่าจะให้ใครสามารถเห็นหรือไม่เห็นได้ จึงทำให้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊คมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่โพสต์จะมีความปลอดภัย และสามารถใชพ้ ้ืนท่สี ่วนนีใ้ นการแสดงตัวตนไดอ้ ยา่ งอสิ ระ (ณฤทธิ์ พงษศ์ ร, 2560) ถึงแมเ้ ฟซบคุ๊ จะถูกใช้เปน็ เครื่องมือ ในการสร้างตัวตนท่ีผูใ้ ช้งานปรารถนา ซึ่งพวกเขาอาจไมส่ ามารถกระทำได้ในโลกที่ตอ้ งเผชญิ กับอุปสรรคทางกายภาพ หรือในโลกความเปน็ จริง อย่างไรกต็ ามตวั ตนท่ถี ูกถา่ ยทอดผา่ น เวบ็ ไซต์โซเชยี ลเนต็ เวริ ์กยังคงเปน็ ตวั ตนท่ีใกล้เคียงกับ ตวั ตนท่ีเปน็ จริงในโลกกายภาพ ไม่ใชต่ ัวตนเสมือนจรงิ ท่หี ลดุ จากกรอบของความจรงิ มากนัก เครอื ขา่ ยสังคมเหล่านี้ถูก มองว่าเป็นพื้นทีส่ ่วนตัวที่ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารตัวตนได้อย่างเสรีแต่ในอีกมุมหนึ่งอาจกลายเป็นพื้นที่สาธารณะที่ถกู จ้องมอง และจำต้องต่อรองกับสายตาของผู้ใช้งานรายอื่น ๆ ในเครือข่าย (พรรณวดี ประยงค์, 2559) ณัฐพัชญ์ วงษ์ เหรียญทอง (2556) ได้ให้ความเห็นไว้ว่า การมีเฟซบุ๊ค หรือการมีเว็บบล็อกของตัวเอง อาจหมายถึง การที่ผู้ใช้ไป ครอบครองพืน้ ที่ออนไลนพ์ ้นื ที่หนึ่งเพื่อใชใ้ นการนำเสนอสารของผู้ใช้งานเอง ซึ่งสามารถเขา้ ถงึ และเผยแพร่ให้กับผู้อื่น ซึ่งเป็นผูใ้ ช้ร่วมในสังคมออนไลน์นั้นได้ ฉะนั้นย่อมหมายความว่าพื้นที่น้ันจริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นพื้นที่ส่วนตัวแต่อยา่ งใด หากแต่มันสามารถเข้าถึงได้โดยผู้อื่น ยกเว้นจะจำกัดการเข้าถึงอย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนัน้ แล้ว แสดงว่ าเฟซบ๊คุ เป็นพื้นทส่ี าธารณะท่ผี ้ใู ช้ไดค้ รอบครองพ้นืิ ท่ีสว่ นหนึ่งเท่านน้ั เอง จึงสรุปได้ว่าการแสดงตัวตนบนเฟซบุ๊คเป็นการแสดงออกถึงตัวตนของตัวเองออกมาได้อย่างอิสระและ แสดงออกถงึ ตัวตนไดอ้ ย่างชดั เจน ซง่ึ การแสดงตวั ตนนน้ั สามารถแสดงออกมาไดอ้ ยา่ ง สะดวก เน่อื งจากเทคโนโลยแี ละ ส่อื สงั คมออนไลนท์ เ่ี ข้ามามีบทบาทในสังคม เช่น การแสดงความรูส้ ึกต่าง ๆ ผา่ นทางการโพสต์สถานะ โดยผู้ใช้งานอ่ืน สามารถเข้ามากดถูกใจ หรือกดสัญลักษณ์ในแสดงอารมณต์ ่าง ๆ ในสิ่งที่ตัวเองโพสต์ได้ถึงแม้เจ้าของผู้ใช้งานสามารถ ตั้งค่าความปลอดภัยว่าจะให้ใครสามารถเห็นหรือไม่เห็นได้ และผู้ใช้งานเฟซบุ๊คสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่โพสต์จะมี ความปลอดภัย และสามารถใช้พื้นที่ส่วนนี้ในการแสดงตัวตนได้อย่างอิสระ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งอาจกลายเป็นพื้นที่ สาธารณะทีถ่ ูกจอ้ งมองจากสายตาของผ้ใู ชง้ านรายอน่ื ๆ ในเครอื ข่าย ซงึ่ ในความจรงิ แล้วน้ันการมเี ฟซบคุ๊ อาจหมายถึง การที่ผู้ใช้ไปครอบครองพื้นที่ออนไลน์พื้นที่หนึ่งเพื่อใช้ในการนำเสนอสารของผู้ใช้งานเอง ซึ่งผู้ใช้งานอื่น ๆ สามารถ เข้าถึงในสังคมออนไลน์นั้นได้ ฉะนั้นหมายความว่าในความเป็นจริงแล้วพ้ืนทีเ่ หล่านั้นไม่ได้เป็นพืน้ ท่ีส่วนตัวแตอ่ ยา่ งใด เพราะผ้ใู ช้งานอน่ื ๆ สามารถเข้าถึงข้อมลู ได้ นั้นหมายความวา่ เฟซบุค๊ เปน็ พ้นื ทสี่ าธารณะที่ผู้ใช้ได้ครอบครองพ้ิืนที่ส่วน หนง่ึ เทา่ น้ันเอง 5. ปญั หาการผิดจรรยาบรรณวชิ าชพี ครกู ับการใช้เครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ ปัจจุบันครูและบุคลากรทางการศึกษา มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก เช่น เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ เป็นต้น โดยโพสต์ข้อความดว้ ยถ้อยคำท่ีทำให้เกิดความเสื่อมเสยี ต่อวิชาชีพ ข้อความ หยาบคาย ข้อความทีม่ นี ัยเชิงชสู้ าว และขอ้ ความทเี่ ปน็ การแสวงหาประโยชน์จากหนา้ ทีโ่ ดยมิชอบ เป็นตน้ ซ่ึงท่ผี ่านมา ไม่ได้มีระบุโทษไว้ชัดเจน ดังนั้นกรรมการมาตรฐานวิชาชีพจึงจะเข้าไปดูแลเรื่องเหล่านี้ด้วย โดยจะระบุจรรยาบรรณ ทางโซเชียล และระบุโทษให้ชัดเจน ซึ่งมีตั้งแต่ตักเตือน ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ หนา้ 431
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกติวถิ ีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) และเพิกถอนใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ครู โดยท่ผี า่ นมาพบว่า ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา มพี ฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสม ผ่านโซเชียลค่อนข้างมาก ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อวิชาชีพ แต่ไม่มีการระบุโทษเรื่องนี้ไว้และไม่เคยมีการตรวจสอบ จึงไมม่ กี ารเก็บสถิติและไม่มีการลงโทษ มีเพียงกรณีเดียว คือ กรณีอดีตผู้อำนวยการโรงเรยี นแห่งหนึ่งถูกร้องเรยี นว่ามี พฤติกรรมชู้สาวกบั นกั เรยี นหญิงชั้น ม.2 โรงเรียนเดียวกัน โดยมหี ลักฐานการแชทคุยทางไลนใ์ นเชงิ ชสู้ าวของทง้ั คู่ และ สำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาตน้ สังกดั ลงโทษไลอ่ อกผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกลา่ วแล้ว แต่เจา้ ตวั ไดย้ ่นื อทุ ธรณ์ และ อยู่ระหว่างการพิจารณา ดังนั้น กรรมการมาตรฐานวิชาชีพจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสบื สวนตามขั้นตอน อย่างไรก็ ตามในอนาคตเมื่อมีการระบุโทษชัดเจนแล้ว ต่อไปหากครูและบุคลากรทางการศึกษารายใด ที่มีพฤติกรรมเสื่อมเสีย ทางโซเชียลและมีผู้ร้องเรียน โดยนำหลักฐาน เช่น ผู้เสียหายแคปหน้าจอมาร้องเรียน ก็อาจถูกลงโทษ ได้ (เดลินิวส์, 2561) จะเห็นได้ว่า สื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊คเป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้แบบไร้ขดี จำกัด เด็ก ๆ สามารถเขา้ ถึงได้ โดยง่าย ซ่งึ พฤติกรรมทไ่ี ม่เหมาะสมของครู ขาดความยง้ั คดิ ในการโพสตข์ อ้ ความตา่ ง ๆ ลงบนเฟซบคุ๊ เนอ่ื งจากครูจะมี ความคดิ เห็นว่าตนเองสามารถแสดงออกถึงความเปน็ ตวั ตนได้อย่างอสิ ระเพราะเฟซบ๊คุ เปน็ พ้นื ท่สี ว่ นตัว แต่ไม่ได้คำนึง ว่าผู้ใช้อื่นๆ นั้นสามารถเข้าถึงได้เช่นกัน ดังนั้นผู้บริหารการศึกษาควรกำหนดแนวทางปฏิบัติในการใช้เฟซบุ๊คอย่าง เหมาะสมของครู เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านการใช้เฟซบุ๊คไปในทางที่ผิดหรือก่อให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่ สถาบันการศึกษา นอกจากนี้ผู้บริหารการศึกษาจำเป็นต้องพัฒนานโยบายการใช้เฟซบุ๊คของครูที่มีอยู่เป็นระยะ ๆ เพอ่ื ให้เข้ากบั สถานการณแ์ ละยคุ สมัยท่ีเปลย่ี นแปลงไปดว้ ย 6. ส่งิ ทค่ี รผู ู้สอนพงึ ปฏบิ ตั ใิ นการใช้เฟซบคุ๊ สิ่งท่ีครูผู้สอนพึงปฏิบัตใิ นการใช้เฟซบุ๊คเป็นศนู ย์แห่งการเรยี นรู้รว่ มกับผู้เรียนเพื่อเป็นแนวทางให้ครูผู้สอนใช้ เฟซบุ๊ค ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมี 7 ประการ (ธีรภัทร์ ถิ่นแสนดี, 2558) คือ (1) ห้ามครูผู้สอนระบายอารมณ์และ ความรู้สึกต่าง ๆ ที่มีต่อผู้เรียนในเชิงลบผ่านเฟซบุ๊ค (2) ควรกำหนดนโยบายและแนวปฏิบตั ิในการใช้สื่อสังคมรว่ มกนั ระหว่างครูผู้สอนและผู้เรียนให้ชัดเจน (3) ในกรณีที่ยกเลิกการเรียนการสอนในห้องเรียนเพราะสภาพอากาศไม่ เอื้ออำนวย ครูผู้สอนสามารถใชเ้ ฟซบุ๊คเป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้ร่วมกับผู้เรียนโดยการกำหนดหัวข้อเกี่ยวกับวิชาที่สอน เพื่อให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น (4) ไม่ควรใช้ข้อความที่รุนแรงในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้เรียนและ สถานศกึ ษา (5) หลกี เล่ยี งการแสดงขอ้ ความทก่ี ่อใหเ้ กิดขอ้ โตแ้ ย้งท่ีรนุ แรง (6) ควรตั้งค่าการแสดงความคิดเหน็ ต่างๆ ท่ี ผูเ้ รยี นทุกคนสามารถเข้าไปอา่ นได้ (7) ควรแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ผเู้ รยี นในเชงิ บวกเทา่ นน้ั 7. หลกั การโพสตเ์ ฟซบุค๊ อย่างไรให้เป็นครูมอื อาชีพ เฟซบุ๊คเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถช่วยครูในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบัน ครูจึงควรเรียนรู้หลักการการโพสต์เฟซบุ๊คให้เป็นครูมืออาชีพ ใช้งานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สุนิสา ชาวประชา (2562) ได้กล่าวถึงหลกั โพสตเ์ ฟซบ๊คุ ให้เปน็ ครูมืออาชพี ไวด้ ังนี้ (1) ควรใชเ้ ฟซบุค๊ ใหต้ รงกับคุณสมบัติ เชน่ เฟซบ๊คุ ส่วน ตัว เฟซบุ๊คโรงเรยี น แฟนเพจ หรือ กลมุ่ ตา่ ง ๆ กล่าวคอื ถา้ เป็นผูด้ ูแลเฟซบุ๊คโรงเรยี น ชอื่ เฟซบ๊คุ เป็นชื่อโรงเรียน ก็ไม่ ควรโพสต์เรื่องราวส่วนตัวของตัวเองลงไป ควรเป็นเรื่องหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนเท่านั้น (2) การใช้คำหรือ ขอ้ ความควรเขยี นใหถ้ ูกต้อง เพราะครคู วรเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ีในการเขยี น การใช้คำ หรอื การสะกดคำต่าง ๆ ให้ถูกต้อง (3) ข้อมูลส่วนตัว ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เช่น ที่อยู่บ้าน หมายเลขบัตรต่าง ๆ เบอร์โทรศัพท์ เลข หนา้ 432
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ทะเบียนรถยนต์ เปน็ ต้น เพราะข้อมลู ท่สี ำคัญต่าง ๆ อาจทำใหบ้ คุ คลทไี่ ม่หวังดนี ำข้อมลู ไปใช้ในทางทีไ่ ม่ดี (4) การโพ สต์รูปภาพ ซึ่งรูปภาพของครูสว่ นใหญ่จะเป็นรูปกจิ กรรมท่ีถ่ายกับเด็กนักเรียน หากต้องการโพสตร์ ูปเด็กนกั เรียนควร ขออนุญาตจากเดก็ นักเรียน หรอื ผปู้ กครองก่อนเพราะอาจเปน็ การละเมิดสิทธสิ ว่ นบุคคลได้ การโพสต์รูปเด็กนักเรียน ควรเป็นรูปที่สุภาพ และไม่เป็นรูปที่ทำให้เกิดความอับอาย ไม่ควรเปิดเผยชื่อ ที่อยู่ และข้อมูลสำคัญของเด็กนักเรียน รวมทั้งการ โพสต์รูปภาพส่วนตัวหรือรูปภาพของครูท่านอื่นก็เช่นกัน ควรขออนุญาตบุคคลที่อยู่ในรูปก่อน (5) การ โพสต์ขอ้ ความแสดงความคิดเหน็ ควรระมัดระวังในการโพสต์ข้อความ ถึงแมว้ า่ เฟซบคุ๊ จะเป็นพ้นื ทสี่ ว่ นตัวของผู้ใชง้ าน น้ัน ๆ แตห่ ากได้โพสต์ขอ้ มลู เหล่านั้นออกไปข้อมูลเหลา่ นั้นจะถูกเขา้ ถึงได้โดยผู้ใชร้ ายอ่นื ๆ ทันทแี ละไม่เป็นส่วนตัวอีก ต่อไป สุนสิ า ชาวประชา (2562) ไดก้ ลา่ วถึงหลกั จึงสรุปได้ว่า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ประเภทเฟซบุ๊คสามารถใช้งานได้อย่างอิสระภายใต้สิทธิและเสรีภาพท่บี ุคคล ควรจะมี ส่วนกฎหมายและแนวปฏิบัติต่าง ๆ เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกำกับ ดูแล และตรวจสอบการใช้ส่ือ สังคมออนไลน์ หากต้องการให้พื้นที่สังคมออนไลน์เป็นพื้นที่ที่ใคร ๆ สามารถใช้ได้อย่างอิสระโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการ เคารพซึ่งกันและกัน แนวทางและวิธีการที่ดีที่สุด คือ ผู้ใช้ควรมีระบบกำกับ ดูแลและตรวจสอบระหว่างกันเอง คือ ผู้ใช้งาน จะต้องมีจริยธรรม มีจรรยาบรรณในฐานะที่เป็นทั้งผู้ส่งสาร และผู้รับสาร ไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น นำเสนอแต่สิ่งที่ดี มี คุณธรรม ไม่ก่อใหเ้ กิดความเสียหายต่อผู้อ่ืน สังคมออนไลน์ก็จะกลายเปน็ ประโยชน์อย่างยิง่ นอกจากนี้ครูต้องพึงระลึกเสมอ ว่า ในปจั จบุ นั นอกจากเฟซบคุ๊ แลว้ นั้นยงั มสี อ่ื สงั คมออนไลนป์ ระเภทอ่นื ๆ อกี ทเี่ ดก็ ๆ สามารถเขา้ ถึงได้โดยง่าย จากผลสำรวจ สถานการณ์ “เด็กไทยกับภัยออนไลน์” ช่วงอายุ 6-18 ปี โดยมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ร่วมกับสำนักงานกองทุน สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมกิจการเด็กและเยาวชน กรณีพฤติกรรมเสี่ยงออนไลน์ พบว่า เด็กมากกว่า 83% ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ผ่านแทบ็ เลต็ หรอื สมารต์ โฟน โดย 39% ใช้อินเทอรเ์ น็ต 6-10 ชว่ั โมงตอ่ วนั เด็ก 51.7% เคยพูดคุยกบั คน ที่ไมร่ ู้จกั ผา่ นสื่ออนไลน์ (ฉัตร์ชัย นกดี, 2562) จากผลสำรวจพบว่า เด็กไทยในช่วงอายุ 6-18 ปี มีการใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ ผา่ น แท็บเลต็ และสมาร์ตโฟนสูงถึง 83% ดังนั้นหากจะโพสต์ข้อความใด ๆ ควรมีความระมัดระวงั เป็นอย่างมาก โดยไม่ควรระบาย อารมณ์และความรู้สึกต่าง ๆ ที่มีต่อผู้เรียนในเชิงลบ ไม่ควรใช้ข้อความที่รุนแรงในการแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับผู้เรียนและ สถานศึกษา หลกี เลี่ยงการแสดงข้อความทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ข้อโตแ้ ยง้ ที่รนุ แรง ควรใช้คำหรือขอ้ ความที่เขียนใหถ้ ูกตอ้ ง เพราะครูควร เป็นแบบอยา่ งทีด่ ีแกศ่ ษิ ยใ์ นทุก ๆ ด้าน หากจะโพสต์รูปเดก็ นกั เรยี นควรขออนุญาตจากเด็กนักเรยี น หรือผู้ปกครองก่อนเสมอ เพราะจะเปน็ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การโพสต์รูปเด็กนกั เรยี นควรเปน็ รูปทีส่ ภุ าพ และไม่เป็นรูปที่ทำให้เกิดความอับอาย การโพสต์ข้อความแสดงความคดิ เห็น ควรเพ่มิ ความระมัดระวัง ถึงแม้วา่ เฟซบคุ๊ จะเป็นพน้ื ท่ีส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น ๆ แต่หาก ไดโ้ พสต์ขอ้ มูลเหล่าน้ันออกไปข้อมลู เหล่าน้นั จะถกู เขา้ ถึงไดโ้ ดยผู้ใชร้ ายอื่น ๆ รวมทงั้ เด็ก ๆ อกี ดว้ ย สรุป ในความคิดของครูบางส่วนมีความคิดเห็นว่า เฟซบุ๊ค คือ พื้นที่ส่วนตัวที่สามารถโพสต์อย่างไรก็ได้ แต่ในอีก แง่มุมหนึ่ง เฟซบุ๊ค คือ พื้นที่สาธารณะที่ผู้ใช้งานอื่น ๆ สามารถเข้าถึงได้ง่าย ฉะนั้นหมายความว่าพ้ืนท่ีนั้นจริง ๆ แล้ว ไม่ได้เป็นพ้ืนที่ส่วนตัวแต่อย่างใด และในปัจจบุ ันครูมกี ารใช้ส่ือสังคมออนไลนป์ ระเภทเฟซบุ๊คในกิจกรรมการเรียนการ สอนเพ่อื แบง่ ปันเน้ือหาวิชา แจง้ ขา่ วสารระหวา่ งผู้เรียน ผู้สอน สถานศึกษา ผูป้ กครอง และบคุ คลทว่ั ไป มีการสนทนา ภายในกลุ่ม ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเฟซบุ๊คครูผู้สอนได้โดยง่าย ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นกังวลอย่างมากในปัจจุบัน คือ ครู หลาย ๆ คนใช้เฟซบุ๊คของตัวเองในการระบายความอัดอัน้ ต่าง ๆ จากงาน เรื่องส่วนตัว ลงในเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น วันนี้นักเรยี นไม่ตั้งใจเรียน ความไม่พอใจต่อเพ่ือนร่วมงาน หรือความไม่ยุติธรรมต่อการได้รับการเลื่อนขั้น หรือ หนา้ 433
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสูป่ กตวิ ิถีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) การประเมินผลงานจากผู้บริหารสถานศึกษา เป็นต้น โดยไม่ไดค้ ำนึงวา่ ข้อมูลเหล่านีม้ คี วามเก่ียวข้องกบั วชิ าชีพ เพื่อน ร่วมวิชาชีพ นักเรียน และสถานที่ทำงาน ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ครูควรพึงระวังเป็นอย่างมากในการแสดงความ คิดเห็นต่าง ๆ ลงในสื่อสังคมออนไลน์ และควรพึงระลึกเสมอว่าครูควรเป็นครู 24 ชั่วโมง เพราะ ครูเพียงหนึ่งคนก็ เปรียบเสมือนเป็นตวั แทนครูทั้งสายวิชาชีพ เป็นตัวแทนครูทั้งโรงเรียน และยังเป็นเรือ่ งละเอียดอ่อนพอสมควรในการ เชื่อมโยงระหว่างการเป็นครู กับภาพลักษณ์ของครูที่ควรรักษาไว้ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ทั้งผลดีและผลเสียได้ พร้อม ๆ กัน หากครูสรา้ งความประทับใจ หรือไม่น่าประทบั ใจให้กับคนอืน่ ๆ และควรตระหนกั ในการใช้สือ่ สังคมออนไลนท์ กุ ครง้ั ว่า ครูต้องเป็นผูท้ ี่พฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแกศ่ ิษย์ทั้งด้านกริยาวาจา และใจ รวมทั้งเป็นแบบอย่างท่ีดีทั้งต่อชุมชน และ สังคมภายนอก โดยมีกรอบแบบแผนในการปฏิบัติตนที่ครูควรยึดปฏิบัติตาม คือ จรรยาบรรณวิชาชีพครูทั้ง 5 ด้าน หากครูมีทัง้ จรรยาบรรณในฐานะผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต และจรรยาบรรณาในวิชาชีพครูแล้วนั้น ไม่ละเมิดสทิ ธิของผู้อน่ื นำเสนอแตส่ ่ิงทดี่ ี มีคุณธรรม ไมก่ อ่ ใหเ้ กิดความเสยี หายตอ่ ผอู้ ่นื สงั คมออนไลน์กจ็ ะมปี ระโยชนอ์ ยา่ งยิ่ง เอกสารอา้ งองิ กานดา รณุ นะพงศา สายแกว้ . (2553, 3 พฤศจกิ ายน). โซเชียลมีเดีย https://www.slideshare.net/krunapon/social-media-5661152 ขอ้ บงั คบั คุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณวชิ าชีพ พ.ศ. 2556. (2556, 4 ตุลาคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ 130 ตอนพืเศษ 130 ง. หนา้ 72-74. ฉตั รช์ ยั นกดี. (2562, 20 กนั ยายน). สรา้ งตัวตนบนโลกออนไลน์ อยา่ งไรใหป้ ลอดภยั .https://www.thaihealth.or.th /Content/50143-% ชยั รตั น์ จุสปาโล, และ ระวิ แก้วสุกใส. (2556). เครอื ขา่ ยสังคมออนไลน์ : กรณี เฟสบุ๊ค (Facebook) กบั การพฒั นา ผูเ้ รียน. Princess of Naradhiwas University Journal, 199. https://li01. tci- thaijo.org/index.php/pnujr/article/view/53802 ณฤทธิ์ พงษ์ศรี. (2560). การแสดงตัวตนของผู้ใชส้ ือ่ สงั คมออนไลน์บน Facebook ของ Generation C ในเขต กรุงเทพมหานคร [การคน้ ควา้ อสิ ระนเิ ทศศาสตรมหาบัณฑติ ]. Dspace. http://dspace.bu.ac.th/jspui/bitstream/123456789/3501 /3/narit.pong.pdf ณฐั พชั ญ์ วงษ์เหรียญทอง. (2556, 12 เมษายน). พนักงานกับ SOCIAL MEDIA: เรอ่ื งสว่ นตัวท่พี งึ ระวัง. https://www.nuttaputch.com/employee-and-social-media/ เดลินวิ ส์. (2561, 29 ตุลาคม). กมว.เพมิ่ โทษผิดจรรยาบรรณทางโซเชียล. เดลนิ วิ ส.์ https://www.dailynews.co.th/education/674092 ธรี ภัทร์ ถน่ิ แสนด.ี (2558). สงั คมออนไลน์เพ่ือการศกึ ษา. วารสารมหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย วทิ ยาเขต ร้อยเอ็ด, 4(2), 385. พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554. (2554). ความหมายของครู. https://dictionary.orst.go.th/ พงษ์พิพฒั น์ สายทอง. (2557). ส่ือสังคมออนไลน์กบั การเรยี นการสอน. การสมั นาวิชาการ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. http://smforedu.blogspot.com/2014/02/ home.html พนารัตน์ ลิ้ม. (2551). วัฒนธรรมเครือขา่ ยสังคมออนไลน์. วารสารนเิ ทศศาสตร์ธุรกิจ, 5(5), 7-19. หนา้ 434
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) พรรณวดี ประยงค์. (2559). เรอ่ื งของ “ตวั ตน” บนโลกของเว็บไซต์โซเชยี ลเน็ตเวิร์ก: ขอบเขตของ “ตัวตนที่ ปรารถนา” และ “ตวั ตนที่เป็นจริง”. วารสารศาสตร์, 9-10 พชิ ติ วจิ ติ รบญุ ยรักษ.์ (ม.ป.ป.). สอ่ื สงั คมออนไลน์: ส่ือแห่งอนาคต. Executive Journal, 99-103. https://www.bu.ac.th/knowledgecenter/executive_journal/oct_dec_11/pdf/aw016.pdf วไิ ลวรรณ จงวไิ ลเกษม, และแอนณา อ่มิ จำลอง (2556). การใช้เฟซบุค๊ เป็นชอ่ งทางการสือ่ สารการเรียนการสอนด้าน นิเทศศาสตร์. วารสารนิเทศศาสตร์ ธุรกจิ บณั ฑติ ย์, 7, 75-93. สาํ นกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา. (2551). พระราชบัญญตั ิระเบยี บข้าราชการครแู ละ บคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ครุ สุ ภา ลาดพรา้ ว. สุนิสา ชาวประชา. (2562, 8 ตลุ าคม). หลกั การโพสต์เฟซบ๊คุ สำหรบั ครูมืออาชพี . https://www.kruupdate.com/19284/ แสงเดอื น ผอ่ งพุฒ. (2556). สื่อสังคมออนไลน์ : แนวทางการนำมาประยกุ ตใ์ ช้ (Social media : How to application). สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการวฒุ ิสภา, 3(20), 3. http://library.senate.go.th/document/Ext6685/6685991_0004.PDF Cover, R. (2012), Performing and Undoing Identity Online: Social Networking, Identity Theories and the Incompatibility of Online Profiles and Friendship Regimes, Convergence:The International Journal of Research into New Media Technologies, 18(2), 177-193. McKenna, K. et al. (2002), Relationship Formation on the Internet: What’s the Big Attraction?, Journal of Social Issues, 58(1): 9-31. หน้า 435
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้ังที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) การจัดการเชิงกลยทุ ธ์ : การบรหิ ารจดั การงานฝา่ ยแผน ประกันคุณภาพและพฒั นาเพ่อื สงั คม โรงเรยี นสาธิต สงั กดั มหาวทิ ยาลัยของรฐั Strategic management : The Management of Planning Quality Assurance and Social Development of Demonstration school Affiliated with a Public University สุนทร ภูรปี รชี าเลศิ โชตวิ ทิ ย์ ธรรมสุจิตร สุจุฑา สีทองสรุ ภณา วรดร ใบพักตร์ เฌอณรนิ ทร์ วรรณรัตนางกรู และศรัณย์ พ่วงสมบัติ โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทมุ วนั [email protected] บทคดั ย่อ การจดั การเชิงกลยุทธ์เป็นวธิ กี ารจัดการทีม่ ุ่งเน้นการปรบั ตวั ใหส้ อดคล้องกับสถานการณ์ การเลือกใช้กลยุทธ์ ที่เหมาะสมในการสร้างความได้เปรียบเหนอื ผู้ประกอบกิจการหรือคูแ่ ข่งรายอื่น ๆ มีกระบวนการดำเนินงานที่สำคญั ประกอบด้วย การวิเคราะห์สถานการณ์ การกำหนดกลยุทธ์ การดำเนินการตามกลยุทธ์ และการประเมินกลยุทธ์ โดยกลยุทธ์กำหนดทิศทางและกลยุทธ์การปฏิบัติงานเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ต้องกำหนดขึ้นเพื่อบริหารกิจการให้ประสบ ความสำเร็จ ในการจัดการเชิงกลยุทธ์เพื่อพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาโดยผบู้ รหิ ารต้องพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่ กวา้ งไกล ปจั จยั ความสำเร็จในการจดั การเชงิ กลยทุ ธ์ ไดแ้ ก่ ภาวะผู้นำเชงิ กลยทุ ธแ์ ละการคดิ เชงิ กลยุทธ์ เป็นปัจจัยที่ มีความสำคัญและมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการบริหารจัดการหรือการบริหารเชิงกลยุทธ์ สถานศึกษาต้องกำหนดทิศ ทางการจัดการศึกษาใหเ้ หมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณท์ ี่คาดว่าจะเกดิ ทัง้ ภายในและภายนอกเพือ่ ให้สามารถ ธำรงอยู่ได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง กลยุทธ์การปฏิบัติงานของสถานศึกษาต้องกำหนดขึ้นให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ การกำหนดทศิ ทางการบรหิ าร โดยมีแผนงานและโครงการรองรบั เพอ่ื ขบั เคลื่อนให้มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและ เกิดผลสำเรจ็ ตามเปา้ หมายของกลยุทธ์น้นั ๆ คำสำคญั : การจดั การเชิงกลยุทธ์ ABSTRACT Strategic management is a management method that focuses on adaptation to the situation. Choosing the right strategy to gain an advantage over other entrepreneur and seek maximum profit, the important operational processes are as follows: Situation analysis, Strategy formulation, Strategy implementation. And strategy evaluation. Strategic direction and Operational Strategy are essential strategies that must be established in order to manage the business successfully. In strategic management for the improvement of the quality of education, administrators must develop themselves to be a visionary leader. Success factors in strategic management is consisted of strategic หน้า 436
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) leadership and Strategic thinking which are important and influent on management or strategic administration. Educational institutions must set appropriate directions for educational management and be consistent with expected situations both internally and externally so that they can be sustained in the midst of change. The educational institution's operational strategy must be established in line with the management direction-setting strategy which has plans and projects to drive concrete action and achieve the goals of the strategy. KEYWORDS: Strategic management บทนำ บทความนีเ้ ป็นบทความวชิ าการที่เรยี บเรียงข้ึนเพือ่ ให้ผูอ้ ่านทราบถึงการจัดการเชิงกลยุทธ์ในการบริหารงาน ฝา่ ยแผน ประกันคุณภาพและพฒั นาเพ่อื สงั คมของโรงเรียนสาธิตมหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ ปทุมวัน เนื่องจากการ จดั การเชงิ กลยทุ ธเ์ ป็นวธิ กี ารจัดการทมี่ งุ่ เน้นการปรบั ตัวใหส้ อดคล้องกับสถานการณ์การเลือกใชก้ ลยุทธ์ท่เี หมาะสมเพอ่ื สร้างความได้เปรยี บเหนอื คแู่ ขง่ ขนั การจัดการเชงิ กลยทุ ธส์ ามารถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ในการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาโดย ผู้บริหารสถานศึกษาต้องพัฒนาตนเองให้เป็นผู้ที่มีวสิ ัยทัศน์ที่กว้างไกลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาเป็นสำคญั จากนั้นจงึ ดำเนินการโดยนำกระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์จึงจะส่งผลให้การพัฒนา คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาบรรลุตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้ผู้เขียนได้นำเสน อเนื้อหา เกี่ยวกับ ความหมายของการจัดการเชิงกลยุทธ์ องค์ประกอบพื้นฐานของกระบวนการจัดการเชงิ กลยุทธ์ ความสำคัญ ของการจัดการเชงิ กลยุทธ์ ลักษณะของการจดั การเชงิ กลยุทธ์ ระดับของกลยุทธ์ ปัจจัยความสำเรจ็ เชิงกลยุทธ์ ภาวะ ผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธ์ การคิดเชงิ กลยทุ ธ์ กระบวนการจดั การเชงิ กลยทุ ธ์ กลยทุ ธ์การกำหนดทิศทางการบรหิ าร กลยุทธก์ าร ปฏิบัติงาน สถานศึกษากับกลยุทธ์ระดับแผนงานและโครงการ และผู้บริหารสถานศึกษากับการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาโดยใชว้ ธิ ีการจัดการเชงิ กลยุทธ์ เน้อื หาสาระ ในการบรหิ ารจัดการงานฝา่ ยแผน ประกันคณุ ภาพและพัฒนาเพอื่ สังคมของโรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลัยศรีนค รินทรวโิ รฒ ปทมุ วัน ในวาระการบรหิ ารของผู้อำนวยการ 4 ปี (1 ตลุ าคม 2563 – 30 กันยายน 2567) ใช้การจัดการ เชิงกลยทุ ธเ์ ป็นแนวทางสำคญั ในการดำเนินการ บทความนี้จดั ทำข้นึ เพอื่ นำเสนอความหมายของการจัดการเชิงกลยุทธ์ องค์ประกอบพื้นฐานของกระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ ความสำคัญของการจัดการเชิงกลยุทธ์ ลักษณะของการ จัดการเชิงกลยุทธ์ ระดับของกลยุทธ์ ปัจจัยและความสำเร็จของกลยุทธ์ ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ การคิดเชิงกลยุทธ์ กระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ กลยทุ ธ์การกำหนดทิศทางการบริหาร กลยุทธก์ ารปฏบิ ัติงาน สถานศึกษากับกลยุทธ์ ระดับแผนงานและโครงการ ผูบ้ ริหารสถานศึกษากบั การพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาโดยใชว้ ิธกี ารจดั การเชงิ กลยทุ ธ์ และ นโยบายของโรงเรยี นสาธติ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ ปทมุ วัน เพือ่ รองรับการปฏริ ปู การศึกษา 1. ความหมายของการจดั การเชิงกลยทุ ธ์ (Strategic Management) นกั วิชาการศกึ ษาไดน้ ำเสนอความหมายของการจัดการเชิงกลยุทธ์ใว้ดังนี้ หน้า 437
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ประยงค์ เนาวบตุ ร (2562, น. 6) กลา่ วถงึ การจดั การเชงิ กลยุทธ์วา่ เปน็ วธิ กี ารบริหารจัดการเพ่อื ให้การ ดำเนนิ งานบรรลผุ ลสำเรจ็ ตามเป้าหมายโดยอาศยั ความคดิ ทีเ่ ปน็ กลอบุ าย วธิ กี าร หรือกระบวนการในการดำเนนิ งาน ทีส่ ำคัญประกอบดว้ ย การวเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ ม การกำหนดกลยทุ ธ์ การปฏบิ ตั ติ ามกลยทุ ธ์และการควบคุมกล ยุทธ์ เพริ ซ์ และโรบนิ สนั (Pearce & Robinson, 2000 , p. 3 อา้ งถงึ ในพิบลู ทปี ระปาลและธนวฒั น์ ทีปะปาล , 2559, น.7) กล่าวถงึ การให้ความหมายของการจดั การเชิงกลยุทธ์หมายถึงชุดของการตัดสินใจและการปฏิบัติการต่าง ๆ ซ่งึ จะมีผลต่อการวางแผนและการปฏิบตั ิตามแผน ซ่ึงออกแบบขน้ึ เพ่ือช่วยให้วัตถุประสงคข์ องบรษิ ัทบรรลผุ ลสำเรจ็ การจัดการเชิงกลยุทธ์ ประกอบด้วยงานหลักสำคัญ 9 อย่าง คือ 1) การกำหนดพันธกิจหรือภารกิจของ บริษัท ซึง่ ประกอบด้วยการเขียนขอ้ ความบรรยายกวา้ ง ๆ เก่ียวกับความมุ่งหมาย ปรชั ญา และเป้าหมาย 2) การศึกษา วิเคราะห์สภาพแวดล้อมในแง่มุมต่าง ๆ ภายในบริษัท เพื่อทราบจุดแข็งแลจุดอ่อนของบริษัท 3) ประเมิน สภาพแวดล้อมภายนอกเพื่อค้นหาความได้เปรียบในการแข่งขันและปัจจัยแวดล้อมทั่วไป เพื่อฉกฉวยโอกาสมาเพื่อ ดำเนนิ งานและหลกี เลี่ยงอุปสรรคหรอื ภัยคุกคามตา่ ง ๆ ท่ีจะเกิดข้ึน 4) วเิ คราะหท์ างเลือกในการดำเนินงานของบริษัท โดยการจัดสรรทรัพยากรของบรษิ ทั เพ่ือให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมภายนอก 5) กำหนดทางเลือกในการ ปฏิบัติการที่เหมาะสมที่สุด โดยการประเมินแต่ละทางเลือกซึ่งจะต้องสอดคล้องกับพันธกิจของบริษัท 6) กำหนด วัตถุประสงค์ระยะยาวและกลยุทธ์แม่บทที่จะนำมาใช้เพือ่ ให้ทางเลือกการดำเนินธรุ กิจท่ีเลือกไว้นั้นบรรลผุ ลสำเร็จ 7) พัฒนาวัตถุประสงค์ประจำปีและกลยุทธ์ระยะสั้นซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ระยะยาวและกลยุทธ์แม่บท 8) นำกล ยทุ ธ์ทเ่ี ลอื กไวไ้ ปปฏบิ ตั ดิ ้วยการจดั สรรปันส่วนทรพั ยากรเพ่อื ให้เหมาะสมกับงาน คน โครงสร้างและเทคโนโลยี และ 9) ประเมินผลสำเร็จของกระบวนการกลยุทธ์ทุกขั้นตอนที่ได้ปฏิบัติเพื่อนำผลที่ได้มาใช้เป็นตัวนำเข้าเพื่อการตัดสินใจใน อนาคต พิบูล ทีประปาลและธนวัฒน์ ทีปะปาล (2559, น.9) กล่าวถึงการจัดการเชิงกลยุทธ์ว่าเป็นการกำหนด แนวทางหรือวิถีทางในการดำเนนิ งานขององค์การ เพื่อให้งานบรรลุผลตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ซ่ึง การกำหนดแนวทางหรือทิศทางในการดำเนินงานน้นั ผบู้ ริหารจำเปน็ จะตอ้ งทำการวิเคราะห์และประเมินปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์การเพื่อจัดทำแผนงานดำเนิ นงานที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้บรรลุ เปา้ หมายท่ีวางไวอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ สรุปได้ว่า การจัดการเชิงกลยุทธ์เป็นวิธีการบริหารจัดการในการดำเนินภารกิจให้ลุล่วงตามเป้าประสงค์ ตามเกณฑ์เปา้ หมายท่ตี ง้ั ไวโ้ ดยอาศยั การวเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ ม การกำหนดกลยทุ ธ์ การปฏิบัติตามกลยทุ ธ์และการ ควบคุมกลยุทธ์ 2. องค์ประกอบพ้ืนฐานของกระบวนการจดั การเชิงกลยทุ ธ์ (Basic Elements of the Strategic Management Process) นักวิชาการศึกษาได้นำเสนอองค์ประกอบของกระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ ดังเช่น Wheelen et al, 2015 , p. 47 อ้างถึงในพิบูล ทีประปาลและธนวัฒน์ ทีปะปาล, 2559, น.10 – 20 กล่าวถงึ องค์ประกอบพื้นฐานของ กระบวนการจดั การเขงิ กลยุทธ์ 4 ขน้ั ตอนคือ 1) การตรวจสอบสภาพแวดลอ้ ม 2) การจดั ทำกลยทุ ธ์ 3) การปฏิบัติตาม กลยุทธ์ 4) การประเมินผลและการควบคุม ทั้ง 4 องค์ประกอบมคี วามสัมพันธ์เปน็ กระบวนการต่อเน่ืองกัน โดยแต่ละ กระบวนการมีรายละเอียดสำคัญดงั น้ี หน้า 438
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 2.1 การตรวจสอบสภาพแวดลอ้ ม กระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์เรมิ่ ตน้ จากการศึกษาวเิ คราะห์ ตรวจสอบ และประเมนิ สภาพแวดล้อม ทั้งภายในและภายนอกบริษัท เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบเผยแพร่ให้บุคคลสำคัญภายในบริษัทได้ทราบ มี จุดมุ่งหมายเพื่อระบุ “ปัจจัยเชิงกลยุทธ์” ทั้งปัจจัยที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอกและภายใน ปัจจัยเชิงกลยุทธ์ ดังกล่าวเป็นตัวกำหนดอนาคตของบริษัท นิยมใช้วิธี SWOT Analysis (Strengths Weaknesses Opportunities และ Threats) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกเป็นการวิเคราะห์ตัวแปร 2 ตัวคือโอกาสและอุปสรรค ซึ่งอยู่ ภายนอกองคก์ าร สว่ นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในเปน็ การวิเคราะห์อีก 2 ตัว คอื จดุ แขง็ และจุดออ่ นของบริษัท ไดแ้ ก่ โครงสรา้ ง วัฒนธรรม และทรัพยากรของบริษทั จุดแข็งของบรษิ ัททส่ี ำคญั กลายเป็นความสามารถหลักซ่ึงบริษัท จะนำมาใชส้ รา้ งความไดเ้ ปรียบทางการแขง่ ขนั ของบรษิ ัท 2.2 การจัดทำกลยุทธ์ การจัดทำกลยุทธค์ อื การทำแผนระยะยาวเพ่ือนำมาใชใ้ นการบริหารงานเพ่ือให้เหมาะสมกับโอกาส และปัญหาอุปสรรคที่เป็นอยู่ขณะนั้น รวมทั้งจะต้องสอดคล้องกับจุดแข็งจุดอ่อนของบริษัท การจัดทำแผนกลยุทธ์ ประกอบด้วยการกำหนดพันธกิจของบรษิ ัท กำหนดวัตถุประสงค์ ที่สามารถบรรลผุ ลสำเร็จได้ การพัฒนากลยุทธ์และ กำหนดนโยบายเพือ่ เป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิงาน 1 ) พันธกิจ พนั ธกจิ ขององค์การคือความมุ่งหมายหรือเหตุผลทอ่ี งค์การได้จัดต้ังขน้ึ มาและเพ่ือเป็นการบอก ให้สังคมทราบว่าบริษัทมีอะไรเสนอให้กับสังคม มีเอกลักษณ์ชัดเจน แตกต่างจากที่อื่น รวมถึงปรัชญาของบริษทั เพ่อื บอกให้ทราบวา่ บริษทั จะดำเนินธรุ กจิ อยา่ งไรและจะปฏบิ ัติตอ่ พนักงานของเขาอย่างไรดว้ ย 2 ) วัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์คือเป้าหมายปลายทางที่ตั้งไว้ซึ่งองค์การต้องการให้บรรลุเป็นตัวชี้บอกว่า องค์การต้องการให้ประสบผลสำเร็จอะไรและเมื่อไรเขียนในรูปของปริมาณที่ชัดเจนเป็นตัวเลขที่สามารถวัดได้ซึ่งต้อง สอดคล้องตามพันธกิจของบริษัทด้วย สำหรับเป้าหมายมีความแตกต่างจากวัตถุประสงค์เนื่องจากเป้าหมายคือสิ่งท่ี องคก์ ารตอ้ งการให้บรรลใุ นระยะเวลา โดยไมร่ ะบสุ ิง่ ท่ีต้องการบรรลุในปรมิ าณทช่ี ัดเจน รวมทงั้ ไม่มีเกณฑ์ท่กี ำหนดดา้ น เวลาว่าจะใหส้ ำเรจ็ เมื่อใด 3 ) กลยทุ ธ์ กลยุทธ์ของบริษัทคือแผนแม่บทที่บริษัทจัดทำขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทจะดำเนินการ เพื่อให้บรรลุพันธกิจและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ได้อย่างไร กลยุทธ์จะเป็นการนำข้อได้เปรียบทางการแข่งขันมาใช้ มากท่สี ดุ และในขณะเดยี วกันจะลดขอ้ เสยี เปรียบทางการแขง่ ขันให้เหลือนอ้ ยที่สดุ 4 ) นโยบาย นโยบายคือแนวทางกว้าง ๆ ที่กำหนดขึ้นเพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจเพื่อให้การ กำหนดกลยุทธ์กับการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติเชื่อมโยงกัน บริษัทใช้นโยบายเป็นเครื่องมือเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า พนักงานทุกคนในบริษัทตัดสินใจดำเนินงานและปฏิบัติงาน ต่าง ๆ สอดคล้องสนับสนุนเป็นไปตามพันธกิจ วัตถุประสงค์ และกลยทุ ธ์ ของบรษิ ัท หน้า 439
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 3. การปฏิบัตติ ามกลยุทธ์ การปฏิบัติตามกลยุทธ์เป็นกระบวนการดำเนินงานนำกลยุทธ์และนโยบายที่กำหนดไว้เข้าสู่การ ปฏิบัติด้วยการพัฒนาจัดทำเป็นโปรแกรมดำเนินงาน จัดทำงบประมาณ และวิธีการดำเนินงาน ขั้นตอนนี้อาจ เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมขององค์การ โครงสร้าง และระบบการจัดการทัง้ หมดทั่วองคก์ าร การปฏิบัติ ตามกลยุทธ์เป็นหน้าที่ของผู้จัดการระดับกลางและระดับล่างเท่านั้น โดยผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้ตรวจสอบ เนื่องจาก เป็นแผนงานปฏบิ ัตกิ าร การปฏิบัติตามกลยทุ ธ์จึงมกั เกย่ี วข้องกับการตัดสนิ ใจประจำวัน 1 ) โปรแกรมดำเนินงาน โปรแกรมการดำเนนิ งาน คอื ข้อความทเ่ี ขยี นบ่งบอกถงึ กิจกรรมหรือขั้นตอนต่าง ๆ ท่ีจำเปน็ ตอ้ ง กระทำเพอ่ื ให้งานที่กำหนดบรรลุเปา้ หมาย โดยปกตจิ ะใช้เพยี งครง้ั เดียวแล้วจบ โปรแกรมดำเนนิ งานจะมงุ่ เนน้ การ กระทำวา่ ตอ้ งทำอยา่ งไรบา้ งเพอื่ ใหเ้ ป็นไปตามกลยทุ ธ์ 2 ) งบประมาณ งบประมาณ คือข้อความทเี่ ขยี นขน้ึ เพ่อื บง่ บอกรายการการใชจ้ ่ายของบริษัท 3 ) วิธกี ารดำเนินงาน วิธกี ารดำเนนิ งาน คอื ระเบียบวิธปี ฏบิ ัตซิ ึง่ บอกข้นั ตอนหรือเทคนคิ ในการดำเนนิ งานใน รายละเอียดวา่ งานแตล่ ะอย่างและกจิ กรรมต่าง ๆ จะตอ้ งทำอยา่ งไรบา้ ง เพ่ือให้งานบรรลผุ ลสำเรจ็ ตามโปรแกรมที่ กำหนดไว้ 4. การประเมนิ ผลและการควบคมุ การประเมินผลและการควบคุมเป็นการตรวจสอบกิจกรรมและผลการปฏิบัติงานทั้งหมดของ องค์การเพ่อื เปรียบเทียบดวู ่าผลการปฏิบตั ิงานจรงิ กบั ผลการดำเนินงานท่ตี ัง้ ความมุ่งหวังไว้บรรลุตามเป้าหมายหรือไม่ ผูจ้ ัดการทกุ ระดบั จะนำขอ้ มลู ท่ไี ดร้ บั จากการประเมนิ ในข้นั น้เี พอื่ นำไปแก้ไขและหาทางแกป้ ัญหาตอ่ ไป สรุปได้วา่ องคป์ ระกอบพ้นื ฐานของกระบวนการจดั การเขิงกลยทุ ธ์ 4 ขนั้ ตอนคอื 1) การตรวจสอบ สภาพแวดลอ้ ม 2) การจัดทำกลยุทธ์ 3) การปฏบิ ตั ิตามกลยทุ ธ์ 4) การประเมินผลและการควบคุม ท้ัง 4 องค์ประกอบ มคี วามสัมพนั ธ์เป็นกระบวนการต่อเน่อื งกัน 3. ความสำคัญของการจดั การเชงิ กลยทุ ธ์ นกั วิชาการท้ังภายในประเทศและต่างประเทศได้กลา่ วถึงความสำคัญของการจัดการเชงิ กลยุทธ์ ดงั น้ี เพิรซ์ และโรบินสนั (Pearce & Robinson, 2000: 9 – 10 อ้างถึงในพิบลู ทีประปาลและธนวัฒน์ ทีปะปาล, 2559, น.21 - 23) 1. กิจกรรมการจัดทำกลยุทธ์ มีส่วนช่วยป้องกันมิให้บริษัทเกิดปัญหาต่าง ๆ ได้มาก ผู้จัดการซึ่งกระตุ้น ความสนใจของผู้ใต้บังคับบัญชาให้สนใจด้านการวางแผนจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิด ความร้สู ึกว่าเปน็ หน้าทข่ี องตนทีจ่ ะตอ้ งเขา้ มาร่วมรบั ผิดชอบในการวางแผนกลยทุ ธ์เปน็ สง่ิ สำคญั มากกว่าทีจ่ ะสนใจดา้ น อืน่ ๆ 2. การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์โดยอาศัยกลุ่มอันเกิดจากมุมมองของสมาชิกของกลุ่มที่มีความรู้ความชำนาญ หลายสาขามาร่วมกนั ตัดสนิ ใจ จะทำใหเ้ กิดแนวทางการจดั ทำกลยุทธท์ ่ีหลากหลายและผา่ นการเลือกสรรนำกลยุทธ์ไป ใช้ที่เหมาะสมเนือ่ งจากผา่ นการกลน่ั กรองทด่ี ี หนา้ 440
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสูป่ กติวิถีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 3. การให้พนักงานได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำกลยุทธ์ ทำให้พวกเขาเข้าใจในความสัมพันธ์ ระหวา่ งผลิตภาพกับรางวลั 4. การเกิดช่องว่างหรืองานซ้ำซ้อนกัน ในการดำเนินกิจกรรมระหว่างบุคคลและกลุ่มผู้ทำงานจะลดลง เพราะการที่ทกุ คนได้มสี ว่ นร่วมในการจัดทำแผนกลยทุ ธร์ ว่ มกนั จะทำให้แต่ละคนรบู้ ทบาทหน้าทขี่ องตนท่ีชดั เจน 5. การต่อต้านการเปลยี่ นแปลง จะลดลงจากทพ่ี นักงานได้มสี ่วนรว่ มในการจัดทำแผนกลยทุ ธ์ ย่อมทำให้ เกดิ ความพอใจจากการตัดสนิ ใจของเขาเอง จึงมคี วามเปน็ ไปไดส้ งู ที่จะยอมรับ และพร้อมท่จี ะใหค้ วามรว่ มมือตอ่ การ เปล่ียนแปลงทจี่ ะเกดิ ขน้ึ วรางคณา ผลประเสรฐิ (2554, น. 9 – 10) กลา่ วถึงความสำคัญของการจัดการเชงิ กลยุทธไ์ ว้ 6 ประการ คือ 1. ช่วยให้องค์การมีกรอบและทิศทางที่ชัดเจน โดยการกำหนดวิสัยทัศน์ ภารกิจและวัตถุประสงค์ของ องค์การอย่างเป็นระบบ ซึ่งการกำหนดทิศทางขององคก์ ารดังกลา่ วจะเป็นแนวทางในการใช้ทรัพยากรขององคก์ ารได้ อยา่ งเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด 2. ช่วยให้ผู้บริหารคิดอย่างเป็นระบบ โดยการพิจารณาถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก องค์การ ซึ่งจะทำให้เกิดความตระหนักต่อการเปลี่ยนแปลงและทำให้ผู้บริหารสามารถกำหนดวัตถุประสงค์และทิศ ทางการดำเนินงานอยา่ งเป็นรปู ธรรมและสอดคลอ้ งกบั สภาวะความเปล่ียนแปลง 3. ช่วยสร้างความพร้อมให้องค์การ ในการกำหนดวธิ ีการหรือแนวทางในการดำเนนิ งานและกิจกรรมตา่ ง ๆ ขององคก์ าร จะตอ้ งทำการวิเคราะห์และประเมนิ ปจั จัยต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกองคก์ ารเพื่อคิดคน้ แนวทางใน การดำเนินงานที่เหมาะสมที่สุดท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ ไปสู่การจัดการความเปลี่ยนแปลงที่ดี ขึ้น ทำให้องค์การมีการเตรียมความพร้อมในการรับกับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งช่วยเตรียมความพร้อมและ พัฒนาบุคลากรที่อยู่ภายในองค์การ เนื่องจากการพัฒนาเชิงกลยุทธ์จะต้องมีการสร้างความเข้าใจและแนวทางในการ เตรยี มพรอ้ มเพือ่ รบั กบั ความเปล่ียนแปลงทจี่ ะเกิดขึ้นของสภาพแวดลอ้ มและคู่แข่ง 4. ช่วยสร้างประสิทธภิ าพในการแขง่ ขนั ความได้เปรียบทางการแขง่ ขนั น้สี ามารถเกิดขึ้นจากการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ การจัดการเชิงกลยุทธ์จึงเป็นความพยายามในการแข่งขันกับศักยภาพของตนเอง หรือในเชิงเปรยี บเทียบกับองค์การอ่ืน ๆ เพื่อมุ่งไปสู่เปา้ หมายตามความคาดหวงั ของผู้รบั บริการหรือผูม้ สี ่วนเกีย่ วขอ้ ง ซึ่งจะช่วยสร้างประสิทธิภาพและศักยภาพในการแข่งขันให้แก่องค์การและเสริมสร้างการพัฒนาขีดความสามารถ ทางการบรหิ าร 5. ช่วยให้การทำงานเกิดความสอดคล้องในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากมีการกำหนดกลยุทธ์ การ ประยุกต์ใช้ และการตรวจสอบควบคุมไว้อย่างชัดเจน ทำให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องเกิดความเข้าใจตรงกันและเกิดความ ร่วมมือ โดยเฉพาะความเข้าใจในวัตถุประสงค์ขององค์การ อีกทั้งจะช่วยให้มีการจัดสรรทรัพยากรเป็นไปอย่างมี ประสิทธภิ าพสอดคลอ้ งกบั การบริหารองคก์ ารในสว่ นต่าง ๆ นอกจากนีก้ ารจัดการเชิงกลยทุ ธย์ งั ชว่ ยให้ผู้ท่ีเกี่ยวข้องใน องค์การเข้าใจในภาพรวมโดยเฉพาะเป้าหมายในการดำเนินงานทำให้สามารถจัดลำดับการดำเนินงานตามลำดับ ความสำคัญเรง่ ด่วนได้ 6. ช่วยใหอ้ งค์การมีมมุ มองที่ครอบคลมุ โดยคำนงึ ถึงผมู้ สี ว่ นไดส้ ่วนเสยี การจดั การเชงิ กลยทุ ธเ์ ป็นวิธีการ บริหารที่คำนึงถึงปัจจัยภายในและภายนอก หมายรวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์การ เช่น เจ้าหน้าที่ ประชาชน ผู้รบั บรกิ าร และคู่แขง่ เป็นต้น ซ่งึ บคุ คลเหลา่ นี้มคี วามคาดหวังตอ่ องคก์ ารแตกตา่ งกัน หน้า 441
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กตวิ ิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สรุปว่าความสำคัญของการจัดการเชิงกลยุทธ์มีประโยชน์ต่อองค์การเนื่องจากช่วยให้องค์การมีกรอบ และทิศทางที่ชัดเจน มีการบริหารจัดการงานอย่างเป็นระบบ ช่วยให้องค์การเกิดความพร้อมในองค์การ สร้าง ประสิทธิภาพในการแข่งขัน การทำงานเกิดความสอดคล้องในการปฏิบัติหน้าที่และมีมุมมองที่ครอบคลุม รวมทั้งมี แนวทางในการปรบั ตัวโดยมกี รอบท่ีชัดเจน การจดั สรรสรรพกำลังและทรพั ยากรในองคก์ ารเปน็ ไปในทิศทางและลำดับ ความสำคญั ที่สมเหตุสมผลและสอดคลอ้ งในระหว่างส่วนยอ่ ย ๆ ขององค์การ 4. ลกั ษณะของการจดั การเชิงกลยุทธ์ การจดั การเชงิ กลยทุ ธเ์ ปน็ เคร่อื งมอื สำคัญในการบรหิ ารสมยั ใหม่มุ่งเน้นการเพิ่มโอกาสความสำเร็จขององคก์ ารใน ระยะยาว โดยอาศัยการวิเคราะห์และประเมินสภาพการณ์เพื่อการวางแผนและผลักดันกลยุทธ์ไปสู่เป้าหมาย การจัดการ เชิงกลยทุ ธ์มีลกั ษณะสำคัญจำแนกได้ 6 ประการ (วรางคณา ผลประเสรฐิ , 2554 , น. 11 – 13 ดังน้ี) 1. เป็นการบรหิ ารทม่ี ุง่ เนน้ ถงึ อนาคต (Future – oriented) การจัดการเชิงกลยทุ ธ์เป็นการบริหารท่ีมุ่งเนน้ อนาคต โดยการสรา้ งหรือกำหนดวสิ ัยทศั น์ พันธกจิ และ วัตถุประสงค์ขององค์การอย่างเป็นระบบ โดยการคาดการณ์แนวโน้ม มองการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน อนาคตแล้วนำมาปรับทิศทางการดำเนินงานเพื่อให้องค์การมีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน วิสัยทัศน์ พันธกิจ และ วัตถุประสงค์ไม่คงที่หรือตายตัวสามารถยืดหยุ่นหรือปรับเปลี่ยนได้เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมที่ มีการ เปลย่ี นแปลงไป 2. เป็นการบริหารทีม่ งุ่ เนน้ ใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลง (change – oriented) การจัดการเชิงกลยุทธ์มุ่งเน้นและให้ความสำคัญต่อการจัดการการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์การ เทคโนโลยี บุคลากรและทรัพยากรต่าง ๆ ที่จำเป็น เพื่อให้สอดคล้อง และเก้ือหนุนตอ่ กลยุทธข์ ององค์การและสามารถผลักดนั ใหอ้ งค์การบรรลุถึงเปา้ หมายท่ีกำหนดไว้ 3. เป็นการบริหารแบบองคร์ วม (holistic approach) การจัดการเชิงกลยุทธ์ มุ่งเน้นที่ภาพรวมทั้งหมดขององค์การมากกว่าการพิจารณาองค์การแบบแยก สว่ น เป็นการบริหารที่มุง่ เนน้ การบรรลถุ งึ เปา้ หมายโดยรวมขององค์การท้ังหมดและยงั มกี ารถ่ายทอดวิสยั ทศั น์ พนั ธกิจ วัตถุประสงค์ นโยบายและกลยุทธ์จากระดับบนลงสู่ระดับล่าง เพื่อให้ทิศทางการดำเนินการขององค์การเป็นไปใน ทิศทางที่นำไปสู่จุดหมายเดยี วกัน ในการจัดการเชิงกลยทุ ธน์ ้ัน การถ่ายทอดเจตนารมณ์เชิงกลยุทธ์ถอื เป็นสิ่งสำคัญท่ี กอ่ ใหเ้ กดิ การบรรลเุ ป้าหมายโดยรวมขององค์การ 4. เปน็ การบริหารทีม่ งุ่ เน้นผลลพั ธ์ (result – based focus) การจัดการเชิงกลยุทธ์เป็นการบริหารที่มุ่งเน้นให้เกิดผลลัพธ์ตรงตามเป้าหมาย โดยมีตัวช้ี วัดผลการ ดำเนินงานอย่างชัดเจน มีการประสานและหล่อหลอมทรัพยากรไปใช้ในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้สามารถปฏิบัติตาม ยุทธศาสตร์และประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ขององค์การที่ตั้งไว้โดยเป็นวัตถุประสงค์ที่ตอบสนองต่อสภาวะ แวดลอ้ มทง้ั ภายนอกและภายในองค์การ 5. เปน็ การบริหารทใ่ี ห้ความสำคัญตอ่ ผูม้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี (stakeholder – oriented) การจดั การเชิงกลยุทธ์เปน็ การบรหิ ารท่ีมุ่งเนน้ และคำนงึ ถงึ ความตอ้ งการของผูท้ ม่ี สี ว่ นไดส้ ่วนเสียหลาย กลมุ่ มีการวิเคราะหค์ วามต้องการของฝ่ายตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง พรอ้ มทงั้ จัดลำดบั ความสำคัญทีเ่ หมาะสมในการ สนองตอบต่อผ้มู สี ว่ นได้สว่ นเสียเหลา่ น้นั หน้า 442
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นส่ปู กติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 6. เปน็ การบรหิ ารจัดการที่มงุ่ เนน้ การวางแผนระยะยาว (long – range planning) การจัดการเชงิ กลยทุ ธเ์ ปน็ การตัดสนิ ใจเลือกใชก้ ลยุทธท์ เ่ี หมาะสมโดยมแี ผนกลยทุ ธเ์ ปน็ เคร่อื งมอื ในการ กำหนดทิศทางและการดำเนินงานอยา่ งชัดเจน สรปุ ไดว้ า่ ลักษณะการจดั การเชงิ กลยทุ ธ์เปน็ การบรหิ ารท่มี งุ่ เน้นอนาคต เน้นผลลพั ธ์ เปน็ การวางแผนใน ระยะยาว ทำให้เกดิ การเปลยี่ นแปลง บริหารแบบองค์รวม ให้ความสำคัญตอ่ ผู้มสี ่วนไดส้ ่วนเสยี 5. ระดับของกลยุทธ์ นกั วิชาการไดจ้ ำแนกระดบั ของกลยทุ ธไ์ วใ้ นมุมมองทแ่ี ตกต่างกันดงั น้ี ประยงค์ เนาวบุตร (2562, น.12) จำแนกระดบั ของกลยุทธจ์ ำแนกเปน็ 3 ระดบั คอื 1. กลยุทธร์ ะดับองคก์ ารหรือกลยทุ ธ์ระดับบริษัท (grand strategy/corporate level strategy) เป็นกลยุทธ์ทีก่ ำหนดขนึ้ เพอ่ื ตอบสนองเปา้ ประสงคห์ ลกั ในภาพรวมขององค์การหรอื เปน็ กลยุทธ์ ระดับนโยบายทตี่ อบสนองแผนงานขององคก์ าร 2. กลยทุ ธ์ระดบั ธรุ กิจ (business level strategy) เป็นกลยุทธ์ที่กำหนดขึ้นเพื่อตอบสนองวัตถปุ ระสงค์หลักของกิจการในแต่ละประเภทของผลิตภัณฑ์ หรือบรกิ าร หรือเป็นกลยุทธร์ ะดบั โครงการ (project level strategy) ท่ตี อบสนองวตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ของโครงการ 3. กลยุทธร์ ะดับหนา้ ที่ (functional level strategy) เป็นกลยุทธ์ที่กำหนดขึ้นเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์หลักของหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติในกระบวนการ ทำงานในแตล่ ะกจิ การหรอื เป็นกลยทุ ธร์ ะดับกจิ กรรมทีต่ อบสนองผลผลิตหลกั ซึ่งเกดิ จากกระบวนการทำงาน พิบูล ทีประปาลและธนวัฒน์ ทีปะปาล (2559, น.21 - 23) กล่าวถึงแบบฉบับของกลยุทธ์ธุรกิจ โดยทั่วไป แบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 ระดบั คือ 1. กลยทุ ธ์ระดับบริษทั (Corporate Strategy) เป็นแผนกลยุทธ์ที่แสดงให้เห็นทิศทางการดำเนินงานของบริษัทโดยรวมที่ฝ่ายบริหารระดับสูง มีต่อ หน่วยธุรกิจต่าง ๆ รวมทั้งสายผลติ ว่ามที ิศทางท่ีจะดำเนินงานต่อไปอย่างไร โดยทั่วไปมี 3 ทาง คือหน่วยธุรกิจใดควร รกั ษาสภาพเดมิ หนว่ ยธรุ กิจใดควรเพม่ิ การลงทนุ เพื่อการเจรญิ เติบโตและหน่วยธรุ กิจใดควรตัดทอนออกไป เป็นต้น 2. กลยุทธร์ ะดับหน่วยธรุ กจิ (Business Strategy) เป็นกลยุทธ์ที่จัดทำขึ้นเพื่อตอบคำถามว่า “เราจะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับหน่วย ธุรกิจนี้ได้อย่างไร” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เกิดขึ้นในระดับหน่วยธุรกิจหรือระดับผลิตภัณฑ์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ ผบู้ รหิ ารระดบั กลาง เป็นกลยทุ ธท์ ่มี ุ่งเน้นปรับปรุงฐานะการแขง่ ขนั ของผลติ ภัณฑ์หรอื บรกิ ารของบรษิ ัทในอุตสาหกรรม หรือส่วนตลาดที่กำลังเผชิญอยู่กับคู่แข่งในปัจจุบัน กลยุทธ์ในระดับธุรกิจที่ใช้กัน คือ กลยุทธ์การแข่งขันหรือกลยุทธ์ ความรว่ มมอื 3. กลยทุ ธ์ระดบั หนา้ ที่ (Functional Strategy) หรือกลยุทธ์ปฏิบัติการ เปน็ กลยทุ ธใ์ นระดับแผนกหรือฝา่ ยตา่ ง ๆ ของบริษัท โดยมจี ดุ มุ่งเนน้ ที่การปรบั ปรุงประสิทธิภาพการ ปฏิบัติการ ทงั้ ในแงก่ จิ กรรมและกระบวนการดำเนินงาน เพ่ือใหก้ ารใช้ทรพั ยากรที่จัดสรรมาให้เกิดประโยชน์มากท่ีสุด และเพ่ือใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงคแ์ ละกลยุทธ์ท้ังระดบั บริษัทและระดบั ธุรกิจ ตัวอยา่ งกลยทุ ธ์ระดับหนา้ ท่ี ได้แก่ กลยุทธ์ที่ กำหนดขน้ึ ภายในแผนกการตลาด แผนกการผลติ แผนกวิจยั และพัฒนา และแผนกทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น หน้า 443
การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) สรปุ ได้วา่ ระดบั ของกลยทุ ธจ์ ำแนกไดต้ ามกลยุทธ์ธุรกจิ โดยทว่ั ไปและจำแนกได้ตามลำดบั ขนั้ ของกลยุทธ์ คือ การจดั กลยทุ ธร์ วมเปน็ กลมุ่ ๆ แยกเปน็ 3 ระดับของการบรหิ ารงานในองคก์ าร กลา่ วคอื กลยุทธร์ ะดับบริษัทเปน็ หน้าท่ขี องผูบ้ ริหารระดบั สงู กลยทุ ธ์ระดบั ธุรกิจ จะเปน็ หนา้ ทขี่ องผู้บริหารระดับกลาง และกลยทุ ธ์ระดบั หนา้ ทจ่ี ะ เปน็ หน้าที่ของผบู้ รหิ ารระดับตน้ 6. ปจั จัยความสำเร็จของกลยุทธ์ ประยงค์ เนาวบุตร (2562: 13) กลา่ วถึงปจั จัยความสำเรจ็ ในการจัดการเชิงกลยุทธท์ ่ีสำคญั ท่สี ดุ คือ ความร้คู วามสามารถของผู้บริหาร เช่น ภาวะผนู้ ำเชิงกลยุทธ์ ความสามารถในการคดิ เชิงกลยทุ ธ์และการคดิ อน่ื ๆ ความสามารถในการบรหิ ารการเปลี่ยนแปลง การมีวสิ ัยทัศนท์ กี่ วา้ งไกล โดยภาวะผนู้ ำเชงิ กลยุทธแ์ ละการคิดเชงิ กล ยทุ ธม์ คี วามสำคัญมากทส่ี ุดสองประการ 7. ภาวะผนู้ ำเชิงกลยทุ ธ์ (strategic leadership) การทบทวนวรรณกรรมและงานวิจยั ทีเ่ กี่ยวข้องตามแนวคิดของนกั การศึกษา นกั วิชาการ จากหลักการ แนวคิด ทฤษฎที ีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั องค์ประกอบหลักของภาวะผูน้ ำเชงิ กลยุทธ์ นำเสนอได้ดงั นี้ เดวีสแ์ ละเดวีส์ (Davies and Davies, 1996, p.277 อา้ งถงึ ในณัฐนนั ท์ทร เอ่ยี มแทน, 2559, น. 21) กำหนดรูปแบบของการมีภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธไ์ ว้วา่ คณุ ลักษณะของภาวะผู้นำเชงิ กลยุทธ์ควรประกอบดว้ ยคณุ สมบัติ 2 ด้าน คอื 1. ด้านความสามารถในการจดั การ ประกอบด้วย 1.1 ความสามารถในการกำหนดทิศทางกลยุทธ์ขององค์การ มีความสามารถในการมองไปในอนาคต เขา้ ใจ ในบรบิ ทขององค์การในปจั จบุ ัน กำหนดแผนกลยทุ ธท์ สี่ อดคล้องกับวิสัยทศั น์และรูปแบบการดำเนินงานในภาวะปจั จุบัน 1.2 ความสามารถในการถา่ ยทอดแผนกลยทุ ธไ์ ปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 1.3 ความสามารถในการปรบั สมาชกิ ในองคก์ ารใหเ้ ข้ากับองค์การ สร้างค่านยิ มในองคก์ ารท่ีสนับสนนุ ใหส้ มาชิกเกิดความยดึ มนั่ ผูกตอ่ องคก์ ารในปัจจุบนั กำหนดแผนกลยทุ ธ์ท่สี อดคลอ้ งกับวสิ ัยทัศนแ์ ละรปู แบบการ ดำเนินงานในภาวะปจั จบุ ัน 1.4 ความสามารถในการกำหนดเปลย่ี นแปลงกลยทุ ธ์ สามารถสรา้ ง พัฒนาและเปล่ียนแปลงกลยทุ ธ์ได้ ทันตอ่ การเปลี่ยนแปลงจากภายนอกมีการตัดสินใจทถี่ ูกตอ้ งทันต่อเวลาและสถานการณท์ ่ีเกดิ ขน้ึ 2. ดา้ นคุณลักษณะเฉพาะ ประกอบด้วย 2.1 เปน็ ผทู้ ่ีไม่พึงพอใจกบั สิ่งที่มอี ยู่ เปน็ อยใู่ นปจั จบุ นั คอื มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ไม่หยดุ นิง่ อยกู่ ับท่ี ปรับปรุง พฒั นาองค์การอยูต่ ลอดเวลา 2.2 มีความสามารถในการดดู ซับความรใู้ หม่ ๆ สามารถนำความรูม้ าวเิ คราะห์ ประยกุ ต์เพ่อื ใหเ้ กิดผล ลพั ธใ์ หมต่ ่อองคก์ าร มกี ารเรียนรู้ตลอดเวลา 2.3 มีความสามารถในการปรบั ตวั เปน็ ผู้ทย่ี อมรับการเปลยี่ นแปลงและมคี วามยืดหยนุ่ สงู 2.4 มภี าวะผู้นำ ฉลาด และมสี ตปิ ัญญา มีการตัดสนิ ใจทถี่ ูกต้องในเวลาท่ีเหมาะสม สามารถวิเคราะห์ ตัดสินใจไดว้ ่าสง่ิ ไหนคือความคดิ ทีด่ ีหรอื ไม่ดี ทำใหผ้ ู้อน่ื ยอมรบั ในคุณคา่ และความคิดของตน นำความรู้ไปใช้ใหเ้ กิด ประโยชน์ หนา้ 444
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ดบู รนิ (DuBrin, 1998 อ้างถงึ ในเชวงศกั ดิ์ พฤกษเทเวศ, 2553, น.56 , ณัฐนนั ท์พร เอยื่ มแทน, 2559, น.22-23) ศกึ ษาองคป์ ระกอบของภาวะผนู้ ำเชงิ กลยุทธ์ 5 องคป์ ระกอบ คอื 1. ผนู้ ำที่มีความคดิ ความเข้าใจระดบั สงู (high – level cognitive activity) การคิดเชิงกลยุทธ์ต้องอาศัยทักษะด้านความเข้าใจที่เกิดขึ้นในระดับสูง เช่น ความสามารถในการคิด เชิงมโนภาพ (conceptually) ในการซึมซับและการรับรู้แนวโน้มของสิ่งต่าง ๆ จำนวนมากได้อย่างมีเหตุผลและมี ความสามารถในการสรุปข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปกำหนดเป็นแผนปฏิบัติการ ตลอดจนสามารถประมวลข้อมูลต่าง ๆ และผลทเี่ ข้าใจตามมา สำหรับองค์การที่มปี ฏกิ ริ ิยากบั สภาพแวดล้อมน้เี รยี กวา่ การคิดเชงิ ระบบ (systems thinking) 2. ความสามารถในการนำปัจจัยนำเขา้ ตา่ ง ๆ มากำหนดกลยทุ ธ์ (gathering multiple input to formulate strategy) ผู้นำเชิงกลยุทธ์อาจเปรียบเทียบได้กับผู้ที่มีสมาธิสูงในการทำงานโดยอิสระและสามารถกำหนด อนาคตได้ ในทางปฏิบัติแล้วผู้นำก็จะปรึกษาหารอื กับบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องหลาย ๆ ฝ่าย ซึ่งเป็นลกั ษณะของความเป็น ประชาธิปไตยในการทำงานรว่ มกันเพอ่ื เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ต่าง ๆ 3. การมีความคาดหวังและการสร้างโอกาสสำหรบั อนาคต (anticipating and creating a future) ซึ่งต้องอาศัยทักษะการคาดคะเนอนาคต จากคำกล่าวที่ว่า “การมองอนาคตอย่างทะลุปรุโปร่งเป็น เรื่องของความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลว” ดังนั้นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับอนาคตเป็นการ คาดคะเนอย่างแมน่ ยำเกี่ยวกับรสนิยมและความต้องการของลูกค้า ตลอดจนเป็นการคาดคะเนทักษะตา่ ง ๆ ที่จำเป็น สำหรบั องคก์ ารในอนาคต 4. วิธกี ารคิดเชงิ ปฏิวัติ (revolutionary thinking) เป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับคำว่า การ สรา้ งสรรคอ์ นาคตใหม่ (re – inventing the future) สรุปได้วา่ “กลยุทธ์ใดก็ตามหากไม่สามารถทา้ ทายสถานการณ์ หรือสภาพที่เป็นอยู่ได้ก็ไม่อาจเรียกสิ่งนี้ว่ากลยุทธ์ หลายองค์การที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะกลยุทธ์ไม่สามารถ ตอบสนองความตอ้ งการของลกู คา้ ได้เหนอื กว่าค่แู ขง่ ขัน 5. การกำหนดวิสยั ทัศน์ (creating a vision) วิสัยทัศน์ (vision) หมายถึง สภาพขององค์การที่ต้องการจะเป็นในอนาคตหรือเป็นเป้าหมายที่มี ลักษณะกว้าง ๆ ซึ่งเป็นความต้องการในอนาคตโดยยังไม่ได้กำหนดวิธีการเอาไว้ เป็นการสร้างความคิดโดยการใช้ คำถาม เชน่ คำถามถงึ สิ่งทด่ี ีที่สุด ยง่ิ ใหญ่ทส่ี ดุ บริการทีด่ ีทสี่ ุด ฯลฯ และวิสัยทัศน์ซง่ึ เปน็ รปู แบบของขอ้ เสนอแนะแบบ ไมเ่ จาะจงและเป็นตำแหนง่ ของทศิ ทางทีจ่ ะไป นาฮาวัลดิ (Nahavandi,2000 อ้างถงึ ในเชวงศกั ดิ์ พฤกษเทเวศ, 2553 , น. 60 – 61) จำแนกประเภท ของภาวะผู้นำเชงิ กลยทุ ธ์โดยแบง่ ตามคุณลักษณะของผนู้ ำท่ีแตกตา่ งกนั ออกไปเปน็ 4 แบบ คอื 1 ) ผู้นำเชงิ กลยุทธ์แบบผสู้ ร้างสรรคท์ ีค่ วบคุมสงู (high – control innovator) เป็นผู้นำที่ชอบแสวงหาความท้าทายสูง แต่ยังเน้นการควบคุมการปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่ต่าง ๆ ขององค์การอย่างเข้มงวด ซึ่งจะมองสิ่งแวดล้อมเป็นโอกาสและเต็มใจที่ใช้เทคโนโลยีก้าวหน้าช้ันสูงมาช่วยให้บรรลุ เป้าหมาย เป็นผู้นำที่แสวงหากลยุทธท์ ีม่ ีลักษณะริเร่ิมใหมแ่ ละมีความเสีย่ งทั้งระดับองคก์ ารและระดับกลุม่ งานเพ่ือให้ หน้า 445
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) สามารถเข้าสู่ตลาดใหม่หรืออุตสาหกรรมใหม่ได้ องค์การในอุดมคติของผูน้ ำแบบนี้คือองค์การที่สร้างสรรคแ์ ต่ควบคุม พนกั งานหรอื สมาชิกท่ีมคี วามผูกพนั ตอ่ กันอยา่ งเหนยี วแน่นและเชือ่ มน่ั ในวธิ กี ารบริหารจัดการของผนู้ ำ 2 ) ผู้นำเชงิ กลยทุ ธ์แบบผสู้ รา้ งสรรคแ์ บบมสี ่วนรว่ ม (participative innovator) ผู้นำลักษณะนี้มุ่งแสวงหาโอกาส ความท้าทายและการริเริ่มใหม่จากภายนอก ในขณะที่การ ดำเนินงานภายในองค์การจะสร้างระบบโครงสร้างแบบหลวม ๆ ที่มีความยืดหยุ่น มีลักษณะที่เปิดกว้างสูง เน้น วัฒนธรรมองค์การด้วยคา่ นิยมการมสี ว่ นร่วมและการเปดิ เผย ผูน้ ำแบบนม้ี องการเปล่ียนแปลงที่เกิดขน้ึ ภายนอกว่าเป็น การสร้างโอกาสใหม่ให้แก่องค์การได้มากมายและพร้อมเปิดรับกระแสอิ ทธิพลภายนอกเข้าสู่องค์การเพื่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นผู้นำทีม่ ุ่งแสวงหาความท้าทายและมีแนวโน้มที่จะเลือกกล ยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง องค์การที่บริหารภายใต้ผู้นำลักษณะนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในฐานะที่มีความเป็นหนึ่งด้าน เทคโนโลยี การริเริ่มสร้างสรรค์ทางการบริหารและการริเริม่ ดา้ นนวัตกรรม 3 ) ผู้นำเชงิ กลยทุ ธแ์ บบรักษาสภาพเดิม (status quo guardian) ผู้นำแบบนี้ไม่แสวงหาความท้าทายแตต่ ้องการท่ีจะคงการควบคุมเอาไว้ โดยจะควบคุมงานตามหนา้ ท่ี ต่าง ๆ ในองค์การไว้ที่ตน และมักปฏิเสธการกระทำใด ๆ ที่ตนเห็นว่าเป็นการเสี่ยง เป็นผู้ที่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสภาวะ แวดลอ้ มภายนอกเป็นภัยคุกคามและจะใช้ความพยายามทุกวถิ ีทางท่ีจะปกป้องมิให้องค์การของตนไดร้ ับผลกระทบจากการ เปลี่ยนแปลงนั้น เป็นผู้นำที่ไม่แสวงหากลยุทธ์ใหม่ที่สร้างสรรค์ แต่จะยึดติดอย่างเหนียวแน่นกับแนวคิดเดิมหรือกลยุทธ์ที่ ผ่านการทดสอบแล้วเท่าน้ัน ลกั ษณะขององค์การในอุดมคติของผูน้ ำแบบนีค้ ือการดแู ลอยา่ งใกล้ชิดและใช้วธิ กี ารต่าง ๆ แบบ อนรุ ักษ์นิยมอย่างเข้มงวด มีวฒั นธรรมองค์การท่ีเคยปฏบิ ตั ิเป็นประจำอยู่แล้ว การตดั สินใจจะมลี ักษณะรวมศูนย์อำนาจสูง โดยผนู้ ำจะตอ้ งรับรู้และเขา้ ไปเกย่ี วขอ้ งต่อการตดั สนิ ใจที่สำคัญโดยตรง 4 ) ผนู้ ำเชงิ กลยุทธ์แบบผู้บริหารกระบวนการ (process manager) เป็นผู้นำที่ชอบกลยุทธ์แบบอนุรักษ์นิยมที่ยึดติดกับแนวคิดหรือวิธีการเดิมที่ผ่านการพิสู จน์ มาแล้ว ชอบหลีกเลี่ยงนวัตกรรมใหม่ที่อาจมีความเสี่ยง แต่เนื่องจากผู้นำประเภทนี้มีความต้องการมีอำนาจในการ ควบคุมอยู่ในระดับต่ำ จึงยอมรับความหลากหลายทางความคิดและการเปิดกว้างขึ้นในองค์การ พนักงานจะไม่ถูก บงั คบั ใหต้ อ้ งยึดตดิ กับเป้าหมายและนวตั กรรมร่วมกนั แต่ละคนจะมีอิสระและการปฏิบตั งิ านประจำวัน จะไม่ถูกวัดใน เร่ืองมาตรฐานสงู มากนักตราบเทา่ ที่ยงั ไมส่ ่งผลเสียหายรา้ ยแรงตอ่ องค์การ โรบินส์ และเคาล์เทอร์ (Robbins and Coulter, 2003 อ้างถึงในเชวงศักดิ์ พฤกษเทเวศ, 2553 , น. 62) ได้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับกระบวนการเชิงกลยุทธ์ 8 ขั้น ซึ่งประกอบด้วยการวางแผน (planning) คือ ขั้นที่ 1 การระบพุ นั ธกจิ วัตถุประสงค์ และกลยุทธ์ขององค์การ ขั้นที่ 2 การวิเคราะหส์ ถานการณ์ ขั้นท่ี 3 การกำหนดโอกาส และอปุ สรรค ขนั้ ที่ 4 การวเิ คราะห์ทรพั ยากรและความสามารถขององค์การ ข้ันที่ 5 กำหนดจดุ แขง็ และจุดอ่อน ข้ันท่ี 6 กำหนดกลยุทธ์ การนำไปปฏิบัติ (implementation) คือขั้นที่ 7 การนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ และการควบคุมหรอื การประเมนิ ผล (evaluation) คือขน้ั ที่ 8 การประเมินผลงาน ซึง่ จะเหน็ วา่ การดำเนนิ กระบวนการจัดการเชิงกลยุทธใ์ น ขั้นที่ 2 – 3 และ 4 – 5 สามารถทำได้ในเวลาเดียวกัน แม้กระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์จะเน้นการวางแผน แต่หาก วางแผนกลยทุ ธเ์ ป็นอย่างดีแล้วมไิ ด้นำไปปฏบิ ัติหรอื ประเมินผลอย่างเหมาะสม องคก์ ารกจ็ ะไมส่ ามารถบรรลุเป้าหมาย ทก่ี ำหนดไวไ้ ด้ ดังนั้นจึงกล่าวได้วา่ ทุกกระบวนการต่างกม็ คี วามสำคัญและตอ่ เนื่องซึง่ กนั และกนั หน้า 446
การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ฮทิ ท์ ไอร์แลนด์ และฮอสคิสสนั (Hitt, Ireland and Hoskission อ้างถึงในณฐั นนั ทพ์ ร เอยื่ มแทน, 2559, น.22-23) นำเสนอแนวคดิ เกีย่ วกับการปฏิบตั ขิ องความเปน็ ผนู้ ำกลยทุ ธ์ทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ลไว้ 5 ประการ ดงั นี้ 1. การกำหนดทิศทางเชงิ กลยุทธ์ (determining strategic direction) คือมีความสามารถในการกำหนดวิสัยทัศน์และสามารถถ่ายทอดวิสัยทัศน์ตลอดจนจูงใจกระตุ้น ผู้รว่ มงานให้ปฏิบัตติ ามได้อยา่ งสม่ำเสมอ สามารถวเิ คราะหส์ ภาพแวดล้อมภายในและภายนอกเพือ่ กำหนดแผนกลยทุ ธ์ ใหส้ อดคลอ้ งกบั การเปล่ยี นแปลง 2. การบริหารทรพั ยากรในองคก์ าร (effectively managing the firm’s resource portfolio) มีความสามารถใช้กลยุทธ์ในการบริหารทรัพยากรในองคก์ าร ทั้งด้านงบประมาณและด้านทรัพยากร บุคคลเพื่อให้ทรพั ยากรเหลา่ นั้นเกิดประโยชน์สูงสดุ 3. สนับสนนุ วฒั นธรรมองคก์ ารทมี่ ปี ระสทิ ธผิ ล (sustaining an effective organization culture) มีความสามารถในการกำหนด เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์การและค่านิยมให้เหมาะสมกับการ เปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมภายนอก สามารถเลือกวัฒนธรรมองค์การที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานและเป็น ตวั กำหนดพฤติกรรมการทำงานของสมาชกิ 4. มุ่งเน้นการปฏบิ ตั อิ ยา่ งมคี ณุ ธรรม (emphasizing ethical practices) เป็นผู้นำทีม่ ีคุณธรรม จริยธรรม มีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่น่าไว้วางใจ มีการตัดสินใจโดยคำนึงถึง ประโยชนส์ ่วนรวมมากกว่าประโยชนส์ ว่ นตวั 5. การจัดตง้ั ควบคมุ องคก์ ารให้สมดุล (establishing balanced organizational controls) มีการจัดการบริหารงานดูแลในกระบวนการทำงานให้ได้มาตรฐาน คุณภาพการบริการ ผู้รับบริการ พงึ พอใจในบริการที่ไดร้ ับและผู้ใหบ้ ริการมีความสุขและเกิดความพงึ พอใจในการปฏิบัตงิ าน เซงเก (Senge, 1990 อ้างถึงในณัฐนันท์ทร เอี่ยมแทน, 2559 , น. 23 – 24) กล่าวถึงภาวะผู้นำแบบ ใหม่ในฐานะผู้สร้างวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ว่าคนที่จะก้าวไปสู่ความเป็นเลิศได้นั้นต้องมี 1) วิสัยทัศน์ส่วนตน คือมี จุดมงุ่ หมาย มคี วามหวังทีจ่ ะไปเปน็ อยา่ งใดอย่างหน่ึงในอนาคต 2) มีแรงม่งุ มน่ั ใฝด่ ี คือ เม่อื มีวิสัยทัศนแ์ ล้วก็จะตอ้ งมี แรงมุ่งมั่นที่จะลงมือทำกิจทั้งปวงให้บรรลุต่อผลสำเร็จ 3) มีความมุ่งมั่นหมั่นฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ และ 4) มี ความคดิ วเิ คราะห์สง่ิ ใด ๆ ด้วยเหตดุ ว้ ยผล โดยได้แบ่งรูปแบบของภาวะผนู้ ำ ดังนี้ 1. นกั ออกแบบ (designer) หมายถึง เป็นผู้พัฒนาวิสัยทัศน์ ค่านิยม และจุดมุ่งหมายขององค์การ โดยผู้นำต้องทำกลยุทธ์ให้ เหมาะสมกบั ความต้องการของผู้คนในสถานการณ์ ตัวผูน้ ำจะตอ้ งเป็นผมู้ ีความคดิ สร้างสรรค์ สามารถมองเห็นโอกาส ที่เปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาใด ๆ โดยการออกแบบวิธีการ ขั้นตอน และรูปแบบของกระบวนการ ภายในองค์การ ตลอดจนรูปแบบการผลิต 2. ผ้ใู ห้บรกิ ารหรือผูค้ อยชว่ ยเหลือ (steward) หมายถงึ การเปน็ ผูน้ ำทต่ี อ้ งรับฟังวสิ ัยทศั นข์ องผ้อู ่นื และปรบั แตง่ วสิ ยั ทัศน์ของตนซง่ึ ถอื วา่ เป็นความ รบั ผดิ ชอบในฐานะเจ้าหนา้ ทีใ่ ห้บรกิ ารท่จี ะตอ้ งทำใหท้ ุกคนมสี ่วนร่วมในวิสยั ทศั นข์ ององคก์ าร เป็นผู้คอยชว่ ยเหลือและ สนบั สนุนกจิ กรรมใหส้ ำเรจ็ ตามวัตถุประสงค์ ทีมงานจะรู้สึกม่นั ใจในการมีพเ่ี ลีย้ งและมผี ู้ใหค้ วามชว่ ยเหลือ 3. เป็นครผู สู้ อน (teacher) หนา้ 447
การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) หมายถึง การเป็นผู้นำที่ต้องส่งเสริมความรู้ พัฒนาความเข้าใจอย่างเป็นระบบและทำให้ทุกคน สามารถเขา้ ใจความเป็นจริงในปัจจุบันท้ังหมดได้โดยกระตุ้นให้ผูอ้ ื่นได้คิดได้เขา้ ใจมากกวา่ มุ่งใหท้ ำตาม ยคุ (Yukl, 2006 อา้ งถงึ ในณัฐนันทท์ ร เอี่ยมแทน, 2559 , น. 25 – 26) กลา่ วถงึ องคป์ ระกอบของ ภาวะผนู้ ำเชงิ กลยทุ ธ์ของผบู้ รหิ ารไว้ 7 ประการ ดงั นี้ 1. การกำหนดวัตถุประสงค์ระยะยาวและการจัดลำดับความสำคัญ (determine long – term objective and priorities) วัตถุประสงค์ระยะยาวและการจัดลำดับความสำคัญควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของพันธกิจ วิสัยทัศน์ขององค์การ เช่น การมุ่งพัฒนาทักษะที่จำเป็นของผู้เรียน การเตรียมความพรอ้ มในการประกอบวิชาชีพของ ผู้เรียน การเพม่ิ จำนวนผู้สำเร็จการศึกษา 2. การประเมินจุดอ่อนจุดแข็งในปัจจุบัน (assess current strengths and weaknesses) มีการ ประเมินผลการปฏิบัติงานขององค์การ การเปรียบเทียบการปฏิบัติงานขององค์การกับองค์การอื่น การศึกษาสภาพ การได้เปรียบขององค์การ เช่น ทักษะความสามารถของบุคลากร ชื่อเสียงขององค์การ การตรวจสอบภายในและ ภายนอกองค์การ มกี ารศกึ ษาจุดอ่อนขององค์การเพ่ือแก้ไขและปรับปรุง 3. การกำหนดสมรรถนะหลกั (identify core competencies) ความรู้ ความสามารถขององค์การท่ีจะ ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบขององค์การ เช่น ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ความสามารถในการสร้าง นวตั กรรม 4. การประเมินความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงด้านกลยุทธ์ (evaluate the need for a major change in strategy) ผู้บริหารสามารถมองเห็นสถานการณ์และประเมินได้ว่าองค์การต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ที่มีอยู่ ขององค์การหรอื ไม่อย่างไร ผ้บู ริหารมีความยืดหยนุ่ และสามารถปรบั เปล่ยี นใหเ้ ขา้ กับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ 5. การระบุกลยุทธ์ที่มีอนาคตไกล (identify promising strategies) ผู้บริหารประเมินกลยุทธ์ต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ไม่ด่วนตัดสินใจที่กลยุทธ์หนึ่ง ผู้บริหารสามารถกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมสอดคล้องกับพันธกิจและ ศักยภาพขององค์การ 6. การประเมินผลของกลยุทธ์ที่คาดว่าจะได้รับ (evaluate the likely outcomes of a strategy) ผู้บรหิ ารสามารถคาดการณ์สถานศกึ ษาท่จี ะเกิดหลงั การดำเนนิ งานตามกลยุทธ์ทง้ั ในเชิงบวกและลบ 7. การให้ผอู้ ืน่ มีส่วนรว่ มในการคดั เลอื กกลยทุ ธ์ (involve other executives in selecting a strategy) กลยทุ ธท์ ดี่ ีควรพฒั นาขึ้นมาจากความรว่ มมือของทีมผู้บริหารและควรเลอื กกลยุทธ์ทสี่ ามารถปรบั เปลย่ี นได้ สรุปไดว้ า่ องคป์ ระกอบคุณลักษณะของผ้นู ำเชงิ กลยุทธป์ ระกอบดว้ ยการกำหนดทศิ ทางกลยทุ ธ์ การสร้างกล ยุทธ์ การนำกลยทุ ธไ์ ปใช้ การควบคุมและการประเมินกลยทุ ธ์ เปน็ ตน้ 8. การคิดเชงิ กลยุทธ์ การจัดการเชิงกลยุทธต์ อ้ งอาศยั การคดิ เชิงกลยทุ ธซ์ ึ่งการคิดเปน็ กระบวนการทางสมองหรอื การจัดระบบ และรูปแบบใหมข่ องประสบการณ์ท่ผี ่านมาแลว้ ให้เข้ากบั สภาพการณใ์ นปัจจบุ นั โดยมนี กั วชิ าการให้ความหมายของ การคดิ เชงิ กลยทุ ธ์ ลักษณะของความคดิ เชิงกลยทุ ธ์ ขั้นตอนการคดิ เชงิ กลยทุ ธ์ ปจั จยั เอื้อตอ่ ความสำเรจ็ ของการคดิ เชงิ กลยุทธ์ ดังน้ี หนา้ 448
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสูป่ กตวิ ิถีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 8.1 ความหมาย นักการศกึ ษาได้ให้ความหมายของการคิดเชิงกลยุทธ์ ดงั น้ี เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2553) กล่าวถึงการคิดเชิงกลยุทธ์ว่าจัดเป็นพื้นฐานความสามารถ ทางการคิดประการหนงึ่ ของมนษุ ย์ หมายถงึ ความสามารถในการหาวิธีการหรือทางเลือกทด่ี ีที่สดุ ทา่ มกลางสถานการณ์ ที่อาจมอี ปุ สรรคและความไม่แนน่ อนเพอ่ื นำไปส่เู ป้าหมายท่ตี ้ังใจไว้ ความคดิ เชิงกลยุทธ์เปน็ ความคิดทเ่ี ตม็ ไปด้วยการ ค้นหาวิธีการและการวางแผนอย่างเป็นขัน้ ตอนเพ่ือมุง่ หมายทีจ่ ะเอาชนะเพื่อต้องการประสบความสำเร็จ โดยความคิด เชิงกลยทุ ธม์ ิใชก่ ารคิดทีต่ ายตัวในบทสรปุ แตเ่ ป็นการคิดท่ียดื หยุน่ ในกลวธิ ี มกี ารประยุกต์ พลกิ แพลงใหเ้ หมาะสมกับ สถานการณ์ที่เปล่ยี นไป มีการคดิ เตรยี มทางเลือกไว้หลายทาง เม่อื ทางหนง่ึ มอี ปุ สรรค ก็พรอ้ มที่จะเลือกเดินทางใหม่ ได้ทันที เพ่ือสรา้ งความไดเ้ ปรียบฝ่ายตรงขา้ ม ขณะทย่ี งั คงรุดหนา้ สเู่ ปา้ หมายความสำเร็จท่ีต้ังไว้ ประยงค์ เนาวบุตร (2562, น.17) กล่าวถึงการคิดเชิงกลยุทธ์เป็นการคิดในภาพองค์รวมเกี่ยวกับ เรือ่ งใดเรื่องหน่ึงเพื่อกำหนดเป้าหมายและทศิ ทางในอนาคต รวมท้งั แนวทางหลกั ในการบรรลเุ ปา้ หมายที่สอดคล้องกับ การเปล่ียนแปลงของสภาพแวดลอ้ มและวสิ ัยทัศน์ สรุปได้ว่าการคิดเชิงกลยุทธ์เป็นความคิดที่เต็มไปด้วยการค้นหาวิธีการและกระบวนการอย่างเป็น ขั้นตอนในภาพรวมในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพื่อการออกแบบเป้าหมายและทิศทางในอนาคตเพื่อให้สอดคล้องกับการ เปลยี่ นแปลงของสภาพแวดล้อมและวิสัยทศั น์ 8.2 ลกั ษณะของความคิดเชงิ กลยทุ ธ์ ลักษณะของความคิดเชิงกลยทุ ธน์ ้ันมนี กั การศึกษาได้ให้ความหมายไวไ้ ดแ้ ก่ เกรียงศักดิ์ เจรญิ วงศ์ ศักด์ิ (2553, น.13) กลา่ วถึงลักษณะของความคิดเชิงกลยทุ ธ์ ดงั นี้ 1. มีลักษณะเป็นกระบวนการ ความคิดเชิงกลยุทธ์เป็นกระบวนการความคิดหรือเรียกว่าเป็นชุดความคิด คือคิดตั้งแต่เริ่มต้นจน บรรลุเป้าหมายไว้ล่วงหน้าก่อนลงมือดำเนินการจากสถานะปัจจุบันจนบรรลุเป้าหมายหรือสถานะที่พึงประสงค์ใน อนาคต เริ่มจากการมีเป้าหมายบางอย่างที่ต้องการทำให้สำเร็จ จากนั้นจึงหาวิธีดำเนินการไปสู่เป้าหมาย โดยมีการ วางแผนเกีย่ วกับทศิ ทางและวิธกี ารปฏิบัติตา่ ง ๆ ท่นี า่ จะนำไปสู่เปา้ หมายไดม้ ากท่สี ุด 2. มีการวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ สมรรถนะ กอ่ นที่จะเลอื กวิธีการดำเนินการใด ๆ จะต้องมีการวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ สถานะ ทัง้ ของตนเองและ สภาพแวดล้อม เพื่อดูว่าตนเองมีศักยภาพเพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่ มีจุดแข็งใดที่เป็นโอกาสให้ปร ะสบ ความสำเร็จ และมีจุดอ่อนใดบ้างที่อาจเป็นเหตุให้ประสบความล้มเหลว นอกจากนี้ต้องวิเคราะห์และประเมิน สภาพแวดลอ้ มภายนอกทีเ่ กีย่ วขอ้ งเพ่อื พจิ ารณาโอกาสและอุปสรรคทจ่ี ะทำให้ไปถงึ หรือไปไม่ถึงเปา้ หมาย 3. มกี ารคาดการณอ์ นาคต การคาดการณ์อนาคตจะช่วยให้เห็นถึงจดุ ออ่ นซึ่งจะเป็นมูลเหตุก่อใหเ้ กิดการสูญเสียต่าง ๆ และจุด แข็งซึ่งจะทำให้เห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของตนและคาดคะเนสภาพแวดล้อมที่ เกี่ยวข้องว่าจะเป็นเช่นไรในอนาคต เพื่อค้นหาโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและเพ่ือ ระมดั ระวังตวั หรือหลบหลกี ทันหากส่ิงไมพ่ งึ ประสงคเ์ กดิ ข้ึน หน้า 449
การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 4. มกี ารหาทางเลือกและประเมินทางเลือกก่อนการดำเนนิ การ การตัดสนิ ใจในทกุ เรื่องเปน็ สงิ่ สำคญั ตอ้ งพยายามหาทางเลือกกลยทุ ธ์มากกวา่ หนง่ึ ทางและประเมนิ ทางเลอื กนั้นกอ่ นนำไปใชจ้ ริง โดยพจิ ารณาผลดี ผลเสยี ของทางเลอื กแตล่ ะทาง โอกาสการเกดิ ผลกระทบในมมุ ทีไ่ มพ่ งึ ประสงค์ โอกาสการเกดิ เหตกุ ารณ์ที่ไม่คาดคดิ มาก่อน เลอื กทางที่ม่ันใจในผลลพั ธท์ จ่ี ะเกดิ ข้นึ มากทีส่ ดุ และคดิ วา่ นา่ จะ เปน็ ทางเลอื กท่ีนำไปสคู่ วามสำเร็จมากท่สี ดุ 5. มกี ารวางแผนอยา่ งเปน็ ข้นั ตอน เมื่อได้ทางเลือกต่าง ๆ ที่นำไปสู่เป้าหมายจะมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน อาจมีการกำหนด เปา้ หมายยอ่ ย ๆ หลาย ๆ เป้าหมายทตี่ อ้ งทำใหส้ ำเร็จทั้งหมด เปา้ หมายใหญจ่ ึงบรรลุ การคดิ เชงิ กลยทุ ธใ์ นเร่ืองเลก็ ๆ อาจเป็นการวางแผนในความคิด ส่วนเรื่องใหญ่ ๆ เช่น การวางแผนกลยุทธ์ในระดับองค์การจะประกอบด้วยปัจจัย สำคัญสองส่วนคือส่วนที่หนึ่ง เป้าหมายหรือจุดหมายที่ต้องการไปถึง ส่วนที่สองวิถีทางหรือแนวปฏิบัติเพื่อบรรลุ จุดหมายนนั้ แผนกลยุทธท์ ่ีกำหนดไวล้ ่วงหน้าจะนำไปสู่อนาคตที่พึงประสงค์โดยจะเขยี นออกมาเป็นขน้ั ตอนท่ีชดั เจน 6. มคี วามยืดหยุ่นตามสถานการณ์ แผนกลยุทธ์หรือทางเลือกกลยุทธ์สามารถยืดหยุ่นพลิกแพลงหรือเปลี่ยนแปลงได้ โดยในระหว่าง ดำเนินการจะต้องประเมินสถานการณ์อยู่เสมอ เนื่องจากมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้และแผนการจะต้องมีความ ยืดหยุ่นพลิกแพลงได้ตามความเหมาะสม นักคิดเชิงกลยุทธ์จะต้องมีความว่องไวและเฉียบคมในการประเมิน สถานการณ์ สามารถวิเคราะห์ได้ว่าสภาพแวดล้อมและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อเส้นทางสู่เป้าหมาย อย่างไรบ้าง เพื่อหาจังหวะและฉวยโอกาสจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปหรือหลบหลีกได้ทัน เมื่อมีภัยอันตรายกล้ำ กรายมาแบบกะทนั หนั มกี ารคิดหาทางเลือกอืน่ ๆ สำรองไว้สำหรบั สถานการณไ์ ม่แนน่ อนท่อี าจเกดิ ขึน้ 7. จดจอ่ ทเี่ ป้าหมาย ระหว่างการดำเนนิ การ นกั คดิ เชงิ กลยุทธ์จะตอ้ งมุ่งมนั่ และจดจอ่ อยู่กับอนาคต พยายามหาทางยึด เป้าหมายใหส้ ำเร็จ ไมย่ ดึ ตดิ กบั ความสำเรจ็ ที่ผา่ นมา หรอื เสียใจกับความล้มเหลวทไ่ี ม่นา่ เกดิ ขนึ้ แตม่ องไปขา้ งหนา้ เพอื่ หาทางท่ดี ที ส่ี ุดส่เู ป้าหมายทว่ี างไว้ สรุปได้ว่าลักษณะของการคิดเชิงกลยุทธ์ได้แก่มีลักษณะเป็นกระบวนการ มีการวิเคราะห์และประเมิน สมรรถนะ มีการคาดการณ์อนาคต มีการหาทางเลือกและประเมินทางเลือกก่อนการดำเนินการ มีการวางแผนอย่าง เปน็ ข้นั ตอน มีความคิดยืดหยุ่นตามสถานการณ์ และจดจ่อที่เปา้ หมาย 8.3 ข้ันตอนการคิดเชงิ กลยุทธ์ นกั การศึกษาทัง้ ในประเทศและตา่ งประเทศกลา่ วถงึ ขน้ั ตอนการคดิ เชงิ กลยทุ ธ์ ดงั น้ี วูทตันและฮอร์น (Wootton & Horne, 2010 อ้างถึงในประยงค์ เนาวบุตร, 2562: 17) กล่าวถึง วิธกี ารคดิ เชิงกลยทุ ธม์ ี 9 ขน้ั ตอน คอื 1.รวบรวมความรเู้ ก่ยี วกับกลยทุ ธ์ 2. ประเมนิ ความเป็นไปได้ของกลยุทธ์ 3. สร้าง องค์ความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์ 4. คาดการณ์เกีย่ วกบั กลยุทธ์ 5. พัฒนาวิสัยทัศน์ของกลยุทธ์ 6. สร้างทางเลือกกลยุทธ์ 7. ตัดสินใจเลือกกลยุทธ์ 8. สร้างกลไกและสื่อสารกลยุทธ์กับผู้รับบริการ และ 9. จัดทำแผนและบริหารโครงการเพ่ือ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2553, น.40) กล่าวถึงการคิดเชิงกลยุทธ์ว่ามีขั้นตอน 8 ขั้นตอน คือ 1. กำหนดเป้าหมายที่ตอ้ งการจะไปให้ถึง 2. วิเคราะหแ์ ละประเมนิ สถานะ 3. การหาทางเลอื กกลยทุ ธ์ 4. การวางแผน หน้า 450
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 481
Pages: