Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore @การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

@การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

Published by ED-APHEIT, 2021-05-16 05:32:21

Description: @การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5

Keywords: Mon Apr 06 2020 11:37:45 GMT+0700 (Indochina Time)ED-APHEIT 2021

Search

Read the Text Version

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ให้เหตุผลประกอบการตัดสินใจและสรุปผลได้ อย่างเหมาะสม ใช้ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การสื่อความหมายและ การนำเสนอได้ อยา่ งถูกตอ้ งและชดั เจน เชอ่ื มโยงความรู้ต่าง ๆ ในคณิตศาสตร์ และนำความร้หู ลกั การกระบวนการทางคณิตศาสตรไ์ ป เช่อื มโยงกับศาสตร์อื่น ๆ และมีความคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551: 47-49) รปู แบบของโจทยป์ ญั หาคณติ ศาสตร์ การแก้โจทย์ปญั หาคณิตศาสตร์ทีแ่ พรห่ ลายตามรูปแบบของโพลยา (Polya,1957: 154-156) ได้แบง่ ประเภท ของโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ออกเป็น 2 ประเภท คือ (1) ปัญหาให้ค้นหา เป็นปัญหาที่ให้ผู้เรียนค้นหาสิ่งที่โจทย์ ต้องการ ซึ่งอาจเป็นปัญหาในเชิงทฤษฎีหรือปัญหา ในเชิงปฏิบัติอาจเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม ส่วนสำคัญของ ปัญหาน้แี บง่ เปน็ 3 สว่ น คือ (1.1) ส่งิ ทโ่ี จทย์ต้องการ (1.2) ขอ้ มูลท่กี ำหนดให้ (1.3) เง่ือนไข (2) ปญั หาให้พิสูจน์ เป็น ปัญหาที่ให้แสดงอย่างสมเหตุสมผลว่า ข้อความที่กำหนดให้เป็นจริงหรือเท็จ ส่วนสำคัญของปัญหาน้ี แบ่งออกเป็น 2 สว่ น คอื (2.1) สมมตุ ฐิ านหรือสง่ิ ท่ีกำหนดให้ (2.2) ผลสรุปหรือส่งิ ที่ตอ้ งพสิ จู น์ ปจั จัยทีม่ ีผลต่อการแกโ้ จทยป์ ญั หาคณติ ศาสตร์ การแกโ้ จทยป์ ญั หาคณิตศาสตร์ของผู้เรยี นมาจากปัจจัยซง่ึ พอสรปุ ได้ 3 ประการ (Fleischner, Nuzum and Marzola, 1987: 214-215) คือ (1) ตัวผู้เรียนเอง (2) ลักษณะของโจทย์ปัญหา และ(3) กลวิธีการสอน ผู้เรียนที่ สามารถแก้ปญั หาโจทย์ปัญหาไดด้ มี ลี ักษณะท่สี ำคญั 4 ลักษณะ (Bloom and Broder, 1950; Hudgins, 1977) ดงั น้ี (1) มีความเข้าใจในธรรมชาตขิ องปญั หา ผู้เรียนท่ีไม่สามารถแกป้ ญั หาได้มักจะ ไม่เข้าใจว่าโจทย์ปัญหาให้อะไร มาบ้าง และมักจะยึดมั่นกับเหตุผลในการแก้ปัญหาของตน (2) มีความเข้าใจในความคิดต่าง ๆ ที่ใช้ในการแก้ปัญหา และ(3) มคี วามสามารถในการใช้วธิ ีการแกป้ ัญหา ผู้เรียนทีส่ ามารถแก้ปัญหาไดด้ ีมวี ิธีการในการแกป้ ัญหา ดงั นี้ (3.1) มี การขยายความคิด ในการแก้ปัญหา (3.2) มีการวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นระบบ (3.3) มีกระบวนการให้ เหตุผลทส่ี มบูรณ์ และ(4) มที ัศนคตใิ นเชงิ บวกในการแกป้ ญั หา ลกั ษณะของโจทย์ปัญหาที่มีสว่ นสัมพันธ์กับความสามารถในการแก้ปัญหา มีลกั ษณะ (Hudgins, 1977: 241- 242) ดังน้ี 1. ภาษาทใ่ี ชเ้ ปน็ ภาษาทีเ่ ข้าใจง่ายหรอื ยาก มีคำศัพทท์ างคณติ ศาสตร์มากน้อยเพยี งใด 2. ขนาดของตัวหนงั สือและตัวเลขเหมาะสมกับวัยของผูเ้ รียนหรือไม่ 3. ความยาวของโจทย์ปัญหา 4. รูปแบบและโครงสร้างของโจทย์ปัญหา เป็นโจทย์โดยตรงหรือโดยอ้อม เป็นโจทย์ที่ใช้ขั้นตอนเดียวในการ แก้ปญั หาหรือต้องใช้หลาย ขั้นตอน 5. ใช้ทักษะในการคำนวณคณิตศาสตร์ขัน้ พ้นื ฐาน กลวิธีการสอนเพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนนั้น ควรพัฒนาหน่วย การสอนที่เน้นกระบวนการทั้งหมดมากกว่าองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งของสมรรถภาพในการแก้ปัญหา (Fleischner, Nuzum and Marzola, 1987: 214-215) สุภทรา ตันติวิทยามาศ (2555) ได้ทดลองใช้แผนผังมโน ทัศน์ในการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาอย่างมีวจิ ารณญาณกับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ผลการทดลองการ หน้า 301

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ใช้แผนผังมโนทัศน์นั้น ช่วยพัฒนานักเรียนให้มีเกิดทักษะการแก้ปัญหาอย่างมีวจิ ารณญาณที่สูงขึ้น นอกจากครูต้องมี ความรู้ ความเข้าใจ ชัดเจนในเน้ือหาสาระคณิตศาสตร์ รวมทั้ง มีเทคนิควิธีการจัดการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้าง ทักษะการคดิ แกป้ ัญหาอยา่ งมเี หตผุ ล ทางคณิตศาสตรแ์ ล้ว ยงั ต้องมีระบบประเมนิ การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ซ่ึง ปัจจุบันยังเป็นปญั หาอยู่ ซึ่งครูควรต้องได้รับการพัฒนา สำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะการประเมินผลในช้ันเรียน ทั้งนี้ ครู จะต้องตระหนักเพื่อนำผลการประเมินนั้นมาเป็นสารสนเทศในการพัฒนานักเรียนต่อไปด้วย อีกทั้งประเมินผลการ เรยี นรูไ้ ด้อย่างถกู ต้องมคี วามเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั การเรียนการสอนคณติ ศาสตร์ ผลท่ีได้จากการวัดและประเมินการ เรยี นรนู้ ักเรยี นที่มคี วามถูกตอ้ งเช่ือถอื ได้ ชว่ ยใหค้ รูมกี ารปรับปรุงกระบวน การวดั และประเมนิ ผลให้มีความชัดเจนเป็น ที่ยอมรับ และสามารถใช้เพื่อประเมินได้อย่างยุติธรรม ช่วยให้ครูและนักเรียนมีการปรับปรุงและพัฒนาตนเองได้ตรง ตามเป้าหมาย ซึ่งปัจจุบันการวัดและการประเมินผลยังเป็นปัญหาอยู่ (มณีรัตนา โนนหัวรอ, 2557; โชติมา หนูพริก, 2553) ความเป็นมาตรฐานของการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ จะช่วยพัฒนาศักยภาพของนักเรียนทั้งในด้านจิตใจ อารมณ์ สงั คม และสติปัญญาไปพรอ้ ม ๆ กนั นกั เรยี นกจ็ ะประสบความสำเรจ็ ทัง้ ในด้านการเรียนและชวี ติ ตอ่ ไป การพฒั นาทักษะกระบวนการในการแกโ้ จทย์ปญั หาคณิตศาสตร์ ความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผลพัฒนาให้เกิดกับผู้เรียนด้วยการจัดกระบวนการเรียนรู้ ผ่าน ทางการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้สามารถแก้ปัญหาโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ช่วยให้ผู้เรียนสามารถ แกป้ ัญหาอย่างมีเหตผุ ลในสถานการณ์อ่ืน ๆ ตามได้ มาร์ก และคณะ (Marks et al, 1975: 269-315) ได้เสนอวิธีการพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา คณติ ศาสตร์อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ดังตอ่ ไปน้ี 1. ให้ผเู้ รียนมีโอกาสสำรวจและค้นพบปัญหาด้วยวถิ ที างตา่ ง ๆ โดยท่ีผู้สอนควรยดึ หลกั ดังนี้ 1.1 เน้นกิจกรรมการแกไ้ ขโจทยป์ ญั หาดว้ ยวิธกี ารวเิ คราะห์มากกว่าคำตอบ 1.2 ควรให้ผู้เรียนไดพ้ ฒั นาทัศนคติเชงิ ทดลอง คือ ยอมนำตัวเองเผชิญกับสิ่งใหม่ ๆ หรือปัญหาใหม่ ๆ โดย ไม่ทอ้ แท้ แม้วา่ จะแก้ปัญหา ไมส่ ำเรจ็ 1.3 ควรใหผ้ ู้เรยี นไดค้ น้ พบการแกป้ ญั หาดว้ ยตัวเอง โดยผสู้ อนเป็นเพยี งผู้ช้ีแนะและสนับสนนุ 1.4 ความสามารถในการแก้ปญั หา สามารถพัฒนาใหก้ า้ วหน้าได้ 1.5 ถามคำถามที่จะช่วยใหผ้ เู้ รยี นมองเหน็ องค์ประกอบท่จี ำเป็นในการแก้ปัญหา 1.6 เชค็ ความเข้าใจของผเู้ รียนในเร่ืองของคำศพั ท์ และพจิ ารณาว่าข้อมลู อะไรท่ตี อ้ งการหา และข้อมลู อะไร ทีเ่ ป็นประโยชน์ 1.7 แนะนำผู้เรยี นใหร้ จู้ ักการวางแผนเพ่อื จดั กระทำขอ้ มูล ซงึ่ จะทำให้เห็นความสมั พนั ธข์ องข้อมูล 1.8 ให้ความสำคัญในเร่ืองทัศนคติของผเู้ รยี นมากเท่ากบั ความรู้ความเข้าใจของผู้เรยี น 2. การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหา 2.1 การพัฒนาความเข้าใจปัญหา บางครั้งผู้เรียนไม่คุ้นเคยกับโจทย์ปัญหาบางลักษณะ จึงไม่สามารถ มองเห็นความสัมพันธข์ องขอ้ มลู หนา้ 302

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ในปัญหานั้นได้ วิธีแก้ก็คือ ผู้สอนควรแนะให้ผู้เรียนแปลงโจทย์ปัญหาที่ไม่คุ้นเคยให้อยู่ในลักษณะที่ คุ้นเคย 2.2 จดั ทัศนะศึกษาหรือประสบการณ์ครงั้ แรกใหแ้ ก่ผเู้ รยี น 2.3 การเลน่ ละครหรอื บทบาทสมมติ 2.4 การใช้ส่อื รูปธรรม 2.5 การใช้รปู ภาพ ฟลิ ์ม ฟิล์มสตรปิ และบุคคล 2.6 การสอนทเี่ กี่ยวกับการอ่านโดยเฉพาะ 2.7 การใชห้ นงั สือทีม่ ีข้อมูลเชิงปริมาณ 2.8 การสอนการอ่านในชวั่ โมงคณติ ศาสตร์ 3. การสร้างโมเดลทางคณติ ศาสตรเ์ พอื่ แสดงความสัมพนั ธ์ ผสู้ อนควรใชเ้ ทคนคิ ต่อไปน้ี 3.1 วาดรูปภาพ 3.2 ฝกึ การต้งั โจทย์ปญั หา 3.3 วเิ คราะหร์ ปู แบบการแก้ปญั หา 3.4 ใชต้ ัวเลขใหม่ในปัญหาเดมิ 3.5 การตรวจสอบข้อมลู อยา่ งรอบคอบ 3.6 ใชป้ ระโยคคณิตศาสตร์ 4. การตรวจสอบการคำนวณ การตรวจสอบการคำนวณนั้น ผู้สอนควรให้นักเรียนรู้จักการประมาณ และ ตรวจสอบคำตอบหรือ ผลการคำนวณวา่ ถูกตอ้ งหรอื ไม่ 5. การแก้ปัญหาอย่างกว้างขวาง ผู้สอนควรจัดแบบฝึกการแก้ปัญหาในวงกว้างซึ่งจะเป็นการพัฒนาวุฒิภาวะ ในการแก้ปัญหาของผูเ้ รียน โดยแบบฝึกควรมีลักษณะหลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงกฎเกณฑ์ หรือ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งขอ้ มลู ที่โจทย์ระบุ การค้นหางานวิจัยตามความสนใจของผู้วิจัย คือ การวิจัยเพื่อศึกษา หรือการพัฒนาความสามารถในการแก้ โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์กลุ่มเป้าหมายอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ดำเนินการค้นจากโครงการเครือข่าย ห้องสมุดในประเทศไทย Thai LIS–Thai Library Integrated System สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ที่เป็น งานวิจัยที่ทำเสร็จและมีการเผยแพร่ ในช่วงปีการศึกษา 2552-2557 ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ พบงานวิจัยที่นำมา วิเคราะห์และสังเคราะห์จำนวน 28 เรื่อง โดยเป็นวิทยานิพนธ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 7 เรื่อง มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ จำนวน 6 เรื่อง มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒจำนวน 8 เรื่อง มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ จำนวน 3 เรื่อง และมหาวิทยาลัยทักษิณ จำนวน 4 เรื่อง ผลการศึกษาพบว่า การจัดกิจกรรมนั้นการนำเข้าสู่บทเรียนต้องมีการ ทบทวนความรู้เดิม แล้วครูผู้สอนนำเสนอสถานการณ์ท่ีเป็นปญั หา แบ่งกลุ่มนักเรียนพิจารณาสถานการณ์ปัญหา เน้น การทำความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหา ดำเนินการตามแผน เปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายวิธีการ แก้ปัญหา เน้นนักเรียนแก้ปัญหาเป็นกลุ่ม สร้างความเป็นตัวแทนนักเรียนนำเสนอผลการแก้ปัญหา นักเรียนและ ครูผู้สอนรว่ มกนั สรุปวิธกี ารแก้ปัญหาแลว้ สรา้ งโอกาสของนกั เรยี นในการนำความรไู้ ปใช้ จากข้อค้นพบดงั กลา่ วจึงเสนอ รูปแบบของการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผลทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน กระบวนการเรียนการสอน 5 ขั้น คือ (1) ทำความเข้าใจกับปัญหา (2) วางแผนอย่างรอบคอบและรับผิดชอบใน หนา้ 303

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) แผนการทจ่ี ะดำเนิน (3) ลงมอื ดำเนินการอย่างมนั่ ใจ (4) การตรวจสอบวิธีการแก้ปัญหา และ(5) ตรวจคำตอบท่ีได้จาก การดำเนินการ รายละเอยี ดของแต่ละข้ันตอน ดังน้ี ขั้นที่ 1: ทำความเข้าใจกับปัญหา ในขั้นตอนนี้มีความสำคัญที่ต้องมีการกระตุ้นผู้เรียนให้ เห็นปัญหาที่ จำเป็นต้องมีการแก้ไข หลังจากนั้นผู้เรียนต้องริเริ่มที่จะปัญหาให้ละเอียดถี่ถ้วน ในส่วนที่ต้องการแก้ปัญหา คือ ต้องการอยากรู้อะไร แล้วกำหนดอะไรมาให้บ้าง และสิ่งที่กำหนดมีมากเพียงพอที่จะนำมาใช้ในการแก้ปัญหาหรือไม่ อาจมีบางส่วนท่ีไม่มีความจำเป็น ควรพิจารณาซำ้ ๆ จนแน่ใจในข้อสรุปเมื่อเราไดข้ ้อสรุปที่แน่นอนแล้ว ผู้เรียนทำการ ประเมินความยากง่ายของปัญหา และประเมินความสามารถ ในการรับรู้ของตนเองที่มีต่อปัญหา เสริมแรงทางบวก เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นเกดิ ความมงุ่ ม่นั ทจี่ ะดำเนนิ การตอ่ ไป ขั้นที่ 2: วางแผนอย่างรอบคอบและรับผิดชอบในแผนการที่จะดำเนิน ผู้เรียนพิจารณาความสัมพันธ์ของ ข้อมูลอย่างเชื่อมโยงความรู้กับข้อมูลเพื่อทำการแก้ไขปัญหา สำรวจความรู้เดิมของตนเอง ทั้งนี้ จะทำให้ผู้เรียนรู้ว่า ตนเองขาดความรคู้ วามเข้าใจข้อมูลเรื่องอะไร หากข้อมลู ทีไ่ ด้ยังไมเ่ พียงพอผเู้ รยี นวางแผนในการหาขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ ขั้นที่ 3: ลงมือดำเนินการอย่างม่ันใจ ซึ่งผู้เรียนลงมือคำนวณตามแผนที่วางไว้ตามลำดับโดยผู้สอนต้องเป็นผู้ คอยชี้แนะแนวทางสร้าง แรงกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความมุ่งมั่น พยายามในการดำเนินการอย่างไม่ท้อถอย ในการ แก้ไขปญั หาตา่ ง ๆ อยา่ งแท้จรงิ ขั้นที่ 4: การตรวจสอบวธิ กี ารแก้ปญั หา โดยผู้เรียนต้องมีการดำเนินการแก้ปัญหาอีกครั้ง โดยไม่ดูการดำเนิน ครั้งแรก เพื่อตรวจดูว่า ผลคำตอบที่ได้จากการดำเนินการทั้งสองครั้งนั้นตรงกันหรือไม่อย่างไร การทำซ้ำเพื่อสร้าง ความมัน่ ใจ ข้นั ที่ 5: ตรวจคำตอบทไ่ี ด้จากการดำเนินการ เปน็ ขัน้ ตอนสุดท้ายในการท่ผี ูเ้ รียนต้องยืนยนั คำตอบของตนเอง โดยการนำคำตอบไป คิดย้อนตามลำดับขั้นของปัญหานั้น ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ครูต้องย้ำเตือนผู้เรียนให้ถือปฏิบัติ เสริมแรงทางบวกและกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกำลังใจ เห็นคุณค่าในความสามารถของตนเอง โดยไม่ยึดติดว่าผลของการ แกป้ ัญหาจะสำเรจ็ หรือไมข่ อตัง้ ใจอย่างเตม็ ความสามารถ การให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ เป็นส่วนหนึ่งของการคิดทางคณิตศาสตร์ และเป็นการคิดเกี่ยวกับการสร้าง หลกั การ การสรปุ แนวคิดที่สมเหตุสมผล และการหาความสัมพนั ธข์ องแนวคิด ทิศนา แขมณี (2541: 144) ได้ให้ความหมายของการคดิ อยา่ งมีเหตุผล เป็นการคิดที่มีจุดมุ่งหมายเพือ่ เข้าใจ ความคิดที่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักเหตุผล โดยสามารถจำแนกข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง และพิจารณาเรื่องที่คิดบน พน้ื ฐานของขอ้ เท็จจรงิ โดยใชห้ ลักเหตุผลแบบนิรนยั และอุปนยั ซ่งึ ประกอบด้วยทักษะยอ่ ย ๆ ดงั น้ี 1. สามารถแยกขอ้ เท็จจริงและความคิดเห็นออกจากกันได้ 2. สามารถใชเ้ หตผุ ลแบบนิรนัยหรอื อุปนัยพจิ ารณาขอ้ เทจ็ จริงได้ 3. สามารถใช้เหตผุ ลแบบนิรนัยและอปุ นัยพิจารณาข้อเทจ็ จรงิ ได้ ระบบการจัดการศึกษาม่งุ พัฒนาผเู้ รียนใหม้ ีพัฒนาการทุกดา้ นไปพร้อมกนั ซ่งึ มีท้ังความดี ความเกง่ ความสุข แนวคิดสำหรับเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งสง่ เสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ให้ ควบคกู่ บั การสง่ เสริมใหผ้ ู้เรียนมคี วามสามารถในการให้เหตุผลทางคณติ ศาสตร์ จงึ ควรประกอบดว้ ย ขั้นท่ี 1: ทำความเข้าใจกับปญั หา ขน้ั ท่ี 2: วางแผนอย่างรอบคอบและรับผิดชอบในแผนการท่จี ะดำเนิน หนา้ 304

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ข้นั ท่ี 3: ลงมือดำเนินการอย่างมน่ั ใจ ข้ันที่ 4: การตรวจสอบวธิ กี ารแกป้ ัญหา ขน้ั ท่ี 5: ตรวจคำตอบที่ไดจ้ ากการดำเนินการ ซึ่งเช่ือไดว้ ่าการจัดการเรียนใดที่ต้องการพฒั นาผูเ้ รยี นให้มีกระบวนการคิดแก้ปญั หาด้วย 5 ขั้นตอน ดังกลา่ ว จะสามารถเสรมิ สร้างและพัฒนาผู้เรยี นสเู่ ปา้ หมายไดส้ ำเรจ็ สรุป แนวทางการส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผลทางคณิตศาสตร์ในบทความนี้ เป็นเพียง แนวคิดของผู้เขยี นทพี่ ยายาม จะชีใ้ หผ้ ้อู ่านเห็นว่า ผู้เรยี นจะเกดิ ความสามารถนขี้ น้ึ ไดน้ ้ัน ครผู ้สู อนมีความสำคัญอย่าง ยิ่งที่จะทำหน้าท่ีสำคัญในการส่งเสรมิ ให้เกิดพฒั นาการไปพร้อม ๆ กัน โดยไมจ่ ำเป็นต้องแยกส่วนในการพฒั นาผู้เรยี น การพฒั นาใหเ้ กิดความสามารถในการแก้ปญั หาอย่างมีเหตุผลทางคณิตศาสตร์ต้องใช้เวลาในการฝกึ ฝน ทำซ้ำ ๆ เพือ่ ให้ เกิดเป็นความถนัด เกิดเป็นความคุ้นเคย กลายเป็นพฤติกรรมท่ีเปน็ ไปตามธรรมชาติ ดังนั้น ไม่ว่าผู้สอนจะดำเนินการ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างไรก็ตาม หากเกิดจากความตั้งใจและมุ่งมั่นทั้งในส่วนของผู้สอนที่ต้องการจะ ถ่ายทอดความรู้ มีใจที่จะสรา้ งศิษย์ให้เตบิ โตเป็นคนดี มคี วามรู้ มีความสามารถ มีความสขุ และตวั ผู้เรียนเองที่ใฝ่ใจที่ จะเรียนรู้ มคี วามขยนั อดทน ตั้งใจท่จี ะพฒั นาตนเอง ผเู้ ขียนมีความเช่ือวา่ รปู แบบทุก ๆ รูปแบบของวิธีการสอน และ การประเมินผล ล้วนเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนของเราเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ เป็นคนดี คนเก่ง มี ความสขุ การเรียนร้ปู ระสบความสำเร็จ ดำเนินชีวิตกป็ ระสบความสำเรจ็ ได้อยา่ งสมบรู ณ์ ขอ้ เสนอแนะ 1. ผูบ้ ริหารควรส่งเสริมครผู ้สู อนให้มคี วามสามารถออกแบบการเรยี นตามขั้นตอน (1) ทำความเข้าใจกบั ปัญหา (2) วางแผนอยา่ งรอบคอบและรับผิดชอบในแผนการทีจ่ ะดำเนนิ (3) ลงมือดำเนนิ การอย่างม่นั ใจ (4) การตรวจสอบวิธีการแกป้ ญั หา (5) ตรวจคำตอบทไี่ ด้จากการดำเนินการ ซง่ึ พัฒนาพฒั นาผูเ้ รยี นใหส้ ามารถแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ แมต้ อ้ งใชเ้ วลาในการฝึกฝนทำซ้ำ ๆ เพ่ือให้นักเรียน มคี วามคนุ้ ชนิ ปลูกฝงั ความพยายามในการเรียนรู้ 2. ครูผู้สอนควรช่วยเหลือดูแลให้กำลังใจผู้เรียนทั้งในส่วนของการร่วมวิเคราะห์เป็นขั้นตอนเพื่อให้การ แก้ปญั หาสำเร็จมีกำลังใจในการเรียนรตู้ อ่ ไป อกี ทง้ั ครูผูส้ อนปรับเปลีย่ นรูปแบบวธิ ีการสอนและการประเมนิ ผล เพ่อื การ เรียนชว่ ยใหผ้ ูเ้ รยี นมพี ัฒนาการการเรยี นรทู้ ่ดี ีข้ึน หนา้ 305

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) เอกสารอา้ งอิง กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2551). หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑. [Online], สืบค้นเม่ือ 25 กนั ยายน 2563. Available form http://www.psc.ac.th/docs/laws/education_core2551.pdf. ชลธชิ า ใจพนสั . (2556). ปจั จัยบางประการท่ีส่งผลตอ่ ความสามารถในการแก้โจทยป์ ัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ. ปริญญานพิ นธ์ หลักสูตรการศึกษา มหาบณั ฑติ สาขาการวิจัยและสถิตทิ างการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. โชติมา หนูพริก. (2553). การพฒั นาระบบประเมินการเรียนการสอนคณติ ศาสตร์ สำหรับนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 1. ปรญิ ญานิพนธ์ หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวชิ าหลักสตู รและการสอน มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. นอ้ มศรี เคท. (2526). “การสอนการแกโ้ จทย์ปัญหาคณติ ศาสตร์,” ในหลกั และแนวปฏบิ ัติในโรงเรียนประถมศกึ ษา. หน้า 65-72. กรงุ เทพฯ : วัฒนาพานชิ . ผกาทพิ ย์ รันสูงเนนิ . (2555). ปัจจัยเชิงสาเหตุที่สง่ ผลต่อความสามารถในการแก้ปัญหาคณติ ศาสตรข์ องนกั เรยี นช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 3 สำนกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 1. ปริญญานิพนธ์ หลักสตู รการศึกษา มหาบัณฑิต สาขาการวจิ ัยและสถติ ทิ างการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. มณีรัตนา โนนหวั รอ. (2557). การพฒั นารูปแบบการประเมนิ เสรมิ พลังอำนาจเพือ่ เพิม่ สมรรถนะดา้ นการวัดและ ประเมินผลการศกึ ษาของครูประจำการสังกัดสำนักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาการประถมศกึ ษาปราจีนบรุ ี เขต 2. ปรญิ ญานิพนธ์ หลักสูตรการศึกษาดุษฎบี ณั ฑติ สาขาการทดสอบและวดั ผลการศกึ ษา มหาวิทยาลัย ศรคี รินทรวิโรฒ. ยพุ ิน พิพธิ กุล. (2539). การเรียนการสอนคณติ ศาสตร.์ กรงุ เทพฯ : บพิธการพมิ พ.์ สริ ิพร ทพิ ยค์ ง. (2544). การแกป้ ญั หาคณติ ศาสตร.์ กรงุ เทพฯ : ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว. สุรีพร เปรมปรีดิ์. (2555). ปัจจยั บางประการทีส่ ่งผลต่อความสามารถในการแก้โจทยป์ ญั หาคณิตศาสตร์ของ นักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 สำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาเขต 2. ปรญิ ญานพิ นธ์ หลกั สูตร การศกึ ษามหาบัณฑิต สาขาการวิจัยและสถติ ทิ างการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ. สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2555). เอกสารประกอบการอบรม : การอบรมครดู ว้ ยระบบ ทางไกล หลักสตู รมาตรฐานการอบรมครู ปีท่ี 3 (ฉบับปรับปรุง) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ระดบั ประถมศึกษา. [Online], สืบคน้ เมอื่ 2 ตุลาคม 2563. Available form http://202.143.147.252/newsbr2/file document/document_1320130813093429.pdf. สุภทรา ตนั ติวิทยามาศ. (2555). การพฒั นาทกั ษะการแกป้ ัญหาอย่างมีวิจารณญาณดว้ ยแผนผังมโนทัศนข์ อง นกั เรียนระดับช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 2. ปรญิ ญานพิ นธ์ หลักสตู รครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาจติ วิทยา การศกึ ษา จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . Adam, S., Ellis C. and Beeson, F. (1977). Teaching Mathematics with Emphasis on the Diagnostic Approach. New York : Harper and Row. Bruckner, L. (1957). Developing Mathematics Understanding in the Upper Grad. Philadelphia : The John C Winston. หนา้ 306

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นส่ปู กติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) Cruikshank, E. and Sheffeld, J. (1992). Yong Children Learning Mathematics. Boston : Allyn and Bacon. Gagné, R. M. (1985). The conditions of learning and theory of instruction. 4th ed. New York : Holt, Rinehart & Winston. Hatfield, M.M., Tanner, E. and Bitter, G. (1992). Mathematics Methods for the elementary and MiddleSchool. Second Edition. Hudgins, B. (1977). Learning and Thinking: A Primer for Teachers. Illinois : F. E. Peacock Publishers. Fleischner, J.E., Nuzum M.B. and Marzola E.S. (1987). “Devising and Instructional Program to Teach Arithmetic Problem Solving Skills to Students with Learning Disabilities”. In Journal of Learning Disabilities. 20 (April 1987) : 214-217. Marks, R. and other. (1975). Teaching Elementary School Mathematics for Understanding. New York : McGraw-Hill Book Company. Polya, G. (1957). How to Solve It. 2nd ed. New York : Doubleday and Company. หน้า 307

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การใชง้ านระบบบรหิ ารจดั การการฝกึ งานและสหกิจศกึ ษา เพอ่ื ติดตามนกั ศกึ ษาฝกึ งานในยุคปกติวถิ ีใหม่ The Use of Internship and Co-operative Education Management System for Internship Student Monitoring in New Normal วชริ ะ หลอ่ ประดษิ ฐ*์ , ธิตวิ ฒั น์ ตาคำ และนราวชิ ญ์ ความหมนั่ คณะบรหิ ารธรุ กิจและศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนยรี าชมงคลล้านนา ลำปาง E-mail [email protected]*, [email protected], [email protected]. บทคัดย่อ งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการการฝกึ งานและสหกิจศึกษา ในช่วงสถานการณ์ โรคโควิด 19 กำลังแพร่ระบาด โดยดำเนินการศึกษาปัญหา ความต้องการ ปัจจัยการฝึกงานในยุคปกติวิถีใหม่ (New Normal) ออกแบบและพฒั นาระบบดว้ ยวงจรการพฒั นาระบบ (SDLC) และประเมินผลการใชง้ านระบบในการจดั การ ฝกึ งานในยุคปกติวถิ ใี หม่ (New Normal) กลุ่มเป้าหมาย จำนวนทง้ั สน้ิ 20 ราย ประกอบด้วย นักศึกษา อาจารย์นิเทศ การฝึกงาน และ ตัวแทนสถานประกอบการ ผลการวิจัย พบว่า ระบบบริหารการจัดการฝึกงานและสหกิจศึกษา ประกอบด้วย ระบบตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้งานระบบ ระบบลงทะเบียนการฝึกงาน ระบบบันทึกข้อมูลการฝึกงาน ระบบ ประเมินผลการฝึกงาน ระบบดาวน์โหลด และจัดพิมพ์เอกสาร และระบบประกาศข่าวและฝากข้อความ การ ประเมนิ ผลการพัฒนาระบบ โดยใช้สถิตวิ เิ คราะห์ ดว้ ยการคำนวณค่าเฉล่ยี และคา่ เบีย่ งเบนมาตรฐานในการวิเคราะห์ ความพึงพอใจของผู้ใชง้ านระบบบริหารจัดการการฝึกงานและสหกิจศึกษา พบว่า 1) ด้านการออกแบบ ระบบมีความ นา่ สนใจ ใช้งานงา่ ย รูป และตวั อกั ษรมีความเหมาะสม รวมถึงการจดั วางรปู แบบระบบ อยใู่ นระดับดมี าก 2) ด้านการ ทำงานของโปรแกรม ระบบมีความปลอดภัย แสดงผลได้อย่างแม่นยำ มีความเร็วในการประมวลผล และเข้าถึงข้อมูล ได้ง่าย อย่ใู นระดบั ดมี าก 3) ดา้ นการคำนวณ มคี วามเรว็ ในการคำนวณ และถูกตอ้ ง อยู่ในระดบั ดมี าก และ 4) ดา้ นการ สนับสนุนนโยบายป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด 19 ลดการสัมผัสสิ่งของร่วมกัน เว้นระยะห่างระหว่างบคุ คล และลดการเดินทางในการติดต่อสื่อสาร อยู่ในระดับดีมาก แสดงให้เห็นว่าระบบบริหารจัดการการฝึกงานและสหกิจ ศึกษา รองรับการทำงานในยุคปกติวิถีใหม่ (New Normal) ไดเ้ ป็นอย่างดี คำสำคญั : การพฒั นาระบบสารสนเทศ, ระบบบรหิ ารจดั การ, การฝึกงาน, สหกจิ ศกึ ษา, ปกติวถิ ใี หม่ ABSTRACT In this paper, researchers were study about proceed the internship and co- operative education management system. Then, researcher evaluate the system in serious time of Covid- 19 spreading. The study engaged in problem finding, system requirement, and internship factor of sample group in new normal period, system analysis and design with software development life หน้า 308

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) cycle and evaluation the system in internship and cooperative education in new normal period with 20 people include, student, supervisor and entrepreneur. From the result of research, author found the system include, user verify system, training register system, training record system, training evaluate system, download and print document system and new announcement system. In the content of system evaluation, authors were used mean and standard deviation calculation to analysis the satisfaction of internship and co- operative education users. Researchers found that 1) design fields with interesting of the system, ease of use, font size and system emplacement are very good evaluation. 2) System operation fields with system security, accuracy of result display, speed of processing and very good evaluation. 3) Calculation fields with speed and accuracy of calculation are very good evaluation, 4) policy in anti- spreading of Covid 19 disease assistant fields with decreasing in touching, increasing in social distancing and decrease in social connection activity are very good evaluation. Therefore, internship and co- operative education management system was suitable for internship and co-operative education in new normal period. KEYWORDS: Information System Development, Management System, Internship, Co- operative Education, New Normal บทนำ เนื่องดว้ ยสถานการณก์ ารเกิดโรคอบุ ัตใิ หม่ โดยมชี ่อื ว่าโรคโควิด 19 จากไวรสั โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ท่ีเกิดขึ้น ในเมืองอู่ฮ่ันของประเทศจนี ในช่วงเดือนธนั วาคม 2563 (WHO, 2021) ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในลักษณะที่ เป็นวงกว้าง กระจายไปทวั่ โลก สง่ ผลกระทบในทุกๆ ดา้ นต่อประเทศตา่ งๆ ทั่วโลก ทำใหเ้ กดิ ผ้เู สยี ชวี ติ มากมาย รวมทั้ง ยงั ส่งผลกระทบตอ่ เศรษฐกิจ และการใช้ชวี ิตของประชากร เพื่อปอ้ งกันให้การแพรร่ ะบาดของโรคโควิด 19 มีจำนวนผู้ ติดเชื้อลดลง ทางองค์การอนามัยโลก หรือ World Health Organization: WHO ได้กำหนดนิยามของคำว่า New Normal หรือ ปกติวิถีใหม่ ขึ้น โดยมีนัยยะสำคัญว่า มนุษย์จะสามารถอยู่ร่วมกันกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ อย่างไรในระหวา่ งท่ที ั่วโลกกำลงั คดิ ค้นยาตา้ นไวรสั หรือวัคซนี (WHO, 2021) เนื่องดว้ ยการฝกึ งานเปน็ สิ่งสำคญั ในการจดั การเรยี นการสอนในแตล่ ะสายวชิ าชีพ โดยเน้นให้มกี ารเพ่ิมทักษะ ประสบการณ์การทำงานในวิชาชีพในสถานประกอบการจริง (สุพรรณิการ์ หริ่งกัน และคณะ, 2561) มหาวิทยาลัย เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ลำปาง ได้กำหนดรายวิชาการฝึกงานไว้ในหลักสูตรต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ คณะบริหารฯ ให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ตรงในการฝึกทักษะการปฏิบัติงานตามสถานประกอบการต่างๆ ท้ัง ภาครัฐและเอกชนจึงจะสำเร็จการศึกษา ซึ่งการฝึกประสบการณ์ดังกล่าวเป็นการฝึกการทำงานของนักศึกษาในการ ทำงานจรงิ ตรงกับสายวิชาชพี ทีไ่ ด้เรยี น ซ่งึ จะเปน็ ประโยชน์อย่างยง่ิ ต่อนักศึกษาหลงั จากท่ีสำเรจ็ การศึกษาไปแล้ว ในการฝึกงานของนักศกึ ษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ลำปาง นกั ศึกษาตอ้ งมีการดำเนินงาน 3 ช่วงเวลา ได้แก่ ก่อนการฝึกงาน ระหว่างการฝึกงาน และหลังการฝึกงาน โดยในขั้นตอนก่อนการฝึกงาน นักศึกษา จำเป็นต้องมีการจัดเตรียมเอกสารขอความอนุเคราะห์การฝึกงาน และติดต่อประสานงานกับสถานประกอบการ ใน หน้า 309

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ขั้นตอนระหว่างฝึกงานนักศึกษาต้องทำการบันทึกข้อมูลการฝึกงานเข้าสู่สมุดบันทึกการฝึกงาน และต้องมีการ ตรวจสอบโดยพี่เลี้ยงจากสถานประกอบการอยู่เสมอ และในขั้นตอนหลงั การฝึกงานนักศึกษาต้องได้รับการนิเทศจาก อาจารยน์ ิเทศ รวมถงึ ต้องได้รบั การประเมินผลการฝกึ งานจากสถานประกอบการอกี ด้วย โดยในแตล่ ะขน้ั ตอนจำเป็นท่ี จะตอ้ งมีเอกสารประกอบทงั้ ส้ิน อีกทั้งสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ทำให้กระบวนการฝึกงานของนักศึกษาในแต่ละช่วงเวลานั้น จำเป็นที่ จะต้องมกี ารตดิ ตอ่ ประสานงาน และมโี อกาสสัมผลั กบั เอกสาร หรอื สง่ิ ของตา่ งๆ มากขึน้ ทำใหม้ โี อการเส่ียงต่อการติด เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาจทำให้เกิดโรคโควิด 19 และเกิดการแพร่กระจายของโรคได้ จึงส่งผลให้เกิดผล กระทบต่อการฝึกงานของนักศึกษาก่อนสำเร็จการศึกษา โดยอาจต้องชะลอ หรือยกเลิกการฝึกงาน ทำให้ไม่สามารถ สำเร็จการศึกษาไดต้ ามกำหนดเวลา และบรรลตุ ามเป้าหมายของหลักสูตร จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ ผู้วิจัยเกิดแนวคิดในการพัฒนาระบบระบบบริหารจัดการการฝึกงานและสหกิจ ศึกษา เพื่อเป็นการลดขั้นตอนในการติดต่อประสานงาน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดการแพร่กระจายของโรคโควิด 19 และตอบสนองต่อการดำเนินชีวิตแบบปกติวิถีใหม่ (New Normal) อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงการทำงานด้านเอกสารจาก การใชก้ ระดาษ ซ่ึงทำใหเ้ กิดการสิน้ เปลืองงบประมาณและทรัพยากร โดยภายหลงั จากการฝึกงานในชว่ งการเก็บรักษา ข้อมูล อาจทำให้เกิดความเสียหาย หรือสูญหายเกิดขึ้น จึงไม่สามารถนำข้อมูลการฝึกงานในอดีตมาวิเคราะห์ ประกอบการตดั สนิ ใจในอนาคตได้ โดยออกแบบระบบให้รองรับการบันทึกข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล ป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายของเอกสารสำคัญ อีกทั้งระบบดังกล่าวยังสามารถติดตามการฝึกงานของนักศึกษาได้แบบทันทีทันใด (Real-Time) วตั ถปุ ระสงคข์ องงานวิจยั เพื่อศึกษาและพัฒนาระบบการใช้งานระบบบริหารจัดการการฝึกงานและสหกิจศึกษา มหาวิทยาลัย เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ลำปาง รองรบั การฝกึ งานในยคุ ปกติวิถีใหม่ วธิ ดี ำเนินการวจิ ยั งานวิจัยนี้ใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ในการพัฒนาระบบบริหาร จดั การการฝึกงานและสหกิจศกึ ษาบนพื้นฐานของการปฏบิ ตั งิ านจรงิ โดยแบ่งการทำงานเป็น 2 สว่ น ไดแ้ ก่ 1) สว่ นของ การรวบรวมข้อมูลและประเมินผลข้อมูลในการเตรียมความพร้อมก่อนและหลงั การพัฒนาระบบจริง 2) ส่วนของการ พฒั นาระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการฝกึ งานจรงิ โดยมีแผนภาพขน้ั ตอนการทำงานวิจัย ดงั ภาพที่ 1 หนา้ 310

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ การใช้งานระบบบรหิ ารจดั การการฝกึ งานและสหกิจศึกษา เพ่ือติดตามนกั ศกึ ษาฝกึ งานในยุค ปกติวิถีใหม่ ขั้นตอนที่ 1 ทำการศึกษาสภาพการดำเนินชีวิตในยคุ ปกติวถิ ีใหม่ กระบวนการฝึกงาน ปัญหา ความต้องการ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการฝึกงานในส่วนของ นักศึกษา อาจารย์ และสถานประกอบการ โดยเก็บข้อมูลด้วยการ สัมภาษณจ์ ำนวน 20 คน นักศกึ ษา 10 คน อาจารย์ 5 คนและตัวแทนสถานประกอบการ 5 คน ขั้นตอนที่ 2 พัฒนาระบบบริหารจัดการการฝึกงานและสหกิจศึกษา โดยใช้หลักการของวงจรการพัฒนา ระบบ (Software Development Life Cycle: SDLC) (โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์, 2555) แบบ Agile Development (Educba, 2021) โดยการนำข้อมูลจากขั้นตอนที่ 1 มาวิเคราะห์และออกแบบระบบ และพัฒนาระบบจนได้รับความ หน้า 311

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสปู่ กติวิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) พึงพอใจจากกลุ่มผู้ใช้งานระบบ โดยแบ่งออกเป็น 6 ขั้นตอนได้แก่ 1) ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล ในขั้นตอนนี้จะ ดำเนินการรวบรวมข้อมลู ท่ีจำเปน็ 2) ทำการวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการของระบบจากข้อมลู ท่ีมี 3) ทำการออกแบบระบบ ท้ังในเชิงกายภาพ (Physical Design) และเชิงตรรกะ (Logical Design) 4) ทำการพฒั นาระบบ ในวจิ ัยนี้ไดด้ ำเนินการ พัฒนาระบบด้วย ภาษา PHP, HTML, JavaScript และ Bootstrap Framework 5) ทำการทดสอบการใช้งานของ ระบบกับกลุ่มตัวอย่าง และเก็บรวบรวมข้อผิดพลาด 6) ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดและดำเนินการดูและระบบให้ สามารถใชง้ านได้อยา่ งเหมาะสม ขั้นตอนที่ 3 ประเมินผลความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบ โดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง โดยมี ประเด็นข้อความถาม 4 ประเด็น ได้แก่ 1) ประเด็นด้านความสวยงามและการออกแบบ 2) ประเด็นด้านการใช้งาน ระบบ 3) ประเด็นด้านระบบการคำนวณและประมวลผล 4) ประเด็นการสนับสนุนนโยบายป้องกันการแพร่กระจาย ของโรคโควดิ 19 โดยใช้สถติ วิ เิ คราะห์ คอื การคำนวณค่าเฉลย่ี และคา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน ผลการดำเนินงาน ในงานวิจัยนี้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 ผลการพัฒนาระบบบริหารจัดการการฝึกงาน และสหกจิ ศกึ ษา ส่วนท่ี 2 การประเมินผลการใช้งานจากผูใ้ ช้งาน ส่วนที่ 1 ผลจากการพัฒนาระบบบริหารจัดการการฝึกงานและสหกิจศึกษา ประกอบด้วยส่วนของการ ออกแบบระบบ และสว่ นของการพัฒนาระบบดังต่อไปนี้ ผลจากจากการรวบรวมข้อมูล และดำเนนิ การวิเคราะห์ข้อมูลจากกลุม่ ตัวอย่าง 20 คน ตามขั้นตอนที่ 1 โดย แบง่ ออกเป็นกลมุ่ ผ้ใู ชง้ านระบบจำนวน 4 กลมุ่ ได้แก่ 1) อาจารยผ์ ดู้ ูแลระบบ 2) อาจารย์นเิ ทศ 3) นกั ศึกษา 4) สถาน ประกอบการ แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในวงจรการพัฒนาระบบในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล (Requirements Collection Phase) ในวงจร SDLC พบความตอ้ งการในการใช้งานดังตอ่ ไปนี้ ส่วนของอาจารยผ์ ูด้ ูแลระบบ 1. สามารถจดั การขอ้ มูลส่วนตวั 2. สามารถจดั การขอ้ มูลพืน้ ฐานได้ 3. สามารถกำหนดสทิ ธ์ิให้กับอาจารยน์ ิเทศได้ 4. สามารถจัดการปฏิทนิ การฝกึ งานและสหกจิ ศกึ ษา 5. สามารถออกหนงั สือขอความอนเุ คราะหฝ์ กึ งานและสหกิจศกึ ษา 6. สามารถจดั การขอ้ มลู สถานะเกยี่ วกับการตอบรับคำขอฝึกงาน 7. สามารถจดั การนักศึกษาใหต้ รงกับความตอ้ งการของสถานประกอบการ 8. สามารถจัดเสน้ ทางนเิ ทศฝึกงานตามขอ้ มูลท่เี ลอื กได้ 9. สามารถดู และพิมพร์ ายงานตา่ งๆ ได้ 10. สามารถจัดการข้อมลู ของนกั ศึกษาฝกึ งาน (ตอบรับ/ปฏเิ สธการฝึกงาน) 11. สามารถอนุญาตการฝึกงานของนักศกึ ษา 12. สามารถอพั โหลดเอกสารเกี่ยวกับการฝกึ งาน ส่วนของอาจารยน์ ิเทศ 1. สามารถจัดการข้อมลู ส่วนตวั หนา้ 312

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 2. สามารถแจ้งข่าวประชาสัมพนั ธ์ 3. สามารถดวู นั เวลาท่อี อกนิเทศ 4. สามารถบนั ทึกการตรวจเยยี่ ม 5. สามารถประเมนิ สถานประกอบการ 6. สามารถประเมนิ นกั ศกึ ษา 7. สามารดรู ายงาน และพิมพ์รายงานตา่ งๆ ได้ ส่วนของนักศกึ ษา 1. สามารถจดั การข้อมูลสว่ นตวั 2. สามารถลงทะเบียนยืน่ เรอ่ื งขอฝกึ งานแบบปกตหิ รอื แบบสหกจิ ศกึ ษา 3. สามารถระบคุ ุณสมบตั ิและพนื้ ท่ี ทตี่ ้องการฝกึ งาน 4. สามารถแจง้ ความตอ้ งการเปลีย่ นสถานทีฝ่ ึกงานและดูผลการตอบรับ 5. สามารถตรวจสอบผลการตอบรบั ของสถานประกอบการ 6. สามารถดกู ำหนดเวลาการนเิ ทศฝึกงาน 7. สามารถดาวนโ์ หลดเอกสารเกีย่ วกบั การฝึกงาน 8. สามารถบนั ทึกการทำงานแตล่ ะวนั 9. สามารถตรวจสอบการดำเนนิ การตอบรบั ของสถานประกอบการ 10. สามารถประเมนิ สถานประกอบการได้ 11. สามารถดู และพมิ พ์รายงานตา่ งๆ ได้ สว่ นของสถานประกอบการ 1. สามารถจดั การขอ้ มูลสว่ นตัว 2. สามารถระบุคุณสมบัติของนกั ศกึ ษาที่ตอ้ งการได้ และจำนวนทตี่ อ้ งการ 3. สามารถตรวจสอบขอ้ มูลของนักศึกษาท่ีจะมาฝกึ งานได้ 4. สามารถประเมนิ ผลการฝึกงานของนกั ศึกษา 5. สามารถดู และพมิ พร์ ายงานตา่ งๆ ได้ ในข้ันตอนการวเิ คราะห์ (Analysis Phase) ไดม้ นี ำขอ้ มูลความต้องการการใชง้ านระบบจากขนั้ ตอนก่อนหน้า พร้อมทั้งมีการรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น หนังสือความอนุเคราะห์ฝึกงาน หนังสือส่งตัวนักศึกษาฝึกงาน สมุด บันทึกการฝึกงาน เป็นต้น มาทำการวเิ คราะห์โครงสร้างของกระบวนการทำงานของระบบด้วยแผนภาพกระแสข้อมลู (Data Flow Diagram: DFD) โดยมีกระบวนการทำงานย่อยในระบบไดแ้ ก่ 1. ระบบตรวจสอบสิทธผ์ิ ้ใู ช้งานระบบ 2. ระบบลงทะเบียนการฝกึ งาน 3. ระบบบนั ทึกขอ้ มูลการฝกึ งาน 4. ระบบประเมินผลการฝกึ งาน 5. ระบบดาวนโ์ หลด และจดั พิมพ์เอกสาร หน้า 313

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 6. ระบบประกาศขา่ วและฝากข้อความ โดยความสัมพันธ์ของผู้ใช้งานระบบและระบบบริหารจัดการการฝึกงานและสหกิจศึกษา ได้นำมาแสดงใน แผนภาพการไหลของขอ้ มลู ดงั ภาพที่ 2 ภาพที่ 2 คอนเทก็ ซไ์ ดอะแกรมของระบบบรหิ ารการฝึกงานและสหกิจศกึ ษา จากภาพที่ 2 แสดงการสง่ และรบั ขอ้ มลู จากผทู้ เ่ี กี่ยวขอ้ งกบั ระบบบริหารจดั การการฝกึ งานและสหกิจศึกษา ใหก้ ับตัวระบบ โดยพจิ ารณาจากระบบย่อยดงั ที่กลา่ วมาแลว้ หนา้ 314

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ิถีใหม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 1 D1 2 Login 3 D2 4 D3 5 D4 6 D5 7 8 D6 9 D7 D8 D9 10 D10 11 . ภาพท่ี 3 DFD Level 0: ระบบบรหิ ารการฝกึ งานและสหกิจศึกษา จากภาพที่ 3 แสดงแผนภาพกระแสข้อมูลในระดับที่ 0 (DFD Level 0) พบว่า อาจารย์ สถานประกอบ และ นักศึกษามีความจำเป็นที่จะต้องทำการสมัครสมาชิกในระบบก่อน จึงจะสามารถดำเนินการลงทะเบียนการฝึกงานได้ หน้า 315

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) โดยระบบสามารถดำเนินการจับคู่การฝึกงานได้ 2 รูปแบบคิด 1) ระบบจับคู่อัตโนมัติ ตามความต้องการของสถาน ประกอบการและนักศึกษา 2) อาจารย์ผู้ดูแลระบบ ดำเนินการจับคู่สถานประกอบการและนักศึกษาด้วยตนเอง ภายหลังจากการจับคู่การฝึกงานแล้ว ระบบจะสามารถจัดพิมพ์เอกสารขอความอนุเคราะห์การฝึกงานจากระบบได้ ภายหลังจากได้รับเอกสารตอบรับการฝึกงาน อาจารย์ผู้ดูแลระบบจะสามารถยืนยันการฝึกงานได้ เพื่อจัดเตรียม เอกสารสง่ ตัวนักศึกษาฝึกงานต่อไป ภายหลังจากนักศึกษาได้ออกฝึกงานนักศึกษาจะดำเนินการบันทึกข้อมูลการฝึกงานผ่านระบบฝึกงาน และ สถานประกอบการจะดำเนนิ การยืนยันข้อมูล รวมถึงสามารถแสดงความคิดเห็นในการบนั ทึกการฝึกงานของนักศึกษา ได้ รวมทั้งอาจารย์ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบข้อมูลการบันทึกการฝึกงานได้ทันที และระบบสามารถกำหนดให้ อาจารย์ผู้ดูแลระบบกำหนดเส้นทางการนิเทศนักศึกษาฝึกงานและสหกิจศึกษาให้กับอาจารย์นิเทศได้ผ่านระบบ โดย อาจารย์นเิ ทศสามารถตรวจสอบขอ้ มลู และยน่ื ยันการนิเทศผา่ นระบบได้ หลงั จากการยนื ยนั การนิเทศนักศึกษาฝึกงาน อาจารยน์ ิเทศสามารถตรวจสอบการบนั ทึกการฝึกงานของนักศึกษาท่ีอยู่ภายใต้เส้นทางการนิเทศของตัวเองได้ และจึง บนั ทึกขอ้ มูลการการนิเทศผา่ นระบบ ภายหลังจากการฝกึ งานเสร็จสิน้ สถานประกอบการ อาจารย์นิเทศ และนักศึกษา สามารถทำการบันทึกการ ประเมินของตนเองเข้าสรู่ ะบบได้ เช่น สถานประกอบการบันทึกผลการประเมนิ นักศกึ ษา นกั ศึกษาประเมนิ ตนเอง เป็น ตน้ โดยระบบจะดำเนนิ การประมวลผลคะแนนออกมาเปน็ เปอร์เซ็นโดยอัตโนมัติ จากการวิเคราะห์กระบวนการทำงานของระบบในขัน้ ตอนการออกแบบ (Design Phase) ได้มีการออกแบบ ฐานข้อมูล และหน้าจอการทำงานของระบบในขั้นตอนนี้ โดยใช้แผนภาพความสัมพันธ์ของข้อมูล (Entity Relationship Diagram: ER) ในการออกแบบฐานขอ้ มูลดังภาพที่ 4 และออกแบบหนา้ จอการทำงานดังภาพที่ 5-11 หนา้ 316

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาพที่ 4 ER-Diagram: ระบบบรหิ ารการฝกึ งานและสหกจิ ศึกษา ตารางที่ 1 ตารางฐานข้อมลู ระบบบรหิ ารการฝึกงานและสหกิจศกึ ษา ลำดับ ชอ่ื ตาราง คำอธบิ าย ลำดับ ชอื่ ตาราง คำอธิบาย 1 addr_amphur อำเภอ 21 major สาขาวิชา 2 addr_district ตำบล 23 mentor พ่ีเลยี้ งนักศกึ ษา 3 addr_province จังหวดั 24 news ข่าวประชาสมั พันธ์ 4 admin ผูด้ แู ลระบบ 25 news_file เอกสารประกอบข่าว 5 ass_for ประเภทการประเมนิ 26 parent ผูป้ กครองนักศกึ ษา 6 ass_group กลมุ่ หวั ขอ้ การประเมิน 27 property คณุ สมบัติ 7 ass_stu_own นักศึกษาประเมินตนเอง 28 property_student คุณสมบัตินักศึกษา 8 ass_stu_own_score คะแนนประเมนิ ตนเอง 29 student นักศึกษา 9 ass_stu_work นักศกึ ษาประเมินสถาน 30 student_req_work คำขอฝกึ งาน ประกอบการและสถาน ประกอบการประเมิน นกั ศกึ ษา 10 ass_stu_work_score คะแนนนักศกึ ษาประเมิน 31 student_type ระดบั การศึกษา สถานประกอบการและ สถานประกอบการประเมนิ นักศกึ ษา 11 ass_teach_stu อาจารย์ประเมินนักศกึ ษา 32 teacher อาจารย์ 12 ass_teach_stu_score คะแนนอาจารยป์ ระเมิน 33 visit เสน้ ทางนเิ ทศ นกั ศกึ ษา 13 assess_teac_score คะแนนอาจารย์ประเมนิ 34 visit_detail บันทึกการนิเทศ สถานประกอบการ 14 assessment_title หัวขอ้ ประเมิน 35 visit_teacher เส้นทางนิเทศของอาจารย์ 15 contact การติดตอ่ ผดู้ ูแลระบบ 36 visit_work สถานประกอบการแตล่ ะ เส้นทาง 16 department สาขา 37 work_rec บันทกึ การฝกึ งานนกั ศึกษา 17 faculty คณะ 38 workshop สถานประกอบการ 18 file การอัพโหลดเอกสาร 39 workshop_req ความต้องการนักศึกษาของ สถานประกอบการ 19 internship รายการลงทะเบียนฝกึ งาน 40 workshop_req_detail คุณสมบัติท่สี ถาน ประกอบการตอ้ งการ 20 internship_list รายการฝกึ งาน ในส่วนของขั้นตอนการนำไปใช้งาน (Coding Phase) ใช้การพัฒนาระบบ โดยพัฒนาระบบผ่าน ระบบปฏิบัติการวินโดว์ 10 (Windows 10) โดยมีการพัฒนาโปรแกรมโนใช้ภาษา PHP (Personal Home Page) ร่วมกับ Bootstrap Framework (W3Schools.com, 2020) ในการสร้างหน้าจอการทำงาน และเชื่อมโยงข้อมลู ผ่าน ทาง MySQL ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูล เพื่อพัฒนาระบบต้นแบบโดยมีการจัดทำเอกสาร คู่มือการใช้งาน และฝึกอบรม ผู้ใชง้ านในช่วงระยะเวลาการฝึกงานของนักศกึ ษา หน้า 317

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ในสว่ นของการพัฒนาระบบหนา้ จอการทำงาน พบวา่ หนา้ จอหลักเปน็ หนา้ จอสำหรับการใช้งานของ อาจารย์ นเิ ทศ สถานประกอบการ และนักศึกษา ดงั ภาพที่ 5 โดยหน้าแรก จะปรากฎหน้าจอการลอ็ กอินเขา้ สู่ระบบ หากยังไม่ มีการสมัครเช้าใช้งานระบบ จำเปน็ ต้องสมัครเขา้ ใช้งานและไดร้ ับการอนมุ ัติจากอาจารย์ผดู้ แู ลระบบก่อน โดยหลังจาก เขา้ สู่ระบบจะปรากฎหน้าจอเมนดงั ภาพท่ี 6 สว่ นหนา้ จอหลกั ของอาจารย์ผ้ดู แู ลระบบจะปรากฎดงั ภาพท่ี 7 ภาพที่ 5 หน้าจอเข้าสูร่ ะบบ และการสมัครใชง้ าน ภาพท่ี 6 หน้าจอหลัก หน้า 318

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสูป่ กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาพที่ 7 หน้าจอหลัก หลังจากเขา้ สู่ระบบแล้ว นักศกึ ษา อาจารยน์ ิเทศ และสถานประกอบการ จะต้องดำเนนิ การกดเมนูแจ้งเตือน ดังภาพที่ 8 เพื่อกรอกข้อมูลของตัวเองให้ครบ แล้วจึงจะสามารถดำเนินการในส่วนของการบันทึกการฝึกงาน การ ประเมนิ ผลการฝึกงาน และพมิ พ์รายงานต่างๆ ได้ ดังภาพที่ 9 ภาพท่ี 8 หน้าจอกรอกข้อมูลสว่ นตัว หนา้ 319

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ภาพที่ 9 หน้าจอบันทกึ การฝกึ งาน ในการประเมินผลต่างๆ นั้นจะถูกแบง่ ลักษณะงานออกเป็น 5 ส่วน ส่วนท่ี 1 นักศึกษาประเมินตนเอง ส่วนท่ี 2 นักศึกษาประเมินสถานประกอบการ ส่วนที่ 3 อาจารย์นิเทศประเมินสถานประกอบการ ส่วนที่ 4 อาจารย์นิเทศ ประเมินนกั ศึกษา และส่วนที่ 5 สถานประกอบการประเมนิ นักศึกษา ในส่วนที่ 1, 3 และ 4 นั้นผูใ้ ช้งานระบบสามารถ กรอกข้อมูลโดยกำหนดเป็นช่วงวันที่ได้ ตลอดการฝกึ งาน แต่ในส่วนที่ 2 และ 5 นั้นระบบจะกำหนดให้กรอกข้อมลู ได้ ในช่วงระยะ 1 สัปดาห์ก่อนการฝึกงานวันสุดท้าย และ 1 สัปดาห์หลังการฝึกงานเสร็จสิ้น รวม 3 สัปดาห์ หาก นอกเหนือจากเวลาดงั กล่าวระบบจะไมส่ ามารถกรอกข้อมูลได้ หน้าจอกรอกข้อมูลจะเป็นดังภาพที่ 10 ภาพที่ 10 หน้าจอประเมนิ ผลต่างๆ ภายหลังจากการกรอกขอ้ มูล และประเมินผลการฝกึ งานเสร็จสน้ิ อาจารยผ์ ดู้ แู ละระบบจะสามารถดำเนินการ ประมวลผลคะแนนการฝึกงานได้ดงั ภาพที่ 11 หนา้ 320

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ภาพที่ 11 หน้าจอประเมินผลต่างๆ ในข้นั ตอนการบำรุงรักษา (Maintenance Phase) เมอื่ มกี ารใช้งานระบบในระยะหน่ึง ทำใหพ้ บปัญหาต่างๆ จากการใชง้ านโดยผูใ้ ช้ รว่ มถึงปัญหาจากระบบ (Bug) จึ้งได้มกี ารปรบั ปรุงระบบเพื่อใหต้ อบสนองต่อความตอ้ งการของ ผ้ใู ช้ และสอดคล้องกับการใชง้ านในยุคปกตวิ ิถีใหม่ (New Normal) ส่วนที่ 2 เป็นส่วนของการประเมินผลการใช้งานจากผู้ใช้งาน ได้มีการดำเนินการรวบรวมข้อมูลด้วย แบบสอบถามโดยใช้การวัดแบบลิเคิร์ท โดยแบ่งออกเป็น 5 ระดับ และใช้การประมวลผลทางสถติ ิโดยใช้การวิเคราะห์ ค่าเฉลี่ย (������̅) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (������. ������.) เพื่อวัดระดับความพึ่งพอใจของระบบ โดยได้ผลการประเมินความพึง พอใจของการใช้งานระบบดังภาพท่ี 12 ผลการประเมินความพงึ พอใจการใช้งานระบบ 5.00 4.53 4.49 4.50 4.36 0.55 0.61 0.66 0.58 0.00 คา่ เฉลี่ย SD. 1. ด้านการออกแบบ 2. ด้านการทํางานของโปรแกรม 3. ดา้ นการคํานวณ 4. ดา้ นการสนบั สนุนนโยบายป้องกนั การแพร่กระจายของโรคโควิด 19 ภาพท่ี 12 ผลการประเมินความถงึ พอใจการใช้งานระบบ สรปุ ผลการวิจัย จากการดำเนินการวิจัยขั้นตอนที่ 1 ทำการศึกษาสภาพการดำเนินชีวิตในยุคปกติวิถีใหม่จากจำนวน กลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น 20 คน พบว่ากลุ่มเป้าหมายแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ อาจารย์ผู้ดูแลระบบ อาจารย์นิเทศ นักศึกษา และสถานประกอบการ โดยแต่ละกลุ่มเป้าหมาย มีความต้องการใช้งานระบบที่ต่างกัน เช่น การเว้น หนา้ 321

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) ระยะห่างในการทำงาน การลดการใช้กระดาษ เป็นต้น ดังทีก่ ล่าวมาแล้วในส่วนวิธีการวจิ ยั หลังจากได้วเิ คราะหค์ วาม ตอ้ งการแลว้ ได้ดำเนินการในข้ันตอนที่ 2 คอื ออกแบบและพัฒนาระบบด้วยวงจรการพัฒนาระบบ ผวู้ ิจัยทำการพัฒนา ระบบด้วยวงจรการพัฒนาระบบ (SDLC) แบบ Agile Development โดยการสร้างต้นแบบระบบและทดลองใช้งาน โดยระบบมีความสามารถหลักดังต่อไปน้ี 1. ระบบตรวจสอบสิทธผ์ิ ู้ใชง้ านระบบ 2. ระบบลงทะเบยี นการฝึกงาน 3. ระบบบนั ทึกขอ้ มลู การฝึกงาน 4. ระบบประเมนิ ผลการฝึกงาน 5. ระบบดาวนโ์ หลด และจดั พิมพเ์ อกสาร 6. ระบบประกาศข่าวและฝากข้อความ และในขั้นตอนที่ 3 ใช้แบบสอบถามความพึ่งพอใจของผู้ใช้งานระบบโดยใช้การวัดแบบลิเคิร์ท โดยมีผลการ ประเมนิ ดงั ต่อไปนี้ 1. ด้านการออกแบบ ระบบมคี วามน่าสนใจ ใชง้ านงา่ ย รูป และตวั อกั ษรมคี วามเหมาะสม รวมถึงการจัดวาง รปู แบบระบบ มคี วามพงึ พอใจเฉลย่ี 4.53 อย่ใู นระดบั มากทสี่ ดุ และมีส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 0.55 2. ด้านการทำงานของโปรแกรม ระบบมีความปลอดภัย แสดงผลได้อย่างแม่นยำ มีความเร็วในการ ประมวลผล และเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย มีความพึงพอใจเฉลี่ย 4.49 อยู่ในระดับมากที่สุด และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.61 3. ด้านการคำนวณ มีความเร็นในการคำนวณ และถูกต้อง มีความพึงพอใจเฉลีย่ 4.50 อยู่ในระดับมากที่สุด และมสี ่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน 0.66 4. ด้านการสนับสนุนนโยบายป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด 19 ลดการสัมผัสสิ่งของร่วมกัน เว้น ระยะห่างระหวา่ งบคุ คล และลดการเดินทางในการติดต่อส่ือสาร มีความพึงพอใจเฉลย่ี 4.36 อยู่ในระดับมากที่สุด และ มสี ่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.58 อภปิ รายผล จากผลการวิจัย สามารถสรุปได้ว่า ระบบบริหารจัดการการฝึกงานและสหกิจศึกษา สามารถสนับสนุนการ ทำงานของผใู้ ชง้ านระบบได้ตรงตามความต้องการ และตอบสนองตอ่ การป้องกนั การแพร่กระจายของโรคโควิด 19 ได้ ในระดับดีมากตามมาตราการเว้นระยะห่างทางสังคมของภาครัฐบาล (กองสุขศึกษา, 2563) โดยมีความสวยงาม และ ตอบสนองการทำงานไดท้ ัง้ หมด รวมถึงการทำงานในระบบอตั โนมัติในบางส่วนงานทำงานไดด้ มี าก จึงสามารถนำไปใช้ ในการฝึกงานและสหกิจศึกษาในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ลำปางได้ โดยสามารถลดปัญหาการใช้ กระดาษ และลดความเส่ียงในการแพร่กระจายของโรคโควิด 19 ได้เป็นอย่างดี และระบบสามารถนำข้อมูลต่างๆ ใน ระบบไปใช้งานในอนาคตได้อีกด้วย ในปัจจุบันได้มีการดำเนินงานในการนำระบบมาใช้งานจริงในมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ลำปาง แต่ยงั พบปัญหาในการใช้งานร่วมกบั หนว่ ยงานภายนอกคือ การเข้าถึงตัวระบบงาน การให้ความร่วมมือในการใช้งานระบบ รวมถึงความเข้าใจในการใช้งานระบบ ทำให้ระบบไม่สามารถทำงานได้อย่าง เตม็ ความสามารถ หนา้ 322

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ขอ้ เสนอแนะ จากการศึกษาผลการใชง้ านระบบพบวา่ ควรมกี ารดำเนินการเตรียมความพร้อมก่อนการใช้งานดงั น้ี 1. ด้านอุปกรณ์ ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ เพื่อรองรับการทำงานของระบบได้ทั้งคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ และ โทรศพั ท์มือถือหรือสมารท์ โฟน โดยต้องสามารถเชื่อมโยงเครอื ข่ายอนิ เตอรเ์ น็ตได้ 2. ด้านบคุ ลากร ควรมีการจัดเตรยี มการอบรมการใชง้ านระบบก่อนการฝึกงานและสหกิจศกึ ษา 3. ด้านนโยบายควมคุมโรค ควรทำการศึกษานโยบายของรัฐบาลด้านการควบคุมโรคติดต่อก่อนการ ดำเนนิ การฝึกงานและสหกิจศกึ ษา และประยุกต์ใช้งานระบบใหเ้ หมาะสมกับสถานการณ์ ในส่วนของการใช้งานระบบ ควรมีการประสานงานและหารอื กับหน่วยงานภายนอกทกุ หน่วยงานที่นักศึกษา ดำเนินการฝึกงานและสหกิจศึกษา ในการให้ความร่วมมือในการใช้งานระบบดังกล่าว พร้อมทั้งมีการจัดอบรบการใช้ งานให้แก่หน่วยงานภายนอก เอกสารอา้ งองิ กองสุขศึกษา. (2563). ห่างอย่างไรปลอดภัยจากไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19). [Online], สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2564. Available from http://healthydee.moph.go.th/view _article.php?id=809. สุพรรณิการ์ หริ่งกัน, ขวัญดาว แจ่มแจง้ และรัชนี นิธากร. (2561). “กลยุทธ์การสนบั สนุนการนิเทศฝกึ งานดว้ ยระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากลุ่มภาคเหนือตอนล่าง”. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีที่ 20 ฉบับที่ 4 ตุลาคม – ธันวาคม 2561. พิษณุโลก: มหาวิทยาลยั นเรศวร โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์. (2555). การวิเคราะห์และออกแบบระบบ (Systems Analysis and Design). กรุงเทพ: ซีเอ็ด ยเู คช่นั . Eduba. (2021). Agile in SDLC. [Online], Retrieved January 5, 2021, from https://www.educba.com /agile-in-sdlc. S. McLeod. (2019). Likert Scale Definition, Examples and Analysis. [Online], Retrieved January 6, 2021 from https://www.simplypsychology.org/likert-scale .html. W3Schools. com. ( 2020) . Bootstrap 3 Tutorial. [ Online] , Retrieved January 14, 2020, from https://www. w3schools.com/bootstrap/. W3Schools. com. ( 2020) . PHP Tutorial. [ Online] , Retrieved January 14, 2020, from https://www.w3schools .com /bootstrap. หนา้ 323

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสูป่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) สามเหลย่ี มอนั ทรงพลงั ของการเรยี นการสอนออนไลนใ์ นยคุ โควิด-19 The powerful triangle of online teaching and learning in the COVID-19 era ดร. พรพล พอนอว่ ม อาจารย์ประจำบณั ฑิตวทิ ยาลยั สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยเวสเทิรน์ ผู้รบั ใบอนุญาตจัดตงั้ โรงเรียน ชญตว์ E-mail [email protected] ผศ. ดร. วราภรณ์ ไทยมา คณบดี คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรปี ทุม อาจารยผ์ ู้รบั ผดิ ชอบหลักสูตรสาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา วทิ ยาลยั บณั ฑติ ศกึ ษาด้านการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ศรปี ทุม E-mail [email protected] ดร.ณัฐชยั ศรีเอี่ยม อาจารยป์ ระจำ สาขาวิชาภาษาญป่ี ุน่ เพ่ือการส่ือสารธรุ กจิ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรีปทมุ E-mail [email protected] ดร.เรืองอไุ ร เศษสงู เนิน อาจารยป์ ระจำ สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา วทิ ยาลยั บณั ฑติ ศกึ ษาดา้ นการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ศรปี ทุม E-mail [email protected] บทคัดยอ่ บทความเรื่องน้เี ปน็ การบทความเพอ่ื ศกึ ษาหาปจั จัยท่ีสง่ ผลต่อคุณภาพของการเรียนการสอนออนไลน์ในยุค โควิด-19สำหรบั ระดบั การศึกษาขัน้ พื้นฐาน โดยมผี ใู้ หข้ อ้ มลู สำคัญ (Key Informant) คอื นกั เรียนและผปู้ กครอง โรงเรียนชญตว์ จำนวน 300 คน โดยวธิ ีการสงั เกตแบบมสี ่วนรว่ มและสมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก ผลการศกึ ษาพบวา่ ปัจจยั ที่ สง่ ผลตอ่ คุณภาพของการเรียนการสอนออนไลน์ในยคุ โควดิ -19 มี 3 ปัจจัย คอื ผูเ้ รยี น พ่อแมผ่ ู้ปกครอง และครผู ้สู อน จงึ ถกู อุปมานใหเ้ ป็นสามเหลี่ยมอันทรงพลงั ของการเรียนการสอนออนไลนใ์ นยคุ โควดิ -19 คำสำคัญ: สามเหล่ียมอนั ทรงพลงั , การเรียนการสอนออนไลน,์ ยุคโควดิ -19 หน้า 324

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นส่ปู กติวิถีใหม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ABSTRACT This article aims to study factors affecting the quality of teaching and learning online in the COVID-19 for basic education. There were 300 key informants of students and parents of the Chayata School, using participatory observation and in- depth interviews. The study found that there were 3 factors affecting the quality of teaching online in the COVID-19 era: students, parents and teachers, thus being likened to the powerful triangles of online learning and teaching in the COVID-19 era. KEYWORDS: the powerful triangle, online learning and teaching, COVID-19 era บทนำ การเรียนการสอนทั้งในอดีตและปัจจุบันล้วนแล้วจะต้องมีสื่อการเรียนการสอนด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยู่ใน รูปแบบการใช้ครูผู้สอนเองเป็นสื่อ รวมไปถึงสื่อการเรียนการสอนต่างๆท่ีสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท คือ สื่อประเภท วัตถุ สื่อประเภทอปุ กรณ์ สื่อประเภทเทคนิคและวิธกี าร (Edgar Dale, 1965) ซึ่งล้วนแล้วมีส่วนช่วยให้การเรียนการ สอนเกิดประสทิ ธภิ าพมากทีส่ ดุ การเรียนการสอนทางไกล (Distance Learning) เริ่มเกดิ ขึน้ ในประเทศไทยเมือ่ ปี พ.ศ. 2518 ซ่ึงเป็นระดับตำ่ กว่าอดุ มศึกษา โดยกองการศกึ ษาผู้ใหญ่ กรมสามญั ศึกษาร่วมกับศนู ยเ์ ทคโนโลยีการศกึ ษากรมวิชาการ ซง่ึ ต่อมาไดร้ วม หน่วยงานเข้าด้วยกันเป็นกรมการศึกษานอกโรงเรียน ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหา ความเหลือ่ มล้ำของระบบการศกึ ษาไทยและยังมสี ่วนช่วยในการขยายโอกาสทางการศึกษาของปวงชนชาวไทยอกี ทาง หนึ่งด้วย และในปี พ.ศ. 2536 ประเทศไทยได้มีดาวเทียมสื่อสารดวงแรกชื่อ “ดาวเทียมไทยคม” ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ในหลวงรัชกาลที่ 9) ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วน พระองค์จำนวน 50 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมไทยคม ซึ่งมีโรงเรียนวังไก ลกังวลเป็น สถานีสง่ สัญญาณ (วิวรรธน์ วรรณศิริ, 2558) ที่กล่าวมาข้างต้นน้ีเปน็ เพยี งแค่การศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่วนในระดับอุดมศึกษานั้น มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชได้เริ่มใช้การเรียนการสอนทางไกลเป็นครั้งแรกของ ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2519 (วิจิตร ศรีสอ้าน, 2529) ในช่วงแรกใช้การเรียนการสอนผ่านวิทยุกระจายเสียงและ ไปรษณีย์ และได้มีการพัฒนาระบบการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2543 ได้สร้างเป็นแผนพัฒนา ระบบการสอนทางไกลตามแผน มสธ.2543 ขึ้น โดยมีการพัฒนาสื่อการเรียนดังนี้ รายการวิทยุกระจายเสียง รายการ วิทยุโทรทัศน์ ดีวีดีประจำชุดวิชา ซีดีเสียงประจำชุดวิชา มัลติมีเดียประจำชุดวิชา การเรียนการสอนออนไลน์ (e- Learning) การเรียนผ่านมือถือ (m-Learning) และการสอนเสริมผ่านอินเตอร์เน็ตและดาวเทียม เป็นต้น จากที่กล่าว มาข้างต้น ถือเป็นรูปแบบการเรียนการสอนของการศึกษาทางเลือก (Alternative Education) ที่ไม่ใช่รูปแบบ การศกึ ษากระแสหลกั ของประเทศ จึงสง่ ผลใหค้ นส่วนใหญย่ งั ไมม่ คี วามเข้าใจและไมเ่ ปน็ ทแี่ พรห่ ลายเทา่ ท่ีควร ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา หนึ่งในรูปแบบการเรียนการสอนทางไกลที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยคือการเรียนการ สอนออนไลน์ เนื่องจากอินเตอร์เน็ตเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษาและพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. หนา้ 325

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 2542 ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจทางการศึกษาที่ให้หน่วยงานต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่รัฐ สามารถจัดการศึกษาข้ัน พ้นื ฐานได้ จงึ ทำให้ความรรู้ วมไปจนถงึ ทกั ษะทีส่ ำคญั และจำเป็น สามารถเรยี นรแู้ ละแสวงหาได้ทว่ั ทุกมมุ โลก ผ่านเพยี ง แค่ปลายนิ้ว จนเกิดเกิดการศึกษาทางเลือกรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า “การจัดการศึกษาโดยครอบครวั (Homeschool)” โดยมีพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดการศึกษารูปแบบนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นการจดทะเบียน ออกแบบ หลักสูตร การจัดการเรียนการสอน รวมไปถึงการประเมินผู้เรียน เป็นต้น ซึ่งตามหลักการและแนวคิดของการจัด การศึกษารูปแบบนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและผลักดันผู้เรียนมากที่สุด (พรพล พอนอ่วม, 2561) แต่ ปัจจุบันประเทศไทยไดเ้ กิดวกิ ฤตการระบาดของเชื้อไวรสั โควิด-19 ขึ้น จึงทำให้สถานศึกษาในประเทศต้องปรับเปล่ียน วิธีการสอนแบบเดิมเป็นการสอนแบบออนไลน์ เพื่อตอบสนองกับนโยบายของรฐั บาลที่ประกาศออกมาเป็นมาตรการ ต่างๆตาม พรบ. ควบคุมโรค แต่ทางโรงเรียนส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจบริบทของการเรียนการสอนออนไลน์ให้มี คุณภาพเทา่ ทีค่ วรว่า การเรียนการสอนทบ่ี ้านนั้น บรรยากาศการเรียนถือวา่ เป็นส่ิงสำคัญ เน่ืองจากการแสดงออกของ ผู้เรียนเวลาที่อยู่บ้านและโรงเรียนต่างกัน จึงทำให้ภาระส่วนใหญ่ตกอยู่กับผู้ปกครองในการควบคุมและดูแลระหว่าง เรยี น ซงึ่ ถา้ ครอบครัวไหนย่งิ ต้องดน้ิ รนในการหารายได้แลว้ การเรียนการสอนออนไลน์ทมี่ คี ณุ ภาพจะเกดิ ข้ึนไดย้ าก แต่ สำหรับในบทความวิชาการนี้ผู้เขียนขอลงรายละเอียดในส่วนที่ครอบครัวมีทัศนคติที่ดีและมีความพร้อมสำหรับการ เรียนการสอนออนไลน์ ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองจงึ เป็นกำลังหลักในการดูแลระหว่างเรียน เปรียบเสมือนการผสมผสาน ระหว่างการจดั การศกึ ษาโดยครอบครัว (Homeschool) กับการจดั การศกึ ษาในระบบโรงเรยี น ซ่งึ จะประกอบไปดว้ ยผู้ ท่ีมสี ่วนเกี่ยวขอ้ ง 3 ส่วน คอื ผเู้ รยี น พอ่ แม่ผู้ปกครอง และครูผู้สอน จงึ ทำใหเ้ กดิ เปน็ แนวคิดในเร่ืองสามเหล่ียมอันทรง พลังของการเรียนการสอนออนไลน์ในยุคโควิด-19 ขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แก่ผู้ที่มี ส่วนเกี่ยวข้อง รวมไปถึงผู้ทีม่ ีส่วนในการกำหนดนโยบายทางการศึกษาต่างๆ อันจะส่งผลให้เกิดคุณภาพของการเรียน การสอนออนไลน์ในอนาคตข้างหน้า เน้อื หาสาระ ความหมายของสามเหลีย่ มอนั ทรงพลงั สามเหลี่ยมอนั ทรงพลงั หมายถงึ องคป์ ระกอบสำคญั ท้ัง 3 ของการเรยี นการสอนออนไลน์ที่จะสามารถทำให้ เกดิ คณุ ภาพกบั ผ้เู รยี นมากทส่ี ุดเท่าที่จะมากได้ โดยแตล่ ะองคป์ ระกอบนน้ั ล้วนแลว้ แตม่ ีความสำคญั เท่าเทียมกัน ถ้าจะ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ จะขอยกตัวอย่างทางรัฐศาสตร์ในเรื่องอำนาจอธิปไตย ที่ประกอบไปด้วย อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบรหิ าร และอำนาจตุลาการ ทั้ง 3 อำนาจน้มี กี ารถว่ งดุลกนั เสมอตลอดเวลา ซึง่ กเ็ ปรยี บไดก้ ับสามเหลี่ยมอนั ทรง พลังของการเรียนออนไลน์ที่ประกอบไปด้วย ผู้เรียน พ่อแม่ผู้ปกครอง และครูผู้สอน โดยองค์ประกอบทั้ง 3 ถือว่ามี ความสำคัญเท่ากันทั้งหมด มีการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ตัวอย่างเช่น กรณีที่ผู้ปกครองยังไม่มีความเข้าใจ และยังมี ทัศนคติที่ไม่ดีตอ่ การเรียนออนไลน์ การเรียนการสอนจะไม่สามารถเกดิ ขึ้นได้เลย หรือถ้าครูผู้สอนไม่ปรบั ตัวให้ทันกับ เทคโนโลยที ่ีเปลีย่ นไปนอกเหนือจากการสอนในห้องเรียน หรือไม่มจี ติ วิทยาในการสอน การเรยี นการสอนออนไลน์ที่มี คณุ ภาพกไ็ มส่ ามารถเกิดขึ้นได้เช่นกนั สามเหลี่ยมอนั ทรงพลังประกอบด้วย 1) ผ้เู รยี น 2) พ่อแมผ่ ปู้ กครอง และ 3) ครูผู้สอน โดยมอี งคป์ ระกอบและ รายละเอยี ดดงั นี้ หนา้ 326

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 1) ผ้เู รยี น ถอื เปน็ องค์ประกอบสำคญั องคป์ ระกอบแรก เน่ืองจากผลสมั ฤทธิ์ในการเรยี นออนไลน์ที่เกิดข้ึนน้ัน จะเกิดกับผู้เรียนโดยตรง และปัจจัยภายในเรื่องทัศนคติของผู้เรียนนั้นก็ถือว่ามีความสำคัญมากเช่นกัน ผู้เรียนที่รู้ เป้าหมายในอนาคตของตนเองที่ชัดเจน ก็จะเห็นคุณคา่ และความสำคัญของการเรียน ซึ่งจะส่งผลให้ผูเ้ รียนรู้จักหน้าที่ และมีความรับผิดชอบตอ่ การเรยี นออนไลน์ ส่วนปัจจยั ภายนอกท่ีส่งผลตอ่ ผู้เรียนก็มีปจั จัยหลายอย่าง เช่น การมีสว่ น ร่วมของผู้เรียนในการเรียนออนไลน์ บรรยากาศในการเรียน รวมไปถึงความเชื่อและทัศนคติที่ผู้เรียนได้รับการอบรม ถ่ายทอดจากครูผู้สอนท่ีสอดแทรกเพิ่มเข้ามานอกเหนือจากความรู้ในบทเรียน เช่น ความกตัญญูต่อพอ่ แม่ หรือการท่ี ผู้เรียนมองครูผู้สอนเป็นต้นแบบ (Role Model) โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อองค์ประกอบด้านผู้เรียนดังต่อไปนี้ (Raman, Othman and Danaraj, 2019) - ทัศนคตขิ องผูเ้ รยี น ส่ิงนส้ี ามารถเกิดไดจ้ ากการบ่มเพาะเล้ียงดูจากพอ่ แม่ผปู้ กครอง และจากการ ที่ครูผู้สอน ซึ่งต้องเกิดจากการยอมรับของผู้เรียนก่อนเสมอ มิเช่นนั้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนที่แม้จะมี เนอื้ หางา่ ยนน้ั ก็กลับเป็นยากทนั ที - บรรยากาศการเรียนการสอน การเรียนที่บ้านล้วนแล้วแต่มีอุปสรรคนานัปการ ไม่ว่าจะเป็น พี่ นอ้ ง สตั ว์เลย้ี ง รวมไปถึงคนทีอ่ าศัยอยู่ในบา้ น ล้วนแล้วแต่สง่ ผลใหผ้ เู้ รยี นไมม่ สี มาธิ เป็นตน้ - การมีสว่ นรว่ มระหว่างเรียน ในส่วนนี้ครูผ้สู อนจะตอ้ งตระหนักให้เด็กนักเรียนเขา้ ใจว่า ครูผู้สอน นั้นอยู่กับผู้เรียนตลอดเวลา ให้ผู้เรียนรู้สึกได้วา่ ครูผูส้ อนนั้นเปรียบเสมือนเพื่อน เมื่อผู้เรียนมีปัญหาสามารถซักถามได้ ทุกเมื่อ ซ่ึงอกี หนง่ึ ส่ิงท่ีสำคญั คอื การเปิดกลอ้ งใหเ้ หน็ หน้ากันระหวา่ งเรียน ซึ่งถอื วา่ มีส่วนชว่ ยใหผ้ ้เู รียนไดอ้ ุน่ ใจ ไม่โดด เดีย่ ว - ผู้เรียนมีเป้าหมายชีวิต เป้าหมายชีวิตของผู้เรียนนั้นเกิดขึ้นได้หลากหลาย จะเป็นการดีมากที่ถ้า ครูผู้สอนสามารถชี้แนะหรือบอกแนวทางที่ผู้เรียนอยากจะเป็นได้ จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของการเรียน หนังสือมากขึ้น ดังนั้นการเรียนการสอนออนไลน์ก็เป็นการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งอาจจะใช้เครื่องมือในการ ติดต่อสื่อสารมากว่าการเรียนการสอนแบบเก่า แต่หลักการและวิธีการให้ผู้เรียนมองเห็นคุณค่าของการเรียนนั้นยัง เหมอื นเดิม - ผู้เรียนเชื่อในตัวครูผู้สอน การที่ครูผู้สอนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน จะทำให้ผู้เรียนเกิดความ น่าเชื่อถือและมคี วามเกรงใจทำใหบ้ รรยากาศในการเรียนเปน็ ไปไดอ้ ย่างราบรื่น ซึง่ เมื่อผเู้ รียนมีความเช่อื ถือในตัวผสู้ อน แล้ว การถา่ ยทอดความร้รู ะหวา่ งกนั จะเปน็ เร่ืองไม่ยาก - มีวนิ ยั และรูจ้ ักหนา้ ทขี่ องตัวเอง เรือ่ งน้ีเปน็ เรื่องของระหวา่ งบุคคล ครผู ู้สอนจะต้องหาวิธีท่ีไม่ใช่ การบงั คับ แตจ่ ะต้องทำให้ผเู้ รยี นเกดิ ความคดิ ทจี่ ะมวี นิ ัยและหน้าทด่ี ้วยตนเอง อาจจะใหห้ ลกั จิตวทิ ยาเขา้ มาชว่ ย 2) พอ่ แมผ่ ปู้ กครอง ถอื เปน็ ฝ่ายสนับสนนุ ท่สี ำคัญ ไมว่ า่ จะเป็นในเรือ่ งการสนบั สนุนอุปกรณ์ สอื่ การเรียนการ สอน รวมไปถงึ การให้กำลงั ใจ การดูแลเอาใจใส่ผู้เรียน จนบางคร้ังอาจกา้ วขา้ มเกนิ หน้าท่ี เช่น คอยช่วยผู้เรียนในทุกๆ เรือ่ งรวมถึงเร่อื งการสอน ซ่ึงครูผสู้ อนจะเข้าใจลำดับ (Sequence) ของการสอนไดด้ กี ว่า จงึ ส่งผลให้ผ้เู รียนพัฒนาได้ไม่ เต็มศักยภาพ ในทางตรงกันข้ามถ้าผู้ปกครองมีทัศนคติที่ไม่ดีกับการเรียนออนไลน์ หรือไม่ได้สนับสนุน ดูแลเอาใจใส่ หนา้ 327

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปล่ียนผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ผู้เรียนอย่างเตม็ ที่ โอกาสที่จะเกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก็เป็นไปได้ยาก โดยมีปัจจัยทีส่ ง่ ผลต่อองคป์ ระกอบด้านพอ่ แม่ผปู้ กครองดังต่อไปน้ี (Stevens & Borup, 2015) - ทัศนคติท่ีดีต่อการเรียน สำหรบั พอ่ แม่ผู้ปกครองทีม่ ีความเชือ่ วา่ การเรียนการสอนแบบออนไลน์ นั้นไม่สามารถมีคุณภาพเทียบเท่ากบั การเรียนการสอนแบบในห้องเรียน ซึ่งแนวความคิดนี้อาจจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว เนื่องจากการเรียนการสอนออนไลน์นั้นจะตอ้ งอาศัยปัจจัยต่างๆ ผสมผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งทัศนคติของผู้ปกครองก็ถือ วา่ มีสว่ นสำคญั ท่ีส่งผลตอ่ คณุ ภาพของการเรียนออนไลน์ของบตุ รหลาน ในยุคทีป่ ระเทศไทยต้องเจอวิกฤตโควิด-19 ใน ครั้งนี้ - ความดแู ลเอาใจใส่ ในสมัยนี้เปน็ ยุคของข้อมูลข่าวสาร ซึง่ ผูป้ กครองสามารถตดิ ตามผลการเรียน ได้จากครูผู้สอนในช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทาง รวมไปถึงการสังเกตผู้เรียนระหว่างเรียน การพูดคุย การให้ กำลังใจ และการช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและอปุ กรณต์ ่างๆเป็นต้น - รายได้รวมของครัวเรือน ปัจจัยด้านรายได้นี้ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรก็ ไมใ่ ชค่ วามผิดของผ้เู รียน ยกตวั อย่างเชน่ ครอบครวั ทไี่ ม่มอี ุปกรณต์ ดิ ตอ่ สอ่ื สาร ครูผู้สอนจะตอ้ งทำการแยกกลุ่มในการ เรียน และทำการประเมินความเป็นไปไดใ้ นการเลือกช่องทางการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับผู้เรียนท้ังชั้น ซึ่งไม่จำเปน็ ตอ้ ง เลือกใช้สื่อชนิดเดียวทั้งหมดในการเรียนรู้ แต่จะต้องคำนึงถึงความสามารถของผู้เรียนเป็นหลัก ซึ่งครูจะต้องทำงาน หนกั มากกวา่ เหตุการณป์ กติ - การมีเวลา เรื่องนี้ต่อเนื่องมาจากรายได้ครัวเรือนเนื่องจาก พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีรายได้มากก็จะ สามารถมีเวลาให้กับบตุ รหลานของตวั เองมากข้นึ ตาม - เช่อื มนั่ ในตวั ครผู ้สู อน พอ่ แมผ่ ู้ปกครองมีความเชอื่ ม่ันและศรทั ธาในตัวครูผ้สู อน เพราะมีความคิด วา่ การฝากความหวังกบั ใครคนใดสกั คนนั้น คนเป็นพอ่ เป็นแมจ่ ะตอ้ งเลือกส่งิ ทด่ี ที สี่ ุดใหบ้ ตุ รหลานของตัวเอง 3) ครูผู้สอน ถือเป็นองค์ประกอบสุดท้ายที่มีความสำคัญไม่แพ้ 2 องค์ประกอบที่กล่าวมาแล้วข้างต้น อาจ เป็นผู้ที่ต้องทำงานหนักมากที่สุดก็ว่าได้ เนื่องจากผู้สอนจะต้องคิดหาวิธีการสอนที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนเทียบเท่ากบั การเรยี นในห้องเรยี นจริงใหไ้ ด้มากที่สดุ เช่น การสร้างระบบการเรียนการสอนออนไลน์ การ ใช้จิตวิทยาการสอนกับผู้เรียน การเรียนรู้เทคโนโลยี และเครื่องมือการสอนใหม่ๆ เป็นต้น โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อ องค์ประกอบด้านครผู ้สู อนดงั ต่อไปนี้ (Comas-Quinn, 2011) - แผนการสอน เนื่องจากแผนการสอนนั้นเหตุการณ์ไม่ได้อยู่ในภาวะที่ปกติ การเรียนการสอน ออนไลน์จะต้องทำให้มีคุณภาพเทียบเท่ากับการเรียนที่โรงเรียนให้มากที่สุด และต้องมีองค์ประกอบที่ครูผู้สอนไม่ สามารถควบคุมได้เหมือนตอนที่สอนในห้อง ดังน้นั การสรา้ งระบบการเรยี นรนู้ นั้ ถือว่าเป็นสง่ิ มคี วามสำคญั - วิธีการสอน เป็นการประเมินผู้เรียนถึงวิธีการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียน โดยที่จะต้องมีความ สอดคล้องกบั ระบบที่ครูผสู้ อนได้ทำการสรา้ งขนึ้ มาสำหรบั การเรียนการสอนออนไลนน์ นั้ - จิตวทิ ยาการสอน การควบคมุ ชัน้ เรียนถือวา่ เป็นศาสตรท์ ี่สำคัญไมแ่ พ้ศาสตรใ์ นการสอน เน่ืองจาก ครูผู้สอนที่มีประสบการณ์จะเข้าใจผู้เรียนว่าผู้เรียนต้องการสิ่งใด ดังนั้นประสบการณ์การสอนถือว่ามีส่วนช่วย หน้า 328

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กติวถิ ีใหม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) เสรมิ สรา้ งจิตวทิ ยาของครูผู้สอนได้ดีอกี ทางหนึง่ เพราะการเรยี นการสอนแบบออนไลน์นัน้ ผู้เรยี นและผู้สอนไม่ไดอ้ ยใู่ น สถานท่เี ดยี วกนั ซึง่ เปน็ การควบคุมผ้เู รยี นระยะไกลจงึ ควบคุมชน้ั เรียนไดย้ ากกว่าการเรยี นในห้องเรียน - ระบบการติดตามและประเมินผล สิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนรู้จากครูผู้สอนไปแล้ว ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สามารถติดตามและสามารถประเมินผลผู้เรยี นไดท้ กุ เมือ่ (FitzPatrick, 2012) - เป็นผู้ที่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากโลกในยุคปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลา คนที่เป็นครูผู้สอนจะต้องมีการปรับตัวให้ทันต่อโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นด้าน เทคโนโลยี ดา้ นการพฒั นาตัวเอง รวมไปถึงสามารถนำความรู้ที่สอนไปบูรณาการขา้ มศาสตร์ได้ สรุป สามเหลี่ยมอันทรงพลัง คือ องค์ประกอบทั้ง 3 ของการเรียนการสอนออนไลน์ที่จะประกอบไปด้วย ด้าน ผู้เรียน ด้านพ่อแม่ผู้ปกครอง และด้านครูผู้สอน โดยทั้ง 3 องค์ประกอบนี้จะต้องมีการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน เพื่อที่ สามารถสรา้ งคุณภาพของการเรียนการสอนออนไลนไ์ ด้มากทส่ี ดุ ตามภาพท่ี 1 ผูเ้ รียน คณุ ภาพของ การเรียนการสอน ออนไลน์ ครูผู้สอน ผู้ปกครอง ภาพท่ี 1 สามเหลย่ี มอมั ทรงพลงั ของการเรยี นการสอนออนไลน์ จากหลักการและแนวคิดเรื่องสามเหลี่ยมอันทรงพลังของการเรียนการสอนออนไลน์ในยุคโควิด -19น้ัน สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยครูผู้สอนจะต้องเป็นผู้ออกแบบการเรียนการสอนออนไลน์ โดยจะ อธิบายในรปู แบบของ Deming Cycle ดังนี้ 1. วางแผน (Plan) หน้า 329

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้ังที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ิถใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ประเดน็ ทีค่ รผู ู้สอนต้อง เกยี่ วกบั ครผู สู้ อน เกีย่ วกับผเู้ รยี น เกยี่ วกับพอ่ แมผ่ ปู้ กครอง ออกแบบ ศึกษา platform สำหรบั สอบถามผเู้ รยี นเพอ่ื ให้ทราบ สอบถามพอ่ แมผ่ ปู้ กครอง ช่องทางและอุปกรณก์ าร การติดตอ่ ส่ือสารและ ถึง platform ท่ผี ้เู รียนนยิ ม เพือ่ ให้ทราบถงึ platform ตดิ ตอ่ ส่ือสาร อปุ กรณ์ท่ีใช้ ใช้ ทน่ี ิยมใช้ เลือก Platform ทตี่ อบ สรา้ ง Line กลมุ่ ของ เป็นสมาชกิ ใน Line กล่มุ เช่อื มโยง 3 องคป์ ระกอบ โจทย์ คือ Line, OBS นกั เรยี นแตล่ ะคน , โหลด ของผเู้ รยี นดว้ ย ประกอบกัน และ Zoom โปรแกรม zoom ครบทง้ั 3 องคป์ ระกอบ คอื แบ่งหน้าท่คี รผู สู้ อน ผเู้ รยี น พ่อแม่ผู้ปกครอง ดา้ นบรหิ าร ด้านการเงิน - และครผู สู้ อน เตรียมสื่อการสอน เอกสาร และดา้ นวิชาการ ประกอบการสอน และจดั ศกึ ษาวิธกี ารผลติ สื่อการ อธิบายขัน้ ตอนวธิ กี ารเรยี น - ตารางเรยี น สอน ออนไลน์ รวมถงึ การจอง จดั ตารางเรียนให้ เวลาเรยี นให้ผเู้ รียนเข้าใจ อธิบายขั้นตอนวธิ ีการเรยี น เหมาะสมตามชว่ งวัย ตรงกัน ออนไลน์ รวมถงึ การจอง เวลาเรียนให้พอ่ แม่ ผู้ปกครองรับทราบ 2. ปฏบิ ตั ติ ามแผน (Do) ประเดน็ ท่คี รูผู้สอนต้อง เก่ยี วกับครูผสู้ อน เก่ยี วกบั ผู้เรยี น เกยี่ วกบั พ่อแมผ่ ้ปู กครอง ออกแบบ ⚫ ส่งคลิปสอนสรปุ ⚫ ผูเ้ รยี นดคู ลปิ สอน และ ⚫ พอ่ แม่ผ้ปู กครองมสี ่วน กระบวนการเรียนการสอน เนอ้ื หาใหผ้ ูเ้ รียนทำความ จดเนอ้ื หา ทำความเข้าใจ ร่วมในการสงั เกตการณ์ เข้าใจกอ่ นเขา้ เรียนใน กอ่ นเรียนพร้อมส่งเน้อื หาท่ี ระหวา่ งเรยี น Line กลมุ่ จดเขา้ Line กลมุ่ ของตนเอง ⚫ สร้างบรรยากาศการ ⚫ ลงมอื ปฏิบัติตามที่ผสู้ อน เรยี นออนไลนผ์ ่าน ออกแบบ โปรแกรม zoom ให้ ⚫ กรณที ไ่ี มผ่ ่านตามเกณฑ์ น่าสนใจ และอธิบาย ทีผ่ สู้ อนกำหนด ผเู้ รียน เนอื้ หาเมื่อผู้เรยี นมีขอ้ จะตอ้ งมีการแกไ้ ขภาระงาน สงสยั ทุกคร้งั หนา้ 330

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ประเด็นทคี่ รผู สู้ อนตอ้ ง เกยี่ วกบั ครผู สู้ อน เก่ียวกบั ผเู้ รียน เกยี่ วกับพอ่ แม่ผู้ปกครอง ออกแบบ ⚫ ประเมนิ ภาระงาน ของผเู้ รยี นแตล่ ะคน 3. ตรวจสอบการปฏิบัติตามแผน (Check) ประเดน็ ทคี่ รูผสู้ อนตอ้ ง เกีย่ วกับครูผู้สอน เกีย่ วกับผูเ้ รียน เกีย่ วกับพ่อแม่ผ้ปู กครอง ออกแบบ - - ทมี ผ้สู อนรว่ มวิเคราะห์ปญั หา ⚫ พบปญั หาในการใช้ ⚫ สมุ่ เลอื กผู้เรียนใหต้ อบ ⚫ สมุ่ เลอื กพ่อแมผ่ ู้ปกครอง แบบสอบถาม ให้ตอบแบบสอบถาม ทีเ่ กิดขึน้ กบั การเรียนการสอน โปรแกรม zoom ของ ออนไลน์ ผเู้ รยี น ⚫ ผเู้ รียนบางคนไม่ ปฏบิ ัตติ ามกฎกติกาการ เรยี น ⚫ บรรยากาศในการ เรยี นของผูเ้ รียนไม่ เหมาะสม ประเมินความพงึ พอใจในการ ⚫ สร้างแบบประเมิน เรียนออนไลน์ ความพงึ พอใจในการ เรยี นออนไลน์ 4. ปรับปรุงแกไ้ ขพฒั นาตอ่ เนื่อง (Act) ประเดน็ ทค่ี รูผสู้ อนตอ้ ง เก่ยี วกบั ครผู ูส้ อน เกยี่ วกับผู้เรียน เกี่ยวกบั พอ่ แม่ผูป้ กครอง ออกแบบ แนะนำวธิ ีการใช้ เปน็ เรื่องทตี่ ้องเรยี นร้ใู หม่ พ่อแมผ่ ู้ปกครองต้องเรยี นรู้ ด้านอุปกรณ์และโปรแกรม โปรแกรม zoom และ สำหรับผเู้ รยี นบางคน พรอ้ มกบั ผู้เรียนด้วย สำหรบั การเรียนออนไลน์ ช่วยแก้ไขปญั หาท่ีเจอ พยายามหาวธิ อี ธบิ าย ตกั เตือนและชแ้ี นะวิธีการ ผู้สอนแจง้ ให้พ่อแม่ ทัศนคติในการเรียน เหตผุ ล เปน็ แบบอยา่ งท่ดี ี เรยี นทถี่ กู ตอ้ งให้กับผ้เู รยี น ผู้ปกครองรบั ทราบปญั หาท่ี ให้กบั ผู้เรยี น รวมถึงการ เกดิ ขึน้ ใช้จติ วทิ ยาการสอน หนา้ 331

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ประเดน็ ท่ีครผู สู้ อนต้อง เกยี่ วกบั ครผู สู้ อน เก่ียวกบั ผู้เรยี น เก่ยี วกบั พ่อแมผ่ ูป้ กครอง ออกแบบ ปรับปรงุ และพฒั นา สอ่ื สารใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจถงึ สือ่ สารใหพ้ อ่ แม่ผปู้ กครอง สรา้ งแผนพัฒนาระบบการ ระบบการเรยี นการสอน ระบบการเรียนการสอน ขา้ ใจถึงระบบการเรยี นการ เรยี นการสอนออนไลน์ ออนไลน์ใหม้ คี วาม ออนไลนท์ ีม่ กี ารพัฒนาอยา่ ง สอนออนไลนท์ ี่มกี ารพัฒนา ทนั สมัยอย่เู สมอ ตอ่ เนือ่ ง อยา่ งต่อเนื่อง ข้อเสนอแนะ เรอ่ื งสามเหลี่ยมอนั ทรงพลังของการเรียนการสอนออนไลน์ในยุคโควดิ -19 สามารถนำไปศกึ ษาต่อยอดในการ วิจัยเชิงปริมาณโดยใช้สถิติชั้นสูงวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันลำดับที่ 2 (2nd Confirmatory Factor Analysis: 2nd CFA) โดยมตี ัวแปรแฝงภายนอกหนงึ่ ตวั คือ คุณภาพของการเรยี นการสอนออนไลน์ (Online Quality) ตวั แปรแฝง ภายในมี 3 ตัว ประกอบด้วย ครูผู้สอน (Instructor) ผู้เรียน (Student) และพ่อแม่ผู้ปกครอง (Parents) ส่วนตัวแปร สังเกตไดม้ ี 15 ตัว ดังนี้ การมสี ว่ นร่วม เปา้ หมายชีวติ บรรยากาศการเรยี น ทศั นคติ มีระเบียบวินัยรูห้ น้าที่ มีความคิด ที่ทันสมัย เอาใจใส่ดูแลบุตรหลาน รายได้ การมีเวลา ศรัทธาในตัวครู แผนการสอน วิธีการสอน จิตวิทยาการสอน ระบบติดตามผล และเรียนสิ่งใหม่ๆอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งตัวแปรสังเกตได้ทั้ง 15 ตัวนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความ เหมาะสมจากการทบทวนวรรณกรรมอกี ครง้ั หนง่ึ (Literature Review) เอกสารอ้างองิ พรพล พอนอ่วม. (2561). การจัดการศึกษาโดยครอบครัว โดยใชท้ รพั ยากรการเรียนรู้อเิ ลก็ ทรอนิกส์. วทิ ยานพิ นธ์ หลักสตู รปรชั ญาดุษฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยศรปี ทุม. วจิ ติ ร ศรีสอ้าน. (2529). การศกึ ษาทางไกล Distance Education. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. ววิ รรธน์ วรรณศริ ิ. (2558). การจดั การศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทียมในสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน สังกัดส านกั งานเขต พื้นทกี่ ารศึกษาประถมศึกษากาญจนบรุ ี เขต 1. วิทยานพิ นธ์หลักสตู รครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าการ บรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏกาญจนบรุ ี. Comas-Quinn, Anna. (2011). Learning to teach online or learning to become an online teacher: an exploration of teachers’ experiences in a blended learning course. ReCALL, 23(03), pp. 218–232. Dale, Edgar. (1965). Audio – Visual Methods Teaching. 2nd ed. New York : Hot, Rinchart and Winston. FitzPatrick, T. (2012). Key Success Factors of eLearning in Education: A Professional Development Model to Evaluate and Support eLearning. US-China Educ. Rev., 9, pp. 789–795. Raman, K., Othman, N. and Danaraj, G. (2019). Investigating Key Factors for Successful E-learning Implementation. Asia Proceedings of Social Sciences, 4(2), 49-51. หนา้ 332

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสูป่ กติวิถีใหม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) Stevens M. and Borup J. (2015). Parental Engagement in Online Learning Environments: A Review of the Literature. In M. F. Rice (Ed.), Advances in Research on Teaching Volume 25: Exploring Pedagogies for Diverse K12 Online Learners. Bingley, UK: Emerald Group Publishing. หน้า 333

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กติวิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) รปู แบบภาวะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรมของผบู้ ริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต ตรวจราชการสว่ นกลาง Model of Innovative Leadership under The Secondary Educational Service Area Office Central Cluster นางนภาพร ศรสี คุ ันธพฤกษ์ รศ.ดร.จอมพงศ์ มงคลวนชิ ผศ.ดร.ปองสิน วเิ ศษศริ ิ บณั ฑิตวทิ ยาลยั ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สยาม E-mail [email protected] บทคดั ยอ่ การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขตตรวจราชการส่วนกลาง 2. เพื่อหารูปแบบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขตตรวจราชการส่วนกลาง โดยทำการศึกษาทั้งเชิง ปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มประชากรท่ีใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ประกอบดว้ ย ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ประธาน คณะกรรมการสถานศึกษา และครูผู้รับผิดชอบด้านนวัตกรรมของโรงเรียนมัธยมศึกษา รวม จำนวน 764 คน ใช้วิธีการสุ่ม กลุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) จากตาราง Krejcie and Morgan จำนวน 255 คน สถิติที่ใช้ ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยมีกรอบแนวคิดการวิจัยขององค์ประกอบภาวะ ผูน้ ำเชงิ นวตั กรรม 6 องค์ประกอบ 1. ความสามารถในการสรา้ งวิสยั ทศั น์สู่การเปล่ียนแปลง 2. ความสามารถในการบริหาร ความเสี่ยง 3. ความสามารถในการสร้างทีมงานร่วมกับบุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร 4. ความสามารถในการ สร้างแรงจงู ใจ 5.ความสามารถในการสรา้ งบรรยากาศองคก์ ร 6.ความสามารถในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ คำสำคัญ : ภาวะผนู้ ำ, ผนู้ ำเชิงนวัตกรรม, สงั กัดสำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขตตรวจราชการส่วนกลาง ABSTRACT Purposes of study were 1. To investigate innovative leadership under the secondary educational service area office central cluster 2. To explore model of innovative leadership under The secondary educational service area office central cluster. The study was determined both quantitative and qualitative aspects. Sampling of the study including administrators, deputy directors, president of the board of schools, and teachers regarding innovative of secondary schools 764 หน้า 334

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) people, however, 255 people were applied by simple random sampling. Statistic regarding percentile, frequency, mean, standard deviation, were applied. Conceptual framework of the study including 6 aspects as following: 1. Vision establishment of changing 2. Ability of risk management 3. Ability of teamwork establishment including inside and outside institutions 4. Ability of motivation 5. Able to establish positive elements of institutions 6.Stimulate inspiration. KEYWORDS : Leadership, Innovative leader, The Secondary Educational Service Area Office Central Cluster. บทนำ ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา การจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยการบริหารงานที่ชาญฉลาด ของผู้บริหารสถานศึกษาที่จะต้องมีภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมที่มีการวางแผนการดำเนนิ การที่ดี มีการกำหนดนโยบายที่ ละเอียดรอบคอบสร้างความร่วมมือและความรับผิดชอบให้เกิดขึ้นกับองค์กรโดยใช้วิธีการที่มีความเหมาะสม รวมท้ัง ต้องส่งเสริมบุคลากรให้มีส่วนได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เพื่อกระตุ้นความสามารถเชิงนวัตกรรมอันจะเป็นผลดีตอ่ ตนเองและองค์กร ซึ่งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทุกกลุ่มทุกช่วงวัยให้มีคุณภาพ มีศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อเป็น ฐานหลักสนับสนุนการพัฒนาประเทศในทุกด้านอย่างยั่งยืน หน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องเร่งปรับปรุงและพัฒนาการ บรหิ ารจัดการงานใหม้ ปี ระสิทธิภาพ มคี วามทันสมยั สอดคลอ้ งกับสงั คมยคุ ใหม่ เพอื่ ใหร้ ะบบราชการมคี วามเข้มแข็ง มี ภูมคิ มุ้ กนั ทดี่ เี พยี งพอทจ่ี ะสรา้ งสภาพแวดล้อมให้เอ้อื ต่อการเสริมสร้างรากฐานทีแ่ ขง็ แรง ท้ังทางเศรษฐกจิ และสังคมให้ สามารถแข่งขนั กบั นานาประเทศได้ (สำนกั งานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 2556) ดังนั้น พฤติกรรมของผู้นำที่แสดงออกถึงภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมเมื่ออยู่ในตำแหน่งต้องสอดคล้องกับ บทบาทของหนว่ ยงาน พฤติกรรมภาวะผู้นำจึงมีความสำคญั ตอ่ ทศิ ทางในการสร้างนวตั กรรมใหเ้ กิดขน้ึ ในองค์การ ซ่ึงมี นักวิชาการสนใจศึกษาและระบุเป็นคุณลักษณะหรือองค์ประกอบของผู้นำองค์การที่จะทำให้องค์การมีช่องทางหรือ ส่งเสรมิ ใหเ้ กิดนวตั กรรมในองคก์ าร จากกระแสการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้การบริหารงานในสถานศึกษาต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนงาน กระบวนการ วิธีการดำเนินงานของหน่วยงานในทุก ๆ ด้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลขององค์กรให้ สามารถบรรลุเป้าหมายแตท่ ั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้นำเชิงนวัตกรรมในการเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นผู้นำ เชิงนวัตกรรมสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และกรอบการทำงานที่จะพัฒนาตนเองเพื่อให้เกิดประโยชน์กับสถานศึกษา ผู้บริหารจะต้องเรียนรู้และปรับเปลี่ยนทัศนคติให้เป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมโดยคำนึงถึง 2 ประเด็นหลัก คือ 1.การนำ หนา้ 335

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอื่ การเปลี่ยนผา่ นสูป่ กติวิถีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) วิธีการใหม่ๆมาใชใ้ ห้เกิดภาวะผู้นำ และ 2.การเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมที่มุ่งเนน้ การสร้างบรรยากาศในการทำงานที่เอ้ือ ต่อการเกิดนวัตกรรมต่าง ๆ ในองค์กรอีกด้วย ผู้นำเชิงนวัตกรรมมีหน้าที่หลักในการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรไปสู่ วัฒนธรรมนวัตกรรม (กระทรวงศึกษาธิการ, 2559) ดังนั้น ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นกลไกสำคัญและมีอิทธิพลสูงต่อ คุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้จากระบบการศึกษาประสิทธิผลของการบริหารและประสิทธิผลของสถานศึกษา นักวิชาการ หลายท่านมคี วามเห็นตรงกนั ว่าความสำเรจ็ หรอื ความล้มเหลวทางการศึกษานัน้ ส่วนหนง่ึ ข้นึ อยู่กบั ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน, 2560) ดังนัน้ ผูบ้ ริหารจงึ เป็นตวั แปรสำคญั ในดา้ นการจัดการศึกษาให้ มีคุณภาพผู้บริหารสถานศึกษายุคใหม่จึงต้องมีความรู้ ความสามารถ บทบาทหน้าที่ผู้บริหารยุคใหม่ประกอบด้วย บทบาทในฐานะผู้นำทางวิชาการ บทบาทในฐานะผู้รักษาระเบียบวินัย บทบาทในฐานะผู้ประเมิน บทบาทในการ ทบทวนนโยบาย บทบาทในการส่งเสริมการพัฒนาครู และบุคลากร บทบาทในการประชาสัมพันธ์ บทบาทในการ ประสานสมั พันธ์กบั ชุมชน (ชัยยนต์ เพาพาน, 2559) จากผลการดำเนินการจดั การศกึ ษามัธยมศึกษาตามประกาศทิศทางการพัฒนาคุณภาพการมัธยมศึกษายคุ ใหม่ (2553-2561) ดา้ นคุณภาพผู้เรยี น และดา้ นระบบการเรยี นรู้ แม้วา่ จะมโี รงเรยี นจำนวนหนง่ึ สามารถจัดการศึกษา ได้อย่างมีคุณภาพ นักเรียนมีศักยภาพและสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติเป็นที่ยอมรับของสังคมทั่วไป แต่เม่ือ ศึกษาและพิจารณาคุณภาพในภาพรวม พบวา่ คา่ เปา้ หมายการดำเนนิ การพฒั นาคณุ ภาพของโรงเรยี นมัธยมศึกษาส่วน ใหญ่มีผลการดำเนินการต่ำกว่าเกณฑ์และค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในประกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคุณภาพผู้เรียน (อนุพงษ์ ชุมแวงวาปี, 2560) ดังนั้น ผู้บริหารสถานศึกษาจึงจำเป็นต้องแสวงหาวิธีการพัฒนาครูให้มีความรู้ ความสามารถและความชำนาญในการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนเพื่อให้ครูมีการพัฒนาผู้เรียนด้วยสื่อ นวัตกรรมเทคนิควิธีการที่หลากหลายและสามารถพัฒนาผู้เรียนได้อย่างเต็มศักยภาพ (เสนาะ กุลสท้าน, 2557) ผู้บริหารสถานศึกษาที่สามารถใช้นวัตกรรม ในการนำองค์การอย่างมีประสิทธิภาพหรือเรียกว่า “ผู้นำเชิงนวัตกรรม (Innovative Leaders)” โดยจำเป็นต้องมีทักษะการคิดที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้ได้ส่ิงใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ ต่อการพัฒนาองค์การ (สุกัญญา แช่มช้อย, 2555) ผู้วิจัยในฐานะผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีภารกิจหลักในการจัด การศึกษาให้มีคุณภาพ และจากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องยังไม่พบว่ามกี ารศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบ ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขตตรวจราชการ ส่วนกลาง จากความสำคัญและปัญหาดังกล่าว การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา จึงมี ความสำคญั เปน็ อยา่ งมาก ผูว้ จิ ยั จึงมคี วามสนใจที่จะศกึ ษา เร่อื งการพฒั นารูปแบบภาวะผูน้ ำเชงิ นวตั กรรมของผบู้ รหิ าร สถานศึกษา สังกัดสำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขตตรวจราชการส่วนกลาง เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้บริหาร สถานศึกษาได้เข้าใจสามารถนำแนวทางไปใช้เป็นประโยชน์ในด้านการกำหนดนโยบาย การวางแผนการพัฒนาภาวะ ผ้นู ำเชงิ นวัตกรรมในการปฏิบัตงิ านของผบู้ ริหารในสถานศกึ ษาไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพต่อไป วตั ถปุ ระสงคก์ ารวิจัย หนา้ 336

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอื่ การเปลย่ี นผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 1. เพื่อศึกษาภาวะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรมของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา สังกัดสำนกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษา มัธยมศกึ ษา เขตตรวจราชการสว่ นกลาง 2. เพอ่ื หารูปแบบภาวะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรมของผูบ้ ริหารสถานศึกษา สงั กัดสำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษา มัธยมศกึ ษา เขตตรวจราชการสว่ นกลาง วิธดี ำเนนิ การวจิ ัย ขอบเขตของการวจิ ยั 1. ขอบเขตดา้ นเน้ือหา 1.1 องค์ประกอบของภาวะผ้นู ำเชงิ นวตั กรรม ผูว้ ิจัยได้ศึกษาภาวะผูน้ ำเชงิ นวัตกรรมจากแนวคดิ ของ นักวชิ าการนกั การศึกษา และงานวิจยั ท่เี กยี่ วขอ้ งดังนี้ Dave (2009); George (2012); Grady & Malloch (2010); Horth & Vehar (2012); Lindegard (2009); McMillan (2010); Miller (2012); Patel (2012);Pollock (2008); Roscorla (2010); Sen & Eren (2012); Volk (2012); ฐติ นิ นั ท์ นันทะศรี, (2563); พทิ ักษ์ ทพิ ย์วารี (2558); ไพทรู ย์ สนิ ลารัตน์ (2555); อนสุ รณ์ นามประดิษฐ,์ ชชู พี พุทธประเสรฐิ , ยงยทุ ธ ยะบญุ ธง และมนตน์ ภสั มโนการ,์ (2562) และอรอนงค์ วัฒนโรจนไ์ พบลู ย์ (2553) จากการสังเคราะห์องค์ประกอบของนกั วชิ าการไดใ้ ช้เกณฑพ์ จิ ารณาคดั เลอื ก องค์ประกอบท่ีมคี วามถ่ีในระดบั สงู (ในท่นี ี้ความถตี่ ง้ั แต่ 50% ขนึ้ ไปจากขอ้ มูล 16 แหล่ง) ท่ีมีความสอดคลอ้ งกัน เพ่ือทจ่ี ะใชเ้ ป็นกรอบในการวจิ ัยในการศึกษาครงั้ นไี้ ด้ 6 องค์ประกอบ ไดแ้ ก่ 1. ความสามารถในการสรา้ งวิสยั ทัศนส์ ู่การเปล่ียนแปลง 2. ความสามารถในการบริหารความเสยี่ ง 3. ความสามารถในการสรา้ งทมี งานร่วมกับบคุ ลากรท้งั ภายในและภายนอกองคก์ ร 4. ความสามารถในการสรา้ งแรงจูงใจ 5. ความสามารถในการสรา้ งบรรยากาศองคก์ ร 6. ความสามารถในการสง่ เสริมความคดิ สรา้ งสรรค์ 1.2 การพัฒนารปู แบบตามแนวคิดของ Keeves (1988) และแนวทางการประเมนิ รปู แบบจากแนวคิดของ Maduas & Stufflebeam (1983) ประกอบด้วย 1. การศกึ ษาองคค์ วามรทู้ ่ีเกยี่ วข้อง กำหนดหลกั การและองคป์ ระกอบของรูปแบบภาวะผูน้ ำเชงิ นวตั กรรม 2. การรา่ งรปู แบบภาวะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรม สงั กดั สำนกั งานเขตพ้นื ทมี่ ธั ยมศกึ ษาการศึกษา เขตตรวจ ราชการส่วนกลาง 3. การประเมินความเหมาะสมและความเปน็ ไปไดพ้ รอ้ มปรบั ปรุงรปู แบบภาวะผนู้ ำเชงิ นวัตกรรม สังกดั สำนกั งานเขตพ้นื ท่มี ธั ยมการศึกษา เขตตรวจราชการส่วนกลาง ตามคำแนะนำของผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ หน้า 337

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งท่ี 5 “นวัตกรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นส่ปู กตวิ ิถใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) 2. ขอบเขตด้านประชากร ประกอบด้วย 2.1 กลุม่ ประชากรผใู้ ห้ขอ้ มูล ไดแ้ ก่ 2.1.1 ผู้บริหารโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา จำนวน 119 คน 2.1.2 รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น จำนวน 407 คน 2.1.3 ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 119 คน 2.1.4 ครูผรู้ ับผิดชอบดา้ นการพฒั นานวตั กรรมของโรงเรียนมัธยมศกึ ษา จำนวน 119 โรงเรียน รวมประชากรที่ใชใ้ นการวิจยั ทงั้ หมด 764 คน ใช้วธิ กี ารสุ่มตวั กลุม่ อย่างแบบงา่ ย (Simple Random Sampling) จากตาราง Krejcie and Morgan จำนวน 255 คน 2.2 กลุ่มผทู้ รงคุณวุฒทิ เี่ ปน็ ผปู้ ระเมินและตรวจสอบความถกู ต้องของกรอบแนวคิดการวจิ ยั และรปู แบบ ภาวะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรมซ่งึ แบง่ เปน็ 2 กล่มุ คือ 2.2.1 ผทู้ รงคณุ วฒุ ิทมี่ ีประสบการณ์ ประกอบด้วย 1.1 นกั วชิ าการ เปน็ ผ้ทู มี่ คี วามรู้ ดา้ นบริหารการศกึ ษาหรอื การพฒั นานวัตกรรมทางการศกึ ษาระยะเวลาไมน่ ้อยกวา่ 5 ปี วฒุ กิ ารศึกษาระดับปรญิ ญา เอกหรือมตี ำแหน่งทางวชิ าการไม่ต่ำกวา่ รองศาสตราจารย์ 1.2 นกั ปฏบิ ตั กิ ารหรือผูบ้ ริหารโรงเรยี นท่มี ปี ระสบการณ์การบรหิ ารไม่นอ้ ยกว่า 5 ปี มีวทิ ยฐานะไม่ต่ำ กว่าเชีย่ วชาญหรอื มีวฒุ กิ ารศึกษาไม่ตำ่ กวา่ ปรญิ ญาเอก 2.2.2. ผู้บริหารโรงเรียนดีเด่น ที่มีการดำเนินงานด้านนวัตกรรมหรือมีแนวการปฏิบัติที่เป็นเลิศ ( Best Practice) ทางด้านการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา เพื่อศึกษาด้วยวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ หรือได้รางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) หรือโรงเรียนที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมระดับชาติ จำนวน 3 คนแบ่งเป็น โรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึง่ ไดม้ าโดยการเลือกแบบเจาะจง 4. ขอบเขตดา้ นเวลา ปีการศึกษา 2564 - 2565 ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากการวิจยั 1. ได้รูปแบบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษา นำไปใชใ้ นการพฒั นาภาวะผ้นู ำใหก้ บั ผู้บริหารสถานศึกษา และผูท้ ่เี กีย่ วขอ้ งทางการศกึ ษา 2. ได้แนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหาร สามารถนำไปใช้พัฒนาผู้บริหาร สถานศึกษาตามบริบททเ่ี หมาะสมกับการเปลย่ี นแปลงในอนาคตของผู้บรหิ ารเชงิ นวตั กรรม หนา้ 338

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นส่ปู กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) องคป์ ระกอบภาวะผนู้ ำเชิงนวตั กรรม ผ้วู จิ ัยได้ศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วข้องกบั องคป์ ระกอบภาวะผนู้ ำเชงิ นวัตกรรมเพอื่ นำมาสังเคราะห์ เป็นกรอบแนวคิดการวจิ ยั ดงั น้ี George (2012) กล่าวไว้ว่า การสร้างนวัตกรรม ผู้นำเชิงนวัตกรรมทั้งหลายจะผ่านทั้งความล้มเหลวและ ความสำเรจ็ ลกั ษณะผู้นำเชงิ นวตั กรรมท่ีจะนำความย่ังยืนมาสอู่ งคก์ ารจะต้องมลี ักษณะ 5 ประการ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ความมงุ่ มน่ั ในการสรา้ งนวตั กรรม คอื ผนู้ ำจะต้องไมช่ ่ืนชมเพียงผลประโยชนจ์ ากนวัตกรรม ผ้นู ำควรจะ ทำใหเ้ ปน็ วัฒนธรรมขององค์การและเป็นกลยทุ ธข์ องการเจริญเติบโตขององคก์ าร 2. มุมมองระยะยาวในการวางแผนการทำงาน การสรา้ งนวัตกรรมอาจจะไม่ได้ผลในระยะสนั้ ดงั นนั้ ผนู้ ำจงึ ตอ้ งมีมมุ มองทย่ี าวไกลให้ความสนับสนนุ ทั้งระยะสนั้ และระยะยาว 3. ความกลา้ หาญท่จี ะไม่กลัวความลม้ เหลวแตจ่ ะเรยี นรูจ้ ากความล้มเหลวเพื่อการทำงานทดี่ ีขน้ึ ความเสี่ยง จากการสร้างนวัตกรรมเปน็ สิ่งทหี่ ลกี เลยี่ งไดย้ าก ผนู้ ำจะต้องเรยี นรูเ้ พอ่ื การทำงานทดี่ ขี ้ึน 4. การมสี ว่ นร่วมในนวตั กรรมอยา่ งเขม้ ขน้ ผนู้ ำนวตั กรรมจะตอ้ งมีสว่ นร่วมอยา่ งมากกับทีมงาน โดยการต้งั คำถามการให้ข้อมลู รายละเอียดเกย่ี วกับปญั หาที่เกดิ ข้นึ และกำลังมองหาวธิ กี ารท่จี ะทำโครงการขยายผลกระทบของ การสร้างนวตั กรรม 5. ความอดทนต่อผูท้ ี่มีความคดิ เหน็ แตกต่างจากผบู้ รหิ าร คอื เห็นความแตกตา่ งในองค์การและวิธสี ร้าง กฎเกณฑท์ ี่เหมาะสมไม่ขน้ึ อยูก่ บั การบรหิ ารแบบเดมิ Horth & Vehar (2012) กลา่ วถงึ ผนู้ ำเชงิ นวตั กรรมเนน้ การทำงานทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ 3 แบบ ทสี่ ำคญั ไดแ้ ก่ 1. การเน้นเครอื่ งมอื ในการทำงาน (Toolset) 2. ความสามารถเฉพาะตวั และทกั ษะในการทำงาน (Skillset) 3. ความเชือ่ ท่มี ีผลตอ่ พฤตกิ รรม (Mindset) ดงั รายละเอียดต่อไปนี้ 1. การเน้นเครือ่ งมือในการทำงาน (Toolset) การรวบรวมเครื่องมอื และเทคนคิ ที่ใชส้ ร้างตัวเลือกใหม่ ในองค์กรเพ่ือสื่อสารทิศทางสร้างแนวร่วมและความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมในประสบการณ์ของคนส่วนใหญ่มี ความสนใจในการสง่ เสริมนวัตกรรมเคร่ืองมือทมี่ ปี ระสิทธภิ าพสามารถเป็นส่วนหนง่ึ ที่สำคญั ของการผลักดินนวัตกรรม ในองค์กร เครอ่ื งมอื และเทคนคิ ทไี่ ด้คดั มาเช่อื ว่าจะเป็นประโยชน์อยา่ งยง่ิ ต่อองคก์ รท่ีจะสร้างนวัตกรรม มีองคป์ ระกอบ ดังนี้ 1.1 สร้างต้นแบบ (Prototyping) เป็นการขับเคลื่อนความคิดนวัตกรรม การสร้างต้นแบบง่ายๆ เป็น ยานพาหนะสำหรับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องขณะที่มันเคลื่อนที่ องค์การก็จะมีต้นแบบเพิ่มขึ้นต่อผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป หรือบริการทม่ี กี ารลงทุนทเ่ี พิ่มข้ึน 1.2 การระดมสมอง (Brainstorming) เป็นเทคนิคนวัตกรรมทีร่ ูจ้ กั กันดีที่สุดและเขา้ ใจผิดมากทีส่ ุด คือการ ระดมความคิด ใช้กระบวนการคิดที่มีโครงสร้างที่สร้างการระดมความคิดต้องอำนวยความสะดวกที่จะนำไปสู่ หนา้ 339

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสู่ปกตวิ ถิ ใี หม่” 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) กระบวนการคิดและเพื่อให้กลุ่มรับผิดชอบต่อชุดเฉพาะแนวทางอำนวยความสะดวกในการระดมความคิดที่มี ประสิทธิภาพสลับกันระหว่างการสะทอ้ นของแตล่ ะบุคคลลาการสนทนากลุม่ เพื่อให้แน่ใจว่ามีความสมดุลท่ีเหมาะสมมี การสะท้อนให้เห็นถึงความคิดและความเข้าใจในทางที่กลุ่มสามารถสร้างความคิดที่มีมากขึ้นกว่าผลรวมของส่วนของ พวกเขา 1.3. แผนทีค่ วามคิด (Mind Mapping) เคร่ืองมอื นวตั กรรมคลาสสิกอกี คือ ทำแผนทค่ี วามคิด แทนทีจ่ ะจบั กระแสเชิงเส้นของคำบุคคลหรอื กลมุ่ จับขอ้ มูลความท้าทายความคดิ การแก้ปญั หาข้นั ตอนการดำเนินงาน ฯลฯ 1.4. วางกรอบการเปลี่ยนแปลงใหม่ (Reframing the Challenge) การวางกรอบใหม่เป็นนวัตกรรมที่ สำคัญทักษะความเป็นผู้นำ เครื่องมือมากมายที่มีอยู่สำหรับคำตอบในแต่ละคำสั่งการวางกรอบใหม่ด้วยการทำซ้ำที่ นำไปสู่ขั้นตอนอ่ืนๆ ท่เี ปน็ รูปธรรมและดำเนินการแต่ละกรอบ 2. ความสามารถเฉพาะตัวและทักษะในการทำงาน (Skillset) ทักษะที่ช่วยให้ผู้นำนวัตกรรมเพื่อใช้ ความรู้ความสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายของพวกเขา นอกจากเคร่ืองมอื และเทคนคิ จะต้องมีสถานที่ฝึกซอ้ ม และการ เรียนรู้ของกระบวนการสร้างทิศทาง การจัดตำแหน่งที่ใช้ร่วมกันและความมุ่งมั่นของทุกคน บทบาททักษะความเป็น ผู้นำนวัตกรรมท่เี ฉพาะเจาะจงจะเรยี กว่าเขา้ สู่การเลน่ ในแตล่ ะระดบั ได้แก่ 2.1 บคุ ลิกภาพ (Personalizing) เปน็ เรอ่ื งเกี่ยวกบั การนำของบคุ คล และการกระตุ้นให้บุคคลไปสู่การ ทำเช่นเดียวกัน มันเป็นเรื่องของความผูกพันและความรัก เรารู้จากการทำงานของ Teresa, (1983) กล่าวว่าคนจะมี ความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดเมื่อพวกเขามีแรงจูงใจในเบื้องต้น โดยการทำงานของตัวเองและไม่ได้ผ่านผลตอบแทน ภายนอก กล่าวคือ พวกเขามีแรงจูงใจภายในและมีความชื่นชอบสำหรับการทำงานที่พวกเขาทำ ท้ายที่สุดก็คือ การ กำหนดเกยี่ วกบั การสร้างพลังท่ีนำไปส่คู วามม่งุ มั่นรว่ มกนั ทม่ี คี วามเปน็ บคุ ลิกภาพ เพอ่ื ให้การเปน็ ผนู้ ำนวตั กรรม 2.2. มโนภาพ (Imaging) เป็นเรอื่ งเกีย่ วกับการใชค้ ำอปุ มา, ภาพวาด, บทกวีและเครื่องมืออื่นๆ ท่ีจะมี สว่ นรว่ มความคิดสร้างสรรคแ์ ละได้รบั มุมมองใหมแ่ ละความท้าทายทีว่ างไว้ 2.3) สอบถามความร่วมมือ (Collaborative Inquiry) เป็นหัวใจสำคัญของการเป็นผู้นำนวัตกรรม เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในการเจรจาเพื่อสร้างทิศทางที่ใช้ร่วมกัน การจัดตำแหน่งและความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อน นวตั กรรมวิถีใหป้ ระสบความสำเรจ็ 3. ความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรม (Mindset) จะช่วยให้เครื่องมือและทักษะท่ีมีประสทิ ธภิ าพ ความคิด เป็นระบบปฏิบัติการพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์และแตกต่างจากผู้นำ คนเหล่านั้นจะช่วยให้เกิดความคิด สร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรมประกอบดว้ ย 3.1. ความอยากรู้ (Curiosity) ความอยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งที่บังคับสมองในการใช้ข้อมูลสร้างความ เชื่อมต่อใหม่ โดยการเรยี งลำดับการจัดหมวดหม่ทู ่ีเกี่ยวข้องใชป้ ระโยชน์และการรวมกนั เป็นสง่ิ ใหม่กับส่ิงที่มีอยู่แล้วใน ปัจจบุ ัน การเช่อื มตอ่ ระบบประสาท กระตนุ้ ความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละนำไปส่กู ารสร้างสรรค์นวัตกรรม หน้า 340

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 3.2. ใส่ใจ (Paying Attention) คอื การเอาใจใส่มองทิศทางทัง้ มองข้นึ ไปขา้ งบนขององค์กรหรือมองลง ไปขา้ งล่างขององคก์ าร สามารถช่วยใหค้ ณุ สังเกตเหน็ บางสิง่ บางอยา่ งเก่ียวกบั ความทา้ ทายทซี่ ับซ้อนหรือโอกาส สำหรับนวตั กรรม 3.3. ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) วิธีการที่ลูกค้าเป็นศูนย์กลางเรามองหาผ่านสายตา ของลูกค้า โดยการสร้างโอกาสในการปรับตัวเข้ากับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่หรือบริการที่จะสร้างความคิดใหม่ของลูกค้าเปน็ ศนู ยก์ ลาง และความเชือ่ วา่ เปน็ ความคิดของผูน้ ำ จำเป็นต้องพัฒนาตามทพี่ วกเขาแสวงหา 3.4. พิพากษายืนยัน (Affirmative Judgment) คือแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะแสดงออกโดยการบอก คน สงิ่ ที่พวกเขาไมช่ อบหรือสิง่ ที่ไมส่ ามารถทำงานได้ เป็นผูน้ ำทีใ่ ชใ้ นงานที่ยากลำบากมากข้นึ ในการใหค้ นรู้วา่ ส่งิ ทพ่ี วก เขาต้องการสละเวลาในการชี้ให้เห็นจุดแข็งและค่าของโซลูชั่นใหม่ช่วยให้ทีมงานรู้ว่าพวกเขาสร้างสิ่งที่ใหม่และมี ประโยชน์ พวกเขารักษาคณุ สมบัตทิ ่มี ีคณุ คา่ มากทสี่ ุดเป็นความคิดที่วิวฒั นาการ การตดั สินใจยนื ยันวา่ ยงั มกี ารรับรแู้ ละ ส่งเสริมความรู้สึกของความสำเร็จและความคืบหนา้ 3.5 ความอดทนสำหรับความกำกวม (Tolerance for Ambiguity) ความคิดสร้างสรรค์นักวิจัยผู้ บุกเบิก Torrance (1979) อธิบาย “ความอดทนสำหรับความกำกวม” เป็นรากฐานของความคิดสร้างสรรค์ที่นำไปสู่ นวัตกรรม ยังคลุมเครือจะอึดอัดและความท้าทาย มันอาจเป็นสัญญาณของการไม่กล้าตัดสินใจหรือการขาดของ ความสำเร็จ เคล็ดลับคือการรักษาความสมดุลของความต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้ากับความต้องการที่จะถือตัวเอง จากความเป็นไปไดท้ ีเ่ พ่ิมข้นึ Miller (2012) ไดศ้ กึ ษาการจดั การนวตั กรรมองคก์ ารในมุมมองของผู้นำทเ่ี นน้ นวตั กรรม (Innovative Leadership) พบวา่ มีการดำเนนิ งานในประเด็นตอ่ ไปนี้ 1. การสร้างแรงจูงใจของผู้บริหาร (Excusive Motivation) ซึ่งประกอบด้วย ความตระหนักถึง ความก้าวหน้าและการเติบโตในการทำงานของบุคลากร ความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริงและความรู้สึกรับผิดชอบต่อ ความก้าวหน้าและการเติบโตในการทำงานของบุคลากร ความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริงและความรู้สึกรับผิดชอบต่อ ความก้าวหน้าในการพัฒนานวตั กรรมและสง่ ผลตอ่ สถานะองค์การ 2. การสร้างแรงจูงใจสำหรับบุคลากร ประกอบด้วย การส่งเสริมนวัตกรรมที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่หรอื การปรบั ปรุงงานท่ีรับผิดชอบ การสง่ เสริมการทำงานเป็นทมี และการสร้างทมี เฉพาะกจิ สำหรับสงิ่ ใหมๆ่ 3. การให้โอกาสบุคลากรแสดงความสามารถอย่างสร้างสรรค์ และการให้โอกาสเข้าร่วมประชุมวิชาการ เสวนาทางวิชาการหรอื นำเสนอผลงานเพอื่ ใหเ้ กิดแนวคิดใหม่ๆ อยา่ งต่อเนื่องในการพัฒนานวัตกรรม Patel (2012) ไดเ้ สนอเก่ยี วกับการเปน็ ผูน้ ำเชงิ นวตั กรรมไว้ดงั นี้ 1. มคี วามตระหนักถึงรปู แบบ คอื ความสามารถทีเ่ ห็นภาพการเช่อื มตอ่ ผา่ นขอ้ มลู และมคี วามคดิ เปน็ รูปแบบและมกี ารผสมผสานขอ้ มูลจากแหล่งอา้ งอิงทแี่ ตกตา่ งกนั หนา้ 341

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังท่ี 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ียนผา่ นสู่ปกติวถิ ใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 2. มีวิสัยทศั น์และความสามารถในการมองอนาคต และคาดการณ์ไว้อย่างรอบคอบ รอบดา้ นและเป็น ขนั้ ตอน 3. สามารถต้งั คำถามเพอ่ื กระตนุ้ ใหผ้ รู้ ว่ มงานคิดเพื่อหาคำตอบทเี่ หมาะสม 4. มกี ารเรยี นรู้อยา่ งตอ่ เน่ือง ศึกษาคน้ คว้าตลอดเวลาในการปรับปรุงและพฒั นางาน และสรา้ งวฒั นธรรมที่ เอื้อตอ่ การเรียนรสู้ งิ่ ใหมๆ่ 5. ยอมรบั ความผิดพลาดและนำมาปรบั ปรงุ งานใหมด่ ว้ ยการทดลองอย่างตอ่ เน่ือง 6. การตดั สินใจเลอื กแนวทางปฏิบตั ิหรอื ทรัพยากรในการปฏิบตั งิ านอยา่ งรอบคอบ 7. สร้างเครอื ข่ายโดยผูน้ ำนวัตกรรมตอ้ งเหน็ คณุ คา่ และสามารถสร้างเครือข่ายรว่ มมอื กบั หน่วยงาน/บคุ คล เพื่อแลกเปล่ียนประสบการณท์ แ่ี ตกตา่ งกันในการสรา้ งความคดิ สรา้ งสรรค์ตลอดเวลา 8. มคี วามเพียร คอื การติดตามอย่างไม่ยอมลดละแม้งานจะล้มเหลวหรือประสบปญั หากต็ อ้ งพยายาม ทดลองใหมอ่ กี ครงั้ จนประสบผลสำเร็จ 9. ประสานงานเพ่อื สร้างความไวว้ างใจในหมคู่ ณะทงั้ ในระดบั แนวราบและแนวดง่ิ 10. มองโลกในแงด่ ี มองทุกสิง่ ทกุ อย่างในแง่บวกเสมอ มองว่าทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งทท่ี ำ มคี วามเปน็ ไปไดเ้ สมอ Sen and Eren (2012) ทำการศึกษา ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมในศตวรรษที่ 21โดยใช้แนวคิดทฤษฎีภาวะ ผู้นำการเปล่ียนแปลง (Transformational Leadership) ภาวะผู้นำบารมี (Charismatic Leadership) ภาวะผู้นำดว้ ย ตนเอง (Self Leadership) ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (Visionary Leadership) และภาวะผู้นำแบบประชาธิปไตย (Democratic Leadership) กล่าวถงึ กลยทุ ธส์ ูค่ วามสำเร็จของภาวะผู้นำเชงิ นวตั กรรม ประกอบด้วย 3 ปจั จัย ได้แก่ 1. ความรู้ (knowledge) หมายถึง ผู้นำเชิงนวัตกรรมจะต้องใช้ความรู้พื้นฐาน เรื่อง คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง ประวัติศาสตร์และภาษา และมีความรู้ในเรื่องเทคนิควิธีการ เทคโนโลยี กระบวนการ และ กฎระเบยี บ การใหค้ วามรู้และคำแนะนำท่ดี ีกับผปู้ ฏบิ ัตงิ านเขา้ ใจและตระหนกั ถึงปัญหาของผู้ปฏิบัตงิ านและหาวิธีการ ในการจดั การกับปัญหาให้สำเรจ็ 2. ความสามารถ ทกั ษะและการให้คณุ คา่ (Talents, Skills, and Values) 2.1 ด้านความสามารถ หมายถึง ผู้นำเชิงนวัตกรรมจะต้องมีกลยุทธ์ความสามารถในการแข่งขัน (Competitive advantages) โดยการคิดวิเคราะห์สถานการณ์ ปัจจัยทั้งภายในและภายนอกองค์กร ((Analyzing external and internal conditions) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม การมองเห็นอนาคต ภาพในการพัฒนาภาวะผู้นำ (Seeing the future Bette) หรือมีความสามารถตั้งแต่กำเนิด แต่ได้รับการพัฒนาผ่าน การเรยี นรู้ การกระทำ และการทำซ้ำอย่างตอ่ เนือ่ ง 2.2 ดา้ นทกั ษะ หมายถึง ผูน้ ำเชิงนวตั กรรมจะต้องมีทักษะ กลยุทธ์ในการพฒั นาอยา่ งไรใหด้ ีขน้ึ กว่าเดมิ เพื่อลดระยะเวลาในการทำงาน เพิ่มคุณภาพและลดความเสี่ยงจากการปฏิบัติงาน เป็นทักษะที่จำเป็นต้องได้รับการ พัฒนาผ่านกระบวนการการเรยี นร้ขู ององค์กรและสามารถใชค้ วามรู้ทฝ่ี ังลกึ (Tacit Knowledge) คดิ สรา้ งวิธกี ารใหม่ๆ หนา้ 342

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 2.3 ด้านการให้คุณค่า หมายถึง การที่ผู้นำเชิงนวัตกรรมให้ความสำคัญกับการใช้เหตุผล เชื่อใน ศักยภาพ ให้ความสำคัญในการพฒั นาและแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ร่วมกนั การให้คำแนะนำและเสริมแรงจูงใจให้ประสบ ผลสำเร็จ บรรลวุ สิ ยั ทศั น์ และการใหค้ ุณคา่ กบั สง่ิ ใหมใ่ นองค์กร 3. แรงขับภายในตนเอง (Plowed) หมายถึง ผู้นำเชิงนวัตกรรมจะต้องมีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล มีความ ม่งุ ม่นั ตอ้ งการที่จะเปน็ ท่ีสดุ เป็นผนู้ ำทีย่ ิ่งใหญ่ มีแรงผลักดนั และแรงบันดาลใจจากความปรารถนาในวสิ ยั ทศั น์ Vlok (2012) ทำการศึกษาสมรรถนะภาวะผู้นำเชิงนวตั กรรม ในแอฟรกิ าใต้ โดยใชแ้ นวคิดการกำหนด สมรรถนะจากการเรยี นรู้ การทำงานและการพฒั นาสมรรถนะของ Idlers (2009) ใช้ระเบียบวธิ ีการวิจยั เชิงปริมาณจากการสังเคราะห์ งานวิจัย และเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์ ผลการศึกษาวิจัยในครั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบ โปรแกรมสำหรบั พฒั นาผนู้ ำเชงิ นวัตกรรม จากการรวบรวมสมรถนะภาวะผู้นำท่ัวไป 573 สมรรถนะ ไดส้ มรรถนะภาวะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรมทัง้ หมด 4 สมรรถนะหลกั จำนวน 20 สมรรถนะย่อย ดังน้ี 1. ด้านยุทธศาสตร์ (Strategist) ประกอบด้วย 6 สมรรถนะ ได้แก่ 1. การมีวิสัยทัศน์ 2. การเป็นผู้นำทาง ความคดิ การเปลย่ี นแปลง 3. ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ 4. ความสามารถในการตดั สินใจ 5. ความสามารถในการเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี และ 6. การแสดงออกถึงความสามารถและทักษะของผู้นำ 2. ความสามารถในการสรา้ ง (Capability builder) ประกอบดว้ ย 6 สมรรถนะ ได้แก่ 1.ความสามารถใน การบรหิ ารจัดการหว่ งโซข่ องนวตั กรรม 2.การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มในการสรา้ งนวัตกรรม 3.การสร้างกระบวนการการ เรยี นรู้และกระบวนการพฒั นา 4.การจดั การความรู้ 5.การสรา้ งทมี และการรักษาทมี ให้มปี ระสทิ ธภิ าพ และ 6.การ สรา้ งและรกั ษาสมั พนั ธภาพของเครือข่าย 3. ดา้ นการเปน็ ตัวกลางการสอื่ สาร (Matchmaker) ประกอบดว้ ย 4 สมรรถนะ ได้แก่ 1.เข้าใจเก่ียวกับ บรบิ ทสง่ิ แวดลอ้ ม 2.การประยุกต์ใช้แนวคิดผปู้ ระกอบการ 3.การสือ่ สารท่ีชัดเจนและน่าสนใจ และ 4.การยอมรับ อิทธิพลจากสภาพแวดล้อมภายนอกองค์กร 4. ดา้ นผลสำเร็จ (Achiever) ประกอบด้วย 4 สมรรถนะ ได้แก่ 1.ความสามารถในการสรา้ งแรงจูงใจให้ ผ้อู ่ืนเกิดการปฏบิ ตั งิ านทด่ี ี 2.การสรา้ งวฒั นธรรมที่มีประสทิ ธิภาพการทำงานสงู 3.การบริหารจดั การผลลพั ธจ์ ากการ ปฏิบัติงานของบุคคลและกลุ่ม และ 4.ความสามารถในการบรรลุผลสำเรจ็ ฐติ นิ ันท์ นันทะศรี (2563) ไดก้ ลา่ ววา่ ภาวะผ้นู ำเชิงนวตั กรรมของผู้บริหารสถานศกึ ษา สงั กดั สำนักงานเขต พ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ประกอบดว้ ย 5 องค์ประกอบดังนี้ 1.การมวี ิสัยทัศน์เชิง นวตั กรรม 2.การทำงานเป็นทมี และการมสี ่วนรว่ มเชิงนวตั กรรม 3.การมีทักษะการคิดสร้างสรรคน์ วตั กรรม 4.การ แสดงบทบาทหน้าท่เี ชงิ นวตั กรรม 5.การมีบคุ ลกิ ภาพเชงิ นวตั กรรมสงั คม (Corporate Social Responsibility) และ การสรา้ งเครอื ข่ายและสายสมั พนั ธ์ หน้า 343

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งที่ 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปล่ยี นผา่ นสปู่ กติวถิ ใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) พทิ ักษ์ ทพิ ย์วารี (2558) ได้เสนอองค์ประกอบคณุ ลักษณะภาวะทางนวตั กรรมของผู้บริหารสถาบนั การพล ศกึ ษา มี 10 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.ความสามารถทางสงั คม บคุ ลิกภาพ และทกั ษะ 2.การเปน็ ผ้นู ำทีม 3.การเปน็ แบบอย่างที่ดี 4.เปน็ ผนู้ ำทางความคดิ 5.การสง่ เสริมการพัฒนา 6.ความไว้วางใจ 7.การสรา้ งบรรยากาศแห่งการเรยี นรู้ 8.การบริหาร 9.การสนับสนุน 10.การมสี ว่ นรว่ ม ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (2555) อธิบายลักษณะและบทบาทของผู้นำว่าจะมีแต่ความสามารถมีทักษะ มี พฤติกรรมที่เหมาะสม รู้จักสถานการณด์ ียงั ไม่พอเพียง แต่ต้องเป็นผู้นำทางการคิดดว้ ยการคิดเองหรือนำความคิดของ คนอื่นมาประยุกต์ใช้ พัฒนาให้เป็นของตนเองได้อย่างชัดเจน มีคุณค่าสะท้อนทิศทาง เป้าหมายและวิสัยทัศน์ของ องค์การอยา่ งชัดเจน ดังนั้นผู้บริหารการศึกษาควรเปลีย่ นกระแสการจัดการศึกษาใหม่ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และ เป็นไปในทิศทางที่ก่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติก่อให้เกิดรูปธรรมในการจัดการศึกษา และก่อให้เกิดผลผลิตอย่าง สร้างสรรค์หรือนวัตกรรมขึ้นในวงการศึกษา (Productive/Innovative Mind) ซึ่งผู้บริหารในยุคสังคมแห่งการเรียนรู้ ต้องมบี ทบาทในเร่อื งต่อไปนี้ 1. รู้จักและเข้าใจสภาพการณ์ขององคก์ าร 2. กำหนดวิสัยทัศน์ การกำหนดทศิ ทางและการดำเนินการ 3. สื่อสารแนวคดิ หรอื ทศิ ทางใหมใ่ หบ้ คุ ลากรเกดิ ความเชื่อมนั่ และศรทั ธา 4. สรา้ งทมี งานร่วมกับบคุ ลากรทงั้ ภายในและภายนอกองคก์ าร 5. การดำเนนิ งานในลักษณะกระจายอำนาจ โดยเริ่มใหส้ ำเร็จเล็กๆ ไปก่อน แต่อำนาจทกี่ ระจายออกไปนั้น ต้องสอดคลอ้ งกับการมองเห็นภาพใหมไ่ ด้พรอ้ มกัน 6. การสร้างขวัญและกำลังใจกบั ทกุ คน 7. การประเมินตรวจสอบ บันทกึ และเผยแพรส่ กู่ ารปรับปรงุ และพัฒนา อรอนงค์ โรจน์วัฒนบูลย์ (2553) ได้เสนอองคป์ ระกอบคุณลักษณะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรมประกอบดว้ ย องค์ประกอบที่สำคัญ 4 ดา้ น ดงั น้ี 1. ด้านบคุ ลิกภาพ ประกอบด้วย ความมีคุณธรรม (Integrity) ความกลา้ เสยี่ งและกลา้ เปลยี่ นแปลง (Risk Taker) การมจี ติ ใจกว้างเปน็ ผู้ฟงั ท่ดี ี (Opened Minded) มจี ิตวญิ ญาณผปู้ ระกอบการ (Entrepreneurial Instinct) การสร้างความทา้ ทาย (Challenge Rule and Past Practice) และเชื่อในสัญชาตญาณ (Intuition Minded) 2. ดา้ นทกั ษะ ประกอบด้วย การมีวสิ ัยทศั น์และเปน็ ผ้นู ำการเปลี่ยนแปลง (Visionary and Leading Change) การถา่ ยทอดความคิดสกู่ ารปฏบิ ัติ (Alignment and Execution) ความสามารถในการเรียนรู้ (Capacity to learn) สมรรถนะในการกระตนุ้ การสร้างนวัตกรรม (Encourage Innovation) ความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) การสร้างความไวว้ างใจ (Trusted Influence) การขบั เคลือ่ นผลลพั ธ์ (Drive result Outcomes) และการ แก้ไขปญั ญา (Problem Solving) หนา้ 344

การประชุมวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 5 “นวตั กรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปลีย่ นผา่ นส่ปู กติวถิ ีใหม”่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) 3. ด้านบทบาทหนา้ ที่ (Roles) ประกอบด้วยการเปน็ ผูน้ ำความคดิ (Idea Champion) เปน็ แบบอย่างที่ดี (Positive Role Model) การเปน็ ผนู้ ำทมี และการมสี ่วนร่วม (Team Leader and Participating) การสรา้ ง บรรยากาศองคก์ ารแห่งการเรยี นรู้ (Creating Learning Organization) การเปน็ ผู้อำนวยความสะดวด (Facilitator) และการใหร้ างวัลแกค่ วามสำเร็จ (Reward Success) 4. ด้านสังคม (Social Characteristic) ประกอบดว้ ยการจงู ใจผ้อู ื่น (Motivating Other) การสอื่ สารอยา่ ง มีประสทิ ธิภาพ Communication) การมวี ฒุ ิภาวะทางอารมณ์ (Emotion Intelligence) ความรับผิดชอบตอ่ อนุสรณ์ นามประดษิ ฐ,์ ชูชพี พทุ ธประเสรฐิ , ยงยทุ ธ ยะบญุ ธง และมนตน์ ภสั มโนการ์ (2562) ไดก้ ลา่ ววา่ องคป์ ระกอบภาวะผนู้ ำเชิงนวตั กรรม ประกอบดว้ ย 5 องคป์ ระกอบ 1. วิสัยทัศนแ์ ละกลยทุ ธเ์ ชงิ นวัตกรรม 2. ทกั ษะ การคิดเชงิ นวัตกรรม 3. การบรรยากาศแหง่ องค์การนวัตกรรม 4. การบรหิ ารความเสย่ี ง 5. การสรา้ งเครอื ขา่ ย ขั้นตอนการวจิ ยั การวิจัยครั้งนี้ใช้การวิจัยแบบผสมวิธี (Mixed Method) มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม ของผู้บริหาร การสร้างรูปแบบ และประเมินการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สำนกั งานพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขตตรวจราชการส่วนกลาง มีขั้นตอนการวจิ ยั 3 ข้นั ตอนดงั นี้ 1. การศึกษาสภาพปจั จบุ นั ของภาวะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรมของผู้บริหารสถานศกึ ษา สงั กดั สำนักงาน เขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขตตรวจราชการส่วนกลาง 2. การสร้างการพัฒนารูปแบบภาวะผนู้ ำเชงิ นวัตกรรมของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา สงั กัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขตตรวจราชการสว่ นกลาง 3. ขั้นประเมนิ การพัฒนารูปแบบภาวะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกดั สำนกั งานเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขตตรวจราชการส่วนกลาง การสร้างเคร่อื งมือการวิจยั 1. ศกึ ษาข้อมูลวรรณกรรมที่เก่ียวข้องเพอื่ กำหนดกรอบการศกึ ษาวิจยั รูปแบบภาวะผนู้ ำเชงิ นวัตกรรม 2. สร้างแบบสอบถามเพอ่ื ศกึ ษาสภาพปจั จุบนั ของภาวะผนู้ ำเชงิ นวัตกรรมของผู้บรหิ ารสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขตตรวจราชการสว่ นกลาง 3. สรา้ งแบบสมั ภาษณแ์ บบกึ่งโครงสร้าง เพ่ือนำไปสมั ภาษณ์และยนื ยนั องค์ประกอบภาวะผนู้ ำเชิง นวตั กรรม 4. สร้างแบบประเมินเพอื่ ยืนยนั ร่างรปู แบบการพฒั นาโดยผ้ทู รงคุณวุฒิ หนา้ 345

การประชมุ วิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั้ ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศกึ ษาเพอ่ื การเปลยี่ นผา่ นสปู่ กตวิ ถิ ใี หม่” 27 กุมภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) การหาคุณภาพเคร่ืองมอื มกี ารดำเนนิ การ ดงั น้ี 1. เสนอผู้ทรงคณุ วุฒิ เพอื่ ตรวจสอบความถูกตอ้ ง แล้วหาค่าดชั นีความสอดคล้องความเทีย่ งตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) โดยใหผ้ ู้เชย่ี วชาญ จำนวน 5 ทา่ น เปน็ ผู้ตรวจสอบคา่ ความสอดคล้อง ระหวา่ งขอ้ คำถามกบั วัตถุประสงค์ (Index of Item Objectives Congruence : IOC) เลือกเฉพาะขอ้ กระทงคำถามที่มีค่า 0.67-1.00 2. การตรวจสอบค่าความเชอ่ื มน่ั (Reliability) ของแบบสอบถามฯ โดย Tryout กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งทีไ่ ม่ใช่ กลมุ่ ประชากร จำนวน 30 คน เพ่ือวิเคราะห์หาคา่ ความเชื่อมนั่ (Reliability) ของแบบสอบถามทง้ั ฉบบั ดว้ ยวธิ ีการหา คา่ สัมประสทิ ธิ์แอลฟา (Alpha Coefficient) ของ (Cronbach, 1970) และปรับปรงุ ข้อกระทงคำถามตามคำแนะนำ ของผ้ทู รงคุณวุฒแิ ละอาจารยท์ ปี่ รกึ ษา 3. ผวู้ ิจยั นำแบบสอบถามที่ผา่ นกระบวนการดังกลา่ วฉบบั สมบูรณเ์ พ่อื นำไปใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูลจาก กลมุ่ ตัวอยา่ งใน 3 ขน้ั ตอนดงั นี้ 3.1 เก็บข้อมลู จากผู้ทรงคณุ วฒุ เิ พอ่ื ยนื ยนั องคป์ ระกอบภาวะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรม โดยใช้การสัมภาษณ์แบบกึ่ง โครงสรา้ ง 3.2 เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจากผู้บริหาร ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา ครูผู้รับผิดชอบด้าน นวัตกรรม เพื่อศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมที่ได้จากข้อ 3.1 โดยใช้แบบสอบถามแบบมาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดับ เก็บข้อมูลจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อยืนยันรูปแบบการพัฒนาองค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม โดยใชแ้ บบประเมนิ และการสนทนากลุ่ม (Focus Group) การจัดทำขอ้ มูลและการวิเคราะหข์ อ้ มลู มกี ารดำเนนิ การ ดังนี้ 1. วิเคราะห์ข้อมลู ในตอนที่ 1 ได้แก่ การวิเคราะหป์ จั จัยสว่ นบคุ คลของผตู้ อบแบบสอบถามใช้ ค่าแจกแจงความถี่และคา่ ร้อยละ 2. วิเคราะหข์ อ้ มลู ในตอนท่ี 2 ได้แก่ การวิเคราะหส์ ภาพภาวะผนู้ ำเชิงนวัตกรรมของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา สงั กดั สำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขตตรวจราชการสว่ นกลาง ใช้คา่ เฉลยี่ สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐานแลว้ นำค่าเฉลยี่ ไปเทยี บกบั เกณฑก์ ารประเมนิ สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมลู สถติ ิท่ใี ช้ ได้แก่ 1. ขอ้ มูลจากการสมั ภาษณผ์ ู้ทรงคณุ วฒุ ิโดยใช้การสัมภาษณก์ งึ่ โครงสรา้ ง การวิเคราะหเ์ ชิงเนอื้ หา 2. ข้อมลู ทไี่ ด้จากแบบสอบถามทีเ่ กบ็ จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 255 คน ใชส้ ถติ ิพื้นฐาน ได้แก่ คา่ รอ้ ยละ, ค่าเฉล่ยี 3. ขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากแบบประเมนิ ความเหมาะสมของรูปแบบภาวะผนู้ ำเชงิ นวัตกรรมของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา สังกัดสำนักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขตตรวจราชการสว่ นกลาง จากผทู้ รงคุณวฒุ ิ หน้า 346

การประชมุ วชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ที่ 5 “นวตั กรรมการจดั การศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสปู่ กตวิ ิถีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) ใชส้ ถิติพื้นฐาน ไดแ้ ก่ คา่ เฉลยี่ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน สำหรับการสนทนากลุ่มจะใชก้ ารวเิ คราะหเ์ ชิงเนื้อหา ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล จากการศกึ ษาวเิ คราะห์ทบทวนวรรณกรรมทเ่ี กย่ี วข้อง ผูว้ จิ ยั ไดส้ งั เคราะห์องค์ประกอบของภาวะผู้นำ เชิงนวัตกรรมของผูบ้ รหิ าร สงั กดั สำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขตตรวจราชการสว่ นกลาง ท่เี ป็นไปตาม วตั ถุประสงคก์ ารวจิ ยั ที่ตัง้ ไว้ ดังน้ี 1. องค์ประกอบภาวะผนู้ ำเชิงนวตั กรรมที่ได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประกอบดว้ ย 6 องคป์ ระกอบ ได้แก่ องคป์ ระกอบที่ 1 ความสามารถในการสร้างวิสยั ทัศนส์ กู่ ารเปลีย่ นแปลง 1.1 การกำหนดวสิ ยั ทัศน์ 1.2 การสรา้ งวสิ ัยทศั น์ 1.3 การปฏิบตั ติ ามวิสยั ทัศน์ 1.4 การเผยแพร่วสิ ัยทศั น์ 1.5 การเป็นแบบอยา่ งทดี่ ี องค์ประกอบที่ 2 ความสามารถในการบรหิ ารความเสี่ยง 2.1 การวิเคราะห์ความเสยี่ ง 2.2 การระบุความเสย่ี ง 2.3 การควบคมุ กจิ กรรมการปฏิบัติงาน 2.4 การติดตามประเมนิ ผล องค์ประกอบท่ี 3 ความสามารถในการสรา้ งทมี งานรว่ มกับบคุ ลากรทัง้ ภายในและภายนอกองคก์ ร 3.1 การกำหนดเป้าหมายรว่ มกัน 3.2 สร้างความไว้วางใจ 3.3 การตดิ ตอ่ สือ่ สารอย่างสรา้ งสรรค์ 3.4 การมสี ว่ นรว่ มในการดำเนนิ งาน องค์ประกอบท่ี 4 ความสามารถในการสรา้ งแรงจงู ใจ 4.1 สร้างแรงจูงใจ 4.2 สรา้ งความภาคภูมใิ จในการทำงาน 4.3 สนับสนนุ ให้บุคลากรแสวงหาความรทู้ ักษะใหม่ๆ จากแหลง่ เรยี นรู้ 4.4 ยกยอ่ งชมเชยใหร้ างวัล หนา้ 347

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอื่ การเปล่ยี นผา่ นสูป่ กตวิ ิถใี หม่” 27 กุมภาพนั ธ์ 2564 จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (สสอท.) องค์ประกอบที่ 5 ความสามารถในการสรา้ งบรรยากาศองค์กร 5.1 การให้ความสำคญั ต่อบุคคล เปดิ โอกาสให้มกี ารแลกเปลี่ยนความรขู้ อ้ มลู ขา่ วสาร 5.2 รบั ฟังความคดิ เหน็ ซึง่ กันและกนั ส่งเสริมการสรา้ งมติ รภาพ แบง่ ปนั ประสบการณ์ 5.3 ส่งเสริมการสร้างมิตรภาพ องค์ประกอบท่ี 6 ความสามารถในการสง่ เสริมความคดิ สร้างสรรค์ 6.1 มีความคดิ ริเรม่ิ 6.2 การมีความคดิ หลากหลายและยดื หยนุ่ 6.3 การมจี ินตนาทล่ี ึกซง้ึ 6.4 มคี วามคิดละเอยี ดลออ 2. รปู แบบภาวะผนู้ ำเชงิ นวัตกรรมของผ้บู ริหารสถานศึกษา จากการวเิ คราะห์สังเคราะห์ในข้อที่ 1 ผู้วิจัยได้ ร่างรูปแบบเพื่อการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มธั ยมศึกษา เขตตรวจราชการสว่ นกลาง เพือ่ เสนอผู้ทรงคุณวุฒิในการประเมินความเหมาะสม ขององค์ประกอบทั้ง 6 องค์ประกอบ โดย องค์ประกอบท่ี 1 ความสามารถในการสรา้ งวสิ ัยทัศนส์ ู่การเปล่ียนแปลง มีข้อย่อย 5 ขอ้ องค์ประกอบท่ี 2 ความสามารถในการบรหิ ารความเสีย่ ง มีข้อยอ่ ย 4 ข้อ องค์ประกอบที่ 3 ความสามารถในการสร้างทมี งานความสามารถการสรา้ งทมี งานรว่ มกบั บุคลากรท้ังภายใน และภายนอกองค์กร มีข้อย่อย 4 ข้อ องคป์ ระกอบท่ี 4 ความสามารถในการสร้างแรงจงู ใจ มขี ้อย่อย 3 ขอ้ องค์ประกอบที่ 5 ความสามารถในการสรา้ งบรรยากาศองคก์ ร มีขอ้ ย่อย 3 ข้อ องค์ประกอบที่ 6 ความสามารถในการสง่ เสรมิ ความคิดสรา้ งสรรค์ มขี ้อย่อย 4 ขอ้ สรปุ ผลการวิจัย รูปแบบการพฒั นาภาวะผนู้ ำเชงิ นวตั กรรมของผู้บรหิ ารสถานศึกษา สงั กดั สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขตตรวจราชการสว่ นกลาง ประกอบดว้ ย 6 องค์ประกอบ และขอ้ ยอ่ ยดังน้ี องค์ประกอบที่ 1 ความสามารถในการสร้างวสิ ยั ทศั นส์ กู่ ารเปลย่ี นแปลง มขี ้อยอ่ ย 5 ข้อ องคป์ ระกอบท่ี 2 ความสามารถในการบริหารความเสี่ยง มขี อ้ ยอ่ ย 4 ข้อ องค์ประกอบท่ี 3 ความสามารถในการสร้างทมี งานความสามารถการสร้างทีมงานร่วมกับบุคลากรทั้งภายใน และภายนอกองค์กร มขี ้อย่อย 4 ข้อ องค์ประกอบที่ 4 ความสามารถในการสร้างแรงจูงใจ มีขอ้ ย่อย 3 ขอ้ หน้า 348

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศกึ ษาเพอ่ื การเปลี่ยนผา่ นส่ปู กติวิถใี หม”่ 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) องคป์ ระกอบท่ี 5 ความสามารถในการสร้างบรรยากาศองค์กร มีขอ้ ยอ่ ย 3 ข้อ องคป์ ระกอบที่ 6 ความสามารถในการส่งเสรมิ ความคิดสรา้ งสรรค์ มีข้อยอ่ ย 4 ขอ้ ข้อเสนอแนะ การเป็นผู้บริหารที่มีความเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมที่มีความพร้อมในการนำองค์กร นำคน นำงาน ให้มีความ พร้อมไปสู่การเปลี่ยนแปลง สังคมไทยในทศวรรษหน้า และเป็นผู้ถึงพร้อมด้วย องค์ประกอบความเป็นผู้น ำเชิง นวัตกรรมในด้านต่าง ๆ คือ ความสามารถในการสร้างวิสัยทัศน์สู่การเปลี่ยนแปลง ความสามารถในการบริหารความ เสี่ยง ความสามารถในการสร้างทีมงานร่วมกับบุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร ความสามารถในการสร้าง แรงจูงใจ ความสามารถในการสร้างบรรยากาศองค์กร ความสามารถในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ซึ่ง องค์ประกอบคุณลักษณะของภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม หากองค์กรสามารถพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมให้มีองค์กร ครบทงั้ 6 ด้าน จะส่งผลให้เกดิ ผลลัพธ์นวัตกรรม ซึ่งเปน็ พื้นฐานการนำองคก์ ารไปสูค่ วามเปน็ องคก์ ารแห่งนวัตกรรมได้ ตอ่ ไปในอนาคต เอกสารอ้างอิง Vlok (2012) A leadership competency profile for innovation leaders in a science-based research and innovation organization in South Africa. Procedia - Social and Behavioral Sciences 41.Bardo, J.W., & Hartman, J.J, (1982). Urban sociology : A systematic introduction. New York : F.E.Peacock. Dave (2009) Characteristics of Innovative leaders. George (2012) “When openness to experience and conscientiousness are related to creative Behavior : An interactional approach.” Journal of Applied Psychology. Grady and Malloch (2010) Innovation Leadership : Creating the Landscape of Healthcare. Canada : Jones and Bartlett Publisher. Horth, D. M. & Vehar (2012) Innovative leadership : How to use innovation to lead effectively, work collaboratively and drive results. Retrieved December 11, 2014, from:http://www.ccl.org/wpcontent/uploads/2015/04/InnovationLeadership.pdf McMillan, M (2010) Testing for Competence rather than for Intelligence. American Psychologist. Miller, G., Klokgiers, M., & Deppen (2012) Unlocking reading comprehension with key science inquiry skills. Scope. Patel (2012) School drop-out : A public health approach for India. National Medical Journal of India. Pollock (2008) Human responses to Chronic illness: Physiologic and psychosocial adaptation Roscorla (2010) The 7 steps to Innovative leadership. หนา้ 349

การประชุมวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 5 “นวัตกรรมการจัดการศึกษาเพอ่ื การเปลีย่ นผา่ นสู่ปกตวิ ิถีใหม่” 27 กมุ ภาพันธ์ 2564 จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (สสอท.) Sen and Eren (2012) Innovation Leadership for the Twenty-first Century. Procedia-Social and Behavioral Sciences. ฐิตนิ นั ท์ นนั ทะศรี (2563) การพัฒนาตวั บง่ ชีภ้ าวะผนู้ ำเชงิ นวัตกรรมของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา สงั กัดสำนักงานเขต พ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ. (วิทยานพิ นธ์ปริญญาดุษฎบี ณั ฑิต. พทิ ักษ์ ทิพย์วารี (2558) รปู แบบการพฒั นาภาวะผู้นำทางนวตั กรรมสำหรับผบู้ ริหารสถาบันพลศึกษา. ปรญิ ญาศึกษา ดุษฎบี ณั ฑิต สงขลา, สงขลานครินทรม์ หาวทิ ยาลัย. ไพฑูรย์ สนิ ลารัตน์ (2555) คุณลกั ษณะของบุคคลทพ่ี ึงประสงค์ (4ร.). กรงุ เทพมหานคร, จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย อนุสรณ์ นามประดิษฐ,์ ชูชีพ พทุ ธประเสรฐิ , ยงยทุ ธ ยะบญุ ธง และมนต์นภสั มโนการ์ (2562) รปู แบบการพัฒนา ภาวะผนู้ ำเชงิ นวัตกรรมของผ้บู ริหารโรงเรยี นในเครือสารสาสน.์ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั อรอนงค์ โรจน์วัฒนบูลย์ (2554) การพฒั นาตัวแบบภาวะผู้นำเชงิ นวตั กรรม. (วิทยานพิ นธป์ รญิ ญา ดุษฎบี ณั ฑติ , สถาบนั บณั ฑติ พัฒนบรหิ ารศาสตร)์ หนา้ 350