แบบประเมินการทำโจทยป์ ัญหา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่........................ วนั ท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. ลำดับที่ ช่อื – สกลุ คะแนน 1 4 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงช่อื ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../................... การใหค้ ะแนน/ระดับคะแนน ปรับปรุง (1) พอใช้ (2) ดี (3) ดีมาก (4) วิเคราะหโ์ จทยไ์ ด้ วเิ คราะห์โจทย์ และ วเิ คราะหโ์ จทย์ เลอื กใช้ วิเคราะห์โจทย์ เลือกใช้ ถกู ตอ้ ง วธิ ีการหาคำตอบ คำนวณ เลอื กใช้วธิ ีการหา วธิ ีการหาคำตอบ และ และสรปุ คำตอบได้ถกู ต้อง คำตอบได้ถูกตอ้ ง คำนวณได้ถูกต้อง
แบบประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่........................ สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรูว้ ันที่.......................เดือน................................................พ.ศ.................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลำดับ ชอื่ – สกลุ ความต้ังใจ ความสนใจ การตอบ มสี ว่ นรว่ ม รวม ระดบั ท่ี ในการ และการ คำถาม ใน (16) คุณภาพ เรยี น (4) ซักถาม (4) (4) กจิ กรรม (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชือ่ .............................................ผปู้ ระเมิน (………………………………………………………………) ...................../..................../...................
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมนิ 14-16 ดมี าก นักเรียนทีไ่ ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ้ึนไป ถอื ว่า ผา่ น 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรุง เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ (Rubric) ประเดน็ การ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมนิ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรบั ปรุง (1) 1. ความต้งั ใจใน ไมส่ นใจในการเรยี น การเรียน สนใจในการเรยี นไม่คุย สนใจในการเรยี นคุย สนใจในการเรียนคุย คุยและเล่นกนั ในขณะเรียน 2. ความสนใจ หรือเล่นกนั ในขณะ กนั เล็กนอ้ ยในขณะ กนั และเลน่ กัน และการซกั ถาม ไมถ่ ามในหวั ขอ้ ที่ เรียน เรียน ในขณะเรียนเป็น ตนไมเ่ ขา้ ใจและไม่ 3. การตอบ กล้าแสดงออก คำถาม บางคร้ัง ไมต่ อบคำถาม 4. มสี ว่ นรว่ มใน มกี ารถามในหวั ขอ้ ทตี่ น มกี ารถามในหัวขอ้ ท่ี มีการถามในหวั ข้อที่ กิจกรรม ไมม่ ีความรว่ มมอื ไม่เขา้ ใจทุกเร่อื งและ ตนไมเ่ ขา้ ใจเป็น ตนไมเ่ ขา้ ใจเปน็ ในขณะทำกิจกรรม กล้าแสดงออก สว่ นมากและกลา้ บางคร้งั และไม่คอ่ ย แสดงออก กลา้ แสดงออก รว่ มตอบคำถามในเร่อื ง ร่วมตอบคำถามใน ร่วมตอบคำถามใน ทค่ี รถู ามและตอบ เรอ่ื งทค่ี รถู ามและ เรือ่ งท่ีครูถามเปน็ คำถามถูกทุกขอ้ ตอบคำถามส่วนมาก บางครั้งและตอบ ถูก คำถามถกู เป็น บางครงั้ รว่ มมอื และช่วยเหลอื รว่ มมอื และช่วยเหลือ รว่ มมือและช่วยเหลือ เพ่ือนในการทำ เพ่ือนเปน็ สว่ นใหญใ่ น เพื่อนในการทำ กิจกรรม การทำกิจกรรม กิจกรรมเปน็ บางครั้ง
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ภาคเรยี นที.่ .................ปกี ารศึกษา................. ชือ่ -สกุลนักเรียน...........................................................................ห้อง..............................เลขที่....................... คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี / ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน ค่าเฉลย่ี อนั พึงประสงค์ 3210 1.1 มีความรัก และภมู ิใจในความเป็นชาติ 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.2 ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ของศาสนา กษตั รยิ ์ 1.3 แสดงออกถึงความจงรักภกั ดีต่อสถาบนั พระมหากษตั ริย์ 2. ซอ่ื สตั ย์สุจรติ 1.3 ปฏบิ ตั ิตามระเบียบการสอน และไมล่ อกการบ้าน 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ัติ ตรงต่อความเป็นจริงตอ่ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ัตติ รงตอ่ ความเป็นจรงิ ตอ่ ผู้อนื่ 3. มีวนิ ัย 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แต่งกายเรยี บร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝ่หาความรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ ง ๆ 4.2 มกี ารจดบันทกึ ความรูอ้ ย่างเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสง่ิ ของของโรงเรยี นอย่างประหยัด พอเพยี ง 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ุณค่า 6. ม่งุ ม่ัน 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงนิ ในการทำงาน 6.1 มคี วามต้งั ใจ และพยายามในการทำงานทไ่ี ดร้ บั 7. รกั ความเปน็ มอบหมาย ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพอ่ื ให้งาน 8. มีจติ สำเร็จ สาธารณะ 7.1 มีจิตสำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญา ไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ ักการให้เพอื่ ส่วนรวม และเพอ่ื ผ้อู ่ืน 8.2 แสดงออกถึงการมนี ำ้ ใจหรอื การใหค้ วามช่วยเหลือ ผอู้ น่ื 8.3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมบำเพญ็ ตนเพ่ือสว่ นรวมเมื่อมี โอกาส รวมคะแนน ลงช่ือ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../...................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางครง้ั ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมทไ่ี ม่ไดป้ ฏิบัติ ให้ 0 คะแนน ระดบั คุณภาพ ระดบั คุณภาพ ดีเย่ยี ม ระดับคุณภาพ ดี - คะแนน 21 – 24 - คะแนน 20 – 22 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ - คะแนน 12 – 19 ระดับคณุ ภาพ ตอ้ งปรบั ปรงุ - คะแนน 0 – 11
แผนการจัดการเรียนรอู้ อนไลนท์ ่ี 4 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรือ่ ง ปฏิบตั กิ ารเคมเี บอื้ งตน้ เรอ่ื ง การปฏบิ ัตแิ ละเขียนรายงานการทดลอง รายวิชา เคมี 1 รหัส ว31223 เวลา 2 ชวั่ โมง ครูผสู้ อน นาย วัชรพงษ์ โสนทอง 1. ผลการเรยี นรู้ - นำเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขยี นรายงานการทดลอง 2. สาระการเรยี นรู้ - การทำปฏิบตั กิ ารเคมีต้องมีการวางแผนการทดลอง การทำการทดลอง การบนั ทกึ ข้อมูล สรุปแล วเิ คราะห์ นำเสนอข้อมลู และการเขียนรายงานการทดลองท่ถี กู ต้อง โดยการทำปฏิบัติการเคมตี อ้ งคำนึงถงึ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจิตวิทยาศาสตร์ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) 1. ระบวุ ิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างเปน็ ขัน้ ตอนและถกู ต้อง ดา้ นทักษะ (Process) 2. ใช้เครอื่ งมือและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมกบั วธิ ีการทดลอง รวมท้ังทำ การทดลอง แปรผล สรปุ ผล และเสนอผลการทดลองได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม ด้านเจตคติ (Affective) 3. เกดิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ และมีจิตวทิ ยาศาสตร์ 4. ความคิดรวบยอด การทำปฏบิ ตั กิ ารเคมเี ปน็ การเสริมสร้างความรูแ้ ละความเขา้ ใจในการศกึ ษาวิชาเคมีให้ดยี ่ิงขนึ้ และ เป็นการช่วยสนับสนนุ และสง่ เสริมให้นกั เรียนมโี อกาสฝึกการสังเกตด้วยตนเอง โดยนำทกั ษะต่าง ๆ มาใช้ รว่ มกนั เพื่อหาคำตอบ ตลอดจนให้ผทู้ ำการทดลองได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นจากการเขยี นรายงานการ ทดลอง ซงึ่ จะทำให้การศึกษาวิชาเคมีประสบความสำเรจ็ 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการสือ่ สาร ความสารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ความซอ่ื สัตยส์ ุจริต มีวินยั ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันในการทำงาน มีจติ สาธารณะ ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเปน็ ไทย 7. แนวความคดิ เพอื่ การเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ทักษะดา้ นการเรยี นรแู้ ละนวัตกรรม สาระวชิ าหลกั (Core Subjects) ทักษะด้านชีวติ และอาชพี ทกั ษะดา้ นสารสนเทศ สือ่ และเทคโนโลยี 8. การบูรณาการเรียนรู้ พระบรมราโชบายด้านการศกึ ษาของ ร.10 ด้านท่ี 1 มที ัศนคติท่ีถกู ต้องต่อบา้ นเมอื ง ดา้ นที่ 2 มพี ้ืนฐานชีวติ ที่มน่ั คง มีคุณธรรม ดา้ นท่ี 3 มงี านทำ มอี าชีพ ดา้ นท่ี 4 เป็นพลเมอื งดี หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หลกั สูตรเขตพฒั นาเศรษฐกจิ พิเศษ (หลกั สูตรท้องถ่ิน) หลักสูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา สะเตม็ ศกึ ษา 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้ วธิ สี อน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะความรู้ (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) 1. ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. นักเรียนเข้า Google Meet ผ่านระบบของโรงเรียน 2. ครูทบทวนความรู้เดิม เรื่อง การปฏิบัติในห้องปฏิบัติการเคมี ความปลอดภัยใน หอ้ งปฏบิ ตั ิการ และการใช้อปุ กรณ์และเครือ่ งมอื ทางเคมี 3. ครูถามคำถาม Prior Knowledge ว่าการทดลองที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร เพื่อเป็นการ กระตนุ้ ใหน้ ักเรียนร่วมกนั คิด
(แนวตอบ : การทดลองเป็นกระบวนการปฏิบัติ หรือกระบวนการหาคำตอบ หรือ ตรวจสอบสมมติฐานท่ตี ้งั ไว้ โดยการทดลองเพ่อื ทำการค้นคว้าหาข้อมูล และตรวจสอบดวู า่ สมมตฐิ านขอ้ ใดเป็น คำตอบท่ีถกู ตอ้ ง ซง่ึ ประกอบด้วย 3 กระบวนการหลกั ดงั น้ี 1) การออกแบบการทดลอง คือการวางแผนการทดลองก่อนที่จะลงมือปฏิบัติจริง โดยให้สอดคลอ้ งกบั สมมติฐานท่ีตงั้ ไว้เสมอ และควบคุมปจั จัยหรือตัวแปรต่าง ๆ ที่มผี ลต่อการทดลอง 2) การปฏบิ ัติการทดลอง ในขนั้ ตอนนีจ้ ะลงมือปฏบิ ัตกิ ารทดลองจริง โดยจะดำเนนิ การ ไปตามขั้นตอนท่ีไดอ้ อกแบบไว้ และควรจะทดลองซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้งเพ่อื ให้แน่ใจวา่ ได้ผลเช่นน้ันจรงิ 3) การบันทึกผลการทดลอง เป็นการจดบันทึกที่ได้จากการทดลอง ซึ่งข้อมูลที่ได้น้ี สามารถรวบรวมไวใ้ ช้สำหรับยืนยันว่าสมมติฐานทีต่ ั้งไว้ถูกต้องหรอื ไม่ แล้วนำข้อมูลที่ได้มานั้นไปแปรผลและ สรปุ ผลตอ่ ไป) 4. ครูอธิบายเพม่ิ เติมเกีย่ วกับตัวแปรตา่ ง ๆ ทมี่ ีผลต่อการทดลอง คอื ตัวแปรต้น ตวั แปรตาม และตัวแปรควบคุม โดยตวั แปรต้น (Independent Variable) คือ ปัจจยั ทเ่ี ป็นสาเหตุทำให้เกิดผลการทดลอง หรือตัวแปรที่ต้องศึกษาทำการตรวจสอบ ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ ผลที่เกิดจากการทดลอง ซึ่งตอ้ งใช้ทกั ษะการสังเกตดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ เพอ่ื เกบ็ ข้อมูลไว้ ตัวแปรควบคมุ (Control Variable) คือ ปัจจัย อื่น ๆ ทน่ี อกเหนอื จากตัวแปรตน้ ท่มี ีผลต่อการทดลอง และต้องควบคมุ ให้เหมือนกันในทกุ ชดุ การทดลอง เพ่ือ ปอ้ งกันไมใ่ หผ้ ลการทดลองเกิดความคลาดเคลอ่ื น ครอู าจจะยกตวั อย่างงา่ ย ๆ เพื่อใหน้ กั เรยี นเกิดความเข้าใจ มากข้ึน ตวั อยา่ งเช่น การทดลองเรือ่ งแสงแดดกบั การเจรญิ เติบโตของพืช ตัวแปรตน้ คือ แสงแดด ตัวแปรตาม คอื การเจริญเตบิ โตของพชื และตัวแปรควบคมุ คอื ปรมิ าณของนำ้ เปน็ ต้น 5. ครถู ามคำถามกระตุ้นความคิดนกั เรียน เพ่ือนำเขา้ สกู่ ารทดลองว่า ถา้ นักเรียนต้องการทำ นำ้ เชอ่ื ม นกั เรียนจะตอ้ งเตรยี มสง่ิ ใดบ้าง (แนวตอบ : นำ้ ตาลทราย และนำ้ ) 6. นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม จากนั้นครูถามคำถามตอ่ ไปว่า ในน้ำเชือ่ มมีสารใดเป็นตัวทำ ละลาย และสารใดเปน็ ตัวละลาย (แนวตอบ : นำ้ เปน็ ตัวทำละลาย ส่วนนำ้ ตาลทรายเป็นตวั ละลาย) 2. ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 5 คน โดยแต่ละกลมุ่ จะประกอบดว้ ยนกั เรยี นทเี่ รียนเก่ง เรียนปาน กลางและเรยี นออ่ น คละกันภายในกลุ่ม 2. ครูแจ้งขอบข่ายของเนือ้ หาในการออกแบบการทดลอง เรื่อง การละลายของสารในตัวทำ ละลายต่าง ๆ จากหนังสือเรียนเคมี ม.4 เลม่ 1 หนา้ 17 โดยออกแบบการทดลอง ดงั นี้ • กำหนดปญั หา ตั้งสมมติฐาน และกำหนดตวั แปรในการทดลอง • สารเคมที ่ีใช้ในการทดลอง ซงึ่ ประกอบด้วย ตัวทำละลาย 2 ชนดิ และสารตัวอย่าง 5 ชนดิ (สารท่พี บในชวี ติ ประจำวนั ) • วสั ดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง • วิธกี ารทดลอง • ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง 3. แต่ละกลุ่มเลือกประธาน ผู้นำเสนอผลงาน และเลขานุการ โดยหน้าที่ของสมาชิกภายใน กล่มุ มีดังน้ี • ประธาน มีหนา้ ท่นี ำสมาชกิ ในกลุ่มปฏิบัตกิ ารทดลอง ประสานงานกบั ครู แบ่งงาน ใหส้ มาชิกรับผิดชอบ เสนอความคิดเหน็ ร่วมกันสังเกต ทดลอง วิเคราะหผ์ ล และสรปุ ผลการทดลอง • ผู้นำเสนอผลงาน มีหน้าที่ออกไปรายงานผลการปฏิบัติการทดลอง เสนอความ คิดเห็น รว่ มกันสงั เกต ทดลอง วเิ คราะห์ผล และสรปุ ผลการทดลอง
• เลขานุการ มีหน้าที่จดบันทึกการปฏิบัติการทดลอง เสนอความคิดเห็น ร่วมกัน สงั เกต ทดลอง วเิ คราะห์ผล และสรุปผลการทดลอง 4. ครูอธิบายทบทวนเก่ยี วกับตัวแปรตน้ ตวั แปรตาม และตัวแปรควบคมุ แล้วให้นักเรียนแต่ ละกล่มุ กำหนดตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคมุ ของการทดลองของกลุม่ ตนเอง 5. ครูอธิบายการออกแบบการทดลองว่า เป็นการระบุการใช้วัสดุ อุปกรณ์ สารเคมี การ กำหนดวิธีการทดลอง และกำหนดขั้นตอนการทดลอง แล้วให้แต่กลุ่มออกแบบการทดลองมาเสนอให้ครู พจิ ารณา 6. หลังจากที่นักเรียนได้ช่วยกันออกแบบการทดลองเสร็จแล้ว ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้ เกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ิและการเขียนรายงานการทดลอง จากหนังสอื เรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หนา้ 15-16 7. นักเรียนดูวีดีโอการทดลอง เรื่อง การละลายของสารในตัวทำละลาย และร่วมกันเขียน รายงานการทดลอง 3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอการเขียนรายงานการทดลอง ใน Google Meet จากนั้นให้เพื่อนในชั้นเรียนร่วมวิเคราะห์ว่า การเขียนรายงานดังกล่าวสามารถเข้าใจได้ชัดเจนหรือไม่ อย่างไร เพ่ือช่วยกันปรบั ปรงุ และแก้ไขให้สมบรู ณ์ยิ่งขึน้ 4. ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครนู ำนกั เรยี นอภิปรายและสรปุ เกยี่ วกับการเขยี นรายงานการทดลอง ดงั นี้ • ชื่อการทดลอง • ชอื่ ผ้ทู ำการทดลอง พร้อมรายชอ่ื ผู้ร่วมการทดลอง • วัตถปุ ระสงค์ของการทำการทดลอง • วิธีการทดลอง โดยอธิบายถงึ ขัน้ ตอนการทำการทดลองตามความเปน็ จรงิ • ผลการทดลอง โดยแสดงข้อมูลตา่ ง ๆ ท่ีไดจ้ ากการทดลอง อาจจัดอยู่ในรูปของตาราง • วิจารณ์ผลการทดลอง โดยผลการทดลองนั้นสอดคล้องกับทฤษฎีหรือไม่ หากไม่ สอดคลอ้ ง ให้อธิบายถึงสาเหตทุ ่ีทำใหผ้ ลการทดลองคลาดเคล่อื น • สรปุ ผลการทดลอง โดยกล่าวถึงสาระสำคญั ที่ไดจ้ ากผลการทดลอง ซงึ่ อาจมคี ่าทาง สถิติมาชว่ ยวเิ คราะห์ผลการทดลอง • ข้อเสนอแนะตา่ ง ๆ เพ่อื ใชป้ รับปรุงการทดลองในครั้งตอ่ ไป 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหา เรื่อง การปฏิบัติและการเขียนรายงานการ ทดลอง วา่ มสี ่วนไหนทย่ี งั ไม่เข้าใจ และให้ความรเู้ พ่มิ เติมในส่วนนนั้ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์จากการปฏิบัติการทดลอง และการนำความรทู้ ่ีไดร้ ับไปใช้ในชีวิตประจำวนั 4. นักเรยี นทำแบบฝกึ หดั ท่ี 3 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินผลโดยการสงั เกตการตอบคำถาม การรว่ มกันทำผลงาน และการนำเสนอผลงาน 2. ครตู รวจการเขยี นรายงานการทดลองในแบบบันทึกกิจกรรม เรือ่ ง การละลายของสารใน ตวั ทำละลายตา่ ง ๆ 3. ครตู รวจสอบผลจากการทำแบบฝกึ หัดท่ี 3 10. วสั ดุ อปุ กรณ์ ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี นวิชา เคมี ม.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 ปฏบิ ตั กิ ารเคมเี บอื้ งต้น 2) ใบความรู้ที่ 1.1 เรื่อง สารละลาย 3) PowerPoint เร่ือง การปฏบิ ตั ติ นและเขยี นรายงานการทดลอง
4) แบบฝึกหดั ท่ี 3 เรื่อง การปฏิบัตแิ ละเขียนรายงานการทดลอง 5) แบบบันทกึ กิจกรรม เรอื่ ง การละลายของสารในตัวทำละลายต่าง ๆ 5) Youtube : https://www.youtube.com/watch?v=Y02bPuGgPnI เรอ่ื ง การละลายของ สารในตวั ทำละลาย 5) วธิ กี ารเขา้ เรียนออนไลน์ : http://www.ky.ac.th/datashow_65268 7) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ การวัดและการประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เครือ่ งมือที่ใช้วัด เกณฑ์การวัดและ การวัดผล การประเมนิ ผล และการประเมินผล และการประเมนิ ผล ได้คะแนนรอ้ ยละ ประเมนิ ผลดา้ น 60 ข้ึนไป 1. ด้านความรู้ (K) 1. ตรวจแบบบนั ทึก 1. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ระดับคุณภาพ 2 2. ด้านทักษะ (P) กจิ กรรม เรือ่ ง การ เรือ่ ง การละลายของสาร ผ่านเกณฑ์ 3. ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึง ระดับคุณภาพ ประสงค์ (A) ละลายของสารในตัวทำ ในตวั ทำละลายต่าง ๆ ดี ขึน้ ไป ละลายต่าง ๆ 2. แบบฝึกหัดท่ี 3 2. ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี 3 1. ประเมนิ การนำเสนอ 1. แบบประเมินการ ผลงาน นำเสนอผลงาน การสังเกตพฤติกรรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรมการ มสี ่วนร่วมในการทำงาน มีสว่ นร่วมในการทำงาน เปน็ กล่มุ เป็นกลมุ่ การสงั เกตพฤติกรรมเป็น แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเป็น รายบุคคล รายบคุ คล
แบบบันทึกกจิ กรรม เรือ่ ง การละลายของสารในตัวทำละลายตา่ ง ๆ การทดลอง เรื่อง ................................................................................................................................................. จดุ ประสงค์ : ....................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. สมมติฐาน : ......................................................................................................................................................... ตัวแปรตน้ : ......................................................................................................................................................... ตวั แปรตาม : ....................................................................................................................................................... ตัวแปรควบคมุ : ................................................................................................................................................. วสั ดุ อุปกรณ์ และสารเคมี .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. วิธกี ารทดลอง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ผลการทดลอง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. สรปุ ผลการทดลอง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
เฉลยแบบบันทึกกิจกรรม เร่อื ง การละลายของสารในตวั ทำละลายตา่ ง ๆ การทดลอง เร่อื ง การละลายของสารในตัวทำละลายต่าง ๆ จดุ ประสงค์ : ทดสอบการละลายของตัวละลายที่ต่างชนดิ กนั ในตวั ทำละลายชนิดเดียวกัน สมมตฐิ าน : ตัวละลายชนดิ เดียวกนั จะละลายในตัวทำละลายตา่ งชนดิ กัน ตัวแปรตน้ : เอทานอล น้ำมนั พืช นำ้ ตาลทราย ดินเหนียวบดละเอยี ดเเละ คอปเปอร์(ll) ซัลเฟต ตวั แปรตาม : การละลายของตัวละลายในตวั ทำละลาย ตัวแปรควบคมุ : ตวั ทำละลาย ปรมิ าณของตวั ละลาย - ตวั ทำละลาย วัสดุ อปุ กรณ์ และสารเคมี 1.น้ำ 2.น้ำตาลทราย 3.เอทานอล 4.นำ้มันพชื 5.ดนิ เหนยี วบดละเอียด 6.คอปเปอร์ (II) ซัลเฟต 7.หลอดทดลองขนาดกลาง 5 หลอด 8. กระบอกตวง 10 cm3 9.ท่ีตงั้ หลอดทดลอง วธิ ีการทดลอง 1 เติมนำ้ ในหลอดทดลอง หลอดละ 5 cm3 2 เติมเอทานอล ปริมาตร 1 cm3 ในหลอดที่ 1 จากน้นั เขย่า สงั เกตการ และบันทกึ ผล 3 เติมน้ำมนั พืชปรมิ าตร 1 cm3 ลงในหลอดทดลองที่ 2 จากนัน้ เขยา่ สังเกตการ บนั ทกึ ผล 4 เตมิ นำ้ ตาลทราย 1 ช้อน เบอร์1 ในหลอดท่ี 3 ตากน้นั เขย่า สังเกตการ บันทึกผล 5 เติมดนิ เหนยี วบดละเอยี ด 1 ชอ้ น เบอร์1 ในหลอดท่ี 4 จากนัน้ เขย่า สังเกตการ บันทกึ ผล 6 เตมิ คอปเปอร(์ |||)ซัลเฟต 1 ช้อน เบอร1์ ในหลอดท่ี 5 จากน้ันเขย่า สงั เกตการ บันทึกผล ผลการทดลอง หลอดท่ี 1 หยอดเอทานอล 20 หยด เอทานอล ละลายในตัวทำละลาย หลอดท่ี 2 หยอดน้ำมันพชื 1 ลบ.ซม. น้ำมันพชื ไมล่ ะลายในตัวทำละลาย หลอดที่ 3 เติมนำ้ ตาลทราย 1 ช้อน เบอร์ 1 น้ำตาลทรายละลายในตัวทำละลาย หลอดท่ี 4 เตมิ ดินเหนียวบดละเอยี ด 1 ชอ้ น เบอร์ 1 ดินเหียวบดละเอยี ดไม่ละลายในตัวทำละลาย หลอดท่ี 5 เติมคอปเปอร์(II)ซลั เฟต 1 ชอ้ น เบอร์ 1 คอปเปอร(์ II)ซลั เฟตละลายในตวั ทำละลาย สรุปผลการทดลอง การละลายของสารในตัวทำละลายชนิดเดียวกัน (นำ้) โดยมีตัวละลายที่ต่างชนิดกัน มีความสามารถในการ ละลายในตัวทำละลายท่ีแตกตา่ งกนั โดย เอทานอล นำต้ าลทราย คอปเปอร์ (II) ซลั เฟต – ละลายนำ้ นำ้มนั พืช ดนิ เหนยี วบดละเอยี ด – ไม่ละลายนำ้
แบบฝกึ หัดที่ 3 เรอื่ ง การปฏิบตั แิ ละเขยี นรายงานการทดลอง คำชแ้ี จง : ตอบคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติและเขยี นรายงานการทดลอง 1. ระบุและอธบิ ายขั้นตอนการปฏิบตั แิ ละเขยี นรายงานการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ส่งิ ท่ตี อ้ งคำนงึ ถงึ ในการปฏบิ ัติและเขียนรายงานการทดลองมีอะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบฝึกหัดที่ 3 เรือ่ ง การปฏบิ ตั ิและเขียนรายงานการทดลอง คำช้ีแจง : ตอบคำถามเกย่ี วกบั การปฏบิ ัติและเขียนรายงานการทดลอง 1. ระบแุ ละอธบิ ายข้ันตอนการปฏิบตั ิและเขยี นรายงานการทดลอง • ชือ่ การทดลอง • ชื่อผู้ทำการทดลอง พรอ้ มรายชอื่ ผรู้ ่วมการทดลอง • วัตถปุ ระสงค์ของการทำการทดลอง • วิธกี ารทดลอง โดยอธบิ ายถึงขน้ั ตอนการทำการทดลองตามความเป็นจริง • ผลการทดลอง โดยแสดงข้อมลู ตา่ ง ๆ ทไ่ี ดจ้ ากการทดลอง อาจจดั อยู่ในรูปของตาราง • วิจารณ์ผลการทดลอง โดยผลการทดลองนนั้ สอดคล้องกับทฤษฎีหรือไม่ หากไมส่ อดคลอ้ ง ใหอ้ ธิบายถงึ สาเหตุท่ีทำให้ผลการทดลองคลาดเคลือ่ น • สรุปผลการทดลอง โดยกล่าวถึงสาระสำคญั ท่ีไดจ้ ากผลการทดลอง ซง่ึ อาจมีคา่ ทางสถติ มิ า ชว่ ยวเิ คราะหผ์ ลการทดลอง • ขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ เพอ่ื ใชป้ รับปรงุ การทดลองในครัง้ ต่อไป2. สง่ิ ท่ีต้องคำนึงถึงในการ ปฏบิ ตั แิ ละเขียนรายงานการทดลองมีอะไรบ้าง 2. สง่ิ ที่ต้องคำนงึ ถึงในการปฏบิ ัติและเขยี นรายงานการทดลองมอี ะไรบา้ ง 1. การปฏบิ ัติงานตามขน้ั ตอน 2. การปฏบิ ตั ใิ ห้ถูกวิธี 3. ผลการทดลอง 4. การระมดั ระวงั ในการปฏบิ ัติ 5. ความปลอดภยั 6. วัสดุ อปุ กรณ์ในการทดลอง 7. การวางแผนการทดลอง
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี........................ วันท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. ชื่อกล่มุ .........................................................................................................ช้นั .................................................... รายชอ่ื สมากชกิ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. …………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. …………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. …………………………………………………………………………………………………………………………….. ท่ึ รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คดิ เหน็ 321 1 การเตรยี มความพร้อม 2 เน้อื หาสาระครอบคลมุ ชดั เจน 3 รูปแบบการนำเสนอ 4 การมีส่วนรว่ มของสมากชิกกลุม่ 5 การรกั ษาเวลา 6 ความสนใจของผฟู้ งั รวม ลงชอื่ ...........................................ผปู้ ระเมิน (…………………………………………………) ...................../..................../................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง
แบบประเมินการทำโจทยป์ ัญหา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่........................ วนั ท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. ลำดับที่ ช่อื – สกลุ คะแนน 1 4 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงช่อื ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../................... การใหค้ ะแนน/ระดับคะแนน ปรับปรุง (1) พอใช้ (2) ดี (3) ดีมาก (4) วิเคราะหโ์ จทยไ์ ด้ วเิ คราะห์โจทย์ และ วเิ คราะหโ์ จทย์ เลอื กใช้ วิเคราะห์โจทย์ เลือกใช้ ถกู ตอ้ ง วธิ ีการหาคำตอบ คำนวณ เลอื กใช้วธิ ีการหา วธิ ีการหาคำตอบ และ และสรปุ คำตอบได้ถกู ต้อง คำตอบได้ถูกตอ้ ง คำนวณได้ถูกต้อง
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่........................ วนั ที.่ ......................เดือน................................................พ.ศ.................................. การ การ ความ การมี แสดง การ ทำงาน ลำดบั ช่ือ–สกุล ความ มี ส่วนรว่ มใน รวม ท่ี คิดเห็น ยอมรับฟงั ตามที่ นำ้ ใจ การปรบั ปรุง (15) (3) คนอนื่ ไดร้ ับ (3) ผลงานกลมุ่ (3) มอบหมาย (3) (3) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชื่อ...........................................ผู้ประเมิน (…………………………………………………) ...................../..................../...................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่........................ สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรูว้ ันที่.......................เดือน................................................พ.ศ.................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลำดับ ชอื่ – สกลุ ความต้ังใจ ความสนใจ การตอบ มสี ว่ นรว่ ม รวม ระดบั ท่ี ในการ และการ คำถาม ใน (16) คุณภาพ เรยี น (4) ซักถาม (4) (4) กจิ กรรม (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชือ่ .............................................ผปู้ ระเมิน (………………………………………………………………) ...................../..................../...................
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมนิ 14-16 ดมี าก นกั เรียนท่ีไดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ นึ้ ไป ถอื ว่า ผา่ น 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ (Rubric) ประเด็นการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมนิ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ตอ้ งปรบั ปรงุ (1) 1. ความต้ังใจใน ไม่สนใจในการเรียน การเรยี น สนใจในการเรียนไม่คุย สนใจในการเรยี นคุย สนใจในการเรยี นคุย คุยและเลน่ กัน ในขณะเรียน 2. ความสนใจ หรอื เล่นกนั ในขณะ กนั เลก็ นอ้ ยในขณะ กนั และเลน่ กัน และการซักถาม ไมถ่ ามในหัวข้อที่ เรยี น เรยี น ในขณะเรียนเป็น ตนไมเ่ ขา้ ใจและไม่ 3. การตอบ กล้าแสดงออก คำถาม บางคร้งั ไมต่ อบคำถาม 4. มสี ่วนรว่ มใน มกี ารถามในหัวขอ้ ที่ตน มีการถามในหัวขอ้ ท่ี มกี ารถามในหัวขอ้ ที่ กจิ กรรม ไม่มคี วามร่วมมือ ไม่เข้าใจทกุ เรอ่ื งและ ตนไม่เขา้ ใจเป็น ตนไมเ่ ข้าใจเปน็ ในขณะทำกิจกรรม กล้าแสดงออก สว่ นมากและกล้า บางคร้งั และไมค่ อ่ ย แสดงออก กลา้ แสดงออก รว่ มตอบคำถามในเรื่อง ร่วมตอบคำถามใน ร่วมตอบคำถามใน ทีค่ รถู ามและตอบ เรือ่ งทีค่ รูถามและ เรื่องทค่ี รูถามเปน็ คำถามถูกทกุ ขอ้ ตอบคำถามสว่ นมาก บางคร้ังและตอบ ถกู คำถามถกู เปน็ บางครง้ั ร่วมมือและชว่ ยเหลอื รว่ มมือและช่วยเหลือ ร่วมมือและชว่ ยเหลือ เพอื่ นในการทำ เพอ่ื นเป็นส่วนใหญใ่ น เพ่อื นในการทำ กิจกรรม การทำกิจกรรม กจิ กรรมเปน็ บางครง้ั
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ภาคเรยี นที.่ .................ปีการศึกษา................. ชือ่ -สกุลนักเรียน...........................................................................ห้อง..............................เลขที่....................... คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี / ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน ค่าเฉลย่ี อนั พึงประสงค์ 3210 1.1 มีความรัก และภมู ิใจในความเป็นชาติ 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.2 ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ของศาสนา กษตั รยิ ์ 1.3 แสดงออกถึงความจงรักภกั ดีต่อสถาบัน พระมหากษตั ริย์ 2. ซอ่ื สตั ย์สุจรติ 1.3 ปฏบิ ตั ิตามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบ้าน 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเป็นจริงตอ่ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏิบัตติ รงตอ่ ความเป็นจริงตอ่ ผู้อนื่ 3. มีวนิ ัย 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แต่งกายเรยี บรอ้ ยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝ่หาความรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ ง ๆ 4.2 มกี ารจดบันทกึ ความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสง่ิ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด พอเพยี ง 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ุณค่า 6. ม่งุ ม่ัน 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ ในการทำงาน 6.1 มคี วามต้งั ใจ และพยายามในการทำงานทไ่ี ดร้ บั 7. รกั ความเปน็ มอบหมาย ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพอ่ื ให้งาน 8. มีจติ สำเร็จ สาธารณะ 7.1 มีจิตสำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญา ไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ ักการให้เพื่อส่วนรวม และเพอ่ื ผ้อู ่นื 8.2 แสดงออกถึงการมนี ำ้ ใจหรอื การใหค้ วามช่วยเหลือ ผอู้ น่ื 8.3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมบำเพญ็ ตนเพ่ือส่วนรวมเมื่อมี โอกาส รวมคะแนน ลงช่ือ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../...................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางครง้ั ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมทไ่ี ม่ไดป้ ฏิบัติ ให้ 0 คะแนน ระดบั คุณภาพ ระดบั คุณภาพ ดีเย่ยี ม ระดับคุณภาพ ดี - คะแนน 21 – 24 - คะแนน 20 – 22 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ - คะแนน 12 – 19 ระดับคณุ ภาพ ตอ้ งปรบั ปรงุ - คะแนน 0 – 11
แผนการจดั การเรียนรอู้ อนไลน์ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง ปฏบิ ัติการเคมเี บอ้ื งตน้ เร่อื ง หนว่ ยวดั ทางเคมี รายวิชา เคมี 1 รหสั ว31223 เวลา 2 ชัว่ โมง ครูผูส้ อน นาย วัชรพงษ์ โสนทอง 1. ผลการเรยี นรู้ ระบุหนว่ ยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร และเปล่ียนหน่วยวัดใหเ้ ป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วยการใช้ แฟกเตอรเ์ ปล่ียนหน่วย 2. สาระการเรียนรู้ การทำปฏบิ ตั ิการเคมีต้องมีการวดั ปริมาณตา่ ง ๆ ของสาร การบอกปริมาณของสารอาจระบุอยใู่ น หน่วยตา่ ง ๆ ดังน้ันเพ่ือใหม้ ีมาตรฐานเดยี วกนั จงึ มกี ารกำหนดหน่วยในระบบเอสไอให้เปน็ หน่วยสากล ซึง่ การ เปล่ยี นหน่วยเพือ่ ใหเ้ ปน็ หน่วยสากล สามารถทำไดด้ ้วยการใช้แฟกเตอรเ์ ปลย่ี นหน่วย 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) 1. มีความร้คู วามเข้าใจเกย่ี วกบั หน่วยวดั ทางเคมี ด้านทกั ษะ (Process) 2. อธบิ ายและแสดงวธิ กี ารคำนวณของหน่วยวัดทางเคมีได้อย่างถกู ต้อง ด้านเจตคติ (Affective) 3. ตัง้ ใจเรียนรแู้ ละแสวงหาความรู้ 4. รับผิดชอบต่องานท่ไี ด้รับมอบหมาย 5. นักเรยี นมคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั งิ าน 4. ความคิดรวบยอด หน่วยทางเคมีเป็นหน่วยที่ใช้บอกขนาดของปริมาณสารเคมีที่ต้องการใช้ มีทั้งหน่วยน้ำหนัก หน่วย ปรมิ าตร และหนว่ ยความเขม้ ขน้ รวมท้ังหนว่ ยอุณหภูมิ โดยอาจใชเ้ ปน็ หน่วยในระบบเมตรกิ หรอื ระบบเอสไอ ในการคำนวณหาปรมิ าณสารเพอื่ ใช้ในการทดลองจำเปน็ ตอ้ งแสดงหนว่ ยและเลขนยั สำคัญในการแสดงผลของ การวัดและหน่วยของการวดั ด้วยความถกู ต้องและแมน่ ยำ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการสื่อสาร ความสารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ความซอื่ สัตย์สจุ ริต มีวนิ ยั ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมนั่ ในการทำงาน มีจติ สาธารณะ ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเป็นไทย 7. แนวความคิดเพอื่ การเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะดา้ นการเรียนรแู้ ละนวตั กรรม สาระวิชาหลัก (Core Subjects) ทักษะด้านชวี ิตและอาชพี ทกั ษะดา้ นสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี 8. การบรู ณาการเรียนรู้ พระบรมราโชบายดา้ นการศกึ ษาของ ร.10 ดา้ นท่ี 1 มที ัศนคตทิ ี่ถูกตอ้ งตอ่ บา้ นเมอื ง ด้านที่ 2 มีพนื้ ฐานชวี ติ ที่ม่นั คง มีคุณธรรม ดา้ นท่ี 3 มงี านทำ มอี าชีพ ด้านที่ 4 เป็นพลเมืองดี หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลกั สตู รเขตพฒั นาเศรษฐกจิ พเิ ศษ (หลกั สูตรท้องถน่ิ ) หลักสตู รต้านทุจรติ ศกึ ษา สะเต็มศึกษา 9. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ วิธีสอน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะความรู้ (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) 1. ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับความรู้ที่ได้จากการทดลองในห้องปฏิบัติการเคมี การใช้อุปกรณเ์ ครอ่ื งมือทางเคมี รวมท้ังการเขียนรายงานการทดลอง เพือ่ เป็นการทบทวนบทเรยี นทผ่ี ่านมา 2. ครูถามคำถาม Prior Knowledge ว่า นักเรียนรู้จักหน่วยทางเคมีอะไรบ้าง และใน ปฏบิ ัติการเคมเี กี่ยวข้องกับหนว่ ยอะไรบา้ ง เพ่อื เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนรว่ มกันคดิ (แนวตอบ : หน่วยทางเคมี เชน่ หนว่ ยมวลและน้ำหนัก หน่วยอณุ หภมู ิ หน่วยปรมิ าณของสาร หน่วยปริมาตร เป็นต้น สำหรบั ในปฏบิ ตั กิ ารเคมีจะเกย่ี วข้องกบั การวัดมวลของสารเคมี มกั ใช้หน่วยน้ำหนักใน
ระบบเมตริก เช่น กิโลกรัม (kg) กรัม (g) หน่วยปริมาตร เช่น ลิตร (L) มิลลิลิตร (mL) หน่วยของอุณหภูมิใน ระบบเอสไอ คอื เคลวิน (K) สว่ นหน่วยทน่ี ิยม คือ องศาเซลเซยี ส (oC) และองศาฟาเรนไฮต์ (oF) เปน็ ต้น) 3. ครอู ธิบายเพ่มิ เตมิ เกี่ยวกบั การชง่ั และการวดั โดยใชห้ น่วยวัดในระบบเอสไอ (SI Units) ซ่ึง มาจากภาษาฝรั่งเศสคำว่า Sysème International d’Unités ซึ่งดัดแปลงมาจากหน่วยในระบบเมตริก ดังน้ี เมตร (m) เปน็ หน่วยวัดความยาว กิโลกรมั (kg) เปน็ หนว่ ยวดั น้ำหนกั วนิ าที (s) เป็นหน่วยเวลา แอมแปร์ (A) เป็นหนว่ ยวัดกระแสไฟฟ้า เคลวนิ (K) เป็นหน่วยวัดอุณหภูมทิ เี่ รม่ิ ต้นจากศนู ย์สมั บูรณ์ แคนเดลา (cd) เปน็ หน่วยวัดแสง โมล (mol) เป็นหน่วยวัดขนาดของสาร 2. ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่ม (จากกลุ่มการทดลอง) ร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับหน่วยที่ใช้ใน ปฏิบัตกิ ารเคมี ว่ามหี น่วยอะไรบ้าง จากแหลง่ การเรียนรตู้ ่าง ๆ เชน่ หนงั สือเรยี น อนิ เทอร์เนต็ 2. นักเรียนแต่กลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ผลการทดลองจากการปฏิบัติการเคมีว่า นักเรียนได้ใช้ หนว่ ยอะไรบ้าง 3. ครูสมุ่ นกั เรียนจากกลมุ่ ต่าง ๆ เพ่ือนำเสนอผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับระบบหน่วย ท่ใี ชใ้ นทางเคมี 4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ รายเพื่อให้ไดข้ ้อสรุปว่า หน่วยในระบบเอสไอ หรือหน่วยเอส ไอ ใช้เป็นหนว่ ยกลางทที่ กุ ประเทศใช้เป็นมาตรฐานในการระบุหน่วยการวัดทางวิทยาศาสตร์ 5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายต่อว่า หน่วยที่ใช้ในห้องปฏิบัติการเคมี มีอยู่ 4 หน่วย ไดแ้ ก่ หน่วยมวลและน้ำหนกั หน่วยอณุ หภมู ิ หนว่ ยปริมาณของสาร และหน่วยปรมิ าตร 6. ครอู ธิบายเพิ่มเติมทีละหนว่ ย เพ่ือใหน้ กั เรยี นเกิดความเขา้ ใจมากยิ่งขึ้น ดังนี้ • หนว่ ยมวล (mass; m) เป็นปริมาณของสารในวัตถุใด ๆ หน่วยในระบบเอสไอ คือ กิโลกรัม (kg) ในวิชาเคมีมักใช้มวลของสารที่มีหน่วยเป็นมิลลิกรัม กรัม และกิโลกรัม สำหรับมวลของอะตอม จะใช้หน่วยที่เรียกว่า หน่วยมวลอะตอม (atomic mass unit, amu) ซึ่งได้จากการเปรียบเทียบมวลของธาตุ กับมวลของธาตุมาตรฐาน ปัจจุบันใช้ C-12 โดยกำหนดให้ 1 อะตอมของ C-12 มีมวลเท่ากับ 12 หน่วยมวล อะตอม • หน่วยอุณหภูมิ (temperature; T) เป็นการวัดค่าเฉลี่ยของพลังงานจลน์ของ อนุภาคในสารใด ๆ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นปริมาณที่บอกถึงความร้อนของสารนั้น เครื่องมือที่ใชว้ ดั อุณหภูมิ เรยี กว่า เทอร์มอ-มเิ ตอร์ โดยใช้วดั ระดับความร้อน หรืออณุ หภมู ขิ องส่งิ ต่าง ๆ ซึ่งสามารถวัดไดถ้ กู ตอ้ งกวา่ การ วัดโดยใช้ประสาทสัมผัส หน่วยของอุณหภูมิในระบบเอสไอ คือ เคลวิน (K) ส่วนหน่วยที่นิยม คือ องศา เซลเซียส (oC) และองศาฟาเรนไฮต์ (oF) • หน่วยปริมาณของสาร (amount of substance; n) ในระบบเอสไอมีหน่วยเป็น โมล (mol) โดย 1 โมล หมายถึง ปริมาณสารที่มีจำนวนอนุภาคเท่ากับจำนวนอะตอมของ C-12 ที่มีมวล 12 กรัม ซึ่งมีค่า 6.02 × 1023 อะตอม ค่าตัวเลขนี้ เรียกว่า เลขอาโวกาโดร (Avogadro’s number) ในการวัด ปริมาณของสารจากมวลของสาร โดยปริมาณของสาร 1 โมล มีมวลเท่ากับมวลอะตอมหรือมวลโมเลกุลของ สารนน้ั ในหนว่ ยกรมั เชน่ คาร์บอนมมี วลอะตอม 12.0108 ดังนน้ั คาร์บอน 1 โมล มีมวล 12.0108 กรมั • หน่วยปรมิ าตร (volume; V) เป็นปรมิ าณของพ้นื ท่ีในสามมิติ ซึ่งวตั ถุในสถานะใด ๆ หรือรูปทรงใดยึดครองอยู่หรือบรรจุอยู่ โดยทั่วไปปริมาตรของสารในสถานะของเหลวจะได้จากการวัด ปริมาตรโดยตรง หน่วยของปริมาตรในระบบเอสไอ คือ ลูกบาศก์เมตร (m3) แต่นิยมใช้หน่วยในระบบเมตริก คือ ลิตร (L) และมิลลิลติ ร (mL) ซึ่งเมอ่ื เทียบกับหนว่ ยเอสไอจะเท่ากบั ลกู บาศก์เดซิเมตร (dm3) และลูกบาศก์
เซนติเมตร (cm3) ในการทดลองทางเคมี การวดั ปรมิ าตรสารทมี่ สี ถานะของเหลว จะใชเ้ ครอ่ื งมือวัดปริมาตรได้ หลายชนิด เช่น กระบอกตวง ขวดวดั ปรมิ าตร บิวเรต บกี เกอร์ เป็นตน้ 7. ครูทำโจทย์ตัวอย่างที่ 1.1, 1.2 และ 1.3 จากหนังสือเรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หน้า 18, 19 และอธบิ ายให้นักเรียนเขา้ ใจ 8. นักเรยี นทำโจทยร์ ว่ มกันผ่าน Google Doc เพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจและใหค้ ะแนน 3. ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 1. ครอู ธิบายสรุปเนอื้ หา หรือเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นไดส้ อบถามในสว่ นทมี่ ขี อ้ สงสัย 2. ครูอธิบายความรู้ให้กับนักเรียนว่า ความรู้ต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างย่ิง ความรูท้ างเคมี จำเป็นตอ้ งมปี ฏบิ ัติการทดลอง และการใช้เคร่ืองมือตา่ ง ๆ มาเกยี่ วข้อง โดยเฉพาะเครอื่ งมือใน การวดั ปริมาณต่าง ๆ การเลอื กเครื่องมือวัด และการอา่ นค่าท่ีได้จากการวัด จึงเปน็ ส่งิ สำคัญในการศึกษาวิชา เคมี เพ่ือนำขอ้ มูลมาวิเคราะห์และแปรผลจนสามารถหาผลสรุปการทดลองได้ 4. ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูนำนักเรียนอภิปรายและสรปุ เกย่ี วกับหน่วยวดั ทางเคมี ดังน้ี • ในการวัดปรมิ าณใด ๆ จำเปน็ ต้องระบหุ น่วยของการวัด เพื่อใชแ้ สดงประเภทของ ปริมาณที่วัดได้ เช่น อุณหภูมิอาจใช้หนว่ ยเป็นองศาเซลเซียส หรือองศาฟาเรนไฮต์ มวลของสารอาจใช้หนว่ ย เปน็ มลิ ลิกรมั หรือกรัม เป็นต้น • การใช้หน่วยที่แตกต่างกัน ทำให้ยากต่อการสื่อสารและการเปรียบเทียบ จึงได้มี การกำหนดหน่วยของการวดั ให้เปน็ มาตรฐานสากล หรอื ท่ีเรยี กวา่ หนว่ ยเอสไอ (SI Units) 2. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามเน้อื หาเรื่อง หนว่ ยวดั ทางเคมี ว่ามีสว่ นไหนทีย่ งั ไม่เข้าใจ และใหค้ วามรเู้ พ่ิมเติมในสว่ นนั้น 3. นักเรียนอ่าน summary ประจำหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ปฏิบัตกิ ารเคมีเบอ้ื งต้น เพื่อเป็นการ ทบทวนความเข้าใจในเน้ือหาทีเ่ รียนมา 4. นักเรยี นทำ Self Check จากหนังสือเรยี นเคมี ม.4 เลม่ 1 หน้า 20 เพอ่ื ตรวจสอบตนเอง 5. นักเรียนทำ Unit Question 1 จากหนังสือเรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หน้า 21 6. นกั เรยี นทำผงั มโนทศั น์ เรอื่ ง ปฏบิ ตั กิ ารเคมเี บือ้ งตน้ 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครปู ระเมนิ ผลโดยการสังเกตการตอบคำถาม และการร่วมกันทำผลงาน 2. ครูตรวจการนำเสนอผลจากการวิเคราะห์ขอ้ มูลเกีย่ วกับระบบหนว่ ยทใี่ ชใ้ นทางเคมี 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำ Self Check 4. ครูตรวจสอบผลจากการทำ Unit Question 1 5. ครูตรวจสอบผลจากการทำผงั มโนทัศน์ เร่อื ง ปฏบิ ตั ิการเคมเี บอื้ งต้น 10. วสั ดุ อุปกรณ์ ส่ือและแหล่งเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียนวิชา เคมี ม.4 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ปฏิบัตกิ ารเคมีเบอื้ งต้น 2) PowerPoint เรอ่ื ง หน่วยวดั เคมี 3) Google Doc : https://docs.google.com/document/d/15_bIvRYQ2_iDQXil eaoVFDxKFqcsjsp7OBLlmLAi8zM/edit เรอื่ ง คำนวณเก่ียวกบั หนว่ ยวัดทางเคมี 5) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ
การวัดและการประเมินผล การวัดผล วธิ กี ารวัด เครอื่ งมอื ทใ่ี ชว้ ัด เกณฑ์การวัดและ และการประเมนิ ผล การประเมินผล ประเมนิ ผลด้าน และการประเมนิ ผล 1. Self Check ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 1. ดา้ นความรู้ (K) 1. คำถาม Self Check 2. Unit Question 1 60 ขึ้นไป 2. คำถาม Unit Question 1 1. แบบประเมนิ ผลงานผงั ระดับคุณภาพ 2 มโนทัศน์ ผา่ นเกณฑ์ 2. ด้านทักษะ (P) 1. เนื้อหาในผงั มโนทัศน์ เร่ือง แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัตกิ ารเคมีเบ้ืองตน้ มีสว่ นรว่ มในการทำงาน ดี ขึ้นไป เปน็ กลุ่ม 3. ด้านคุณลกั ษณะอัน การสงั เกตพฤตกิ รรมการมี แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเป็น พึงประสงค์ (A) สว่ นรว่ มในการทำงานเปน็ รายบคุ คล กลมุ่ การสงั เกตพฤตกิ รรมเปน็ รายบคุ คล
คำนวณเกี่ยวกับหน่วยวดั ทางเคมี 1. ระบุมวลของสารในหน่วยตา่ งๆ ทีก่ ำหนดให้ มลิ ลกิ รัม ไมโครกรมั กรมั กโิ ลกรัม …………………….... …………………….... …………………….... 100 …………………….... …………………….... 1000 …………………….... …………………….... …………………….... 10 …………………….... …………………….... …………………….... 0.01 …………………….... 420 …………………….... …………………….... …………………….... 2100 …………………….... …………………….... …………………….... …………………….... …………………….... 85 …………………….... …………………….... …………………….... …………………….... 360 2. ระบอุ ุณหภมู ใิ นหนว่ ยตา่ งๆ ท่กี ำหนดให้ องศาฟาเรนไฮต์ องศาโรเมอร์ เคลวนิ องศาเซลเซยี ส ……………………. ……………………. ……………………. ……………………. 278 ……………………. ……………………. 113 ……………………. 30 20 ……………………. ……………………. ……………………. ……………………. 140 ……………………. ……………………. ……………………. ……………………. ……………………. ……………………. ……………………. ……………………. ……………………. ……………………. 100 59 428 ……………………. ……………………. …………………….
เฉลยคำนวณเก่ยี วกบั หนว่ ยวัดทางเคมี 1. ระบุมวลของสารในหนว่ ยตา่ งๆ ทกี่ ำหนดให้ มิลลกิ รมั ไมโครกรมั กรมั กโิ ลกรมั 100000 100000000 100 0.1 1 1000 10000 10000000 0.001 0.000001 10 10000 10 0.01 0.42 420 85000 85000000 0.01 0.00001 2100 2100000 360000000 360000000000 0.00042 0.00000042 85 0.085 2.1 0.0021 360000 360 2. ระบอุ ณุ หภมู ใิ นหนว่ ยตา่ งๆ ท่กี ำหนดให้ องศาฟาเรนไฮต์ องศาโรเมอร์ เคลวิน องศาเซลเซยี ส 41 4 278 5 86 24 303 30 113 36 318 45 77 20 298 25 140 48 333 60 212 80 373 100 311 124 428 155 59 12 288 15
แบบประเมินผลงานผงั มโนทศั น์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี........................ สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้วันท่ี.......................เดือน..........................................พ.ศ.................................. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลำดับ ชือ่ – สกุล ความ ความถกู ต้อง ความคิด ความเปน็ รวม ระดบั ท่ี สอดคลอ้ งกบั ของเนื้อหา สรา้ งสรรค์ ระเบยี บ (16) คณุ ภาพ จุดประสงค์ (4) (4) (4) (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชอ่ื ................................................ผปู้ ระเมนิ (………………………………………………………………) ...................../..................../...................
เกณฑป์ ระเมินแผนภาพ ประเด็นทปี่ ระเมนิ ระดบั คะแนน 1. ผลงานตรงกับ 432 1 จดุ ประสงคท์ ี่ ผลงานไม่สอดคลอ้ ง กำหนด ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกบั กับจุดประสงค์ 2. ผลงานมีความ จุดประสงคท์ กุ จุดประสงคเ์ ปน็ ส่วน จดุ ประสงคบ์ าง เน้ือหาสาระของ ถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ ผลงานไม่ถกู ต้องเปน็ ประเด็น ใหญ่ ประเดน็ ส่วนใหญ่ 3. ผลงานมคี วามคิด ผลงานไมแ่ สดง สรา้ งสรรค์ เนอื้ หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เนอื้ หาสาระของ แนวคิดใหม่ 4. ผลงานมคี วาม ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้องเป็น ผลงานถกู ต้องเปน็ ผลงานส่วนใหญ่ไม่ เปน็ ระเบยี บ เปน็ ระเบยี บและมี ครบถ้วน สว่ นใหญ่ บางประเด็น ขอ้ บกพร่องมาก ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมแี นวคิด ผลงานมคี วาม ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่แต่ยงั ไม่ นา่ สนใจ แต่ยงั ไม่มี แปลกใหม่และเป็น เป็นระบบ แนวคดิ แปลกใหม่ ระบบ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานส่วนใหญม่ ี ผลงานมีความเปน็ ระเบียบแสดงออกถึง ความเปน็ ระเบียบแต่ ระเบยี บแตม่ ี ความประณตี ยังมี ข้อบกพร่องบางส่วน ขอ้ บกพร่องเลก็ นอ้ ย เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี........................ วนั ที.่ ......................เดือน................................................พ.ศ.................................. การ การ ความ การมี แสดง การ ทำงาน ลำดบั ชื่อ–สกุล ความ มี ส่วนรว่ มใน รวม ท่ี คิดเห็น ยอมรบั ฟงั ตามท่ี น้ำใจ การปรับปรุง (15) (3) คนอื่น ได้รบั (3) ผลงานกลุม่ (3) มอบหมาย (3) (3) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงช่อื ...........................................ผูป้ ระเมิน (…………………………………………………) ...................../..................../...................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ พฤติกรรมการเรียนรู้ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี…..................... สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้วันท่ี…....................เดือน….............................................พ.ศ…............... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลำดบั ชื่อ – สกลุ ความตั้งใจ ความสนใจ การตอบ มีสว่ นร่วม รวม ระดบั ท่ี ในการ และการ คำถาม ใน (16) คุณภาพ เรียน (4) ซักถาม (4) (4) กิจกรรม (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชอ่ื …..........................................ผ้ปู ระเมิน (………………………………………………………………) …................../…................./…................
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมนิ 14-16 ดมี าก นักเรียนทีไ่ ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ้ึนไป ถอื ว่า ผา่ น 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรุง เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ (Rubric) ประเดน็ การ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมนิ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรบั ปรุง (1) 1. ความต้งั ใจใน การเรียน สนใจในการเรยี นไม่คุย สนใจในการเรยี นคุย สนใจในการเรียนคุย ไมส่ นใจในการเรยี น 2. ความสนใจ หรือเล่นกนั ในขณะ กนั เล็กนอ้ ยในขณะ กนั และเลน่ กัน คุยและเล่นกนั และการซกั ถาม เรียน เรียน ในขณะเรียนเป็น ในขณะเรียน 3. การตอบ คำถาม บางคร้ัง 4. มสี ว่ นรว่ มใน มกี ารถามในหวั ขอ้ ทตี่ น มกี ารถามในหัวขอ้ ท่ี มีการถามในหวั ข้อที่ ไมถ่ ามในหวั ขอ้ ที่ กิจกรรม ไม่เขา้ ใจทุกเร่อื งและ ตนไมเ่ ขา้ ใจเป็น ตนไมเ่ ขา้ ใจเปน็ ตนไมเ่ ขา้ ใจและไม่ กล้าแสดงออก สว่ นมากและกลา้ บางคร้งั และไม่คอ่ ย กล้าแสดงออก แสดงออก กลา้ แสดงออก รว่ มตอบคำถามในเร่อื ง ร่วมตอบคำถามใน ร่วมตอบคำถามใน ไมต่ อบคำถาม ทค่ี รถู ามและตอบ เรอ่ื งทค่ี รถู ามและ เรือ่ งท่ีครูถามเปน็ คำถามถูกทุกขอ้ ตอบคำถามส่วนมาก บางครั้งและตอบ ถูก คำถามถกู เป็น บางครงั้ รว่ มมอื และช่วยเหลอื รว่ มมอื และช่วยเหลือ รว่ มมือและช่วยเหลือ ไมม่ ีความรว่ มมอื เพ่ือนในการทำ เพ่ือนเปน็ สว่ นใหญใ่ น เพื่อนในการทำ ในขณะทำกิจกรรม กิจกรรม การทำกิจกรรม กิจกรรมเปน็ บางครั้ง
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ภาคเรียนที่..................ปีการศึกษา................. ช่อื -สกุลนักเรยี น...........................................................................ห้อง..............................เลขที่....................... คำชแี้ จง : ให้ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี / ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน คา่ เฉล่ีย อนั พงึ ประสงค์ 3210 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 มคี วามรกั และภมู ใิ จในความเปน็ ชาติ 1.2 ปฏิบัติตนตามหลกั ของศาสนา กษตั ริย์ 1.3 แสดงออกถงึ ความจงรักภกั ดีตอ่ สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ 2. ซ่อื สัตย์สุจรติ 1.3 ปฏบิ ัติตามระเบยี บการสอน และไมล่ อกการบา้ น 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงตอ่ ความเป็นจริงตอ่ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏิบัตติ รงต่อความเป็นจริงต่อผูอ้ ืน่ 3. มวี นิ ัย 3.1 เขา้ เรยี นตรงเวลา 3.2 แต่งกายเรียบรอ้ ยเหมาะสมกบั กาลเทศะ 3.3 ปฏบิ ัติตามกฎระเบียบของห้อง 4. ใฝห่ าความรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ เรียนร้ตู า่ ง ๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรปุ ความรูไ้ ดอ้ ย่างมีเหตุผล 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ย์สนิ และส่ิงของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คุณคา่ 5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6. มงุ่ ม่ัน 6.1 มคี วามตั้งใจ และพยายามในการทำงานทีไ่ ด้รับมอบหมาย ในการทำงาน 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพอ่ื ให้งานสำเรจ็ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจติ สำนึกในการอนุรักษ์วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักการให้เพื่อส่วนรวม และเพ่อื ผูอ้ ืน่ 8.2 แสดงออกถงึ การมนี ำ้ ใจหรือการใหค้ วามชว่ ยเหลือผอู้ นื่ 8.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมบำเพ็ญตนเพ่อื สว่ นรวมเม่อื มีโอกาส รวมคะแนน ลงช่ือ................................................ผปู้ ระเมิน (……………………………………………………………) ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนน - พฤติกรรมท่ีปฏิบัติชดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ิชดั เจนและบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางครง้ั ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมท่ไี มไ่ ด้ปฏบิ ตั ิ ให้ 0 คะแนน
ระดบั คณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ ดีเยี่ยม - คะแนน 21 – 24 ระดบั คณุ ภาพ ดี - คะแนน 20 – 22 ระดับคุณภาพ พอใช้ - คะแนน 12 – 19 ระดับคุณภาพ ตอ้ งปรบั ปรงุ - คะแนน 0 – 11
แผนการจดั การเรียนรอู้ อนไลน์ท่ี 6 กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง อะตอมและตารางธาตุ เรื่อง แบบจำลองอะตอม รายวิชา เคมี 1 รหสั ว31223 เวลา 2 ชัว่ โมง ครูผู้สอน นาย วัชรพงษ์ โสนทอง 1. ผลการเรยี นรู้ - สืบคน้ ข้อมลู สมมติฐาน การทดลอง หรอื ผลการทดลองท่เี ป็นประจกั ษ์พยานในการเสนอแบบจำลอง อะตอมของนกั วทิ ยาศาสตร์ และอธิบายววิ ัฒนาการของแบบจำลองอะตอม 2. สาระการเรยี นรู้ - นักวทิ ยาศาสตร์ศึกษาโครงสร้างของอะตอม และเสนอแบบจำลองอะตอมแบบตา่ ง ๆ จากการศึกษา ขอ้ มูล การสังเกต การตง้ั สมมตฐิ าน และ ผลการทดลอง - แบบจำลองอะตอมมวี วิ ัฒนาการ โดยเริม่ จากดอลตนั เสนอวา่ ธาตปุ ระกอบด้วยอะตอมซึ่งเปน็ อนุภาคขนาดเล็ก ไม่สามารถแบง่ แยกได้ ตอ่ มาทอมสันเสนอว่าอะตอมประกอบดว้ ยอนภุ าคท่ีมีประจุลบ เรยี กวา่ อเิ ล็กตรอน และอนุภาคประจบุ วก รัทเทอร์ฟอรด์ เสนอวา่ ประจบุ วกที่เรียกวา่ โปรตอน รวมตวั กนั อยู่ ตรงกง่ึ กลางอะตอม เรยี กว่า นิวเคลียส ซึง่ มขี นาดเลก็ มาก และมอี เิ ลก็ ตรอนอยู่รอบนวิ เคลยี ส โบร์เสนอวา่ อิเลก็ ตรอนเคลื่อนท่ีเปน็ วงรอบนวิ เคลยี ส โดยแต่ละวงมีระดบั พลังงานเฉพาะตวั ในปัจจุบนั นกั วิทยาศาสตร์ ยอมรบั ว่าอเิ ล็กตรอนมีการเคลอ่ื นทรี่ วดเร็วรอบนิวเคลยี ส และไมส่ ามารถระบตุ ำแหน่งที่แนน่ อนได้ จึงเสนอ แบบจำลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอก ซ่งึ แสดงโอกาสการพบอิเลก็ ตรอนรอบนวิ เคลียส 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. อธบิ ายลกั ษณะ และบอกความแตกตา่ งของแบบจำลองอะตอมของดอลตัน ทอมสัน รัทเทอรฟ์ อรด์ โบร์ และแบบจำลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอกได้ ด้านทกั ษะ (Process) 2. เขียนแบบจำลองอะตอมของดอลตัน ทอมสัน รัทเทอร์ฟอร์ด โบร์ และแบบจำลองอะตอม กลมุ่ หมอกได้ ด้านเจตคติ (Affective) 3. ต้ังใจเรยี นร้แู ละแสวงหาความรู้ 4. รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ทท่ี ่ีไดร้ ับมอบหมาย 4. ความคิดรวบยอด ธาตุต่าง ๆ จะมีอนุภาคที่เล็กมาก เรียกว่า อะตอม ภายในโครงสร้างอะตอมของธาตุต่าง ๆ ประกอบด้วยอนุภาคมลู ฐาน และจัดเรียงตวั กันอย่างเป็นระบบ ซึ่งสามารถช่วยอธิบายสมบัติทางเคมีของ สสาร และก่อใหเ้ กิดประโยชนม์ ากมาย นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาโครงสรา้ งอะตอมโดยสร้างแบบจำลองอะตอมแบบต่าง ๆ เช่น แบบจำลอง อะตอมของ ดอลตัน ทอมสัน รัทเทอร์ฟอร์ด โบร์ และแบบกลุ่มหมอก ซึ่งจากการศึกษาทำให้เกิด
พัฒนาการอย่างตอ่ เนื่องของการศึกษาโครงสร้างของอะตอม และอธิบายปรากฏการณต์ ่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ความสามารถในการส่อื สาร ความสารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ความซอ่ื สัตย์สุจริต มีวนิ ยั ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันในการทำงาน มีจติ สาธารณะ ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเปน็ ไทย 7. แนวความคิดเพือ่ การเรยี นรูใ้ นศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะด้านการเรียนรแู้ ละนวตั กรรม สาระวชิ าหลัก (Core Subjects) ทกั ษะดา้ นชีวิตและอาชีพ ทกั ษะด้านสารสนเทศ สือ่ และเทคโนโลยี 8. การบรู ณาการเรยี นรู้ พระบรมราโชบายด้านการศกึ ษาของ ร.10 ดา้ นที่ 1 มที ัศนคตทิ ่ีถูกต้องตอ่ บา้ นเมอื ง ด้านที่ 2 มพี ้ืนฐานชีวิตท่ีมนั่ คง มีคุณธรรม ดา้ นที่ 3 มงี านทำ มีอาชีพ ด้านท่ี 4 เปน็ พลเมืองดี หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หลกั สตู รเขตพัฒนาเศรษฐกิจพเิ ศษ (หลกั สูตรท้องถน่ิ ) หลกั สตู รต้านทุจรติ ศกึ ษา สะเตม็ ศกึ ษา
9. กระบวนการจัดการเรียนรู้ วธิ ีสอน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะความรู้ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) 1. ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพ่อื วัดความรู้เดมิ ของนกั เรยี นก่อนเข้าส่กู ิจกรรม 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียนในชั่วโมงนี้ โดยครูตั้งคำถาม กระตุ้นความคิดว่า หน่วยที่เลก็ ทีส่ ุดของสิ่งมีชีวิต คือ เซลล์ แล้วนักเรียนคิดว่า อนุภาคที่เล็กที่สุดของสารคือ อะไร มีลักษณะอย่างไร และมีสว่ นประกอบอะไรบา้ ง (แนวตอบ : อนุภาคที่เล็กที่สุดของสาร คือ อะตอม มีลักษณะเป็นทรงกลม ประกอบด้วยนิวเคลียสอยู่ตรงกลาง โดยในนิวเคลียสประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอน และมีอิเล็กตรอน เคลือ่ นทอ่ี ยรู่ อบ ๆ นิวเคลยี สท่วั ทง้ั อะตอม) 3. ครูถามคำถาม BIG QUESTION จากหนงั สอื เรยี นเคมี ม.4 เลม่ 1 หน้า 22 ว่า ถา้ นักเรียน ค้นพบธาตุใหม่ จะจดั เรียงธาตุนล้ี งในตารางธาตไุ ดอ้ ย่างไร (แนวตอบ : ครยู กตัวอยา่ งคำตอบ เช่น สามารถจัดเรียงธาตนุ ้ลี งในตารางธาตุได้ โดย การศึกษาโครงสร้างอะตอม จะทำให้ทราบสมบัติของธาตุแต่ละชนิดว่าเป็นอย่างไร หรือทราบการจัดเรียง อิเลก็ ตรอนของธาตตุ ่าง ๆ เปน็ ต้น) 4. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยการบรรยายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ แนวคิดในการพัฒนาแบบจำลองอะตอมของนักวิทยาศาสตร์ และวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ศึกษาแบบจำลอง อะตอม 2. ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมว่า เมือ่ ทราบวา่ อะตอมทุกชนิดประกอบด้วยอเิ ล็กตรอน ซ่ึงมีประจุ ไฟฟ้าลบ และทราบว่าอะตอมมีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้า ดังนั้น ต้องมีส่วนประกอบอื่น ๆ ของอะตอมที่มี ประจุไฟฟ้าบวกมากพอที่จะหักล้างประจุไฟฟ้าลบทั้งหมดของอิเล็กตรอนได้ ถ้าเป็นดังนั้นส่วนประกอบที่มี ประจุไฟฟ้าบวกและมีประจุไฟฟ้าลบจะจัดเรียงตัวกันอย่างไร จึงจะทำให้อะตอมมีเสถียรภาพที่สุด ครูให้ นักเรียนหาคำตอบและนำมาสรปุ ร่วมกันกับครู (แนวตอบ : เนอื่ งจากอะตอมเป็นส่งิ ที่เลก็ มาก ไมส่ ามารถนำมาศกึ ษาโครงสร้างด้วย วิธีธรรมดาเหมือนการศึกษาโครงสร้างของวัตถุที่มีขนาดใหญ่หรือสิ่งที่มองเห็นด้วยตาได้ การที่จะพยายาม ศึกษาเพื่อความเข้าใจเก่ียวกับอะตอมนัน้ อาจทำได้โดยการลองคิดรูปร่าง ลักษณะของอะตอมว่าเป็นอย่างไร นั่นคือ คิดแบบจำลองขึ้นมา ซึ่งแบบจำลองที่คิดขึ้นอาจไม่ใช่ลักษณะจริงของอะตอมก็ได้ แต่แบบจำลองที่ดี ต้องสามารถใช้อธิบายสมบัติต่าง ๆ ของอะตอมได้ตรงกับที่สังเกตได้จากการทดลองเกือบทุกอย่าง ถ้า แบบจำลองนั้นอธิบายสมบัติบางอย่างของอะตอมไม่ได้ แบบจำลองนั้นจะถูกดัดแปลงหรือยกเลิกไป แล้ว พยายามคดิ หรือหาแบบอนื่ ทดี่ ีกว่ามาใช้) 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแบบจำลองอะตอมของดอลตัน จากหนงั สอื เรยี นเคมี ม.4 เลม่ 1 หน้า 23 3. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สรปุ เรือ่ งแบบจำลองของดอลตนั ทศี่ กึ ษาลงใน Pedlet 4. นักเรียนแบ่งกลุ่มตามเดิม แล้วศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแบบจำลองอะตอมของทอมสัน จาก หนงั สือเรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หน้า 24-27 5. นักเรียนแต่ละกลมุ่ สรปุ เร่อื งแบบจำลองของทอมสนั ทศ่ี กึ ษาลงใน Pedlet 6. นักเรียนศกึ ษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับหลอดรังสีแคโทดของจอหน์ ทอมสัน ออยเกิน โกลด์ชไตน์ และ รอเบิร์ต แอนดรูส์ มิลลิแกน ว่ามีกลไกในการทำงานอย่างไร ทำไมถึงสามารถค้นพบอิเล็กตรอนและ โปรตอนได้ 7. นักเรยี นแบ่งกลุ่มตามเดมิ แลว้ ศึกษาขอ้ มูลเกยี่ วกบั แบบจำลองอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ด จากหนังสือเรยี นเคมี ม.4 เลม่ 1 หน้า 28-29
8. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ สรปุ เรือ่ งแบบจำลองของรทั เทอรฟ์ อรด์ ท่ีศึกษาลงใน Pedlet 9. นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดลองของลอร์ดเออร์เนสต์ รัทเทอร์ฟอร์ด ว่าทำ อย่างไร และได้ผลการทดลองอยา่ งไร 3. ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 1. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่ามีธาตุหรือสารใดหรือไม่ที่สอดคล้องกับทฤษฎี แบบจำลองอะตอมของดอลตัน 2. ครูตั้งคำถามให้นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเร่ืองแบบจำลองอะตอมของดอลตัน เช่น 1) เพราะเหตุใดแบบจำลองของดอลตนั จงึ ไดร้ ับความเชือ่ ถือลดลง และไมไ่ ด้รบั การยอมรับในทีส่ ดุ (แนวตอบ : เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ค้นพบข้อมูลบางประการที่ไม่ สอดคล้องกับแนวคิดของ ดอลตัน เช่น อะตอมสามารถแบ่งแยกได้ เพราะอะตอมประกอบด้วยอนุภาค โปรตอน นิวตรอน และอเิ ลก็ ตรอน) 4. ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูตงั้ คำถามให้นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเรอ่ื งแบบจำลองอะตอมของทอมสัน เช่น 1) เพราะเหตุใดทอมสนั จงึ คน้ พบวา่ อนุภาคในอะตอมมปี ระจุลบ (แนวตอบ : ทอมสันพบว่าอนุภาคในอะตอมมีประจุลบจากการ ทดลองในหลอดรังสีแคโทด แล้วพบว่า รงั สแี คโทดเดินทางเป็นเสน้ ตรง เบี่ยงเบนในสนามไฟฟ้าเข้าหาขั้วบวก และเบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็กเข้าหาขั้วเหนือ จึงทำให้สรุปได้ว่า อนุภาครังสีแคโทดมีประจุลบ และเรียก อนภุ าคดังกลา่ ววา่ อเิ ล็กตรอน) 2) ใครเป็นผู้ค้นพบอนุภาคโปรตอน และอนุภาคนี้เกิดการเบ่ียงเบนอย่างไรใน หลอดรังสีแคโทดอยา่ งไร (แนวตอบ : ออยเกนิ โกลดช์ ไตน์เป็นผคู้ น้ พบอนภุ าคโปรตอน โดย อนุภาคนี้จะเบี่ยงเบนไปในทิศตรงขา้ มกบั รังสีแคโทด) 3) อตั ราส่วนระหว่างประจตุ ่อมวลของอิเล็กตรอนมคี ่าเท่าใด (แนวตอบ : อตั ราส่วนระหว่างประจตุ ่อมวลของอิเล็กตรอนมคี า่ เทา่ กบั 1.76 × 108 คูลอมบ/์ กรัม) 2. ครูให้ความรู้เพิม่ เตมิ เกีย่ วกบั แบบจำลองอะตอมของทอมสัน และบทสรุปทฤษฎี ซง่ึ เมื่อ เรียนจบหวั ข้อนแ้ี ลว้ นกั เรยี นควรสรุปสาระสำคัญเกยี่ วกับทฤษฎแี บบจำลองอะตอมของทอมสนั ไดว้ ่า • แบบจำลองอะตอมของทอมสัน เสนอว่า อะตอมมีลักษณะเป็นทรงกลม ประกอบด้วยอนภุ าคโปรตอนทมี่ ีประจบุ วก และอนภุ าคอเิ ล็กตรอนที่มีประจลุ บกระจายอยู่ทว่ั ไป • อะตอมเป็นกลางทางไฟฟา้ มปี ระจุบวกเท่ากบั ประจุลบ • จากการทดลองของมิลลิแกน พบว่า เมื่อนำค่าประจุของอิเล็กตรอนไป คำนวณหามวลของอเิ ล็กตรอนจะพบวา่ อเิ ลก็ ตรอนมีมวลน้อยมาก 3. นักเรยี นทำแบบฝึกหัดหลังเรยี น เพ่อื ตรวจสอบความรคู้ วามเข้าใจของนกั เรยี น 5. ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) 1. ครูตรวจผลการทำแบบฝึกหัดหลงั เรยี น 2. ครูตรวจสอบผลจากการให้สรปุ แบบจำลองอะตอมของดอลตนั ทอมสนั รัทเทอรฟ์ อร์ด 3. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตการตอบคำถาม และการรว่ มกนั ทำงาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 489
Pages: