Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนรวม

แผนรวม

Published by watcharaphongkiw, 2022-02-06 10:45:21

Description: แผนรวม

Search

Read the Text Version

ใบงานที่ 3.6 เรอ่ื ง การเขยี นสูตรเคมีแสดงพนั ธะโคเวเลนต์ คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้ ชอื่ สาร สตู รโมเลกลุ อะตอมองคป์ ระกอบ สตู รโครงสร้าง สูตรโครงสร้าง แบบจุด แบบเส้น คลอรนี คาร์บอนไดออกไซด์ นำ้ ไฮโดรเจนไซยาไนด์ เอทานอล มเี ทน กรดคาร์บอนกิ โบรอนไตรคลอไรด์ กรดแอซีติก

เฉลยใบงานท่ี 3.6 เรือ่ ง การเขยี นสตู รเคมแี สดงพนั ธะโคเวเลนต์ คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ี ชื่อสาร สตู รโมเลกลุ อะตอมองค์ประกอบ สตู รโครงสร้าง สูตรโครงสร้าง แบบจดุ แบบเสน้ คลอรีน Cl2 Cl 2 อะตอม คาร์บอนไดออกไซด์ CO2 H2O C 1 อะตอม น้ำ O 2 อะตอม ไฮโดรเจนไซยาไนด์ HCN H 2 อะตอม O 1 อะตอม เอทานอล C2H5OH H 1 อะตอม มเี ทน CH4 C 1 อะตอม N 1 อะตอม กรดคารบ์ อนิก H2CO3 C 2 อะตอม H 6 อะตอม โบรอนไตรคลอไรด์ BCl3 O 1 อะตอม C 1 อะตอม H 4 อะตอม C 1 อะตอม H 2 อะตอม O 3 อะตอม B 1อะตอม Cl 3 อะตอม กรดแอซีติก CH3COOH C 2 อะตอม H 4 อะตอม O 2 อะตอม

แบบประเมินผลงานผงั มโนทัศน์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี........................ สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้วันท่ี.......................เดือน..........................................พ.ศ.................................. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลำดับ ชือ่ – สกุล ความ ความถกู ต้อง ความคิด ความเป็น รวม ระดับ ท่ี สอดคลอ้ งกบั ของเนื้อหา สร้างสรรค์ ระเบยี บ (16) คณุ ภาพ จุดประสงค์ (4) (4) (4) (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชอ่ื ................................................ผปู้ ระเมิน (………………………………………………………………) ...................../..................../...................

เกณฑป์ ระเมินแผนภาพ ประเด็นทปี่ ระเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 1. ผลงานตรงกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานไม่สอดคลอ้ ง จดุ ประสงคท์ ี่ กำหนด จุดประสงคท์ กุ จุดประสงคเ์ ปน็ ส่วน จดุ ประสงคบ์ าง กับจุดประสงค์ ประเด็น ใหญ่ ประเดน็ 2. ผลงานมีความ เนอื้ หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เนอื้ หาสาระของ เน้ือหาสาระของ ถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้องเป็น ผลงานถกู ต้องเปน็ ผลงานไม่ถกู ต้องเปน็ ครบถ้วน สว่ นใหญ่ บางประเด็น ส่วนใหญ่ 3. ผลงานมคี วามคิด ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมแี นวคิด ผลงานมคี วาม ผลงานไมแ่ สดง แปลกใหม่แต่ยงั ไม่ สรา้ งสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นระบบ นา่ สนใจ แต่ยงั ไม่มี แนวคิดใหม่ แปลกใหม่และเป็น แนวคดิ แปลกใหม่ ระบบ 4. ผลงานมคี วาม ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานส่วนใหญม่ ี ผลงานมีความเปน็ ผลงานส่วนใหญ่ไม่ เปน็ ระเบยี บ ระเบียบแสดงออกถึง ความเปน็ ระเบียบแต่ ระเบยี บแตม่ ี เปน็ ระเบยี บและมี ความประณตี ยังมี ข้อบกพร่องบางส่วน ขอ้ บกพร่องมาก ขอ้ บกพร่องเลก็ นอ้ ย เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ

แบบประเมินการทำโจทยป์ ัญหา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่........................ วนั ท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. ลำดับที่ ช่อื – สกลุ คะแนน 1 4 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงช่อื ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../................... การใหค้ ะแนน/ระดับคะแนน ปรับปรุง (1) พอใช้ (2) ดี (3) ดีมาก (4) วิเคราะหโ์ จทยไ์ ด้ วเิ คราะห์โจทย์ และ วเิ คราะหโ์ จทย์ เลอื กใช้ วิเคราะห์โจทย์ เลือกใช้ ถกู ตอ้ ง วธิ ีการหาคำตอบ คำนวณ เลอื กใช้วธิ ีการหา วธิ ีการหาคำตอบ และ และสรปุ คำตอบได้ถกู ต้อง คำตอบได้ถูกตอ้ ง คำนวณได้ถูกต้อง

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่........................ วนั ที.่ ......................เดือน................................................พ.ศ.................................. การ การ ความ การมี แสดง การ ทำงาน ลำดบั ช่ือ–สกุล ความ มี ส่วนรว่ มใน รวม ท่ี คิดเห็น ยอมรับฟงั ตามที่ นำ้ ใจ การปรบั ปรุง (15) (3) คนอนื่ ไดร้ ับ (3) ผลงานกลมุ่ (3) มอบหมาย (3) (3) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชื่อ...........................................ผู้ประเมิน (…………………………………………………) ...................../..................../...................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่........................ สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรูว้ ันที่.......................เดือน................................................พ.ศ.................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลำดับ ชอื่ – สกลุ ความต้ังใจ ความสนใจ การตอบ มสี ว่ นรว่ ม รวม ระดบั ท่ี ในการ และการ คำถาม ใน (16) คุณภาพ เรยี น (4) ซักถาม (4) (4) กจิ กรรม (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชือ่ .............................................ผปู้ ระเมิน (………………………………………………………………) ...................../..................../...................

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมนิ 14-16 ดมี าก นกั เรียนท่ีไดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ นึ้ ไป ถอื ว่า ผา่ น 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ (Rubric) ประเด็นการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมนิ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ตอ้ งปรบั ปรงุ (1) 1. ความต้ังใจใน การเรยี น สนใจในการเรียนไม่คุย สนใจในการเรยี นคุย สนใจในการเรยี นคุย ไม่สนใจในการเรียน 2. ความสนใจ หรอื เล่นกนั ในขณะ กนั เลก็ นอ้ ยในขณะ กนั และเลน่ กัน คุยและเลน่ กัน และการซักถาม เรยี น เรยี น ในขณะเรียนเป็น ในขณะเรียน 3. การตอบ คำถาม บางคร้งั 4. มสี ่วนรว่ มใน มกี ารถามในหัวขอ้ ที่ตน มีการถามในหัวขอ้ ท่ี มกี ารถามในหัวขอ้ ที่ ไมถ่ ามในหัวข้อที่ กจิ กรรม ไม่เข้าใจทกุ เรอ่ื งและ ตนไม่เขา้ ใจเป็น ตนไมเ่ ข้าใจเปน็ ตนไมเ่ ขา้ ใจและไม่ กล้าแสดงออก สว่ นมากและกล้า บางคร้งั และไมค่ อ่ ย กล้าแสดงออก แสดงออก กลา้ แสดงออก รว่ มตอบคำถามในเรื่อง ร่วมตอบคำถามใน ร่วมตอบคำถามใน ไมต่ อบคำถาม ทีค่ รถู ามและตอบ เรือ่ งทีค่ รูถามและ เรื่องทค่ี รูถามเปน็ คำถามถูกทกุ ขอ้ ตอบคำถามสว่ นมาก บางคร้ังและตอบ ถกู คำถามถกู เปน็ บางครง้ั ร่วมมือและชว่ ยเหลอื รว่ มมือและช่วยเหลือ ร่วมมือและชว่ ยเหลือ ไม่มคี วามร่วมมือ เพอื่ นในการทำ เพอ่ื นเป็นส่วนใหญใ่ น เพ่อื นในการทำ ในขณะทำกิจกรรม กิจกรรม การทำกิจกรรม กจิ กรรมเปน็ บางครง้ั

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ภาคเรยี นที.่ .................ปีการศึกษา................. ชือ่ -สกุลนักเรียน...........................................................................ห้อง..............................เลขที่....................... คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี / ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน ค่าเฉลย่ี อนั พึงประสงค์ 3210 1.1 มีความรัก และภมู ิใจในความเป็นชาติ 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.2 ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ของศาสนา กษตั รยิ ์ 1.3 แสดงออกถึงความจงรักภกั ดีต่อสถาบัน พระมหากษตั ริย์ 2. ซอ่ื สตั ย์สุจรติ 1.3 ปฏบิ ตั ิตามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบ้าน 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเป็นจริงตอ่ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏิบัตติ รงตอ่ ความเป็นจริงตอ่ ผู้อนื่ 3. มีวนิ ัย 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แต่งกายเรยี บรอ้ ยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝ่หาความรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ ง ๆ 4.2 มกี ารจดบันทกึ ความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสง่ิ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด พอเพยี ง 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ุณค่า 6. ม่งุ ม่ัน 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ ในการทำงาน 6.1 มคี วามต้งั ใจ และพยายามในการทำงานทไ่ี ดร้ บั 7. รกั ความเปน็ มอบหมาย ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพอ่ื ให้งาน 8. มีจติ สำเร็จ สาธารณะ 7.1 มีจิตสำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญา ไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ ักการให้เพื่อส่วนรวม และเพอ่ื ผ้อู ่นื 8.2 แสดงออกถึงการมนี ำ้ ใจหรอื การใหค้ วามช่วยเหลือ ผอู้ น่ื 8.3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมบำเพญ็ ตนเพ่ือส่วนรวมเมื่อมี โอกาส รวมคะแนน ลงช่ือ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../...................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางครงั้ ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมทไ่ี ม่ไดป้ ฏิบัติ ให้ 0 คะแนน ระดบั คุณภาพ ระดบั คุณภาพ ดีเย่ยี ม - คะแนน 21 – 24 ระดับคุณภาพ ดี - คะแนน 20 – 22 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ - คะแนน 12 – 19 ระดับคณุ ภาพ ตอ้ งปรบั ปรงุ - คะแนน 0 – 11





แผนการจัดการเรียนรอู้ อนไลน์ที่ 24 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง พนั ธะเคมี เรอ่ื ง การเขยี นสูตรและเรยี กชื่อสารประกอบโคเวเลนต์ รายวชิ า เคมี 1 รหสั ว31223 เวลา 2 ชัว่ โมง ครูผสู้ อน นาย วชั รพงษ์ โสนทอง 1. ผลการเรยี นรู้ - เขียนสตู รและเรยี กชื่อสารโคเวเลนต์ 2. สาระการเรยี นรู้ - สูตรโมเลกุลของสารโคเวเลนต์ โดยทั่วไปเขียนแสดงด้วยสัญลักษณ์ของธาตุเรียงลำดับตามค่า อิเลก็ โทร- เนกาตวิ ติ ีจากน้อยไปมาก โดยมตี วั เลขแสดงจำนวนอะตอมของธาตทุ มี่ ีมากกวา่ 1 อะตอมในโมเลกุล - การเรียกช่อื สารโคเวเลนต์ทำได้โดยเรยี กชื่อธาตุท่ีอยู่หน้าก่อน แล้วตามด้วยช่อื ธาตุท่อี ยู่ถัดมา โดยมี คำนำหน้าระบจุ ำนวนอะตอมของธาตุทีเ่ ปน็ องค์ประกอบ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. อธิบายวธิ ีเขยี นสตู รและหลักการเรียกช่ือสารโคเวเลนตไ์ ด้ ดา้ นทกั ษะ (Process) 2. เขียนสตู รโมเลกุลและเรยี กช่อื สารโคเวเลนตไ์ ด้ ด้านเจตคติ (Affective) 3. ต้งั ใจเรยี นร้แู ละแสวงหาความรู้ 4. สาระสำคัญหรอื ความคิดรวบยอด สูตรโมเลกุลของสารโคเวเลนต์จะเขยี นแสดงด้วยสัญลกั ษณข์ องธาตุ และมตี ัวเลขแสดงจำนวนอะตอม ของธาตุท่ีมีมากกวา่ 1 อะตอม และการเรียกชอ่ื สารโคเวเลนต์ทำไดโ้ ดยเรียกชือ่ ธาตุทีอ่ ยหู่ น้ากอ่ นแล้วตามด้วย ช่อื ธาตุท่ีอยถู่ ัดมา และมคี ำนำหน้าระบุจำนวนอะตอมของธาตุ 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น  ความสามารถในการส่อื สาร  ความสารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  ความซ่ือสัตย์สุจริต  มวี ินยั ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ อยู่อย่างพอเพียง  มงุ่ มน่ั ในการทำงาน มจี ติ สาธารณะ  ใฝ่เรยี นรู้ รักความเปน็ ไทย 7. แนวความคดิ เพ่อื การเรยี นร้ใู นศตวรรษที่ 21  ทกั ษะด้านการเรยี นรแู้ ละนวัตกรรม  สาระวชิ าหลัก (Core Subjects) ทกั ษะด้านชีวติ และอาชพี  ทกั ษะด้านสารสนเทศ สือ่ และเทคโนโลยี 8. การบรู ณาการเรียนรู้ พระบรมราโชบายด้านการศกึ ษาของ ร.10  ดา้ นท่ี 1 มที ัศนคติท่ีถกู ตอ้ งตอ่ บ้านเมือง  ด้านที่ 2 มพี น้ื ฐานชวี ติ ท่มี ั่นคง มีคุณธรรม  ด้านท่ี 3 มงี านทำ มีอาชพี  ด้านท่ี 4 เปน็ พลเมืองดี หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักสตู รเขตพัฒนาเศรษฐกจิ พเิ ศษ (หลักสตู รทอ้ งถ่ิน) หลักสูตรต้านทุจริตศกึ ษา  สะเต็มศกึ ษา 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้ วธิ สี อน โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะความรู้ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) 1. ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. ครูทบทวนความรู้ในเรือ่ ง เวเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอนและค่าอิเล็กโทรเนกาตวิ ติ ี (EN) ของธาตุต่าง ๆ ในตารางธาตุ 2. ครูเปดิ วดิ โ๊ อจำลองเหตุการณก์ ระแสไฟฟ้าลดั วงจรจาก Youtube และถามคำถามนักเรียน ว่า ถ้ามีเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรภายในอาคาร อยากให้นักเรียนช่วยกนั หาถังดับเพลิงมาชว่ ยกัน ดับไฟ นกั เรียนคิดวา่ ถงั ดบั เพลงิ ท่ีนำมาใชน้ ้ันมีการบรรจแุ กส๊ ชนดิ ใดอยู่ (แนวคำตอบ : แกส๊ CO2 ซึง่ บรรจอุ ยูใ่ นถงั ดับเพลงิ ท่ีใชด้ ับเพลงิ ไหมท้ ่เี กิดจากไฟฟ้า ลดั วงจร)

3. ครูถามคำถามตอ่ ว่า แกส๊ CO2 ท่บี รรจอุ ยู่ในถังดบั เพลงิ น้ัน นกั เรียนจะทราบได้อย่างไรว่า ทำไมแกส๊ CO2 ถึงมสี ูตรโมเลกลุ แบบน้ี และทำไมถึงอ่านวา่ คารบ์ อนไดออกไซด์ (แนวคำตอบ : เรียกชื่อธาตุตามลำดับท่ีปรากฏในสูตรโมเลกุลโดยเปลี่ยนพยางค์ท้ายเป็น ไ-ด์ (-ide) และระบุจํานวนอะตอมของธาตุท่ีเป็นองค์ประกอบในโมเลกุล ด้วยคำในภาษากรีก) 2. ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนศึกษาเรื่อง การเขียนสูตรและเรียกชื่อสารประกอบโคเวเลนต์ จากหนังสือเรียน เคมี ม.4 เล่ม 1 หนา้ 113-114 2. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 3-4 คน โดยครูจะทำการแบ่งกลุ่มโดยคละเด็กให้มีทั้งเด็ก เกง่ ปานกลาง และอ่อน จากนั้นทำการแบง่ กลุ่มในการนำเสนองานจากเว็บสุ่ม 3. เมื่อนักเรียนรวมกลุ่มกันได้แล้ว ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันสรุป เรื่อง สูตรโมเลกุลและชื่อของ สารโคเวเลนต์ 4. นักเรียนนำเสนอผา่ น Google Meet โดยนกั เรยี นต้องสร้างผลงานถูกตอ้ งและนา่ สนใจ 5. ครูสรปุ หลกั การในการเขยี นสูตรโมเลกลุ ของสารประกอบโคเวเลนต์ ดงั นี้ • เขียนสัญลักษณ์ของธาตุที่มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตี (EN) ต่ำก่อน (H เขียนไว้หลัง ธาตุหมู่ 3A 4A และ 5A) • เขยี นอเิ ล็กตรอนทต่ี อ้ งใช้ในการสรา้ งพันธะบนสญั ลกั ษณ์ของธาตุนน้ั ๆ • นำตวั เลขดา้ นบนของธาตุมาไขว้ไวด้ ้านล่างของธาตุทเี่ กิดพันธะ ตัวอย่างเช่น 6. ครูสรุปหลักการในการเรยี กชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์ ดงั นี้ • ใหอ้ ่านจำนวนอะตอมของธาตุตวั แรกเปน็ ภาษากรีก (ถ้าอะตอมเท่ากับ 1 ไมต่ อ้ งอ่าน) • อา่ นชือ่ ธาตตุ ัวแรก • อ่านจำนวนอะตอมของธาตุที่ 2 เปน็ ภาษากรีก • อ่านชอื่ ธาตุท่ี 2 แลว้ เปล่ยี นท้ายเสียงเป็นไ-ด์ (-ide) 3. ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 1. ครตู ัง้ คำถามให้นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเร่อื ง การเขียนสูตรและเรียกช่ือสารประกอบโคเวเลนต์ เชน่ 1) จงเขียนสตู รของสารท่ีเกิดจากการรวมตวั ระหวา่ งอะตอมคูต่ ่อไปน้ี ก. Be กบั H ข. As กับ F ค. S กบั O ง. H กบั S จ. C กับ F ฉ. P กับ Br (แนวตอบ : ก. BeH2 ข. AsF5 ค. SO2 ง. H2S จ. CF4 ฉ. PBr3) 2) จงเรียกชื่อสารประกอบออกไซด์ของไนโตรเจนต่อไปนี้ NO NO2 N2O N2O3 N2O4 และ N2O5 (แนวตอบ : NO = ไนโตรเจนมอนอออกไซด์ หรอื ไนโตรเจนมอนอกไซด์ NO2 = ไนโตรเจนไดออกไซด์ N2O = ไดไนโตรเจนมอนอออกไซด์ หรอื ไดไนโตรเจนมอนอกไซด์ N2O3 = ไดไนโตรเจนไตรออกไซด์ N2O4 = ไดไนโตรเจนเตตระออกไซด์ หรอื ไดไนโตรเจนเตตรอกไซด์ N2O5 = ไดไนโตรเจนเพนตะออกไซด์ หรือไดไนโตรเจนเพนตอกไซด์) 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยในเนื้อหา เรื่อง การเขียนสูตรและเรียกช่ือ สารประกอบโคเวเลนต์ ว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ และให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น เพื่อจะใช้เป็นความรู้ เบอ้ื งตน้ สำหรับการเรียนในเน้อื หาต่อ ๆ ไป

4. ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) 1. นกั เรยี นทำใบงานที่ 3.7 เรื่อง การเขยี นสตู รและการเรยี กชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์ 5. ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) 1. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตการตอบคำถาม การรว่ มกันทำงานและการนำเสนอผลงานหน้า ช้ันเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 3.7 เรื่อง การเขียนสูตรและการเรียกชื่อสารประกอบ โคเวเลนต์ 10. วัสดุ อุปกรณ์ สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี นวชิ า เคมี ม.4 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 เรื่อง พนั ธะเคมี 2) PowerPoint เรอ่ื ง การเขยี นสูตรและการเรียกชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์ 3) ใบงานท่ี 3.7 เร่ือง การเขียนสูตรและการเรยี กชือ่ สารประกอบโคเวเลนต์ 4) Youtube : https://www.youtube.com/watch?v=QgegZbnWpEM เร่ือง จำลอง เหตกุ ารณก์ ระแสไฟฟา้ ลดั วงจร 5) วธิ ีการเข้าเรียนออนไลน์ : http://www.ky.ac.th/datashow_65268 6) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ การวัดและการประเมินผล การวดั ผล วิธีการวดั เครอ่ื งมือท่ีใชว้ ัด เกณฑ์การวัดและ การประเมนิ ผล ประเมินผลดา้ น และการประเมนิ ผล และการประเมินผล ได้คะแนนร้อยละ 60 ขน้ึ ไป 1. ด้านความรู้ (K) 1. ตรวจคำถามในใบงานท่ี 3.7 1. ใบงานที่ 3.7 เร่อื ง การ ระดบั คุณภาพ 2 เร่ือง การเขียนสตู รและการ เขียนสูตรและการเรยี กชอื่ ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ เรียกช่ือสารประกอบโคเว สารประกอบโคเวเลนต์ ดี ข้ึนไป เลนต์ 2. ด้านทักษะ (P) 1. ประเมินการนำเสนอ 1. แบบประเมนิ การ ผลงาน นำเสนอผลงาน 3. ดา้ นคณุ ลักษณะอัน การสงั เกตพฤตกิ รรมการมี แบบสังเกตพฤติกรรมการ พงึ ประสงค์ (A) ส่วนร่วมในการทำงานเปน็ มีส่วนร่วมในการทำงาน กล่มุ เปน็ กลุม่ การสังเกตพฤติกรรมเปน็ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเปน็ รายบคุ คล รายบุคคล

ใบงานท่ี 3.7 เร่ือง การเขยี นสตู รและการเรียกชอ่ื สารประกอบโคเวเลนต์ คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี 1. จงเขียนสูตรโมเลกุลของสารประกอบโคเวเลนตท์ ี่เกิดจากการรวมกันของธาตตุ อ่ ไปน้ี 1) C กับ F = ………………………………..……………………………….. 2) C กับ Cl = ………………………………..……………………………….. 3) N กบั F = ………………………………..……………………………….. 4) C กบั S = ………………………………..……………………………….. 5) N กับ O = ………………………………..……………………………….. 6) S กับ Cl = ………………………………..……………………………….. 7) C กับ O = ………………………………..……………………………….. 8) F กบั F = ………………………………..……………………………….. 2. จงอา่ นชื่อสารประกอบโคเวเลนต์ตอ่ ไปน้ี 1) CO = ………………………………..……………………………….. 2) N2O4 = ………………………………..……………………………….. 3) P4O10 = ………………………………..……………………………….. 4) Cl2O7 = ………………………………..……………………………….. 5) NO = ………………………………..……………………………….. 6) N2O = ………………………………..……………………………….. 7) N2O5 = ………………………………..……………………………….. 8) CCl4 = ………………………………..……………………………….. 9) OF2 = ………………………………..……………………………….. 10) PCl3 = ………………………………..………………………………..

เฉลยใบงานท่ี 3.7 เรือ่ ง การเขียนสูตรและการเรียกช่ือสารประกอบโคเวเลนต์ คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 1. จงเขียนสูตรโมเลกลุ ของสารประกอบโคเวเลนต์ทเ่ี กดิ จากการรวมกนั ของธาตุต่อไปนี้ 1) C กับ F = CF4 2) C กับ Cl = CCl4 3) N กบั F = NF3 4) C กบั S = CS2 5) N กับ O = N2O3 6) S กับ Cl = SCl2 7) C กบั O = CO2 8) F กับ F = F2 2. จงอ่านชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์ต่อไปน้ี 1) CO = คาร์บอนมอนออกไซด์ 2) N2O4 = ไดไนโตรเจนเตตระออกไซด์ 3) P4O10 = เตตระฟอสฟอรสั เดคะออกไซด์ 4) Cl2O7 = ไดคลอรีนเฮปตะออกไซด์ 5) NO = ไนโตรเจนมอนออกไซด์ 6) N2O = ไดไนโตรเจนมอนออกไซด์ 7) N2O5 = ไดไนโตรเจนเพนตะออกไซด์ 8) CCl4 = คาร์บอนเตตระคลอไรด์ 9) OF2 = ออกซเิ จนไดฟลูออไรด์ 10) PCl3 = ฟอสฟอรัสไตรคลอไรด์

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี........................ วันท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. ชื่อกล่มุ .........................................................................................................ช้นั .................................................... รายชอ่ื สมากชกิ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. …………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. …………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. …………………………………………………………………………………………………………………………….. ท่ึ รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คดิ เหน็ 321 1 การเตรยี มความพร้อม 2 เน้อื หาสาระครอบคลมุ ชดั เจน 3 รูปแบบการนำเสนอ 4 การมีส่วนรว่ มของสมากชิกกลมุ่ 5 การรกั ษาเวลา 6 ความสนใจของผฟู้ งั รวม ลงชอื่ ...........................................ผปู้ ระเมนิ (…………………………………………………) ...................../..................../................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรับปรงุ

แบบประเมินการทำโจทยป์ ัญหา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่........................ วนั ท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. ลำดับที่ ช่อื – สกลุ คะแนน 1 4 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงช่อื ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../................... การใหค้ ะแนน/ระดับคะแนน ปรับปรุง (1) พอใช้ (2) ดี (3) ดีมาก (4) วิเคราะหโ์ จทยไ์ ด้ วเิ คราะห์โจทย์ และ วเิ คราะหโ์ จทย์ เลอื กใช้ วิเคราะห์โจทย์ เลือกใช้ ถกู ตอ้ ง วธิ ีการหาคำตอบ คำนวณ เลอื กใช้วธิ ีการหา วธิ ีการหาคำตอบ และ และสรปุ คำตอบได้ถกู ต้อง คำตอบได้ถูกตอ้ ง คำนวณได้ถูกต้อง

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่........................ วนั ที.่ ......................เดือน................................................พ.ศ.................................. การ การ ความ การมี แสดง การ ทำงาน ลำดบั ช่ือ–สกุล ความ มี ส่วนรว่ มใน รวม ท่ี คิดเห็น ยอมรับฟงั ตามที่ นำ้ ใจ การปรบั ปรุง (15) (3) คนอนื่ ไดร้ ับ (3) ผลงานกลมุ่ (3) มอบหมาย (3) (3) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงช่ือ...........................................ผู้ประเมิน (…………………………………………………) ...................../..................../...................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่........................ สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรูว้ ันที่.......................เดือน................................................พ.ศ.................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลำดับ ชอื่ – สกลุ ความต้ังใจ ความสนใจ การตอบ มสี ว่ นรว่ ม รวม ระดบั ท่ี ในการ และการ คำถาม ใน (16) คุณภาพ เรยี น (4) ซักถาม (4) (4) กจิ กรรม (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชือ่ .............................................ผปู้ ระเมิน (………………………………………………………………) ...................../..................../...................

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมนิ 14-16 ดมี าก นักเรียนทีไ่ ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ้ึนไป ถอื ว่า ผา่ น 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรุง เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ (Rubric) ประเดน็ การ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมนิ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรบั ปรุง (1) 1. ความต้งั ใจใน การเรียน สนใจในการเรยี นไม่คุย สนใจในการเรยี นคุย สนใจในการเรียนคุย ไมส่ นใจในการเรยี น 2. ความสนใจ หรือเล่นกนั ในขณะ กนั เล็กนอ้ ยในขณะ กนั และเลน่ กัน คุยและเล่นกนั และการซกั ถาม เรียน เรียน ในขณะเรียนเป็น ในขณะเรียน 3. การตอบ คำถาม บางคร้ัง 4. มสี ว่ นรว่ มใน มกี ารถามในหวั ขอ้ ทตี่ น มกี ารถามในหัวขอ้ ท่ี มีการถามในหวั ข้อที่ ไมถ่ ามในหวั ขอ้ ที่ กิจกรรม ไม่เขา้ ใจทุกเร่อื งและ ตนไมเ่ ขา้ ใจเป็น ตนไมเ่ ขา้ ใจเปน็ ตนไมเ่ ขา้ ใจและไม่ กล้าแสดงออก สว่ นมากและกลา้ บางคร้งั และไม่คอ่ ย กล้าแสดงออก แสดงออก กลา้ แสดงออก รว่ มตอบคำถามในเร่อื ง ร่วมตอบคำถามใน ร่วมตอบคำถามใน ไมต่ อบคำถาม ทค่ี รถู ามและตอบ เรอ่ื งทค่ี รถู ามและ เรือ่ งท่ีครูถามเปน็ คำถามถูกทุกขอ้ ตอบคำถามส่วนมาก บางครั้งและตอบ ถูก คำถามถกู เป็น บางครงั้ รว่ มมอื และช่วยเหลอื รว่ มมอื และช่วยเหลือ รว่ มมือและช่วยเหลือ ไมม่ ีความรว่ มมอื เพ่ือนในการทำ เพ่ือนเปน็ สว่ นใหญใ่ น เพื่อนในการทำ ในขณะทำกิจกรรม กิจกรรม การทำกิจกรรม กิจกรรมเปน็ บางครั้ง

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ภาคเรยี นที.่ .................ปีการศึกษา................. ชือ่ -สกุลนักเรียน...........................................................................ห้อง..............................เลขที่....................... คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี / ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน ค่าเฉลย่ี อนั พึงประสงค์ 3210 1.1 มีความรัก และภมู ิใจในความเป็นชาติ 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.2 ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ของศาสนา กษตั รยิ ์ 1.3 แสดงออกถึงความจงรักภกั ดีต่อสถาบัน พระมหากษตั ริย์ 2. ซอ่ื สตั ย์สุจรติ 1.3 ปฏบิ ตั ิตามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบ้าน 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเป็นจริงตอ่ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏิบัตติ รงตอ่ ความเป็นจริงตอ่ ผู้อนื่ 3. มีวนิ ัย 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แต่งกายเรยี บรอ้ ยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝ่หาความรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ ง ๆ 4.2 มกี ารจดบันทกึ ความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสง่ิ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด พอเพยี ง 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ุณค่า 6. ม่งุ ม่ัน 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ ในการทำงาน 6.1 มคี วามต้งั ใจ และพยายามในการทำงานทไ่ี ดร้ บั 7. รกั ความเปน็ มอบหมาย ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพอ่ื ให้งาน 8. มีจติ สำเร็จ สาธารณะ 7.1 มีจิตสำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญา ไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ ักการให้เพื่อส่วนรวม และเพอ่ื ผ้อู ่นื 8.2 แสดงออกถึงการมนี ำ้ ใจหรอื การใหค้ วามช่วยเหลือ ผอู้ น่ื 8.3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมบำเพญ็ ตนเพ่ือส่วนรวมเมื่อมี โอกาส รวมคะแนน ลงช่ือ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../...................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางครงั้ ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมทไ่ี ม่ไดป้ ฏิบัติ ให้ 0 คะแนน ระดบั คุณภาพ ระดบั คุณภาพ ดีเย่ยี ม - คะแนน 21 – 24 ระดับคุณภาพ ดี - คะแนน 20 – 22 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ - คะแนน 12 – 19 ระดับคณุ ภาพ ตอ้ งปรบั ปรงุ - คะแนน 0 – 11





แผนการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ท่ี 25 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรอื่ ง พันธะเคมี เรอ่ื ง พลงั งานพนั ธะและความยาวพันธะ รายวชิ า เคมี 1 รหัส ว31223 เวลา 2 ชว่ั โมง ครูผู้สอน นาย วัชรพงษ์ โสนทอง 1. ผลการเรยี นรู้ - วิเคราะห์ และเปรียบเทยี บความยาวพนั ธะและพลงั งานพนั ธะในสารโคเวเลนต์ รวมทงั้ คำนวณ พลังงานทเี่ ก่ียวข้องกับปฏิกริ ิยาของสารโคเวเลนต์จากพลงั งานพันธะ 2. สาระการเรยี นรู้ - ความยาวพนั ธะและพลงั งานพนั ธะในสารโคเวเลนต์ขึน้ กบั ชนิดของอะตอมค่รู ว่ มพนั ธะและชนิดของ พันธะ โดยพันธะเดี่ยว พันะคู่ และพันธะสาม มีความยาวพันธะและพลังงานพันธะแตกต่างกัน นอกจากน้ี โมเลกุลโคเวเลนต์บางชนิดมคี ่าความยาวพันธะและพลังงานพันธะแตกตา่ งจากของพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และ พันธะสาม ซึ่งสารเหล่าน้สี ามารถเขียนโครงสร้างลวิ อิสทเี่ หมาะสมมากกวา่ 1 โครงสร้าง ทเี่ รียกว่าโครงสร้างเร โซแนนซ์ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) 1. สรปุ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างชนดิ ของพันธะโคโวเลนต์ ความยาวพนั ธะ และพลงั งานพนั ธะได้ 2. อธบิ ายโครงสร้างของสารโคเวเลนต์ท่มี โี ครงสร้างเรโซแนนซ์ พร้อมท้ังยกตัวอย่างประกอบได้ ด้านทักษะ (Process) 3. ใชค้ ่าพลงั งานพนั ธะคำนวณหาพลงั งานที่เปล่ียนแปลงของปฏิกิรยิ าได้ ดา้ นเจตคติ (Affective) 4. ตั้งใจเรยี นรู้และแสวงหาความรู้ 4. สาระสำคัญหรอื ความคดิ รวบยอด ความยาวพนั ธะและพลังงานพนั ธะ จะสามารถเปรยี บเทยี บกันไดก้ ต็ อ่ เมือ่ เป็นพนั ธะทเ่ี กดิ จากอะตอม ของธาตุคู่เดียวกนั ถ้าเปน็ อะตอมต่างค่กู ันเทยี บกันไม่ได้ ถ้าความยาวพันธะยง่ิ สนั้ พลงั งานพนั ธะกจ็ ะยงิ่ มาก หรอื พันธะมีความเสถียรมาก ซง่ึ เราสามารถสรปุ ได้ ดังนี้ 1. ความยาวพันธะ พันธะเดยี่ ว > พนั ธะคู่ > พันธะสาม 2. พลงั งานพนั ธะ พันธะสาม > พนั ธะคู่ > พันธะเดีย่ ว 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์  ความซอ่ื สัตยส์ ุจรติ  มวี นิ ัย ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ อยู่อย่างพอเพียง  มงุ่ มนั่ ในการทำงาน มีจิตสาธารณะ  ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเป็นไทย 7. แนวความคิดเพ่ือการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21  ทกั ษะดา้ นการเรียนรูแ้ ละนวัตกรรม  สาระวิชาหลกั (Core Subjects) ทกั ษะดา้ นชวี ติ และอาชพี  ทกั ษะด้านสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี 8. การบูรณาการเรยี นรู้ พระบรมราโชบายด้านการศกึ ษาของ ร.10  ด้านท่ี 1 มีทัศนคติท่ีถูกตอ้ งต่อบ้านเมอื ง  ด้านที่ 2 มพี ื้นฐานชีวิตทีม่ นั่ คง มีคณุ ธรรม  ดา้ นที่ 3 มงี านทำ มอี าชพี  ดา้ นท่ี 4 เปน็ พลเมืองดี หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หลกั สูตรเขตพฒั นาเศรษฐกจิ พิเศษ (หลักสตู รทอ้ งถิ่น) หลกั สตู รต้านทุจรติ ศกึ ษา  สะเต็มศึกษา 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้ วธิ ีสอน โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะความรู้ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) 1. ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูเปิดวิด๊โอใน youtube ให้นักเรียนดูเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพลังงานในการเกิด โมเลกุลแก๊สไฮโดรเจน หลงั จากดูวิดด๊ อจบแลว้ จะตั้งกบั คำถามกบั นกั เรียนว่า นักเรียนสังเกตเห็นอะไรจากคลิบ วิดีโอทพี่ วกเราเพงิ่ ดูจบกนั ไปบา้ ง แลว้ สามารถบอกอะไรได้บ้าง ? (แนวคำตอบ : ความยาวพันธะเป็นระยะห่างระหว่างนวิ เคลียสที่ทำใหพ้ ลงั งานศกั ย์รวมตำ่ ทสี่ ุด) 2. ครถู ามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียน ดังน้ี 1) นักเรียนคดิ ว่าพลังงานที่ใช้ในการสลายพันธะหว่าง C – C ในอีเทน (C2H6) และ พลงั งานทใี่ ชใ้ นการสลายพันธะระหว่าง C = C ในอีทีน (C2H4) จะมีค่าเท่ากนั หรือไม่ อย่างไร

(แนวคำตอบ : ไมเ่ ทา่ กัน เน่ืองจากพลังงานทีใ่ ชใ้ นการสลายพันธะต่างชนิด กันจะมคี า่ ไมเ่ ท่ากนั โดยพันธะคจู่ ะใช้พลงั งานในการสลายพันธะสูงกวา่ พันธะเดยี่ ว) 2) นักเรียนคิดว่าพลังงานที่ใช้ในการสลายพนั ธะหว่าง C – H ในโมเลกุล CH4 และ พลงั งานท่ใี ชใ้ นการสลายพันธะระหวา่ ง C – H ในโมเลกลุ CH3 จะมคี ่าเท่ากนั หรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ : ไม่เท่ากัน เนื่องจากพลังงานในการสลายพันธะระหว่าง C – H จะมีคา่ แตกต่างกนั ไปในโมเลกลุ ของสารที่ตา่ งกนั ) 2. ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นกั เรยี นศกึ ษาเรอื่ ง พลงั งานพันธะ จากหนังสือเรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หน้า 114-116 2. ครูจับค่ใู หก้ ับนักเรยี น แลว้ รว่ มกันศกึ ษาและฝึกทำตัวอย่างการคำนวณพลงั งานท่ีเกี่ยวข้อง กับพลงั งานพนั ธะ จากหนังสือเรียนเคมี ม.4 เลม่ 1 หน้า 117-119 3. นักเรยี นคเู่ ดมิ ศึกษาการเขียนโครงสรา้ งลิวอสิ ของโมเลกุลโอโซน (O3) (แนวคำตอบ : สามารถเขียนโครงสร้างลิวอิสได้ 2 โครงสรา้ ง) 4. นักเรียนคู่ไหนทที่ ำเสรจ็ แล้วจะให้เขียนคำตอบใน Patled เมื่อตอบครบทุกกลุ่มแล้ว ก็จะ ใชโ้ ปรแกรมสุ่มเลือกมา 1 กลมุ่ เพื่อตอบคำถาม 5. ครูถามคำถามนักเรียนว่า พันธะระหว่างออกซิเจนทั้ง 2 พันธะ ในโครงสร้างลิวอิสแต่ละ โครงสรา้ งอิวลิส มคี วามยาวพันธะเท่ากนั หรอื ไม่? (แนวคำตอบ : ไมเ่ ทา่ กัน) 6. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ โดยแสดงกราฟพลังงานกบั ระยะห่างระหวา่ งนิวเคลยี สของไฮโดรเจน ดงั น้ี การเกดิ โมเลกุลของแก๊สไฮโดรเจนนนั้ อะตอมของไฮโดรเจนจะเคล่อื นท่ีใกล้กันไดม้ ากท่สี ุด และจะเกิด สมดุลระหว่างแรงดึงดูดกับแรงผลักที่ระยะ 74 pm ถ้าเข้าใกล้กันมากกว่านี้ แรงผลักจะเพิ่มมากขึ้นและ โมเลกุลจะไม่เสถียร ระยะ 74 pm จึงเป็นระยะที่สั้นที่สุดที่นิวเคลียสของอะตอมทั้งสองสร้างพันธะกันใน โมเลกุล ระยะนี้จงึ เรียกวา่ ความยาวพนั ธะ 7. ครอู ธิบายเพ่มิ เติมว่า ในสารประกอบแต่ละชนดิ จะมีค่าความยาวพนั ธะระหวา่ งคู่อะตอมท่ี แตกตา่ งกนั ดังน้นั ความยาวพนั ธะคู่หน่งึ จึงแสดงเปน็ ค่าความยาวพนั ธะเฉลยี่ 8. นักเรียนเขียนโครงสร้างลิวอิสของโอโซน แล้วร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับความยาวพันธะ ระหวา่ งอะตอมของออกซิเจน เพอ่ื นำเข้าสู่ความเข้าใจเร่ืองโครงสร้างเรโซแนนซ์ 9. นักเรียนศึกษาเรื่อง ความยาวพันธะและปรากฏการณ์เรโซแนนซ์ จากหนังสือเรียนเคมี ม.4 เลม่ 1 หนา้ 119-121

3. ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 1. ครตู ้งั โจทยก์ ารคำนวณพลงั งานที่เกี่ยวข้องกบั พลังงานพนั ธะใหน้ กั เรยี นทำลงในสมุดบนั ทึก ของนกั เรียน เชน่ 1) จงคำนวณหาพลังงานที่คายออกมาจากการสร้างไฮดราซีน (N2H4) 1 โมล (กำหนดให้ พลงั งานพันธะของ N – N เท่ากบั 163 kJ/mol และพลงั งานพนั ธะของ N – H เท่ากับ 391 kJ/mol) (แนวตอบ : ขัน้ ที่ 1 วาดโครงสรา้ งแบบเสน้ ของไฮดราซีน ขั้นท่ี 2 สงั เกตพันธะทม่ี ใี นโครงสรา้ งของไฮดราซนี ในโครงสรา้ ง ประกอบด้วย N – N 1 พนั ธะ คดิ เป็นพลงั งาน 163 kJ/mol N – H 4 พันธะ คดิ เปน็ พลังงาน 4 × 391 kJ/mol ข้ันท่ี 3 รวมพลงั งานพันธะท้งั หมด คดิ เปน็ พลงั งานรวม 1,727 kJ/mol ดงั นั้น ในการสรา้ งไฮดราซนี 1 โมล จะมีการคายพลังงาน 1,727 กโิ ลจูล) 2) จงคำนวณหาพลังงานในการสังเคราะห์ HCl 1 โมล จาก H2 และ Cl2 (กำหนดให้ พลังงานพันธะของ H – H เท่ากับ 436 kJ/mol พลังงานพันธะของ Cl – Cl เท่ากับ 243 kJ/mol และ พลงั งานพันธะของ H – Cl เท่ากบั 431 kJ/mol) (แนวตอบ : ขั้นท่ี 1 เขียนสมการเคมขี องปฏิกริ ยิ า H2 + Cl2 2HCl ขั้นท่ี 2 สงั เกตพันธะทม่ี ีในโครงสรา้ งของสารในปฏิกิรยิ าเคมี สารตั้งต้น ประกอบด้วย H – H 1 พันธะ คดิ เป็นพลงั งาน 436 kJ/mol Cl – Cl 1 พนั ธะ คดิ เปน็ พลังงาน 243 kJ/mol รวมคิดเป็นพลังงาน 679 kJ/mol ผลิตภัณฑ์ ประกอบดว้ ย H – Cl 2 พันธะ คดิ เป็นพลงั งาน 2 × 431 kJ/mol รวมคิดเป็นพลงั งาน 862 kJ/mol ขน้ั ที่ 3 เปรียบเทียบและหาผลตา่ งของพลังงาน ∆ H = 679 - 862 kJ = -183 kJ จากสมการ จะเห็นว่าการสังเคราะห์ HCl 2 โมล จาก H2 และ Cl2 มีการคายพลงั งาน 183 กิโลจลู แตใ่ นโจทยถ์ ามเพียงแค่ 1 โมลของ HCl แสดงว่า จะมีการคายพลงั งานเพยี ง 91.5 กโิ ลจลู ) 2. ครูสุ่มตัวแทนนกั เรียน 2 คน แสดงวิธที ำโจทย์ ใน Google Doc แล้วให้เพ่ือนนักเรียนคน อื่นตรวจสอบว่าคำตอบถูกต้องหรือไม่ หากยังไม่ถูกต้อง ให้ช่วยกันเสรปุ จนไดค้ ำตอบที่ถูกตอ้ ง โดยครูคอยให้ คำแนะนำจนนกั เรยี นทกุ คนมคี วามเข้าใจทถี่ ูกต้องตรงกัน 1. ครตู ัง้ คำถามให้นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเรือ่ ง พลงั งานพันธะและความยาวพนั ธะ เชน่ 1) กำหนดพลังงานพันธะระหว่างอะตอมของ C กับ C เป็น 347 614 และ 839 กิโล จูล ตามลำดบั จงระบชุ นดิ ของพนั ธะและเปรยี บเทียบความพันธะ (แนวตอบ : พลังงานพันธะ (kJ) 347 614 839 ชนิดของพนั ธะ พนั ธะเดี่ยว พันธะคู่ พนั ธะสาม ความยาวพนั ธะ ยาว สัน้ ) 2) จงเปรียบเทยี บพลังงานพนั ธะและความยาวพันธะระหวา่ งอะตอมของไนโตรเจนใน N2 N2H2 และ N2H4 (แนวตอบ : พลังงานพนั ธะระหว่างอะตอมของไนโตรเจนของ N2 > N2H2 > N2H4 ความยาวพนั ธะระหวา่ งอะตอมของไนโตรเจนของ N2 < N2H2 < N2H4)

4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปรากฏการณ์เรโซแนนซ์ จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ จากนั้นรวบรวมสารประกอบโคเวเลนต์ที่เกิดปรากฏการณ์เรโซแนนซ์ได้ เขียนลงใน กระดาษ A4 แลว้ นำไปแปะทบ่ี อรด์ หนา้ ห้องเรยี น เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นกล่มุ อน่ื ได้ศึกษา 2. นกั เรียนทำใบงานท่ี 3.8 เรือ่ ง พลงั งานพันธะและความยาวพันธะ 5. ขนั้ ประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมนิ ผลโดยการสงั เกตการตอบคำถาม และการร่วมกันทำผลงาน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 3.8 เรือ่ ง พลังงานพนั ธะและความยาวพนั ธะ 3. ครูวดั และประเมนิ ผลจากช้นิ งานทนี่ ักเรยี นได้สรา้ งข้นึ จากข้นั ขยายความเข้าใจ 10. วัสดุ อุปกรณ์ สือ่ และแหล่งเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียนวชิ า เคมี ม.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอื่ ง พันธะเคมี 2) PowerPoint เร่อื ง พลังงานพนั ธะและความยาวพนั ธะ 3) ใบงานที่ 3.8 เร่ือง พลังงานพันธะและความยาวพนั ธะ 4) Youtube : https://www.youtube.com/watch?v=uh4mRNDcGhI เรื่อง ความยาวพนั ธะ และพลังงานพนั ธะของสารโคเวเลนต์ 5) วธิ ีการเข้าเรยี นออนไลน์ : http://www.ky.ac.th/datashow_65268 6) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ การวดั และการประเมินผล การวัดผล วธิ กี ารวดั เครื่องมือที่ใช้วดั เกณฑก์ ารวัดและ การประเมินผล ประเมินผลด้าน และการประเมินผล และการประเมินผล ได้คะแนนร้อยละ 60 ขึ้นไป 1. ดา้ นความรู้ (K) 1. ตรวจคำถามในใบงานที่ 3.8 1. ใบงานท่ี 3.8 เร่ือง ระดบั คณุ ภาพ 2 เรอ่ื ง พลงั งานพนั ธะและความ พลงั งานพันธะและความ ผา่ นเกณฑ์ ยาวพันธะ ยาวพันธะ ระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไป 2. ดา้ นทกั ษะ (P) 1. ตรวจคำถามในใบงานท่ี 3.8 1. ใบงานที่ 3.8 เรื่อง เรื่อง พลังงานพนั ธะและความ พลงั งานพนั ธะและความ ยาวพันธะ ยาวพันธะ 3. ด้านคณุ ลักษณะอนั การสังเกตพฤติกรรมการมี แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการ พึงประสงค์ (A) สว่ นรว่ มในการทำงานเปน็ มสี ว่ นร่วมในการทำงาน กลุ่ม เปน็ กลุ่ม การสงั เกตพฤตกิ รรมเปน็ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเปน็ รายบคุ คล รายบุคคล

ใบงานที่ 3.8 เรอ่ื ง พลงั งานพนั ธะและความยาวพันธะ คำช้แี จง : ใหน้ ักเรียนตอบคำถามต่อไปน้ี 1. ระบสุ ตู รโครงสร้างแบบเสน้ ชนดิ พันธะ ความยาวพันธะ และพลงั งานพนั ธะของฟอสฟอรัสกับฟอสฟอรัส ในโมเลกลุ โคเวเลนต์ตอ่ ไปนี้ P2 P2H2 P2H4 สูตรโครงสรา้ ง ชนดิ พนั ธะ ……………………………. ……………………………. ……………………………. ความยาวพนั ธะ ……………………………. ……………………………. ……………………………. พลงั งานพันธะ ……………………………. ……………………………. ……………………………. 2. จงคำนวณพลังงานท่ีใช้ในการสลายพันธะของสารประกอบโคเวเลนต์ตอ่ ไปนี้จำนวน 1 โมล (ดูตารางคา่ พลงั งานพันธะเฉลย่ี ระหวา่ งอะตอมคู่ตา่ ง ๆ จากหนังสอื เรียน เคมี เล่ม 1 หนา้ 115) NOCl …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. จงคำนวณพลังงานทเ่ี กย่ี วข้องในปฏกิ ริ ิยาต่อไปน้ี พรอ้ มระบุว่าเป็นปฏกิ ริ ยิ าดูดหรือคายพลังงาน (ดตู าราง คา่ พลังงานพนั ธะเฉลี่ยระหว่างอะตอมคู่ต่าง ๆ จากหนังสอื เรยี น เคมี เล่ม 1 หนา้ 115) C2H4 + 3O2 2CO2 + 2H2O ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยใบงานที่ 3.8 เร่อื ง พลังงานพันธะและความยาวพนั ธะ คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. ระบสุ ตู รโครงสรา้ งแบบเสน้ ชนิดพนั ธะ ความยาวพนั ธะ และพลังงานพนั ธะของฟอสฟอรัสกับฟอสฟอรัส ในโมเลกุลโคเวเลนตต์ ่อไปน้ี P2 P2H2 P2H4 สตู รโครงสร้าง PP PP H–P–P–H ชนิดพันธะ พนั ธะสาม พันธะคู่ พันธะเดีย่ ว ความยาวพนั ธะ น้อยที่สดุ ปานกลาง มากท่ีสุด พลงั งานพนั ธะ มากทส่ี ุด ปานกลาง นอ้ ยทสี่ ุด 2. จงคำนวณพลังงานที่ใช้ในการสลายพันธะของสารประกอบโคเวเลนต์ต่อไปนี้จำนวน 1 โมล (ดูตารางคา่ พลงั งานพันธะเฉลี่ยระหวา่ งอะตอมคู่ตา่ ง ๆ จากหนังสอื เรียน เคมี เล่ม 1 หนา้ 115) 1) NOCl การสลาย NOCl ตอ้ งสลาย N = O 1 โมลพันธะ และ N – Cl 1 โมลพันธะ คิดเป็นพลงั งาน = 607 + 200 kJ/mol = 807 kJ/mol 3. จงคำนวณพลงั งานทีเ่ กี่ยวข้องในปฏิกริ ยิ าต่อไปน้ี พร้อมระบุวา่ เปน็ ปฏกิ ิรยิ าดดู หรือคายพลังงาน (ดูตาราง คา่ พลงั งานพนั ธะเฉลย่ี ระหว่างอะตอมคู่ตา่ ง ๆ จากหนังสอื เรียน เคมี เลม่ 1 หนา้ 115) 1) C2H4 + 3O2 2CO2 + 2H2O พลงั งานการสลายพันธะ = (C = C) + 4(C – H) + 3(O = O) = 614 + 4(413) + 3(498) kJ/mol = 614 + 1,652 + 1,494 kJ/mol = 3,760 kJ/mol พลังงานการสรา้ งพนั ธะ = 4(C = O) + 4(O – H) = 4(799) + 4(467) kJ/mol = 3,196 + 1,868 kJ/mol = 5,064 kJ/mol พลงั งานในการสร้างพนั ธะมีคา่ มากกวา่ จงึ เป็นปฏิกิรยิ าคายพลังงาน เท่ากับ 5,064 – 3,760 = 1,304 kJ/mol

แบบประเมินการทำโจทยป์ ัญหา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่........................ วนั ท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. ลำดับที่ ช่อื – สกลุ คะแนน 1 4 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงช่อื ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../................... การใหค้ ะแนน/ระดับคะแนน ปรับปรุง (1) พอใช้ (2) ดี (3) ดีมาก (4) วิเคราะหโ์ จทยไ์ ด้ วเิ คราะห์โจทย์ และ วเิ คราะหโ์ จทย์ เลอื กใช้ วิเคราะห์โจทย์ เลือกใช้ ถกู ตอ้ ง วธิ ีการหาคำตอบ คำนวณ เลอื กใช้วธิ ีการหา วธิ ีการหาคำตอบ และ และสรปุ คำตอบได้ถกู ต้อง คำตอบได้ถูกตอ้ ง คำนวณได้ถูกต้อง

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี........................ วนั ที.่ ......................เดือน................................................พ.ศ.................................. การ การ ความ การมี แสดง การ ทำงาน ลำดบั ช่ือ–สกุล ความ มี ส่วนรว่ มใน รวม ท่ี คิดเหน็ ยอมรับฟงั ตามที่ นำ้ ใจ การปรบั ปรุง (15) (3) คนอ่นื ไดร้ บั (3) ผลงานกลมุ่ (3) มอบหมาย (3) (3) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงช่ือ...........................................ผู้ประเมิน (…………………………………………………) ...................../..................../...................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่........................ สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรูว้ ันที่.......................เดือน................................................พ.ศ.................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลำดับ ชอื่ – สกลุ ความต้ังใจ ความสนใจ การตอบ มสี ว่ นรว่ ม รวม ระดบั ท่ี ในการ และการ คำถาม ใน (16) คุณภาพ เรยี น (4) ซักถาม (4) (4) กจิ กรรม (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชือ่ .............................................ผปู้ ระเมิน (………………………………………………………………) ...................../..................../...................

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมนิ 14-16 ดมี าก นักเรียนทีไ่ ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ้ึนไป ถอื ว่า ผา่ น 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรุง เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ (Rubric) ประเดน็ การ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมนิ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรบั ปรุง (1) 1. ความต้งั ใจใน การเรียน สนใจในการเรยี นไม่คุย สนใจในการเรยี นคุย สนใจในการเรียนคุย ไมส่ นใจในการเรยี น 2. ความสนใจ หรือเล่นกนั ในขณะ กนั เล็กนอ้ ยในขณะ กนั และเลน่ กัน คุยและเล่นกนั และการซกั ถาม เรียน เรียน ในขณะเรียนเป็น ในขณะเรียน 3. การตอบ คำถาม บางคร้ัง 4. มสี ว่ นรว่ มใน มกี ารถามในหวั ขอ้ ทตี่ น มกี ารถามในหัวขอ้ ท่ี มีการถามในหวั ข้อที่ ไมถ่ ามในหวั ขอ้ ที่ กิจกรรม ไม่เขา้ ใจทุกเร่อื งและ ตนไมเ่ ขา้ ใจเป็น ตนไมเ่ ขา้ ใจเปน็ ตนไมเ่ ขา้ ใจและไม่ กล้าแสดงออก สว่ นมากและกลา้ บางคร้งั และไม่คอ่ ย กล้าแสดงออก แสดงออก กลา้ แสดงออก รว่ มตอบคำถามในเร่อื ง ร่วมตอบคำถามใน ร่วมตอบคำถามใน ไมต่ อบคำถาม ทค่ี รถู ามและตอบ เรอ่ื งทค่ี รถู ามและ เรือ่ งท่ีครูถามเปน็ คำถามถูกทุกขอ้ ตอบคำถามส่วนมาก บางครั้งและตอบ ถูก คำถามถกู เป็น บางครงั้ รว่ มมอื และช่วยเหลอื รว่ มมอื และช่วยเหลือ รว่ มมือและช่วยเหลือ ไมม่ ีความรว่ มมอื เพ่ือนในการทำ เพ่ือนเปน็ สว่ นใหญใ่ น เพื่อนในการทำ ในขณะทำกิจกรรม กิจกรรม การทำกิจกรรม กิจกรรมเปน็ บางครั้ง

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ภาคเรยี นที.่ .................ปีการศึกษา................. ชือ่ -สกุลนักเรียน...........................................................................ห้อง..............................เลขที่....................... คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี / ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน ค่าเฉลย่ี อนั พึงประสงค์ 3210 1.1 มีความรัก และภมู ิใจในความเป็นชาติ 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.2 ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ของศาสนา กษตั รยิ ์ 1.3 แสดงออกถึงความจงรักภกั ดีต่อสถาบัน พระมหากษตั ริย์ 2. ซอ่ื สตั ย์สุจรติ 1.3 ปฏบิ ตั ิตามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบ้าน 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเป็นจริงตอ่ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏิบัตติ รงตอ่ ความเป็นจริงตอ่ ผู้อนื่ 3. มีวนิ ัย 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แต่งกายเรยี บรอ้ ยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝ่หาความรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ ง ๆ 4.2 มกี ารจดบันทกึ ความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสง่ิ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด พอเพยี ง 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ุณค่า 6. ม่งุ ม่ัน 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ ในการทำงาน 6.1 มคี วามต้งั ใจ และพยายามในการทำงานทไ่ี ดร้ บั 7. รกั ความเปน็ มอบหมาย ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพอ่ื ให้งาน 8. มีจติ สำเร็จ สาธารณะ 7.1 มีจิตสำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญา ไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ ักการให้เพื่อส่วนรวม และเพอ่ื ผ้อู ่นื 8.2 แสดงออกถึงการมนี ำ้ ใจหรอื การใหค้ วามช่วยเหลือ ผอู้ น่ื 8.3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมบำเพญ็ ตนเพ่ือส่วนรวมเมื่อมี โอกาส รวมคะแนน ลงช่ือ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../...................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางครงั้ ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมทไ่ี ม่ไดป้ ฏิบัติ ให้ 0 คะแนน ระดบั คุณภาพ ระดบั คุณภาพ ดีเย่ยี ม - คะแนน 21 – 24 ระดับคุณภาพ ดี - คะแนน 20 – 22 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ - คะแนน 12 – 19 ระดับคณุ ภาพ ตอ้ งปรบั ปรงุ - คะแนน 0 – 11





แผนการจัดการเรยี นรู้ออนไลน์ที่ 26 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง พันธะเคมี เรอ่ื ง รปู รา่ งและมมุ ระหวา่ งพันธะของโมเลกลุ โคเวเลนต์ รายวิชา เคมี 1 รหัส ว31223 เวลา 2 ช่วั โมง ครูผสู้ อน นาย วชั รพงษ์ โสนทอง 1. ผลการเรียนรู้ - คาดคะเนรปู รา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์โดยใชท้ ฤษฎีการผลกั ระหว่างคอู่ เิ ล็กตรอนในวงเวเลนซ์ และระบุ สภาพข้ัวของโมเลกลุ โคเวเลนต์ 2. สาระการเรียนรู้ - รูปร่างของโมเลกุลโคเวเลนต์อาจพิจารณาโดยใชท้ ฤษฎีการผลกั ระหว่างคู่อิเลก็ ตรอนในวงเวเลนซ์ (VSEPR) ซ่ึงขนึ้ อยกู่ บั จำนวนพนั ธะและจำนวนอิเลก็ ตรอนคู่โดดเด่ียวรอบอะตอมกลาง โมเลกลุ โคเวเลนต์มีท้ัง โมเลกลุ มขี ้วั และไม่มขี ว้ั สภาพขัว้ ของโมเลกุลโคเวเลนตเ์ ป็นผลรวมปริมาณเวกเตอร์สภาพขัว้ ของแต่ละพันธะ ตามรปู ร่างโมเลกลุ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. อธบิ ายเกี่ยวกับรูปร่างและมมุ ระหวา่ งพนั ธะของโมเลกุลโคเวเลนต์ได้ ดา้ นทักษะ (Process) 2. ทำนายรปู ร่างของโมเลกลุ โคเวเลนต์ เมือ่ ทราบจำนวนพนั ธะและจำนวนอเิ ลก็ ตรอนคู่โดดเดย่ี ว รอบอะตอมกลางได้ 3. ทำการทดลองและอธบิ ายรูปร่างของโมเลกุลโคเวเลนตไ์ ด้ ด้านเจตคติ (Affective) 4. ตง้ั ใจเรยี นรแู้ ละแสวงหาความรู้ 5. รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ทีท่ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 4. สาระสำคญั หรอื ความคดิ รวบยอด พนั ธะโคเวเลนต์เปน็ พันธะทมี่ ที ิศทางและมุมระหวา่ งพันธะทีแ่ นน่ อน เนื่องจากการสร้างพันธะเกดิ จากการใชอ้ เิ ลก็ ตรอนร่วมกันระหว่างอะตอมทสี่ ร้างพันธะกัน โดยอาจมอี ิเล็กตรอนท่ีไม่ไดใ้ ชใ้ นการสร้าง พันธะหรอื ทีเ่ รยี กว่าอเิ ล็กตรอนคู่โดดเดีย่ วเหลืออย่ดู ้วยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นอิเล็กตรอนท่ีสรา้ งพันธะหรอื อเิ ลก็ ตรอนคโู่ ดดเด่ยี ว ต่างกม็ ีประจุลบเหมือนกนั จงึ มีแรงผลักซึง่ กนั และกัน ผลของแรงผลักจะทำให้พันธะ แยกตวั อยใู่ นตำแหนง่ ท่สี มดุลระหว่างแรงผลกั ท่มี ีต่อกนั ทำใหเ้ กิดขนาดของมมุ ระหว่างพันธะท่เี หมาะสมและ เกดิ เป็นรูปทรงเรขาคณิตของโมเลกุลข้ึนมาได้ รปู ทรงเรขาคณิตของโมเลกลุ จะเป็นอย่างไร ข้นึ อยูก่ บั โครงสร้าง โมเลกลุ ของสารแตล่ ะชนดิ วา่ ประกอบดว้ ยอะตอมจำนวนเท่าไร มกี ารสรา้ งพนั ธะอย่างไร และมอี ิเล็กตรอนคู่ โดดเดย่ี วหรอื ไม่

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น  ความสามารถในการส่ือสาร  ความสารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์  ความซอ่ื สัตย์สุจรติ  มวี นิ ัย ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ อยู่อย่างพอเพียง  มุ่งมนั่ ในการทำงาน มจี ติ สาธารณะ  ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเปน็ ไทย 7. แนวความคิดเพ่อื การเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21  ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม  สาระวชิ าหลกั (Core Subjects) ทักษะด้านชีวติ และอาชีพ  ทกั ษะด้านสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี 8. การบูรณาการเรยี นรู้ พระบรมราโชบายด้านการศึกษาของ ร.10  ดา้ นท่ี 1 มที ัศนคตทิ ่ีถกู ตอ้ งต่อบา้ นเมือง  ด้านท่ี 2 มีพนื้ ฐานชวี ิตที่ม่นั คง มีคณุ ธรรม  ด้านที่ 3 มีงานทำ มอี าชีพ  ด้านท่ี 4 เปน็ พลเมืองดี หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หลกั สูตรเขตพัฒนาเศรษฐกจิ พิเศษ (หลกั สูตรท้องถนิ่ ) หลักสตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา  สะเต็มศกึ ษา

9. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ วธิ ีสอน โดยใช้กระบวนการสบื เสาะความรู้ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) 1. ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. ครถู ามคำถามกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียน ดังน้ี 1) นกั เรียนคิดวา่ โมเลกลุ โคเวเลนตแ์ ตล่ ะชนิดจะมีรูปร่างเหมือนกันหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ ไมเ่ หมือนกัน เนอื่ งจากการจดั เรยี งอะตอมตา่ ง ๆ ในโมเลกุลโคเว เลนตแ์ ตล่ ะชนดิ จะมีลกั ษณะและตำแหน่งทแ่ี นน่ อน ทำใหโ้ มเลกุลโคเวเลนตม์ รี ปู รา่ งแตกตา่ งกันออกไป) 2) นกั เรยี นคิดว่ารูปร่างของโมเลกุลโคเวเลนตข์ ึ้นอยกู่ บั ปจั จยั ใดบา้ ง (แนวตอบ : ความยาวพันธะ และมุมพันธะซึ่งเกิดจากแรงผลักของ อิเลก็ ตรอนค่โู ดดเดี่ยว) 2. ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) 1. ครูทบทวนเร่ือง ความยาวพนั ธะของสารประกอบโคเวเลนต์ 2. นักเรียนศึกษาเรื่อง รูปร่างของโมเลกุลโคเวเลนต์ จากหนังสือเรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หน้า 121-128 หรอื จาก PPT 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แล้วศึกษาเรื่อง มุมระหว่างพันธะในโมเลกุลโคเวเลนต์ จากหนังสือเรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หน้า 128-131 และให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอธิบายการเกิดมุมใน ลกั ษณะต่าง ๆ ใน Google Meet 3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 1. ครูตั้งคำถามให้นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเร่ือง รปู ร่างของโมเลกุลโคเวเลนต์ เชน่ 1) จงระบุรูปรา่ งของโมเลกุลโคเวเลนตต์ อ่ ไปน้ี CO2 NO3- OF2 ClO4- PCl3 และ BrF5 NO3−= สามเหลยี่ มแบนราบ (แนวตอบ : CO2 = เส้นตรง ClO4− = ทรงส่ีหนา้ OF2 = มมุ งอ PCl3 = พีระมดิ ฐานสามเหล่ยี ม BrF3 = ตวั ที) 2) จงยกตัวอยา่ งโมเลกุลโคเวเลนตท์ ี่มีรูปร่างต่อไปน้ี เส้นตรง สามเหลี่ยมแบนราบ ทรงสี่หน้า พีระมิดคู่ฐานสามเหลี่ยม ทรงแปดหน้า มุมงอ พีระมิดฐานสามเหลี่ยม ทรงสี่หน้าบิดเบี้ยวหรือมา้ กระดก พีระมดิ ฐานสเ่ี หลย่ี ม ตัวที สี่เหลี่ยมแบนราบ (แนวตอบ : เส้นตรง เช่น HCN BeH2 C2H2 เปน็ ต้น สามเหลย่ี มแบนราบ เช่น BF3 CO32− SO3 เป็นตน้ ทรงส่ีหนา้ เช่น SiCl4 SO42− PO43− เป็นตน้ พีระมิดค่ฐู านสามเหลีย่ ม เชน่ SbCl5 AsF5 PF3Cl2 เปน็ ตน้ ทรงแปดหนา้ เช่น TeF6 SeI6 เปน็ ตน้ มุมงอ เช่น SCl2 NO2− เป็นต้น พรี ะมิดฐานสามเหลีย่ ม เชน่ PBr3 SOCl2 XeO3 เปน็ ตน้ ทรงสห่ี น้าบดิ เบ้ียวหรอื มา้ กระดก เช่น TeCl4 เป็นตน้ พีระมิดฐานสีเ่ หล่ยี ม เชน่ BrF5 เป็นต้น ตัวที เชน่ BrF3 เป็นต้น ส่เี หล่ียมแบนราบ เช่น XeF4 เป็นตน้ ) 2. ครูต้งั คำถามใหน้ ักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเร่ือง มุมระหว่างพนั ธะในโมเลกลุ โคเวเลนต์ เช่น 1) NH3 และ PH3 โมเลกุลโคเวเลนตใ์ ดมีมุมพันธะใหญ่กวา่ กนั (แนวตอบ : NH3 มมี ุมพันธะใหญ่กว่า PH3 เนื่องจากทั้งสองโมเลกลุ มีรปู ร่าง เป็นพีระมดิ ฐานสามเหลย่ี มทีม่ ี 1 อเิ ลก็ ตรอนค่โู ดดเด่ียวทั้งคู่ แต่ N มคี า่ อิเลก็ โตรเนกาตวิ ตี ีมากกว่า P ดงั นั้น N จงึ ดึงดูดอเิ ล็กตรอนเขา้ ใกล้อะตอมกลางไดม้ ากกว่า ดงั นัน้ มุมพนั ธะของ NH3 > PH3)

2) โมเลกุล CS2 H2S และ CO2 มีรูปร่างโมเลกุลเหมือนกัน และมุมระหว่างพันธะ เท่ากันหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (แนวตอบ : CS2 และ CO2 มีรูปร่างเป็นเส้นตรง และมีมุมระหว่างพันธะ เท่ากัน คือ 180๐ เนอื่ งจากมอี ะตอมกลางเปน็ คารบ์ อนเหมอื นกัน มจี ำนวนอิเล็กตรอนครู่ ว่ มพันธะเทา่ กนั และ ไมม่ ีอเิ ล็กตรอนค่โู ดดเดยี่ วเหมอื นกัน ส่วน H2S มรี ูปรา่ งเปน็ มุมงอ และมีมมุ ระหว่างพนั ธะ < 109.5๐ เนื่องจาก ผลของอเิ ล็กตรอนคโู่ ดดเดี่ยว 2 คู่ ทอี่ ยรู่ อบอะตอมกลาง) 4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน สรุปเรือ่ ง รูปร่างและมุมระหว่างพันธะของโมเลกลุ โคเวเลนต์ ลงในกระดาษ A4 โดยนำเสนอในรูปแบบที่นา่ สนใจและเขา้ ใจได้งา่ ย 2. ครูให้นกั เรยี นทำใบงานท่ี 3.9 เรอ่ื ง รูปรา่ งและมมุ ระหวา่ งพนั ธะของโมเลกลุ โคเวเลนต์ 5. ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) 1. ครปู ระเมนิ ผลโดยการสังเกตการตอบคำถาม และการรว่ มกนั ทำผลงาน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 3.9 เรื่อง รูปร่างและมุมระหว่างพันธะของโมเลกลุ โคเวเลนต์ 3. ครูวัดและประเมนิ ผลจากชิ้นงานทน่ี ักเรียนไดส้ ร้างขึน้ จากข้ันขยายความเข้าใจ 10. วัสดุ อุปกรณ์ ส่อื และแหลง่ เรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียนวิชา เคมี ม.4 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง พนั ธะเคมี 2) PowerPoint เรอ่ื ง รูปรา่ งและมมุ ระหว่างพนั ธะของโมเลกุลโคเวเลนต์ 3) ใบงานที่ 3.9 เร่ือง รูปร่างและมุมระหวา่ งพนั ธะของโมเลกุลโคเวเลนต์ 4) วธิ ีการเขา้ เรยี นออนไลน์ : http://www.ky.ac.th/datashow_65268 5) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ การวัดและการประเมินผล การวัดผล วิธีการวัด เครอ่ื งมอื ทใี่ ชว้ ดั เกณฑก์ ารวัดและ และการประเมินผล การประเมนิ ผล ประเมนิ ผลดา้ น และการประเมินผล ไดค้ ะแนนร้อยละ 1. ใบงานที่ 3.9 เรือ่ ง รปู ร่าง 60 ขนึ้ ไป 1. ดา้ นความรู้ (K) 1. ตรวจคำถามในใบงานที่ 3.9 และมุมระหว่างพนั ธะของ โมเลกลุ โคเวเลนต์ ระดบั คณุ ภาพ 2 เรื่อง รปู รา่ งและมุมระหวา่ ง ผ่านเกณฑ์ 1. แบบประเมนิ การนำเสนอ ระดับคณุ ภาพ พันธะของโมเลกลุ โคเวเลนต์ ผลงาน ดี ขึ้นไป 2. ด้านทกั ษะ (P) 1. ประเมินการนำเสนอ แบบสงั เกตพฤติกรรมการมี สว่ นรว่ มในการทำงานเปน็ ผลงาน กลุ่ม 3. ดา้ น การสงั เกตพฤติกรรมการมสี ว่ น แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเปน็ รายบุคคล คุณลักษณะอันพงึ ร่วมในการทำงานเป็นกลมุ่ ประสงค์ (A) การสังเกตพฤติกรรมเปน็ รายบคุ คล

ใบงานที่ 3.9 เรื่อง รปู ร่างและมมุ ระหวา่ งพันธะของโมเลกุลโคเวเลนต์ คำชี้แจง : ให้นักเรยี นเตมิ คำตอบลงในตารางให้ถูกต้อง โมเลกุลโคเว จำนวนคอู่ ิเล็กตรอน ชอ่ื รปู ร่างของโมเลกุล มุมระหวา่ งพนั ธะ เลนต์ ทส่ี ร้างพนั ธะ โดดเด่ียว ในโมเลกลุ HCN ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. COH2 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. SnCl2 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. CHCl3 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. NCl3 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. SCl2 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. PF5 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. TeCl4 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. BrF3 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. XeF2 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. TeF6 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. BrF5 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. …………………………. XeF4 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook